• ผบ.ฉก.นย.ตราด เปิดโปง กัมพูชาสร้างข่าวลือกระพือข่าวชั่ว "จัดฉาก" อ้าง AOT ลงพื้นที่ แต่แท้จริงคือการ "นำคนใส่หมวกสีฟ้า" มาจุดประทัดสร้างสถานการณ์
    https://www.thai-tai.tv/news/22461/
    .
    #ไทยไท #จัดฉาก #ผบ.ฉก.นย.ตราด #นาวิกโยธินตราด #AOTปลอม #สร้างข่าวลือ

    ผบ.ฉก.นย.ตราด เปิดโปง กัมพูชาสร้างข่าวลือกระพือข่าวชั่ว "จัดฉาก" อ้าง AOT ลงพื้นที่ แต่แท้จริงคือการ "นำคนใส่หมวกสีฟ้า" มาจุดประทัดสร้างสถานการณ์ https://www.thai-tai.tv/news/22461/ . #ไทยไท #จัดฉาก #ผบ.ฉก.นย.ตราด #นาวิกโยธินตราด #AOTปลอม #สร้างข่าวลือ
    0 Comments 0 Shares 13 Views 0 Reviews
  • #เรื่องป้าโจยิ่งล้วงยิ่งลึกยิ่งชวนอึ้ง
    #เปิดข้อมูลที่นี่ที่แรกลึกสุด
    หลังจากที่เพจคิงส์โพธิ์แดงได้ทำการเปิดข้อมูลและสื่อมวลชนหลายสำนักได้กรุณานำไปเผยแพร่เพื่อเป็นข้อมูลอีกด้าน เพื่อปกป้องไม่ให้พี่น้องชาวไทยตกเป็น เ-ห-ยื่-อ มิจกิมจิไปแล้วนั้น
    พี่คิงส์เปิดต่อเลยว่านี่ไม่ใช่แค่กามิจหวังติ๊กเกอร์ แต่มันคือข-บ-ว-น-ก-า-ร
    -โดยปัจจุบันมีคนไทยเข้าไปได้รับผลประโยชน์ และกำลังเสียประโยชน์จากการที่คนไทยได้ตื่นรู้
    คำถาม ป้าโจ ทำไมต้องออกหน้าออกตา presert face ป้องอิเหวิงกาฝากอย่างไม่เกรงกลัว ถึงขนาดกล้าท้าทายไร้มารยาทกับสื่อตำนานระดับคุณสนธิ ลิ้มทองกุล
    -ถ้าแฟนเพจคิงส์รับรู้เนื้อหาจากนี้ จะร้องอ๋ออย่างไม่ได้นัดหมาย
    -ก่อนอื่น ต้องเปิดที่มาขอรายรับหลักที่คนนอกน้อยคนที่จะรู้
    ซึ่งส่วนนี้เปรียบเสมือนเครือข่ายหลักของอิเหวิงกาฝากเป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ของอิเหวิง และปัจจุบันนี้ห้องคลับนี้ก็เป็นที่รวมคนคลั่งรักกามิน เปรียบเสมือนลัทธิเชื่อมจิตไปแล้วจริงๆ
    -กลุ่มลั-บนี้ เป็นจุดรวมพลfcของกามินที่เต็มไปด้วยความภักดี เป็นชายไทย 99% ซึ่งมันชื่อเป็นห้องแชท ลักษณะเหมือนกรุ๊ปไลน์ห้องใหญ่ บรรจุจำนวนคนที่อยู่ห้องแชทนี่ประมาณ 1,200 กว่าคน มีชื่อว่าห้อง Discord
    .......
    -ห้องแชทนี้มันฟังก์ชั่นที่ผูกติดกับแอพ tiktok เกาหลีได้จัดทำขึ้น ซึ่งคนที่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปอยู่ในห้องนี้ได้ ต้องชำระเงินรายเดือนๆละประมาณ 250บาท รวมเบ็ดเสร็จโดยรวมๆนางกามินจะได้รายรับจากห้องนี้เดือนละ 250×1,200=300,000 บาท อันนี้คือยืนพื้นเลย ฮ่าๆ
    -ขบวนการนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่?-
    ก็ตั้งแต่ที่อิเหวิงเป็นที่รู้จักแรกๆจากแค่เป็น tiktoker ที่ชาลีกำลังจีบในช่วงแรกๆ ย้อนไปเมื่อประมาณ 8 เดือนที่แล้ว
    -อิกาฝากก็เริ่มมาประกาศในกลุ่มfcชาลีว่าถ้าอยากจะได้คุยส่วนตัวแบบ vip และอาจจะได้รับข่าวความเคลื่อนไหวพิเศษๆ ก็ให้สมัครเข้ามาอยู่ในห้องนี้ เป็นไงหละ ฉ่ำมั๊ย “ฉันมาเพราะฉันรักชาลี” ถถถถถ
    -ฉะนั้นfcของชาลีที่เป็นผู้ชายกลุ่มแรกๆก็สมัครเข้าไปเพราะจะเข้าไปดูอิเหวิง เพราะแสดงเก่งมากจะมีล่อหลอกว่ามีการพูดถึงความรู้สึกที่อิกาฝากที่มีต่อชาลีว่าอย่างไรบ้าง นี่แหละมันถึงดึงเช็งไม่ยอมบอกว่าเป็นแฟนชาลี เวลาสื่อถาม เช็ดดดด
    นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการกล่อมจาก fcชาลีให้กลายเป็นfcอิเหวิงจนถึงทุกวันนี้
    -ตอนเริ่มแรกมีแค่200 กว่าๆ จนเพิ่มจำนวนพีคสุดถึง 5,000 คน
    แต่เผอิญไปเจอดราม่าที่นางกลับเกาหลีแล้วขาดการติดต่อไปรอบแรก โดนทัวร์ลงคนเลยออกจากห้องไปเหลือแค่ประมาณ 1,500 คน
    -ห้องนี้คือห้องโปรยสเน่ห์ของกามิจของแทร่ มารอบนี้วางแผนมาดีไอ่ที่เงียบๆไปชาลีทักก็ไม่ตอบนี่แหละ กลับมาปุ๊บเริ่มระดม MVP ที่เป็นfc กระเป๋าหนักเข้ามาสื่อสารกันในกลุ่มนี้นี้
    ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาชาลีเคยฟาดและตำหนิห้องแชทนี้บ่อยๆ เพราะชาลีไม่เห็นด้วยกับการแบ่งแยกกลุ่ม fcด้วยการเสียเงิน และมันเหมือนหาผลประโยชน์กับfcมากไป
    แต่ชาลีไม่สามารถหยุดเรื่องนี้ได้ ก็ได้แต่ขอร้องว่าห้ามมาโฆษณาให้หาสมาชิกเพิ่มด้วยการเอาโมเม้นท์จิ้นมาขายในนี้
    -นั่นจึงเป็นที่มาว่าเริ่มมีfcใน discord เริ่มไม่ชอบชาลีเพราะรู้สึกว่าถึงการขัดขาของชาลีมีผลกระทบต่อรายได้ของกามิจและคนในขบวนการ
    และเมื่อเวลาผ่านไป fcใน discord ก็เริ่มชัดเจนขึ้นว่าพวกเค้าเป็น fcกามิจแค่คนเดียว 100% เพราะสร้างอคติในกลุ่มให้ชังชาลีหนักมาก
    นั่นจึงเป็นที่มาว่าเวลาที่ชาลีทำอะไรกระทบถึงกามิน วันต่อมาชาลีจะโดนทัวร์มาตลอดก็เพราะอิกลุ่มนี้นี่แหละ
    - และอิเหวิงเองก็จะให้ความพิเศษว่า fc จากdiscord คือคนพิเศษของเธอ วีรกรรมเด็ดๆคือ เคยมีครั้งนึงที่นางอยู่ที่คู้บอนแล้วไปฟ้อง fcว่ายุงกัด วันต่อมาชาลีก็จะโดนไดเรคส่วนตัวด่าทันที สุดมั๊ยล่ะ
    -Discord เป็นแหล่งรวมพลที่ใช้กล่อมให้เกิดอุปทานหมู่ fcอิเหวิงที่แข็งแกร่งมาก ถึงขั้นเคยมีคนในห้องแชทแทบจะลงแดงถ้าอิเหวิงกามิจไม่ได้เข้าไปทักแชทในนั่นเกิน1วัน นี่จึงเป็นที่มาว่าทำไมยังมีfc ที่ไม่ยอมรับฟังและรับรู้ความถูกผิดที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน fcในdiscord
    จะมีแนวคิดว่า “อิเหวิงคือเทวดาของทุกคนในนั้นจริงๆ”
    ที่ผ่านมาจึงมีปัญหากับชาลีมาตลอดเพราะชาลีพยายามจะเตือนว่า อย่าสปอยล์จนเหมือนใครๆก็ตำหนิไม่ได้ และที่นี่เปรียบเสมือนทหารของกามินที่เวลามีแข่ง tiktok PK แมทซ์ใหญ่ๆ กามินก็จะมาตามเทพและ fcทุกคนให้ไปเปย์อิเหวิงด้วยคำว่า.. "ชั้นเกรงใจทุกคนมากๆ แต่แต่แมทซ์นี้ ชั้นต้องการชนะนะ" เท่านั้นหละติ๊กเกอร์ลอยมาเพียบบบบ
    -ปัจจุบันจากกระแสลบๆที่อิเหวิงทำมา ล่าสุดจำนวนfcในdiscordเหลือเพียง 1,200 กว่าคน แต่ก็ยังถือว่านางมีผู้สนับสนุนแบบภักดี ชนิดที่บางคนเคยออกมาประกาศว่าจะยอมตุยเพื่ออิห่านจิกเลย อันนี้แหละที่น่ากลัวมากๆ และในช่วงที่ผ่านมาในตอนที่ชาลีประกาศแยกทางกับกามิน ชาลีพยายามอย่างหนักที่จะสื่อสารกับfcทุกกลุ่มและทุกฝ่ายถึงการเลิกรา เพื่อที่จะถนอมใจfcไม่ให้ตกใจและเกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายและตีกัน
    ชาลีใช้เวลาเป็นอาทิตย์ที่พยายามเรียก หัวหน้ากลุ่มfcแต่ละกลุ่มเข้าพบที่บ้านคู้บอน เพื่อสร้างความเข้าใจและให้เลิกรากันด้วยดี และพยายามหยุดวงจรการสนับสนุนการส่งสติกเกอร์ให้กามินแบบบ้-า-ค-ลั่-ง เพราะที่ผ่านมามีfcบางรายสูญเสียเงินจากตรงนี้เป็นล้าน และบางคนต้องเป็นหนี้เป็นสินจากการที่กามินเล่น PK
    -ชาลีพยายามหยุดกามินให้เพลาๆเรื่องการหากินกับการ PK เพราะมันคือการดูดเงินจากfcชาวไทย ด้วยการใช้ความรักเข้าแลก แต่กามินไม่มีทีท่าจะหยุด และยังแพลนที่จะสำนักงานธุรกิจนี้ในประเทศไทยด้วย และนี่ก็เป็นส่วนอีกส่วนนึงที่ทำให้ชาลีเลือกที่จะขอเลิก ทั้งๆที่ก็ยังรัก ชาลีรู้สึกถึงละโมบที่ไม่มีวันเพียงพอที่จะเข้ามกอบโกยเงินไทยของกามินแบบไม่สิ้นสุด
    ..
    -สุดท้ายวินาทีนี้ความมั่นใจของกามินยังไม่ได้สลดหรือรู้สึกผิดใดๆเลยค่ะ นางใช้จุดรวมพลใน discord เอาไว้บัญชาการปั่นให้fcตามไป-ด่-า-ชาลีทุกช่องทาง สร้างข่าวลือหาว่าชาลีป่-ว-ย-ท-า-ง-จิ-ต และเริ่มปลุกระดมจะฟ้องร้องชาลีด้วยการประสานงานจากหัวหน้า FCและเทพทุนหนาคนไทย
    ..
    -จนล่าสุดวันนี้ที่ชาลีออกมาไลฟ์ประมาณ5นาที ที่มีเนื้อหาพยายามสื่อสารบอกทางกามินให้หยุดการยุยงให้ fc ตีกัน แต่ฝ่ายเชียร์อิเหวิงก็แถว่าชาลีสื่อถึงเพจคิงส์โพธิ์แดง ไอ่ฉัดคนละเรื่องเลยอิเวง
    และบอกให้ทาง discord ให้รู้จักคิดได้แล้วเพราะแต่ละคนที่กำลังวางแผนเรื่องแบบนี้อยู่ ก็อายุอาวุโสกันทั้งนั้นแต่ก็ยังโดนผู้หญิงเกาหลีคนเดียวปั่นหัว ชาลีบอกถ้าไม่หยุด เค้าจะไม่เซฟกามินแล้ว เพราะที่ผ่านมาชาลียังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของความชั่วร้ายที่กามินทำเอาไว้หมดเลย เพราะเห็นแก่ยังอยากให้นางยังมีที่ยืนบ้าง แต่ถ้าไม่หยุดและยังคอยปั่นให้fcไทยตีกันอีก ชาลีจะไม่ทน
    ..
    -ชาลีต้องพยายามหยุดอิเหวิงให้ได้เพราะอินางนี่ใช้วิธีแบบ Romance scammed คือการล่อหลอกรายได้ด้วยความสเน่หาจาก fcชาวไทย จนหลายคนหมดตัวและมีหนี้สินเยอะมาก
    ชื่อคนที่อยู่เบื้องหลังการปลุกระดมในกลุ่มของกามิน และได้รับเงินจ้างจาก MPVสายเปย์ของกามิน
    คือ โจ มนฑานี
    อ๋อยัง อิป้าโจ อิเหวิงอิกามิจ
    อิฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #เรื่องป้าโจยิ่งล้วงยิ่งลึกยิ่งชวนอึ้ง #เปิดข้อมูลที่นี่ที่แรกลึกสุด หลังจากที่เพจคิงส์โพธิ์แดงได้ทำการเปิดข้อมูลและสื่อมวลชนหลายสำนักได้กรุณานำไปเผยแพร่เพื่อเป็นข้อมูลอีกด้าน เพื่อปกป้องไม่ให้พี่น้องชาวไทยตกเป็น เ-ห-ยื่-อ มิจกิมจิไปแล้วนั้น พี่คิงส์เปิดต่อเลยว่านี่ไม่ใช่แค่กามิจหวังติ๊กเกอร์ แต่มันคือข-บ-ว-น-ก-า-ร -โดยปัจจุบันมีคนไทยเข้าไปได้รับผลประโยชน์ และกำลังเสียประโยชน์จากการที่คนไทยได้ตื่นรู้ คำถาม ป้าโจ ทำไมต้องออกหน้าออกตา presert face ป้องอิเหวิงกาฝากอย่างไม่เกรงกลัว ถึงขนาดกล้าท้าทายไร้มารยาทกับสื่อตำนานระดับคุณสนธิ ลิ้มทองกุล -ถ้าแฟนเพจคิงส์รับรู้เนื้อหาจากนี้ จะร้องอ๋ออย่างไม่ได้นัดหมาย -ก่อนอื่น ต้องเปิดที่มาขอรายรับหลักที่คนนอกน้อยคนที่จะรู้ ซึ่งส่วนนี้เปรียบเสมือนเครือข่ายหลักของอิเหวิงกาฝากเป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ของอิเหวิง และปัจจุบันนี้ห้องคลับนี้ก็เป็นที่รวมคนคลั่งรักกามิน เปรียบเสมือนลัทธิเชื่อมจิตไปแล้วจริงๆ -กลุ่มลั-บนี้ เป็นจุดรวมพลfcของกามินที่เต็มไปด้วยความภักดี เป็นชายไทย 99% ซึ่งมันชื่อเป็นห้องแชท ลักษณะเหมือนกรุ๊ปไลน์ห้องใหญ่ บรรจุจำนวนคนที่อยู่ห้องแชทนี่ประมาณ 1,200 กว่าคน มีชื่อว่าห้อง Discord ....... -ห้องแชทนี้มันฟังก์ชั่นที่ผูกติดกับแอพ tiktok เกาหลีได้จัดทำขึ้น ซึ่งคนที่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปอยู่ในห้องนี้ได้ ต้องชำระเงินรายเดือนๆละประมาณ 250บาท รวมเบ็ดเสร็จโดยรวมๆนางกามินจะได้รายรับจากห้องนี้เดือนละ 250×1,200=300,000 บาท อันนี้คือยืนพื้นเลย ฮ่าๆ -ขบวนการนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่?- ก็ตั้งแต่ที่อิเหวิงเป็นที่รู้จักแรกๆจากแค่เป็น tiktoker ที่ชาลีกำลังจีบในช่วงแรกๆ ย้อนไปเมื่อประมาณ 8 เดือนที่แล้ว -อิกาฝากก็เริ่มมาประกาศในกลุ่มfcชาลีว่าถ้าอยากจะได้คุยส่วนตัวแบบ vip และอาจจะได้รับข่าวความเคลื่อนไหวพิเศษๆ ก็ให้สมัครเข้ามาอยู่ในห้องนี้ เป็นไงหละ ฉ่ำมั๊ย “ฉันมาเพราะฉันรักชาลี” ถถถถถ -ฉะนั้นfcของชาลีที่เป็นผู้ชายกลุ่มแรกๆก็สมัครเข้าไปเพราะจะเข้าไปดูอิเหวิง เพราะแสดงเก่งมากจะมีล่อหลอกว่ามีการพูดถึงความรู้สึกที่อิกาฝากที่มีต่อชาลีว่าอย่างไรบ้าง นี่แหละมันถึงดึงเช็งไม่ยอมบอกว่าเป็นแฟนชาลี เวลาสื่อถาม เช็ดดดด นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการกล่อมจาก fcชาลีให้กลายเป็นfcอิเหวิงจนถึงทุกวันนี้ -ตอนเริ่มแรกมีแค่200 กว่าๆ จนเพิ่มจำนวนพีคสุดถึง 5,000 คน แต่เผอิญไปเจอดราม่าที่นางกลับเกาหลีแล้วขาดการติดต่อไปรอบแรก โดนทัวร์ลงคนเลยออกจากห้องไปเหลือแค่ประมาณ 1,500 คน -ห้องนี้คือห้องโปรยสเน่ห์ของกามิจของแทร่ มารอบนี้วางแผนมาดีไอ่ที่เงียบๆไปชาลีทักก็ไม่ตอบนี่แหละ กลับมาปุ๊บเริ่มระดม MVP ที่เป็นfc กระเป๋าหนักเข้ามาสื่อสารกันในกลุ่มนี้นี้ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาชาลีเคยฟาดและตำหนิห้องแชทนี้บ่อยๆ เพราะชาลีไม่เห็นด้วยกับการแบ่งแยกกลุ่ม fcด้วยการเสียเงิน และมันเหมือนหาผลประโยชน์กับfcมากไป แต่ชาลีไม่สามารถหยุดเรื่องนี้ได้ ก็ได้แต่ขอร้องว่าห้ามมาโฆษณาให้หาสมาชิกเพิ่มด้วยการเอาโมเม้นท์จิ้นมาขายในนี้ -นั่นจึงเป็นที่มาว่าเริ่มมีfcใน discord เริ่มไม่ชอบชาลีเพราะรู้สึกว่าถึงการขัดขาของชาลีมีผลกระทบต่อรายได้ของกามิจและคนในขบวนการ และเมื่อเวลาผ่านไป fcใน discord ก็เริ่มชัดเจนขึ้นว่าพวกเค้าเป็น fcกามิจแค่คนเดียว 100% เพราะสร้างอคติในกลุ่มให้ชังชาลีหนักมาก นั่นจึงเป็นที่มาว่าเวลาที่ชาลีทำอะไรกระทบถึงกามิน วันต่อมาชาลีจะโดนทัวร์มาตลอดก็เพราะอิกลุ่มนี้นี่แหละ - และอิเหวิงเองก็จะให้ความพิเศษว่า fc จากdiscord คือคนพิเศษของเธอ วีรกรรมเด็ดๆคือ เคยมีครั้งนึงที่นางอยู่ที่คู้บอนแล้วไปฟ้อง fcว่ายุงกัด วันต่อมาชาลีก็จะโดนไดเรคส่วนตัวด่าทันที สุดมั๊ยล่ะ -Discord เป็นแหล่งรวมพลที่ใช้กล่อมให้เกิดอุปทานหมู่ fcอิเหวิงที่แข็งแกร่งมาก ถึงขั้นเคยมีคนในห้องแชทแทบจะลงแดงถ้าอิเหวิงกามิจไม่ได้เข้าไปทักแชทในนั่นเกิน1วัน นี่จึงเป็นที่มาว่าทำไมยังมีfc ที่ไม่ยอมรับฟังและรับรู้ความถูกผิดที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน fcในdiscord จะมีแนวคิดว่า “อิเหวิงคือเทวดาของทุกคนในนั้นจริงๆ” ที่ผ่านมาจึงมีปัญหากับชาลีมาตลอดเพราะชาลีพยายามจะเตือนว่า อย่าสปอยล์จนเหมือนใครๆก็ตำหนิไม่ได้ และที่นี่เปรียบเสมือนทหารของกามินที่เวลามีแข่ง tiktok PK แมทซ์ใหญ่ๆ กามินก็จะมาตามเทพและ fcทุกคนให้ไปเปย์อิเหวิงด้วยคำว่า.. "ชั้นเกรงใจทุกคนมากๆ แต่แต่แมทซ์นี้ ชั้นต้องการชนะนะ" เท่านั้นหละติ๊กเกอร์ลอยมาเพียบบบบ -ปัจจุบันจากกระแสลบๆที่อิเหวิงทำมา ล่าสุดจำนวนfcในdiscordเหลือเพียง 1,200 กว่าคน แต่ก็ยังถือว่านางมีผู้สนับสนุนแบบภักดี ชนิดที่บางคนเคยออกมาประกาศว่าจะยอมตุยเพื่ออิห่านจิกเลย อันนี้แหละที่น่ากลัวมากๆ และในช่วงที่ผ่านมาในตอนที่ชาลีประกาศแยกทางกับกามิน ชาลีพยายามอย่างหนักที่จะสื่อสารกับfcทุกกลุ่มและทุกฝ่ายถึงการเลิกรา เพื่อที่จะถนอมใจfcไม่ให้ตกใจและเกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายและตีกัน ชาลีใช้เวลาเป็นอาทิตย์ที่พยายามเรียก หัวหน้ากลุ่มfcแต่ละกลุ่มเข้าพบที่บ้านคู้บอน เพื่อสร้างความเข้าใจและให้เลิกรากันด้วยดี และพยายามหยุดวงจรการสนับสนุนการส่งสติกเกอร์ให้กามินแบบบ้-า-ค-ลั่-ง เพราะที่ผ่านมามีfcบางรายสูญเสียเงินจากตรงนี้เป็นล้าน และบางคนต้องเป็นหนี้เป็นสินจากการที่กามินเล่น PK -ชาลีพยายามหยุดกามินให้เพลาๆเรื่องการหากินกับการ PK เพราะมันคือการดูดเงินจากfcชาวไทย ด้วยการใช้ความรักเข้าแลก แต่กามินไม่มีทีท่าจะหยุด และยังแพลนที่จะสำนักงานธุรกิจนี้ในประเทศไทยด้วย และนี่ก็เป็นส่วนอีกส่วนนึงที่ทำให้ชาลีเลือกที่จะขอเลิก ทั้งๆที่ก็ยังรัก ชาลีรู้สึกถึงละโมบที่ไม่มีวันเพียงพอที่จะเข้ามกอบโกยเงินไทยของกามินแบบไม่สิ้นสุด .. -สุดท้ายวินาทีนี้ความมั่นใจของกามินยังไม่ได้สลดหรือรู้สึกผิดใดๆเลยค่ะ นางใช้จุดรวมพลใน discord เอาไว้บัญชาการปั่นให้fcตามไป-ด่-า-ชาลีทุกช่องทาง สร้างข่าวลือหาว่าชาลีป่-ว-ย-ท-า-ง-จิ-ต และเริ่มปลุกระดมจะฟ้องร้องชาลีด้วยการประสานงานจากหัวหน้า FCและเทพทุนหนาคนไทย .. -จนล่าสุดวันนี้ที่ชาลีออกมาไลฟ์ประมาณ5นาที ที่มีเนื้อหาพยายามสื่อสารบอกทางกามินให้หยุดการยุยงให้ fc ตีกัน แต่ฝ่ายเชียร์อิเหวิงก็แถว่าชาลีสื่อถึงเพจคิงส์โพธิ์แดง ไอ่ฉัดคนละเรื่องเลยอิเวง และบอกให้ทาง discord ให้รู้จักคิดได้แล้วเพราะแต่ละคนที่กำลังวางแผนเรื่องแบบนี้อยู่ ก็อายุอาวุโสกันทั้งนั้นแต่ก็ยังโดนผู้หญิงเกาหลีคนเดียวปั่นหัว ชาลีบอกถ้าไม่หยุด เค้าจะไม่เซฟกามินแล้ว เพราะที่ผ่านมาชาลียังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของความชั่วร้ายที่กามินทำเอาไว้หมดเลย เพราะเห็นแก่ยังอยากให้นางยังมีที่ยืนบ้าง แต่ถ้าไม่หยุดและยังคอยปั่นให้fcไทยตีกันอีก ชาลีจะไม่ทน .. -ชาลีต้องพยายามหยุดอิเหวิงให้ได้เพราะอินางนี่ใช้วิธีแบบ Romance scammed คือการล่อหลอกรายได้ด้วยความสเน่หาจาก fcชาวไทย จนหลายคนหมดตัวและมีหนี้สินเยอะมาก ชื่อคนที่อยู่เบื้องหลังการปลุกระดมในกลุ่มของกามิน และได้รับเงินจ้างจาก MPVสายเปย์ของกามิน คือ โจ มนฑานี อ๋อยัง อิป้าโจ อิเหวิงอิกามิจ อิฉัด #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Love
    6
    0 Comments 0 Shares 3930 Views 0 Reviews
  • รีโพสต์จากคอลัมน์ มันเป็นเช่นนั้นเอง โดยทับทิม พญาไท ในผู้จัดการออนไลน์ 1 กันยายน 2567

    “สำหรับ “แนวรบทะเลจีนใต้” นั้น...แม้ลักษณะภายนอก อาจดูผิดแผก แตกต่างไปจากทั้งสองแนวรบอยู่มั่ง แต่ถ้ามองลึกลงไปถึงไส้ในความร้อนเร่า ร้อนผ่าวๆ หรือ “ความไวไฟ” ก็ไม่น่าจะผิดไปจากกันสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อมองถึงการเดินทางไปเยือนจีนของที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว “นายJake Sullivan”

    เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา (27-29 ส.ค.) เพราะการเดินทางไปเยือนจีนของที่ปรึกษาความมั่นคงอเมริกันรายนี้ เอาเข้าจริงๆ แล้ว...อาจต่างไปจากการเดินทางไปเยี่ยมเยือนประเทศแต่ละประเทศตามปกติธรรมดา หรือตามขนบธรรมเนียมประเพณีโดยทั่วๆ ไป แต่ถือเป็นการเดินทางไปเยือนตาม “คำเชื้อเชิญ” ของคณะกรรมการกลางและโปลิตบูโรของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เพื่อให้มีโอกาส “รับฟัง...สิ่งที่ควรได้ยิน” ดังที่บทบรรณาธิการ “Global Times” เขาว่าเอาไว้เมื่อไม่กี่วันมานี้นั่นแหละทั่น...

    และการพูดคุยเจ๊าะแจ๊ะเจรจาของ 2 มหาอำนาจในคราวนี้...อาจแทบไม่ต้องเสียเวลาประดิษฐ์คิดค้นคำพูดประเภทสวยๆ หรูๆ แบบพวกนักการทูตที่ชอบวกไป-วนมาแต่อย่างใด เพราะถือเป็นการพูดคุยสื่อสารแบบ “ทหาร-ต่อ-ทหาร” (military-to-military communications) อะไรประมาณนั้น โดยผลสรุปของการพูดคุยเจรจา ถ้าฟังจากคำแถลงของกระทรวงกลาโหมจีน หรือจากคำประกาศของตัวแทนฝ่ายจีน อย่างรองประธานคณะกรรมาธิการทหารกลาง “พลเอกZhang Youxia” ต้องเรียกว่า...เผลอๆอาจต้อง “หรี่แอร์” ในระหว่างการประชุมหรือไม่? อย่างไร? ก็แล้วแต่จะว่ากันไป เพราะออกจะเป็นอะไรที่ “หนาวว์ว์ว์ยะเยือก” อยู่พอสมควรทีเดียว หรืออย่างที่สำนักข่าวต่างประเทศบางสำนักเขาถึงกับหยิบไปพาดหัวไว้ว่า...ปักกิ่งแสดงความต้องการที่จะให้วอชิงตัน “หยุดสมคบคิดทางทหาร” กับไต้หวัน เอาเลยถึงขั้นนั้น!!!

    คือ “พลเอกZhang Youxia” รายที่ว่านี้...แม้ว่าโดยฐานะ ตำแหน่ง จะเป็นแค่ “รองประธาน” ของคณะกรรมาธิการกลางทางทหารกองทัพจีนก็เถอะ แต่โดยความสนิทชิดเชื้อกับผู้นำสูงสุดของจีน อย่างประธานาธิบดี “สี ทนได้” หรือ “สี จิ้นผิง” นั้นว่ากันว่าสนิทกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อของทั้งคู่ และนอกจากเคยผ่านศึกสมรภูมิสงครามอย่าง “สงครามสั่งสอนเวียดนาม” เมื่อช่วงปี ค.ศ. 1979 แล้ว ยังมีสถานะเป็นหนึ่งในคณะกรรมการโปลิตบูโรของพรรคคอมมิวนิสต์จีนอีกด้วย ด้วยเหตุนี้คำพูด คำจาในแต่ละวรรค แต่ละประโยค ของบุคคลผู้นี้ คงต้อง “ฟัง” และฟังแบบต้อง “ได้ยิน” อีกต่างหาก โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า “ปมประเด็นปัญหาไต้หวันอันเป็นส่วนหนึ่งของจีนที่มิอาจแบ่งแยกได้นั้น ถือเป็นรากฐานความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ และเป็นหมายเลขหนึ่งของ...เส้นตาย (Red Line) ที่ไม่อาจก้าวข้ามได้โดยเด็ดขาด แม้ว่าจีนจะพยายามรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในบริเวณช่องแคบไต้หวันมาโดยตลอด แต่ก็ต้องขอเตือนเอาไว้ด้วยว่า...สิ่งเหล่านี้อาจเป็นไปไม่ได้ถ้าหากยังมีความพยายามแบ่งแยกไต้หวันออกจากจีน!!!”

    นี่...ฟังแล้วต้องหรี่แอร์-ไม่หรี่แอร์ คงต้องไปคิดๆ เอาเองก็แล้วกัน ยิ่งเป็นคำพูดระหว่าง “ทหาร-ต่อ-ทหาร” ไม่ใช่คำพูดหวานๆ แบบบรรดานักการทูตทั้งหลาย ก็คงต้องคิดหน้า-คิดหลังยิ่งขึ้นไปใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อรองประธานคณะกรรมาธิการทหารรายนี้ได้เน้นย้ำไว้ด้วยว่า “อเมริกาควรจะมียุทธศาสตร์ที่ถูกต้องในมุมมองที่มีต่อจีน และควรที่จะกลับมาสู่ความมีเหตุมีผลและนโยบายที่สอดคล้องกับความเป็นจริงต่อประเทศของเรา เคารพในผลประโยชน์หลักของจีนในทางปฏิบัติและพร้อมที่จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกองทัพทั้งสองประเทศ ร่วมกันแบกรับภาระความรับผิดชอบในฐานะประเทศมหาอำนาจ” อันถือเป็นคำพูดที่สอดคล้องต้องกันกับผู้นำจีนอย่างประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ที่บอกกับ “นายJake Sullivan” เอาไว้ก่อนหน้านั้นประมาณว่า... “จีนและสหรัฐฯ ควรจะมีความรับผิดชอบต่อประวัติศาสตร์ ต่อประชาชนและต่อโลก” อีกด้วย...

    ดังนั้น...คำพูดที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาวได้รับฟังแบบชนิดเต็มรูหู ตลอดช่วงระยะเวลาประมาณ 11 ชั่วโมงในการพูดคุยหัวข้อต่างๆ ประมาณ 6 วาระ ระหว่างวันอังคารที่ 27 และพุธที่ 28 ส.ค. ถ้าหากจะสรุปย่อๆ แบบสั้นๆ-ง่ายๆ ตามสำบัดสำนวนของ “พลเอกZhang Youxia” ก็คือ... “หยุดสมคบคิดทางทหารกับไต้หวัน-หยุดติดอาวุธ-หยุดสร้างข่าวลือแบบผิดๆ” หรือเลิกกระตุ้น เลิกยุแยงตะแคงรั่ว ให้เกิดความคิดความทะเยอทะยานของบรรดาชาวไต้หวันบางกลุ่ม-บางราย ที่จะแยกไต้หวันออกจากจีนโดยเด็ดขาด!!!

    ด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้การพบปะระหว่างที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาวกับฝ่ายจีนคราวนี้ ในสายตานักคิด-นักเขียนและนักวิชาการด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเอเชีย-แปซิฟิกโดยเฉพาะ อย่าง “K.J. Noh” ถึงได้สรุปว่า นี่ไม่ใช่การพบปะเพื่อกระชับความสัมพันธ์ หรือปรับปรุงความสัมพันธ์ใดๆ อีกต่อไป แต่ถือเป็นการตอกย้ำ “ข้อสงสัย” ของจีนต่อบทบาทของอเมริการในเอเชีย-แปซิฟิก ที่ควรจะต้องเป็นไปตาม “ข้อตกลงที่บาหลี” (Bali Agreement) หรือระหว่างการประชุมสุดยอดของผู้นำจีนและผู้นำอเมริกันที่นครซานฟรานซิสโก เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปี ค.ศ. 2023 นั่นก็คือข้อห้าม 5 ข้อ (Five Nos) ที่อเมริกาเคยสัญญิง-สัญญาไว้กับจีนว่าไม่คิดจะก่อสงครามเย็น-สงครามร้อน-ไม่คิดเปลี่ยนแปลงระบบปกครองจีน-ไม่ขัดขวางกิจกรรมของกันและกันและไม่สนับสนุนการแบ่งแยกดินแดน...

    ดังนั้น...การที่คุณพ่ออเมริกายังไม่หยุดขายอาวุธไม่รู้จะกี่ต่อกี่พันล้าน-หมื่นล้านให้กับไต้หวัน ยังเปิดช่อง เปิดโอกาส ให้รัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวันและที่ปรึกษาความมั่นคง ดอดเข้าไป “ประชุมลับ” กับอเมริกากันถึงที่ เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาแถมยังพยายามหันไปสร้าง “ดาวยั่วดวงใหม่”

    อย่างฟิลิปปินส์ ชนิดถึงกับยอมทุ่มเทเงินทองถึง 1.894 ล้านล้านเปโซ หรือ 1.1 ล้านล้านบาท (33,740 ล้านดอลลาร์) เพื่อซื้ออาวุธ ซื้อเครื่องบินโจมตีมารับมือกับจีน โดยยังไม่นับรวมไปถึงการคิดจะนำเอาขีปนาวุธพิสัยกลางของอเมริกามาติดตั้งไว้ในฟิลิปปินส์อีกต่างหาก ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง ที่น่าจะทำให้ “แนวรบในทะเลจีนใต้” นับแต่นี้ น่าจะยิ่งร้อนเร่า ร้อนแรง ยิ่งขึ้นไปตามลำดับ โดยเฉพาะเมื่อมหาอำนาจอันดับ 2 ของโลกอย่างจีน ไม่ได้คิดจะเอาแต่ลอดเลื้อย โอบกระหวัดรัดพันแบบแต่ก่อน แต่กล้าที่จะพูดจาแบบตรงไป-ตรงมา หรือแบบ “ทหาร-ต่อ-ทหาร” กับอเมริกา ให้ต้อง “ฟัง...แล้วได้ยิน” อย่างมิอาจเอาหูไปนา-เอาตาไปไร่ได้อีกต่อไป...

    อันนี้นี่แหละ...ที่มันเลยทำให้ “แนวรบ” ทุกแนวรบ กลายเป็นสิ่งที่สอดประสานซึ่งกันและกันอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ ไม่ว่าจะแนวรบยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลางและทะเลจีนใต้ ที่ได้กลายเป็นตัวสร้าง “แรงกดดัน” ให้กับมหาอำนาจสูงสุดอย่างคุณพ่ออเมริกาและบรรดาพันธมิตรตะวันตกทั้งหลาย ที่เพียงแค่เจอกับรัสเซียในแนวรบยุโรปตะวันออกเท่านั้นก็แทบ “ไปไม่เป็น” กันไปทั้งแผง ไม่ใช่ “เสาหลักทางเศรษฐกิจ” อย่างเยอรมนีเท่านั้น ที่ต้องออกมาสารภาพว่าชักจะ “บ่อจี๊” ไม่เหลือเงิน-เหลือทองพอที่จะไปช่วย “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างยูเครนได้อีกต่อไปแล้ว แต่กระทั่งโปแลนด์ที่อยู่หน้าปากประตูบ้านของรัสเซีย เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมา ก็ยังต้องออกมาสารภาพว่าแทบไม่เหลืออาวุธที่จะส่งไปให้ยูเครนอีกต่อไป ส่วนในแนวรบตะวันออกกลาง การตระเตรียมรับมือกับ “สงครามใหญ่” อันอาจเกิดจากการแก้แค้น-เอาคืนของอิหร่าน ถึงกับทำให้เรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำของอเมริกาไม่สามารถถอนสมอไปไหน-มาไหนได้อีก แถมจรวดราคาลูกละเป็นล้านๆ ดอลลาร์ที่ต้องเอาไว้สกัดกั้นจรวดหรือเครื่องบินโดรนราคาถูกๆ ของพวกนักรบเยเมนอย่าง “กบฏฮูตี” ก็ชักจะร่อยหรอแทบไม่เหลือติดคลังเอาไว้เลยก็ว่าได้...

    ด้วยเหตุนี้...ถ้าหากต้องมาเจอกับแนวรบอีกแนวรบ นั่นคือแนวรบทะเลจีนใต้ขึ้นมาเมื่อไหร่ โอกาสที่มหาอำนาจสูงสุดอย่างคุณพ่ออเมริกา รวมทั้งบรรดาพันธมิตรในโลกตะวันตกทั้งหลาย ที่ต่างก็ “กรอบเป็นข้าวเกรียบเมืองเพชร” ไปด้วยกันทั้งสิ้นจะยังคงยืนหยัด ยืนยัน ถึงความเป็น “โลกขั้วอำนาจเดียว” ไม่ยอมเปิดโอกาส ไม่ยอมรับข้อเท็จจริงว่าโลกทุกวันนี้ ได้กลายเป็น “โลกหลายขั้วอำนาจ” ไปเรียบร้อยแล้ว ก็คงเป็นได้แค่คำคุยโม้ คุยโต ไปวันๆ เท่านั้นเอง!!!”

    ที่มา : คอลัมน์มันเป็นเช่นนั้นเอง/ทับทิม พญาไท
    https://mgronline.com/daily/detail/9670000080996

    #Thaitimes
    รีโพสต์จากคอลัมน์ มันเป็นเช่นนั้นเอง โดยทับทิม พญาไท ในผู้จัดการออนไลน์ 1 กันยายน 2567 “สำหรับ “แนวรบทะเลจีนใต้” นั้น...แม้ลักษณะภายนอก อาจดูผิดแผก แตกต่างไปจากทั้งสองแนวรบอยู่มั่ง แต่ถ้ามองลึกลงไปถึงไส้ในความร้อนเร่า ร้อนผ่าวๆ หรือ “ความไวไฟ” ก็ไม่น่าจะผิดไปจากกันสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อมองถึงการเดินทางไปเยือนจีนของที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว “นายJake Sullivan” เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา (27-29 ส.ค.) เพราะการเดินทางไปเยือนจีนของที่ปรึกษาความมั่นคงอเมริกันรายนี้ เอาเข้าจริงๆ แล้ว...อาจต่างไปจากการเดินทางไปเยี่ยมเยือนประเทศแต่ละประเทศตามปกติธรรมดา หรือตามขนบธรรมเนียมประเพณีโดยทั่วๆ ไป แต่ถือเป็นการเดินทางไปเยือนตาม “คำเชื้อเชิญ” ของคณะกรรมการกลางและโปลิตบูโรของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เพื่อให้มีโอกาส “รับฟัง...สิ่งที่ควรได้ยิน” ดังที่บทบรรณาธิการ “Global Times” เขาว่าเอาไว้เมื่อไม่กี่วันมานี้นั่นแหละทั่น... และการพูดคุยเจ๊าะแจ๊ะเจรจาของ 2 มหาอำนาจในคราวนี้...อาจแทบไม่ต้องเสียเวลาประดิษฐ์คิดค้นคำพูดประเภทสวยๆ หรูๆ แบบพวกนักการทูตที่ชอบวกไป-วนมาแต่อย่างใด เพราะถือเป็นการพูดคุยสื่อสารแบบ “ทหาร-ต่อ-ทหาร” (military-to-military communications) อะไรประมาณนั้น โดยผลสรุปของการพูดคุยเจรจา ถ้าฟังจากคำแถลงของกระทรวงกลาโหมจีน หรือจากคำประกาศของตัวแทนฝ่ายจีน อย่างรองประธานคณะกรรมาธิการทหารกลาง “พลเอกZhang Youxia” ต้องเรียกว่า...เผลอๆอาจต้อง “หรี่แอร์” ในระหว่างการประชุมหรือไม่? อย่างไร? ก็แล้วแต่จะว่ากันไป เพราะออกจะเป็นอะไรที่ “หนาวว์ว์ว์ยะเยือก” อยู่พอสมควรทีเดียว หรืออย่างที่สำนักข่าวต่างประเทศบางสำนักเขาถึงกับหยิบไปพาดหัวไว้ว่า...ปักกิ่งแสดงความต้องการที่จะให้วอชิงตัน “หยุดสมคบคิดทางทหาร” กับไต้หวัน เอาเลยถึงขั้นนั้น!!! คือ “พลเอกZhang Youxia” รายที่ว่านี้...แม้ว่าโดยฐานะ ตำแหน่ง จะเป็นแค่ “รองประธาน” ของคณะกรรมาธิการกลางทางทหารกองทัพจีนก็เถอะ แต่โดยความสนิทชิดเชื้อกับผู้นำสูงสุดของจีน อย่างประธานาธิบดี “สี ทนได้” หรือ “สี จิ้นผิง” นั้นว่ากันว่าสนิทกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อของทั้งคู่ และนอกจากเคยผ่านศึกสมรภูมิสงครามอย่าง “สงครามสั่งสอนเวียดนาม” เมื่อช่วงปี ค.ศ. 1979 แล้ว ยังมีสถานะเป็นหนึ่งในคณะกรรมการโปลิตบูโรของพรรคคอมมิวนิสต์จีนอีกด้วย ด้วยเหตุนี้คำพูด คำจาในแต่ละวรรค แต่ละประโยค ของบุคคลผู้นี้ คงต้อง “ฟัง” และฟังแบบต้อง “ได้ยิน” อีกต่างหาก โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า “ปมประเด็นปัญหาไต้หวันอันเป็นส่วนหนึ่งของจีนที่มิอาจแบ่งแยกได้นั้น ถือเป็นรากฐานความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ และเป็นหมายเลขหนึ่งของ...เส้นตาย (Red Line) ที่ไม่อาจก้าวข้ามได้โดยเด็ดขาด แม้ว่าจีนจะพยายามรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในบริเวณช่องแคบไต้หวันมาโดยตลอด แต่ก็ต้องขอเตือนเอาไว้ด้วยว่า...สิ่งเหล่านี้อาจเป็นไปไม่ได้ถ้าหากยังมีความพยายามแบ่งแยกไต้หวันออกจากจีน!!!” นี่...ฟังแล้วต้องหรี่แอร์-ไม่หรี่แอร์ คงต้องไปคิดๆ เอาเองก็แล้วกัน ยิ่งเป็นคำพูดระหว่าง “ทหาร-ต่อ-ทหาร” ไม่ใช่คำพูดหวานๆ แบบบรรดานักการทูตทั้งหลาย ก็คงต้องคิดหน้า-คิดหลังยิ่งขึ้นไปใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อรองประธานคณะกรรมาธิการทหารรายนี้ได้เน้นย้ำไว้ด้วยว่า “อเมริกาควรจะมียุทธศาสตร์ที่ถูกต้องในมุมมองที่มีต่อจีน และควรที่จะกลับมาสู่ความมีเหตุมีผลและนโยบายที่สอดคล้องกับความเป็นจริงต่อประเทศของเรา เคารพในผลประโยชน์หลักของจีนในทางปฏิบัติและพร้อมที่จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกองทัพทั้งสองประเทศ ร่วมกันแบกรับภาระความรับผิดชอบในฐานะประเทศมหาอำนาจ” อันถือเป็นคำพูดที่สอดคล้องต้องกันกับผู้นำจีนอย่างประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ที่บอกกับ “นายJake Sullivan” เอาไว้ก่อนหน้านั้นประมาณว่า... “จีนและสหรัฐฯ ควรจะมีความรับผิดชอบต่อประวัติศาสตร์ ต่อประชาชนและต่อโลก” อีกด้วย... ดังนั้น...คำพูดที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาวได้รับฟังแบบชนิดเต็มรูหู ตลอดช่วงระยะเวลาประมาณ 11 ชั่วโมงในการพูดคุยหัวข้อต่างๆ ประมาณ 6 วาระ ระหว่างวันอังคารที่ 27 และพุธที่ 28 ส.ค. ถ้าหากจะสรุปย่อๆ แบบสั้นๆ-ง่ายๆ ตามสำบัดสำนวนของ “พลเอกZhang Youxia” ก็คือ... “หยุดสมคบคิดทางทหารกับไต้หวัน-หยุดติดอาวุธ-หยุดสร้างข่าวลือแบบผิดๆ” หรือเลิกกระตุ้น เลิกยุแยงตะแคงรั่ว ให้เกิดความคิดความทะเยอทะยานของบรรดาชาวไต้หวันบางกลุ่ม-บางราย ที่จะแยกไต้หวันออกจากจีนโดยเด็ดขาด!!! ด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้การพบปะระหว่างที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาวกับฝ่ายจีนคราวนี้ ในสายตานักคิด-นักเขียนและนักวิชาการด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเอเชีย-แปซิฟิกโดยเฉพาะ อย่าง “K.J. Noh” ถึงได้สรุปว่า นี่ไม่ใช่การพบปะเพื่อกระชับความสัมพันธ์ หรือปรับปรุงความสัมพันธ์ใดๆ อีกต่อไป แต่ถือเป็นการตอกย้ำ “ข้อสงสัย” ของจีนต่อบทบาทของอเมริการในเอเชีย-แปซิฟิก ที่ควรจะต้องเป็นไปตาม “ข้อตกลงที่บาหลี” (Bali Agreement) หรือระหว่างการประชุมสุดยอดของผู้นำจีนและผู้นำอเมริกันที่นครซานฟรานซิสโก เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปี ค.ศ. 2023 นั่นก็คือข้อห้าม 5 ข้อ (Five Nos) ที่อเมริกาเคยสัญญิง-สัญญาไว้กับจีนว่าไม่คิดจะก่อสงครามเย็น-สงครามร้อน-ไม่คิดเปลี่ยนแปลงระบบปกครองจีน-ไม่ขัดขวางกิจกรรมของกันและกันและไม่สนับสนุนการแบ่งแยกดินแดน... ดังนั้น...การที่คุณพ่ออเมริกายังไม่หยุดขายอาวุธไม่รู้จะกี่ต่อกี่พันล้าน-หมื่นล้านให้กับไต้หวัน ยังเปิดช่อง เปิดโอกาส ให้รัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวันและที่ปรึกษาความมั่นคง ดอดเข้าไป “ประชุมลับ” กับอเมริกากันถึงที่ เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาแถมยังพยายามหันไปสร้าง “ดาวยั่วดวงใหม่” อย่างฟิลิปปินส์ ชนิดถึงกับยอมทุ่มเทเงินทองถึง 1.894 ล้านล้านเปโซ หรือ 1.1 ล้านล้านบาท (33,740 ล้านดอลลาร์) เพื่อซื้ออาวุธ ซื้อเครื่องบินโจมตีมารับมือกับจีน โดยยังไม่นับรวมไปถึงการคิดจะนำเอาขีปนาวุธพิสัยกลางของอเมริกามาติดตั้งไว้ในฟิลิปปินส์อีกต่างหาก ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง ที่น่าจะทำให้ “แนวรบในทะเลจีนใต้” นับแต่นี้ น่าจะยิ่งร้อนเร่า ร้อนแรง ยิ่งขึ้นไปตามลำดับ โดยเฉพาะเมื่อมหาอำนาจอันดับ 2 ของโลกอย่างจีน ไม่ได้คิดจะเอาแต่ลอดเลื้อย โอบกระหวัดรัดพันแบบแต่ก่อน แต่กล้าที่จะพูดจาแบบตรงไป-ตรงมา หรือแบบ “ทหาร-ต่อ-ทหาร” กับอเมริกา ให้ต้อง “ฟัง...แล้วได้ยิน” อย่างมิอาจเอาหูไปนา-เอาตาไปไร่ได้อีกต่อไป... อันนี้นี่แหละ...ที่มันเลยทำให้ “แนวรบ” ทุกแนวรบ กลายเป็นสิ่งที่สอดประสานซึ่งกันและกันอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ ไม่ว่าจะแนวรบยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลางและทะเลจีนใต้ ที่ได้กลายเป็นตัวสร้าง “แรงกดดัน” ให้กับมหาอำนาจสูงสุดอย่างคุณพ่ออเมริกาและบรรดาพันธมิตรตะวันตกทั้งหลาย ที่เพียงแค่เจอกับรัสเซียในแนวรบยุโรปตะวันออกเท่านั้นก็แทบ “ไปไม่เป็น” กันไปทั้งแผง ไม่ใช่ “เสาหลักทางเศรษฐกิจ” อย่างเยอรมนีเท่านั้น ที่ต้องออกมาสารภาพว่าชักจะ “บ่อจี๊” ไม่เหลือเงิน-เหลือทองพอที่จะไปช่วย “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างยูเครนได้อีกต่อไปแล้ว แต่กระทั่งโปแลนด์ที่อยู่หน้าปากประตูบ้านของรัสเซีย เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมา ก็ยังต้องออกมาสารภาพว่าแทบไม่เหลืออาวุธที่จะส่งไปให้ยูเครนอีกต่อไป ส่วนในแนวรบตะวันออกกลาง การตระเตรียมรับมือกับ “สงครามใหญ่” อันอาจเกิดจากการแก้แค้น-เอาคืนของอิหร่าน ถึงกับทำให้เรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำของอเมริกาไม่สามารถถอนสมอไปไหน-มาไหนได้อีก แถมจรวดราคาลูกละเป็นล้านๆ ดอลลาร์ที่ต้องเอาไว้สกัดกั้นจรวดหรือเครื่องบินโดรนราคาถูกๆ ของพวกนักรบเยเมนอย่าง “กบฏฮูตี” ก็ชักจะร่อยหรอแทบไม่เหลือติดคลังเอาไว้เลยก็ว่าได้... ด้วยเหตุนี้...ถ้าหากต้องมาเจอกับแนวรบอีกแนวรบ นั่นคือแนวรบทะเลจีนใต้ขึ้นมาเมื่อไหร่ โอกาสที่มหาอำนาจสูงสุดอย่างคุณพ่ออเมริกา รวมทั้งบรรดาพันธมิตรในโลกตะวันตกทั้งหลาย ที่ต่างก็ “กรอบเป็นข้าวเกรียบเมืองเพชร” ไปด้วยกันทั้งสิ้นจะยังคงยืนหยัด ยืนยัน ถึงความเป็น “โลกขั้วอำนาจเดียว” ไม่ยอมเปิดโอกาส ไม่ยอมรับข้อเท็จจริงว่าโลกทุกวันนี้ ได้กลายเป็น “โลกหลายขั้วอำนาจ” ไปเรียบร้อยแล้ว ก็คงเป็นได้แค่คำคุยโม้ คุยโต ไปวันๆ เท่านั้นเอง!!!” ที่มา : คอลัมน์มันเป็นเช่นนั้นเอง/ทับทิม พญาไท https://mgronline.com/daily/detail/9670000080996 #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    สมรภูมิใหม่...ในแนวรบทะเลจีนใต้???
    เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตชวนไปแวะดู “แนวรบทะเลจีนใต้” เป็นการเฉพาะ เพราะสำหรับแนวรบอีก 2 แนวคือยุโรปตะวันออกกับตะวันออกกลางนั้น แทบไม่ต้องเสียเวลาวิเคราะห์เจาะลึกอะไรกันมาก ด้วยเหตุเพราะโดยสภาพ
    Like
    Sad
    2
    0 Comments 0 Shares 1458 Views 0 Reviews