• ด่วน: โจ ไบเดน เดินทางมาถึงทำเนียบขาวแล้ว หลังจากยกเลิกการพักร้อนที่เดลาแวร์ ส่วนกมลา แฮร์ริส กลับมายังทำเนียบขาวภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินเช่นกัน ยังไม่มีการยืนยันว่าทำไมไบเดนและแฮร์ริสจึงกลับมา

    เป็นที่เล่าลือว่าอาจมีการแถลงShutdownรัฐบาลไบเดนก่อนเวลา
    ด่วน: โจ ไบเดน เดินทางมาถึงทำเนียบขาวแล้ว หลังจากยกเลิกการพักร้อนที่เดลาแวร์ ส่วนกมลา แฮร์ริส กลับมายังทำเนียบขาวภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินเช่นกัน ยังไม่มีการยืนยันว่าทำไมไบเดนและแฮร์ริสจึงกลับมา เป็นที่เล่าลือว่าอาจมีการแถลงShutdownรัฐบาลไบเดนก่อนเวลา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกผ่านไปยังประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ว่าควรเตรียมพร้อมสำหรับทำข้อตกลงกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในการยุติสงครามในยูเครนที่ลากยาวมานานเกือบ 3 ปี
    .
    "ต้องทำข้อตกลง" ทรัมป์ กล่าวระหว่างแถลงข่าว ณ สโมสรมาร์อาลาโกของเขา ในปาล์มบีช รัฐฟลอริดา พร้อมบอกต่อว่าเขาจะพูดคุยกับปูตินและเซเลนกสกี เกี่ยวกับการนำพาสงครามในยูเครนไปสู่จุดจบ และบอกว่าเขารู้สึกเป็นทุกข์กับภาพแห่งการสังหารหมู่จากความขัดแย้งนี้ "มันต้องหยุดลง"
    .
    ทรัมป์ ไม่ได้ตอบตรงๆ เมื่อถูกถามว่า เขาเชื่อหรือไม่ว่ายูเครนควรยอมสละดินแดนให้รัสเซีย ส่วนหนึ่งในเจรจาต่อรองเพื่อยุติสงคราม โดยว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ รายนี้บอกแต่เพียงว่าดินแดนส่วนใหญ่ในความขัดแย้ง เหลือแต่ซากปรักหักพังและมันจะต้องใช้เวลาในการบูรณะฟื้นูนานกว่า 1 ศตวรรษ "ที่ผมหมายถึงคือ เมืองต่างๆ ไม่เหลืออาคารยืนตระหง่านอีกแล้ว มันเป็นสถานที่ที่ถูกทำลายล้าง"
    .
    นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังกล่าวด้วยว่าเขาได้เห็นภาพถ่ายในสมรภูมิรบที่มีศพเกลื่อนไปหมด ซึ่งมันทำให้เขาย้อนนึกถึงภาพถ่ายอันน่าสยดสยองของสงครามกลางเมืองอเมริการะหว่างปี 1861-1865
    .
    ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยบอกว่าเขาอยากให้สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนจบลงอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เขาบอกกับนิตยสารไทม์ในบทสัมภาษณ์ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าตนเอง "มีแผนที่ดีมากๆ" ที่จะช่วยให้ความขัดแย้งยุติลง แต่หากเขาเผยแพร่มันในตอนนี้ "มันจะกลายเป็นแผนที่เกือบจะไร้ค่า"
    .
    ท่าทีของทรัมป์ต่อสงครามในยูเครน มีขึ้นในขณะที่ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ รายนี้ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันเดียวกัน ว่าประธานาธิบดีเซเลนสกี จะไม่ได้รับเชิญเข้าร่วมพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในเดือนหน้า ส่งสัญญาณถึงแนวโน้มตีตัวออกห่างจากผู้นำยูเครน
    .
    ทรัมป์ ซึ่งเอาชนะ กมลา แฮร์ริส ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต เมื่อเดือนที่แล้ว จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ ในวันที่ 20 มกราคม ณ พิธี ซึ่งจะจัดขึ้นที่อาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
    .
    ในวันจันทร์ (16 ธ.ค.) ทรัมป์ จัดการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่ชนะการเลือกตั้ง และระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวถามว่าเขาจะเชิญเซเลนสกี ร่วมพิธีสาบานตนหรือไม่ ทรัมป์ ตอบว่า "ไม่ ผมไม่ได้เชิญเขา อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาอยากมา ผมก็อยากมีเขาอยู่ร่วมด้วย"
    .
    ขณะเดียวกัน สื่อมวลชนรายงานว่า ทรัมป์ ได้เชิญ สี จิ้นผิง ผู้นำจีน เข้าร่วมพิธีสาบานตนด้วย ทั้งนี้มีข่าวว่ามีการเชื้อเชิญตั้งแต่เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ไม่นานหลังจาก ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามไม่เป็นที่ชัดเจนว่า สี จะตอบรับคำเชิญหรือไม่
    .
    กระนั้นก็ตาม สำนักข่าวซีบีเอสรายงานว่า ในเบื้องต้นเอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐฯพร้อมด้วยคู่สมรส คาดหมายว่าจะเข้าร่วมพิธีสาบานตนของทรัมป์ ในแนวทางปฏิบัติตามมาตรฐาน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120828
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกผ่านไปยังประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ว่าควรเตรียมพร้อมสำหรับทำข้อตกลงกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในการยุติสงครามในยูเครนที่ลากยาวมานานเกือบ 3 ปี . "ต้องทำข้อตกลง" ทรัมป์ กล่าวระหว่างแถลงข่าว ณ สโมสรมาร์อาลาโกของเขา ในปาล์มบีช รัฐฟลอริดา พร้อมบอกต่อว่าเขาจะพูดคุยกับปูตินและเซเลนกสกี เกี่ยวกับการนำพาสงครามในยูเครนไปสู่จุดจบ และบอกว่าเขารู้สึกเป็นทุกข์กับภาพแห่งการสังหารหมู่จากความขัดแย้งนี้ "มันต้องหยุดลง" . ทรัมป์ ไม่ได้ตอบตรงๆ เมื่อถูกถามว่า เขาเชื่อหรือไม่ว่ายูเครนควรยอมสละดินแดนให้รัสเซีย ส่วนหนึ่งในเจรจาต่อรองเพื่อยุติสงคราม โดยว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ รายนี้บอกแต่เพียงว่าดินแดนส่วนใหญ่ในความขัดแย้ง เหลือแต่ซากปรักหักพังและมันจะต้องใช้เวลาในการบูรณะฟื้นูนานกว่า 1 ศตวรรษ "ที่ผมหมายถึงคือ เมืองต่างๆ ไม่เหลืออาคารยืนตระหง่านอีกแล้ว มันเป็นสถานที่ที่ถูกทำลายล้าง" . นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังกล่าวด้วยว่าเขาได้เห็นภาพถ่ายในสมรภูมิรบที่มีศพเกลื่อนไปหมด ซึ่งมันทำให้เขาย้อนนึกถึงภาพถ่ายอันน่าสยดสยองของสงครามกลางเมืองอเมริการะหว่างปี 1861-1865 . ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยบอกว่าเขาอยากให้สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนจบลงอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เขาบอกกับนิตยสารไทม์ในบทสัมภาษณ์ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าตนเอง "มีแผนที่ดีมากๆ" ที่จะช่วยให้ความขัดแย้งยุติลง แต่หากเขาเผยแพร่มันในตอนนี้ "มันจะกลายเป็นแผนที่เกือบจะไร้ค่า" . ท่าทีของทรัมป์ต่อสงครามในยูเครน มีขึ้นในขณะที่ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ รายนี้ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันเดียวกัน ว่าประธานาธิบดีเซเลนสกี จะไม่ได้รับเชิญเข้าร่วมพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในเดือนหน้า ส่งสัญญาณถึงแนวโน้มตีตัวออกห่างจากผู้นำยูเครน . ทรัมป์ ซึ่งเอาชนะ กมลา แฮร์ริส ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต เมื่อเดือนที่แล้ว จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ ในวันที่ 20 มกราคม ณ พิธี ซึ่งจะจัดขึ้นที่อาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. . ในวันจันทร์ (16 ธ.ค.) ทรัมป์ จัดการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่ชนะการเลือกตั้ง และระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวถามว่าเขาจะเชิญเซเลนสกี ร่วมพิธีสาบานตนหรือไม่ ทรัมป์ ตอบว่า "ไม่ ผมไม่ได้เชิญเขา อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาอยากมา ผมก็อยากมีเขาอยู่ร่วมด้วย" . ขณะเดียวกัน สื่อมวลชนรายงานว่า ทรัมป์ ได้เชิญ สี จิ้นผิง ผู้นำจีน เข้าร่วมพิธีสาบานตนด้วย ทั้งนี้มีข่าวว่ามีการเชื้อเชิญตั้งแต่เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ไม่นานหลังจาก ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามไม่เป็นที่ชัดเจนว่า สี จะตอบรับคำเชิญหรือไม่ . กระนั้นก็ตาม สำนักข่าวซีบีเอสรายงานว่า ในเบื้องต้นเอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐฯพร้อมด้วยคู่สมรส คาดหมายว่าจะเข้าร่วมพิธีสาบานตนของทรัมป์ ในแนวทางปฏิบัติตามมาตรฐาน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120828 .............. Sondhi X
    Like
    Yay
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 497 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ที่ออกอากาศ ว่าจะดำเนินการตั้งแต่วันแรกของการดำรงตำแหน่ง ในการอภัยโทษแก่พวกผู้ก่อจลาจลที่เกี่ยวกับเหตุจู่โจมอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 โหมกระพือความคาดการณ์มากยิ่งขึ้น เกี่ยวกับการอนุมัติอภัยโทษอย่างกว้างขวางในสมัยของเขา
    .
    "ผมจะดำเนินการอย่างรวดเร็วที่สุด ตั้งแต่วันแรกเลย" ทรัมป์กล่าวกับสำนักข่าวเอ็นบีซีนิวส์ ในรายงาน "มีตเดอะเพรส กับคริสเทน เวลเกอร์" เมื่อถูกถามว่าเขามีแผนอภัยโทษหรือไม่ ให้แก่บรรดาผู้สนับสนุนที่ถูกดำเนินคดีในเหตุโจมตีที่มีเป้าหมายล้มผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2020 ที่เขาตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
    .
    ทรัมป์ บอกกับเวลเกอร์ ว่าการนิโทษกรรมของเขา "อาจมีข้อยกเว้นบางอย่าง หากบุคคลนั้นๆ กระทำรุนแรงหรือทำเรื่องบ้าๆ ระหว่างการจู่โจม" ซึ่งทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บมากกว่า 140 นาย และมีหลายคนเสียชีวิต
    .
    อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ให้คำจำกัดความการดำเนินคดีกับบรรดาผู้สนับสนุนของเขา ว่าเป็นการคอร์รัปชันโดยเนื้อแท้ และไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ในการอภัยโทษจำเลยมากกว่า 900 คน ที่ยอมรับสารภาพผิดแล้ว ในนั้นรวมถึงบรรดาผู้ถูกล่าวหากระทำการรุนแรงในการโจมตี "ผมจะตรวจสอบทุกๆ อย่าง เราจะพิจารณาเป็นรายบุคคล"
    .
    ความเห็นครั้งนี้ของทรัมป์ ถือเป็นการให้รายละเอียดมากที่สุดในประเด็นการอภัยโทษ นับตั้งแต่ที่เขาเอาชนะรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และดูเหมือนเพิ่มการคาดการณ์ที่สูงลิ่วอยู่ก่อนแล้ว ว่าเขาจะดำเนินการอภัยโทษอย่างครอบคลุม ครั้งที่สาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม
    .
    ความหวังในบรรดาจำเลยเหตุการณ์วันที่ 6 มกราคมและเหล่าผู้สนับสนุน สำหรับการได้รับอภัยโทษอย่างครอบคลุม เริ่มสูงขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว หลังตัวประธานาธิบดีโจ ไบเดน เอง อภัยโทษให้ ฮันเตอร์ ไบเดน ผู้เป็นลูกชาย กลับลำคำประกาศกร้าวก่อนหน้านี้ ว่าจะไม่แทรกแซงคดีอาญาของบุตรชาย
    .
    ไบเดน อ้างว่า ฮันเตอร์ ควรได้รับการอภัยโทษ เพราะว่าเขาเป็นเหยื่อของการตามประหัตประหารทางการเมือง ข้อโต้แย้งที่ดูเหมือน ทรัมป์ จะใช้อ้างความชอบธรรมในการอภัยโทษหมู่เช่นกัน กระตุ้นให้บางส่วนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ไบเดน โดยบอกว่าการตัดสินใจของประธานาธิบดีรายนี้ กลับกลายเป็นการช่วย ทรัมป์ ให้ได้รับความเสียหายทางการเมืองน้อยลงกว่าเดิม
    .
    คิมเบอร์ลี เวช์ล ศาสตราจารย์จากสถาบันกฎหมายแห่งมหาวิทยาลัยบัลติมอร์ กล่าวว่าเธอกังวลว่าการนิรโทษกรรมอย่างกว้างขวางให้แก่เหล่าจำเลยในคดี 6 มกราคม จะถูกใช้เป็นแรงจูงใจในทางที่ผิด กระพือความไม่สงบหรือแม้แต่ก่อความรุนแรงในนามของประธานาธิบดี
    .
    "มันเป็นแนวคิดที่เหมือนกับว่าเขากำลังตบรางวัลแก่พวกที่ละเมิดกฎหมายในนามของเขา ในความเกี่ยวข้องกับความพยายามล้มผลการเลือกตั้งที่ถูกต้องตามกฎหมาย มันเป็นอะไรที่ไม่เคยมีมาก่อน" เวช์ลกล่าว
    .
    ในสิ่งที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นการสืบสวนทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา มีจำเลยอย่างน้อย 1,572 คน ถูกตั้งข้อหาในเหตุจู่โจมอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 โดยคำฟ้องทางอาญาเหล่านั้น ไล่ตั้งแต่เข้าไปในพื้นที่หวงห้ามโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไปจนถึงสมคบคิดยุยงปลุกปั่นความไม่สงบ และประทุษร้ายรุนแรง
    .
    จากจำเลยทั้งหมด มีอยู่ 1,251 ราย ที่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดหรือยอมรับสารภาพผิด และมีอยู่ 645 ราย ที่ถูกลงโทษจำคุก ไล่ตั้งแต่ไม่กี่วันไปจนถึงสูงสุด 22 ปี
    .
    จอห์น เพียร์ซ ทนายความที่เป็นตัวแทนของจำเลยเหตุการณ์ 6 มกราคม เรียกร้องให้ ทรัมป์ ออกคำสั่งอภัยโทษครอบคลุมทุกคนที่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีเข้าร่วมในเหตุจลาจล "ผมคิดว่าคุณ จะเห็นผู้คนในหมู่ประชาคม 6 มกราคม ไม่พอใจมากมาย ถ้าการอนุมัติอภัยโทษดำเนินการบนพื้นฐานเป็นรายกรณี"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118050
    ..................
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ที่ออกอากาศ ว่าจะดำเนินการตั้งแต่วันแรกของการดำรงตำแหน่ง ในการอภัยโทษแก่พวกผู้ก่อจลาจลที่เกี่ยวกับเหตุจู่โจมอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 โหมกระพือความคาดการณ์มากยิ่งขึ้น เกี่ยวกับการอนุมัติอภัยโทษอย่างกว้างขวางในสมัยของเขา . "ผมจะดำเนินการอย่างรวดเร็วที่สุด ตั้งแต่วันแรกเลย" ทรัมป์กล่าวกับสำนักข่าวเอ็นบีซีนิวส์ ในรายงาน "มีตเดอะเพรส กับคริสเทน เวลเกอร์" เมื่อถูกถามว่าเขามีแผนอภัยโทษหรือไม่ ให้แก่บรรดาผู้สนับสนุนที่ถูกดำเนินคดีในเหตุโจมตีที่มีเป้าหมายล้มผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2020 ที่เขาตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ . ทรัมป์ บอกกับเวลเกอร์ ว่าการนิโทษกรรมของเขา "อาจมีข้อยกเว้นบางอย่าง หากบุคคลนั้นๆ กระทำรุนแรงหรือทำเรื่องบ้าๆ ระหว่างการจู่โจม" ซึ่งทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บมากกว่า 140 นาย และมีหลายคนเสียชีวิต . อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ให้คำจำกัดความการดำเนินคดีกับบรรดาผู้สนับสนุนของเขา ว่าเป็นการคอร์รัปชันโดยเนื้อแท้ และไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ในการอภัยโทษจำเลยมากกว่า 900 คน ที่ยอมรับสารภาพผิดแล้ว ในนั้นรวมถึงบรรดาผู้ถูกล่าวหากระทำการรุนแรงในการโจมตี "ผมจะตรวจสอบทุกๆ อย่าง เราจะพิจารณาเป็นรายบุคคล" . ความเห็นครั้งนี้ของทรัมป์ ถือเป็นการให้รายละเอียดมากที่สุดในประเด็นการอภัยโทษ นับตั้งแต่ที่เขาเอาชนะรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และดูเหมือนเพิ่มการคาดการณ์ที่สูงลิ่วอยู่ก่อนแล้ว ว่าเขาจะดำเนินการอภัยโทษอย่างครอบคลุม ครั้งที่สาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม . ความหวังในบรรดาจำเลยเหตุการณ์วันที่ 6 มกราคมและเหล่าผู้สนับสนุน สำหรับการได้รับอภัยโทษอย่างครอบคลุม เริ่มสูงขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว หลังตัวประธานาธิบดีโจ ไบเดน เอง อภัยโทษให้ ฮันเตอร์ ไบเดน ผู้เป็นลูกชาย กลับลำคำประกาศกร้าวก่อนหน้านี้ ว่าจะไม่แทรกแซงคดีอาญาของบุตรชาย . ไบเดน อ้างว่า ฮันเตอร์ ควรได้รับการอภัยโทษ เพราะว่าเขาเป็นเหยื่อของการตามประหัตประหารทางการเมือง ข้อโต้แย้งที่ดูเหมือน ทรัมป์ จะใช้อ้างความชอบธรรมในการอภัยโทษหมู่เช่นกัน กระตุ้นให้บางส่วนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ไบเดน โดยบอกว่าการตัดสินใจของประธานาธิบดีรายนี้ กลับกลายเป็นการช่วย ทรัมป์ ให้ได้รับความเสียหายทางการเมืองน้อยลงกว่าเดิม . คิมเบอร์ลี เวช์ล ศาสตราจารย์จากสถาบันกฎหมายแห่งมหาวิทยาลัยบัลติมอร์ กล่าวว่าเธอกังวลว่าการนิรโทษกรรมอย่างกว้างขวางให้แก่เหล่าจำเลยในคดี 6 มกราคม จะถูกใช้เป็นแรงจูงใจในทางที่ผิด กระพือความไม่สงบหรือแม้แต่ก่อความรุนแรงในนามของประธานาธิบดี . "มันเป็นแนวคิดที่เหมือนกับว่าเขากำลังตบรางวัลแก่พวกที่ละเมิดกฎหมายในนามของเขา ในความเกี่ยวข้องกับความพยายามล้มผลการเลือกตั้งที่ถูกต้องตามกฎหมาย มันเป็นอะไรที่ไม่เคยมีมาก่อน" เวช์ลกล่าว . ในสิ่งที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นการสืบสวนทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา มีจำเลยอย่างน้อย 1,572 คน ถูกตั้งข้อหาในเหตุจู่โจมอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 โดยคำฟ้องทางอาญาเหล่านั้น ไล่ตั้งแต่เข้าไปในพื้นที่หวงห้ามโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไปจนถึงสมคบคิดยุยงปลุกปั่นความไม่สงบ และประทุษร้ายรุนแรง . จากจำเลยทั้งหมด มีอยู่ 1,251 ราย ที่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดหรือยอมรับสารภาพผิด และมีอยู่ 645 ราย ที่ถูกลงโทษจำคุก ไล่ตั้งแต่ไม่กี่วันไปจนถึงสูงสุด 22 ปี . จอห์น เพียร์ซ ทนายความที่เป็นตัวแทนของจำเลยเหตุการณ์ 6 มกราคม เรียกร้องให้ ทรัมป์ ออกคำสั่งอภัยโทษครอบคลุมทุกคนที่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีเข้าร่วมในเหตุจลาจล "ผมคิดว่าคุณ จะเห็นผู้คนในหมู่ประชาคม 6 มกราคม ไม่พอใจมากมาย ถ้าการอนุมัติอภัยโทษดำเนินการบนพื้นฐานเป็นรายกรณี" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118050 .................. Sondhi X
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 614 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇺🇸🇺🇦 รัฐบาลไบเดน-แฮร์ริส เตรียมส่งเงินช่วยเหลือจากผู้เสียภาษีอีก ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์ให้ยูเครน
    .
    JUST IN: 🇺🇸🇺🇦 Biden-Harris administration to send Ukraine another $1,000,000,000 taxpayer funded assistance package.
    .
    4:30 AM · Dec 8, 2024 · 322.9K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1865509182863986926
    🇺🇸🇺🇦 รัฐบาลไบเดน-แฮร์ริส เตรียมส่งเงินช่วยเหลือจากผู้เสียภาษีอีก ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์ให้ยูเครน . JUST IN: 🇺🇸🇺🇦 Biden-Harris administration to send Ukraine another $1,000,000,000 taxpayer funded assistance package. . 4:30 AM · Dec 8, 2024 · 322.9K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1865509182863986926
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇺🇸🇸🇾 รัฐบาลไบเดน-แฮร์ริส คาดว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีอัสซาดแห่งซีเรียจะล่มสลายภายในไม่กี่วัน
    .
    JUST IN: 🇺🇸🇸🇾 Biden-Harris administration expects Syrian President Assad's government to collapse within days.
    .
    1:20 AM · Dec 8, 2024 · 193.4K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1865461448660390312
    🇺🇸🇸🇾 รัฐบาลไบเดน-แฮร์ริส คาดว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีอัสซาดแห่งซีเรียจะล่มสลายภายในไม่กี่วัน . JUST IN: 🇺🇸🇸🇾 Biden-Harris administration expects Syrian President Assad's government to collapse within days. . 1:20 AM · Dec 8, 2024 · 193.4K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1865461448660390312
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯที่กำลังพ้นตำแหน่ง มีข่าวว่ากำลังพูดคุยในความเป็นไปได้ในการอภัยโทษอย่างครอบคลุมให้พวกคนดังทั้งหลายที่เคยวิพากษ์วิจารณ์ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อปกป้องคนเหล่านี้ จากความเป็นไปได้ที่จะถูกตามประหัตประหารในอนาคต ตามรายงานข่าวของโพลิติโก เว็บไซต์ข่าวการเมืองอเมริกาและซีบีเอสนิวส์
    .
    เมื่อเร็วๆนี้ ไบเดน เพิ่งอภัยโทษให้ลูกชาย ไม่ใช่แค่ที่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดในคดีอาญาต่างๆนานา แต่ยังรวมทุกๆอย่างที่เขาอาจกระทำผิดมาตั้งแต่ปี 2014 ทั้งนี้ขอบเขตการอภัยโทษอย่างกว้างขวางที่ไม่ปกติดังกล่าว เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง แม้กระทั่งจากคนในพรรคของประธานาธิบดีเอง
    .
    เว็บไซต์ข่าวโพลิติโก รายงานอ้างแหล่งข่าวคนวงในภายในพรรค ว่าพรรคเดโมแครตต้องการปกป้องคนกลุ่มหนึ่งจากการถูก ทรัมป์ แก้แค้น ครั้งที่เข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม โดยเวลานี้ เจฟฟรีย์ ไซอ็องส์ หัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาวและ เอ็ด ซิสเคิล หัวหน้าที่ปรึกษา กำลังหารือเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม และบรรดาบุคคลที่อาจอยู่ในรายชื่อดังกล่าว ตามรายงานของซีบีเอสเมื่อวันศุกร์(6ธ.ค.)
    .
    ในบรรดาชื่อที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงคือนายแพทย์แอนโทนี เฟาซี อดีตเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงของสหรัฐฯ ผู้ซึ่งช่วยวางแผนมาตรการล็อคดาวน์โควิด-19 และบังคับสวมหน้ากาก ครั้งที่ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งสมัยแรก และหลังจากนั้นก็ช่วยวางแผนบังคับฉีดวัคซีน ในฐานะที่ปรึกษาทางการแพทย์ระดับสูงของไบเดน
    .
    รายงานของสภาคองเกรสเมื่อเร็วๆนี้ เกี่ยวกับแหล่งต้นกำเนิดของโควิด-19 ได้กล่าวหา เฟาซี ปกปิดบทบาทของเขา ในการให้เงินสนับสนุนห้องปฏิบัติการในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน บริเวณที่เชื่อว่าเป็นบ่อเกิดของไวรัส โดยดำเนินการผ่านมือที่ 3
    .
    ส่วนอีกคนที่อาจได้รับการอภัยโทษคือ มาร์ค มิลลีย์ นายพลปลดเกษียณ ที่เคยเรียกทรัมป์ว่า "พวกฟาสซิสต์" และ "พวกกระสันเป็นเผด็จการ" โดยอดีตประธานเสนาธิการทหารร่วมรายนี้ เคยพูดระหว่างให้สัมภาษณ์ว่า เขาต่อสายหาประธานเสนาธิการทหารร่วมของจีน ก่อนหน้าศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 2020 และอีกครั้งหลังจากเหตุจลาจลจู่โจมอาคารรัฐสภาอเมริกา วันที่ 6 มกราคม 2021 เรียกร้องให้ทำงานร่วมกับพรรคเดโมโครต เพราะเขาคิดว่า ทรัมป์ "เป็นคนบ้า"
    .
    ทรัมป์ ประณามการออกมาเปิดเผยดังกล่าว โดยชี้ว่าพฤติกรรมของมิลลีย์ ควรถูกดำเนินคดีในข้อหาก่อกบฏ "เขาจะเริ่มโยนผู้คนเข้าห้องขัง และผมจะมีชื่ออยู่ในลำดับต้นๆในบัญชีดังกล่าว" มิลลีย์ ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ดิ แอตแลนติก ในเดือนกันยายน 202 เมื่อถูกถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการในการหวนคืนสู่อำนาจของทรัมป์
    .
    ลิซ เชนีย์ อดีตสมาชิกสภาคองเกรสหญิงจากรีพับลิกัน จากรัฐไวโอมิง ซึ่งหันมาเข้าร่วมกับพรรคเดโมแครต ในคณะกรรมการสืบสวนเหตุการณ์ 6 มกราคม และร่วมรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งให้ กมลา แฮร์ริส ในปีนี้ ก็มีข่าวลือว่าจะอยู่ในรายชื่อได้รับการอภัยโทษเช่นกัน เช่นเดียวกับ อดัม ชิฟฟ์ ว่าที่วุฒิสภาจากแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นแกนนำในการยื่นถอดถอน ทรัมป์ 2 รอบ ครั้งที่ดำรงตำแหน่งสมัยแรก
    .
    ภายใต้รัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ประธานาธิบดีมีอำนาจอภัยโทษผู้คนที่ถูกพิพากษาว่ากระทำผิดตามกฎหมายรัฐบาลกลาง แต่ไม่ใช่กับข้อกล่าวหาในระดับรัฐหรือระดับท้องถิ่น ส่วนรูปแบบการอภัยโทษล่วงหน้าที่กล่าวอ้างว่ากำลังมีการพูดคุยกันอยู่นี้ เป็นสิ่งที่ไม่พบเห็นบ่อยนัก แต่ไม่ใช่สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
    .
    ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ซึ่งลาออกจากตำแหน่งในปี 1974 ก่อนหน้าการลงมติถอดถอนในวุฒิสภา ได้รับการอภัยโทษจากประธานาธิบดีเจรัลด์ ฟอร์ด ผู้สืบทอดตำแหน่งจากเขา ในคดีวอเตอร์เกต ดักฟังฝ่ายตรงข้าม
    .
    จากนั้นอีก 3 ปีต่อมา ประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ ให้อภัยโทษอย่างครอบคลุมต่อทุกคนที่หลบหนีการเกณฑ์ทหารระหว่างสงครามเวียดนาม และในปี 1992 ประธานาธิบดีจอร์จ เอช.ดับเบิลยู. บุช อภัยโทษให้ แคสปาร์ ไวน์เบอร์เกอร์ ก่อนที่เขาอาจถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับกรณีอื้อฉาว "อิหร่าน-คอนทรา" (Iran-Contra)
    .
    กรณีอื้อฉาวดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับรัฐบาลสหรัฐสมัย ประธนาธิบดีโรัลด์ เรแกน ลักลอบขายอาวุธให้กับอิหร่าน แล้วนำเงินที่ได้จากอิหร่านส่งไปช่วยกลุ่มกบฏคอนทราที่ต่อสู้กับรัฐบาลสังคมนิยมในนิคารากัว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000117847
    ..................
    Sondhi X
    โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯที่กำลังพ้นตำแหน่ง มีข่าวว่ากำลังพูดคุยในความเป็นไปได้ในการอภัยโทษอย่างครอบคลุมให้พวกคนดังทั้งหลายที่เคยวิพากษ์วิจารณ์ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อปกป้องคนเหล่านี้ จากความเป็นไปได้ที่จะถูกตามประหัตประหารในอนาคต ตามรายงานข่าวของโพลิติโก เว็บไซต์ข่าวการเมืองอเมริกาและซีบีเอสนิวส์ . เมื่อเร็วๆนี้ ไบเดน เพิ่งอภัยโทษให้ลูกชาย ไม่ใช่แค่ที่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดในคดีอาญาต่างๆนานา แต่ยังรวมทุกๆอย่างที่เขาอาจกระทำผิดมาตั้งแต่ปี 2014 ทั้งนี้ขอบเขตการอภัยโทษอย่างกว้างขวางที่ไม่ปกติดังกล่าว เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง แม้กระทั่งจากคนในพรรคของประธานาธิบดีเอง . เว็บไซต์ข่าวโพลิติโก รายงานอ้างแหล่งข่าวคนวงในภายในพรรค ว่าพรรคเดโมแครตต้องการปกป้องคนกลุ่มหนึ่งจากการถูก ทรัมป์ แก้แค้น ครั้งที่เข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม โดยเวลานี้ เจฟฟรีย์ ไซอ็องส์ หัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาวและ เอ็ด ซิสเคิล หัวหน้าที่ปรึกษา กำลังหารือเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม และบรรดาบุคคลที่อาจอยู่ในรายชื่อดังกล่าว ตามรายงานของซีบีเอสเมื่อวันศุกร์(6ธ.ค.) . ในบรรดาชื่อที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงคือนายแพทย์แอนโทนี เฟาซี อดีตเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงของสหรัฐฯ ผู้ซึ่งช่วยวางแผนมาตรการล็อคดาวน์โควิด-19 และบังคับสวมหน้ากาก ครั้งที่ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งสมัยแรก และหลังจากนั้นก็ช่วยวางแผนบังคับฉีดวัคซีน ในฐานะที่ปรึกษาทางการแพทย์ระดับสูงของไบเดน . รายงานของสภาคองเกรสเมื่อเร็วๆนี้ เกี่ยวกับแหล่งต้นกำเนิดของโควิด-19 ได้กล่าวหา เฟาซี ปกปิดบทบาทของเขา ในการให้เงินสนับสนุนห้องปฏิบัติการในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน บริเวณที่เชื่อว่าเป็นบ่อเกิดของไวรัส โดยดำเนินการผ่านมือที่ 3 . ส่วนอีกคนที่อาจได้รับการอภัยโทษคือ มาร์ค มิลลีย์ นายพลปลดเกษียณ ที่เคยเรียกทรัมป์ว่า "พวกฟาสซิสต์" และ "พวกกระสันเป็นเผด็จการ" โดยอดีตประธานเสนาธิการทหารร่วมรายนี้ เคยพูดระหว่างให้สัมภาษณ์ว่า เขาต่อสายหาประธานเสนาธิการทหารร่วมของจีน ก่อนหน้าศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 2020 และอีกครั้งหลังจากเหตุจลาจลจู่โจมอาคารรัฐสภาอเมริกา วันที่ 6 มกราคม 2021 เรียกร้องให้ทำงานร่วมกับพรรคเดโมโครต เพราะเขาคิดว่า ทรัมป์ "เป็นคนบ้า" . ทรัมป์ ประณามการออกมาเปิดเผยดังกล่าว โดยชี้ว่าพฤติกรรมของมิลลีย์ ควรถูกดำเนินคดีในข้อหาก่อกบฏ "เขาจะเริ่มโยนผู้คนเข้าห้องขัง และผมจะมีชื่ออยู่ในลำดับต้นๆในบัญชีดังกล่าว" มิลลีย์ ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ดิ แอตแลนติก ในเดือนกันยายน 202 เมื่อถูกถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการในการหวนคืนสู่อำนาจของทรัมป์ . ลิซ เชนีย์ อดีตสมาชิกสภาคองเกรสหญิงจากรีพับลิกัน จากรัฐไวโอมิง ซึ่งหันมาเข้าร่วมกับพรรคเดโมแครต ในคณะกรรมการสืบสวนเหตุการณ์ 6 มกราคม และร่วมรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งให้ กมลา แฮร์ริส ในปีนี้ ก็มีข่าวลือว่าจะอยู่ในรายชื่อได้รับการอภัยโทษเช่นกัน เช่นเดียวกับ อดัม ชิฟฟ์ ว่าที่วุฒิสภาจากแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นแกนนำในการยื่นถอดถอน ทรัมป์ 2 รอบ ครั้งที่ดำรงตำแหน่งสมัยแรก . ภายใต้รัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ประธานาธิบดีมีอำนาจอภัยโทษผู้คนที่ถูกพิพากษาว่ากระทำผิดตามกฎหมายรัฐบาลกลาง แต่ไม่ใช่กับข้อกล่าวหาในระดับรัฐหรือระดับท้องถิ่น ส่วนรูปแบบการอภัยโทษล่วงหน้าที่กล่าวอ้างว่ากำลังมีการพูดคุยกันอยู่นี้ เป็นสิ่งที่ไม่พบเห็นบ่อยนัก แต่ไม่ใช่สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน . ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ซึ่งลาออกจากตำแหน่งในปี 1974 ก่อนหน้าการลงมติถอดถอนในวุฒิสภา ได้รับการอภัยโทษจากประธานาธิบดีเจรัลด์ ฟอร์ด ผู้สืบทอดตำแหน่งจากเขา ในคดีวอเตอร์เกต ดักฟังฝ่ายตรงข้าม . จากนั้นอีก 3 ปีต่อมา ประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ ให้อภัยโทษอย่างครอบคลุมต่อทุกคนที่หลบหนีการเกณฑ์ทหารระหว่างสงครามเวียดนาม และในปี 1992 ประธานาธิบดีจอร์จ เอช.ดับเบิลยู. บุช อภัยโทษให้ แคสปาร์ ไวน์เบอร์เกอร์ ก่อนที่เขาอาจถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับกรณีอื้อฉาว "อิหร่าน-คอนทรา" (Iran-Contra) . กรณีอื้อฉาวดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับรัฐบาลสหรัฐสมัย ประธนาธิบดีโรัลด์ เรแกน ลักลอบขายอาวุธให้กับอิหร่าน แล้วนำเงินที่ได้จากอิหร่านส่งไปช่วยกลุ่มกบฏคอนทราที่ต่อสู้กับรัฐบาลสังคมนิยมในนิคารากัว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000117847 .................. Sondhi X
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 631 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇺🇸🇺🇦 รัฐบาลไบเดน-แฮร์ริส ประกาศแพ็คเกจอาวุธมูลค่า ๗๒๕,๐๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์จากผู้เสียภาษีสำหรับยูเครนอีกชุดหนึ่ง
    .
    JUST IN: 🇺🇸🇺🇦 Biden-Harris administration announces another $725,000,000 taxpayer-funded weapons package for Ukraine.
    .
    11:02 PM · Dec 2, 2024 · 258.6K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1863614800430788847
    🇺🇸🇺🇦 รัฐบาลไบเดน-แฮร์ริส ประกาศแพ็คเกจอาวุธมูลค่า ๗๒๕,๐๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์จากผู้เสียภาษีสำหรับยูเครนอีกชุดหนึ่ง . JUST IN: 🇺🇸🇺🇦 Biden-Harris administration announces another $725,000,000 taxpayer-funded weapons package for Ukraine. . 11:02 PM · Dec 2, 2024 · 258.6K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1863614800430788847
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇺🇸🇺🇦 รัฐบาลไบเดน-แฮร์ริส กล่าวว่า กำลังจัดหาทุกสิ่งที่จำเป็นให้กับยูเครนเพื่อทำสงครามกับรัสเซียต่อไปในปีหน้า
    .
    JUST IN: 🇺🇸🇺🇦 Biden-Harris administration says it's providing Ukraine with everything it needs to continue the war next year with Russia.
    .
    3:33 AM · Nov 27, 2024 · 96K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1861508551518122073
    🇺🇸🇺🇦 รัฐบาลไบเดน-แฮร์ริส กล่าวว่า กำลังจัดหาทุกสิ่งที่จำเป็นให้กับยูเครนเพื่อทำสงครามกับรัสเซียต่อไปในปีหน้า . JUST IN: 🇺🇸🇺🇦 Biden-Harris administration says it's providing Ukraine with everything it needs to continue the war next year with Russia. . 3:33 AM · Nov 27, 2024 · 96K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1861508551518122073
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักข่าวชื่อดังชาวอเมริกัน ทักเกอร์ คาร์ลสัน เปิดโปงสงครามตัวแทนของนาโต้ในยูเครน:

    "รัฐบาลไบเดน-แฮร์ริสโน้มน้าวให้ยูเครนยกเลิกข้อตกลงสันติภาพที่ยอมเสียดินแดนไปเพียงครึ่งเดียว ซึ่งปัจจุบันรัสเซียยึดครองอยู่

    และเพื่อโอกาสที่จะสูญเสียบ้านเกิดไปสองเท่า, พวกเขาต้องจ่ายด้วยชีวิตผู้บริสุทธิ์หลายหมื่นคน

    เราทำสิ่งนี้เพื่อควบคุมแร่ธาตุมูลค่า ๑๑ ล้านล้านดอลลาร์ ภายใต้การปกครองของดอนบาส เราทำสิ่งนี้เพื่อบดขยี้สงครามรัสเซียด้วยเศษซากของวัยรุ่นยูเครน

    เราทำไปเพื่อแจกเงินหลายร้อยพันล้านดอลลาร์ให้กับกองทุนป้องกันความเสี่ยงของสหรัฐฯ, ซึ่งขณะนี้, กำลังแบ่งสิทธิ์ในดินอันอุดมสมบูรณ์และทรัพยากรแร่ธาตุอันมากมายของยูเครน

    ความจริงก็คือ, สหรัฐฯไม่เคยยืนหยัดเคียงข้างประชาชนชาวยูเครนเลย นั่นเป็นเพียงเพลงประกอบ, เป็นแคมเปญโฆษณาที่ออกอากาศให้ผู้ที่ไม่เคยไปที่นั่นฟัง, ออกแบบมาเพื่อขายความน่าดึงดูดใจในการยืดเวลาสงครามเพื่อผลกำไรให้กับผู้เสียภาษี

    พวกเราทำให้ยูเครนต้องสูญเสียดินแดนของพวกเธอ พวกเราทำให้ยูเครนต้องสูญเสียลูกๆของพวกเธอ ไอ้พวกเหยี่ยวสงครามและบรรดานายธนาคารไม่ใช่มิตรของยูเครน"
    .
    Prominent American journalist Tucker Carlson exposes NATO's proxy war in Ukraine:

    "The Biden-Harris administration convinced Ukraine to abandon a peace deal that would have ceded only half of the territory Russia now occupies.

    And for that opportunity to lose twice as much of their homeland, they paid with tens of thousands of innocent lives.

    We did this to control the $11 trillion of minerals under the Donbas. We did it to grind down the Russian war on the grist of Ukrainian teenagers.

    We did it to hand out hundreds of billions of dollars to U.S. hedge funds who are, as we speak, carving up rights to Ukraine’s fertile soil and vast mineral resources.

    The truth is, the United States has never stood with the people of Ukraine. That is simply a jingle, an ad campaign broadcast to those who have never been there, designed to sell taxpayers on the appeal of prolonging war for profit.

    We have cost Ukraine her territory. We have cost Ukraine her children. The war hawks and the bankers are no friends to Ukraine."
    .
    11:49 AM · Nov 26, 2024 · 263.1K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1861270959480623525
    นักข่าวชื่อดังชาวอเมริกัน ทักเกอร์ คาร์ลสัน เปิดโปงสงครามตัวแทนของนาโต้ในยูเครน: "รัฐบาลไบเดน-แฮร์ริสโน้มน้าวให้ยูเครนยกเลิกข้อตกลงสันติภาพที่ยอมเสียดินแดนไปเพียงครึ่งเดียว ซึ่งปัจจุบันรัสเซียยึดครองอยู่ และเพื่อโอกาสที่จะสูญเสียบ้านเกิดไปสองเท่า, พวกเขาต้องจ่ายด้วยชีวิตผู้บริสุทธิ์หลายหมื่นคน เราทำสิ่งนี้เพื่อควบคุมแร่ธาตุมูลค่า ๑๑ ล้านล้านดอลลาร์ ภายใต้การปกครองของดอนบาส เราทำสิ่งนี้เพื่อบดขยี้สงครามรัสเซียด้วยเศษซากของวัยรุ่นยูเครน เราทำไปเพื่อแจกเงินหลายร้อยพันล้านดอลลาร์ให้กับกองทุนป้องกันความเสี่ยงของสหรัฐฯ, ซึ่งขณะนี้, กำลังแบ่งสิทธิ์ในดินอันอุดมสมบูรณ์และทรัพยากรแร่ธาตุอันมากมายของยูเครน ความจริงก็คือ, สหรัฐฯไม่เคยยืนหยัดเคียงข้างประชาชนชาวยูเครนเลย นั่นเป็นเพียงเพลงประกอบ, เป็นแคมเปญโฆษณาที่ออกอากาศให้ผู้ที่ไม่เคยไปที่นั่นฟัง, ออกแบบมาเพื่อขายความน่าดึงดูดใจในการยืดเวลาสงครามเพื่อผลกำไรให้กับผู้เสียภาษี พวกเราทำให้ยูเครนต้องสูญเสียดินแดนของพวกเธอ พวกเราทำให้ยูเครนต้องสูญเสียลูกๆของพวกเธอ ไอ้พวกเหยี่ยวสงครามและบรรดานายธนาคารไม่ใช่มิตรของยูเครน" . Prominent American journalist Tucker Carlson exposes NATO's proxy war in Ukraine: "The Biden-Harris administration convinced Ukraine to abandon a peace deal that would have ceded only half of the territory Russia now occupies. And for that opportunity to lose twice as much of their homeland, they paid with tens of thousands of innocent lives. We did this to control the $11 trillion of minerals under the Donbas. We did it to grind down the Russian war on the grist of Ukrainian teenagers. We did it to hand out hundreds of billions of dollars to U.S. hedge funds who are, as we speak, carving up rights to Ukraine’s fertile soil and vast mineral resources. The truth is, the United States has never stood with the people of Ukraine. That is simply a jingle, an ad campaign broadcast to those who have never been there, designed to sell taxpayers on the appeal of prolonging war for profit. We have cost Ukraine her territory. We have cost Ukraine her children. The war hawks and the bankers are no friends to Ukraine." . 11:49 AM · Nov 26, 2024 · 263.1K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1861270959480623525
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 499 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • 🇷🇺🇺🇸 รัสเซียกล่าวว่า โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพยายามเจรจาแผนสันติภาพ, ขณะที่ฝ่ายบริหารของไบเดน-แฮร์ริส กำลังพยายามยกระดับความขัดแย้งในยูเครน
    .
    JUST IN: 🇷🇺🇺🇸 Russia says Donald Trump is trying to negotiate peace plans, while the Biden-Harris administration is seeking to escalate the conflict in Ukraine.
    .
    9:01 AM · Nov 26, 2024 · 65.5K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1861228802937942365
    🇷🇺🇺🇸 รัสเซียกล่าวว่า โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพยายามเจรจาแผนสันติภาพ, ขณะที่ฝ่ายบริหารของไบเดน-แฮร์ริส กำลังพยายามยกระดับความขัดแย้งในยูเครน . JUST IN: 🇷🇺🇺🇸 Russia says Donald Trump is trying to negotiate peace plans, while the Biden-Harris administration is seeking to escalate the conflict in Ukraine. . 9:01 AM · Nov 26, 2024 · 65.5K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1861228802937942365
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔥 BLINKEN กำลังโดนโจมตีจาก "CRY SESSIONS" ที่กระทรวงการต่างประเทศ – รายงาน

    แอนโธนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์ หลังจากมีรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศได้จัดการประชุมบำบัดให้กับพนักงานที่รู้สึกไม่สบายใจกับชัยชนะในการเลือกตั้งของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในปี ๒๐๒๔ นักวิจารณ์ตั้งคำถามถึงการใช้เงินภาษีของประชาชนในการประชุมดังกล่าว, ซึ่งรายงานว่ามีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้พนักงานรับมือกับการกลับมาดำรงตำแหน่งของทรัมป์

    💬 “พวกนี้เป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ! พวกเขาจะจัดการกับศัตรูต่างชาติอย่างไรหากพวกเขาไม่สามารถจัดการกับประชาธิปไตยได้?” เคย์ลีห์ แมคเอแนนี พิธีกรร่วมของ Fox News ถาม “รายงานฉบับใหม่ระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศใช้เงินภาษีของประชาชน—เงินของคุณ—เพื่อจัดหาเงินทุนสำหรับการบำบัดพนักงานหลังจากที่ทรัมป์ได้รับชัยชนะ พวกนี้เป็นพนักงานของรัฐบาลกลาง,” เธอกล่าวเสริม

    ✍️ ส.ส. ดาร์เรล อิสซา, จากรัฐแคลิฟอร์เนีย แสดงความกังวลในจดหมายถึงบลิงเคน โดยระบุว่า 🤣“เป็นเรื่องน่ากังวลที่เจ้าหน้าที่รัฐที่แม้จะเป็นกลางกลับต้องประสบกับวิกฤตส่วนตัวจากผลการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม, ซึ่งเป็นสิ่งที่สหรัฐฯผลักดันไปทั่วโลก”🤣

    ✍️ อิสซาวิพากษ์วิจารณ์ความคิดริเริ่มดังกล่าวเพิ่มเติม, โดยเขียนว่า, 🤣
    “ฉันกังวลที่กระทรวงกำลังเอาใจพนักงานของรัฐบาลกลาง ซึ่งรู้สึกหดหู่ใจกับการทำงานตามปกติของประชาธิปไตยในอเมริกาผ่านการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิต ที่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล เนื่องจาก กมลา แฮร์ริส ไม่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา”🤣

    ในจดหมายของเขา, อิสซายังเรียกร้องความโปร่งใสเกี่ยวกับเซสชันต่างๆ, รวมไปถึงค่าใช้จ่าย, วัสดุที่ใช้, และว่าเคยเกิดแนวทางปฏิบัติที่คล้ายคลึงกันในอดีตหรือไม่
    .
    🔥 BLINKEN UNDER FIRE FOR "CRY SESSIONS" AT THE STATE DEPARTMENT – REPORTS

    US Secretary of State Antony Blinken is under scrutiny following reports that the State Department organized therapy sessions for employees distressed by Donald Trump’s 2024 election victory. Critics are questioning the use of taxpayer funds for these sessions, which were reportedly aimed at helping staff cope with Trump’s return to office.

    💬 “These are foreign service officers of the United States! How do they handle foreign adversaries if they can’t handle democracy?” asked Fox News co-host Kayleigh McEnany. “A new report claims that the State Department used taxpayer dollars—your money—to fund therapy sessions for employees after Trump's win. These are federal employees,” she added.

    ✍️ Rep. Darrell Issa, R-Calif., expressed concern in a letter to Blinken, stating, “It is disturbing that ostensibly nonpartisan government officials would suffer a personal meltdown over the results of a free and fair election, something the United States champions around the world.”

    ✍️ Issa further criticized the initiative, writing, “I am concerned that the Department is catering to federal employees who are personally devastated by the normal functioning of American democracy through the provision of government-funded mental health counseling because Kamala Harris was not elected President of the United States.”

    In his letter, Issa also demanded transparency regarding the sessions, including their cost, materials used, and whether similar practices have occurred in the past.
    .
    10:27 AM · Nov 25, 2024 · 3,797 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1860888099116503049
    🔥 BLINKEN กำลังโดนโจมตีจาก "CRY SESSIONS" ที่กระทรวงการต่างประเทศ – รายงาน แอนโธนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์ หลังจากมีรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศได้จัดการประชุมบำบัดให้กับพนักงานที่รู้สึกไม่สบายใจกับชัยชนะในการเลือกตั้งของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในปี ๒๐๒๔ นักวิจารณ์ตั้งคำถามถึงการใช้เงินภาษีของประชาชนในการประชุมดังกล่าว, ซึ่งรายงานว่ามีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้พนักงานรับมือกับการกลับมาดำรงตำแหน่งของทรัมป์ 💬 “พวกนี้เป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ! พวกเขาจะจัดการกับศัตรูต่างชาติอย่างไรหากพวกเขาไม่สามารถจัดการกับประชาธิปไตยได้?” เคย์ลีห์ แมคเอแนนี พิธีกรร่วมของ Fox News ถาม “รายงานฉบับใหม่ระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศใช้เงินภาษีของประชาชน—เงินของคุณ—เพื่อจัดหาเงินทุนสำหรับการบำบัดพนักงานหลังจากที่ทรัมป์ได้รับชัยชนะ พวกนี้เป็นพนักงานของรัฐบาลกลาง,” เธอกล่าวเสริม ✍️ ส.ส. ดาร์เรล อิสซา, จากรัฐแคลิฟอร์เนีย แสดงความกังวลในจดหมายถึงบลิงเคน โดยระบุว่า 🤣“เป็นเรื่องน่ากังวลที่เจ้าหน้าที่รัฐที่แม้จะเป็นกลางกลับต้องประสบกับวิกฤตส่วนตัวจากผลการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม, ซึ่งเป็นสิ่งที่สหรัฐฯผลักดันไปทั่วโลก”🤣 ✍️ อิสซาวิพากษ์วิจารณ์ความคิดริเริ่มดังกล่าวเพิ่มเติม, โดยเขียนว่า, 🤣 “ฉันกังวลที่กระทรวงกำลังเอาใจพนักงานของรัฐบาลกลาง ซึ่งรู้สึกหดหู่ใจกับการทำงานตามปกติของประชาธิปไตยในอเมริกาผ่านการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิต ที่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล เนื่องจาก กมลา แฮร์ริส ไม่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา”🤣 ในจดหมายของเขา, อิสซายังเรียกร้องความโปร่งใสเกี่ยวกับเซสชันต่างๆ, รวมไปถึงค่าใช้จ่าย, วัสดุที่ใช้, และว่าเคยเกิดแนวทางปฏิบัติที่คล้ายคลึงกันในอดีตหรือไม่ . 🔥 BLINKEN UNDER FIRE FOR "CRY SESSIONS" AT THE STATE DEPARTMENT – REPORTS US Secretary of State Antony Blinken is under scrutiny following reports that the State Department organized therapy sessions for employees distressed by Donald Trump’s 2024 election victory. Critics are questioning the use of taxpayer funds for these sessions, which were reportedly aimed at helping staff cope with Trump’s return to office. 💬 “These are foreign service officers of the United States! How do they handle foreign adversaries if they can’t handle democracy?” asked Fox News co-host Kayleigh McEnany. “A new report claims that the State Department used taxpayer dollars—your money—to fund therapy sessions for employees after Trump's win. These are federal employees,” she added. ✍️ Rep. Darrell Issa, R-Calif., expressed concern in a letter to Blinken, stating, “It is disturbing that ostensibly nonpartisan government officials would suffer a personal meltdown over the results of a free and fair election, something the United States champions around the world.” ✍️ Issa further criticized the initiative, writing, “I am concerned that the Department is catering to federal employees who are personally devastated by the normal functioning of American democracy through the provision of government-funded mental health counseling because Kamala Harris was not elected President of the United States.” In his letter, Issa also demanded transparency regarding the sessions, including their cost, materials used, and whether similar practices have occurred in the past. . 10:27 AM · Nov 25, 2024 · 3,797 Views https://x.com/SputnikInt/status/1860888099116503049
    Like
    Haha
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 619 มุมมอง 0 รีวิว
  • บรรดาผู้นำประเทศต่างๆจำเป็นต้องตระหนักว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ "จริงจังอย่างมาก" เกี่ยวกับการยุติความขัดแย้งยูเครน จากความเห็นของ อเล็กซานเดอร์ สตับบ์ ประธานาธิบดีโปแลนด์ ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก
    .
    ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นในขณะที่มีข่าวว่า ทรัมป์ จะแต่งตั้งทูตพิเศษสำหรับเป็นผู้นำในการเจรจาเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งในยูเครน หลังจากเขาเคยประกาศระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ว่าจะยุติสงครามระหว่างมอสโกกับเคียฟภายใน 24 ชั่วโมง ที่กลับเข้าสู่อำนาจ
    .
    ประธานาธิบดีโปแลนด์ ทำนายเหมือนกับหลายคน เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆนานาในนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารงานของทรัมป์ หลังจากได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับว่าที่ผู้นำสหรัฐฯเมื่อวันจันทร์(11พ.ย.) ทั้งนี้ สตับบ์ ชี้แนะว่าบรรดาผู้สนับสนุนทั้งหลายของเคียฟ ควรอำนวยความสะดวกแก่การเจรจา ก่อน ทรัมป์ สาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม
    .
    "ผมคิดว่า เราในยุโรปและทั่วทั้งโลก จำเป็นต้องเข้าใจว่า โดนัลด์ ทรัมป์ มีความจริงจังอย่างมากเกี่ยวกับการได้ข้อตกลงสันติภาพ โดยไม่ชักช้าเกินไป" เขากล่าวในวันอังคาร(12พ.ย.) รอบนอกการประชุมภาวะโลกร้อนในอาเซอร์ไบจาน "ตัวผมเองเคยบอกว่า มันมีประตูแห่งโอกาสของการเจรจานี้ ในระหว่างศึกเลือกตั้งและวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง"
    .
    ที่ผ่านมา สตับบ์ เป็นหนึ่งในบุคคลที่ส่งเสียงสนับสนุนเหตุผลของยูเครนอย่างแข็งขัน และเมื่อถูกถามว่า เขาเชื่อหรือไม่ว่า ทรัมป์ จะได้ข้อตกลงที่ยุติธรรมสำหรับยูเครน ทาง สตับบ์ เน้นย้ำว่าในความคิดเห็นของเขา ผลลัพธ์ที่ดีสำหรับยูเครน คือยูเครนได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ อย่างไรก็ตามข้อเรียกร้องนี้ รัสเซีย เรียกมันว่าเป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง
    .
    ทรัมป์ กล่าวอ้างระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ว่าเขาจะยุติความขัดแย้งภายใน 24 ชั่วโมง หากผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งเลือกเขากลับเข้าสู่อำนาจ ทรัมป์ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของแผนการ แต่สื่อมวลชนบ่งชี้ว่าบางที ทรัมป์อาจถาโถมแรงกดดันใส่ทั้งมอสโกและเคียฟ เพื่อบีบให้ยอมประนีประนอม
    .
    ความเห็นของผู้นำโปแลนด์ มีขึ้นในขณะที่สำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์รายงานในวันพุธ(13พ.ย.) ว่า ทรัมป์ เตรียมแต่งตั้งทูตพิเศษที่จะรับหน้าที่เป็นผู้นำการเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครน หลังจากก่อนหน้านี้ ทรัมป์ เคยเผยว่าเขาจะพูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในอนาคตอันใกล้
    .
    "คุณกำลังได้เห็นทูตพิเศษระดับอาวุโสมากๆ บางคนที่มีความน่าเชื่อถืออย่างมาก ผู้ซึ่งจะได้รับมอบหมายให้หนทางออกหนึ่งๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งการแก้ปัญหาอย่างสันติ" แหล่งข่าวซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามเปิดเผยกับฟ็อกซ์นิวส์ พร้อมระบุว่า "คุณกำลังจะได้เห็นสิ่งนี้ ในอนาคตอันใกล้"
    .
    ราว 1 สัปดาห์นับตั้งแต่เขาคว้าชัยชนะเหนือ กมลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทรัมป์เปิดเผยรายชื่อบุคคลต่างๆเป็นชุดๆ ที่เขามีความตั้งใจเสนอชื่อดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีและที่ปรึกษา ในนั้นรวมถึงกรณีที่เขาเปิดเผยว่าจะแต่งตั้ง สตีเฟน วิตคอฟฟ์ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นผู้แทนพิเศษประจำตะวันออกกลาง โดยบอกว่า วิตคอฟฟ์ จะส่งเสียงเรียกร้องแบบไม่หยุดสำหรับร้องหาสันติภาพในภูมิภาค
    .
    ทรัมป์ พูดคุยกับ เซเลนสกี ไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน และบอกกับเอ็นบีซีนิวส์ ว่าเขาอยากพูดคุยกับปูตินในอนาคตอันใกล้ ทั้งนี้ ปูติน แสดงความยินดีกับ ทรัมป์ ต่อชัยชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา(7พ.ย.) และบอกกับผู้สื่อข่าวว่า เขาพร้อมหารือกับว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
    .
    อย่างไรก็ตามวังเครมลินปฏิเสธซ้ำๆเกี่ยวกับคำพูดอวดอ้างว่า ทรัมป์ จะสามารถยุติความขัดแย้งระหว่างมอสโกกับเคียฟอย่างง่ายดาย แม้ ปูติน ชี้ว่าถ้อยแถลงของทรัมป์ในเรื่องนี้ "อย่างน้อยๆ ก็คู่ควรได้รับความสนใจ"
    .
    ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าทรัมป์ จะผลักดันทางออกใดในความขัดแย้งนี้ ระหว่างการหาเสียง ว่าที่รองประธานาธิบดีเจ.ดี.แวนซ์ บ่งชี้ว่าอาจมีการประกาศข้อตกลงหยุดยิงและจัดตั้งเขตปลอดทหารหนึ่งๆตามแนวหน้าในปัจจุบัน พร้อมกับไม่ไฟเขียวให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต
    .
    รายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัล เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระบุว่าบรรดาที่ปรึกษาของทรัมป์ สนับสนุนแนวคิดบางส่วนของแผนนี้ และสนับสนุนให้ว่าที่ประธานาธิบดีนำเสนอมันกับทั้งเซเลนสกีและปูติน
    .
    มอสโก ยืนกรานว่าทางออกใดๆ จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยการที่ยูเครนยุติปฏิบัติการทางทหารและยอมรับ "ความเป็นจริงด้านดินแดน" ที่ว่าพวกเขาไม่มีวันทวงคืนแคว้นต่างๆที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียได้อีกแล้ว ในนั้นประกอบด้วยแคว้นโดเนตสก์, แคว้นลูฮันสก์, แคว้นเคียร์ซอนและแคว้นซาโปริซเซีย รวมไปถึงแคว้นไครเมีย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109496
    ..............
    Sondhi X
    บรรดาผู้นำประเทศต่างๆจำเป็นต้องตระหนักว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ "จริงจังอย่างมาก" เกี่ยวกับการยุติความขัดแย้งยูเครน จากความเห็นของ อเล็กซานเดอร์ สตับบ์ ประธานาธิบดีโปแลนด์ ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก . ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นในขณะที่มีข่าวว่า ทรัมป์ จะแต่งตั้งทูตพิเศษสำหรับเป็นผู้นำในการเจรจาเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งในยูเครน หลังจากเขาเคยประกาศระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ว่าจะยุติสงครามระหว่างมอสโกกับเคียฟภายใน 24 ชั่วโมง ที่กลับเข้าสู่อำนาจ . ประธานาธิบดีโปแลนด์ ทำนายเหมือนกับหลายคน เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆนานาในนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารงานของทรัมป์ หลังจากได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับว่าที่ผู้นำสหรัฐฯเมื่อวันจันทร์(11พ.ย.) ทั้งนี้ สตับบ์ ชี้แนะว่าบรรดาผู้สนับสนุนทั้งหลายของเคียฟ ควรอำนวยความสะดวกแก่การเจรจา ก่อน ทรัมป์ สาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม . "ผมคิดว่า เราในยุโรปและทั่วทั้งโลก จำเป็นต้องเข้าใจว่า โดนัลด์ ทรัมป์ มีความจริงจังอย่างมากเกี่ยวกับการได้ข้อตกลงสันติภาพ โดยไม่ชักช้าเกินไป" เขากล่าวในวันอังคาร(12พ.ย.) รอบนอกการประชุมภาวะโลกร้อนในอาเซอร์ไบจาน "ตัวผมเองเคยบอกว่า มันมีประตูแห่งโอกาสของการเจรจานี้ ในระหว่างศึกเลือกตั้งและวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง" . ที่ผ่านมา สตับบ์ เป็นหนึ่งในบุคคลที่ส่งเสียงสนับสนุนเหตุผลของยูเครนอย่างแข็งขัน และเมื่อถูกถามว่า เขาเชื่อหรือไม่ว่า ทรัมป์ จะได้ข้อตกลงที่ยุติธรรมสำหรับยูเครน ทาง สตับบ์ เน้นย้ำว่าในความคิดเห็นของเขา ผลลัพธ์ที่ดีสำหรับยูเครน คือยูเครนได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ อย่างไรก็ตามข้อเรียกร้องนี้ รัสเซีย เรียกมันว่าเป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง . ทรัมป์ กล่าวอ้างระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ว่าเขาจะยุติความขัดแย้งภายใน 24 ชั่วโมง หากผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งเลือกเขากลับเข้าสู่อำนาจ ทรัมป์ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของแผนการ แต่สื่อมวลชนบ่งชี้ว่าบางที ทรัมป์อาจถาโถมแรงกดดันใส่ทั้งมอสโกและเคียฟ เพื่อบีบให้ยอมประนีประนอม . ความเห็นของผู้นำโปแลนด์ มีขึ้นในขณะที่สำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์รายงานในวันพุธ(13พ.ย.) ว่า ทรัมป์ เตรียมแต่งตั้งทูตพิเศษที่จะรับหน้าที่เป็นผู้นำการเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครน หลังจากก่อนหน้านี้ ทรัมป์ เคยเผยว่าเขาจะพูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในอนาคตอันใกล้ . "คุณกำลังได้เห็นทูตพิเศษระดับอาวุโสมากๆ บางคนที่มีความน่าเชื่อถืออย่างมาก ผู้ซึ่งจะได้รับมอบหมายให้หนทางออกหนึ่งๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งการแก้ปัญหาอย่างสันติ" แหล่งข่าวซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามเปิดเผยกับฟ็อกซ์นิวส์ พร้อมระบุว่า "คุณกำลังจะได้เห็นสิ่งนี้ ในอนาคตอันใกล้" . ราว 1 สัปดาห์นับตั้งแต่เขาคว้าชัยชนะเหนือ กมลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทรัมป์เปิดเผยรายชื่อบุคคลต่างๆเป็นชุดๆ ที่เขามีความตั้งใจเสนอชื่อดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีและที่ปรึกษา ในนั้นรวมถึงกรณีที่เขาเปิดเผยว่าจะแต่งตั้ง สตีเฟน วิตคอฟฟ์ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นผู้แทนพิเศษประจำตะวันออกกลาง โดยบอกว่า วิตคอฟฟ์ จะส่งเสียงเรียกร้องแบบไม่หยุดสำหรับร้องหาสันติภาพในภูมิภาค . ทรัมป์ พูดคุยกับ เซเลนสกี ไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน และบอกกับเอ็นบีซีนิวส์ ว่าเขาอยากพูดคุยกับปูตินในอนาคตอันใกล้ ทั้งนี้ ปูติน แสดงความยินดีกับ ทรัมป์ ต่อชัยชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา(7พ.ย.) และบอกกับผู้สื่อข่าวว่า เขาพร้อมหารือกับว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ . อย่างไรก็ตามวังเครมลินปฏิเสธซ้ำๆเกี่ยวกับคำพูดอวดอ้างว่า ทรัมป์ จะสามารถยุติความขัดแย้งระหว่างมอสโกกับเคียฟอย่างง่ายดาย แม้ ปูติน ชี้ว่าถ้อยแถลงของทรัมป์ในเรื่องนี้ "อย่างน้อยๆ ก็คู่ควรได้รับความสนใจ" . ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าทรัมป์ จะผลักดันทางออกใดในความขัดแย้งนี้ ระหว่างการหาเสียง ว่าที่รองประธานาธิบดีเจ.ดี.แวนซ์ บ่งชี้ว่าอาจมีการประกาศข้อตกลงหยุดยิงและจัดตั้งเขตปลอดทหารหนึ่งๆตามแนวหน้าในปัจจุบัน พร้อมกับไม่ไฟเขียวให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต . รายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัล เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระบุว่าบรรดาที่ปรึกษาของทรัมป์ สนับสนุนแนวคิดบางส่วนของแผนนี้ และสนับสนุนให้ว่าที่ประธานาธิบดีนำเสนอมันกับทั้งเซเลนสกีและปูติน . มอสโก ยืนกรานว่าทางออกใดๆ จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยการที่ยูเครนยุติปฏิบัติการทางทหารและยอมรับ "ความเป็นจริงด้านดินแดน" ที่ว่าพวกเขาไม่มีวันทวงคืนแคว้นต่างๆที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียได้อีกแล้ว ในนั้นประกอบด้วยแคว้นโดเนตสก์, แคว้นลูฮันสก์, แคว้นเคียร์ซอนและแคว้นซาโปริซเซีย รวมไปถึงแคว้นไครเมีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109496 .............. Sondhi X
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1166 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพความแตกร้าวของเดโมแครต ดูได้จาก "จิล ไบเดน" ไม่แม้แต่จะมองมาทาง "คามาลา แฮร์ริส
    ภาพความแตกร้าวของเดโมแครต ดูได้จาก "จิล ไบเดน" ไม่แม้แต่จะมองมาทาง "คามาลา แฮร์ริส
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 552 มุมมอง 36 0 รีวิว
  • ทันทีที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ เขาจะยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหาร 94 ฉบับที่ออกโดยรัฐบาลไบเดนและแฮร์ริส ซึ่งทำให้เกิดวิกฤตชายแดนและวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา

    Fox News รายงาน
    ทันทีที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ เขาจะยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหาร 94 ฉบับที่ออกโดยรัฐบาลไบเดนและแฮร์ริส ซึ่งทำให้เกิดวิกฤตชายแดนและวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา Fox News รายงาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียออกมาปฏิเสธรายงานข่าวของวอชิงตันโพสต์ที่ว่า มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กันแล้วระหว่างปูติน กับ ทรัมป์ โดยว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องผู้นำรัสเซียอย่าทำให้สงครามในยูเครนลุกลาม ทั้งนี้แดนหมีขาวบอกว่านี่เป็นข่าวเท็จ ปูตินไม่มีแผนคุยกับทรัมป์ อีกทั้งบอกด้วยว่าไม่มีสัญญาณใดๆ แสดงว่า ฝ่ายตะวันตกพร้อมแล้วสำหรับการพูดจากัน
    .
    หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (10) โดยอ้างอิงแหล่งข่าวงในหลายคนว่า ทรัมป์ ได้โทรศัพท์ไปหาประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย จากรีสอร์ตส่วนตัวของเขาที่มาร์-อะลา-โก รัฐฟลอริดาเมื่อวันพฤหัสฯ (7) หรือหนึ่งวันหลังสื่อใหญ่ทุกสำนักประกาศว่า ทรัมป์ชนะรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสจากพรรคเดโมแครต ในศึกชิงทำเนียบขาวที่จัดขึ้นเมื่อวันอังคาร (5)
    .
    วอชิงตันโพสต์ระบุว่า ทรัมป์เรียกร้องปูตินอย่าทำให้สงครามในยูเครนลุกลาม และเตือนว่า อเมริกากองทหารขนาดใหญ่ประจำการอยู่ในยุโรป รวมทั้งยังแสดงความสนใจหารือกันเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแก้ไขวิกฤตยูเครนเร็วๆ นี้
    .
    นอกจากวอชิงตันโพสต์แล้ว สำนักข่าวรอยเตอร์ก็รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (10) ว่า ทรัมป์ได้พูดคุยกับปูตินจริงๆ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
    .
    ทว่า ในวันจันทร์ (11) ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินออกมาแถลงว่า ข่าวดังกล่าวเป็นการกุเรื่องขึ้น และยืนยันว่า ปูตินไม่มีแผนการเฉพาะเจาะจงในการพูดคุยกับทรัมป์ในขณะนี้
    .
    ขณะที่ สตีเฟน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ ระบุในคำแถลงเป็นลายลักษณ์อักษรว่า จะไม่มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพูดคุยโทรศัพท์เป็นการส่วนตัวระหว่างทรัมป์กับผู้นำโลกคนอื่นๆ
    .
    ส่วนกระทรวงการต่างประเทศยูเครนกล่าวว่า ไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเรื่องการหารือระหว่างทรัมป์กับปูติน จึงไม่อาจยืนยันหรือปฏิเสธได้
    .
    อย่างไรก็ตาม ในวันอาทิตย์ (10) ทรัมป์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนี โดยที่โฆษกของชอลซ์แถลงว่า ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องกันที่จะทำงานด้วยกันเพื่อหาทางนำสันติภาพกลับคืนสู่ยุโรป
    .
    เมื่อถูกสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า ไม่มีการตระเตรียมใดๆ สำหรับที่ปูตินจะพูดจาหารือกับชอลซ์ และเขาเห็นว่าตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะกล่าวว่าจุดยืนของยุโรปในเรื่องยูเครนมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
    .
    “เรามองเห็นความหงุดหงิดว้าวุ่นอย่างชัดเจน รวมทั้งมีความหวาดกลัวต่างๆ ในหมู่ชาวยุโรปเกี่ยวกับการเลือกตั้งมิสเตอร์ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ” เปสคอฟ บอก พร้อมกับย้ำว่า ปูตินได้พูดอีกครั้งในสัปดาห์ที่แล้วว่าเปิดกว้างสำหรับการพูดจากันทุกอย่าง ทว่าจนถึงเวลานี้ยังไม่ได้มีการตระเตรียมใดๆ รัสเซียยังไม่ได้รับสัญญาณใดๆ
    .
    เขากล่าวว่า จนถึงตอนนี้ “พวกผู้นำยุโรปยังคงกำลังพยายามที่จะบรรลุถึงการทำให้รัสเซียประสบความพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์” แต่มอสโกจะ “ดำเนินปฏิบัติการพิเศษของเราต่อไปจนกว่าจะบรรลุจุดมุ่งหมายทั้งหมดของเรา”
    .
    ชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์มีแนวโน้มส่งผลต่อการสู้รบขัดแย้งในยูเครนที่ดำเนินมาเกือบ 3 ปี เนื่องจากว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ผู้นี้หาเสียงโดยยืนกรานมาตลอดว่า การสู้รบจะต้องยุติลงโดยเร็ว รวมทั้งแสดงความเคลือบแคลงกับการที่อเมริกาให้การสนับสนุนเคียฟมูลค่าเป็นหมื่นล้านแสนล้านดอลลาร์
    .
    ทางฝ่ายประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ได้หารือกับทรัมป์เมื่อวันพุธ (6 พ.ย.) โดยมีอีลอน มัสก์ ร่วมหารือด้วย มหาเศรษฐีที่ให้การสนับสนุนทรัมป์อย่างแข็งขันผู้นี้ เคยพูดระบุว่าเคียฟต้องยอมรับความเป็นจริงเรื่องจะต้องเสียดินแดนให้รัสเซีย
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา ให้สัมภาษณ์ซีบีเอสนิวส์เมื่อวันอาทิตย์ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่กำลังจะพ้นตำแหน่ง ยืนยันว่า จะจัดส่งความช่วยเหลือให้ยูเครนมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า เพื่อให้เคียฟมีสถานะที่เข้มแข็งที่สุดทั้งในสนามรบและการเจรจา ซึ่งจะรวมถึงการให้เงินสนับสนุนที่เหลืออยู่อีก 6,000 ล้านดอลลาร์
    .
    ซัลลิแวนเสริมว่า ไบเดนจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ดำเนินการให้รัฐสภาและคณะบริหารชุดต่อไปตระหนักว่า อเมริกาไม่อาจทิ้งยูเครนได้ เนื่องจากจะทำให้ยุโรปไร้เสถียรภาพมากขึ้น
    .
    ระหว่างหาเสียง ทรัมป์ประกาศว่า จะทำให้สงครามยูเครนยุติลงโดยเร็วก่อนที่ตนเองจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งด้วยซ้ำ แต่ไม่ได้บอกว่า จะทำอย่างไร
    .
    ทรัมป์และพันธมิตรต่างคัดค้านการที่อเมริกาให้เงินช่วยเหลือยูเครน และเปรยว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการอัดฉีดเงินให้บริษัทอุตสาหกรรมการทหารที่ฉ้อฉลและสนับสนุนสงคราม รวมทั้งพวกสายเหยี่ยวด้านนโยบายการต่างประเทศ
    .
    นอกจากนั้น ยังคาดกันว่า การทำข้อตกลงกันให้ได้โดยเร็ว ย่อมหมายถึงเคียฟต้องยอมเสียดินแดนที่ถูกกองทัพรัสเซียเข้ายึดครองทางด้านใต้และตะวันออกของประเทศ
    .
    ไบรอัน แลนซา ที่ปรึกษาสำคัญคนหนึ่งของทรัมป์ให้สัมภาษณ์บีบีซีเมื่อวันเสาร์ (9 ) โดยยกตัวอย่างว่า ยูเครนต้องเลิกคิดว่าจะได้ไครเมียที่รัสเซียเข้าผนวกเมื่อปี 2014 คืน
    .
    ทว่า เคียฟยืนกรานว่า จะไม่ยอมยกดินแดนหรือยอมตามข้อเรียกร้องอื่นๆ ของรัสเซีย เนื่องจากจะทำให้ปูตินได้ใจและยั่วยุก้าวร้าวขึ้น ขณะที่รู้กันว่า พันธมิตรในยุโรปอย่างอังกฤษและฝรั่งเศสรู้สึกกังวลกับการดำเนินการฝ่ายเดียวของทรัมป์
    .
    ช่วงหลายเดือนมานี้ทั้งมอสโกและเคียฟต่างพยายามอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองอยู่ในสถานะได้เปรียบในการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นในท้ายที่สุด โดยยูเครนได้เข้ายึดพื้นที่บางส่วนในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย และกองกำลังมอสโกรุกคืบเร็วขึ้นในยูเครน
    .
    สุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการโจมตีกันด้วยโดรนหนักที่สุด โดยเซเลนสกีเผยว่า รัสเซียส่งโดรน 145 ลำโจมตียูเครนเมื่อคืนวันเสาร์ และมอสโกระบุว่า สอยโดรนยูเครน 34 ลำที่มุ่งโจมตีมอสโกในวันอาทิตย์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108683
    ..............
    Sondhi X
    รัสเซียออกมาปฏิเสธรายงานข่าวของวอชิงตันโพสต์ที่ว่า มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กันแล้วระหว่างปูติน กับ ทรัมป์ โดยว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องผู้นำรัสเซียอย่าทำให้สงครามในยูเครนลุกลาม ทั้งนี้แดนหมีขาวบอกว่านี่เป็นข่าวเท็จ ปูตินไม่มีแผนคุยกับทรัมป์ อีกทั้งบอกด้วยว่าไม่มีสัญญาณใดๆ แสดงว่า ฝ่ายตะวันตกพร้อมแล้วสำหรับการพูดจากัน . หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (10) โดยอ้างอิงแหล่งข่าวงในหลายคนว่า ทรัมป์ ได้โทรศัพท์ไปหาประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย จากรีสอร์ตส่วนตัวของเขาที่มาร์-อะลา-โก รัฐฟลอริดาเมื่อวันพฤหัสฯ (7) หรือหนึ่งวันหลังสื่อใหญ่ทุกสำนักประกาศว่า ทรัมป์ชนะรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสจากพรรคเดโมแครต ในศึกชิงทำเนียบขาวที่จัดขึ้นเมื่อวันอังคาร (5) . วอชิงตันโพสต์ระบุว่า ทรัมป์เรียกร้องปูตินอย่าทำให้สงครามในยูเครนลุกลาม และเตือนว่า อเมริกากองทหารขนาดใหญ่ประจำการอยู่ในยุโรป รวมทั้งยังแสดงความสนใจหารือกันเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแก้ไขวิกฤตยูเครนเร็วๆ นี้ . นอกจากวอชิงตันโพสต์แล้ว สำนักข่าวรอยเตอร์ก็รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (10) ว่า ทรัมป์ได้พูดคุยกับปูตินจริงๆ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา . ทว่า ในวันจันทร์ (11) ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินออกมาแถลงว่า ข่าวดังกล่าวเป็นการกุเรื่องขึ้น และยืนยันว่า ปูตินไม่มีแผนการเฉพาะเจาะจงในการพูดคุยกับทรัมป์ในขณะนี้ . ขณะที่ สตีเฟน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ ระบุในคำแถลงเป็นลายลักษณ์อักษรว่า จะไม่มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพูดคุยโทรศัพท์เป็นการส่วนตัวระหว่างทรัมป์กับผู้นำโลกคนอื่นๆ . ส่วนกระทรวงการต่างประเทศยูเครนกล่าวว่า ไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเรื่องการหารือระหว่างทรัมป์กับปูติน จึงไม่อาจยืนยันหรือปฏิเสธได้ . อย่างไรก็ตาม ในวันอาทิตย์ (10) ทรัมป์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนี โดยที่โฆษกของชอลซ์แถลงว่า ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องกันที่จะทำงานด้วยกันเพื่อหาทางนำสันติภาพกลับคืนสู่ยุโรป . เมื่อถูกสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า ไม่มีการตระเตรียมใดๆ สำหรับที่ปูตินจะพูดจาหารือกับชอลซ์ และเขาเห็นว่าตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะกล่าวว่าจุดยืนของยุโรปในเรื่องยูเครนมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว . “เรามองเห็นความหงุดหงิดว้าวุ่นอย่างชัดเจน รวมทั้งมีความหวาดกลัวต่างๆ ในหมู่ชาวยุโรปเกี่ยวกับการเลือกตั้งมิสเตอร์ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ” เปสคอฟ บอก พร้อมกับย้ำว่า ปูตินได้พูดอีกครั้งในสัปดาห์ที่แล้วว่าเปิดกว้างสำหรับการพูดจากันทุกอย่าง ทว่าจนถึงเวลานี้ยังไม่ได้มีการตระเตรียมใดๆ รัสเซียยังไม่ได้รับสัญญาณใดๆ . เขากล่าวว่า จนถึงตอนนี้ “พวกผู้นำยุโรปยังคงกำลังพยายามที่จะบรรลุถึงการทำให้รัสเซียประสบความพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์” แต่มอสโกจะ “ดำเนินปฏิบัติการพิเศษของเราต่อไปจนกว่าจะบรรลุจุดมุ่งหมายทั้งหมดของเรา” . ชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์มีแนวโน้มส่งผลต่อการสู้รบขัดแย้งในยูเครนที่ดำเนินมาเกือบ 3 ปี เนื่องจากว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ผู้นี้หาเสียงโดยยืนกรานมาตลอดว่า การสู้รบจะต้องยุติลงโดยเร็ว รวมทั้งแสดงความเคลือบแคลงกับการที่อเมริกาให้การสนับสนุนเคียฟมูลค่าเป็นหมื่นล้านแสนล้านดอลลาร์ . ทางฝ่ายประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ได้หารือกับทรัมป์เมื่อวันพุธ (6 พ.ย.) โดยมีอีลอน มัสก์ ร่วมหารือด้วย มหาเศรษฐีที่ให้การสนับสนุนทรัมป์อย่างแข็งขันผู้นี้ เคยพูดระบุว่าเคียฟต้องยอมรับความเป็นจริงเรื่องจะต้องเสียดินแดนให้รัสเซีย . ในอีกด้านหนึ่ง เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา ให้สัมภาษณ์ซีบีเอสนิวส์เมื่อวันอาทิตย์ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่กำลังจะพ้นตำแหน่ง ยืนยันว่า จะจัดส่งความช่วยเหลือให้ยูเครนมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า เพื่อให้เคียฟมีสถานะที่เข้มแข็งที่สุดทั้งในสนามรบและการเจรจา ซึ่งจะรวมถึงการให้เงินสนับสนุนที่เหลืออยู่อีก 6,000 ล้านดอลลาร์ . ซัลลิแวนเสริมว่า ไบเดนจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ดำเนินการให้รัฐสภาและคณะบริหารชุดต่อไปตระหนักว่า อเมริกาไม่อาจทิ้งยูเครนได้ เนื่องจากจะทำให้ยุโรปไร้เสถียรภาพมากขึ้น . ระหว่างหาเสียง ทรัมป์ประกาศว่า จะทำให้สงครามยูเครนยุติลงโดยเร็วก่อนที่ตนเองจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งด้วยซ้ำ แต่ไม่ได้บอกว่า จะทำอย่างไร . ทรัมป์และพันธมิตรต่างคัดค้านการที่อเมริกาให้เงินช่วยเหลือยูเครน และเปรยว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการอัดฉีดเงินให้บริษัทอุตสาหกรรมการทหารที่ฉ้อฉลและสนับสนุนสงคราม รวมทั้งพวกสายเหยี่ยวด้านนโยบายการต่างประเทศ . นอกจากนั้น ยังคาดกันว่า การทำข้อตกลงกันให้ได้โดยเร็ว ย่อมหมายถึงเคียฟต้องยอมเสียดินแดนที่ถูกกองทัพรัสเซียเข้ายึดครองทางด้านใต้และตะวันออกของประเทศ . ไบรอัน แลนซา ที่ปรึกษาสำคัญคนหนึ่งของทรัมป์ให้สัมภาษณ์บีบีซีเมื่อวันเสาร์ (9 ) โดยยกตัวอย่างว่า ยูเครนต้องเลิกคิดว่าจะได้ไครเมียที่รัสเซียเข้าผนวกเมื่อปี 2014 คืน . ทว่า เคียฟยืนกรานว่า จะไม่ยอมยกดินแดนหรือยอมตามข้อเรียกร้องอื่นๆ ของรัสเซีย เนื่องจากจะทำให้ปูตินได้ใจและยั่วยุก้าวร้าวขึ้น ขณะที่รู้กันว่า พันธมิตรในยุโรปอย่างอังกฤษและฝรั่งเศสรู้สึกกังวลกับการดำเนินการฝ่ายเดียวของทรัมป์ . ช่วงหลายเดือนมานี้ทั้งมอสโกและเคียฟต่างพยายามอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองอยู่ในสถานะได้เปรียบในการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นในท้ายที่สุด โดยยูเครนได้เข้ายึดพื้นที่บางส่วนในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย และกองกำลังมอสโกรุกคืบเร็วขึ้นในยูเครน . สุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการโจมตีกันด้วยโดรนหนักที่สุด โดยเซเลนสกีเผยว่า รัสเซียส่งโดรน 145 ลำโจมตียูเครนเมื่อคืนวันเสาร์ และมอสโกระบุว่า สอยโดรนยูเครน 34 ลำที่มุ่งโจมตีมอสโกในวันอาทิตย์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108683 .............. Sondhi X
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1108 มุมมอง 0 รีวิว
  • ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ พูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และแนะนำผู้นำรัสเซียอย่าทำให้สงครามยูคเรนลุกลามบานปลาย แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการสนทนาเปิดเผยกับรอยเตอร์ ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีแผนเรียกร้อง ทรัมป์ อย่าได้ทอดทิ้งเคียฟ
    .
    แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ทรัมป์และปูติน พูดคุยกันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน ทรัมป์ ก็ได้หารือกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในวันพุธ (6 พ.ย.) ทั้งนี้ ทรัมป์ เคยวิพากษ์จารณ์ขอบเขตที่สหรัฐฯ มอบแรงสนับสนุนทั้งทางการเงินและทางทหารแก่เคียฟ และประกาศยุติสงครามอย่างรวดเร็ว แต่ไม่บอกว่าด้วยวิธีการใด
    .
    กระทรวงการต่างประเทศยูเครนบอกว่าพวกเขาไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเกี่ยวกับการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์กับปูติน ดังนั้นจึงไม่อาจเห็นด้วยหรือคัดค้าน
    .
    ส่วน สตีเวน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ ตอบคำถามเมื่อถูกถามเกี่ยวกับการโทรศัพท์หารือระหว่าง ทรัมป์ กับ ปูติน โดยบอกว่า "เราไม่ขอแสดงความคิดเห็นต่อการพูดคุยแบบส่วนตัวระหว่างว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ และบรรดาผู้นำโลกคนอื่นๆ" ขณะที่สถานทูตรัสเซียในวอชิงตัน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้
    .
    ทรัมป์ ตัวแทนจากรีพับลิกันจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม หลังเอาชนะรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 5 พฤศจิกายน และล่าสุดทำเนียบขาวเผยว่า ไบเดน เชิญ ทรัมป์ เข้ามาหารือที่ห้องทำงานรูปไข่ในวันพุธ (13 พ.ย.) ที่จะถึงนี้
    .
    เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุในวันอาทิตย์ (10 ก.ย.) ว่าสารสำคัญสุดของไบเดน คือจะเป็นการรับปากถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ และเขาจะพูดคุยกับ ทรัมป์ เกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง
    .
    "ประธานาธิบดีไบเดน จะใช้โอกาสในช่วง 70 วันที่เหลืออยู่ เสนอแนะสภาคองเกรสและว่าที่รัฐบาลใหม่ ว่าสหรัฐฯ ไม่ควรตีจากยูเครน การทอดทิ้งยูเครนจะหมายถึงภาวะไร้เสถียรภาพในยุโรป" ซัลลิแวน บอกกับซีบีเอสนิวส์
    .
    ความเห็นของซัลลิแวน มีขึ้นในขณะที่ยูเครนโจมตีกรุงมอสโกด้วยโดรนอย่างน้อยๆ 34 ลำ เมื่อวันอาทิตย์ (10 พ.ย.) ซึ่งถือเป็นปฏิบัติการโดรนโจมตีเล่นงานเมืองหลวงของรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น
    .
    วอชิงตันมอบความช่วยเหลือทั้งทางทหารและทางเศรษฐกิจแก่ยูเครนไปแล้วหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่ถูกรัสเซียรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 เงินจำนวนมหาศาลที่ ทรัมป์ เสียงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ซ้ำๆ และถูกต่อต้านจากบรรดาสมาชิกสภาคองเกรสจากรีพับลิกันคนอื่นๆ
    .
    ทรัมป์ กล่าวอ้างเมื่อปีที่แล้ว ว่า ปูติน จะไม่มีวันรุกรานยูเครน หากว่าเขาอยู่ในทำเนียบขาวในช่วงเวลาดังกล่าว และเขาบอกกับรอยเตอร์ว่า ยูเครนอาจจำเป็นต้องยอมสละดินแดนเพื่อบรรลุข้อตกลงสันติภาพ บางอย่างที่เคียฟปฏิเสธและทางไบเดน ก็ไม่เคยชี้แนะไปในทิศทางนี้
    .
    เซเลนสกี ระบุเมื่อวันพฤหัสบดี (7 พ.ย.) เขาไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับแผนของทรัมป์ ในการยุติสงครามยูเครนอย่างรวดเร็ว และเขาเชื่อว่าการยุติสงครามอย่างรวดเร็ว จะหมายถึงการที่เคียฟต้องยอมอ่อนข้อครั้งใหญ่
    .
    อ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานความรับผิดชอบของรัฐบาลสหรัฐฯ (GAO) พบว่าภายใต้การบริหารงานของไบเดน สภาคองเกรสจัดสรรงบประมาณไปให้ยูเครนแล้วกว่า 174,000 ล้านดอลลาร์ แต่คาดหมายว่าจำนวนดังกล่าวจะลดลงอย่างมาก ภายใต้การนำของทรัมป์ ในขณะที่พรรครีพับลิกันก็ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน
    .
    ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าใครจะครองเสียงข้างมาก ด้วยยังอยู่ระหว่างการนับคะแนนเสียงบางส่วน เวลานี้รีพับลิกันได้ไปแล้วอย่างน้อย 213 ที่นั่ง และต้องการอีกเพียงอย่างน้อย 5 ที่นั่ง เพื่อให้ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำของการครองเสียงข้างมากในสภาล่าง คืออย่างน้อย 218 ที่นั่ง
    .
    ถ้ารีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภา นั่นจะหมายความว่าวาระต่างๆ ส่วนใหญ่ของทรัมป์ น่าจะผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสแบบง่ายดาย
    .
    บิล ฮาเกอร์ตี วุฒิสมาชิกจากรีพับลิกัน พันธมิตรของทรัมป์ ที่ถูกมองว่าเป็นตัวเต็งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ วิพากษ์วิจารณ์เงินสนับสนุนที่อเมริกามอบให้ยูเครน ผ่านการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีบีเอส "ประชาชนชาวอเมริกาต้องการปกป้องอธิปไตยที่นี่ ในอเมริกา ก่อนที่เราจะใช้งบประมาณของเราและทรัพยากรของเรา ปกป้องอธิปไตยของประเทศอื่น" ฮาเกอร์ตีกล่าว
    .
    ปัจจุบัน กองกำลังมอสโกยึดครองพื้นที่ราว 1 ใน 5 ของยูเครน และรัสเซียประกาศแข็งกร้าวว่าสงครามจะไม่อาจหยุดลง จนกว่าดินแดนต่างๆ ที่พวกเขาผนวกนั้นได้รับการรับรองแล้ว ในขณะที่ยูเครนเรียกร้องให้คืนดินแดนทั้งหมด จุดยืนที่ได้รับการสนับสนุนจากบรรดาพันธมิตรตะวันตกเป็นส่วนใหญ่
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108315
    ..............
    Sondhi X
    ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ พูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และแนะนำผู้นำรัสเซียอย่าทำให้สงครามยูคเรนลุกลามบานปลาย แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการสนทนาเปิดเผยกับรอยเตอร์ ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีแผนเรียกร้อง ทรัมป์ อย่าได้ทอดทิ้งเคียฟ . แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ทรัมป์และปูติน พูดคุยกันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน ทรัมป์ ก็ได้หารือกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในวันพุธ (6 พ.ย.) ทั้งนี้ ทรัมป์ เคยวิพากษ์จารณ์ขอบเขตที่สหรัฐฯ มอบแรงสนับสนุนทั้งทางการเงินและทางทหารแก่เคียฟ และประกาศยุติสงครามอย่างรวดเร็ว แต่ไม่บอกว่าด้วยวิธีการใด . กระทรวงการต่างประเทศยูเครนบอกว่าพวกเขาไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเกี่ยวกับการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์กับปูติน ดังนั้นจึงไม่อาจเห็นด้วยหรือคัดค้าน . ส่วน สตีเวน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ ตอบคำถามเมื่อถูกถามเกี่ยวกับการโทรศัพท์หารือระหว่าง ทรัมป์ กับ ปูติน โดยบอกว่า "เราไม่ขอแสดงความคิดเห็นต่อการพูดคุยแบบส่วนตัวระหว่างว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ และบรรดาผู้นำโลกคนอื่นๆ" ขณะที่สถานทูตรัสเซียในวอชิงตัน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ . ทรัมป์ ตัวแทนจากรีพับลิกันจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม หลังเอาชนะรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 5 พฤศจิกายน และล่าสุดทำเนียบขาวเผยว่า ไบเดน เชิญ ทรัมป์ เข้ามาหารือที่ห้องทำงานรูปไข่ในวันพุธ (13 พ.ย.) ที่จะถึงนี้ . เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุในวันอาทิตย์ (10 ก.ย.) ว่าสารสำคัญสุดของไบเดน คือจะเป็นการรับปากถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ และเขาจะพูดคุยกับ ทรัมป์ เกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง . "ประธานาธิบดีไบเดน จะใช้โอกาสในช่วง 70 วันที่เหลืออยู่ เสนอแนะสภาคองเกรสและว่าที่รัฐบาลใหม่ ว่าสหรัฐฯ ไม่ควรตีจากยูเครน การทอดทิ้งยูเครนจะหมายถึงภาวะไร้เสถียรภาพในยุโรป" ซัลลิแวน บอกกับซีบีเอสนิวส์ . ความเห็นของซัลลิแวน มีขึ้นในขณะที่ยูเครนโจมตีกรุงมอสโกด้วยโดรนอย่างน้อยๆ 34 ลำ เมื่อวันอาทิตย์ (10 พ.ย.) ซึ่งถือเป็นปฏิบัติการโดรนโจมตีเล่นงานเมืองหลวงของรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น . วอชิงตันมอบความช่วยเหลือทั้งทางทหารและทางเศรษฐกิจแก่ยูเครนไปแล้วหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่ถูกรัสเซียรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 เงินจำนวนมหาศาลที่ ทรัมป์ เสียงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ซ้ำๆ และถูกต่อต้านจากบรรดาสมาชิกสภาคองเกรสจากรีพับลิกันคนอื่นๆ . ทรัมป์ กล่าวอ้างเมื่อปีที่แล้ว ว่า ปูติน จะไม่มีวันรุกรานยูเครน หากว่าเขาอยู่ในทำเนียบขาวในช่วงเวลาดังกล่าว และเขาบอกกับรอยเตอร์ว่า ยูเครนอาจจำเป็นต้องยอมสละดินแดนเพื่อบรรลุข้อตกลงสันติภาพ บางอย่างที่เคียฟปฏิเสธและทางไบเดน ก็ไม่เคยชี้แนะไปในทิศทางนี้ . เซเลนสกี ระบุเมื่อวันพฤหัสบดี (7 พ.ย.) เขาไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับแผนของทรัมป์ ในการยุติสงครามยูเครนอย่างรวดเร็ว และเขาเชื่อว่าการยุติสงครามอย่างรวดเร็ว จะหมายถึงการที่เคียฟต้องยอมอ่อนข้อครั้งใหญ่ . อ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานความรับผิดชอบของรัฐบาลสหรัฐฯ (GAO) พบว่าภายใต้การบริหารงานของไบเดน สภาคองเกรสจัดสรรงบประมาณไปให้ยูเครนแล้วกว่า 174,000 ล้านดอลลาร์ แต่คาดหมายว่าจำนวนดังกล่าวจะลดลงอย่างมาก ภายใต้การนำของทรัมป์ ในขณะที่พรรครีพับลิกันก็ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน . ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าใครจะครองเสียงข้างมาก ด้วยยังอยู่ระหว่างการนับคะแนนเสียงบางส่วน เวลานี้รีพับลิกันได้ไปแล้วอย่างน้อย 213 ที่นั่ง และต้องการอีกเพียงอย่างน้อย 5 ที่นั่ง เพื่อให้ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำของการครองเสียงข้างมากในสภาล่าง คืออย่างน้อย 218 ที่นั่ง . ถ้ารีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภา นั่นจะหมายความว่าวาระต่างๆ ส่วนใหญ่ของทรัมป์ น่าจะผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสแบบง่ายดาย . บิล ฮาเกอร์ตี วุฒิสมาชิกจากรีพับลิกัน พันธมิตรของทรัมป์ ที่ถูกมองว่าเป็นตัวเต็งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ วิพากษ์วิจารณ์เงินสนับสนุนที่อเมริกามอบให้ยูเครน ผ่านการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีบีเอส "ประชาชนชาวอเมริกาต้องการปกป้องอธิปไตยที่นี่ ในอเมริกา ก่อนที่เราจะใช้งบประมาณของเราและทรัพยากรของเรา ปกป้องอธิปไตยของประเทศอื่น" ฮาเกอร์ตีกล่าว . ปัจจุบัน กองกำลังมอสโกยึดครองพื้นที่ราว 1 ใน 5 ของยูเครน และรัสเซียประกาศแข็งกร้าวว่าสงครามจะไม่อาจหยุดลง จนกว่าดินแดนต่างๆ ที่พวกเขาผนวกนั้นได้รับการรับรองแล้ว ในขณะที่ยูเครนเรียกร้องให้คืนดินแดนทั้งหมด จุดยืนที่ได้รับการสนับสนุนจากบรรดาพันธมิตรตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108315 .............. Sondhi X
    Like
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 971 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เตรียมจัดส่งขีปนาวุธสกัดกั้นกว่า 500 ลูกให้กับยูเครนภายในอีกไม่กี่สัปดาห์นับจากนี้ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการรีบเร่งส่งความช่วยเหลือให้ถึงมือเคียฟ ก่อนที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะกลับเข้าครองทำเนียบขาวในปีหน้า
    .
    หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) รายงานเมื่อวันเสาร์ (9 พ.ย.) โดยอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่ระบุว่า ก่อนหน้าที่ ทรัมป์ จะเอาชนะ กมลา แฮร์ริส ในศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 พ.ย. รัฐบาล ไบเดน ได้ตั้งกรอบเวลาจัดส่งความช่วยเหลือที่อนุมัติแก่ยูเครนให้แล้วเสร็จภายในเดือน เม.ย. ปี 2025
    .
    การจัดส่งขีปนาวุธสกัดกั้นสำหรับใช้งานร่วมกับระบบแพทริออต (Patriot) และระบบขีปนาวุธยิงจากพื้นดินสู่อากาศขั้นสูงแห่งชาติหรือ NASAMS จะต้องให้เพียงพอต่อความจำเป็นในการป้องกันตนเองของยูเครนจนถึงสิ้นปีนี้ ตามข้อมูลจาก WSJ
    .
    ด้านสำนักงานของประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี กระทรวงกลาโหมยูเครน และกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังไม่ออกมาตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวรอยเตอร์
    .
    เซเลนสกี เรียกร้องมานานหลายเดือนให้ชาติตะวันตกเพิ่มการจัดส่งอาวุธ และยังขอให้กลุ่มชาติในองค์การสนธิสัญญาแตแลนติกเหนือ (นาโต) ช่วยเปิดทางให้เคียฟเอาอาวุธพิสัยไกลที่ได้จากตะวันตกไปใช้ยิงโจมตีเป้าหมายที่อยู่ลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย
    .
    สงครามยูเครนที่ลากยาวมานานกว่า 2 ปีครึ่งกลายเป็นชนวนการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ที่สุดระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตกในยุคหลังสงครามเย็น ซึ่งเจ้าหน้าที่รัสเซียเองก็ยอมรับว่า สงครามกำลังก้าวเข้าสู่ "เฟสที่อันตรายที่สุด"
    .
    วันศุกร์ที่แล้ว (8) รัฐบาล ไบเดน ประกาศจะอนุญาตให้บริษัทคู่สัญญากลาโหมของสหรัฐฯ เข้าไปทำงานในยูเครน เพื่อซ่อมบำรุงระบบอาวุธที่เพนตากอนส่งไปให้ นับเป็นการปรับนโยบายครั้งสำคัญที่มุ่งช่วยเหลือให้เคียฟมีศักยภาพเพียงพอที่จะต่อต้านการบุกของรัสเซีย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108290
    ..............
    Sondhi X
    รัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เตรียมจัดส่งขีปนาวุธสกัดกั้นกว่า 500 ลูกให้กับยูเครนภายในอีกไม่กี่สัปดาห์นับจากนี้ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการรีบเร่งส่งความช่วยเหลือให้ถึงมือเคียฟ ก่อนที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะกลับเข้าครองทำเนียบขาวในปีหน้า . หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) รายงานเมื่อวันเสาร์ (9 พ.ย.) โดยอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่ระบุว่า ก่อนหน้าที่ ทรัมป์ จะเอาชนะ กมลา แฮร์ริส ในศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 พ.ย. รัฐบาล ไบเดน ได้ตั้งกรอบเวลาจัดส่งความช่วยเหลือที่อนุมัติแก่ยูเครนให้แล้วเสร็จภายในเดือน เม.ย. ปี 2025 . การจัดส่งขีปนาวุธสกัดกั้นสำหรับใช้งานร่วมกับระบบแพทริออต (Patriot) และระบบขีปนาวุธยิงจากพื้นดินสู่อากาศขั้นสูงแห่งชาติหรือ NASAMS จะต้องให้เพียงพอต่อความจำเป็นในการป้องกันตนเองของยูเครนจนถึงสิ้นปีนี้ ตามข้อมูลจาก WSJ . ด้านสำนักงานของประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี กระทรวงกลาโหมยูเครน และกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังไม่ออกมาตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ . เซเลนสกี เรียกร้องมานานหลายเดือนให้ชาติตะวันตกเพิ่มการจัดส่งอาวุธ และยังขอให้กลุ่มชาติในองค์การสนธิสัญญาแตแลนติกเหนือ (นาโต) ช่วยเปิดทางให้เคียฟเอาอาวุธพิสัยไกลที่ได้จากตะวันตกไปใช้ยิงโจมตีเป้าหมายที่อยู่ลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย . สงครามยูเครนที่ลากยาวมานานกว่า 2 ปีครึ่งกลายเป็นชนวนการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ที่สุดระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตกในยุคหลังสงครามเย็น ซึ่งเจ้าหน้าที่รัสเซียเองก็ยอมรับว่า สงครามกำลังก้าวเข้าสู่ "เฟสที่อันตรายที่สุด" . วันศุกร์ที่แล้ว (8) รัฐบาล ไบเดน ประกาศจะอนุญาตให้บริษัทคู่สัญญากลาโหมของสหรัฐฯ เข้าไปทำงานในยูเครน เพื่อซ่อมบำรุงระบบอาวุธที่เพนตากอนส่งไปให้ นับเป็นการปรับนโยบายครั้งสำคัญที่มุ่งช่วยเหลือให้เคียฟมีศักยภาพเพียงพอที่จะต่อต้านการบุกของรัสเซีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108290 .............. Sondhi X
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 743 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไบเดนเตรียมเปิดห้องทำงานรูปไข่ต้อนรับทรัมป์ และยืนยันจะไปร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ต้นปีหน้า ซึ่งเป็นสองสิ่งที่ทรัมป์ไม่ยอมทำเมื่อ 4 ปีที่แล้วด้วยข้ออ้างว่า ตนถูกปล้นชัยชนะ และขณะที่ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่เริ่มจัดตั้งคณะบริหาร ทางด้านเดโมแครตกลับไล่หาแพะรับผิดชอบความพ่ายแพ้ของแฮร์ริส โดยเพโลซี อดีตประธานสภาล่างชี้ว่า ถ้าไบเดนถอนตัวเร็วขึ้น เหตุการณ์อาจไม่เป็นแบบนี้
    .
    โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ไม่เคยยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 สามารถกลับสู่ทำเนียบขาวอีกสมัยหลังคว้าชัยขาดลอยในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมา
    .
    ทำเนียบขาวแถลงเมื่อวันเสาร์ (9 พ.ย.) ว่าไบเดนจะพบทรัมป์ในห้องทำงานรูปไข่ในวันพุธ (13 พ.ย.) ซึ่งการพบกันระหว่างประธานาธิบดีที่กำลังจะหมดวาระกับว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาช้านาน แต่เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ทรัมป์ไม่ได้เชิญโจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน เยี่ยมเยียนทำเนียบขาว แต่กลับอ้างโดยไม่มีหลักฐานว่า ตนเองถูกโกงเลือกตั้งและนำไปสู่การก่อม็อบบุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2021
    .
    นอกจากนั้นทรัมป์ยังแหกธรรมเนียมปฏิบัติด้วยการไม่ไปร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของไบเดนในวันที่ 20 ม.ค.ปีเดียวกัน แต่ทำเนียบขาวยืนยันว่า ไบเดนจะไปร่วมพิธีดังกล่าวของทรัมป์ต้นปีหน้า
    .
    นอกจากนี้ ช่วงต้นปีหน้าไบเดนจะกลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกคนที่ต้องถ่ายโอนอำนาจคืนให้ประธานาธิบดีคนก่อนตนเอง โดยครั้งล่าสุดที่เกิดเหตุการณ์นี้คือตอนที่ประธานาธิบดีเบนจามิน แฮร์ริสัน ส่งคืนทำเนียบขาวให้โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ในช่วงศตวรรษที่ 19
    .
    ทรัมป์ อดีตพิธีกรเรียลลิตี้โชว์วัย 78 ปี กวาดชัยชนะท่วมท้นกว่าครั้งที่แล้ว แม้ถูกตัดสินกระทำผิดคดีอาญา ถูกดำเนินการสอบสวนเพื่อถอดถอนถึง 2 ครั้งตอนที่เป็นประธานาธิบดี และถูกอดีตหัวหน้าคณะทำงานตีตราว่า เป็นเผด็จการฟาสซิสต์ก็ตาม
    .
    ทั้งนี้ เอ็กซิตโพลล์พบว่า สิ่งที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกังวลมากที่สุดคือปัญหาเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในยุคไบเดนภายหลังอเมริกาเพิ่งผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19
    .
    ไบเดน วัย 81 ปี ที่ถอนตัวจากศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนกรกฎาคมท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอายุ สุขภาพ และความเฉียบคมทางความคิดนั้น โทรแสดงความยินดีกับทรัมป์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (6 พ.ย.)
    .
    สมาชิกพรรคเดโมแครตหลายคนมองหาผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อความพ่ายแพ้ของรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ที่รับไม้ต่อเป็นตัวแทนพรรคก่อนถึงกำหนดเลือกตั้งเพียง 100 วัน
    .
    แนนซี เพโลซี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์นิวยอร์ก ไทมส์ว่า ไบเดนถอนตัวช้าเกินไป แถมประกาศรับรองแฮร์ริสทันที ทำให้เกือบเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการหยั่งเสียงรอบไพรมารีที่อาจทำให้พรรคมีแคนดิเดตให้เลือกมากขึ้น
    .
    เพโลซีที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า มีบทบาทสำคัญในการกล่อมให้ไบเดนยอมถอนตัว ตั้งข้อสังเกตว่า การทบทวนผลการเลือกตั้งควรมุ่งที่จุดแข็งของแฮร์ริสที่สามารถกระตุ้นความหวังของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและทำให้แคมเปญหาเสียงมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างมาก
    .
    ขณะที่เดโมแครตกำลังหาแพะรับบาป ทรัมป์ได้เริ่มฟอร์มคณะบริหารสมัยที่ 2 ด้วยการแต่งตั้งซูซี ไวลส์ ผู้จัดการแคมเปญหาเสียง เป็นหัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาว ถือเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้ และเป็นการแต่งตั้งสมาชิกคณะบริหารคนแรกของทรัมป์
    .
    ตัวเก็งคนอื่นๆ ในคณะบริหารทรัมป์ 2 ยังสะท้อนการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น หนึ่งในนั้นคือ โรเบิร์ต เคนเนดี้ จูเนียร์ แกนนำการต่อต้านวัคซีนที่ทรัมป์ประกาศว่า จะได้รับบทบาทสำคัญด้านสุขอนามัย
    .
    อีกคนคือ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลก ที่อาจรับหน้าที่ตรวจสอบและปรับปรุงประสิทธิภาพของรัฐบาล หลังจากนายใหญ่สเปซเอ็กซ์, เทสลา และเอ็กซ์ ที่มีอุดมการณ์การเมืองปีกขวาผู้นี้ ให้การสนับสนุนทรัมป์สุดตัว
    .
    นอกจากนั้นยังคาดว่า ทรัมป์จะยกเลิกนโยบายสำคัญของไบเดนหลายอย่าง โดยว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47 ผู้นี้เตรียมกลับสู่ทำเนียบขาวในฐานะผู้ปฏิเสธแนวคิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แถมประกาศเพิ่มการขุดเจาะน้ำมัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108252
    ..............
    Sondhi X
    ไบเดนเตรียมเปิดห้องทำงานรูปไข่ต้อนรับทรัมป์ และยืนยันจะไปร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ต้นปีหน้า ซึ่งเป็นสองสิ่งที่ทรัมป์ไม่ยอมทำเมื่อ 4 ปีที่แล้วด้วยข้ออ้างว่า ตนถูกปล้นชัยชนะ และขณะที่ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่เริ่มจัดตั้งคณะบริหาร ทางด้านเดโมแครตกลับไล่หาแพะรับผิดชอบความพ่ายแพ้ของแฮร์ริส โดยเพโลซี อดีตประธานสภาล่างชี้ว่า ถ้าไบเดนถอนตัวเร็วขึ้น เหตุการณ์อาจไม่เป็นแบบนี้ . โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ไม่เคยยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 สามารถกลับสู่ทำเนียบขาวอีกสมัยหลังคว้าชัยขาดลอยในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมา . ทำเนียบขาวแถลงเมื่อวันเสาร์ (9 พ.ย.) ว่าไบเดนจะพบทรัมป์ในห้องทำงานรูปไข่ในวันพุธ (13 พ.ย.) ซึ่งการพบกันระหว่างประธานาธิบดีที่กำลังจะหมดวาระกับว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาช้านาน แต่เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ทรัมป์ไม่ได้เชิญโจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน เยี่ยมเยียนทำเนียบขาว แต่กลับอ้างโดยไม่มีหลักฐานว่า ตนเองถูกโกงเลือกตั้งและนำไปสู่การก่อม็อบบุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2021 . นอกจากนั้นทรัมป์ยังแหกธรรมเนียมปฏิบัติด้วยการไม่ไปร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของไบเดนในวันที่ 20 ม.ค.ปีเดียวกัน แต่ทำเนียบขาวยืนยันว่า ไบเดนจะไปร่วมพิธีดังกล่าวของทรัมป์ต้นปีหน้า . นอกจากนี้ ช่วงต้นปีหน้าไบเดนจะกลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกคนที่ต้องถ่ายโอนอำนาจคืนให้ประธานาธิบดีคนก่อนตนเอง โดยครั้งล่าสุดที่เกิดเหตุการณ์นี้คือตอนที่ประธานาธิบดีเบนจามิน แฮร์ริสัน ส่งคืนทำเนียบขาวให้โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ในช่วงศตวรรษที่ 19 . ทรัมป์ อดีตพิธีกรเรียลลิตี้โชว์วัย 78 ปี กวาดชัยชนะท่วมท้นกว่าครั้งที่แล้ว แม้ถูกตัดสินกระทำผิดคดีอาญา ถูกดำเนินการสอบสวนเพื่อถอดถอนถึง 2 ครั้งตอนที่เป็นประธานาธิบดี และถูกอดีตหัวหน้าคณะทำงานตีตราว่า เป็นเผด็จการฟาสซิสต์ก็ตาม . ทั้งนี้ เอ็กซิตโพลล์พบว่า สิ่งที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกังวลมากที่สุดคือปัญหาเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในยุคไบเดนภายหลังอเมริกาเพิ่งผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 . ไบเดน วัย 81 ปี ที่ถอนตัวจากศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนกรกฎาคมท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอายุ สุขภาพ และความเฉียบคมทางความคิดนั้น โทรแสดงความยินดีกับทรัมป์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (6 พ.ย.) . สมาชิกพรรคเดโมแครตหลายคนมองหาผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อความพ่ายแพ้ของรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ที่รับไม้ต่อเป็นตัวแทนพรรคก่อนถึงกำหนดเลือกตั้งเพียง 100 วัน . แนนซี เพโลซี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์นิวยอร์ก ไทมส์ว่า ไบเดนถอนตัวช้าเกินไป แถมประกาศรับรองแฮร์ริสทันที ทำให้เกือบเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการหยั่งเสียงรอบไพรมารีที่อาจทำให้พรรคมีแคนดิเดตให้เลือกมากขึ้น . เพโลซีที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า มีบทบาทสำคัญในการกล่อมให้ไบเดนยอมถอนตัว ตั้งข้อสังเกตว่า การทบทวนผลการเลือกตั้งควรมุ่งที่จุดแข็งของแฮร์ริสที่สามารถกระตุ้นความหวังของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและทำให้แคมเปญหาเสียงมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างมาก . ขณะที่เดโมแครตกำลังหาแพะรับบาป ทรัมป์ได้เริ่มฟอร์มคณะบริหารสมัยที่ 2 ด้วยการแต่งตั้งซูซี ไวลส์ ผู้จัดการแคมเปญหาเสียง เป็นหัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาว ถือเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้ และเป็นการแต่งตั้งสมาชิกคณะบริหารคนแรกของทรัมป์ . ตัวเก็งคนอื่นๆ ในคณะบริหารทรัมป์ 2 ยังสะท้อนการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น หนึ่งในนั้นคือ โรเบิร์ต เคนเนดี้ จูเนียร์ แกนนำการต่อต้านวัคซีนที่ทรัมป์ประกาศว่า จะได้รับบทบาทสำคัญด้านสุขอนามัย . อีกคนคือ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลก ที่อาจรับหน้าที่ตรวจสอบและปรับปรุงประสิทธิภาพของรัฐบาล หลังจากนายใหญ่สเปซเอ็กซ์, เทสลา และเอ็กซ์ ที่มีอุดมการณ์การเมืองปีกขวาผู้นี้ ให้การสนับสนุนทรัมป์สุดตัว . นอกจากนั้นยังคาดว่า ทรัมป์จะยกเลิกนโยบายสำคัญของไบเดนหลายอย่าง โดยว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47 ผู้นี้เตรียมกลับสู่ทำเนียบขาวในฐานะผู้ปฏิเสธแนวคิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แถมประกาศเพิ่มการขุดเจาะน้ำมัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108252 .............. Sondhi X
    Love
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1012 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปลี่ยนสี!?!

    บิล เกตส์ แสดงความยินดีต่อทรัมป์ และหวังว่าจะจับมือไปด้วยกัน!

    ช่วงหาเสียงเลือกตั้งเขาบริจาคเงินมากถึง 50 ล้านเหรียญ สนับสนุนการเสนอตัวชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของคามาลา แฮร์ริส
    เปลี่ยนสี!?! บิล เกตส์ แสดงความยินดีต่อทรัมป์ และหวังว่าจะจับมือไปด้วยกัน! ช่วงหาเสียงเลือกตั้งเขาบริจาคเงินมากถึง 50 ล้านเหรียญ สนับสนุนการเสนอตัวชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของคามาลา แฮร์ริส
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวอกเดียวกัน!
    "ฮิลลารี คลินตัน" และ "คามาลา แฮร์ริส" ที่พ่ายแพ้ให้กับ โดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งคู่ อดเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐ
    หัวอกเดียวกัน! "ฮิลลารี คลินตัน" และ "คามาลา แฮร์ริส" ที่พ่ายแพ้ให้กับ โดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งคู่ อดเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังจากที่ รถถัง จิตรเมืองนนท์ ทำเข็มขัดแชมป์โลกมวยไทย ONE รุ่นฟลายเวต กระเด็นบนตาชั่ง เมื่อไม่ผ่านการทำน้ำหนัก เกินมา 0.5 ปอนด์ ทั้งที่มีไฟต์ใหญ่ในการป้องกันตำแหน่งกับ จาค็อบ สมิธ ในศึก ONE 169 เช้าวันเสาร์ที่ 9 พ.ย.นี้ จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

    เลียม แฮร์ริสัน นักชกชื่อดังจากสหราชอาณาจักร ที่เพิ่งประกาศแขวนนวมไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รุ่นพี่ร่วมชาติของ จาค็อบ สมิธ ก็ออกมาจวกหนักใส่กำปั้นชาวไทยรายนี้ โดยชี้ว่า รถถัง ไม่มีความเป็นมืออาชีพ สวนทางกับการเป็นนักมวยไทยที่ได้รับค่าตัวสูงสุดในประวัติศาสตร์ของ ONE แต่สู้นักมวยที่ได้รับค่าตัวน้อยกว่าตัวเอง 20 เท่า ไม่ได้
    หลังจากที่ รถถัง จิตรเมืองนนท์ ทำเข็มขัดแชมป์โลกมวยไทย ONE รุ่นฟลายเวต กระเด็นบนตาชั่ง เมื่อไม่ผ่านการทำน้ำหนัก เกินมา 0.5 ปอนด์ ทั้งที่มีไฟต์ใหญ่ในการป้องกันตำแหน่งกับ จาค็อบ สมิธ ในศึก ONE 169 เช้าวันเสาร์ที่ 9 พ.ย.นี้ จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เลียม แฮร์ริสัน นักชกชื่อดังจากสหราชอาณาจักร ที่เพิ่งประกาศแขวนนวมไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รุ่นพี่ร่วมชาติของ จาค็อบ สมิธ ก็ออกมาจวกหนักใส่กำปั้นชาวไทยรายนี้ โดยชี้ว่า รถถัง ไม่มีความเป็นมืออาชีพ สวนทางกับการเป็นนักมวยไทยที่ได้รับค่าตัวสูงสุดในประวัติศาสตร์ของ ONE แต่สู้นักมวยที่ได้รับค่าตัวน้อยกว่าตัวเอง 20 เท่า ไม่ได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 307 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์เริ่มคัดเลือกทีมผู้บริหารประจำทำเนียบขาวแล้ว!
    ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศแต่งตั้ง “ซูซี่ ไวลส์” (SUSIE WILES) เป็นหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาว (White House chief of staff)

    ซูซี่ ไวลส์ วัย 67 ปี คือผู้จัดการการรณรงค์หาเสียงที่ทำให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์เหนือคามาลา แฮร์ริส

    เธอกลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้สำหรับประธานาธิบดีสหรัฐ

    ก่อนหน้านี้ หลายฝ่ายคาดว่า "เควิน แม็กคาร์ธี" อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร จะได้เข้ารับตำแหน่งนี้
    ทรัมป์เริ่มคัดเลือกทีมผู้บริหารประจำทำเนียบขาวแล้ว! ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศแต่งตั้ง “ซูซี่ ไวลส์” (SUSIE WILES) เป็นหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาว (White House chief of staff) ซูซี่ ไวลส์ วัย 67 ปี คือผู้จัดการการรณรงค์หาเสียงที่ทำให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์เหนือคามาลา แฮร์ริส เธอกลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้สำหรับประธานาธิบดีสหรัฐ ก่อนหน้านี้ หลายฝ่ายคาดว่า "เควิน แม็กคาร์ธี" อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร จะได้เข้ารับตำแหน่งนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลเลือกตั้งสหรัฐฯ 2024: ทรัมป์ชนะแฮร์ริส ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47


    6 พฤศจิกายน 2024
    ปรับปรุงแล้ว เมื่อ 8 ชั่วโมงที่แล้ว
    นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน เตรียมหวนคืนสู่ทำเนียบขาวเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่สอง ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา หลังจากผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการชี้ชัดถึงชัยชนะเหนือนางกมลา แฮร์ริส ตัวแทนชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต

    จนถึงเวลา 8.30 น. ของวันที่ 7 พ.ย. 2567 ตามเวลาในประเทศไทย ผลการนับคะแนนเลือกตั้งสหรัฐฯ ยังไม่เสร็จสิ้นลง โดยยังเหลืออีก 3 รัฐ ที่ยังไม่ประกาศคะแนน ได้แก่ รัฐเนวาดา, แอริโซนา และเมน

    ผลการนับคะแนนล่าสุด โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน ได้คะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้ง 294 เสียง และกมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต ได้ไป 223 เสียง

    https://www.bbc.com/thai/articles/cwygj2dewl0o
    ผลเลือกตั้งสหรัฐฯ 2024: ทรัมป์ชนะแฮร์ริส ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 6 พฤศจิกายน 2024 ปรับปรุงแล้ว เมื่อ 8 ชั่วโมงที่แล้ว นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน เตรียมหวนคืนสู่ทำเนียบขาวเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่สอง ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา หลังจากผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการชี้ชัดถึงชัยชนะเหนือนางกมลา แฮร์ริส ตัวแทนชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต จนถึงเวลา 8.30 น. ของวันที่ 7 พ.ย. 2567 ตามเวลาในประเทศไทย ผลการนับคะแนนเลือกตั้งสหรัฐฯ ยังไม่เสร็จสิ้นลง โดยยังเหลืออีก 3 รัฐ ที่ยังไม่ประกาศคะแนน ได้แก่ รัฐเนวาดา, แอริโซนา และเมน ผลการนับคะแนนล่าสุด โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน ได้คะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้ง 294 เสียง และกมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต ได้ไป 223 เสียง https://www.bbc.com/thai/articles/cwygj2dewl0o
    WWW.BBC.COM
    ผลเลือกตั้งสหรัฐฯ 2024: ทรัมป์ชนะแฮร์ริส ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 - BBC News ไทย
    บีบีซีไทยติดตามผลการเลือกตั้ง ใครจะได้เป็นประธานาธิบดีคนถัดไปของสหรัฐอเมริกา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 226 มุมมอง 0 รีวิว
  • จับตานโยบายหลังเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการของทรัมป์ที่มีต่อชาวยิวในสหรัฐ และทั่วโลก

    จากรายงานของ NBC News ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวยิวในสหรัฐกว่า 79% โหวตให้คามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต
    จับตานโยบายหลังเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการของทรัมป์ที่มีต่อชาวยิวในสหรัฐ และทั่วโลก จากรายงานของ NBC News ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวยิวในสหรัฐกว่า 79% โหวตให้คามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ไม่เพียงชนะเลือกตั้ง แต่มีชัยเหนือภาพลวงตาที่ฝั่งหัวประชาชนมานาน ..... โดยทนง ขันทอง
    .
    ในการเลือกตั้งปี 2020 โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งลงชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง ได้คะแนนเสียงจากคนอเมริกันทั้งหมด (popular votes) 74 ล้านเสียง ถือว่าเป็นประวัติการณ์เลยทีเดียว แต่ทรัมป์กลับต้องพ่ายแพ้ต่อโจ ไบเดนที่ได้คะแนน 81ล้านเสียง ที่เหนือกว่าประวัติการณ์เสียอีก
    .
    มองด้วยสามัญสำนึกธรรมดาจะเห็นทันทีเลยว่า ไม่มีทางที่นักการเมืองที่น่าเบื่ออย่างไบเดนที่เป็นส่วนหนึ่งของพวกอำนาจรัฐ (Establishment) จะได้คะแนนความนิยมมากมายอย่างนี้ มันเป็นเรื่องยากที่ไบเดนจะสามารถเอาชนะทรัมป์ที่ครองอำนาจอยู่ในทำเนียบขาวอยู่แล้ว และมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่ไบเดนจะมีคะแนนความนิยมมากกว่าโอบามาที่ได้คะแนนความนิยมเสียง 65ล้านเสียง ในการชนะการเลือกตั้งในปี 2012 หรือฮิลลารี่ที่ได้คะแนนความนิยม 65 ล้านเสียงในปี 2016 อย่างมีนัยสำคัญ
    .
    หันกลับมาดูการเลือกตั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทรัมป์ชนะเลือกตั้งกลับมาเป็นประธานาธิบดีในสมัยที่สองด้วยคะแนนความนิยม 72 ล้านเสียง เทียบกับกมลา แฮร์ริสที่ได้ 67ล้านเสียง โดยชนะแบบแลนด์สไลด์ขาดลอย
    .
    สรุปภาพรวมแล้ว ตัวแทนจากเดโมแครตที่ลงเลือกตั้งประธานาธิบดี ไม่ว่าจะเป็นโอบามา ฮิลลารี่ หรือแฮร์ริสมีฐานเสียงคะแนนความนิยมพอๆกันที่ประมาณ 65 ล้านเสียง แล้วจู่ๆ ไบเดนจะชนะการเลือกต้ังในปี 2020 ได้อย่างไรด้วยคะแนนความนิยมที่นำโด่งที่ 81ล้านเสียง มากกว่าฐานเสียงคะแนนความนิยมของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของเดโมแครตถึง 20 ล้านเสียง!!!!
    .
    เรื่องนี้จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ยกเว้นว่า พวกเดโมแครต และไบเดนปล้นชัยชนะจากทรัมป์ในการเลือกต้ัง โดยโมเมตัวเลขคะแนนความนิยมเพิ่มขึ้นมาถึง 20 ล้านเสียง ผ่านคะแนนที่มาจากจากโหวตทางไปรษณีย์ หรือเครื่องนับคะแนนDominionที่มีการตั้งโปรแกรมการนับคะแนนแบบมีข้อกังขา คะแนนของทรัมป์ที่ได้ 74 ล้านเสียง ในการแข่งกับไบเดนคร้ังนั้นถือว่าเป็นประวัติการณ์อยู่แล้ว ไม่มีใครสามารถเอาชนะได้ เดโมแครตทำโพลแบบลับๆเห็นตัวเลขคะแนนความนิยมที่สูงเป็นประวัติการณ์ของทรัมป์อยู่แล้วจึงต้องหาทางปั่นตัวเลขให้ไบเดนให้ได้คะแนนความนิยมสูงเสียดฟ้าไม่งั้นไม่ชนะ โดยใช้ conspiracy ของการแพร่ระขาดของไวรัสโควิดเพื่อทำลายเศรษฐกิจของจีน และผลกระทบข้างเคียงที่ตามมาในการกักคนห้ามออกนอกบ้าน ทำให้คนอเมริกันไปโหวตที่ศูนย์เลือกตั้งไม่ได้ ต้องโหวตผ่านไปรษณีย์เป็นจำนวนมาก ซึ่งเปิดโอกาสให้มีการโกงการเลือกตั้งได้ง่ายผ่านบัตรผี หรือทำลายบัตรที่ลงคะแนนให้ทรัมป์
    .
    องคายพของระบบการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐถูกควบคุมโดยเดโมแครตเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าเจ้าหน้าที่ดูแลการเลือกตั้งในรัฐสมรภูมิ นักการเมืองท้องถิ่น อัยการ ศาล รวมท้ังสื่อท้ังกระแสหลัก และสื่อออนไลน์ต่างก็ให้การสนับสนุนฝ่ายลิเบอรัลเดโมแครตอยู่แล้ว การโกงชัยชนะของทรัมป์จึงสามารถทำได้ โดยที่ไบเดนแทบที่จะไม่ต้องแคมเปญอะไรมาก เพราะรู้ผลการเลือกตั้งล่วงหน้าอยู่แล้ว ผลประโยชน์ของการเข้ามามีอำนาจทางการเมืองในวอชิงตันดี ซีมากมายมหาศาลจึงเป็นเรื่องที่เดโมแครตต้องทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะ
    .
    แต่การเลือกต้ังเมื่อวานนี้ เดโมแครตทำอะไรทรัมป์ไม่ได้ เพราะว่ากระแสความนิยมในตัวทรัมป์เดิมทีดีอยู่แล้ว จะโกงทรัมป์อีกรอบเป็นเรื่องยากดั่งเข็นครกขึ้นภูเขา และยิ่งตลอดระยะเวลา4ปีที่ผ่านมาของการบริหารงานของไบเดน และแฮร์ริสเป็นไปอย่างล้มเหลว โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจ และการอพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายของชาวต่างชาติ คนอเมริกันส่วนมากปากกัดตีนถีบเพราะของแพงเงินเฟ้อ ค่าเช่าบ้านแทบจะจ่ายไม่ไหวจึงไม่พอใจไบเดนเป็นอย่างมาก ยิ่งแฮร์ริสหาเสียงด้วยธีมที่ว่าเธอจะสานต่อนโยบายของไบเดนต่อไป ก็เท่ากับว่าเธอจะเดินหน้าดำเนินนโยบายที่ล้มเหลวต่อไปอีก 4 ปี ถ้าหากชนะเลือกตั้ง ซึ่งถือว่าเป็นฝันร้ายสำหรับคนอเมริกันที่มีสิทธิ์โหวต
    .
    CNN ทำสำรวจ exit poll ที่เผยแพร่ในวันเลือกตั้งประธานาธิบดี ปรากฏว่าคนอเมริกันประมาณ 70% ไม่พอใจในสภาพของบ้านเมืองอเมริกัน และต้องการความเปลี่ยนแปลง ตรงกันข้ามกับข้อมูลที่รัฐบาลสหรัฐเผยแพร่มาตลอดว่าเศรษฐกิจดี การจ้างงานยังแข็งแกร่ง ตลาดหุ้นตลาดการเงินไปโลดสร้างสถิติใหม่ตลอด ท้ังนี้เพราะว่าตลาดการเงินแยกตัวออกจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แท้จริงมาตั้งนานแล้ว คนที่มีทรัพย์สินในตลาดการเงินจึงพอใจกับสภาพที่เป็นอยู่ เพราะว่าทรัพย์สินทางการเงินเพิ่มมูลค่าอย่างมาก ในขณะที่คนส่วนมากที่อยู่กับเศรษฐกิจที่แท้จริงต่างลำบากกันถ้วนหน้ากับเงินเฟ้อ และงานที่ให้ค่าจ้างดีๆที่หายากลำบาก
    .
    Chris Wallace ผู้ประกาศข่าวของ CNN จึงพูดในรายการที่รายงานการเลือกต้ังว่า ด้วยตัวเลขจากเอ็กซิตโพลที่คนอเมริกันส่วนมากไม่พอใจกับสภาพเศรษฐกิจ หรือปัญหาของบ้านเมือง มันจะเป็นส่ิงมหัศจรรย์สำหรับแฮร์ริสที่จะชนะการเลือกต้ัง และมันก็เป็นเช่นนั้น ไม่มีสิ่งมหัศจรรย์สำหรับแฮร์ริสในการพลิกผลของการเลือกตั้ง เพราะว่าคนอเมริกันส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ออกมาใช้สิทธิ์คร้ังแรก หรือคนที่ไม่สังกัดพรรคใดโหวตให้ทรัมป์ เพราะว่าต้องการความเปลี่ยนแปลง เห็นทรัมป์เป็นความหวังว่าจะทำให้บ้านเมืองดีขึ้น เพราะว่าทรัมป์เป็นคนนอก ไม่ใช่เป็นคนในของระบบการเมืองอเมริกันที่ผูกขาดอำนาจ
    .
    ชัยชนะของทรัมป์ทำให้เราเห็นได้ชัดเจนว่าโพลต่างๆเชื่อถือไม่ได้แม้แต่น้อย เพราะส่วนมากให้แฮร์ริสชนะ สื่อกระแสหลักและสื่อออนไลน์ที่ทรงพลังก็ไม่มีความน่าเชื่อถือพอๆกัน เพราะว่าถือหางแฮร์ริส และรายงานทรัมป์ในแง่ลบมาตลอด คนที่เชื่อในโพลของสื่อหรือสำนักกระแสหลัก หรือเชื่อในสื่อกระแสหลักของสื่อออนไลน์ที่ทรงพลังจะได้ข้อมูลที่บิดเบือนหรือไม่ก็โกหกกันอย่างโจ่งแจ้ง เมื่อปรากฎผลว่าทรัมป์ชนะแฮร์ริสอย่างถล่มทลาย หลายคนยอมรับไม่ได้ เพราะว่ายังติดหล่มกับความเชื่อเดิมที่ถูกฝังหัว แต่คนส่วนมากเริ่มที่จะตื่นรู้ว่าถูกแหกตามาตลอด
    .
    ได้เวลาปฏิรูประบบเสียที เพื่อว่าสังคมจะได้กลับเข้ามาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ไม่ใช่โลกที่ถูกบิดเบือนด้วยภาพลวงตา
    ..............
    Sondhi X
    ทรัมป์ไม่เพียงชนะเลือกตั้ง แต่มีชัยเหนือภาพลวงตาที่ฝั่งหัวประชาชนมานาน ..... โดยทนง ขันทอง . ในการเลือกตั้งปี 2020 โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งลงชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง ได้คะแนนเสียงจากคนอเมริกันทั้งหมด (popular votes) 74 ล้านเสียง ถือว่าเป็นประวัติการณ์เลยทีเดียว แต่ทรัมป์กลับต้องพ่ายแพ้ต่อโจ ไบเดนที่ได้คะแนน 81ล้านเสียง ที่เหนือกว่าประวัติการณ์เสียอีก . มองด้วยสามัญสำนึกธรรมดาจะเห็นทันทีเลยว่า ไม่มีทางที่นักการเมืองที่น่าเบื่ออย่างไบเดนที่เป็นส่วนหนึ่งของพวกอำนาจรัฐ (Establishment) จะได้คะแนนความนิยมมากมายอย่างนี้ มันเป็นเรื่องยากที่ไบเดนจะสามารถเอาชนะทรัมป์ที่ครองอำนาจอยู่ในทำเนียบขาวอยู่แล้ว และมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่ไบเดนจะมีคะแนนความนิยมมากกว่าโอบามาที่ได้คะแนนความนิยมเสียง 65ล้านเสียง ในการชนะการเลือกตั้งในปี 2012 หรือฮิลลารี่ที่ได้คะแนนความนิยม 65 ล้านเสียงในปี 2016 อย่างมีนัยสำคัญ . หันกลับมาดูการเลือกตั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทรัมป์ชนะเลือกตั้งกลับมาเป็นประธานาธิบดีในสมัยที่สองด้วยคะแนนความนิยม 72 ล้านเสียง เทียบกับกมลา แฮร์ริสที่ได้ 67ล้านเสียง โดยชนะแบบแลนด์สไลด์ขาดลอย . สรุปภาพรวมแล้ว ตัวแทนจากเดโมแครตที่ลงเลือกตั้งประธานาธิบดี ไม่ว่าจะเป็นโอบามา ฮิลลารี่ หรือแฮร์ริสมีฐานเสียงคะแนนความนิยมพอๆกันที่ประมาณ 65 ล้านเสียง แล้วจู่ๆ ไบเดนจะชนะการเลือกต้ังในปี 2020 ได้อย่างไรด้วยคะแนนความนิยมที่นำโด่งที่ 81ล้านเสียง มากกว่าฐานเสียงคะแนนความนิยมของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของเดโมแครตถึง 20 ล้านเสียง!!!! . เรื่องนี้จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ยกเว้นว่า พวกเดโมแครต และไบเดนปล้นชัยชนะจากทรัมป์ในการเลือกต้ัง โดยโมเมตัวเลขคะแนนความนิยมเพิ่มขึ้นมาถึง 20 ล้านเสียง ผ่านคะแนนที่มาจากจากโหวตทางไปรษณีย์ หรือเครื่องนับคะแนนDominionที่มีการตั้งโปรแกรมการนับคะแนนแบบมีข้อกังขา คะแนนของทรัมป์ที่ได้ 74 ล้านเสียง ในการแข่งกับไบเดนคร้ังนั้นถือว่าเป็นประวัติการณ์อยู่แล้ว ไม่มีใครสามารถเอาชนะได้ เดโมแครตทำโพลแบบลับๆเห็นตัวเลขคะแนนความนิยมที่สูงเป็นประวัติการณ์ของทรัมป์อยู่แล้วจึงต้องหาทางปั่นตัวเลขให้ไบเดนให้ได้คะแนนความนิยมสูงเสียดฟ้าไม่งั้นไม่ชนะ โดยใช้ conspiracy ของการแพร่ระขาดของไวรัสโควิดเพื่อทำลายเศรษฐกิจของจีน และผลกระทบข้างเคียงที่ตามมาในการกักคนห้ามออกนอกบ้าน ทำให้คนอเมริกันไปโหวตที่ศูนย์เลือกตั้งไม่ได้ ต้องโหวตผ่านไปรษณีย์เป็นจำนวนมาก ซึ่งเปิดโอกาสให้มีการโกงการเลือกตั้งได้ง่ายผ่านบัตรผี หรือทำลายบัตรที่ลงคะแนนให้ทรัมป์ . องคายพของระบบการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐถูกควบคุมโดยเดโมแครตเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าเจ้าหน้าที่ดูแลการเลือกตั้งในรัฐสมรภูมิ นักการเมืองท้องถิ่น อัยการ ศาล รวมท้ังสื่อท้ังกระแสหลัก และสื่อออนไลน์ต่างก็ให้การสนับสนุนฝ่ายลิเบอรัลเดโมแครตอยู่แล้ว การโกงชัยชนะของทรัมป์จึงสามารถทำได้ โดยที่ไบเดนแทบที่จะไม่ต้องแคมเปญอะไรมาก เพราะรู้ผลการเลือกตั้งล่วงหน้าอยู่แล้ว ผลประโยชน์ของการเข้ามามีอำนาจทางการเมืองในวอชิงตันดี ซีมากมายมหาศาลจึงเป็นเรื่องที่เดโมแครตต้องทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะ . แต่การเลือกต้ังเมื่อวานนี้ เดโมแครตทำอะไรทรัมป์ไม่ได้ เพราะว่ากระแสความนิยมในตัวทรัมป์เดิมทีดีอยู่แล้ว จะโกงทรัมป์อีกรอบเป็นเรื่องยากดั่งเข็นครกขึ้นภูเขา และยิ่งตลอดระยะเวลา4ปีที่ผ่านมาของการบริหารงานของไบเดน และแฮร์ริสเป็นไปอย่างล้มเหลว โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจ และการอพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายของชาวต่างชาติ คนอเมริกันส่วนมากปากกัดตีนถีบเพราะของแพงเงินเฟ้อ ค่าเช่าบ้านแทบจะจ่ายไม่ไหวจึงไม่พอใจไบเดนเป็นอย่างมาก ยิ่งแฮร์ริสหาเสียงด้วยธีมที่ว่าเธอจะสานต่อนโยบายของไบเดนต่อไป ก็เท่ากับว่าเธอจะเดินหน้าดำเนินนโยบายที่ล้มเหลวต่อไปอีก 4 ปี ถ้าหากชนะเลือกตั้ง ซึ่งถือว่าเป็นฝันร้ายสำหรับคนอเมริกันที่มีสิทธิ์โหวต . CNN ทำสำรวจ exit poll ที่เผยแพร่ในวันเลือกตั้งประธานาธิบดี ปรากฏว่าคนอเมริกันประมาณ 70% ไม่พอใจในสภาพของบ้านเมืองอเมริกัน และต้องการความเปลี่ยนแปลง ตรงกันข้ามกับข้อมูลที่รัฐบาลสหรัฐเผยแพร่มาตลอดว่าเศรษฐกิจดี การจ้างงานยังแข็งแกร่ง ตลาดหุ้นตลาดการเงินไปโลดสร้างสถิติใหม่ตลอด ท้ังนี้เพราะว่าตลาดการเงินแยกตัวออกจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แท้จริงมาตั้งนานแล้ว คนที่มีทรัพย์สินในตลาดการเงินจึงพอใจกับสภาพที่เป็นอยู่ เพราะว่าทรัพย์สินทางการเงินเพิ่มมูลค่าอย่างมาก ในขณะที่คนส่วนมากที่อยู่กับเศรษฐกิจที่แท้จริงต่างลำบากกันถ้วนหน้ากับเงินเฟ้อ และงานที่ให้ค่าจ้างดีๆที่หายากลำบาก . Chris Wallace ผู้ประกาศข่าวของ CNN จึงพูดในรายการที่รายงานการเลือกต้ังว่า ด้วยตัวเลขจากเอ็กซิตโพลที่คนอเมริกันส่วนมากไม่พอใจกับสภาพเศรษฐกิจ หรือปัญหาของบ้านเมือง มันจะเป็นส่ิงมหัศจรรย์สำหรับแฮร์ริสที่จะชนะการเลือกต้ัง และมันก็เป็นเช่นนั้น ไม่มีสิ่งมหัศจรรย์สำหรับแฮร์ริสในการพลิกผลของการเลือกตั้ง เพราะว่าคนอเมริกันส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ออกมาใช้สิทธิ์คร้ังแรก หรือคนที่ไม่สังกัดพรรคใดโหวตให้ทรัมป์ เพราะว่าต้องการความเปลี่ยนแปลง เห็นทรัมป์เป็นความหวังว่าจะทำให้บ้านเมืองดีขึ้น เพราะว่าทรัมป์เป็นคนนอก ไม่ใช่เป็นคนในของระบบการเมืองอเมริกันที่ผูกขาดอำนาจ . ชัยชนะของทรัมป์ทำให้เราเห็นได้ชัดเจนว่าโพลต่างๆเชื่อถือไม่ได้แม้แต่น้อย เพราะส่วนมากให้แฮร์ริสชนะ สื่อกระแสหลักและสื่อออนไลน์ที่ทรงพลังก็ไม่มีความน่าเชื่อถือพอๆกัน เพราะว่าถือหางแฮร์ริส และรายงานทรัมป์ในแง่ลบมาตลอด คนที่เชื่อในโพลของสื่อหรือสำนักกระแสหลัก หรือเชื่อในสื่อกระแสหลักของสื่อออนไลน์ที่ทรงพลังจะได้ข้อมูลที่บิดเบือนหรือไม่ก็โกหกกันอย่างโจ่งแจ้ง เมื่อปรากฎผลว่าทรัมป์ชนะแฮร์ริสอย่างถล่มทลาย หลายคนยอมรับไม่ได้ เพราะว่ายังติดหล่มกับความเชื่อเดิมที่ถูกฝังหัว แต่คนส่วนมากเริ่มที่จะตื่นรู้ว่าถูกแหกตามาตลอด . ได้เวลาปฏิรูประบบเสียที เพื่อว่าสังคมจะได้กลับเข้ามาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ไม่ใช่โลกที่ถูกบิดเบือนด้วยภาพลวงตา .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Yay
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1100 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts