• https://youtu.be/bLqaqk7mZTE?si=EWw9NWMdaR5uxiZV
    https://youtu.be/bLqaqk7mZTE?si=EWw9NWMdaR5uxiZV
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/LYgd9C5ENtg?si=CYXVr2-bm6srx_Ni
    https://youtu.be/LYgd9C5ENtg?si=CYXVr2-bm6srx_Ni
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/R3CItT4m86g?si=IF9Hbk8pPc_UViav
    https://youtube.com/shorts/R3CItT4m86g?si=IF9Hbk8pPc_UViav
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/zD-U_UblP7o?si=bueczOs_RU3ih2TC
    https://youtu.be/zD-U_UblP7o?si=bueczOs_RU3ih2TC
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/cek0TEjGi-U?si=MgnJYBuM22KN7O_1
    https://youtu.be/cek0TEjGi-U?si=MgnJYBuM22KN7O_1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/CNQLsSwoI2E?si=XgpjcWNWWUydkxOb
    https://youtube.com/shorts/CNQLsSwoI2E?si=XgpjcWNWWUydkxOb
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/i6cuTDwed64?si=UdTtul_a-11YoBbi
    https://youtube.com/shorts/i6cuTDwed64?si=UdTtul_a-11YoBbi
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/60w_kfH_59c?si=g5OYUXd_yr3LdhMJ
    https://youtube.com/shorts/60w_kfH_59c?si=g5OYUXd_yr3LdhMJ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/lRMFyufJZQw?si=1nhW8Eujd-MSx6ej
    https://youtu.be/lRMFyufJZQw?si=1nhW8Eujd-MSx6ej
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/C0VZ_CGBnbs?si=zPVNzw2b9yHdwcsv
    https://youtu.be/C0VZ_CGBnbs?si=zPVNzw2b9yHdwcsv
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/k1UBDC8PO4M?si=0hGaSDlmDEQKTMYJ
    https://youtube.com/shorts/k1UBDC8PO4M?si=0hGaSDlmDEQKTMYJ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/97Rs465wA6A?si=dBuZVKFd90c0QkBb
    https://youtube.com/shorts/97Rs465wA6A?si=dBuZVKFd90c0QkBb
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/69t41UI4iIU?si=OISTU0WWGg2EBHX9
    https://youtube.com/shorts/69t41UI4iIU?si=OISTU0WWGg2EBHX9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ใชหน้าที่ของคนอื่น...หรือหน้าที่ของใคร
    Cr.Wiwan Boonya
    ไม่ใชหน้าที่ของคนอื่น...หรือหน้าที่ของใคร Cr.Wiwan Boonya
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 รีวิว
  • 21 ตุลาคม
    วันพยาบาลแห่งชาติ
    วันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
    ภาพจาก : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
    21 ตุลาคม วันพยาบาลแห่งชาติ วันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ภาพจาก : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Managed IT Services เสริมเกราะไซเบอร์องค์กร — จากการเฝ้าระวังถึงการฟื้นตัวหลังภัยคุกคาม” — เมื่อการจ้างผู้เชี่ยวชาญดูแลระบบ IT กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญในการรับมือภัยไซเบอร์ยุคใหม่

    ในยุคที่ธุรกิจพึ่งพาเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบ ความเสี่ยงด้านไซเบอร์ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีด้วย ransomware, การหลอกลวงผ่าน phishing หรือการเจาะระบบเพื่อขโมยข้อมูลสำคัญ หลายองค์กรพบว่าการรับมือด้วยทีมภายในเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ

    บทความจาก SecurityOnline.info ชี้ให้เห็นว่า “Managed IT Services” หรือบริการดูแลระบบ IT แบบครบวงจรจากภายนอก คือคำตอบที่ช่วยให้องค์กรเปลี่ยนจากการรับมือแบบ “ตามเหตุการณ์” ไปสู่การป้องกันเชิงรุก โดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยเฝ้าระวัง ตรวจจับ และตอบสนองต่อภัยคุกคามตลอดเวลา

    บริการเหล่านี้ครอบคลุมตั้งแต่การติดตั้งระบบป้องกันหลายชั้น เช่น firewall และ endpoint protection, การอัปเดตแพตช์อย่างสม่ำเสมอ, การสำรองข้อมูลและวางแผนกู้คืนระบบ ไปจนถึงการฝึกอบรมพนักงานให้รู้เท่าทันภัยไซเบอร์

    ที่สำคัญ Managed IT ยังช่วยให้องค์กรปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานด้านความปลอดภัย เช่น GDPR, HIPAA และ PCI-DSS ได้ง่ายขึ้น ลดความเสี่ยงด้านกฎหมายและชื่อเสียง

    Managed IT Services ช่วยเปลี่ยนการรับมือภัยไซเบอร์จากเชิงรับเป็นเชิงรุก
    มีการเฝ้าระวังและตรวจจับภัยคุกคามแบบเรียลไทม์

    ใช้เครื่องมืออัตโนมัติและ AI วิเคราะห์พฤติกรรมผิดปกติ
    ลดช่องว่างระหว่างการตรวจพบและการตอบสนอง

    ติดตั้งระบบป้องกันหลายชั้น เช่น firewall, IDS, encryption
    ปรับแต่งตามความต้องการเฉพาะของแต่ละองค์กร

    จัดการอัปเดตและแพตช์ระบบอย่างต่อเนื่อง
    ลดช่องโหว่จากซอฟต์แวร์ที่ล้าสมัย

    สำรองข้อมูลและวางแผนกู้คืนระบบจากภัยพิบัติ
    ใช้คลาวด์และระบบอัตโนมัติเพื่อฟื้นตัวเร็ว

    ฝึกอบรมพนักงานให้รู้เท่าทันภัยไซเบอร์
    ลดความเสี่ยงจาก human error เช่น phishing หรือรหัสผ่านอ่อนแอ

    ช่วยให้องค์กรปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย เช่น GDPR, HIPAA
    มีการตรวจสอบและจัดทำเอกสารตามข้อกำหนด

    ลด downtime และเพิ่มความต่อเนื่องทางธุรกิจ
    มีแผนสำรองและระบบเฝ้าระวังที่ตอบสนองเร็ว

    องค์กรที่ไม่มีการอัปเดตระบบอย่างสม่ำเสมอเสี่ยงต่อการถูกโจมตี
    ช่องโหว่จากซอฟต์แวร์เก่าเป็นเป้าหมายหลักของแฮกเกอร์

    หากไม่มีแผนกู้คืนระบบ อาจสูญเสียข้อมูลสำคัญเมื่อเกิดภัยพิบัติ
    ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและความต่อเนื่องทางธุรกิจ

    พนักงานที่ไม่ได้รับการฝึกอบรมอาจเป็นช่องทางให้ภัยไซเบอร์เข้าถึงระบบ
    เช่น คลิกลิงก์หลอกลวงหรือใช้รหัสผ่านซ้ำ

    การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัยข้อมูลอาจนำไปสู่ค่าปรับมหาศาล
    และสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงองค์กร

    https://securityonline.info/how-managed-it-services-strengthen-cybersecurity/
    🛡️ “Managed IT Services เสริมเกราะไซเบอร์องค์กร — จากการเฝ้าระวังถึงการฟื้นตัวหลังภัยคุกคาม” — เมื่อการจ้างผู้เชี่ยวชาญดูแลระบบ IT กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญในการรับมือภัยไซเบอร์ยุคใหม่ ในยุคที่ธุรกิจพึ่งพาเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบ ความเสี่ยงด้านไซเบอร์ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีด้วย ransomware, การหลอกลวงผ่าน phishing หรือการเจาะระบบเพื่อขโมยข้อมูลสำคัญ หลายองค์กรพบว่าการรับมือด้วยทีมภายในเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ บทความจาก SecurityOnline.info ชี้ให้เห็นว่า “Managed IT Services” หรือบริการดูแลระบบ IT แบบครบวงจรจากภายนอก คือคำตอบที่ช่วยให้องค์กรเปลี่ยนจากการรับมือแบบ “ตามเหตุการณ์” ไปสู่การป้องกันเชิงรุก โดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยเฝ้าระวัง ตรวจจับ และตอบสนองต่อภัยคุกคามตลอดเวลา บริการเหล่านี้ครอบคลุมตั้งแต่การติดตั้งระบบป้องกันหลายชั้น เช่น firewall และ endpoint protection, การอัปเดตแพตช์อย่างสม่ำเสมอ, การสำรองข้อมูลและวางแผนกู้คืนระบบ ไปจนถึงการฝึกอบรมพนักงานให้รู้เท่าทันภัยไซเบอร์ ที่สำคัญ Managed IT ยังช่วยให้องค์กรปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานด้านความปลอดภัย เช่น GDPR, HIPAA และ PCI-DSS ได้ง่ายขึ้น ลดความเสี่ยงด้านกฎหมายและชื่อเสียง ✅ Managed IT Services ช่วยเปลี่ยนการรับมือภัยไซเบอร์จากเชิงรับเป็นเชิงรุก ➡️ มีการเฝ้าระวังและตรวจจับภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ ✅ ใช้เครื่องมืออัตโนมัติและ AI วิเคราะห์พฤติกรรมผิดปกติ ➡️ ลดช่องว่างระหว่างการตรวจพบและการตอบสนอง ✅ ติดตั้งระบบป้องกันหลายชั้น เช่น firewall, IDS, encryption ➡️ ปรับแต่งตามความต้องการเฉพาะของแต่ละองค์กร ✅ จัดการอัปเดตและแพตช์ระบบอย่างต่อเนื่อง ➡️ ลดช่องโหว่จากซอฟต์แวร์ที่ล้าสมัย ✅ สำรองข้อมูลและวางแผนกู้คืนระบบจากภัยพิบัติ ➡️ ใช้คลาวด์และระบบอัตโนมัติเพื่อฟื้นตัวเร็ว ✅ ฝึกอบรมพนักงานให้รู้เท่าทันภัยไซเบอร์ ➡️ ลดความเสี่ยงจาก human error เช่น phishing หรือรหัสผ่านอ่อนแอ ✅ ช่วยให้องค์กรปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย เช่น GDPR, HIPAA ➡️ มีการตรวจสอบและจัดทำเอกสารตามข้อกำหนด ✅ ลด downtime และเพิ่มความต่อเนื่องทางธุรกิจ ➡️ มีแผนสำรองและระบบเฝ้าระวังที่ตอบสนองเร็ว ‼️ องค์กรที่ไม่มีการอัปเดตระบบอย่างสม่ำเสมอเสี่ยงต่อการถูกโจมตี ⛔ ช่องโหว่จากซอฟต์แวร์เก่าเป็นเป้าหมายหลักของแฮกเกอร์ ‼️ หากไม่มีแผนกู้คืนระบบ อาจสูญเสียข้อมูลสำคัญเมื่อเกิดภัยพิบัติ ⛔ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและความต่อเนื่องทางธุรกิจ ‼️ พนักงานที่ไม่ได้รับการฝึกอบรมอาจเป็นช่องทางให้ภัยไซเบอร์เข้าถึงระบบ ⛔ เช่น คลิกลิงก์หลอกลวงหรือใช้รหัสผ่านซ้ำ ‼️ การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัยข้อมูลอาจนำไปสู่ค่าปรับมหาศาล ⛔ และสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงองค์กร https://securityonline.info/how-managed-it-services-strengthen-cybersecurity/
    SECURITYONLINE.INFO
    How Managed IT Services Strengthen Cybersecurity?
    In today’s digital age, businesses depend heavily on technology to operate efficiently, but that reliance also introduces new
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ProtonMail จัดการอีเมลข่าวสารได้ดีกว่า Gmail — สะดวกกว่า ลึกกว่า และเป็นส่วนตัวมากกว่า” — เมื่อการจัดการ newsletter ไม่ใช่แค่การกด unsubscribe แต่คือการควบคุมข้อมูลของคุณ

    บทความจาก It’s FOSS โดย Abhishek เล่าประสบการณ์ตรงจากการใช้ ProtonMail มานานกว่า 5 ปี โดยเปรียบเทียบฟีเจอร์จัดการอีเมลข่าวสาร (newsletter) ระหว่าง ProtonMail กับ Gmail ซึ่งแม้ทั้งสองจะมีฟีเจอร์คล้ายกัน แต่ ProtonMail กลับทำได้ดีกว่าในหลายด้าน

    ใน Gmail ผู้ใช้สามารถเข้าไปที่ “Manage subscriptions” เพื่อดูรายชื่อผู้ส่งและกด unsubscribe ได้ แต่ข้อมูลที่แสดงค่อนข้างจำกัด เช่น จำนวนอีเมลที่ได้รับโดยประมาณ และไม่มีตัวเลือกเพิ่มเติมสำหรับจัดการอีเมลเก่า

    ProtonMail นำเสนอฟีเจอร์เดียวกันในตำแหน่งที่เข้าถึงง่ายกว่า และแสดงข้อมูลละเอียดกว่า เช่น จำนวนอีเมลที่ได้รับในเดือนล่าสุด และจำนวนที่ยังไม่ได้อ่าน พร้อมตัวเลือกจัดการอีเมลเก่า เช่น ย้ายไปถังขยะ, เก็บถาวร หรือทำให้เป็น “อ่านแล้ว” ทั้งหมด

    ที่สำคัญคือ ProtonMail ให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะ “บล็อก” ผู้ส่งหรือแค่ “เลิกติดตาม” ซึ่งต่างกันมาก — การบล็อกจะปิดกั้นการสื่อสารทั้งหมดจากอีเมลนั้น ในขณะที่การเลิกติดตามจะหยุดเฉพาะอีเมลข่าวสารเท่านั้น

    ProtonMail ยังมีระบบ “จัดการแบบอัตโนมัติ” เช่น การย้ายอีเมลไปยังโฟลเดอร์เฉพาะ และการจัดเรียงตามความถี่หรือการอ่าน เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะเก็บหรือเลิกติดตามอีเมลใด

    ProtonMail มีฟีเจอร์จัดการ newsletter ที่เข้าถึงง่ายกว่า Gmail
    อยู่ในเมนู “Views” โดยไม่ต้องคลิก “More” เหมือน Gmail

    แสดงข้อมูลละเอียด เช่น จำนวนอีเมลที่ได้รับและยังไม่ได้อ่าน
    ช่วยให้ผู้ใช้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะเลิกติดตามหรือไม่

    มีตัวเลือกจัดการอีเมลเก่าเมื่อกด unsubscribe
    เช่น ย้ายไปถังขยะ, เก็บถาวร หรือทำให้เป็น “อ่านแล้ว”

    แยกการ “เลิกติดตาม” กับ “บล็อก” ผู้ส่งอย่างชัดเจน
    บล็อกจะปิดกั้นการสื่อสารทั้งหมดจากอีเมลนั้น

    สามารถย้ายอีเมลไปยังโฟลเดอร์เฉพาะและใช้กับอีเมลในอนาคต
    คลิก “Apply to future messages” เพื่อจัดการอัตโนมัติ

    มีระบบจัดเรียง newsletter ตามความถี่และการอ่าน
    เช่น มากที่สุด/น้อยที่สุด, อ่านล่าสุด, ได้รับล่าสุด

    ฟีเจอร์นี้มีในเวอร์ชันฟรีของ ProtonMail ด้วย
    ไม่จำเป็นต้องจ่ายเพื่อใช้งานพื้นฐาน

    https://news.itsfoss.com/protonmail-gmail-better-newsletter/
    📩 “ProtonMail จัดการอีเมลข่าวสารได้ดีกว่า Gmail — สะดวกกว่า ลึกกว่า และเป็นส่วนตัวมากกว่า” — เมื่อการจัดการ newsletter ไม่ใช่แค่การกด unsubscribe แต่คือการควบคุมข้อมูลของคุณ บทความจาก It’s FOSS โดย Abhishek เล่าประสบการณ์ตรงจากการใช้ ProtonMail มานานกว่า 5 ปี โดยเปรียบเทียบฟีเจอร์จัดการอีเมลข่าวสาร (newsletter) ระหว่าง ProtonMail กับ Gmail ซึ่งแม้ทั้งสองจะมีฟีเจอร์คล้ายกัน แต่ ProtonMail กลับทำได้ดีกว่าในหลายด้าน ใน Gmail ผู้ใช้สามารถเข้าไปที่ “Manage subscriptions” เพื่อดูรายชื่อผู้ส่งและกด unsubscribe ได้ แต่ข้อมูลที่แสดงค่อนข้างจำกัด เช่น จำนวนอีเมลที่ได้รับโดยประมาณ และไม่มีตัวเลือกเพิ่มเติมสำหรับจัดการอีเมลเก่า ProtonMail นำเสนอฟีเจอร์เดียวกันในตำแหน่งที่เข้าถึงง่ายกว่า และแสดงข้อมูลละเอียดกว่า เช่น จำนวนอีเมลที่ได้รับในเดือนล่าสุด และจำนวนที่ยังไม่ได้อ่าน พร้อมตัวเลือกจัดการอีเมลเก่า เช่น ย้ายไปถังขยะ, เก็บถาวร หรือทำให้เป็น “อ่านแล้ว” ทั้งหมด ที่สำคัญคือ ProtonMail ให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะ “บล็อก” ผู้ส่งหรือแค่ “เลิกติดตาม” ซึ่งต่างกันมาก — การบล็อกจะปิดกั้นการสื่อสารทั้งหมดจากอีเมลนั้น ในขณะที่การเลิกติดตามจะหยุดเฉพาะอีเมลข่าวสารเท่านั้น ProtonMail ยังมีระบบ “จัดการแบบอัตโนมัติ” เช่น การย้ายอีเมลไปยังโฟลเดอร์เฉพาะ และการจัดเรียงตามความถี่หรือการอ่าน เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะเก็บหรือเลิกติดตามอีเมลใด ✅ ProtonMail มีฟีเจอร์จัดการ newsletter ที่เข้าถึงง่ายกว่า Gmail ➡️ อยู่ในเมนู “Views” โดยไม่ต้องคลิก “More” เหมือน Gmail ✅ แสดงข้อมูลละเอียด เช่น จำนวนอีเมลที่ได้รับและยังไม่ได้อ่าน ➡️ ช่วยให้ผู้ใช้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะเลิกติดตามหรือไม่ ✅ มีตัวเลือกจัดการอีเมลเก่าเมื่อกด unsubscribe ➡️ เช่น ย้ายไปถังขยะ, เก็บถาวร หรือทำให้เป็น “อ่านแล้ว” ✅ แยกการ “เลิกติดตาม” กับ “บล็อก” ผู้ส่งอย่างชัดเจน ➡️ บล็อกจะปิดกั้นการสื่อสารทั้งหมดจากอีเมลนั้น ✅ สามารถย้ายอีเมลไปยังโฟลเดอร์เฉพาะและใช้กับอีเมลในอนาคต ➡️ คลิก “Apply to future messages” เพื่อจัดการอัตโนมัติ ✅ มีระบบจัดเรียง newsletter ตามความถี่และการอ่าน ➡️ เช่น มากที่สุด/น้อยที่สุด, อ่านล่าสุด, ได้รับล่าสุด ✅ ฟีเจอร์นี้มีในเวอร์ชันฟรีของ ProtonMail ด้วย ➡️ ไม่จำเป็นต้องจ่ายเพื่อใช้งานพื้นฐาน https://news.itsfoss.com/protonmail-gmail-better-newsletter/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    That One (of the several) Feature ProtonMail Does Better Than Gmail
    The newsletters can be a mess to manage. ProtonMail gives you better features than Gmail to manage your newsletter subscriptions.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • “SuperTuxKart 1.5 เปิดตัวพร้อมฟีเจอร์ใหม่เพียบ — ปรับกราฟิก, เพิ่ม Egg Hunt และอำลา Story Mode 1.x” — เมื่อเกมแข่งรถโอเพ่นซอร์สสุดคลาสสิกกลับมาอีกครั้ง พร้อมอัปเกรดครั้งใหญ่

    หลังจากห่างหายไปนานกว่า 3 ปี SuperTuxKart 1.5 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม 2025 โดยมาพร้อมการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั้งด้านกราฟิก, ฟีเจอร์, และระบบการเล่น โดยเฉพาะการอำลา Story Mode เวอร์ชัน 1.x เพื่อเตรียมเข้าสู่ยุคใหม่ของเกม

    หนึ่งในฟีเจอร์เด่นคือ “Egg Hunt” ที่เพิ่มเข้ามาใน 3 สนามใหม่ ได้แก่ Black Forest, Gran Paradisio Island และ The Old Mine ซึ่งเป็นโหมดเล่นสนุกที่ให้ผู้เล่นตามหาไข่ที่ซ่อนอยู่ในสนาม

    ด้านกราฟิกมีการปรับปรุงหลายจุด เช่น:

    เพิ่ม SSAA และ Percentage-Closer Soft Shadows สำหรับ GPU แรง
    ปรับปรุง Vulkan renderer และ Cascaded Shadow Mapping
    เพิ่มเอฟเฟกต์ใหม่สำหรับผู้ใช้ไดรเวอร์วิดีโอรุ่นเก่า
    ปรับคุณภาพภาพใน preset ต่ำและกลางให้ดีขึ้นด้วย anisotropic filtering

    ระบบเสียงก็ได้รับการปรับปรุงเช่นกัน โดยผู้เล่นสามารถควบคุมระดับเสียงได้ละเอียดขึ้น และมีเพลงใหม่สำหรับสนาม Las Dunas Arena และ Las Dunas Soccer

    ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
    ปรับปรุง animation ของ parachute และ bubblegum shield
    เพิ่ม spotlight และ LoD settings เพื่อลดปัญหา popping
    เพิ่มการตั้งค่า FPS สูงสุดในเกม (ไม่จำกัดแค่ 120 FPS บน PC หรือ 30 FPS บน Android อีกต่อไป)
    เพิ่มฟอนต์ใหม่เพื่อรองรับหลายภาษา
    ปรับปรุงระบบ Follow-The-Leader ด้วยเสียงและสีเตือนก่อนถูกคัดออก
    เพิ่ม smooth scrolling สำหรับ Irrlicht และปรับปรุง framerate limiter

    ผู้เล่นสามารถดาวน์โหลด SuperTuxKart 1.5 ได้แล้วทั้งบนระบบ 64-bit และ ARM64 สำหรับ Linux ผ่าน GitHub หรือ Flathub

    https://9to5linux.com/supertuxkart-1-5-open-source-kart-racing-game-released-with-major-changes
    🏎️ “SuperTuxKart 1.5 เปิดตัวพร้อมฟีเจอร์ใหม่เพียบ — ปรับกราฟิก, เพิ่ม Egg Hunt และอำลา Story Mode 1.x” — เมื่อเกมแข่งรถโอเพ่นซอร์สสุดคลาสสิกกลับมาอีกครั้ง พร้อมอัปเกรดครั้งใหญ่ หลังจากห่างหายไปนานกว่า 3 ปี SuperTuxKart 1.5 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม 2025 โดยมาพร้อมการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั้งด้านกราฟิก, ฟีเจอร์, และระบบการเล่น โดยเฉพาะการอำลา Story Mode เวอร์ชัน 1.x เพื่อเตรียมเข้าสู่ยุคใหม่ของเกม หนึ่งในฟีเจอร์เด่นคือ “Egg Hunt” ที่เพิ่มเข้ามาใน 3 สนามใหม่ ได้แก่ Black Forest, Gran Paradisio Island และ The Old Mine ซึ่งเป็นโหมดเล่นสนุกที่ให้ผู้เล่นตามหาไข่ที่ซ่อนอยู่ในสนาม ด้านกราฟิกมีการปรับปรุงหลายจุด เช่น: 🎗️ เพิ่ม SSAA และ Percentage-Closer Soft Shadows สำหรับ GPU แรง 🎗️ ปรับปรุง Vulkan renderer และ Cascaded Shadow Mapping 🎗️ เพิ่มเอฟเฟกต์ใหม่สำหรับผู้ใช้ไดรเวอร์วิดีโอรุ่นเก่า 🎗️ ปรับคุณภาพภาพใน preset ต่ำและกลางให้ดีขึ้นด้วย anisotropic filtering ระบบเสียงก็ได้รับการปรับปรุงเช่นกัน โดยผู้เล่นสามารถควบคุมระดับเสียงได้ละเอียดขึ้น และมีเพลงใหม่สำหรับสนาม Las Dunas Arena และ Las Dunas Soccer ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ: 🛻 ปรับปรุง animation ของ parachute และ bubblegum shield 🛻 เพิ่ม spotlight และ LoD settings เพื่อลดปัญหา popping 🛻 เพิ่มการตั้งค่า FPS สูงสุดในเกม (ไม่จำกัดแค่ 120 FPS บน PC หรือ 30 FPS บน Android อีกต่อไป) 🛻 เพิ่มฟอนต์ใหม่เพื่อรองรับหลายภาษา 🛻 ปรับปรุงระบบ Follow-The-Leader ด้วยเสียงและสีเตือนก่อนถูกคัดออก 🛻 เพิ่ม smooth scrolling สำหรับ Irrlicht และปรับปรุง framerate limiter ผู้เล่นสามารถดาวน์โหลด SuperTuxKart 1.5 ได้แล้วทั้งบนระบบ 64-bit และ ARM64 สำหรับ Linux ผ่าน GitHub หรือ Flathub https://9to5linux.com/supertuxkart-1-5-open-source-kart-racing-game-released-with-major-changes
    9TO5LINUX.COM
    SuperTuxKart 1.5 Open-Source Kart Racing Game Released with Major Changes - 9to5Linux
    SuperTuxKart 1.5 free and open-source kart racing game is now available for download as a major update with new features and improvements.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • “RoBERTa Diffusion: เมื่อ BERT กลายเป็นโมเดลสร้างข้อความผ่านกระบวนการ ‘ลบสัญญาณรบกวน’” — จากภาพสู่ภาษา: การประยุกต์ diffusion model กับการสร้างข้อความแบบใหม่

    บทความจาก Nathan.rs นำเสนอแนวคิดที่น่าสนใจว่า BERT ซึ่งเป็นโมเดลภาษายอดนิยม อาจเป็นเพียง “กรณีย่อย” ของโมเดล diffusion สำหรับภาษา โดยอธิบายว่า masked language modeling (MLM) ที่ใช้ใน BERT มีโครงสร้างคล้ายกับการลบสัญญาณรบกวน (denoising) ใน diffusion model ที่ใช้ในงานสร้างภาพ

    แนวคิดนี้เริ่มจากการศึกษางานของ Google DeepMind ที่เปิดตัว Gemini Diffusion ซึ่งสร้างข้อความโดยเริ่มจาก noise แล้วค่อย ๆ refine ให้กลายเป็นข้อความที่มีความหมาย — ต่างจาก GPT ที่สร้างทีละ token แบบ autoregressive

    Nathan เสนอว่า BERT เองก็สามารถนำมาใช้สร้างข้อความได้ หากเปลี่ยนจากการ mask แบบคงที่ มาเป็นการ mask แบบไล่ระดับ (จากน้อยไปมาก แล้วค่อย ๆ ลดกลับลงมา) ซึ่งคล้ายกับกระบวนการ diffusion ในภาพ

    เขาเรียกแนวทางนี้ว่า “RoBERTa Diffusion” โดยใช้ RoBERTa (เวอร์ชันปรับปรุงของ BERT) มาฝึกแบบใหม่บน WikiText dataset ด้วยการสุ่มระดับการ mask และฝึกให้โมเดลเดา token ที่หายไปในแต่ละขั้นตอน

    ผลลัพธ์ที่ได้คือข้อความที่สร้างขึ้นมีความต่อเนื่องและสมเหตุสมผล แม้จะยังไม่เทียบเท่า GPT-2 แต่ก็ถือเป็น “proof of concept” ที่แสดงให้เห็นว่าโมเดล encoder-only อย่าง BERT ก็สามารถใช้สร้างข้อความได้ หากปรับวิธีการฝึกให้เหมาะสม

    Gemini Diffusion ของ Google DeepMind ใช้ diffusion model สร้างข้อความจาก noise
    ต่างจาก GPT ที่สร้างทีละ token แบบ autoregressive

    BERT ใช้ masked language modeling (MLM) ซึ่งคล้ายกับการ denoise
    เหมาะกับการประยุกต์เป็น diffusion model สำหรับภาษา

    RoBERTa เป็นเวอร์ชันปรับปรุงของ BERT ที่ใช้ MLM อย่างเดียว
    ไม่มีการทำนายประโยคถัดไป (next sentence prediction)

    RoBERTa Diffusion ใช้การ mask แบบไล่ระดับในหลายขั้นตอน
    ฝึกให้โมเดลเดา token ที่หายไปในแต่ละระดับ

    ใช้ WikiText dataset และ HuggingFace library ในการฝึก
    พร้อม diffusion_collator ที่สุ่มระดับการ mask

    ผลลัพธ์ที่ได้มีความต่อเนื่องและสมเหตุสมผล
    แม้จะยังช้ากว่า GPT-2 (~13 วินาที vs ~9 วินาที)

    แนวคิดนี้สามารถต่อยอดด้วยเทคนิคใหม่ เช่น AR-Diffusion และ Skip-Step Diffusion
    เพื่อเพิ่มคุณภาพและความเร็วในการสร้างข้อความ

    https://nathan.rs/posts/roberta-diffusion/
    🧠 “RoBERTa Diffusion: เมื่อ BERT กลายเป็นโมเดลสร้างข้อความผ่านกระบวนการ ‘ลบสัญญาณรบกวน’” — จากภาพสู่ภาษา: การประยุกต์ diffusion model กับการสร้างข้อความแบบใหม่ บทความจาก Nathan.rs นำเสนอแนวคิดที่น่าสนใจว่า BERT ซึ่งเป็นโมเดลภาษายอดนิยม อาจเป็นเพียง “กรณีย่อย” ของโมเดล diffusion สำหรับภาษา โดยอธิบายว่า masked language modeling (MLM) ที่ใช้ใน BERT มีโครงสร้างคล้ายกับการลบสัญญาณรบกวน (denoising) ใน diffusion model ที่ใช้ในงานสร้างภาพ แนวคิดนี้เริ่มจากการศึกษางานของ Google DeepMind ที่เปิดตัว Gemini Diffusion ซึ่งสร้างข้อความโดยเริ่มจาก noise แล้วค่อย ๆ refine ให้กลายเป็นข้อความที่มีความหมาย — ต่างจาก GPT ที่สร้างทีละ token แบบ autoregressive Nathan เสนอว่า BERT เองก็สามารถนำมาใช้สร้างข้อความได้ หากเปลี่ยนจากการ mask แบบคงที่ มาเป็นการ mask แบบไล่ระดับ (จากน้อยไปมาก แล้วค่อย ๆ ลดกลับลงมา) ซึ่งคล้ายกับกระบวนการ diffusion ในภาพ เขาเรียกแนวทางนี้ว่า “RoBERTa Diffusion” โดยใช้ RoBERTa (เวอร์ชันปรับปรุงของ BERT) มาฝึกแบบใหม่บน WikiText dataset ด้วยการสุ่มระดับการ mask และฝึกให้โมเดลเดา token ที่หายไปในแต่ละขั้นตอน ผลลัพธ์ที่ได้คือข้อความที่สร้างขึ้นมีความต่อเนื่องและสมเหตุสมผล แม้จะยังไม่เทียบเท่า GPT-2 แต่ก็ถือเป็น “proof of concept” ที่แสดงให้เห็นว่าโมเดล encoder-only อย่าง BERT ก็สามารถใช้สร้างข้อความได้ หากปรับวิธีการฝึกให้เหมาะสม ✅ Gemini Diffusion ของ Google DeepMind ใช้ diffusion model สร้างข้อความจาก noise ➡️ ต่างจาก GPT ที่สร้างทีละ token แบบ autoregressive ✅ BERT ใช้ masked language modeling (MLM) ซึ่งคล้ายกับการ denoise ➡️ เหมาะกับการประยุกต์เป็น diffusion model สำหรับภาษา ✅ RoBERTa เป็นเวอร์ชันปรับปรุงของ BERT ที่ใช้ MLM อย่างเดียว ➡️ ไม่มีการทำนายประโยคถัดไป (next sentence prediction) ✅ RoBERTa Diffusion ใช้การ mask แบบไล่ระดับในหลายขั้นตอน ➡️ ฝึกให้โมเดลเดา token ที่หายไปในแต่ละระดับ ✅ ใช้ WikiText dataset และ HuggingFace library ในการฝึก ➡️ พร้อม diffusion_collator ที่สุ่มระดับการ mask ✅ ผลลัพธ์ที่ได้มีความต่อเนื่องและสมเหตุสมผล ➡️ แม้จะยังช้ากว่า GPT-2 (~13 วินาที vs ~9 วินาที) ✅ แนวคิดนี้สามารถต่อยอดด้วยเทคนิคใหม่ เช่น AR-Diffusion และ Skip-Step Diffusion ➡️ เพื่อเพิ่มคุณภาพและความเร็วในการสร้างข้อความ https://nathan.rs/posts/roberta-diffusion/
    NATHAN.RS
    BERT is just a Single Text Diffusion Step
    A while back, Google DeepMind unveiled Gemini Diffusion, an experimental language model that generates text using diffusion. Unlike traditional GPT-style models that generate one word at a time, Gemini Diffusion creates whole blocks of text by refining random noise step-by-step. I read the paper Large Language Diffusion Models and was surprised to find that discrete language diffusion is just a generalization of masked language modeling (MLM), something we’ve been doing since 2018. The first thought I had was, “can we finetune a BERT-like model to do text generation?” I decided to try a quick proof of concept out of curiosity.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • “United 737 MAX ถูกวัตถุตกใส่กลางอากาศที่ระดับ 36,000 ฟุต — อาจเป็นเศษดาวเทียมหรืออุกกาบาต” — เมื่อการบินพาณิชย์เผชิญเหตุการณ์ที่อาจไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

    เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2025 เครื่องบิน United Airlines รุ่น 737 MAX ที่บินจากเดนเวอร์ไปลอสแอนเจลิส ถูกวัตถุตกใส่กลางอากาศที่ระดับความสูง 36,000 ฟุตเหนือรัฐโคโลราโด ส่งผลให้กระจกหน้าห้องนักบินและโครงสร้างบางส่วนได้รับความเสียหาย

    ภาพถ่ายที่มีลายน้ำซึ่งเผยแพร่หลังเหตุการณ์แสดงให้เห็นรอยร้าวบนกระจกและแขนของนักบินที่มีรอยขีดข่วนเล็กน้อย กัปตันของเที่ยวบินระบุว่าวัตถุดังกล่าวอาจเป็น “space debris” หรือเศษซากจากดาวเทียมหรือจรวด แต่บางรายงานก็เสนอว่าอาจเป็นอุกกาบาต

    แม้จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เครื่องบินสามารถเบี่ยงเส้นทางไปลงจอดที่เมืองซอลต์เลกซิตีได้อย่างปลอดภัย โดยไม่มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ และไม่มีการสูญเสียแรงดันในห้องโดยสาร เนื่องจากกระจกที่เสียหายเป็นเพียงชั้นนอกเท่านั้น

    นักบินลดระดับลงมาเหลือ 26,000 ฟุตเพื่อบรรเทาความต่างแรงดัน และผู้โดยสารประมาณ 130 คนถูกเปลี่ยนไปขึ้นเครื่องลำใหม่เพื่อเดินทางต่อ

    จนถึงขณะนี้ FAA และสายการบินยังไม่ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินมองว่าเหตุการณ์นี้ “หายากมาก” และอาจเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับเที่ยวบินพาณิชย์

    United 737 MAX ถูกวัตถุตกใส่ที่ระดับ 36,000 ฟุตเหนือโคโลราโด
    เกิดขึ้นหลังออกจากเดนเวอร์มุ่งหน้าลอสแอนเจลิส

    กระจกหน้าห้องนักบินและโครงสร้างบางส่วนได้รับความเสียหาย
    มีภาพแสดงรอยร้าวและแขนนักบินที่มีรอยขีดข่วน

    กัปตันระบุว่าอาจเป็น “space debris” หรือเศษดาวเทียม
    บางรายงานเสนอว่าอาจเป็นอุกกาบาต

    เครื่องบินเบี่ยงเส้นทางไปลงจอดที่ซอลต์เลกซิตี
    ไม่มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ

    ไม่มีการสูญเสียแรงดันในห้องโดยสาร
    กระจกที่เสียหายเป็นเพียงชั้นนอก

    นักบินลดระดับลงเหลือ 26,000 ฟุตเพื่อความปลอดภัย
    ลดแรงดันบนกระจกที่เหลือ

    ผู้โดยสารประมาณ 130 คนถูกเปลี่ยนไปขึ้นเครื่องลำใหม่
    เดินทางต่อเพื่อจบเที่ยวบิน 90 นาที

    https://avbrief.com/united-max-hit-by-falling-object-at-36000-feet/
    ✈️ “United 737 MAX ถูกวัตถุตกใส่กลางอากาศที่ระดับ 36,000 ฟุต — อาจเป็นเศษดาวเทียมหรืออุกกาบาต” — เมื่อการบินพาณิชย์เผชิญเหตุการณ์ที่อาจไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2025 เครื่องบิน United Airlines รุ่น 737 MAX ที่บินจากเดนเวอร์ไปลอสแอนเจลิส ถูกวัตถุตกใส่กลางอากาศที่ระดับความสูง 36,000 ฟุตเหนือรัฐโคโลราโด ส่งผลให้กระจกหน้าห้องนักบินและโครงสร้างบางส่วนได้รับความเสียหาย ภาพถ่ายที่มีลายน้ำซึ่งเผยแพร่หลังเหตุการณ์แสดงให้เห็นรอยร้าวบนกระจกและแขนของนักบินที่มีรอยขีดข่วนเล็กน้อย กัปตันของเที่ยวบินระบุว่าวัตถุดังกล่าวอาจเป็น “space debris” หรือเศษซากจากดาวเทียมหรือจรวด แต่บางรายงานก็เสนอว่าอาจเป็นอุกกาบาต แม้จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เครื่องบินสามารถเบี่ยงเส้นทางไปลงจอดที่เมืองซอลต์เลกซิตีได้อย่างปลอดภัย โดยไม่มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ และไม่มีการสูญเสียแรงดันในห้องโดยสาร เนื่องจากกระจกที่เสียหายเป็นเพียงชั้นนอกเท่านั้น นักบินลดระดับลงมาเหลือ 26,000 ฟุตเพื่อบรรเทาความต่างแรงดัน และผู้โดยสารประมาณ 130 คนถูกเปลี่ยนไปขึ้นเครื่องลำใหม่เพื่อเดินทางต่อ จนถึงขณะนี้ FAA และสายการบินยังไม่ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินมองว่าเหตุการณ์นี้ “หายากมาก” และอาจเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับเที่ยวบินพาณิชย์ ✅ United 737 MAX ถูกวัตถุตกใส่ที่ระดับ 36,000 ฟุตเหนือโคโลราโด ➡️ เกิดขึ้นหลังออกจากเดนเวอร์มุ่งหน้าลอสแอนเจลิส ✅ กระจกหน้าห้องนักบินและโครงสร้างบางส่วนได้รับความเสียหาย ➡️ มีภาพแสดงรอยร้าวและแขนนักบินที่มีรอยขีดข่วน ✅ กัปตันระบุว่าอาจเป็น “space debris” หรือเศษดาวเทียม ➡️ บางรายงานเสนอว่าอาจเป็นอุกกาบาต ✅ เครื่องบินเบี่ยงเส้นทางไปลงจอดที่ซอลต์เลกซิตี ➡️ ไม่มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ ✅ ไม่มีการสูญเสียแรงดันในห้องโดยสาร ➡️ กระจกที่เสียหายเป็นเพียงชั้นนอก ✅ นักบินลดระดับลงเหลือ 26,000 ฟุตเพื่อความปลอดภัย ➡️ ลดแรงดันบนกระจกที่เหลือ ✅ ผู้โดยสารประมาณ 130 คนถูกเปลี่ยนไปขึ้นเครื่องลำใหม่ ➡️ เดินทางต่อเพื่อจบเที่ยวบิน 90 นาที https://avbrief.com/united-max-hit-by-falling-object-at-36000-feet/
    AVBRIEF.COM
    United MAX Hit by Falling Object at 36,000 Feet - AvBrief.com
    Object may have been a piece of a weather balloon
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์(20ต.ค.) แสดงความสงสัยต่อคำกล่าวอ้างที่ว่าจีนจะรุกรานไต้หวัน และแสดงความเชื่อมั่นในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับสี จิ้นผิง ผู้นำปักกิ่ง ก่อนที่ทั้ง 2 คนจะพบปะประชุมกันปลายเดือนนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000100333

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire

    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์(20ต.ค.) แสดงความสงสัยต่อคำกล่าวอ้างที่ว่าจีนจะรุกรานไต้หวัน และแสดงความเชื่อมั่นในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับสี จิ้นผิง ผู้นำปักกิ่ง ก่อนที่ทั้ง 2 คนจะพบปะประชุมกันปลายเดือนนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000100333 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Energy Vampires: 5 เครื่องใช้ไฟฟ้าที่แอบกินไฟแม้ไม่ได้ใช้งาน — ทำบิลพุ่งไม่รู้ตัว” — เมื่อทีวี, เครื่องเกม, และเครื่องครัวกลายเป็นตัวดูดพลังงานเงียบ ๆ ในบ้านคุณ

    บทความจาก SlashGear โดย Daniel Feininger เปิดเผยว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิดยังคงใช้พลังงานแม้จะถูกปิดแล้ว — ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า “Energy Vampire” หรือ “ผีดูดไฟ” ซึ่งสามารถเพิ่มค่าไฟบ้านได้ถึง 10% ต่อปี หรือประมาณ $100 โดยเฉลี่ย

    แม้บางคนจะมีแผงโซลาร์หรือขายไฟกลับให้บริษัทไฟฟ้าได้ แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาการใช้ไฟฟ้าแบบแอบแฝงนี้ได้ หากไม่จัดการกับอุปกรณ์ที่กินไฟในโหมด standby หรือ sleep

    บทความแนะนำให้ “ถอดปลั๊ก” หรือใช้ปลั๊กพ่วงที่มีสวิตช์ปิด เพื่อหยุดการใช้พลังงานโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะกับ 5 อุปกรณ์หลักที่เป็นตัวดูดไฟเงียบ ๆ ได้แก่:

    ทีวี โดยเฉพาะ Smart TV
    ใช้พลังงานแม้ในโหมด standby สูงถึง 20% ของการใช้งานทั้งหมด
    ใน UK อาจเพิ่มค่าไฟปีละ £4.94–£14.54 ขึ้นอยู่กับขนาดและรุ่น
    แนะนำให้ใช้ปลั๊กพ่วงที่มีสวิตช์ปิดแทนการถอดปลั๊ก

    เครื่องเกมคอนโซล เช่น Xbox และ PlayStation
    Xbox Series S ใช้ไฟใน rest mode สูงถึง £22.60 ต่อปี
    แม้ปิดเครื่องแล้วก็ยังใช้ไฟ 0.2W หากไม่ถอดปลั๊ก
    ควรใช้ dongle สตรีมมิ่งแทนคอนโซลเพื่อดู Netflix — ประหยัดไฟกว่า 35 เท่า

    เครื่องพิมพ์ (Printer)
    ปล่อยให้ standby อาจเพิ่มค่าไฟปีละ £3.81
    Laser printer ใช้ไฟมากกว่า inkjet โดยเฉพาะในโหมด standby
    ถ้าไม่ใช้งานบ่อย ควรถอดปลั๊กระหว่างวัน

    กล่องรับสัญญาณ, DVD/Blu-ray player
    กล่องเคเบิลอาจใช้ไฟถึง $50 ต่อปีหากเสียบปลั๊กไว้ตลอด
    อุปกรณ์เหล่านี้มักถูกละเลยเพราะอยู่ใต้ทีวี
    ควรถอดปลั๊กเมื่อไม่ใช้งาน หรือใช้ปลั๊กพ่วงแบบมีสวิตช์

    เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว เช่น ไมโครเวฟ, เครื่องชงกาแฟ, กาต้มน้ำไฟฟ้า
    แม้จะดูเล็ก แต่รวมกันแล้วอาจเพิ่มค่าไฟ $10–$20 ต่อปี
    อุปกรณ์ที่มีหน้าจอแสดงผล เช่น นาฬิกาบนไมโครเวฟ จะใช้ไฟตลอดเวลา
    ถ้าไม่ได้ใช้งานบ่อย ควรถอดปลั๊กหรือใช้ปลั๊กพ่วงแบบควบคุม

    https://www.slashgear.com/1999279/energy-vampire-appliances-running-up-electric-bills/
    🔌 “Energy Vampires: 5 เครื่องใช้ไฟฟ้าที่แอบกินไฟแม้ไม่ได้ใช้งาน — ทำบิลพุ่งไม่รู้ตัว” — เมื่อทีวี, เครื่องเกม, และเครื่องครัวกลายเป็นตัวดูดพลังงานเงียบ ๆ ในบ้านคุณ บทความจาก SlashGear โดย Daniel Feininger เปิดเผยว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิดยังคงใช้พลังงานแม้จะถูกปิดแล้ว — ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า “Energy Vampire” หรือ “ผีดูดไฟ” ซึ่งสามารถเพิ่มค่าไฟบ้านได้ถึง 10% ต่อปี หรือประมาณ $100 โดยเฉลี่ย แม้บางคนจะมีแผงโซลาร์หรือขายไฟกลับให้บริษัทไฟฟ้าได้ แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาการใช้ไฟฟ้าแบบแอบแฝงนี้ได้ หากไม่จัดการกับอุปกรณ์ที่กินไฟในโหมด standby หรือ sleep บทความแนะนำให้ “ถอดปลั๊ก” หรือใช้ปลั๊กพ่วงที่มีสวิตช์ปิด เพื่อหยุดการใช้พลังงานโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะกับ 5 อุปกรณ์หลักที่เป็นตัวดูดไฟเงียบ ๆ ได้แก่: ✅ ทีวี โดยเฉพาะ Smart TV ➡️ ใช้พลังงานแม้ในโหมด standby สูงถึง 20% ของการใช้งานทั้งหมด ➡️ ใน UK อาจเพิ่มค่าไฟปีละ £4.94–£14.54 ขึ้นอยู่กับขนาดและรุ่น ➡️ แนะนำให้ใช้ปลั๊กพ่วงที่มีสวิตช์ปิดแทนการถอดปลั๊ก ✅ เครื่องเกมคอนโซล เช่น Xbox และ PlayStation ➡️ Xbox Series S ใช้ไฟใน rest mode สูงถึง £22.60 ต่อปี ➡️ แม้ปิดเครื่องแล้วก็ยังใช้ไฟ 0.2W หากไม่ถอดปลั๊ก ➡️ ควรใช้ dongle สตรีมมิ่งแทนคอนโซลเพื่อดู Netflix — ประหยัดไฟกว่า 35 เท่า ✅ เครื่องพิมพ์ (Printer) ➡️ ปล่อยให้ standby อาจเพิ่มค่าไฟปีละ £3.81 ➡️ Laser printer ใช้ไฟมากกว่า inkjet โดยเฉพาะในโหมด standby ➡️ ถ้าไม่ใช้งานบ่อย ควรถอดปลั๊กระหว่างวัน ✅ กล่องรับสัญญาณ, DVD/Blu-ray player ➡️ กล่องเคเบิลอาจใช้ไฟถึง $50 ต่อปีหากเสียบปลั๊กไว้ตลอด ➡️ อุปกรณ์เหล่านี้มักถูกละเลยเพราะอยู่ใต้ทีวี ➡️ ควรถอดปลั๊กเมื่อไม่ใช้งาน หรือใช้ปลั๊กพ่วงแบบมีสวิตช์ ✅ เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว เช่น ไมโครเวฟ, เครื่องชงกาแฟ, กาต้มน้ำไฟฟ้า ➡️ แม้จะดูเล็ก แต่รวมกันแล้วอาจเพิ่มค่าไฟ $10–$20 ต่อปี ➡️ อุปกรณ์ที่มีหน้าจอแสดงผล เช่น นาฬิกาบนไมโครเวฟ จะใช้ไฟตลอดเวลา ➡️ ถ้าไม่ได้ใช้งานบ่อย ควรถอดปลั๊กหรือใช้ปลั๊กพ่วงแบบควบคุม https://www.slashgear.com/1999279/energy-vampire-appliances-running-up-electric-bills/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Energy Vampires: 5 Appliances That Are Running Up Your Electric Bills - SlashGear
    Rising electricity prices make waste-cutting an inviting proposition. However, every home appliance is different, and not all are energy-hungry vampires.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ญี่ปุ่นเปิดโรงไฟฟ้าออสโมติกแห่งแรกในเอเชีย — ใช้พลังงานจากการพบกันของน้ำจืดและน้ำทะเล” — เมื่อธรรมชาติกลายเป็นแหล่งพลังงานที่เชื่อถือได้ทั้งกลางวันและกลางคืน

    เมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ได้เปิดตัวโรงไฟฟ้าออสโมติก (osmotic power plant) แห่งแรกในเอเชีย ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานจากการพบกันของน้ำจืดและน้ำทะเล — ไม่ใช่แค่การทดลอง แต่เป็นระบบที่ใช้งานจริง โดยสามารถผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 880,000 กิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี เพียงพอสำหรับบ้านญี่ปุ่นประมาณ 220 หลัง

    หลักการทำงานของระบบนี้คือการใช้ “ออสโมซิส” ซึ่งเป็นกระบวนการธรรมชาติที่น้ำจืดจะซึมผ่านเยื่อบางไปยังฝั่งน้ำเค็มเพื่อปรับสมดุลความเข้มข้นของเกลือ ความดันที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนที่นี้จะถูกนำไปหมุนกังหันเพื่อผลิตไฟฟ้า — คล้ายกับการใช้พลังงานน้ำ แต่ไม่ต้องพึ่งพาสภาพอากาศ

    จุดเด่นของระบบนี้คือความต่อเนื่อง: แม่น้ำไม่หยุดไหลลงทะเล ทำให้โรงไฟฟ้าสามารถทำงานได้ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยไม่ต้องรอแดดหรือลม

    โรงงานยังใช้ “น้ำเกลือเข้มข้น” ที่เหลือจากโรงกรองน้ำทะเล (desalination plant) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ — กลายเป็นวงจรพลังงานแบบหมุนเวียนที่ทั้งผลิตน้ำดื่มและไฟฟ้าไปพร้อมกัน

    แม้จะยังมีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพ เช่น การสูญเสียพลังงานจากแรงเสียดทานและการใช้พลังงานในการสูบน้ำ แต่เทคโนโลยีกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่น การใช้เยื่อกรองที่ดีขึ้นและปั๊มที่ใช้พลังงานต่ำ

    ญี่ปุ่นเปิดโรงไฟฟ้าออสโมติกแห่งแรกในเอเชีย
    ตั้งอยู่ที่เมืองฟุกุโอกะ ใช้งานจริง ไม่ใช่แค่การทดลอง

    ใช้พลังงานจากการพบกันของน้ำจืดและน้ำทะเล
    อาศัยหลักการออสโมซิสเพื่อสร้างแรงดัน

    ผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 880,000 กิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี
    เพียงพอสำหรับบ้านประมาณ 220 หลัง

    ใช้น้ำเกลือเข้มข้นจากโรงกรองน้ำทะเลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    สร้างระบบพลังงานแบบหมุนเวียน

    ระบบสามารถทำงานได้ทั้งกลางวันและกลางคืน
    ไม่ต้องพึ่งพาแดดหรือลม

    มีการพัฒนาเยื่อกรองและปั๊มพลังงานต่ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    ลดการสูญเสียพลังงานจากแรงเสียดทาน

    https://www.slashgear.com/1997354/japan-fukuoka-osmotic-power-plant-uses-seawater-tech-explained/
    🌊 “ญี่ปุ่นเปิดโรงไฟฟ้าออสโมติกแห่งแรกในเอเชีย — ใช้พลังงานจากการพบกันของน้ำจืดและน้ำทะเล” — เมื่อธรรมชาติกลายเป็นแหล่งพลังงานที่เชื่อถือได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ได้เปิดตัวโรงไฟฟ้าออสโมติก (osmotic power plant) แห่งแรกในเอเชีย ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานจากการพบกันของน้ำจืดและน้ำทะเล — ไม่ใช่แค่การทดลอง แต่เป็นระบบที่ใช้งานจริง โดยสามารถผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 880,000 กิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี เพียงพอสำหรับบ้านญี่ปุ่นประมาณ 220 หลัง หลักการทำงานของระบบนี้คือการใช้ “ออสโมซิส” ซึ่งเป็นกระบวนการธรรมชาติที่น้ำจืดจะซึมผ่านเยื่อบางไปยังฝั่งน้ำเค็มเพื่อปรับสมดุลความเข้มข้นของเกลือ ความดันที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนที่นี้จะถูกนำไปหมุนกังหันเพื่อผลิตไฟฟ้า — คล้ายกับการใช้พลังงานน้ำ แต่ไม่ต้องพึ่งพาสภาพอากาศ จุดเด่นของระบบนี้คือความต่อเนื่อง: แม่น้ำไม่หยุดไหลลงทะเล ทำให้โรงไฟฟ้าสามารถทำงานได้ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยไม่ต้องรอแดดหรือลม โรงงานยังใช้ “น้ำเกลือเข้มข้น” ที่เหลือจากโรงกรองน้ำทะเล (desalination plant) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ — กลายเป็นวงจรพลังงานแบบหมุนเวียนที่ทั้งผลิตน้ำดื่มและไฟฟ้าไปพร้อมกัน แม้จะยังมีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพ เช่น การสูญเสียพลังงานจากแรงเสียดทานและการใช้พลังงานในการสูบน้ำ แต่เทคโนโลยีกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่น การใช้เยื่อกรองที่ดีขึ้นและปั๊มที่ใช้พลังงานต่ำ ✅ ญี่ปุ่นเปิดโรงไฟฟ้าออสโมติกแห่งแรกในเอเชีย ➡️ ตั้งอยู่ที่เมืองฟุกุโอกะ ใช้งานจริง ไม่ใช่แค่การทดลอง ✅ ใช้พลังงานจากการพบกันของน้ำจืดและน้ำทะเล ➡️ อาศัยหลักการออสโมซิสเพื่อสร้างแรงดัน ✅ ผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 880,000 กิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ➡️ เพียงพอสำหรับบ้านประมาณ 220 หลัง ✅ ใช้น้ำเกลือเข้มข้นจากโรงกรองน้ำทะเลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ สร้างระบบพลังงานแบบหมุนเวียน ✅ ระบบสามารถทำงานได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ➡️ ไม่ต้องพึ่งพาแดดหรือลม ✅ มีการพัฒนาเยื่อกรองและปั๊มพลังงานต่ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ ลดการสูญเสียพลังงานจากแรงเสียดทาน https://www.slashgear.com/1997354/japan-fukuoka-osmotic-power-plant-uses-seawater-tech-explained/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Japan's Newest Power Plant Turns Seawater Into Electricity – Here's How It Works - SlashGear
    Fukuoaka's osmotic power plant is supplied by local desalination facilities and uses a natural process to generate modest amounts of power.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • “5 แก็ดเจ็ตจาก Lowe’s ที่คุณอาจไม่รู้ว่ามี — แต่คุ้มค่าและน่าใช้กว่าที่คิด” — เมื่อร้านฮาร์ดแวร์กลายเป็นแหล่งรวมเทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะที่ไม่ควรมองข้าม

    แม้ Lowe’s จะเป็นร้านฮาร์ดแวร์ที่ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องมือและอุปกรณ์ปรับปรุงบ้าน แต่จริง ๆ แล้วในหมวด smart home และ security ก็มีแก็ดเจ็ตน่าสนใจมากกว่า 3,700 รายการ ซึ่งหลายชิ้นได้รับคะแนนรีวิวสูงจากทีม SlashGear และอาจกลายเป็นตัวช่วยสำคัญในบ้านของคุณ

    บทความนี้คัดมา 5 แก็ดเจ็ตที่โดดเด่น ทั้งด้านฟีเจอร์ ความคุ้มค่า และการใช้งานจริง:

    Google Nest Hub 2nd Gen – ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ติดตามการนอนหลับได้
    ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว, อุณหภูมิ และแสง เพื่อวิเคราะห์คุณภาพการนอน
    ไม่ต้องใส่อุปกรณ์บนตัว — เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบ wearable
    ราคา $99.99 ที่ Lowe’s

    Ring Spotlight Cam Pro – กล้องรักษาความปลอดภัยพร้อมเสียงและภาพกลางคืน
    มุมมอง 140 องศา, ความละเอียด 1080p, Night Vision ชัดเจน
    สื่อสารกับผู้มาเยือนได้ผ่านไมค์และลำโพงในตัว
    ราคา $199.99

    Lutron Caseta Outdoor Smart Plug – ปลั๊กอัจฉริยะสำหรับกลางแจ้ง
    ควบคุมผ่าน Apple HomeKit, Alexa, Google Assistant หรือรีโมตของ Lutron
    ทนฝนและฝุ่น (IP65), ใช้งานได้แม้ในอุณหภูมิต่ำ
    ราคา $84.95 (อาจหมดสต็อกชั่วคราว)

    Amazon Fire TV Stick 4K Max (2nd Gen) – สตรีมมิ่งพร้อมพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่ม
    รองรับ 4K และมีพื้นที่เก็บข้อมูล 16GB — มากกว่ารุ่นก่อนเท่าตัว
    ใช้ Alexa และรีโมตของ Amazon ได้
    ราคา $59.99

    EufyCam 3 – กล้องรักษาความปลอดภัยแบบไม่ต้องจ่ายรายเดือน
    ภาพคมชัด, ตรวจจับใบหน้า, บันทึกเสียงชัดเจน
    ใช้พลังงานจากแผงโซลาร์ — ชาร์จได้แม้แดดน้อย
    ราคา $549.99 พร้อม Homebase (กล้องเสริมไม่ต้องซื้อ Homebase เพิ่ม)

    https://www.slashgear.com/1997485/cool-lesser-known-lowes-gadgets/
    🛠️ “5 แก็ดเจ็ตจาก Lowe’s ที่คุณอาจไม่รู้ว่ามี — แต่คุ้มค่าและน่าใช้กว่าที่คิด” — เมื่อร้านฮาร์ดแวร์กลายเป็นแหล่งรวมเทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะที่ไม่ควรมองข้าม แม้ Lowe’s จะเป็นร้านฮาร์ดแวร์ที่ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องมือและอุปกรณ์ปรับปรุงบ้าน แต่จริง ๆ แล้วในหมวด smart home และ security ก็มีแก็ดเจ็ตน่าสนใจมากกว่า 3,700 รายการ ซึ่งหลายชิ้นได้รับคะแนนรีวิวสูงจากทีม SlashGear และอาจกลายเป็นตัวช่วยสำคัญในบ้านของคุณ บทความนี้คัดมา 5 แก็ดเจ็ตที่โดดเด่น ทั้งด้านฟีเจอร์ ความคุ้มค่า และการใช้งานจริง: ✅ Google Nest Hub 2nd Gen – ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ติดตามการนอนหลับได้ ➡️ ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว, อุณหภูมิ และแสง เพื่อวิเคราะห์คุณภาพการนอน ➡️ ไม่ต้องใส่อุปกรณ์บนตัว — เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบ wearable ➡️ ราคา $99.99 ที่ Lowe’s ✅ Ring Spotlight Cam Pro – กล้องรักษาความปลอดภัยพร้อมเสียงและภาพกลางคืน ➡️ มุมมอง 140 องศา, ความละเอียด 1080p, Night Vision ชัดเจน ➡️ สื่อสารกับผู้มาเยือนได้ผ่านไมค์และลำโพงในตัว ➡️ ราคา $199.99 ✅ Lutron Caseta Outdoor Smart Plug – ปลั๊กอัจฉริยะสำหรับกลางแจ้ง ➡️ ควบคุมผ่าน Apple HomeKit, Alexa, Google Assistant หรือรีโมตของ Lutron ➡️ ทนฝนและฝุ่น (IP65), ใช้งานได้แม้ในอุณหภูมิต่ำ ➡️ ราคา $84.95 (อาจหมดสต็อกชั่วคราว) ✅ Amazon Fire TV Stick 4K Max (2nd Gen) – สตรีมมิ่งพร้อมพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่ม ➡️ รองรับ 4K และมีพื้นที่เก็บข้อมูล 16GB — มากกว่ารุ่นก่อนเท่าตัว ➡️ ใช้ Alexa และรีโมตของ Amazon ได้ ➡️ ราคา $59.99 ✅ EufyCam 3 – กล้องรักษาความปลอดภัยแบบไม่ต้องจ่ายรายเดือน ➡️ ภาพคมชัด, ตรวจจับใบหน้า, บันทึกเสียงชัดเจน ➡️ ใช้พลังงานจากแผงโซลาร์ — ชาร์จได้แม้แดดน้อย ➡️ ราคา $549.99 พร้อม Homebase (กล้องเสริมไม่ต้องซื้อ Homebase เพิ่ม) https://www.slashgear.com/1997485/cool-lesser-known-lowes-gadgets/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Lowe's Gadgets That Are Actually Worth Buying - SlashGear
    We've sifted through the thousands of electronic gadgets available at Lowe's to find a few that might actually make your life easier.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • นับตั้งแต่เปิดตัว สนามบินเตโชต้อนรับผู้โดยสารเฉลี่ยแล้ว 150,000 คนต่อวันและเที่ยวบิน 130 เที่ยวบินต่อวัน โดยมีสายการบินต่างๆให้บริการ 29 สายการบิน(สายการบินระหว่างประเทศ 25 แห่งและภายในประเทศ 4 แห่ง) ตามคำกล่าวอ้างของ kampucheathmey สื่อมวลชนกัมพูชา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000100348

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    นับตั้งแต่เปิดตัว สนามบินเตโชต้อนรับผู้โดยสารเฉลี่ยแล้ว 150,000 คนต่อวันและเที่ยวบิน 130 เที่ยวบินต่อวัน โดยมีสายการบินต่างๆให้บริการ 29 สายการบิน(สายการบินระหว่างประเทศ 25 แห่งและภายในประเทศ 4 แห่ง) ตามคำกล่าวอ้างของ kampucheathmey สื่อมวลชนกัมพูชา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000100348 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว