• คนดีเป็นได้ยาก แต่เป็นหน้าที่หลักของความเป็นคน

    จึงต้องใช้ความเพียรยิ่งยวด เพื่อเจริญสติตามรู้ลมหายใจเข้า หายใจออก ให้เห็นจิตมีสมาธิตั้งมั่น ทำจิตให้ปราโมทยิ่ง และทำจิตให้ปล่อยอยู่

    ทางปฏิบัติของคนดี จึงเป็นทางเฉพาะสำหรับอริยชน ซึ่งเป็นเส้นทางขนานกับทางโจร
    คนดีเป็นได้ยาก แต่เป็นหน้าที่หลักของความเป็นคน จึงต้องใช้ความเพียรยิ่งยวด เพื่อเจริญสติตามรู้ลมหายใจเข้า หายใจออก ให้เห็นจิตมีสมาธิตั้งมั่น ทำจิตให้ปราโมทยิ่ง และทำจิตให้ปล่อยอยู่ ทางปฏิบัติของคนดี จึงเป็นทางเฉพาะสำหรับอริยชน ซึ่งเป็นเส้นทางขนานกับทางโจร
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 515 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาวนา/ชาวสวน/ชาวไร่คือภาระของรัฐบาล และชาวนา/ชาวสวน/ชาวไร่ก็คือรากหญ้าของรัฐบาล ที่เสือกเลือกรัฐบาลชุดนี้มา
    ชาวนา/ชาวสวน/ชาวไร่คือภาระของรัฐบาล และชาวนา/ชาวสวน/ชาวไร่ก็คือรากหญ้าของรัฐบาล ที่เสือกเลือกรัฐบาลชุดนี้มา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความขัดแย้งระหว่างพ่อกับลูกของหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศแห่งนี้ และมีความเป็นและความตายของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของสิงคโปร์อย่าง City Developments Ltd (CDL) เป็นเดิมพัน ได้ปะทุขึ้นต่อหน้าสาธารณชนในสัปดาห์นี้ การโต้เถียงกันระหว่างประธานบริหารของ CDL คือ กัวลิ่งหมิง (Kwek Leng Beng) และลูกชายของเขา คือ กัวอี้จื้อ (Sherman Kwek) ได้เปิดเผยถึงรอยร้าวที่ลึกซึ้งภายในตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับสี่ของสิงคโปร์ ซึ่งอยู่ในอันดับมหาเศรษฐฐีชั้นนำที่จัดอันดับโดย Forbesศึกสายเลือกครั้งนี้เต็มไปด้วยข้อกล่าวหาเรื่องความผิดพลาดขององค์กร การละเมิดการกำกับดูแล และความสัมพันธ์ส่วนตัวกำลังคุกคามที่จะยกระดับเป็นการต่อสู้ในศาลเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งในอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เรื่องพิพาทของทั้งคู่เดิมทีเป็นเรื่องในบริษัท แต่ปรากฏต่อสาธารณชนครั้งแรกของปัญหาเกิดขึ้นเมื่อวันพุธ เมื่อ CDL ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดัชนี Straits Times ของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ เรียกร้องให้หยุดการซื้อขายกะทันหัน ตามด้วยแถลงการณ์ยกเลิกการสรุปผลประกอบการประจำปีงบประมาณ 2024 ที่กำหนดไว้จากนั้นก็เกิดเรื่องที่น่าตกตะลึง นั่นคือ กัวลิ่งหมิง (Kwek Leng Beng) ผู้นำตระกูลวัย 84 ปี กล่าวหาลูกชายและซีอีโอของ CDL ต่อสาธารณะว่าวางแผน "พยายามก่อรัฐประหารในระดับคณะกรรมการ"ผู้เป็นพ่อกล่าวว่า กัวอี้จื้อ (Sherman Kwek) ลูกชายคนเล็ก พร้อมด้วยคณะกรรมการส่วนใหญ่ ได้แต่งตั้งกรรมการเพิ่มเติมอีก 2 คนเพื่อ "รวมอำนาจการควบคุมคณะกรรมการ" และ CDL เพื่อขัดขวางการแย่งชิงอำนาจ กัวลิ่งหมิง ผู้เป็นพ่อได้ยื่นฟ้องและต่อมาประกาศว่าเขาได้รับคำสั่งศาลให้หยุดการเปลี่ยนแปลงในคณะกรรมการและฝ่ายบริหารของ CDL Groupกัวอี้จื้อ วัย 49 ปี ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยบอสตัน ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยกล่าวว่า "เราไม่ได้พยายามขับไล่ประธาน"เขาเรียกการเคลื่อนไหวของพ่อว่าเป็นการ "ซุ่มโจมตี" แต่กลับชี้ไปที่ที่มาชองความตึงเครียดที่ลึกซึ้งกว่า นั่นคือ แคเธอรีน วู (Catherine Wu) ที่ปรึกษาคณะกรรมการของบริษัทลูก CDL แต่ลูกชายของเขากล่าวหาว่าแทรกแซงกิจการของบริษัทกัวอี้จื้อ กล่าวว่า "เธอแทรกแซงในเรื่องต่างๆ มากเกินกว่าขอบเขตของเธอ และเธอมีอิทธิพลมหาศาล เรื่องเหล่านี้สร้างปัญหาให้กับเราในฐานะกรรมการ""เนื่องจากความสัมพันธ์อันยาวนานของเธอกับประธานบริษัท (ผู้เป็นพ่อ) ความพยายามในการจัดการสถานการณ์จึงทำไปด้วยความอ่อนไหว แต่ก็ไร้ผล" กัวอี้จื้อ ผู้เป็นลูก กล่าวข้อพิพาทดังกล่าวได้เปิดเผยถึงการแย่งชิงอำนาจภายใน CDL ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ตามมูลค่าตลาด และตระกูลกัว ซึ่งอาณาจักรของพวกเขามีมูลค่า 11,500 ล้านดอลลาร์ตามการจัดอันดับของนิตยสาร Forbesในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ กัวลิ่งหมิง ได้ยื่นคำร้องให้ กัวอี้จื้อ ออกจากตำแหน่ง CEO โดยระบุว่าลูกชายกระทำการให้เกิด "ความผิดพลาดหลายครั้ง" โดยอ้างถึงการขาดทุนมหาศาล 1.4 พันล้านดอลลาร์ใน "ความล้มเหลว" ในปี 2020 และการตัดสินใจลงทุนที่ผิดพลาดในสหราชอาณาจักรราคาหุ้นของ CDL ยัง "ทำผลงานได้ต่ำกว่าคู่แข่งอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ (กัวอี้จื้อ) เข้ารับตำแหน่งผู้นำในปี 2018" กัวลิ่งหมิง ผู้ก่อตั้งบริษัทกล่าว"(คนหนุ่มสาว) อาจทำผิดพลาดในอาชีพการงานได้ และนั่นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่การหลีกเลี่ยงกฎหมายการกำกับดูแลกิจการถือเป็นการล้ำเส้น" กัวลิ่งหมิง กล่าว"ในฐานะพ่อ การไล่ลูกชายออกไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายเลย" แต่ผลที่ตามมา "ก็สูงเกินไปที่จะปล่อยให้การยึดอำนาจโดยไม่คิดหน้าคิดหลังมาทำให้บริษัทไม่มั่นคง" เขากล่าวหุ้นของบริษัทมูลค่า 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐยังคงถูกระงับ และ CDL ถูกปรับลดระดับโดยบริษัทต่างๆ รวมถึง JPMorgan Chase & Co ตามรายงานของ Bloomberg'การกระทำที่ไม่รอบคอบ'CDL เริ่มต้นจากธุรกิจที่ขาดทุนตอนที่ กัวลิ่งหมิง พ่อของเขา กัวฟางเฟิง (Kwek Hong Png) และพี่ชายของเขา กัวลิ่วอวี้ (Kwek Leng Joo) ซื้อกิจการในปี 1971ภายใต้การบริหารของ กัวลิ่งหมิง บริษัทได้ขยายตัวอย่างมาก โดยปัจจุบันพอร์ตโฟลิโอของบริษัทครอบคลุมถึงที่พักอาศัย สำนักงาน โรงแรม ศูนย์การค้า และการพัฒนาแบบบูรณาการในสิงคโปร์ รวมถึงจีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และทั่วทั้งยุโรปการที่บริษัทเข้าสู่ธุรกิจโรงแรมทำให้บริษัทในเครือ Millennium & Copthorne Hotels กลายเป็นกลุ่มโรงแรมระดับนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในศูนย์กลางการเงิน โดยมีทรัพย์สินรวมถึงโรงแรม The Biltmore ในย่าน Mayfair ของลอนดอน และ Millennium ในย่าน Wall Street และ Times Square ของนิวยอร์กกัวลิ่งหมิง กล่าวว่าการรักษามรดกของเขาไว้เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาต่อสู้กับลูกชายและพันธมิตรในห้องประชุมของเขา“การกระทำที่ไร้ความรอบคอบของกลุ่มที่พยายามจะรวมอำนาจควบคุมที่ไร้การควบคุมเข้าด้วยกันนั้นไม่เพียงแต่ทำลายรากฐานของการปกครองของ CDL เท่านั้น แต่ยังทำให้มรดกที่เราสร้างมาตลอดหลายทศวรรษตกอยู่ในความเสี่ยงอีกด้วย” กัวลิ่งหมิง กล่าวขณะนี้ศาลเข้ามาเกี่ยวข้องและผู้นำของ CDL ก็ตกเป็นเป้าหมาย ความขัดแย้งในครอบครัวที่ขมขื่นนี้ยังไม่จบสิ้นกัวอี้จื้อ ได้ปกป้องการเคลื่อนไหวของเขาในการปลด แคเทอรีน วู ออกจากคณะกรรมการบริษัท Millennium & Copthorne เนื่องจาก "จำเป็น" สำหรับผลประโยชน์ของ CDL โดยเสริมว่ากรรมการส่วนใหญ่จะยังคง "รักษาการกำกับดูแลกิจการและความรับผิดชอบขององค์กรต่อไป"กัวลิ่งหมิง พ่อของเขาซึ่งไม่ได้กล่าวถึง วู ในคำตอบของตนยืนยันว่า "การลิดรอนอำนาจที่สำคัญใดๆ ของประธานบริหารถือเป็นการก่อรัฐประหาร"“ตอนนี้เป็นเรื่องของศาล และผมจะปล่อยให้ศาลตัดสิน ความยุติธรรมย่อมมีชัยเสมอ” กัวลิ่งหมิง กล่าวAgence France-PressePhoto Kwek Leng Beng by Roslan RAHMAN / AFP
    ความขัดแย้งระหว่างพ่อกับลูกของหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศแห่งนี้ และมีความเป็นและความตายของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของสิงคโปร์อย่าง City Developments Ltd (CDL) เป็นเดิมพัน ได้ปะทุขึ้นต่อหน้าสาธารณชนในสัปดาห์นี้ การโต้เถียงกันระหว่างประธานบริหารของ CDL คือ กัวลิ่งหมิง (Kwek Leng Beng) และลูกชายของเขา คือ กัวอี้จื้อ (Sherman Kwek) ได้เปิดเผยถึงรอยร้าวที่ลึกซึ้งภายในตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับสี่ของสิงคโปร์ ซึ่งอยู่ในอันดับมหาเศรษฐฐีชั้นนำที่จัดอันดับโดย Forbesศึกสายเลือกครั้งนี้เต็มไปด้วยข้อกล่าวหาเรื่องความผิดพลาดขององค์กร การละเมิดการกำกับดูแล และความสัมพันธ์ส่วนตัวกำลังคุกคามที่จะยกระดับเป็นการต่อสู้ในศาลเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งในอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เรื่องพิพาทของทั้งคู่เดิมทีเป็นเรื่องในบริษัท แต่ปรากฏต่อสาธารณชนครั้งแรกของปัญหาเกิดขึ้นเมื่อวันพุธ เมื่อ CDL ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดัชนี Straits Times ของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ เรียกร้องให้หยุดการซื้อขายกะทันหัน ตามด้วยแถลงการณ์ยกเลิกการสรุปผลประกอบการประจำปีงบประมาณ 2024 ที่กำหนดไว้จากนั้นก็เกิดเรื่องที่น่าตกตะลึง นั่นคือ กัวลิ่งหมิง (Kwek Leng Beng) ผู้นำตระกูลวัย 84 ปี กล่าวหาลูกชายและซีอีโอของ CDL ต่อสาธารณะว่าวางแผน "พยายามก่อรัฐประหารในระดับคณะกรรมการ"ผู้เป็นพ่อกล่าวว่า กัวอี้จื้อ (Sherman Kwek) ลูกชายคนเล็ก พร้อมด้วยคณะกรรมการส่วนใหญ่ ได้แต่งตั้งกรรมการเพิ่มเติมอีก 2 คนเพื่อ "รวมอำนาจการควบคุมคณะกรรมการ" และ CDL เพื่อขัดขวางการแย่งชิงอำนาจ กัวลิ่งหมิง ผู้เป็นพ่อได้ยื่นฟ้องและต่อมาประกาศว่าเขาได้รับคำสั่งศาลให้หยุดการเปลี่ยนแปลงในคณะกรรมการและฝ่ายบริหารของ CDL Groupกัวอี้จื้อ วัย 49 ปี ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยบอสตัน ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยกล่าวว่า "เราไม่ได้พยายามขับไล่ประธาน"เขาเรียกการเคลื่อนไหวของพ่อว่าเป็นการ "ซุ่มโจมตี" แต่กลับชี้ไปที่ที่มาชองความตึงเครียดที่ลึกซึ้งกว่า นั่นคือ แคเธอรีน วู (Catherine Wu) ที่ปรึกษาคณะกรรมการของบริษัทลูก CDL แต่ลูกชายของเขากล่าวหาว่าแทรกแซงกิจการของบริษัทกัวอี้จื้อ กล่าวว่า "เธอแทรกแซงในเรื่องต่างๆ มากเกินกว่าขอบเขตของเธอ และเธอมีอิทธิพลมหาศาล เรื่องเหล่านี้สร้างปัญหาให้กับเราในฐานะกรรมการ""เนื่องจากความสัมพันธ์อันยาวนานของเธอกับประธานบริษัท (ผู้เป็นพ่อ) ความพยายามในการจัดการสถานการณ์จึงทำไปด้วยความอ่อนไหว แต่ก็ไร้ผล" กัวอี้จื้อ ผู้เป็นลูก กล่าวข้อพิพาทดังกล่าวได้เปิดเผยถึงการแย่งชิงอำนาจภายใน CDL ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ตามมูลค่าตลาด และตระกูลกัว ซึ่งอาณาจักรของพวกเขามีมูลค่า 11,500 ล้านดอลลาร์ตามการจัดอันดับของนิตยสาร Forbesในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ กัวลิ่งหมิง ได้ยื่นคำร้องให้ กัวอี้จื้อ ออกจากตำแหน่ง CEO โดยระบุว่าลูกชายกระทำการให้เกิด "ความผิดพลาดหลายครั้ง" โดยอ้างถึงการขาดทุนมหาศาล 1.4 พันล้านดอลลาร์ใน "ความล้มเหลว" ในปี 2020 และการตัดสินใจลงทุนที่ผิดพลาดในสหราชอาณาจักรราคาหุ้นของ CDL ยัง "ทำผลงานได้ต่ำกว่าคู่แข่งอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ (กัวอี้จื้อ) เข้ารับตำแหน่งผู้นำในปี 2018" กัวลิ่งหมิง ผู้ก่อตั้งบริษัทกล่าว"(คนหนุ่มสาว) อาจทำผิดพลาดในอาชีพการงานได้ และนั่นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่การหลีกเลี่ยงกฎหมายการกำกับดูแลกิจการถือเป็นการล้ำเส้น" กัวลิ่งหมิง กล่าว"ในฐานะพ่อ การไล่ลูกชายออกไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายเลย" แต่ผลที่ตามมา "ก็สูงเกินไปที่จะปล่อยให้การยึดอำนาจโดยไม่คิดหน้าคิดหลังมาทำให้บริษัทไม่มั่นคง" เขากล่าวหุ้นของบริษัทมูลค่า 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐยังคงถูกระงับ และ CDL ถูกปรับลดระดับโดยบริษัทต่างๆ รวมถึง JPMorgan Chase & Co ตามรายงานของ Bloomberg'การกระทำที่ไม่รอบคอบ'CDL เริ่มต้นจากธุรกิจที่ขาดทุนตอนที่ กัวลิ่งหมิง พ่อของเขา กัวฟางเฟิง (Kwek Hong Png) และพี่ชายของเขา กัวลิ่วอวี้ (Kwek Leng Joo) ซื้อกิจการในปี 1971ภายใต้การบริหารของ กัวลิ่งหมิง บริษัทได้ขยายตัวอย่างมาก โดยปัจจุบันพอร์ตโฟลิโอของบริษัทครอบคลุมถึงที่พักอาศัย สำนักงาน โรงแรม ศูนย์การค้า และการพัฒนาแบบบูรณาการในสิงคโปร์ รวมถึงจีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และทั่วทั้งยุโรปการที่บริษัทเข้าสู่ธุรกิจโรงแรมทำให้บริษัทในเครือ Millennium & Copthorne Hotels กลายเป็นกลุ่มโรงแรมระดับนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในศูนย์กลางการเงิน โดยมีทรัพย์สินรวมถึงโรงแรม The Biltmore ในย่าน Mayfair ของลอนดอน และ Millennium ในย่าน Wall Street และ Times Square ของนิวยอร์กกัวลิ่งหมิง กล่าวว่าการรักษามรดกของเขาไว้เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาต่อสู้กับลูกชายและพันธมิตรในห้องประชุมของเขา“การกระทำที่ไร้ความรอบคอบของกลุ่มที่พยายามจะรวมอำนาจควบคุมที่ไร้การควบคุมเข้าด้วยกันนั้นไม่เพียงแต่ทำลายรากฐานของการปกครองของ CDL เท่านั้น แต่ยังทำให้มรดกที่เราสร้างมาตลอดหลายทศวรรษตกอยู่ในความเสี่ยงอีกด้วย” กัวลิ่งหมิง กล่าวขณะนี้ศาลเข้ามาเกี่ยวข้องและผู้นำของ CDL ก็ตกเป็นเป้าหมาย ความขัดแย้งในครอบครัวที่ขมขื่นนี้ยังไม่จบสิ้นกัวอี้จื้อ ได้ปกป้องการเคลื่อนไหวของเขาในการปลด แคเทอรีน วู ออกจากคณะกรรมการบริษัท Millennium & Copthorne เนื่องจาก "จำเป็น" สำหรับผลประโยชน์ของ CDL โดยเสริมว่ากรรมการส่วนใหญ่จะยังคง "รักษาการกำกับดูแลกิจการและความรับผิดชอบขององค์กรต่อไป"กัวลิ่งหมิง พ่อของเขาซึ่งไม่ได้กล่าวถึง วู ในคำตอบของตนยืนยันว่า "การลิดรอนอำนาจที่สำคัญใดๆ ของประธานบริหารถือเป็นการก่อรัฐประหาร"“ตอนนี้เป็นเรื่องของศาล และผมจะปล่อยให้ศาลตัดสิน ความยุติธรรมย่อมมีชัยเสมอ” กัวลิ่งหมิง กล่าวAgence France-PressePhoto Kwek Leng Beng by Roslan RAHMAN / AFP
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1087 มุมมอง 0 รีวิว
  • FENGSHUI DAILY
    อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว
    สีเสริมดวง เสริมความเฮง
    ทิศมงคล เวลามงคล
    อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่
    วันอังคารที่ 4 เดือนมีนาคม พ.ศ.2568
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    FENGSHUI DAILY อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว สีเสริมดวง เสริมความเฮง ทิศมงคล เวลามงคล อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่ วันอังคารที่ 4 เดือนมีนาคม พ.ศ.2568 ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 รีวิว
  • Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • มุขเดิมๆ เพื่อเติมอาวุธ!

    ฝรั่งเศสและสหราอาณาจักร เสนอข้อตกลงหยุดยิง 1 เดือนในยูเครน "ทั้งทางอากาศ ทะเลและโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน" ตามหลังการหารือฉุกเฉินในลอนดอน จากการเปิดเผยของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส
    มุขเดิมๆ เพื่อเติมอาวุธ! ฝรั่งเศสและสหราอาณาจักร เสนอข้อตกลงหยุดยิง 1 เดือนในยูเครน "ทั้งทางอากาศ ทะเลและโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน" ตามหลังการหารือฉุกเฉินในลอนดอน จากการเปิดเผยของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ยุโรปต้องติดอาวุธใหม่อย่างเร่งด่วน' - วอน เดอร์ เลเยน
    ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปที่ไม่ได้รับการเลือกตั้งเรียกร้องให้ 'เพิ่มการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศ' และต้องการ 'แสดงให้สหรัฐฯ เห็น' ว่ายุโรปสามารถ 'ปกป้องประชาธิปไตย' ในยูเครนได้
    'ยุโรปต้องติดอาวุธใหม่อย่างเร่งด่วน' - วอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปที่ไม่ได้รับการเลือกตั้งเรียกร้องให้ 'เพิ่มการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศ' และต้องการ 'แสดงให้สหรัฐฯ เห็น' ว่ายุโรปสามารถ 'ปกป้องประชาธิปไตย' ในยูเครนได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลอิสราเอลแถลง ออกคำสั่งปิดตายห้ามรถบรรเทาทุกข์ทั้งหมดส่งเข้าเขตฉนวนกาซา อ้างได้ไฟเขียวจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เล็งบีบฮามาสยอมตกลงดีลใหม่เพื่อขยายระยะเวลาหยุดยิงออกไป
    .
    เอบีซีนิวส์รายงานวันอาทิตย์ (2 มี.ค.) ว่า สำนักงานนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน ออกแถลงการณ์วันอาทิตย์ (2) ว่า อิสราเอลได้สั่งการห้ามการส่งบรรเทาทุกข์ทั้งหมดเข้าไปในเขตฉนวนกาซาเกิดขึ้นหลังข้อตกลงหยุดยิงเฟส 1 ที่เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลสหรัฐญ ของอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้สิ้นสุดลงในวันเสาร์ (1)
    .
    “นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ตัดสินใจเช้านี้ว่า สิ่งของทั้งหมดและปัจจัยส่งเข้าเขตฉนวนกาซาจะต้องหยุดลง” รายงานจากแถลงการณ์
    .
    พร้อมกันนี้ยังกล่าวหาว่ากลุ่มฮามาสปฏิเสธไม่ยอมรับร่างสำหรับการเจรจาที่จะเกิดขึ้นที่ออกมาจาก สตีฟ วิตค็อฟฟ์ (Steve Witkoff) ทูตตะวันออกกลางของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์
    .
    และในแถลงการณ์ของสำนักงานเนทันยาฮูยังยืนยันว่า ฝ่ายเทลอาวีฟจะไม่ให้มีการหยุดยิงเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีการปล่อยตัวประกัน พร้อมข่มขู่ต่อว่า หากฮามาสยังคงปฏิเสธไม่ร่วมเจรจาจะมีผลกระทบอื่นตามมา
    .
    อ้างอิงจากแอกซิออส (axios) ของสหรัฐฯ พบว่า ยังมีตัวประกันอยู่ในมือฮามาสอีก 59 คนในกาซา ซึ่งทั้งสหรัฐฯ และอิสราเอลเชื่อว่า 22 คนจากทั้งหมดยังคงมีชีวิตอยู่รวมถึงพลเมืองสหรัฐฯ 1 คน ส่วนอีก 37 คนนั้นเชื่อว่าเสียชีวิตแล้ว
    .
    แหล่งข่าวเทลอาวีฟเปิดเผยกับเอบีซีนิวส์ว่า “การตัดสินใจของอิสราเอลในการปิดกั้นสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้ากาซาทั้งหมดนั้นมีการประสานกับรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์”
    .
    ขณะที่ฮามาสได้ออกแถลงการณ์วันอาทิตย์ (2) ออกมาตอบโต้การปิดกั้นสิ่งของบรรเทาทุกข์ทั้งหมดเพื่อประชาชนปาเลสไตน์ที่อยู่ด้านในนั้นเป็น “แบล็กเมล์สกปรก” และเป็น “สงครามอาชญากรรม” และเป็นการละเมิดในสิ่งได้ตกลงไว้ก่อนหน้า
    .
    “หนทางเดียวในการที่จะปลดปล่อยตัวประกันคือการบังคับใช้ข้อตกลงและเริ่มต้นการเจรจาสำหรับข้อตกลงเฟส 2”อ้างอิงจากแถลงการณ์ของฮามาส เอบีซีนิวส์รายงาน
    .
    เอพีรายงานว่า เทลอาวีฟใช้วิธีปิดกั้นการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ทั้งหมดเพื่อต้องการให้ฝ่ายฮามาสยอมรับข้อเสนอใหม่เพื่อขยายเวลาการหยุดยิงออกไป ขณะที่ตัวกลางเช่น อียิปต์ กล่าวหาเทลอาวีฟว่า ใช้การขาดอาหารเป็นอาวุธ”
    .
    นับตั้งแต่ข้อตกลงหยุดยิงเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค.และสิ้นสุดลงในวันเสาร์ (1 ) มีรถบรรเทาทุกข์หลายร้อยคันผ่านเข้าเขตฉนวนกาซาเพื่อทำให้ภาวะการขาดอาหารที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญวิตกบรรเทาลง
    .
    แต่ทว่าประชาชนกาซาต่างกล่าวว่า ราคาสินค้าเพิ่มเป็น 2 เท่าในทันทีที่ข่าวปิดด่านห้ามรถบรรเทาทุกข์เข้านั้นลามไปทั่ว
    .
    หนึ่งในประชาชนปาเลสไตน์คือ ซาอิด อัล-ดาอิรี (Sayed al-Dairi) อาศัยในกาซา ซิตี แสดงความเห็นว่า "ทุกคนพากันวิตก" และเสริมต่อว่า "นี่ไม่ใช่ชีวิตแม้แต่น้อย"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020419
    ..............
    Sondhi X
    รัฐบาลอิสราเอลแถลง ออกคำสั่งปิดตายห้ามรถบรรเทาทุกข์ทั้งหมดส่งเข้าเขตฉนวนกาซา อ้างได้ไฟเขียวจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เล็งบีบฮามาสยอมตกลงดีลใหม่เพื่อขยายระยะเวลาหยุดยิงออกไป . เอบีซีนิวส์รายงานวันอาทิตย์ (2 มี.ค.) ว่า สำนักงานนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน ออกแถลงการณ์วันอาทิตย์ (2) ว่า อิสราเอลได้สั่งการห้ามการส่งบรรเทาทุกข์ทั้งหมดเข้าไปในเขตฉนวนกาซาเกิดขึ้นหลังข้อตกลงหยุดยิงเฟส 1 ที่เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลสหรัฐญ ของอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้สิ้นสุดลงในวันเสาร์ (1) . “นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ตัดสินใจเช้านี้ว่า สิ่งของทั้งหมดและปัจจัยส่งเข้าเขตฉนวนกาซาจะต้องหยุดลง” รายงานจากแถลงการณ์ . พร้อมกันนี้ยังกล่าวหาว่ากลุ่มฮามาสปฏิเสธไม่ยอมรับร่างสำหรับการเจรจาที่จะเกิดขึ้นที่ออกมาจาก สตีฟ วิตค็อฟฟ์ (Steve Witkoff) ทูตตะวันออกกลางของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ . และในแถลงการณ์ของสำนักงานเนทันยาฮูยังยืนยันว่า ฝ่ายเทลอาวีฟจะไม่ให้มีการหยุดยิงเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีการปล่อยตัวประกัน พร้อมข่มขู่ต่อว่า หากฮามาสยังคงปฏิเสธไม่ร่วมเจรจาจะมีผลกระทบอื่นตามมา . อ้างอิงจากแอกซิออส (axios) ของสหรัฐฯ พบว่า ยังมีตัวประกันอยู่ในมือฮามาสอีก 59 คนในกาซา ซึ่งทั้งสหรัฐฯ และอิสราเอลเชื่อว่า 22 คนจากทั้งหมดยังคงมีชีวิตอยู่รวมถึงพลเมืองสหรัฐฯ 1 คน ส่วนอีก 37 คนนั้นเชื่อว่าเสียชีวิตแล้ว . แหล่งข่าวเทลอาวีฟเปิดเผยกับเอบีซีนิวส์ว่า “การตัดสินใจของอิสราเอลในการปิดกั้นสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้ากาซาทั้งหมดนั้นมีการประสานกับรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์” . ขณะที่ฮามาสได้ออกแถลงการณ์วันอาทิตย์ (2) ออกมาตอบโต้การปิดกั้นสิ่งของบรรเทาทุกข์ทั้งหมดเพื่อประชาชนปาเลสไตน์ที่อยู่ด้านในนั้นเป็น “แบล็กเมล์สกปรก” และเป็น “สงครามอาชญากรรม” และเป็นการละเมิดในสิ่งได้ตกลงไว้ก่อนหน้า . “หนทางเดียวในการที่จะปลดปล่อยตัวประกันคือการบังคับใช้ข้อตกลงและเริ่มต้นการเจรจาสำหรับข้อตกลงเฟส 2”อ้างอิงจากแถลงการณ์ของฮามาส เอบีซีนิวส์รายงาน . เอพีรายงานว่า เทลอาวีฟใช้วิธีปิดกั้นการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ทั้งหมดเพื่อต้องการให้ฝ่ายฮามาสยอมรับข้อเสนอใหม่เพื่อขยายเวลาการหยุดยิงออกไป ขณะที่ตัวกลางเช่น อียิปต์ กล่าวหาเทลอาวีฟว่า ใช้การขาดอาหารเป็นอาวุธ” . นับตั้งแต่ข้อตกลงหยุดยิงเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค.และสิ้นสุดลงในวันเสาร์ (1 ) มีรถบรรเทาทุกข์หลายร้อยคันผ่านเข้าเขตฉนวนกาซาเพื่อทำให้ภาวะการขาดอาหารที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญวิตกบรรเทาลง . แต่ทว่าประชาชนกาซาต่างกล่าวว่า ราคาสินค้าเพิ่มเป็น 2 เท่าในทันทีที่ข่าวปิดด่านห้ามรถบรรเทาทุกข์เข้านั้นลามไปทั่ว . หนึ่งในประชาชนปาเลสไตน์คือ ซาอิด อัล-ดาอิรี (Sayed al-Dairi) อาศัยในกาซา ซิตี แสดงความเห็นว่า "ทุกคนพากันวิตก" และเสริมต่อว่า "นี่ไม่ใช่ชีวิตแม้แต่น้อย" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020419 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1519 มุมมอง 0 รีวิว
  • บรรดาสมาชิกระดับสูงของพรรครีพับลิกัน ที่เป็นพันธมิตรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กดดันประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ให้เปลี่ยนจุดยืนในสงครามกับรัสเซีย หรือไม่ก็ลาออกไป ยกระดับถาโถมแรงบีบเข้าใส่ผู้นำเคียฟ ตามหลังการประชุมที่เกิดศึกโต้เถียงกัน ณ ทำเนียบขาว เมื่อช่วงปลายสัปดาห์
    .
    บรรดาผู้นำยุโรป แสดงจุดยืนสนับสนุนเซเลนสกี ณ ที่ประชุมหนึ่งในลอนดอนเมื่อวันอาทิตย์ (2 มี.ค.) โดย เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เรียกร้องให้บรรดาผู้นำยุโรปยกระดับความพยายามป้องกันตนเอง เพียง 2 วัน หลังจาก ทรัมป์ และรองประธานธิบดีเจดี แวนซ์ มีปากเสียงกับ เซเลนสกี ในห้องทำงานรูปไข่ ไล่เขาออกจากทำเนียบขาว โดยไม่มีการลงนามในข้อตกลงแร่ใดๆ ตามที่วางแผนไว้
    .
    ศึกวิวาทะดังกล่าวสร้างความตกตะลึงแก่พวกผู้นำทั่วโลก และก่อคำถามเกี่ยวกับก้าวย่างถัดไปของสงคราม ที่รัสเซียเป็นคนเริ่มด้วยการรุกรานยูเครนเมื่อ 3 ปีก่อน เช่นเดียวกับความพยายามของทรัมป์ ในการยุติความขัดแย้งนี้
    .
    เซเลนสกี อ้างในที่ประชุมว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ไม่ยึดมั่นในข้อตกลงหยุดยิงปี 2019 และให้คำจำกัดความ ปูติน ว่าเป็นฆาตกรและพวกก่อการร้าย
    .
    ไมค์ วอล์ทซ์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ ระบุรัฐบาลไม่แน่ใจว่า เซเลนสกี พร้อมเจรจายุติสงครามหรือไม่ และเน้นย้ำเป้าหมายของ ทรัมป์ สำหรับการมีสันติภาพที่ถาวรระหว่างมอสโกกับเคียฟ ที่เกี่ยวข้องกับการยอมอ่อนข้อด้านดินแดน แลกกับการรับประกันความมั่นคงที่นำโดยยุโรป
    .
    เมื่อถามว่า ทรัมป์ ต้องการให้ เซเลนสกี ลาออกหรือไม่ ทาง วอล์ทซ์ ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็น ว่า "เราต้องการผู้นำรายหนึ่งที่สามารถตกลงกับเรา ในท้ายที่สุดตกลงกับรัสเซียและยุติสงครามนี้" เขาระบุ "ถ้ามันกลายเป็นว่าประธานาธิบดีเซเลนสกี มีทั้งแรงจูงใจส่วนตัวและแรงจูงใจทางการเมืองที่ผิดแผกไปจากการยุติการสู้รบในประเทศของเขา เมื่อนั้นผมคิดว่าเรามีประเด็นปัญหาที่แท้จริง"
    .
    ลินด์ซีย์ เกรแฮม วุฒิสมาชิกจากเซาท์แคโรไลนา พันธมิตรใกล้ชิดของทรัมป์และเคยเป็นผู้สนับสนุนยูเครนตัวยง ตั้งคำถามว่าสหรัฐฯ จะยังคงสามารถทำงานร่วมกับ เซเลนสกี ได้หรือไม่ ตามหลังการโต้เถียงในทำเนียบขาว ที่เกิดขึ้นต่อหน้าพวกผู้สื่อข่าวในวันศุกร์ (28 ก.พ.)
    .
    ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แสดงความคิดเห็นแบบเดียวกันในวันอาทิตย์ (2 มี.ค.) "บางอย่างจำเป็นต้องเปลี่ยน เขาจำเป็นทั้งต้องมีความสมเหตุสมผลและกลับสู่โต๊ะเจรจาด้วยความสำนึกบุญคุณ หรือไม่อย่างนั้นคนอื่นใครบางคนก็จำเป็นต้องก้าวมานำประเทศแห่งนี้ ให้ทำเช่นนั้น" เขาบอกกับสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี "มันอยากเห็นปูตินพ่ายแพ้ พูดตรงๆ เขาเป็นศัตรูของสหรัฐฯ แต่ในความขัดแย้งนี้ เรากำลังหาทางให้มันถึงจุดจบของสงคราม"
    .
    อย่างไรก็ตาม ในฝ่ายเดโมแครต ไม่เห็นด้วยกับการชี้แนะให้ เซเลนสกี ลาออกจากตำแหน่ง และรู้สึกรังเกียจต่อภาพการประชุมที่เต็มไปด้วยการโต้เถียง ระหว่างทรัมป์กับผู้นำยูเครน
    .
    วุฒิสมาชิกคริส เมอร์ฟี จากคอนเนคทิคัต โวยวายใส่ทำเนียบขาว กรณีที่ขยับเข้าไปใกล้ชิดกับรัสเซีย มากกว่าชาติประชาธิปไตยด้วยกัน "แน่นอนว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ มันน่าอดสูอย่างที่สุด ทำเนียบขาวกลายเป็นอาวุธของเครมลิน" เขาบอกกับซีเอ็นเอ็น "บริษัทโดยรวมของการประชุมดังกล่าว เป็นความพยายามเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่ เพื่อลงนามข้อตกลงกับปูติน ที่ส่งมอบยูเครนแก่ปูติน มันเป็นหายนะสำหรับความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ"
    .
    วอล์ทซ์ แก้ต่างว่า "มันเป็นเท็จโดยสิ้นเชิง" ที่มีการกล่าวหาว่าการประชุมในห้องทำงานรูปไข่ เป็นการซุ่มโจมตี และรัฐบาลทรัมป์โยนแรงกดดันใส่ยูเครน ให้เปลี่ยนจุดยืน "เราจะพร้อมกลับมาเจรจาใหม่ เมื่อพวกเขาพร้อมสร้างสันติภาพ" มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าว พร้อมเผยว่าไม่ได้คุยกับ เซเลนสกี และรัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน มาตั้งแต่การประชุมเมื่อวันศุกร์ (28 ก.พ.)
    .
    "ไม่มีใครที่นี่ เคลมว่าประธานาธิบดีปูติน กำลังได้รับโนเบลสันติภาพในปีนี้" รูบิโอ ระบุและอ้างว่าการเจรจากับรัสเซียเป็นสิ่งจำเป็น "คุณไม่อาจดึงพวกเขาสู้โต๊ะเจรจา หากว่าคุณไม่ยอมเรียกชื่อพวกเขา หากว่าคุณยังคงมองเขาเป็นศัตรู"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020423
    ..............
    Sondhi X
    บรรดาสมาชิกระดับสูงของพรรครีพับลิกัน ที่เป็นพันธมิตรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กดดันประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ให้เปลี่ยนจุดยืนในสงครามกับรัสเซีย หรือไม่ก็ลาออกไป ยกระดับถาโถมแรงบีบเข้าใส่ผู้นำเคียฟ ตามหลังการประชุมที่เกิดศึกโต้เถียงกัน ณ ทำเนียบขาว เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ . บรรดาผู้นำยุโรป แสดงจุดยืนสนับสนุนเซเลนสกี ณ ที่ประชุมหนึ่งในลอนดอนเมื่อวันอาทิตย์ (2 มี.ค.) โดย เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เรียกร้องให้บรรดาผู้นำยุโรปยกระดับความพยายามป้องกันตนเอง เพียง 2 วัน หลังจาก ทรัมป์ และรองประธานธิบดีเจดี แวนซ์ มีปากเสียงกับ เซเลนสกี ในห้องทำงานรูปไข่ ไล่เขาออกจากทำเนียบขาว โดยไม่มีการลงนามในข้อตกลงแร่ใดๆ ตามที่วางแผนไว้ . ศึกวิวาทะดังกล่าวสร้างความตกตะลึงแก่พวกผู้นำทั่วโลก และก่อคำถามเกี่ยวกับก้าวย่างถัดไปของสงคราม ที่รัสเซียเป็นคนเริ่มด้วยการรุกรานยูเครนเมื่อ 3 ปีก่อน เช่นเดียวกับความพยายามของทรัมป์ ในการยุติความขัดแย้งนี้ . เซเลนสกี อ้างในที่ประชุมว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ไม่ยึดมั่นในข้อตกลงหยุดยิงปี 2019 และให้คำจำกัดความ ปูติน ว่าเป็นฆาตกรและพวกก่อการร้าย . ไมค์ วอล์ทซ์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ ระบุรัฐบาลไม่แน่ใจว่า เซเลนสกี พร้อมเจรจายุติสงครามหรือไม่ และเน้นย้ำเป้าหมายของ ทรัมป์ สำหรับการมีสันติภาพที่ถาวรระหว่างมอสโกกับเคียฟ ที่เกี่ยวข้องกับการยอมอ่อนข้อด้านดินแดน แลกกับการรับประกันความมั่นคงที่นำโดยยุโรป . เมื่อถามว่า ทรัมป์ ต้องการให้ เซเลนสกี ลาออกหรือไม่ ทาง วอล์ทซ์ ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็น ว่า "เราต้องการผู้นำรายหนึ่งที่สามารถตกลงกับเรา ในท้ายที่สุดตกลงกับรัสเซียและยุติสงครามนี้" เขาระบุ "ถ้ามันกลายเป็นว่าประธานาธิบดีเซเลนสกี มีทั้งแรงจูงใจส่วนตัวและแรงจูงใจทางการเมืองที่ผิดแผกไปจากการยุติการสู้รบในประเทศของเขา เมื่อนั้นผมคิดว่าเรามีประเด็นปัญหาที่แท้จริง" . ลินด์ซีย์ เกรแฮม วุฒิสมาชิกจากเซาท์แคโรไลนา พันธมิตรใกล้ชิดของทรัมป์และเคยเป็นผู้สนับสนุนยูเครนตัวยง ตั้งคำถามว่าสหรัฐฯ จะยังคงสามารถทำงานร่วมกับ เซเลนสกี ได้หรือไม่ ตามหลังการโต้เถียงในทำเนียบขาว ที่เกิดขึ้นต่อหน้าพวกผู้สื่อข่าวในวันศุกร์ (28 ก.พ.) . ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แสดงความคิดเห็นแบบเดียวกันในวันอาทิตย์ (2 มี.ค.) "บางอย่างจำเป็นต้องเปลี่ยน เขาจำเป็นทั้งต้องมีความสมเหตุสมผลและกลับสู่โต๊ะเจรจาด้วยความสำนึกบุญคุณ หรือไม่อย่างนั้นคนอื่นใครบางคนก็จำเป็นต้องก้าวมานำประเทศแห่งนี้ ให้ทำเช่นนั้น" เขาบอกกับสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี "มันอยากเห็นปูตินพ่ายแพ้ พูดตรงๆ เขาเป็นศัตรูของสหรัฐฯ แต่ในความขัดแย้งนี้ เรากำลังหาทางให้มันถึงจุดจบของสงคราม" . อย่างไรก็ตาม ในฝ่ายเดโมแครต ไม่เห็นด้วยกับการชี้แนะให้ เซเลนสกี ลาออกจากตำแหน่ง และรู้สึกรังเกียจต่อภาพการประชุมที่เต็มไปด้วยการโต้เถียง ระหว่างทรัมป์กับผู้นำยูเครน . วุฒิสมาชิกคริส เมอร์ฟี จากคอนเนคทิคัต โวยวายใส่ทำเนียบขาว กรณีที่ขยับเข้าไปใกล้ชิดกับรัสเซีย มากกว่าชาติประชาธิปไตยด้วยกัน "แน่นอนว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ มันน่าอดสูอย่างที่สุด ทำเนียบขาวกลายเป็นอาวุธของเครมลิน" เขาบอกกับซีเอ็นเอ็น "บริษัทโดยรวมของการประชุมดังกล่าว เป็นความพยายามเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่ เพื่อลงนามข้อตกลงกับปูติน ที่ส่งมอบยูเครนแก่ปูติน มันเป็นหายนะสำหรับความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ" . วอล์ทซ์ แก้ต่างว่า "มันเป็นเท็จโดยสิ้นเชิง" ที่มีการกล่าวหาว่าการประชุมในห้องทำงานรูปไข่ เป็นการซุ่มโจมตี และรัฐบาลทรัมป์โยนแรงกดดันใส่ยูเครน ให้เปลี่ยนจุดยืน "เราจะพร้อมกลับมาเจรจาใหม่ เมื่อพวกเขาพร้อมสร้างสันติภาพ" มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าว พร้อมเผยว่าไม่ได้คุยกับ เซเลนสกี และรัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน มาตั้งแต่การประชุมเมื่อวันศุกร์ (28 ก.พ.) . "ไม่มีใครที่นี่ เคลมว่าประธานาธิบดีปูติน กำลังได้รับโนเบลสันติภาพในปีนี้" รูบิโอ ระบุและอ้างว่าการเจรจากับรัสเซียเป็นสิ่งจำเป็น "คุณไม่อาจดึงพวกเขาสู้โต๊ะเจรจา หากว่าคุณไม่ยอมเรียกชื่อพวกเขา หากว่าคุณยังคงมองเขาเป็นศัตรู" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020423 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1403 มุมมอง 0 รีวิว
  • พวกคนดังฮอลลีวูดที่เดินทางเยือนยูเครน เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนประเทศแห่งนี้ ระหว่างความขัดแย้งกับรัสเซีย ไม่ได้ออกมาจากควาามรู้สึกเห็นอกเห็นใจ แต่เพราะว่าพวกเขาได้รับค่าจ้างหลายล้านดอลลาร์ จากการออกมาแฉของ วิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี เมื่อช่วงสุดสัปดาห์
    .
    ออร์บาน ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ TV2 ของฮังการี เมื่อวันเสาร์ (1 มี.ค.) ว่า การเดินทางเยือนกรุงเคียฟ ของบรรดาดาราดังทั้งหลาย ได้รับค่าจ้างจากสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) กลไกหลักของวอชิงตัน สำหรับให้เงินอุดหนุนโครงการทางการเมืองต่างๆ ในต่างแดน
    .
    "มีคนได้รับเงินจากการแสดงออกของพวกเขา ผมกำลังพูดถึงพวกคนดังและดาราหนังทั้งหลาย พวกเขาได้รับเงินให้เดินทางไปยูเครน ดังนั้นพวกเขาไม่ได้ทำมันจากก้นบึ้งของหัวใจหรือรู้สึกเห็นอกเห็นใจชาวยูเครน จริงๆ แล้วบางทีพวกเขาอาจรู้สึกเช่นนั้น แต่ก็เพราะพวกเขาได้รับเงิน"
    .
    นายกรัฐมนตรีรายนี้กล่าวอ้างว่าเงินค่าจ้างที่มอบแก่เซเลบและดาราดังทั้งหลายนั้น คิดเป็นจำนวนหลายล้านยูโรหรือหลายล้านดอลลาร์ แต่เขาไม่ได้เอ่ยชื่อว่ามีใครบ้าง
    .
    ที่ผ่านมา แอนเจลีนา โจลี ฌอน เพนน์ เบน สติลเลอร์ และออร์ลันโด บลูม เป็นหนึ่งในบรรดาคนดังตะวันตก ที่เดินทางเยือนยูเครน นับตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างเคียฟกับมอสโกลุกลามบานปลาย และลากยาวมานานกว่า 3 ปี
    .
    ในเดือนกุมภาพันธ์ มีรายงานปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ อ้างว่า โจลี ได้รับเงิน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับทริปเดินทางไปยังเมืองลวิว ในเดือนเมษายน 2022 ส่วน เพนน์ สติลเลอร์ และบลูม ได้รับเช็ค 5 ล้านดอลลาร์ 4 ล้านดอลลาร์ และ 8 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ จาก USAID
    .
    ย้อนกลับไปในตอนนั้น สติลเลอร์ ปฏิเสธคำกล่าวหา อ้างว่าเป็นคำโกหกจากสื่อมวลชนรัสเซีย นักแสดงรายนี้โพสต์ยืนยันบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ บอกว่าเขาเดินทางไปยังเคียฟด้วยเงินทุนของตนเอง ส่วนทนายความของ เพนน์ ระบะเช่นกันว่ารายงานข่าวที่อ้างว่าลูกความของเขาได้รับค่าจ้างจาก USAID ให้พบปะกับ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน นั้น "ไม่ถูกต้องโดยสิ้นเชิง ชี้นำผิดๆ และขาดการไตร่ตรอง"
    .
    ไม่นานหลังจากเข้ารับตำแหน่ง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ทำการกวาดล้าง USAID กล่าวหาหน่วยงานแห่งนี้ว่ามีการคอร์รัปชันอย่างกว้างขวางและไร้ประสิทธิภาพ เขาสั่งการให้ระงับเงินทุนที่ป้อนแก่ USAID เป็นเวลา 90 วัน และถ่ายโอนการกำกับดูแลโครงการต่างๆ ของหน่วยงานแห่งนี้ ให้ไปอยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงการต่างประเทศโดยตรง
    .
    ระหว่างการให้สัมภาษณ์ ทาง ออร์บาน ระบุว่ากิจกรรมต่างๆ ของ USAID ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา อาจเป็น "การคอร์รัปชันที่อื้อฉาวครั้งมโหฬารที่สุดในประวัติศาสตร์โลกตะวันตก"
    .
    "ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน เงินหลายพันหลายหมื่นล้านดอลลาร์ถูกโอนย้ายจากงบประมาณสหรัฐฯ เข้าสู่กองทุนต่างๆ และรูปแบบการสนับสนุนต่างๆ และจากนั้นก็ถูกจัดสรรไปทั่วโลก มอบให้คนที่มีความคิด จิตวิญญาณ โครงการและผลประโยชน์อย่างเจาะจง ตรงตามความต้องการของอเมริกา และพวกเขาได้รับเงินสำหรับสิ่งนั้น"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020425
    ..............
    Sondhi X
    พวกคนดังฮอลลีวูดที่เดินทางเยือนยูเครน เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนประเทศแห่งนี้ ระหว่างความขัดแย้งกับรัสเซีย ไม่ได้ออกมาจากควาามรู้สึกเห็นอกเห็นใจ แต่เพราะว่าพวกเขาได้รับค่าจ้างหลายล้านดอลลาร์ จากการออกมาแฉของ วิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ . ออร์บาน ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ TV2 ของฮังการี เมื่อวันเสาร์ (1 มี.ค.) ว่า การเดินทางเยือนกรุงเคียฟ ของบรรดาดาราดังทั้งหลาย ได้รับค่าจ้างจากสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) กลไกหลักของวอชิงตัน สำหรับให้เงินอุดหนุนโครงการทางการเมืองต่างๆ ในต่างแดน . "มีคนได้รับเงินจากการแสดงออกของพวกเขา ผมกำลังพูดถึงพวกคนดังและดาราหนังทั้งหลาย พวกเขาได้รับเงินให้เดินทางไปยูเครน ดังนั้นพวกเขาไม่ได้ทำมันจากก้นบึ้งของหัวใจหรือรู้สึกเห็นอกเห็นใจชาวยูเครน จริงๆ แล้วบางทีพวกเขาอาจรู้สึกเช่นนั้น แต่ก็เพราะพวกเขาได้รับเงิน" . นายกรัฐมนตรีรายนี้กล่าวอ้างว่าเงินค่าจ้างที่มอบแก่เซเลบและดาราดังทั้งหลายนั้น คิดเป็นจำนวนหลายล้านยูโรหรือหลายล้านดอลลาร์ แต่เขาไม่ได้เอ่ยชื่อว่ามีใครบ้าง . ที่ผ่านมา แอนเจลีนา โจลี ฌอน เพนน์ เบน สติลเลอร์ และออร์ลันโด บลูม เป็นหนึ่งในบรรดาคนดังตะวันตก ที่เดินทางเยือนยูเครน นับตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างเคียฟกับมอสโกลุกลามบานปลาย และลากยาวมานานกว่า 3 ปี . ในเดือนกุมภาพันธ์ มีรายงานปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ อ้างว่า โจลี ได้รับเงิน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับทริปเดินทางไปยังเมืองลวิว ในเดือนเมษายน 2022 ส่วน เพนน์ สติลเลอร์ และบลูม ได้รับเช็ค 5 ล้านดอลลาร์ 4 ล้านดอลลาร์ และ 8 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ จาก USAID . ย้อนกลับไปในตอนนั้น สติลเลอร์ ปฏิเสธคำกล่าวหา อ้างว่าเป็นคำโกหกจากสื่อมวลชนรัสเซีย นักแสดงรายนี้โพสต์ยืนยันบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ บอกว่าเขาเดินทางไปยังเคียฟด้วยเงินทุนของตนเอง ส่วนทนายความของ เพนน์ ระบะเช่นกันว่ารายงานข่าวที่อ้างว่าลูกความของเขาได้รับค่าจ้างจาก USAID ให้พบปะกับ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน นั้น "ไม่ถูกต้องโดยสิ้นเชิง ชี้นำผิดๆ และขาดการไตร่ตรอง" . ไม่นานหลังจากเข้ารับตำแหน่ง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ทำการกวาดล้าง USAID กล่าวหาหน่วยงานแห่งนี้ว่ามีการคอร์รัปชันอย่างกว้างขวางและไร้ประสิทธิภาพ เขาสั่งการให้ระงับเงินทุนที่ป้อนแก่ USAID เป็นเวลา 90 วัน และถ่ายโอนการกำกับดูแลโครงการต่างๆ ของหน่วยงานแห่งนี้ ให้ไปอยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงการต่างประเทศโดยตรง . ระหว่างการให้สัมภาษณ์ ทาง ออร์บาน ระบุว่ากิจกรรมต่างๆ ของ USAID ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา อาจเป็น "การคอร์รัปชันที่อื้อฉาวครั้งมโหฬารที่สุดในประวัติศาสตร์โลกตะวันตก" . "ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน เงินหลายพันหลายหมื่นล้านดอลลาร์ถูกโอนย้ายจากงบประมาณสหรัฐฯ เข้าสู่กองทุนต่างๆ และรูปแบบการสนับสนุนต่างๆ และจากนั้นก็ถูกจัดสรรไปทั่วโลก มอบให้คนที่มีความคิด จิตวิญญาณ โครงการและผลประโยชน์อย่างเจาะจง ตรงตามความต้องการของอเมริกา และพวกเขาได้รับเงินสำหรับสิ่งนั้น" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020425 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1723 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมราชทัณฑ์ แจงกรณีผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ เขียนจดหมาย มีตราประทับจากเรือนจำคลองเปรม ขอยืนยันว่า จดหมายฉบับดังกล่าวไม่ใช่จดหมายที่ออกจากเรือนจำกลางคลองเปรม
    ดังนั้น จึงน่าจะเป็นจดหมายที่ทำขึ้นมาอย่างไม่ถูกต้อง
    …………
    กรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเรือนจำกลางคลองเปรมแล้ว
    ยืนยันว่าผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ ให้การยืนยันว่า ไม่เคยเขียนจดหมายฉบับดังกล่าวตามที่ปรากฏในสื่อ และลายมือ ที่ปรากฏมิใช่ลายมือของพวกตน โดยในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2567 ถึงปัจจุบัน ยังไม่เคยส่งจดหมายออกภายนอกเรือนจำแต่อย่างใด

    เบื้องต้นเรือนจำฯ ได้เปรียบเทียบลายมือแล้วพบว่า แตกต่างกันอย่างชัดเจน
    ทั้งนี้ เรือนจำกลางคลองเปรมได้ตรวจสอบข้อมูลการรับ-ส่งจดหมาย ไม่ปรากฏว่ามีจดหมายฉบับดังกล่าว อีกทั้งตราประทับที่ปรากฏบนจดหมายฉบับนั้น ก็มิใช่ตราประทับของเรือนจำกลางคลองเปรมแต่อย่างใด

    โดยตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ ก่อนส่งจดหมายถึงภายนอกเรือนจำฯ ต้องตรวจสอบเนื้อหาในจดหมายว่ามีผลกระทบต่อความมั่นคงหรือความสงบเรียบร้อยหรือไม่ ปรากฏว่าไม่มีจดหมายฉบับดังกล่าว และโดยเฉพาะจดหมายผู้ต้องขังจากเรือนจำจะไม่มีตราประทับของเรือนจำแต่อย่างใด อีกทั้งผู้ต้องขังดังกล่าวไม่มีญาติหรือทนายความมาเยียมเยียน

    กรมราชทัณฑ์ ขอยืนยันว่า จดหมายฉบับดังกล่าวไม่ใช่จดหมายที่ออกจากเรือนจำกลางคลองเปรม
    ดังนั้น จึงน่าจะเป็นจดหมายที่ทำขึ้นมาอย่างไม่ถูกต้อง
    กรมราชทัณฑ์ แจงกรณีผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ เขียนจดหมาย มีตราประทับจากเรือนจำคลองเปรม ขอยืนยันว่า จดหมายฉบับดังกล่าวไม่ใช่จดหมายที่ออกจากเรือนจำกลางคลองเปรม ดังนั้น จึงน่าจะเป็นจดหมายที่ทำขึ้นมาอย่างไม่ถูกต้อง ………… กรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเรือนจำกลางคลองเปรมแล้ว ยืนยันว่าผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ ให้การยืนยันว่า ไม่เคยเขียนจดหมายฉบับดังกล่าวตามที่ปรากฏในสื่อ และลายมือ ที่ปรากฏมิใช่ลายมือของพวกตน โดยในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2567 ถึงปัจจุบัน ยังไม่เคยส่งจดหมายออกภายนอกเรือนจำแต่อย่างใด เบื้องต้นเรือนจำฯ ได้เปรียบเทียบลายมือแล้วพบว่า แตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งนี้ เรือนจำกลางคลองเปรมได้ตรวจสอบข้อมูลการรับ-ส่งจดหมาย ไม่ปรากฏว่ามีจดหมายฉบับดังกล่าว อีกทั้งตราประทับที่ปรากฏบนจดหมายฉบับนั้น ก็มิใช่ตราประทับของเรือนจำกลางคลองเปรมแต่อย่างใด โดยตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ ก่อนส่งจดหมายถึงภายนอกเรือนจำฯ ต้องตรวจสอบเนื้อหาในจดหมายว่ามีผลกระทบต่อความมั่นคงหรือความสงบเรียบร้อยหรือไม่ ปรากฏว่าไม่มีจดหมายฉบับดังกล่าว และโดยเฉพาะจดหมายผู้ต้องขังจากเรือนจำจะไม่มีตราประทับของเรือนจำแต่อย่างใด อีกทั้งผู้ต้องขังดังกล่าวไม่มีญาติหรือทนายความมาเยียมเยียน กรมราชทัณฑ์ ขอยืนยันว่า จดหมายฉบับดังกล่าวไม่ใช่จดหมายที่ออกจากเรือนจำกลางคลองเปรม ดังนั้น จึงน่าจะเป็นจดหมายที่ทำขึ้นมาอย่างไม่ถูกต้อง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 544 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝรั่งเศสและสหราอาณาจักร เสนอข้อตกลงหยุดยิง 1 เดือนในยูเครน "ทั้งทางอากาศ ทะเลและโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน" ตามหลังการหารือฉุกเฉินในลอนดอน จากการเปิดเผยของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส
    .
    ในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ ลา ฟิกาโร ของฝรั่งเศส ทางมาครง บอกว่าอย่างน้อยๆ ในเบื้องต้น ข้อตกลงดังกล่าวจะไม่ครอบคลุมถึงการสู้รบในภาคพื้น
    .
    "ปัญหาคือ จะเป็นเรื่องยากมากที่จะตรวจสอบว่าข้อตกลงได้รับความเคารพหรือไม่ สืบเนื่องจากขนาดของแนวหน้า" เขากล่าว พร้อมระบุกองกำลังสันติภาพจะถูกส่งเข้าประจำการหลังจากนั้น "จะยังไม่มีทหารยุโรปในแผ่นดินของยูเครน ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้"
    .
    มาครง แนะนำว่าบรรดาชาติยุโรปควรปรับเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมเป็นระหว่าง 3.0% ถึง 3.5% ของจีดีพี ขานรับต่อลำดับความสำคัญที่เปลี่ยนไปของวอชิงตัน และยุทธาภิวัฒน์ของรัสเซีย "สำหรับ 3 ปี รัสเซียใช้จ่ายเงินด้านกลาโหม 10% ของจีดีพี" เขาบอกกับสื่อท้องถิ่น "ดังนั้น เราจำเป็นต้องเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นถัดจากนี้"
    .
    ในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของอิตาลีแยกกัน มาครงบอกด้วยว่ายุโรปจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากอิตาลี ในการคลี่คลายความขัดแย้งในยูเครน
    .
    ณ ที่ประชุมวิกฤตเมื่อวันอาทิตย์ (2 มี.ค.) นายกรัฐมนตรีจอร์เจีย เมโลนี ของอิตาลี ดูเหมือนปฏิเสธแนวโน้มที่ประเทศของเธอจะสนับสนุนกองกำลังสันติภาพใดๆ ในยูเครน โดยบอกว่า "มันไม่เคยอยู่ในวาระการพิจารณา"
    .
    "เราต้องการอิตาลี อิตาลีที่ผู้เข้มแข็ง ที่ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับฝรั่งเศส กับเยอรมนี" มาครงกล่าว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..
    ..............
    Sondhi X
    ฝรั่งเศสและสหราอาณาจักร เสนอข้อตกลงหยุดยิง 1 เดือนในยูเครน "ทั้งทางอากาศ ทะเลและโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน" ตามหลังการหารือฉุกเฉินในลอนดอน จากการเปิดเผยของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส . ในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ ลา ฟิกาโร ของฝรั่งเศส ทางมาครง บอกว่าอย่างน้อยๆ ในเบื้องต้น ข้อตกลงดังกล่าวจะไม่ครอบคลุมถึงการสู้รบในภาคพื้น . "ปัญหาคือ จะเป็นเรื่องยากมากที่จะตรวจสอบว่าข้อตกลงได้รับความเคารพหรือไม่ สืบเนื่องจากขนาดของแนวหน้า" เขากล่าว พร้อมระบุกองกำลังสันติภาพจะถูกส่งเข้าประจำการหลังจากนั้น "จะยังไม่มีทหารยุโรปในแผ่นดินของยูเครน ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้" . มาครง แนะนำว่าบรรดาชาติยุโรปควรปรับเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมเป็นระหว่าง 3.0% ถึง 3.5% ของจีดีพี ขานรับต่อลำดับความสำคัญที่เปลี่ยนไปของวอชิงตัน และยุทธาภิวัฒน์ของรัสเซีย "สำหรับ 3 ปี รัสเซียใช้จ่ายเงินด้านกลาโหม 10% ของจีดีพี" เขาบอกกับสื่อท้องถิ่น "ดังนั้น เราจำเป็นต้องเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นถัดจากนี้" . ในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของอิตาลีแยกกัน มาครงบอกด้วยว่ายุโรปจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากอิตาลี ในการคลี่คลายความขัดแย้งในยูเครน . ณ ที่ประชุมวิกฤตเมื่อวันอาทิตย์ (2 มี.ค.) นายกรัฐมนตรีจอร์เจีย เมโลนี ของอิตาลี ดูเหมือนปฏิเสธแนวโน้มที่ประเทศของเธอจะสนับสนุนกองกำลังสันติภาพใดๆ ในยูเครน โดยบอกว่า "มันไม่เคยอยู่ในวาระการพิจารณา" . "เราต้องการอิตาลี อิตาลีที่ผู้เข้มแข็ง ที่ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับฝรั่งเศส กับเยอรมนี" มาครงกล่าว . อ่านเพิ่มเติม.. .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1447 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุโรปและแคนาดาตัดสินใจยุติแผนสันติภาพของทรัมป์ที่มีต่อยูเครน ทำให้ข้อตกลงสันติภาพใดๆ จะยังไม่เกิดขึ้นในตอนนี้!

    ข้อสรุปมีดังต่อไปนี้:

    1) จะมีการส่งความช่วยเหลือทางทหารให้กับยูเครน และมาตการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม

    2) ยูเครนจะต้องมีอำนาจอธิปไตยเต็มที่บนดินแดนของตนเอง นั่นหมายความว่ายูเครนต้องได้รับดินแดนทั้งหมดกลับคืน และยูเครนต้องมีส่วนร่วมในการเจรจาสัติภาพที่จะมีขึ้นในอนาคต

    3) หลังจากข้อตกลงสันติภาพเกิดขึ้น ยูเครนจะสามารถสร้างกองทัพเป็นของตนเองได้

    4) สหราชอาณาจักรและประเทศอื่นๆ จะจัดตั้งกองกำลังทหารสันติภาพเพื่อประจำการในยูเครน!!


    -> จำคำประกาศนี้ เห็นได้ชัดว่ารัสเซียจะไม่ยอมรับข้อตกลงใดๆได้เลย
    และคาดว่าสหรัฐคงจะต้องถอนตัวออกไปในที่สุด และยูเครนจะต่อสู้ต่อไปจนถึงยูเครนคนสุดท้าย!
    ยุโรปและแคนาดาตัดสินใจยุติแผนสันติภาพของทรัมป์ที่มีต่อยูเครน ทำให้ข้อตกลงสันติภาพใดๆ จะยังไม่เกิดขึ้นในตอนนี้! ข้อสรุปมีดังต่อไปนี้: 1) จะมีการส่งความช่วยเหลือทางทหารให้กับยูเครน และมาตการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม 2) ยูเครนจะต้องมีอำนาจอธิปไตยเต็มที่บนดินแดนของตนเอง นั่นหมายความว่ายูเครนต้องได้รับดินแดนทั้งหมดกลับคืน และยูเครนต้องมีส่วนร่วมในการเจรจาสัติภาพที่จะมีขึ้นในอนาคต 3) หลังจากข้อตกลงสันติภาพเกิดขึ้น ยูเครนจะสามารถสร้างกองทัพเป็นของตนเองได้ 4) สหราชอาณาจักรและประเทศอื่นๆ จะจัดตั้งกองกำลังทหารสันติภาพเพื่อประจำการในยูเครน!! -> จำคำประกาศนี้ เห็นได้ชัดว่ารัสเซียจะไม่ยอมรับข้อตกลงใดๆได้เลย และคาดว่าสหรัฐคงจะต้องถอนตัวออกไปในที่สุด และยูเครนจะต่อสู้ต่อไปจนถึงยูเครนคนสุดท้าย!
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 357 มุมมอง 8 0 รีวิว
  • 24 ปี เที่ยวบิน TG114 “ระเบิดก่อนขึ้นบิน” นายกทักษิณรอดหวุดหวิด ลอบฆ่า หรือว่า... อุบัติเหตุ?

    ย้อนรอย 24 ปี โศกนาฏกรรมทางการบินของไทย ที่ยังเป็นปริศนา เมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2544 เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด ได้เกิดขึ้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เครื่องบินโบอิ้ง 737-400 ของการบินไทย เที่ยวบิน TG114 ได้เกิดระเบิดกลางลานจอด และถูกไฟไหม้เสียหายทั้งลำ เพียง 25 นาที ก่อนที่ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น พร้อมด้วบบุตรชาย จะเดินทางไปเชียงใหม่

    แม้ว่าจะไม่มีผู้โดยสารอยู่บนเครื่อง แต่ช่างเทคนิคการบิน 1 คน เสียชีวิต ทำให้เกิดคำถามมากมายว่า นี่เป็นอุบัติเหตุ หรือเป็นการวางแผนลอบสังหาร?

    เหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ 3 มีนาคม 2544 เวลา 14:48 น. เที่ยวบิน TG114 ของการบินไทย ซึ่งเป็นเครื่องบิน โบอิ้ง 737-400 ทะเบียน HS-TDC ดอนเมือง-เชียงใหม่ ได้เกิดการระเบิดขณะจอดอยู่ที่ลานจอด สนามบินนานาชาติดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เครื่องบินถูกไฟไหม้เสียหายทั้งลำ ไม่มีผู้โดยสารบนเครื่อง มีเพียงลูกเรือ 8 คน อยู่บนเครื่อง ซึ่งช่างเทคนิคการบินเสียชีวิต 1 คน

    จุดหมายปลายทางของเที่ยวบิน เที่ยวบิน TG114 เดิมมีกำหนดออกเดินทางไปยัง ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ โดยมีบุคคลสำคัญเดินทางไปด้วย รวมถึง พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะเนั้น และนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย

    แต่เพียง 25 นาที ก่อนเครื่องออกเดินทาง เครื่องบินกลับระเบิดขึ้นก่อน

    เหตุการณ์ครั้งนี้ จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นการลอบสังหารทางการเมือง?

    สาเหตุที่เป็นไปได้ วินาศกรรม หรืออุบัติเหตุ? มี 2 ทฤษฎีหลัก ที่ถูกหยิบยกขึ้นมา เกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้

    ทฤษฎีวินาศกรรม ลอบสังหารนายกรัฐมนตรี? หลังเหตุการณ์เกิดขึ้น พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า "นี่เป็นการก่อวินาศกรรม ที่มุ่งเป้าสังหารตนเอง"

    หลักฐานที่ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า มีการวางระเบิด ได้แก่
    พบร่องรอยสารระเบิด เจ้าหน้าที่ไทยตรวจพบ ร่องรอยของระเบิดซีโฟร์ (C-4) หรือเซมเท็กซ์ (Semtex)
    นายกทักษิณกล่าวว่า อาจเป็นฝีมือของกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ จากนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล เช่น ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ เช่น กลุ่มว้าแดง
    เวลาที่เกิดเหตุใกล้เคียงกับกำหนดการเดินทางของนายกฯ
    ตำรวจไทยในตอนแรกสรุปว่า เป็นการ "วางระเบิด" และคณะกรรมาธิการ ของสภาผู้แทนราษฎรเองก็มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน

    ทฤษฎีอุบัติเหตุ ข้อสรุปของ NTSB คณะกรรมการความปลอดภัย ในการขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ (NTSB) ซึ่งส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาร่วมสอบสวน ได้ออกแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2544 ว่า
    ไม่มีร่องรอยของวัตถุระเบิด
    การระเบิดอาจเกิดจากระบบปรับอากาศ ที่ทำงานต่อเนื่อง ส่งผลให้ถังน้ำมันส่วนกลาง เกิดการสันดาป และระเบิด
    ลักษณะคล้ายกับอุบัติเหตุของเที่ยวบิน 143 ของฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ เมื่อปี 2543

    ในท้ายที่สุด รัฐบาลไทยและ NTSB ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า "เป็นอุบัติเหตุจากความร้อนสะสม ของอุปกรณ์ทำความเย็น ที่อยู่ใกล้ถังน้ำมัน"

    วินาศกรรมที่ล้มเหลว หรือโศกนาฏกรรมที่ไม่ได้ตั้งใจ? ข้อถกเถียงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ยังไม่จบง่ายๆ เพราะ...

    1️⃣ ผลการสอบสวนของไทยและสหรัฐฯ ต่างกัน ฝ่ายไทยเชื่อว่ามี หลักฐานของการวางระเบิด
    NTSB แย้งว่า ไม่พบร่องรอยระเบิดเลย

    2️⃣ ช่วงเวลาการระเบิดน่าสงสัย ทำไมถึงเกิดขึ้นก่อนนายกฯ เดินทางเพียง 25 นาที ถ้าเป็นเพียงอุบัติเหตุ ทำไมไม่เกิดกับเครื่องลำอื่น?

    3️⃣ กลุ่มที่มีแรงจูงใจในการลอบสังหาร นโยบายปราบปรามยาเสพติดของนายกทักษิณ สร้างศัตรูจำนวนมาก ขบวนการค้ายาเสพติดอาจไม่พอใจ จนถึงขั้นต้องการลอบสังหาร

    หรืออาจเป็นเพียงการ "ใช้ข่าวระเบิด" เพื่อกลบกระแสเรื่องคดีซุกหุ้น?

    เหตุการณ์ลอบสังหารนายกทักษิณ ที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา นี่ไม่ใช่ครั้งเดียว ที่มีความพยายามลอบสังหาร พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ

    ปี 2546 ข่าวลือว่า กลุ่มว้าแดงตั้งค่าหัว 80 ล้านบาท ทำให้ต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย

    ปี 2549 คดี "คาร์บอมบ์" ที่บริเวณสี่แยกบางพลัด ใกล้บ้านพักของนายกทักษิณ ก่อนที่ รปภ. จะพบระเบิดก่อน

    ปี 2559 นายกทักษิณให้สัมภาษณ์กับ Al Jazeera ว่า "มีคนพยายามลอบสังหารผม 4 ครั้ง"

    ระเบิดเที่ยวบิน TG114 ยังเป็นปริศนา?
    แม้ว่าผลสอบสวนทางการบินของสหรัฐฯ จะสรุปว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่คำถามยังคงอยู่
    หลายฝ่ายยังสงสัยว่า นี่อาจเป็นการลอบสังหารทางการเมือง ที่ไม่สำเร็จ
    หรือเป็นเพียง "เหตุบังเอิญ" ที่เกิดขึ้นอย่างมีเงื่อนงำ?

    24 ปี ผ่านไป คำตอบของเหตุการณ์นี้ยังคงเป็นปริศนา และอาจไม่มีวันได้รับคำตอบที่ชัดเจน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 030847 มี.ค. 2568

    #ทักษิณ #เที่ยวบินTG114 #การบินไทย #วินาศกรรม #อุบัติเหตุ #เครื่องบินระเบิด #ข่าวการเมือง #ว้าแดง #คดีลึกลับ #ประวัติศาสตร์ไทย
    24 ปี เที่ยวบิน TG114 “ระเบิดก่อนขึ้นบิน” นายกทักษิณรอดหวุดหวิด ลอบฆ่า หรือว่า... อุบัติเหตุ? 🛫 ย้อนรอย 24 ปี โศกนาฏกรรมทางการบินของไทย ที่ยังเป็นปริศนา เมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2544 เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด ได้เกิดขึ้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เครื่องบินโบอิ้ง 737-400 ของการบินไทย เที่ยวบิน TG114 ได้เกิดระเบิดกลางลานจอด และถูกไฟไหม้เสียหายทั้งลำ เพียง 25 นาที ก่อนที่ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น พร้อมด้วบบุตรชาย จะเดินทางไปเชียงใหม่ แม้ว่าจะไม่มีผู้โดยสารอยู่บนเครื่อง แต่ช่างเทคนิคการบิน 1 คน เสียชีวิต ทำให้เกิดคำถามมากมายว่า นี่เป็นอุบัติเหตุ หรือเป็นการวางแผนลอบสังหาร? 📌 🔎 เหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ 3 มีนาคม 2544 เวลา 14:48 น. 📍 เที่ยวบิน TG114 ของการบินไทย ซึ่งเป็นเครื่องบิน โบอิ้ง 737-400 ทะเบียน HS-TDC ดอนเมือง-เชียงใหม่ ได้เกิดการระเบิดขณะจอดอยู่ที่ลานจอด สนามบินนานาชาติดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เครื่องบินถูกไฟไหม้เสียหายทั้งลำ ไม่มีผู้โดยสารบนเครื่อง มีเพียงลูกเรือ 8 คน อยู่บนเครื่อง ซึ่งช่างเทคนิคการบินเสียชีวิต 1 คน ✈️ จุดหมายปลายทางของเที่ยวบิน เที่ยวบิน TG114 เดิมมีกำหนดออกเดินทางไปยัง ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ โดยมีบุคคลสำคัญเดินทางไปด้วย รวมถึง พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะเนั้น และนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย 🛑 แต่เพียง 25 นาที ก่อนเครื่องออกเดินทาง เครื่องบินกลับระเบิดขึ้นก่อน 🚨 เหตุการณ์ครั้งนี้ จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นการลอบสังหารทางการเมือง? 🔥 สาเหตุที่เป็นไปได้ วินาศกรรม หรืออุบัติเหตุ? มี 2 ทฤษฎีหลัก ที่ถูกหยิบยกขึ้นมา เกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้ 🎯 💥 ทฤษฎีวินาศกรรม ลอบสังหารนายกรัฐมนตรี? หลังเหตุการณ์เกิดขึ้น พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า "นี่เป็นการก่อวินาศกรรม ที่มุ่งเป้าสังหารตนเอง" หลักฐานที่ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า มีการวางระเบิด ได้แก่ 🔎 พบร่องรอยสารระเบิด เจ้าหน้าที่ไทยตรวจพบ ร่องรอยของระเบิดซีโฟร์ (C-4) หรือเซมเท็กซ์ (Semtex) 🎯 นายกทักษิณกล่าวว่า อาจเป็นฝีมือของกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ จากนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล เช่น ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ เช่น กลุ่มว้าแดง ⏳ เวลาที่เกิดเหตุใกล้เคียงกับกำหนดการเดินทางของนายกฯ 📢 ตำรวจไทยในตอนแรกสรุปว่า เป็นการ "วางระเบิด" และคณะกรรมาธิการ ของสภาผู้แทนราษฎรเองก็มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน 🛠️ ทฤษฎีอุบัติเหตุ ข้อสรุปของ NTSB คณะกรรมการความปลอดภัย ในการขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ (NTSB) ซึ่งส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาร่วมสอบสวน ได้ออกแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2544 ว่า 🚫 ไม่มีร่องรอยของวัตถุระเบิด ⚡ การระเบิดอาจเกิดจากระบบปรับอากาศ ที่ทำงานต่อเนื่อง ส่งผลให้ถังน้ำมันส่วนกลาง เกิดการสันดาป และระเบิด ✈️ ลักษณะคล้ายกับอุบัติเหตุของเที่ยวบิน 143 ของฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ เมื่อปี 2543 ในท้ายที่สุด รัฐบาลไทยและ NTSB ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า "เป็นอุบัติเหตุจากความร้อนสะสม ของอุปกรณ์ทำความเย็น ที่อยู่ใกล้ถังน้ำมัน" 💡 วินาศกรรมที่ล้มเหลว หรือโศกนาฏกรรมที่ไม่ได้ตั้งใจ? ข้อถกเถียงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ยังไม่จบง่ายๆ 🧐 เพราะ... 1️⃣ ผลการสอบสวนของไทยและสหรัฐฯ ต่างกัน ฝ่ายไทยเชื่อว่ามี หลักฐานของการวางระเบิด NTSB แย้งว่า ไม่พบร่องรอยระเบิดเลย 2️⃣ ช่วงเวลาการระเบิดน่าสงสัย ทำไมถึงเกิดขึ้นก่อนนายกฯ เดินทางเพียง 25 นาที ถ้าเป็นเพียงอุบัติเหตุ ทำไมไม่เกิดกับเครื่องลำอื่น? 3️⃣ กลุ่มที่มีแรงจูงใจในการลอบสังหาร นโยบายปราบปรามยาเสพติดของนายกทักษิณ สร้างศัตรูจำนวนมาก ขบวนการค้ายาเสพติดอาจไม่พอใจ จนถึงขั้นต้องการลอบสังหาร 📌 หรืออาจเป็นเพียงการ "ใช้ข่าวระเบิด" เพื่อกลบกระแสเรื่องคดีซุกหุ้น? 🚨 เหตุการณ์ลอบสังหารนายกทักษิณ ที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา นี่ไม่ใช่ครั้งเดียว ที่มีความพยายามลอบสังหาร พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ 🎯 📍 ปี 2546 ข่าวลือว่า กลุ่มว้าแดงตั้งค่าหัว 80 ล้านบาท ทำให้ต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย 📍 ปี 2549 คดี "คาร์บอมบ์" ที่บริเวณสี่แยกบางพลัด ใกล้บ้านพักของนายกทักษิณ ก่อนที่ รปภ. จะพบระเบิดก่อน 📍 ปี 2559 นายกทักษิณให้สัมภาษณ์กับ Al Jazeera ว่า "มีคนพยายามลอบสังหารผม 4 ครั้ง" 🎯 ระเบิดเที่ยวบิน TG114 ยังเป็นปริศนา? 📌 แม้ว่าผลสอบสวนทางการบินของสหรัฐฯ จะสรุปว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่คำถามยังคงอยู่ 📌 หลายฝ่ายยังสงสัยว่า นี่อาจเป็นการลอบสังหารทางการเมือง ที่ไม่สำเร็จ 📌 หรือเป็นเพียง "เหตุบังเอิญ" ที่เกิดขึ้นอย่างมีเงื่อนงำ? 🔎 24 ปี ผ่านไป คำตอบของเหตุการณ์นี้ยังคงเป็นปริศนา และอาจไม่มีวันได้รับคำตอบที่ชัดเจน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 030847 มี.ค. 2568 📌 #ทักษิณ #เที่ยวบินTG114 #การบินไทย #วินาศกรรม #อุบัติเหตุ #เครื่องบินระเบิด #ข่าวการเมือง #ว้าแดง #คดีลึกลับ #ประวัติศาสตร์ไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1480 มุมมอง 0 รีวิว
  • จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ว่าเขาเตรียมเข้าเฝ้าฯ กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร พูดคุยเกี่ยวกับการปกป้องอธิปไตยของแคนาดา หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ส่งเสียงเรียกร้องซ้ำๆ ให้เข้ามาเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกา
    .
    คำพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าของทรัมป์ โหมกระพือเสียงโวยวายในแคนาดา โดยพวกเจ้าหน้าที่ปฏิเสธอย่างหนักแน่น เกี่ยวกับการพูดคุยใดๆ กรณีที่พวกเขาจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ
    .
    ครั้งที่เข้าเฝ้าฯ กษัตริย์ชาร์ลส์ ซึ่งทรงอยู่ในฐานะประมุขแห่งรัฐของแคนาดา ในวันจันทร์ (3 มี.ค.) ทรูโดเผยว่าเขาหวัง "หารือในประเด็นต่างๆ ที่มีความสำคัญกับแคนาดาและชาวแคนาดา"
    .
    "และผมสามารถบอกกับคุณได้ว่า เวลานี้ไม่มีอะไรสำคัญกับชาวแคนาดามากไปกว่าการยืนหยัดเพื่ออธิปไตยของเราและเอกราชของเรา ในฐานะประเทศหนึ่ง" นายกรัฐมนตรีแคนาดาระบุ ระหว่างอยู่ในลอนดอน เพื่อร่วมประชุมซัมมิตเกี่ยวกับยูเครน
    .
    ทรัมป์ ยึดติดอยู่กับอธิปไตยของแคนาดาโดยเฉพาะ นับตั้งแต่ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกสมัย
    .
    ผู้สำสหรัฐฯ พาดพิงแคนาดาบ่อยครั้งในฐานะ "รัฐที่ 51" และดูหมิ่น ทรูโด ด้วยการเรียกเขาว่าเป็น "ผู้ว่าการรัฐ" แทนที่จะเป็น "นายกรัฐมนตรี"
    .
    ทั้งนี้ ทรัมป์ ออกคำสั่งรีดภาษีบรรดาคู่ค้าหลีกของสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดบังคับใช้ในวันอังคาร (4 มี.ค.) แต่บอกว่าแคนาดาสามารถหลีกเลี่ยงการถูกรีดภาษีได้ หากกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกา
    .
    เมื่อเดือนที่แล้ว ทรูโด เตือนว่าการพูดจาอย่างไม่หยุดหย่อนของทรัมป์ เกี่ยวกับการดูดกลืนแคนาดา เพื่อเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาตินั้น "เป็นของจริง"
    .
    ชาวแคนาดาบางส่วนส่งเสียงแสดงความสงสัยว่าทำไมกษัตริย์ชาร์ลส์ถึงไม่ออกมาตรัสอะไรบ้าง เกี่ยวกับการปกป้องแคนาดา อย่างไรก็ตาม ตามธรรมเนียมประเพณีแล้ว กษัตริย์มีหน้าที่ได้แค่เพียงให้คำแนะนำนายกรัฐมนตรี ในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับชาติในเครือจักรภพ
    .
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เชิญ ทรัมป์ เดินทางเยือนสหราชอาณาจักรแบบรัฐพิธีเป็นครั้งที่ 2 อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งอาจเป็นการเปิดโอกาสให้กษัตริย์ชาร์ลส์ทรงหยิบยกประเด็นอธิปไตยของแคนาดาพูดคุยกับทรัมป์
    .
    ณ ที่ประชุมซัมมิตด้านความมั่นคงของยูเครน ในลอนดอน เมื่อวันอาทิตย์ (2 มี.ค.) ทรูโด เน้นย้ำว่า แคนาดา ยังคงให้การสนับสนุนยูเครน อย่างหนักแน่นและไม่เปลี่ยนแปลง และได้แถลงมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่เล่นงานรัสเซีย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020426
    ..............
    Sondhi X
    จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ว่าเขาเตรียมเข้าเฝ้าฯ กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร พูดคุยเกี่ยวกับการปกป้องอธิปไตยของแคนาดา หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ส่งเสียงเรียกร้องซ้ำๆ ให้เข้ามาเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกา . คำพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าของทรัมป์ โหมกระพือเสียงโวยวายในแคนาดา โดยพวกเจ้าหน้าที่ปฏิเสธอย่างหนักแน่น เกี่ยวกับการพูดคุยใดๆ กรณีที่พวกเขาจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ . ครั้งที่เข้าเฝ้าฯ กษัตริย์ชาร์ลส์ ซึ่งทรงอยู่ในฐานะประมุขแห่งรัฐของแคนาดา ในวันจันทร์ (3 มี.ค.) ทรูโดเผยว่าเขาหวัง "หารือในประเด็นต่างๆ ที่มีความสำคัญกับแคนาดาและชาวแคนาดา" . "และผมสามารถบอกกับคุณได้ว่า เวลานี้ไม่มีอะไรสำคัญกับชาวแคนาดามากไปกว่าการยืนหยัดเพื่ออธิปไตยของเราและเอกราชของเรา ในฐานะประเทศหนึ่ง" นายกรัฐมนตรีแคนาดาระบุ ระหว่างอยู่ในลอนดอน เพื่อร่วมประชุมซัมมิตเกี่ยวกับยูเครน . ทรัมป์ ยึดติดอยู่กับอธิปไตยของแคนาดาโดยเฉพาะ นับตั้งแต่ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกสมัย . ผู้สำสหรัฐฯ พาดพิงแคนาดาบ่อยครั้งในฐานะ "รัฐที่ 51" และดูหมิ่น ทรูโด ด้วยการเรียกเขาว่าเป็น "ผู้ว่าการรัฐ" แทนที่จะเป็น "นายกรัฐมนตรี" . ทั้งนี้ ทรัมป์ ออกคำสั่งรีดภาษีบรรดาคู่ค้าหลีกของสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดบังคับใช้ในวันอังคาร (4 มี.ค.) แต่บอกว่าแคนาดาสามารถหลีกเลี่ยงการถูกรีดภาษีได้ หากกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกา . เมื่อเดือนที่แล้ว ทรูโด เตือนว่าการพูดจาอย่างไม่หยุดหย่อนของทรัมป์ เกี่ยวกับการดูดกลืนแคนาดา เพื่อเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาตินั้น "เป็นของจริง" . ชาวแคนาดาบางส่วนส่งเสียงแสดงความสงสัยว่าทำไมกษัตริย์ชาร์ลส์ถึงไม่ออกมาตรัสอะไรบ้าง เกี่ยวกับการปกป้องแคนาดา อย่างไรก็ตาม ตามธรรมเนียมประเพณีแล้ว กษัตริย์มีหน้าที่ได้แค่เพียงให้คำแนะนำนายกรัฐมนตรี ในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับชาติในเครือจักรภพ . เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เชิญ ทรัมป์ เดินทางเยือนสหราชอาณาจักรแบบรัฐพิธีเป็นครั้งที่ 2 อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งอาจเป็นการเปิดโอกาสให้กษัตริย์ชาร์ลส์ทรงหยิบยกประเด็นอธิปไตยของแคนาดาพูดคุยกับทรัมป์ . ณ ที่ประชุมซัมมิตด้านความมั่นคงของยูเครน ในลอนดอน เมื่อวันอาทิตย์ (2 มี.ค.) ทรูโด เน้นย้ำว่า แคนาดา ยังคงให้การสนับสนุนยูเครน อย่างหนักแน่นและไม่เปลี่ยนแปลง และได้แถลงมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่เล่นงานรัสเซีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020426 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1544 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก่อนเดินทางกลับยูเครน เซเลนสกีเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3
    ก่อนเดินทางกลับยูเครน เซเลนสกีเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ รีโพสต์ข้อความหนึ่งบนทรัตช์ โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ที่ระบุว่าประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน "ไม่มีทางเลือก" ยกเว้นแต่ยอมตามเงื่อนไขต่างๆ ของวอชิงตัน ในข้อตกลงแร่ เนื่องจากเคียฟไม่อาจอยู่รอดได้ในสงคราม หากปราศจากการสนับสนุนของอเมริกา
    .
    การรีโพสต์ความเห็นของ ไมเคิล แมคคูน มีขึ้นหลังจาก ทรัมป์ เปิดศึกโต้เถียงกับ เซเลนสกี ในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว เมื่อวันศุกร์ (28 ก.พ.) ทำให้แผนลงนามในข้อตกลงทรัพยากรแร่ระหว่างทั้ง 2 ประเทศพังครืนลง
    .
    "ทรัมป์เล่นเกมกับ 2 ฝ่าย ราวกับผู้เล่นหมากรุกชั้นเซียน ในท้ายที่สุดแล้ว เซเลนสกี จะไม่มีทางเลือกอื่น ยกเว้นแต่ยอมอ่อนข้อ หากปราศจากการสนับสนุนของสหรัฐฯ ยูเครนไม่อาจชนะในสงครามยืดเยื้อกับรัสเซีย" ทัมป์ รีโพสต์ข้อความนี้ บนทรัสต์โซเชียล "จริงๆ แล้ว ทรัมป์ กำลังปกป้องยูเครน โดยไม่จำเป็นต้องลากสหรัฐฯ เข้าสู่สงคราม นำเสนอข้อตกลงที่ฉลาดเป็นเลิศ"
    .
    ศึกโต้เถียงกันระหว่าง ทรัมป์ และรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ กับ เซเลนสกี ปะทะขึ้นหลังจากประธานาธิบดียูเครน เน้นย้ำถึงความจำเป็นสำหรับการรับประกันความมั่นคง และบอกว่า เครมลิน ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า กระตุ้นให้ฝ่ายสหรัฐฯ ตอบโต้เขาว่าไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ และเตือนสติให้เห็นว่าเขาอยู่ในสถานะที่อ่อนแอ
    .
    ตามหลังศึกวิวาทะอันเผ็ดร้อน ทรัมป์ บอกว่า เซเลนสกี ไม่ใช่คนที่ต้องการสร้างสันติภาพ "ประธานาธิบดียูเครน กำลังมองหาอะไรบางอย่างที่ผมไม่ได้เสาะหา" พร้อมกล่าวอ้างอีกครั้งว่า เซเลนสกี "ต้องการ สู้ สู้ สู้ เพียงเท่านั้น"
    .
    เซเลนสกี ตอบโต้กลับความเห็นของทรัมป์ ระหว่างให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ อ้างว่ายูเครน พร้อมสำหรับสันติภาพ "แต่เราจำเป็นต้องอยู่ในสถานะที่ดี เราต้องการสันติภาพ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงมาพบประธานาธิบดีทรัมป์"
    .
    ในข้อความที่โพสต์ ทรัมป์ อ้างว่าผลประโยชน์ทางธุรกิจของสหรัฐฯ ในยูเครน เพียงพอแล้วที่จะเป็นเครื่องรับประกันความมั่นคง เนื่องจากรัสเซียจะไม่สามารถคุกคามผลประโยชน์ทางธุรกิจเหล่านั้น "โดยปราศจากกระตุ้นการตอบโต้กลับครั้งใหญ่ในระดับนานาชาติ" ทรัมป์กล่าว "เพราะว่าการโจมตียูเครน จะหมายถึงการก่ออันตรายแก่ชีวิตชาวอเมริกา บางอย่างที่จะบีบให้สหรัฐฯ จำเป็นต้องตอบโต้"
    .
    พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ จำนวนหนึ่งและสมาชิกสภาคองเกรสจากรีพับลิกัน ยังคงดาหน้ากันออกมาปกป้องทรัมป์ พร้อมกับส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์เซเลนสกี ตามหลังการโต้เถียงในห้องทำงานรูปไข่ โดยบางส่วนถึงขั้นชี้แนะว่า เซเลนสกี อาจจำเป็นต้องลาออกจากตำแหน่ง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020444
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ รีโพสต์ข้อความหนึ่งบนทรัตช์ โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ที่ระบุว่าประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน "ไม่มีทางเลือก" ยกเว้นแต่ยอมตามเงื่อนไขต่างๆ ของวอชิงตัน ในข้อตกลงแร่ เนื่องจากเคียฟไม่อาจอยู่รอดได้ในสงคราม หากปราศจากการสนับสนุนของอเมริกา . การรีโพสต์ความเห็นของ ไมเคิล แมคคูน มีขึ้นหลังจาก ทรัมป์ เปิดศึกโต้เถียงกับ เซเลนสกี ในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว เมื่อวันศุกร์ (28 ก.พ.) ทำให้แผนลงนามในข้อตกลงทรัพยากรแร่ระหว่างทั้ง 2 ประเทศพังครืนลง . "ทรัมป์เล่นเกมกับ 2 ฝ่าย ราวกับผู้เล่นหมากรุกชั้นเซียน ในท้ายที่สุดแล้ว เซเลนสกี จะไม่มีทางเลือกอื่น ยกเว้นแต่ยอมอ่อนข้อ หากปราศจากการสนับสนุนของสหรัฐฯ ยูเครนไม่อาจชนะในสงครามยืดเยื้อกับรัสเซีย" ทัมป์ รีโพสต์ข้อความนี้ บนทรัสต์โซเชียล "จริงๆ แล้ว ทรัมป์ กำลังปกป้องยูเครน โดยไม่จำเป็นต้องลากสหรัฐฯ เข้าสู่สงคราม นำเสนอข้อตกลงที่ฉลาดเป็นเลิศ" . ศึกโต้เถียงกันระหว่าง ทรัมป์ และรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ กับ เซเลนสกี ปะทะขึ้นหลังจากประธานาธิบดียูเครน เน้นย้ำถึงความจำเป็นสำหรับการรับประกันความมั่นคง และบอกว่า เครมลิน ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า กระตุ้นให้ฝ่ายสหรัฐฯ ตอบโต้เขาว่าไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ และเตือนสติให้เห็นว่าเขาอยู่ในสถานะที่อ่อนแอ . ตามหลังศึกวิวาทะอันเผ็ดร้อน ทรัมป์ บอกว่า เซเลนสกี ไม่ใช่คนที่ต้องการสร้างสันติภาพ "ประธานาธิบดียูเครน กำลังมองหาอะไรบางอย่างที่ผมไม่ได้เสาะหา" พร้อมกล่าวอ้างอีกครั้งว่า เซเลนสกี "ต้องการ สู้ สู้ สู้ เพียงเท่านั้น" . เซเลนสกี ตอบโต้กลับความเห็นของทรัมป์ ระหว่างให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ อ้างว่ายูเครน พร้อมสำหรับสันติภาพ "แต่เราจำเป็นต้องอยู่ในสถานะที่ดี เราต้องการสันติภาพ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงมาพบประธานาธิบดีทรัมป์" . ในข้อความที่โพสต์ ทรัมป์ อ้างว่าผลประโยชน์ทางธุรกิจของสหรัฐฯ ในยูเครน เพียงพอแล้วที่จะเป็นเครื่องรับประกันความมั่นคง เนื่องจากรัสเซียจะไม่สามารถคุกคามผลประโยชน์ทางธุรกิจเหล่านั้น "โดยปราศจากกระตุ้นการตอบโต้กลับครั้งใหญ่ในระดับนานาชาติ" ทรัมป์กล่าว "เพราะว่าการโจมตียูเครน จะหมายถึงการก่ออันตรายแก่ชีวิตชาวอเมริกา บางอย่างที่จะบีบให้สหรัฐฯ จำเป็นต้องตอบโต้" . พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ จำนวนหนึ่งและสมาชิกสภาคองเกรสจากรีพับลิกัน ยังคงดาหน้ากันออกมาปกป้องทรัมป์ พร้อมกับส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์เซเลนสกี ตามหลังการโต้เถียงในห้องทำงานรูปไข่ โดยบางส่วนถึงขั้นชี้แนะว่า เซเลนสกี อาจจำเป็นต้องลาออกจากตำแหน่ง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020444 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1402 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดมิทรี เมดเวเดฟ รองประธานสภาความมั่นคงรัสเซีย และอดีตประธานาธิบดีรัสเซีย:

    กลุ่มต่อต้านทรัมป์ซึ่งต่อต้านรัสเซียด้วย กำลังรวมตัวกันในลอนดอนเพื่อสาบานตนว่าจะจงรักภักดีต่อพวกนาซีที่เคียฟ มันช่างเป็นภาพที่น่าอับอายยิ่งกว่าการเสียดสีด้วยวาจาของตัวตลกในห้องโอวัลออฟฟิศในทำเนียบขาวซะอีก พวกเขาต้องการสานต่อสงครามต่อไปจนถึงยูเครนคนสุดท้าย!
    ดมิทรี เมดเวเดฟ รองประธานสภาความมั่นคงรัสเซีย และอดีตประธานาธิบดีรัสเซีย: กลุ่มต่อต้านทรัมป์ซึ่งต่อต้านรัสเซียด้วย กำลังรวมตัวกันในลอนดอนเพื่อสาบานตนว่าจะจงรักภักดีต่อพวกนาซีที่เคียฟ มันช่างเป็นภาพที่น่าอับอายยิ่งกว่าการเสียดสีด้วยวาจาของตัวตลกในห้องโอวัลออฟฟิศในทำเนียบขาวซะอีก พวกเขาต้องการสานต่อสงครามต่อไปจนถึงยูเครนคนสุดท้าย!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 263 มุมมอง 0 รีวิว
  • สื่อสหรัฐฯ วิเคราะห์เครื่องบินขับไล่ล่องหนรุ่นใหม่ของจีน J-35A (เจียน-35เอ) ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงานแสดงอากาศยานเมืองจูไห่ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 อาจทำลายสมดุลอำนาจทางอากาศของกองทัพสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก โดยเครื่องรุ่นนี้มีขีดความสามารถล่องหนใกล้เคียงกับ F-35 ของสหรัฐฯ และจะทำหน้าที่เคียงคู่กับ J-20 เพื่อสร้างยุทธวิธี “เครือข่ายพิฆาตทางอากาศ” (Kill chain) ของกองทัพอากาศจีน
    .
    รายงานล่าสุดจากนิตยสาร National Interest ของสหรัฐฯ ชี้ว่ากองทัพอากาศจีนพัฒนาอย่างรวดเร็วมากในรอบทศวรรษที่ผ่านมา จีนสามารถผลิตทั้ง J-20 และ J-35A จำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว ตรงข้ามกับกระบวนการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ ที่ยังล่าช้าและซับซ้อน การเปิดตัว J-35A จึงกลายเป็นสัญญาณเตือนกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในเอเชียว่าอำนาจทางอากาศที่เหนือชั้นของตนกำลังถูกท้าทายอย่างหนัก
    .
    ด้านนายพลจิลมาร์รี่ ฮอสเตจ ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ เคยระบุในปี 2556 ว่า อำนาจทางอากาศหมายถึงการปฏิบัติการที่เสรีไร้ข้อจำกัดในน่านฟ้า ทว่าด้วยศักยภาพใหม่ของจีน ไม่เพียงแต่ทำให้อำนาจนี้สั่นคลอน แต่ยังอาจถึงขั้นสูญเสียการครอบครองท้องฟ้าในแถบนี้ไปโดยสิ้นเชิง
    .
    J-35A เป็นเครื่องบินขับไล่ขนาดกลาง เครื่องยนต์คู่ ถูกออกแบบด้วยเทคนิคขั้นสูง มีความสามารถล่องหนสูงจากลักษณะทางกายภาพที่ซ่อนใบพัดเครื่องยนต์จากเรดาร์ ระบบช่องรับอากาศแบบไร้ขอบ (DSI) รูปตัว S และพื้นผิวเครื่องที่ราบเรียบแนบสนิทไม่มีรอยต่อ นักวิเคราะห์หลายสำนักเห็นตรงกันว่าศักยภาพล่องหนของ J-35A ใกล้เคียงหรืออาจเทียบเท่ากับ F-35 ของสหรัฐฯ แล้ว
    .
    ถึงแม้รายละเอียดสมรรถนะที่แท้จริงของ J-35A ยังถือเป็นข้อมูลลับสูงสุด แต่สิ่งหนึ่งที่นักวิเคราะห์สหรัฐฯ ระบุชัดคือ แม้เครื่องบินจีนจะมีศักยภาพใกล้เคียงสหรัฐฯ แต่ด้วยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ ทำให้ในการรบที่ใกล้ชายฝั่งจีน เครื่องบินของจีนย่อมมีข้อได้เปรียบมหาศาล ทั้งเรื่องการส่งกำลังบำรุงและความสามารถในการเสริมกำลังอย่างรวดเร็วผ่านระบบป้องกันและต่อต้านการเข้าถึงพื้นที่ (Anti-Access/Area Denial: A2/AD) ของจีน
    .
    อีกด้านหนึ่ง หวัง หย่งชิ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเครื่องบินรบจากสถาบันการบินเสิ่นหยาง (Shenyang Aircraft Corporation) ของจีน ออกมาระบุในรายการสัมภาษณ์ว่า J-35A มีบทบาทเหมือน “การ์ดจ่ายบอล” ในทีมบาสเกตบอล ซึ่งไม่เพียงทำคะแนนได้เอง ยังสามารถเชื่อมโยงยุทโธปกรณ์อื่นๆ ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังเปิดเผยเบื้องหลังการออกแบบเครื่องบินรบว่ามีการดึงศิลปินมาออกแบบลายพรางบนตัวเครื่องด้วย เพื่อประสิทธิภาพการพรางตัวทางสายตา และย้ำว่าการออกแบบเครื่องบินรบที่ดีที่สุดนั้นไม่ได้อยู่ที่การรวมเทคโนโลยีขั้นสูงทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน แต่ต้องอยู่ที่ภาพรวมและระบบการปฏิบัติการของเครื่องบินที่ต้องสามารถทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้ดีที่สุด
    .
    การเปิดตัวของ J-35A และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ของจีนในครั้งนี้ นับเป็นการส่งสัญญาณที่สหรัฐฯ ไม่อาจเพิกเฉยได้อีกต่อไป ในยุคที่การแข่งขันด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ทางอากาศของมหาอำนาจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกกำลังเข้มข้นขึ้นทุกขณะ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020445
    ..............
    Sondhi X
    สื่อสหรัฐฯ วิเคราะห์เครื่องบินขับไล่ล่องหนรุ่นใหม่ของจีน J-35A (เจียน-35เอ) ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงานแสดงอากาศยานเมืองจูไห่ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 อาจทำลายสมดุลอำนาจทางอากาศของกองทัพสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก โดยเครื่องรุ่นนี้มีขีดความสามารถล่องหนใกล้เคียงกับ F-35 ของสหรัฐฯ และจะทำหน้าที่เคียงคู่กับ J-20 เพื่อสร้างยุทธวิธี “เครือข่ายพิฆาตทางอากาศ” (Kill chain) ของกองทัพอากาศจีน . รายงานล่าสุดจากนิตยสาร National Interest ของสหรัฐฯ ชี้ว่ากองทัพอากาศจีนพัฒนาอย่างรวดเร็วมากในรอบทศวรรษที่ผ่านมา จีนสามารถผลิตทั้ง J-20 และ J-35A จำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว ตรงข้ามกับกระบวนการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ ที่ยังล่าช้าและซับซ้อน การเปิดตัว J-35A จึงกลายเป็นสัญญาณเตือนกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในเอเชียว่าอำนาจทางอากาศที่เหนือชั้นของตนกำลังถูกท้าทายอย่างหนัก . ด้านนายพลจิลมาร์รี่ ฮอสเตจ ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ เคยระบุในปี 2556 ว่า อำนาจทางอากาศหมายถึงการปฏิบัติการที่เสรีไร้ข้อจำกัดในน่านฟ้า ทว่าด้วยศักยภาพใหม่ของจีน ไม่เพียงแต่ทำให้อำนาจนี้สั่นคลอน แต่ยังอาจถึงขั้นสูญเสียการครอบครองท้องฟ้าในแถบนี้ไปโดยสิ้นเชิง . J-35A เป็นเครื่องบินขับไล่ขนาดกลาง เครื่องยนต์คู่ ถูกออกแบบด้วยเทคนิคขั้นสูง มีความสามารถล่องหนสูงจากลักษณะทางกายภาพที่ซ่อนใบพัดเครื่องยนต์จากเรดาร์ ระบบช่องรับอากาศแบบไร้ขอบ (DSI) รูปตัว S และพื้นผิวเครื่องที่ราบเรียบแนบสนิทไม่มีรอยต่อ นักวิเคราะห์หลายสำนักเห็นตรงกันว่าศักยภาพล่องหนของ J-35A ใกล้เคียงหรืออาจเทียบเท่ากับ F-35 ของสหรัฐฯ แล้ว . ถึงแม้รายละเอียดสมรรถนะที่แท้จริงของ J-35A ยังถือเป็นข้อมูลลับสูงสุด แต่สิ่งหนึ่งที่นักวิเคราะห์สหรัฐฯ ระบุชัดคือ แม้เครื่องบินจีนจะมีศักยภาพใกล้เคียงสหรัฐฯ แต่ด้วยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ ทำให้ในการรบที่ใกล้ชายฝั่งจีน เครื่องบินของจีนย่อมมีข้อได้เปรียบมหาศาล ทั้งเรื่องการส่งกำลังบำรุงและความสามารถในการเสริมกำลังอย่างรวดเร็วผ่านระบบป้องกันและต่อต้านการเข้าถึงพื้นที่ (Anti-Access/Area Denial: A2/AD) ของจีน . อีกด้านหนึ่ง หวัง หย่งชิ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเครื่องบินรบจากสถาบันการบินเสิ่นหยาง (Shenyang Aircraft Corporation) ของจีน ออกมาระบุในรายการสัมภาษณ์ว่า J-35A มีบทบาทเหมือน “การ์ดจ่ายบอล” ในทีมบาสเกตบอล ซึ่งไม่เพียงทำคะแนนได้เอง ยังสามารถเชื่อมโยงยุทโธปกรณ์อื่นๆ ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังเปิดเผยเบื้องหลังการออกแบบเครื่องบินรบว่ามีการดึงศิลปินมาออกแบบลายพรางบนตัวเครื่องด้วย เพื่อประสิทธิภาพการพรางตัวทางสายตา และย้ำว่าการออกแบบเครื่องบินรบที่ดีที่สุดนั้นไม่ได้อยู่ที่การรวมเทคโนโลยีขั้นสูงทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน แต่ต้องอยู่ที่ภาพรวมและระบบการปฏิบัติการของเครื่องบินที่ต้องสามารถทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้ดีที่สุด . การเปิดตัวของ J-35A และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ของจีนในครั้งนี้ นับเป็นการส่งสัญญาณที่สหรัฐฯ ไม่อาจเพิกเฉยได้อีกต่อไป ในยุคที่การแข่งขันด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ทางอากาศของมหาอำนาจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกกำลังเข้มข้นขึ้นทุกขณะ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020445 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Wow
    11
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1819 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 3-3-68
    .
    เช้าวันจันทร์ วันนี้คุณสนธิมีหลายเรื่องมาเล่าให้ฟัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฮอต ๆ อย่าง "การส่งกลับชาวอุยกูร์" ที่หลบหนีเข้าเมือง และอาศัยอยู่ในประเทศไทยมาเป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว, วิวาทะระหว่าง นายโดนัลด์ ทรัมป์-เจดี แแวนซ์ ประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับ นายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนที่ทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ รวมไปถึงคดีที่คุณสนธิฟ้อง "ทนายอั๋น" ที่ศาลมีคำพิพากษาลงมาแล้ว ... เชิญรับชม
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=UnMK7GV-aJI
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #อุยกูร์ #ซินเกียง #ทรัมป์เซเลนสกี
    สนธิเล่าเรื่อง 3-3-68 . เช้าวันจันทร์ วันนี้คุณสนธิมีหลายเรื่องมาเล่าให้ฟัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฮอต ๆ อย่าง "การส่งกลับชาวอุยกูร์" ที่หลบหนีเข้าเมือง และอาศัยอยู่ในประเทศไทยมาเป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว, วิวาทะระหว่าง นายโดนัลด์ ทรัมป์-เจดี แแวนซ์ ประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับ นายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนที่ทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ รวมไปถึงคดีที่คุณสนธิฟ้อง "ทนายอั๋น" ที่ศาลมีคำพิพากษาลงมาแล้ว ... เชิญรับชม . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=UnMK7GV-aJI . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #อุยกูร์ #ซินเกียง #ทรัมป์เซเลนสกี
    Like
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 611 มุมมอง 0 รีวิว
  • #สนธิเล่าเรื่อง วันที่ 3 ก.พ. 2568 #SondhiTalk #SondhiX
    https://www.youtube.com/live/UnMK7GV-aJI
    #สนธิเล่าเรื่อง วันที่ 3 ก.พ. 2568 #SondhiTalk #SondhiX https://www.youtube.com/live/UnMK7GV-aJI
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • เส้นทางชีวิต หมายถึงจริยธรรม ซึ่งแตกต่างกันด้วยกรรมบท 10​ ประกอบด้วยกายกรรม 3 วจีกรรม 4 และมโนกรรม 3
    *กายกรรม 3 ได้แก่ การฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ ลักทรัพย์ ผิดลูกเมียหรือละเมิดสิ่งรักหวงของเจ้าของ
    **วจีกรรม 4 ได้แก่ พูดเท็จหรือพูดบิดเบือนจากความจริง พูดส่อเสียดให้แตกแยก พูดหยาบหรือพูดข้ามขั้นตอนของเหตุและผล พูดเพ้อเจ้อ เรื่อยเปื่อย ไร้สาระ
    ***มโนกรรม 3 ได้แก่ โลภเพ่งเล็งในอุปกรณ์แห่งทรัพย์ ฯ มีจิตพยาบาท และมีมิจฉาทิฏฐิไม่เห็นความจริง ๔ ประการหรือไม่เห็นอริยสัจจ์ ๔

    เส้นทางชีวิต หมายถึงจริยธรรม ซึ่งแตกต่างกันด้วยกรรมบท 10​ ประกอบด้วยกายกรรม 3 วจีกรรม 4 และมโนกรรม 3 *กายกรรม 3 ได้แก่ การฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ ลักทรัพย์ ผิดลูกเมียหรือละเมิดสิ่งรักหวงของเจ้าของ **วจีกรรม 4 ได้แก่ พูดเท็จหรือพูดบิดเบือนจากความจริง พูดส่อเสียดให้แตกแยก พูดหยาบหรือพูดข้ามขั้นตอนของเหตุและผล พูดเพ้อเจ้อ เรื่อยเปื่อย ไร้สาระ ***มโนกรรม 3 ได้แก่ โลภเพ่งเล็งในอุปกรณ์แห่งทรัพย์ ฯ มีจิตพยาบาท และมีมิจฉาทิฏฐิไม่เห็นความจริง ๔ ประการหรือไม่เห็นอริยสัจจ์ ๔ 😀
    คนดีเป็นได้ยาก แต่เป็นหน้าที่หลักของความเป็นคน

    จึงต้องใช้ความเพียรยิ่งยวด เพื่อเจริญสติตามรู้ลมหายใจเข้า หายใจออก ให้เห็นจิตมีสมาธิตั้งมั่น ทำจิตให้ปราโมทยิ่ง และทำจิตให้ปล่อยอยู่

    ทางปฏิบัติของคนดี จึงเป็นทางเฉพาะสำหรับอริยชน ซึ่งเป็นเส้นทางขนานกับทางโจร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว