• เรายังเรียนตัวเราเองว่าเป็นคนไทยรึ เขมรสั่งให้ถอนทหารออกจากแผ่นดินไทยเพื่อปราสาทและแผ่นดิน จีนเทาปกครองหน่วยราชการหลายแห่ง พม่าตั้งประเทศในแผ่นดินไทยแล้วทำอะไรก็ได้ที่พรรคการเมืองสนับสนุน รัฐบาลผสมเขมร ไม่มีไทยแล้ว
    เรายังเรียนตัวเราเองว่าเป็นคนไทยรึ เขมรสั่งให้ถอนทหารออกจากแผ่นดินไทยเพื่อปราสาทและแผ่นดิน จีนเทาปกครองหน่วยราชการหลายแห่ง พม่าตั้งประเทศในแผ่นดินไทยแล้วทำอะไรก็ได้ที่พรรคการเมืองสนับสนุน รัฐบาลผสมเขมร ไม่มีไทยแล้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • WhatsApp ได้เพิ่ม Perplexity AI เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับการสนทนา AI ภายในแอป โดยผู้ใช้สามารถพูดคุยกับ Perplexity AI ได้โดยเพิ่มหมายเลข +1 (833) 436-3285 ลงในรายชื่อผู้ติดต่อ

    นอกจากนี้ WhatsApp ยังรองรับ ChatGPT ซึ่งสามารถเข้าถึงได้โดยเพิ่มหมายเลข +1 (800) 242-8478 ลงในแอป ทำให้ผู้ใช้มีตัวเลือกมากขึ้นในการสนทนากับ AI

    อย่างไรก็ตาม การเพิ่ม AI ลงใน WhatsApp ทำให้เกิดข้อกังวลด้าน ความเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะหลังจากที่ Aravind Srinivas ซีอีโอของ Perplexity เปิดเผยว่า Comet Browser ของบริษัทอาจรวบรวมข้อมูลผู้ใช้และขายให้กับผู้เสนอราคาสูงสุด

    ✅ การเพิ่ม Perplexity AI ใน WhatsApp
    - ผู้ใช้สามารถพูดคุยกับ Perplexity AI ได้โดยเพิ่มหมายเลข +1 (833) 436-3285
    - รองรับการให้คำตอบ, แหล่งข้อมูล และการสร้างภาพ

    ✅ การรองรับ ChatGPT ใน WhatsApp
    - สามารถเข้าถึงได้โดยเพิ่มหมายเลข +1 (800) 242-8478
    - รองรับการสนทนาและการจดจำบริบทจากการสนทนาก่อนหน้า

    ✅ ข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัว
    - Perplexity อาจรวบรวมข้อมูลผู้ใช้ผ่าน Comet Browser
    - ข้อมูลอาจถูกขายให้กับผู้เสนอราคาสูงสุด

    ✅ การตอบสนองของ WhatsApp
    - Meta ได้เพิ่ม Meta AI ลงในแอปเป็นปุ่มถาวรที่มุมล่างขวา
    - ผู้ใช้สามารถปิดการใช้งาน Meta AI ได้หากไม่ต้องการใช้

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/forget-meta-ai-whatsapp-now-lets-you-talk-directly-to-perplexity-and-chatgpt-in-the-app-heres-how
    WhatsApp ได้เพิ่ม Perplexity AI เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับการสนทนา AI ภายในแอป โดยผู้ใช้สามารถพูดคุยกับ Perplexity AI ได้โดยเพิ่มหมายเลข +1 (833) 436-3285 ลงในรายชื่อผู้ติดต่อ นอกจากนี้ WhatsApp ยังรองรับ ChatGPT ซึ่งสามารถเข้าถึงได้โดยเพิ่มหมายเลข +1 (800) 242-8478 ลงในแอป ทำให้ผู้ใช้มีตัวเลือกมากขึ้นในการสนทนากับ AI อย่างไรก็ตาม การเพิ่ม AI ลงใน WhatsApp ทำให้เกิดข้อกังวลด้าน ความเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะหลังจากที่ Aravind Srinivas ซีอีโอของ Perplexity เปิดเผยว่า Comet Browser ของบริษัทอาจรวบรวมข้อมูลผู้ใช้และขายให้กับผู้เสนอราคาสูงสุด ✅ การเพิ่ม Perplexity AI ใน WhatsApp - ผู้ใช้สามารถพูดคุยกับ Perplexity AI ได้โดยเพิ่มหมายเลข +1 (833) 436-3285 - รองรับการให้คำตอบ, แหล่งข้อมูล และการสร้างภาพ ✅ การรองรับ ChatGPT ใน WhatsApp - สามารถเข้าถึงได้โดยเพิ่มหมายเลข +1 (800) 242-8478 - รองรับการสนทนาและการจดจำบริบทจากการสนทนาก่อนหน้า ✅ ข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัว - Perplexity อาจรวบรวมข้อมูลผู้ใช้ผ่าน Comet Browser - ข้อมูลอาจถูกขายให้กับผู้เสนอราคาสูงสุด ✅ การตอบสนองของ WhatsApp - Meta ได้เพิ่ม Meta AI ลงในแอปเป็นปุ่มถาวรที่มุมล่างขวา - ผู้ใช้สามารถปิดการใช้งาน Meta AI ได้หากไม่ต้องการใช้ https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/forget-meta-ai-whatsapp-now-lets-you-talk-directly-to-perplexity-and-chatgpt-in-the-app-heres-how
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google รายงานว่าในปี 2024 มีการใช้ช่องโหว่ zero-day จำนวน 75 รายการ โดยส่วนใหญ่ถูกใช้ใน การโจมตีที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล โดยเฉพาะจาก จีนและเกาหลีเหนือ

    แม้ว่าจำนวนช่องโหว่ zero-day จะลดลงจาก 98 รายการในปี 2023 แต่แนวโน้มในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า การใช้ช่องโหว่เหล่านี้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    Google พบว่า 44% ของช่องโหว่ zero-day ในปี 2024 ถูกใช้กับผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กร ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 37% ในปี 2023 โดยเฉพาะช่องโหว่ใน ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยและอุปกรณ์เครือข่าย

    นอกจากนี้ รัฐบาลเป็นผู้ใช้ช่องโหว่ zero-day มากที่สุด โดย 50% ของช่องโหว่ที่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ ถูกใช้โดยกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลหรือบริษัทที่ให้บริการสอดแนม

    ✅ จำนวนช่องโหว่ zero-day ที่พบ
    - พบ 75 รายการ ลดลงจาก 98 รายการในปี 2023
    - แนวโน้มในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าการใช้ช่องโหว่ยังคงเพิ่มขึ้น

    ✅ เป้าหมายของการโจมตี
    - 44% ของช่องโหว่ zero-day ถูกใช้กับผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กร
    - ช่องโหว่ใน ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยและอุปกรณ์เครือข่าย เป็นเป้าหมายหลัก

    ✅ บทบาทของรัฐบาลในการใช้ช่องโหว่
    - 50% ของช่องโหว่ที่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ ถูกใช้โดยกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
    - จีนและเกาหลีเหนือ เป็นประเทศที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด

    ✅ แนวโน้มของช่องโหว่ในระบบปฏิบัติการ
    - ช่องโหว่ใน Windows เพิ่มขึ้นเป็น 22 รายการ จาก 16 รายการในปี 2023
    - ช่องโหว่ใน Safari และ iOS ลดลงจาก 11 และ 9 รายการ เหลือ 3 และ 2 รายการ

    https://www.techradar.com/pro/security/75-zero-day-exploitations-spotted-by-google-governments-increasingly-responsible-for-attacks
    Google รายงานว่าในปี 2024 มีการใช้ช่องโหว่ zero-day จำนวน 75 รายการ โดยส่วนใหญ่ถูกใช้ใน การโจมตีที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล โดยเฉพาะจาก จีนและเกาหลีเหนือ แม้ว่าจำนวนช่องโหว่ zero-day จะลดลงจาก 98 รายการในปี 2023 แต่แนวโน้มในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า การใช้ช่องโหว่เหล่านี้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง Google พบว่า 44% ของช่องโหว่ zero-day ในปี 2024 ถูกใช้กับผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กร ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 37% ในปี 2023 โดยเฉพาะช่องโหว่ใน ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยและอุปกรณ์เครือข่าย นอกจากนี้ รัฐบาลเป็นผู้ใช้ช่องโหว่ zero-day มากที่สุด โดย 50% ของช่องโหว่ที่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ ถูกใช้โดยกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลหรือบริษัทที่ให้บริการสอดแนม ✅ จำนวนช่องโหว่ zero-day ที่พบ - พบ 75 รายการ ลดลงจาก 98 รายการในปี 2023 - แนวโน้มในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าการใช้ช่องโหว่ยังคงเพิ่มขึ้น ✅ เป้าหมายของการโจมตี - 44% ของช่องโหว่ zero-day ถูกใช้กับผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กร - ช่องโหว่ใน ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยและอุปกรณ์เครือข่าย เป็นเป้าหมายหลัก ✅ บทบาทของรัฐบาลในการใช้ช่องโหว่ - 50% ของช่องโหว่ที่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ ถูกใช้โดยกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล - จีนและเกาหลีเหนือ เป็นประเทศที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด ✅ แนวโน้มของช่องโหว่ในระบบปฏิบัติการ - ช่องโหว่ใน Windows เพิ่มขึ้นเป็น 22 รายการ จาก 16 รายการในปี 2023 - ช่องโหว่ใน Safari และ iOS ลดลงจาก 11 และ 9 รายการ เหลือ 3 และ 2 รายการ https://www.techradar.com/pro/security/75-zero-day-exploitations-spotted-by-google-governments-increasingly-responsible-for-attacks
    WWW.TECHRADAR.COM
    75 zero-day exploitations spotted by Google, governments increasingly responsible for attacks
    Of all the zero-days abused in 2024, the majority were used in state-sponsored attacks
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเตือนว่า คลื่นความร้อนในฤดูร้อนอาจส่งผลกระทบต่อเราเตอร์ Wi-Fi โดยเฉพาะหากวางไว้ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม เช่น ในที่ที่โดนแสงแดดโดยตรง หรือ ในตู้ปิดที่ไม่มีการระบายอากาศ

    Virgin Media ผู้ให้บริการบรอดแบนด์ในสหราชอาณาจักรแนะนำว่า ควรหลีกเลี่ยงการวางเราเตอร์ในที่ที่มีอุณหภูมิสูง เพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง หรือในกรณีร้ายแรงอาจทำให้เราเตอร์หยุดทำงาน

    นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำเกี่ยวกับ ตำแหน่งที่เหมาะสมในการวางเราเตอร์ เช่น ควรอยู่ห่างจากโทรศัพท์ไร้สายและอุปกรณ์ที่อาจรบกวนสัญญาณ Wi-Fi อย่างน้อย 1 เมตร และ ควรวางในที่สูงและไม่มีสิ่งกีดขวาง เพื่อให้สัญญาณกระจายได้ดีขึ้น

    ✅ ตำแหน่งที่ควรหลีกเลี่ยง
    - ไม่ควรวางเราเตอร์ในที่ที่โดนแสงแดดโดยตรง
    - ไม่ควรวางในตู้ปิดที่ไม่มีการระบายอากาศ

    ✅ ผลกระทบของอุณหภูมิสูงต่อเราเตอร์
    - อาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง
    - ในกรณีร้ายแรงอาจทำให้เราเตอร์หยุดทำงาน

    ✅ ตำแหน่งที่เหมาะสมในการวางเราเตอร์
    - ควรอยู่ห่างจากโทรศัพท์ไร้สายและอุปกรณ์ที่อาจรบกวนสัญญาณ Wi-Fi อย่างน้อย 1 เมตร
    - ควรวางในที่สูงและไม่มีสิ่งกีดขวาง

    ✅ วิธีปรับปรุงสัญญาณ Wi-Fi
    - ใช้ Wi-Fi extender หากต้องการเพิ่มระยะสัญญาณ
    - เปลี่ยน Wi-Fi channel เพื่อลดการรบกวนจากเครือข่ายอื่น

    https://www.techradar.com/computing/wi-fi-broadband/experts-warn-of-heatwave-danger-to-routers-so-act-now-before-summer-kicks-in-and-temperatures-could-really-soar-to-the-point-that-kills-your-wi-fi
    ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเตือนว่า คลื่นความร้อนในฤดูร้อนอาจส่งผลกระทบต่อเราเตอร์ Wi-Fi โดยเฉพาะหากวางไว้ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม เช่น ในที่ที่โดนแสงแดดโดยตรง หรือ ในตู้ปิดที่ไม่มีการระบายอากาศ Virgin Media ผู้ให้บริการบรอดแบนด์ในสหราชอาณาจักรแนะนำว่า ควรหลีกเลี่ยงการวางเราเตอร์ในที่ที่มีอุณหภูมิสูง เพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง หรือในกรณีร้ายแรงอาจทำให้เราเตอร์หยุดทำงาน นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำเกี่ยวกับ ตำแหน่งที่เหมาะสมในการวางเราเตอร์ เช่น ควรอยู่ห่างจากโทรศัพท์ไร้สายและอุปกรณ์ที่อาจรบกวนสัญญาณ Wi-Fi อย่างน้อย 1 เมตร และ ควรวางในที่สูงและไม่มีสิ่งกีดขวาง เพื่อให้สัญญาณกระจายได้ดีขึ้น ✅ ตำแหน่งที่ควรหลีกเลี่ยง - ไม่ควรวางเราเตอร์ในที่ที่โดนแสงแดดโดยตรง - ไม่ควรวางในตู้ปิดที่ไม่มีการระบายอากาศ ✅ ผลกระทบของอุณหภูมิสูงต่อเราเตอร์ - อาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง - ในกรณีร้ายแรงอาจทำให้เราเตอร์หยุดทำงาน ✅ ตำแหน่งที่เหมาะสมในการวางเราเตอร์ - ควรอยู่ห่างจากโทรศัพท์ไร้สายและอุปกรณ์ที่อาจรบกวนสัญญาณ Wi-Fi อย่างน้อย 1 เมตร - ควรวางในที่สูงและไม่มีสิ่งกีดขวาง ✅ วิธีปรับปรุงสัญญาณ Wi-Fi - ใช้ Wi-Fi extender หากต้องการเพิ่มระยะสัญญาณ - เปลี่ยน Wi-Fi channel เพื่อลดการรบกวนจากเครือข่ายอื่น https://www.techradar.com/computing/wi-fi-broadband/experts-warn-of-heatwave-danger-to-routers-so-act-now-before-summer-kicks-in-and-temperatures-could-really-soar-to-the-point-that-kills-your-wi-fi
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • Windscribe ได้รับชัยชนะในคดีความเกี่ยวกับ VPN แบบไม่บันทึกข้อมูล (No-Log VPN) ในประเทศกรีซ หลังจากที่ Yegor Sak ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทถูกตั้งข้อหา "การเข้าถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยผิดกฎหมาย" เนื่องจากมีผู้ใช้ที่ไม่เปิดเผยตัวตนใช้เซิร์ฟเวอร์ของ Windscribe ในฟินแลนด์เพื่อโจมตีเว็บไซต์ในกรีซ

    ศาลในกรุงเอเธนส์ตัดสินให้ ยกฟ้องคดี เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2025 เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่แสดงว่า Windscribe หรือ Sak มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด

    Sak ระบุว่าคดีนี้เป็นตัวอย่างที่น่ากังวลเกี่ยวกับ ความรับผิดชอบของผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านความเป็นส่วนตัว โดยหากคำตัดสินนี้ถูกยกเลิก อาจทำให้เจ้าของเซิร์ฟเวอร์ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของผู้ใช้ที่ไม่เปิดเผยตัวตน

    ✅ การตั้งข้อหาและการพิจารณาคดี
    - Yegor Sak ถูกตั้งข้อหา "การเข้าถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยผิดกฎหมาย"
    - ผู้ใช้ที่ไม่เปิดเผยตัวตนใช้เซิร์ฟเวอร์ของ Windscribe ในฟินแลนด์เพื่อโจมตีเว็บไซต์ในกรีซ
    - ศาลในกรุงเอเธนส์ตัดสินให้ ยกฟ้องคดี เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2025

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม VPN
    - คดีนี้เป็นชัยชนะสำหรับ VPN แบบไม่บันทึกข้อมูล (No-Log VPN)
    - Windscribe ยืนยันว่า ไม่มีบันทึกข้อมูลผู้ใช้ จึงไม่สามารถให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ได้

    ✅ ตัวอย่างจากบริษัทอื่น
    - Mullvad เคยพิสูจน์ความถูกต้องของนโยบาย No-Log หลังจากถูกตำรวจบุกค้นในปี 2023
    - Private Internet Access (PIA) เคยพิสูจน์นโยบาย No-Log ในศาลถึงสองครั้ง

    ✅ บทบาทของ VPN ในความเป็นส่วนตัวออนไลน์
    - VPN ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ท่องเว็บโดยไม่เปิดเผยตัวตน
    - นักวิจัยในสหภาพยุโรปมองว่า VPN เป็น "ความท้าทายสำคัญ" ต่อการบังคับใช้กฎหมาย

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/case-dismissed-windscribe-wins-landmark-no-log-vpn-lawsuit-in-greece
    Windscribe ได้รับชัยชนะในคดีความเกี่ยวกับ VPN แบบไม่บันทึกข้อมูล (No-Log VPN) ในประเทศกรีซ หลังจากที่ Yegor Sak ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทถูกตั้งข้อหา "การเข้าถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยผิดกฎหมาย" เนื่องจากมีผู้ใช้ที่ไม่เปิดเผยตัวตนใช้เซิร์ฟเวอร์ของ Windscribe ในฟินแลนด์เพื่อโจมตีเว็บไซต์ในกรีซ ศาลในกรุงเอเธนส์ตัดสินให้ ยกฟ้องคดี เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2025 เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่แสดงว่า Windscribe หรือ Sak มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด Sak ระบุว่าคดีนี้เป็นตัวอย่างที่น่ากังวลเกี่ยวกับ ความรับผิดชอบของผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านความเป็นส่วนตัว โดยหากคำตัดสินนี้ถูกยกเลิก อาจทำให้เจ้าของเซิร์ฟเวอร์ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของผู้ใช้ที่ไม่เปิดเผยตัวตน ✅ การตั้งข้อหาและการพิจารณาคดี - Yegor Sak ถูกตั้งข้อหา "การเข้าถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยผิดกฎหมาย" - ผู้ใช้ที่ไม่เปิดเผยตัวตนใช้เซิร์ฟเวอร์ของ Windscribe ในฟินแลนด์เพื่อโจมตีเว็บไซต์ในกรีซ - ศาลในกรุงเอเธนส์ตัดสินให้ ยกฟ้องคดี เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2025 ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม VPN - คดีนี้เป็นชัยชนะสำหรับ VPN แบบไม่บันทึกข้อมูล (No-Log VPN) - Windscribe ยืนยันว่า ไม่มีบันทึกข้อมูลผู้ใช้ จึงไม่สามารถให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ได้ ✅ ตัวอย่างจากบริษัทอื่น - Mullvad เคยพิสูจน์ความถูกต้องของนโยบาย No-Log หลังจากถูกตำรวจบุกค้นในปี 2023 - Private Internet Access (PIA) เคยพิสูจน์นโยบาย No-Log ในศาลถึงสองครั้ง ✅ บทบาทของ VPN ในความเป็นส่วนตัวออนไลน์ - VPN ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ท่องเว็บโดยไม่เปิดเผยตัวตน - นักวิจัยในสหภาพยุโรปมองว่า VPN เป็น "ความท้าทายสำคัญ" ต่อการบังคับใช้กฎหมาย https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/case-dismissed-windscribe-wins-landmark-no-log-vpn-lawsuit-in-greece
    WWW.TECHRADAR.COM
    Case dismissed – Windscribe wins landmark no-log VPN lawsuit in Greece
    Windscribe's Co-Founder and CEO was charged in June 2023 on behalf of an anonymous user
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังสร้างความท้าทายด้าน ความปลอดภัยไซเบอร์ และ โครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย โดยรายงานจาก Expereo พบว่า เกือบ 20% ขององค์กรในสหรัฐฯ ประสบปัญหาด้านความปลอดภัยจากการใช้ AI

    นอกจากนี้ 41% ขององค์กรทั่วโลก เผชิญกับปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านความปลอดภัยไซเบอร์ แม้ว่าความปลอดภัยจะเป็น ลำดับที่สองของการลงทุน รองจาก เครือข่ายและการเชื่อมต่อ (43%)

    ความคาดหวังเกี่ยวกับ AI ในองค์กรยังคงสูงเกินจริง โดย หนึ่งในสามของ CIO ทั่วโลก เชื่อว่าคณะกรรมการบริษัทมีความคาดหวังที่ไม่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับผลกระทบของ AI และ 27% ของผู้นำด้านเทคโนโลยีในสหรัฐฯ มีความคิดเห็นเช่นเดียวกัน

    ✅ ผลกระทบด้านความปลอดภัยไซเบอร์
    - เกือบ 20% ขององค์กรในสหรัฐฯ ประสบปัญหาด้านความปลอดภัยจากการใช้ AI
    - 41% ขององค์กรทั่วโลก เผชิญกับปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านความปลอดภัยไซเบอร์

    ✅ การลงทุนด้านเทคโนโลยี
    - ความปลอดภัยไซเบอร์เป็น ลำดับที่สองของการลงทุน (38%)
    - เครือข่ายและการเชื่อมต่อเป็น ลำดับแรกของการลงทุน (43%)

    ✅ ความคาดหวังเกี่ยวกับ AI
    - หนึ่งในสามของ CIO ทั่วโลก เชื่อว่าคณะกรรมการบริษัทมีความคาดหวังที่ไม่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับ AI
    - 27% ของผู้นำด้านเทคโนโลยีในสหรัฐฯ มีความคิดเห็นเช่นเดียวกัน

    ✅ ผลกระทบจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
    - 50% ขององค์กรในสหรัฐฯ ระบุว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลต่อกลยุทธ์การเติบโตของพวกเขา
    - 34% ของผู้นำด้านเทคโนโลยีทั่วโลก ต้องปรับโครงสร้างพื้นฐานเนื่องจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์

    https://www.techradar.com/pro/rushed-ai-deployments-and-skills-shortages-are-putting-businesses-at-risk
    การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังสร้างความท้าทายด้าน ความปลอดภัยไซเบอร์ และ โครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย โดยรายงานจาก Expereo พบว่า เกือบ 20% ขององค์กรในสหรัฐฯ ประสบปัญหาด้านความปลอดภัยจากการใช้ AI นอกจากนี้ 41% ขององค์กรทั่วโลก เผชิญกับปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านความปลอดภัยไซเบอร์ แม้ว่าความปลอดภัยจะเป็น ลำดับที่สองของการลงทุน รองจาก เครือข่ายและการเชื่อมต่อ (43%) ความคาดหวังเกี่ยวกับ AI ในองค์กรยังคงสูงเกินจริง โดย หนึ่งในสามของ CIO ทั่วโลก เชื่อว่าคณะกรรมการบริษัทมีความคาดหวังที่ไม่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับผลกระทบของ AI และ 27% ของผู้นำด้านเทคโนโลยีในสหรัฐฯ มีความคิดเห็นเช่นเดียวกัน ✅ ผลกระทบด้านความปลอดภัยไซเบอร์ - เกือบ 20% ขององค์กรในสหรัฐฯ ประสบปัญหาด้านความปลอดภัยจากการใช้ AI - 41% ขององค์กรทั่วโลก เผชิญกับปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ✅ การลงทุนด้านเทคโนโลยี - ความปลอดภัยไซเบอร์เป็น ลำดับที่สองของการลงทุน (38%) - เครือข่ายและการเชื่อมต่อเป็น ลำดับแรกของการลงทุน (43%) ✅ ความคาดหวังเกี่ยวกับ AI - หนึ่งในสามของ CIO ทั่วโลก เชื่อว่าคณะกรรมการบริษัทมีความคาดหวังที่ไม่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับ AI - 27% ของผู้นำด้านเทคโนโลยีในสหรัฐฯ มีความคิดเห็นเช่นเดียวกัน ✅ ผลกระทบจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ - 50% ขององค์กรในสหรัฐฯ ระบุว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลต่อกลยุทธ์การเติบโตของพวกเขา - 34% ของผู้นำด้านเทคโนโลยีทั่วโลก ต้องปรับโครงสร้างพื้นฐานเนื่องจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ https://www.techradar.com/pro/rushed-ai-deployments-and-skills-shortages-are-putting-businesses-at-risk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกมบงการ! บิ๊กโจ๊กส่งคนอุ้ม ‘ดร.นิด’ กลางโรงพัก หวังพลิกคดีโกงสอบ ด้วยแผนแจ้งความสวนตำรวจไซเบอร์

    #แก๊งบิ๊กโจ๊กเหิมเกริม #บุกโรงพักอุ้มด็อกเตอร์นิด #คดีโกงสอบ #ตำรวจไซเบอร์ #บิ๊กโจ๊ก #สุรเชชษฐ์หักพาล #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    เกมบงการ! บิ๊กโจ๊กส่งคนอุ้ม ‘ดร.นิด’ กลางโรงพัก หวังพลิกคดีโกงสอบ ด้วยแผนแจ้งความสวนตำรวจไซเบอร์ #แก๊งบิ๊กโจ๊กเหิมเกริม #บุกโรงพักอุ้มด็อกเตอร์นิด #คดีโกงสอบ #ตำรวจไซเบอร์ #บิ๊กโจ๊ก #สุรเชชษฐ์หักพาล #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    Sad
    Angry
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 547 มุมมอง 48 0 รีวิว
  • Microsoft กำลังพัฒนา การแก้ไขปัญหาหลายรายการใน Outlook และ SharePoint Online หลังจากพบข้อบกพร่องที่ส่งผลกระทบต่อการค้นหาและการใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ

    ปัญหาหลักที่พบคือ การค้นหาใน Outlook บนเว็บและ SharePoint Onlineล่าช้าและล้มเหลว ซึ่ง Microsoft ระบุว่าเกิดจาก โครงสร้างพื้นฐานที่ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ แม้ว่าจะมีการออกแพตช์แก้ไขแล้ว แต่บริษัทยังคง เฝ้าติดตามประสิทธิภาพของระบบ เพื่อให้แน่ใจว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์

    นอกจากนี้ Microsoft ยังพบ ข้อผิดพลาดเกี่ยวกับฟีเจอร์ Paste Special ใน Outlook รุ่นคลาสสิก โดยเมื่อผู้ใช้กด Ctrl+Alt+V เพื่อใช้ฟีเจอร์นี้ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งบริษัทได้แก้ไขแล้ว แต่ผู้ใช้ต้องรอการอัปเดตในช่วง ต้นเดือนพฤษภาคมถึงปลายเดือนกรกฎาคม ขึ้นอยู่กับช่องทางการอัปเดตที่ใช้งาน

    Microsoft เคยเผชิญกับปัญหาคล้ายกันในอดีต เช่น ข้อผิดพลาดในการค้นหาใน Outlook.com ในเดือนกรกฎาคม 2023 และ การหยุดให้บริการของ Exchange Online ในเดือนมีนาคม 2025 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าปัญหาด้านเสถียรภาพของบริการออนไลน์ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องจับตามอง

    ✅ ปัญหาการค้นหาใน Outlook และ SharePoint Online
    - การค้นหาล่าช้าและล้มเหลว
    - เกิดจากโครงสร้างพื้นฐานที่ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

    ✅ การแก้ไขและการเฝ้าติดตามของ Microsoft
    - มีการออกแพตช์แก้ไขแล้ว
    - บริษัทยังคงเฝ้าติดตามประสิทธิภาพของระบบ

    ✅ ข้อผิดพลาดเกี่ยวกับฟีเจอร์ Paste Special ใน Outlook
    - เมื่อกด Ctrl+Alt+V ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    - แก้ไขแล้ว แต่ต้องรอการอัปเดตในช่วง ต้นเดือนพฤษภาคมถึงปลายเดือนกรกฎาคม

    ✅ ปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
    - ข้อผิดพลาดในการค้นหาใน Outlook.com ในเดือนกรกฎาคม 2023
    - การหยุดให้บริการของ Exchange Online ในเดือนมีนาคม 2025

    https://www.techradar.com/pro/microsoft-developing-fixes-for-multiple-outlook-and-sharepoint-online-bugs-and-outage
    Microsoft กำลังพัฒนา การแก้ไขปัญหาหลายรายการใน Outlook และ SharePoint Online หลังจากพบข้อบกพร่องที่ส่งผลกระทบต่อการค้นหาและการใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ปัญหาหลักที่พบคือ การค้นหาใน Outlook บนเว็บและ SharePoint Onlineล่าช้าและล้มเหลว ซึ่ง Microsoft ระบุว่าเกิดจาก โครงสร้างพื้นฐานที่ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ แม้ว่าจะมีการออกแพตช์แก้ไขแล้ว แต่บริษัทยังคง เฝ้าติดตามประสิทธิภาพของระบบ เพื่อให้แน่ใจว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ Microsoft ยังพบ ข้อผิดพลาดเกี่ยวกับฟีเจอร์ Paste Special ใน Outlook รุ่นคลาสสิก โดยเมื่อผู้ใช้กด Ctrl+Alt+V เพื่อใช้ฟีเจอร์นี้ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งบริษัทได้แก้ไขแล้ว แต่ผู้ใช้ต้องรอการอัปเดตในช่วง ต้นเดือนพฤษภาคมถึงปลายเดือนกรกฎาคม ขึ้นอยู่กับช่องทางการอัปเดตที่ใช้งาน Microsoft เคยเผชิญกับปัญหาคล้ายกันในอดีต เช่น ข้อผิดพลาดในการค้นหาใน Outlook.com ในเดือนกรกฎาคม 2023 และ การหยุดให้บริการของ Exchange Online ในเดือนมีนาคม 2025 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าปัญหาด้านเสถียรภาพของบริการออนไลน์ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องจับตามอง ✅ ปัญหาการค้นหาใน Outlook และ SharePoint Online - การค้นหาล่าช้าและล้มเหลว - เกิดจากโครงสร้างพื้นฐานที่ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ✅ การแก้ไขและการเฝ้าติดตามของ Microsoft - มีการออกแพตช์แก้ไขแล้ว - บริษัทยังคงเฝ้าติดตามประสิทธิภาพของระบบ ✅ ข้อผิดพลาดเกี่ยวกับฟีเจอร์ Paste Special ใน Outlook - เมื่อกด Ctrl+Alt+V ไม่มีอะไรเกิดขึ้น - แก้ไขแล้ว แต่ต้องรอการอัปเดตในช่วง ต้นเดือนพฤษภาคมถึงปลายเดือนกรกฎาคม ✅ ปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในอดีต - ข้อผิดพลาดในการค้นหาใน Outlook.com ในเดือนกรกฎาคม 2023 - การหยุดให้บริการของ Exchange Online ในเดือนมีนาคม 2025 https://www.techradar.com/pro/microsoft-developing-fixes-for-multiple-outlook-and-sharepoint-online-bugs-and-outage
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • Co-op กำลังเผชิญกับ ความพยายามโจมตีทางไซเบอร์ และได้ตัดสินใจ ปิดระบบไอทีบางส่วน เพื่อป้องกันการเข้าถึงของแฮกเกอร์

    แม้ว่าการโจมตีจะมี ผลกระทบเพียงเล็กน้อย ต่อระบบหลังบ้านและศูนย์บริการลูกค้า แต่ Co-op ได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจาก Marks & Spencer (M&S) ประสบปัญหาจาก ScatteredSpider ransomware ซึ่งทำให้ระบบ การสั่งซื้อออนไลน์, การชำระเงินแบบไร้สัมผัส และบริการ Click and Collect ล่ม

    Co-op ได้ส่งจดหมายถึงพนักงานเพื่อแจ้งว่าบริษัทได้ ถอนการเข้าถึงบางระบบเป็นการชั่วคราว เพื่อรักษาความปลอดภัย และยังไม่สามารถระบุได้ว่าการโจมตีนี้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ของ M&S หรือไม่

    ✅ มาตรการป้องกันของ Co-op
    - ปิดระบบไอทีบางส่วนเพื่อป้องกันการเข้าถึงของแฮกเกอร์
    - ส่งจดหมายแจ้งพนักงานเกี่ยวกับการถอนการเข้าถึงบางระบบ

    ✅ ผลกระทบต่อธุรกิจ
    - มีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อระบบหลังบ้านและศูนย์บริการลูกค้า
    - ร้านค้าและธุรกิจด้านงานศพยังคงดำเนินการตามปกติ

    ✅ เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ M&S
    - M&S ถูกโจมตีด้วย ScatteredSpider ransomware
    - ระบบการสั่งซื้อออนไลน์และการชำระเงินได้รับผลกระทบ

    ✅ การสอบสวนของตำรวจ
    - ตำรวจนครบาลกำลังสอบสวนการโจมตีของ M&S
    - เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความเสียหายหลายล้านปอนด์

    https://www.techradar.com/pro/security/co-op-fending-off-hackers-by-shutting-down-it-systems
    Co-op กำลังเผชิญกับ ความพยายามโจมตีทางไซเบอร์ และได้ตัดสินใจ ปิดระบบไอทีบางส่วน เพื่อป้องกันการเข้าถึงของแฮกเกอร์ แม้ว่าการโจมตีจะมี ผลกระทบเพียงเล็กน้อย ต่อระบบหลังบ้านและศูนย์บริการลูกค้า แต่ Co-op ได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจาก Marks & Spencer (M&S) ประสบปัญหาจาก ScatteredSpider ransomware ซึ่งทำให้ระบบ การสั่งซื้อออนไลน์, การชำระเงินแบบไร้สัมผัส และบริการ Click and Collect ล่ม Co-op ได้ส่งจดหมายถึงพนักงานเพื่อแจ้งว่าบริษัทได้ ถอนการเข้าถึงบางระบบเป็นการชั่วคราว เพื่อรักษาความปลอดภัย และยังไม่สามารถระบุได้ว่าการโจมตีนี้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ของ M&S หรือไม่ ✅ มาตรการป้องกันของ Co-op - ปิดระบบไอทีบางส่วนเพื่อป้องกันการเข้าถึงของแฮกเกอร์ - ส่งจดหมายแจ้งพนักงานเกี่ยวกับการถอนการเข้าถึงบางระบบ ✅ ผลกระทบต่อธุรกิจ - มีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อระบบหลังบ้านและศูนย์บริการลูกค้า - ร้านค้าและธุรกิจด้านงานศพยังคงดำเนินการตามปกติ ✅ เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ M&S - M&S ถูกโจมตีด้วย ScatteredSpider ransomware - ระบบการสั่งซื้อออนไลน์และการชำระเงินได้รับผลกระทบ ✅ การสอบสวนของตำรวจ - ตำรวจนครบาลกำลังสอบสวนการโจมตีของ M&S - เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความเสียหายหลายล้านปอนด์ https://www.techradar.com/pro/security/co-op-fending-off-hackers-by-shutting-down-it-systems
    WWW.TECHRADAR.COM
    Co-op fending off hackers by shutting down IT systems
    Systems are cordoned off as Co-op defends against a cyberattack
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลสูงรัฐกรณาฏกะของอินเดียได้มีคำสั่งให้รัฐบาลอินเดีย บล็อก Proton Mail ซึ่งเป็นบริการอีเมลเข้ารหัสจากสวิตเซอร์แลนด์ หลังจากบริษัทในกรุงนิวเดลีร้องเรียนว่ามีผู้ใช้ที่ไม่เปิดเผยตัวตนส่ง อีเมลที่มีเนื้อหาหมิ่นประมาทและภาพ deepfake ไปยังพนักงานหญิงของบริษัท

    คำสั่งบล็อกนี้ออกภายใต้ มาตรา 69 ของพระราชบัญญัติเทคโนโลยีสารสนเทศปี 2008 ซึ่งอนุญาตให้รัฐบาลอินเดีย บล็อกเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม Proton Mail ระบุว่า รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์กำลังเจรจากับทางการอินเดีย เพื่อป้องกันการบล็อกบริการนี้

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Proton Mail ถูกขู่ว่าจะถูกบล็อกในอินเดีย ก่อนหน้านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 มีข้อเสนอให้บล็อกบริการนี้หลังจากพบว่า มีการใช้ Proton Mail ในการส่งคำขู่ระเบิดปลอม

    ✅ เหตุผลในการบล็อก Proton Mail
    - บริษัทในกรุงนิวเดลีร้องเรียนว่ามีผู้ใช้ที่ไม่เปิดเผยตัวตนส่ง อีเมลที่มีเนื้อหาหมิ่นประมาทและภาพ deepfake ไปยังพนักงานหญิง
    - คำสั่งบล็อกออกภายใต้ มาตรา 69 ของพระราชบัญญัติเทคโนโลยีสารสนเทศปี 2008

    ✅ การตอบสนองของ Proton Mail
    - Proton Mail ระบุว่า รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์กำลังเจรจากับทางการอินเดีย เพื่อป้องกันการบล็อก
    - บริการยังสามารถเข้าถึงได้ในอินเดีย ณ วันที่ 30 เมษายน 2025

    ✅ เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้
    - ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 มีข้อเสนอให้บล็อก Proton Mail หลังจากพบว่า มีการใช้บริการนี้ในการส่งคำขู่ระเบิดปลอม

    ✅ Proton Mail และบริการอื่นๆ
    - Proton Mail เป็นบริการอีเมลเข้ารหัสที่ได้รับความนิยม
    - บริษัทยังให้บริการ Proton VPN, Proton Drive และ Proton Calendar

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/proton-mail-hit-with-blocking-order-in-india-heres-everything-we-know-so-far
    ศาลสูงรัฐกรณาฏกะของอินเดียได้มีคำสั่งให้รัฐบาลอินเดีย บล็อก Proton Mail ซึ่งเป็นบริการอีเมลเข้ารหัสจากสวิตเซอร์แลนด์ หลังจากบริษัทในกรุงนิวเดลีร้องเรียนว่ามีผู้ใช้ที่ไม่เปิดเผยตัวตนส่ง อีเมลที่มีเนื้อหาหมิ่นประมาทและภาพ deepfake ไปยังพนักงานหญิงของบริษัท คำสั่งบล็อกนี้ออกภายใต้ มาตรา 69 ของพระราชบัญญัติเทคโนโลยีสารสนเทศปี 2008 ซึ่งอนุญาตให้รัฐบาลอินเดีย บล็อกเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม Proton Mail ระบุว่า รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์กำลังเจรจากับทางการอินเดีย เพื่อป้องกันการบล็อกบริการนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Proton Mail ถูกขู่ว่าจะถูกบล็อกในอินเดีย ก่อนหน้านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 มีข้อเสนอให้บล็อกบริการนี้หลังจากพบว่า มีการใช้ Proton Mail ในการส่งคำขู่ระเบิดปลอม ✅ เหตุผลในการบล็อก Proton Mail - บริษัทในกรุงนิวเดลีร้องเรียนว่ามีผู้ใช้ที่ไม่เปิดเผยตัวตนส่ง อีเมลที่มีเนื้อหาหมิ่นประมาทและภาพ deepfake ไปยังพนักงานหญิง - คำสั่งบล็อกออกภายใต้ มาตรา 69 ของพระราชบัญญัติเทคโนโลยีสารสนเทศปี 2008 ✅ การตอบสนองของ Proton Mail - Proton Mail ระบุว่า รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์กำลังเจรจากับทางการอินเดีย เพื่อป้องกันการบล็อก - บริการยังสามารถเข้าถึงได้ในอินเดีย ณ วันที่ 30 เมษายน 2025 ✅ เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ - ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 มีข้อเสนอให้บล็อก Proton Mail หลังจากพบว่า มีการใช้บริการนี้ในการส่งคำขู่ระเบิดปลอม ✅ Proton Mail และบริการอื่นๆ - Proton Mail เป็นบริการอีเมลเข้ารหัสที่ได้รับความนิยม - บริษัทยังให้บริการ Proton VPN, Proton Drive และ Proton Calendar https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/proton-mail-hit-with-blocking-order-in-india-heres-everything-we-know-so-far
    WWW.TECHRADAR.COM
    Proton Mail hit with blocking order in India - here's everything we know so far
    Proton Mail could soon stop working in India after a court ruling
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศูนย์ข้อมูล AI ในจีนกำลัง รื้อถอนและขายต่อ การ์ดจอ Nvidia RTX 4090D ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ โดยการ์ดเหล่านี้ถูกนำมาใช้ในโครงสร้างพื้นฐาน AI ของจีน แต่ปัจจุบันถูกนำออกจากชั้นวางและขายในตลาดเปิด

    รายงานจาก DigiTimes Asia ระบุว่าผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลพบว่า การขายต่อ GPU ให้ผลตอบแทนเร็วกว่า การรอคืนนทุนจากการให้เช่า GPU ซึ่งอาจใช้เวลาถึง 3-5 ปี

    การ์ด RTX 4090D แต่ละใบขายในราคาประมาณ 20,000-40,000 หยวน (ประมาณ 2,735-5,470 ดอลลาร์สหรัฐฯ) และต้องมีการปรับแต่งก่อนนำไปขายให้ผู้ใช้ทั่วไป เช่น เปลี่ยนระบบระบายความร้อนจากแบบพัดลมเป็นแบบ blower-style

    นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่าการขายต่อเหล่านี้เกิดจาก ภาวะโอเวอร์แคปาซิตี้ เนื่องจากจีนเร่งสร้างศูนย์ข้อมูล AI ตามนโยบายของรัฐ แต่ความต้องการใช้งานจริงกลับต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้

    นอกจากนี้ ข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ เช่น การห้ามส่งออกชิป Nvidia H20 อาจทำให้ศูนย์ข้อมูลจีนต้องปรับตัว โดยเปลี่ยนจากระบบที่เน้นการฝึกโมเดล AI ไปเป็นระบบที่รองรับ การประมวลผลแบบเรียลไทม์ (real-time inference)

    ✅ เหตุผลในการรื้อถอนและขายต่อ
    - ศูนย์ข้อมูลพบว่า การขายต่อ GPU ให้ผลตอบแทนเร็วกว่า การรอคืนนทุนจากการให้เช่า
    - ราคาขายต่ออยู่ที่ 20,000-40,000 หยวน (ประมาณ 2,735-5,470 ดอลลาร์สหรัฐฯ)

    ✅ การปรับแต่งก่อนขายให้ผู้ใช้ทั่วไป
    - ต้องเปลี่ยนระบบระบายความร้อนจาก แบบพัดลมเป็นแบบ blower-style
    - การ์ดที่ถูกใช้งานแล้วต้องผ่านการรีเฟอร์บิชก่อนขาย

    ✅ ภาวะโอเวอร์แคปาซิตี้ของศูนย์ข้อมูล AI ในจีน
    - จีนเร่งสร้างศูนย์ข้อมูล AI ตามนโยบายของรัฐ
    - ความต้องการใช้งานจริงต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้

    ✅ ผลกระทบจากข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ
    - การห้ามส่งออกชิป Nvidia H20 ทำให้ศูนย์ข้อมูลจีนต้องปรับตัว
    - เปลี่ยนจากระบบที่เน้นการฝึกโมเดล AI ไปเป็น การประมวลผลแบบเรียลไทม์

    https://www.techradar.com/pro/data-centers-in-china-are-dumping-rare-48gb-nvidia-rtx-4090d-gpus-for-nearly-usd6-000-but-the-exact-reason-remains-a-mystery
    ศูนย์ข้อมูล AI ในจีนกำลัง รื้อถอนและขายต่อ การ์ดจอ Nvidia RTX 4090D ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ โดยการ์ดเหล่านี้ถูกนำมาใช้ในโครงสร้างพื้นฐาน AI ของจีน แต่ปัจจุบันถูกนำออกจากชั้นวางและขายในตลาดเปิด รายงานจาก DigiTimes Asia ระบุว่าผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลพบว่า การขายต่อ GPU ให้ผลตอบแทนเร็วกว่า การรอคืนนทุนจากการให้เช่า GPU ซึ่งอาจใช้เวลาถึง 3-5 ปี การ์ด RTX 4090D แต่ละใบขายในราคาประมาณ 20,000-40,000 หยวน (ประมาณ 2,735-5,470 ดอลลาร์สหรัฐฯ) และต้องมีการปรับแต่งก่อนนำไปขายให้ผู้ใช้ทั่วไป เช่น เปลี่ยนระบบระบายความร้อนจากแบบพัดลมเป็นแบบ blower-style นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่าการขายต่อเหล่านี้เกิดจาก ภาวะโอเวอร์แคปาซิตี้ เนื่องจากจีนเร่งสร้างศูนย์ข้อมูล AI ตามนโยบายของรัฐ แต่ความต้องการใช้งานจริงกลับต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ เช่น การห้ามส่งออกชิป Nvidia H20 อาจทำให้ศูนย์ข้อมูลจีนต้องปรับตัว โดยเปลี่ยนจากระบบที่เน้นการฝึกโมเดล AI ไปเป็นระบบที่รองรับ การประมวลผลแบบเรียลไทม์ (real-time inference) ✅ เหตุผลในการรื้อถอนและขายต่อ - ศูนย์ข้อมูลพบว่า การขายต่อ GPU ให้ผลตอบแทนเร็วกว่า การรอคืนนทุนจากการให้เช่า - ราคาขายต่ออยู่ที่ 20,000-40,000 หยวน (ประมาณ 2,735-5,470 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ✅ การปรับแต่งก่อนขายให้ผู้ใช้ทั่วไป - ต้องเปลี่ยนระบบระบายความร้อนจาก แบบพัดลมเป็นแบบ blower-style - การ์ดที่ถูกใช้งานแล้วต้องผ่านการรีเฟอร์บิชก่อนขาย ✅ ภาวะโอเวอร์แคปาซิตี้ของศูนย์ข้อมูล AI ในจีน - จีนเร่งสร้างศูนย์ข้อมูล AI ตามนโยบายของรัฐ - ความต้องการใช้งานจริงต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ✅ ผลกระทบจากข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ - การห้ามส่งออกชิป Nvidia H20 ทำให้ศูนย์ข้อมูลจีนต้องปรับตัว - เปลี่ยนจากระบบที่เน้นการฝึกโมเดล AI ไปเป็น การประมวลผลแบบเรียลไทม์ https://www.techradar.com/pro/data-centers-in-china-are-dumping-rare-48gb-nvidia-rtx-4090d-gpus-for-nearly-usd6-000-but-the-exact-reason-remains-a-mystery
    WWW.TECHRADAR.COM
    Too many GPUs, not enough demand: China’s AI centers start flipping rare Nvidia RTX 4090Ds
    It could be a bid to make easy money, or they could be preparing to upgrade
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตลาดรถกระบะไฟฟ้ากำลังกลายเป็น สมรภูมิใหม่ของอุตสาหกรรม EV โดยล่าสุด Isuzu ได้ประกาศเปิดตัว D-Max EV ในปี 2026 ซึ่งจะมีสมรรถนะเทียบเท่ารุ่นดีเซล

    ก่อนหน้านี้ Slate Auto ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Amazon ก็ได้ประกาศแผนผลิตรถกระบะไฟฟ้าราคาประหยัดในปีหน้า ทำให้การแข่งขันในตลาดนี้เริ่มเข้มข้นขึ้น

    แม้ว่าผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง Ford และ Chevrolet จะมียอดขายรถกระบะไฟฟ้าที่ค่อนข้างช้า แต่การมาถึงของ D-Max EV และรถกระบะไฟฟ้าราคาประหยัดจากจีน อาจทำให้ตลาดนี้กลายเป็น จุดแข่งขันสำคัญของอุตสาหกรรม EV

    ✅ การเปิดตัว D-Max EV ของ Isuzu
    - เปิดตัวในปี 2026
    - สมรรถนะเทียบเท่ารุ่นดีเซล
    - รองรับน้ำหนักบรรทุก 1,000 กิโลกรัม และลากจูง 3,500 กิโลกรัม

    ✅ การแข่งขันในตลาดรถกระบะไฟฟ้า
    - Slate Auto เตรียมผลิตรถกระบะไฟฟ้าราคาประหยัดในปีหน้า
    - Ford และ Chevrolet มียอดขายรถกระบะไฟฟ้าที่ค่อนข้างช้า

    ✅ เทคโนโลยีของ D-Max EV
    - ใช้แบตเตอรี่ 66.9kWh ติดตั้งใต้พื้นรถ
    - มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อถาวร พร้อมมอเตอร์ที่เพลาหน้าและหลัง

    ✅ แนวโน้มของตลาดรถกระบะไฟฟ้า
    - คาดว่าตลาดรถบรรทุกไฟฟ้าทั่วโลกจะมีมูลค่า 78 พันล้านดอลลาร์ ภายในปี 2033

    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/first-slate-auto-and-now-isuzu-why-electric-pick-up-trucks-could-be-the-next-big-ev-battleground
    ตลาดรถกระบะไฟฟ้ากำลังกลายเป็น สมรภูมิใหม่ของอุตสาหกรรม EV โดยล่าสุด Isuzu ได้ประกาศเปิดตัว D-Max EV ในปี 2026 ซึ่งจะมีสมรรถนะเทียบเท่ารุ่นดีเซล ก่อนหน้านี้ Slate Auto ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Amazon ก็ได้ประกาศแผนผลิตรถกระบะไฟฟ้าราคาประหยัดในปีหน้า ทำให้การแข่งขันในตลาดนี้เริ่มเข้มข้นขึ้น แม้ว่าผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง Ford และ Chevrolet จะมียอดขายรถกระบะไฟฟ้าที่ค่อนข้างช้า แต่การมาถึงของ D-Max EV และรถกระบะไฟฟ้าราคาประหยัดจากจีน อาจทำให้ตลาดนี้กลายเป็น จุดแข่งขันสำคัญของอุตสาหกรรม EV ✅ การเปิดตัว D-Max EV ของ Isuzu - เปิดตัวในปี 2026 - สมรรถนะเทียบเท่ารุ่นดีเซล - รองรับน้ำหนักบรรทุก 1,000 กิโลกรัม และลากจูง 3,500 กิโลกรัม ✅ การแข่งขันในตลาดรถกระบะไฟฟ้า - Slate Auto เตรียมผลิตรถกระบะไฟฟ้าราคาประหยัดในปีหน้า - Ford และ Chevrolet มียอดขายรถกระบะไฟฟ้าที่ค่อนข้างช้า ✅ เทคโนโลยีของ D-Max EV - ใช้แบตเตอรี่ 66.9kWh ติดตั้งใต้พื้นรถ - มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อถาวร พร้อมมอเตอร์ที่เพลาหน้าและหลัง ✅ แนวโน้มของตลาดรถกระบะไฟฟ้า - คาดว่าตลาดรถบรรทุกไฟฟ้าทั่วโลกจะมีมูลค่า 78 พันล้านดอลลาร์ ภายในปี 2033 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/first-slate-auto-and-now-isuzu-why-electric-pick-up-trucks-could-be-the-next-big-ev-battleground
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีเทรนด์ใหม่ที่กำลังเป็นไวรัลในโลกออนไลน์เกี่ยวกับการใช้ ChatGPT เพื่อสร้างภาพซ้ำ ๆ โดยผู้ใช้บน Reddit ได้ทดลองให้ AI สร้างภาพของ Dwayne "The Rock" Johnson ซ้ำถึง 101 ครั้ง ซึ่งผลลัพธ์สุดท้ายกลายเป็น งานศิลปะแนวแอบสแตรกต์ ที่แทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม

    เทรนด์นี้เริ่มจากการใช้คำสั่ง "สร้างภาพที่เหมือนต้นฉบับทุกประการ อย่าเปลี่ยนแปลงอะไรเลย" แต่เมื่อ AI สร้างภาพใหม่ซ้ำไปเรื่อย ๆ รายละเอียดของภาพเริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย จนสุดท้ายกลายเป็นภาพที่ดูเหมือน ศิลปะแนวทดลอง มากกว่าภาพต้นฉบับ

    อย่างไรก็ตาม เทรนด์นี้กำลังเผชิญกับ กระแสต่อต้าน เนื่องจากการสร้างภาพซ้ำ ๆ จำนวนมากใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมหาศาล โดยมีผู้ใช้ Reddit รายหนึ่งคำนวณว่า การสร้างภาพ 100 ครั้งใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณ 1 kWh ซึ่งเทียบเท่ากับ การเปิดตู้เย็นทั้งวัน หรือการชงกาแฟ 20 แก้ว

    ✅ การทดลองสร้างภาพซ้ำ 101 ครั้ง
    - ผู้ใช้ Reddit ทดลองให้ AI สร้างภาพของ Dwayne "The Rock" Johnson ซ้ำหลายครั้ง
    - ผลลัพธ์สุดท้ายกลายเป็น งานศิลปะแนวแอบสแตรกต์

    ✅ กระบวนการเปลี่ยนแปลงของภาพ
    - AI เปลี่ยนรายละเอียดเล็กน้อยในแต่ละครั้ง
    - สุดท้ายภาพต้นฉบับแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม

    ✅ กระแสความนิยมของเทรนด์นี้
    - มีผู้ใช้ Reddit กว่า 42,000 คน กดถูกใจโพสต์นี้
    - มีความคิดเห็นกว่า 3,000 รายการ

    ✅ ผลกระทบต่อการใช้พลังงาน
    - การสร้างภาพ 100 ครั้งใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณ 1 kWh
    - เทียบเท่ากับ การเปิดตู้เย็นทั้งวัน หรือการชงกาแฟ 20 แก้ว

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/viral-chatgpt-trend-gone-wrong-the-rock-is-turned-into-horrible-abstract-art-after-reddit-user-recreates-image-101-times
    มีเทรนด์ใหม่ที่กำลังเป็นไวรัลในโลกออนไลน์เกี่ยวกับการใช้ ChatGPT เพื่อสร้างภาพซ้ำ ๆ โดยผู้ใช้บน Reddit ได้ทดลองให้ AI สร้างภาพของ Dwayne "The Rock" Johnson ซ้ำถึง 101 ครั้ง ซึ่งผลลัพธ์สุดท้ายกลายเป็น งานศิลปะแนวแอบสแตรกต์ ที่แทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม เทรนด์นี้เริ่มจากการใช้คำสั่ง "สร้างภาพที่เหมือนต้นฉบับทุกประการ อย่าเปลี่ยนแปลงอะไรเลย" แต่เมื่อ AI สร้างภาพใหม่ซ้ำไปเรื่อย ๆ รายละเอียดของภาพเริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย จนสุดท้ายกลายเป็นภาพที่ดูเหมือน ศิลปะแนวทดลอง มากกว่าภาพต้นฉบับ อย่างไรก็ตาม เทรนด์นี้กำลังเผชิญกับ กระแสต่อต้าน เนื่องจากการสร้างภาพซ้ำ ๆ จำนวนมากใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมหาศาล โดยมีผู้ใช้ Reddit รายหนึ่งคำนวณว่า การสร้างภาพ 100 ครั้งใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณ 1 kWh ซึ่งเทียบเท่ากับ การเปิดตู้เย็นทั้งวัน หรือการชงกาแฟ 20 แก้ว ✅ การทดลองสร้างภาพซ้ำ 101 ครั้ง - ผู้ใช้ Reddit ทดลองให้ AI สร้างภาพของ Dwayne "The Rock" Johnson ซ้ำหลายครั้ง - ผลลัพธ์สุดท้ายกลายเป็น งานศิลปะแนวแอบสแตรกต์ ✅ กระบวนการเปลี่ยนแปลงของภาพ - AI เปลี่ยนรายละเอียดเล็กน้อยในแต่ละครั้ง - สุดท้ายภาพต้นฉบับแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม ✅ กระแสความนิยมของเทรนด์นี้ - มีผู้ใช้ Reddit กว่า 42,000 คน กดถูกใจโพสต์นี้ - มีความคิดเห็นกว่า 3,000 รายการ ✅ ผลกระทบต่อการใช้พลังงาน - การสร้างภาพ 100 ครั้งใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณ 1 kWh - เทียบเท่ากับ การเปิดตู้เย็นทั้งวัน หรือการชงกาแฟ 20 แก้ว https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/viral-chatgpt-trend-gone-wrong-the-rock-is-turned-into-horrible-abstract-art-after-reddit-user-recreates-image-101-times
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • Meta กำลังเตรียมเปิดตัว Ray-Ban Smart Glasses รุ่นใหม่ ในช่วงปลายปีนี้ โดย Mark Zuckerberg ยืนยันว่ามี "เทคโนโลยีใหม่" ที่จะถูกเพิ่มเข้ามา และจะมีการเปิดตัวหลายรุ่น

    ยอดขายของ Ray-Ban Smart Glasses เพิ่มขึ้น 3 เท่า ในปีที่ผ่านมา และมีผู้ใช้งานรายเดือนเพิ่มขึ้น 4 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทำให้ Meta ต้องการขยายตลาดด้วยการเปิดตัวรุ่นใหม่ที่มี หน้าจอในเลนส์

    นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือว่า Meta อาจเปิดตัว แว่นตาสำหรับนักกีฬา ที่พัฒนาร่วมกับ Oakley ซึ่งจะมี กล้องที่อยู่ตรงกลางแว่น และอาจมีฟีเจอร์ช่วยเหลือสำหรับการวิ่งหรือปั่นจักรยาน

    ✅ การเปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะรุ่นใหม่
    - Mark Zuckerberg ยืนยันว่าจะมี "เทคโนโลยีใหม่"
    - มีการเปิดตัวหลายรุ่น

    ✅ ยอดขายและการเติบโตของตลาด
    - ยอดขายเพิ่มขึ้น 3 เท่า ในปีที่ผ่านมา
    - ผู้ใช้งานรายเดือนเพิ่มขึ้น 4 เท่า

    ✅ ฟีเจอร์ใหม่ที่คาดว่าจะมี
    - หน้าจอในเลนส์ สำหรับแสดงข้อมูล
    - อาจมี แว่นตาสำหรับนักกีฬา ที่พัฒนาร่วมกับ Oakley

    ✅ แนวโน้มของตลาดแว่นตาอัจฉริยะ
    - Meta อาจเปิดตัว Meta Camerasbuds ซึ่งเป็นหูฟังที่มีกล้อง
    - อาจมีการเปิดตัว Meta Smartwatch เพื่อควบคุมแว่นตา

    https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/mark-zuckerberg-confirms-new-ray-ban-smart-glasses-are-coming-later-this-year-here-are-the-3-pairs-i-think-well-see
    Meta กำลังเตรียมเปิดตัว Ray-Ban Smart Glasses รุ่นใหม่ ในช่วงปลายปีนี้ โดย Mark Zuckerberg ยืนยันว่ามี "เทคโนโลยีใหม่" ที่จะถูกเพิ่มเข้ามา และจะมีการเปิดตัวหลายรุ่น ยอดขายของ Ray-Ban Smart Glasses เพิ่มขึ้น 3 เท่า ในปีที่ผ่านมา และมีผู้ใช้งานรายเดือนเพิ่มขึ้น 4 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทำให้ Meta ต้องการขยายตลาดด้วยการเปิดตัวรุ่นใหม่ที่มี หน้าจอในเลนส์ นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือว่า Meta อาจเปิดตัว แว่นตาสำหรับนักกีฬา ที่พัฒนาร่วมกับ Oakley ซึ่งจะมี กล้องที่อยู่ตรงกลางแว่น และอาจมีฟีเจอร์ช่วยเหลือสำหรับการวิ่งหรือปั่นจักรยาน ✅ การเปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะรุ่นใหม่ - Mark Zuckerberg ยืนยันว่าจะมี "เทคโนโลยีใหม่" - มีการเปิดตัวหลายรุ่น ✅ ยอดขายและการเติบโตของตลาด - ยอดขายเพิ่มขึ้น 3 เท่า ในปีที่ผ่านมา - ผู้ใช้งานรายเดือนเพิ่มขึ้น 4 เท่า ✅ ฟีเจอร์ใหม่ที่คาดว่าจะมี - หน้าจอในเลนส์ สำหรับแสดงข้อมูล - อาจมี แว่นตาสำหรับนักกีฬา ที่พัฒนาร่วมกับ Oakley ✅ แนวโน้มของตลาดแว่นตาอัจฉริยะ - Meta อาจเปิดตัว Meta Camerasbuds ซึ่งเป็นหูฟังที่มีกล้อง - อาจมีการเปิดตัว Meta Smartwatch เพื่อควบคุมแว่นตา https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/mark-zuckerberg-confirms-new-ray-ban-smart-glasses-are-coming-later-this-year-here-are-the-3-pairs-i-think-well-see
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • Acer ได้เปิดตัว Reliability Promise ซึ่งเป็นนโยบายใหม่ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถขอรับเงินคืนเต็มจำนวน หากอุปกรณ์ที่ซื้อมีปัญหาด้านฮาร์ดแวร์ภายในปีแรกและได้รับการซ่อมแซมภายใต้การรับประกัน

    นโยบายนี้ครอบคลุมอุปกรณ์ Chrome และ Windows Pro รวมถึง จอภาพและโปรเจ็กเตอร์สำหรับธุรกิจ โดยเฉพาะรุ่นที่มี เทคโนโลยี Vero และ SpatialLabs 3D ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Acer ไม่ได้จำกัดข้อเสนอเฉพาะอุปกรณ์ระดับเริ่มต้น

    ธุรกิจที่ต้องการใช้สิทธิ์ต้องลงทะเบียนภายใน 30 วันหลังจากซื้อสินค้า และสามารถขอคืนเงินได้ภายใน 30 วันหลังจากได้รับการซ่อมแซม อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอนี้ไม่ครอบคลุมถึง ปัญหาซอฟต์แวร์, ความเสียหายจากการใช้งานผิดวิธี หรืออุปกรณ์เสริม

    Acer หวังว่านโยบายนี้จะช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรม และกระตุ้นให้ผู้ผลิตรายอื่นปรับปรุงนโยบายการรับประกันของตนเอง

    ✅ เงื่อนไขการรับเงินคืน
    - หากอุปกรณ์มีปัญหาด้านฮาร์ดแวร์ภายในปีแรกและได้รับการซ่อมแซมภายใต้การรับประกัน
    - ครอบคลุมอุปกรณ์ Chrome และ Windows Pro, จอภาพ และโปรเจ็กเตอร์สำหรับธุรกิจ

    ✅ ข้อกำหนดในการลงทะเบียน
    - ต้องลงทะเบียนภายใน 30 วันหลังจากซื้อสินค้า
    - สามารถขอคืนเงินได้ภายใน 30 วันหลังจากได้รับการซ่อมแซม

    ✅ ข้อจำกัดของนโยบาย
    - ไม่ครอบคลุม ปัญหาซอฟต์แวร์, ความเสียหายจากการใช้งานผิดวิธี หรืออุปกรณ์เสริม
    - ใช้ได้เฉพาะธุรกิจที่ลงทะเบียน VAT เท่านั้น

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    - Acer หวังว่านโยบายนี้จะช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรม
    - อาจกระตุ้นให้ผู้ผลิตรายอื่นปรับปรุงนโยบายการรับประกัน

    https://www.techradar.com/pro/acer-just-did-something-that-all-computer-vendors-should-copy-right-now-heres-what-you-need-to-know-about-its-game-changing-move
    Acer ได้เปิดตัว Reliability Promise ซึ่งเป็นนโยบายใหม่ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถขอรับเงินคืนเต็มจำนวน หากอุปกรณ์ที่ซื้อมีปัญหาด้านฮาร์ดแวร์ภายในปีแรกและได้รับการซ่อมแซมภายใต้การรับประกัน นโยบายนี้ครอบคลุมอุปกรณ์ Chrome และ Windows Pro รวมถึง จอภาพและโปรเจ็กเตอร์สำหรับธุรกิจ โดยเฉพาะรุ่นที่มี เทคโนโลยี Vero และ SpatialLabs 3D ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Acer ไม่ได้จำกัดข้อเสนอเฉพาะอุปกรณ์ระดับเริ่มต้น ธุรกิจที่ต้องการใช้สิทธิ์ต้องลงทะเบียนภายใน 30 วันหลังจากซื้อสินค้า และสามารถขอคืนเงินได้ภายใน 30 วันหลังจากได้รับการซ่อมแซม อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอนี้ไม่ครอบคลุมถึง ปัญหาซอฟต์แวร์, ความเสียหายจากการใช้งานผิดวิธี หรืออุปกรณ์เสริม Acer หวังว่านโยบายนี้จะช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรม และกระตุ้นให้ผู้ผลิตรายอื่นปรับปรุงนโยบายการรับประกันของตนเอง ✅ เงื่อนไขการรับเงินคืน - หากอุปกรณ์มีปัญหาด้านฮาร์ดแวร์ภายในปีแรกและได้รับการซ่อมแซมภายใต้การรับประกัน - ครอบคลุมอุปกรณ์ Chrome และ Windows Pro, จอภาพ และโปรเจ็กเตอร์สำหรับธุรกิจ ✅ ข้อกำหนดในการลงทะเบียน - ต้องลงทะเบียนภายใน 30 วันหลังจากซื้อสินค้า - สามารถขอคืนเงินได้ภายใน 30 วันหลังจากได้รับการซ่อมแซม ✅ ข้อจำกัดของนโยบาย - ไม่ครอบคลุม ปัญหาซอฟต์แวร์, ความเสียหายจากการใช้งานผิดวิธี หรืออุปกรณ์เสริม - ใช้ได้เฉพาะธุรกิจที่ลงทะเบียน VAT เท่านั้น ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม - Acer หวังว่านโยบายนี้จะช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรม - อาจกระตุ้นให้ผู้ผลิตรายอื่นปรับปรุงนโยบายการรับประกัน https://www.techradar.com/pro/acer-just-did-something-that-all-computer-vendors-should-copy-right-now-heres-what-you-need-to-know-about-its-game-changing-move
    WWW.TECHRADAR.COM
    Your company’s next laptop could pay for itself if it fails — Acer’s wild refund plan explained
    Acer's new Reliability Promise offers a full refund if your professional device hardware fails
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • Windhawk ซึ่งเป็นเครื่องมือปรับแต่ง Windows 11 ได้เปิดตัวเวอร์ชันใหม่ที่รองรับ Arm64 ทำให้ผู้ใช้ Copilot+ PCs ที่ใช้ชิป Snapdragon สามารถปรับแต่งระบบปฏิบัติการได้มากขึ้น

    ก่อนหน้านี้ Windhawk รองรับเฉพาะ AMD และ Intel CPUs แต่เวอร์ชัน 1.6 ได้รับการปรับแต่งให้ทำงานบน Windows 11 Arm64 อย่างไรก็ตาม บางม็อดอาจต้องมีการปรับแต่งเพิ่มเติม เพื่อให้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์บนระบบ Arm

    Windhawk เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ เลือกและติดตั้งม็อดต่างๆ เพื่อปรับแต่ง Windows 11 เช่น การเปลี่ยนแปลงแถบงาน, ปรับแต่งเมนู Start หรือใช้ธีม Windows Vista เพื่อให้ระบบมีรูปลักษณ์ย้อนยุค

    ✅ การรองรับ Arm64
    - Windhawk เวอร์ชัน 1.6 รองรับ Windows 11 Arm64
    - ผู้ใช้ Copilot+ PCs ที่ใช้ชิป Snapdragon สามารถติดตั้งและใช้งานได้

    ✅ การปรับแต่ง Windows 11
    - สามารถเปลี่ยนแปลง แถบงาน, เมนู Start และธีม
    - มีธีม Windows Vista สำหรับผู้ที่ต้องการรูปลักษณ์ย้อนยุค

    ✅ ข้อจำกัดของเวอร์ชัน Arm64
    - บางม็อดอาจต้องมีการปรับแต่งเพิ่มเติม เพื่อให้ทำงานได้บนระบบ Arm
    - การปรับแต่งโปรแกรม x86 และ x64 บน Windows 11 Arm64 ยังมีข้อจำกัด

    ✅ ข้อควรระวังในการติดตั้ง
    - Windhawk เป็น ซอฟต์แวร์จากบุคคลที่สาม ผู้ใช้ควรตรวจสอบความปลอดภัยก่อนติดตั้ง
    - การใช้ม็อดอาจส่งผลต่อ การอัปเดต Windows 11 และอาจทำให้เกิดปัญหากับแพตช์ของ Microsoft

    https://www.techradar.com/computing/windows/copilot-pcs-with-snapdragon-cpus-can-now-install-popular-tool-that-lets-you-customize-windows-11-and-improve-the-start-menu-in-ways-that-microsoft-wont-entertain
    Windhawk ซึ่งเป็นเครื่องมือปรับแต่ง Windows 11 ได้เปิดตัวเวอร์ชันใหม่ที่รองรับ Arm64 ทำให้ผู้ใช้ Copilot+ PCs ที่ใช้ชิป Snapdragon สามารถปรับแต่งระบบปฏิบัติการได้มากขึ้น ก่อนหน้านี้ Windhawk รองรับเฉพาะ AMD และ Intel CPUs แต่เวอร์ชัน 1.6 ได้รับการปรับแต่งให้ทำงานบน Windows 11 Arm64 อย่างไรก็ตาม บางม็อดอาจต้องมีการปรับแต่งเพิ่มเติม เพื่อให้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์บนระบบ Arm Windhawk เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ เลือกและติดตั้งม็อดต่างๆ เพื่อปรับแต่ง Windows 11 เช่น การเปลี่ยนแปลงแถบงาน, ปรับแต่งเมนู Start หรือใช้ธีม Windows Vista เพื่อให้ระบบมีรูปลักษณ์ย้อนยุค ✅ การรองรับ Arm64 - Windhawk เวอร์ชัน 1.6 รองรับ Windows 11 Arm64 - ผู้ใช้ Copilot+ PCs ที่ใช้ชิป Snapdragon สามารถติดตั้งและใช้งานได้ ✅ การปรับแต่ง Windows 11 - สามารถเปลี่ยนแปลง แถบงาน, เมนู Start และธีม - มีธีม Windows Vista สำหรับผู้ที่ต้องการรูปลักษณ์ย้อนยุค ✅ ข้อจำกัดของเวอร์ชัน Arm64 - บางม็อดอาจต้องมีการปรับแต่งเพิ่มเติม เพื่อให้ทำงานได้บนระบบ Arm - การปรับแต่งโปรแกรม x86 และ x64 บน Windows 11 Arm64 ยังมีข้อจำกัด ✅ ข้อควรระวังในการติดตั้ง - Windhawk เป็น ซอฟต์แวร์จากบุคคลที่สาม ผู้ใช้ควรตรวจสอบความปลอดภัยก่อนติดตั้ง - การใช้ม็อดอาจส่งผลต่อ การอัปเดต Windows 11 และอาจทำให้เกิดปัญหากับแพตช์ของ Microsoft https://www.techradar.com/computing/windows/copilot-pcs-with-snapdragon-cpus-can-now-install-popular-tool-that-lets-you-customize-windows-11-and-improve-the-start-menu-in-ways-that-microsoft-wont-entertain
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • #นกที่ตื่นเช้าคือนกที่ยังมีหนี้ .. คนไทยเป็นคนตลก

    #กาแฟยามเช้าหอมกรุ่นอยู่เสมอ
    #นกที่ตื่นเช้าคือนกที่ยังมีหนี้ .. คนไทยเป็นคนตลก #กาแฟยามเช้าหอมกรุ่นอยู่เสมอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยด้านความปลอดภัย Daniel Wade ได้ค้นพบข้อบกพร่องใน Microsoft Remote Desktop Protocol (RDP) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าสู่ระบบด้วย รหัสผ่านที่หมดอายุแล้ว โดย Microsoft ยืนยันว่า ไม่มีแผนที่จะแก้ไขปัญหานี้

    Wade ระบุว่าปัญหานี้ ไม่ใช่แค่บั๊ก แต่เป็นการละเมิดความไว้วางใจ เนื่องจากผู้ใช้เปลี่ยนรหัสผ่านเพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ RDP กลับยังคงอนุญาตให้ใช้รหัสผ่านเก่าได้

    Microsoft ชี้แจงว่า นี่เป็นการออกแบบโดยเจตนา เพื่อให้แน่ใจว่า บัญชีผู้ใช้หนึ่งบัญชีจะสามารถเข้าสู่ระบบได้เสมอ แม้ว่าระบบจะออฟไลน์เป็นเวลานาน อย่างไรก็ตาม Wade เตือนว่าผู้ใช้จำนวนมากอาจ ไม่รู้ตัวว่ากำลังตกอยู่ในความเสี่ยง

    ✅ การค้นพบของ Daniel Wade
    - RDP อนุญาตให้เข้าสู่ระบบด้วย รหัสผ่านที่หมดอายุแล้ว
    - Microsoft ยืนยันว่า ไม่มีแผนที่จะแก้ไขปัญหานี้

    ✅ คำชี้แจงของ Microsoft
    - ระบุว่า นี่เป็นการออกแบบโดยเจตนา
    - ต้องการให้แน่ใจว่า บัญชีผู้ใช้หนึ่งบัญชีจะสามารถเข้าสู่ระบบได้เสมอ

    ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้
    - ผู้ใช้จำนวนมากอาจ ไม่รู้ตัวว่ากำลังตกอยู่ในความเสี่ยง
    - ระบบรักษาความปลอดภัย เช่น Azure, Defender และ Entra ID ไม่สามารถตรวจจับปัญหานี้ได้

    ✅ ความสำคัญของการเปลี่ยนรหัสผ่าน
    - การเปลี่ยนรหัสผ่านเป็น แนวทางปฏิบัติด้านความปลอดภัยที่สำคัญ
    - การใช้รหัสผ่านเก่าอาจทำให้เกิด ช่องโหว่ด้านความปลอดภัย

    https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-rdp-apparently-lets-you-log-in-with-expired-passwords-but-it-doesnt-plan-to-fix-this
    นักวิจัยด้านความปลอดภัย Daniel Wade ได้ค้นพบข้อบกพร่องใน Microsoft Remote Desktop Protocol (RDP) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าสู่ระบบด้วย รหัสผ่านที่หมดอายุแล้ว โดย Microsoft ยืนยันว่า ไม่มีแผนที่จะแก้ไขปัญหานี้ Wade ระบุว่าปัญหานี้ ไม่ใช่แค่บั๊ก แต่เป็นการละเมิดความไว้วางใจ เนื่องจากผู้ใช้เปลี่ยนรหัสผ่านเพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ RDP กลับยังคงอนุญาตให้ใช้รหัสผ่านเก่าได้ Microsoft ชี้แจงว่า นี่เป็นการออกแบบโดยเจตนา เพื่อให้แน่ใจว่า บัญชีผู้ใช้หนึ่งบัญชีจะสามารถเข้าสู่ระบบได้เสมอ แม้ว่าระบบจะออฟไลน์เป็นเวลานาน อย่างไรก็ตาม Wade เตือนว่าผู้ใช้จำนวนมากอาจ ไม่รู้ตัวว่ากำลังตกอยู่ในความเสี่ยง ✅ การค้นพบของ Daniel Wade - RDP อนุญาตให้เข้าสู่ระบบด้วย รหัสผ่านที่หมดอายุแล้ว - Microsoft ยืนยันว่า ไม่มีแผนที่จะแก้ไขปัญหานี้ ✅ คำชี้แจงของ Microsoft - ระบุว่า นี่เป็นการออกแบบโดยเจตนา - ต้องการให้แน่ใจว่า บัญชีผู้ใช้หนึ่งบัญชีจะสามารถเข้าสู่ระบบได้เสมอ ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้ - ผู้ใช้จำนวนมากอาจ ไม่รู้ตัวว่ากำลังตกอยู่ในความเสี่ยง - ระบบรักษาความปลอดภัย เช่น Azure, Defender และ Entra ID ไม่สามารถตรวจจับปัญหานี้ได้ ✅ ความสำคัญของการเปลี่ยนรหัสผ่าน - การเปลี่ยนรหัสผ่านเป็น แนวทางปฏิบัติด้านความปลอดภัยที่สำคัญ - การใช้รหัสผ่านเก่าอาจทำให้เกิด ช่องโหว่ด้านความปลอดภัย https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-rdp-apparently-lets-you-log-in-with-expired-passwords-but-it-doesnt-plan-to-fix-this
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในช่วงสามเดือนแรกของปี 2025 มีบัญชีผู้ใช้ในสหราชอาณาจักรถูกละเมิดไปแล้วกว่า 2.2 ล้านบัญชี โดยเฉลี่ยมี 17 บัญชีถูกละเมิดทุกนาที ทำให้สหราชอาณาจักรเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเป็นอันดับที่ 6 รองจาก สหรัฐฯ, รัสเซีย, อินเดีย, เยอรมนี และสเปน

    แม้ว่าจำนวนการละเมิดข้อมูลทั่วโลกจะลดลง 93% จาก 973.7 ล้านบัญชีในปี 2024 เหลือ 68.3 ล้านบัญชีในปี 2025 แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าผู้ใช้ยังคงต้อง เฝ้าระวัง เนื่องจาก ภัยคุกคามทางไซเบอร์ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

    Surfshark รายงานว่า ตั้งแต่ปี 2004 มีข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ในสหราชอาณาจักรถูกเปิดเผยไปแล้วกว่า 1.2 พันล้านรายการ รวมถึง 79.2 ล้านอีเมลและ 238.4 ล้านรหัสผ่าน

    ✅ จำนวนบัญชีที่ถูกละเมิด
    - 2.2 ล้านบัญชี ในสหราชอาณาจักรในช่วงสามเดือนแรกของปี 2025
    - เฉลี่ย 17 บัญชีถูกละเมิดทุกนาที

    ✅ ประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด
    - สหรัฐฯ (16.9 ล้านบัญชี)
    - รัสเซีย (4.4 ล้านบัญชี)
    - อินเดีย (4.2 ล้านบัญชี)
    - เยอรมนี (3.9 ล้านบัญชี)
    - สเปน (2.4 ล้านบัญชี)

    ✅ แนวโน้มการละเมิดข้อมูลทั่วโลก
    - ลดลง 93% จาก 973.7 ล้านบัญชีในปี 2024 เหลือ 68.3 ล้านบัญชีในปี 2025
    - ในสหราชอาณาจักรลดลง 49% เมื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปี 2024

    ✅ มาตรการป้องกันข้อมูลส่วนตัว
    - ใช้ เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน เพื่อสร้างรหัสผ่านที่ปลอดภัย
    - เปิดใช้งาน การยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (2FA)
    - หลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์ที่น่าสงสัยเพื่อป้องกัน ฟิชชิ่ง

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/people-should-remain-vigilant-over-2-million-british-accounts-have-already-been-leaked-in-2025-despite-a-global-downtick
    ในช่วงสามเดือนแรกของปี 2025 มีบัญชีผู้ใช้ในสหราชอาณาจักรถูกละเมิดไปแล้วกว่า 2.2 ล้านบัญชี โดยเฉลี่ยมี 17 บัญชีถูกละเมิดทุกนาที ทำให้สหราชอาณาจักรเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเป็นอันดับที่ 6 รองจาก สหรัฐฯ, รัสเซีย, อินเดีย, เยอรมนี และสเปน แม้ว่าจำนวนการละเมิดข้อมูลทั่วโลกจะลดลง 93% จาก 973.7 ล้านบัญชีในปี 2024 เหลือ 68.3 ล้านบัญชีในปี 2025 แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าผู้ใช้ยังคงต้อง เฝ้าระวัง เนื่องจาก ภัยคุกคามทางไซเบอร์ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง Surfshark รายงานว่า ตั้งแต่ปี 2004 มีข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ในสหราชอาณาจักรถูกเปิดเผยไปแล้วกว่า 1.2 พันล้านรายการ รวมถึง 79.2 ล้านอีเมลและ 238.4 ล้านรหัสผ่าน ✅ จำนวนบัญชีที่ถูกละเมิด - 2.2 ล้านบัญชี ในสหราชอาณาจักรในช่วงสามเดือนแรกของปี 2025 - เฉลี่ย 17 บัญชีถูกละเมิดทุกนาที ✅ ประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด - สหรัฐฯ (16.9 ล้านบัญชี) - รัสเซีย (4.4 ล้านบัญชี) - อินเดีย (4.2 ล้านบัญชี) - เยอรมนี (3.9 ล้านบัญชี) - สเปน (2.4 ล้านบัญชี) ✅ แนวโน้มการละเมิดข้อมูลทั่วโลก - ลดลง 93% จาก 973.7 ล้านบัญชีในปี 2024 เหลือ 68.3 ล้านบัญชีในปี 2025 - ในสหราชอาณาจักรลดลง 49% เมื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปี 2024 ✅ มาตรการป้องกันข้อมูลส่วนตัว - ใช้ เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน เพื่อสร้างรหัสผ่านที่ปลอดภัย - เปิดใช้งาน การยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (2FA) - หลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์ที่น่าสงสัยเพื่อป้องกัน ฟิชชิ่ง https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/people-should-remain-vigilant-over-2-million-british-accounts-have-already-been-leaked-in-2025-despite-a-global-downtick
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • World Password Day 2025 เป็นโอกาสสำคัญในการตระหนักถึงความปลอดภัยของรหัสผ่านและแนวทางใหม่ ๆ ในการปกป้องบัญชีออนไลน์ โดยในปีนี้มีการเน้นไปที่ Passkeys ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดการใช้รหัสผ่านแบบเดิมและเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้

    จากการสำรวจของ FIDO Alliance พบว่า 74% ของผู้บริโภคทั่วโลกรู้จัก Passkeys และ 69% ได้เปิดใช้งาน Passkeys อย่างน้อยหนึ่งบัญชี นอกจากนี้ 38% ของผู้ใช้ที่เคยใช้ Passkeys เลือกเปิดใช้งานทุกครั้งที่มีโอกาส ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มที่ผู้ใช้เริ่มหันมาใช้เทคโนโลยีนี้มากขึ้น

    นอกจากนี้ Google Password Manager ได้รับความนิยมสูงสุดจากการสำรวจของ TechRadar Pro โดยมีผู้ใช้จำนวนมากเลือกใช้บริการนี้แทนการจัดการรหัสผ่านด้วยตนเอง

    ✅ Passkeys กำลังมาแทนที่รหัสผ่าน
    - 74% ของผู้บริโภครู้จัก Passkeys
    - 69% เปิดใช้งาน Passkeys อย่างน้อยหนึ่งบัญชี
    - 38% ของผู้ใช้ที่เคยใช้ Passkeys เลือกเปิดใช้งานทุกครั้งที่มีโอกาส

    ✅ Google Password Manager ได้รับความนิยมสูงสุด
    - จากการสำรวจของ TechRadar Pro พบว่า Google Password Manager เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของผู้ใช้
    - ผู้ใช้บางส่วนยังคงเลือกไม่ใช้ Password Manager แต่มีแนวโน้มลดลง

    ✅ ข้อเสนอพิเศษจากผู้ให้บริการ Password Manager
    - Keeper ลดราคาสูงสุด 50% สำหรับแผน Personal และ Family
    - RoboForm Premium ลดราคา 60% พร้อมฟีเจอร์ 2FA และ Cloud Backup
    - NordPass Business ลดราคา 20% เมื่อใช้โค้ด PASSDAY20

    ✅ แนวโน้มของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบที่ไม่มีรหัสผ่าน
    - Amazon, Apple, Google, Microsoft และ Samsung ลงนามใน Passkey Pledge เพื่อสนับสนุนอนาคตที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

    https://www.techradar.com/pro/live/world-password-day-2025-all-the-news-updates-and-advice-from-our-experts
    World Password Day 2025 เป็นโอกาสสำคัญในการตระหนักถึงความปลอดภัยของรหัสผ่านและแนวทางใหม่ ๆ ในการปกป้องบัญชีออนไลน์ โดยในปีนี้มีการเน้นไปที่ Passkeys ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดการใช้รหัสผ่านแบบเดิมและเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ จากการสำรวจของ FIDO Alliance พบว่า 74% ของผู้บริโภคทั่วโลกรู้จัก Passkeys และ 69% ได้เปิดใช้งาน Passkeys อย่างน้อยหนึ่งบัญชี นอกจากนี้ 38% ของผู้ใช้ที่เคยใช้ Passkeys เลือกเปิดใช้งานทุกครั้งที่มีโอกาส ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มที่ผู้ใช้เริ่มหันมาใช้เทคโนโลยีนี้มากขึ้น นอกจากนี้ Google Password Manager ได้รับความนิยมสูงสุดจากการสำรวจของ TechRadar Pro โดยมีผู้ใช้จำนวนมากเลือกใช้บริการนี้แทนการจัดการรหัสผ่านด้วยตนเอง ✅ Passkeys กำลังมาแทนที่รหัสผ่าน - 74% ของผู้บริโภครู้จัก Passkeys - 69% เปิดใช้งาน Passkeys อย่างน้อยหนึ่งบัญชี - 38% ของผู้ใช้ที่เคยใช้ Passkeys เลือกเปิดใช้งานทุกครั้งที่มีโอกาส ✅ Google Password Manager ได้รับความนิยมสูงสุด - จากการสำรวจของ TechRadar Pro พบว่า Google Password Manager เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของผู้ใช้ - ผู้ใช้บางส่วนยังคงเลือกไม่ใช้ Password Manager แต่มีแนวโน้มลดลง ✅ ข้อเสนอพิเศษจากผู้ให้บริการ Password Manager - Keeper ลดราคาสูงสุด 50% สำหรับแผน Personal และ Family - RoboForm Premium ลดราคา 60% พร้อมฟีเจอร์ 2FA และ Cloud Backup - NordPass Business ลดราคา 20% เมื่อใช้โค้ด PASSDAY20 ✅ แนวโน้มของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบที่ไม่มีรหัสผ่าน - Amazon, Apple, Google, Microsoft และ Samsung ลงนามใน Passkey Pledge เพื่อสนับสนุนอนาคตที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น https://www.techradar.com/pro/live/world-password-day-2025-all-the-news-updates-and-advice-from-our-experts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google Password Manager ได้รับความนิยมสูงสุดจากการสำรวจของ TechRadar Pro โดย 39% ของผู้ตอบแบบสอบถาม เลือกใช้บริการนี้ เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่ายและมีอยู่ใน Chrome และ Android

    อย่างไรก็ตาม 20% ของผู้ใช้ยังคงเลือกจัดการรหัสผ่านด้วยตนเอง แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยจะเตือนว่าการใช้รหัสผ่านซ้ำและไม่เปลี่ยนรหัสผ่านบ่อย ๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์

    Apple Passwords เป็นตัวเลือกอันดับสอง โดย 23% ของผู้ใช้เลือกใช้บริการนี้ ซึ่งมีฟีเจอร์ตรวจสอบข้อมูลรั่วไหลและสุขภาพของรหัสผ่าน

    ✅ Google Password Manager ได้รับความนิยมสูงสุด
    - 39% ของผู้ใช้เลือกใช้ เนื่องจากใช้งานง่ายและมีอยู่ใน Chrome และ Android
    - มีฟีเจอร์ช่วยจัดการรหัสผ่านและแจ้งเตือนเมื่อพบข้อมูลรั่วไหล

    ✅ Apple Passwords เป็นตัวเลือกอันดับสอง
    - 23% ของผู้ใช้เลือกใช้
    - มีฟีเจอร์ตรวจสอบข้อมูลรั่วไหลและสุขภาพของรหัสผ่าน

    ✅ ผู้ใช้บางส่วนยังคงจัดการรหัสผ่านด้วยตนเอง
    - 20% ของผู้ใช้เลือกไม่ใช้ Password Manager
    - ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการใช้รหัสผ่านซ้ำอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกโจมตี

    ✅ ข้อเสนอพิเศษจากผู้ให้บริการ Password Manager
    - Keeper ลดราคาสูงสุด 50% สำหรับแผน Personal และ Family
    - RoboForm Premium ลดราคา 60% พร้อมฟีเจอร์ 2FA และ Cloud Backup
    - NordPass Business ลดราคา 20% เมื่อใช้โค้ด PASSDAY20

    https://www.techradar.com/pro/security/google-password-manager-is-a-favourite-amongst-techradar-pro-readers-whats-yours
    Google Password Manager ได้รับความนิยมสูงสุดจากการสำรวจของ TechRadar Pro โดย 39% ของผู้ตอบแบบสอบถาม เลือกใช้บริการนี้ เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่ายและมีอยู่ใน Chrome และ Android อย่างไรก็ตาม 20% ของผู้ใช้ยังคงเลือกจัดการรหัสผ่านด้วยตนเอง แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยจะเตือนว่าการใช้รหัสผ่านซ้ำและไม่เปลี่ยนรหัสผ่านบ่อย ๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์ Apple Passwords เป็นตัวเลือกอันดับสอง โดย 23% ของผู้ใช้เลือกใช้บริการนี้ ซึ่งมีฟีเจอร์ตรวจสอบข้อมูลรั่วไหลและสุขภาพของรหัสผ่าน ✅ Google Password Manager ได้รับความนิยมสูงสุด - 39% ของผู้ใช้เลือกใช้ เนื่องจากใช้งานง่ายและมีอยู่ใน Chrome และ Android - มีฟีเจอร์ช่วยจัดการรหัสผ่านและแจ้งเตือนเมื่อพบข้อมูลรั่วไหล ✅ Apple Passwords เป็นตัวเลือกอันดับสอง - 23% ของผู้ใช้เลือกใช้ - มีฟีเจอร์ตรวจสอบข้อมูลรั่วไหลและสุขภาพของรหัสผ่าน ✅ ผู้ใช้บางส่วนยังคงจัดการรหัสผ่านด้วยตนเอง - 20% ของผู้ใช้เลือกไม่ใช้ Password Manager - ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการใช้รหัสผ่านซ้ำอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกโจมตี ✅ ข้อเสนอพิเศษจากผู้ให้บริการ Password Manager - Keeper ลดราคาสูงสุด 50% สำหรับแผน Personal และ Family - RoboForm Premium ลดราคา 60% พร้อมฟีเจอร์ 2FA และ Cloud Backup - NordPass Business ลดราคา 20% เมื่อใช้โค้ด PASSDAY20 https://www.techradar.com/pro/security/google-password-manager-is-a-favourite-amongst-techradar-pro-readers-whats-yours
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานล่าสุดจาก Radware เผยว่า 57% ของการเข้าชมเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซในช่วงเทศกาลวันหยุดปี 2024 มาจากบอท ไม่ใช่ผู้ใช้จริง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ บอทมีปริมาณการเข้าชมมากกว่ามนุษย์

    บอทเหล่านี้มีความซับซ้อนมากขึ้น โดย 60% ใช้กลยุทธ์เลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์ เช่น หมุนเวียน IP, ใช้ CAPTCHA farms และจำลองรูปแบบการท่องเว็บ ทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยแบบเดิมไม่สามารถตรวจจับได้

    นอกจากนี้ การโจมตีผ่านมือถือเพิ่มขึ้น 160% ระหว่างเทศกาลวันหยุดปี 2023 และ 2024 โดยแฮกเกอร์ใช้ mobile emulators และ headless browsers เพื่อเลียนแบบพฤติกรรมของแอปพลิเคชันจริง

    ✅ บอทมีปริมาณการเข้าชมมากกว่ามนุษย์
    - 57% ของการเข้าชมเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซในช่วงเทศกาลวันหยุดปี 2024 มาจากบอท
    - ถือเป็นครั้งแรกที่ บอทมีปริมาณการเข้าชมมากกว่ามนุษย์

    ✅ บอทมีความซับซ้อนมากขึ้น
    - 60% ใช้กลยุทธ์เลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์ เช่น หมุนเวียน IP และใช้ CAPTCHA farms
    - ทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยแบบเดิมไม่สามารถตรวจจับได้

    ✅ การโจมตีผ่านมือถือเพิ่มขึ้น 160%
    - แฮกเกอร์ใช้ mobile emulators และ headless browsers เพื่อเลียนแบบพฤติกรรมของแอปพลิเคชันจริง
    - 32% ของการโจมตีมาจาก residential proxy networks ทำให้การตรวจจับยากขึ้น

    ✅ แนวโน้มของการโจมตีในอนาคต
    - บอทไม่ได้แค่ขโมยข้อมูล แต่เริ่มใช้ multi-vector attacks เพื่อทำให้เว็บไซต์ล่ม
    - ธุรกิจต้องใช้ AI-powered defenses

    https://www.techradar.com/pro/its-official-the-majority-of-visitors-to-online-shops-and-retailers-are-now-bots-not-humans-heres-why-it-matters-to-you-and-me
    รายงานล่าสุดจาก Radware เผยว่า 57% ของการเข้าชมเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซในช่วงเทศกาลวันหยุดปี 2024 มาจากบอท ไม่ใช่ผู้ใช้จริง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ บอทมีปริมาณการเข้าชมมากกว่ามนุษย์ บอทเหล่านี้มีความซับซ้อนมากขึ้น โดย 60% ใช้กลยุทธ์เลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์ เช่น หมุนเวียน IP, ใช้ CAPTCHA farms และจำลองรูปแบบการท่องเว็บ ทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยแบบเดิมไม่สามารถตรวจจับได้ นอกจากนี้ การโจมตีผ่านมือถือเพิ่มขึ้น 160% ระหว่างเทศกาลวันหยุดปี 2023 และ 2024 โดยแฮกเกอร์ใช้ mobile emulators และ headless browsers เพื่อเลียนแบบพฤติกรรมของแอปพลิเคชันจริง ✅ บอทมีปริมาณการเข้าชมมากกว่ามนุษย์ - 57% ของการเข้าชมเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซในช่วงเทศกาลวันหยุดปี 2024 มาจากบอท - ถือเป็นครั้งแรกที่ บอทมีปริมาณการเข้าชมมากกว่ามนุษย์ ✅ บอทมีความซับซ้อนมากขึ้น - 60% ใช้กลยุทธ์เลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์ เช่น หมุนเวียน IP และใช้ CAPTCHA farms - ทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยแบบเดิมไม่สามารถตรวจจับได้ ✅ การโจมตีผ่านมือถือเพิ่มขึ้น 160% - แฮกเกอร์ใช้ mobile emulators และ headless browsers เพื่อเลียนแบบพฤติกรรมของแอปพลิเคชันจริง - 32% ของการโจมตีมาจาก residential proxy networks ทำให้การตรวจจับยากขึ้น ✅ แนวโน้มของการโจมตีในอนาคต - บอทไม่ได้แค่ขโมยข้อมูล แต่เริ่มใช้ multi-vector attacks เพื่อทำให้เว็บไซต์ล่ม - ธุรกิจต้องใช้ AI-powered defenses https://www.techradar.com/pro/its-official-the-majority-of-visitors-to-online-shops-and-retailers-are-now-bots-not-humans-heres-why-it-matters-to-you-and-me
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว