0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
26 มุมมอง
0 รีวิว
รายการ
ค้นพบผู้คนใหม่ๆ สร้างการเชื่อมต่อใหม่ๆ และรู้จักเพื่อนใหม่
- กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อกดถูกใจ แชร์ และแสดงความคิดเห็น!
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
- เขมรไม่ยอมหยุด! ยั่วยุเยาะเย้ย “ผู้การเนี๊ยะ” จากร้องเพลงปลุกใจ ในปราสาทตาเมือนธม สู่ยกพล 3 กองร้อย ประชิดพรมแดน
🔥 สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากประเทศไทย เริ่มปราบปราม "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" อย่างจริงจัง ซึ่งส่งผลกระทบต่อขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ที่มีเครือข่ายอยู่ในกัมพูชา 🇰🇭
แม้ว่าทางการกัมพูชา จะออกมาสนับสนุนไทยอย่างเป็นทางการ แต่กลับมีเหตุการณ์ไม่สงบ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามแนวชายแดน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสุรินทร์ และอุบลราชธานี
และล่าสุด... 💥
เมื่อวันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2568 กองกำลังติดอาวุธทหารกัมพูชา จำนวน 3 กองร้อย รวม 528 นาย ได้เคลื่อนกำลังเข้าใกล้ชายแดน ด้านอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อ้างว่า “พากำลังทหารมากราบไหว้ สักการะปราสาทตาเมือนธม” แต่กลับไม่มีการเตรียมดอกไม้ ธูปเทียน หรือสิ่งของบูชาใด ๆ
🔴 นี่คือการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ หรือเป็นมากกว่านั้น?
👤 พล.ต.เนี๊ยะ วงษ์ (Neak Vong) หรือผู้การเยี๊ยะ ผู้บังคับการกองพลน้อยทหารราบที่ 42 ของกัมพูชา เป็นตัวละครสำคัญในเหตุการณ์ครั้งนี้
📌 ย้อนรอยเหตุการณ์ที่ทำให้ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาตึงเครียด
5 ตุลาคม 2567 ผู้การเนี๊ยะนำพระสงฆ์ และเด็กนักเรียนกัมพูชา เข้ามาในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม พร้อมร้องเพลงชาติกัมพูชา
ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ผู้การเนี๊ยะนำคณะแม่บ้าน 25 คน มาร้องเพลงปลุกใจ ในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม สร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายไทย ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กรมทหารราบที่ 23 กองทัพภาคที่ 2 ที่ประจำการรักษาอธิปไตยไทยในบริเวณนั้น ต้องกล่าวแจ้งเตือนไม่ให้ผู้การเนี้ยะ ทำกิจกรรมในเชิงสัญลักษณ์ สร้างความไม่พอใจให้ผู้การเนี๊ยะเป็นอย่างมาก ถึงขั้นโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง หลุดปากกล่าวท้าทายทหารไทย "ให้มายิงกัน!"
บ่ายวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 15.00 น. นายเนียม จันญาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ได้นำคณะทหารกัมพูชา รวมถึงผู้การเนี๊ยะ เดินทางมาเจรจากับ พันโท จักรกฤษ ปิยะศุภฤกษ์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 23 (ผบ.ร.23 พัน.4) ที่ปราสาทตาเมือนธม เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาระดับสูง ในกองทัพภูมิภาคที่ 4 กัมพูชา เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อาจจะด้วยความเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม
วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม 2568 กองกำลังติดอาวุธ ทหารกัมพูชา 3 กองร้อย 528 นาย เคลื่อนพลมาประชิดพรมแดน ด้านอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แล้วปลดอาวุธเดินข้ามพรมแดน อ้างว่ามากราบไหว้สักการะปราสาทตาเหมือนธม โดยที่ไม่มีการเตรียมธูปเทียนดอกไม้ หรือสิ่งของเซ่นไหว้มาด้วย จนคล้ายกับเป็นการยั่วยุเยาะเย้ยทหารไทย
🇹🇭 ฝ่ายไทยพยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง โดยการเจรจาผ่านทางการทูต แต่กัมพูชากลับใช้วิธี ปลุกกระแสรักชาติในประเทศตนเอง
🔴 แล้วอะไรคือเป้าหมายที่แท้จริงของ “ผู้การเนี้ยะ” และรัฐบาลกัมพูชา?
📍 ปราสาทตาเมือนธม จุดยุทธศาสตร์และประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในเขต อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์
🏛️ เป็นหนึ่งในปราสาทสำคัญ ของกลุ่มปราสาทตาเมือน ซึ่งประกอบด้วย 3 ปราสาทหลัก ได้แก่
1️⃣ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทหลักและใหญ่ที่สุด
2️⃣ ปราสาทตาเมือนโต๊ด เชื่อว่าเคยเป็นโรงพยาบาลโบราณ
3️⃣ ปราสาทตาเมือน หรือบายกรีม เป็นธรรมศาลา หรือสถานที่พักของนักเดินทาง
🔎 ปราสาทแห่งนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เพราะเป็นจุดเชื่อมต่อเส้นทางโบราณ จากกัมพูชาสู่ภาคอีสานของไทย มีความสำคัญทางวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่พิพาททางพรมแดน ที่ยังไม่ได้ข้อยุติ
👉 นี่อาจเป็นเหตุผลที่กัมพูชา พยายามเข้ามาสร้างอิทธิพล ในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม
🎭 เบื้องหลังความขัดแย้ง การเมืองหรือศักดิ์ศรีชาติ? การเคลื่อนไหวของกัมพูชา ไม่ใช่แค่เรื่องประวัติศาสตร์หรือพรมแดน แต่นี่คือ "เกมการเมือง"
📌 เชื่อมโยงกับปัญหาการเมืองภายในของกัมพูชา ปัจจุบันรัฐบาล "ฮุน มาเนต" ลูกชายของฮุน เซน กำลังเผชิญแรงกดดันจากฝ่ายค้าน ที่ผ่านมา "ฮุน เซน" เคยใช้ประเด็นความขัดแย้งชายแดน ปลุกกระแสรักชาติ เพื่อรักษาอำนาจของตระกูลตนเอง การกระทำของผู้การเนี๊ยะ อาจเป็นแผนสร้างแรงสนับสนุนให้รัฐบาลกัมพูชา
📌 เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ไทย-กัมพูชา? ไทยและกัมพูชามีแผนขุดเจาะทรัพยากรน้ำมัน ในเขตทับซ้อนทางทะเล ข้อพิพาทชายแดน อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือเจรจาต่อรอง ทางเศรษฐกิจและการเมือง
🇰🇭 หรือแท้จริงแล้ว นี่คือแผนของกัมพูชา ในการกดดันไทย?
🔴 กัมพูชากำลังเล่นเกมอะไร? การกระทำของผู้การเนี๊ยะ และทหารกัมพูชา อาจเป็นเพียงแค่ หมากตัวหนึ่งของรัฐบาลกัมพูชา
📌 วิเคราะห์แนวทางที่เป็นไปได้ของกัมพูชา
- สร้างกระแสรักชาติเพื่อดึงความสนใจ จากปัญหาการเมืองภายใน
- กดดันไทยในประเด็นพรมแดน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือเจรจาทางเศรษฐกิจ
- ทดสอบปฏิกิริยาของรัฐบาลไทย ก่อนเดินเกมต่อไป
🇹🇭 ทางออกของไทยควรเป็นอย่างไร?
✅ รักษาความสัมพันธ์ทางการทูต หลีกเลี่ยงการใช้กำลัง
✅ เฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชา อย่างใกล้ชิด
✅ ใช้การเจรจาในระดับสูง เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลาม
🔥 นี่คือเกมการเมือง หรือสงครามชายแดนรอบใหม่? ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด!
ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 090905 มี.ค. 2568
#เขมรไม่หยุด #ตาเมือนธม #ชายแดนไทยกัมพูชา #สงครามชายแดน #ผู้การเนี้ยะ #กัมพูชา #ข่าวด่วน #ความขัดแย้งชายแดน #ไทยกัมพูชา #ปราสาทตาเมือนเขมรไม่ยอมหยุด! ยั่วยุเยาะเย้ย “ผู้การเนี๊ยะ” จากร้องเพลงปลุกใจ ในปราสาทตาเมือนธม สู่ยกพล 3 กองร้อย ประชิดพรมแดน 🔥 สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากประเทศไทย เริ่มปราบปราม "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" อย่างจริงจัง ซึ่งส่งผลกระทบต่อขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ที่มีเครือข่ายอยู่ในกัมพูชา 🇰🇭 แม้ว่าทางการกัมพูชา จะออกมาสนับสนุนไทยอย่างเป็นทางการ แต่กลับมีเหตุการณ์ไม่สงบ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามแนวชายแดน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสุรินทร์ และอุบลราชธานี และล่าสุด... 💥 เมื่อวันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2568 กองกำลังติดอาวุธทหารกัมพูชา จำนวน 3 กองร้อย รวม 528 นาย ได้เคลื่อนกำลังเข้าใกล้ชายแดน ด้านอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อ้างว่า “พากำลังทหารมากราบไหว้ สักการะปราสาทตาเมือนธม” แต่กลับไม่มีการเตรียมดอกไม้ ธูปเทียน หรือสิ่งของบูชาใด ๆ 🔴 นี่คือการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ หรือเป็นมากกว่านั้น? 👤 พล.ต.เนี๊ยะ วงษ์ (Neak Vong) หรือผู้การเยี๊ยะ ผู้บังคับการกองพลน้อยทหารราบที่ 42 ของกัมพูชา เป็นตัวละครสำคัญในเหตุการณ์ครั้งนี้ 📌 ย้อนรอยเหตุการณ์ที่ทำให้ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาตึงเครียด 5 ตุลาคม 2567 ผู้การเนี๊ยะนำพระสงฆ์ และเด็กนักเรียนกัมพูชา เข้ามาในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม พร้อมร้องเพลงชาติกัมพูชา ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ผู้การเนี๊ยะนำคณะแม่บ้าน 25 คน มาร้องเพลงปลุกใจ ในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม สร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายไทย ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กรมทหารราบที่ 23 กองทัพภาคที่ 2 ที่ประจำการรักษาอธิปไตยไทยในบริเวณนั้น ต้องกล่าวแจ้งเตือนไม่ให้ผู้การเนี้ยะ ทำกิจกรรมในเชิงสัญลักษณ์ สร้างความไม่พอใจให้ผู้การเนี๊ยะเป็นอย่างมาก ถึงขั้นโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง หลุดปากกล่าวท้าทายทหารไทย "ให้มายิงกัน!" บ่ายวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 15.00 น. นายเนียม จันญาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ได้นำคณะทหารกัมพูชา รวมถึงผู้การเนี๊ยะ เดินทางมาเจรจากับ พันโท จักรกฤษ ปิยะศุภฤกษ์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 23 (ผบ.ร.23 พัน.4) ที่ปราสาทตาเมือนธม เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาระดับสูง ในกองทัพภูมิภาคที่ 4 กัมพูชา เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อาจจะด้วยความเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม 2568 กองกำลังติดอาวุธ ทหารกัมพูชา 3 กองร้อย 528 นาย เคลื่อนพลมาประชิดพรมแดน ด้านอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แล้วปลดอาวุธเดินข้ามพรมแดน อ้างว่ามากราบไหว้สักการะปราสาทตาเหมือนธม โดยที่ไม่มีการเตรียมธูปเทียนดอกไม้ หรือสิ่งของเซ่นไหว้มาด้วย จนคล้ายกับเป็นการยั่วยุเยาะเย้ยทหารไทย 🇹🇭 ฝ่ายไทยพยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง โดยการเจรจาผ่านทางการทูต แต่กัมพูชากลับใช้วิธี ปลุกกระแสรักชาติในประเทศตนเอง 🔴 แล้วอะไรคือเป้าหมายที่แท้จริงของ “ผู้การเนี้ยะ” และรัฐบาลกัมพูชา? 📍 ปราสาทตาเมือนธม จุดยุทธศาสตร์และประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในเขต อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ 🏛️ เป็นหนึ่งในปราสาทสำคัญ ของกลุ่มปราสาทตาเมือน ซึ่งประกอบด้วย 3 ปราสาทหลัก ได้แก่ 1️⃣ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทหลักและใหญ่ที่สุด 2️⃣ ปราสาทตาเมือนโต๊ด เชื่อว่าเคยเป็นโรงพยาบาลโบราณ 3️⃣ ปราสาทตาเมือน หรือบายกรีม เป็นธรรมศาลา หรือสถานที่พักของนักเดินทาง 🔎 ปราสาทแห่งนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เพราะเป็นจุดเชื่อมต่อเส้นทางโบราณ จากกัมพูชาสู่ภาคอีสานของไทย มีความสำคัญทางวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่พิพาททางพรมแดน ที่ยังไม่ได้ข้อยุติ 👉 นี่อาจเป็นเหตุผลที่กัมพูชา พยายามเข้ามาสร้างอิทธิพล ในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม 🎭 เบื้องหลังความขัดแย้ง การเมืองหรือศักดิ์ศรีชาติ? การเคลื่อนไหวของกัมพูชา ไม่ใช่แค่เรื่องประวัติศาสตร์หรือพรมแดน แต่นี่คือ "เกมการเมือง" 📌 เชื่อมโยงกับปัญหาการเมืองภายในของกัมพูชา ปัจจุบันรัฐบาล "ฮุน มาเนต" ลูกชายของฮุน เซน กำลังเผชิญแรงกดดันจากฝ่ายค้าน ที่ผ่านมา "ฮุน เซน" เคยใช้ประเด็นความขัดแย้งชายแดน ปลุกกระแสรักชาติ เพื่อรักษาอำนาจของตระกูลตนเอง การกระทำของผู้การเนี๊ยะ อาจเป็นแผนสร้างแรงสนับสนุนให้รัฐบาลกัมพูชา 📌 เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ไทย-กัมพูชา? ไทยและกัมพูชามีแผนขุดเจาะทรัพยากรน้ำมัน ในเขตทับซ้อนทางทะเล ข้อพิพาทชายแดน อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือเจรจาต่อรอง ทางเศรษฐกิจและการเมือง 🇰🇭 หรือแท้จริงแล้ว นี่คือแผนของกัมพูชา ในการกดดันไทย? 🔴 กัมพูชากำลังเล่นเกมอะไร? การกระทำของผู้การเนี๊ยะ และทหารกัมพูชา อาจเป็นเพียงแค่ หมากตัวหนึ่งของรัฐบาลกัมพูชา 📌 วิเคราะห์แนวทางที่เป็นไปได้ของกัมพูชา - สร้างกระแสรักชาติเพื่อดึงความสนใจ จากปัญหาการเมืองภายใน - กดดันไทยในประเด็นพรมแดน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือเจรจาทางเศรษฐกิจ - ทดสอบปฏิกิริยาของรัฐบาลไทย ก่อนเดินเกมต่อไป 🇹🇭 ทางออกของไทยควรเป็นอย่างไร? ✅ รักษาความสัมพันธ์ทางการทูต หลีกเลี่ยงการใช้กำลัง ✅ เฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชา อย่างใกล้ชิด ✅ ใช้การเจรจาในระดับสูง เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลาม 🔥 นี่คือเกมการเมือง หรือสงครามชายแดนรอบใหม่? ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด! ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 090905 มี.ค. 2568 #เขมรไม่หยุด #ตาเมือนธม #ชายแดนไทยกัมพูชา #สงครามชายแดน #ผู้การเนี้ยะ #กัมพูชา #ข่าวด่วน #ความขัดแย้งชายแดน #ไทยกัมพูชา #ปราสาทตาเมือน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว - 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
- เงื่อนพื้นฐาน
เงื่อนพื้นฐาน - หั่น...บร๊อคโคลี่ (พัก) ทิ้งไว้ 30-90 นาที
(เพิ่ม) สารต้านมะเร็ง Sulphurophane
หรือ ใช้ผงมัสตาร์ด โรยบน ผักแช่แข็ง ก็ได้หั่น...บร๊อคโคลี่ (พัก) ทิ้งไว้ 30-90 นาที (เพิ่ม) สารต้านมะเร็ง Sulphurophane หรือ ใช้ผงมัสตาร์ด โรยบน ผักแช่แข็ง ก็ได้0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 1 0 รีวิว - Jim Rossman นักเขียนจาก The Star ได้แชร์ประสบการณ์ที่สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล หลังจากพบว่า Instagram ของคุณป้าผู้ล่วงลับปรากฏในคำแนะนำบัญชีที่อาจต้องการติดตาม เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า "จะเกิดอะไรกับบัญชี Instagram ของเราเมื่อเราจากโลกนี้ไป?"
สำหรับ Instagram นั้น มีตัวเลือกสองทางหลักในการจัดการบัญชีของผู้ที่เสียชีวิต:
1) การเปลี่ยนบัญชีเป็นที่ระลึก (Memorialisation): บัญชีจะถูกระบุด้วยคำว่า "Remembering" ถัดจากชื่อเจ้าของบัญชี การเข้าสู่ระบบจะถูกปิดกั้น แต่โพสต์ทั้งหมดจะยังคงปรากฏให้ผู้ติดตามเห็น ข้อมูลของบัญชีที่ระลึกจะไม่แสดงในคำแนะนำผู้ใช้งานใหม่ และไม่สามารถรับผู้ติดตามเพิ่มเติมได้
2) การลบบัญชี: การลบบัญชี Instagram ต้องทำผ่าน Instagram Support โดยต้องแสดงหลักฐานการเสียชีวิต เช่น ใบมรณบัตรหรือข่าวร้ายเกี่ยวกับการเสียชีวิต
Jim ในฐานะผู้ดูแลมรดกของป้า Sharon เล่าว่าเขาสามารถลบบัญชีของป้าได้เพราะมีข้อมูลการเข้าสู่ระบบ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ไม่มีรหัสผ่าน การติดต่อ Instagram Support จะช่วยจัดการได้
การเปลี่ยนบัญชีเป็นที่ระลึกหรือการลบบัญชี ช่วยลดโอกาสที่บัญชีจะถูกบุคคลภายนอกแฮกและใช้งานในทางที่ผิด เช่น การสแปมหรือการหลอกลวง ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญในการดูแล "มรดกดิจิทัล" ในยุคที่โซเชียลมีเดียเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของทุกคน
ประเด็นนี้สะท้อนให้เห็นว่าการจัดการ "ชีวิตดิจิทัล" กลายเป็นส่วนสำคัญของการจัดการมรดกในยุคใหม่ ขณะที่บริษัทเทคโนโลยีพัฒนานโยบายและเครื่องมือเพื่อช่วยครอบครัวของผู้ล่วงลับในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล เราทุกคนก็ควรมีการเตรียมตัวและทำความเข้าใจกับทางเลือกต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/09/opinion-what-happens-to-your-instagram-after-you-dieJim Rossman นักเขียนจาก The Star ได้แชร์ประสบการณ์ที่สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล หลังจากพบว่า Instagram ของคุณป้าผู้ล่วงลับปรากฏในคำแนะนำบัญชีที่อาจต้องการติดตาม เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า "จะเกิดอะไรกับบัญชี Instagram ของเราเมื่อเราจากโลกนี้ไป?" สำหรับ Instagram นั้น มีตัวเลือกสองทางหลักในการจัดการบัญชีของผู้ที่เสียชีวิต: 1) การเปลี่ยนบัญชีเป็นที่ระลึก (Memorialisation): บัญชีจะถูกระบุด้วยคำว่า "Remembering" ถัดจากชื่อเจ้าของบัญชี การเข้าสู่ระบบจะถูกปิดกั้น แต่โพสต์ทั้งหมดจะยังคงปรากฏให้ผู้ติดตามเห็น ข้อมูลของบัญชีที่ระลึกจะไม่แสดงในคำแนะนำผู้ใช้งานใหม่ และไม่สามารถรับผู้ติดตามเพิ่มเติมได้ 2) การลบบัญชี: การลบบัญชี Instagram ต้องทำผ่าน Instagram Support โดยต้องแสดงหลักฐานการเสียชีวิต เช่น ใบมรณบัตรหรือข่าวร้ายเกี่ยวกับการเสียชีวิต Jim ในฐานะผู้ดูแลมรดกของป้า Sharon เล่าว่าเขาสามารถลบบัญชีของป้าได้เพราะมีข้อมูลการเข้าสู่ระบบ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ไม่มีรหัสผ่าน การติดต่อ Instagram Support จะช่วยจัดการได้ การเปลี่ยนบัญชีเป็นที่ระลึกหรือการลบบัญชี ช่วยลดโอกาสที่บัญชีจะถูกบุคคลภายนอกแฮกและใช้งานในทางที่ผิด เช่น การสแปมหรือการหลอกลวง ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญในการดูแล "มรดกดิจิทัล" ในยุคที่โซเชียลมีเดียเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของทุกคน ประเด็นนี้สะท้อนให้เห็นว่าการจัดการ "ชีวิตดิจิทัล" กลายเป็นส่วนสำคัญของการจัดการมรดกในยุคใหม่ ขณะที่บริษัทเทคโนโลยีพัฒนานโยบายและเครื่องมือเพื่อช่วยครอบครัวของผู้ล่วงลับในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล เราทุกคนก็ควรมีการเตรียมตัวและทำความเข้าใจกับทางเลือกต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/09/opinion-what-happens-to-your-instagram-after-you-dieWWW.THESTAR.COM.MYOpinion: What happens to your Instagram after you die?I was scrolling through my Instagram account this week and I saw something that made me stop in my tracks. In the right-hand column, there was a suggested list of people whose accounts I may want to follow and the first person on that list was my Aunt Sharon.0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว - จากฐานข้อมูล Carbon Majors รายงานล่าสุดเปิดเผยว่าในปี 2023 การปล่อยมลพิษจากบริษัทน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน และผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ของโลกเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชี้ให้เห็นว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกส่งผลกระทบต่อโลกร้อนอย่างมหาศาล ที่น่ากังวลยิ่งขึ้นคือ กว่า 50% ของการปล่อยมลพิษทั้งหมดมาจากบริษัทเพียง 36 แห่ง โดยเฉพาะบริษัทที่มีรัฐบาลเป็นเจ้าของ
บริษัทที่ปล่อยมลพิษสูงสุดในปี 2023
บริษัทของรัฐ:
- Aramco (ซาอุดิอาระเบีย)
- Coal India (อินเดีย)
- CHN Energy (จีน)
- NIOC (อิหร่าน)
- Jinneng Group (จีน)
บริษัทเอกชน:
- ExxonMobil (สหรัฐฯ)
- Chevron (สหรัฐฯ)
- Shell (สหราชอาณาจักร)
- TotalEnergies (ฝรั่งเศส)
- BP (สหราชอาณาจักร)
บริษัทของรัฐในกลุ่ม Top 20 มีส่วนปล่อย CO2 ถึง 52% ของการปล่อยมลพิษจากอุตสาหกรรมทั่วโลก ขณะที่บริษัทจากจีนเพียงประเทศเดียวปล่อย CO2 ถึง 23% ของการปล่อยมลพิษที่เกี่ยวข้องกับเชื้อเพลิงฟอสซิลและปูนซีเมนต์
นอกจากเชื้อเพลิงฟอสซิลแล้ว อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ยังมีการปล่อยมลพิษเพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2023 โดยบริษัทที่มียอดปล่อยมลพิษสูงสุดได้แก่ Holcim Group, Heidelberg Materials, UltraTech Cement และ CRH
ฐานข้อมูล Carbon Majors ไม่เพียงแต่ใช้ติดตามข้อมูลการปล่อยก๊าซ แต่ยังเป็นหลักฐานสำคัญในกรณีทางกฎหมาย เช่น การผลักดันกฎหมาย Climate Superfund ในรัฐ Vermont และ New York รวมถึงการประเมินผลกระทบของบริษัทเชื้อเพลิงฟอสซิลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ข้อมูลล่าสุดจาก International Energy Agency ชี้ว่าโครงการพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลที่เริ่มขึ้นหลังปี 2021 ไม่สอดคล้องกับเป้าหมายของการลดปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2050 หากเราต้องการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5°C การปล่อยก๊าซต้องลดลง 45% ภายในปี 2030
https://www.techspot.com/news/107070-36-companies-account-50-global-co2-emissions-report.htmlจากฐานข้อมูล Carbon Majors รายงานล่าสุดเปิดเผยว่าในปี 2023 การปล่อยมลพิษจากบริษัทน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน และผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ของโลกเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชี้ให้เห็นว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกส่งผลกระทบต่อโลกร้อนอย่างมหาศาล ที่น่ากังวลยิ่งขึ้นคือ กว่า 50% ของการปล่อยมลพิษทั้งหมดมาจากบริษัทเพียง 36 แห่ง โดยเฉพาะบริษัทที่มีรัฐบาลเป็นเจ้าของ บริษัทที่ปล่อยมลพิษสูงสุดในปี 2023 บริษัทของรัฐ: - Aramco (ซาอุดิอาระเบีย) - Coal India (อินเดีย) - CHN Energy (จีน) - NIOC (อิหร่าน) - Jinneng Group (จีน) บริษัทเอกชน: - ExxonMobil (สหรัฐฯ) - Chevron (สหรัฐฯ) - Shell (สหราชอาณาจักร) - TotalEnergies (ฝรั่งเศส) - BP (สหราชอาณาจักร) บริษัทของรัฐในกลุ่ม Top 20 มีส่วนปล่อย CO2 ถึง 52% ของการปล่อยมลพิษจากอุตสาหกรรมทั่วโลก ขณะที่บริษัทจากจีนเพียงประเทศเดียวปล่อย CO2 ถึง 23% ของการปล่อยมลพิษที่เกี่ยวข้องกับเชื้อเพลิงฟอสซิลและปูนซีเมนต์ นอกจากเชื้อเพลิงฟอสซิลแล้ว อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ยังมีการปล่อยมลพิษเพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2023 โดยบริษัทที่มียอดปล่อยมลพิษสูงสุดได้แก่ Holcim Group, Heidelberg Materials, UltraTech Cement และ CRH ฐานข้อมูล Carbon Majors ไม่เพียงแต่ใช้ติดตามข้อมูลการปล่อยก๊าซ แต่ยังเป็นหลักฐานสำคัญในกรณีทางกฎหมาย เช่น การผลักดันกฎหมาย Climate Superfund ในรัฐ Vermont และ New York รวมถึงการประเมินผลกระทบของบริษัทเชื้อเพลิงฟอสซิลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ข้อมูลล่าสุดจาก International Energy Agency ชี้ว่าโครงการพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลที่เริ่มขึ้นหลังปี 2021 ไม่สอดคล้องกับเป้าหมายของการลดปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2050 หากเราต้องการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5°C การปล่อยก๊าซต้องลดลง 45% ภายในปี 2030 https://www.techspot.com/news/107070-36-companies-account-50-global-co2-emissions-report.htmlWWW.TECHSPOT.COMJust 36 companies account for 50% of global CO2 emissions, report revealsThe data indicates that over 50 percent of these emissions can be attributed to just 36 high-emitting companies, with state-owned enterprises playing a significant role.0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว - ประชาธิปไตยที่กินได้ (ใครได้กิน??)
รัฐบาลของประธานาธิบดี Trump ได้ประกาศการเปลี่ยนแปลงนโยบายในโครงการ Broadband Equity, Access, and Deployment (BEAD) มูลค่า 42.45 พันล้านดอลลาร์ โดยยกเลิกการให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตใยแก้วนำแสง (Fiber Internet) เพื่อเปิดทางให้เทคโนโลยีอื่น เช่นบริการดาวเทียม Starlink ของ Elon Musk สามารถเข้าถึงงบประมาณจากโครงการนี้ได้มากขึ้น ซึ่งอาจอยู่ในช่วง 10 ถึง 20 พันล้านดอลลาร์
ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี Biden ก่อนหน้านี้ โครงสร้างใยแก้วนำแสงได้รับการเน้นย้ำว่าเป็นโซลูชันที่มั่นคงและพัฒนาต่อยอดได้ง่ายในอนาคต เช่น การสนับสนุนโครงข่าย 5G แต่รัฐบาล Trump มองว่านโยบายดังกล่าวมีข้อจำกัดและอุปสรรคมากเกินไป จึงเปลี่ยนมาใช้นโยบาย "เทคโนโลยีเป็นกลาง" ที่มุ่งเน้นการให้บริการอินเทอร์เน็ตที่รวดเร็วในราคาถูกแก่ประชาชน โดยลดข้อกำหนดที่ถูกมองว่าเป็นภาระหรือสร้างความล่าช้าในการก่อสร้าง
นักวิจารณ์และกลุ่มผู้สนับสนุนการเข้าถึงบรอดแบนด์คุณภาพสูง เช่น Benton Institute for Broadband & Society ได้แสดงความกังวลว่า การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้ประชาชนในชนบทหลายล้านคนต้องพึ่งพาบริการอินเทอร์เน็ตที่ช้ากว่า ไม่เสถียร และไม่ตอบโจทย์ความต้องการทางเทคโนโลยีในระยะยาว เช่น การแพทย์ทางไกลหรือการเล่นเกม
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาจเป็นโอกาสทองสำหรับ Starlink ซึ่งเป็นโครงการบริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมที่บริหารโดย SpaceX แม้จะยังไม่ได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากโครงการ BEAD แต่ก็มีแนวโน้มที่จะได้รับเงินทุนจากโปรแกรมสนับสนุนบรอดแบนด์ของรัฐบาล เช่น Universal Service Programs โดย FCC และบทบาทของ Elon Musk ในรัฐบาล Trump ยังถูกตั้งคำถามถึงผลประโยชน์ทับซ้อน
ในขณะที่นโยบายนี้อาจช่วยให้การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมีความรวดเร็วขึ้นในบางพื้นที่ แต่การลดความสำคัญของใยแก้วนำแสงอาจส่งผลต่อความยั่งยืนและความมั่นคงของโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์ในระยะยาว การสร้างสมดุลระหว่างเทคโนโลยีที่หลากหลายกับคุณภาพของบริการจึงเป็นความท้าทายสำคัญที่สหรัฐฯ ต้องเผชิญ
https://www.techspot.com/news/107067-broadband-policy-shift-us-drops-fiber-priority-could.htmlประชาธิปไตยที่กินได้ (ใครได้กิน??) รัฐบาลของประธานาธิบดี Trump ได้ประกาศการเปลี่ยนแปลงนโยบายในโครงการ Broadband Equity, Access, and Deployment (BEAD) มูลค่า 42.45 พันล้านดอลลาร์ โดยยกเลิกการให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตใยแก้วนำแสง (Fiber Internet) เพื่อเปิดทางให้เทคโนโลยีอื่น เช่นบริการดาวเทียม Starlink ของ Elon Musk สามารถเข้าถึงงบประมาณจากโครงการนี้ได้มากขึ้น ซึ่งอาจอยู่ในช่วง 10 ถึง 20 พันล้านดอลลาร์ ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี Biden ก่อนหน้านี้ โครงสร้างใยแก้วนำแสงได้รับการเน้นย้ำว่าเป็นโซลูชันที่มั่นคงและพัฒนาต่อยอดได้ง่ายในอนาคต เช่น การสนับสนุนโครงข่าย 5G แต่รัฐบาล Trump มองว่านโยบายดังกล่าวมีข้อจำกัดและอุปสรรคมากเกินไป จึงเปลี่ยนมาใช้นโยบาย "เทคโนโลยีเป็นกลาง" ที่มุ่งเน้นการให้บริการอินเทอร์เน็ตที่รวดเร็วในราคาถูกแก่ประชาชน โดยลดข้อกำหนดที่ถูกมองว่าเป็นภาระหรือสร้างความล่าช้าในการก่อสร้าง นักวิจารณ์และกลุ่มผู้สนับสนุนการเข้าถึงบรอดแบนด์คุณภาพสูง เช่น Benton Institute for Broadband & Society ได้แสดงความกังวลว่า การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้ประชาชนในชนบทหลายล้านคนต้องพึ่งพาบริการอินเทอร์เน็ตที่ช้ากว่า ไม่เสถียร และไม่ตอบโจทย์ความต้องการทางเทคโนโลยีในระยะยาว เช่น การแพทย์ทางไกลหรือการเล่นเกม การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาจเป็นโอกาสทองสำหรับ Starlink ซึ่งเป็นโครงการบริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมที่บริหารโดย SpaceX แม้จะยังไม่ได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากโครงการ BEAD แต่ก็มีแนวโน้มที่จะได้รับเงินทุนจากโปรแกรมสนับสนุนบรอดแบนด์ของรัฐบาล เช่น Universal Service Programs โดย FCC และบทบาทของ Elon Musk ในรัฐบาล Trump ยังถูกตั้งคำถามถึงผลประโยชน์ทับซ้อน ในขณะที่นโยบายนี้อาจช่วยให้การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมีความรวดเร็วขึ้นในบางพื้นที่ แต่การลดความสำคัญของใยแก้วนำแสงอาจส่งผลต่อความยั่งยืนและความมั่นคงของโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์ในระยะยาว การสร้างสมดุลระหว่างเทคโนโลยีที่หลากหลายกับคุณภาพของบริการจึงเป็นความท้าทายสำคัญที่สหรัฐฯ ต้องเผชิญ https://www.techspot.com/news/107067-broadband-policy-shift-us-drops-fiber-priority-could.htmlWWW.TECHSPOT.COMBroadband policy shift in the U.S. drops fiber priority, could funnel billions to StarlinkThis move marks a departure from the Biden administration's approach, which emphasized fiber-optic networks as the most future-proof and reliable option for broadband deployment.0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว - นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Tarlogic Security ในสเปน ได้ค้นพบช่องโหว่ที่น่ากังวลในชิป ESP32 ซึ่งเป็นไมโครคอนโทรลเลอร์ที่ถูกใช้ในอุปกรณ์ IoT มากกว่า 1 พันล้านเครื่องทั่วโลก โดยช่องโหว่นี้มีลักษณะเป็นคำสั่งที่ไม่ได้รับการเปิดเผย (undocumented commands) ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงและควบคุมอุปกรณ์ได้ในระดับต่ำ (low-level control) รวมถึงการสวมรอย (spoofing) และการแก้ไขหน่วยความจำ
ชิป ESP32 จาก Espressif ถูกใช้งานในอุปกรณ์ที่หลากหลาย เช่น สมาร์ทล็อก โทรศัพท์ และอุปกรณ์การแพทย์ ซึ่งการมีช่องโหว่ในชิปรุ่นนี้ถือเป็นภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วง โดย Tarlogic Security พบคำสั่งที่ซ่อนอยู่ในเฟิร์มแวร์ Bluetooth ของ ESP32 รวมถึงคำสั่ง Opcode 0x3F ที่ให้ความสามารถในการจัดการหน่วยความจำ การปลอมแปลง MAC address และการฉีดแพ็กเก็ตข้อมูล (LMP/LLCP packet injection)
== ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ==
1) การโจมตีระยะไกล: ช่องโหว่นี้อาจถูกใช้งานในกรณีที่ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงเฟิร์มแวร์ที่เป็นอันตราย หรือมีการเชื่อมต่อ Bluetooth ที่ไม่ปลอดภัย
2) การโจมตีผ่าน USB/UART: หากผู้โจมตีเข้าถึงฮาร์ดแวร์ได้โดยตรงผ่าน USB หรือ UART พวกเขาสามารถใช้ช่องโหว่นี้เพื่อดักฟังหรือควบคุมอุปกรณ์ได้
3) การโจมตีแบบขยายตัว: ในบริบทของ IoT ผู้โจมตีสามารถใช้ช่องโหว่นี้เพื่อสร้าง APT (Advanced Persistent Threat) ภายในหน่วยความจำของ ESP32 และกระจายการโจมตีไปยังอุปกรณ์อื่นในเครือข่าย
จนถึงขณะนี้ Espressif ยังไม่ได้ออกคำชี้แจงเกี่ยวกับช่องโหว่นี้ ผู้ใช้งานอุปกรณ์ IoT ที่มีชิป ESP32 ควรระมัดระวังและตรวจสอบการอัปเดตเฟิร์มแวร์อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการตั้งค่าความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสการเชื่อมต่อ Bluetooth และการปิดการเชื่อมต่อเมื่อไม่ใช้งาน
https://www.bleepingcomputer.com/news/security/undocumented-backdoor-found-in-bluetooth-chip-used-by-a-billion-devices/นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Tarlogic Security ในสเปน ได้ค้นพบช่องโหว่ที่น่ากังวลในชิป ESP32 ซึ่งเป็นไมโครคอนโทรลเลอร์ที่ถูกใช้ในอุปกรณ์ IoT มากกว่า 1 พันล้านเครื่องทั่วโลก โดยช่องโหว่นี้มีลักษณะเป็นคำสั่งที่ไม่ได้รับการเปิดเผย (undocumented commands) ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงและควบคุมอุปกรณ์ได้ในระดับต่ำ (low-level control) รวมถึงการสวมรอย (spoofing) และการแก้ไขหน่วยความจำ ชิป ESP32 จาก Espressif ถูกใช้งานในอุปกรณ์ที่หลากหลาย เช่น สมาร์ทล็อก โทรศัพท์ และอุปกรณ์การแพทย์ ซึ่งการมีช่องโหว่ในชิปรุ่นนี้ถือเป็นภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วง โดย Tarlogic Security พบคำสั่งที่ซ่อนอยู่ในเฟิร์มแวร์ Bluetooth ของ ESP32 รวมถึงคำสั่ง Opcode 0x3F ที่ให้ความสามารถในการจัดการหน่วยความจำ การปลอมแปลง MAC address และการฉีดแพ็กเก็ตข้อมูล (LMP/LLCP packet injection) == ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น == 1) การโจมตีระยะไกล: ช่องโหว่นี้อาจถูกใช้งานในกรณีที่ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงเฟิร์มแวร์ที่เป็นอันตราย หรือมีการเชื่อมต่อ Bluetooth ที่ไม่ปลอดภัย 2) การโจมตีผ่าน USB/UART: หากผู้โจมตีเข้าถึงฮาร์ดแวร์ได้โดยตรงผ่าน USB หรือ UART พวกเขาสามารถใช้ช่องโหว่นี้เพื่อดักฟังหรือควบคุมอุปกรณ์ได้ 3) การโจมตีแบบขยายตัว: ในบริบทของ IoT ผู้โจมตีสามารถใช้ช่องโหว่นี้เพื่อสร้าง APT (Advanced Persistent Threat) ภายในหน่วยความจำของ ESP32 และกระจายการโจมตีไปยังอุปกรณ์อื่นในเครือข่าย จนถึงขณะนี้ Espressif ยังไม่ได้ออกคำชี้แจงเกี่ยวกับช่องโหว่นี้ ผู้ใช้งานอุปกรณ์ IoT ที่มีชิป ESP32 ควรระมัดระวังและตรวจสอบการอัปเดตเฟิร์มแวร์อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการตั้งค่าความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสการเชื่อมต่อ Bluetooth และการปิดการเชื่อมต่อเมื่อไม่ใช้งาน https://www.bleepingcomputer.com/news/security/undocumented-backdoor-found-in-bluetooth-chip-used-by-a-billion-devices/WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COMUndocumented "backdoor" found in Bluetooth chip used by a billion devicesThe ubiquitous ESP32 microchip made by Chinese manufacturer Espressif and used by over 1 billion units as of 2023 contains an undocumented "backdoor" that could be leveraged for attacks.0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว - แม้ว่ารัสเซียจะเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรจากหลายประเทศ แต่อุตสาหกรรมไมโครอิเล็กทรอนิกส์กลับเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2024 โดยมีการเพิ่มจำนวนพนักงานถึง 13% ในหลายบริษัท เช่น Element Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Mikron (ผู้ผลิตชิประดับสูงรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย) และอื่น ๆ เช่น Graviton และ RDV Technology
== การเพิ่มจำนวนและคุณภาพบุคลากร ==
1) การเติบโตของพนักงาน: บริษัท Element Group มีพนักงานถึง 9,500 คน โดย 42% เป็นวิศวกร และ Graviton เพิ่มบุคลากรในสาย R&D ถึงสามเท่าในปีที่ผ่านมา
2) แรงจูงใจผ่านเงินเดือน: อัตราเงินเดือนวิศวกรเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ เช่น มอสโกและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 15-22% พร้อมกับการมอบผลประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อแข่งขันแย่งบุคลากรที่มีความสามารถ
== ผลผลิตและนวัตกรรมที่เพิ่มขึ้น ==
- RDV Technology ขยายสายการผลิตเพิ่มขึ้นสองสาย พร้อมเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ใหม่สองรุ่นชื่อ Altai และ Caucasus
- Aquarius เพิ่มบุคลากรสายอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น และเน้นนวัตกรรมในระบบเซิร์ฟเวอร์และ PC
มีการคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2025 โดยบริษัทในรัสเซียตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนพนักงานอีก 8% โดยบริษัทบางแห่งวางแผนเพิ่มถึง 20% ภายในปีหน้า เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดไมโครอิเล็กทรอนิกส์
ในขณะที่อุตสาหกรรมกำลังเติบโต แต่รัสเซียเผชิญกับการขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากมีบุคลากรหลายคนย้ายออกนอกประเทศจากสงครามในยูเครน เพื่อแก้ปัญหานี้ บริษัทต่าง ๆ ได้เสนอโครงการฝึกอบรมสำหรับนักศึกษาและเพิ่มโควต้าผู้เรียนในมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ บริษัทต่าง ๆ ยังลงทุนในโครงการฝึกงานที่มอบโอกาสการจ้างงานแก่ผู้สำเร็จการศึกษา
https://www.tomshardware.com/tech-industry/russia-sees-tech-boom-amid-sanctions-microelectronics-industry-sees-massive-hiring-surge-and-increased-salariesแม้ว่ารัสเซียจะเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรจากหลายประเทศ แต่อุตสาหกรรมไมโครอิเล็กทรอนิกส์กลับเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2024 โดยมีการเพิ่มจำนวนพนักงานถึง 13% ในหลายบริษัท เช่น Element Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Mikron (ผู้ผลิตชิประดับสูงรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย) และอื่น ๆ เช่น Graviton และ RDV Technology == การเพิ่มจำนวนและคุณภาพบุคลากร == 1) การเติบโตของพนักงาน: บริษัท Element Group มีพนักงานถึง 9,500 คน โดย 42% เป็นวิศวกร และ Graviton เพิ่มบุคลากรในสาย R&D ถึงสามเท่าในปีที่ผ่านมา 2) แรงจูงใจผ่านเงินเดือน: อัตราเงินเดือนวิศวกรเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ เช่น มอสโกและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 15-22% พร้อมกับการมอบผลประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อแข่งขันแย่งบุคลากรที่มีความสามารถ == ผลผลิตและนวัตกรรมที่เพิ่มขึ้น == - RDV Technology ขยายสายการผลิตเพิ่มขึ้นสองสาย พร้อมเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ใหม่สองรุ่นชื่อ Altai และ Caucasus - Aquarius เพิ่มบุคลากรสายอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น และเน้นนวัตกรรมในระบบเซิร์ฟเวอร์และ PC มีการคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2025 โดยบริษัทในรัสเซียตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนพนักงานอีก 8% โดยบริษัทบางแห่งวางแผนเพิ่มถึง 20% ภายในปีหน้า เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ในขณะที่อุตสาหกรรมกำลังเติบโต แต่รัสเซียเผชิญกับการขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากมีบุคลากรหลายคนย้ายออกนอกประเทศจากสงครามในยูเครน เพื่อแก้ปัญหานี้ บริษัทต่าง ๆ ได้เสนอโครงการฝึกอบรมสำหรับนักศึกษาและเพิ่มโควต้าผู้เรียนในมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ บริษัทต่าง ๆ ยังลงทุนในโครงการฝึกงานที่มอบโอกาสการจ้างงานแก่ผู้สำเร็จการศึกษา https://www.tomshardware.com/tech-industry/russia-sees-tech-boom-amid-sanctions-microelectronics-industry-sees-massive-hiring-surge-and-increased-salariesWWW.TOMSHARDWARE.COMRussia sees tech boom amid sanctions — microelectronics industry sees massive hiring surge and increased salariesEngineers are the most sought-after professionals in Russia.0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว - การ์ดจอ NVIDIA RTX 5090 ที่เพิ่งเปิดตัวกำลังเผชิญปัญหาเกี่ยวกับความร้อนในขั้วต่อไฟฟ้า 16-pin อย่างรุนแรง Andreas Schilling ผู้เชี่ยวชาญด้านฮาร์ดแวร์จากเว็บไซต์ Hardware Luxx ได้รายงานผ่านภาพถ่ายจากกล้องถ่ายความร้อนว่า ขั้วต่อไฟฟ้าของ RTX 5090 สามารถร้อนสูงถึง 150 องศาเซลเซียส
== สาเหตุและผลกระทบ ==
- ความเสียหายจากความร้อน: แม้ว่าขั้วต่อไฟฟ้าจะไม่ถึงจุดหลอมเหลวของวัสดุที่ใช้ (Nylon 66 และ LCP) ซึ่งอยู่ที่ 255-335 องศาเซลเซียส แต่นี่เป็นจุดอ่อนสำคัญที่อาจส่งผลต่อความปลอดภัยและอายุการใช้งานของอุปกรณ์
- การเชื่อมต่อที่ไม่ทนทาน: Corsair ผู้ผลิตชิ้นส่วน PC ระบุว่าขั้วต่อ 16-pin มีวงจรการเชื่อมต่อ/ถอดที่รองรับได้เพียง 30 ครั้ง แต่ในกรณีนี้ ขั้วต่อถูกใช้งานเกินหลายร้อยครั้งแล้ว ทำให้เกิดความไม่เสถียร
- ความไม่ไว้วางใจในตัวเลือกนี้: Schilling แสดงความคิดเห็นอย่างหนักแน่นว่า การออกแบบขั้วต่อ 12V-2x6 "จะเป็นจุดอ่อนสำคัญตลอดการใช้งานของการ์ดจอรุ่นนี้"
การ์ดจอที่ทดสอบคือ Inno3D RTX 5090 Frostbite ซึ่งใช้น้ำเป็นตัวระบายความร้อน และแหล่งจ่ายไฟคือ be quiet! Dark Power 13 ที่รองรับพลังงาน 600W ในระหว่างการทดสอบ แม้ตัว GPU จะเย็นแต่ขั้วต่อไฟฟ้ากลับมีอุณหภูมิสูงจนกังวล
แนวทางที่ควรคำนึง
- การปรับปรุงการออกแบบขั้วต่อไฟฟ้า: NVIDIA อาจต้องหาวิธีแก้ปัญหาขั้วต่อไฟฟ้าในรุ่นนี้หรือในรุ่นต่อไป เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความเชื่อมั่นของผู้ใช้งาน
- คำแนะนำแก่ผู้ใช้: ผู้ใช้งาน RTX 5090 ควรตรวจสอบความร้อนของขั้วต่อไฟฟ้า และหลีกเลี่ยงการใช้งานที่มีโหลดสูงในระยะเวลานาน
https://www.tomshardware.com/pc-components/power-supplies/nvidia-rtx-5090s-16-pin-power-connector-hits-150c-in-reviewers-thermal-camera-shotsการ์ดจอ NVIDIA RTX 5090 ที่เพิ่งเปิดตัวกำลังเผชิญปัญหาเกี่ยวกับความร้อนในขั้วต่อไฟฟ้า 16-pin อย่างรุนแรง Andreas Schilling ผู้เชี่ยวชาญด้านฮาร์ดแวร์จากเว็บไซต์ Hardware Luxx ได้รายงานผ่านภาพถ่ายจากกล้องถ่ายความร้อนว่า ขั้วต่อไฟฟ้าของ RTX 5090 สามารถร้อนสูงถึง 150 องศาเซลเซียส == สาเหตุและผลกระทบ == - ความเสียหายจากความร้อน: แม้ว่าขั้วต่อไฟฟ้าจะไม่ถึงจุดหลอมเหลวของวัสดุที่ใช้ (Nylon 66 และ LCP) ซึ่งอยู่ที่ 255-335 องศาเซลเซียส แต่นี่เป็นจุดอ่อนสำคัญที่อาจส่งผลต่อความปลอดภัยและอายุการใช้งานของอุปกรณ์ - การเชื่อมต่อที่ไม่ทนทาน: Corsair ผู้ผลิตชิ้นส่วน PC ระบุว่าขั้วต่อ 16-pin มีวงจรการเชื่อมต่อ/ถอดที่รองรับได้เพียง 30 ครั้ง แต่ในกรณีนี้ ขั้วต่อถูกใช้งานเกินหลายร้อยครั้งแล้ว ทำให้เกิดความไม่เสถียร - ความไม่ไว้วางใจในตัวเลือกนี้: Schilling แสดงความคิดเห็นอย่างหนักแน่นว่า การออกแบบขั้วต่อ 12V-2x6 "จะเป็นจุดอ่อนสำคัญตลอดการใช้งานของการ์ดจอรุ่นนี้" การ์ดจอที่ทดสอบคือ Inno3D RTX 5090 Frostbite ซึ่งใช้น้ำเป็นตัวระบายความร้อน และแหล่งจ่ายไฟคือ be quiet! Dark Power 13 ที่รองรับพลังงาน 600W ในระหว่างการทดสอบ แม้ตัว GPU จะเย็นแต่ขั้วต่อไฟฟ้ากลับมีอุณหภูมิสูงจนกังวล แนวทางที่ควรคำนึง - การปรับปรุงการออกแบบขั้วต่อไฟฟ้า: NVIDIA อาจต้องหาวิธีแก้ปัญหาขั้วต่อไฟฟ้าในรุ่นนี้หรือในรุ่นต่อไป เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความเชื่อมั่นของผู้ใช้งาน - คำแนะนำแก่ผู้ใช้: ผู้ใช้งาน RTX 5090 ควรตรวจสอบความร้อนของขั้วต่อไฟฟ้า และหลีกเลี่ยงการใช้งานที่มีโหลดสูงในระยะเวลานาน https://www.tomshardware.com/pc-components/power-supplies/nvidia-rtx-5090s-16-pin-power-connector-hits-150c-in-reviewers-thermal-camera-shotsWWW.TOMSHARDWARE.COMNvidia RTX 5090's 16-pin power connector hits 150C in reviewer's thermal camera shotsAndreas Schilling of Germany's Hardware Luxx says the power connector issue will 'forever remain a weak point of this generation.'0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว - Silicon Motion Technology Corporation ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในด้านคอนโทรลเลอร์แฟลชสำหรับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบโซลิดสเตต (SSD) ได้เผยโฉมผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดในงาน Embedded World 2025 ที่เมืองนูเรมเบิร์ก เยอรมนี โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อตอบโจทย์การใช้งานด้าน AI, ระบบฝังตัว (Embedded Systems) และอุตสาหกรรมยานยนต์
== โซลูชันเด่นที่น่าสนใจ ==
คอนโทรลเลอร์ SSD สำหรับยานยนต์ SM2264XT-AT:
- รองรับมาตรฐาน PCIe Gen 4 พร้อมช่องสัญญาณ NAND ถึง 8 ช่อง ความเร็วสูงสุด 1,600 MT/s
- รองรับมาตรฐานความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ เช่น AEC-Q100, ISO 26262 และ ASPICE Capability Level 3
- เหมาะสำหรับระบบ AI ในยานยนต์และระบบฝังตัวที่ต้องการความปลอดภัยสูง
โซลูชัน Ferri สำหรับระบบฝังตัวและ AIoT:
- รวมถึง FerriSSD, Ferri-eMMC และ Ferri-UFS ออกแบบมาให้ทนทานและเสถียรในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น โรงงานอุตสาหกรรมหรืออุปกรณ์การแพทย์
- มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น NANDXtend ECC และ IntelligentScan เพื่อเพิ่มความทนทานและการตรวจสอบความสมบูรณ์ของข้อมูลในเวลาจริง
SM770 Display Interface SoC:
- รองรับการแสดงผลแบบมัลติ-จอภาพ พร้อมความละเอียดระดับ 4K UHD ได้ถึง 3 จอ
- มีฟีเจอร์ InstantView ที่ช่วยให้ใช้งานได้โดยไม่ต้องติดตั้งไดรเวอร์ เหมาะสำหรับระบบฝังตัวในสายงานอุตสาหกรรมและแอปพลิเคชันสำหรับผู้บริโภค
MonTitan SSD รุ่น 128 TB QLC:
- รองรับ PCIe Gen 5 และสามารถอ่านข้อมูลต่อเนื่องได้เร็วกว่า 14 GB/s
- ออกแบบมาสำหรับระบบจัดเก็บข้อมูล AI ขนาดใหญ่และการใช้งานในดาต้าเซ็นเตอร์
ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เน้นการประหยัดพลังงาน ตอบสนองต่อความต้องการของอุตสาหกรรมที่เน้น AI และ IoT เช่น การควบคุมอัตโนมัติ, อุปกรณ์อัจฉริยะ และระบบยานยนต์ AI การพัฒนานี้ยังช่วยเสริมความสามารถในการแข่งขันในตลาดของ Silicon Motion และสร้างแนวทางใหม่ในการรองรับโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง
https://www.techpowerup.com/333756/silicon-motion-showcases-storage-solutions-for-ai-and-display-interface-socs-at-embedded-world-2025Silicon Motion Technology Corporation ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในด้านคอนโทรลเลอร์แฟลชสำหรับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบโซลิดสเตต (SSD) ได้เผยโฉมผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดในงาน Embedded World 2025 ที่เมืองนูเรมเบิร์ก เยอรมนี โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อตอบโจทย์การใช้งานด้าน AI, ระบบฝังตัว (Embedded Systems) และอุตสาหกรรมยานยนต์ == โซลูชันเด่นที่น่าสนใจ == คอนโทรลเลอร์ SSD สำหรับยานยนต์ SM2264XT-AT: - รองรับมาตรฐาน PCIe Gen 4 พร้อมช่องสัญญาณ NAND ถึง 8 ช่อง ความเร็วสูงสุด 1,600 MT/s - รองรับมาตรฐานความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ เช่น AEC-Q100, ISO 26262 และ ASPICE Capability Level 3 - เหมาะสำหรับระบบ AI ในยานยนต์และระบบฝังตัวที่ต้องการความปลอดภัยสูง โซลูชัน Ferri สำหรับระบบฝังตัวและ AIoT: - รวมถึง FerriSSD, Ferri-eMMC และ Ferri-UFS ออกแบบมาให้ทนทานและเสถียรในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น โรงงานอุตสาหกรรมหรืออุปกรณ์การแพทย์ - มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น NANDXtend ECC และ IntelligentScan เพื่อเพิ่มความทนทานและการตรวจสอบความสมบูรณ์ของข้อมูลในเวลาจริง SM770 Display Interface SoC: - รองรับการแสดงผลแบบมัลติ-จอภาพ พร้อมความละเอียดระดับ 4K UHD ได้ถึง 3 จอ - มีฟีเจอร์ InstantView ที่ช่วยให้ใช้งานได้โดยไม่ต้องติดตั้งไดรเวอร์ เหมาะสำหรับระบบฝังตัวในสายงานอุตสาหกรรมและแอปพลิเคชันสำหรับผู้บริโภค MonTitan SSD รุ่น 128 TB QLC: - รองรับ PCIe Gen 5 และสามารถอ่านข้อมูลต่อเนื่องได้เร็วกว่า 14 GB/s - ออกแบบมาสำหรับระบบจัดเก็บข้อมูล AI ขนาดใหญ่และการใช้งานในดาต้าเซ็นเตอร์ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เน้นการประหยัดพลังงาน ตอบสนองต่อความต้องการของอุตสาหกรรมที่เน้น AI และ IoT เช่น การควบคุมอัตโนมัติ, อุปกรณ์อัจฉริยะ และระบบยานยนต์ AI การพัฒนานี้ยังช่วยเสริมความสามารถในการแข่งขันในตลาดของ Silicon Motion และสร้างแนวทางใหม่ในการรองรับโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง https://www.techpowerup.com/333756/silicon-motion-showcases-storage-solutions-for-ai-and-display-interface-socs-at-embedded-world-2025WWW.TECHPOWERUP.COMSilicon Motion Showcases Storage Solutions for AI and Display Interface SoCs at Embedded World 2025Silicon Motion Technology Corporation, a global leader in NAND flash controllers for solid-state storage devices, today announced its participation in Embedded World 2025, taking place from March 11-13, 2025, in Nuremberg, Germany. At the event, Silicon Motion will showcase its latest storage and...0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว - จีนกำลังก้าวเข้าสู่วงการ EUV Lithography (Extreme Ultraviolet Lithography) ด้วยการพัฒนาอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีแสงเลเซอร์แบบ LDP (Laser-Induced Discharge Plasma) ซึ่งกำลังทดสอบที่โรงงานของ Huawei ในเมืองตงกวน โดยเป้าหมายคือการเริ่มการผลิตเชิงทดลองในไตรมาส 3 ปี 2025 และผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2026 อุปกรณ์นี้อาจทำให้จีนหลุดพ้นจากการพึ่งพาผู้ผลิตในต่างประเทศ เช่น ASML ที่ครองตลาดด้านเทคโนโลยีนี้มาอย่างยาวนาน
= วิธีการทำงานของ LDP และข้อได้เปรียบ =
1) การสร้างแสง EUV: แสง EUV ที่ความยาวคลื่น 13.5 นาโนเมตรถูกผลิตขึ้นโดยการระเหยดีบุกให้กลายเป็นพลาสมา ผ่านกระบวนการปล่อยประจุไฟฟ้าแรงสูง วิธีนี้ต่างจากเทคนิค LPP (Laser-Produced Plasma) ของ ASML ที่ใช้เลเซอร์พลังงานสูงและระบบควบคุมซับซ้อน
2) ข้อได้เปรียบของ LDP:
- โครงสร้างเครื่องจักรเรียบง่ายกว่า
- ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ลดต้นทุนการผลิตในระยะยาว
= ความสำคัญในบริบทการคว่ำบาตร =
ก่อนหน้านี้ จีนประสบปัญหาในการพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง เนื่องจากถูกจำกัดการส่งออกอุปกรณ์ EUV จากสหรัฐฯ และพันธมิตร ทำให้การพัฒนาชิปต้องใช้เทคนิค DUV (Deep Ultraviolet) ที่มีข้อจำกัด เช่น การใช้ความยาวคลื่นที่ใหญ่กว่า (193 นาโนเมตร) และการทำการแพทเทิร์นหลายครั้ง (Multi-patterning) ซึ่งเพิ่มความซับซ้อนและต้นทุน แต่เทคโนโลยี LDP ของ Huawei นี้อาจช่วยยกระดับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของจีนได้อย่างมหาศาล
อย่างไรก็ตาม มีความท้าทายที่สำคัญ:
- ความสามารถในการสร้างภาพที่คมชัดและละเอียดเพียงพอ
- ความคงที่ของระบบในกระบวนการผลิตจำนวนมาก
- การรวมอุปกรณ์นี้เข้ากับสายการผลิตที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากอุปกรณ์ของ Huawei สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดเหล่านี้ได้ จีนอาจกลายเป็นผู้เล่นสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก และลดอิทธิพลของ ASML ในตลาดนี้ได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเทคโนโลยีนี้อาจเป็น "DeepSeek Moment" ที่จะปฏิวัติวงการการผลิตชิปในประเทศจีน
https://www.techpowerup.com/333801/china-develops-domestic-euv-tool-asml-monopoly-in-troubleจีนกำลังก้าวเข้าสู่วงการ EUV Lithography (Extreme Ultraviolet Lithography) ด้วยการพัฒนาอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีแสงเลเซอร์แบบ LDP (Laser-Induced Discharge Plasma) ซึ่งกำลังทดสอบที่โรงงานของ Huawei ในเมืองตงกวน โดยเป้าหมายคือการเริ่มการผลิตเชิงทดลองในไตรมาส 3 ปี 2025 และผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2026 อุปกรณ์นี้อาจทำให้จีนหลุดพ้นจากการพึ่งพาผู้ผลิตในต่างประเทศ เช่น ASML ที่ครองตลาดด้านเทคโนโลยีนี้มาอย่างยาวนาน = วิธีการทำงานของ LDP และข้อได้เปรียบ = 1) การสร้างแสง EUV: แสง EUV ที่ความยาวคลื่น 13.5 นาโนเมตรถูกผลิตขึ้นโดยการระเหยดีบุกให้กลายเป็นพลาสมา ผ่านกระบวนการปล่อยประจุไฟฟ้าแรงสูง วิธีนี้ต่างจากเทคนิค LPP (Laser-Produced Plasma) ของ ASML ที่ใช้เลเซอร์พลังงานสูงและระบบควบคุมซับซ้อน 2) ข้อได้เปรียบของ LDP: - โครงสร้างเครื่องจักรเรียบง่ายกว่า - ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น - ลดต้นทุนการผลิตในระยะยาว = ความสำคัญในบริบทการคว่ำบาตร = ก่อนหน้านี้ จีนประสบปัญหาในการพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง เนื่องจากถูกจำกัดการส่งออกอุปกรณ์ EUV จากสหรัฐฯ และพันธมิตร ทำให้การพัฒนาชิปต้องใช้เทคนิค DUV (Deep Ultraviolet) ที่มีข้อจำกัด เช่น การใช้ความยาวคลื่นที่ใหญ่กว่า (193 นาโนเมตร) และการทำการแพทเทิร์นหลายครั้ง (Multi-patterning) ซึ่งเพิ่มความซับซ้อนและต้นทุน แต่เทคโนโลยี LDP ของ Huawei นี้อาจช่วยยกระดับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของจีนได้อย่างมหาศาล อย่างไรก็ตาม มีความท้าทายที่สำคัญ: - ความสามารถในการสร้างภาพที่คมชัดและละเอียดเพียงพอ - ความคงที่ของระบบในกระบวนการผลิตจำนวนมาก - การรวมอุปกรณ์นี้เข้ากับสายการผลิตที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากอุปกรณ์ของ Huawei สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดเหล่านี้ได้ จีนอาจกลายเป็นผู้เล่นสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก และลดอิทธิพลของ ASML ในตลาดนี้ได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเทคโนโลยีนี้อาจเป็น "DeepSeek Moment" ที่จะปฏิวัติวงการการผลิตชิปในประเทศจีน https://www.techpowerup.com/333801/china-develops-domestic-euv-tool-asml-monopoly-in-troubleWWW.TECHPOWERUP.COMChina Develops Domestic EUV Tool, ASML Monopoly in TroubleChina's domestic extreme ultraviolet (EUV) lithography development is far from a distant dream. The newest system, now undergoing testing at Huawei's Dongguan facility, leverages laser-induced discharge plasma (LDP) technology, representing a potentially disruptive approach to EUV light generation. ...0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว - Me and my buddy. #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
- Lexar บริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลดิจิทัล ได้เปิดตัวการ์ด SD รุ่นใหม่ในตระกูล ARMOR GOLD และ ARMOR SILVER PRO SDXC UHS-II ที่มาพร้อมกับความแข็งแกร่งทนทานเหนือระดับ และประสิทธิภาพที่เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมสุดขั้ว เช่น อุตสาหกรรมการถ่ายภาพและวิดีโอระดับมืออาชีพ
== คุณสมบัติเด่นที่น่าสนใจ ==
1) โครงสร้างจากสแตนเลสสตีล:
- การ์ด SD รุ่นนี้สร้างจากสแตนเลสสตีลแทนพลาสติกทั่วไป ทำให้มีความทนทานต่อการงอและการแตกหักถึง 37 เท่าของการ์ด SD ปกติ
- ทนต่อความร้อนและไฟฟ้าสถิต พร้อมใช้งานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายและท้าทาย
2) การออกแบบเสริมความคงทน:
- การ์ดมีระดับการป้องกัน IP68 ซึ่งหมายถึงสามารถกันน้ำและฝุ่นได้อย่างสมบูรณ์
- รองรับการตกจากความสูงถึง 5 เมตร (16 ฟุต) โดยไม่เสียหาย
3) ความเร็วและประสิทธิภาพสูงสุด:
- ARMOR GOLD ให้ความเร็วการเขียนสูงสุดที่ 210 MB/s และ SILVER PRO ที่ 160 MB/s พร้อมความเร็วในการโอนถ่ายสูงสุดถึง 280 MB/s
- ผ่านมาตรฐาน Video Speed Class 60 (V60) ที่ช่วยให้สามารถบันทึกวิดีโอความละเอียด 6K ได้อย่างราบรื่น
4) เครื่องมือเสริมความปลอดภัย:
- ผู้ใช้สามารถเข้าถึง Lexar Recovery Tool ได้ตลอดอายุการใช้งานของการ์ด เพื่อกู้คืนไฟล์ที่ถูกลบหรือฟอร์แมตโดยไม่ได้ตั้งใจ
- มาพร้อมกับการรับประกันแบบจำกัดอายุการใช้งาน ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ใช้งาน
ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่น การ์ด SD รุ่นนี้เหมาะสำหรับช่างภาพและนักถ่ายวิดีโอที่ต้องการอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่เชื่อถือได้ในทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานที่ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น การถ่ายภาพกลางแจ้ง การถ่ายทำในทะเลทราย หรือพื้นที่ที่มีความชื้นสูง การรองรับ 6K video ยังทำให้การ์ดเหล่านี้เป็นตัวเลือกสำคัญสำหรับผู้สร้างเนื้อหาคุณภาพสูง
https://www.techradar.com/pro/almost-indestructible-memory-card-launched-lexars-armor-sd-steel-cards-are-water-resistant-and-can-survive-a-16-feet-dropLexar บริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลดิจิทัล ได้เปิดตัวการ์ด SD รุ่นใหม่ในตระกูล ARMOR GOLD และ ARMOR SILVER PRO SDXC UHS-II ที่มาพร้อมกับความแข็งแกร่งทนทานเหนือระดับ และประสิทธิภาพที่เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมสุดขั้ว เช่น อุตสาหกรรมการถ่ายภาพและวิดีโอระดับมืออาชีพ == คุณสมบัติเด่นที่น่าสนใจ == 1) โครงสร้างจากสแตนเลสสตีล: - การ์ด SD รุ่นนี้สร้างจากสแตนเลสสตีลแทนพลาสติกทั่วไป ทำให้มีความทนทานต่อการงอและการแตกหักถึง 37 เท่าของการ์ด SD ปกติ - ทนต่อความร้อนและไฟฟ้าสถิต พร้อมใช้งานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายและท้าทาย 2) การออกแบบเสริมความคงทน: - การ์ดมีระดับการป้องกัน IP68 ซึ่งหมายถึงสามารถกันน้ำและฝุ่นได้อย่างสมบูรณ์ - รองรับการตกจากความสูงถึง 5 เมตร (16 ฟุต) โดยไม่เสียหาย 3) ความเร็วและประสิทธิภาพสูงสุด: - ARMOR GOLD ให้ความเร็วการเขียนสูงสุดที่ 210 MB/s และ SILVER PRO ที่ 160 MB/s พร้อมความเร็วในการโอนถ่ายสูงสุดถึง 280 MB/s - ผ่านมาตรฐาน Video Speed Class 60 (V60) ที่ช่วยให้สามารถบันทึกวิดีโอความละเอียด 6K ได้อย่างราบรื่น 4) เครื่องมือเสริมความปลอดภัย: - ผู้ใช้สามารถเข้าถึง Lexar Recovery Tool ได้ตลอดอายุการใช้งานของการ์ด เพื่อกู้คืนไฟล์ที่ถูกลบหรือฟอร์แมตโดยไม่ได้ตั้งใจ - มาพร้อมกับการรับประกันแบบจำกัดอายุการใช้งาน ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ใช้งาน ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่น การ์ด SD รุ่นนี้เหมาะสำหรับช่างภาพและนักถ่ายวิดีโอที่ต้องการอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่เชื่อถือได้ในทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานที่ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น การถ่ายภาพกลางแจ้ง การถ่ายทำในทะเลทราย หรือพื้นที่ที่มีความชื้นสูง การรองรับ 6K video ยังทำให้การ์ดเหล่านี้เป็นตัวเลือกสำคัญสำหรับผู้สร้างเนื้อหาคุณภาพสูง https://www.techradar.com/pro/almost-indestructible-memory-card-launched-lexars-armor-sd-steel-cards-are-water-resistant-and-can-survive-a-16-feet-dropWWW.TECHRADAR.COMThis stainless steel memory card is almost 40x stronger than normal memory cards and can be dropped in water without harmLexar ARMOR series withstands extreme conditions0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว - https://youtu.be/VvfSER1fAwE?si=XJuR1-2j5inV-Qo60 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
- 1/
รัสเซียถล่มเมือง Dobropillia ทางเหนือของ Pokrovsk ส่งผลให้ฝ่ายยูเครนเสียชีวิต 11 ราย บาดเจ็บ 50 ราย อาคารสูง 5 ชั้น จำนวน 8 หลัง ที่มีทั้งศูนย์การค้า ร้านขายปลีก ที่พักอาศัย และรถยนต์ 30 คัน ได้รับความเสียหาย
เซเลนสกีโวยวายว่านี่คือการยิงจากขีปนาวุธพิสัยไกลของรัสเซียจำนวน 2 ลูก ใส่พื้นที่พลเรือน
แต่จากสื่อในพื้นที่ระบุว่า การโจมตีของรัสเซียครั้งนี้น่าจะมาจากการโจมตีผสมผสานด้วยขีปนาวุธ Iskander-M, ระบบจรวดหลายลำกล้อง Tornado-S ติดหัวรบคลัสเตอร์ และโดรน Geran-2
1/ รัสเซียถล่มเมือง Dobropillia ทางเหนือของ Pokrovsk ส่งผลให้ฝ่ายยูเครนเสียชีวิต 11 ราย บาดเจ็บ 50 ราย อาคารสูง 5 ชั้น จำนวน 8 หลัง ที่มีทั้งศูนย์การค้า ร้านขายปลีก ที่พักอาศัย และรถยนต์ 30 คัน ได้รับความเสียหาย เซเลนสกีโวยวายว่านี่คือการยิงจากขีปนาวุธพิสัยไกลของรัสเซียจำนวน 2 ลูก ใส่พื้นที่พลเรือน แต่จากสื่อในพื้นที่ระบุว่า การโจมตีของรัสเซียครั้งนี้น่าจะมาจากการโจมตีผสมผสานด้วยขีปนาวุธ Iskander-M, ระบบจรวดหลายลำกล้อง Tornado-S ติดหัวรบคลัสเตอร์ และโดรน Geran-2 - World Military and Political (การทหารและการเมืองโลก) เพิ่มวิดีโอแล้ว ข่าวและการเมือง2/
รัสเซียถล่มเมือง Dobropillia ทางเหนือของ Pokrovsk ส่งผลให้ฝ่ายยูเครนเสียชีวิต 11 ราย บาดเจ็บ 50 ราย อาคารสูง 5 ชั้น จำนวน 8 หลัง ที่มีทั้งศูนย์การค้า ร้านขายปลีก ที่พักอาศัย และรถยนต์ 30 คัน ได้รับความเสียหาย
เซเลนสกีโวยวายว่านี่คือการยิงจากขีปนาวุธพิสัยไกลของรัสเซียจำนวน 2 ลูก ใส่พื้นที่พลเรือน
แต่จากสื่อในพื้นที่ระบุว่า การโจมตีของรัสเซียครั้งนี้น่าจะมาจากการโจมตีผสมผสานด้วยขีปนาวุธ Iskander-M, ระบบจรวดหลายลำกล้อง Tornado-S ติดหัวรบคลัสเตอร์ และโดรน Geran-2
2/ รัสเซียถล่มเมือง Dobropillia ทางเหนือของ Pokrovsk ส่งผลให้ฝ่ายยูเครนเสียชีวิต 11 ราย บาดเจ็บ 50 ราย อาคารสูง 5 ชั้น จำนวน 8 หลัง ที่มีทั้งศูนย์การค้า ร้านขายปลีก ที่พักอาศัย และรถยนต์ 30 คัน ได้รับความเสียหาย เซเลนสกีโวยวายว่านี่คือการยิงจากขีปนาวุธพิสัยไกลของรัสเซียจำนวน 2 ลูก ใส่พื้นที่พลเรือน แต่จากสื่อในพื้นที่ระบุว่า การโจมตีของรัสเซียครั้งนี้น่าจะมาจากการโจมตีผสมผสานด้วยขีปนาวุธ Iskander-M, ระบบจรวดหลายลำกล้อง Tornado-S ติดหัวรบคลัสเตอร์ และโดรน Geran-2 - 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
- ร้านเต้าหู้ต้ามู่ สดใหม่..อร่อย (นครปฐม)
ต้องจอง+ต่อคิว+จ่ายเงินก่อน(ข้ามวัน)
รุ่งขึ้นค่อยมารับของ อร่อยขนาดไหน? ต้องไปต่อคิวเอาเอง https://maps.app.goo.gl/LUeaEB8ehWS7KfAAAร้านเต้าหู้ต้ามู่ สดใหม่..อร่อย (นครปฐม) ต้องจอง+ต่อคิว+จ่ายเงินก่อน(ข้ามวัน) รุ่งขึ้นค่อยมารับของ อร่อยขนาดไหน? ต้องไปต่อคิวเอาเอง https://maps.app.goo.gl/LUeaEB8ehWS7KfAAA - 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว