• 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple M5 ทำลายสถิติ! ชนะ Intel และ AMD ในการทดสอบ single-core บน Windows 11 แบบ virtualized

    ชิป Apple M5 รุ่นใหม่ถูกนำไปทดสอบบน Windows 11 ผ่านระบบ virtualization โดยนักรีวิวจากจีนชื่อ NPacific และผลลัพธ์ก็สร้างความฮือฮา เพราะ M5 ทำคะแนนสูงสุดในประวัติศาสตร์ของ CPU-Z สำหรับการทดสอบแบบ single-thread โดยไม่ต้องโอเวอร์คล็อกเลย

    M5 ทำคะแนนได้ถึง 1600.2 คะแนน ซึ่งสูงกว่า Intel Core i9-14900KS ที่ได้ 952 คะแนน และ AMD Ryzen 9 9950X3D ที่ได้ 867 คะแนน แม้จะรันบน Windows ผ่าน virtualization ซึ่งไม่ใช่ระบบ native ก็ตาม

    อย่างไรก็ตาม ในการทดสอบแบบ multi-threaded M5 ยังตามหลังชิปที่มีจำนวนคอร์มากกว่า เช่น Ryzen 9 9950X3D หรือ Intel Core i7-12700K เพราะ M5 มีเพียง 10 คอร์ และไม่มี simultaneous multithreading (SMT)

    ผลการทดสอบ single-thread CPU-Z
    Apple M5 ทำคะแนนสูงสุด 1600.2 (ไม่โอเวอร์คล็อก)
    สูงกว่า Intel Core i9-14900KS (952) และ AMD Ryzen 9 9950X3D (867)
    ทดสอบผ่าน Windows 11 virtualization

    จุดเด่นของ Apple M5
    ใช้ custom Armv9 core ความเร็วสูงสุด 4.60 GHz
    ออกแบบเพื่อเน้นประสิทธิภาพ single-thread และประหยัดพลังงาน
    เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วแบบเฉพาะจุด เช่น UI, แอปทั่วไป

    ผลการทดสอบ multi-thread CPU-Z
    M5 ทำได้ 5976.2 คะแนนจาก 10 threads
    ใกล้เคียงกับ Intel Core i7-12700K (5533) และ Ryzen 9 7900X (5935)
    ตามหลังชิปที่มี 16 threads เช่น Ryzen 9 9950X3D และ Core i5-13450HX

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/virtualized-windows-11-test-shows-apples-m5-destroying-intel-and-amds-best-in-single-core-benchmark-chinese-enthusiast-pits-ryzen-9-9950x3d-and-core-i9-14900ks-against-apples-latest-soc
    🍎 Apple M5 ทำลายสถิติ! ชนะ Intel และ AMD ในการทดสอบ single-core บน Windows 11 แบบ virtualized ชิป Apple M5 รุ่นใหม่ถูกนำไปทดสอบบน Windows 11 ผ่านระบบ virtualization โดยนักรีวิวจากจีนชื่อ NPacific และผลลัพธ์ก็สร้างความฮือฮา เพราะ M5 ทำคะแนนสูงสุดในประวัติศาสตร์ของ CPU-Z สำหรับการทดสอบแบบ single-thread โดยไม่ต้องโอเวอร์คล็อกเลย M5 ทำคะแนนได้ถึง 1600.2 คะแนน ซึ่งสูงกว่า Intel Core i9-14900KS ที่ได้ 952 คะแนน และ AMD Ryzen 9 9950X3D ที่ได้ 867 คะแนน แม้จะรันบน Windows ผ่าน virtualization ซึ่งไม่ใช่ระบบ native ก็ตาม อย่างไรก็ตาม ในการทดสอบแบบ multi-threaded M5 ยังตามหลังชิปที่มีจำนวนคอร์มากกว่า เช่น Ryzen 9 9950X3D หรือ Intel Core i7-12700K เพราะ M5 มีเพียง 10 คอร์ และไม่มี simultaneous multithreading (SMT) ✅ ผลการทดสอบ single-thread CPU-Z ➡️ Apple M5 ทำคะแนนสูงสุด 1600.2 (ไม่โอเวอร์คล็อก) ➡️ สูงกว่า Intel Core i9-14900KS (952) และ AMD Ryzen 9 9950X3D (867) ➡️ ทดสอบผ่าน Windows 11 virtualization ✅ จุดเด่นของ Apple M5 ➡️ ใช้ custom Armv9 core ความเร็วสูงสุด 4.60 GHz ➡️ ออกแบบเพื่อเน้นประสิทธิภาพ single-thread และประหยัดพลังงาน ➡️ เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วแบบเฉพาะจุด เช่น UI, แอปทั่วไป ✅ ผลการทดสอบ multi-thread CPU-Z ➡️ M5 ทำได้ 5976.2 คะแนนจาก 10 threads ➡️ ใกล้เคียงกับ Intel Core i7-12700K (5533) และ Ryzen 9 7900X (5935) ➡️ ตามหลังชิปที่มี 16 threads เช่น Ryzen 9 9950X3D และ Core i5-13450HX https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/virtualized-windows-11-test-shows-apples-m5-destroying-intel-and-amds-best-in-single-core-benchmark-chinese-enthusiast-pits-ryzen-9-9950x3d-and-core-i9-14900ks-against-apples-latest-soc
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel เผชิญปัญหาขาดแคลนการผลิต – เตรียมขึ้นราคาชิปและเน้นส่งมอบให้ศูนย์ข้อมูลก่อนผู้บริโภค

    Intel กำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนการผลิตอย่างหนัก โดยเฉพาะในกระบวนการผลิต Intel 7 และ Intel 10 ซึ่งส่งผลให้ไม่สามารถผลิตชิปได้เพียงพอต่อความต้องการทั้งฝั่งผู้บริโภคและศูนย์ข้อมูล ส่งผลให้ราคาชิปบางรุ่น เช่น Raptor Lake เริ่มปรับตัวสูงขึ้น และจะยังคงขาดตลาดไปจนถึงปี 2026

    บริษัทตัดสินใจ “จัดลำดับความสำคัญ” โดยจะเน้นการผลิตชิปสำหรับศูนย์ข้อมูลก่อน เช่น Xeon 6 ‘Granite Rapids’ และ Xeon Scalable ‘Emerald Rapids’ เพราะสามารถขายได้ในราคาหลายพันดอลลาร์ต่อหน่วย ในขณะที่ชิปสำหรับผู้บริโภคมีราคาต่ำกว่า $600

    นอกจากนี้ยังมีปัญหาขาดแคลนวัสดุพื้นฐาน เช่น substrate ที่ใช้ในการประกอบแพ็กเกจชิป ซึ่งยิ่งซ้ำเติมปัญหาการผลิตให้รุนแรงขึ้น

    ปัญหาการผลิตของ Intel
    ขาดแคลนกำลังการผลิตใน Intel 7 และ Intel 10
    ส่งผลต่อการผลิตทั้งฝั่งผู้บริโภคและศูนย์ข้อมูล
    ราคาชิป Raptor Lake เริ่มปรับตัวสูงขึ้น
    คาดว่าปัญหาจะลากยาวไปถึงปี 2026

    การจัดลำดับความสำคัญ
    Intel จะเน้นผลิตชิปสำหรับศูนย์ข้อมูลก่อน
    เช่น Xeon 6 ‘Granite Rapids’ และ Xeon ‘Emerald Rapids’
    เพราะขายได้ราคาสูงกว่าชิปผู้บริโภคหลายเท่า
    ชิปสำหรับผู้บริโภคจะถูกลดปริมาณการผลิต

    ปัจจัยซ้ำเติม
    ขาดแคลน substrate ที่ใช้ในการประกอบแพ็กเกจชิป
    ทำให้แม้มี wafer ก็ไม่สามารถผลิตชิปได้ครบวงจร
    ส่งผลให้ราคาชิปเพิ่มขึ้นและสินค้าขาดตลาด

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-hamstrung-by-supply-shortages-across-its-business-including-production-capacity-says-it-will-prioritize-data-center-cpus-over-consumer-chips-warns-of-price-hikes
    💥 Intel เผชิญปัญหาขาดแคลนการผลิต – เตรียมขึ้นราคาชิปและเน้นส่งมอบให้ศูนย์ข้อมูลก่อนผู้บริโภค Intel กำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนการผลิตอย่างหนัก โดยเฉพาะในกระบวนการผลิต Intel 7 และ Intel 10 ซึ่งส่งผลให้ไม่สามารถผลิตชิปได้เพียงพอต่อความต้องการทั้งฝั่งผู้บริโภคและศูนย์ข้อมูล ส่งผลให้ราคาชิปบางรุ่น เช่น Raptor Lake เริ่มปรับตัวสูงขึ้น และจะยังคงขาดตลาดไปจนถึงปี 2026 บริษัทตัดสินใจ “จัดลำดับความสำคัญ” โดยจะเน้นการผลิตชิปสำหรับศูนย์ข้อมูลก่อน เช่น Xeon 6 ‘Granite Rapids’ และ Xeon Scalable ‘Emerald Rapids’ เพราะสามารถขายได้ในราคาหลายพันดอลลาร์ต่อหน่วย ในขณะที่ชิปสำหรับผู้บริโภคมีราคาต่ำกว่า $600 นอกจากนี้ยังมีปัญหาขาดแคลนวัสดุพื้นฐาน เช่น substrate ที่ใช้ในการประกอบแพ็กเกจชิป ซึ่งยิ่งซ้ำเติมปัญหาการผลิตให้รุนแรงขึ้น ✅ ปัญหาการผลิตของ Intel ➡️ ขาดแคลนกำลังการผลิตใน Intel 7 และ Intel 10 ➡️ ส่งผลต่อการผลิตทั้งฝั่งผู้บริโภคและศูนย์ข้อมูล ➡️ ราคาชิป Raptor Lake เริ่มปรับตัวสูงขึ้น ➡️ คาดว่าปัญหาจะลากยาวไปถึงปี 2026 ✅ การจัดลำดับความสำคัญ ➡️ Intel จะเน้นผลิตชิปสำหรับศูนย์ข้อมูลก่อน ➡️ เช่น Xeon 6 ‘Granite Rapids’ และ Xeon ‘Emerald Rapids’ ➡️ เพราะขายได้ราคาสูงกว่าชิปผู้บริโภคหลายเท่า ➡️ ชิปสำหรับผู้บริโภคจะถูกลดปริมาณการผลิต ✅ ปัจจัยซ้ำเติม ➡️ ขาดแคลน substrate ที่ใช้ในการประกอบแพ็กเกจชิป ➡️ ทำให้แม้มี wafer ก็ไม่สามารถผลิตชิปได้ครบวงจร ➡️ ส่งผลให้ราคาชิปเพิ่มขึ้นและสินค้าขาดตลาด https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-hamstrung-by-supply-shortages-across-its-business-including-production-capacity-says-it-will-prioritize-data-center-cpus-over-consumer-chips-warns-of-price-hikes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • TSMC เผยผลกระทบจากการจำกัดส่งออกแร่หายากของจีนยังไม่รุนแรงในระยะสั้น – แต่การเปลี่ยนแหล่งผลิตในระยะยาวคือความท้าทาย

    TSMC บริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของโลกจากไต้หวัน ระบุว่าการจำกัดการส่งออกแร่หายากของจีนจะไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตในระยะสั้น เพราะบริษัทมีสต็อกเพียงพอสำหรับ 1–2 ปี อย่างไรก็ตาม ความกังวลหลักอยู่ที่การเปลี่ยนแหล่งวัตถุดิบจากจีนไปยังประเทศอื่น เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา หรือสหรัฐฯ ซึ่งต้องใช้เวลาและการลงทุนสูง

    จีนถือครองกำลังการผลิตแร่หายากกว่า 85% ของโลก และได้ประกาศให้ทรัพยากรเหล่านี้เป็นของรัฐตั้งแต่ปี 2024 พร้อมทั้งออกมาตรการควบคุมการส่งออกหลายครั้งในปี 2025 ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก โดยเฉพาะชิปที่มีขนาดเล็กกว่า 14nm หรือมีมากกว่า 256 เลเยอร์

    แม้จะมีแหล่งแร่หายากในประเทศอื่น แต่ยังขาดโครงสร้างพื้นฐานในการสกัดและแปรรูป เช่นเดียวกับโรงงานในมาเลเซียที่แม้จะเป็นโรงงานนอกจีนที่ใหญ่ที่สุด ก็ยังต้องพึ่งพาความร่วมมือกับจีนในการพัฒนา

    สถานการณ์ของ TSMC
    มีสต็อกแร่หายากเพียงพอสำหรับ 1–2 ปี
    ไม่กังวลผลกระทบระยะสั้นจากการจำกัดส่งออกของจีน
    ความท้าทายหลักคือการเปลี่ยนแหล่งวัตถุดิบในระยะยาว

    บทบาทของจีนในตลาดแร่หายาก
    ครองกำลังการผลิตกว่า 85% ของโลก
    ประกาศให้แร่หายากเป็นทรัพย์สินของรัฐในปี 2024
    ออกมาตรการควบคุมการส่งออกหลายครั้งในปี 2025
    ส่งผลกระทบต่อการผลิตชิปขั้นสูงทั่วโลก

    ทางเลือกจากประเทศอื่น
    ออสเตรเลียพยายามสกัดแร่จากของเสียในเหมือง
    แคนาดาและสหรัฐฯ เตรียมลงทุนเพื่อขยายกำลังผลิต
    มาเลเซียมีโรงงานแปรรูปใหญ่ที่สุดนอกจีน แต่ยังต้องพึ่งพาความร่วมมือกับจีน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/manufacturing/tsmc-says-chinas-rare-earth-export-restrictions-will-have-limited-short-term-impact-on-company-concern-lies-in-transitioning-away-from-china-supply
    🌏 TSMC เผยผลกระทบจากการจำกัดส่งออกแร่หายากของจีนยังไม่รุนแรงในระยะสั้น – แต่การเปลี่ยนแหล่งผลิตในระยะยาวคือความท้าทาย TSMC บริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของโลกจากไต้หวัน ระบุว่าการจำกัดการส่งออกแร่หายากของจีนจะไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตในระยะสั้น เพราะบริษัทมีสต็อกเพียงพอสำหรับ 1–2 ปี อย่างไรก็ตาม ความกังวลหลักอยู่ที่การเปลี่ยนแหล่งวัตถุดิบจากจีนไปยังประเทศอื่น เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา หรือสหรัฐฯ ซึ่งต้องใช้เวลาและการลงทุนสูง จีนถือครองกำลังการผลิตแร่หายากกว่า 85% ของโลก และได้ประกาศให้ทรัพยากรเหล่านี้เป็นของรัฐตั้งแต่ปี 2024 พร้อมทั้งออกมาตรการควบคุมการส่งออกหลายครั้งในปี 2025 ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก โดยเฉพาะชิปที่มีขนาดเล็กกว่า 14nm หรือมีมากกว่า 256 เลเยอร์ แม้จะมีแหล่งแร่หายากในประเทศอื่น แต่ยังขาดโครงสร้างพื้นฐานในการสกัดและแปรรูป เช่นเดียวกับโรงงานในมาเลเซียที่แม้จะเป็นโรงงานนอกจีนที่ใหญ่ที่สุด ก็ยังต้องพึ่งพาความร่วมมือกับจีนในการพัฒนา ✅ สถานการณ์ของ TSMC ➡️ มีสต็อกแร่หายากเพียงพอสำหรับ 1–2 ปี ➡️ ไม่กังวลผลกระทบระยะสั้นจากการจำกัดส่งออกของจีน ➡️ ความท้าทายหลักคือการเปลี่ยนแหล่งวัตถุดิบในระยะยาว ✅ บทบาทของจีนในตลาดแร่หายาก ➡️ ครองกำลังการผลิตกว่า 85% ของโลก ➡️ ประกาศให้แร่หายากเป็นทรัพย์สินของรัฐในปี 2024 ➡️ ออกมาตรการควบคุมการส่งออกหลายครั้งในปี 2025 ➡️ ส่งผลกระทบต่อการผลิตชิปขั้นสูงทั่วโลก ✅ ทางเลือกจากประเทศอื่น ➡️ ออสเตรเลียพยายามสกัดแร่จากของเสียในเหมือง ➡️ แคนาดาและสหรัฐฯ เตรียมลงทุนเพื่อขยายกำลังผลิต ➡️ มาเลเซียมีโรงงานแปรรูปใหญ่ที่สุดนอกจีน แต่ยังต้องพึ่งพาความร่วมมือกับจีน https://www.tomshardware.com/tech-industry/manufacturing/tsmc-says-chinas-rare-earth-export-restrictions-will-have-limited-short-term-impact-on-company-concern-lies-in-transitioning-away-from-china-supply
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • Anthropic จับมือ Google Cloud ขยายกำลังประมวลผล TPU – ตั้งเป้าเกิน 1GW ภายในปี 2026

    Anthropic ผู้พัฒนา AI เบื้องหลัง Claude ได้ลงนามข้อตกลงใหม่กับ Google Cloud เพื่อขยายการใช้ชิป TPU สำหรับฝึกโมเดล AI โดยตั้งเป้าจะมีพลังประมวลผลรวมมากกว่า 1 กิกะวัตต์ภายในปี 2026 ซึ่งถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากลูกค้าทั่วโลก

    บริษัทเริ่มใช้บริการของ Google Cloud ตั้งแต่ปี 2023 และได้ใช้แพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Vertex AI และ Google Cloud Marketplace เพื่อให้บริการ Claude แก่ลูกค้า เช่น Figma, Palo Alto Networks และ Cursor

    ข้อตกลงใหม่นี้จะช่วยให้ Anthropic เข้าถึง TPU ได้มากถึง 1 ล้านตัว พร้อมบริการคลาวด์อื่น ๆ จาก Google ซึ่งจะช่วยให้ Claude สามารถรองรับงานจากลูกค้าได้มากขึ้น และพัฒนาโมเดลให้ล้ำหน้ากว่าเดิม

    แม้คู่แข่งอย่าง OpenAI และ xAI จะลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูลของตัวเอง แต่ Anthropic เลือกใช้แนวทาง “เช่า” เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการลงทุนฮาร์ดแวร์ระยะยาว และมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาโมเดล AI เป็นหลัก

    ข้อตกลงระหว่าง Anthropic และ Google Cloud
    ขยายการใช้ TPU สำหรับฝึกโมเดล Claude
    ตั้งเป้ามีกำลังประมวลผลรวมเกิน 1GW ภายในปี 2026
    เข้าถึง TPU ได้มากถึง 1 ล้านตัว
    ใช้บริการคลาวด์อื่น ๆ เช่น Vertex AI และ Marketplace

    ผลกระทบต่อธุรกิจของ Anthropic
    รองรับความต้องการจากลูกค้าได้มากขึ้น
    พัฒนา Claude ให้ล้ำหน้ากว่าเดิม
    ลูกค้ารายใหญ่ ได้แก่ Figma, Palo Alto Networks, Cursor

    กลยุทธ์เทียบกับคู่แข่ง
    OpenAI และ xAI ลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูลของตัวเอง
    Anthropic เลือกเช่าเพื่อลดความเสี่ยงด้านฮาร์ดแวร์
    มุ่งเน้นการพัฒนาโมเดล AI มากกว่าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/anthropic-signs-deal-with-google-cloud-to-expand-tpu-chip-capacity-ai-company-expects-to-have-over-1gw-of-processing-power-in-2026
    🤝 Anthropic จับมือ Google Cloud ขยายกำลังประมวลผล TPU – ตั้งเป้าเกิน 1GW ภายในปี 2026 Anthropic ผู้พัฒนา AI เบื้องหลัง Claude ได้ลงนามข้อตกลงใหม่กับ Google Cloud เพื่อขยายการใช้ชิป TPU สำหรับฝึกโมเดล AI โดยตั้งเป้าจะมีพลังประมวลผลรวมมากกว่า 1 กิกะวัตต์ภายในปี 2026 ซึ่งถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากลูกค้าทั่วโลก บริษัทเริ่มใช้บริการของ Google Cloud ตั้งแต่ปี 2023 และได้ใช้แพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Vertex AI และ Google Cloud Marketplace เพื่อให้บริการ Claude แก่ลูกค้า เช่น Figma, Palo Alto Networks และ Cursor ข้อตกลงใหม่นี้จะช่วยให้ Anthropic เข้าถึง TPU ได้มากถึง 1 ล้านตัว พร้อมบริการคลาวด์อื่น ๆ จาก Google ซึ่งจะช่วยให้ Claude สามารถรองรับงานจากลูกค้าได้มากขึ้น และพัฒนาโมเดลให้ล้ำหน้ากว่าเดิม แม้คู่แข่งอย่าง OpenAI และ xAI จะลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูลของตัวเอง แต่ Anthropic เลือกใช้แนวทาง “เช่า” เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการลงทุนฮาร์ดแวร์ระยะยาว และมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาโมเดล AI เป็นหลัก ✅ ข้อตกลงระหว่าง Anthropic และ Google Cloud ➡️ ขยายการใช้ TPU สำหรับฝึกโมเดล Claude ➡️ ตั้งเป้ามีกำลังประมวลผลรวมเกิน 1GW ภายในปี 2026 ➡️ เข้าถึง TPU ได้มากถึง 1 ล้านตัว ➡️ ใช้บริการคลาวด์อื่น ๆ เช่น Vertex AI และ Marketplace ✅ ผลกระทบต่อธุรกิจของ Anthropic ➡️ รองรับความต้องการจากลูกค้าได้มากขึ้น ➡️ พัฒนา Claude ให้ล้ำหน้ากว่าเดิม ➡️ ลูกค้ารายใหญ่ ได้แก่ Figma, Palo Alto Networks, Cursor ✅ กลยุทธ์เทียบกับคู่แข่ง ➡️ OpenAI และ xAI ลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูลของตัวเอง ➡️ Anthropic เลือกเช่าเพื่อลดความเสี่ยงด้านฮาร์ดแวร์ ➡️ มุ่งเน้นการพัฒนาโมเดล AI มากกว่าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/anthropic-signs-deal-with-google-cloud-to-expand-tpu-chip-capacity-ai-company-expects-to-have-over-1gw-of-processing-power-in-2026
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ปลดพนักงานกว่า 35,500 คนในเวลาไม่ถึง 2 ปี – CEO คนใหม่เดินหน้าฟื้นฟูองค์กรอย่างเข้มข้น

    Intel กำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟูองค์กรครั้งใหญ่ภายใต้การนำของ CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan โดยในช่วงไม่ถึง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ปลดพนักงานไปแล้วกว่า 35,500 คน ซึ่งรวมถึง 20,500 คนในช่วง 3 เดือนล่าสุดเพียงอย่างเดียว ถือเป็นการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Intel

    แม้ในตอนแรกจะประกาศลดจำนวนผู้จัดการระดับกลาง แต่ในความเป็นจริงกลับมีวิศวกรและช่างเทคนิคจำนวนมากถูกปลด โดยเฉพาะในโรงงานที่รัฐ Oregon ซึ่งส่งผลกระทบต่อการวิจัยและพัฒนาอย่างชัดเจน

    Intel ยังลดงบประมาณด้าน R&D ลงกว่า $800 ล้าน แม้รายได้จะเพิ่มขึ้นในไตรมาสล่าสุด โดยมุ่งเน้นการลงทุนเฉพาะในโครงการที่มีผลตอบแทนชัดเจน เช่น เทคโนโลยี Intel 18A, 14A, ผลิตภัณฑ์ด้าน AI และการบรรจุชิปขั้นสูง

    การปลดพนักงานของ Intel
    ปลดรวมกว่า 35,500 คนในเวลาไม่ถึง 2 ปี
    20,500 คนถูกปลดในช่วง 3 เดือนล่าสุด
    ส่วนใหญ่เป็นวิศวกรและช่างเทคนิค ไม่ใช่ผู้จัดการ
    โรงงานใน Oregon ได้รับผลกระทบหนัก

    การปรับโครงสร้างองค์กร
    ลดงบประมาณ R&D ลงกว่า $800 ล้าน
    มุ่งเน้นโครงการที่มีผลตอบแทนชัดเจน
    ควบคุมค่าใช้จ่ายให้อยู่ที่ $16 พันล้านในปี 2026
    ลงทุนเฉพาะใน Intel 18A, 14A, AI และ advanced packaging

    วิสัยทัศน์ของ CEO Lip-Bu Tan
    สร้าง Intel ที่ “เล็กลงแต่แข็งแกร่งขึ้น”
    ลดความซ้ำซ้อนของโปรเจกต์
    เน้นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง เช่น client, data center & AI, และ Foundry
    เปลี่ยนแนวคิดจาก “ลดต้นทุน” เป็น “ควบคุมต้นทุนอย่างมีวินัย”

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-has-cut-35-500-jobs-in-less-than-two-years-more-than-20-000-let-go-in-in-recent-months-as-lip-bu-tan-continues-drastic-recovery-journey
    📉 Intel ปลดพนักงานกว่า 35,500 คนในเวลาไม่ถึง 2 ปี – CEO คนใหม่เดินหน้าฟื้นฟูองค์กรอย่างเข้มข้น Intel กำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟูองค์กรครั้งใหญ่ภายใต้การนำของ CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan โดยในช่วงไม่ถึง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ปลดพนักงานไปแล้วกว่า 35,500 คน ซึ่งรวมถึง 20,500 คนในช่วง 3 เดือนล่าสุดเพียงอย่างเดียว ถือเป็นการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Intel แม้ในตอนแรกจะประกาศลดจำนวนผู้จัดการระดับกลาง แต่ในความเป็นจริงกลับมีวิศวกรและช่างเทคนิคจำนวนมากถูกปลด โดยเฉพาะในโรงงานที่รัฐ Oregon ซึ่งส่งผลกระทบต่อการวิจัยและพัฒนาอย่างชัดเจน Intel ยังลดงบประมาณด้าน R&D ลงกว่า $800 ล้าน แม้รายได้จะเพิ่มขึ้นในไตรมาสล่าสุด โดยมุ่งเน้นการลงทุนเฉพาะในโครงการที่มีผลตอบแทนชัดเจน เช่น เทคโนโลยี Intel 18A, 14A, ผลิตภัณฑ์ด้าน AI และการบรรจุชิปขั้นสูง ✅ การปลดพนักงานของ Intel ➡️ ปลดรวมกว่า 35,500 คนในเวลาไม่ถึง 2 ปี ➡️ 20,500 คนถูกปลดในช่วง 3 เดือนล่าสุด ➡️ ส่วนใหญ่เป็นวิศวกรและช่างเทคนิค ไม่ใช่ผู้จัดการ ➡️ โรงงานใน Oregon ได้รับผลกระทบหนัก ✅ การปรับโครงสร้างองค์กร ➡️ ลดงบประมาณ R&D ลงกว่า $800 ล้าน ➡️ มุ่งเน้นโครงการที่มีผลตอบแทนชัดเจน ➡️ ควบคุมค่าใช้จ่ายให้อยู่ที่ $16 พันล้านในปี 2026 ➡️ ลงทุนเฉพาะใน Intel 18A, 14A, AI และ advanced packaging ✅ วิสัยทัศน์ของ CEO Lip-Bu Tan ➡️ สร้าง Intel ที่ “เล็กลงแต่แข็งแกร่งขึ้น” ➡️ ลดความซ้ำซ้อนของโปรเจกต์ ➡️ เน้นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง เช่น client, data center & AI, และ Foundry ➡️ เปลี่ยนแนวคิดจาก “ลดต้นทุน” เป็น “ควบคุมต้นทุนอย่างมีวินัย” https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-has-cut-35-500-jobs-in-less-than-two-years-more-than-20-000-let-go-in-in-recent-months-as-lip-bu-tan-continues-drastic-recovery-journey
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel Core Ultra 5 338H โผล่ใน Geekbench – ยืนยันใช้ iGPU Arc B370 Xe3 และไม่มี “X” ในชื่อรุ่น

    Intel Core Ultra 5 338H ได้รับการเปิดเผยผ่านผลการทดสอบ Geekbench ล่าสุด โดยชิปนี้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูล Panther Lake ที่กำลังจะเปิดตัวในปี 2025 จุดเด่นคือการใช้ iGPU รุ่นใหม่ Arc B370 ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม Xe3 ที่พัฒนาจาก Battlemage IP และมีจำนวนคอร์กราฟิก 10 คอร์

    แม้จะอยู่ในกลุ่มชิปประสิทธิภาพสูง แต่ Core Ultra 5 338H ไม่มี “X” ในชื่อรุ่น ซึ่งแตกต่างจากรุ่น Core Ultra X7 และ X9 ที่มี 12 คอร์กราฟิกและได้รับการจัดอยู่ในกลุ่ม “X” สำหรับงานกราฟิกเต็มรูปแบบ

    ผลการทดสอบ Vulkan บน Geekbench แสดงคะแนน 39,406 ซึ่งสูงกว่า Arc A140T ของ Lunar Lake เล็กน้อย (~4%) และใกล้เคียงกับ Radeon 880M ของ AMD ที่ได้ประมาณ 39,917 คะแนน

    Intel Core Ultra 5 338H
    ใช้ iGPU Arc B370 Xe3 (10 คอร์กราฟิก)
    ไม่มี “X” ในชื่อรุ่น แม้ใช้สถาปัตยกรรมเดียวกับรุ่น X
    คะแนน Vulkan บน Geekbench: 39,406
    สูงกว่า Arc A140T (~4%) และใกล้เคียง Radeon 880M

    สถาปัตยกรรม Panther Lake
    ใช้ Xe3 GPU จาก Battlemage IP
    มีการเปลี่ยนแปลงระบบตั้งชื่อรุ่นใหม่
    รุ่นที่มี “X” จะมี 12 คอร์กราฟิก เช่น X7 358H, X9 388H
    Core Ultra 5 338H ใช้เวอร์ชันลดสเปกของ GPU เดียวกัน

    ความหมายของการไม่มี “X”
    ไม่ใช่รุ่นกราฟิกเต็มสเปก แต่ยังอยู่ในกลุ่มประสิทธิภาพสูง
    เหมาะกับงานทั่วไปและเกมระดับกลาง
    ช่วยลดต้นทุนและพลังงานโดยยังคงประสิทธิภาพที่ดี

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-core-ultra-5-338h-appears-in-geekbench-listing-confirming-new-arc-b370-xe3-igpu-no-x-branding-in-sight-as-panther-lakes-naming-scheme-becomes-clear
    🧠 Intel Core Ultra 5 338H โผล่ใน Geekbench – ยืนยันใช้ iGPU Arc B370 Xe3 และไม่มี “X” ในชื่อรุ่น Intel Core Ultra 5 338H ได้รับการเปิดเผยผ่านผลการทดสอบ Geekbench ล่าสุด โดยชิปนี้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูล Panther Lake ที่กำลังจะเปิดตัวในปี 2025 จุดเด่นคือการใช้ iGPU รุ่นใหม่ Arc B370 ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม Xe3 ที่พัฒนาจาก Battlemage IP และมีจำนวนคอร์กราฟิก 10 คอร์ แม้จะอยู่ในกลุ่มชิปประสิทธิภาพสูง แต่ Core Ultra 5 338H ไม่มี “X” ในชื่อรุ่น ซึ่งแตกต่างจากรุ่น Core Ultra X7 และ X9 ที่มี 12 คอร์กราฟิกและได้รับการจัดอยู่ในกลุ่ม “X” สำหรับงานกราฟิกเต็มรูปแบบ ผลการทดสอบ Vulkan บน Geekbench แสดงคะแนน 39,406 ซึ่งสูงกว่า Arc A140T ของ Lunar Lake เล็กน้อย (~4%) และใกล้เคียงกับ Radeon 880M ของ AMD ที่ได้ประมาณ 39,917 คะแนน ✅ Intel Core Ultra 5 338H ➡️ ใช้ iGPU Arc B370 Xe3 (10 คอร์กราฟิก) ➡️ ไม่มี “X” ในชื่อรุ่น แม้ใช้สถาปัตยกรรมเดียวกับรุ่น X ➡️ คะแนน Vulkan บน Geekbench: 39,406 ➡️ สูงกว่า Arc A140T (~4%) และใกล้เคียง Radeon 880M ✅ สถาปัตยกรรม Panther Lake ➡️ ใช้ Xe3 GPU จาก Battlemage IP ➡️ มีการเปลี่ยนแปลงระบบตั้งชื่อรุ่นใหม่ ➡️ รุ่นที่มี “X” จะมี 12 คอร์กราฟิก เช่น X7 358H, X9 388H ➡️ Core Ultra 5 338H ใช้เวอร์ชันลดสเปกของ GPU เดียวกัน ✅ ความหมายของการไม่มี “X” ➡️ ไม่ใช่รุ่นกราฟิกเต็มสเปก แต่ยังอยู่ในกลุ่มประสิทธิภาพสูง ➡️ เหมาะกับงานทั่วไปและเกมระดับกลาง ➡️ ช่วยลดต้นทุนและพลังงานโดยยังคงประสิทธิภาพที่ดี https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-core-ultra-5-338h-appears-in-geekbench-listing-confirming-new-arc-b370-xe3-igpu-no-x-branding-in-sight-as-panther-lakes-naming-scheme-becomes-clear
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซิร์ฟเวอร์ AI ผลิตในฮิวสตันของ Apple เริ่มจัดส่งแล้ว – รองรับ Private Cloud Compute เพื่อความเป็นส่วนตัวสูงสุด

    Apple ประกาศเริ่มจัดส่งเซิร์ฟเวอร์ AI ที่ผลิตในโรงงานใหม่ที่เมืองฮิวสตัน สหรัฐอเมริกา โดยเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้จะถูกนำไปใช้ในระบบ Private Cloud Compute (PCC) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ที่เน้นความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้เป็นหลัก

    PCC ถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ของผู้ใช้ เช่น iPhone หรือ Mac โดยเมื่ออุปกรณ์ต้องส่งคำขอไปยังคลาวด์ ข้อมูลจะถูกส่งไปยังระบบปฏิบัติการแบบ clean-room ที่ไม่มีการเก็บข้อมูล ไม่มีการติดตาม และไม่มีหน่วยความจำถาวร หลังจากประมวลผลเสร็จ ข้อมูลจะถูกลบออกทันที

    Apple ยังเปิดให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยตรวจสอบระบบ PCC ได้ผ่าน Virtual Research Environment และจะเผยแพร่ภาพของระบบปฏิบัติการที่ใช้ในแต่ละเซิร์ฟเวอร์ เพื่อให้ตรวจสอบความปลอดภัยได้อย่างโปร่งใส

    แม้จะยังไม่เปิดเผยว่าเซิร์ฟเวอร์ใช้ชิปอะไร แต่คาดว่าเป็น Apple Silicon รุ่นใหม่ที่พัฒนาต่อจากซีรีส์ M โดยเน้นการประมวลผล AI แบบไฮบริด คือทำงานบนอุปกรณ์ก่อน แล้วค่อยส่งต่อไปยัง PCC เมื่อจำเป็น

    การเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ AI ของ Apple
    ผลิตในโรงงานใหม่ที่ฮิวสตัน สหรัฐอเมริกา
    ใช้ในระบบ Private Cloud Compute (PCC)
    รองรับการประมวลผล AI แบบไฮบริด (on-device + cloud)
    เน้นความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

    ความปลอดภัยของ PCC
    ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ clean-room ไม่มีการเก็บข้อมูล
    ไม่มีหน่วยความจำถาวร ไม่มี telemetry
    ลบข้อมูลทันทีหลังประมวลผล
    เปิดให้ตรวจสอบผ่าน Virtual Research Environment

    ความคาดหวังและผลกระทบ
    เป็นส่วนหนึ่งของแผนลงทุน $600 พันล้านในสหรัฐฯ
    ช่วยขยายขีดความสามารถของ Apple Intelligence
    ไม่พึ่งพาฮาร์ดแวร์จากผู้ผลิตรายอื่น
    ท้าทายแนวทางของ Microsoft และ Google ที่ใช้ GPU-heavy cloud

    https://www.tomshardware.com/desktops/servers/apples-houston-built-ai-servers-now-shipping
    🚚 เซิร์ฟเวอร์ AI ผลิตในฮิวสตันของ Apple เริ่มจัดส่งแล้ว – รองรับ Private Cloud Compute เพื่อความเป็นส่วนตัวสูงสุด Apple ประกาศเริ่มจัดส่งเซิร์ฟเวอร์ AI ที่ผลิตในโรงงานใหม่ที่เมืองฮิวสตัน สหรัฐอเมริกา โดยเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้จะถูกนำไปใช้ในระบบ Private Cloud Compute (PCC) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ที่เน้นความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้เป็นหลัก PCC ถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ของผู้ใช้ เช่น iPhone หรือ Mac โดยเมื่ออุปกรณ์ต้องส่งคำขอไปยังคลาวด์ ข้อมูลจะถูกส่งไปยังระบบปฏิบัติการแบบ clean-room ที่ไม่มีการเก็บข้อมูล ไม่มีการติดตาม และไม่มีหน่วยความจำถาวร หลังจากประมวลผลเสร็จ ข้อมูลจะถูกลบออกทันที Apple ยังเปิดให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยตรวจสอบระบบ PCC ได้ผ่าน Virtual Research Environment และจะเผยแพร่ภาพของระบบปฏิบัติการที่ใช้ในแต่ละเซิร์ฟเวอร์ เพื่อให้ตรวจสอบความปลอดภัยได้อย่างโปร่งใส แม้จะยังไม่เปิดเผยว่าเซิร์ฟเวอร์ใช้ชิปอะไร แต่คาดว่าเป็น Apple Silicon รุ่นใหม่ที่พัฒนาต่อจากซีรีส์ M โดยเน้นการประมวลผล AI แบบไฮบริด คือทำงานบนอุปกรณ์ก่อน แล้วค่อยส่งต่อไปยัง PCC เมื่อจำเป็น ✅ การเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ AI ของ Apple ➡️ ผลิตในโรงงานใหม่ที่ฮิวสตัน สหรัฐอเมริกา ➡️ ใช้ในระบบ Private Cloud Compute (PCC) ➡️ รองรับการประมวลผล AI แบบไฮบริด (on-device + cloud) ➡️ เน้นความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ✅ ความปลอดภัยของ PCC ➡️ ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ clean-room ไม่มีการเก็บข้อมูล ➡️ ไม่มีหน่วยความจำถาวร ไม่มี telemetry ➡️ ลบข้อมูลทันทีหลังประมวลผล ➡️ เปิดให้ตรวจสอบผ่าน Virtual Research Environment ✅ ความคาดหวังและผลกระทบ ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของแผนลงทุน $600 พันล้านในสหรัฐฯ ➡️ ช่วยขยายขีดความสามารถของ Apple Intelligence ➡️ ไม่พึ่งพาฮาร์ดแวร์จากผู้ผลิตรายอื่น ➡️ ท้าทายแนวทางของ Microsoft และ Google ที่ใช้ GPU-heavy cloud https://www.tomshardware.com/desktops/servers/apples-houston-built-ai-servers-now-shipping
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Apple's Houston-built AI servers are now shipping, according to CEO Tim Cook — custom silicon to power Private Cloud Compute
    Apple has begun deploying custom silicon servers from a new US facility to power Private Cloud Compute, its privacy-first AI backend.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • สุขทุกข์...อยู่ที่เรามอง
    Cr.Wiwan Boonya
    สุขทุกข์...อยู่ที่เรามอง Cr.Wiwan Boonya
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • OCCT v15 เพิ่มฟีเจอร์ตรวจจับเสียง Coil Whine โดยไม่ต้องใช้ไมโครโฟน – เปลี่ยนเสียงรบกวนให้กลายเป็นเครื่องมือวิเคราะห์

    OCCT โปรแกรม stress test ยอดนิยมสำหรับพีซี ได้เปิดตัวเวอร์ชัน 15 พร้อมฟีเจอร์ใหม่สุดอัจฉริยะที่ช่วยตรวจจับเสียง “coil whine” โดยไม่ต้องใช้ไมโครโฟนเลย ฟีเจอร์นี้ใช้เทคนิคการโหลดระบบด้วย “สามเสียงที่กำหนดไว้ล่วงหน้า” เพื่อเปลี่ยนเสียงรบกวนจากอุปกรณ์ให้กลายเป็นเสียงที่มีรูปแบบเฉพาะ ทำให้ผู้ใช้สามารถแยกแยะได้ง่ายว่าเสียงนั้นมาจากส่วนไหนของเครื่อง เช่น การ์ดจอ เมนบอร์ด หรือ PSU

    Coil whine (เสียงคอยล์หวีด) คือเสียงแหลมสูงหรือเสียงฮัมที่เกิดจากการสั่นของขดลวด (coil) หรือชิ้นส่วนตัวเหนี่ยวนำ (inductor) ภายในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น การ์ดจอ เมนบอร์ด หรือแหล่งจ่ายไฟ (PSU) เมื่อมี กระแสไฟฟ้าความถี่สูง ไหลผ่าน

    ฟีเจอร์นี้เหมาะมากสำหรับผู้ที่ใช้งานในพื้นที่เสียงรบกวนสูง เช่น อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ หรือออฟฟิศที่มีหลายเครื่อง เพราะเสียง coil whine จะถูก “ดึงออกมา” ให้เด่นชัดขึ้นจากเสียงแวดล้อม

    ฟีเจอร์ใหม่ใน OCCT v15
    ตรวจจับเสียง coil whine โดยไม่ต้องใช้ไมโครโฟน
    ใช้การโหลดระบบด้วยเสียงที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
    เปลี่ยนเสียงรบกวนให้กลายเป็นเสียงที่มีรูปแบบเฉพาะ
    ช่วยให้แยกแยะแหล่งที่มาของเสียงได้ง่ายขึ้น

    เหมาะกับสถานการณ์แบบไหน
    พื้นที่เสียงรบกวนสูง เช่น อินเทอร์เน็ตคาเฟ่หรือออฟฟิศ
    ผู้ใช้ที่ไม่สามารถใช้ไมโครโฟนได้
    ช่วยตรวจสอบว่าเสียงที่ได้ยินเป็น coil whine หรือปัญหาอื่น

    ความรู้เกี่ยวกับ coil whine
    เกิดจากการสั่นของขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้าเมื่อมีไฟฟ้าไหลผ่าน
    มักเกิดในอุปกรณ์ที่มีการโหลดไฟสูง เช่น GPU, PSU, เมนบอร์ด
    เสียงอาจเปลี่ยนไปตามระดับการโหลด เช่น เล่นเกมที่ FPS สูง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/occt-version-15-adds-coil-whine-detection-that-doesnt-require-a-microphone-popular-stress-tester-gets-genius-new-feature-to-silence-your-pc
    🔧 OCCT v15 เพิ่มฟีเจอร์ตรวจจับเสียง Coil Whine โดยไม่ต้องใช้ไมโครโฟน – เปลี่ยนเสียงรบกวนให้กลายเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ OCCT โปรแกรม stress test ยอดนิยมสำหรับพีซี ได้เปิดตัวเวอร์ชัน 15 พร้อมฟีเจอร์ใหม่สุดอัจฉริยะที่ช่วยตรวจจับเสียง “coil whine” โดยไม่ต้องใช้ไมโครโฟนเลย ฟีเจอร์นี้ใช้เทคนิคการโหลดระบบด้วย “สามเสียงที่กำหนดไว้ล่วงหน้า” เพื่อเปลี่ยนเสียงรบกวนจากอุปกรณ์ให้กลายเป็นเสียงที่มีรูปแบบเฉพาะ ทำให้ผู้ใช้สามารถแยกแยะได้ง่ายว่าเสียงนั้นมาจากส่วนไหนของเครื่อง เช่น การ์ดจอ เมนบอร์ด หรือ PSU Coil whine (เสียงคอยล์หวีด) คือเสียงแหลมสูงหรือเสียงฮัมที่เกิดจากการสั่นของขดลวด (coil) หรือชิ้นส่วนตัวเหนี่ยวนำ (inductor) ภายในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น การ์ดจอ เมนบอร์ด หรือแหล่งจ่ายไฟ (PSU) เมื่อมี กระแสไฟฟ้าความถี่สูง ไหลผ่าน ฟีเจอร์นี้เหมาะมากสำหรับผู้ที่ใช้งานในพื้นที่เสียงรบกวนสูง เช่น อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ หรือออฟฟิศที่มีหลายเครื่อง เพราะเสียง coil whine จะถูก “ดึงออกมา” ให้เด่นชัดขึ้นจากเสียงแวดล้อม ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน OCCT v15 ➡️ ตรวจจับเสียง coil whine โดยไม่ต้องใช้ไมโครโฟน ➡️ ใช้การโหลดระบบด้วยเสียงที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ➡️ เปลี่ยนเสียงรบกวนให้กลายเป็นเสียงที่มีรูปแบบเฉพาะ ➡️ ช่วยให้แยกแยะแหล่งที่มาของเสียงได้ง่ายขึ้น ✅ เหมาะกับสถานการณ์แบบไหน ➡️ พื้นที่เสียงรบกวนสูง เช่น อินเทอร์เน็ตคาเฟ่หรือออฟฟิศ ➡️ ผู้ใช้ที่ไม่สามารถใช้ไมโครโฟนได้ ➡️ ช่วยตรวจสอบว่าเสียงที่ได้ยินเป็น coil whine หรือปัญหาอื่น ✅ ความรู้เกี่ยวกับ coil whine ➡️ เกิดจากการสั่นของขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้าเมื่อมีไฟฟ้าไหลผ่าน ➡️ มักเกิดในอุปกรณ์ที่มีการโหลดไฟสูง เช่น GPU, PSU, เมนบอร์ด ➡️ เสียงอาจเปลี่ยนไปตามระดับการโหลด เช่น เล่นเกมที่ FPS สูง https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/occt-version-15-adds-coil-whine-detection-that-doesnt-require-a-microphone-popular-stress-tester-gets-genius-new-feature-to-silence-your-pc
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไอคอน Windows 95 ยังซ่อนอยู่ใน Windows 11 – ย้อนวันวานผ่านไฟล์ลับ pifmgr.dll

    แม้ Windows 11 จะเป็นระบบปฏิบัติการที่ทันสมัยที่สุดของ Microsoft แต่ยังมี “ไอคอนยุคโบราณ” จาก Windows 95 ซ่อนอยู่ในระบบ! Raymond Chen วิศวกรของ Microsoft เผยว่าไฟล์ชื่อ pifmgr.dll ในโฟลเดอร์ System32 ยังเก็บไอคอนขนาด 32x32 พิกเซล สี 16 สีไว้เหมือนเดิมตั้งแต่ปี 1995

    ไฟล์นี้เคยใช้สำหรับจัดการ PIF (Program Information Files) ซึ่งเป็นไฟล์ที่ช่วยให้ Windows 95 รันโปรแกรม MS-DOS ได้อย่างเหมาะสม และเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกไอคอนเองได้เมื่อโปรแกรมไม่มีไอคอนเฉพาะ

    หากคุณอยากลองใช้ไอคอนเหล่านี้บน Windows 11 ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการเปลี่ยนไอคอนของ shortcut โดยระบุเส้นทางไปที่ %SystemRoot%\System32\pifmgr.dll ในหน้าต่าง “Change Icon”

    นอกจากนี้ยังมีไฟล์ DLL อื่น ๆ ที่เก็บไอคอนจากยุคต่าง ๆ เช่น imageres.dll และ moricons.dll ซึ่งสามารถใช้วิธีเดียวกันในการเข้าถึง

    ไอคอน Windows 95 ยังอยู่ใน Windows 11
    ซ่อนอยู่ในไฟล์ pifmgr.dll ในโฟลเดอร์ System32
    เป็นไอคอนขนาด 32x32 พิกเซล สี 16 สี
    เคยใช้กับโปรแกรม MS-DOS ที่ไม่มีไอคอนเฉพาะ

    วิธีเรียกดูและใช้งานไอคอนเก่า
    คลิกขวา shortcut → Properties → Shortcut tab
    กด “Change Icon” แล้วใส่ %SystemRoot%\System32\pifmgr.dll
    เลือกไอคอนที่ต้องการแล้วกด OK

    ไฟล์อื่นที่มีไอคอนเก่า
    imageres.dll – ไอคอนระบบทั่วไป
    moricons.dll – ไอคอนจากยุค Windows 3.x
    ใช้วิธีเดียวกันในการเข้าถึง

    https://www.techradar.com/computing/windows/windows-95-icons-still-exist-in-windows-11-today-as-dusty-old-relics-from-another-time-heres-where-to-find-them
    🖼️ ไอคอน Windows 95 ยังซ่อนอยู่ใน Windows 11 – ย้อนวันวานผ่านไฟล์ลับ pifmgr.dll แม้ Windows 11 จะเป็นระบบปฏิบัติการที่ทันสมัยที่สุดของ Microsoft แต่ยังมี “ไอคอนยุคโบราณ” จาก Windows 95 ซ่อนอยู่ในระบบ! Raymond Chen วิศวกรของ Microsoft เผยว่าไฟล์ชื่อ pifmgr.dll ในโฟลเดอร์ System32 ยังเก็บไอคอนขนาด 32x32 พิกเซล สี 16 สีไว้เหมือนเดิมตั้งแต่ปี 1995 ไฟล์นี้เคยใช้สำหรับจัดการ PIF (Program Information Files) ซึ่งเป็นไฟล์ที่ช่วยให้ Windows 95 รันโปรแกรม MS-DOS ได้อย่างเหมาะสม และเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกไอคอนเองได้เมื่อโปรแกรมไม่มีไอคอนเฉพาะ หากคุณอยากลองใช้ไอคอนเหล่านี้บน Windows 11 ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการเปลี่ยนไอคอนของ shortcut โดยระบุเส้นทางไปที่ %SystemRoot%\System32\pifmgr.dll ในหน้าต่าง “Change Icon” นอกจากนี้ยังมีไฟล์ DLL อื่น ๆ ที่เก็บไอคอนจากยุคต่าง ๆ เช่น imageres.dll และ moricons.dll ซึ่งสามารถใช้วิธีเดียวกันในการเข้าถึง ✅ ไอคอน Windows 95 ยังอยู่ใน Windows 11 ➡️ ซ่อนอยู่ในไฟล์ pifmgr.dll ในโฟลเดอร์ System32 ➡️ เป็นไอคอนขนาด 32x32 พิกเซล สี 16 สี ➡️ เคยใช้กับโปรแกรม MS-DOS ที่ไม่มีไอคอนเฉพาะ ✅ วิธีเรียกดูและใช้งานไอคอนเก่า ➡️ คลิกขวา shortcut → Properties → Shortcut tab ➡️ กด “Change Icon” แล้วใส่ %SystemRoot%\System32\pifmgr.dll ➡️ เลือกไอคอนที่ต้องการแล้วกด OK ✅ ไฟล์อื่นที่มีไอคอนเก่า ➡️ imageres.dll – ไอคอนระบบทั่วไป ➡️ moricons.dll – ไอคอนจากยุค Windows 3.x ➡️ ใช้วิธีเดียวกันในการเข้าถึง https://www.techradar.com/computing/windows/windows-95-icons-still-exist-in-windows-11-today-as-dusty-old-relics-from-another-time-heres-where-to-find-them
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • HP ต้องถอนอัปเดต OneAgent หลังทำให้เครื่องหลุดจากระบบความปลอดภัยของ Microsoft


    HP เผลอปล่อยอัปเดตซอฟต์แวร์ OneAgent รุ่น 1.2.50.9581 ที่มีสคริปต์ลบไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ 1E Performance Assist โดยตั้งเงื่อนไขให้ลบไฟล์ที่มีคำว่า “1E” ในชื่อ certificate ซึ่งดันไปลบ certificate สำคัญของ Microsoft ที่ชื่อว่า “MS-Organization-Access” ซึ่งจำเป็นต่อการเชื่อมต่อกับ Microsoft Entra ID และ Intune

    ผลคือเครื่องที่ได้รับอัปเดตนี้จะหลุดออกจากระบบ cloud ของ Microsoft โดยไม่รู้ตัว ทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถล็อกอินหรือใช้งานระบบองค์กรได้ตามปกติ

    แม้จะมีผลกระทบเฉพาะกับเครื่อง HP AI PC ที่ใช้ certificate ที่มีคำว่า “1E” ซึ่งมีโอกาสเกิดน้อยกว่า 10% แต่ก็สร้างความเสียหายให้กับองค์กรที่ใช้ระบบ Entra ID อย่างชัดเจน

    HP ได้ถอนอัปเดตนี้ออกแล้ว และกำลังช่วยเหลือผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบ

    เกิดอะไรขึ้น
    HP ปล่อยอัปเดต OneAgent ที่มีสคริปต์ลบ certificate
    ลบ certificate “MS-Organization-Access” ของ Microsoft โดยไม่ตั้งใจ
    ทำให้เครื่องหลุดจากระบบ Entra ID และ Intune
    ผู้ใช้ไม่สามารถล็อกอินหรือใช้งานระบบองค์กรได้

    ผลกระทบ
    กระทบเฉพาะ HP AI PC ที่มี certificate “1E”
    โอกาสเกิดน้อยกว่า 10% แต่ส่งผลรุนแรง
    เครื่องหลุดจาก cloud โดยไม่มีการแจ้งเตือน

    การตอบสนองของ HP
    ถอนอัปเดตออกจากระบบแล้ว
    ช่วยเหลือผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบ
    ยืนยันว่าอัปเดตนี้จะไม่ถูกปล่อยอีก

    https://www.techradar.com/pro/security/hp-forced-to-pull-software-update-which-broke-microsoft-security-tools
    🛠️ HP ต้องถอนอัปเดต OneAgent หลังทำให้เครื่องหลุดจากระบบความปลอดภัยของ Microsoft HP เผลอปล่อยอัปเดตซอฟต์แวร์ OneAgent รุ่น 1.2.50.9581 ที่มีสคริปต์ลบไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ 1E Performance Assist โดยตั้งเงื่อนไขให้ลบไฟล์ที่มีคำว่า “1E” ในชื่อ certificate ซึ่งดันไปลบ certificate สำคัญของ Microsoft ที่ชื่อว่า “MS-Organization-Access” ซึ่งจำเป็นต่อการเชื่อมต่อกับ Microsoft Entra ID และ Intune ผลคือเครื่องที่ได้รับอัปเดตนี้จะหลุดออกจากระบบ cloud ของ Microsoft โดยไม่รู้ตัว ทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถล็อกอินหรือใช้งานระบบองค์กรได้ตามปกติ แม้จะมีผลกระทบเฉพาะกับเครื่อง HP AI PC ที่ใช้ certificate ที่มีคำว่า “1E” ซึ่งมีโอกาสเกิดน้อยกว่า 10% แต่ก็สร้างความเสียหายให้กับองค์กรที่ใช้ระบบ Entra ID อย่างชัดเจน HP ได้ถอนอัปเดตนี้ออกแล้ว และกำลังช่วยเหลือผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบ ✅ เกิดอะไรขึ้น ➡️ HP ปล่อยอัปเดต OneAgent ที่มีสคริปต์ลบ certificate ➡️ ลบ certificate “MS-Organization-Access” ของ Microsoft โดยไม่ตั้งใจ ➡️ ทำให้เครื่องหลุดจากระบบ Entra ID และ Intune ➡️ ผู้ใช้ไม่สามารถล็อกอินหรือใช้งานระบบองค์กรได้ ✅ ผลกระทบ ➡️ กระทบเฉพาะ HP AI PC ที่มี certificate “1E” ➡️ โอกาสเกิดน้อยกว่า 10% แต่ส่งผลรุนแรง ➡️ เครื่องหลุดจาก cloud โดยไม่มีการแจ้งเตือน ✅ การตอบสนองของ HP ➡️ ถอนอัปเดตออกจากระบบแล้ว ➡️ ช่วยเหลือผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบ ➡️ ยืนยันว่าอัปเดตนี้จะไม่ถูกปล่อยอีก https://www.techradar.com/pro/security/hp-forced-to-pull-software-update-which-broke-microsoft-security-tools
    WWW.TECHRADAR.COM
    HP forced to pull software update which broke Microsoft security tools
    An update made the trust between Windows and Entra ID "disappear"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อมูลลูกค้า Toys "R" Us ถูกขโมยและเผยแพร่บนเว็บมืด – เสี่ยงโดนฟิชชิ่งและขโมยตัวตน.

    Toys "R" Us Canada เผชิญเหตุข้อมูลรั่วไหลครั้งใหญ่ หลังแฮกเกอร์ขโมยข้อมูลลูกค้าและนำไปเผยแพร่บนเว็บมืด โดยข้อมูลที่ถูกขโมยประกอบด้วยชื่อ, ที่อยู่, อีเมล และเบอร์โทรศัพท์ของลูกค้าบางส่วน แม้จะไม่มีรหัสผ่านหรือข้อมูลบัตรเครดิตหลุดออกไป แต่ก็ยังเสี่ยงต่อการถูกฟิชชิ่งและขโมยตัวตนได้

    บริษัทได้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์ และยืนยันว่าเป็นเพียง “บางส่วนของข้อมูลลูกค้า” ที่ถูกขโมย พร้อมทั้งเสริมระบบป้องกันเพิ่มเติม และแจ้งเตือนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบแล้ว

    Toys "R" Us ยังแจ้งเตือนให้ลูกค้าระวังอีเมลหลอกลวงที่อ้างว่าเป็นบริษัท และไม่ควรคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ

    ข้อมูลที่ถูกขโมย
    ชื่อ, ที่อยู่, อีเมล, เบอร์โทรศัพท์
    ไม่มีรหัสผ่านหรือข้อมูลบัตรเครดิต
    เสี่ยงต่อการถูกฟิชชิ่งและขโมยตัวตน

    การตอบสนองของบริษัท
    ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์เพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์
    ยืนยันว่าเป็นข้อมูลลูกค้า “บางส่วน”
    แจ้งเตือนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ
    เสริมระบบป้องกันเพิ่มเติม

    คำแนะนำสำหรับลูกค้า
    ระวังอีเมลหลอกลวงที่อ้างว่าเป็น Toys "R" Us
    อย่าคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
    ตรวจสอบบัญชีและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนตัว

    https://www.techradar.com/pro/security/toys-r-us-customer-data-swiped-and-leaked-online-heres-what-we-know
    🧸 ข้อมูลลูกค้า Toys "R" Us ถูกขโมยและเผยแพร่บนเว็บมืด – เสี่ยงโดนฟิชชิ่งและขโมยตัวตน. Toys "R" Us Canada เผชิญเหตุข้อมูลรั่วไหลครั้งใหญ่ หลังแฮกเกอร์ขโมยข้อมูลลูกค้าและนำไปเผยแพร่บนเว็บมืด โดยข้อมูลที่ถูกขโมยประกอบด้วยชื่อ, ที่อยู่, อีเมล และเบอร์โทรศัพท์ของลูกค้าบางส่วน แม้จะไม่มีรหัสผ่านหรือข้อมูลบัตรเครดิตหลุดออกไป แต่ก็ยังเสี่ยงต่อการถูกฟิชชิ่งและขโมยตัวตนได้ บริษัทได้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์ และยืนยันว่าเป็นเพียง “บางส่วนของข้อมูลลูกค้า” ที่ถูกขโมย พร้อมทั้งเสริมระบบป้องกันเพิ่มเติม และแจ้งเตือนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบแล้ว Toys "R" Us ยังแจ้งเตือนให้ลูกค้าระวังอีเมลหลอกลวงที่อ้างว่าเป็นบริษัท และไม่ควรคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมย ➡️ ชื่อ, ที่อยู่, อีเมล, เบอร์โทรศัพท์ ➡️ ไม่มีรหัสผ่านหรือข้อมูลบัตรเครดิต ➡️ เสี่ยงต่อการถูกฟิชชิ่งและขโมยตัวตน ✅ การตอบสนองของบริษัท ➡️ ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์เพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์ ➡️ ยืนยันว่าเป็นข้อมูลลูกค้า “บางส่วน” ➡️ แจ้งเตือนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ ➡️ เสริมระบบป้องกันเพิ่มเติม ✅ คำแนะนำสำหรับลูกค้า ➡️ ระวังอีเมลหลอกลวงที่อ้างว่าเป็น Toys "R" Us ➡️ อย่าคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ ➡️ ตรวจสอบบัญชีและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนตัว https://www.techradar.com/pro/security/toys-r-us-customer-data-swiped-and-leaked-online-heres-what-we-know
    WWW.TECHRADAR.COM
    Toys "R" Us customer data swiped and leaked online - here's what we know
    Names, addresses, and more from Toys "R" Us customers stolen and leaked on the dark web
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มแฮกเกอร์ Lazarus จากเกาหลีเหนือใช้กลยุทธ์ “DreamJob” หลอกบริษัทโดรนในยุโรป – ขโมยข้อมูล UAV ที่ใช้ในสงครามยูเครน

    กลุ่ม Lazarus ซึ่งเป็นแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกาหลีเหนือ ได้ใช้กลยุทธ์หลอกลวงผ่าน “DreamJob” เพื่อเจาะระบบบริษัทด้านการผลิตโดรนในยุโรปตะวันออก โดยแสร้งเป็นบริษัทต่างชาติที่เสนองานให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี UAV (Unmanned Aerial Vehicle)

    ผู้ที่หลงเชื่อจะถูกเชิญให้เข้าร่วมการสัมภาษณ์หลายรอบ และถูกขอให้ดาวน์โหลดไฟล์ PDF หรือโปรแกรมที่แฝงมัลแวร์ ซึ่งจะติดตั้ง Remote Access Trojan (RAT) ชื่อ ScoringMathTea เพื่อให้แฮกเกอร์ควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ

    เป้าหมายของการโจมตีคือการขโมยข้อมูลการออกแบบและการผลิตโดรนที่ใช้ในสงครามยูเครน ซึ่งเกาหลีเหนือกำลังพัฒนาเทคโนโลยี UAV ของตนเอง และต้องการข้อมูลจากสนามรบจริงเพื่อเร่งการพัฒนา

    กลยุทธ์ “DreamJob” ของ Lazarus
    สร้างบริษัทและตำแหน่งงานปลอม
    เชิญเป้าหมายเข้าสัมภาษณ์หลายรอบ
    หลอกให้ดาวน์โหลดไฟล์ที่แฝงมัลแวร์
    ติดตั้ง RAT ชื่อ ScoringMathTea เพื่อควบคุมเครื่อง

    เป้าหมายของการโจมตี
    บริษัทผลิตโดรนในยุโรปตะวันออก
    ขโมยข้อมูลการออกแบบ UAV ที่ใช้ในสงครามยูเครน
    สนับสนุนการพัฒนาโดรนของเกาหลีเหนือ
    ใช้ข้อมูลจากสนามรบจริงเพื่อปรับปรุงเทคโนโลยี

    ความเชื่อมโยงกับสถานการณ์โลก
    เกาหลีเหนือส่งทหารไปช่วยรัสเซียในภูมิภาค Kursk
    การโจมตีเกิดขึ้นช่วงปลายปี 2024
    บริษัทที่ถูกเจาะระบบผลิตโดรนแบบ single-rotor ซึ่งเกาหลีเหนือกำลังพัฒนาอยู่

    https://www.techradar.com/pro/security/north-korean-hackers-target-european-defense-firms-with-dream-job-scam
    🎯 กลุ่มแฮกเกอร์ Lazarus จากเกาหลีเหนือใช้กลยุทธ์ “DreamJob” หลอกบริษัทโดรนในยุโรป – ขโมยข้อมูล UAV ที่ใช้ในสงครามยูเครน กลุ่ม Lazarus ซึ่งเป็นแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกาหลีเหนือ ได้ใช้กลยุทธ์หลอกลวงผ่าน “DreamJob” เพื่อเจาะระบบบริษัทด้านการผลิตโดรนในยุโรปตะวันออก โดยแสร้งเป็นบริษัทต่างชาติที่เสนองานให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี UAV (Unmanned Aerial Vehicle) ผู้ที่หลงเชื่อจะถูกเชิญให้เข้าร่วมการสัมภาษณ์หลายรอบ และถูกขอให้ดาวน์โหลดไฟล์ PDF หรือโปรแกรมที่แฝงมัลแวร์ ซึ่งจะติดตั้ง Remote Access Trojan (RAT) ชื่อ ScoringMathTea เพื่อให้แฮกเกอร์ควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ เป้าหมายของการโจมตีคือการขโมยข้อมูลการออกแบบและการผลิตโดรนที่ใช้ในสงครามยูเครน ซึ่งเกาหลีเหนือกำลังพัฒนาเทคโนโลยี UAV ของตนเอง และต้องการข้อมูลจากสนามรบจริงเพื่อเร่งการพัฒนา ✅ กลยุทธ์ “DreamJob” ของ Lazarus ➡️ สร้างบริษัทและตำแหน่งงานปลอม ➡️ เชิญเป้าหมายเข้าสัมภาษณ์หลายรอบ ➡️ หลอกให้ดาวน์โหลดไฟล์ที่แฝงมัลแวร์ ➡️ ติดตั้ง RAT ชื่อ ScoringMathTea เพื่อควบคุมเครื่อง ✅ เป้าหมายของการโจมตี ➡️ บริษัทผลิตโดรนในยุโรปตะวันออก ➡️ ขโมยข้อมูลการออกแบบ UAV ที่ใช้ในสงครามยูเครน ➡️ สนับสนุนการพัฒนาโดรนของเกาหลีเหนือ ➡️ ใช้ข้อมูลจากสนามรบจริงเพื่อปรับปรุงเทคโนโลยี ✅ ความเชื่อมโยงกับสถานการณ์โลก ➡️ เกาหลีเหนือส่งทหารไปช่วยรัสเซียในภูมิภาค Kursk ➡️ การโจมตีเกิดขึ้นช่วงปลายปี 2024 ➡️ บริษัทที่ถูกเจาะระบบผลิตโดรนแบบ single-rotor ซึ่งเกาหลีเหนือกำลังพัฒนาอยู่ https://www.techradar.com/pro/security/north-korean-hackers-target-european-defense-firms-with-dream-job-scam
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ออกแพตช์ฉุกเฉินอุดช่องโหว่ร้ายแรงใน Windows Server – เสี่ยงโดนแฮกแบบไม่ต้องคลิก!

    Microsoft ได้ออกแพตช์ความปลอดภัยฉุกเฉินเพื่ออุดช่องโหว่ร้ายแรงใน Windows Server Update Services (WSUS) ซึ่งอาจเปิดทางให้แฮกเกอร์โจมตีแบบ remote code execution (RCE) โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตนหรือการคลิกใด ๆ จากผู้ใช้

    ช่องโหว่นี้มีรหัส CVE-2025-59287 และได้คะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.8/10 โดยเกิดจากการ “deserialization ของข้อมูลที่ไม่ปลอดภัย” ซึ่งทำให้แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดอันตรายด้วยสิทธิ์ SYSTEM ได้ทันที หาก WSUS เปิดใช้งานอยู่

    แม้ Microsoft จะรวมแพตช์ไว้ในอัปเดต Patch Tuesday ประจำเดือนตุลาคม 2025 แล้ว แต่เมื่อมีโค้ดโจมตี (PoC) เผยแพร่ออกสู่สาธารณะ บริษัทจึงรีบออกอัปเดตแบบ out-of-band (OOB) เพื่อกระตุ้นให้ผู้ดูแลระบบติดตั้งแพตช์โดยด่วน

    รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-59287
    ช่องโหว่ใน Windows Server Update Services (WSUS)
    ประเภท: deserialization ของข้อมูลที่ไม่ปลอดภัย
    ความรุนแรง: 9.8/10 (Critical)
    เปิดทางให้แฮกเกอร์รันโค้ดด้วยสิทธิ์ SYSTEM โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน

    การตอบสนองของ Microsoft
    แพตช์รวมอยู่ใน Patch Tuesday ตุลาคม 2025
    ออกอัปเดตฉุกเฉินแบบ OOB หลังพบโค้ดโจมตีถูกเผยแพร่
    แนะนำให้ติดตั้งอัปเดตทันทีและรีบูตเครื่อง
    เซิร์ฟเวอร์ที่ยังไม่เปิดใช้ WSUS จะไม่เสี่ยง

    วิธีลดความเสี่ยง (หากยังไม่สามารถอัปเดตได้ทันที)
    ปิดการใช้งาน WSUS Server Role
    หรือบล็อกพอร์ต 8530 และ 8531 บน firewall
    หมายเหตุ: การบล็อกพอร์ตจะทำให้เครื่องลูกข่ายไม่ได้รับอัปเดต

    https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-issues-emergency-windows-server-security-patch-update-now-or-risk-attack
    🚨 Microsoft ออกแพตช์ฉุกเฉินอุดช่องโหว่ร้ายแรงใน Windows Server – เสี่ยงโดนแฮกแบบไม่ต้องคลิก! Microsoft ได้ออกแพตช์ความปลอดภัยฉุกเฉินเพื่ออุดช่องโหว่ร้ายแรงใน Windows Server Update Services (WSUS) ซึ่งอาจเปิดทางให้แฮกเกอร์โจมตีแบบ remote code execution (RCE) โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตนหรือการคลิกใด ๆ จากผู้ใช้ ช่องโหว่นี้มีรหัส CVE-2025-59287 และได้คะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.8/10 โดยเกิดจากการ “deserialization ของข้อมูลที่ไม่ปลอดภัย” ซึ่งทำให้แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดอันตรายด้วยสิทธิ์ SYSTEM ได้ทันที หาก WSUS เปิดใช้งานอยู่ แม้ Microsoft จะรวมแพตช์ไว้ในอัปเดต Patch Tuesday ประจำเดือนตุลาคม 2025 แล้ว แต่เมื่อมีโค้ดโจมตี (PoC) เผยแพร่ออกสู่สาธารณะ บริษัทจึงรีบออกอัปเดตแบบ out-of-band (OOB) เพื่อกระตุ้นให้ผู้ดูแลระบบติดตั้งแพตช์โดยด่วน ✅ รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-59287 ➡️ ช่องโหว่ใน Windows Server Update Services (WSUS) ➡️ ประเภท: deserialization ของข้อมูลที่ไม่ปลอดภัย ➡️ ความรุนแรง: 9.8/10 (Critical) ➡️ เปิดทางให้แฮกเกอร์รันโค้ดด้วยสิทธิ์ SYSTEM โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ✅ การตอบสนองของ Microsoft ➡️ แพตช์รวมอยู่ใน Patch Tuesday ตุลาคม 2025 ➡️ ออกอัปเดตฉุกเฉินแบบ OOB หลังพบโค้ดโจมตีถูกเผยแพร่ ➡️ แนะนำให้ติดตั้งอัปเดตทันทีและรีบูตเครื่อง ➡️ เซิร์ฟเวอร์ที่ยังไม่เปิดใช้ WSUS จะไม่เสี่ยง ✅ วิธีลดความเสี่ยง (หากยังไม่สามารถอัปเดตได้ทันที) ➡️ ปิดการใช้งาน WSUS Server Role ➡️ หรือบล็อกพอร์ต 8530 และ 8531 บน firewall ➡️ หมายเหตุ: การบล็อกพอร์ตจะทำให้เครื่องลูกข่ายไม่ได้รับอัปเดต https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-issues-emergency-windows-server-security-patch-update-now-or-risk-attack
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • YouTube ลบวิดีโอกว่า 3,000 รายการที่ปลอมเป็นสูตรโกงเกม – พบใช้แพร่กระจายมัลแวร์ Lumma และ RedLine

    YouTube ได้ลบวิดีโอกว่า 3,000 รายการที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแพร่กระจายมัลแวร์ โดยวิดีโอเหล่านี้ปลอมตัวเป็น “สูตรโกงเกม” หรือ “โปรแกรมเถื่อน” เช่น Adobe Photoshop และ FL Studio เพื่อหลอกให้ผู้ชมดาวน์โหลดไฟล์อันตราย

    แคมเปญนี้ถูกเรียกว่า “YouTube Ghost Network” โดยนักวิจัยจาก Check Point Research พบว่าเป็นการโจมตีแบบประสานงานที่ซับซ้อน ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2021 และเพิ่มจำนวนวิดีโออย่างรวดเร็วในปี 2025 โดยใช้เทคนิคสร้าง engagement ปลอม เช่น ไลก์ คอมเมนต์ และการสมัครสมาชิก เพื่อให้วิดีโอดูน่าเชื่อถือ

    มัลแวร์ที่พบในแคมเปญนี้ ได้แก่ Lumma Stealer, Rhadamanthys และ RedLine ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลส่วนตัว เช่น รหัสผ่าน คุกกี้ และข้อมูลการเข้าสู่ระบบต่าง ๆ

    รายละเอียดแคมเปญ YouTube Ghost Network
    วิดีโอปลอมเป็นสูตรโกงเกมและโปรแกรมเถื่อน
    หลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดไฟล์มัลแวร์
    ใช้ engagement ปลอมเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
    เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2021 และเพิ่มขึ้นในปี 2025

    มัลแวร์ที่เกี่ยวข้อง
    Lumma Stealer – ขโมยรหัสผ่านและข้อมูลเข้าสู่ระบบ
    Rhadamanthys – มัลแวร์ระดับสูงสำหรับการสอดแนม
    RedLine – ขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์และแอปต่าง ๆ

    เทคนิคการหลอกลวง
    ใช้ชื่อวิดีโอและคำอธิบายที่ดูน่าเชื่อถือ
    สร้างคอมเมนต์และไลก์ปลอมเพื่อหลอกผู้ใช้
    ใช้หลายบัญชีในการสร้างและโปรโมตวิดีโอ

    https://www.techradar.com/pro/security/thousands-of-youtube-videos-disguised-as-cheat-codes-removed-for-spreading-malware
    🎮 YouTube ลบวิดีโอกว่า 3,000 รายการที่ปลอมเป็นสูตรโกงเกม – พบใช้แพร่กระจายมัลแวร์ Lumma และ RedLine YouTube ได้ลบวิดีโอกว่า 3,000 รายการที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแพร่กระจายมัลแวร์ โดยวิดีโอเหล่านี้ปลอมตัวเป็น “สูตรโกงเกม” หรือ “โปรแกรมเถื่อน” เช่น Adobe Photoshop และ FL Studio เพื่อหลอกให้ผู้ชมดาวน์โหลดไฟล์อันตราย แคมเปญนี้ถูกเรียกว่า “YouTube Ghost Network” โดยนักวิจัยจาก Check Point Research พบว่าเป็นการโจมตีแบบประสานงานที่ซับซ้อน ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2021 และเพิ่มจำนวนวิดีโออย่างรวดเร็วในปี 2025 โดยใช้เทคนิคสร้าง engagement ปลอม เช่น ไลก์ คอมเมนต์ และการสมัครสมาชิก เพื่อให้วิดีโอดูน่าเชื่อถือ มัลแวร์ที่พบในแคมเปญนี้ ได้แก่ Lumma Stealer, Rhadamanthys และ RedLine ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลส่วนตัว เช่น รหัสผ่าน คุกกี้ และข้อมูลการเข้าสู่ระบบต่าง ๆ ✅ รายละเอียดแคมเปญ YouTube Ghost Network ➡️ วิดีโอปลอมเป็นสูตรโกงเกมและโปรแกรมเถื่อน ➡️ หลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดไฟล์มัลแวร์ ➡️ ใช้ engagement ปลอมเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ➡️ เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2021 และเพิ่มขึ้นในปี 2025 ✅ มัลแวร์ที่เกี่ยวข้อง ➡️ Lumma Stealer – ขโมยรหัสผ่านและข้อมูลเข้าสู่ระบบ ➡️ Rhadamanthys – มัลแวร์ระดับสูงสำหรับการสอดแนม ➡️ RedLine – ขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์และแอปต่าง ๆ ✅ เทคนิคการหลอกลวง ➡️ ใช้ชื่อวิดีโอและคำอธิบายที่ดูน่าเชื่อถือ ➡️ สร้างคอมเมนต์และไลก์ปลอมเพื่อหลอกผู้ใช้ ➡️ ใช้หลายบัญชีในการสร้างและโปรโมตวิดีโอ https://www.techradar.com/pro/security/thousands-of-youtube-videos-disguised-as-cheat-codes-removed-for-spreading-malware
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nike เปิดตัวรองเท้า “Powered Footwear” รุ่นแรกของโลก – เดินหรือวิ่งได้ไกลขึ้นโดยไม่เหนื่อย

    Nike ร่วมมือกับบริษัทหุ่นยนต์ Dephy เปิดตัว Project Amplify ซึ่งเป็นระบบรองเท้าแบบใหม่ที่ผสานรองเท้าวิ่งระดับสูงเข้ากับ “ขาเหล็ก” แบบหุ่นยนต์ โดยมีมอเตอร์, สายพานขับเคลื่อน และแบตเตอรี่แบบสวมที่ข้อเท้า ช่วยให้ผู้ใช้เดินหรือวิ่งได้เร็วขึ้นและไกลขึ้นโดยใช้แรงน้อยลง

    แนวคิดนี้คล้ายกับ e-bike ที่ช่วยให้ปั่นจักรยานได้ง่ายขึ้น โดย Nike ตั้งเป้าให้รองเท้านี้ช่วยคนทั่วไปที่วิ่งช้า (เช่น pace 10–12 นาทีต่อไมล์) ไม่ใช่นักกีฬามืออาชีพ

    ระบบหุ่นยนต์สามารถถอดออกได้ ทำให้รองเท้ากลับมาเป็นรองเท้าวิ่งธรรมดาได้เช่นกัน

    จุดเด่นของ Project Amplify
    รองเท้าวิ่งผสานกับขาเหล็กหุ่นยนต์
    มีมอเตอร์, สายพาน, และแบตเตอรี่ข้อเท้า
    ช่วยลดแรงที่ใช้ในการเดินหรือวิ่ง
    ถอดระบบหุ่นยนต์ออกได้ ใช้เป็นรองเท้าธรรมดา

    เป้าหมายของ Nike
    ช่วยคนทั่วไปเดินหรือวิ่งได้ไกลขึ้น
    ลดความเหนื่อยจากการเดินทางหรือออกกำลังกาย
    เปรียบเทียบกับ e-bike ที่ช่วยให้ปั่นง่ายขึ้น

    ความเป็นไปได้ในอนาคต
    Nike ตั้งใจจะวางขายในวงกว้างในอีกไม่กี่ปี
    อาจกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของ wearable robotics
    คล้ายกับ exoskeleton ที่ใช้ในโรงงาน เช่น Hyundai

    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/fancy-an-e-bike-for-your-feet-these-radical-nike-robo-shoes-are-the-worlds-first-powered-footwear
    👟 Nike เปิดตัวรองเท้า “Powered Footwear” รุ่นแรกของโลก – เดินหรือวิ่งได้ไกลขึ้นโดยไม่เหนื่อย Nike ร่วมมือกับบริษัทหุ่นยนต์ Dephy เปิดตัว Project Amplify ซึ่งเป็นระบบรองเท้าแบบใหม่ที่ผสานรองเท้าวิ่งระดับสูงเข้ากับ “ขาเหล็ก” แบบหุ่นยนต์ โดยมีมอเตอร์, สายพานขับเคลื่อน และแบตเตอรี่แบบสวมที่ข้อเท้า ช่วยให้ผู้ใช้เดินหรือวิ่งได้เร็วขึ้นและไกลขึ้นโดยใช้แรงน้อยลง แนวคิดนี้คล้ายกับ e-bike ที่ช่วยให้ปั่นจักรยานได้ง่ายขึ้น โดย Nike ตั้งเป้าให้รองเท้านี้ช่วยคนทั่วไปที่วิ่งช้า (เช่น pace 10–12 นาทีต่อไมล์) ไม่ใช่นักกีฬามืออาชีพ ระบบหุ่นยนต์สามารถถอดออกได้ ทำให้รองเท้ากลับมาเป็นรองเท้าวิ่งธรรมดาได้เช่นกัน ✅ จุดเด่นของ Project Amplify ➡️ รองเท้าวิ่งผสานกับขาเหล็กหุ่นยนต์ ➡️ มีมอเตอร์, สายพาน, และแบตเตอรี่ข้อเท้า ➡️ ช่วยลดแรงที่ใช้ในการเดินหรือวิ่ง ➡️ ถอดระบบหุ่นยนต์ออกได้ ใช้เป็นรองเท้าธรรมดา ✅ เป้าหมายของ Nike ➡️ ช่วยคนทั่วไปเดินหรือวิ่งได้ไกลขึ้น ➡️ ลดความเหนื่อยจากการเดินทางหรือออกกำลังกาย ➡️ เปรียบเทียบกับ e-bike ที่ช่วยให้ปั่นง่ายขึ้น ✅ ความเป็นไปได้ในอนาคต ➡️ Nike ตั้งใจจะวางขายในวงกว้างในอีกไม่กี่ปี ➡️ อาจกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของ wearable robotics ➡️ คล้ายกับ exoskeleton ที่ใช้ในโรงงาน เช่น Hyundai https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/fancy-an-e-bike-for-your-feet-these-radical-nike-robo-shoes-are-the-worlds-first-powered-footwear
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักพระราชวัง เผยแพร่ประกาศ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต
    .
    ตามที่คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน พุทธศักราช 2562 เพื่อติดตามพระอาการทางระบบต่าง ๆ ความทราบทั่วกันแล้วนั้น ในช่วงที่ประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรหลายครั้ง และคณะแพทย์ตรวจพบความผิดปรกติทางระบบต่าง ๆ ทำให้คณะแพทย์ต้องถวายการรักษาอย่างต่อเนื่อง
    .
    ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรจากภาวะติดเชื้อในกระแสพระโลหิต แม้ว่าคณะแพทย์จะถวายการรักษาอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่พระอาการทรุดหนักลงตามลำดับถึงวันศุกร์ ที่ 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 เวลา 21 นาฬิกา 21 นาที เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 93
    .
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สำนักพระราชวัง จัดการพระศพ ถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามราชประเพณี ประดิษฐานพระศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
    .
    ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าทูลละอองธุลีพระบาทในราชสำนักไว้ทุกข์ถวาย มีกำหนด 1 ปี ตั้งแต่วันสววรรคตเป็นต้นไป
    .
    สำนักพระราชวัง
    24 ตุลาคม พุทธศักราช 2568
    .
    ตามที่คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน พุทธศักราช 2562 เพื่อติดตามพระอาการทางระบบต่าง ๆ ความทราบทั่วกันแล้วนั้น ในช่วงที่ประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรหลายครั้ง และคณะแพทย์ตรวจพบความผิดปรกติทางระบบต่าง ๆ ทำให้คณะแพทย์ต้องถวายการรักษาอย่างต่อเนื่อง
    .
    ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรจากภาวะติดเชื้อในกระแสพระโลหิต แม้ว่าคณะแพทย์จะถวายการรักษาอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่พระอาการทรุดหนักลงตามลำดับถึงวันศุกร์ ที่ 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 เวลา 21 นาฬิกา 21 นาที เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 93
    .
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สำนักพระราชวัง จัดการพระศพ ถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามราชประเพณี ประดิษฐานพระศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
    .
    ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าทูลละอองธุลีพระบาทในราชสำนักไว้ทุกข์ถวาย มีกำหนด 1 ปี ตั้งแต่วันสววรรคตเป็นต้นไป
    .
    สำนักพระราชวัง
    24 ตุลาคม พุทธศักราช 2568
    สำนักพระราชวัง เผยแพร่ประกาศ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต . ตามที่คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน พุทธศักราช 2562 เพื่อติดตามพระอาการทางระบบต่าง ๆ ความทราบทั่วกันแล้วนั้น ในช่วงที่ประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรหลายครั้ง และคณะแพทย์ตรวจพบความผิดปรกติทางระบบต่าง ๆ ทำให้คณะแพทย์ต้องถวายการรักษาอย่างต่อเนื่อง . ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรจากภาวะติดเชื้อในกระแสพระโลหิต แม้ว่าคณะแพทย์จะถวายการรักษาอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่พระอาการทรุดหนักลงตามลำดับถึงวันศุกร์ ที่ 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 เวลา 21 นาฬิกา 21 นาที เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 93 . พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สำนักพระราชวัง จัดการพระศพ ถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามราชประเพณี ประดิษฐานพระศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง . ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าทูลละอองธุลีพระบาทในราชสำนักไว้ทุกข์ถวาย มีกำหนด 1 ปี ตั้งแต่วันสววรรคตเป็นต้นไป . สำนักพระราชวัง 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 . ตามที่คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน พุทธศักราช 2562 เพื่อติดตามพระอาการทางระบบต่าง ๆ ความทราบทั่วกันแล้วนั้น ในช่วงที่ประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรหลายครั้ง และคณะแพทย์ตรวจพบความผิดปรกติทางระบบต่าง ๆ ทำให้คณะแพทย์ต้องถวายการรักษาอย่างต่อเนื่อง . ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรจากภาวะติดเชื้อในกระแสพระโลหิต แม้ว่าคณะแพทย์จะถวายการรักษาอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่พระอาการทรุดหนักลงตามลำดับถึงวันศุกร์ ที่ 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 เวลา 21 นาฬิกา 21 นาที เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 93 . พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สำนักพระราชวัง จัดการพระศพ ถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามราชประเพณี ประดิษฐานพระศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง . ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าทูลละอองธุลีพระบาทในราชสำนักไว้ทุกข์ถวาย มีกำหนด 1 ปี ตั้งแต่วันสววรรคตเป็นต้นไป . สำนักพระราชวัง 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2568
    Love
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple กำลังเตรียมเปิดตัว iPhone 18 ในปี 2026 พร้อมชิปเซ็ตใหม่ล่าสุด A20 และ A20 Pro ซึ่งจะเป็นชิปขนาด 2nm รุ่นแรกของบริษัท โดยมีการเปิดเผยโค้ดเนมของแต่ละรุ่นดังนี้:

    รายละเอียดชิป A20 และ A20 Pro
    A20 (โค้ดเนม: Borneo): ใช้ใน iPhone 18 รุ่นพื้นฐาน
    A20 Pro (โค้ดเนม: Borneo Ultra): ใช้ใน iPhone 18 Pro, iPhone 18 Pro Max และ iPhone รุ่นพับได้

    แม้จะมีเพียงสองชื่อชิป แต่คาดว่าจะมี สามเวอร์ชัน เหมือนกับ A19 ที่มีรุ่น “Air” ซึ่งใช้ชิป A19 Pro แบบลดสเปก และรุ่น Pro/Pro Max ที่ใช้ชิปแบบเต็มประสิทธิภาพ

    สเปกที่คาดการณ์
    CPU แบบ 6-core: 2 คอร์ประสิทธิภาพ + 4 คอร์ประหยัดพลังงาน
    ผลิตด้วยเทคโนโลยี TSMC 2nm N2 process
    ชิป A20 และ A20 Pro จะถูกใช้ทั้งใน iPhone และ MacBook Pro รุ่นใหม่ที่มีหน้าจอ OLED แบบสัมผัส

    ความเคลื่อนไหวล่าสุด
    Apple ได้สั่งซื้อ DRAM ขนาด 10nm LPDDR5X จำนวน 13 ล้านชิ้นจาก Samsung เพื่อเตรียมการผลิต iPhone 18 ล่วงหน้า

    https://wccftech.com/apple-a20-pro-codenames-revealed-which-iphone-18-will-feature-which-soc/
    Apple กำลังเตรียมเปิดตัว iPhone 18 ในปี 2026 พร้อมชิปเซ็ตใหม่ล่าสุด A20 และ A20 Pro ซึ่งจะเป็นชิปขนาด 2nm รุ่นแรกของบริษัท โดยมีการเปิดเผยโค้ดเนมของแต่ละรุ่นดังนี้: 🔍 รายละเอียดชิป A20 และ A20 Pro 🔊 A20 (โค้ดเนม: Borneo): ใช้ใน iPhone 18 รุ่นพื้นฐาน 🔊 A20 Pro (โค้ดเนม: Borneo Ultra): ใช้ใน iPhone 18 Pro, iPhone 18 Pro Max และ iPhone รุ่นพับได้ แม้จะมีเพียงสองชื่อชิป แต่คาดว่าจะมี สามเวอร์ชัน เหมือนกับ A19 ที่มีรุ่น “Air” ซึ่งใช้ชิป A19 Pro แบบลดสเปก และรุ่น Pro/Pro Max ที่ใช้ชิปแบบเต็มประสิทธิภาพ ⚙️ สเปกที่คาดการณ์ 📐 CPU แบบ 6-core: 2 คอร์ประสิทธิภาพ + 4 คอร์ประหยัดพลังงาน 📐 ผลิตด้วยเทคโนโลยี TSMC 2nm N2 process 📐 ชิป A20 และ A20 Pro จะถูกใช้ทั้งใน iPhone และ MacBook Pro รุ่นใหม่ที่มีหน้าจอ OLED แบบสัมผัส 📦 ความเคลื่อนไหวล่าสุด ⚡ Apple ได้สั่งซื้อ DRAM ขนาด 10nm LPDDR5X จำนวน 13 ล้านชิ้นจาก Samsung เพื่อเตรียมการผลิต iPhone 18 ล่วงหน้า https://wccftech.com/apple-a20-pro-codenames-revealed-which-iphone-18-will-feature-which-soc/
    WCCFTECH.COM
    Apple’s A20, A20 Pro Chipset Codenames Revealed - Rumor Provides Details On Which SoC Will Power The iPhone 18 Next Year
    A rumor not only sheds light on the A20 and A20 Pro codenames, but also which iPhone 18 model will be treated to which silicon
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • MacBook Pro M5 ได้แบตเตอรี่ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย พร้อมคะแนนซ่อมแซมดีขึ้นนิดหน่อย

    iFixit ได้ทำการ teardown MacBook Pro รุ่นใหม่ที่ใช้ชิป M5 และพบว่า Apple ได้ปรับปรุงบางจุดที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมแซมและแบตเตอรี่:

    จุดเปลี่ยนแปลงสำคัญ
    แบตเตอรี่ใหญ่ขึ้น: จาก 72.4Wh ในรุ่น M4 เป็น 72.6Wh ในรุ่น M5
    การเปลี่ยนแบตเตอรี่ปลอดภัยขึ้น: Apple แนะนำให้ถอดสาย Battery Management System ก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการลัดวงจร
    ไม่ต้องถอด trackpad เพื่อเข้าถึง pull tabs ของแบตเตอรี่แล้ว
    การเปลี่ยนหน้าจอยังยุ่งยาก: ต้องถอด antenna bracket และ P2 screws ก่อน
    การเปลี่ยนชิ้นส่วนหลักยังต้องถอด logic board

    คะแนนซ่อมแซมจาก iFixit
    MacBook Pro M5 ได้คะแนน 4/10
    เทียบกับ MacBook Air M4 ที่ได้ 5/10

    ประสิทธิภาพความร้อน
    แม้จะมีปัญหาเรื่องการระบายความร้อนจากพัดลมเดี่ยวและ heatpipe เดียว แต่ M5 ทำงานได้เย็นกว่ารุ่นก่อนในการทดสอบ Cinebench 2024:
    M5: เฉลี่ย 98.95°C
    M4: เฉลี่ย 100.90°C

    https://wccftech.com/ifixit-reports-a-slightly-bigger-battery-on-the-m5-macbook-pro-minor-improvement-in-repairability-score/
    🔋 MacBook Pro M5 ได้แบตเตอรี่ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย พร้อมคะแนนซ่อมแซมดีขึ้นนิดหน่อย iFixit ได้ทำการ teardown MacBook Pro รุ่นใหม่ที่ใช้ชิป M5 และพบว่า Apple ได้ปรับปรุงบางจุดที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมแซมและแบตเตอรี่: 🔧 จุดเปลี่ยนแปลงสำคัญ ➡️ แบตเตอรี่ใหญ่ขึ้น: จาก 72.4Wh ในรุ่น M4 เป็น 72.6Wh ในรุ่น M5 ➡️ การเปลี่ยนแบตเตอรี่ปลอดภัยขึ้น: Apple แนะนำให้ถอดสาย Battery Management System ก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการลัดวงจร ➡️ ไม่ต้องถอด trackpad เพื่อเข้าถึง pull tabs ของแบตเตอรี่แล้ว ➡️ การเปลี่ยนหน้าจอยังยุ่งยาก: ต้องถอด antenna bracket และ P2 screws ก่อน ➡️ การเปลี่ยนชิ้นส่วนหลักยังต้องถอด logic board 📊 คะแนนซ่อมแซมจาก iFixit ➡️ MacBook Pro M5 ได้คะแนน 4/10 ➡️ เทียบกับ MacBook Air M4 ที่ได้ 5/10 🌡️ ประสิทธิภาพความร้อน แม้จะมีปัญหาเรื่องการระบายความร้อนจากพัดลมเดี่ยวและ heatpipe เดียว แต่ M5 ทำงานได้เย็นกว่ารุ่นก่อนในการทดสอบ Cinebench 2024: ➡️ M5: เฉลี่ย 98.95°C ➡️ M4: เฉลี่ย 100.90°C https://wccftech.com/ifixit-reports-a-slightly-bigger-battery-on-the-m5-macbook-pro-minor-improvement-in-repairability-score/
    WCCFTECH.COM
    iFixit Reports A Slightly Bigger Battery On The M5 MacBook Pro, Minor Improvement In Repairability Metrics
    iFixit has finally published its much-awaited teardown of the new Apple M5 MacBook Pro, disclosing a few interesting tidbits.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว