• 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เกี่ยวกับการค้นพบที่น่าตื่นเต้นและเป็นที่ถกเถียงกันในวงการวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับ "ออกซิเจนมืด" ที่เกิดจากหินโลหะใต้ทะเลลึก ทีมวิจัยที่นำโดยศาสตราจารย์แอนดรูว์ สวีทแมน ได้ค้นพบว่า หินโลหะเหล่านี้สามารถผลิตออกซิเจนได้โดยไม่ต้องใช้แสงแดดหรือพืช ซึ่งเป็นกระบวนการที่แตกต่างจากการสังเคราะห์แสงที่เรารู้จักกันดี

    การค้นพบนี้ทำให้เกิดความขัดแย้งในวงการวิทยาศาสตร์ เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่าอาจเป็นผลมาจากความผิดพลาดของอุปกรณ์หรือการวัดที่ไม่ถูกต้อง ศาสตราจารย์สวีทแมนจึงได้เริ่มโครงการวิจัยใหม่เพื่อยืนยันการค้นพบนี้ โดยมีการวางแผนการสำรวจสามครั้งเพื่อศึกษาหินโลหะที่ทำหน้าที่เป็น "แบตเตอรี่ธรณี" อย่างละเอียด

    "แบตเตอรี่ธรณี" หรือ "geobatteries" เป็นคำที่ใช้เรียกหินโลหะเหล่านี้ทำหน้าที่เหมือนแบตเตอรี่ธรรมชาติที่สามารถเก็บและปล่อยพลังงานได้

    การสำรวจครั้งแรกจะเริ่มต้นจากซานดิเอโกในเดือนมกราคม 2026 โดยใช้เงินทุนจากมูลนิธินิปปอนจำนวน 2.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะใช้โพรบที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อทำงานที่ระดับความลึก 12,000 เมตรใต้ทะเล โพรบเหล่านี้จะเก็บตัวอย่างน้ำและตะกอนจากพื้นทะเลเพื่อยืนยันทฤษฎีออกซิเจนมืด

    น่าสนใจที่เห็นว่าการค้นพบนี้อาจมีผลกระทบต่อการทำเหมืองใต้ทะเล เนื่องจากบริษัทเหมืองแร่บางแห่งมีความสนใจในการใช้หินโลหะเหล่านี้ในการสกัดวัตถุดิบ การผลิตออกซิเจนแบบไม่ใช้ออกซิเจนนี้อาจเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการทำเหมืองเหล่านี้

    ศาสตราจารย์สวีทแมนยังต้องเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์จากนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ และอาจมีการถอนบทความวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Geoscience ในปี 2024. อย่างไรก็ตาม เขายังคงมุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ว่าการผลิตออกซิเจนมืดจากพื้นทะเลเป็นปรากฏการณ์ที่แท้จริง

    https://www.techspot.com/news/106469-new-expeditions-aim-validate-groundbreaking-dark-oxygen-discovery.html
    ข่าวนี้เกี่ยวกับการค้นพบที่น่าตื่นเต้นและเป็นที่ถกเถียงกันในวงการวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับ "ออกซิเจนมืด" ที่เกิดจากหินโลหะใต้ทะเลลึก ทีมวิจัยที่นำโดยศาสตราจารย์แอนดรูว์ สวีทแมน ได้ค้นพบว่า หินโลหะเหล่านี้สามารถผลิตออกซิเจนได้โดยไม่ต้องใช้แสงแดดหรือพืช ซึ่งเป็นกระบวนการที่แตกต่างจากการสังเคราะห์แสงที่เรารู้จักกันดี การค้นพบนี้ทำให้เกิดความขัดแย้งในวงการวิทยาศาสตร์ เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่าอาจเป็นผลมาจากความผิดพลาดของอุปกรณ์หรือการวัดที่ไม่ถูกต้อง ศาสตราจารย์สวีทแมนจึงได้เริ่มโครงการวิจัยใหม่เพื่อยืนยันการค้นพบนี้ โดยมีการวางแผนการสำรวจสามครั้งเพื่อศึกษาหินโลหะที่ทำหน้าที่เป็น "แบตเตอรี่ธรณี" อย่างละเอียด "แบตเตอรี่ธรณี" หรือ "geobatteries" เป็นคำที่ใช้เรียกหินโลหะเหล่านี้ทำหน้าที่เหมือนแบตเตอรี่ธรรมชาติที่สามารถเก็บและปล่อยพลังงานได้ การสำรวจครั้งแรกจะเริ่มต้นจากซานดิเอโกในเดือนมกราคม 2026 โดยใช้เงินทุนจากมูลนิธินิปปอนจำนวน 2.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะใช้โพรบที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อทำงานที่ระดับความลึก 12,000 เมตรใต้ทะเล โพรบเหล่านี้จะเก็บตัวอย่างน้ำและตะกอนจากพื้นทะเลเพื่อยืนยันทฤษฎีออกซิเจนมืด น่าสนใจที่เห็นว่าการค้นพบนี้อาจมีผลกระทบต่อการทำเหมืองใต้ทะเล เนื่องจากบริษัทเหมืองแร่บางแห่งมีความสนใจในการใช้หินโลหะเหล่านี้ในการสกัดวัตถุดิบ การผลิตออกซิเจนแบบไม่ใช้ออกซิเจนนี้อาจเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการทำเหมืองเหล่านี้ ศาสตราจารย์สวีทแมนยังต้องเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์จากนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ และอาจมีการถอนบทความวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Geoscience ในปี 2024. อย่างไรก็ตาม เขายังคงมุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ว่าการผลิตออกซิเจนมืดจากพื้นทะเลเป็นปรากฏการณ์ที่แท้จริง https://www.techspot.com/news/106469-new-expeditions-aim-validate-groundbreaking-dark-oxygen-discovery.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Serendipitous discovery of "dark oxygen" sparks controversy and new expeditions
    Professor Andrew Sweetman and his colleagues set out to measure seafloor respiration but instead stumbled upon a hidden ecosystem capable of producing oxygen. The most crucial element...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 409 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • Canon ได้ประกาศเปิดตัวเซ็นเซอร์ภาพ CMOS ที่มีความละเอียดสูงถึง 410 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นสถิติใหม่สำหรับเซ็นเซอร์ขนาด 35 มม. ความละเอียดนี้สูงกว่าความละเอียด Full HD ถึง 198 เท่า และสูงกว่า 8K ถึง 12 เท่า เซ็นเซอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในงานที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น การเฝ้าระวัง, การถ่ายภาพอุตสาหกรรม, และการแพทย์

    เซ็นเซอร์นี้ใช้การจัดเรียงแบบ back-illuminated stacked formation ซึ่งทำให้สามารถประมวลผลสัญญาณได้อย่างรวดเร็วถึง 3,280 ล้านพิกเซลต่อวินาที นอกจากนี้ยังมีการออกแบบวงจรใหม่ที่ช่วยให้การอ่านข้อมูลเร็วขึ้น เซ็นเซอร์นี้มีทั้งรุ่นสีเต็มและรุ่นขาวดำ โดยรุ่นขาวดำจะมีฟังก์ชันการรวมพิกเซลสี่พิกเซลเป็นหนึ่งพิกเซล ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายภาพในสภาพแสงน้อย

    Canon จะนำเซ็นเซอร์นี้ไปแสดงในงาน SPIE Photonics West ที่ซานฟรานซิสโกในวันที่ 28-30 มกราคมนี้ การพัฒนาเซ็นเซอร์ที่มีความละเอียดสูงขนาดนี้จะช่วยให้การถ่ายภาพมีความคมชัดและรายละเอียดมากขึ้น และอาจนำไปสู่การพัฒนาอุปกรณ์ถ่ายภาพที่มีขนาดเล็กลงในอนาคต

    น่าสนใจที่เห็นว่าเทคโนโลยีการถ่ายภาพกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว และ Canon กำลังผลักดันขีดจำกัดของสิ่งที่เป็นไปได้ในด้านนี้ การที่สามารถใส่ความละเอียดสูงขนาดนี้ลงในเซ็นเซอร์ขนาด 35 มม. เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน และอาจมีผลกระทบต่อการพัฒนาอุปกรณ์ถ่ายภาพในอนาคต

    https://www.techspot.com/news/106479-canon-pushes-limits-35mm-record-breaking-410-megapixel.html
    Canon ได้ประกาศเปิดตัวเซ็นเซอร์ภาพ CMOS ที่มีความละเอียดสูงถึง 410 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นสถิติใหม่สำหรับเซ็นเซอร์ขนาด 35 มม. ความละเอียดนี้สูงกว่าความละเอียด Full HD ถึง 198 เท่า และสูงกว่า 8K ถึง 12 เท่า เซ็นเซอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในงานที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น การเฝ้าระวัง, การถ่ายภาพอุตสาหกรรม, และการแพทย์ เซ็นเซอร์นี้ใช้การจัดเรียงแบบ back-illuminated stacked formation ซึ่งทำให้สามารถประมวลผลสัญญาณได้อย่างรวดเร็วถึง 3,280 ล้านพิกเซลต่อวินาที นอกจากนี้ยังมีการออกแบบวงจรใหม่ที่ช่วยให้การอ่านข้อมูลเร็วขึ้น เซ็นเซอร์นี้มีทั้งรุ่นสีเต็มและรุ่นขาวดำ โดยรุ่นขาวดำจะมีฟังก์ชันการรวมพิกเซลสี่พิกเซลเป็นหนึ่งพิกเซล ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายภาพในสภาพแสงน้อย Canon จะนำเซ็นเซอร์นี้ไปแสดงในงาน SPIE Photonics West ที่ซานฟรานซิสโกในวันที่ 28-30 มกราคมนี้ การพัฒนาเซ็นเซอร์ที่มีความละเอียดสูงขนาดนี้จะช่วยให้การถ่ายภาพมีความคมชัดและรายละเอียดมากขึ้น และอาจนำไปสู่การพัฒนาอุปกรณ์ถ่ายภาพที่มีขนาดเล็กลงในอนาคต น่าสนใจที่เห็นว่าเทคโนโลยีการถ่ายภาพกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว และ Canon กำลังผลักดันขีดจำกัดของสิ่งที่เป็นไปได้ในด้านนี้ การที่สามารถใส่ความละเอียดสูงขนาดนี้ลงในเซ็นเซอร์ขนาด 35 มม. เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน และอาจมีผลกระทบต่อการพัฒนาอุปกรณ์ถ่ายภาพในอนาคต https://www.techspot.com/news/106479-canon-pushes-limits-35mm-record-breaking-410-megapixel.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Canon pushes the limits of 35mm with record 410-megapixel sensor
    The 410-megapixel (24,592 x 16,704 pixels) sensor boasts a resolution that is 198 times greater than Full HD, and 12 times higher than 8K. With it, users...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 389 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • LinkedIn ถูกฟ้องร้องในคดีการใช้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้โดยไม่ได้รับความยินยอม แม้กระทั่งจากผู้ใช้ที่จ่ายเงินสำหรับบริการ Premium ผู้ใช้ LinkedIn Premium ได้ยื่นฟ้องร้องในศาลรัฐบาลกลางที่ซานโฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยอ้างว่า LinkedIn ใช้ข้อมูลส่วนตัวของพวกเขาในการฝึกอบรมอัลกอริทึม AI โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

    คดีนี้เกิดขึ้นหลังจาก LinkedIn ได้ปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัวในเดือนกันยายน 2024 โดยระบุว่าจะใช้ข้อมูลของผู้ใช้ในการฝึกอบรมอัลกอริทึมการเรียนรู้ของเครื่อง ผู้ใช้กล่าวหาว่า LinkedIn ได้เริ่มใช้ข้อมูลส่วนตัว เช่น ประวัติการทำงาน รายละเอียดส่วนบุคคล และข้อความส่วนตัว ก่อนที่จะประกาศการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้

    LinkedIn ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้ โดยกล่าวว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริง และระบุว่าการใช้ข้อมูลที่ไม่เหมาะสมไม่ได้เกี่ยวข้องกับลูกค้าในยุโรป สหราชอาณาจักร หรือสวิตเซอร์แลนด์ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ยังคงเรียกร้องค่าชดเชยและกล่าวหาว่า LinkedIn พยายามปกปิดการกระทำที่ผิดกฎหมายนี้

    น่าสนใจที่เห็นว่า LinkedIn และบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ กำลังลงทุนใน AI และการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อเพิ่มผลกำไรและโอกาสทางธุรกิจในอนาคต แต่การใช้ข้อมูลส่วนตัวโดยไม่ได้รับความยินยอมอาจเป็นปัญหาที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ.

    https://www.techspot.com/news/106474-premium-users-sue-linkedin-abusing-their-data-train.html
    LinkedIn ถูกฟ้องร้องในคดีการใช้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้โดยไม่ได้รับความยินยอม แม้กระทั่งจากผู้ใช้ที่จ่ายเงินสำหรับบริการ Premium ผู้ใช้ LinkedIn Premium ได้ยื่นฟ้องร้องในศาลรัฐบาลกลางที่ซานโฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยอ้างว่า LinkedIn ใช้ข้อมูลส่วนตัวของพวกเขาในการฝึกอบรมอัลกอริทึม AI โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือแจ้งให้ทราบล่วงหน้า คดีนี้เกิดขึ้นหลังจาก LinkedIn ได้ปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัวในเดือนกันยายน 2024 โดยระบุว่าจะใช้ข้อมูลของผู้ใช้ในการฝึกอบรมอัลกอริทึมการเรียนรู้ของเครื่อง ผู้ใช้กล่าวหาว่า LinkedIn ได้เริ่มใช้ข้อมูลส่วนตัว เช่น ประวัติการทำงาน รายละเอียดส่วนบุคคล และข้อความส่วนตัว ก่อนที่จะประกาศการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ LinkedIn ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้ โดยกล่าวว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริง และระบุว่าการใช้ข้อมูลที่ไม่เหมาะสมไม่ได้เกี่ยวข้องกับลูกค้าในยุโรป สหราชอาณาจักร หรือสวิตเซอร์แลนด์ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ยังคงเรียกร้องค่าชดเชยและกล่าวหาว่า LinkedIn พยายามปกปิดการกระทำที่ผิดกฎหมายนี้ น่าสนใจที่เห็นว่า LinkedIn และบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ กำลังลงทุนใน AI และการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อเพิ่มผลกำไรและโอกาสทางธุรกิจในอนาคต แต่การใช้ข้อมูลส่วนตัวโดยไม่ได้รับความยินยอมอาจเป็นปัญหาที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ. https://www.techspot.com/news/106474-premium-users-sue-linkedin-abusing-their-data-train.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    LinkedIn accused of using personal data without consent, even from paid users
    Millions of LinkedIn Premium customers intend to fight the social network in court. A lawsuit filed in a San Jose, California federal court states that users are...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 329 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันๆมองจ้องจะจับนก
    วันๆมองจ้องจะจับนก😄
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เกี่ยวกับการที่ Google ได้เปิดตัว Chrome Web Store สำหรับองค์กร ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถสร้างรายการส่วนขยายที่ผ่านการตรวจสอบแล้วสำหรับพนักงานได้ การเปิดตัวนี้มีเป้าหมายเพื่อลดความเสี่ยงที่พนักงานจะติดตั้งส่วนขยายที่เป็นอันตรายโดยไม่ได้ตั้งใจ

    ปัญหาส่วนขยายที่เป็นอันตรายบน Chrome มีมานานแล้ว โดยมีผู้ไม่หวังดีปล่อยหรือแฮ็กส่วนขยายที่มีอยู่เพื่อใส่โค้ดที่เป็นอันตราย เมื่อเดือนที่แล้ว มีส่วนขยาย 35 รายการที่ถูกแฮ็กหลังจากนักพัฒนาถูกโจมตีด้วยฟิชชิง ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถอัปโหลดเวอร์ชันที่มีสคริปต์ขโมยข้อมูลได้

    Google ได้ประกาศเปิดตัว Chrome Web Store สำหรับองค์กรในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถสร้างรายการส่วนขยายที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว และลดความเสี่ยงที่พนักงานจะติดตั้งส่วนขยายที่เป็นอันตราย นอกจากนี้ องค์กรยังสามารถปรับแต่ง Web Store ให้แสดงโลโก้บริษัทและเน้นส่วนขยายที่จำเป็นสำหรับงานขององค์กรได

    Google ยังได้แนะนำเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถมองเห็นความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับส่วนขยายได้มากขึ้น โดยแสดงคะแนนความเสี่ยงที่ได้รับจาก Spin ในปลายปีนี้ Google จะเปิดตัวฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถลบส่วนขยายออกจากเบราว์เซอร์ของผู้ใช้ได้จากระยะไกล เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้น

    น่าสนใจที่เห็นว่า Google กำลังพยายามเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ Chrome โดยการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากส่วนขยายที่เป็นอันตราย การที่องค์กรสามารถสร้างรายการส่วนขยายที่ผ่านการตรวจสอบแล้วและปรับแต่ง Web Store ได้ตามต้องการ จะช่วยให้การใช้งาน Chrome ในองค์กรมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    https://www.bleepingcomputer.com/news/google/google-launches-customizable-web-store-for-enterprise-extensions/
    ข่าวนี้เกี่ยวกับการที่ Google ได้เปิดตัว Chrome Web Store สำหรับองค์กร ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถสร้างรายการส่วนขยายที่ผ่านการตรวจสอบแล้วสำหรับพนักงานได้ การเปิดตัวนี้มีเป้าหมายเพื่อลดความเสี่ยงที่พนักงานจะติดตั้งส่วนขยายที่เป็นอันตรายโดยไม่ได้ตั้งใจ ปัญหาส่วนขยายที่เป็นอันตรายบน Chrome มีมานานแล้ว โดยมีผู้ไม่หวังดีปล่อยหรือแฮ็กส่วนขยายที่มีอยู่เพื่อใส่โค้ดที่เป็นอันตราย เมื่อเดือนที่แล้ว มีส่วนขยาย 35 รายการที่ถูกแฮ็กหลังจากนักพัฒนาถูกโจมตีด้วยฟิชชิง ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถอัปโหลดเวอร์ชันที่มีสคริปต์ขโมยข้อมูลได้ Google ได้ประกาศเปิดตัว Chrome Web Store สำหรับองค์กรในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถสร้างรายการส่วนขยายที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว และลดความเสี่ยงที่พนักงานจะติดตั้งส่วนขยายที่เป็นอันตราย นอกจากนี้ องค์กรยังสามารถปรับแต่ง Web Store ให้แสดงโลโก้บริษัทและเน้นส่วนขยายที่จำเป็นสำหรับงานขององค์กรได Google ยังได้แนะนำเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถมองเห็นความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับส่วนขยายได้มากขึ้น โดยแสดงคะแนนความเสี่ยงที่ได้รับจาก Spin ในปลายปีนี้ Google จะเปิดตัวฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถลบส่วนขยายออกจากเบราว์เซอร์ของผู้ใช้ได้จากระยะไกล เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้น น่าสนใจที่เห็นว่า Google กำลังพยายามเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ Chrome โดยการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากส่วนขยายที่เป็นอันตราย การที่องค์กรสามารถสร้างรายการส่วนขยายที่ผ่านการตรวจสอบแล้วและปรับแต่ง Web Store ได้ตามต้องการ จะช่วยให้การใช้งาน Chrome ในองค์กรมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น https://www.bleepingcomputer.com/news/google/google-launches-customizable-web-store-for-enterprise-extensions/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Google launches customizable Web Store for Enterprise extensions
    Google has officially launched its Chrome Web Store for Enterprises, allowing organizations to create a curated list of extensions that can be installed in employees' web browsers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • อันนี้ลุงโดนเองเต็มๆ พรุ่งนี้ต้องเข้า office เพื่อ upgrade

    SonicWall ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ความปลอดภัยในผลิตภัณฑ์ SMA1000 Appliance Management Console (AMC) และ Central Management Console (CMC) ช่องโหว่นี้ถูกระบุว่าเป็น CVE-2025-23006 และมีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.8 จาก 10 ตามมาตรฐาน CVSS v3. ช่องโหว่นี้สามารถให้ผู้โจมตีที่ไม่ได้รับการยืนยันตัวตนจากระยะไกลสามารถรันคำสั่ง OS ได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด

    SonicWall ได้รับรายงานว่าช่องโหว่นี้ถูกใช้ในการโจมตีแบบ zero-day ซึ่งหมายความว่าผู้โจมตีได้ใช้ช่องโหว่นี้ก่อนที่จะมีการออกแพตช์แก้ไข SonicWall แนะนำให้ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ SMA1000 อัปเกรดเป็นเวอร์ชัน 12.4.3-02854 (platform-hotfix) และเวอร์ชันที่ใหม่กว่าเพื่อแก้ไขปัญหานี้

    นอกจากนี้ SonicWall ยังได้ชี้แจงว่าช่องโหว่นี้ไม่ส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ SMA 100 series ดังนั้นผู้ใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ ทีมวิจัยของ Microsoft Threat Intelligence Center เป็นผู้ค้นพบช่องโหว่นี้ และอาจมีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมการโจมตีในภายหลัง

    น่าสนใจที่เห็นว่าช่องโหว่ในอุปกรณ์ SonicWall มักเป็นเป้าหมายของผู้โจมตี เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการให้บริการ VPN แก่องค์กรขนาดใหญ่ หน่วยงานรัฐบาล และผู้ให้บริการที่สำคัญ การที่ช่องโหว่เหล่านี้ไม่ได้รับการแก้ไขอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อความปลอดภัยของเครือข่ายองค์กร

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/sonicwall-warns-of-sma1000-rce-flaw-exploited-in-zero-day-attacks/
    อันนี้ลุงโดนเองเต็มๆ พรุ่งนี้ต้องเข้า office เพื่อ upgrade 😭😭 SonicWall ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ความปลอดภัยในผลิตภัณฑ์ SMA1000 Appliance Management Console (AMC) และ Central Management Console (CMC) ช่องโหว่นี้ถูกระบุว่าเป็น CVE-2025-23006 และมีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.8 จาก 10 ตามมาตรฐาน CVSS v3. ช่องโหว่นี้สามารถให้ผู้โจมตีที่ไม่ได้รับการยืนยันตัวตนจากระยะไกลสามารถรันคำสั่ง OS ได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด SonicWall ได้รับรายงานว่าช่องโหว่นี้ถูกใช้ในการโจมตีแบบ zero-day ซึ่งหมายความว่าผู้โจมตีได้ใช้ช่องโหว่นี้ก่อนที่จะมีการออกแพตช์แก้ไข SonicWall แนะนำให้ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ SMA1000 อัปเกรดเป็นเวอร์ชัน 12.4.3-02854 (platform-hotfix) และเวอร์ชันที่ใหม่กว่าเพื่อแก้ไขปัญหานี้ นอกจากนี้ SonicWall ยังได้ชี้แจงว่าช่องโหว่นี้ไม่ส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ SMA 100 series ดังนั้นผู้ใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ ทีมวิจัยของ Microsoft Threat Intelligence Center เป็นผู้ค้นพบช่องโหว่นี้ และอาจมีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมการโจมตีในภายหลัง น่าสนใจที่เห็นว่าช่องโหว่ในอุปกรณ์ SonicWall มักเป็นเป้าหมายของผู้โจมตี เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการให้บริการ VPN แก่องค์กรขนาดใหญ่ หน่วยงานรัฐบาล และผู้ให้บริการที่สำคัญ การที่ช่องโหว่เหล่านี้ไม่ได้รับการแก้ไขอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อความปลอดภัยของเครือข่ายองค์กร https://www.bleepingcomputer.com/news/security/sonicwall-warns-of-sma1000-rce-flaw-exploited-in-zero-day-attacks/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    SonicWall warns of SMA1000 RCE flaw exploited in zero-day attacks
    SonicWall is warning about a pre-authentication deserialization vulnerability in SonicWall SMA1000 Appliance Management Console (AMC) and Central Management Console (CMC), with reports that it has been exploited as a zero-day in attacks.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 321 มุมมอง 0 รีวิว
  • จิรวัฒน์ (จิ) 0️⃣9️⃣0️⃣-9️⃣6️⃣4️⃣-1️⃣9️⃣9️⃣6️⃣
    ไอดีไลน์ : 0️⃣9️⃣0️⃣9️⃣6️⃣4️⃣1️⃣9️⃣9️⃣6️⃣

    Commuter 3.0 ปี 2015 ไมล์ 251,457 km
    เครื่องยนต์ดีเซล,เกียร์,ช่วงล่าง สมบูรณ์ รถขับดีมาก
    ภายในสวย ใช้ต่อได้เลย เอกสารครบพร้อมโอน

    -จัดไฟแนนซ์ได้เต็ม, ฟรีดาวน์
    -ซื้อสดไม่มี Vat7%
    -กล้องมองหลังขณะถอย
    -เครื่องดีเซล

    ขาย 479,000 บาท
    Commuter จัดไฟแนนซ์ 479,000 บาท
    4ปี 13561 บาท
    5ปี 11532 บาท
    6ปี 10739 บาท
    7ปี 9732 บาท
    จิรวัฒน์ (จิ) 📲 0️⃣9️⃣0️⃣-9️⃣6️⃣4️⃣-1️⃣9️⃣9️⃣6️⃣ ไอดีไลน์ : 0️⃣9️⃣0️⃣9️⃣6️⃣4️⃣1️⃣9️⃣9️⃣6️⃣ Commuter 3.0 ปี 2015 ไมล์ 251,457 km เครื่องยนต์ดีเซล,เกียร์,ช่วงล่าง สมบูรณ์ รถขับดีมาก ภายในสวย ใช้ต่อได้เลย เอกสารครบพร้อมโอน -จัดไฟแนนซ์ได้เต็ม, ฟรีดาวน์ -ซื้อสดไม่มี Vat7% -กล้องมองหลังขณะถอย -เครื่องดีเซล ขาย 479,000 บาท Commuter จัดไฟแนนซ์ 479,000 บาท 4ปี 13561 บาท 5ปี 11532 บาท 6ปี 10739 บาท 7ปี 9732 บาท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 587 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 204 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sony ประกาศยุติการผลิตสื่อบันทึกข้อมูล Blu-ray ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นการสิ้นสุดการผลิตที่ยาวนานเกือบสองทศวรรษ. นอกจากนี้ยังรวมถึงการยุติการผลิต MiniDiscs สำหรับการบันทึก, MD data สำหรับการบันทึก, และ MiniDV cassettes ด้วย. Sony ระบุว่าจะไม่มีรุ่นต่อจาก Blu-ray อีกต่อไป

    การยุติการผลิตนี้เกิดขึ้นเนื่องจากยอดขายสื่อบันทึกข้อมูลแบบแผ่นลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้บริโภคหันมาใช้บริการสตรีมมิ่งมากขึ้น แม้ว่า Blu-ray จะเคยเป็นที่นิยมในช่วงแรกๆ เนื่องจากความร่วมมือกับสตูดิโอภาพยนตร์และการรวมเทคโนโลยี Blu-ray ใน PlayStation 3 แต่ปัจจุบันยอดขายไม่เพียงพอที่จะทำให้ธุรกิจสื่อบันทึกข้อมูลของ Sony ยังคงอยู่ได้

    น่าสนใจที่เห็นว่าการยุติการผลิต Blu-ray ของ Sony อาจทำให้การหาซื้อแผ่น Blu-ray และเครื่องเล่น Blu-ray จากร้านค้าปลีกยากขึ้น แต่ยังคงสามารถหาซื้อได้จากแพลตฟอร์มออนไลน์เช่น Amazon ในขณะที่การใช้สื่อบันทึกข้อมูลแบบแผ่นลดลง ผู้ใช้หลายคนหันมาใช้การเก็บข้อมูลบนคลาวด์แทน แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายรายเดือนและปัญหาด้านความปลอดภัย

    การเก็บข้อมูลบนสื่อบันทึกข้อมูลแบบแผ่นยังคงมีข้อดี เนื่องจากสามารถเก็บข้อมูลได้นานหลายทศวรรษ หากเก็บรักษาอย่างถูกต้อง แม้ว่า Sony จะยุติการผลิต Blu-ray แต่คู่แข่งอย่าง Pioneer ยังคงพัฒนาสื่อบันทึกข้อมูล Blu-ray ที่ออกแบบมาให้มีอายุการใช้งานยาวนานถึง 100 ปี และนักวิจัยบางคนกำลังทำงานกับการเก็บข้อมูลบนแก้วที่สามารถเก็บข้อมูลได้นานถึง 5,000 ปี

    การยุติการผลิต Blu-ray ของ Sony เป็นการสิ้นสุดยุคหนึ่ง ซึ่งอาจทำให้ผู้สะสมภาพยนตร์ต้องหาวิธีใหม่ในการเก็บรักษาคอลเลกชันของพวกเขา การเปลี่ยนไปใช้บริการสตรีมมิ่งทำให้การเป็นเจ้าของภาพยนตร์และรายการทีวีเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน เนื่องจากอาจหายไปจากบริการสตรีมมิ่งโดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/after-18-years-blu-ray-media-production-draws-to-a-close-sony-shuts-its-last-factory-in-feb
    Sony ประกาศยุติการผลิตสื่อบันทึกข้อมูล Blu-ray ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นการสิ้นสุดการผลิตที่ยาวนานเกือบสองทศวรรษ. นอกจากนี้ยังรวมถึงการยุติการผลิต MiniDiscs สำหรับการบันทึก, MD data สำหรับการบันทึก, และ MiniDV cassettes ด้วย. Sony ระบุว่าจะไม่มีรุ่นต่อจาก Blu-ray อีกต่อไป การยุติการผลิตนี้เกิดขึ้นเนื่องจากยอดขายสื่อบันทึกข้อมูลแบบแผ่นลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้บริโภคหันมาใช้บริการสตรีมมิ่งมากขึ้น แม้ว่า Blu-ray จะเคยเป็นที่นิยมในช่วงแรกๆ เนื่องจากความร่วมมือกับสตูดิโอภาพยนตร์และการรวมเทคโนโลยี Blu-ray ใน PlayStation 3 แต่ปัจจุบันยอดขายไม่เพียงพอที่จะทำให้ธุรกิจสื่อบันทึกข้อมูลของ Sony ยังคงอยู่ได้ น่าสนใจที่เห็นว่าการยุติการผลิต Blu-ray ของ Sony อาจทำให้การหาซื้อแผ่น Blu-ray และเครื่องเล่น Blu-ray จากร้านค้าปลีกยากขึ้น แต่ยังคงสามารถหาซื้อได้จากแพลตฟอร์มออนไลน์เช่น Amazon ในขณะที่การใช้สื่อบันทึกข้อมูลแบบแผ่นลดลง ผู้ใช้หลายคนหันมาใช้การเก็บข้อมูลบนคลาวด์แทน แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายรายเดือนและปัญหาด้านความปลอดภัย การเก็บข้อมูลบนสื่อบันทึกข้อมูลแบบแผ่นยังคงมีข้อดี เนื่องจากสามารถเก็บข้อมูลได้นานหลายทศวรรษ หากเก็บรักษาอย่างถูกต้อง แม้ว่า Sony จะยุติการผลิต Blu-ray แต่คู่แข่งอย่าง Pioneer ยังคงพัฒนาสื่อบันทึกข้อมูล Blu-ray ที่ออกแบบมาให้มีอายุการใช้งานยาวนานถึง 100 ปี และนักวิจัยบางคนกำลังทำงานกับการเก็บข้อมูลบนแก้วที่สามารถเก็บข้อมูลได้นานถึง 5,000 ปี การยุติการผลิต Blu-ray ของ Sony เป็นการสิ้นสุดยุคหนึ่ง ซึ่งอาจทำให้ผู้สะสมภาพยนตร์ต้องหาวิธีใหม่ในการเก็บรักษาคอลเลกชันของพวกเขา การเปลี่ยนไปใช้บริการสตรีมมิ่งทำให้การเป็นเจ้าของภาพยนตร์และรายการทีวีเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน เนื่องจากอาจหายไปจากบริการสตรีมมิ่งโดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/after-18-years-blu-ray-media-production-draws-to-a-close-sony-shuts-its-last-factory-in-feb
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    After 18 years, Sony's Blu-ray media production draws to a close — shuts its last factory in Feb
    MiniDiscs for recording, MD data for recording, and MiniDV cassettes will also be abandoned.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 441 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • สทร.ทักษิณ ชินวัตร เปิดทางให้อบายมุข(เหตุแห่งความฉิมหาย)ถูกกฎหมาย เพราะความไม่รู้ธรรมของตน..

    ประไทยจะพินาศฉิบหาย หากปล่อยให้เปรตมีอำนาจบริหารบ้านเมือง
    สทร.ทักษิณ ชินวัตร เปิดทางให้อบายมุข(เหตุแห่งความฉิมหาย)ถูกกฎหมาย เพราะความไม่รู้ธรรมของตน.. ประไทยจะพินาศฉิบหาย หากปล่อยให้เปรตมีอำนาจบริหารบ้านเมือง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 438 มุมมอง 0 รีวิว
  • แฮกเกอร์ชาวจีนได้เจาะระบบ VPN ของเกาหลีใต้ชื่อ IPany โดยการแทรกโค้ดที่เป็นอันตรายเข้าไปในตัวติดตั้ง NSIS ของซอฟต์แวร์ VPN สำหรับ Windows การโจมตีนี้ถูกค้นพบครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม 2024 โดยนักวิจัยจากบริษัท ESET ของสโลวาเกีย แฮกเกอร์ได้แทรกโค้ดที่เรียกว่า "SlowStepper" ซึ่งเป็นมัลแวร์ที่สามารถขโมยข้อมูลสำคัญ, รันคำสั่ง, และรักษาการเข้าถึงระบบที่ถูกโจมตีได้ในระยะยาว

    กลุ่มแฮกเกอร์ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีนี้ชื่อว่า PlushDaemon ซึ่งเป็นกลุ่ม APT (Advanced Persistent Threat) ที่มีความเชี่ยวชาญในการแฮ็กช่องทางการแจกจ่ายซอฟต์แวร์ที่ถูกต้องเพื่อส่งมัลแวร์ การโจมตีนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความเสี่ยงที่เกิดจากการโจมตีแบบ supply chain ซึ่งแฮกเกอร์สามารถเข้าถึงระบบของผู้ใช้ได้โดยการแทรกโค้ดที่เป็นอันตรายเข้าไปในซอฟต์แวร์ที่ดูเหมือนจะถูกต้อง

    น่าสนใจที่เห็นว่าการโจมตีแบบ supply chain กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในวงการแฮกเกอร์ เนื่องจากสามารถเข้าถึงระบบของผู้ใช้ได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพ การโจมตีนี้เป็นการเตือนให้ผู้ใช้และองค์กรต่างๆ ต้องระมัดระวังและมีมาตรการป้องกันที่เข้มงวดมากขึ้นในการใช้ซอฟต์แวร์จากแหล่งที่ไม่แน่นอน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/chinese-hackers-compromise-south-korean-vpn-malicious-code-found-inside-nsis-installer
    แฮกเกอร์ชาวจีนได้เจาะระบบ VPN ของเกาหลีใต้ชื่อ IPany โดยการแทรกโค้ดที่เป็นอันตรายเข้าไปในตัวติดตั้ง NSIS ของซอฟต์แวร์ VPN สำหรับ Windows การโจมตีนี้ถูกค้นพบครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม 2024 โดยนักวิจัยจากบริษัท ESET ของสโลวาเกีย แฮกเกอร์ได้แทรกโค้ดที่เรียกว่า "SlowStepper" ซึ่งเป็นมัลแวร์ที่สามารถขโมยข้อมูลสำคัญ, รันคำสั่ง, และรักษาการเข้าถึงระบบที่ถูกโจมตีได้ในระยะยาว กลุ่มแฮกเกอร์ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีนี้ชื่อว่า PlushDaemon ซึ่งเป็นกลุ่ม APT (Advanced Persistent Threat) ที่มีความเชี่ยวชาญในการแฮ็กช่องทางการแจกจ่ายซอฟต์แวร์ที่ถูกต้องเพื่อส่งมัลแวร์ การโจมตีนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความเสี่ยงที่เกิดจากการโจมตีแบบ supply chain ซึ่งแฮกเกอร์สามารถเข้าถึงระบบของผู้ใช้ได้โดยการแทรกโค้ดที่เป็นอันตรายเข้าไปในซอฟต์แวร์ที่ดูเหมือนจะถูกต้อง น่าสนใจที่เห็นว่าการโจมตีแบบ supply chain กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในวงการแฮกเกอร์ เนื่องจากสามารถเข้าถึงระบบของผู้ใช้ได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพ การโจมตีนี้เป็นการเตือนให้ผู้ใช้และองค์กรต่างๆ ต้องระมัดระวังและมีมาตรการป้องกันที่เข้มงวดมากขึ้นในการใช้ซอฟต์แวร์จากแหล่งที่ไม่แน่นอน https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/chinese-hackers-compromise-south-korean-vpn-malicious-code-found-inside-nsis-installer
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Chinese hackers compromise South Korean VPN — malicious code found inside NSIS installer
    Malicious code in an NSIS installer from South Korea's IPany VPN software was discovered last May.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 598 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Element Six (E6) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ De Beers Group ได้เปิดตัววัสดุคอมโพสิตที่ทำจากทองแดงและเพชร เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายความร้อนของฮีตซิงค์ วัสดุใหม่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในงานที่ต้องการการจัดการความร้อนสูง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง (HPC), และอุปกรณ์ GaN RF ที่ผลิตความร้อนมาก

    เพชรเป็นฉนวนไฟฟ้า แต่มีความสามารถในการนำความร้อนสูงกว่าทองแดงมาก ทำให้เหมาะสำหรับการใช้เป็นฮีตซิงค์ที่สามารถถ่ายเทพลังงานความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าวัสดุแบบดั้งเดิม เนื่องจากเพชรมีราคาสูง การวิจัยที่ใช้วัสดุนี้จึงมักจำกัดอยู่ในงานอุตสาหกรรมและงานที่มีมูลค่าสูง

    E6 มีความสามารถในการหาเพชรที่ต้องการสำหรับการสร้างวัสดุคอมโพสิตนี้ เนื่องจากเป็นบริษัทในเครือของ De Beers ที่เคยมีการผูกขาดการจัดหาทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีบริษัทสตาร์ทอัพชื่อ Akash Systems ที่กำลังพิจารณาใช้วัสดุเพชรในการระบายความร้อนของ GPU แต่ยังต้องการเงินทุนจำนวน 18.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐจาก CHIPS and Science Act เพื่อดำเนินการต่อ

    หากวัสดุคอมโพสิตทองแดง-เพชรนี้เข้าสู่ตลาด มันอาจถูกนำไปใช้ในศูนย์ข้อมูล AI ที่ใช้พลังงานมากในการระบายความร้อนของ GPU และโปรเซสเซอร์ วัสดุนี้อาจช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าของศูนย์ข้อมูลเหล่านี้ ซึ่งกำลังเป็นภาระต่อโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศ นอกจากนี้ หากการผลิตในปริมาณมากทำให้ราคาลดลง วัสดุนี้อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการสร้างคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กแต่มีประสิทธิภาพสูง

    น่าสนใจที่เห็นว่าเทคโนโลยีการระบายความร้อนกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว และวัสดุคอมโพสิตทองแดง-เพชรนี้อาจเป็นก้าวสำคัญในการปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายความร้อนของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/pc-components/heatsinks/company-develops-copper-diamond-composite-for-better-heatsink-cooling-lower-cpu-and-gpu-temps
    บริษัท Element Six (E6) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ De Beers Group ได้เปิดตัววัสดุคอมโพสิตที่ทำจากทองแดงและเพชร เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายความร้อนของฮีตซิงค์ วัสดุใหม่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในงานที่ต้องการการจัดการความร้อนสูง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง (HPC), และอุปกรณ์ GaN RF ที่ผลิตความร้อนมาก เพชรเป็นฉนวนไฟฟ้า แต่มีความสามารถในการนำความร้อนสูงกว่าทองแดงมาก ทำให้เหมาะสำหรับการใช้เป็นฮีตซิงค์ที่สามารถถ่ายเทพลังงานความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าวัสดุแบบดั้งเดิม เนื่องจากเพชรมีราคาสูง การวิจัยที่ใช้วัสดุนี้จึงมักจำกัดอยู่ในงานอุตสาหกรรมและงานที่มีมูลค่าสูง E6 มีความสามารถในการหาเพชรที่ต้องการสำหรับการสร้างวัสดุคอมโพสิตนี้ เนื่องจากเป็นบริษัทในเครือของ De Beers ที่เคยมีการผูกขาดการจัดหาทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีบริษัทสตาร์ทอัพชื่อ Akash Systems ที่กำลังพิจารณาใช้วัสดุเพชรในการระบายความร้อนของ GPU แต่ยังต้องการเงินทุนจำนวน 18.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐจาก CHIPS and Science Act เพื่อดำเนินการต่อ หากวัสดุคอมโพสิตทองแดง-เพชรนี้เข้าสู่ตลาด มันอาจถูกนำไปใช้ในศูนย์ข้อมูล AI ที่ใช้พลังงานมากในการระบายความร้อนของ GPU และโปรเซสเซอร์ วัสดุนี้อาจช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าของศูนย์ข้อมูลเหล่านี้ ซึ่งกำลังเป็นภาระต่อโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศ นอกจากนี้ หากการผลิตในปริมาณมากทำให้ราคาลดลง วัสดุนี้อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการสร้างคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กแต่มีประสิทธิภาพสูง น่าสนใจที่เห็นว่าเทคโนโลยีการระบายความร้อนกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว และวัสดุคอมโพสิตทองแดง-เพชรนี้อาจเป็นก้าวสำคัญในการปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายความร้อนของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต https://www.tomshardware.com/pc-components/heatsinks/company-develops-copper-diamond-composite-for-better-heatsink-cooling-lower-cpu-and-gpu-temps
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 332 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 231 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เกี่ยวกับการเปิดตัว HAT ใหม่สำหรับ Raspberry Pi 5 โดย Seeed Studio ที่รองรับมาตรฐาน PCIe 3.0 และมีช่อง M.2 สองช่องในราคาเพียง $45

    HAT (Hardware Attached on Top) เป็นบอร์ดเสริมที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสามารถให้กับ Raspberry Pi โดยการเชื่อมต่อกับพอร์ต GPIO (General Purpose Input/Output) ของ Raspberry Pi. HAT มีขนาดและรูปร่างที่ตรงกับ Raspberry Pi ทำให้สามารถติดตั้งได้อย่างง่ายดายและมั่นคง

    HAT นี้ให้แบนด์วิดท์ PCIe 3.0 หนึ่งเลนต่อช่อง M.2 โดยมีความเร็วรวม 8 GT/s สำหรับทั้งสองช่อง นอกจากการใช้กับ SSD M.2 แล้ว HAT นี้ยังสามารถใช้กับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น AI accelerators

    อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังเกี่ยวกับความเข้ากันได้ของ SSD บางรุ่น และผู้ใช้ต้องพิมพ์เคส 3D เองเนื่องจาก HAT นี้ไม่พอดีกับเคส Raspberry Pi 5 มาตรฐาน สำหรับผู้ที่ต้องการความเร็วในการจัดเก็บข้อมูลสูงกว่า SD card ของ Raspberry Pi 5 HAT นี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

    น่าสนใจที่เห็นว่า Seeed Studio กำลังพัฒนาอุปกรณ์เสริมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ Raspberry Pi 5 ให้สามารถใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น การที่ HAT นี้รองรับ PCIe 3.0 ทำให้สามารถใช้กับอุปกรณ์ที่ต้องการแบนด์วิดท์สูงได้ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสใหม่ๆ ในการใช้งาน Raspberry Pi 5 ในโครงการต่างๆ

    https://www.tomshardware.com/raspberry-pi/raspberry-pi-hats/seeed-studio-debuts-raspberry-pi-5-pcie-3-0-hat-with-dual-m-2-slots-for-usd45
    ข่าวนี้เกี่ยวกับการเปิดตัว HAT ใหม่สำหรับ Raspberry Pi 5 โดย Seeed Studio ที่รองรับมาตรฐาน PCIe 3.0 และมีช่อง M.2 สองช่องในราคาเพียง $45 HAT (Hardware Attached on Top) เป็นบอร์ดเสริมที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสามารถให้กับ Raspberry Pi โดยการเชื่อมต่อกับพอร์ต GPIO (General Purpose Input/Output) ของ Raspberry Pi. HAT มีขนาดและรูปร่างที่ตรงกับ Raspberry Pi ทำให้สามารถติดตั้งได้อย่างง่ายดายและมั่นคง HAT นี้ให้แบนด์วิดท์ PCIe 3.0 หนึ่งเลนต่อช่อง M.2 โดยมีความเร็วรวม 8 GT/s สำหรับทั้งสองช่อง นอกจากการใช้กับ SSD M.2 แล้ว HAT นี้ยังสามารถใช้กับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น AI accelerators อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังเกี่ยวกับความเข้ากันได้ของ SSD บางรุ่น และผู้ใช้ต้องพิมพ์เคส 3D เองเนื่องจาก HAT นี้ไม่พอดีกับเคส Raspberry Pi 5 มาตรฐาน สำหรับผู้ที่ต้องการความเร็วในการจัดเก็บข้อมูลสูงกว่า SD card ของ Raspberry Pi 5 HAT นี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ น่าสนใจที่เห็นว่า Seeed Studio กำลังพัฒนาอุปกรณ์เสริมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ Raspberry Pi 5 ให้สามารถใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น การที่ HAT นี้รองรับ PCIe 3.0 ทำให้สามารถใช้กับอุปกรณ์ที่ต้องการแบนด์วิดท์สูงได้ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสใหม่ๆ ในการใช้งาน Raspberry Pi 5 ในโครงการต่างๆ https://www.tomshardware.com/raspberry-pi/raspberry-pi-hats/seeed-studio-debuts-raspberry-pi-5-pcie-3-0-hat-with-dual-m-2-slots-for-usd45
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Seeed Studio debuts Raspberry Pi 5 PCIe 3.0 HAT with dual M.2 slots for $45
    Offers one lane of PCIe 3.0 bandwidth per-slot, or a total of 8 GT/s for both slots combined
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 336 มุมมอง 0 รีวิว