• เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อคำด่าหุ่นยนต์กลายเป็นเสียงต้านเทคโนโลยี

    ในอดีต หุ่นยนต์ในหนังไซไฟถูกเรียกด้วยคำดูถูกอย่าง “toaster” ใน Battlestar Galactica หรือ “skinjob” ใน Blade Runner แต่ในปี 2025 คำว่า “clanker” ได้กลายเป็นคำด่าหุ่นยนต์และ AI ที่แพร่หลายที่สุดในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในหมู่ Gen Z และ Gen Alpha ที่ใช้มันเป็นสัญลักษณ์ของความไม่พอใจต่อการรุกคืบของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน

    คำว่า “clanker” มีต้นกำเนิดจาก Star Wars: The Clone Wars ซึ่งเป็นคำที่ clone trooper ใช้เรียกดรอยด์ฝ่ายศัตรูด้วยน้ำเสียงดูถูก เช่น “OK, clankers. Suck lasers!” แต่ในยุคปัจจุบัน มันถูกนำกลับมาใช้ใหม่ในบริบทของการต่อต้าน AI ที่แทรกซึมเข้ามาในงานบริการ, การสื่อสาร, และแม้แต่การให้คำปรึกษาทางจิตใจ

    ผู้คนเริ่มใช้ “clanker” ในโพสต์ TikTok, Instagram และ X เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อ chatbot ที่ตอบไม่ตรงคำถาม, หุ่นยนต์ส่งของที่ขวางทางบนทางเท้า, หรือระบบอัตโนมัติที่แทนที่แรงงานมนุษย์ โดยมีทั้งมุกตลกและการประท้วงจริง เช่น การชุมนุมหน้าสำนักงาน OpenAI ในซานฟรานซิสโก

    นักภาษาศาสตร์มองว่า “clanker” เป็นการสร้างภาษาต่อต้านที่สะท้อนความรู้สึกของคนที่รู้สึกถูกแทนที่หรือถูกลดคุณค่าด้วยเทคโนโลยี และแม้จะเป็นคำที่ดูขำ ๆ แต่ก็มีพลังในการรวมกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับการพัฒนา AI แบบไร้ขอบเขต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/02/how-clanker-became-an-anti-ai-rallying-cry
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อคำด่าหุ่นยนต์กลายเป็นเสียงต้านเทคโนโลยี ในอดีต หุ่นยนต์ในหนังไซไฟถูกเรียกด้วยคำดูถูกอย่าง “toaster” ใน Battlestar Galactica หรือ “skinjob” ใน Blade Runner แต่ในปี 2025 คำว่า “clanker” ได้กลายเป็นคำด่าหุ่นยนต์และ AI ที่แพร่หลายที่สุดในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในหมู่ Gen Z และ Gen Alpha ที่ใช้มันเป็นสัญลักษณ์ของความไม่พอใจต่อการรุกคืบของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน คำว่า “clanker” มีต้นกำเนิดจาก Star Wars: The Clone Wars ซึ่งเป็นคำที่ clone trooper ใช้เรียกดรอยด์ฝ่ายศัตรูด้วยน้ำเสียงดูถูก เช่น “OK, clankers. Suck lasers!” แต่ในยุคปัจจุบัน มันถูกนำกลับมาใช้ใหม่ในบริบทของการต่อต้าน AI ที่แทรกซึมเข้ามาในงานบริการ, การสื่อสาร, และแม้แต่การให้คำปรึกษาทางจิตใจ ผู้คนเริ่มใช้ “clanker” ในโพสต์ TikTok, Instagram และ X เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อ chatbot ที่ตอบไม่ตรงคำถาม, หุ่นยนต์ส่งของที่ขวางทางบนทางเท้า, หรือระบบอัตโนมัติที่แทนที่แรงงานมนุษย์ โดยมีทั้งมุกตลกและการประท้วงจริง เช่น การชุมนุมหน้าสำนักงาน OpenAI ในซานฟรานซิสโก นักภาษาศาสตร์มองว่า “clanker” เป็นการสร้างภาษาต่อต้านที่สะท้อนความรู้สึกของคนที่รู้สึกถูกแทนที่หรือถูกลดคุณค่าด้วยเทคโนโลยี และแม้จะเป็นคำที่ดูขำ ๆ แต่ก็มีพลังในการรวมกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับการพัฒนา AI แบบไร้ขอบเขต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/02/how-clanker-became-an-anti-ai-rallying-cry
    WWW.THESTAR.COM.MY
    How 'clanker' became an anti-AI rallying cry
    The term, which was popularised by a "Star Wars" show and is rooted in real frustrations with technology, has become a go-to slur against artificial intelligence and robots.
    0 Comments 0 Shares 49 Views 0 Reviews
  • จากอัมพาตสู่การควบคุมดิจิทัลด้วย “ความคิด”

    ย้อนกลับไปในปี 2016 Noland Arbaugh ประสบอุบัติเหตุจากการดำน้ำ ทำให้เขาเป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงไหล่ลงไป และใช้ชีวิตบนรถเข็นมานานหลายปี จนกระทั่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 เขากลายเป็นมนุษย์คนแรกที่ได้รับการฝังชิปสมองจาก Neuralink บริษัทของ Elon Musk

    การผ่าตัดใช้เวลาน้อยกว่าสองชั่วโมง โดยหุ่นยนต์ของ Neuralink ฝังชิปขนาดเท่าเหรียญเข้าไปในสมอง พร้อมเชื่อมเส้นใยขนาดเล็กกว่าเส้นผมกว่า 1,000 เส้นเข้ากับเซลล์ประสาทในสมองส่วนควบคุมการเคลื่อนไหว

    ผลลัพธ์คือ Arbaugh สามารถควบคุมคอมพิวเตอร์ด้วยความคิด เช่น เล่น Mario Kart, เปิด–ปิดเครื่องฟอกอากาศ, ควบคุมทีวี และพิมพ์ข้อความโดยไม่ต้องขยับร่างกายเลยแม้แต่นิ้วเดียว

    เขาใช้ระบบนี้วันละประมาณ 10 ชั่วโมง และบอกว่า “ง่ายมาก” ในการเรียนรู้วิธีใช้งาน วันแรกที่ลองใช้ เขาสามารถทำลายสถิติโลกปี 2017 ด้านความเร็วและความแม่นยำในการควบคุมเคอร์เซอร์ด้วย BCI

    แม้จะมีปัญหาในช่วงแรก เช่น เส้นใยบางส่วนหลุดออกจากเนื้อสมอง ทำให้ประสิทธิภาพลดลง แต่ทีม Neuralink ก็สามารถปรับแต่งระบบให้กลับมาใช้งานได้เกือบเต็มรูปแบบ

    ปัจจุบัน Arbaugh กลับไปเรียนที่วิทยาลัยในรัฐแอริโซนา และเริ่มวางแผนเปิดธุรกิจของตัวเอง พร้อมรับงานพูดในที่สาธารณะ เขาบอกว่า “ผมรู้สึกว่าตัวเองมีศักยภาพอีกครั้ง” และเชื่อว่าการทดลองนี้จะช่วยคนอื่นได้ในอนาคต แม้จะมีความเสี่ยงก็ตาม

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Noland Arbaugh เป็นมนุษย์คนแรกที่ได้รับการฝังชิปสมองจาก Neuralink ในปี 2024
    การผ่าตัดใช้หุ่นยนต์ฝังชิปและเชื่อมเส้นใยกว่า 1,000 เส้นเข้ากับเซลล์ประสาท
    ชิปสามารถแปลสัญญาณสมองเป็นคำสั่งดิจิทัลเพื่อควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ
    Arbaugh สามารถเล่นเกม, พิมพ์ข้อความ, และควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยความคิด
    ใช้งานระบบวันละประมาณ 10 ชั่วโมง และเรียนรู้ได้ง่าย
    วันแรกที่ใช้งาน Arbaugh ทำลายสถิติโลกด้านการควบคุมเคอร์เซอร์ด้วย BCI
    ปัจจุบันเขากลับไปเรียนและเริ่มวางแผนเปิดธุรกิจของตัวเอง
    เขาเชื่อว่าการทดลองนี้จะช่วยคนอื่นได้ แม้จะมีความเสี่ยง
    Neuralink ใช้ระบบชาร์จแบบไร้สายผ่านหมวกที่ฝังขดลวดไว้
    ระบบได้รับการปรับปรุงให้สามารถใช้งานขณะชาร์จได้แล้ว

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    BCI (Brain-Computer Interface) เป็นเทคโนโลยีที่มีการศึกษามานานกว่า 50 ปี
    บริษัทอื่น เช่น Synchron และ Blackrock Neurotech ก็มีการทดลองฝังชิปสมองเช่นกัน
    Neuralink ใช้การฝังใน motor cortex ซึ่งเป็นบริเวณควบคุมการเคลื่อนไหวโดยตรง
    ชิปของ Neuralink เป็นแบบไร้สาย ต่างจากบางบริษัทที่ยังใช้สายเชื่อมต่อผ่านกะโหลก
    การฝังชิปสมองอาจเป็นก้าวสำคัญในการฟื้นฟูผู้ป่วยอัมพาตและโรคทางระบบประสาท

    https://fortune.com/2025/08/23/neuralink-participant-1-noland-arbaugh-18-months-post-surgery-life-changed-elon-musk/
    🧠 จากอัมพาตสู่การควบคุมดิจิทัลด้วย “ความคิด” ย้อนกลับไปในปี 2016 Noland Arbaugh ประสบอุบัติเหตุจากการดำน้ำ ทำให้เขาเป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงไหล่ลงไป และใช้ชีวิตบนรถเข็นมานานหลายปี จนกระทั่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 เขากลายเป็นมนุษย์คนแรกที่ได้รับการฝังชิปสมองจาก Neuralink บริษัทของ Elon Musk การผ่าตัดใช้เวลาน้อยกว่าสองชั่วโมง โดยหุ่นยนต์ของ Neuralink ฝังชิปขนาดเท่าเหรียญเข้าไปในสมอง พร้อมเชื่อมเส้นใยขนาดเล็กกว่าเส้นผมกว่า 1,000 เส้นเข้ากับเซลล์ประสาทในสมองส่วนควบคุมการเคลื่อนไหว ผลลัพธ์คือ Arbaugh สามารถควบคุมคอมพิวเตอร์ด้วยความคิด เช่น เล่น Mario Kart, เปิด–ปิดเครื่องฟอกอากาศ, ควบคุมทีวี และพิมพ์ข้อความโดยไม่ต้องขยับร่างกายเลยแม้แต่นิ้วเดียว เขาใช้ระบบนี้วันละประมาณ 10 ชั่วโมง และบอกว่า “ง่ายมาก” ในการเรียนรู้วิธีใช้งาน วันแรกที่ลองใช้ เขาสามารถทำลายสถิติโลกปี 2017 ด้านความเร็วและความแม่นยำในการควบคุมเคอร์เซอร์ด้วย BCI แม้จะมีปัญหาในช่วงแรก เช่น เส้นใยบางส่วนหลุดออกจากเนื้อสมอง ทำให้ประสิทธิภาพลดลง แต่ทีม Neuralink ก็สามารถปรับแต่งระบบให้กลับมาใช้งานได้เกือบเต็มรูปแบบ ปัจจุบัน Arbaugh กลับไปเรียนที่วิทยาลัยในรัฐแอริโซนา และเริ่มวางแผนเปิดธุรกิจของตัวเอง พร้อมรับงานพูดในที่สาธารณะ เขาบอกว่า “ผมรู้สึกว่าตัวเองมีศักยภาพอีกครั้ง” และเชื่อว่าการทดลองนี้จะช่วยคนอื่นได้ในอนาคต แม้จะมีความเสี่ยงก็ตาม 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Noland Arbaugh เป็นมนุษย์คนแรกที่ได้รับการฝังชิปสมองจาก Neuralink ในปี 2024 ➡️ การผ่าตัดใช้หุ่นยนต์ฝังชิปและเชื่อมเส้นใยกว่า 1,000 เส้นเข้ากับเซลล์ประสาท ➡️ ชิปสามารถแปลสัญญาณสมองเป็นคำสั่งดิจิทัลเพื่อควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ➡️ Arbaugh สามารถเล่นเกม, พิมพ์ข้อความ, และควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยความคิด ➡️ ใช้งานระบบวันละประมาณ 10 ชั่วโมง และเรียนรู้ได้ง่าย ➡️ วันแรกที่ใช้งาน Arbaugh ทำลายสถิติโลกด้านการควบคุมเคอร์เซอร์ด้วย BCI ➡️ ปัจจุบันเขากลับไปเรียนและเริ่มวางแผนเปิดธุรกิจของตัวเอง ➡️ เขาเชื่อว่าการทดลองนี้จะช่วยคนอื่นได้ แม้จะมีความเสี่ยง ➡️ Neuralink ใช้ระบบชาร์จแบบไร้สายผ่านหมวกที่ฝังขดลวดไว้ ➡️ ระบบได้รับการปรับปรุงให้สามารถใช้งานขณะชาร์จได้แล้ว ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ BCI (Brain-Computer Interface) เป็นเทคโนโลยีที่มีการศึกษามานานกว่า 50 ปี ➡️ บริษัทอื่น เช่น Synchron และ Blackrock Neurotech ก็มีการทดลองฝังชิปสมองเช่นกัน ➡️ Neuralink ใช้การฝังใน motor cortex ซึ่งเป็นบริเวณควบคุมการเคลื่อนไหวโดยตรง ➡️ ชิปของ Neuralink เป็นแบบไร้สาย ต่างจากบางบริษัทที่ยังใช้สายเชื่อมต่อผ่านกะโหลก ➡️ การฝังชิปสมองอาจเป็นก้าวสำคัญในการฟื้นฟูผู้ป่วยอัมพาตและโรคทางระบบประสาท https://fortune.com/2025/08/23/neuralink-participant-1-noland-arbaugh-18-months-post-surgery-life-changed-elon-musk/
    FORTUNE.COM
    Neuralink’s first study participant says his whole life has changed
    Noland Arbaugh became P1 at Neuralink last year and it’s opened up a host of opportunities for him.
    0 Comments 0 Shares 159 Views 0 Reviews
  • Lisuan G100 – การ์ดจอเกมจากจีนที่กลายเป็นเครื่องมือ AI อย่างไม่คาดคิด

    ในอดีต GPU จากจีนมักถูกมองว่าเป็นของเล่นที่ยังไม่พร้อมแข่งกับแบรนด์ระดับโลกอย่าง NVIDIA หรือ AMD แต่วันนี้ Lisuan G100 ได้เปลี่ยนภาพนั้นไปอย่างสิ้นเชิง

    Lisuan G100 เป็น GPU ขนาด 6nm ที่พัฒนาโดยบริษัทจีน Lisuan Technology โดยใช้สถาปัตยกรรมที่เรียกว่า “TrueGPU Tiantu” ซึ่งเป็นการออกแบบภายในทั้งหมด ไม่พึ่งพา IP จากต่างประเทศ และมีซอฟต์แวร์ของตัวเองที่รองรับ DirectX 12, Vulkan 1.3 และ OpenCL 3.0

    ในด้านเกม G100 ทำคะแนน Geekbench OpenCL ได้ถึง 111,290 คะแนน ซึ่งใกล้เคียงกับ RTX 4060 และเหนือกว่า RX 9060 XT และ Intel Arc A770 โดยมี 48 Compute Units, VRAM 12GB และความเร็วสัญญาณนาฬิกา 2000 MHz

    แต่สิ่งที่ทำให้ G100 น่าสนใจยิ่งกว่าคือการรองรับ INT8 operations ซึ่งเป็นฟีเจอร์สำคัญสำหรับงาน AI โดยเฉพาะการ inferencing และ edge computing ทำให้ G100 ไม่ใช่แค่การ์ดจอเกม แต่เป็นเครื่องมือสำหรับงาน AI ระดับผู้ใช้ทั่วไป

    Lisuan ยังมีแผนพัฒนาอัลกอริธึม upscaling ของตัวเองชื่อ NRSS เพื่อแข่งกับ DLSS และ FSR ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในตลาดเกมยุคใหม่ และมีแนวโน้มจะเข้าสู่ตลาด accelerator สำหรับงาน AI หากการเปิดตัว G100 ประสบความสำเร็จ

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Lisuan G100 เป็น GPU ขนาด 6nm ที่พัฒนาโดยบริษัทจีน Lisuan Technology
    ใช้สถาปัตยกรรม TrueGPU Tiantu และซอฟต์แวร์ของตัวเอง
    รองรับ DirectX 12, Vulkan 1.3, OpenGL 4.6 และ OpenCL 3.0
    ทำคะแนน Geekbench OpenCL ได้ 111,290 ใกล้เคียง RTX 4060
    มี 48 Compute Units, VRAM 12GB และความเร็ว 2000 MHz
    รองรับ INT8 operations สำหรับงาน AI inferencing และ edge computing
    เป็น GPU จีนรุ่นแรกที่รองรับ INT8 อย่างเป็นทางการ
    มีแผนพัฒนาอัลกอริธึม upscaling ชื่อ NRSS เพื่อแข่งกับ DLSS และ FSR
    อาจเข้าสู่ตลาด accelerator หาก G100 เปิดตัวได้สำเร็จ
    การผลิตจำนวนมากเริ่มแล้ว และคาดว่าจะวางขายปลายปี 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    INT8 เป็นรูปแบบการคำนวณที่ใช้ในงาน AI inferencing เพื่อประหยัดพลังงานและเพิ่มความเร็ว
    GPU ที่รองรับ INT8 มักใช้ใน edge devices เช่นกล้องอัจฉริยะหรือหุ่นยนต์
    การพัฒนา GPU ภายในประเทศช่วยลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ
    สถาปัตยกรรม TrueGPU อาจเป็นก้าวแรกของจีนในการสร้าง GPU แบบ fully independent
    การรองรับ OpenCL 3.0 ช่วยให้สามารถใช้งานกับซอฟต์แวร์ AI ได้หลากหลาย
    การแข่งขันกับ RTX 4060 แสดงถึงความก้าวหน้าของอุตสาหกรรม GPU ในจีน

    https://wccftech.com/chinas-most-capable-gaming-gpu-the-lisuan-g100-becomes-the-first-domestic-offering-to-support-fp8-operations/
    🎙️ Lisuan G100 – การ์ดจอเกมจากจีนที่กลายเป็นเครื่องมือ AI อย่างไม่คาดคิด ในอดีต GPU จากจีนมักถูกมองว่าเป็นของเล่นที่ยังไม่พร้อมแข่งกับแบรนด์ระดับโลกอย่าง NVIDIA หรือ AMD แต่วันนี้ Lisuan G100 ได้เปลี่ยนภาพนั้นไปอย่างสิ้นเชิง Lisuan G100 เป็น GPU ขนาด 6nm ที่พัฒนาโดยบริษัทจีน Lisuan Technology โดยใช้สถาปัตยกรรมที่เรียกว่า “TrueGPU Tiantu” ซึ่งเป็นการออกแบบภายในทั้งหมด ไม่พึ่งพา IP จากต่างประเทศ และมีซอฟต์แวร์ของตัวเองที่รองรับ DirectX 12, Vulkan 1.3 และ OpenCL 3.0 ในด้านเกม G100 ทำคะแนน Geekbench OpenCL ได้ถึง 111,290 คะแนน ซึ่งใกล้เคียงกับ RTX 4060 และเหนือกว่า RX 9060 XT และ Intel Arc A770 โดยมี 48 Compute Units, VRAM 12GB และความเร็วสัญญาณนาฬิกา 2000 MHz แต่สิ่งที่ทำให้ G100 น่าสนใจยิ่งกว่าคือการรองรับ INT8 operations ซึ่งเป็นฟีเจอร์สำคัญสำหรับงาน AI โดยเฉพาะการ inferencing และ edge computing ทำให้ G100 ไม่ใช่แค่การ์ดจอเกม แต่เป็นเครื่องมือสำหรับงาน AI ระดับผู้ใช้ทั่วไป Lisuan ยังมีแผนพัฒนาอัลกอริธึม upscaling ของตัวเองชื่อ NRSS เพื่อแข่งกับ DLSS และ FSR ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในตลาดเกมยุคใหม่ และมีแนวโน้มจะเข้าสู่ตลาด accelerator สำหรับงาน AI หากการเปิดตัว G100 ประสบความสำเร็จ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Lisuan G100 เป็น GPU ขนาด 6nm ที่พัฒนาโดยบริษัทจีน Lisuan Technology ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม TrueGPU Tiantu และซอฟต์แวร์ของตัวเอง ➡️ รองรับ DirectX 12, Vulkan 1.3, OpenGL 4.6 และ OpenCL 3.0 ➡️ ทำคะแนน Geekbench OpenCL ได้ 111,290 ใกล้เคียง RTX 4060 ➡️ มี 48 Compute Units, VRAM 12GB และความเร็ว 2000 MHz ➡️ รองรับ INT8 operations สำหรับงาน AI inferencing และ edge computing ➡️ เป็น GPU จีนรุ่นแรกที่รองรับ INT8 อย่างเป็นทางการ ➡️ มีแผนพัฒนาอัลกอริธึม upscaling ชื่อ NRSS เพื่อแข่งกับ DLSS และ FSR ➡️ อาจเข้าสู่ตลาด accelerator หาก G100 เปิดตัวได้สำเร็จ ➡️ การผลิตจำนวนมากเริ่มแล้ว และคาดว่าจะวางขายปลายปี 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ INT8 เป็นรูปแบบการคำนวณที่ใช้ในงาน AI inferencing เพื่อประหยัดพลังงานและเพิ่มความเร็ว ➡️ GPU ที่รองรับ INT8 มักใช้ใน edge devices เช่นกล้องอัจฉริยะหรือหุ่นยนต์ ➡️ การพัฒนา GPU ภายในประเทศช่วยลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ ➡️ สถาปัตยกรรม TrueGPU อาจเป็นก้าวแรกของจีนในการสร้าง GPU แบบ fully independent ➡️ การรองรับ OpenCL 3.0 ช่วยให้สามารถใช้งานกับซอฟต์แวร์ AI ได้หลากหลาย ➡️ การแข่งขันกับ RTX 4060 แสดงถึงความก้าวหน้าของอุตสาหกรรม GPU ในจีน https://wccftech.com/chinas-most-capable-gaming-gpu-the-lisuan-g100-becomes-the-first-domestic-offering-to-support-fp8-operations/
    WCCFTECH.COM
    China's Most Capable Gaming GPU, the Lisuan G100, Now Also Supports INT8 Operations, Becoming Ideal For AI Workloads
    The Chinese GPU Lisuan G100, which recently made headlines for its competitive performance, is now claimed to support INT8 operations.
    0 Comments 0 Shares 186 Views 0 Reviews
  • Jetson AGX Thor – mini PC ที่แรงเกินตัวสำหรับยุค AI

    ถ้าคุณเห็นเจ้าเครื่องเล็ก ๆ นี้วางอยู่บนโต๊ะ คุณอาจคิดว่ามันคือการ์ดจอ RTX รุ่นใหม่ แต่จริง ๆ แล้วมันคือ Jetson AGX Thor — mini PC ที่ Nvidia ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI ระดับสูงในรูปแบบ edge computing โดยเฉพาะ

    หัวใจของมันคือ Jetson T5000 system-on-module ที่ใช้ GPU สถาปัตยกรรม Blackwell พร้อม 2560 คอร์ และ Tensor Core รุ่นที่ 5 จำนวน 96 ตัว ให้พลังประมวลผลสูงถึง 2070 TFLOPS (FP4, Sparse) ซึ่งเทียบเท่ากับระบบ data center ขนาดใหญ่

    นอกจาก GPU ยังมี CPU แบบ 14-core Arm Neoverse-V3AE และแรม LPDDR5X ขนาด 128GB พร้อมระบบเชื่อมต่อระดับสูง เช่น 4 ช่อง 25GbE, WiFi 6E, NVMe SSD 1TB และพอร์ต HDMI/DisplayPort สำหรับงานวิดีโอ 4K และ 8K แบบหลายสตรีม

    แม้จะมีขนาดเพียง 24 x 11 x 5.6 ซม. แต่ Jetson AGX Thor ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในหุ่นยนต์, ระบบ AI ด้านภาพ, และการประมวลผลเซนเซอร์จำนวนมาก โดยรองรับซอฟต์แวร์จากแพลตฟอร์ม Isaac, Metropolis และ Holoscan ของ Nvidia

    สำหรับผู้ที่ต้องการรุ่นเล็กลง ยังมี Jetson T4000 ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งให้พลัง 1200 TFLOPS และใช้ GPU 1536 คอร์ พร้อมแรม 64GB — เหมาะสำหรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพแต่มีข้อจำกัดด้านพลังงาน

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Nvidia เปิดตัว Jetson AGX Thor Developer Kit พร้อมโมดูล Jetson T5000
    ใช้ GPU Blackwell 2560 คอร์ และ Tensor Core รุ่นที่ 5 จำนวน 96 ตัว
    ให้พลังประมวลผลสูงสุด 2070 TFLOPS (FP4, Sparse)
    มี CPU Arm Neoverse-V3AE 14 คอร์ และแรม LPDDR5X ขนาด 128GB
    รองรับการเชื่อมต่อ 4 ช่อง 25GbE, WiFi 6E, NVMe SSD 1TB
    รองรับวิดีโอ 4K และ 8K แบบหลายสตรีมพร้อมพอร์ต HDMI 2.0b และ DisplayPort 1.4a
    ขนาดเครื่อง 243.19 x 112.4 x 56.88 มม. ใหญ่กว่าพีซีธุรกิจทั่วไปแต่ยังถือว่าเล็ก
    รองรับซอฟต์แวร์ Isaac, Metropolis และ Holoscan สำหรับงาน AI
    มีรุ่นเล็ก Jetson T4000 อยู่ระหว่างพัฒนา ให้พลัง 1200 TFLOPS และแรม 64GB
    เปิดให้พรีออเดอร์แล้วในราคา $3,499 โดยจะเริ่มส่งมอบวันที่ 20 พฤศจิกายน 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    สถาปัตยกรรม Blackwell ถูกออกแบบมาเพื่องาน AI และ HPC โดยเฉพาะ
    Jetson AGX Thor ใช้เทคโนโลยี Multi-Instance GPU เพื่อแบ่งงานได้หลายส่วนพร้อมกัน
    Cadence ใช้ระบบจำลอง Palladium Z3 และ Protium X3 เพื่อช่วยออกแบบชิประดับนี้
    การใช้ LPDDR5X ช่วยลด latency และเพิ่ม bandwidth สำหรับงาน AI
    Jetson AGX Thor เหมาะกับงาน edge robotics, autonomous systems และการประมวลผลภาพทางการแพทย์
    Nvidia วางตำแหน่ง Thor ไว้คู่กับ DGX Spark สำหรับงาน AI แบบ desktop และ edge

    https://www.techradar.com/pro/nvidia-quietly-unveiled-its-fastest-mini-pc-ever-capable-of-topping-2070-tflops-and-if-you-squint-enough-you-might-even-think-it-looks-like-an-rtx-5090
    🎙️ Jetson AGX Thor – mini PC ที่แรงเกินตัวสำหรับยุค AI ถ้าคุณเห็นเจ้าเครื่องเล็ก ๆ นี้วางอยู่บนโต๊ะ คุณอาจคิดว่ามันคือการ์ดจอ RTX รุ่นใหม่ แต่จริง ๆ แล้วมันคือ Jetson AGX Thor — mini PC ที่ Nvidia ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI ระดับสูงในรูปแบบ edge computing โดยเฉพาะ หัวใจของมันคือ Jetson T5000 system-on-module ที่ใช้ GPU สถาปัตยกรรม Blackwell พร้อม 2560 คอร์ และ Tensor Core รุ่นที่ 5 จำนวน 96 ตัว ให้พลังประมวลผลสูงถึง 2070 TFLOPS (FP4, Sparse) ซึ่งเทียบเท่ากับระบบ data center ขนาดใหญ่ นอกจาก GPU ยังมี CPU แบบ 14-core Arm Neoverse-V3AE และแรม LPDDR5X ขนาด 128GB พร้อมระบบเชื่อมต่อระดับสูง เช่น 4 ช่อง 25GbE, WiFi 6E, NVMe SSD 1TB และพอร์ต HDMI/DisplayPort สำหรับงานวิดีโอ 4K และ 8K แบบหลายสตรีม แม้จะมีขนาดเพียง 24 x 11 x 5.6 ซม. แต่ Jetson AGX Thor ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในหุ่นยนต์, ระบบ AI ด้านภาพ, และการประมวลผลเซนเซอร์จำนวนมาก โดยรองรับซอฟต์แวร์จากแพลตฟอร์ม Isaac, Metropolis และ Holoscan ของ Nvidia สำหรับผู้ที่ต้องการรุ่นเล็กลง ยังมี Jetson T4000 ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งให้พลัง 1200 TFLOPS และใช้ GPU 1536 คอร์ พร้อมแรม 64GB — เหมาะสำหรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพแต่มีข้อจำกัดด้านพลังงาน 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Nvidia เปิดตัว Jetson AGX Thor Developer Kit พร้อมโมดูล Jetson T5000 ➡️ ใช้ GPU Blackwell 2560 คอร์ และ Tensor Core รุ่นที่ 5 จำนวน 96 ตัว ➡️ ให้พลังประมวลผลสูงสุด 2070 TFLOPS (FP4, Sparse) ➡️ มี CPU Arm Neoverse-V3AE 14 คอร์ และแรม LPDDR5X ขนาด 128GB ➡️ รองรับการเชื่อมต่อ 4 ช่อง 25GbE, WiFi 6E, NVMe SSD 1TB ➡️ รองรับวิดีโอ 4K และ 8K แบบหลายสตรีมพร้อมพอร์ต HDMI 2.0b และ DisplayPort 1.4a ➡️ ขนาดเครื่อง 243.19 x 112.4 x 56.88 มม. ใหญ่กว่าพีซีธุรกิจทั่วไปแต่ยังถือว่าเล็ก ➡️ รองรับซอฟต์แวร์ Isaac, Metropolis และ Holoscan สำหรับงาน AI ➡️ มีรุ่นเล็ก Jetson T4000 อยู่ระหว่างพัฒนา ให้พลัง 1200 TFLOPS และแรม 64GB ➡️ เปิดให้พรีออเดอร์แล้วในราคา $3,499 โดยจะเริ่มส่งมอบวันที่ 20 พฤศจิกายน 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ สถาปัตยกรรม Blackwell ถูกออกแบบมาเพื่องาน AI และ HPC โดยเฉพาะ ➡️ Jetson AGX Thor ใช้เทคโนโลยี Multi-Instance GPU เพื่อแบ่งงานได้หลายส่วนพร้อมกัน ➡️ Cadence ใช้ระบบจำลอง Palladium Z3 และ Protium X3 เพื่อช่วยออกแบบชิประดับนี้ ➡️ การใช้ LPDDR5X ช่วยลด latency และเพิ่ม bandwidth สำหรับงาน AI ➡️ Jetson AGX Thor เหมาะกับงาน edge robotics, autonomous systems และการประมวลผลภาพทางการแพทย์ ➡️ Nvidia วางตำแหน่ง Thor ไว้คู่กับ DGX Spark สำหรับงาน AI แบบ desktop และ edge https://www.techradar.com/pro/nvidia-quietly-unveiled-its-fastest-mini-pc-ever-capable-of-topping-2070-tflops-and-if-you-squint-enough-you-might-even-think-it-looks-like-an-rtx-5090
    0 Comments 0 Shares 186 Views 0 Reviews
  • เมื่อ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นความเสี่ยง: NIST กับกรอบความปลอดภัยใหม่สำหรับยุคปัญญาประดิษฐ์

    ในปี 2025 สถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ NIST ได้เปิดตัวเอกสารแนวคิดใหม่ที่ชื่อว่า “Cyber AI Profile” ซึ่งเป็นความพยายามในการสร้างกรอบควบคุมความปลอดภัยเฉพาะสำหรับระบบ AI โดยอิงจากกรอบเดิมที่ใช้กันแพร่หลายอย่าง NIST SP 800-53 และ Cybersecurity Framework (CSF)

    แนวคิดหลักคือการสร้าง “control overlay” หรือชุดควบคุมที่ปรับแต่งให้เหมาะกับเทคโนโลยี AI แต่ละประเภท เช่น generative AI, predictive AI และ agentic AI โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องความลับ ความถูกต้อง และความพร้อมใช้งานของข้อมูลในแต่ละกรณี

    NIST ยังเปิดช่องทางให้ผู้เชี่ยวชาญและประชาชนทั่วไปร่วมให้ความเห็นผ่าน Slack และเวิร์กช็อปต่าง ๆ เพื่อพัฒนาแนวทางนี้ให้ครอบคลุมและใช้งานได้จริง โดยเฉพาะในองค์กรที่ต้องรับมือกับ AI ทั้งในฐานะผู้ใช้และผู้พัฒนา

    อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคน เช่น Melissa Ruzzi จาก AppOmni ได้แสดงความกังวลว่าเอกสารนี้ยังขาดรายละเอียดที่จำเป็น เช่น ความแตกต่างระหว่าง AI แบบ supervised กับ unsupervised และการควบคุมตามระดับความอ่อนไหวของข้อมูล เช่น ข้อมูลสุขภาพหรือข้อมูลส่วนบุคคล

    นอกจากนี้ ยังมีเสียงเรียกร้องจากผู้บริหารด้านความปลอดภัย (CISO) ว่าอย่า “สร้างวงล้อใหม่” เพราะองค์กรต่าง ๆ กำลังเผชิญกับภาระด้านความปลอดภัยมากพออยู่แล้ว การเพิ่มกรอบใหม่ควรเชื่อมโยงกับสิ่งที่มีอยู่ ไม่ใช่สร้างสิ่งใหม่ที่ต้องเรียนรู้ทั้งหมดอีกครั้ง

    แนวคิดใหม่จาก NIST: Cyber AI Profile
    สร้างกรอบควบคุมความปลอดภัยเฉพาะสำหรับระบบ AI
    อิงจาก NIST SP 800-53 และ Cybersecurity Framework (CSF)
    ใช้ “control overlay” เพื่อปรับแต่งการควบคุมให้เหมาะกับเทคโนโลยี AI แต่ละประเภท

    ประเภทของ AI ที่อยู่ในแนวทาง
    generative AI: สร้างเนื้อหาใหม่ เช่น ChatGPT
    predictive AI: วิเคราะห์แนวโน้ม เช่น การคาดการณ์ยอดขาย
    agentic AI: ระบบที่ตัดสินใจเอง เช่น หุ่นยนต์อัตโนมัติ

    ความร่วมมือและการเปิดรับความคิดเห็น
    เปิด Slack channel ให้ผู้เชี่ยวชาญร่วมแสดงความเห็น
    จัดเวิร์กช็อปเพื่อรับฟังจาก CISO และนักพัฒนา
    เตรียมเผยแพร่ร่างแรกเพื่อรับความคิดเห็นสาธารณะ

    ความเชื่อมโยงกับกรอบเดิม
    ใช้ taxonomy เดิมของ CSF เพื่อไม่ให้เกิดภาระใหม่
    เชื่อมโยงกับ AI Risk Management Framework เพื่อครอบคลุมความเสี่ยงด้านอื่น ๆ

    https://hackread.com/nist-concept-paper-ai-specific-cybersecurity-framework/
    🧠 เมื่อ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นความเสี่ยง: NIST กับกรอบความปลอดภัยใหม่สำหรับยุคปัญญาประดิษฐ์ ในปี 2025 สถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ NIST ได้เปิดตัวเอกสารแนวคิดใหม่ที่ชื่อว่า “Cyber AI Profile” ซึ่งเป็นความพยายามในการสร้างกรอบควบคุมความปลอดภัยเฉพาะสำหรับระบบ AI โดยอิงจากกรอบเดิมที่ใช้กันแพร่หลายอย่าง NIST SP 800-53 และ Cybersecurity Framework (CSF) แนวคิดหลักคือการสร้าง “control overlay” หรือชุดควบคุมที่ปรับแต่งให้เหมาะกับเทคโนโลยี AI แต่ละประเภท เช่น generative AI, predictive AI และ agentic AI โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องความลับ ความถูกต้อง และความพร้อมใช้งานของข้อมูลในแต่ละกรณี NIST ยังเปิดช่องทางให้ผู้เชี่ยวชาญและประชาชนทั่วไปร่วมให้ความเห็นผ่าน Slack และเวิร์กช็อปต่าง ๆ เพื่อพัฒนาแนวทางนี้ให้ครอบคลุมและใช้งานได้จริง โดยเฉพาะในองค์กรที่ต้องรับมือกับ AI ทั้งในฐานะผู้ใช้และผู้พัฒนา อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคน เช่น Melissa Ruzzi จาก AppOmni ได้แสดงความกังวลว่าเอกสารนี้ยังขาดรายละเอียดที่จำเป็น เช่น ความแตกต่างระหว่าง AI แบบ supervised กับ unsupervised และการควบคุมตามระดับความอ่อนไหวของข้อมูล เช่น ข้อมูลสุขภาพหรือข้อมูลส่วนบุคคล นอกจากนี้ ยังมีเสียงเรียกร้องจากผู้บริหารด้านความปลอดภัย (CISO) ว่าอย่า “สร้างวงล้อใหม่” เพราะองค์กรต่าง ๆ กำลังเผชิญกับภาระด้านความปลอดภัยมากพออยู่แล้ว การเพิ่มกรอบใหม่ควรเชื่อมโยงกับสิ่งที่มีอยู่ ไม่ใช่สร้างสิ่งใหม่ที่ต้องเรียนรู้ทั้งหมดอีกครั้ง ✅ แนวคิดใหม่จาก NIST: Cyber AI Profile ➡️ สร้างกรอบควบคุมความปลอดภัยเฉพาะสำหรับระบบ AI ➡️ อิงจาก NIST SP 800-53 และ Cybersecurity Framework (CSF) ➡️ ใช้ “control overlay” เพื่อปรับแต่งการควบคุมให้เหมาะกับเทคโนโลยี AI แต่ละประเภท ✅ ประเภทของ AI ที่อยู่ในแนวทาง ➡️ generative AI: สร้างเนื้อหาใหม่ เช่น ChatGPT ➡️ predictive AI: วิเคราะห์แนวโน้ม เช่น การคาดการณ์ยอดขาย ➡️ agentic AI: ระบบที่ตัดสินใจเอง เช่น หุ่นยนต์อัตโนมัติ ✅ ความร่วมมือและการเปิดรับความคิดเห็น ➡️ เปิด Slack channel ให้ผู้เชี่ยวชาญร่วมแสดงความเห็น ➡️ จัดเวิร์กช็อปเพื่อรับฟังจาก CISO และนักพัฒนา ➡️ เตรียมเผยแพร่ร่างแรกเพื่อรับความคิดเห็นสาธารณะ ✅ ความเชื่อมโยงกับกรอบเดิม ➡️ ใช้ taxonomy เดิมของ CSF เพื่อไม่ให้เกิดภาระใหม่ ➡️ เชื่อมโยงกับ AI Risk Management Framework เพื่อครอบคลุมความเสี่ยงด้านอื่น ๆ https://hackread.com/nist-concept-paper-ai-specific-cybersecurity-framework/
    HACKREAD.COM
    New NIST Concept Paper Outlines AI-Specific Cybersecurity Framework
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 215 Views 0 Reviews
  • เมื่อภาพลวงตากลายเป็นกับดัก: Deepfake Steve Wozniak กับกลโกง Bitcoin ที่สื่อยังพลาด

    ลองจินตนาการว่าเห็นคลิปของ Steve Wozniak ผู้ร่วมก่อตั้ง Apple พูดถึง Bitcoin พร้อมข้อความว่า “ส่งมา 1 BTC แล้วจะได้คืน 2 BTC” — หลายคนหลงเชื่อ เพราะภาพนั้นดูจริง เสียงนั้นเหมือน และชื่อ Wozniak ก็มีน้ำหนักพอจะทำให้คนไว้ใจ

    แต่ทั้งหมดนั้นคือกลโกงที่ใช้ deepfake และภาพเก่าของ Wozniak มาตัดต่อหลอกลวง โดยมีเหยื่อจำนวนมากสูญเงินไปถึงขั้นหมดตัว

    CBS News ได้เชิญ Wozniak มาพูดถึงเรื่องนี้ในรายการ แต่กลับพลาดอย่างแรง—ใช้ภาพหุ่นยนต์จาก Disney EPCOT ที่ดูคล้าย Wozniak แทนภาพจริง ทำให้ประเด็นเรื่อง “ภาพปลอม” กลายเป็นเรื่องจริงในรายการข่าวเอง

    Wozniak เคยฟ้อง YouTube ตั้งแต่ปี 2020 ฐานปล่อยให้มีคลิปหลอกลวงใช้ภาพเขา แต่คดีถูกยกฟ้องในปี 2021 เพราะกฎหมาย Section 230 ที่คุ้มครองแพลตฟอร์มจากความรับผิดชอบต่อเนื้อหาผู้ใช้

    เขาและภรรยา Janet Hill เล่าว่าเหยื่อบางคนถึงขั้นส่งอีเมลมาถามว่า “เมื่อไหร่จะได้เงินคืน” เพราะเชื่อว่า Wozniak เป็นคนรับเงินไปจริง ๆ

    สิ่งที่น่ากังวลคือ deepfake และการปลอมแปลงตัวตนดิจิทัลกำลังระบาดไปทั่ว Elon Musk, Jeff Bezos ก็เคยถูกใช้ภาพหลอกลวงในลักษณะเดียวกัน และแพลตฟอร์มอย่าง YouTube, Meta, X ยังถูกวิจารณ์ว่าควบคุมเนื้อหาไม่ทัน

    Steve Wozniak ถูกใช้ภาพและเสียงปลอมเพื่อหลอกลวง Bitcoin
    เหยื่อถูกหลอกให้ส่งเงินโดยสัญญาว่าจะได้คืนสองเท่า

    CBS เชิญ Wozniak มาเล่าเรื่อง แต่ใช้ภาพหุ่นยนต์ Disney แทนภาพจริง
    กลายเป็นการตอกย้ำปัญหาภาพปลอมในสื่อ

    Wozniak เคยฟ้อง YouTube ฐานปล่อยคลิปหลอกลวงในปี 2020
    คดีถูกยกฟ้องในปี 2021 เพราะกฎหมาย Section 230

    ภรรยา Wozniak ได้รับอีเมลจากเหยื่อที่เชื่อว่าเขาเป็นผู้รับเงิน
    แสดงให้เห็นว่าผู้คนเชื่อภาพปลอมอย่างจริงจัง

    Deepfake และการปลอมแปลงตัวตนดิจิทัลกำลังระบาด
    Elon Musk และ Jeff Bezos ก็เคยถูกใช้ภาพในกลโกงคล้ายกัน

    CBS เตือนให้ผู้ชมระวังและตรวจสอบความจริงของเนื้อหาดิจิทัล
    ไม่ควรเชื่อภาพหรือเสียงเพียงอย่างเดียว

    FBI รายงานว่าปี 2024 มีผู้เสียหายจากกลโกงออนไลน์กว่า $9.3 พันล้าน
    ตัวเลขจริงอาจสูงกว่านี้มาก

    Deepfake ถูกใช้ในกลโกงคริปโตสูงถึง 40% ของมูลค่าการหลอกลวง
    เป็นเครื่องมือหลักของแฮกเกอร์ยุคใหม่

    Google ลบโฆษณาหลอกลวงกว่า 5.1 พันล้านรายการในปีเดียว
    แต่ยังมีช่องโหว่ให้โฆษณาหลอกลวงเล็ดลอด

    นักการเมืองในอังกฤษเรียกร้องให้ควบคุมโฆษณาออนไลน์เหมือนทีวี
    เพื่อปิดช่องโหว่ที่ผู้ไม่หวังดีใช้หลอกลวง

    https://wccftech.com/cbs-reveals-bitcoin-scams-exploiting-steve-wozniaks-image-but-accidentally-features-disney-animatronic/
    🎭💸 เมื่อภาพลวงตากลายเป็นกับดัก: Deepfake Steve Wozniak กับกลโกง Bitcoin ที่สื่อยังพลาด ลองจินตนาการว่าเห็นคลิปของ Steve Wozniak ผู้ร่วมก่อตั้ง Apple พูดถึง Bitcoin พร้อมข้อความว่า “ส่งมา 1 BTC แล้วจะได้คืน 2 BTC” — หลายคนหลงเชื่อ เพราะภาพนั้นดูจริง เสียงนั้นเหมือน และชื่อ Wozniak ก็มีน้ำหนักพอจะทำให้คนไว้ใจ แต่ทั้งหมดนั้นคือกลโกงที่ใช้ deepfake และภาพเก่าของ Wozniak มาตัดต่อหลอกลวง โดยมีเหยื่อจำนวนมากสูญเงินไปถึงขั้นหมดตัว CBS News ได้เชิญ Wozniak มาพูดถึงเรื่องนี้ในรายการ แต่กลับพลาดอย่างแรง—ใช้ภาพหุ่นยนต์จาก Disney EPCOT ที่ดูคล้าย Wozniak แทนภาพจริง ทำให้ประเด็นเรื่อง “ภาพปลอม” กลายเป็นเรื่องจริงในรายการข่าวเอง Wozniak เคยฟ้อง YouTube ตั้งแต่ปี 2020 ฐานปล่อยให้มีคลิปหลอกลวงใช้ภาพเขา แต่คดีถูกยกฟ้องในปี 2021 เพราะกฎหมาย Section 230 ที่คุ้มครองแพลตฟอร์มจากความรับผิดชอบต่อเนื้อหาผู้ใช้ เขาและภรรยา Janet Hill เล่าว่าเหยื่อบางคนถึงขั้นส่งอีเมลมาถามว่า “เมื่อไหร่จะได้เงินคืน” เพราะเชื่อว่า Wozniak เป็นคนรับเงินไปจริง ๆ สิ่งที่น่ากังวลคือ deepfake และการปลอมแปลงตัวตนดิจิทัลกำลังระบาดไปทั่ว Elon Musk, Jeff Bezos ก็เคยถูกใช้ภาพหลอกลวงในลักษณะเดียวกัน และแพลตฟอร์มอย่าง YouTube, Meta, X ยังถูกวิจารณ์ว่าควบคุมเนื้อหาไม่ทัน ✅ Steve Wozniak ถูกใช้ภาพและเสียงปลอมเพื่อหลอกลวง Bitcoin ➡️ เหยื่อถูกหลอกให้ส่งเงินโดยสัญญาว่าจะได้คืนสองเท่า ✅ CBS เชิญ Wozniak มาเล่าเรื่อง แต่ใช้ภาพหุ่นยนต์ Disney แทนภาพจริง ➡️ กลายเป็นการตอกย้ำปัญหาภาพปลอมในสื่อ ✅ Wozniak เคยฟ้อง YouTube ฐานปล่อยคลิปหลอกลวงในปี 2020 ➡️ คดีถูกยกฟ้องในปี 2021 เพราะกฎหมาย Section 230 ✅ ภรรยา Wozniak ได้รับอีเมลจากเหยื่อที่เชื่อว่าเขาเป็นผู้รับเงิน ➡️ แสดงให้เห็นว่าผู้คนเชื่อภาพปลอมอย่างจริงจัง ✅ Deepfake และการปลอมแปลงตัวตนดิจิทัลกำลังระบาด ➡️ Elon Musk และ Jeff Bezos ก็เคยถูกใช้ภาพในกลโกงคล้ายกัน ✅ CBS เตือนให้ผู้ชมระวังและตรวจสอบความจริงของเนื้อหาดิจิทัล ➡️ ไม่ควรเชื่อภาพหรือเสียงเพียงอย่างเดียว ✅ FBI รายงานว่าปี 2024 มีผู้เสียหายจากกลโกงออนไลน์กว่า $9.3 พันล้าน ➡️ ตัวเลขจริงอาจสูงกว่านี้มาก ✅ Deepfake ถูกใช้ในกลโกงคริปโตสูงถึง 40% ของมูลค่าการหลอกลวง ➡️ เป็นเครื่องมือหลักของแฮกเกอร์ยุคใหม่ ✅ Google ลบโฆษณาหลอกลวงกว่า 5.1 พันล้านรายการในปีเดียว ➡️ แต่ยังมีช่องโหว่ให้โฆษณาหลอกลวงเล็ดลอด ✅ นักการเมืองในอังกฤษเรียกร้องให้ควบคุมโฆษณาออนไลน์เหมือนทีวี ➡️ เพื่อปิดช่องโหว่ที่ผู้ไม่หวังดีใช้หลอกลวง https://wccftech.com/cbs-reveals-bitcoin-scams-exploiting-steve-wozniaks-image-but-accidentally-features-disney-animatronic/
    WCCFTECH.COM
    CBS Unmasks Bitcoin Scams Using Deepfake Steve Wozniak, Accidentally Showcases Disney Animatronic, Exposing the Growing Digital Identity Fraud Threat
    Steve Wozniak shared about internet scammers and deepfakes on CBS only to have the news outlet feature a fake image of him.
    0 Comments 0 Shares 298 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากห้องวิจัย Tesla: เมื่อ Dojo ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ต้องยุติลง และ Elon หันไปพึ่ง Nvidia กับ AMD

    ย้อนกลับไปในปี 2021 Tesla เปิดตัวโครงการ Dojo ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ใช้ชิปแบบ wafer-scale เพื่อฝึก AI สำหรับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ (FSD) และหุ่นยนต์ Optimus โดยหวังว่าจะลดการพึ่งพา Nvidia และสร้างฮาร์ดแวร์ของตัวเองเพื่อควบคุมทุกมิติของการประมวลผล AI

    แต่ล่าสุด Elon Musk ตัดสินใจยุติโครงการ Dojo อย่างเป็นทางการ โดยมีการยุบทีมงานและย้ายบุคลากรไปยังแผนกอื่นภายใน Tesla ขณะเดียวกัน Peter Bannon หัวหน้าโครงการ Dojo ก็เตรียมลาออก และมีสมาชิกทีมกว่า 20 คนย้ายไปสร้างสตาร์ทอัพใหม่ชื่อ DensityAI

    Tesla จะหันไปพึ่งพา Nvidia และ AMD มากขึ้น โดย TSMC จะผลิตชิป AI5 สำหรับรถ Tesla รุ่นใหม่ในปี 2025 และ Samsung จะผลิต AI6 รุ่นถัดไปในช่วงปลายทศวรรษ Musk ยังกล่าวว่าเขาอยากให้ชิปที่ใช้ในรถยนต์และเซิร์ฟเวอร์มีสถาปัตยกรรมเดียวกัน เพื่อความสะดวกในการพัฒนาและใช้งานร่วมกัน

    Tesla ยุติโครงการ Dojo ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ใช้ชิป wafer-scale
    โครงการเริ่มในปี 2021 เพื่อฝึก AI สำหรับ FSD และ Optimus

    Elon Musk สั่งยุบทีม Dojo และย้ายบุคลากรไปยังแผนกอื่น
    Peter Bannon หัวหน้าโครงการเตรียมลาออก

    สมาชิกทีมกว่า 20 คนย้ายไปสร้างสตาร์ทอัพใหม่ชื่อ DensityAI
    เน้นพัฒนา AI สำหรับหุ่นยนต์และยานยนต์

    Tesla จะเพิ่มการพึ่งพา Nvidia และ AMD สำหรับฮาร์ดแวร์ AI
    Nvidia ยังคงเป็นผู้จัดหา GPU ส่วน AMD จะมีบทบาทมากขึ้น

    TSMC จะผลิตชิป AI5 สำหรับ Tesla ในปี 2025
    Samsung จะผลิตชิป AI6 รุ่นถัดไปในช่วงปลายทศวรรษ

    Musk ต้องการให้ชิปในรถและเซิร์ฟเวอร์มีสถาปัตยกรรมเดียวกัน
    เพื่อใช้ร่วมกันได้ทั้งใน Optimus และระบบคลัสเตอร์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/tesla-scraps-custom-dojo-wafer-level-processor-initiative-dismantles-team-musk-to-lean-on-nvidia-and-amd-more
    🚗🧠 เรื่องเล่าจากห้องวิจัย Tesla: เมื่อ Dojo ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ต้องยุติลง และ Elon หันไปพึ่ง Nvidia กับ AMD ย้อนกลับไปในปี 2021 Tesla เปิดตัวโครงการ Dojo ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ใช้ชิปแบบ wafer-scale เพื่อฝึก AI สำหรับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ (FSD) และหุ่นยนต์ Optimus โดยหวังว่าจะลดการพึ่งพา Nvidia และสร้างฮาร์ดแวร์ของตัวเองเพื่อควบคุมทุกมิติของการประมวลผล AI แต่ล่าสุด Elon Musk ตัดสินใจยุติโครงการ Dojo อย่างเป็นทางการ โดยมีการยุบทีมงานและย้ายบุคลากรไปยังแผนกอื่นภายใน Tesla ขณะเดียวกัน Peter Bannon หัวหน้าโครงการ Dojo ก็เตรียมลาออก และมีสมาชิกทีมกว่า 20 คนย้ายไปสร้างสตาร์ทอัพใหม่ชื่อ DensityAI Tesla จะหันไปพึ่งพา Nvidia และ AMD มากขึ้น โดย TSMC จะผลิตชิป AI5 สำหรับรถ Tesla รุ่นใหม่ในปี 2025 และ Samsung จะผลิต AI6 รุ่นถัดไปในช่วงปลายทศวรรษ Musk ยังกล่าวว่าเขาอยากให้ชิปที่ใช้ในรถยนต์และเซิร์ฟเวอร์มีสถาปัตยกรรมเดียวกัน เพื่อความสะดวกในการพัฒนาและใช้งานร่วมกัน ✅ Tesla ยุติโครงการ Dojo ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ใช้ชิป wafer-scale ➡️ โครงการเริ่มในปี 2021 เพื่อฝึก AI สำหรับ FSD และ Optimus ✅ Elon Musk สั่งยุบทีม Dojo และย้ายบุคลากรไปยังแผนกอื่น ➡️ Peter Bannon หัวหน้าโครงการเตรียมลาออก ✅ สมาชิกทีมกว่า 20 คนย้ายไปสร้างสตาร์ทอัพใหม่ชื่อ DensityAI ➡️ เน้นพัฒนา AI สำหรับหุ่นยนต์และยานยนต์ ✅ Tesla จะเพิ่มการพึ่งพา Nvidia และ AMD สำหรับฮาร์ดแวร์ AI ➡️ Nvidia ยังคงเป็นผู้จัดหา GPU ส่วน AMD จะมีบทบาทมากขึ้น ✅ TSMC จะผลิตชิป AI5 สำหรับ Tesla ในปี 2025 ➡️ Samsung จะผลิตชิป AI6 รุ่นถัดไปในช่วงปลายทศวรรษ ✅ Musk ต้องการให้ชิปในรถและเซิร์ฟเวอร์มีสถาปัตยกรรมเดียวกัน ➡️ เพื่อใช้ร่วมกันได้ทั้งใน Optimus และระบบคลัสเตอร์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/tesla-scraps-custom-dojo-wafer-level-processor-initiative-dismantles-team-musk-to-lean-on-nvidia-and-amd-more
    0 Comments 0 Shares 243 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากอนาคตวันนี้: ร้านขายหุ่นยนต์แห่งแรกของจีนเปิดตัวแล้วในปักกิ่ง

    ในวันที่ 8 สิงหาคม 2025 ก่อนงาน World Robot Conference จะเปิดฉาก จีนได้เปิดตัว “Robot Mall” ร้านขายหุ่นยนต์แบบครบวงจรแห่งแรกของประเทศ ณ เขตเศรษฐกิจเทคโนโลยีปักกิ่ง (Beijing E-Town) โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันการพัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์จากงานวิจัยสู่การใช้งานจริง

    ร้านนี้ถูกออกแบบให้เป็น “4S store” สำหรับหุ่นยนต์ ซึ่งหมายถึง Sales (ขาย), Service (บริการ), Spare parts (อะไหล่), และ Survey (เก็บข้อมูลผู้ใช้) โดยมีหุ่นยนต์กว่า 50 แบบจาก 40 บริษัททั่วประเทศ ตั้งแต่หุ่นยนต์เสิร์ฟอาหาร หุ่นยนต์เล่นหมากรุก ไปจนถึงหุ่นยนต์ที่จำลองบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น ไอน์สไตน์ นิวตัน และหลี่ไป๋

    แม้จะมีการโชว์ความสามารถที่น่าทึ่ง เช่น หุ่นยนต์ชงกาแฟหรือเต้นรำ แต่ก็ยังมีข้อจำกัด เช่น หุ่นยนต์แยกขยะที่ยังต้องให้พนักงานช่วยรีเซ็ตเมื่อทำงานผิดพลาด

    การเปิดร้านนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ของจีน โดยมีแผนจะอัปเกรดเป็นเวอร์ชัน 2.0 ในเดือนพฤศจิกายน พร้อมเพิ่มหุ่นยนต์ประเภทใหม่และสถานการณ์ใช้งานจริงที่หลากหลายยิ่งขึ้น

    จีนเปิดตัว Robot Mall ร้านขายหุ่นยนต์แบบ 4S แห่งแรกในปักกิ่ง
    ครอบคลุมการขาย บริการ อะไหล่ และเก็บข้อมูลผู้ใช้

    ตั้งอยู่ในเขต Beijing E-Town ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ของจีน
    ห่างจากใจกลางเมืองประมาณ 40 นาที

    มีหุ่นยนต์กว่า 50 แบบจาก 40 บริษัททั่วประเทศ
    รวมถึงหุ่นยนต์ทางการแพทย์ อุตสาหกรรม และหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์

    หุ่นยนต์สามารถทำงานหลากหลาย เช่น เสิร์ฟอาหาร เล่นหมากรุก เต้นรำ และชงกาแฟ
    มีการจำลองบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์เพื่อการศึกษาและความบันเทิง

    Robot Mall เปิดตัวก่อนงาน World Robot Conference 2025
    งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8–12 สิงหาคม ณ ปักกิ่ง

    มีแผนเปิดเวอร์ชัน 2.0 ในเดือนพฤศจิกายน 2025
    จะเพิ่มสถานการณ์ใช้งานจริงและหุ่นยนต์ประเภทใหม่

    ตลาดหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ทั่วโลกคาดว่าจะทะลุ 1 ล้านล้านหยวนภายใน 3 ปี
    ขยายจากภาคอุตสาหกรรมไปสู่บริการและการใช้งานในบ้าน

    เขต Yizhuang มีบริษัทด้านหุ่นยนต์กว่า 300 แห่ง
    คิดเป็น 50% ของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ในปักกิ่ง

    จีนมีแผน 5 ปีเพื่อเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมหุ่นยนต์ระดับโลกภายในปี 2025
    มุ่งเพิ่มความหนาแน่นของหุ่นยนต์ในภาคการผลิต

    งาน World Robot Conference เป็นเวทีระดับโลกด้าน AI และหุ่นยนต์
    มีผู้เข้าร่วมกว่า 1.3 ล้านคน และจัดประกวดหุ่นยนต์ระดับนานาชาติ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/08/shopping-for-a-robot-china039s-new-robot-store-in-photos
    🤖🏬 เรื่องเล่าจากอนาคตวันนี้: ร้านขายหุ่นยนต์แห่งแรกของจีนเปิดตัวแล้วในปักกิ่ง ในวันที่ 8 สิงหาคม 2025 ก่อนงาน World Robot Conference จะเปิดฉาก จีนได้เปิดตัว “Robot Mall” ร้านขายหุ่นยนต์แบบครบวงจรแห่งแรกของประเทศ ณ เขตเศรษฐกิจเทคโนโลยีปักกิ่ง (Beijing E-Town) โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันการพัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์จากงานวิจัยสู่การใช้งานจริง ร้านนี้ถูกออกแบบให้เป็น “4S store” สำหรับหุ่นยนต์ ซึ่งหมายถึง Sales (ขาย), Service (บริการ), Spare parts (อะไหล่), และ Survey (เก็บข้อมูลผู้ใช้) โดยมีหุ่นยนต์กว่า 50 แบบจาก 40 บริษัททั่วประเทศ ตั้งแต่หุ่นยนต์เสิร์ฟอาหาร หุ่นยนต์เล่นหมากรุก ไปจนถึงหุ่นยนต์ที่จำลองบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น ไอน์สไตน์ นิวตัน และหลี่ไป๋ แม้จะมีการโชว์ความสามารถที่น่าทึ่ง เช่น หุ่นยนต์ชงกาแฟหรือเต้นรำ แต่ก็ยังมีข้อจำกัด เช่น หุ่นยนต์แยกขยะที่ยังต้องให้พนักงานช่วยรีเซ็ตเมื่อทำงานผิดพลาด การเปิดร้านนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ของจีน โดยมีแผนจะอัปเกรดเป็นเวอร์ชัน 2.0 ในเดือนพฤศจิกายน พร้อมเพิ่มหุ่นยนต์ประเภทใหม่และสถานการณ์ใช้งานจริงที่หลากหลายยิ่งขึ้น ✅ จีนเปิดตัว Robot Mall ร้านขายหุ่นยนต์แบบ 4S แห่งแรกในปักกิ่ง ➡️ ครอบคลุมการขาย บริการ อะไหล่ และเก็บข้อมูลผู้ใช้ ✅ ตั้งอยู่ในเขต Beijing E-Town ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ของจีน ➡️ ห่างจากใจกลางเมืองประมาณ 40 นาที ✅ มีหุ่นยนต์กว่า 50 แบบจาก 40 บริษัททั่วประเทศ ➡️ รวมถึงหุ่นยนต์ทางการแพทย์ อุตสาหกรรม และหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ ✅ หุ่นยนต์สามารถทำงานหลากหลาย เช่น เสิร์ฟอาหาร เล่นหมากรุก เต้นรำ และชงกาแฟ ➡️ มีการจำลองบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์เพื่อการศึกษาและความบันเทิง ✅ Robot Mall เปิดตัวก่อนงาน World Robot Conference 2025 ➡️ งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8–12 สิงหาคม ณ ปักกิ่ง ✅ มีแผนเปิดเวอร์ชัน 2.0 ในเดือนพฤศจิกายน 2025 ➡️ จะเพิ่มสถานการณ์ใช้งานจริงและหุ่นยนต์ประเภทใหม่ ✅ ตลาดหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ทั่วโลกคาดว่าจะทะลุ 1 ล้านล้านหยวนภายใน 3 ปี ➡️ ขยายจากภาคอุตสาหกรรมไปสู่บริการและการใช้งานในบ้าน ✅ เขต Yizhuang มีบริษัทด้านหุ่นยนต์กว่า 300 แห่ง ➡️ คิดเป็น 50% ของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ในปักกิ่ง ✅ จีนมีแผน 5 ปีเพื่อเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมหุ่นยนต์ระดับโลกภายในปี 2025 ➡️ มุ่งเพิ่มความหนาแน่นของหุ่นยนต์ในภาคการผลิต ✅ งาน World Robot Conference เป็นเวทีระดับโลกด้าน AI และหุ่นยนต์ ➡️ มีผู้เข้าร่วมกว่า 1.3 ล้านคน และจัดประกวดหุ่นยนต์ระดับนานาชาติ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/08/shopping-for-a-robot-china039s-new-robot-store-in-photos
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Shopping for a robot? China's new robot store in photos
    A high-tech district in the Chinese capital is opening an all-service robot store on Friday to push a national drive to develop humanoid robots.
    0 Comments 0 Shares 332 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อ AI กลายเป็นผู้สัมภาษณ์งาน แต่ผู้สมัครกลับบอกว่า “ขอไม่ทำงานดีกว่า”

    ในปี 2025 บริษัทต่าง ๆ หันมาใช้ AI เพื่อจัดการกระบวนการสรรหาพนักงาน ตั้งแต่คัดกรองใบสมัคร ไปจนถึงสัมภาษณ์เบื้องต้นผ่าน Zoom หรือวิดีโอคอล โดยไม่มีมนุษย์อยู่ปลายสาย ผู้สมัครหลายคนกลับรู้สึก “หมดศรัทธา” และ “ถูกลดคุณค่า” จนถึงขั้นยอมไม่สมัครงานเลย

    Debra Borchardt นักเขียนและบรรณาธิการที่หางานมานานกว่า 3 เดือน เล่าว่า “การหางานมันดูดพลังชีวิตอยู่แล้ว แล้วต้องมานั่งคุยกับหุ่นยนต์อีก มันเกินจะรับไหว” เธอออกจากการสัมภาษณ์กลางคันทันทีหลังรู้ว่าอีกฝั่งไม่ใช่มนุษย์

    แม้ HR จะมองว่า AI เป็นเครื่องมือช่วยลดภาระจากการต้องคัดเลือกผู้สมัครหลายพันคน แต่ผู้สมัครกลับมองว่าเป็น “สัญญาณเตือน” ว่าบริษัทนั้นไม่ให้ความสำคัญกับมนุษย์ และอาจมีวัฒนธรรมองค์กรที่เย็นชา

    บริษัทต่าง ๆ ใช้ AI เป็นผู้สัมภาษณ์งานเบื้องต้นแทนมนุษย์
    ผู้สมัครเข้าร่วม Zoom หรือวิดีโอคอลแล้วพบว่าอีกฝั่งคือ AI
    AI ทำหน้าที่ถามคำถามและบันทึกคำตอบเพื่อประเมินเบื้องต้น

    ผู้สมัครจำนวนมากรู้สึกถูกลดคุณค่าและเลือกไม่เข้าร่วมการสัมภาษณ์กับ AI
    บางคนถึงขั้นยอมตกงานแทนที่จะคุยกับหุ่นยนต์
    มองว่าเป็น “ความอัปยศเพิ่มเติม” จากการหางานที่ยากอยู่แล้ว

    HR ใช้ AI เพื่อจัดการกับจำนวนผู้สมัครมหาศาลในแต่ละตำแหน่ง
    AI ช่วยคัดกรองใบสมัคร, นัดสัมภาษณ์, และส่งอีเมลอัตโนมัติ
    ช่วยลดภาระของทีม HR ที่มีขนาดเล็กลง

    ผู้สมัครมองว่า AI เป็นสัญญาณของวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ให้ความสำคัญกับมนุษย์
    การไม่มีมนุษย์ในขั้นตอนแรกทำให้รู้สึกว่า “บริษัทไม่แคร์คน”
    ส่งผลต่อความเชื่อมั่นและความตั้งใจในการสมัครงาน

    บางบริษัทใช้ AI เพื่อวิเคราะห์เสียง, สีหน้า, และคำตอบของผู้สมัคร
    เช่น HireVue และ Modern Hire ใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์แบบเรียลไทม์
    อ้างว่าเป็นการประเมินตามทักษะ ไม่ใช่ความสัมพันธ์ส่วนตัว

    ผลสำรวจพบว่า 67% ของผู้สมัครรู้สึกไม่สบายใจเมื่อบริษัทใช้ AI ในการคัดกรองใบสมัคร
    90% ต้องการให้บริษัทเปิดเผยการใช้ AI อย่างโปร่งใส
    ความโปร่งใสช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและความร่วมมือ

    AI เหมาะกับงานที่มีผู้สมัครจำนวนมาก เช่น retail หรือ customer service
    ช่วยคัดกรองเบื้องต้นและจัดการเวลาได้ดี
    แต่ควรมีมนุษย์เข้ามาในขั้นตอนสำคัญ

    การสัมภาษณ์งานคือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับพนักงาน
    การใช้ AI อาจทำให้ความสัมพันธ์นั้นเริ่มต้นด้วยความเย็นชา
    ส่งผลต่อความรู้สึกของผู้สมัครและการตัดสินใจรับงาน

    https://fortune.com/2025/08/03/ai-interviewers-job-seekers-unemployment-hiring-hr-teams/
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อ AI กลายเป็นผู้สัมภาษณ์งาน แต่ผู้สมัครกลับบอกว่า “ขอไม่ทำงานดีกว่า” ในปี 2025 บริษัทต่าง ๆ หันมาใช้ AI เพื่อจัดการกระบวนการสรรหาพนักงาน ตั้งแต่คัดกรองใบสมัคร ไปจนถึงสัมภาษณ์เบื้องต้นผ่าน Zoom หรือวิดีโอคอล โดยไม่มีมนุษย์อยู่ปลายสาย ผู้สมัครหลายคนกลับรู้สึก “หมดศรัทธา” และ “ถูกลดคุณค่า” จนถึงขั้นยอมไม่สมัครงานเลย Debra Borchardt นักเขียนและบรรณาธิการที่หางานมานานกว่า 3 เดือน เล่าว่า “การหางานมันดูดพลังชีวิตอยู่แล้ว แล้วต้องมานั่งคุยกับหุ่นยนต์อีก มันเกินจะรับไหว” เธอออกจากการสัมภาษณ์กลางคันทันทีหลังรู้ว่าอีกฝั่งไม่ใช่มนุษย์ แม้ HR จะมองว่า AI เป็นเครื่องมือช่วยลดภาระจากการต้องคัดเลือกผู้สมัครหลายพันคน แต่ผู้สมัครกลับมองว่าเป็น “สัญญาณเตือน” ว่าบริษัทนั้นไม่ให้ความสำคัญกับมนุษย์ และอาจมีวัฒนธรรมองค์กรที่เย็นชา ✅ บริษัทต่าง ๆ ใช้ AI เป็นผู้สัมภาษณ์งานเบื้องต้นแทนมนุษย์ ➡️ ผู้สมัครเข้าร่วม Zoom หรือวิดีโอคอลแล้วพบว่าอีกฝั่งคือ AI ➡️ AI ทำหน้าที่ถามคำถามและบันทึกคำตอบเพื่อประเมินเบื้องต้น ✅ ผู้สมัครจำนวนมากรู้สึกถูกลดคุณค่าและเลือกไม่เข้าร่วมการสัมภาษณ์กับ AI ➡️ บางคนถึงขั้นยอมตกงานแทนที่จะคุยกับหุ่นยนต์ ➡️ มองว่าเป็น “ความอัปยศเพิ่มเติม” จากการหางานที่ยากอยู่แล้ว ✅ HR ใช้ AI เพื่อจัดการกับจำนวนผู้สมัครมหาศาลในแต่ละตำแหน่ง ➡️ AI ช่วยคัดกรองใบสมัคร, นัดสัมภาษณ์, และส่งอีเมลอัตโนมัติ ➡️ ช่วยลดภาระของทีม HR ที่มีขนาดเล็กลง ✅ ผู้สมัครมองว่า AI เป็นสัญญาณของวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ให้ความสำคัญกับมนุษย์ ➡️ การไม่มีมนุษย์ในขั้นตอนแรกทำให้รู้สึกว่า “บริษัทไม่แคร์คน” ➡️ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นและความตั้งใจในการสมัครงาน ✅ บางบริษัทใช้ AI เพื่อวิเคราะห์เสียง, สีหน้า, และคำตอบของผู้สมัคร ➡️ เช่น HireVue และ Modern Hire ใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ ➡️ อ้างว่าเป็นการประเมินตามทักษะ ไม่ใช่ความสัมพันธ์ส่วนตัว ✅ ผลสำรวจพบว่า 67% ของผู้สมัครรู้สึกไม่สบายใจเมื่อบริษัทใช้ AI ในการคัดกรองใบสมัคร ➡️ 90% ต้องการให้บริษัทเปิดเผยการใช้ AI อย่างโปร่งใส ➡️ ความโปร่งใสช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและความร่วมมือ ✅ AI เหมาะกับงานที่มีผู้สมัครจำนวนมาก เช่น retail หรือ customer service ➡️ ช่วยคัดกรองเบื้องต้นและจัดการเวลาได้ดี ➡️ แต่ควรมีมนุษย์เข้ามาในขั้นตอนสำคัญ ✅ การสัมภาษณ์งานคือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับพนักงาน ➡️ การใช้ AI อาจทำให้ความสัมพันธ์นั้นเริ่มต้นด้วยความเย็นชา ➡️ ส่งผลต่อความรู้สึกของผู้สมัครและการตัดสินใจรับงาน https://fortune.com/2025/08/03/ai-interviewers-job-seekers-unemployment-hiring-hr-teams/
    FORTUNE.COM
    AI is doing job interviews now—but candidates say they'd rather risk staying unemployed than talk to another robot
    Job-seekers tell Fortune they’re outright refusing to do AI interviews, calling them dehumanizing and a red flag for bad company culture.
    0 Comments 0 Shares 277 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากข่าว: Samsung กับวิกฤติชิป—กำไรหายไป 94% แต่ยังมีความหวังจาก AI และ Tesla

    Samsung Electronics รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2025 โดยมีรายได้รวม 74.6 ล้านล้านวอน (ประมาณ 53.7 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน แต่สิ่งที่น่าตกใจคือ “กำไรจากธุรกิจชิป” ลดลงถึง 93.8% เหลือเพียง 400 พันล้านวอน จากเดิม 6.45 ล้านล้านวอนในปี 2024

    สาเหตุหลักมาจากการส่งออกที่ชะลอตัว, การปรับมูลค่าสินค้าคงคลัง และข้อจำกัดจากมาตรการของสหรัฐฯ ที่ห้ามส่งออกชิปขั้นสูงไปยังจีน

    แม้สถานการณ์จะดูเลวร้าย แต่ Samsung ยังมีความหวังจากการผลิตชิป AI รุ่นใหม่ให้ Tesla มูลค่าสัญญา 16.5 พันล้านดอลลาร์ และการเตรียมผลิตชิป 2nm สำหรับมือถือในครึ่งปีหลัง ซึ่งอาจช่วยพลิกสถานการณ์ได้

    Samsung รายงานกำไรจากธุรกิจชิปลดลง 93.8% ในไตรมาส 2 ปี 2025
    เหลือเพียง 400 พันล้านวอน จาก 6.45 ล้านล้านวอนในปีก่อน
    เป็นผลประกอบการที่แย่ที่สุดในรอบ 6 ไตรมาส

    รายได้รวมของบริษัทอยู่ที่ 74.6 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน
    แต่กำไรจากการดำเนินงานลดลงเหลือ 4.7 ล้านล้านวอน
    ธุรกิจมือถือยังทำกำไรได้ดี โดยเฉพาะ Galaxy S25 และ A series

    สาเหตุหลักของการตกต่ำคือการส่งออกชิปไปจีนถูกจำกัด และต้นทุนสูงจากโรงงานในสหรัฐฯ
    โรงงานในเท็กซัสมีต้นทุนสูงกว่าที่เกาหลี
    ยังไม่สามารถหาลูกค้าหลักได้สำหรับโรงงานใหม่

    Samsung ได้สัญญาผลิตชิป AI6 ให้ Tesla มูลค่า 16.5 พันล้านดอลลาร์
    เป็นความหวังใหม่ของธุรกิจ foundry
    หุ้น Samsung พุ่งขึ้นกว่า 20% ในเดือนกรกฎาคมหลังข่าวนี้

    บริษัทเตรียมผลิตชิป 2nm สำหรับมือถือในครึ่งปีหลัง
    คาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ของธุรกิจ foundry
    แข่งขันกับ TSMC และ SK Hynix อย่างเข้มข้น

    Samsung คาดการณ์ว่าธุรกิจจะฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง โดยมีแรงหนุนจาก AI และหุ่นยนต์
    CFO ระบุว่าอุตสาหกรรม IT เริ่มฟื้นตัวจากแรงผลักดันของเทคโนโลยีใหม่
    คาดว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่องถึงปี 2025

    https://www.techspot.com/news/108897-samsung-posts-brutal-financials-chip-business-profits-plunge.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: Samsung กับวิกฤติชิป—กำไรหายไป 94% แต่ยังมีความหวังจาก AI และ Tesla Samsung Electronics รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2025 โดยมีรายได้รวม 74.6 ล้านล้านวอน (ประมาณ 53.7 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน แต่สิ่งที่น่าตกใจคือ “กำไรจากธุรกิจชิป” ลดลงถึง 93.8% เหลือเพียง 400 พันล้านวอน จากเดิม 6.45 ล้านล้านวอนในปี 2024 สาเหตุหลักมาจากการส่งออกที่ชะลอตัว, การปรับมูลค่าสินค้าคงคลัง และข้อจำกัดจากมาตรการของสหรัฐฯ ที่ห้ามส่งออกชิปขั้นสูงไปยังจีน แม้สถานการณ์จะดูเลวร้าย แต่ Samsung ยังมีความหวังจากการผลิตชิป AI รุ่นใหม่ให้ Tesla มูลค่าสัญญา 16.5 พันล้านดอลลาร์ และการเตรียมผลิตชิป 2nm สำหรับมือถือในครึ่งปีหลัง ซึ่งอาจช่วยพลิกสถานการณ์ได้ ✅ Samsung รายงานกำไรจากธุรกิจชิปลดลง 93.8% ในไตรมาส 2 ปี 2025 ➡️ เหลือเพียง 400 พันล้านวอน จาก 6.45 ล้านล้านวอนในปีก่อน ➡️ เป็นผลประกอบการที่แย่ที่สุดในรอบ 6 ไตรมาส ✅ รายได้รวมของบริษัทอยู่ที่ 74.6 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน ➡️ แต่กำไรจากการดำเนินงานลดลงเหลือ 4.7 ล้านล้านวอน ➡️ ธุรกิจมือถือยังทำกำไรได้ดี โดยเฉพาะ Galaxy S25 และ A series ✅ สาเหตุหลักของการตกต่ำคือการส่งออกชิปไปจีนถูกจำกัด และต้นทุนสูงจากโรงงานในสหรัฐฯ ➡️ โรงงานในเท็กซัสมีต้นทุนสูงกว่าที่เกาหลี ➡️ ยังไม่สามารถหาลูกค้าหลักได้สำหรับโรงงานใหม่ ✅ Samsung ได้สัญญาผลิตชิป AI6 ให้ Tesla มูลค่า 16.5 พันล้านดอลลาร์ ➡️ เป็นความหวังใหม่ของธุรกิจ foundry ➡️ หุ้น Samsung พุ่งขึ้นกว่า 20% ในเดือนกรกฎาคมหลังข่าวนี้ ✅ บริษัทเตรียมผลิตชิป 2nm สำหรับมือถือในครึ่งปีหลัง ➡️ คาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ของธุรกิจ foundry ➡️ แข่งขันกับ TSMC และ SK Hynix อย่างเข้มข้น ✅ Samsung คาดการณ์ว่าธุรกิจจะฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง โดยมีแรงหนุนจาก AI และหุ่นยนต์ ➡️ CFO ระบุว่าอุตสาหกรรม IT เริ่มฟื้นตัวจากแรงผลักดันของเทคโนโลยีใหม่ ➡️ คาดว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่องถึงปี 2025 https://www.techspot.com/news/108897-samsung-posts-brutal-financials-chip-business-profits-plunge.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Samsung posts brutal financials as chip business profits plunge by 94%
    Samsung Electronics recently posted its second-quarter financial results, and they're worse than expected. According to CBNC, the Korean tech giant reported revenue of 74.6 trillion won ($53.7...
    0 Comments 0 Shares 253 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากข่าว: “Neuralink GB-PRIME” เมื่อความคิดกลายเป็นเมาส์และคีย์บอร์ด

    Neuralink ประกาศเปิดตัวการทดลองทางคลินิกในสหราชอาณาจักรชื่อว่า “GB-PRIME” โดยร่วมมือกับ University College London Hospitals (UCLH) และ Newcastle Hospitals เพื่อทดสอบชิปสมอง N1 ที่สามารถแปลสัญญาณประสาทเป็นคำสั่งควบคุมอุปกรณ์ดิจิทัล เช่น คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟน

    ผู้เข้าร่วมต้องเป็นผู้ที่มีอาการอัมพาตรุนแรงจากโรค ALS หรือบาดเจ็บไขสันหลัง โดยชิปจะฝังเข้าไปในสมองผ่านหุ่นยนต์ R1 ที่สามารถวางเส้นใยอิเล็กโทรดบางกว่าผมมนุษย์กว่า 1,000 จุดในตำแหน่งที่แม่นยำ

    Neuralink ได้รับอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลของสหราชอาณาจักร เช่น MHRA และ REC และเคยเริ่มทดลองในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2024 หลังจากผ่านการอนุมัติจาก FDA ซึ่งเคยปฏิเสธในปี 2022 ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย

    ล่าสุด Neuralink ระดมทุนได้ถึง $650 ล้านในรอบ Series E จากนักลงทุนชั้นนำ เช่น Sequoia, ARK Invest และ Founders Fund เพื่อขยายการทดลองและพัฒนาเทคโนโลยีให้ล้ำลึกยิ่งขึ้น

    Neuralink เปิดตัวการทดลอง GB-PRIME ในสหราชอาณาจักรเพื่อทดสอบชิปสมอง N1
    ร่วมมือกับ UCLH และ Newcastle Hospitals
    ใช้หุ่นยนต์ R1 ฝังเส้นใยอิเล็กโทรดบางเฉียบในสมอง

    ผู้เข้าร่วมต้องเป็นผู้ที่มีอัมพาตจาก ALS หรือบาดเจ็บไขสันหลัง
    ต้องมีอายุเกิน 22 ปี และไม่สามารถใช้มือทั้งสองข้างได้
    สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ Neuralink

    ชิป N1 สามารถแปลสัญญาณสมองเป็นคำสั่งควบคุมอุปกรณ์ดิจิทัล
    เช่น การเลื่อนเมาส์, พิมพ์ข้อความ, เล่นเกม
    ใช้แบตเตอรี่แบบไร้สายและไม่ต้องมีสายเชื่อมต่อภายนอก

    Neuralink เคยทดลองในสหรัฐอเมริกาและมีผู้ใช้จริงแล้ว 5 ราย
    ผู้ป่วยสามารถเล่นเกมหรือพิมพ์ข้อความด้วยความคิด
    มีการปรับปรุงซอฟต์แวร์เพื่อแก้ปัญหาเส้นใยหลุด

    บริษัทได้รับทุน $650 ล้าน ในเดือนมิถุนายน 2025 เพื่อขยายการทดลองและพัฒนาอุปกรณ์ใหม่
    นักลงทุนหลัก ได้แก่ Sequoia, ARK Invest, Founders Fund
    มูลค่าบริษัทอยู่ที่ประมาณ $9 พันล้าน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/31/musk039s-neuralink-to-launch-a-clinical-study-in-great-britain
    🧠 เรื่องเล่าจากข่าว: “Neuralink GB-PRIME” เมื่อความคิดกลายเป็นเมาส์และคีย์บอร์ด Neuralink ประกาศเปิดตัวการทดลองทางคลินิกในสหราชอาณาจักรชื่อว่า “GB-PRIME” โดยร่วมมือกับ University College London Hospitals (UCLH) และ Newcastle Hospitals เพื่อทดสอบชิปสมอง N1 ที่สามารถแปลสัญญาณประสาทเป็นคำสั่งควบคุมอุปกรณ์ดิจิทัล เช่น คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟน ผู้เข้าร่วมต้องเป็นผู้ที่มีอาการอัมพาตรุนแรงจากโรค ALS หรือบาดเจ็บไขสันหลัง โดยชิปจะฝังเข้าไปในสมองผ่านหุ่นยนต์ R1 ที่สามารถวางเส้นใยอิเล็กโทรดบางกว่าผมมนุษย์กว่า 1,000 จุดในตำแหน่งที่แม่นยำ Neuralink ได้รับอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลของสหราชอาณาจักร เช่น MHRA และ REC และเคยเริ่มทดลองในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2024 หลังจากผ่านการอนุมัติจาก FDA ซึ่งเคยปฏิเสธในปี 2022 ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ล่าสุด Neuralink ระดมทุนได้ถึง $650 ล้านในรอบ Series E จากนักลงทุนชั้นนำ เช่น Sequoia, ARK Invest และ Founders Fund เพื่อขยายการทดลองและพัฒนาเทคโนโลยีให้ล้ำลึกยิ่งขึ้น ✅ Neuralink เปิดตัวการทดลอง GB-PRIME ในสหราชอาณาจักรเพื่อทดสอบชิปสมอง N1 ➡️ ร่วมมือกับ UCLH และ Newcastle Hospitals ➡️ ใช้หุ่นยนต์ R1 ฝังเส้นใยอิเล็กโทรดบางเฉียบในสมอง ✅ ผู้เข้าร่วมต้องเป็นผู้ที่มีอัมพาตจาก ALS หรือบาดเจ็บไขสันหลัง ➡️ ต้องมีอายุเกิน 22 ปี และไม่สามารถใช้มือทั้งสองข้างได้ ➡️ สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ Neuralink ✅ ชิป N1 สามารถแปลสัญญาณสมองเป็นคำสั่งควบคุมอุปกรณ์ดิจิทัล ➡️ เช่น การเลื่อนเมาส์, พิมพ์ข้อความ, เล่นเกม ➡️ ใช้แบตเตอรี่แบบไร้สายและไม่ต้องมีสายเชื่อมต่อภายนอก ✅ Neuralink เคยทดลองในสหรัฐอเมริกาและมีผู้ใช้จริงแล้ว 5 ราย ➡️ ผู้ป่วยสามารถเล่นเกมหรือพิมพ์ข้อความด้วยความคิด ➡️ มีการปรับปรุงซอฟต์แวร์เพื่อแก้ปัญหาเส้นใยหลุด ✅ บริษัทได้รับทุน $650 ล้าน ในเดือนมิถุนายน 2025 เพื่อขยายการทดลองและพัฒนาอุปกรณ์ใหม่ ➡️ นักลงทุนหลัก ได้แก่ Sequoia, ARK Invest, Founders Fund ➡️ มูลค่าบริษัทอยู่ที่ประมาณ $9 พันล้าน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/31/musk039s-neuralink-to-launch-a-clinical-study-in-great-britain
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Musk's Neuralink to test brain chips in clinical study in Great Britain
    (Reuters) - Elon Musk's brain implant company Neuralink said on Thursday it will launch a clinical study in Great Britain to test how its chips can enable patients with severe paralysis to control digital and physical tools with their thoughts.
    0 Comments 0 Shares 247 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกการทำงาน: เมื่อ AI ไม่ได้มาแทนทุกคน แต่บางคนต้องปรับตัวก่อนใคร

    รายงานนี้ใช้ข้อมูลจากการใช้งานจริงของผู้คนกับ AI ตลอด 9 เดือนในปี 2024 โดยนำไปจับคู่กับฐานข้อมูล O*NET ของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อดูว่า AI สามารถช่วยงานอะไรได้บ้าง และช่วยได้ดีแค่ไหน

    ผลลัพธ์คือ “รายชื่ออาชีพ” ที่ AI สามารถช่วยงานได้มากที่สุด เช่น งานที่เกี่ยวกับการสื่อสาร การเขียน และการตอบคำถาม เช่น นักแปล นักเขียน พนักงานบริการลูกค้า และผู้ประกาศข่าว ซึ่ง AI สามารถช่วยเขียน ตอบคำถาม และจัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ในทางกลับกัน งานที่ยังปลอดภัยคือ งานที่ต้องใช้แรงกาย ทักษะเฉพาะ หรือการดูแลแบบใกล้ชิด เช่น พนักงานดูแลผู้ป่วย ช่างเทคนิค งานก่อสร้าง และงานที่ต้องใช้ความรู้สึกหรือการตัดสินใจเฉพาะหน้า ซึ่ง AI ยังไม่สามารถเลียนแบบได้

    Microsoft วิเคราะห์ข้อมูลจริงจาก Bing Copilot เพื่อวัดผลกระทบของ AI ต่ออาชีพต่าง ๆ
    ใช้ข้อมูลกว่า 200,000 บทสนทนาในช่วง 9 เดือน
    จับคู่กับฐานข้อมูล O*NET เพื่อวิเคราะห์งานแต่ละประเภท

    อาชีพที่ AI สามารถช่วยงานได้มากที่สุดคือกลุ่มงานสื่อสารและข้อมูล
    นักแปล, นักเขียน, นักข่าว, พนักงานบริการลูกค้า, ผู้ประกาศข่าว
    งานที่เกี่ยวกับการตอบคำถาม เขียนเนื้อหา และจัดการข้อมูล

    อาชีพที่ยังปลอดภัยจาก AI คือกลุ่มงานที่ใช้แรงกายหรือดูแลใกล้ชิด
    ผู้ช่วยพยาบาล, ช่างเทคนิค, คนงานก่อสร้าง, พนักงานล้างจาน
    งานที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะและการตัดสินใจเฉพาะหน้า

    AI ยังไม่สามารถแทนที่คนได้ทั้งหมด แต่สามารถช่วยงานบางส่วนได้ดีมาก
    งานที่มี “AI applicability score” สูง หมายถึง AI ช่วยได้หลายส่วน
    แต่ไม่ได้หมายความว่าอาชีพนั้นจะหายไปทันที

    เทคโนโลยีอาจเปลี่ยนแปลงงานในรูปแบบที่ไม่คาดคิด
    เหมือนกรณี ATM ที่ทำให้จำนวนพนักงานธนาคารเพิ่มขึ้น
    AI อาจสร้างงานใหม่ในอนาคตที่ยังไม่มีในปัจจุบัน

    อาชีพที่มีความเสี่ยงสูงอาจถูกลดบทบาทหรือแทนที่บางส่วนในระยะสั้น
    เช่น นักเขียน, นักแปล, พนักงานบริการลูกค้า, นักข่าว
    บริษัทอาจใช้ AI เพื่อลดต้นทุนและจำนวนพนักงาน

    อาชีพที่ดูปลอดภัยในวันนี้ อาจถูกเปลี่ยนแปลงในอนาคตเมื่อ AI พัฒนา
    เช่น งานก่อสร้างหรืองานดูแลผู้ป่วย อาจถูกแทนที่บางส่วนด้วยหุ่นยนต์
    ความก้าวหน้าของ AI และหุ่นยนต์อาจทำให้ขอบเขตเปลี่ยนไป

    การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจลดคุณภาพของงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์หรือความเข้าใจมนุษย์
    งานเขียนหรือการสื่อสารที่ซับซ้อนอาจขาดความลึกซึ้ง
    ผู้ใช้ต้องมีวิจารณญาณในการใช้ AI เป็นเครื่องมือ ไม่ใช่ตัวแทน

    การเปลี่ยนแปลงนี้อาจสร้างความเหลื่อมล้ำระหว่างคนที่มีทักษะ AI กับคนทั่วไป
    คนที่ไม่ปรับตัวอาจถูกลดบทบาทในตลาดแรงงาน
    การเรียนรู้ทักษะใหม่จึงเป็นสิ่งจำเป็นในยุคนี้

    https://www.techspot.com/news/108869-jobs-most-likely-automated-ai.html
    🧠 เรื่องเล่าจากโลกการทำงาน: เมื่อ AI ไม่ได้มาแทนทุกคน แต่บางคนต้องปรับตัวก่อนใคร รายงานนี้ใช้ข้อมูลจากการใช้งานจริงของผู้คนกับ AI ตลอด 9 เดือนในปี 2024 โดยนำไปจับคู่กับฐานข้อมูล O*NET ของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อดูว่า AI สามารถช่วยงานอะไรได้บ้าง และช่วยได้ดีแค่ไหน ผลลัพธ์คือ “รายชื่ออาชีพ” ที่ AI สามารถช่วยงานได้มากที่สุด เช่น งานที่เกี่ยวกับการสื่อสาร การเขียน และการตอบคำถาม เช่น นักแปล นักเขียน พนักงานบริการลูกค้า และผู้ประกาศข่าว ซึ่ง AI สามารถช่วยเขียน ตอบคำถาม และจัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในทางกลับกัน งานที่ยังปลอดภัยคือ งานที่ต้องใช้แรงกาย ทักษะเฉพาะ หรือการดูแลแบบใกล้ชิด เช่น พนักงานดูแลผู้ป่วย ช่างเทคนิค งานก่อสร้าง และงานที่ต้องใช้ความรู้สึกหรือการตัดสินใจเฉพาะหน้า ซึ่ง AI ยังไม่สามารถเลียนแบบได้ ✅ Microsoft วิเคราะห์ข้อมูลจริงจาก Bing Copilot เพื่อวัดผลกระทบของ AI ต่ออาชีพต่าง ๆ ➡️ ใช้ข้อมูลกว่า 200,000 บทสนทนาในช่วง 9 เดือน ➡️ จับคู่กับฐานข้อมูล O*NET เพื่อวิเคราะห์งานแต่ละประเภท ✅ อาชีพที่ AI สามารถช่วยงานได้มากที่สุดคือกลุ่มงานสื่อสารและข้อมูล ➡️ นักแปล, นักเขียน, นักข่าว, พนักงานบริการลูกค้า, ผู้ประกาศข่าว ➡️ งานที่เกี่ยวกับการตอบคำถาม เขียนเนื้อหา และจัดการข้อมูล ✅ อาชีพที่ยังปลอดภัยจาก AI คือกลุ่มงานที่ใช้แรงกายหรือดูแลใกล้ชิด ➡️ ผู้ช่วยพยาบาล, ช่างเทคนิค, คนงานก่อสร้าง, พนักงานล้างจาน ➡️ งานที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะและการตัดสินใจเฉพาะหน้า ✅ AI ยังไม่สามารถแทนที่คนได้ทั้งหมด แต่สามารถช่วยงานบางส่วนได้ดีมาก ➡️ งานที่มี “AI applicability score” สูง หมายถึง AI ช่วยได้หลายส่วน ➡️ แต่ไม่ได้หมายความว่าอาชีพนั้นจะหายไปทันที ✅ เทคโนโลยีอาจเปลี่ยนแปลงงานในรูปแบบที่ไม่คาดคิด ➡️ เหมือนกรณี ATM ที่ทำให้จำนวนพนักงานธนาคารเพิ่มขึ้น ➡️ AI อาจสร้างงานใหม่ในอนาคตที่ยังไม่มีในปัจจุบัน ‼️ อาชีพที่มีความเสี่ยงสูงอาจถูกลดบทบาทหรือแทนที่บางส่วนในระยะสั้น ⛔ เช่น นักเขียน, นักแปล, พนักงานบริการลูกค้า, นักข่าว ⛔ บริษัทอาจใช้ AI เพื่อลดต้นทุนและจำนวนพนักงาน ‼️ อาชีพที่ดูปลอดภัยในวันนี้ อาจถูกเปลี่ยนแปลงในอนาคตเมื่อ AI พัฒนา ⛔ เช่น งานก่อสร้างหรืองานดูแลผู้ป่วย อาจถูกแทนที่บางส่วนด้วยหุ่นยนต์ ⛔ ความก้าวหน้าของ AI และหุ่นยนต์อาจทำให้ขอบเขตเปลี่ยนไป ‼️ การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจลดคุณภาพของงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์หรือความเข้าใจมนุษย์ ⛔ งานเขียนหรือการสื่อสารที่ซับซ้อนอาจขาดความลึกซึ้ง ⛔ ผู้ใช้ต้องมีวิจารณญาณในการใช้ AI เป็นเครื่องมือ ไม่ใช่ตัวแทน ‼️ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจสร้างความเหลื่อมล้ำระหว่างคนที่มีทักษะ AI กับคนทั่วไป ⛔ คนที่ไม่ปรับตัวอาจถูกลดบทบาทในตลาดแรงงาน ⛔ การเรียนรู้ทักษะใหม่จึงเป็นสิ่งจำเป็นในยุคนี้ https://www.techspot.com/news/108869-jobs-most-likely-automated-ai.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    These are the jobs that are most likely to be automated by AI
    The study stands out for its approach. Instead of speculating about AI's future impact, it examined actual recorded interactions between everyday users and a leading generative AI...
    0 Comments 0 Shares 275 Views 0 Reviews
  • จะเป็นอย่างไรเมื่อ " นางนาก "ถูกสร้างโดยผู้กำกับ
    ชื่อดังทั่วโลก (ครบรอบ 26 ปีนางนาก)

    1. เซอร์ คริสโตเฟอร์ โนแลน
    - พี่มากกลับมาจากรบ และรู้ว่าแม่นากรอเขาจนตาย พี่มากเสียใจสุดๆ จึงพยายามทำทุกทางเพื่ออยากเจออีนากอีกครั้ง วันเวลาผ่านไปเป็นสิบปี จนเขาได้เจอกับคนที่อ้างว่ามาจากอนาคต และสามารถทำให้พี่มากย้อนเวลาไปหาอีนากได้ เขาจึงเข้าเครื่องย้อนเวลา และทำให้กลับไปเจออีนากอีกครั้ง อีนากตกใจกับผัวที่แก่ขึ้น และทั้งคู่ก็ทะเลาะกัน จนพี่มากพลั้งมือฆ่าอีนากตาย..

    2. เควนติน มารันติโน่
    - อีนากปากหมา ไล่ด่าทุกคน ก่อนเควนตินจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์หนัง อีนากไม่ตาย แต่เป็นไอ้มากตายและกลายเป็นผีมาหลอกแทน

    3. หว่อง-กาไว
    - อีนากนั่งรอพี่มากที่ท่าน้ำกับบรรยากาศสุดเหงายามเย็นที่มีแสงไฟจากตะเกียง พร้อมอีนากหยิบยาสูบขึ้นมาสูบ ทุกอย่างมันสโลไปหมด ยกเว้นอีนากคนเดียว

    4. ปู่มาร์ตี้
    - พี่มากเป็นหัวหน้าแก๊งค์รีดไถ่เงินในพระโขนง มีเพื่อนสนิทอยู่ 4 คน และมีเมียเป็นอีนาก ก่อนที่อีนากจะเล่นชู้กับเพื่อนพี่มากพร้อมกับเป่าหูให้ทุกคนหักหลังกัน และทั้งเรื่องจะเป็นการหักเหลี่ยมกันของแก๊งค์ ที่มีฉากไล่ข้าวโพดเป็นตอนจบ

    5. ไมเคิล เบย์
    - อีนากไม่ได้ท้องและออกไปรอบกับไอ้มากด้วย พร้อมกับระเบิดภูเขาเผ่ากระท่อมเหมือนเดิม

    5.1. ไมเคิล เบย์
    -อีนากหนีมาจากดาวเคราะห์ไซเบอร์ตรอนแต่ระบบเสียงเสียพูดไม่ได้ จากนั้นอีนากจะส่งแสงขึ้นฟ้าเป็นรูปสัญลักษณ์ ไอ้มากเห็นจึงเดินทางมายังดาวเคราะห์ที่มีชื่อว่า โลกกกกก !?

    6. จอห์น วู
    - อีนากนั่งรอที่ท่าน้ำจะมีนกพิราบบินแบบสโลโมชั่น ฉากระเบิดที่สงครามไอ้มากไปรบต้องใหญ่ๆไฟและควันพุ่งขึ้นสูงๆ

    7. โรเบิร์ต รอดริเกซ
    - อีนากตาย และกลายเป็นแวมไพร์ ไล่ฆ่าคน

    8. พี่เจ้ย
    - อีนากปลงชีวิต เดินเข้าไปใช้ชีวิตในป่า เดินไปเจอกับธรรมชาติมากมาย ก่อนนางจะเข้าใจชีวิตมากขึ้น

    9. เอ็มไนต์ ชายามาลาน
    - อีนากตายเป็นผี ไอ้มากไม่รู้และไม่มีใครบอก เขาก็เลยอยู่กินกับผี จนพี่มากสังเกตและรู้เองว่าอีนากตายไปนานแล้ว ก่อนอีนากจะบอกว่า มึงก็ตายไปนานแล้วเหมือนกัน..

    10. เวส แอนเดอร์สัน
    - พระโขนงจะกลายเป็นสีพาสเทล

    11. พี่พจน์ อานนท์
    - พี่มากเป็นเกย์ และตบกะอีนาก

    12. คิมคิ ด็อก
    - ทั้งเรื่องจะเงียบ และไม่มีบทพูด อีนากจะเงียบและรอคอยพี่มาก แต่ตัวละครรอบข้างจะพูดปกติ

    13. เดวิด ฟินเชอร์
    - อีนากถูกฆาตกรรม จนไอ้มากต้องออกมาช่วยกันสืบคดี จนสุดท้ายไอ้มากเปิดลังกระดาษแล้วพบกับ!!

    14. หม่อมน้อย
    - ดีเทลทุกอย่างของคลองพระโขนงจะต้องเนี้ยบ เสื้อผ้าต้องเย็บใหม่ให้เหมือนในอดีต

    15. ลาร์ส ฟอร์นเทียร์
    - นางเอกจะติดเซ็กส์ และต้องการค้นหาตัวเอง

    16. เป็นเอก รัตนเรือง
    - ไม่เน้นผี เน้นตีความ

    17. พี่เต๋อ
    - ตัวละครทุกตัวจะพูดแบบเท่ๆ

    18. ทิม เบอร์ตัน
    - ทุกตัวละครจะขอบตาดำกันหมดแต่งกายด้วยชุดอังกฤษยุคเลเนซองค์

    19. เดอนี วีลเนิฟว์
    - ฉากหลังอีนากเป็นยุคไซเบอร์พังค์

    20. จอร์ด มิลเลอร์
    - เรื่องราวไม่ได้เกิดในพระโขนง แต่เกิดในทะเลทราย

    21. คูบริก
    นักแสดงนางนากจะถูกกังขังหน่วงเหนี่ยวไว้ จนกว่าจะยืดแขนเองได้

    22. เดวิด ลินซ์
    - มึงดูไม่เข้าใจกันหรอก

    23. จิบลิ
    - อีนากตายหลงเข้าไปในมิติวิญญาณ และไปทำงานในซ่องของโลกหลังความตาย

    24.ชิออน โซโนะ
    - อีนากเบื่อการเป็นแม่บ้าน จึงออกไปหาความสำราญจนโดนหลอก.. แต่ติดใจ

    25. ชินไค มาโคโตะ
    - แม่นากจะตามหาพี่มากตลอดไป จะost. ชื่อ 9.8 meter per sec ซึ่งมาจากความเร็วของมะนาวที่แม่นากทำหล่นจากชานบ้าน /เอ้าซู๊ดดดดดด

    26. อังลี่
    - อีนากคลอดลูกและรอดตาย ไอ้มากกลับมาปลอดภัย จนไอ้มากต้องไปทำงานเลี้ยงแกะบนเขา จนไปพบรักกับชายหนุ่มและทั้งคู่แอบเป็นชู้กัน

    27. พอล ดับบิวเอสแอนเดอสัน
    - แม่นากแสดงโดยเมียตัวเอง ให้แม่นากเก่งที่สุดในโลก มีพลังจิตมองตาพิฆาตสังหาร มีซอมบี้ เอาลูกซองที่ลูกกระสุนเป็นเหรียญลากหัวซอมบี้คมๆ

    28. เจมส์ เคเมรอน
    - สร้างพระโขนงขึ้นมาใหม่ เอาให้เหมือนจริงสุดๆ จนนักแสดงแก่หมดแล้ว หนังก็ยังสร้างไม่เสร็จ..

    29. ฮิโรคาสุ โคเรเอดะ
    - แม่นากไอ้มาก ลักเด็กที่ถูกทำร้ายจากครอบครัวอีปริกมาเลี้ยงและหลายๆคนในครอบครัวไม่ใช่สายเลือดเดียวกันเพราะอีนากมีลูกไม่ได้

    30. กีเยโมร์ เดลโทโร่
    -นางมากและไอ้มากอยู่ในหน่วยพิทักษ์โลเพราะในการขับหุ่นยนต์ยักเยเกอร์ต้องใช้พลขับ 2 คนโดยทั้ง 2 ขับหุ่นยนต์ที่ชื่อ ยิปซี แดนเจอร์ ขับไปไปขับมาเลยได้เสียกันอีนากท้อง จากนั้นจึงตั้งชื่อลูกว่าไอ้แดง

    31.โรเบิร์ต เซเมคิส
    - นางนากต้องเป็นคนที่ไอ้มากปักใจรักมากที่สุดในชีวิต ก่อนนางจะใช้ชีวิตแบบขนนกที่ล่องลอยไปแบบที่นางอยากเป็น ผิดกับไอ้มากที่หลังจากไปรบในสงครามก็ใช้ชีวิตแบบขนนกที่ปลิวไปตามสายลมลมจะหอบไปทางไหนแต่เขาก็ตั้งใจทำมันทุกๆอย่างจนประสบความสำเร็จ สุดท้ายอีนากก็มีลูกชายกับไอ้มากแล้วนางก็ตาย ทำให้ไอ้มากต้องดูแลลูกชายหรือไอ้แดงเพียงคนเดียว ไอ้มากจึงสอนลูกชายเสมอว่า " ความตายเป็นส่วนนึงของชีวิต และ ชีวิตก็เหมือนกล่องช็อคโกแลตเราไม่มีทางรู้ว่ามีรสชาติใดอยู่ข้างในบ้าง.."

    ที่เหลือก็หาผกก.ที่ชอบคอมเม้นท์มาเองนะ
    จะเป็นอย่างไรเมื่อ " นางนาก "ถูกสร้างโดยผู้กำกับ ชื่อดังทั่วโลก (ครบรอบ 26 ปีนางนาก) 1. เซอร์ คริสโตเฟอร์ โนแลน - พี่มากกลับมาจากรบ และรู้ว่าแม่นากรอเขาจนตาย พี่มากเสียใจสุดๆ จึงพยายามทำทุกทางเพื่ออยากเจออีนากอีกครั้ง วันเวลาผ่านไปเป็นสิบปี จนเขาได้เจอกับคนที่อ้างว่ามาจากอนาคต และสามารถทำให้พี่มากย้อนเวลาไปหาอีนากได้ เขาจึงเข้าเครื่องย้อนเวลา และทำให้กลับไปเจออีนากอีกครั้ง อีนากตกใจกับผัวที่แก่ขึ้น และทั้งคู่ก็ทะเลาะกัน จนพี่มากพลั้งมือฆ่าอีนากตาย.. 2. เควนติน มารันติโน่ - อีนากปากหมา ไล่ด่าทุกคน ก่อนเควนตินจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์หนัง อีนากไม่ตาย แต่เป็นไอ้มากตายและกลายเป็นผีมาหลอกแทน 3. หว่อง-กาไว - อีนากนั่งรอพี่มากที่ท่าน้ำกับบรรยากาศสุดเหงายามเย็นที่มีแสงไฟจากตะเกียง พร้อมอีนากหยิบยาสูบขึ้นมาสูบ ทุกอย่างมันสโลไปหมด ยกเว้นอีนากคนเดียว 4. ปู่มาร์ตี้ - พี่มากเป็นหัวหน้าแก๊งค์รีดไถ่เงินในพระโขนง มีเพื่อนสนิทอยู่ 4 คน และมีเมียเป็นอีนาก ก่อนที่อีนากจะเล่นชู้กับเพื่อนพี่มากพร้อมกับเป่าหูให้ทุกคนหักหลังกัน และทั้งเรื่องจะเป็นการหักเหลี่ยมกันของแก๊งค์ ที่มีฉากไล่ข้าวโพดเป็นตอนจบ 5. ไมเคิล เบย์ - อีนากไม่ได้ท้องและออกไปรอบกับไอ้มากด้วย พร้อมกับระเบิดภูเขาเผ่ากระท่อมเหมือนเดิม 5.1. ไมเคิล เบย์ -อีนากหนีมาจากดาวเคราะห์ไซเบอร์ตรอนแต่ระบบเสียงเสียพูดไม่ได้ จากนั้นอีนากจะส่งแสงขึ้นฟ้าเป็นรูปสัญลักษณ์ ไอ้มากเห็นจึงเดินทางมายังดาวเคราะห์ที่มีชื่อว่า โลกกกกก !? 6. จอห์น วู - อีนากนั่งรอที่ท่าน้ำจะมีนกพิราบบินแบบสโลโมชั่น ฉากระเบิดที่สงครามไอ้มากไปรบต้องใหญ่ๆไฟและควันพุ่งขึ้นสูงๆ 7. โรเบิร์ต รอดริเกซ - อีนากตาย และกลายเป็นแวมไพร์ ไล่ฆ่าคน 8. พี่เจ้ย - อีนากปลงชีวิต เดินเข้าไปใช้ชีวิตในป่า เดินไปเจอกับธรรมชาติมากมาย ก่อนนางจะเข้าใจชีวิตมากขึ้น 9. เอ็มไนต์ ชายามาลาน - อีนากตายเป็นผี ไอ้มากไม่รู้และไม่มีใครบอก เขาก็เลยอยู่กินกับผี จนพี่มากสังเกตและรู้เองว่าอีนากตายไปนานแล้ว ก่อนอีนากจะบอกว่า มึงก็ตายไปนานแล้วเหมือนกัน.. 10. เวส แอนเดอร์สัน - พระโขนงจะกลายเป็นสีพาสเทล 11. พี่พจน์ อานนท์ - พี่มากเป็นเกย์ และตบกะอีนาก 12. คิมคิ ด็อก - ทั้งเรื่องจะเงียบ และไม่มีบทพูด อีนากจะเงียบและรอคอยพี่มาก แต่ตัวละครรอบข้างจะพูดปกติ 13. เดวิด ฟินเชอร์ - อีนากถูกฆาตกรรม จนไอ้มากต้องออกมาช่วยกันสืบคดี จนสุดท้ายไอ้มากเปิดลังกระดาษแล้วพบกับ!! 14. หม่อมน้อย - ดีเทลทุกอย่างของคลองพระโขนงจะต้องเนี้ยบ เสื้อผ้าต้องเย็บใหม่ให้เหมือนในอดีต 15. ลาร์ส ฟอร์นเทียร์ - นางเอกจะติดเซ็กส์ และต้องการค้นหาตัวเอง 16. เป็นเอก รัตนเรือง - ไม่เน้นผี เน้นตีความ 17. พี่เต๋อ - ตัวละครทุกตัวจะพูดแบบเท่ๆ 18. ทิม เบอร์ตัน - ทุกตัวละครจะขอบตาดำกันหมดแต่งกายด้วยชุดอังกฤษยุคเลเนซองค์ 19. เดอนี วีลเนิฟว์ - ฉากหลังอีนากเป็นยุคไซเบอร์พังค์ 20. จอร์ด มิลเลอร์ - เรื่องราวไม่ได้เกิดในพระโขนง แต่เกิดในทะเลทราย 21. คูบริก นักแสดงนางนากจะถูกกังขังหน่วงเหนี่ยวไว้ จนกว่าจะยืดแขนเองได้ 22. เดวิด ลินซ์ - มึงดูไม่เข้าใจกันหรอก 23. จิบลิ - อีนากตายหลงเข้าไปในมิติวิญญาณ และไปทำงานในซ่องของโลกหลังความตาย 24.ชิออน โซโนะ - อีนากเบื่อการเป็นแม่บ้าน จึงออกไปหาความสำราญจนโดนหลอก.. แต่ติดใจ 25. ชินไค มาโคโตะ - แม่นากจะตามหาพี่มากตลอดไป จะost. ชื่อ 9.8 meter per sec ซึ่งมาจากความเร็วของมะนาวที่แม่นากทำหล่นจากชานบ้าน /เอ้าซู๊ดดดดดด 26. อังลี่ - อีนากคลอดลูกและรอดตาย ไอ้มากกลับมาปลอดภัย จนไอ้มากต้องไปทำงานเลี้ยงแกะบนเขา จนไปพบรักกับชายหนุ่มและทั้งคู่แอบเป็นชู้กัน 27. พอล ดับบิวเอสแอนเดอสัน - แม่นากแสดงโดยเมียตัวเอง ให้แม่นากเก่งที่สุดในโลก มีพลังจิตมองตาพิฆาตสังหาร มีซอมบี้ เอาลูกซองที่ลูกกระสุนเป็นเหรียญลากหัวซอมบี้คมๆ 28. เจมส์ เคเมรอน - สร้างพระโขนงขึ้นมาใหม่ เอาให้เหมือนจริงสุดๆ จนนักแสดงแก่หมดแล้ว หนังก็ยังสร้างไม่เสร็จ.. 29. ฮิโรคาสุ โคเรเอดะ - แม่นากไอ้มาก ลักเด็กที่ถูกทำร้ายจากครอบครัวอีปริกมาเลี้ยงและหลายๆคนในครอบครัวไม่ใช่สายเลือดเดียวกันเพราะอีนากมีลูกไม่ได้ 30. กีเยโมร์ เดลโทโร่ -นางมากและไอ้มากอยู่ในหน่วยพิทักษ์โลเพราะในการขับหุ่นยนต์ยักเยเกอร์ต้องใช้พลขับ 2 คนโดยทั้ง 2 ขับหุ่นยนต์ที่ชื่อ ยิปซี แดนเจอร์ ขับไปไปขับมาเลยได้เสียกันอีนากท้อง จากนั้นจึงตั้งชื่อลูกว่าไอ้แดง 31.โรเบิร์ต เซเมคิส - นางนากต้องเป็นคนที่ไอ้มากปักใจรักมากที่สุดในชีวิต ก่อนนางจะใช้ชีวิตแบบขนนกที่ล่องลอยไปแบบที่นางอยากเป็น ผิดกับไอ้มากที่หลังจากไปรบในสงครามก็ใช้ชีวิตแบบขนนกที่ปลิวไปตามสายลมลมจะหอบไปทางไหนแต่เขาก็ตั้งใจทำมันทุกๆอย่างจนประสบความสำเร็จ สุดท้ายอีนากก็มีลูกชายกับไอ้มากแล้วนางก็ตาย ทำให้ไอ้มากต้องดูแลลูกชายหรือไอ้แดงเพียงคนเดียว ไอ้มากจึงสอนลูกชายเสมอว่า " ความตายเป็นส่วนนึงของชีวิต และ ชีวิตก็เหมือนกล่องช็อคโกแลตเราไม่มีทางรู้ว่ามีรสชาติใดอยู่ข้างในบ้าง.." ที่เหลือก็หาผกก.ที่ชอบคอมเม้นท์มาเองนะ
    0 Comments 0 Shares 299 Views 0 Reviews
  • วันที่ 14 กรกฎาคม หุ่นยนต์รูปร่างน่ารักสวมชุดการ์ตูนปรากฏตัวที่รถไฟใต้ดินสาย 2 เมืองเซินเจิ้น เพื่อทำหน้าที่ส่งสินค้าให้ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ภายในสถานี นี่ถือเป็นครั้งแรกของโลกที่หุ่นยนต์สามารถขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินด้วยตนเองและส่งของถึงปลายทางได้โดยอัตโนมัติ

    หุ่นยนต์ดังกล่าวเดินผ่านชานชาลาพร้อมระบบหลีกเลี่ยงคนโดยอัตโนมัติ ขึ้นรถไฟและไปหยุดตรงตำแหน่งที่กำหนด ก่อนส่งของให้ร้าน 7-Eleven ภายในสถานีอย่างแม่นยำ

    ตัวหุ่นยนต์ถูกควบคุมด้วยระบบ AI ที่ประมวลผลคำสั่งจัดส่งและปรับเส้นทางแบบเรียลไทม์ พร้อมใช้เทคโนโลยีหลอมรวมเซนเซอร์หลากหลายแบบเพื่อให้สามารถนำทางได้ในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนของรถไฟฟ้าใต้ดิน ด้วยเซนเซอร์เลเซอร์ 360 องศา (Lidar) ใช้ในการสร้างแผนที่สถานีรถไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ ช่วยให้หุ่นยนต์ระบุตำแหน่งตัวเองได้อย่างแม่นยำ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000068664

    #Thaitimes #MGROnline #หุ่นยนต์
    วันที่ 14 กรกฎาคม หุ่นยนต์รูปร่างน่ารักสวมชุดการ์ตูนปรากฏตัวที่รถไฟใต้ดินสาย 2 เมืองเซินเจิ้น เพื่อทำหน้าที่ส่งสินค้าให้ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ภายในสถานี นี่ถือเป็นครั้งแรกของโลกที่หุ่นยนต์สามารถขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินด้วยตนเองและส่งของถึงปลายทางได้โดยอัตโนมัติ • หุ่นยนต์ดังกล่าวเดินผ่านชานชาลาพร้อมระบบหลีกเลี่ยงคนโดยอัตโนมัติ ขึ้นรถไฟและไปหยุดตรงตำแหน่งที่กำหนด ก่อนส่งของให้ร้าน 7-Eleven ภายในสถานีอย่างแม่นยำ • ตัวหุ่นยนต์ถูกควบคุมด้วยระบบ AI ที่ประมวลผลคำสั่งจัดส่งและปรับเส้นทางแบบเรียลไทม์ พร้อมใช้เทคโนโลยีหลอมรวมเซนเซอร์หลากหลายแบบเพื่อให้สามารถนำทางได้ในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนของรถไฟฟ้าใต้ดิน ด้วยเซนเซอร์เลเซอร์ 360 องศา (Lidar) ใช้ในการสร้างแผนที่สถานีรถไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ ช่วยให้หุ่นยนต์ระบุตำแหน่งตัวเองได้อย่างแม่นยำ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000068664 • #Thaitimes #MGROnline #หุ่นยนต์
    0 Comments 0 Shares 317 Views 0 Reviews
  • ..จริงๆแล้ว ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ถูกปลูกฝังจากผู้นำผู้ปกครองนำพานำผิดทางผิดที่ผิดถนนหนทาง ปลูกฝังชี้นำในทางที่ผิดคลองผิดลำเรือลู่วิ่ง,เทียบกับคนพายเรือแข่งนั้นล่ะ,ผู้นำปลูกแนวคิด ปลูกสถานะแบบใดแก่ลูกทีมคือประชาชน อันใดจะสามัคคีกระทำการให้เป็นไปทางจรรโลงประชาชนธิปไตยก็ไม่นำพาปกครองอบรมสั่งสอนถึงชุมชนจริงจัง ไม่ช่วยเหลือปากท้องประชาชนให้กินอิ่มมีความสุข มีเวลาตั้งสติคิดอ่านสรรหานายกฯผู้ดีต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง,ต้องเลือกตั้งตรงคือพื้นฐานประชาธิปไตยนะมิใช่แบบปัจจุบันนี้ซึ่งผู้นำเองก็เขียนกฎหมายออกมาทางการเลือกตั้งไม่สุจริตซื่อตรงจริงอะไร,สัมปทานบ่อน้ำมันผู้นำพรรคการเมืองจะยุคยึดอำนาจหรือยุคเลือกตั้งปกติก็ไม่เขียนในกฎหมายรัฐธรรมนูญชัดเจนไปว่า สัมปทานปิโตรเลียมที่เปิดไปทั้งหมดไม่ผ่านสภาสส.สว.ถือว่าผิดประชาธิปไตยการมีส่วนร่วมภาคประชาชนซึ่งน้ำมันคือปัจจัยพื้นฐานสำคัญหลักที่กระทบการดำรงขีวิตจริงของประชาชนทั้งประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อมตลอดเกี่ยวกับชีวิตความอิ่มปากอิ่มท้องทางตรงและทางอ้อมของคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศด้วย เสือกไม่เอาเข้าสภา ทหารฉีกรัฐธรรมนูญเองแท้ๆก็ไม่เขียนชัดเจนลงไปด้วย,นี้จึงเกี่ยวกับผู้ปกครองโดยตรงชัดเจน,ตลอดอ้างแต่คนขายเสียงว่าผิด แต่ไม่อ้างพรรคการเมืองผิดที่ซื้อเสียงด้วย,จริงๆคนไทยรับรู้ชัดเชน ทหารตำรวจผู้ใหญ่บ้านอบต.อบ.ต่างๆรู้เห็นหมดล่ะ,คือข้าราชการเองในสังคมนั้นล่ะขี้ขลาดเอง เลิกงานกลับบ้านก็แปลงร่างถอดหัวโขนตำแหน่งราชการเป็นชาวบ้านประชาชนคนไทยนี้ล่ะปะปนอยู่ร่วมกันในชุมชนสังคมไทยนี้ปกติ,รู้เห็นกันหมดแต่เสือกไม่ทำหน้าที่จริง,ผลักว่าชาวบ้านประชาชนคือคนผิดฝ่ายเดียวไปขายเสียงก็ว่า,ก็ปกครองให้คนไทยยากจนไงจะได้มีบุญคุณแบบนี้เอาตังมาซื้อได้ทั้งผู้นำท้องถิ่นทั้งหมดด้วย,สรุปคือล้มเหลวทั้งระบบนั้นเอง,เน่าถึงรากเหง้าทั้งหมด เปิดโอกาสให้ต่างชาติมาล้มสถาบันผ่านเด็กๆเยาวชนไทยเราก็ว่า,เราจะแก้ตรงนี้ได้ ต้องกำจัดคนทรยศจริง จะปกครองแบบไหนอีกก็ด้วย,เอาเผด็จการหรือเสรีประชาชน,ยุคนี้ประชาชนมืดบอดโง่,ตกหลุมปีนไม่ขึ้นอะไรแล้ว,ต้องช่วยเหลือสถานะเดียวแค่นั้น ไปวิชาการสั่งสอนเขาคาหลุมที่ตกว่าต้องทำแบบนั้นแบบนี้ในหลุมไม่ได้หรอก,ต้องเอามีดไปปาดเชือกที่มัดมือมัดตีนปิดปากก่อน จากนั้นส่งบันไดลงไปให้เขาปีนออกมาจากหลุม,เชือกคือกฎหมายมากมายที่ผูกอิสระภาพอธิปไตยประชาชน,บันไดคือทางรอดของชีวิตอิ่มปากอิ่มท้องมีกำลังจนปีนออกมาจากหลุมเบื้องต้นก่อนได้ในภัยพิบัตินั้น,โดยไม่ได้ทำร้ายใดๆประชาชนเลย,สรุปยึดอำนาจยึดทรัพยากรเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของคนไทยเราคืนทันทีจากต่างชาติจากคนอื่นที่ยึดเอาของคนไทยไปกินแดกเองจนอิ่มแทนคนไทยทั้งประเทศนั้นเองก่อน,ทุกๆทางไปจะก้าวเดินต่อไปแบบใดๆล้วนง่ายสบายหลังเราออกจากหลุมนั้นแล้ว,อำนาจปฏิวัติยึดอำนาจจึงสามารถใช้ในทางที่ถูกแบบนี้,ตลอดสามารถชัดเจนในการปกป้องอธิปไตยไทยได้โดดเด่นได้ด้วยว่าจะเป็นกลาง ไม่ให้อเมริกาและจีนมาดึงไทยไปอยู่ในมหาสงครามของทั้งสองประเทศอเมริกาและจีนด้วยนั้นเอง,ไม่ให้ใครมาใช้ฐานทัพในไทยนั้นเอง,รัฐบาลปัจจุบันที่เป็นรักษาการนี้ถ้าให้อเมริกามาตั้งกองทัพในพังงาจริง,จะทำให้จีนเข้าใจทันทีว่าเป็นภัยร้ายแรงต่อจีน จะถล่มไทยแบบไร้ความปราณีใดๆแน่นอน,ขีปนาวุธจากพันธมิตรจีนสมุนลูกน้องจีนคนชาติฝ่ายจีนจะหันวิถีขีปนาวุธมาตกทุกๆตารางนิ้วในไทยได้ทันทีเลยหากเกิดสงครามจริงระหว่างอเมริกากับจีน,แม้ไม่เกิดสงครามกับจีน การที่กองทัพอเมริกามายึดพื้นที่อธิปไตยในพังงาของไทยเราก็สามารถยึดครองยุทธศาสตร์ทำตังระดับโลกของไทยเราทันที กางคืออเมริกามาขวางความเจริญเติบโตมากมายหลากหลายมิติของไทยทันที เกะกะหน้าร้านเรานั้นเอง ลูกค้าเรามาเต็มหน้าร้านเสือกมายืนบังหน้าร้านเราไปหมด,มิตรดีสหายดีจะไม่ทำให้เราเสียโอกาสทำตังเลี้ยงคนในบ้านเราเองแบบนี้,ฝรั่งอเมริกาจึงถือว่าเลวว่าชั่วเอาแต่ได้และเห็นแก่ตัว ทำอะไรพวกฝรั่งมันสมคบคิดจัดฉากเล่นคนบทเพื่อกินรวบทั้งหมดแล้วไปแบ่งกันตกลงกันในบ้านฝรั่งมันเองนั้นล่ะ,เอเชียเราอาจสมควรเป็นเขตปลอดฝรั่งตะวันตกแบบยุโรปยิวและยิวอเมริกาตะวันตกชั่วคราวสัก20-30ปีได้แล้ว,พวกนี้ยุยงภัยก่อสงครามเพื่อค้าอาวุธชัดเจนแบบก่อเชื้อโรคเพื่อค้าวัคซีนนั้นก็ด้วย.,เราคนเอเชียจะจัดการกันเองเพราะมิใช่ยุคแบบอดีตเหมือนเดิมแล้ว,ชาวเอเชียต้องการความสงบสุขอิ่มปากอิ่มท้องบนการไม่ก้าวล่วงกัน ไใ่ทำร้ายทำลายกัน ไม่เอาเปรียบคตโกงลักขโมยกัน ไม่ฆ่ากันและกันนั้นเอง,สัมมาชีวิตสัมมาอาชีพทั่วเอเชียเรานี้ก็ว่า,อะไรไม่ดี ตั้งโต๊ะเจรจาการแก้ไขปัญหากันในเอเชียเราเลย,ฝรั่งตะวันตกชั่วเลวตั้งแต่ล่าอาณานิคมแล้ว และนิสัยสันดานเดิมๆไม่ยอมเปลี่ยน.เราทั้งเอเชียกำลังเป็นเหยื่อปั่นป่วนกระแสสงคราม,สร้างโกลาหลให้บรรลุงานทางสงครามแก่มันสำเร็จก็ว่า,จากนั้นจะยึดปกครองสร้างระเบียบปกครองโลกของพวกมันใหม่เบ็ดเสร็จแทนนั้นเอง.
    ..
    ..ประเทศไทยเรา เลิกพลาด เลิกเดินตามเกมส์ผีบ้านี้เถอะ,รักษาการนายกฯนายกฯรัฐบาลรักษาการสมควรจบสิ้นอำนาจทั้งหมดทั้งสภาได้แล้ว,ระบบสส.สว.เราล้มเหลวแล้ว,ผญบ.อบต.อบจ.นายอำเภอ ผู้ว่าก็ล้มเหลวเช่นกัน,เรามีการใช้เงินที่นำโดยพรรคการเมืองซื้อเสียงจริงแก่ประขาชน คนเหล่านี้อยู่ในชุมชนสังคมและรู้ความจริงอีกด้านชัดเจนมาโดยตลอด,ถือว่าไม่ร่วมกันจัดการพรรคการเมืองซื้อเสียงจริงอะไรเลย,ผู้ใหญ่บ้าน อสม. อบต. นายก อบต. ,นายก อบจ. นายอำเภอ ข้าราชการในสำนักงานอำเภอเทศบาลต่างๆรับรู้กันดีหมดแต่ ขนาดผู้ว่า ตำรวจในพื้นที่ ทหารในจังหวัดนั่น ยังไม่ร่วมกันจัดการพรรคการเมือง สส.อะไรได้จริงเลยก็ว่า ,มันจึงคือการปกครองที่ล้มเหลวชัดเจน ชาวบ้านคือเหยื่อให้ระบบราชการเล่นงานประชาชน ให้ระบบนักการเมืองเล่นงานประชาชน จนมีแก่การคตโกง โกงกินเงินแผ่นดินไทยที่กระจายลงไปในรูปงบประมาณประจำปีนั้นเอง มีเงินเดือนมีตำแหน่งมีสวัดิการมากมายเหนือชาวบ้านประชาชนคนไทย,นี้คือค่าจริง,มันจึงต้องปฏิวัติทั้งระบบข้าราชการและเจ้าสัวคนค้าขายทัังหมดที่ผูกขาดเอาเปรียบปล้นความมั่งคั่งร่ำรวยประชาชนคนไทยไปนั้นเองก็ว่าอย่างจริงจังจริงๆ.,
    ..เมื่อความจริงอยู่หน้าประชาชนรับรู้ตรงกัน เข้าใจค่าจริงความจริงตรงกัน พวกสามนิ้วจะไม่เกิด,เยาวชนจะไม่ตกเป็นเหยื่อต่างชาติหรือพรรคการเมืองในไทยที่ต่างชาติใช้เป็นเครื่องมือยึดครองครอบงำประโยชน์แทรกแซงเป็นสาระพัดมือสร้างปัญหาวุ่นวายโกลาหลในไทยเราแน่นอน จะถูกกำจัดตัดตอนและถูกลงโทษจริงจังทันที.
    ..
    ..อำนาจปกติในปัจจุบัน ไม่สามารถแก้ไขได้ เสมือนทางเดินปกติที่มีหลุมใหญ่ตรงหน้าอาจลึกและกว้างยาวหลายเมตร จะเดินขึ้นด้วยสถานะกิริยาปกติเดินขึ้นปกติคงไม่ใช่แล้วที่ไปอยู่ไปตกลงอีท่าไหนมิทราบและตกลงไปตอนไหนอย่างไรไม่รู้ตัวนั้นเองเหมือนคนโง่เต็มแผ่นดินไทยที่ตกหลุมนี้ก็ว่า,จะใช้วิธีการปกติไม่ได้,มันต้องวิธีพิเศษวิธีฉุกเฉินตามสถานะการณ์ปัจจุบันยุคเวลานี้สมัยนี้จริงๆ,นายกฯก็ไม่มี รักษาการแค่นั้น ปล่อยมาถึงขนาดนี้ก็อนาถเหมือนหลายปีแล้วก็ว่า.,เพราะยุคสมัยนี้เคลมเร็วจบเร็ว,แบบอิหร่านกับอิสราเอลนั้นล่ะ ยิงกันระเบิดกันแค่12วันเอง ถ้าอดีตคงเดินเท้าจับมีดจับหอกจับดาบฟันกันแค่นั้นล่ะ เผาบ้านเผาเมืองใช้ไฟปกติทุบทำลายกันแค่นั้นล่ะ,นี้ยิงขีปนาวุธข้ามหัวใส่กันไปมาเอง,ความเสียหายรวดเร็วทวีเท่าก็ยุคอดีตๆมาก,การบริหารจัดการจึงต้องรวดเร็วเพราะคนไทยเราไม่ได้ร่ำรวยกันทุกๆคน ไม่ได้มีตังมากมายกันทุกๆคน,ไม่มีอาหารอยู่เต็มไร่เต็มนาเต็มสระเต็มหนองเต็มบ่อกันทุกๆคน เพราะผู้นำผู้ปกครองเราไม่สร้างพื้นฐานหลักปากท้องตนให้แข็งแกร่งนั้นเองทั้งจุดแข็งประเทศตนคือความมั่นคงทางอาหารทางปากทางท้อง สงครามกองทัพต้องมีเสบียงมีปากมีท้องจึงมีกำลังต่อสู้รบ,นอกจากยุคหุ่นยนต์สู่กันเองของใครแต่ละฝ่ายบังคับAIมันเอง.,ถ้าเรามีพื้นฐานแข็งแกร่งดั่งที่ว่า จะยิ่งสุขุมรอบรอบมีสติมีแผนการรับมือสาระพัดหลากหลายรูปแบบแน่นอนคือมาแบบไหนก็รอด เพราะอาหารมีกิน มีตังร่ำรวย หายุทธปัจจัยเชิงกลยุทธใดๆได้หมดล่ะ,เราจึงต้องเปลี่ยนแปลงภายในประเทศไทยเราอย่างจริงจังกันจริงๆ.,คนชั่วเลวขยายตัวในระบบมากเกินไป,หัวๆใหญ่ๆไม่เคยเด็ดหัวทิ้งจริงสักตัวในสังคมไทยเรา.จึงชาติไทยบ้านเมืองไทยไม่จบไม่สิ้นวุ่นวายไม่หยุด.,กระทั่งนำพาข้าศึกศัตรูจากภายนอกมาทำลายล้างบ้านเรือนอธิปไตยตนเอง,เพราะเหี้ยไม่กำจัดตัดตอนทิ้งจริงตั้งแต่แรก ปล่อยจนก่อเรื่องมากมายสาระพัดเดือดร้อนทั้งประเทศนั้นเอง.



    https://youtube.com/watch?v=YbgW7pPysK4&si=zmoT_WaLsjUJiFZC
    ..จริงๆแล้ว ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ถูกปลูกฝังจากผู้นำผู้ปกครองนำพานำผิดทางผิดที่ผิดถนนหนทาง ปลูกฝังชี้นำในทางที่ผิดคลองผิดลำเรือลู่วิ่ง,เทียบกับคนพายเรือแข่งนั้นล่ะ,ผู้นำปลูกแนวคิด ปลูกสถานะแบบใดแก่ลูกทีมคือประชาชน อันใดจะสามัคคีกระทำการให้เป็นไปทางจรรโลงประชาชนธิปไตยก็ไม่นำพาปกครองอบรมสั่งสอนถึงชุมชนจริงจัง ไม่ช่วยเหลือปากท้องประชาชนให้กินอิ่มมีความสุข มีเวลาตั้งสติคิดอ่านสรรหานายกฯผู้ดีต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง,ต้องเลือกตั้งตรงคือพื้นฐานประชาธิปไตยนะมิใช่แบบปัจจุบันนี้ซึ่งผู้นำเองก็เขียนกฎหมายออกมาทางการเลือกตั้งไม่สุจริตซื่อตรงจริงอะไร,สัมปทานบ่อน้ำมันผู้นำพรรคการเมืองจะยุคยึดอำนาจหรือยุคเลือกตั้งปกติก็ไม่เขียนในกฎหมายรัฐธรรมนูญชัดเจนไปว่า สัมปทานปิโตรเลียมที่เปิดไปทั้งหมดไม่ผ่านสภาสส.สว.ถือว่าผิดประชาธิปไตยการมีส่วนร่วมภาคประชาชนซึ่งน้ำมันคือปัจจัยพื้นฐานสำคัญหลักที่กระทบการดำรงขีวิตจริงของประชาชนทั้งประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อมตลอดเกี่ยวกับชีวิตความอิ่มปากอิ่มท้องทางตรงและทางอ้อมของคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศด้วย เสือกไม่เอาเข้าสภา ทหารฉีกรัฐธรรมนูญเองแท้ๆก็ไม่เขียนชัดเจนลงไปด้วย,นี้จึงเกี่ยวกับผู้ปกครองโดยตรงชัดเจน,ตลอดอ้างแต่คนขายเสียงว่าผิด แต่ไม่อ้างพรรคการเมืองผิดที่ซื้อเสียงด้วย,จริงๆคนไทยรับรู้ชัดเชน ทหารตำรวจผู้ใหญ่บ้านอบต.อบ.ต่างๆรู้เห็นหมดล่ะ,คือข้าราชการเองในสังคมนั้นล่ะขี้ขลาดเอง เลิกงานกลับบ้านก็แปลงร่างถอดหัวโขนตำแหน่งราชการเป็นชาวบ้านประชาชนคนไทยนี้ล่ะปะปนอยู่ร่วมกันในชุมชนสังคมไทยนี้ปกติ,รู้เห็นกันหมดแต่เสือกไม่ทำหน้าที่จริง,ผลักว่าชาวบ้านประชาชนคือคนผิดฝ่ายเดียวไปขายเสียงก็ว่า,ก็ปกครองให้คนไทยยากจนไงจะได้มีบุญคุณแบบนี้เอาตังมาซื้อได้ทั้งผู้นำท้องถิ่นทั้งหมดด้วย,สรุปคือล้มเหลวทั้งระบบนั้นเอง,เน่าถึงรากเหง้าทั้งหมด เปิดโอกาสให้ต่างชาติมาล้มสถาบันผ่านเด็กๆเยาวชนไทยเราก็ว่า,เราจะแก้ตรงนี้ได้ ต้องกำจัดคนทรยศจริง จะปกครองแบบไหนอีกก็ด้วย,เอาเผด็จการหรือเสรีประชาชน,ยุคนี้ประชาชนมืดบอดโง่,ตกหลุมปีนไม่ขึ้นอะไรแล้ว,ต้องช่วยเหลือสถานะเดียวแค่นั้น ไปวิชาการสั่งสอนเขาคาหลุมที่ตกว่าต้องทำแบบนั้นแบบนี้ในหลุมไม่ได้หรอก,ต้องเอามีดไปปาดเชือกที่มัดมือมัดตีนปิดปากก่อน จากนั้นส่งบันไดลงไปให้เขาปีนออกมาจากหลุม,เชือกคือกฎหมายมากมายที่ผูกอิสระภาพอธิปไตยประชาชน,บันไดคือทางรอดของชีวิตอิ่มปากอิ่มท้องมีกำลังจนปีนออกมาจากหลุมเบื้องต้นก่อนได้ในภัยพิบัตินั้น,โดยไม่ได้ทำร้ายใดๆประชาชนเลย,สรุปยึดอำนาจยึดทรัพยากรเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของคนไทยเราคืนทันทีจากต่างชาติจากคนอื่นที่ยึดเอาของคนไทยไปกินแดกเองจนอิ่มแทนคนไทยทั้งประเทศนั้นเองก่อน,ทุกๆทางไปจะก้าวเดินต่อไปแบบใดๆล้วนง่ายสบายหลังเราออกจากหลุมนั้นแล้ว,อำนาจปฏิวัติยึดอำนาจจึงสามารถใช้ในทางที่ถูกแบบนี้,ตลอดสามารถชัดเจนในการปกป้องอธิปไตยไทยได้โดดเด่นได้ด้วยว่าจะเป็นกลาง ไม่ให้อเมริกาและจีนมาดึงไทยไปอยู่ในมหาสงครามของทั้งสองประเทศอเมริกาและจีนด้วยนั้นเอง,ไม่ให้ใครมาใช้ฐานทัพในไทยนั้นเอง,รัฐบาลปัจจุบันที่เป็นรักษาการนี้ถ้าให้อเมริกามาตั้งกองทัพในพังงาจริง,จะทำให้จีนเข้าใจทันทีว่าเป็นภัยร้ายแรงต่อจีน จะถล่มไทยแบบไร้ความปราณีใดๆแน่นอน,ขีปนาวุธจากพันธมิตรจีนสมุนลูกน้องจีนคนชาติฝ่ายจีนจะหันวิถีขีปนาวุธมาตกทุกๆตารางนิ้วในไทยได้ทันทีเลยหากเกิดสงครามจริงระหว่างอเมริกากับจีน,แม้ไม่เกิดสงครามกับจีน การที่กองทัพอเมริกามายึดพื้นที่อธิปไตยในพังงาของไทยเราก็สามารถยึดครองยุทธศาสตร์ทำตังระดับโลกของไทยเราทันที กางคืออเมริกามาขวางความเจริญเติบโตมากมายหลากหลายมิติของไทยทันที เกะกะหน้าร้านเรานั้นเอง ลูกค้าเรามาเต็มหน้าร้านเสือกมายืนบังหน้าร้านเราไปหมด,มิตรดีสหายดีจะไม่ทำให้เราเสียโอกาสทำตังเลี้ยงคนในบ้านเราเองแบบนี้,ฝรั่งอเมริกาจึงถือว่าเลวว่าชั่วเอาแต่ได้และเห็นแก่ตัว ทำอะไรพวกฝรั่งมันสมคบคิดจัดฉากเล่นคนบทเพื่อกินรวบทั้งหมดแล้วไปแบ่งกันตกลงกันในบ้านฝรั่งมันเองนั้นล่ะ,เอเชียเราอาจสมควรเป็นเขตปลอดฝรั่งตะวันตกแบบยุโรปยิวและยิวอเมริกาตะวันตกชั่วคราวสัก20-30ปีได้แล้ว,พวกนี้ยุยงภัยก่อสงครามเพื่อค้าอาวุธชัดเจนแบบก่อเชื้อโรคเพื่อค้าวัคซีนนั้นก็ด้วย.,เราคนเอเชียจะจัดการกันเองเพราะมิใช่ยุคแบบอดีตเหมือนเดิมแล้ว,ชาวเอเชียต้องการความสงบสุขอิ่มปากอิ่มท้องบนการไม่ก้าวล่วงกัน ไใ่ทำร้ายทำลายกัน ไม่เอาเปรียบคตโกงลักขโมยกัน ไม่ฆ่ากันและกันนั้นเอง,สัมมาชีวิตสัมมาอาชีพทั่วเอเชียเรานี้ก็ว่า,อะไรไม่ดี ตั้งโต๊ะเจรจาการแก้ไขปัญหากันในเอเชียเราเลย,ฝรั่งตะวันตกชั่วเลวตั้งแต่ล่าอาณานิคมแล้ว และนิสัยสันดานเดิมๆไม่ยอมเปลี่ยน.เราทั้งเอเชียกำลังเป็นเหยื่อปั่นป่วนกระแสสงคราม,สร้างโกลาหลให้บรรลุงานทางสงครามแก่มันสำเร็จก็ว่า,จากนั้นจะยึดปกครองสร้างระเบียบปกครองโลกของพวกมันใหม่เบ็ดเสร็จแทนนั้นเอง. .. ..ประเทศไทยเรา เลิกพลาด เลิกเดินตามเกมส์ผีบ้านี้เถอะ,รักษาการนายกฯนายกฯรัฐบาลรักษาการสมควรจบสิ้นอำนาจทั้งหมดทั้งสภาได้แล้ว,ระบบสส.สว.เราล้มเหลวแล้ว,ผญบ.อบต.อบจ.นายอำเภอ ผู้ว่าก็ล้มเหลวเช่นกัน,เรามีการใช้เงินที่นำโดยพรรคการเมืองซื้อเสียงจริงแก่ประขาชน คนเหล่านี้อยู่ในชุมชนสังคมและรู้ความจริงอีกด้านชัดเจนมาโดยตลอด,ถือว่าไม่ร่วมกันจัดการพรรคการเมืองซื้อเสียงจริงอะไรเลย,ผู้ใหญ่บ้าน อสม. อบต. นายก อบต. ,นายก อบจ. นายอำเภอ ข้าราชการในสำนักงานอำเภอเทศบาลต่างๆรับรู้กันดีหมดแต่ ขนาดผู้ว่า ตำรวจในพื้นที่ ทหารในจังหวัดนั่น ยังไม่ร่วมกันจัดการพรรคการเมือง สส.อะไรได้จริงเลยก็ว่า ,มันจึงคือการปกครองที่ล้มเหลวชัดเจน ชาวบ้านคือเหยื่อให้ระบบราชการเล่นงานประชาชน ให้ระบบนักการเมืองเล่นงานประชาชน จนมีแก่การคตโกง โกงกินเงินแผ่นดินไทยที่กระจายลงไปในรูปงบประมาณประจำปีนั้นเอง มีเงินเดือนมีตำแหน่งมีสวัดิการมากมายเหนือชาวบ้านประชาชนคนไทย,นี้คือค่าจริง,มันจึงต้องปฏิวัติทั้งระบบข้าราชการและเจ้าสัวคนค้าขายทัังหมดที่ผูกขาดเอาเปรียบปล้นความมั่งคั่งร่ำรวยประชาชนคนไทยไปนั้นเองก็ว่าอย่างจริงจังจริงๆ., ..เมื่อความจริงอยู่หน้าประชาชนรับรู้ตรงกัน เข้าใจค่าจริงความจริงตรงกัน พวกสามนิ้วจะไม่เกิด,เยาวชนจะไม่ตกเป็นเหยื่อต่างชาติหรือพรรคการเมืองในไทยที่ต่างชาติใช้เป็นเครื่องมือยึดครองครอบงำประโยชน์แทรกแซงเป็นสาระพัดมือสร้างปัญหาวุ่นวายโกลาหลในไทยเราแน่นอน จะถูกกำจัดตัดตอนและถูกลงโทษจริงจังทันที. .. ..อำนาจปกติในปัจจุบัน ไม่สามารถแก้ไขได้ เสมือนทางเดินปกติที่มีหลุมใหญ่ตรงหน้าอาจลึกและกว้างยาวหลายเมตร จะเดินขึ้นด้วยสถานะกิริยาปกติเดินขึ้นปกติคงไม่ใช่แล้วที่ไปอยู่ไปตกลงอีท่าไหนมิทราบและตกลงไปตอนไหนอย่างไรไม่รู้ตัวนั้นเองเหมือนคนโง่เต็มแผ่นดินไทยที่ตกหลุมนี้ก็ว่า,จะใช้วิธีการปกติไม่ได้,มันต้องวิธีพิเศษวิธีฉุกเฉินตามสถานะการณ์ปัจจุบันยุคเวลานี้สมัยนี้จริงๆ,นายกฯก็ไม่มี รักษาการแค่นั้น ปล่อยมาถึงขนาดนี้ก็อนาถเหมือนหลายปีแล้วก็ว่า.,เพราะยุคสมัยนี้เคลมเร็วจบเร็ว,แบบอิหร่านกับอิสราเอลนั้นล่ะ ยิงกันระเบิดกันแค่12วันเอง ถ้าอดีตคงเดินเท้าจับมีดจับหอกจับดาบฟันกันแค่นั้นล่ะ เผาบ้านเผาเมืองใช้ไฟปกติทุบทำลายกันแค่นั้นล่ะ,นี้ยิงขีปนาวุธข้ามหัวใส่กันไปมาเอง,ความเสียหายรวดเร็วทวีเท่าก็ยุคอดีตๆมาก,การบริหารจัดการจึงต้องรวดเร็วเพราะคนไทยเราไม่ได้ร่ำรวยกันทุกๆคน ไม่ได้มีตังมากมายกันทุกๆคน,ไม่มีอาหารอยู่เต็มไร่เต็มนาเต็มสระเต็มหนองเต็มบ่อกันทุกๆคน เพราะผู้นำผู้ปกครองเราไม่สร้างพื้นฐานหลักปากท้องตนให้แข็งแกร่งนั้นเองทั้งจุดแข็งประเทศตนคือความมั่นคงทางอาหารทางปากทางท้อง สงครามกองทัพต้องมีเสบียงมีปากมีท้องจึงมีกำลังต่อสู้รบ,นอกจากยุคหุ่นยนต์สู่กันเองของใครแต่ละฝ่ายบังคับAIมันเอง.,ถ้าเรามีพื้นฐานแข็งแกร่งดั่งที่ว่า จะยิ่งสุขุมรอบรอบมีสติมีแผนการรับมือสาระพัดหลากหลายรูปแบบแน่นอนคือมาแบบไหนก็รอด เพราะอาหารมีกิน มีตังร่ำรวย หายุทธปัจจัยเชิงกลยุทธใดๆได้หมดล่ะ,เราจึงต้องเปลี่ยนแปลงภายในประเทศไทยเราอย่างจริงจังกันจริงๆ.,คนชั่วเลวขยายตัวในระบบมากเกินไป,หัวๆใหญ่ๆไม่เคยเด็ดหัวทิ้งจริงสักตัวในสังคมไทยเรา.จึงชาติไทยบ้านเมืองไทยไม่จบไม่สิ้นวุ่นวายไม่หยุด.,กระทั่งนำพาข้าศึกศัตรูจากภายนอกมาทำลายล้างบ้านเรือนอธิปไตยตนเอง,เพราะเหี้ยไม่กำจัดตัดตอนทิ้งจริงตั้งแต่แรก ปล่อยจนก่อเรื่องมากมายสาระพัดเดือดร้อนทั้งประเทศนั้นเอง. https://youtube.com/watch?v=YbgW7pPysK4&si=zmoT_WaLsjUJiFZC
    0 Comments 0 Shares 722 Views 0 Reviews
  • LG Electronics เตรียมผลิตเครื่อง Hybrid Bonding – ปูทางสู่ยุค HBM4 และ AI ระดับโลก

    LG Electronics ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าและโซลูชัน B2B เช่น HVAC และหุ่นยนต์ กำลังขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ โดยพัฒนาเครื่อง Hybrid Bonding สำหรับการประกอบหน่วยความจำ HBM (High Bandwidth Memory) รุ่นใหม่

    Hybrid Bonding คือเทคนิคการเชื่อมต่อชั้น wafer โดยไม่ใช้การบัดกรีแบบเดิม แต่ใช้การกดแผ่นทองแดงที่ถูกขัดเรียบระดับนาโนเข้าด้วยกันที่อุณหภูมิห้อง ทำให้ได้การเชื่อมต่อที่บางกว่า เย็นกว่า และเร็วกว่าแบบ Thermal Compression Bonding

    เทคโนโลยีนี้จำเป็นสำหรับการผลิต HBM4 และ HBM4E ที่มีการซ้อนชั้น DRAM มากกว่า 12 ชั้น ซึ่งวิธีเดิมไม่สามารถรองรับได้อีกต่อไป

    LG ตั้งเป้าส่งมอบเครื่องผลิตจริงภายในปี 2028 โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัย Seoul National University และเปิดรับนักวิจัยระดับปริญญาเอกจำนวนมากเพื่อเร่งการพัฒนา

    ปัจจุบันมีเพียงบริษัท BESI (เนเธอร์แลนด์) และ Applied Materials (สหรัฐฯ) ที่ผลิตเครื่อง Hybrid Bonding เชิงพาณิชย์ แต่ยังไม่มีฐานในเกาหลีใต้ ทำให้ LG มีโอกาสเป็นผู้เล่นรายแรกในประเทศ

    หาก LG ทำสำเร็จตามแผน เครื่องรุ่นแรกอาจพร้อมใช้งานทันกับการผลิต HBM4E ของ SK hynix และการเปิดสายผลิต HBM4 ของ Samsung ในปี 2028

    ข้อมูลจากข่าว
    - LG Electronics พัฒนาเครื่อง Hybrid Bonding สำหรับการผลิต HBM รุ่นใหม่
    - Hybrid Bonding ใช้การกดแผ่นทองแดงเรียบเข้าด้วยกันที่อุณหภูมิห้อง
    - ให้ผลลัพธ์ที่บางกว่า เย็นกว่า และเร็วกว่า Thermal Compression Bonding
    - จำเป็นสำหรับการผลิต HBM4 และ HBM4E ที่ซ้อนชั้น DRAM มากกว่า 12 ชั้น
    - LG ตั้งเป้าส่งมอบเครื่องผลิตจริงภายในปี 2028
    - ร่วมมือกับ Seoul National University และรับนักวิจัยระดับ PhD
    - ปัจจุบันมีเพียง BESI และ Applied Materials ที่ผลิตเครื่องแบบนี้เชิงพาณิชย์
    - LG อาจเป็นผู้ผลิตรายแรกในเกาหลีใต้ที่เข้าสู่ตลาดนี้
    - เครื่องรุ่นแรกอาจพร้อมใช้งานทันกับการผลิต HBM4E ของ SK hynix และ Samsung

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - LG ยังอยู่ในขั้นพัฒนาเบื้องต้น ต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะผลิตเชิงพาณิชย์
    - การแข่งขันกับบริษัทต่างชาติที่มีประสบการณ์สูงอาจเป็นความท้าทาย
    - หากไม่สามารถพัฒนาเครื่องให้ตรงตามมาตรฐานอุตสาหกรรม อาจเสียโอกาสทางธุรกิจ
    - การพึ่งพาเทคโนโลยีใหม่ต้องมีการทดสอบความเสถียรและความแม่นยำอย่างเข้มงวด
    - ตลาดอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์มีความผันผวนสูง ต้องมีแผนธุรกิจที่ยืดหยุ่น

    https://www.techpowerup.com/338913/lg-electronics-to-enter-semiconductor-equipment-market-with-hybrid-bonding
    LG Electronics เตรียมผลิตเครื่อง Hybrid Bonding – ปูทางสู่ยุค HBM4 และ AI ระดับโลก LG Electronics ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าและโซลูชัน B2B เช่น HVAC และหุ่นยนต์ กำลังขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ โดยพัฒนาเครื่อง Hybrid Bonding สำหรับการประกอบหน่วยความจำ HBM (High Bandwidth Memory) รุ่นใหม่ Hybrid Bonding คือเทคนิคการเชื่อมต่อชั้น wafer โดยไม่ใช้การบัดกรีแบบเดิม แต่ใช้การกดแผ่นทองแดงที่ถูกขัดเรียบระดับนาโนเข้าด้วยกันที่อุณหภูมิห้อง ทำให้ได้การเชื่อมต่อที่บางกว่า เย็นกว่า และเร็วกว่าแบบ Thermal Compression Bonding เทคโนโลยีนี้จำเป็นสำหรับการผลิต HBM4 และ HBM4E ที่มีการซ้อนชั้น DRAM มากกว่า 12 ชั้น ซึ่งวิธีเดิมไม่สามารถรองรับได้อีกต่อไป LG ตั้งเป้าส่งมอบเครื่องผลิตจริงภายในปี 2028 โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัย Seoul National University และเปิดรับนักวิจัยระดับปริญญาเอกจำนวนมากเพื่อเร่งการพัฒนา ปัจจุบันมีเพียงบริษัท BESI (เนเธอร์แลนด์) และ Applied Materials (สหรัฐฯ) ที่ผลิตเครื่อง Hybrid Bonding เชิงพาณิชย์ แต่ยังไม่มีฐานในเกาหลีใต้ ทำให้ LG มีโอกาสเป็นผู้เล่นรายแรกในประเทศ หาก LG ทำสำเร็จตามแผน เครื่องรุ่นแรกอาจพร้อมใช้งานทันกับการผลิต HBM4E ของ SK hynix และการเปิดสายผลิต HBM4 ของ Samsung ในปี 2028 ✅ ข้อมูลจากข่าว - LG Electronics พัฒนาเครื่อง Hybrid Bonding สำหรับการผลิต HBM รุ่นใหม่ - Hybrid Bonding ใช้การกดแผ่นทองแดงเรียบเข้าด้วยกันที่อุณหภูมิห้อง - ให้ผลลัพธ์ที่บางกว่า เย็นกว่า และเร็วกว่า Thermal Compression Bonding - จำเป็นสำหรับการผลิต HBM4 และ HBM4E ที่ซ้อนชั้น DRAM มากกว่า 12 ชั้น - LG ตั้งเป้าส่งมอบเครื่องผลิตจริงภายในปี 2028 - ร่วมมือกับ Seoul National University และรับนักวิจัยระดับ PhD - ปัจจุบันมีเพียง BESI และ Applied Materials ที่ผลิตเครื่องแบบนี้เชิงพาณิชย์ - LG อาจเป็นผู้ผลิตรายแรกในเกาหลีใต้ที่เข้าสู่ตลาดนี้ - เครื่องรุ่นแรกอาจพร้อมใช้งานทันกับการผลิต HBM4E ของ SK hynix และ Samsung ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - LG ยังอยู่ในขั้นพัฒนาเบื้องต้น ต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะผลิตเชิงพาณิชย์ - การแข่งขันกับบริษัทต่างชาติที่มีประสบการณ์สูงอาจเป็นความท้าทาย - หากไม่สามารถพัฒนาเครื่องให้ตรงตามมาตรฐานอุตสาหกรรม อาจเสียโอกาสทางธุรกิจ - การพึ่งพาเทคโนโลยีใหม่ต้องมีการทดสอบความเสถียรและความแม่นยำอย่างเข้มงวด - ตลาดอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์มีความผันผวนสูง ต้องมีแผนธุรกิจที่ยืดหยุ่น https://www.techpowerup.com/338913/lg-electronics-to-enter-semiconductor-equipment-market-with-hybrid-bonding
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    LG Electronics to Enter Semiconductor Equipment Market with Hybrid Bonding
    LG Electronics has quietly launched a plan to become a semiconductor equipment maker. Its Production Technology Research Institute has begun developing a hybrid bonding machine tailored for next-generation high bandwidth memory (HBM), with an internal goal of shipping production units by 2028. Hybri...
    0 Comments 0 Shares 321 Views 0 Reviews
  • HoloMem ริบบิ้นฮอโลกราฟิก – เก็บข้อมูล 200TB นาน 50 ปี ใช้พลังงานเป็นศูนย์

    HoloMem เปิดตัวเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบใหม่ที่ใช้ริบบิ้นโพลีเมอร์บางเพียง 120 ไมครอน ซึ่งสามารถเขียนข้อมูลแบบฮอโลกราฟิกได้หลายชั้นในรูปแบบ WORM (Write Once, Read Many) โดยใช้เลเซอร์ไดโอดราคาถูกเพียง $5 เป็นหัวอ่าน/เขียน

    จุดเด่นของ HoloMem:
    - ความจุสูงถึง 200TB ต่อแผ่น (มากกว่า LTO-10 ถึง 11 เท่า)
    - อายุการใช้งาน 50 ปี (มากกว่าเทปแม่เหล็กถึง 10 เท่า)
    - ใช้พลังงานเป็นศูนย์เมื่อเก็บข้อมูลไว้เฉย ๆ
    - ขนาดแผ่นเท่ากับ LTO สามารถใช้กับหุ่นยนต์จัดการเทปเดิมได้ทันที
    - ใช้ชิ้นส่วนราคาถูกและผลิตง่าย เช่น โพลีเมอร์ไวแสงหนา 16 ไมครอน
    - ความยาวริบบิ้นเพียง 100 เมตร (เทียบกับเทปแม่เหล็กที่ยาว 1,000 เมตร)

    HoloMem ยังออกแบบให้สามารถติดตั้งร่วมกับระบบจัดเก็บข้อมูลเดิมได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์มากนัก ลดแรงเสียดทานในการเปลี่ยนผ่าน และได้รับการสนับสนุนจาก Intel Ignite และ Innovate UK

    แม้ยังไม่มีวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ TechRe Consultants ในสหราชอาณาจักรจะเริ่มทดลองใช้งานจริงในศูนย์ข้อมูลเพื่อทดสอบความทนทานและประสิทธิภาพ

    ข้อมูลจากข่าว
    - HoloMem พัฒนาเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบฮอโลกราฟิกบนริบบิ้นโพลีเมอร์
    - ความจุสูงถึง 200TB ต่อแผ่น และอายุการใช้งาน 50 ปี
    - ใช้พลังงานเป็นศูนย์เมื่อเก็บข้อมูลไว้เฉย ๆ
    - ขนาดเท่ากับ LTO สามารถใช้กับระบบจัดการเทปเดิมได้ทันที
    - ใช้เลเซอร์ไดโอดราคาถูก ($5) และวัสดุโพลีเมอร์ที่ผลิตง่าย
    - ความยาวริบบิ้นเพียง 100 เมตร เทียบกับเทปแม่เหล็ก 1,000 เมตร
    - ทำงานในรูปแบบ WORM (Write Once, Read Many)
    - ได้รับการสนับสนุนจาก Intel Ignite และ Innovate UK
    - TechRe Consultants จะเริ่มทดลองใช้งานในศูนย์ข้อมูลจริง

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - เทคโนโลยียังอยู่ในขั้นต้น ไม่มีวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
    - ต้องพิสูจน์ความทนทานและความเสถียรในสภาพแวดล้อมจริงก่อนใช้งานเชิงพาณิชย์
    - แม้จะใช้ร่วมกับระบบเดิมได้ แต่การเปลี่ยนผ่านต้องมีการฝึกอบรมและปรับกระบวนการ
    - การจัดเก็บแบบ WORM ไม่สามารถเขียนซ้ำได้ อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องแก้ไขข้อมูล
    - คู่แข่งอย่าง Cerabyte และ Microsoft Project Silica ยังมีแนวทางที่ต่างกันและอาจสร้างแรงกดดันด้านนวัตกรรม

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/holographic-ribbon-aims-to-oust-magnetic-tape-with-50-year-life-span-and-200tb-capacity-per-cartridge-holomem-says-optical-ribbon-based-carts-work-with-some-components-of-existing-systems-reducing-fricition
    HoloMem ริบบิ้นฮอโลกราฟิก – เก็บข้อมูล 200TB นาน 50 ปี ใช้พลังงานเป็นศูนย์ HoloMem เปิดตัวเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบใหม่ที่ใช้ริบบิ้นโพลีเมอร์บางเพียง 120 ไมครอน ซึ่งสามารถเขียนข้อมูลแบบฮอโลกราฟิกได้หลายชั้นในรูปแบบ WORM (Write Once, Read Many) โดยใช้เลเซอร์ไดโอดราคาถูกเพียง $5 เป็นหัวอ่าน/เขียน จุดเด่นของ HoloMem: - ความจุสูงถึง 200TB ต่อแผ่น (มากกว่า LTO-10 ถึง 11 เท่า) - อายุการใช้งาน 50 ปี (มากกว่าเทปแม่เหล็กถึง 10 เท่า) - ใช้พลังงานเป็นศูนย์เมื่อเก็บข้อมูลไว้เฉย ๆ - ขนาดแผ่นเท่ากับ LTO สามารถใช้กับหุ่นยนต์จัดการเทปเดิมได้ทันที - ใช้ชิ้นส่วนราคาถูกและผลิตง่าย เช่น โพลีเมอร์ไวแสงหนา 16 ไมครอน - ความยาวริบบิ้นเพียง 100 เมตร (เทียบกับเทปแม่เหล็กที่ยาว 1,000 เมตร) HoloMem ยังออกแบบให้สามารถติดตั้งร่วมกับระบบจัดเก็บข้อมูลเดิมได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์มากนัก ลดแรงเสียดทานในการเปลี่ยนผ่าน และได้รับการสนับสนุนจาก Intel Ignite และ Innovate UK แม้ยังไม่มีวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ TechRe Consultants ในสหราชอาณาจักรจะเริ่มทดลองใช้งานจริงในศูนย์ข้อมูลเพื่อทดสอบความทนทานและประสิทธิภาพ ✅ ข้อมูลจากข่าว - HoloMem พัฒนาเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบฮอโลกราฟิกบนริบบิ้นโพลีเมอร์ - ความจุสูงถึง 200TB ต่อแผ่น และอายุการใช้งาน 50 ปี - ใช้พลังงานเป็นศูนย์เมื่อเก็บข้อมูลไว้เฉย ๆ - ขนาดเท่ากับ LTO สามารถใช้กับระบบจัดการเทปเดิมได้ทันที - ใช้เลเซอร์ไดโอดราคาถูก ($5) และวัสดุโพลีเมอร์ที่ผลิตง่าย - ความยาวริบบิ้นเพียง 100 เมตร เทียบกับเทปแม่เหล็ก 1,000 เมตร - ทำงานในรูปแบบ WORM (Write Once, Read Many) - ได้รับการสนับสนุนจาก Intel Ignite และ Innovate UK - TechRe Consultants จะเริ่มทดลองใช้งานในศูนย์ข้อมูลจริง ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - เทคโนโลยียังอยู่ในขั้นต้น ไม่มีวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ - ต้องพิสูจน์ความทนทานและความเสถียรในสภาพแวดล้อมจริงก่อนใช้งานเชิงพาณิชย์ - แม้จะใช้ร่วมกับระบบเดิมได้ แต่การเปลี่ยนผ่านต้องมีการฝึกอบรมและปรับกระบวนการ - การจัดเก็บแบบ WORM ไม่สามารถเขียนซ้ำได้ อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องแก้ไขข้อมูล - คู่แข่งอย่าง Cerabyte และ Microsoft Project Silica ยังมีแนวทางที่ต่างกันและอาจสร้างแรงกดดันด้านนวัตกรรม https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/holographic-ribbon-aims-to-oust-magnetic-tape-with-50-year-life-span-and-200tb-capacity-per-cartridge-holomem-says-optical-ribbon-based-carts-work-with-some-components-of-existing-systems-reducing-fricition
    0 Comments 0 Shares 313 Views 0 Reviews
  • นิยายไซไฟ Aurora
    ในปี 2999 ที่ดาวเคราะห์ศูนย์กลางอารยธรรมมนุษย์ชื่อ **"นิวสยาม"** อากาศภายนอกโดมเมืองเป็นพิษจนหายใจไม่ได้ ทว่าในย่านสูงสุดของ **"สกายซิตี้"** ที่ลอยอยู่เหนือเมฆหมอก นครแห่งแสงนีออนและยานพาหนะไร้คนขับนั้น มีเรื่องรักข้ามภพชั้นกำเนิดกำลังก่อตัว...

    **อร (Aurora) ลูกสาวแห่งตระกูล "วัชระ"**
    รัชทายาทแห่งอาณาจักรค้าทองคำจากอุกกาบาต **"ทองจักรราศี"** ที่พ่อของเธอ – **มหาเศรษฐีวรวัชร์** – ขุดพบในแถบดาวเคราะห์น้อย Kuiper Belt แร่ธาตุนี้เรืองแสงสีชมพูอมม่วงใต้แสงอัลตราไวโอเลต ถูกแปรรูปเป็นเครื่องประดับล้ำยุคสำหรับชนชั้นสูงสุด ทว่าความมั่งคั่งทั้งหมดมาจากการกดขี่แรงงานเหมืองดาวเคราะห์น้อย และการสมคบกับรัฐบาลเทคโนแครต

    **ธัช (Thad) นักศึกษาวิชาชีวภาพจักรวาลแห่งมหาวิทยาลัยใต้โดม**
    หนุ่มน้อยแถบสลัม "ดินแดง" ผู้ใช้ทักษะการตัดต่อพันธุกรรมสิ่งมีชีวิตต่างดาวเพื่อสร้างอาหารราคาถูกให้คนจน เขาคือแกนนำกลุ่ม **"ปฏิวัฒน์ชีวภาพ"** ที่ต่อต้านการผูกขาดเทคโนโลยีโดยบรรษัทข้ามดาว ฝันถึงจักรวาลที่มนุษย์อยู่ร่วมกับระบบนิเวศ ไม่ใช่ทำลายมัน

    ---

    ### จุดชนะใจกลางพายุฝุ่นดาวอังคาร
    คืนหนึ่งขณะธัชแฝงตัวขึ้นสกายซิตี้เพื่อปล่อยไวรัสดิจิทัลโจมตีเซิร์ฟเวอร์บริษัทวัชระ เขาต้องหลบหนีลงมาทางท่อขนส่งขยะ... และพบอรซึ่งกำลังหลบงานเลี้ยงหรูเพื่อตามห้าแมวไซบอร์กลักพาตัวของเธอในเขตทิ้งของเก่า แสงเรืองจากสร้อยคอทองจักรราศีของอรทำให้นาฬิกาจับพิกัดของธัชเสียหาย ทว่าแทนที่จะแจ้งความ...

    **"คุณรู้ไหมว่าทองเส้นนี้ทำให้คนงานตาบอด 3 คนเพราะรังสี?"** ธัชถามด้วยความโกรธ
    **"และคุณรู้ไหมว่ามันคือชิ้นส่วนเดียวที่เหลืออยู่จากดาวบ้านเกิดแม่ฉัน?"** อรตอบด้วยน้ำตา

    กลางกองขยะไฮเทคที่เต็มไปด้วยแบคทีเรียดัดแปลง ทั้งคู่พบว่าต่างถูกคุมขังโดยระบบชนชั้นเดียวกัน: อรคือหุ่นเชิดของตระกูล ส่วนธัชคือฟันเฟืองในเครื่องจักรปฏิวัติ

    ---

    ### 7 ดาวเคราะห์ที่รักบ่มเพาะ
    1. **ห้องทดลองลับใต้ดิน**
    ธัชพาอรไปเห็น "สวนสวรรค์ชีวภาพ" ที่เขาสร้างไว้ – ระบบนิเวศขนาดกระเป๋าเดินทางที่มีพืชจาก 7 ดาวเคราะห์ อรใช้ความรู้ด้านแร่วิทยาช่วยปรับสมดุลแร่ธาตุจนดอกไม้เหล็กจากเนปจูนผลิบาน

    2. **งานเต้นรำกลางดาวเคราะห์น้อย**
    อรพาธัชแฝงตัวขึ้นยานส่วนตัวไปยังแอสเทอรอยด์ VH-2982 ที่ตระกูลวัชระกำลังขุดเจาะ ทั้งคู่เต้นรำในสภาพไร้น้ำหนักใต้แสงดาวนับล้าน โดยมีหุ่นยนต์ขนทองเป็นสักขีพยาน

    3. **การทรยศของ "แสงชัย" หุ่น AI คู่ใจอร**
    เมื่อ AI ในสร้อยคอของอรแจ้งเรื่องความสัมพันธ์นี้ให้วรวัชร์ทราบ ธัชถูกตั้งค่าหัวโดยกองกำลังรักษาความปลอดภัยของบริษัท อรต้องตัดสินใจ: ใช้ระเบิดนาโนทำลายแสงชัย หรือปล่อยให้ธัชตาย...

    ---

    ### จุดแตกหักแห่งจักรวาล
    วรวัชร์เปิดเผยแผนชั่วร้าย: **"โครงการฟีนิกซ์"** ที่จะเผาทุกชุมชนใต้โดมเพื่อสร้างเหมืองทองใหม่ ความจริงที่น่าขนลุกคือ... **ทองจักรราศีคือสปอร์สิ่งมีชีวิตต่างดาว** ที่ค่อยๆ เปลี่ยนมนุษย์ให้เป็นทาสทางความคิดเมื่อสวมใส่เกิน 7 ปี!

    อรเห็นแม่แท้ๆ ของเธอ – ผู้สวมมงกุฎทองตลอดเวลา – ถูกควบคุมเป็นหุ่นเชิดโดยสิ่งมีชีวิตสีทองในตู้เลี้ยง ทางรอดเดียวคือไวรัสที่ธัชพัฒนาจากแบคทีเรียใน "สวนสวรรค์" ซึ่งฆ่าสปอร์ทองโดยไม่ทำร้ายมนุษย์

    ---

    ### รักสุดขอบฟ้า
    คืนสุดท้ายก่อนการปฏิวัติใหญ่ ธัชกับอรยืนอยู่บนดาดฟ้ายานอวกาศเก่า ด้านล่างคือชุมชนใต้โดมที่กำลังลุกเป็นไฟ

    **"ถ้าเราเผาทองทั้งหมด... ครอบครัวฉันจะล่มสลาย"**
    **"และถ้าไม่เผา... มนุษยชาติจะสูญสิ้น"**

    อรกดส่งรหัสทำลายคลังทองหลักของตระกูล ส่วนธัชปล่อยไวรัสสู่ระบบปรับอากาศสกายซิตี้ เมื่อแสงระเบิดสีชมพูอมม่วงวาบขึ้นบนท้องฟ้า ทั้งคู่จับมือกันกระโดดลงแคปซูลหนีภัย...

    **ทิ้งไว้เบื้องหลังเพียงคำถาม:**
    เมื่อทองคำอันเป็นตัวตนของเธอละลายไป
    เมื่อการปฏิวัติอันเป็นตัวตนของเขาชำระสำเร็จ
    รักข้ามดวงดาวนี้จะเหลืออะไรให้รักกัน?

    ---

    โลกปี 2999 ยังไม่มีคำตอบ
    มีเพียงดาวเคราะห์น้อยดวงหนึ่งที่กำลังผลิดอก
    จากเศษทองที่หลอมรวมกับแบคทีเรียแห่งความหวัง
    โดยไม่มีใครรู้ว่ามันจะเป็นสวนสวรรค์ใหม่...
    หรือไวรัสร้ายแบบใหม่กันแน่?
    นิยายไซไฟ Aurora ในปี 2999 ที่ดาวเคราะห์ศูนย์กลางอารยธรรมมนุษย์ชื่อ **"นิวสยาม"** อากาศภายนอกโดมเมืองเป็นพิษจนหายใจไม่ได้ ทว่าในย่านสูงสุดของ **"สกายซิตี้"** ที่ลอยอยู่เหนือเมฆหมอก นครแห่งแสงนีออนและยานพาหนะไร้คนขับนั้น มีเรื่องรักข้ามภพชั้นกำเนิดกำลังก่อตัว... **อร (Aurora) ลูกสาวแห่งตระกูล "วัชระ"** รัชทายาทแห่งอาณาจักรค้าทองคำจากอุกกาบาต **"ทองจักรราศี"** ที่พ่อของเธอ – **มหาเศรษฐีวรวัชร์** – ขุดพบในแถบดาวเคราะห์น้อย Kuiper Belt แร่ธาตุนี้เรืองแสงสีชมพูอมม่วงใต้แสงอัลตราไวโอเลต ถูกแปรรูปเป็นเครื่องประดับล้ำยุคสำหรับชนชั้นสูงสุด ทว่าความมั่งคั่งทั้งหมดมาจากการกดขี่แรงงานเหมืองดาวเคราะห์น้อย และการสมคบกับรัฐบาลเทคโนแครต **ธัช (Thad) นักศึกษาวิชาชีวภาพจักรวาลแห่งมหาวิทยาลัยใต้โดม** หนุ่มน้อยแถบสลัม "ดินแดง" ผู้ใช้ทักษะการตัดต่อพันธุกรรมสิ่งมีชีวิตต่างดาวเพื่อสร้างอาหารราคาถูกให้คนจน เขาคือแกนนำกลุ่ม **"ปฏิวัฒน์ชีวภาพ"** ที่ต่อต้านการผูกขาดเทคโนโลยีโดยบรรษัทข้ามดาว ฝันถึงจักรวาลที่มนุษย์อยู่ร่วมกับระบบนิเวศ ไม่ใช่ทำลายมัน --- ### จุดชนะใจกลางพายุฝุ่นดาวอังคาร คืนหนึ่งขณะธัชแฝงตัวขึ้นสกายซิตี้เพื่อปล่อยไวรัสดิจิทัลโจมตีเซิร์ฟเวอร์บริษัทวัชระ เขาต้องหลบหนีลงมาทางท่อขนส่งขยะ... และพบอรซึ่งกำลังหลบงานเลี้ยงหรูเพื่อตามห้าแมวไซบอร์กลักพาตัวของเธอในเขตทิ้งของเก่า แสงเรืองจากสร้อยคอทองจักรราศีของอรทำให้นาฬิกาจับพิกัดของธัชเสียหาย ทว่าแทนที่จะแจ้งความ... **"คุณรู้ไหมว่าทองเส้นนี้ทำให้คนงานตาบอด 3 คนเพราะรังสี?"** ธัชถามด้วยความโกรธ **"และคุณรู้ไหมว่ามันคือชิ้นส่วนเดียวที่เหลืออยู่จากดาวบ้านเกิดแม่ฉัน?"** อรตอบด้วยน้ำตา กลางกองขยะไฮเทคที่เต็มไปด้วยแบคทีเรียดัดแปลง ทั้งคู่พบว่าต่างถูกคุมขังโดยระบบชนชั้นเดียวกัน: อรคือหุ่นเชิดของตระกูล ส่วนธัชคือฟันเฟืองในเครื่องจักรปฏิวัติ --- ### 7 ดาวเคราะห์ที่รักบ่มเพาะ 1. **ห้องทดลองลับใต้ดิน** ธัชพาอรไปเห็น "สวนสวรรค์ชีวภาพ" ที่เขาสร้างไว้ – ระบบนิเวศขนาดกระเป๋าเดินทางที่มีพืชจาก 7 ดาวเคราะห์ อรใช้ความรู้ด้านแร่วิทยาช่วยปรับสมดุลแร่ธาตุจนดอกไม้เหล็กจากเนปจูนผลิบาน 2. **งานเต้นรำกลางดาวเคราะห์น้อย** อรพาธัชแฝงตัวขึ้นยานส่วนตัวไปยังแอสเทอรอยด์ VH-2982 ที่ตระกูลวัชระกำลังขุดเจาะ ทั้งคู่เต้นรำในสภาพไร้น้ำหนักใต้แสงดาวนับล้าน โดยมีหุ่นยนต์ขนทองเป็นสักขีพยาน 3. **การทรยศของ "แสงชัย" หุ่น AI คู่ใจอร** เมื่อ AI ในสร้อยคอของอรแจ้งเรื่องความสัมพันธ์นี้ให้วรวัชร์ทราบ ธัชถูกตั้งค่าหัวโดยกองกำลังรักษาความปลอดภัยของบริษัท อรต้องตัดสินใจ: ใช้ระเบิดนาโนทำลายแสงชัย หรือปล่อยให้ธัชตาย... --- ### จุดแตกหักแห่งจักรวาล วรวัชร์เปิดเผยแผนชั่วร้าย: **"โครงการฟีนิกซ์"** ที่จะเผาทุกชุมชนใต้โดมเพื่อสร้างเหมืองทองใหม่ ความจริงที่น่าขนลุกคือ... **ทองจักรราศีคือสปอร์สิ่งมีชีวิตต่างดาว** ที่ค่อยๆ เปลี่ยนมนุษย์ให้เป็นทาสทางความคิดเมื่อสวมใส่เกิน 7 ปี! อรเห็นแม่แท้ๆ ของเธอ – ผู้สวมมงกุฎทองตลอดเวลา – ถูกควบคุมเป็นหุ่นเชิดโดยสิ่งมีชีวิตสีทองในตู้เลี้ยง ทางรอดเดียวคือไวรัสที่ธัชพัฒนาจากแบคทีเรียใน "สวนสวรรค์" ซึ่งฆ่าสปอร์ทองโดยไม่ทำร้ายมนุษย์ --- ### รักสุดขอบฟ้า คืนสุดท้ายก่อนการปฏิวัติใหญ่ ธัชกับอรยืนอยู่บนดาดฟ้ายานอวกาศเก่า ด้านล่างคือชุมชนใต้โดมที่กำลังลุกเป็นไฟ **"ถ้าเราเผาทองทั้งหมด... ครอบครัวฉันจะล่มสลาย"** **"และถ้าไม่เผา... มนุษยชาติจะสูญสิ้น"** อรกดส่งรหัสทำลายคลังทองหลักของตระกูล ส่วนธัชปล่อยไวรัสสู่ระบบปรับอากาศสกายซิตี้ เมื่อแสงระเบิดสีชมพูอมม่วงวาบขึ้นบนท้องฟ้า ทั้งคู่จับมือกันกระโดดลงแคปซูลหนีภัย... **ทิ้งไว้เบื้องหลังเพียงคำถาม:** เมื่อทองคำอันเป็นตัวตนของเธอละลายไป เมื่อการปฏิวัติอันเป็นตัวตนของเขาชำระสำเร็จ รักข้ามดวงดาวนี้จะเหลืออะไรให้รักกัน? --- โลกปี 2999 ยังไม่มีคำตอบ มีเพียงดาวเคราะห์น้อยดวงหนึ่งที่กำลังผลิดอก จากเศษทองที่หลอมรวมกับแบคทีเรียแห่งความหวัง โดยไม่มีใครรู้ว่ามันจะเป็นสวนสวรรค์ใหม่... หรือไวรัสร้ายแบบใหม่กันแน่?
    0 Comments 0 Shares 560 Views 0 Reviews
  • RealSense แยกตัวจาก Intel – รับทุน 50 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างอนาคต AI และหุ่นยนต์

    RealSense ซึ่งเป็นแบรนด์ที่รู้จักกันดีด้านกล้องตรวจจับความลึก (depth cameras) ได้ประกาศแยกตัวออกจาก Intel อย่างเป็นทางการ และจะดำเนินธุรกิจในฐานะบริษัทอิสระ โดยยังคงใช้ชื่อเดิม “RealSense”

    บริษัทได้รับเงินลงทุน Series A จำนวน 50 ล้านดอลลาร์จาก Intel Capital และ MediaTek Innovation Fund เพื่อขยายตลาดและเพิ่มกำลังการผลิต โดยเน้นไปที่เทคโนโลยี AI, หุ่นยนต์, ไบโอเมตริกซ์ และระบบคอมพิวเตอร์วิทัศน์ (computer vision)

    CEO ของ RealSense, Nadav Orbach กล่าวว่า “เราจะใช้ความเป็นอิสระนี้เพื่อเร่งนวัตกรรมและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็ว” พร้อมระบุว่าเทคโนโลยีของบริษัทถูกใช้งานใน 60% ของหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติและหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ทั่วโลก

    RealSense มีลูกค้ากว่า 3,000 รายทั่วโลก และถือครองสิทธิบัตรด้าน computer vision มากกว่า 80 รายการ โดยมีพันธมิตรสำคัญ เช่น ANYbotics, Eyesynth, Fit:Match และ Unitree Robotics

    บริษัทกำลังขยายทีมวิศวกรด้าน AI และหุ่นยนต์ รวมถึงทีมขายและการตลาด เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาด edge AI และระบบจดจำใบหน้าในสถานที่สาธารณะ

    ผลิตภัณฑ์ล่าสุดคือกล้อง D555 ที่รองรับ Power over Ethernet และใช้ชิป Vision SoC V5 ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการนำไปใช้งานในอุปกรณ์จำนวนมาก

    ข้อมูลจากข่าว
    - RealSense แยกตัวจาก Intel และกลายเป็นบริษัทอิสระ
    - ได้รับเงินลงทุน Series A จำนวน 50 ล้านดอลลาร์จาก Intel Capital และ MediaTek
    - มุ่งเน้นด้าน AI, หุ่นยนต์, ไบโอเมตริกซ์ และ computer vision
    - เทคโนโลยีของ RealSense ถูกใช้ใน 60% ของหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติและหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ทั่วโลก
    - มีลูกค้ากว่า 3,000 ราย และถือครองสิทธิบัตรกว่า 80 รายการ
    - พันธมิตรสำคัญ ได้แก่ ANYbotics, Eyesynth, Fit:Match และ Unitree Robotics
    - ผลิตภัณฑ์ล่าสุดคือกล้อง D555 ที่ใช้ Vision SoC V5 และรองรับ PoE
    - บริษัทกำลังขยายทีมวิศวกรและทีมขายเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - การแยกตัวจาก Intel อาจทำให้ RealSenseต้องเผชิญกับความท้าทายด้านทรัพยากรและการบริหารจัดการ
    - การแข่งขันในตลาด computer vision และ edge AI รุนแรงขึ้น โดยมีผู้เล่นรายใหญ่หลายราย
    - การนำเทคโนโลยีจดจำใบหน้าไปใช้ในพื้นที่สาธารณะอาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของประชาชน
    - การพึ่งพาเงินลงทุนจากบริษัทใหญ่ อาจมีข้อจำกัดด้านทิศทางธุรกิจในอนาคต
    - การนำผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวนมากต้องใช้เวลาและการทดสอบที่เข้มงวด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/realsense-completes-spin-out-from-intel-gets-usd50-million-in-funding-from-intel-capital-and-mediatek
    RealSense แยกตัวจาก Intel – รับทุน 50 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างอนาคต AI และหุ่นยนต์ RealSense ซึ่งเป็นแบรนด์ที่รู้จักกันดีด้านกล้องตรวจจับความลึก (depth cameras) ได้ประกาศแยกตัวออกจาก Intel อย่างเป็นทางการ และจะดำเนินธุรกิจในฐานะบริษัทอิสระ โดยยังคงใช้ชื่อเดิม “RealSense” บริษัทได้รับเงินลงทุน Series A จำนวน 50 ล้านดอลลาร์จาก Intel Capital และ MediaTek Innovation Fund เพื่อขยายตลาดและเพิ่มกำลังการผลิต โดยเน้นไปที่เทคโนโลยี AI, หุ่นยนต์, ไบโอเมตริกซ์ และระบบคอมพิวเตอร์วิทัศน์ (computer vision) CEO ของ RealSense, Nadav Orbach กล่าวว่า “เราจะใช้ความเป็นอิสระนี้เพื่อเร่งนวัตกรรมและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็ว” พร้อมระบุว่าเทคโนโลยีของบริษัทถูกใช้งานใน 60% ของหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติและหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ทั่วโลก RealSense มีลูกค้ากว่า 3,000 รายทั่วโลก และถือครองสิทธิบัตรด้าน computer vision มากกว่า 80 รายการ โดยมีพันธมิตรสำคัญ เช่น ANYbotics, Eyesynth, Fit:Match และ Unitree Robotics บริษัทกำลังขยายทีมวิศวกรด้าน AI และหุ่นยนต์ รวมถึงทีมขายและการตลาด เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาด edge AI และระบบจดจำใบหน้าในสถานที่สาธารณะ ผลิตภัณฑ์ล่าสุดคือกล้อง D555 ที่รองรับ Power over Ethernet และใช้ชิป Vision SoC V5 ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการนำไปใช้งานในอุปกรณ์จำนวนมาก ✅ ข้อมูลจากข่าว - RealSense แยกตัวจาก Intel และกลายเป็นบริษัทอิสระ - ได้รับเงินลงทุน Series A จำนวน 50 ล้านดอลลาร์จาก Intel Capital และ MediaTek - มุ่งเน้นด้าน AI, หุ่นยนต์, ไบโอเมตริกซ์ และ computer vision - เทคโนโลยีของ RealSense ถูกใช้ใน 60% ของหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติและหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ทั่วโลก - มีลูกค้ากว่า 3,000 ราย และถือครองสิทธิบัตรกว่า 80 รายการ - พันธมิตรสำคัญ ได้แก่ ANYbotics, Eyesynth, Fit:Match และ Unitree Robotics - ผลิตภัณฑ์ล่าสุดคือกล้อง D555 ที่ใช้ Vision SoC V5 และรองรับ PoE - บริษัทกำลังขยายทีมวิศวกรและทีมขายเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - การแยกตัวจาก Intel อาจทำให้ RealSenseต้องเผชิญกับความท้าทายด้านทรัพยากรและการบริหารจัดการ - การแข่งขันในตลาด computer vision และ edge AI รุนแรงขึ้น โดยมีผู้เล่นรายใหญ่หลายราย - การนำเทคโนโลยีจดจำใบหน้าไปใช้ในพื้นที่สาธารณะอาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของประชาชน - การพึ่งพาเงินลงทุนจากบริษัทใหญ่ อาจมีข้อจำกัดด้านทิศทางธุรกิจในอนาคต - การนำผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวนมากต้องใช้เวลาและการทดสอบที่เข้มงวด https://www.tomshardware.com/tech-industry/realsense-completes-spin-out-from-intel-gets-usd50-million-in-funding-from-intel-capital-and-mediatek
    0 Comments 0 Shares 390 Views 0 Reviews
  • ..อนาคตประเทศไทยจะเป็นที่พึ่งของใครหลายคน ที่ไม่ใช่คนไทย มีบัตรประชาชนคนไทย เขาทั้งหลายมากมายหนีทุกข์มาพึ่งประเทศไทยที่สงบสุข ,จริงๆคนไทยเราใจดีมาก เป็นที่พึ่งคนต่างถิ่นใดๆได้,อันตรายคือบางคนที่มาพึ่งพิงนั้นเป็นคนไม่ดี ทำลายทำร้ายคนให้พึ่งพิงอาศัย เนรคุณทรยศอกตัญญูก็ว่า,เหมือนเขมรในปัจจุบันที่ผู้นำเขมรเองแสดงความอกตัญญูเนรคุณทรยศแผ่นดินไทยที่ตนเองเคยหนีตายมาพึ่งพาอาศัยอยู่กิน.

    ..เด็กๆผู้บริสุทธิ์มากมายตลอดผู้ปกครองพ่อแม่เขา มีทุกข์เป็นอันมากปกติอยู่แล้วในการดำรงชีพ ยิ่งเป็นคนไม่มีสัญชาติไทยอีกหรือตกหล่นประการใดก็ตามน่าเห็นใจมากที่สมควรได้รับการช่วยเหลือบนแผ่นดินไทยเรา,นี้ไง คนไทยเราต้องพ้นยากจนทุกๆคนทั้งหมดทันทีบนกลไกการปกครองที่ทำให้คนไทยมั่นคงในความยากจนนี้ต้องฉีกทิ้งกฎหมายผีบ้าต่างๆมากมายจริงที่ปล้นชิงแย่งชิงความร่ำรวยมั่งคั่งของคนไทยไปซึ่งส่วนใหญ่ถ่ายโอนไปสู่ชนชั้นนักการเมืองที่อยู่วงกลไกอำนาจรัฐทั้งสิ้นจะเจ้าสัวจะข้าราชการก็ตามมีหมดจนร่ำรวยผิดปกติจากการโกงกินทั้งเงินหลวงทั้งนอกเงินหลวงต่างๆที่ไม่สุจริตจนได้มาซึ่งทรัพย์สินมากมายมหาศาลอันผิดปกติพึ่งบุคคลควรมีได้,อำนาจรัฐจึงคือกลไกปัญหาหลักสำคัญที่สุดที่จะนำพาประชาชนทั้งประเทศร่ำรวยหรือยากจนดักดานจริงๆ,และเราสามารถยื่นโอกาสอันดีงามมากมายแก่คนที่เข้ามาบนแผ่นดินไทยให้เขามีชีวิตที่ดีงามผาสุขได้ เติบโตสร้างโลกให้สวยงามดีงามร่วมกันต่อไปได้,และอนาคตคนดีๆเหล่านี้ทำไมเราต้องปฏิเสธการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข เกลียดชังเขาด้วย ตราบใดเป็นคนดีขึ้นชื่อว่าดีแน่นอน,และทุกๆคนหมายทำสิ่งดีๆทั้งสิ้น,เราจึงต้องกำจัดคนชั่วเลวมิให้รังแกคนดีๆ จนเป็นคนไม่ดีนั้นเอง,,เพราะเมื่อเขาเติบโตล้วนสามารถเลือกภูมิประเทศที่ต้องการอยู่อาศัยได้,จริงๆเจตจำนงเสรีมนุษย์สมควรเลือกประเทศที่ตนต้องการอยู่อาศัยได้อิสระเสรีในกรณีคนดีปกติที่มิใช่คนชั่วเลวหมายทำร้ายทำลายร่างกายหรือฆ่าสังหารมนุษย์ด้วยกัน,พร้อมเงินสัมมาชีวิตตนติดตัว เช่นคนไทยอยากย้ายไปอยู่จีน ด้วยบัตรสูติบัตรตนที่เกิดมาสามารถเบิกตังองค์กรสากลโลกที่มีตังประจำสูติบัตรตั้งค่าไว้ เช่นสูติบัตรใบเกิดทุกๆคนบนโลกตีมูลค่าเป็นตังได้ที่คนละ100,000,000เหรียญดอลล่าร์ตลอดชีพ,นับตามอายุเฉลี่ยที่ใช้ไปและเหลืออยู่ มนุษย์อายุเฉลี่ย100ปี,ก็ตกปีละ1ล้านเหรียญต่อปีต่อคน,คนไทยที่ย้ายภูมิประเทศไปอยู่จีนเม็ดเงินนี้ก็ย้ายไปด้วยและแปลงค่าเป็นสกุลหยวนทันทีด้วย,คือ1ดอลล่าร์เท่ากับ7หยวนก็7ล้านหยวนต่อปี,คนไทยคนนั้นต้องบริหารตังภายใน1ปีใช้ตามนั้นเอง ส่วนจะสร้างเม็ดเงินเพิ่มขึ้นก็ความสามารถใครมัน,ทุกๆชีวิตมนุษย์เราบนโลกจะถูกตีมูลค่าชีวิตใหม่ให้เหมาะสมตามรูปแบบการดำรงชีวิตของโลกนั้นๆแบบเรา ในที่นี้ใช้ตังเป็นกลไกขับเคลื่อนวิถีชีวิต,เราก็ต้องทำลักษณะนี้,อยู่ไปได้แค่5ปีขอย้ายกลับมาเป็นสัญชาติไทยแบบหลังเรียนจบที่จีน,ตัง1ล้านดอลล่าร์นั้นก็ย้ายตามสถานะชีวิตเรามาด้วยแปลงเป็นเงินไทยคือ1ดอลล่าร์เท่ากับ33บาท นั่นคือ33ล้านบาทต่อปีที่มีตังในบัญชีเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตเบื้องต้นในประเทศไทยให้สุขภาพร่างกายในเนื้อกายมนุษย์โลกนี้ปกติดีก่อนตายจากไป,ตายไปก็เป็นสถานะ0บาททันทีก็ว่า,โลกเราสมควรรีเซ็ตครั้งใหม่ครั้งใหญ่จริงๆตีมูลค่าใหม่,เด็กๆมากมายตามพ่อแม่หนีภัยมาพึ่งพาแผ่นดินไทยนี้และมิใช่เข้ามาเพื่อฆ่าล้างทำร้ายทำลายชีวิตคนไทยแต่อย่างใดหรือมาเอารัดเอาเปรียบเหยียบย่ำคนไทยแต่อย่างใด แค่ต้องการมีชีวิตที่ปกติดีเท่านั้น ในคนสำนึกดีปกติพึ่งเป็น,โลกจึงสมควรถูกตั้งค่าใหม่จริงๆ ,deep stateไซออนิสต์ก็จะถูกรีเซ็ตลบทิ้งด้วยทันทีเช่นกันในระบบใหม่ เพราะทุกๆชีวิตมนุษย์เราจะมีเจตจำนงเสรีเขียนเป็นโค้ตสัมมาชีวิตใครมันไว้,เอเลี่ยนแรปทีเลี่ยนใส่ชุดมนุษย์ปลอมเป็นมนุษย์สร้างโคลนขึ้นมาก็ตามจะคัดกรองแยกย่อยออกได้หมดมีแต่ค่าจริงเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่,และนั้นจะหมายความรวมถึง มนุษย์เราจะเคลื่อนย้ายสถานที่อยู่ตนเองได้อิสระเสรีตามเจตจำนงเจตนาตนมุ่งปราถนาไว้และอาจค้นหาตนเองตามระดับจิตระดับใจใครมันเองด้วยคือยกจิตยกใจตนเองเสรีไร้ใครขัดขวางบนโลกนี้อีกต่อไปเหมือนยุคเก่าอดีตหรือแบบปัจจุบันนี้,ใครมุ่งสิ่งใดก็อิสระที่จะทำตราบใดไม่ก้าวล่วงชีวิตคนอื่นมนุษย์คนอื่น ไม่ทำร้ายทำลายกัน ไม่ลักขโมยของกัน ไม่ฆ่ากัน,หรือผิดไปจากอารยะธรรมธรรมจักรวาลพื้นฐานที่ดีงามของการเป็นไปด้วยสัมมาชีวิตสัมมาอาชีพใครมัน.

    ..ประเทศไทยเรา จึงสมควรพร้อมเราคนดีที่บริสุทธิ์เหล่านี้ในการช่วยเหลือคนเหล่านั้นเบื้องต้นจนกว่าเขาจะพ้นภัยในเวลาที่สมควร.

    ..การมีตังติดตัวตั้งแต่เกิดจึงสำคัญมาก,จริงๆมีอยู่แล้วแต่ฝ่ายมืดเอาไปทำแดกเอง.

    ..เราจึงต้องล้างระบบใหม่,ที่สะดวกที่สุดคือระบบควอนตัมตังดิจิดัลจริงๆนั้นล่ะ,จึงจะสามารถอัพเรเวลได้ดี,การทุจริตโกงกินแบบเดิมๆจะเหลือศูนย์เพราะรู้กระแสการไหลของตังไปมาย้อนหลังได้หมด เข้าใครออกใครผ่านมากี่คน ทุกๆธุรกรรมควอนตัมมันบันทึกรายละเอียดหมด,ซึ่งมีทองคำค้ำประกันยิ่งดี ต่างจากบิตคอนย์BTCไม่มีทองคำค้ำประกันเลย ไร้เสถียรภาพมั่นคงอะไรอีลิทจึงสร้างมันขึ้นมาปั่นไซออนิสต์จึงสร้างมันมาเพื่อฟอกตังทั่วโลก,ฝ่ายมืดหมายใช่btcควบคุมตังยุคใหม่นั้นเอง,แต่คงไปไม่รอดเพราะไร้ทองคำค้ำประกันและการปั่นราคานี้คือครั้งสุดท้ายก็ได้ก่อนดับอนาถในวงการคริปโตฯสกุลbtcและตัวอื่นๆที่ไม่มีทองคำค้ำประกัน ต่างจากบาทคอยน์อินทนนท์เรามีทองคำค้ำประกันนะ,ไม่ใช่ผีบ้าแบบตังดิจิดัลแจก10,000บาทผีบ้านั้นกูรูแฉเสียไส้แตกหมดเปลือกก็ว่าเอาคริปโตโทเคนโนเนมมาขายให้ไทยแลกเป็นบาทที่มีทองคำค้ำประกัน,กินส่วนต่างโกงค่าแลกเปลี่ยนอีก,ไม่ซื่อสัตย์ชัดเจน,

    ..ใบเกิดเราสูติบัตรเราจึงสมควรตีมูลค่ากันใหม่ ชาวโลกสมควรมีตังในบัญชีตังดิจิดัลทุกๆคนที่100ล้านเหรียญตลอดชีพในเบื้องต้น,จริงๆฝ่ายแสงที่เขามโนไว้ว่ามีทรัพย์สินเงินทองเพชรนิลจินดาแร่ธาตุของมีค่ามากมายสาระพัดที่ยึดมาจากฝ่ายมืดได้ตีมูลค่าโดยประมาณไว้นั้นคือ 1×10⁸⁰⁰ขั้นต่ำ,หรือ1×10¹⁰⁰⁰ ขั้นกลางๆที่ฝ่ายมืดปล้นชิงแอบซ่อนคือชาวโลก8,000ล้านคน หักแรปทีเลี่ยนใส่ชุดคนออก หักโคลนสร้างนอมินีแทนคนจริงๆหักหุ่นยนต์แปลงเป็นคน,หักปีศาจมารซาตานอสูรแปลงเป็นคนอาจเหลือจริงแค่3,000-4,000ล้านคน,ตุยตายจากวัคซีนโควิดmRNAอีกในอนาคต แก่เฒ่าชราตายก่อนเตียงmedbedsจะมาอีก สรุปอาจเหลือมนุษย์ผิวโลกจริงๆแค่1,500-2,000ล้านคนว่าเหลือมากที่สุดแล้วนะ,ไทยอาจเหลือแค่5-10ล้านคนในอนาคตอันใกล้ ข้างบ้านป่วยสะสม โรคสะสมตรึม ตลอดจัดงานศพติดๆกันก็ว่าแล้ว.,กรณีใช้ตังดิจิดัลแจกจ่ายจึงสะดวกรวดเร็วจริง,แต่ต้องฝ่ายดีฝ่ายแสงปกครองนะแบบสภากาแล็กติกจักรวาลช่วยควบคุมระบบก็ว่า.,เฉลี่ยต่อคนชาวโลก อาจมากกว่า1,000ล้านเหรียญต่อคนต่อตลอดชีพได้สบายๆมาก,ตังทั้งโลกที่ฝ่ายแสงยึดทรัพย์มาจากฝ่ายมืดใช้ไปอีกเป็นแสนๆปีก็ยังใช้ไม่หมด,แต่ถ้าเบื้องต้นที่คนละ100ล้านเหรียญต่อคนต่อตลอดชีพถึงว่าทดลองเบิกจ่ายไปก่อนสามารถวิจัยประเมินผลติดตามค่าลยค่าบวกได้,ซึ่งอนาคตbricsอาจให้ประเทศสมาขิกใช้สกุลเงินbricsดิจิดัลนำร่องและใช้ในอัตรา1ต่อ1(1:1) 1บาทไทยต่อ1หยวนจีน นั้นเอง,ทำเป็นมาตรฐานสากล,จากนั้นตัง100ล้านเหรียญนี้ต่อคนต่อตลอดชีพจะตีมูลค่าที่100ล้านบาทเสมอกันกับ100ล้านหยวนนั้นเอง,
    ..บางคนอาจว่าคนไทยเราได้น้อยเมื่อเทียบทรัพยากรมีค่ามากมายของชาติไทยเราจริงที่เฉลี่ยต่อคนอาจมากถึง400ถึง800ล้านบาทต่อคนต่อตลอดชีพ,แต่นี้คือค่าประเมินเบื้องต้นจากมากกว่าคนละ1,000ล้านเหรียญที่ตีค่าไว้,ซึ่งอนาคตเมื่อชาวโลกเราอัพเรเวลสู่มิติ5Dเบื้องต้นหรือบรรลุธรรมจักรวาล ตังอาจไร้ค่าทันทีก็ว่า,สภาวะจิตวิญญาณใครมันสุดยอดแล้วนั้นเอง.

    ..เวลามนุษย์โลกชาวโลกคนใดจะย้ายไปอยู่ประเทศไหนๆสถานะการเงินจะย้ายไปทันทีด้วย,ประเทศนั้นๆจะมีตังบริหารจัดการชาติทันทีเพื่อช่วยดูแลชีวิตมนุษย์ทันนั้นๆรับเพิ่มทันทีที่1ล้านเหรียญต่อปีเช่นกัน,แยกต่างหากจากตังส่วนตัวของบุคคลนั้นๆที่ย้ายไปอยู่เพื่อแบ่งเบาภาวะทรัพยากรที่ประเทศนั้นๆเตรียมพร้อมรองรับในการใช้ชีวิตของมนุษย์โลกเราคนนั้นก็ว่า, ตัวอย่างคือ ประเทศไทยเรามีประชากร66ล้านคนก็66ล้านเหรียญในบัญชีตังดิจิดัลต่อคนต่อปีในการใช้จ่ายในชีวิต ส่วนรัฐบาลก็จะได้ทันทีแยกต่างหากเป็นสาธารณะแก่รัฐนั้นๆที่66ล้านเหรียญต่อคนต่อปีเช่นกัน,มีคนชาวโลกจากประเทศอื่นย้ายเข้ามาอยู่อาศันบนแผ่นดินไทยสัก20ล้านคนก็รับเพิ่มอีก20ล้านเหรียญให้แก่รัฐประเทศนั้นๆ,ปีต่อไปมีคนย้ายออกจากประเทศไทยที่50ล้านคน ,ผลคือ50ล้านเหรียญนี้จะย้ายตามคนนั้นๆไปจ่ายให้รัฐบาลประเทศอื่นนั้นๆเป็นสาธารณะให้รัฐบาลนั้นบริหารจัดการก็ว่าแทนที่เดิม,นี้ตังติดบุคคลช่วยลดภาระการไปอยู่บ้านเมืองอื่นที่ต้องการ,เด็กๆหรือบุคคลใดๆเข้ามาประเทศไทยเราแบบลักษณะคลิปนี้ เราสามารถดูแลชีวิตเขาได้เต็มที่ ตลอดเขาเองก็มีตังติดตัวมหาศาลไม่น้อย,เราจึงสามารถจรรโลงสร้างสรรค์โลกให้สวยงามดีงามสงบสุขสันติร่วมกันของทุกๆคนชาวโลกได้.
    ..
    ..https://youtube.com/shorts/Fv4asOidqg4?si=mwct5bmVmjBY47QJ
    ..อนาคตประเทศไทยจะเป็นที่พึ่งของใครหลายคน ที่ไม่ใช่คนไทย มีบัตรประชาชนคนไทย เขาทั้งหลายมากมายหนีทุกข์มาพึ่งประเทศไทยที่สงบสุข ,จริงๆคนไทยเราใจดีมาก เป็นที่พึ่งคนต่างถิ่นใดๆได้,อันตรายคือบางคนที่มาพึ่งพิงนั้นเป็นคนไม่ดี ทำลายทำร้ายคนให้พึ่งพิงอาศัย เนรคุณทรยศอกตัญญูก็ว่า,เหมือนเขมรในปัจจุบันที่ผู้นำเขมรเองแสดงความอกตัญญูเนรคุณทรยศแผ่นดินไทยที่ตนเองเคยหนีตายมาพึ่งพาอาศัยอยู่กิน. ..เด็กๆผู้บริสุทธิ์มากมายตลอดผู้ปกครองพ่อแม่เขา มีทุกข์เป็นอันมากปกติอยู่แล้วในการดำรงชีพ ยิ่งเป็นคนไม่มีสัญชาติไทยอีกหรือตกหล่นประการใดก็ตามน่าเห็นใจมากที่สมควรได้รับการช่วยเหลือบนแผ่นดินไทยเรา,นี้ไง คนไทยเราต้องพ้นยากจนทุกๆคนทั้งหมดทันทีบนกลไกการปกครองที่ทำให้คนไทยมั่นคงในความยากจนนี้ต้องฉีกทิ้งกฎหมายผีบ้าต่างๆมากมายจริงที่ปล้นชิงแย่งชิงความร่ำรวยมั่งคั่งของคนไทยไปซึ่งส่วนใหญ่ถ่ายโอนไปสู่ชนชั้นนักการเมืองที่อยู่วงกลไกอำนาจรัฐทั้งสิ้นจะเจ้าสัวจะข้าราชการก็ตามมีหมดจนร่ำรวยผิดปกติจากการโกงกินทั้งเงินหลวงทั้งนอกเงินหลวงต่างๆที่ไม่สุจริตจนได้มาซึ่งทรัพย์สินมากมายมหาศาลอันผิดปกติพึ่งบุคคลควรมีได้,อำนาจรัฐจึงคือกลไกปัญหาหลักสำคัญที่สุดที่จะนำพาประชาชนทั้งประเทศร่ำรวยหรือยากจนดักดานจริงๆ,และเราสามารถยื่นโอกาสอันดีงามมากมายแก่คนที่เข้ามาบนแผ่นดินไทยให้เขามีชีวิตที่ดีงามผาสุขได้ เติบโตสร้างโลกให้สวยงามดีงามร่วมกันต่อไปได้,และอนาคตคนดีๆเหล่านี้ทำไมเราต้องปฏิเสธการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข เกลียดชังเขาด้วย ตราบใดเป็นคนดีขึ้นชื่อว่าดีแน่นอน,และทุกๆคนหมายทำสิ่งดีๆทั้งสิ้น,เราจึงต้องกำจัดคนชั่วเลวมิให้รังแกคนดีๆ จนเป็นคนไม่ดีนั้นเอง,,เพราะเมื่อเขาเติบโตล้วนสามารถเลือกภูมิประเทศที่ต้องการอยู่อาศัยได้,จริงๆเจตจำนงเสรีมนุษย์สมควรเลือกประเทศที่ตนต้องการอยู่อาศัยได้อิสระเสรีในกรณีคนดีปกติที่มิใช่คนชั่วเลวหมายทำร้ายทำลายร่างกายหรือฆ่าสังหารมนุษย์ด้วยกัน,พร้อมเงินสัมมาชีวิตตนติดตัว เช่นคนไทยอยากย้ายไปอยู่จีน ด้วยบัตรสูติบัตรตนที่เกิดมาสามารถเบิกตังองค์กรสากลโลกที่มีตังประจำสูติบัตรตั้งค่าไว้ เช่นสูติบัตรใบเกิดทุกๆคนบนโลกตีมูลค่าเป็นตังได้ที่คนละ100,000,000เหรียญดอลล่าร์ตลอดชีพ,นับตามอายุเฉลี่ยที่ใช้ไปและเหลืออยู่ มนุษย์อายุเฉลี่ย100ปี,ก็ตกปีละ1ล้านเหรียญต่อปีต่อคน,คนไทยที่ย้ายภูมิประเทศไปอยู่จีนเม็ดเงินนี้ก็ย้ายไปด้วยและแปลงค่าเป็นสกุลหยวนทันทีด้วย,คือ1ดอลล่าร์เท่ากับ7หยวนก็7ล้านหยวนต่อปี,คนไทยคนนั้นต้องบริหารตังภายใน1ปีใช้ตามนั้นเอง ส่วนจะสร้างเม็ดเงินเพิ่มขึ้นก็ความสามารถใครมัน,ทุกๆชีวิตมนุษย์เราบนโลกจะถูกตีมูลค่าชีวิตใหม่ให้เหมาะสมตามรูปแบบการดำรงชีวิตของโลกนั้นๆแบบเรา ในที่นี้ใช้ตังเป็นกลไกขับเคลื่อนวิถีชีวิต,เราก็ต้องทำลักษณะนี้,อยู่ไปได้แค่5ปีขอย้ายกลับมาเป็นสัญชาติไทยแบบหลังเรียนจบที่จีน,ตัง1ล้านดอลล่าร์นั้นก็ย้ายตามสถานะชีวิตเรามาด้วยแปลงเป็นเงินไทยคือ1ดอลล่าร์เท่ากับ33บาท นั่นคือ33ล้านบาทต่อปีที่มีตังในบัญชีเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตเบื้องต้นในประเทศไทยให้สุขภาพร่างกายในเนื้อกายมนุษย์โลกนี้ปกติดีก่อนตายจากไป,ตายไปก็เป็นสถานะ0บาททันทีก็ว่า,โลกเราสมควรรีเซ็ตครั้งใหม่ครั้งใหญ่จริงๆตีมูลค่าใหม่,เด็กๆมากมายตามพ่อแม่หนีภัยมาพึ่งพาแผ่นดินไทยนี้และมิใช่เข้ามาเพื่อฆ่าล้างทำร้ายทำลายชีวิตคนไทยแต่อย่างใดหรือมาเอารัดเอาเปรียบเหยียบย่ำคนไทยแต่อย่างใด แค่ต้องการมีชีวิตที่ปกติดีเท่านั้น ในคนสำนึกดีปกติพึ่งเป็น,โลกจึงสมควรถูกตั้งค่าใหม่จริงๆ ,deep stateไซออนิสต์ก็จะถูกรีเซ็ตลบทิ้งด้วยทันทีเช่นกันในระบบใหม่ เพราะทุกๆชีวิตมนุษย์เราจะมีเจตจำนงเสรีเขียนเป็นโค้ตสัมมาชีวิตใครมันไว้,เอเลี่ยนแรปทีเลี่ยนใส่ชุดมนุษย์ปลอมเป็นมนุษย์สร้างโคลนขึ้นมาก็ตามจะคัดกรองแยกย่อยออกได้หมดมีแต่ค่าจริงเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่,และนั้นจะหมายความรวมถึง มนุษย์เราจะเคลื่อนย้ายสถานที่อยู่ตนเองได้อิสระเสรีตามเจตจำนงเจตนาตนมุ่งปราถนาไว้และอาจค้นหาตนเองตามระดับจิตระดับใจใครมันเองด้วยคือยกจิตยกใจตนเองเสรีไร้ใครขัดขวางบนโลกนี้อีกต่อไปเหมือนยุคเก่าอดีตหรือแบบปัจจุบันนี้,ใครมุ่งสิ่งใดก็อิสระที่จะทำตราบใดไม่ก้าวล่วงชีวิตคนอื่นมนุษย์คนอื่น ไม่ทำร้ายทำลายกัน ไม่ลักขโมยของกัน ไม่ฆ่ากัน,หรือผิดไปจากอารยะธรรมธรรมจักรวาลพื้นฐานที่ดีงามของการเป็นไปด้วยสัมมาชีวิตสัมมาอาชีพใครมัน. ..ประเทศไทยเรา จึงสมควรพร้อมเราคนดีที่บริสุทธิ์เหล่านี้ในการช่วยเหลือคนเหล่านั้นเบื้องต้นจนกว่าเขาจะพ้นภัยในเวลาที่สมควร. ..การมีตังติดตัวตั้งแต่เกิดจึงสำคัญมาก,จริงๆมีอยู่แล้วแต่ฝ่ายมืดเอาไปทำแดกเอง. ..เราจึงต้องล้างระบบใหม่,ที่สะดวกที่สุดคือระบบควอนตัมตังดิจิดัลจริงๆนั้นล่ะ,จึงจะสามารถอัพเรเวลได้ดี,การทุจริตโกงกินแบบเดิมๆจะเหลือศูนย์เพราะรู้กระแสการไหลของตังไปมาย้อนหลังได้หมด เข้าใครออกใครผ่านมากี่คน ทุกๆธุรกรรมควอนตัมมันบันทึกรายละเอียดหมด,ซึ่งมีทองคำค้ำประกันยิ่งดี ต่างจากบิตคอนย์BTCไม่มีทองคำค้ำประกันเลย ไร้เสถียรภาพมั่นคงอะไรอีลิทจึงสร้างมันขึ้นมาปั่นไซออนิสต์จึงสร้างมันมาเพื่อฟอกตังทั่วโลก,ฝ่ายมืดหมายใช่btcควบคุมตังยุคใหม่นั้นเอง,แต่คงไปไม่รอดเพราะไร้ทองคำค้ำประกันและการปั่นราคานี้คือครั้งสุดท้ายก็ได้ก่อนดับอนาถในวงการคริปโตฯสกุลbtcและตัวอื่นๆที่ไม่มีทองคำค้ำประกัน ต่างจากบาทคอยน์อินทนนท์เรามีทองคำค้ำประกันนะ,ไม่ใช่ผีบ้าแบบตังดิจิดัลแจก10,000บาทผีบ้านั้นกูรูแฉเสียไส้แตกหมดเปลือกก็ว่าเอาคริปโตโทเคนโนเนมมาขายให้ไทยแลกเป็นบาทที่มีทองคำค้ำประกัน,กินส่วนต่างโกงค่าแลกเปลี่ยนอีก,ไม่ซื่อสัตย์ชัดเจน, ..ใบเกิดเราสูติบัตรเราจึงสมควรตีมูลค่ากันใหม่ ชาวโลกสมควรมีตังในบัญชีตังดิจิดัลทุกๆคนที่100ล้านเหรียญตลอดชีพในเบื้องต้น,จริงๆฝ่ายแสงที่เขามโนไว้ว่ามีทรัพย์สินเงินทองเพชรนิลจินดาแร่ธาตุของมีค่ามากมายสาระพัดที่ยึดมาจากฝ่ายมืดได้ตีมูลค่าโดยประมาณไว้นั้นคือ 1×10⁸⁰⁰ขั้นต่ำ,หรือ1×10¹⁰⁰⁰ ขั้นกลางๆที่ฝ่ายมืดปล้นชิงแอบซ่อนคือชาวโลก8,000ล้านคน หักแรปทีเลี่ยนใส่ชุดคนออก หักโคลนสร้างนอมินีแทนคนจริงๆหักหุ่นยนต์แปลงเป็นคน,หักปีศาจมารซาตานอสูรแปลงเป็นคนอาจเหลือจริงแค่3,000-4,000ล้านคน,ตุยตายจากวัคซีนโควิดmRNAอีกในอนาคต แก่เฒ่าชราตายก่อนเตียงmedbedsจะมาอีก สรุปอาจเหลือมนุษย์ผิวโลกจริงๆแค่1,500-2,000ล้านคนว่าเหลือมากที่สุดแล้วนะ,ไทยอาจเหลือแค่5-10ล้านคนในอนาคตอันใกล้ ข้างบ้านป่วยสะสม โรคสะสมตรึม ตลอดจัดงานศพติดๆกันก็ว่าแล้ว.,กรณีใช้ตังดิจิดัลแจกจ่ายจึงสะดวกรวดเร็วจริง,แต่ต้องฝ่ายดีฝ่ายแสงปกครองนะแบบสภากาแล็กติกจักรวาลช่วยควบคุมระบบก็ว่า.,เฉลี่ยต่อคนชาวโลก อาจมากกว่า1,000ล้านเหรียญต่อคนต่อตลอดชีพได้สบายๆมาก,ตังทั้งโลกที่ฝ่ายแสงยึดทรัพย์มาจากฝ่ายมืดใช้ไปอีกเป็นแสนๆปีก็ยังใช้ไม่หมด,แต่ถ้าเบื้องต้นที่คนละ100ล้านเหรียญต่อคนต่อตลอดชีพถึงว่าทดลองเบิกจ่ายไปก่อนสามารถวิจัยประเมินผลติดตามค่าลยค่าบวกได้,ซึ่งอนาคตbricsอาจให้ประเทศสมาขิกใช้สกุลเงินbricsดิจิดัลนำร่องและใช้ในอัตรา1ต่อ1(1:1) 1บาทไทยต่อ1หยวนจีน นั้นเอง,ทำเป็นมาตรฐานสากล,จากนั้นตัง100ล้านเหรียญนี้ต่อคนต่อตลอดชีพจะตีมูลค่าที่100ล้านบาทเสมอกันกับ100ล้านหยวนนั้นเอง, ..บางคนอาจว่าคนไทยเราได้น้อยเมื่อเทียบทรัพยากรมีค่ามากมายของชาติไทยเราจริงที่เฉลี่ยต่อคนอาจมากถึง400ถึง800ล้านบาทต่อคนต่อตลอดชีพ,แต่นี้คือค่าประเมินเบื้องต้นจากมากกว่าคนละ1,000ล้านเหรียญที่ตีค่าไว้,ซึ่งอนาคตเมื่อชาวโลกเราอัพเรเวลสู่มิติ5Dเบื้องต้นหรือบรรลุธรรมจักรวาล ตังอาจไร้ค่าทันทีก็ว่า,สภาวะจิตวิญญาณใครมันสุดยอดแล้วนั้นเอง. ..เวลามนุษย์โลกชาวโลกคนใดจะย้ายไปอยู่ประเทศไหนๆสถานะการเงินจะย้ายไปทันทีด้วย,ประเทศนั้นๆจะมีตังบริหารจัดการชาติทันทีเพื่อช่วยดูแลชีวิตมนุษย์ทันนั้นๆรับเพิ่มทันทีที่1ล้านเหรียญต่อปีเช่นกัน,แยกต่างหากจากตังส่วนตัวของบุคคลนั้นๆที่ย้ายไปอยู่เพื่อแบ่งเบาภาวะทรัพยากรที่ประเทศนั้นๆเตรียมพร้อมรองรับในการใช้ชีวิตของมนุษย์โลกเราคนนั้นก็ว่า, ตัวอย่างคือ ประเทศไทยเรามีประชากร66ล้านคนก็66ล้านเหรียญในบัญชีตังดิจิดัลต่อคนต่อปีในการใช้จ่ายในชีวิต ส่วนรัฐบาลก็จะได้ทันทีแยกต่างหากเป็นสาธารณะแก่รัฐนั้นๆที่66ล้านเหรียญต่อคนต่อปีเช่นกัน,มีคนชาวโลกจากประเทศอื่นย้ายเข้ามาอยู่อาศันบนแผ่นดินไทยสัก20ล้านคนก็รับเพิ่มอีก20ล้านเหรียญให้แก่รัฐประเทศนั้นๆ,ปีต่อไปมีคนย้ายออกจากประเทศไทยที่50ล้านคน ,ผลคือ50ล้านเหรียญนี้จะย้ายตามคนนั้นๆไปจ่ายให้รัฐบาลประเทศอื่นนั้นๆเป็นสาธารณะให้รัฐบาลนั้นบริหารจัดการก็ว่าแทนที่เดิม,นี้ตังติดบุคคลช่วยลดภาระการไปอยู่บ้านเมืองอื่นที่ต้องการ,เด็กๆหรือบุคคลใดๆเข้ามาประเทศไทยเราแบบลักษณะคลิปนี้ เราสามารถดูแลชีวิตเขาได้เต็มที่ ตลอดเขาเองก็มีตังติดตัวมหาศาลไม่น้อย,เราจึงสามารถจรรโลงสร้างสรรค์โลกให้สวยงามดีงามสงบสุขสันติร่วมกันของทุกๆคนชาวโลกได้. .. ..https://youtube.com/shorts/Fv4asOidqg4?si=mwct5bmVmjBY47QJ
    0 Comments 0 Shares 621 Views 0 Reviews
  • Reachy Mini – หุ่นยนต์ตั้งโต๊ะราคาประหยัดที่ใครก็เข้าถึงได้

    Hugging Face ซึ่งเป็นบริษัทที่รู้จักกันดีในวงการ AI ซอฟต์แวร์ ได้ก้าวเข้าสู่โลกฮาร์ดแวร์อย่างเต็มตัวด้วยการเปิดตัว Reachy Mini หุ่นยนต์ตั้งโต๊ะขนาด 11 นิ้ว ที่ออกแบบมาเพื่อให้นักพัฒนา ครู และผู้สนใจทั่วไปสามารถทดลองใช้งาน AI และหุ่นยนต์ได้ในราคาย่อมเยา

    Reachy Mini มีให้เลือก 2 รุ่น:
    - รุ่น Lite: ต้องเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ภายนอก
    - รุ่น Wireless: มาพร้อม Raspberry Pi 5, แบตเตอรี่ และ Wi-Fi ใช้งานได้แบบอิสระ

    ตัวหุ่นยนต์มีความสามารถในการเคลื่อนไหวศีรษะ หมุนตัว และขยับเสาอากาศแบบแอนิเมชัน พร้อมกล้องมุมกว้าง ไมโครโฟน และลำโพงสำหรับการโต้ตอบด้วยเสียงและภาพ

    ผู้ใช้สามารถเข้าถึงพฤติกรรมที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้ากว่า 15 แบบ เช่น การติดตามใบหน้าและมือ หรือการเต้น และยังสามารถดาวน์โหลด แชร์ หรือสร้างแอปหุ่นยนต์ใหม่ผ่านแพลตฟอร์มของ Hugging Face ได้อีกด้วย

    ที่สำคัญคือ Hugging Face เปิดเผยทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และสภาพแวดล้อมจำลองแบบโอเพนซอร์สทั้งหมด เพื่อให้ชุมชนสามารถปรับแต่งและพัฒนาต่อได้อย่างอิสระ

    อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่โลกฮาร์ดแวร์ก็มีความท้าทาย เช่น การผลิต การควบคุมคุณภาพ และโลจิสติกส์ ซึ่ง Hugging Face แก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยการจัดส่งเป็นชุดกึ่งประกอบ เพื่อให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมและให้ฟีดแบ็กกลับมา

    ข้อมูลจากข่าว
    - Hugging Face เปิดตัว Reachy Mini หุ่นยนต์ตั้งโต๊ะขนาด 11 นิ้ว ราคาเริ่มต้น $299
    - มี 2 รุ่น: Lite (ต้องใช้คอมพิวเตอร์ภายนอก) และ Wireless (มี Raspberry Pi 5 และ Wi-Fi)
    - รองรับการเขียนโปรแกรมด้วย Python และจะเพิ่ม JavaScript กับ Scratch ในอนาคต
    - มีความสามารถในการเคลื่อนไหวและโต้ตอบด้วยเสียงและภาพ
    - มีพฤติกรรมติดตั้งไว้ล่วงหน้ากว่า 15 แบบ เช่น การติดตามใบหน้าและมือ
    - เปิดให้ดาวน์โหลด แชร์ และสร้างแอปหุ่นยนต์ผ่านแพลตฟอร์มของ Hugging Face
    - ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ทั้งหมดเป็นโอเพนซอร์ส
    - จัดส่งเป็นชุดกึ่งประกอบเพื่อให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการพัฒนา

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - การประกอบชุดกึ่งสำเร็จอาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่มีพื้นฐานด้านฮาร์ดแวร์
    - การใช้งาน AI แบบโลคอลอาจต้องการความเข้าใจด้านการตั้งค่าและความปลอดภัยของข้อมูล
    - แม้จะเปิดโอเพนซอร์ส แต่การพัฒนาแอปหุ่นยนต์ยังต้องใช้ทักษะด้านโปรแกรมมิ่ง
    - ความท้าทายด้านการผลิตและโลจิสติกส์อาจส่งผลต่อคุณภาพและการจัดส่งในช่วงแรก
    - ผู้ใช้ควรตรวจสอบความเข้ากันได้ของอุปกรณ์เสริมก่อนซื้อรุ่น Lite

    https://www.techspot.com/news/108629-hugging-face-introduces-open-source-desktop-robot-299.html
    Reachy Mini – หุ่นยนต์ตั้งโต๊ะราคาประหยัดที่ใครก็เข้าถึงได้ Hugging Face ซึ่งเป็นบริษัทที่รู้จักกันดีในวงการ AI ซอฟต์แวร์ ได้ก้าวเข้าสู่โลกฮาร์ดแวร์อย่างเต็มตัวด้วยการเปิดตัว Reachy Mini หุ่นยนต์ตั้งโต๊ะขนาด 11 นิ้ว ที่ออกแบบมาเพื่อให้นักพัฒนา ครู และผู้สนใจทั่วไปสามารถทดลองใช้งาน AI และหุ่นยนต์ได้ในราคาย่อมเยา Reachy Mini มีให้เลือก 2 รุ่น: - รุ่น Lite: ต้องเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ภายนอก - รุ่น Wireless: มาพร้อม Raspberry Pi 5, แบตเตอรี่ และ Wi-Fi ใช้งานได้แบบอิสระ ตัวหุ่นยนต์มีความสามารถในการเคลื่อนไหวศีรษะ หมุนตัว และขยับเสาอากาศแบบแอนิเมชัน พร้อมกล้องมุมกว้าง ไมโครโฟน และลำโพงสำหรับการโต้ตอบด้วยเสียงและภาพ ผู้ใช้สามารถเข้าถึงพฤติกรรมที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้ากว่า 15 แบบ เช่น การติดตามใบหน้าและมือ หรือการเต้น และยังสามารถดาวน์โหลด แชร์ หรือสร้างแอปหุ่นยนต์ใหม่ผ่านแพลตฟอร์มของ Hugging Face ได้อีกด้วย ที่สำคัญคือ Hugging Face เปิดเผยทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และสภาพแวดล้อมจำลองแบบโอเพนซอร์สทั้งหมด เพื่อให้ชุมชนสามารถปรับแต่งและพัฒนาต่อได้อย่างอิสระ อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่โลกฮาร์ดแวร์ก็มีความท้าทาย เช่น การผลิต การควบคุมคุณภาพ และโลจิสติกส์ ซึ่ง Hugging Face แก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยการจัดส่งเป็นชุดกึ่งประกอบ เพื่อให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมและให้ฟีดแบ็กกลับมา ✅ ข้อมูลจากข่าว - Hugging Face เปิดตัว Reachy Mini หุ่นยนต์ตั้งโต๊ะขนาด 11 นิ้ว ราคาเริ่มต้น $299 - มี 2 รุ่น: Lite (ต้องใช้คอมพิวเตอร์ภายนอก) และ Wireless (มี Raspberry Pi 5 และ Wi-Fi) - รองรับการเขียนโปรแกรมด้วย Python และจะเพิ่ม JavaScript กับ Scratch ในอนาคต - มีความสามารถในการเคลื่อนไหวและโต้ตอบด้วยเสียงและภาพ - มีพฤติกรรมติดตั้งไว้ล่วงหน้ากว่า 15 แบบ เช่น การติดตามใบหน้าและมือ - เปิดให้ดาวน์โหลด แชร์ และสร้างแอปหุ่นยนต์ผ่านแพลตฟอร์มของ Hugging Face - ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ทั้งหมดเป็นโอเพนซอร์ส - จัดส่งเป็นชุดกึ่งประกอบเพื่อให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการพัฒนา ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - การประกอบชุดกึ่งสำเร็จอาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่มีพื้นฐานด้านฮาร์ดแวร์ - การใช้งาน AI แบบโลคอลอาจต้องการความเข้าใจด้านการตั้งค่าและความปลอดภัยของข้อมูล - แม้จะเปิดโอเพนซอร์ส แต่การพัฒนาแอปหุ่นยนต์ยังต้องใช้ทักษะด้านโปรแกรมมิ่ง - ความท้าทายด้านการผลิตและโลจิสติกส์อาจส่งผลต่อคุณภาพและการจัดส่งในช่วงแรก - ผู้ใช้ควรตรวจสอบความเข้ากันได้ของอุปกรณ์เสริมก่อนซื้อรุ่น Lite https://www.techspot.com/news/108629-hugging-face-introduces-open-source-desktop-robot-299.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Hugging Face introduces open-source desktop robot for $299
    Unlike traditional robotics systems that often come with hefty price tags and proprietary software, Reachy Mini is fully programmable in Python, with support for JavaScript and Scratch...
    0 Comments 0 Shares 278 Views 0 Reviews
  • หนึ่งในอุปสรรคของการพัฒนาแผงโซลาร์เซลล์คือการวัด “คุณสมบัติแสง” ของวัสดุใหม่แต่ละชนิดต้องใช้เวลาและแรงงานมหาศาล → นักวิจัย MIT จึงสร้างหุ่นยนต์ที่สามารถวิเคราะห์วัสดุโดยอัตโนมัติ ทั้งการถ่ายภาพ, คำนวณจุดสัมผัส, และวัดการนำไฟฟ้าเมื่อโดนแสง (photoconductance)

    มันไม่ใช้วิธีแบบเดาสุ่ม — แต่นำความรู้จากนักเคมีและนักวัสดุมาป้อนเข้าโมเดล AI → เพื่อให้หุ่นยนต์ “เลือกจุดที่ควรแตะ” ด้วยวิธี self-supervised learning → แถมยังใช้ path planning แบบสุ่มนิด ๆ เพื่อหาทางเดินที่สั้นที่สุดระหว่างจุดวัดต่าง ๆ

    ผลลัพธ์คือ → วัดค่าได้มากกว่า 125 จุดต่อชั่วโมง → ในเวลา 24 ชั่วโมง เก็บข้อมูลได้มากกว่า 3,000 จุด → แถมแม่นกว่าวิธี AI แบบเดิมที่เคยใช้ในการค้นหาวัสดุใหม่

    เป้าหมายคือการนำหุ่นยนต์นี้ไปใช้กับ “perovskite” — วัสดุโซลาร์เซลล์รุ่นใหม่ที่ราคาถูกแต่มีแนวโน้มประสิทธิภาพสูง → ถ้าแล็บนี้ทำงานได้ดีจริง ก็เท่ากับเปิดทางให้วงการแผงโซลาร์เซลล์พัฒนาเร็วขึ้นหลายเท่าแบบไม่ต้องรอมนุษย์วัดทีละจุดอีกต่อไป!

    MIT พัฒนาระบบหุ่นยนต์อัตโนมัติสำหรับวัดคุณสมบัติของวัสดุเซมิคอนดักเตอร์โดยตรง  
    • ใช้ AI วางจุดสัมผัสและวัด photoconductance  
    • เหมาะกับวัสดุที่ต้องสัมผัสจริง เช่น perovskite ที่ใช้ในแผงโซลาร์เซลล์

    ระบบมี 3 ส่วนหลัก:  
    • กล้อง + vision model แยกรูปร่างวัสดุ  
    • Neural network วางจุดที่ควรวัด → แบบไม่ต้องใช้ข้อมูล training  
    • Path planner วางแผนเส้นทางเดินให้หุ่นยนต์แตะวัสดุแบบเร็วที่สุด

    ความสามารถสูงกว่าเดิม:  
    • เก็บข้อมูลได้ 125 จุด/ชม. → รวม 3,000 จุดใน 1 วัน  
    • แม่นยำกว่า AI วิธีเก่า 7 แบบ  
    • วัดจุดที่บ่งบอกทั้งประสิทธิภาพสูง และจุดที่วัสดุเริ่มเสื่อม

    เป้าหมายเพื่อใช้สร้าง “ห้องแล็บอัตโนมัติเต็มรูปแบบ” สำหรับค้นพบวัสดุใหม่ในอนาคต  
    • ได้รับการสนับสนุนจากหลายองค์กร เช่น First Solar, US DoE, Eni, MathWorks

    https://www.techspot.com/news/108604-autonomous-mit-robot-helps-discover-better-materials-solar.html
    หนึ่งในอุปสรรคของการพัฒนาแผงโซลาร์เซลล์คือการวัด “คุณสมบัติแสง” ของวัสดุใหม่แต่ละชนิดต้องใช้เวลาและแรงงานมหาศาล → นักวิจัย MIT จึงสร้างหุ่นยนต์ที่สามารถวิเคราะห์วัสดุโดยอัตโนมัติ ทั้งการถ่ายภาพ, คำนวณจุดสัมผัส, และวัดการนำไฟฟ้าเมื่อโดนแสง (photoconductance) มันไม่ใช้วิธีแบบเดาสุ่ม — แต่นำความรู้จากนักเคมีและนักวัสดุมาป้อนเข้าโมเดล AI → เพื่อให้หุ่นยนต์ “เลือกจุดที่ควรแตะ” ด้วยวิธี self-supervised learning → แถมยังใช้ path planning แบบสุ่มนิด ๆ เพื่อหาทางเดินที่สั้นที่สุดระหว่างจุดวัดต่าง ๆ ผลลัพธ์คือ → วัดค่าได้มากกว่า 125 จุดต่อชั่วโมง → ในเวลา 24 ชั่วโมง เก็บข้อมูลได้มากกว่า 3,000 จุด → แถมแม่นกว่าวิธี AI แบบเดิมที่เคยใช้ในการค้นหาวัสดุใหม่ เป้าหมายคือการนำหุ่นยนต์นี้ไปใช้กับ “perovskite” — วัสดุโซลาร์เซลล์รุ่นใหม่ที่ราคาถูกแต่มีแนวโน้มประสิทธิภาพสูง → ถ้าแล็บนี้ทำงานได้ดีจริง ก็เท่ากับเปิดทางให้วงการแผงโซลาร์เซลล์พัฒนาเร็วขึ้นหลายเท่าแบบไม่ต้องรอมนุษย์วัดทีละจุดอีกต่อไป! ✅ MIT พัฒนาระบบหุ่นยนต์อัตโนมัติสำหรับวัดคุณสมบัติของวัสดุเซมิคอนดักเตอร์โดยตรง   • ใช้ AI วางจุดสัมผัสและวัด photoconductance   • เหมาะกับวัสดุที่ต้องสัมผัสจริง เช่น perovskite ที่ใช้ในแผงโซลาร์เซลล์ ✅ ระบบมี 3 ส่วนหลัก:   • กล้อง + vision model แยกรูปร่างวัสดุ   • Neural network วางจุดที่ควรวัด → แบบไม่ต้องใช้ข้อมูล training   • Path planner วางแผนเส้นทางเดินให้หุ่นยนต์แตะวัสดุแบบเร็วที่สุด ✅ ความสามารถสูงกว่าเดิม:   • เก็บข้อมูลได้ 125 จุด/ชม. → รวม 3,000 จุดใน 1 วัน   • แม่นยำกว่า AI วิธีเก่า 7 แบบ   • วัดจุดที่บ่งบอกทั้งประสิทธิภาพสูง และจุดที่วัสดุเริ่มเสื่อม ✅ เป้าหมายเพื่อใช้สร้าง “ห้องแล็บอัตโนมัติเต็มรูปแบบ” สำหรับค้นพบวัสดุใหม่ในอนาคต   • ได้รับการสนับสนุนจากหลายองค์กร เช่น First Solar, US DoE, Eni, MathWorks https://www.techspot.com/news/108604-autonomous-mit-robot-helps-discover-better-materials-solar.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    New MIT robot could unlock next-generation solar panel technology
    At the heart of the system is a robotic probe capable of measuring photoconductance, a property that reveals how a material responds to light. By integrating expert...
    0 Comments 0 Shares 266 Views 0 Reviews

  • ..555,ขึ้นไปเถอะถึง100%ก็ตามสบาย,ใครเสียผลประโยชน์ก็บริษัทเอกชนไทยทั้งสิ้นที่กำไรลดลงล่ะ,ตลอดถึงต่างชาติที่มาตั้งฐานโรงงานในไทยยืมแผ่นดินยืมชื่อประเทศไทยทำกำไรรายได้มหาศาลแก่ตนเองผ่านเนมไทยนี้ล่ะ,ไทยก็เข้าbrics แล้วจะกลัวอะไรก็ค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าในกลุ่มสมาชิกประเทศbricsสิ,ก็บอกแล้วจบรัฐบาลนี้ทัังแกนนำพรรครัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลให้หมดจบเร็วๆถีบออกเร็วๆ,จะแก้ไขปัญหาได้ทันทีในนายกฯพระราชทานเรา,พักงานสถาบันนักการเมืองชั่วคราวไปก่อนเพราะอนาคตอันใกล้นี้ ปัญญาสติธรรมดาพวกการเมืองไม่ทันวิกฤติโลกและภัยสาระพัดคุกคามที่โลกกระทำต่อประเทศต่างๆตลอดแบบเหี้ยเขมรคือภัยคุกคามด้านหนึ่งมุมหนึ่งให้เห็นล่วงหน้าชัดในอนาคตด้วยว่า อนาคต โลกต้องเป็นไปแบบใด ประเทศนั้นๆต้องเป็นไปทันโลกแก้เกมส์ให้ตนรอดจากโลกกระทำตนแบบใด นี้คือผู้นำไทยต้องขึ้นมาปกครองในอนาคตมีวิสัยทัศน์ทันกาลแบบนี้,มิใช่แบบปัจจุบันจริงๆ,,ทรัมป์มันเอาประเทศมันก่อน นี้คือความชัดเจนของการแสดงตัวตน,เราก็ต้องเอาประเทศไทยก่อน ชาติไทยเราก่อน คนไทยเราต้องมาก่อนเช่นกัน,ค้ากับอเมริกน้อยลงจะเป็นอะไร,รัฐบาลค้าขายในนามรัฐบาลมั้ยก็ไม่ใช่ เอกชนค้าขายกันเอง ร่ำรวยกันเองแค่รัฐบาลออกหน้าข่วยเท่านั้น,คนไทยก็ยากจนปกติแม้เอกชนไทยจะร่ำรวยติด50อันดับโลกเป็นอันมากก็ว่า,น้ำมันส่งออกไปอเมริกา ถามจริงๆบริษัทอเมริกาเองตั้งในประเทศไทยดูดน้ำมันบนแผ่นดินมากมายหลายบริษัท ถ้าทรัมป์ขึ้นภาษีน้ำมันดิบเข้าอเมริกาสัก300%อเมริกาในนามทรัมป์ได้ประโยชน์นะ,พวกนีัขายให้ไทยที่ไหน,มันบอกว่านำเข้าสู่ไทยนะรัฐบาลยุคเก่าๆนะ,ประเทศไทยมีน้ำมันน้อยมันว่า,ขึ้นสัก1,000%เลยก็ตามสบาย ไทยเราก็ไปค้าขายกับชาติอื่นสิ,นายกฯคนใหม่จบนานแล้ว,เด็กๆเจรจาอะไรมากพะสาทรัมป์,พะสาอเมริกา,เรา..มีเศรษฐกิจพอเพียงชูเป็นวาระแห่งชาตินโยบายชาติในการขับเคลื่อนประเทศจริง,ยึดบ่อน้ำมันอเมริกาและต่างชาติคืนทั้งหมดเพราะไม่ชอบด้วยสภาประชาธิปไตยแต่แรก สามารถโมฆะได้ ด้วยเป็นภัยคุกคามอธิปไตยประชาธิปไตยเราแต่ต้นโดยต่างชาติทุจริตกับข้าราชการไทยร่างกฎหมายไม่ผ่านสภาตามระบบประชาธิปไตยไทยเรา,ขัดต่อพื้นฐานระบบปกครองชัดเจน,สามารถโมฆะชอบด้วยธรรม,จากนัันดูดขายภายในประเทศราคาไม่แพงลิตรละ1-2บาทพอใน4-5ปีแล้ววิจัยผลทั้งหมดทั้งเชิงบวกเชิงลบ,พื้นฐานลดต้นทุนฐานของคนไทยลงทั้งหมดก่อน,จากนั้นอัดกระบวนการพึ่งพาตนเอง ภายในครอบครัวและส่วนตัวใครมันให้ได้พร้อมๆกันทั่วประเทศใน4-5ปีแรกนี้เช่นกัน,อัดตังสัมมาชีวิตสัมมาอาชีพเขาลงไปเบื้องต้น เช่น20ล้านครัวเรือน,ครัวเกษตรกรก่อนสักประมาณ6-10ล้านครัวเรือนๆละ100,000บาท เขาจะมีทุนปลูกนั่นนี้เลี้ยงนั้นนี้เป็นอาหารทันทีอาจยั่งยืนด้วยที่6แสนล้านบาทถึง1ล้านล้านบาทเอง,แต่ต้นทุนทางการเกษตรจากน้ำมันลิตรละ1-2บาทลดลงด้วยนะ 1ไร่อาจทำนาแค่30-60บาทต่อไร่เลย,ปุ๋ยกระสอบละ5-10บาทเองเพราะรัฐบาลส่งเสริมตรึมมากมายหลายทางตลอดค้าออฟไลน์ออนไลน์ก็สร้างแพลตฟอร์มเรียลไทม์รองรับตลาดไว้ให้ทั้งขายภายในประเทศและต่างประเทศฟรีๆไร้การเก็บค่าใดๆแบบแอปเอกชน ขายราคาไม่แพงตรงปลอดสารพิษจากสวนจากโรงงานร้านค้าตลอดประสานขนส่งโลจิตส์ต่างๆถูกๆอีกภายในประเทศ,หมุนเวียนทั่วโลกอาจกว่า100ล้านล้านบาทต่อปีในทุกๆสัมมาอาชีพสไตล์ไทยเรา,คือกาก กระจอกจริงๆ แค่มีผู้นำดีบนแผ่นดินไทย ขึ้นว่าคนจนยากจนจะไม่มีบนแผ่นดินไทยเลย,พื้นๆคนไทยทุกๆคน อาจมีตังในบัญชีเงินฝากกองทุนแห่งชาติไทยตนเองมิใช่ในธนาคารเอกชนนะ อาจคนละ10ล้านบาทต่อปีขั้นต่ำในทุกๆคนไทยเรา,ไม่เกิน4-5ปีก็ว่า,หรือพื้นฐานครัวเรือนคนไทยทุกๆครัวเรือนกว่า20ล้านครัวเรือนนี้ในสถานะประชาชนทั่วไปด้วยอาจมีกันคนละ20ล้านบาทต่อปีต่อครัวเรือนนั้นๆก็ว่า,หรือไม่ต่ำกว่าล้านบาทต่อปีก็ว่าหมุนเวียนในสัมมาชีวิตสัมมาอาชีพเขาในรากฐานเศรษฐกิจเพียงพอพอเพียงแบบไทยเรา,ทุกๆคนมีเพียงพอพอเพียงในปากท้องการกินอยู่การมีตังมีเงินทองคู่ศีลธรรมความดีงามบนระดับจิตใจที่เลิศค่าสไตล์เมืองยิ้มคนไทยเรานี้ล่ะ,
    ..คนดีคนเก่งบนแผ่นดินไทยเราธรรมดาที่ไหนมีไม่น้อยด้วย,ทหารพระราชาเราต้องตัดสิ้นใจเด็ดขาดจริงๆ,โลกไม่เหมือนเดิมแล้ว,เงาชั่วร้ายบนความล้ำสมัยอันตรายกว่ายุคเก่าก่อนทวีคูณยกกำลังสิบนะ,จะมาเล่นๆทำเล่นๆไม่ได้,เผด็จการคอมมิวนิสต์ก็เป็นฝ่ายมืดส่งออก,ประชาธิปไตยก็ฝ่ายมืดส่งออกนะ,แต่ระบบพระมหากษัตริย์ไม่ใช่,เราคือระบบพ่อแม่ปกครองลูก,ถ้าไม่ใช่ระบบนี้ ระบบพระมหากษัตริย์ประจำประเทศไทยจะเป็นแบบฝรั่งเศสสิ้นซากทันที,และเรามีพระพุทธศาสนาค้ำจุนระดับจิตใจกายนัยของคนไทยมิเช่นนั้นก็ไปวัดเช่นกัน,ตลอดสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายผู้มีฤทธิ์ในแต่ล่ะสภาวะกายจิตนั้นอีกตรึมเต็มประเทศ จึงไม่ธรรมดาเลย ถึงพ่อแม่ครูบาอาจารย์พระอรหันต์ที่เหาะเหินเดินอากาศไปมาตรึมในไทยที่มิไปไหนอีกยังคุ้มครองคนดีบนแผ่นดินไทยคุ้มครองพระพุทธศาสนาจนจะสิ้น5,000ปีอีก,ศาสนาอื่นเพียงมาพึ่งพาอาศัยเท่านั้น,หลักๆคือพระมหากษัตริย์เรา พระพุทธศาสนาและเรา..ประชาชน จึงร่วมดำรงชาติไทยเราไว้ได้ อเมริกาขี้หมา เอาแต่ได้เห็นแก่ตัวปล้นชิงแย่งสมบัติทรัพยากรเราเป็นอันดับหนึ่งสายใต้ดินทางลับโน้น,โกงแบบลับๆกินแบบแอบๆลับๆไม่บอกใคร,ญี่ปุ่นว่าทำสัญญาเหี้ยในอดีต แต่อเมริกาเหี้ยกว่ามากแดกเราทั้งประเทศเลย,สงครามเป็นอันมากบนโลกนี้ก็พวกฝรั่งยุโรปอเมริกาทั้งนั้นปั่นป่วนวุ่นวายจะขายเครื่องจักรอาวุธ,อนาคตมันจะขายหุ่นยนต์รบเร็วๆนี้ล่ะ,จีนผลิตเต็มใต้ดิน ไม่ต่างจากอเมริกาหรอกหรือรัสเชียยุโรปด้วยหรือในหลายๆประเทศทั่วโลกทำที่ใต้ดินตรึมแล้ว,หนังคนเหล็กนั่นล่ะคือตัวอย่างๆ,ผู้นำไทยเราจึงสำคัญมากในการจะปกป้องรักษาบ้านเราเองไว้มิให้ใครมาทำลายง่ายๆตราบใดที่มนุษย์โลกยังต่ำไม่สามารถยกระดับจิตระดับใจให้สูงขึ้นเป็นอันมากเป็นอันหมู่มากยังไม่ได้,
    ..ในที่นี้ ทรัมป์มันก็ทำเพื่อประเทศมัน,เราประเทศไทยล่ะ ต้องยุบสถาบันนักการเมืองลงจริงๆเลย จะชั่วคราวหรือถาวรก็ตาม ประเทศไทยต้องสร้างระบบปกครองตนเองใหม่จริงๆในสไตล์ของเรา..ประเทศไทยตนเองเป็นของตนเอง.
    ..
    ..https://youtu.be/9a4L5BVu0Bw?si=mbP9Lexz3_sDgBZL
    ..555,ขึ้นไปเถอะถึง100%ก็ตามสบาย,ใครเสียผลประโยชน์ก็บริษัทเอกชนไทยทั้งสิ้นที่กำไรลดลงล่ะ,ตลอดถึงต่างชาติที่มาตั้งฐานโรงงานในไทยยืมแผ่นดินยืมชื่อประเทศไทยทำกำไรรายได้มหาศาลแก่ตนเองผ่านเนมไทยนี้ล่ะ,ไทยก็เข้าbrics แล้วจะกลัวอะไรก็ค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าในกลุ่มสมาชิกประเทศbricsสิ,ก็บอกแล้วจบรัฐบาลนี้ทัังแกนนำพรรครัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลให้หมดจบเร็วๆถีบออกเร็วๆ,จะแก้ไขปัญหาได้ทันทีในนายกฯพระราชทานเรา,พักงานสถาบันนักการเมืองชั่วคราวไปก่อนเพราะอนาคตอันใกล้นี้ ปัญญาสติธรรมดาพวกการเมืองไม่ทันวิกฤติโลกและภัยสาระพัดคุกคามที่โลกกระทำต่อประเทศต่างๆตลอดแบบเหี้ยเขมรคือภัยคุกคามด้านหนึ่งมุมหนึ่งให้เห็นล่วงหน้าชัดในอนาคตด้วยว่า อนาคต โลกต้องเป็นไปแบบใด ประเทศนั้นๆต้องเป็นไปทันโลกแก้เกมส์ให้ตนรอดจากโลกกระทำตนแบบใด นี้คือผู้นำไทยต้องขึ้นมาปกครองในอนาคตมีวิสัยทัศน์ทันกาลแบบนี้,มิใช่แบบปัจจุบันจริงๆ,,ทรัมป์มันเอาประเทศมันก่อน นี้คือความชัดเจนของการแสดงตัวตน,เราก็ต้องเอาประเทศไทยก่อน ชาติไทยเราก่อน คนไทยเราต้องมาก่อนเช่นกัน,ค้ากับอเมริกน้อยลงจะเป็นอะไร,รัฐบาลค้าขายในนามรัฐบาลมั้ยก็ไม่ใช่ เอกชนค้าขายกันเอง ร่ำรวยกันเองแค่รัฐบาลออกหน้าข่วยเท่านั้น,คนไทยก็ยากจนปกติแม้เอกชนไทยจะร่ำรวยติด50อันดับโลกเป็นอันมากก็ว่า,น้ำมันส่งออกไปอเมริกา ถามจริงๆบริษัทอเมริกาเองตั้งในประเทศไทยดูดน้ำมันบนแผ่นดินมากมายหลายบริษัท ถ้าทรัมป์ขึ้นภาษีน้ำมันดิบเข้าอเมริกาสัก300%อเมริกาในนามทรัมป์ได้ประโยชน์นะ,พวกนีัขายให้ไทยที่ไหน,มันบอกว่านำเข้าสู่ไทยนะรัฐบาลยุคเก่าๆนะ,ประเทศไทยมีน้ำมันน้อยมันว่า,ขึ้นสัก1,000%เลยก็ตามสบาย ไทยเราก็ไปค้าขายกับชาติอื่นสิ,นายกฯคนใหม่จบนานแล้ว,เด็กๆเจรจาอะไรมากพะสาทรัมป์,พะสาอเมริกา,เรา..มีเศรษฐกิจพอเพียงชูเป็นวาระแห่งชาตินโยบายชาติในการขับเคลื่อนประเทศจริง,ยึดบ่อน้ำมันอเมริกาและต่างชาติคืนทั้งหมดเพราะไม่ชอบด้วยสภาประชาธิปไตยแต่แรก สามารถโมฆะได้ ด้วยเป็นภัยคุกคามอธิปไตยประชาธิปไตยเราแต่ต้นโดยต่างชาติทุจริตกับข้าราชการไทยร่างกฎหมายไม่ผ่านสภาตามระบบประชาธิปไตยไทยเรา,ขัดต่อพื้นฐานระบบปกครองชัดเจน,สามารถโมฆะชอบด้วยธรรม,จากนัันดูดขายภายในประเทศราคาไม่แพงลิตรละ1-2บาทพอใน4-5ปีแล้ววิจัยผลทั้งหมดทั้งเชิงบวกเชิงลบ,พื้นฐานลดต้นทุนฐานของคนไทยลงทั้งหมดก่อน,จากนั้นอัดกระบวนการพึ่งพาตนเอง ภายในครอบครัวและส่วนตัวใครมันให้ได้พร้อมๆกันทั่วประเทศใน4-5ปีแรกนี้เช่นกัน,อัดตังสัมมาชีวิตสัมมาอาชีพเขาลงไปเบื้องต้น เช่น20ล้านครัวเรือน,ครัวเกษตรกรก่อนสักประมาณ6-10ล้านครัวเรือนๆละ100,000บาท เขาจะมีทุนปลูกนั่นนี้เลี้ยงนั้นนี้เป็นอาหารทันทีอาจยั่งยืนด้วยที่6แสนล้านบาทถึง1ล้านล้านบาทเอง,แต่ต้นทุนทางการเกษตรจากน้ำมันลิตรละ1-2บาทลดลงด้วยนะ 1ไร่อาจทำนาแค่30-60บาทต่อไร่เลย,ปุ๋ยกระสอบละ5-10บาทเองเพราะรัฐบาลส่งเสริมตรึมมากมายหลายทางตลอดค้าออฟไลน์ออนไลน์ก็สร้างแพลตฟอร์มเรียลไทม์รองรับตลาดไว้ให้ทั้งขายภายในประเทศและต่างประเทศฟรีๆไร้การเก็บค่าใดๆแบบแอปเอกชน ขายราคาไม่แพงตรงปลอดสารพิษจากสวนจากโรงงานร้านค้าตลอดประสานขนส่งโลจิตส์ต่างๆถูกๆอีกภายในประเทศ,หมุนเวียนทั่วโลกอาจกว่า100ล้านล้านบาทต่อปีในทุกๆสัมมาอาชีพสไตล์ไทยเรา,คือกาก กระจอกจริงๆ แค่มีผู้นำดีบนแผ่นดินไทย ขึ้นว่าคนจนยากจนจะไม่มีบนแผ่นดินไทยเลย,พื้นๆคนไทยทุกๆคน อาจมีตังในบัญชีเงินฝากกองทุนแห่งชาติไทยตนเองมิใช่ในธนาคารเอกชนนะ อาจคนละ10ล้านบาทต่อปีขั้นต่ำในทุกๆคนไทยเรา,ไม่เกิน4-5ปีก็ว่า,หรือพื้นฐานครัวเรือนคนไทยทุกๆครัวเรือนกว่า20ล้านครัวเรือนนี้ในสถานะประชาชนทั่วไปด้วยอาจมีกันคนละ20ล้านบาทต่อปีต่อครัวเรือนนั้นๆก็ว่า,หรือไม่ต่ำกว่าล้านบาทต่อปีก็ว่าหมุนเวียนในสัมมาชีวิตสัมมาอาชีพเขาในรากฐานเศรษฐกิจเพียงพอพอเพียงแบบไทยเรา,ทุกๆคนมีเพียงพอพอเพียงในปากท้องการกินอยู่การมีตังมีเงินทองคู่ศีลธรรมความดีงามบนระดับจิตใจที่เลิศค่าสไตล์เมืองยิ้มคนไทยเรานี้ล่ะ, ..คนดีคนเก่งบนแผ่นดินไทยเราธรรมดาที่ไหนมีไม่น้อยด้วย,ทหารพระราชาเราต้องตัดสิ้นใจเด็ดขาดจริงๆ,โลกไม่เหมือนเดิมแล้ว,เงาชั่วร้ายบนความล้ำสมัยอันตรายกว่ายุคเก่าก่อนทวีคูณยกกำลังสิบนะ,จะมาเล่นๆทำเล่นๆไม่ได้,เผด็จการคอมมิวนิสต์ก็เป็นฝ่ายมืดส่งออก,ประชาธิปไตยก็ฝ่ายมืดส่งออกนะ,แต่ระบบพระมหากษัตริย์ไม่ใช่,เราคือระบบพ่อแม่ปกครองลูก,ถ้าไม่ใช่ระบบนี้ ระบบพระมหากษัตริย์ประจำประเทศไทยจะเป็นแบบฝรั่งเศสสิ้นซากทันที,และเรามีพระพุทธศาสนาค้ำจุนระดับจิตใจกายนัยของคนไทยมิเช่นนั้นก็ไปวัดเช่นกัน,ตลอดสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายผู้มีฤทธิ์ในแต่ล่ะสภาวะกายจิตนั้นอีกตรึมเต็มประเทศ จึงไม่ธรรมดาเลย ถึงพ่อแม่ครูบาอาจารย์พระอรหันต์ที่เหาะเหินเดินอากาศไปมาตรึมในไทยที่มิไปไหนอีกยังคุ้มครองคนดีบนแผ่นดินไทยคุ้มครองพระพุทธศาสนาจนจะสิ้น5,000ปีอีก,ศาสนาอื่นเพียงมาพึ่งพาอาศัยเท่านั้น,หลักๆคือพระมหากษัตริย์เรา พระพุทธศาสนาและเรา..ประชาชน จึงร่วมดำรงชาติไทยเราไว้ได้ อเมริกาขี้หมา เอาแต่ได้เห็นแก่ตัวปล้นชิงแย่งสมบัติทรัพยากรเราเป็นอันดับหนึ่งสายใต้ดินทางลับโน้น,โกงแบบลับๆกินแบบแอบๆลับๆไม่บอกใคร,ญี่ปุ่นว่าทำสัญญาเหี้ยในอดีต แต่อเมริกาเหี้ยกว่ามากแดกเราทั้งประเทศเลย,สงครามเป็นอันมากบนโลกนี้ก็พวกฝรั่งยุโรปอเมริกาทั้งนั้นปั่นป่วนวุ่นวายจะขายเครื่องจักรอาวุธ,อนาคตมันจะขายหุ่นยนต์รบเร็วๆนี้ล่ะ,จีนผลิตเต็มใต้ดิน ไม่ต่างจากอเมริกาหรอกหรือรัสเชียยุโรปด้วยหรือในหลายๆประเทศทั่วโลกทำที่ใต้ดินตรึมแล้ว,หนังคนเหล็กนั่นล่ะคือตัวอย่างๆ,ผู้นำไทยเราจึงสำคัญมากในการจะปกป้องรักษาบ้านเราเองไว้มิให้ใครมาทำลายง่ายๆตราบใดที่มนุษย์โลกยังต่ำไม่สามารถยกระดับจิตระดับใจให้สูงขึ้นเป็นอันมากเป็นอันหมู่มากยังไม่ได้, ..ในที่นี้ ทรัมป์มันก็ทำเพื่อประเทศมัน,เราประเทศไทยล่ะ ต้องยุบสถาบันนักการเมืองลงจริงๆเลย จะชั่วคราวหรือถาวรก็ตาม ประเทศไทยต้องสร้างระบบปกครองตนเองใหม่จริงๆในสไตล์ของเรา..ประเทศไทยตนเองเป็นของตนเอง. .. ..https://youtu.be/9a4L5BVu0Bw?si=mbP9Lexz3_sDgBZL
    0 Comments 0 Shares 645 Views 0 Reviews
  • หากหุ่นยนต์กำลังหาไขควงที่อยู่ในลิ้นชักรก ๆ หรือของที่ซุกอยู่ในกล่องปิดมิดชิด โดยปกติอาจต้องใช้กล้องหรือจับดูเอง → แต่เทคโนโลยีใหม่นี้จาก MIT ที่ชื่อ mmNorm ช่วยให้หุ่นยนต์ “มองทะลุสิ่งของ” ด้วย คลื่นมิลลิเมตรเวฟ (mmWave) ซึ่งใกล้เคียงกับความถี่ Wi-Fi

    จุดสำคัญคือ มันไม่แค่วัด “ตำแหน่งที่คลื่นสะท้อนกลับมา” → แต่สามารถประเมินได้ว่า พื้นผิวด้านใน “เอียง” หรือ “โค้ง” ยังไง ด้วยเทคนิคที่เรียกว่า specularity-based surface normal estimation → ทำให้หุ่นยนต์สร้าง “ภาพสามมิติ” ของสิ่งที่ซ่อนอยู่ เช่น แยกได้ระหว่างช้อนกับมีดที่อยู่ในกล่อง

    แม่นขนาดไหน? → ทดสอบกับของ 60 ชิ้น พบว่าแม่นยำ 96% เทียบกับเรดาร์เดิมที่ได้แค่ 78% → ใช้ได้กับไม้, พลาสติก, แก้ว, ยาง — ยกเว้นโลหะหนา ๆ ยังมีปัญหาบ้าง

    นักวิจัยมองว่าเทคโนโลยีนี้จะใช้ได้ในหลายวงการ เช่น
    - หุ่นยนต์ค้นหาผู้รอดชีวิต (ค้นใต้ซาก)
    - หุ่นยนต์ดูแลบ้านผู้สูงอายุ (หาของหาย)
    - เครื่องสแกนความปลอดภัย (สแกนในกระเป๋าโดยไม่ต้องเปิด)

    MIT พัฒนาเทคนิคชื่อ mmNorm ใช้คลื่น mmWave (ระดับ Wi-Fi) ช่วยให้หุ่นยนต์มองเห็นวัตถุที่ถูกปิดบัง  
    • เช่น เห็นของในกล่อง, ลิ้นชัก, หรือหลังกำแพง  
    • ใช้ได้โดยไม่ต้องสัมผัสวัตถุ

    วิธีใหม่ไม่ใช้ back-projection แบบเก่า → แต่ใช้การคำนวณ surface normal แบบสะท้อนกระจก (specular reflection)  
    • รวมสัญญาณจากหลายเสาอากาศ  
    • เหมือนให้ทุกเสา “โหวต” ว่าพื้นผิวนั้นน่าจะหันไปทางไหน

    ทำความแม่นยำได้ 96% (จากการทดสอบกับของ 60 ชิ้น)  
    • ดีกว่าเทคโนโลยีก่อนหน้า 18%  
    • แยกวัตถุคล้ายกันได้ เช่น แยกช้อน–ส้อม–มีดในกล่องเดียวกัน

    ใช้งานได้กับวัสดุต่าง ๆ เช่น พลาสติก, แก้ว, ยาง, ไม้

    มีศักยภาพใช้ในหุ่นยนต์ AI สาย logistics, กู้ภัย, ผู้ช่วยส่วนตัว, และระบบสแกนความปลอดภัย

    https://www.techradar.com/pro/security/wi-fi-signals-could-be-used-by-ai-driven-robots-to-identify-objects-inside-boxes-or-even-tools-hidden-in-a-drawer
    หากหุ่นยนต์กำลังหาไขควงที่อยู่ในลิ้นชักรก ๆ หรือของที่ซุกอยู่ในกล่องปิดมิดชิด โดยปกติอาจต้องใช้กล้องหรือจับดูเอง → แต่เทคโนโลยีใหม่นี้จาก MIT ที่ชื่อ mmNorm ช่วยให้หุ่นยนต์ “มองทะลุสิ่งของ” ด้วย คลื่นมิลลิเมตรเวฟ (mmWave) ซึ่งใกล้เคียงกับความถี่ Wi-Fi จุดสำคัญคือ มันไม่แค่วัด “ตำแหน่งที่คลื่นสะท้อนกลับมา” → แต่สามารถประเมินได้ว่า พื้นผิวด้านใน “เอียง” หรือ “โค้ง” ยังไง ด้วยเทคนิคที่เรียกว่า specularity-based surface normal estimation → ทำให้หุ่นยนต์สร้าง “ภาพสามมิติ” ของสิ่งที่ซ่อนอยู่ เช่น แยกได้ระหว่างช้อนกับมีดที่อยู่ในกล่อง แม่นขนาดไหน? → ทดสอบกับของ 60 ชิ้น พบว่าแม่นยำ 96% เทียบกับเรดาร์เดิมที่ได้แค่ 78% → ใช้ได้กับไม้, พลาสติก, แก้ว, ยาง — ยกเว้นโลหะหนา ๆ ยังมีปัญหาบ้าง นักวิจัยมองว่าเทคโนโลยีนี้จะใช้ได้ในหลายวงการ เช่น - หุ่นยนต์ค้นหาผู้รอดชีวิต (ค้นใต้ซาก) - หุ่นยนต์ดูแลบ้านผู้สูงอายุ (หาของหาย) - เครื่องสแกนความปลอดภัย (สแกนในกระเป๋าโดยไม่ต้องเปิด) ✅ MIT พัฒนาเทคนิคชื่อ mmNorm ใช้คลื่น mmWave (ระดับ Wi-Fi) ช่วยให้หุ่นยนต์มองเห็นวัตถุที่ถูกปิดบัง   • เช่น เห็นของในกล่อง, ลิ้นชัก, หรือหลังกำแพง   • ใช้ได้โดยไม่ต้องสัมผัสวัตถุ ✅ วิธีใหม่ไม่ใช้ back-projection แบบเก่า → แต่ใช้การคำนวณ surface normal แบบสะท้อนกระจก (specular reflection)   • รวมสัญญาณจากหลายเสาอากาศ   • เหมือนให้ทุกเสา “โหวต” ว่าพื้นผิวนั้นน่าจะหันไปทางไหน ✅ ทำความแม่นยำได้ 96% (จากการทดสอบกับของ 60 ชิ้น)   • ดีกว่าเทคโนโลยีก่อนหน้า 18%   • แยกวัตถุคล้ายกันได้ เช่น แยกช้อน–ส้อม–มีดในกล่องเดียวกัน ✅ ใช้งานได้กับวัสดุต่าง ๆ เช่น พลาสติก, แก้ว, ยาง, ไม้ ✅ มีศักยภาพใช้ในหุ่นยนต์ AI สาย logistics, กู้ภัย, ผู้ช่วยส่วนตัว, และระบบสแกนความปลอดภัย https://www.techradar.com/pro/security/wi-fi-signals-could-be-used-by-ai-driven-robots-to-identify-objects-inside-boxes-or-even-tools-hidden-in-a-drawer
    0 Comments 0 Shares 282 Views 0 Reviews
  • ฝึกอานาปานสติ เพื่อรู้ ไม่ใช่เพื่อยึด
    (โพสต์สำหรับนักภาวนาที่รู้สึก "ทำไมไม่สงบเสียที?")

    หลายคนเริ่มต้นภาวนาด้วย “ความอยากสงบเร็วๆ”
    แต่พอลมหายใจยังไม่พาใจนิ่ง
    กลับรู้สึกว่าตัวเอง “คงไม่ถูกจริตกับอานาปานสติ”

    แต่ความจริงคือ…
    ใครก็ตามที่รู้ว่าตัวเองกำลังหายใจ
    ก็มีจริตฝึกอานาปานสติได้ทั้งนั้น

    สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัด
    ไม่ใช่ให้ยึดแต่ลม
    หรือพยายามทำใจให้นิ่งเป็นหุ่นยนต์
    แต่ให้ เห็นความจริงที่เกิดขึ้นในแต่ละลม
    – ลมนี้เกร็ง รับรู้
    – ลมนี้ฟุ้ง รับรู้
    – ลมนี้สงบ รับรู้
    – ลมนี้เจ็บแน่น ก็รับรู้

    เพราะจุดหมายของอานาปานสติ
    ไม่ใช่ “เอาแต่ดี ยึดแต่สงบเป็นเรือนตาย”
    แต่คือการเห็นว่า… อะไรๆ ก็ไม่เที่ยง

    ถ้าคุณฝึกด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง
    จิตจะค่อยๆ สว่างด้วยปัญญา
    ไม่ใช่แค่เงียบงันเพราะความกดทับ

    เลิกเป็นหุ่นยนต์ภาวนาเถิด
    แล้วคุณจะได้เริ่มเป็น
    “นักเจริญอานาปานสติ” อย่างแท้จริง!

    #ภาวนาไม่ใช่การยึด
    #อานาปานสติไม่ใช่แค่หายใจ
    #เจริญสติแบบรู้ทัน
    #โพสต์เปลี่ยนชีวิต
    🧘‍♂️ ฝึกอานาปานสติ เพื่อรู้ ไม่ใช่เพื่อยึด (โพสต์สำหรับนักภาวนาที่รู้สึก "ทำไมไม่สงบเสียที?") หลายคนเริ่มต้นภาวนาด้วย “ความอยากสงบเร็วๆ” แต่พอลมหายใจยังไม่พาใจนิ่ง กลับรู้สึกว่าตัวเอง “คงไม่ถูกจริตกับอานาปานสติ” แต่ความจริงคือ… ใครก็ตามที่รู้ว่าตัวเองกำลังหายใจ ก็มีจริตฝึกอานาปานสติได้ทั้งนั้น สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัด ไม่ใช่ให้ยึดแต่ลม หรือพยายามทำใจให้นิ่งเป็นหุ่นยนต์ แต่ให้ เห็นความจริงที่เกิดขึ้นในแต่ละลม – ลมนี้เกร็ง รับรู้ – ลมนี้ฟุ้ง รับรู้ – ลมนี้สงบ รับรู้ – ลมนี้เจ็บแน่น ก็รับรู้ เพราะจุดหมายของอานาปานสติ ไม่ใช่ “เอาแต่ดี ยึดแต่สงบเป็นเรือนตาย” แต่คือการเห็นว่า… อะไรๆ ก็ไม่เที่ยง 👁️ ถ้าคุณฝึกด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง จิตจะค่อยๆ สว่างด้วยปัญญา ไม่ใช่แค่เงียบงันเพราะความกดทับ เลิกเป็นหุ่นยนต์ภาวนาเถิด แล้วคุณจะได้เริ่มเป็น “นักเจริญอานาปานสติ” อย่างแท้จริง! #ภาวนาไม่ใช่การยึด #อานาปานสติไม่ใช่แค่หายใจ #เจริญสติแบบรู้ทัน #โพสต์เปลี่ยนชีวิต
    0 Comments 0 Shares 199 Views 0 Reviews
More Results