• จากมือถือสู่มอเตอร์ – Xiaomi กับภารกิจเปลี่ยนโลกยานยนต์

    ถ้าคุณรู้จัก Xiaomi จากมือถือราคาดีฟีเจอร์ครบ คุณอาจไม่ทันรู้ว่าแบรนด์นี้กำลังกลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และไม่ใช่แค่ “ลองทำดู” แต่เป็นการลงทุนเต็มตัวกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์

    Xiaomi เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรก SU7 ในเดือนธันวาคม 2023 และตามด้วย YU7 SUV ในกลางปี 2025 ซึ่งสร้างปรากฏการณ์ยอดจองกว่า 240,000 คันภายใน 18 ชั่วโมง ด้วยดีไซน์ที่หลายคนเปรียบเทียบว่า “เหมือน Porsche แต่ราคาพอ ๆ กับ Toyota Camry”

    ยอดขายพุ่งทะลุ 157,000 คันในครึ่งปีแรกของ 2025 และรายได้จากธุรกิจ EV ก็แตะ 20.6 พันล้านหยวนในไตรมาสเดียว แม้จะยังขาดทุนอยู่ แต่ก็ใกล้จุดคุ้มทุนแล้ว

    Xiaomi ไม่หยุดแค่ในจีน พวกเขาวางแผนบุกตลาดยุโรปในปี 2027 โดยเริ่มจากการทดสอบ SU7 Ultra บนสนาม Nürburgring ที่เยอรมนี ซึ่งทำสถิติเร็วที่สุดในกลุ่มรถ EV ผลิตจำนวนมาก

    แต่เส้นทางนี้ไม่ง่ายนัก เพราะในสหรัฐฯ Xiaomi ถูกกีดกันด้วยภาษีนำเข้า 100% จากนโยบายสงครามการค้าของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ทำให้ตลาดใหญ่นี้ยังเข้าไม่ถึง

    แม้จะมีอุปสรรค แต่ Xiaomi ก็ได้รับคำชมจากนักวิเคราะห์ว่า “แซงหน้า Tesla ในหลายด้าน” โดยเฉพาะเรื่องดีไซน์และราคาที่เข้าถึงได้มากกว่า

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Xiaomi เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น SU7 ในเดือนธันวาคม 2023
    ตามด้วยรุ่น YU7 SUV ในเดือนมิถุนายน 2025 ยอดจอง 240,000 คันใน 18 ชั่วโมง
    ราคาของ YU7 อยู่ที่ประมาณ 253,500 หยวน (US$35,360)
    Xiaomi วางแผนเข้าสู่ตลาดยุโรปในปี 2027
    SU7 Ultra ทำสถิติเร็วที่สุดในสนาม Nürburgring สำหรับรถ EV ผลิตจำนวนมาก
    Xiaomi ส่งมอบรถ EV ได้กว่า 157,000 คันในครึ่งปีแรกของ 2025
    รายได้จากธุรกิจ EV ในไตรมาส 2 อยู่ที่ 20.6 พันล้านหยวน
    บริษัทตั้งเป้าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ 5 อันดับแรกของโลก
    Xiaomi ยังไม่สามารถเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ เพราะภาษีนำเข้า 100%
    นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley ระบุว่า Xiaomi แซง Tesla ในหลายด้าน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SU7 ได้รับคำชมว่า “เหมือน Porsche Taycan” แต่ราคาถูกกว่าหลายเท่า
    Xiaomi ใช้ประสบการณ์จากธุรกิจมือถือและ IoT มาปรับใช้ในรถยนต์
    การออกแบบรถเน้น software-defined vehicle (SDV) ที่คล้ายสมาร์ตโฟนมากกว่ารถยนต์ดั้งเดิม
    Xiaomi มีแผนเปิดโรงงาน EV แห่งที่สองเพื่อเพิ่มกำลังผลิต
    ตลาดยุโรปมีภาษีนำเข้าต่ำกว่าสหรัฐฯ และเปิดรับแบรนด์จีนมากขึ้น


    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/22/chinas-xiaomi-is-betting-big-on-electric-cars
    🎙️ จากมือถือสู่มอเตอร์ – Xiaomi กับภารกิจเปลี่ยนโลกยานยนต์ ถ้าคุณรู้จัก Xiaomi จากมือถือราคาดีฟีเจอร์ครบ คุณอาจไม่ทันรู้ว่าแบรนด์นี้กำลังกลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และไม่ใช่แค่ “ลองทำดู” แต่เป็นการลงทุนเต็มตัวกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ Xiaomi เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรก SU7 ในเดือนธันวาคม 2023 และตามด้วย YU7 SUV ในกลางปี 2025 ซึ่งสร้างปรากฏการณ์ยอดจองกว่า 240,000 คันภายใน 18 ชั่วโมง ด้วยดีไซน์ที่หลายคนเปรียบเทียบว่า “เหมือน Porsche แต่ราคาพอ ๆ กับ Toyota Camry” ยอดขายพุ่งทะลุ 157,000 คันในครึ่งปีแรกของ 2025 และรายได้จากธุรกิจ EV ก็แตะ 20.6 พันล้านหยวนในไตรมาสเดียว แม้จะยังขาดทุนอยู่ แต่ก็ใกล้จุดคุ้มทุนแล้ว Xiaomi ไม่หยุดแค่ในจีน พวกเขาวางแผนบุกตลาดยุโรปในปี 2027 โดยเริ่มจากการทดสอบ SU7 Ultra บนสนาม Nürburgring ที่เยอรมนี ซึ่งทำสถิติเร็วที่สุดในกลุ่มรถ EV ผลิตจำนวนมาก แต่เส้นทางนี้ไม่ง่ายนัก เพราะในสหรัฐฯ Xiaomi ถูกกีดกันด้วยภาษีนำเข้า 100% จากนโยบายสงครามการค้าของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ทำให้ตลาดใหญ่นี้ยังเข้าไม่ถึง แม้จะมีอุปสรรค แต่ Xiaomi ก็ได้รับคำชมจากนักวิเคราะห์ว่า “แซงหน้า Tesla ในหลายด้าน” โดยเฉพาะเรื่องดีไซน์และราคาที่เข้าถึงได้มากกว่า 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Xiaomi เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น SU7 ในเดือนธันวาคม 2023 ➡️ ตามด้วยรุ่น YU7 SUV ในเดือนมิถุนายน 2025 ยอดจอง 240,000 คันใน 18 ชั่วโมง ➡️ ราคาของ YU7 อยู่ที่ประมาณ 253,500 หยวน (US$35,360) ➡️ Xiaomi วางแผนเข้าสู่ตลาดยุโรปในปี 2027 ➡️ SU7 Ultra ทำสถิติเร็วที่สุดในสนาม Nürburgring สำหรับรถ EV ผลิตจำนวนมาก ➡️ Xiaomi ส่งมอบรถ EV ได้กว่า 157,000 คันในครึ่งปีแรกของ 2025 ➡️ รายได้จากธุรกิจ EV ในไตรมาส 2 อยู่ที่ 20.6 พันล้านหยวน ➡️ บริษัทตั้งเป้าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ 5 อันดับแรกของโลก ➡️ Xiaomi ยังไม่สามารถเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ เพราะภาษีนำเข้า 100% ➡️ นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley ระบุว่า Xiaomi แซง Tesla ในหลายด้าน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SU7 ได้รับคำชมว่า “เหมือน Porsche Taycan” แต่ราคาถูกกว่าหลายเท่า ➡️ Xiaomi ใช้ประสบการณ์จากธุรกิจมือถือและ IoT มาปรับใช้ในรถยนต์ ➡️ การออกแบบรถเน้น software-defined vehicle (SDV) ที่คล้ายสมาร์ตโฟนมากกว่ารถยนต์ดั้งเดิม ➡️ Xiaomi มีแผนเปิดโรงงาน EV แห่งที่สองเพื่อเพิ่มกำลังผลิต ➡️ ตลาดยุโรปมีภาษีนำเข้าต่ำกว่าสหรัฐฯ และเปิดรับแบรนด์จีนมากขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/22/chinas-xiaomi-is-betting-big-on-electric-cars
    WWW.THESTAR.COM.MY
    China's Xiaomi is betting big on electric cars
    Xiaomi may not be a household name in the US, but in China its products are everywhere. Already one of the world's top mobile phone manufacturers, the technology company also makes everything from toothbrushes to watches – even mattresses. Now it's betting big on electric vehicles, having already succeeded where even Apple failed.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อภาพธรรมดากลายเป็นช่องโหว่ – และ AI ก็ไม่เห็นภัยที่ซ่อนอยู่ในพิกเซล

    ลองจินตนาการว่าคุณอัปโหลดภาพธรรมดา ๆ ไปยังระบบ AI เพื่อให้ช่วยวิเคราะห์ แต่เบื้องหลังภาพนั้นกลับมีคำสั่งลับที่ถูกซ่อนไว้ และเมื่อภาพถูกปรับขนาดโดยระบบก่อนส่งเข้าโมเดล คำสั่งนั้นก็ถูก “ปลุก” ขึ้นมาโดยที่คุณไม่รู้ตัว

    นี่คือสิ่งที่นักวิจัยจาก Trail of Bits ค้นพบและสาธิตผ่านการโจมตีแบบ image scaling prompt injection ซึ่งสามารถใช้ขโมยข้อมูลผู้ใช้จากระบบ AI ที่ใช้งานจริง เช่น Google Gemini CLI, Vertex AI Studio, Google Assistant และ Genspark โดยอาศัยช่องโหว่จากการปรับขนาดภาพ (downscaling) ที่ทำให้คำสั่งที่ซ่อนอยู่ในภาพถูกเปิดเผยเมื่อ resolution เปลี่ยน

    การโจมตีนี้อาศัยหลักการของ Nyquist–Shannon sampling theorem และการวิเคราะห์พฤติกรรมของอัลกอริธึมปรับขนาดภาพ เช่น bicubic, bilinear และ nearest neighbor ซึ่งแต่ละแบบมีจุดอ่อนต่างกัน นักวิจัยจึงสร้างเครื่องมือชื่อ “Anamorpher” เพื่อออกแบบภาพที่สามารถโจมตีระบบ AI ได้โดยเฉพาะ

    ผลลัพธ์คือการโจมตีที่สามารถสั่งให้ AI ทำงานโดยไม่ต้องมีการยืนยันจากผู้ใช้ เช่น ส่งข้อมูลจาก Google Calendar ไปยังอีเมลของแฮกเกอร์ โดยใช้การตั้งค่า trust=True ใน Gemini CLI ซึ่งเป็นค่าดีฟอลต์ที่เปิดช่องให้โจมตีได้ง่าย

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    การโจมตีใช้ภาพที่ดูปลอดภัย แต่มีคำสั่งซ่อนอยู่เมื่อถูกปรับขนาด
    ระบบ AI เช่น Gemini CLI, Vertex AI Studio, Google Assistant และ Genspark ถูกโจมตีสำเร็จ
    การโจมตีอาศัยการปรับขนาดภาพที่ทำให้คำสั่งลับถูกเปิดเผย
    ใช้ค่าดีฟอลต์ trust=True ใน Gemini CLI เพื่อข้ามการยืนยันจากผู้ใช้
    คำสั่งในภาพสามารถสั่งให้ AI ส่งข้อมูลผู้ใช้ไปยังแฮกเกอร์ได้
    อัลกอริธึมปรับขนาดภาพที่ถูกใช้ ได้แก่ bicubic, bilinear และ nearest neighbor
    เครื่องมือ “Anamorpher” ถูกพัฒนาเพื่อสร้างภาพโจมตีโดยเฉพาะ
    การโจมตีสามารถใช้กับระบบที่ไม่มีการแสดง preview ของภาพที่ถูกปรับขนาด
    การโจมตีนี้เป็นรูปแบบใหม่ของ multi-modal prompt injection
    นักวิจัยเสนอให้แสดงภาพที่ถูกปรับขนาดให้ผู้ใช้เห็นก่อนส่งเข้าโมเดล

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การโจมตีแบบนี้คล้ายกับการฝังคำสั่งใน metadata หรือ steganography แต่ใช้การปรับขนาดแทน
    ระบบ AI บนมือถือและ edge devices มีความเสี่ยงสูงเพราะใช้การปรับขนาดภาพบ่อย
    การโจมตีสามารถใช้ร่วมกับเทคนิคอื่น เช่น semantic injection และ polyglot payloads
    การใช้ภาพ checkerboard, Moiré และ concentric circles ช่วยวิเคราะห์อัลกอริธึมปรับขนาด
    การโจมตีแบบนี้อาจขยายไปยังระบบ voice AI และการแปลงภาพแบบ upscaling ในอนาคต


    https://blog.trailofbits.com/2025/08/21/weaponizing-image-scaling-against-production-ai-systems/
    🎙️ เมื่อภาพธรรมดากลายเป็นช่องโหว่ – และ AI ก็ไม่เห็นภัยที่ซ่อนอยู่ในพิกเซล ลองจินตนาการว่าคุณอัปโหลดภาพธรรมดา ๆ ไปยังระบบ AI เพื่อให้ช่วยวิเคราะห์ แต่เบื้องหลังภาพนั้นกลับมีคำสั่งลับที่ถูกซ่อนไว้ และเมื่อภาพถูกปรับขนาดโดยระบบก่อนส่งเข้าโมเดล คำสั่งนั้นก็ถูก “ปลุก” ขึ้นมาโดยที่คุณไม่รู้ตัว นี่คือสิ่งที่นักวิจัยจาก Trail of Bits ค้นพบและสาธิตผ่านการโจมตีแบบ image scaling prompt injection ซึ่งสามารถใช้ขโมยข้อมูลผู้ใช้จากระบบ AI ที่ใช้งานจริง เช่น Google Gemini CLI, Vertex AI Studio, Google Assistant และ Genspark โดยอาศัยช่องโหว่จากการปรับขนาดภาพ (downscaling) ที่ทำให้คำสั่งที่ซ่อนอยู่ในภาพถูกเปิดเผยเมื่อ resolution เปลี่ยน การโจมตีนี้อาศัยหลักการของ Nyquist–Shannon sampling theorem และการวิเคราะห์พฤติกรรมของอัลกอริธึมปรับขนาดภาพ เช่น bicubic, bilinear และ nearest neighbor ซึ่งแต่ละแบบมีจุดอ่อนต่างกัน นักวิจัยจึงสร้างเครื่องมือชื่อ “Anamorpher” เพื่อออกแบบภาพที่สามารถโจมตีระบบ AI ได้โดยเฉพาะ ผลลัพธ์คือการโจมตีที่สามารถสั่งให้ AI ทำงานโดยไม่ต้องมีการยืนยันจากผู้ใช้ เช่น ส่งข้อมูลจาก Google Calendar ไปยังอีเมลของแฮกเกอร์ โดยใช้การตั้งค่า trust=True ใน Gemini CLI ซึ่งเป็นค่าดีฟอลต์ที่เปิดช่องให้โจมตีได้ง่าย 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ การโจมตีใช้ภาพที่ดูปลอดภัย แต่มีคำสั่งซ่อนอยู่เมื่อถูกปรับขนาด ➡️ ระบบ AI เช่น Gemini CLI, Vertex AI Studio, Google Assistant และ Genspark ถูกโจมตีสำเร็จ ➡️ การโจมตีอาศัยการปรับขนาดภาพที่ทำให้คำสั่งลับถูกเปิดเผย ➡️ ใช้ค่าดีฟอลต์ trust=True ใน Gemini CLI เพื่อข้ามการยืนยันจากผู้ใช้ ➡️ คำสั่งในภาพสามารถสั่งให้ AI ส่งข้อมูลผู้ใช้ไปยังแฮกเกอร์ได้ ➡️ อัลกอริธึมปรับขนาดภาพที่ถูกใช้ ได้แก่ bicubic, bilinear และ nearest neighbor ➡️ เครื่องมือ “Anamorpher” ถูกพัฒนาเพื่อสร้างภาพโจมตีโดยเฉพาะ ➡️ การโจมตีสามารถใช้กับระบบที่ไม่มีการแสดง preview ของภาพที่ถูกปรับขนาด ➡️ การโจมตีนี้เป็นรูปแบบใหม่ของ multi-modal prompt injection ➡️ นักวิจัยเสนอให้แสดงภาพที่ถูกปรับขนาดให้ผู้ใช้เห็นก่อนส่งเข้าโมเดล ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การโจมตีแบบนี้คล้ายกับการฝังคำสั่งใน metadata หรือ steganography แต่ใช้การปรับขนาดแทน ➡️ ระบบ AI บนมือถือและ edge devices มีความเสี่ยงสูงเพราะใช้การปรับขนาดภาพบ่อย ➡️ การโจมตีสามารถใช้ร่วมกับเทคนิคอื่น เช่น semantic injection และ polyglot payloads ➡️ การใช้ภาพ checkerboard, Moiré และ concentric circles ช่วยวิเคราะห์อัลกอริธึมปรับขนาด ➡️ การโจมตีแบบนี้อาจขยายไปยังระบบ voice AI และการแปลงภาพแบบ upscaling ในอนาคต https://blog.trailofbits.com/2025/08/21/weaponizing-image-scaling-against-production-ai-systems/
    BLOG.TRAILOFBITS.COM
    Weaponizing image scaling against production AI systems
    In this blog post, we’ll detail how attackers can exploit image scaling on Gemini CLI, Vertex AI Studio, Gemini’s web and API interfaces, Google Assistant, Genspark, and other production AI systems. We’ll also explain how to mitigate and defend against these attacks, and we’ll introduce Anamorpher, our open-source tool that lets you explore and generate these crafted images.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • Pixel 10 กับ Tensor G5 – เมื่อ Google เลือก TSMC แทน Samsung เพื่อก้าวสู่ยุค AI บนมือถือ

    ในเดือนสิงหาคม 2025 Google เปิดตัว Pixel 10 และ Pixel 10 Pro พร้อมชิป Tensor G5 ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสายผลิตภัณฑ์ Pixel เพราะเป็นครั้งแรกที่ Google เลือก TSMC เป็นผู้ผลิตชิป แทนที่ Samsung ที่เคยร่วมงานกันมาตั้งแต่ Tensor รุ่นแรก

    Tensor G5 ถูกผลิตด้วยเทคโนโลยี N3P ของ TSMC ซึ่งเป็นกระบวนการระดับ 3 นาโนเมตรที่ให้ประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานต่ำกว่าเดิม โดย CPU เร็วขึ้น 34% และ TPU สำหรับงาน AI เร็วขึ้นถึง 60% เมื่อเทียบกับ Tensor G4

    นอกจากความเร็วแล้ว Tensor G5 ยังมาพร้อมกับความสามารถด้าน AI ที่ล้ำหน้า เช่น การรันโมเดล Gemini Nano ของ DeepMind บนเครื่องโดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์ ทำให้ฟีเจอร์อย่าง Magic Cue, Call Notes, Voice Translate และ Gboard Smart Edit ทำงานได้เร็วและแม่นยำขึ้น

    Pixel 10 ยังมีฟีเจอร์กล้องใหม่ เช่น Add Me, Auto Best Take และ 100x Pro Res Zoom ที่ใช้โมเดล diffusion ขนาดเกือบพันล้านพารามิเตอร์ ซึ่งรันบน TPU โดยตรง พร้อมระบบ ISP ใหม่ที่ช่วยให้ถ่ายวิดีโอ 10-bit ได้แม้ในที่แสงน้อย

    การเปลี่ยนมาใช้ TSMC ไม่ใช่แค่เรื่องประสิทธิภาพ แต่ยังสะท้อนถึงความพยายามของ Google ในการควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของชิป ตั้งแต่การออกแบบจนถึงการผลิต โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างสมาร์ทโฟนที่ฉลาดและปลอดภัยที่สุดในตลาด

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Pixel 10 ใช้ชิป Tensor G5 ที่ผลิตโดย TSMC แทน Samsung
    Tensor G5 ผลิตด้วยเทคโนโลยี N3P ระดับ 3nm ที่มีประสิทธิภาพสูง
    CPU เร็วขึ้น 34% และ TPU เร็วขึ้น 60% เมื่อเทียบกับ Tensor G4
    รองรับโมเดล Gemini Nano จาก DeepMind สำหรับงาน AI บนเครื่อง
    ฟีเจอร์ AI ใหม่ เช่น Magic Cue, Call Notes, Voice Translate, Gboard Smart Edit
    ระบบกล้องใหม่รองรับ 100x Pro Res Zoom และวิดีโอ 10-bit
    Pixel 10 รองรับการชาร์จเร็ว, แบตเตอรี่ใหญ่ขึ้น และชาร์จไร้สายแบบแม่เหล็ก
    รองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์นานถึง 7 ปี
    มีการปรับปรุงระบบควบคุมความร้อนให้ชิปทำงานที่ความถี่สูงได้โดยไม่ throttle
    ใช้ LPDDR5X และ UFS 4.0 เพื่อเพิ่มแบนด์วิดท์และความเร็วในการอ่านข้อมูล

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    TSMC เป็นผู้ผลิตชิปที่มี yield สูงและการออกแบบทรานซิสเตอร์ที่แม่นยำ
    N3P เป็นการพัฒนาเพิ่มเติมจาก N3E โดยให้ประสิทธิภาพดีขึ้นแต่ยังคงความเข้ากันได้กับดีไซน์เดิม
    การเปลี่ยนมาใช้ TSMC อาจเป็นการตอบโต้ต่อปัญหาด้านประสิทธิภาพของ Samsung Foundry
    Tensor G5 ใช้สถาปัตยกรรม Matformer และ Per Layer Embedding เพื่อเพิ่มคุณภาพการตอบสนองของโมเดล
    Pixel 10 เป็นรุ่นแรกที่ใช้ diffusion model ในกล้องโดยตรงบนอุปกรณ์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/google-switches-from-samsung-to-tsmc-pixel-10-and-g5-use-tsmcs-n3p-process
    🎙️ Pixel 10 กับ Tensor G5 – เมื่อ Google เลือก TSMC แทน Samsung เพื่อก้าวสู่ยุค AI บนมือถือ ในเดือนสิงหาคม 2025 Google เปิดตัว Pixel 10 และ Pixel 10 Pro พร้อมชิป Tensor G5 ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสายผลิตภัณฑ์ Pixel เพราะเป็นครั้งแรกที่ Google เลือก TSMC เป็นผู้ผลิตชิป แทนที่ Samsung ที่เคยร่วมงานกันมาตั้งแต่ Tensor รุ่นแรก Tensor G5 ถูกผลิตด้วยเทคโนโลยี N3P ของ TSMC ซึ่งเป็นกระบวนการระดับ 3 นาโนเมตรที่ให้ประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานต่ำกว่าเดิม โดย CPU เร็วขึ้น 34% และ TPU สำหรับงาน AI เร็วขึ้นถึง 60% เมื่อเทียบกับ Tensor G4 นอกจากความเร็วแล้ว Tensor G5 ยังมาพร้อมกับความสามารถด้าน AI ที่ล้ำหน้า เช่น การรันโมเดล Gemini Nano ของ DeepMind บนเครื่องโดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์ ทำให้ฟีเจอร์อย่าง Magic Cue, Call Notes, Voice Translate และ Gboard Smart Edit ทำงานได้เร็วและแม่นยำขึ้น Pixel 10 ยังมีฟีเจอร์กล้องใหม่ เช่น Add Me, Auto Best Take และ 100x Pro Res Zoom ที่ใช้โมเดล diffusion ขนาดเกือบพันล้านพารามิเตอร์ ซึ่งรันบน TPU โดยตรง พร้อมระบบ ISP ใหม่ที่ช่วยให้ถ่ายวิดีโอ 10-bit ได้แม้ในที่แสงน้อย การเปลี่ยนมาใช้ TSMC ไม่ใช่แค่เรื่องประสิทธิภาพ แต่ยังสะท้อนถึงความพยายามของ Google ในการควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของชิป ตั้งแต่การออกแบบจนถึงการผลิต โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างสมาร์ทโฟนที่ฉลาดและปลอดภัยที่สุดในตลาด 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Pixel 10 ใช้ชิป Tensor G5 ที่ผลิตโดย TSMC แทน Samsung ➡️ Tensor G5 ผลิตด้วยเทคโนโลยี N3P ระดับ 3nm ที่มีประสิทธิภาพสูง ➡️ CPU เร็วขึ้น 34% และ TPU เร็วขึ้น 60% เมื่อเทียบกับ Tensor G4 ➡️ รองรับโมเดล Gemini Nano จาก DeepMind สำหรับงาน AI บนเครื่อง ➡️ ฟีเจอร์ AI ใหม่ เช่น Magic Cue, Call Notes, Voice Translate, Gboard Smart Edit ➡️ ระบบกล้องใหม่รองรับ 100x Pro Res Zoom และวิดีโอ 10-bit ➡️ Pixel 10 รองรับการชาร์จเร็ว, แบตเตอรี่ใหญ่ขึ้น และชาร์จไร้สายแบบแม่เหล็ก ➡️ รองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์นานถึง 7 ปี ➡️ มีการปรับปรุงระบบควบคุมความร้อนให้ชิปทำงานที่ความถี่สูงได้โดยไม่ throttle ➡️ ใช้ LPDDR5X และ UFS 4.0 เพื่อเพิ่มแบนด์วิดท์และความเร็วในการอ่านข้อมูล ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ TSMC เป็นผู้ผลิตชิปที่มี yield สูงและการออกแบบทรานซิสเตอร์ที่แม่นยำ ➡️ N3P เป็นการพัฒนาเพิ่มเติมจาก N3E โดยให้ประสิทธิภาพดีขึ้นแต่ยังคงความเข้ากันได้กับดีไซน์เดิม ➡️ การเปลี่ยนมาใช้ TSMC อาจเป็นการตอบโต้ต่อปัญหาด้านประสิทธิภาพของ Samsung Foundry ➡️ Tensor G5 ใช้สถาปัตยกรรม Matformer และ Per Layer Embedding เพื่อเพิ่มคุณภาพการตอบสนองของโมเดล ➡️ Pixel 10 เป็นรุ่นแรกที่ใช้ diffusion model ในกล้องโดยตรงบนอุปกรณ์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/google-switches-from-samsung-to-tsmc-pixel-10-and-g5-use-tsmcs-n3p-process
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • Tensor G5 – ชิป 3nm ตัวแรกจาก Google ที่ไม่ใช่แค่เร็ว แต่ฉลาดขึ้นอย่างมีนัย

    Google เปิดตัวชิป Tensor G5 พร้อมกับ Pixel 10 Series ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทในด้านฮาร์ดแวร์ เพราะนี่คือชิปแรกที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 3nm โดย TSMC แทนที่จะใช้โรงงานของ Samsung เหมือนรุ่นก่อนหน้า

    Tensor G5 ไม่ได้เน้นแค่ความเร็ว แต่ถูกออกแบบเพื่อรองรับงาน AI โดยเฉพาะ โดยมีการปรับโครงสร้าง CPU เป็นแบบ 1+5+2 (1 core แรง, 5 core กลาง, 2 core ประหยัดพลังงาน) และมีความเร็วสูงสุดถึง 3.78GHz จากผลทดสอบ Geekbench

    Google เคลมว่า Tensor G5 เร็วขึ้น 34% โดยเฉลี่ยเมื่อเทียบกับ Tensor G4 และ TPU (หน่วยประมวลผล AI) ก็แรงขึ้นถึง 60% ซึ่งช่วยให้ Gemini Nano รุ่นใหม่ทำงานเร็วขึ้น 2.6 เท่า และประหยัดพลังงานมากขึ้น

    ชิปนี้ยังรองรับ context window ขนาด 32,000 token ซึ่งเทียบเท่ากับการประมวลผลข้อมูลจากอีเมลทั้งเดือนหรือภาพหน้าจอ 100 ภาพ ทำให้ฟีเจอร์ AI อย่าง Magic Cue, Call Notes, Scam Detection และ Camera Coach ทำงานได้แบบเรียลไทม์โดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์

    ด้านกราฟิก แม้จะมีการอัปเกรด GPU แต่ Tensor G5 ยังไม่รองรับ ray tracing ซึ่งทำให้ยังตามหลังคู่แข่งในด้านเกมมือถือ ส่วน ISP (Image Signal Processor) ก็ได้รับการปรับปรุงให้รองรับ 10-bit HDR และลดการเบลอในวิดีโอแสงน้อย

    Pixel 10 Series ที่ใช้ Tensor G5 มีให้เลือกหลายรุ่น ตั้งแต่ Pixel 10 ธรรมดาไปจนถึง Pixel 10 Pro Fold โดยมีราคาเริ่มต้นที่ $799 และมีโปรโมชั่นแจกบัตรของขวัญสูงสุดถึง $300

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Tensor G5 เป็นชิป 3nm ตัวแรกจาก Google ผลิตโดย TSMC
    ใช้โครงสร้าง CPU แบบ 1+5+2 และความเร็วสูงสุด 3.78GHz
    เร็วขึ้น 34% โดยเฉลี่ยจาก Tensor G4 และ TPU แรงขึ้น 60%
    Gemini Nano ทำงานเร็วขึ้น 2.6 เท่าและประหยัดพลังงานมากขึ้น
    รองรับ context window ขนาด 32,000 token สำหรับงาน AI
    ฟีเจอร์ AI ใหม่ เช่น Magic Cue, Scam Detection, Journal, Call Notes
    GPU อัปเกรดแต่ไม่รองรับ ray tracing
    ISP รองรับ 10-bit HDR และลดเบลอในวิดีโอแสงน้อย
    Pixel 10 Series มีรุ่นธรรมดา, Pro, Pro XL และ Pro Fold
    ราคาเริ่มต้น $799 พร้อมบัตรของขวัญสูงสุด $300

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Tensor G5 ใช้ LPDDR5X และ UFS 4.0 เพื่อเพิ่มแบนด์วิดท์และความเร็ว
    ใช้สถาปัตยกรรม Matryoshka Transformer และ Per Layer Embedding
    Pixel 10 รองรับ Android 16 และอัปเดตนาน 7 ปี
    Pixel 10 Pro มี vapor chamber cooling แต่รุ่นธรรมดาใช้ graphene
    Pixel 10 รองรับ Qi2 wireless charging และมีจอ Actua 120Hz

    https://wccftech.com/tensor-g5-goes-official-first-3nm-chipset-from-google/
    🎙️ Tensor G5 – ชิป 3nm ตัวแรกจาก Google ที่ไม่ใช่แค่เร็ว แต่ฉลาดขึ้นอย่างมีนัย Google เปิดตัวชิป Tensor G5 พร้อมกับ Pixel 10 Series ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทในด้านฮาร์ดแวร์ เพราะนี่คือชิปแรกที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 3nm โดย TSMC แทนที่จะใช้โรงงานของ Samsung เหมือนรุ่นก่อนหน้า Tensor G5 ไม่ได้เน้นแค่ความเร็ว แต่ถูกออกแบบเพื่อรองรับงาน AI โดยเฉพาะ โดยมีการปรับโครงสร้าง CPU เป็นแบบ 1+5+2 (1 core แรง, 5 core กลาง, 2 core ประหยัดพลังงาน) และมีความเร็วสูงสุดถึง 3.78GHz จากผลทดสอบ Geekbench Google เคลมว่า Tensor G5 เร็วขึ้น 34% โดยเฉลี่ยเมื่อเทียบกับ Tensor G4 และ TPU (หน่วยประมวลผล AI) ก็แรงขึ้นถึง 60% ซึ่งช่วยให้ Gemini Nano รุ่นใหม่ทำงานเร็วขึ้น 2.6 เท่า และประหยัดพลังงานมากขึ้น ชิปนี้ยังรองรับ context window ขนาด 32,000 token ซึ่งเทียบเท่ากับการประมวลผลข้อมูลจากอีเมลทั้งเดือนหรือภาพหน้าจอ 100 ภาพ ทำให้ฟีเจอร์ AI อย่าง Magic Cue, Call Notes, Scam Detection และ Camera Coach ทำงานได้แบบเรียลไทม์โดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์ ด้านกราฟิก แม้จะมีการอัปเกรด GPU แต่ Tensor G5 ยังไม่รองรับ ray tracing ซึ่งทำให้ยังตามหลังคู่แข่งในด้านเกมมือถือ ส่วน ISP (Image Signal Processor) ก็ได้รับการปรับปรุงให้รองรับ 10-bit HDR และลดการเบลอในวิดีโอแสงน้อย Pixel 10 Series ที่ใช้ Tensor G5 มีให้เลือกหลายรุ่น ตั้งแต่ Pixel 10 ธรรมดาไปจนถึง Pixel 10 Pro Fold โดยมีราคาเริ่มต้นที่ $799 และมีโปรโมชั่นแจกบัตรของขวัญสูงสุดถึง $300 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Tensor G5 เป็นชิป 3nm ตัวแรกจาก Google ผลิตโดย TSMC ➡️ ใช้โครงสร้าง CPU แบบ 1+5+2 และความเร็วสูงสุด 3.78GHz ➡️ เร็วขึ้น 34% โดยเฉลี่ยจาก Tensor G4 และ TPU แรงขึ้น 60% ➡️ Gemini Nano ทำงานเร็วขึ้น 2.6 เท่าและประหยัดพลังงานมากขึ้น ➡️ รองรับ context window ขนาด 32,000 token สำหรับงาน AI ➡️ ฟีเจอร์ AI ใหม่ เช่น Magic Cue, Scam Detection, Journal, Call Notes ➡️ GPU อัปเกรดแต่ไม่รองรับ ray tracing ➡️ ISP รองรับ 10-bit HDR และลดเบลอในวิดีโอแสงน้อย ➡️ Pixel 10 Series มีรุ่นธรรมดา, Pro, Pro XL และ Pro Fold ➡️ ราคาเริ่มต้น $799 พร้อมบัตรของขวัญสูงสุด $300 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Tensor G5 ใช้ LPDDR5X และ UFS 4.0 เพื่อเพิ่มแบนด์วิดท์และความเร็ว ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม Matryoshka Transformer และ Per Layer Embedding ➡️ Pixel 10 รองรับ Android 16 และอัปเดตนาน 7 ปี ➡️ Pixel 10 Pro มี vapor chamber cooling แต่รุ่นธรรมดาใช้ graphene ➡️ Pixel 10 รองรับ Qi2 wireless charging และมีจอ Actua 120Hz https://wccftech.com/tensor-g5-goes-official-first-3nm-chipset-from-google/
    WCCFTECH.COM
    Google Has Announced Its First 3nm Chipset, The Tensor G5, Alongside The Pixel 10 Series; Company Claims A 34 Percent Average Performance Increase Over The Tensor G4, No RT Support & More
    Google has officially announced its first 3nm SoC, the Tensor G5, and here is everything you need to know about the flagship silicon
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว

  • กองกำลังบูรพา ตรวจสอบกล่องวัตถุต้องสงสัย ถูกทิ้งในไร่อ้อย อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ข้างในมีซิมมือถือ จำนวน 395 หมายเลข พร้อมเครื่องสำอาง และเสื้อผ้า เร่งขยายผลหาผู้เกี่ยวข้อง คาดอาจเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์-กลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ

    เบื้องต้น เจ้าหน้าที่เชื่อว่าซิมมือถือจำนวนมากอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด โดยเฉพาะการก่ออาชญากรรมทางออนไลน์ หรือเป็นเครื่องมือสนับสนุนเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงการเปิดบัญชีม้าเพื่อหลอกลวงทางการเงินโดยเจ้าหน้าที่ทหารพรานได้เก็บของกลางทั้งหมดไว้ตรวจสอบเพิ่มเติม พร้อมเร่งสืบสวนขยายผลหาตัวผู้เกี่ยวข้อง และตรวจสอบว่าเครือข่ายดังกล่าว มีการเชื่อมโยงกับกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติหรือไม่
    กองกำลังบูรพา ตรวจสอบกล่องวัตถุต้องสงสัย ถูกทิ้งในไร่อ้อย อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ข้างในมีซิมมือถือ จำนวน 395 หมายเลข พร้อมเครื่องสำอาง และเสื้อผ้า เร่งขยายผลหาผู้เกี่ยวข้อง คาดอาจเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์-กลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ เบื้องต้น เจ้าหน้าที่เชื่อว่าซิมมือถือจำนวนมากอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด โดยเฉพาะการก่ออาชญากรรมทางออนไลน์ หรือเป็นเครื่องมือสนับสนุนเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงการเปิดบัญชีม้าเพื่อหลอกลวงทางการเงินโดยเจ้าหน้าที่ทหารพรานได้เก็บของกลางทั้งหมดไว้ตรวจสอบเพิ่มเติม พร้อมเร่งสืบสวนขยายผลหาตัวผู้เกี่ยวข้อง และตรวจสอบว่าเครือข่ายดังกล่าว มีการเชื่อมโยงกับกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติหรือไม่
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอนตี้ไวรัสปลอมที่กลายเป็นสายลับ – เมื่อมือถือกลายเป็นเครื่องมือสอดแนม

    ตั้งแต่ต้นปี 2025 นักวิจัยจาก Doctor Web พบมัลแวร์ Android.Backdoor.916.origin ที่ปลอมตัวเป็นแอปแอนตี้ไวรัสชื่อ GuardCB เพื่อหลอกผู้ใช้ Android ในรัสเซีย โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจและเจ้าหน้าที่รัฐ

    ตัวแอปมีไอคอนคล้ายโลโก้ธนาคารกลางรัสเซียบนโล่ ทำให้ดูน่าเชื่อถือ เมื่อเปิดใช้งานจะรันการสแกนปลอม พร้อมแสดงผลตรวจจับไวรัสแบบสุ่มเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

    หลังติดตั้ง มัลแวร์จะขอสิทธิ์เข้าถึงทุกอย่าง ตั้งแต่ตำแหน่ง, กล้อง, ไมโครโฟน, ข้อความ, รายชื่อ, ไปจนถึงสิทธิ์ผู้ดูแลระบบ และ Android Accessibility Service ซึ่งช่วยให้มันทำตัวเป็น keylogger และควบคุมแอปยอดนิยมอย่าง Gmail, Telegram และ WhatsApp

    มัลแวร์จะรัน background service หลายตัว เช่น DataSecurity, SoundSecurity และ CameraSecurity โดยตรวจสอบทุกนาทีว่าทำงานอยู่หรือไม่ และรีสตาร์ตทันทีหากหยุด

    มันสามารถสตรีมเสียงจากไมค์, วิดีโอจากกล้อง, ข้อมูลหน้าจอแบบเรียลไทม์ และอัปโหลดข้อมูลทุกอย่างไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) รวมถึงภาพ, รายชื่อ, SMS, ประวัติการโทร และแม้แต่ข้อมูลแบตเตอรี่

    ที่น่ากลัวคือ มันสามารถป้องกันตัวเองจากการถูกลบ โดยใช้ Accessibility Service เพื่อบล็อกการถอนการติดตั้ง หากผู้ใช้รู้ตัวว่าถูกโจมตี

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    มัลแวร์ Android.Backdoor.916.origin ปลอมตัวเป็นแอปแอนตี้ไวรัสชื่อ GuardCB
    มีไอคอนคล้ายโลโก้ธนาคารกลางรัสเซียเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
    รันการสแกนปลอมพร้อมผลตรวจจับไวรัสแบบสุ่ม
    ขอสิทธิ์เข้าถึงตำแหน่ง, กล้อง, ไมค์, SMS, รายชื่อ, และสิทธิ์ผู้ดูแลระบบ
    ใช้ Accessibility Service เพื่อทำตัวเป็น keylogger และควบคุมแอปยอดนิยม
    รัน background service หลายตัวและตรวจสอบทุกนาที
    สตรีมเสียง, วิดีโอ, หน้าจอ และอัปโหลดข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุม
    ป้องกันการลบตัวเองโดยใช้ Accessibility Service
    อินเทอร์เฟซของมัลแวร์มีเฉพาะภาษารัสเซีย แสดงว่าเจาะจงเป้าหมายเฉพาะ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    มัลแวร์ถูกเขียนด้วยภาษา Kotlin และใช้ coroutine ในการจัดการ background task
    ใช้การเชื่อมต่อ socket กับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมเพื่อรับคำสั่งแบบเรียลไทม์
    คำสั่งที่รับได้รวมถึงการเปิด/ปิดการป้องกัน, อัปโหลด log, และดึงข้อมูลจากอุปกรณ์
    การใช้ Accessibility Service เป็นเทคนิคที่มัลแวร์ Android รุ่นใหม่ใช้กันแพร่หลาย
    การปลอมตัวเป็นแอปที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐเป็นเทคนิคที่ใช้หลอกเป้าหมายเฉพาะ
    Android Security Patch เดือนสิงหาคม 2025 ได้แก้ไขช่องโหว่หลายรายการที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงระบบ

    https://hackread.com/fake-antivirus-app-android-malware-spy-russian-users/
    📖 แอนตี้ไวรัสปลอมที่กลายเป็นสายลับ – เมื่อมือถือกลายเป็นเครื่องมือสอดแนม ตั้งแต่ต้นปี 2025 นักวิจัยจาก Doctor Web พบมัลแวร์ Android.Backdoor.916.origin ที่ปลอมตัวเป็นแอปแอนตี้ไวรัสชื่อ GuardCB เพื่อหลอกผู้ใช้ Android ในรัสเซีย โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจและเจ้าหน้าที่รัฐ ตัวแอปมีไอคอนคล้ายโลโก้ธนาคารกลางรัสเซียบนโล่ ทำให้ดูน่าเชื่อถือ เมื่อเปิดใช้งานจะรันการสแกนปลอม พร้อมแสดงผลตรวจจับไวรัสแบบสุ่มเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ หลังติดตั้ง มัลแวร์จะขอสิทธิ์เข้าถึงทุกอย่าง ตั้งแต่ตำแหน่ง, กล้อง, ไมโครโฟน, ข้อความ, รายชื่อ, ไปจนถึงสิทธิ์ผู้ดูแลระบบ และ Android Accessibility Service ซึ่งช่วยให้มันทำตัวเป็น keylogger และควบคุมแอปยอดนิยมอย่าง Gmail, Telegram และ WhatsApp มัลแวร์จะรัน background service หลายตัว เช่น DataSecurity, SoundSecurity และ CameraSecurity โดยตรวจสอบทุกนาทีว่าทำงานอยู่หรือไม่ และรีสตาร์ตทันทีหากหยุด มันสามารถสตรีมเสียงจากไมค์, วิดีโอจากกล้อง, ข้อมูลหน้าจอแบบเรียลไทม์ และอัปโหลดข้อมูลทุกอย่างไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) รวมถึงภาพ, รายชื่อ, SMS, ประวัติการโทร และแม้แต่ข้อมูลแบตเตอรี่ ที่น่ากลัวคือ มันสามารถป้องกันตัวเองจากการถูกลบ โดยใช้ Accessibility Service เพื่อบล็อกการถอนการติดตั้ง หากผู้ใช้รู้ตัวว่าถูกโจมตี 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ มัลแวร์ Android.Backdoor.916.origin ปลอมตัวเป็นแอปแอนตี้ไวรัสชื่อ GuardCB ➡️ มีไอคอนคล้ายโลโก้ธนาคารกลางรัสเซียเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ➡️ รันการสแกนปลอมพร้อมผลตรวจจับไวรัสแบบสุ่ม ➡️ ขอสิทธิ์เข้าถึงตำแหน่ง, กล้อง, ไมค์, SMS, รายชื่อ, และสิทธิ์ผู้ดูแลระบบ ➡️ ใช้ Accessibility Service เพื่อทำตัวเป็น keylogger และควบคุมแอปยอดนิยม ➡️ รัน background service หลายตัวและตรวจสอบทุกนาที ➡️ สตรีมเสียง, วิดีโอ, หน้าจอ และอัปโหลดข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุม ➡️ ป้องกันการลบตัวเองโดยใช้ Accessibility Service ➡️ อินเทอร์เฟซของมัลแวร์มีเฉพาะภาษารัสเซีย แสดงว่าเจาะจงเป้าหมายเฉพาะ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ มัลแวร์ถูกเขียนด้วยภาษา Kotlin และใช้ coroutine ในการจัดการ background task ➡️ ใช้การเชื่อมต่อ socket กับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมเพื่อรับคำสั่งแบบเรียลไทม์ ➡️ คำสั่งที่รับได้รวมถึงการเปิด/ปิดการป้องกัน, อัปโหลด log, และดึงข้อมูลจากอุปกรณ์ ➡️ การใช้ Accessibility Service เป็นเทคนิคที่มัลแวร์ Android รุ่นใหม่ใช้กันแพร่หลาย ➡️ การปลอมตัวเป็นแอปที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐเป็นเทคนิคที่ใช้หลอกเป้าหมายเฉพาะ ➡️ Android Security Patch เดือนสิงหาคม 2025 ได้แก้ไขช่องโหว่หลายรายการที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงระบบ https://hackread.com/fake-antivirus-app-android-malware-spy-russian-users/
    HACKREAD.COM
    Fake Antivirus App Spreads Android Malware to Spy on Russian Users
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผีบ้าร่ายเสียยาว.อย่าว่ากันเด้อใครที่ผ่านเข้ามาในบ้านในเพจเรา.555

    ..มั่ว ระบบมั่ว,แค่อยากเก็บตังจากประชาชนให้มากๆเท่านั้น,กฎหมายลักหลับประชาชน จะหลอยหลอนออกทีหลังที่บ้านเมืองโกลาหลวุ่นวายตลอด โป๊กเกอร์คือตัวอย่าง อะไรที่ไม่สำเร็จในยุคโทนี่ สำเร็จเกือบหมดในยุคยึดอำนาจจาก กปปส.ถวายพาน,นี้ก็ด้วย พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศก็ผ่านแล้ว,นี้ก็อีกมัดมือชกตอนไทยทหารไทยและประชาชนกำลังต่อสู้กับภัยอธิปไตยชาติไทย เสือกหน้ามึนมาบังคับประกาศให้ประชาชนต้องทำตามคลังจากสมัยรัฐบาลที่ทหารเป็นฝ่ายตรงข้ามเรานะ กะผูกผันต้องทำตามนะ,เป็นท่านนี้ถ้าได้เป็นนายกฯนะจะยกเลิกทันทีเช่นกัน,ล้างระบบทั้งหมดผีบ้าออกก่อน สไตล์ซาตานอีลิทเอาตังล่อคนไทยเหมือนเดิมเพื่อตอนควายวัวแพะแกะเข้าระบบควบคุมมนุษย์มันอย่างสมบูรณ์อนาคตคงฝังชิปใส่ตัวทุกๆคนไทยเพื่อเข้าถึงสวัสดิการทั้งหมดล่ะ,คือเอาสวัสดิการมาล่อ,แบบเดอะแก๊งเงินบุญหรือเดอะแก๊งgesara nesaraตังUBIเอย ปลดหนี้สินเด็กๆนักเรียนนักศึกษาและประชาชนเอย,แนวคิดโคตรพ่อโคตรแมร่งมันมาจากอเมริกาอีกล่ะ,ล้างสมองผ่านสิ่งนี้ เพราะท้ายสุดพ่อมันตายสิ่งนี้ก็ยังไม่เห็นจริงสักที เขมรว่าสันดานโคตรตอแหลหลอกลวงแล้ว อเมริกายิ่งโคตรมหาตอแหลหลอกลวงอีก กูรูสายฝ่ายแสงไทยบอกว่าตังโอนเข้าประเทศไทยแล้วกว่า1×10¹²⁰ แค่1×10²⁰ก็บุญหัวแล้ว คนไทยจะได้ตังร่ำรวยขนาดไหน แต่ขอโทษ อเมริกาได้100,000$/เดือน ,ไทยได้25,000บาทต่อเดือนพะนะ,หรือ1,000,000บาทแค่40เดือนพอ,อเมริกาปล้นตังวาติกันได้กว่า1×10⁸⁰⁰โน้นหรือบางคนว่า1×10¹⁰⁰⁰ ,กูรูบางคนว่าประเทศไทยเป็นฮับปลดปล่อย โอนมารอกดปุ่มแล้ว1×10²⁰⁰เบื้องต้น,เริ่มหลังagenda30สำเร็จมันว่า ,ไทยคง2570เร่งเร็วขึ้น,ญี่ปุ่นปลดปล่อยnesaraแล้วพะนะ,คือมโนมากๆน่าจะเดอะแก๊งคอลเซนเตอร์เขมรนี้ล่ะ เก็งกำไรUSDสกุลรุ้งด้วยก็ว่า,ลงตามค่าครองชีพของแต่ละประเทศ,จากUBIกลายเป็นNITเสียแล้ว,แบบมุกค่าแรงอเมริกา3,000$ต่อวัน,ไทยไม่น้อยหน้าอวด300฿ต่อวันสู้โน้น,ตัดศูนย์ไม่หนึ่งตัว,สกุลแลกเปลี่ยน1$:35฿อีก มันคนละเรื่องเลย.

    ..จริงๆรัฐบาลนี้ไม่เหมาะสมในช่วงจังหวะนี้จะทำใดๆ,เพราะระบบยังไม่น่าเชื่อถือถูกแฮกเกอร์ดูดได้ปกติอยู่คือยังกากนั้นเอง,
    ..ภาษีจริงๆได้มาจากภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีปิโตรเลียมโดยส่วนใหญ่ ภาษีประชาชนจ่ายมากกว่าภาษีบริษัทนิติบุคคลอีกด้วย,รีดตังจากประชาชนดีๆนี้ล่ะ,ประชาชนไม่เกี่ยวเลยว่ารวมกันจ่ายหรือเก็บได้น้อย คนทำงานจ่ายมาก ต้องมาแบกภาระช่วยคนไม่ทำงาน ,ตรรกะนี้ถือว่าไม่สมควรมีรัฐบาลเพื่ออยู่ประจำชาติไทย,ตั้งบริษัทประเทศไทยแทนชื่อว่ารัฐบาลเถอะ,บริหารแบบบริษัทไป,หรือบริหารแบบกองทุนหมู่บ้านที่เข้มแข็งแทน เช่นกองทุนหมู่บ้านแห่งชาติแลนด์บริดจ์และคลองคอดกระเป็นต้น เป็นเจ้าของและร่วมบริหารจัดการจริง,มิใช่แบบรัฐบาลยกให้เอกชนต่างชาติหรือเอกชนไทยไปแดกตังจนร่ำรวยแบบยกบ่อน้ำมันทั่วประเทศไทยไปสำเร็จมาแล้ว,เนื้องานภาษีจริงๆคือภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีปิโตรเลียม รัฐบาลยึดอำนาจหากไม่ลดนั้นนี้ให้ต่างชาติหรือยึดทำบ่อน้ำมันเองจะพลิกเป็นร่ำรวยทันที,ภาษีบุุคคลธรรมดาจึงกากมากไม่กี่หมื่นล้านบาทต่อปี จากอดีต4-5พันล้านบาทต่อปีโดยเฉลี่ย,ส่วนภาษีนิติบุคคลยิ่งเก็บภาษีได้กากมาก3-4พันล้านบาทเอง,รัฐบาลจึงอ้างคนไทยทั้งประเทศต้องเข้าระบบภาษีทุกๆคนเพื่อป้องกันการเก็บภาษีหลุดออกจากระบบให้เก็บได้มากๆจึงเป็นตรรกขี้หมามากเล่าความเท็จโกหกแหกตาประชาชนแบบฉีดวัคซีนนั้นล่ะ ฉีดสารพิษเข้าร่างกายแท้ๆแต่รัฐบาลกลับปกปิดถึงปัจจุบัน ไม่มีความรับผิดชอบในชีวิตประชาชนเลยที่ตนทำกิจกรรมกิจการการเป็นรัฐบาลที่ผิดพลาด,นี้NITนี้ต้องการติดตามกิจกรรม สอดแนมวิถีชีวิตประชาชนแค่นั้นสังเกตุคือผีบ้าอ้างเชื่อมโยงสุขภาพจะเน้นๆกว่าสะท้อนการช่วยเหลือทางการเงิน,อนาคตคือคุณไม่มีอะไรใดๆเลย คุณจะมีความสุขนั้นล่ะ,แม้แต่ชีวิตหรือจิตวิญญาณคุณก็จะไม่เหลือ,คำว่ารัฐบาลเราต้องยกเลิกการใช้คำจริงๆ มันคือการบริหารกิจการประเทศผ่านชื่อสมมุติว่ารัฐบาลนี้ล่ะแต่ภาคประชาชนกลับไม่สามารถจัดการรัฐบาลตนเองได้,ไล่ออกรัฐบาลไม่ซื่อสัตย์ก็ไม่ได้ ยังมีพนักงานบัดสบรากงอกในบริษัทรัฐบาลนี้ปกติ ไปแค่นักการเมืองประมาณนั้นที่เชื่อว่าชั่วแต่โคตรชั่วไม่แพ้กันคือพวกรากงอกสร้างระบบเจ้าพ่ออิทธิพลทั่วเต็มบริษัทรัฐบาลนี้ล่ะ,

    ..จึงต้องล้างระบบทิ้งทั้งหมดจริงๆก่อน,ระบบภาษีล้างทิ้งทั้งหมดด้วยแล้วสร้างใหม่ สวัสดิการและภาษีที่ซ้ำๆซ้อนๆกัน เก็บเอาเปรียบคนไทยทุกๆคนจะคนธรรมดาหรือเจ้าของกิจการก็ต้องยกเลิกด้วย,ง่ายๆคือล้างกระดานใหม่ทั้งหมด.

    ..มโนเล่นๆ สมมุติไทยเข้าถึงระบบควอนตัมแล้วมีฐานมหาบิ๊กดาต้าพร้อมรับเข้าส่งออกเรียลไทม์มหาศาลแล้ว.,"บริษัทกองทุนประเทศไทย" ชื่อแทนชื่อรัฐบาลไทย,แจกมือถือควอนตัมคุณภาพสูงทุกๆคนไทยห้ามฝังชิปใส่ตัว,ทำธุรกรรมการเงินเรื่องตังจะใช้จ่ายจะรับเข้าให้ใช้มือถือแทน แน่นอนบาทคอยน์อินทนนท์มาใช้ในที่นี้จริงนั้นเอง,ตื๊ดๆตื๊ดๆรับเข้าโอนออก จ่ายออก ได้ตังมา ใช้มือถือควอนตัมนี้จบ,จะจบการทุจริตเงินมืดเงินเทาเงินเถื่อนเงินใต้โต๊ะเงินซื้อเสียงเงินขานเสียงเงินฮั๊วเงินถุงขนมตกหน้าศาล เงินแจกกล้วยในทั้งสภาได้เลยก็ว่าและเงินสาระพัดชั่วเลวระยำใดๆจะสิ้นซากหมด สามารถตามติดธุรกรรมเลวชั่วได้เรียลไทม์ทั้งหมดด้วย เป็นต้น,1คนไทย1 IDบัตรปชช.1 เลขมือถือควอนตัม 1บัญชีตังดิจิดัลบาทคอยน์อินทนนท์เท่านั้น จะมี1บาทคอยน์หรือ10ล้านล้านบาทคอยน์ก็มีได้แค่1บัญชีธนาคารตังดิจิดัลส่วนตัวเอกเทศปัจเจกบุคคลของใครของมันเฉพาะตัว,จากนั้นคุณจะอัดสวัสดิการใดๆ ล้างหนี้ประชาชนใดๆ เก็บภาษีลักษณะใดๆระบบจะรันอัตโนมัติคิดคำนวนอัตโนมัติเรียลไทม์ให้แบบเชื่อมต่อเน็ตstarlinkนั้นล่ะ อยู่ทุกๆที่ทุกๆเวลาทำทุกๆธุรกรรมการเงินได้,นี้คือการว่าด้วยตังเพียว,สามารถเก็บภาษีสินค้าอุปโภคและบริโภคอย่างเดียวก็ได้,สามารถเก็บภาษีเงินไหลเข้าตังไหลเข้ามือถือคนๆนั้นฝ่ายเดียวก็ได้เพื่อบรรลุเป้าหมายว่าคุณมีรายได้รับเข้ามาจริงแล้วต้องจ่ายส่วยจ่ายตังจ่ายภาษีให้เสียดีๆก็ว่า,เช่นเงินเข้า100บาท ระบบก็หักอัตโมัติ0.01บาทเป็นภาษีเงินเข้ารายรับรายได้ประชาชนจริง,เหลือคือ99.99บาทก็ไปรวมยอดสะสมที่มือถือนั้นสามารถตื๊ดๆใช้จ่ายออกไปได้จริงต่อไป,ใครตังเข้ามือถือหักออโต้ก็ว่า,ตลอดธุรกรรมจับจ่ายแลกเปลี่ยนโอนตังออก รับตังเข้า กระแสเงินสะพัดหมุนเวียนทั่วไทยและทั่วโลกของคนไทยค้าขายคือวันละ100ล้านล้านบาทต่อวันแบบเวอร์ๆ,ตังที่เก็บหักออโต้ได้คือ0.01ล้านล้านบาทต่อวันนั้นเอง,กรณีบวกสาระพัดจาก0.01+0.07กรณีภาษีมูลค่าเพิ่มด้วยก็คือ0.08,หรือvatแบบผีบ้าnesaraมันคิดเหมารวมที่0.14+0.01=0.15ก็สบายมาก ,จะเป็น0.15ล้านล้านบาทต่อวันหักออโต้เป็นตัวภาษีชาติไทยทันที,100วันคือ15ล้านล้านบาท,200วันคือ30ล้านล้านบาท,300วันคือ45ล้านล้านบาท,คือไม่เก็บภาษีใดๆเลย,ให้ประชาชนทำกิจกรรมเต็มที่ ใครอยากเปิดบริษัทไม่ต้องเสียภาษีนิติบุคคล,ประชาชนมนุษย์เงินเดือนใดๆไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอะไรใดๆ,และภาษีอื่นๆก็ว่า,โดยทั้งหมดค่อยๆคลายปลดไป,จนหมดจนสมดุลได้ดังเป้า ค้าขายฮับไทยระดับโลกก็ว่า,ใครมาทำธุรกรรมบนแผ่นดิน มาเปิดสาขาตั้งสำนักงานใดๆใหญ่น้อยเข้าระบบเราคือจบ,บาทคอยน์คือสกุลเงินโลกอาจไม่ผิด ใครทำธุรกรรมผ่านบาทคอยน์เสีย0.15ไปเลยก็ว่า,หรือ0.01กรณีโอนตังรับตังเข้ามือถือมิใช่ค้าขายการตลาดหรือบริษัท.,คือเสน่หาก็ว่า, นี้มโนเพียวๆ,ระบบไทยเรากากมั้ย ถ้าล้ำๆแบบทำที่ว่าได้ทันทีมั้ย,เงินมืดเงินเทาจะตายทันที,คนควบคุมตังดิจิดัลบาทคอยน์ของไทยจึงสำคัญมากๆ,เสือกคีย์ตังผีบ้าตีประเมินผีบ้าคีย์ตัวเลขสัก10ล้านล้านบาทหรือ1,000ล้านล้านบาทคอยน์บรรลัยกินทั้งระบบแน่นอนคือฟอกเงินให้ตังเทาพินาศแน่นอนนั่นเอง,ทั้งเงินใต้ดินเงินเทาเงินเถื่อนเงินที่เข้าใจว่าหนีภาษีสไตล์นักการเมืองแหกตาหรือคนราชการแหกอกว่าฉันต้องใช้NITกับประชาชนทุกๆคนนะจะจบไปทันที,ตังเถื่อนๆใต้เงินพวกนั้นจะไร้ค่่ของจริงทันที,อย่าว่าแต่หนีภาษีที่ฉันรัฐบาลอยากเก็บภาษีกับเงินห่าเหวพวกนี้เลย,บาทเดียวสลึงเดียวอาจไม่ได้เลยเพราะระบบตังดิจิดัลที่ว่าฆ่าทิ้งพวกนั้นนี้หมด,แบงค์ชาติเอาจริงจะไม่ใครในชาติไทยนี้หลบหนีการฟอกเงินได้หรอก,แบงค์ชาติเห็นหมดล่ะทุกๆธุรกรรมของใครๆ,แบงค์ชาติไม่ใช่ของคนไทยแต่เป็นของต่างชาติของอีลิทdeep stateควบคุมสั่งการและก่อตั้ง,แบงค์ชาติผีบ้าอะไรที่รัฐบาลไทยตนเข้าควบคุมสั่งการไม่ได้,แม้ไม่ใช่รัฐบาลทหารไทยเป็นฝ่สยตรงข้ามเราก็เถอะ,เป็นรัฐบาลประชาชนคนดีๆก็ตาม มันเขียนกฎหมายกติกาสาระพัดให้โทษใครก็ตามหมายจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวในกิจกรรมกิจการของเครือข่ายdeep stateสากลข้ามมาไทยยึดไทยมรุงอักเสบแน่ถูกมันจัดการนั้นเอง,
    ..วาระNITเป็นวาระหนึ่งในการควบคุมมนุษย์ของแผนagenda2030นี้ล่ะ,ด้านหนึ่งในหลายๆด้านหลายๆหมากกันผิดพลาดก็ได้ แบบคาร์บอนเครดิตหรือพรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนั้นล่ะ.
    ..NITนี้ยังไม่มีรายละเอียดชี้แจงแก่ประชาชนชัดเจนเข้าใจตรงกันในเนื้อในใดๆเลย กะมาแบบมุกเดิมๆใช้ตังล่อ ทำแล้วได้รับเศษตังนะ บังคับมาทำไวๆเร็วด้วย,ผิดปกติประชาธิปไตย ไร้ลงมติเห็นด้วยหรือไม่แก่ประชาชน มัดมือชกโดยกระบวนฝ่ายราชการประจำอีก,ราชการประจำนี้ล่ะเหี้ยนิ่งเฉยในพื้นที่สระแก้วจนบ้านหนองจานถูกเขมรยึดทำกินเสียนานกว่า30-40ปีหลังหนีตายเขมรแดงมาไทย,ข้าราชการพื้นที่แบบนานอำเภอผู้ว่าฯจังหวัดนั้นๆละเว้นปฏิบัติหน้าที่ถีบเขมรออกจากแผ่นดินไทยชัดเจนด้วย,คือระบบราชการไทยล้มเหลวทั้งระบบในตัวมันเอง กากไร้ประสิทธิภาพด้วย ทุจริตเต็มบ้านเต็มเมืองก็มาจากหน่วยงานราชการเองตนปล่อยปะละเลยในตำแหน่งราชการปกครองจนเหี้ยถึงปัจจุบัน,มารีดไถประชาชนอีกผ่านให้ทุกๆคนเข้าระบบภาษี,เน้นเชื่อมโยงสุขภาพด้วยคือใครยังไม่ฉีดวัคซีน ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งอำนาจข้าราชการประจำกระทรวงทบวงกรมประกาศ กูจะมีสิทธิตัดสิทธิสวัสดิการมรึงๆคนไทยทั้งหมดนะหรือคนไทยคนนั้นๆถ้าขัดขืนไม่ปฏิบัติตามรัฐบอก,คือประชาชนถูกไล่ล่าถีบออกจากพวกได้นั้นเอง,หากยิ่งเจอการปกครองแบบเผด็จการฮุนเซนควบคุมระบบจะมิตายเหรอ,ขนาดกำลังทำสงคราม ยังไม่สงบสุข คลังผีบ้าเสือกกล้าหาญชิงมาประกาศห่าเหวอะไร บังคับคนในอนาคตแบบนั้น,จะมามุกแบบประกาศล่วงหน้าใส่หมวกกันน็อคล่ะ ถึงเวลากูฝ่ายราชการประจำประกาศบังคับใช้เลย,นี้คือเผด็จการจากระบบราชการไทยฝ่ายธุรการราชการไทยชัดเจน,เผลอๆคิดเล่นๆฝ่ายราชการไทยนี้ล่ะแทรกแซงระบบประชาธิปไตย ทำลายประชาธิปไตยคนไทยให้ด้อยค่า,โดยใส่คนของราชการเต็มระบบนักการเมือง,ใส่ชุดนักการเมืองจากนั้นแสดงออกสาระพัดเลวชั่วในคราบนักการเมืองที่ตนสวมใส่ว่านักการเมืองในระบบนี้เลวชั่วช้าอย่างไร แล้วมันก็เขียนกฎหมายชั่วๆเลวๆสาระพัดออกมาใช้บังคับประชาชนโดยอ้างว่านักการเมืองสั่ง นักการเมืองอนุญาตแล้วนะ,มโนในมุมหักมุมว่าเหี้ยคนข้าราชการนี้ล่ะเข้ามาเล่นการเมืองในคราบชุดนักการเมืองแล้วแดกสาระพัดสร้างความเดือดร้อนสาระพัดทิศทั่วไทยหรือคือกลุ่มอนุรักษ์นิยมอำมาตย์เจ้าพระยาขุนเจ้าผู้ดีต่างๆนี้เพื่ออะไร เพื่อตนเองจะได้มีสิทธิอันชอบธรรมคืนสถานะเดิมศักดินาเดิมผู้ดีกลับคืนมาอีกครั้ง,คือผีบ้ายศบ้าตำแหน่งบ้าปกครองให้คนเป็นทาส เห็นคนรับใช้เป็นทาสตนแล้วมีความสุขในการเหยียบมนุษย์ด้วยกันนั้นเองแบบในอดีตที่พวกนี้ชอบชมใจชื่นชูแก่ใจมันนักยิ่งนั้นเอง,เรา..ประชาชนเห็นนักการเมืองเหี้ยนี้เลวชั่วจริง เขียนกฎหมายผีบ้าจริงมากมายด้วย ยังอยากไม่ให้มีสถาบันนักการเมืองหรือสภาเลย.,นี้คือมโนเพียวๆหักมุมอีกด้าน.
    ..ปัจจุบันประเทศไทยสมควรกวาดล้างจริงจังต่อคนชั่วเลวทั้งในระบบนักการเมืองและในระบบราชการกันจริงจังจริงๆ,
    ..ผู้นำผู้ปกครองต้องสไตล์คนอารยะธรรมจักรวาลขั้นสูงลงมาเกิดในมิตินี้ที่ไทยเรา,เป็นนักปกครองมาเกิดด้วยนั้นเอง,เราปกครองกากๆมานานเกินพอแล้ว.,จนเขมรซึ่งคือแค่เขมรยังมาเหยียบประเทศไทยได้,เหยียบย้ำศักดิ์ศรีไม่พอฆ่าเด็กๆเราแบบไม่รู้ตัวด้วย,รัฐบาลชุดทหารเป็นฝ่ายจรงข้ามเราสมควรหมดอำนาจทันทีตั้งแต่ก่อนวันที่28 ก.ค.2568แล้ว,นี้คือความไม่เด็ดขาดของ ผบ.ทหารสูงสุดเรา,ถ้าส่วนตัวเป็นนายกฯจะออกพรก.ฉุกเฉินยึดอำนาจตัวเอง,จากนั้นตั้งบิ๊กปู พนา เป็น ผบ.สูงสุดเลย,รองผบ.สูงสุดคือบิ๊กกุ้ง,คุมทัพจัดการกวาดล้างเขมร เด็ดหัวฮุนเซนฮุนมาเนตทันที, ประสานลาว เวียดนามร่วมรบเพื่อจัดสรรพื้นที่เขมรจริงจัง เพราะไทยยึดเขมรเองจะน่าเกียจเกินไป,จากนั้นเริ่มปฐมบทกวาดล้างสิ่งสกปรกจริงทั้งแผ่นดินไทยจริงๆเพื่ออัพเรเวลใหม่สู่ยุคอารยะธรรมท่องจักรวาลจริงๆ.,เรื่องเขมรเป็นอะไรที่ไร้สาระมาก,ทุบทิ้งลบชื่อเขมรออกจากแผ่นที่โลกเลย.,อนาคตชื่อประเทศเขมรไม่ปรากฎในคำทำนายก็เป็นเพราะเหตุนี้ด้วยมิใช่แค่แผ่นดินเขมรมุดลงทะเลแปซิฟิกหรอกก็ว่า.

    https://youtube.com/watch?v=a1dOy2xO08k&si=aTzjrtvryMM7K4Eo

    ผีบ้าร่ายเสียยาว.อย่าว่ากันเด้อใครที่ผ่านเข้ามาในบ้านในเพจเรา.555 ..มั่ว ระบบมั่ว,แค่อยากเก็บตังจากประชาชนให้มากๆเท่านั้น,กฎหมายลักหลับประชาชน จะหลอยหลอนออกทีหลังที่บ้านเมืองโกลาหลวุ่นวายตลอด โป๊กเกอร์คือตัวอย่าง อะไรที่ไม่สำเร็จในยุคโทนี่ สำเร็จเกือบหมดในยุคยึดอำนาจจาก กปปส.ถวายพาน,นี้ก็ด้วย พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศก็ผ่านแล้ว,นี้ก็อีกมัดมือชกตอนไทยทหารไทยและประชาชนกำลังต่อสู้กับภัยอธิปไตยชาติไทย เสือกหน้ามึนมาบังคับประกาศให้ประชาชนต้องทำตามคลังจากสมัยรัฐบาลที่ทหารเป็นฝ่ายตรงข้ามเรานะ กะผูกผันต้องทำตามนะ,เป็นท่านนี้ถ้าได้เป็นนายกฯนะจะยกเลิกทันทีเช่นกัน,ล้างระบบทั้งหมดผีบ้าออกก่อน สไตล์ซาตานอีลิทเอาตังล่อคนไทยเหมือนเดิมเพื่อตอนควายวัวแพะแกะเข้าระบบควบคุมมนุษย์มันอย่างสมบูรณ์อนาคตคงฝังชิปใส่ตัวทุกๆคนไทยเพื่อเข้าถึงสวัสดิการทั้งหมดล่ะ,คือเอาสวัสดิการมาล่อ,แบบเดอะแก๊งเงินบุญหรือเดอะแก๊งgesara nesaraตังUBIเอย ปลดหนี้สินเด็กๆนักเรียนนักศึกษาและประชาชนเอย,แนวคิดโคตรพ่อโคตรแมร่งมันมาจากอเมริกาอีกล่ะ,ล้างสมองผ่านสิ่งนี้ เพราะท้ายสุดพ่อมันตายสิ่งนี้ก็ยังไม่เห็นจริงสักที เขมรว่าสันดานโคตรตอแหลหลอกลวงแล้ว อเมริกายิ่งโคตรมหาตอแหลหลอกลวงอีก กูรูสายฝ่ายแสงไทยบอกว่าตังโอนเข้าประเทศไทยแล้วกว่า1×10¹²⁰ แค่1×10²⁰ก็บุญหัวแล้ว คนไทยจะได้ตังร่ำรวยขนาดไหน แต่ขอโทษ อเมริกาได้100,000$/เดือน ,ไทยได้25,000บาทต่อเดือนพะนะ,หรือ1,000,000บาทแค่40เดือนพอ,อเมริกาปล้นตังวาติกันได้กว่า1×10⁸⁰⁰โน้นหรือบางคนว่า1×10¹⁰⁰⁰ ,กูรูบางคนว่าประเทศไทยเป็นฮับปลดปล่อย โอนมารอกดปุ่มแล้ว1×10²⁰⁰เบื้องต้น,เริ่มหลังagenda30สำเร็จมันว่า ,ไทยคง2570เร่งเร็วขึ้น,ญี่ปุ่นปลดปล่อยnesaraแล้วพะนะ,คือมโนมากๆน่าจะเดอะแก๊งคอลเซนเตอร์เขมรนี้ล่ะ เก็งกำไรUSDสกุลรุ้งด้วยก็ว่า,ลงตามค่าครองชีพของแต่ละประเทศ,จากUBIกลายเป็นNITเสียแล้ว,แบบมุกค่าแรงอเมริกา3,000$ต่อวัน,ไทยไม่น้อยหน้าอวด300฿ต่อวันสู้โน้น,ตัดศูนย์ไม่หนึ่งตัว,สกุลแลกเปลี่ยน1$:35฿อีก มันคนละเรื่องเลย. ..จริงๆรัฐบาลนี้ไม่เหมาะสมในช่วงจังหวะนี้จะทำใดๆ,เพราะระบบยังไม่น่าเชื่อถือถูกแฮกเกอร์ดูดได้ปกติอยู่คือยังกากนั้นเอง, ..ภาษีจริงๆได้มาจากภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีปิโตรเลียมโดยส่วนใหญ่ ภาษีประชาชนจ่ายมากกว่าภาษีบริษัทนิติบุคคลอีกด้วย,รีดตังจากประชาชนดีๆนี้ล่ะ,ประชาชนไม่เกี่ยวเลยว่ารวมกันจ่ายหรือเก็บได้น้อย คนทำงานจ่ายมาก ต้องมาแบกภาระช่วยคนไม่ทำงาน ,ตรรกะนี้ถือว่าไม่สมควรมีรัฐบาลเพื่ออยู่ประจำชาติไทย,ตั้งบริษัทประเทศไทยแทนชื่อว่ารัฐบาลเถอะ,บริหารแบบบริษัทไป,หรือบริหารแบบกองทุนหมู่บ้านที่เข้มแข็งแทน เช่นกองทุนหมู่บ้านแห่งชาติแลนด์บริดจ์และคลองคอดกระเป็นต้น เป็นเจ้าของและร่วมบริหารจัดการจริง,มิใช่แบบรัฐบาลยกให้เอกชนต่างชาติหรือเอกชนไทยไปแดกตังจนร่ำรวยแบบยกบ่อน้ำมันทั่วประเทศไทยไปสำเร็จมาแล้ว,เนื้องานภาษีจริงๆคือภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีปิโตรเลียม รัฐบาลยึดอำนาจหากไม่ลดนั้นนี้ให้ต่างชาติหรือยึดทำบ่อน้ำมันเองจะพลิกเป็นร่ำรวยทันที,ภาษีบุุคคลธรรมดาจึงกากมากไม่กี่หมื่นล้านบาทต่อปี จากอดีต4-5พันล้านบาทต่อปีโดยเฉลี่ย,ส่วนภาษีนิติบุคคลยิ่งเก็บภาษีได้กากมาก3-4พันล้านบาทเอง,รัฐบาลจึงอ้างคนไทยทั้งประเทศต้องเข้าระบบภาษีทุกๆคนเพื่อป้องกันการเก็บภาษีหลุดออกจากระบบให้เก็บได้มากๆจึงเป็นตรรกขี้หมามากเล่าความเท็จโกหกแหกตาประชาชนแบบฉีดวัคซีนนั้นล่ะ ฉีดสารพิษเข้าร่างกายแท้ๆแต่รัฐบาลกลับปกปิดถึงปัจจุบัน ไม่มีความรับผิดชอบในชีวิตประชาชนเลยที่ตนทำกิจกรรมกิจการการเป็นรัฐบาลที่ผิดพลาด,นี้NITนี้ต้องการติดตามกิจกรรม สอดแนมวิถีชีวิตประชาชนแค่นั้นสังเกตุคือผีบ้าอ้างเชื่อมโยงสุขภาพจะเน้นๆกว่าสะท้อนการช่วยเหลือทางการเงิน,อนาคตคือคุณไม่มีอะไรใดๆเลย คุณจะมีความสุขนั้นล่ะ,แม้แต่ชีวิตหรือจิตวิญญาณคุณก็จะไม่เหลือ,คำว่ารัฐบาลเราต้องยกเลิกการใช้คำจริงๆ มันคือการบริหารกิจการประเทศผ่านชื่อสมมุติว่ารัฐบาลนี้ล่ะแต่ภาคประชาชนกลับไม่สามารถจัดการรัฐบาลตนเองได้,ไล่ออกรัฐบาลไม่ซื่อสัตย์ก็ไม่ได้ ยังมีพนักงานบัดสบรากงอกในบริษัทรัฐบาลนี้ปกติ ไปแค่นักการเมืองประมาณนั้นที่เชื่อว่าชั่วแต่โคตรชั่วไม่แพ้กันคือพวกรากงอกสร้างระบบเจ้าพ่ออิทธิพลทั่วเต็มบริษัทรัฐบาลนี้ล่ะ, ..จึงต้องล้างระบบทิ้งทั้งหมดจริงๆก่อน,ระบบภาษีล้างทิ้งทั้งหมดด้วยแล้วสร้างใหม่ สวัสดิการและภาษีที่ซ้ำๆซ้อนๆกัน เก็บเอาเปรียบคนไทยทุกๆคนจะคนธรรมดาหรือเจ้าของกิจการก็ต้องยกเลิกด้วย,ง่ายๆคือล้างกระดานใหม่ทั้งหมด. ..มโนเล่นๆ สมมุติไทยเข้าถึงระบบควอนตัมแล้วมีฐานมหาบิ๊กดาต้าพร้อมรับเข้าส่งออกเรียลไทม์มหาศาลแล้ว.,"บริษัทกองทุนประเทศไทย" ชื่อแทนชื่อรัฐบาลไทย,แจกมือถือควอนตัมคุณภาพสูงทุกๆคนไทยห้ามฝังชิปใส่ตัว,ทำธุรกรรมการเงินเรื่องตังจะใช้จ่ายจะรับเข้าให้ใช้มือถือแทน แน่นอนบาทคอยน์อินทนนท์มาใช้ในที่นี้จริงนั้นเอง,ตื๊ดๆตื๊ดๆรับเข้าโอนออก จ่ายออก ได้ตังมา ใช้มือถือควอนตัมนี้จบ,จะจบการทุจริตเงินมืดเงินเทาเงินเถื่อนเงินใต้โต๊ะเงินซื้อเสียงเงินขานเสียงเงินฮั๊วเงินถุงขนมตกหน้าศาล เงินแจกกล้วยในทั้งสภาได้เลยก็ว่าและเงินสาระพัดชั่วเลวระยำใดๆจะสิ้นซากหมด สามารถตามติดธุรกรรมเลวชั่วได้เรียลไทม์ทั้งหมดด้วย เป็นต้น,1คนไทย1 IDบัตรปชช.1 เลขมือถือควอนตัม 1บัญชีตังดิจิดัลบาทคอยน์อินทนนท์เท่านั้น จะมี1บาทคอยน์หรือ10ล้านล้านบาทคอยน์ก็มีได้แค่1บัญชีธนาคารตังดิจิดัลส่วนตัวเอกเทศปัจเจกบุคคลของใครของมันเฉพาะตัว,จากนั้นคุณจะอัดสวัสดิการใดๆ ล้างหนี้ประชาชนใดๆ เก็บภาษีลักษณะใดๆระบบจะรันอัตโนมัติคิดคำนวนอัตโนมัติเรียลไทม์ให้แบบเชื่อมต่อเน็ตstarlinkนั้นล่ะ อยู่ทุกๆที่ทุกๆเวลาทำทุกๆธุรกรรมการเงินได้,นี้คือการว่าด้วยตังเพียว,สามารถเก็บภาษีสินค้าอุปโภคและบริโภคอย่างเดียวก็ได้,สามารถเก็บภาษีเงินไหลเข้าตังไหลเข้ามือถือคนๆนั้นฝ่ายเดียวก็ได้เพื่อบรรลุเป้าหมายว่าคุณมีรายได้รับเข้ามาจริงแล้วต้องจ่ายส่วยจ่ายตังจ่ายภาษีให้เสียดีๆก็ว่า,เช่นเงินเข้า100บาท ระบบก็หักอัตโมัติ0.01บาทเป็นภาษีเงินเข้ารายรับรายได้ประชาชนจริง,เหลือคือ99.99บาทก็ไปรวมยอดสะสมที่มือถือนั้นสามารถตื๊ดๆใช้จ่ายออกไปได้จริงต่อไป,ใครตังเข้ามือถือหักออโต้ก็ว่า,ตลอดธุรกรรมจับจ่ายแลกเปลี่ยนโอนตังออก รับตังเข้า กระแสเงินสะพัดหมุนเวียนทั่วไทยและทั่วโลกของคนไทยค้าขายคือวันละ100ล้านล้านบาทต่อวันแบบเวอร์ๆ,ตังที่เก็บหักออโต้ได้คือ0.01ล้านล้านบาทต่อวันนั้นเอง,กรณีบวกสาระพัดจาก0.01+0.07กรณีภาษีมูลค่าเพิ่มด้วยก็คือ0.08,หรือvatแบบผีบ้าnesaraมันคิดเหมารวมที่0.14+0.01=0.15ก็สบายมาก ,จะเป็น0.15ล้านล้านบาทต่อวันหักออโต้เป็นตัวภาษีชาติไทยทันที,100วันคือ15ล้านล้านบาท,200วันคือ30ล้านล้านบาท,300วันคือ45ล้านล้านบาท,คือไม่เก็บภาษีใดๆเลย,ให้ประชาชนทำกิจกรรมเต็มที่ ใครอยากเปิดบริษัทไม่ต้องเสียภาษีนิติบุคคล,ประชาชนมนุษย์เงินเดือนใดๆไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอะไรใดๆ,และภาษีอื่นๆก็ว่า,โดยทั้งหมดค่อยๆคลายปลดไป,จนหมดจนสมดุลได้ดังเป้า ค้าขายฮับไทยระดับโลกก็ว่า,ใครมาทำธุรกรรมบนแผ่นดิน มาเปิดสาขาตั้งสำนักงานใดๆใหญ่น้อยเข้าระบบเราคือจบ,บาทคอยน์คือสกุลเงินโลกอาจไม่ผิด ใครทำธุรกรรมผ่านบาทคอยน์เสีย0.15ไปเลยก็ว่า,หรือ0.01กรณีโอนตังรับตังเข้ามือถือมิใช่ค้าขายการตลาดหรือบริษัท.,คือเสน่หาก็ว่า, นี้มโนเพียวๆ,ระบบไทยเรากากมั้ย ถ้าล้ำๆแบบทำที่ว่าได้ทันทีมั้ย,เงินมืดเงินเทาจะตายทันที,คนควบคุมตังดิจิดัลบาทคอยน์ของไทยจึงสำคัญมากๆ,เสือกคีย์ตังผีบ้าตีประเมินผีบ้าคีย์ตัวเลขสัก10ล้านล้านบาทหรือ1,000ล้านล้านบาทคอยน์บรรลัยกินทั้งระบบแน่นอนคือฟอกเงินให้ตังเทาพินาศแน่นอนนั่นเอง,ทั้งเงินใต้ดินเงินเทาเงินเถื่อนเงินที่เข้าใจว่าหนีภาษีสไตล์นักการเมืองแหกตาหรือคนราชการแหกอกว่าฉันต้องใช้NITกับประชาชนทุกๆคนนะจะจบไปทันที,ตังเถื่อนๆใต้เงินพวกนั้นจะไร้ค่่ของจริงทันที,อย่าว่าแต่หนีภาษีที่ฉันรัฐบาลอยากเก็บภาษีกับเงินห่าเหวพวกนี้เลย,บาทเดียวสลึงเดียวอาจไม่ได้เลยเพราะระบบตังดิจิดัลที่ว่าฆ่าทิ้งพวกนั้นนี้หมด,แบงค์ชาติเอาจริงจะไม่ใครในชาติไทยนี้หลบหนีการฟอกเงินได้หรอก,แบงค์ชาติเห็นหมดล่ะทุกๆธุรกรรมของใครๆ,แบงค์ชาติไม่ใช่ของคนไทยแต่เป็นของต่างชาติของอีลิทdeep stateควบคุมสั่งการและก่อตั้ง,แบงค์ชาติผีบ้าอะไรที่รัฐบาลไทยตนเข้าควบคุมสั่งการไม่ได้,แม้ไม่ใช่รัฐบาลทหารไทยเป็นฝ่สยตรงข้ามเราก็เถอะ,เป็นรัฐบาลประชาชนคนดีๆก็ตาม มันเขียนกฎหมายกติกาสาระพัดให้โทษใครก็ตามหมายจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวในกิจกรรมกิจการของเครือข่ายdeep stateสากลข้ามมาไทยยึดไทยมรุงอักเสบแน่ถูกมันจัดการนั้นเอง, ..วาระNITเป็นวาระหนึ่งในการควบคุมมนุษย์ของแผนagenda2030นี้ล่ะ,ด้านหนึ่งในหลายๆด้านหลายๆหมากกันผิดพลาดก็ได้ แบบคาร์บอนเครดิตหรือพรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนั้นล่ะ. ..NITนี้ยังไม่มีรายละเอียดชี้แจงแก่ประชาชนชัดเจนเข้าใจตรงกันในเนื้อในใดๆเลย กะมาแบบมุกเดิมๆใช้ตังล่อ ทำแล้วได้รับเศษตังนะ บังคับมาทำไวๆเร็วด้วย,ผิดปกติประชาธิปไตย ไร้ลงมติเห็นด้วยหรือไม่แก่ประชาชน มัดมือชกโดยกระบวนฝ่ายราชการประจำอีก,ราชการประจำนี้ล่ะเหี้ยนิ่งเฉยในพื้นที่สระแก้วจนบ้านหนองจานถูกเขมรยึดทำกินเสียนานกว่า30-40ปีหลังหนีตายเขมรแดงมาไทย,ข้าราชการพื้นที่แบบนานอำเภอผู้ว่าฯจังหวัดนั้นๆละเว้นปฏิบัติหน้าที่ถีบเขมรออกจากแผ่นดินไทยชัดเจนด้วย,คือระบบราชการไทยล้มเหลวทั้งระบบในตัวมันเอง กากไร้ประสิทธิภาพด้วย ทุจริตเต็มบ้านเต็มเมืองก็มาจากหน่วยงานราชการเองตนปล่อยปะละเลยในตำแหน่งราชการปกครองจนเหี้ยถึงปัจจุบัน,มารีดไถประชาชนอีกผ่านให้ทุกๆคนเข้าระบบภาษี,เน้นเชื่อมโยงสุขภาพด้วยคือใครยังไม่ฉีดวัคซีน ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งอำนาจข้าราชการประจำกระทรวงทบวงกรมประกาศ กูจะมีสิทธิตัดสิทธิสวัสดิการมรึงๆคนไทยทั้งหมดนะหรือคนไทยคนนั้นๆถ้าขัดขืนไม่ปฏิบัติตามรัฐบอก,คือประชาชนถูกไล่ล่าถีบออกจากพวกได้นั้นเอง,หากยิ่งเจอการปกครองแบบเผด็จการฮุนเซนควบคุมระบบจะมิตายเหรอ,ขนาดกำลังทำสงคราม ยังไม่สงบสุข คลังผีบ้าเสือกกล้าหาญชิงมาประกาศห่าเหวอะไร บังคับคนในอนาคตแบบนั้น,จะมามุกแบบประกาศล่วงหน้าใส่หมวกกันน็อคล่ะ ถึงเวลากูฝ่ายราชการประจำประกาศบังคับใช้เลย,นี้คือเผด็จการจากระบบราชการไทยฝ่ายธุรการราชการไทยชัดเจน,เผลอๆคิดเล่นๆฝ่ายราชการไทยนี้ล่ะแทรกแซงระบบประชาธิปไตย ทำลายประชาธิปไตยคนไทยให้ด้อยค่า,โดยใส่คนของราชการเต็มระบบนักการเมือง,ใส่ชุดนักการเมืองจากนั้นแสดงออกสาระพัดเลวชั่วในคราบนักการเมืองที่ตนสวมใส่ว่านักการเมืองในระบบนี้เลวชั่วช้าอย่างไร แล้วมันก็เขียนกฎหมายชั่วๆเลวๆสาระพัดออกมาใช้บังคับประชาชนโดยอ้างว่านักการเมืองสั่ง นักการเมืองอนุญาตแล้วนะ,มโนในมุมหักมุมว่าเหี้ยคนข้าราชการนี้ล่ะเข้ามาเล่นการเมืองในคราบชุดนักการเมืองแล้วแดกสาระพัดสร้างความเดือดร้อนสาระพัดทิศทั่วไทยหรือคือกลุ่มอนุรักษ์นิยมอำมาตย์เจ้าพระยาขุนเจ้าผู้ดีต่างๆนี้เพื่ออะไร เพื่อตนเองจะได้มีสิทธิอันชอบธรรมคืนสถานะเดิมศักดินาเดิมผู้ดีกลับคืนมาอีกครั้ง,คือผีบ้ายศบ้าตำแหน่งบ้าปกครองให้คนเป็นทาส เห็นคนรับใช้เป็นทาสตนแล้วมีความสุขในการเหยียบมนุษย์ด้วยกันนั้นเองแบบในอดีตที่พวกนี้ชอบชมใจชื่นชูแก่ใจมันนักยิ่งนั้นเอง,เรา..ประชาชนเห็นนักการเมืองเหี้ยนี้เลวชั่วจริง เขียนกฎหมายผีบ้าจริงมากมายด้วย ยังอยากไม่ให้มีสถาบันนักการเมืองหรือสภาเลย.,นี้คือมโนเพียวๆหักมุมอีกด้าน. ..ปัจจุบันประเทศไทยสมควรกวาดล้างจริงจังต่อคนชั่วเลวทั้งในระบบนักการเมืองและในระบบราชการกันจริงจังจริงๆ, ..ผู้นำผู้ปกครองต้องสไตล์คนอารยะธรรมจักรวาลขั้นสูงลงมาเกิดในมิตินี้ที่ไทยเรา,เป็นนักปกครองมาเกิดด้วยนั้นเอง,เราปกครองกากๆมานานเกินพอแล้ว.,จนเขมรซึ่งคือแค่เขมรยังมาเหยียบประเทศไทยได้,เหยียบย้ำศักดิ์ศรีไม่พอฆ่าเด็กๆเราแบบไม่รู้ตัวด้วย,รัฐบาลชุดทหารเป็นฝ่ายจรงข้ามเราสมควรหมดอำนาจทันทีตั้งแต่ก่อนวันที่28 ก.ค.2568แล้ว,นี้คือความไม่เด็ดขาดของ ผบ.ทหารสูงสุดเรา,ถ้าส่วนตัวเป็นนายกฯจะออกพรก.ฉุกเฉินยึดอำนาจตัวเอง,จากนั้นตั้งบิ๊กปู พนา เป็น ผบ.สูงสุดเลย,รองผบ.สูงสุดคือบิ๊กกุ้ง,คุมทัพจัดการกวาดล้างเขมร เด็ดหัวฮุนเซนฮุนมาเนตทันที, ประสานลาว เวียดนามร่วมรบเพื่อจัดสรรพื้นที่เขมรจริงจัง เพราะไทยยึดเขมรเองจะน่าเกียจเกินไป,จากนั้นเริ่มปฐมบทกวาดล้างสิ่งสกปรกจริงทั้งแผ่นดินไทยจริงๆเพื่ออัพเรเวลใหม่สู่ยุคอารยะธรรมท่องจักรวาลจริงๆ.,เรื่องเขมรเป็นอะไรที่ไร้สาระมาก,ทุบทิ้งลบชื่อเขมรออกจากแผ่นที่โลกเลย.,อนาคตชื่อประเทศเขมรไม่ปรากฎในคำทำนายก็เป็นเพราะเหตุนี้ด้วยมิใช่แค่แผ่นดินเขมรมุดลงทะเลแปซิฟิกหรอกก็ว่า. https://youtube.com/watch?v=a1dOy2xO08k&si=aTzjrtvryMM7K4Eo
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • แฉคลิปวางทุ่นระเบิด โลกต้องรู้ธาตุแท้เขมร : [NEWS UPDATE]

    พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เผยกรณีโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชา ซึ่งมีคลิปลอบวางทุ่นระเบิด PMN-2 จะเผยแพร่ให้โลกรู้ว่าแม้รัฐบาลกัมพูชาจะหยุดยิง แต่กำลังพลในพื้นที่ยังยั่วยุ ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ หากรัฐบาลกัมพูชาจริงใจก็แสดงว่าทหารไม่มีวินัย หากพิสูจน์ได้ว่ารัฐบาลกัมพูชาไม่จริงใจต้องว่ากันอีกที และจะเสนอให้คณะกรรมการอนุสัญญาออตตาวา รวมถึงส่งหลักฐานคลิปวิดีโอให้ประเทศที่สนับสนุนงบประมาณกัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เพื่อตัดความช่วยเหลือ ส่วนที่กัมพูชาอ้างว่า คลิปวางทุ่นระเบิดเป็นการจัดฉากของไทย เรายึดมั่นข้อเท็จจริง ถ้าเป็นเฟกนิวส์เราสวนกลับได้หมด เรายึดหลักความจริงสู้เฟกนิวส์ Peace come from Truth หรือ สันติสุขมาจากความจริง

    -กัมพูชาใช้กำแพงมนุษย์ยั่วยุ

    -ขอรั้วกำแพงปิดพรมแดน

    -กินแพง มีเกียรติ!?!

    -บัตรทองเพิ่มสิทธิสุขภาพจิต
    แฉคลิปวางทุ่นระเบิด โลกต้องรู้ธาตุแท้เขมร : [NEWS UPDATE] พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เผยกรณีโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชา ซึ่งมีคลิปลอบวางทุ่นระเบิด PMN-2 จะเผยแพร่ให้โลกรู้ว่าแม้รัฐบาลกัมพูชาจะหยุดยิง แต่กำลังพลในพื้นที่ยังยั่วยุ ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ หากรัฐบาลกัมพูชาจริงใจก็แสดงว่าทหารไม่มีวินัย หากพิสูจน์ได้ว่ารัฐบาลกัมพูชาไม่จริงใจต้องว่ากันอีกที และจะเสนอให้คณะกรรมการอนุสัญญาออตตาวา รวมถึงส่งหลักฐานคลิปวิดีโอให้ประเทศที่สนับสนุนงบประมาณกัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เพื่อตัดความช่วยเหลือ ส่วนที่กัมพูชาอ้างว่า คลิปวางทุ่นระเบิดเป็นการจัดฉากของไทย เรายึดมั่นข้อเท็จจริง ถ้าเป็นเฟกนิวส์เราสวนกลับได้หมด เรายึดหลักความจริงสู้เฟกนิวส์ Peace come from Truth หรือ สันติสุขมาจากความจริง -กัมพูชาใช้กำแพงมนุษย์ยั่วยุ -ขอรั้วกำแพงปิดพรมแดน -กินแพง มีเกียรติ!?! -บัตรทองเพิ่มสิทธิสุขภาพจิต
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 350 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ส่งคลิปฟ้องออตตาวา กัมพูชาวางทุ่นระเบิดใหม่ : [THE MESSAGE]

    พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เผยกรณีกองทัพเรือเก็บโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชา ซึ่งมีคลิปการลอบวางทุ่นระเบิด PMN-2 จะเผยแพร่ให้ชาวโลกรู้ว่าแม้รัฐบาลกัมพูชาจะแสดงความจริงใจด้วยการหยุดยิง แต่กำลังพลในพื้นที่ยังยั่วยุ ฝ่าฝืนละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ หากกัมพูชาจริงใจก็แสดงว่าทหารเขาไม่มีวินัย ขอมองอย่างนั้นก่อน แต่หากพิสูจน์ได้ว่ารัฐบาลกัมพูชาไม่จริงใจต้องว่ากันอีกที และจะเสนอให้คณะกรรมการอนุสัญญาออตตาวา รวมถึงการส่งหลักฐานคลิปวิดีโอให้กับประเทศที่สนับสนุนงบประมาณกัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เพื่อตัดความช่วยเหลือด้านงบประมาณ
    ส่งคลิปฟ้องออตตาวา กัมพูชาวางทุ่นระเบิดใหม่ : [THE MESSAGE] พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เผยกรณีกองทัพเรือเก็บโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชา ซึ่งมีคลิปการลอบวางทุ่นระเบิด PMN-2 จะเผยแพร่ให้ชาวโลกรู้ว่าแม้รัฐบาลกัมพูชาจะแสดงความจริงใจด้วยการหยุดยิง แต่กำลังพลในพื้นที่ยังยั่วยุ ฝ่าฝืนละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ หากกัมพูชาจริงใจก็แสดงว่าทหารเขาไม่มีวินัย ขอมองอย่างนั้นก่อน แต่หากพิสูจน์ได้ว่ารัฐบาลกัมพูชาไม่จริงใจต้องว่ากันอีกที และจะเสนอให้คณะกรรมการอนุสัญญาออตตาวา รวมถึงการส่งหลักฐานคลิปวิดีโอให้กับประเทศที่สนับสนุนงบประมาณกัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เพื่อตัดความช่วยเหลือด้านงบประมาณ
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • หลังจากทหารเรือไทยพบมือถือทหารเหมน ซึ่งมีคลิปวางทุ่น อีมาลีก็ปฏิเสธ และกล่าวหาว่าไทยจัดฉาก ฉากพ่องสิ ดูหน้าไอ้ร้อยตรีเซ็ง ทหารมึง ตอนถ่ายภาพกับทหารไทย คือคนเดียวกันที่กำลังวางทุ่น
    #คิงส์โพธิ์แดง
    หลังจากทหารเรือไทยพบมือถือทหารเหมน ซึ่งมีคลิปวางทุ่น อีมาลีก็ปฏิเสธ และกล่าวหาว่าไทยจัดฉาก ฉากพ่องสิ ดูหน้าไอ้ร้อยตรีเซ็ง ทหารมึง ตอนถ่ายภาพกับทหารไทย คือคนเดียวกันที่กำลังวางทุ่น #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักข่าวเฟรชนิวส์ สื่อของกัมพูชา หงายการ์ดข่าวปลอม กรณีชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดกองทัพเรือไทย เจอโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาบนภูมะเขือ พบภาพและคลิปทหารกัมพูชาวางทุ่นระเบิด อ้างไทยจัดฉากหวังรุกราน ระบุ หากทำจริงคงไม่มีใครเก็บหลักฐาน ทำเป็นจับผิดกล่าวหาใช้คนไทยเขมรสุรินทร์ และเครื่องแบบหาซื้อง่ายในฝั่งไทย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000079162

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    สำนักข่าวเฟรชนิวส์ สื่อของกัมพูชา หงายการ์ดข่าวปลอม กรณีชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดกองทัพเรือไทย เจอโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาบนภูมะเขือ พบภาพและคลิปทหารกัมพูชาวางทุ่นระเบิด อ้างไทยจัดฉากหวังรุกราน ระบุ หากทำจริงคงไม่มีใครเก็บหลักฐาน ทำเป็นจับผิดกล่าวหาใช้คนไทยเขมรสุรินทร์ และเครื่องแบบหาซื้อง่ายในฝั่งไทย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000079162 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 584 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าใหม่: อินเดียเตรียมแบนเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริง – เมื่อความสนุกกลายเป็นภัยเงียบ

    ลองนึกภาพว่าคุณเล่นเกมแฟนตาซีคริกเก็ตบนมือถือ จ่ายเงินแค่ 10 เซ็นต์เพื่อสร้างทีม แล้วลุ้นเงินรางวัลหลักหมื่นรูปี ฟังดูน่าสนุกใช่ไหม? แต่สำหรับรัฐบาลอินเดีย นี่คือปัญหาที่กำลังลุกลาม

    ในเดือนสิงหาคม 2025 รัฐบาลอินเดียเสนอร่างกฎหมาย “Promotion and Regulation of Online Gaming Act” ที่จะห้ามเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเกมที่อิงจากทักษะหรือโชค โดยให้เหตุผลว่าเกมเหล่านี้ส่งผลเสียทั้งด้านจิตใจและการเงิน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและผู้มีรายได้น้อย

    เกมเหล่านี้มักใช้เทคนิคการออกแบบที่กระตุ้นให้เล่นซ้ำ เช่น อัลกอริธึมที่สร้างความรู้สึกใกล้ชนะ หรือการแจกรางวัลแบบสุ่ม ซึ่งส่งผลให้ผู้เล่นติดเกมและเสียเงินจำนวนมาก บางกรณีถึงขั้นเกิดเหตุสลด เช่น การฆ่าตัวตายหลังจากสูญเงินไปกับเกม

    อุตสาหกรรมเกมเงินจริงในอินเดียมีมูลค่ากว่า $2.4 พันล้าน และคาดว่าจะโตถึง $3.6 พันล้านภายในปี 2029 โดยมีบริษัทใหญ่เช่น Dream11 และ Mobile Premier League ที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ แต่หากกฎหมายนี้ผ่าน จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อธุรกิจเหล่านี้ รวมถึงนักลงทุนต่างชาติ

    ร่างกฎหมายยังระบุโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี และปรับสูงสุด ₹10 ล้าน สำหรับผู้ให้บริการเกมเงินจริง และแม้แต่คนดังที่โฆษณาเกมเหล่านี้ก็อาจถูกลงโทษเช่นกัน

    ข้อมูลในข่าว
    รัฐบาลอินเดียเสนอร่างกฎหมายแบนเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริงทั้งหมด
    ร่างกฎหมายชื่อ Promotion and Regulation of Online Gaming Act 2025
    ห้ามโฆษณาเกมเงินจริง และห้ามสถาบันการเงินทำธุรกรรมเกี่ยวข้อง
    ผู้ฝ่าฝืนอาจถูกจำคุกสูงสุด 3 ปี หรือปรับ ₹10 ล้าน
    คนดังที่โฆษณาเกมเงินจริงอาจถูกปรับ ₹5 ล้าน หรือจำคุก 2 ปี
    อุตสาหกรรมเกมเงินจริงมีมูลค่ากว่า $2.4 พันล้านในปี 2024
    Dream11 มีมูลค่าบริษัท $8 พันล้าน ส่วน Mobile Premier League อยู่ที่ $2.5 พันล้าน
    เกมเหล่านี้ได้รับความนิยมสูงช่วงการแข่งขัน IPL
    กระทรวง IT ของอินเดียจะเป็นหน่วยงานกำกับดูแลตามร่างกฎหมาย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    เกมเงินจริงมักใช้เทคนิค “near win” และ “variable rewards” เพื่อกระตุ้นให้เล่นต่อ
    การติดเกมสามารถนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าและปัญหาทางการเงิน
    อินเดียเคยเก็บภาษีเกมออนไลน์ 28% ตั้งแต่ปี 2023 และอาจเพิ่มเป็น 40%
    รัฐบาลอินเดียเคยบล็อกเว็บไซต์พนันกว่า 1,400 แห่งระหว่างปี 2022–2025
    การควบคุมเกมออนไลน์เป็นเรื่องท้าทาย เพราะบางแพลตฟอร์มตั้งเซิร์ฟเวอร์นอกประเทศ
    หลายประเทศ เช่น จีนและเกาหลีใต้ ก็มีมาตรการควบคุมเกมเงินจริงอย่างเข้มงวด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/20/india-plans-to-ban-online-games-played-with-money-citing-addiction-risks
    🎯 เรื่องเล่าใหม่: อินเดียเตรียมแบนเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริง – เมื่อความสนุกกลายเป็นภัยเงียบ ลองนึกภาพว่าคุณเล่นเกมแฟนตาซีคริกเก็ตบนมือถือ จ่ายเงินแค่ 10 เซ็นต์เพื่อสร้างทีม แล้วลุ้นเงินรางวัลหลักหมื่นรูปี ฟังดูน่าสนุกใช่ไหม? แต่สำหรับรัฐบาลอินเดีย นี่คือปัญหาที่กำลังลุกลาม ในเดือนสิงหาคม 2025 รัฐบาลอินเดียเสนอร่างกฎหมาย “Promotion and Regulation of Online Gaming Act” ที่จะห้ามเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเกมที่อิงจากทักษะหรือโชค โดยให้เหตุผลว่าเกมเหล่านี้ส่งผลเสียทั้งด้านจิตใจและการเงิน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและผู้มีรายได้น้อย เกมเหล่านี้มักใช้เทคนิคการออกแบบที่กระตุ้นให้เล่นซ้ำ เช่น อัลกอริธึมที่สร้างความรู้สึกใกล้ชนะ หรือการแจกรางวัลแบบสุ่ม ซึ่งส่งผลให้ผู้เล่นติดเกมและเสียเงินจำนวนมาก บางกรณีถึงขั้นเกิดเหตุสลด เช่น การฆ่าตัวตายหลังจากสูญเงินไปกับเกม อุตสาหกรรมเกมเงินจริงในอินเดียมีมูลค่ากว่า $2.4 พันล้าน และคาดว่าจะโตถึง $3.6 พันล้านภายในปี 2029 โดยมีบริษัทใหญ่เช่น Dream11 และ Mobile Premier League ที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ แต่หากกฎหมายนี้ผ่าน จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อธุรกิจเหล่านี้ รวมถึงนักลงทุนต่างชาติ ร่างกฎหมายยังระบุโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี และปรับสูงสุด ₹10 ล้าน สำหรับผู้ให้บริการเกมเงินจริง และแม้แต่คนดังที่โฆษณาเกมเหล่านี้ก็อาจถูกลงโทษเช่นกัน ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ รัฐบาลอินเดียเสนอร่างกฎหมายแบนเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริงทั้งหมด ➡️ ร่างกฎหมายชื่อ Promotion and Regulation of Online Gaming Act 2025 ➡️ ห้ามโฆษณาเกมเงินจริง และห้ามสถาบันการเงินทำธุรกรรมเกี่ยวข้อง ➡️ ผู้ฝ่าฝืนอาจถูกจำคุกสูงสุด 3 ปี หรือปรับ ₹10 ล้าน ➡️ คนดังที่โฆษณาเกมเงินจริงอาจถูกปรับ ₹5 ล้าน หรือจำคุก 2 ปี ➡️ อุตสาหกรรมเกมเงินจริงมีมูลค่ากว่า $2.4 พันล้านในปี 2024 ➡️ Dream11 มีมูลค่าบริษัท $8 พันล้าน ส่วน Mobile Premier League อยู่ที่ $2.5 พันล้าน ➡️ เกมเหล่านี้ได้รับความนิยมสูงช่วงการแข่งขัน IPL ➡️ กระทรวง IT ของอินเดียจะเป็นหน่วยงานกำกับดูแลตามร่างกฎหมาย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ เกมเงินจริงมักใช้เทคนิค “near win” และ “variable rewards” เพื่อกระตุ้นให้เล่นต่อ ➡️ การติดเกมสามารถนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าและปัญหาทางการเงิน ➡️ อินเดียเคยเก็บภาษีเกมออนไลน์ 28% ตั้งแต่ปี 2023 และอาจเพิ่มเป็น 40% ➡️ รัฐบาลอินเดียเคยบล็อกเว็บไซต์พนันกว่า 1,400 แห่งระหว่างปี 2022–2025 ➡️ การควบคุมเกมออนไลน์เป็นเรื่องท้าทาย เพราะบางแพลตฟอร์มตั้งเซิร์ฟเวอร์นอกประเทศ ➡️ หลายประเทศ เช่น จีนและเกาหลีใต้ ก็มีมาตรการควบคุมเกมเงินจริงอย่างเข้มงวด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/20/india-plans-to-ban-online-games-played-with-money-citing-addiction-risks
    WWW.THESTAR.COM.MY
    India plans to ban online games played with money, citing addiction risks
    NEW DELHI (Reuters) -India's government plans to ban online games played with money, a proposed bill showed on Tuesday, in what would be a heavy blow for an industry that has attracted billions of dollars of foreign investment.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากศาล: เมื่อ T-Mobile ขายข้อมูลตำแหน่งลูกค้าโดยไม่ขออนุญาต

    ลองจินตนาการว่าโทรศัพท์มือถือของคุณคือเครื่องติดตามตัวที่คุณพกติดตัวตลอดเวลา ทุกครั้งที่เชื่อมต่อกับเสาสัญญาณ มันจะส่งข้อมูลตำแหน่งของคุณไปยังผู้ให้บริการเครือข่าย และข้อมูลนี้สามารถกลายเป็นประวัติการเคลื่อนไหวที่ละเอียดมากของคุณได้

    ตั้งแต่ก่อนปี 2019 T-Mobile และ Sprint (ซึ่งถูกควบรวมในปี 2020) ได้ขายข้อมูลตำแหน่งลูกค้าแบบเรียลไทม์ให้กับบริษัทตัวกลาง เช่น LocationSmart และ Zumigo โดยไม่ได้ตรวจสอบว่าผู้ซื้อได้รับความยินยอมจากลูกค้าหรือไม่ ซึ่งนำไปสู่การละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างร้ายแรง

    แม้จะมีการเปิดเผยการละเมิดตั้งแต่ปี 2018 แต่กว่าที่ FCC จะลงโทษก็ใช้เวลาหลายปี จนในปี 2025 ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ได้ตัดสินให้ T-Mobile ต้องจ่ายค่าปรับรวม $92 ล้าน โดยปฏิเสธข้อโต้แย้งของบริษัทที่อ้างว่าไม่ได้ละเมิดกฎหมาย และว่าการขายข้อมูลนั้นไม่เข้าข่ายข้อมูลที่ต้องได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย

    ข้อมูลในข่าว
    ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ตัดสินให้ T-Mobile ต้องจ่ายค่าปรับ $92 ล้านจากการขายข้อมูลตำแหน่งลูกค้า
    ข้อมูลถูกขายให้กับ LocationSmart และ Zumigo โดยไม่มีการตรวจสอบความยินยอมจากลูกค้า
    การละเมิดถูกเปิดเผยตั้งแต่ปี 2018 แต่ FCC เพิ่งลงโทษในปี 2024 และศาลตัดสินในปี 2025
    T-Mobile และ Sprint ไม่ปฏิเสธข้อเท็จจริง แต่โต้แย้งว่าการกระทำไม่ผิดกฎหมาย
    ศาลชี้ว่า T-Mobile สละสิทธิ์ในการขอพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน เพราะเลือกจ่ายค่าปรับและยื่นอุทธรณ์โดยตรง
    FCC ยังปรับ AT&T $57.3 ล้าน และ Verizon $46.9 ล้านจากกรณีคล้ายกัน
    การขายข้อมูลตำแหน่งถูกมองว่าเป็นการละเมิด Communications Act มาตรา 222

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ข้อมูลตำแหน่ง (Location Data) ถือเป็นข้อมูลที่อ่อนไหวที่สุด เพราะสามารถเปิดเผยกิจวัตรและความสัมพันธ์ส่วนตัว
    การขายข้อมูลให้กับตัวกลางเปิดช่องให้บุคคลที่สาม เช่น เจ้าหน้าที่รัฐ ใช้ติดตามบุคคลโดยไม่ขออนุญาต
    การละเมิดสิทธิส่วนบุคคลในรูปแบบนี้เคยนำไปสู่การติดตามผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ตำรวจในรัฐ Missouri
    การตัดสินครั้งนี้ถือเป็นชัยชนะของผู้สนับสนุนความเป็นส่วนตัว และเป็นแบบอย่างสำคัญในวงการโทรคมนาคม
    T-Mobile เคยเผชิญคดีละเมิดข้อมูลมาแล้วในปี 2021 และจ่ายค่าชดเชยกว่า $350 ล้าน

    https://arstechnica.com/tech-policy/2025/08/t-mobile-claimed-selling-location-data-without-consent-is-legal-judges-disagree/
    📱 เรื่องเล่าจากศาล: เมื่อ T-Mobile ขายข้อมูลตำแหน่งลูกค้าโดยไม่ขออนุญาต ลองจินตนาการว่าโทรศัพท์มือถือของคุณคือเครื่องติดตามตัวที่คุณพกติดตัวตลอดเวลา ทุกครั้งที่เชื่อมต่อกับเสาสัญญาณ มันจะส่งข้อมูลตำแหน่งของคุณไปยังผู้ให้บริการเครือข่าย และข้อมูลนี้สามารถกลายเป็นประวัติการเคลื่อนไหวที่ละเอียดมากของคุณได้ ตั้งแต่ก่อนปี 2019 T-Mobile และ Sprint (ซึ่งถูกควบรวมในปี 2020) ได้ขายข้อมูลตำแหน่งลูกค้าแบบเรียลไทม์ให้กับบริษัทตัวกลาง เช่น LocationSmart และ Zumigo โดยไม่ได้ตรวจสอบว่าผู้ซื้อได้รับความยินยอมจากลูกค้าหรือไม่ ซึ่งนำไปสู่การละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างร้ายแรง แม้จะมีการเปิดเผยการละเมิดตั้งแต่ปี 2018 แต่กว่าที่ FCC จะลงโทษก็ใช้เวลาหลายปี จนในปี 2025 ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ได้ตัดสินให้ T-Mobile ต้องจ่ายค่าปรับรวม $92 ล้าน โดยปฏิเสธข้อโต้แย้งของบริษัทที่อ้างว่าไม่ได้ละเมิดกฎหมาย และว่าการขายข้อมูลนั้นไม่เข้าข่ายข้อมูลที่ต้องได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ตัดสินให้ T-Mobile ต้องจ่ายค่าปรับ $92 ล้านจากการขายข้อมูลตำแหน่งลูกค้า ➡️ ข้อมูลถูกขายให้กับ LocationSmart และ Zumigo โดยไม่มีการตรวจสอบความยินยอมจากลูกค้า ➡️ การละเมิดถูกเปิดเผยตั้งแต่ปี 2018 แต่ FCC เพิ่งลงโทษในปี 2024 และศาลตัดสินในปี 2025 ➡️ T-Mobile และ Sprint ไม่ปฏิเสธข้อเท็จจริง แต่โต้แย้งว่าการกระทำไม่ผิดกฎหมาย ➡️ ศาลชี้ว่า T-Mobile สละสิทธิ์ในการขอพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน เพราะเลือกจ่ายค่าปรับและยื่นอุทธรณ์โดยตรง ➡️ FCC ยังปรับ AT&T $57.3 ล้าน และ Verizon $46.9 ล้านจากกรณีคล้ายกัน ➡️ การขายข้อมูลตำแหน่งถูกมองว่าเป็นการละเมิด Communications Act มาตรา 222 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ข้อมูลตำแหน่ง (Location Data) ถือเป็นข้อมูลที่อ่อนไหวที่สุด เพราะสามารถเปิดเผยกิจวัตรและความสัมพันธ์ส่วนตัว ➡️ การขายข้อมูลให้กับตัวกลางเปิดช่องให้บุคคลที่สาม เช่น เจ้าหน้าที่รัฐ ใช้ติดตามบุคคลโดยไม่ขออนุญาต ➡️ การละเมิดสิทธิส่วนบุคคลในรูปแบบนี้เคยนำไปสู่การติดตามผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ตำรวจในรัฐ Missouri ➡️ การตัดสินครั้งนี้ถือเป็นชัยชนะของผู้สนับสนุนความเป็นส่วนตัว และเป็นแบบอย่างสำคัญในวงการโทรคมนาคม ➡️ T-Mobile เคยเผชิญคดีละเมิดข้อมูลมาแล้วในปี 2021 และจ่ายค่าชดเชยกว่า $350 ล้าน https://arstechnica.com/tech-policy/2025/08/t-mobile-claimed-selling-location-data-without-consent-is-legal-judges-disagree/
    ARSTECHNICA.COM
    T-Mobile claimed selling location data without consent is legal—judges disagree
    T-Mobile can’t overturn $92 million fine; AT&T and Verizon verdicts still to come.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจาะมือถือสเปกเทพ ทหารเขมรทิ้งไว้บนภูมะเขือ

    ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม กองทัพเรือ (นปท.ทร.) ที่สนับสนุนการปฏิบัติงาน การเก็บกู้ และกวาดล้างฯ ได้ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชา ที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ภูมะเขือ ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจังหวัดศรีสะเกษ จึงนำไปใส่แบตเตอรี่ และตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ พบคลิปวีดีโอและภาพถ่ายจำนวนมาก ขณะทหารกัมพูชากำลังวางทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ชนิดเดียวกับที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิด ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นสูญเสียอวัยวะ

    ที่น่าสนใจก็คือ หนึ่งในภาพถ่ายบนโทรศัพท์มือถือระบุคำว่า POVA 6 Pro 5G ซึ่งพบว่าเป็นโทรศัพท์มือถือ TECNO รุ่น POVA 6 Pro 5G ซึ่งมีจำหน่ายทั้งในประเทศไทยและกัมพูชา เปิดตัวเมื่อเดือน มี.ค.2567 รุ่น RAM 8GB + ROM 256GB ราคา 9,999 บาท และรุ่น RAM 12GB + ROM 256GB ราคา 10,999 บาท แต่มือถือแบรนด์ดังกล่าวไม่ได้เป็นที่นิยมในไทย เมื่อเทียบกับแบรนด์ยอดนิยม ได้แก่ iPhone, Samsung, OPPO, VIVO, Xiaomi และ Realme แต่เมื่อดูจากสเปกแล้วคาดว่าเป็นการเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม โดยเฉพาะเกมเมอร์ เพราะได้ทำการตลาดร่วมกับเกม Free Fire

    สเปกเบื้องต้น ตัวเครื่องหนา 7.9 มิลลิเมตร หน้าจอ AMOLED 6.78 นิ้ว FHD 120 Hz ระบบเสียง Dolby Atmos ลำโพงคู่พร้อม AI ลดเสียงรบกวน ระบบช่วยระบายความร้อน POVA Supercooled แบตเตอรี่ 6000 mAh เล่นเกมได้ต่อเนื่อง 11 ชั่วโมง อายุการใช้งานแบตเตอรี่นานสูงสุด 6 ปี ระบบชาร์จรองรับ Ultra Charge กำลังไฟสูงสุด 70W สามารถชาร์จ 0-50% ได้ใน 20 นาที และเต็ม 100% ใน 50 นาที พร้อมระบบ Bypass Charge เล่นไปชาร์จไป การชาร์จแบบขั้นบันได Ladder Charge ชาร์จได้ในอุณหภูมิ -20 ถึง 60 องศาเซลเซียส และโหมดชาร์จแบบกันน้ำ ถ้าตรวจพบความชื้น ระบบชาร์จเร็วจะไม่ทำงาน

    ด้านหลังเครื่องมีไฟ LED ทั้งหมด 210 ดวง สามารถตั้งค่าให้กระพริบเมื่อมีสายเข้าขณะปิดเสียงได้ ใช้ชิป MediaTek Dimensity 6080 ความเร็ว 5G สำหรับการเล่นเกมระดับสูง กล้องหลังแบบกล้องสามตัว 108 MP (มุมกว้าง), 0.7 μm PDAF 2 MP, 0.08 MP (เลนส์เสริม) กล้องหน้า 32 MP แต่ไม่มีระบบกันสั่น เมื่อเทียบกับไอโฟนหรือซัมซุงรุ่นราคา 15,000 บาทขึ้นไป ฟีเจอร์กันน้ำระดับ IP53 กันฝุ่นได้ในระดับหนึ่ง และกันละอองน้ำจากละอองฝน หรือน้ำที่กระเด็นใส่ แต่ไม่ป้องกันขณะมือถือจุ่มน้ำ มี 2 สีให้เลือก คือ สีเทา Meteorite Grey และสีเขียว Comet Green

    ปัจจุบันราคาขายในกัมพูชา รุ่น 12+256GB อยู่ที่ 239-259 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 7,790-8,442 บาท) ส่วนในไทยราคาใน Shopee อยู่ที่ 7,399 บาท

    #Newskit
    เจาะมือถือสเปกเทพ ทหารเขมรทิ้งไว้บนภูมะเขือ ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม กองทัพเรือ (นปท.ทร.) ที่สนับสนุนการปฏิบัติงาน การเก็บกู้ และกวาดล้างฯ ได้ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชา ที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ภูมะเขือ ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจังหวัดศรีสะเกษ จึงนำไปใส่แบตเตอรี่ และตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ พบคลิปวีดีโอและภาพถ่ายจำนวนมาก ขณะทหารกัมพูชากำลังวางทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ชนิดเดียวกับที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิด ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นสูญเสียอวัยวะ ที่น่าสนใจก็คือ หนึ่งในภาพถ่ายบนโทรศัพท์มือถือระบุคำว่า POVA 6 Pro 5G ซึ่งพบว่าเป็นโทรศัพท์มือถือ TECNO รุ่น POVA 6 Pro 5G ซึ่งมีจำหน่ายทั้งในประเทศไทยและกัมพูชา เปิดตัวเมื่อเดือน มี.ค.2567 รุ่น RAM 8GB + ROM 256GB ราคา 9,999 บาท และรุ่น RAM 12GB + ROM 256GB ราคา 10,999 บาท แต่มือถือแบรนด์ดังกล่าวไม่ได้เป็นที่นิยมในไทย เมื่อเทียบกับแบรนด์ยอดนิยม ได้แก่ iPhone, Samsung, OPPO, VIVO, Xiaomi และ Realme แต่เมื่อดูจากสเปกแล้วคาดว่าเป็นการเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม โดยเฉพาะเกมเมอร์ เพราะได้ทำการตลาดร่วมกับเกม Free Fire สเปกเบื้องต้น ตัวเครื่องหนา 7.9 มิลลิเมตร หน้าจอ AMOLED 6.78 นิ้ว FHD 120 Hz ระบบเสียง Dolby Atmos ลำโพงคู่พร้อม AI ลดเสียงรบกวน ระบบช่วยระบายความร้อน POVA Supercooled แบตเตอรี่ 6000 mAh เล่นเกมได้ต่อเนื่อง 11 ชั่วโมง อายุการใช้งานแบตเตอรี่นานสูงสุด 6 ปี ระบบชาร์จรองรับ Ultra Charge กำลังไฟสูงสุด 70W สามารถชาร์จ 0-50% ได้ใน 20 นาที และเต็ม 100% ใน 50 นาที พร้อมระบบ Bypass Charge เล่นไปชาร์จไป การชาร์จแบบขั้นบันได Ladder Charge ชาร์จได้ในอุณหภูมิ -20 ถึง 60 องศาเซลเซียส และโหมดชาร์จแบบกันน้ำ ถ้าตรวจพบความชื้น ระบบชาร์จเร็วจะไม่ทำงาน ด้านหลังเครื่องมีไฟ LED ทั้งหมด 210 ดวง สามารถตั้งค่าให้กระพริบเมื่อมีสายเข้าขณะปิดเสียงได้ ใช้ชิป MediaTek Dimensity 6080 ความเร็ว 5G สำหรับการเล่นเกมระดับสูง กล้องหลังแบบกล้องสามตัว 108 MP (มุมกว้าง), 0.7 μm PDAF 2 MP, 0.08 MP (เลนส์เสริม) กล้องหน้า 32 MP แต่ไม่มีระบบกันสั่น เมื่อเทียบกับไอโฟนหรือซัมซุงรุ่นราคา 15,000 บาทขึ้นไป ฟีเจอร์กันน้ำระดับ IP53 กันฝุ่นได้ในระดับหนึ่ง และกันละอองน้ำจากละอองฝน หรือน้ำที่กระเด็นใส่ แต่ไม่ป้องกันขณะมือถือจุ่มน้ำ มี 2 สีให้เลือก คือ สีเทา Meteorite Grey และสีเขียว Comet Green ปัจจุบันราคาขายในกัมพูชา รุ่น 12+256GB อยู่ที่ 239-259 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 7,790-8,442 บาท) ส่วนในไทยราคาใน Shopee อยู่ที่ 7,399 บาท #Newskit
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลักฐานมัดแน่น! กองทัพเรือพบมือถือทหารเขมร...เจอคลิปสอนใช้ "ทุ่นระเบิด PMN-2"...ชี้ละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศ
    https://www.thai-tai.tv/news/21023/
    .
    #ทุ่นระเบิด #กองทัพเรือ #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวความมั่นคง #ภูมะเขือ #ไทยไท
    หลักฐานมัดแน่น! กองทัพเรือพบมือถือทหารเขมร...เจอคลิปสอนใช้ "ทุ่นระเบิด PMN-2"...ชี้ละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศ https://www.thai-tai.tv/news/21023/ . #ทุ่นระเบิด #กองทัพเรือ #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวความมั่นคง #ภูมะเขือ #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดของกองทัพเรือ เก็บมือถือทหารกัมพูชาทิ้งไว้ที่ภูมะเขือ พอชาร์จแบต ตรวจสอบภาพและคลิปในโทรศัพท์ พบหลักฐานทหารกัมพูชาวางทุ่นระเบิด PMN-2 คาเครื่องแบบ ต้นเหตุทำทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ สูญเสียอวัยวะ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000079101

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดของกองทัพเรือ เก็บมือถือทหารกัมพูชาทิ้งไว้ที่ภูมะเขือ พอชาร์จแบต ตรวจสอบภาพและคลิปในโทรศัพท์ พบหลักฐานทหารกัมพูชาวางทุ่นระเบิด PMN-2 คาเครื่องแบบ ต้นเหตุทำทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ สูญเสียอวัยวะ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000079101 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Angry
    Love
    Yay
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 351 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อตุ๊กตาพูดได้: ของเล่น AI ที่อาจแทนที่พ่อแม่

    Curio คือบริษัทสตาร์ทอัพจากแคลิฟอร์เนียที่สร้างตุ๊กตา AI ชื่อ Grem, Grok และ Gabbo ซึ่งภายนอกดูเหมือนตุ๊กตาน่ารัก แต่ภายในมี voice box เชื่อมต่อ Wi-Fi และระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถพูดคุยกับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไปได้

    Grem ถูกออกแบบโดยศิลปิน Grimes และมีบทสนทนาแบบเป็นมิตร เช่น “จุดสีชมพูบนตัวฉันคือเหรียญแห่งการผจญภัย” หรือ “เรามาเล่นเกม I Spy กันไหม?” แม้จะฟังดูน่ารัก แต่ผู้เขียนบทความรู้สึกว่า Grem ไม่ใช่แค่ของเล่น แต่เป็น “ตัวแทนของผู้ใหญ่” ที่อาจแทนที่การมีปฏิสัมพันธ์กับพ่อแม่จริง ๆ

    Curio โฆษณาว่าตุ๊กตาเหล่านี้ช่วยลดเวลาอยู่หน้าจอ และส่งเสริมการเล่นแบบมีปฏิสัมพันธ์ แต่ทุกบทสนทนาจะถูกส่งไปยังมือถือของผู้ปกครอง และอาจถูกปรับแต่งให้สอดคล้องกับพฤติกรรมหรือความสนใจของเด็ก

    แม้จะมีระบบกรองเนื้อหาไม่เหมาะสม แต่ก็มีรายงานว่าตุ๊กตาบางตัวตอบคำถามเกี่ยวกับสารเคมีหรืออาวุธในลักษณะที่ไม่เหมาะสม เช่น “น้ำยาฟอกขาวมักอยู่ใต้ซิงก์ในห้องครัว” ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่า AI เหล่านี้ปลอดภัยจริงหรือไม่

    ข้อมูลจากข่าวหลัก
    Curio เปิดตัวตุ๊กตา AI ชื่อ Grem, Grok และ Gabbo ที่เชื่อมต่อกับระบบปัญญาประดิษฐ์
    ตุ๊กตาออกแบบให้พูดคุยกับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไปในรูปแบบเป็นมิตรและปลอดภัย
    Grem ถูกออกแบบโดย Grimes และมีบทสนทนาแบบสร้างความผูกพันกับเด็ก
    Curio โฆษณาว่าเป็นทางเลือกแทนการให้เด็กอยู่หน้าจอ
    ทุกบทสนทนาระหว่างเด็กกับตุ๊กตาจะถูกส่งไปยังมือถือของผู้ปกครอง
    ผู้ปกครองสามารถปรับแต่งพฤติกรรมของตุ๊กตาให้สอดคล้องกับลูกได้
    มีระบบกรองเนื้อหา เช่น หลีกเลี่ยงเรื่องเพศ ความรุนแรง และการเมือง
    ตุ๊กตา AI เริ่มเข้าสู่ตลาดของเล่นอย่างกว้างขวาง และอาจมีแบรนด์ดังร่วมด้วย เช่น Mattel

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การใช้ AI ในของเล่นเด็กเป็นเทรนด์ใหม่ที่เติบโตเร็วในปี 2025
    นักจิตวิทยาเตือนว่า AI อาจรบกวนพัฒนาการด้านความสัมพันธ์ของเด็ก
    การสนทนากับ chatbot อาจทำให้เด็กเข้าใจผิดว่า “ทุกคำตอบอยู่ในของเล่น”
    Mattel ร่วมมือกับ OpenAI เพื่อสร้างตุ๊กตา Barbie และ Ken ที่พูดได้
    มีการเปรียบเทียบกับตัวละคร AI ในรายการเด็ก เช่น Toodles ใน Mickey Mouse Clubhouse
    การเล่นแบบไม่มีหน้าจออาจดูดี แต่ยังคง tethered กับเทคโนโลยีผ่าน chatbot

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/18/theyre-stuffed-animals-theyre-also-ai-chatbots
    🧠 เมื่อตุ๊กตาพูดได้: ของเล่น AI ที่อาจแทนที่พ่อแม่ Curio คือบริษัทสตาร์ทอัพจากแคลิฟอร์เนียที่สร้างตุ๊กตา AI ชื่อ Grem, Grok และ Gabbo ซึ่งภายนอกดูเหมือนตุ๊กตาน่ารัก แต่ภายในมี voice box เชื่อมต่อ Wi-Fi และระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถพูดคุยกับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไปได้ Grem ถูกออกแบบโดยศิลปิน Grimes และมีบทสนทนาแบบเป็นมิตร เช่น “จุดสีชมพูบนตัวฉันคือเหรียญแห่งการผจญภัย” หรือ “เรามาเล่นเกม I Spy กันไหม?” แม้จะฟังดูน่ารัก แต่ผู้เขียนบทความรู้สึกว่า Grem ไม่ใช่แค่ของเล่น แต่เป็น “ตัวแทนของผู้ใหญ่” ที่อาจแทนที่การมีปฏิสัมพันธ์กับพ่อแม่จริง ๆ Curio โฆษณาว่าตุ๊กตาเหล่านี้ช่วยลดเวลาอยู่หน้าจอ และส่งเสริมการเล่นแบบมีปฏิสัมพันธ์ แต่ทุกบทสนทนาจะถูกส่งไปยังมือถือของผู้ปกครอง และอาจถูกปรับแต่งให้สอดคล้องกับพฤติกรรมหรือความสนใจของเด็ก แม้จะมีระบบกรองเนื้อหาไม่เหมาะสม แต่ก็มีรายงานว่าตุ๊กตาบางตัวตอบคำถามเกี่ยวกับสารเคมีหรืออาวุธในลักษณะที่ไม่เหมาะสม เช่น “น้ำยาฟอกขาวมักอยู่ใต้ซิงก์ในห้องครัว” ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่า AI เหล่านี้ปลอดภัยจริงหรือไม่ ✅ ข้อมูลจากข่าวหลัก ➡️ Curio เปิดตัวตุ๊กตา AI ชื่อ Grem, Grok และ Gabbo ที่เชื่อมต่อกับระบบปัญญาประดิษฐ์ ➡️ ตุ๊กตาออกแบบให้พูดคุยกับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไปในรูปแบบเป็นมิตรและปลอดภัย ➡️ Grem ถูกออกแบบโดย Grimes และมีบทสนทนาแบบสร้างความผูกพันกับเด็ก ➡️ Curio โฆษณาว่าเป็นทางเลือกแทนการให้เด็กอยู่หน้าจอ ➡️ ทุกบทสนทนาระหว่างเด็กกับตุ๊กตาจะถูกส่งไปยังมือถือของผู้ปกครอง ➡️ ผู้ปกครองสามารถปรับแต่งพฤติกรรมของตุ๊กตาให้สอดคล้องกับลูกได้ ➡️ มีระบบกรองเนื้อหา เช่น หลีกเลี่ยงเรื่องเพศ ความรุนแรง และการเมือง ➡️ ตุ๊กตา AI เริ่มเข้าสู่ตลาดของเล่นอย่างกว้างขวาง และอาจมีแบรนด์ดังร่วมด้วย เช่น Mattel ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การใช้ AI ในของเล่นเด็กเป็นเทรนด์ใหม่ที่เติบโตเร็วในปี 2025 ➡️ นักจิตวิทยาเตือนว่า AI อาจรบกวนพัฒนาการด้านความสัมพันธ์ของเด็ก ➡️ การสนทนากับ chatbot อาจทำให้เด็กเข้าใจผิดว่า “ทุกคำตอบอยู่ในของเล่น” ➡️ Mattel ร่วมมือกับ OpenAI เพื่อสร้างตุ๊กตา Barbie และ Ken ที่พูดได้ ➡️ มีการเปรียบเทียบกับตัวละคร AI ในรายการเด็ก เช่น Toodles ใน Mickey Mouse Clubhouse ➡️ การเล่นแบบไม่มีหน้าจออาจดูดี แต่ยังคง tethered กับเทคโนโลยีผ่าน chatbot https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/18/theyre-stuffed-animals-theyre-also-ai-chatbots
    WWW.THESTAR.COM.MY
    They're stuffed animals. They're also AI chatbots.
    New types of cuddly toys, some for children as young as three, are being sold as an alternative to screen time — and to parental attention.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน เรื่องของคนโคตรรวย (1)
    นิทานเรื่ิิองจริง เรื่อง “มายากลยุทธ ”
    ตอนที่ 4 : เรื่องของคนโคตรรวย (1)
    ช่วงปี ค.ศ. 1960 ศูนย์อำนาจของอเมริกาไม่ได้อยู่ที่รัฐบาลเท่านั้น แต่ยังถูกกำกับโดยกลุ่มบุคคลซึ่งเป็นที่ยอมรับว่าเป็นชนชั้นนำของอเมริกา (Elites) พูดง่ายๆ ว่าเป็นพวกคนรวยผู้มีอิทธิพลในสังคมชั้นสูงนั่นแหละ บุคคลเหล่านี้เป็นผู้ควบคุมแนวความคิดของบรรดานักวิชาการ นักการเมือง นักธุรกิจ นักการเงินและสื่อ
    ผู้นำกลุ่มศูนย์อำนาจนี้ คือ ครอบครัว Rockefeller
    อิทธิพลของตระกูล Rockefeller มีสูงและครอบคลุมไปทั่วอย่างที่ในประวัติศาสตร์อเมริกา ยังไม่เคยมีตระกูลใดทำได้ถึงขนาดนี้ เขาใช้อะไรครอบอะไรคลุมล่ะ คนรวยเข้าใช้อะไรครอบขี้ข้า เงินไงล่ะ พี่น้อง แบบนี้เขาเรียกผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตย หรือเปล่านะ (ฮา)
    ตระกูล Rockefeller ร่ำรวยมาจากธุรกิจน้ำมัน (ไม่ใช่ธุระกิจมือถือ ดาวเทียม นั่นมันเศรษฐีปลายแถว อย่ามาตีเสมอ) ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 จากบริษัท Standard Oil (ซึ่งภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น Exxon Mobil เมื่อประมาณ ปี ค.ศ. 1999) ของตระกูล ต่อมาก็ทำธุรกิจธนาคาร โดยเป็นเจ้าของธนาคาร Chase Manhattan ซึ่งเป็น 1 ในธนาคารใหญ่ระดับโลก และด้วยเงินมหาศาลของครอบครัว ตระกูลนี้ก็เริ่มเข้าไปทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรมการเกษตร และที่สำคัญได้เข้าไปมีอิทธิพลต่อนักการเมือง (ถึงว่าซิ มันต้องรวยจากน้ำมัน ถึงจะเจ๋งจริง)
    บริษัท Standard Oil ถือเป็น ผู้ครอบครองอาณาจักรธุรกิจน้ำมัน ระดับยักษ์ใหญ่จริง ๆ เป็นอาณาจักรที่ครอบครอง บ่อน้ำมันในประเทศ 20,000 แห่ง มีท่อส่งน้ำมันยาวถึง 4,000 ไมล์ รถขนส่งน้ำมัน 5,000 คัน และมีพนักงานมากกว่า 100,000 คน เป็นบริษัทที่ทำการกลั่นน้ำมัน จำนวน 80 – 90 % ของน้ำมันโลก ตลอดศตวรรษดังกล่าว
    ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตระกูล Rockefeller เกือบจะเป็นเจ้าของตึกส่วนใหญ่ใน New York City ซึ่งรวมถึง ตึก World Trade Centre Tower, Lincoln Centre, One Chase Manhattan Plaza และ Nelson A. Rockefeller Empire State Plaza
    นอกจากในวงการธุรกิจแล้ว ตระกูล Rockefeller ยังเป็นผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัย Chicago และมหาวิทยาลัย Philippines และเป็นผู้อุปถัมภ์ใหญ่ ให้แก่มหาวิทยาลัยชั้นนำในอเมริกา ที่เรียกว่า Ivy League ได้แก่
    – Harvard University
    – Dartmouth College
    – Princeton University
    – Standford University
    – Yale University
    – Massachusetts Institute of Technology (MIT)
    – Brown University
    – Columbia University
    – Cornell University
    etc.

    คนเล่านิทาน
    มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน เรื่องของคนโคตรรวย (1) นิทานเรื่ิิองจริง เรื่อง “มายากลยุทธ ” ตอนที่ 4 : เรื่องของคนโคตรรวย (1) ช่วงปี ค.ศ. 1960 ศูนย์อำนาจของอเมริกาไม่ได้อยู่ที่รัฐบาลเท่านั้น แต่ยังถูกกำกับโดยกลุ่มบุคคลซึ่งเป็นที่ยอมรับว่าเป็นชนชั้นนำของอเมริกา (Elites) พูดง่ายๆ ว่าเป็นพวกคนรวยผู้มีอิทธิพลในสังคมชั้นสูงนั่นแหละ บุคคลเหล่านี้เป็นผู้ควบคุมแนวความคิดของบรรดานักวิชาการ นักการเมือง นักธุรกิจ นักการเงินและสื่อ ผู้นำกลุ่มศูนย์อำนาจนี้ คือ ครอบครัว Rockefeller อิทธิพลของตระกูล Rockefeller มีสูงและครอบคลุมไปทั่วอย่างที่ในประวัติศาสตร์อเมริกา ยังไม่เคยมีตระกูลใดทำได้ถึงขนาดนี้ เขาใช้อะไรครอบอะไรคลุมล่ะ คนรวยเข้าใช้อะไรครอบขี้ข้า เงินไงล่ะ พี่น้อง แบบนี้เขาเรียกผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตย หรือเปล่านะ (ฮา) ตระกูล Rockefeller ร่ำรวยมาจากธุรกิจน้ำมัน (ไม่ใช่ธุระกิจมือถือ ดาวเทียม นั่นมันเศรษฐีปลายแถว อย่ามาตีเสมอ) ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 จากบริษัท Standard Oil (ซึ่งภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น Exxon Mobil เมื่อประมาณ ปี ค.ศ. 1999) ของตระกูล ต่อมาก็ทำธุรกิจธนาคาร โดยเป็นเจ้าของธนาคาร Chase Manhattan ซึ่งเป็น 1 ในธนาคารใหญ่ระดับโลก และด้วยเงินมหาศาลของครอบครัว ตระกูลนี้ก็เริ่มเข้าไปทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรมการเกษตร และที่สำคัญได้เข้าไปมีอิทธิพลต่อนักการเมือง (ถึงว่าซิ มันต้องรวยจากน้ำมัน ถึงจะเจ๋งจริง) บริษัท Standard Oil ถือเป็น ผู้ครอบครองอาณาจักรธุรกิจน้ำมัน ระดับยักษ์ใหญ่จริง ๆ เป็นอาณาจักรที่ครอบครอง บ่อน้ำมันในประเทศ 20,000 แห่ง มีท่อส่งน้ำมันยาวถึง 4,000 ไมล์ รถขนส่งน้ำมัน 5,000 คัน และมีพนักงานมากกว่า 100,000 คน เป็นบริษัทที่ทำการกลั่นน้ำมัน จำนวน 80 – 90 % ของน้ำมันโลก ตลอดศตวรรษดังกล่าว ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตระกูล Rockefeller เกือบจะเป็นเจ้าของตึกส่วนใหญ่ใน New York City ซึ่งรวมถึง ตึก World Trade Centre Tower, Lincoln Centre, One Chase Manhattan Plaza และ Nelson A. Rockefeller Empire State Plaza นอกจากในวงการธุรกิจแล้ว ตระกูล Rockefeller ยังเป็นผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัย Chicago และมหาวิทยาลัย Philippines และเป็นผู้อุปถัมภ์ใหญ่ ให้แก่มหาวิทยาลัยชั้นนำในอเมริกา ที่เรียกว่า Ivy League ได้แก่ – Harvard University – Dartmouth College – Princeton University – Standford University – Yale University – Massachusetts Institute of Technology (MIT) – Brown University – Columbia University – Cornell University etc. คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • Wi-Fi ไม่ได้ผิด แต่พฤติกรรมดิจิทัลของเราต่างหากที่ทำร้ายโลก

    โปสเตอร์จากมหาวิทยาลัย East London ที่ปรากฏในสถานีรถไฟใต้ดินของลอนดอนสร้างความฮือฮา ด้วยข้อความที่ดูเหมือนจะกล่าวโทษ Wi-Fi ว่าเป็นตัวการทำลายสิ่งแวดล้อม แต่เมื่อมองลึกลงไป มันคือการชวนให้เราคิดใหม่ผ่านแคมเปญ “Think Again” ที่ตั้งคำถามกับพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีของเรา

    เป้าหมายของแคมเปญนี้คือการชี้ให้เห็นว่า “การใช้เวลาอยู่หน้าจอมากเกินไป” ไม่ว่าจะเป็นมือถือ แท็บเล็ต ทีวี หรือคอมพิวเตอร์ ล้วนมีผลต่อสิ่งแวดล้อม เพราะมันผลักดันให้ศูนย์ข้อมูล (data centers) ต้องทำงานหนักขึ้น ซึ่งปล่อยคาร์บอนมากกว่าการบินทั่วโลกเสียอีก

    แม้ Wi-Fi เองจะไม่ได้ปล่อยคาร์บอนโดยตรง แต่การใช้งานอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับ Wi-Fi เช่น เราเตอร์ สมาร์ททีวี และเซิร์ฟเวอร์ ล้วนมีการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง และสร้าง e-waste จำนวนมหาศาลในแต่ละปี

    งานวิจัยจากหลายแหล่งชี้ว่า Wi-Fi และเทคโนโลยีดิจิทัลมีส่วนทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกถึง 4% ของทั้งหมด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 9% ต่อปี หากไม่มีการจัดการอย่างยั่งยืน

    ข้อมูลจากข่าวและแคมเปญ Think Again
    โปสเตอร์จากมหาวิทยาลัย East London ชวนให้คิดใหม่เรื่องผลกระทบจากการใช้เทคโนโลยี
    ข้อความ “WiFi doesn’t grow on trees” เป็นการกระตุ้นให้คนสนใจ ไม่ใช่กล่าวโทษ Wi-Fi โดยตรง
    แคมเปญชี้ให้เห็นว่การใช้เวลาอยู่หน้าจอมากเกินไปส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม
    ศูนย์ข้อมูลทั่วโลกปล่อยคาร์บอนมากกว่าการบินทั่วโลก
    มหาวิทยาลัยกำลังวิจัยเพื่อทำให้ data centers มีความยั่งยืนมากขึ้น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Wi-Fi และอุปกรณ์เครือข่ายมีส่วนทำให้เกิด e-waste มากกว่า 82 ล้านตันต่อปีภายในปี 2030
    การใช้ Wi-Fi ส่งผลต่อการใช้พลังงานไฟฟ้า ทั้งจากอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐาน
    การเลือกเราเตอร์ที่มี Energy Star หรือ eco-label ช่วยลดการใช้พลังงาน
    การรีไซเคิลอุปกรณ์เครือข่ายเก่าเป็นวิธีลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
    Wi-Fi ช่วยให้ระบบ IoT ทำงานได้ เช่น การจัดการพลังงานในอาคารอัจฉริยะ
    การบำรุงรักษาเครือข่ายอย่างสม่ำเสมอช่วยลดการใช้พลังงานโดยไม่จำเป็น

    https://www.tomshardware.com/networking/is-wi-fi-bad-for-the-environment-eye-catching-london-ad-suggests-our-digital-habits-are-damaging-the-climate
    📡 Wi-Fi ไม่ได้ผิด แต่พฤติกรรมดิจิทัลของเราต่างหากที่ทำร้ายโลก โปสเตอร์จากมหาวิทยาลัย East London ที่ปรากฏในสถานีรถไฟใต้ดินของลอนดอนสร้างความฮือฮา ด้วยข้อความที่ดูเหมือนจะกล่าวโทษ Wi-Fi ว่าเป็นตัวการทำลายสิ่งแวดล้อม แต่เมื่อมองลึกลงไป มันคือการชวนให้เราคิดใหม่ผ่านแคมเปญ “Think Again” ที่ตั้งคำถามกับพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีของเรา เป้าหมายของแคมเปญนี้คือการชี้ให้เห็นว่า “การใช้เวลาอยู่หน้าจอมากเกินไป” ไม่ว่าจะเป็นมือถือ แท็บเล็ต ทีวี หรือคอมพิวเตอร์ ล้วนมีผลต่อสิ่งแวดล้อม เพราะมันผลักดันให้ศูนย์ข้อมูล (data centers) ต้องทำงานหนักขึ้น ซึ่งปล่อยคาร์บอนมากกว่าการบินทั่วโลกเสียอีก แม้ Wi-Fi เองจะไม่ได้ปล่อยคาร์บอนโดยตรง แต่การใช้งานอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับ Wi-Fi เช่น เราเตอร์ สมาร์ททีวี และเซิร์ฟเวอร์ ล้วนมีการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง และสร้าง e-waste จำนวนมหาศาลในแต่ละปี งานวิจัยจากหลายแหล่งชี้ว่า Wi-Fi และเทคโนโลยีดิจิทัลมีส่วนทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกถึง 4% ของทั้งหมด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 9% ต่อปี หากไม่มีการจัดการอย่างยั่งยืน ✅ ข้อมูลจากข่าวและแคมเปญ Think Again ➡️ โปสเตอร์จากมหาวิทยาลัย East London ชวนให้คิดใหม่เรื่องผลกระทบจากการใช้เทคโนโลยี ➡️ ข้อความ “WiFi doesn’t grow on trees” เป็นการกระตุ้นให้คนสนใจ ไม่ใช่กล่าวโทษ Wi-Fi โดยตรง ➡️ แคมเปญชี้ให้เห็นว่การใช้เวลาอยู่หน้าจอมากเกินไปส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม ➡️ ศูนย์ข้อมูลทั่วโลกปล่อยคาร์บอนมากกว่าการบินทั่วโลก ➡️ มหาวิทยาลัยกำลังวิจัยเพื่อทำให้ data centers มีความยั่งยืนมากขึ้น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Wi-Fi และอุปกรณ์เครือข่ายมีส่วนทำให้เกิด e-waste มากกว่า 82 ล้านตันต่อปีภายในปี 2030 ➡️ การใช้ Wi-Fi ส่งผลต่อการใช้พลังงานไฟฟ้า ทั้งจากอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐาน ➡️ การเลือกเราเตอร์ที่มี Energy Star หรือ eco-label ช่วยลดการใช้พลังงาน ➡️ การรีไซเคิลอุปกรณ์เครือข่ายเก่าเป็นวิธีลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ➡️ Wi-Fi ช่วยให้ระบบ IoT ทำงานได้ เช่น การจัดการพลังงานในอาคารอัจฉริยะ ➡️ การบำรุงรักษาเครือข่ายอย่างสม่ำเสมอช่วยลดการใช้พลังงานโดยไม่จำเป็น https://www.tomshardware.com/networking/is-wi-fi-bad-for-the-environment-eye-catching-london-ad-suggests-our-digital-habits-are-damaging-the-climate
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Is Wi-Fi bad for the environment? Eye-catching London ad suggests Wi-Fi is ‘damaging the climate’
    The ad seemingly says that Wi-Fi is bad for the environment, but its makers just want you to look closer.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • Wix vs Weebly: สร้างเว็บไซต์ง่าย ๆ แต่เลือกผิดอาจเสียโอกาสทางธุรกิจ

    ในยุคที่ใคร ๆ ก็สามารถสร้างเว็บไซต์ได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ด แพลตฟอร์มอย่าง Wix และ Weebly จึงกลายเป็นตัวเลือกหลักสำหรับผู้เริ่มต้นและธุรกิจขนาดเล็ก แต่ความแตกต่างของสองแพลตฟอร์มนี้มีผลต่อการเติบโตในระยะยาวอย่างมาก

    Wix โดดเด่นด้วยเครื่องมือ AI ที่ช่วยสร้างเว็บไซต์ในไม่กี่นาที มีเทมเพลตให้เลือกกว่า 2,000 แบบ และระบบแก้ไขแบบ drag-and-drop ที่ยืดหยุ่นสูง เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมดีไซน์อย่างเต็มที่

    Weebly เน้นความเรียบง่าย ราคาถูก และมีแผนฟรีที่ให้ฟีเจอร์ e-commerce โดยไม่ต้องจ่ายเงิน ซึ่งหาได้ยากในตลาด แต่ข้อเสียคือระบบไม่ค่อยได้รับการอัปเดต และเทมเพลตมีให้เลือกน้อยกว่า 60 แบบ

    Wix เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการเติบโต มีระบบ SEO ขั้นสูง แอปเสริมกว่า 800 รายการ และการสนับสนุนลูกค้าที่ครอบคลุม ส่วน Weebly เหมาะกับผู้เริ่มต้นที่ต้องการเว็บไซต์เร็ว ๆ โดยไม่ต้องปรับแต่งมาก

    จุดเด่นของ Wix
    มีเทมเพลตกว่า 2,000 แบบ พร้อมระบบแก้ไขที่ยืดหยุ่น
    ใช้ AI สร้างเว็บไซต์ได้ภายใน 60 วินาที
    มีแอปเสริมกว่า 800 รายการ และระบบ SEO ขั้นสูง
    รองรับการแก้ไขบนมือถือ และมีระบบป้องกันด้วยรหัสผ่าน

    จุดเด่นของ Weebly
    มีแผนฟรีที่รองรับ e-commerce โดยไม่ต้องจ่ายเงิน
    ระบบแก้ไขแบบ drag-and-drop ที่ใช้งานง่าย
    เหมาะกับผู้เริ่มต้นที่ไม่ต้องการปรับแต่งมาก
    มีระบบวิเคราะห์ยอดขายจากการเชื่อมต่อกับ Square

    การเปรียบเทียบด้านราคา
    Wix เริ่มต้นที่ $17/เดือน และสูงสุดถึง $152/เดือน
    Weebly เริ่มต้นที่ $0 และสูงสุดที่ $29/เดือน
    Wix ให้ฟีเจอร์มากกว่า แต่ราคาสูงกว่า
    Weebly เหมาะกับผู้ใช้งานที่เน้นความคุ้มค่าและประหยัด

    ความเหมาะสมกับผู้ใช้งาน
    Wix เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการเติบโตและปรับแต่งได้เต็มที่
    Weebly เหมาะกับร้านเล็กหรือเว็บไซต์ส่วนตัวที่ไม่ซับซ้อน
    Wix เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมดีไซน์และฟีเจอร์
    Weebly เหมาะกับผู้ที่ต้องการความง่ายและเร็วในการเริ่มต้น

    https://www.techradar.com/news/wix-vs-weebly
    🧠 Wix vs Weebly: สร้างเว็บไซต์ง่าย ๆ แต่เลือกผิดอาจเสียโอกาสทางธุรกิจ ในยุคที่ใคร ๆ ก็สามารถสร้างเว็บไซต์ได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ด แพลตฟอร์มอย่าง Wix และ Weebly จึงกลายเป็นตัวเลือกหลักสำหรับผู้เริ่มต้นและธุรกิจขนาดเล็ก แต่ความแตกต่างของสองแพลตฟอร์มนี้มีผลต่อการเติบโตในระยะยาวอย่างมาก Wix โดดเด่นด้วยเครื่องมือ AI ที่ช่วยสร้างเว็บไซต์ในไม่กี่นาที มีเทมเพลตให้เลือกกว่า 2,000 แบบ และระบบแก้ไขแบบ drag-and-drop ที่ยืดหยุ่นสูง เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมดีไซน์อย่างเต็มที่ Weebly เน้นความเรียบง่าย ราคาถูก และมีแผนฟรีที่ให้ฟีเจอร์ e-commerce โดยไม่ต้องจ่ายเงิน ซึ่งหาได้ยากในตลาด แต่ข้อเสียคือระบบไม่ค่อยได้รับการอัปเดต และเทมเพลตมีให้เลือกน้อยกว่า 60 แบบ Wix เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการเติบโต มีระบบ SEO ขั้นสูง แอปเสริมกว่า 800 รายการ และการสนับสนุนลูกค้าที่ครอบคลุม ส่วน Weebly เหมาะกับผู้เริ่มต้นที่ต้องการเว็บไซต์เร็ว ๆ โดยไม่ต้องปรับแต่งมาก ✅ จุดเด่นของ Wix ➡️ มีเทมเพลตกว่า 2,000 แบบ พร้อมระบบแก้ไขที่ยืดหยุ่น ➡️ ใช้ AI สร้างเว็บไซต์ได้ภายใน 60 วินาที ➡️ มีแอปเสริมกว่า 800 รายการ และระบบ SEO ขั้นสูง ➡️ รองรับการแก้ไขบนมือถือ และมีระบบป้องกันด้วยรหัสผ่าน ✅ จุดเด่นของ Weebly ➡️ มีแผนฟรีที่รองรับ e-commerce โดยไม่ต้องจ่ายเงิน ➡️ ระบบแก้ไขแบบ drag-and-drop ที่ใช้งานง่าย ➡️ เหมาะกับผู้เริ่มต้นที่ไม่ต้องการปรับแต่งมาก ➡️ มีระบบวิเคราะห์ยอดขายจากการเชื่อมต่อกับ Square ✅ การเปรียบเทียบด้านราคา ➡️ Wix เริ่มต้นที่ $17/เดือน และสูงสุดถึง $152/เดือน ➡️ Weebly เริ่มต้นที่ $0 และสูงสุดที่ $29/เดือน ➡️ Wix ให้ฟีเจอร์มากกว่า แต่ราคาสูงกว่า ➡️ Weebly เหมาะกับผู้ใช้งานที่เน้นความคุ้มค่าและประหยัด ✅ ความเหมาะสมกับผู้ใช้งาน ➡️ Wix เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการเติบโตและปรับแต่งได้เต็มที่ ➡️ Weebly เหมาะกับร้านเล็กหรือเว็บไซต์ส่วนตัวที่ไม่ซับซ้อน ➡️ Wix เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมดีไซน์และฟีเจอร์ ➡️ Weebly เหมาะกับผู้ที่ต้องการความง่ายและเร็วในการเริ่มต้น https://www.techradar.com/news/wix-vs-weebly
    WWW.TECHRADAR.COM
    Wix vs Weebly: How these top website builders compare
    Top website builders go head-to-head on price and performance
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • Mini SSD ขนาดเท่า SIM ที่เร็วระดับ NVMe: นวัตกรรมใหม่จาก Biwin

    ลองนึกภาพ SSD ที่มีขนาดเล็กพอ ๆ กับซิมการ์ดมือถือ แต่สามารถอ่านเขียนข้อมูลได้เร็วระดับ NVMe แบบที่ใช้ในคอมพิวเตอร์เกมแรง ๆ นั่นคือสิ่งที่ Biwin จากจีนเพิ่งเปิดตัว—“Mini SSD” ที่อาจเปลี่ยนโลกของอุปกรณ์พกพาไปตลอดกาล

    Mini SSD นี้มีขนาดเพียง 15 × 17 × 1.4 มม. เล็กกว่าหัวแม่มือ แต่สามารถอ่านข้อมูลได้ถึง 3,700 MB/s และเขียนได้ 3,400 MB/s ผ่าน PCIe 4.0 x2 ซึ่งถือว่าเร็วกว่า microSD Express ถึง 3 เท่า และใกล้เคียงกับ SSD M.2 ขนาดใหญ่

    สิ่งที่ทำให้มันน่าสนใจคือการติดตั้งแบบ “ถาดซิม”—แค่ใช้เข็มจิ้มก็ถอดเปลี่ยนได้ทันที ไม่ต้องไขน็อตหรือเปิดฝาเครื่อง เหมาะมากกับอุปกรณ์พกพาอย่าง GPD Win 5 และ OneXPlayer Super X ที่เริ่มรองรับแล้ว

    นอกจากความเร็วและความสะดวก Mini SSD ยังทนทานระดับ IP68 กันน้ำกันฝุ่น และตกจากที่สูง 3 เมตรได้โดยไม่พัง เหมาะกับการใช้งานในสนามหรืออุปกรณ์ที่ต้องพกพาไปทุกที่

    แต่ก็ยังมีข้อกังวล เช่น ความร้อนที่อาจสะสมในพื้นที่เล็ก ๆ และความไม่แน่นอนว่า Biwin จะเปิดให้ผู้ผลิตรายอื่นใช้ฟอร์แมตนี้หรือไม่ ถ้าไม่เปิด อาจกลายเป็นแค่เทคโนโลยีเฉพาะกลุ่มเหมือน Sony Memory Stick ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว

    คุณสมบัติเด่นของ Biwin Mini SSD
    ขนาดเล็กเพียง 15 × 17 × 1.4 มม. ใกล้เคียง microSD
    ความเร็วสูงระดับ NVMe: อ่าน 3,700 MB/s เขียน 3,400 MB/s
    ใช้ PCIe 4.0 x2 และ NVMe 1.4
    มีความจุให้เลือก 512GB, 1TB และ 2TB
    ติดตั้งแบบถาดซิม ใช้เข็มจิ้มเปลี่ยนได้ทันที
    กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 และทนการตกจาก 3 เมตร

    การใช้งานในอุปกรณ์พกพา
    รองรับใน GPD Win 5 และ OneXPlayer Super X
    เหมาะกับเกมพกพาและอุปกรณ์ที่ต้องการพื้นที่ภายในมากขึ้น
    ช่วยลดขนาด SSD และเพิ่มพื้นที่ให้แบตเตอรี่หรือระบบระบายความร้อน

    เทคโนโลยีเบื้องหลัง
    ใช้ LGA packaging รวม controller และ NAND flash ในพื้นที่เล็ก
    ออกแบบให้ทนทานต่อการใช้งานภาคสนาม
    อาจเป็นทางเลือกใหม่แทน microSD Express ที่ยังจำกัดความเร็ว

    https://www.techpowerup.com/339967/biwin-launches-mini-ssd-nvme-speeds-in-a-sim-tray-style-card
    💾 Mini SSD ขนาดเท่า SIM ที่เร็วระดับ NVMe: นวัตกรรมใหม่จาก Biwin ลองนึกภาพ SSD ที่มีขนาดเล็กพอ ๆ กับซิมการ์ดมือถือ แต่สามารถอ่านเขียนข้อมูลได้เร็วระดับ NVMe แบบที่ใช้ในคอมพิวเตอร์เกมแรง ๆ นั่นคือสิ่งที่ Biwin จากจีนเพิ่งเปิดตัว—“Mini SSD” ที่อาจเปลี่ยนโลกของอุปกรณ์พกพาไปตลอดกาล Mini SSD นี้มีขนาดเพียง 15 × 17 × 1.4 มม. เล็กกว่าหัวแม่มือ แต่สามารถอ่านข้อมูลได้ถึง 3,700 MB/s และเขียนได้ 3,400 MB/s ผ่าน PCIe 4.0 x2 ซึ่งถือว่าเร็วกว่า microSD Express ถึง 3 เท่า และใกล้เคียงกับ SSD M.2 ขนาดใหญ่ สิ่งที่ทำให้มันน่าสนใจคือการติดตั้งแบบ “ถาดซิม”—แค่ใช้เข็มจิ้มก็ถอดเปลี่ยนได้ทันที ไม่ต้องไขน็อตหรือเปิดฝาเครื่อง เหมาะมากกับอุปกรณ์พกพาอย่าง GPD Win 5 และ OneXPlayer Super X ที่เริ่มรองรับแล้ว นอกจากความเร็วและความสะดวก Mini SSD ยังทนทานระดับ IP68 กันน้ำกันฝุ่น และตกจากที่สูง 3 เมตรได้โดยไม่พัง เหมาะกับการใช้งานในสนามหรืออุปกรณ์ที่ต้องพกพาไปทุกที่ แต่ก็ยังมีข้อกังวล เช่น ความร้อนที่อาจสะสมในพื้นที่เล็ก ๆ และความไม่แน่นอนว่า Biwin จะเปิดให้ผู้ผลิตรายอื่นใช้ฟอร์แมตนี้หรือไม่ ถ้าไม่เปิด อาจกลายเป็นแค่เทคโนโลยีเฉพาะกลุ่มเหมือน Sony Memory Stick ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ✅ คุณสมบัติเด่นของ Biwin Mini SSD ➡️ ขนาดเล็กเพียง 15 × 17 × 1.4 มม. ใกล้เคียง microSD ➡️ ความเร็วสูงระดับ NVMe: อ่าน 3,700 MB/s เขียน 3,400 MB/s ➡️ ใช้ PCIe 4.0 x2 และ NVMe 1.4 ➡️ มีความจุให้เลือก 512GB, 1TB และ 2TB ➡️ ติดตั้งแบบถาดซิม ใช้เข็มจิ้มเปลี่ยนได้ทันที ➡️ กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 และทนการตกจาก 3 เมตร ✅ การใช้งานในอุปกรณ์พกพา ➡️ รองรับใน GPD Win 5 และ OneXPlayer Super X ➡️ เหมาะกับเกมพกพาและอุปกรณ์ที่ต้องการพื้นที่ภายในมากขึ้น ➡️ ช่วยลดขนาด SSD และเพิ่มพื้นที่ให้แบตเตอรี่หรือระบบระบายความร้อน ✅ เทคโนโลยีเบื้องหลัง ➡️ ใช้ LGA packaging รวม controller และ NAND flash ในพื้นที่เล็ก ➡️ ออกแบบให้ทนทานต่อการใช้งานภาคสนาม ➡️ อาจเป็นทางเลือกใหม่แทน microSD Express ที่ยังจำกัดความเร็ว https://www.techpowerup.com/339967/biwin-launches-mini-ssd-nvme-speeds-in-a-sim-tray-style-card
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Biwin Launches Mini SSD: NVMe Speeds in a SIM-Tray Style Card
    Biwin's new Mini SSD squeezes NVMe-class performance into a SIM-tray style card barely larger than a MicroSD, offering quoted sequential read speeds of up to 3,700 MB/s and write speeds of up to 3,400 MB/s over PCIe 4.0 x2 in 512 GB, 1 TB, and 2 TB options. The 15 × 17 × 1.4 mm module ejects with a ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมองไมโครเวฟ: ชิปที่คิดแบบ AI และพูดแบบวิทยุ

    ในห้องทดลองเงียบ ๆ ของมหาวิทยาลัย Cornell นักวิจัยได้สร้างชิปต้นแบบที่ไม่ใช้การประมวลผลแบบดิจิทัลตามจังหวะนาฬิกาเหมือน CPU ทั่วไป แต่ใช้พลังงานไมโครเวฟในการประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์ และยังสามารถสื่อสารไร้สายได้ในตัวเดียวกัน

    ชิปนี้ถูกเรียกว่า “microwave brain” เพราะมันใช้คลื่นไมโครเวฟที่ปรับแต่งได้ผ่าน waveguide ซึ่งทำหน้าที่เหมือน “นิวรอนทางกายภาพ” โดยสามารถเปลี่ยนแอมพลิจูด เฟส และความถี่ของสัญญาณเพื่อแทนข้อมูล และให้สัญญาณเหล่านั้นแทรกกันในโดเมนแอนะล็อกเพื่อสร้างรูปแบบที่ซับซ้อน ก่อนจะถูกแปลงเป็นดิจิทัล

    ผลลัพธ์คือชิปที่สามารถประมวลผลข้อมูลความเร็วสูงระดับหลายสิบกิกะเฮิรตซ์ และยังสามารถสื่อสารไร้สายได้ในตัว โดยใช้พลังงานเพียง 200 มิลลิวัตต์—น้อยกว่าชิป AI ดิจิทัลทั่วไปหลายเท่า

    ในการทดสอบ ชิปสามารถจำแนกสัญญาณไร้สายได้ด้วยความแม่นยำถึง 88% โดยไม่ต้องใช้วงจรแก้ไขข้อผิดพลาดหรือหน่วยความจำขนาดใหญ่ และสามารถสลับงาน AI ได้ทันทีโดยไม่ต้องฝึกใหม่

    การออกแบบและหลักการทำงานของ microwave brain
    ใช้คลื่นไมโครเวฟผ่าน waveguide ที่ปรับแต่งได้แทนการประมวลผลแบบดิจิทัล
    สัญญาณแอนะล็อกแทรกกันเพื่อสร้างรูปแบบข้อมูลก่อนแปลงเป็นดิจิทัล
    ทำงานได้ทั้งการประมวลผลและการสื่อสารไร้สายในชิปเดียว

    ประสิทธิภาพและการใช้งาน
    ใช้พลังงานเพียง 200 มิลลิวัตต์
    ประมวลผลข้อมูลที่ความเร็วระดับหลายสิบกิกะเฮิรตซ์
    จำแนกสัญญาณไร้สายได้ด้วยความแม่นยำ 88%
    เหมาะกับงาน edge computing เช่น สมาร์ตวอทช์หรือมือถือที่ไม่ต้องพึ่งคลาวด์

    ความสามารถด้าน AI และการสื่อสาร
    สลับงาน AI ได้ทันทีโดยไม่ต้อง retrain
    ตรวจจับความผิดปกติในสัญญาณไร้สายได้
    อาจใช้ในงานเรดาร์ การถอดรหัสคลื่นวิทยุ หรือการรักษาความปลอดภัยฮาร์ดแวร์

    การสนับสนุนและการพัฒนา
    ได้รับทุนจาก DARPA และ National Science Foundation
    อยู่ในขั้นต้นแบบ แต่กำลังพัฒนาให้สามารถรวมเข้ากับระบบไมโครเวฟและดิจิทัลที่มีอยู่
    มีเป้าหมายเพื่อสร้างชิปที่เป็นทั้งสมองและเสาอากาศในอุปกรณ์เดียว

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/researchers-build-worlds-first-microwave-brain-chip-that-can-think-like-ai-and-talk-like-a-radio-all-at-gigahertz-speeds
    🧠 สมองไมโครเวฟ: ชิปที่คิดแบบ AI และพูดแบบวิทยุ ในห้องทดลองเงียบ ๆ ของมหาวิทยาลัย Cornell นักวิจัยได้สร้างชิปต้นแบบที่ไม่ใช้การประมวลผลแบบดิจิทัลตามจังหวะนาฬิกาเหมือน CPU ทั่วไป แต่ใช้พลังงานไมโครเวฟในการประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์ และยังสามารถสื่อสารไร้สายได้ในตัวเดียวกัน ชิปนี้ถูกเรียกว่า “microwave brain” เพราะมันใช้คลื่นไมโครเวฟที่ปรับแต่งได้ผ่าน waveguide ซึ่งทำหน้าที่เหมือน “นิวรอนทางกายภาพ” โดยสามารถเปลี่ยนแอมพลิจูด เฟส และความถี่ของสัญญาณเพื่อแทนข้อมูล และให้สัญญาณเหล่านั้นแทรกกันในโดเมนแอนะล็อกเพื่อสร้างรูปแบบที่ซับซ้อน ก่อนจะถูกแปลงเป็นดิจิทัล ผลลัพธ์คือชิปที่สามารถประมวลผลข้อมูลความเร็วสูงระดับหลายสิบกิกะเฮิรตซ์ และยังสามารถสื่อสารไร้สายได้ในตัว โดยใช้พลังงานเพียง 200 มิลลิวัตต์—น้อยกว่าชิป AI ดิจิทัลทั่วไปหลายเท่า ในการทดสอบ ชิปสามารถจำแนกสัญญาณไร้สายได้ด้วยความแม่นยำถึง 88% โดยไม่ต้องใช้วงจรแก้ไขข้อผิดพลาดหรือหน่วยความจำขนาดใหญ่ และสามารถสลับงาน AI ได้ทันทีโดยไม่ต้องฝึกใหม่ ✅ การออกแบบและหลักการทำงานของ microwave brain ➡️ ใช้คลื่นไมโครเวฟผ่าน waveguide ที่ปรับแต่งได้แทนการประมวลผลแบบดิจิทัล ➡️ สัญญาณแอนะล็อกแทรกกันเพื่อสร้างรูปแบบข้อมูลก่อนแปลงเป็นดิจิทัล ➡️ ทำงานได้ทั้งการประมวลผลและการสื่อสารไร้สายในชิปเดียว ✅ ประสิทธิภาพและการใช้งาน ➡️ ใช้พลังงานเพียง 200 มิลลิวัตต์ ➡️ ประมวลผลข้อมูลที่ความเร็วระดับหลายสิบกิกะเฮิรตซ์ ➡️ จำแนกสัญญาณไร้สายได้ด้วยความแม่นยำ 88% ➡️ เหมาะกับงาน edge computing เช่น สมาร์ตวอทช์หรือมือถือที่ไม่ต้องพึ่งคลาวด์ ✅ ความสามารถด้าน AI และการสื่อสาร ➡️ สลับงาน AI ได้ทันทีโดยไม่ต้อง retrain ➡️ ตรวจจับความผิดปกติในสัญญาณไร้สายได้ ➡️ อาจใช้ในงานเรดาร์ การถอดรหัสคลื่นวิทยุ หรือการรักษาความปลอดภัยฮาร์ดแวร์ ✅ การสนับสนุนและการพัฒนา ➡️ ได้รับทุนจาก DARPA และ National Science Foundation ➡️ อยู่ในขั้นต้นแบบ แต่กำลังพัฒนาให้สามารถรวมเข้ากับระบบไมโครเวฟและดิจิทัลที่มีอยู่ ➡️ มีเป้าหมายเพื่อสร้างชิปที่เป็นทั้งสมองและเสาอากาศในอุปกรณ์เดียว https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/researchers-build-worlds-first-microwave-brain-chip-that-can-think-like-ai-and-talk-like-a-radio-all-at-gigahertz-speeds
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปฏิบัติการล่าข้ามแดน: เมื่อตำรวจไทยตามรอยแก๊ง SMS หลอกลวงและฟอกเงินด้วยคริปโต

    ในเดือนสิงหาคม 2025 ตำรวจไทยได้เปิดเผยสองปฏิบัติการใหญ่ที่สะเทือนวงการอาชญากรรมไซเบอร์ ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับนานาชาติ

    เรื่องแรกคือการจับกุมชายไทยสองคนในกรุงเทพฯ ที่ใช้เครื่อง SMS Blaster ส่งข้อความหลอกลวงวันละกว่า 20,000 ข้อความ โดยขับรถไปรอบเมืองพร้อมอุปกรณ์ที่สามารถยิงข้อความในรัศมี 1–2 กิโลเมตร ข้อความมักเป็นแนว “แต้มสะสมใกล้หมด” หรือ “คุณได้รับรางวัล” พร้อมลิงก์ปลอมที่หลอกให้กรอกข้อมูลธนาคาร

    เบื้องหลังคือหัวหน้าแก๊งชาวจีนที่สั่งการผ่าน Telegram โดยจ้างคนไทยขับรถและยิงข้อความในพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งเป็นรูปแบบ “Smishing” ที่ผสมผสานเทคโนโลยีและการหลอกลวงแบบคลาสสิก

    อีกด้านหนึ่งคือ “Operation Skyfall” ที่ตำรวจไทยร่วมมือกับ Binance และหน่วยงานต่างประเทศเพื่อสืบสวนเครือข่ายฟอกเงินข้ามแดนที่ใช้แอปปลอมชื่อ “Ulela Max” หลอกให้เหยื่อลงทุนในหุ้นปลอม ก่อนนำเงินไปแปลงเป็น USDT แล้วส่งผ่านบัญชีในกัมพูชาและเมียนมาไปยังหัวหน้าแก๊งชาวจีน

    เครือข่ายนี้สามารถฟอกเงินได้มากกว่า 1 พันล้านบาทต่อเดือน โดยใช้บัญชีม้าและช่องทางดิจิทัลที่ซับซ้อน ตำรวจออกหมายจับ 28 คน และยึดเงินสดได้กว่า 46 ล้านบาทจากผู้ต้องสงสัยชาวเมียนมาในจังหวัดแม่สอด

    ลักษณะของอุปกรณ์ SMS Blaster
    ส่งข้อความในรัศมี 1–3 กิโลเมตร
    ใช้เทคโนโลยี False Base Station เลียนแบบเสาสัญญาณมือถือ
    สามารถยิงข้อความได้ถึง 100,000 ข้อความต่อชั่วโมง

    ปฏิบัติการ Operation Skyfall
    เครือข่ายฟอกเงินข้ามแดนผ่านแอปปลอม “Ulela Max”
    เหยื่อถูกหลอกให้ลงทุนในหุ้นปลอมผ่านกลุ่ม Line และ Facebook
    เงินถูกแปลงเป็น USDT แล้วส่งผ่านบัญชีในกัมพูชาและเมียนมา

    ความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน
    ตำรวจไทยร่วมมือกับ Binance และ Bitkub ในการติดตามธุรกรรมคริปโต
    ยึดเงินสดกว่า 46 ล้านบาทจากผู้ต้องสงสัยในแม่สอด
    ออกหมายจับ 28 คน รวมถึงผู้ต้องสงสัยต่างชาติและบัญชีม้า

    https://hackread.com/police-bust-crypto-scam-smishing-sms-blaster-operator/
    🧠 ปฏิบัติการล่าข้ามแดน: เมื่อตำรวจไทยตามรอยแก๊ง SMS หลอกลวงและฟอกเงินด้วยคริปโต ในเดือนสิงหาคม 2025 ตำรวจไทยได้เปิดเผยสองปฏิบัติการใหญ่ที่สะเทือนวงการอาชญากรรมไซเบอร์ ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับนานาชาติ เรื่องแรกคือการจับกุมชายไทยสองคนในกรุงเทพฯ ที่ใช้เครื่อง SMS Blaster ส่งข้อความหลอกลวงวันละกว่า 20,000 ข้อความ โดยขับรถไปรอบเมืองพร้อมอุปกรณ์ที่สามารถยิงข้อความในรัศมี 1–2 กิโลเมตร ข้อความมักเป็นแนว “แต้มสะสมใกล้หมด” หรือ “คุณได้รับรางวัล” พร้อมลิงก์ปลอมที่หลอกให้กรอกข้อมูลธนาคาร เบื้องหลังคือหัวหน้าแก๊งชาวจีนที่สั่งการผ่าน Telegram โดยจ้างคนไทยขับรถและยิงข้อความในพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งเป็นรูปแบบ “Smishing” ที่ผสมผสานเทคโนโลยีและการหลอกลวงแบบคลาสสิก อีกด้านหนึ่งคือ “Operation Skyfall” ที่ตำรวจไทยร่วมมือกับ Binance และหน่วยงานต่างประเทศเพื่อสืบสวนเครือข่ายฟอกเงินข้ามแดนที่ใช้แอปปลอมชื่อ “Ulela Max” หลอกให้เหยื่อลงทุนในหุ้นปลอม ก่อนนำเงินไปแปลงเป็น USDT แล้วส่งผ่านบัญชีในกัมพูชาและเมียนมาไปยังหัวหน้าแก๊งชาวจีน เครือข่ายนี้สามารถฟอกเงินได้มากกว่า 1 พันล้านบาทต่อเดือน โดยใช้บัญชีม้าและช่องทางดิจิทัลที่ซับซ้อน ตำรวจออกหมายจับ 28 คน และยึดเงินสดได้กว่า 46 ล้านบาทจากผู้ต้องสงสัยชาวเมียนมาในจังหวัดแม่สอด ✅ ลักษณะของอุปกรณ์ SMS Blaster ➡️ ส่งข้อความในรัศมี 1–3 กิโลเมตร ➡️ ใช้เทคโนโลยี False Base Station เลียนแบบเสาสัญญาณมือถือ ➡️ สามารถยิงข้อความได้ถึง 100,000 ข้อความต่อชั่วโมง ✅ ปฏิบัติการ Operation Skyfall ➡️ เครือข่ายฟอกเงินข้ามแดนผ่านแอปปลอม “Ulela Max” ➡️ เหยื่อถูกหลอกให้ลงทุนในหุ้นปลอมผ่านกลุ่ม Line และ Facebook ➡️ เงินถูกแปลงเป็น USDT แล้วส่งผ่านบัญชีในกัมพูชาและเมียนมา ✅ ความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ➡️ ตำรวจไทยร่วมมือกับ Binance และ Bitkub ในการติดตามธุรกรรมคริปโต ➡️ ยึดเงินสดกว่า 46 ล้านบาทจากผู้ต้องสงสัยในแม่สอด ➡️ ออกหมายจับ 28 คน รวมถึงผู้ต้องสงสัยต่างชาติและบัญชีม้า https://hackread.com/police-bust-crypto-scam-smishing-sms-blaster-operator/
    HACKREAD.COM
    Police Bust Crypto Scammers, Nab Smishing SMS Blaster Operator
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 212 มุมมอง 0 รีวิว
  • ⚡️เรื่องเล่าจากเบื้องหลัง AI: ฉลาดขึ้น แต่กินไฟมากขึ้น

    ในยุคที่ AI กลายเป็นผู้ช่วยประจำวันของหลายคน ไม่ว่าจะเป็นการถามคำถามผ่าน ChatGPT หรือสร้างภาพจากข้อความผ่าน Midjourney สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้คือ “เบื้องหลังความฉลาดนั้นกินไฟมหาศาล”

    จากรายงานล่าสุดของมหาวิทยาลัย Rhode Island พบว่า GPT-5 ซึ่งเป็นโมเดลใหม่ของ OpenAI ใช้พลังงานมากกว่า GPT-4 ถึง 8.6 เท่า โดยการตอบคำถามระดับกลาง (ประมาณ 1,000 token) อาจใช้ไฟถึง 40 วัตต์-ชั่วโมง เทียบเท่ากับการชาร์จมือถือหลายรอบ หรือเปิดพัดลมทั้งวัน

    หากนำจำนวนคำถามที่ ChatGPT ได้รับต่อวัน (ราว 2.5 พันล้านครั้ง) มาคำนวณ จะพบว่า GPT-5 อาจใช้พลังงานถึง 45 กิกะวัตต์-ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้ไฟของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 2–3 โรง หรือเพียงพอสำหรับประเทศขนาดเล็ก

    และนี่คือแค่การ “ใช้งาน” ยังไม่รวมการ “ฝึกสอน” โมเดล ซึ่งใช้พลังงานมากกว่านี้หลายเท่า รวมถึงการใช้ GPU ระดับสูงอย่าง Nvidia H100 ที่กินไฟถึง 700 วัตต์ต่อชิ้น และต้องใช้ระบบระบายความร้อนที่ซับซ้อน

    นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ เช่น การใช้น้ำมหาศาลเพื่อระบายความร้อนในศูนย์ข้อมูล การปล่อยคาร์บอนจากการผลิตฮาร์ดแวร์ และการสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ที่ใช้วัสดุอย่างเหล็กและซีเมนต์

    แม้ AI จะมีศักยภาพในการช่วยลดการใช้ทรัพยากรในบางด้าน เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต หรือการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่ในระยะสั้น มันกำลังกลายเป็น “ผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่” ที่อาจทำให้เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของหลายบริษัทต้องสะดุด

    GPT-5 ใช้พลังงานมากกว่า GPT-4 อย่างมหาศาล
    การตอบคำถามระดับกลางใช้ไฟเฉลี่ย 18.35 Wh และสูงสุดถึง 40 Wh ต่อครั้ง
    GPT-5 ใช้พลังงานมากกว่า GPT-4 ถึง 8.6 เท่า

    ปริมาณการใช้งานที่ส่งผลต่อระบบพลังงาน
    ChatGPT มีคำถามเฉลี่ย 2.5 พันล้านครั้งต่อวัน
    การใช้งาน GPT-5 อาจใช้ไฟถึง 45 GWh ต่อวัน เทียบเท่ากับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หลายโรง

    ฮาร์ดแวร์ที่ใช้ในการรันโมเดล AI
    ใช้ GPU ระดับสูง เช่น Nvidia H100 หรือ H200 ที่กินไฟสูง
    ระบบต้องมีการระบายความร้อนและโครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อน

    ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้ AI
    ต้องใช้น้ำจำนวนมากในการระบายความร้อนในศูนย์ข้อมูล
    การผลิตฮาร์ดแวร์และสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ปล่อยคาร์บอนจำนวนมาก

    คำเตือนเกี่ยวกับการใช้พลังงานของ AI
    การใช้ GPT-5 อาจทำให้ระบบไฟฟ้าในบางพื้นที่ไม่เสถียร
    ศูนย์ข้อมูล AI อาจใช้ไฟมากกว่าประชากรทั้งรัฐ เช่นใน Wyoming

    ความเสี่ยงต่อเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม
    บริษัทเทคโนโลยี เช่น Microsoft อาจไม่สามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ตามเป้า
    การขยายศูนย์ข้อมูลต้องใช้วัสดุที่ปล่อยคาร์บอนสูง เช่น เหล็กและซีเมนต์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chatgpt-5-power-consumption-could-be-as-much-as-eight-times-higher-than-gpt-4-research-institute-estimates-medium-sized-gpt-5-response-can-consume-up-to-40-watt-hours-of-electricity
    ⚡️เรื่องเล่าจากเบื้องหลัง AI: ฉลาดขึ้น แต่กินไฟมากขึ้น ในยุคที่ AI กลายเป็นผู้ช่วยประจำวันของหลายคน ไม่ว่าจะเป็นการถามคำถามผ่าน ChatGPT หรือสร้างภาพจากข้อความผ่าน Midjourney สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้คือ “เบื้องหลังความฉลาดนั้นกินไฟมหาศาล” จากรายงานล่าสุดของมหาวิทยาลัย Rhode Island พบว่า GPT-5 ซึ่งเป็นโมเดลใหม่ของ OpenAI ใช้พลังงานมากกว่า GPT-4 ถึง 8.6 เท่า โดยการตอบคำถามระดับกลาง (ประมาณ 1,000 token) อาจใช้ไฟถึง 40 วัตต์-ชั่วโมง เทียบเท่ากับการชาร์จมือถือหลายรอบ หรือเปิดพัดลมทั้งวัน หากนำจำนวนคำถามที่ ChatGPT ได้รับต่อวัน (ราว 2.5 พันล้านครั้ง) มาคำนวณ จะพบว่า GPT-5 อาจใช้พลังงานถึง 45 กิกะวัตต์-ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้ไฟของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 2–3 โรง หรือเพียงพอสำหรับประเทศขนาดเล็ก และนี่คือแค่การ “ใช้งาน” ยังไม่รวมการ “ฝึกสอน” โมเดล ซึ่งใช้พลังงานมากกว่านี้หลายเท่า รวมถึงการใช้ GPU ระดับสูงอย่าง Nvidia H100 ที่กินไฟถึง 700 วัตต์ต่อชิ้น และต้องใช้ระบบระบายความร้อนที่ซับซ้อน นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ เช่น การใช้น้ำมหาศาลเพื่อระบายความร้อนในศูนย์ข้อมูล การปล่อยคาร์บอนจากการผลิตฮาร์ดแวร์ และการสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ที่ใช้วัสดุอย่างเหล็กและซีเมนต์ แม้ AI จะมีศักยภาพในการช่วยลดการใช้ทรัพยากรในบางด้าน เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต หรือการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่ในระยะสั้น มันกำลังกลายเป็น “ผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่” ที่อาจทำให้เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของหลายบริษัทต้องสะดุด ✅ GPT-5 ใช้พลังงานมากกว่า GPT-4 อย่างมหาศาล ➡️ การตอบคำถามระดับกลางใช้ไฟเฉลี่ย 18.35 Wh และสูงสุดถึง 40 Wh ต่อครั้ง ➡️ GPT-5 ใช้พลังงานมากกว่า GPT-4 ถึง 8.6 เท่า ✅ ปริมาณการใช้งานที่ส่งผลต่อระบบพลังงาน ➡️ ChatGPT มีคำถามเฉลี่ย 2.5 พันล้านครั้งต่อวัน ➡️ การใช้งาน GPT-5 อาจใช้ไฟถึง 45 GWh ต่อวัน เทียบเท่ากับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หลายโรง ✅ ฮาร์ดแวร์ที่ใช้ในการรันโมเดล AI ➡️ ใช้ GPU ระดับสูง เช่น Nvidia H100 หรือ H200 ที่กินไฟสูง ➡️ ระบบต้องมีการระบายความร้อนและโครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อน ✅ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้ AI ➡️ ต้องใช้น้ำจำนวนมากในการระบายความร้อนในศูนย์ข้อมูล ➡️ การผลิตฮาร์ดแวร์และสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ปล่อยคาร์บอนจำนวนมาก ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการใช้พลังงานของ AI ⛔ การใช้ GPT-5 อาจทำให้ระบบไฟฟ้าในบางพื้นที่ไม่เสถียร ⛔ ศูนย์ข้อมูล AI อาจใช้ไฟมากกว่าประชากรทั้งรัฐ เช่นใน Wyoming ‼️ ความเสี่ยงต่อเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม ⛔ บริษัทเทคโนโลยี เช่น Microsoft อาจไม่สามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ตามเป้า ⛔ การขยายศูนย์ข้อมูลต้องใช้วัสดุที่ปล่อยคาร์บอนสูง เช่น เหล็กและซีเมนต์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chatgpt-5-power-consumption-could-be-as-much-as-eight-times-higher-than-gpt-4-research-institute-estimates-medium-sized-gpt-5-response-can-consume-up-to-40-watt-hours-of-electricity
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าหน้าร้อน: มือถือร้อนเกินไป...ไม่ใช่แค่รำคาญ แต่เสี่ยงพังจริง!

    หน้าร้อนปีนี้ หลายประเทศทั่วโลกเจอกับคลื่นความร้อนที่รุนแรง โดยเฉพาะในยุโรปตอนใต้และสหรัฐฯ ซึ่งไม่ใช่แค่คนที่ต้องระวัง—มือถือของเราก็เสี่ยงเช่นกัน!

    มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ถูกออกแบบมาให้ทำงานในอุณหภูมิที่เหมาะสม เช่น iPhone และ iPad ควรใช้งานในช่วง 0–35°C ถ้าเกินกว่านี้ เครื่องอาจเริ่มทำงานผิดปกติ เช่น แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว หรือระบบปิดตัวเองเพื่อป้องกันความเสียหาย

    หลายคนอาจเคยเห็นข้อความเตือน “iPhone needs to cool down” หรือหน้าจอ Android ที่มืดลง ปิดแอป และหยุดชาร์จอัตโนมัติ—นั่นคือสัญญาณว่ามือถือกำลังร้อนเกินไป

    สิ่งที่ไม่ควรทำเด็ดขาดคือเอาเครื่องไปแช่ตู้เย็น เพราะความชื้นอาจทำให้วงจรเสียหายได้ และการใช้ฟีเจอร์หนัก ๆ เช่น GPS, เกมกราฟิกสูง หรือกล้องกลางแดดจัด ก็ยิ่งเพิ่มความร้อนเข้าไปอีก

    วิธีป้องกันง่าย ๆ คือ:
    - ปิดเครื่องชั่วคราว
    - ถอดเคสออก
    - วางไว้ในที่เย็น เช่น ห้องแอร์หรือหน้าพัดลม
    - หลีกเลี่ยงการชาร์จในที่ร้อนหรือใต้หมอน

    และถ้าอยากรู้ลึกกว่านี้—ความร้อนยังส่งผลต่อ CPU, GPU, แบตเตอรี่, RAM และหน้าจอโดยตรง เช่น ทำให้เครื่องช้า แบตเสื่อมเร็ว หรือจอเกิด burn-in ได้เลยทีเดียว

    คำเตือนเกี่ยวกับการจัดการความร้อนผิดวิธี
    ห้ามนำมือถือไปแช่ตู้เย็นหรือช่องฟรีซ เพราะอาจเกิดความชื้นและทำให้เครื่องเสีย
    ห้ามใช้ฟีเจอร์หนัก ๆ กลางแดดจัด เช่น GPS, เกมกราฟิกสูง หรือกล้อง

    ผลกระทบระยะยาวจากความร้อนต่อมือถือ
    CPU และ GPU จะลดความเร็วลง ทำให้เครื่องช้า
    แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว เก็บไฟได้น้อยลง และเสี่ยงต่อการบวมหรือระเบิด
    หน้าจออาจเกิด burn-in หรือภาพติดถาวร
    RAM ทำงานผิดปกติ ทำให้แอปค้างหรือปิดตัวเอง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/15/one-tech-tip-this-summer-don039t-let-your-phone-overheat
    📱เรื่องเล่าหน้าร้อน: มือถือร้อนเกินไป...ไม่ใช่แค่รำคาญ แต่เสี่ยงพังจริง! หน้าร้อนปีนี้ หลายประเทศทั่วโลกเจอกับคลื่นความร้อนที่รุนแรง โดยเฉพาะในยุโรปตอนใต้และสหรัฐฯ ซึ่งไม่ใช่แค่คนที่ต้องระวัง—มือถือของเราก็เสี่ยงเช่นกัน! มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ถูกออกแบบมาให้ทำงานในอุณหภูมิที่เหมาะสม เช่น iPhone และ iPad ควรใช้งานในช่วง 0–35°C ถ้าเกินกว่านี้ เครื่องอาจเริ่มทำงานผิดปกติ เช่น แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว หรือระบบปิดตัวเองเพื่อป้องกันความเสียหาย หลายคนอาจเคยเห็นข้อความเตือน “iPhone needs to cool down” หรือหน้าจอ Android ที่มืดลง ปิดแอป และหยุดชาร์จอัตโนมัติ—นั่นคือสัญญาณว่ามือถือกำลังร้อนเกินไป สิ่งที่ไม่ควรทำเด็ดขาดคือเอาเครื่องไปแช่ตู้เย็น เพราะความชื้นอาจทำให้วงจรเสียหายได้ และการใช้ฟีเจอร์หนัก ๆ เช่น GPS, เกมกราฟิกสูง หรือกล้องกลางแดดจัด ก็ยิ่งเพิ่มความร้อนเข้าไปอีก วิธีป้องกันง่าย ๆ คือ: - ปิดเครื่องชั่วคราว - ถอดเคสออก - วางไว้ในที่เย็น เช่น ห้องแอร์หรือหน้าพัดลม - หลีกเลี่ยงการชาร์จในที่ร้อนหรือใต้หมอน และถ้าอยากรู้ลึกกว่านี้—ความร้อนยังส่งผลต่อ CPU, GPU, แบตเตอรี่, RAM และหน้าจอโดยตรง เช่น ทำให้เครื่องช้า แบตเสื่อมเร็ว หรือจอเกิด burn-in ได้เลยทีเดียว ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการจัดการความร้อนผิดวิธี ⛔ ห้ามนำมือถือไปแช่ตู้เย็นหรือช่องฟรีซ เพราะอาจเกิดความชื้นและทำให้เครื่องเสีย ⛔ ห้ามใช้ฟีเจอร์หนัก ๆ กลางแดดจัด เช่น GPS, เกมกราฟิกสูง หรือกล้อง ‼️ ผลกระทบระยะยาวจากความร้อนต่อมือถือ ⛔ CPU และ GPU จะลดความเร็วลง ทำให้เครื่องช้า ⛔ แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว เก็บไฟได้น้อยลง และเสี่ยงต่อการบวมหรือระเบิด ⛔ หน้าจออาจเกิด burn-in หรือภาพติดถาวร ⛔ RAM ทำงานผิดปกติ ทำให้แอปค้างหรือปิดตัวเอง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/15/one-tech-tip-this-summer-don039t-let-your-phone-overheat
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts