• STORY TELLINGOLOGY (เล่าวิทยา)
    STORY TELLINGOLOGY (เล่าวิทยา)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/0GVK2_AfhLE?si=h2I-XfgGPWlEiq3u
    https://youtu.be/0GVK2_AfhLE?si=h2I-XfgGPWlEiq3u
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • รถไฟมาเลย์ KLIA Ekspres เพิ่มตั๋วใน Google Wallet ได้แล้ว

    เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2568 บริการรถไฟ KLIA Ekspres (เคแอลไอเอ เอ็กซ์เพรส) ประเทศมาเลเซีย เชื่อมระหว่างท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KLIA) ถึงสถานี KL Sentral สามารถเพิ่มตั๋วโดยสารลงใน Google Wallet กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์บนโทรศัพท์มือถือแอนดรอยด์ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการพกตั๋วโดยสารโดยไม่ต้องเปิดอีเมล และไม่ต้องพิมพ์ตั๋วแบบกระดาษออกมาอีก

    ผู้โดยสารที่สำรองที่นั่งและชำระเงินผ่านเว็บไซต์ www.KLIAekspres.com ผ่านมือถือเรียบร้อยแล้ว จะมีปุ่ม Add to Google Wallet ให้กดเข้าไป ระบบจะเพิ่มบัตรลงใน Google Wallet กดเข้าไปที่ View pass เพื่อดูตั๋วโดยสาร จากนั้นเมื่อถึงประตูทางเข้า (Boarding Gate) ให้เปิด Google Wallet เลือกตั๋วโดยสาร แล้วนำ QR Code มาสแกนที่ประตูทางเข้า แล้วประตูจะเปิดออกมา เมื่อถึงสถานีปลายทางให้นำ QR Code มาสแกนที่ประตูทางออก ปัจจุบันให้บริการเฉพาะตั๋ว Standard Tickets ทั้งบริการ KLIA Ekspres และ KLIA Transit ประเภทบุคคลทั่วไปและประเภทเด็กเท่านั้น

    สำหรับรถไฟ KLIA Ekspres ระยะทาง 57 กิโลเมตร มีให้เลือก 2 ประเภท ได้แก่ บริการ KLIA Ekspres จอดเฉพาะอาคาร KLIA2, KLIA1 และสถานี KL Sentral โดยไม่จอดสถานีอื่น ใช้เวลาเดินทาง 28 นาที ค่าโดยสารบุคคลทั่วไป เที่ยวเดียว 55 ริงกิต ไป-กลับ 100 ริงกิต เด็กอายุ 6-15 ปี เที่ยวเดียว 25 ริงกิต ไป-กลับ 45 ริงกิต ส่วนเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี โดยสารฟรีสูงสุด 3 คนต่อผู้ใหญ่ 1 คน ให้บริการทุก 20 นาที จากต้นทางอาคาร KLIA2 เที่ยวแรก 04.55 น. เที่ยวสุดท้าย 00.00 น. จากต้นทางสถานี KL Sentral เที่ยวแรก 05.00 น. เที่ยวสุดท้าย 00.00 น.

    ส่วนบริการ KLIA Transit จอดส่งผู้โดยสารสถานีซาลักติงกิ (Salak Tinggi), สถานีปุตราจายาและไซเบอร์จายา (Putrajaya & Cyberjaya) และสถานีบันดาร์ตาซิกเซลาตัน (Bandar Tasik Selatan) ใช้เวลาจากต้นทางถึงปลายทาง 39 นาที ค่าโดยสารคิดตามระยะทาง (เช่น จากอาคาร KLIA2 ไป Putrajaya & Cyberjaya ราคา 9.40 ริงกิต) ให้บริการทุก 15 นาทีในชั่วโมงเร่งด่วน และ 30 นาทีนอกชั่วโมงเร่งด่วนและวันหยุด จากต้นทางอาคาร KLIA2 เที่ยวแรก 05.18 น. เที่ยวสุดท้าย 00.30 น. จากต้นทางสถานี KL Sentral เที่ยวแรก 05.03 น. เที่ยวสุดท้าย 00.03 น.

    คำแนะนำ : สามารถใช้บริการ KLIA Transit จากอาคาร KLIA2 ไปสถานี Putrajaya & Cyberjaya แล้วต่อรถไฟฟ้า MRT สาย Putrajaya ลงที่สถานี Ampang Park ค่าโดยสาร 4.40 ริงกิต (ถ้าใช้บัตร TNG ลดเหลือ 3.80 ริงกิต) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT สาย Kelana Jaya ได้

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    รถไฟมาเลย์ KLIA Ekspres เพิ่มตั๋วใน Google Wallet ได้แล้ว เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2568 บริการรถไฟ KLIA Ekspres (เคแอลไอเอ เอ็กซ์เพรส) ประเทศมาเลเซีย เชื่อมระหว่างท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KLIA) ถึงสถานี KL Sentral สามารถเพิ่มตั๋วโดยสารลงใน Google Wallet กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์บนโทรศัพท์มือถือแอนดรอยด์ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการพกตั๋วโดยสารโดยไม่ต้องเปิดอีเมล และไม่ต้องพิมพ์ตั๋วแบบกระดาษออกมาอีก ผู้โดยสารที่สำรองที่นั่งและชำระเงินผ่านเว็บไซต์ www.KLIAekspres.com ผ่านมือถือเรียบร้อยแล้ว จะมีปุ่ม Add to Google Wallet ให้กดเข้าไป ระบบจะเพิ่มบัตรลงใน Google Wallet กดเข้าไปที่ View pass เพื่อดูตั๋วโดยสาร จากนั้นเมื่อถึงประตูทางเข้า (Boarding Gate) ให้เปิด Google Wallet เลือกตั๋วโดยสาร แล้วนำ QR Code มาสแกนที่ประตูทางเข้า แล้วประตูจะเปิดออกมา เมื่อถึงสถานีปลายทางให้นำ QR Code มาสแกนที่ประตูทางออก ปัจจุบันให้บริการเฉพาะตั๋ว Standard Tickets ทั้งบริการ KLIA Ekspres และ KLIA Transit ประเภทบุคคลทั่วไปและประเภทเด็กเท่านั้น สำหรับรถไฟ KLIA Ekspres ระยะทาง 57 กิโลเมตร มีให้เลือก 2 ประเภท ได้แก่ บริการ KLIA Ekspres จอดเฉพาะอาคาร KLIA2, KLIA1 และสถานี KL Sentral โดยไม่จอดสถานีอื่น ใช้เวลาเดินทาง 28 นาที ค่าโดยสารบุคคลทั่วไป เที่ยวเดียว 55 ริงกิต ไป-กลับ 100 ริงกิต เด็กอายุ 6-15 ปี เที่ยวเดียว 25 ริงกิต ไป-กลับ 45 ริงกิต ส่วนเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี โดยสารฟรีสูงสุด 3 คนต่อผู้ใหญ่ 1 คน ให้บริการทุก 20 นาที จากต้นทางอาคาร KLIA2 เที่ยวแรก 04.55 น. เที่ยวสุดท้าย 00.00 น. จากต้นทางสถานี KL Sentral เที่ยวแรก 05.00 น. เที่ยวสุดท้าย 00.00 น. ส่วนบริการ KLIA Transit จอดส่งผู้โดยสารสถานีซาลักติงกิ (Salak Tinggi), สถานีปุตราจายาและไซเบอร์จายา (Putrajaya & Cyberjaya) และสถานีบันดาร์ตาซิกเซลาตัน (Bandar Tasik Selatan) ใช้เวลาจากต้นทางถึงปลายทาง 39 นาที ค่าโดยสารคิดตามระยะทาง (เช่น จากอาคาร KLIA2 ไป Putrajaya & Cyberjaya ราคา 9.40 ริงกิต) ให้บริการทุก 15 นาทีในชั่วโมงเร่งด่วน และ 30 นาทีนอกชั่วโมงเร่งด่วนและวันหยุด จากต้นทางอาคาร KLIA2 เที่ยวแรก 05.18 น. เที่ยวสุดท้าย 00.30 น. จากต้นทางสถานี KL Sentral เที่ยวแรก 05.03 น. เที่ยวสุดท้าย 00.03 น. คำแนะนำ : สามารถใช้บริการ KLIA Transit จากอาคาร KLIA2 ไปสถานี Putrajaya & Cyberjaya แล้วต่อรถไฟฟ้า MRT สาย Putrajaya ลงที่สถานี Ampang Park ค่าโดยสาร 4.40 ริงกิต (ถ้าใช้บัตร TNG ลดเหลือ 3.80 ริงกิต) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT สาย Kelana Jaya ได้ #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 353 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าเราศึกษาโครงสร้างของเงิน 17,000 ล้านเหรียญที่ IMF เข้ามาช่วยไทยนั้น เราจะเห็นได้ชัดว่า เงินส่วนใหญ่แทบจะทั้งหมดเป็นของญี่ปุ่น และที่เหลือเป็น Asia กับออสเตรเลีย อเมริกาไม่ใด้ใส่เงินลงมาเลยแม้แต่น้อย #เปลือยธารินทร์
    https://youtu.be/uAsnhVJkx1Y
    ถ้าเราศึกษาโครงสร้างของเงิน 17,000 ล้านเหรียญที่ IMF เข้ามาช่วยไทยนั้น เราจะเห็นได้ชัดว่า เงินส่วนใหญ่แทบจะทั้งหมดเป็นของญี่ปุ่น และที่เหลือเป็น Asia กับออสเตรเลีย อเมริกาไม่ใด้ใส่เงินลงมาเลยแม้แต่น้อย #เปลือยธารินทร์ https://youtu.be/uAsnhVJkx1Y
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เปลือยธารินทร์ เงิน 30,000 ล้านเหรียญ ที่นายมิยาซาวา สัญญาต่อชาวเอเชียในการประชุม IMF และ G-7 นั้นแท้ที่จริงแล้ว ก็คือแนวความคิดของ Asia Fund นั่นเอง ที่ญี่ปุ่นเคยคิดจะเสนอเมื่อปลายปีที่แล้วในการประชุม ที่ฮ่องกง แต่โดนอเมริกาขัดขวาง
    https://youtu.be/_aSPV86HDrM
    #เปลือยธารินทร์ เงิน 30,000 ล้านเหรียญ ที่นายมิยาซาวา สัญญาต่อชาวเอเชียในการประชุม IMF และ G-7 นั้นแท้ที่จริงแล้ว ก็คือแนวความคิดของ Asia Fund นั่นเอง ที่ญี่ปุ่นเคยคิดจะเสนอเมื่อปลายปีที่แล้วในการประชุม ที่ฮ่องกง แต่โดนอเมริกาขัดขวาง https://youtu.be/_aSPV86HDrM
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าเราจะสมมติภูมิภาคเอเชีย เป็นเหมือนบ้านหลังหนึ่ง ที่มีสมาชิกครอบครัวอยู่กัน 16 คน ซึ่งแบ่งออกเป็นกลุ่ม ๆ
    กลุ่มแรกคือกลุ่มอาเซียน ที่ทุกคนกำลังถังแตก
    กลุ่มที่สองเป็นกลุ่มที่มีความหลากหลายของตัวเองและมีปัญหาของตัวเองไม่เหมือนกัน เช่น ญี่ปุ่น กำลังปวดหัวกับเศรษฐกิจของตัวเอง แต่ยังมีเงินอยู่เยอะ จีน ยังไม่ลำบากแต่ก็ระมัดระวังตัวมาก เกาหลีใต้ ก็กำลังถังแตกเช่นกัน ส่วนไต้หวันนั้น มีเงินและอยู่ด้วยตัวเอง แทบจะไม่สนใจใคร

    https://youtu.be/WZZntNrf610
    ถ้าเราจะสมมติภูมิภาคเอเชีย เป็นเหมือนบ้านหลังหนึ่ง ที่มีสมาชิกครอบครัวอยู่กัน 16 คน ซึ่งแบ่งออกเป็นกลุ่ม ๆ กลุ่มแรกคือกลุ่มอาเซียน ที่ทุกคนกำลังถังแตก กลุ่มที่สองเป็นกลุ่มที่มีความหลากหลายของตัวเองและมีปัญหาของตัวเองไม่เหมือนกัน เช่น ญี่ปุ่น กำลังปวดหัวกับเศรษฐกิจของตัวเอง แต่ยังมีเงินอยู่เยอะ จีน ยังไม่ลำบากแต่ก็ระมัดระวังตัวมาก เกาหลีใต้ ก็กำลังถังแตกเช่นกัน ส่วนไต้หวันนั้น มีเงินและอยู่ด้วยตัวเอง แทบจะไม่สนใจใคร https://youtu.be/WZZntNrf610
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🧸 สนใจสั่งซื้อ ทักหาแอดมินได้เลยนะครับ หรือที่ Website: 🌿
    🧸 สนใจสั่งซื้อ ทักหาแอดมินได้เลยนะครับ หรือที่ Website: 🌿
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 305 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ✅ พิเศษ! Service Onsite
    ✅ พิเศษ! Service Onsite
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • 🟣 มีโปรอะไรโดนๆอะไรบ้าง? 👀
    ดูได้ทาง facebook และ Youtube
    🟣 มีโปรอะไรโดนๆอะไรบ้าง? 👀 ดูได้ทาง facebook และ Youtube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 311 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ประเทศไทยขณะนี้ทุกอย่างสวนทางหลักเศรษฐกิจมหภาคทั้งหมดเช่นกัน เริ่มด้วย ค่าเงินบาทคงที ดอกเบี้ยฝาก ลงต่ำ ดอกเบี้ยเงินกู้ลงต่ำ(อัตราอ้างอิง-อัตราจริง ยังต้องบวกอีก 4% งานนี้ไม่รู้ใครหลอกใคร) เงินล้นธนาคารแต่ไม่มีใครปล่อยกู้เพราะกลัว NPL

    โลกทั้งโลกก็มีสภาพเหมือนประเทศไทย เพียงแต่ในกลุ่มพวกโลกตะวันตกพวกนั้น ยังถือไพ่เหนือกว่าเรามาก

    แต่วิกฤตินี้กำลังทำให้โลกตะวันตก โดยเฉพาะอเมริกาประสาทเสียแล้ว! #เปลือยธารินทร์

    https://youtu.be/Y6iNORmIM2U
    ประเทศไทยขณะนี้ทุกอย่างสวนทางหลักเศรษฐกิจมหภาคทั้งหมดเช่นกัน เริ่มด้วย ค่าเงินบาทคงที ดอกเบี้ยฝาก ลงต่ำ ดอกเบี้ยเงินกู้ลงต่ำ(อัตราอ้างอิง-อัตราจริง ยังต้องบวกอีก 4% งานนี้ไม่รู้ใครหลอกใคร) เงินล้นธนาคารแต่ไม่มีใครปล่อยกู้เพราะกลัว NPL โลกทั้งโลกก็มีสภาพเหมือนประเทศไทย เพียงแต่ในกลุ่มพวกโลกตะวันตกพวกนั้น ยังถือไพ่เหนือกว่าเรามาก แต่วิกฤตินี้กำลังทำให้โลกตะวันตก โดยเฉพาะอเมริกาประสาทเสียแล้ว! #เปลือยธารินทร์ https://youtu.be/Y6iNORmIM2U
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/H9UgN8pzuZ8?si=hBF4scxxM-Cr8qiW
    https://youtu.be/H9UgN8pzuZ8?si=hBF4scxxM-Cr8qiW
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใช้ชีวิต...
    Cr.Wiwan
    ใช้ชีวิต... Cr.Wiwan
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨พระปิดตาสะดือบุ๋มฝังไม้ไก่กุก เจ้าคุณวิเชียร วัดเครือวัลย์ สืบสานตำนานการสร้างพระปิดตาจากหลวงพ่อแก้วที่นอกจากสร้างจากมวลสารศักดิ์สิทธิ์แล้วยังฝังไม้ไก่กุกที่ถือเป็นเครื่องรางที่มีพุทธคุณในตัวเองด้านเมตตามหาเสน่ห์ที่จัดได้ว่าหาได้ยากยิ่ง
    ✨พระปิดตาสะดือบุ๋มฝังไม้ไก่กุก เจ้าคุณวิเชียร วัดเครือวัลย์ สืบสานตำนานการสร้างพระปิดตาจากหลวงพ่อแก้วที่นอกจากสร้างจากมวลสารศักดิ์สิทธิ์แล้วยังฝังไม้ไก่กุกที่ถือเป็นเครื่องรางที่มีพุทธคุณในตัวเองด้านเมตตามหาเสน่ห์ที่จัดได้ว่าหาได้ยากยิ่ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 335 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • 24/1/68

    เต้ ตะหงิดใจแต่แรก! ตอนเห็นร่างแตงโม ผ้าพันคล้ายไพล่หลัง ฝ่าเท้าขวาคล้ายมีตะปูยาวตอกการดู20,586 ครั้ง 3 ชม. ที่แล้ว #คดีแตงโม ...
    https://youtu.be/B-coYlwEF6o?si=bEcxhh4U873Jqby4
    24/1/68 เต้ ตะหงิดใจแต่แรก! ตอนเห็นร่างแตงโม ผ้าพันคล้ายไพล่หลัง ฝ่าเท้าขวาคล้ายมีตะปูยาวตอกการดู20,586 ครั้ง 3 ชม. ที่แล้ว #คดีแตงโม ... https://youtu.be/B-coYlwEF6o?si=bEcxhh4U873Jqby4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • 24/1/68

    ในประเทศญี่ปุ่นไม่มีวันครู
    …วันหนึ่งฉันถามเพื่อนร่วมงานชาวญี่ปุ่นของฉัน ครู
    ยามาโมตะว่า
    - คุณฉลองวันครูในประเทศญี่ปุ่นอย่างไร

    เขาแปลกใจกับคำถามของฉันและตอบว่า

    - เราไม่มีวันครู
    เมื่อฉันได้ยินคำตอบของเขา ฉันไม่แน่ใจว่าควรเชื่อเขาหรือไม่ ความคิดแวบเข้ามาในหัวของฉัน: "ทำไมประเทศที่ก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ถึงไม่เคารพครูและงานของพวกเขา"
    ***
    ครั้งหนึ่งหลังเลิกงาน ยามาโมตะเชิญฉันไปบ้านเขา เราขึ้นรถไฟใต้ดินเพราะว่ามันอยู่ไกลมาก เป็นช่วงชั่วโมงเร่งด่วนตอนเย็น และตู้โดยสารในรถไฟใต้ดินก็แน่นมาก ฉันหาที่ยืนได้โดยจับราวบันไดแน่น ทันใดนั้น ชายชราที่นั่งข้างฉันก็เสนอที่นั่งให้ฉัน ฉันไม่เข้าใจพฤติกรรมที่น่าเคารพของชายชราคนนั้น จึงปฏิเสธ แต่เขายังคงยืนกราน ฉันจึงถูกบังคับให้นั่งลง เมื่อเราออกจากรถไฟใต้ดิน ฉันขอให้ยามาโมตะอธิบายว่า ผู้ชายคนที่มีเคราสีขาว เค้าทำแบบนั้นทำไมยามาโมตะยิ้มและชี้ไปที่ป้ายชื่อครูที่ฉันสวมอยู่และพูดว่า :

    - ชายชราคนนี้หลังจากเห็นป้ายชื่อครูที่ติดอยู่บนตัวคุณ และเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อสถานะของคุณ เขาจึงเสนอที่นั่งให้คุณ
    เนื่องจากฉันมาที่ บ้านคุณยามาโมตะเป็นครั้งแรก ฉันจึงรู้สึกไม่สบายใจที่จะไปที่นั่นโดยไม่ได้ทำอะไรเลย จึงคิดจะซื้อของขวัญ ฉันจึงเล่าความคิดของฉันให้ยามาโมตะฟัง เขาสนับสนุนแนวคิดนี้และบอกว่ามีร้านค้าสำหรับครูอยู่อีกเล็กน้อย ซึ่งคุณสามารถซื้อของได้ในราคาลดพิเศษ อีกครั้ง ฉันอดไม่ได้ที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเอง :

    - สิทธิพิเศษมีให้เฉพาะกับครูเท่านั้นหรือ ฉันถาม
    ยามาโมตะยืนยันคำพูดของฉันโดยกล่าวว่า :
    - ในญี่ปุ่น การสอนเป็นอาชีพที่ได้รับความเคารพมากที่สุด และครูคือบุคคลที่ได้รับความเคารพมากที่สุด ผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่นมีความสุขมากเมื่อครูมาที่ร้านของพวกเขา พวกเขาคิดว่าเป็นเกียรติ
    ***
    ระหว่างที่ฉันอยู่ที่ญี่ปุ่น ฉันสังเกตเห็นหลายครั้งว่าคนญี่ปุ่นให้ความเคารพครูอย่างสูงสุด พวกเขามีที่นั่งพิเศษที่จัดสรรให้ในรถไฟใต้ดิน มีร้านค้าพิเศษสำหรับพวกเขา ครูที่นั่นไม่ต้องเข้าคิวเพื่อซื้อตั๋วสำหรับการขนส่งประเภทใดๆ... นั่นคือเหตุผลที่ครูชาวญี่ปุ่นไม่จำเป็นต้องมีวันพิเศษ (เพราะทุกวันในชีวิตของพวกเขาคือการเฉลิมฉลอง)
    โปรดเผยแพร่เรื่องราวนี้ให้ทุกคนได้รู้ ปล่อยให้สังคมเติบโตขึ้นเพื่อชื่นชมครูในระดับนี้ เล่าเรื่องนี้อีกครั้งให้เพื่อนร่วมงานของคุณฟังเพื่อให้พวกเขาภาคภูมิใจ
    ครูของฉัน ฉันขอคารวะ
    24/1/68 ในประเทศญี่ปุ่นไม่มีวันครู …วันหนึ่งฉันถามเพื่อนร่วมงานชาวญี่ปุ่นของฉัน ครู ยามาโมตะว่า - คุณฉลองวันครูในประเทศญี่ปุ่นอย่างไร เขาแปลกใจกับคำถามของฉันและตอบว่า - เราไม่มีวันครู เมื่อฉันได้ยินคำตอบของเขา ฉันไม่แน่ใจว่าควรเชื่อเขาหรือไม่ ความคิดแวบเข้ามาในหัวของฉัน: "ทำไมประเทศที่ก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ถึงไม่เคารพครูและงานของพวกเขา" *** ครั้งหนึ่งหลังเลิกงาน ยามาโมตะเชิญฉันไปบ้านเขา เราขึ้นรถไฟใต้ดินเพราะว่ามันอยู่ไกลมาก เป็นช่วงชั่วโมงเร่งด่วนตอนเย็น และตู้โดยสารในรถไฟใต้ดินก็แน่นมาก ฉันหาที่ยืนได้โดยจับราวบันไดแน่น ทันใดนั้น ชายชราที่นั่งข้างฉันก็เสนอที่นั่งให้ฉัน ฉันไม่เข้าใจพฤติกรรมที่น่าเคารพของชายชราคนนั้น จึงปฏิเสธ แต่เขายังคงยืนกราน ฉันจึงถูกบังคับให้นั่งลง เมื่อเราออกจากรถไฟใต้ดิน ฉันขอให้ยามาโมตะอธิบายว่า ผู้ชายคนที่มีเคราสีขาว เค้าทำแบบนั้นทำไมยามาโมตะยิ้มและชี้ไปที่ป้ายชื่อครูที่ฉันสวมอยู่และพูดว่า : - ชายชราคนนี้หลังจากเห็นป้ายชื่อครูที่ติดอยู่บนตัวคุณ และเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อสถานะของคุณ เขาจึงเสนอที่นั่งให้คุณ เนื่องจากฉันมาที่ บ้านคุณยามาโมตะเป็นครั้งแรก ฉันจึงรู้สึกไม่สบายใจที่จะไปที่นั่นโดยไม่ได้ทำอะไรเลย จึงคิดจะซื้อของขวัญ ฉันจึงเล่าความคิดของฉันให้ยามาโมตะฟัง เขาสนับสนุนแนวคิดนี้และบอกว่ามีร้านค้าสำหรับครูอยู่อีกเล็กน้อย ซึ่งคุณสามารถซื้อของได้ในราคาลดพิเศษ อีกครั้ง ฉันอดไม่ได้ที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเอง : - สิทธิพิเศษมีให้เฉพาะกับครูเท่านั้นหรือ ฉันถาม ยามาโมตะยืนยันคำพูดของฉันโดยกล่าวว่า : - ในญี่ปุ่น การสอนเป็นอาชีพที่ได้รับความเคารพมากที่สุด และครูคือบุคคลที่ได้รับความเคารพมากที่สุด ผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่นมีความสุขมากเมื่อครูมาที่ร้านของพวกเขา พวกเขาคิดว่าเป็นเกียรติ *** ระหว่างที่ฉันอยู่ที่ญี่ปุ่น ฉันสังเกตเห็นหลายครั้งว่าคนญี่ปุ่นให้ความเคารพครูอย่างสูงสุด พวกเขามีที่นั่งพิเศษที่จัดสรรให้ในรถไฟใต้ดิน มีร้านค้าพิเศษสำหรับพวกเขา ครูที่นั่นไม่ต้องเข้าคิวเพื่อซื้อตั๋วสำหรับการขนส่งประเภทใดๆ... นั่นคือเหตุผลที่ครูชาวญี่ปุ่นไม่จำเป็นต้องมีวันพิเศษ (เพราะทุกวันในชีวิตของพวกเขาคือการเฉลิมฉลอง) โปรดเผยแพร่เรื่องราวนี้ให้ทุกคนได้รู้ ปล่อยให้สังคมเติบโตขึ้นเพื่อชื่นชมครูในระดับนี้ เล่าเรื่องนี้อีกครั้งให้เพื่อนร่วมงานของคุณฟังเพื่อให้พวกเขาภาคภูมิใจ ครูของฉัน ฉันขอคารวะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 246 มุมมอง 0 รีวิว
  • หิริโอตัปปะ
    หิริ คือ ความละอายต่อบาป ไม่ทำชั่วด้วยกาย วาจา และใจ ไม่ว่าจะมีผู้รู้เห็นหรือไม่ โอตตัปปะ คือ ความกลัวต่อบาป กลัวผลของกรรมชั่ว กลัวว่าเมื่อทำชั่วลงไปจะทำ ให้จิตใจของตนตกต่ำ แม้จะมีโอกาสโกงกินก็จะไม่ทำ ไม่ใช่เพราะกลัวถูกจับได้ แต่กลัวความ เสื่อมที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง
    หิริโอตัปปะ หิริ คือ ความละอายต่อบาป ไม่ทำชั่วด้วยกาย วาจา และใจ ไม่ว่าจะมีผู้รู้เห็นหรือไม่ โอตตัปปะ คือ ความกลัวต่อบาป กลัวผลของกรรมชั่ว กลัวว่าเมื่อทำชั่วลงไปจะทำ ให้จิตใจของตนตกต่ำ แม้จะมีโอกาสโกงกินก็จะไม่ทำ ไม่ใช่เพราะกลัวถูกจับได้ แต่กลัวความ เสื่อมที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความรักในสังสารวัฏ

    ในวัฏสงสาร ความรักเป็นเพียงสิ่งลวงที่ดูเหมือนจะให้ความอบอุ่น แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของ อนิจจัง และ ทุกขัง เพราะไม่ว่าจะสมหวังหรือผิดหวัง ความรักก็มักนำมาซึ่งความยึดมั่น และความยึดมั่นนี้เองที่เป็นต้นเหตุของความทุกข์

    แม้รักแท้ดูเหมือนมั่นคง แต่สุดท้ายก็ต้องพลัดพราก ไม่ว่าจะด้วยความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ หรือความตาย


    ---

    อริยสัจ 4 เบื้องต้น ผ่านอาการ "อกหัก"

    1. ทุกข์
    ทุกข์เกิดขึ้นเพราะการพลัดพรากจากสิ่งที่รัก หรือการไม่ได้สิ่งที่ปรารถนา
    ทุกข์ในอาการอกหัก คือ ความเศร้า ความว้าเหว่ และการถวิลหาความรักที่จากไป


    2. สมุทัย
    เหตุแห่งทุกข์ คือ ตัณหา (ความทะยานอยาก)
    เราอยากให้คนรักอยู่กับเรา อยากให้เขาทำให้เรามีความสุข อยากให้ความสัมพันธ์เป็นไปตามที่เราคาดหวัง


    3. นิโรธ
    ความดับทุกข์เกิดจากการปล่อยวาง ยอมรับความจริงว่า ทุกสิ่งไม่เที่ยง
    เมื่อเรามองเห็นทุกข์และสาเหตุอย่างแจ่มชัด เราจะค่อยๆ คลายความยึดติด และพบกับความสงบในใจ


    4. มรรค
    ทางสู่ความดับทุกข์ คือการเจริญ สติ และ สมาธิ

    พิจารณาอารมณ์และความคิดของตนเอง

    ฝึกสังเกตอาการยึดมั่นและปล่อยวาง

    ใช้ปัญญาเห็นว่า ความรักและความทุกข์ทั้งปวงเป็นของชั่วคราว





    ---

    วิธีเจริญสติ เพื่อปล่อยวางความรักที่พลัดพราก

    1. ดูใจตนเอง
    เมื่อเกิดความเศร้า ให้พิจารณาว่าอารมณ์นั้นเป็นเพียง สภาวะของจิต ที่เกิดขึ้นชั่วคราว แล้วมันจะผ่านไป


    2. เห็นอารมณ์ตามจริง
    มองว่าอารมณ์ที่เกิดขึ้น เช่น ความคิดถึงหรือความเศร้า เป็นเพียง "ปรากฏการณ์" ที่จิตปรุงแต่งขึ้น


    3. พิจารณาอนิจจัง
    ความรักที่เคยทำให้สุขใจ สุดท้ายก็กลายเป็นทุกข์ได้ เพราะทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนไม่เที่ยง


    4. ฝึกปล่อยวาง

    ยอมรับว่า คนรักที่จากไป ไม่ได้เป็นของเรา

    เห็นว่าความยึดติดนั้นนำมาซึ่งความทุกข์





    ---

    จากความรัก สู่ความวิเวกอันสงบ

    เมื่อเราสามารถปล่อยวางความรักหรือความยึดมั่นได้ จิตใจจะเริ่มรู้สึกเบาสบาย และสงบเย็น นี่คือความสุขที่แท้จริง ความสุขที่ไม่ต้องพึ่งพาใครหรือสิ่งใด

    จงฝึกเห็นความรักในฐานะธรรมชาติที่เกิดขึ้นและดับไป
    จงปลื้มใจในความวิเวก และค้นพบอิสรภาพทางใจแทน

    "เมื่อเราไม่ยึดติดในความรัก เราจะมอบความรักที่แท้จริงให้แก่ตนเองได้"

    ความรักในสังสารวัฏ ในวัฏสงสาร ความรักเป็นเพียงสิ่งลวงที่ดูเหมือนจะให้ความอบอุ่น แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของ อนิจจัง และ ทุกขัง เพราะไม่ว่าจะสมหวังหรือผิดหวัง ความรักก็มักนำมาซึ่งความยึดมั่น และความยึดมั่นนี้เองที่เป็นต้นเหตุของความทุกข์ แม้รักแท้ดูเหมือนมั่นคง แต่สุดท้ายก็ต้องพลัดพราก ไม่ว่าจะด้วยความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ หรือความตาย --- อริยสัจ 4 เบื้องต้น ผ่านอาการ "อกหัก" 1. ทุกข์ ทุกข์เกิดขึ้นเพราะการพลัดพรากจากสิ่งที่รัก หรือการไม่ได้สิ่งที่ปรารถนา ทุกข์ในอาการอกหัก คือ ความเศร้า ความว้าเหว่ และการถวิลหาความรักที่จากไป 2. สมุทัย เหตุแห่งทุกข์ คือ ตัณหา (ความทะยานอยาก) เราอยากให้คนรักอยู่กับเรา อยากให้เขาทำให้เรามีความสุข อยากให้ความสัมพันธ์เป็นไปตามที่เราคาดหวัง 3. นิโรธ ความดับทุกข์เกิดจากการปล่อยวาง ยอมรับความจริงว่า ทุกสิ่งไม่เที่ยง เมื่อเรามองเห็นทุกข์และสาเหตุอย่างแจ่มชัด เราจะค่อยๆ คลายความยึดติด และพบกับความสงบในใจ 4. มรรค ทางสู่ความดับทุกข์ คือการเจริญ สติ และ สมาธิ พิจารณาอารมณ์และความคิดของตนเอง ฝึกสังเกตอาการยึดมั่นและปล่อยวาง ใช้ปัญญาเห็นว่า ความรักและความทุกข์ทั้งปวงเป็นของชั่วคราว --- วิธีเจริญสติ เพื่อปล่อยวางความรักที่พลัดพราก 1. ดูใจตนเอง เมื่อเกิดความเศร้า ให้พิจารณาว่าอารมณ์นั้นเป็นเพียง สภาวะของจิต ที่เกิดขึ้นชั่วคราว แล้วมันจะผ่านไป 2. เห็นอารมณ์ตามจริง มองว่าอารมณ์ที่เกิดขึ้น เช่น ความคิดถึงหรือความเศร้า เป็นเพียง "ปรากฏการณ์" ที่จิตปรุงแต่งขึ้น 3. พิจารณาอนิจจัง ความรักที่เคยทำให้สุขใจ สุดท้ายก็กลายเป็นทุกข์ได้ เพราะทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนไม่เที่ยง 4. ฝึกปล่อยวาง ยอมรับว่า คนรักที่จากไป ไม่ได้เป็นของเรา เห็นว่าความยึดติดนั้นนำมาซึ่งความทุกข์ --- จากความรัก สู่ความวิเวกอันสงบ เมื่อเราสามารถปล่อยวางความรักหรือความยึดมั่นได้ จิตใจจะเริ่มรู้สึกเบาสบาย และสงบเย็น นี่คือความสุขที่แท้จริง ความสุขที่ไม่ต้องพึ่งพาใครหรือสิ่งใด จงฝึกเห็นความรักในฐานะธรรมชาติที่เกิดขึ้นและดับไป จงปลื้มใจในความวิเวก และค้นพบอิสรภาพทางใจแทน "เมื่อเราไม่ยึดติดในความรัก เราจะมอบความรักที่แท้จริงให้แก่ตนเองได้"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 รีวิว