• Amazon Leo: ก้าวใหม่ของการสื่อสารผ่านดาวเทียม

    Amazon เปิดตัวชื่อใหม่ Amazon Leo แทนที่ชื่อเดิม Project Kuiper ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2019 โดยมีเป้าหมายสร้างเครือข่ายดาวเทียมกว่า 3,000 ดวง เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตครอบคลุมประชากรโลกถึง 95% การเปลี่ยนชื่อครั้งนี้สะท้อนว่าโครงการได้พ้นจากสถานะ “ทดลอง” และพร้อมเข้าสู่การเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบ

    ความคืบหน้าและการแข่งขันกับ Starlink
    แม้ Amazon จะเพิ่งส่งดาวเทียมปฏิบัติการชุดแรกจำนวน 27 ดวงขึ้นสู่วงโคจรในปีนี้ แต่คู่แข่งอย่าง SpaceX Starlink ได้เปิดบริการตั้งแต่ปี 2020 และขยายอย่างรวดเร็ว ทั้งการเชื่อมต่อกับสายการบินและผู้ให้บริการมือถือ ทำให้ Amazon Leo ยังต้องเร่งพัฒนาเพื่อไล่ตามการแข่งขันที่เข้มข้นในตลาดอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม

    เทคโนโลยีและการใช้งาน
    Amazon ได้ทดสอบเทคโนโลยีสำคัญ เช่น เครือข่ายเลเซอร์เชื่อมโยงดาวเทียม (laser mesh network) และเสาอากาศผู้ใช้ที่ออกแบบมาให้ติดตั้งง่าย การรีแบรนด์ครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เปลี่ยนชื่อ แต่เป็นการประกาศความพร้อมที่จะให้บริการจริง ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนในเว็บไซต์ Amazon Leo เพื่อรับข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับการเปิดให้บริการในอนาคต

    มุมมองเชิงกลยุทธ์
    การเข้าสู่ตลาดดาวเทียมวงโคจรต่ำของ Amazon ไม่เพียงแต่เป็นการขยายธุรกิจด้านคลาวด์และโครงสร้างพื้นฐาน แต่ยังเป็นการสร้างระบบนิเวศที่เชื่อมโยงกับบริการอื่น ๆ ของบริษัท เช่น AWS และอีคอมเมิร์ซ การแข่งขันกับ Starlink จึงไม่ใช่แค่เรื่องความเร็วอินเทอร์เน็ต แต่ยังเป็นการวางรากฐานโครงสร้างการสื่อสารระดับโลก

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Amazon รีแบรนด์ Project Kuiper เป็น Amazon Leo
    สะท้อนการใช้ดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) และความพร้อมเชิงพาณิชย์

    เป้าหมายครอบคลุมประชากรโลก 95%
    ใช้ดาวเทียมกว่า 3,000 ดวงเพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ต

    เปิดตัวดาวเทียมปฏิบัติการชุดแรก 27 ดวงในปีนี้
    เป็นก้าวสำคัญหลังจากการทดสอบหลายปี

    เทคโนโลยี laser mesh network และเสาอากาศผู้ใช้
    ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความง่ายในการเข้าถึง

    ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนในเว็บไซต์ Amazon Leo
    เพื่อรับข้อมูลการเปิดให้บริการในอนาคต

    การแข่งขันกับ Starlink เข้มข้นมาก
    Starlink เปิดบริการตั้งแต่ปี 2020 และขยายอย่างรวดเร็ว

    ยังไม่มีการประกาศวันเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ชัดเจน
    ผู้ใช้ต้องรอติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจาก Amazon

    ความเสี่ยงด้านการลงทุนและโครงสร้างพื้นฐาน
    การสร้างเครือข่ายดาวเทียมจำนวนมหาศาลต้องใช้เวลาและต้นทุนสูง

    https://securityonline.info/project-kuiper-is-now-amazon-leo-amazon-rebrands-satellite-initiative-for-commercial-launch/
    🚀 Amazon Leo: ก้าวใหม่ของการสื่อสารผ่านดาวเทียม Amazon เปิดตัวชื่อใหม่ Amazon Leo แทนที่ชื่อเดิม Project Kuiper ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2019 โดยมีเป้าหมายสร้างเครือข่ายดาวเทียมกว่า 3,000 ดวง เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตครอบคลุมประชากรโลกถึง 95% การเปลี่ยนชื่อครั้งนี้สะท้อนว่าโครงการได้พ้นจากสถานะ “ทดลอง” และพร้อมเข้าสู่การเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบ 🌐 ความคืบหน้าและการแข่งขันกับ Starlink แม้ Amazon จะเพิ่งส่งดาวเทียมปฏิบัติการชุดแรกจำนวน 27 ดวงขึ้นสู่วงโคจรในปีนี้ แต่คู่แข่งอย่าง SpaceX Starlink ได้เปิดบริการตั้งแต่ปี 2020 และขยายอย่างรวดเร็ว ทั้งการเชื่อมต่อกับสายการบินและผู้ให้บริการมือถือ ทำให้ Amazon Leo ยังต้องเร่งพัฒนาเพื่อไล่ตามการแข่งขันที่เข้มข้นในตลาดอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม 📡 เทคโนโลยีและการใช้งาน Amazon ได้ทดสอบเทคโนโลยีสำคัญ เช่น เครือข่ายเลเซอร์เชื่อมโยงดาวเทียม (laser mesh network) และเสาอากาศผู้ใช้ที่ออกแบบมาให้ติดตั้งง่าย การรีแบรนด์ครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เปลี่ยนชื่อ แต่เป็นการประกาศความพร้อมที่จะให้บริการจริง ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนในเว็บไซต์ Amazon Leo เพื่อรับข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับการเปิดให้บริการในอนาคต ⚖️ มุมมองเชิงกลยุทธ์ การเข้าสู่ตลาดดาวเทียมวงโคจรต่ำของ Amazon ไม่เพียงแต่เป็นการขยายธุรกิจด้านคลาวด์และโครงสร้างพื้นฐาน แต่ยังเป็นการสร้างระบบนิเวศที่เชื่อมโยงกับบริการอื่น ๆ ของบริษัท เช่น AWS และอีคอมเมิร์ซ การแข่งขันกับ Starlink จึงไม่ใช่แค่เรื่องความเร็วอินเทอร์เน็ต แต่ยังเป็นการวางรากฐานโครงสร้างการสื่อสารระดับโลก 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Amazon รีแบรนด์ Project Kuiper เป็น Amazon Leo ➡️ สะท้อนการใช้ดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) และความพร้อมเชิงพาณิชย์ ✅ เป้าหมายครอบคลุมประชากรโลก 95% ➡️ ใช้ดาวเทียมกว่า 3,000 ดวงเพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ต ✅ เปิดตัวดาวเทียมปฏิบัติการชุดแรก 27 ดวงในปีนี้ ➡️ เป็นก้าวสำคัญหลังจากการทดสอบหลายปี ✅ เทคโนโลยี laser mesh network และเสาอากาศผู้ใช้ ➡️ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความง่ายในการเข้าถึง ✅ ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนในเว็บไซต์ Amazon Leo ➡️ เพื่อรับข้อมูลการเปิดให้บริการในอนาคต ‼️ การแข่งขันกับ Starlink เข้มข้นมาก ⛔ Starlink เปิดบริการตั้งแต่ปี 2020 และขยายอย่างรวดเร็ว ‼️ ยังไม่มีการประกาศวันเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ชัดเจน ⛔ ผู้ใช้ต้องรอติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจาก Amazon ‼️ ความเสี่ยงด้านการลงทุนและโครงสร้างพื้นฐาน ⛔ การสร้างเครือข่ายดาวเทียมจำนวนมหาศาลต้องใช้เวลาและต้นทุนสูง https://securityonline.info/project-kuiper-is-now-amazon-leo-amazon-rebrands-satellite-initiative-for-commercial-launch/
    SECURITYONLINE.INFO
    Project Kuiper is Now Amazon Leo: Amazon Rebrands Satellite Initiative for Commercial Launch
    Amazon officially rebranded its LEO satellite initiative, formerly Project Kuiper, as Amazon Leo, signaling its readiness to transition the network into a commercial product.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • WhatsApp เปิดทางเชื่อมต่อ BirdyChat และ Haiket ตามกฎหมาย DMA ของสหภาพยุโรป

    Meta ประกาศความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ โดย WhatsApp จะสามารถเชื่อมต่อกับแอปแชทภายนอกอย่าง BirdyChat และ Haiket ได้ในยุโรป เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย Digital Markets Act (DMA) ของสหภาพยุโรปที่บังคับให้แพลตฟอร์มขนาดใหญ่ต้องเปิดทางให้บริการอื่นเข้ามาใช้งานร่วมกันได้ การทดสอบเบื้องต้นเสร็จสิ้นแล้ว และฟีเจอร์นี้จะเริ่มเปิดใช้งานเร็ว ๆ นี้บน Android และ iOS

    การเชื่อมต่อดังกล่าวจะทำให้ผู้ใช้สามารถส่งข้อความ ภาพ เสียง วิดีโอ และไฟล์ระหว่างแพลตฟอร์มได้อย่างราบรื่น โดยยังคงมาตรฐาน การเข้ารหัสแบบ End-to-End (E2EE) เทียบเท่ากับ WhatsApp เอง ผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนในเมนู Settings เพื่อเลือกว่าจะเปิดใช้งานหรือปิดการทำงานของการแชทข้ามแพลตฟอร์มได้ตามต้องการ ถือเป็นการให้สิทธิ์ผู้ใช้ในการควบคุมความเป็นส่วนตัวและการใช้งาน

    อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ Group Chat ข้ามแอป จะยังไม่พร้อมใช้งานในช่วงแรก เนื่องจากต้องรอให้แอปพันธมิตรมีความพร้อมทางเทคนิคก่อน นอกจากนี้ WhatsApp ยังมีแผนจะขยายการเชื่อมต่อไปยังแอปอื่น ๆ อีกในอนาคต เพื่อให้ครอบคลุมตามข้อกำหนดของ DMA ซึ่งจะช่วยเพิ่มทางเลือกและลดการผูกขาดของแพลตฟอร์มรายใหญ่

    สิ่งที่น่าสนใจคือ DMA ไม่ได้บังคับเฉพาะ WhatsApp แต่ยังครอบคลุมไปถึงแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น Apple และ Google ที่ต้องเปิดระบบให้บริการภายนอกเข้ามาใช้งานได้อย่างเท่าเทียม นี่จึงเป็นก้าวสำคัญของยุโรปในการสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรม และเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้ในยุคที่การสื่อสารออนไลน์เป็นหัวใจหลักของชีวิตประจำวัน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    WhatsApp เปิดเชื่อมต่อกับ BirdyChat และ Haiket
    รองรับการส่งข้อความ ภาพ เสียง วิดีโอ และไฟล์ระหว่างแพลตฟอร์ม

    มาตรฐานความปลอดภัยยังคงเดิม
    ทุกแอปที่เชื่อมต่อ ต้องใช้การเข้ารหัส End-to-End เทียบเท่า WhatsApp

    ผู้ใช้สามารถเลือกเปิดหรือปิดฟีเจอร์ได้เอง
    มีการแจ้งเตือนใน Settings เพื่อควบคุมการใช้งาน

    Group Chat ข้ามแอปยังไม่พร้อมใช้งาน
    จะเปิดให้ใช้เมื่อพันธมิตรมีความพร้อมทางเทคนิค

    DMA บังคับใช้กับแพลตฟอร์มรายใหญ่ทั้งหมด
    Apple, Google และบริการอื่น ๆ ต้องเปิดระบบให้ใช้งานร่วมกัน

    ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว
    ผู้ใช้ควรตรวจสอบนโยบายของแอปพันธมิตร เพราะอาจมีการจัดการข้อมูลต่างกัน

    ฟีเจอร์ยังจำกัดเฉพาะมือถือ
    WhatsApp Desktop และ Web ยังไม่รองรับการเชื่อมต่อข้ามแอปในช่วงแรก

    การใช้งานอาจมีข้อจำกัดบางประการ
    เช่น ฟีเจอร์สติ๊กเกอร์หรือข้อความหายอัตโนมัติ อาจไม่รองรับในการแชทข้ามแพลตฟอร์ม

    https://securityonline.info/whatsapp-interoperability-live-meta-confirms-dma-integration-with-birdychat-and-haiket/
    📱 WhatsApp เปิดทางเชื่อมต่อ BirdyChat และ Haiket ตามกฎหมาย DMA ของสหภาพยุโรป Meta ประกาศความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ โดย WhatsApp จะสามารถเชื่อมต่อกับแอปแชทภายนอกอย่าง BirdyChat และ Haiket ได้ในยุโรป เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย Digital Markets Act (DMA) ของสหภาพยุโรปที่บังคับให้แพลตฟอร์มขนาดใหญ่ต้องเปิดทางให้บริการอื่นเข้ามาใช้งานร่วมกันได้ การทดสอบเบื้องต้นเสร็จสิ้นแล้ว และฟีเจอร์นี้จะเริ่มเปิดใช้งานเร็ว ๆ นี้บน Android และ iOS การเชื่อมต่อดังกล่าวจะทำให้ผู้ใช้สามารถส่งข้อความ ภาพ เสียง วิดีโอ และไฟล์ระหว่างแพลตฟอร์มได้อย่างราบรื่น โดยยังคงมาตรฐาน การเข้ารหัสแบบ End-to-End (E2EE) เทียบเท่ากับ WhatsApp เอง ผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนในเมนู Settings เพื่อเลือกว่าจะเปิดใช้งานหรือปิดการทำงานของการแชทข้ามแพลตฟอร์มได้ตามต้องการ ถือเป็นการให้สิทธิ์ผู้ใช้ในการควบคุมความเป็นส่วนตัวและการใช้งาน อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ Group Chat ข้ามแอป จะยังไม่พร้อมใช้งานในช่วงแรก เนื่องจากต้องรอให้แอปพันธมิตรมีความพร้อมทางเทคนิคก่อน นอกจากนี้ WhatsApp ยังมีแผนจะขยายการเชื่อมต่อไปยังแอปอื่น ๆ อีกในอนาคต เพื่อให้ครอบคลุมตามข้อกำหนดของ DMA ซึ่งจะช่วยเพิ่มทางเลือกและลดการผูกขาดของแพลตฟอร์มรายใหญ่ สิ่งที่น่าสนใจคือ DMA ไม่ได้บังคับเฉพาะ WhatsApp แต่ยังครอบคลุมไปถึงแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น Apple และ Google ที่ต้องเปิดระบบให้บริการภายนอกเข้ามาใช้งานได้อย่างเท่าเทียม นี่จึงเป็นก้าวสำคัญของยุโรปในการสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรม และเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้ในยุคที่การสื่อสารออนไลน์เป็นหัวใจหลักของชีวิตประจำวัน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ WhatsApp เปิดเชื่อมต่อกับ BirdyChat และ Haiket ➡️ รองรับการส่งข้อความ ภาพ เสียง วิดีโอ และไฟล์ระหว่างแพลตฟอร์ม ✅ มาตรฐานความปลอดภัยยังคงเดิม ➡️ ทุกแอปที่เชื่อมต่อ ต้องใช้การเข้ารหัส End-to-End เทียบเท่า WhatsApp ✅ ผู้ใช้สามารถเลือกเปิดหรือปิดฟีเจอร์ได้เอง ➡️ มีการแจ้งเตือนใน Settings เพื่อควบคุมการใช้งาน ✅ Group Chat ข้ามแอปยังไม่พร้อมใช้งาน ➡️ จะเปิดให้ใช้เมื่อพันธมิตรมีความพร้อมทางเทคนิค ✅ DMA บังคับใช้กับแพลตฟอร์มรายใหญ่ทั้งหมด ➡️ Apple, Google และบริการอื่น ๆ ต้องเปิดระบบให้ใช้งานร่วมกัน ‼️ ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว ⛔ ผู้ใช้ควรตรวจสอบนโยบายของแอปพันธมิตร เพราะอาจมีการจัดการข้อมูลต่างกัน ‼️ ฟีเจอร์ยังจำกัดเฉพาะมือถือ ⛔ WhatsApp Desktop และ Web ยังไม่รองรับการเชื่อมต่อข้ามแอปในช่วงแรก ‼️ การใช้งานอาจมีข้อจำกัดบางประการ ⛔ เช่น ฟีเจอร์สติ๊กเกอร์หรือข้อความหายอัตโนมัติ อาจไม่รองรับในการแชทข้ามแพลตฟอร์ม https://securityonline.info/whatsapp-interoperability-live-meta-confirms-dma-integration-with-birdychat-and-haiket/
    SECURITYONLINE.INFO
    WhatsApp Interoperability Live: Meta Confirms DMA Integration with BirdyChat and Haiket
    Meta confirmed WhatsApp is ready for DMA interoperability with third-party apps BirdyChat and Haiket. European users can soon opt in to cross-platform chats.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตร.บุกค้นโกดังย่านนวลจันทร์ , รวบชาวต่างชาติ 15 รายลักลอบเปิดเว็บหลอกลงทุนคริปโต

    พบใช้โกดังปิดทึบตั้งโต๊ะคอม 15 ชุด ใช้สคริปต์หลอกเหยื่อเทรนคริปโต ยึดโน้ตบุ๊ก–มือถือ–เราเตอร์ รวมกว่า 50 รายการ แจ้ง 3 ข้อหาหนัก ทั้งอั้งยี่–องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ–ต่างด้าวทำงานผิดกฎหมาย

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109296

    #News1live #News1 #โกดังนวลจันทร์ #หลอกลงทุนคริปโต #CryptoScam #อาชญากรรมไซเบอร์ #ตำรวจไซเบอร์ #ต่างด้าวผิดกฎหมาย #webหลอกลงทุน #newsupdate
    ตร.บุกค้นโกดังย่านนวลจันทร์ , รวบชาวต่างชาติ 15 รายลักลอบเปิดเว็บหลอกลงทุนคริปโต • พบใช้โกดังปิดทึบตั้งโต๊ะคอม 15 ชุด ใช้สคริปต์หลอกเหยื่อเทรนคริปโต ยึดโน้ตบุ๊ก–มือถือ–เราเตอร์ รวมกว่า 50 รายการ แจ้ง 3 ข้อหาหนัก ทั้งอั้งยี่–องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ–ต่างด้าวทำงานผิดกฎหมาย • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109296 • #News1live #News1 #โกดังนวลจันทร์ #หลอกลงทุนคริปโต #CryptoScam #อาชญากรรมไซเบอร์ #ตำรวจไซเบอร์ #ต่างด้าวผิดกฎหมาย #webหลอกลงทุน #newsupdate
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจาก TechRadar ประจำวัน
    #20251115 #techradar

    SanDisk เปิดตัวแฟลชไดรฟ์ 1TB ขนาดจิ๋ว
    SanDisk ออกแฟลชไดรฟ์ USB-C รุ่นใหม่ Extreme Fit ที่มีความจุสูงสุดถึง 1TB แต่ตัวเล็กมากจนสามารถเสียบติดเครื่องไว้ตลอดเวลาโดยไม่เกะกะ เหมาะกับคนที่ใช้โน้ตบุ๊กหรือแท็บเล็ตบ่อย ๆ ต้องการพื้นที่เพิ่มโดยไม่ต้องพกฮาร์ดดิสก์พกพา ความเร็วอ่านสูงสุด 400MB/s ใกล้เคียง SSD ราคาก็จับต้องได้ เริ่มต้นเพียงสิบกว่าดอลลาร์ ไปจนถึงรุ่นท็อป 1TB ราวร้อยดอลลาร์ ถือเป็นการผสมผสานความสะดวกกับประสิทธิภาพในอุปกรณ์เล็ก ๆ

    PNY ยกเลิกดีล Black Friday สะท้อนวิกฤตวงการชิป
    ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์รายใหญ่ PNY ประกาศหยุดโปรโมชันลดราคาสินค้าจัดเก็บข้อมูลในช่วง Black Friday เพราะต้นทุน NAND และ DRAM พุ่งสูงขึ้นมากจนกระทบตลาด SSD และแฟลชไดรฟ์ สถานการณ์นี้สะท้อนว่าตลาดหน่วยความจำกำลังตึงตัวอย่างหนัก และอาจทำให้การประกอบคอมพิวเตอร์หรืออัปเกรดเครื่องมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นในปีถัดไป

    IBM เปิดตัวชิปควอนตัมใหม่ Nighthawk และ Loon
    IBM ก้าวหน้าอีกขั้นในเส้นทางควอนตัมคอมพิวติ้ง ด้วยการเปิดตัวชิป Nighthawk ที่มี 120 qubits และสามารถทำงานซับซ้อนขึ้นกว่าเดิม 30% พร้อมชิป Loon ที่ทดลองสถาปัตยกรรมใหม่เพื่อรองรับการแก้ไขข้อผิดพลาดในระดับใหญ่ จุดมุ่งหมายคือการทำให้ควอนตัมคอมพิวเตอร์ใช้งานได้จริงในธุรกิจและวิทยาศาสตร์ภายในทศวรรษนี้

    CTO บริษัท Checkout.com ปฏิเสธจ่ายค่าไถ่ไซเบอร์
    บริษัท Checkout.com ถูกกลุ่มแฮ็กเกอร์ ShinyHunters เจาะระบบเก่าและเรียกค่าไถ่ แต่ CTO ตัดสินใจไม่จ่ายเงินให้คนร้าย กลับนำเงินจำนวนดังกล่าวไปบริจาคให้มหาวิทยาลัย Carnegie Mellon และ Oxford เพื่อสนับสนุนงานวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์ แสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่สนับสนุนอาชญากรรมออนไลน์

    ExpressVPN จับมือ Brooklyn Nets มอบดีลพิเศษแฟนบาส
    ExpressVPN กลายเป็นพาร์ทเนอร์ด้านความเป็นส่วนตัวดิจิทัลของทีมบาส NBA Brooklyn Nets พร้อมมอบส่วนลดสูงสุดถึง 73% ให้แฟน ๆ ถือเป็นการนำโลกไซเบอร์กับกีฬาเข้ามาเชื่อมโยงกัน และช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงการป้องกันข้อมูลในราคาที่คุ้มค่า

    Apple เปิดตัว Digital ID จุดประกายกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว
    Apple เพิ่มฟีเจอร์ Digital ID ในแอป Wallet ให้ผู้ใช้แสดงพาสปอร์ตผ่านมือถือที่สนามบินในสหรัฐฯ แม้จะสะดวก แต่หลายฝ่ายกังวลว่าการใช้ข้อมูลอัตลักษณ์ดิจิทัลอาจนำไปสู่การถูกติดตามหรือการละเมิดความเป็นส่วนตัว Apple ยืนยันว่าข้อมูลจะถูกเก็บไว้ในเครื่องเท่านั้นและใช้การเข้ารหัสขั้นสูง แต่เสียงวิจารณ์ก็ยังดังอยู่

    Intel Panther Lake CPU หลุดผลทดสอบ กราฟิกแรงเกินคาด
    มีข้อมูลหลุดของซีพียู Intel Panther Lake รุ่น Core Ultra X7 358H ที่มาพร้อมกราฟิก Xe3 ในตัว ผลทดสอบออกมาดีกว่า GPU แยกอย่าง RTX 3050 ถึงกว่า 10% ทำให้โน้ตบุ๊กบางเบาและเครื่องเกมพกพาในอนาคตอาจไม่ต้องพึ่งการ์ดจอแยกอีกต่อไป ทั้งแรงและประหยัดพลังงานมากขึ้น

    Akira Ransomware ขยายโจมตี Nutanix VMs
    แรนซัมแวร์ Akira ถูกพบว่าเริ่มโจมตีระบบ Nutanix AHV VM โดยใช้ช่องโหว่ SonicWall และ Veeam เพื่อเข้าถึงและเข้ารหัสไฟล์ ทำให้บริษัทต่าง ๆ เสียหายหนัก ยอดเงินที่คนร้ายรีดไถได้รวมแล้วกว่า 240 ล้านดอลลาร์ หน่วยงานความปลอดภัยเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตระบบและเปิดใช้การยืนยันตัวตนหลายชั้น

    Operation Endgame 3.0 ยึดเซิร์ฟเวอร์อาชญากรรมไซเบอร์
    Europol และหน่วยงานยุโรปเปิดปฏิบัติการ Endgame 3.0 ปราบปรามเครือข่ายมัลแวร์ใหญ่ เช่น Rhadamanthys, VenomRAT และ Elysium ยึดเซิร์ฟเวอร์กว่า 1,000 เครื่อง และโดเมนกว่า 20 แห่ง พร้อมจับผู้ต้องสงสัยหนึ่งราย แม้จะเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหากไม่มีการจับกุมต่อเนื่อง เครือข่ายเหล่านี้อาจกลับมาอีก
    📰📌 รวมข่าวจาก TechRadar ประจำวัน 📌 📰 #20251115 #techradar 🗂️ SanDisk เปิดตัวแฟลชไดรฟ์ 1TB ขนาดจิ๋ว SanDisk ออกแฟลชไดรฟ์ USB-C รุ่นใหม่ Extreme Fit ที่มีความจุสูงสุดถึง 1TB แต่ตัวเล็กมากจนสามารถเสียบติดเครื่องไว้ตลอดเวลาโดยไม่เกะกะ เหมาะกับคนที่ใช้โน้ตบุ๊กหรือแท็บเล็ตบ่อย ๆ ต้องการพื้นที่เพิ่มโดยไม่ต้องพกฮาร์ดดิสก์พกพา ความเร็วอ่านสูงสุด 400MB/s ใกล้เคียง SSD ราคาก็จับต้องได้ เริ่มต้นเพียงสิบกว่าดอลลาร์ ไปจนถึงรุ่นท็อป 1TB ราวร้อยดอลลาร์ ถือเป็นการผสมผสานความสะดวกกับประสิทธิภาพในอุปกรณ์เล็ก ๆ 💸 PNY ยกเลิกดีล Black Friday สะท้อนวิกฤตวงการชิป ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์รายใหญ่ PNY ประกาศหยุดโปรโมชันลดราคาสินค้าจัดเก็บข้อมูลในช่วง Black Friday เพราะต้นทุน NAND และ DRAM พุ่งสูงขึ้นมากจนกระทบตลาด SSD และแฟลชไดรฟ์ สถานการณ์นี้สะท้อนว่าตลาดหน่วยความจำกำลังตึงตัวอย่างหนัก และอาจทำให้การประกอบคอมพิวเตอร์หรืออัปเกรดเครื่องมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นในปีถัดไป ⚛️ IBM เปิดตัวชิปควอนตัมใหม่ Nighthawk และ Loon IBM ก้าวหน้าอีกขั้นในเส้นทางควอนตัมคอมพิวติ้ง ด้วยการเปิดตัวชิป Nighthawk ที่มี 120 qubits และสามารถทำงานซับซ้อนขึ้นกว่าเดิม 30% พร้อมชิป Loon ที่ทดลองสถาปัตยกรรมใหม่เพื่อรองรับการแก้ไขข้อผิดพลาดในระดับใหญ่ จุดมุ่งหมายคือการทำให้ควอนตัมคอมพิวเตอร์ใช้งานได้จริงในธุรกิจและวิทยาศาสตร์ภายในทศวรรษนี้ 🔐 CTO บริษัท Checkout.com ปฏิเสธจ่ายค่าไถ่ไซเบอร์ บริษัท Checkout.com ถูกกลุ่มแฮ็กเกอร์ ShinyHunters เจาะระบบเก่าและเรียกค่าไถ่ แต่ CTO ตัดสินใจไม่จ่ายเงินให้คนร้าย กลับนำเงินจำนวนดังกล่าวไปบริจาคให้มหาวิทยาลัย Carnegie Mellon และ Oxford เพื่อสนับสนุนงานวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์ แสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่สนับสนุนอาชญากรรมออนไลน์ 🏀 ExpressVPN จับมือ Brooklyn Nets มอบดีลพิเศษแฟนบาส ExpressVPN กลายเป็นพาร์ทเนอร์ด้านความเป็นส่วนตัวดิจิทัลของทีมบาส NBA Brooklyn Nets พร้อมมอบส่วนลดสูงสุดถึง 73% ให้แฟน ๆ ถือเป็นการนำโลกไซเบอร์กับกีฬาเข้ามาเชื่อมโยงกัน และช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงการป้องกันข้อมูลในราคาที่คุ้มค่า 🍏 Apple เปิดตัว Digital ID จุดประกายกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว Apple เพิ่มฟีเจอร์ Digital ID ในแอป Wallet ให้ผู้ใช้แสดงพาสปอร์ตผ่านมือถือที่สนามบินในสหรัฐฯ แม้จะสะดวก แต่หลายฝ่ายกังวลว่าการใช้ข้อมูลอัตลักษณ์ดิจิทัลอาจนำไปสู่การถูกติดตามหรือการละเมิดความเป็นส่วนตัว Apple ยืนยันว่าข้อมูลจะถูกเก็บไว้ในเครื่องเท่านั้นและใช้การเข้ารหัสขั้นสูง แต่เสียงวิจารณ์ก็ยังดังอยู่ 💻 Intel Panther Lake CPU หลุดผลทดสอบ กราฟิกแรงเกินคาด มีข้อมูลหลุดของซีพียู Intel Panther Lake รุ่น Core Ultra X7 358H ที่มาพร้อมกราฟิก Xe3 ในตัว ผลทดสอบออกมาดีกว่า GPU แยกอย่าง RTX 3050 ถึงกว่า 10% ทำให้โน้ตบุ๊กบางเบาและเครื่องเกมพกพาในอนาคตอาจไม่ต้องพึ่งการ์ดจอแยกอีกต่อไป ทั้งแรงและประหยัดพลังงานมากขึ้น 🦠 Akira Ransomware ขยายโจมตี Nutanix VMs แรนซัมแวร์ Akira ถูกพบว่าเริ่มโจมตีระบบ Nutanix AHV VM โดยใช้ช่องโหว่ SonicWall และ Veeam เพื่อเข้าถึงและเข้ารหัสไฟล์ ทำให้บริษัทต่าง ๆ เสียหายหนัก ยอดเงินที่คนร้ายรีดไถได้รวมแล้วกว่า 240 ล้านดอลลาร์ หน่วยงานความปลอดภัยเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตระบบและเปิดใช้การยืนยันตัวตนหลายชั้น 🚔 Operation Endgame 3.0 ยึดเซิร์ฟเวอร์อาชญากรรมไซเบอร์ Europol และหน่วยงานยุโรปเปิดปฏิบัติการ Endgame 3.0 ปราบปรามเครือข่ายมัลแวร์ใหญ่ เช่น Rhadamanthys, VenomRAT และ Elysium ยึดเซิร์ฟเวอร์กว่า 1,000 เครื่อง และโดเมนกว่า 20 แห่ง พร้อมจับผู้ต้องสงสัยหนึ่งราย แม้จะเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหากไม่มีการจับกุมต่อเนื่อง เครือข่ายเหล่านี้อาจกลับมาอีก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google เตือนเลี่ยงการใช้ Wi-Fi สาธารณะ

    Google ได้ออกคำเตือนล่าสุดในรายงาน Android: Behind the Screen ว่าเครือข่าย Wi-Fi สาธารณะ เช่น ที่สนามบิน โรงแรม หรือร้านกาแฟ กำลังกลายเป็นช่องทางหลักที่แฮกเกอร์ใช้ในการโจมตีผู้ใช้สมาร์ทโฟน โดยผู้ใช้ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายเหล่านี้อาจถูกดักข้อมูลสำคัญโดยไม่รู้ตัว ทั้งรหัสผ่าน บัญชีธนาคาร และการสนทนาส่วนตัว

    รายงานระบุว่าอุตสาหกรรมอาชญากรรมไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับการโจมตีผ่านมือถือมีมูลค่ามหาศาลถึง 400 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยอาชญากรไซเบอร์ใช้วิธีการใหม่ ๆ เช่น phishing-as-a-service ที่สามารถสร้างเว็บไซต์ปลอมเลียนแบบของจริงเพื่อหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูล

    Google แนะนำให้ผู้ใช้ หลีกเลี่ยงการใช้ Wi-Fi สาธารณะ โดยเฉพาะเมื่อทำธุรกรรมทางการเงินหรือกรอกข้อมูลส่วนตัว หากจำเป็นต้องใช้ ควรตรวจสอบว่าเครือข่ายมีการเข้ารหัส ปิดการเชื่อมต่ออัตโนมัติ และอัปเดตระบบปฏิบัติการให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น

    คำเตือนนี้สะท้อนถึงแนวโน้มที่การโจมตีทางไซเบอร์มีความซับซ้อนและแพร่หลายมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่เพียงแต่การเลือกเครือข่าย แต่ยังรวมถึงการจัดการพฤติกรรมการใช้งานออนไลน์ในชีวิตประจำวันด้วย

    สรุปสาระสำคัญ
    รายงานจาก Google
    เครือข่าย Wi-Fi สาธารณะเป็นช่องทางเสี่ยงต่อการโจมตี
    อาชญากรไซเบอร์สามารถดักข้อมูลส่วนตัวได้ง่าย

    ข้อมูลที่ถูกโจมตีบ่อย
    บัญชีธนาคาร
    รหัสผ่านและข้อมูลส่วนตัว
    การสนทนาส่วนตัว

    มูลค่าอุตสาหกรรมอาชญากรรมไซเบอร์
    สูงถึง 400 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
    ใช้เทคนิคใหม่ เช่น phishing-as-a-service

    คำเตือนจาก Google
    หลีกเลี่ยงการใช้ Wi-Fi สาธารณะเมื่อทำธุรกรรมสำคัญ
    ปิดการเชื่อมต่ออัตโนมัติและตรวจสอบการเข้ารหัส
    อัปเดตระบบและแอปพลิเคชันให้ทันสมัยอยู่เสมอ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/15/heres-why-google-is-warning-you-to-avoid-using-public-wifi-at-all-costs
    🔐 Google เตือนเลี่ยงการใช้ Wi-Fi สาธารณะ Google ได้ออกคำเตือนล่าสุดในรายงาน Android: Behind the Screen ว่าเครือข่าย Wi-Fi สาธารณะ เช่น ที่สนามบิน โรงแรม หรือร้านกาแฟ กำลังกลายเป็นช่องทางหลักที่แฮกเกอร์ใช้ในการโจมตีผู้ใช้สมาร์ทโฟน โดยผู้ใช้ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายเหล่านี้อาจถูกดักข้อมูลสำคัญโดยไม่รู้ตัว ทั้งรหัสผ่าน บัญชีธนาคาร และการสนทนาส่วนตัว 📊 รายงานระบุว่าอุตสาหกรรมอาชญากรรมไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับการโจมตีผ่านมือถือมีมูลค่ามหาศาลถึง 400 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยอาชญากรไซเบอร์ใช้วิธีการใหม่ ๆ เช่น phishing-as-a-service ที่สามารถสร้างเว็บไซต์ปลอมเลียนแบบของจริงเพื่อหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูล 🌍 Google แนะนำให้ผู้ใช้ หลีกเลี่ยงการใช้ Wi-Fi สาธารณะ โดยเฉพาะเมื่อทำธุรกรรมทางการเงินหรือกรอกข้อมูลส่วนตัว หากจำเป็นต้องใช้ ควรตรวจสอบว่าเครือข่ายมีการเข้ารหัส ปิดการเชื่อมต่ออัตโนมัติ และอัปเดตระบบปฏิบัติการให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น ⚠️ คำเตือนนี้สะท้อนถึงแนวโน้มที่การโจมตีทางไซเบอร์มีความซับซ้อนและแพร่หลายมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่เพียงแต่การเลือกเครือข่าย แต่ยังรวมถึงการจัดการพฤติกรรมการใช้งานออนไลน์ในชีวิตประจำวันด้วย 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ รายงานจาก Google ➡️ เครือข่าย Wi-Fi สาธารณะเป็นช่องทางเสี่ยงต่อการโจมตี ➡️ อาชญากรไซเบอร์สามารถดักข้อมูลส่วนตัวได้ง่าย ✅ ข้อมูลที่ถูกโจมตีบ่อย ➡️ บัญชีธนาคาร ➡️ รหัสผ่านและข้อมูลส่วนตัว ➡️ การสนทนาส่วนตัว ✅ มูลค่าอุตสาหกรรมอาชญากรรมไซเบอร์ ➡️ สูงถึง 400 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ➡️ ใช้เทคนิคใหม่ เช่น phishing-as-a-service ‼️ คำเตือนจาก Google ⛔ หลีกเลี่ยงการใช้ Wi-Fi สาธารณะเมื่อทำธุรกรรมสำคัญ ⛔ ปิดการเชื่อมต่ออัตโนมัติและตรวจสอบการเข้ารหัส ⛔ อัปเดตระบบและแอปพลิเคชันให้ทันสมัยอยู่เสมอ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/15/heres-why-google-is-warning-you-to-avoid-using-public-wifi-at-all-costs
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Here’s why Google is warning you to avoid using public WiFi at all costs
    Google has issued a blaring warning, telling all smartphone users to abstain from using the public WiFi that's available in such shared areas as hotel lobbies, airports, cafés, and other spaces.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • มือถือรุ่นเก่าเสี่ยงหมดสิทธิ์ใช้ Android Auto

    Google ได้เริ่มบังคับใช้ข้อกำหนดใหม่ที่เคยประกาศตั้งแต่ปี 2024 ว่า Android Auto จะรองรับเฉพาะสมาร์ทโฟนที่ใช้ Android 9 ขึ้นไป เท่านั้น หลังจากเลื่อนการบังคับใช้มานานกว่า 1 ปี ล่าสุดในเดือนตุลาคม 2025 บริษัทได้ปล่อย Android Auto 15.5 (Beta) ซึ่งตัดการรองรับอุปกรณ์ที่ยังใช้ Android 8 หรือเวอร์ชันก่อนหน้า

    สำหรับผู้ใช้ที่ยังใช้มือถือรุ่นเก่า การอัปเดตไปยัง Android Auto 15.5 จะทำให้ฟีเจอร์นี้หยุดทำงานทันที แม้ว่าในตอนนี้เวอร์ชันเสถียรจะยังอยู่ที่ Android Auto 15.2 แต่เมื่อการอัปเดตใหม่ถูกปล่อยอย่างเต็มรูปแบบ ผู้ใช้ Android 8 จะได้รับผลกระทบแน่นอน

    อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้จะกระทบผู้ใช้เพียงส่วนน้อยเท่านั้น เพราะปัจจุบันมีเพียงประมาณ 1% ของผู้ใช้ Android ทั่วโลก ที่ยังคงใช้ Android 8 อยู่ ซึ่งหมายความว่าคนส่วนใหญ่ที่ใช้ Android 9 หรือใหม่กว่าจะยังสามารถใช้งาน Android Auto ได้ตามปกติ

    สำหรับผู้ที่ยังใช้ Android 8 ทางเลือกมีเพียงสองอย่าง คือ ไม่อัปเดต Android Auto (ซึ่งไม่แนะนำ เพราะอาจเสี่ยงต่อความปลอดภัย) หรือ เปลี่ยนไปใช้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่รองรับ Android 9 ขึ้นไป เพื่อให้มั่นใจว่าการใช้งาน Android Auto จะไม่สะดุด

    สรุปสาระสำคัญ
    การเปลี่ยนแปลงของ Google
    Android Auto 15.5 จะไม่รองรับ Android 8 และเวอร์ชันก่อนหน้า
    ข้อกำหนดนี้เคยประกาศตั้งแต่ปี 2024 แต่เพิ่งเริ่มบังคับจริงในปี 2025

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    ผู้ใช้ Android 9 หรือใหม่กว่า ยังใช้งานได้ตามปกติ
    ผู้ใช้ Android 8 จะสูญเสียการใช้งาน Android Auto หากอัปเดต

    สถานการณ์ทั่วโลก
    มีเพียง ~1% ของผู้ใช้ Android ที่ยังใช้ Android 8
    ส่วนใหญ่จึงไม่ได้รับผลกระทบ

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Android 8
    การเลือกไม่อัปเดตอาจเสี่ยงต่อความปลอดภัยและฟีเจอร์ใหม่
    ทางออกที่มั่นคงคือการเปลี่ยนไปใช้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่รองรับ Android 9+

    https://www.slashgear.com/2014243/phones-losing-android-auto-15-5-support/
    🚗 มือถือรุ่นเก่าเสี่ยงหมดสิทธิ์ใช้ Android Auto Google ได้เริ่มบังคับใช้ข้อกำหนดใหม่ที่เคยประกาศตั้งแต่ปี 2024 ว่า Android Auto จะรองรับเฉพาะสมาร์ทโฟนที่ใช้ Android 9 ขึ้นไป เท่านั้น หลังจากเลื่อนการบังคับใช้มานานกว่า 1 ปี ล่าสุดในเดือนตุลาคม 2025 บริษัทได้ปล่อย Android Auto 15.5 (Beta) ซึ่งตัดการรองรับอุปกรณ์ที่ยังใช้ Android 8 หรือเวอร์ชันก่อนหน้า 📱 สำหรับผู้ใช้ที่ยังใช้มือถือรุ่นเก่า การอัปเดตไปยัง Android Auto 15.5 จะทำให้ฟีเจอร์นี้หยุดทำงานทันที แม้ว่าในตอนนี้เวอร์ชันเสถียรจะยังอยู่ที่ Android Auto 15.2 แต่เมื่อการอัปเดตใหม่ถูกปล่อยอย่างเต็มรูปแบบ ผู้ใช้ Android 8 จะได้รับผลกระทบแน่นอน 🌍 อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้จะกระทบผู้ใช้เพียงส่วนน้อยเท่านั้น เพราะปัจจุบันมีเพียงประมาณ 1% ของผู้ใช้ Android ทั่วโลก ที่ยังคงใช้ Android 8 อยู่ ซึ่งหมายความว่าคนส่วนใหญ่ที่ใช้ Android 9 หรือใหม่กว่าจะยังสามารถใช้งาน Android Auto ได้ตามปกติ ⚠️ สำหรับผู้ที่ยังใช้ Android 8 ทางเลือกมีเพียงสองอย่าง คือ ไม่อัปเดต Android Auto (ซึ่งไม่แนะนำ เพราะอาจเสี่ยงต่อความปลอดภัย) หรือ เปลี่ยนไปใช้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่รองรับ Android 9 ขึ้นไป เพื่อให้มั่นใจว่าการใช้งาน Android Auto จะไม่สะดุด 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเปลี่ยนแปลงของ Google ➡️ Android Auto 15.5 จะไม่รองรับ Android 8 และเวอร์ชันก่อนหน้า ➡️ ข้อกำหนดนี้เคยประกาศตั้งแต่ปี 2024 แต่เพิ่งเริ่มบังคับจริงในปี 2025 ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้ ➡️ ผู้ใช้ Android 9 หรือใหม่กว่า ยังใช้งานได้ตามปกติ ➡️ ผู้ใช้ Android 8 จะสูญเสียการใช้งาน Android Auto หากอัปเดต ✅ สถานการณ์ทั่วโลก ➡️ มีเพียง ~1% ของผู้ใช้ Android ที่ยังใช้ Android 8 ➡️ ส่วนใหญ่จึงไม่ได้รับผลกระทบ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Android 8 ⛔ การเลือกไม่อัปเดตอาจเสี่ยงต่อความปลอดภัยและฟีเจอร์ใหม่ ⛔ ทางออกที่มั่นคงคือการเปลี่ยนไปใช้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่รองรับ Android 9+ https://www.slashgear.com/2014243/phones-losing-android-auto-15-5-support/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Some Phones Could Soon Lose Android Auto Support – Here's How To Know If Yours Is One - SlashGear
    Users with older devices may soon lose support with Android Auto, and this is what it means.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตัวเลขข้างสัญลักษณ์ Wi-Fi บนมือถือ Android หมายถึงอะไร?

    หลายคนอาจเคยสังเกตเห็นตัวเลขเล็ก ๆ เช่น 5, 6 หรือ 7 ปรากฏอยู่ข้างสัญลักษณ์ Wi-Fi บนหน้าจอสมาร์ทโฟน Android แล้วสงสัยว่ามันคืออะไร จริง ๆ แล้วตัวเลขเหล่านี้บอกถึง “รุ่นของมาตรฐาน Wi-Fi” ที่อุปกรณ์และเราเตอร์กำลังเชื่อมต่ออยู่ เช่น Wi-Fi 5 (802.11ac), Wi-Fi 6 (802.11ax) และ Wi-Fi 7 (802.11be) ซึ่งแต่ละรุ่นมีความแตกต่างด้านความเร็ว ความหน่วง และประสิทธิภาพในการใช้งานในพื้นที่ที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น

    Wi-Fi รุ่นใหม่ ๆ ไม่ได้หมายความว่าจะเร็วเสมอไป หากเราเตอร์ที่ใช้อยู่ยังเป็นรุ่นเก่า แม้โทรศัพท์จะรองรับ Wi-Fi 7 ก็จะเชื่อมต่อได้เพียง Wi-Fi 6 หรือ Wi-Fi 5 เท่านั้น ดังนั้นการอัปเกรดเราเตอร์จึงมีความสำคัญพอ ๆ กับการใช้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

    นอกจากนี้ บางรุ่นของสมาร์ทโฟน เช่น Xiaomi หรือ OnePlus ยังมีฟีเจอร์พิเศษที่แสดงตัวเลขวิ่งขึ้นลงข้างสัญลักษณ์ Wi-Fi ซึ่งเป็น “ตัวบ่งชี้การรับส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์” โดยตัวเลขนี้ไม่ได้บอกความเร็วสูงสุด แต่แสดงปริมาณข้อมูลที่กำลังอัปโหลดหรือดาวน์โหลดในขณะนั้น ทำให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบได้ทันทีว่ามีการใช้งานอินเทอร์เน็ตอยู่หรือไม่

    อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้เครือข่าย Wi-Fi ก็ยังต้องพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความเร็วอินเทอร์เน็ตจากผู้ให้บริการ และการเลือกย่านความถี่ที่เหมาะสม (2.4 GHz หรือ 5 GHz) เพื่อให้ได้ความเร็วและความเสถียรที่ดีที่สุด โดย Wi-Fi 7 ยังมีฟีเจอร์ Multi-Link Operation ที่ช่วยให้เชื่อมต่อหลายย่านความถี่พร้อมกัน เพิ่มความเสถียรและลดการหลุดของสัญญาณ

    สรุปสาระสำคัญ
    ตัวเลขข้างสัญลักษณ์ Wi-Fi บน Android
    บอกถึงรุ่นมาตรฐาน Wi-Fi (5, 6, 7) ที่อุปกรณ์เชื่อมต่ออยู่

    ความแตกต่างของ Wi-Fi แต่ละรุ่น
    Wi-Fi 5: ใช้ 802.11ac
    Wi-Fi 6: ใช้ 802.11ax, ลดความหน่วงและรองรับผู้ใช้มากขึ้น
    Wi-Fi 7: ใช้ 802.11be, มี Multi-Link Operation เพิ่มความเสถียร

    ฟีเจอร์เสริมในบางสมาร์ทโฟน
    ตัวเลขวิ่งขึ้นลงแสดงการรับส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์
    ฟีเจอร์ Dual Wi-Fi acceleration ในบางรุ่น เช่น OnePlus

    ข้อควรระวังในการใช้งาน Wi-Fi
    โทรศัพท์รุ่นใหม่อาจเชื่อมต่อได้เพียงมาตรฐานเก่า หากเราเตอร์ไม่รองรับ
    ความเร็วจริงขึ้นอยู่กับแพ็กเกจอินเทอร์เน็ต ไม่ใช่แค่รุ่น Wi-Fi
    การเลือกย่านความถี่ผิด (เช่นใช้ 2.4 GHz ในพื้นที่แออัด) อาจทำให้สัญญาณช้าหรือไม่เสถียร

    https://www.slashgear.com/2007604/number-next-wi-fi-symbol-meaning-android/
    📡 ตัวเลขข้างสัญลักษณ์ Wi-Fi บนมือถือ Android หมายถึงอะไร? หลายคนอาจเคยสังเกตเห็นตัวเลขเล็ก ๆ เช่น 5, 6 หรือ 7 ปรากฏอยู่ข้างสัญลักษณ์ Wi-Fi บนหน้าจอสมาร์ทโฟน Android แล้วสงสัยว่ามันคืออะไร จริง ๆ แล้วตัวเลขเหล่านี้บอกถึง “รุ่นของมาตรฐาน Wi-Fi” ที่อุปกรณ์และเราเตอร์กำลังเชื่อมต่ออยู่ เช่น Wi-Fi 5 (802.11ac), Wi-Fi 6 (802.11ax) และ Wi-Fi 7 (802.11be) ซึ่งแต่ละรุ่นมีความแตกต่างด้านความเร็ว ความหน่วง และประสิทธิภาพในการใช้งานในพื้นที่ที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น 📶 Wi-Fi รุ่นใหม่ ๆ ไม่ได้หมายความว่าจะเร็วเสมอไป หากเราเตอร์ที่ใช้อยู่ยังเป็นรุ่นเก่า แม้โทรศัพท์จะรองรับ Wi-Fi 7 ก็จะเชื่อมต่อได้เพียง Wi-Fi 6 หรือ Wi-Fi 5 เท่านั้น ดังนั้นการอัปเกรดเราเตอร์จึงมีความสำคัญพอ ๆ กับการใช้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต 🌐 นอกจากนี้ บางรุ่นของสมาร์ทโฟน เช่น Xiaomi หรือ OnePlus ยังมีฟีเจอร์พิเศษที่แสดงตัวเลขวิ่งขึ้นลงข้างสัญลักษณ์ Wi-Fi ซึ่งเป็น “ตัวบ่งชี้การรับส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์” โดยตัวเลขนี้ไม่ได้บอกความเร็วสูงสุด แต่แสดงปริมาณข้อมูลที่กำลังอัปโหลดหรือดาวน์โหลดในขณะนั้น ทำให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบได้ทันทีว่ามีการใช้งานอินเทอร์เน็ตอยู่หรือไม่ ⚠️ อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้เครือข่าย Wi-Fi ก็ยังต้องพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความเร็วอินเทอร์เน็ตจากผู้ให้บริการ และการเลือกย่านความถี่ที่เหมาะสม (2.4 GHz หรือ 5 GHz) เพื่อให้ได้ความเร็วและความเสถียรที่ดีที่สุด โดย Wi-Fi 7 ยังมีฟีเจอร์ Multi-Link Operation ที่ช่วยให้เชื่อมต่อหลายย่านความถี่พร้อมกัน เพิ่มความเสถียรและลดการหลุดของสัญญาณ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ตัวเลขข้างสัญลักษณ์ Wi-Fi บน Android ➡️ บอกถึงรุ่นมาตรฐาน Wi-Fi (5, 6, 7) ที่อุปกรณ์เชื่อมต่ออยู่ ✅ ความแตกต่างของ Wi-Fi แต่ละรุ่น ➡️ Wi-Fi 5: ใช้ 802.11ac ➡️ Wi-Fi 6: ใช้ 802.11ax, ลดความหน่วงและรองรับผู้ใช้มากขึ้น ➡️ Wi-Fi 7: ใช้ 802.11be, มี Multi-Link Operation เพิ่มความเสถียร ✅ ฟีเจอร์เสริมในบางสมาร์ทโฟน ➡️ ตัวเลขวิ่งขึ้นลงแสดงการรับส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ ➡️ ฟีเจอร์ Dual Wi-Fi acceleration ในบางรุ่น เช่น OnePlus ‼️ ข้อควรระวังในการใช้งาน Wi-Fi ⛔ โทรศัพท์รุ่นใหม่อาจเชื่อมต่อได้เพียงมาตรฐานเก่า หากเราเตอร์ไม่รองรับ ⛔ ความเร็วจริงขึ้นอยู่กับแพ็กเกจอินเทอร์เน็ต ไม่ใช่แค่รุ่น Wi-Fi ⛔ การเลือกย่านความถี่ผิด (เช่นใช้ 2.4 GHz ในพื้นที่แออัด) อาจทำให้สัญญาณช้าหรือไม่เสถียร https://www.slashgear.com/2007604/number-next-wi-fi-symbol-meaning-android/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Here's What The Number Next To The Wi-Fi Symbol On Your Android Device Means - SlashGear
    Wi-Fi generations previously used confusing number and letter names, but things are much simpler today. Here's what the number next to the Wi-Fi symbol means.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • อย่าเนียนเปลี่ยนประเด็น! ไทยเชิญผู้ช่วยทูตทหาร 18 ประเทศดูหลักฐาน , เปิดคลิปจากมือถือทหารเขมร “สอนวางทุ่นระเบิด PMN-2” ชี้ชัดเป็นทุ่นใหม่ในพื้นที่ห้วยตามาเรีย
    .
    กองทัพไทยชี้แจงสถานการณ์ชายแดน พร้อมเปิดหลักฐานต่อคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ ทั้งคลิปและภาพจากโทรศัพท์ทหารกัมพูชาที่ถูกทิ้งไว้ ยืนยันผลพิสูจน์ของศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดว่าเป็น “ทุ่นระเบิดใหม่” ที่ถูกนำมาวาง
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109005
    .
    #News1live #News1 #กองทัพไทย #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทุ่นระเบิด #PMN2 #ความมั่นคง #MAC #AOT #ศรีสะเกษ #ThailandNews #newsupdate
    อย่าเนียนเปลี่ยนประเด็น! ไทยเชิญผู้ช่วยทูตทหาร 18 ประเทศดูหลักฐาน , เปิดคลิปจากมือถือทหารเขมร “สอนวางทุ่นระเบิด PMN-2” ชี้ชัดเป็นทุ่นใหม่ในพื้นที่ห้วยตามาเรีย . กองทัพไทยชี้แจงสถานการณ์ชายแดน พร้อมเปิดหลักฐานต่อคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ ทั้งคลิปและภาพจากโทรศัพท์ทหารกัมพูชาที่ถูกทิ้งไว้ ยืนยันผลพิสูจน์ของศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดว่าเป็น “ทุ่นระเบิดใหม่” ที่ถูกนำมาวาง . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109005 . #News1live #News1 #กองทัพไทย #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทุ่นระเบิด #PMN2 #ความมั่นคง #MAC #AOT #ศรีสะเกษ #ThailandNews #newsupdate
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ.ปานเทพ ส่งรหัสข้อความ "มือถือหาย" (13/11/68)
    .
    #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #บิ๊กกุ้ง #บิ๊กกุ้งมือถือหาย #แผ่นดินไทย #11จุดที่ไทยได้คืนมา #วีรบุรุษไทย #ข่าววันนี้ #ข่าวร้อน #newsupdate #ข่าวtiktok
    อ.ปานเทพ ส่งรหัสข้อความ "มือถือหาย" (13/11/68) . #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #บิ๊กกุ้ง #บิ๊กกุ้งมือถือหาย #แผ่นดินไทย #11จุดที่ไทยได้คืนมา #วีรบุรุษไทย #ข่าววันนี้ #ข่าวร้อน #newsupdate #ข่าวtiktok
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • สรุปข่าวของ Techradar 🛜🛜

    วิกฤติชิป: AI ดูดทรัพยากรจนคนทั่วไปขาดแคลน
    การบูมของ AI ทำให้ชิปหน่วยความจำและ SSD ที่เคยใช้ในตลาดผู้บริโภคถูกดูดไปใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ ส่งผลให้ราคาพุ่งขึ้นสองเท่า ร้านค้าในญี่ปุ่นถึงขั้นจำกัดการซื้อเพื่อป้องกันการกักตุน ขณะที่ DDR4 กำลังหายไปจากตลาดเพราะผู้ผลิตหันไปทำ DDR5 ที่กำไรมากกว่า
    วิกฤติชิปและหน่วยความจำ
    AI ดาต้าเซ็นเตอร์ดูดทรัพยากรไปใช้
    DDR4 กำลังหายไปจากตลาด
    ความเสี่ยงจากการขาดแคลน
    ราคาพุ่งขึ้นสองเท่า
    ผู้บริโภคทั่วไปหาซื้อยาก

    P-QD เทคโนโลยีจอภาพใหม่: สีสดกว่า แต่จำเป็นจริงหรือ?
    Perovskite Quantum Dot (P-QD) กำลังถูกพัฒนาเพื่อให้จอภาพมีความแม่นยำสีสูงถึง 95% ของมาตรฐาน Rec.2020 แต่คำถามคือ ผู้ชมทั่วไปที่ดูหนัง HDR ยังใช้มาตรฐาน P3 อยู่ ซึ่งทีวีรุ่นใหม่ก็ทำได้ครบแล้ว เทคโนโลยีนี้อาจเหมาะกับจอมืออาชีพมากกว่าทีวีบ้าน
    เทคโนโลยี P-QD
    สีสดขึ้นถึง 95% Rec.2020
    เหมาะกับจอมืออาชีพมากกว่า
    ข้อควรระวัง
    ทีวีทั่วไปอาจไม่จำเป็นต้องใช้

    แฮกเกอร์เกาหลีเหนือใช้ Google Find Hub ลบข้อมูลเหยื่อ
    กลุ่ม KONNI ใช้ KakaoTalk ส่งไฟล์ติดมัลแวร์ เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ ข้อมูลบัญชี Google ถูกขโมย และถูกใช้เข้าถึง Find Hub เพื่อลบข้อมูลมือถือเหยื่อซ้ำถึงสามครั้ง พร้อมแพร่มัลแวร์ต่อไปยังเพื่อนในแชท
    การโจมตีไซเบอร์จากเกาหลีเหนือ
    ใช้ KakaoTalk ส่งไฟล์มัลแวร์
    เข้าถึง Google Find Hub ลบข้อมูล
    ความเสี่ยง
    ข้อมูลส่วนตัวถูกขโมย
    มัลแวร์แพร่ไปยังเพื่อนในแชท

    Microsoft 365 เจอคลื่นฟิชชิ่งใหม่ “Quantum Route Redirect”
    แพลตฟอร์มฟิชชิ่งอัตโนมัติที่ตรวจจับว่าใครเป็นบอทหรือคนจริง หากเป็นคนจริงจะถูกส่งไปหน้าเว็บปลอมเพื่อขโมยรหัสผ่าน ทำให้การโจมตีง่ายขึ้นและแพร่ไปกว่า 90 ประเทศ
    ฟิชชิ่ง Microsoft 365
    Quantum Route Redirect ตรวจจับบอท
    ส่งผู้ใช้จริงไปหน้าเว็บปลอม
    ความเสี่ยง
    แพร่ไปกว่า 90 ประเทศ
    ทำให้การโจมตีง่ายขึ้น

    Ookla เปิดตัว Speedtest Pulse: เครื่องมือวัดเน็ตแบบใหม่
    อุปกรณ์ใหม่ช่วยผู้ให้บริการตรวจสอบปัญหาเน็ตในบ้านได้แม่นยำขึ้น มีโหมด Active Pulse ตรวจสอบทันที และ Continuous Pulse ที่จะตามหาปัญหาเน็ตที่เกิดเป็นครั้งคราว
    Ookla Speedtest Pulse
    Active Pulse ตรวจสอบทันที
    Continuous Pulse ตรวจสอบปัญหาเน็ตซ้ำ
    ความเสี่ยง
    ยังไม่ประกาศราคาและวันวางจำหน่าย

    Wyze Scale Ultra BodyScan: เครื่องชั่งอัจฉริยะราคาย่อมเยา
    มีสายจับพร้อมอิเล็กโทรดเพื่อวัดร่างกายแยกส่วน แขน ขา ลำตัว ให้ข้อมูลสุขภาพละเอียดขึ้น เชื่อมต่อกับ Apple Health และ Google Fit ได้
    Wyze Scale Ultra BodyScan
    วัดร่างกายแยกส่วน
    เชื่อมต่อกับ Apple Health และ Google Fit
    ความเสี่ยง
    ราคาสูงกว่ารุ่นอื่นในตลาด

    ช่องโหว่ร้ายแรงในไลบรารี JavaScript ยอดนิยม
    expr-eval ไลบรารีที่มีดาวน์โหลดกว่า 800,000 ครั้งต่อสัปดาห์ พบช่องโหว่ Remote Code Execution หากไม่อัปเดตอาจถูกแฮกเข้าระบบได้
    ช่องโหว่ expr-eval
    พบ Remote Code Execution
    อัปเดตแก้ไขแล้วในเวอร์ชันใหม่
    ความเสี่ยง
    ผู้ใช้ที่ไม่อัปเดตเสี่ยงถูกเจาะระบบ

    Sony ยืดอายุ PS5 ถึงปี 2030
    Sony ประกาศว่า PS5 ยังอยู่กลางวงจรชีวิต และจะขยายต่อไปอีก ทำให้คาดว่า PS6 จะเปิดตัวราวปี 2027–2028 แต่ PS5 จะยังได้รับการสนับสนุนต่อเนื่อง
    Sony ยืดอายุ PS5
    สนับสนุนต่อถึงปี 2030
    PS6 คาดเปิดตัวปี 2027–2028

    ฟิชชิ่งโจมตีโรงแรม: PureRAT แฝงตัวใน Booking.com
    แฮกเกอร์ใช้บัญชี Booking.com ที่ถูกขโมย ส่งลิงก์ปลอมไปยังโรงแรมและลูกค้า ขโมยทั้งรหัสผ่านและข้อมูลบัตรเครดิต
    ฟิชชิ่งโจมตีโรงแรม
    ใช้ PureRAT ขโมยข้อมูล
    ส่งลิงก์ปลอม Booking.com
    ความเสี่ยง
    ขโมยข้อมูลบัตรเครดิตลูกค้า

    AI บริษัทใหญ่ทำข้อมูลรั่วบน GitHub
    วิจัยพบว่า 65% ของบริษัท AI ชั้นนำทำ API key และ token รั่วบน GitHub โดยมากเกิดจากนักพัฒนาเผลออัปโหลดข้อมูลลง repo ส่วนตัว
    AI บริษัทใหญ่รั่วข้อมูล
    65% ของบริษัท AI รั่ว API key
    เกิดจาก repo ส่วนตัวนักพัฒนา
    ความเสี่ยง
    อาจถูกใช้โจมตีระบบ AI

    หลังเหตุโจรกรรม Louvre: Proton แจก Password Manager ฟรี
    หลังพบว่ารหัสกล้องวงจรปิดของ Louvre คือ “louvre” บริษัท Proton จึงเสนอให้พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ทั่วโลกใช้ Proton Pass ฟรี 2 ปี
    Proton ช่วยพิพิธภัณฑ์
    แจก Proton Pass ฟรี 2 ปี
    ป้องกันรหัสผ่านอ่อนแอ
    ความเสี่ยง
    เหตุ Louvre แสดงให้เห็นช่องโหว่ร้ายแรง

    Windows 11 เตรียมเพิ่ม Haptic Feedback ใน Trackpad
    Microsoft ซ่อนฟีเจอร์ “Haptic Signals” ในเวอร์ชันทดสอบ จะทำให้ผู้ใช้รู้สึกถึงแรงสั่นเมื่อ snap หน้าต่างหรือจัดวางวัตถุ คล้ายกับ Force Touch ของ MacBook
    Windows 11 เพิ่ม Haptic Feedback
    ฟีเจอร์ Haptic Signals
    คล้าย Force Touch ของ MacBook

    Firefox ลดการติดตามด้วย Anti-Fingerprinting
    Mozilla เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ลดการระบุตัวตนผู้ใช้จาก fingerprint ลงได้ถึง 70% โดยใช้เทคนิคสุ่ม noise และบังคับใช้ฟอนต์มาตรฐาน
    Firefox Anti-Fingerprinting
    ลดการติดตามลง 70%
    ใช้ noise และฟอนต์มาตรฐาน

    Facebook Business Page ปลอมระบาด
    แฮกเกอร์สร้างเพจปลอม ส่งอีเมลจากโดเมนจริง facebookmail.com หลอกผู้ใช้ให้กรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบ ทำให้ธุรกิจเล็ก ๆ เสี่ยงถูกขโมยบัญชี
    Facebook Page ปลอม
    ส่งอีเมลจาก facebookmail.com
    หลอกผู้ใช้กรอกข้อมูล
    ความเสี่ยง
    ธุรกิจเล็ก ๆ เสี่ยงถูกขโมยบัญชี

    https://www.techradar.com/
    📌📌 สรุปข่าวของ Techradar 🛜🛜 🖥️ วิกฤติชิป: AI ดูดทรัพยากรจนคนทั่วไปขาดแคลน การบูมของ AI ทำให้ชิปหน่วยความจำและ SSD ที่เคยใช้ในตลาดผู้บริโภคถูกดูดไปใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ ส่งผลให้ราคาพุ่งขึ้นสองเท่า ร้านค้าในญี่ปุ่นถึงขั้นจำกัดการซื้อเพื่อป้องกันการกักตุน ขณะที่ DDR4 กำลังหายไปจากตลาดเพราะผู้ผลิตหันไปทำ DDR5 ที่กำไรมากกว่า ✅ วิกฤติชิปและหน่วยความจำ ➡️ AI ดาต้าเซ็นเตอร์ดูดทรัพยากรไปใช้ ➡️ DDR4 กำลังหายไปจากตลาด ‼️ ความเสี่ยงจากการขาดแคลน ⛔ ราคาพุ่งขึ้นสองเท่า ⛔ ผู้บริโภคทั่วไปหาซื้อยาก 📺 P-QD เทคโนโลยีจอภาพใหม่: สีสดกว่า แต่จำเป็นจริงหรือ? Perovskite Quantum Dot (P-QD) กำลังถูกพัฒนาเพื่อให้จอภาพมีความแม่นยำสีสูงถึง 95% ของมาตรฐาน Rec.2020 แต่คำถามคือ ผู้ชมทั่วไปที่ดูหนัง HDR ยังใช้มาตรฐาน P3 อยู่ ซึ่งทีวีรุ่นใหม่ก็ทำได้ครบแล้ว เทคโนโลยีนี้อาจเหมาะกับจอมืออาชีพมากกว่าทีวีบ้าน ✅ เทคโนโลยี P-QD ➡️ สีสดขึ้นถึง 95% Rec.2020 ➡️ เหมาะกับจอมืออาชีพมากกว่า ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ทีวีทั่วไปอาจไม่จำเป็นต้องใช้ 🔒 แฮกเกอร์เกาหลีเหนือใช้ Google Find Hub ลบข้อมูลเหยื่อ กลุ่ม KONNI ใช้ KakaoTalk ส่งไฟล์ติดมัลแวร์ เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ ข้อมูลบัญชี Google ถูกขโมย และถูกใช้เข้าถึง Find Hub เพื่อลบข้อมูลมือถือเหยื่อซ้ำถึงสามครั้ง พร้อมแพร่มัลแวร์ต่อไปยังเพื่อนในแชท ✅ การโจมตีไซเบอร์จากเกาหลีเหนือ ➡️ ใช้ KakaoTalk ส่งไฟล์มัลแวร์ ➡️ เข้าถึง Google Find Hub ลบข้อมูล ‼️ ความเสี่ยง ⛔ ข้อมูลส่วนตัวถูกขโมย ⛔ มัลแวร์แพร่ไปยังเพื่อนในแชท 📧 Microsoft 365 เจอคลื่นฟิชชิ่งใหม่ “Quantum Route Redirect” แพลตฟอร์มฟิชชิ่งอัตโนมัติที่ตรวจจับว่าใครเป็นบอทหรือคนจริง หากเป็นคนจริงจะถูกส่งไปหน้าเว็บปลอมเพื่อขโมยรหัสผ่าน ทำให้การโจมตีง่ายขึ้นและแพร่ไปกว่า 90 ประเทศ ✅ ฟิชชิ่ง Microsoft 365 ➡️ Quantum Route Redirect ตรวจจับบอท ➡️ ส่งผู้ใช้จริงไปหน้าเว็บปลอม ‼️ ความเสี่ยง ⛔ แพร่ไปกว่า 90 ประเทศ ⛔ ทำให้การโจมตีง่ายขึ้น 🌐 Ookla เปิดตัว Speedtest Pulse: เครื่องมือวัดเน็ตแบบใหม่ อุปกรณ์ใหม่ช่วยผู้ให้บริการตรวจสอบปัญหาเน็ตในบ้านได้แม่นยำขึ้น มีโหมด Active Pulse ตรวจสอบทันที และ Continuous Pulse ที่จะตามหาปัญหาเน็ตที่เกิดเป็นครั้งคราว ✅ Ookla Speedtest Pulse ➡️ Active Pulse ตรวจสอบทันที ➡️ Continuous Pulse ตรวจสอบปัญหาเน็ตซ้ำ ‼️ ความเสี่ยง ⛔ ยังไม่ประกาศราคาและวันวางจำหน่าย ⚖️ Wyze Scale Ultra BodyScan: เครื่องชั่งอัจฉริยะราคาย่อมเยา มีสายจับพร้อมอิเล็กโทรดเพื่อวัดร่างกายแยกส่วน แขน ขา ลำตัว ให้ข้อมูลสุขภาพละเอียดขึ้น เชื่อมต่อกับ Apple Health และ Google Fit ได้ ✅ Wyze Scale Ultra BodyScan ➡️ วัดร่างกายแยกส่วน ➡️ เชื่อมต่อกับ Apple Health และ Google Fit ‼️ ความเสี่ยง ⛔ ราคาสูงกว่ารุ่นอื่นในตลาด 🛡️ ช่องโหว่ร้ายแรงในไลบรารี JavaScript ยอดนิยม expr-eval ไลบรารีที่มีดาวน์โหลดกว่า 800,000 ครั้งต่อสัปดาห์ พบช่องโหว่ Remote Code Execution หากไม่อัปเดตอาจถูกแฮกเข้าระบบได้ ✅ ช่องโหว่ expr-eval ➡️ พบ Remote Code Execution ➡️ อัปเดตแก้ไขแล้วในเวอร์ชันใหม่ ‼️ ความเสี่ยง ⛔ ผู้ใช้ที่ไม่อัปเดตเสี่ยงถูกเจาะระบบ 🎮 Sony ยืดอายุ PS5 ถึงปี 2030 Sony ประกาศว่า PS5 ยังอยู่กลางวงจรชีวิต และจะขยายต่อไปอีก ทำให้คาดว่า PS6 จะเปิดตัวราวปี 2027–2028 แต่ PS5 จะยังได้รับการสนับสนุนต่อเนื่อง ✅ Sony ยืดอายุ PS5 ➡️ สนับสนุนต่อถึงปี 2030 ➡️ PS6 คาดเปิดตัวปี 2027–2028 🏨 ฟิชชิ่งโจมตีโรงแรม: PureRAT แฝงตัวใน Booking.com แฮกเกอร์ใช้บัญชี Booking.com ที่ถูกขโมย ส่งลิงก์ปลอมไปยังโรงแรมและลูกค้า ขโมยทั้งรหัสผ่านและข้อมูลบัตรเครดิต ✅ ฟิชชิ่งโจมตีโรงแรม ➡️ ใช้ PureRAT ขโมยข้อมูล ➡️ ส่งลิงก์ปลอม Booking.com ‼️ ความเสี่ยง ⛔ ขโมยข้อมูลบัตรเครดิตลูกค้า 🤖 AI บริษัทใหญ่ทำข้อมูลรั่วบน GitHub วิจัยพบว่า 65% ของบริษัท AI ชั้นนำทำ API key และ token รั่วบน GitHub โดยมากเกิดจากนักพัฒนาเผลออัปโหลดข้อมูลลง repo ส่วนตัว ✅ AI บริษัทใหญ่รั่วข้อมูล ➡️ 65% ของบริษัท AI รั่ว API key ➡️ เกิดจาก repo ส่วนตัวนักพัฒนา ‼️ ความเสี่ยง ⛔ อาจถูกใช้โจมตีระบบ AI 🏛️ หลังเหตุโจรกรรม Louvre: Proton แจก Password Manager ฟรี หลังพบว่ารหัสกล้องวงจรปิดของ Louvre คือ “louvre” บริษัท Proton จึงเสนอให้พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ทั่วโลกใช้ Proton Pass ฟรี 2 ปี ✅ Proton ช่วยพิพิธภัณฑ์ ➡️ แจก Proton Pass ฟรี 2 ปี ➡️ ป้องกันรหัสผ่านอ่อนแอ ‼️ ความเสี่ยง ⛔ เหตุ Louvre แสดงให้เห็นช่องโหว่ร้ายแรง 💻 Windows 11 เตรียมเพิ่ม Haptic Feedback ใน Trackpad Microsoft ซ่อนฟีเจอร์ “Haptic Signals” ในเวอร์ชันทดสอบ จะทำให้ผู้ใช้รู้สึกถึงแรงสั่นเมื่อ snap หน้าต่างหรือจัดวางวัตถุ คล้ายกับ Force Touch ของ MacBook ✅ Windows 11 เพิ่ม Haptic Feedback ➡️ ฟีเจอร์ Haptic Signals ➡️ คล้าย Force Touch ของ MacBook 🦊 Firefox ลดการติดตามด้วย Anti-Fingerprinting Mozilla เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ลดการระบุตัวตนผู้ใช้จาก fingerprint ลงได้ถึง 70% โดยใช้เทคนิคสุ่ม noise และบังคับใช้ฟอนต์มาตรฐาน ✅ Firefox Anti-Fingerprinting ➡️ ลดการติดตามลง 70% ➡️ ใช้ noise และฟอนต์มาตรฐาน 📩 Facebook Business Page ปลอมระบาด แฮกเกอร์สร้างเพจปลอม ส่งอีเมลจากโดเมนจริง facebookmail.com หลอกผู้ใช้ให้กรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบ ทำให้ธุรกิจเล็ก ๆ เสี่ยงถูกขโมยบัญชี ✅ Facebook Page ปลอม ➡️ ส่งอีเมลจาก facebookmail.com ➡️ หลอกผู้ใช้กรอกข้อมูล ‼️ ความเสี่ยง ⛔ ธุรกิจเล็ก ๆ เสี่ยงถูกขโมยบัญชี https://www.techradar.com/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวเทคโนโลยี: "FreeScout ทางเลือกใหม่แทน Help Scout – เปิดกว้าง ไม่ล็อกอิน ไม่ล็อกค่าใช้จ่าย"

    ลองนึกภาพว่าคุณกำลังใช้ระบบช่วยเหลือลูกค้า (Help Desk) ที่วันหนึ่งบริษัทเจ้าของปรับราคาขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้ธุรกิจเล็ก ๆ ต้องแบกรับภาระเพิ่มขึ้นโดยไม่เต็มใจ เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงกับ Help Scout ที่เคยปรับราคา จนผู้ใช้จำนวนมากไม่พอใจ และแม้จะปรับลดลงภายหลัง แต่ความเชื่อมั่นก็สั่นคลอนไปแล้ว

    ตรงนี้เองที่ FreeScout โผล่ขึ้นมาเป็นพระเอกในโลกโอเพ่นซอร์ส — ระบบ Help Desk ที่คุณสามารถติดตั้งเองบนเซิร์ฟเวอร์ของคุณ ไม่ต้องกลัวถูกล็อกฟีเจอร์หรือปรับราคาแบบไม่ทันตั้งตัว จุดเด่นคือความยืดหยุ่นสูงและการควบคุมข้อมูลได้เต็มมือ

    นอกจากนั้น FreeScout ยังมีโมดูลเสริมที่เลือกใช้ได้ตามต้องการ เช่น การเชื่อมต่อกับ Slack, Telegram หรือ CRM ต่าง ๆ รวมถึงโมดูล AI ที่ชุมชนพัฒนาขึ้นมาเอง ทำให้ธุรกิจสามารถปรับแต่งระบบให้ตรงกับความต้องการจริง ๆ โดยไม่ต้องจ่ายเกินจำเป็น

    อย่างไรก็ตาม การใช้ FreeScout ก็มีข้อควรระวัง เพราะคุณต้องดูแลการติดตั้ง อัปเดต และสำรองข้อมูลเอง หากทีมไม่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค อาจกลายเป็นภาระมากกว่าประโยชน์

    FreeScout ไม่ล็อกอิน ไม่ล็อกราคา
    เป็นโอเพ่นซอร์ส ใช้ฟรี ยืดหยุ่นสูง
    ค่าใช้จ่ายหลักคือการโฮสต์และโมดูลเสริมที่เลือกเอง

    ฟีเจอร์ที่ครบครัน
    มีระบบกล่องจดหมายรวม, การจัดการผู้ใช้, การตรวจจับการชนกันของเอเจนต์
    รองรับการเชื่อมต่อกับ Slack, Telegram และ CRM

    ควบคุมข้อมูลได้เต็มที่
    ผู้ใช้สามารถกำหนดวิธีเก็บและสำรองข้อมูลเอง
    เหมาะกับองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว

    รองรับการใช้งานบนมือถือ
    มีแอป Android และ iOS แต่ต้องตั้งค่าเพิ่มเติม

    ข้อควรระวังในการใช้งาน
    ต้องมีทีมเทคนิคดูแลการติดตั้งและอัปเดต
    การย้ายระบบออกภายหลังอาจซับซ้อน แม้ข้อมูลยังอยู่กับผู้ใช้

    https://itsfoss.com/freescout-open-source-help-desk/
    📨 ข่าวเทคโนโลยี: "FreeScout ทางเลือกใหม่แทน Help Scout – เปิดกว้าง ไม่ล็อกอิน ไม่ล็อกค่าใช้จ่าย" ลองนึกภาพว่าคุณกำลังใช้ระบบช่วยเหลือลูกค้า (Help Desk) ที่วันหนึ่งบริษัทเจ้าของปรับราคาขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้ธุรกิจเล็ก ๆ ต้องแบกรับภาระเพิ่มขึ้นโดยไม่เต็มใจ เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงกับ Help Scout ที่เคยปรับราคา จนผู้ใช้จำนวนมากไม่พอใจ และแม้จะปรับลดลงภายหลัง แต่ความเชื่อมั่นก็สั่นคลอนไปแล้ว ตรงนี้เองที่ FreeScout โผล่ขึ้นมาเป็นพระเอกในโลกโอเพ่นซอร์ส 🛠️ — ระบบ Help Desk ที่คุณสามารถติดตั้งเองบนเซิร์ฟเวอร์ของคุณ ไม่ต้องกลัวถูกล็อกฟีเจอร์หรือปรับราคาแบบไม่ทันตั้งตัว จุดเด่นคือความยืดหยุ่นสูงและการควบคุมข้อมูลได้เต็มมือ นอกจากนั้น FreeScout ยังมีโมดูลเสริมที่เลือกใช้ได้ตามต้องการ เช่น การเชื่อมต่อกับ Slack, Telegram หรือ CRM ต่าง ๆ รวมถึงโมดูล AI ที่ชุมชนพัฒนาขึ้นมาเอง ทำให้ธุรกิจสามารถปรับแต่งระบบให้ตรงกับความต้องการจริง ๆ โดยไม่ต้องจ่ายเกินจำเป็น อย่างไรก็ตาม การใช้ FreeScout ก็มีข้อควรระวัง ⚠️ เพราะคุณต้องดูแลการติดตั้ง อัปเดต และสำรองข้อมูลเอง หากทีมไม่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค อาจกลายเป็นภาระมากกว่าประโยชน์ ✅ FreeScout ไม่ล็อกอิน ไม่ล็อกราคา ➡️ เป็นโอเพ่นซอร์ส ใช้ฟรี ยืดหยุ่นสูง ➡️ ค่าใช้จ่ายหลักคือการโฮสต์และโมดูลเสริมที่เลือกเอง ✅ ฟีเจอร์ที่ครบครัน ➡️ มีระบบกล่องจดหมายรวม, การจัดการผู้ใช้, การตรวจจับการชนกันของเอเจนต์ ➡️ รองรับการเชื่อมต่อกับ Slack, Telegram และ CRM ✅ ควบคุมข้อมูลได้เต็มที่ ➡️ ผู้ใช้สามารถกำหนดวิธีเก็บและสำรองข้อมูลเอง ➡️ เหมาะกับองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว ✅ รองรับการใช้งานบนมือถือ ➡️ มีแอป Android และ iOS แต่ต้องตั้งค่าเพิ่มเติม ‼️ ข้อควรระวังในการใช้งาน ⛔ ต้องมีทีมเทคนิคดูแลการติดตั้งและอัปเดต ⛔ การย้ายระบบออกภายหลังอาจซับซ้อน แม้ข้อมูลยังอยู่กับผู้ใช้ https://itsfoss.com/freescout-open-source-help-desk/
    ITSFOSS.COM
    Tired of Help Scout Pulling the Rug from Under You? Try This Free, Open Source Alternative
    Discover how FreeScout lets you run your own help desk without vendor lock-in or surprise price hikes.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวใหญ่: Broadcom + CAMB.AI สร้างชิป AI สำหรับการแปลและดับบเสียงบนอุปกรณ์

    Broadcom จับมือสตาร์ทอัพ CAMB.AI พัฒนาชิป AI รุ่นใหม่ที่สามารถทำงาน แปลภาษา, ดับบเสียง และบรรยายภาพแบบเรียลไทม์บนอุปกรณ์โดยตรง โดยไม่ต้องเชื่อมต่อคลาวด์ ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว ลดความหน่วง และรองรับกว่า 150 ภาษาในอนาคต

    Broadcom ประกาศความร่วมมือกับ CAMB.AI เพื่อพัฒนาชิป AI ที่สามารถทำงานด้านเสียงและภาษาได้แบบ on-device จุดเด่นคือ:
    แปลภาษาและดับบเสียงทันที โดยไม่ต้องพึ่งพาอินเทอร์เน็ต
    บรรยายภาพ (audio description) เช่น อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นบนหน้าจอให้ผู้พิการทางสายตาเข้าใจ
    ความเป็นส่วนตัวสูงขึ้น เพราะข้อมูลไม่ต้องส่งไปยังคลาวด์
    ลดความหน่วง (latency) ทำให้การใช้งานเป็นธรรมชาติและทันที

    ในเดโมที่นำเสนอ มีการใช้คลิปจากภาพยนตร์ Ratatouille ที่ระบบสามารถแปลบทสนทนาและบรรยายภาพ เช่น “หนูกำลังวิ่งในครัว” ได้ทันทีในหลายภาษา

    แม้เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในขั้นทดสอบ แต่ CAMB.AI มีผลงานจริงแล้ว เช่น การนำไปใช้ใน NASCAR, Comcast และ Eurovision Song Contest ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพเชิงพาณิชย์

    สาระเพิ่มเติมจากภายนอก
    แนวโน้ม AI on-device กำลังมาแรง เพราะช่วยลดการพึ่งพาเครือข่ายและเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล
    Apple และ Google ก็พัฒนา AI บนชิปมือถือเพื่อรองรับงานด้านภาษาและภาพเช่นกัน
    หาก Broadcom และ CAMB.AI ทำสำเร็จ อาจเปิดตลาดใหม่สำหรับ ทีวี, สมาร์ทโฟน และอุปกรณ์สื่อสาร ที่สามารถแปลและบรรยายได้ทันที
    เทคโนโลยีนี้ยังมีความสำคัญต่อ การเข้าถึง (Accessibility) โดยเฉพาะผู้พิการทางสายตาและผู้ใช้ที่ต้องการสื่อสารข้ามภาษา

    Broadcom จับมือ CAMB.AI พัฒนาชิป AI ใหม่
    ทำงานด้านแปลภาษา, ดับบเสียง และบรรยายภาพแบบเรียลไทม์บนอุปกรณ์

    เดโมจาก Ratatouille แสดงศักยภาพ
    แปลบทสนทนาและบรรยายภาพทันทีในหลายภาษา

    การใช้งานจริงแล้วในหลายองค์กร
    NASCAR, Comcast และ Eurovision Song Contest

    รองรับกว่า 150 ภาษาในอนาคต
    เพิ่มความเป็นส่วนตัวและลดความหน่วงเพราะไม่ต้องพึ่งพาคลาวด์

    คำเตือนและข้อจำกัด
    เทคโนโลยียังอยู่ในขั้นทดสอบ ประสิทธิภาพจริงอาจไม่ตรงกับเดโม
    หากไม่พัฒนาให้เสถียร อาจกระทบต่อการใช้งานในเชิงพาณิชย์

    https://securityonline.info/broadcom-camb-ai-developing-ai-chip-for-real-time-on-device-dubbing/
    🎙️ ข่าวใหญ่: Broadcom + CAMB.AI สร้างชิป AI สำหรับการแปลและดับบเสียงบนอุปกรณ์ Broadcom จับมือสตาร์ทอัพ CAMB.AI พัฒนาชิป AI รุ่นใหม่ที่สามารถทำงาน แปลภาษา, ดับบเสียง และบรรยายภาพแบบเรียลไทม์บนอุปกรณ์โดยตรง โดยไม่ต้องเชื่อมต่อคลาวด์ ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว ลดความหน่วง และรองรับกว่า 150 ภาษาในอนาคต Broadcom ประกาศความร่วมมือกับ CAMB.AI เพื่อพัฒนาชิป AI ที่สามารถทำงานด้านเสียงและภาษาได้แบบ on-device จุดเด่นคือ: 🔰 แปลภาษาและดับบเสียงทันที โดยไม่ต้องพึ่งพาอินเทอร์เน็ต 🔰 บรรยายภาพ (audio description) เช่น อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นบนหน้าจอให้ผู้พิการทางสายตาเข้าใจ 🔰 ความเป็นส่วนตัวสูงขึ้น เพราะข้อมูลไม่ต้องส่งไปยังคลาวด์ 🔰 ลดความหน่วง (latency) ทำให้การใช้งานเป็นธรรมชาติและทันที ในเดโมที่นำเสนอ มีการใช้คลิปจากภาพยนตร์ Ratatouille ที่ระบบสามารถแปลบทสนทนาและบรรยายภาพ เช่น “หนูกำลังวิ่งในครัว” ได้ทันทีในหลายภาษา แม้เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในขั้นทดสอบ แต่ CAMB.AI มีผลงานจริงแล้ว เช่น การนำไปใช้ใน NASCAR, Comcast และ Eurovision Song Contest ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพเชิงพาณิชย์ 🔍 สาระเพิ่มเติมจากภายนอก 💠 แนวโน้ม AI on-device กำลังมาแรง เพราะช่วยลดการพึ่งพาเครือข่ายและเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล 💠 Apple และ Google ก็พัฒนา AI บนชิปมือถือเพื่อรองรับงานด้านภาษาและภาพเช่นกัน 💠 หาก Broadcom และ CAMB.AI ทำสำเร็จ อาจเปิดตลาดใหม่สำหรับ ทีวี, สมาร์ทโฟน และอุปกรณ์สื่อสาร ที่สามารถแปลและบรรยายได้ทันที 💠 เทคโนโลยีนี้ยังมีความสำคัญต่อ การเข้าถึง (Accessibility) โดยเฉพาะผู้พิการทางสายตาและผู้ใช้ที่ต้องการสื่อสารข้ามภาษา ✅ Broadcom จับมือ CAMB.AI พัฒนาชิป AI ใหม่ ➡️ ทำงานด้านแปลภาษา, ดับบเสียง และบรรยายภาพแบบเรียลไทม์บนอุปกรณ์ ✅ เดโมจาก Ratatouille แสดงศักยภาพ ➡️ แปลบทสนทนาและบรรยายภาพทันทีในหลายภาษา ✅ การใช้งานจริงแล้วในหลายองค์กร ➡️ NASCAR, Comcast และ Eurovision Song Contest ✅ รองรับกว่า 150 ภาษาในอนาคต ➡️ เพิ่มความเป็นส่วนตัวและลดความหน่วงเพราะไม่ต้องพึ่งพาคลาวด์ ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ เทคโนโลยียังอยู่ในขั้นทดสอบ ประสิทธิภาพจริงอาจไม่ตรงกับเดโม ⛔ หากไม่พัฒนาให้เสถียร อาจกระทบต่อการใช้งานในเชิงพาณิชย์ https://securityonline.info/broadcom-camb-ai-developing-ai-chip-for-real-time-on-device-dubbing/
    SECURITYONLINE.INFO
    Broadcom & CAMB.AI Developing AI Chip for Real-Time On-Device Dubbing
    Broadcom partnered with CAMB.AI to develop an AI chip for real-time, on-device audio translation and dubbing in 150+ languages, promising ultra-low latency.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • อุ๊ย!!ทำได้ด้วย?? คนบนเรือแตงโม ขอเจ้าหน้าที่ลบข้อมูลมือถือ (11/11/68)
    .
    #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #คดีแตงโม #แตงโมนิดา #ข้อมูลมือถือ #สืบสวนคดี #ข่าวอาชญากรรม #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate #ข่าวtiktok
    อุ๊ย!!ทำได้ด้วย?? คนบนเรือแตงโม ขอเจ้าหน้าที่ลบข้อมูลมือถือ (11/11/68) . #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #คดีแตงโม #แตงโมนิดา #ข้อมูลมือถือ #สืบสวนคดี #ข่าวอาชญากรรม #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate #ข่าวtiktok
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • "สหรัฐฯ เตรียมแบน TP-Link — ความปลอดภัยไซเบอร์หรือสงครามการค้า? "

    รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาแบนการขายอุปกรณ์เครือข่ายจาก TP-Link Systems ซึ่งครองตลาดผู้ใช้ตามบ้านและธุรกิจขนาดเล็กกว่า 50% โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงและความเชื่อมโยงกับรัฐบาลจีน แม้ TP-Link จะปฏิเสธข้อกล่าวหาและยืนยันว่าเป็นบริษัทอเมริกันที่แยกตัวจากจีนแล้วก็ตาม

    เหตุผลที่สหรัฐฯ เตรียมแบน TP-Link
    TP-Link ถูกกล่าวหาว่าอาจอยู่ภายใต้อิทธิพลของรัฐบาลจีน
    แม้จะมีสำนักงานใหญ่ในแคลิฟอร์เนียและโรงงานในเวียดนาม แต่ยังมีการดำเนินงานบางส่วนในจีน

    อุปกรณ์ TP-Link พบในฐานทัพสหรัฐฯ และร้านค้าสำหรับทหาร
    สร้างความกังวลเรื่องการสอดแนมและการโจมตีไซเบอร์

    ราคาถูกและประสิทธิภาพดี ทำให้ TP-Link เป็นที่นิยมในตลาด
    โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP)

    ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่ถูกเปิดเผย
    กลุ่มแฮกเกอร์ Camaro Dragon ใช้ firmware ปลอมโจมตีหน่วยงานต่างประเทศ
    พบเฉพาะในอุปกรณ์ TP-Link แต่มีความเสี่ยงต่ออุปกรณ์อื่นด้วย

    Microsoft พบว่า TP-Link ถูกใช้ในการโจมตีแบบ “password spraying”
    กลุ่มแฮกเกอร์จีนใช้ router ที่ถูกเจาะระบบเพื่อเข้าถึงบัญชี Microsoft

    อุปกรณ์ใหม่มักมี firmware ที่ล้าสมัยและตั้งค่าความปลอดภัยไม่ดี
    เช่น รหัสผ่านเริ่มต้นที่ไม่ได้เปลี่ยน ทำให้ถูกโจมตีได้ง่าย

    ทางเลือกสำหรับผู้ใช้ TP-Link
    ใช้ firmware แบบ open-source เช่น OpenWRT หรือ DD-WRT
    เพิ่มความปลอดภัยและฟีเจอร์ เช่น VPN, ad blocker, network monitor

    เปลี่ยน router หากอุปกรณ์เก่าเกิน 4–5 ปี
    เพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่ดีกว่า

    ตรวจสอบว่า router ได้รับการอัปเดตจาก ISP หรือไม่
    หากเป็นอุปกรณ์ที่เช่า ควรปรึกษาผู้ให้บริการก่อนเปลี่ยน

    แนวโน้มของตลาด router และความปลอดภัย
    ผู้ผลิตเริ่มบังคับให้ผู้ใช้เปลี่ยนรหัสผ่านและอัปเดต firmware ตั้งแต่แรก
    เช่น Amazon Eero, Netgear Orbi, Asus ZenWifi

    router ราคาถูกมักบังคับให้ติดตั้งผ่านแอปมือถือ
    อาจไม่สะดวกสำหรับผู้ใช้ที่ชอบตั้งค่าด้วยตนเอง

    https://krebsonsecurity.com/2025/11/drilling-down-on-uncle-sams-proposed-tp-link-ban/
    📡 "สหรัฐฯ เตรียมแบน TP-Link — ความปลอดภัยไซเบอร์หรือสงครามการค้า? 🔒🇺🇸" รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาแบนการขายอุปกรณ์เครือข่ายจาก TP-Link Systems ซึ่งครองตลาดผู้ใช้ตามบ้านและธุรกิจขนาดเล็กกว่า 50% โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงและความเชื่อมโยงกับรัฐบาลจีน แม้ TP-Link จะปฏิเสธข้อกล่าวหาและยืนยันว่าเป็นบริษัทอเมริกันที่แยกตัวจากจีนแล้วก็ตาม 🔖 เหตุผลที่สหรัฐฯ เตรียมแบน TP-Link ✅ TP-Link ถูกกล่าวหาว่าอาจอยู่ภายใต้อิทธิพลของรัฐบาลจีน ➡️ แม้จะมีสำนักงานใหญ่ในแคลิฟอร์เนียและโรงงานในเวียดนาม แต่ยังมีการดำเนินงานบางส่วนในจีน ✅ อุปกรณ์ TP-Link พบในฐานทัพสหรัฐฯ และร้านค้าสำหรับทหาร ➡️ สร้างความกังวลเรื่องการสอดแนมและการโจมตีไซเบอร์ ✅ ราคาถูกและประสิทธิภาพดี ทำให้ TP-Link เป็นที่นิยมในตลาด ➡️ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ⛔🚫 ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่ถูกเปิดเผย ‼️ กลุ่มแฮกเกอร์ Camaro Dragon ใช้ firmware ปลอมโจมตีหน่วยงานต่างประเทศ ⛔ พบเฉพาะในอุปกรณ์ TP-Link แต่มีความเสี่ยงต่ออุปกรณ์อื่นด้วย ‼️ Microsoft พบว่า TP-Link ถูกใช้ในการโจมตีแบบ “password spraying” ⛔ กลุ่มแฮกเกอร์จีนใช้ router ที่ถูกเจาะระบบเพื่อเข้าถึงบัญชี Microsoft ‼️ อุปกรณ์ใหม่มักมี firmware ที่ล้าสมัยและตั้งค่าความปลอดภัยไม่ดี ⛔ เช่น รหัสผ่านเริ่มต้นที่ไม่ได้เปลี่ยน ทำให้ถูกโจมตีได้ง่าย ✅ ทางเลือกสำหรับผู้ใช้ TP-Link ✅ ใช้ firmware แบบ open-source เช่น OpenWRT หรือ DD-WRT ➡️ เพิ่มความปลอดภัยและฟีเจอร์ เช่น VPN, ad blocker, network monitor ✅ เปลี่ยน router หากอุปกรณ์เก่าเกิน 4–5 ปี ➡️ เพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่ดีกว่า ✅ ตรวจสอบว่า router ได้รับการอัปเดตจาก ISP หรือไม่ ➡️ หากเป็นอุปกรณ์ที่เช่า ควรปรึกษาผู้ให้บริการก่อนเปลี่ยน ✅ แนวโน้มของตลาด router และความปลอดภัย ✅ ผู้ผลิตเริ่มบังคับให้ผู้ใช้เปลี่ยนรหัสผ่านและอัปเดต firmware ตั้งแต่แรก ➡️ เช่น Amazon Eero, Netgear Orbi, Asus ZenWifi ✅ router ราคาถูกมักบังคับให้ติดตั้งผ่านแอปมือถือ ➡️ อาจไม่สะดวกสำหรับผู้ใช้ที่ชอบตั้งค่าด้วยตนเอง https://krebsonsecurity.com/2025/11/drilling-down-on-uncle-sams-proposed-tp-link-ban/
    KREBSONSECURITY.COM
    Drilling Down on Uncle Sam’s Proposed TP-Link Ban
    The U.S. government is reportedly preparing to ban the sale of wireless routers and other networking gear from TP-Link Systems, a tech company that currently enjoys an estimated 50% market share among home users and small businesses. Experts say while…
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • มือถือใหม่ไร้สาย? ผู้ใช้ Android แบ่งสองฝ่ายเรื่อง “ไม่มีสาย USB” ในกล่อง

    บทความจาก SlashGear เปิดประเด็นร้อนในวงการสมาร์ทโฟน เมื่อผู้ใช้ Android เริ่มแตกเป็นสองฝ่ายเกี่ยวกับแนวโน้มใหม่ที่ผู้ผลิตเริ่ม “ตัดสาย USB” ออกจากกล่องมือถือ โดยเฉพาะหลังจาก Sony Xperia 10 VII เปิดตัวโดยไม่มีสาย USB มาให้ ซึ่งอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในอนาคต

    ย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน การซื้อโทรศัพท์มือถือคือการได้รับ “ทุกอย่างในกล่อง” ตั้งแต่แบตเตอรี่ สายชาร์จ หูฟัง ไปจนถึงเคสและฟิล์มกันรอย แต่วันนี้ภาพนั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

    Apple เคยถูกวิจารณ์หนักเมื่อเปิดตัว iPhone 12 โดยไม่มีหัวชาร์จและหูฟังในกล่อง แต่กลับขายดีถล่มทลาย ทำให้แบรนด์ Android อย่าง Samsung ก็เริ่มเดินตาม เช่น Galaxy S21 ที่ไม่มีหัวชาร์จเช่นกัน

    ล่าสุด Sony ก้าวไปอีกขั้นด้วยการตัดสาย USB ออกจากกล่อง Xperia 10 VII โดยให้เหตุผลเรื่องสิ่งแวดล้อมและการลดขนาดบรรจุภัณฑ์ ซึ่งผู้ใช้บางส่วนเห็นด้วย แต่หลายคนก็ไม่พอใจ เพราะต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อซื้ออุปกรณ์ที่ควรจะ “มาพร้อมเครื่อง”

    เสริมสาระ: ทำไมแบรนด์ถึงตัดอุปกรณ์ออก?
    สิ่งแวดล้อม: Apple อ้างว่าการตัดหัวชาร์จช่วยลดการใช้วัสดุและลดคาร์บอนถึง 2 ล้านตันต่อปี
    ความแพร่หลายของ USB-C: ปัจจุบันอุปกรณ์ส่วนใหญ่ใช้สาย USB-C เหมือนกัน ทำให้ผู้ใช้มีสายอยู่แล้ว
    การผลักดันสู่การชาร์จไร้สาย: เทคโนโลยีอย่าง MagSafe และ Qi2 เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น

    แต่ผู้ใช้หลายคนโต้แย้งว่า:
    สายเก่าอาจไม่รองรับกำลังไฟใหม่ ทำให้ชาร์จช้า
    การซื้ออุปกรณ์เพิ่มคือการผลักภาระให้ผู้บริโภค
    ราคามือถือเพิ่มขึ้น แต่สิ่งที่ได้กลับน้อยลง

    สิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดมือถือ
    Sony Xperia 10 VII ไม่มีสาย USB ในกล่อง
    Apple และ Samsung เคยตัดหัวชาร์จออกมาก่อน
    ผู้ผลิตอ้างเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อมและลดขนาดกล่อง
    USB-C กลายเป็นมาตรฐาน ทำให้ผู้ใช้มีสายอยู่แล้ว
    การชาร์จไร้สายเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    สายเก่าอาจไม่รองรับกำลังไฟใหม่ ทำให้ชาร์จช้า
    ผู้ใช้ต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อซื้ออุปกรณ์ที่ควรมีในกล่อง
    การตัดอุปกรณ์อาจเป็น “greenwashing” มากกว่าความตั้งใจจริง
    ราคามือถือเพิ่มขึ้น แต่สิ่งที่ได้กลับลดลง

    https://www.slashgear.com/2017210/android-users-opinion-no-usb-with-new-smartphone/
    📦 มือถือใหม่ไร้สาย? ผู้ใช้ Android แบ่งสองฝ่ายเรื่อง “ไม่มีสาย USB” ในกล่อง บทความจาก SlashGear เปิดประเด็นร้อนในวงการสมาร์ทโฟน เมื่อผู้ใช้ Android เริ่มแตกเป็นสองฝ่ายเกี่ยวกับแนวโน้มใหม่ที่ผู้ผลิตเริ่ม “ตัดสาย USB” ออกจากกล่องมือถือ โดยเฉพาะหลังจาก Sony Xperia 10 VII เปิดตัวโดยไม่มีสาย USB มาให้ ซึ่งอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในอนาคต ย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน การซื้อโทรศัพท์มือถือคือการได้รับ “ทุกอย่างในกล่อง” ตั้งแต่แบตเตอรี่ สายชาร์จ หูฟัง ไปจนถึงเคสและฟิล์มกันรอย แต่วันนี้ภาพนั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง Apple เคยถูกวิจารณ์หนักเมื่อเปิดตัว iPhone 12 โดยไม่มีหัวชาร์จและหูฟังในกล่อง แต่กลับขายดีถล่มทลาย ทำให้แบรนด์ Android อย่าง Samsung ก็เริ่มเดินตาม เช่น Galaxy S21 ที่ไม่มีหัวชาร์จเช่นกัน ล่าสุด Sony ก้าวไปอีกขั้นด้วยการตัดสาย USB ออกจากกล่อง Xperia 10 VII โดยให้เหตุผลเรื่องสิ่งแวดล้อมและการลดขนาดบรรจุภัณฑ์ ซึ่งผู้ใช้บางส่วนเห็นด้วย แต่หลายคนก็ไม่พอใจ เพราะต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อซื้ออุปกรณ์ที่ควรจะ “มาพร้อมเครื่อง” 🧠 เสริมสาระ: ทำไมแบรนด์ถึงตัดอุปกรณ์ออก? 🔰 สิ่งแวดล้อม: Apple อ้างว่าการตัดหัวชาร์จช่วยลดการใช้วัสดุและลดคาร์บอนถึง 2 ล้านตันต่อปี 🔰 ความแพร่หลายของ USB-C: ปัจจุบันอุปกรณ์ส่วนใหญ่ใช้สาย USB-C เหมือนกัน ทำให้ผู้ใช้มีสายอยู่แล้ว 🔰 การผลักดันสู่การชาร์จไร้สาย: เทคโนโลยีอย่าง MagSafe และ Qi2 เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น แต่ผู้ใช้หลายคนโต้แย้งว่า: 🔰 สายเก่าอาจไม่รองรับกำลังไฟใหม่ ทำให้ชาร์จช้า 🔰 การซื้ออุปกรณ์เพิ่มคือการผลักภาระให้ผู้บริโภค 🔰 ราคามือถือเพิ่มขึ้น แต่สิ่งที่ได้กลับน้อยลง ✅ สิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดมือถือ ➡️ Sony Xperia 10 VII ไม่มีสาย USB ในกล่อง ➡️ Apple และ Samsung เคยตัดหัวชาร์จออกมาก่อน ➡️ ผู้ผลิตอ้างเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อมและลดขนาดกล่อง ➡️ USB-C กลายเป็นมาตรฐาน ทำให้ผู้ใช้มีสายอยู่แล้ว ➡️ การชาร์จไร้สายเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ สายเก่าอาจไม่รองรับกำลังไฟใหม่ ทำให้ชาร์จช้า ⛔ ผู้ใช้ต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อซื้ออุปกรณ์ที่ควรมีในกล่อง ⛔ การตัดอุปกรณ์อาจเป็น “greenwashing” มากกว่าความตั้งใจจริง ⛔ ราคามือถือเพิ่มขึ้น แต่สิ่งที่ได้กลับลดลง https://www.slashgear.com/2017210/android-users-opinion-no-usb-with-new-smartphone/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Android Users Split Over Lack Of USB Cord With New Phone. Half Of Them Are Right - SlashGear
    Smartphone manufacturers eliminating USB cords with packaging is nothing new. So what is the consumer upside? SlashGear's Gozie Ibekwe examines.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตู้เย็นอัจฉริยะยิ่งกว่าเดิม! Samsung Family Hub™ 2025 อัปเดตใหม่ เพิ่ม AI, ความปลอดภัย และประสบการณ์ผู้ใช้แบบไร้รอยต่อ

    Samsung เปิดตัวอัปเดตซอฟต์แวร์ใหม่สำหรับตู้เย็น Family Hub™ รุ่นปี 2025 ที่ยกระดับการใช้งานในบ้านอัจฉริยะ ด้วยอินเทอร์เฟซใหม่ ฟีเจอร์ AI ที่ฉลาดขึ้น และระบบความปลอดภัยที่แข็งแกร่งกว่าเดิม

    อัปเดตใหม่นี้เริ่มทยอยปล่อยให้ผู้ใช้ Family Hub™ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2025 โดยมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญหลายด้าน:
    อินเทอร์เฟซใหม่ One UI ที่เคยใช้ในเครื่องใช้ไฟฟ้า Bespoke AI จะถูกนำมาใช้กับ Family Hub™ รุ่น 2024 เพื่อให้ประสบการณ์ใช้งานระหว่างทีวี มือถือ และเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นหนึ่งเดียว
    AI Vision Inside ฉลาดขึ้น! สามารถจดจำผักผลไม้สดได้ถึง 37 ชนิด และอาหารบรรจุแพ็คได้ถึง 50 รายการ ช่วยลดของเสียและประหยัดเงิน
    Bixby Voice ID แยกแยะผู้ใช้แต่ละคนได้ ทำให้เข้าถึงปฏิทิน รูปภาพ หรือค้นหาโทรศัพท์ได้แม้จะอยู่ในโหมดเงียบ
    Knox Matrix ระบบความปลอดภัยที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ถูกขยายไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ เช่น เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้า
    Widget ใหม่บนหน้าจอ Cover แสดงข่าวสาร สภาพอากาศ และโฆษณาแบบเลือกปิดได้

    ฟีเจอร์ใหม่ใน Family Hub™ 2025
    อินเทอร์เฟซ One UI แบบใหม่ ใช้งานง่ายขึ้น
    AI Vision Inside จดจำอาหารสดและบรรจุภัณฑ์ได้มากขึ้น
    Voice ID แยกผู้ใช้และซิงค์กับบัญชี Samsung
    รองรับการค้นหาโทรศัพท์แม้ในโหมดเงียบ
    ปรับธีมหน้าจอ Cover พร้อม Daily Board ใหม่
    เพิ่มวิดเจ็ตข่าว ปฏิทิน และพยากรณ์อากาศ
    Knox Matrix ปกป้องอุปกรณ์ด้วยระบบ Trust Chain
    เพิ่มแดชบอร์ดความปลอดภัยแบบเรียลไทม์
    รองรับการเข้ารหัส Credential Sync และ Passkey
    อัปเดตผ่านหน้าจอตู้เย็นได้โดยตรง

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    AI Vision ยังไม่สามารถจดจำอาหารในช่องแช่แข็งหรือประตูตู้เย็นได้
    Voice ID ต้องลงทะเบียนล่วงหน้าในบัญชี Samsung และใช้ได้เฉพาะ Galaxy S24 ขึ้นไป
    วิดเจ็ตโฆษณาอาจรบกวนสายตา แม้จะสามารถปิดได้
    บางฟีเจอร์อาจใช้ไม่ได้ในบางประเทศหรือขึ้นอยู่กับรุ่นของอุปกรณ์

    https://news.samsung.com/us/samsung-family-hub-2025-update-elevates-smart-home-ecosystem/
    🧊 ตู้เย็นอัจฉริยะยิ่งกว่าเดิม! Samsung Family Hub™ 2025 อัปเดตใหม่ เพิ่ม AI, ความปลอดภัย และประสบการณ์ผู้ใช้แบบไร้รอยต่อ Samsung เปิดตัวอัปเดตซอฟต์แวร์ใหม่สำหรับตู้เย็น Family Hub™ รุ่นปี 2025 ที่ยกระดับการใช้งานในบ้านอัจฉริยะ ด้วยอินเทอร์เฟซใหม่ ฟีเจอร์ AI ที่ฉลาดขึ้น และระบบความปลอดภัยที่แข็งแกร่งกว่าเดิม อัปเดตใหม่นี้เริ่มทยอยปล่อยให้ผู้ใช้ Family Hub™ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2025 โดยมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญหลายด้าน: 🔰 อินเทอร์เฟซใหม่ One UI ที่เคยใช้ในเครื่องใช้ไฟฟ้า Bespoke AI จะถูกนำมาใช้กับ Family Hub™ รุ่น 2024 เพื่อให้ประสบการณ์ใช้งานระหว่างทีวี มือถือ และเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นหนึ่งเดียว 🔰 AI Vision Inside ฉลาดขึ้น! สามารถจดจำผักผลไม้สดได้ถึง 37 ชนิด และอาหารบรรจุแพ็คได้ถึง 50 รายการ ช่วยลดของเสียและประหยัดเงิน 🔰 Bixby Voice ID แยกแยะผู้ใช้แต่ละคนได้ ทำให้เข้าถึงปฏิทิน รูปภาพ หรือค้นหาโทรศัพท์ได้แม้จะอยู่ในโหมดเงียบ 🔰 Knox Matrix ระบบความปลอดภัยที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ถูกขยายไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ เช่น เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้า 🔰 Widget ใหม่บนหน้าจอ Cover แสดงข่าวสาร สภาพอากาศ และโฆษณาแบบเลือกปิดได้ ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน Family Hub™ 2025 ➡️ อินเทอร์เฟซ One UI แบบใหม่ ใช้งานง่ายขึ้น ➡️ AI Vision Inside จดจำอาหารสดและบรรจุภัณฑ์ได้มากขึ้น ➡️ Voice ID แยกผู้ใช้และซิงค์กับบัญชี Samsung ➡️ รองรับการค้นหาโทรศัพท์แม้ในโหมดเงียบ ➡️ ปรับธีมหน้าจอ Cover พร้อม Daily Board ใหม่ ➡️ เพิ่มวิดเจ็ตข่าว ปฏิทิน และพยากรณ์อากาศ ➡️ Knox Matrix ปกป้องอุปกรณ์ด้วยระบบ Trust Chain ➡️ เพิ่มแดชบอร์ดความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ ➡️ รองรับการเข้ารหัส Credential Sync และ Passkey ➡️ อัปเดตผ่านหน้าจอตู้เย็นได้โดยตรง ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ AI Vision ยังไม่สามารถจดจำอาหารในช่องแช่แข็งหรือประตูตู้เย็นได้ ⛔ Voice ID ต้องลงทะเบียนล่วงหน้าในบัญชี Samsung และใช้ได้เฉพาะ Galaxy S24 ขึ้นไป ⛔ วิดเจ็ตโฆษณาอาจรบกวนสายตา แม้จะสามารถปิดได้ ⛔ บางฟีเจอร์อาจใช้ไม่ได้ในบางประเทศหรือขึ้นอยู่กับรุ่นของอุปกรณ์ https://news.samsung.com/us/samsung-family-hub-2025-update-elevates-smart-home-ecosystem/
    NEWS.SAMSUNG.COM
    Samsung Family Hub™ for 2025 Update Elevates the Smart Home Ecosystem
    The software update includes a more unified user experience across connected devices, enhancements to AI Vision Inside™, expanded Knox Security and more
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple เตรียมยกระดับฟีเจอร์ดาวเทียมบน iPhone – ไม่ใช่แค่ SOS แต่รวมถึงการส่งข้อความและบริการใหม่ในอนาคต

    Apple กำลังพัฒนาเทคโนโลยีดาวเทียมบน iPhone ให้ก้าวข้ามการใช้งานฉุกเฉินแบบเดิม โดยมีแผนเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น การส่งข้อความผ่านดาวเทียม และบริการที่อาจเกี่ยวข้องกับการนำทางหรือข้อมูลตำแหน่งแบบเรียลไทม์ในอนาคต

    จาก SOS สู่การสื่อสารเต็มรูปแบบ Apple เปิดตัวฟีเจอร์ “Emergency SOS via Satellite” ตั้งแต่ iPhone 14 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือในพื้นที่ไม่มีสัญญาณมือถือ โดยใช้เครือข่ายดาวเทียม Globalstar

    ตอนนี้ Apple กำลังขยายขอบเขตของเทคโนโลยีนี้ให้ครอบคลุมการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น เช่น:
    การส่งข้อความผ่านดาวเทียมแบบสองทาง
    การแชร์ตำแหน่งแบบเรียลไทม์
    การรับข้อมูลสภาพอากาศหรือการแจ้งเตือนภัยพิบัติ

    การลงทุนและพันธมิตร Apple ได้ลงทุนกว่า 450 ล้านดอลลาร์ ในโครงสร้างพื้นฐานดาวเทียม โดยเฉพาะกับ Globalstar ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักในการให้บริการสัญญาณดาวเทียมสำหรับ iPhone

    อนาคตของการเชื่อมต่อไร้สัญญาณ Apple อาจกำลังวางรากฐานสำหรับบริการที่ไม่ต้องพึ่งเครือข่ายมือถือเลย เช่น:
    การสื่อสารในพื้นที่ห่างไกลหรือกลางทะเล
    การใช้งานในสถานการณ์ฉุกเฉินระดับประเทศ
    การเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ผ่านดาวเทียม

    https://wccftech.com/apple-moving-beyond-connectivity-to-bring-new-satellite-based-features-to-iphones/
    📡 Apple เตรียมยกระดับฟีเจอร์ดาวเทียมบน iPhone – ไม่ใช่แค่ SOS แต่รวมถึงการส่งข้อความและบริการใหม่ในอนาคต Apple กำลังพัฒนาเทคโนโลยีดาวเทียมบน iPhone ให้ก้าวข้ามการใช้งานฉุกเฉินแบบเดิม โดยมีแผนเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น การส่งข้อความผ่านดาวเทียม และบริการที่อาจเกี่ยวข้องกับการนำทางหรือข้อมูลตำแหน่งแบบเรียลไทม์ในอนาคต ✅ จาก SOS สู่การสื่อสารเต็มรูปแบบ Apple เปิดตัวฟีเจอร์ “Emergency SOS via Satellite” ตั้งแต่ iPhone 14 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือในพื้นที่ไม่มีสัญญาณมือถือ โดยใช้เครือข่ายดาวเทียม Globalstar ตอนนี้ Apple กำลังขยายขอบเขตของเทคโนโลยีนี้ให้ครอบคลุมการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น เช่น: 🎗️ การส่งข้อความผ่านดาวเทียมแบบสองทาง 🎗️ การแชร์ตำแหน่งแบบเรียลไทม์ 🎗️ การรับข้อมูลสภาพอากาศหรือการแจ้งเตือนภัยพิบัติ ✅ การลงทุนและพันธมิตร Apple ได้ลงทุนกว่า 450 ล้านดอลลาร์ ในโครงสร้างพื้นฐานดาวเทียม โดยเฉพาะกับ Globalstar ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักในการให้บริการสัญญาณดาวเทียมสำหรับ iPhone ✅ อนาคตของการเชื่อมต่อไร้สัญญาณ Apple อาจกำลังวางรากฐานสำหรับบริการที่ไม่ต้องพึ่งเครือข่ายมือถือเลย เช่น: 🎗️ การสื่อสารในพื้นที่ห่างไกลหรือกลางทะเล 🎗️ การใช้งานในสถานการณ์ฉุกเฉินระดับประเทศ 🎗️ การเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ผ่านดาวเทียม https://wccftech.com/apple-moving-beyond-connectivity-to-bring-new-satellite-based-features-to-iphones/
    WCCFTECH.COM
    iPhone's Satellite Connection Is About to Get 5 New Features, And They're Not Just for Emergencies
    Apple is moving beyond equipping its iPhones with satellite connectivity, and plans to introduce five new satellite-based features shortly.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • “แบตมือถือเล็กลงไม่ใช่เพราะงก – แต่เพราะกฎบิน!”

    ข้อบังคับด้านความปลอดภัยทางอากาศส่งผลให้ Apple และ Samsung ต้องลดขนาดแบตเตอรี่ในสมาร์ทโฟน แบตเตอรี่สมาร์ทโฟนที่มีความจุสูงอาจถูกจัดเป็น “วัตถุอันตราย” ในการขนส่งทางอากาศ ทำให้แบรนด์ใหญ่อย่าง Apple และ Samsung ต้องเลือกใช้แบตเตอรี่ขนาดเล็กลงเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดด้านการขนส่งในสหรัฐฯ และยุโรป

    เคยสงสัยไหมว่าทำไมมือถือจากแบรนด์จีนถึงมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ระดับ 6,500mAh แต่ Apple และ Samsung กลับเลือกใช้แบตเตอรี่ที่เล็กกว่ามาก? คำตอบอาจไม่ใช่เรื่องต้นทุน แต่เป็นเพราะ ข้อบังคับด้านความปลอดภัยทางอากาศ ที่เข้มงวดในสหรัฐฯ และยุโรป

    ตามเอกสารแนวทางของ IATA (International Air Transport Association) สำหรับปี 2025 ระบุว่าแบตเตอรี่ที่มีค่า Watt-hour (Wh) เกิน 20Wh จะถูกจัดเป็น “วัตถุอันตราย” ซึ่งต้องผ่านการตรวจสอบพิเศษ มีฉลากเตือน และบรรจุภัณฑ์เฉพาะ

    แบรนด์จีนสามารถใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ได้เพราะจำหน่ายในประเทศที่ไม่มีข้อจำกัดด้านการขนส่งทางอากาศเข้มงวดเท่าสหรัฐฯ และยุโรป เช่น vivo X300 Pro ที่มีแบตเตอรี่ 6,510mAh ในจีน แต่ลดเหลือ 5,440mAh ในเวอร์ชันยุโรป

    ข้อบังคับนี้ส่งผลให้ Apple และ Samsung ต้องออกแบบสมาร์ทโฟนให้มีแบตเตอรี่ขนาดเล็กลง เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากในการขนส่งและลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์

    ข้อบังคับด้านความปลอดภัยทางอากาศจำกัดขนาดแบตเตอรี่
    แบตเตอรี่เกิน 20Wh ถูกจัดเป็น “วัตถุอันตราย”
    ต้องมีฉลากเตือนและบรรจุภัณฑ์พิเศษ
    ส่งผลต่อการออกแบบสมาร์ทโฟนของ Apple และ Samsung

    วิธีคำนวณค่า Watt-hour จาก mAh
    สูตร: mAh ÷ 1000 × 3.7V
    ตัวอย่าง: 4,000mAh = 14.8Wh
    เกิน 5,400mAh อาจทะลุ 20Wh

    แบรนด์จีนสามารถใช้แบตเตอรี่ใหญ่กว่า
    vivo X300 Pro มีแบต 6,510mAh ในจีน
    ลดเหลือ 5,440mAh ในเวอร์ชันยุโรป
    เพราะไม่มีข้อจำกัดด้านการขนส่งในบางประเทศ

    https://wccftech.com/air-safety-regulations-are-pushing-apple-and-samsung-to-use-a-smaller-smartphone-battery/
    ✈️ “แบตมือถือเล็กลงไม่ใช่เพราะงก – แต่เพราะกฎบิน!” ข้อบังคับด้านความปลอดภัยทางอากาศส่งผลให้ Apple และ Samsung ต้องลดขนาดแบตเตอรี่ในสมาร์ทโฟน แบตเตอรี่สมาร์ทโฟนที่มีความจุสูงอาจถูกจัดเป็น “วัตถุอันตราย” ในการขนส่งทางอากาศ ทำให้แบรนด์ใหญ่อย่าง Apple และ Samsung ต้องเลือกใช้แบตเตอรี่ขนาดเล็กลงเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดด้านการขนส่งในสหรัฐฯ และยุโรป เคยสงสัยไหมว่าทำไมมือถือจากแบรนด์จีนถึงมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ระดับ 6,500mAh แต่ Apple และ Samsung กลับเลือกใช้แบตเตอรี่ที่เล็กกว่ามาก? คำตอบอาจไม่ใช่เรื่องต้นทุน แต่เป็นเพราะ ข้อบังคับด้านความปลอดภัยทางอากาศ ที่เข้มงวดในสหรัฐฯ และยุโรป ตามเอกสารแนวทางของ IATA (International Air Transport Association) สำหรับปี 2025 ระบุว่าแบตเตอรี่ที่มีค่า Watt-hour (Wh) เกิน 20Wh จะถูกจัดเป็น “วัตถุอันตราย” ซึ่งต้องผ่านการตรวจสอบพิเศษ มีฉลากเตือน และบรรจุภัณฑ์เฉพาะ แบรนด์จีนสามารถใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ได้เพราะจำหน่ายในประเทศที่ไม่มีข้อจำกัดด้านการขนส่งทางอากาศเข้มงวดเท่าสหรัฐฯ และยุโรป เช่น vivo X300 Pro ที่มีแบตเตอรี่ 6,510mAh ในจีน แต่ลดเหลือ 5,440mAh ในเวอร์ชันยุโรป ข้อบังคับนี้ส่งผลให้ Apple และ Samsung ต้องออกแบบสมาร์ทโฟนให้มีแบตเตอรี่ขนาดเล็กลง เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากในการขนส่งและลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ ✅ ข้อบังคับด้านความปลอดภัยทางอากาศจำกัดขนาดแบตเตอรี่ ➡️ แบตเตอรี่เกิน 20Wh ถูกจัดเป็น “วัตถุอันตราย” ➡️ ต้องมีฉลากเตือนและบรรจุภัณฑ์พิเศษ ➡️ ส่งผลต่อการออกแบบสมาร์ทโฟนของ Apple และ Samsung ✅ วิธีคำนวณค่า Watt-hour จาก mAh ➡️ สูตร: mAh ÷ 1000 × 3.7V ➡️ ตัวอย่าง: 4,000mAh = 14.8Wh ➡️ เกิน 5,400mAh อาจทะลุ 20Wh ✅ แบรนด์จีนสามารถใช้แบตเตอรี่ใหญ่กว่า ➡️ vivo X300 Pro มีแบต 6,510mAh ในจีน ➡️ ลดเหลือ 5,440mAh ในเวอร์ชันยุโรป ➡️ เพราะไม่มีข้อจำกัดด้านการขนส่งในบางประเทศ https://wccftech.com/air-safety-regulations-are-pushing-apple-and-samsung-to-use-a-smaller-smartphone-battery/
    WCCFTECH.COM
    Air Safety Rules Might Be Behind Your Apple Or Samsung Phone Running Out Of Juice At The End Of The Day
    Have you wondered why Chinese OEMs stuff their smartphone batteries to the gills while Apple and Samsung do not? Answer: Air safety rules.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • “บ้านอัจฉริยะเริ่มต้นที่เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ – เทคโนโลยีเล็กๆ ที่เปลี่ยนชีวิต”

    คุณอาจคิดว่าบ้านอัจฉริยะต้องมีอุปกรณ์ล้ำยุคเต็มบ้าน แต่จริงๆ แล้วจุดเริ่มต้นอาจเป็นแค่ “เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ” ตัวเล็กๆ ที่เปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตของคุณได้อย่างน่าทึ่ง

    ลองนึกภาพว่าแสงแดดส่องเข้าหน้าต่างตอนบ่าย เซนเซอร์ตรวจจับความร้อนแล้วสั่งให้ม่านปิดอัตโนมัติ หรือเมื่ออุณหภูมิในห้องสูงเกินไป พัดลมก็เปิดเองโดยไม่ต้องแตะสวิตช์

    ไม่ใช่แค่เรื่องความสะดวก แต่ยังช่วยประหยัดพลังงาน ป้องกันอันตราย และดูแลคนในบ้านได้อย่างชาญฉลาด เช่น แจ้งเตือนเมื่ออุณหภูมิลดต่ำจนเสี่ยงท่อน้ำแข็งแตก หรือเมื่ออากาศในบ้านร้อนเกินไปสำหรับสัตว์เลี้ยง

    เทคโนโลยีนี้ไม่จำเป็นต้องซับซ้อน แค่เซนเซอร์ที่เชื่อมกับแอปมือถือก็สามารถแจ้งเตือนให้คุณเปิดหน้าต่าง ปรับเครื่องปรับอากาศ หรือแม้แต่เตรียมก่อไฟในเตาผิงได้ทันเวลา

    ใช้เซนเซอร์ควบคุมม่านอัตโนมัติ
    ปรับม่านตามอุณหภูมิภายนอกเพื่อควบคุมความร้อนในบ้าน
    ลดการใช้เครื่องปรับอากาศและประหยัดพลังงาน
    ใช้ร่วมกับระบบ SwitchBot หรือแพลตฟอร์มอื่นได้

    เปิดพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ
    เซนเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิในแต่ละห้อง
    สั่งงานผ่านสมาร์ทปลั๊กหรือระบบบ้านอัจฉริยะ
    เหมาะสำหรับบ้านที่ไม่มีระบบ HVAC รวมศูนย์

    รับการแจ้งเตือนผ่านมือถือ
    แจ้งเมื่ออุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินค่าที่ตั้งไว้
    ช่วยดูแลสัตว์เลี้ยง พืช และสมาชิกในบ้าน
    วิเคราะห์ประวัติอุณหภูมิเพื่อวางแผนการใช้พลังงาน

    เปิดหรือปิดหน้าต่างตามสภาพอากาศ
    เปรียบเทียบอุณหภูมิภายนอกกับภายใน
    แจ้งเตือนให้เปิดหน้าต่างเมื่ออากาศเย็นกว่า
    สามารถตั้งระบบเปิดหน้าต่างอัตโนมัติได้ (ต้องมีอุปกรณ์เสริม)

    ป้องกันท่อน้ำแข็งแตกในฤดูหนาว
    ติดตั้งเซนเซอร์ในพื้นที่เสี่ยง เช่น ใต้ถุนหรือห้องใต้ดิน
    แจ้งเตือนเมื่ออุณหภูมิต่ำเกินไป
    บางรุ่นมีฟังก์ชันวัดความชื้นเพื่อเตือนภัยน้ำรั่ว

    การติดตั้งในพื้นที่ที่มีสัญญาณไม่เสถียร
    เซนเซอร์บางรุ่นอาจไม่ทำงานหาก Wi-Fi หรือ Bluetooth ขาดช่วง
    ควรเลือกอุปกรณ์ที่มีระบบแจ้งเตือนเมื่อขาดการเชื่อมต่อ

    ความแม่นยำของเซนเซอร์ราคาถูก
    เซนเซอร์บางรุ่นอาจมีค่าคลาดเคลื่อนสูง
    ควรตรวจสอบรีวิวและเลือกแบรนด์ที่เชื่อถือได้

    https://www.slashgear.com/2017704/temperature-sensor-home-uses/
    🌡️ “บ้านอัจฉริยะเริ่มต้นที่เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ – เทคโนโลยีเล็กๆ ที่เปลี่ยนชีวิต” คุณอาจคิดว่าบ้านอัจฉริยะต้องมีอุปกรณ์ล้ำยุคเต็มบ้าน แต่จริงๆ แล้วจุดเริ่มต้นอาจเป็นแค่ “เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ” ตัวเล็กๆ ที่เปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตของคุณได้อย่างน่าทึ่ง ลองนึกภาพว่าแสงแดดส่องเข้าหน้าต่างตอนบ่าย เซนเซอร์ตรวจจับความร้อนแล้วสั่งให้ม่านปิดอัตโนมัติ หรือเมื่ออุณหภูมิในห้องสูงเกินไป พัดลมก็เปิดเองโดยไม่ต้องแตะสวิตช์ ไม่ใช่แค่เรื่องความสะดวก แต่ยังช่วยประหยัดพลังงาน ป้องกันอันตราย และดูแลคนในบ้านได้อย่างชาญฉลาด เช่น แจ้งเตือนเมื่ออุณหภูมิลดต่ำจนเสี่ยงท่อน้ำแข็งแตก หรือเมื่ออากาศในบ้านร้อนเกินไปสำหรับสัตว์เลี้ยง เทคโนโลยีนี้ไม่จำเป็นต้องซับซ้อน แค่เซนเซอร์ที่เชื่อมกับแอปมือถือก็สามารถแจ้งเตือนให้คุณเปิดหน้าต่าง ปรับเครื่องปรับอากาศ หรือแม้แต่เตรียมก่อไฟในเตาผิงได้ทันเวลา ✅ ใช้เซนเซอร์ควบคุมม่านอัตโนมัติ ➡️ ปรับม่านตามอุณหภูมิภายนอกเพื่อควบคุมความร้อนในบ้าน ➡️ ลดการใช้เครื่องปรับอากาศและประหยัดพลังงาน ➡️ ใช้ร่วมกับระบบ SwitchBot หรือแพลตฟอร์มอื่นได้ ✅ เปิดพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ ➡️ เซนเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิในแต่ละห้อง ➡️ สั่งงานผ่านสมาร์ทปลั๊กหรือระบบบ้านอัจฉริยะ ➡️ เหมาะสำหรับบ้านที่ไม่มีระบบ HVAC รวมศูนย์ ✅ รับการแจ้งเตือนผ่านมือถือ ➡️ แจ้งเมื่ออุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินค่าที่ตั้งไว้ ➡️ ช่วยดูแลสัตว์เลี้ยง พืช และสมาชิกในบ้าน ➡️ วิเคราะห์ประวัติอุณหภูมิเพื่อวางแผนการใช้พลังงาน ✅ เปิดหรือปิดหน้าต่างตามสภาพอากาศ ➡️ เปรียบเทียบอุณหภูมิภายนอกกับภายใน ➡️ แจ้งเตือนให้เปิดหน้าต่างเมื่ออากาศเย็นกว่า ➡️ สามารถตั้งระบบเปิดหน้าต่างอัตโนมัติได้ (ต้องมีอุปกรณ์เสริม) ✅ ป้องกันท่อน้ำแข็งแตกในฤดูหนาว ➡️ ติดตั้งเซนเซอร์ในพื้นที่เสี่ยง เช่น ใต้ถุนหรือห้องใต้ดิน ➡️ แจ้งเตือนเมื่ออุณหภูมิต่ำเกินไป ➡️ บางรุ่นมีฟังก์ชันวัดความชื้นเพื่อเตือนภัยน้ำรั่ว ‼️ การติดตั้งในพื้นที่ที่มีสัญญาณไม่เสถียร ⛔ เซนเซอร์บางรุ่นอาจไม่ทำงานหาก Wi-Fi หรือ Bluetooth ขาดช่วง ⛔ ควรเลือกอุปกรณ์ที่มีระบบแจ้งเตือนเมื่อขาดการเชื่อมต่อ ‼️ ความแม่นยำของเซนเซอร์ราคาถูก ⛔ เซนเซอร์บางรุ่นอาจมีค่าคลาดเคลื่อนสูง ⛔ ควรตรวจสอบรีวิวและเลือกแบรนด์ที่เชื่อถือได้ https://www.slashgear.com/2017704/temperature-sensor-home-uses/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Handy Ways To Use Temperature Sensors In Your Home - SlashGear
    If you think smart home, you might not imagine a temperature sensor, but there's a lot you can achieve with one of those and some imagination.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • GNOME Office จะกลับมาอีกครั้ง? เสริมพลังแพลตฟอร์มลินุกซ์ให้ครบเครื่อง

    GNOME กำลังกลายเป็นมากกว่าแค่เดสก์ท็อป—มันคือแพลตฟอร์มเต็มรูปแบบ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังขาดคือชุดโปรแกรมสำนักงานแบบเนทีฟที่สอดคล้องกับแนวทางการออกแบบของ GNOME บทความนี้ชวนเราย้อนอดีตและตั้งคำถามว่า “ถึงเวลาปลุกชีพ GNOME Office แล้วหรือยัง?”

    ย้อนกลับไปปี 2003 GNOME Office เคยมีตัวจริงเสียงจริง—AbiWord สำหรับเอกสาร, Gnumeric สำหรับสเปรดชีต และ GNOME-DB สำหรับฐานข้อมูล แม้จะไม่มีการพัฒนาเวอร์ชันใหม่ แต่หลายแอปก็ถูกนำมาใช้ในชื่อ GNOME Office เช่น Evolution, Evince, Inkscape และ Ease

    แต่วันนี้ GNOME มีระบบดีไซน์ที่ครบครันอย่าง libadwaita, มี GNOME OS เป็นระบบอ้างอิง และมีแอปพื้นฐานที่พร้อมใช้งานบนมือถือผ่าน Phosh แล้ว ขาดแค่ชุดสำนักงานที่ “เป็น GNOME จริง ๆ”

    บทความเสนอว่า GNOME ควรมีชุดโปรแกรมสำนักงานของตัวเองที่เบา ใช้งานง่าย และสอดคล้องกับ HIG (Human Interface Guidelines) เพื่อเสริมความเป็นแพลตฟอร์มที่สมบูรณ์

    มีสองทางเลือก:
    ปรับปรุงแอปเก่าอย่าง AbiWord และ Gnumeric ให้ใช้ GTK4 และ libadwaita
    สร้างแอปใหม่ผ่าน GNOME Incubator เช่น Letters ที่เพิ่งเปิดตัวบน Flathub

    Letters เป็นแอปเขียนเอกสารที่ใช้ Pandoc รองรับ ODT และมีดีไซน์แบบ GNOME แท้ ๆ แม้ยังไม่มีแอปสำหรับสเปรดชีตหรือพรีเซนต์ แต่บทความเสนอว่าควรสร้างใหม่โดยใช้ไลบรารีอย่าง libgsf, GOffice, liborcus และ ixion

    GNOME Office ในอดีต
    ประกอบด้วย AbiWord, Gnumeric, GNOME-DB
    แอปอื่น ๆ ถูกนำมาใช้ภายใต้ชื่อ GNOME Office เช่น Evolution, Evince, Inkscape

    GNOME ในปัจจุบัน
    มีระบบดีไซน์ libadwaita และ GNOME OS
    มีแอปพื้นฐานที่พร้อมใช้งานบนมือถือผ่าน Phosh

    ข้อเสนอในการฟื้น GNOME Office
    สร้างชุดโปรแกรมสำนักงานที่สอดคล้องกับ HIG
    ใช้งานได้ดีบนมือถือและเดสก์ท็อป

    ทางเลือกในการพัฒนา
    ปรับปรุง AbiWord และ Gnumeric ให้ใช้ GTK4/libadwaita
    สร้างแอปใหม่ผ่าน GNOME Incubator เช่น Letters

    แอป Letters
    เขียนด้วย Python ใช้ Pandoc รองรับ ODT
    ดีไซน์แบบ GNOME แท้ ๆ

    แนวทางสร้างแอปใหม่
    ใช้ไลบรารี libgsf, GOffice, liborcus, ixion
    เขียนด้วยภาษา Python เพื่อให้ชุมชนมีส่วนร่วม

    https://itsfoss.com/gnome-office-revival/
    📰 GNOME Office จะกลับมาอีกครั้ง? เสริมพลังแพลตฟอร์มลินุกซ์ให้ครบเครื่อง GNOME กำลังกลายเป็นมากกว่าแค่เดสก์ท็อป—มันคือแพลตฟอร์มเต็มรูปแบบ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังขาดคือชุดโปรแกรมสำนักงานแบบเนทีฟที่สอดคล้องกับแนวทางการออกแบบของ GNOME บทความนี้ชวนเราย้อนอดีตและตั้งคำถามว่า “ถึงเวลาปลุกชีพ GNOME Office แล้วหรือยัง?” ย้อนกลับไปปี 2003 GNOME Office เคยมีตัวจริงเสียงจริง—AbiWord สำหรับเอกสาร, Gnumeric สำหรับสเปรดชีต และ GNOME-DB สำหรับฐานข้อมูล แม้จะไม่มีการพัฒนาเวอร์ชันใหม่ แต่หลายแอปก็ถูกนำมาใช้ในชื่อ GNOME Office เช่น Evolution, Evince, Inkscape และ Ease แต่วันนี้ GNOME มีระบบดีไซน์ที่ครบครันอย่าง libadwaita, มี GNOME OS เป็นระบบอ้างอิง และมีแอปพื้นฐานที่พร้อมใช้งานบนมือถือผ่าน Phosh แล้ว ขาดแค่ชุดสำนักงานที่ “เป็น GNOME จริง ๆ” บทความเสนอว่า GNOME ควรมีชุดโปรแกรมสำนักงานของตัวเองที่เบา ใช้งานง่าย และสอดคล้องกับ HIG (Human Interface Guidelines) เพื่อเสริมความเป็นแพลตฟอร์มที่สมบูรณ์ มีสองทางเลือก: 💠 ปรับปรุงแอปเก่าอย่าง AbiWord และ Gnumeric ให้ใช้ GTK4 และ libadwaita 💠 สร้างแอปใหม่ผ่าน GNOME Incubator เช่น Letters ที่เพิ่งเปิดตัวบน Flathub Letters เป็นแอปเขียนเอกสารที่ใช้ Pandoc รองรับ ODT และมีดีไซน์แบบ GNOME แท้ ๆ แม้ยังไม่มีแอปสำหรับสเปรดชีตหรือพรีเซนต์ แต่บทความเสนอว่าควรสร้างใหม่โดยใช้ไลบรารีอย่าง libgsf, GOffice, liborcus และ ixion ✅ GNOME Office ในอดีต ➡️ ประกอบด้วย AbiWord, Gnumeric, GNOME-DB ➡️ แอปอื่น ๆ ถูกนำมาใช้ภายใต้ชื่อ GNOME Office เช่น Evolution, Evince, Inkscape ✅ GNOME ในปัจจุบัน ➡️ มีระบบดีไซน์ libadwaita และ GNOME OS ➡️ มีแอปพื้นฐานที่พร้อมใช้งานบนมือถือผ่าน Phosh ✅ ข้อเสนอในการฟื้น GNOME Office ➡️ สร้างชุดโปรแกรมสำนักงานที่สอดคล้องกับ HIG ➡️ ใช้งานได้ดีบนมือถือและเดสก์ท็อป ✅ ทางเลือกในการพัฒนา ➡️ ปรับปรุง AbiWord และ Gnumeric ให้ใช้ GTK4/libadwaita ➡️ สร้างแอปใหม่ผ่าน GNOME Incubator เช่น Letters ✅ แอป Letters ➡️ เขียนด้วย Python ใช้ Pandoc รองรับ ODT ➡️ ดีไซน์แบบ GNOME แท้ ๆ ✅ แนวทางสร้างแอปใหม่ ➡️ ใช้ไลบรารี libgsf, GOffice, liborcus, ixion ➡️ เขียนด้วยภาษา Python เพื่อให้ชุมชนมีส่วนร่วม https://itsfoss.com/gnome-office-revival/
    ITSFOSS.COM
    It's Time to Bring Back GNOME Office (Hope You Remember It)
    Those who used GNOME 2 in the 2000's would remember the now forgotten GNOME Office. I think it's time to revive that project.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • “แอป Android อันตราย 239 ตัวถูกดาวน์โหลดกว่า 42 ล้านครั้ง – เสี่ยงสูญเงินจากมือถือ!”

    รายงานล่าสุดจาก Zscaler เผยว่าแฮกเกอร์กำลังใช้แอป Android ปลอมที่ดูเหมือนเครื่องมือทำงานทั่วไป เช่น productivity หรือ workflow apps เพื่อเจาะระบบผู้ใช้ผ่านช่องทาง mobile payment โดยไม่เน้นขโมยข้อมูลบัตรเครดิตแบบเดิม แต่ใช้เทคนิคใหม่ เช่น phishing, smishing, และ SIM-swapping เพื่อหลอกให้โอนเงินหรือเข้าถึงบัญชีสำคัญ

    แอปเหล่านี้ถูกดาวน์โหลดรวมกันกว่า 42 ล้านครั้ง บน Google Play โดยมีเป้าหมายหลักคือผู้ใช้ในอินเดีย, สหรัฐฯ และแคนาดา ซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราการโจมตีสูงที่สุด

    ภัยคุกคามที่เปลี่ยนรูปแบบ
    การโจมตีผ่านมือถือเพิ่มขึ้น 67% จากปีที่แล้ว
    Adware กลายเป็นมัลแวร์หลัก คิดเป็น 69% ของการตรวจพบทั้งหมด
    กลุ่ม “Joker” ลดลงเหลือ 23% แต่กลุ่มใหม่อย่าง Anatsa และ Xnotice กำลังเติบโต
    อุปกรณ์ IoT เช่น router และ Android TV box ก็ถูกโจมตีมากขึ้น โดยเฉพาะในอินเดียและบราซิล

    รายงานจาก Zscaler
    พบแอป Android อันตราย 239 ตัวบน Google Play
    ถูกดาวน์โหลดรวมกว่า 42 ล้านครั้ง
    แอปปลอมเป็นเครื่องมือทำงานทั่วไปเพื่อหลอกผู้ใช้

    รูปแบบการโจมตีใหม่
    เน้น mobile payment fraud แทนการขโมยบัตรเครดิต
    ใช้ phishing, smishing, SIM-swapping และ social engineering
    กลุ่มมัลแวร์ใหม่กำลังเติบโต เช่น Anatsa และ Xnotice

    สถานการณ์ในอุตสาหกรรม
    Adware คิดเป็น 69% ของมัลแวร์ทั้งหมด
    กลุ่ม “Joker” ลดลงเหลือ 23%
    อุปกรณ์ IoT เช่น router และ Android TV box ถูกโจมตีมากขึ้น

    ประเทศเป้าหมายหลัก
    อินเดีย: 26% ของการโจมตีมือถือ
    สหรัฐฯ: 15%
    แคนาดา: 14%
    สหรัฐฯ ยังเป็นเป้าหมายหลักใน IoT คิดเป็น 54.1% ของทราฟฟิกมัลแวร์

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Android
    อย่าดาวน์โหลดแอปจากลิงก์ในข้อความ, โซเชียลมีเดีย หรือ job portal
    ตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึงของแอปก่อนติดตั้ง
    เปิด Google Play Protect และสแกนด้วยตนเองเป็นระยะ
    หลีกเลี่ยงการติดตั้งแอปที่ไม่จำเป็น แม้จะดูน่าเชื่อถือ

    https://www.techradar.com/pro/security/watch-out-these-malicious-android-apps-have-been-downloaded-42-million-times-and-could-leave-you-seriously-out-of-pocket
    📱💸 “แอป Android อันตราย 239 ตัวถูกดาวน์โหลดกว่า 42 ล้านครั้ง – เสี่ยงสูญเงินจากมือถือ!” รายงานล่าสุดจาก Zscaler เผยว่าแฮกเกอร์กำลังใช้แอป Android ปลอมที่ดูเหมือนเครื่องมือทำงานทั่วไป เช่น productivity หรือ workflow apps เพื่อเจาะระบบผู้ใช้ผ่านช่องทาง mobile payment โดยไม่เน้นขโมยข้อมูลบัตรเครดิตแบบเดิม แต่ใช้เทคนิคใหม่ เช่น phishing, smishing, และ SIM-swapping เพื่อหลอกให้โอนเงินหรือเข้าถึงบัญชีสำคัญ แอปเหล่านี้ถูกดาวน์โหลดรวมกันกว่า 42 ล้านครั้ง บน Google Play โดยมีเป้าหมายหลักคือผู้ใช้ในอินเดีย, สหรัฐฯ และแคนาดา ซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราการโจมตีสูงที่สุด 🧠 ภัยคุกคามที่เปลี่ยนรูปแบบ 🎗️ การโจมตีผ่านมือถือเพิ่มขึ้น 67% จากปีที่แล้ว 🎗️ Adware กลายเป็นมัลแวร์หลัก คิดเป็น 69% ของการตรวจพบทั้งหมด 🎗️ กลุ่ม “Joker” ลดลงเหลือ 23% แต่กลุ่มใหม่อย่าง Anatsa และ Xnotice กำลังเติบโต 🎗️ อุปกรณ์ IoT เช่น router และ Android TV box ก็ถูกโจมตีมากขึ้น โดยเฉพาะในอินเดียและบราซิล ✅ รายงานจาก Zscaler ➡️ พบแอป Android อันตราย 239 ตัวบน Google Play ➡️ ถูกดาวน์โหลดรวมกว่า 42 ล้านครั้ง ➡️ แอปปลอมเป็นเครื่องมือทำงานทั่วไปเพื่อหลอกผู้ใช้ ✅ รูปแบบการโจมตีใหม่ ➡️ เน้น mobile payment fraud แทนการขโมยบัตรเครดิต ➡️ ใช้ phishing, smishing, SIM-swapping และ social engineering ➡️ กลุ่มมัลแวร์ใหม่กำลังเติบโต เช่น Anatsa และ Xnotice ✅ สถานการณ์ในอุตสาหกรรม ➡️ Adware คิดเป็น 69% ของมัลแวร์ทั้งหมด ➡️ กลุ่ม “Joker” ลดลงเหลือ 23% ➡️ อุปกรณ์ IoT เช่น router และ Android TV box ถูกโจมตีมากขึ้น ✅ ประเทศเป้าหมายหลัก ➡️ อินเดีย: 26% ของการโจมตีมือถือ ➡️ สหรัฐฯ: 15% ➡️ แคนาดา: 14% ➡️ สหรัฐฯ ยังเป็นเป้าหมายหลักใน IoT คิดเป็น 54.1% ของทราฟฟิกมัลแวร์ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Android ⛔ อย่าดาวน์โหลดแอปจากลิงก์ในข้อความ, โซเชียลมีเดีย หรือ job portal ⛔ ตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึงของแอปก่อนติดตั้ง ⛔ เปิด Google Play Protect และสแกนด้วยตนเองเป็นระยะ ⛔ หลีกเลี่ยงการติดตั้งแอปที่ไม่จำเป็น แม้จะดูน่าเชื่อถือ https://www.techradar.com/pro/security/watch-out-these-malicious-android-apps-have-been-downloaded-42-million-times-and-could-leave-you-seriously-out-of-pocket
    WWW.TECHRADAR.COM
    A dangerous rise in Android malware hits critical industries
    Hidden Android threats sweep through millions of devices
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • Gemini Deep Research: AI ส่วนตัวของ Google ที่เจาะลึกถึง Gmail และ Drive ของคุณ

    Google ประกาศอัปเดตครั้งใหญ่ให้กับฟีเจอร์ “Deep Research” ใน Gemini AI ที่ไม่ใช่แค่ค้นหาข้อมูลจากเว็บอีกต่อไป แต่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของคุณใน Gmail, Google Drive, Docs, Sheets, Slides และแม้แต่ Google Chat เพื่อสร้างรายงานที่ “รู้ใจ” และ “ตรงจุด” มากขึ้น!

    ก่อนหน้านี้ Gemini Deep Research ใช้ข้อมูลจากเว็บเพื่อสร้างรายงานวิเคราะห์ แต่ตอนนี้มันสามารถดึงข้อมูลจาก Workspace ของคุณได้โดยตรง เช่น:
    ถ้าคุณขอรายงานการตลาด มันจะค้นหาโน้ตใน Drive
    ดึงอีเมลที่เกี่ยวข้องจาก Gmail
    รวมข้อมูลจาก Sheets และ Docs
    แล้วสร้างรายงานที่อิงทั้งข้อมูลภายในและภายนอก

    ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยที่คุณยังคงควบคุมได้ว่าจะให้ Gemini เข้าถึงอะไรบ้าง ผ่านเมนูตั้งค่าที่เลือกเปิด/ปิดการเข้าถึง Search, Gmail, Drive และ Chat ได้ตามต้องการ

    ฟีเจอร์ใหม่ของ Gemini Deep Research
    เข้าถึงข้อมูลจาก Gmail, Google Drive, Docs, Sheets, Slides และ Chat
    ใช้ข้อมูลภายในร่วมกับข้อมูลจากเว็บเพื่อสร้างรายงานที่แม่นยำ

    ตัวอย่างการใช้งาน
    สร้างรายงานการตลาดจากโน้ตใน Drive + อีเมลใน Gmail
    สร้างสเปรดชีตวิเคราะห์คู่แข่งโดยอิงจากข้อมูลภายในและภายนอก

    การควบคุมความเป็นส่วนตัว
    ผู้ใช้สามารถเลือกเปิด/ปิดการเข้าถึงแต่ละบริการได้
    มีเมนู dropdown ให้เลือกแหล่งข้อมูลที่อนุญาต

    การเปิดใช้งาน
    พร้อมใช้งานแล้วบน Gemini เวอร์ชันเดสก์ท็อป
    รองรับมือถือทั้ง iOS และ Android ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
    ใช้ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

    Gemini Deep Research กำลังเปลี่ยน AI จาก “ผู้ช่วยทั่วไป” เป็น “นักวิเคราะห์ส่วนตัว” ที่เข้าใจบริบทของคุณอย่างลึกซึ้ง พร้อมสร้างข้อมูลที่มีคุณภาพสูงและตรงจุดมากขึ้นกว่าเดิม

    https://securityonline.info/personalized-ai-geminis-deep-research-now-accesses-your-gmail-google-drive-data/
    🔍 Gemini Deep Research: AI ส่วนตัวของ Google ที่เจาะลึกถึง Gmail และ Drive ของคุณ Google ประกาศอัปเดตครั้งใหญ่ให้กับฟีเจอร์ “Deep Research” ใน Gemini AI ที่ไม่ใช่แค่ค้นหาข้อมูลจากเว็บอีกต่อไป แต่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของคุณใน Gmail, Google Drive, Docs, Sheets, Slides และแม้แต่ Google Chat เพื่อสร้างรายงานที่ “รู้ใจ” และ “ตรงจุด” มากขึ้น! ก่อนหน้านี้ Gemini Deep Research ใช้ข้อมูลจากเว็บเพื่อสร้างรายงานวิเคราะห์ แต่ตอนนี้มันสามารถดึงข้อมูลจาก Workspace ของคุณได้โดยตรง เช่น: 🔖 ถ้าคุณขอรายงานการตลาด มันจะค้นหาโน้ตใน Drive 🔖 ดึงอีเมลที่เกี่ยวข้องจาก Gmail 🔖 รวมข้อมูลจาก Sheets และ Docs 🔖 แล้วสร้างรายงานที่อิงทั้งข้อมูลภายในและภายนอก ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยที่คุณยังคงควบคุมได้ว่าจะให้ Gemini เข้าถึงอะไรบ้าง ผ่านเมนูตั้งค่าที่เลือกเปิด/ปิดการเข้าถึง Search, Gmail, Drive และ Chat ได้ตามต้องการ ✅ ฟีเจอร์ใหม่ของ Gemini Deep Research ➡️ เข้าถึงข้อมูลจาก Gmail, Google Drive, Docs, Sheets, Slides และ Chat ➡️ ใช้ข้อมูลภายในร่วมกับข้อมูลจากเว็บเพื่อสร้างรายงานที่แม่นยำ ✅ ตัวอย่างการใช้งาน ➡️ สร้างรายงานการตลาดจากโน้ตใน Drive + อีเมลใน Gmail ➡️ สร้างสเปรดชีตวิเคราะห์คู่แข่งโดยอิงจากข้อมูลภายในและภายนอก ✅ การควบคุมความเป็นส่วนตัว ➡️ ผู้ใช้สามารถเลือกเปิด/ปิดการเข้าถึงแต่ละบริการได้ ➡️ มีเมนู dropdown ให้เลือกแหล่งข้อมูลที่อนุญาต ✅ การเปิดใช้งาน ➡️ พร้อมใช้งานแล้วบน Gemini เวอร์ชันเดสก์ท็อป ➡️ รองรับมือถือทั้ง iOS และ Android ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ➡️ ใช้ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย Gemini Deep Research กำลังเปลี่ยน AI จาก “ผู้ช่วยทั่วไป” เป็น “นักวิเคราะห์ส่วนตัว” ที่เข้าใจบริบทของคุณอย่างลึกซึ้ง พร้อมสร้างข้อมูลที่มีคุณภาพสูงและตรงจุดมากขึ้นกว่าเดิม 🧠📂 https://securityonline.info/personalized-ai-geminis-deep-research-now-accesses-your-gmail-google-drive-data/
    SECURITYONLINE.INFO
    Personalized AI: Gemini's Deep Research Now Accesses Your Gmail & Google Drive Data
    Google Gemini's Deep Research now integrates Gmail, Drive, & Docs content to create personalized reports. Users maintain full control over which data the AI accesses.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • Samsung เตรียมเปิดตัว LPDDR6 และ SSD Gen5 สุดล้ำในงาน CES 2026

    Samsung ประกาศเปิดตัวหน่วยความจำ LPDDR6 และ SSD PM9E1 Gen5 ที่เร็วและเล็กที่สุดในโลก รองรับยุคใหม่ของ AI และ Edge Computing

    ในงาน CES 2026 ที่กำลังจะมาถึง Samsung เตรียมเผยโฉมสองผลิตภัณฑ์เรือธง ได้แก่ LPDDR6 DRAM และ PM9E1 Gen5 SSD ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการของอุปกรณ์ AI, Edge Computing และแพลตฟอร์มมือถือยุคใหม่

    LPDDR6 ใช้กระบวนการผลิตระดับ 12 นาโนเมตร ให้ความเร็วสูงสุดถึง 10.7 Gbps และประหยัดพลังงานมากกว่า LPDDR5 ถึง 21% พร้อมระบบจัดการพลังงานอัจฉริยะและฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่เหมาะกับงานอุตสาหกรรมและ AI ระดับวิกฤต

    ในด้าน SSD รุ่น PM9E1 Gen5 มาในขนาด M.2 22x42 mm ซึ่งเล็กกว่ารุ่นทั่วไป แต่ให้ความเร็วอ่าน/เขียนสูงถึง 14.8 GB/s และ 13.4 GB/s รองรับความจุสูงสุด 4TB โดยใช้คอนโทรลเลอร์ “Presto” และ NAND รุ่น V8 TLC ที่พัฒนาโดย Samsung เอง

    LPDDR6 DRAM รุ่นใหม่จาก Samsung
    ความเร็วสูงสุด 10.7 Gbps
    ประหยัดพลังงานมากขึ้น 21% จาก LPDDR5
    ใช้กระบวนการผลิต 12nm และระบบจัดการพลังงานอัจฉริยะ
    รองรับงาน AI, Edge Computing และอุตสาหกรรมที่ต้องการความปลอดภัยสูง

    PM9E1 Gen5 SSD ขนาดเล็กแต่แรง
    ขนาด M.2 22x42 mm – เล็กที่สุดในโลกสำหรับ Gen5
    ความเร็วอ่าน/เขียนสูงถึง 14.8 GB/s และ 13.4 GB/s
    ความจุสูงสุด 4TB
    ใช้คอนโทรลเลอร์ “Presto” และ NAND V8 TLC
    รองรับ SPDM v1.2 เพื่อความปลอดภัยของข้อมูล

    ความท้าทายของการผลิตหน่วยความจำยุคใหม่
    ต้องควบคุมการปนเปื้อนและการระเหยในระดับนาโนเมตร
    การออกแบบต้องรองรับความต้องการของ AI ที่เปลี่ยนแปลงเร็ว

    การแข่งขันในตลาด SSD และ DRAM
    ผู้ผลิตรายอื่นต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีให้ทัน Samsung
    ความเร็วและขนาดกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกใช้งาน

    https://wccftech.com/samsung-10-7-gbps-lpddr6-memory-14-8-gb-s-pm9e1-m-2-22x42-gen5-ssd-ces-2026/
    🔧 Samsung เตรียมเปิดตัว LPDDR6 และ SSD Gen5 สุดล้ำในงาน CES 2026 Samsung ประกาศเปิดตัวหน่วยความจำ LPDDR6 และ SSD PM9E1 Gen5 ที่เร็วและเล็กที่สุดในโลก รองรับยุคใหม่ของ AI และ Edge Computing ในงาน CES 2026 ที่กำลังจะมาถึง Samsung เตรียมเผยโฉมสองผลิตภัณฑ์เรือธง ได้แก่ LPDDR6 DRAM และ PM9E1 Gen5 SSD ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการของอุปกรณ์ AI, Edge Computing และแพลตฟอร์มมือถือยุคใหม่ LPDDR6 ใช้กระบวนการผลิตระดับ 12 นาโนเมตร ให้ความเร็วสูงสุดถึง 10.7 Gbps และประหยัดพลังงานมากกว่า LPDDR5 ถึง 21% พร้อมระบบจัดการพลังงานอัจฉริยะและฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่เหมาะกับงานอุตสาหกรรมและ AI ระดับวิกฤต ในด้าน SSD รุ่น PM9E1 Gen5 มาในขนาด M.2 22x42 mm ซึ่งเล็กกว่ารุ่นทั่วไป แต่ให้ความเร็วอ่าน/เขียนสูงถึง 14.8 GB/s และ 13.4 GB/s รองรับความจุสูงสุด 4TB โดยใช้คอนโทรลเลอร์ “Presto” และ NAND รุ่น V8 TLC ที่พัฒนาโดย Samsung เอง ✅ LPDDR6 DRAM รุ่นใหม่จาก Samsung ➡️ ความเร็วสูงสุด 10.7 Gbps ➡️ ประหยัดพลังงานมากขึ้น 21% จาก LPDDR5 ➡️ ใช้กระบวนการผลิต 12nm และระบบจัดการพลังงานอัจฉริยะ ➡️ รองรับงาน AI, Edge Computing และอุตสาหกรรมที่ต้องการความปลอดภัยสูง ✅ PM9E1 Gen5 SSD ขนาดเล็กแต่แรง ➡️ ขนาด M.2 22x42 mm – เล็กที่สุดในโลกสำหรับ Gen5 ➡️ ความเร็วอ่าน/เขียนสูงถึง 14.8 GB/s และ 13.4 GB/s ➡️ ความจุสูงสุด 4TB ➡️ ใช้คอนโทรลเลอร์ “Presto” และ NAND V8 TLC ➡️ รองรับ SPDM v1.2 เพื่อความปลอดภัยของข้อมูล ‼️ ความท้าทายของการผลิตหน่วยความจำยุคใหม่ ⛔ ต้องควบคุมการปนเปื้อนและการระเหยในระดับนาโนเมตร ⛔ การออกแบบต้องรองรับความต้องการของ AI ที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ‼️ การแข่งขันในตลาด SSD และ DRAM ⛔ ผู้ผลิตรายอื่นต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีให้ทัน Samsung ⛔ ความเร็วและขนาดกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกใช้งาน https://wccftech.com/samsung-10-7-gbps-lpddr6-memory-14-8-gb-s-pm9e1-m-2-22x42-gen5-ssd-ces-2026/
    WCCFTECH.COM
    Samsung To Showcase 10.7 Gbps LPDDR6 Memory & 14.8 GB/s PM9E1 M.2 22x42 Gen5 SSD at CES 2026
    Samsung will showcase its latest LPDDR6 memory and PM9E1 Gen5 SSD solutions alongside other tech at CES 2026.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • Starlink ผนึกกำลัง Veon เปิดศักราชใหม่ “มือถือเชื่อมดาวเทียม” ทะลุ 150 ล้านผู้ใช้

    ในยุคที่การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตยังไม่ทั่วถึงทุกพื้นที่ Elon Musk และทีม Starlink กำลังพลิกโฉมโลกการสื่อสาร ด้วยเทคโนโลยี “Direct-to-Cell” ที่ทำให้มือถือธรรมดาเชื่อมต่อกับดาวเทียมได้โดยตรง ล่าสุด Starlink เซ็นสัญญาครั้งใหญ่กับ Veon กลุ่มโทรคมนาคมระดับโลก เปิดทางให้ผู้ใช้กว่า 150 ล้านคนเข้าถึงบริการนี้

    Starlink ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ SpaceX ได้ประกาศดีลครั้งใหญ่กับ Veon ผู้ให้บริการโทรคมนาคมในหลายประเทศ เช่น ปากีสถาน บังกลาเทศ และยูเครน โดยดีลนี้จะเปิดทางให้ผู้ใช้ในพื้นที่ห่างไกลสามารถใช้มือถือเชื่อมต่อกับดาวเทียมได้โดยตรง โดยไม่ต้องพึ่งเสาสัญญาณหรือเครือข่ายพื้นฐาน

    เทคโนโลยี “Direct-to-Cell” นี้ทำให้มือถือสามารถรับสัญญาณจากดาวเทียมที่โคจรอยู่เหนือโลก แล้วส่งกลับมายังพื้นดินได้ทันที ซึ่งต่างจากระบบเดิมที่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษหรืออยู่ในพื้นที่ที่มีเสาสัญญาณ

    ดีลนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในสงครามเทคโนโลยีระหว่างผู้ให้บริการดาวเทียม เช่น AST SpaceMobile, Lynk Global และ Starlink ที่กำลังแข่งขันกันเพื่อครองตลาด “มือถือเชื่อมดาวเทียม” ซึ่งคาดว่าจะเติบโตอย่างรวดเร็วในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

    ข้อตกลงระหว่าง Starlink และ Veon
    Starlink เซ็นดีลกับ Veon เพื่อให้บริการ Direct-to-Cell แก่ผู้ใช้กว่า 150 ล้านคน
    ครอบคลุมประเทศที่มีประชากรจำนวนมาก เช่น ปากีสถาน บังกลาเทศ และยูเครน
    เป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดของ Starlink ในด้านการเชื่อมต่อมือถือผ่านดาวเทียม

    เทคโนโลยี Direct-to-Cell คืออะไร
    เป็นการเชื่อมต่อมือถือกับดาวเทียมโดยตรง โดยไม่ต้องใช้เสาสัญญาณ
    ใช้ดาวเทียมในวงโคจรต่ำ (LEO) ส่งสัญญาณกลับมายังพื้นโลก
    ช่วยให้พื้นที่ห่างไกลหรือภัยพิบัติสามารถสื่อสารได้ทันที

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคม
    ผู้ให้บริการเครือข่ายพื้นฐานอาจต้องปรับตัวหรือร่วมมือกับผู้ให้บริการดาวเทียม
    เปิดโอกาสให้เกิดบริการใหม่ เช่น การสื่อสารในพื้นที่ห่างไกล, การช่วยเหลือฉุกเฉิน
    เพิ่มการแข่งขันในตลาดโลก โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    การใช้ดาวเทียมอาจมีข้อจำกัดด้านความเร็วและความหน่วงของสัญญาณ
    ต้องมีการปรับปรุงมือถือให้รองรับเทคโนโลยีนี้อย่างเต็มรูปแบบ
    ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลต้องได้รับการดูแลอย่างเข้มงวด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/07/starlink-signs-landmark-global-direct-to-cell-deal-with-veon-as-satellite-to-phone-race-heats-up
    🚀 Starlink ผนึกกำลัง Veon เปิดศักราชใหม่ “มือถือเชื่อมดาวเทียม” ทะลุ 150 ล้านผู้ใช้ ในยุคที่การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตยังไม่ทั่วถึงทุกพื้นที่ Elon Musk และทีม Starlink กำลังพลิกโฉมโลกการสื่อสาร ด้วยเทคโนโลยี “Direct-to-Cell” ที่ทำให้มือถือธรรมดาเชื่อมต่อกับดาวเทียมได้โดยตรง ล่าสุด Starlink เซ็นสัญญาครั้งใหญ่กับ Veon กลุ่มโทรคมนาคมระดับโลก เปิดทางให้ผู้ใช้กว่า 150 ล้านคนเข้าถึงบริการนี้ Starlink ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ SpaceX ได้ประกาศดีลครั้งใหญ่กับ Veon ผู้ให้บริการโทรคมนาคมในหลายประเทศ เช่น ปากีสถาน บังกลาเทศ และยูเครน โดยดีลนี้จะเปิดทางให้ผู้ใช้ในพื้นที่ห่างไกลสามารถใช้มือถือเชื่อมต่อกับดาวเทียมได้โดยตรง โดยไม่ต้องพึ่งเสาสัญญาณหรือเครือข่ายพื้นฐาน เทคโนโลยี “Direct-to-Cell” นี้ทำให้มือถือสามารถรับสัญญาณจากดาวเทียมที่โคจรอยู่เหนือโลก แล้วส่งกลับมายังพื้นดินได้ทันที ซึ่งต่างจากระบบเดิมที่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษหรืออยู่ในพื้นที่ที่มีเสาสัญญาณ ดีลนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในสงครามเทคโนโลยีระหว่างผู้ให้บริการดาวเทียม เช่น AST SpaceMobile, Lynk Global และ Starlink ที่กำลังแข่งขันกันเพื่อครองตลาด “มือถือเชื่อมดาวเทียม” ซึ่งคาดว่าจะเติบโตอย่างรวดเร็วในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ✅ ข้อตกลงระหว่าง Starlink และ Veon ➡️ Starlink เซ็นดีลกับ Veon เพื่อให้บริการ Direct-to-Cell แก่ผู้ใช้กว่า 150 ล้านคน ➡️ ครอบคลุมประเทศที่มีประชากรจำนวนมาก เช่น ปากีสถาน บังกลาเทศ และยูเครน ➡️ เป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดของ Starlink ในด้านการเชื่อมต่อมือถือผ่านดาวเทียม ✅ เทคโนโลยี Direct-to-Cell คืออะไร ➡️ เป็นการเชื่อมต่อมือถือกับดาวเทียมโดยตรง โดยไม่ต้องใช้เสาสัญญาณ ➡️ ใช้ดาวเทียมในวงโคจรต่ำ (LEO) ส่งสัญญาณกลับมายังพื้นโลก ➡️ ช่วยให้พื้นที่ห่างไกลหรือภัยพิบัติสามารถสื่อสารได้ทันที ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคม ➡️ ผู้ให้บริการเครือข่ายพื้นฐานอาจต้องปรับตัวหรือร่วมมือกับผู้ให้บริการดาวเทียม ➡️ เปิดโอกาสให้เกิดบริการใหม่ เช่น การสื่อสารในพื้นที่ห่างไกล, การช่วยเหลือฉุกเฉิน ➡️ เพิ่มการแข่งขันในตลาดโลก โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ การใช้ดาวเทียมอาจมีข้อจำกัดด้านความเร็วและความหน่วงของสัญญาณ ⛔ ต้องมีการปรับปรุงมือถือให้รองรับเทคโนโลยีนี้อย่างเต็มรูปแบบ ⛔ ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลต้องได้รับการดูแลอย่างเข้มงวด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/07/starlink-signs-landmark-global-direct-to-cell-deal-with-veon-as-satellite-to-phone-race-heats-up
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Starlink signs landmark global direct-to-cell deal with Veon as satellite-to-phone race heats up
    (Reuters) -Elon Musk's Starlink, a subsidiary of SpaceX, secured its largest direct-to-cell deal yet with telecoms group Veon, granting access to over 150 million potential customers, both companies said on Thursday, as competition in satellite-to-smartphone connectivity intensifies.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผนสอยมังกร ตอนที่ 3
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนสอยมังกร”

    ตอน 3

    เมื่ออเมริกา ในสายตาของ CFR มองว่า จีนกำลังท้าทายอำนาจอันใหญ่ยิ่งของอเมริกาที่แผ่ไพศาล ปกคลุมโลกใบนี้ อย่างไม่มีผู้ใดหาญกล้ามาท้าทาย ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ถ้าอเมริกาปล่อยให้จีนยืนยืดอก ท้าวสะเอว มองอเมริกาอย่างนี้ต่อไป อเมริกาคิดว่า หน้าตัวเองคงเหลือเพียงเสี้ยวเดียว ไม่รู้เสี้ยวบน หรือเสี้ยวล่าง อเมริกา โดยคำแนะนำ (หรือควรจะเรียกว่า คำสั่ง ?!) ของสุดกร่าง CFR จำเป็นจะต้องดำเนินการต่อไปนี้:

    – ป้องกัน ยับยั้ง และลดโอกาส การข่มขู่ หรือคุกคาม การรุกรานทั้งในรูปแบบ หรือนอกรูปแบบ บนดินแดนของอเมริกาเอง หรือที่อเมริกามีอำนาจปกครอง ( ข้อนี้ นอกจากจะหมายถึงอาเฮียเองแล้ว สงสัย ตั้งใจส่งผ่านไปให้น้องคิมของผม ที่เกาหลีเหนือด้วย)

    – รักษาดุลยอำนาจในยุโรปและเอเซีย โดยการสนับสนุนให้มีสันติภาพ และความมั่นคงภายใต้การเป็น “ผู้นำ” ของอเมริกาและพันธมิตรของอเมริกา ( ข้อนี้ เข้าใจว่า คุณพี่ปูติน ขวัญใจสาวๆ คงต้องมาร่วมรับการด่ากระทบ พร้อมกับอาเฮีย ..แหม แต่ไอ้สุดกร่าง มันเขียนได้กร่างจริงๆ)

    – ป้องกันมิให้มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์ หรือยับยั้งการขยายตัว ของการใช้อาวุธประเภทที่มีอานุภาพการทำลายล้างสูง รวมทั้งจัดการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ วัสดุ และส่วนประกอบของอาวุธนิวเคลียร์ รวมทั้ง การแพร่ขยาย และการเป็นตัวกลาง ผู้ให้การสนับสนุนระบบนิวเคลียร์ ( ข้อนี้ เข้าใจว่า ตั้งใจส่งข้อกล่าวหาหมู่ รวมเอาคุณพี่ปูติน และเสี่ยนิวเคลียร์สองลูกของผมที่อิหร่าน เข้าไปด้วย แต่ผมว่า ผู้ที่น่าจะต้องถูกควบคุมมากที่สุดตามข้อหานี้ น่าจะเป็นพระเจ้านักล่าใบตองแห้งเองมากกว่านะ ไอ้สุดกร่าง)

    – สร้างเสริมความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม ให้เกิดขึ้นในสากลโลก ( ข้อนี้ คงอยู่ในแบบฟอร์มมาตรฐาน ถ้าไม่เอามาใส่ เป้าหมายการดำเนินการมันจะชัดจนน่าเกลียด และก็ทำให้นึกถึง พวกสมุนฝรั่งในบ้านเรา ที่ชอบท่องสูตรนี้เป็นประจำ อย่างน่าเบื่อหน่าย)
    ในการดำเนินการข้างต้น สุดกร่างบอกอเมริกาเอง ก็ต้องจัดระเบียบในบ้านตัวเองใหม่เช่นกัน ไม่ใช่ร้องเพลงเดียวกันแต่คนละโน็ต เสียงหลง จนหมาแมวข้างบ้านทนฟังไม่ไหว หอนรับกันเกรียว…. นี่ มันสมเป็นกับถังขยะความคิดสุดกร่างจริงๆ

    – อเมริกาจะต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจในบ้านตัวเองใหม่ ต้องสร้างสัมพันธ์ทางการค้าในเอเซียให้กระชับแน่นขี้น แน่นอน ยกเว้นกับจีน ซึ่งคงจะเป็นบทกระชากมาอัดมากกว่า และสร้างนโยบายด้านภูมิศาสตร์เศรษฐกิจ (geo-economic) ขึ้นในเอเซีย ระหว่างพันธมิตรของอเมริกา ที่มีความคิดในทิศทางเดียวกัน และหากลไกที่จะควบคุมจีนเช่นเดียวกัน(กับความคิดของอเมริกา) … ข้อนี้ อ่านกันสัก 2 รอบนะครับ จะได้เข้าใจว่า เขาหมายรวม หรือไม่รวม ไทยแลนด์แดนสยาม ของสมันน้อยเข้าไปด้วย ชอบคุยกันเองดีนัก ว่าจะวางนโยบายในประเทศยังไงเพื่อไปจับมือต่อ กับใครที่ไหน ระวังจะหน้าแตกแหกเยินกลับมาไม่รู้หรือไง ว่าเขาไม่นับตัวเป็นพวกแล้วนะ ไอ้พวกบ้าอยากเป็นขี้ข้าฝรั่ง คิดเป็นแต่เรื่อง จีดีพี

    – อเมริกาจะต้องเพิ่มงบประมาณลงทุน ในด้านความมั่นคงของประเทศขึ้นอีก เพื่อกองทัพของอเมริกา จะได้มีความพร้อมในการเอาชนะจีน ซึ่งรวมถึงเอาชนะการร่วมมือของฝ่ายจีนในการต่อต้านอเมริกาด้วย … นี่ก็เป็นการแจกของขวัญรวมของไอ้สุดกร่างนะครับ ว่าแต่ เขาหมายรวมไปถึงใครกันบ้าง …ที่เรียกว่า ฝ่ายจีน !?

    – อเมริกา จะต้องเสริมสร้างยุทธศาสตร์ ที่แสดงถึงสัมพันธภาพ ที่มาจากความไว้เนื้อเชื่อใจ ระหว่างอเมริกากับพันธมิตรในภูมิภาค ทั่วอาณาบริเวณอินโดแปซิฟิก เป็นยุทธศาสตร์ที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่พันธมิตร ที่จะรับมือกับจีนได้อย่างอิสระ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกัน และการสนับสนุนอย่างเป็นระบบของอเมริกา … อืม…..สัมพันธภาพ ที่มาจากความไว้เนื้อเชื่อใจ ….นี่มันด่าเราหรือไง จริงๆ น่าจะเป็นเราด่ามันมากกว่านะครับ

    – อเมริกา ควรจะมีการเจรจาทางการทูตระดับสูงกับจีน เพื่อพยายามลดความตึงเครียดระหว่างจีนกับอเมริกา ที่มีอยู่อย่างล้ำลึกและตลอดเวลา และเพื่อให้พันธมิตรของอเมริกาในภูมิภาคนี้ เข้าใจว่าอเมริกามีวัตถุประสงค์ที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับจีน .. เขียนด่าเขาสาดเสียเทเสียแบบนี้เนี่ยะนะ คิดหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า.…แหลน่าดูเลย ไอ้กร่าง
    Grand Strategy นี้ สุดกร่างบอกว่า จะต้องดำเนินการภายใต้การนำของโอบามา และผู้ที่จะมาเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป แม้ว่าจะมีเรื่องความวุ่นวายเกิดขึ้นอยู่ในตะวันออกกลาง และความตึงเครียดกับรัสเซียเกิด ขึ้นอยู่ก็ตาม แต่ผู้นำของอเมริกา จะไม่จัดการให้มี Grand Strategy กับจีนไม่ได้ เพราะ การผงาดขึ้นมาของจีน เป็นการท้าทายอเมริกาไปอีกหลายทศวรรษ ผู้นำอเมริกาจะต้องเป็นผู้ลงมือถือบังเหียน และแส้เอง และจะต้องเป็นผู้เดินสาย ไปนั่งจับเข่าพูดกับผู้นำของเอเซีย และยุโรป ด้วยตนเอง

    และสำหรับฝ่ายรัฐสภา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการที่จะทำให้ Grand Strategy นี้เกิดขึ้น ก็จะต้องให้ความร่วมมือ ไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งฝ่าย ต้องสนับสนุนให้อำนาจประธานาธิบดี ในการเดินหน้าเรื่อง Trans-Pacific Partnership (TPP) การทำสัญญาทางการค้าที่กำลังดำเนินอยู่ในเอเซีย การปรับปรุงเรื่องกองทัพ และงบประมาณที่สำคัญสำหรับการคงอำนาจของอเมริกาในภูมิภาคนี้ และที่จะตอบโต้การเติบโตของจีน

    อ่านบทความนี้ ถึงตอนนี้ ผมใกล้จะเชื่อเต็มทีแล้วว่า นายโอบามา น่าจะเป็นเพียงเสมียนประจำทำเนียบขาว และ CFR น่าจะเป็นผู้นำของอเมริกาตัวจริง

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    14 พ.ค. 2558
    แผนสอยมังกร ตอนที่ 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนสอยมังกร” ตอน 3 เมื่ออเมริกา ในสายตาของ CFR มองว่า จีนกำลังท้าทายอำนาจอันใหญ่ยิ่งของอเมริกาที่แผ่ไพศาล ปกคลุมโลกใบนี้ อย่างไม่มีผู้ใดหาญกล้ามาท้าทาย ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ถ้าอเมริกาปล่อยให้จีนยืนยืดอก ท้าวสะเอว มองอเมริกาอย่างนี้ต่อไป อเมริกาคิดว่า หน้าตัวเองคงเหลือเพียงเสี้ยวเดียว ไม่รู้เสี้ยวบน หรือเสี้ยวล่าง อเมริกา โดยคำแนะนำ (หรือควรจะเรียกว่า คำสั่ง ?!) ของสุดกร่าง CFR จำเป็นจะต้องดำเนินการต่อไปนี้: – ป้องกัน ยับยั้ง และลดโอกาส การข่มขู่ หรือคุกคาม การรุกรานทั้งในรูปแบบ หรือนอกรูปแบบ บนดินแดนของอเมริกาเอง หรือที่อเมริกามีอำนาจปกครอง ( ข้อนี้ นอกจากจะหมายถึงอาเฮียเองแล้ว สงสัย ตั้งใจส่งผ่านไปให้น้องคิมของผม ที่เกาหลีเหนือด้วย) – รักษาดุลยอำนาจในยุโรปและเอเซีย โดยการสนับสนุนให้มีสันติภาพ และความมั่นคงภายใต้การเป็น “ผู้นำ” ของอเมริกาและพันธมิตรของอเมริกา ( ข้อนี้ เข้าใจว่า คุณพี่ปูติน ขวัญใจสาวๆ คงต้องมาร่วมรับการด่ากระทบ พร้อมกับอาเฮีย ..แหม แต่ไอ้สุดกร่าง มันเขียนได้กร่างจริงๆ) – ป้องกันมิให้มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์ หรือยับยั้งการขยายตัว ของการใช้อาวุธประเภทที่มีอานุภาพการทำลายล้างสูง รวมทั้งจัดการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ วัสดุ และส่วนประกอบของอาวุธนิวเคลียร์ รวมทั้ง การแพร่ขยาย และการเป็นตัวกลาง ผู้ให้การสนับสนุนระบบนิวเคลียร์ ( ข้อนี้ เข้าใจว่า ตั้งใจส่งข้อกล่าวหาหมู่ รวมเอาคุณพี่ปูติน และเสี่ยนิวเคลียร์สองลูกของผมที่อิหร่าน เข้าไปด้วย แต่ผมว่า ผู้ที่น่าจะต้องถูกควบคุมมากที่สุดตามข้อหานี้ น่าจะเป็นพระเจ้านักล่าใบตองแห้งเองมากกว่านะ ไอ้สุดกร่าง) – สร้างเสริมความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม ให้เกิดขึ้นในสากลโลก ( ข้อนี้ คงอยู่ในแบบฟอร์มมาตรฐาน ถ้าไม่เอามาใส่ เป้าหมายการดำเนินการมันจะชัดจนน่าเกลียด และก็ทำให้นึกถึง พวกสมุนฝรั่งในบ้านเรา ที่ชอบท่องสูตรนี้เป็นประจำ อย่างน่าเบื่อหน่าย) ในการดำเนินการข้างต้น สุดกร่างบอกอเมริกาเอง ก็ต้องจัดระเบียบในบ้านตัวเองใหม่เช่นกัน ไม่ใช่ร้องเพลงเดียวกันแต่คนละโน็ต เสียงหลง จนหมาแมวข้างบ้านทนฟังไม่ไหว หอนรับกันเกรียว…. นี่ มันสมเป็นกับถังขยะความคิดสุดกร่างจริงๆ – อเมริกาจะต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจในบ้านตัวเองใหม่ ต้องสร้างสัมพันธ์ทางการค้าในเอเซียให้กระชับแน่นขี้น แน่นอน ยกเว้นกับจีน ซึ่งคงจะเป็นบทกระชากมาอัดมากกว่า และสร้างนโยบายด้านภูมิศาสตร์เศรษฐกิจ (geo-economic) ขึ้นในเอเซีย ระหว่างพันธมิตรของอเมริกา ที่มีความคิดในทิศทางเดียวกัน และหากลไกที่จะควบคุมจีนเช่นเดียวกัน(กับความคิดของอเมริกา) … ข้อนี้ อ่านกันสัก 2 รอบนะครับ จะได้เข้าใจว่า เขาหมายรวม หรือไม่รวม ไทยแลนด์แดนสยาม ของสมันน้อยเข้าไปด้วย ชอบคุยกันเองดีนัก ว่าจะวางนโยบายในประเทศยังไงเพื่อไปจับมือต่อ กับใครที่ไหน ระวังจะหน้าแตกแหกเยินกลับมาไม่รู้หรือไง ว่าเขาไม่นับตัวเป็นพวกแล้วนะ ไอ้พวกบ้าอยากเป็นขี้ข้าฝรั่ง คิดเป็นแต่เรื่อง จีดีพี – อเมริกาจะต้องเพิ่มงบประมาณลงทุน ในด้านความมั่นคงของประเทศขึ้นอีก เพื่อกองทัพของอเมริกา จะได้มีความพร้อมในการเอาชนะจีน ซึ่งรวมถึงเอาชนะการร่วมมือของฝ่ายจีนในการต่อต้านอเมริกาด้วย … นี่ก็เป็นการแจกของขวัญรวมของไอ้สุดกร่างนะครับ ว่าแต่ เขาหมายรวมไปถึงใครกันบ้าง …ที่เรียกว่า ฝ่ายจีน !? – อเมริกา จะต้องเสริมสร้างยุทธศาสตร์ ที่แสดงถึงสัมพันธภาพ ที่มาจากความไว้เนื้อเชื่อใจ ระหว่างอเมริกากับพันธมิตรในภูมิภาค ทั่วอาณาบริเวณอินโดแปซิฟิก เป็นยุทธศาสตร์ที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่พันธมิตร ที่จะรับมือกับจีนได้อย่างอิสระ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกัน และการสนับสนุนอย่างเป็นระบบของอเมริกา … อืม…..สัมพันธภาพ ที่มาจากความไว้เนื้อเชื่อใจ ….นี่มันด่าเราหรือไง จริงๆ น่าจะเป็นเราด่ามันมากกว่านะครับ – อเมริกา ควรจะมีการเจรจาทางการทูตระดับสูงกับจีน เพื่อพยายามลดความตึงเครียดระหว่างจีนกับอเมริกา ที่มีอยู่อย่างล้ำลึกและตลอดเวลา และเพื่อให้พันธมิตรของอเมริกาในภูมิภาคนี้ เข้าใจว่าอเมริกามีวัตถุประสงค์ที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับจีน .. เขียนด่าเขาสาดเสียเทเสียแบบนี้เนี่ยะนะ คิดหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า.…แหลน่าดูเลย ไอ้กร่าง Grand Strategy นี้ สุดกร่างบอกว่า จะต้องดำเนินการภายใต้การนำของโอบามา และผู้ที่จะมาเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป แม้ว่าจะมีเรื่องความวุ่นวายเกิดขึ้นอยู่ในตะวันออกกลาง และความตึงเครียดกับรัสเซียเกิด ขึ้นอยู่ก็ตาม แต่ผู้นำของอเมริกา จะไม่จัดการให้มี Grand Strategy กับจีนไม่ได้ เพราะ การผงาดขึ้นมาของจีน เป็นการท้าทายอเมริกาไปอีกหลายทศวรรษ ผู้นำอเมริกาจะต้องเป็นผู้ลงมือถือบังเหียน และแส้เอง และจะต้องเป็นผู้เดินสาย ไปนั่งจับเข่าพูดกับผู้นำของเอเซีย และยุโรป ด้วยตนเอง และสำหรับฝ่ายรัฐสภา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการที่จะทำให้ Grand Strategy นี้เกิดขึ้น ก็จะต้องให้ความร่วมมือ ไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งฝ่าย ต้องสนับสนุนให้อำนาจประธานาธิบดี ในการเดินหน้าเรื่อง Trans-Pacific Partnership (TPP) การทำสัญญาทางการค้าที่กำลังดำเนินอยู่ในเอเซีย การปรับปรุงเรื่องกองทัพ และงบประมาณที่สำคัญสำหรับการคงอำนาจของอเมริกาในภูมิภาคนี้ และที่จะตอบโต้การเติบโตของจีน อ่านบทความนี้ ถึงตอนนี้ ผมใกล้จะเชื่อเต็มทีแล้วว่า นายโอบามา น่าจะเป็นเพียงเสมียนประจำทำเนียบขาว และ CFR น่าจะเป็นผู้นำของอเมริกาตัวจริง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 14 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 332 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts