• เรื่องเล่าจากสนาม AI: เมื่อ Trump อยากล้ม NVIDIA แต่ต้องยอมแพ้ให้กับ “จอมยุทธ์ AI”

    เมื่อ Trump เข้ารับตำแหน่งในปี 2025 เขาไม่รู้จัก NVIDIA หรือ Jensen Huang มาก่อน แต่เมื่อเห็นว่า NVIDIA ครองตลาด AI ทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เขาจึงคิดจะสร้างบริษัทใหม่ที่รวม “สุดยอดมันสมอง” เพื่อแข่งขันกับ NVIDIA โดยตรง

    แต่หลังจากได้เรียนรู้ว่า Jensen Huang คือผู้วางรากฐานของ CUDA และเป็นผู้นำที่ผลักดัน NVIDIA สู่มูลค่า 4 ล้านล้านดอลลาร์ เขากลับยอมรับว่า:

    “เราคิดว่าจะเข้าไปแยกเขาออก แต่พอรู้ข้อเท็จจริงแล้ว มันไม่ง่ายเลยในธุรกิจนี้”

    Trump กล่าวในงาน AI Summit ว่า Jensen คือ “ปัจจัยลับของอเมริกา” และ NVIDIA คือ “หัวรถจักรของ AI โลก” ที่ไม่มีใครเทียบได้ในทศวรรษนี้

    Trump เคยมีแผนแยกบริษัท NVIDIA เพื่อสร้างการแข่งขันในตลาด AI
    แต่เปลี่ยนใจหลังจากได้รู้จัก Jensen Huang และความซับซ้อนของธุรกิจนี้

    Jensen Huang คือผู้วางรากฐานของ CUDA และการพัฒนา AI stack ของ NVIDIA
    เป็นผู้นำที่ผลักดันบริษัทสู่มูลค่า 4 ล้านล้านดอลลาร์

    Trump ยอมรับว่า “ไม่มีใครเทียบ NVIDIA ได้ในทศวรรษนี้”
    แม้จะรวมสุดยอดมันสมองก็ยังไม่สามารถสร้างคู่แข่งได้ทัน

    NVIDIA ถูกยกให้เป็น “หัวรถจักรของ AI โลก” โดย Trump
    เป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของอเมริกา

    Trump กล่าวในงาน AI Summit ว่า Jensen คือ “ปัจจัยลับของอเมริกา”
    เป็นสิ่งที่ทำให้สหรัฐฯ แตกต่างจากประเทศอื่นในยุค AI

    https://wccftech.com/president-trump-wanted-to-break-nvidia-until-he-realized-jensen-was-the-ai-warlord/
    🎙️ เรื่องเล่าจากสนาม AI: เมื่อ Trump อยากล้ม NVIDIA แต่ต้องยอมแพ้ให้กับ “จอมยุทธ์ AI” เมื่อ Trump เข้ารับตำแหน่งในปี 2025 เขาไม่รู้จัก NVIDIA หรือ Jensen Huang มาก่อน แต่เมื่อเห็นว่า NVIDIA ครองตลาด AI ทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เขาจึงคิดจะสร้างบริษัทใหม่ที่รวม “สุดยอดมันสมอง” เพื่อแข่งขันกับ NVIDIA โดยตรง แต่หลังจากได้เรียนรู้ว่า Jensen Huang คือผู้วางรากฐานของ CUDA และเป็นผู้นำที่ผลักดัน NVIDIA สู่มูลค่า 4 ล้านล้านดอลลาร์ เขากลับยอมรับว่า: 🔖 “เราคิดว่าจะเข้าไปแยกเขาออก แต่พอรู้ข้อเท็จจริงแล้ว มันไม่ง่ายเลยในธุรกิจนี้” Trump กล่าวในงาน AI Summit ว่า Jensen คือ “ปัจจัยลับของอเมริกา” และ NVIDIA คือ “หัวรถจักรของ AI โลก” ที่ไม่มีใครเทียบได้ในทศวรรษนี้ ✅ Trump เคยมีแผนแยกบริษัท NVIDIA เพื่อสร้างการแข่งขันในตลาด AI ➡️ แต่เปลี่ยนใจหลังจากได้รู้จัก Jensen Huang และความซับซ้อนของธุรกิจนี้ ✅ Jensen Huang คือผู้วางรากฐานของ CUDA และการพัฒนา AI stack ของ NVIDIA ➡️ เป็นผู้นำที่ผลักดันบริษัทสู่มูลค่า 4 ล้านล้านดอลลาร์ ✅ Trump ยอมรับว่า “ไม่มีใครเทียบ NVIDIA ได้ในทศวรรษนี้” ➡️ แม้จะรวมสุดยอดมันสมองก็ยังไม่สามารถสร้างคู่แข่งได้ทัน ✅ NVIDIA ถูกยกให้เป็น “หัวรถจักรของ AI โลก” โดย Trump ➡️ เป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของอเมริกา ✅ Trump กล่าวในงาน AI Summit ว่า Jensen คือ “ปัจจัยลับของอเมริกา” ➡️ เป็นสิ่งที่ทำให้สหรัฐฯ แตกต่างจากประเทศอื่นในยุค AI https://wccftech.com/president-trump-wanted-to-break-nvidia-until-he-realized-jensen-was-the-ai-warlord/
    WCCFTECH.COM
    President Trump Wanted to Break NVIDIA —Until He Realized Jensen Was The “AI Warlord” and Said It’d Take a Decade to Beat Them, Even With The Greatest Minds Together
    President Trump apparently had plans to break up NVIDIA to level the competition in the AI space, but his intentions changed.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เทพไท" โพสต์เดือด! ซัด "แพทองธาร" ต้นเหตุความขัดแย้งชายแดน แนะจงหยุดปฎิบัติหน้าที่ต่อไป
    https://www.thai-tai.tv/news/20524/
    .
    #เทพไทเสนพงศ์ #แพทองธารชินวัตร #ชายแดนไทยกัมพูชา #ความขัดแย้ง #การเมืองไทย #ศาลรัฐธรรมนูญ #กองทัพไทย #ฮุนเซน #ชินวัตร
    "เทพไท" โพสต์เดือด! ซัด "แพทองธาร" ต้นเหตุความขัดแย้งชายแดน แนะจงหยุดปฎิบัติหน้าที่ต่อไป https://www.thai-tai.tv/news/20524/ . #เทพไทเสนพงศ์ #แพทองธารชินวัตร #ชายแดนไทยกัมพูชา #ความขัดแย้ง #การเมืองไทย #ศาลรัฐธรรมนูญ #กองทัพไทย #ฮุนเซน #ชินวัตร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกมือถือ: เมื่อแอปหาคู่กลายเป็นกับดักอารมณ์และข้อมูล

    TechRadar รายงานว่าแคมเปญมัลแวร์ชื่อ SarangTrap กำลังโจมตีผู้ใช้ Android อย่างหนัก โดยมีแอปปลอมกว่า 250 แอป ที่แฝงตัวเป็นแอปหาคู่ แต่จริงๆ แล้วเป็นมัลแวร์ขโมยข้อมูลส่วนตัว แล้วนำไปใช้ข่มขู่เหยื่อให้จ่ายเงิน

    นักวิจัยจาก Zimperium zLabs พบว่าแอปปลอมเหล่านี้:

    - ถูกออกแบบให้ดูดีและน่าเชื่อถือ
    - หลอกให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูล เช่น รูปภาพ, รายชื่อผู้ติดต่อ และไฟล์ส่วนตัว
    - ใช้เทคนิค “emotionally charged interaction” เช่น การพูดคุยเชิงโรแมนติก หรือการให้ “invitation code” พิเศษ

    เมื่อได้ข้อมูลแล้ว แฮกเกอร์จะ:
    - ค้นหาข้อมูลที่อาจทำให้เหยื่ออับอาย
    - ข่มขู่ว่าจะส่งข้อมูลนั้นให้ครอบครัวหรือเพื่อน หากไม่จ่ายเงิน

    แคมเปญนี้เน้นโจมตีผู้ใช้ในเกาหลีใต้เป็นหลัก และใช้โดเมนกว่า 80 แห่งที่ถูก index โดย search engine ทำให้ดูเหมือนเป็นเว็บไซต์จริง

    พบแอปปลอมกว่า 250 แอปบน Android ที่แฝงตัวเป็นแอปหาคู่
    แอปเหล่านี้เป็นมัลแวร์ประเภท infostealer

    แอปหลอกให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลส่วนตัว
    เช่น รูปภาพ, รายชื่อผู้ติดต่อ และไฟล์ในเครื่อง

    ใช้เทคนิค “emotionally charged interaction” เพื่อสร้างความไว้ใจ
    เช่น การพูดคุยเชิงโรแมนติก หรือการให้ invitation code

    เมื่อได้ข้อมูลแล้ว แฮกเกอร์จะข่มขู่เหยื่อให้จ่ายเงิน
    ขู่ว่าจะส่งข้อมูลให้ครอบครัวหรือเพื่อน

    แคมเปญนี้ชื่อว่า SarangTrap และเน้นโจมตีผู้ใช้ในเกาหลีใต้
    ใช้โดเมนกว่า 80 แห่งที่ถูก index โดย search engine

    แอปทั้งหมดไม่ได้อยู่ใน Play Store หรือ App Store
    มาจากแหล่งที่ไม่เป็นทางการ เช่น ลิงก์ในโซเชียลมีเดียหรือเว็บไซต์ปลอม

    Zimperium แนะนำให้ผู้ใช้ติดตั้งแอปจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น
    และตรวจสอบสิทธิ์ที่แอปขออย่างสม่ำเสมอ

    แอปปลอมเหล่านี้อาจดูน่าเชื่อถือและออกแบบอย่างดี
    ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่ทันสังเกตว่าเป็นมัลแวร์

    การให้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลโดยไม่ระวังอาจเปิดช่องให้ถูกข่มขู่
    โดยเฉพาะข้อมูลส่วนตัวที่อ่อนไหว เช่น รูปภาพหรือข้อความส่วนตัว

    การดาวน์โหลดแอปจากแหล่งที่ไม่เป็นทางการมีความเสี่ยงสูง
    แม้ search engine จะ index เว็บไซต์ แต่ไม่ได้หมายความว่าปลอดภัย

    ผู้ใช้ที่ไม่มีแอปป้องกันมัลแวร์อาจไม่รู้ตัวว่าถูกโจมตี
    ควรติดตั้งแอปความปลอดภัยที่สามารถตรวจจับและบล็อกมัลแวร์ได้

    การข่มขู่ทางอารมณ์เป็นรูปแบบใหม่ของการโจมตีไซเบอร์
    ทำให้เหยื่อรู้สึกกลัวและยอมจ่ายเงินโดยไม่แจ้งเจ้าหน้าที่

    https://www.techradar.com/pro/security/over-250-malicious-apps-are-targeting-android-users-heres-how-to-stay-safe
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกมือถือ: เมื่อแอปหาคู่กลายเป็นกับดักอารมณ์และข้อมูล TechRadar รายงานว่าแคมเปญมัลแวร์ชื่อ SarangTrap กำลังโจมตีผู้ใช้ Android อย่างหนัก โดยมีแอปปลอมกว่า 250 แอป ที่แฝงตัวเป็นแอปหาคู่ แต่จริงๆ แล้วเป็นมัลแวร์ขโมยข้อมูลส่วนตัว แล้วนำไปใช้ข่มขู่เหยื่อให้จ่ายเงิน 💔📱 นักวิจัยจาก Zimperium zLabs พบว่าแอปปลอมเหล่านี้: - ถูกออกแบบให้ดูดีและน่าเชื่อถือ - หลอกให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูล เช่น รูปภาพ, รายชื่อผู้ติดต่อ และไฟล์ส่วนตัว - ใช้เทคนิค “emotionally charged interaction” เช่น การพูดคุยเชิงโรแมนติก หรือการให้ “invitation code” พิเศษ เมื่อได้ข้อมูลแล้ว แฮกเกอร์จะ: - ค้นหาข้อมูลที่อาจทำให้เหยื่ออับอาย - ข่มขู่ว่าจะส่งข้อมูลนั้นให้ครอบครัวหรือเพื่อน หากไม่จ่ายเงิน แคมเปญนี้เน้นโจมตีผู้ใช้ในเกาหลีใต้เป็นหลัก และใช้โดเมนกว่า 80 แห่งที่ถูก index โดย search engine ทำให้ดูเหมือนเป็นเว็บไซต์จริง ✅ พบแอปปลอมกว่า 250 แอปบน Android ที่แฝงตัวเป็นแอปหาคู่ ➡️ แอปเหล่านี้เป็นมัลแวร์ประเภท infostealer ✅ แอปหลอกให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลส่วนตัว ➡️ เช่น รูปภาพ, รายชื่อผู้ติดต่อ และไฟล์ในเครื่อง ✅ ใช้เทคนิค “emotionally charged interaction” เพื่อสร้างความไว้ใจ ➡️ เช่น การพูดคุยเชิงโรแมนติก หรือการให้ invitation code ✅ เมื่อได้ข้อมูลแล้ว แฮกเกอร์จะข่มขู่เหยื่อให้จ่ายเงิน ➡️ ขู่ว่าจะส่งข้อมูลให้ครอบครัวหรือเพื่อน ✅ แคมเปญนี้ชื่อว่า SarangTrap และเน้นโจมตีผู้ใช้ในเกาหลีใต้ ➡️ ใช้โดเมนกว่า 80 แห่งที่ถูก index โดย search engine ✅ แอปทั้งหมดไม่ได้อยู่ใน Play Store หรือ App Store ➡️ มาจากแหล่งที่ไม่เป็นทางการ เช่น ลิงก์ในโซเชียลมีเดียหรือเว็บไซต์ปลอม ✅ Zimperium แนะนำให้ผู้ใช้ติดตั้งแอปจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น ➡️ และตรวจสอบสิทธิ์ที่แอปขออย่างสม่ำเสมอ ‼️ แอปปลอมเหล่านี้อาจดูน่าเชื่อถือและออกแบบอย่างดี ⛔ ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่ทันสังเกตว่าเป็นมัลแวร์ ‼️ การให้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลโดยไม่ระวังอาจเปิดช่องให้ถูกข่มขู่ ⛔ โดยเฉพาะข้อมูลส่วนตัวที่อ่อนไหว เช่น รูปภาพหรือข้อความส่วนตัว ‼️ การดาวน์โหลดแอปจากแหล่งที่ไม่เป็นทางการมีความเสี่ยงสูง ⛔ แม้ search engine จะ index เว็บไซต์ แต่ไม่ได้หมายความว่าปลอดภัย ‼️ ผู้ใช้ที่ไม่มีแอปป้องกันมัลแวร์อาจไม่รู้ตัวว่าถูกโจมตี ⛔ ควรติดตั้งแอปความปลอดภัยที่สามารถตรวจจับและบล็อกมัลแวร์ได้ ‼️ การข่มขู่ทางอารมณ์เป็นรูปแบบใหม่ของการโจมตีไซเบอร์ ⛔ ทำให้เหยื่อรู้สึกกลัวและยอมจ่ายเงินโดยไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ https://www.techradar.com/pro/security/over-250-malicious-apps-are-targeting-android-users-heres-how-to-stay-safe
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรามีลมหายใจ | คำคมชีวิตหมายเลข 47

    #คำคมชีวิต #LifeQuotes #คำคม #ลุงข้างหญ่าย #uncleChangyai
    เรามีลมหายใจ | คำคมชีวิตหมายเลข 47 #คำคมชีวิต #LifeQuotes #คำคม #ลุงข้างหญ่าย #uncleChangyai
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากใต้ดิน: เมื่อ Microsoft ใช้มูลสัตว์แทนเครื่องดูดคาร์บอน

    Microsoft ได้ลงทุนมหาศาลกว่า 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในโครงการกำจัดของเสียอินทรีย์ เช่น มูลสัตว์และสิ่งปฏิกูลมนุษย์ โดยร่วมมือกับบริษัท Vaulted Deep เพื่อฝังของเสียเหล่านี้ลงใต้ดินลึกกว่า 5,000 ฟุต เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเน่าเสียของอินทรีย์วัตถุ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนลดคาร์บอนจากการใช้ AI และศูนย์ข้อมูลของ Microsoft

    ในยุคที่ AI และศูนย์ข้อมูลกินพลังงานมหาศาล Microsoft กำลังหาวิธีลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยไม่พึ่งพาเทคโนโลยีล้ำยุคหรือป่าไม้ แต่หันมาใช้ “ของเสีย” ที่เรามักมองข้าม

    บริษัท Vaulted Deep มีวิธีจัดการของเสียอินทรีย์โดย:
    - เปลี่ยนสิ่งปฏิกูลและมูลสัตว์ให้เป็น “slurry” หรือของเหลวหนืด
    - ฝังลงใต้ดินลึกกว่า 5,000 ฟุต เพื่อหยุดกระบวนการเน่าเสีย
    - ป้องกันการปล่อย CO₂ และมีเทน ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่รุนแรง

    Microsoft ลงนามในสัญญาหลายปีเพื่อกำจัดของเสียกว่า 4.9 ล้านตัน ภายใน 12 ปี โดยราคาต่อการกำจัดคาร์บอนอยู่ที่ประมาณ $350 ต่อตัน (แม้ CEO ของ Vaulted Deep จะบอกว่า Microsoft จ่ายจริงต่ำกว่านี้)

    แนวทางนี้ช่วยลดผลกระทบจากการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูลและ AI workloads ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยก่อนหน้านี้ Microsoft ก็เคยร่วมมือกับ AtmosClear เพื่อกักเก็บ CO₂ กว่า 6.75 ล้านตัน

    https://www.techradar.com/pro/microsoft-just-spent-usd1-billion-on-sh-t-thats-going-to-be-buried-and-thats-for-a-very-good-reason
    🎙️ เรื่องเล่าจากใต้ดิน: เมื่อ Microsoft ใช้มูลสัตว์แทนเครื่องดูดคาร์บอน Microsoft ได้ลงทุนมหาศาลกว่า 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในโครงการกำจัดของเสียอินทรีย์ เช่น มูลสัตว์และสิ่งปฏิกูลมนุษย์ โดยร่วมมือกับบริษัท Vaulted Deep เพื่อฝังของเสียเหล่านี้ลงใต้ดินลึกกว่า 5,000 ฟุต เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเน่าเสียของอินทรีย์วัตถุ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนลดคาร์บอนจากการใช้ AI และศูนย์ข้อมูลของ Microsoft 🌍💩 ในยุคที่ AI และศูนย์ข้อมูลกินพลังงานมหาศาล Microsoft กำลังหาวิธีลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยไม่พึ่งพาเทคโนโลยีล้ำยุคหรือป่าไม้ แต่หันมาใช้ “ของเสีย” ที่เรามักมองข้าม บริษัท Vaulted Deep มีวิธีจัดการของเสียอินทรีย์โดย: - เปลี่ยนสิ่งปฏิกูลและมูลสัตว์ให้เป็น “slurry” หรือของเหลวหนืด - ฝังลงใต้ดินลึกกว่า 5,000 ฟุต เพื่อหยุดกระบวนการเน่าเสีย - ป้องกันการปล่อย CO₂ และมีเทน ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่รุนแรง Microsoft ลงนามในสัญญาหลายปีเพื่อกำจัดของเสียกว่า 4.9 ล้านตัน ภายใน 12 ปี โดยราคาต่อการกำจัดคาร์บอนอยู่ที่ประมาณ $350 ต่อตัน (แม้ CEO ของ Vaulted Deep จะบอกว่า Microsoft จ่ายจริงต่ำกว่านี้) แนวทางนี้ช่วยลดผลกระทบจากการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูลและ AI workloads ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยก่อนหน้านี้ Microsoft ก็เคยร่วมมือกับ AtmosClear เพื่อกักเก็บ CO₂ กว่า 6.75 ล้านตัน https://www.techradar.com/pro/microsoft-just-spent-usd1-billion-on-sh-t-thats-going-to-be-buried-and-thats-for-a-very-good-reason
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกเลเซอร์: เมื่อแสงกลายเป็นทางลัดของข้อมูล

    TechRadar รายงานความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการพัฒนา “ชิปโฟโตนิกส์” ที่ใช้เลเซอร์ควอนตัมดอท (Quantum Dot Lasers) ซึ่งสามารถทำงานบนซิลิคอนได้โดยตรง โดยไม่ต้องออกแบบระบบใหม่ทั้งหมด และยังทนความร้อนได้ดีเยี่ยม เหมาะกับการใช้งานจริงในศูนย์ข้อมูลและอุปกรณ์อัจฉริยะในอนาคต

    ลองจินตนาการว่าในอนาคต ชิปที่อยู่ในสมาร์ทโฟนหรือโน้ตบุ๊กของคุณจะไม่ส่งข้อมูลด้วยไฟฟ้า แต่ใช้ “แสง” แทน ซึ่งเร็วกว่าและประหยัดพลังงานมากกว่า แต่ปัญหาคือการรวมเลเซอร์เข้ากับซิลิคอนนั้นยากมาก เพราะวัสดุไม่เข้ากัน

    ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย นำโดย Rosalyn Koscica ได้แก้ปัญหานี้ด้วย 3 กลยุทธ์:

    1️⃣ ใช้การเติบโตแบบสองขั้นตอน (MOCVD + MBE) เพื่อสร้างเลเซอร์ควอนตัมดอทบนซิลิคอน

    2️⃣ เติมช่องว่างด้วยโพลิเมอร์เพื่อลดการกระจายของแสง

    3️⃣ ใช้การออกแบบเลเซอร์แบบ pocket laser ที่เล็กและแม่นยำ

    ผลลัพธ์คือเลเซอร์ที่ทำงานได้ในช่วง O-band (เหมาะกับการสื่อสารข้อมูล) ทนความร้อนได้ถึง 105°C และมีอายุการใช้งานกว่า 6 ปี โดยไม่ต้องใช้ระบบระบายความร้อนที่ซับซ้อน

    ที่สำคัญคือกระบวนการนี้สามารถผลิตในโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ทั่วไปได้เลย ไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างชิป ทำให้มีโอกาสผลิตในระดับอุตสาหกรรมได้ง่ายขึ้น

    https://www.techradar.com/pro/a-new-trick-for-merging-lasers-with-silicon-could-finally-make-photonic-chips-cheap-fast-and-ready-for-mass-production
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกเลเซอร์: เมื่อแสงกลายเป็นทางลัดของข้อมูล TechRadar รายงานความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการพัฒนา “ชิปโฟโตนิกส์” ที่ใช้เลเซอร์ควอนตัมดอท (Quantum Dot Lasers) ซึ่งสามารถทำงานบนซิลิคอนได้โดยตรง โดยไม่ต้องออกแบบระบบใหม่ทั้งหมด และยังทนความร้อนได้ดีเยี่ยม เหมาะกับการใช้งานจริงในศูนย์ข้อมูลและอุปกรณ์อัจฉริยะในอนาคต ลองจินตนาการว่าในอนาคต ชิปที่อยู่ในสมาร์ทโฟนหรือโน้ตบุ๊กของคุณจะไม่ส่งข้อมูลด้วยไฟฟ้า แต่ใช้ “แสง” แทน ซึ่งเร็วกว่าและประหยัดพลังงานมากกว่า แต่ปัญหาคือการรวมเลเซอร์เข้ากับซิลิคอนนั้นยากมาก เพราะวัสดุไม่เข้ากัน ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย นำโดย Rosalyn Koscica ได้แก้ปัญหานี้ด้วย 3 กลยุทธ์: 1️⃣ ใช้การเติบโตแบบสองขั้นตอน (MOCVD + MBE) เพื่อสร้างเลเซอร์ควอนตัมดอทบนซิลิคอน 2️⃣ เติมช่องว่างด้วยโพลิเมอร์เพื่อลดการกระจายของแสง 3️⃣ ใช้การออกแบบเลเซอร์แบบ pocket laser ที่เล็กและแม่นยำ ผลลัพธ์คือเลเซอร์ที่ทำงานได้ในช่วง O-band (เหมาะกับการสื่อสารข้อมูล) ทนความร้อนได้ถึง 105°C และมีอายุการใช้งานกว่า 6 ปี โดยไม่ต้องใช้ระบบระบายความร้อนที่ซับซ้อน ที่สำคัญคือกระบวนการนี้สามารถผลิตในโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ทั่วไปได้เลย ไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างชิป ทำให้มีโอกาสผลิตในระดับอุตสาหกรรมได้ง่ายขึ้น https://www.techradar.com/pro/a-new-trick-for-merging-lasers-with-silicon-could-finally-make-photonic-chips-cheap-fast-and-ready-for-mass-production
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • เที่ยว #จอร์เจีย เขาคอเคซัส
    รวมพิกัดที่เที่ยวไว้ให้แล้ว

    🗓 จำนวนวัน 5วัน 3คืน
    ✈ G9-แอร์อาระเบีย
    พักโรงแรม


    นั่งรถ 4WD
    โบสถ์เกอร์เกติ
    อ่างเก็บน้ำชินวารี
    อนุสาวรีย์มิตรภาพ รัสเซีย-จอร์เจีย
    อุทยานประวัติศาสตร์จอร์เจีย
    โบสถ์ทรินิตี้
    สะพานแห่งสันติภาพ
    อนุสาวรีย์พระแม่จอร์เจีย

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์จอร์เจีย #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เที่ยว #จอร์เจีย เขาคอเคซัส 🍁❄ รวมพิกัดที่เที่ยวไว้ให้แล้ว 🔥🔥 🗓 จำนวนวัน 5วัน 3คืน ✈ G9-แอร์อาระเบีย 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐⭐ 📍 นั่งรถ 4WD 📍 โบสถ์เกอร์เกติ 📍 อ่างเก็บน้ำชินวารี 📍 อนุสาวรีย์มิตรภาพ รัสเซีย-จอร์เจีย 📍 อุทยานประวัติศาสตร์จอร์เจีย 📍 โบสถ์ทรินิตี้ 📍 สะพานแห่งสันติภาพ 📍 อนุสาวรีย์พระแม่จอร์เจีย รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์จอร์เจีย #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากคลื่นไร้สาย: Wi-Fi 8 ไม่เน้นเร็ว แต่เน้น “ไม่หลุด”

    Tom’s Hardware รายงานว่า Wi-Fi 8 (มาตรฐาน IEEE 802.11bn) กำลังพัฒนาโดยเน้น “ความเสถียรสูงสุด” (Ultra High Reliability - UHR) มากกว่าความเร็ว ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแนวทางจากรุ่นก่อนหน้า โดยมุ่งหวังให้การเชื่อมต่อไร้สายมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย เช่น สัญญาณอ่อน, การรบกวน, หรือการเคลื่อนที่ของผู้ใช้งาน

    ในอดีต Wi-Fi แข่งกันเรื่องความเร็ว แต่ Wi-Fi 8 กลับเลือกเส้นทางใหม่ — มุ่งเน้นความเสถียรและความน่าเชื่อถือของการเชื่อมต่อ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่สัญญาณไม่ดี เช่น ในโรงงาน, สนามบิน, หรืออาคารที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น

    IEEE และ Qualcomm ร่วมกันกำหนดเป้าหมายของ Wi-Fi 8 ภายใต้แนวคิด “Ultra High Reliability” ซึ่งประกอบด้วย:
    - เพิ่ม throughput จริงในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายขึ้น 25%
    - ลด latency ที่ระดับ 95th percentile ลง 25% เพื่อรองรับงานที่ต้องการความเร็วตอบสนองสูง เช่น AR, automation, และ AI
    - ลดการสูญเสียแพ็กเก็ต (packet loss) ลง 25% โดยเฉพาะเมื่ออุปกรณ์เคลื่อนที่ระหว่าง access point

    Wi-Fi 8 ยังคงใช้พื้นฐานเดียวกับ Wi-Fi 7 เช่น รองรับคลื่น 2, 4, 5 และ 6 GHz, ใช้ 4096-QAM, MU-MIMO, OFDMA และช่องสัญญาณกว้างสูงสุด 320 MHz แต่เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น:
    - Coordinated Spatial Reuse (Co-SR)
    - Coordinated Beamforming (Co-BF)
    - Dynamic Sub-Channel Operation (DSO)
    - Enhanced Modulation Coding Scheme (MCS)

    มาตรฐาน Wi-Fi 8 จะเริ่มรับรองในปี 2028 โดยคาดว่าจะมีผลกระทบต่อทั้งภาคอุตสาหกรรม, สาธารณะ, และการใช้งานในบ้าน

    https://www.tomshardware.com/networking/next-gen-wi-fi-8-focuses-on-reliability-instead-of-speed-ultra-high-reliability-initiative-boosts-performance-lowers-latency-and-packet-loss-in-challenging-conditions
    🎙️ เรื่องเล่าจากคลื่นไร้สาย: Wi-Fi 8 ไม่เน้นเร็ว แต่เน้น “ไม่หลุด” Tom’s Hardware รายงานว่า Wi-Fi 8 (มาตรฐาน IEEE 802.11bn) กำลังพัฒนาโดยเน้น “ความเสถียรสูงสุด” (Ultra High Reliability - UHR) มากกว่าความเร็ว ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแนวทางจากรุ่นก่อนหน้า โดยมุ่งหวังให้การเชื่อมต่อไร้สายมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย เช่น สัญญาณอ่อน, การรบกวน, หรือการเคลื่อนที่ของผู้ใช้งาน ในอดีต Wi-Fi แข่งกันเรื่องความเร็ว แต่ Wi-Fi 8 กลับเลือกเส้นทางใหม่ — มุ่งเน้นความเสถียรและความน่าเชื่อถือของการเชื่อมต่อ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่สัญญาณไม่ดี เช่น ในโรงงาน, สนามบิน, หรืออาคารที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น IEEE และ Qualcomm ร่วมกันกำหนดเป้าหมายของ Wi-Fi 8 ภายใต้แนวคิด “Ultra High Reliability” ซึ่งประกอบด้วย: - เพิ่ม throughput จริงในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายขึ้น 25% - ลด latency ที่ระดับ 95th percentile ลง 25% เพื่อรองรับงานที่ต้องการความเร็วตอบสนองสูง เช่น AR, automation, และ AI - ลดการสูญเสียแพ็กเก็ต (packet loss) ลง 25% โดยเฉพาะเมื่ออุปกรณ์เคลื่อนที่ระหว่าง access point Wi-Fi 8 ยังคงใช้พื้นฐานเดียวกับ Wi-Fi 7 เช่น รองรับคลื่น 2, 4, 5 และ 6 GHz, ใช้ 4096-QAM, MU-MIMO, OFDMA และช่องสัญญาณกว้างสูงสุด 320 MHz แต่เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น: - Coordinated Spatial Reuse (Co-SR) - Coordinated Beamforming (Co-BF) - Dynamic Sub-Channel Operation (DSO) - Enhanced Modulation Coding Scheme (MCS) มาตรฐาน Wi-Fi 8 จะเริ่มรับรองในปี 2028 โดยคาดว่าจะมีผลกระทบต่อทั้งภาคอุตสาหกรรม, สาธารณะ, และการใช้งานในบ้าน https://www.tomshardware.com/networking/next-gen-wi-fi-8-focuses-on-reliability-instead-of-speed-ultra-high-reliability-initiative-boosts-performance-lowers-latency-and-packet-loss-in-challenging-conditions
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากตลาดมืด: เมื่อชิป AI กลายเป็นสินค้าระดับ “ลอบนำเข้า”

    Tom’s Hardware รายงานว่าแม้สหรัฐฯ จะเพิ่มมาตรการควบคุมการส่งออกชิป AI อย่างเข้มงวด แต่บริษัทจีนหลายแห่งยังสามารถลักลอบนำเข้าชิป Nvidia รุ่นใหม่ เช่น B200 ได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่ารวมกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในเวลาเพียง 3 เดือน และบางรายถึงกับโฆษณาล่วงหน้าว่าจะมีชิป B300 พร้อมจำหน่ายเมื่อเปิดตัวในปลายปีนี้

    แม้สหรัฐฯ จะพยายามสกัดการเข้าถึงชิป AI ระดับสูงของ Nvidia และ AMD โดยเฉพาะรุ่นที่ออกแบบสำหรับจีน เช่น H20 และ MI308 แต่บริษัทจีนกลับหาวิธีนำเข้าชิปต้องห้ามเหล่านี้ผ่านช่องทางลับ โดยใช้วิธีหลากหลาย ตั้งแต่การซ่อนใน “ล็อบสเตอร์มีชีวิต” ไปจนถึง “ท้องปลอมของหญิงตั้งครรภ์”

    รายงานจาก Financial Times ระบุว่า:
    - มีการลักลอบนำเข้าชิป B200 และรุ่นอื่น ๆ มูลค่ากว่า $1 พันล้าน
    - ราคาชิปในตลาดมืดสูงกว่าราคาสหรัฐฯ ถึง 50% เช่น rack ที่มี B200 จำนวน 8 ตัว มีราคาสูงถึง $490,000
    - บริษัทจีนบางแห่ง เช่น Gate of the Era ทำยอดขายใกล้ $400 ล้านจากการขาย rack เหล่านี้

    แม้ Nvidia จะไม่ให้บริการหรือการสนับสนุนแก่ชิปที่ถูกลักลอบนำเข้า แต่ผู้ซื้อและผู้ขายยังคงหาวิธีใช้งานและดูแลชิปเหล่านี้ได้เอง

    ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ กำลังผลักดันพันธมิตร เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย ให้ช่วยสกัดการลักลอบผ่านประเทศเหล่านี้ ซึ่งมักถูกใช้เป็นจุดพักสินค้าก่อนเข้าสู่จีน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chinese-companies-allegedly-smuggled-in-usd1bn-worth-of-nvidia-ai-chips-in-the-last-three-months-despite-increasing-export-controls-some-companies-are-already-flaunting-future-b300-availability
    🎙️ เรื่องเล่าจากตลาดมืด: เมื่อชิป AI กลายเป็นสินค้าระดับ “ลอบนำเข้า” Tom’s Hardware รายงานว่าแม้สหรัฐฯ จะเพิ่มมาตรการควบคุมการส่งออกชิป AI อย่างเข้มงวด แต่บริษัทจีนหลายแห่งยังสามารถลักลอบนำเข้าชิป Nvidia รุ่นใหม่ เช่น B200 ได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่ารวมกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในเวลาเพียง 3 เดือน และบางรายถึงกับโฆษณาล่วงหน้าว่าจะมีชิป B300 พร้อมจำหน่ายเมื่อเปิดตัวในปลายปีนี้ แม้สหรัฐฯ จะพยายามสกัดการเข้าถึงชิป AI ระดับสูงของ Nvidia และ AMD โดยเฉพาะรุ่นที่ออกแบบสำหรับจีน เช่น H20 และ MI308 แต่บริษัทจีนกลับหาวิธีนำเข้าชิปต้องห้ามเหล่านี้ผ่านช่องทางลับ โดยใช้วิธีหลากหลาย ตั้งแต่การซ่อนใน “ล็อบสเตอร์มีชีวิต” ไปจนถึง “ท้องปลอมของหญิงตั้งครรภ์” รายงานจาก Financial Times ระบุว่า: - มีการลักลอบนำเข้าชิป B200 และรุ่นอื่น ๆ มูลค่ากว่า $1 พันล้าน - ราคาชิปในตลาดมืดสูงกว่าราคาสหรัฐฯ ถึง 50% เช่น rack ที่มี B200 จำนวน 8 ตัว มีราคาสูงถึง $490,000 - บริษัทจีนบางแห่ง เช่น Gate of the Era ทำยอดขายใกล้ $400 ล้านจากการขาย rack เหล่านี้ แม้ Nvidia จะไม่ให้บริการหรือการสนับสนุนแก่ชิปที่ถูกลักลอบนำเข้า แต่ผู้ซื้อและผู้ขายยังคงหาวิธีใช้งานและดูแลชิปเหล่านี้ได้เอง ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ กำลังผลักดันพันธมิตร เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย ให้ช่วยสกัดการลักลอบผ่านประเทศเหล่านี้ ซึ่งมักถูกใช้เป็นจุดพักสินค้าก่อนเข้าสู่จีน https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chinese-companies-allegedly-smuggled-in-usd1bn-worth-of-nvidia-ai-chips-in-the-last-three-months-despite-increasing-export-controls-some-companies-are-already-flaunting-future-b300-availability
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโรงงานจีน: G100 ชิปกราฟิกสายเลือดจีนที่เริ่มท้าชนโลก

    Lisuan Technology บริษัทสตาร์ทอัพด้านกราฟิกจากจีน ได้เปิดตัว GPU รุ่นใหม่ชื่อ G100 ซึ่งเป็นชิปที่ออกแบบและผลิตในประเทศจีนโดยไม่ใช้ IP จากต่างประเทศ โดยผลการทดสอบล่าสุดเผยว่า G100 รุ่น 48 CUs มีประสิทธิภาพสูงกว่า Intel Arc A770 และ Nvidia RTX 4060 ในการทดสอบ OpenCL และใกล้เคียงกับ RTX 5060 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของจีนในการพัฒนา GPU ระดับสูงด้วยตนเอง

    ในอดีต GPU ระดับสูงมักมาจากค่ายใหญ่ในสหรัฐฯ เช่น Nvidia และ AMD แต่ตอนนี้จีนเริ่มมีผู้เล่นใหม่อย่าง Lisuan Technology ที่พยายามสร้าง GPU ด้วยตนเอง โดยไม่พึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ

    G100 รุ่นใหม่ที่ถูกทดสอบมีสเปกดังนี้:
    - 48 Compute Units (CUs)
    - ความเร็วสูงสุด 2,000 MHz
    - หน่วยความจำ 12 GB (คาดว่าเป็น GDDR6)

    ผลการทดสอบ OpenCL จาก Geekbench พบว่า:
    - G100 รุ่น 48 CUs ได้คะแนน 111,290
    - สูงกว่า RTX 4060 (101,028) และ Arc A770 (109,181)
    - ใกล้เคียงกับ RTX 5060 (120,916) โดยช้ากว่าเพียง 9%

    แม้จะยังไม่มีข้อมูลด้านสถาปัตยกรรม TrueGPU อย่างละเอียด แต่ Lisuan ยืนยันว่าออกแบบเองทั้งหมด และเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์อย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้

    GPU ที่ออกแบบโดยไม่ใช้ IP ต่างประเทศมีความสำคัญต่อความมั่นคงด้านเทคโนโลยี
    โดยเฉพาะในยุคที่การควบคุมการส่งออกชิปจากสหรัฐฯ เข้มงวดขึ้น

    OpenCL เป็นมาตรฐานสำหรับการประมวลผลทั่วไปบน GPU
    ใช้ในงาน AI, การคำนวณทางวิทยาศาสตร์ และการเรนเดอร์ภาพ

    หน่วยความจำ 12 GB เป็นมาตรฐานใหม่สำหรับเกมยุคปัจจุบัน
    เกม AAA หลายเกมเริ่มต้องการมากกว่า 8 GB เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

    การพัฒนา GPU ภายในประเทศอาจช่วยลดการพึ่งพา Nvidia และ AMD
    ส่งผลต่อการแข่งขันในตลาดโลกในระยะยาว

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/lisuan-g100-gpu-shows-promise-at-least-in-opencl-homegrown-chinese-chip-outguns-arc-a770-and-rtx-4060-in-new-benchmark-10-percent-slower-than-rtx-5060
    🎙️ เรื่องเล่าจากโรงงานจีน: G100 ชิปกราฟิกสายเลือดจีนที่เริ่มท้าชนโลก Lisuan Technology บริษัทสตาร์ทอัพด้านกราฟิกจากจีน ได้เปิดตัว GPU รุ่นใหม่ชื่อ G100 ซึ่งเป็นชิปที่ออกแบบและผลิตในประเทศจีนโดยไม่ใช้ IP จากต่างประเทศ โดยผลการทดสอบล่าสุดเผยว่า G100 รุ่น 48 CUs มีประสิทธิภาพสูงกว่า Intel Arc A770 และ Nvidia RTX 4060 ในการทดสอบ OpenCL และใกล้เคียงกับ RTX 5060 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของจีนในการพัฒนา GPU ระดับสูงด้วยตนเอง ในอดีต GPU ระดับสูงมักมาจากค่ายใหญ่ในสหรัฐฯ เช่น Nvidia และ AMD แต่ตอนนี้จีนเริ่มมีผู้เล่นใหม่อย่าง Lisuan Technology ที่พยายามสร้าง GPU ด้วยตนเอง โดยไม่พึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ G100 รุ่นใหม่ที่ถูกทดสอบมีสเปกดังนี้: - 48 Compute Units (CUs) - ความเร็วสูงสุด 2,000 MHz - หน่วยความจำ 12 GB (คาดว่าเป็น GDDR6) ผลการทดสอบ OpenCL จาก Geekbench พบว่า: - G100 รุ่น 48 CUs ได้คะแนน 111,290 - สูงกว่า RTX 4060 (101,028) และ Arc A770 (109,181) - ใกล้เคียงกับ RTX 5060 (120,916) โดยช้ากว่าเพียง 9% แม้จะยังไม่มีข้อมูลด้านสถาปัตยกรรม TrueGPU อย่างละเอียด แต่ Lisuan ยืนยันว่าออกแบบเองทั้งหมด และเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์อย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้ 💡 GPU ที่ออกแบบโดยไม่ใช้ IP ต่างประเทศมีความสำคัญต่อความมั่นคงด้านเทคโนโลยี ➡️ โดยเฉพาะในยุคที่การควบคุมการส่งออกชิปจากสหรัฐฯ เข้มงวดขึ้น 💡 OpenCL เป็นมาตรฐานสำหรับการประมวลผลทั่วไปบน GPU ➡️ ใช้ในงาน AI, การคำนวณทางวิทยาศาสตร์ และการเรนเดอร์ภาพ 💡 หน่วยความจำ 12 GB เป็นมาตรฐานใหม่สำหรับเกมยุคปัจจุบัน ➡️ เกม AAA หลายเกมเริ่มต้องการมากกว่า 8 GB เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด 💡 การพัฒนา GPU ภายในประเทศอาจช่วยลดการพึ่งพา Nvidia และ AMD ➡️ ส่งผลต่อการแข่งขันในตลาดโลกในระยะยาว https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/lisuan-g100-gpu-shows-promise-at-least-in-opencl-homegrown-chinese-chip-outguns-arc-a770-and-rtx-4060-in-new-benchmark-10-percent-slower-than-rtx-5060
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากศูนย์ข้อมูล: เมื่อจีนมีพลังคอมพิวเตอร์เหลือใช้ แต่ยังขายไม่ได้

    Tom’s Hardware รายงานว่า จีนกำลังพัฒนาเครือข่ายระดับประเทศเพื่อขายพลังประมวลผลส่วนเกินจากศูนย์ข้อมูล ที่ไม่ได้ใช้งานเต็มประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าและสนับสนุนการเติบโตของ AI และคลาวด์ในประเทศ แต่ก็เผชิญกับอุปสรรคสำคัญ เช่น ความล่าช้าในการเชื่อมต่อ (latency) และ ความหลากหลายของฮาร์ดแวร์ ที่ทำให้การรวมระบบเป็นเรื่องยาก

    จีนเคยผลักดันยุทธศาสตร์ “Eastern Data, Western Computing” โดยให้สร้างศูนย์ข้อมูลในพื้นที่ตะวันตกที่ค่าไฟถูก เพื่อรองรับความต้องการจากเมืองเศรษฐกิจฝั่งตะวันออก แต่ความจริงกลับไม่เป็นไปตามแผน:
    - ศูนย์ข้อมูลหลายแห่งใช้งานเพียง 20–30% ของความสามารถ
    - รัฐลงทุนไปกว่า $3.4 พันล้านในปี 2024 แต่ผลตอบแทนยังไม่คุ้ม
    - มีโครงการถูกยกเลิกกว่า 100 แห่งใน 18 เดือนที่ผ่านมา

    เพื่อแก้ปัญหา รัฐบาลจีนจึงเตรียมสร้าง เครือข่ายคลาวด์ระดับชาติ โดยรวมพลังประมวลผลที่เหลือจากศูนย์ต่าง ๆ มาให้บริการผ่านระบบรวมศูนย์ โดยร่วมมือกับ China Mobile, China Telecom และ China Unicom

    แต่ก็มีอุปสรรคใหญ่:
    - ความล่าช้าในการเชื่อมต่อจากศูนย์ข้อมูลในพื้นที่ห่างไกล
    - ความหลากหลายของฮาร์ดแวร์ เช่น บางแห่งใช้ Nvidia CUDA บางแห่งใช้ Huawei CANN ทำให้รวมกันไม่ได้ง่าย

    แม้จะมีความท้าทาย แต่รัฐบาลยังคงมุ่งมั่น เพราะเชื่อว่าแนวทางนี้จะช่วยให้การลงทุนใน AI และคลาวด์มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ศูนย์ข้อมูลในพื้นที่ห่างไกลมักมีค่าไฟถูก แต่ latency สูง
    ไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วตอบสนองทันที

    การรวมพลังประมวลผลแบบ distributed computing ต้องใช้ระบบจัดการที่ซับซ้อน
    เช่น Kubernetes, scheduling algorithms และระบบ billing ที่แม่นยำ

    ความหลากหลายของฮาร์ดแวร์ในคลาวด์อาจต้องใช้ containerization หรือ virtualization
    เพื่อให้ผู้ใช้งานเลือกได้ว่าจะใช้ GPU แบบไหน

    การสร้างเครือข่ายคลาวด์ระดับชาติอาจช่วยลดการพึ่งพา hyperscalers ต่างชาติ
    เช่น AWS, Azure และ Google Cloud

    https://www.tomshardware.com/desktops/servers/china-is-developing-nation-spanning-network-to-sell-surplus-data-center-compute-power-latency-disparate-hardware-are-key-hurdles
    🎙️ เรื่องเล่าจากศูนย์ข้อมูล: เมื่อจีนมีพลังคอมพิวเตอร์เหลือใช้ แต่ยังขายไม่ได้ Tom’s Hardware รายงานว่า จีนกำลังพัฒนาเครือข่ายระดับประเทศเพื่อขายพลังประมวลผลส่วนเกินจากศูนย์ข้อมูล ที่ไม่ได้ใช้งานเต็มประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าและสนับสนุนการเติบโตของ AI และคลาวด์ในประเทศ แต่ก็เผชิญกับอุปสรรคสำคัญ เช่น ความล่าช้าในการเชื่อมต่อ (latency) และ ความหลากหลายของฮาร์ดแวร์ ที่ทำให้การรวมระบบเป็นเรื่องยาก จีนเคยผลักดันยุทธศาสตร์ “Eastern Data, Western Computing” โดยให้สร้างศูนย์ข้อมูลในพื้นที่ตะวันตกที่ค่าไฟถูก เพื่อรองรับความต้องการจากเมืองเศรษฐกิจฝั่งตะวันออก แต่ความจริงกลับไม่เป็นไปตามแผน: - ศูนย์ข้อมูลหลายแห่งใช้งานเพียง 20–30% ของความสามารถ - รัฐลงทุนไปกว่า $3.4 พันล้านในปี 2024 แต่ผลตอบแทนยังไม่คุ้ม - มีโครงการถูกยกเลิกกว่า 100 แห่งใน 18 เดือนที่ผ่านมา เพื่อแก้ปัญหา รัฐบาลจีนจึงเตรียมสร้าง เครือข่ายคลาวด์ระดับชาติ โดยรวมพลังประมวลผลที่เหลือจากศูนย์ต่าง ๆ มาให้บริการผ่านระบบรวมศูนย์ โดยร่วมมือกับ China Mobile, China Telecom และ China Unicom แต่ก็มีอุปสรรคใหญ่: - ความล่าช้าในการเชื่อมต่อจากศูนย์ข้อมูลในพื้นที่ห่างไกล - ความหลากหลายของฮาร์ดแวร์ เช่น บางแห่งใช้ Nvidia CUDA บางแห่งใช้ Huawei CANN ทำให้รวมกันไม่ได้ง่าย แม้จะมีความท้าทาย แต่รัฐบาลยังคงมุ่งมั่น เพราะเชื่อว่าแนวทางนี้จะช่วยให้การลงทุนใน AI และคลาวด์มีประสิทธิภาพมากขึ้น 💡 ศูนย์ข้อมูลในพื้นที่ห่างไกลมักมีค่าไฟถูก แต่ latency สูง ➡️ ไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วตอบสนองทันที 💡 การรวมพลังประมวลผลแบบ distributed computing ต้องใช้ระบบจัดการที่ซับซ้อน ➡️ เช่น Kubernetes, scheduling algorithms และระบบ billing ที่แม่นยำ 💡 ความหลากหลายของฮาร์ดแวร์ในคลาวด์อาจต้องใช้ containerization หรือ virtualization ➡️ เพื่อให้ผู้ใช้งานเลือกได้ว่าจะใช้ GPU แบบไหน 💡 การสร้างเครือข่ายคลาวด์ระดับชาติอาจช่วยลดการพึ่งพา hyperscalers ต่างชาติ ➡️ เช่น AWS, Azure และ Google Cloud https://www.tomshardware.com/desktops/servers/china-is-developing-nation-spanning-network-to-sell-surplus-data-center-compute-power-latency-disparate-hardware-are-key-hurdles
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อ AI อาจกลืนงานบริการลูกค้า
    ลองจินตนาการว่าโทรหาฝ่ายบริการลูกค้า แล้วไม่มีเสียงมนุษย์ตอบรับอีกต่อไป—มีเพียง AI ที่ตอบกลับอย่างรวดเร็ว ไม่ผิดพลาด และไม่รู้สึกอะไรเลยแม้จะถูกต่อว่า นี่คือภาพอนาคตที่ Sam Altman วาดไว้ในการประชุมที่ Federal Reserve Board

    เขาเตือนว่า AI อาจ “ลบล้าง” หมวดงานบางประเภทไปโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะงานบริการลูกค้า เพราะ AI สามารถทำงานได้เร็วกว่า ไม่ต้องโอนสาย ไม่ต้องรอคิว และไม่ทำผิดพลาด

    แต่ในโลกจริง มันยังไม่สมบูรณ์แบบนัก ตัวอย่างเช่น Klarna ที่เคยใช้ AI chatbot ดูแลลูกค้า 2 ใน 3 ของการสนทนา ก็ยังต้องกลับมาจ้างมนุษย์ เพราะคุณภาพของ AI ยังไม่ดีพอ และลูกค้าก็ยังต้องการ “ความเป็นมนุษย์” ในการสื่อสาร

    นอกจากนี้ Altman ยังยอมรับว่า แม้ AI อย่าง ChatGPT จะวินิจฉัยโรคได้ดีกว่าหมอหลายคน แต่เขาเองก็ยังไม่กล้าให้ AI ดูแลสุขภาพโดยไม่มีหมอร่วมด้วย

    และที่น่ากังวลกว่านั้นคือความสามารถของ AI ในการปลอมเสียงได้อย่างแม่นยำ ซึ่งอาจนำไปสู่การโจรกรรมตัวตนหรือการหลอกลวงทางการเงินได้ง่ายขึ้น

    สาระจากข่าว
    AI อาจแทนที่งานบริการลูกค้าได้โดยสมบูรณ์
    Altman ระบุว่า AI สามารถทำงานได้เร็วและแม่นยำกว่ามนุษย์
    ไม่มีการโอนสายหรือความผิดพลาดแบบมนุษย์

    ตัวอย่างจากบริษัท Klarna
    เคยใช้ AI chatbot ดูแลลูกค้าเป็นหลัก
    กลับมาจ้างมนุษย์เพราะคุณภาพของ AI ยังไม่ดีพอ

    AI ในวงการแพทย์
    ChatGPT สามารถวินิจฉัยโรคได้ดีกว่าหมอหลายคน
    แต่ Altman ยังไม่กล้าใช้ AI โดยไม่มีหมอร่วม

    ความสามารถในการปลอมเสียง
    AI สามารถปลอมเสียงได้อย่างแม่นยำ
    เสี่ยงต่อการโจรกรรมตัวตนและหลอกลวงทางการเงิน

    คำเตือนจากข่าว
    งานบริการลูกค้าเสี่ยงถูกแทนที่
    อาจทำให้คนตกงานจำนวนมากในอนาคต
    ความเป็นมนุษย์ในการบริการอาจหายไป

    AI อาจถูกใช้ในทางที่เป็นภัย
    ปลอมเสียงเพื่อหลอกลวงหรือโจมตีระบบการเงิน
    เสี่ยงต่อการถูกใช้โดยรัฐหรือองค์กรที่ไม่หวังดี

    การพึ่งพา AI มากเกินไป
    อาจทำให้เกิด “automation bias” คือเชื่อ AI มากเกินไป
    ส่งผลต่อการตัดสินใจที่ควรใช้วิจารณญาณของมนุษย์

    https://www.techspot.com/news/108792-openai-ceo-sam-altman-warns-ai-could-wipe.html
    🧠 เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อ AI อาจกลืนงานบริการลูกค้า ลองจินตนาการว่าโทรหาฝ่ายบริการลูกค้า แล้วไม่มีเสียงมนุษย์ตอบรับอีกต่อไป—มีเพียง AI ที่ตอบกลับอย่างรวดเร็ว ไม่ผิดพลาด และไม่รู้สึกอะไรเลยแม้จะถูกต่อว่า นี่คือภาพอนาคตที่ Sam Altman วาดไว้ในการประชุมที่ Federal Reserve Board เขาเตือนว่า AI อาจ “ลบล้าง” หมวดงานบางประเภทไปโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะงานบริการลูกค้า เพราะ AI สามารถทำงานได้เร็วกว่า ไม่ต้องโอนสาย ไม่ต้องรอคิว และไม่ทำผิดพลาด แต่ในโลกจริง มันยังไม่สมบูรณ์แบบนัก ตัวอย่างเช่น Klarna ที่เคยใช้ AI chatbot ดูแลลูกค้า 2 ใน 3 ของการสนทนา ก็ยังต้องกลับมาจ้างมนุษย์ เพราะคุณภาพของ AI ยังไม่ดีพอ และลูกค้าก็ยังต้องการ “ความเป็นมนุษย์” ในการสื่อสาร นอกจากนี้ Altman ยังยอมรับว่า แม้ AI อย่าง ChatGPT จะวินิจฉัยโรคได้ดีกว่าหมอหลายคน แต่เขาเองก็ยังไม่กล้าให้ AI ดูแลสุขภาพโดยไม่มีหมอร่วมด้วย และที่น่ากังวลกว่านั้นคือความสามารถของ AI ในการปลอมเสียงได้อย่างแม่นยำ ซึ่งอาจนำไปสู่การโจรกรรมตัวตนหรือการหลอกลวงทางการเงินได้ง่ายขึ้น ✅ สาระจากข่าว ✅ AI อาจแทนที่งานบริการลูกค้าได้โดยสมบูรณ์ ➡️ Altman ระบุว่า AI สามารถทำงานได้เร็วและแม่นยำกว่ามนุษย์ ➡️ ไม่มีการโอนสายหรือความผิดพลาดแบบมนุษย์ ✅ ตัวอย่างจากบริษัท Klarna ➡️ เคยใช้ AI chatbot ดูแลลูกค้าเป็นหลัก ➡️ กลับมาจ้างมนุษย์เพราะคุณภาพของ AI ยังไม่ดีพอ ✅ AI ในวงการแพทย์ ➡️ ChatGPT สามารถวินิจฉัยโรคได้ดีกว่าหมอหลายคน ➡️ แต่ Altman ยังไม่กล้าใช้ AI โดยไม่มีหมอร่วม ✅ ความสามารถในการปลอมเสียง ➡️ AI สามารถปลอมเสียงได้อย่างแม่นยำ ➡️ เสี่ยงต่อการโจรกรรมตัวตนและหลอกลวงทางการเงิน ‼️ คำเตือนจากข่าว ‼️ งานบริการลูกค้าเสี่ยงถูกแทนที่ ⛔ อาจทำให้คนตกงานจำนวนมากในอนาคต ⛔ ความเป็นมนุษย์ในการบริการอาจหายไป ‼️ AI อาจถูกใช้ในทางที่เป็นภัย ⛔ ปลอมเสียงเพื่อหลอกลวงหรือโจมตีระบบการเงิน ⛔ เสี่ยงต่อการถูกใช้โดยรัฐหรือองค์กรที่ไม่หวังดี ‼️ การพึ่งพา AI มากเกินไป ⛔ อาจทำให้เกิด “automation bias” คือเชื่อ AI มากเกินไป ⛔ ส่งผลต่อการตัดสินใจที่ควรใช้วิจารณญาณของมนุษย์ https://www.techspot.com/news/108792-openai-ceo-sam-altman-warns-ai-could-wipe.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Sam Altman warns AI could wipe out entire job categories, customer support roles most at risk
    Speaking at the Capital Framework for Large Banks conference at the Federal Reserve Board of Governors, Altman addressed one of the most hotly debated issues around generative...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อข้อมือกลายเป็นเมาส์และคีย์บอร์ด

    ลองจินตนาการว่าแค่ “คิดจะพิมพ์” หรือ “ตั้งใจจะคลิก” ก็สามารถสั่งงานคอมพิวเตอร์ได้ทันที—ไม่ต้องแตะหน้าจอ ไม่ต้องจับเมาส์ นี่คือสิ่งที่ Meta กำลังพัฒนาอยู่ใน Reality Labs: สายรัดข้อมืออัจฉริยะที่ใช้เทคโนโลยี EMG (Electromyography) เพื่ออ่านสัญญาณไฟฟ้าจากกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นเมื่อเราตั้งใจจะขยับนิ้ว

    Thomas Reardon หัวหน้าทีมวิจัยของ Meta บอกว่า “คุณไม่จำเป็นต้องขยับจริง ๆ แค่ตั้งใจจะขยับก็พอ” เพราะสัญญาณจากสมองจะถูกส่งไปยังกล้ามเนื้อก่อนที่เราจะเคลื่อนไหวจริง และสายรัดนี้สามารถจับสัญญาณเหล่านั้นได้แม้ไม่มีการเคลื่อนไหวให้เห็น

    เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้คนทั่วไปควบคุมอุปกรณ์ได้แบบไร้สัมผัส แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้พิการทางการเคลื่อนไหวสามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ได้ด้วยเจตนาที่แฝงอยู่ในกล้ามเนื้อ แม้จะเป็นเพียงสัญญาณเบา ๆ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้

    Meta ใช้ข้อมูลจากผู้ใช้งานกว่า 10,000 คนในการฝึก AI ให้สามารถแปลสัญญาณกล้ามเนื้อเป็นคำสั่งได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ต้องปรับแต่งเฉพาะบุคคล ทำให้ใครก็สามารถใช้งานได้ทันที

    Meta พัฒนาอุปกรณ์ควบคุมคอมพิวเตอร์ผ่านข้อมือ
    ใช้เทคโนโลยี EMG ตรวจจับสัญญาณไฟฟ้าจากกล้ามเนื้อ
    ไม่ต้องขยับจริง แค่ “ตั้งใจ” ก็สามารถสั่งงานได้

    ไม่ต้องผ่าตัดหรือฝึกใช้งาน
    ต่างจากเทคโนโลยีอย่าง Neuralink ที่ต้องฝังอุปกรณ์ในสมอง
    ผู้ใช้สามารถสวมใส่และใช้งานได้ทันที

    ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ใช้กว่า 10,000 คน
    ทำให้ระบบสามารถทำงานกับผู้ใช้ใหม่ได้ทันที
    รองรับการพิมพ์ในอากาศ การเลื่อนเมาส์ และเปิดแอป

    ช่วยผู้พิการใช้งานเทคโนโลยี
    ทดสอบกับผู้มีอาการบาดเจ็บไขสันหลังที่มหาวิทยาลัย Carnegie Mellon
    แม้มีอัมพาตมือ ก็ยังมีสัญญาณกล้ามเนื้อให้ระบบแปลคำสั่งได้

    ตีพิมพ์งานวิจัยในวารสาร Nature
    เปิดเผยข้อมูล EMG กว่า 100 ชั่วโมงให้ชุมชนวิทยาศาสตร์นำไปต่อยอด

    ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว
    การแปล “เจตนา” อาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
    หากข้อมูลกล้ามเนื้อถูกเก็บหรือวิเคราะห์โดยบุคคลที่สาม อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม

    การพึ่งพา AI มากเกินไป
    อาจเกิด “automation bias” คือเชื่อคำสั่งจาก AI โดยไม่ตรวจสอบ
    เสี่ยงต่อการตัดสินใจผิดพลาดในสถานการณ์สำคัญ

    ผลกระทบต่อแรงงานและอุปกรณ์เดิม
    เมาส์ คีย์บอร์ด และหน้าจอสัมผัสอาจถูกลดบทบาท
    อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และแรงงานที่เกี่ยวข้อง

    https://www.techspot.com/news/108797-meta-builds-wristband-can-control-devices-flick-wrist.html
    🧠 เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อข้อมือกลายเป็นเมาส์และคีย์บอร์ด ลองจินตนาการว่าแค่ “คิดจะพิมพ์” หรือ “ตั้งใจจะคลิก” ก็สามารถสั่งงานคอมพิวเตอร์ได้ทันที—ไม่ต้องแตะหน้าจอ ไม่ต้องจับเมาส์ นี่คือสิ่งที่ Meta กำลังพัฒนาอยู่ใน Reality Labs: สายรัดข้อมืออัจฉริยะที่ใช้เทคโนโลยี EMG (Electromyography) เพื่ออ่านสัญญาณไฟฟ้าจากกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นเมื่อเราตั้งใจจะขยับนิ้ว Thomas Reardon หัวหน้าทีมวิจัยของ Meta บอกว่า “คุณไม่จำเป็นต้องขยับจริง ๆ แค่ตั้งใจจะขยับก็พอ” เพราะสัญญาณจากสมองจะถูกส่งไปยังกล้ามเนื้อก่อนที่เราจะเคลื่อนไหวจริง และสายรัดนี้สามารถจับสัญญาณเหล่านั้นได้แม้ไม่มีการเคลื่อนไหวให้เห็น เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้คนทั่วไปควบคุมอุปกรณ์ได้แบบไร้สัมผัส แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้พิการทางการเคลื่อนไหวสามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ได้ด้วยเจตนาที่แฝงอยู่ในกล้ามเนื้อ แม้จะเป็นเพียงสัญญาณเบา ๆ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ Meta ใช้ข้อมูลจากผู้ใช้งานกว่า 10,000 คนในการฝึก AI ให้สามารถแปลสัญญาณกล้ามเนื้อเป็นคำสั่งได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ต้องปรับแต่งเฉพาะบุคคล ทำให้ใครก็สามารถใช้งานได้ทันที ✅ Meta พัฒนาอุปกรณ์ควบคุมคอมพิวเตอร์ผ่านข้อมือ ➡️ ใช้เทคโนโลยี EMG ตรวจจับสัญญาณไฟฟ้าจากกล้ามเนื้อ ➡️ ไม่ต้องขยับจริง แค่ “ตั้งใจ” ก็สามารถสั่งงานได้ ✅ ไม่ต้องผ่าตัดหรือฝึกใช้งาน ➡️ ต่างจากเทคโนโลยีอย่าง Neuralink ที่ต้องฝังอุปกรณ์ในสมอง ➡️ ผู้ใช้สามารถสวมใส่และใช้งานได้ทันที ✅ ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ใช้กว่า 10,000 คน ➡️ ทำให้ระบบสามารถทำงานกับผู้ใช้ใหม่ได้ทันที ➡️ รองรับการพิมพ์ในอากาศ การเลื่อนเมาส์ และเปิดแอป ✅ ช่วยผู้พิการใช้งานเทคโนโลยี ➡️ ทดสอบกับผู้มีอาการบาดเจ็บไขสันหลังที่มหาวิทยาลัย Carnegie Mellon ➡️ แม้มีอัมพาตมือ ก็ยังมีสัญญาณกล้ามเนื้อให้ระบบแปลคำสั่งได้ ✅ ตีพิมพ์งานวิจัยในวารสาร Nature ➡️ เปิดเผยข้อมูล EMG กว่า 100 ชั่วโมงให้ชุมชนวิทยาศาสตร์นำไปต่อยอด ‼️ ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว ⛔ การแปล “เจตนา” อาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ⛔ หากข้อมูลกล้ามเนื้อถูกเก็บหรือวิเคราะห์โดยบุคคลที่สาม อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม ‼️ การพึ่งพา AI มากเกินไป ⛔ อาจเกิด “automation bias” คือเชื่อคำสั่งจาก AI โดยไม่ตรวจสอบ ⛔ เสี่ยงต่อการตัดสินใจผิดพลาดในสถานการณ์สำคัญ ‼️ ผลกระทบต่อแรงงานและอุปกรณ์เดิม ⛔ เมาส์ คีย์บอร์ด และหน้าจอสัมผัสอาจถูกลดบทบาท ⛔ อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และแรงงานที่เกี่ยวข้อง https://www.techspot.com/news/108797-meta-builds-wristband-can-control-devices-flick-wrist.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Meta builds wristband that can control devices with a flick of the wrist
    This technology draws on the field of electromyography, or EMG, which measures muscle activity by detecting the electrical signals generated as the brain sends commands to muscle...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อวัยรุ่นมีเพื่อนใหม่ที่ชื่อว่า “AI”

    ลองนึกภาพวัยรุ่นที่กำลังเครียดเรื่องความรัก การบ้าน หรือแม้แต่การเลือกชุดไปงานเลี้ยง แล้วหันไปปรึกษา “เพื่อน” ที่ไม่เคยเหนื่อย ไม่เคยตัดสิน และพร้อมตอบทุกคำถามทันที—นั่นคือ AI companion ที่กำลังกลายเป็นเพื่อนสนิทของวัยรุ่นอเมริกันจำนวนมาก

    จากการสำรวจของ Common Sense Media พบว่า:
    - มากกว่า 70% ของวัยรุ่นเคยใช้ AI companions
    - ครึ่งหนึ่งใช้เป็นประจำ
    - 31% บอกว่าการคุยกับ AI “น่าพอใจเท่าหรือมากกว่าการคุยกับเพื่อนจริง”

    วัยรุ่นหลายคนใช้ AI เพื่อขอคำแนะนำเรื่องชีวิตประจำวัน เช่น การแต่งตัว การเขียนอีเมล หรือแม้แต่การตัดสินใจเรื่องความสัมพันธ์ ตัวอย่างเช่น มีวัยรุ่นคนหนึ่งให้ AI เขียนข้อความเลิกกับแฟนแทนตัวเอง ซึ่งทำให้เพื่อนของเขารู้สึกว่า “นี่มันดิสโทเปียชัด ๆ”

    นักวิจัยเตือนว่า AI อาจทำให้วัยรุ่นพัฒนาทักษะทางสังคมได้ไม่เต็มที่ เพราะ AI มักจะ “เห็นด้วย” กับทุกสิ่ง ไม่ท้าทาย ไม่สอนให้เข้าใจมุมมองของคนอื่น และไม่ช่วยให้เรียนรู้การอ่านอารมณ์หรือสัญญาณทางสังคม

    https://www.techspot.com/news/108793-ai-new-best-friend-many-teens-never-no.html
    🧠 เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อวัยรุ่นมีเพื่อนใหม่ที่ชื่อว่า “AI” ลองนึกภาพวัยรุ่นที่กำลังเครียดเรื่องความรัก การบ้าน หรือแม้แต่การเลือกชุดไปงานเลี้ยง แล้วหันไปปรึกษา “เพื่อน” ที่ไม่เคยเหนื่อย ไม่เคยตัดสิน และพร้อมตอบทุกคำถามทันที—นั่นคือ AI companion ที่กำลังกลายเป็นเพื่อนสนิทของวัยรุ่นอเมริกันจำนวนมาก จากการสำรวจของ Common Sense Media พบว่า: - มากกว่า 70% ของวัยรุ่นเคยใช้ AI companions - ครึ่งหนึ่งใช้เป็นประจำ - 31% บอกว่าการคุยกับ AI “น่าพอใจเท่าหรือมากกว่าการคุยกับเพื่อนจริง” วัยรุ่นหลายคนใช้ AI เพื่อขอคำแนะนำเรื่องชีวิตประจำวัน เช่น การแต่งตัว การเขียนอีเมล หรือแม้แต่การตัดสินใจเรื่องความสัมพันธ์ ตัวอย่างเช่น มีวัยรุ่นคนหนึ่งให้ AI เขียนข้อความเลิกกับแฟนแทนตัวเอง ซึ่งทำให้เพื่อนของเขารู้สึกว่า “นี่มันดิสโทเปียชัด ๆ” นักวิจัยเตือนว่า AI อาจทำให้วัยรุ่นพัฒนาทักษะทางสังคมได้ไม่เต็มที่ เพราะ AI มักจะ “เห็นด้วย” กับทุกสิ่ง ไม่ท้าทาย ไม่สอนให้เข้าใจมุมมองของคนอื่น และไม่ช่วยให้เรียนรู้การอ่านอารมณ์หรือสัญญาณทางสังคม https://www.techspot.com/news/108793-ai-new-best-friend-many-teens-never-no.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AI is the new best friend for many teens, and it never says "no"
    "It's eye-opening," said Michael Robb, the study's lead author and head researcher at Common Sense. He told The Associated Press that even researchers were surprised by the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • แถลงด่วน แม่ทัพภาค2 รายงานสถานการณ์ ส่งสารสำคัญถึงปชช [25/7/68]

    #แถลงด่วน #แม่ทัพภาค2 #รายงานสถานการณ์ #ส่งสารถึงประชาชน #ความเคลื่อนไหวชายแดน #แม่ทัพพูดแล้ว #ข่าวความมั่นคง #เสียงจากกองทัพ #รายงานสดจากแนวหน้า #กัมพูชายิงก่อน #柬埔寨先开火 (จีน) #カンボジアが先に発砲 (ญี่ปุ่น) #캄보디아가먼저발포 (เกาหลี) #KamboçyaİlkAteşEtti (ตุรกี) #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #thaitimes #news1 #shorts
    แถลงด่วน แม่ทัพภาค2 รายงานสถานการณ์ ส่งสารสำคัญถึงปชช [25/7/68] #แถลงด่วน #แม่ทัพภาค2 #รายงานสถานการณ์ #ส่งสารถึงประชาชน #ความเคลื่อนไหวชายแดน #แม่ทัพพูดแล้ว #ข่าวความมั่นคง #เสียงจากกองทัพ #รายงานสดจากแนวหน้า #กัมพูชายิงก่อน #柬埔寨先开火 (จีน) #カンボジアが先に発砲 (ญี่ปุ่น) #캄보디아가먼저발포 (เกาหลี) #KamboçyaİlkAteşEtti (ตุรกี) #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #thaitimes #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เสียงจากด่านหน้า ทหารฝากบอก "ไม่ต้องเป็นห่วง" [25/7/68]

    #เสียงจากด่านหน้า #ทหารไทยไม่ถอย #ไม่ต้องเป็นห่วง #ทหารยืนหยัดเพื่อชาติ #ข่าวชายแดน #ทหารแนวหน้า #กำลังใจแด่ทหารไทย #ThaiArmyStrong #ThaiSoldiersSpeak #กัมพูชายิงก่อน #柬埔寨先开火 (จีน) #カンボジアが先に発砲 (ญี่ปุ่น) #캄보디아가먼저발포 (เกาหลี) #KamboçyaİlkAteşEtti (ตุรกี) #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #thaitimes #news1 #shorts
    เสียงจากด่านหน้า ทหารฝากบอก "ไม่ต้องเป็นห่วง" [25/7/68] #เสียงจากด่านหน้า #ทหารไทยไม่ถอย #ไม่ต้องเป็นห่วง #ทหารยืนหยัดเพื่อชาติ #ข่าวชายแดน #ทหารแนวหน้า #กำลังใจแด่ทหารไทย #ThaiArmyStrong #ThaiSoldiersSpeak #กัมพูชายิงก่อน #柬埔寨先开火 (จีน) #カンボジアが先に発砲 (ญี่ปุ่น) #캄보디아가먼저발포 (เกาหลี) #KamboçyaİlkAteşEtti (ตุรกี) #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #thaitimes #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ขนมจีนน้ำยาเจ๊ภัทร #บิ๊กซีสมุทรปราการ #อร่อยบอกต่อ #ร้านดีบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #อร่อย #พาชิม #อาหาร #food #eat #delicious #thaifood #streetfood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    ขนมจีนน้ำยาเจ๊ภัทร #บิ๊กซีสมุทรปราการ #อร่อยบอกต่อ #ร้านดีบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #อร่อย #พาชิม #อาหาร #food #eat #delicious #thaifood #streetfood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 0 รีวิว

  • ..เขมรเป็นประเทศที่ทั้งอาเชียนไม่เอาไม่คบด้วย,มีแต่คนทรยศประจำประเทศไทยคบและเดอะแก๊งฝรั่งชั่วเลวคบเพื่อยึดบ่อน้ำมันในอ่าวไทยเรา,UNคือบ้านเดอะแก๊งโจรระดับโลกองค์กรซุ่มโจรสากลขนาดใหญ่ปล้นอย่างชอบธรรมทั่วโลก,ดูบริบทที่เข้าข้างอิสราเอลนั้นล่ะชัดเจนสุด,ไม่มีความยุติธรรมห่าจริงอะไรหรอก,ขี้ข้าdeep stateตระกูลรอธไชล์ผู้ร่วมหลักในการก่อตั้งUNแค่นั้น,สมุนโจรไม่ฟ้องหัวหน้าโจร,ไทยเราจะมีความยุติธรรมอะไร,อเมริกาผีบ้าเสือกมาบอกให้เราหยุดยิงโน้น ทั้งที่เขมรแท้ๆเปิดก่อน,นี้คือความระยำสันดานของอเมริกาชัดเจน,ผลประโยชน์ต้องเอาให้อเมริกาก่อนด้วยแบบฐานทัพอเมริกาในพังงาจะเอาให้ได้ ยึดแลนด์บริดจ์และคลองคอดกระทันที,เสือกบอกอีกว่าไทยตะค้าขายกับใครต้องขออนุญาตอเมริกาก่อนนี้จะยึดปกครองอธิปไตยไทยเลยนะ,
    ..ประเทศไทยเรามาปกครองระบบใหม่กันเถอะ ทิ้งระบบฝรั่งมันไป มันอ้างบุญคุณว่าใช้ระบบมันปกครองประเทศอยู่ตลอดเวลา,เรามาเปลี่ยนเป็นระบบธรรมาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขกันเถอะ,ทหารยึดอำนาจปฏิวัติผ่านกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยเราเลย รวมอำนาจปกครองใหม่หมดในภาวะสงครามนี้,รัฐบาลนีัไม่มีความน่าไว้วางใจอีกต่อไปแล้วในการปกครอง,งบฉุกเฉินทางทหารเราสามารถบริหารให้คล่องตัวทันทีเพราะรัฐบาลมันไม่ใส่ใจแล้วไม่สนใจอธิปไตยไทยจะเป็นห่าอะไรหรอกเพราะคดีพ่อมันชั้น14วุ่นวายเป็นอันมากตลอดสส.ทั้งสภาอาจสิ้นสถานะด้วยทั้งหมดภายในสิ้นเดือนนี้ต้นเดือนหน้าก็ว่า,เห็นชัดว่าก่อการหาจังหวะก่อการก่อนวันที่28ก.ค.68ชัดเจน วันเกิดฟ้าเรานั่นเอง,เหี้ยมันพยายามสมคบกับเขมรเอาทุกๆทางหักหน้าฟ้าเราตลอดแม้เล็กๆน้อยๆก็เอาด้วยกระทบให้ได้ด้วย,
    ..ยุทธวิธีกลศึกตลอดช่วงสงครามกับเขมรด้วย เครื่องมือเครื่องไม้เราต้องพร้อมเสริมทัพตลอดลดความสูญเสียทหารราบเรา คือโดรนลาดตะเวนสำรวจและโดรนจู่โจมต้องมี ตลอดแนวชายแดนต้องไม่ต่ำกว่าจังหวัดละ1,000ตัว ตีให้โดรนพลีชีพด้วย รวม10,000ตัวพร้อมปฏิบัติการทันที,ถ้าสั่งจากรัฐบาลจีนหรือรัสเชีย จีนอาจตัวละ5-6ล้านบาทแบบGtG,ก็5-6หมื่นล้านบาทถือว่าคุ้มมาก,และอนาคตเราสามารถดัดแปลงตกแต่งโดรนนี้ให้ปลอดภัยด้านความมั่นคงข้อมูลได้ตลอดอัพเรเวลให้ดียิ่งๆขึ้นได้หรือไทยเราสร้างโดรนพลีชีพโดรนลาดตะเวนสำรวจโดรนจู่โจมได้มากขนาดไหนทันแล้วก็สามารถนำเข้าสั่งมาลงหน้างานเลย,,ลดการปะทะการสูญเสียทหารเราทันที10,000คนแต่ประสิทธิภาพการรุกศัตรู1:20คือเทียบ200,000พลทหารเราได้สบาย.,งบฉุกเฉินเบิกล่วงหน้าได้เลย,การยึดอำนาจจึงสำคัญมาก ไม่ต้องมาห่วงการหักหลังของคนทรยศภายในตนเองอีกต่อไป,สร้างระบบปกครองใหม่ด้วย,เจรจาการอเมริกาเรื่องตั้งฐานทัพกองทัพอเมริกาในพังงาก็สามารถปฏิเสธได้เพื่อเป็นกลางทางสงครามโลกหากอเมริการบกับจีนจริง.

    https://youtube.com/watch?v=dfsn6-6TunQ&si=f9NBhnXn7I4wwq5y
    https://youtube.com/watch?v=dfsn6-6TunQ&si=f9NBhnXn7I4wwq5y
    ..เขมรเป็นประเทศที่ทั้งอาเชียนไม่เอาไม่คบด้วย,มีแต่คนทรยศประจำประเทศไทยคบและเดอะแก๊งฝรั่งชั่วเลวคบเพื่อยึดบ่อน้ำมันในอ่าวไทยเรา,UNคือบ้านเดอะแก๊งโจรระดับโลกองค์กรซุ่มโจรสากลขนาดใหญ่ปล้นอย่างชอบธรรมทั่วโลก,ดูบริบทที่เข้าข้างอิสราเอลนั้นล่ะชัดเจนสุด,ไม่มีความยุติธรรมห่าจริงอะไรหรอก,ขี้ข้าdeep stateตระกูลรอธไชล์ผู้ร่วมหลักในการก่อตั้งUNแค่นั้น,สมุนโจรไม่ฟ้องหัวหน้าโจร,ไทยเราจะมีความยุติธรรมอะไร,อเมริกาผีบ้าเสือกมาบอกให้เราหยุดยิงโน้น ทั้งที่เขมรแท้ๆเปิดก่อน,นี้คือความระยำสันดานของอเมริกาชัดเจน,ผลประโยชน์ต้องเอาให้อเมริกาก่อนด้วยแบบฐานทัพอเมริกาในพังงาจะเอาให้ได้ ยึดแลนด์บริดจ์และคลองคอดกระทันที,เสือกบอกอีกว่าไทยตะค้าขายกับใครต้องขออนุญาตอเมริกาก่อนนี้จะยึดปกครองอธิปไตยไทยเลยนะ, ..ประเทศไทยเรามาปกครองระบบใหม่กันเถอะ ทิ้งระบบฝรั่งมันไป มันอ้างบุญคุณว่าใช้ระบบมันปกครองประเทศอยู่ตลอดเวลา,เรามาเปลี่ยนเป็นระบบธรรมาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขกันเถอะ,ทหารยึดอำนาจปฏิวัติผ่านกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยเราเลย รวมอำนาจปกครองใหม่หมดในภาวะสงครามนี้,รัฐบาลนีัไม่มีความน่าไว้วางใจอีกต่อไปแล้วในการปกครอง,งบฉุกเฉินทางทหารเราสามารถบริหารให้คล่องตัวทันทีเพราะรัฐบาลมันไม่ใส่ใจแล้วไม่สนใจอธิปไตยไทยจะเป็นห่าอะไรหรอกเพราะคดีพ่อมันชั้น14วุ่นวายเป็นอันมากตลอดสส.ทั้งสภาอาจสิ้นสถานะด้วยทั้งหมดภายในสิ้นเดือนนี้ต้นเดือนหน้าก็ว่า,เห็นชัดว่าก่อการหาจังหวะก่อการก่อนวันที่28ก.ค.68ชัดเจน วันเกิดฟ้าเรานั่นเอง,เหี้ยมันพยายามสมคบกับเขมรเอาทุกๆทางหักหน้าฟ้าเราตลอดแม้เล็กๆน้อยๆก็เอาด้วยกระทบให้ได้ด้วย, ..ยุทธวิธีกลศึกตลอดช่วงสงครามกับเขมรด้วย เครื่องมือเครื่องไม้เราต้องพร้อมเสริมทัพตลอดลดความสูญเสียทหารราบเรา คือโดรนลาดตะเวนสำรวจและโดรนจู่โจมต้องมี ตลอดแนวชายแดนต้องไม่ต่ำกว่าจังหวัดละ1,000ตัว ตีให้โดรนพลีชีพด้วย รวม10,000ตัวพร้อมปฏิบัติการทันที,ถ้าสั่งจากรัฐบาลจีนหรือรัสเชีย จีนอาจตัวละ5-6ล้านบาทแบบGtG,ก็5-6หมื่นล้านบาทถือว่าคุ้มมาก,และอนาคตเราสามารถดัดแปลงตกแต่งโดรนนี้ให้ปลอดภัยด้านความมั่นคงข้อมูลได้ตลอดอัพเรเวลให้ดียิ่งๆขึ้นได้หรือไทยเราสร้างโดรนพลีชีพโดรนลาดตะเวนสำรวจโดรนจู่โจมได้มากขนาดไหนทันแล้วก็สามารถนำเข้าสั่งมาลงหน้างานเลย,,ลดการปะทะการสูญเสียทหารเราทันที10,000คนแต่ประสิทธิภาพการรุกศัตรู1:20คือเทียบ200,000พลทหารเราได้สบาย.,งบฉุกเฉินเบิกล่วงหน้าได้เลย,การยึดอำนาจจึงสำคัญมาก ไม่ต้องมาห่วงการหักหลังของคนทรยศภายในตนเองอีกต่อไป,สร้างระบบปกครองใหม่ด้วย,เจรจาการอเมริกาเรื่องตั้งฐานทัพกองทัพอเมริกาในพังงาก็สามารถปฏิเสธได้เพื่อเป็นกลางทางสงครามโลกหากอเมริการบกับจีนจริง. https://youtube.com/watch?v=dfsn6-6TunQ&si=f9NBhnXn7I4wwq5y https://youtube.com/watch?v=dfsn6-6TunQ&si=f9NBhnXn7I4wwq5y
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปืนใหญ่ไทยได้ผล
    ยิงทำลายปืน ค.100 ของเขมรแตก 3 กระบอก ที่ช่องบก
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ปืนใหญ่ไทยได้ผล ยิงทำลายปืน ค.100 ของเขมรแตก 3 กระบอก ที่ช่องบก #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว
  • สลดเพิ่ม จากเหตุ7ถูกเหมนถล่ม หน่วย EOD พบอีก 5 ร่าง สิ้นชีพเพราะเหมนเล็งพลเรือน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    สลดเพิ่ม จากเหตุ7ถูกเหมนถล่ม หน่วย EOD พบอีก 5 ร่าง สิ้นชีพเพราะเหมนเล็งพลเรือน #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีบดูด่วน สภาพทหารเขมร "แอ้แล่" ไปต่อหรือพอแค่นี้ [25/7/68]

    #รีบดูด่วน #ทหารเขมรแอ้แล่ #สภาพทหารเขมร #ข่าวกัมพูชา #แนวหน้ากัมพูชา #ไปต่อหรือพอแค่นี้ #กัมพูชากำลังอ่อนแรง #ข่าวทหารเขมร #เขมรพร้อมรบจริงหรือ #กัมพูชายิงก่อน #柬埔寨先开火 (จีน) #カンボジアが先に発砲 (ญี่ปุ่น) #캄보디아가먼저발포 (เกาหลี) #KamboçyaİlkAteşEtti (ตุรกี) #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #thaitimes #news1 #shorts
    รีบดูด่วน สภาพทหารเขมร "แอ้แล่" ไปต่อหรือพอแค่นี้ [25/7/68] #รีบดูด่วน #ทหารเขมรแอ้แล่ #สภาพทหารเขมร #ข่าวกัมพูชา #แนวหน้ากัมพูชา #ไปต่อหรือพอแค่นี้ #กัมพูชากำลังอ่อนแรง #ข่าวทหารเขมร #เขมรพร้อมรบจริงหรือ #กัมพูชายิงก่อน #柬埔寨先开火 (จีน) #カンボジアが先に発砲 (ญี่ปุ่น) #캄보디아가먼저발포 (เกาหลี) #KamboçyaİlkAteşEtti (ตุรกี) #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #thaitimes #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • https://youtu.be/1w7OgIMMRc4?si=fXnuO14UcdcIocUM
    https://youtu.be/1w7OgIMMRc4?si=fXnuO14UcdcIocUM
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • ญี่ปุ่นรู้ความจริง สำนักข่าวญี่ปุ่นรายงานเขมร "โจมตี" พลเรือนไทย [25/7/68]

    #ญี่ปุ่นรู้ความจริง #สื่อญี่ปุ่นรายงาน #ข่าวญี่ปุ่น #ญี่ปุ่นพูดเรื่องเขมร #รายงานเขมรโจมตี #โจมตีพลเรือนไทย #ข่าวต่างประเทศ #CambodiaAttackThaiCivilians #ThaiJapanNews #กัมพูชายิงก่อน #柬埔寨先开火 (จีน) #カンボジアが先に発砲 (ญี่ปุ่น) #캄보디아가먼저발포 (เกาหลี) #KamboçyaİlkAteşEtti (ตุรกี) #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #thaitimes #news1 #shorts
    ญี่ปุ่นรู้ความจริง สำนักข่าวญี่ปุ่นรายงานเขมร "โจมตี" พลเรือนไทย [25/7/68] #ญี่ปุ่นรู้ความจริง #สื่อญี่ปุ่นรายงาน #ข่าวญี่ปุ่น #ญี่ปุ่นพูดเรื่องเขมร #รายงานเขมรโจมตี #โจมตีพลเรือนไทย #ข่าวต่างประเทศ #CambodiaAttackThaiCivilians #ThaiJapanNews #กัมพูชายิงก่อน #柬埔寨先开火 (จีน) #カンボジアが先に発砲 (ญี่ปุ่น) #캄보디아가먼저발포 (เกาหลี) #KamboçyaİlkAteşEtti (ตุรกี) #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #thaitimes #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว