• ญี่ปุ่นปะทะตะวันตก ชิงเครื่องถอนเงินอิสระมาเลเซีย

    ธนาคารเซเว่นแบงก์ ประเทศญี่ปุ่น ธุรกิจทางการเงินในเครือเซเว่น อีเลฟเว่น เริ่มเข้ามาลงทุนในมาเลเซียเป็นประเทศที่สามในภูมิภาคอาเซียน ต่อจากอินโดนีเซีย ที่ติดตั้งเครื่องเบิกถอนเงินสด ATMi ในร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ อัลฟามาร์ท (Alfamart) และอินโดมาเร็ต (Indomaret) ทั่วประเทศกว่า 9,000 แห่ง และฟิลิปปินส์ ที่ติดตั้งเครื่องฝากและถอนเงินสด (Cash Recycling Machines) หรือ CRM ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นฟิลิปปินส์ ทั่วประเทศกว่า 3,000 แห่ง

    โดยได้นำเครื่อง CRM ที่สามารถฝากและถอนเงินสดได้ในเครื่องเดียวกัน มาให้บริการในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ภายใต้แบรนด์ รีชฟูล (Reachful) คิดค่าบริการถอนเงินสดในประเทศ 1 ริงกิตต่อรายการ เช่นเดียวกับเอทีเอ็ม MEPS ของมาเลเซีย เริ่มต้นติดตั้งเครื่องแรกที่เมืองราวัง รัฐสลังงอร์ และจะติดตั้งจำนวน 100 เครื่องที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในกรุงกัวลาลัมเปอร์ รัฐสลังงอร์ รัฐยะโฮร์ และรัฐปีนัง ภายในสิ้นปี 2568 ก่อนขยายไปยังซาบาห์ และซาราวักบนเกาะบอร์เนียว รวมทั้งเขตชานเมืองในปี 2569

    นอกจากร้านเซเว่นอีเลฟเว่น มาเลเซีย ที่มีจำนวนสาขาทั่วประเทศกว่า 2,600 แห่งแล้ว รีชฟูลยังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกับซูเปอร์มาร์เก็ต ปั๊มน้ำมัน และสถานที่อื่นๆ เพื่อขยายจุดบริการต่อไป

    แม้ว่ามาเลเซียจะเปลี่ยนธุรกรรมทางการเงินไปสู่ระบบดิจิทัลแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่จากการศึกษาภูมิทัศน์การชำระเงินโดยบริษัทเพย์เน็ต (PayNet) ในปี 2565 พบว่าชาวมาเลเซีย 78% ชอบชำระเงินด้วยเงินสด โดย 48% ใช้เงินสดทุกวัน และเพิ่มขึ้นเกือบ 2 ใน 3 ในพื้นที่ที่ไม่ใช่เขตเมือง และรายงานของบริษัทอิปซอสส์ (Ipsos) ล่าสุดในปี 2567 พบว่าชาวมาเลเซีย 45% ยังคงพึ่งพาเงินสดเพียงอย่างเดียวในการทำธุรกรรมทางการเงิน

    ก่อนหน้านี้ ยูโรเน็ต เวิล์ดไวด์ (Euronet Worldwide) ผู้ให้บริการโซลูชันทางการเงินและการชำระเงินมีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ติดตั้งเครื่องเอทีเอ็มยูโรเน็ต (Euronet) ตั้งแต่ปี 2555 ในฐานะเครือข่ายผู้ติดตั้งเครื่องเอทีเอ็มอิสระ (IAD) และได้ซื้อกิจการเครื่อง ATM ของ MEPS จำนวน 800 เครื่องจากเพย์เน็ต ทำให้ยูโรเน็ตกลายเป็นผู้ให้บริการเครื่องเอทีเอ็มที่ไม่ใช่ธนาคารรายใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย โดยคิดค่าธรรมเนียมถอนเงินสดในประเทศ 1 ริงกิตต่อรายการ

    สำหรับประเทศไทย แม้ในปี 2566 เคาน์เตอร์เซอร์วิส บริษัทในเครือซีพีออลล์ ผู้บริหารร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในไทย เคยร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ ติดตั้งเครื่อง CDM ให้บริการถอนเงิน โอนเงิน และตัวแทนรับฝากเงิน 100 แห่ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    ญี่ปุ่นปะทะตะวันตก ชิงเครื่องถอนเงินอิสระมาเลเซีย ธนาคารเซเว่นแบงก์ ประเทศญี่ปุ่น ธุรกิจทางการเงินในเครือเซเว่น อีเลฟเว่น เริ่มเข้ามาลงทุนในมาเลเซียเป็นประเทศที่สามในภูมิภาคอาเซียน ต่อจากอินโดนีเซีย ที่ติดตั้งเครื่องเบิกถอนเงินสด ATMi ในร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ อัลฟามาร์ท (Alfamart) และอินโดมาเร็ต (Indomaret) ทั่วประเทศกว่า 9,000 แห่ง และฟิลิปปินส์ ที่ติดตั้งเครื่องฝากและถอนเงินสด (Cash Recycling Machines) หรือ CRM ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นฟิลิปปินส์ ทั่วประเทศกว่า 3,000 แห่ง โดยได้นำเครื่อง CRM ที่สามารถฝากและถอนเงินสดได้ในเครื่องเดียวกัน มาให้บริการในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ภายใต้แบรนด์ รีชฟูล (Reachful) คิดค่าบริการถอนเงินสดในประเทศ 1 ริงกิตต่อรายการ เช่นเดียวกับเอทีเอ็ม MEPS ของมาเลเซีย เริ่มต้นติดตั้งเครื่องแรกที่เมืองราวัง รัฐสลังงอร์ และจะติดตั้งจำนวน 100 เครื่องที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในกรุงกัวลาลัมเปอร์ รัฐสลังงอร์ รัฐยะโฮร์ และรัฐปีนัง ภายในสิ้นปี 2568 ก่อนขยายไปยังซาบาห์ และซาราวักบนเกาะบอร์เนียว รวมทั้งเขตชานเมืองในปี 2569 นอกจากร้านเซเว่นอีเลฟเว่น มาเลเซีย ที่มีจำนวนสาขาทั่วประเทศกว่า 2,600 แห่งแล้ว รีชฟูลยังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกับซูเปอร์มาร์เก็ต ปั๊มน้ำมัน และสถานที่อื่นๆ เพื่อขยายจุดบริการต่อไป แม้ว่ามาเลเซียจะเปลี่ยนธุรกรรมทางการเงินไปสู่ระบบดิจิทัลแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่จากการศึกษาภูมิทัศน์การชำระเงินโดยบริษัทเพย์เน็ต (PayNet) ในปี 2565 พบว่าชาวมาเลเซีย 78% ชอบชำระเงินด้วยเงินสด โดย 48% ใช้เงินสดทุกวัน และเพิ่มขึ้นเกือบ 2 ใน 3 ในพื้นที่ที่ไม่ใช่เขตเมือง และรายงานของบริษัทอิปซอสส์ (Ipsos) ล่าสุดในปี 2567 พบว่าชาวมาเลเซีย 45% ยังคงพึ่งพาเงินสดเพียงอย่างเดียวในการทำธุรกรรมทางการเงิน ก่อนหน้านี้ ยูโรเน็ต เวิล์ดไวด์ (Euronet Worldwide) ผู้ให้บริการโซลูชันทางการเงินและการชำระเงินมีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ติดตั้งเครื่องเอทีเอ็มยูโรเน็ต (Euronet) ตั้งแต่ปี 2555 ในฐานะเครือข่ายผู้ติดตั้งเครื่องเอทีเอ็มอิสระ (IAD) และได้ซื้อกิจการเครื่อง ATM ของ MEPS จำนวน 800 เครื่องจากเพย์เน็ต ทำให้ยูโรเน็ตกลายเป็นผู้ให้บริการเครื่องเอทีเอ็มที่ไม่ใช่ธนาคารรายใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย โดยคิดค่าธรรมเนียมถอนเงินสดในประเทศ 1 ริงกิตต่อรายการ สำหรับประเทศไทย แม้ในปี 2566 เคาน์เตอร์เซอร์วิส บริษัทในเครือซีพีออลล์ ผู้บริหารร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในไทย เคยร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ ติดตั้งเครื่อง CDM ให้บริการถอนเงิน โอนเงิน และตัวแทนรับฝากเงิน 100 แห่ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 359 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • ค้นพบโมเสกโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลกในตุรกี

    จากการขุดค้นทางโบราณคดีในเมืองอันตาเกีย ประเทศตุรกี ได้ค้นพบโมเสกพื้นขนาดใหญ่ที่สุดที่มีพื้นที่ 9,000 ตารางฟุต (836 ตารางเมตร) ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงปลายยุคโรมัน ศตวรรษที่ 4 ซีอี
    ค้นพบโมเสกโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลกในตุรกี จากการขุดค้นทางโบราณคดีในเมืองอันตาเกีย ประเทศตุรกี ได้ค้นพบโมเสกพื้นขนาดใหญ่ที่สุดที่มีพื้นที่ 9,000 ตารางฟุต (836 ตารางเมตร) ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงปลายยุคโรมัน ศตวรรษที่ 4 ซีอี
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/kyxfDDUtB7w?si=ktmTvibMKXxs7YXD
    https://youtu.be/kyxfDDUtB7w?si=ktmTvibMKXxs7YXD
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • 5 อาหารพาไตเสื่อม หนุ่ยสายเผือก / Nuie Look@Mebybp
    5 อาหารพาไตเสื่อม หนุ่ยสายเผือก / Nuie Look@Mebybp
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 26 0 รีวิว
  • https://youtu.be/1fnkNhE9qMM?si=jdYPXaS8Z9fq26ul
    https://youtu.be/1fnkNhE9qMM?si=jdYPXaS8Z9fq26ul
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระบวนการบิดเบี้ยวของระบบสุขภาพ
    ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    ⭐️⭐️⭐️
    (ตอนที่ 1)
    ความยั่งยืนของระบบสุขภาพนั้นประกอบไปด้วยความตระหนักของประชาชนในการดูแลตัวเองด้วยข้อมูลที่ถูกต้องและเพาะบ่ม ตั้งแต่ในครอบครัวในโรงเรียนตั้งแต่อนุบาลต่อเนื่องไปทั้งชีวิต
    การละทิ้งการรักษาตัวเองจะก่อให้เกิดโรคทางสุขภาพมากมายทำให้คนไทย เปราะบางและพร้อมที่จะเกิดโรคต่างๆในระดับความรุนแรงมากกว่าปกติและแม้เมื่อกระทบกับโรคติดเชื้อกลับถึงกับเสียชีวิต อย่างง่ายดาย
    การโหมประโคม การรักษาฟรีได้ทุกโรคโดยไม่บอกความจริงถึงงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด และเพิ่มสิทธิประโยชน์โดยที่ประชาชนไม่ทราบว่าการรักษานั้นไม่ได้ถึงขีดสุดตามที่ควรจะเป็น
    และแม้ว่าจะสามารถรักษาโรคบางอย่างได้ดีเช่นหลอดเลือดหัวใจตันหรือภาวะไตวายซึ่งมีการต่อสู้กันอย่างเนิ่นนานให้เป็นการฟอกเลือดแทนการล้างไตในช่องท้องซึ่งประชาชนและครอบครัวยังไม่พร้อมก่อให้เกิดการติดเชื้อและเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว
    แต่จำนวนผู้ป่วยเหล่านี้ปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณจนแพทย์พยาบาลและบุคลากรผู้เชี่ยวชาญรับมือไม่ไหว อย่างเช่นประเทศเกาหลีใต้ซึ่งมีการหยุดงานประท้วงของแพทย์ นักศึกษาแพทย์จนกระทั่งถึงลาออก ทั้งนี้เนื่องจากไม่เข้าใจว่าการให้บุคลากรที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเหล่านี้ยังอยู่ในระบบได้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ไม่ใช่เร่งผลิตแพทย์เอาแต่ปริมาณจำนวนและในที่สุดแล้วมีปัญหาเรื่องคุณภาพและผลกระทบก็คือตกอยู่ที่ประชาชนคนป่วยและขาดความเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขรวมถึงการฟ้องร้องอย่างรุนแรง

    ประเด็นที่เกี่ยวโยงกัน คือการหาประโยชน์จากระบบสุขภาพกลายเป็นห่วงโซ่ธุรกิจข้ามชาติ ทั้งนี้
    ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีอิทธิพลของบริษัทยา วัคซีนและเครื่องมือแพทย์ต่างๆ โยงไปถึง หน่วยงานหลักของรัฐบาลในแต่ละประเทศ และจนกระทั่งองค์กรหลัก ของโลก และในประเทศตะวันตก ซึ่งระบบสาธารณสุขของไทยยึดถือตามเอาอย่างโดยไม่ผิดเพี้ยน

    การปล่อยออกตลาด ของวัคซีนโควิดในสภาวะฉุกเฉิน แต่กระนั้นก็ต้องมีการศึกษาความปลอดภัยในมนุษย์เป็นขั้นตอนที่หนึ่ง

    ครอบครัวของเด็กหญิงอายุ 12 ปีที่เป็นอาสาสมัครเข้ารับวัคซีนไฟเซอร์ในการศึกษาในมนุษย์ระยะที่หนึ่งในเรื่องความปลอดภัย ปรากฏว่าหลังเข็มที่หนึ่งมีแต่ไข้เจ็บแขนและหายไป แต่หลังเข็มที่สองเกิดอาการมหาศาลตามต่อ 20 ถึง 30 อาการ ต้องเข้าโรงพยาบาล
    อาสาสมัครเหล่านี้นำไปรายงานใน วารสารนิวอิงแลนด์ วันที่ 27 พฤษภาคม 2021 และสรุปว่าอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนต่างมีอาการเล็กน้อยไม่รุนแรงและกล่าวถึงเด็กหญิงคนนี้ว่าอาการไม่น่าวิตกอะไรและเป็นเพียงปวดท้องเนื่องจากความเครียดทางอารมณ์
    หลังจากนั้นอีกไม่นานข้อมูลเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในเรื่องความปลอดภัยของวัคซีนและนำไปสู่การศึกษาในมนุษย์อย่างรวดเร็วจนกระทั่งมีการใช้จริงในกลางปี 2021

    วิดีโอนี้เป็นการบันทึกคำให้การของมารดาของเด็กหญิงที่ได้รับผลกระทบและขณะนี้ ยังต้องนั่งรถเข็นและใส่สายยางให้อาหาร เป็นคำให้การและหลักฐานต่อวุฒิสมาชิกและยังมีผู้ป่วยอีกหลายรายที่ได้รับผลกระทบ
    เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตีพิมพ์ในวารสาร ชั้นหนึ่งอันดับโลกมึความบิดเบี้ยว และในบทความตีพิมพ์นี้ นายแพทย์ที่เป็นชื่อแรกคือคนที่รับผิดชอบและดูแลผู้ป่วยรายนี้ด้วยซ้ำ

    กรุณาดูวิดีโอชิ้นนี้ ทั้งนี้เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดไม่ได้มีการตัดต่อใดๆ

    https://youtu.be/L2GKPYzL_JQ?si=VKECXgj_GwGoqKzL

    ยาที่ถูกแสนถูกหมดสิทธิบัตรแล้วและถูกห้ามใช้อย่างรุนแรงจากองค์กรสากลต่างๆ รวมทั้งในประเทศไทย
    ในที่สุด FDA สหรัฐ แพ้คดี ต้องถอนข้อความในการห้ามใช้ ยาฆ่าพยาธิ ไอเวอร์เมคติน ในการป้องกัน และรักษาโควิด และที่มีการดูถูกถากถาง และส่งผลให้แพทย์ถูกลงโทษ

    อีกตัวอย่างที่น่ากลัวคือ การถ่ายทอดผ่านรกของวัคซีน COVID-19 mRNA
    หลักฐานจากการวิเคราะห์รก มารดา และเลือดจากสายสะดือหลังการฉีดวัคซีน

    https://www.ajog.org/article/S0002-9378(24)00063-2/fulltext?fbclid=IwAR213l0Ygqu3FCbE-9iXZ6eZUDjwBk6JnfHex9JA1W2CQKokz62WLOj7tpI

    ประเด็นที่ร้ายแรงต่อตามมาก็คือ ผลผลิตของนวัตกรรมซึ่งสามารถเกิดขึ้น อย่างมหัศจรรย์ แบบผิดธรรมชาติ จากวัคซีนโควิด
    นวัตกรรมนี้สามารถสร้างความเสียหายโดยผ่านกลไกหลายระบบ แบบที่พบเห็นกันทั่วไปจากกลไกทางด้านภูมิคุ้มกัน

    แต่ที่พิเศษไปกว่านั้น คือความสามารถที่จะฝังตัวอยู่ในร่างกายมนุษย์ไปนานเป็นปี และสั่งให้ร่างกายมนุษย์สร้างโปรตีนหนาม เป็นเป้าล่อให้กระบวนการภูมิคุ้มกันของมนุษย์เข้ามาทำลาย ซึ่งก็หมายความว่าทำร้ายตัวเอง

    นอกจากนั้นโปรตีนหนามนี้ เข้าไปสอดแทรกในเนื้อเยื่อที่ลึกลงไป ก่อให้เกิดการอักเสบมีรูพรุนเหมือนฟองน้ำ และต่อมา ชิ้นของเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายจะค่อยๆ ทะลักออกมาทางผิวเซลล์ที่ถูกทำลาย

    และในกรณีของหลอดเลือดจะทะลักออกมาในกระแสเลือดโดยโปรตีนนี้ จะเหนี่ยวนำ ให้เกิดโปรตีนบิดเกลียว misfolded protein ลักษณะเป็นอมิลอยด์ ซึ่งไม่สามารถย่อยได้ด้วยเอนไซม์ และค่อยๆ สะสมขึ้นทีละน้อย ลักษณะอาจเป็นก้อนหรือเป็นแท่งหล่อ พบ ขณะมีชีวิตและเมื่อตายแล้ว และไม่จำเป็นต้องเกิดทุกคน
    กลไกจากนวัตกรรมนี้ จนได้ผลิตผล ขั้นสูงสุดดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผิดธรรมชาติ และ “ถ้าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียยอมรับว่าเกิดขึ้นได้นั้น” หมายความว่าแพลตฟอร์มของนวัตกรรมนี้ที่จะนำมาใช้สำหรับโรคอื่นทุกชนิดที่จะเปลี่ยนรูปแบบทุกอย่างในโลกนี้ ต้องถูกระงับ
    เป็นคำอธิบายชัดเจนในการต่อต้าน

    ทั้งนี้ ได้สรุปเหตุผลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดจากนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของประเทศเยอรมันและเจ้าหน้าที่ในสหรัฐ
    กลุ่มของนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำไม่สามารถนำลงไปตีพิมพ์ในวารสารได้ เพราะได้รับการต่อต้านตั้งแต่ พบหลักฐานใน 15 รายแรกและได้แจ้งให้สมาคม ราชวิทยาลัยของประเทศให้จับตาและทำการศึกษาอย่างจริงจังแต่ได้รับการปฏิเสธโดยสิ้นเชิง

    ดังนั้น เป็นการเสนองานทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดในที่ประชุมนานาชาติ จากการชันสูตรศพและวิเคราะห์เนื้อเยื่อทางกล้องจุลทรรศน์และทางฟิสิกส์จากศพ 100 ราย และจากชิ้นเนื้อจากผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ 20 ราย
    และข้อมูล ที่สำคัญที่มอบให้สื่อ ยังเป็นรายงานจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใน cath lab ที่ไม่ระบุชื่อ anonymous whistle blower ที่โรงพยาบาลในสหรัฐที่ทำการฉีดสีและดูด ลาก ตัด ก้อนที่ปะปนกับลิ่มเลือดตามปกติออกมา ซึ่งได้ทำการรายงานโรงพยาบาลทันทีแต่ได้รับคำสั่งห้ามพูดเด็ดขาดไม่เช่นนั้นจะถูกไล่ออก เลยได้ทำการติดต่อโรงพยาบาลหลายแห่งในสหรัฐซึ่งก็พบปรากฏการณ์เช่นนี้และทุกแห่งถูกสั่งห้ามพูด

    ทั้งนี้จะมีโรงพยาบาลหลักในสหรัฐซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการมีส่วนได้ส่วนเสียเหล่านี้
    และสนับสนุนนวัตกรรมนี้ทำการปิดกั้นผลกระทบ เหล่านี้ อย่างสิ้นเชิง

    ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    https://www.facebook.com/share/p/156oKE5AFU/

    https://www.facebook.com/share/1C1p7pDaYb/

    ⭐️⭐️⭐️
    (ตอนที่ 2)

    ปรากฏการณ์ที่กระทบมนุษย์นั้นเริ่มเห็นหนาตาขึ้น จนปิดไม่มิดและประชาชนได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า
    สำหรับคนที่ยังไม่เกิดอาการและไม่เห็นความสำคัญ ของข้อมูลเหล่านี้ต้องไม่ลืมว่าต้องรอถึงอย่างน้อย 10 ปีจึงจะแน่ใจว่าอยู่รอดปลอดภัย

    วัคซีน นวัตกรรมอำมหิตนี้ 1- มันไม่ได้อยู่ที่ต้นแขนเท่านั้น 2- มันเลื้อยเข้ากระแสเลือด 3- มันซึมเข้าไปในเซลล์ทุกแห่งในเนื้อเยื่อและทุกอวัยวะ 4- มันบังคับให้เราสร้างโปรตีนหนามในเซลล์
    5- โปรตีนหนามเป็นพิษต่อเซลล์ 6-โปรตีนหนามยังเป็นเป้าล่อให้ร่างกายพยายามทำลายเลยเกิดการอักเสบในร่างกาย 7- สิ่งที่หลุดรั่วออกมาจากผนังเซลล์และเนื้อเยื่อมีปฏิกิริยาเหนียวนำทำให้เกิดโปรตีนชนิดใหม่เป็นอมิลอยด์โปรตีนเข้าไปในหลอดเลือด 8- มันยังมีสิ่งแปลกปลอมเพราะกระบวนการผลิตมีดีเอ็นเอปนเปื้อนและยังมียีนส์ที่ทำให้มันเข้าไปเสียบในโครโมโซมของมนุษย์
    9-คุณสมบัติของอนุภาคนาโนไขมันที่มีขยะอยู่มากและพร้อมที่จะเข้าไปเสียบในโครโมโซมของมนุษย์โดยเฉพาะที่พิสูจน์แล้วคือโครโมโซมที่เก้าและสิบสอง และ 10- สิ่งที่ควรทำและต้องทำคือต้องหยุดการฉีดมันเข้าร่างกายมนุษย์

    สมควรแล้วหรือไม่ที่มีเทคโนโลยีนี้นำมาใช้ในโรคชนิดต่างๆที่ทยอยกันออกมา
    สมควรหรือไม่ที่ต้องออกมารับผิดชอบเยียวยาผู้ที่เสียชีวิตและพิการตลอดชีวิต

    หยุด “มัน” เดี๋ยวนี้และเปิดโปงผู้ได้รับผลประโยชน์จาก “มัน”
    ขั้นตอนที่จะสู้คือการพัฒนาการตรวจจากเลือดเพื่อดูปริมาณของสารผิดปกตินี้ และใช้ยาถอนพิษซึ่งขณะนี้มีหลายตำรับด้วยกันโดยที่ต้องประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัย
    (ไทยรัฐ สุขภาพหรรษา หมอดื้อ นวตกรรมอำมหิต ตอนหนึ่งและสอง)

    ประเด็นของ ขององค์การอนามัยโลก และยึดโยงลงเกี่ยวข้องกับประเทศไทยในเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วลากมาปัจจุบันและที่คนไทยจะเจออะไรในอนาคต
    Tucker Carlson น่าจะเป็นคนเดียวที่หยิบยก และคนเริ่มหันมาสนใจหลาย ล้านคนแล้ว
    https://youtu.be/4MIESbBnA2k?si=JV-UPUa9oHZkP25Y
    โดยที่ องค์การจะทำการควบคุมทุกอย่าง ในการตัดสินภาวะฉุกเฉินและสามารถกำหนดให้ประเทศภาคีต้องปฏิบัติตามทั้งในด้านยาผลิตภัณฑ์ ชนิดของวัคซีน และทั้งหลายทั้งปวงโดยเคร่งครัด บิดพริ้ว ไม่ได้
    ไม่สามารถคิดเองทำเองได้โดยเด็ดขาด และสามารถปิดกั้นข้อมูลที่ไม่สอดคล้องได้อย่างสมบูรณ์ทั้งโลกเป็น เรียลไทม์
    ไทยก็เป็นประเทศหนึ่งในภาคีเครือข่าย เนื้อหา บทกำหนดใหม่นั้น มีการตกแต่งต่อเติม อ่านแล้ว งงงวย สรุปคือ ถ้ายอมตามก็เป็นไปตามนั้น และองค์กรถ้าทำผิดพลาดจะไม่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งฟังดูคุ้นๆ ให้ประเทศรับผิดชอบกันเอง

    ควรหรือไม่ควรที่จะมีการถามจุดยืนของประเทศไทย หรือจะทำอย่างที่ทำมาตลอด ฝรั่งว่าดี ถึงจะทำ ถ้ามีคำแนะนำอะไร ของฝรั่งถือว่าดีที่สุด สมาคมราชวิทยาลัยต่างประเทศ ว่าอย่างไรต้องทำตาม ไม่มีใครเคยฉุกคิดว่า ข้อมูลที่ปรากฏผลที่ประมวลมีการตั้งใจที่จะตัดข้อมูลบางส่วนทิ้งที่ทำให้สถิติออกมา ดูดีหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรวจสอบไม่ได้

    การอ่านวารสารในปัจจุบัน โดยเฉพาะในส่วนที่ผลออกมาดีอย่างผิดธรรมชาติ หรือเลวอย่างไม่น่าเป็นไปได้ จำเป็นต้องหาข้อมูลรอบด้าน totality of evidence สิ่งที่เห็นรอบตัว
    ยกตัวอย่างเช่น ประเทศไทย โดยทางการ แถลงทุกสื่อเมื่อไม่นานมานี้ ประกาศว่า
    มีคนได้รับผลกระทบของวัคซีนโควิดอย่างรุนแรงทั้งประเทศ และเสียชีวิตมี จำนวนห้ารายเท่านั้น
    ดังนั้นอัตราส่วนคือหนึ่งต่อ 1,000,000 คน
    และข้อร้องเรียนอื่นๆนั้น เมื่อพิจารณา อย่างถี่ถ้วนแล้วว่าพบว่าไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน

    รายงานในวารสารโดยจากคณะกรรมการพิจารณาผลข้างเคียงของวัคซีนในประเทศไทย บอกว่าวัคซีนปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ มีผลข้างเคียง“น้อยมาก” และ“ไม่รุนแรง”
    ในขณะที่สถาบันในประเทศไทยที่ไม่มีอคติทับซ้อนกลับรายงาน ตรงข้าม

    ประชาชนพยายามที่จะบอกว่าได้มีคำร้องไปแล้วครอบครัวมีคนตายไปแล้วแต่ไม่เข้าเกณฑ์ถูกปัดตกมากมาย หรือที่มีการชดเชย โดย สปสช ไปแล้วก็จะมีการสรุปว่าเป็นตัวเลขที่บรรเทาความเดือดร้อน เท่านั้น ยัง ไม่ได้ พิสูจน์ เกี่ยวข้องกับวัคซีน

    เนื้อหาทางด้านล่างนี้เป็นคำบรรยายตามสูตรของกระทรวงสาธารณสุข อ่านแล้วพิจารณาให้ดี

    ……กองระบาด กรมการแพทย์ไม่ได้มีการปิดบังข้อมูลอะไรเลยเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีนมีการตรวจสอบถูกต้องตามระบบของ WHO

    สปสช จ่ายเงินเยียวยา โดยไม่ได้ใช้ฐานข้อมูลและผลสรุปของกองระบาดซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบผลข้างเคียงที่มีความถูกต้องกว่า
    เนื่องจากตอนนั้น รัฐบาลมีความกังวลว่าคนจะไม่ไปฉีดวัคซีน จึงยอมจ่ายค่าเยียวยา ซึ่งหลายๆครั้งไม่มีการตรวจสอบที่ถูกต้องครับ เพื่อให้การเยียวยาเบื้องต้นไปก่อน

    สรุปว่าเมื่อ ทางการ จะทำการอ้างอะไร จะเป็นไปตามเบื้องบนองค์กรสั่ง ใช้กรรมการที่ไม่ได้ประกาศชื่อว่ามีใครบ้าง และถ้าความเป็นจริงปรากฏตรงข้ามดังที่เห็นในปัจจุบัน จะต้องรับผิดชอบ ความผิดในการปกปิดบิดเบือนข้อมูลหรือไม่ และจะถูกลงโทษประการใดหรือไม่?

    ทำให้คนไทยต้องมองดูรอบตัว และถ้ายังคงเป็นเช่นนี้อยู่คนไทยมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องให้เปิดเผยความเป็นจริงทุกอย่างและได้รับการเยียวยาที่ถูกต้องใช่หรือไม่

    องค์การอนามัยโลก (WHO) สามารถจะทำการควบคุมทุกอย่าง ในการตัดสินภาวะฉุกเฉิน และสามารถกำหนดให้ประเทศภาคี “ต้อง” ปฏิบัติตามทั้ง ในด้านยา ผลิตภัณฑ์ ชนิดของวัคซีน และทั้งหลายทั้งปวงโดยเคร่งครัด บิดพริ้ว ไม่ได้ ก็ด้วยข้อตกลงระหว่างประเทศกฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulations หรือ IHR)
    ยิ่งกว่านั้น “ภาวะฉุกเฉิน” นอกจากหมายถึงโรคระบาด WHO ยังสามารถประกาศภาวะอะไรตามแต่ ผอ.WHO จะตัดสินตามใจชอบ เช่น มีการโหมโรงจาก บิลล์ เกตส์ องค์การโลกอื่นๆ รวมถึง World Economic Forum (WEF) ว่า public health emergency (PHE) จะกลายเป็นผู้กำหนดและบริหารระเบียบโลก (New World Order, NWO)

    ทั้งร่าง IHR และ PHE ใหม่กำลังจะประชุมตัวแทนประเทศสมาชิกลงนามรับในเดือน พฤษภาคม 2567 ที่จะมาถึง รัฐบาลไทยจะต้องปฏิเสธทั้ง สอง ฉบับเด็ดขาด หากแม้นรับเพียงอันหนึ่งอันใดก็ตาม ตามที่ผู้เชี่ยวชาญได้เตือนไว้ จะหมายถึงการเสียอธิปไตยของประเทศให้แก่ WHO ที่ไม่อาจบิดพริ้วได้

    ฟังคลิปสั้นที่แนบโดยทนายสวิส Phillip Kruse บรรยายถึงอันตราย WHO ถอดความจากงานสัมมนา International COVID Summit ครั้งที่ 5 ด้านล่าง
    https://rumble.com/v4finab-excerpts-from-the-international-covid-summit-5.html?utm_source=substack&utm_medium=email

    สิ่งที่เห็นด้วยตาของทุกคนเป็นความจริงหนึ่งเดียว

    https://www.facebook.com/share/1C1p7pDaYb/
    https://www.facebook.com/share/p/156oKE5AFU/

    ขอขอบคุณ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    🙏🙏🙏
    กระบวนการบิดเบี้ยวของระบบสุขภาพ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ⭐️⭐️⭐️ (ตอนที่ 1) ความยั่งยืนของระบบสุขภาพนั้นประกอบไปด้วยความตระหนักของประชาชนในการดูแลตัวเองด้วยข้อมูลที่ถูกต้องและเพาะบ่ม ตั้งแต่ในครอบครัวในโรงเรียนตั้งแต่อนุบาลต่อเนื่องไปทั้งชีวิต การละทิ้งการรักษาตัวเองจะก่อให้เกิดโรคทางสุขภาพมากมายทำให้คนไทย เปราะบางและพร้อมที่จะเกิดโรคต่างๆในระดับความรุนแรงมากกว่าปกติและแม้เมื่อกระทบกับโรคติดเชื้อกลับถึงกับเสียชีวิต อย่างง่ายดาย การโหมประโคม การรักษาฟรีได้ทุกโรคโดยไม่บอกความจริงถึงงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด และเพิ่มสิทธิประโยชน์โดยที่ประชาชนไม่ทราบว่าการรักษานั้นไม่ได้ถึงขีดสุดตามที่ควรจะเป็น และแม้ว่าจะสามารถรักษาโรคบางอย่างได้ดีเช่นหลอดเลือดหัวใจตันหรือภาวะไตวายซึ่งมีการต่อสู้กันอย่างเนิ่นนานให้เป็นการฟอกเลือดแทนการล้างไตในช่องท้องซึ่งประชาชนและครอบครัวยังไม่พร้อมก่อให้เกิดการติดเชื้อและเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว แต่จำนวนผู้ป่วยเหล่านี้ปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณจนแพทย์พยาบาลและบุคลากรผู้เชี่ยวชาญรับมือไม่ไหว อย่างเช่นประเทศเกาหลีใต้ซึ่งมีการหยุดงานประท้วงของแพทย์ นักศึกษาแพทย์จนกระทั่งถึงลาออก ทั้งนี้เนื่องจากไม่เข้าใจว่าการให้บุคลากรที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเหล่านี้ยังอยู่ในระบบได้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ไม่ใช่เร่งผลิตแพทย์เอาแต่ปริมาณจำนวนและในที่สุดแล้วมีปัญหาเรื่องคุณภาพและผลกระทบก็คือตกอยู่ที่ประชาชนคนป่วยและขาดความเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขรวมถึงการฟ้องร้องอย่างรุนแรง ประเด็นที่เกี่ยวโยงกัน คือการหาประโยชน์จากระบบสุขภาพกลายเป็นห่วงโซ่ธุรกิจข้ามชาติ ทั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีอิทธิพลของบริษัทยา วัคซีนและเครื่องมือแพทย์ต่างๆ โยงไปถึง หน่วยงานหลักของรัฐบาลในแต่ละประเทศ และจนกระทั่งองค์กรหลัก ของโลก และในประเทศตะวันตก ซึ่งระบบสาธารณสุขของไทยยึดถือตามเอาอย่างโดยไม่ผิดเพี้ยน การปล่อยออกตลาด ของวัคซีนโควิดในสภาวะฉุกเฉิน แต่กระนั้นก็ต้องมีการศึกษาความปลอดภัยในมนุษย์เป็นขั้นตอนที่หนึ่ง ครอบครัวของเด็กหญิงอายุ 12 ปีที่เป็นอาสาสมัครเข้ารับวัคซีนไฟเซอร์ในการศึกษาในมนุษย์ระยะที่หนึ่งในเรื่องความปลอดภัย ปรากฏว่าหลังเข็มที่หนึ่งมีแต่ไข้เจ็บแขนและหายไป แต่หลังเข็มที่สองเกิดอาการมหาศาลตามต่อ 20 ถึง 30 อาการ ต้องเข้าโรงพยาบาล อาสาสมัครเหล่านี้นำไปรายงานใน วารสารนิวอิงแลนด์ วันที่ 27 พฤษภาคม 2021 และสรุปว่าอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนต่างมีอาการเล็กน้อยไม่รุนแรงและกล่าวถึงเด็กหญิงคนนี้ว่าอาการไม่น่าวิตกอะไรและเป็นเพียงปวดท้องเนื่องจากความเครียดทางอารมณ์ หลังจากนั้นอีกไม่นานข้อมูลเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในเรื่องความปลอดภัยของวัคซีนและนำไปสู่การศึกษาในมนุษย์อย่างรวดเร็วจนกระทั่งมีการใช้จริงในกลางปี 2021 วิดีโอนี้เป็นการบันทึกคำให้การของมารดาของเด็กหญิงที่ได้รับผลกระทบและขณะนี้ ยังต้องนั่งรถเข็นและใส่สายยางให้อาหาร เป็นคำให้การและหลักฐานต่อวุฒิสมาชิกและยังมีผู้ป่วยอีกหลายรายที่ได้รับผลกระทบ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตีพิมพ์ในวารสาร ชั้นหนึ่งอันดับโลกมึความบิดเบี้ยว และในบทความตีพิมพ์นี้ นายแพทย์ที่เป็นชื่อแรกคือคนที่รับผิดชอบและดูแลผู้ป่วยรายนี้ด้วยซ้ำ กรุณาดูวิดีโอชิ้นนี้ ทั้งนี้เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดไม่ได้มีการตัดต่อใดๆ https://youtu.be/L2GKPYzL_JQ?si=VKECXgj_GwGoqKzL ยาที่ถูกแสนถูกหมดสิทธิบัตรแล้วและถูกห้ามใช้อย่างรุนแรงจากองค์กรสากลต่างๆ รวมทั้งในประเทศไทย ในที่สุด FDA สหรัฐ แพ้คดี ต้องถอนข้อความในการห้ามใช้ ยาฆ่าพยาธิ ไอเวอร์เมคติน ในการป้องกัน และรักษาโควิด และที่มีการดูถูกถากถาง และส่งผลให้แพทย์ถูกลงโทษ อีกตัวอย่างที่น่ากลัวคือ การถ่ายทอดผ่านรกของวัคซีน COVID-19 mRNA หลักฐานจากการวิเคราะห์รก มารดา และเลือดจากสายสะดือหลังการฉีดวัคซีน https://www.ajog.org/article/S0002-9378(24)00063-2/fulltext?fbclid=IwAR213l0Ygqu3FCbE-9iXZ6eZUDjwBk6JnfHex9JA1W2CQKokz62WLOj7tpI ประเด็นที่ร้ายแรงต่อตามมาก็คือ ผลผลิตของนวัตกรรมซึ่งสามารถเกิดขึ้น อย่างมหัศจรรย์ แบบผิดธรรมชาติ จากวัคซีนโควิด นวัตกรรมนี้สามารถสร้างความเสียหายโดยผ่านกลไกหลายระบบ แบบที่พบเห็นกันทั่วไปจากกลไกทางด้านภูมิคุ้มกัน แต่ที่พิเศษไปกว่านั้น คือความสามารถที่จะฝังตัวอยู่ในร่างกายมนุษย์ไปนานเป็นปี และสั่งให้ร่างกายมนุษย์สร้างโปรตีนหนาม เป็นเป้าล่อให้กระบวนการภูมิคุ้มกันของมนุษย์เข้ามาทำลาย ซึ่งก็หมายความว่าทำร้ายตัวเอง นอกจากนั้นโปรตีนหนามนี้ เข้าไปสอดแทรกในเนื้อเยื่อที่ลึกลงไป ก่อให้เกิดการอักเสบมีรูพรุนเหมือนฟองน้ำ และต่อมา ชิ้นของเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายจะค่อยๆ ทะลักออกมาทางผิวเซลล์ที่ถูกทำลาย และในกรณีของหลอดเลือดจะทะลักออกมาในกระแสเลือดโดยโปรตีนนี้ จะเหนี่ยวนำ ให้เกิดโปรตีนบิดเกลียว misfolded protein ลักษณะเป็นอมิลอยด์ ซึ่งไม่สามารถย่อยได้ด้วยเอนไซม์ และค่อยๆ สะสมขึ้นทีละน้อย ลักษณะอาจเป็นก้อนหรือเป็นแท่งหล่อ พบ ขณะมีชีวิตและเมื่อตายแล้ว และไม่จำเป็นต้องเกิดทุกคน กลไกจากนวัตกรรมนี้ จนได้ผลิตผล ขั้นสูงสุดดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผิดธรรมชาติ และ “ถ้าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียยอมรับว่าเกิดขึ้นได้นั้น” หมายความว่าแพลตฟอร์มของนวัตกรรมนี้ที่จะนำมาใช้สำหรับโรคอื่นทุกชนิดที่จะเปลี่ยนรูปแบบทุกอย่างในโลกนี้ ต้องถูกระงับ เป็นคำอธิบายชัดเจนในการต่อต้าน ทั้งนี้ ได้สรุปเหตุผลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดจากนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของประเทศเยอรมันและเจ้าหน้าที่ในสหรัฐ กลุ่มของนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำไม่สามารถนำลงไปตีพิมพ์ในวารสารได้ เพราะได้รับการต่อต้านตั้งแต่ พบหลักฐานใน 15 รายแรกและได้แจ้งให้สมาคม ราชวิทยาลัยของประเทศให้จับตาและทำการศึกษาอย่างจริงจังแต่ได้รับการปฏิเสธโดยสิ้นเชิง ดังนั้น เป็นการเสนองานทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดในที่ประชุมนานาชาติ จากการชันสูตรศพและวิเคราะห์เนื้อเยื่อทางกล้องจุลทรรศน์และทางฟิสิกส์จากศพ 100 ราย และจากชิ้นเนื้อจากผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ 20 ราย และข้อมูล ที่สำคัญที่มอบให้สื่อ ยังเป็นรายงานจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใน cath lab ที่ไม่ระบุชื่อ anonymous whistle blower ที่โรงพยาบาลในสหรัฐที่ทำการฉีดสีและดูด ลาก ตัด ก้อนที่ปะปนกับลิ่มเลือดตามปกติออกมา ซึ่งได้ทำการรายงานโรงพยาบาลทันทีแต่ได้รับคำสั่งห้ามพูดเด็ดขาดไม่เช่นนั้นจะถูกไล่ออก เลยได้ทำการติดต่อโรงพยาบาลหลายแห่งในสหรัฐซึ่งก็พบปรากฏการณ์เช่นนี้และทุกแห่งถูกสั่งห้ามพูด ทั้งนี้จะมีโรงพยาบาลหลักในสหรัฐซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการมีส่วนได้ส่วนเสียเหล่านี้ และสนับสนุนนวัตกรรมนี้ทำการปิดกั้นผลกระทบ เหล่านี้ อย่างสิ้นเชิง ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข มหาวิทยาลัยรังสิต https://www.facebook.com/share/p/156oKE5AFU/ https://www.facebook.com/share/1C1p7pDaYb/ ⭐️⭐️⭐️ (ตอนที่ 2) ปรากฏการณ์ที่กระทบมนุษย์นั้นเริ่มเห็นหนาตาขึ้น จนปิดไม่มิดและประชาชนได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า สำหรับคนที่ยังไม่เกิดอาการและไม่เห็นความสำคัญ ของข้อมูลเหล่านี้ต้องไม่ลืมว่าต้องรอถึงอย่างน้อย 10 ปีจึงจะแน่ใจว่าอยู่รอดปลอดภัย วัคซีน นวัตกรรมอำมหิตนี้ 1- มันไม่ได้อยู่ที่ต้นแขนเท่านั้น 2- มันเลื้อยเข้ากระแสเลือด 3- มันซึมเข้าไปในเซลล์ทุกแห่งในเนื้อเยื่อและทุกอวัยวะ 4- มันบังคับให้เราสร้างโปรตีนหนามในเซลล์ 5- โปรตีนหนามเป็นพิษต่อเซลล์ 6-โปรตีนหนามยังเป็นเป้าล่อให้ร่างกายพยายามทำลายเลยเกิดการอักเสบในร่างกาย 7- สิ่งที่หลุดรั่วออกมาจากผนังเซลล์และเนื้อเยื่อมีปฏิกิริยาเหนียวนำทำให้เกิดโปรตีนชนิดใหม่เป็นอมิลอยด์โปรตีนเข้าไปในหลอดเลือด 8- มันยังมีสิ่งแปลกปลอมเพราะกระบวนการผลิตมีดีเอ็นเอปนเปื้อนและยังมียีนส์ที่ทำให้มันเข้าไปเสียบในโครโมโซมของมนุษย์ 9-คุณสมบัติของอนุภาคนาโนไขมันที่มีขยะอยู่มากและพร้อมที่จะเข้าไปเสียบในโครโมโซมของมนุษย์โดยเฉพาะที่พิสูจน์แล้วคือโครโมโซมที่เก้าและสิบสอง และ 10- สิ่งที่ควรทำและต้องทำคือต้องหยุดการฉีดมันเข้าร่างกายมนุษย์ สมควรแล้วหรือไม่ที่มีเทคโนโลยีนี้นำมาใช้ในโรคชนิดต่างๆที่ทยอยกันออกมา สมควรหรือไม่ที่ต้องออกมารับผิดชอบเยียวยาผู้ที่เสียชีวิตและพิการตลอดชีวิต หยุด “มัน” เดี๋ยวนี้และเปิดโปงผู้ได้รับผลประโยชน์จาก “มัน” ขั้นตอนที่จะสู้คือการพัฒนาการตรวจจากเลือดเพื่อดูปริมาณของสารผิดปกตินี้ และใช้ยาถอนพิษซึ่งขณะนี้มีหลายตำรับด้วยกันโดยที่ต้องประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัย (ไทยรัฐ สุขภาพหรรษา หมอดื้อ นวตกรรมอำมหิต ตอนหนึ่งและสอง) ประเด็นของ ขององค์การอนามัยโลก และยึดโยงลงเกี่ยวข้องกับประเทศไทยในเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วลากมาปัจจุบันและที่คนไทยจะเจออะไรในอนาคต Tucker Carlson น่าจะเป็นคนเดียวที่หยิบยก และคนเริ่มหันมาสนใจหลาย ล้านคนแล้ว https://youtu.be/4MIESbBnA2k?si=JV-UPUa9oHZkP25Y โดยที่ องค์การจะทำการควบคุมทุกอย่าง ในการตัดสินภาวะฉุกเฉินและสามารถกำหนดให้ประเทศภาคีต้องปฏิบัติตามทั้งในด้านยาผลิตภัณฑ์ ชนิดของวัคซีน และทั้งหลายทั้งปวงโดยเคร่งครัด บิดพริ้ว ไม่ได้ ไม่สามารถคิดเองทำเองได้โดยเด็ดขาด และสามารถปิดกั้นข้อมูลที่ไม่สอดคล้องได้อย่างสมบูรณ์ทั้งโลกเป็น เรียลไทม์ ไทยก็เป็นประเทศหนึ่งในภาคีเครือข่าย เนื้อหา บทกำหนดใหม่นั้น มีการตกแต่งต่อเติม อ่านแล้ว งงงวย สรุปคือ ถ้ายอมตามก็เป็นไปตามนั้น และองค์กรถ้าทำผิดพลาดจะไม่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งฟังดูคุ้นๆ ให้ประเทศรับผิดชอบกันเอง ควรหรือไม่ควรที่จะมีการถามจุดยืนของประเทศไทย หรือจะทำอย่างที่ทำมาตลอด ฝรั่งว่าดี ถึงจะทำ ถ้ามีคำแนะนำอะไร ของฝรั่งถือว่าดีที่สุด สมาคมราชวิทยาลัยต่างประเทศ ว่าอย่างไรต้องทำตาม ไม่มีใครเคยฉุกคิดว่า ข้อมูลที่ปรากฏผลที่ประมวลมีการตั้งใจที่จะตัดข้อมูลบางส่วนทิ้งที่ทำให้สถิติออกมา ดูดีหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรวจสอบไม่ได้ การอ่านวารสารในปัจจุบัน โดยเฉพาะในส่วนที่ผลออกมาดีอย่างผิดธรรมชาติ หรือเลวอย่างไม่น่าเป็นไปได้ จำเป็นต้องหาข้อมูลรอบด้าน totality of evidence สิ่งที่เห็นรอบตัว ยกตัวอย่างเช่น ประเทศไทย โดยทางการ แถลงทุกสื่อเมื่อไม่นานมานี้ ประกาศว่า มีคนได้รับผลกระทบของวัคซีนโควิดอย่างรุนแรงทั้งประเทศ และเสียชีวิตมี จำนวนห้ารายเท่านั้น ดังนั้นอัตราส่วนคือหนึ่งต่อ 1,000,000 คน และข้อร้องเรียนอื่นๆนั้น เมื่อพิจารณา อย่างถี่ถ้วนแล้วว่าพบว่าไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน รายงานในวารสารโดยจากคณะกรรมการพิจารณาผลข้างเคียงของวัคซีนในประเทศไทย บอกว่าวัคซีนปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ มีผลข้างเคียง“น้อยมาก” และ“ไม่รุนแรง” ในขณะที่สถาบันในประเทศไทยที่ไม่มีอคติทับซ้อนกลับรายงาน ตรงข้าม ประชาชนพยายามที่จะบอกว่าได้มีคำร้องไปแล้วครอบครัวมีคนตายไปแล้วแต่ไม่เข้าเกณฑ์ถูกปัดตกมากมาย หรือที่มีการชดเชย โดย สปสช ไปแล้วก็จะมีการสรุปว่าเป็นตัวเลขที่บรรเทาความเดือดร้อน เท่านั้น ยัง ไม่ได้ พิสูจน์ เกี่ยวข้องกับวัคซีน เนื้อหาทางด้านล่างนี้เป็นคำบรรยายตามสูตรของกระทรวงสาธารณสุข อ่านแล้วพิจารณาให้ดี ……กองระบาด กรมการแพทย์ไม่ได้มีการปิดบังข้อมูลอะไรเลยเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีนมีการตรวจสอบถูกต้องตามระบบของ WHO สปสช จ่ายเงินเยียวยา โดยไม่ได้ใช้ฐานข้อมูลและผลสรุปของกองระบาดซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบผลข้างเคียงที่มีความถูกต้องกว่า เนื่องจากตอนนั้น รัฐบาลมีความกังวลว่าคนจะไม่ไปฉีดวัคซีน จึงยอมจ่ายค่าเยียวยา ซึ่งหลายๆครั้งไม่มีการตรวจสอบที่ถูกต้องครับ เพื่อให้การเยียวยาเบื้องต้นไปก่อน สรุปว่าเมื่อ ทางการ จะทำการอ้างอะไร จะเป็นไปตามเบื้องบนองค์กรสั่ง ใช้กรรมการที่ไม่ได้ประกาศชื่อว่ามีใครบ้าง และถ้าความเป็นจริงปรากฏตรงข้ามดังที่เห็นในปัจจุบัน จะต้องรับผิดชอบ ความผิดในการปกปิดบิดเบือนข้อมูลหรือไม่ และจะถูกลงโทษประการใดหรือไม่? ทำให้คนไทยต้องมองดูรอบตัว และถ้ายังคงเป็นเช่นนี้อยู่คนไทยมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องให้เปิดเผยความเป็นจริงทุกอย่างและได้รับการเยียวยาที่ถูกต้องใช่หรือไม่ องค์การอนามัยโลก (WHO) สามารถจะทำการควบคุมทุกอย่าง ในการตัดสินภาวะฉุกเฉิน และสามารถกำหนดให้ประเทศภาคี “ต้อง” ปฏิบัติตามทั้ง ในด้านยา ผลิตภัณฑ์ ชนิดของวัคซีน และทั้งหลายทั้งปวงโดยเคร่งครัด บิดพริ้ว ไม่ได้ ก็ด้วยข้อตกลงระหว่างประเทศกฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulations หรือ IHR) ยิ่งกว่านั้น “ภาวะฉุกเฉิน” นอกจากหมายถึงโรคระบาด WHO ยังสามารถประกาศภาวะอะไรตามแต่ ผอ.WHO จะตัดสินตามใจชอบ เช่น มีการโหมโรงจาก บิลล์ เกตส์ องค์การโลกอื่นๆ รวมถึง World Economic Forum (WEF) ว่า public health emergency (PHE) จะกลายเป็นผู้กำหนดและบริหารระเบียบโลก (New World Order, NWO) ทั้งร่าง IHR และ PHE ใหม่กำลังจะประชุมตัวแทนประเทศสมาชิกลงนามรับในเดือน พฤษภาคม 2567 ที่จะมาถึง รัฐบาลไทยจะต้องปฏิเสธทั้ง สอง ฉบับเด็ดขาด หากแม้นรับเพียงอันหนึ่งอันใดก็ตาม ตามที่ผู้เชี่ยวชาญได้เตือนไว้ จะหมายถึงการเสียอธิปไตยของประเทศให้แก่ WHO ที่ไม่อาจบิดพริ้วได้ ฟังคลิปสั้นที่แนบโดยทนายสวิส Phillip Kruse บรรยายถึงอันตราย WHO ถอดความจากงานสัมมนา International COVID Summit ครั้งที่ 5 ด้านล่าง https://rumble.com/v4finab-excerpts-from-the-international-covid-summit-5.html?utm_source=substack&utm_medium=email สิ่งที่เห็นด้วยตาของทุกคนเป็นความจริงหนึ่งเดียว https://www.facebook.com/share/1C1p7pDaYb/ https://www.facebook.com/share/p/156oKE5AFU/ ขอขอบคุณ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 🙏🙏🙏
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 666 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร เพื่อถอนสหรัฐฯ ออกจากองค์การอนามัยโลก ณ ห้องโอวัลออฟฟิศ ของทำเนียบขาว เมื่อวันจันทร์ที่ 20 มกราคม 2025 ในกรุงวอชิงตัน (ภาพเอพี/อีวาน วุชชี)
    การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ถอนตัวออกจากองค์การอนามัยโลก ถือเป็นก้าวสำคัญ สู่ความรับผิดชอบด้านสุขภาพระดับโลก
    การระบาดใหญ่ครั้งนี้ เผยให้เห็นถึงความล้มเหลว ขององค์การอนามัยโลก และเน้นย้ำถึงความจำเป็นของผู้นำ ที่ให้ความสำคัญกับความจริง วิทยาศาสตร์ และแนวทางแก้ปัญหาที่แท้จริง มากกว่าการเมือง
    นสพ. แนวหน้า 21/1/2568
    https://www.naewna.com/inter/854734
    การถอนสหรัฐฯ ออกจากองค์การอนามัยโลก
    ด้วยอำนาจที่มอบให้ผม ในฐานะประธานาธิบดีตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมายของสหรัฐอเมริกา จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้:
    มาตรา 1 วัตถุประสงค์ สหรัฐฯ แจ้งการถอนตัว ออกจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ในปี 2020 เนื่องจากองค์กร จัดการกับการระบาดของ COVID-19 ได้อย่างผิดพลาด ซึ่งเกิดจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน และวิกฤตด้านสุขภาพทั่วโลกอื่นๆ ล้มเหลวในการปฏิรูปที่จำเป็นเร่งด่วน และไม่สามารถแสดงความเป็นอิสระ จากอิทธิพลทางการเมืองที่ไม่เหมาะสม ของประเทศสมาชิกของ WHO ได้ นอกจากนี้ WHO ยังคงเรียกร้องเงินชดเชย ที่ไม่เป็นธรรมจากสหรัฐฯ ซึ่งไม่สมดุลกับเงินชดเชย ที่ประเมินแล้วของประเทศอื่นๆ จีนซึ่งมีประชากร 1.4 พันล้านคน มีประชากร 300 เปอร์เซ็นต์ของประชากรสหรัฐฯ แต่มีส่วนสนับสนุน WHO น้อยกว่าเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์
    มาตรา 2 การดำเนินการ (ก) สหรัฐอเมริกา มีเจตนาที่จะถอนตัว ออกจากองค์การอนามัยโลก จดหมายของประธานาธิบดี ถึงเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ซึ่งลงนามเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2021 ซึ่งเพิกถอนการแจ้งเตือน การถอนตัวของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2020 ถูกเพิกถอน
    (ข) คำสั่งฝ่ายบริหาร 13987 ลงวันที่ 25 มกราคม 2021 (การจัดระเบียบ และระดมพลรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เพื่อให้มีการตอบสนองที่เป็นหนึ่งเดียว และมีประสิทธิผล ในการต่อสู้กับ COVID-19 และเพื่อให้สหรัฐอเมริกา เป็นผู้นำด้านสุขภาพ และความมั่นคงระดับโลก) ถูกเพิกถอน
    (ค) ผู้ช่วยประธานาธิบดี ฝ่ายกิจการความมั่นคงแห่งชาติ จะจัดตั้งผู้อำนวยการ และกลไกการประสานงาน ภายในกลไกของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ตามที่เขาเห็นว่าจำเป็น และเหมาะสม เพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชน และเสริมสร้างความปลอดภัยทางชีวภาพ
    (ง) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และผู้อำนวยการสำนักงานบริหาร และงบประมาณ จะต้องใช้มาตรการที่เหมาะสม และรวดเร็วที่สุด เท่าที่จะทำได้ เพื่อ:
    (i) ระงับการโอนเงินทุน การสนับสนุน หรือทรัพยากรของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ไปยังองค์การอนามัยโลกในอนาคต
    (ii) เรียกตัว และมอบหมายงานใหม่ ให้กับบุคลากร หรือผู้รับเหมาของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ที่ทำงานในตำแหน่งใดๆ ก็ตาม กับองค์การอนามัยโลก และ
    (iii) ระบุพันธมิตรที่น่าเชื่อถือ และโปร่งใส ในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ เพื่อดำเนินกิจกรรมที่จำเป็น ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้ดำเนินการไปแล้ว
    (จ) ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายการเตรียมพร้อม และตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ของทำเนียบขาว จะต้องทบทวน ยกเลิก และเปลี่ยนกลยุทธ์ความมั่นคง ด้านสุขภาพระดับโลก ของสหรัฐอเมริกาสำหรับปี 2024 โดยเร็วที่สุด
    มาตรา 3 การแจ้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะต้องแจ้งให้ เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ผู้รับฝากที่เกี่ยวข้องอื่นๆ และผู้นำขององค์การอนามัยโลกทราบ เกี่ยวกับการถอนตัวในทันที
    มาตรา 4 การเจรจาเกี่ยวกับระบบทั่วโลก ในขณะที่กำลังดำเนินการถอนตัว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะยุติการเจรจา เกี่ยวกับข้อตกลงการระบาดใหญ่ ขององค์การอนามัยโลก และการแก้ไขข้อบังคับด้านสุขภาพระหว่างประเทศ และการดำเนินการ เพื่อให้เกิดข้อตกลง และการแก้ไขดังกล่าว จะไม่มีผลผูกพันต่อสหรัฐอเมริกา
    มาตรา 5 บทบัญญัติทั่วไป (ก) ห้ามตีความข้อความใดๆ ในคำสั่งนี้ เพื่อทำให้เสียหาย หรือส่งผลกระทบในทางอื่นใด ต่อไปนี้:
    (i) อำนาจที่กฎหมายมอบให้กับฝ่ายบริหาร หรือหน่วยงาน หรือหัวหน้าหน่วยงาน หรือ
    (ii) หน้าที่ของผู้อำนวยการสำนักงานจัดการ และงบประมาณที่เกี่ยวข้อง กับข้อเสนอเกี่ยวกับงบประมาณ การบริหาร หรือการออกกฎหมาย
    (ข) คำสั่งนี้ จะต้องนำไปปฏิบัติ ให้สอดคล้องกับกฎหมายที่บังคับใช้ และขึ้นอยู่กับการจัดสรรงบประมาณที่มีอยู่
    (ค) คำสั่งนี้ ไม่ได้มีจุดประสงค์ และไม่ได้สร้างสิทธิ หรือผลประโยชน์ใดๆ ในทางเนื้อหาหรือขั้นตอน บังคับใช้ได้ตามกฎหมาย หรือในความเป็นธรรมโดยฝ่ายใดๆ ต่อสหรัฐอเมริกา หน่วยงาน หน่วยงาน หรือนิติบุคคลของสหรัฐอเมริกา เจ้าหน้าที่ พนักงาน หรือตัวแทนของสหรัฐอเมริกา หรือบุคคลอื่นใด
    https://www.whitehouse.gov/.../withdrawing-the-united.../
    ทำเนียบขาว,
    20 มกราคม 2025
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร เพื่อถอนสหรัฐฯ ออกจากองค์การอนามัยโลก ณ ห้องโอวัลออฟฟิศ ของทำเนียบขาว เมื่อวันจันทร์ที่ 20 มกราคม 2025 ในกรุงวอชิงตัน (ภาพเอพี/อีวาน วุชชี) การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ถอนตัวออกจากองค์การอนามัยโลก ถือเป็นก้าวสำคัญ สู่ความรับผิดชอบด้านสุขภาพระดับโลก การระบาดใหญ่ครั้งนี้ เผยให้เห็นถึงความล้มเหลว ขององค์การอนามัยโลก และเน้นย้ำถึงความจำเป็นของผู้นำ ที่ให้ความสำคัญกับความจริง วิทยาศาสตร์ และแนวทางแก้ปัญหาที่แท้จริง มากกว่าการเมือง นสพ. แนวหน้า 21/1/2568 https://www.naewna.com/inter/854734 การถอนสหรัฐฯ ออกจากองค์การอนามัยโลก ด้วยอำนาจที่มอบให้ผม ในฐานะประธานาธิบดีตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมายของสหรัฐอเมริกา จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้: มาตรา 1 วัตถุประสงค์ สหรัฐฯ แจ้งการถอนตัว ออกจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ในปี 2020 เนื่องจากองค์กร จัดการกับการระบาดของ COVID-19 ได้อย่างผิดพลาด ซึ่งเกิดจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน และวิกฤตด้านสุขภาพทั่วโลกอื่นๆ ล้มเหลวในการปฏิรูปที่จำเป็นเร่งด่วน และไม่สามารถแสดงความเป็นอิสระ จากอิทธิพลทางการเมืองที่ไม่เหมาะสม ของประเทศสมาชิกของ WHO ได้ นอกจากนี้ WHO ยังคงเรียกร้องเงินชดเชย ที่ไม่เป็นธรรมจากสหรัฐฯ ซึ่งไม่สมดุลกับเงินชดเชย ที่ประเมินแล้วของประเทศอื่นๆ จีนซึ่งมีประชากร 1.4 พันล้านคน มีประชากร 300 เปอร์เซ็นต์ของประชากรสหรัฐฯ แต่มีส่วนสนับสนุน WHO น้อยกว่าเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ มาตรา 2 การดำเนินการ (ก) สหรัฐอเมริกา มีเจตนาที่จะถอนตัว ออกจากองค์การอนามัยโลก จดหมายของประธานาธิบดี ถึงเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ซึ่งลงนามเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2021 ซึ่งเพิกถอนการแจ้งเตือน การถอนตัวของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2020 ถูกเพิกถอน (ข) คำสั่งฝ่ายบริหาร 13987 ลงวันที่ 25 มกราคม 2021 (การจัดระเบียบ และระดมพลรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เพื่อให้มีการตอบสนองที่เป็นหนึ่งเดียว และมีประสิทธิผล ในการต่อสู้กับ COVID-19 และเพื่อให้สหรัฐอเมริกา เป็นผู้นำด้านสุขภาพ และความมั่นคงระดับโลก) ถูกเพิกถอน (ค) ผู้ช่วยประธานาธิบดี ฝ่ายกิจการความมั่นคงแห่งชาติ จะจัดตั้งผู้อำนวยการ และกลไกการประสานงาน ภายในกลไกของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ตามที่เขาเห็นว่าจำเป็น และเหมาะสม เพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชน และเสริมสร้างความปลอดภัยทางชีวภาพ (ง) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และผู้อำนวยการสำนักงานบริหาร และงบประมาณ จะต้องใช้มาตรการที่เหมาะสม และรวดเร็วที่สุด เท่าที่จะทำได้ เพื่อ: (i) ระงับการโอนเงินทุน การสนับสนุน หรือทรัพยากรของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ไปยังองค์การอนามัยโลกในอนาคต (ii) เรียกตัว และมอบหมายงานใหม่ ให้กับบุคลากร หรือผู้รับเหมาของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ที่ทำงานในตำแหน่งใดๆ ก็ตาม กับองค์การอนามัยโลก และ (iii) ระบุพันธมิตรที่น่าเชื่อถือ และโปร่งใส ในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ เพื่อดำเนินกิจกรรมที่จำเป็น ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้ดำเนินการไปแล้ว (จ) ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายการเตรียมพร้อม และตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ของทำเนียบขาว จะต้องทบทวน ยกเลิก และเปลี่ยนกลยุทธ์ความมั่นคง ด้านสุขภาพระดับโลก ของสหรัฐอเมริกาสำหรับปี 2024 โดยเร็วที่สุด มาตรา 3 การแจ้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะต้องแจ้งให้ เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ผู้รับฝากที่เกี่ยวข้องอื่นๆ และผู้นำขององค์การอนามัยโลกทราบ เกี่ยวกับการถอนตัวในทันที มาตรา 4 การเจรจาเกี่ยวกับระบบทั่วโลก ในขณะที่กำลังดำเนินการถอนตัว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะยุติการเจรจา เกี่ยวกับข้อตกลงการระบาดใหญ่ ขององค์การอนามัยโลก และการแก้ไขข้อบังคับด้านสุขภาพระหว่างประเทศ และการดำเนินการ เพื่อให้เกิดข้อตกลง และการแก้ไขดังกล่าว จะไม่มีผลผูกพันต่อสหรัฐอเมริกา มาตรา 5 บทบัญญัติทั่วไป (ก) ห้ามตีความข้อความใดๆ ในคำสั่งนี้ เพื่อทำให้เสียหาย หรือส่งผลกระทบในทางอื่นใด ต่อไปนี้: (i) อำนาจที่กฎหมายมอบให้กับฝ่ายบริหาร หรือหน่วยงาน หรือหัวหน้าหน่วยงาน หรือ (ii) หน้าที่ของผู้อำนวยการสำนักงานจัดการ และงบประมาณที่เกี่ยวข้อง กับข้อเสนอเกี่ยวกับงบประมาณ การบริหาร หรือการออกกฎหมาย (ข) คำสั่งนี้ จะต้องนำไปปฏิบัติ ให้สอดคล้องกับกฎหมายที่บังคับใช้ และขึ้นอยู่กับการจัดสรรงบประมาณที่มีอยู่ (ค) คำสั่งนี้ ไม่ได้มีจุดประสงค์ และไม่ได้สร้างสิทธิ หรือผลประโยชน์ใดๆ ในทางเนื้อหาหรือขั้นตอน บังคับใช้ได้ตามกฎหมาย หรือในความเป็นธรรมโดยฝ่ายใดๆ ต่อสหรัฐอเมริกา หน่วยงาน หน่วยงาน หรือนิติบุคคลของสหรัฐอเมริกา เจ้าหน้าที่ พนักงาน หรือตัวแทนของสหรัฐอเมริกา หรือบุคคลอื่นใด https://www.whitehouse.gov/.../withdrawing-the-united.../ ทำเนียบขาว, 20 มกราคม 2025
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 259 มุมมอง 0 รีวิว
  • Exit The Matrix อยากหลุดพ้น...หรือวนลูปเดิม?

    https://youtu.be/_c8XPJ45EgQ?si=e-qorl27PtU_ixwe
    #BTC #Bitcoin #บิตคอนย์
    Exit The Matrix อยากหลุดพ้น...หรือวนลูปเดิม? https://youtu.be/_c8XPJ45EgQ?si=e-qorl27PtU_ixwe #BTC #Bitcoin #บิตคอนย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันแรกก็เอาจริงเลย ข่าวอันเป็นนิมิตหมายดี ตั้งแต่มี โคขิต

    ใครที่เอะอะก็เชื่อ องค์การอนามัยโลก WHO (ที่ก่อตั้งโดยกลุ่มคนสามานย์) ถึงเวลาออกจากกะลาครับ
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร เพื่อถอนสหรัฐฯ ออกจากองค์การอนามัยโลก ณ ห้องโอวัลออฟฟิศ ของทำเนียบขาว เมื่อวันจันทร์ที่ 20 มกราคม 2025 ในกรุงวอชิงตัน (ภาพเอพี/อีวาน วุชชี)
    การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ถอนตัวออกจากองค์การอนามัยโลก ถือเป็นก้าวสำคัญ สู่ความรับผิดชอบด้านสุขภาพระดับโลก
    การระบาดใหญ่ครั้งนี้ เผยให้เห็นถึงความล้มเหลว ขององค์การอนามัยโลก และเน้นย้ำถึงความจำเป็นของผู้นำ ที่ให้ความสำคัญกับความจริง วิทยาศาสตร์ และแนวทางแก้ปัญหาที่แท้จริง มากกว่าการเมือง
    นสพ. แนวหน้า 21/1/2568
    https://www.naewna.com/inter/854734
    การถอนสหรัฐฯ ออกจากองค์การอนามัยโลก
    ด้วยอำนาจที่มอบให้ผม ในฐานะประธานาธิบดีตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมายของสหรัฐอเมริกา จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้:
    มาตรา 1 วัตถุประสงค์ สหรัฐฯ แจ้งการถอนตัว ออกจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ในปี 2020 เนื่องจากองค์กร จัดการกับการระบาดของ COVID-19 ได้อย่างผิดพลาด ซึ่งเกิดจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน และวิกฤตด้านสุขภาพทั่วโลกอื่นๆ ล้มเหลวในการปฏิรูปที่จำเป็นเร่งด่วน และไม่สามารถแสดงความเป็นอิสระ จากอิทธิพลทางการเมืองที่ไม่เหมาะสม ของประเทศสมาชิกของ WHO ได้ นอกจากนี้ WHO ยังคงเรียกร้องเงินชดเชย ที่ไม่เป็นธรรมจากสหรัฐฯ ซึ่งไม่สมดุลกับเงินชดเชย ที่ประเมินแล้วของประเทศอื่นๆ จีนซึ่งมีประชากร 1.4 พันล้านคน มีประชากร 300 เปอร์เซ็นต์ของประชากรสหรัฐฯ แต่มีส่วนสนับสนุน WHO น้อยกว่าเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์
    มาตรา 2 การดำเนินการ (ก) สหรัฐอเมริกา มีเจตนาที่จะถอนตัว ออกจากองค์การอนามัยโลก จดหมายของประธานาธิบดี ถึงเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ซึ่งลงนามเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2021 ซึ่งเพิกถอนการแจ้งเตือน การถอนตัวของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2020 ถูกเพิกถอน
    (ข) คำสั่งฝ่ายบริหาร 13987 ลงวันที่ 25 มกราคม 2021 (การจัดระเบียบ และระดมพลรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เพื่อให้มีการตอบสนองที่เป็นหนึ่งเดียว และมีประสิทธิผล ในการต่อสู้กับ COVID-19 และเพื่อให้สหรัฐอเมริกา เป็นผู้นำด้านสุขภาพ และความมั่นคงระดับโลก) ถูกเพิกถอน
    (ค) ผู้ช่วยประธานาธิบดี ฝ่ายกิจการความมั่นคงแห่งชาติ จะจัดตั้งผู้อำนวยการ และกลไกการประสานงาน ภายในกลไกของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ตามที่เขาเห็นว่าจำเป็น และเหมาะสม เพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชน และเสริมสร้างความปลอดภัยทางชีวภาพ
    (ง) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และผู้อำนวยการสำนักงานบริหาร และงบประมาณ จะต้องใช้มาตรการที่เหมาะสม และรวดเร็วที่สุด เท่าที่จะทำได้ เพื่อ:
    (i) ระงับการโอนเงินทุน การสนับสนุน หรือทรัพยากรของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ไปยังองค์การอนามัยโลกในอนาคต
    (ii) เรียกตัว และมอบหมายงานใหม่ ให้กับบุคลากร หรือผู้รับเหมาของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ที่ทำงานในตำแหน่งใดๆ ก็ตาม กับองค์การอนามัยโลก และ
    (iii) ระบุพันธมิตรที่น่าเชื่อถือ และโปร่งใส ในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ เพื่อดำเนินกิจกรรมที่จำเป็น ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้ดำเนินการไปแล้ว
    (จ) ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายการเตรียมพร้อม และตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ของทำเนียบขาว จะต้องทบทวน ยกเลิก และเปลี่ยนกลยุทธ์ความมั่นคง ด้านสุขภาพระดับโลก ของสหรัฐอเมริกาสำหรับปี 2024 โดยเร็วที่สุด
    มาตรา 3 การแจ้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะต้องแจ้งให้ เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ผู้รับฝากที่เกี่ยวข้องอื่นๆ และผู้นำขององค์การอนามัยโลกทราบ เกี่ยวกับการถอนตัวในทันที
    มาตรา 4 การเจรจาเกี่ยวกับระบบทั่วโลก ในขณะที่กำลังดำเนินการถอนตัว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะยุติการเจรจา เกี่ยวกับข้อตกลงการระบาดใหญ่ ขององค์การอนามัยโลก และการแก้ไขข้อบังคับด้านสุขภาพระหว่างประเทศ และการดำเนินการ เพื่อให้เกิดข้อตกลง และการแก้ไขดังกล่าว จะไม่มีผลผูกพันต่อสหรัฐอเมริกา
    มาตรา 5 บทบัญญัติทั่วไป (ก) ห้ามตีความข้อความใดๆ ในคำสั่งนี้ เพื่อทำให้เสียหาย หรือส่งผลกระทบในทางอื่นใด ต่อไปนี้:
    (i) อำนาจที่กฎหมายมอบให้กับฝ่ายบริหาร หรือหน่วยงาน หรือหัวหน้าหน่วยงาน หรือ
    (ii) หน้าที่ของผู้อำนวยการสำนักงานจัดการ และงบประมาณที่เกี่ยวข้อง กับข้อเสนอเกี่ยวกับงบประมาณ การบริหาร หรือการออกกฎหมาย
    (ข) คำสั่งนี้ จะต้องนำไปปฏิบัติ ให้สอดคล้องกับกฎหมายที่บังคับใช้ และขึ้นอยู่กับการจัดสรรงบประมาณที่มีอยู่
    (ค) คำสั่งนี้ ไม่ได้มีจุดประสงค์ และไม่ได้สร้างสิทธิ หรือผลประโยชน์ใดๆ ในทางเนื้อหาหรือขั้นตอน บังคับใช้ได้ตามกฎหมาย หรือในความเป็นธรรมโดยฝ่ายใดๆ ต่อสหรัฐอเมริกา หน่วยงาน หน่วยงาน หรือนิติบุคคลของสหรัฐอเมริกา เจ้าหน้าที่ พนักงาน หรือตัวแทนของสหรัฐอเมริกา หรือบุคคลอื่นใด
    https://www.whitehouse.gov/.../withdrawing-the-united.../
    ทำเนียบขาว,
    20 มกราคม 2025

    https://www.facebook.com/share/p/1DTaBnErqv/
    วันแรกก็เอาจริงเลย ข่าวอันเป็นนิมิตหมายดี ตั้งแต่มี โคขิต ใครที่เอะอะก็เชื่อ องค์การอนามัยโลก WHO (ที่ก่อตั้งโดยกลุ่มคนสามานย์) ถึงเวลาออกจากกะลาครับ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร เพื่อถอนสหรัฐฯ ออกจากองค์การอนามัยโลก ณ ห้องโอวัลออฟฟิศ ของทำเนียบขาว เมื่อวันจันทร์ที่ 20 มกราคม 2025 ในกรุงวอชิงตัน (ภาพเอพี/อีวาน วุชชี) การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ถอนตัวออกจากองค์การอนามัยโลก ถือเป็นก้าวสำคัญ สู่ความรับผิดชอบด้านสุขภาพระดับโลก การระบาดใหญ่ครั้งนี้ เผยให้เห็นถึงความล้มเหลว ขององค์การอนามัยโลก และเน้นย้ำถึงความจำเป็นของผู้นำ ที่ให้ความสำคัญกับความจริง วิทยาศาสตร์ และแนวทางแก้ปัญหาที่แท้จริง มากกว่าการเมือง นสพ. แนวหน้า 21/1/2568 https://www.naewna.com/inter/854734 การถอนสหรัฐฯ ออกจากองค์การอนามัยโลก ด้วยอำนาจที่มอบให้ผม ในฐานะประธานาธิบดีตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมายของสหรัฐอเมริกา จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้: มาตรา 1 วัตถุประสงค์ สหรัฐฯ แจ้งการถอนตัว ออกจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ในปี 2020 เนื่องจากองค์กร จัดการกับการระบาดของ COVID-19 ได้อย่างผิดพลาด ซึ่งเกิดจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน และวิกฤตด้านสุขภาพทั่วโลกอื่นๆ ล้มเหลวในการปฏิรูปที่จำเป็นเร่งด่วน และไม่สามารถแสดงความเป็นอิสระ จากอิทธิพลทางการเมืองที่ไม่เหมาะสม ของประเทศสมาชิกของ WHO ได้ นอกจากนี้ WHO ยังคงเรียกร้องเงินชดเชย ที่ไม่เป็นธรรมจากสหรัฐฯ ซึ่งไม่สมดุลกับเงินชดเชย ที่ประเมินแล้วของประเทศอื่นๆ จีนซึ่งมีประชากร 1.4 พันล้านคน มีประชากร 300 เปอร์เซ็นต์ของประชากรสหรัฐฯ แต่มีส่วนสนับสนุน WHO น้อยกว่าเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ มาตรา 2 การดำเนินการ (ก) สหรัฐอเมริกา มีเจตนาที่จะถอนตัว ออกจากองค์การอนามัยโลก จดหมายของประธานาธิบดี ถึงเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ซึ่งลงนามเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2021 ซึ่งเพิกถอนการแจ้งเตือน การถอนตัวของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2020 ถูกเพิกถอน (ข) คำสั่งฝ่ายบริหาร 13987 ลงวันที่ 25 มกราคม 2021 (การจัดระเบียบ และระดมพลรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เพื่อให้มีการตอบสนองที่เป็นหนึ่งเดียว และมีประสิทธิผล ในการต่อสู้กับ COVID-19 และเพื่อให้สหรัฐอเมริกา เป็นผู้นำด้านสุขภาพ และความมั่นคงระดับโลก) ถูกเพิกถอน (ค) ผู้ช่วยประธานาธิบดี ฝ่ายกิจการความมั่นคงแห่งชาติ จะจัดตั้งผู้อำนวยการ และกลไกการประสานงาน ภายในกลไกของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ตามที่เขาเห็นว่าจำเป็น และเหมาะสม เพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชน และเสริมสร้างความปลอดภัยทางชีวภาพ (ง) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และผู้อำนวยการสำนักงานบริหาร และงบประมาณ จะต้องใช้มาตรการที่เหมาะสม และรวดเร็วที่สุด เท่าที่จะทำได้ เพื่อ: (i) ระงับการโอนเงินทุน การสนับสนุน หรือทรัพยากรของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ไปยังองค์การอนามัยโลกในอนาคต (ii) เรียกตัว และมอบหมายงานใหม่ ให้กับบุคลากร หรือผู้รับเหมาของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ที่ทำงานในตำแหน่งใดๆ ก็ตาม กับองค์การอนามัยโลก และ (iii) ระบุพันธมิตรที่น่าเชื่อถือ และโปร่งใส ในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ เพื่อดำเนินกิจกรรมที่จำเป็น ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้ดำเนินการไปแล้ว (จ) ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายการเตรียมพร้อม และตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ของทำเนียบขาว จะต้องทบทวน ยกเลิก และเปลี่ยนกลยุทธ์ความมั่นคง ด้านสุขภาพระดับโลก ของสหรัฐอเมริกาสำหรับปี 2024 โดยเร็วที่สุด มาตรา 3 การแจ้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะต้องแจ้งให้ เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ผู้รับฝากที่เกี่ยวข้องอื่นๆ และผู้นำขององค์การอนามัยโลกทราบ เกี่ยวกับการถอนตัวในทันที มาตรา 4 การเจรจาเกี่ยวกับระบบทั่วโลก ในขณะที่กำลังดำเนินการถอนตัว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะยุติการเจรจา เกี่ยวกับข้อตกลงการระบาดใหญ่ ขององค์การอนามัยโลก และการแก้ไขข้อบังคับด้านสุขภาพระหว่างประเทศ และการดำเนินการ เพื่อให้เกิดข้อตกลง และการแก้ไขดังกล่าว จะไม่มีผลผูกพันต่อสหรัฐอเมริกา มาตรา 5 บทบัญญัติทั่วไป (ก) ห้ามตีความข้อความใดๆ ในคำสั่งนี้ เพื่อทำให้เสียหาย หรือส่งผลกระทบในทางอื่นใด ต่อไปนี้: (i) อำนาจที่กฎหมายมอบให้กับฝ่ายบริหาร หรือหน่วยงาน หรือหัวหน้าหน่วยงาน หรือ (ii) หน้าที่ของผู้อำนวยการสำนักงานจัดการ และงบประมาณที่เกี่ยวข้อง กับข้อเสนอเกี่ยวกับงบประมาณ การบริหาร หรือการออกกฎหมาย (ข) คำสั่งนี้ จะต้องนำไปปฏิบัติ ให้สอดคล้องกับกฎหมายที่บังคับใช้ และขึ้นอยู่กับการจัดสรรงบประมาณที่มีอยู่ (ค) คำสั่งนี้ ไม่ได้มีจุดประสงค์ และไม่ได้สร้างสิทธิ หรือผลประโยชน์ใดๆ ในทางเนื้อหาหรือขั้นตอน บังคับใช้ได้ตามกฎหมาย หรือในความเป็นธรรมโดยฝ่ายใดๆ ต่อสหรัฐอเมริกา หน่วยงาน หน่วยงาน หรือนิติบุคคลของสหรัฐอเมริกา เจ้าหน้าที่ พนักงาน หรือตัวแทนของสหรัฐอเมริกา หรือบุคคลอื่นใด https://www.whitehouse.gov/.../withdrawing-the-united.../ ทำเนียบขาว, 20 มกราคม 2025 https://www.facebook.com/share/p/1DTaBnErqv/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 278 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♦️ มีสินค้าหลากหลายรูปแบบ ให้เลือกใช้งาน💚
    ♦️ มีสินค้าหลากหลายรูปแบบ ให้เลือกใช้งาน💚
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • 🔶 มีทีมงานมืออาชีพ ให้บริการ ให้คำปรึกษา 💛
    🔶 มีทีมงานมืออาชีพ ให้บริการ ให้คำปรึกษา 💛
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • 🦸‍♂️ ต้องการใบเสนอราคา หรือสอบถามสินค้า ทักหาเราได้ หรือ☎️ ติดต่อ
    🦸‍♂️ ต้องการใบเสนอราคา หรือสอบถามสินค้า ทักหาเราได้ หรือ☎️ ติดต่อ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • ✅ เข้าดูสินค้าได้ง่ายๆ เพียงแค่สแกน QR Code
    หรือคลิกที่ลิ้งค์ได้เลย 👉
    ✅ เข้าดูสินค้าได้ง่ายๆ เพียงแค่สแกน QR Code หรือคลิกที่ลิ้งค์ได้เลย 👉
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • 👇 ไม่พลาดข่าวสารและโปรดีๆ เพียงกดติดตามเราไว้!🆔
    👇 ไม่พลาดข่าวสารและโปรดีๆ เพียงกดติดตามเราไว้!🆔
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • ⬇️ ดูสินค้าของเราได้ที่ Web🌐
    ⬇️ ดูสินค้าของเราได้ที่ Web🌐
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • 🔁 ขอใบเสนอราคา / ขอราคา แคปภาพ, รุ่น, ยี่ห้อสินค้า ชื่อที่อยู่ที่ให้ทำใบเสนอราคา🔥
    🔁 ขอใบเสนอราคา / ขอราคา แคปภาพ, รุ่น, ยี่ห้อสินค้า ชื่อที่อยู่ที่ให้ทำใบเสนอราคา🔥
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 3 0 รีวิว
  • ✳️ สนใจสินค้าสอบถามขัอมูลกับทางแอดมินได้เลยนะคะ◆
    ✳️ สนใจสินค้าสอบถามขัอมูลกับทางแอดมินได้เลยนะคะ◆
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • 💠 ต้องการใบเสนอราคา-สอบถามสินค้า ทักหาเราได้ หรือติดต่อ🔸
    💠 ต้องการใบเสนอราคา-สอบถามสินค้า ทักหาเราได้ หรือติดต่อ🔸
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • 🟢 คลิกที่รูปเพื่อเข้าชมสินค้าเพิ่มเติมได้เลยค่ะ🧨
    🟢 คลิกที่รูปเพื่อเข้าชมสินค้าเพิ่มเติมได้เลยค่ะ🧨
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • 👉สนใจสอบถามสินค้าสามารถติดต่อได้หลายช่องทาง:⚡️
    👉สนใจสอบถามสินค้าสามารถติดต่อได้หลายช่องทาง:⚡️
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • 😱 ศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม :🥇
    😱 ศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม :🥇
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 1 0 รีวิว