• Bigme B13: จอ ePaper สีแบบพกพารุ่นแรกของโลกเพื่อสายตาและงานเอกสาร

    Bigme B13 คือจอมอนิเตอร์ขนาด 13.3 นิ้วที่ใช้เทคโนโลยี ePaper สี ซึ่งต่างจากจอ LCD หรือ OLED ตรงที่ให้ภาพเหมือนกระดาษจริง ลดแสงสะท้อนและความเมื่อยล้าของสายตา เหมาะสำหรับการอ่านเอกสาร, แก้ไขข้อความ และท่องเว็บ

    จอนี้มีความละเอียดสูงถึง 3200x2400 พิกเซล อัตราส่วนภาพ 4:3 และรองรับการเชื่อมต่อทั้งแบบสาย (USB-C, HDMI) และไร้สาย (AirPlay, Miracast, DLNA) พร้อมโหมดการใช้งานหลายแบบ เช่น โหมดข้อความ, โหมดภาพ, โหมดวิดีโอ และโหมดเว็บ ที่ปรับ refresh rate และความคมชัดตามลักษณะงาน

    Bigme B13 ยังมีฟีเจอร์เสริม เช่น ระบบปรับแสงหน้าจอได้ทั้งความสว่างและอุณหภูมิสี, ลำโพงคู่ในตัว, ช่องเสียบหูฟัง และขาตั้งแม่เหล็กที่สามารถติดกับแล็ปท็อปเพื่อใช้งานแบบสองจอได้อย่างสะดวก

    แม้จะมีจุดเด่นเรื่องการถนอมสายตาและความพกพาสะดวก แต่จอนี้ไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความแม่นยำของสี เช่น การออกแบบกราฟิกหรือการตัดต่อภาพ และราคาก็ยังค่อนข้างสูงที่ $699–$729

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ใช้หน้าจอ Kaleido 3 ซึ่งให้ความละเอียด 300PPI สำหรับขาวดำ และ 150PPI สำหรับสี
    รองรับการเล่นวิดีโอที่ 30Hz ด้วยเทคโนโลยี refresh เฉพาะของ Bigme
    ใช้งานได้กับ Windows, macOS, Android และ iOS รวมถึง Linux บางรุ่น
    มีรีโมตและเคสแถมมาในกล่อง พร้อมบอดี้อลูมิเนียมที่แข็งแรง
    Bigme ยังมีรุ่นจอใหญ่ 25.3 นิ้ว (B251) สำหรับงานระดับมืออาชีพ
    คู่แข่งในตลาด ePaper monitor ได้แก่ Dasung และ Onyx ซึ่งมีรุ่นจำกัด

    https://www.techradar.com/pro/the-worlds-first-portable-color-epaper-monitor-has-gone-on-sale-but-dont-expect-it-to-be-affordable-just-yet
    🧠 Bigme B13: จอ ePaper สีแบบพกพารุ่นแรกของโลกเพื่อสายตาและงานเอกสาร Bigme B13 คือจอมอนิเตอร์ขนาด 13.3 นิ้วที่ใช้เทคโนโลยี ePaper สี ซึ่งต่างจากจอ LCD หรือ OLED ตรงที่ให้ภาพเหมือนกระดาษจริง ลดแสงสะท้อนและความเมื่อยล้าของสายตา เหมาะสำหรับการอ่านเอกสาร, แก้ไขข้อความ และท่องเว็บ จอนี้มีความละเอียดสูงถึง 3200x2400 พิกเซล อัตราส่วนภาพ 4:3 และรองรับการเชื่อมต่อทั้งแบบสาย (USB-C, HDMI) และไร้สาย (AirPlay, Miracast, DLNA) พร้อมโหมดการใช้งานหลายแบบ เช่น โหมดข้อความ, โหมดภาพ, โหมดวิดีโอ และโหมดเว็บ ที่ปรับ refresh rate และความคมชัดตามลักษณะงาน Bigme B13 ยังมีฟีเจอร์เสริม เช่น ระบบปรับแสงหน้าจอได้ทั้งความสว่างและอุณหภูมิสี, ลำโพงคู่ในตัว, ช่องเสียบหูฟัง และขาตั้งแม่เหล็กที่สามารถติดกับแล็ปท็อปเพื่อใช้งานแบบสองจอได้อย่างสะดวก แม้จะมีจุดเด่นเรื่องการถนอมสายตาและความพกพาสะดวก แต่จอนี้ไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความแม่นยำของสี เช่น การออกแบบกราฟิกหรือการตัดต่อภาพ และราคาก็ยังค่อนข้างสูงที่ $699–$729 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ใช้หน้าจอ Kaleido 3 ซึ่งให้ความละเอียด 300PPI สำหรับขาวดำ และ 150PPI สำหรับสี ➡️ รองรับการเล่นวิดีโอที่ 30Hz ด้วยเทคโนโลยี refresh เฉพาะของ Bigme ➡️ ใช้งานได้กับ Windows, macOS, Android และ iOS รวมถึง Linux บางรุ่น ➡️ มีรีโมตและเคสแถมมาในกล่อง พร้อมบอดี้อลูมิเนียมที่แข็งแรง ➡️ Bigme ยังมีรุ่นจอใหญ่ 25.3 นิ้ว (B251) สำหรับงานระดับมืออาชีพ ➡️ คู่แข่งในตลาด ePaper monitor ได้แก่ Dasung และ Onyx ซึ่งมีรุ่นจำกัด https://www.techradar.com/pro/the-worlds-first-portable-color-epaper-monitor-has-gone-on-sale-but-dont-expect-it-to-be-affordable-just-yet
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • iKKO MindOne: สมาร์ตโฟนจิ๋วที่อัดแน่นด้วย AI และอินเทอร์เน็ตฟรี

    ลองจินตนาการว่าคุณมีสมาร์ตโฟนขนาดเท่าบัตรเครดิต แต่สามารถทำงานได้เหมือนเครื่องมือระดับมืออาชีพ ทั้งแปลภาษาแบบเรียลไทม์ บันทึกเสียงเป็นข้อความ และสรุปเนื้อหาอัตโนมัติ—ทั้งหมดนี้โดยไม่ต้องเสียค่าสมัครสมาชิกใด ๆ

    นั่นคือสิ่งที่ iKKO MindOne เสนอไว้ในแคมเปญระดมทุนที่ระดมได้มากกว่า 1.2 ล้านดอลลาร์ ตัวเครื่องมีขนาด 86×72×8.9 มม. ใช้หน้าจอ AMOLED ขนาด 4.02 นิ้ว พร้อมกระจกแซฟไฟร์กันรอยระดับ 9H และกล้อง Sony 50MP ที่หมุนได้ 180° ใช้ได้ทั้งหน้าและหลัง

    ที่โดดเด่นคือระบบ vSIM แบบคู่: NovaLink ให้ใช้งาน AI ฟรีในกว่า 60 ประเทศ ส่วน vSIM แบบเสียเงินครอบคลุมกว่า 140 ประเทศสำหรับการใช้งานเต็มรูปแบบ เช่น ดูวิดีโอหรือท่องเว็บ นอกจากนี้ยังมีช่องใส่ nano SIM สำหรับ 4G+ LTE ที่เลือกใช้แทน 5G เพื่อความเสถียรและประหยัดพลังงาน

    ระบบปฏิบัติการมีสองชุด: Android 15 สำหรับแอปทั่วไป และ iKKO AI OS สำหรับงานที่ต้องการสมาธิและความปลอดภัย โดยสามารถสลับผ่านปุ่มจริง และนำแอป Android เข้าไปใช้ในโหมด AI ได้

    อุปกรณ์เสริมอย่างเคสคีย์บอร์ด QWERTY ยังเพิ่มแบตเตอรี่เสริม 500mAh, DAC คุณภาพสูง Cirrus Logic CS43198 และช่องหูฟัง 3.5 มม. สำหรับคนที่ต้องการเสียงคุณภาพและการพิมพ์แบบ tactile

    ข้อมูลพื้นฐานของ iKKO MindOne
    ขนาด 86×72×8.9 มม. หนาเท่าบัตรเครดิต
    หน้าจอ AMOLED 4.02 นิ้ว พร้อมกระจกแซฟไฟร์ระดับ 9H
    กล้อง Sony 50MP หมุนได้ 180° ใช้ได้ทั้งหน้าและหลัง

    ระบบการเชื่อมต่อและอินเทอร์เน็ต
    ใช้ระบบ vSIM แบบคู่: NovaLink (ฟรี AI) และ vSIM แบบเสียเงิน
    ครอบคลุมกว่า 140 ประเทศสำหรับการใช้งานเต็มรูปแบบ
    รองรับ nano SIM สำหรับ 4G+ LTE ทั่วโลก
    เลือกใช้ 4G+ แทน 5G เพื่อความเสถียรและลดความร้อน

    ระบบปฏิบัติการและฟีเจอร์ AI
    ใช้ Android 15 และ iKKO AI OS สลับได้ผ่านปุ่มจริง
    รองรับ Google Mobile Services และอัปเดต Android 3 รุ่น + แพตช์ 5 ปี
    ฟีเจอร์ AI: แปลภาษา, สรุปเนื้อหา, บันทึกเสียงเป็นข้อความ, จดโน้ตอัตโนมัติ
    ไม่มีค่าสมัครสมาชิก และไม่เก็บข้อมูลส่วนตัว

    อุปกรณ์เสริมและการใช้งาน
    เคสคีย์บอร์ด QWERTY พร้อมแบตเตอรี่เสริม 500mAh
    DAC Cirrus Logic CS43198 และช่องหูฟัง 3.5 มม. สำหรับเสียงคุณภาพสูง
    เหมาะกับนักเดินทาง นักเรียน และผู้ใช้ที่ต้องการความคล่องตัว

    ยังไม่มีข้อมูลสเปก CPU และ RAM อย่างเป็นทางการ
    การใช้งานอินเทอร์เน็ตฟรีจำกัดเฉพาะฟีเจอร์ AI เท่านั้น ไม่รวมการท่องเว็บหรือดูวิดีโอ
    เคสคีย์บอร์ดเพิ่มขนาดและน้ำหนักของเครื่อง
    ยังไม่ชัดเจนว่าคุณภาพการผลิตจริงจะตรงกับที่โฆษณาหรือไม่
    การใช้งานในบางประเทศอาจมีข้อจำกัดด้านเครือข่ายหรือกฎหมาย

    https://www.techradar.com/pro/crowdfunded-ai-smartphone-with-free-global-internet-detachable-keyboard-and-square-screen-gets-over-usd1-million-pledge-and-its-strangely-mesmerizing
    🧠 iKKO MindOne: สมาร์ตโฟนจิ๋วที่อัดแน่นด้วย AI และอินเทอร์เน็ตฟรี ลองจินตนาการว่าคุณมีสมาร์ตโฟนขนาดเท่าบัตรเครดิต แต่สามารถทำงานได้เหมือนเครื่องมือระดับมืออาชีพ ทั้งแปลภาษาแบบเรียลไทม์ บันทึกเสียงเป็นข้อความ และสรุปเนื้อหาอัตโนมัติ—ทั้งหมดนี้โดยไม่ต้องเสียค่าสมัครสมาชิกใด ๆ นั่นคือสิ่งที่ iKKO MindOne เสนอไว้ในแคมเปญระดมทุนที่ระดมได้มากกว่า 1.2 ล้านดอลลาร์ ตัวเครื่องมีขนาด 86×72×8.9 มม. ใช้หน้าจอ AMOLED ขนาด 4.02 นิ้ว พร้อมกระจกแซฟไฟร์กันรอยระดับ 9H และกล้อง Sony 50MP ที่หมุนได้ 180° ใช้ได้ทั้งหน้าและหลัง ที่โดดเด่นคือระบบ vSIM แบบคู่: NovaLink ให้ใช้งาน AI ฟรีในกว่า 60 ประเทศ ส่วน vSIM แบบเสียเงินครอบคลุมกว่า 140 ประเทศสำหรับการใช้งานเต็มรูปแบบ เช่น ดูวิดีโอหรือท่องเว็บ นอกจากนี้ยังมีช่องใส่ nano SIM สำหรับ 4G+ LTE ที่เลือกใช้แทน 5G เพื่อความเสถียรและประหยัดพลังงาน ระบบปฏิบัติการมีสองชุด: Android 15 สำหรับแอปทั่วไป และ iKKO AI OS สำหรับงานที่ต้องการสมาธิและความปลอดภัย โดยสามารถสลับผ่านปุ่มจริง และนำแอป Android เข้าไปใช้ในโหมด AI ได้ อุปกรณ์เสริมอย่างเคสคีย์บอร์ด QWERTY ยังเพิ่มแบตเตอรี่เสริม 500mAh, DAC คุณภาพสูง Cirrus Logic CS43198 และช่องหูฟัง 3.5 มม. สำหรับคนที่ต้องการเสียงคุณภาพและการพิมพ์แบบ tactile ✅ ข้อมูลพื้นฐานของ iKKO MindOne ➡️ ขนาด 86×72×8.9 มม. หนาเท่าบัตรเครดิต ➡️ หน้าจอ AMOLED 4.02 นิ้ว พร้อมกระจกแซฟไฟร์ระดับ 9H ➡️ กล้อง Sony 50MP หมุนได้ 180° ใช้ได้ทั้งหน้าและหลัง ✅ ระบบการเชื่อมต่อและอินเทอร์เน็ต ➡️ ใช้ระบบ vSIM แบบคู่: NovaLink (ฟรี AI) และ vSIM แบบเสียเงิน ➡️ ครอบคลุมกว่า 140 ประเทศสำหรับการใช้งานเต็มรูปแบบ ➡️ รองรับ nano SIM สำหรับ 4G+ LTE ทั่วโลก ➡️ เลือกใช้ 4G+ แทน 5G เพื่อความเสถียรและลดความร้อน ✅ ระบบปฏิบัติการและฟีเจอร์ AI ➡️ ใช้ Android 15 และ iKKO AI OS สลับได้ผ่านปุ่มจริง ➡️ รองรับ Google Mobile Services และอัปเดต Android 3 รุ่น + แพตช์ 5 ปี ➡️ ฟีเจอร์ AI: แปลภาษา, สรุปเนื้อหา, บันทึกเสียงเป็นข้อความ, จดโน้ตอัตโนมัติ ➡️ ไม่มีค่าสมัครสมาชิก และไม่เก็บข้อมูลส่วนตัว ✅ อุปกรณ์เสริมและการใช้งาน ➡️ เคสคีย์บอร์ด QWERTY พร้อมแบตเตอรี่เสริม 500mAh ➡️ DAC Cirrus Logic CS43198 และช่องหูฟัง 3.5 มม. สำหรับเสียงคุณภาพสูง ➡️ เหมาะกับนักเดินทาง นักเรียน และผู้ใช้ที่ต้องการความคล่องตัว ⛔ ยังไม่มีข้อมูลสเปก CPU และ RAM อย่างเป็นทางการ ⛔ การใช้งานอินเทอร์เน็ตฟรีจำกัดเฉพาะฟีเจอร์ AI เท่านั้น ไม่รวมการท่องเว็บหรือดูวิดีโอ ⛔ เคสคีย์บอร์ดเพิ่มขนาดและน้ำหนักของเครื่อง ⛔ ยังไม่ชัดเจนว่าคุณภาพการผลิตจริงจะตรงกับที่โฆษณาหรือไม่ ⛔ การใช้งานในบางประเทศอาจมีข้อจำกัดด้านเครือข่ายหรือกฎหมาย https://www.techradar.com/pro/crowdfunded-ai-smartphone-with-free-global-internet-detachable-keyboard-and-square-screen-gets-over-usd1-million-pledge-and-its-strangely-mesmerizing
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข้อมือ: สมาร์ตวอชต์ราคา £16 ที่เปลี่ยนความคิดเรื่องการชาร์จ

    Terence Eden นักเขียนบล็อกสายเทคโนโลยีมีภารกิจส่วนตัว—ทำให้ทุกอุปกรณ์พกพาของเขาใช้สาย USB-C ได้หมด ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ หูฟัง แปรงสีฟัน หรือแม้แต่สมาร์ตวอชต์ เขาจึงตัดสินใจซื้อ Colmi P80 สมาร์ตวอชต์ราคาประหยัดจาก AliExpress เพียง £16 เพราะมันเป็นรุ่นเดียวที่มีพอร์ต USB-C

    แม้จะคาดหวังไว้ว่าจะ “แย่ตามราคา” แต่กลับพบว่าเจ้า P80 นี้ใช้งานได้ดีเกินคาด ทั้งการจับเวลา โทรศัพท์ผ่าน Bluetooth การแจ้งเตือนแบบสั่น และแม้แต่มีไฟฉายในตัว! ที่สำคัญคือมันชาร์จผ่าน USB-C ได้จริง และแบตเตอรี่ก็อึดอย่างไม่น่าเชื่อ—ใช้งานได้ถึง 5 วันต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

    ในโลกที่สมาร์ตวอชต์ส่วนใหญ่ยังใช้สายชาร์จเฉพาะตัวแบบแม่เหล็กหรือแท่นวาง การมีพอร์ต USB-C กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเมื่อผู้ใช้ต้องการความสะดวกในการชาร์จระหว่างเดินทาง

    Terence Eden ซื้อ Colmi P80 เพราะเป็นสมาร์ตวอชต์ที่ใช้ USB-C
    ราคาเพียง £16 จาก AliExpress

    Colmi P80 ใช้งานได้ดีเกินคาดสำหรับราคานี้
    มีฟีเจอร์พื้นฐานครบ เช่น โทรศัพท์, แจ้งเตือน, เกม, ไฟฉาย

    ชาร์จเต็มใน 90 นาที และใช้งานได้ถึง 5 วัน
    แบตเตอรี่ขนาด 280mAh ใช้พลังงานต่ำ

    ไม่รองรับ Power Delivery (PD) แต่ชาร์จได้กับ USB-C ธรรมดา
    PD charger ไม่สามารถลดกำลังไฟลงต่ำพอสำหรับอุปกรณ์นี้

    มีฝายางปิดพอร์ต USB-C เพื่อป้องกันฝุ่นและน้ำ
    แต่ฝาอาจหลวมเมื่อใช้สายที่หัวใหญ่

    https://shkspr.mobi/blog/2025/08/i-bought-a-16-smartwatch-just-because-it-used-usb-c/
    ⌚🔌 เรื่องเล่าจากข้อมือ: สมาร์ตวอชต์ราคา £16 ที่เปลี่ยนความคิดเรื่องการชาร์จ Terence Eden นักเขียนบล็อกสายเทคโนโลยีมีภารกิจส่วนตัว—ทำให้ทุกอุปกรณ์พกพาของเขาใช้สาย USB-C ได้หมด ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ หูฟัง แปรงสีฟัน หรือแม้แต่สมาร์ตวอชต์ เขาจึงตัดสินใจซื้อ Colmi P80 สมาร์ตวอชต์ราคาประหยัดจาก AliExpress เพียง £16 เพราะมันเป็นรุ่นเดียวที่มีพอร์ต USB-C แม้จะคาดหวังไว้ว่าจะ “แย่ตามราคา” แต่กลับพบว่าเจ้า P80 นี้ใช้งานได้ดีเกินคาด ทั้งการจับเวลา โทรศัพท์ผ่าน Bluetooth การแจ้งเตือนแบบสั่น และแม้แต่มีไฟฉายในตัว! ที่สำคัญคือมันชาร์จผ่าน USB-C ได้จริง และแบตเตอรี่ก็อึดอย่างไม่น่าเชื่อ—ใช้งานได้ถึง 5 วันต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ในโลกที่สมาร์ตวอชต์ส่วนใหญ่ยังใช้สายชาร์จเฉพาะตัวแบบแม่เหล็กหรือแท่นวาง การมีพอร์ต USB-C กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเมื่อผู้ใช้ต้องการความสะดวกในการชาร์จระหว่างเดินทาง ✅ Terence Eden ซื้อ Colmi P80 เพราะเป็นสมาร์ตวอชต์ที่ใช้ USB-C ➡️ ราคาเพียง £16 จาก AliExpress ✅ Colmi P80 ใช้งานได้ดีเกินคาดสำหรับราคานี้ ➡️ มีฟีเจอร์พื้นฐานครบ เช่น โทรศัพท์, แจ้งเตือน, เกม, ไฟฉาย ✅ ชาร์จเต็มใน 90 นาที และใช้งานได้ถึง 5 วัน ➡️ แบตเตอรี่ขนาด 280mAh ใช้พลังงานต่ำ ✅ ไม่รองรับ Power Delivery (PD) แต่ชาร์จได้กับ USB-C ธรรมดา ➡️ PD charger ไม่สามารถลดกำลังไฟลงต่ำพอสำหรับอุปกรณ์นี้ ✅ มีฝายางปิดพอร์ต USB-C เพื่อป้องกันฝุ่นและน้ำ ➡️ แต่ฝาอาจหลวมเมื่อใช้สายที่หัวใหญ่ https://shkspr.mobi/blog/2025/08/i-bought-a-16-smartwatch-just-because-it-used-usb-c/
    SHKSPR.MOBI
    I bought a £16 smartwatch just because it used USB-C
    Look, I'm an idiot. I know that, you know that, and the man on the moon knows that. Let's not get into why I'm an idiot; let's just accept that I have my peculiarities and you have yours. My idiocy is a quest to make sure all my portable electronics can recharge using USB-C. Modern smartwatches are tiny and they do a lot. As a consequence, their battery life is generally poor. The industry's…
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้ทำงานเทศบาลวันที่ 5 แล้วครับ พรุ่งนี้ก็วันที่ 6 พอดี ก่อนหยุดยาวตามวันหยุดราชการ 4 วัน แต่การปรับคอมให้ใช้โหมดโทนมืดแทนโทนสว่าง เพราะประหยัดพลังงาน เห็นโปรแกรมเมอร์ที่เห็นผ่านๆตามาก็ยังใช้โหมดมืดเลยนะครับ พักนี้ขี่มอเตอร์ไซค์ไปกลับ แต่ช่วงเย็นรถติดเลยดีเลย์หน่อย แต่ชีวิตมันต้องสู้ เมื่อวานรับบัตร PT คืนจากร้านพันธุ์ไทย เพราะลืมไว้เมื่อวันเสาร์ ไปแมกซ์มาร์ท บัตร PT หาย เพราะลืมไว้ที่ร้านพันธุ์ไทยใกล้บ้านผมเองครับ ผมอาจจะอัพเดทความคืบหน้าของงานที่ผมกำลังจะขับเคลื่อนด้วยแนวความคิดใหม่และวิถีใหม่ ลงใน Thaitimes,VK,Linkedin
    ภูมิใจสุดๆที่ได้นำบุรีรัมย์โมเดลมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตทำให้อะไรๆก็ง่ายสบายคล่องขึ้นไปหมดครับ งานก็ไม่ได้ดีเลย์อย่างที่คิดเลย แต่ใส่หูฟังไป พอเขารีเควสงานผมก็ตอบรับและทำทันทีไม่ต้องพูดอะไรเยอะ แต่ก็งานไวดีอยู่ ตอนเป็นลูกจ้าง กกต. ก็ใช้หลักการ 7 ข้อเพิ่มประสิทธิภาพระบบราชการที่ออกข้อสอบ ก.พ. กันบ่อย ไม่เสียแรงเลยจริงๆที่ฝึกทำข้อสอบกฎหมาย ก.พ. 600 ข้อ + 30 ข้อ และทำข้อสอบภาษาอังกฤษได้ แต่เกือบประมาทเรื่อง Immediately จริงๆมันก็ความหมายตรงกับ Urgent นั่นแหละ แปลว่า เร่งด่วน และ ด่วนทันที เลยเข้าใจโครงสร้างศัพท์ภาษาอังกฤษไปบ้างจากที่ฟังคลิปภาษาอังกฤษหลายๆคลิป ประกอบกับวันใกล้สอบมาฝึกทำข้อสอบภาษาอังกฤษ เป็นอะไรที่ Flow เอามากๆเลยนะครับ ตัดมาที่ความรู้ความสามารถทั่วไป ไอ้เหี้ยอนุกรมแม่งยากอะไรเบอร์นั้นวะ อนุกรมฟูเรียร์ อนุกรมเทย์เลอร์ อนุกรมโบดี(ระบบควบคุม) ยังไม่ยากเท่าอนุกรมที่เจอในห้องสอบเลย ทดเกือบชั่วโมง โอย กระทบกับ สถิติ เงื่อนไขสัญลักษณ์ เงื่อนไขตาราง แต่เดาล้วนๆเพื่อแก้ทาง แต่ทำครบทุกข้อเกือบไม่ทันอะ
    วันนี้ทำงานเทศบาลวันที่ 5 แล้วครับ พรุ่งนี้ก็วันที่ 6 พอดี ก่อนหยุดยาวตามวันหยุดราชการ 4 วัน แต่การปรับคอมให้ใช้โหมดโทนมืดแทนโทนสว่าง เพราะประหยัดพลังงาน เห็นโปรแกรมเมอร์ที่เห็นผ่านๆตามาก็ยังใช้โหมดมืดเลยนะครับ พักนี้ขี่มอเตอร์ไซค์ไปกลับ แต่ช่วงเย็นรถติดเลยดีเลย์หน่อย แต่ชีวิตมันต้องสู้ เมื่อวานรับบัตร PT คืนจากร้านพันธุ์ไทย เพราะลืมไว้เมื่อวันเสาร์ ไปแมกซ์มาร์ท บัตร PT หาย เพราะลืมไว้ที่ร้านพันธุ์ไทยใกล้บ้านผมเองครับ ผมอาจจะอัพเดทความคืบหน้าของงานที่ผมกำลังจะขับเคลื่อนด้วยแนวความคิดใหม่และวิถีใหม่ ลงใน Thaitimes,VK,Linkedin ภูมิใจสุดๆที่ได้นำบุรีรัมย์โมเดลมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตทำให้อะไรๆก็ง่ายสบายคล่องขึ้นไปหมดครับ งานก็ไม่ได้ดีเลย์อย่างที่คิดเลย แต่ใส่หูฟังไป พอเขารีเควสงานผมก็ตอบรับและทำทันทีไม่ต้องพูดอะไรเยอะ แต่ก็งานไวดีอยู่ ตอนเป็นลูกจ้าง กกต. ก็ใช้หลักการ 7 ข้อเพิ่มประสิทธิภาพระบบราชการที่ออกข้อสอบ ก.พ. กันบ่อย ไม่เสียแรงเลยจริงๆที่ฝึกทำข้อสอบกฎหมาย ก.พ. 600 ข้อ + 30 ข้อ และทำข้อสอบภาษาอังกฤษได้ แต่เกือบประมาทเรื่อง Immediately จริงๆมันก็ความหมายตรงกับ Urgent นั่นแหละ แปลว่า เร่งด่วน และ ด่วนทันที เลยเข้าใจโครงสร้างศัพท์ภาษาอังกฤษไปบ้างจากที่ฟังคลิปภาษาอังกฤษหลายๆคลิป ประกอบกับวันใกล้สอบมาฝึกทำข้อสอบภาษาอังกฤษ เป็นอะไรที่ Flow เอามากๆเลยนะครับ ตัดมาที่ความรู้ความสามารถทั่วไป ไอ้เหี้ยอนุกรมแม่งยากอะไรเบอร์นั้นวะ อนุกรมฟูเรียร์ อนุกรมเทย์เลอร์ อนุกรมโบดี(ระบบควบคุม) ยังไม่ยากเท่าอนุกรมที่เจอในห้องสอบเลย ทดเกือบชั่วโมง โอย กระทบกับ สถิติ เงื่อนไขสัญลักษณ์ เงื่อนไขตาราง แต่เดาล้วนๆเพื่อแก้ทาง แต่ทำครบทุกข้อเกือบไม่ทันอะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอน 1 :

    กำเนิดจิ๊กโก๋

    เรารู้จักบ้านเมืองเราแค่ไหน เคย ถามตัวเองกันบ้างไหมครับ

    แล้วเคยมีเวลานึกสงสัยกันบ้างไหมว่า ทำไมบ้านเมืองเราถึงเละขนาดนี้ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง การศึกษาและสังคม

    เรารู้จักบ้านเมืองของเรา แบบมักง่าย รู้จักผ่านมุมมอง และความคิดของสื่อ ทั้งสื่อไทย และสื่อเทศ และสื่อส่วนใหญ่ ก็ให้ข้อมูลข่าวสาร แบบฟอกย้อม จะโดยตั้งใจเพราะมีใบสั่ง หรือเพราะสมรรถนะของสื่อส่วนใหญ่ ต่ำถึงต่ำมาก แทบทั้งนั้น

    ข้อมูลอีกหลายส่วน ก็มาจากนักวิชาการ ที่ไม่ต่างกับสื่อ ถ้าไม่ขายตัว ก็อธิบายแบบท่องจำ จอแคบ จอแบนไม่มีมิติ มองมุมเดียว เพราะมันง่ายดี

    แล้วเราจะได้ความรู้ ความเข้าใจแบบไหนกัน นี่ยังไม่นับข้อมูลที่เกิดจาก การตอแหลของนักการเมือง และบรรดาข้าราชการ ที่ทำหน้าที่ขี้ข้านักการเมือง

    ซึ่งขอใช้คำว่า บัดซบ จึงจะตรงกับพฤติกรรม

    ตัวเราเองก็เลยติดนิสัย ที่จะมองอะไรแบบมักง่าย

    เมื่อเราไม่รู้ปัญหาที่แท้จริง ก็ไม่มีความเข้าใจจริง แล้วจะหาทางออก จะแก้ปัญหาได้อย่างไร ยิ่งแก้ก็เลยยิ่งพันยุ่งเละเทะ เหมือนลิงแก้แห

    ทำไมเราไม่มาทำความเข้าใจ ทำความรู้จักบ้านเมืองของเราอย่างจริงจังก่อน ด้วยการศึกษาขวนขวายด้วยตัวเอง ไม่ใช่ใช้แค่ตาดูหูฟังเอาจากสื่อจอแบน คำโกหกนักการเมืองหรือนักวิชาการ ประเภทมีความรู้เกินๆ ขาดๆ

    จะเข้าใจปัจจุบัน ก็ต้องรู้จักอดีตหรือประวัติศาสตร์ก่อน ไม่งั้นจะรู้ได้ยังไงว่า ต้นไม้ต้นไหนออกลูกเป็นพิษ

    แล้วก็อย่าทำตัวเป็นม้าแข่ง มองเห็นแต่ลู่วิ่งข้างหน้า หัดมองรอบตัว รู้จักเพื่อนบ้าน รู้จักโลกบ้าง ไม่ใช่จะมีแต่เธอ ฉัน ลูกเรา น้องหมา และน้ำเน่าในทีวี กับจิ้มข้อความไร้สาระ ส่งกันไปมาตามหน้าจอ ประเภท ส่ง 10 คน จะมีโชค

    ก่อนอื่นควรรู้จักโลกกว้างเสียก่อน ประเทศไทยไม่ใช่ตั้งอยู่โดด ๆ ประเทศเดียวเรามีเพื่อนบ้านร่วมทวีป ร่วมโลกอีกแยะ เรารู้จักเพื่อนร่วมโลก หรือ เพื่อนบ้านเราแค่ไหนกัน

    จะอยู่บ้านให้สบายใจ มันก็ควรจะรู้จักเสียหน่อยว่า ใครเป็นใครในซอย มีจิ๊กโก๋๋ยืนกร่าง เบ่งกล้ามอยู่ปากซอยหรือเปล่า ถ้ามีต้องรู้ว่ามันเป็นใคร ฝีไม้ลายมือขนาดไหน ของจริง หรือ ราคาคุย

    งั้นเรามาเริ่มต้น ด้วยการรู้จักจิ๊กโก๋๋ปากซอยกันซะหน่อยดีไหม รู้จักแล้ว จะได้รู้ว่าเราจะอยู่ในซอยนี้แบบไหน อยู่แบบตัวห่อหน้าเหี่ยว หรือ อยู่อย่างสบายใจ นี่บ้านกูนะ จะคบกับชาวซอยด้วยกันอย่าง ไร และแสดงท่าที หรือจัดการอย่างไรดีกับเจ้าจิ๊กโก๋๋ปากซอย

    และจะอ่านนิทานนี้ให้สนุก จะรู้จักโลกกว้าง ต้องรู้จักคาถาการครองโลก

    “อำนาจ คือ ทุน” และ “ทุน คือ อำนาจ”

    จำให้แม่น มันจะทำให้เราเข้าใจความเป็นไปของโลกนี้

    ประเทศนี้ และทั้งหลาย ทั้งปวง ที่อยู่รอบตัวเราง่ายขึ้น

    สงครามโลกครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเพราะอะไร ประวัติศาสตร์ที่เขาเขียนให้เราเรียน สมัยเป็นนักเรียน เขาก็เขียนให้เราเข้าใจไปว่า มันเป็นเรื่องของการต้องการแผ่อำนาจของประเทศผู้รุกราน และประเทศผู้ถูกรุกรานก็จ๋อยสิ จำเป็นต้องสู้ หรือเข้าสู่สงครามกับเขาไปด้วย เพื่อเอาตัวรอด เพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศตน

    แต่จริงๆ แล้ว มันเป็นอย่างนั้นแน่หรือ กลับไปอ่านคาถาครองโลกข้างต้นสัก 10 เที่ยว แล้วอ่านนิทานนี้ต่อ อาจจะรู้จักประวัติศาสตร์ ในมุมมองใหม่

    สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 (ค.ศ.1934) จบเอาปี พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) รวมเวลา 6ปี ตลอดเวลาการสู้รบ เขาใช้ทวีปยุโรปและเอเซียเป็นสนามประลองกำลัง พอเสร็จสงคราม ฝ่ายผู้แพ้สงครามเช่น เยอรมันและญี่ปุ่น ก็ถูกน็อกคาสนามบอบช้ำฉิบหาย ตามประสาผู้แพ้ ส่วนฝ่ายสัมพันธ มิตรผู้ชนะสงครามเช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ยุโรป รัสเซีย และแม้แต่จีน ก็ใช่ว่าจะไม่ยับไม่เยิน แต่ละรายดูไม่จืดเชียว ยืนพิงเชือกเกือบนับ 10 เกือบทั้งนั้น ….มีแต่อเมริกาเท่านั้นแหละ ที่โดนแค่สอยคาง เรือรบล่มไม่กี่ลำ ที่เพิร์ล ฮาเบอร์ (Pearl Harbor) ฮาวาย ส่วนบ้านตัวที่ทวีปอเมริกาปลอดภัยดี ไม่มีบุบไม่มีย่น… แค่นี้ทำเป็นยั๊วะ ถือโอกาสประกาศสงครามกับญี่ปุ่น เข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร (โอกาสทองมา แล้ว) เมื่อชนะสงครามอเมริกาจึงสถาปนาตนเองเป็นจิ๊กโก๋๋คุมซอย เป็นพี่เบิ้มดูแลโลกทั้งใบ นั่นไงมาแล้ว … จิ๊กโก๋๋ปากซอย!

    หลังจากการทำสงครามโลก เศรษฐกิจของแต่ละประเทศก็ตกต่ำล่มจม ความแตกต่างทางสังคมเห็นชัดขึ้น เกิดช่องว่างระหว่างคนรวยคนจนชัดเจน ไม่ต้องเอาแว่นมาขยาย ระบอบคอมมิวนิสต์ จึงเริ่มก่อตัวขึ้น ในบริเวณแถวรัสเซียและยุโรปตะวันออก เมื่อปี พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947)

    อเมริกาในฐานะพี่เบิ้ม จึงกำหนดยุทธศาสตร์ปิดล้อม (Containment) ขึ้นมาและประกาศเป็นนโยบาย

    เรียกว่า Truman Doctrine โดยประธานาธิบดีแฮรี่ เอส ทรูแมน (Harry S Truman) (ดื้อ เหี้ยม!)

    เป้าหมายของยุทธศาสตร์นี้ หลักใหญ่มีแค่ 2 เรื่อง คือสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งให้กับอเมริกาและพวก กับกีดกันไม่ให้สหภาพโซเวียตมีโอกาสยื่นหน้า เข้ามาสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก นี่ล่ะธาตุแท้อเมริกา ร่วมรบด้วยกันมาดีๆ พอถึงเวลาไม่เป็นประชาธิปไตยตามแบบที่ตัวเองต้องการ ก็ออกอาการเหม็นหน้า อย่าเข้ามาใกล้นะ เดี๋ยวจะทำให้คนอื่นเขาติดโรคหมด

    Truman Doctrine นี้ อเมริกาจะใช้คนเดียวก็กลัวเหงา เลยจับประเทศแถวยุโรปมาเข้าร่วมโดย จัดตั้งเป็นองค์กรนาโต (NATO) ขึ้นมา ปัจจุบันมีทั้งหมด 28 ประเทศ กลุ่มประเทศที่ก่อตั้งและ/หรือเป็นประเทศหลักมี อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม แคนาดา เดนมาร์ก ไอซแลนด์ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ กรีซ ตุรกี และเยอรมัน อเมริกาใช้นาโตเป็นขนมล่อยุโรปให้ผูกติดอยู่กับอเมริกามาจนถึงทุกวันนี้

    เริ่มเห็นฝีมือการแบ่งขนม แบ่งค่ายของอเมริกาหรือยัง

    สูตรยอดนิยมของอเมริกา ที่ใช้มาตลอดคือ ล่อให้เหยื่อมารวมตัวกัน (อยู่ในคอก) ก่อนจะได้ดูแลง่าย จำไว้ให้ดี

    ด้านหนึ่ง อเมริกาจะออกหน้า สนับสนุนให้มีการรวมตัวของประชาชาติในเรื่องต่างๆ แต่อีกด้านอเมริกาก็จะสร้างเรื่อง โดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้การรวมตัวนั้นมีปัญหา และแตกแยกกันเอง แข่งขันกันเอง ทะเลาะกันเอง เพื่อเป็นการเพิ่มบทบาทของพี่เบิ้ม ให้เป็นที่พึ่งพาขึ้นไปเรื่อยๆ (ต้นตำรับ value added! หรือจะเรียกให้ชัดคือ สร้างภาพ) ลองสังเกตดู

    พร้อมกับการเขยิบฐานะตัวเป็นพี่เบิ้ม อเมริกา ก็เริ่มทำตัวเป็นนักล่าอาณานิคมยุคใหม่ แทนนักล่ารุ่นเก่าที่กำลังนอนเลียแผล

    ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 นักล่าอาณานิคมตัวใหญ่แชมป์เก่าคือ อังกฤษ กร่างถึงขนาดประกาศว่า ดวงอาทิตย์ไม่มีวันตกที่จักรภพอังกฤษ ตามมาติดๆคือ ฝรั่งเศส คู่แค้นของไทย กะจะเขมือบไทยมาตลอด วางแผนมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ แต่ที่อุกอาจสามานย์ ทำให้ไทยเจ็บช้ำจนกรมหลวงชุมพรฯ ต้องสักไว้ก็คือเหตุการณ์ ร.ศ.112 ในสมัยล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 5 หวังว่ายังคงจำกันได้ หรือรู้จักแต่ ม112

    นักล่า ที่มาเงียบๆ คอยเสียบ คอยเสี้ยม แล้วหยิบชิ้นปลามันคือ ฮอลันดา แต่นักล่า รุ่นเก๋าจริงๆ ต้องยกให้ สเปนและโปรตุเกศ แผนลึก อดทน และใจเย็น

    นักล่ายุคใหม่ ไม่ต้องการครอบครองดินแดน แบบนักล่ารุ่นเก่า แต่ต้องการกอบโกยทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์เช่นน้ำมัน และแร่ธาตุสารพัด ของประเทศที่อุดมทรัพยากร แต่ด้อยปัญญา ของประเทศที่ยังไม่พัฒนา โดยเฉพาะในแถบอาเซีย และตะวันออกกลางที่ยังอุดมสมบูรณ์อยู่ ในขณะที่แถวยุโรปเริ่มร่อยหรอ ส่วนอเมริกานั้นยังมีอยู่แยะ แต่งุบงิบแอบเก็บไว้ไม่ให้ใครรู้

    อย่าเข้าใจผิดว่าการล่าอาณานิคมยุคใหม่ จะใช้วิธียกทัพจับศึก ยึดดินแดนกันอย่างเมื่อก่อน รุ่นใหม่ ยุคใหม่นี่เขาทำกันเนียน

    ส่วนเครื่องมือในการล่าอาณานิคมยุคใหม่ เขาใช้ตามคาถายอดนิยม

    อำนาจ คือ ทุน และทุน คือ อำนาจ …

    ยังไม่เข้าใจใช่ไหม งั้นต้องอ่านต่อไป

    รบชนะมาหมาดๆ อำนาจล้นฟ้า บีบให้โลกยกย่องเป็นพี่เบิ้ม จะปล่อยให้โอกาสทองหลุดมือไปได้ยังไง พี่เบิ้มก็ต้องรีบเหยียด (มือยาวๆ อ้อมไปทั้งโลก โดยใช้วิธีการทั้งหลอก ทั้งล่อ เอาทุนนิยมมาล่อ เอาทุนเสรีมาจูง ให้ทุนมันเคลื่อนไหวอย่างเสรี ไม่มีอะไรมากักไง ไร้พรมแดนไงไม่ดีหรือ นายทุนก็ถลารับ แบบนี้มันก็ล้อมโลกได้โดยไม่รู้ตัวกัน คำว่าโลกาภิวัฒน์จึงเกิดขึ้น ชอบใช้กันนัก รู้ให้ทันแล้วกันว่าโลกาภิวัตน์ คืออะไร และเพื่อใคร

    ทุนนิยมเสรี มันเดินไปเองได้ที่ไหน ก็ต้องหาเครื่องมือให้ทุนมันเดินไปทั่วโลกได้ง่ายๆ เนียนๆ ดังนั้นหน่วย งานระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ (UN) ธนาคารโลก (World Bank) IMF WTO ฯลฯ และเหล่าบรรษัทข้ามชาติ ด้านการเงิน การค้า การอุตสาหกรรมต่างๆ จึงเกิดขึ้น หน่วยงานต่างๆ ดังกล่าว มีพี่เบิ้มและพวก เป็นเจ้าของหรือเป็นผู้กำกับทั้งนั้น รู้กันไหม

    สหประชาชาติ (UN) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) จากแนวคิดของผู้ชนะสงครามคือ พี่เบิ้มและอังกฤษคู่หู คือ มีคณะมนตรีถาวร 5 ประเทศ ไม่บอกก็น่าจะเดาออกนะ ว่าใครบ้าง ก็ผู้ชนะสงคราม นั่นแหละคือ อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และจีน (เห็นรายชื่ออย่างนี้ อย่าเพิ่งแปลกใจ ตอนนั้น พี่เบิ้มเขายังวุ่นอยู่กับสร้างบทให้ตัวเองเป็นใหญ่ เลยยังไม่มีเวลา ไปไล่บี้ว่าที่คู่แข่งของตัว)

    ผู้ควักกระเป๋าจ่ายเงินสนับสนุนการดำเนินงานของ UN ก็คือสมาชิก คงพอเดากันได้ว่าใครจ่ายเงินสนับสนุนUN สูงสุด ไม่น่าตอบผิดนะ ก็พี่เบิ้มอเมริกานั่นไง ไม่งั้นจะได้ตำแหน่งเป็นจิ๊กโก๋๋คุมซอยเหรอ

    ธนาคารโลก (World Bank) ก่อตั้งขึ้นพร้อมกับ IMF (International Monetary Fund) ในปี พ.ศ.2487 (ค.ศ.1944) แน่นอน ก็จากแนวคิดของพี่เบิ้ม อเมริกาและอังกฤษอีกนั่นแหละ สำนักงานใหญ่ขอทั้ง 2 องค์กร ตั้งอยู่ที่วอชิงตัน ดี ซี ของพี่เบิ้ม เงินสนับสนุนส่วนใหญ่มาจากประเทศสมาชิก แต่ผู้ที่ควักกระเป๋าหนักที่สุดก็ เหมือนเดิมคือ พี่เบิ้ม อเมริกา คิดกันต่อแล้วกันอย่างนี้ แปลว่า พี่เบิ้มใจดีชะมัดหรือพี่เบิ้มกำลังท่องคาถา อำนาจ คือ ทุน ทุน คือ อำนาจ…. ลงทุนจิ๊บจ๊อย เดี๋ยวก็ได้คืนทั้งโลก 555

    ไปเปิดอากู (Google) ดู แล้วกัน ประธานธนาคารโลกตั้งกะก่อตั้ง (ค.ศ.1946) มาจนถึงปัจจุบัน (ค.ศ.2016) เป็นคนสัญชาติอเมริกันทั้งหมด …อาจมีคนโวย ไม่ใช่นะ คนสุดท้าย เจ้าจิม ยอง คิม (Jim Yong Kim) เป็นเกาหลีต่างหาก …เป็นเกาหลีแต่ถือสัญชาติอเมริกันครับผม …อืม เริ่มเห็นภาพลางๆ บ้างหรือยัง ครับ

    อันที่จริงระบบทุนนิยมมีมานานแล้วนะ แต่การขยายตัวทำได้ช้า เพราะต้องพึ่งการคมนาคมและการสื่อสาร ดังนั้นทุนนิยมยุคโบราณจึงเดินทางโดยเรือ รถไฟ ม้า อูฐ และนกพิราบ (ฮา!) ก็ตอนนั้นยังไม่มีเครื่องบิน โทรเลข โทรศัพท์ มือถือ ดาวเทียม Swift 3จี 4จี Wi-Fi ฯลฯ อะไรนี่นะ

    ทุนนิยมโลกไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขตดินแดน แต่ขึ้นกับศูนย์อำนาจในแต่ละช่วงเวลานั้น เช่น ฮอลันดาเป็นศูนย์ กลางของทุนนิยม สมัยศตวรรษที่ 17 ก็เล่นล่าตั้งกะอินโดนีเซียยันไปถึงอาฟริกา ต่อมาศูนย์อำนาจก็ย้ายไปอยู่ที่อังกฤษ เจ้าของคำกร่างว่า พระอาทิตย์ไม่ตกดินที่อังกฤษ จนมาถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พี่เบิ้มอเมริกา ถึงได้ขึ้นแท่นเป็น นัมเบอร์วัน ของศูนย์อำนาจ ไชโย! ตาไอแล้ว

    อเมริกา คิดเรื่องระบบทุนนิยมและกลไก ที่จะทำให้ตนเป็นศูนย์อำนาจ มาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2

    แต่โอกาสยังไม่อำนวย หวยมาตกก็ตอนศูนย์อำนาจเก่าๆ พากันฉิบหาย หงายท้องหมด หลังสงคราม โลกครั้งที่ 2 นี่แหละ อเมริกาถึงเสนอแผนจัดโครงสร้างระเบียบโลกเสียใหม่ (New World Order) โดยเน้นที่พลังทุนนิยม ก็เป็นเศรษฐีนี่ มีปัญหาไหม ไม่นิยมทุนแล้วจะให้นิยมอะไร

    …อย่าลืมคาถา ทุน คือ อำนาจ อำนาจ คือ ทุน ง่ายๆ ตรงไปตรงมา

    ไม่ว่าจะเรียก New World Order หรือ Pax Americana หรือคำอะไรให้มันดูหรูหราเข้าใจยากจริงๆ แล้วมันก็คือแผนการล่าอาณานิคมยุคใหม่นั่นเอง โดยใช้ระบบทุนนิยม นำหน้าในการล่า เดี๋ยวก็มาถึงทุนนิยมสามานย์น่าใจเย็นไว้โยม

    ทุนจะมีก็ต้องค้าขาย เงินไม่ได้ตกลงมาจากฟ้าเหมือนฝนนะ จะค้าขายก็ต้องมีสินค้า สินค้ามาจากไหน มาจากการผลิต การผลิตต้องมีอะไรเป็นปัจจัย ต้องมีวัตถุดิบซีจ้ะ วัตถุดิบมาจากไหน ก็มาจากทรัพยากร ทรัพยากรมาจากไหน ก็ปล้นหรือต้มเขาเอาซีวุ้ย แหม กว่าจะโยงมาถึงคนเล่านิทานเกือบเป็นลม

    ดังนั้นนักสำรวจทรัพย์ของผู้อื่น ในคราบผู้เชี่ยวชาญ จึงเดินกันว่อน วิ่งกันพล่าน อุ๊ย ประเทศนี้ไอจองนะ ไอจะไปดูเอง เขาน่าสงสารนะ เห็นมีแต่ช้างเดินเต็มป่า วัวควายเต็มทุ่งนา

    ปี ค.ศ.1946 สงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกหมาดๆ อเมริกาส่งผู้เชี่ยวชาญ มาทำการสำรวจสถานะของประเทศไทยและสรุปว่า ไทยแลนด์ เป็นประเทศที่ยังมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ และยังมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจดียิ่ง อย่างเหลือเชื่อ (อย่างเหลือเชื่อนี่ ผมเติมเองครับ เพราะอ่านแล้วเหลือเชื่อ นี่ขนาดบริหารกันไปแดกกันไป ยังแกร่งอย่างนี้เลยนะ ถ้าตั้งอกตั้งใจบริหาร แม่อีหนูเอ๊ย ลูกหลานเราคงเรียนฟรี ถนนคงปูด้วยทองคำ อย่างที่ ท่านอจ.ศึกฤทธิ์ว่าไว้จริงๆ นะ)

    รายงานฉบับดังกล่าว ทำให้อเมริกาน้ำลายเยิ้มเมื่อมองประเทศไทย ไม่ต่างกับที่โอบามา มองคุณนายเอ๋อเมื่อตอนมาสำรวจประเทศไทย เมื่อปลายปี พ.ศ.2555 นั่นแหละ

    แล้วทำอย่างไร อเมริกาถึงจะได้กินอาหารจานอร่อยชื่อ ไทยแลนด์ แดนสวรรค์ สยามเมืองยิ้ม

    ไม่ยาก อเมริกาใหญ่ผงาดมาขนาดนี้ ไม่ใช่ทำเป็นแค่ขี้ม้าไล่ยิงอินเดียนแดงออกจากถิ่นเก่าของเขานะวุ้ย

    คนเล่านิทาน
    ตอน 1 : กำเนิดจิ๊กโก๋ เรารู้จักบ้านเมืองเราแค่ไหน เคย ถามตัวเองกันบ้างไหมครับ แล้วเคยมีเวลานึกสงสัยกันบ้างไหมว่า ทำไมบ้านเมืองเราถึงเละขนาดนี้ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง การศึกษาและสังคม เรารู้จักบ้านเมืองของเรา แบบมักง่าย รู้จักผ่านมุมมอง และความคิดของสื่อ ทั้งสื่อไทย และสื่อเทศ และสื่อส่วนใหญ่ ก็ให้ข้อมูลข่าวสาร แบบฟอกย้อม จะโดยตั้งใจเพราะมีใบสั่ง หรือเพราะสมรรถนะของสื่อส่วนใหญ่ ต่ำถึงต่ำมาก แทบทั้งนั้น ข้อมูลอีกหลายส่วน ก็มาจากนักวิชาการ ที่ไม่ต่างกับสื่อ ถ้าไม่ขายตัว ก็อธิบายแบบท่องจำ จอแคบ จอแบนไม่มีมิติ มองมุมเดียว เพราะมันง่ายดี แล้วเราจะได้ความรู้ ความเข้าใจแบบไหนกัน นี่ยังไม่นับข้อมูลที่เกิดจาก การตอแหลของนักการเมือง และบรรดาข้าราชการ ที่ทำหน้าที่ขี้ข้านักการเมือง ซึ่งขอใช้คำว่า บัดซบ จึงจะตรงกับพฤติกรรม ตัวเราเองก็เลยติดนิสัย ที่จะมองอะไรแบบมักง่าย เมื่อเราไม่รู้ปัญหาที่แท้จริง ก็ไม่มีความเข้าใจจริง แล้วจะหาทางออก จะแก้ปัญหาได้อย่างไร ยิ่งแก้ก็เลยยิ่งพันยุ่งเละเทะ เหมือนลิงแก้แห ทำไมเราไม่มาทำความเข้าใจ ทำความรู้จักบ้านเมืองของเราอย่างจริงจังก่อน ด้วยการศึกษาขวนขวายด้วยตัวเอง ไม่ใช่ใช้แค่ตาดูหูฟังเอาจากสื่อจอแบน คำโกหกนักการเมืองหรือนักวิชาการ ประเภทมีความรู้เกินๆ ขาดๆ จะเข้าใจปัจจุบัน ก็ต้องรู้จักอดีตหรือประวัติศาสตร์ก่อน ไม่งั้นจะรู้ได้ยังไงว่า ต้นไม้ต้นไหนออกลูกเป็นพิษ แล้วก็อย่าทำตัวเป็นม้าแข่ง มองเห็นแต่ลู่วิ่งข้างหน้า หัดมองรอบตัว รู้จักเพื่อนบ้าน รู้จักโลกบ้าง ไม่ใช่จะมีแต่เธอ ฉัน ลูกเรา น้องหมา และน้ำเน่าในทีวี กับจิ้มข้อความไร้สาระ ส่งกันไปมาตามหน้าจอ ประเภท ส่ง 10 คน จะมีโชค ก่อนอื่นควรรู้จักโลกกว้างเสียก่อน ประเทศไทยไม่ใช่ตั้งอยู่โดด ๆ ประเทศเดียวเรามีเพื่อนบ้านร่วมทวีป ร่วมโลกอีกแยะ เรารู้จักเพื่อนร่วมโลก หรือ เพื่อนบ้านเราแค่ไหนกัน จะอยู่บ้านให้สบายใจ มันก็ควรจะรู้จักเสียหน่อยว่า ใครเป็นใครในซอย มีจิ๊กโก๋๋ยืนกร่าง เบ่งกล้ามอยู่ปากซอยหรือเปล่า ถ้ามีต้องรู้ว่ามันเป็นใคร ฝีไม้ลายมือขนาดไหน ของจริง หรือ ราคาคุย งั้นเรามาเริ่มต้น ด้วยการรู้จักจิ๊กโก๋๋ปากซอยกันซะหน่อยดีไหม รู้จักแล้ว จะได้รู้ว่าเราจะอยู่ในซอยนี้แบบไหน อยู่แบบตัวห่อหน้าเหี่ยว หรือ อยู่อย่างสบายใจ นี่บ้านกูนะ จะคบกับชาวซอยด้วยกันอย่าง ไร และแสดงท่าที หรือจัดการอย่างไรดีกับเจ้าจิ๊กโก๋๋ปากซอย และจะอ่านนิทานนี้ให้สนุก จะรู้จักโลกกว้าง ต้องรู้จักคาถาการครองโลก “อำนาจ คือ ทุน” และ “ทุน คือ อำนาจ” จำให้แม่น มันจะทำให้เราเข้าใจความเป็นไปของโลกนี้ ประเทศนี้ และทั้งหลาย ทั้งปวง ที่อยู่รอบตัวเราง่ายขึ้น สงครามโลกครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเพราะอะไร ประวัติศาสตร์ที่เขาเขียนให้เราเรียน สมัยเป็นนักเรียน เขาก็เขียนให้เราเข้าใจไปว่า มันเป็นเรื่องของการต้องการแผ่อำนาจของประเทศผู้รุกราน และประเทศผู้ถูกรุกรานก็จ๋อยสิ จำเป็นต้องสู้ หรือเข้าสู่สงครามกับเขาไปด้วย เพื่อเอาตัวรอด เพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศตน แต่จริงๆ แล้ว มันเป็นอย่างนั้นแน่หรือ กลับไปอ่านคาถาครองโลกข้างต้นสัก 10 เที่ยว แล้วอ่านนิทานนี้ต่อ อาจจะรู้จักประวัติศาสตร์ ในมุมมองใหม่ สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 (ค.ศ.1934) จบเอาปี พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) รวมเวลา 6ปี ตลอดเวลาการสู้รบ เขาใช้ทวีปยุโรปและเอเซียเป็นสนามประลองกำลัง พอเสร็จสงคราม ฝ่ายผู้แพ้สงครามเช่น เยอรมันและญี่ปุ่น ก็ถูกน็อกคาสนามบอบช้ำฉิบหาย ตามประสาผู้แพ้ ส่วนฝ่ายสัมพันธ มิตรผู้ชนะสงครามเช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ยุโรป รัสเซีย และแม้แต่จีน ก็ใช่ว่าจะไม่ยับไม่เยิน แต่ละรายดูไม่จืดเชียว ยืนพิงเชือกเกือบนับ 10 เกือบทั้งนั้น ….มีแต่อเมริกาเท่านั้นแหละ ที่โดนแค่สอยคาง เรือรบล่มไม่กี่ลำ ที่เพิร์ล ฮาเบอร์ (Pearl Harbor) ฮาวาย ส่วนบ้านตัวที่ทวีปอเมริกาปลอดภัยดี ไม่มีบุบไม่มีย่น… แค่นี้ทำเป็นยั๊วะ ถือโอกาสประกาศสงครามกับญี่ปุ่น เข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร (โอกาสทองมา แล้ว) เมื่อชนะสงครามอเมริกาจึงสถาปนาตนเองเป็นจิ๊กโก๋๋คุมซอย เป็นพี่เบิ้มดูแลโลกทั้งใบ นั่นไงมาแล้ว … จิ๊กโก๋๋ปากซอย! หลังจากการทำสงครามโลก เศรษฐกิจของแต่ละประเทศก็ตกต่ำล่มจม ความแตกต่างทางสังคมเห็นชัดขึ้น เกิดช่องว่างระหว่างคนรวยคนจนชัดเจน ไม่ต้องเอาแว่นมาขยาย ระบอบคอมมิวนิสต์ จึงเริ่มก่อตัวขึ้น ในบริเวณแถวรัสเซียและยุโรปตะวันออก เมื่อปี พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947) อเมริกาในฐานะพี่เบิ้ม จึงกำหนดยุทธศาสตร์ปิดล้อม (Containment) ขึ้นมาและประกาศเป็นนโยบาย เรียกว่า Truman Doctrine โดยประธานาธิบดีแฮรี่ เอส ทรูแมน (Harry S Truman) (ดื้อ เหี้ยม!) เป้าหมายของยุทธศาสตร์นี้ หลักใหญ่มีแค่ 2 เรื่อง คือสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งให้กับอเมริกาและพวก กับกีดกันไม่ให้สหภาพโซเวียตมีโอกาสยื่นหน้า เข้ามาสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก นี่ล่ะธาตุแท้อเมริกา ร่วมรบด้วยกันมาดีๆ พอถึงเวลาไม่เป็นประชาธิปไตยตามแบบที่ตัวเองต้องการ ก็ออกอาการเหม็นหน้า อย่าเข้ามาใกล้นะ เดี๋ยวจะทำให้คนอื่นเขาติดโรคหมด Truman Doctrine นี้ อเมริกาจะใช้คนเดียวก็กลัวเหงา เลยจับประเทศแถวยุโรปมาเข้าร่วมโดย จัดตั้งเป็นองค์กรนาโต (NATO) ขึ้นมา ปัจจุบันมีทั้งหมด 28 ประเทศ กลุ่มประเทศที่ก่อตั้งและ/หรือเป็นประเทศหลักมี อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม แคนาดา เดนมาร์ก ไอซแลนด์ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ กรีซ ตุรกี และเยอรมัน อเมริกาใช้นาโตเป็นขนมล่อยุโรปให้ผูกติดอยู่กับอเมริกามาจนถึงทุกวันนี้ เริ่มเห็นฝีมือการแบ่งขนม แบ่งค่ายของอเมริกาหรือยัง สูตรยอดนิยมของอเมริกา ที่ใช้มาตลอดคือ ล่อให้เหยื่อมารวมตัวกัน (อยู่ในคอก) ก่อนจะได้ดูแลง่าย จำไว้ให้ดี ด้านหนึ่ง อเมริกาจะออกหน้า สนับสนุนให้มีการรวมตัวของประชาชาติในเรื่องต่างๆ แต่อีกด้านอเมริกาก็จะสร้างเรื่อง โดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้การรวมตัวนั้นมีปัญหา และแตกแยกกันเอง แข่งขันกันเอง ทะเลาะกันเอง เพื่อเป็นการเพิ่มบทบาทของพี่เบิ้ม ให้เป็นที่พึ่งพาขึ้นไปเรื่อยๆ (ต้นตำรับ value added! หรือจะเรียกให้ชัดคือ สร้างภาพ) ลองสังเกตดู พร้อมกับการเขยิบฐานะตัวเป็นพี่เบิ้ม อเมริกา ก็เริ่มทำตัวเป็นนักล่าอาณานิคมยุคใหม่ แทนนักล่ารุ่นเก่าที่กำลังนอนเลียแผล ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 นักล่าอาณานิคมตัวใหญ่แชมป์เก่าคือ อังกฤษ กร่างถึงขนาดประกาศว่า ดวงอาทิตย์ไม่มีวันตกที่จักรภพอังกฤษ ตามมาติดๆคือ ฝรั่งเศส คู่แค้นของไทย กะจะเขมือบไทยมาตลอด วางแผนมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ แต่ที่อุกอาจสามานย์ ทำให้ไทยเจ็บช้ำจนกรมหลวงชุมพรฯ ต้องสักไว้ก็คือเหตุการณ์ ร.ศ.112 ในสมัยล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 5 หวังว่ายังคงจำกันได้ หรือรู้จักแต่ ม112 นักล่า ที่มาเงียบๆ คอยเสียบ คอยเสี้ยม แล้วหยิบชิ้นปลามันคือ ฮอลันดา แต่นักล่า รุ่นเก๋าจริงๆ ต้องยกให้ สเปนและโปรตุเกศ แผนลึก อดทน และใจเย็น นักล่ายุคใหม่ ไม่ต้องการครอบครองดินแดน แบบนักล่ารุ่นเก่า แต่ต้องการกอบโกยทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์เช่นน้ำมัน และแร่ธาตุสารพัด ของประเทศที่อุดมทรัพยากร แต่ด้อยปัญญา ของประเทศที่ยังไม่พัฒนา โดยเฉพาะในแถบอาเซีย และตะวันออกกลางที่ยังอุดมสมบูรณ์อยู่ ในขณะที่แถวยุโรปเริ่มร่อยหรอ ส่วนอเมริกานั้นยังมีอยู่แยะ แต่งุบงิบแอบเก็บไว้ไม่ให้ใครรู้ อย่าเข้าใจผิดว่าการล่าอาณานิคมยุคใหม่ จะใช้วิธียกทัพจับศึก ยึดดินแดนกันอย่างเมื่อก่อน รุ่นใหม่ ยุคใหม่นี่เขาทำกันเนียน ส่วนเครื่องมือในการล่าอาณานิคมยุคใหม่ เขาใช้ตามคาถายอดนิยม อำนาจ คือ ทุน และทุน คือ อำนาจ … ยังไม่เข้าใจใช่ไหม งั้นต้องอ่านต่อไป รบชนะมาหมาดๆ อำนาจล้นฟ้า บีบให้โลกยกย่องเป็นพี่เบิ้ม จะปล่อยให้โอกาสทองหลุดมือไปได้ยังไง พี่เบิ้มก็ต้องรีบเหยียด (มือยาวๆ อ้อมไปทั้งโลก โดยใช้วิธีการทั้งหลอก ทั้งล่อ เอาทุนนิยมมาล่อ เอาทุนเสรีมาจูง ให้ทุนมันเคลื่อนไหวอย่างเสรี ไม่มีอะไรมากักไง ไร้พรมแดนไงไม่ดีหรือ นายทุนก็ถลารับ แบบนี้มันก็ล้อมโลกได้โดยไม่รู้ตัวกัน คำว่าโลกาภิวัฒน์จึงเกิดขึ้น ชอบใช้กันนัก รู้ให้ทันแล้วกันว่าโลกาภิวัตน์ คืออะไร และเพื่อใคร ทุนนิยมเสรี มันเดินไปเองได้ที่ไหน ก็ต้องหาเครื่องมือให้ทุนมันเดินไปทั่วโลกได้ง่ายๆ เนียนๆ ดังนั้นหน่วย งานระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ (UN) ธนาคารโลก (World Bank) IMF WTO ฯลฯ และเหล่าบรรษัทข้ามชาติ ด้านการเงิน การค้า การอุตสาหกรรมต่างๆ จึงเกิดขึ้น หน่วยงานต่างๆ ดังกล่าว มีพี่เบิ้มและพวก เป็นเจ้าของหรือเป็นผู้กำกับทั้งนั้น รู้กันไหม สหประชาชาติ (UN) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) จากแนวคิดของผู้ชนะสงครามคือ พี่เบิ้มและอังกฤษคู่หู คือ มีคณะมนตรีถาวร 5 ประเทศ ไม่บอกก็น่าจะเดาออกนะ ว่าใครบ้าง ก็ผู้ชนะสงคราม นั่นแหละคือ อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และจีน (เห็นรายชื่ออย่างนี้ อย่าเพิ่งแปลกใจ ตอนนั้น พี่เบิ้มเขายังวุ่นอยู่กับสร้างบทให้ตัวเองเป็นใหญ่ เลยยังไม่มีเวลา ไปไล่บี้ว่าที่คู่แข่งของตัว) ผู้ควักกระเป๋าจ่ายเงินสนับสนุนการดำเนินงานของ UN ก็คือสมาชิก คงพอเดากันได้ว่าใครจ่ายเงินสนับสนุนUN สูงสุด ไม่น่าตอบผิดนะ ก็พี่เบิ้มอเมริกานั่นไง ไม่งั้นจะได้ตำแหน่งเป็นจิ๊กโก๋๋คุมซอยเหรอ ธนาคารโลก (World Bank) ก่อตั้งขึ้นพร้อมกับ IMF (International Monetary Fund) ในปี พ.ศ.2487 (ค.ศ.1944) แน่นอน ก็จากแนวคิดของพี่เบิ้ม อเมริกาและอังกฤษอีกนั่นแหละ สำนักงานใหญ่ขอทั้ง 2 องค์กร ตั้งอยู่ที่วอชิงตัน ดี ซี ของพี่เบิ้ม เงินสนับสนุนส่วนใหญ่มาจากประเทศสมาชิก แต่ผู้ที่ควักกระเป๋าหนักที่สุดก็ เหมือนเดิมคือ พี่เบิ้ม อเมริกา คิดกันต่อแล้วกันอย่างนี้ แปลว่า พี่เบิ้มใจดีชะมัดหรือพี่เบิ้มกำลังท่องคาถา อำนาจ คือ ทุน ทุน คือ อำนาจ…. ลงทุนจิ๊บจ๊อย เดี๋ยวก็ได้คืนทั้งโลก 555 ไปเปิดอากู (Google) ดู แล้วกัน ประธานธนาคารโลกตั้งกะก่อตั้ง (ค.ศ.1946) มาจนถึงปัจจุบัน (ค.ศ.2016) เป็นคนสัญชาติอเมริกันทั้งหมด …อาจมีคนโวย ไม่ใช่นะ คนสุดท้าย เจ้าจิม ยอง คิม (Jim Yong Kim) เป็นเกาหลีต่างหาก …เป็นเกาหลีแต่ถือสัญชาติอเมริกันครับผม …อืม เริ่มเห็นภาพลางๆ บ้างหรือยัง ครับ อันที่จริงระบบทุนนิยมมีมานานแล้วนะ แต่การขยายตัวทำได้ช้า เพราะต้องพึ่งการคมนาคมและการสื่อสาร ดังนั้นทุนนิยมยุคโบราณจึงเดินทางโดยเรือ รถไฟ ม้า อูฐ และนกพิราบ (ฮา!) ก็ตอนนั้นยังไม่มีเครื่องบิน โทรเลข โทรศัพท์ มือถือ ดาวเทียม Swift 3จี 4จี Wi-Fi ฯลฯ อะไรนี่นะ ทุนนิยมโลกไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขตดินแดน แต่ขึ้นกับศูนย์อำนาจในแต่ละช่วงเวลานั้น เช่น ฮอลันดาเป็นศูนย์ กลางของทุนนิยม สมัยศตวรรษที่ 17 ก็เล่นล่าตั้งกะอินโดนีเซียยันไปถึงอาฟริกา ต่อมาศูนย์อำนาจก็ย้ายไปอยู่ที่อังกฤษ เจ้าของคำกร่างว่า พระอาทิตย์ไม่ตกดินที่อังกฤษ จนมาถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พี่เบิ้มอเมริกา ถึงได้ขึ้นแท่นเป็น นัมเบอร์วัน ของศูนย์อำนาจ ไชโย! ตาไอแล้ว อเมริกา คิดเรื่องระบบทุนนิยมและกลไก ที่จะทำให้ตนเป็นศูนย์อำนาจ มาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่โอกาสยังไม่อำนวย หวยมาตกก็ตอนศูนย์อำนาจเก่าๆ พากันฉิบหาย หงายท้องหมด หลังสงคราม โลกครั้งที่ 2 นี่แหละ อเมริกาถึงเสนอแผนจัดโครงสร้างระเบียบโลกเสียใหม่ (New World Order) โดยเน้นที่พลังทุนนิยม ก็เป็นเศรษฐีนี่ มีปัญหาไหม ไม่นิยมทุนแล้วจะให้นิยมอะไร …อย่าลืมคาถา ทุน คือ อำนาจ อำนาจ คือ ทุน ง่ายๆ ตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเรียก New World Order หรือ Pax Americana หรือคำอะไรให้มันดูหรูหราเข้าใจยากจริงๆ แล้วมันก็คือแผนการล่าอาณานิคมยุคใหม่นั่นเอง โดยใช้ระบบทุนนิยม นำหน้าในการล่า เดี๋ยวก็มาถึงทุนนิยมสามานย์น่าใจเย็นไว้โยม ทุนจะมีก็ต้องค้าขาย เงินไม่ได้ตกลงมาจากฟ้าเหมือนฝนนะ จะค้าขายก็ต้องมีสินค้า สินค้ามาจากไหน มาจากการผลิต การผลิตต้องมีอะไรเป็นปัจจัย ต้องมีวัตถุดิบซีจ้ะ วัตถุดิบมาจากไหน ก็มาจากทรัพยากร ทรัพยากรมาจากไหน ก็ปล้นหรือต้มเขาเอาซีวุ้ย แหม กว่าจะโยงมาถึงคนเล่านิทานเกือบเป็นลม ดังนั้นนักสำรวจทรัพย์ของผู้อื่น ในคราบผู้เชี่ยวชาญ จึงเดินกันว่อน วิ่งกันพล่าน อุ๊ย ประเทศนี้ไอจองนะ ไอจะไปดูเอง เขาน่าสงสารนะ เห็นมีแต่ช้างเดินเต็มป่า วัวควายเต็มทุ่งนา ปี ค.ศ.1946 สงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกหมาดๆ อเมริกาส่งผู้เชี่ยวชาญ มาทำการสำรวจสถานะของประเทศไทยและสรุปว่า ไทยแลนด์ เป็นประเทศที่ยังมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ และยังมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจดียิ่ง อย่างเหลือเชื่อ (อย่างเหลือเชื่อนี่ ผมเติมเองครับ เพราะอ่านแล้วเหลือเชื่อ นี่ขนาดบริหารกันไปแดกกันไป ยังแกร่งอย่างนี้เลยนะ ถ้าตั้งอกตั้งใจบริหาร แม่อีหนูเอ๊ย ลูกหลานเราคงเรียนฟรี ถนนคงปูด้วยทองคำ อย่างที่ ท่านอจ.ศึกฤทธิ์ว่าไว้จริงๆ นะ) รายงานฉบับดังกล่าว ทำให้อเมริกาน้ำลายเยิ้มเมื่อมองประเทศไทย ไม่ต่างกับที่โอบามา มองคุณนายเอ๋อเมื่อตอนมาสำรวจประเทศไทย เมื่อปลายปี พ.ศ.2555 นั่นแหละ แล้วทำอย่างไร อเมริกาถึงจะได้กินอาหารจานอร่อยชื่อ ไทยแลนด์ แดนสวรรค์ สยามเมืองยิ้ม ไม่ยาก อเมริกาใหญ่ผงาดมาขนาดนี้ ไม่ใช่ทำเป็นแค่ขี้ม้าไล่ยิงอินเดียนแดงออกจากถิ่นเก่าของเขานะวุ้ย คนเล่านิทาน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 453 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกเกมพกพา: Razer เปิดตัวอุปกรณ์ Thunderbolt 5 เพื่อเกมเมอร์สายโน้ตบุ๊ก

    หลังจาก Thunderbolt 5 เปิดตัวปลายปี 2024 หลายแบรนด์เริ่มนำมาใช้กับอุปกรณ์เสริมกราฟิก ล่าสุด Razer เปิดตัวสองผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่:

    1. Razer Thunderbolt 5 Dock – ด็อกกิ้งสเตชันที่รองรับการชาร์จเร็ว, จอภาพหลายจอความละเอียดสูง และการเชื่อมต่อครบครัน 2. Razer Core X V2 (รุ่นปี 2025) – กล่อง eGPU สำหรับใส่การ์ดจอเดสก์ท็อป Nvidia หรือ AMD เพื่อใช้งานกับโน้ตบุ๊กหรือเครื่องเกมพกพา

    Thunderbolt 5 รองรับแบนด์วิดท์สูงถึง 120 Gbps (upstream) และ 80 Gbps (bidirectional) ซึ่งช่วยลดปัญหาคอขวดที่เคยเกิดกับ Thunderbolt 4 หรือ OCuLink โดยเฉพาะเมื่อใช้ GPU ระดับสูงอย่าง RTX 4090

    อุปกรณ์เหล่านี้เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพกราฟิกระดับเดสก์ท็อปแต่ยังคงความคล่องตัวของโน้ตบุ๊กหรือเครื่องพกพา

    Razer เปิดตัว Thunderbolt 5 Dock ราคาเริ่มต้น $389.99
    รองรับการชาร์จสูงสุด 140W, จอ 4K 3 จอที่ 144Hz, และ SSD M.2 สูงสุด 8TB

    มีพอร์ต Thunderbolt 5 downstream 3 ช่อง และ upstream 1 ช่อง
    รองรับ DisplayPort 2.1 และ USB 3.2 ความเร็ว 10Gbps

    มี SD card slot, Gigabit Ethernet, และช่องหูฟัง 7.1 surround
    ครบครันสำหรับงานกราฟิกและเกม

    Razer Core X V2 รุ่นปี 2025 รองรับการ์ดจอสูงสุด 4 สล็อต
    ใช้กับ Thunderbolt 5, Thunderbolt 4 หรือ USB4 ได้

    Thunderbolt 5 มีแบนด์วิดท์สูงกว่า OCuLink และ Thunderbolt 4
    ลดการสูญเสียประสิทธิภาพของ GPU ได้มากถึง 23% ในบางกรณี

    Asus และ Gigabyte เปิดตัว eGPU ที่ใช้ Thunderbolt 5 ไปก่อนหน้านี้
    เช่น RTX 5090 แบบพกพา และรุ่น water-cooled สำหรับเดสก์ท็อป

    https://www.techspot.com/news/108696-razer-introduces-new-thunderbolt-5-dock-egpu-enclosure.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกเกมพกพา: Razer เปิดตัวอุปกรณ์ Thunderbolt 5 เพื่อเกมเมอร์สายโน้ตบุ๊ก หลังจาก Thunderbolt 5 เปิดตัวปลายปี 2024 หลายแบรนด์เริ่มนำมาใช้กับอุปกรณ์เสริมกราฟิก ล่าสุด Razer เปิดตัวสองผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่: 1. Razer Thunderbolt 5 Dock – ด็อกกิ้งสเตชันที่รองรับการชาร์จเร็ว, จอภาพหลายจอความละเอียดสูง และการเชื่อมต่อครบครัน 2. Razer Core X V2 (รุ่นปี 2025) – กล่อง eGPU สำหรับใส่การ์ดจอเดสก์ท็อป Nvidia หรือ AMD เพื่อใช้งานกับโน้ตบุ๊กหรือเครื่องเกมพกพา Thunderbolt 5 รองรับแบนด์วิดท์สูงถึง 120 Gbps (upstream) และ 80 Gbps (bidirectional) ซึ่งช่วยลดปัญหาคอขวดที่เคยเกิดกับ Thunderbolt 4 หรือ OCuLink โดยเฉพาะเมื่อใช้ GPU ระดับสูงอย่าง RTX 4090 อุปกรณ์เหล่านี้เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพกราฟิกระดับเดสก์ท็อปแต่ยังคงความคล่องตัวของโน้ตบุ๊กหรือเครื่องพกพา ✅ Razer เปิดตัว Thunderbolt 5 Dock ราคาเริ่มต้น $389.99 ➡️ รองรับการชาร์จสูงสุด 140W, จอ 4K 3 จอที่ 144Hz, และ SSD M.2 สูงสุด 8TB ✅ มีพอร์ต Thunderbolt 5 downstream 3 ช่อง และ upstream 1 ช่อง ➡️ รองรับ DisplayPort 2.1 และ USB 3.2 ความเร็ว 10Gbps ✅ มี SD card slot, Gigabit Ethernet, และช่องหูฟัง 7.1 surround ➡️ ครบครันสำหรับงานกราฟิกและเกม ✅ Razer Core X V2 รุ่นปี 2025 รองรับการ์ดจอสูงสุด 4 สล็อต ➡️ ใช้กับ Thunderbolt 5, Thunderbolt 4 หรือ USB4 ได้ ✅ Thunderbolt 5 มีแบนด์วิดท์สูงกว่า OCuLink และ Thunderbolt 4 ➡️ ลดการสูญเสียประสิทธิภาพของ GPU ได้มากถึง 23% ในบางกรณี ✅ Asus และ Gigabyte เปิดตัว eGPU ที่ใช้ Thunderbolt 5 ไปก่อนหน้านี้ ➡️ เช่น RTX 5090 แบบพกพา และรุ่น water-cooled สำหรับเดสก์ท็อป https://www.techspot.com/news/108696-razer-introduces-new-thunderbolt-5-dock-egpu-enclosure.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Razer introduces new Thunderbolt 5 dock and eGPU enclosure
    Razer recently unveiled its first Thunderbolt 5-compatible docking station and external graphics card enclosure. These accessories provide laptops and handheld gaming PCs with ample bandwidth for fast...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 273 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกเทคโนโลยี: เมื่อภาพ AI กลายเป็นสัญลักษณ์ของความไม่เข้าใจมนุษย์

    Mike Matsel หัวหน้าฝ่ายพัฒนา Xbox Graphics ได้โพสต์ประกาศรับสมัครนักออกแบบกราฟิกบน LinkedIn พร้อมภาพประกอบที่สร้างด้วย AI ซึ่งดูเผิน ๆ อาจไม่ผิดปกติ แต่เมื่อพิจารณาใกล้ ๆ กลับเต็มไปด้วยข้อผิดพลาด เช่น โค้ดปรากฏอยู่ด้านหลังจอภาพ, โต๊ะที่หายไปครึ่งหนึ่ง, เงาที่ไม่สมจริง และผู้หญิงในภาพใส่หูฟัง Apple รุ่นสายจากยุค 2000 ทั้งที่เป็นปี 2025

    สิ่งที่ทำให้โพสต์นี้กลายเป็นไวรัลคือความย้อนแย้ง—Microsoft เพิ่งปลดพนักงานกว่า 9,000 คน รวมถึงทีม Xbox บางส่วน แต่กลับใช้ภาพ AI ที่ผิดพลาดในการประกาศรับสมัครงานด้านศิลป์ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ถูกลดไปก่อนหน้านี้

    ผู้คนในวงการกราฟิกและนักพัฒนาแสดงความไม่พอใจในคอมเมนต์ โดยบางคนตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการประชด หรือ “compliance แบบประชดประชัน” ที่ใช้ AI ตามคำสั่งแม้จะรู้ว่าผลลัพธ์ไม่เหมาะสม

    ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีกรณีที่ Matt Turnbull ผู้บริหาร Xbox เคยโพสต์แนะนำให้พนักงานที่ถูกปลดใช้ AI chatbot เพื่อ “เยียวยาอารมณ์” และ “หางานใหม่” ซึ่งก็ถูกวิจารณ์อย่างหนักจนต้องลบโพสต์ไป

    Mike Matsel โพสต์รับสมัครนักออกแบบกราฟิกสำหรับ Xbox บน LinkedIn
    ใช้ภาพ AI ที่มีข้อผิดพลาดชัดเจนเป็นภาพประกอบ

    Microsoft เพิ่งปลดพนักงานกว่า 9,000 คน รวมถึงทีม Xbox
    ทำให้การใช้ภาพ AI ในการรับสมัครงานดูย้อนแย้ง

    ภาพ AI มีข้อผิดพลาดหลายจุด เช่น:
    โค้ดอยู่ด้านหลังจอ, โต๊ะหายไป, เงาไม่สมจริง, หูฟังรุ่นเก่า

    ผู้คนในวงการกราฟิกแสดงความไม่พอใจในคอมเมนต์
    บางคนสงสัยว่าเป็นการประชดหรือจงใจเรียกความสนใจ

    Matt Turnbull เคยโพสต์แนะนำให้ใช้ AI chatbot เพื่อเยียวยาอารมณ์
    โพสต์ถูกลบหลังถูกวิจารณ์อย่างหนัก

    การใช้ภาพ AI ที่ผิดพลาดอาจบั่นทอนความเชื่อมั่นในองค์กร
    โดยเฉพาะในช่วงหลังการปลดพนักงานจำนวนมาก

    การใช้ AI แทนมนุษย์ในงานศิลป์อาจสร้างความรู้สึกด้อยค่าให้กับผู้เชี่ยวชาญ
    โดยเฉพาะเมื่อใช้เพื่อประกาศรับสมัครงานที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์

    การสื่อสารที่ไม่ละเอียดอ่อนในช่วงวิกฤตอาจสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์
    เช่น การแนะนำให้ใช้ AI เพื่อเยียวยาอารมณ์หลังถูกปลด

    แม้ภาพจะไม่ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจาก Microsoft แต่ยังมีโลโก้ Xbox อยู่
    ทำให้ผู้คนเชื่อมโยงกับแบรนด์โดยตรงและวิจารณ์องค์กร

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/microsoft-employee-uses-terrible-ai-generated-image-to-advertise-for-xbox-artists-just-weeks-after-massive-layoffs
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกเทคโนโลยี: เมื่อภาพ AI กลายเป็นสัญลักษณ์ของความไม่เข้าใจมนุษย์ Mike Matsel หัวหน้าฝ่ายพัฒนา Xbox Graphics ได้โพสต์ประกาศรับสมัครนักออกแบบกราฟิกบน LinkedIn พร้อมภาพประกอบที่สร้างด้วย AI ซึ่งดูเผิน ๆ อาจไม่ผิดปกติ แต่เมื่อพิจารณาใกล้ ๆ กลับเต็มไปด้วยข้อผิดพลาด เช่น โค้ดปรากฏอยู่ด้านหลังจอภาพ, โต๊ะที่หายไปครึ่งหนึ่ง, เงาที่ไม่สมจริง และผู้หญิงในภาพใส่หูฟัง Apple รุ่นสายจากยุค 2000 ทั้งที่เป็นปี 2025 สิ่งที่ทำให้โพสต์นี้กลายเป็นไวรัลคือความย้อนแย้ง—Microsoft เพิ่งปลดพนักงานกว่า 9,000 คน รวมถึงทีม Xbox บางส่วน แต่กลับใช้ภาพ AI ที่ผิดพลาดในการประกาศรับสมัครงานด้านศิลป์ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ถูกลดไปก่อนหน้านี้ ผู้คนในวงการกราฟิกและนักพัฒนาแสดงความไม่พอใจในคอมเมนต์ โดยบางคนตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการประชด หรือ “compliance แบบประชดประชัน” ที่ใช้ AI ตามคำสั่งแม้จะรู้ว่าผลลัพธ์ไม่เหมาะสม ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีกรณีที่ Matt Turnbull ผู้บริหาร Xbox เคยโพสต์แนะนำให้พนักงานที่ถูกปลดใช้ AI chatbot เพื่อ “เยียวยาอารมณ์” และ “หางานใหม่” ซึ่งก็ถูกวิจารณ์อย่างหนักจนต้องลบโพสต์ไป ✅ Mike Matsel โพสต์รับสมัครนักออกแบบกราฟิกสำหรับ Xbox บน LinkedIn ➡️ ใช้ภาพ AI ที่มีข้อผิดพลาดชัดเจนเป็นภาพประกอบ ✅ Microsoft เพิ่งปลดพนักงานกว่า 9,000 คน รวมถึงทีม Xbox ➡️ ทำให้การใช้ภาพ AI ในการรับสมัครงานดูย้อนแย้ง ✅ ภาพ AI มีข้อผิดพลาดหลายจุด เช่น: ➡️ โค้ดอยู่ด้านหลังจอ, โต๊ะหายไป, เงาไม่สมจริง, หูฟังรุ่นเก่า ✅ ผู้คนในวงการกราฟิกแสดงความไม่พอใจในคอมเมนต์ ➡️ บางคนสงสัยว่าเป็นการประชดหรือจงใจเรียกความสนใจ ✅ Matt Turnbull เคยโพสต์แนะนำให้ใช้ AI chatbot เพื่อเยียวยาอารมณ์ ➡️ โพสต์ถูกลบหลังถูกวิจารณ์อย่างหนัก ‼️ การใช้ภาพ AI ที่ผิดพลาดอาจบั่นทอนความเชื่อมั่นในองค์กร ⛔ โดยเฉพาะในช่วงหลังการปลดพนักงานจำนวนมาก ‼️ การใช้ AI แทนมนุษย์ในงานศิลป์อาจสร้างความรู้สึกด้อยค่าให้กับผู้เชี่ยวชาญ ⛔ โดยเฉพาะเมื่อใช้เพื่อประกาศรับสมัครงานที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์ ‼️ การสื่อสารที่ไม่ละเอียดอ่อนในช่วงวิกฤตอาจสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ ⛔ เช่น การแนะนำให้ใช้ AI เพื่อเยียวยาอารมณ์หลังถูกปลด ‼️ แม้ภาพจะไม่ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจาก Microsoft แต่ยังมีโลโก้ Xbox อยู่ ⛔ ทำให้ผู้คนเชื่อมโยงกับแบรนด์โดยตรงและวิจารณ์องค์กร https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/microsoft-employee-uses-terrible-ai-generated-image-to-advertise-for-xbox-artists-just-weeks-after-massive-layoffs
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 338 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้ไม่รู้จะเจอ Toxic Parents เหมือนเมื่อวานหรือเปล่า มาทีผมนี่กลายเป็นเปลี่ยนความคิดจากทำในสิ่งที่ฮีลใจในหน้าคอมกลายเป็นภาพจำรายการ Toxic ที่ Parent เสพเป็นประจำ จนผมคิดว่านักการเมืองสีแดงและสีส้มคอยให้ท้ายรายการ Toxic นี้ ไม่ใช่ว่าผมจะพูดเรื่องการเมือง แต่ผมเบื่อข่าวการเมืองมามากพอแล้ว ขอผมปลีกวิเวก อย่ามาห้ามไม่ให้ใส่หูฟัง ถ้าห้ามก็ปิดทีวีดิ ไม่ก็ผมขอลาออกเอง เพราะไม่ต้องการสภาพแวดล้อมที่สุดแสนจะ Toxic งานก็กดดัน หูฟังก็ไม่ให้ใส่ ไม่มีสมาธิในการทำงานเพราะรายการหัว ค. ในที่ทำงานจริงๆ
    วันนี้ไม่รู้จะเจอ Toxic Parents เหมือนเมื่อวานหรือเปล่า มาทีผมนี่กลายเป็นเปลี่ยนความคิดจากทำในสิ่งที่ฮีลใจในหน้าคอมกลายเป็นภาพจำรายการ Toxic ที่ Parent เสพเป็นประจำ จนผมคิดว่านักการเมืองสีแดงและสีส้มคอยให้ท้ายรายการ Toxic นี้ ไม่ใช่ว่าผมจะพูดเรื่องการเมือง แต่ผมเบื่อข่าวการเมืองมามากพอแล้ว ขอผมปลีกวิเวก อย่ามาห้ามไม่ให้ใส่หูฟัง ถ้าห้ามก็ปิดทีวีดิ ไม่ก็ผมขอลาออกเอง เพราะไม่ต้องการสภาพแวดล้อมที่สุดแสนจะ Toxic งานก็กดดัน หูฟังก็ไม่ให้ใส่ ไม่มีสมาธิในการทำงานเพราะรายการหัว ค. ในที่ทำงานจริงๆ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • MSI เปิดตัวเครื่องเกมพกพา Claw A8 พร้อมแล็ปท็อปเกมมิ่งรุ่นใหม่ในงาน Computex 2025

    MSI เปิดตัวเครื่องเกมพกพา Claw A8 BZ2EM ที่ใช้ชิป AMD Ryzen Z2 Extreme ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ MSI ใช้ชิป AMD ในผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ นอกจากนี้ ยังเปิดตัวแล็ปท็อปเกมมิ่งรุ่นใหม่ในซีรีส์ Crosshair และ Cyborg

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ MSI Claw A8 และแล็ปท็อปเกมมิ่งใหม่
    Claw A8 ใช้ชิป AMD Ryzen Z2 Extreme พร้อมกราฟิก Radeon แบบบูรณาการ
    - หน้าจอ 8 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1200, 120Hz พร้อม VRR

    ตัวเครื่องมีดีไซน์ใหม่ พร้อมจอยสติ๊ก Hall Effect ที่ช่วยลดปัญหา Stick Drift
    - ปุ่ม LT และ RT ใช้เซ็นเซอร์ Hall Effect เช่นกัน

    แบตเตอรี่ 80 WHr เทียบเท่ากับ ROG Ally X ของ ASUS
    - คาดว่า จะช่วยให้เล่นเกมได้นานขึ้น

    มีพอร์ต USB 4 Type-C สองพอร์ต, ช่องเสียบหูฟัง และเครื่องอ่าน microSD
    - รองรับ การอัปเกรด SSD M.2 2280

    MSI เปิดตัวแล็ปท็อป Crosshair และ Cyborg รุ่นใหม่ที่ใช้ชิป Intel และ AMD
    - Crosshair 18HX AI ใช้ Intel Core Ultra 200 HX
    - Crosshair A18HX ใช้ AMD Ryzen 8000
    - Cyborg 15 และ 17 มีตัวเลือก Intel และ AMD พร้อม RTX 5060 และ 5070

    https://www.tomshardware.com/video-games/handheld-gaming/msis-brings-amd-based-gaming-handheld-updated-mid-range-gaming-laptops-to-computex
    MSI เปิดตัวเครื่องเกมพกพา Claw A8 พร้อมแล็ปท็อปเกมมิ่งรุ่นใหม่ในงาน Computex 2025 MSI เปิดตัวเครื่องเกมพกพา Claw A8 BZ2EM ที่ใช้ชิป AMD Ryzen Z2 Extreme ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ MSI ใช้ชิป AMD ในผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ นอกจากนี้ ยังเปิดตัวแล็ปท็อปเกมมิ่งรุ่นใหม่ในซีรีส์ Crosshair และ Cyborg 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ MSI Claw A8 และแล็ปท็อปเกมมิ่งใหม่ ✅ Claw A8 ใช้ชิป AMD Ryzen Z2 Extreme พร้อมกราฟิก Radeon แบบบูรณาการ - หน้าจอ 8 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1200, 120Hz พร้อม VRR ✅ ตัวเครื่องมีดีไซน์ใหม่ พร้อมจอยสติ๊ก Hall Effect ที่ช่วยลดปัญหา Stick Drift - ปุ่ม LT และ RT ใช้เซ็นเซอร์ Hall Effect เช่นกัน ✅ แบตเตอรี่ 80 WHr เทียบเท่ากับ ROG Ally X ของ ASUS - คาดว่า จะช่วยให้เล่นเกมได้นานขึ้น ✅ มีพอร์ต USB 4 Type-C สองพอร์ต, ช่องเสียบหูฟัง และเครื่องอ่าน microSD - รองรับ การอัปเกรด SSD M.2 2280 ✅ MSI เปิดตัวแล็ปท็อป Crosshair และ Cyborg รุ่นใหม่ที่ใช้ชิป Intel และ AMD - Crosshair 18HX AI ใช้ Intel Core Ultra 200 HX - Crosshair A18HX ใช้ AMD Ryzen 8000 - Cyborg 15 และ 17 มีตัวเลือก Intel และ AMD พร้อม RTX 5060 และ 5070 https://www.tomshardware.com/video-games/handheld-gaming/msis-brings-amd-based-gaming-handheld-updated-mid-range-gaming-laptops-to-computex
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sony WH-1000XM6: หูฟังตัดเสียงรบกวนระดับเรือธงที่พัฒนาไปอีกขั้น

    Sony ได้เปิดตัว WH-1000XM6 ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ของหูฟังตัดเสียงรบกวนที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยมีการปรับปรุงทั้งด้านเสียง, การตัดเสียงรบกวน และการออกแบบให้พับเก็บได้อีกครั้ง

    Sony WH-1000XM6 มีการปรับปรุงด้านเสียงและระบบตัดเสียงรบกวน
    - ได้รับการยกย่องว่า เป็นหนึ่งในหูฟังไร้สายที่ดีที่สุดในตลาด

    ดีไซน์พับเก็บได้กลับมาอีกครั้ง
    - ทำให้ พกพาสะดวกขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า

    สามารถชาร์จแบตเตอรี่ระหว่างใช้งานได้
    - เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถฟังเพลงต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องหยุดชาร์จ

    รองรับการเปลี่ยน earpads ได้
    - เพิ่มความสะดวกในการ บำรุงรักษาและยืดอายุการใช้งานของหูฟัง

    แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 30 ชั่วโมง
    - ทำให้ สามารถใช้งานได้ตลอดวันโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จ

    https://www.techspot.com/products/headphones/sony-wh-1000xm6.308500/
    Sony WH-1000XM6: หูฟังตัดเสียงรบกวนระดับเรือธงที่พัฒนาไปอีกขั้น Sony ได้เปิดตัว WH-1000XM6 ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ของหูฟังตัดเสียงรบกวนที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยมีการปรับปรุงทั้งด้านเสียง, การตัดเสียงรบกวน และการออกแบบให้พับเก็บได้อีกครั้ง ✅ Sony WH-1000XM6 มีการปรับปรุงด้านเสียงและระบบตัดเสียงรบกวน - ได้รับการยกย่องว่า เป็นหนึ่งในหูฟังไร้สายที่ดีที่สุดในตลาด ✅ ดีไซน์พับเก็บได้กลับมาอีกครั้ง - ทำให้ พกพาสะดวกขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า ✅ สามารถชาร์จแบตเตอรี่ระหว่างใช้งานได้ - เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถฟังเพลงต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องหยุดชาร์จ ✅ รองรับการเปลี่ยน earpads ได้ - เพิ่มความสะดวกในการ บำรุงรักษาและยืดอายุการใช้งานของหูฟัง ✅ แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 30 ชั่วโมง - ทำให้ สามารถใช้งานได้ตลอดวันโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จ https://www.techspot.com/products/headphones/sony-wh-1000xm6.308500/
    WWW.TECHSPOT.COM
    Sony WH-1000XM6
    Sony WH-1000XM6 reviews, pros and cons. Liked: Improved sound Class-leading noise cancellation Disliked: Price increase over previous model
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sony Xperia 1 VII: สมาร์ทโฟนเรือธงที่เน้น AI และกล้องระดับโปร

    Sony ได้เปิดตัว Xperia 1 VII ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่มาพร้อมกับ การอัปเกรดด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ โดยเน้นไปที่ เทคโนโลยี AI และกล้องระดับมืออาชีพ Xperia 1 VII ใช้ Snapdragon 8 Elite, RAM 12GB, และพื้นที่เก็บข้อมูล 256GB

    Sony Xperia 1 VII มาพร้อมกับกล้อง Ultra-Wide ใหม่
    - ใช้เซ็นเซอร์ 48MP ขนาด 1/1.56 นิ้ว ซึ่งใหญ่ขึ้นจากรุ่นก่อนที่มี 12MP ขนาด 1/2.5 นิ้ว

    Sony อ้างว่ากล้อง Ultra-Wide สามารถถ่ายภาพกลางคืนได้เทียบเท่ากล้อง Full-Frame
    - แม้ว่าเซ็นเซอร์จะใหญ่ขึ้น แต่ ข้ออ้างนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันในวงการถ่ายภาพ

    ยังคงมีปุ่มชัตเตอร์แบบกดครึ่งเพื่อโฟกัส
    - เหมือนกับรุ่นก่อนหน้า เพื่อให้การถ่ายภาพมีความแม่นยำมากขึ้น

    Sony Xperia 1 VII เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนไม่กี่รุ่นที่ยังคงมีช่องเสียบหูฟัง
    - ใช้เทคโนโลยีจาก Walkman เพื่อปรับปรุงคุณภาพเสียงแบบมีสาย

    เพิ่มเซ็นเซอร์วัดแสงที่ด้านหลังเพื่อช่วยปรับความสว่างและสีของหน้าจอ
    - ทำงานร่วมกับ เทคโนโลยี Bravia เพื่อให้การแสดงผลแม่นยำขึ้น

    เปิดตัว Xperia Intelligence ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือ AI สำหรับการถ่ายภาพและวิดีโอ
    - รวมถึง AI Camera Work ที่ช่วยให้วิดีโอมีความนิ่ง และ AI Auto Framing ที่ช่วยจัดองค์ประกอบภาพ

    มี Google Gemini ติดตั้งมาพร้อมกับฟีเจอร์ Circle to Search
    - ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้นผ่านการแตะหน้าจอ

    วางจำหน่ายในสามสี: Moss Green, Slate Black และ Orchid Purple
    - ราคา £1,399 ในสหราชอาณาจักร และยังไม่มีการวางจำหน่ายในสหรัฐฯ

    https://www.techradar.com/phones/sony-xperia-phones/the-new-sony-xperia-1-vii-brings-ai-and-camera-upgrades-to-the-photo-focused-flagship-phone
    Sony Xperia 1 VII: สมาร์ทโฟนเรือธงที่เน้น AI และกล้องระดับโปร Sony ได้เปิดตัว Xperia 1 VII ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่มาพร้อมกับ การอัปเกรดด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ โดยเน้นไปที่ เทคโนโลยี AI และกล้องระดับมืออาชีพ Xperia 1 VII ใช้ Snapdragon 8 Elite, RAM 12GB, และพื้นที่เก็บข้อมูล 256GB ✅ Sony Xperia 1 VII มาพร้อมกับกล้อง Ultra-Wide ใหม่ - ใช้เซ็นเซอร์ 48MP ขนาด 1/1.56 นิ้ว ซึ่งใหญ่ขึ้นจากรุ่นก่อนที่มี 12MP ขนาด 1/2.5 นิ้ว ✅ Sony อ้างว่ากล้อง Ultra-Wide สามารถถ่ายภาพกลางคืนได้เทียบเท่ากล้อง Full-Frame - แม้ว่าเซ็นเซอร์จะใหญ่ขึ้น แต่ ข้ออ้างนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันในวงการถ่ายภาพ ✅ ยังคงมีปุ่มชัตเตอร์แบบกดครึ่งเพื่อโฟกัส - เหมือนกับรุ่นก่อนหน้า เพื่อให้การถ่ายภาพมีความแม่นยำมากขึ้น ✅ Sony Xperia 1 VII เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนไม่กี่รุ่นที่ยังคงมีช่องเสียบหูฟัง - ใช้เทคโนโลยีจาก Walkman เพื่อปรับปรุงคุณภาพเสียงแบบมีสาย ✅ เพิ่มเซ็นเซอร์วัดแสงที่ด้านหลังเพื่อช่วยปรับความสว่างและสีของหน้าจอ - ทำงานร่วมกับ เทคโนโลยี Bravia เพื่อให้การแสดงผลแม่นยำขึ้น ✅ เปิดตัว Xperia Intelligence ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือ AI สำหรับการถ่ายภาพและวิดีโอ - รวมถึง AI Camera Work ที่ช่วยให้วิดีโอมีความนิ่ง และ AI Auto Framing ที่ช่วยจัดองค์ประกอบภาพ ✅ มี Google Gemini ติดตั้งมาพร้อมกับฟีเจอร์ Circle to Search - ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้นผ่านการแตะหน้าจอ ✅ วางจำหน่ายในสามสี: Moss Green, Slate Black และ Orchid Purple - ราคา £1,399 ในสหราชอาณาจักร และยังไม่มีการวางจำหน่ายในสหรัฐฯ https://www.techradar.com/phones/sony-xperia-phones/the-new-sony-xperia-1-vii-brings-ai-and-camera-upgrades-to-the-photo-focused-flagship-phone
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 383 มุมมอง 0 รีวิว
  • SZBOX S9: แท็บเล็ต Windows 11 Pro ที่มีแบตเตอรี่เล็กแต่พอร์ตเยอะเกินคาด SZBOX S9 เป็นแท็บเล็ตที่ แตกต่างจากแท็บเล็ตทั่วไป ด้วยขนาดหน้าจอเพียง 7 นิ้ว และแบตเตอรี่ 3400mAh ซึ่งถือว่าเล็กมากสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ Windows 11 Pro อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของมันคือ พอร์ตเชื่อมต่อที่มากถึง 8 พอร์ต ทำให้สามารถ เชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมได้หลากหลาย

    แท็บเล็ตนี้ใช้ Intel N200 ซึ่งเป็น ชิป 10nm แบบ 4 คอร์ พร้อม RAM LPDDR5 ขนาด 16GB และ SSD สูงสุด 1TB รองรับ การเล่นวิดีโอ 4K ที่ 60fps และมี ขาตั้งด้านหลัง เพื่อความสะดวกในการใช้งานบนโต๊ะ

    SZBOX S9 ใช้ Windows 11 Pro และสามารถเปลี่ยนไปใช้ Linux ได้
    - รองรับ การใช้งานที่หลากหลายสำหรับงานธุรกิจและอุตสาหกรรม

    มีพอร์ตเชื่อมต่อมากถึง 8 พอร์ต
    - รวมถึง USB-A 3.2 จำนวน 3 พอร์ต, USB-A 2.0, USB-C 2 พอร์ต, HDMI 2.0, Gigabit Ethernet และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.

    ใช้ Intel N200 พร้อม RAM LPDDR5 ขนาด 16GB และ SSD สูงสุด 1TB
    - รองรับ การเล่นวิดีโอ 4K ที่ 60fps และการทำงานแบบมัลติทาสก์

    แบตเตอรี่ 3400mAh ออกแบบมาสำหรับการใช้งานระยะสั้นหรือการทำงานขณะเสียบปลั๊ก
    - ไม่เหมาะสำหรับ การใช้งานต่อเนื่องโดยไม่เสียบชาร์จ

    รองรับ Bluetooth 5.2 และ Wi-Fi 6 สำหรับการเชื่อมต่อไร้สาย
    - ทำให้ สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์เสริมได้อย่างรวดเร็ว

    https://www.techradar.com/pro/this-is-the-weirdest-windows-tablet-youll-see-today-s9-has-a-tiny-battery-but-also-windows-11-pro-and-eight-yes-8-ports
    SZBOX S9: แท็บเล็ต Windows 11 Pro ที่มีแบตเตอรี่เล็กแต่พอร์ตเยอะเกินคาด SZBOX S9 เป็นแท็บเล็ตที่ แตกต่างจากแท็บเล็ตทั่วไป ด้วยขนาดหน้าจอเพียง 7 นิ้ว และแบตเตอรี่ 3400mAh ซึ่งถือว่าเล็กมากสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ Windows 11 Pro อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของมันคือ พอร์ตเชื่อมต่อที่มากถึง 8 พอร์ต ทำให้สามารถ เชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมได้หลากหลาย แท็บเล็ตนี้ใช้ Intel N200 ซึ่งเป็น ชิป 10nm แบบ 4 คอร์ พร้อม RAM LPDDR5 ขนาด 16GB และ SSD สูงสุด 1TB รองรับ การเล่นวิดีโอ 4K ที่ 60fps และมี ขาตั้งด้านหลัง เพื่อความสะดวกในการใช้งานบนโต๊ะ ✅ SZBOX S9 ใช้ Windows 11 Pro และสามารถเปลี่ยนไปใช้ Linux ได้ - รองรับ การใช้งานที่หลากหลายสำหรับงานธุรกิจและอุตสาหกรรม ✅ มีพอร์ตเชื่อมต่อมากถึง 8 พอร์ต - รวมถึง USB-A 3.2 จำนวน 3 พอร์ต, USB-A 2.0, USB-C 2 พอร์ต, HDMI 2.0, Gigabit Ethernet และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ✅ ใช้ Intel N200 พร้อม RAM LPDDR5 ขนาด 16GB และ SSD สูงสุด 1TB - รองรับ การเล่นวิดีโอ 4K ที่ 60fps และการทำงานแบบมัลติทาสก์ ✅ แบตเตอรี่ 3400mAh ออกแบบมาสำหรับการใช้งานระยะสั้นหรือการทำงานขณะเสียบปลั๊ก - ไม่เหมาะสำหรับ การใช้งานต่อเนื่องโดยไม่เสียบชาร์จ ✅ รองรับ Bluetooth 5.2 และ Wi-Fi 6 สำหรับการเชื่อมต่อไร้สาย - ทำให้ สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์เสริมได้อย่างรวดเร็ว https://www.techradar.com/pro/this-is-the-weirdest-windows-tablet-youll-see-today-s9-has-a-tiny-battery-but-also-windows-11-pro-and-eight-yes-8-ports
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 353 มุมมอง 0 รีวิว
  • Samsung เข้าซื้อกิจการ Bowers & Wilkins, Denon, Marantz ด้วยมูลค่า 350 ล้านดอลลาร์ Samsung และบริษัทในเครือ Harman International ได้ลงนามในข้อตกลงมูลค่า 350 ล้านดอลลาร์ เพื่อเข้าซื้อ ธุรกิจเครื่องเสียงของ Masimo Corporation ซึ่งรวมถึงแบรนด์ระดับไฮเอนด์อย่าง Bowers & Wilkins, Denon, Marantz, Polk Audio และ Definitive Technology

    การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้เป็น ก้าวสำคัญของ Samsung ในตลาดเครื่องเสียงระดับพรีเมียม โดยบริษัทคาดว่า ตลาดเครื่องเสียงทั่วโลกจะเติบโตเป็น 70 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2029

    Samsung และ Harman International เข้าซื้อธุรกิจเครื่องเสียงของ Masimo Corporation
    - รวมถึงแบรนด์ Bowers & Wilkins, Denon, Marantz, Polk Audio และ Definitive Technology

    การเข้าซื้อกิจการช่วยให้ Samsung ขยายตลาดเครื่องเสียงระดับพรีเมียม
    - คาดว่าตลาดเครื่องเสียงทั่วโลกจะ เติบโตเป็น 70 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2029

    Harman International เป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำอยู่แล้ว
    - เช่น JBL, Harman Kardon, AKG, Arcam, Mark Levinson และ Revel

    Samsung วางแผนรวมเทคโนโลยีจากแบรนด์เหล่านี้เข้ากับผลิตภัณฑ์ของตน
    - เช่น สมาร์ทโฟน, ทีวี, ซาวด์บาร์ และหูฟังไร้สาย

    Masimo Corporation จะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจเทคโนโลยีทางการแพทย์
    - หลังจากแพ้คดีเกี่ยวกับเทคโนโลยีวัดออกซิเจนใน Apple Watch

    https://www.techspot.com/news/107850-samsung-acquires-bowers-wilkins-denon-marantz-350m-audio.html
    Samsung เข้าซื้อกิจการ Bowers & Wilkins, Denon, Marantz ด้วยมูลค่า 350 ล้านดอลลาร์ Samsung และบริษัทในเครือ Harman International ได้ลงนามในข้อตกลงมูลค่า 350 ล้านดอลลาร์ เพื่อเข้าซื้อ ธุรกิจเครื่องเสียงของ Masimo Corporation ซึ่งรวมถึงแบรนด์ระดับไฮเอนด์อย่าง Bowers & Wilkins, Denon, Marantz, Polk Audio และ Definitive Technology การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้เป็น ก้าวสำคัญของ Samsung ในตลาดเครื่องเสียงระดับพรีเมียม โดยบริษัทคาดว่า ตลาดเครื่องเสียงทั่วโลกจะเติบโตเป็น 70 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2029 ✅ Samsung และ Harman International เข้าซื้อธุรกิจเครื่องเสียงของ Masimo Corporation - รวมถึงแบรนด์ Bowers & Wilkins, Denon, Marantz, Polk Audio และ Definitive Technology ✅ การเข้าซื้อกิจการช่วยให้ Samsung ขยายตลาดเครื่องเสียงระดับพรีเมียม - คาดว่าตลาดเครื่องเสียงทั่วโลกจะ เติบโตเป็น 70 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2029 ✅ Harman International เป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำอยู่แล้ว - เช่น JBL, Harman Kardon, AKG, Arcam, Mark Levinson และ Revel ✅ Samsung วางแผนรวมเทคโนโลยีจากแบรนด์เหล่านี้เข้ากับผลิตภัณฑ์ของตน - เช่น สมาร์ทโฟน, ทีวี, ซาวด์บาร์ และหูฟังไร้สาย ✅ Masimo Corporation จะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจเทคโนโลยีทางการแพทย์ - หลังจากแพ้คดีเกี่ยวกับเทคโนโลยีวัดออกซิเจนใน Apple Watch https://www.techspot.com/news/107850-samsung-acquires-bowers-wilkins-denon-marantz-350m-audio.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Samsung acquires Bowers & Wilkins, Denon, Marantz, in $350M audio deal
    This move supercharges Samsung's ambitions in the premium audio space. Harman already owns a stable of respected audio brands, including JBL, Harman Kardon, AKG, Arcam, Mark Levinson,...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 0 รีวิว
  • OneChipBook-12 เป็น ชุดพัฒนา FPGA แบบพกพา ที่ออกแบบมาเพื่อ นักพัฒนาฮาร์ดแวร์และผู้ที่สนใจคอมพิวเตอร์ย้อนยุค โดยมี หน้าจอในตัวและคีย์บอร์ดแบบกลไก

    อุปกรณ์นี้ใช้ ชิป Altera Cyclone EP1C12Q240 ซึ่งมี 12,000 logic elements และ RAM 240kbits พร้อม SDRAM 32MB และช่องใส่ SD Card รองรับ FAT16 ทำให้เหมาะสำหรับ

    OneChipBook-12 เป็นชุดพัฒนา FPGA แบบพกพา
    - มี หน้าจอในตัวและคีย์บอร์ดแบบกลไก
    - ออกแบบมาเพื่อ นักพัฒนาฮาร์ดแวร์และผู้ที่สนใจคอมพิวเตอร์ย้อนยุค

    ใช้ชิป Altera Cyclone EP1C12Q240
    - มี 12,000 logic elements และ RAM 240kbits
    - รองรับ SDRAM 32MB และช่องใส่ SD Card (FAT16)

    มีพอร์ต I/O หลากหลาย
    - รองรับ PS/2, DB9 joystick, USB Type-A, VGA, S-Video และ composite video
    - มี ลำโพงสเตอริโอ, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และปุ่มปรับระดับเสียง

    สามารถซื้อได้ผ่าน Tindie, eBay และ AliExpress
    - ราคาอยู่ที่ $215–$235

    ไม่มีเฟิร์มแวร์ติดตั้งมาให้ แต่มี USB Blaster สำหรับโหลด FPGA cores
    - ผู้ใช้ต้อง แฟลชเฟิร์มแวร์เอง

    https://www.tomshardware.com/software/programming/the-onechipbook-12-is-a-retro-inspired-fpga-dev-kit-with-a-built-in-display-and-mechanical-keyboard
    OneChipBook-12 เป็น ชุดพัฒนา FPGA แบบพกพา ที่ออกแบบมาเพื่อ นักพัฒนาฮาร์ดแวร์และผู้ที่สนใจคอมพิวเตอร์ย้อนยุค โดยมี หน้าจอในตัวและคีย์บอร์ดแบบกลไก อุปกรณ์นี้ใช้ ชิป Altera Cyclone EP1C12Q240 ซึ่งมี 12,000 logic elements และ RAM 240kbits พร้อม SDRAM 32MB และช่องใส่ SD Card รองรับ FAT16 ทำให้เหมาะสำหรับ ✅ OneChipBook-12 เป็นชุดพัฒนา FPGA แบบพกพา - มี หน้าจอในตัวและคีย์บอร์ดแบบกลไก - ออกแบบมาเพื่อ นักพัฒนาฮาร์ดแวร์และผู้ที่สนใจคอมพิวเตอร์ย้อนยุค ✅ ใช้ชิป Altera Cyclone EP1C12Q240 - มี 12,000 logic elements และ RAM 240kbits - รองรับ SDRAM 32MB และช่องใส่ SD Card (FAT16) ✅ มีพอร์ต I/O หลากหลาย - รองรับ PS/2, DB9 joystick, USB Type-A, VGA, S-Video และ composite video - มี ลำโพงสเตอริโอ, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และปุ่มปรับระดับเสียง ✅ สามารถซื้อได้ผ่าน Tindie, eBay และ AliExpress - ราคาอยู่ที่ $215–$235 ✅ ไม่มีเฟิร์มแวร์ติดตั้งมาให้ แต่มี USB Blaster สำหรับโหลด FPGA cores - ผู้ใช้ต้อง แฟลชเฟิร์มแวร์เอง https://www.tomshardware.com/software/programming/the-onechipbook-12-is-a-retro-inspired-fpga-dev-kit-with-a-built-in-display-and-mechanical-keyboard
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 296 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft เตรียมเปิดตัว Surface Pro 11 และ Surface Laptop 7 รุ่นใหม่ ที่มีขนาดกะทัดรัดกว่าเดิม โดยใช้ ชิป Snapdragon X Plus ซึ่งเป็นชิป Arm ที่ออกแบบมาเพื่อประสิทธิภาพสูงและการใช้พลังงานต่ำ

    แม้ว่ารุ่นใหม่นี้จะไม่ใช่ เจเนอเรชันใหม่ แต่เป็นการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์เดิม โดย Surface Pro 11 จะมี รุ่น 12 นิ้ว และ Surface Laptop 7 จะมี รุ่น 13 นิ้ว ซึ่งทั้งสองรุ่นใช้ PixelSense Flow LCD และมีหน่วยความจำ LPDDR5x 16GB

    Microsoft เปิดตัว Surface Pro 11 และ Surface Laptop 7 รุ่นกะทัดรัด
    - Surface Pro 11 รุ่นใหม่มี ขนาด 12 นิ้ว
    - Surface Laptop 7 รุ่นใหม่มี ขนาด 13 นิ้ว

    ใช้ชิป Snapdragon X Plus
    - มี 8 คอร์ Oryon และ NPU 45 TOPS
    - หน่วยความจำ LPDDR5x 16GB

    การออกแบบและพอร์ตเชื่อมต่อ
    - Surface Pro 11 มี 2 พอร์ต USB-C
    - Surface Laptop 7 มี USB 3.2 Type-C, USB Type-A และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.

    ไม่มีอะแดปเตอร์ชาร์จแถมมาในกล่อง
    - ผู้ใช้ต้องใช้ PD-compliant charger ที่รองรับ 27W ขึ้นไป

    https://www.tomshardware.com/tablets/microsoft-surface/more-compact-arm-variants-of-microsoft-surface-pro-and-laptop-lines-leaked
    Microsoft เตรียมเปิดตัว Surface Pro 11 และ Surface Laptop 7 รุ่นใหม่ ที่มีขนาดกะทัดรัดกว่าเดิม โดยใช้ ชิป Snapdragon X Plus ซึ่งเป็นชิป Arm ที่ออกแบบมาเพื่อประสิทธิภาพสูงและการใช้พลังงานต่ำ แม้ว่ารุ่นใหม่นี้จะไม่ใช่ เจเนอเรชันใหม่ แต่เป็นการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์เดิม โดย Surface Pro 11 จะมี รุ่น 12 นิ้ว และ Surface Laptop 7 จะมี รุ่น 13 นิ้ว ซึ่งทั้งสองรุ่นใช้ PixelSense Flow LCD และมีหน่วยความจำ LPDDR5x 16GB ✅ Microsoft เปิดตัว Surface Pro 11 และ Surface Laptop 7 รุ่นกะทัดรัด - Surface Pro 11 รุ่นใหม่มี ขนาด 12 นิ้ว - Surface Laptop 7 รุ่นใหม่มี ขนาด 13 นิ้ว ✅ ใช้ชิป Snapdragon X Plus - มี 8 คอร์ Oryon และ NPU 45 TOPS - หน่วยความจำ LPDDR5x 16GB ✅ การออกแบบและพอร์ตเชื่อมต่อ - Surface Pro 11 มี 2 พอร์ต USB-C - Surface Laptop 7 มี USB 3.2 Type-C, USB Type-A และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ✅ ไม่มีอะแดปเตอร์ชาร์จแถมมาในกล่อง - ผู้ใช้ต้องใช้ PD-compliant charger ที่รองรับ 27W ขึ้นไป https://www.tomshardware.com/tablets/microsoft-surface/more-compact-arm-variants-of-microsoft-surface-pro-and-laptop-lines-leaked
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    More compact Arm variants of Microsoft Surface Pro and Laptop lines leaked
    These smaller Snapdragon X powered devices are expected to become official on Tuesday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • Asus ได้เปิดตัว TUF Gaming T500 ซึ่งเป็นเดสก์ท็อปเกมมิ่งที่ใช้ CPU แบบโมบาย แทนที่จะเป็น CPU เดสก์ท็อปแบบดั้งเดิม โดยมีเป้าหมายเพื่อ ลดอุณหภูมิและเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน

    TUF Gaming T500 ใช้ Intel Core i7-13620H ซึ่งเป็น CPU แบบ 6+4 คอร์ พร้อม 16 เธรด และสามารถเร่งความเร็วได้ถึง 4.9GHz โดย Asus อ้างว่า สามารถให้ประสิทธิภาพระดับเดสก์ท็อป แต่มีอุณหภูมิที่ต่ำกว่ามาก

    นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังสามารถติดตั้ง Nvidia GeForce RTX 5060 Ti ซึ่งเป็น GPU ที่ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell และมี VRAM 16GB รองรับการเล่นเกมที่ 1440p และ 4K ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ใช้ CPU แบบโมบายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน
    - ใช้ Intel Core i7-13620H ซึ่งมี 6+4 คอร์ และ 16 เธรด
    - เร่งความเร็วได้ถึง 4.9GHz

    ระบบระบายความร้อนที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ
    - มี พัดลมขนาด 90mm, ฮีตซิงค์ และท่อระบายความร้อน 3 เส้น
    - ลดโอกาสที่ CPU จะเกิดการ Throttling

    รองรับ GPU ระดับสูง
    - สามารถติดตั้ง Nvidia GeForce RTX 5060 Ti (VRAM 16GB)
    - รองรับ DLSS สำหรับการเล่นเกมที่ 4K

    ดีไซน์และความทนทาน
    - ตัวเครื่องได้รับแรงบันดาลใจจาก Mecha Anime
    - ผ่านมาตรฐาน MIL-STD-810H ทนต่อแรงกระแทกและอุณหภูมิสูง

    การเชื่อมต่อและพอร์ต
    - มี USB-C, USB-A, HDMI, Ethernet และช่องเสียบหูฟัง
    - รองรับ Wi-Fi 6 และ Bluetooth 5.4

    https://www.techspot.com/news/107787-asus-tuf-gaming-t500-mobile-cpu-powered-desktop.html
    Asus ได้เปิดตัว TUF Gaming T500 ซึ่งเป็นเดสก์ท็อปเกมมิ่งที่ใช้ CPU แบบโมบาย แทนที่จะเป็น CPU เดสก์ท็อปแบบดั้งเดิม โดยมีเป้าหมายเพื่อ ลดอุณหภูมิและเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน TUF Gaming T500 ใช้ Intel Core i7-13620H ซึ่งเป็น CPU แบบ 6+4 คอร์ พร้อม 16 เธรด และสามารถเร่งความเร็วได้ถึง 4.9GHz โดย Asus อ้างว่า สามารถให้ประสิทธิภาพระดับเดสก์ท็อป แต่มีอุณหภูมิที่ต่ำกว่ามาก นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังสามารถติดตั้ง Nvidia GeForce RTX 5060 Ti ซึ่งเป็น GPU ที่ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell และมี VRAM 16GB รองรับการเล่นเกมที่ 1440p และ 4K ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ใช้ CPU แบบโมบายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน - ใช้ Intel Core i7-13620H ซึ่งมี 6+4 คอร์ และ 16 เธรด - เร่งความเร็วได้ถึง 4.9GHz ✅ ระบบระบายความร้อนที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ - มี พัดลมขนาด 90mm, ฮีตซิงค์ และท่อระบายความร้อน 3 เส้น - ลดโอกาสที่ CPU จะเกิดการ Throttling ✅ รองรับ GPU ระดับสูง - สามารถติดตั้ง Nvidia GeForce RTX 5060 Ti (VRAM 16GB) - รองรับ DLSS สำหรับการเล่นเกมที่ 4K ✅ ดีไซน์และความทนทาน - ตัวเครื่องได้รับแรงบันดาลใจจาก Mecha Anime - ผ่านมาตรฐาน MIL-STD-810H ทนต่อแรงกระแทกและอุณหภูมิสูง ✅ การเชื่อมต่อและพอร์ต - มี USB-C, USB-A, HDMI, Ethernet และช่องเสียบหูฟัง - รองรับ Wi-Fi 6 และ Bluetooth 5.4 https://www.techspot.com/news/107787-asus-tuf-gaming-t500-mobile-cpu-powered-desktop.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    The Asus TUF Gaming T500 is a mobile CPU-powered desktop for better thermals
    At the heart of the TUF Gaming T500 is up to an Intel Core i7-13620H processor. This is a 6+4 core CPU with 16 threads and boosted...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 255 มุมมอง 0 รีวิว
  • Meta กำลังเตรียมเปิดตัว Ray-Ban Smart Glasses รุ่นใหม่ ในช่วงปลายปีนี้ โดย Mark Zuckerberg ยืนยันว่ามี "เทคโนโลยีใหม่" ที่จะถูกเพิ่มเข้ามา และจะมีการเปิดตัวหลายรุ่น

    ยอดขายของ Ray-Ban Smart Glasses เพิ่มขึ้น 3 เท่า ในปีที่ผ่านมา และมีผู้ใช้งานรายเดือนเพิ่มขึ้น 4 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทำให้ Meta ต้องการขยายตลาดด้วยการเปิดตัวรุ่นใหม่ที่มี หน้าจอในเลนส์

    นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือว่า Meta อาจเปิดตัว แว่นตาสำหรับนักกีฬา ที่พัฒนาร่วมกับ Oakley ซึ่งจะมี กล้องที่อยู่ตรงกลางแว่น และอาจมีฟีเจอร์ช่วยเหลือสำหรับการวิ่งหรือปั่นจักรยาน

    การเปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะรุ่นใหม่
    - Mark Zuckerberg ยืนยันว่าจะมี "เทคโนโลยีใหม่"
    - มีการเปิดตัวหลายรุ่น

    ยอดขายและการเติบโตของตลาด
    - ยอดขายเพิ่มขึ้น 3 เท่า ในปีที่ผ่านมา
    - ผู้ใช้งานรายเดือนเพิ่มขึ้น 4 เท่า

    ฟีเจอร์ใหม่ที่คาดว่าจะมี
    - หน้าจอในเลนส์ สำหรับแสดงข้อมูล
    - อาจมี แว่นตาสำหรับนักกีฬา ที่พัฒนาร่วมกับ Oakley

    แนวโน้มของตลาดแว่นตาอัจฉริยะ
    - Meta อาจเปิดตัว Meta Camerasbuds ซึ่งเป็นหูฟังที่มีกล้อง
    - อาจมีการเปิดตัว Meta Smartwatch เพื่อควบคุมแว่นตา

    https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/mark-zuckerberg-confirms-new-ray-ban-smart-glasses-are-coming-later-this-year-here-are-the-3-pairs-i-think-well-see
    Meta กำลังเตรียมเปิดตัว Ray-Ban Smart Glasses รุ่นใหม่ ในช่วงปลายปีนี้ โดย Mark Zuckerberg ยืนยันว่ามี "เทคโนโลยีใหม่" ที่จะถูกเพิ่มเข้ามา และจะมีการเปิดตัวหลายรุ่น ยอดขายของ Ray-Ban Smart Glasses เพิ่มขึ้น 3 เท่า ในปีที่ผ่านมา และมีผู้ใช้งานรายเดือนเพิ่มขึ้น 4 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทำให้ Meta ต้องการขยายตลาดด้วยการเปิดตัวรุ่นใหม่ที่มี หน้าจอในเลนส์ นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือว่า Meta อาจเปิดตัว แว่นตาสำหรับนักกีฬา ที่พัฒนาร่วมกับ Oakley ซึ่งจะมี กล้องที่อยู่ตรงกลางแว่น และอาจมีฟีเจอร์ช่วยเหลือสำหรับการวิ่งหรือปั่นจักรยาน ✅ การเปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะรุ่นใหม่ - Mark Zuckerberg ยืนยันว่าจะมี "เทคโนโลยีใหม่" - มีการเปิดตัวหลายรุ่น ✅ ยอดขายและการเติบโตของตลาด - ยอดขายเพิ่มขึ้น 3 เท่า ในปีที่ผ่านมา - ผู้ใช้งานรายเดือนเพิ่มขึ้น 4 เท่า ✅ ฟีเจอร์ใหม่ที่คาดว่าจะมี - หน้าจอในเลนส์ สำหรับแสดงข้อมูล - อาจมี แว่นตาสำหรับนักกีฬา ที่พัฒนาร่วมกับ Oakley ✅ แนวโน้มของตลาดแว่นตาอัจฉริยะ - Meta อาจเปิดตัว Meta Camerasbuds ซึ่งเป็นหูฟังที่มีกล้อง - อาจมีการเปิดตัว Meta Smartwatch เพื่อควบคุมแว่นตา https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/mark-zuckerberg-confirms-new-ray-ban-smart-glasses-are-coming-later-this-year-here-are-the-3-pairs-i-think-well-see
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 362 มุมมอง 0 รีวิว
  • Shokz ได้เปิดตัว OpenDots ONE ซึ่งเป็นหูฟังไร้สายแบบเปิดที่มีขนาดเล็กที่สุดของบริษัท โดยมีน้ำหนักเพียง 0.23 ออนซ์ (ประมาณ 6 กรัม) ต่อข้าง และใช้ดีไซน์แบบ clip-on ที่ช่วยให้หูฟังติดแน่นกับหูของผู้ใช้ แม้ไม่มีดีไซน์แบบ wraparound เหมือนรุ่นก่อน

    OpenDots ONE ใช้ ไดรเวอร์ขนาด 11.8 มม. พร้อมเทคโนโลยี Bassphere ที่ช่วยเพิ่มเสียงเบส และมี DirectPitch Audio ที่ช่วยลดการรั่วไหลของเสียง แม้ว่าหูฟังจะไม่ได้อยู่ในช่องหูโดยตรง

    นอกจากนี้ หูฟังยังมี แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และสามารถใช้งานรวมกับเคสชาร์จได้ถึง 40 ชั่วโมง รองรับ IP54 กันน้ำและเหงื่อ และสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สองเครื่องพร้อมกันผ่าน multipoint connectivity

    ดีไซน์และน้ำหนักเบา
    - น้ำหนักเพียง 0.23 ออนซ์ (ประมาณ 6 กรัม) ต่อข้าง
    - ดีไซน์แบบ clip-on ที่ช่วยให้หูฟังติดแน่นกับหู

    คุณภาพเสียงและเทคโนโลยี
    - ไดรเวอร์ขนาด 11.8 มม. พร้อมเทคโนโลยี Bassphere
    - DirectPitch Audio ช่วยลดการรั่วไหลของเสียง

    แบตเตอรี่และการใช้งาน
    - ใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
    - ใช้งานรวมกับเคสชาร์จได้ถึง 40 ชั่วโมง

    คุณสมบัติพิเศษ
    - IP54 กันน้ำและเหงื่อ
    - Multipoint connectivity เชื่อมต่อกับอุปกรณ์สองเครื่องพร้อมกัน

    https://www.techradar.com/audio/earbuds-airpods/shokz-launches-its-smallest-open-earbuds-yet-and-im-ready-to-hear-this-one-out-despite-the-high-price
    Shokz ได้เปิดตัว OpenDots ONE ซึ่งเป็นหูฟังไร้สายแบบเปิดที่มีขนาดเล็กที่สุดของบริษัท โดยมีน้ำหนักเพียง 0.23 ออนซ์ (ประมาณ 6 กรัม) ต่อข้าง และใช้ดีไซน์แบบ clip-on ที่ช่วยให้หูฟังติดแน่นกับหูของผู้ใช้ แม้ไม่มีดีไซน์แบบ wraparound เหมือนรุ่นก่อน OpenDots ONE ใช้ ไดรเวอร์ขนาด 11.8 มม. พร้อมเทคโนโลยี Bassphere ที่ช่วยเพิ่มเสียงเบส และมี DirectPitch Audio ที่ช่วยลดการรั่วไหลของเสียง แม้ว่าหูฟังจะไม่ได้อยู่ในช่องหูโดยตรง นอกจากนี้ หูฟังยังมี แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และสามารถใช้งานรวมกับเคสชาร์จได้ถึง 40 ชั่วโมง รองรับ IP54 กันน้ำและเหงื่อ และสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สองเครื่องพร้อมกันผ่าน multipoint connectivity ✅ ดีไซน์และน้ำหนักเบา - น้ำหนักเพียง 0.23 ออนซ์ (ประมาณ 6 กรัม) ต่อข้าง - ดีไซน์แบบ clip-on ที่ช่วยให้หูฟังติดแน่นกับหู ✅ คุณภาพเสียงและเทคโนโลยี - ไดรเวอร์ขนาด 11.8 มม. พร้อมเทคโนโลยี Bassphere - DirectPitch Audio ช่วยลดการรั่วไหลของเสียง ✅ แบตเตอรี่และการใช้งาน - ใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง - ใช้งานรวมกับเคสชาร์จได้ถึง 40 ชั่วโมง ✅ คุณสมบัติพิเศษ - IP54 กันน้ำและเหงื่อ - Multipoint connectivity เชื่อมต่อกับอุปกรณ์สองเครื่องพร้อมกัน https://www.techradar.com/audio/earbuds-airpods/shokz-launches-its-smallest-open-earbuds-yet-and-im-ready-to-hear-this-one-out-despite-the-high-price
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 270 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงแอปพลิเคชันใหม่ที่ชื่อว่า SoundShift ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้งาน Windows 10 และ 11 ในการจัดการอุปกรณ์เสียงที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ แอปนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสลับอุปกรณ์เสียงได้อย่างรวดเร็วผ่านคีย์ลัดที่กำหนดเอง เช่น การสลับระหว่างไมโครโฟนภายนอกและชุดหูฟัง โดยมีการแจ้งเตือนแบบป๊อปอัปเมื่อมีการเปลี่ยนอุปกรณ์เสียง

    SoundShift มีอินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรกับ Windows 11 และรองรับโหมดจอมืด (Dark Mode) นอกจากนี้ยังมีแท็บ Devices ที่แสดงรายการอุปกรณ์เสียงทั้งหมดที่เชื่อมต่ออยู่ อย่างไรก็ตาม แอปนี้ไม่สามารถเปลี่ยนอุปกรณ์เสียงที่ใช้ใน Microsoft Teams ระหว่างการโทรได้

    แอป SoundShift มีราคา $2.29 และสามารถดาวน์โหลดได้จาก Microsoft Store โดยผู้พัฒนายังได้แจกโค้ดโปรโมชั่นสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการทดลองใช้แอปฟรี

    https://www.neowin.net/news/this-small-windows-app-is-a-great-power-toy-for-switching-audio-devices/
    บทความนี้กล่าวถึงแอปพลิเคชันใหม่ที่ชื่อว่า SoundShift ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้งาน Windows 10 และ 11 ในการจัดการอุปกรณ์เสียงที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ แอปนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสลับอุปกรณ์เสียงได้อย่างรวดเร็วผ่านคีย์ลัดที่กำหนดเอง เช่น การสลับระหว่างไมโครโฟนภายนอกและชุดหูฟัง โดยมีการแจ้งเตือนแบบป๊อปอัปเมื่อมีการเปลี่ยนอุปกรณ์เสียง SoundShift มีอินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรกับ Windows 11 และรองรับโหมดจอมืด (Dark Mode) นอกจากนี้ยังมีแท็บ Devices ที่แสดงรายการอุปกรณ์เสียงทั้งหมดที่เชื่อมต่ออยู่ อย่างไรก็ตาม แอปนี้ไม่สามารถเปลี่ยนอุปกรณ์เสียงที่ใช้ใน Microsoft Teams ระหว่างการโทรได้ แอป SoundShift มีราคา $2.29 และสามารถดาวน์โหลดได้จาก Microsoft Store โดยผู้พัฒนายังได้แจกโค้ดโปรโมชั่นสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการทดลองใช้แอปฟรี https://www.neowin.net/news/this-small-windows-app-is-a-great-power-toy-for-switching-audio-devices/
    WWW.NEOWIN.NET
    This small Windows app is a great power toy for switching audio devices
    If you have several audio devices hooked up to your PC, switching between them is much easier with this small Windows app.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้กล่าวถึงการอัปเดตระบบใหม่ของ PlayStation 5 (PS5) ที่จะเปิดตัวในวันที่ 24 เมษายน 2025 โดยมีการนำธีมคลาสสิกจากการเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีของ PlayStation กลับมาให้ผู้ใช้งานได้เลือกใช้ พร้อมทั้งเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Audio Focus ซึ่งช่วยปรับเสียงในเกมให้เหมาะสมยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้งานที่ใช้หูฟัง

    การนำธีมคลาสสิกกลับมา
    - ธีมคลาสสิกจาก PlayStation รุ่นก่อน (PS1, PS2, PS3, PS4) กลับมาให้เลือกใช้ในเมนู 'Appearance'
    - ธีมเหล่านี้เคยเปิดตัวในช่วงการเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีของ PlayStation

    ฟีเจอร์ Audio Focus
    - ช่วยปรับเสียงในเกม เช่น เสียงฝีเท้า ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้งานหูฟัง
    - ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสบการณ์การเล่นเกมที่สมจริง

    การตอบสนองต่อคำขอของแฟนๆ
    - การนำธีมกลับมาเกิดจากคำขอของผู้ใช้งานที่ต้องการธีมเหล่านี้

    การพัฒนาฟีเจอร์เพิ่มเติมในอนาคต
    - มีความคาดหวังว่า PlayStation อาจเพิ่มธีมเฉพาะเกมในอนาคต

    https://wccftech.com/playstations-classic-console-themes-from-30th-anniversary-celebrations-are-back-in-new-ps5-system-update/
    ข่าวนี้กล่าวถึงการอัปเดตระบบใหม่ของ PlayStation 5 (PS5) ที่จะเปิดตัวในวันที่ 24 เมษายน 2025 โดยมีการนำธีมคลาสสิกจากการเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีของ PlayStation กลับมาให้ผู้ใช้งานได้เลือกใช้ พร้อมทั้งเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Audio Focus ซึ่งช่วยปรับเสียงในเกมให้เหมาะสมยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้งานที่ใช้หูฟัง ✅ การนำธีมคลาสสิกกลับมา - ธีมคลาสสิกจาก PlayStation รุ่นก่อน (PS1, PS2, PS3, PS4) กลับมาให้เลือกใช้ในเมนู 'Appearance' - ธีมเหล่านี้เคยเปิดตัวในช่วงการเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีของ PlayStation ✅ ฟีเจอร์ Audio Focus - ช่วยปรับเสียงในเกม เช่น เสียงฝีเท้า ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้งานหูฟัง - ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสบการณ์การเล่นเกมที่สมจริง ✅ การตอบสนองต่อคำขอของแฟนๆ - การนำธีมกลับมาเกิดจากคำขอของผู้ใช้งานที่ต้องการธีมเหล่านี้ ✅ การพัฒนาฟีเจอร์เพิ่มเติมในอนาคต - มีความคาดหวังว่า PlayStation อาจเพิ่มธีมเฉพาะเกมในอนาคต https://wccftech.com/playstations-classic-console-themes-from-30th-anniversary-celebrations-are-back-in-new-ps5-system-update/
    WCCFTECH.COM
    PlayStation's Classic Console Themes From 30th Anniversary Celebrations Are Back In New PS5 System Update
    PlayStation has confirmed that the classic console themes from its 30th anniversary celebrations are back for PS5 owners in tomorrow's update
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Texas Instruments (TI) เปิดตัวไมโครคอนโทรลเลอร์ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกในชื่อ MSPM0C1104 ซึ่งมีขนาดเพียง 1.38 มม.² หรือเล็กเท่ากับเม็ดพริกไทยดำ และมาพร้อมราคาที่น่าทึ่งเพียง 20 เซนต์ ต่อชิ้นเมื่อสั่งซื้อจำนวนมาก

    คุณสมบัติที่น่าทึ่งของ MSPM0C1104:
    - หน่วยประมวลผล Cortex-M0+ 32 บิต ทำงานด้วยความเร็วสูงสุด 24 MHz เหมาะสำหรับการใช้งานในอุปกรณ์ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในพื้นที่จำกัด
    - หน่วยความจำ SRAM 1KB และหน่วยความจำแบบแฟลชสูงสุด 16KB ทำให้ตอบสนองงานที่ต้องการการจัดเก็บและการประมวลผลข้อมูลเบื้องต้นได้ดี
    - มีฟังก์ชัน Analog-to-Digital Converter (ADC) ความละเอียด 12 บิตพร้อม 3 ช่องสัญญาณที่ช่วยให้เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความแม่นยำ เช่น อุปกรณ์ทางการแพทย์
    - รองรับการเชื่อมต่อมาตรฐานต่าง ๆ เช่น UART, SPI, และ I2C เพื่อความยืดหยุ่นในการออกแบบอุปกรณ์

    ไมโครคอนโทรลเลอร์นี้มีความทนทานสูง โดยทำงานได้ในอุณหภูมิระหว่าง –40°C ถึง 125°C และยังมีความประหยัดพลังงาน โดยใช้พลังงานเพียง 87μA/MHz ขณะทำงาน และเพียง 5μA ในโหมดสแตนด์บาย

    TI ชี้ให้เห็นว่า MSPM0C1104 เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับอุปกรณ์ขนาดเล็ก เช่น เครื่องช่วยฟังทางการแพทย์ หรือ หูฟังไร้สาย ที่มีพื้นที่บอร์ดจำกัด การพัฒนานี้ยังช่วยให้อุปกรณ์เหล่านี้มีความฉลาดขึ้นและสามารถสร้างประสบการณ์ที่เชื่อมต่อกันได้ดีขึ้น

    ด้วยราคาที่เข้าถึงได้อย่างมาก (เพียง 20 เซนต์ในปริมาณมาก) อาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมในตลาดไมโครคอนโทรลเลอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับอุปกรณ์ IoT และผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ที่ต้องการลดต้นทุนการผลิต

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/the-worlds-smallest-microcontroller-measures-just-1-38-mm2-and-costs-20-cents
    บริษัท Texas Instruments (TI) เปิดตัวไมโครคอนโทรลเลอร์ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกในชื่อ MSPM0C1104 ซึ่งมีขนาดเพียง 1.38 มม.² หรือเล็กเท่ากับเม็ดพริกไทยดำ และมาพร้อมราคาที่น่าทึ่งเพียง 20 เซนต์ ต่อชิ้นเมื่อสั่งซื้อจำนวนมาก คุณสมบัติที่น่าทึ่งของ MSPM0C1104: - หน่วยประมวลผล Cortex-M0+ 32 บิต ทำงานด้วยความเร็วสูงสุด 24 MHz เหมาะสำหรับการใช้งานในอุปกรณ์ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในพื้นที่จำกัด - หน่วยความจำ SRAM 1KB และหน่วยความจำแบบแฟลชสูงสุด 16KB ทำให้ตอบสนองงานที่ต้องการการจัดเก็บและการประมวลผลข้อมูลเบื้องต้นได้ดี - มีฟังก์ชัน Analog-to-Digital Converter (ADC) ความละเอียด 12 บิตพร้อม 3 ช่องสัญญาณที่ช่วยให้เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความแม่นยำ เช่น อุปกรณ์ทางการแพทย์ - รองรับการเชื่อมต่อมาตรฐานต่าง ๆ เช่น UART, SPI, และ I2C เพื่อความยืดหยุ่นในการออกแบบอุปกรณ์ ไมโครคอนโทรลเลอร์นี้มีความทนทานสูง โดยทำงานได้ในอุณหภูมิระหว่าง –40°C ถึง 125°C และยังมีความประหยัดพลังงาน โดยใช้พลังงานเพียง 87μA/MHz ขณะทำงาน และเพียง 5μA ในโหมดสแตนด์บาย TI ชี้ให้เห็นว่า MSPM0C1104 เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับอุปกรณ์ขนาดเล็ก เช่น เครื่องช่วยฟังทางการแพทย์ หรือ หูฟังไร้สาย ที่มีพื้นที่บอร์ดจำกัด การพัฒนานี้ยังช่วยให้อุปกรณ์เหล่านี้มีความฉลาดขึ้นและสามารถสร้างประสบการณ์ที่เชื่อมต่อกันได้ดีขึ้น ด้วยราคาที่เข้าถึงได้อย่างมาก (เพียง 20 เซนต์ในปริมาณมาก) อาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมในตลาดไมโครคอนโทรลเลอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับอุปกรณ์ IoT และผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ที่ต้องการลดต้นทุนการผลิต https://www.tomshardware.com/tech-industry/the-worlds-smallest-microcontroller-measures-just-1-38-mm2-and-costs-20-cents
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 342 มุมมอง 0 รีวิว
  • หู หูคนฟังสารพัดเรื่อง เรื่องดีเรื่องร้าย หูเบาบ้าง หูหนักบ้าง เอาหูฟังเทศน์บ้าง เสียงเทศน์ผ่านหูเข้าสู่จิต ให้จิตมีสติ มีศิลธรรม
    หู หูคนฟังสารพัดเรื่อง เรื่องดีเรื่องร้าย หูเบาบ้าง หูหนักบ้าง เอาหูฟังเทศน์บ้าง เสียงเทศน์ผ่านหูเข้าสู่จิต ให้จิตมีสติ มีศิลธรรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 236 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อไม่นานมานี้ TechSpot รายงานว่าการใช้หูฟังตัดเสียงรบกวนในวัยรุ่นอาจก่อให้เกิดปัญหาด้านการได้ยินที่เรียกว่า "การผิดพลาดในการประมวลผลเสียง (APD)" ภาวะนี้ทำให้ผู้ป่วยมีปัญหาในการตีความเสียงและคำพูดแม้ว่าการได้ยินจะปกติ เนื่องจากการประมวลผลเสียงของสมองได้รับผลกระทบ นักโสตสัมผัสวิทยาบางรายเชื่อว่าการใช้หูฟังตัดเสียงรบกวนเป็นเวลานานในช่วงที่สมองกำลังพัฒนาอาจทำให้พัฒนาการการได้ยินล่าช้า

    Claire Benton รองประธานสถาบันโสตสัมผัสวิทยาแห่งสหราชอาณาจักรอธิบายว่า การที่วัยรุ่นอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปราศจากเสียงรบกวนอาจทำให้สมองไม่สามารถพัฒนาความสามารถในการกรองเสียงที่ไม่สำคัญออกไปได้ นอกจากนี้ ยังมีจำนวนวัยรุ่นที่ถูกส่งมาตรวจสอบปัญหาการได้ยินเพิ่มมากขึ้นในหน่วยงานโสตสัมผัสวิทยาของ NHS สหราชอาณาจักร และการประเมินภาวะ APD ใช้เวลานานและซับซ้อน ซึ่งทำให้กระบวนการตรวจสอบเป็นไปได้ยาก

    ในขณะที่หูฟังตัดเสียงรบกวนมีประโยชน์ในการป้องกันการสูญเสียการได้ยินจากเสียงดัง นักโสตสัมผัสวิทยาเน้นว่าการใช้งานอย่างเหมาะสมและการได้รับเสียงธรรมชาติเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความสามารถในการกรองเสียงของสมองให้มีประสิทธิภาพ

    https://www.techspot.com/news/106790-audiologists-suspect-link-between-anc-hearing-problems-young.html
    เมื่อไม่นานมานี้ TechSpot รายงานว่าการใช้หูฟังตัดเสียงรบกวนในวัยรุ่นอาจก่อให้เกิดปัญหาด้านการได้ยินที่เรียกว่า "การผิดพลาดในการประมวลผลเสียง (APD)" ภาวะนี้ทำให้ผู้ป่วยมีปัญหาในการตีความเสียงและคำพูดแม้ว่าการได้ยินจะปกติ เนื่องจากการประมวลผลเสียงของสมองได้รับผลกระทบ นักโสตสัมผัสวิทยาบางรายเชื่อว่าการใช้หูฟังตัดเสียงรบกวนเป็นเวลานานในช่วงที่สมองกำลังพัฒนาอาจทำให้พัฒนาการการได้ยินล่าช้า Claire Benton รองประธานสถาบันโสตสัมผัสวิทยาแห่งสหราชอาณาจักรอธิบายว่า การที่วัยรุ่นอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปราศจากเสียงรบกวนอาจทำให้สมองไม่สามารถพัฒนาความสามารถในการกรองเสียงที่ไม่สำคัญออกไปได้ นอกจากนี้ ยังมีจำนวนวัยรุ่นที่ถูกส่งมาตรวจสอบปัญหาการได้ยินเพิ่มมากขึ้นในหน่วยงานโสตสัมผัสวิทยาของ NHS สหราชอาณาจักร และการประเมินภาวะ APD ใช้เวลานานและซับซ้อน ซึ่งทำให้กระบวนการตรวจสอบเป็นไปได้ยาก ในขณะที่หูฟังตัดเสียงรบกวนมีประโยชน์ในการป้องกันการสูญเสียการได้ยินจากเสียงดัง นักโสตสัมผัสวิทยาเน้นว่าการใช้งานอย่างเหมาะสมและการได้รับเสียงธรรมชาติเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความสามารถในการกรองเสียงของสมองให้มีประสิทธิภาพ https://www.techspot.com/news/106790-audiologists-suspect-link-between-anc-hearing-problems-young.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Noise-canceling headphones may be rewiring young brains, experts warn
    The issue revolves around a condition called auditory processing disorder (APD), in which the brain struggles to interpret sounds and speech, even when a person's hearing is...
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 473 มุมมอง 0 รีวิว
  • Crastinator-Pro นักดัดแปลงอุปกรณ์ที่มีความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการปรับแต่งอุปกรณ์ให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้ ได้สร้าง "Steam Brick" ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ถูกลดขนาดของ Steam Deck โดยมีเพียงปุ่มเปิดปิดและพอร์ต USB เท่านั้น Crastinator-Pro บน GitHub ได้ทำการดัดแปลง Steam Deck ให้มีขนาดเล็กลงและทนทานมากขึ้น โดยไม่มีหน้าจอหรือคอนโทรลเลอร์ แต่ยังคงสามารถเชื่อมต่อกับทีวีหรือแว่นตา AR เพื่อเล่นเกมได้

    Crastinator-Pro อธิบายว่า Steam Deck นั้นมีขนาดใหญ่และหนักเกินไปสำหรับการพกพาในกระเป๋าเป้ ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจดัดแปลงให้มีขนาดเล็กลงและทนทานมากขึ้น พวกเขาใช้คู่มือการซ่อม Steam Deck จาก iFixIt เพื่อถอดอุปกรณ์ออกจนเหลือเพียงแผงวงจรหลักและพัดลม จากนั้นพวกเขาได้ออกแบบและพิมพ์ 3D เปลือกหุ้มเพื่อให้พอดีกับโครงสร้างของ Steam Brick

    ผลลัพธ์คือ Steam Brick มีขนาดเล็กลงประมาณ 1 ใน 3 ของ Steam Deck และเบาลงประมาณ 24% Steam Brick สามารถเปิดใช้งานได้ด้วยปุ่มเดียวและเชื่อมต่อกับพอร์ต USB เพื่อรับพลังงานและเชื่อมต่อกับจอภาพหรือหูฟัง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/case-mods/modder-creates-the-steam-brick-a-stripped-down-steam-deck-with-only-a-power-button-and-a-usb
    Crastinator-Pro นักดัดแปลงอุปกรณ์ที่มีความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการปรับแต่งอุปกรณ์ให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้ ได้สร้าง "Steam Brick" ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ถูกลดขนาดของ Steam Deck โดยมีเพียงปุ่มเปิดปิดและพอร์ต USB เท่านั้น Crastinator-Pro บน GitHub ได้ทำการดัดแปลง Steam Deck ให้มีขนาดเล็กลงและทนทานมากขึ้น โดยไม่มีหน้าจอหรือคอนโทรลเลอร์ แต่ยังคงสามารถเชื่อมต่อกับทีวีหรือแว่นตา AR เพื่อเล่นเกมได้ Crastinator-Pro อธิบายว่า Steam Deck นั้นมีขนาดใหญ่และหนักเกินไปสำหรับการพกพาในกระเป๋าเป้ ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจดัดแปลงให้มีขนาดเล็กลงและทนทานมากขึ้น พวกเขาใช้คู่มือการซ่อม Steam Deck จาก iFixIt เพื่อถอดอุปกรณ์ออกจนเหลือเพียงแผงวงจรหลักและพัดลม จากนั้นพวกเขาได้ออกแบบและพิมพ์ 3D เปลือกหุ้มเพื่อให้พอดีกับโครงสร้างของ Steam Brick ผลลัพธ์คือ Steam Brick มีขนาดเล็กลงประมาณ 1 ใน 3 ของ Steam Deck และเบาลงประมาณ 24% Steam Brick สามารถเปิดใช้งานได้ด้วยปุ่มเดียวและเชื่อมต่อกับพอร์ต USB เพื่อรับพลังงานและเชื่อมต่อกับจอภาพหรือหูฟัง https://www.tomshardware.com/pc-components/case-mods/modder-creates-the-steam-brick-a-stripped-down-steam-deck-with-only-a-power-button-and-a-usb
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 411 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sony กำลังเตรียมเปิดตัวหูฟังรุ่นใหม่ WH-1000XM6 ในช่วงฤดูร้อนนี้! จากข้อมูลที่ได้รับจากการยื่นขออนุญาตของ FCC หูฟังรุ่นใหม่นี้อาจมีการออกแบบที่ปรับปรุงจากรุ่น XM5 โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ เช่น แผ่นรองหูที่สามารถถอดออกได้ ซึ่งจะช่วยให้การซ่อมแซมหรือเปลี่ยนแผ่นรองหูทำได้ง่ายขึ้น

    นอกจากนี้ หูฟังรุ่น XM6 ยังมีการปรับปรุงบานพับที่อาจทำให้สามารถพับเก็บได้อย่างกะทัดรัดมากขึ้น ซึ่งเป็นการแก้ไขข้อเสียของรุ่น XM5 ที่ไม่สามารถพับเก็บได้อย่างสมบูรณ์ หูฟังรุ่นใหม่นี้ยังคงใช้ Bluetooth 5.3 และรองรับ LE Audio ซึ่งอาจช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการเชื่อมต่อไร้สายและระยะการใช้งาน

    การเปิดตัวหูฟังรุ่น XM6 นี้คาดว่าจะเกิดขึ้นก่อนวันที่ 22 กรกฎาคม 2025 เนื่องจากการยื่นขออนุญาตของ FCC มีระยะเวลาความลับสั้นๆ จนถึงวันดังกล่าว การเปิดตัวหูฟังรุ่น XM6 นี้เป็นไปตามตารางการเปิดตัวของหูฟังซีรีส์ XM ที่มีการเปิดตัวทุกสองปี โดยรุ่น XM3 เปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2018, รุ่น XM4 ในเดือนสิงหาคม 2020, และรุ่น XM5 ในเดือนพฤษภาคม 2022

    https://www.techspot.com/news/106491-fcc-filing-points-sony-wh-1000xm6-headphones-launch.html
    Sony กำลังเตรียมเปิดตัวหูฟังรุ่นใหม่ WH-1000XM6 ในช่วงฤดูร้อนนี้! จากข้อมูลที่ได้รับจากการยื่นขออนุญาตของ FCC หูฟังรุ่นใหม่นี้อาจมีการออกแบบที่ปรับปรุงจากรุ่น XM5 โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ เช่น แผ่นรองหูที่สามารถถอดออกได้ ซึ่งจะช่วยให้การซ่อมแซมหรือเปลี่ยนแผ่นรองหูทำได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ หูฟังรุ่น XM6 ยังมีการปรับปรุงบานพับที่อาจทำให้สามารถพับเก็บได้อย่างกะทัดรัดมากขึ้น ซึ่งเป็นการแก้ไขข้อเสียของรุ่น XM5 ที่ไม่สามารถพับเก็บได้อย่างสมบูรณ์ หูฟังรุ่นใหม่นี้ยังคงใช้ Bluetooth 5.3 และรองรับ LE Audio ซึ่งอาจช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการเชื่อมต่อไร้สายและระยะการใช้งาน การเปิดตัวหูฟังรุ่น XM6 นี้คาดว่าจะเกิดขึ้นก่อนวันที่ 22 กรกฎาคม 2025 เนื่องจากการยื่นขออนุญาตของ FCC มีระยะเวลาความลับสั้นๆ จนถึงวันดังกล่าว การเปิดตัวหูฟังรุ่น XM6 นี้เป็นไปตามตารางการเปิดตัวของหูฟังซีรีส์ XM ที่มีการเปิดตัวทุกสองปี โดยรุ่น XM3 เปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2018, รุ่น XM4 ในเดือนสิงหาคม 2020, และรุ่น XM5 ในเดือนพฤษภาคม 2022 https://www.techspot.com/news/106491-fcc-filing-points-sony-wh-1000xm6-headphones-launch.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Sony's next-gen XM6 headphones might drop this summer
    Recent FCC filings give us a sneak peek into what could be Sony's next-gen XM6 headset. Drawings suggest a slightly tweaked physical design from the current XM5...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 541 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts