• ถ้าใครเคยใช้ New Outlook (อันที่ UI คล้ายเว็บ + มี toggle เปลี่ยนจากคลาสสิกได้) แล้วรู้สึกขัดใจ ก็ไม่แปลกครับ เพราะตอนเปิดตัวแรก ๆ มีปัญหาจุกจิกหลายอย่าง เช่น ฟีเจอร์หาย แปลกใหม่เกินไป หรือทำงานไม่เสถียร

    แต่งานนี้ Microsoft ออกมาพูดบ้างว่า “New Outlook ดีกว่าเดิมมากแล้ว” พร้อมแจกแจงว่า:
    - โค้ดเบสใหม่ช่วยให้แอปรองรับฟีเจอร์ได้เร็วขึ้น
    - มีฟีเจอร์ใหม่ที่เวอร์ชันเก่าไม่มี เช่น Pin mail, iCal sync, tabbed search, mailbox สี
    - รองรับ shared mailbox, PST, offline mode และกำลังจะใส่ Copilot มาอีกเพียบ
    - UI เดียวกับเว็บ Outlook — สลับเครื่อง/แพลตฟอร์มได้ไม่ต้องเรียนรู้ใหม่

    Microsoft ยังให้คำแนะนำว่า “ลองใช้ให้เยอะที่สุด” แล้วจะเริ่มรู้สึกว่ามันดีกว่าของเดิม — แถมมีตัวช่วยย้ายค่าต่าง ๆ มาจากคลาสสิกให้ด้วย

    ใช้โค้ดเบสใหม่ที่ agile ยืดหยุ่นกว่าเวอร์ชันคลาสสิกมาก  
    • ส่งผลให้เสถียรขึ้น, เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ได้ไว, และปลอดภัยยิ่งขึ้น

    รองรับฟีเจอร์ที่ไม่มีใน Outlook คลาสสิก เช่น:  
    • Pin mail สำคัญไว้บนสุด  
    • ค้นหาแบบ Tabbed (หาไฟล์/ทีม/คนง่ายขึ้น)  
    • mailbox สี + ธีมใหม่  
    • iCal sync และ scheduled mail

    มีระบบ “Shared with me” แสดงสิทธิ์ของ mailbox/folder ที่ถูกแชร์ — ดูปัญหา permission ได้ง่ายขึ้น

    รวม Copilot features กำลังทยอยมาเรื่อย ๆ:  
    • Side pane, Drafts, Summarize, Schedule from email  
    • ฟีเจอร์ “Prioritize my inbox” สำหรับผู้ใช้ระดับ commercial

    รองรับ PST (ไฟล์เก่า) และใช้แบบ offline ได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ  
    • Microsoft ยืนยัน roadmap ยังจะเสริมความสามารถอีกเยอะ

    ใช้งานข้ามแพลตฟอร์มได้ดีขึ้น เพราะฐานเดียวกับ Outlook Web  
    • ทำให้ UI + ฟีเจอร์เหมือนกัน ไม่ต้องเรียนรู้ซ้ำ

    คลาสสิก Outlook มีปัญหาบ่อยขึ้นในช่วงหลัง เช่น bug ปฏิทิน/แอปล่มตอนส่งอีเมล  
    • Microsoft ใช้จุดนี้เป็นเหตุผลให้คนเปลี่ยนมา New Outlook

    https://www.neowin.net/news/microsoft-explains-how-new-outlook-for-windows-haters-are-wrong-and-why-its-a-great-app/
    ถ้าใครเคยใช้ New Outlook (อันที่ UI คล้ายเว็บ + มี toggle เปลี่ยนจากคลาสสิกได้) แล้วรู้สึกขัดใจ ก็ไม่แปลกครับ เพราะตอนเปิดตัวแรก ๆ มีปัญหาจุกจิกหลายอย่าง เช่น ฟีเจอร์หาย แปลกใหม่เกินไป หรือทำงานไม่เสถียร แต่งานนี้ Microsoft ออกมาพูดบ้างว่า “New Outlook ดีกว่าเดิมมากแล้ว” พร้อมแจกแจงว่า: - โค้ดเบสใหม่ช่วยให้แอปรองรับฟีเจอร์ได้เร็วขึ้น - มีฟีเจอร์ใหม่ที่เวอร์ชันเก่าไม่มี เช่น Pin mail, iCal sync, tabbed search, mailbox สี - รองรับ shared mailbox, PST, offline mode และกำลังจะใส่ Copilot มาอีกเพียบ - UI เดียวกับเว็บ Outlook — สลับเครื่อง/แพลตฟอร์มได้ไม่ต้องเรียนรู้ใหม่ Microsoft ยังให้คำแนะนำว่า “ลองใช้ให้เยอะที่สุด” แล้วจะเริ่มรู้สึกว่ามันดีกว่าของเดิม — แถมมีตัวช่วยย้ายค่าต่าง ๆ มาจากคลาสสิกให้ด้วย ✅ ใช้โค้ดเบสใหม่ที่ agile ยืดหยุ่นกว่าเวอร์ชันคลาสสิกมาก   • ส่งผลให้เสถียรขึ้น, เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ได้ไว, และปลอดภัยยิ่งขึ้น ✅ รองรับฟีเจอร์ที่ไม่มีใน Outlook คลาสสิก เช่น:   • Pin mail สำคัญไว้บนสุด   • ค้นหาแบบ Tabbed (หาไฟล์/ทีม/คนง่ายขึ้น)   • mailbox สี + ธีมใหม่   • iCal sync และ scheduled mail ✅ มีระบบ “Shared with me” แสดงสิทธิ์ของ mailbox/folder ที่ถูกแชร์ — ดูปัญหา permission ได้ง่ายขึ้น ✅ รวม Copilot features กำลังทยอยมาเรื่อย ๆ:   • Side pane, Drafts, Summarize, Schedule from email   • ฟีเจอร์ “Prioritize my inbox” สำหรับผู้ใช้ระดับ commercial ✅ รองรับ PST (ไฟล์เก่า) และใช้แบบ offline ได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ   • Microsoft ยืนยัน roadmap ยังจะเสริมความสามารถอีกเยอะ ✅ ใช้งานข้ามแพลตฟอร์มได้ดีขึ้น เพราะฐานเดียวกับ Outlook Web   • ทำให้ UI + ฟีเจอร์เหมือนกัน ไม่ต้องเรียนรู้ซ้ำ ✅ คลาสสิก Outlook มีปัญหาบ่อยขึ้นในช่วงหลัง เช่น bug ปฏิทิน/แอปล่มตอนส่งอีเมล   • Microsoft ใช้จุดนี้เป็นเหตุผลให้คนเปลี่ยนมา New Outlook https://www.neowin.net/news/microsoft-explains-how-new-outlook-for-windows-haters-are-wrong-and-why-its-a-great-app/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft explains how New Outlook for Windows haters are wrong and why it's a great app
    Microsoft has explained how the New Outlook for Windows is actually great and how many of the detractors are quite wrong about it by showcasing some of the app's new features.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 330 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าคุณเป็นสาย dev ที่ทำงานอยู่ในเทอร์มินัลเป็นหลัก และเบื่อการสลับหน้าจอไปมาเพื่อถาม AI หรือขอคำแนะนำ — ข่าวนี้คือของขวัญครับ

    Gemini CLI คือเครื่องมือใหม่จาก Google ที่เปิดให้ใช้งานฟรี โดยใช้บัญชี Google ส่วนตัวก็สามารถเข้าถึง Gemini 2.5 Pro ได้ทันที พร้อม สิทธิ์ใช้งาน 60 ครั้งต่อนาที และสูงสุด 1,000 ครั้งต่อวัน แบบไม่เสียเงินเลย

    สิ่งที่เจ๋งคือ เราสามารถเรียก Gemini มาช่วยสรุปโค้ด, สร้างสคริปต์, วิเคราะห์ output, หรือแม้แต่ค้นข้อมูลจาก Google Search แบบเรียลไทม์ — ทั้งหมดทำผ่านเทอร์มินัลได้ทันที!

    ติดตั้งง่ายแค่มี Node.js 18 ขึ้นไป แล้วใช้ npx หรือ npm install -g ก็พร้อมใช้แล้วครับ

    Google เปิดตัว Gemini CLI สำหรับใช้งาน AI ผ่านเทอร์มินัลแบบตรง ๆ  
    • รองรับการทำงานร่วมกับ Gemini 2.5 Pro  
    • ให้ใช้ฟรี 1,000 คำสั่ง/วัน โดยใช้บัญชี Google ส่วนตัว

    นักพัฒนาองค์กรสามารถใช้ API Key จาก Google AI Studio หรือ Vertex AI ได้ด้วย  
    • รองรับ billing แบบจ่ายตามการใช้งาน หรือใช้ผ่าน Gemini Code Assist (Standard / Enterprise)

    ความสามารถเด่นของ Gemini CLI:  
    • ค้นเว็บเรียลไทม์ผ่าน Google Search เพื่อเสริมคำตอบ  
    • รองรับการทำ automation แบบ non-interactive ผ่าน script  
    • ต่อขยายได้ผ่าน Model Context Protocol (MCP) และ Extension

    ติดตั้งง่ายด้วย Node.js:  
    • ใช้ npx https://github.com/google-gemini/gemini-cli หรือ npm install -g @google/gemini-cli

    ตัวโค้ดเป็นโอเพ่นซอร์ส บน GitHub ภายใต้ Apache 2.0 License  
    • ใช้เฟรมเวิร์ก Yargs ในการพัฒนา  
    • ตรวจสอบพฤติกรรมได้ และร่วมพัฒนาต่อยอดได้ทันที

    ประสบการณ์เชื่อมโยงกับ Gemini Code Assist IDE plugin  
    • ทำให้ dev ใช้ Gemini ได้ทั้งบน VS Code และ CLI แบบ seamless

    https://www.neowin.net/news/google-releases-gemini-cli-bringing-gemini-to-the-terminal/
    ถ้าคุณเป็นสาย dev ที่ทำงานอยู่ในเทอร์มินัลเป็นหลัก และเบื่อการสลับหน้าจอไปมาเพื่อถาม AI หรือขอคำแนะนำ — ข่าวนี้คือของขวัญครับ Gemini CLI คือเครื่องมือใหม่จาก Google ที่เปิดให้ใช้งานฟรี โดยใช้บัญชี Google ส่วนตัวก็สามารถเข้าถึง Gemini 2.5 Pro ได้ทันที พร้อม สิทธิ์ใช้งาน 60 ครั้งต่อนาที และสูงสุด 1,000 ครั้งต่อวัน แบบไม่เสียเงินเลย สิ่งที่เจ๋งคือ เราสามารถเรียก Gemini มาช่วยสรุปโค้ด, สร้างสคริปต์, วิเคราะห์ output, หรือแม้แต่ค้นข้อมูลจาก Google Search แบบเรียลไทม์ — ทั้งหมดทำผ่านเทอร์มินัลได้ทันที! ติดตั้งง่ายแค่มี Node.js 18 ขึ้นไป แล้วใช้ npx หรือ npm install -g ก็พร้อมใช้แล้วครับ ✅ Google เปิดตัว Gemini CLI สำหรับใช้งาน AI ผ่านเทอร์มินัลแบบตรง ๆ   • รองรับการทำงานร่วมกับ Gemini 2.5 Pro   • ให้ใช้ฟรี 1,000 คำสั่ง/วัน โดยใช้บัญชี Google ส่วนตัว ✅ นักพัฒนาองค์กรสามารถใช้ API Key จาก Google AI Studio หรือ Vertex AI ได้ด้วย   • รองรับ billing แบบจ่ายตามการใช้งาน หรือใช้ผ่าน Gemini Code Assist (Standard / Enterprise) ✅ ความสามารถเด่นของ Gemini CLI:   • ค้นเว็บเรียลไทม์ผ่าน Google Search เพื่อเสริมคำตอบ   • รองรับการทำ automation แบบ non-interactive ผ่าน script   • ต่อขยายได้ผ่าน Model Context Protocol (MCP) และ Extension ✅ ติดตั้งง่ายด้วย Node.js:   • ใช้ npx https://github.com/google-gemini/gemini-cli หรือ npm install -g @google/gemini-cli ✅ ตัวโค้ดเป็นโอเพ่นซอร์ส บน GitHub ภายใต้ Apache 2.0 License   • ใช้เฟรมเวิร์ก Yargs ในการพัฒนา   • ตรวจสอบพฤติกรรมได้ และร่วมพัฒนาต่อยอดได้ทันที ✅ ประสบการณ์เชื่อมโยงกับ Gemini Code Assist IDE plugin   • ทำให้ dev ใช้ Gemini ได้ทั้งบน VS Code และ CLI แบบ seamless https://www.neowin.net/news/google-releases-gemini-cli-bringing-gemini-to-the-terminal/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google releases Gemini CLI, bringing Gemini to the terminal
    Google has finally launched Gemini CLI, its answer to tools like Codex CLI and Claude Code. It brings Gemini to the terminal and offers features like task automation for developers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 341 มุมมอง 0 รีวิว
  • เชื่อไหมว่าหลายคนถึงขั้นยอมเสียเงินซื้อตัวช่วยบล็อกโซเชียลไม่ให้เสียเวลา — แต่บางทีก็แอบปิดมันเอง แล้วเปิด Facebook อยู่ดี นักพัฒนา Pankaj Tanwar เลยบอกว่า “งั้นทำให้มันน่าอายจนเลิกเถอะ!”

    เขาสร้างส่วนเสริมชื่อ Scream to Unlock ซึ่งถ้าคุณพยายามเข้าเว็บอย่าง Facebook, Instagram หรือ X (Twitter เดิม) มันจะขึ้นจอว่า “ถูกบล็อก” พร้อมให้คุณเปิดไมค์แล้ว ตะโกนคำว่า I'm a loser

    เสียงยิ่งดัง = ยิ่งได้เวลาปลดล็อกนาน ถ้าเสียงเบา = ได้แค่ไม่กี่วินาที หรือโดนระบบแซวกลับ

    ระบบจะคอมเมนต์เสียงคุณ เช่น:
    - “You sound like a mouse!” (เสียงเบาจนได้เวลา 23 วิเท่านั้น!)
    - “Not bad, but you can do better!”
    - “AMAZING! That was an epic scream!”

    จุดประสงค์คือสร้าง “แรงเสียดทานแบบอาย ๆ” ให้คุณไม่อยากเปิดโซเชียลพร่ำเพรื่อ — ถ้าคุณกล้าก็ลองเลย...แต่ อย่าทำในออฟฟิศเด็ดขาด เดี๋ยวเพื่อนร่วมงานจะคิดว่าเสียสติ

    Chrome Extension ชื่อ Scream to Unlock จะบล็อกเว็บโซเชียล จนกว่าคุณจะตะโกน ‘I’m a loser’ ผ่านไมโครโฟน  
    • รองรับการกำหนดเว็บที่ต้องการบล็อกเอง เช่น Facebook, X, Instagram  
    • หลังตะโกน จะได้เวลาปลดล็อก (ขึ้นกับความดัง) เพื่อใช้งานเว็บนั้น

    มีระบบให้คะแนนเสียงตะโกน พร้อมคอมเมนต์แบบขำ ๆ  
    • เสียงเบา: “You sound like a mouse!”  
    • เสียงดังมาก: ได้รับการชมแบบมหากาพย์

    ตัวส่วนเสริมอ้างว่าไม่เก็บข้อมูลเสียง และประมวลผลในเครื่องเท่านั้น  
    • แสดงความโปร่งใสใน Chrome Web Store

    เป็นโอเพนซอร์ส สร้างโดย Pankaj Tanwar และโปรโมตผ่าน Hacker News

    https://www.neowin.net/news/chrome-extension-blocks-social-media-until-you-scream-im-a-loser/
    เชื่อไหมว่าหลายคนถึงขั้นยอมเสียเงินซื้อตัวช่วยบล็อกโซเชียลไม่ให้เสียเวลา — แต่บางทีก็แอบปิดมันเอง แล้วเปิด Facebook อยู่ดี 🙈 นักพัฒนา Pankaj Tanwar เลยบอกว่า “งั้นทำให้มันน่าอายจนเลิกเถอะ!” เขาสร้างส่วนเสริมชื่อ Scream to Unlock ซึ่งถ้าคุณพยายามเข้าเว็บอย่าง Facebook, Instagram หรือ X (Twitter เดิม) มันจะขึ้นจอว่า “ถูกบล็อก” พร้อมให้คุณเปิดไมค์แล้ว ตะโกนคำว่า I'm a loser เสียงยิ่งดัง = ยิ่งได้เวลาปลดล็อกนาน ถ้าเสียงเบา = ได้แค่ไม่กี่วินาที หรือโดนระบบแซวกลับ ระบบจะคอมเมนต์เสียงคุณ เช่น: - “You sound like a mouse!” (เสียงเบาจนได้เวลา 23 วิเท่านั้น!) - “Not bad, but you can do better!” - “AMAZING! That was an epic scream!” จุดประสงค์คือสร้าง “แรงเสียดทานแบบอาย ๆ” ให้คุณไม่อยากเปิดโซเชียลพร่ำเพรื่อ — ถ้าคุณกล้าก็ลองเลย...แต่ อย่าทำในออฟฟิศเด็ดขาด เดี๋ยวเพื่อนร่วมงานจะคิดว่าเสียสติ 😅 ✅ Chrome Extension ชื่อ Scream to Unlock จะบล็อกเว็บโซเชียล จนกว่าคุณจะตะโกน ‘I’m a loser’ ผ่านไมโครโฟน   • รองรับการกำหนดเว็บที่ต้องการบล็อกเอง เช่น Facebook, X, Instagram   • หลังตะโกน จะได้เวลาปลดล็อก (ขึ้นกับความดัง) เพื่อใช้งานเว็บนั้น ✅ มีระบบให้คะแนนเสียงตะโกน พร้อมคอมเมนต์แบบขำ ๆ   • เสียงเบา: “You sound like a mouse!”   • เสียงดังมาก: ได้รับการชมแบบมหากาพย์ ✅ ตัวส่วนเสริมอ้างว่าไม่เก็บข้อมูลเสียง และประมวลผลในเครื่องเท่านั้น   • แสดงความโปร่งใสใน Chrome Web Store ✅ เป็นโอเพนซอร์ส สร้างโดย Pankaj Tanwar และโปรโมตผ่าน Hacker News https://www.neowin.net/news/chrome-extension-blocks-social-media-until-you-scream-im-a-loser/
    WWW.NEOWIN.NET
    Chrome extension blocks social media until you scream "I'm a loser"
    A developer has released a free Chrome extension that helps people with social media addiction by blocking access to popular sites until they shout "I'm a loser."
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 343 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังจากงาน RSA Conference 2025 หลายคนเริ่มรู้สึกว่า “ข่าว AI น่ากลัวไปหมด” — ทั้ง deepfakes, hallucination, model leak, และ supply chain attack แบบใหม่ ๆ ที่อิง LLM

    แต่ Tony Martin-Vegue วิศวกรด้านความเสี่ยงของ Netflix บอกว่า สิ่งที่ CISO ต้องทำไม่ใช่ตื่นตระหนก แต่คือ กลับมาใช้วิธีคิดเดิม ๆ ที่เคยได้ผล — รู้ว่า AI ถูกใช้ที่ไหน โดยใคร และกับข้อมูลชนิดไหน แล้วค่อยวาง control

    Rob T. Lee จาก SANS ก็แนะนำว่า CISO ต้อง “ใช้ AI เองทุกวัน” จนเข้าใจพฤติกรรมของมัน ก่อนจะไปออกนโยบาย ส่วน Chris Hetner จาก NACD ก็เตือนว่าปัญหาไม่ใช่ AI แต่คือความวุ่นวายใน echo chamber ของวงการไซเบอร์เอง

    สุดท้าย Diana Kelley แห่ง Protect AI บอกว่า “อย่ารอจนโดน MSA (Model Serialization Attack)” ควรเริ่มวางแผนความปลอดภัยเฉพาะทางสำหรับ LLM แล้ว — ทั้งการสแกน model, ตรวจ typosquatting และจัดการ data flow จากต้นทาง

    ไม่ต้องตื่นตระหนกกับความเสี่ยงจาก LLM — แต่ให้กลับมาโฟกัสที่ security fundamentals ที่ใช้ได้เสมอ  
    • เช่น เข้าใจว่า AI ถูกใช้อย่างไร, ที่ไหน, โดยใคร, เพื่ออะไร

    ควรใช้แนวทางเดียวกับการบริหารความเสี่ยงของเทคโนโลยีใหม่ในอดีต  
    • เช่น BYOD, คลาวด์, SaaS

    Rob T. Lee (SANS) แนะนำให้ผู้บริหาร Cyber ลองใช้งาน AI จริงในชีวิตประจำวัน  
    • จะช่วยให้รู้ว่าควรตั้ง control อย่างไรในบริบทองค์กรจริง

    Chris Hetner (NACD) เตือนว่า FUD (ความกลัว, ความไม่แน่ใจ, ความสงสัย) มาจาก echo chamber และ vendor  
    • CISO ควรพากลับมาโฟกัสที่ profile ความเสี่ยง, asset, และผลกระทบ

    การปกป้อง AI = ต้องรู้ว่าใช้ข้อมูลชนิดใด feed เข้า model  
    • เช่น ข้อมูล HR, ลูกค้า, ผลิตภัณฑ์

    องค์กรต้องรู้ว่า “ใครใช้ AI บ้าง และใช้กับข้อมูลไหน” → เพื่อวาง data governance  
    • เช่น ใช้ scanning, encryption, redaction, การอนุญาต data input

    ควรปกป้อง “ตัว model” ด้วยการ:  
    • สแกน model file แบบเฉพาะทาง  
    • ป้องกัน typosquatting, neural backdoor, MSA (Model Serialization Attack)  
    • ตรวจสอบ supply chain model โดยเฉพาะ open-source

    ตัวอย่างองค์กรที่เปลี่ยนโครงสร้างแล้ว:  
    • Moderna รวม HR + IT เป็นตำแหน่งเดียว เพื่อดูแลทั้ง “คน + agent AI” พร้อมกัน

    https://www.csoonline.com/article/4006436/llms-hype-versus-reality-what-cisos-should-focus-on.html
    หลังจากงาน RSA Conference 2025 หลายคนเริ่มรู้สึกว่า “ข่าว AI น่ากลัวไปหมด” — ทั้ง deepfakes, hallucination, model leak, และ supply chain attack แบบใหม่ ๆ ที่อิง LLM แต่ Tony Martin-Vegue วิศวกรด้านความเสี่ยงของ Netflix บอกว่า สิ่งที่ CISO ต้องทำไม่ใช่ตื่นตระหนก แต่คือ กลับมาใช้วิธีคิดเดิม ๆ ที่เคยได้ผล — รู้ว่า AI ถูกใช้ที่ไหน โดยใคร และกับข้อมูลชนิดไหน แล้วค่อยวาง control Rob T. Lee จาก SANS ก็แนะนำว่า CISO ต้อง “ใช้ AI เองทุกวัน” จนเข้าใจพฤติกรรมของมัน ก่อนจะไปออกนโยบาย ส่วน Chris Hetner จาก NACD ก็เตือนว่าปัญหาไม่ใช่ AI แต่คือความวุ่นวายใน echo chamber ของวงการไซเบอร์เอง สุดท้าย Diana Kelley แห่ง Protect AI บอกว่า “อย่ารอจนโดน MSA (Model Serialization Attack)” ควรเริ่มวางแผนความปลอดภัยเฉพาะทางสำหรับ LLM แล้ว — ทั้งการสแกน model, ตรวจ typosquatting และจัดการ data flow จากต้นทาง ✅ ไม่ต้องตื่นตระหนกกับความเสี่ยงจาก LLM — แต่ให้กลับมาโฟกัสที่ security fundamentals ที่ใช้ได้เสมอ   • เช่น เข้าใจว่า AI ถูกใช้อย่างไร, ที่ไหน, โดยใคร, เพื่ออะไร ✅ ควรใช้แนวทางเดียวกับการบริหารความเสี่ยงของเทคโนโลยีใหม่ในอดีต   • เช่น BYOD, คลาวด์, SaaS ✅ Rob T. Lee (SANS) แนะนำให้ผู้บริหาร Cyber ลองใช้งาน AI จริงในชีวิตประจำวัน   • จะช่วยให้รู้ว่าควรตั้ง control อย่างไรในบริบทองค์กรจริง ✅ Chris Hetner (NACD) เตือนว่า FUD (ความกลัว, ความไม่แน่ใจ, ความสงสัย) มาจาก echo chamber และ vendor   • CISO ควรพากลับมาโฟกัสที่ profile ความเสี่ยง, asset, และผลกระทบ ✅ การปกป้อง AI = ต้องรู้ว่าใช้ข้อมูลชนิดใด feed เข้า model   • เช่น ข้อมูล HR, ลูกค้า, ผลิตภัณฑ์ ✅ องค์กรต้องรู้ว่า “ใครใช้ AI บ้าง และใช้กับข้อมูลไหน” → เพื่อวาง data governance   • เช่น ใช้ scanning, encryption, redaction, การอนุญาต data input ✅ ควรปกป้อง “ตัว model” ด้วยการ:   • สแกน model file แบบเฉพาะทาง   • ป้องกัน typosquatting, neural backdoor, MSA (Model Serialization Attack)   • ตรวจสอบ supply chain model โดยเฉพาะ open-source ✅ ตัวอย่างองค์กรที่เปลี่ยนโครงสร้างแล้ว:   • Moderna รวม HR + IT เป็นตำแหน่งเดียว เพื่อดูแลทั้ง “คน + agent AI” พร้อมกัน https://www.csoonline.com/article/4006436/llms-hype-versus-reality-what-cisos-should-focus-on.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    LLMs hype versus reality: What CISOs should focus on
    In an overly reactive market to the risks posed by large language models (LLMs), CISO’s need not panic. Here are four common-sense security fundamentals to support AI-enabled business operations across the enterprise.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 525 มุมมอง 0 รีวิว
  • *****.....ผ้ายันต์ในพิธี.....ครบรอบ.....30.....ปี.....หลักเมือง.....จ.นครศรีธรรมราช.....*****

    *****.....พิธีเข้มขลัง.....เทพเทวา.....ฟ้าดินรับรู้.....พระอาทิตย์......ทรงกลด.....วันละหลายรอบ.....ผ้ายันต์ในพิธีก็สร้างน้อย.....มาก...มาก.....*****

    *****.....มีตราประทับของ.....ชมรมศรัทธาองค์พ่อ จตุคาม-รามเทพ.....ทุกผืน.....*****

    *****.....เช่าหาบูชาได้อย่างสบายใจ.....ท่านใดสนใจ.....*****

    *****.....ไอดี ไลน์.....oak_999.....ข้อความ.....หรือโทร.....089-471-5666.....*****

    #จตุคามรามเทพ #จตุคาม #รามเทพ #หลักเมือง #พังพระกาฬ #พังพกาฬ #จันทรภาณุ #พญาชิงชัย #ผ้ายันต์หลักเมืองนครศรี #ผ้ายันต์
    *****.....ผ้ายันต์ในพิธี.....ครบรอบ.....30.....ปี.....หลักเมือง.....จ.นครศรีธรรมราช.....***** *****.....พิธีเข้มขลัง.....เทพเทวา.....ฟ้าดินรับรู้.....พระอาทิตย์......ทรงกลด.....วันละหลายรอบ.....ผ้ายันต์ในพิธีก็สร้างน้อย.....มาก...มาก.....***** *****.....มีตราประทับของ.....ชมรมศรัทธาองค์พ่อ จตุคาม-รามเทพ.....ทุกผืน.....***** *****.....เช่าหาบูชาได้อย่างสบายใจ.....ท่านใดสนใจ.....***** *****.....ไอดี ไลน์.....oak_999.....ข้อความ.....หรือโทร.....089-471-5666.....***** #จตุคามรามเทพ #จตุคาม #รามเทพ #หลักเมือง #พังพระกาฬ #พังพกาฬ #จันทรภาณุ #พญาชิงชัย #ผ้ายันต์หลักเมืองนครศรี #ผ้ายันต์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 437 มุมมอง 0 รีวิว
  • หั่นกระท้อนแช่อิ่มไวสุด ๆ!
    หั่นเนื้อผลไม้ได้เร็ว เท่ากัน สวยงาม ไม่เละ
    เหมาะกับการผลิต “กระท้อนแช่อิ่ม” ปริมาณมาก
    ใช้งานง่าย ปลอดภัย มีถาดกันมือ พร้อมล้อเลื่อนเคลื่อนย้ายสะดวก

    จุดเด่นของเครื่องนี้

    โครงสร้าง สแตนเลส แข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้นานหลายปี
    หั่นไวต่อเนื่อง 200-300 กก./ชั่วโมง เหมาะกับสายแปรรูปขาย
    ใบมีด แท่งคู่แนวตั้ง หั่นได้ “เท่ากันทุกชิ้น” ไม่เละ ไม่เสียเนื้อ
    มี ถาดกันมือ (Safety) เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้
    มีล้อเลื่อน 4 จุด เคลื่อนย้ายสะดวก ไม่ต้องยกให้เมื่อย
    ทำความสะอาดง่าย แยกชิ้นส่วนได้ ไม่ยุ่งยาก
    หั่นกระท้อนแช่อิ่มได้ "พอดีคำ" พร้อมจัดแพ็คขายหรือดองทันที!

    ข้อมูลทางเทคนิค
    - มอเตอร์: 1.5 แรงม้า
    - กระแสไฟ: 220 โวลต์ (ไฟบ้านทั่วไป)
    - ขนาดเครื่อง: 38.5 x 68 x 81 ซม.
    - น้ำหนัก: 65 กิโลกรัม
    - กำลังผลิต: 200-300 กก./ชั่วโมง

    สนใจสินค้าเครื่องไหน สามารถเข้ามาดูที่ร้านได้เลยนะคะ
    เวลาเปิดทำการ :
    จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00
    และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00
    แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7

    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ‼‼
    ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน
    m.me/yonghahheng แชทเลย
    LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า)
    หรือ https://lin.ee/5H812n9
    02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    www.yoryonghahheng.com
    E-mail : sales@yoryonghahheng.com
    yonghahheng@gmail.com

    #เครื่องหั่นกระท้อน #เครื่องหั่นผลไม้ #เครื่องหั่นแช่อิ่ม #เครื่องหั่นผลไม้แปรรูป #กระท้อนแช่อิ่ม #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #หั่นกระท้อนเร็ว #เครื่องหั่นผลไม้ดอง #เครื่องหั่นเชิงพาณิชย์ #เครื่องหั่นอุตสาหกรรม #แปรรูปผลไม้ #กระท้อนดอง #กระท้อนแช่อิ่ม #กระท้อนแช่อิ่มโบราณ #กระท้อนแช่อิ่มสูตรดั้งเดิม #กระท้อนแช่อิ่มหวานเย็น #กระท้อนแช่อิ่มขายดี #ผลไม้แช่อิ่ม #ของกินเล่น #ของกินอร่อย #ผลไม้แปรรูป #ของฝากขึ้นชื่อ #กระท้อนดอง #แช่อิ่มทำขาย #กระท้อนพร้อมทาน
    หั่นกระท้อนแช่อิ่มไวสุด ๆ! ✨ หั่นเนื้อผลไม้ได้เร็ว เท่ากัน สวยงาม ไม่เละ เหมาะกับการผลิต “กระท้อนแช่อิ่ม” ปริมาณมาก ใช้งานง่าย ปลอดภัย มีถาดกันมือ พร้อมล้อเลื่อนเคลื่อนย้ายสะดวก ✅ จุดเด่นของเครื่องนี้ 📌 โครงสร้าง สแตนเลส แข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้นานหลายปี 📌 หั่นไวต่อเนื่อง 200-300 กก./ชั่วโมง เหมาะกับสายแปรรูปขาย 📌 ใบมีด แท่งคู่แนวตั้ง หั่นได้ “เท่ากันทุกชิ้น” ไม่เละ ไม่เสียเนื้อ 📌 มี ถาดกันมือ (Safety) เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ 📌 มีล้อเลื่อน 4 จุด เคลื่อนย้ายสะดวก ไม่ต้องยกให้เมื่อย 📌 ทำความสะอาดง่าย แยกชิ้นส่วนได้ ไม่ยุ่งยาก 📌 หั่นกระท้อนแช่อิ่มได้ "พอดีคำ" พร้อมจัดแพ็คขายหรือดองทันที! 🔧 ข้อมูลทางเทคนิค - มอเตอร์: 1.5 แรงม้า - กระแสไฟ: 220 โวลต์ (ไฟบ้านทั่วไป) - ขนาดเครื่อง: 38.5 x 68 x 81 ซม. - น้ำหนัก: 65 กิโลกรัม - กำลังผลิต: 200-300 กก./ชั่วโมง สนใจสินค้าเครื่องไหน สามารถเข้ามาดูที่ร้านได้เลยนะคะ เวลาเปิดทำการ : จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00 แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ‼‼ ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน m.me/yonghahheng👈👈 แชทเลย LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือ https://lin.ee/5H812n9 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 www.yoryonghahheng.com E-mail : sales@yoryonghahheng.com yonghahheng@gmail.com #เครื่องหั่นกระท้อน #เครื่องหั่นผลไม้ #เครื่องหั่นแช่อิ่ม #เครื่องหั่นผลไม้แปรรูป #กระท้อนแช่อิ่ม #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #หั่นกระท้อนเร็ว #เครื่องหั่นผลไม้ดอง #เครื่องหั่นเชิงพาณิชย์ #เครื่องหั่นอุตสาหกรรม #แปรรูปผลไม้ #กระท้อนดอง #กระท้อนแช่อิ่ม #กระท้อนแช่อิ่มโบราณ #กระท้อนแช่อิ่มสูตรดั้งเดิม #กระท้อนแช่อิ่มหวานเย็น #กระท้อนแช่อิ่มขายดี #ผลไม้แช่อิ่ม #ของกินเล่น #ของกินอร่อย #ผลไม้แปรรูป #ของฝากขึ้นชื่อ #กระท้อนดอง #แช่อิ่มทำขาย #กระท้อนพร้อมทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1354 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฑีมายุโก โหตุ มหาสังฆราชา🙏🏻

    เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ
    สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ(อมฺพรมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
    • พระชนมายุ ๙๘ พรรษา •
    ๒๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘

    ทรงพระเจริญ

    เกล้ากระหม่อม/เกล้ากระหม่อมฉัน พุทธศาสนิกชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า
    ฑีมายุโก โหตุ มหาสังฆราชา🙏🏻 เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ(อมฺพรมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก • พระชนมายุ ๙๘ พรรษา • ๒๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ทรงพระเจริญ เกล้ากระหม่อม/เกล้ากระหม่อมฉัน พุทธศาสนิกชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า
    Yay
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 347 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า AI จะทำลายหรือต่อยอด “งาน” อย่างไรในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อมองจากข้อมูลเชิงวิชาการที่ยังมีข้อจำกัดด้านพื้นที่, ช่วงเวลา, และประเภท AI ที่ศึกษา

    ช่วงนี้คนทั่วโลกเริ่มกังวลว่า “AI จะมาแย่งงานไหม?” โดยเฉพาะเมื่อเราเห็นบริษัทยักษ์ใหญ่หันมาใช้ chatbot และหุ่นยนต์แบบจริงจัง — แต่ทีมนักวิจัยจากเยอรมนี อิตาลี และสหรัฐฯ กลับบอกว่า ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า AI ทำให้คนตกงานหรือเครียดหนักขึ้นจริงในภาพรวม

    ทีมนี้ใช้ข้อมูลจากเยอรมนี (2000–2020) ก่อนยุค generative AI อย่าง ChatGPT และพบว่า AI อาจช่วยลดความเสี่ยงทางกายภาพของงานบางประเภท และเพิ่มความพึงพอใจในงานเล็กน้อย โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานที่ไม่มีปริญญา

    แต่พวกเขาก็เตือนว่าอย่าด่วนสรุป — เพราะ
    1) การใช้ AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น
    2) กฎหมายแรงงานในเยอรมนีค่อนข้างแข็งแรงกว่าประเทศอื่น และ
    3) งานวิจัยยังไม่ครอบคลุม AI สมัยใหม่แบบ LLM

    นักวิจัยยังเน้นด้วยว่า “สถาบันและนโยบายภาครัฐ” จะเป็นตัวกำหนดว่า AI จะทำให้งานดีขึ้นหรือแย่ลง ไม่ใช่ตัวเทคโนโลยีเองล้วน ๆ

    งานวิจัยจากนักวิจัยในเยอรมนี–อิตาลี–สหรัฐฯ ชี้ว่า AI ยังไม่ส่งผลลบต่อสุขภาพจิตและความพึงพอใจในการทำงาน  
    • โดยเฉพาะในประเทศที่มีแรงงานคุ้มครองสูง เช่น เยอรมนี

    พบว่า AI อาจมีส่วนช่วยลด “ความเสี่ยงทางร่างกาย” และภาระทางกายในบางอาชีพได้เล็กน้อย  
    • เช่น งานที่เคยหนัก อาจถูกแทนบางส่วนด้วยระบบอัตโนมัติ

    คนไม่มีปริญญาอาจได้ประโยชน์ทางสุขภาพมากกว่า  
    • จากการที่งานเน้นแรงกายน้อยลง

    ข้อมูลวิจัยใช้แบบ Longitudinal ครอบคลุมปี 2000–2020  
    • ก่อนเกิดเทคโนโลยี Generative AI แบบ ChatGPT (ปลายปี 2022)

    นักวิจัยเน้นว่า “นโยบายและสถาบันแรงงาน” มีผลสำคัญต่อผลกระทบของ AI ต่อแรงงาน  
    • ไม่ใช่ตัว AI อย่างเดียวที่กำหนดชะตากรรม

    Gallup ระบุว่าในสหรัฐฯ อัตราใช้ AI ที่ทำงานเพิ่มขึ้น 2 เท่าใน 2 ปีที่ผ่านมา  
    • มากสุดในสายงาน white-collar อย่างเทคโนโลยีและการเงิน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/25/it039s-still-039too-soon039-to-say-how-ai-will-affect-jobs-researchers-say
    ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า AI จะทำลายหรือต่อยอด “งาน” อย่างไรในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อมองจากข้อมูลเชิงวิชาการที่ยังมีข้อจำกัดด้านพื้นที่, ช่วงเวลา, และประเภท AI ที่ศึกษา ช่วงนี้คนทั่วโลกเริ่มกังวลว่า “AI จะมาแย่งงานไหม?” โดยเฉพาะเมื่อเราเห็นบริษัทยักษ์ใหญ่หันมาใช้ chatbot และหุ่นยนต์แบบจริงจัง — แต่ทีมนักวิจัยจากเยอรมนี อิตาลี และสหรัฐฯ กลับบอกว่า ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า AI ทำให้คนตกงานหรือเครียดหนักขึ้นจริงในภาพรวม ทีมนี้ใช้ข้อมูลจากเยอรมนี (2000–2020) ก่อนยุค generative AI อย่าง ChatGPT และพบว่า AI อาจช่วยลดความเสี่ยงทางกายภาพของงานบางประเภท และเพิ่มความพึงพอใจในงานเล็กน้อย โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานที่ไม่มีปริญญา แต่พวกเขาก็เตือนว่าอย่าด่วนสรุป — เพราะ 1) การใช้ AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น 2) กฎหมายแรงงานในเยอรมนีค่อนข้างแข็งแรงกว่าประเทศอื่น และ 3) งานวิจัยยังไม่ครอบคลุม AI สมัยใหม่แบบ LLM นักวิจัยยังเน้นด้วยว่า “สถาบันและนโยบายภาครัฐ” จะเป็นตัวกำหนดว่า AI จะทำให้งานดีขึ้นหรือแย่ลง ไม่ใช่ตัวเทคโนโลยีเองล้วน ๆ ✅ งานวิจัยจากนักวิจัยในเยอรมนี–อิตาลี–สหรัฐฯ ชี้ว่า AI ยังไม่ส่งผลลบต่อสุขภาพจิตและความพึงพอใจในการทำงาน   • โดยเฉพาะในประเทศที่มีแรงงานคุ้มครองสูง เช่น เยอรมนี ✅ พบว่า AI อาจมีส่วนช่วยลด “ความเสี่ยงทางร่างกาย” และภาระทางกายในบางอาชีพได้เล็กน้อย   • เช่น งานที่เคยหนัก อาจถูกแทนบางส่วนด้วยระบบอัตโนมัติ ✅ คนไม่มีปริญญาอาจได้ประโยชน์ทางสุขภาพมากกว่า   • จากการที่งานเน้นแรงกายน้อยลง ✅ ข้อมูลวิจัยใช้แบบ Longitudinal ครอบคลุมปี 2000–2020   • ก่อนเกิดเทคโนโลยี Generative AI แบบ ChatGPT (ปลายปี 2022) ✅ นักวิจัยเน้นว่า “นโยบายและสถาบันแรงงาน” มีผลสำคัญต่อผลกระทบของ AI ต่อแรงงาน   • ไม่ใช่ตัว AI อย่างเดียวที่กำหนดชะตากรรม ✅ Gallup ระบุว่าในสหรัฐฯ อัตราใช้ AI ที่ทำงานเพิ่มขึ้น 2 เท่าใน 2 ปีที่ผ่านมา   • มากสุดในสายงาน white-collar อย่างเทคโนโลยีและการเงิน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/25/it039s-still-039too-soon039-to-say-how-ai-will-affect-jobs-researchers-say
    WWW.THESTAR.COM.MY
    It's still 'too soon' to say how AI will affect jobs, researchers say
    Using artificial intelligence at work has not caused any discernible damage to employees' mental health or job satisfaction, according to researchers based in Germany, Italy and the US, who nonetheless warn that it is probably "way too soon to draw definitive conclusions" about its effects on jobs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 510 มุมมอง 0 รีวิว
  • ย้อนกลับไปปี 2019 Microsoft ลงเงิน $1,000 ล้านเพื่อหนุน OpenAI และให้บริการบน Azure — จนกลายเป็นหุ้นส่วนหลักของกันและกันมาจนถึงทุกวันนี้

    แต่ล่าสุดมีรายงานจาก The Information ว่าในสัญญาระหว่างสองฝ่าย มีข้อกำหนดหนึ่งที่เริ่ม “ขัดกันอย่างแรง” — ข้อกำหนดนั้นคือ:

    > “เมื่อ OpenAI สร้าง AGI ได้ Microsoft จะ ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงเทคโนโลยีนั้นอีกต่อไป”

    ใช่ครับ…ต่อให้ Microsoft เป็นผู้ลงทุนใหญ่ และใช้ GPT ในบริการทั่วโลก พวกเขาก็จะถูก “ตัดสิทธิ์” เมื่อ AGI เกิดขึ้นจริง

    แน่นอนว่า Microsoft ไม่พอใจ จึงพยายามเจรจาขอแก้ไขเงื่อนไข แต่ฝั่ง OpenAI ยังยืนกรานไม่ยอมเปลี่ยนแปลง — ความตึงเครียดเลยเกิดขึ้นกลางความสัมพันธ์ที่เคยแน่นแฟ้น

    เรื่องนี้ยังเชื่อมโยงกับการที่ OpenAI กำลังจะเปลี่ยนสถานะเป็น “Public-Benefit Corporation” ซึ่งต้องอาศัยความเห็นชอบจาก Microsoft — แต่ก็ยังตกลงรายละเอียดกันไม่ได้ แม้จะคุยกันมาหลายเดือนแล้วก็ตาม

    OpenAI และ Microsoft กำลังมีข้อขัดแย้งเรื่อง “สิทธิ์เข้าถึงเทคโนโลยี AGI” ตามข้อตกลงเดิม  
    • เมื่อ OpenAI พัฒนา AGI ได้ Microsoft จะหมดสิทธิ์ใช้เทคโนโลยีนั้น  
    • Microsoft ต้องการเปลี่ยนเงื่อนไข แต่ OpenAI ไม่ยอม

    ทั้งสองฝ่ายออกแถลงการณ์ร่วมว่า “ความร่วมมือยังต่อเนื่องอยู่” และ “กำลังพูดคุยกันอย่างสร้างสรรค์”  
    • แต่รายงานระบุว่าความสัมพันธ์เริ่ม “มีรอยร้าว” ชัดเจน

    OpenAI ต้องการเปลี่ยนสถานะเป็น Public-Benefit Corporation  
    • กระบวนการนี้ต้องได้รับความเห็นชอบจาก Microsoft ซึ่งยังตกลงกันไม่ได้

    Microsoft ลงทุนใน OpenAI มาตั้งแต่ปี 2019 ด้วยเงิน $1 พันล้าน + ให้บริการผ่าน Azure AI  
    • ถือเป็นพันธมิตรที่สำคัญที่สุดของกันและกัน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/26/microsoft-and-openai-dueling-over-artificial-general-intelligence-the-information-reports
    ย้อนกลับไปปี 2019 Microsoft ลงเงิน $1,000 ล้านเพื่อหนุน OpenAI และให้บริการบน Azure — จนกลายเป็นหุ้นส่วนหลักของกันและกันมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ล่าสุดมีรายงานจาก The Information ว่าในสัญญาระหว่างสองฝ่าย มีข้อกำหนดหนึ่งที่เริ่ม “ขัดกันอย่างแรง” — ข้อกำหนดนั้นคือ: > “เมื่อ OpenAI สร้าง AGI ได้ Microsoft จะ ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงเทคโนโลยีนั้นอีกต่อไป” ใช่ครับ…ต่อให้ Microsoft เป็นผู้ลงทุนใหญ่ และใช้ GPT ในบริการทั่วโลก พวกเขาก็จะถูก “ตัดสิทธิ์” เมื่อ AGI เกิดขึ้นจริง แน่นอนว่า Microsoft ไม่พอใจ จึงพยายามเจรจาขอแก้ไขเงื่อนไข แต่ฝั่ง OpenAI ยังยืนกรานไม่ยอมเปลี่ยนแปลง — ความตึงเครียดเลยเกิดขึ้นกลางความสัมพันธ์ที่เคยแน่นแฟ้น เรื่องนี้ยังเชื่อมโยงกับการที่ OpenAI กำลังจะเปลี่ยนสถานะเป็น “Public-Benefit Corporation” ซึ่งต้องอาศัยความเห็นชอบจาก Microsoft — แต่ก็ยังตกลงรายละเอียดกันไม่ได้ แม้จะคุยกันมาหลายเดือนแล้วก็ตาม ✅ OpenAI และ Microsoft กำลังมีข้อขัดแย้งเรื่อง “สิทธิ์เข้าถึงเทคโนโลยี AGI” ตามข้อตกลงเดิม   • เมื่อ OpenAI พัฒนา AGI ได้ Microsoft จะหมดสิทธิ์ใช้เทคโนโลยีนั้น   • Microsoft ต้องการเปลี่ยนเงื่อนไข แต่ OpenAI ไม่ยอม ✅ ทั้งสองฝ่ายออกแถลงการณ์ร่วมว่า “ความร่วมมือยังต่อเนื่องอยู่” และ “กำลังพูดคุยกันอย่างสร้างสรรค์”   • แต่รายงานระบุว่าความสัมพันธ์เริ่ม “มีรอยร้าว” ชัดเจน ✅ OpenAI ต้องการเปลี่ยนสถานะเป็น Public-Benefit Corporation   • กระบวนการนี้ต้องได้รับความเห็นชอบจาก Microsoft ซึ่งยังตกลงกันไม่ได้ ✅ Microsoft ลงทุนใน OpenAI มาตั้งแต่ปี 2019 ด้วยเงิน $1 พันล้าน + ให้บริการผ่าน Azure AI   • ถือเป็นพันธมิตรที่สำคัญที่สุดของกันและกัน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/26/microsoft-and-openai-dueling-over-artificial-general-intelligence-the-information-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Microsoft and OpenAI dueling over artificial general intelligence, The Information reports
    (Reuters) -Microsoft and OpenAI are at odds over a contractual provision related to artificial general intelligence, The Information reported on Wednesday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • เคยคิดไหมครับว่าสักวันหนึ่งจะมี "หุ่นยนต์แฮกเกอร์" ที่เก่งกว่าคนจริง? วันนั้นมาถึงแล้ว เพราะ Xbow คือ AI ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นแฮกเกอร์มืออาชีพโดยเฉพาะ มันสามารถ “แฮกระบบ” อย่างถูกกฎหมายผ่านการเจาะช่องโหว่ (penetration test) แบบอัตโนมัติ และรายงานเข้าระบบบั๊ก bounty ได้เร็วและแม่นยำกว่าคน

    Xbow เพิ่งขึ้นเป็น อันดับ 1 ในสหรัฐฯ บน HackerOne ซึ่งจัดอันดับจาก “จำนวนช่องโหว่ที่ค้นพบ + ความร้ายแรง” และการที่ “AI” ได้อันดับสูงสุดเป็นครั้งแรกนี้ ก็ทำให้นักลงทุนแห่ให้เงินเพิ่มอีก 75 ล้านดอลลาร์

    แต่นี่ไม่ได้เป็นแค่ความสำเร็จครับ — เพราะผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยหลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า “เรากำลังก้าวสู่ยุคที่เครื่องจักรกำลังแฮกระบบของเครื่องจักรด้วยกันเองหรือเปล่า?” และถ้า AI ฝั่งร้ายพัฒนาเร็วเท่าฝั่งดีล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น…

    Xbow คือ AI แฮกเกอร์ที่พัฒนาโดยบริษัทชื่อเดียวกัน ก่อตั้งในปี 2024 โดยอดีตผู้บริหาร GitHub  
    • มีทีมพัฒนาเคยทำงานกับ Copilot และ Semmle (บริษัทรักษาความปลอดภัยที่ GitHub เคยซื้อ)

    Xbow ขึ้นอันดับ 1 ของ HackerOne ในสหรัฐฯ จากคะแนน reputation สูงสุด  
    • เก็บแต้มจากการพบช่องโหว่ที่มีความสำคัญมาก และรายงานสำเร็จ

    ระดมทุนเพิ่มอีก $75 ล้าน จาก Altimeter Capital, Sequoia และ NFDG  
    • เพื่อขยายระบบ AI ให้ทำงานได้ละเอียดและครอบคลุมมากขึ้น

    ทำ penetration testing แบบอัตโนมัติ – ใช้เวลาน้อยกว่า และราคาถูกกว่าทีม red team ปกติ  
    • ปกติจ้าง red team ทดสอบ 1 ครั้งเฉลี่ย $18,000 แต่ Xbow ทำได้บ่อยและต่อเนื่อง

    Xbow ค้นพบช่องโหว่ในบริษัทชื่อดัง เช่น Amazon, Disney, PayPal, Sony  
    • แต่ผู้ใช้งานเป็นองค์กรเท่านั้น ยังไม่เปิดเผยรายชื่อทั้งหมด

    ทำงานคู่กับ HackerOne ที่ให้มนุษย์รีวิวข้อผิดพลาดที่ AI พบ เพื่อกันไม่ให้เกิด “hallucination”  
    • แยกจริงปลอมก่อนส่งรายงานให้บริษัท

    ในอนาคต Xbow จะสามารถ “เสนอทางแก้ไข” ให้กับลูกค้าด้วย เช่น แก้โค้ด หรือแนะนำวิธี fix ช่องโหว่  
    • ไม่ใช่แค่หาเจอ แต่ช่วยซ่อมได้ด้วย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/26/one-of-the-best-hackers-in-the-us-is-an-ai-bot
    เคยคิดไหมครับว่าสักวันหนึ่งจะมี "หุ่นยนต์แฮกเกอร์" ที่เก่งกว่าคนจริง? วันนั้นมาถึงแล้ว เพราะ Xbow คือ AI ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นแฮกเกอร์มืออาชีพโดยเฉพาะ มันสามารถ “แฮกระบบ” อย่างถูกกฎหมายผ่านการเจาะช่องโหว่ (penetration test) แบบอัตโนมัติ และรายงานเข้าระบบบั๊ก bounty ได้เร็วและแม่นยำกว่าคน Xbow เพิ่งขึ้นเป็น อันดับ 1 ในสหรัฐฯ บน HackerOne ซึ่งจัดอันดับจาก “จำนวนช่องโหว่ที่ค้นพบ + ความร้ายแรง” และการที่ “AI” ได้อันดับสูงสุดเป็นครั้งแรกนี้ ก็ทำให้นักลงทุนแห่ให้เงินเพิ่มอีก 75 ล้านดอลลาร์ แต่นี่ไม่ได้เป็นแค่ความสำเร็จครับ — เพราะผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยหลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า “เรากำลังก้าวสู่ยุคที่เครื่องจักรกำลังแฮกระบบของเครื่องจักรด้วยกันเองหรือเปล่า?” และถ้า AI ฝั่งร้ายพัฒนาเร็วเท่าฝั่งดีล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น… ✅ Xbow คือ AI แฮกเกอร์ที่พัฒนาโดยบริษัทชื่อเดียวกัน ก่อตั้งในปี 2024 โดยอดีตผู้บริหาร GitHub   • มีทีมพัฒนาเคยทำงานกับ Copilot และ Semmle (บริษัทรักษาความปลอดภัยที่ GitHub เคยซื้อ) ✅ Xbow ขึ้นอันดับ 1 ของ HackerOne ในสหรัฐฯ จากคะแนน reputation สูงสุด   • เก็บแต้มจากการพบช่องโหว่ที่มีความสำคัญมาก และรายงานสำเร็จ ✅ ระดมทุนเพิ่มอีก $75 ล้าน จาก Altimeter Capital, Sequoia และ NFDG   • เพื่อขยายระบบ AI ให้ทำงานได้ละเอียดและครอบคลุมมากขึ้น ✅ ทำ penetration testing แบบอัตโนมัติ – ใช้เวลาน้อยกว่า และราคาถูกกว่าทีม red team ปกติ   • ปกติจ้าง red team ทดสอบ 1 ครั้งเฉลี่ย $18,000 แต่ Xbow ทำได้บ่อยและต่อเนื่อง ✅ Xbow ค้นพบช่องโหว่ในบริษัทชื่อดัง เช่น Amazon, Disney, PayPal, Sony   • แต่ผู้ใช้งานเป็นองค์กรเท่านั้น ยังไม่เปิดเผยรายชื่อทั้งหมด ✅ ทำงานคู่กับ HackerOne ที่ให้มนุษย์รีวิวข้อผิดพลาดที่ AI พบ เพื่อกันไม่ให้เกิด “hallucination”   • แยกจริงปลอมก่อนส่งรายงานให้บริษัท ✅ ในอนาคต Xbow จะสามารถ “เสนอทางแก้ไข” ให้กับลูกค้าด้วย เช่น แก้โค้ด หรือแนะนำวิธี fix ช่องโหว่   • ไม่ใช่แค่หาเจอ แต่ช่วยซ่อมได้ด้วย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/26/one-of-the-best-hackers-in-the-us-is-an-ai-bot
    WWW.THESTAR.COM.MY
    One of the best hackers in the US is an AI bot
    A hacker named Xbow has topped a prestigious security industry US leaderboard that tracks who has found and reported the most vulnerabilities in software from large companies. Xbow isn't a person – it's an artificial intelligence tool developed by a company of the same name.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 363 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://thestandard.co/thailands-strategy-to-suppress-cambodian-scammers/?_trms=3f82132ad98b0859.1750906062360
    https://thestandard.co/thailands-strategy-to-suppress-cambodian-scammers/?_trms=3f82132ad98b0859.1750906062360
    THESTANDARD.CO
    ‘ตัดน้ำ-ตัดไฟ-ตัดเน็ต’ ตีโจทย์กลยุทธ์ไทยปราบสแกมเมอร์กัมพูชา ท่ามกลางข้อพิพาทชายแดน ได้ผลจริงหรือ?
    การยกระดับต่อต้านแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการก่อ อาชญากรรมข้ามชาติ ในกัมพูชา ที่นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ประกาศออกมา โดยกำหนดมาตรการอันเข้มข้น
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 277 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประเด็นนี้เกิดในงานสัมมนาเทคโนโลยีของ Bosch ที่จัดขึ้นที่เมือง Stuttgart เยอรมนี โดย Hartung ชี้ว่า ยุโรปแม้จะมีทรัพยากรด้านเทคโนโลยี AI และสิทธิบัตรเยอะ (Bosch เองเป็นเจ้าของสิทธิบัตร AI มากสุดในยุโรป!) แต่กลับถูกรั้งไว้ด้วย กฎระเบียบที่ทั้งเข้มงวดและ “คลุมเครือ” ซึ่งทำให้ยุโรปกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่น่าดึงดูดสำหรับการพัฒนา AI เมื่อเทียบกับสหรัฐฯ หรือจีน

    ขณะเดียวกัน สหรัฐก็เร่งเครื่องแบบสุดขีด — โดยมีนโยบายทุ่มลงทุนภาคเอกชนกว่า $500,000 ล้านสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน AI ส่วนสหภาพยุโรปเองก็พยายามตามด้วยงบประมาณประมาณ €200,000 ล้าน แต่ Hartung ยังมองว่าถ้าไม่แก้ปัญหาเรื่อง “กฎหมายเกินความจำเป็น” ก็อาจจะไล่ไม่ทันอยู่ดี

    เขาเสนอให้ยุโรปวางกรอบกฎหมาย AI เฉพาะประเด็นหลัก และให้พื้นที่กับนวัตกรรมมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่อง AI ด้านอุตสาหกรรมและยานยนต์อัตโนมัติ ที่ Bosch กำลังลงทุนอย่างจริงจัง

    Bosch ชี้ว่ายุโรปมีสิทธิบัตร AI มาก แต่กำลังล้าหลังเพราะออกกฎหมายเยอะเกินไป  
    • Hartung ใช้คำว่า “เรากำลังออกกฎหมายต่อต้านความก้าวหน้าเทคโนโลยีของเราเอง”

    Bosch เตรียมลงทุนเพิ่ม €2.5 พันล้าน ใน AI ภายในปี 2027  
    • มุ่งเน้น AI สำหรับการขับเคลื่อนอัตโนมัติและระบบอุตสาหกรรม

    ยุโรปถูกมองว่ามีความล่าช้าและซับซ้อนในแง่กฎหมายเทียบกับสหรัฐฯ หรือจีน  
    • ทำให้บริษัทเทคโนโลยีลังเลที่จะลงหลักปักฐานในภูมิภาคนี้

    Hartung แนะให้จำกัดกฎ AI เฉพาะหัวข้อสำคัญเท่านั้น  
    • เพื่อลดความเสี่ยงที่กฎหมายจะขัดขวางนวัตกรรมโดยไม่ตั้งใจ

    เกิดขึ้นในช่วงที่สหรัฐฯ และอียูแข่งขันอัดงบพัฒนา AI ในระดับหลายแสนล้าน  
    • สหรัฐเสนอกรอบการลงทุนเอกชนสูงถึง $500B  
    • อียูตั้งเป้า mobilize งบประมาณรวม €200B สำหรับภาค AI

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/25/bosch-ceo-warns-europe-against-regulating-039itself-to-death039-on-ai
    ประเด็นนี้เกิดในงานสัมมนาเทคโนโลยีของ Bosch ที่จัดขึ้นที่เมือง Stuttgart เยอรมนี โดย Hartung ชี้ว่า ยุโรปแม้จะมีทรัพยากรด้านเทคโนโลยี AI และสิทธิบัตรเยอะ (Bosch เองเป็นเจ้าของสิทธิบัตร AI มากสุดในยุโรป!) แต่กลับถูกรั้งไว้ด้วย กฎระเบียบที่ทั้งเข้มงวดและ “คลุมเครือ” ซึ่งทำให้ยุโรปกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่น่าดึงดูดสำหรับการพัฒนา AI เมื่อเทียบกับสหรัฐฯ หรือจีน ขณะเดียวกัน สหรัฐก็เร่งเครื่องแบบสุดขีด — โดยมีนโยบายทุ่มลงทุนภาคเอกชนกว่า $500,000 ล้านสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน AI ส่วนสหภาพยุโรปเองก็พยายามตามด้วยงบประมาณประมาณ €200,000 ล้าน แต่ Hartung ยังมองว่าถ้าไม่แก้ปัญหาเรื่อง “กฎหมายเกินความจำเป็น” ก็อาจจะไล่ไม่ทันอยู่ดี เขาเสนอให้ยุโรปวางกรอบกฎหมาย AI เฉพาะประเด็นหลัก และให้พื้นที่กับนวัตกรรมมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่อง AI ด้านอุตสาหกรรมและยานยนต์อัตโนมัติ ที่ Bosch กำลังลงทุนอย่างจริงจัง ✅ Bosch ชี้ว่ายุโรปมีสิทธิบัตร AI มาก แต่กำลังล้าหลังเพราะออกกฎหมายเยอะเกินไป   • Hartung ใช้คำว่า “เรากำลังออกกฎหมายต่อต้านความก้าวหน้าเทคโนโลยีของเราเอง” ✅ Bosch เตรียมลงทุนเพิ่ม €2.5 พันล้าน ใน AI ภายในปี 2027   • มุ่งเน้น AI สำหรับการขับเคลื่อนอัตโนมัติและระบบอุตสาหกรรม ✅ ยุโรปถูกมองว่ามีความล่าช้าและซับซ้อนในแง่กฎหมายเทียบกับสหรัฐฯ หรือจีน   • ทำให้บริษัทเทคโนโลยีลังเลที่จะลงหลักปักฐานในภูมิภาคนี้ ✅ Hartung แนะให้จำกัดกฎ AI เฉพาะหัวข้อสำคัญเท่านั้น   • เพื่อลดความเสี่ยงที่กฎหมายจะขัดขวางนวัตกรรมโดยไม่ตั้งใจ ✅ เกิดขึ้นในช่วงที่สหรัฐฯ และอียูแข่งขันอัดงบพัฒนา AI ในระดับหลายแสนล้าน   • สหรัฐเสนอกรอบการลงทุนเอกชนสูงถึง $500B   • อียูตั้งเป้า mobilize งบประมาณรวม €200B สำหรับภาค AI https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/25/bosch-ceo-warns-europe-against-regulating-039itself-to-death039-on-ai
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Bosch CEO warns Europe against regulating 'itself to death' on AI
    FRANKFURT (Reuters) -Bosch CEO Stefan Hartung warned on Wednesday that Europe risks hindering its progress in artificial intelligence compared with other parts of the world through over-regulation.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 373 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองนึกภาพดูว่าในศูนย์ข้อมูลหนึ่ง มีงานมากมายที่ IT ต้องจัดการทุกวัน เช่น แก้ไข network, config storage, เช็ก log, ปรับโหลด cloud — ทั้งหมดนี้ใช้เวลาและต้องการผู้เชี่ยวชาญหลายคน

    แต่ HPE กำลังจะเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นให้กลายเป็น “การสนทนากับ agent” — คุณแค่ถามในสไตล์แชต แล้ว AI จะประมวลผลข้อมูล, หา insight, เสนอทางแก้ หรือ บางทียังทำแทนให้เองเลยด้วยซ้ำ (แต่ยังให้คุณกดยืนยันก่อนเสมอ)

    หัวใจอยู่ที่ GreenLake Intelligence ซึ่งมี multi-agent system ที่ทำหน้าที่เฉพาะ เช่น จัดการ storage, monitor network, สร้าง dashboard, หรือคุยกับระบบ cloud อื่นได้ — และมี “GreenLake Copilot” เป็นอินเทอร์เฟซแบบแชต ช่วยให้คนไอทีใช้งานง่ายแบบไม่ต้องพิมพ์โค้ด

    นอกจากนี้ HPE ยังพัฒนา hardware และ software เสริมชุดใหญ่ เช่น AI Factory รุ่นใหม่ที่ใช้ Nvidia Blackwell GPU, ระบบ CloudOps, และหน่วยเก็บข้อมูล Alletra X10000 ที่รองรับการวิเคราะห์ context ระดับระบบ (ผ่านโปรโตคอล MCP)

    HPE เปิดตัว GreenLake Intelligence พร้อมแนวคิด AgenticOps  
    • ใช้ AI agents ทำงานซ้ำซ้อนในระบบ IT แทนคนได้ (แต่มี human-in-the-loop)  
    • ครอบคลุมงาน config, observability, storage, network และ more

    GreenLake Copilot คืออินเทอร์เฟซแบบแชตที่ให้คุยกับ AI ได้ทันที  
    • ใช้ภาษาธรรมดาถามเรื่อง log, ปัญหา network, ความเสถียรระบบ ฯลฯ  
    • ทำงานร่วมกับ LLM และ ML ที่เทรนจากข้อมูลองค์กร

    ตัวอย่างการใช้งานที่น่าสนใจ:  
    • Aruba Central ใช้ GreenLake Copilot ในการจัดการเครือข่ายแบบ real-time  
    • สร้าง visual dashboard จาก log อัตโนมัติ  
    • เสนอวิธีแก้ปัญหาแบบทีละขั้น หรือลงมือทำแทนได้

    HPE เสริมด้วย CloudOps (รวม OpsRamp, Morpheus, Zerto)  
    • ใช้ GenAI ช่วยจัดการ observability, virtualization, และความปลอดภัยของ data

    เปิดตัว AI Factory Gen 2 ที่ใช้ Nvidia Blackwell RTX Pro 6000  
    • รองรับการประมวลผล AI model สำหรับองค์กรโดยเฉพาะ  
    • ใช้งานร่วมกับระบบของคู่แข่งได้ (เช่น OpsRamp ใช้กับ AI Factory ทุกแบรนด์)

    ระบบเก็บข้อมูล Alletra X10000 รองรับ MCP (Media Context Protocol)  
    • เชื่อมโยงกับ AI/LLM ได้โดยตรง  
    • ส่งข้อมูลระหว่าง server, storage, observability tools ได้รวดเร็ว

    ลุงจะตกงานแล้วววววว !!!

    https://www.techspot.com/news/108437-hpe-greenlake-intelligence-brings-agentic-ai-operations.html
    ลองนึกภาพดูว่าในศูนย์ข้อมูลหนึ่ง มีงานมากมายที่ IT ต้องจัดการทุกวัน เช่น แก้ไข network, config storage, เช็ก log, ปรับโหลด cloud — ทั้งหมดนี้ใช้เวลาและต้องการผู้เชี่ยวชาญหลายคน แต่ HPE กำลังจะเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นให้กลายเป็น “การสนทนากับ agent” — คุณแค่ถามในสไตล์แชต แล้ว AI จะประมวลผลข้อมูล, หา insight, เสนอทางแก้ หรือ บางทียังทำแทนให้เองเลยด้วยซ้ำ (แต่ยังให้คุณกดยืนยันก่อนเสมอ) หัวใจอยู่ที่ GreenLake Intelligence ซึ่งมี multi-agent system ที่ทำหน้าที่เฉพาะ เช่น จัดการ storage, monitor network, สร้าง dashboard, หรือคุยกับระบบ cloud อื่นได้ — และมี “GreenLake Copilot” เป็นอินเทอร์เฟซแบบแชต ช่วยให้คนไอทีใช้งานง่ายแบบไม่ต้องพิมพ์โค้ด นอกจากนี้ HPE ยังพัฒนา hardware และ software เสริมชุดใหญ่ เช่น AI Factory รุ่นใหม่ที่ใช้ Nvidia Blackwell GPU, ระบบ CloudOps, และหน่วยเก็บข้อมูล Alletra X10000 ที่รองรับการวิเคราะห์ context ระดับระบบ (ผ่านโปรโตคอล MCP) ✅ HPE เปิดตัว GreenLake Intelligence พร้อมแนวคิด AgenticOps   • ใช้ AI agents ทำงานซ้ำซ้อนในระบบ IT แทนคนได้ (แต่มี human-in-the-loop)   • ครอบคลุมงาน config, observability, storage, network และ more ✅ GreenLake Copilot คืออินเทอร์เฟซแบบแชตที่ให้คุยกับ AI ได้ทันที   • ใช้ภาษาธรรมดาถามเรื่อง log, ปัญหา network, ความเสถียรระบบ ฯลฯ   • ทำงานร่วมกับ LLM และ ML ที่เทรนจากข้อมูลองค์กร ✅ ตัวอย่างการใช้งานที่น่าสนใจ:   • Aruba Central ใช้ GreenLake Copilot ในการจัดการเครือข่ายแบบ real-time   • สร้าง visual dashboard จาก log อัตโนมัติ   • เสนอวิธีแก้ปัญหาแบบทีละขั้น หรือลงมือทำแทนได้ ✅ HPE เสริมด้วย CloudOps (รวม OpsRamp, Morpheus, Zerto)   • ใช้ GenAI ช่วยจัดการ observability, virtualization, และความปลอดภัยของ data ✅ เปิดตัว AI Factory Gen 2 ที่ใช้ Nvidia Blackwell RTX Pro 6000   • รองรับการประมวลผล AI model สำหรับองค์กรโดยเฉพาะ   • ใช้งานร่วมกับระบบของคู่แข่งได้ (เช่น OpsRamp ใช้กับ AI Factory ทุกแบรนด์) ✅ ระบบเก็บข้อมูล Alletra X10000 รองรับ MCP (Media Context Protocol)   • เชื่อมโยงกับ AI/LLM ได้โดยตรง   • ส่งข้อมูลระหว่าง server, storage, observability tools ได้รวดเร็ว ลุงจะตกงานแล้วววววว !!! 😭😭 https://www.techspot.com/news/108437-hpe-greenlake-intelligence-brings-agentic-ai-operations.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    HPE's GreenLake intelligence brings agentic AI to IT operations
    In case you haven't heard, GenAI is old news. Now, it's all about agentic AI. At least, that certainly seems to be the theme based on the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 447 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ไม่มีหลักฐานว่าอิหร่านครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ ก่อนหน้านี้ก็ อิรัก ลิเบีย และตอนนี้อิหร่าน แต่ชาติตะวันตกไม่เคยตั้งคำถามกับอิสราเอลเลย ในความเห็นของผม นี่คือความหลอกลวงปลิ้นปล้อนขั้นสุดยอด”

    —"โคซาเชฟ" รองประธานสภาสหพันธรัฐหรือวุฒิสภารัสเซีย
    “ไม่มีหลักฐานว่าอิหร่านครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ ก่อนหน้านี้ก็ อิรัก ลิเบีย และตอนนี้อิหร่าน แต่ชาติตะวันตกไม่เคยตั้งคำถามกับอิสราเอลเลย ในความเห็นของผม นี่คือความหลอกลวงปลิ้นปล้อนขั้นสุดยอด” —"โคซาเชฟ" รองประธานสภาสหพันธรัฐหรือวุฒิสภารัสเซีย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 385 มุมมอง 33 0 รีวิว
  • รู้ไหมครับว่าพวกแอมป์แรงสูงในมือถือ, เสาสัญญาณ 5G, Wi-Fi 7 หรือแม้แต่ระบบเรดาร์–ดาต้าเซ็นเตอร์ระดับสูง มักต้องใช้ “ทรานซิสเตอร์ GaN” เพราะมันส่งสัญญาณได้เร็วมากและทนร้อนได้ดีกว่า แต่ก็แพงและ “ใส่รวมกับซิลิคอน” ได้ยากมาก จนแทบใช้ได้แค่ในงานเฉพาะ

    แต่ทีมนี้แก้ปัญหาได้โดยไม่ใช่การเชื่อมทั้งแผ่น (ที่เปลือง) หรือการบัดกรีแบบเดิม (ที่ร้อนเกินไปและจำกัดขนาด) — พวกเขาใช้วิธี เจาะ GaN เป็นชิ้นเล็กจิ๋ว ๆ แล้ววางเฉพาะจุดที่จำเป็นบนซิลิคอน ด้วยความละเอียดระดับนาโนเมตร! เชื่อมด้วยทองแดง (ไม่ใช่ทอง!) ที่ใช้อุณหภูมิต่ำ ปลอดภัย และยังนำไฟฟ้าได้ดี

    ผลที่ได้ไม่ใช่แค่เร็วแรง แต่ ลดความร้อนได้ด้วย เพราะ design ที่กะทัดรัดและใช้พลังงานมีประสิทธิภาพกว่าเดิมมาก ที่น่าสนใจคือเทคนิคนี้ยังเปิดทางไปถึงการประยุกต์ใช้ใน “ควอนตัมคอมพิวเตอร์” ด้วยนะ เพราะ GaN ทำงานได้ดีในอุณหภูมิต่ำสุดขั้วที่ซิลิคอนทำไม่ได้

    ทีม MIT พัฒนาเทคนิคใหม่ “วาง GaN บนซิลิคอน” แบบละเอียดในระดับจุด (die-level bonding)  
    • ใช้ชิ้นทรานซิสเตอร์ GaN เล็กไม่ถึง 1 มม. วางบน chip เฉพาะจุดที่ต้องการ  
    • ประหยัดวัสดุราคาแพงมาก และคุม design ได้ละเอียดกว่าเดิม

    ใช้วิธี “copper-to-copper bonding” ที่เย็นกว่า (ต่ำกว่า 400°C) และต้นทุนต่ำกว่าทอง (gold)  
    • ช่วยให้ไม่ทำลายชิ้นส่วน delicate และเพิ่มการนำไฟฟ้า

    พัฒนาทูลพิเศษใช้กล้องและสูญญากาศวางชิ้น GaN แบบแม่นยำระดับนาโน  
    • ลดการเสียพิกัดและเพิ่ม yield ในการผลิต

    สร้างวงจร power amplifier ด้วยเทคโนโลยีนี้ที่ outperform ซิลิคอนแบบเดิม  
    • ได้ bandwidth และ signal strength สูงขึ้น  
    • ระบายความร้อนได้ดีกว่า

    เทคโนโลยีนี้สามารถใช้ในอุปกรณ์หลายประเภท เช่น:  
    • การสื่อสารไร้สาย, 6G, ดาวเทียม, ดาต้าเซ็นเตอร์  
    • อุปกรณ์ควอนตัม — เพราะ GaN ทำงานได้ดีในอุณหภูมิต่ำมาก

    งานนี้สนับสนุนโดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐ, MIT.Nano, และห้องทดลอง Air Force  
    • เป็นตัวอย่างของ public–private research ที่เชื่อมโยงความมั่นคงกับเทคโนโลยีพลเรือน

    https://www.techspot.com/news/108441-mit-researchers-bond-gallium-nitride-transistors-silicon-chips.html
    รู้ไหมครับว่าพวกแอมป์แรงสูงในมือถือ, เสาสัญญาณ 5G, Wi-Fi 7 หรือแม้แต่ระบบเรดาร์–ดาต้าเซ็นเตอร์ระดับสูง มักต้องใช้ “ทรานซิสเตอร์ GaN” เพราะมันส่งสัญญาณได้เร็วมากและทนร้อนได้ดีกว่า แต่ก็แพงและ “ใส่รวมกับซิลิคอน” ได้ยากมาก จนแทบใช้ได้แค่ในงานเฉพาะ แต่ทีมนี้แก้ปัญหาได้โดยไม่ใช่การเชื่อมทั้งแผ่น (ที่เปลือง) หรือการบัดกรีแบบเดิม (ที่ร้อนเกินไปและจำกัดขนาด) — พวกเขาใช้วิธี เจาะ GaN เป็นชิ้นเล็กจิ๋ว ๆ แล้ววางเฉพาะจุดที่จำเป็นบนซิลิคอน ด้วยความละเอียดระดับนาโนเมตร! เชื่อมด้วยทองแดง (ไม่ใช่ทอง!) ที่ใช้อุณหภูมิต่ำ ปลอดภัย และยังนำไฟฟ้าได้ดี ผลที่ได้ไม่ใช่แค่เร็วแรง แต่ ลดความร้อนได้ด้วย เพราะ design ที่กะทัดรัดและใช้พลังงานมีประสิทธิภาพกว่าเดิมมาก ที่น่าสนใจคือเทคนิคนี้ยังเปิดทางไปถึงการประยุกต์ใช้ใน “ควอนตัมคอมพิวเตอร์” ด้วยนะ เพราะ GaN ทำงานได้ดีในอุณหภูมิต่ำสุดขั้วที่ซิลิคอนทำไม่ได้ ✅ ทีม MIT พัฒนาเทคนิคใหม่ “วาง GaN บนซิลิคอน” แบบละเอียดในระดับจุด (die-level bonding)   • ใช้ชิ้นทรานซิสเตอร์ GaN เล็กไม่ถึง 1 มม. วางบน chip เฉพาะจุดที่ต้องการ   • ประหยัดวัสดุราคาแพงมาก และคุม design ได้ละเอียดกว่าเดิม ✅ ใช้วิธี “copper-to-copper bonding” ที่เย็นกว่า (ต่ำกว่า 400°C) และต้นทุนต่ำกว่าทอง (gold)   • ช่วยให้ไม่ทำลายชิ้นส่วน delicate และเพิ่มการนำไฟฟ้า ✅ พัฒนาทูลพิเศษใช้กล้องและสูญญากาศวางชิ้น GaN แบบแม่นยำระดับนาโน   • ลดการเสียพิกัดและเพิ่ม yield ในการผลิต ✅ สร้างวงจร power amplifier ด้วยเทคโนโลยีนี้ที่ outperform ซิลิคอนแบบเดิม   • ได้ bandwidth และ signal strength สูงขึ้น   • ระบายความร้อนได้ดีกว่า ✅ เทคโนโลยีนี้สามารถใช้ในอุปกรณ์หลายประเภท เช่น:   • การสื่อสารไร้สาย, 6G, ดาวเทียม, ดาต้าเซ็นเตอร์   • อุปกรณ์ควอนตัม — เพราะ GaN ทำงานได้ดีในอุณหภูมิต่ำมาก ✅ งานนี้สนับสนุนโดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐ, MIT.Nano, และห้องทดลอง Air Force   • เป็นตัวอย่างของ public–private research ที่เชื่อมโยงความมั่นคงกับเทคโนโลยีพลเรือน https://www.techspot.com/news/108441-mit-researchers-bond-gallium-nitride-transistors-silicon-chips.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    MIT researchers bond gallium nitride transistors to silicon for faster next-gen wireless devices
    Gallium nitride, a semiconductor renowned for its efficiency and high-speed capabilities, has long been recognized as a promising material for next-generation electronics, including power amplifiers that drive...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 332 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใครว่า AI มีแต่เด็กใช้ลอกงาน ครูเองก็กำลัง “ใช้กลับ” เหมือนกัน — จากผลสำรวจล่าสุดของ Gallup พบว่าในปีการศึกษา 2024–2025 ที่ผ่านมา ครูในโรงเรียนรัฐของสหรัฐฯ ถึง 6 ใน 10 คน ใช้ AI ช่วยสอน แล้ว

    AI ถูกใช้เพื่อ:
    - วางแผนการสอน
    - สร้างใบงาน กิจกรรม
    - แปลงบทเรียนให้เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน

    และที่น่าสนใจกว่านั้นคือ 1 ใน 3 ใช้ AI เป็นประจำทุกสัปดาห์ ซึ่งช่วยลดงานที่กินเวลาซ้ำ ๆ เช่น แก้ข้อสอบ, เตรียมเอกสาร, ส่งอีเมลถึงผู้ปกครอง ไปจนถึงออกแบบแผนรายบุคคล

    แม้ตัวเลขอาจดูไม่เยอะมากในภาพรวม แต่ครูที่ใช้เป็นประจำรายงานว่า “คุณภาพงานดีขึ้นชัดเจน” เพราะพวกเขามีเวลาไปทำสิ่งที่คนเท่านั้นทำได้ — เช่น ให้ฟีดแบคเชิงลึก หรือเข้าใจความต้องการเฉพาะของเด็ก

    https://www.techspot.com/news/108449-majority-us-teachers-now-use-ai-tools-saving.html
    ใครว่า AI มีแต่เด็กใช้ลอกงาน ครูเองก็กำลัง “ใช้กลับ” เหมือนกัน — จากผลสำรวจล่าสุดของ Gallup พบว่าในปีการศึกษา 2024–2025 ที่ผ่านมา ครูในโรงเรียนรัฐของสหรัฐฯ ถึง 6 ใน 10 คน ใช้ AI ช่วยสอน แล้ว AI ถูกใช้เพื่อ: - วางแผนการสอน - สร้างใบงาน กิจกรรม - แปลงบทเรียนให้เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน และที่น่าสนใจกว่านั้นคือ 1 ใน 3 ใช้ AI เป็นประจำทุกสัปดาห์ ซึ่งช่วยลดงานที่กินเวลาซ้ำ ๆ เช่น แก้ข้อสอบ, เตรียมเอกสาร, ส่งอีเมลถึงผู้ปกครอง ไปจนถึงออกแบบแผนรายบุคคล แม้ตัวเลขอาจดูไม่เยอะมากในภาพรวม แต่ครูที่ใช้เป็นประจำรายงานว่า “คุณภาพงานดีขึ้นชัดเจน” เพราะพวกเขามีเวลาไปทำสิ่งที่คนเท่านั้นทำได้ — เช่น ให้ฟีดแบคเชิงลึก หรือเข้าใจความต้องการเฉพาะของเด็ก https://www.techspot.com/news/108449-majority-us-teachers-now-use-ai-tools-saving.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Majority of US teachers now use AI tools, saving an average of 5.9 hours each week
    According to the latest Gallup study on educator perspectives, six out of 10 teachers working at public K-12 schools in the US used an AI tool to...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 249 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องนี้ถูกเปิดเผยโดยทีมนักวิจัยด้านความปลอดภัยจากงาน Black Hat Asia ซึ่งโชว์ว่าเพียงแค่ “ล่อให้เจ้าของรถเข้าเมนูตั้งค่าบลูทูธ” ด้วยการรบกวนสัญญาณเล็กน้อย ก็เปิดทางให้แฮกเกอร์ แทรกตัวเข้าระบบ Infotainment และ “ยึดระบบ” ทั้งหมดของรถได้เลย

    เทคนิคที่ใช้ซับซ้อนมาก ประกอบด้วยช่องโหว่หลายรายการที่เปิดทางให้รันโค้ดในระบบปฏิบัติการรถ, ข้ามระบบป้องกันขโมย, และเข้าถึงเครือข่ายภายในของรถที่เชื่อมกับ CAN bus (วงจรที่ควบคุมระบบสำคัญของรถ)

    ถึงแม้เป้าหมายจะเป็น Leaf รุ่น 2020 เท่านั้น และ Nissan ได้รับแจ้งก่อนงานเปิดเผยแล้ว พร้อมออกอัปเดตเพื่ออุดช่องโหว่บางส่วน — แต่เหตุการณ์นี้เป็นสัญญาณเตือนว่า “รถรุ่นใหม่ = อุปกรณ์อัจฉริยะเคลื่อนที่ที่แฮกได้”

    นักวิจัยจากงาน Black Hat Asia พบช่องโหว่กว่า 10 รายการใน Nissan Leaf รุ่น 2020  
    • รวมถึงการข้ามระบบกันขโมย, stack overflow, และช่องโหว่การตรวจสอบลายเซ็นเคอร์เนล

    แฮกเกอร์สามารถควบคุมจากระยะไกลได้ทั้ง:  
    • พวงมาลัย, เบรก, กระจก, ที่ปัดน้ำฝน, ไฟหน้า ฯลฯ  
    • รวมถึงบันทึกเสียงในห้องโดยสาร และติดตามตำแหน่ง GPS

    วิธีเจาะระบบคือใช้เทคนิค Denial-of-Bluetooth:  
    • ส่งคลื่นรบกวน 2.4GHz ให้รถแสดงข้อความว่า “เชื่อมต่อบลูทูธล้มเหลว”  
    • ทำให้เจ้าของรถเปิดเมนูตั้งค่าเครือข่าย — ซึ่งเป็นช่องทางให้แฮกเกอร์ฝังโค้ด

    ทีมวิจัยรับผิดชอบโดยแจ้ง Nissan ล่วงหน้า และเผยแพร่ต่อสาธารณะหลังมีแพตช์  
    • มีการออกอัปเดตเฟิร์มแวร์เพื่ออุดบางช่องโหว่

    นักวิจัยเตือนว่าการควบคุมรถจากระยะไกลอาจไม่คุ้มในเชิงโจรกรรม แต่  
    • การฟังเสียง/ติดตามตำแหน่ง = มีค่าสูงในเชิงข่าวกรองหรือสืบข้อมูลส่วนตัว

    https://www.techspot.com/news/108454-hackers-can-fully-control-2020-nissan-leaf-remotely.html
    เรื่องนี้ถูกเปิดเผยโดยทีมนักวิจัยด้านความปลอดภัยจากงาน Black Hat Asia ซึ่งโชว์ว่าเพียงแค่ “ล่อให้เจ้าของรถเข้าเมนูตั้งค่าบลูทูธ” ด้วยการรบกวนสัญญาณเล็กน้อย ก็เปิดทางให้แฮกเกอร์ แทรกตัวเข้าระบบ Infotainment และ “ยึดระบบ” ทั้งหมดของรถได้เลย เทคนิคที่ใช้ซับซ้อนมาก ประกอบด้วยช่องโหว่หลายรายการที่เปิดทางให้รันโค้ดในระบบปฏิบัติการรถ, ข้ามระบบป้องกันขโมย, และเข้าถึงเครือข่ายภายในของรถที่เชื่อมกับ CAN bus (วงจรที่ควบคุมระบบสำคัญของรถ) ถึงแม้เป้าหมายจะเป็น Leaf รุ่น 2020 เท่านั้น และ Nissan ได้รับแจ้งก่อนงานเปิดเผยแล้ว พร้อมออกอัปเดตเพื่ออุดช่องโหว่บางส่วน — แต่เหตุการณ์นี้เป็นสัญญาณเตือนว่า “รถรุ่นใหม่ = อุปกรณ์อัจฉริยะเคลื่อนที่ที่แฮกได้” ✅ นักวิจัยจากงาน Black Hat Asia พบช่องโหว่กว่า 10 รายการใน Nissan Leaf รุ่น 2020   • รวมถึงการข้ามระบบกันขโมย, stack overflow, และช่องโหว่การตรวจสอบลายเซ็นเคอร์เนล ✅ แฮกเกอร์สามารถควบคุมจากระยะไกลได้ทั้ง:   • พวงมาลัย, เบรก, กระจก, ที่ปัดน้ำฝน, ไฟหน้า ฯลฯ   • รวมถึงบันทึกเสียงในห้องโดยสาร และติดตามตำแหน่ง GPS ✅ วิธีเจาะระบบคือใช้เทคนิค Denial-of-Bluetooth:   • ส่งคลื่นรบกวน 2.4GHz ให้รถแสดงข้อความว่า “เชื่อมต่อบลูทูธล้มเหลว”   • ทำให้เจ้าของรถเปิดเมนูตั้งค่าเครือข่าย — ซึ่งเป็นช่องทางให้แฮกเกอร์ฝังโค้ด ✅ ทีมวิจัยรับผิดชอบโดยแจ้ง Nissan ล่วงหน้า และเผยแพร่ต่อสาธารณะหลังมีแพตช์   • มีการออกอัปเดตเฟิร์มแวร์เพื่ออุดบางช่องโหว่ ✅ นักวิจัยเตือนว่าการควบคุมรถจากระยะไกลอาจไม่คุ้มในเชิงโจรกรรม แต่   • การฟังเสียง/ติดตามตำแหน่ง = มีค่าสูงในเชิงข่าวกรองหรือสืบข้อมูลส่วนตัว https://www.techspot.com/news/108454-hackers-can-fully-control-2020-nissan-leaf-remotely.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Hackers show how they can fully control your 2020 Nissan Leaf remotely
    Security researchers at the Black Hat conference in Asia have disclosed an exploit in 2020 Nissan Leaf electric vehicles that hijacks the entire computer system. Thanks to...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 227 มุมมอง 0 รีวิว
  • FENGSHUI DAILY
    อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว
    สีเสริมดวง เสริมความเฮง
    ทิศมงคล เวลามงคล
    อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่
    วันศุกร์ที่ 27 เดือนมิถุนายน พ.ศ.2568
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    FENGSHUI DAILY อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว สีเสริมดวง เสริมความเฮง ทิศมงคล เวลามงคล อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่ วันศุกร์ที่ 27 เดือนมิถุนายน พ.ศ.2568 ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยจากเยอรมนีเลือกเกม A Plague Tale: Requiem ซึ่งเป็นเกมแอ็กชันดราม่าที่มีฉากรุนแรงชัดเจน พวกเขาแบ่งกลุ่มทดลองออกเป็นสองกลุ่ม:
    - กลุ่มแรกเล่น “ฉากรุนแรง” เช่น การต่อสู้หรือฆ่าศัตรู
    - กลุ่มที่สองเล่น “ฉากไม่รุนแรง” เช่น สำรวจหรือเล่าเนื้อเรื่อง

    ก่อนเล่น ทีมวิจัยทำให้ผู้ร่วมทดลอง “เครียด” โดยให้จุ่มมือในน้ำเย็นจัด 3 นาทีและโดนสอบสวนในเวลาเดียวกัน (เรียกว่า SECPT) เพื่อให้เกิดความเครียดทั้งทางกายและใจ จากนั้นให้เล่นเกม 25 นาที และวัดผลทั้งจากคลื่นหัวใจ, น้ำลาย และแบบสอบถาม

    ผลลัพธ์น่าสนใจคือ:
    - คนที่เล่นฉากรุนแรง “รู้สึกเครียดกว่า” ตอนตอบแบบสอบถาม
    - แต่เครื่องมือทางสรีรวิทยาพบว่า “ร่างกายของทั้งสองกลุ่มกลับลดความเครียดลง”

    แปลว่าเกมรุนแรงก็อาจ “ปล่อยระบาย” ความเครียดออกจากร่างกายได้ แม้ตัวเราจะไม่รู้ตัวเองก็ตาม

    ทั้งฉากรุนแรงและไม่รุนแรงของเกมสามารถลดระดับความเครียดทางสรีรวิทยาได้จริง  
    • วัดจาก ECG (คลื่นหัวใจ), น้ำลาย และอาการทางกาย

    แบบสอบถามชี้ว่าผู้เล่นฉากรุนแรงรู้สึกเครียดกว่า  
    • แต่อาการทางกายกลับบ่งชี้ว่าผ่อนคลายมากขึ้น

    นักวิจัยอธิบายว่าเป็น “dissociation” ระหว่างความรู้สึกและสภาพร่างกายจริง ๆ  
    • คนอาจประเมินอารมณ์ตัวเองคลาดเคลื่อนจากความจริง

    เกมที่ใช้คือ A Plague Tale: Requiem บน PS5 และฉากที่เลือกทั้งดราม่าและการต่อสู้  
    • มีผู้ร่วมทดลอง 82 คน อายุ 18–40 ปี ส่วนใหญ่มีประสบการณ์เล่นเกม

    ใช้การเหนี่ยวนำความเครียดแบบ SECPT (Socially Evaluated Cold Pressor Test)  
    • เป็นวิธีมาตรฐานที่ใช้ในจิตวิทยาการแพทย์และสรีรวิทยา

    https://www.techspot.com/news/108453-study-shows-gaming-can-reduce-stress-even-violent.html
    นักวิจัยจากเยอรมนีเลือกเกม A Plague Tale: Requiem ซึ่งเป็นเกมแอ็กชันดราม่าที่มีฉากรุนแรงชัดเจน พวกเขาแบ่งกลุ่มทดลองออกเป็นสองกลุ่ม: - กลุ่มแรกเล่น “ฉากรุนแรง” เช่น การต่อสู้หรือฆ่าศัตรู - กลุ่มที่สองเล่น “ฉากไม่รุนแรง” เช่น สำรวจหรือเล่าเนื้อเรื่อง ก่อนเล่น ทีมวิจัยทำให้ผู้ร่วมทดลอง “เครียด” โดยให้จุ่มมือในน้ำเย็นจัด 3 นาทีและโดนสอบสวนในเวลาเดียวกัน (เรียกว่า SECPT) เพื่อให้เกิดความเครียดทั้งทางกายและใจ จากนั้นให้เล่นเกม 25 นาที และวัดผลทั้งจากคลื่นหัวใจ, น้ำลาย และแบบสอบถาม ผลลัพธ์น่าสนใจคือ: - คนที่เล่นฉากรุนแรง “รู้สึกเครียดกว่า” ตอนตอบแบบสอบถาม - แต่เครื่องมือทางสรีรวิทยาพบว่า “ร่างกายของทั้งสองกลุ่มกลับลดความเครียดลง” แปลว่าเกมรุนแรงก็อาจ “ปล่อยระบาย” ความเครียดออกจากร่างกายได้ แม้ตัวเราจะไม่รู้ตัวเองก็ตาม ✅ ทั้งฉากรุนแรงและไม่รุนแรงของเกมสามารถลดระดับความเครียดทางสรีรวิทยาได้จริง   • วัดจาก ECG (คลื่นหัวใจ), น้ำลาย และอาการทางกาย ✅ แบบสอบถามชี้ว่าผู้เล่นฉากรุนแรงรู้สึกเครียดกว่า   • แต่อาการทางกายกลับบ่งชี้ว่าผ่อนคลายมากขึ้น ✅ นักวิจัยอธิบายว่าเป็น “dissociation” ระหว่างความรู้สึกและสภาพร่างกายจริง ๆ   • คนอาจประเมินอารมณ์ตัวเองคลาดเคลื่อนจากความจริง ✅ เกมที่ใช้คือ A Plague Tale: Requiem บน PS5 และฉากที่เลือกทั้งดราม่าและการต่อสู้   • มีผู้ร่วมทดลอง 82 คน อายุ 18–40 ปี ส่วนใหญ่มีประสบการณ์เล่นเกม ✅ ใช้การเหนี่ยวนำความเครียดแบบ SECPT (Socially Evaluated Cold Pressor Test)   • เป็นวิธีมาตรฐานที่ใช้ในจิตวิทยาการแพทย์และสรีรวิทยา https://www.techspot.com/news/108453-study-shows-gaming-can-reduce-stress-even-violent.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Study shows gaming can reduce stress, even the violent kind
    A recently published study aims to dispel yet another myth about video games, showing that both violent and non-violent gaming sessions can effectively reduce stress levels. The...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 392 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อ DLSS ว่าคือระบบ “ขยายภาพความละเอียดต่ำให้ดูเหมือน 4K” ได้แบบเนียน ๆ ด้วย AI — ที่ผ่านมา DLSS 2 กับ 3 ใช้ neural network แบบเก่า (convolutional) ซึ่งแม้จะดีมาก แต่ก็มีข้อเสีย เช่น ภาพเบลอ, ghosting, หรือเส้นขอบภาพสั่น ๆ เวลาเคลื่อนไหว

    DLSS 4 แก้ปัญหานั้นด้วยการใช้ “Transformer” แบบเดียวกับที่ใช้ในโมเดลภาษาอย่าง GPT — ทำให้ AI เข้าใจภาพทั้งเฟรมแบบลึกขึ้น ผลลัพธ์คือ ภาพที่ขึ้นคมชัดกว่าเดิม แม้จะอัปจากเฟรมต่ำ ๆ เช่น 540p

    สิ่งสำคัญคือ DLSS 4 นี้ ไม่จำกัดเฉพาะ RTX 50 แต่ รองรับตั้งแต่ RTX 20 ขึ้นไปด้วย! แค่ไม่สามารถใช้ฟีเจอร์ frame generation ที่ผูกกับฮาร์ดแวร์ใหม่ได้เท่านั้น

    DLSS 4 เวอร์ชันใหม่ที่ใช้ Transformer model ออกจากสถานะเบต้าแล้ว  
    • อยู่ในชุด SDK หลักของ Nvidia DLSS Super Resolution + Ray Reconstruction  
    • พร้อมให้ผู้พัฒนาเกมใช้ได้อย่างเป็นทางการ

    Transformer model เข้ามาแทน CNN ที่ใช้มาตั้งแต่ DLSS 2 (ปี 2020)  
    • ลดปัญหาภาพเบลอ, ghosting, เส้นขอบสั่น  
    • ทำให้การอัปภาพจากครึ่งความละเอียด (performance mode) ดูดีขึ้นชัดเจน

    ไม่ต้องมี RTX 50 ก็ใช้ได้ — รองรับตั้งแต่ RTX 20 Series ขึ้นไป  
    • ฟีเจอร์ frame generation (multi-frame) ยังคง exclusive สำหรับ RTX 50 เท่านั้น

    สามารถบังคับใช้ DLSS 4 Transformer กับเกมเก่าได้ผ่าน Nvidia App  
    • ไปที่ Graphics > DLSS Override > เลือก Latest  
    • หรือใช้แอป 3rd party เช่น DLSS Swapper, DLSS Updater

    Diablo IV เตรียมเป็นเกมใหญ่เกมถัดไปที่อัปเดต DLSS 4 อย่างเป็นทางการในซีซัน 9 (1 ก.ค.)  
    • เกมอื่นที่ใช้เบต้าอยู่แล้ว เช่น Doom: The Dark Ages, Dune: Awakening, Stellar Blade

    รีวิวชี้ว่า DLSS 4 Transformer คุณภาพดีกว่า FSR 4 (ของ AMD)  
    • โดยเฉพาะในโหมด 4K upscaling

    https://www.techspot.com/news/108452-nvidia-dlss-4-transformer-model-exits-beta-set.html
    หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อ DLSS ว่าคือระบบ “ขยายภาพความละเอียดต่ำให้ดูเหมือน 4K” ได้แบบเนียน ๆ ด้วย AI — ที่ผ่านมา DLSS 2 กับ 3 ใช้ neural network แบบเก่า (convolutional) ซึ่งแม้จะดีมาก แต่ก็มีข้อเสีย เช่น ภาพเบลอ, ghosting, หรือเส้นขอบภาพสั่น ๆ เวลาเคลื่อนไหว DLSS 4 แก้ปัญหานั้นด้วยการใช้ “Transformer” แบบเดียวกับที่ใช้ในโมเดลภาษาอย่าง GPT — ทำให้ AI เข้าใจภาพทั้งเฟรมแบบลึกขึ้น ผลลัพธ์คือ ภาพที่ขึ้นคมชัดกว่าเดิม แม้จะอัปจากเฟรมต่ำ ๆ เช่น 540p สิ่งสำคัญคือ DLSS 4 นี้ ไม่จำกัดเฉพาะ RTX 50 แต่ รองรับตั้งแต่ RTX 20 ขึ้นไปด้วย! แค่ไม่สามารถใช้ฟีเจอร์ frame generation ที่ผูกกับฮาร์ดแวร์ใหม่ได้เท่านั้น ✅ DLSS 4 เวอร์ชันใหม่ที่ใช้ Transformer model ออกจากสถานะเบต้าแล้ว   • อยู่ในชุด SDK หลักของ Nvidia DLSS Super Resolution + Ray Reconstruction   • พร้อมให้ผู้พัฒนาเกมใช้ได้อย่างเป็นทางการ ✅ Transformer model เข้ามาแทน CNN ที่ใช้มาตั้งแต่ DLSS 2 (ปี 2020)   • ลดปัญหาภาพเบลอ, ghosting, เส้นขอบสั่น   • ทำให้การอัปภาพจากครึ่งความละเอียด (performance mode) ดูดีขึ้นชัดเจน ✅ ไม่ต้องมี RTX 50 ก็ใช้ได้ — รองรับตั้งแต่ RTX 20 Series ขึ้นไป   • ฟีเจอร์ frame generation (multi-frame) ยังคง exclusive สำหรับ RTX 50 เท่านั้น ✅ สามารถบังคับใช้ DLSS 4 Transformer กับเกมเก่าได้ผ่าน Nvidia App   • ไปที่ Graphics > DLSS Override > เลือก Latest   • หรือใช้แอป 3rd party เช่น DLSS Swapper, DLSS Updater ✅ Diablo IV เตรียมเป็นเกมใหญ่เกมถัดไปที่อัปเดต DLSS 4 อย่างเป็นทางการในซีซัน 9 (1 ก.ค.)   • เกมอื่นที่ใช้เบต้าอยู่แล้ว เช่น Doom: The Dark Ages, Dune: Awakening, Stellar Blade ✅ รีวิวชี้ว่า DLSS 4 Transformer คุณภาพดีกว่า FSR 4 (ของ AMD)   • โดยเฉพาะในโหมด 4K upscaling https://www.techspot.com/news/108452-nvidia-dlss-4-transformer-model-exits-beta-set.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Nvidia DLSS 4 transformer model exits beta, set to bring improved graphics to more games
    The latest version of Nvidia's DLSS Super Resolution and Ray Reconstruction SDK, released on Wednesday, brings the transformer model out of beta. Promoting the upscaling technology into...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 422 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ถ้าตามข่าว Intel ช่วงนี้จะรู้เลยว่า “กำลังปรับองค์กรแบบยกเครื่อง” — ตั้งแต่สายการผลิต Fab ยันหน่วยพัฒนาชิป AI แต่คราวนี้แรงสุดคือการเลย์ออฟพนักงาน “เชิงเทคนิค” ที่เดิมทีถือเป็นหัวใจของบริษัท

    มีการยืนยันว่า Intel จะไล่พนักงานออกในหลายตำแหน่งสำคัญ เช่น:
    - วิศวกรออกแบบวงจร (Physical Design Engineers)
    - ผู้จัดการสายวิศวกรรม
    - สถาปนิกซอฟต์แวร์ Cloud
    - ผู้นำด้านกลยุทธ์ไอที และรองประธานฝ่ายไอที

    และยิ่งไปกว่านั้นคือการ ปิดหน่วยพัฒนาชิปสำหรับรถยนต์ ที่เคยตั้งอยู่ในเยอรมนี — ซึ่งมีภารกิจสร้างระบบสำหรับ “รถยนต์ขับเองได้” (software-defined vehicles) และเคยเป็นแผนกที่มีอิสระสูงมาก

    สิ่งที่ Tan กล่าวในจดหมายภายในคือ “ต่อไปนี้ ผู้นำที่ดีไม่ใช่คนที่มีลูกทีมเยอะ — แต่คือต้องทำให้ได้มากที่สุดด้วยทีมที่เล็กที่สุด” พร้อมประกาศว่า จะเลย์ออฟ 15–20% ของทั้งบริษัทในปีนี้ เพื่อลดค่าใช้จ่ายและเร่งการตัดสินใจในองค์กร

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-lays-off-hundreds-of-engineers-in-california-including-chip-design-engineers-automotive-chip-division-also-axed
    ถ้าตามข่าว Intel ช่วงนี้จะรู้เลยว่า “กำลังปรับองค์กรแบบยกเครื่อง” — ตั้งแต่สายการผลิต Fab ยันหน่วยพัฒนาชิป AI แต่คราวนี้แรงสุดคือการเลย์ออฟพนักงาน “เชิงเทคนิค” ที่เดิมทีถือเป็นหัวใจของบริษัท มีการยืนยันว่า Intel จะไล่พนักงานออกในหลายตำแหน่งสำคัญ เช่น: - วิศวกรออกแบบวงจร (Physical Design Engineers) - ผู้จัดการสายวิศวกรรม - สถาปนิกซอฟต์แวร์ Cloud - ผู้นำด้านกลยุทธ์ไอที และรองประธานฝ่ายไอที และยิ่งไปกว่านั้นคือการ ปิดหน่วยพัฒนาชิปสำหรับรถยนต์ ที่เคยตั้งอยู่ในเยอรมนี — ซึ่งมีภารกิจสร้างระบบสำหรับ “รถยนต์ขับเองได้” (software-defined vehicles) และเคยเป็นแผนกที่มีอิสระสูงมาก สิ่งที่ Tan กล่าวในจดหมายภายในคือ “ต่อไปนี้ ผู้นำที่ดีไม่ใช่คนที่มีลูกทีมเยอะ — แต่คือต้องทำให้ได้มากที่สุดด้วยทีมที่เล็กที่สุด” พร้อมประกาศว่า จะเลย์ออฟ 15–20% ของทั้งบริษัทในปีนี้ เพื่อลดค่าใช้จ่ายและเร่งการตัดสินใจในองค์กร https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-lays-off-hundreds-of-engineers-in-california-including-chip-design-engineers-automotive-chip-division-also-axed
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 285 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม้จะถูกสหรัฐสั่งห้ามซื้อชิป AI รุ่นใหม่จากค่ายใหญ่ (เช่น NVIDIA H100/H20) แต่จีนไม่ยอมแพ้ครับ — บริษัท GPU ระดับแถวหน้าอย่าง Biren Technology, Moore Threads, MetaX, และ Zhaoxin ต่างเดินหน้าขึ้นตลาดหุ้นในประเทศตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นตลาด STAR Market ของเซี่ยงไฮ้หรือฮ่องกง เพื่อหาทุนไปพัฒนาเทคโนโลยี AI, GPU สำหรับเกม, หรือระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์

    ขณะเดียวกัน บริษัทอย่าง Innosilicon, Illuvatar CoreX, และ DenglinAI เลือก “อยู่แบบเงียบ ๆ” ยังไม่รีบเปิดตัวสู่สาธารณะ เพราะต้องการความยืดหยุ่นจากการไม่ต้องรายงานงบการเงินหรือถูกจับตามองจากภายนอก

    เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าหลังจากถูกกดดันจากสหรัฐ จีนเลือกที่จะ “ต่อสู้ด้วยการสร้าง ecosystem ของตัวเอง” ที่ใช้ได้แม้ไม่มีเทคโนโลยีตะวันตก ทั้งยังเสริมบทบาทของตลาดหุ้นจีนให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตในอุตสาหกรรม AI แบบพึ่งพาตัวเองมากขึ้น

    บริษัท GPU จีนจำนวนมากกำลังเตรียมเข้าตลาดหุ้นท้องถิ่นท่ามกลางแรงกดดันจากสหรัฐฯ  
    • เช่น Biren, Moore Threads, MetaX, Zhaoxin  
    • เพื่อต้องการระดมทุนสำหรับ R&D, ปรับขนาดการผลิต และขยายทีมงาน

    Biren Technology เดินเรื่อง IPO มาตั้งแต่หลายปีก่อน  
    • ยังไม่ประกาศว่าจะเข้าตลาดไหน (Shanghai STAR Market หรือฮ่องกง)

    Moore Threads จัดโครงสร้างใหม่เป็นบริษัทจำกัด-หุ้น เพื่อเตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์จีน  
    • เน้นธุรกิจ GPU สำหรับเกมและบางส่วนของงาน AI

    MetaX ผ่านกระบวนการ “tutoring” เพื่อเตรียม IPO แล้ว  
    • ระดมทุนไปแล้วกว่า 8 รอบ มูลค่าประเมินราว ¥10,000 ล้าน (≈ $1.38 พันล้าน)

    Zhaoxin ซึ่งพัฒนา CPU สถาปัตยกรรม x86 แบบมี GPU ฝังในตัว  
    • กำลังยื่นจดทะเบียนเข้าตลาด STAR Market ภายในกลางปี 2025

    เหตุผลหลักของการ IPO คือ:  • ต้องการเงินลงทุนมหาศาลเพื่อแข่งขันกับ NVIDIA, AMD  
    • ต้องการสร้างความโปร่งใส-เชื่อมั่น และกลายเป็นผู้เล่น “ระดับชาติ” ที่ซัพพอร์ตนโยบายจีน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/blacklisted-chinese-gpu-makers-line-up-to-file-for-ipos-as-us-sanctions-and-trade-war-take-toll-on-ai-hardware-market
    แม้จะถูกสหรัฐสั่งห้ามซื้อชิป AI รุ่นใหม่จากค่ายใหญ่ (เช่น NVIDIA H100/H20) แต่จีนไม่ยอมแพ้ครับ — บริษัท GPU ระดับแถวหน้าอย่าง Biren Technology, Moore Threads, MetaX, และ Zhaoxin ต่างเดินหน้าขึ้นตลาดหุ้นในประเทศตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นตลาด STAR Market ของเซี่ยงไฮ้หรือฮ่องกง เพื่อหาทุนไปพัฒนาเทคโนโลยี AI, GPU สำหรับเกม, หรือระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ขณะเดียวกัน บริษัทอย่าง Innosilicon, Illuvatar CoreX, และ DenglinAI เลือก “อยู่แบบเงียบ ๆ” ยังไม่รีบเปิดตัวสู่สาธารณะ เพราะต้องการความยืดหยุ่นจากการไม่ต้องรายงานงบการเงินหรือถูกจับตามองจากภายนอก เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าหลังจากถูกกดดันจากสหรัฐ จีนเลือกที่จะ “ต่อสู้ด้วยการสร้าง ecosystem ของตัวเอง” ที่ใช้ได้แม้ไม่มีเทคโนโลยีตะวันตก ทั้งยังเสริมบทบาทของตลาดหุ้นจีนให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตในอุตสาหกรรม AI แบบพึ่งพาตัวเองมากขึ้น ✅ บริษัท GPU จีนจำนวนมากกำลังเตรียมเข้าตลาดหุ้นท้องถิ่นท่ามกลางแรงกดดันจากสหรัฐฯ   • เช่น Biren, Moore Threads, MetaX, Zhaoxin   • เพื่อต้องการระดมทุนสำหรับ R&D, ปรับขนาดการผลิต และขยายทีมงาน ✅ Biren Technology เดินเรื่อง IPO มาตั้งแต่หลายปีก่อน   • ยังไม่ประกาศว่าจะเข้าตลาดไหน (Shanghai STAR Market หรือฮ่องกง) ✅ Moore Threads จัดโครงสร้างใหม่เป็นบริษัทจำกัด-หุ้น เพื่อเตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์จีน   • เน้นธุรกิจ GPU สำหรับเกมและบางส่วนของงาน AI ✅ MetaX ผ่านกระบวนการ “tutoring” เพื่อเตรียม IPO แล้ว   • ระดมทุนไปแล้วกว่า 8 รอบ มูลค่าประเมินราว ¥10,000 ล้าน (≈ $1.38 พันล้าน) ✅ Zhaoxin ซึ่งพัฒนา CPU สถาปัตยกรรม x86 แบบมี GPU ฝังในตัว   • กำลังยื่นจดทะเบียนเข้าตลาด STAR Market ภายในกลางปี 2025 ✅ เหตุผลหลักของการ IPO คือ:  • ต้องการเงินลงทุนมหาศาลเพื่อแข่งขันกับ NVIDIA, AMD   • ต้องการสร้างความโปร่งใส-เชื่อมั่น และกลายเป็นผู้เล่น “ระดับชาติ” ที่ซัพพอร์ตนโยบายจีน https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/blacklisted-chinese-gpu-makers-line-up-to-file-for-ipos-as-us-sanctions-and-trade-war-take-toll-on-ai-hardware-market
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 524 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปกติเวลาเราดาวน์โหลดไฟล์บีบอัด (เช่น .RAR) แล้วแตกไฟล์ด้วย WinRAR — เราก็มักไม่ทันระวังว่าไฟล์ด้านในมันจะทำอะไรได้บ้าง

    แต่ล่าสุดนักวิจัยจากโครงการ Zero Day Initiative ของ Trend Micro เผยว่า WinRAR มีช่องโหว่ Directory Traversal (รหัส CVE-2025-6218) ซึ่งเปิดทางให้แฮกเกอร์ใส่ “เส้นทางหลอก” ในไฟล์ RAR เพื่อหลอกให้ WinRAR แตกไฟล์ออกไปอยู่นอกโฟลเดอร์ที่ควรอยู่ เช่น ไปอยู่ในโฟลเดอร์ระบบ หรือวาง .exe ไว้ที่ Desktop เลยก็ยังได้!

    เมื่อเหยื่อคลิกแตกไฟล์และเปิดเนื้อหา…ก็เท่ากับเชิญแฮกเกอร์เข้าบ้านอย่างเป็นทางการ

    ช่องโหว่นี้ได้คะแนนอันตราย 7.8/10 บนระบบ CVSS ซึ่งถือว่าสูงมาก โดยเฉพาะเพราะ WinRAR มีผู้ใช้กว่า 500 ล้านคนทั่วโลก

    ข่าวดีคือทีม RARLAB ได้ปล่อยแพตช์แล้วใน WinRAR 7.12 Beta 1 — แนะนำให้รีบอัปเดตทันที เพราะเวอร์ชันเดิม (7.11 และเก่ากว่านั้น) ยังอันตรายอยู่

    ช่องโหว่ CVE-2025-6218 เปิดทางให้โจมตีผ่านไฟล์ RAR ที่มี path หลอก  
    • หลอก WinRAR แตกไฟล์ไปยังไดเรกทอรีผิด เช่น system32 หรือ desktop  
    • แฮกเกอร์สามารถฝังสคริปต์อันตรายและสั่งรันได้เมื่อเหยื่อเปิด

    พบโดยนักวิจัยอิสระชื่อ ‘whs3-detonator’ ภายใต้โครงการ Zero Day Initiative

    ช่องโหว่นี้ได้คะแนน 7.8/10 บน CVSS → เสี่ยงต่อข้อมูลหลุด, เปลี่ยนแปลงไฟล์ระบบ หรือทำให้เครื่องใช้การไม่ได้

    อัปเดต WinRAR 7.12 Beta 1 แก้ไขช่องโหว่นี้แล้ว  
    • แพตช์ครอบคลุม: RAR บน Windows, UnRAR, portable UnRAR, และ UnRAR.dll  
    • ไม่กระทบ: RAR บน Unix, Android, และซอร์สโค้ด UnRAR รุ่น Unix

    ช่องโหว่นี้คล้ายกับเหตุการณ์ในเดือนเมษายน ที่ WinRAR เคยโดนโจมตีแบบหลบการเตือนของ Windows (MotW)
    • บ่งชี้ว่าเครื่องมือบีบอัดไฟล์กลายเป็นช่องทางโจมตีใหม่ที่คนมองข้าม

    https://www.tomshardware.com/software/winrar-exploit-enables-attackers-to-run-malicious-code-on-your-pc-critical-vulnerability-patched-in-latest-beta-update
    ปกติเวลาเราดาวน์โหลดไฟล์บีบอัด (เช่น .RAR) แล้วแตกไฟล์ด้วย WinRAR — เราก็มักไม่ทันระวังว่าไฟล์ด้านในมันจะทำอะไรได้บ้าง แต่ล่าสุดนักวิจัยจากโครงการ Zero Day Initiative ของ Trend Micro เผยว่า WinRAR มีช่องโหว่ Directory Traversal (รหัส CVE-2025-6218) ซึ่งเปิดทางให้แฮกเกอร์ใส่ “เส้นทางหลอก” ในไฟล์ RAR เพื่อหลอกให้ WinRAR แตกไฟล์ออกไปอยู่นอกโฟลเดอร์ที่ควรอยู่ เช่น ไปอยู่ในโฟลเดอร์ระบบ หรือวาง .exe ไว้ที่ Desktop เลยก็ยังได้! เมื่อเหยื่อคลิกแตกไฟล์และเปิดเนื้อหา…ก็เท่ากับเชิญแฮกเกอร์เข้าบ้านอย่างเป็นทางการ ช่องโหว่นี้ได้คะแนนอันตราย 7.8/10 บนระบบ CVSS ซึ่งถือว่าสูงมาก โดยเฉพาะเพราะ WinRAR มีผู้ใช้กว่า 500 ล้านคนทั่วโลก ข่าวดีคือทีม RARLAB ได้ปล่อยแพตช์แล้วใน WinRAR 7.12 Beta 1 — แนะนำให้รีบอัปเดตทันที เพราะเวอร์ชันเดิม (7.11 และเก่ากว่านั้น) ยังอันตรายอยู่ ✅ ช่องโหว่ CVE-2025-6218 เปิดทางให้โจมตีผ่านไฟล์ RAR ที่มี path หลอก   • หลอก WinRAR แตกไฟล์ไปยังไดเรกทอรีผิด เช่น system32 หรือ desktop   • แฮกเกอร์สามารถฝังสคริปต์อันตรายและสั่งรันได้เมื่อเหยื่อเปิด ✅ พบโดยนักวิจัยอิสระชื่อ ‘whs3-detonator’ ภายใต้โครงการ Zero Day Initiative ✅ ช่องโหว่นี้ได้คะแนน 7.8/10 บน CVSS → เสี่ยงต่อข้อมูลหลุด, เปลี่ยนแปลงไฟล์ระบบ หรือทำให้เครื่องใช้การไม่ได้ ✅ อัปเดต WinRAR 7.12 Beta 1 แก้ไขช่องโหว่นี้แล้ว   • แพตช์ครอบคลุม: RAR บน Windows, UnRAR, portable UnRAR, และ UnRAR.dll   • ไม่กระทบ: RAR บน Unix, Android, และซอร์สโค้ด UnRAR รุ่น Unix ✅ ช่องโหว่นี้คล้ายกับเหตุการณ์ในเดือนเมษายน ที่ WinRAR เคยโดนโจมตีแบบหลบการเตือนของ Windows (MotW) • บ่งชี้ว่าเครื่องมือบีบอัดไฟล์กลายเป็นช่องทางโจมตีใหม่ที่คนมองข้าม https://www.tomshardware.com/software/winrar-exploit-enables-attackers-to-run-malicious-code-on-your-pc-critical-vulnerability-patched-in-latest-beta-update
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 360 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องราวเริ่มจาก Chetal และพวก 2 คน ใช้เทคนิค social engineering ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ Google/Yahoo หลอกเหยื่อจากวอชิงตัน ดี.ซี. จนสามารถขโมย Bitcoin จำนวน 4,100 เหรียญ มูลค่าราว $245 ล้าน (และตอนนี้ขึ้นมาเกือบ $440 ล้านแล้ว!)

    จากนั้นเขาใช้เงินที่ได้ไปใช้ชีวิตหรูหราทั้งซื้อรถ, เช่าคฤหาสน์, ปาร์ตี้ไนต์คลับ และเครื่องเพชร — จนกลายเป็นเป้าสายตาแบบเต็ม ๆ

    และเรื่องดันบานปลาย เมื่อ พ่อแม่ของ Chetal ถูกกลุ่มอาชญากรจากฟลอริดารุมทำร้าย-ลักพาตัว แบบกลางวันแสก ๆ ด้วยการเอารถชน, มัดมือ, ยัดใส่รถตู้ — แต่โชคดีที่มีเจ้าหน้าที่ FBI นอกเครื่องแบบอยู่ใกล้ ๆ และช่วยได้ทัน

    ต่อมา FBI บุกค้นบ้าน พบเงินสด $500,000 และคริปโตอีก $39 ล้าน ซ้ำยังพบว่า Chetal เคยก่อเหตุแบบเดียวกันอีกเกือบ 50 ครั้ง รวมรายได้อีก $3 ล้าน

    ตอนนี้ Chetal ยอมรับผิดและให้ความร่วมมือกับทางการ เพื่อแลกกับโทษที่เบาลง — แต่อาจต้องติดคุก 19–24 ปี, ถูกปรับสูงสุด $500,000 และอาจ ถูกเนรเทศกลับอินเดีย เพราะเป็นผู้ย้ายถิ่นตั้งแต่ยังเด็ก

    ข้อมูลจากข่าว:
    Veer Chetal และพรรคพวกขโมย Bitcoin จำนวน 4,100 BTC มูลค่า $245 ล้าน ในเดือนส.ค. 2024  
    • ใช้การหลอกลวงแบบ social engineering ด้วยการปลอมเป็นเจ้าหน้าที่บริการเว็บชื่อดัง

    หลังการขโมย Chetal ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย  
    • ซื้อรถหรู, เครื่องเพชร, เช่าคฤหาสน์ และปาร์ตี้อย่างรื่นเริง

    พ่อแม่ของเขาถูกกลุ่มชายจากฟลอริดาลักพาตัวกลางวันแสก ๆ ด้วยความรุนแรง  
    • โชคดีที่มี FBI อยู่ในเหตุการณ์ ทำให้ช่วยไว้ได้ทัน

    FBI ค้นบ้านพบ $500,000 เงินสด และ crypto อีก $39 ล้าน  
    • ตรวจพบว่ามีคดีคล้ายกันอีก 50 ครั้ง รวมเงิน $3 ล้าน

    Chetal ยอมรับผิดข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงิน  
    • เตรียมรับโทษจำคุก 19–24 ปี และปรับ $50,000–$500,000 พร้อมชดใช้เหยื่อ  
    • อาจถูกเนรเทศกลับอินเดีย เพราะไม่ใช่พลเมืองสหรัฐฯ

    พ่อของเขาถูกไล่ออกจาก Morgan Stanley จากเหตุผลเกี่ยวกับคดีนี้

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/man-behind-usd245m-bitcoin-theft-has-bizarre-tale-that-includes-kidnapped-parents-fraud-and-money-laundering-suspect-now-faces-up-to-24-years-in-prison-half-million-dollar-fine-and-possible-deportation-to-india
    เรื่องราวเริ่มจาก Chetal และพวก 2 คน ใช้เทคนิค social engineering ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ Google/Yahoo หลอกเหยื่อจากวอชิงตัน ดี.ซี. จนสามารถขโมย Bitcoin จำนวน 4,100 เหรียญ มูลค่าราว $245 ล้าน (และตอนนี้ขึ้นมาเกือบ $440 ล้านแล้ว!) จากนั้นเขาใช้เงินที่ได้ไปใช้ชีวิตหรูหราทั้งซื้อรถ, เช่าคฤหาสน์, ปาร์ตี้ไนต์คลับ และเครื่องเพชร — จนกลายเป็นเป้าสายตาแบบเต็ม ๆ และเรื่องดันบานปลาย เมื่อ พ่อแม่ของ Chetal ถูกกลุ่มอาชญากรจากฟลอริดารุมทำร้าย-ลักพาตัว แบบกลางวันแสก ๆ ด้วยการเอารถชน, มัดมือ, ยัดใส่รถตู้ — แต่โชคดีที่มีเจ้าหน้าที่ FBI นอกเครื่องแบบอยู่ใกล้ ๆ และช่วยได้ทัน ต่อมา FBI บุกค้นบ้าน พบเงินสด $500,000 และคริปโตอีก $39 ล้าน ซ้ำยังพบว่า Chetal เคยก่อเหตุแบบเดียวกันอีกเกือบ 50 ครั้ง รวมรายได้อีก $3 ล้าน ตอนนี้ Chetal ยอมรับผิดและให้ความร่วมมือกับทางการ เพื่อแลกกับโทษที่เบาลง — แต่อาจต้องติดคุก 19–24 ปี, ถูกปรับสูงสุด $500,000 และอาจ ถูกเนรเทศกลับอินเดีย เพราะเป็นผู้ย้ายถิ่นตั้งแต่ยังเด็ก ✅ ข้อมูลจากข่าว: ✅ Veer Chetal และพรรคพวกขโมย Bitcoin จำนวน 4,100 BTC มูลค่า $245 ล้าน ในเดือนส.ค. 2024   • ใช้การหลอกลวงแบบ social engineering ด้วยการปลอมเป็นเจ้าหน้าที่บริการเว็บชื่อดัง ✅ หลังการขโมย Chetal ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย   • ซื้อรถหรู, เครื่องเพชร, เช่าคฤหาสน์ และปาร์ตี้อย่างรื่นเริง ✅ พ่อแม่ของเขาถูกกลุ่มชายจากฟลอริดาลักพาตัวกลางวันแสก ๆ ด้วยความรุนแรง   • โชคดีที่มี FBI อยู่ในเหตุการณ์ ทำให้ช่วยไว้ได้ทัน ✅ FBI ค้นบ้านพบ $500,000 เงินสด และ crypto อีก $39 ล้าน   • ตรวจพบว่ามีคดีคล้ายกันอีก 50 ครั้ง รวมเงิน $3 ล้าน ✅ Chetal ยอมรับผิดข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงิน   • เตรียมรับโทษจำคุก 19–24 ปี และปรับ $50,000–$500,000 พร้อมชดใช้เหยื่อ   • อาจถูกเนรเทศกลับอินเดีย เพราะไม่ใช่พลเมืองสหรัฐฯ ✅ พ่อของเขาถูกไล่ออกจาก Morgan Stanley จากเหตุผลเกี่ยวกับคดีนี้ https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/man-behind-usd245m-bitcoin-theft-has-bizarre-tale-that-includes-kidnapped-parents-fraud-and-money-laundering-suspect-now-faces-up-to-24-years-in-prison-half-million-dollar-fine-and-possible-deportation-to-india
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Man behind $245m Bitcoin theft has bizarre tale that includes kidnapped parents, fraud, and money laundering — suspect now faces up to 24 years in prison, half-million-dollar fine, and possible deportation to India
    Connecticut man’s parents were kidnapped shortly after the BTC theft. The father allegedly lost his job at Morgan Stanley due to his son’s nefarious activities.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 830 มุมมอง 0 รีวิว