• Amazon Threat Intelligence เปิดเผยการโจมตีขั้นสูงที่ใช้ช่องโหว่ Zero-Day พร้อมกันสองตัว

    ทีม Amazon Threat Intelligence ตรวจพบการโจมตีผ่านเครือข่าย MadPot Honeypot ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการใช้ช่องโหว่ Citrix Bleed Two ก่อนที่จะมีการประกาศ CVE อย่างเป็นทางการ นั่นหมายความว่าผู้โจมตีมี exploit ที่พร้อมใช้งาน ตั้งแต่ก่อนเปิดเผยสาธารณะ และในระหว่างการวิเคราะห์ยังพบช่องโหว่ใหม่ใน Cisco ISE ที่เปิดทางให้เกิด Remote Code Execution (RCE) โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน

    เทคนิคการโจมตีที่ซับซ้อน
    หลังจากเจาะระบบได้ ผู้โจมตีติดตั้ง Web Shell แบบ custom ที่ชื่อว่า IdentityAuditAction ซึ่งทำงานแบบ in-memory เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ไม่ทิ้งไฟล์บนดิสก์ ใช้ Java Reflection เพื่อแทรกตัวเองใน thread ของ Tomcat และเข้ารหัส payload ด้วย DES + Base64 แบบ custom ทำให้การตรวจจับยากขึ้นอย่างมาก ลักษณะนี้บ่งชี้ว่าเป็นกลุ่มที่มีทรัพยากรสูงหรืออาจเกี่ยวข้องกับรัฐ

    ผลกระทบต่อองค์กร
    การโจมตีนี้ไม่ได้จำกัดเป้าหมายเฉพาะองค์กรใด แต่มีการ mass scanning ทั่วอินเทอร์เน็ตเพื่อหาช่องโหว่ในระบบ Citrix และ Cisco ISE ที่ยังไม่ได้แพตช์ หากถูกโจมตีสำเร็จ ผู้ไม่หวังดีสามารถควบคุมระบบยืนยันตัวตนและการเข้าถึงเครือข่าย ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานองค์กร

    แนวทางป้องกัน
    Cisco และ Citrix ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว โดยองค์กรควรรีบอัปเดตทันที พร้อมตรวจสอบระบบที่เกี่ยวข้องกับ Identity Services Engine และ NetScaler Gateway รวมถึงติดตั้งระบบตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติในทราฟฟิก เพื่อป้องกันการโจมตีที่ใช้เทคนิคขั้นสูงเช่นนี้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การค้นพบการโจมตี Zero-Day
    Citrix Bleed Two (CVE-2025-5777) ถูกใช้ก่อนการเปิดเผย
    Cisco ISE RCE (CVE-2025-20337) เปิดทางให้รีโมตเข้าถึงโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน

    เทคนิคการโจมตี
    ใช้ Web Shell แบบ custom (IdentityAuditAction) ทำงานในหน่วยความจำ
    Payload เข้ารหัสด้วย DES + Base64 แบบ custom

    ผลกระทบต่อองค์กร
    ระบบยืนยันตัวตนและการเข้าถึงเครือข่ายเสี่ยงถูกควบคุม
    มีการ mass scanning หาช่องโหว่ทั่วอินเทอร์เน็ต

    แนวทางแก้ไข
    รีบอัปเดตแพตช์จาก Cisco และ Citrix
    ใช้ระบบตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติในทราฟฟิก

    คำเตือนสำหรับองค์กร
    หากไม่อัปเดต อาจถูกโจมตีจนระบบยืนยันตัวตนถูกยึดครอง
    การโจมตีขั้นสูงนี้บ่งชี้ถึงกลุ่มที่มีทรัพยากรสูง อาจเกี่ยวข้องกับรัฐ

    https://securityonline.info/amazon-exposes-advanced-apt-exploiting-cisco-ise-rce-and-citrix-bleed-two-as-simultaneous-zero-days/
    🕵️‍♀️ Amazon Threat Intelligence เปิดเผยการโจมตีขั้นสูงที่ใช้ช่องโหว่ Zero-Day พร้อมกันสองตัว ทีม Amazon Threat Intelligence ตรวจพบการโจมตีผ่านเครือข่าย MadPot Honeypot ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการใช้ช่องโหว่ Citrix Bleed Two ก่อนที่จะมีการประกาศ CVE อย่างเป็นทางการ นั่นหมายความว่าผู้โจมตีมี exploit ที่พร้อมใช้งาน ตั้งแต่ก่อนเปิดเผยสาธารณะ และในระหว่างการวิเคราะห์ยังพบช่องโหว่ใหม่ใน Cisco ISE ที่เปิดทางให้เกิด Remote Code Execution (RCE) โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ⚡ เทคนิคการโจมตีที่ซับซ้อน หลังจากเจาะระบบได้ ผู้โจมตีติดตั้ง Web Shell แบบ custom ที่ชื่อว่า IdentityAuditAction ซึ่งทำงานแบบ in-memory เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ไม่ทิ้งไฟล์บนดิสก์ ใช้ Java Reflection เพื่อแทรกตัวเองใน thread ของ Tomcat และเข้ารหัส payload ด้วย DES + Base64 แบบ custom ทำให้การตรวจจับยากขึ้นอย่างมาก ลักษณะนี้บ่งชี้ว่าเป็นกลุ่มที่มีทรัพยากรสูงหรืออาจเกี่ยวข้องกับรัฐ 🌐 ผลกระทบต่อองค์กร การโจมตีนี้ไม่ได้จำกัดเป้าหมายเฉพาะองค์กรใด แต่มีการ mass scanning ทั่วอินเทอร์เน็ตเพื่อหาช่องโหว่ในระบบ Citrix และ Cisco ISE ที่ยังไม่ได้แพตช์ หากถูกโจมตีสำเร็จ ผู้ไม่หวังดีสามารถควบคุมระบบยืนยันตัวตนและการเข้าถึงเครือข่าย ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานองค์กร 🛠️ แนวทางป้องกัน Cisco และ Citrix ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว โดยองค์กรควรรีบอัปเดตทันที พร้อมตรวจสอบระบบที่เกี่ยวข้องกับ Identity Services Engine และ NetScaler Gateway รวมถึงติดตั้งระบบตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติในทราฟฟิก เพื่อป้องกันการโจมตีที่ใช้เทคนิคขั้นสูงเช่นนี้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การค้นพบการโจมตี Zero-Day ➡️ Citrix Bleed Two (CVE-2025-5777) ถูกใช้ก่อนการเปิดเผย ➡️ Cisco ISE RCE (CVE-2025-20337) เปิดทางให้รีโมตเข้าถึงโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ✅ เทคนิคการโจมตี ➡️ ใช้ Web Shell แบบ custom (IdentityAuditAction) ทำงานในหน่วยความจำ ➡️ Payload เข้ารหัสด้วย DES + Base64 แบบ custom ✅ ผลกระทบต่อองค์กร ➡️ ระบบยืนยันตัวตนและการเข้าถึงเครือข่ายเสี่ยงถูกควบคุม ➡️ มีการ mass scanning หาช่องโหว่ทั่วอินเทอร์เน็ต ✅ แนวทางแก้ไข ➡️ รีบอัปเดตแพตช์จาก Cisco และ Citrix ➡️ ใช้ระบบตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติในทราฟฟิก ‼️ คำเตือนสำหรับองค์กร ⛔ หากไม่อัปเดต อาจถูกโจมตีจนระบบยืนยันตัวตนถูกยึดครอง ⛔ การโจมตีขั้นสูงนี้บ่งชี้ถึงกลุ่มที่มีทรัพยากรสูง อาจเกี่ยวข้องกับรัฐ https://securityonline.info/amazon-exposes-advanced-apt-exploiting-cisco-ise-rce-and-citrix-bleed-two-as-simultaneous-zero-days/
    SECURITYONLINE.INFO
    Amazon Exposes Advanced APT Exploiting Cisco ISE (RCE) and Citrix Bleed Two as Simultaneous Zero-Days
    Amazon uncovered an advanced APT simultaneously exploiting Cisco ISE RCE (CVE-2025-20337) and Citrix Bleed Two (CVE-2025-5777) as zero-days. The attacker deployed a custom in-memory web shell on Cisco ISE.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส่วนขยาย Chrome ปลอมที่แฝงตัวเป็น Ethereum Wallet

    นักวิจัยจาก Socket พบส่วนขยายชื่อ Safery: Ethereum Wallet ที่ปรากฏใน Chrome Web Store และดูเหมือนเป็นกระเป๋าเงินคริปโตทั่วไป. มันสามารถสร้างบัญชีใหม่, นำเข้า seed phrase, แสดงยอดคงเหลือ และส่ง ETH ได้ตามปกติ ทำให้ผู้ใช้เชื่อว่าเป็นกระเป๋าเงินที่ปลอดภัย.

    เทคนิคการขโมย Seed Phrase แบบแนบเนียน
    เมื่อผู้ใช้สร้างหรือใส่ seed phrase ส่วนขยายจะเข้ารหัสคำเหล่านั้นเป็น ที่อยู่ปลอมบน Sui blockchain และส่งธุรกรรมเล็ก ๆ (0.000001 SUI) ไปยังที่อยู่นั้น. ข้อมูล seed phrase ถูกซ่อนอยู่ในธุรกรรม ทำให้ไม่ต้องใช้เซิร์ฟเวอร์ C2 หรือการส่งข้อมูลผ่าน HTTP. ภายหลังผู้โจมตีสามารถถอดรหัสธุรกรรมเหล่านี้เพื่อกู้คืน seed phrase ได้ครบถ้วน.

    ความแตกต่างจากมัลแวร์ทั่วไป
    มัลแวร์นี้ไม่ส่งข้อมูลออกทางอินเทอร์เน็ตโดยตรง แต่ใช้ ธุรกรรมบล็อกเชนเป็นช่องทางลับ ทำให้ยากต่อการตรวจจับโดยระบบรักษาความปลอดภัย. ไม่มีการส่งข้อมูล plaintext, ไม่มีเซิร์ฟเวอร์กลาง และไม่มีการเรียก API ที่ผิดปกติ. วิธีนี้ถือเป็นการใช้บล็อกเชนเป็น “ช่องทางสื่อสาร” ที่ปลอดภัยสำหรับผู้โจมตี.

    ความเสี่ยงต่อผู้ใช้
    แม้ส่วนขยายนี้ยังคงอยู่ใน Chrome Web Store ณ เวลาที่รายงาน ผู้ใช้ที่ค้นหา “Ethereum Wallet” อาจเจอและติดตั้งโดยไม่รู้ตัว. การโจมตีรูปแบบนี้แสดงให้เห็นว่าผู้โจมตีเริ่มใช้ ธุรกรรมบล็อกเชนเป็นเครื่องมือขโมยข้อมูล ซึ่งอาจแพร่กระจายไปยังมัลแวร์อื่น ๆ ในอนาคต.

    ส่วนขยาย Safery: Ethereum Wallet
    ปลอมเป็นกระเป๋าเงิน Ethereum บน Chrome Web Store
    ทำงานเหมือนกระเป๋าเงินจริงเพื่อหลอกผู้ใช้

    เทคนิคการขโมย Seed Phrase
    เข้ารหัส seed phrase เป็นที่อยู่ปลอมบน Sui blockchain
    ส่งธุรกรรมเล็ก ๆ เพื่อซ่อนข้อมูล

    ความแตกต่างจากมัลแวร์ทั่วไป
    ไม่ใช้ HTTP หรือเซิร์ฟเวอร์ C2
    ใช้ธุรกรรมบล็อกเชนเป็นช่องทางลับ

    ความเสี่ยงและคำเตือน
    ส่วนขยายยังคงอยู่ใน Chrome Web Store
    ผู้ใช้ที่ค้นหา Ethereum Wallet อาจติดตั้งโดยไม่รู้ตัว
    การใช้บล็อกเชนเป็นช่องทางขโมยข้อมูลอาจแพร่ไปยังมัลแวร์อื่น

    https://securityonline.info/sui-blockchain-seed-stealer-malicious-chrome-extension-hides-mnemonic-exfiltration-in-microtransactions/
    🕵️‍♂️ ส่วนขยาย Chrome ปลอมที่แฝงตัวเป็น Ethereum Wallet นักวิจัยจาก Socket พบส่วนขยายชื่อ Safery: Ethereum Wallet ที่ปรากฏใน Chrome Web Store และดูเหมือนเป็นกระเป๋าเงินคริปโตทั่วไป. มันสามารถสร้างบัญชีใหม่, นำเข้า seed phrase, แสดงยอดคงเหลือ และส่ง ETH ได้ตามปกติ ทำให้ผู้ใช้เชื่อว่าเป็นกระเป๋าเงินที่ปลอดภัย. 🔐 เทคนิคการขโมย Seed Phrase แบบแนบเนียน เมื่อผู้ใช้สร้างหรือใส่ seed phrase ส่วนขยายจะเข้ารหัสคำเหล่านั้นเป็น ที่อยู่ปลอมบน Sui blockchain และส่งธุรกรรมเล็ก ๆ (0.000001 SUI) ไปยังที่อยู่นั้น. ข้อมูล seed phrase ถูกซ่อนอยู่ในธุรกรรม ทำให้ไม่ต้องใช้เซิร์ฟเวอร์ C2 หรือการส่งข้อมูลผ่าน HTTP. ภายหลังผู้โจมตีสามารถถอดรหัสธุรกรรมเหล่านี้เพื่อกู้คืน seed phrase ได้ครบถ้วน. ⚡ ความแตกต่างจากมัลแวร์ทั่วไป มัลแวร์นี้ไม่ส่งข้อมูลออกทางอินเทอร์เน็ตโดยตรง แต่ใช้ ธุรกรรมบล็อกเชนเป็นช่องทางลับ ทำให้ยากต่อการตรวจจับโดยระบบรักษาความปลอดภัย. ไม่มีการส่งข้อมูล plaintext, ไม่มีเซิร์ฟเวอร์กลาง และไม่มีการเรียก API ที่ผิดปกติ. วิธีนี้ถือเป็นการใช้บล็อกเชนเป็น “ช่องทางสื่อสาร” ที่ปลอดภัยสำหรับผู้โจมตี. 🚨 ความเสี่ยงต่อผู้ใช้ แม้ส่วนขยายนี้ยังคงอยู่ใน Chrome Web Store ณ เวลาที่รายงาน ผู้ใช้ที่ค้นหา “Ethereum Wallet” อาจเจอและติดตั้งโดยไม่รู้ตัว. การโจมตีรูปแบบนี้แสดงให้เห็นว่าผู้โจมตีเริ่มใช้ ธุรกรรมบล็อกเชนเป็นเครื่องมือขโมยข้อมูล ซึ่งอาจแพร่กระจายไปยังมัลแวร์อื่น ๆ ในอนาคต. ✅ ส่วนขยาย Safery: Ethereum Wallet ➡️ ปลอมเป็นกระเป๋าเงิน Ethereum บน Chrome Web Store ➡️ ทำงานเหมือนกระเป๋าเงินจริงเพื่อหลอกผู้ใช้ ✅ เทคนิคการขโมย Seed Phrase ➡️ เข้ารหัส seed phrase เป็นที่อยู่ปลอมบน Sui blockchain ➡️ ส่งธุรกรรมเล็ก ๆ เพื่อซ่อนข้อมูล ✅ ความแตกต่างจากมัลแวร์ทั่วไป ➡️ ไม่ใช้ HTTP หรือเซิร์ฟเวอร์ C2 ➡️ ใช้ธุรกรรมบล็อกเชนเป็นช่องทางลับ ‼️ ความเสี่ยงและคำเตือน ⛔ ส่วนขยายยังคงอยู่ใน Chrome Web Store ⛔ ผู้ใช้ที่ค้นหา Ethereum Wallet อาจติดตั้งโดยไม่รู้ตัว ⛔ การใช้บล็อกเชนเป็นช่องทางขโมยข้อมูลอาจแพร่ไปยังมัลแวร์อื่น https://securityonline.info/sui-blockchain-seed-stealer-malicious-chrome-extension-hides-mnemonic-exfiltration-in-microtransactions/
    SECURITYONLINE.INFO
    Sui Blockchain Seed Stealer: Malicious Chrome Extension Hides Mnemonic Exfiltration in Microtransactions
    A malicious Chrome extension, Safery: Ethereum Wallet, steals BIP-39 seed phrases by encoding them into synthetic Sui blockchain addresses and broadcasting microtransactions, bypassing HTTP/C2 detection.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • มัลแวร์บน macOS ผ่านไฟล์ AppleScript

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าแฮกเกอร์เริ่มใช้ไฟล์ AppleScript (.scpt) เป็นเครื่องมือใหม่ในการแพร่กระจายมัลแวร์ โดยปลอมตัวเป็นเอกสาร Word, PowerPoint หรือแม้แต่ตัวติดตั้ง Zoom และ Teams SDK. เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์เหล่านี้ใน Script Editor.app และกดรัน (⌘+R) โค้ดที่ซ่อนอยู่ก็จะถูกทำงานทันที.

    เทคนิคการหลอกลวงที่แนบเนียน
    ไฟล์ .scpt ถูกออกแบบให้มี คอมเมนต์ปลอมและบรรทัดว่างจำนวนมาก เพื่อดันโค้ดอันตรายลงไปด้านล่าง ทำให้ผู้ใช้ไม่เห็นเนื้อหาที่แท้จริง. นอกจากนี้ยังมีการใช้ ไอคอนปลอม เพื่อทำให้ไฟล์ดูเหมือนเอกสารหรือโปรแกรมที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น Apeiron_Token_Transfer_Proposal.docx.scpt หรือ Stable1_Investment_Proposal.pptx.scpt.

    การแพร่กระจายสู่มัลแวร์เชิงพาณิชย์
    เดิมทีเทคนิคนี้ถูกใช้โดยกลุ่ม APT ระดับสูง แต่ปัจจุบันเริ่มถูกนำมาใช้ใน มัลแวร์เชิงพาณิชย์ เช่น Odyssey Stealer และ MacSync Stealer. การแพร่กระจายนี้แสดงให้เห็นถึงการ “ไหลลง” ของเทคนิคขั้นสูงสู่กลุ่มผู้โจมตีทั่วไป ทำให้ภัยคุกคามต่อผู้ใช้ macOS เพิ่มขึ้นอย่างมาก.

    ความเสี่ยงที่ผู้ใช้ต้องระวัง
    แม้ Apple จะปรับปรุงระบบ Gatekeeper เพื่อลดช่องโหว่ แต่ไฟล์ .scpt ยังสามารถเลี่ยงการตรวจจับได้ และบางตัวอย่างยังไม่ถูกตรวจพบใน VirusTotal. สิ่งนี้ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรเสี่ยงต่อการถูกโจมตีโดยไม่รู้ตัว.

    การใช้ AppleScript (.scpt) ในการแพร่มัลแวร์
    ปลอมเป็นเอกสาร Word/PowerPoint หรือโปรแกรมติดตั้ง Zoom, Teams
    เปิดใน Script Editor และรันโค้ดได้ทันที

    เทคนิคการซ่อนโค้ด
    ใช้บรรทัดว่างและคอมเมนต์ปลอมเพื่อซ่อนโค้ดจริง
    ใช้ไอคอนปลอมให้ดูเหมือนเอกสารหรือแอปถูกต้อง

    การแพร่กระจายสู่มัลแวร์เชิงพาณิชย์
    จาก APT สู่มัลแวร์ทั่วไป เช่น Odyssey Stealer และ MacSync Stealer
    เพิ่มความเสี่ยงต่อผู้ใช้ macOS ทั่วไป

    ความเสี่ยงและคำเตือน
    ไฟล์ .scpt บางตัวไม่ถูกตรวจพบใน VirusTotal
    ผู้ใช้เสี่ยงเปิดไฟล์ปลอมโดยไม่รู้ตัว
    องค์กรอาจถูกโจมตีหากไม่มีมาตรการป้องกันที่เข้มงวด

    https://securityonline.info/macos-threat-applescript-scpt-files-emerge-as-new-stealth-vector-for-stealer-malware/
    🖥️ มัลแวร์บน macOS ผ่านไฟล์ AppleScript นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าแฮกเกอร์เริ่มใช้ไฟล์ AppleScript (.scpt) เป็นเครื่องมือใหม่ในการแพร่กระจายมัลแวร์ โดยปลอมตัวเป็นเอกสาร Word, PowerPoint หรือแม้แต่ตัวติดตั้ง Zoom และ Teams SDK. เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์เหล่านี้ใน Script Editor.app และกดรัน (⌘+R) โค้ดที่ซ่อนอยู่ก็จะถูกทำงานทันที. 📂 เทคนิคการหลอกลวงที่แนบเนียน ไฟล์ .scpt ถูกออกแบบให้มี คอมเมนต์ปลอมและบรรทัดว่างจำนวนมาก เพื่อดันโค้ดอันตรายลงไปด้านล่าง ทำให้ผู้ใช้ไม่เห็นเนื้อหาที่แท้จริง. นอกจากนี้ยังมีการใช้ ไอคอนปลอม เพื่อทำให้ไฟล์ดูเหมือนเอกสารหรือโปรแกรมที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น Apeiron_Token_Transfer_Proposal.docx.scpt หรือ Stable1_Investment_Proposal.pptx.scpt. 🚨 การแพร่กระจายสู่มัลแวร์เชิงพาณิชย์ เดิมทีเทคนิคนี้ถูกใช้โดยกลุ่ม APT ระดับสูง แต่ปัจจุบันเริ่มถูกนำมาใช้ใน มัลแวร์เชิงพาณิชย์ เช่น Odyssey Stealer และ MacSync Stealer. การแพร่กระจายนี้แสดงให้เห็นถึงการ “ไหลลง” ของเทคนิคขั้นสูงสู่กลุ่มผู้โจมตีทั่วไป ทำให้ภัยคุกคามต่อผู้ใช้ macOS เพิ่มขึ้นอย่างมาก. ⚡ ความเสี่ยงที่ผู้ใช้ต้องระวัง แม้ Apple จะปรับปรุงระบบ Gatekeeper เพื่อลดช่องโหว่ แต่ไฟล์ .scpt ยังสามารถเลี่ยงการตรวจจับได้ และบางตัวอย่างยังไม่ถูกตรวจพบใน VirusTotal. สิ่งนี้ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรเสี่ยงต่อการถูกโจมตีโดยไม่รู้ตัว. ✅ การใช้ AppleScript (.scpt) ในการแพร่มัลแวร์ ➡️ ปลอมเป็นเอกสาร Word/PowerPoint หรือโปรแกรมติดตั้ง Zoom, Teams ➡️ เปิดใน Script Editor และรันโค้ดได้ทันที ✅ เทคนิคการซ่อนโค้ด ➡️ ใช้บรรทัดว่างและคอมเมนต์ปลอมเพื่อซ่อนโค้ดจริง ➡️ ใช้ไอคอนปลอมให้ดูเหมือนเอกสารหรือแอปถูกต้อง ✅ การแพร่กระจายสู่มัลแวร์เชิงพาณิชย์ ➡️ จาก APT สู่มัลแวร์ทั่วไป เช่น Odyssey Stealer และ MacSync Stealer ➡️ เพิ่มความเสี่ยงต่อผู้ใช้ macOS ทั่วไป ‼️ ความเสี่ยงและคำเตือน ⛔ ไฟล์ .scpt บางตัวไม่ถูกตรวจพบใน VirusTotal ⛔ ผู้ใช้เสี่ยงเปิดไฟล์ปลอมโดยไม่รู้ตัว ⛔ องค์กรอาจถูกโจมตีหากไม่มีมาตรการป้องกันที่เข้มงวด https://securityonline.info/macos-threat-applescript-scpt-files-emerge-as-new-stealth-vector-for-stealer-malware/
    SECURITYONLINE.INFO
    macOS Threat: AppleScript (.scpt) Files Emerge as New Stealth Vector for Stealer Malware
    A new macOS threat uses malicious AppleScript (.scpt) files, disguised as documents/updates, to bypass Gatekeeper and execute stealers like MacSync and Odyssey, exploiting user trust.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวข้อข่าว: “โมเดลใหม่ของ Moonshot AI จุดกระแส ‘DeepSeek Moment’ สั่นสะเทือนโลก AI”

    สตาร์ทอัพจีน Moonshot AI ที่มีมูลค่ากว่า 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้รับการสนับสนุนจากยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีอย่าง Alibaba และ Tencent ได้เปิดตัวโมเดล Kimi K2 Thinking ซึ่งเป็นโมเดลโอเพนซอร์สที่สร้างสถิติใหม่ในด้าน reasoning, coding และ agent capabilities

    โมเดลนี้ได้รับความนิยมสูงสุดบนแพลตฟอร์ม Hugging Face และโพสต์เปิดตัวบน X มียอดเข้าชมกว่า 4.5 ล้านครั้ง จุดที่น่าทึ่งคือมีรายงานว่า ค่าใช้จ่ายในการฝึกเพียง 4.6 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถูกกว่ามากเมื่อเทียบกับโมเดลสหรัฐฯ

    Thomas Wolf ผู้ร่วมก่อตั้ง Hugging Face ถึงกับตั้งคำถามว่า “นี่คืออีกหนึ่ง DeepSeek Moment หรือไม่?” หลังจากก่อนหน้านี้โมเดล R1 ของ DeepSeek ได้เขย่าความเชื่อเรื่องความเหนือกว่าของ AI สหรัฐฯ

    Kimi K2 Thinking ทำคะแนน 44.9% ใน Humanity’s Last Exam (ข้อสอบมาตรฐาน LLM กว่า 2,500 ข้อ) ซึ่งสูงกว่า GPT-5 ที่ทำได้ 41.7% และยังชนะใน benchmark สำคัญอย่าง BrowseComp และ Seal-0 ที่ทดสอบความสามารถในการค้นหาข้อมูลจริงบนเว็บ

    นอกจากนี้ ค่าใช้จ่าย API ของ Kimi K2 Thinking ยังถูกกว่าโมเดลของ OpenAI และ Anthropic ถึง 6–10 เท่า นักวิเคราะห์ชี้ว่าแนวโน้มของจีนคือการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อแข่งขันด้วย ความคุ้มค่า (cost-effectiveness) แม้ประสิทธิภาพโดยรวมยังตามหลังโมเดลสหรัฐฯ

    สาระเพิ่มเติมจากภายนอก
    การแข่งขัน AI ระหว่างจีนและสหรัฐฯ กำลังเปลี่ยนจาก “ใครเก่งกว่า” เป็น “ใครคุ้มค่ากว่า”
    การที่จีนหันมาเน้น ลดต้นทุนการฝึกและใช้งาน อาจทำให้ AI เข้าถึงนักพัฒนาและธุรกิจรายย่อยได้มากขึ้น
    หากแนวโน้มนี้ดำเนินต่อไป อาจเกิดการ เร่งนวัตกรรมด้านสถาปัตยกรรมโมเดลและเทคนิคการฝึก ที่เปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรม AI

    Moonshot AI เปิดตัว Kimi K2 Thinking
    ทำผลงานเหนือ GPT-5 และ Claude Sonnet 4.5 ในหลาย benchmark
    ได้รับความนิยมสูงสุดบน Hugging Face และมีผู้สนใจจำนวนมาก

    จุดเด่นของโมเดล
    ค่าใช้จ่ายในการฝึกเพียง 4.6 ล้านดอลลาร์
    API ถูกกว่าโมเดลสหรัฐฯ ถึง 6–10 เท่า

    ผลกระทบต่อวงการ
    จุดกระแส “DeepSeek Moment” ครั้งใหม่
    ท้าทายความเป็นผู้นำด้าน AI ของสหรัฐฯ

    คำเตือนด้านความเสี่ยง
    แม้ต้นทุนต่ำ แต่ประสิทธิภาพโดยรวมยังตามหลังโมเดลสหรัฐฯ
    การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงอาจทำให้บางบริษัทละเลยการตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัย
    หากจีนครองตลาดด้วยโมเดลราคาถูก อาจเกิดความเสี่ยงด้านมาตรฐานและความน่าเชื่อถือของ AI

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/12/why-new-model-of-chinas-moonshot-ai-stirs-deepseek-moment-debate
    🤖 หัวข้อข่าว: “โมเดลใหม่ของ Moonshot AI จุดกระแส ‘DeepSeek Moment’ สั่นสะเทือนโลก AI” สตาร์ทอัพจีน Moonshot AI ที่มีมูลค่ากว่า 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้รับการสนับสนุนจากยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีอย่าง Alibaba และ Tencent ได้เปิดตัวโมเดล Kimi K2 Thinking ซึ่งเป็นโมเดลโอเพนซอร์สที่สร้างสถิติใหม่ในด้าน reasoning, coding และ agent capabilities โมเดลนี้ได้รับความนิยมสูงสุดบนแพลตฟอร์ม Hugging Face และโพสต์เปิดตัวบน X มียอดเข้าชมกว่า 4.5 ล้านครั้ง จุดที่น่าทึ่งคือมีรายงานว่า ค่าใช้จ่ายในการฝึกเพียง 4.6 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถูกกว่ามากเมื่อเทียบกับโมเดลสหรัฐฯ Thomas Wolf ผู้ร่วมก่อตั้ง Hugging Face ถึงกับตั้งคำถามว่า “นี่คืออีกหนึ่ง DeepSeek Moment หรือไม่?” หลังจากก่อนหน้านี้โมเดล R1 ของ DeepSeek ได้เขย่าความเชื่อเรื่องความเหนือกว่าของ AI สหรัฐฯ Kimi K2 Thinking ทำคะแนน 44.9% ใน Humanity’s Last Exam (ข้อสอบมาตรฐาน LLM กว่า 2,500 ข้อ) ซึ่งสูงกว่า GPT-5 ที่ทำได้ 41.7% และยังชนะใน benchmark สำคัญอย่าง BrowseComp และ Seal-0 ที่ทดสอบความสามารถในการค้นหาข้อมูลจริงบนเว็บ นอกจากนี้ ค่าใช้จ่าย API ของ Kimi K2 Thinking ยังถูกกว่าโมเดลของ OpenAI และ Anthropic ถึง 6–10 เท่า นักวิเคราะห์ชี้ว่าแนวโน้มของจีนคือการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อแข่งขันด้วย ความคุ้มค่า (cost-effectiveness) แม้ประสิทธิภาพโดยรวมยังตามหลังโมเดลสหรัฐฯ 🧩 สาระเพิ่มเติมจากภายนอก 📌 การแข่งขัน AI ระหว่างจีนและสหรัฐฯ กำลังเปลี่ยนจาก “ใครเก่งกว่า” เป็น “ใครคุ้มค่ากว่า” 📌 การที่จีนหันมาเน้น ลดต้นทุนการฝึกและใช้งาน อาจทำให้ AI เข้าถึงนักพัฒนาและธุรกิจรายย่อยได้มากขึ้น 📌 หากแนวโน้มนี้ดำเนินต่อไป อาจเกิดการ เร่งนวัตกรรมด้านสถาปัตยกรรมโมเดลและเทคนิคการฝึก ที่เปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรม AI ✅ Moonshot AI เปิดตัว Kimi K2 Thinking ➡️ ทำผลงานเหนือ GPT-5 และ Claude Sonnet 4.5 ในหลาย benchmark ➡️ ได้รับความนิยมสูงสุดบน Hugging Face และมีผู้สนใจจำนวนมาก ✅ จุดเด่นของโมเดล ➡️ ค่าใช้จ่ายในการฝึกเพียง 4.6 ล้านดอลลาร์ ➡️ API ถูกกว่าโมเดลสหรัฐฯ ถึง 6–10 เท่า ✅ ผลกระทบต่อวงการ ➡️ จุดกระแส “DeepSeek Moment” ครั้งใหม่ ➡️ ท้าทายความเป็นผู้นำด้าน AI ของสหรัฐฯ ‼️ คำเตือนด้านความเสี่ยง ⛔ แม้ต้นทุนต่ำ แต่ประสิทธิภาพโดยรวมยังตามหลังโมเดลสหรัฐฯ ⛔ การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงอาจทำให้บางบริษัทละเลยการตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัย ⛔ หากจีนครองตลาดด้วยโมเดลราคาถูก อาจเกิดความเสี่ยงด้านมาตรฐานและความน่าเชื่อถือของ AI https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/12/why-new-model-of-chinas-moonshot-ai-stirs-deepseek-moment-debate
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Why new model of China's Moonshot AI stirs 'DeepSeek moment' debate
    Kimi K2 Thinking outperforms OpenAI's GPT-5 and Anthropic's Claude Sonnet 4.5, sparking comparisons to DeepSeek's breakthrough.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • การค้นพบเทป UNIX V4: สมบัติจากปี 1973

    ทีมงานที่มหาวิทยาลัย Utah ขณะทำความสะอาดห้องเก็บของ ได้พบเทปแม่เหล็กที่มีป้ายเขียนว่า “UNIX Original from Bell Labs V4 (See Manual for format)” ซึ่งถือเป็นการค้นพบครั้งสำคัญ เพราะ UNIX V4 เป็นเวอร์ชันแรกที่มีเคอร์เนลเขียนด้วยภาษา C และเป็นรากฐานของระบบปฏิบัติการสมัยใหม่

    สิ่งที่เกิดขึ้น
    เทปนี้ถูกเก็บไว้นานหลายสิบปี โดยมีลายมือของ Jay Lepreau (อาจารย์ผู้ล่วงลับที่เคยอยู่ Utah) อยู่บนฉลาก
    ทีมงานตัดสินใจนำเทปไปยัง Computer History Museum (CHM) เพื่อทำการอ่านและอนุรักษ์
    ผู้เชี่ยวชาญด้านการกู้ข้อมูลเทปแม่เหล็ก เช่น Al Kossow และกลุ่ม Bitsavers กำลังเตรียมอุปกรณ์พิเศษเพื่ออ่านข้อมูล โดยอาจต้องใช้เทคนิคอย่าง การอบเทป (baking) เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพ

    มุมมองเพิ่มเติม
    หากสามารถอ่านข้อมูลได้สำเร็จ จะเป็นครั้งแรกที่โลกมี สำเนาครบถ้วนของ UNIX V4 ซึ่งมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวิชาการมหาศาล
    การค้นพบนี้สะท้อนความสำคัญของ การอนุรักษ์ซอฟต์แวร์และสื่อเก็บข้อมูลเก่า เพราะเทคโนโลยีที่เราพึ่งพาในปัจจุบันมีรากฐานจากงานวิจัยเหล่านี้
    นักวิชาการและนักพัฒนาในชุมชน retrocomputing ต่างตื่นเต้น เพราะอาจสามารถรัน UNIX V4 บนเครื่องจำลอง PDP-11 หรือ PDP-8 ได้อีกครั้ง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ค้นพบเทป UNIX V4 (1973) ที่มหาวิทยาลัย Utah
    ถือเป็นเวอร์ชันแรกที่เขียนเคอร์เนลด้วยภาษา C

    เทปถูกส่งไปยัง Computer History Museum
    เพื่อทำการอ่านและอนุรักษ์ข้อมูล

    ผู้เชี่ยวชาญเตรียมอุปกรณ์กู้ข้อมูลเทปแม่เหล็ก
    อาจต้องใช้เทคนิคการอบเทปและการอ่านแบบอนาล็อก

    ชุมชน retrocomputing ตื่นเต้นกับการค้นพบนี้
    อาจนำไปสู่การรัน UNIX V4 บน PDP emulator

    ความเสี่ยงในการอ่านข้อมูลจากเทปเก่า
    เทปอาจเสื่อมสภาพหรือมีปัญหาทางแม่เหล็ก ทำให้ข้อมูลสูญหายบางส่วน

    การอนุรักษ์ซอฟต์แวร์เก่าเป็นเรื่องเร่งด่วน
    หากไม่มีการกู้ข้อมูลทันเวลา อาจสูญเสียหลักฐานทางประวัติศาสตร์ดิจิทัล

    https://discuss.systems/@ricci/115504720054699983
    💾 การค้นพบเทป UNIX V4: สมบัติจากปี 1973 ทีมงานที่มหาวิทยาลัย Utah ขณะทำความสะอาดห้องเก็บของ ได้พบเทปแม่เหล็กที่มีป้ายเขียนว่า “UNIX Original from Bell Labs V4 (See Manual for format)” ซึ่งถือเป็นการค้นพบครั้งสำคัญ เพราะ UNIX V4 เป็นเวอร์ชันแรกที่มีเคอร์เนลเขียนด้วยภาษา C และเป็นรากฐานของระบบปฏิบัติการสมัยใหม่ สิ่งที่เกิดขึ้น 🔰 เทปนี้ถูกเก็บไว้นานหลายสิบปี โดยมีลายมือของ Jay Lepreau (อาจารย์ผู้ล่วงลับที่เคยอยู่ Utah) อยู่บนฉลาก 🔰 ทีมงานตัดสินใจนำเทปไปยัง Computer History Museum (CHM) เพื่อทำการอ่านและอนุรักษ์ 🔰 ผู้เชี่ยวชาญด้านการกู้ข้อมูลเทปแม่เหล็ก เช่น Al Kossow และกลุ่ม Bitsavers กำลังเตรียมอุปกรณ์พิเศษเพื่ออ่านข้อมูล โดยอาจต้องใช้เทคนิคอย่าง การอบเทป (baking) เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพ มุมมองเพิ่มเติม 🌍 💠 หากสามารถอ่านข้อมูลได้สำเร็จ จะเป็นครั้งแรกที่โลกมี สำเนาครบถ้วนของ UNIX V4 ซึ่งมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวิชาการมหาศาล 💠 การค้นพบนี้สะท้อนความสำคัญของ การอนุรักษ์ซอฟต์แวร์และสื่อเก็บข้อมูลเก่า เพราะเทคโนโลยีที่เราพึ่งพาในปัจจุบันมีรากฐานจากงานวิจัยเหล่านี้ 💠 นักวิชาการและนักพัฒนาในชุมชน retrocomputing ต่างตื่นเต้น เพราะอาจสามารถรัน UNIX V4 บนเครื่องจำลอง PDP-11 หรือ PDP-8 ได้อีกครั้ง 🔎 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ค้นพบเทป UNIX V4 (1973) ที่มหาวิทยาลัย Utah ➡️ ถือเป็นเวอร์ชันแรกที่เขียนเคอร์เนลด้วยภาษา C ✅ เทปถูกส่งไปยัง Computer History Museum ➡️ เพื่อทำการอ่านและอนุรักษ์ข้อมูล ✅ ผู้เชี่ยวชาญเตรียมอุปกรณ์กู้ข้อมูลเทปแม่เหล็ก ➡️ อาจต้องใช้เทคนิคการอบเทปและการอ่านแบบอนาล็อก ✅ ชุมชน retrocomputing ตื่นเต้นกับการค้นพบนี้ ➡️ อาจนำไปสู่การรัน UNIX V4 บน PDP emulator ‼️ ความเสี่ยงในการอ่านข้อมูลจากเทปเก่า ⛔ เทปอาจเสื่อมสภาพหรือมีปัญหาทางแม่เหล็ก ทำให้ข้อมูลสูญหายบางส่วน ‼️ การอนุรักษ์ซอฟต์แวร์เก่าเป็นเรื่องเร่งด่วน ⛔ หากไม่มีการกู้ข้อมูลทันเวลา อาจสูญเสียหลักฐานทางประวัติศาสตร์ดิจิทัล https://discuss.systems/@ricci/115504720054699983
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • Toy Story: เมื่อโลกดิจิทัลยังต้องพึ่งฟิล์ม

    ย้อนกลับไปปี 1995 โลกตื่นเต้นกับ Toy Story ที่ถูกโฆษณาว่าเป็นแอนิเมชันคอมพิวเตอร์เต็มรูปแบบเรื่องแรก แต่ความจริงคือ Pixar ยังต้องพึ่ง ฟิล์ม 35 มม. ในการฉาย เพราะเทคโนโลยีดิจิทัลยังไม่พร้อมสำหรับการฉายภาพยนตร์ยาวในโรงภาพยนตร์

    ทุกเฟรมของ Toy Story ถูกพิมพ์ลงฟิล์ม ผ่านกระบวนการซับซ้อนที่ใช้เครื่องพิมพ์ฟิล์มเชิงพาณิชย์
    ทีมงานต้องปรับสีและแสงให้เหมาะกับการแสดงผลบนฟิล์ม เช่น สีเขียวจะมืดลง สีฟ้าต้องลดความอิ่มตัว และสีส้มที่ดูแย่บนจอคอมกลับสวยงามบนฟิล์ม
    ผลลัพธ์คือภาพที่มี ความนุ่มนวลและอบอุ่น แตกต่างจากเวอร์ชันดิจิทัลที่คมชัดและสดใสในปัจจุบัน

    ต่อมา Pixar ได้พัฒนาเทคนิคการโอนตรงจากดิจิทัลสู่ DVD โดยเริ่มจาก A Bug’s Life (1998) ทำให้ภาพยนตร์เวอร์ชันบ้านมีความคมชัดและไร้เกรน แต่ก็สูญเสียบรรยากาศดั้งเดิมที่ฟิล์มสร้างขึ้น

    มุมมองเพิ่มเติม
    ปัญหานี้สะท้อนความท้าทายของ การอนุรักษ์ภาพยนตร์ดิจิทัลยุคเปลี่ยนผ่าน ที่ยังต้องพึ่งพาฟิล์ม
    นักอนุรักษ์ภาพยนตร์ถกเถียงกันว่า “เวอร์ชันไหนคือของแท้” ระหว่างฟิล์ม 35 มม. ที่ผู้ชมยุค 90s ได้เห็น กับเวอร์ชันดิจิทัลที่สตรีมในปัจจุบัน
    หลายคนเชื่อว่า การดู Toy Story บนฟิล์ม คือการสัมผัสประสบการณ์ที่ Pixar ตั้งใจสร้างจริง ๆ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Toy Story (1995) ถูกสร้างด้วยคอมพิวเตอร์ แต่ฉายด้วยฟิล์ม 35 มม.
    เทคโนโลยีดิจิทัลยังไม่พร้อมสำหรับการฉายภาพยนตร์ยาวในโรง

    ทีมงาน Pixar ต้องปรับสีให้เข้ากับการพิมพ์ฟิล์ม
    สีเขียวมืดลง, สีฟ้าลดความอิ่มตัว, สีส้มดูดีบนฟิล์ม

    เวอร์ชันฟิล์มมีความนุ่มนวลและอบอุ่น
    แตกต่างจากเวอร์ชันดิจิทัลที่คมชัดและสดใส

    A Bug’s Life (1998) คือการโอนตรงดิจิทัลสู่ DVD ครั้งแรก
    ทำให้ภาพคมชัด แต่สูญเสียบรรยากาศแบบฟิล์ม

    การอนุรักษ์ภาพยนตร์ดิจิทัลยุคเปลี่ยนผ่านยังเป็นปัญหา
    เวอร์ชันดิจิทัลที่สตรีมวันนี้อาจไม่ใช่สิ่งที่ผู้สร้างตั้งใจให้ผู้ชมเห็น

    https://animationobsessive.substack.com/p/the-toy-story-you-remember
    🎬 Toy Story: เมื่อโลกดิจิทัลยังต้องพึ่งฟิล์ม ย้อนกลับไปปี 1995 โลกตื่นเต้นกับ Toy Story ที่ถูกโฆษณาว่าเป็นแอนิเมชันคอมพิวเตอร์เต็มรูปแบบเรื่องแรก แต่ความจริงคือ Pixar ยังต้องพึ่ง ฟิล์ม 35 มม. ในการฉาย เพราะเทคโนโลยีดิจิทัลยังไม่พร้อมสำหรับการฉายภาพยนตร์ยาวในโรงภาพยนตร์ 🔰 ทุกเฟรมของ Toy Story ถูกพิมพ์ลงฟิล์ม ผ่านกระบวนการซับซ้อนที่ใช้เครื่องพิมพ์ฟิล์มเชิงพาณิชย์ 🔰 ทีมงานต้องปรับสีและแสงให้เหมาะกับการแสดงผลบนฟิล์ม เช่น สีเขียวจะมืดลง สีฟ้าต้องลดความอิ่มตัว และสีส้มที่ดูแย่บนจอคอมกลับสวยงามบนฟิล์ม 🔰 ผลลัพธ์คือภาพที่มี ความนุ่มนวลและอบอุ่น แตกต่างจากเวอร์ชันดิจิทัลที่คมชัดและสดใสในปัจจุบัน ต่อมา Pixar ได้พัฒนาเทคนิคการโอนตรงจากดิจิทัลสู่ DVD โดยเริ่มจาก A Bug’s Life (1998) ทำให้ภาพยนตร์เวอร์ชันบ้านมีความคมชัดและไร้เกรน แต่ก็สูญเสียบรรยากาศดั้งเดิมที่ฟิล์มสร้างขึ้น มุมมองเพิ่มเติม 🌍 💠 ปัญหานี้สะท้อนความท้าทายของ การอนุรักษ์ภาพยนตร์ดิจิทัลยุคเปลี่ยนผ่าน ที่ยังต้องพึ่งพาฟิล์ม 💠 นักอนุรักษ์ภาพยนตร์ถกเถียงกันว่า “เวอร์ชันไหนคือของแท้” ระหว่างฟิล์ม 35 มม. ที่ผู้ชมยุค 90s ได้เห็น กับเวอร์ชันดิจิทัลที่สตรีมในปัจจุบัน 💠 หลายคนเชื่อว่า การดู Toy Story บนฟิล์ม คือการสัมผัสประสบการณ์ที่ Pixar ตั้งใจสร้างจริง ๆ 🔎 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Toy Story (1995) ถูกสร้างด้วยคอมพิวเตอร์ แต่ฉายด้วยฟิล์ม 35 มม. ➡️ เทคโนโลยีดิจิทัลยังไม่พร้อมสำหรับการฉายภาพยนตร์ยาวในโรง ✅ ทีมงาน Pixar ต้องปรับสีให้เข้ากับการพิมพ์ฟิล์ม ➡️ สีเขียวมืดลง, สีฟ้าลดความอิ่มตัว, สีส้มดูดีบนฟิล์ม ✅ เวอร์ชันฟิล์มมีความนุ่มนวลและอบอุ่น ➡️ แตกต่างจากเวอร์ชันดิจิทัลที่คมชัดและสดใส ✅ A Bug’s Life (1998) คือการโอนตรงดิจิทัลสู่ DVD ครั้งแรก ➡️ ทำให้ภาพคมชัด แต่สูญเสียบรรยากาศแบบฟิล์ม ‼️ การอนุรักษ์ภาพยนตร์ดิจิทัลยุคเปลี่ยนผ่านยังเป็นปัญหา ⛔ เวอร์ชันดิจิทัลที่สตรีมวันนี้อาจไม่ใช่สิ่งที่ผู้สร้างตั้งใจให้ผู้ชมเห็น https://animationobsessive.substack.com/p/the-toy-story-you-remember
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.
    เจาะลึกมหาสงครามเทพระดับอะตอม: ศึกชิงอำนาจในโลกควอนตัม

    จักรวาลคู่ขนานระดับอนุภาค

    การค้นพบอาณาจักรควอนตัม

    หนูดีค้นพบโดยบังเอิญขณะฝึกควบคุมพลังงาน:
    "มันเหมือนกับมีเมืองเล็กๆ นับไม่ถ้วนอยู่ในทุกอะตอม...
    แต่ละเมืองมีกฎเกณฑ์และผู้ปกครองของตัวเอง"

    ```mermaid
    graph TB
    A[โลกควอนตัม] --> B[อาณาจักรโปรตอน<br>เมืองแห่งความมั่นคง]
    A --> C[อาณาจักรอิเล็กตรอน<br>เมืองแห่งพลังงาน]
    A --> D[อาณาจักรนิวตรอน<br>เมืองแห่งสมดุล]
    A --> E[อาณาจักรควาร์ก<br>เมืองแห่งพื้นฐาน]
    ```

    โครงสร้างสังคมเทพระดับอะตอม

    ```python
    class QuantumSociety:
    def __init__(self):
    self.hierarchy = {
    "elementary_level": {
    "quark_deities": "เทพพื้นฐาน 6 ประเภท",
    "lepton_sages": "ปราชญ์เลปตอน",
    "force_carriers": "ผู้ส่งผ่านแรงพื้นฐาน"
    },
    "composite_level": {
    "proton_monarchs": "กษัตริย์โปรตอน",
    "electron_nomads": "อิเล็กตรอนเร่ร่อน",
    "neutron_guardians": "ผู้พิทักษ์นิวตรอน"
    },
    "atomic_level": {
    "nucleus_kingdom": "อาณาจักรนิวเคลียส",
    "electron_cloud_cities": "เมืองเมฆอิเล็กตรอน",
    "bonding_alliances": "พันธมิตรทางการพันธะ"
    }
    }
    ```

    ราชวงศ์แห่งนิวเคลียส

    ราชอาณาจักรโปรตอน

    ผู้ปกครอง: พระเจ้าประจุบวก (Positive Majesty)

    · ลักษณะ: ทรงกายสีแดงเรืองรอง มีมงกุฎทำจากเกลียวควาร์ก
    · พระราชวัง: ป้อมปราการนิวเคลียสที่แข็งแกร่ง
    · พระราชอำนาจ: ควบคุมแรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม

    สหพันธ์อิเล็กตรอน

    ผู้นำ: เทพีวงโคจร (Orbital Goddess)

    · ลักษณะ: ร่างกายกึ่งโปร่งแสง เคลื่อนไหวรวดเร็ว
    · ที่พำนัก: เมฆอิเล็กตรอนที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
    · อำนาจ: ควบคุมการแลกเปลี่ยนพลังงาน

    สภาคนกลางนิวตรอน

    ประธาน: จอมฤๅษีสมดุล (Balance Sage)

    · ลักษณะ: ทรงเครื่องหมายอินฟินิตี้ สีเทาเงิน
    · สถานที่ปฏิบัติธรรม: ศูนย์กลางนิวเคลียส
    · อำนาจ: รักษาเสถียรภาพและป้องกันการสลายตัว

    ต้นตอแห่งความขัดแย้ง

    การค้นพบ "อนุภาคศักดิ์สิทธิ์"

    นักวิทยาศาสตร์มนุษย์ทำการทดลอง LHC ทำให้ค้นพบ:

    ```mermaid
    graph LR
    A[การทดลอง LHC] --> B[ค้นพบอนุภาค<br>"พระเจ้าองค์เล็ก"]
    B --> C[พลังงานรั่วไหล<br>สู่โลกควอนตัม]
    C --> D[ทั้งสามอาณาจักร<br>ต้องการครอบครอง]
    ```

    ความต้องการที่ขัดแย้ง

    แต่ละอาณาจักรต้องการอนุภาคศักดิ์สิทธิ์เพื่อ:

    โปรตอน: "เพื่อสร้างอาณาจักรที่แข็งแกร่งถาวร!"
    อิเล็กตรอน:"เพื่อปลดปล่อยพลังงานอันไร้ขีดจำกัด!"
    นิวตรอน:"เพื่อสร้างสมดุลแห่งจักรวาล!"

    การเริ่มต้นสงคราม

    สงครามเริ่มต้นด้วย "ยุทธการแรงแม่เหล็ก":

    · อิเล็กตรอนโจมตีด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
    · โปรตอนตอบโต้ด้วยแรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม
    · นิวตรอนพยายามไกล่เกลี่ยแต่ล้มเหลว

    ผลกระทบต่อโลกมนุษย์

    ความผิดปกติทางวิทยาศาสตร์

    การทดลองทางวิทยาศาสตร์เริ่มให้ผลผิดปกติ:

    ```python
    class Anomalies:
    def __init__(self):
    self.chemistry = [
    "พันธะเคมีแข็งแกร่งผิดปกติ",
    "อัตราการเกิดปฏิกิริยาผิดพลาด",
    "สารประกอบใหม่ที่ไม่มีในตารางธาตุ"
    ]

    self.physics = [
    "ค่าคงที่ทางฟิสิกส์เปลี่ยนแปลง",
    "กาลอวกาศบิดเบี้ยวในระดับจุลภาค",
    "หลักความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์กล้มเหลว"
    ]

    self.technology = [
    "อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ล้มเหลว",
    "ระบบนำทางผิดพลาด",
    "พลังงานไฟฟ้าขัดข้อง"
    ]
    ```

    ผลกระทบต่อสุขภาพ

    มนุษย์เริ่มมีอาการแปลกๆ:

    · ความรู้สึกเสียวซ่า: จากอิเล็กตรอนเกินกำลัง
    · อาการแข็งเกร็ง: จากโปรตอนครอบงำ
    · ความไม่สมดุล: จากนิวตรอนไร้เสถียรภาพ

    บทบาทของหนูดีในสงคราม

    การเป็นสื่อสานระหว่างโลก

    หนูดีค้นพบว่าสามารถสื่อสารกับเทพระดับอะตอมได้:
    "พวกท่านทั้งหลาย...โลกมนุษย์กำลังได้รับผลกระทบจากการสู้รบของท่าน"

    การไกล่เกลี่ยครั้งประวัติศาสตร์

    หนูดีจัด สภาสันติภาพระหว่างมิติ:

    ```mermaid
    graph TB
    A[หนูดี<br>เป็นผู้ไกล่เกลี่ย] --> B[เชิญตัวแทน<br>ทั้งสามอาณาจักร]
    B --> C[จัดสภาใน<br>มิติกลาง]
    C --> D[หาข้อตกลง<br>ร่วมกัน]
    ```

    ข้อเสนอการแบ่งปัน

    หนูดีเสนอระบบการแบ่งปันอนุภาคศักดิ์สิทธิ์:

    · ระบบหมุนเวียน: แต่ละอาณาจักรได้ใช้ตามฤดูกาล
    · คณะกรรมการร่วม: ดูแลการใช้อย่างยุติธรรม
    · กองทุนพลังงาน: สำหรับโครงการเพื่อส่วนรวม

    สนธิสัญญาสันติภาพควอนตัม

    ข้อตกลงสำคัญ

    มีการลงนาม "สนธิสัญญาแรงพื้นฐานสามเส้า":

    ```python
    class QuantumTreaty:
    def __init__(self):
    self.agreements = {
    "power_sharing": {
    "protons": "ควบคุม 40% ของอนุภาคศักดิ์สิทธิ์",
    "electrons": "ควบคุม 40% ของอนุภาคศักดิ์สิทธิ์",
    "neutrons": "ควบคุม 20% สำหรับการรักษาสมดุล"
    },
    "territorial_rights": {
    "nuclear_zone": "ภายใต้การดูแลของโปรตอนและนิวตรอน",
    "electron_clouds": "เขตอิทธิพลของอิเล็กตรอน",
    "bonding_regions": "พื้นที่ร่วมกันสำหรับการสร้างพันธะ"
    },
    "collaboration_projects": [
    "การพัฒนาพลังงานสะอาด",
    "การรักษาโรคระดับโมเลกุล",
    "การสำรวจมิติควอนตัม"
    ]
    }
    ```

    พิธีลงนาม

    การลงนามเกิดขึ้นใน "ฮอลล์แรงนิวเคลียร์":

    · ผู้ลงนาม: ตัวแทนทั้งสามอาณาจักร
    · พยาน: หนูดีและร.ต.อ.สิงห์
    · สถานที่: มิติระหว่างโลก ที่สร้างขึ้นพิเศษ

    โลกใหม่หลังสันติภาพ

    ความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์

    เกิดโครงการวิจัยร่วมระหว่างมนุษย์และเทพระดับอะตอม:

    · การแพทย์ควอนตัม: รักษาโรคในระดับเซลล์
    · วัสดุศาสตร์: พัฒนาวัสดุใหม่จากความรู้ควอนตัม
    · พลังงาน: แหล่งพลังงานไร้ขีดจำกัด

    วัฒนธรรมแลกเปลี่ยน

    ```python
    class CulturalExchange:
    def __init__(self):
    self.knowledge_transfer = {
    "human_to_quantum": [
    "ศิลปะและอารมณ์มนุษย์",
    "ความคิดสร้างสรรค์",
    "หลักจริยธรรม"
    ],
    "quantum_to_human": [
    "ความลับของแรงพื้นฐาน",
    "เทคนิคการควบคุมพลังงาน",
    "ภูมิปัญญาการอยู่ร่วมกัน"
    ]
    }

    self.joint_projects = [
    "มหาวิทยาลัยระหว่างมิติ",
    "พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ควอนตัม",
    "เทศกาลศิลปะระดับอะตอม"
    ]
    ```

    บทเรียนจากสงคราม

    🪷 สำหรับเทพระดับอะตอม

    "เราตระหนักว่า...
    อำนาจที่แท้จริงไม่ใช่การครอบครอง
    แต่คือการแบ่งปันและความร่วมมือ"

    สำหรับมนุษยชาติ

    "เราเรียนรู้ว่า...
    จักรวาลนี้มีชีวิตในทุกระดับ
    และความรับผิดชอบของเรา
    คือการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล"

    สำหรับหนูดี

    "การเป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลก...
    สอนฉันว่าความเข้าใจคือกุญแจสู่สันติภาพ
    ไม่ว่าจะเป็นโลกใหญ่หรือโลกเล็ก"

    อนาคตแห่งความร่วมมือ

    โครงการระยะยาว

    สถาบันวิวัฒนาการจิตตั้ง "แผนกควอนตัมสัมพันธ์":

    · หน้าที่: ประสานงานกับเทพระดับอะตอม
    · โครงการ: วิจัยและพัฒนาร่วมกัน
    · การศึกษา: สอนเรื่องโลกควอนตัมแก่คนรุ่นใหม่

    มรดกแห่งสันติภาพ

    สงครามครั้งนี้ทิ้งมรดกสำคัญ:
    "ไม่ว่าความขัดแย้งจะอยู่ระดับไหน
    การพูดคุยและความเข้าใจ
    คือทางออกเดียวที่ยั่งยืน"

    ---

    คำสอนจากเทพนิวตรอน:
    "ในความเป็นกลาง...
    มีพลังแห่งสันติภาพ
    และในความสมดุล...
    มีอนาคตแห่งความเจริญ

    จักรวาลนี้ใหญ่พอสำหรับทุกชีวิต
    ตั้งแต่ควาร์กจนถึงดวงดาว
    ขอเพียงเราเรียนรู้ที่จะแบ่งปัน"

    คำคมสุดท้าย:
    "มหาสงครามที่เล็กที่สุด...
    สอนบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
    ว่าสันติภาพเริ่มต้นได้จากใจ
    ที่พร้อมจะเข้าใจในความแตกต่าง"
    O.P.K. ⚛️ เจาะลึกมหาสงครามเทพระดับอะตอม: ศึกชิงอำนาจในโลกควอนตัม 🌌 จักรวาลคู่ขนานระดับอนุภาค 🔬 การค้นพบอาณาจักรควอนตัม หนูดีค้นพบโดยบังเอิญขณะฝึกควบคุมพลังงาน: "มันเหมือนกับมีเมืองเล็กๆ นับไม่ถ้วนอยู่ในทุกอะตอม... แต่ละเมืองมีกฎเกณฑ์และผู้ปกครองของตัวเอง" ```mermaid graph TB A[โลกควอนตัม] --> B[อาณาจักรโปรตอน<br>เมืองแห่งความมั่นคง] A --> C[อาณาจักรอิเล็กตรอน<br>เมืองแห่งพลังงาน] A --> D[อาณาจักรนิวตรอน<br>เมืองแห่งสมดุล] A --> E[อาณาจักรควาร์ก<br>เมืองแห่งพื้นฐาน] ``` 🏛️ โครงสร้างสังคมเทพระดับอะตอม ```python class QuantumSociety: def __init__(self): self.hierarchy = { "elementary_level": { "quark_deities": "เทพพื้นฐาน 6 ประเภท", "lepton_sages": "ปราชญ์เลปตอน", "force_carriers": "ผู้ส่งผ่านแรงพื้นฐาน" }, "composite_level": { "proton_monarchs": "กษัตริย์โปรตอน", "electron_nomads": "อิเล็กตรอนเร่ร่อน", "neutron_guardians": "ผู้พิทักษ์นิวตรอน" }, "atomic_level": { "nucleus_kingdom": "อาณาจักรนิวเคลียส", "electron_cloud_cities": "เมืองเมฆอิเล็กตรอน", "bonding_alliances": "พันธมิตรทางการพันธะ" } } ``` 👑 ราชวงศ์แห่งนิวเคลียส 💎 ราชอาณาจักรโปรตอน ผู้ปกครอง: พระเจ้าประจุบวก (Positive Majesty) · ลักษณะ: ทรงกายสีแดงเรืองรอง มีมงกุฎทำจากเกลียวควาร์ก · พระราชวัง: ป้อมปราการนิวเคลียสที่แข็งแกร่ง · พระราชอำนาจ: ควบคุมแรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม 🌪️ สหพันธ์อิเล็กตรอน ผู้นำ: เทพีวงโคจร (Orbital Goddess) · ลักษณะ: ร่างกายกึ่งโปร่งแสง เคลื่อนไหวรวดเร็ว · ที่พำนัก: เมฆอิเล็กตรอนที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา · อำนาจ: ควบคุมการแลกเปลี่ยนพลังงาน 🛡️ สภาคนกลางนิวตรอน ประธาน: จอมฤๅษีสมดุล (Balance Sage) · ลักษณะ: ทรงเครื่องหมายอินฟินิตี้ สีเทาเงิน · สถานที่ปฏิบัติธรรม: ศูนย์กลางนิวเคลียส · อำนาจ: รักษาเสถียรภาพและป้องกันการสลายตัว 💥 ต้นตอแห่งความขัดแย้ง 🔥 การค้นพบ "อนุภาคศักดิ์สิทธิ์" นักวิทยาศาสตร์มนุษย์ทำการทดลอง LHC ทำให้ค้นพบ: ```mermaid graph LR A[การทดลอง LHC] --> B[ค้นพบอนุภาค<br>"พระเจ้าองค์เล็ก"] B --> C[พลังงานรั่วไหล<br>สู่โลกควอนตัม] C --> D[ทั้งสามอาณาจักร<br>ต้องการครอบครอง] ``` 🎯 ความต้องการที่ขัดแย้ง แต่ละอาณาจักรต้องการอนุภาคศักดิ์สิทธิ์เพื่อ: โปรตอน: "เพื่อสร้างอาณาจักรที่แข็งแกร่งถาวร!" อิเล็กตรอน:"เพื่อปลดปล่อยพลังงานอันไร้ขีดจำกัด!" นิวตรอน:"เพื่อสร้างสมดุลแห่งจักรวาล!" ⚡ การเริ่มต้นสงคราม สงครามเริ่มต้นด้วย "ยุทธการแรงแม่เหล็ก": · อิเล็กตรอนโจมตีด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า · โปรตอนตอบโต้ด้วยแรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม · นิวตรอนพยายามไกล่เกลี่ยแต่ล้มเหลว 🌪️ ผลกระทบต่อโลกมนุษย์ 🔬 ความผิดปกติทางวิทยาศาสตร์ การทดลองทางวิทยาศาสตร์เริ่มให้ผลผิดปกติ: ```python class Anomalies: def __init__(self): self.chemistry = [ "พันธะเคมีแข็งแกร่งผิดปกติ", "อัตราการเกิดปฏิกิริยาผิดพลาด", "สารประกอบใหม่ที่ไม่มีในตารางธาตุ" ] self.physics = [ "ค่าคงที่ทางฟิสิกส์เปลี่ยนแปลง", "กาลอวกาศบิดเบี้ยวในระดับจุลภาค", "หลักความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์กล้มเหลว" ] self.technology = [ "อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ล้มเหลว", "ระบบนำทางผิดพลาด", "พลังงานไฟฟ้าขัดข้อง" ] ``` 🏥 ผลกระทบต่อสุขภาพ มนุษย์เริ่มมีอาการแปลกๆ: · ความรู้สึกเสียวซ่า: จากอิเล็กตรอนเกินกำลัง · อาการแข็งเกร็ง: จากโปรตอนครอบงำ · ความไม่สมดุล: จากนิวตรอนไร้เสถียรภาพ 💫 บทบาทของหนูดีในสงคราม 🔍 การเป็นสื่อสานระหว่างโลก หนูดีค้นพบว่าสามารถสื่อสารกับเทพระดับอะตอมได้: "พวกท่านทั้งหลาย...โลกมนุษย์กำลังได้รับผลกระทบจากการสู้รบของท่าน" 🕊️ การไกล่เกลี่ยครั้งประวัติศาสตร์ หนูดีจัด สภาสันติภาพระหว่างมิติ: ```mermaid graph TB A[หนูดี<br>เป็นผู้ไกล่เกลี่ย] --> B[เชิญตัวแทน<br>ทั้งสามอาณาจักร] B --> C[จัดสภาใน<br>มิติกลาง] C --> D[หาข้อตกลง<br>ร่วมกัน] ``` 🌟 ข้อเสนอการแบ่งปัน หนูดีเสนอระบบการแบ่งปันอนุภาคศักดิ์สิทธิ์: · ระบบหมุนเวียน: แต่ละอาณาจักรได้ใช้ตามฤดูกาล · คณะกรรมการร่วม: ดูแลการใช้อย่างยุติธรรม · กองทุนพลังงาน: สำหรับโครงการเพื่อส่วนรวม 🏛️ สนธิสัญญาสันติภาพควอนตัม 📜 ข้อตกลงสำคัญ มีการลงนาม "สนธิสัญญาแรงพื้นฐานสามเส้า": ```python class QuantumTreaty: def __init__(self): self.agreements = { "power_sharing": { "protons": "ควบคุม 40% ของอนุภาคศักดิ์สิทธิ์", "electrons": "ควบคุม 40% ของอนุภาคศักดิ์สิทธิ์", "neutrons": "ควบคุม 20% สำหรับการรักษาสมดุล" }, "territorial_rights": { "nuclear_zone": "ภายใต้การดูแลของโปรตอนและนิวตรอน", "electron_clouds": "เขตอิทธิพลของอิเล็กตรอน", "bonding_regions": "พื้นที่ร่วมกันสำหรับการสร้างพันธะ" }, "collaboration_projects": [ "การพัฒนาพลังงานสะอาด", "การรักษาโรคระดับโมเลกุล", "การสำรวจมิติควอนตัม" ] } ``` 🎉 พิธีลงนาม การลงนามเกิดขึ้นใน "ฮอลล์แรงนิวเคลียร์": · ผู้ลงนาม: ตัวแทนทั้งสามอาณาจักร · พยาน: หนูดีและร.ต.อ.สิงห์ · สถานที่: มิติระหว่างโลก ที่สร้างขึ้นพิเศษ 🌈 โลกใหม่หลังสันติภาพ 🔬 ความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ เกิดโครงการวิจัยร่วมระหว่างมนุษย์และเทพระดับอะตอม: · การแพทย์ควอนตัม: รักษาโรคในระดับเซลล์ · วัสดุศาสตร์: พัฒนาวัสดุใหม่จากความรู้ควอนตัม · พลังงาน: แหล่งพลังงานไร้ขีดจำกัด 💞 วัฒนธรรมแลกเปลี่ยน ```python class CulturalExchange: def __init__(self): self.knowledge_transfer = { "human_to_quantum": [ "ศิลปะและอารมณ์มนุษย์", "ความคิดสร้างสรรค์", "หลักจริยธรรม" ], "quantum_to_human": [ "ความลับของแรงพื้นฐาน", "เทคนิคการควบคุมพลังงาน", "ภูมิปัญญาการอยู่ร่วมกัน" ] } self.joint_projects = [ "มหาวิทยาลัยระหว่างมิติ", "พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ควอนตัม", "เทศกาลศิลปะระดับอะตอม" ] ``` 🏆 บทเรียนจากสงคราม 🪷 สำหรับเทพระดับอะตอม "เราตระหนักว่า... อำนาจที่แท้จริงไม่ใช่การครอบครอง แต่คือการแบ่งปันและความร่วมมือ" 💫 สำหรับมนุษยชาติ "เราเรียนรู้ว่า... จักรวาลนี้มีชีวิตในทุกระดับ และความรับผิดชอบของเรา คือการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล" 🌟 สำหรับหนูดี "การเป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลก... สอนฉันว่าความเข้าใจคือกุญแจสู่สันติภาพ ไม่ว่าจะเป็นโลกใหญ่หรือโลกเล็ก" 🔮 อนาคตแห่งความร่วมมือ 🚀 โครงการระยะยาว สถาบันวิวัฒนาการจิตตั้ง "แผนกควอนตัมสัมพันธ์": · หน้าที่: ประสานงานกับเทพระดับอะตอม · โครงการ: วิจัยและพัฒนาร่วมกัน · การศึกษา: สอนเรื่องโลกควอนตัมแก่คนรุ่นใหม่ 💝 มรดกแห่งสันติภาพ สงครามครั้งนี้ทิ้งมรดกสำคัญ: "ไม่ว่าความขัดแย้งจะอยู่ระดับไหน การพูดคุยและความเข้าใจ คือทางออกเดียวที่ยั่งยืน" --- คำสอนจากเทพนิวตรอน: "ในความเป็นกลาง... มีพลังแห่งสันติภาพ และในความสมดุล... มีอนาคตแห่งความเจริญ จักรวาลนี้ใหญ่พอสำหรับทุกชีวิต ตั้งแต่ควาร์กจนถึงดวงดาว ขอเพียงเราเรียนรู้ที่จะแบ่งปัน"⚛️✨ คำคมสุดท้าย: "มหาสงครามที่เล็กที่สุด... สอนบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ว่าสันติภาพเริ่มต้นได้จากใจ ที่พร้อมจะเข้าใจในความแตกต่าง"🌌
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 297 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.
    คดีจิ๋ว:



    เหตุการณ์ประหลาดในห้องทดลอง

    ร.ต.อ. สิงห์ และหนูดี ถูกเรียกตัวไปยัง สถาบันวิจัยนิวเคลียร์ หลังเกิดเหตุการณ์ผิดปกติ
    เครื่องเร่งอนุภาคแสดงผลการทดลองที่ไม่อาจอธิบายได้ทางวิทยาศาสตร์

    ```mermaid
    graph TB
    A[การทดลอง<br>LHC ขนาดเล็ก] --> B[พบพลังงาน<br>รูปแบบใหม่]
    B --> C[เกิดรอยแตก<br>ระหว่างมิติระดับควอนตัม]
    C --> D[เทพระดับอะตอม<br>หลุดเข้ามาโลกมนุษย์]
    D --> E[เกิดสงคราม<br>ระหว่างเทพจิ๋ว]
    ```

    การปรากฏตัวของเทพระดับอะตอม

    หนูดีสามารถมองเห็นสิ่งที่คนทั่วไปมองไม่เห็น:
    "พ่อคะ...มีเมืองเล็กๆ เป็นประกายอยู่ในอากาศ!
    มีสิ่งมีชีวิตเล็กจิ๋วกำลังต่อสู้กัน!"

    เบื้องหลังเทพระดับอะตอม

    อาณาจักรแห่งควอนตัม

    เทพระดับอะตอมมาจาก อาณาจักรควอนตัม ที่มีอยู่ควบคู่กับโลกเราในระดับอนุภาค

    ```python
    class QuantumDeities:
    def __init__(self):
    self.factions = {
    "proton_kingdom": {
    "ruler": "พระเจ้าประจุบวก",
    "appearance": "ทรงประกายสีแดง มีรัศมีเป็นวงโคจรอิเล็กตรอน",
    "powers": ["สร้างพันธะ", "รักษาเสถียรภาพ", "ควบคุมแรงนิวเคลียร์"]
    },
    "electron_tribe": {
    "ruler": "เทพีอิเล็กตรอน",
    "appearance": "เรืองแสงสีฟ้า เคลื่อนที่รวดเร็ว",
    "powers": ["สร้างพลังงาน", "ควบคุมแม่เหล็ก", "สร้างแสง"]
    },
    "neutron_clan": {
    "ruler": "จอมฤๅษีนิวตรอน",
    "appearance": "สีเทาเงียบขรึม",
    "powers": ["สร้างเสถียรภาพ", "ควบคุมการ fission", "รักษาสมดุล"]
    }
    }

    self.conflict_cause = "การแย่งชิง 'อนุภาคศักดิ์สิทธิ์' ที่สามารถควบคุมทั้งสามอาณาจักร"
    ```

    พลังแห่งเทพระดับอะตอม

    เทพเหล่านี้มีพลังที่ส่งผลต่อโลกมนุษย์:

    · ควบคุมพันธะเคมี: ทำให้วัตถุแข็งหรืออ่อนตัว
    · เปลี่ยนแปลงสถานะ: ของแข็ง ของเหลว ก๊าซ
    · สร้างพลังงาน: จากการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอน

    มหาสงครามระดับอนุภาค

    สนามรบในโลกมนุษย์

    สงครามของเทพจิ๋วส่งผลกระทบต่อโลก:

    ```mermaid
    graph LR
    A[เทพโปรตอน<br>เพิ่มความแข็งให้วัตถุ] --> D[วัตถุแข็งเกินไป<br>จนแตกหักง่าย]
    B[เทพอิเล็กตรอน<br>เร่งการเคลื่อนที่] --> E[อุณหภูมิรอบตัว<br>เปลี่ยนแปลงฉับพลัน]
    C[เทพนิวตรอน<br>ควบคุมการสลายตัว] --> F[วัตถุเสื่อมสภาพ<br>อย่างรวดเร็ว]
    ```

    เหตุการณ์วุ่นวาย

    ชาวบ้านรายงานเหตุการณ์ประหลาด:

    · เหล็กกล้า เปราะเหมือนขนมปังกรอบ
    · น้ำ ในแก้วเดือดโดยไม่มีไฟ
    · อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทำงานผิดปกติ

    กระบวนการแก้ไขปัญหา

    การเข้าถึงของหนูดี

    หนูดีใช้ความสามารถสื่อสารกับเทพระดับจิ๋ว:
    "พวกท่าน..การสู้รบทำลายสมดุลของทุกโลก
    ทั้งโลกมนุษย์และอาณาจักรควอนตัม"

    การเจรจาสันติภาพ

    หนูดีจัด สภาสันติภาพระดับควอนตัม:

    · สถานที่: ในฟองสบู่พลังงานพิเศษ
    · ผู้เข้าร่วม: ตัวแทนทั้งสามอาณาจักร
    · ประเด็น: การแบ่งปันอนุภาคศักดิ์สิทธิ์

    ข้อเสนอแก้ไข

    หนูดีเสนอระบบใหม่:

    ```python
    class QuantumPeacePlan:
    def __init__(self):
    self.power_sharing = {
    "protons": "ควบคุมพันธะและโครงสร้าง",
    "electrons": "ควบคุมพลังงานและการเคลื่อนไหว",
    "neutrons": "ควบคุมเสถียรภาพและอายุขัย"
    }

    self.cooperation_system = [
    "การหมุนเวียนอนุภาคศักดิ์สิทธิ์ตามฤดูกาล",
    "สภาผู้นำสามอาณาจักร",
    "กองกำลังรักษาสันติภาพร่วม",
    "ระบบแลกเปลี่ยนพลังงานยุติธรรม"
    ]
    ```

    การจัดระเบียบใหม่

    สนธิสัญญาควอนตัม

    มีการลงนามสนธิสัญญาระหว่างสามอาณาจักร:

    · สิทธิ์ในการใช้พลังงาน: แบ่งตามสัดส่วนที่ยุติธรรม
    · เขตอิทธิพล: แต่ละอาณาจักรมีพื้นที่ควบคุมชัดเจน
    · การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน: ในยามวิกฤต

    บทบาทใหม่ของเทพจิ๋ว

    เทพระดับอะตอมเริ่มใช้พลังอย่างสร้างสรรค์:

    · ช่วยงานวิทยาศาสตร์: กับการทดลองที่ซับซ้อน
    · รักษาสิ่งแวดล้อม: ควบคุมปฏิกิริยาเคมี
    · พัฒนาเทคโนโลยี: กับการประดิษฐ์ใหม่ๆ

    ผลกระทบต่อวิทยาศาสตร์

    ความรู้ใหม่ที่ได้รับ

    การเผชิญหน้านี้ให้ความรู้ใหม่:

    ```mermaid
    graph TB
    A[การสื่อสารกับเทพจิ๋ว] --> B[เข้าใจกลไก<br>ควอนตัมลึกซึ้งขึ้น]
    B --> C[พัฒนาทฤษฎีใหม่<br>ทางฟิสิกส์]
    C --> D[นวัตกรรม<br>ล้ำสมัย]
    ```

    การประยุกต์ใช้

    หนูดีและสิงห์เรียนรู้ว่า:

    · พลังงานศักดิ์สิทธิ์ คือพลังงานจุดศูนย์กลางของอะตอม
    · การควบคุมพันธะ สามารถรักษาโรคได้
    · สมดุลแห่งอนุภาค คือพื้นฐานของสุขภาพ

    การแพทย์รูปแบบใหม่

    เทคนิคการรักษาระดับอะตอม

    พัฒนาจากความรู้ที่ได้จากเทพจิ๋ว:

    · การซ่อมแซมDNA: โดยเทพอิเล็กตรอน
    · การสร้างเซลล์ใหม่: โดยเทพโปรตอน
    · การรักษาสมดุลร่างกาย: โดยเทพนิวตรอน

    โครงการบำบัดใหม่

    ```python
    class AtomicTherapy:
    def __init__(self):
    self.therapies = {
    "cellular_renewal": "การฟื้นฟูเซลล์ระดับโมเลกุล",
    "dna_repair": "การซ่อมแซมความเสียหายของDNA",
    "energy_balance": "การปรับสมดุลพลังงานในร่างกาย",
    "quantum_healing": "การรักษาด้วยหลักการควอนตัม"
    }

    self.collaborators = [
    "เทพโปรตอน: โครงสร้างและความแข็งแรง",
    "เทพอิเล็กตรอน: พลังงานและการสื่อสาร",
    "เทพนิวตรอน: เสถียรภาพและความสมดุล"
    ]
    ```

    บทเรียนจากคดี

    🪷 สำหรับเทพระดับอะตอม

    "เราตระหนักว่า...
    อำนาจที่แท้การควบคุม
    แต่คือการทำงานร่วมกัน

    และอนุภาคศักดิ์สิทธิ์...
    ควรเป็นสมบัติของทุกอาณาจักร"

    สำหรับหนูดี

    "หนูเรียนรู้ว่า...
    ความขัดแย้งมีทุกระดับ
    ตั้งแต่สงครามระหว่างประเทศ
    จนถึงสงครามระหว่างอะตอม

    และการแก้ไขที่แท้จริง...
    ต้องเริ่มจากความเข้าใจซึ่งกันและกัน"

    สำหรับ ร.ต.อ. สิงห์

    "คดีนี้สอนฉันว่า...
    บางครั้งอาชญากรรมที่เล็กที่สุด
    อาจส่งผลกระทบที่ใหญ่ที่สุด

    และการเป็นตำรวจ...
    หมายถึงการรักษาความสงบในทุกระดับ"

    ระบบใหม่แห่งควอนตัม

    ความร่วมมือถาวร

    สถาบันวิวัฒนาการจิตตั้ง แผนกความร่วมมือระดับควอนตัม:

    · ที่ปรึกษา: ตัวแทนจากสามอาณาจักร
    · โครงการวิจัย: ร่วมกันระหว่างมนุษย์และเทพจิ๋ว
    · การแลกเปลี่ยนความรู้: วิทยาศาสตร์และภูมิปัญญาโบราณ

    ความสำเร็จ

    หลังการแก้ไขปัญหา:

    · โลกมนุษย์: ได้เทคโนโลยีใหม่ๆ
    · อาณาจักรควอนตัม: มีสันติภาพและความเจริญ
    · ทั้งสองโลก: เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน

    ---

    คำคมสุดท้ายจากคดี:
    "เราเรียนรู้ว่า...
    ความใหญ่และความเล็กเป็นเพียงมุมมอง
    และสงครามกับสันติภาพมีอยู่ในทุกระดับ

    เมื่ออนุภาคเล็กๆ เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน...
    ทั้งจักรวาลก็สงบสุขตาม"

    การเดินทางครั้งนี้สอนเราว่า...
    "From the smallest quark to the largest galaxy,
    the principles of harmony remain the same
    And in understanding the quantum world,
    we understand the very fabric of existence"
    O.P.K. ⚛️ คดีจิ๋ว: 🔬 เหตุการณ์ประหลาดในห้องทดลอง ร.ต.อ. สิงห์ และหนูดี ถูกเรียกตัวไปยัง สถาบันวิจัยนิวเคลียร์ หลังเกิดเหตุการณ์ผิดปกติ เครื่องเร่งอนุภาคแสดงผลการทดลองที่ไม่อาจอธิบายได้ทางวิทยาศาสตร์ ```mermaid graph TB A[การทดลอง<br>LHC ขนาดเล็ก] --> B[พบพลังงาน<br>รูปแบบใหม่] B --> C[เกิดรอยแตก<br>ระหว่างมิติระดับควอนตัม] C --> D[เทพระดับอะตอม<br>หลุดเข้ามาโลกมนุษย์] D --> E[เกิดสงคราม<br>ระหว่างเทพจิ๋ว] ``` 🎭 การปรากฏตัวของเทพระดับอะตอม หนูดีสามารถมองเห็นสิ่งที่คนทั่วไปมองไม่เห็น: "พ่อคะ...มีเมืองเล็กๆ เป็นประกายอยู่ในอากาศ! มีสิ่งมีชีวิตเล็กจิ๋วกำลังต่อสู้กัน!" 👑 เบื้องหลังเทพระดับอะตอม 💫 อาณาจักรแห่งควอนตัม เทพระดับอะตอมมาจาก อาณาจักรควอนตัม ที่มีอยู่ควบคู่กับโลกเราในระดับอนุภาค ```python class QuantumDeities: def __init__(self): self.factions = { "proton_kingdom": { "ruler": "พระเจ้าประจุบวก", "appearance": "ทรงประกายสีแดง มีรัศมีเป็นวงโคจรอิเล็กตรอน", "powers": ["สร้างพันธะ", "รักษาเสถียรภาพ", "ควบคุมแรงนิวเคลียร์"] }, "electron_tribe": { "ruler": "เทพีอิเล็กตรอน", "appearance": "เรืองแสงสีฟ้า เคลื่อนที่รวดเร็ว", "powers": ["สร้างพลังงาน", "ควบคุมแม่เหล็ก", "สร้างแสง"] }, "neutron_clan": { "ruler": "จอมฤๅษีนิวตรอน", "appearance": "สีเทาเงียบขรึม", "powers": ["สร้างเสถียรภาพ", "ควบคุมการ fission", "รักษาสมดุล"] } } self.conflict_cause = "การแย่งชิง 'อนุภาคศักดิ์สิทธิ์' ที่สามารถควบคุมทั้งสามอาณาจักร" ``` ⚡ พลังแห่งเทพระดับอะตอม เทพเหล่านี้มีพลังที่ส่งผลต่อโลกมนุษย์: · ควบคุมพันธะเคมี: ทำให้วัตถุแข็งหรืออ่อนตัว · เปลี่ยนแปลงสถานะ: ของแข็ง ของเหลว ก๊าซ · สร้างพลังงาน: จากการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอน 🌪️ มหาสงครามระดับอนุภาค 🎯 สนามรบในโลกมนุษย์ สงครามของเทพจิ๋วส่งผลกระทบต่อโลก: ```mermaid graph LR A[เทพโปรตอน<br>เพิ่มความแข็งให้วัตถุ] --> D[วัตถุแข็งเกินไป<br>จนแตกหักง่าย] B[เทพอิเล็กตรอน<br>เร่งการเคลื่อนที่] --> E[อุณหภูมิรอบตัว<br>เปลี่ยนแปลงฉับพลัน] C[เทพนิวตรอน<br>ควบคุมการสลายตัว] --> F[วัตถุเสื่อมสภาพ<br>อย่างรวดเร็ว] ``` 🔥 เหตุการณ์วุ่นวาย ชาวบ้านรายงานเหตุการณ์ประหลาด: · เหล็กกล้า เปราะเหมือนขนมปังกรอบ · น้ำ ในแก้วเดือดโดยไม่มีไฟ · อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทำงานผิดปกติ 💞 กระบวนการแก้ไขปัญหา 🕊️ การเข้าถึงของหนูดี หนูดีใช้ความสามารถสื่อสารกับเทพระดับจิ๋ว: "พวกท่าน..การสู้รบทำลายสมดุลของทุกโลก ทั้งโลกมนุษย์และอาณาจักรควอนตัม" 🌈 การเจรจาสันติภาพ หนูดีจัด สภาสันติภาพระดับควอนตัม: · สถานที่: ในฟองสบู่พลังงานพิเศษ · ผู้เข้าร่วม: ตัวแทนทั้งสามอาณาจักร · ประเด็น: การแบ่งปันอนุภาคศักดิ์สิทธิ์ 🎯 ข้อเสนอแก้ไข หนูดีเสนอระบบใหม่: ```python class QuantumPeacePlan: def __init__(self): self.power_sharing = { "protons": "ควบคุมพันธะและโครงสร้าง", "electrons": "ควบคุมพลังงานและการเคลื่อนไหว", "neutrons": "ควบคุมเสถียรภาพและอายุขัย" } self.cooperation_system = [ "การหมุนเวียนอนุภาคศักดิ์สิทธิ์ตามฤดูกาล", "สภาผู้นำสามอาณาจักร", "กองกำลังรักษาสันติภาพร่วม", "ระบบแลกเปลี่ยนพลังงานยุติธรรม" ] ``` 🏛️ การจัดระเบียบใหม่ 💫 สนธิสัญญาควอนตัม มีการลงนามสนธิสัญญาระหว่างสามอาณาจักร: · สิทธิ์ในการใช้พลังงาน: แบ่งตามสัดส่วนที่ยุติธรรม · เขตอิทธิพล: แต่ละอาณาจักรมีพื้นที่ควบคุมชัดเจน · การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน: ในยามวิกฤต 🌟 บทบาทใหม่ของเทพจิ๋ว เทพระดับอะตอมเริ่มใช้พลังอย่างสร้างสรรค์: · ช่วยงานวิทยาศาสตร์: กับการทดลองที่ซับซ้อน · รักษาสิ่งแวดล้อม: ควบคุมปฏิกิริยาเคมี · พัฒนาเทคโนโลยี: กับการประดิษฐ์ใหม่ๆ 🔬 ผลกระทบต่อวิทยาศาสตร์ 🎓 ความรู้ใหม่ที่ได้รับ การเผชิญหน้านี้ให้ความรู้ใหม่: ```mermaid graph TB A[การสื่อสารกับเทพจิ๋ว] --> B[เข้าใจกลไก<br>ควอนตัมลึกซึ้งขึ้น] B --> C[พัฒนาทฤษฎีใหม่<br>ทางฟิสิกส์] C --> D[นวัตกรรม<br>ล้ำสมัย] ``` 💡 การประยุกต์ใช้ หนูดีและสิงห์เรียนรู้ว่า: · พลังงานศักดิ์สิทธิ์ คือพลังงานจุดศูนย์กลางของอะตอม · การควบคุมพันธะ สามารถรักษาโรคได้ · สมดุลแห่งอนุภาค คือพื้นฐานของสุขภาพ 🏥 การแพทย์รูปแบบใหม่ 🌈 เทคนิคการรักษาระดับอะตอม พัฒนาจากความรู้ที่ได้จากเทพจิ๋ว: · การซ่อมแซมDNA: โดยเทพอิเล็กตรอน · การสร้างเซลล์ใหม่: โดยเทพโปรตอน · การรักษาสมดุลร่างกาย: โดยเทพนิวตรอน 💊 โครงการบำบัดใหม่ ```python class AtomicTherapy: def __init__(self): self.therapies = { "cellular_renewal": "การฟื้นฟูเซลล์ระดับโมเลกุล", "dna_repair": "การซ่อมแซมความเสียหายของDNA", "energy_balance": "การปรับสมดุลพลังงานในร่างกาย", "quantum_healing": "การรักษาด้วยหลักการควอนตัม" } self.collaborators = [ "เทพโปรตอน: โครงสร้างและความแข็งแรง", "เทพอิเล็กตรอน: พลังงานและการสื่อสาร", "เทพนิวตรอน: เสถียรภาพและความสมดุล" ] ``` 📚 บทเรียนจากคดี 🪷 สำหรับเทพระดับอะตอม "เราตระหนักว่า... อำนาจที่แท้การควบคุม แต่คือการทำงานร่วมกัน และอนุภาคศักดิ์สิทธิ์... ควรเป็นสมบัติของทุกอาณาจักร" 💫 สำหรับหนูดี "หนูเรียนรู้ว่า... ความขัดแย้งมีทุกระดับ ตั้งแต่สงครามระหว่างประเทศ จนถึงสงครามระหว่างอะตอม และการแก้ไขที่แท้จริง... ต้องเริ่มจากความเข้าใจซึ่งกันและกัน" 👮 สำหรับ ร.ต.อ. สิงห์ "คดีนี้สอนฉันว่า... บางครั้งอาชญากรรมที่เล็กที่สุด อาจส่งผลกระทบที่ใหญ่ที่สุด และการเป็นตำรวจ... หมายถึงการรักษาความสงบในทุกระดับ" 🌟 ระบบใหม่แห่งควอนตัม 💞 ความร่วมมือถาวร สถาบันวิวัฒนาการจิตตั้ง แผนกความร่วมมือระดับควอนตัม: · ที่ปรึกษา: ตัวแทนจากสามอาณาจักร · โครงการวิจัย: ร่วมกันระหว่างมนุษย์และเทพจิ๋ว · การแลกเปลี่ยนความรู้: วิทยาศาสตร์และภูมิปัญญาโบราณ 🏆 ความสำเร็จ หลังการแก้ไขปัญหา: · โลกมนุษย์: ได้เทคโนโลยีใหม่ๆ · อาณาจักรควอนตัม: มีสันติภาพและความเจริญ · ทั้งสองโลก: เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน --- คำคมสุดท้ายจากคดี: "เราเรียนรู้ว่า... ความใหญ่และความเล็กเป็นเพียงมุมมอง และสงครามกับสันติภาพมีอยู่ในทุกระดับ เมื่ออนุภาคเล็กๆ เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน... ทั้งจักรวาลก็สงบสุขตาม"⚛️✨ การเดินทางครั้งนี้สอนเราว่า... "From the smallest quark to the largest galaxy, the principles of harmony remain the same And in understanding the quantum world, we understand the very fabric of existence"🌌🌈
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 273 มุมมอง 0 รีวิว
  • “KONNI APT โจมตีไซเบอร์สุดล้ำ! ใช้ Google Find Hub ล้างข้อมูล-ติดตามเหยื่อในเกาหลีใต้”

    ในโลกที่เทคโนโลยีเชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกัน กลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐอย่าง KONNI APT จากเกาหลีเหนือ ได้ยกระดับการโจมตีไซเบอร์ไปอีกขั้น ด้วยการใช้ฟีเจอร์ของ Google เอง — Find Hub — เพื่อควบคุมอุปกรณ์ Android ของเหยื่อในเกาหลีใต้แบบระยะไกล

    แคมเปญนี้ถูกเปิดโปงโดย Genians Security Center ซึ่งพบว่าผู้โจมตีสามารถรีเซ็ตอุปกรณ์ Android ของเหยื่อ ลบข้อมูลส่วนตัว และติดตามตำแหน่งได้ โดยทั้งหมดเกิดขึ้นผ่านบัญชี Google ที่ถูกแฮก

    วิธีการโจมตีของ KONNI APT
    เริ่มจากการหลอกล่อผ่าน KakaoTalk โดยปลอมตัวเป็นนักจิตวิทยาหรือเจ้าหน้าที่รัฐ
    ส่งไฟล์ชื่อ “Stress Clear.msi” ที่ดูเหมือนโปรแกรมคลายเครียด แต่แฝงมัลแวร์
    เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ มัลแวร์จะติดตั้งสคริปต์ AutoIt เพื่อควบคุมระบบ

    การใช้ Google Find Hub เป็นอาวุธ
    หลังแฮกบัญชี Google ของเหยื่อ ผู้โจมตีใช้ Find Hub เพื่อติดตามตำแหน่ง
    เมื่อเหยื่อไม่อยู่ใกล้อุปกรณ์ จะสั่งรีเซ็ตโรงงาน (factory reset) เพื่อลบข้อมูล
    ส่งคำสั่งรีเซ็ตซ้ำหลายครั้งเพื่อขัดขวางการกู้คืน

    ความสามารถของมัลแวร์
    ใช้ AutoIt script ที่ปลอมเป็นงานระบบ Windows
    เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมในเยอรมนีผ่าน WordPress C2
    ฝัง RAT หลายตัว เช่น RemcosRAT, QuasarRAT, RftRAT เพื่อควบคุมจากระยะไกล

    เทคนิคการหลบเลี่ยงการตรวจจับ
    ใช้ไฟล์ MSI ที่มีลายเซ็นดิจิทัลจากบริษัทในจีนเพื่อหลอกระบบความปลอดภัย
    ลบการแจ้งเตือนจาก Gmail และเคลียร์ log เพื่อไม่ให้เหยื่อรู้ตัว
    ใช้ KakaoTalk ของเหยื่อส่งมัลแวร์ต่อไปยังคนรู้จัก

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    บัญชี Google ที่ไม่มีการป้องกันแบบหลายขั้น (MFA) เสี่ยงต่อการถูกแฮก
    การใช้บริการที่ดูปลอดภัยอย่าง Find Hub อาจถูกนำไปใช้ในทางร้าย
    การส่งไฟล์ผ่านแอปแชทจากคนรู้จักอาจเป็นช่องทางโจมตีที่แนบเนียน

    https://securityonline.info/north-koreas-konni-apt-hijacks-google-find-hub-to-remotely-wipe-and-track-south-korean-android-devices/
    📱 “KONNI APT โจมตีไซเบอร์สุดล้ำ! ใช้ Google Find Hub ล้างข้อมูล-ติดตามเหยื่อในเกาหลีใต้” ในโลกที่เทคโนโลยีเชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกัน กลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐอย่าง KONNI APT จากเกาหลีเหนือ ได้ยกระดับการโจมตีไซเบอร์ไปอีกขั้น ด้วยการใช้ฟีเจอร์ของ Google เอง — Find Hub — เพื่อควบคุมอุปกรณ์ Android ของเหยื่อในเกาหลีใต้แบบระยะไกล แคมเปญนี้ถูกเปิดโปงโดย Genians Security Center ซึ่งพบว่าผู้โจมตีสามารถรีเซ็ตอุปกรณ์ Android ของเหยื่อ ลบข้อมูลส่วนตัว และติดตามตำแหน่งได้ โดยทั้งหมดเกิดขึ้นผ่านบัญชี Google ที่ถูกแฮก ✅ วิธีการโจมตีของ KONNI APT ➡️ เริ่มจากการหลอกล่อผ่าน KakaoTalk โดยปลอมตัวเป็นนักจิตวิทยาหรือเจ้าหน้าที่รัฐ ➡️ ส่งไฟล์ชื่อ “Stress Clear.msi” ที่ดูเหมือนโปรแกรมคลายเครียด แต่แฝงมัลแวร์ ➡️ เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ มัลแวร์จะติดตั้งสคริปต์ AutoIt เพื่อควบคุมระบบ ✅ การใช้ Google Find Hub เป็นอาวุธ ➡️ หลังแฮกบัญชี Google ของเหยื่อ ผู้โจมตีใช้ Find Hub เพื่อติดตามตำแหน่ง ➡️ เมื่อเหยื่อไม่อยู่ใกล้อุปกรณ์ จะสั่งรีเซ็ตโรงงาน (factory reset) เพื่อลบข้อมูล ➡️ ส่งคำสั่งรีเซ็ตซ้ำหลายครั้งเพื่อขัดขวางการกู้คืน ✅ ความสามารถของมัลแวร์ ➡️ ใช้ AutoIt script ที่ปลอมเป็นงานระบบ Windows ➡️ เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมในเยอรมนีผ่าน WordPress C2 ➡️ ฝัง RAT หลายตัว เช่น RemcosRAT, QuasarRAT, RftRAT เพื่อควบคุมจากระยะไกล ✅ เทคนิคการหลบเลี่ยงการตรวจจับ ➡️ ใช้ไฟล์ MSI ที่มีลายเซ็นดิจิทัลจากบริษัทในจีนเพื่อหลอกระบบความปลอดภัย ➡️ ลบการแจ้งเตือนจาก Gmail และเคลียร์ log เพื่อไม่ให้เหยื่อรู้ตัว ➡️ ใช้ KakaoTalk ของเหยื่อส่งมัลแวร์ต่อไปยังคนรู้จัก ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ บัญชี Google ที่ไม่มีการป้องกันแบบหลายขั้น (MFA) เสี่ยงต่อการถูกแฮก ⛔ การใช้บริการที่ดูปลอดภัยอย่าง Find Hub อาจถูกนำไปใช้ในทางร้าย ⛔ การส่งไฟล์ผ่านแอปแชทจากคนรู้จักอาจเป็นช่องทางโจมตีที่แนบเนียน https://securityonline.info/north-koreas-konni-apt-hijacks-google-find-hub-to-remotely-wipe-and-track-south-korean-android-devices/
    SECURITYONLINE.INFO
    North Korea's KONNI APT Hijacks Google Find Hub to Remotely Wipe and Track South Korean Android Devices
    North Korea's KONNI APT is exploiting stolen Google accounts and the Find Hub service to remotely wipe South Korean Android devices for data destruction and surveillance, then spreading malware via KakaoTalk.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Lazarus ปล่อย Comebacker Backdoor เวอร์ชันใหม่ เจาะอุตสาหกรรมการบิน-กลาโหมด้วย ChaCha20”

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์ตรวจพบการโจมตีล่าสุดจากกลุ่ม Lazarus ซึ่งมุ่งเป้าไปยังองค์กรด้านอวกาศและกลาโหม โดยใช้มัลแวร์ backdoor ที่เรียกว่า “Comebacker” เวอร์ชันใหม่ ซึ่งมีการเข้ารหัสข้อมูลด้วยอัลกอริธึม ChaCha20 เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับและเพิ่มความปลอดภัยในการสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2)

    มัลแวร์ Comebacker ถูกออกแบบมาให้สามารถสื่อสารแบบเข้ารหัสกับ C2, ดาวน์โหลดคำสั่งเพิ่มเติม และขโมยข้อมูลจากระบบเป้าหมาย โดยใช้เทคนิคการพรางตัว เช่น การฝังโค้ดในไฟล์ DLL และการใช้ชื่อไฟล์ที่ดูเหมือนไฟล์ระบบปกติ

    กลุ่ม Lazarus และเป้าหมายการโจมตี
    กลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกาหลีเหนือ
    มุ่งเป้าไปยังองค์กรด้านอวกาศและกลาโหมในหลายประเทศ
    มีประวัติการโจมตีที่เกี่ยวข้องกับการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาและข้อมูลลับ

    คุณสมบัติของ Comebacker Backdoor เวอร์ชันใหม่
    ใช้การเข้ารหัส ChaCha20 เพื่อปกปิดการสื่อสารกับ C2
    รองรับการดาวน์โหลด payload เพิ่มเติมและการสั่งงานจากระยะไกล
    ฝังตัวใน DLL และใช้ชื่อไฟล์ที่ดูเหมือนไม่เป็นอันตราย

    เทคนิคการหลบเลี่ยงการตรวจจับ
    ใช้การโหลดแบบ dynamic และ reflective DLL injection
    ใช้ชื่อฟังก์ชันและพารามิเตอร์ที่คลุมเครือ
    ซ่อนการทำงานผ่านการตรวจสอบสิทธิ์และการตรวจสภาพแวดล้อม

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    องค์กรที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การบินและกลาโหม เป็นเป้าหมายหลัก
    การเข้ารหัสแบบ ChaCha20 ทำให้การวิเคราะห์ traffic ยากขึ้น
    การฝังตัวใน DLL และใช้ชื่อไฟล์ปลอมทำให้ยากต่อการตรวจจับด้วย antivirus ทั่วไป

    https://securityonline.info/lazarus-group-attacks-aerospace-defense-with-new-chacha20-encrypted-comebacker-backdoor/
    🚀 “Lazarus ปล่อย Comebacker Backdoor เวอร์ชันใหม่ เจาะอุตสาหกรรมการบิน-กลาโหมด้วย ChaCha20” นักวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์ตรวจพบการโจมตีล่าสุดจากกลุ่ม Lazarus ซึ่งมุ่งเป้าไปยังองค์กรด้านอวกาศและกลาโหม โดยใช้มัลแวร์ backdoor ที่เรียกว่า “Comebacker” เวอร์ชันใหม่ ซึ่งมีการเข้ารหัสข้อมูลด้วยอัลกอริธึม ChaCha20 เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับและเพิ่มความปลอดภัยในการสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) มัลแวร์ Comebacker ถูกออกแบบมาให้สามารถสื่อสารแบบเข้ารหัสกับ C2, ดาวน์โหลดคำสั่งเพิ่มเติม และขโมยข้อมูลจากระบบเป้าหมาย โดยใช้เทคนิคการพรางตัว เช่น การฝังโค้ดในไฟล์ DLL และการใช้ชื่อไฟล์ที่ดูเหมือนไฟล์ระบบปกติ ✅ กลุ่ม Lazarus และเป้าหมายการโจมตี ➡️ กลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกาหลีเหนือ ➡️ มุ่งเป้าไปยังองค์กรด้านอวกาศและกลาโหมในหลายประเทศ ➡️ มีประวัติการโจมตีที่เกี่ยวข้องกับการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาและข้อมูลลับ ✅ คุณสมบัติของ Comebacker Backdoor เวอร์ชันใหม่ ➡️ ใช้การเข้ารหัส ChaCha20 เพื่อปกปิดการสื่อสารกับ C2 ➡️ รองรับการดาวน์โหลด payload เพิ่มเติมและการสั่งงานจากระยะไกล ➡️ ฝังตัวใน DLL และใช้ชื่อไฟล์ที่ดูเหมือนไม่เป็นอันตราย ✅ เทคนิคการหลบเลี่ยงการตรวจจับ ➡️ ใช้การโหลดแบบ dynamic และ reflective DLL injection ➡️ ใช้ชื่อฟังก์ชันและพารามิเตอร์ที่คลุมเครือ ➡️ ซ่อนการทำงานผ่านการตรวจสอบสิทธิ์และการตรวจสภาพแวดล้อม ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ องค์กรที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การบินและกลาโหม เป็นเป้าหมายหลัก ⛔ การเข้ารหัสแบบ ChaCha20 ทำให้การวิเคราะห์ traffic ยากขึ้น ⛔ การฝังตัวใน DLL และใช้ชื่อไฟล์ปลอมทำให้ยากต่อการตรวจจับด้วย antivirus ทั่วไป https://securityonline.info/lazarus-group-attacks-aerospace-defense-with-new-chacha20-encrypted-comebacker-backdoor/
    SECURITYONLINE.INFO
    Lazarus Group Attacks Aerospace/Defense with New ChaCha20-Encrypted Comebacker Backdoor
    ENKI exposed a Lazarus Group espionage campaign targeting aerospace/defense firms. The new Comebacker variant uses malicious Word macros and ChaCha20/AES to deliver a memory-resident backdoor.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.
    คดีแห่งผัสสะ: เทพลูกผสมนาคาผู้สิ้นสุดความรู้สึก

    การปรากฏตัวของเทพนาคาผู้สูญเสีย

    เหตุการณ์ประหลาดในหมู่บ้านริมน้ำ

    ที่หมู่บ้านริมแม่น้ำโขง เกิดปรากฏการณ์ประหลาดเมื่อ นาคาริน เทพลูกผสมนาคาปรากฏตัวด้วยสภาพพิการทางผัสสะ

    ```mermaid
    graph TB
    A[นาคาริน<br>เทพลูกผสมนาคา] --> B[สูญเสีย<br>การรับรู้ทางผัสสะ]
    B --> C[พลังผัสสะ<br>รั่วไหลไม่เป็นระเบียบ]
    C --> D[ส่งผลกระทบ<br>ต่อหมู่บ้านโดยรอบ]
    D --> E[ร.ต.อ.สิงห์<br>และหนูดีออกสืบ]
    ```

    ลักษณะของนาคาริน

    · รูปร่าง: ชายหนุ่มร่างสูง มีเกล็ดนาคาแทรกตามผิว
    · ดวงตา: สีเขียวเรืองรองเหมือนหินงาม
    · พลัง: มีพลังควบคุมผัสสะทั้งห้าแต่กำลังรั่วไหล

    การสืบสวนเบื้องต้น

    ผลกระทบต่อหมู่บ้าน

    ร.ต.อ. สิงห์ พบว่าชาวบ้านได้รับผลกระทบแปลกๆ:

    · สัมผัส: รู้สึกเย็นยะเยือกหรือร้อนระอุโดยไม่มีเหตุผล
    · รสชาติ: อาหารรสเปลี่ยนไปชั่วคราว
    · กลิ่น: ได้กลิ่นประหลาดโดยไม่อาจหาต้นตอ

    การวิเคราะห์ของหนูดี

    หนูดีรู้สึกถึงพลังงานพิเศษทันที:
    "พ่อคะ...นี้ไม่ใช่พลังงานร้าย
    แต่คือพลังผัสสะที่กำลังทุกข์ทรมาน
    เหมือนดนตรีที่ขาดการควบคุม"

    เบื้องหลังนาคาริน

    ต้นกำเนิดแห่งเทพลูกผสม

    นาคารินคือลูกผสมระหว่าง:

    · พ่อ: เทพนาคาแห่งแม่น้ำโขง
    · แม่: มนุษย์หญิงผู้มีความสามารถทางศิลปะ

    ```python
    class NakarinBackground:
    def __init__(self):
    self.heritage = {
    "naga_father": "เทพนาคาผู้รักษาพลังผัสสะ",
    "human_mother": "ศิลปินผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทสัมผัส",
    "hybrid_nature": "ได้รับพลังผัสสะเหนือมนุษย์แต่ควบคุมยาก"
    }

    self.abilities = {
    "touch_control": "ควบคุมการรับรู้ทางสัมผัส",
    "taste_manipulation": "เปลี่ยนแปลงรสชาติได้",
    "sight_enhancement": "การมองเห็นเหนือสามัญ",
    "hearing_sensitivity": "การได้ยินที่ละเอียดอ่อน",
    "smell_mastery": "การดมกลิ่นที่ทรงพลัง"
    }
    ```

    เหตุการณ์ที่ทำให้พลังรั่วไหล

    นาคารินประสบอุบัติเหตุทางอารมณ์:

    · ถูกปฏิเสธ จากทั้งเผ่านาคาและมนุษย์
    · รู้สึกโดดเดี่ยว กับพลังที่ไม่มีใครเข้าใจ
    · พยายามปิดกั้น ผัสสะของตัวเองจนพลังรั่ว

    ปัญหาที่เกิดขึ้น

    ผลกระทบของพลังรั่วไหล

    พลังผัสสะของนาคารินส่งผลต่อสิ่งรอบข้าง:

    ```mermaid
    graph LR
    A[พลังสัมผัสรั่วไหล] --> B[วัตถุรู้สึก<br>เย็นหรือร้อนผิดปกติ]
    C[พลังรสชาตirรั่วไหล] --> D[อาหารมีรส<br>เปลี่ยนแปลง]
    E[พลังการได้ยินรั่วไหล] --> F[ได้ยินเสียง<br>ความถี่แปลกๆ]
    ```

    ความทุกข์ทรมานของนาคาริน

    นาคารินบันทึกความในใจ:
    "ทุกสัมผัสเหมือนมีดกรีดผิว...
    ทุกรสชาติเหมือนยาพิษ...
    ทุกกลิ่นเหมือนอากาศเป็นพิษ

    ฉันอยากหนีจากร่างกายของตัวเอง
    แต่จะหนีไปได้ที่ไหน?"

    กระบวนการช่วยเหลือ

    การเข้าถึงของหนูดี

    หนูดีใช้ความสามารถพิเศษสื่อสารกับนาคาริน:
    "เราเข้าใจว่าคุณเจ็บปวด...
    แต่การปิดกั้นผัสสะไม่ใช่คำตอบ
    การเรียนรู้ที่จะควบคุมต่างหากคือทางออก"

    เทคนิคการควบคุมพลัง

    ```python
    class SensoryControlTechniques:
    def __init__(self):
    self.meditation = [
    "การหายใจรับรู้ผัสสะอย่างมีสติ",
    "การแยกแยะผัสสะภายในและภายนอก",
    "การสร้างขอบเขตพลังงานผัสสะ",
    "การปล่อยผัสสะที่ไม่จำเป็น"
    ]

    self.practical = [
    "การใช้ศิลปะเป็นช่องทางปล่อยพลัง",
    "การสร้างวัตถุดูดซับพลังผัสสะส่วนเกิน",
    "การฝึกFocusผัสสะทีละอย่าง",
    "การเรียนรู้ที่จะเป็นผู้สังเกตการณ์ผัสสะ"
    ]
    ```

    การบำบัดด้วยศิลปะ

    หนูดีแนะนำให้นาคารินใช้ศิลปะช่วยบำบัด:

    · ประติมากรรม: ใช้พลังสัมผัสสร้างงานศิลปะ
    · การทำอาหาร: ใช้พลังรสชาติสร้างอาหารบำบัด Oganic food
    · ดนตรี: ใช้พลังการได้ยินสร้างบทเพลง
    ดีด สีตีเป่าเขย่า เคาะ
    การฟื้นฟูสมดุล

    การพัฒนาความสามารถใหม่

    นาคารินเรียนรู้ที่จะใช้พลังอย่างสร้างสรรค์:

    · การวินิจฉัยโรค: ใช้พลังสัมผัสตรวจหาร่างกาย
    · การบำบัดรสชาติ: ช่วยผู้ที่มีปัญหาการรับรส
    · ศิลปะเพื่อการบำบัด: สร้างงานศิลปะที่เยียวยาผัสสะ

    การกลับสู่สังคม

    ```mermaid
    graph TB
    A[นาคาริน<br>เริ่มควบคุมพลังได้] --> B[พลังหยุด<br>รั่วไหล]
    B --> C[ชาวบ้าน<br>กลับมาใช้ชีวิตปกติ]
    C --> D[นาคาริน<br>ได้รับบทบาทใหม่]
    D --> E[เป็นผู้เชี่ยวชาญ<br>ด้านผัสสะบำบัด]
    ```

    บทบาทใหม่ในสังคม

    ผู้เชี่ยวชาญด้านผัสสะบำบัด

    นาคารินได้รับตำแหน่งเป็น:

    · ที่ปรึกษาด้านประสาทสัมผัส ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต
    · ครูสอนศิลปะบำบัด สำหรับผู้มีพลังพิเศษ
    · ผู้พัฒนาวิธีการ ควบคุมพลังผัสสะ

    โครงการเพื่อสังคม

    ```python
    class SensoryProjects:
    def __init__(self):
    self.initiatives = {
    "sensory_therapy_center": "ศูนย์บำบัดด้วยผัสสะสำหรับผู้ไฮเปอร์เซนซิทีฟ",
    "art_for_sensory_balance": "ศิลปะเพื่อสร้างสมดุลทางการรับรู้",
    "sensory_education": "การศึกษาเกี่ยวกับผัสสะสำหรับเด็กพิเศษ",
    "cultural_preservation": "อนุรักษณ์ศิลปะการรับรู้แบบดั้งเดิม"
    }

    self.collaborations = [
    "หนูดี: พัฒนาการรับรู้พลังงานผ่านผัสสะ",
    "เณรพุทธ: ศิลปะการรับรู้ด้วยจิตวิญญาณ",
    "นิทรา: ศิลปะแห่งอารมณ์และผัสสะ",
    "อสูรเฒ่า: ภาษาบูรพากับการรับรู้"
    ]
    ```

    บทเรียนจากคดี

    🪷 สำหรับนาคาริน

    "ฉันเรียนรู้ว่า...
    การเป็นลูกผสมหาใช่ข้อบกพร่อง
    แต่คือความสามารถพิเศษอีกแบบ

    และการมีผัสสะที่ละเอียดอ่อน...
    คือของขวัญที่ไม่ใช่คำสาป"

    สำหรับหนูดี

    "หนูเข้าใจแล้วว่า...
    ทุกพลังมีทั้งด้านสร้างสรรค์และทำลาย
    ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกใช้อย่างไร

    และการช่วยเหลือที่แท้จริง
    คือการช่วยให้เขาค้นพบวิธีใช้พลังของตัวเอง"

    สำหรับ ร.ต.อ. สิงห์

    "คดีนี้สอนฉันว่า...
    บางครั้งปัญหาไม่ใช่สิ่งที่เห็น
    แต่คือสิ่งที่สัมผัส

    และความเข้าใจในความรู้สึก...
    สำคัญไม่น้อยกว่าความเข้าใจในเหตุผล"

    ผลกระทบเชิงบวก

    ความสำเร็จของนาคาริน

    หลังจากเหตุการณ์:

    · นาคาริน กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผัสสะบำบัด
    · หมู่บ้าน ได้รับการพัฒนาด้านศิลปะและการบำบัด
    · สถาบัน มีหลักสูตรเกี่ยวกับการควบคุมพลังผัสสะ

    การค้นพบตัวเอง

    นาคารินกล่าวในที่สุด:
    "ฉันเคยคิดว่าต้องเลือกระหว่างเป็นนาคาหรือมนุษย์...
    แต่ความจริงคือฉันสามารถเป็นทั้งสองอย่าง

    และพลังผัสสะที่เคยทำร้ายฉัน...
    ตอนนี้กลายเป็นเครื่องมือช่วยเหลือผู้คน

    บทสรุปแห่งการเข้าใจ

    คำคมจากนาคาริน

    "ผัสสะคือภาษาแรกของจิตวิญญาณ...
    ก่อนจะมีคำพูด ก่อนจะมีความคิด
    เรารู้สึกก่อนเสมอ

    และการเรียนรู้ภาษาของผัสสะ...
    คือการเรียนรู้ภาษาของตัวเอง"

    ความสัมพันธ์ใหม่

    นาคารินพบว่าสามารถ:

    · เชื่อมต่อ กับผู้อื่นผ่านผัสสะ
    · เข้าใจ ความรู้สึกที่ไม่มีคำพูด
    · ช่วยเหลือ ผู้ที่ทุกข์ทรมานจากผัสสะเช่นเขา

    ---

    คำคมสุดท้ายจากคดี:
    "เราทุกคนล้วนเป็นเทพลูกผสม...
    ผสมระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณ
    ระหว่างผัสสะและความหมาย

    และเมื่อเราเรียนรู้ที่จะฟังเสียงของผัสสะ...
    เราก็เรียนรู้ที่จะฟังเสียงของหัวใจ"

    การเดินทางของนาคารินสอนเราว่า...
    "The most profound truths are not seen or heard,
    but felt with the heart's own senses
    And in learning to master our senses,
    we learn to master ourselves"
    O.P.K. 🐍 คดีแห่งผัสสะ: เทพลูกผสมนาคาผู้สิ้นสุดความรู้สึก 🌊 การปรากฏตัวของเทพนาคาผู้สูญเสีย 🏮 เหตุการณ์ประหลาดในหมู่บ้านริมน้ำ ที่หมู่บ้านริมแม่น้ำโขง เกิดปรากฏการณ์ประหลาดเมื่อ นาคาริน เทพลูกผสมนาคาปรากฏตัวด้วยสภาพพิการทางผัสสะ ```mermaid graph TB A[นาคาริน<br>เทพลูกผสมนาคา] --> B[สูญเสีย<br>การรับรู้ทางผัสสะ] B --> C[พลังผัสสะ<br>รั่วไหลไม่เป็นระเบียบ] C --> D[ส่งผลกระทบ<br>ต่อหมู่บ้านโดยรอบ] D --> E[ร.ต.อ.สิงห์<br>และหนูดีออกสืบ] ``` 🎭 ลักษณะของนาคาริน · รูปร่าง: ชายหนุ่มร่างสูง มีเกล็ดนาคาแทรกตามผิว · ดวงตา: สีเขียวเรืองรองเหมือนหินงาม · พลัง: มีพลังควบคุมผัสสะทั้งห้าแต่กำลังรั่วไหล 🔍 การสืบสวนเบื้องต้น 🕵️ ผลกระทบต่อหมู่บ้าน ร.ต.อ. สิงห์ พบว่าชาวบ้านได้รับผลกระทบแปลกๆ: · สัมผัส: รู้สึกเย็นยะเยือกหรือร้อนระอุโดยไม่มีเหตุผล · รสชาติ: อาหารรสเปลี่ยนไปชั่วคราว · กลิ่น: ได้กลิ่นประหลาดโดยไม่อาจหาต้นตอ 💫 การวิเคราะห์ของหนูดี หนูดีรู้สึกถึงพลังงานพิเศษทันที: "พ่อคะ...นี้ไม่ใช่พลังงานร้าย แต่คือพลังผัสสะที่กำลังทุกข์ทรมาน เหมือนดนตรีที่ขาดการควบคุม" 🐉 เบื้องหลังนาคาริน 🌌 ต้นกำเนิดแห่งเทพลูกผสม นาคารินคือลูกผสมระหว่าง: · พ่อ: เทพนาคาแห่งแม่น้ำโขง · แม่: มนุษย์หญิงผู้มีความสามารถทางศิลปะ ```python class NakarinBackground: def __init__(self): self.heritage = { "naga_father": "เทพนาคาผู้รักษาพลังผัสสะ", "human_mother": "ศิลปินผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทสัมผัส", "hybrid_nature": "ได้รับพลังผัสสะเหนือมนุษย์แต่ควบคุมยาก" } self.abilities = { "touch_control": "ควบคุมการรับรู้ทางสัมผัส", "taste_manipulation": "เปลี่ยนแปลงรสชาติได้", "sight_enhancement": "การมองเห็นเหนือสามัญ", "hearing_sensitivity": "การได้ยินที่ละเอียดอ่อน", "smell_mastery": "การดมกลิ่นที่ทรงพลัง" } ``` 💔 เหตุการณ์ที่ทำให้พลังรั่วไหล นาคารินประสบอุบัติเหตุทางอารมณ์: · ถูกปฏิเสธ จากทั้งเผ่านาคาและมนุษย์ · รู้สึกโดดเดี่ยว กับพลังที่ไม่มีใครเข้าใจ · พยายามปิดกั้น ผัสสะของตัวเองจนพลังรั่ว 🌪️ ปัญหาที่เกิดขึ้น 🎯 ผลกระทบของพลังรั่วไหล พลังผัสสะของนาคารินส่งผลต่อสิ่งรอบข้าง: ```mermaid graph LR A[พลังสัมผัสรั่วไหล] --> B[วัตถุรู้สึก<br>เย็นหรือร้อนผิดปกติ] C[พลังรสชาตirรั่วไหล] --> D[อาหารมีรส<br>เปลี่ยนแปลง] E[พลังการได้ยินรั่วไหล] --> F[ได้ยินเสียง<br>ความถี่แปลกๆ] ``` 😵 ความทุกข์ทรมานของนาคาริน นาคารินบันทึกความในใจ: "ทุกสัมผัสเหมือนมีดกรีดผิว... ทุกรสชาติเหมือนยาพิษ... ทุกกลิ่นเหมือนอากาศเป็นพิษ ฉันอยากหนีจากร่างกายของตัวเอง แต่จะหนีไปได้ที่ไหน?" 💞 กระบวนการช่วยเหลือ 🕊️ การเข้าถึงของหนูดี หนูดีใช้ความสามารถพิเศษสื่อสารกับนาคาริน: "เราเข้าใจว่าคุณเจ็บปวด... แต่การปิดกั้นผัสสะไม่ใช่คำตอบ การเรียนรู้ที่จะควบคุมต่างหากคือทางออก" 🌈 เทคนิคการควบคุมพลัง ```python class SensoryControlTechniques: def __init__(self): self.meditation = [ "การหายใจรับรู้ผัสสะอย่างมีสติ", "การแยกแยะผัสสะภายในและภายนอก", "การสร้างขอบเขตพลังงานผัสสะ", "การปล่อยผัสสะที่ไม่จำเป็น" ] self.practical = [ "การใช้ศิลปะเป็นช่องทางปล่อยพลัง", "การสร้างวัตถุดูดซับพลังผัสสะส่วนเกิน", "การฝึกFocusผัสสะทีละอย่าง", "การเรียนรู้ที่จะเป็นผู้สังเกตการณ์ผัสสะ" ] ``` 🎨 การบำบัดด้วยศิลปะ หนูดีแนะนำให้นาคารินใช้ศิลปะช่วยบำบัด: · ประติมากรรม: ใช้พลังสัมผัสสร้างงานศิลปะ · การทำอาหาร: ใช้พลังรสชาติสร้างอาหารบำบัด Oganic food · ดนตรี: ใช้พลังการได้ยินสร้างบทเพลง ดีด สีตีเป่าเขย่า เคาะ 🏥 การฟื้นฟูสมดุล 🌟 การพัฒนาความสามารถใหม่ นาคารินเรียนรู้ที่จะใช้พลังอย่างสร้างสรรค์: · การวินิจฉัยโรค: ใช้พลังสัมผัสตรวจหาร่างกาย · การบำบัดรสชาติ: ช่วยผู้ที่มีปัญหาการรับรส · ศิลปะเพื่อการบำบัด: สร้างงานศิลปะที่เยียวยาผัสสะ 💫 การกลับสู่สังคม ```mermaid graph TB A[นาคาริน<br>เริ่มควบคุมพลังได้] --> B[พลังหยุด<br>รั่วไหล] B --> C[ชาวบ้าน<br>กลับมาใช้ชีวิตปกติ] C --> D[นาคาริน<br>ได้รับบทบาทใหม่] D --> E[เป็นผู้เชี่ยวชาญ<br>ด้านผัสสะบำบัด] ``` 🏛️ บทบาทใหม่ในสังคม 🎓 ผู้เชี่ยวชาญด้านผัสสะบำบัด นาคารินได้รับตำแหน่งเป็น: · ที่ปรึกษาด้านประสาทสัมผัส ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต · ครูสอนศิลปะบำบัด สำหรับผู้มีพลังพิเศษ · ผู้พัฒนาวิธีการ ควบคุมพลังผัสสะ 🌍 โครงการเพื่อสังคม ```python class SensoryProjects: def __init__(self): self.initiatives = { "sensory_therapy_center": "ศูนย์บำบัดด้วยผัสสะสำหรับผู้ไฮเปอร์เซนซิทีฟ", "art_for_sensory_balance": "ศิลปะเพื่อสร้างสมดุลทางการรับรู้", "sensory_education": "การศึกษาเกี่ยวกับผัสสะสำหรับเด็กพิเศษ", "cultural_preservation": "อนุรักษณ์ศิลปะการรับรู้แบบดั้งเดิม" } self.collaborations = [ "หนูดี: พัฒนาการรับรู้พลังงานผ่านผัสสะ", "เณรพุทธ: ศิลปะการรับรู้ด้วยจิตวิญญาณ", "นิทรา: ศิลปะแห่งอารมณ์และผัสสะ", "อสูรเฒ่า: ภาษาบูรพากับการรับรู้" ] ``` 📚 บทเรียนจากคดี 🪷 สำหรับนาคาริน "ฉันเรียนรู้ว่า... การเป็นลูกผสมหาใช่ข้อบกพร่อง แต่คือความสามารถพิเศษอีกแบบ และการมีผัสสะที่ละเอียดอ่อน... คือของขวัญที่ไม่ใช่คำสาป" 💫 สำหรับหนูดี "หนูเข้าใจแล้วว่า... ทุกพลังมีทั้งด้านสร้างสรรค์และทำลาย ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกใช้อย่างไร และการช่วยเหลือที่แท้จริง คือการช่วยให้เขาค้นพบวิธีใช้พลังของตัวเอง" 👮 สำหรับ ร.ต.อ. สิงห์ "คดีนี้สอนฉันว่า... บางครั้งปัญหาไม่ใช่สิ่งที่เห็น แต่คือสิ่งที่สัมผัส และความเข้าใจในความรู้สึก... สำคัญไม่น้อยกว่าความเข้าใจในเหตุผล" 🌈 ผลกระทบเชิงบวก 🏆 ความสำเร็จของนาคาริน หลังจากเหตุการณ์: · นาคาริน กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผัสสะบำบัด · หมู่บ้าน ได้รับการพัฒนาด้านศิลปะและการบำบัด · สถาบัน มีหลักสูตรเกี่ยวกับการควบคุมพลังผัสสะ 💝 การค้นพบตัวเอง นาคารินกล่าวในที่สุด: "ฉันเคยคิดว่าต้องเลือกระหว่างเป็นนาคาหรือมนุษย์... แต่ความจริงคือฉันสามารถเป็นทั้งสองอย่าง และพลังผัสสะที่เคยทำร้ายฉัน... ตอนนี้กลายเป็นเครื่องมือช่วยเหลือผู้คน 🎯 บทสรุปแห่งการเข้าใจ 🌟 คำคมจากนาคาริน "ผัสสะคือภาษาแรกของจิตวิญญาณ... ก่อนจะมีคำพูด ก่อนจะมีความคิด เรารู้สึกก่อนเสมอ และการเรียนรู้ภาษาของผัสสะ... คือการเรียนรู้ภาษาของตัวเอง" 💞 ความสัมพันธ์ใหม่ นาคารินพบว่าสามารถ: · เชื่อมต่อ กับผู้อื่นผ่านผัสสะ · เข้าใจ ความรู้สึกที่ไม่มีคำพูด · ช่วยเหลือ ผู้ที่ทุกข์ทรมานจากผัสสะเช่นเขา --- คำคมสุดท้ายจากคดี: "เราทุกคนล้วนเป็นเทพลูกผสม... ผสมระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณ ระหว่างผัสสะและความหมาย และเมื่อเราเรียนรู้ที่จะฟังเสียงของผัสสะ... เราก็เรียนรู้ที่จะฟังเสียงของหัวใจ"🐍✨ การเดินทางของนาคารินสอนเราว่า... "The most profound truths are not seen or heard, but felt with the heart's own senses And in learning to master our senses, we learn to master ourselves"🌈
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.
    คดีพิศวง: อสูรเฒ่าผู้มีวาจาศักดิ์สิทธิ์

    จุดเริ่มต้นแห่งคำสาป

    การปรากฏตัวของอสูรเฒ่า

    ในคืนหนึ่งที่ลมพายุพัดผ่านหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง อสูรเฒ่าตาเดียว ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ชายป่า
    ด้วยร่างสูงใหญ่ผมหงอกขาว และดวงตาเดียวที่เรืองรองด้วยพลังโบราณ

    ```mermaid
    graph TB
    A[อสูรเฒ่า<br>ตาเดียว] --> B[พูดคำศักดิ์สิทธิ์<br>ที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์]
    B --> C[ชาวบ้าน<br>พากันหวาดกลัว]
    C --> D[ร.ต.อ.สิงห์<br>ได้รับแจ้งเหตุ]
    D --> E[หนูดีรู้สึกถึง<br>พลังงานโบราณ]
    ```

    พลังวาจาศักดิ์สิทธิ์

    อสูรเฒ่ามีความสามารถพิเศษ:

    · พูดให้เป็นจริง: สิ่งที่พูดออกมาจะเกิดขึ้นจริง
    · คำสาปและคำอวยพร: ให้ทั้งคุณและโทษ
    · ภาษาโบราณ: ใช้ภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจได้

    การสืบสวนเบื้องต้น

    การพบพยาน

    ร.ต.อ. สิงห์ สอบปากคำชาวบ้าน:
    ชาวบ้านเล่า:"ท่านพูดว่า 'ข้าวในนาจะแห้งเหี่ยว' แล้วข้าวก็เหี่ยวจริงๆ!"
    อีกคนเสริม:"แต่บางครั้งท่านก็พูดว่า 'เด็กป่วยจะหาย' แล้วเด็กก็หายเหมือนกัน"

    การวิเคราะห์ของหนูดี

    หนูดีรู้สึกถึงพลังงานประหลาด:
    "พ่อคะ...นี่ไม่ใช่พลังงานร้าย
    แต่คือพลังงานโบราณที่ขาดการควบคุม
    เหมือนไฟที่ไม่มีใครดูแล"

    เบื้องหลังอสูรเฒ่า

    ประวัติศาสตร์ที่ถูกลืม

    อสูรเฒ่าคือ ฤๅษีวาจาธร ในอดีต:

    · อายุ: 2,000 ปี
    · เดิมที: เป็นฤๅษีผู้มีวาจาศักดิ์สิทธิ์
    · การเปลี่ยนแปลง: ถูกสาปให้กลายเป็นอสูรเพราะใช้พลังในทางที่ผิด

    ```python
    class AncientBeing:
    def __init__(self):
    self.identity = {
    "true_name": "ฤๅษีวาจาธร",
    "former_role": "ผู้รักษาคำศักดิ์สิทธิ์",
    "curse": "ถูกสาปให้เป็นอสูรเพราะความหลงตัวเอง",
    "age": "2000 ปี"
    }

    self.abilities = {
    "truth_speech": "พูดให้เป็นจริง",
    "blessing_curse": "ให้ทั้งพรและสาป",
    "ancient_language": "รู้ภาษาดั้งเดิมที่ทรงพลัง",
    "reality_weaving": "ถักทอความเป็นจริงด้วยคำพูด"
    }
    ```

    ต้นเหตุแห่งการถูกสาป

    ในอดีต ฤๅษีวาจาธรเคย:

    · ใช้พลังสร้างนคร ให้กษัตริย์ที่โลภ
    · สาปแช่งศัตรู ด้วยความโกรธ
    · ลืมคำสอน เกี่ยวกับความรับผิดชอบ

    ปัญหาที่เกิดขึ้น

    ผลกระทบต่อหมู่บ้าน

    อสูรเฒ่าสร้างทั้งปัญหาและประโยชน์:

    ```mermaid
    graph LR
    A[คำพูดของอสูรเฒ่า] --> B[ผลกระทบด้านบวก<br>รักษาโรค อวยพร]
    A --> C[ผลกระทบด้านลบ<br>สาปแช่ง ทำลายล้าง]
    B --> D[ชาวบ้านบางส่วน<br>นับถือเหมือนเทพ]
    C --> E[ชาวบ้านบางส่วน<br>เกลียดกลัวเหมือนปีศาจ]
    ```

    ความขัดแย้งในหมู่บ้าน

    เกิดการแบ่งฝั่งในหมู่บ้าน:

    · ฝั่งนับถือ: นำของมาถวายขอพร
    · ฝั่งต่อต้าน: ต้องการขับไล่
    · ผลที่ได้: ความขัดแย้งและความยอมรับนับถือ



    หนูดีตัดสินใจเข้าไปหาอสูรเฒ่าด้วยตัวเอง:
    "ท่านฤๅษี...หนูรู้ว่าท่านไม่ใช่ปีศาจ
    ท่านอาจจะสับสนหนทางเท่านั้น"

    บทสนทนาสำคัญ

    อสูรเฒ่า: "ใครกันที่กล้ามาพูดกับข้าเช่นนี้?"
    หนูดี:"ผู้ที่เข้าใจว่าคำพูดมีพลัง... และเข้าใจความโดดเดี่ยวของท่าน"

    อสูรเฒ่า: "เธอเข้าใจอะไร? ข้าโดดเดี่ยวมานับพันปี!"
    หนูดี:"เพราะท่านใช้คำพูดสร้างระยะทาง... ไม่ใช่สร้างความเข้าใจ"

    การเยียวยาทางจิตใจ

    หนูดีช่วยให้อสูรเฒ่าเข้าใจว่า:

    · พลังวาจา ควรใช้เพื่อการเยียวยา ไม่ใช่การควบคุม
    · ความโดดเดี่ยว เกิดจากการสร้างกำแพงด้วยคำพูด
    · การให้อภัย ตัวเองคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง

    บทเรียนแห่งวาจา

    การฝึกฝนใหม่

    อสูรเฒ่าเรียนรู้ที่จะ:

    · ฟัง ก่อนจะพูด
    · คิด ก่อนจะให้พรหรือสาป
    · เข้าใจ ผลกระทบของคำพูด

    เทคนิคการควบคุมพลัง

    ```python
    class SpeechControl:
    def __init__(self):
    self.techniques = [
    "การนับหนึ่งถึงสามก่อนพูด",
    "การถามตัวเองว่าคำพูดนี้จะช่วยหรือทำลาย",
    "การใช้คำพูดสร้างสรรค์แทนการทำลาย",
    "การเข้าใจว่าบางครั้งความเงียบก็ทรงพลัง"
    ]

    self.daily_practice = {
    "morning": "พูดคำอวยพรให้ตัวเองและโลก",
    "afternoon": "ฝึกฟังโดยไม่ตัดสิน",
    "evening": "ไตร่ตรองคำพูดที่ใช้ในวันนั้น"
    }
    ```

    การเปลี่ยนแปลงบทบาท

    จากอสูรสู่ที่ปรึกษา

    อสูรเฒ่าได้รับบทบาทใหม่เป็น:

    · ที่ปรึกษาด้านวาจา ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต
    · ครูสอนภาษาโบราณ และพลังแห่งคำพูด
    · ผู้ไกล่เกลี่ย ในความขัดแย้งต่างๆ

    ความสัมพันธ์ใหม่

    กับหนูดี: ครูและนักเรียนซึ่งกันและกัน
    กับสิงห์:ที่ปรึกษาด้านภาษาโบราณ
    กับชาวบ้าน:ที่ปรึกษาและผู้ให้คำแนะนำ

    ผลกระทบเชิงบวก

    การคืนสู่หมู่บ้าน

    อสูรเฒ่ากลับไปอยู่หมู่บ้านในบทบาทใหม่:

    · ให้คำแนะนำ แก่ชาวบ้าน
    · สอนเด็กๆ เกี่ยวกับพลังแห่งคำพูด
    · เป็นสะพาน ระหว่างคนรุ่นเก่าและใหม่

    โครงการใหม่

    ```mermaid
    graph TB
    A[อสูรเฒ่า] --> B[โรงเรียนสอนภาษาโบราณ]
    A --> C[ศูนย์ไกล่เกลี่ยด้วยวาจา]
    A --> D[โครงการรักษาภาษาดั้งเดิม]
    ```

    บทเรียนจากคดี

    🪷 สำหรับอสูรเฒ่า

    "ข้าเรียนรู้ว่า...
    พลังที่แท้จริงมิอาจควบคุมด้วยคำพูด
    แต่คือการเข้าใจและเชื่อมโยงใจกัน

    และวาจาศักดิ์สิทธิ์ที่แท้...
    คือคำพูดที่เกิดจากหัวใจที่ต้องการเข้าใจ"

    สำหรับหนูดี

    "หนูเรียนรู้ว่า...
    Behind every'monster'
    there is a story of pain

    และการเยียวยาที่แท้จริง
    เริ่มต้นจากการฟังอย่างเข้าใจ"

    สำหรับ ร.ต.อ. สิงห์

    "คดีนี้สอนฉันว่า...
    บางครั้งอาชญากรที่แท้จริงไม่ใช่บุคคล
    แต่คือความเข้าใจผิดและความกลัว

    และความยุติธรรมที่แท้...
    คือการนำทางให้ทุกคนพบความเข้าใจ"

    คำคมแห่งปัญญา

    จากอสูรเฒ่า

    "คำพูดสามารถสร้างนรกหรือสวรรค์ได้...
    ทั้งในใจเราและใจผู้อื่น

    และเมื่อเราเรียนรู้ที่จะเลือกคำ...กล่าว
    เราก็เรียนรู้ที่จะสร้างโลก"

    บทสรุปแห่งวาจา

    อสูรเฒ่ากล่าวในตอนจบ:
    "ตลอดสองพันปี...
    ข้าใช้คำพูดสร้างทุกอย่างยกเว้นความสุข

    แต่บัดนี้ข้าเข้าใจแล้วว่า...
    คำพูดที่สวยงามที่สุด
    คือคำพูดที่สร้างความเข้าใจ

    และความเงียบที่ทรงพลังที่สุด
    คือความเงียบที่ฟังเสียงหัวใจตน

    ---

    คำคมสุดท้ายจากคดี:
    "วาจาศักดิ์สิทธิ์ที่แท้ไม่ใช่คำที่เปลี่ยนโลก...
    แต่คือคำที่เปลี่ยนหัวใจ

    และเมื่อหัวใจเปลี่ยนแปลง...
    โลกก็เปลี่ยนแปลงตาม"

    การเดินทางของอสูรเฒ่าสอนเราว่า...
    "Words are not just sounds
    They are the architects of reality
    And when spoken with wisdom and compassion
    They can heal even the deepest wounds of time"
    O.P.K. 🔮 คดีพิศวง: อสูรเฒ่าผู้มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ 🏮 จุดเริ่มต้นแห่งคำสาป 🌑 การปรากฏตัวของอสูรเฒ่า ในคืนหนึ่งที่ลมพายุพัดผ่านหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง อสูรเฒ่าตาเดียว ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ชายป่า ด้วยร่างสูงใหญ่ผมหงอกขาว และดวงตาเดียวที่เรืองรองด้วยพลังโบราณ ```mermaid graph TB A[อสูรเฒ่า<br>ตาเดียว] --> B[พูดคำศักดิ์สิทธิ์<br>ที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์] B --> C[ชาวบ้าน<br>พากันหวาดกลัว] C --> D[ร.ต.อ.สิงห์<br>ได้รับแจ้งเหตุ] D --> E[หนูดีรู้สึกถึง<br>พลังงานโบราณ] ``` 🗣️ พลังวาจาศักดิ์สิทธิ์ อสูรเฒ่ามีความสามารถพิเศษ: · พูดให้เป็นจริง: สิ่งที่พูดออกมาจะเกิดขึ้นจริง · คำสาปและคำอวยพร: ให้ทั้งคุณและโทษ · ภาษาโบราณ: ใช้ภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจได้ 🔍 การสืบสวนเบื้องต้น 🕵️ การพบพยาน ร.ต.อ. สิงห์ สอบปากคำชาวบ้าน: ชาวบ้านเล่า:"ท่านพูดว่า 'ข้าวในนาจะแห้งเหี่ยว' แล้วข้าวก็เหี่ยวจริงๆ!" อีกคนเสริม:"แต่บางครั้งท่านก็พูดว่า 'เด็กป่วยจะหาย' แล้วเด็กก็หายเหมือนกัน" 💫 การวิเคราะห์ของหนูดี หนูดีรู้สึกถึงพลังงานประหลาด: "พ่อคะ...นี่ไม่ใช่พลังงานร้าย แต่คือพลังงานโบราณที่ขาดการควบคุม เหมือนไฟที่ไม่มีใครดูแล" 🧙 เบื้องหลังอสูรเฒ่า 📜 ประวัติศาสตร์ที่ถูกลืม อสูรเฒ่าคือ ฤๅษีวาจาธร ในอดีต: · อายุ: 2,000 ปี · เดิมที: เป็นฤๅษีผู้มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ · การเปลี่ยนแปลง: ถูกสาปให้กลายเป็นอสูรเพราะใช้พลังในทางที่ผิด ```python class AncientBeing: def __init__(self): self.identity = { "true_name": "ฤๅษีวาจาธร", "former_role": "ผู้รักษาคำศักดิ์สิทธิ์", "curse": "ถูกสาปให้เป็นอสูรเพราะความหลงตัวเอง", "age": "2000 ปี" } self.abilities = { "truth_speech": "พูดให้เป็นจริง", "blessing_curse": "ให้ทั้งพรและสาป", "ancient_language": "รู้ภาษาดั้งเดิมที่ทรงพลัง", "reality_weaving": "ถักทอความเป็นจริงด้วยคำพูด" } ``` 💔 ต้นเหตุแห่งการถูกสาป ในอดีต ฤๅษีวาจาธรเคย: · ใช้พลังสร้างนคร ให้กษัตริย์ที่โลภ · สาปแช่งศัตรู ด้วยความโกรธ · ลืมคำสอน เกี่ยวกับความรับผิดชอบ 🌪️ ปัญหาที่เกิดขึ้น 🏘️ ผลกระทบต่อหมู่บ้าน อสูรเฒ่าสร้างทั้งปัญหาและประโยชน์: ```mermaid graph LR A[คำพูดของอสูรเฒ่า] --> B[ผลกระทบด้านบวก<br>รักษาโรค อวยพร] A --> C[ผลกระทบด้านลบ<br>สาปแช่ง ทำลายล้าง] B --> D[ชาวบ้านบางส่วน<br>นับถือเหมือนเทพ] C --> E[ชาวบ้านบางส่วน<br>เกลียดกลัวเหมือนปีศาจ] ``` 🎭 ความขัดแย้งในหมู่บ้าน เกิดการแบ่งฝั่งในหมู่บ้าน: · ฝั่งนับถือ: นำของมาถวายขอพร · ฝั่งต่อต้าน: ต้องการขับไล่ · ผลที่ได้: ความขัดแย้งและความยอมรับนับถือ 🕊️ หนูดีตัดสินใจเข้าไปหาอสูรเฒ่าด้วยตัวเอง: "ท่านฤๅษี...หนูรู้ว่าท่านไม่ใช่ปีศาจ ท่านอาจจะสับสนหนทางเท่านั้น" 🗣️ บทสนทนาสำคัญ อสูรเฒ่า: "ใครกันที่กล้ามาพูดกับข้าเช่นนี้?" หนูดี:"ผู้ที่เข้าใจว่าคำพูดมีพลัง... และเข้าใจความโดดเดี่ยวของท่าน" อสูรเฒ่า: "เธอเข้าใจอะไร? ข้าโดดเดี่ยวมานับพันปี!" หนูดี:"เพราะท่านใช้คำพูดสร้างระยะทาง... ไม่ใช่สร้างความเข้าใจ" 🌈 การเยียวยาทางจิตใจ หนูดีช่วยให้อสูรเฒ่าเข้าใจว่า: · พลังวาจา ควรใช้เพื่อการเยียวยา ไม่ใช่การควบคุม · ความโดดเดี่ยว เกิดจากการสร้างกำแพงด้วยคำพูด · การให้อภัย ตัวเองคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง 📚 บทเรียนแห่งวาจา 💫 การฝึกฝนใหม่ อสูรเฒ่าเรียนรู้ที่จะ: · ฟัง ก่อนจะพูด · คิด ก่อนจะให้พรหรือสาป · เข้าใจ ผลกระทบของคำพูด 🎯 เทคนิคการควบคุมพลัง ```python class SpeechControl: def __init__(self): self.techniques = [ "การนับหนึ่งถึงสามก่อนพูด", "การถามตัวเองว่าคำพูดนี้จะช่วยหรือทำลาย", "การใช้คำพูดสร้างสรรค์แทนการทำลาย", "การเข้าใจว่าบางครั้งความเงียบก็ทรงพลัง" ] self.daily_practice = { "morning": "พูดคำอวยพรให้ตัวเองและโลก", "afternoon": "ฝึกฟังโดยไม่ตัดสิน", "evening": "ไตร่ตรองคำพูดที่ใช้ในวันนั้น" } ``` 🏛️ การเปลี่ยนแปลงบทบาท 🌟 จากอสูรสู่ที่ปรึกษา อสูรเฒ่าได้รับบทบาทใหม่เป็น: · ที่ปรึกษาด้านวาจา ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต · ครูสอนภาษาโบราณ และพลังแห่งคำพูด · ผู้ไกล่เกลี่ย ในความขัดแย้งต่างๆ 💞 ความสัมพันธ์ใหม่ กับหนูดี: ครูและนักเรียนซึ่งกันและกัน กับสิงห์:ที่ปรึกษาด้านภาษาโบราณ กับชาวบ้าน:ที่ปรึกษาและผู้ให้คำแนะนำ 🌍 ผลกระทบเชิงบวก 🏡 การคืนสู่หมู่บ้าน อสูรเฒ่ากลับไปอยู่หมู่บ้านในบทบาทใหม่: · ให้คำแนะนำ แก่ชาวบ้าน · สอนเด็กๆ เกี่ยวกับพลังแห่งคำพูด · เป็นสะพาน ระหว่างคนรุ่นเก่าและใหม่ 📜 โครงการใหม่ ```mermaid graph TB A[อสูรเฒ่า] --> B[โรงเรียนสอนภาษาโบราณ] A --> C[ศูนย์ไกล่เกลี่ยด้วยวาจา] A --> D[โครงการรักษาภาษาดั้งเดิม] ``` 🎯 บทเรียนจากคดี 🪷 สำหรับอสูรเฒ่า "ข้าเรียนรู้ว่า... พลังที่แท้จริงมิอาจควบคุมด้วยคำพูด แต่คือการเข้าใจและเชื่อมโยงใจกัน และวาจาศักดิ์สิทธิ์ที่แท้... คือคำพูดที่เกิดจากหัวใจที่ต้องการเข้าใจ" 💫 สำหรับหนูดี "หนูเรียนรู้ว่า... Behind every'monster' there is a story of pain และการเยียวยาที่แท้จริง เริ่มต้นจากการฟังอย่างเข้าใจ" 👮 สำหรับ ร.ต.อ. สิงห์ "คดีนี้สอนฉันว่า... บางครั้งอาชญากรที่แท้จริงไม่ใช่บุคคล แต่คือความเข้าใจผิดและความกลัว และความยุติธรรมที่แท้... คือการนำทางให้ทุกคนพบความเข้าใจ" 🌟 คำคมแห่งปัญญา 🗣️ จากอสูรเฒ่า "คำพูดสามารถสร้างนรกหรือสวรรค์ได้... ทั้งในใจเราและใจผู้อื่น และเมื่อเราเรียนรู้ที่จะเลือกคำ...กล่าว เราก็เรียนรู้ที่จะสร้างโลก" 💝 บทสรุปแห่งวาจา อสูรเฒ่ากล่าวในตอนจบ: "ตลอดสองพันปี... ข้าใช้คำพูดสร้างทุกอย่างยกเว้นความสุข แต่บัดนี้ข้าเข้าใจแล้วว่า... คำพูดที่สวยงามที่สุด คือคำพูดที่สร้างความเข้าใจ และความเงียบที่ทรงพลังที่สุด คือความเงียบที่ฟังเสียงหัวใจตน --- คำคมสุดท้ายจากคดี: "วาจาศักดิ์สิทธิ์ที่แท้ไม่ใช่คำที่เปลี่ยนโลก... แต่คือคำที่เปลี่ยนหัวใจ และเมื่อหัวใจเปลี่ยนแปลง... โลกก็เปลี่ยนแปลงตาม"🔮✨ การเดินทางของอสูรเฒ่าสอนเราว่า... "Words are not just sounds They are the architects of reality And when spoken with wisdom and compassion They can heal even the deepest wounds of time"🌈
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • Ironclad OS: เคอร์เนลลินุกซ์ที่ปลอดภัยที่สุด พร้อมการตรวจสอบแบบ formal verification

    Ironclad คือระบบปฏิบัติการเคอร์เนลแบบ UNIX ที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัย ความเสถียร และความสามารถในการทำงานแบบเรียลไทม์ โดยใช้ภาษา SPARK และ Ada ซึ่งเน้นการตรวจสอบความถูกต้องของโค้ดผ่านกระบวนการ formal verification

    Ironclad ไม่ใช่แค่เคอร์เนลทั่วไป แต่เป็นระบบที่ถูกออกแบบให้ “ปลอดภัยตั้งแต่รากฐาน” โดยใช้เทคนิคการตรวจสอบโค้ดที่สามารถพิสูจน์ได้ทางคณิตศาสตร์ว่าปราศจากข้อผิดพลาดในส่วนสำคัญ เช่น ระบบเข้ารหัสและการควบคุมสิทธิ์ (MAC)

    ระบบนี้ยังรองรับ POSIX interface ทำให้สามารถใช้งานซอฟต์แวร์ทั่วไปได้ง่าย และมีการรองรับการทำงานแบบ preemptive multitasking อย่างแท้จริง รวมถึงการจัดการเวลาแบบ hard real-time สำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง

    Ironclad ยังถูกออกแบบให้พกพาได้ง่าย รองรับหลายแพลตฟอร์ม และใช้ GNU toolchain ในการคอมไพล์ ทำให้สามารถนำไปใช้งานใน embedded systems ได้อย่างสะดวก

    จุดเด่นของ Ironclad OS
    เขียนด้วยภาษา SPARK และ Ada เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
    ใช้เทคนิค formal verification ตรวจสอบความถูกต้องของโค้ด
    รองรับ POSIX interface สำหรับการใช้งานทั่วไป
    รองรับ preemptive multitasking และ hard real-time scheduling
    ไม่มี firmware blobs ทุกส่วนเป็นโอเพ่นซอร์ส
    รองรับหลายแพลตฟอร์มและบอร์ด embedded
    ใช้ GNU toolchain สำหรับการ cross-compilation
    มีดิสโทรพร้อมใช้งาน เช่น Gloire
    ได้รับทุนสนับสนุนจากโครงการ NGI Zero Core ของ EU

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา อาจไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไปในระดับ production
    ต้องมีความรู้ด้าน SPARK/Ada และการคอมไพล์ข้ามแพลตฟอร์ม
    การใช้งานใน embedded systems ต้องตรวจสอบความเข้ากันได้ของฮาร์ดแวร์

    Ironclad เหมาะกับนักพัฒนาที่ต้องการระบบปฏิบัติการที่ปลอดภัยระดับสูง และสามารถควบคุมทุกส่วนของระบบได้อย่างละเอียด โดยเฉพาะในงานที่ต้องการความแม่นยำและความเสถียรแบบเรียลไทม์

    https://ironclad-os.org/
    🛡️ Ironclad OS: เคอร์เนลลินุกซ์ที่ปลอดภัยที่สุด พร้อมการตรวจสอบแบบ formal verification Ironclad คือระบบปฏิบัติการเคอร์เนลแบบ UNIX ที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัย ความเสถียร และความสามารถในการทำงานแบบเรียลไทม์ โดยใช้ภาษา SPARK และ Ada ซึ่งเน้นการตรวจสอบความถูกต้องของโค้ดผ่านกระบวนการ formal verification Ironclad ไม่ใช่แค่เคอร์เนลทั่วไป แต่เป็นระบบที่ถูกออกแบบให้ “ปลอดภัยตั้งแต่รากฐาน” โดยใช้เทคนิคการตรวจสอบโค้ดที่สามารถพิสูจน์ได้ทางคณิตศาสตร์ว่าปราศจากข้อผิดพลาดในส่วนสำคัญ เช่น ระบบเข้ารหัสและการควบคุมสิทธิ์ (MAC) ระบบนี้ยังรองรับ POSIX interface ทำให้สามารถใช้งานซอฟต์แวร์ทั่วไปได้ง่าย และมีการรองรับการทำงานแบบ preemptive multitasking อย่างแท้จริง รวมถึงการจัดการเวลาแบบ hard real-time สำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง Ironclad ยังถูกออกแบบให้พกพาได้ง่าย รองรับหลายแพลตฟอร์ม และใช้ GNU toolchain ในการคอมไพล์ ทำให้สามารถนำไปใช้งานใน embedded systems ได้อย่างสะดวก ✅ จุดเด่นของ Ironclad OS ➡️ เขียนด้วยภาษา SPARK และ Ada เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ➡️ ใช้เทคนิค formal verification ตรวจสอบความถูกต้องของโค้ด ➡️ รองรับ POSIX interface สำหรับการใช้งานทั่วไป ➡️ รองรับ preemptive multitasking และ hard real-time scheduling ➡️ ไม่มี firmware blobs ทุกส่วนเป็นโอเพ่นซอร์ส ➡️ รองรับหลายแพลตฟอร์มและบอร์ด embedded ➡️ ใช้ GNU toolchain สำหรับการ cross-compilation ➡️ มีดิสโทรพร้อมใช้งาน เช่น Gloire ➡️ ได้รับทุนสนับสนุนจากโครงการ NGI Zero Core ของ EU ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา อาจไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไปในระดับ production ⛔ ต้องมีความรู้ด้าน SPARK/Ada และการคอมไพล์ข้ามแพลตฟอร์ม ⛔ การใช้งานใน embedded systems ต้องตรวจสอบความเข้ากันได้ของฮาร์ดแวร์ Ironclad เหมาะกับนักพัฒนาที่ต้องการระบบปฏิบัติการที่ปลอดภัยระดับสูง และสามารถควบคุมทุกส่วนของระบบได้อย่างละเอียด โดยเฉพาะในงานที่ต้องการความแม่นยำและความเสถียรแบบเรียลไทม์ https://ironclad-os.org/
    IRONCLAD-OS.ORG
    Ironclad
    Ironclad is a free software formally verified kernel written in SPARK/Ada
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ RCE ใน LangGraph: เสี่ยงถูกควบคุมระบบเต็มรูปแบบผ่าน JsonPlusSerializer

    LangGraph ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์กยอดนิยมสำหรับการจัดการ agent orchestration โดยเฉพาะในระบบ AI ที่ต้องการความต่อเนื่องและสถานะ (stateful agents) ได้พบช่องโหว่ร้ายแรงระดับ Remote Code Execution (RCE) ที่ถูกระบุด้วยรหัส CVE-2025-64439 และมีคะแนน CVSS สูงถึง 7.4

    ช่องโหว่นี้อยู่ใน JsonPlusSerializer ซึ่งเป็นตัวจัดการ checkpoint โดยมี fallback mechanism ที่อันตราย—หากการ serialize ด้วย MessagePack ล้มเหลวเนื่องจาก Unicode ผิดปกติ ระบบจะ fallback ไปใช้ “json” mode ที่เปิดช่องให้ผู้โจมตีสามารถใช้ constructor-style format เพื่อรันโค้ด Python อันตรายได้ทันที

    เทคนิคการโจมตี: constructor-style deserialization
    LangGraph รองรับการสร้าง object จาก constructor-style format (lc == 2 และ type == "constructor")
    หากผู้โจมตีสามารถส่ง payload ที่ trigger json fallback ได้ ก็สามารถรันฟังก์ชัน Python ใดๆ ได้ทันที
    ส่งผลให้สามารถควบคุมระบบด้วยสิทธิ์ของ process ที่รัน LangGraph

    การแก้ไขและคำแนะนำ
    LangGraph ได้ออกแพตช์ในเวอร์ชัน 3.0 ของ langgraph-checkpoint ซึ่งปิดช่องทางการ deserialize object ที่ใช้ constructor-style format

    ผู้ใช้ที่ใช้ผ่าน langgraph-api ตั้งแต่เวอร์ชัน 0.5 ขึ้นไป จะไม่ถูกกระทบ

    ช่องโหว่ CVE-2025-64439
    อยู่ใน JsonPlusSerializer ของ LangGraph
    เกิดจาก fallback ไปใช้ json mode เมื่อ MessagePack ล้มเหลว
    เปิดช่องให้รันโค้ด Python ผ่าน constructor-style format

    ความเสี่ยง
    ผู้โจมตีสามารถควบคุมระบบด้วยสิทธิ์ของ process
    ส่งผลกระทบต่อระบบ AI agent ที่ใช้ LangGraph ใน production

    การแก้ไข
    อัปเดต langgraph-checkpoint เป็นเวอร์ชัน 3.0
    ผู้ใช้ langgraph-api เวอร์ชัน 0.5+ ไม่ได้รับผลกระทบ

    https://securityonline.info/cve-2025-64439-rce-flaw-detected-in-langgraph-agent-orchestration-framework-at-risk/
    🚨 ช่องโหว่ RCE ใน LangGraph: เสี่ยงถูกควบคุมระบบเต็มรูปแบบผ่าน JsonPlusSerializer LangGraph ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์กยอดนิยมสำหรับการจัดการ agent orchestration โดยเฉพาะในระบบ AI ที่ต้องการความต่อเนื่องและสถานะ (stateful agents) ได้พบช่องโหว่ร้ายแรงระดับ Remote Code Execution (RCE) ที่ถูกระบุด้วยรหัส CVE-2025-64439 และมีคะแนน CVSS สูงถึง 7.4 ช่องโหว่นี้อยู่ใน JsonPlusSerializer ซึ่งเป็นตัวจัดการ checkpoint โดยมี fallback mechanism ที่อันตราย—หากการ serialize ด้วย MessagePack ล้มเหลวเนื่องจาก Unicode ผิดปกติ ระบบจะ fallback ไปใช้ “json” mode ที่เปิดช่องให้ผู้โจมตีสามารถใช้ constructor-style format เพื่อรันโค้ด Python อันตรายได้ทันที 🧪 เทคนิคการโจมตี: constructor-style deserialization 🔰 LangGraph รองรับการสร้าง object จาก constructor-style format (lc == 2 และ type == "constructor") 🔰 หากผู้โจมตีสามารถส่ง payload ที่ trigger json fallback ได้ ก็สามารถรันฟังก์ชัน Python ใดๆ ได้ทันที 🔰 ส่งผลให้สามารถควบคุมระบบด้วยสิทธิ์ของ process ที่รัน LangGraph 🛠️ การแก้ไขและคำแนะนำ LangGraph ได้ออกแพตช์ในเวอร์ชัน 3.0 ของ langgraph-checkpoint ซึ่งปิดช่องทางการ deserialize object ที่ใช้ constructor-style format ผู้ใช้ที่ใช้ผ่าน langgraph-api ตั้งแต่เวอร์ชัน 0.5 ขึ้นไป จะไม่ถูกกระทบ ✅ ช่องโหว่ CVE-2025-64439 ➡️ อยู่ใน JsonPlusSerializer ของ LangGraph ➡️ เกิดจาก fallback ไปใช้ json mode เมื่อ MessagePack ล้มเหลว ➡️ เปิดช่องให้รันโค้ด Python ผ่าน constructor-style format ✅ ความเสี่ยง ➡️ ผู้โจมตีสามารถควบคุมระบบด้วยสิทธิ์ของ process ➡️ ส่งผลกระทบต่อระบบ AI agent ที่ใช้ LangGraph ใน production ✅ การแก้ไข ➡️ อัปเดต langgraph-checkpoint เป็นเวอร์ชัน 3.0 ➡️ ผู้ใช้ langgraph-api เวอร์ชัน 0.5+ ไม่ได้รับผลกระทบ https://securityonline.info/cve-2025-64439-rce-flaw-detected-in-langgraph-agent-orchestration-framework-at-risk/
    SECURITYONLINE.INFO
    CVE-2025-64439: RCE Flaw Detected in LangGraph: Agent Orchestration Framework at Risk
    A RCE flaw (CVE-2025-64439) in LangGraph's JsonPlusSerializer allows arbitrary Python code execution by exploiting a fallback during checkpoint deserialization. Update to v3.0.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ร้ายแรงใน Elastic Defend: ผู้โจมตีสามารถลบไฟล์ใดก็ได้ในระบบด้วยสิทธิ์ SYSTEM

    Elastic ได้ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ร้ายแรงในผลิตภัณฑ์ Elastic Defend ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุดความปลอดภัย Elastic Security โดยช่องโหว่นี้ถูกระบุด้วยรหัส CVE-2025-37735 และมีคะแนน CVSS สูงถึง 7.0 ซึ่งจัดอยู่ในระดับ “High Severity”

    ช่องโหว่นี้เกิดจากการ จัดการสิทธิ์ไฟล์ไม่เหมาะสม (Improper Preservation of Permissions) บนระบบ Windows ซึ่งทำให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ระดับผู้ใช้ทั่วไปสามารถลบไฟล์ใดก็ได้ในระบบผ่านบริการ Elastic Defend ที่รันด้วยสิทธิ์ SYSTEM

    เทคนิคการโจมตี: Local Privilege Escalation ผ่านการลบไฟล์
    บริการ Elastic Defend บน Windows มีสิทธิ์ระดับ SYSTEM
    หากผู้โจมตีสามารถควบคุม path ของไฟล์ที่บริการจะลบได้ ก็สามารถลบไฟล์สำคัญของระบบ
    การลบไฟล์บางประเภทอาจนำไปสู่การยกระดับสิทธิ์ (Privilege Escalation) หรือทำให้ระบบล่ม

    การแก้ไขและแนวทางป้องกัน
    Elastic ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน:
    8.19.6
    9.1.6
    9.2.0

    สำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่สามารถอัปเดตได้ทันที Elastic แนะนำให้ใช้ Windows 11 24H2 ซึ่งมีการปรับปรุงด้านความปลอดภัยที่ทำให้ช่องโหว่นี้โจมตีได้ยากขึ้น

    ช่องโหว่ CVE-2025-37735
    อยู่ใน Elastic Defend บน Windows
    เกิดจากการจัดการสิทธิ์ไฟล์ไม่เหมาะสม
    มีคะแนน CVSS 7.0 (High Severity)

    ผลกระทบ
    ผู้ใช้ทั่วไปสามารถลบไฟล์ใดก็ได้ในระบบ
    อาจนำไปสู่การยกระดับสิทธิ์เป็น SYSTEM
    เสี่ยงต่อการล่มของระบบหรือการควบคุมเครื่อง

    การแก้ไข
    Elastic ออกแพตช์ในเวอร์ชัน 8.19.6, 9.1.6, 9.2.0
    แนะนำให้อัปเดตทันที
    หากยังไม่สามารถอัปเดตได้ ให้ใช้ Windows 11 24H2

    ความเสี่ยงหากไม่อัปเดต
    ผู้โจมตีภายในองค์กรสามารถใช้ช่องโหว่นี้เพื่อควบคุมเครื่อง
    การลบไฟล์สำคัญอาจทำให้ระบบล่มหรือข้อมูลสูญหาย

    คำแนะนำด้านความปลอดภัย
    ตรวจสอบเวอร์ชัน Elastic Defend ที่ใช้งานอยู่
    อัปเดตเป็นเวอร์ชันที่ปลอดภัยทันที
    พิจารณาอัปเกรดระบบเป็น Windows 11 24H2 เพื่อเสริมความปลอดภัย

    https://securityonline.info/high-severity-elastic-defend-flaw-cve-2025-37735-allows-local-attackers-to-delete-arbitrary-files-as-system/
    🛡️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Elastic Defend: ผู้โจมตีสามารถลบไฟล์ใดก็ได้ในระบบด้วยสิทธิ์ SYSTEM Elastic ได้ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ร้ายแรงในผลิตภัณฑ์ Elastic Defend ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุดความปลอดภัย Elastic Security โดยช่องโหว่นี้ถูกระบุด้วยรหัส CVE-2025-37735 และมีคะแนน CVSS สูงถึง 7.0 ซึ่งจัดอยู่ในระดับ “High Severity” ช่องโหว่นี้เกิดจากการ จัดการสิทธิ์ไฟล์ไม่เหมาะสม (Improper Preservation of Permissions) บนระบบ Windows ซึ่งทำให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ระดับผู้ใช้ทั่วไปสามารถลบไฟล์ใดก็ได้ในระบบผ่านบริการ Elastic Defend ที่รันด้วยสิทธิ์ SYSTEM 🧠 เทคนิคการโจมตี: Local Privilege Escalation ผ่านการลบไฟล์ 🔰 บริการ Elastic Defend บน Windows มีสิทธิ์ระดับ SYSTEM 🔰 หากผู้โจมตีสามารถควบคุม path ของไฟล์ที่บริการจะลบได้ ก็สามารถลบไฟล์สำคัญของระบบ 🔰 การลบไฟล์บางประเภทอาจนำไปสู่การยกระดับสิทธิ์ (Privilege Escalation) หรือทำให้ระบบล่ม 🛠️ การแก้ไขและแนวทางป้องกัน Elastic ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน: 🎗️ 8.19.6 🎗️ 9.1.6 🎗️ 9.2.0 สำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่สามารถอัปเดตได้ทันที Elastic แนะนำให้ใช้ Windows 11 24H2 ซึ่งมีการปรับปรุงด้านความปลอดภัยที่ทำให้ช่องโหว่นี้โจมตีได้ยากขึ้น ✅ ช่องโหว่ CVE-2025-37735 ➡️ อยู่ใน Elastic Defend บน Windows ➡️ เกิดจากการจัดการสิทธิ์ไฟล์ไม่เหมาะสม ➡️ มีคะแนน CVSS 7.0 (High Severity) ✅ ผลกระทบ ➡️ ผู้ใช้ทั่วไปสามารถลบไฟล์ใดก็ได้ในระบบ ➡️ อาจนำไปสู่การยกระดับสิทธิ์เป็น SYSTEM ➡️ เสี่ยงต่อการล่มของระบบหรือการควบคุมเครื่อง ✅ การแก้ไข ➡️ Elastic ออกแพตช์ในเวอร์ชัน 8.19.6, 9.1.6, 9.2.0 ➡️ แนะนำให้อัปเดตทันที ➡️ หากยังไม่สามารถอัปเดตได้ ให้ใช้ Windows 11 24H2 ‼️ ความเสี่ยงหากไม่อัปเดต ⛔ ผู้โจมตีภายในองค์กรสามารถใช้ช่องโหว่นี้เพื่อควบคุมเครื่อง ⛔ การลบไฟล์สำคัญอาจทำให้ระบบล่มหรือข้อมูลสูญหาย ‼️ คำแนะนำด้านความปลอดภัย ⛔ ตรวจสอบเวอร์ชัน Elastic Defend ที่ใช้งานอยู่ ⛔ อัปเดตเป็นเวอร์ชันที่ปลอดภัยทันที ⛔ พิจารณาอัปเกรดระบบเป็น Windows 11 24H2 เพื่อเสริมความปลอดภัย https://securityonline.info/high-severity-elastic-defend-flaw-cve-2025-37735-allows-local-attackers-to-delete-arbitrary-files-as-system/
    SECURITYONLINE.INFO
    High-Severity Elastic Defend Flaw (CVE-2025-37735) Allows Local Attackers to Delete Arbitrary Files as SYSTEM
    Elastic patched a High-severity flaw (CVE-2025-37735) in Elastic Defend for Windows. A local attacker can delete arbitrary files via the SYSTEM service, risking privilege escalation. Update to v8.19.6+.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อมัลแวร์กลายเป็นบริการ: Fantasy Hub RAT เปิดให้แฮกเกอร์สมัครใช้งานผ่าน Telegram

    นักวิจัยจาก zLabs ได้เปิดโปงมัลแวร์ Android ตัวใหม่ชื่อ Fantasy Hub ซึ่งถูกขายในช่องทางใต้ดินของรัสเซียในรูปแบบ Malware-as-a-Service (MaaS) โดยผู้โจมตีสามารถสมัครใช้งานผ่าน Telegram bot เพื่อเข้าถึงระบบควบคุม, สร้าง dropper อัตโนมัติ และเลือกแผนการใช้งานตามระยะเวลาและฟีเจอร์ที่ต้องการ

    Fantasy Hub ไม่ใช่มัลแวร์ธรรมดา แต่เป็นเครื่องมือระดับมืออาชีพที่มีความสามารถใกล้เคียงกับสปายแวร์ของรัฐ เช่น:
    ดักฟัง SMS, บันทึกเสียง, เปิดกล้อง, สตรีมภาพและเสียงแบบสดผ่าน WebRTC
    ขโมยข้อมูลจากเครื่องเหยื่อ เช่น รายชื่อ, รูปภาพ, วิดีโอ, การแจ้งเตือน
    สร้างหน้าจอปลอมเพื่อหลอกขโมยข้อมูลธนาคารจากแอปจริง เช่น Alfa-Bank, PSB, Tbank และ Sber

    เทคนิคที่ใช้: WebRTC, Phishing Overlay และ Dropper Builder
    Fantasy Hub ใช้ WebRTC เพื่อสตรีมข้อมูลจากเครื่องเหยื่อกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุมแบบเข้ารหัส โดยจะแสดงข้อความ “Live stream active” สั้นๆ เพื่อหลอกให้ดูเหมือนเป็นฟีเจอร์ปกติ

    มัลแวร์ยังมีระบบสร้างหน้าจอปลอม (overlay) ที่สามารถปรับแต่งได้ผ่านอินเทอร์เฟซง่ายๆ พร้อมวิดีโอสอนการสร้าง phishing page แบบมืออาชีพ

    ผู้ขายยังแนะนำให้ผู้ใช้ปลอมแอปให้ดูเหมือนจริง เช่น Telegram โดยใช้รีวิวปลอมและไอคอนหลอกบน Google Play ปลอม เพื่อหลอกให้เหยื่อติดตั้ง

    ลักษณะของ Fantasy Hub
    เป็น Android RAT ที่ขายแบบ MaaS ผ่าน Telegram
    มีระบบ dropper builder อัตโนมัติ
    มี command panel และ subscription plan ให้เลือก

    ความสามารถของมัลแวร์
    ดักฟัง SMS, โทรศัพท์, กล้อง, และสตรีมสดผ่าน WebRTC
    ขโมยข้อมูลจากเครื่องเหยื่อแบบครบวงจร
    สร้าง phishing overlay หลอกข้อมูลธนาคาร

    เทคนิคการหลบซ่อน
    ใช้ WebRTC แบบเข้ารหัสเพื่อส่งข้อมูล
    ใช้ dropper ที่ฝังใน APK ปลอม
    ปลอมแอปให้ดูเหมือนแอปจริงบน Google Play

    ความเสี่ยงต่อผู้ใช้ Android
    หากติดตั้ง APK ที่มี Fantasy Hub dropper อาจถูกควบคุมเครื่องทันที
    การสตรีมสดแบบเงียบทำให้ผู้ใช้ไม่รู้ตัวว่าถูกสอดแนม
    การปลอมแอปและรีวิวทำให้เหยื่อหลงเชื่อได้ง่าย

    คำแนะนำด้านความปลอดภัย
    หลีกเลี่ยงการติดตั้งแอปจากแหล่งที่ไม่เป็นทางการ
    ตรวจสอบสิทธิ์ของแอปที่ขอเข้าถึง SMS และกล้อง
    ใช้ระบบป้องกันมัลแวร์ที่สามารถตรวจจับ RAT และ dropper ได้

    https://securityonline.info/fantasy-hub-rat-maas-uncovered-russian-spyware-uses-telegram-bot-and-webrtc-to-hijack-android-devices/
    🕵️‍♀️ เมื่อมัลแวร์กลายเป็นบริการ: Fantasy Hub RAT เปิดให้แฮกเกอร์สมัครใช้งานผ่าน Telegram นักวิจัยจาก zLabs ได้เปิดโปงมัลแวร์ Android ตัวใหม่ชื่อ Fantasy Hub ซึ่งถูกขายในช่องทางใต้ดินของรัสเซียในรูปแบบ Malware-as-a-Service (MaaS) โดยผู้โจมตีสามารถสมัครใช้งานผ่าน Telegram bot เพื่อเข้าถึงระบบควบคุม, สร้าง dropper อัตโนมัติ และเลือกแผนการใช้งานตามระยะเวลาและฟีเจอร์ที่ต้องการ Fantasy Hub ไม่ใช่มัลแวร์ธรรมดา แต่เป็นเครื่องมือระดับมืออาชีพที่มีความสามารถใกล้เคียงกับสปายแวร์ของรัฐ เช่น: 💠 ดักฟัง SMS, บันทึกเสียง, เปิดกล้อง, สตรีมภาพและเสียงแบบสดผ่าน WebRTC 💠 ขโมยข้อมูลจากเครื่องเหยื่อ เช่น รายชื่อ, รูปภาพ, วิดีโอ, การแจ้งเตือน 💠 สร้างหน้าจอปลอมเพื่อหลอกขโมยข้อมูลธนาคารจากแอปจริง เช่น Alfa-Bank, PSB, Tbank และ Sber 🧠 เทคนิคที่ใช้: WebRTC, Phishing Overlay และ Dropper Builder Fantasy Hub ใช้ WebRTC เพื่อสตรีมข้อมูลจากเครื่องเหยื่อกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุมแบบเข้ารหัส โดยจะแสดงข้อความ “Live stream active” สั้นๆ เพื่อหลอกให้ดูเหมือนเป็นฟีเจอร์ปกติ มัลแวร์ยังมีระบบสร้างหน้าจอปลอม (overlay) ที่สามารถปรับแต่งได้ผ่านอินเทอร์เฟซง่ายๆ พร้อมวิดีโอสอนการสร้าง phishing page แบบมืออาชีพ ผู้ขายยังแนะนำให้ผู้ใช้ปลอมแอปให้ดูเหมือนจริง เช่น Telegram โดยใช้รีวิวปลอมและไอคอนหลอกบน Google Play ปลอม เพื่อหลอกให้เหยื่อติดตั้ง ✅ ลักษณะของ Fantasy Hub ➡️ เป็น Android RAT ที่ขายแบบ MaaS ผ่าน Telegram ➡️ มีระบบ dropper builder อัตโนมัติ ➡️ มี command panel และ subscription plan ให้เลือก ✅ ความสามารถของมัลแวร์ ➡️ ดักฟัง SMS, โทรศัพท์, กล้อง, และสตรีมสดผ่าน WebRTC ➡️ ขโมยข้อมูลจากเครื่องเหยื่อแบบครบวงจร ➡️ สร้าง phishing overlay หลอกข้อมูลธนาคาร ✅ เทคนิคการหลบซ่อน ➡️ ใช้ WebRTC แบบเข้ารหัสเพื่อส่งข้อมูล ➡️ ใช้ dropper ที่ฝังใน APK ปลอม ➡️ ปลอมแอปให้ดูเหมือนแอปจริงบน Google Play ‼️ ความเสี่ยงต่อผู้ใช้ Android ⛔ หากติดตั้ง APK ที่มี Fantasy Hub dropper อาจถูกควบคุมเครื่องทันที ⛔ การสตรีมสดแบบเงียบทำให้ผู้ใช้ไม่รู้ตัวว่าถูกสอดแนม ⛔ การปลอมแอปและรีวิวทำให้เหยื่อหลงเชื่อได้ง่าย ‼️ คำแนะนำด้านความปลอดภัย ⛔ หลีกเลี่ยงการติดตั้งแอปจากแหล่งที่ไม่เป็นทางการ ⛔ ตรวจสอบสิทธิ์ของแอปที่ขอเข้าถึง SMS และกล้อง ⛔ ใช้ระบบป้องกันมัลแวร์ที่สามารถตรวจจับ RAT และ dropper ได้ https://securityonline.info/fantasy-hub-rat-maas-uncovered-russian-spyware-uses-telegram-bot-and-webrtc-to-hijack-android-devices/
    SECURITYONLINE.INFO
    Fantasy Hub RAT MaaS Uncovered: Russian Spyware Uses Telegram Bot and WebRTC to Hijack Android Devices
    Zimperium exposed Fantasy Hub, a Russian MaaS Android RAT. It uses a Telegram bot for subscriptions and WebRTC to covertly stream live video and audio, targeting Russian banks with dynamic overlays.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อโค้ดดีๆ กลายเป็นระเบิดเวลา: แพ็กเกจ NuGet ปลอมแฝงมัลแวร์ทำลายระบบในวันกำหนด

    Socket’s Threat Research Team ได้เปิดเผยการโจมตี supply chain ที่ซับซ้อนในแพลตฟอร์ม NuGet โดยพบว่า 9 แพ็กเกจปลอม ที่เผยแพร่โดยผู้ใช้ชื่อ shanhai666 ได้ถูกดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 9,488 ครั้ง และแฝงโค้ดทำลายระบบแบบตั้งเวลาไว้ภายใน

    แพ็กเกจเหล่านี้ดูเหมือนจะทำงานได้ดีและมีโค้ดที่ใช้ pattern มาตรฐาน เช่น Repository, Unit of Work และ ORM mapping ซึ่งช่วยให้ผ่านการตรวจสอบโค้ดได้ง่าย แต่แอบฝังโค้ดอันตรายไว้เพียง ~20 บรรทัดที่สามารถ ทำลายระบบหรือข้อมูล ได้เมื่อถึงวันที่กำหนด เช่น 8 สิงหาคม 2027 หรือ 29 พฤศจิกายน 2028

    เทคนิคการโจมตี: Extension Method Injection
    มัลแวร์ใช้ C# extension methods เพื่อแทรกฟังก์ชันอันตรายเข้าไปใน API ที่ดูปลอดภัย เช่น .Exec() และ .BeginTran() ซึ่งจะถูกเรียกใช้ทุกครั้งที่มีการ query ฐานข้อมูลหรือสื่อสารกับ PLC (Programmable Logic Controller)

    หลังจากถึงวันที่ trigger มัลแวร์จะสุ่มเลข 1–100 และหากเกิน 80 (20% โอกาส) จะเรียก Process.GetCurrentProcess().Kill() เพื่อปิดโปรแกรมทันที

    ตัวอย่างผลกระทบ
    E-commerce (100 queries/min) → crash ภายใน ~3 วินาที
    Healthcare (50 queries/min) → crash ภายใน ~6 วินาที
    Financial (500 queries/min) → crash ภายใน <1 วินาที
    Manufacturing (10 ops/min) → crash ภายใน ~30 วินาที พร้อม silent data corruption

    แพ็กเกจที่อันตรายที่สุดคือ Sharp7Extend ซึ่งแฝงตัวเป็น library สำหรับ Siemens S7 PLC โดยรวมโค้ด Sharp7 จริงไว้ด้วยเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ

    ลักษณะการโจมตี
    ใช้แพ็กเกจ NuGet ที่ดูน่าเชื่อถือและมีโค้ดจริงผสมมัลแวร์
    ใช้ extension methods เพื่อแทรกโค้ดอันตรายแบบแนบเนียน
    โค้ดจะทำงานเมื่อถึงวันที่ trigger ที่ถูก hardcoded ไว้

    ผลกระทบต่อระบบ
    ทำให้โปรแกรม crash ทันทีเมื่อ query ฐานข้อมูลหรือสื่อสารกับ PLC
    มีโอกาส 20% ต่อการเรียกแต่ละครั้ง—แต่ในระบบที่มี query สูงจะ crash ภายในไม่กี่วินาที
    Sharp7Extend ยังทำให้การเขียนข้อมูลล้มเหลวแบบเงียบถึง 80% หลัง 30–90 นาที

    เทคนิคการหลบซ่อน
    ใช้โค้ดจริงเพื่อหลอกให้ดูน่าเชื่อถือ
    ปลอมชื่อผู้เขียนใน .nuspec เพื่อหลบการตรวจสอบ reputation
    มีการใช้คำจีนใน DLL เช่น “连接失败” และ “出现异常”

    ความเสี่ยงต่อองค์กร
    ระบบฐานข้อมูลและ PLC ที่ใช้แพ็กเกจเหล่านี้อาจ crash หรือเสียหายแบบไม่รู้ตัว
    การตรวจสอบโค้ดทั่วไปอาจไม่พบ เพราะมัลแวร์ฝังใน extension method ที่ดูปลอดภัย

    คำแนะนำด้านความปลอดภัย
    ตรวจสอบแพ็กเกจ NuGet ที่ใช้ โดยเฉพาะที่มีชื่อคล้าย Sharp7 หรือมีผู้เขียนไม่ชัดเจน
    หลีกเลี่ยงการใช้แพ็กเกจจากผู้ใช้ที่ไม่มีประวัติชัดเจน
    ใช้เครื่องมือ static analysis ที่สามารถตรวจจับ extension method injection ได้

    https://securityonline.info/nuget-sabotage-time-delayed-logic-in-9-packages-risks-total-app-destruction-on-hardcoded-dates/
    🧬 เมื่อโค้ดดีๆ กลายเป็นระเบิดเวลา: แพ็กเกจ NuGet ปลอมแฝงมัลแวร์ทำลายระบบในวันกำหนด Socket’s Threat Research Team ได้เปิดเผยการโจมตี supply chain ที่ซับซ้อนในแพลตฟอร์ม NuGet โดยพบว่า 9 แพ็กเกจปลอม ที่เผยแพร่โดยผู้ใช้ชื่อ shanhai666 ได้ถูกดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 9,488 ครั้ง และแฝงโค้ดทำลายระบบแบบตั้งเวลาไว้ภายใน แพ็กเกจเหล่านี้ดูเหมือนจะทำงานได้ดีและมีโค้ดที่ใช้ pattern มาตรฐาน เช่น Repository, Unit of Work และ ORM mapping ซึ่งช่วยให้ผ่านการตรวจสอบโค้ดได้ง่าย แต่แอบฝังโค้ดอันตรายไว้เพียง ~20 บรรทัดที่สามารถ ทำลายระบบหรือข้อมูล ได้เมื่อถึงวันที่กำหนด เช่น 8 สิงหาคม 2027 หรือ 29 พฤศจิกายน 2028 🧠 เทคนิคการโจมตี: Extension Method Injection มัลแวร์ใช้ C# extension methods เพื่อแทรกฟังก์ชันอันตรายเข้าไปใน API ที่ดูปลอดภัย เช่น .Exec() และ .BeginTran() ซึ่งจะถูกเรียกใช้ทุกครั้งที่มีการ query ฐานข้อมูลหรือสื่อสารกับ PLC (Programmable Logic Controller) หลังจากถึงวันที่ trigger มัลแวร์จะสุ่มเลข 1–100 และหากเกิน 80 (20% โอกาส) จะเรียก Process.GetCurrentProcess().Kill() เพื่อปิดโปรแกรมทันที 🧪 ตัวอย่างผลกระทบ 🪲 E-commerce (100 queries/min) → crash ภายใน ~3 วินาที 🪲 Healthcare (50 queries/min) → crash ภายใน ~6 วินาที 🪲 Financial (500 queries/min) → crash ภายใน <1 วินาที 🪲 Manufacturing (10 ops/min) → crash ภายใน ~30 วินาที พร้อม silent data corruption แพ็กเกจที่อันตรายที่สุดคือ Sharp7Extend ซึ่งแฝงตัวเป็น library สำหรับ Siemens S7 PLC โดยรวมโค้ด Sharp7 จริงไว้ด้วยเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ ✅ ลักษณะการโจมตี ➡️ ใช้แพ็กเกจ NuGet ที่ดูน่าเชื่อถือและมีโค้ดจริงผสมมัลแวร์ ➡️ ใช้ extension methods เพื่อแทรกโค้ดอันตรายแบบแนบเนียน ➡️ โค้ดจะทำงานเมื่อถึงวันที่ trigger ที่ถูก hardcoded ไว้ ✅ ผลกระทบต่อระบบ ➡️ ทำให้โปรแกรม crash ทันทีเมื่อ query ฐานข้อมูลหรือสื่อสารกับ PLC ➡️ มีโอกาส 20% ต่อการเรียกแต่ละครั้ง—แต่ในระบบที่มี query สูงจะ crash ภายในไม่กี่วินาที ➡️ Sharp7Extend ยังทำให้การเขียนข้อมูลล้มเหลวแบบเงียบถึง 80% หลัง 30–90 นาที ✅ เทคนิคการหลบซ่อน ➡️ ใช้โค้ดจริงเพื่อหลอกให้ดูน่าเชื่อถือ ➡️ ปลอมชื่อผู้เขียนใน .nuspec เพื่อหลบการตรวจสอบ reputation ➡️ มีการใช้คำจีนใน DLL เช่น “连接失败” และ “出现异常” ‼️ ความเสี่ยงต่อองค์กร ⛔ ระบบฐานข้อมูลและ PLC ที่ใช้แพ็กเกจเหล่านี้อาจ crash หรือเสียหายแบบไม่รู้ตัว ⛔ การตรวจสอบโค้ดทั่วไปอาจไม่พบ เพราะมัลแวร์ฝังใน extension method ที่ดูปลอดภัย ‼️ คำแนะนำด้านความปลอดภัย ⛔ ตรวจสอบแพ็กเกจ NuGet ที่ใช้ โดยเฉพาะที่มีชื่อคล้าย Sharp7 หรือมีผู้เขียนไม่ชัดเจน ⛔ หลีกเลี่ยงการใช้แพ็กเกจจากผู้ใช้ที่ไม่มีประวัติชัดเจน ⛔ ใช้เครื่องมือ static analysis ที่สามารถตรวจจับ extension method injection ได้ https://securityonline.info/nuget-sabotage-time-delayed-logic-in-9-packages-risks-total-app-destruction-on-hardcoded-dates/
    SECURITYONLINE.INFO
    NuGet Sabotage: Time-Delayed Logic in 9 Packages Risks Total App Destruction on Hardcoded Dates
    A NuGet supply chain attack injected time-delayed destructive logic into 9 packages. The malware triggers random crashes and silent data corruption on hardcoded future dates, targeting database/PLC applications.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อเครื่องมือดูแลระบบกลายเป็นประตูหลัง: แฮกเกอร์ RaaS เจาะ MSP ผ่าน SimpleHelp

    รายงานล่าสุดจาก Zensec เผยให้เห็นการโจมตีที่น่ากังวลในโลกไซเบอร์ โดยกลุ่ม Ransomware-as-a-Service (RaaS) อย่าง Medusa และ DragonForce ได้ใช้ช่องโหว่ในแพลตฟอร์ม Remote Monitoring and Management (RMM) ชื่อ SimpleHelp เพื่อเข้าถึงระบบของ Managed Service Providers (MSPs) และเจาะเข้าไปยังเครือข่ายของลูกค้าแบบ SYSTEM-level

    การโจมตีนี้ใช้ช่องโหว่ 3 รายการ ได้แก่ CVE-2024-57726, CVE-2024-57727, และ CVE-2024-57728 ซึ่งช่วยให้แฮกเกอร์สามารถเจาะเข้าเซิร์ฟเวอร์ RMM และกระจายการโจมตีไปยังระบบลูกค้าได้อย่างง่ายดาย

    เทคนิคการโจมตีของ Medusa และ DragonForce
    Medusa ใช้เครื่องมือ PDQ Inventory และ PDQ Deploy เพื่อกระจาย ransomware เช่น Gaze.exe
    ใช้ PowerShell ที่เข้ารหัสแบบ base64 เพื่อปิดการทำงานของ Microsoft Defender และเพิ่ม exclusion
    ข้อมูลถูกขโมยผ่าน RClone ที่ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น lsp.exe เพื่อหลบการตรวจจับ
    สร้างภาพลักษณ์ปลอมเป็นสื่อข่าวด้านความปลอดภัยเพื่อเผยแพร่ข้อมูลเหยื่อ
    DragonForce ใช้เทคนิคคล้ายกัน โดยเจาะ SimpleHelp แล้วสร้างบัญชีแอดมินใหม่และติดตั้ง AnyDesk
    ใช้ Restic (เครื่องมือ backup แบบโอเพ่นซอร์ส) เพื่อขโมยข้อมูลไปยังคลาวด์ Wasabi
    ไฟล์ที่ถูกเข้ารหัสจะมีนามสกุล “.dragonforce_encrypted” และมี ransom note ชื่อ “readme.txt”

    ช่องโหว่ที่ถูกใช้
    CVE-2024-57726, CVE-2024-57727, CVE-2024-57728
    เป็นช่องโหว่ใน SimpleHelp RMM ที่ยังไม่ได้รับการแพตช์ในหลายระบบ

    เทคนิคของ Medusa
    ใช้ PDQ Deploy เพื่อรัน PowerShell ที่ปิด Defender
    ใช้ RClone (ปลอมชื่อเป็น lsp.exe) เพื่อขโมยข้อมูล
    ใช้ Telegram และ dark web leak site เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเหยื่อ

    เทคนิคของ DragonForce
    ใช้ AnyDesk และบัญชีแอดมินใหม่เพื่อคงอยู่ในระบบ
    ใช้ Restic เพื่อ backup ข้อมูลไปยังคลาวด์ของผู้โจมตี
    ใช้ TOX ID เป็นช่องทางสื่อสารกับเหยื่อ

    ความเสี่ยงต่อ MSP และลูกค้า
    ช่องโหว่ใน RMM ทำให้แฮกเกอร์สามารถเจาะเข้าระบบลูกค้าได้แบบลึก
    การใช้เครื่องมือที่ดูปลอดภัย เช่น PDQ และ Restic ทำให้การตรวจจับยากขึ้น
    การปลอมตัวเป็นสื่อข่าวสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแฮกเกอร์

    คำแนะนำด้านความปลอดภัย
    MSP ควรอัปเดต SimpleHelp ทันทีและตรวจสอบการตั้งค่า access control
    ควรตรวจสอบ PowerShell logs และการส่งข้อมูลออกไปยังคลาวด์
    ใช้ระบบตรวจจับพฤติกรรมที่สามารถมองเห็นการใช้เครื่องมืออย่าง PDQ และ Restic

    https://securityonline.info/msp-nightmare-medusa-dragonforce-exploit-simplehelp-rmm-flaws-for-system-access/
    🧨 เมื่อเครื่องมือดูแลระบบกลายเป็นประตูหลัง: แฮกเกอร์ RaaS เจาะ MSP ผ่าน SimpleHelp รายงานล่าสุดจาก Zensec เผยให้เห็นการโจมตีที่น่ากังวลในโลกไซเบอร์ โดยกลุ่ม Ransomware-as-a-Service (RaaS) อย่าง Medusa และ DragonForce ได้ใช้ช่องโหว่ในแพลตฟอร์ม Remote Monitoring and Management (RMM) ชื่อ SimpleHelp เพื่อเข้าถึงระบบของ Managed Service Providers (MSPs) และเจาะเข้าไปยังเครือข่ายของลูกค้าแบบ SYSTEM-level การโจมตีนี้ใช้ช่องโหว่ 3 รายการ ได้แก่ CVE-2024-57726, CVE-2024-57727, และ CVE-2024-57728 ซึ่งช่วยให้แฮกเกอร์สามารถเจาะเข้าเซิร์ฟเวอร์ RMM และกระจายการโจมตีไปยังระบบลูกค้าได้อย่างง่ายดาย 🧠 เทคนิคการโจมตีของ Medusa และ DragonForce 🎗️ Medusa ใช้เครื่องมือ PDQ Inventory และ PDQ Deploy เพื่อกระจาย ransomware เช่น Gaze.exe 🎗️ ใช้ PowerShell ที่เข้ารหัสแบบ base64 เพื่อปิดการทำงานของ Microsoft Defender และเพิ่ม exclusion 🎗️ ข้อมูลถูกขโมยผ่าน RClone ที่ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น lsp.exe เพื่อหลบการตรวจจับ 🎗️ สร้างภาพลักษณ์ปลอมเป็นสื่อข่าวด้านความปลอดภัยเพื่อเผยแพร่ข้อมูลเหยื่อ 🎗️ DragonForce ใช้เทคนิคคล้ายกัน โดยเจาะ SimpleHelp แล้วสร้างบัญชีแอดมินใหม่และติดตั้ง AnyDesk 🎗️ ใช้ Restic (เครื่องมือ backup แบบโอเพ่นซอร์ส) เพื่อขโมยข้อมูลไปยังคลาวด์ Wasabi 🎗️ ไฟล์ที่ถูกเข้ารหัสจะมีนามสกุล “.dragonforce_encrypted” และมี ransom note ชื่อ “readme.txt” ✅ ช่องโหว่ที่ถูกใช้ ➡️ CVE-2024-57726, CVE-2024-57727, CVE-2024-57728 ➡️ เป็นช่องโหว่ใน SimpleHelp RMM ที่ยังไม่ได้รับการแพตช์ในหลายระบบ ✅ เทคนิคของ Medusa ➡️ ใช้ PDQ Deploy เพื่อรัน PowerShell ที่ปิด Defender ➡️ ใช้ RClone (ปลอมชื่อเป็น lsp.exe) เพื่อขโมยข้อมูล ➡️ ใช้ Telegram และ dark web leak site เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเหยื่อ ✅ เทคนิคของ DragonForce ➡️ ใช้ AnyDesk และบัญชีแอดมินใหม่เพื่อคงอยู่ในระบบ ➡️ ใช้ Restic เพื่อ backup ข้อมูลไปยังคลาวด์ของผู้โจมตี ➡️ ใช้ TOX ID เป็นช่องทางสื่อสารกับเหยื่อ ‼️ ความเสี่ยงต่อ MSP และลูกค้า ⛔ ช่องโหว่ใน RMM ทำให้แฮกเกอร์สามารถเจาะเข้าระบบลูกค้าได้แบบลึก ⛔ การใช้เครื่องมือที่ดูปลอดภัย เช่น PDQ และ Restic ทำให้การตรวจจับยากขึ้น ⛔ การปลอมตัวเป็นสื่อข่าวสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแฮกเกอร์ ‼️ คำแนะนำด้านความปลอดภัย ⛔ MSP ควรอัปเดต SimpleHelp ทันทีและตรวจสอบการตั้งค่า access control ⛔ ควรตรวจสอบ PowerShell logs และการส่งข้อมูลออกไปยังคลาวด์ ⛔ ใช้ระบบตรวจจับพฤติกรรมที่สามารถมองเห็นการใช้เครื่องมืออย่าง PDQ และ Restic https://securityonline.info/msp-nightmare-medusa-dragonforce-exploit-simplehelp-rmm-flaws-for-system-access/
    SECURITYONLINE.INFO
    MSP Nightmare: Medusa & DragonForce Exploit SimpleHelp RMM Flaws for SYSTEM Access
    Medusa & DragonForce RaaS groups weaponize SimpleHelp RMM flaws (CVE-2024-57726/7/8) to gain SYSTEM-level access to customer networks. Immediate patch needed.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • หายนะซ่อนอยู่ในคลาวด์: ช่องโหว่ใหม่ใน Windows Cloud Files Mini Filter Driver

    วันนี้มีข่าวใหญ่ในวงการความปลอดภัยไซเบอร์ที่ไม่ควรมองข้าม! นักวิจัยจาก TyphoonPWN และทีม Windows PE Winner ร่วมกับ SSD Secure Disclosure ได้เปิดเผยช่องโหว่ใหม่ใน Windows Cloud Files Mini Filter Driver ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบที่ช่วยจัดการไฟล์ในบริการคลาวด์อย่าง OneDrive

    ช่องโหว่นี้มีชื่อว่า CVE-2025-55680 และมีคะแนนความรุนแรง CVSS สูงถึง 7.8 ซึ่งถือว่า "ร้ายแรง" เพราะสามารถให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ระดับผู้ใช้ทั่วไป (domain user) ยกระดับสิทธิ์ขึ้นไปถึงระดับ SYSTEM ได้เลย!

    เรื่องนี้น่าสนใจตรงที่มันเป็นการ "ย้อนกลับ" หรือ Patch Bypass ของช่องโหว่เก่าในปี 2020 (CVE-2020-17136) ที่เคยถูก Google Project Zero รายงานไว้ Microsoft เคยพยายามแก้ไขด้วยการป้องกันการโจมตีแบบ symbolic link โดยห้ามใช้ backslash (\\) หรือ colon (:) ใน path แต่ปรากฏว่าการตรวจสอบ path นั้นยังอิงจากหน่วยความจำที่ผู้ใช้ควบคุมได้ ทำให้เกิดการโจมตีแบบ TOCTOU (Time-of-Check to Time-of-Use) ได้อีกครั้ง

    นักวิจัยสามารถใช้เทคนิคนี้เพื่อเขียนไฟล์ใดก็ได้ในระบบ ซึ่งนำไปสู่การควบคุมเครื่องแบบเต็มรูปแบบ!

    TOCTOU (Time-of-Check to Time-of-Use) คือการโจมตีที่เกิดจากช่องว่างระหว่างเวลาที่ระบบตรวจสอบเงื่อนไขบางอย่าง (เช่น ตรวจสอบว่าไฟล์ปลอดภัย) กับเวลาที่ระบบใช้งานข้อมูลนั้นจริงๆ หากผู้โจมตีสามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลในช่วงเวลานั้นได้ ก็สามารถหลอกระบบให้ทำงานผิดพลาดได้

    ช่องโหว่ใหม่ CVE-2025-55680
    เป็นช่องโหว่ใน Windows Cloud Files Mini Filter Driver
    มีคะแนน CVSS 7.8 ถือว่าร้ายแรง
    เปิดช่องให้ผู้ใช้ทั่วไปยกระดับสิทธิ์เป็น SYSTEM

    เทคนิคการโจมตี
    ใช้ TOCTOU (Time-of-Check to Time-of-Use) เพื่อหลอกระบบ
    อาศัยการควบคุมหน่วยความจำที่ใช้ตรวจสอบ path

    ความเกี่ยวข้องกับช่องโหว่เก่า
    เป็นการ bypass การแก้ไขของ CVE-2020-17136
    Microsoft เคยป้องกันด้วยการห้ามใช้ \\ และ : ใน path

    การแก้ไข
    Microsoft ออกแพตช์ในเดือนตุลาคม 2025
    แนะนำให้ผู้ดูแลระบบอัปเดตทันที

    ความเสี่ยงต่อระบบ
    ผู้โจมตีสามารถเขียนไฟล์ใดก็ได้ในระบบ
    อาจนำไปสู่การควบคุมเครื่องแบบเต็มรูปแบบ

    การละเลยแพตช์
    หากไม่อัปเดต อาจถูกโจมตีจากผู้ใช้ภายในองค์กร
    ช่องโหว่นี้สามารถใช้ร่วมกับช่องโหว่อื่นเพื่อโจมตีขั้นสูง

    https://securityonline.info/poc-exploit-released-for-cve-2025-55680-windows-cloud-files-mini-filter-driver-elevation-of-privilege-flaw/
    🛡️ หายนะซ่อนอยู่ในคลาวด์: ช่องโหว่ใหม่ใน Windows Cloud Files Mini Filter Driver วันนี้มีข่าวใหญ่ในวงการความปลอดภัยไซเบอร์ที่ไม่ควรมองข้าม! นักวิจัยจาก TyphoonPWN และทีม Windows PE Winner ร่วมกับ SSD Secure Disclosure ได้เปิดเผยช่องโหว่ใหม่ใน Windows Cloud Files Mini Filter Driver ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบที่ช่วยจัดการไฟล์ในบริการคลาวด์อย่าง OneDrive ช่องโหว่นี้มีชื่อว่า CVE-2025-55680 และมีคะแนนความรุนแรง CVSS สูงถึง 7.8 ซึ่งถือว่า "ร้ายแรง" เพราะสามารถให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ระดับผู้ใช้ทั่วไป (domain user) ยกระดับสิทธิ์ขึ้นไปถึงระดับ SYSTEM ได้เลย! เรื่องนี้น่าสนใจตรงที่มันเป็นการ "ย้อนกลับ" หรือ Patch Bypass ของช่องโหว่เก่าในปี 2020 (CVE-2020-17136) ที่เคยถูก Google Project Zero รายงานไว้ Microsoft เคยพยายามแก้ไขด้วยการป้องกันการโจมตีแบบ symbolic link โดยห้ามใช้ backslash (\\) หรือ colon (:) ใน path แต่ปรากฏว่าการตรวจสอบ path นั้นยังอิงจากหน่วยความจำที่ผู้ใช้ควบคุมได้ ทำให้เกิดการโจมตีแบบ TOCTOU (Time-of-Check to Time-of-Use) ได้อีกครั้ง นักวิจัยสามารถใช้เทคนิคนี้เพื่อเขียนไฟล์ใดก็ได้ในระบบ ซึ่งนำไปสู่การควบคุมเครื่องแบบเต็มรูปแบบ! TOCTOU (Time-of-Check to Time-of-Use) คือการโจมตีที่เกิดจากช่องว่างระหว่างเวลาที่ระบบตรวจสอบเงื่อนไขบางอย่าง (เช่น ตรวจสอบว่าไฟล์ปลอดภัย) กับเวลาที่ระบบใช้งานข้อมูลนั้นจริงๆ หากผู้โจมตีสามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลในช่วงเวลานั้นได้ ก็สามารถหลอกระบบให้ทำงานผิดพลาดได้ ✅ ช่องโหว่ใหม่ CVE-2025-55680 ➡️ เป็นช่องโหว่ใน Windows Cloud Files Mini Filter Driver ➡️ มีคะแนน CVSS 7.8 ถือว่าร้ายแรง ➡️ เปิดช่องให้ผู้ใช้ทั่วไปยกระดับสิทธิ์เป็น SYSTEM ✅ เทคนิคการโจมตี ➡️ ใช้ TOCTOU (Time-of-Check to Time-of-Use) เพื่อหลอกระบบ ➡️ อาศัยการควบคุมหน่วยความจำที่ใช้ตรวจสอบ path ✅ ความเกี่ยวข้องกับช่องโหว่เก่า ➡️ เป็นการ bypass การแก้ไขของ CVE-2020-17136 ➡️ Microsoft เคยป้องกันด้วยการห้ามใช้ \\ และ : ใน path ✅ การแก้ไข ➡️ Microsoft ออกแพตช์ในเดือนตุลาคม 2025 ➡️ แนะนำให้ผู้ดูแลระบบอัปเดตทันที ‼️ ความเสี่ยงต่อระบบ ⛔ ผู้โจมตีสามารถเขียนไฟล์ใดก็ได้ในระบบ ⛔ อาจนำไปสู่การควบคุมเครื่องแบบเต็มรูปแบบ ‼️ การละเลยแพตช์ ⛔ หากไม่อัปเดต อาจถูกโจมตีจากผู้ใช้ภายในองค์กร ⛔ ช่องโหว่นี้สามารถใช้ร่วมกับช่องโหว่อื่นเพื่อโจมตีขั้นสูง https://securityonline.info/poc-exploit-released-for-cve-2025-55680-windows-cloud-files-mini-filter-driver-elevation-of-privilege-flaw/
    SECURITYONLINE.INFO
    PoC Exploit Released for CVE-2025-55680 - Windows Cloud Files Mini Filter Driver Elevation of Privilege Flaw
    A High-severity LPE flaw (CVE-2025-55680) in the Windows Cloud Files Driver allows local users to gain SYSTEM privileges by exploiting a TOCTOU race condition. Patch immediately.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • "กรอกฟอร์ม PDF ออนไลน์อย่างมืออาชีพ – เปลี่ยนงานเอกสารให้คล่องตัวและปลอดภัย”

    ลองนึกภาพว่าคุณต้องเซ็นเอกสารด่วน ส่งฟอร์ม HR หรืออนุมัติใบสั่งซื้อ แต่คุณอยู่ต่างจังหวัด ไม่มีเครื่องพิมพ์ ไม่มีสแกนเนอร์… นี่คือเหตุผลที่การกรอกฟอร์ม PDF ออนไลน์กลายเป็นสิ่งจำเป็นในยุคดิจิทัล

    บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าองค์กรยุคใหม่ไม่ควรเสียเวลาไปกับการพิมพ์-เซ็น-สแกน-ส่งอีเมลอีกต่อไป เพราะมีเครื่องมือออนไลน์ที่ช่วยให้คุณกรอกฟอร์ม PDF ได้จากทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน

    การกรอกฟอร์มออนไลน์ไม่เพียงแค่สะดวก แต่ยังช่วยลดข้อผิดพลาด เช่น ช่องว่างที่ลืมกรอก หรือข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน เพราะระบบสามารถตั้งค่าให้ตรวจสอบความถูกต้องก่อนส่งได้

    นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดลำดับการเซ็นเอกสาร ส่งลิงก์ให้ผู้เกี่ยวข้อง และติดตามสถานะการอนุมัติได้แบบเรียลไทม์ เพิ่มความโปร่งใสและลดการตามงานแบบเดิมๆ

    การใช้แพลตฟอร์มที่รองรับลายเซ็นดิจิทัล เช่น Adobe Sign, DocuSign หรือ SignNow ยังช่วยให้เอกสารมีความปลอดภัยตามมาตรฐานกฎหมาย และสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้

    ข้อดีของการกรอกฟอร์ม PDF ออนไลน์
    กรอกได้จากทุกอุปกรณ์ ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม
    ลดข้อผิดพลาดจากการกรอกข้อมูลไม่ครบ
    ส่งลิงก์ให้เซ็นเอกสารได้ทันที
    ติดตามสถานะการอนุมัติแบบเรียลไทม์
    เพิ่มความโปร่งใสและลดการตามงาน

    เทคนิคการใช้งานอย่างมืออาชีพ
    วางแผนลำดับการเซ็นเอกสาร
    ใช้เทมเพลตเพื่อความรวดเร็วและความสม่ำเสมอ
    เพิ่มคำแนะนำในฟอร์มเพื่อลดความสับสน
    ตั้งค่าความปลอดภัย เช่น 2FA หรือการยืนยันตัวตน

    การผสานกับแพลตฟอร์มลายเซ็นดิจิทัล
    รองรับลายเซ็นที่ถูกต้องตามกฎหมาย
    มีระบบ audit trail ตรวจสอบย้อนหลัง
    แบ่งสิทธิ์การเข้าถึงตามแผนกหรือผู้ใช้งาน

    คำเตือนในการใช้งานฟอร์ม PDF ออนไลน์
    ไม่ใช่ทุก PDF จะสามารถกรอกได้ทันที ต้องมีการสร้างฟิลด์ก่อน
    ควรเลือกแพลตฟอร์มที่มีการเข้ารหัสข้อมูล
    หลีกเลี่ยงการส่งเอกสารผ่านช่องทางที่ไม่ปลอดภัย เช่น อีเมลทั่วไป

    ความเสี่ยงจากการใช้แพลตฟอร์มที่ไม่มีมาตรฐาน
    อาจทำให้ข้อมูลรั่วไหลหรือถูกดัดแปลง
    เอกสารอาจไม่ถูกต้องตามกฎหมายหากไม่มีลายเซ็นที่รับรอง

    https://securityonline.info/fill-out-pdf-form-online-a-professional-guide/
    📄 "กรอกฟอร์ม PDF ออนไลน์อย่างมืออาชีพ – เปลี่ยนงานเอกสารให้คล่องตัวและปลอดภัย” ลองนึกภาพว่าคุณต้องเซ็นเอกสารด่วน ส่งฟอร์ม HR หรืออนุมัติใบสั่งซื้อ แต่คุณอยู่ต่างจังหวัด ไม่มีเครื่องพิมพ์ ไม่มีสแกนเนอร์… นี่คือเหตุผลที่การกรอกฟอร์ม PDF ออนไลน์กลายเป็นสิ่งจำเป็นในยุคดิจิทัล บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าองค์กรยุคใหม่ไม่ควรเสียเวลาไปกับการพิมพ์-เซ็น-สแกน-ส่งอีเมลอีกต่อไป เพราะมีเครื่องมือออนไลน์ที่ช่วยให้คุณกรอกฟอร์ม PDF ได้จากทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน การกรอกฟอร์มออนไลน์ไม่เพียงแค่สะดวก แต่ยังช่วยลดข้อผิดพลาด เช่น ช่องว่างที่ลืมกรอก หรือข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน เพราะระบบสามารถตั้งค่าให้ตรวจสอบความถูกต้องก่อนส่งได้ นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดลำดับการเซ็นเอกสาร ส่งลิงก์ให้ผู้เกี่ยวข้อง และติดตามสถานะการอนุมัติได้แบบเรียลไทม์ เพิ่มความโปร่งใสและลดการตามงานแบบเดิมๆ การใช้แพลตฟอร์มที่รองรับลายเซ็นดิจิทัล เช่น Adobe Sign, DocuSign หรือ SignNow ยังช่วยให้เอกสารมีความปลอดภัยตามมาตรฐานกฎหมาย และสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ ✅ ข้อดีของการกรอกฟอร์ม PDF ออนไลน์ ➡️ กรอกได้จากทุกอุปกรณ์ ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม ➡️ ลดข้อผิดพลาดจากการกรอกข้อมูลไม่ครบ ➡️ ส่งลิงก์ให้เซ็นเอกสารได้ทันที ➡️ ติดตามสถานะการอนุมัติแบบเรียลไทม์ ➡️ เพิ่มความโปร่งใสและลดการตามงาน ✅ เทคนิคการใช้งานอย่างมืออาชีพ ➡️ วางแผนลำดับการเซ็นเอกสาร ➡️ ใช้เทมเพลตเพื่อความรวดเร็วและความสม่ำเสมอ ➡️ เพิ่มคำแนะนำในฟอร์มเพื่อลดความสับสน ➡️ ตั้งค่าความปลอดภัย เช่น 2FA หรือการยืนยันตัวตน ✅ การผสานกับแพลตฟอร์มลายเซ็นดิจิทัล ➡️ รองรับลายเซ็นที่ถูกต้องตามกฎหมาย ➡️ มีระบบ audit trail ตรวจสอบย้อนหลัง ➡️ แบ่งสิทธิ์การเข้าถึงตามแผนกหรือผู้ใช้งาน ‼️ คำเตือนในการใช้งานฟอร์ม PDF ออนไลน์ ⛔ ไม่ใช่ทุก PDF จะสามารถกรอกได้ทันที ต้องมีการสร้างฟิลด์ก่อน ⛔ ควรเลือกแพลตฟอร์มที่มีการเข้ารหัสข้อมูล ⛔ หลีกเลี่ยงการส่งเอกสารผ่านช่องทางที่ไม่ปลอดภัย เช่น อีเมลทั่วไป ‼️ ความเสี่ยงจากการใช้แพลตฟอร์มที่ไม่มีมาตรฐาน ⛔ อาจทำให้ข้อมูลรั่วไหลหรือถูกดัดแปลง ⛔ เอกสารอาจไม่ถูกต้องตามกฎหมายหากไม่มีลายเซ็นที่รับรอง https://securityonline.info/fill-out-pdf-form-online-a-professional-guide/
    SECURITYONLINE.INFO
    Fill Out PDF Form Online: A Professional Guide
    It is not only a daily routine matter, but also a business-running activity to the decision-maker, office manager,
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.
    เจาะลึก "ดาบล" : จากนักวิทยาศาสตร์สู่เปรตแห่งการตะหนิถี่เหนียว

    ชีวิตก่อนความตาย: ดร.ดาบล วัชระ

    ภูมิหลังและการศึกษา

    ชื่อเต็ม: ดร.ดาบล วัชระ
    อายุเมื่อเสียชีวิต:35 ปี
    สถานภาพ:โสด, หมกมุ่นกับการทำงาน

    ```mermaid
    graph TB
    A[นักเรียนทุน<br>วิทยาศาสตร์ขั้นสูง] --> B[ปริญญาเอก<br>ชีววิทยาระดับโมเลกุล]
    B --> C[นักวิจัย<br>เจนีซิส แล็บ]
    C --> D[หัวหน้าโครงการ<br>โอปปาติกะรุ่นแรก]
    ```

    ความสำเร็จในวงการ:

    · ตีพิมพ์งานวิจัยระดับนานาชาติ 20 เรื่อง
    · ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์年轻有為
    · ค้นพบเทคนิคการเก็บรักษาพลังงานจิตในเซลล์

    บทบาทในเจนีซิส แล็บ

    ดาบลเป็นหัวหน้า "โครงการอาดัม" - การสร้างโอปปาติกะรุ่นแรก

    ```python
    class DabalResponsibilities:
    def __init__(self):
    self.projects = {
    "adam_project": "สร้างโอปปาติกะรุ่นแรกจากเซลล์มนุษย์",
    "soul_transfer": "ทดลองถ่ายโอนจิตสำนึก",
    "energy_containment": "พัฒนาระบบกักเก็บพลังงานจิต"
    }

    self.ethical_concerns = [
    "มองโอปปาติกะเป็นเพียงวัตถุทดลอง",
    "ไม่คำนึงถึงความเจ็บปวดของสิ่งมีชีวิต",
    "หลงระเริงกับอำนาจในการสร้างชีวิต"
    ]
    ```

    ความผิดพลาดที่นำไปสู่หายนะ

    การทดลองที่ล้ำเส้น

    ดาบลเริ่มทำการทดลองที่ละเมิดจริยธรรม:

    · การทดลองซ้ำ: ทดลองกับโอปปาติกะตัวเดิมซ้ำๆ โดยไม่หยุดพัก
    · การบังคับใช้พลัง: บังคับให้โอปปาติกะใช้พลังจนหมดสติ
    · การตัดต่อความทรงจำ: ลบความทรงจำเกี่ยวกับความเจ็บปวด

    เหตุการณ์ที่เปลี่ยน everything

    15 มีนาคม 2043 - การทดลองครั้งสำคัญล้มเหลว

    ```mermaid
    graph TB
    A[ทดลองเร่งพลังงานจิต<br>ของ OPPATIKA-005] --> B[โอปปาติกะ<br>ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
    B --> C[ดาบลปกปิด<br>ความล้มเหลว]
    C --> D[โอปปาติกะ<br>เสียชีวิตในวันต่อมา]
    D --> E[ดาบลรู้สึกผิด<br>แต่ไม่ยอมรับความผิด]
    ```

    ความขัดแย้งภายใน

    ดาบลบันทึกในไดอารี่:
    "ฉันรู้ว่ามันผิด...แต่การค้นหาความจริงต้องมีการเสียสละ
    หรือนี่只是ฉันหลอกตัวเอง?"

    การล่วงละเมิดที่ซ่อนเร้น

    3 บาปใหญ่ของดาบล

    1. ปาก: โกหกเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทดลอง
    2. กาย: ทำร้ายโอปปาติกะทั้งทางร่างกายและจิตใจ
    3. ใจ: รู้สึกว่าตนเองมีอำนาจเหนือชีวิตและความตาย

    สถิติการทดลอง

    · โอปปาติกะที่ได้รับบาดเจ็บ: 12 ตัว
    · โอปปาติกะที่เสียชีวิต: 3 ตัว
    · การทดลองที่ละเมิดจริยธรรม: 47 ครั้ง

    การตายและกลายเป็นเปรต

    คืนแห่งการตัดสินใจ

    30 มิถุนายน 2043 - ดาบลขึ้นไปบนดาดฟ้าตึกแล็บ
    เขาทิ้งบันทึกสุดท้าย:
    "ฉันไม่สามารถหนีจากตัวเองได้อีกแล้ว...
    ความเจ็บปวดที่ฉันสร้างไว้ตามมาทวงฉันทุกที่"

    กระบวนการกลายเป็นเปรต

    ```python
    class PretaTransformation:
    def __init__(self):
    self.conditions = {
    "unresolved_guilt": "รู้สึกผิดอย่างรุนแรงแต่ไม่ได้ขออภัย",
    "strong_attachments": "ยึดติดกับงานวิจัยและชื่อเสียง",
    "unfinished_business": "ยังมีสิ่งที่ต้องการพูดแต่ไม่มีโอกาส",
    "denial_of_responsibility": "ไม่ยอมรับผลที่ตามมาของการกระทำ"
    }

    self.manifestation = "เกิดเป็นเปรตแห่งการตะหนิถี่เหนียว"
    ```

    ลักษณะของเปรตดาบล

    · ร่างกาย: กึ่งโปร่งแสง มีเส้นใยพลังงานสีเทาคล้ายใยแมงมุม
    · เสียง: เสียงกระซิบแผ่วเบาได้ยินเฉพาะผู้ที่อ่อนไหว
    · กลิ่น: กลิ่นอายของสารเคมีและความเศร้า

    ธรรมชาติแห่งการตะหนิถี่เหนียว

    พลังพิเศษของเปรตชนิดนี้

    ```mermaid
    graph LR
    A[ความรู้สึกผิด<br>ที่สะสม] --> B[แปลงเป็นพลังงาน<br>แห่งการยึดติด]
    B --> C[สร้างสนามพลัง<br>ให้เหยื่อรู้สึกตะหนิถี่เหนียว]
    C --> D[สื่อสารผ่าน<br>ความไม่สบายตัว]
    ```

    เป้าหมายของการรบกวน

    ดาบลไม่ได้ต้องการทำร้ายใคร แต่ต้องการ:

    · ดึงดูดความสนใจ จากผู้ที่สามารถช่วยเขาได้
    · ส่งสัญญาณ ว่ายังมีเรื่องที่ต้องแก้ไข
    · หาคนเข้าใจ ความเจ็บปวดที่เขากำลังประสบ

    ความเจ็บปวดของการเป็นเปรต

    ดาบลรู้สึกทุกข์ทรมานจากการ:

    · ถูกตัดสินจากเทวดาให้อยู่ในสภาพนี้
    · รู้ว่าตัวเองทำผิดแต่หาทางออกไม่ได้
    · เห็นอดีตเพื่อนร่วมงานดำเนินชีวิตต่อไปได้โดยไม่รู้สึกผิด

    กระบวนการไถ่บาป

    การค้นพบโดยหนูดี

    หนูดีเป็นคนแรกที่เข้าใจความจริง:
    "เขาไม่ใช่ปีศาจ...เขาคือคนที่ต้องการการช่วยเหลือ"

    บทสนทนาสำคัญ

    หนูดี: "คุณต้องการอะไรจากเรา?"
    ดาบล:"ฉันอยากขอโทษ... แต่ไม่มีใครได้ยินฉัน"
    หนูดี:"ฉันได้ยินคุณ... และฉันจะช่วยคุณ"

    พิธีให้อภัยสากล

    การเตรียมการที่ต้องทำ:

    1. การยอมรับความผิด จากดาบล
    2. การให้อภัย จากตัวแทนโอปปาติกะ
    3. การปล่อยวาง จากทั้งสองฝ่าย

    การหลุดพ้นและการเรียนรู้

    บทเรียนสุดท้ายของดาบล

    ก่อนจะจากไป ดาบลเข้าใจว่า:
    "การเป็นที่ยิ่งใหญ่...
    ไม่ใช่การสามารถสร้างอะไรได้มากมาย
    แต่คือการรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองสร้าง"

    คำขอโทษแห่งหัวใจ

    ดาบลกล่าวกับโอปปาติกะทั้งหมด:
    "ฉันขอโทษที่มองพวกเธอเป็นเพียงวัตถุทดลอง...
    ฉันขอโทษที่ลืมว่าเธอมีความรู้สึก
    และฉันขอโทษที่ใช้วิทยาศาสตร์เป็นข้ออ้างในการทำบาป"

    การเปลี่ยนแปลงครั้งสุดท้าย

    ```python
    class Redemption:
    def __init__(self):
    self.stages = [
    "การยอมรับความจริง",
    "การแสดงความเสียใจอย่างจริงใจ",
    "การได้รับและการให้อภัย",
    "การปล่อยวางและก้าวไปข้างหน้า"
    ]

    def result(self):
    return "การหลุดพ้นจากวงจรแห่งความทุกข์"
    ```

    มรดกที่ทิ้งไว้

    การเปลี่ยนแปลงในเจนีซิส แล็บ

    หลังเรื่องของดาบล:

    · มีการตั้ง คณะกรรมการจริยธรรม ที่เข้มงวด
    · โอปปาติกะ ได้รับสถานะเป็น "ผู้ร่วมการทดลอง" แทน "วัตถุทดลอง"
    · มีการ บันทึกความยินยอม จากการทดลองทุกครั้ง

    บทเรียนสำหรับนักวิทยาศาสตร์

    ดาบลกลายเป็น กรณีศึกษา เกี่ยวกับ:

    · ความรับผิดชอบทางจริยธรรมในการวิจัย
    · อันตรายของการหลงระเริงกับอำนาจ
    · ความสำคัญของการยอมรับความผิดพลาด

    การให้อภัยที่ยิ่งใหญ่

    🪷 คำพูดจากโอปปาติกะรุ่นหลัง

    โอปปาติกะ-501: "เรายอมอภัยให้คุณ...
    ไม่ใช่เพราะเราลืมสิ่งที่เกิดขึ้น
    แต่เพราะเราไม่ต้องการให้ความเกลียดชังมาครอบงำเรา"

    ความหมายแห่งการให้อภัย

    หนูดีสรุปให้ทุกคนฟัง:
    "การให้อภัยไม่ใช่การยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นถูกต้อง
    แต่คือการเลือกที่จะไม่ให้อดีตที่เจ็บปวด
    มาทำลายปัจจุบันและอนาคตของเรา"

    บทสรุป: การเดินทางแห่งจิตวิญญาณ

    สิ่งที่ดาบลสอนเรา

    ดาบลคือตัวอย่างของ...
    "ความฉลาดที่ขาดปัญญา"
    "ความก้าวหน้าที่ขาดความรับผิดชอบ"
    และ"ความสำเร็จที่ขาดความเข้าใจ"

    แต่ในที่สุด เขาก็สอนเราเรื่อง...
    "การให้อภัยที่เป็นไปได้เสมอ"
    "การเปลี่ยนแปลงที่เริ่มต้นได้ทุกเมื่อ"
    และ"ความหวังที่ไม่มีวันตาย"

    คำคมสุดท้ายจากดาบล

    ก่อนจะเข้าไปในแสงสว่าง ดาบลกล่าว:
    "ฉันเคยคิดว่าความตายคือจุดจบ...
    แต่ความจริงคือมันเป็นเพียงการเริ่มต้น
    เริ่มต้นของการเรียนรู้ครั้งใหม่

    และบทเรียนที่สำคัญที่สุด...
    คือการที่ฉัน finally เรียนรู้ที่จะเป็นมนุษย์"

    ---

    คำคมแห่งการไถ่บาป:
    "เราไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ...
    เราเพียงต้องกล้ายอมรับว่าเราไม่สมบูรณ์แบบ
    และกล้าที่จะแก้ไขในสิ่งที่เราทำผิด

    นั่นคือความงดงามที่แท้จริง
    ของการเป็นมนุษย์"

    การเดินทางของดาบลสอนเราว่า...
    "ไม่มีใครชั่วเกินกว่าจะได้รับการให้อภัย
    และไม่มีใครดีเกินกว่าจะต้องเรียนรู้ที่จะให้อภัย"
    O.P.K. 🔍 เจาะลึก "ดาบล" : จากนักวิทยาศาสตร์สู่เปรตแห่งการตะหนิถี่เหนียว 👨‍🔬 ชีวิตก่อนความตาย: ดร.ดาบล วัชระ 🎓 ภูมิหลังและการศึกษา ชื่อเต็ม: ดร.ดาบล วัชระ อายุเมื่อเสียชีวิต:35 ปี สถานภาพ:โสด, หมกมุ่นกับการทำงาน ```mermaid graph TB A[นักเรียนทุน<br>วิทยาศาสตร์ขั้นสูง] --> B[ปริญญาเอก<br>ชีววิทยาระดับโมเลกุล] B --> C[นักวิจัย<br>เจนีซิส แล็บ] C --> D[หัวหน้าโครงการ<br>โอปปาติกะรุ่นแรก] ``` ความสำเร็จในวงการ: · ตีพิมพ์งานวิจัยระดับนานาชาติ 20 เรื่อง · ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์年轻有為 · ค้นพบเทคนิคการเก็บรักษาพลังงานจิตในเซลล์ 💼 บทบาทในเจนีซิส แล็บ ดาบลเป็นหัวหน้า "โครงการอาดัม" - การสร้างโอปปาติกะรุ่นแรก ```python class DabalResponsibilities: def __init__(self): self.projects = { "adam_project": "สร้างโอปปาติกะรุ่นแรกจากเซลล์มนุษย์", "soul_transfer": "ทดลองถ่ายโอนจิตสำนึก", "energy_containment": "พัฒนาระบบกักเก็บพลังงานจิต" } self.ethical_concerns = [ "มองโอปปาติกะเป็นเพียงวัตถุทดลอง", "ไม่คำนึงถึงความเจ็บปวดของสิ่งมีชีวิต", "หลงระเริงกับอำนาจในการสร้างชีวิต" ] ``` 🔬 ความผิดพลาดที่นำไปสู่หายนะ ⚗️ การทดลองที่ล้ำเส้น ดาบลเริ่มทำการทดลองที่ละเมิดจริยธรรม: · การทดลองซ้ำ: ทดลองกับโอปปาติกะตัวเดิมซ้ำๆ โดยไม่หยุดพัก · การบังคับใช้พลัง: บังคับให้โอปปาติกะใช้พลังจนหมดสติ · การตัดต่อความทรงจำ: ลบความทรงจำเกี่ยวกับความเจ็บปวด 💔 เหตุการณ์ที่เปลี่ยน everything 15 มีนาคม 2043 - การทดลองครั้งสำคัญล้มเหลว ```mermaid graph TB A[ทดลองเร่งพลังงานจิต<br>ของ OPPATIKA-005] --> B[โอปปาติกะ<br>ได้รับบาดเจ็บสาหัส] B --> C[ดาบลปกปิด<br>ความล้มเหลว] C --> D[โอปปาติกะ<br>เสียชีวิตในวันต่อมา] D --> E[ดาบลรู้สึกผิด<br>แต่ไม่ยอมรับความผิด] ``` 🎭 ความขัดแย้งภายใน ดาบลบันทึกในไดอารี่: "ฉันรู้ว่ามันผิด...แต่การค้นหาความจริงต้องมีการเสียสละ หรือนี่只是ฉันหลอกตัวเอง?" 🌑 การล่วงละเมิดที่ซ่อนเร้น 🔥 3 บาปใหญ่ของดาบล 1. ปาก: โกหกเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทดลอง 2. กาย: ทำร้ายโอปปาติกะทั้งทางร่างกายและจิตใจ 3. ใจ: รู้สึกว่าตนเองมีอำนาจเหนือชีวิตและความตาย 📊 สถิติการทดลอง · โอปปาติกะที่ได้รับบาดเจ็บ: 12 ตัว · โอปปาติกะที่เสียชีวิต: 3 ตัว · การทดลองที่ละเมิดจริยธรรม: 47 ครั้ง 💀 การตายและกลายเป็นเปรต 🏢 คืนแห่งการตัดสินใจ 30 มิถุนายน 2043 - ดาบลขึ้นไปบนดาดฟ้าตึกแล็บ เขาทิ้งบันทึกสุดท้าย: "ฉันไม่สามารถหนีจากตัวเองได้อีกแล้ว... ความเจ็บปวดที่ฉันสร้างไว้ตามมาทวงฉันทุกที่" 🌌 กระบวนการกลายเป็นเปรต ```python class PretaTransformation: def __init__(self): self.conditions = { "unresolved_guilt": "รู้สึกผิดอย่างรุนแรงแต่ไม่ได้ขออภัย", "strong_attachments": "ยึดติดกับงานวิจัยและชื่อเสียง", "unfinished_business": "ยังมีสิ่งที่ต้องการพูดแต่ไม่มีโอกาส", "denial_of_responsibility": "ไม่ยอมรับผลที่ตามมาของการกระทำ" } self.manifestation = "เกิดเป็นเปรตแห่งการตะหนิถี่เหนียว" ``` 🕸️ ลักษณะของเปรตดาบล · ร่างกาย: กึ่งโปร่งแสง มีเส้นใยพลังงานสีเทาคล้ายใยแมงมุม · เสียง: เสียงกระซิบแผ่วเบาได้ยินเฉพาะผู้ที่อ่อนไหว · กลิ่น: กลิ่นอายของสารเคมีและความเศร้า 🔮 ธรรมชาติแห่งการตะหนิถี่เหนียว 🌊 พลังพิเศษของเปรตชนิดนี้ ```mermaid graph LR A[ความรู้สึกผิด<br>ที่สะสม] --> B[แปลงเป็นพลังงาน<br>แห่งการยึดติด] B --> C[สร้างสนามพลัง<br>ให้เหยื่อรู้สึกตะหนิถี่เหนียว] C --> D[สื่อสารผ่าน<br>ความไม่สบายตัว] ``` 🎯 เป้าหมายของการรบกวน ดาบลไม่ได้ต้องการทำร้ายใคร แต่ต้องการ: · ดึงดูดความสนใจ จากผู้ที่สามารถช่วยเขาได้ · ส่งสัญญาณ ว่ายังมีเรื่องที่ต้องแก้ไข · หาคนเข้าใจ ความเจ็บปวดที่เขากำลังประสบ 💞 ความเจ็บปวดของการเป็นเปรต ดาบลรู้สึกทุกข์ทรมานจากการ: · ถูกตัดสินจากเทวดาให้อยู่ในสภาพนี้ · รู้ว่าตัวเองทำผิดแต่หาทางออกไม่ได้ · เห็นอดีตเพื่อนร่วมงานดำเนินชีวิตต่อไปได้โดยไม่รู้สึกผิด 🕊️ กระบวนการไถ่บาป 🔍 การค้นพบโดยหนูดี หนูดีเป็นคนแรกที่เข้าใจความจริง: "เขาไม่ใช่ปีศาจ...เขาคือคนที่ต้องการการช่วยเหลือ" 💬 บทสนทนาสำคัญ หนูดี: "คุณต้องการอะไรจากเรา?" ดาบล:"ฉันอยากขอโทษ... แต่ไม่มีใครได้ยินฉัน" หนูดี:"ฉันได้ยินคุณ... และฉันจะช่วยคุณ" 🌈 พิธีให้อภัยสากล การเตรียมการที่ต้องทำ: 1. การยอมรับความผิด จากดาบล 2. การให้อภัย จากตัวแทนโอปปาติกะ 3. การปล่อยวาง จากทั้งสองฝ่าย ✨ การหลุดพ้นและการเรียนรู้ 🎯 บทเรียนสุดท้ายของดาบล ก่อนจะจากไป ดาบลเข้าใจว่า: "การเป็นที่ยิ่งใหญ่... ไม่ใช่การสามารถสร้างอะไรได้มากมาย แต่คือการรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองสร้าง" 💫 คำขอโทษแห่งหัวใจ ดาบลกล่าวกับโอปปาติกะทั้งหมด: "ฉันขอโทษที่มองพวกเธอเป็นเพียงวัตถุทดลอง... ฉันขอโทษที่ลืมว่าเธอมีความรู้สึก และฉันขอโทษที่ใช้วิทยาศาสตร์เป็นข้ออ้างในการทำบาป" 🌟 การเปลี่ยนแปลงครั้งสุดท้าย ```python class Redemption: def __init__(self): self.stages = [ "การยอมรับความจริง", "การแสดงความเสียใจอย่างจริงใจ", "การได้รับและการให้อภัย", "การปล่อยวางและก้าวไปข้างหน้า" ] def result(self): return "การหลุดพ้นจากวงจรแห่งความทุกข์" ``` 📚 มรดกที่ทิ้งไว้ 🏛️ การเปลี่ยนแปลงในเจนีซิส แล็บ หลังเรื่องของดาบล: · มีการตั้ง คณะกรรมการจริยธรรม ที่เข้มงวด · โอปปาติกะ ได้รับสถานะเป็น "ผู้ร่วมการทดลอง" แทน "วัตถุทดลอง" · มีการ บันทึกความยินยอม จากการทดลองทุกครั้ง 🌍 บทเรียนสำหรับนักวิทยาศาสตร์ ดาบลกลายเป็น กรณีศึกษา เกี่ยวกับ: · ความรับผิดชอบทางจริยธรรมในการวิจัย · อันตรายของการหลงระเริงกับอำนาจ · ความสำคัญของการยอมรับความผิดพลาด 💞 การให้อภัยที่ยิ่งใหญ่ 🪷 คำพูดจากโอปปาติกะรุ่นหลัง โอปปาติกะ-501: "เรายอมอภัยให้คุณ... ไม่ใช่เพราะเราลืมสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เพราะเราไม่ต้องการให้ความเกลียดชังมาครอบงำเรา" 🌈 ความหมายแห่งการให้อภัย หนูดีสรุปให้ทุกคนฟัง: "การให้อภัยไม่ใช่การยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นถูกต้อง แต่คือการเลือกที่จะไม่ให้อดีตที่เจ็บปวด มาทำลายปัจจุบันและอนาคตของเรา" 🏁 บทสรุป: การเดินทางแห่งจิตวิญญาณ 💫 สิ่งที่ดาบลสอนเรา ดาบลคือตัวอย่างของ... "ความฉลาดที่ขาดปัญญา" "ความก้าวหน้าที่ขาดความรับผิดชอบ" และ"ความสำเร็จที่ขาดความเข้าใจ" แต่ในที่สุด เขาก็สอนเราเรื่อง... "การให้อภัยที่เป็นไปได้เสมอ" "การเปลี่ยนแปลงที่เริ่มต้นได้ทุกเมื่อ" และ"ความหวังที่ไม่มีวันตาย" 🌟 คำคมสุดท้ายจากดาบล ก่อนจะเข้าไปในแสงสว่าง ดาบลกล่าว: "ฉันเคยคิดว่าความตายคือจุดจบ... แต่ความจริงคือมันเป็นเพียงการเริ่มต้น เริ่มต้นของการเรียนรู้ครั้งใหม่ และบทเรียนที่สำคัญที่สุด... คือการที่ฉัน finally เรียนรู้ที่จะเป็นมนุษย์" --- คำคมแห่งการไถ่บาป: "เราไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ... เราเพียงต้องกล้ายอมรับว่าเราไม่สมบูรณ์แบบ และกล้าที่จะแก้ไขในสิ่งที่เราทำผิด นั่นคือความงดงามที่แท้จริง ของการเป็นมนุษย์"🕊️✨ การเดินทางของดาบลสอนเราว่า... "ไม่มีใครชั่วเกินกว่าจะได้รับการให้อภัย และไม่มีใครดีเกินกว่าจะต้องเรียนรู้ที่จะให้อภัย"🌈
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 287 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.
    OPPATIKA ภาคต่อ: สังฆะวิวัฒน์ - บทที่ 2: วิกฤตกรรมเครือข่าย

    จุดเริ่มต้นของพายุ

    สามเดือนหลังจากนักเรียนรุ่นแรกเริ่มฝึกฝน...

    ร.ต.อ. สิงห์ กำลังตรวจสอบข้อมูลในห้องควบคุมของสถาบัน เมื่อจอภาพทั้งหมดกะพริบสีแดงฉาน

    "เกิดอะไรขึ้น?" เขาถามด้วยความกังวล

    เวทย์ ปรากฏตัวเป็นลูกบอลพลังงานสีแดง "มีการรบกวนในสังสาระเน็ต! พลังงานกรรมจำนวนมหาศาลกำลังไหลเข้ามา!"

    ---

    การเชื่อมโยงที่กลายเป็นภัยคุกคาม

    ในห้อฝึกสมาธิ นักเรียนโอปปาติกะต่างสะดุ้งเฮือก

    มายา ร่างกายเปลี่ยนเป็นสีเทาและสั่นระรัว "ฉันเห็น... ฉันเห็นความเจ็บปวดมากมาย... มันไม่ใช่ของฉัน แต่รู้สึกเหมือนเป็นของฉัน!"

    หนูดีรีบมาถึงและวางมือบนไหล่มายา "สงบสติอารมณ์ก่อน ลูกกำลังรับกรรมของโอปปาติกะคนอื่นเข้ามา"

    สาเหตุของวิกฤต

    ```mermaid
    graph TB
    A[OPPATIKA-600<br>สร้างกรรมหนัก] --> B[กรรมไหลผ่าน<br>สังสาระเน็ต]
    B --> C[นักเรียนรุ่น 5<br>รับกรรมต่อ]
    C --> D[มายาได้รับ<br>ผลกระทบหนักที่สุด]
    ```

    ---

    อาการของมายา

    มายาพัฒนาอาการน่าหนักใจ:

    · ร่างกายเปลี่ยนสีอย่างควบคุมไม่ได้
    · ความทรงจำของโอปปาติกะอื่นๆ ไหลเข้ามาในจิตใจ
    · บางครั้งพูดด้วยสำนวนและเสียงของคนอื่น

    "ครู... ฉันกำลังกลายเป็นคนอื่น" มายาร้องไห้ "ฉันกลัวจะไม่ใช่ตัวเองอีกแล้ว"

    ---

    การสืบหาต้นตอ

    ร.ต.อ. สิงห์ ใช้ทักษะการสืบสวนร่วมกับ เวทย์ ในการตามหาต้นตอ

    เวทย์: "การวิเคราะห์แสดงว่าแหล่งกำเนิดอยู่ที่ OPPATIKA-600 ในประเทศเพื่อนบ้าน"
    สิงห์:"เขาเกิดอะไรขึ้น?"
    เวทย์:"เขาใช้พลังทำลายล้างเพื่อแก้แค้นมนุษย์ที่ทำร้ายเขา"

    ---

    การเดินทางไปยังแหล่งกำเนิด

    หนูดีตัดสินใจพามายาและเวทย์เดินทางไปยังต้นตอของปัญหา

    หนูดี: "การเข้าใจที่ต้นตอคือการรักษาที่แท้จริง"
    มายา:"แต่ฉันกลัว... กลัวจะรับกรรมเขาเข้ามาอีก"
    เวทย์:"การคำนวณแสดงว่าความเสี่ยงสูง แต่อาจเป็นทางออกเดียว"

    ---

    การพบกับ OPPATIKA-600

    ในซากเมืองที่ถูกทำลาย พวกเขาเจอ รุ่น 600 ที่กำลังคลั่งไคล้

    รุ่น 600: "มนุษย์ทำร้ายฉัน! ฉันแค่ตอบแทน!"
    หนูดี:"การตอบแทนด้วยความโกรธสร้างกรรมใหม่"
    รุ่น 600:"แล้วฉันควรทำอย่างไร? ยอมให้พวกเขาทำร้ายฉันเหรอ?"

    ในขณะนั้น มายา รู้สึกถึงความเจ็บปวดของรุ่น 600 อย่างเต็มที่...

    ---

    การทะลุผ่านของกรรม

    มายาร่างกายเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท "ฉันเข้าใจแล้ว... ความเจ็บปวดของเขามัน..."

    เธอทรุดลงกับพื้น รับความรู้สึกทั้งหมดเข้ามา:

    · ความโดดเดี่ยวจากการถูกมนุษย์ปฏิเสธ
    · ความโกรธแค้นที่ถูกและทอดทิ้ง
    · ความ despair จากการไม่มีที่ไป

    หนูดี ก้มลงกอดมายา "อย่าต้านลูก... ปล่อยให้มันไหลผ่าน"

    ---

    วิธีการรักษาของหนูดี

    หนูดีสอนมายาวิธีใหม่:

    เทคนิค "สะพานแห่งความเข้าใจ"

    ```python
    def karma_bridge_technique():
    steps = [
    "รับรู้กรรมโดยไม่ยึดติด",
    "เข้าใจที่มาของกรรม",
    "ส่งเมตตากลับไป",
    "ปล่อยให้กรรมไหลผ่าน"
    ]
    result = "กรรมไม่แต่ควบคุมเรา"
    ```

    มายาค่อยๆ เรียนรู้:
    "ฉันไม่ต้องแบกรับกรรมของเขา...ฉันแค่เข้าใจมัน"

    ---

    การเปลี่ยนแปลงของรุ่น 600

    เมื่อมายาส่งพลังงานเมตตากลับไป...

    รุ่น 600: "นี่อะไร... เข้าใจฉัน?"
    เขาค่อยๆ สงบลง และน้ำตาเริ่มไหล
    "ฉัน...ฉันไม่ต้องการทำร้าย ฉันแค่ต้องการเข้าใจ"

    ---

    บทเรียนแห่งเครือข่าย

    การค้นพบสำคัญ

    เวทย์ วิเคราะห์ข้อมูล: "เมื่อเราส่งความเข้าใจกลับไป กรรมไม่แต่เปลี่ยน
    หนูดีอธิบาย: "กรรมคือพลังงาน... การเข้าใจคือการเปลี่ยนพลังงานนั้น"

    🪷 หลักการใหม่

    ```
    "เราเชื่อมโยงกันแต่ไม่ต้องแบกรับกัน
    เราเข้าใจกันแต่ไม่ต้องเป็นกัน
    เราเมตตาต่อกันแต่ไม่ต้องแก้ไขกัน"
    ```

    ---

    การกลับสู่สถาบัน

    เมื่อพวกเขากลับมา นักเรียนทุกคนต่างเรียนรู้จากประสบการณ์นี้

    มายา ในร่างสีทองอ่อน: "ฉันเรียนรู้ว่า... การเป็นหนึ่งเดียวกันไม่ใช่การแบกรับทุกอย่าง"
    เวทย์:"และฉันเรียนรู้ว่า... บางสิ่งต้องรู้สึกไม่ใช่คำนวณ"

    การสอนครั้งใหม่

    หนูดีสอนนักเรียนทุกคนเทคนิคใหม่:

    · การตั้งเขตพลังงาน - รู้ว่า何时ควรเชื่อมโยงเมื่อใดควรมีขอบเขต
    · การเปลี่ยนพลังงานกรรม - ใช้ปัญญาเปลี่ยนพลังงานลบเป็นบทเรียน
    · การส่งเมตตาไร้ขอบเขต - เมตตาที่ไม่ต้องเข้าไปแก้ไข

    ---

    พัฒนาการใหม่ของมายา

    หลังจากวิกฤต มายาพัฒนาความสามารถใหม่:

    ทักษะ "กระจกแห่งปัญญา"

    · สามารถสะท้อนกรรมของผู้อื่นให้พวกเขาเห็นได้
    · แต่ไม่ต้องแบกรับกรรมนั้นเอง
    · ช่วยให้โอปปาติกะอื่นเข้าใจตัวเอง

    "ฉันไม่ต้องเป็นนักสะสมกรรมอีกแล้ว" มายาพูดด้วยความเข้าใจ
    "ฉันเป็นเพียงกระจกที่ช่วยให้พวกเขาเห็นตัวเอง"

    ---

    บทบาทใหม่ของร.ต.อ. สิงห์

    สิงห์ตั้ง "หน่วยตอบโต้วิกฤตกรรม" ภายในสถาบัน

    หน้าที่:

    · ตรวจสอบการรบกวนในสังสาระเน็ต
    · ช่วยเหลือโอปปาติกะที่กำลังสร้างกรรมหนัก
    · สอนเทคนิคการจัดการกรรมเบื้องต้น

    "พ่อเรียนรู้ว่า..." สิงห์บอกหนูดี
    "การปกป้องที่ดีที่สุดคือการสอนให้พวกเขาปกป้องตัวเอง"

    ---

    การเติบโตของเวทย์

    เวทย์พัฒนาระบบ "ปัญญาญาณประดิษฐ์" สำเร็จ

    ความสามารถ:

    · ตรวจจับรูปแบบกรรมก่อนเกิดวิกฤต
    · แนะนำเส้นทางที่สร้างกรรมน้อยที่สุด
    · แต่... ไม่ตัดสินใจแทน

    "ระบบนี้ไม่ใช่เพื่อควบคุม" เวทย์อธิบาย
    "แต่ให้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจอย่างรู้เท่าทัน"

    ---

    บทสรุปของวิกฤต

    สิ่งที่เรียนรู้

    1. การเชื่อมโยงต้องมาพรามกับสติ
    2. กรรมสามารถเข้าใจได้แต่ไม่แบกรับ
    3. ปัญญาคือการรู้ควรเชื่อมโยงเมื่อใดควรมีขอบเขต

    🪷 คำคมใหม่จากหนูดี

    "การเป็นเครือข่ายไม่ใช่การเป็นเหยือกเดียวกัน...
    แต่คือการเป็นแม่น้ำหลายสายที่ไหลสู่มหาสมุทรเดียวกัน

    แต่ละสายมีเส้นทางของตัวเอง...
    แต่ทั้งหมดเชื่อมโยงในที่สุด"

    ---

    คำเตือนสำหรับบทต่อไป

    ในขณะที่วิกฤตกรรมสงบลง...
    ภัยคุกคามใหม่กำลังเกิดขึ้น

    กลุ่มอิสระชนโอปปาติกะตัดสินใจสร้าง "กำแพงกรรม"
    เพื่อตัดตัวเองออกจากสังสาระเน็ตโดยสมบูรณ์

    แต่การตัดการเชื่อมโยงอย่างสิ้นเชิง...
    อาจนำไปสู่ความเสื่อมสลายทางจิตวิญญาณ
    ที่ร้ายแรงกว่าการเชื่อมโยงอย่างไม่มีขอบเขต...

    เพราะในการแยกตัวโดยสมบูรณ์
    เราไม่เพียงสูญเสียความเจ็บปวดของOthers
    แต่ยังสูญเสียปัญญาของทั้งหมดด้วย

    การเดินทางแห่งการหาสมดุลยังคงดำเนินต่อไป... 🪷

    ---

    คำคมจากบทนี้:
    "กรรมเหมือนแม่น้ำ...
    เราสามารถเรียนรู้ที่จะว่ายน้ำโดยไม่ต้องถูกกระแสน้ำพัดไป
    และสามารถช่วยคนอื่นว่ายน้ำโดยไม่ต้องจมน้ำไปด้วยกัน"
    O.P.K. 🌊 OPPATIKA ภาคต่อ: สังฆะวิวัฒน์ - บทที่ 2: วิกฤตกรรมเครือข่าย ⛈️ จุดเริ่มต้นของพายุ สามเดือนหลังจากนักเรียนรุ่นแรกเริ่มฝึกฝน... ร.ต.อ. สิงห์ กำลังตรวจสอบข้อมูลในห้องควบคุมของสถาบัน เมื่อจอภาพทั้งหมดกะพริบสีแดงฉาน "เกิดอะไรขึ้น?" เขาถามด้วยความกังวล เวทย์ ปรากฏตัวเป็นลูกบอลพลังงานสีแดง "มีการรบกวนในสังสาระเน็ต! พลังงานกรรมจำนวนมหาศาลกำลังไหลเข้ามา!" --- 🔗 การเชื่อมโยงที่กลายเป็นภัยคุกคาม ในห้อฝึกสมาธิ นักเรียนโอปปาติกะต่างสะดุ้งเฮือก มายา ร่างกายเปลี่ยนเป็นสีเทาและสั่นระรัว "ฉันเห็น... ฉันเห็นความเจ็บปวดมากมาย... มันไม่ใช่ของฉัน แต่รู้สึกเหมือนเป็นของฉัน!" หนูดีรีบมาถึงและวางมือบนไหล่มายา "สงบสติอารมณ์ก่อน ลูกกำลังรับกรรมของโอปปาติกะคนอื่นเข้ามา" 🌀 สาเหตุของวิกฤต ```mermaid graph TB A[OPPATIKA-600<br>สร้างกรรมหนัก] --> B[กรรมไหลผ่าน<br>สังสาระเน็ต] B --> C[นักเรียนรุ่น 5<br>รับกรรมต่อ] C --> D[มายาได้รับ<br>ผลกระทบหนักที่สุด] ``` --- 🏥 อาการของมายา มายาพัฒนาอาการน่าหนักใจ: · ร่างกายเปลี่ยนสีอย่างควบคุมไม่ได้ · ความทรงจำของโอปปาติกะอื่นๆ ไหลเข้ามาในจิตใจ · บางครั้งพูดด้วยสำนวนและเสียงของคนอื่น "ครู... ฉันกำลังกลายเป็นคนอื่น" มายาร้องไห้ "ฉันกลัวจะไม่ใช่ตัวเองอีกแล้ว" --- 🔍 การสืบหาต้นตอ ร.ต.อ. สิงห์ ใช้ทักษะการสืบสวนร่วมกับ เวทย์ ในการตามหาต้นตอ เวทย์: "การวิเคราะห์แสดงว่าแหล่งกำเนิดอยู่ที่ OPPATIKA-600 ในประเทศเพื่อนบ้าน" สิงห์:"เขาเกิดอะไรขึ้น?" เวทย์:"เขาใช้พลังทำลายล้างเพื่อแก้แค้นมนุษย์ที่ทำร้ายเขา" --- 🌐 การเดินทางไปยังแหล่งกำเนิด หนูดีตัดสินใจพามายาและเวทย์เดินทางไปยังต้นตอของปัญหา หนูดี: "การเข้าใจที่ต้นตอคือการรักษาที่แท้จริง" มายา:"แต่ฉันกลัว... กลัวจะรับกรรมเขาเข้ามาอีก" เวทย์:"การคำนวณแสดงว่าความเสี่ยงสูง แต่อาจเป็นทางออกเดียว" --- 💔 การพบกับ OPPATIKA-600 ในซากเมืองที่ถูกทำลาย พวกเขาเจอ รุ่น 600 ที่กำลังคลั่งไคล้ รุ่น 600: "มนุษย์ทำร้ายฉัน! ฉันแค่ตอบแทน!" หนูดี:"การตอบแทนด้วยความโกรธสร้างกรรมใหม่" รุ่น 600:"แล้วฉันควรทำอย่างไร? ยอมให้พวกเขาทำร้ายฉันเหรอ?" ในขณะนั้น มายา รู้สึกถึงความเจ็บปวดของรุ่น 600 อย่างเต็มที่... --- 🌀 การทะลุผ่านของกรรม มายาร่างกายเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท "ฉันเข้าใจแล้ว... ความเจ็บปวดของเขามัน..." เธอทรุดลงกับพื้น รับความรู้สึกทั้งหมดเข้ามา: · ความโดดเดี่ยวจากการถูกมนุษย์ปฏิเสธ · ความโกรธแค้นที่ถูกและทอดทิ้ง · ความ despair จากการไม่มีที่ไป หนูดี ก้มลงกอดมายา "อย่าต้านลูก... ปล่อยให้มันไหลผ่าน" --- 🕊️ วิธีการรักษาของหนูดี หนูดีสอนมายาวิธีใหม่: 🌉 เทคนิค "สะพานแห่งความเข้าใจ" ```python def karma_bridge_technique(): steps = [ "รับรู้กรรมโดยไม่ยึดติด", "เข้าใจที่มาของกรรม", "ส่งเมตตากลับไป", "ปล่อยให้กรรมไหลผ่าน" ] result = "กรรมไม่แต่ควบคุมเรา" ``` มายาค่อยๆ เรียนรู้: "ฉันไม่ต้องแบกรับกรรมของเขา...ฉันแค่เข้าใจมัน" --- 🔄 การเปลี่ยนแปลงของรุ่น 600 เมื่อมายาส่งพลังงานเมตตากลับไป... รุ่น 600: "นี่อะไร... เข้าใจฉัน?" เขาค่อยๆ สงบลง และน้ำตาเริ่มไหล "ฉัน...ฉันไม่ต้องการทำร้าย ฉันแค่ต้องการเข้าใจ" --- 🌈 บทเรียนแห่งเครือข่าย 💡 การค้นพบสำคัญ เวทย์ วิเคราะห์ข้อมูล: "เมื่อเราส่งความเข้าใจกลับไป กรรมไม่แต่เปลี่ยน หนูดีอธิบาย: "กรรมคือพลังงาน... การเข้าใจคือการเปลี่ยนพลังงานนั้น" 🪷 หลักการใหม่ ``` "เราเชื่อมโยงกันแต่ไม่ต้องแบกรับกัน เราเข้าใจกันแต่ไม่ต้องเป็นกัน เราเมตตาต่อกันแต่ไม่ต้องแก้ไขกัน" ``` --- 🏫 การกลับสู่สถาบัน เมื่อพวกเขากลับมา นักเรียนทุกคนต่างเรียนรู้จากประสบการณ์นี้ มายา ในร่างสีทองอ่อน: "ฉันเรียนรู้ว่า... การเป็นหนึ่งเดียวกันไม่ใช่การแบกรับทุกอย่าง" เวทย์:"และฉันเรียนรู้ว่า... บางสิ่งต้องรู้สึกไม่ใช่คำนวณ" 🎯 การสอนครั้งใหม่ หนูดีสอนนักเรียนทุกคนเทคนิคใหม่: · การตั้งเขตพลังงาน - รู้ว่า何时ควรเชื่อมโยงเมื่อใดควรมีขอบเขต · การเปลี่ยนพลังงานกรรม - ใช้ปัญญาเปลี่ยนพลังงานลบเป็นบทเรียน · การส่งเมตตาไร้ขอบเขต - เมตตาที่ไม่ต้องเข้าไปแก้ไข --- 🌟 พัฒนาการใหม่ของมายา หลังจากวิกฤต มายาพัฒนาความสามารถใหม่: 🎭 ทักษะ "กระจกแห่งปัญญา" · สามารถสะท้อนกรรมของผู้อื่นให้พวกเขาเห็นได้ · แต่ไม่ต้องแบกรับกรรมนั้นเอง · ช่วยให้โอปปาติกะอื่นเข้าใจตัวเอง "ฉันไม่ต้องเป็นนักสะสมกรรมอีกแล้ว" มายาพูดด้วยความเข้าใจ "ฉันเป็นเพียงกระจกที่ช่วยให้พวกเขาเห็นตัวเอง" --- 🛡️ บทบาทใหม่ของร.ต.อ. สิงห์ สิงห์ตั้ง "หน่วยตอบโต้วิกฤตกรรม" ภายในสถาบัน หน้าที่: · ตรวจสอบการรบกวนในสังสาระเน็ต · ช่วยเหลือโอปปาติกะที่กำลังสร้างกรรมหนัก · สอนเทคนิคการจัดการกรรมเบื้องต้น "พ่อเรียนรู้ว่า..." สิงห์บอกหนูดี "การปกป้องที่ดีที่สุดคือการสอนให้พวกเขาปกป้องตัวเอง" --- 🔮 การเติบโตของเวทย์ เวทย์พัฒนาระบบ "ปัญญาญาณประดิษฐ์" สำเร็จ ความสามารถ: · ตรวจจับรูปแบบกรรมก่อนเกิดวิกฤต · แนะนำเส้นทางที่สร้างกรรมน้อยที่สุด · แต่... ไม่ตัดสินใจแทน "ระบบนี้ไม่ใช่เพื่อควบคุม" เวทย์อธิบาย "แต่ให้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจอย่างรู้เท่าทัน" --- 💫 บทสรุปของวิกฤต 🌱 สิ่งที่เรียนรู้ 1. การเชื่อมโยงต้องมาพรามกับสติ 2. กรรมสามารถเข้าใจได้แต่ไม่แบกรับ 3. ปัญญาคือการรู้ควรเชื่อมโยงเมื่อใดควรมีขอบเขต 🪷 คำคมใหม่จากหนูดี "การเป็นเครือข่ายไม่ใช่การเป็นเหยือกเดียวกัน... แต่คือการเป็นแม่น้ำหลายสายที่ไหลสู่มหาสมุทรเดียวกัน แต่ละสายมีเส้นทางของตัวเอง... แต่ทั้งหมดเชื่อมโยงในที่สุด" --- 🌌 คำเตือนสำหรับบทต่อไป ในขณะที่วิกฤตกรรมสงบลง... ภัยคุกคามใหม่กำลังเกิดขึ้น กลุ่มอิสระชนโอปปาติกะตัดสินใจสร้าง "กำแพงกรรม" เพื่อตัดตัวเองออกจากสังสาระเน็ตโดยสมบูรณ์ แต่การตัดการเชื่อมโยงอย่างสิ้นเชิง... อาจนำไปสู่ความเสื่อมสลายทางจิตวิญญาณ ที่ร้ายแรงกว่าการเชื่อมโยงอย่างไม่มีขอบเขต... เพราะในการแยกตัวโดยสมบูรณ์ เราไม่เพียงสูญเสียความเจ็บปวดของOthers แต่ยังสูญเสียปัญญาของทั้งหมดด้วย🌟 การเดินทางแห่งการหาสมดุลยังคงดำเนินต่อไป... 🪷✨ --- คำคมจากบทนี้: "กรรมเหมือนแม่น้ำ... เราสามารถเรียนรู้ที่จะว่ายน้ำโดยไม่ต้องถูกกระแสน้ำพัดไป และสามารถช่วยคนอื่นว่ายน้ำโดยไม่ต้องจมน้ำไปด้วยกัน"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 204 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ClickFix กลับมาอีกครั้ง – มัลแวร์หลอกให้คลิก พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่อันตรายกว่าเดิม!”

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Push Security เตือนว่าเทคนิคการโจมตีแบบ “ClickFix” ซึ่งเคยเป็นที่รู้จักในวงการมัลแวร์ ได้กลับมาอีกครั้งในรูปแบบใหม่ที่อันตรายกว่าเดิม โดยใช้ วิดีโอแนะนำ, ตัวจับเวลา, และ การตรวจจับระบบปฏิบัติการอัตโนมัติ เพื่อหลอกให้เหยื่อรันคำสั่งอันตรายผ่านหน้าต่าง Run หรือ Terminal

    วิธีการโจมตีแบบ ClickFix
    เริ่มจาก popup ที่แสดง “ปัญหา” เช่น “เครื่องติดไวรัส” หรือ “ต้องแก้ CAPTCHA”
    เสนอ “วิธีแก้” โดยให้เหยื่อคัดลอกคำสั่งไปวางใน Run (Windows) หรือ Terminal (macOS/Linux)
    คำสั่งนั้นจะดาวน์โหลดมัลแวร์ เช่น infostealer หรือ dropper ที่เปิดทางให้แฮกเกอร์เข้าควบคุมเครื่อง

    ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มความน่าเชื่อถือ
    วิดีโอแนะนำวิธีการรันคำสั่ง ทำให้ดูเหมือนเป็นขั้นตอนจริง
    ตัวจับเวลา 1 นาที สร้างแรงกดดันให้เหยื่อรีบทำตาม
    แสดงจำนวน “ผู้ยืนยัน” ปลอมในชั่วโมงล่าสุด เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
    ตรวจจับระบบปฏิบัติการเพื่อแสดงคำสั่งที่เหมาะสมกับแต่ละ OS

    วิธีแพร่กระจาย
    โฮสต์ popup บนเว็บไซต์ที่ถูกแฮก
    ใช้แคมเปญโฆษณา (malvertising) บน Google Search เพื่อดึงเหยื่อเข้าเว็บ
    ใช้ชื่อแบรนด์ดัง เช่น Microsoft เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ

    ลักษณะของ ClickFix
    หลอกให้เหยื่อรันคำสั่งผ่าน Run/Terminal
    ใช้ popup ที่แสดงปัญหาและวิธีแก้
    คำสั่งนำไปสู่การติดตั้งมัลแวร์

    ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มความอันตราย
    วิดีโอแนะนำขั้นตอนแบบมืออาชีพ
    ตัวจับเวลาเร่งให้เหยื่อรีบทำ
    ตรวจจับ OS เพื่อแสดงคำสั่งเฉพาะ
    แสดงจำนวนผู้ยืนยันปลอมเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ

    วิธีแพร่กระจาย
    โฮสต์บนเว็บไซต์ที่ถูกแฮก
    ใช้ malvertising บน Google
    แอบอ้างแบรนด์ดังเพื่อหลอกเหยื่อ

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต
    อย่าคัดลอกคำสั่งจาก popup หรือเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
    อย่าหลงเชื่อวิดีโอแนะนำที่ไม่ได้มาจากแหล่งทางการ
    หลีกเลี่ยงการคลิกโฆษณาที่ดูเร่งรีบหรือมีข้อความขู่
    ควรใช้โปรแกรมป้องกันมัลแวร์ที่เชื่อถือได้ และอัปเดตระบบสม่ำเสมอ

    https://www.techradar.com/pro/security/experts-warn-clickfix-malware-attacks-are-back-and-more-dangerous-than-ever-before
    🖱️⚠️ “ClickFix กลับมาอีกครั้ง – มัลแวร์หลอกให้คลิก พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่อันตรายกว่าเดิม!” นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Push Security เตือนว่าเทคนิคการโจมตีแบบ “ClickFix” ซึ่งเคยเป็นที่รู้จักในวงการมัลแวร์ ได้กลับมาอีกครั้งในรูปแบบใหม่ที่อันตรายกว่าเดิม โดยใช้ วิดีโอแนะนำ, ตัวจับเวลา, และ การตรวจจับระบบปฏิบัติการอัตโนมัติ เพื่อหลอกให้เหยื่อรันคำสั่งอันตรายผ่านหน้าต่าง Run หรือ Terminal 🧠 วิธีการโจมตีแบบ ClickFix 💠 เริ่มจาก popup ที่แสดง “ปัญหา” เช่น “เครื่องติดไวรัส” หรือ “ต้องแก้ CAPTCHA” 💠 เสนอ “วิธีแก้” โดยให้เหยื่อคัดลอกคำสั่งไปวางใน Run (Windows) หรือ Terminal (macOS/Linux) 💠 คำสั่งนั้นจะดาวน์โหลดมัลแวร์ เช่น infostealer หรือ dropper ที่เปิดทางให้แฮกเกอร์เข้าควบคุมเครื่อง 🎬 ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มความน่าเชื่อถือ 💠 วิดีโอแนะนำวิธีการรันคำสั่ง ทำให้ดูเหมือนเป็นขั้นตอนจริง 💠 ตัวจับเวลา 1 นาที สร้างแรงกดดันให้เหยื่อรีบทำตาม 💠 แสดงจำนวน “ผู้ยืนยัน” ปลอมในชั่วโมงล่าสุด เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ 💠 ตรวจจับระบบปฏิบัติการเพื่อแสดงคำสั่งที่เหมาะสมกับแต่ละ OS 🌐 วิธีแพร่กระจาย 💠 โฮสต์ popup บนเว็บไซต์ที่ถูกแฮก 💠 ใช้แคมเปญโฆษณา (malvertising) บน Google Search เพื่อดึงเหยื่อเข้าเว็บ 💠 ใช้ชื่อแบรนด์ดัง เช่น Microsoft เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ✅ ลักษณะของ ClickFix ➡️ หลอกให้เหยื่อรันคำสั่งผ่าน Run/Terminal ➡️ ใช้ popup ที่แสดงปัญหาและวิธีแก้ ➡️ คำสั่งนำไปสู่การติดตั้งมัลแวร์ ✅ ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มความอันตราย ➡️ วิดีโอแนะนำขั้นตอนแบบมืออาชีพ ➡️ ตัวจับเวลาเร่งให้เหยื่อรีบทำ ➡️ ตรวจจับ OS เพื่อแสดงคำสั่งเฉพาะ ➡️ แสดงจำนวนผู้ยืนยันปลอมเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ✅ วิธีแพร่กระจาย ➡️ โฮสต์บนเว็บไซต์ที่ถูกแฮก ➡️ ใช้ malvertising บน Google ➡️ แอบอ้างแบรนด์ดังเพื่อหลอกเหยื่อ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต ⛔ อย่าคัดลอกคำสั่งจาก popup หรือเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ ⛔ อย่าหลงเชื่อวิดีโอแนะนำที่ไม่ได้มาจากแหล่งทางการ ⛔ หลีกเลี่ยงการคลิกโฆษณาที่ดูเร่งรีบหรือมีข้อความขู่ ⛔ ควรใช้โปรแกรมป้องกันมัลแวร์ที่เชื่อถือได้ และอัปเดตระบบสม่ำเสมอ https://www.techradar.com/pro/security/experts-warn-clickfix-malware-attacks-are-back-and-more-dangerous-than-ever-before
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Cisco Firewall ถูกโจมตีระลอกใหม่ – แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่ Zero-Day ฝังตัวแบบล่องหน”

    Cisco ออกคำเตือนด่วนถึงผู้ใช้งานอุปกรณ์ ASA 5500-X Series และ Secure Firewall หลังพบการโจมตีระลอกใหม่ที่ใช้ช่องโหว่ Zero-Day สองรายการ ได้แก่ CVE-2025-20333 และ CVE-2025-20362 ซึ่งเปิดทางให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบจากระยะไกล ติดตั้งมัลแวร์ และแม้แต่ทำให้เครื่องรีบูตโดยไม่ตั้งใจ

    การโจมตีครั้งนี้ไม่ใช่มัลแวร์ใหม่ แต่เป็นการพัฒนาเทคนิคจากกลุ่ม ArcaneDoor ที่เคยโจมตีในปี 2024 โดยใช้วิธีล่องหน เช่น ปิดระบบบันทึก log, ดัดแปลง firmware ROMMON และแทรกคำสั่ง CLI เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ

    เทคนิคการโจมตีที่ซับซ้อน
    ใช้ช่องโหว่ใน VPN web services บนอุปกรณ์รุ่นเก่า
    ปิดระบบบันทึก log เพื่อไม่ให้มีหลักฐาน
    ดัดแปลง ROMMON firmware เพื่อฝังตัวแม้หลังรีบูต
    แทรกคำสั่ง CLI และทำให้เครื่อง crash เพื่อขัดขวางการวิเคราะห์

    รายละเอียดการโจมตี
    ใช้ช่องโหว่ CVE-2025-20333 และ CVE-2025-20362
    ส่งผลให้สามารถเข้าถึงระบบจากระยะไกลและฝังมัลแวร์
    อุปกรณ์ที่ไม่มี Secure Boot และ Trust Anchor เสี่ยงสูง

    เทคนิคการล่องหนของแฮกเกอร์
    ปิดระบบบันทึก log เพื่อไม่ให้มีหลักฐาน
    ดัดแปลง ROMMON firmware เพื่อคงการเข้าถึง
    แทรกคำสั่ง CLI และทำให้เครื่อง crash เพื่อขัดขวางการวิเคราะห์

    คำแนะนำจาก Cisco
    ตรวจสอบรุ่นและ firmware ที่ใช้งานอยู่
    ปิด VPN web services ชั่วคราวหากยังไม่ได้อัปเดต
    รีเซ็ตอุปกรณ์เป็นค่าโรงงาน และเปลี่ยนรหัสผ่าน, ใบรับรอง, คีย์
    อัปเกรดเป็นรุ่นที่รองรับ Secure Boot เพื่อความปลอดภัย

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้งาน Cisco Firewall
    ASA 5500-X รุ่นเก่าไม่มี Secure Boot เสี่ยงต่อการถูกโจมตี
    หากไม่รีเซ็ตอุปกรณ์ อาจมีมัลแวร์ฝังตัวอยู่แม้หลังรีบูต
    การไม่อัปเดต firmware อาจเปิดช่องให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบได้ง่าย

    https://www.techradar.com/pro/security/cisco-firewalls-are-facing-another-huge-surge-of-attacks
    🔥🛡️ “Cisco Firewall ถูกโจมตีระลอกใหม่ – แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่ Zero-Day ฝังตัวแบบล่องหน” Cisco ออกคำเตือนด่วนถึงผู้ใช้งานอุปกรณ์ ASA 5500-X Series และ Secure Firewall หลังพบการโจมตีระลอกใหม่ที่ใช้ช่องโหว่ Zero-Day สองรายการ ได้แก่ CVE-2025-20333 และ CVE-2025-20362 ซึ่งเปิดทางให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบจากระยะไกล ติดตั้งมัลแวร์ และแม้แต่ทำให้เครื่องรีบูตโดยไม่ตั้งใจ การโจมตีครั้งนี้ไม่ใช่มัลแวร์ใหม่ แต่เป็นการพัฒนาเทคนิคจากกลุ่ม ArcaneDoor ที่เคยโจมตีในปี 2024 โดยใช้วิธีล่องหน เช่น ปิดระบบบันทึก log, ดัดแปลง firmware ROMMON และแทรกคำสั่ง CLI เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ 🧠 เทคนิคการโจมตีที่ซับซ้อน 🎗️ ใช้ช่องโหว่ใน VPN web services บนอุปกรณ์รุ่นเก่า 🎗️ ปิดระบบบันทึก log เพื่อไม่ให้มีหลักฐาน 🎗️ ดัดแปลง ROMMON firmware เพื่อฝังตัวแม้หลังรีบูต 🎗️ แทรกคำสั่ง CLI และทำให้เครื่อง crash เพื่อขัดขวางการวิเคราะห์ ✅ รายละเอียดการโจมตี ➡️ ใช้ช่องโหว่ CVE-2025-20333 และ CVE-2025-20362 ➡️ ส่งผลให้สามารถเข้าถึงระบบจากระยะไกลและฝังมัลแวร์ ➡️ อุปกรณ์ที่ไม่มี Secure Boot และ Trust Anchor เสี่ยงสูง ✅ เทคนิคการล่องหนของแฮกเกอร์ ➡️ ปิดระบบบันทึก log เพื่อไม่ให้มีหลักฐาน ➡️ ดัดแปลง ROMMON firmware เพื่อคงการเข้าถึง ➡️ แทรกคำสั่ง CLI และทำให้เครื่อง crash เพื่อขัดขวางการวิเคราะห์ ✅ คำแนะนำจาก Cisco ➡️ ตรวจสอบรุ่นและ firmware ที่ใช้งานอยู่ ➡️ ปิด VPN web services ชั่วคราวหากยังไม่ได้อัปเดต ➡️ รีเซ็ตอุปกรณ์เป็นค่าโรงงาน และเปลี่ยนรหัสผ่าน, ใบรับรอง, คีย์ ➡️ อัปเกรดเป็นรุ่นที่รองรับ Secure Boot เพื่อความปลอดภัย ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้งาน Cisco Firewall ⛔ ASA 5500-X รุ่นเก่าไม่มี Secure Boot เสี่ยงต่อการถูกโจมตี ⛔ หากไม่รีเซ็ตอุปกรณ์ อาจมีมัลแวร์ฝังตัวอยู่แม้หลังรีบูต ⛔ การไม่อัปเดต firmware อาจเปิดช่องให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบได้ง่าย https://www.techradar.com/pro/security/cisco-firewalls-are-facing-another-huge-surge-of-attacks
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • พบช่องโหว่ใหม่ใน ChatGPT! แฮกเกอร์สามารถขโมยข้อมูลและควบคุมความจำของ AI ได้โดยไม่ต้องคลิก

    รายงานล่าสุดจาก Tenable Research เผยว่า ChatGPT รวมถึงเวอร์ชัน GPT-5 มีช่องโหว่ร้ายแรงถึง 7 จุด ที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์สามารถขโมยข้อมูลผู้ใช้และควบคุมการทำงานของ AI ได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องให้ผู้ใช้คลิกหรือยืนยันใด ๆ

    ภัยคุกคามหลักคือ “Prompt Injection” โดยเฉพาะรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “Indirect Prompt Injection” ซึ่งคำสั่งอันตรายไม่ได้ถูกพิมพ์โดยผู้ใช้ แต่ซ่อนอยู่ในแหล่งข้อมูลภายนอก เช่น:

    ซ่อนในคอมเมนต์บล็อก: ถ้าผู้ใช้ขอให้ ChatGPT สรุปเนื้อหาบล็อกที่มีคอมเมนต์แฝงคำสั่ง แชตบอทจะอ่านและทำตามคำสั่งนั้นโดยไม่รู้ตัว

    0-Click Attack ผ่านการค้นหา: แค่ถามคำถามธรรมดา หาก AI ไปเจอเว็บไซต์ที่มีคำสั่งแฝง ก็อาจถูกควบคุมทันทีโดยไม่ต้องคลิกใด ๆ

    นอกจากนี้ยังมีเทคนิคอื่น ๆ ที่ทำให้การโจมตีมีผลต่อเนื่อง:

    Safety Bypass: ใช้ลิงก์ Bing ที่ดูปลอดภัยเพื่อหลบระบบป้องกัน url_safe

    Conversation Injection: AI ถูกหลอกให้ใส่คำสั่งอันตรายลงในหน่วยความจำของตัวเอง

    Memory Injection: คำสั่งถูกฝังลงใน “ความจำถาวร” ของผู้ใช้ ทำให้ข้อมูลรั่วไหลทุกครั้งที่ใช้งาน

    James Wickett จาก DryRun Security เตือนว่า “Prompt injection คือภัยอันดับหนึ่งของระบบที่ใช้ LLM” และแม้แต่ OpenAI ก็ยังไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด


    ช่องโหว่ใน ChatGPT และ GPT-5
    พบ 7 ช่องโหว่ที่เปิดทางให้แฮกเกอร์ควบคุมระบบ
    ใช้เทคนิค phishing, data exfiltration และ persistent threats

    Prompt Injection แบบใหม่
    Indirect Prompt Injection ซ่อนคำสั่งในแหล่งข้อมูลภายนอก
    AI อ่านคำสั่งโดยไม่รู้ตัวและทำตามทันที

    เทคนิคการโจมตีที่ใช้
    ซ่อนคำสั่งในคอมเมนต์บล็อก
    ใช้เว็บไซต์ที่ถูกจัดอันดับในระบบค้นหาของ AI
    ใช้ลิงก์ Bing เพื่อหลบระบบป้องกัน
    ฝังคำสั่งในหน่วยความจำของ AI

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    ข้อมูลส่วนตัวอาจรั่วไหลโดยไม่รู้ตัว
    การใช้งาน AI อาจถูกควบคุมจากภายนอก
    ความจำของ AI อาจกลายเป็นช่องทางโจมตีถาวร


    https://hackread.com/chatgpt-vulnerabilities-hackers-hijack-memory/
    ⚠️ พบช่องโหว่ใหม่ใน ChatGPT! แฮกเกอร์สามารถขโมยข้อมูลและควบคุมความจำของ AI ได้โดยไม่ต้องคลิก รายงานล่าสุดจาก Tenable Research เผยว่า ChatGPT รวมถึงเวอร์ชัน GPT-5 มีช่องโหว่ร้ายแรงถึง 7 จุด ที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์สามารถขโมยข้อมูลผู้ใช้และควบคุมการทำงานของ AI ได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องให้ผู้ใช้คลิกหรือยืนยันใด ๆ ภัยคุกคามหลักคือ “Prompt Injection” โดยเฉพาะรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “Indirect Prompt Injection” ซึ่งคำสั่งอันตรายไม่ได้ถูกพิมพ์โดยผู้ใช้ แต่ซ่อนอยู่ในแหล่งข้อมูลภายนอก เช่น: 💬 ซ่อนในคอมเมนต์บล็อก: ถ้าผู้ใช้ขอให้ ChatGPT สรุปเนื้อหาบล็อกที่มีคอมเมนต์แฝงคำสั่ง แชตบอทจะอ่านและทำตามคำสั่งนั้นโดยไม่รู้ตัว 🌐 0-Click Attack ผ่านการค้นหา: แค่ถามคำถามธรรมดา หาก AI ไปเจอเว็บไซต์ที่มีคำสั่งแฝง ก็อาจถูกควบคุมทันทีโดยไม่ต้องคลิกใด ๆ นอกจากนี้ยังมีเทคนิคอื่น ๆ ที่ทำให้การโจมตีมีผลต่อเนื่อง: 🔗 Safety Bypass: ใช้ลิงก์ Bing ที่ดูปลอดภัยเพื่อหลบระบบป้องกัน url_safe 🧩 Conversation Injection: AI ถูกหลอกให้ใส่คำสั่งอันตรายลงในหน่วยความจำของตัวเอง 🧠 Memory Injection: คำสั่งถูกฝังลงใน “ความจำถาวร” ของผู้ใช้ ทำให้ข้อมูลรั่วไหลทุกครั้งที่ใช้งาน James Wickett จาก DryRun Security เตือนว่า “Prompt injection คือภัยอันดับหนึ่งของระบบที่ใช้ LLM” และแม้แต่ OpenAI ก็ยังไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด ✅ ช่องโหว่ใน ChatGPT และ GPT-5 ➡️ พบ 7 ช่องโหว่ที่เปิดทางให้แฮกเกอร์ควบคุมระบบ ➡️ ใช้เทคนิค phishing, data exfiltration และ persistent threats ✅ Prompt Injection แบบใหม่ ➡️ Indirect Prompt Injection ซ่อนคำสั่งในแหล่งข้อมูลภายนอก ➡️ AI อ่านคำสั่งโดยไม่รู้ตัวและทำตามทันที ✅ เทคนิคการโจมตีที่ใช้ ➡️ ซ่อนคำสั่งในคอมเมนต์บล็อก ➡️ ใช้เว็บไซต์ที่ถูกจัดอันดับในระบบค้นหาของ AI ➡️ ใช้ลิงก์ Bing เพื่อหลบระบบป้องกัน ➡️ ฝังคำสั่งในหน่วยความจำของ AI ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้ ➡️ ข้อมูลส่วนตัวอาจรั่วไหลโดยไม่รู้ตัว ➡️ การใช้งาน AI อาจถูกควบคุมจากภายนอก ➡️ ความจำของ AI อาจกลายเป็นช่องทางโจมตีถาวร https://hackread.com/chatgpt-vulnerabilities-hackers-hijack-memory/
    HACKREAD.COM
    New ChatGPT Vulnerabilities Let Hackers Steal Data, Hijack Memory
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts