• Microsoft ได้เปิดตัว BitNet b1.58 2B4T ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้หน่วยความจำเพียง 400MB โดยไม่ต้องใช้ GPU โมเดลนี้ใช้เทคนิค ternary quantization ซึ่งช่วยลดขนาดของโมเดลโดยใช้เพียง -1, 0 และ +1 แทนค่าถ่วงน้ำหนักแบบดั้งเดิม ทำให้สามารถทำงานบนฮาร์ดแวร์มาตรฐาน เช่น Apple M2 chip ได้อย่างราบรื่น

    ✅ BitNet ใช้หน่วยความจำเพียง 400MB และไม่ต้องใช้ GPU
    - สามารถทำงานบน CPU มาตรฐานโดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ AI เฉพาะทาง
    - ใช้พลังงานน้อยกว่ารุ่นอื่นถึง 85-96%

    ✅ ใช้เทคนิค ternary quantization เพื่อลดขนาดโมเดล
    - แทนค่าถ่วงน้ำหนักด้วย -1, 0 และ +1 แทนที่จะใช้ตัวเลขทศนิยมแบบ 16 หรือ 32 บิต
    - ช่วยให้โมเดลมีประสิทธิภาพสูงขึ้นโดยไม่สูญเสียความแม่นยำ

    ✅ BitNet มีพารามิเตอร์ 2 พันล้านตัวและถูกฝึกด้วยข้อมูล 4 ล้านล้านโทเค็น
    - เทียบเท่ากับเนื้อหาของหนังสือ 33 ล้านเล่ม
    - สามารถแข่งขันกับโมเดลชั้นนำ เช่น Llama 3.2 1B, Gemma 3 1B และ Qwen 2.5 1.5B

    ✅ สามารถทำงานบนเฟรมเวิร์ก bitnet.cpp ที่พัฒนาโดย Microsoft
    - เฟรมเวิร์กนี้ช่วยให้โมเดลทำงานได้เร็วขึ้นและใช้ทรัพยากรน้อยลง
    - รองรับเฉพาะ CPU ในปัจจุบัน แต่มีแผนที่จะเพิ่มการรองรับฮาร์ดแวร์อื่นๆ ในอนาคต

    https://www.techspot.com/news/107617-microsoft-bitnet-shows-what-ai-can-do-400mb.html
    Microsoft ได้เปิดตัว BitNet b1.58 2B4T ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้หน่วยความจำเพียง 400MB โดยไม่ต้องใช้ GPU โมเดลนี้ใช้เทคนิค ternary quantization ซึ่งช่วยลดขนาดของโมเดลโดยใช้เพียง -1, 0 และ +1 แทนค่าถ่วงน้ำหนักแบบดั้งเดิม ทำให้สามารถทำงานบนฮาร์ดแวร์มาตรฐาน เช่น Apple M2 chip ได้อย่างราบรื่น ✅ BitNet ใช้หน่วยความจำเพียง 400MB และไม่ต้องใช้ GPU - สามารถทำงานบน CPU มาตรฐานโดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ AI เฉพาะทาง - ใช้พลังงานน้อยกว่ารุ่นอื่นถึง 85-96% ✅ ใช้เทคนิค ternary quantization เพื่อลดขนาดโมเดล - แทนค่าถ่วงน้ำหนักด้วย -1, 0 และ +1 แทนที่จะใช้ตัวเลขทศนิยมแบบ 16 หรือ 32 บิต - ช่วยให้โมเดลมีประสิทธิภาพสูงขึ้นโดยไม่สูญเสียความแม่นยำ ✅ BitNet มีพารามิเตอร์ 2 พันล้านตัวและถูกฝึกด้วยข้อมูล 4 ล้านล้านโทเค็น - เทียบเท่ากับเนื้อหาของหนังสือ 33 ล้านเล่ม - สามารถแข่งขันกับโมเดลชั้นนำ เช่น Llama 3.2 1B, Gemma 3 1B และ Qwen 2.5 1.5B ✅ สามารถทำงานบนเฟรมเวิร์ก bitnet.cpp ที่พัฒนาโดย Microsoft - เฟรมเวิร์กนี้ช่วยให้โมเดลทำงานได้เร็วขึ้นและใช้ทรัพยากรน้อยลง - รองรับเฉพาะ CPU ในปัจจุบัน แต่มีแผนที่จะเพิ่มการรองรับฮาร์ดแวร์อื่นๆ ในอนาคต https://www.techspot.com/news/107617-microsoft-bitnet-shows-what-ai-can-do-400mb.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Microsoft's BitNet shows what AI can do with just 400MB and no GPU
    The BitNet b1.58 2B4T model was developed by Microsoft's General Artificial Intelligence group and contains two billion parameters – internal values that enable the model to understand...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึง FramePack ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่ช่วยให้การสร้างวิดีโอด้วย AI สามารถทำได้บน GPU สำหรับเล่นเกมที่มีหน่วยความจำเพียง 6GB VRAM โดย FramePack ใช้เทคนิคการบีบอัดเฟรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้หน่วยความจำ GPU ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถสร้างวิดีโอ AI ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเซิร์ฟเวอร์ที่มีค่าใช้จ่ายสูง

    ✅ FramePack ช่วยให้การสร้างวิดีโอ AI ทำได้บน GPU ที่มี VRAM เพียง 6GB
    - ใช้เทคนิคการบีบอัดเฟรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้หน่วยความจำ
    - รองรับ GPU รุ่น RTX 30/40/50 ที่มีการสนับสนุน FP16 และ BF16

    ✅ FramePack ใช้สถาปัตยกรรมที่ลดการใช้หน่วยความจำ GPU
    - บีบอัดเฟรมตามความสำคัญเพื่อให้ได้ความยาวคอนเท็กซ์ที่เหมาะสม
    - ลดปัญหา "drifting" ที่ทำให้คุณภาพวิดีโอลดลงเมื่อวิดีโอมีความยาวมากขึ้น

    ✅ สามารถสร้างวิดีโอคุณภาพสูงได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเซิร์ฟเวอร์
    - ช่วยลดค่าใช้จ่ายและทำให้การสร้างวิดีโอ AI เข้าถึงได้ง่ายขึ้น

    ✅ เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป เช่น การสร้าง GIF และมีม
    - แม้ไม่ใช่ครีเอเตอร์มืออาชีพ ก็สามารถใช้งาน FramePack เพื่อความบันเทิงได้

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/framepack-can-generate-ai-videos-locally-with-just-6gb-of-vram
    บทความนี้กล่าวถึง FramePack ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่ช่วยให้การสร้างวิดีโอด้วย AI สามารถทำได้บน GPU สำหรับเล่นเกมที่มีหน่วยความจำเพียง 6GB VRAM โดย FramePack ใช้เทคนิคการบีบอัดเฟรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้หน่วยความจำ GPU ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถสร้างวิดีโอ AI ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเซิร์ฟเวอร์ที่มีค่าใช้จ่ายสูง ✅ FramePack ช่วยให้การสร้างวิดีโอ AI ทำได้บน GPU ที่มี VRAM เพียง 6GB - ใช้เทคนิคการบีบอัดเฟรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้หน่วยความจำ - รองรับ GPU รุ่น RTX 30/40/50 ที่มีการสนับสนุน FP16 และ BF16 ✅ FramePack ใช้สถาปัตยกรรมที่ลดการใช้หน่วยความจำ GPU - บีบอัดเฟรมตามความสำคัญเพื่อให้ได้ความยาวคอนเท็กซ์ที่เหมาะสม - ลดปัญหา "drifting" ที่ทำให้คุณภาพวิดีโอลดลงเมื่อวิดีโอมีความยาวมากขึ้น ✅ สามารถสร้างวิดีโอคุณภาพสูงได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเซิร์ฟเวอร์ - ช่วยลดค่าใช้จ่ายและทำให้การสร้างวิดีโอ AI เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ✅ เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป เช่น การสร้าง GIF และมีม - แม้ไม่ใช่ครีเอเตอร์มืออาชีพ ก็สามารถใช้งาน FramePack เพื่อความบันเทิงได้ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/framepack-can-generate-ai-videos-locally-with-just-6gb-of-vram
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง วิดีโอ AI ผ่าน Gemini chatbot และ Whisk ซึ่งเป็นเครื่องมือทดลองที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว โดยใช้โมเดล Veo 2 ที่พัฒนาโดย Google DeepMind

    ✅ Google เปิดตัวฟีเจอร์สร้างวิดีโอ AI ผ่าน Gemini และ Whisk
    - ใช้โมเดล Veo 2 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุดของ Google DeepMind
    - สามารถสร้างวิดีโอ 8 วินาที ในความละเอียด 720p (16:9 aspect ratio)

    ✅ การใช้งานผ่าน Gemini Advanced
    - ผู้ใช้สามารถเลือก Veo 2 จากเมนูโมเดลใน Gemini
    - พิมพ์คำอธิบายฉากที่ต้องการ และ AI จะสร้างวิดีโอให้

    ✅ Whisk Animate: ฟีเจอร์ใหม่สำหรับการสร้างวิดีโอจากภาพ
    - ใช้ Veo 2 ในการแปลงภาพนิ่งเป็นวิดีโอ 8 วินาที
    - เปิดให้ใช้งานสำหรับ Google One AI Premium subscribers

    ✅ การแชร์วิดีโอไปยังแพลตฟอร์มต่างๆ
    - Google มีตัวเลือกให้แชร์วิดีโอไปยัง YouTube Shorts และ TikTok ได้โดยตรง

    ✅ มาตรการป้องกันการใช้ AI ในทางที่ผิด
    - วิดีโอที่สร้างด้วย Veo 2 จะมี SynthID watermark ฝังอยู่ในทุกเฟรม เพื่อระบุว่าเป็นวิดีโอที่สร้างโดย AI

    ℹ️ ข้อจำกัดในการสร้างวิดีโอ
    - Google จำกัดจำนวนวิดีโอที่สามารถสร้างได้ต่อเดือน เพื่อป้องกันการใช้ทรัพยากร GPU มากเกินไป

    ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมวิดีโอและครีเอเตอร์
    - เทคโนโลยีนี้อาจส่งผลต่อ ผู้ผลิตวิดีโอและนักสร้างคอนเทนต์ ที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับ AI

    ℹ️ แนวโน้มของ AI ในการสร้างวิดีโอ
    - Google อาจพัฒนา Veo 3 ในอนาคตเพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างวิดีโอที่ซับซ้อนขึ้น

    https://www.neowin.net/news/you-can-now-generate-ai-videos-in-google-gemini-and-whisk/
    Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง วิดีโอ AI ผ่าน Gemini chatbot และ Whisk ซึ่งเป็นเครื่องมือทดลองที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว โดยใช้โมเดล Veo 2 ที่พัฒนาโดย Google DeepMind ✅ Google เปิดตัวฟีเจอร์สร้างวิดีโอ AI ผ่าน Gemini และ Whisk - ใช้โมเดล Veo 2 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุดของ Google DeepMind - สามารถสร้างวิดีโอ 8 วินาที ในความละเอียด 720p (16:9 aspect ratio) ✅ การใช้งานผ่าน Gemini Advanced - ผู้ใช้สามารถเลือก Veo 2 จากเมนูโมเดลใน Gemini - พิมพ์คำอธิบายฉากที่ต้องการ และ AI จะสร้างวิดีโอให้ ✅ Whisk Animate: ฟีเจอร์ใหม่สำหรับการสร้างวิดีโอจากภาพ - ใช้ Veo 2 ในการแปลงภาพนิ่งเป็นวิดีโอ 8 วินาที - เปิดให้ใช้งานสำหรับ Google One AI Premium subscribers ✅ การแชร์วิดีโอไปยังแพลตฟอร์มต่างๆ - Google มีตัวเลือกให้แชร์วิดีโอไปยัง YouTube Shorts และ TikTok ได้โดยตรง ✅ มาตรการป้องกันการใช้ AI ในทางที่ผิด - วิดีโอที่สร้างด้วย Veo 2 จะมี SynthID watermark ฝังอยู่ในทุกเฟรม เพื่อระบุว่าเป็นวิดีโอที่สร้างโดย AI ℹ️ ข้อจำกัดในการสร้างวิดีโอ - Google จำกัดจำนวนวิดีโอที่สามารถสร้างได้ต่อเดือน เพื่อป้องกันการใช้ทรัพยากร GPU มากเกินไป ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมวิดีโอและครีเอเตอร์ - เทคโนโลยีนี้อาจส่งผลต่อ ผู้ผลิตวิดีโอและนักสร้างคอนเทนต์ ที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับ AI ℹ️ แนวโน้มของ AI ในการสร้างวิดีโอ - Google อาจพัฒนา Veo 3 ในอนาคตเพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างวิดีโอที่ซับซ้อนขึ้น https://www.neowin.net/news/you-can-now-generate-ai-videos-in-google-gemini-and-whisk/
    WWW.NEOWIN.NET
    You can now generate AI videos in Google Gemini and Whisk
    Google is rolling out new video generation capabilities to the Gemini chatbot and the Labs experiment Whisk.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia RTX 5060 Ti ซึ่งยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ ได้มีการรั่วไหลของข้อมูลการทดสอบประสิทธิภาพที่แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า RTX 4060 Ti โดยมีการคาดการณ์ว่าจะมีราคาถูกกว่า แต่ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับราคาที่อาจเพิ่มขึ้นในตลาด GPU ปัจจุบัน

    ✅ การปรับปรุงประสิทธิภาพ:
    - RTX 5060 Ti มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึง 14% เมื่อเทียบกับ RTX 4060 Ti ในการทดสอบด้วย Vulkan API
    - GPU รุ่นใหม่นี้มีฟีเจอร์ Multi-Frame Generation ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์การเล่นเกมด้วยการสร้างเฟรมเพิ่มเติมโดยใช้ AI

    ✅ ความจุ VRAM:
    - RTX 5060 Ti มีรุ่น 16GB และ 8GB ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับ RTX 5070 ที่มี VRAM 12GB

    ✅ ความกังวลด้านราคา:
    - แม้จะมีการคาดการณ์ว่าราคาจะถูกกว่า RTX 4060 Ti แต่ตลาด GPU ปัจจุบันยังคงมีปัญหาเรื่องราคาที่สูงเกินไป

    ✅ การเปิดตัว:
    - มีการคาดการณ์ว่า RTX 5060 Ti จะเปิดตัวในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

    https://www.techradar.com/computing/gpu/nvidia-rtx-5060-ti-benchmark-leak-hints-at-performance-boost-over-its-predecessor-but-it-wont-matter-if-it-doesnt-stay-at-retail-price
    Nvidia RTX 5060 Ti ซึ่งยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ ได้มีการรั่วไหลของข้อมูลการทดสอบประสิทธิภาพที่แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า RTX 4060 Ti โดยมีการคาดการณ์ว่าจะมีราคาถูกกว่า แต่ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับราคาที่อาจเพิ่มขึ้นในตลาด GPU ปัจจุบัน ✅ การปรับปรุงประสิทธิภาพ: - RTX 5060 Ti มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึง 14% เมื่อเทียบกับ RTX 4060 Ti ในการทดสอบด้วย Vulkan API - GPU รุ่นใหม่นี้มีฟีเจอร์ Multi-Frame Generation ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์การเล่นเกมด้วยการสร้างเฟรมเพิ่มเติมโดยใช้ AI ✅ ความจุ VRAM: - RTX 5060 Ti มีรุ่น 16GB และ 8GB ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับ RTX 5070 ที่มี VRAM 12GB ✅ ความกังวลด้านราคา: - แม้จะมีการคาดการณ์ว่าราคาจะถูกกว่า RTX 4060 Ti แต่ตลาด GPU ปัจจุบันยังคงมีปัญหาเรื่องราคาที่สูงเกินไป ✅ การเปิดตัว: - มีการคาดการณ์ว่า RTX 5060 Ti จะเปิดตัวในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า https://www.techradar.com/computing/gpu/nvidia-rtx-5060-ti-benchmark-leak-hints-at-performance-boost-over-its-predecessor-but-it-wont-matter-if-it-doesnt-stay-at-retail-price
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้เปิดตัว WHAMM (World and Human Action MaskGIT Model) ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่สามารถสร้างเฟรมของเกม Quake II แบบเรียลไทม์ โดยมีเป้าหมายเพื่อสำรวจศักยภาพของ AI ในการพัฒนาเกม อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ได้รับทั้งคำชื่นชมและคำวิจารณ์จากผู้คนในวงการ

    🌐 จุดเด่นของ WHAMM AI Quake Demo:
    🕹️ การสร้างเฟรมแบบเรียลไทม์: AI สามารถสร้างเฟรมของเกม Quake II ได้ในขณะที่เล่นผ่านเบราว์เซอร์

    💡 การสำรวจเทคโนโลยี: Microsoft ระบุว่าโครงการนี้ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อแทนที่เกมต้นฉบับ แต่เพื่อทดลองความสามารถของ AI ในการสร้างเกม

    ⚠️ คำวิจารณ์และการป้องกัน:
    🎯 ข้อกังวลจากนักพัฒนา: บางคนมองว่าเทคโนโลยีนี้อาจลดคุณค่าของงานนักพัฒนาเกม และอาจส่งผลกระทบต่ออาชีพในวงการ

    🛠️ การป้องกันจากผู้เชี่ยวชาญ: John Carmack ผู้ร่วมสร้าง Quake และ Tim Sweeney CEO ของ Epic Games ชี้ว่า AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับนักพัฒนา และไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อแทนที่มนุษย์

    https://www.techspot.com/news/107483-john-carmack-tim-sweeney-defend-microsoft-whamm-ai.html
    Microsoft ได้เปิดตัว WHAMM (World and Human Action MaskGIT Model) ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่สามารถสร้างเฟรมของเกม Quake II แบบเรียลไทม์ โดยมีเป้าหมายเพื่อสำรวจศักยภาพของ AI ในการพัฒนาเกม อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ได้รับทั้งคำชื่นชมและคำวิจารณ์จากผู้คนในวงการ 🌐 จุดเด่นของ WHAMM AI Quake Demo: 🕹️ การสร้างเฟรมแบบเรียลไทม์: AI สามารถสร้างเฟรมของเกม Quake II ได้ในขณะที่เล่นผ่านเบราว์เซอร์ 💡 การสำรวจเทคโนโลยี: Microsoft ระบุว่าโครงการนี้ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อแทนที่เกมต้นฉบับ แต่เพื่อทดลองความสามารถของ AI ในการสร้างเกม ⚠️ คำวิจารณ์และการป้องกัน: 🎯 ข้อกังวลจากนักพัฒนา: บางคนมองว่าเทคโนโลยีนี้อาจลดคุณค่าของงานนักพัฒนาเกม และอาจส่งผลกระทบต่ออาชีพในวงการ 🛠️ การป้องกันจากผู้เชี่ยวชาญ: John Carmack ผู้ร่วมสร้าง Quake และ Tim Sweeney CEO ของ Epic Games ชี้ว่า AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับนักพัฒนา และไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อแทนที่มนุษย์ https://www.techspot.com/news/107483-john-carmack-tim-sweeney-defend-microsoft-whamm-ai.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    John Carmack and Tim Sweeney defend Microsoft's WHAMM AI Quake demo
    Last week, Microsoft released a tech demo of its WHAMM (World and Human Action MaskGIT Model) "game engine." The research project showed that the model could generate...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • IBM เปิดตัวเมนเฟรม z17 ที่ผสานความสามารถด้าน AI ขั้นสูงและความปลอดภัยในระดับองค์กร โดยใช้ชิป Telum II และการ์ด Spyre Accelerator เพื่อการประมวลผลที่รวดเร็วและแม่นยำในต้นทุนที่คุ้มค่า เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการเพิ่มพลังงาน AI ในงานสำคัญ

    ✅ ประสิทธิภาพขั้นสูง:
    - ใช้ชิป Telum II Processor ที่มาพร้อม 8 คอร์ ความเร็ว 5.5 GHz พร้อมการจัดการแคชที่ใหญ่ขึ้นกว่า 40% ทำให้ตอบสนองงานที่ต้องการได้รวดเร็ว
    - สนับสนุน AI ที่เพิ่มขึ้นถึง 50% พร้อมความแม่นยำในการตรวจจับความผิดปกติและพฤติกรรมที่น่าสงสัย

    ✅ AI ที่ชาญฉลาด:
    - หน่วย AI ใน Telum II สามารถประมวลผลได้ถึง 24 ล้านล้านรายการต่อวินาที ด้วยเทคนิคที่รองรับ Machine Learning และ Large-Language Model เพื่อการวิเคราะห์เชิงลึกในเวลาที่แม่นยำ

    ✅ Spyre Accelerator:
    - IBM ยังเปิดตัวการ์ด AI Spyre ที่เพิ่มความสามารถในการประมวลผล AI ได้มากขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการพลังงาน AI ที่เหนือกว่า

    ✅ ความปลอดภัยและการจัดเก็บข้อมูล:
    - z17 มาพร้อมกับระบบ IBM Vault ที่ช่วยจัดการข้อมูลสำคัญ เช่น Credentials และ Keys รวมถึงการตรวจจับความผิดปกติในระดับฮาร์ดแวร์ นอกจากนี้ ระบบจัดเก็บข้อมูล DS8000 Gen10 ยังช่วยให้การทำธุรกรรมเร็วขึ้น และเพิ่มความเสถียรภาพของข้อมูล

    ✅ มุมมองอนาคตและการใช้งานที่หลากหลาย:
    - IBM z17 ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์สำหรับธุรกรรมและงานที่สำคัญเท่านั้น แต่ยังช่วยองค์กรปรับใช้ AI ในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในต้นทุนที่เหมาะสม
    - ระบบปฏิบัติการใหม่ z/OS 3.2 ซึ่งจะเปิดตัวในไตรมาสที่ 3 ของปี 2025 จะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูลใน Cloud และ NoSQL

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/ibm-boosts-mainframes-with-50-percent-more-ai-performance-z17-features-telum-ii-chip-with-ai-accelerators
    IBM เปิดตัวเมนเฟรม z17 ที่ผสานความสามารถด้าน AI ขั้นสูงและความปลอดภัยในระดับองค์กร โดยใช้ชิป Telum II และการ์ด Spyre Accelerator เพื่อการประมวลผลที่รวดเร็วและแม่นยำในต้นทุนที่คุ้มค่า เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการเพิ่มพลังงาน AI ในงานสำคัญ ✅ ประสิทธิภาพขั้นสูง: - ใช้ชิป Telum II Processor ที่มาพร้อม 8 คอร์ ความเร็ว 5.5 GHz พร้อมการจัดการแคชที่ใหญ่ขึ้นกว่า 40% ทำให้ตอบสนองงานที่ต้องการได้รวดเร็ว - สนับสนุน AI ที่เพิ่มขึ้นถึง 50% พร้อมความแม่นยำในการตรวจจับความผิดปกติและพฤติกรรมที่น่าสงสัย ✅ AI ที่ชาญฉลาด: - หน่วย AI ใน Telum II สามารถประมวลผลได้ถึง 24 ล้านล้านรายการต่อวินาที ด้วยเทคนิคที่รองรับ Machine Learning และ Large-Language Model เพื่อการวิเคราะห์เชิงลึกในเวลาที่แม่นยำ ✅ Spyre Accelerator: - IBM ยังเปิดตัวการ์ด AI Spyre ที่เพิ่มความสามารถในการประมวลผล AI ได้มากขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการพลังงาน AI ที่เหนือกว่า ✅ ความปลอดภัยและการจัดเก็บข้อมูล: - z17 มาพร้อมกับระบบ IBM Vault ที่ช่วยจัดการข้อมูลสำคัญ เช่น Credentials และ Keys รวมถึงการตรวจจับความผิดปกติในระดับฮาร์ดแวร์ นอกจากนี้ ระบบจัดเก็บข้อมูล DS8000 Gen10 ยังช่วยให้การทำธุรกรรมเร็วขึ้น และเพิ่มความเสถียรภาพของข้อมูล ✅ มุมมองอนาคตและการใช้งานที่หลากหลาย: - IBM z17 ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์สำหรับธุรกรรมและงานที่สำคัญเท่านั้น แต่ยังช่วยองค์กรปรับใช้ AI ในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในต้นทุนที่เหมาะสม - ระบบปฏิบัติการใหม่ z/OS 3.2 ซึ่งจะเปิดตัวในไตรมาสที่ 3 ของปี 2025 จะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูลใน Cloud และ NoSQL https://www.tomshardware.com/tech-industry/ibm-boosts-mainframes-with-50-percent-more-ai-performance-z17-features-telum-ii-chip-with-ai-accelerators
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sigma มีข่าวลือที่กำลังเป็นที่สนใจในแวดวงการถ่ายภาพ โดยมีแผนพัฒนาเลนส์ 200mm f/1.8 Telephoto Prime ซึ่งจะเป็นเลนส์รุ่นแรกของโลกที่รองรับกล้องมิเรอร์เลสระบบ L-mount และ Sony E-mount นี่ถือเป็นการคืนชีพเทคโนโลยีที่เคยโดดเด่นในยุค DSLR หลังจากเลนส์ Canon EF 200mm f/1.8L USM เคยทำตลาดในช่วงปี 1988 ก่อนเลิกผลิตในปี 2004

    ✅ ความเร็วชัตเตอร์และการละลายฉากหลังในระดับใหม่
    - เลนส์ 200mm f/1.8 นำเสนอมิติใหม่สำหรับการถ่ายภาพ ด้วยความสามารถในการสร้างฉากหลังที่ละลาย (bokeh) อย่างนุ่มนวล และทำให้วัตถุหลักโดดเด่น
    - ด้วยรูรับแสงกว้างพิเศษ ช่วยให้ถ่ายในสถานการณ์แสงน้อยได้ง่ายขึ้น เช่น กีฬากลางคืนหรือถ่ายภาพในร่ม

    ✅ การรองรับหลากหลายการใช้งาน
    - สำหรับ ช่างภาพกีฬา เลนส์นี้ช่วยให้การจับภาพการเคลื่อนไหวทำได้รวดเร็ว และยังเหมาะสำหรับ ช่างภาพสัตว์ป่า ที่ต้องการจับภาพในสภาพแสงที่ท้าทาย
    - ช่างภาพพอร์ตเทรตและแลนด์สเคป จะได้เปรียบเรื่องการสร้างเอฟเฟกต์ภาพที่ดึงดูดสายตา

    ✅ การออกแบบตามมาตรฐานเลนส์ระดับสูงของ Sigma
    - ข่าวลือชี้ว่าเลนส์นี้อาจเป็นส่วนหนึ่งในไลน์ Sigma Sports ซึ่งให้ความสำคัญกับความคงทนและคุณภาพของภาพถ่าย

    Sigma เคยสร้างนวัตกรรมที่น่าทึ่ง เช่นเลนส์ซูม 28–45mm f/1.8 ซึ่งเป็นเลนส์ f/1.8 zoom ตัวแรกในโลกสำหรับกล้องฟูลเฟรม ดังนั้นหากข่าวลือเกี่ยวกับเลนส์ 200mm f/1.8 นี้เป็นจริง มันอาจเป็นก้าวสำคัญสำหรับช่างภาพทั่วโลก

    https://www.techradar.com/cameras/mirrorless-cameras/rumored-sigma-telephoto-prime-could-be-world-first-200mm-f1-8-for-mirrorless-and-it-sounds-like-a-next-level-portrait-lens
    Sigma มีข่าวลือที่กำลังเป็นที่สนใจในแวดวงการถ่ายภาพ โดยมีแผนพัฒนาเลนส์ 200mm f/1.8 Telephoto Prime ซึ่งจะเป็นเลนส์รุ่นแรกของโลกที่รองรับกล้องมิเรอร์เลสระบบ L-mount และ Sony E-mount นี่ถือเป็นการคืนชีพเทคโนโลยีที่เคยโดดเด่นในยุค DSLR หลังจากเลนส์ Canon EF 200mm f/1.8L USM เคยทำตลาดในช่วงปี 1988 ก่อนเลิกผลิตในปี 2004 ✅ ความเร็วชัตเตอร์และการละลายฉากหลังในระดับใหม่ - เลนส์ 200mm f/1.8 นำเสนอมิติใหม่สำหรับการถ่ายภาพ ด้วยความสามารถในการสร้างฉากหลังที่ละลาย (bokeh) อย่างนุ่มนวล และทำให้วัตถุหลักโดดเด่น - ด้วยรูรับแสงกว้างพิเศษ ช่วยให้ถ่ายในสถานการณ์แสงน้อยได้ง่ายขึ้น เช่น กีฬากลางคืนหรือถ่ายภาพในร่ม ✅ การรองรับหลากหลายการใช้งาน - สำหรับ ช่างภาพกีฬา เลนส์นี้ช่วยให้การจับภาพการเคลื่อนไหวทำได้รวดเร็ว และยังเหมาะสำหรับ ช่างภาพสัตว์ป่า ที่ต้องการจับภาพในสภาพแสงที่ท้าทาย - ช่างภาพพอร์ตเทรตและแลนด์สเคป จะได้เปรียบเรื่องการสร้างเอฟเฟกต์ภาพที่ดึงดูดสายตา ✅ การออกแบบตามมาตรฐานเลนส์ระดับสูงของ Sigma - ข่าวลือชี้ว่าเลนส์นี้อาจเป็นส่วนหนึ่งในไลน์ Sigma Sports ซึ่งให้ความสำคัญกับความคงทนและคุณภาพของภาพถ่าย Sigma เคยสร้างนวัตกรรมที่น่าทึ่ง เช่นเลนส์ซูม 28–45mm f/1.8 ซึ่งเป็นเลนส์ f/1.8 zoom ตัวแรกในโลกสำหรับกล้องฟูลเฟรม ดังนั้นหากข่าวลือเกี่ยวกับเลนส์ 200mm f/1.8 นี้เป็นจริง มันอาจเป็นก้าวสำคัญสำหรับช่างภาพทั่วโลก https://www.techradar.com/cameras/mirrorless-cameras/rumored-sigma-telephoto-prime-could-be-world-first-200mm-f1-8-for-mirrorless-and-it-sounds-like-a-next-level-portrait-lens
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • พักนี้ไม่ค่อยมีเวลาดูข่าวที่เหมือนว่าไม่ใช่ส่วนหนึ่งของชีวิตผมเลยแม้แต่น้อย แต่คนรอบข้างชอบเปิดสื่อกระแสหลักที่โปรตะวันตก 100% โปรส้ม 100% โปรแดง 100% จนผมเริ่มรู้แล้วว่างูพิษที่ร้ายที่สุดไม่ใช่ใครที่ไหนก็คนรอบข้างไม่ว่าจะคนในครอบครัว คนสนิท สุดท้ายก็ต้องพึ่งพาตัวเอง ไว้ใจตัวเอง เชื่อมั่นกับใจตัวเอง เพราะคนที่ประสบความสำเร็จส่วนมากไม่ค่อยมานั่งตัดพ้อว่า Environment รอบตัวเราไม่เอื้ออำนวย และเป็นพิษแก่จิตใจเรา และทางครอบครัวบีบบังคับเรามากจนเกินไป คือกลับบ้านยาวๆช่วงโควิตไม่ได้มาช่วยงานเพื่อนใช้ชีวิตคนหอจนผมต้องเสียเพื่อนดีๆไป เพื่อนที่เคยคบอย่างดิบดีสุดท้ายกลายเป็นตัดเพื่อนซะงั้น โทษครอบครัวไม่ได้ โทษเพื่อนก็ไม่ได้ โทษศักยภาพและแนวความคิดตัวเองว่ายังไม่ดีพอ ที่ยังไม่ดีพอเพราะหลงไหลกับธุรกิจเครือข่ายสุดท้ายก็แค่เรื่องขายฝันเพ้อฝัน และแนวคิดหาบน้ำเทียบกับแนวคิดทำงานหวังอัพตำแหน่ง หรือทำงานไม่หวังตำแหน่ง สุดท้าย ร่างกายเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว และ แนวคิดทำงานแบบทำท่อส่งน้ำ ถ้าจะเทียบกับธุรกิจเครือข่าย สำหรับพวกเขาที่ยังทำธุรกิจเครือข่าย คือ ใช่ สำหรับผม คือ ไม่ใช่เลย ไม่ใช่ 100% แต่ถ้าจะทำแนวคิดท่าส่งน้ำ-เครื่องสูบน้ำ ไม่ต้องหาบน้ำไปมาให้เหนื่อยเหมือนทำงานประจำหรือทำงานเยี่ยงทาส ยังไงก็ต้องสร้างงานเป็นของตัวเอง สร้างหน้าโปรไฟล์และหน้าร้านออนไลนร์เพื่อขายงานตัวเอง ขายผลงาน ทำฟรีแลนซ์ไปเรื่อยๆ ไม่ก็ทำเป็นสตาร์ทอัพ วางแผนการใช้เงินให้คุ้มค่าที่สุด จะได้มีเวลาเที่ยวกินพักเล่นเกมส์รีแลกซ์ทำคอนเทนต์ได้สบายๆ
    สังคมแบบครอบครัวผมไม่ใช่แค่ทำงานประจำเพียงอย่างเดียว จะให้กู้ในระบบบ้าง นอกระบบบ้าง ให้ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ และมากำกับการใช้เงินของเรา แบบนี้มันไม่ถูก มันไม่ยุติธรรม ชีวิตใครชีวิตมัน ไม่ต้องมากำหนดชีวิตเราจนเราไม่สามารถมีตัวเป็นของตัวเองได้ หรือจนเราสูญเสียตัวตนที่แท้จริงไปเลย คือรับช่วงสืบทอดสิ่งที่ครอบครับเขาทำกัน หลักๆคือ มูเตลู สุดท้ายผมก็ไม่จำเป็นต้องเป๊ะเหมือนคนในครอบครัวทุกคน และจะได้ไม่ต้องสูญเสียตัวตนเพราะกับดักกตัญญู ความต้องการครอบครัวที่ไม่สอดคล้องกับยุคโลกาภิวัฒน์
    คนรอบข้างไม่ว่าจะคนในครอบครัวหรือคนสนิทก็เปลี่ยนใจอยากให้ผมทำงานในสภาพแวดล้อมที่ผมไม่ชอบที่สุด ก่อนหน้านั้นคนรอบข้างยังไฟเขียวอยู่เลยว่าให้ผมทำงานเป็นสตาร์ทอัพก็ได้ รับงานเอกชนก็ได้ ช่วงโควิดระบาดใหม่ๆทางคนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัวเองก็เถอะ คงไม่อยากให้ผมใช้ชีวิตคนเดียวในหอ ด้วยความหวังดี ด้วยความเป็นห่วง คือกลัวว่าผมจะใช้ชีวิตอิสระทำอาชีพอิสระขนาดนั้นเลย เลยต้องจำกัดกรอบให้ผมต้องเป็นลูกจ้างเท่านั้น หรือรับราชการเท่านั้น ชีวิตต้องมาเจออะไรแบบนี้เนี่ย เรื่องนอกตัวเรื่องที่ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและเอี่ยว ผมก็ไม่เสพ ไม่ดู ดูและเสพเรื่องที่น่าสนใจอย่างข่าวเกมส์ ข่าวเฟรมเวิร์กโปรแกรมมิ่ง ข่าวเทคโนโลยีจากจีนและรัสเซียจะดีกว่า เพราะตอนนี้ข่าวประท้วงอีลอนแม่งดังกว่าข่าวเทคโนโลยีสุดล้ำนวัตกรรมสุดลึกของจีนอีก สื่อกระแสหลักก็ขยันประโคมกันเข้าไป ตามกำลังทุนเงินยิวอย่างร็อดไชล์ร็อกกี้เฟลเลอร์และแบล็กร็อคไง
    บอกเลย ครอบครัวเปลี่ยนไปจากที่ก่อนหน้านี้เคยให้ผมทำงานแล้วแต่ที่ผมอยากจะทำ เดี๋ยวนี้กลายเป็นให้ลูกสอบงานราชการ สอบบรรจุ สอบไม่ได้ก็ต้องเป็นลูกจ้าง คือจบสายอาชีวะสะเต็ม ระดับนี้แล้วจะให้ทำงานเยี่ยงวัวควายเยี่ยงทาสขี้ข้ากรรมกรจับกังเลยหรือไง ได้ยินคำว่าโตเป็นควายแล้วทีไร ผมนึกไม่อยากทนอยู่เป็นวัวควายให้เขาทุกครั้งเลยนะครับ
    สุดท้ายนี้ปัจจัยที่ทำให้ครอบครัวคิดแบบนี้กับผม คือเปลี่ยนความคิดไปเปลี่ยนความคิดมาจนคิดจะให้ผมเป็นไปตามที่ครอบครัวต้องการ ทั้งๆที่ผมไม่เต็มใจอยู่แล้ว มันก็มาจากสื่อกระแสหลักที่โปรตะวันตก 100% ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว จริงแท้แน่ชัดอยู่ 100% แล้วนะครับ
    พักนี้ไม่ค่อยมีเวลาดูข่าวที่เหมือนว่าไม่ใช่ส่วนหนึ่งของชีวิตผมเลยแม้แต่น้อย แต่คนรอบข้างชอบเปิดสื่อกระแสหลักที่โปรตะวันตก 100% โปรส้ม 100% โปรแดง 100% จนผมเริ่มรู้แล้วว่างูพิษที่ร้ายที่สุดไม่ใช่ใครที่ไหนก็คนรอบข้างไม่ว่าจะคนในครอบครัว คนสนิท สุดท้ายก็ต้องพึ่งพาตัวเอง ไว้ใจตัวเอง เชื่อมั่นกับใจตัวเอง เพราะคนที่ประสบความสำเร็จส่วนมากไม่ค่อยมานั่งตัดพ้อว่า Environment รอบตัวเราไม่เอื้ออำนวย และเป็นพิษแก่จิตใจเรา และทางครอบครัวบีบบังคับเรามากจนเกินไป คือกลับบ้านยาวๆช่วงโควิตไม่ได้มาช่วยงานเพื่อนใช้ชีวิตคนหอจนผมต้องเสียเพื่อนดีๆไป เพื่อนที่เคยคบอย่างดิบดีสุดท้ายกลายเป็นตัดเพื่อนซะงั้น โทษครอบครัวไม่ได้ โทษเพื่อนก็ไม่ได้ โทษศักยภาพและแนวความคิดตัวเองว่ายังไม่ดีพอ ที่ยังไม่ดีพอเพราะหลงไหลกับธุรกิจเครือข่ายสุดท้ายก็แค่เรื่องขายฝันเพ้อฝัน และแนวคิดหาบน้ำเทียบกับแนวคิดทำงานหวังอัพตำแหน่ง หรือทำงานไม่หวังตำแหน่ง สุดท้าย ร่างกายเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว และ แนวคิดทำงานแบบทำท่อส่งน้ำ ถ้าจะเทียบกับธุรกิจเครือข่าย สำหรับพวกเขาที่ยังทำธุรกิจเครือข่าย คือ ใช่ สำหรับผม คือ ไม่ใช่เลย ไม่ใช่ 100% แต่ถ้าจะทำแนวคิดท่าส่งน้ำ-เครื่องสูบน้ำ ไม่ต้องหาบน้ำไปมาให้เหนื่อยเหมือนทำงานประจำหรือทำงานเยี่ยงทาส ยังไงก็ต้องสร้างงานเป็นของตัวเอง สร้างหน้าโปรไฟล์และหน้าร้านออนไลนร์เพื่อขายงานตัวเอง ขายผลงาน ทำฟรีแลนซ์ไปเรื่อยๆ ไม่ก็ทำเป็นสตาร์ทอัพ วางแผนการใช้เงินให้คุ้มค่าที่สุด จะได้มีเวลาเที่ยวกินพักเล่นเกมส์รีแลกซ์ทำคอนเทนต์ได้สบายๆ สังคมแบบครอบครัวผมไม่ใช่แค่ทำงานประจำเพียงอย่างเดียว จะให้กู้ในระบบบ้าง นอกระบบบ้าง ให้ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ และมากำกับการใช้เงินของเรา แบบนี้มันไม่ถูก มันไม่ยุติธรรม ชีวิตใครชีวิตมัน ไม่ต้องมากำหนดชีวิตเราจนเราไม่สามารถมีตัวเป็นของตัวเองได้ หรือจนเราสูญเสียตัวตนที่แท้จริงไปเลย คือรับช่วงสืบทอดสิ่งที่ครอบครับเขาทำกัน หลักๆคือ มูเตลู สุดท้ายผมก็ไม่จำเป็นต้องเป๊ะเหมือนคนในครอบครัวทุกคน และจะได้ไม่ต้องสูญเสียตัวตนเพราะกับดักกตัญญู ความต้องการครอบครัวที่ไม่สอดคล้องกับยุคโลกาภิวัฒน์ คนรอบข้างไม่ว่าจะคนในครอบครัวหรือคนสนิทก็เปลี่ยนใจอยากให้ผมทำงานในสภาพแวดล้อมที่ผมไม่ชอบที่สุด ก่อนหน้านั้นคนรอบข้างยังไฟเขียวอยู่เลยว่าให้ผมทำงานเป็นสตาร์ทอัพก็ได้ รับงานเอกชนก็ได้ ช่วงโควิดระบาดใหม่ๆทางคนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัวเองก็เถอะ คงไม่อยากให้ผมใช้ชีวิตคนเดียวในหอ ด้วยความหวังดี ด้วยความเป็นห่วง คือกลัวว่าผมจะใช้ชีวิตอิสระทำอาชีพอิสระขนาดนั้นเลย เลยต้องจำกัดกรอบให้ผมต้องเป็นลูกจ้างเท่านั้น หรือรับราชการเท่านั้น ชีวิตต้องมาเจออะไรแบบนี้เนี่ย เรื่องนอกตัวเรื่องที่ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและเอี่ยว ผมก็ไม่เสพ ไม่ดู ดูและเสพเรื่องที่น่าสนใจอย่างข่าวเกมส์ ข่าวเฟรมเวิร์กโปรแกรมมิ่ง ข่าวเทคโนโลยีจากจีนและรัสเซียจะดีกว่า เพราะตอนนี้ข่าวประท้วงอีลอนแม่งดังกว่าข่าวเทคโนโลยีสุดล้ำนวัตกรรมสุดลึกของจีนอีก สื่อกระแสหลักก็ขยันประโคมกันเข้าไป ตามกำลังทุนเงินยิวอย่างร็อดไชล์ร็อกกี้เฟลเลอร์และแบล็กร็อคไง บอกเลย ครอบครัวเปลี่ยนไปจากที่ก่อนหน้านี้เคยให้ผมทำงานแล้วแต่ที่ผมอยากจะทำ เดี๋ยวนี้กลายเป็นให้ลูกสอบงานราชการ สอบบรรจุ สอบไม่ได้ก็ต้องเป็นลูกจ้าง คือจบสายอาชีวะสะเต็ม ระดับนี้แล้วจะให้ทำงานเยี่ยงวัวควายเยี่ยงทาสขี้ข้ากรรมกรจับกังเลยหรือไง ได้ยินคำว่าโตเป็นควายแล้วทีไร ผมนึกไม่อยากทนอยู่เป็นวัวควายให้เขาทุกครั้งเลยนะครับ สุดท้ายนี้ปัจจัยที่ทำให้ครอบครัวคิดแบบนี้กับผม คือเปลี่ยนความคิดไปเปลี่ยนความคิดมาจนคิดจะให้ผมเป็นไปตามที่ครอบครัวต้องการ ทั้งๆที่ผมไม่เต็มใจอยู่แล้ว มันก็มาจากสื่อกระแสหลักที่โปรตะวันตก 100% ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว จริงแท้แน่ชัดอยู่ 100% แล้วนะครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 313 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nintendo Switch 2 ใช้ชิปกราฟิกของ Nvidia ที่รองรับ DLSS และ Ray Tracing ซึ่งช่วยให้ภาพเกมมีคุณภาพดีขึ้น Nvidia เคลมว่าเครื่องรุ่นใหม่มีพลังกราฟิกแรงกว่ารุ่นก่อนถึง 10 เท่า อย่างไรก็ตาม ผู้พัฒนาเกมต้องปรับให้รองรับเอง และอาจใช้เวลาพอสมควร นอกจากนี้ ราคาตัวเครื่องและเกมที่แพงขึ้น อาจทำให้แฟน ๆ ลังเลที่จะอัปเกรด

    ✅ Nintendo ไม่เปิดเผยสเปคของชิปโดยละเอียด
    - เปิดเผยเพียงว่า รองรับ 120fps บนเครื่อง และ 4K 60fps บนจอทีวี

    ✅ Ray Tracing จะทำให้ภาพเกมสมจริงขึ้น
    - เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ การสะท้อนแสงและเงามีความสมจริง แต่ต้องรอให้เกมต่าง ๆ ใช้งานฟีเจอร์นี้

    ✅ DLSS จะช่วยเพิ่มคุณภาพกราฟิกโดยไม่ลดประสิทธิภาพการทำงานของเครื่อง
    - เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยเร่งความละเอียดของภาพให้ดีขึ้นโดยใช้ AI Upscaling

    ✅ Nvidia เคลมว่า Switch 2 มีพลังกราฟิกแรงกว่ารุ่นเดิมถึง 10 เท่า
    - นี่เป็นเพราะ ชิปกราฟิกใช้ Tensor Cores ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยประมวลผลภาพขั้นสูง

    ✅ เกม Elden Ring จะเปิดตัวบน Switch 2—ใช้ DLSS และ Ray Tracing
    - จะเป็นเกมทดสอบความสามารถของเครื่องในด้าน การแสดงผลและเฟรมเรต

    ✅ ผู้พัฒนาเกมอาจไม่ใช้ฟีเจอร์ใหม่ทันที
    - แม้ Switch 2 รองรับ DLSS และ Ray Tracing แต่ผู้พัฒนาต้องปรับเกมให้รองรับเอง ซึ่งอาจต้องใช้เวลา

    ✅ ปัญหาสำคัญของ Switch 2 คือราคาและค่าตัวเกม
    - ราคาจำหน่ายอยู่ที่ $450 ซึ่งสูงกว่ารุ่นแรกมาก
    - เกมใหม่มีราคาสูงถึง $70-80 ทำให้แฟน ๆ กังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพในการเล่นเกม

    https://www.techspot.com/news/107410-nvidia-claims-10x-graphical-performance-switch-2-over.html
    Nintendo Switch 2 ใช้ชิปกราฟิกของ Nvidia ที่รองรับ DLSS และ Ray Tracing ซึ่งช่วยให้ภาพเกมมีคุณภาพดีขึ้น Nvidia เคลมว่าเครื่องรุ่นใหม่มีพลังกราฟิกแรงกว่ารุ่นก่อนถึง 10 เท่า อย่างไรก็ตาม ผู้พัฒนาเกมต้องปรับให้รองรับเอง และอาจใช้เวลาพอสมควร นอกจากนี้ ราคาตัวเครื่องและเกมที่แพงขึ้น อาจทำให้แฟน ๆ ลังเลที่จะอัปเกรด ✅ Nintendo ไม่เปิดเผยสเปคของชิปโดยละเอียด - เปิดเผยเพียงว่า รองรับ 120fps บนเครื่อง และ 4K 60fps บนจอทีวี ✅ Ray Tracing จะทำให้ภาพเกมสมจริงขึ้น - เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ การสะท้อนแสงและเงามีความสมจริง แต่ต้องรอให้เกมต่าง ๆ ใช้งานฟีเจอร์นี้ ✅ DLSS จะช่วยเพิ่มคุณภาพกราฟิกโดยไม่ลดประสิทธิภาพการทำงานของเครื่อง - เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยเร่งความละเอียดของภาพให้ดีขึ้นโดยใช้ AI Upscaling ✅ Nvidia เคลมว่า Switch 2 มีพลังกราฟิกแรงกว่ารุ่นเดิมถึง 10 เท่า - นี่เป็นเพราะ ชิปกราฟิกใช้ Tensor Cores ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยประมวลผลภาพขั้นสูง ✅ เกม Elden Ring จะเปิดตัวบน Switch 2—ใช้ DLSS และ Ray Tracing - จะเป็นเกมทดสอบความสามารถของเครื่องในด้าน การแสดงผลและเฟรมเรต ✅ ผู้พัฒนาเกมอาจไม่ใช้ฟีเจอร์ใหม่ทันที - แม้ Switch 2 รองรับ DLSS และ Ray Tracing แต่ผู้พัฒนาต้องปรับเกมให้รองรับเอง ซึ่งอาจต้องใช้เวลา ✅ ปัญหาสำคัญของ Switch 2 คือราคาและค่าตัวเกม - ราคาจำหน่ายอยู่ที่ $450 ซึ่งสูงกว่ารุ่นแรกมาก - เกมใหม่มีราคาสูงถึง $70-80 ทำให้แฟน ๆ กังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพในการเล่นเกม https://www.techspot.com/news/107410-nvidia-claims-10x-graphical-performance-switch-2-over.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Nvidia claims 10x graphics performance boost on Switch 2, with DLSS and ray tracing support
    Nvidia has posted a blog highlighting the features offered by their hardware powering the Switch 2 beyond the information Nintendo provided. Among them is ray tracing support.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • Samsung เปิดตัวแท็บเล็ต Galaxy Tab S10 FE และ S10 FE Plus โดยรุ่น Plus มาพร้อม หน้าจอขนาดใหญ่ถึง 13.1 นิ้ว ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของซีรีส์นี้ ทั้งสองรุ่นมีฟีเจอร์ Vision Booster, Auto Trim และ Object Eraser ที่ใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน

    ✅ Galaxy Tab S10 FE Plus ได้รับการอัปเกรดสำคัญ
    - ขยายหน้าจอจาก 12.4 นิ้ว เป็น 13.1 นิ้ว
    - ใช้ ชิป Exynos 1580 พร้อม แบตเตอรี่ขนาด 10,090mAh
    - รองรับ RAM สูงสุด 12GB และพื้นที่เก็บข้อมูลสูงสุด 256GB

    ✅ Galaxy Tab S10 FE มีขนาดเล็กกว่า แต่ยังคงฟีเจอร์หลักครบครัน
    - มาพร้อม หน้าจอ 10.9 นิ้ว และแบตเตอรี่ 8,000mAh
    - ทั้งสองรุ่นมี กล้องหลัง 13MP และกล้องหน้า 12MP Ultra-Wide
    - รองรับ S Pen ที่รวมมาให้ในกล่อง

    ✅ Samsung เพิ่มฟีเจอร์ AI เพื่อปรับปรุงการใช้งาน
    - Object Eraser: ลบสิ่งที่ไม่ต้องการจากภาพอย่างง่ายดาย
    - Best Face: เลือกภาพที่ดีที่สุดจากหลายเฟรมอัตโนมัติ
    - Auto Trim: ปรับขนาดภาพและวิดีโอให้เหมาะสม

    ✅ เทคโนโลยี Vision Booster ช่วยลดแสงสะท้อนบนหน้าจอ
    - นำมาจาก Samsung TV และ Galaxy S25 Ultra ช่วยให้การแสดงผลชัดขึ้นในทุกสภาพแสง

    ✅ ราคาและวันวางจำหน่าย
    - Galaxy Tab S10 FE เริ่มต้นที่ $499.99 / £499
    - Galaxy Tab S10 FE Plus เริ่มต้นที่ $649.99 / £649
    - มีให้เลือก 3 สี—Gray, Silver และ Blue พร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้

    https://www.techradar.com/tablets/the-samsung-galaxy-tab-s10-fe-launches-with-an-ipad-air-rivaling-screen-and-ai-features-galore
    Samsung เปิดตัวแท็บเล็ต Galaxy Tab S10 FE และ S10 FE Plus โดยรุ่น Plus มาพร้อม หน้าจอขนาดใหญ่ถึง 13.1 นิ้ว ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของซีรีส์นี้ ทั้งสองรุ่นมีฟีเจอร์ Vision Booster, Auto Trim และ Object Eraser ที่ใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน ✅ Galaxy Tab S10 FE Plus ได้รับการอัปเกรดสำคัญ - ขยายหน้าจอจาก 12.4 นิ้ว เป็น 13.1 นิ้ว - ใช้ ชิป Exynos 1580 พร้อม แบตเตอรี่ขนาด 10,090mAh - รองรับ RAM สูงสุด 12GB และพื้นที่เก็บข้อมูลสูงสุด 256GB ✅ Galaxy Tab S10 FE มีขนาดเล็กกว่า แต่ยังคงฟีเจอร์หลักครบครัน - มาพร้อม หน้าจอ 10.9 นิ้ว และแบตเตอรี่ 8,000mAh - ทั้งสองรุ่นมี กล้องหลัง 13MP และกล้องหน้า 12MP Ultra-Wide - รองรับ S Pen ที่รวมมาให้ในกล่อง ✅ Samsung เพิ่มฟีเจอร์ AI เพื่อปรับปรุงการใช้งาน - Object Eraser: ลบสิ่งที่ไม่ต้องการจากภาพอย่างง่ายดาย - Best Face: เลือกภาพที่ดีที่สุดจากหลายเฟรมอัตโนมัติ - Auto Trim: ปรับขนาดภาพและวิดีโอให้เหมาะสม ✅ เทคโนโลยี Vision Booster ช่วยลดแสงสะท้อนบนหน้าจอ - นำมาจาก Samsung TV และ Galaxy S25 Ultra ช่วยให้การแสดงผลชัดขึ้นในทุกสภาพแสง ✅ ราคาและวันวางจำหน่าย - Galaxy Tab S10 FE เริ่มต้นที่ $499.99 / £499 - Galaxy Tab S10 FE Plus เริ่มต้นที่ $649.99 / £649 - มีให้เลือก 3 สี—Gray, Silver และ Blue พร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้ https://www.techradar.com/tablets/the-samsung-galaxy-tab-s10-fe-launches-with-an-ipad-air-rivaling-screen-and-ai-features-galore
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 259 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel เปิดตัว AI Assistant ที่ช่วยให้คำแนะนำในเกม Black Myth: Wukong โดยใช้ NPU ลดภาระบน GPU และเพิ่มเฟรมเรต อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการทดสอบจริงว่าระบบนี้ใช้งานได้ดีแค่ไหน ในขณะที่ Microsoft และ Nvidia ก็กำลังพัฒนา AI ผู้ช่วยสำหรับเกมของตัวเอง คาดว่าเทคโนโลยีนี้จะพัฒนาขึ้นเมื่อชิปใหม่อย่าง Lunar Lake Core Ultra 200V และ AMD Ryzen AI 300 เปิดตัว

    Microsoft และ Nvidia กำลังพัฒนา AI ผู้ช่วยสำหรับเกม
    - Microsoft กำลังพัฒนา Copilot Gaming AI Coach สำหรับเกม Minecraft และ Overwatch
    - Nvidia เปิดตัว AI Assistant ที่เน้นปรับแต่งประสิทธิภาพ ไม่ใช่การให้คำแนะนำการเล่น

    ผลกระทบต่อเฟรมเรตเกม
    - Intel แสดงให้เห็นว่าเมื่อใช้ AI Assistant ผ่าน NPU เฟรมเรตเพิ่มขึ้นจาก 103 FPS เป็น 108 FPS
    - แต่เมื่อรันผ่าน GPU เฟรมเรตลดลงเหลือ 94 FPS

    อนาคตของ AI ในเกมบนแพลตฟอร์มใหม่
    - ชิปใหม่อย่าง Intel Lunar Lake Core Ultra 200V และ AMD Strix Point Ryzen AI 300 จะมีประสิทธิภาพสูงขึ้น (50 TOPS) ซึ่งอาจช่วยให้ AI Assistant ทำงานได้ดียิ่งขึ้น

    คำถามสำคัญที่ยังไม่มีคำตอบ
    - Intel ยังไม่ยืนยันว่า Black Myth: Wukong ที่ใช้สาธิตเป็นเกมจริงหรือเป็นวิดีโอแนวคิด
    - AI Assistant ยังไม่ได้รับการทดสอบในสถานการณ์จริง

    https://www.techspot.com/news/107358-intel-shows-off-game-ai-assistant-running-core.html
    Intel เปิดตัว AI Assistant ที่ช่วยให้คำแนะนำในเกม Black Myth: Wukong โดยใช้ NPU ลดภาระบน GPU และเพิ่มเฟรมเรต อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการทดสอบจริงว่าระบบนี้ใช้งานได้ดีแค่ไหน ในขณะที่ Microsoft และ Nvidia ก็กำลังพัฒนา AI ผู้ช่วยสำหรับเกมของตัวเอง คาดว่าเทคโนโลยีนี้จะพัฒนาขึ้นเมื่อชิปใหม่อย่าง Lunar Lake Core Ultra 200V และ AMD Ryzen AI 300 เปิดตัว Microsoft และ Nvidia กำลังพัฒนา AI ผู้ช่วยสำหรับเกม - Microsoft กำลังพัฒนา Copilot Gaming AI Coach สำหรับเกม Minecraft และ Overwatch - Nvidia เปิดตัว AI Assistant ที่เน้นปรับแต่งประสิทธิภาพ ไม่ใช่การให้คำแนะนำการเล่น ผลกระทบต่อเฟรมเรตเกม - Intel แสดงให้เห็นว่าเมื่อใช้ AI Assistant ผ่าน NPU เฟรมเรตเพิ่มขึ้นจาก 103 FPS เป็น 108 FPS - แต่เมื่อรันผ่าน GPU เฟรมเรตลดลงเหลือ 94 FPS อนาคตของ AI ในเกมบนแพลตฟอร์มใหม่ - ชิปใหม่อย่าง Intel Lunar Lake Core Ultra 200V และ AMD Strix Point Ryzen AI 300 จะมีประสิทธิภาพสูงขึ้น (50 TOPS) ซึ่งอาจช่วยให้ AI Assistant ทำงานได้ดียิ่งขึ้น คำถามสำคัญที่ยังไม่มีคำตอบ - Intel ยังไม่ยืนยันว่า Black Myth: Wukong ที่ใช้สาธิตเป็นเกมจริงหรือเป็นวิดีโอแนวคิด - AI Assistant ยังไม่ได้รับการทดสอบในสถานการณ์จริง https://www.techspot.com/news/107358-intel-shows-off-game-ai-assistant-running-core.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Intel shows off in-game AI assistant running on Core Ultra 200HX
    Intel recently showcased how running generative AI programs on its new NPUs might benefit gamers. Although several companies have promoted the gaming-related potential of NPUs, these benefits...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 253 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD กำลังนำ Ryzen AI Max มาสู่เดสก์ท็อป โดยใช้ iGPU ที่แรงพอสำหรับเกม AAA ที่ 1440p โดยไม่ต้องใช้การ์ดจอแยก หากเทคโนโลยีนี้พัฒนาไปเรื่อย ๆ อาจทำให้ตลาด GPU ระดับกลางค่อย ๆ ลดลง และหันไปเน้นที่ตลาดไฮเอนด์แทน

    ศักยภาพของ Ryzen AI Max+ 395
    - ใช้ Radeon 8060S iGPU ที่มี 40 RDNA 3.5 GPU cores
    - มาพร้อม 16 คอร์ และ 32 เธรด สามารถรันเกมที่ 1440p ด้วยกราฟิกระดับ Ultra และเฟรมเรต 55-60fps ใน Cyberpunk 2077

    เทคโนโลยี FSR 4 อาจมาเสริม RDNA 3
    - ปัจจุบัน FSR 4 รองรับเฉพาะ RDNA 4 แต่มีข่าวว่าอาจถูกนำมาใช้กับ APU RDNA 3 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้การเล่นเกมโดยไม่ต้องใช้ GPU แยก

    ผลกระทบต่อการ์ดจอแยก
    - ด้วยประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น APU อาจทำให้การ์ดจอระดับกลางเริ่มสูญเสียความจำเป็น
    - นักวิเคราะห์คาดว่า ตลาด GPU อาจเปลี่ยนแปลงไปสู่รูปแบบที่เน้นเฉพาะกลุ่มไฮเอนด์มากขึ้น

    APU กับอนาคตของพีซีขนาดเล็ก
    - APU ทรงพลังอาจเหมาะกับ Mini-PC และ Handheld Gaming PC
    - อาจเป็นทางเลือกใหม่แทนพีซีแบบดั้งเดิมที่ต้องใช้การ์ดจอแยก

    https://www.techradar.com/computing/gaming-pcs/amds-powerful-ryzen-ai-max-processors-are-on-their-way-to-desktop-pcs-and-a-side-effect-could-kill-off-discrete-gpus-for-gaming
    AMD กำลังนำ Ryzen AI Max มาสู่เดสก์ท็อป โดยใช้ iGPU ที่แรงพอสำหรับเกม AAA ที่ 1440p โดยไม่ต้องใช้การ์ดจอแยก หากเทคโนโลยีนี้พัฒนาไปเรื่อย ๆ อาจทำให้ตลาด GPU ระดับกลางค่อย ๆ ลดลง และหันไปเน้นที่ตลาดไฮเอนด์แทน ศักยภาพของ Ryzen AI Max+ 395 - ใช้ Radeon 8060S iGPU ที่มี 40 RDNA 3.5 GPU cores - มาพร้อม 16 คอร์ และ 32 เธรด สามารถรันเกมที่ 1440p ด้วยกราฟิกระดับ Ultra และเฟรมเรต 55-60fps ใน Cyberpunk 2077 เทคโนโลยี FSR 4 อาจมาเสริม RDNA 3 - ปัจจุบัน FSR 4 รองรับเฉพาะ RDNA 4 แต่มีข่าวว่าอาจถูกนำมาใช้กับ APU RDNA 3 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้การเล่นเกมโดยไม่ต้องใช้ GPU แยก ผลกระทบต่อการ์ดจอแยก - ด้วยประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น APU อาจทำให้การ์ดจอระดับกลางเริ่มสูญเสียความจำเป็น - นักวิเคราะห์คาดว่า ตลาด GPU อาจเปลี่ยนแปลงไปสู่รูปแบบที่เน้นเฉพาะกลุ่มไฮเอนด์มากขึ้น APU กับอนาคตของพีซีขนาดเล็ก - APU ทรงพลังอาจเหมาะกับ Mini-PC และ Handheld Gaming PC - อาจเป็นทางเลือกใหม่แทนพีซีแบบดั้งเดิมที่ต้องใช้การ์ดจอแยก https://www.techradar.com/computing/gaming-pcs/amds-powerful-ryzen-ai-max-processors-are-on-their-way-to-desktop-pcs-and-a-side-effect-could-kill-off-discrete-gpus-for-gaming
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ใช้งาน Nvidia RTX 40-series ยังคงเผชิญกับปัญหาความเสถียรของระบบ เช่น หน้าจอฟ้า (BSOD), ระบบค้าง และบั๊กที่กระทบต่อเกม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังอัปเดตเป็นไดรเวอร์ 572.xx ซึ่งเน้นการปรับปรุงสำหรับ RTX 50-series แต่กลับสร้างปัญหาให้กับผู้ใช้ RTX รุ่นเก่า

    ล่าสุดนักพัฒนาเกมจากหลายค่ายออกคำเตือนว่า ไดรเวอร์ 572.xx อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและเสถียรภาพของเกม เช่น inZOI และ The First Berserker: Khazan โดยพบอาการ กระตุกและเฟรมเรตลดลง นักพัฒนาเหล่านี้แนะนำให้ผู้ใช้ย้อนกลับไปใช้ไดรเวอร์ 566.36 ที่ออกในเดือนธันวาคม 2024 เพื่อแก้ปัญหาความเสถียร

    ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ RTX 40-series มีแนวโน้มเกิดจากไดรเวอร์
    - นอกจากปัญหาที่พบหลังอัปเดต 572.xx ยังมีรายงาน ระบบแครชแบบสุ่ม, BSOD และหน้าจอค้าง ที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งอาจเกิดจากการปรับแต่งไดรเวอร์เพื่อรองรับ RTX 50-series

    ชุมชนผู้ใช้และนักพัฒนากำลังจับตาดู Nvidia
    - ผู้ใช้ใน Reddit และฟอรั่มต่าง ๆ พูดถึงปัญหานี้เป็นวงกว้าง ขณะที่ Nvidia ยังไม่ได้ออกมายอมรับว่าไดรเวอร์ใหม่มีปัญหาอย่างเป็นทางการ

    แนวทางแก้ไขเบื้องต้น
    - ผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบสามารถแก้ไขโดย ติดตั้งไดรเวอร์เก่าผ่าน Nvidia’s official website และรอการอัปเดตไดรเวอร์ใหม่ที่อาจแก้ไขปัญหานี้

    อนาคตของการปรับปรุงไดรเวอร์
    - ยังต้องรอดูว่า Nvidia จะให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสำหรับ RTX รุ่นก่อน หรือมุ่งเน้นการพัฒนาไดรเวอร์สำหรับ RTX 50-series เป็นหลัก

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/game-developers-urge-nvidia-rtx-30-and-40-series-owners-rollback-to-december-2024-driver-after-recent-rtx-50-centric-release-issues
    ผู้ใช้งาน Nvidia RTX 40-series ยังคงเผชิญกับปัญหาความเสถียรของระบบ เช่น หน้าจอฟ้า (BSOD), ระบบค้าง และบั๊กที่กระทบต่อเกม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังอัปเดตเป็นไดรเวอร์ 572.xx ซึ่งเน้นการปรับปรุงสำหรับ RTX 50-series แต่กลับสร้างปัญหาให้กับผู้ใช้ RTX รุ่นเก่า ล่าสุดนักพัฒนาเกมจากหลายค่ายออกคำเตือนว่า ไดรเวอร์ 572.xx อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและเสถียรภาพของเกม เช่น inZOI และ The First Berserker: Khazan โดยพบอาการ กระตุกและเฟรมเรตลดลง นักพัฒนาเหล่านี้แนะนำให้ผู้ใช้ย้อนกลับไปใช้ไดรเวอร์ 566.36 ที่ออกในเดือนธันวาคม 2024 เพื่อแก้ปัญหาความเสถียร ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ RTX 40-series มีแนวโน้มเกิดจากไดรเวอร์ - นอกจากปัญหาที่พบหลังอัปเดต 572.xx ยังมีรายงาน ระบบแครชแบบสุ่ม, BSOD และหน้าจอค้าง ที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งอาจเกิดจากการปรับแต่งไดรเวอร์เพื่อรองรับ RTX 50-series ชุมชนผู้ใช้และนักพัฒนากำลังจับตาดู Nvidia - ผู้ใช้ใน Reddit และฟอรั่มต่าง ๆ พูดถึงปัญหานี้เป็นวงกว้าง ขณะที่ Nvidia ยังไม่ได้ออกมายอมรับว่าไดรเวอร์ใหม่มีปัญหาอย่างเป็นทางการ แนวทางแก้ไขเบื้องต้น - ผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบสามารถแก้ไขโดย ติดตั้งไดรเวอร์เก่าผ่าน Nvidia’s official website และรอการอัปเดตไดรเวอร์ใหม่ที่อาจแก้ไขปัญหานี้ อนาคตของการปรับปรุงไดรเวอร์ - ยังต้องรอดูว่า Nvidia จะให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสำหรับ RTX รุ่นก่อน หรือมุ่งเน้นการพัฒนาไดรเวอร์สำหรับ RTX 50-series เป็นหลัก https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/game-developers-urge-nvidia-rtx-30-and-40-series-owners-rollback-to-december-2024-driver-after-recent-rtx-50-centric-release-issues
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel Core Ultra 200HX มาพร้อม NPU ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมและยังช่วยผู้เล่นเอาชนะบอสในเกม Black Myth ได้ง่ายขึ้น ความสามารถของ NPU ทำให้เฟรมเรทสูงขึ้นถึง 14.8% แม้ยังมีข้อจำกัดในความเร็ว แต่ถือเป็นก้าวใหม่ในเทคโนโลยีเกมที่ใช้ AI Assistant เพื่อยกระดับประสบการณ์ผู้เล่น

    ความแตกต่างระหว่าง NPU และ GPU:
    - Intel ระบุว่าการใช้ NPU จะช่วยลดการใช้ทรัพยากร GPU ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้น เช่น เฟรมเรทในเกมเพิ่มจาก 94 FPS เป็น 108 FPS เมื่อใช้ระบบ CPU+GPU+NPU รวมกัน.

    ข้อจำกัดของ Core Ultra 200HX:
    - NPU ของโปรเซสเซอร์รุ่นนี้มีความเร็วการประมวลผล 13 TOPS ซึ่งยังคงด้อยกว่าโปรเซสเซอร์อื่น ๆ เช่น AMD Ryzen HX 370 ที่มีประสิทธิภาพสูงถึง 50 TOPS.

    การออกแบบสำหรับเกม:
    - Core Ultra 200HX ถูกนำเสนอให้เหมาะกับการใช้งานด้านเกม โดยสามารถช่วยผู้เล่นเรียนรู้รูปแบบการโจมตีของศัตรูในเกมผ่าน AI และเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมได้อย่างมีนัยสำคัญ.

    อนาคตของการใช้ AI ในเกม:
    - AI Assistant ในอนาคตอาจมีบทบาทมากขึ้นในอุตสาหกรรมเกม โดยช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและปรับปรุงประสบการณ์การเล่นเกมที่เน้นการตอบสนองและความท้าทาย.

    https://wccftech.com/intels-core-ultra-200hx-npu-helps-increase-in-performance/
    Intel Core Ultra 200HX มาพร้อม NPU ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมและยังช่วยผู้เล่นเอาชนะบอสในเกม Black Myth ได้ง่ายขึ้น ความสามารถของ NPU ทำให้เฟรมเรทสูงขึ้นถึง 14.8% แม้ยังมีข้อจำกัดในความเร็ว แต่ถือเป็นก้าวใหม่ในเทคโนโลยีเกมที่ใช้ AI Assistant เพื่อยกระดับประสบการณ์ผู้เล่น ความแตกต่างระหว่าง NPU และ GPU: - Intel ระบุว่าการใช้ NPU จะช่วยลดการใช้ทรัพยากร GPU ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้น เช่น เฟรมเรทในเกมเพิ่มจาก 94 FPS เป็น 108 FPS เมื่อใช้ระบบ CPU+GPU+NPU รวมกัน. ข้อจำกัดของ Core Ultra 200HX: - NPU ของโปรเซสเซอร์รุ่นนี้มีความเร็วการประมวลผล 13 TOPS ซึ่งยังคงด้อยกว่าโปรเซสเซอร์อื่น ๆ เช่น AMD Ryzen HX 370 ที่มีประสิทธิภาพสูงถึง 50 TOPS. การออกแบบสำหรับเกม: - Core Ultra 200HX ถูกนำเสนอให้เหมาะกับการใช้งานด้านเกม โดยสามารถช่วยผู้เล่นเรียนรู้รูปแบบการโจมตีของศัตรูในเกมผ่าน AI และเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมได้อย่างมีนัยสำคัญ. อนาคตของการใช้ AI ในเกม: - AI Assistant ในอนาคตอาจมีบทบาทมากขึ้นในอุตสาหกรรมเกม โดยช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและปรับปรุงประสบการณ์การเล่นเกมที่เน้นการตอบสนองและความท้าทาย. https://wccftech.com/intels-core-ultra-200hx-npu-helps-increase-in-performance/
    WCCFTECH.COM
    Intel's Core Ultra 200HX NPU Reportedly Not Only Improves Gaming Performance But Also Helps Defeating Bosses Easily With AI Assistance
    Intel showcased its Core Ultra 200HX NPU capabilities at an event, where the AI Assistant seemed to benefit from NPU for performance enhancements.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • การ์ดจอ RTX 5090 สำหรับแล็ปท็อปของ Nvidia เปิดตัวพร้อมผลการทดสอบที่เผยว่าประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 11% จาก RTX 4090 และถึง 40% เทียบกับ 3080 Ti แม้จะมีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์อย่างการระบายความร้อนและ CPU คอขวด แต่ความล้ำหน้าของเทคโนโลยี Multi-Frame Generation และการออกแบบที่บางเบาอาจดึงดูดผู้ใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในแล็ปท็อปรุ่นใหม่

    นวัตกรรมด้านฮาร์ดแวร์:
    - RTX 5090 ในแล็ปท็อปอย่าง Razer Blade 16 รุ่นปี 2025 มาพร้อมหน้าจอความละเอียด 1600p ที่รองรับการแสดงผล 240Hz และตัวเครื่องบางเพียง 0.7 นิ้ว ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในขนาดพกพา.

    ความแตกต่างระหว่างรุ่น:
    - RTX 5090 เหนือกว่ารุ่นก่อนหน้าในเกมความละเอียดสูง เช่น Cyberpunk 2077 และ Alan Wake 2 ด้วยเฟรมเรตที่เพิ่มขึ้น 10 FPS แต่ในบางการทดสอบพบว่าประสิทธิภาพของ RTX 5090 และ RTX 4090 อาจใกล้เคียงกันขึ้นอยู่กับ CPU ที่จับคู่ด้วย.

    เทคโนโลยี Multi-Frame Generation (MFG):
    - เทคโนโลยีนี้สามารถเพิ่มเฟรมเรตได้ถึง 200% ในบางสถานการณ์ แต่ผู้ใช้งานอาจรู้สึกถึงความหน่วงในปุ่มคำสั่งที่คล้ายกับเฟรมเรตจริงมากกว่าเฟรมเรตที่ปรากฏ.

    การเปิดตัวในอนาคต:
    - แล็ปท็อปที่ใช้ RTX 5090 เช่น Razer Blade 16 รุ่นใหม่ จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 31 มีนาคม 2025 ซึ่งคาดว่าแบรนด์อื่น ๆ จะเปิดตัวพร้อมโซลูชันการระบายความร้อนที่แตกต่างออกไปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน.

    https://www.techspot.com/news/107323-first-nvidia-rtx-5090-laptop-benchmarks-have-emerged.html
    การ์ดจอ RTX 5090 สำหรับแล็ปท็อปของ Nvidia เปิดตัวพร้อมผลการทดสอบที่เผยว่าประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 11% จาก RTX 4090 และถึง 40% เทียบกับ 3080 Ti แม้จะมีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์อย่างการระบายความร้อนและ CPU คอขวด แต่ความล้ำหน้าของเทคโนโลยี Multi-Frame Generation และการออกแบบที่บางเบาอาจดึงดูดผู้ใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในแล็ปท็อปรุ่นใหม่ นวัตกรรมด้านฮาร์ดแวร์: - RTX 5090 ในแล็ปท็อปอย่าง Razer Blade 16 รุ่นปี 2025 มาพร้อมหน้าจอความละเอียด 1600p ที่รองรับการแสดงผล 240Hz และตัวเครื่องบางเพียง 0.7 นิ้ว ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในขนาดพกพา. ความแตกต่างระหว่างรุ่น: - RTX 5090 เหนือกว่ารุ่นก่อนหน้าในเกมความละเอียดสูง เช่น Cyberpunk 2077 และ Alan Wake 2 ด้วยเฟรมเรตที่เพิ่มขึ้น 10 FPS แต่ในบางการทดสอบพบว่าประสิทธิภาพของ RTX 5090 และ RTX 4090 อาจใกล้เคียงกันขึ้นอยู่กับ CPU ที่จับคู่ด้วย. เทคโนโลยี Multi-Frame Generation (MFG): - เทคโนโลยีนี้สามารถเพิ่มเฟรมเรตได้ถึง 200% ในบางสถานการณ์ แต่ผู้ใช้งานอาจรู้สึกถึงความหน่วงในปุ่มคำสั่งที่คล้ายกับเฟรมเรตจริงมากกว่าเฟรมเรตที่ปรากฏ. การเปิดตัวในอนาคต: - แล็ปท็อปที่ใช้ RTX 5090 เช่น Razer Blade 16 รุ่นใหม่ จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 31 มีนาคม 2025 ซึ่งคาดว่าแบรนด์อื่น ๆ จะเปิดตัวพร้อมโซลูชันการระบายความร้อนที่แตกต่างออกไปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน. https://www.techspot.com/news/107323-first-nvidia-rtx-5090-laptop-benchmarks-have-emerged.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    The first Nvidia RTX 5090 laptop benchmarks have emerged
    Notebookcheck, ComputerBase, Hardwareluxx, PCMag, and other outlets recently received one of the first gaming laptops to feature Nvidia's RTX 5090. Similar to results from the desktop sector,...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนได้เปิดตัว หน้าจอ e-paper สีขนาดใหญ่ 31.2 นิ้ว ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในโลกที่มีการผลิตจำนวนมากสำหรับจอประเภทนี้ โดยบริษัท Guangzhou Aoyi Electronic Technology Co Ltd และ Shenzhen Jin Yatai Technology Co Ltd ได้ร่วมมือกันพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถลดข้อจำกัดเดิม เช่น อัตราการรีเฟรชต่ำและการตอบสนองที่ช้า นวัตกรรมใหม่นี้รองรับการเล่นวิดีโอที่ความเร็ว 18 เฟรมต่อวินาที และเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการประมวลผลภาพที่ละเอียดอ่อนกว่าเดิม

    การพัฒนาที่ล้ำหน้า:
    - หน้าจอใหม่นี้มาพร้อมกับการควบคุมการแสดงผลที่แยกส่วนในพื้นที่ (local display) และอัลกอริธึมประมวลผลภาพที่ปรับปรุงใหม่ ซึ่งช่วยลดการกระพริบของหน้าจอและเพิ่มความสดใสของสี.

    คุณสมบัติที่โดดเด่นของ e-paper:
    - หน้าจอ e-paper เป็นที่นิยมเพราะลดโอกาสเกิดอาการเมื่อยล้าสายตา อ่านได้ชัดเจนแม้ในแสงสว่างจัด และใช้พลังงานต่ำมากเมื่อเทียบกับหน้าจอปกติ.

    การใช้งานที่คาดหวัง:
    - หน้าจอนี้คาดว่าจะถูกนำไปใช้ในป้ายประชาสัมพันธ์ดิจิทัล, ป้ายรถเมล์, และหน้าจอข้อมูลสาธารณะ อีกทั้งยังมีโอกาสในการพัฒนาเพื่อใช้ในอุปกรณ์เชิงพาณิชย์อย่างหน้าจอ e-paper ขนาดใหญ่.

    ข้อจำกัดในปัจจุบัน:
    - แม้การพัฒนานี้จะเป็นก้าวสำคัญ แต่คุณภาพสีและความลึกของสีของหน้าจอยังไม่สามารถเทียบเท่ากับเทคโนโลยีอื่นอย่าง OLED หรือ IPS.

    https://www.tomshardware.com/monitors/mass-production-of-worlds-first-color-e-paper-display-over-30-inches-begins
    จีนได้เปิดตัว หน้าจอ e-paper สีขนาดใหญ่ 31.2 นิ้ว ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในโลกที่มีการผลิตจำนวนมากสำหรับจอประเภทนี้ โดยบริษัท Guangzhou Aoyi Electronic Technology Co Ltd และ Shenzhen Jin Yatai Technology Co Ltd ได้ร่วมมือกันพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถลดข้อจำกัดเดิม เช่น อัตราการรีเฟรชต่ำและการตอบสนองที่ช้า นวัตกรรมใหม่นี้รองรับการเล่นวิดีโอที่ความเร็ว 18 เฟรมต่อวินาที และเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการประมวลผลภาพที่ละเอียดอ่อนกว่าเดิม การพัฒนาที่ล้ำหน้า: - หน้าจอใหม่นี้มาพร้อมกับการควบคุมการแสดงผลที่แยกส่วนในพื้นที่ (local display) และอัลกอริธึมประมวลผลภาพที่ปรับปรุงใหม่ ซึ่งช่วยลดการกระพริบของหน้าจอและเพิ่มความสดใสของสี. คุณสมบัติที่โดดเด่นของ e-paper: - หน้าจอ e-paper เป็นที่นิยมเพราะลดโอกาสเกิดอาการเมื่อยล้าสายตา อ่านได้ชัดเจนแม้ในแสงสว่างจัด และใช้พลังงานต่ำมากเมื่อเทียบกับหน้าจอปกติ. การใช้งานที่คาดหวัง: - หน้าจอนี้คาดว่าจะถูกนำไปใช้ในป้ายประชาสัมพันธ์ดิจิทัล, ป้ายรถเมล์, และหน้าจอข้อมูลสาธารณะ อีกทั้งยังมีโอกาสในการพัฒนาเพื่อใช้ในอุปกรณ์เชิงพาณิชย์อย่างหน้าจอ e-paper ขนาดใหญ่. ข้อจำกัดในปัจจุบัน: - แม้การพัฒนานี้จะเป็นก้าวสำคัญ แต่คุณภาพสีและความลึกของสีของหน้าจอยังไม่สามารถเทียบเท่ากับเทคโนโลยีอื่นอย่าง OLED หรือ IPS. https://www.tomshardware.com/monitors/mass-production-of-worlds-first-color-e-paper-display-over-30-inches-begins
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Mass production of 'world's first' color e-paper display over 30-inches begins
    Chinese firm says products using the display will reach retail about two months later.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ CVE-2025-29927 ใน Next.js ส่งผลให้ผู้ดูแลระบบต้องรีบอัปเดตแพลตฟอร์มเพื่อป้องกันการข้ามขั้นตอนตรวจสอบสิทธิ์ที่อาจเกิดขึ้น หากคุณใช้งานเวอร์ชัน 11.1.4 ขึ้นไป ควรรีบติดตั้งเวอร์ชัน 15.2.3 หรือ 14.2.25 เพื่อความปลอดภัย และหากยังอัปเดตไม่ได้ ให้ปิดกั้นคำขอที่มี x-middleware-subrequest header เพื่อป้องกันการโจมตีในระหว่างนี้

    ผลกระทบที่รุนแรง:
    - ช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อ Next.js ทุกเวอร์ชันตั้งแต่ 11.1.4 เป็นต้นมา ทำให้ผู้ใช้ที่ไม่ได้อัปเดตมีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่ใช้ฟังก์ชัน middleware ในการควบคุมสิทธิ์.

    การแก้ไข:
    - ผู้พัฒนาและผู้ดูแลระบบที่ใช้ Next.js ควรอัปเดตเป็นเวอร์ชัน 15.2.3 สำหรับผู้ที่อยู่บนสาย 15.x หรือเวอร์ชัน 14.2.25 สำหรับสาย 14.x เพื่อปิดช่องโหว่นี้.

    คำแนะนำจาก Vercel:
    - หากไม่สามารถติดตั้งการอัปเดตได้ในทันที ผู้ใช้งานควรกำหนดให้เซิร์ฟเวอร์ปิดกั้นคำขอที่มี x-middleware-subrequest header เพื่อลดความเสี่ยงที่ผู้โจมตีอาจใช้ช่องโหว่นี้.

    ความกังวลในวงกว้าง:
    - ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ช่องโหว่ลักษณะนี้อาจเกิดขึ้นในเฟรมเวิร์คอื่น ๆ ซึ่งเน้นการเชื่อมต่อระหว่างองค์ประกอบต่าง ๆ ในระบบเพื่อให้บริการได้รวดเร็ว แต่หากจัดการไม่ดี อาจสร้างช่องโหว่เช่นเดียวกัน.

    https://www.infoworld.com/article/3853904/warning-for-developers-web-admins-update-next-js-to-prevent-exploit.html
    ช่องโหว่ CVE-2025-29927 ใน Next.js ส่งผลให้ผู้ดูแลระบบต้องรีบอัปเดตแพลตฟอร์มเพื่อป้องกันการข้ามขั้นตอนตรวจสอบสิทธิ์ที่อาจเกิดขึ้น หากคุณใช้งานเวอร์ชัน 11.1.4 ขึ้นไป ควรรีบติดตั้งเวอร์ชัน 15.2.3 หรือ 14.2.25 เพื่อความปลอดภัย และหากยังอัปเดตไม่ได้ ให้ปิดกั้นคำขอที่มี x-middleware-subrequest header เพื่อป้องกันการโจมตีในระหว่างนี้ ผลกระทบที่รุนแรง: - ช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อ Next.js ทุกเวอร์ชันตั้งแต่ 11.1.4 เป็นต้นมา ทำให้ผู้ใช้ที่ไม่ได้อัปเดตมีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่ใช้ฟังก์ชัน middleware ในการควบคุมสิทธิ์. การแก้ไข: - ผู้พัฒนาและผู้ดูแลระบบที่ใช้ Next.js ควรอัปเดตเป็นเวอร์ชัน 15.2.3 สำหรับผู้ที่อยู่บนสาย 15.x หรือเวอร์ชัน 14.2.25 สำหรับสาย 14.x เพื่อปิดช่องโหว่นี้. คำแนะนำจาก Vercel: - หากไม่สามารถติดตั้งการอัปเดตได้ในทันที ผู้ใช้งานควรกำหนดให้เซิร์ฟเวอร์ปิดกั้นคำขอที่มี x-middleware-subrequest header เพื่อลดความเสี่ยงที่ผู้โจมตีอาจใช้ช่องโหว่นี้. ความกังวลในวงกว้าง: - ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ช่องโหว่ลักษณะนี้อาจเกิดขึ้นในเฟรมเวิร์คอื่น ๆ ซึ่งเน้นการเชื่อมต่อระหว่างองค์ประกอบต่าง ๆ ในระบบเพื่อให้บริการได้รวดเร็ว แต่หากจัดการไม่ดี อาจสร้างช่องโหว่เช่นเดียวกัน. https://www.infoworld.com/article/3853904/warning-for-developers-web-admins-update-next-js-to-prevent-exploit.html
    WWW.INFOWORLD.COM
    Warning for developers, web admins: update Next.js to prevent exploit
    Install the latest version to close critical authorization bypass vulnerability.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว
  • Arm เปิดตัว Accuracy Super Resolution ที่ช่วยเพิ่มเฟรมเรตของเกมบนสมาร์ทโฟนและลดการใช้พลังงาน เทคโนโลยีนี้สร้างจาก AMD FSR 2 และมุ่งเน้นการใช้งานในอุปกรณ์พลังงานต่ำ นักพัฒนาสามารถปรับแต่งโค้ดได้แบบโอเพ่นซอร์ส อีกทั้งยังมีการเตรียมปลั๊กอินสำหรับ Unity และ Unreal Engine เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน นี่ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับตลาดเกมมือถือ

    การพัฒนาแบบเปิดเผยข้อมูล:
    - ASR เปิดตัวเป็นโค้ดโอเพ่นซอร์สภายใต้ MIT License ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึงและปรับแต่งได้อย่างอิสระ.
    - มีแผนปล่อยปลั๊กอินสำหรับ Unity และ Unreal Engine ภายในสิ้นปี เพื่อให้การใช้งานง่ายขึ้นสำหรับเกมบนแพลตฟอร์มเหล่านี้.

    เปรียบเทียบกับคู่แข่ง:
    - ใช้วิธีการ temporal upscaling ที่ผสมผสานข้อมูลหลายเฟรม ช่วยสร้างภาพคุณภาพสูงกว่าระบบ spatial upscaling ของ Qualcomm Game Super Resolution (GSR).
    - ASR จับคู่กับชิปเซ็ตอย่าง MediaTek Dimensity 9300 ซึ่งช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่สำหรับผู้เล่นเกม.

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกมมือถือ:
    - การเดโมใน GDC 2025 แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพถึง 30% ในการรันเกมผ่าน Unreal Engine 5 โดยไม่ลดคุณภาพกราฟิก.

    ความกว้างขวางในการใช้งาน:
    - ASR สามารถใช้งานได้ในหลากหลายแพลตฟอร์ม เช่น MediaTek Dimensity, Qualcomm Snapdragon, Samsung Exynos และแม้แต่ในแล็ปท็อปที่ใช้ Snapdragon X ซีรีส์.

    https://www.techpowerup.com/334562/arm-releases-open-source-asr-upscaler-based-on-amd-fsr-2-technology
    Arm เปิดตัว Accuracy Super Resolution ที่ช่วยเพิ่มเฟรมเรตของเกมบนสมาร์ทโฟนและลดการใช้พลังงาน เทคโนโลยีนี้สร้างจาก AMD FSR 2 และมุ่งเน้นการใช้งานในอุปกรณ์พลังงานต่ำ นักพัฒนาสามารถปรับแต่งโค้ดได้แบบโอเพ่นซอร์ส อีกทั้งยังมีการเตรียมปลั๊กอินสำหรับ Unity และ Unreal Engine เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน นี่ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับตลาดเกมมือถือ การพัฒนาแบบเปิดเผยข้อมูล: - ASR เปิดตัวเป็นโค้ดโอเพ่นซอร์สภายใต้ MIT License ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึงและปรับแต่งได้อย่างอิสระ. - มีแผนปล่อยปลั๊กอินสำหรับ Unity และ Unreal Engine ภายในสิ้นปี เพื่อให้การใช้งานง่ายขึ้นสำหรับเกมบนแพลตฟอร์มเหล่านี้. เปรียบเทียบกับคู่แข่ง: - ใช้วิธีการ temporal upscaling ที่ผสมผสานข้อมูลหลายเฟรม ช่วยสร้างภาพคุณภาพสูงกว่าระบบ spatial upscaling ของ Qualcomm Game Super Resolution (GSR). - ASR จับคู่กับชิปเซ็ตอย่าง MediaTek Dimensity 9300 ซึ่งช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่สำหรับผู้เล่นเกม. ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกมมือถือ: - การเดโมใน GDC 2025 แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพถึง 30% ในการรันเกมผ่าน Unreal Engine 5 โดยไม่ลดคุณภาพกราฟิก. ความกว้างขวางในการใช้งาน: - ASR สามารถใช้งานได้ในหลากหลายแพลตฟอร์ม เช่น MediaTek Dimensity, Qualcomm Snapdragon, Samsung Exynos และแม้แต่ในแล็ปท็อปที่ใช้ Snapdragon X ซีรีส์. https://www.techpowerup.com/334562/arm-releases-open-source-asr-upscaler-based-on-amd-fsr-2-technology
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Arm Releases Open-Source ASR Upscaler Based on AMD FSR 2 Technology
    Arm has officially unveiled its Accuracy Super Resolution (ASR) upscaling technology at Game Developer Conference 2025, delivering an open-source upscaling solution for mobile and low-power devices. Built upon AMD's FidelityFX Super Resolution 2 (FSR 2) framework, ASR promises up to 53% higher frame...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft เปิดตัว DirectX Raytracing (DXR) 1.2 และ Neural Rendering ที่ช่วยเพิ่มความเร็วของ GPU จาก AMD, Intel, และ NVIDIA สูงสุด 10 เท่า เทคโนโลยีใหม่นี้ช่วยให้ภาพในเกมและหนัง 3D ดูสมจริงขึ้น โดยลดการใช้ทรัพยากรฮาร์ดแวร์และทำให้เล่นเกมไหลลื่นกว่าเดิม นี่ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับวงการกราฟิกที่กำลังมองหาเทคโนโลยีที่เร็วขึ้นและคุ้มค่า

    เทคโนโลยีที่เปลี่ยนโฉมวงการ:
    - Microsoft ได้นำเสนอ Opacity Micromaps (OMM) ซึ่งช่วยลดการคำนวณในงานกราฟิกที่เกี่ยวกับพื้นผิวแบบโปร่งใส โดยการเก็บข้อมูลการโปร่งใสล่วงหน้า.
    - อีกนวัตกรรมคือ Neural Rendering ซึ่งใช้การเรียนรู้ของเครื่อง (machine learning) เพื่อเร่งการสร้างภาพให้เร็วขึ้นและลดการใช้ทรัพยากร GPU.

    ประโยชน์สำหรับผู้ใช้งาน:
    - เทคโนโลยีใหม่ช่วยปรับปรุงเฟรมเรตในเกมแบบเรียลไทม์ และลดปัญหาการสะดุด (stuttering) ในกราฟิกที่ซับซ้อน.
    - นักพัฒนาสามารถสร้างภาพในเกมที่ดูสมจริงขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ที่มีราคาแพงเกินไป.

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม:
    - นี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับนักพัฒนาเกมและสตูดิโอภาพยนตร์ที่ต้องการลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มความคมชัดของภาพ.
    - NVIDIA และ AMD เตรียมปรับปรุงไดรเวอร์ให้เข้ากับ DXR 1.2 เพื่อดึงศักยภาพของฮาร์ดแวร์ออกมาได้เต็มที่

    https://www.techpowerup.com/334455/microsoft-directx-raytracing-1-2-and-neural-rendering-brings-up-to-10x-speedup-for-amd-intel-and-nvidia-gpus
    Microsoft เปิดตัว DirectX Raytracing (DXR) 1.2 และ Neural Rendering ที่ช่วยเพิ่มความเร็วของ GPU จาก AMD, Intel, และ NVIDIA สูงสุด 10 เท่า เทคโนโลยีใหม่นี้ช่วยให้ภาพในเกมและหนัง 3D ดูสมจริงขึ้น โดยลดการใช้ทรัพยากรฮาร์ดแวร์และทำให้เล่นเกมไหลลื่นกว่าเดิม นี่ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับวงการกราฟิกที่กำลังมองหาเทคโนโลยีที่เร็วขึ้นและคุ้มค่า เทคโนโลยีที่เปลี่ยนโฉมวงการ: - Microsoft ได้นำเสนอ Opacity Micromaps (OMM) ซึ่งช่วยลดการคำนวณในงานกราฟิกที่เกี่ยวกับพื้นผิวแบบโปร่งใส โดยการเก็บข้อมูลการโปร่งใสล่วงหน้า. - อีกนวัตกรรมคือ Neural Rendering ซึ่งใช้การเรียนรู้ของเครื่อง (machine learning) เพื่อเร่งการสร้างภาพให้เร็วขึ้นและลดการใช้ทรัพยากร GPU. ประโยชน์สำหรับผู้ใช้งาน: - เทคโนโลยีใหม่ช่วยปรับปรุงเฟรมเรตในเกมแบบเรียลไทม์ และลดปัญหาการสะดุด (stuttering) ในกราฟิกที่ซับซ้อน. - นักพัฒนาสามารถสร้างภาพในเกมที่ดูสมจริงขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ที่มีราคาแพงเกินไป. ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม: - นี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับนักพัฒนาเกมและสตูดิโอภาพยนตร์ที่ต้องการลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มความคมชัดของภาพ. - NVIDIA และ AMD เตรียมปรับปรุงไดรเวอร์ให้เข้ากับ DXR 1.2 เพื่อดึงศักยภาพของฮาร์ดแวร์ออกมาได้เต็มที่ https://www.techpowerup.com/334455/microsoft-directx-raytracing-1-2-and-neural-rendering-brings-up-to-10x-speedup-for-amd-intel-and-nvidia-gpus
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Microsoft DirectX Raytracing 1.2 and Neural Rendering Brings up to 10x Speedup for AMD, Intel, and NVIDIA GPUs
    Microsoft's DirectX Raytracing (DXR) 1.2 announcement at GDC 2025 introduces two technical innovations that address fundamental ray tracing performance bottlenecks. Opacity micromaps (OMM) reduce the computational overhead in alpha-tested geometry by storing pre-computed opacity data, eliminating re...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ได้ปล่อย SDK XeSS 2.0 ที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถเพิ่มความละเอียด สร้างเฟรมใหม่ และลดความล่าช้าในเกมได้ง่ายขึ้น ผ่านปลั๊กอินที่พร้อมใช้กับ Unreal Engine และ Unity อย่างไรก็ตาม XeSS ยังไม่เปิดซอร์ส ทำให้นักพัฒนาต้องพึ่งพาไฟล์ไบนารีจาก Intel เท่านั้น และรองรับแค่ Windows ซึ่งอาจทำให้สูญเสียข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง FSR ของ AMD ที่ยืดหยุ่นกว่า Intel มีความตั้งใจที่จะเร่งพัฒนาเทคโนโลยีนี้ แต่ต้องดูกันต่อไปว่า XeSS จะสามารถขยายการใช้งานได้มากขึ้นหรือไม่ในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/intel-finally-releases-the-xess-2-0-sdk-for-developers-technology-still-gated-by-closed-source-barriers
    Intel ได้ปล่อย SDK XeSS 2.0 ที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถเพิ่มความละเอียด สร้างเฟรมใหม่ และลดความล่าช้าในเกมได้ง่ายขึ้น ผ่านปลั๊กอินที่พร้อมใช้กับ Unreal Engine และ Unity อย่างไรก็ตาม XeSS ยังไม่เปิดซอร์ส ทำให้นักพัฒนาต้องพึ่งพาไฟล์ไบนารีจาก Intel เท่านั้น และรองรับแค่ Windows ซึ่งอาจทำให้สูญเสียข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง FSR ของ AMD ที่ยืดหยุ่นกว่า Intel มีความตั้งใจที่จะเร่งพัฒนาเทคโนโลยีนี้ แต่ต้องดูกันต่อไปว่า XeSS จะสามารถขยายการใช้งานได้มากขึ้นหรือไม่ในอนาคต https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/intel-finally-releases-the-xess-2-0-sdk-for-developers-technology-still-gated-by-closed-source-barriers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 183 มุมมอง 0 รีวิว
  • GMKtec กำลังเขย่าวงการเกมด้วยต้นแบบมินิพีซีตัวใหม่ที่ใช้ชิป AMD Ryzen AI Max+ 395 ซึ่งสามารถรันเกมดัง ๆ อย่าง Cyberpunk 2077 และ God of War ได้ที่ความละเอียด 1440p และเฟรมเรตสูงโดยไม่ต้องพึ่งกราฟิกการ์ดแยก ถือว่าเป็นก้าวใหญ่ของเทคโนโลยี APU ที่แสดงถึงความสามารถล้ำสมัยในอุปกรณ์ขนาดจิ๋ว เรียกได้ว่าใครที่มองหาเครื่องเกมพกพาที่ทรงพลังและไม่กินพื้นที่ น่าจะถูกใจเจ้าตัวนี้แน่นอน

    https://www.techradar.com/computing/gpu/this-prototype-mini-pc-demonstrates-a-massive-leap-forward-for-integrated-graphics-in-a-console-form-factor
    GMKtec กำลังเขย่าวงการเกมด้วยต้นแบบมินิพีซีตัวใหม่ที่ใช้ชิป AMD Ryzen AI Max+ 395 ซึ่งสามารถรันเกมดัง ๆ อย่าง Cyberpunk 2077 และ God of War ได้ที่ความละเอียด 1440p และเฟรมเรตสูงโดยไม่ต้องพึ่งกราฟิกการ์ดแยก ถือว่าเป็นก้าวใหญ่ของเทคโนโลยี APU ที่แสดงถึงความสามารถล้ำสมัยในอุปกรณ์ขนาดจิ๋ว เรียกได้ว่าใครที่มองหาเครื่องเกมพกพาที่ทรงพลังและไม่กินพื้นที่ น่าจะถูกใจเจ้าตัวนี้แน่นอน https://www.techradar.com/computing/gpu/this-prototype-mini-pc-demonstrates-a-massive-leap-forward-for-integrated-graphics-in-a-console-form-factor
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 373 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้พูดถึงความน่าสนใจของโปรเซสเซอร์ใหม่ล่าสุดจาก AMD รุ่น Ryzen 9 9950X3D ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นโปรเซสเซอร์ที่ทรงพลังที่สุดสำหรับนักเล่นเกมและนักสร้างคอนเทนต์ อย่างไรก็ตาม การทดสอบล่าสุดพบว่าชิปนี้กลับทำงานได้ดีกว่าบน Windows 10 เมื่อเทียบกับ Windows 11 โดยเฉพาะในเกมที่ต้องใช้การประมวลผลจาก CPU อย่างเข้มข้น

    การทดสอบโดย Tech YES City พบว่า Ryzen 9 9950X3D ทำเฟรมเรตได้สูงกว่าใน Windows 10 ในเกมยอดนิยม เช่น CS2 ที่ความละเอียด 1080p โดยใน Windows 10 เฉลี่ยที่ 745fps แต่ใน Windows 11 เฉลี่ยลดลงมาเป็น 729fps และตกลงไปถึง 710fps เมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์ VBS (Virtualization-based Security) ซึ่งแสดงถึงความแตกต่างถึง 9.2% ในบางกรณี เช่น เกม Fortnite ในการตั้งค่าต่ำสุด

    ปัญหานี้เกิดขึ้นแม้แต่กับ Windows 11 รุ่นปรับแต่ง (custom-tuned version) แสดงให้เห็นว่าปัญหาความเข้ากันได้นี้ยังไม่ได้รับการแก้ไขในระดับที่ดีพอ ข่าวนี้จึงสะท้อนถึงความกังวลว่า Windows 11 อาจจะยังไม่พร้อมสำหรับผู้ใช้บางกลุ่ม แม้ว่าจะเหลือเวลาอีกเพียงปีเศษก่อนที่ Microsoft จะยุติการสนับสนุน Windows 10 ในปี 2025

    https://www.techradar.com/computing/cpu/amds-most-powerful-processor-ever-actually-runs-better-on-windows-10-than-windows-11
    ข่าวนี้พูดถึงความน่าสนใจของโปรเซสเซอร์ใหม่ล่าสุดจาก AMD รุ่น Ryzen 9 9950X3D ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นโปรเซสเซอร์ที่ทรงพลังที่สุดสำหรับนักเล่นเกมและนักสร้างคอนเทนต์ อย่างไรก็ตาม การทดสอบล่าสุดพบว่าชิปนี้กลับทำงานได้ดีกว่าบน Windows 10 เมื่อเทียบกับ Windows 11 โดยเฉพาะในเกมที่ต้องใช้การประมวลผลจาก CPU อย่างเข้มข้น การทดสอบโดย Tech YES City พบว่า Ryzen 9 9950X3D ทำเฟรมเรตได้สูงกว่าใน Windows 10 ในเกมยอดนิยม เช่น CS2 ที่ความละเอียด 1080p โดยใน Windows 10 เฉลี่ยที่ 745fps แต่ใน Windows 11 เฉลี่ยลดลงมาเป็น 729fps และตกลงไปถึง 710fps เมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์ VBS (Virtualization-based Security) ซึ่งแสดงถึงความแตกต่างถึง 9.2% ในบางกรณี เช่น เกม Fortnite ในการตั้งค่าต่ำสุด ปัญหานี้เกิดขึ้นแม้แต่กับ Windows 11 รุ่นปรับแต่ง (custom-tuned version) แสดงให้เห็นว่าปัญหาความเข้ากันได้นี้ยังไม่ได้รับการแก้ไขในระดับที่ดีพอ ข่าวนี้จึงสะท้อนถึงความกังวลว่า Windows 11 อาจจะยังไม่พร้อมสำหรับผู้ใช้บางกลุ่ม แม้ว่าจะเหลือเวลาอีกเพียงปีเศษก่อนที่ Microsoft จะยุติการสนับสนุน Windows 10 ในปี 2025 https://www.techradar.com/computing/cpu/amds-most-powerful-processor-ever-actually-runs-better-on-windows-10-than-windows-11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 0 รีวิว
  • Asus และ Microsoft อาจร่วมกันเปิดตัวอุปกรณ์พกพาสำหรับเล่นเกม Xbox ในปี 2025 ภายใต้โครงการที่ชื่อว่า Project Kennan ซึ่งเป็นชื่อรหัสสำหรับอุปกรณ์พกพาที่ Asus พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับการเล่นเกม Xbox โดยเฉพาะ

    Microsoft กำลังดำเนินโครงการที่ชื่อว่า Project Bayside ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์คที่ช่วยปรับปรุงการทำงานร่วมกันระหว่างระบบปฏิบัติการ Windows และ Xbox ให้เป็นแพลตฟอร์มเดียวกัน การปรับปรุงนี้จะส่งผลให้การใช้งานเกม Xbox บนอุปกรณ์หลากหลายประเภทสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอุปกรณ์พกพาของ Asus ก็จะใช้เฟรมเวิร์คนี้เช่นกัน ทำให้มีอินเทอร์เฟซแบบ Xbox ที่คุ้นเคย แต่ยังคงอยู่บนระบบพื้นฐานของ Windows

    สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือแนวโน้มของตลาดเครื่องเล่นเกมพกพา ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากความสำเร็จของ Steam Deck ในปี 2022 ตลาดนี้กำลังมีการแข่งขันสูงขึ้น เช่น Lenovo เริ่มเปิดตัวเครื่องเล่นเกมพกพาของตนเองในราคาที่แข่งขันได้ และมาพร้อมระบบปฏิบัติการทางเลือกอย่าง SteamOS ซึ่งอาจเป็นความท้าทายสำหรับ Microsoft ในการรักษาส่วนแบ่งตลาดเกมของตน

    การพัฒนานี้สะท้อนถึงความพยายามของ Microsoft ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่แข่งขันได้ ทั้งในด้านนวัตกรรมและการปรับตัวให้เข้ากับตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา หากข่าวลือนี้เป็นจริง เราอาจได้เห็น Xbox แบบพกพาที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้เล่นในยุคใหม่ โดยเฉพาะในช่วงปลายปี 2025

    https://www.tomshardware.com/video-games/xbox/asus-rumored-to-launch-xbox-handheld-in-2025-oem-working-with-microsoft-to-unify-windows-and-xbox-libraries
    Asus และ Microsoft อาจร่วมกันเปิดตัวอุปกรณ์พกพาสำหรับเล่นเกม Xbox ในปี 2025 ภายใต้โครงการที่ชื่อว่า Project Kennan ซึ่งเป็นชื่อรหัสสำหรับอุปกรณ์พกพาที่ Asus พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับการเล่นเกม Xbox โดยเฉพาะ Microsoft กำลังดำเนินโครงการที่ชื่อว่า Project Bayside ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์คที่ช่วยปรับปรุงการทำงานร่วมกันระหว่างระบบปฏิบัติการ Windows และ Xbox ให้เป็นแพลตฟอร์มเดียวกัน การปรับปรุงนี้จะส่งผลให้การใช้งานเกม Xbox บนอุปกรณ์หลากหลายประเภทสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอุปกรณ์พกพาของ Asus ก็จะใช้เฟรมเวิร์คนี้เช่นกัน ทำให้มีอินเทอร์เฟซแบบ Xbox ที่คุ้นเคย แต่ยังคงอยู่บนระบบพื้นฐานของ Windows สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือแนวโน้มของตลาดเครื่องเล่นเกมพกพา ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากความสำเร็จของ Steam Deck ในปี 2022 ตลาดนี้กำลังมีการแข่งขันสูงขึ้น เช่น Lenovo เริ่มเปิดตัวเครื่องเล่นเกมพกพาของตนเองในราคาที่แข่งขันได้ และมาพร้อมระบบปฏิบัติการทางเลือกอย่าง SteamOS ซึ่งอาจเป็นความท้าทายสำหรับ Microsoft ในการรักษาส่วนแบ่งตลาดเกมของตน การพัฒนานี้สะท้อนถึงความพยายามของ Microsoft ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่แข่งขันได้ ทั้งในด้านนวัตกรรมและการปรับตัวให้เข้ากับตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา หากข่าวลือนี้เป็นจริง เราอาจได้เห็น Xbox แบบพกพาที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้เล่นในยุคใหม่ โดยเฉพาะในช่วงปลายปี 2025 https://www.tomshardware.com/video-games/xbox/asus-rumored-to-launch-xbox-handheld-in-2025-oem-working-with-microsoft-to-unify-windows-and-xbox-libraries
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 262 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่จาก AMD อย่าง RX 9070 XT และ RX 9070 ซึ่งกำลังได้รับความสนใจในวงการเกมและเทคโนโลยี ด้วยความสามารถที่โดดเด่นในการแข่งขันกับคู่แข่งรุ่นใหญ่ของ Nvidia อย่าง RTX 5080 และการปรับแต่งที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้มากกว่าค่ามาตรฐาน

    จุดเด่นสำคัญ:
    1) การ์ด RX 9070 XT สามารถเอาชนะ RTX 5080 ได้ในด้านการประสิทธิภาพเฟรมเรต (FPS) โดยเฉพาะในเกม Cyberpunk 2077 เมื่อปรับลดแรงดันไฟฟ้า (Undervolting) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 10% โดยไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนความเร็วของ GPU โดยตรง

    2) มีการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านการโอเวอร์คล็อก (Overclocking) อย่าง Der8auer และ Alva Jonathan ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการ์ด AMD ในการเพิ่มเฟรมเรตได้อย่างน่าประทับใจ โดยใช้เทคนิคปรับแรงดันไฟฟ้าลดลง ทำให้ GPU ทำงานได้ที่ความเร็ว 3.36 GHz โดยใช้พลังงานต่ำลง

    เทคโนโลยีและผลลัพธ์:
    - AMD Radeon Software ช่วยให้การปรับแรงดันไฟฟ้าทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่งผลให้ตัวการ์ดสามารถทำงานได้อย่างเสถียร แม้ภายใต้การเพิ่มพลังงานถึง 110% จากปกติ

    - อย่างไรก็ตาม การ์ดเหล่านี้ถูกตั้งราคาขายเกินกว่ามาตรฐาน MSRP ในตลาด เช่น รุ่น RX 9070 XT PowerColor Red Devil ที่เริ่มต้นที่ $799 สูงกว่าราคามาตรฐานถึง $200

    แม้ว่าความสามารถด้านการเพิ่มประสิทธิภาพจะโดดเด่น แต่ยังมีประเด็นที่อาจทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจยาก เช่น การจัดจำหน่ายที่จำกัดและราคาที่สูง นอกจากนี้ การปรับแต่งในบางกรณี เช่น การเพิ่มความเร็ว VRAM อาจไม่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่กลับทำให้เกมทำงานช้าลงเนื่องจากการแก้ไขข้อผิดพลาดของ VRAM ที่ซับซ้อนขึ้น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/undervolted-rx-9070-xt-beats-rtx-5080-rx-9070-and-9070-xt-models-with-heavy-coolers-have-massive-oc-headroom
    ข่าวนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่จาก AMD อย่าง RX 9070 XT และ RX 9070 ซึ่งกำลังได้รับความสนใจในวงการเกมและเทคโนโลยี ด้วยความสามารถที่โดดเด่นในการแข่งขันกับคู่แข่งรุ่นใหญ่ของ Nvidia อย่าง RTX 5080 และการปรับแต่งที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้มากกว่าค่ามาตรฐาน จุดเด่นสำคัญ: 1) การ์ด RX 9070 XT สามารถเอาชนะ RTX 5080 ได้ในด้านการประสิทธิภาพเฟรมเรต (FPS) โดยเฉพาะในเกม Cyberpunk 2077 เมื่อปรับลดแรงดันไฟฟ้า (Undervolting) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 10% โดยไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนความเร็วของ GPU โดยตรง 2) มีการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านการโอเวอร์คล็อก (Overclocking) อย่าง Der8auer และ Alva Jonathan ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการ์ด AMD ในการเพิ่มเฟรมเรตได้อย่างน่าประทับใจ โดยใช้เทคนิคปรับแรงดันไฟฟ้าลดลง ทำให้ GPU ทำงานได้ที่ความเร็ว 3.36 GHz โดยใช้พลังงานต่ำลง เทคโนโลยีและผลลัพธ์: - AMD Radeon Software ช่วยให้การปรับแรงดันไฟฟ้าทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่งผลให้ตัวการ์ดสามารถทำงานได้อย่างเสถียร แม้ภายใต้การเพิ่มพลังงานถึง 110% จากปกติ - อย่างไรก็ตาม การ์ดเหล่านี้ถูกตั้งราคาขายเกินกว่ามาตรฐาน MSRP ในตลาด เช่น รุ่น RX 9070 XT PowerColor Red Devil ที่เริ่มต้นที่ $799 สูงกว่าราคามาตรฐานถึง $200 แม้ว่าความสามารถด้านการเพิ่มประสิทธิภาพจะโดดเด่น แต่ยังมีประเด็นที่อาจทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจยาก เช่น การจัดจำหน่ายที่จำกัดและราคาที่สูง นอกจากนี้ การปรับแต่งในบางกรณี เช่น การเพิ่มความเร็ว VRAM อาจไม่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่กลับทำให้เกมทำงานช้าลงเนื่องจากการแก้ไขข้อผิดพลาดของ VRAM ที่ซับซ้อนขึ้น https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/undervolted-rx-9070-xt-beats-rtx-5080-rx-9070-and-9070-xt-models-with-heavy-coolers-have-massive-oc-headroom
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 432 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้นำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับนวัตกรรมด้านการเพิ่มประสิทธิภาพกราฟิกในเกมผ่านการใช้ "OptiScaler" ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่พัฒนาโดยกลุ่มนักพัฒนาผู้หลงใหลในเทคโนโลยีกราฟิก โดย OptiScaler ช่วยเพิ่มความสามารถให้กับเทคโนโลยีการเรนเดอร์ภาพ FidelityFX Super Resolution (FSR) 4 ของ AMD ทำให้สามารถใช้งานในเกมที่รองรับ DLSS2 ของ Nvidia หรือ XeSS ของ Intel ได้

    การพัฒนานี้เปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับเกมเมอร์ที่ใช้การ์ดจอ AMD Radeon RX 9070 และ RX 9070 XT โดย OptiScaler ไม่เพียงช่วยให้กราฟิกเกมดูคมชัดขึ้น แต่ยังเสริมความสามารถในการสร้างเฟรมภาพ (Frame Generation) และลดความล่าช้าด้วยเทคโนโลยี Anti-Lag และ Nvidia Reflex ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายเกมในปัจจุบันยังไม่ได้รองรับอย่างเป็นทางการ

    ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ การใช้งาน OptiScaler ในเกม Cyberpunk 2077 ซึ่งทีมพัฒนาเกมไม่ได้วางแผนที่จะรองรับ FSR 4 อย่างเป็นทางการ แอปนี้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เกมเมอร์ได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น

    อย่างไรก็ตาม OptiScaler ยังคงเป็นเครื่องมือในระยะเริ่มต้น และอาจเกิดข้อผิดพลาดหรือปัญหาความเสถียรในการใช้งาน นอกจากนี้ มันยังไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจาก AMD, Intel หรือ Nvidia

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/optiscaler-mod-adds-amd-fsr-4-support-to-dlss-supporting-games
    ข่าวนี้นำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับนวัตกรรมด้านการเพิ่มประสิทธิภาพกราฟิกในเกมผ่านการใช้ "OptiScaler" ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่พัฒนาโดยกลุ่มนักพัฒนาผู้หลงใหลในเทคโนโลยีกราฟิก โดย OptiScaler ช่วยเพิ่มความสามารถให้กับเทคโนโลยีการเรนเดอร์ภาพ FidelityFX Super Resolution (FSR) 4 ของ AMD ทำให้สามารถใช้งานในเกมที่รองรับ DLSS2 ของ Nvidia หรือ XeSS ของ Intel ได้ การพัฒนานี้เปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับเกมเมอร์ที่ใช้การ์ดจอ AMD Radeon RX 9070 และ RX 9070 XT โดย OptiScaler ไม่เพียงช่วยให้กราฟิกเกมดูคมชัดขึ้น แต่ยังเสริมความสามารถในการสร้างเฟรมภาพ (Frame Generation) และลดความล่าช้าด้วยเทคโนโลยี Anti-Lag และ Nvidia Reflex ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายเกมในปัจจุบันยังไม่ได้รองรับอย่างเป็นทางการ ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ การใช้งาน OptiScaler ในเกม Cyberpunk 2077 ซึ่งทีมพัฒนาเกมไม่ได้วางแผนที่จะรองรับ FSR 4 อย่างเป็นทางการ แอปนี้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เกมเมอร์ได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม OptiScaler ยังคงเป็นเครื่องมือในระยะเริ่มต้น และอาจเกิดข้อผิดพลาดหรือปัญหาความเสถียรในการใช้งาน นอกจากนี้ มันยังไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจาก AMD, Intel หรือ Nvidia https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/optiscaler-mod-adds-amd-fsr-4-support-to-dlss-supporting-games
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts