• ตอน 6
    ต้องเล่าย้อนหลังไปถึงการเมืองไทยยุคจอมพล ป. หน่อย เล่าข้ามเดี๋ยวเหมือนหนังขาด
    จอมพล ป. ขึ้นมามีอำนาจ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2490 หลังจากแยกวงกับนายปรีดี พนมยงค์ พอถึงปี พ.ศ.2492 ทางฝ่ายจีนก็เริ่มเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง เป็นระบอบคอมมิวนิสต์  พี่เบิ้มก็ตาเขียวขึ้นมาทันที มือหนึ่งถือกระเป๋าเงินหนัก 7.5 ล้านเหรียญ อีกมือหนึ่งจับบ่าจอมพล ป. ถามว่า จอมพลคนแปลก ยูจะเอายังไง จะดื่มโค้กกับไอ หรือจะไปแทะเม็ดกวยจี๊
    แหม! ไม่อยากคิดเลยว่าเราจะเป็นพวกเห็นแก่เงิน เอาว่า ไทยเราเป็นประเภทนักการทูตนกรู้แล้วกันนะ ว่าแล้วก็จิบโค้กแกล้มเงินช่วยเหลือ 7.5 ล้านเหรียญ อร่อย (เอ๊ะ! ตอนนี้ฝรั่งต้มไทยหรือไทยต้มฝรั่งกันแน่)
    พอให้เงินแค่ 7.5 ล้านเหรียญ พี่เบิ้มก็เริ่มเบียดกระแซะไทยเข้ามาอีกคืบ
    จับมือไทยลงชื่อแปะโป้งลงนามสัญญา 3 ฉบับ ในปี พ.ศ.2493 (ค.ศ.1950) (อีตอนนี้สงสัยฝรั่งต้มไทยนะ…อ้าว) เกี่ยวกับการร่วมมือการศึกษาและวัฒนธรรม 1 ฉบับ, ความตกลงร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิทยาการอีก 1 ฉบับ…แต่ฉบับที่สำคัญ คือ ความตกลงช่วยเหลือทางการทหาร เรียกย่อๆ ว่า สัญญา JUSMAC อีก1 ฉบับ
    เฉพาะรายการหลัง เพื่อให้แน่ใจว่า สมันน้อยผูกคอตัวเองจนแน่น พี่เบิ้มใจดีจ่ายค่าแปะโป้งให้อีก 10ล้านเหรียญ! อืม… มันหวังดีจริงนะ จำสัญญานี้ให้ดีๆ นะครับ เรื่องนี้สำคัญมากๆ
    มันเป็นสัญญาที่ทำให้ไทย คล้ายจะกลายเป็นทาสในเรือนเบี้ยของพี่เบิ้ม ไปตั้งแต่บัดนั้นมาจนถึงทุกวันนี้สัญญานี้ก็ยังมีผลบังคับอยู่ สนใจก็ไปหามาอ่านกันนะครับ หรือไปถามลุงตู่เอาก็แล้วกัน ผมเล่ามากกว่านี้เดี๋ยวก็จะโดนข้อหา เอาความลับของทางราชการมาเผย เดี๋ยวลุงตู่แกจะตวาดเอา (คนอะไรของขึ้นง่ายจัง)
    ก็ใอ้สัญญาที่ผูกมัดประเทศแบบนี้แหละ ที่เขาไม่อยากให้ประชาชนอย่างเราๆ รู้ เขาถึงคิดแก้รัฐ ธรรมนูญกัน เพื่อเอาสิทธิของประชาชนคืนไป แล้วไงครับ… เราก็ไม่รู้ไม่ชี้ นั่งดูละครน้ำเน่าต่อ… ยังกะบ้านเมืองไม่ใช่ของเรา…
    จอมพล ป. เจ้าของ “มาลานำไทย ใส่หมวกแล้วชาติเจริญนั้นน่ะ เป็นคนที่เชื่อในลัทธิชาตินิยม ออกกฎหมายลักษณะชาตินิยมทางเศรษฐกิจไว้แยะ เรื่องนี้ก็ต้องย้อนไป ตั้งกะสมัยปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 ซะหน่อย
    เราๆ เข้าใจว่า ปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองล้มเจ้าแล้ว ชาวเราได้ปกครองหรือเปล่าหรอก เปลี่ยนจากเจ้าก็มาเป็นพวกเขาที่ทำการปฏิวัตินั่นแหละ มันเป็นการย้ายที่ทุนกับอำนาจ ยังไง จำได้ไหม เกริ่นไว้ตั้งกะแรกนะ
    ก่อนพ.ศ. 2475 อำนาจกับทุนอยู่ที่พระมหากษัตริย์ หลังพ.ศ. 2475 อำนาจกับทุนย้ายมาอยู่ที่พวกปฏิวัติ หรือจริงๆ ก็คือ พวกอำมาตย์ (ทหาร+ข้าราชการ) และพ่อค้า ไม่ได้มาอยู่ที่เราประชาชนคนไทย อย่างที่อ้าง และเข้าใจกันหรอกนะครับ
    (นิทานตอนนี้อยากให้พวกนิติเรดมาอ่าน แยะๆ เผื่อจะชอบแนวคิดนี้บ้าง 555)
    สมัยพระมหากษัตริย์ปกครอง พระองค์ท่านมิได้ทำทำการค้าขายเอง แต่ให้นายอากรเป็นผู้ดำเนินการ แล้วก็จ่ายค่าอากรให้หลวง ถึงเรียกว่านายอากร นายอากรนี้ ส่วนใหญ่ก็เป็นคนจีน ดังนั้นการค้าส่วนใหญ่สมัยรัตน โกสินทร์ส่วนใหญ่ก็อยู่ในมือพี่น้องคนจีนที่มาพึ่งพระบรมโพธิสมภารอยู่ในแผ่นดินไทย
    พอหลัง พ.ศ.2475 คณะราษฎร์ ก็รวบทั้งอำนาจและทุน แล้วก็ออกกฎหมายใหม่ อะไรที่นายอากรเคยทำ ก็เอามาทำเอง จึงกำเนิดรัฐวิสาหกิจ 100 กว่าแห่ง ธนาคารอีกเกือบ 10 แห่ง
    แล้วพวกคณะราษฎร์นั่นแหละ ก็เข้าไปร่วมถือหุ้นในกิจการต่างๆ เหล่านั้น
    แล้วมันปฏิวัติเพื่อประชาชนตรงไหน มีเวลาจะเล่ารายละเอียดว่า ตระกูลไหน ใครบ้างเข้าไปถือหุ้นในรัฐวิสาหกิจอะไร ธนาคารอะไร ไม่งั้นมันจะยังรวยก็อยู่ถึงตอนนี้เหรอ ผ่านไปตั้ง 70-80 ปีแล้ว (เอ้า! พวกนิติเรด อย่าลืมเล่าตรงนี้บ้างนะ)
    นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนจีนที่เคยค้าขายในประเทศไทย ส่งเงินไปสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์จีน เพราะเห็นว่า ถูกกลั่นแกล้งจากรัฐบาลไทย (ที่กำกับโดยพี่เบิ้มอเมริกา)
    ขณะเดียวกัน พี่เบิ้มก็บี้ไทยซ้ำ ยูจะเอายังไง ไอบอกว่าทุนนิยม ยูก็จะชาตินิยม เดี๋ยวเอาเงินคืนนะ ถึงขนาดส่งนายจอห์น ดัลลัส (John Dulles) รมต.ตปท. มาบีบลูกกระเดือกจอมพล คนแปลกเอง
    มันเกี่ยวกับเรื่องจอมพลคนแปลก มาลานำไทยแล้วชาติเจริญ ไม่ยอมเปลี่ยนจากชาตินิยมเป็นทุนนิยมหรือเปล่ามันก็น่าคิด เพราะช่วงพ.ศ.2498-พ.ศ.2500 สถานการณ์ของจอมพล ป. ก็คลอนแคลน โยกเยก แล้วในที่สุด 16 ก.ย. พ.ศ.2500 จอมพลผ้าขะม้าก็ทำรัฐประหาร
    จอมพล ป. ก็รีบเก็บกระเป๋าขึ้นรถ นั่งตัวตรงลี้ภัยไปที่เขมร ก่อนที่จะติดปีกบินต่อไปญี่ปุ่น ผู้ทำหน้าที่ขับรถพาท่านจอมพลไปเขมรชื่อ ชุมพล โลหะชาละ คุ้นๆชื่อนี้ไหมครับ ส่วนนายพลเผ่า ซีซัพพลาย (Sea Supply) ก็หรูหน่อยขึ้นเครื่องบินลี้ภัยไปสวิส
    น่าคิดนะ ไม่ว่าใครที่ขวางทาง  หรือไม่เป็นเด็กดีตามใบสั่งพี่เบิ้มนี่ ไม่นานหรอกก็มีอันต้องเก็บฉากหายตัวเป็นแถวๆ ตามดูไปเรื่อยๆ ก็แล้วกัน
    จอมพลผ้าขะม้ารัฐประหารแล้วไม่เป็นนายกเอง แปลกนะ! คนเป็นนายกชื่อ นายพจน์ สารสิน (แปลกไม่แปลกเอ่ย อ่านๆ ไปก็รู้เอง) คล้ายๆ กับ พล.อ.สุจินดาทำรัฐประหาร แล้วให้นายอานันท์เป็นนายกเลยนะ อิ! อิ!
    นายพจน์ เป็นนายกได้ไม่นาน ก็จัดการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยใบสั่งรุ่นแรกปี พ.ศ.2501 หวยก็ไปตกที่พล.อ. ถนอม เป็นนายก โดยมีคุณป๋าผ้าขะม้าถือไม้เรียวคุมเข้มอยู่ข้างหลัง
    รัฐประหารไม่เท่าไหร่ น้าหนอมยังเป็นนายกตั้งไข่ คุณป๋าผ้าขะม้าก็ล้มป่วย
    พี่เบิ้มตาเหลือก ยุ่งล่ะสิ! วางแผนซะเกือบตาย กำลังจะไปได้สวย ทุกอย่างอยู่ในอวยหมดแล้ว ทำไม ทำไม จะหมดวาสนาเอาง่ายๆ พี่เบิ้มก็เลยกล่อมให้คุณป๋าไปรักษาตัวที่ รพ. Water Reed อันลือชื่อของพี่เบิ้ม ระหว่างที่คุณป๋าสฤษดิ์รักษาตัวไป พักฟื้นไป พี่เบิ้มก็ส่งพี่เลี้ยงชื่อ พล.อ. เออร์สกิน (Erskine) มานั่งจับมือคุณป๋า เล่านิทานเรื่องภัยคอมมิวนิสต์ในอินโดจีนให้คุณป๋าฟังทุกวัน ทุกวัน
    คุณป๋าแกเป็นทหารรักชาติของจริง ไม่ใช่ประเภทเห็นแก่ร้องเท้ากอล์ฟคู่เดียว หรือมีวันนี้เพราะพี่ให้ แกฟังพี่เลี้ยงใส่สีตีไข่ทุกวัน คุณป๋าเลือดรักชาติ พุ่งกระฉูดแทบหายป่วยเลย
    อะไรมันจะขนาดนั้น ภัยมันจ่อคอหอยบ้านเราแล้วหรือ แถมลาวน้องรักก็กำลังจะถึงซึ่งชีวี มีหรือพี่จะนอนต่อไปได้ ว่าแล้วคุณป๋าก็ลุกขึ้น ทำเสียงเข้มใส่พี่เบิ้มทันที บอกมาบัดเดี๋ยวนี้ เราจะช่วยบ้านเราและบ้านพี่เมืองน้องของเรา ให้พ้นจากภัยคุกคาม ของเหล่าคอมมิวนิสต์ตัวร้ายได้อย่างไร
    อ้า! สมันน้อยติดกับเราเรียบร้อยแล้ว…เสียงรำพึงขึ้นจมูกโด่งงุ้มของใครบางคนดังขึ้น
    อย่าตกใจไปเลยสมันน้อย เราได้เตรียมการไว้ให้ท่านสมันน้อย เอ๊ย มิตรรัก ไว้พร้อมสรรพแล้ว เพียงท่านทำตามที่เราบอก บ้านท่าน รวมทั้งบ้านพี่บ้านน้องท่านก็จักพ้นภัย
    วิธีจัดการกับสมันน้อยนามไทยแลนด์ของพี่เบิ้มเนียนมาก
    ด้านหนึ่งก็บอกว่าต้องพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้า ชาวประชาต้องมีงานทำ
    พวกคอมมี่มันจะได้เข้าไม่ถึง ถ้าเรายากจน เขาก็มาช่วงชิงประชาชนไปได้
    อีกด้านหนึ่งเราก็ต้องจัดการ ให้ยูมีกองกำลังเอาไว้ป้องกันตัว บดขยี้ไอ้พวกคอมมี่ที่จะมาตีบ้านตีเมืองยู ไอไม่ปล่อยให้ยูเดียวดาย โฮมอะโลนหรอกเพื่อนรัก
    แล้วการจะทำทุกอย่างให้มีประสิทธิภาพน่ะ เพื่อนต้องมีอำนาจเบ็ดเสร็จ การเมืองต้องนิ่ง คุมสภาให้อยู่หมัด เพื่อนอย่าเพิ่งมึน
    แหม! นี่ถ้าไม่บอกว่า พี่มะกันพูดกะป๋าสฤษดิ์น่ะ ท่านผู้อ่านอาจเผลอนึกว่า พี่มะกันพูดกับพี่น้องนักซุก ว.5
    ดังนั้นไทยแลนด์เพื่อนรัก เพื่อนจงรีบจัดการ เรื่องการบ้านการเมืองบ้านยูให้เรียบร้อย หลังจากนั้นก็ดำเนิน การพัฒนาประเทศเป็นการด่วน ไอได้ทำการสำรวจ และทำข้อแนะนำไว้ให้ยูเรียบร้อยแล้ว เห็นไหม ไอรู้ใจเพื่อนรักขนาดไหน ยูรีบไปดูแล จัดตั้งหน่วยงานพัฒนาเสียโดยดี เพื่อนจะรออะไรอีก เงินไม่มี ไอก็จะให้กู้ โอ๊ย! เพื่อนใจป้ำอย่างนี้หาได้ง่ายๆ ที่ไหน
    แบบนี้คุณป๋าหายป่วยเลย รีบกลับบ้านเรียกประชุมมิตรรักนักเพลงที่คอเดียวกับพี่เบิ้มมะกันเป็นการด่วน
    เร็วๆ พวกเรา คอมมิวนิสต์มันจ่อก้นเราแล้ว เราต้องช่วงชิงประชาชนกลับมา นำความเจริญไปสู่เขา ฯลฯ แหม นกแก้วรุ่นพ่อก็ท่องคล่องเหมือนกันนะ นึกว่ามีแต่นกแก้วสมัยนี้
    ระหว่างที่คุณป๋าสฤษดิ์รักษาตัวอยู่ ที่สหรัฐฯ น้าหนอมเป็นนายกก็จริง แต่เริ่มมีรัศมีของลุงตุ๊ หนวดจิ๋ม ขึ้นมาบดบัง คุณป๋าก็ร้อนใจ โอ๊ย! ไหนจะเรื่องคอมมี่ ไหนจะเรื่องหนวดจิ๋ม
    พี่เบิ้มนี่น่ารักจริง ๆ ไม่ปล่อยให้คุณป๋าร้อนใจนานหรอก คนรักกันชอบกัน ทำมั้ยทำไม เรื่องแค่นี้จะทำให้กันไม่ได้ พี่เบิ้มเขาทำอะไรให้นะ ใจเย็น ๆ อ่านต่อไปครับ
    คุณป๋าบินกลับไทยแลนด์ ในเดือนตุลา พ.ศ.2501  มาถึงก็สั่งปรับ ครม. ทันที แต่ก่อนคุณป๋าจะกลับมา ก็มีคนช่วยจัดการเตรียมแผนให้คุณป๋ามีอำนาจเบ็ดเสร็จ ตามที่มีผู้ปรารถนาดีแต่ประสงค์ร้ายแนะนำเอาไว้แล้ว
    ช่วงกลางปี พ.ศ.2502 (ค.ศ.1959) คุณป๋าก็เดินทางไปอังกฤษ อ้างว่าจะไปตรวจสุขภาพ (อีก)
    รายงานของ CIA อ้างว่า คุณป๋าไปเตรียมแผนปฏิวัติอยู่ที่ ซันนิ่ง เดล Sunning Dale ในลอนดอน (London) หอบเอาคณะมันสมองไปด้วยประมาณ 1 โหล ในรายงานบอกว่ามีแต่เด็ดๆ ทั้งนั้นเช่น ถนัด คอมันตร์ หลวงวิจิตรวาทการสุนทร หงส์ลดารมภ์ บุญชู จันทรุเบกษา พงษ์สวัสดิ สุริโยทัย เฉลิมเกียรติ วัฒนางกูร ฯลฯ
    ระหว่างเตรียมการรัฐประหาร CIA ระบุในรายงานของตนว่า เป็นการเตรียมตัวของไทยแลนด์ เข้าสู่การพัฒนาตาม Pax Americana ให้บรรลุผลสำเร็จ พี่เบิ้มต้องรีบเอาผ้าเช็ดหน้ามาอุดปาก น้ำลายมันไหลเยิ้มไม่หยุด อู้ย! หมูกำลังเต๊าะแต๊ะๆ เข้าอวยแล้ว
    รายงานของ CIA ยังบอกอีกว่า ได้ส่งกำลังมาอารักขาครอบครัวของคณะท่าน ซันนิ่ง เดล โดยส่งครอบครัวไปซ่อนในที่ปลอดภัยที่หัวหิน มาแล้วไง ค่ายนเรศวร บอกแล้วว่าให้จำไว้ อย่าลืมๆ โดยมีขบวนรถของอเมริกาเตรียมพร้อมตลอดเวลา เพื่อนำครอบครัวของคณะซันนิ่ง เผ่นลงใต้ หากแผนล่ม!
    19 ต.ค. พ.ศ.2502 คุณป๋าและคณะเดินทางกลับประเทศไทย
    20 ต.ค. พ.ศ.2502 น้าหนอมยื่นใบลาออกจากการเป็นนายกฯ วันเดียวกันนั้น คุณป๋าก็ปฏิบัติการยึดอำนาจ โดยคณะทหารที่เรียกตัวเองว่า “คณะปฎิวัติ” แล้วคุณป๋าก็ตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าคณะปฎิวัติ และให้น้าหนอมเป็นรองหัวหน้าคณะฯ
    CIA รายงานว่าการรัฐประหารครั้งนี้มุ่งลดอำนาจลุงตุ๊ และทำให้คุณป๋ามีอำนาจเบ็ดเสร็จ
    Pax Americanaเดินหน้าอย่างไม่มีอุปสรรคแล้ว ดื่ม Coke แก้กระหายด่วน (โฆษณาให้ฟรี จะส่งเงินมาสม ทบก็ไม่ขัดข้อง)


    คนเล่านิทาน
    ตอน 6 ต้องเล่าย้อนหลังไปถึงการเมืองไทยยุคจอมพล ป. หน่อย เล่าข้ามเดี๋ยวเหมือนหนังขาด จอมพล ป. ขึ้นมามีอำนาจ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2490 หลังจากแยกวงกับนายปรีดี พนมยงค์ พอถึงปี พ.ศ.2492 ทางฝ่ายจีนก็เริ่มเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง เป็นระบอบคอมมิวนิสต์  พี่เบิ้มก็ตาเขียวขึ้นมาทันที มือหนึ่งถือกระเป๋าเงินหนัก 7.5 ล้านเหรียญ อีกมือหนึ่งจับบ่าจอมพล ป. ถามว่า จอมพลคนแปลก ยูจะเอายังไง จะดื่มโค้กกับไอ หรือจะไปแทะเม็ดกวยจี๊ แหม! ไม่อยากคิดเลยว่าเราจะเป็นพวกเห็นแก่เงิน เอาว่า ไทยเราเป็นประเภทนักการทูตนกรู้แล้วกันนะ ว่าแล้วก็จิบโค้กแกล้มเงินช่วยเหลือ 7.5 ล้านเหรียญ อร่อย (เอ๊ะ! ตอนนี้ฝรั่งต้มไทยหรือไทยต้มฝรั่งกันแน่) พอให้เงินแค่ 7.5 ล้านเหรียญ พี่เบิ้มก็เริ่มเบียดกระแซะไทยเข้ามาอีกคืบ จับมือไทยลงชื่อแปะโป้งลงนามสัญญา 3 ฉบับ ในปี พ.ศ.2493 (ค.ศ.1950) (อีตอนนี้สงสัยฝรั่งต้มไทยนะ…อ้าว) เกี่ยวกับการร่วมมือการศึกษาและวัฒนธรรม 1 ฉบับ, ความตกลงร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิทยาการอีก 1 ฉบับ…แต่ฉบับที่สำคัญ คือ ความตกลงช่วยเหลือทางการทหาร เรียกย่อๆ ว่า สัญญา JUSMAC อีก1 ฉบับ เฉพาะรายการหลัง เพื่อให้แน่ใจว่า สมันน้อยผูกคอตัวเองจนแน่น พี่เบิ้มใจดีจ่ายค่าแปะโป้งให้อีก 10ล้านเหรียญ! อืม… มันหวังดีจริงนะ จำสัญญานี้ให้ดีๆ นะครับ เรื่องนี้สำคัญมากๆ มันเป็นสัญญาที่ทำให้ไทย คล้ายจะกลายเป็นทาสในเรือนเบี้ยของพี่เบิ้ม ไปตั้งแต่บัดนั้นมาจนถึงทุกวันนี้สัญญานี้ก็ยังมีผลบังคับอยู่ สนใจก็ไปหามาอ่านกันนะครับ หรือไปถามลุงตู่เอาก็แล้วกัน ผมเล่ามากกว่านี้เดี๋ยวก็จะโดนข้อหา เอาความลับของทางราชการมาเผย เดี๋ยวลุงตู่แกจะตวาดเอา (คนอะไรของขึ้นง่ายจัง) ก็ใอ้สัญญาที่ผูกมัดประเทศแบบนี้แหละ ที่เขาไม่อยากให้ประชาชนอย่างเราๆ รู้ เขาถึงคิดแก้รัฐ ธรรมนูญกัน เพื่อเอาสิทธิของประชาชนคืนไป แล้วไงครับ… เราก็ไม่รู้ไม่ชี้ นั่งดูละครน้ำเน่าต่อ… ยังกะบ้านเมืองไม่ใช่ของเรา… จอมพล ป. เจ้าของ “มาลานำไทย ใส่หมวกแล้วชาติเจริญนั้นน่ะ เป็นคนที่เชื่อในลัทธิชาตินิยม ออกกฎหมายลักษณะชาตินิยมทางเศรษฐกิจไว้แยะ เรื่องนี้ก็ต้องย้อนไป ตั้งกะสมัยปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 ซะหน่อย เราๆ เข้าใจว่า ปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองล้มเจ้าแล้ว ชาวเราได้ปกครองหรือเปล่าหรอก เปลี่ยนจากเจ้าก็มาเป็นพวกเขาที่ทำการปฏิวัตินั่นแหละ มันเป็นการย้ายที่ทุนกับอำนาจ ยังไง จำได้ไหม เกริ่นไว้ตั้งกะแรกนะ ก่อนพ.ศ. 2475 อำนาจกับทุนอยู่ที่พระมหากษัตริย์ หลังพ.ศ. 2475 อำนาจกับทุนย้ายมาอยู่ที่พวกปฏิวัติ หรือจริงๆ ก็คือ พวกอำมาตย์ (ทหาร+ข้าราชการ) และพ่อค้า ไม่ได้มาอยู่ที่เราประชาชนคนไทย อย่างที่อ้าง และเข้าใจกันหรอกนะครับ (นิทานตอนนี้อยากให้พวกนิติเรดมาอ่าน แยะๆ เผื่อจะชอบแนวคิดนี้บ้าง 555) สมัยพระมหากษัตริย์ปกครอง พระองค์ท่านมิได้ทำทำการค้าขายเอง แต่ให้นายอากรเป็นผู้ดำเนินการ แล้วก็จ่ายค่าอากรให้หลวง ถึงเรียกว่านายอากร นายอากรนี้ ส่วนใหญ่ก็เป็นคนจีน ดังนั้นการค้าส่วนใหญ่สมัยรัตน โกสินทร์ส่วนใหญ่ก็อยู่ในมือพี่น้องคนจีนที่มาพึ่งพระบรมโพธิสมภารอยู่ในแผ่นดินไทย พอหลัง พ.ศ.2475 คณะราษฎร์ ก็รวบทั้งอำนาจและทุน แล้วก็ออกกฎหมายใหม่ อะไรที่นายอากรเคยทำ ก็เอามาทำเอง จึงกำเนิดรัฐวิสาหกิจ 100 กว่าแห่ง ธนาคารอีกเกือบ 10 แห่ง แล้วพวกคณะราษฎร์นั่นแหละ ก็เข้าไปร่วมถือหุ้นในกิจการต่างๆ เหล่านั้น แล้วมันปฏิวัติเพื่อประชาชนตรงไหน มีเวลาจะเล่ารายละเอียดว่า ตระกูลไหน ใครบ้างเข้าไปถือหุ้นในรัฐวิสาหกิจอะไร ธนาคารอะไร ไม่งั้นมันจะยังรวยก็อยู่ถึงตอนนี้เหรอ ผ่านไปตั้ง 70-80 ปีแล้ว (เอ้า! พวกนิติเรด อย่าลืมเล่าตรงนี้บ้างนะ) นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนจีนที่เคยค้าขายในประเทศไทย ส่งเงินไปสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์จีน เพราะเห็นว่า ถูกกลั่นแกล้งจากรัฐบาลไทย (ที่กำกับโดยพี่เบิ้มอเมริกา) ขณะเดียวกัน พี่เบิ้มก็บี้ไทยซ้ำ ยูจะเอายังไง ไอบอกว่าทุนนิยม ยูก็จะชาตินิยม เดี๋ยวเอาเงินคืนนะ ถึงขนาดส่งนายจอห์น ดัลลัส (John Dulles) รมต.ตปท. มาบีบลูกกระเดือกจอมพล คนแปลกเอง มันเกี่ยวกับเรื่องจอมพลคนแปลก มาลานำไทยแล้วชาติเจริญ ไม่ยอมเปลี่ยนจากชาตินิยมเป็นทุนนิยมหรือเปล่ามันก็น่าคิด เพราะช่วงพ.ศ.2498-พ.ศ.2500 สถานการณ์ของจอมพล ป. ก็คลอนแคลน โยกเยก แล้วในที่สุด 16 ก.ย. พ.ศ.2500 จอมพลผ้าขะม้าก็ทำรัฐประหาร จอมพล ป. ก็รีบเก็บกระเป๋าขึ้นรถ นั่งตัวตรงลี้ภัยไปที่เขมร ก่อนที่จะติดปีกบินต่อไปญี่ปุ่น ผู้ทำหน้าที่ขับรถพาท่านจอมพลไปเขมรชื่อ ชุมพล โลหะชาละ คุ้นๆชื่อนี้ไหมครับ ส่วนนายพลเผ่า ซีซัพพลาย (Sea Supply) ก็หรูหน่อยขึ้นเครื่องบินลี้ภัยไปสวิส น่าคิดนะ ไม่ว่าใครที่ขวางทาง  หรือไม่เป็นเด็กดีตามใบสั่งพี่เบิ้มนี่ ไม่นานหรอกก็มีอันต้องเก็บฉากหายตัวเป็นแถวๆ ตามดูไปเรื่อยๆ ก็แล้วกัน จอมพลผ้าขะม้ารัฐประหารแล้วไม่เป็นนายกเอง แปลกนะ! คนเป็นนายกชื่อ นายพจน์ สารสิน (แปลกไม่แปลกเอ่ย อ่านๆ ไปก็รู้เอง) คล้ายๆ กับ พล.อ.สุจินดาทำรัฐประหาร แล้วให้นายอานันท์เป็นนายกเลยนะ อิ! อิ! นายพจน์ เป็นนายกได้ไม่นาน ก็จัดการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยใบสั่งรุ่นแรกปี พ.ศ.2501 หวยก็ไปตกที่พล.อ. ถนอม เป็นนายก โดยมีคุณป๋าผ้าขะม้าถือไม้เรียวคุมเข้มอยู่ข้างหลัง รัฐประหารไม่เท่าไหร่ น้าหนอมยังเป็นนายกตั้งไข่ คุณป๋าผ้าขะม้าก็ล้มป่วย พี่เบิ้มตาเหลือก ยุ่งล่ะสิ! วางแผนซะเกือบตาย กำลังจะไปได้สวย ทุกอย่างอยู่ในอวยหมดแล้ว ทำไม ทำไม จะหมดวาสนาเอาง่ายๆ พี่เบิ้มก็เลยกล่อมให้คุณป๋าไปรักษาตัวที่ รพ. Water Reed อันลือชื่อของพี่เบิ้ม ระหว่างที่คุณป๋าสฤษดิ์รักษาตัวไป พักฟื้นไป พี่เบิ้มก็ส่งพี่เลี้ยงชื่อ พล.อ. เออร์สกิน (Erskine) มานั่งจับมือคุณป๋า เล่านิทานเรื่องภัยคอมมิวนิสต์ในอินโดจีนให้คุณป๋าฟังทุกวัน ทุกวัน คุณป๋าแกเป็นทหารรักชาติของจริง ไม่ใช่ประเภทเห็นแก่ร้องเท้ากอล์ฟคู่เดียว หรือมีวันนี้เพราะพี่ให้ แกฟังพี่เลี้ยงใส่สีตีไข่ทุกวัน คุณป๋าเลือดรักชาติ พุ่งกระฉูดแทบหายป่วยเลย อะไรมันจะขนาดนั้น ภัยมันจ่อคอหอยบ้านเราแล้วหรือ แถมลาวน้องรักก็กำลังจะถึงซึ่งชีวี มีหรือพี่จะนอนต่อไปได้ ว่าแล้วคุณป๋าก็ลุกขึ้น ทำเสียงเข้มใส่พี่เบิ้มทันที บอกมาบัดเดี๋ยวนี้ เราจะช่วยบ้านเราและบ้านพี่เมืองน้องของเรา ให้พ้นจากภัยคุกคาม ของเหล่าคอมมิวนิสต์ตัวร้ายได้อย่างไร อ้า! สมันน้อยติดกับเราเรียบร้อยแล้ว…เสียงรำพึงขึ้นจมูกโด่งงุ้มของใครบางคนดังขึ้น อย่าตกใจไปเลยสมันน้อย เราได้เตรียมการไว้ให้ท่านสมันน้อย เอ๊ย มิตรรัก ไว้พร้อมสรรพแล้ว เพียงท่านทำตามที่เราบอก บ้านท่าน รวมทั้งบ้านพี่บ้านน้องท่านก็จักพ้นภัย วิธีจัดการกับสมันน้อยนามไทยแลนด์ของพี่เบิ้มเนียนมาก ด้านหนึ่งก็บอกว่าต้องพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้า ชาวประชาต้องมีงานทำ พวกคอมมี่มันจะได้เข้าไม่ถึง ถ้าเรายากจน เขาก็มาช่วงชิงประชาชนไปได้ อีกด้านหนึ่งเราก็ต้องจัดการ ให้ยูมีกองกำลังเอาไว้ป้องกันตัว บดขยี้ไอ้พวกคอมมี่ที่จะมาตีบ้านตีเมืองยู ไอไม่ปล่อยให้ยูเดียวดาย โฮมอะโลนหรอกเพื่อนรัก แล้วการจะทำทุกอย่างให้มีประสิทธิภาพน่ะ เพื่อนต้องมีอำนาจเบ็ดเสร็จ การเมืองต้องนิ่ง คุมสภาให้อยู่หมัด เพื่อนอย่าเพิ่งมึน แหม! นี่ถ้าไม่บอกว่า พี่มะกันพูดกะป๋าสฤษดิ์น่ะ ท่านผู้อ่านอาจเผลอนึกว่า พี่มะกันพูดกับพี่น้องนักซุก ว.5 ดังนั้นไทยแลนด์เพื่อนรัก เพื่อนจงรีบจัดการ เรื่องการบ้านการเมืองบ้านยูให้เรียบร้อย หลังจากนั้นก็ดำเนิน การพัฒนาประเทศเป็นการด่วน ไอได้ทำการสำรวจ และทำข้อแนะนำไว้ให้ยูเรียบร้อยแล้ว เห็นไหม ไอรู้ใจเพื่อนรักขนาดไหน ยูรีบไปดูแล จัดตั้งหน่วยงานพัฒนาเสียโดยดี เพื่อนจะรออะไรอีก เงินไม่มี ไอก็จะให้กู้ โอ๊ย! เพื่อนใจป้ำอย่างนี้หาได้ง่ายๆ ที่ไหน แบบนี้คุณป๋าหายป่วยเลย รีบกลับบ้านเรียกประชุมมิตรรักนักเพลงที่คอเดียวกับพี่เบิ้มมะกันเป็นการด่วน เร็วๆ พวกเรา คอมมิวนิสต์มันจ่อก้นเราแล้ว เราต้องช่วงชิงประชาชนกลับมา นำความเจริญไปสู่เขา ฯลฯ แหม นกแก้วรุ่นพ่อก็ท่องคล่องเหมือนกันนะ นึกว่ามีแต่นกแก้วสมัยนี้ ระหว่างที่คุณป๋าสฤษดิ์รักษาตัวอยู่ ที่สหรัฐฯ น้าหนอมเป็นนายกก็จริง แต่เริ่มมีรัศมีของลุงตุ๊ หนวดจิ๋ม ขึ้นมาบดบัง คุณป๋าก็ร้อนใจ โอ๊ย! ไหนจะเรื่องคอมมี่ ไหนจะเรื่องหนวดจิ๋ม พี่เบิ้มนี่น่ารักจริง ๆ ไม่ปล่อยให้คุณป๋าร้อนใจนานหรอก คนรักกันชอบกัน ทำมั้ยทำไม เรื่องแค่นี้จะทำให้กันไม่ได้ พี่เบิ้มเขาทำอะไรให้นะ ใจเย็น ๆ อ่านต่อไปครับ คุณป๋าบินกลับไทยแลนด์ ในเดือนตุลา พ.ศ.2501  มาถึงก็สั่งปรับ ครม. ทันที แต่ก่อนคุณป๋าจะกลับมา ก็มีคนช่วยจัดการเตรียมแผนให้คุณป๋ามีอำนาจเบ็ดเสร็จ ตามที่มีผู้ปรารถนาดีแต่ประสงค์ร้ายแนะนำเอาไว้แล้ว ช่วงกลางปี พ.ศ.2502 (ค.ศ.1959) คุณป๋าก็เดินทางไปอังกฤษ อ้างว่าจะไปตรวจสุขภาพ (อีก) รายงานของ CIA อ้างว่า คุณป๋าไปเตรียมแผนปฏิวัติอยู่ที่ ซันนิ่ง เดล Sunning Dale ในลอนดอน (London) หอบเอาคณะมันสมองไปด้วยประมาณ 1 โหล ในรายงานบอกว่ามีแต่เด็ดๆ ทั้งนั้นเช่น ถนัด คอมันตร์ หลวงวิจิตรวาทการสุนทร หงส์ลดารมภ์ บุญชู จันทรุเบกษา พงษ์สวัสดิ สุริโยทัย เฉลิมเกียรติ วัฒนางกูร ฯลฯ ระหว่างเตรียมการรัฐประหาร CIA ระบุในรายงานของตนว่า เป็นการเตรียมตัวของไทยแลนด์ เข้าสู่การพัฒนาตาม Pax Americana ให้บรรลุผลสำเร็จ พี่เบิ้มต้องรีบเอาผ้าเช็ดหน้ามาอุดปาก น้ำลายมันไหลเยิ้มไม่หยุด อู้ย! หมูกำลังเต๊าะแต๊ะๆ เข้าอวยแล้ว รายงานของ CIA ยังบอกอีกว่า ได้ส่งกำลังมาอารักขาครอบครัวของคณะท่าน ซันนิ่ง เดล โดยส่งครอบครัวไปซ่อนในที่ปลอดภัยที่หัวหิน มาแล้วไง ค่ายนเรศวร บอกแล้วว่าให้จำไว้ อย่าลืมๆ โดยมีขบวนรถของอเมริกาเตรียมพร้อมตลอดเวลา เพื่อนำครอบครัวของคณะซันนิ่ง เผ่นลงใต้ หากแผนล่ม! 19 ต.ค. พ.ศ.2502 คุณป๋าและคณะเดินทางกลับประเทศไทย 20 ต.ค. พ.ศ.2502 น้าหนอมยื่นใบลาออกจากการเป็นนายกฯ วันเดียวกันนั้น คุณป๋าก็ปฏิบัติการยึดอำนาจ โดยคณะทหารที่เรียกตัวเองว่า “คณะปฎิวัติ” แล้วคุณป๋าก็ตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าคณะปฎิวัติ และให้น้าหนอมเป็นรองหัวหน้าคณะฯ CIA รายงานว่าการรัฐประหารครั้งนี้มุ่งลดอำนาจลุงตุ๊ และทำให้คุณป๋ามีอำนาจเบ็ดเสร็จ Pax Americanaเดินหน้าอย่างไม่มีอุปสรรคแล้ว ดื่ม Coke แก้กระหายด่วน (โฆษณาให้ฟรี จะส่งเงินมาสม ทบก็ไม่ขัดข้อง) คนเล่านิทาน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว

  • แล้วไง ปรากฏว่าการปิดกั้นของอเมริกาไม่ได้ผล (หรือได้ผลอีกแบบ) การสู้รบขยายวงกว้างไปทั่ว และยืดเยื้อ เกิดเป็นสงครามอินโดจีนของจริง อเมริกา (ปล่อยข่าวว่า) ทำท่าจะเอาไม่อยู่
    ปี พ.ศ.2496 (ค.ศ.1953) อเมริกาจึงปรับการให้ความช่วยเหลือแก่ไทยใหม่ คราวนี้ขุดหลุมลึกซึ้งเหลือ เชื่อขึ้นไปอีก โดยผ่านกลไกของ CIA ซึ่งสมัยนู้น ยังเรียก OSS อยู่ (ชื่อเต็มคือ Office of the Strategic Services) คงพอเดาออกนะครับ ว่าหน่วยงานนี้เขาทำหน้าที่อะไร
    โดยกลไกของพี่ซี (CIA) อเมริกาตั้งบริษัทซีซัพ พลาย (Sea Supply) ขึ้นในไทย มาทำหน้าที่ซื้อ ขายอาวุธ จัดตั้งกองกำลัง ให้การฝึก และวิทยาการฯลฯ (ทำกิจกรรมตรงตามชื่อเลย ไม่มีปิดบัง เหนียมอาย)
    ผู้ที่มาทำหน้าที่ดูแลซีซัพพลาย เป็นทีมใหญ่ซึ่งถูกฝึกมาจากมือเก๋าของ OSS คือคุณวิลเลี่ยม โดโนแวน (William Donovan) คนเก่ง ซีตัวพ่อของจริง (สมญา “Wild Bill Donovan”) เขาว่า แกเก่งแบบพระ เอกหนังเลยนะคุณโดคนนี้
    คุณโดโนแวน (Donovan) วางแผนรูปแบบขบวนการกระชับวงล้อมคอมมี่อินโดจีน อย่างจัดเต็ม วางแผนเสร็จแล้ว ก็มอบให้แก๊งคุณเบิร์ด (Bird) คนพี่ และคุณเบิร์ด (Bird) คนน้อง เป็นชุดปฏิบัติการ แว่วว่า เดี๋ยวนี้ลูกหลานคุณเบิร์ด ก็ยังสืบถอดงานบางประการของคุณป๊ะป๋าอยู่แถวเชียงใหม่ เพชรบูรณ์ ไปทำอะไร ตามหากันเองแล้วกัน
    อ้อ ลืมเล่า คุณเบิร์ด อยู่เมืองไทยนานๆ ก็แน่นอน ย่อมมีภรรยาเป็นสาวไทย อย่าให้พูดเลยนะ ว่าเป็นใคร ญาติใคร รู้แล้วจะหนาว ก๊วนคุณเบิร์ดนี่ยังกะหนังฮอลลีวู้ด (Hollywood) หนึ่งในก๊วนก็คือคุณจิม ทอมป์สัน (Jim Thompson) ราชาผ้าไหมไทย ชีวิตคุณจิมนี่ สนุก โลดโผน น่าเอาไปทำหนัง ว่างๆ ไปหาหนังสือชีวประวัติแกอ่านดูนะครับ
    ผู้ได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ จากซีซัพพลายคือ กรมตำรวจ ภายใต้การดูแลของ พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์… หวังว่ายังคงจำชื่อนี้กันได้ และถ้าไม่บอกชื่อผู้ประสานงานระหว่าง พล.ต.อ.เผ่า กับซีซัพพลาย เรื่องก็จะไม่ครบรสชาติ ฟังแล้วรับรอง ร้องซี้ด เขาผู้นั้นเป็นนายทหารอากาศ หนุ่มลูกครึ่ง รูปหล่อ มาดขรึม ชื่อ สิทธิ เศวตศิลา ครับผม…

    ซีซัพพลาย ช่วยกรมตำรวจ จัดตั้งและทำการฝึก ตำรวจพลร่ม ตำรวจตระเวนชายแดน และสร้างศูนย์ฝึกชื่อ ค่ายนเรศวรอยู่แถวบ่อฝ้าย หัวหิน เพื่อใช้เป็นศูนย์ฝึก ที่มีอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัยครบเครื่อง มีตำรวจอะไรอีกมั้ย ที่ยังไม่ได้ตั้ง อ้อ ตำรวจแก๊สน้ำตา อันนี้มาตั้งตอนหลัง เดี๋ยวก็มาเอง ไม่ต้องรอนาน
    ทุกวันนี้ค่ายนเรศวร ยังใช้การอยู่ สภาพเป็นอย่างไร คงต้องไปถาม วีระ ตู่ เต้น ฯลฯ ช่วงหลังกระชับวงล้อมที่ราชประสงค์ เขาว่าเหมือนกับอยู่รีสอร์ทหรูชายทะเล นี่ขนาดตั้งมากว่า 50 ปีแล้วนะ
    แต่โปรดอย่าลืมชื่อค่ายนี้ …มีของดีเล่าตอนหลัง หลังจากฝึกกันจนเข้าฝัก ตชด. บวกคนของซีซัพพลาย ก็เริ่มปฏิบัติการ ตามคำสั่งของคุณพี่ซี งานหลักของกองกำลังซีซัพพลายกับ ตชด. คือ ร่วมมือกับกองพลก๊กมินตั๋ง (จีนไต้หวัน ภายใต้การนำของนายพลเจียงไคเช็ค เด็กสร้างของอเมริกา ที่ไม่ยอมตกอยู่ภายใต้การปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก็เขาสร้างมาให้สู้…) สู้กับจีนคอมมิวนิสต์
    ขณะเดียวกัน ก็รับฝิ่นจากกองพลก๊กมินตั๋งส่งขายทั่วโลก เอาเงินเข้ากระเป๋าไว้เป็นเงินทุนสู้รบกับคอมมี่ เขาอ้างว่าอย่างนั้น เพราะปฏิบัติการซีซัพพลาย (operation sea supply) มันอยู่ off book (นอกระบบ) มันส์จริงๆ ! นี่เอามาจากรายงานของคุณพี่มหามิตรเองนะ ไม่ได้มั่ว คงพอนึกออกแล้วนะ คำว่า “ไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทิตย์ที่ตำรวจไทยทำไม่ได้” มาจากไหน
    เอ๊ะ! แล้วรูปแบบกองกำลังตำรวจของ พวกตำรวจ ประเภทมีวันนี้เพราะพี่ให้ วันสอยม็อบเสธอ้าย กับวันสยบม็อบลุงเอี่ยม นี่มาจากไหนนะ คลับคล้ายคลับคลาจริงมาแล้วไง ตำรวจแก๊สน้ำตา รูปแบบเหมือน Homeland Security ของใครนะ
    สงครามอินโดจีน เริ่มต้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947) จบสิ้นเอาปี พ.ศ.2522 (ค.ศ.1979)
    ระหว่างนั้นรัฐบาลไทยเปลี่ยนไปหลายยุค แต่ไม่ว่ายุคไหน ก็อยู่ในความดูแลของพี่เบิ้ม มหามิตรอเมริกาทั้งสิ้น
    อเมริกาไม่เคยเล่นไพ่ใบเดียว จำตรงนี้ให้ดีๆ เมื่อให้ซีซัพพลายกับ คุณป๋าเผ่า มือขวาของจอมพลแปลกอเมริกาก็ต้องมีอะไรให้มือซ้าย คือ คุณป๋าสฤษดิ์ด้วย
    ช่วงปี พ.ศ.2490 ถึงพ.ศ.2499 แม้จอมพล ป จะเป็นนายกฯ แต่ไม่มีกองกำลังจริงๆอยู่ในมือ กำลังตำรวจซึ่งแข็งปึกอยู่กับ คุณป๋าเผ่า ส่วนกำลังทหารขึ้นอยู่กันคุณป๋าสฤษดิ์ ทั้ง 2ฝ่ายก็ต่างกินก๋วยเตี๋ยวไม่เส้นด้วยกัน

    การเมืองไทยช่วงนั้นสนุกจริงๆ แต่ต้องนับถือสายตาพญาอินทรี มองการณ์ไกลรู้ว่าจะเลี้ยงใคร ใช้ใคร
    อเมริกาก็ใช้ทั้ง 2 คน สนับสนุนทั้ง 2 คนนั่นแหละ เพราะหวยยังไม่ออกว่า เมื่อจอมพล ป. หมดอำนาจแล้ว ใครจะขึ้นมาแทน ระหว่างนั้น อเมริกาก็จะประเมิน ผลได้ผลเสียของอเมริกาที่จะเกิดขึ้น ภายใต้การบริหารของไพ่ทุกใบที่อเมริกาเล่น จนถึงจุดหนึ่งที่เห็นชัดพอว่า ตัวเลือกหรือไพ่ใบไหน เป็นประโยชน์หรือเป็นภาระอเมริกาก็จะมีวิธีจัดการกับไพ่ที่อเมริกาไม่เล่นต่อ  อืม… น่าสนใจ หัดสังเกตกันไว้นะครับ
    แล้วตอนนี้ละจ๊ะ อเมริกาเขาเล่นทั้งหน้าเหลี่ยมและหน้าหล่อ สีเหลือง สีแดง สีฟ้า กีฬาสีหรือเปล่านะ
    และยังมีพี่ทหารอีกด้วย โปรดอย่าลืมเรื่องนี้สำมคัญ อ่านๆ ไปแล้วจะรู้ว่าพี่ทหารนี้ยอดดวงใจของอเมริกาขนาดไหน!

    คนเล่านิทาน
     แล้วไง ปรากฏว่าการปิดกั้นของอเมริกาไม่ได้ผล (หรือได้ผลอีกแบบ) การสู้รบขยายวงกว้างไปทั่ว และยืดเยื้อ เกิดเป็นสงครามอินโดจีนของจริง อเมริกา (ปล่อยข่าวว่า) ทำท่าจะเอาไม่อยู่ ปี พ.ศ.2496 (ค.ศ.1953) อเมริกาจึงปรับการให้ความช่วยเหลือแก่ไทยใหม่ คราวนี้ขุดหลุมลึกซึ้งเหลือ เชื่อขึ้นไปอีก โดยผ่านกลไกของ CIA ซึ่งสมัยนู้น ยังเรียก OSS อยู่ (ชื่อเต็มคือ Office of the Strategic Services) คงพอเดาออกนะครับ ว่าหน่วยงานนี้เขาทำหน้าที่อะไร โดยกลไกของพี่ซี (CIA) อเมริกาตั้งบริษัทซีซัพ พลาย (Sea Supply) ขึ้นในไทย มาทำหน้าที่ซื้อ ขายอาวุธ จัดตั้งกองกำลัง ให้การฝึก และวิทยาการฯลฯ (ทำกิจกรรมตรงตามชื่อเลย ไม่มีปิดบัง เหนียมอาย) ผู้ที่มาทำหน้าที่ดูแลซีซัพพลาย เป็นทีมใหญ่ซึ่งถูกฝึกมาจากมือเก๋าของ OSS คือคุณวิลเลี่ยม โดโนแวน (William Donovan) คนเก่ง ซีตัวพ่อของจริง (สมญา “Wild Bill Donovan”) เขาว่า แกเก่งแบบพระ เอกหนังเลยนะคุณโดคนนี้ คุณโดโนแวน (Donovan) วางแผนรูปแบบขบวนการกระชับวงล้อมคอมมี่อินโดจีน อย่างจัดเต็ม วางแผนเสร็จแล้ว ก็มอบให้แก๊งคุณเบิร์ด (Bird) คนพี่ และคุณเบิร์ด (Bird) คนน้อง เป็นชุดปฏิบัติการ แว่วว่า เดี๋ยวนี้ลูกหลานคุณเบิร์ด ก็ยังสืบถอดงานบางประการของคุณป๊ะป๋าอยู่แถวเชียงใหม่ เพชรบูรณ์ ไปทำอะไร ตามหากันเองแล้วกัน อ้อ ลืมเล่า คุณเบิร์ด อยู่เมืองไทยนานๆ ก็แน่นอน ย่อมมีภรรยาเป็นสาวไทย อย่าให้พูดเลยนะ ว่าเป็นใคร ญาติใคร รู้แล้วจะหนาว ก๊วนคุณเบิร์ดนี่ยังกะหนังฮอลลีวู้ด (Hollywood) หนึ่งในก๊วนก็คือคุณจิม ทอมป์สัน (Jim Thompson) ราชาผ้าไหมไทย ชีวิตคุณจิมนี่ สนุก โลดโผน น่าเอาไปทำหนัง ว่างๆ ไปหาหนังสือชีวประวัติแกอ่านดูนะครับ ผู้ได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ จากซีซัพพลายคือ กรมตำรวจ ภายใต้การดูแลของ พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์… หวังว่ายังคงจำชื่อนี้กันได้ และถ้าไม่บอกชื่อผู้ประสานงานระหว่าง พล.ต.อ.เผ่า กับซีซัพพลาย เรื่องก็จะไม่ครบรสชาติ ฟังแล้วรับรอง ร้องซี้ด เขาผู้นั้นเป็นนายทหารอากาศ หนุ่มลูกครึ่ง รูปหล่อ มาดขรึม ชื่อ สิทธิ เศวตศิลา ครับผม… ซีซัพพลาย ช่วยกรมตำรวจ จัดตั้งและทำการฝึก ตำรวจพลร่ม ตำรวจตระเวนชายแดน และสร้างศูนย์ฝึกชื่อ ค่ายนเรศวรอยู่แถวบ่อฝ้าย หัวหิน เพื่อใช้เป็นศูนย์ฝึก ที่มีอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัยครบเครื่อง มีตำรวจอะไรอีกมั้ย ที่ยังไม่ได้ตั้ง อ้อ ตำรวจแก๊สน้ำตา อันนี้มาตั้งตอนหลัง เดี๋ยวก็มาเอง ไม่ต้องรอนาน ทุกวันนี้ค่ายนเรศวร ยังใช้การอยู่ สภาพเป็นอย่างไร คงต้องไปถาม วีระ ตู่ เต้น ฯลฯ ช่วงหลังกระชับวงล้อมที่ราชประสงค์ เขาว่าเหมือนกับอยู่รีสอร์ทหรูชายทะเล นี่ขนาดตั้งมากว่า 50 ปีแล้วนะ แต่โปรดอย่าลืมชื่อค่ายนี้ …มีของดีเล่าตอนหลัง หลังจากฝึกกันจนเข้าฝัก ตชด. บวกคนของซีซัพพลาย ก็เริ่มปฏิบัติการ ตามคำสั่งของคุณพี่ซี งานหลักของกองกำลังซีซัพพลายกับ ตชด. คือ ร่วมมือกับกองพลก๊กมินตั๋ง (จีนไต้หวัน ภายใต้การนำของนายพลเจียงไคเช็ค เด็กสร้างของอเมริกา ที่ไม่ยอมตกอยู่ภายใต้การปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก็เขาสร้างมาให้สู้…) สู้กับจีนคอมมิวนิสต์ ขณะเดียวกัน ก็รับฝิ่นจากกองพลก๊กมินตั๋งส่งขายทั่วโลก เอาเงินเข้ากระเป๋าไว้เป็นเงินทุนสู้รบกับคอมมี่ เขาอ้างว่าอย่างนั้น เพราะปฏิบัติการซีซัพพลาย (operation sea supply) มันอยู่ off book (นอกระบบ) มันส์จริงๆ ! นี่เอามาจากรายงานของคุณพี่มหามิตรเองนะ ไม่ได้มั่ว คงพอนึกออกแล้วนะ คำว่า “ไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทิตย์ที่ตำรวจไทยทำไม่ได้” มาจากไหน เอ๊ะ! แล้วรูปแบบกองกำลังตำรวจของ พวกตำรวจ ประเภทมีวันนี้เพราะพี่ให้ วันสอยม็อบเสธอ้าย กับวันสยบม็อบลุงเอี่ยม นี่มาจากไหนนะ คลับคล้ายคลับคลาจริงมาแล้วไง ตำรวจแก๊สน้ำตา รูปแบบเหมือน Homeland Security ของใครนะ สงครามอินโดจีน เริ่มต้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947) จบสิ้นเอาปี พ.ศ.2522 (ค.ศ.1979) ระหว่างนั้นรัฐบาลไทยเปลี่ยนไปหลายยุค แต่ไม่ว่ายุคไหน ก็อยู่ในความดูแลของพี่เบิ้ม มหามิตรอเมริกาทั้งสิ้น อเมริกาไม่เคยเล่นไพ่ใบเดียว จำตรงนี้ให้ดีๆ เมื่อให้ซีซัพพลายกับ คุณป๋าเผ่า มือขวาของจอมพลแปลกอเมริกาก็ต้องมีอะไรให้มือซ้าย คือ คุณป๋าสฤษดิ์ด้วย ช่วงปี พ.ศ.2490 ถึงพ.ศ.2499 แม้จอมพล ป จะเป็นนายกฯ แต่ไม่มีกองกำลังจริงๆอยู่ในมือ กำลังตำรวจซึ่งแข็งปึกอยู่กับ คุณป๋าเผ่า ส่วนกำลังทหารขึ้นอยู่กันคุณป๋าสฤษดิ์ ทั้ง 2ฝ่ายก็ต่างกินก๋วยเตี๋ยวไม่เส้นด้วยกัน การเมืองไทยช่วงนั้นสนุกจริงๆ แต่ต้องนับถือสายตาพญาอินทรี มองการณ์ไกลรู้ว่าจะเลี้ยงใคร ใช้ใคร อเมริกาก็ใช้ทั้ง 2 คน สนับสนุนทั้ง 2 คนนั่นแหละ เพราะหวยยังไม่ออกว่า เมื่อจอมพล ป. หมดอำนาจแล้ว ใครจะขึ้นมาแทน ระหว่างนั้น อเมริกาก็จะประเมิน ผลได้ผลเสียของอเมริกาที่จะเกิดขึ้น ภายใต้การบริหารของไพ่ทุกใบที่อเมริกาเล่น จนถึงจุดหนึ่งที่เห็นชัดพอว่า ตัวเลือกหรือไพ่ใบไหน เป็นประโยชน์หรือเป็นภาระอเมริกาก็จะมีวิธีจัดการกับไพ่ที่อเมริกาไม่เล่นต่อ  อืม… น่าสนใจ หัดสังเกตกันไว้นะครับ แล้วตอนนี้ละจ๊ะ อเมริกาเขาเล่นทั้งหน้าเหลี่ยมและหน้าหล่อ สีเหลือง สีแดง สีฟ้า กีฬาสีหรือเปล่านะ และยังมีพี่ทหารอีกด้วย โปรดอย่าลืมเรื่องนี้สำมคัญ อ่านๆ ไปแล้วจะรู้ว่าพี่ทหารนี้ยอดดวงใจของอเมริกาขนาดไหน! คนเล่านิทาน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ แจ็ส จากคะแนนโคตรซิ่ง สู่คะแนนโคตดนิ่ง จากมีวันนี้เพราะพี่ให้ สู่นับจากวันนี้พี่ไม่ให้
    #7ดอกจิก
    #มีวันนี้เพราะพี่ให้
    #นับจากวันนี้พี่ไม่ให้
    ♣ แจ็ส จากคะแนนโคตรซิ่ง สู่คะแนนโคตดนิ่ง จากมีวันนี้เพราะพี่ให้ สู่นับจากวันนี้พี่ไม่ให้ #7ดอกจิก #มีวันนี้เพราะพี่ให้ #นับจากวันนี้พี่ไม่ให้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 616 มุมมอง 0 รีวิว