• ศาลแข่งขันทางการค้าของสหราชอาณาจักรตัดสินให้การขายต่อ Windows และ Office perpetual licenses เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย

    คดีนี้เริ่มจากบริษัท ValueLicensing ที่ฟ้อง Microsoft เรื่องการห้ามขายต่อ perpetual licenses ของ Windows และ Office ศาลได้ตัดสินว่า ลูกค้าที่ถือ perpetual license มีสิทธิขายต่อได้ตามกฎหมาย และไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์

    ข้อโต้แย้งของ Microsoft ถูกปฏิเสธ
    Microsoft พยายามอ้างว่าโปรแกรม Office มีองค์ประกอบเชิงกราฟิกและงานสร้างสรรค์ จึงควรได้รับการคุ้มครองในฐานะ “creative work” แต่ศาลเห็นว่า ไม่มีองค์ประกอบที่เพียงพอ ที่จะทำให้ซอฟต์แวร์เหล่านี้เข้าข่ายงานศิลปะหรือวรรณกรรมที่ห้ามขายต่อ

    ผลกระทบต่อธุรกิจและผู้บริโภค
    หากคำตัดสินนี้ถูกยืนยัน จะทำให้ตลาดซอฟต์แวร์มือสองในสหราชอาณาจักรเปิดกว้างมากขึ้น ผู้บริโภคสามารถซื้อ Windows หรือ Office ราคาถูกจากผู้ที่ไม่ใช้แล้ว ซึ่งอาจทำให้ Microsoft สูญเสียรายได้มหาศาล โดยมีการประเมินว่า ค่าเสียหายอาจสูงถึง 270 ล้านปอนด์

    Microsoft เตรียมอุทธรณ์
    Microsoft แถลงว่าจะยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินนี้ โดยยังคงยืนยันว่าการขายต่อ license ขัดต่อสัญญาและเป็นการละเมิดสิทธิ์ของบริษัท อย่างไรก็ตาม คดีนี้อาจกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ในยุโรปเกี่ยวกับสิทธิการขายต่อซอฟต์แวร์

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ศาลสหราชอาณาจักรตัดสินให้ขายต่อ Windows และ Office license ได้
    ลูกค้าที่ถือ perpetual license มีสิทธิขายต่อโดยไม่ผิดกฎหมาย

    ข้อโต้แย้งของ Microsoft ถูกปฏิเสธ
    ศาลเห็นว่าโปรแกรมไม่เข้าข่าย “งานสร้างสรรค์” ที่ห้ามขายต่อ

    ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาด
    เปิดโอกาสให้ซื้อซอฟต์แวร์ราคาถูกจากตลาดมือสอง

    ความเสี่ยงต่อรายได้ของ Microsoft
    อาจสูญเสียรายได้มหาศาลและต้องจ่ายค่าเสียหาย 270 ล้านปอนด์

    ความไม่แน่นอนจากการอุทธรณ์
    หาก Microsoft ชนะการอุทธรณ์ ตลาดซอฟต์แวร์มือสองอาจถูกจำกัดอีกครั้ง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/big-tech/microsoft-to-appeal-ruling-in-favor-of-reselling-perpetual-windows-licenses-uk-competition-court-says-fineprint-holds-no-ground-as-judges-throw-out-companys-creative-work-argument
    ⚖️ ศาลแข่งขันทางการค้าของสหราชอาณาจักรตัดสินให้การขายต่อ Windows และ Office perpetual licenses เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย คดีนี้เริ่มจากบริษัท ValueLicensing ที่ฟ้อง Microsoft เรื่องการห้ามขายต่อ perpetual licenses ของ Windows และ Office ศาลได้ตัดสินว่า ลูกค้าที่ถือ perpetual license มีสิทธิขายต่อได้ตามกฎหมาย และไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ 🎨 ข้อโต้แย้งของ Microsoft ถูกปฏิเสธ Microsoft พยายามอ้างว่าโปรแกรม Office มีองค์ประกอบเชิงกราฟิกและงานสร้างสรรค์ จึงควรได้รับการคุ้มครองในฐานะ “creative work” แต่ศาลเห็นว่า ไม่มีองค์ประกอบที่เพียงพอ ที่จะทำให้ซอฟต์แวร์เหล่านี้เข้าข่ายงานศิลปะหรือวรรณกรรมที่ห้ามขายต่อ 💰 ผลกระทบต่อธุรกิจและผู้บริโภค หากคำตัดสินนี้ถูกยืนยัน จะทำให้ตลาดซอฟต์แวร์มือสองในสหราชอาณาจักรเปิดกว้างมากขึ้น ผู้บริโภคสามารถซื้อ Windows หรือ Office ราคาถูกจากผู้ที่ไม่ใช้แล้ว ซึ่งอาจทำให้ Microsoft สูญเสียรายได้มหาศาล โดยมีการประเมินว่า ค่าเสียหายอาจสูงถึง 270 ล้านปอนด์ 🏛️ Microsoft เตรียมอุทธรณ์ Microsoft แถลงว่าจะยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินนี้ โดยยังคงยืนยันว่าการขายต่อ license ขัดต่อสัญญาและเป็นการละเมิดสิทธิ์ของบริษัท อย่างไรก็ตาม คดีนี้อาจกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ในยุโรปเกี่ยวกับสิทธิการขายต่อซอฟต์แวร์ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ศาลสหราชอาณาจักรตัดสินให้ขายต่อ Windows และ Office license ได้ ➡️ ลูกค้าที่ถือ perpetual license มีสิทธิขายต่อโดยไม่ผิดกฎหมาย ✅ ข้อโต้แย้งของ Microsoft ถูกปฏิเสธ ➡️ ศาลเห็นว่าโปรแกรมไม่เข้าข่าย “งานสร้างสรรค์” ที่ห้ามขายต่อ ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาด ➡️ เปิดโอกาสให้ซื้อซอฟต์แวร์ราคาถูกจากตลาดมือสอง ‼️ ความเสี่ยงต่อรายได้ของ Microsoft ⛔ อาจสูญเสียรายได้มหาศาลและต้องจ่ายค่าเสียหาย 270 ล้านปอนด์ ‼️ ความไม่แน่นอนจากการอุทธรณ์ ⛔ หาก Microsoft ชนะการอุทธรณ์ ตลาดซอฟต์แวร์มือสองอาจถูกจำกัดอีกครั้ง https://www.tomshardware.com/tech-industry/big-tech/microsoft-to-appeal-ruling-in-favor-of-reselling-perpetual-windows-licenses-uk-competition-court-says-fineprint-holds-no-ground-as-judges-throw-out-companys-creative-work-argument
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวฮาร์ดแวร์เดือด: เมนบอร์ด X870 ทำ CPU พองไหม้

    ASRock X870 Riptide กลายเป็นกระแสร้อน เมื่อมีผู้ใช้รายงานภาพ Ryzen 7 7800X3D พองบวมและซ็อกเก็ตไหม้ โดยใช้ BIOS เวอร์ชันเก่ากว่าหนึ่งปี (3.06) ซึ่งไม่มีแพตช์ลดความเสี่ยง ชี้ให้เห็นว่าการไม่อัปเดตเฟิร์มแวร์อาจเพิ่มโอกาสเกิดเหตุรุนแรง แม้อัปเดตใหม่จะไม่ได้การันตีความปลอดภัย 100% แต่ทั้ง AMD และ ASRock ต่างแนะนำให้ใช้ BIOS ล่าสุด (เช่น 3.40–3.50) เพื่อปรับเสถียรภาพและตั้งค่า PBO ให้ปลอดภัยขึ้น.

    เคสคล้ายกันเคยเกิดกับ Ryzen 9800X3D บนเมนบอร์ด ASRock X870E ที่ไหม้ทั้ง CPU และซ็อกเก็ตในสภาพค่าโรงงาน เปิดแค่ EXPO ซึ่งสร้างข้อสงสัยถึงสาเหตุจริง บางรายอัปเดต BIOS ใหม่ (เช่น 3.18) แล้วไม่มีปัญหา อย่างไรก็ดี ยังมีเสียงเตือนว่าเป็นปัญหาเฉพาะบางล็อตหรือบางคอนฟิก และชุมชนยังถกเถียงว่ากรณีเดี่ยวไม่ควรตัดสินทั้งแพลตฟอร์ม.

    อีกด้านหนึ่ง มีผู้ใช้รายงานอาการ “ถูกล็อกกำลัง” ที่ 75W บน ASRock หลายรุ่น ทำให้เฟรมเรตตก ทั้งที่ไม่ได้เปิด Eco mode หรือจำกัด TDP สาเหตุถูกตั้งข้อสังเกตตั้งแต่การต่อ EPS 4-pin เดียว ไปจนถึงบั๊กเฟิร์มแวร์ที่กด PBO/แพลตฟอร์มสายจ่ายพลังงาน แม้แก้ด้วยอัปเดต BIOS และเคลียร์ CMOS ก็ยังติดเพดาน 75W ในบางเครื่อง แสดงให้เห็นว่าปัญหาอาจหลากปัจจัยและเฉพาะรุ่น.

    ข่าวดีคือ ASRock (เกาหลี) ออก BIOS 3.25 (AGESA 1.2.0.3d) ที่ระบุชัดว่า “รับผิดชอบ” กรณีเกิดความเสียหายจากปัญหานี้ พร้อมปรับปรุงเสถียรภาพและ PBO สำหรับ Ryzen 9000 แม้มีข่าวว่าประสิทธิภาพเกมและการกินไฟอาจลดลงเล็กน้อย แต่เป้าหมายคือความปลอดภัย และสัญญาว่าจะช่วยดูแล RMA ทั้ง CPU และเมนบอร์ดที่จัดจำหน่ายผ่านผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการ.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ภาพรวมเหตุการณ์: ผู้ใช้รายงาน 7800X3D พองและซ็อกเก็ตไหม้บน ASRock X870 Riptide
    เฟิร์มแวร์เก่า: ใช้ BIOS 3.06 ไม่มีแพตช์ลดความเสี่ยง ทำให้โอกาสเกิดเหตุสูงขึ้น

    เคส 9800X3D: เกิดความเสียหายภายใต้ค่าโรงงาน เปิดเพียง EXPO
    บทเรียน: บางรายอัปเดต BIOS ใหม่แล้วทำงานปกติ แต่ยังถกเถียงสาเหตุที่แท้จริง

    อาการ 75W cap: หลายเครื่องบน ASRock ติดเพดาน “Package Power” ที่ 75W
    ข้อสังเกต: อาจเกี่ยวกับการต่อ EPS หรือบั๊กที่กด PBO/นโยบายพลังงานใน BIOS

    การแก้ไข: ASRock ปล่อย BIOS 3.25 ปรับ PBO และประกาศรับผิดชอบ RMA
    ผลข้างเคียง: ประสิทธิภาพเกม/การกินไฟอาจลดลงเล็กน้อย เพื่อแลกความปลอดภัย

    คำเตือนสำคัญ: ไม่อัปเดต BIOS เสี่ยงต่อการไหม้และความเสียหายถาวร
    หลีกเลี่ยง: ใช้โปรไฟล์ OC/PBO รุนแรงโดยไม่ตรวจเสถียรภาพและอุณหภูมิ

    การต่อไฟผิด: ต่อ EPS 4-pin เดียวอาจทำให้ระบบกดกำลังและไม่เสถียร
    ตรวจสอบ: สาย EPS 8-pin/8+4-pin ต่อครบแน่นทุกหัว ไม่ใช้โหมด Eco ของ PSU โดยไม่ได้ตั้งใจ

    การตั้งค่าแรม: เปิด EXPO/XMP โดยไม่ผ่าน stress test อาจเพิ่มความเสี่ยง
    แนวทาง: ทดสอบเสถียรภาพ (TM5/HCI/OCCT) และเฝ้าค่ากระแส-อุณหภูมิ VRM/SoC เป็นระยะ

    https://wccftech.com/asrock-x870-riptide-pops-ryzen-7800x3d-and-burns-socket-horribly/
    🔥 ข่าวฮาร์ดแวร์เดือด: เมนบอร์ด X870 ทำ CPU พองไหม้ 🔥 ASRock X870 Riptide กลายเป็นกระแสร้อน เมื่อมีผู้ใช้รายงานภาพ Ryzen 7 7800X3D พองบวมและซ็อกเก็ตไหม้ โดยใช้ BIOS เวอร์ชันเก่ากว่าหนึ่งปี (3.06) ซึ่งไม่มีแพตช์ลดความเสี่ยง ชี้ให้เห็นว่าการไม่อัปเดตเฟิร์มแวร์อาจเพิ่มโอกาสเกิดเหตุรุนแรง แม้อัปเดตใหม่จะไม่ได้การันตีความปลอดภัย 100% แต่ทั้ง AMD และ ASRock ต่างแนะนำให้ใช้ BIOS ล่าสุด (เช่น 3.40–3.50) เพื่อปรับเสถียรภาพและตั้งค่า PBO ให้ปลอดภัยขึ้น. เคสคล้ายกันเคยเกิดกับ Ryzen 9800X3D บนเมนบอร์ด ASRock X870E ที่ไหม้ทั้ง CPU และซ็อกเก็ตในสภาพค่าโรงงาน เปิดแค่ EXPO ซึ่งสร้างข้อสงสัยถึงสาเหตุจริง บางรายอัปเดต BIOS ใหม่ (เช่น 3.18) แล้วไม่มีปัญหา อย่างไรก็ดี ยังมีเสียงเตือนว่าเป็นปัญหาเฉพาะบางล็อตหรือบางคอนฟิก และชุมชนยังถกเถียงว่ากรณีเดี่ยวไม่ควรตัดสินทั้งแพลตฟอร์ม. อีกด้านหนึ่ง มีผู้ใช้รายงานอาการ “ถูกล็อกกำลัง” ที่ 75W บน ASRock หลายรุ่น ทำให้เฟรมเรตตก ทั้งที่ไม่ได้เปิด Eco mode หรือจำกัด TDP สาเหตุถูกตั้งข้อสังเกตตั้งแต่การต่อ EPS 4-pin เดียว ไปจนถึงบั๊กเฟิร์มแวร์ที่กด PBO/แพลตฟอร์มสายจ่ายพลังงาน แม้แก้ด้วยอัปเดต BIOS และเคลียร์ CMOS ก็ยังติดเพดาน 75W ในบางเครื่อง แสดงให้เห็นว่าปัญหาอาจหลากปัจจัยและเฉพาะรุ่น. ข่าวดีคือ ASRock (เกาหลี) ออก BIOS 3.25 (AGESA 1.2.0.3d) ที่ระบุชัดว่า “รับผิดชอบ” กรณีเกิดความเสียหายจากปัญหานี้ พร้อมปรับปรุงเสถียรภาพและ PBO สำหรับ Ryzen 9000 แม้มีข่าวว่าประสิทธิภาพเกมและการกินไฟอาจลดลงเล็กน้อย แต่เป้าหมายคือความปลอดภัย และสัญญาว่าจะช่วยดูแล RMA ทั้ง CPU และเมนบอร์ดที่จัดจำหน่ายผ่านผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการ. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ภาพรวมเหตุการณ์: ผู้ใช้รายงาน 7800X3D พองและซ็อกเก็ตไหม้บน ASRock X870 Riptide ➡️ เฟิร์มแวร์เก่า: ใช้ BIOS 3.06 ไม่มีแพตช์ลดความเสี่ยง ทำให้โอกาสเกิดเหตุสูงขึ้น ✅ เคส 9800X3D: เกิดความเสียหายภายใต้ค่าโรงงาน เปิดเพียง EXPO ➡️ บทเรียน: บางรายอัปเดต BIOS ใหม่แล้วทำงานปกติ แต่ยังถกเถียงสาเหตุที่แท้จริง ✅ อาการ 75W cap: หลายเครื่องบน ASRock ติดเพดาน “Package Power” ที่ 75W ➡️ ข้อสังเกต: อาจเกี่ยวกับการต่อ EPS หรือบั๊กที่กด PBO/นโยบายพลังงานใน BIOS ✅ การแก้ไข: ASRock ปล่อย BIOS 3.25 ปรับ PBO และประกาศรับผิดชอบ RMA ➡️ ผลข้างเคียง: ประสิทธิภาพเกม/การกินไฟอาจลดลงเล็กน้อย เพื่อแลกความปลอดภัย ‼️ คำเตือนสำคัญ: ไม่อัปเดต BIOS เสี่ยงต่อการไหม้และความเสียหายถาวร ⛔ หลีกเลี่ยง: ใช้โปรไฟล์ OC/PBO รุนแรงโดยไม่ตรวจเสถียรภาพและอุณหภูมิ ‼️ การต่อไฟผิด: ต่อ EPS 4-pin เดียวอาจทำให้ระบบกดกำลังและไม่เสถียร ⛔ ตรวจสอบ: สาย EPS 8-pin/8+4-pin ต่อครบแน่นทุกหัว ไม่ใช้โหมด Eco ของ PSU โดยไม่ได้ตั้งใจ ‼️ การตั้งค่าแรม: เปิด EXPO/XMP โดยไม่ผ่าน stress test อาจเพิ่มความเสี่ยง ⛔ แนวทาง: ทดสอบเสถียรภาพ (TM5/HCI/OCCT) และเฝ้าค่ากระแส-อุณหภูมิ VRM/SoC เป็นระยะ https://wccftech.com/asrock-x870-riptide-pops-ryzen-7800x3d-and-burns-socket-horribly/
    WCCFTECH.COM
    ASRock X870 Riptide Pops Ryzen 7800X3D And Burns Socket Horribly
    Another burnt Ryzen 7000 CPU surfaces: The user witnessed a horribly damaged Ryzen 7 7800X3D on ASRock X870 Riptide.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel Meteor Lake – XeSS Frame Generation มาถึงแล้ว

    Intel ได้อัปเดต SDK ของ XeSS (Xe Super Sampling) เป็นเวอร์ชัน 2.1.1 ทำให้ ชิปกราฟิกแบบบูรณาการ Meteor Lake สามารถใช้ฟีเจอร์ Frame Generation (FG) ได้ แม้จะไม่มีฮาร์ดแวร์ XMX Tensor Engines แบบการ์ด Arc รุ่นใหญ่ โดยใช้หน่วย DPAS AI หรือที่เรียกว่า XMX-Lite แทน ซึ่งช่วยให้โน้ตบุ๊กและเครื่องพกพาที่ใช้ Meteor Lake สามารถสร้างเฟรมเสมือนเพื่อเพิ่มความลื่นไหลของเกมได้

    แม้ประสิทธิภาพจะไม่เทียบเท่ากับการ์ดจอแยก แต่ก็ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ฮาร์ดแวร์ระดับกลางสามารถสัมผัสประสบการณ์เกมที่เฟรมเรตสูงขึ้น โดย Intel ยังได้ประกาศว่า XeSS FG จะรองรับ GPU ทุกค่ายที่มี Shader Model 6.4 ทำให้แม้แต่การ์ด NVIDIA และ AMD รุ่นเก่าก็สามารถใช้เทคโนโลยีนี้ได้ผ่าน fallback mode แม้คุณภาพจะด้อยลงเล็กน้อย

    นอกจากนี้ Intel ยังเพิ่มฟีเจอร์ Xe Low Latency (XeLL) ที่ช่วยลด input lag คล้ายกับ NVIDIA Reflex และ AMD Anti-Lag ซึ่งเมื่อใช้ร่วมกับ Frame Generation จะช่วยให้การเล่นเกมตอบสนองได้เร็วขึ้น ถือเป็นการยกระดับการแข่งขันกับ AMD FSR และ NVIDIA DLSS ที่ครองตลาดอยู่ก่อนแล้ว

    สรุป
    จุดเด่นของ XeSS FG บน Meteor Lake
    ใช้ DPAS AI Units (XMX-Lite) แทน Tensor Engines
    รองรับ GPU ทุกค่ายที่มี Shader Model 6.4

    ฟีเจอร์เสริม
    Xe Low Latency (XeLL) ลด input lag
    รองรับการใช้งานบนโน้ตบุ๊กและเครื่องพกพา

    คำเตือน
    ประสิทธิภาพ Frame Generation บน Meteor Lake ยังไม่เทียบเท่า Arc GPU
    อาจเกิด artifact หรือภาพผิดเพี้ยนในบางเกมหาก fallback mode ทำงาน

    https://wccftech.com/intel-adds-xess-frame-generation-to-meteor-lake-integrated-graphics/
    🎮 Intel Meteor Lake – XeSS Frame Generation มาถึงแล้ว Intel ได้อัปเดต SDK ของ XeSS (Xe Super Sampling) เป็นเวอร์ชัน 2.1.1 ทำให้ ชิปกราฟิกแบบบูรณาการ Meteor Lake สามารถใช้ฟีเจอร์ Frame Generation (FG) ได้ แม้จะไม่มีฮาร์ดแวร์ XMX Tensor Engines แบบการ์ด Arc รุ่นใหญ่ โดยใช้หน่วย DPAS AI หรือที่เรียกว่า XMX-Lite แทน ซึ่งช่วยให้โน้ตบุ๊กและเครื่องพกพาที่ใช้ Meteor Lake สามารถสร้างเฟรมเสมือนเพื่อเพิ่มความลื่นไหลของเกมได้ แม้ประสิทธิภาพจะไม่เทียบเท่ากับการ์ดจอแยก แต่ก็ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ฮาร์ดแวร์ระดับกลางสามารถสัมผัสประสบการณ์เกมที่เฟรมเรตสูงขึ้น โดย Intel ยังได้ประกาศว่า XeSS FG จะรองรับ GPU ทุกค่ายที่มี Shader Model 6.4 ทำให้แม้แต่การ์ด NVIDIA และ AMD รุ่นเก่าก็สามารถใช้เทคโนโลยีนี้ได้ผ่าน fallback mode แม้คุณภาพจะด้อยลงเล็กน้อย นอกจากนี้ Intel ยังเพิ่มฟีเจอร์ Xe Low Latency (XeLL) ที่ช่วยลด input lag คล้ายกับ NVIDIA Reflex และ AMD Anti-Lag ซึ่งเมื่อใช้ร่วมกับ Frame Generation จะช่วยให้การเล่นเกมตอบสนองได้เร็วขึ้น ถือเป็นการยกระดับการแข่งขันกับ AMD FSR และ NVIDIA DLSS ที่ครองตลาดอยู่ก่อนแล้ว 📌 สรุป ✅ จุดเด่นของ XeSS FG บน Meteor Lake ➡️ ใช้ DPAS AI Units (XMX-Lite) แทน Tensor Engines ➡️ รองรับ GPU ทุกค่ายที่มี Shader Model 6.4 ✅ ฟีเจอร์เสริม ➡️ Xe Low Latency (XeLL) ลด input lag ➡️ รองรับการใช้งานบนโน้ตบุ๊กและเครื่องพกพา ‼️ คำเตือน ⛔ ประสิทธิภาพ Frame Generation บน Meteor Lake ยังไม่เทียบเท่า Arc GPU ⛔ อาจเกิด artifact หรือภาพผิดเพี้ยนในบางเกมหาก fallback mode ทำงาน https://wccftech.com/intel-adds-xess-frame-generation-to-meteor-lake-integrated-graphics/
    WCCFTECH.COM
    Intel Adds XeSS Frame Generation To Meteor Lake Integrated Graphics
    Intel has added XeSS Frame Generation support to Meteor Lake iGPUs, which can now enhance fluidity in gameplay.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • Amazon Threat Intelligence เปิดเผยการโจมตีขั้นสูงที่ใช้ช่องโหว่ Zero-Day พร้อมกันสองตัว

    ทีม Amazon Threat Intelligence ตรวจพบการโจมตีผ่านเครือข่าย MadPot Honeypot ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการใช้ช่องโหว่ Citrix Bleed Two ก่อนที่จะมีการประกาศ CVE อย่างเป็นทางการ นั่นหมายความว่าผู้โจมตีมี exploit ที่พร้อมใช้งาน ตั้งแต่ก่อนเปิดเผยสาธารณะ และในระหว่างการวิเคราะห์ยังพบช่องโหว่ใหม่ใน Cisco ISE ที่เปิดทางให้เกิด Remote Code Execution (RCE) โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน

    เทคนิคการโจมตีที่ซับซ้อน
    หลังจากเจาะระบบได้ ผู้โจมตีติดตั้ง Web Shell แบบ custom ที่ชื่อว่า IdentityAuditAction ซึ่งทำงานแบบ in-memory เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ไม่ทิ้งไฟล์บนดิสก์ ใช้ Java Reflection เพื่อแทรกตัวเองใน thread ของ Tomcat และเข้ารหัส payload ด้วย DES + Base64 แบบ custom ทำให้การตรวจจับยากขึ้นอย่างมาก ลักษณะนี้บ่งชี้ว่าเป็นกลุ่มที่มีทรัพยากรสูงหรืออาจเกี่ยวข้องกับรัฐ

    ผลกระทบต่อองค์กร
    การโจมตีนี้ไม่ได้จำกัดเป้าหมายเฉพาะองค์กรใด แต่มีการ mass scanning ทั่วอินเทอร์เน็ตเพื่อหาช่องโหว่ในระบบ Citrix และ Cisco ISE ที่ยังไม่ได้แพตช์ หากถูกโจมตีสำเร็จ ผู้ไม่หวังดีสามารถควบคุมระบบยืนยันตัวตนและการเข้าถึงเครือข่าย ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานองค์กร

    แนวทางป้องกัน
    Cisco และ Citrix ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว โดยองค์กรควรรีบอัปเดตทันที พร้อมตรวจสอบระบบที่เกี่ยวข้องกับ Identity Services Engine และ NetScaler Gateway รวมถึงติดตั้งระบบตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติในทราฟฟิก เพื่อป้องกันการโจมตีที่ใช้เทคนิคขั้นสูงเช่นนี้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การค้นพบการโจมตี Zero-Day
    Citrix Bleed Two (CVE-2025-5777) ถูกใช้ก่อนการเปิดเผย
    Cisco ISE RCE (CVE-2025-20337) เปิดทางให้รีโมตเข้าถึงโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน

    เทคนิคการโจมตี
    ใช้ Web Shell แบบ custom (IdentityAuditAction) ทำงานในหน่วยความจำ
    Payload เข้ารหัสด้วย DES + Base64 แบบ custom

    ผลกระทบต่อองค์กร
    ระบบยืนยันตัวตนและการเข้าถึงเครือข่ายเสี่ยงถูกควบคุม
    มีการ mass scanning หาช่องโหว่ทั่วอินเทอร์เน็ต

    แนวทางแก้ไข
    รีบอัปเดตแพตช์จาก Cisco และ Citrix
    ใช้ระบบตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติในทราฟฟิก

    คำเตือนสำหรับองค์กร
    หากไม่อัปเดต อาจถูกโจมตีจนระบบยืนยันตัวตนถูกยึดครอง
    การโจมตีขั้นสูงนี้บ่งชี้ถึงกลุ่มที่มีทรัพยากรสูง อาจเกี่ยวข้องกับรัฐ

    https://securityonline.info/amazon-exposes-advanced-apt-exploiting-cisco-ise-rce-and-citrix-bleed-two-as-simultaneous-zero-days/
    🕵️‍♀️ Amazon Threat Intelligence เปิดเผยการโจมตีขั้นสูงที่ใช้ช่องโหว่ Zero-Day พร้อมกันสองตัว ทีม Amazon Threat Intelligence ตรวจพบการโจมตีผ่านเครือข่าย MadPot Honeypot ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการใช้ช่องโหว่ Citrix Bleed Two ก่อนที่จะมีการประกาศ CVE อย่างเป็นทางการ นั่นหมายความว่าผู้โจมตีมี exploit ที่พร้อมใช้งาน ตั้งแต่ก่อนเปิดเผยสาธารณะ และในระหว่างการวิเคราะห์ยังพบช่องโหว่ใหม่ใน Cisco ISE ที่เปิดทางให้เกิด Remote Code Execution (RCE) โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ⚡ เทคนิคการโจมตีที่ซับซ้อน หลังจากเจาะระบบได้ ผู้โจมตีติดตั้ง Web Shell แบบ custom ที่ชื่อว่า IdentityAuditAction ซึ่งทำงานแบบ in-memory เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ไม่ทิ้งไฟล์บนดิสก์ ใช้ Java Reflection เพื่อแทรกตัวเองใน thread ของ Tomcat และเข้ารหัส payload ด้วย DES + Base64 แบบ custom ทำให้การตรวจจับยากขึ้นอย่างมาก ลักษณะนี้บ่งชี้ว่าเป็นกลุ่มที่มีทรัพยากรสูงหรืออาจเกี่ยวข้องกับรัฐ 🌐 ผลกระทบต่อองค์กร การโจมตีนี้ไม่ได้จำกัดเป้าหมายเฉพาะองค์กรใด แต่มีการ mass scanning ทั่วอินเทอร์เน็ตเพื่อหาช่องโหว่ในระบบ Citrix และ Cisco ISE ที่ยังไม่ได้แพตช์ หากถูกโจมตีสำเร็จ ผู้ไม่หวังดีสามารถควบคุมระบบยืนยันตัวตนและการเข้าถึงเครือข่าย ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานองค์กร 🛠️ แนวทางป้องกัน Cisco และ Citrix ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว โดยองค์กรควรรีบอัปเดตทันที พร้อมตรวจสอบระบบที่เกี่ยวข้องกับ Identity Services Engine และ NetScaler Gateway รวมถึงติดตั้งระบบตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติในทราฟฟิก เพื่อป้องกันการโจมตีที่ใช้เทคนิคขั้นสูงเช่นนี้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การค้นพบการโจมตี Zero-Day ➡️ Citrix Bleed Two (CVE-2025-5777) ถูกใช้ก่อนการเปิดเผย ➡️ Cisco ISE RCE (CVE-2025-20337) เปิดทางให้รีโมตเข้าถึงโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ✅ เทคนิคการโจมตี ➡️ ใช้ Web Shell แบบ custom (IdentityAuditAction) ทำงานในหน่วยความจำ ➡️ Payload เข้ารหัสด้วย DES + Base64 แบบ custom ✅ ผลกระทบต่อองค์กร ➡️ ระบบยืนยันตัวตนและการเข้าถึงเครือข่ายเสี่ยงถูกควบคุม ➡️ มีการ mass scanning หาช่องโหว่ทั่วอินเทอร์เน็ต ✅ แนวทางแก้ไข ➡️ รีบอัปเดตแพตช์จาก Cisco และ Citrix ➡️ ใช้ระบบตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติในทราฟฟิก ‼️ คำเตือนสำหรับองค์กร ⛔ หากไม่อัปเดต อาจถูกโจมตีจนระบบยืนยันตัวตนถูกยึดครอง ⛔ การโจมตีขั้นสูงนี้บ่งชี้ถึงกลุ่มที่มีทรัพยากรสูง อาจเกี่ยวข้องกับรัฐ https://securityonline.info/amazon-exposes-advanced-apt-exploiting-cisco-ise-rce-and-citrix-bleed-two-as-simultaneous-zero-days/
    SECURITYONLINE.INFO
    Amazon Exposes Advanced APT Exploiting Cisco ISE (RCE) and Citrix Bleed Two as Simultaneous Zero-Days
    Amazon uncovered an advanced APT simultaneously exploiting Cisco ISE RCE (CVE-2025-20337) and Citrix Bleed Two (CVE-2025-5777) as zero-days. The attacker deployed a custom in-memory web shell on Cisco ISE.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ PAN-OS (CVE-2025-4619) เสี่ยงรีบูต Firewall ด้วยแพ็กเก็ตเดียว

    Palo Alto Networks ได้ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ CVE-2025-4619 ซึ่งเป็น Denial-of-Service (DoS) บนระบบปฏิบัติการ PAN-OS ที่ใช้ใน Firewall หลายรุ่น (PA-Series, VM-Series และ Prisma Access) โดยผู้โจมตีสามารถส่ง แพ็กเก็ตที่ถูกสร้างขึ้นมาเฉพาะ ผ่าน dataplane เพื่อทำให้ Firewall รีบูตได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องมีการยืนยันตัวตนใด ๆ

    ความรุนแรงและผลกระทบ
    แม้ช่องโหว่นี้จะถูกจัดระดับ CVSS 6.6 (Medium Severity) แต่หากผู้โจมตีส่งแพ็กเก็ตซ้ำ ๆ จะทำให้ Firewall เข้าสู่ Maintenance Mode ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการทำงาน เช่น การหยุดการไหลของทราฟฟิก การสูญเสียการบังคับใช้นโยบายความปลอดภัย และอาจต้องใช้การกู้คืนด้วยมือ ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงสูงสำหรับองค์กรที่พึ่งพา Firewall ในการป้องกันภัยคุกคาม

    เงื่อนไขการโจมตี
    ช่องโหว่นี้จะเกิดขึ้นเฉพาะ Firewall ที่มีการตั้งค่า URL Proxy หรือ Decrypt Policy ไม่ว่าจะเป็น explicit decrypt, explicit no-decrypt หรือการตั้งค่าอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการถอดรหัสทราฟฟิก หากไม่มีการตั้งค่าเหล่านี้ ระบบจะไม่ถูกโจมตี

    แนวทางแก้ไข
    Palo Alto Networks ได้ออก Hotfix และ Maintenance Release สำหรับ PAN-OS เวอร์ชัน 11.2, 11.1 และ 10.2 รวมถึง Prisma Access โดยแนะนำให้องค์กรรีบอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันความเสี่ยง ขณะที่ Cloud NGFW และ PAN-OS 12.1 ไม่ได้รับผลกระทบจากช่องโหว่นี้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-4619
    เป็น DoS ที่ทำให้ Firewall รีบูตด้วยแพ็กเก็ตเดียว
    ไม่ต้องมีการยืนยันตัวตนในการโจมตี

    ผลกระทบต่อระบบ
    Firewall อาจเข้าสู่ Maintenance Mode หากถูกโจมตีซ้ำ
    ส่งผลให้ทราฟฟิกหยุดชะงักและต้องกู้คืนด้วยมือ

    เงื่อนไขการโจมตี
    เกิดขึ้นเฉพาะ Firewall ที่ตั้งค่า URL Proxy หรือ Decrypt Policy
    Cloud NGFW และ PAN-OS 12.1 ไม่ได้รับผลกระทบ

    แนวทางแก้ไข
    อัปเดตเป็น Hotfix หรือ Maintenance Release ที่ Palo Alto Networks แนะนำ
    ตรวจสอบการตั้งค่า Decrypt Policy เพื่อลดความเสี่ยง

    คำเตือนสำหรับองค์กร
    หากไม่อัปเดต Firewall อาจถูกโจมตีจนระบบหยุดทำงาน
    การโจมตีซ้ำ ๆ สามารถทำให้ระบบเข้าสู่ Maintenance Mode และหยุดการป้องกันภัย

    https://securityonline.info/pan-os-flaw-cve-2025-4619-allows-unauthenticated-firewall-reboot-via-single-crafted-packet/
    🔥 ช่องโหว่ PAN-OS (CVE-2025-4619) เสี่ยงรีบูต Firewall ด้วยแพ็กเก็ตเดียว Palo Alto Networks ได้ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ CVE-2025-4619 ซึ่งเป็น Denial-of-Service (DoS) บนระบบปฏิบัติการ PAN-OS ที่ใช้ใน Firewall หลายรุ่น (PA-Series, VM-Series และ Prisma Access) โดยผู้โจมตีสามารถส่ง แพ็กเก็ตที่ถูกสร้างขึ้นมาเฉพาะ ผ่าน dataplane เพื่อทำให้ Firewall รีบูตได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องมีการยืนยันตัวตนใด ๆ ⚠️ ความรุนแรงและผลกระทบ แม้ช่องโหว่นี้จะถูกจัดระดับ CVSS 6.6 (Medium Severity) แต่หากผู้โจมตีส่งแพ็กเก็ตซ้ำ ๆ จะทำให้ Firewall เข้าสู่ Maintenance Mode ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการทำงาน เช่น การหยุดการไหลของทราฟฟิก การสูญเสียการบังคับใช้นโยบายความปลอดภัย และอาจต้องใช้การกู้คืนด้วยมือ ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงสูงสำหรับองค์กรที่พึ่งพา Firewall ในการป้องกันภัยคุกคาม 🔧 เงื่อนไขการโจมตี ช่องโหว่นี้จะเกิดขึ้นเฉพาะ Firewall ที่มีการตั้งค่า URL Proxy หรือ Decrypt Policy ไม่ว่าจะเป็น explicit decrypt, explicit no-decrypt หรือการตั้งค่าอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการถอดรหัสทราฟฟิก หากไม่มีการตั้งค่าเหล่านี้ ระบบจะไม่ถูกโจมตี 🛠️ แนวทางแก้ไข Palo Alto Networks ได้ออก Hotfix และ Maintenance Release สำหรับ PAN-OS เวอร์ชัน 11.2, 11.1 และ 10.2 รวมถึง Prisma Access โดยแนะนำให้องค์กรรีบอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันความเสี่ยง ขณะที่ Cloud NGFW และ PAN-OS 12.1 ไม่ได้รับผลกระทบจากช่องโหว่นี้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-4619 ➡️ เป็น DoS ที่ทำให้ Firewall รีบูตด้วยแพ็กเก็ตเดียว ➡️ ไม่ต้องมีการยืนยันตัวตนในการโจมตี ✅ ผลกระทบต่อระบบ ➡️ Firewall อาจเข้าสู่ Maintenance Mode หากถูกโจมตีซ้ำ ➡️ ส่งผลให้ทราฟฟิกหยุดชะงักและต้องกู้คืนด้วยมือ ✅ เงื่อนไขการโจมตี ➡️ เกิดขึ้นเฉพาะ Firewall ที่ตั้งค่า URL Proxy หรือ Decrypt Policy ➡️ Cloud NGFW และ PAN-OS 12.1 ไม่ได้รับผลกระทบ ✅ แนวทางแก้ไข ➡️ อัปเดตเป็น Hotfix หรือ Maintenance Release ที่ Palo Alto Networks แนะนำ ➡️ ตรวจสอบการตั้งค่า Decrypt Policy เพื่อลดความเสี่ยง ‼️ คำเตือนสำหรับองค์กร ⛔ หากไม่อัปเดต Firewall อาจถูกโจมตีจนระบบหยุดทำงาน ⛔ การโจมตีซ้ำ ๆ สามารถทำให้ระบบเข้าสู่ Maintenance Mode และหยุดการป้องกันภัย https://securityonline.info/pan-os-flaw-cve-2025-4619-allows-unauthenticated-firewall-reboot-via-single-crafted-packet/
    SECURITYONLINE.INFO
    PAN-OS Flaw (CVE-2025-4619) Allows Unauthenticated Firewall Reboot via Single Crafted Packet
    Palo Alto patched a DoS flaw (CVE-2025-4619) in PAN-OS. An unauthenticated attacker can remotely reboot the firewall if URL proxy or decryption policies are enabled.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวเทคโนโลยี: "D7VK – สะพานเชื่อมเกม Direct3D 7 สู่โลก Linux"

    ใครที่เติบโตมากับเกมยุคปลาย 90s ถึงต้น 2000s คงจำได้ว่าหลายเกมใช้ Direct3D 7 ซึ่งปัจจุบันไม่สามารถรันบน Linux ได้โดยตรง แต่ล่าสุดมีโปรเจกต์โอเพ่นซอร์สชื่อ D7VK ที่พัฒนาโดยนักพัฒนานาม WinterSnowfall ซึ่งเคยทำ D8VK มาก่อน และตอนนี้ก็หันมาสร้างตัวแปลคำสั่ง Direct3D 7 ให้ทำงานผ่าน DXVK (Direct3D 9 → Vulkan) บน Wine

    สิ่งที่น่าสนใจคือ D7VK ไม่ได้สัญญาว่าจะทำงานได้กับทุกเกม เพราะเกมที่ผสมการเรียกใช้ DirectDraw หรือ GDI อาจมีปัญหา เช่น ภาพหาย, จอดำ, หรือเกมเด้ง แต่ก็มีบางเกมที่ทำงานได้ดี และผู้ใช้สามารถติดตามสถานะได้จากหน้า Issues บน GitHub ของโปรเจกต์

    นอกจากนี้ D7VK ยังมีฟีเจอร์เสริม เช่น HUD overlay และ การจำกัดเฟรมเรต เพื่อช่วยตรวจสอบประสิทธิภาพและแก้บั๊กกราฟิก เหมาะสำหรับนักเล่นเกมที่อยากทดสอบและช่วยพัฒนาโปรเจกต์ให้สมบูรณ์ขึ้น

    D7VK คือโปรเจกต์ใหม่สำหรับ Linux
    ใช้ Vulkan-based translation layer แปลง Direct3D 7 → Direct3D 9 → Vulkan
    ทำงานร่วมกับ Wine และ DXVK

    นักพัฒนาคือ WinterSnowfall
    เคยทำ D8VK มาก่อน และถูก merge เข้ากับ DXVK
    โปรเจกต์นี้ยังคงเปิดซอร์สและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

    ฟีเจอร์เสริม
    HUD overlay สำหรับดูข้อมูลการทำงาน
    Frame rate limiter เพื่อควบคุมประสิทธิภาพ

    ข้อจำกัดและคำเตือน
    ไม่รองรับทุกเกม โดยเฉพาะเกมที่ใช้ DirectDraw/GDI ร่วมกับ D3D7
    อาจเจอปัญหา texture หาย, crash, หรือจอดำ
    ยังไม่มีลิสต์เกมที่รองรับอย่างเป็นทางการ ต้องลองเอง

    https://itsfoss.com/news/play-d3d7-games-on-linux/
    🎮 ข่าวเทคโนโลยี: "D7VK – สะพานเชื่อมเกม Direct3D 7 สู่โลก Linux" ใครที่เติบโตมากับเกมยุคปลาย 90s ถึงต้น 2000s คงจำได้ว่าหลายเกมใช้ Direct3D 7 ซึ่งปัจจุบันไม่สามารถรันบน Linux ได้โดยตรง แต่ล่าสุดมีโปรเจกต์โอเพ่นซอร์สชื่อ D7VK ที่พัฒนาโดยนักพัฒนานาม WinterSnowfall ซึ่งเคยทำ D8VK มาก่อน และตอนนี้ก็หันมาสร้างตัวแปลคำสั่ง Direct3D 7 ให้ทำงานผ่าน DXVK (Direct3D 9 → Vulkan) บน Wine สิ่งที่น่าสนใจคือ D7VK ไม่ได้สัญญาว่าจะทำงานได้กับทุกเกม เพราะเกมที่ผสมการเรียกใช้ DirectDraw หรือ GDI อาจมีปัญหา เช่น ภาพหาย, จอดำ, หรือเกมเด้ง แต่ก็มีบางเกมที่ทำงานได้ดี และผู้ใช้สามารถติดตามสถานะได้จากหน้า Issues บน GitHub ของโปรเจกต์ นอกจากนี้ D7VK ยังมีฟีเจอร์เสริม เช่น HUD overlay และ การจำกัดเฟรมเรต เพื่อช่วยตรวจสอบประสิทธิภาพและแก้บั๊กกราฟิก เหมาะสำหรับนักเล่นเกมที่อยากทดสอบและช่วยพัฒนาโปรเจกต์ให้สมบูรณ์ขึ้น ✅ D7VK คือโปรเจกต์ใหม่สำหรับ Linux ➡️ ใช้ Vulkan-based translation layer แปลง Direct3D 7 → Direct3D 9 → Vulkan ➡️ ทำงานร่วมกับ Wine และ DXVK ✅ นักพัฒนาคือ WinterSnowfall ➡️ เคยทำ D8VK มาก่อน และถูก merge เข้ากับ DXVK ➡️ โปรเจกต์นี้ยังคงเปิดซอร์สและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ✅ ฟีเจอร์เสริม ➡️ HUD overlay สำหรับดูข้อมูลการทำงาน ➡️ Frame rate limiter เพื่อควบคุมประสิทธิภาพ ‼️ ข้อจำกัดและคำเตือน ⛔ ไม่รองรับทุกเกม โดยเฉพาะเกมที่ใช้ DirectDraw/GDI ร่วมกับ D3D7 ⛔ อาจเจอปัญหา texture หาย, crash, หรือจอดำ ⛔ ยังไม่มีลิสต์เกมที่รองรับอย่างเป็นทางการ ต้องลองเอง https://itsfoss.com/news/play-d3d7-games-on-linux/
    ITSFOSS.COM
    You Can Play Classic D3D7 Games on Linux With This New Project, But Don’t Expect Perfection
    A new Vulkan-based translation layer brings old Windows games to Linux.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวใหญ่: Wikipedia เปิดตัว Paid API สู้กระแส AI แย่งผู้เข้าชม

    Wikipedia เปิดตัว Paid API เพื่อรับมือกับการที่ AI ดึงข้อมูลไปใช้โดยไม่ให้เครดิต จนทำให้ทราฟฟิกมนุษย์ลดลงกว่า 8% และอาจกระทบต่อการมีส่วนร่วมของผู้ใช้และผู้บริจาคในอนาคต

    ในยุคที่ AI กำลังครองโลกข้อมูล เว็บไซต์อย่าง Wikipedia ซึ่งเป็นแหล่งความรู้สาธารณะก็เริ่มได้รับผลกระทบหนัก เพราะ AI หลายระบบใช้ข้อมูลจาก Wikipedia ไปตอบคำถามโดยตรง ทำให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเข้าไปอ่านที่ต้นทางอีกต่อไป

    ผลลัพธ์คือ ทราฟฟิกจากผู้ใช้จริงลดลงกว่า 8% ในช่วงกลางปี 2025 ขณะที่ AI crawler หลายตัวถึงขั้นปลอมตัวเป็นผู้ใช้มนุษย์เพื่อเลี่ยงการตรวจจับของระบบ Wikipedia

    เพื่อแก้ปัญหาและสร้างรายได้ที่ยั่งยืน Wikipedia จึงเปิดตัว บริการ Paid API สำหรับบริษัท AI โดยมีเป้าหมายสองด้าน:
    1️⃣ สร้างรายได้เพื่อคงการดำเนินงานของ Wikipedia
    2️⃣ ให้ AI เข้าถึงข้อมูลอย่างถูกต้องและมีโครงสร้าง

    นอกจากนี้ Wikipedia ยังเน้นย้ำว่า นักพัฒนา AI ควรให้เครดิตแก่ผู้เขียนบทความ เพราะหากไม่มีผู้เขียนและผู้แก้ไขอาสา เนื้อหาก็จะไม่ถูกพัฒนาและตรวจสอบคุณภาพต่อไป

    สาระเพิ่มเติมจากภายนอก
    Paid API ของ Wikipedia คล้ายกับโมเดลที่หลายแพลตฟอร์มใช้ เช่น Twitter และ Reddit ที่เริ่มคิดค่าบริการสำหรับการเข้าถึงข้อมูลจำนวนมาก
    หาก Wikipedia สูญเสียผู้ใช้และผู้บริจาคไปเรื่อย ๆ อาจเกิดปัญหาขาดแคลนผู้แก้ไข ทำให้คุณภาพข้อมูลลดลง และสุดท้าย AI เองก็จะขาดแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้
    นักวิชาการบางคนมองว่า นี่คือการ ปรับสมดุลระหว่างโลก AI และโลกมนุษย์ เพราะข้อมูลที่ AI ใช้ควรมีการสนับสนุนต้นทาง มิฉะนั้นระบบนิเวศความรู้จะไม่ยั่งยืน

    Wikipedia เปิดตัว Paid API สำหรับบริษัท AI
    เพื่อสร้างรายได้และให้ AI เข้าถึงข้อมูลอย่างถูกต้อง

    ทราฟฟิกมนุษย์ลดลงกว่า 8%
    เกิดจาก AI ตอบคำถามโดยตรง ทำให้ผู้ใช้ไม่เข้า Wikipedia

    AI crawler ปลอมตัวเป็นมนุษย์เพื่อเลี่ยงการตรวจจับ
    Wikipedia ต้องอัปเกรดระบบ bot-detection

    Wikipedia ย้ำให้เครดิตแก่ผู้เขียนบทความ
    หากไม่มีผู้เขียนอาสา เนื้อหาจะไม่ถูกพัฒนาและตรวจสอบคุณภาพ

    คำเตือนต่ออนาคตของ Wikipedia และ AI
    หากผู้ใช้และผู้บริจาคลดลง อาจทำให้ Wikipedia ขาดแคลนผู้แก้ไข
    คุณภาพข้อมูลที่ลดลงจะกระทบต่อ AI เอง เพราะไม่มีแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้

    https://securityonline.info/wikipedia-fights-back-paid-api-launches-as-ai-traffic-steals-8-of-human-visitors/
    📚 ข่าวใหญ่: Wikipedia เปิดตัว Paid API สู้กระแส AI แย่งผู้เข้าชม Wikipedia เปิดตัว Paid API เพื่อรับมือกับการที่ AI ดึงข้อมูลไปใช้โดยไม่ให้เครดิต จนทำให้ทราฟฟิกมนุษย์ลดลงกว่า 8% และอาจกระทบต่อการมีส่วนร่วมของผู้ใช้และผู้บริจาคในอนาคต ในยุคที่ AI กำลังครองโลกข้อมูล เว็บไซต์อย่าง Wikipedia ซึ่งเป็นแหล่งความรู้สาธารณะก็เริ่มได้รับผลกระทบหนัก เพราะ AI หลายระบบใช้ข้อมูลจาก Wikipedia ไปตอบคำถามโดยตรง ทำให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเข้าไปอ่านที่ต้นทางอีกต่อไป ผลลัพธ์คือ ทราฟฟิกจากผู้ใช้จริงลดลงกว่า 8% ในช่วงกลางปี 2025 ขณะที่ AI crawler หลายตัวถึงขั้นปลอมตัวเป็นผู้ใช้มนุษย์เพื่อเลี่ยงการตรวจจับของระบบ Wikipedia เพื่อแก้ปัญหาและสร้างรายได้ที่ยั่งยืน Wikipedia จึงเปิดตัว บริการ Paid API สำหรับบริษัท AI โดยมีเป้าหมายสองด้าน: 1️⃣ สร้างรายได้เพื่อคงการดำเนินงานของ Wikipedia 2️⃣ ให้ AI เข้าถึงข้อมูลอย่างถูกต้องและมีโครงสร้าง นอกจากนี้ Wikipedia ยังเน้นย้ำว่า นักพัฒนา AI ควรให้เครดิตแก่ผู้เขียนบทความ เพราะหากไม่มีผู้เขียนและผู้แก้ไขอาสา เนื้อหาก็จะไม่ถูกพัฒนาและตรวจสอบคุณภาพต่อไป 🔍 สาระเพิ่มเติมจากภายนอก 🔰 Paid API ของ Wikipedia คล้ายกับโมเดลที่หลายแพลตฟอร์มใช้ เช่น Twitter และ Reddit ที่เริ่มคิดค่าบริการสำหรับการเข้าถึงข้อมูลจำนวนมาก 🔰 หาก Wikipedia สูญเสียผู้ใช้และผู้บริจาคไปเรื่อย ๆ อาจเกิดปัญหาขาดแคลนผู้แก้ไข ทำให้คุณภาพข้อมูลลดลง และสุดท้าย AI เองก็จะขาดแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ 🔰 นักวิชาการบางคนมองว่า นี่คือการ ปรับสมดุลระหว่างโลก AI และโลกมนุษย์ เพราะข้อมูลที่ AI ใช้ควรมีการสนับสนุนต้นทาง มิฉะนั้นระบบนิเวศความรู้จะไม่ยั่งยืน ✅ Wikipedia เปิดตัว Paid API สำหรับบริษัท AI ➡️ เพื่อสร้างรายได้และให้ AI เข้าถึงข้อมูลอย่างถูกต้อง ✅ ทราฟฟิกมนุษย์ลดลงกว่า 8% ➡️ เกิดจาก AI ตอบคำถามโดยตรง ทำให้ผู้ใช้ไม่เข้า Wikipedia ✅ AI crawler ปลอมตัวเป็นมนุษย์เพื่อเลี่ยงการตรวจจับ ➡️ Wikipedia ต้องอัปเกรดระบบ bot-detection ✅ Wikipedia ย้ำให้เครดิตแก่ผู้เขียนบทความ ➡️ หากไม่มีผู้เขียนอาสา เนื้อหาจะไม่ถูกพัฒนาและตรวจสอบคุณภาพ ‼️ คำเตือนต่ออนาคตของ Wikipedia และ AI ⛔ หากผู้ใช้และผู้บริจาคลดลง อาจทำให้ Wikipedia ขาดแคลนผู้แก้ไข ⛔ คุณภาพข้อมูลที่ลดลงจะกระทบต่อ AI เอง เพราะไม่มีแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ https://securityonline.info/wikipedia-fights-back-paid-api-launches-as-ai-traffic-steals-8-of-human-visitors/
    SECURITYONLINE.INFO
    Wikipedia Fights Back: Paid API Launches as AI Traffic Steals 8% of Human Visitors
    Wikipedia launches a paid API for AI companies to stop web scraping and generate revenue after sophisticated AI crawlers caused an 8% drop in human traffic.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวดีสายเอกสาร: ODF 1.4 ฉลองครบรอบ 20 ปี พร้อมอัปเกรดครั้งใหญ่!

    ในโลกที่เอกสารดิจิทัลถูกครอบงำด้วยฟอร์แมตของ Microsoft อย่าง .doc และ .docx หลายคนอาจไม่รู้ว่ามีทางเลือกที่เปิดกว้างและเป็นมาตรฐานสากลอย่าง OpenDocument Format หรือ ODF ซึ่งตอนนี้ได้เดินทางมาถึงเวอร์ชัน 1.4 แล้ว!

    ODF คือฟอร์แมตเอกสารแบบเปิดที่รองรับทั้งข้อความ ตาราง งานนำเสนอ และกราฟิก ใช้งานได้กับหลายโปรแกรม เช่น LibreOffice, Collabora Online และแม้แต่ Microsoft Office เอง โดยอยู่ภายใต้การดูแลของ OASIS Open ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ผลักดันมาตรฐานเปิดทั่วโลก

    ODF 1.4 มีอะไรใหม่บ้าง? หลังจากใช้เวลาพัฒนานานถึง 4 ปี โดยมีวิศวกรจากหลายองค์กรร่วมมือกัน เช่น IBM, Nokia, Microsoft และชุมชน LibreOffice เวอร์ชันใหม่นี้ได้เพิ่มฟีเจอร์ที่ช่วยให้การใช้งานเอกสารสะดวกขึ้นและเข้ากันได้กับฟอร์แมตอื่นมากขึ้น เช่น:
    ใส่ตารางลงในรูปทรงได้แล้ว ไม่จำกัดแค่กล่องข้อความ
    กำหนดวัตถุให้เป็น “ตกแต่ง” เพื่อให้โปรแกรมอ่านหน้าจอไม่ต้องอ่านออกเสียง
    ป้องกันการซ้อนทับของวัตถุในเอกสาร
    รองรับการหมุนข้อความ 90 องศาทวนเข็มนาฬิกา เหมาะกับการจัดหน้าแบบญี่ปุ่น

    สาระเพิ่มเติม
    ในยุคที่หลายองค์กรเริ่มหันหลังให้กับซอฟต์แวร์ปิด เช่น รัฐบาลออสเตรียที่เปลี่ยนจาก Microsoft ไปใช้ Nextcloud การเลือกใช้ฟอร์แมตเปิดอย่าง ODF จึงเป็นมากกว่าทางเลือก — มันคือการปลดล็อกเสรีภาพในการควบคุมข้อมูลของเราเอง

    การเปิดตัว ODF 1.4
    ครบรอบ 20 ปีของมาตรฐาน ODF
    พัฒนาโดยองค์กรและชุมชนโอเพ่นซอร์สหลายแห่ง
    ใช้เวลาพัฒนานานถึง 4 ปี

    ฟีเจอร์ใหม่ใน ODF 1.4
    ใส่ตารางลงในรูปทรงได้
    กำหนดวัตถุเป็น “ตกแต่ง” เพื่อช่วยผู้ใช้เทคโนโลยีช่วยเหลือ
    ป้องกันการซ้อนทับของวัตถุ
    รองรับการหมุนข้อความ 90 องศาทวนเข็มนาฬิกา

    ความร่วมมือระหว่างองค์กร
    มีวิศวกรจาก IBM, Nokia, Microsoft, KDE และชุมชน LibreOffice ร่วมพัฒนา

    ความสำคัญของฟอร์แมตเปิด
    ลดการผูกขาดจากผู้ผลิตซอฟต์แวร์
    เพิ่มความเข้ากันได้ระหว่างโปรแกรมต่างๆ
    ส่งเสริมการควบคุมข้อมูลของผู้ใช้

    ความเสี่ยงจากการใช้ฟอร์แมตปิด
    อาจเกิดปัญหาความเข้ากันไม่ได้ระหว่างโปรแกรม
    เสี่ยงต่อการถูกล็อกให้อยู่กับผู้ผลิตรายเดียว
    จำกัดเสรีภาพในการจัดการเอกสารและข้อมูล

    https://itsfoss.com/news/odf-1-4-release/
    📝 ข่าวดีสายเอกสาร: ODF 1.4 ฉลองครบรอบ 20 ปี พร้อมอัปเกรดครั้งใหญ่! ในโลกที่เอกสารดิจิทัลถูกครอบงำด้วยฟอร์แมตของ Microsoft อย่าง .doc และ .docx หลายคนอาจไม่รู้ว่ามีทางเลือกที่เปิดกว้างและเป็นมาตรฐานสากลอย่าง OpenDocument Format หรือ ODF ซึ่งตอนนี้ได้เดินทางมาถึงเวอร์ชัน 1.4 แล้ว! 🎉 ODF คือฟอร์แมตเอกสารแบบเปิดที่รองรับทั้งข้อความ ตาราง งานนำเสนอ และกราฟิก ใช้งานได้กับหลายโปรแกรม เช่น LibreOffice, Collabora Online และแม้แต่ Microsoft Office เอง โดยอยู่ภายใต้การดูแลของ OASIS Open ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ผลักดันมาตรฐานเปิดทั่วโลก 🎯 ODF 1.4 มีอะไรใหม่บ้าง? หลังจากใช้เวลาพัฒนานานถึง 4 ปี โดยมีวิศวกรจากหลายองค์กรร่วมมือกัน เช่น IBM, Nokia, Microsoft และชุมชน LibreOffice เวอร์ชันใหม่นี้ได้เพิ่มฟีเจอร์ที่ช่วยให้การใช้งานเอกสารสะดวกขึ้นและเข้ากันได้กับฟอร์แมตอื่นมากขึ้น เช่น: 🔰 ใส่ตารางลงในรูปทรงได้แล้ว ไม่จำกัดแค่กล่องข้อความ 🔰 กำหนดวัตถุให้เป็น “ตกแต่ง” เพื่อให้โปรแกรมอ่านหน้าจอไม่ต้องอ่านออกเสียง 🔰 ป้องกันการซ้อนทับของวัตถุในเอกสาร 🔰 รองรับการหมุนข้อความ 90 องศาทวนเข็มนาฬิกา เหมาะกับการจัดหน้าแบบญี่ปุ่น 📚 สาระเพิ่มเติม ในยุคที่หลายองค์กรเริ่มหันหลังให้กับซอฟต์แวร์ปิด เช่น รัฐบาลออสเตรียที่เปลี่ยนจาก Microsoft ไปใช้ Nextcloud การเลือกใช้ฟอร์แมตเปิดอย่าง ODF จึงเป็นมากกว่าทางเลือก — มันคือการปลดล็อกเสรีภาพในการควบคุมข้อมูลของเราเอง ✅ การเปิดตัว ODF 1.4 ➡️ ครบรอบ 20 ปีของมาตรฐาน ODF ➡️ พัฒนาโดยองค์กรและชุมชนโอเพ่นซอร์สหลายแห่ง ➡️ ใช้เวลาพัฒนานานถึง 4 ปี ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน ODF 1.4 ➡️ ใส่ตารางลงในรูปทรงได้ ➡️ กำหนดวัตถุเป็น “ตกแต่ง” เพื่อช่วยผู้ใช้เทคโนโลยีช่วยเหลือ ➡️ ป้องกันการซ้อนทับของวัตถุ ➡️ รองรับการหมุนข้อความ 90 องศาทวนเข็มนาฬิกา ✅ ความร่วมมือระหว่างองค์กร ➡️ มีวิศวกรจาก IBM, Nokia, Microsoft, KDE และชุมชน LibreOffice ร่วมพัฒนา ✅ ความสำคัญของฟอร์แมตเปิด ➡️ ลดการผูกขาดจากผู้ผลิตซอฟต์แวร์ ➡️ เพิ่มความเข้ากันได้ระหว่างโปรแกรมต่างๆ ➡️ ส่งเสริมการควบคุมข้อมูลของผู้ใช้ ‼️ ความเสี่ยงจากการใช้ฟอร์แมตปิด ⛔ อาจเกิดปัญหาความเข้ากันไม่ได้ระหว่างโปรแกรม ⛔ เสี่ยงต่อการถูกล็อกให้อยู่กับผู้ผลิตรายเดียว ⛔ จำกัดเสรีภาพในการจัดการเอกสารและข้อมูล https://itsfoss.com/news/odf-1-4-release/
    ITSFOSS.COM
    ODF 1.4 Release Marks 20 Years of OpenDocument Format
    Accessibility and compatibility upgrades mark 20th anniversary of document standard at OASIS Open.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • “พบช่องโหว่ร้ายแรงใน Devolutions Server! แฮกเกอร์สวมรอยผู้ใช้ผ่านคุกกี้ก่อน MFA ได้สำเร็จ”

    Devolutions ผู้พัฒนาโซลูชัน Privileged Access Management (PAM) ได้ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ระดับวิกฤตในผลิตภัณฑ์ Devolutions Server ซึ่งอาจเปิดทางให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ต่ำสามารถสวมรอยเป็นผู้ใช้คนอื่นได้ โดยอาศัยการดักจับคุกกี้ก่อนขั้นตอน Multi-Factor Authentication (MFA)

    ช่องโหว่นี้ถูกติดตามในรหัส CVE-2025-12485 และได้รับคะแนนความรุนแรง CVSS สูงถึง 9.4 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับ “Critical”

    รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-12485
    เกิดจากการจัดการสิทธิ์ที่ไม่เหมาะสมในขั้นตอน pre-MFA cookie
    ผู้ใช้ที่ผ่านการยืนยันตัวตนระดับต่ำสามารถนำคุกกี้ pre-MFA ไปใช้สวมรอยบัญชีอื่น
    แม้จะไม่สามารถข้าม MFA ได้โดยตรง แต่สามารถใช้คุกกี้เพื่อเลี่ยงการตรวจสอบสิทธิ์ภายในระบบ

    ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
    เข้าถึงข้อมูลสำคัญหรือบัญชีผู้ใช้ระดับสูง
    แก้ไขการตั้งค่าระบบหรือบันทึก audit log
    ขยายสิทธิ์หรือเคลื่อนที่ภายในระบบ (lateral movement)

    เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ
    Devolutions Server 2025 เวอร์ชันก่อนหน้า 2025.3.6.0 และ 2025.2.17.0
    ช่องโหว่นี้ไม่มีวิธีแก้ไขชั่วคราว ต้องอัปเกรดเท่านั้น

    ช่องโหว่เพิ่มเติม: CVE-2025-12808
    ผู้ใช้แบบ View-only สามารถเข้าถึงข้อมูล nested fields ระดับลึก
    อาจเปิดเผยรหัสผ่านหรือค่าคอนฟิกที่ควรถูกซ่อนไว้
    ได้รับคะแนน CVSS 7.1 (High)

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    หากยังไม่อัปเกรด Devolutions Server มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกสวมรอย
    การใช้ MFA อย่างเดียวไม่เพียงพอ หากระบบยังมีช่องโหว่ pre-MFA cookie
    การเปิดเผยข้อมูล nested fields อาจทำให้เกิดการรั่วไหลของรหัสผ่านภายในองค์กร

    https://securityonline.info/critical-devolutions-server-flaw-cve-2025-12485-cvss-9-4-allows-user-impersonation-via-pre-mfa-cookie-hijacking/
    🛑 “พบช่องโหว่ร้ายแรงใน Devolutions Server! แฮกเกอร์สวมรอยผู้ใช้ผ่านคุกกี้ก่อน MFA ได้สำเร็จ” Devolutions ผู้พัฒนาโซลูชัน Privileged Access Management (PAM) ได้ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ระดับวิกฤตในผลิตภัณฑ์ Devolutions Server ซึ่งอาจเปิดทางให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ต่ำสามารถสวมรอยเป็นผู้ใช้คนอื่นได้ โดยอาศัยการดักจับคุกกี้ก่อนขั้นตอน Multi-Factor Authentication (MFA) ช่องโหว่นี้ถูกติดตามในรหัส CVE-2025-12485 และได้รับคะแนนความรุนแรง CVSS สูงถึง 9.4 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับ “Critical” ✅ รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-12485 ➡️ เกิดจากการจัดการสิทธิ์ที่ไม่เหมาะสมในขั้นตอน pre-MFA cookie ➡️ ผู้ใช้ที่ผ่านการยืนยันตัวตนระดับต่ำสามารถนำคุกกี้ pre-MFA ไปใช้สวมรอยบัญชีอื่น ➡️ แม้จะไม่สามารถข้าม MFA ได้โดยตรง แต่สามารถใช้คุกกี้เพื่อเลี่ยงการตรวจสอบสิทธิ์ภายในระบบ ✅ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ➡️ เข้าถึงข้อมูลสำคัญหรือบัญชีผู้ใช้ระดับสูง ➡️ แก้ไขการตั้งค่าระบบหรือบันทึก audit log ➡️ ขยายสิทธิ์หรือเคลื่อนที่ภายในระบบ (lateral movement) ✅ เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ ➡️ Devolutions Server 2025 เวอร์ชันก่อนหน้า 2025.3.6.0 และ 2025.2.17.0 ➡️ ช่องโหว่นี้ไม่มีวิธีแก้ไขชั่วคราว ต้องอัปเกรดเท่านั้น ✅ ช่องโหว่เพิ่มเติม: CVE-2025-12808 ➡️ ผู้ใช้แบบ View-only สามารถเข้าถึงข้อมูล nested fields ระดับลึก ➡️ อาจเปิดเผยรหัสผ่านหรือค่าคอนฟิกที่ควรถูกซ่อนไว้ ➡️ ได้รับคะแนน CVSS 7.1 (High) ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ หากยังไม่อัปเกรด Devolutions Server มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกสวมรอย ⛔ การใช้ MFA อย่างเดียวไม่เพียงพอ หากระบบยังมีช่องโหว่ pre-MFA cookie ⛔ การเปิดเผยข้อมูล nested fields อาจทำให้เกิดการรั่วไหลของรหัสผ่านภายในองค์กร https://securityonline.info/critical-devolutions-server-flaw-cve-2025-12485-cvss-9-4-allows-user-impersonation-via-pre-mfa-cookie-hijacking/
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical Devolutions Server Flaw (CVE-2025-12485, CVSS 9.4) Allows User Impersonation via Pre-MFA Cookie Hijacking
    Devolutions patched two flaws in Devolutions Server: A Critical (CVSS 9.4) Auth Bypass allows user impersonation via pre-MFA cookie replay, and another flaw leaks plaintext passwords to view-only users.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • Linux เตรียมเปลี่ยนไดรเวอร์ GPU รุ่นเก่า! GCN 1.1 จะใช้ AMDGPU เป็นค่าเริ่มต้นแทน Radeon

    Timur Kristóf จากทีมกราฟิกของ Valve เสนอแพตช์ใหม่ให้ Linux เปลี่ยนไดรเวอร์ค่าเริ่มต้นของ GPU สถาปัตยกรรม GCN 1.1 จาก Radeon ไปเป็น AMDGPU ซึ่งจะช่วยให้การใช้งาน GPU รุ่นเก่าอย่าง Radeon R9 290/390 และ HD 7790 มีประสิทธิภาพและรองรับฟีเจอร์ใหม่มากขึ้น

    ในระบบ Linux เดิมที GPU รุ่นเก่าอย่าง GCN 1.0 และ 1.1 จะใช้ไดรเวอร์ Radeon เป็นค่าเริ่มต้น ซึ่งมีข้อจำกัดหลายด้าน เช่น ไม่รองรับ Vulkan หรือฟีเจอร์การแสดงผลใหม่ๆ แต่ตอนนี้มีการเสนอให้เปลี่ยนมาใช้ AMDGPU ซึ่งเป็นไดรเวอร์ที่ทันสมัยกว่าและได้รับการดูแลต่อเนื่อง

    แพตช์ใหม่นี้เพิ่มตัวเลือก “-1” ให้กับระบบ kernel เพื่อให้สามารถเลือกไดรเวอร์ที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ โดย AMDGPU จะกลายเป็นค่าเริ่มต้นสำหรับ GPU GCN 1.1 เช่น Radeon R9 290, R9 390, HD 7790 และ HD 8870

    หนึ่งในอุปสรรคก่อนหน้านี้คือ AMDGPU ยังไม่รองรับการเชื่อมต่อแบบ analog ซึ่งจำเป็นสำหรับจอรุ่นเก่า แต่ตอนนี้ AMDGPU ได้รวมฟีเจอร์นี้ผ่าน Display Core subsystem แล้ว ทำให้สามารถแทนที่ Radeon ได้อย่างสมบูรณ์

    การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้ GPU รุ่นเก่าใช้งานได้ดีขึ้นใน Linux โดยเฉพาะกับแอปพลิเคชันที่ใช้ Vulkan และการแสดงผลแบบใหม่ และคาดว่า GCN 1.0 เช่น HD 7950/7970 และ R9 270/280 ก็จะตามมาในแพตช์ถัดไป

    Linux เตรียมเปลี่ยนไดรเวอร์ค่าเริ่มต้นของ GPU GCN 1.1
    จาก Radeon ไปเป็น AMDGPU เพื่อประสิทธิภาพที่ดีกว่า
    รองรับ GPU รุ่น Radeon R9 290/390, HD 7790, HD 8870

    แพตช์ใหม่เพิ่มตัวเลือก “-1” ให้ kernel driver
    ระบบจะเลือกไดรเวอร์ที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ
    AMDGPU จะกลายเป็นค่าเริ่มต้นสำหรับ GCN 1.1

    AMDGPU มีฟีเจอร์ที่เหนือกว่า Radeon
    รองรับ Vulkan 1.3 ผ่าน RADV
    รองรับฟีเจอร์การแสดงผลใหม่ผ่าน Display Core
    ได้รับการดูแลและอัปเดตต่อเนื่อง

    ปัญหา analog connector ได้รับการแก้ไขแล้ว
    AMDGPU รองรับการเชื่อมต่อจอรุ่นเก่า
    ทำให้สามารถแทนที่ Radeon ได้โดยไม่เสียความเข้ากันได้

    https://wccftech.com/newly-submitted-linux-patches-to-make-amdgpu-the-default-driver-for-gcn-1-1-gpus/
    🧠 Linux เตรียมเปลี่ยนไดรเวอร์ GPU รุ่นเก่า! GCN 1.1 จะใช้ AMDGPU เป็นค่าเริ่มต้นแทน Radeon 🐧🎮 Timur Kristóf จากทีมกราฟิกของ Valve เสนอแพตช์ใหม่ให้ Linux เปลี่ยนไดรเวอร์ค่าเริ่มต้นของ GPU สถาปัตยกรรม GCN 1.1 จาก Radeon ไปเป็น AMDGPU ซึ่งจะช่วยให้การใช้งาน GPU รุ่นเก่าอย่าง Radeon R9 290/390 และ HD 7790 มีประสิทธิภาพและรองรับฟีเจอร์ใหม่มากขึ้น ในระบบ Linux เดิมที GPU รุ่นเก่าอย่าง GCN 1.0 และ 1.1 จะใช้ไดรเวอร์ Radeon เป็นค่าเริ่มต้น ซึ่งมีข้อจำกัดหลายด้าน เช่น ไม่รองรับ Vulkan หรือฟีเจอร์การแสดงผลใหม่ๆ แต่ตอนนี้มีการเสนอให้เปลี่ยนมาใช้ AMDGPU ซึ่งเป็นไดรเวอร์ที่ทันสมัยกว่าและได้รับการดูแลต่อเนื่อง แพตช์ใหม่นี้เพิ่มตัวเลือก “-1” ให้กับระบบ kernel เพื่อให้สามารถเลือกไดรเวอร์ที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ โดย AMDGPU จะกลายเป็นค่าเริ่มต้นสำหรับ GPU GCN 1.1 เช่น Radeon R9 290, R9 390, HD 7790 และ HD 8870 หนึ่งในอุปสรรคก่อนหน้านี้คือ AMDGPU ยังไม่รองรับการเชื่อมต่อแบบ analog ซึ่งจำเป็นสำหรับจอรุ่นเก่า แต่ตอนนี้ AMDGPU ได้รวมฟีเจอร์นี้ผ่าน Display Core subsystem แล้ว ทำให้สามารถแทนที่ Radeon ได้อย่างสมบูรณ์ การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้ GPU รุ่นเก่าใช้งานได้ดีขึ้นใน Linux โดยเฉพาะกับแอปพลิเคชันที่ใช้ Vulkan และการแสดงผลแบบใหม่ และคาดว่า GCN 1.0 เช่น HD 7950/7970 และ R9 270/280 ก็จะตามมาในแพตช์ถัดไป ✅ Linux เตรียมเปลี่ยนไดรเวอร์ค่าเริ่มต้นของ GPU GCN 1.1 ➡️ จาก Radeon ไปเป็น AMDGPU เพื่อประสิทธิภาพที่ดีกว่า ➡️ รองรับ GPU รุ่น Radeon R9 290/390, HD 7790, HD 8870 ✅ แพตช์ใหม่เพิ่มตัวเลือก “-1” ให้ kernel driver ➡️ ระบบจะเลือกไดรเวอร์ที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ ➡️ AMDGPU จะกลายเป็นค่าเริ่มต้นสำหรับ GCN 1.1 ✅ AMDGPU มีฟีเจอร์ที่เหนือกว่า Radeon ➡️ รองรับ Vulkan 1.3 ผ่าน RADV ➡️ รองรับฟีเจอร์การแสดงผลใหม่ผ่าน Display Core ➡️ ได้รับการดูแลและอัปเดตต่อเนื่อง ✅ ปัญหา analog connector ได้รับการแก้ไขแล้ว ➡️ AMDGPU รองรับการเชื่อมต่อจอรุ่นเก่า ➡️ ทำให้สามารถแทนที่ Radeon ได้โดยไม่เสียความเข้ากันได้ https://wccftech.com/newly-submitted-linux-patches-to-make-amdgpu-the-default-driver-for-gcn-1-1-gpus/
    WCCFTECH.COM
    Newly Submitted Linux Patches To Make AMDGPU The Default Driver For GCN 1.1 GPUs Such As Radeon R9 290/390, HD 7790 And Others
    Timur from Valve's Linux graphics driver team just proposed new patches for the GCN 1.1 GPUs, transitioning to AMDGPU driver as default.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อ TLS ไม่เพียงพอ: Microsoft เผยการโจมตีแบบ Side-Channel ที่แม่นยำถึง 98%

    Microsoft ได้เปิดเผยการโจมตีแบบใหม่ที่เรียกว่า Whisper Leak ซึ่งสามารถใช้สังเกตการณ์ ทราฟฟิกที่เข้ารหัสด้วย TLS ระหว่างผู้ใช้กับแชตบอท AI เพื่อ คาดเดาหัวข้อของบทสนทนาได้อย่างแม่นยำ แม้จะไม่สามารถถอดรหัสเนื้อหาจริงได้ก็ตาม

    การโจมตีนี้อาศัย รูปแบบของขนาดแพ็กเก็ตและช่วงเวลาการส่งข้อมูล (packet size & timing) ที่เกิดขึ้นเมื่อโมเดลภาษา (LLM) ตอบกลับแบบ streaming ซึ่งแต่ละ token ที่ส่งกลับจะสร้างลักษณะเฉพาะที่สามารถนำไปฝึกโมเดล Machine Learning เพื่อจำแนกหัวข้อได้

    เทคนิคที่ใช้: Side-Channel + ML Classifier
    Microsoft ใช้เครื่องมือดักจับทราฟฟิก เช่น tcpdump เพื่อเก็บข้อมูลแพ็กเก็ต
    ฝึกโมเดล ML เช่น LightGBM, Bi-LSTM, และ BERT เพื่อจำแนกหัวข้อ
    แม้จะมีบทสนทนาเป้าหมายเพียง 1 ใน 10,000 การสนทนา ก็ยังสามารถตรวจจับได้ด้วย ความแม่นยำ 100%

    ลักษณะของ Whisper Leak
    เป็นการโจมตีแบบ side-channel ที่ไม่ต้องถอดรหัสข้อมูล
    ใช้ metadata เช่น packet size และ timing เพื่อวิเคราะห์หัวข้อ
    มีความแม่นยำสูงถึง 98% ในการจำแนกหัวข้อเป้าหมาย

    ความเสี่ยง
    ผู้โจมตีที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน หรือ ISP สามารถสังเกตทราฟฟิกได้
    เสี่ยงต่อผู้ใช้ในประเทศที่มีการควบคุมเนื้อหา เช่น หัวข้อการเมือง, สื่อ, หรือสิทธิมนุษยชน

    การป้องกันและแก้ไข
    Microsoft และผู้ให้บริการ LLM เช่น OpenAI, Mistral, xAI ได้ออกมาตรการลดความเสี่ยง
    ใช้เทคนิค obfuscation เช่น การแทรก token สุ่ม หรือปรับความยาวแพ็กเก็ตให้ไม่สม่ำเสมอ
    Microsoft ได้เปิดซอร์สเฟรมเวิร์ก Whisper Leak บน GitHub เพื่อให้ชุมชนช่วยตรวจสอบ

    คำเตือนด้านความเป็นส่วนตัว
    แม้จะใช้ TLS แล้ว แต่ metadata ยังสามารถรั่วไหลได้
    การใช้ LLM ในหัวข้ออ่อนไหวอาจถูกติดตามโดยไม่รู้ตัว
    ผู้ใช้ควรหลีกเลี่ยงการใช้แชต AI ผ่านเครือข่ายที่ไม่ปลอดภัย

    https://securityonline.info/whisper-leak-attack-infers-encrypted-ai-chat-topics-with-98-accuracy/
    🔍 เมื่อ TLS ไม่เพียงพอ: Microsoft เผยการโจมตีแบบ Side-Channel ที่แม่นยำถึง 98% Microsoft ได้เปิดเผยการโจมตีแบบใหม่ที่เรียกว่า Whisper Leak ซึ่งสามารถใช้สังเกตการณ์ ทราฟฟิกที่เข้ารหัสด้วย TLS ระหว่างผู้ใช้กับแชตบอท AI เพื่อ คาดเดาหัวข้อของบทสนทนาได้อย่างแม่นยำ แม้จะไม่สามารถถอดรหัสเนื้อหาจริงได้ก็ตาม การโจมตีนี้อาศัย รูปแบบของขนาดแพ็กเก็ตและช่วงเวลาการส่งข้อมูล (packet size & timing) ที่เกิดขึ้นเมื่อโมเดลภาษา (LLM) ตอบกลับแบบ streaming ซึ่งแต่ละ token ที่ส่งกลับจะสร้างลักษณะเฉพาะที่สามารถนำไปฝึกโมเดล Machine Learning เพื่อจำแนกหัวข้อได้ 🧪 เทคนิคที่ใช้: Side-Channel + ML Classifier 💠 Microsoft ใช้เครื่องมือดักจับทราฟฟิก เช่น tcpdump เพื่อเก็บข้อมูลแพ็กเก็ต 💠 ฝึกโมเดล ML เช่น LightGBM, Bi-LSTM, และ BERT เพื่อจำแนกหัวข้อ 💠 แม้จะมีบทสนทนาเป้าหมายเพียง 1 ใน 10,000 การสนทนา ก็ยังสามารถตรวจจับได้ด้วย ความแม่นยำ 100% ✅ ลักษณะของ Whisper Leak ➡️ เป็นการโจมตีแบบ side-channel ที่ไม่ต้องถอดรหัสข้อมูล ➡️ ใช้ metadata เช่น packet size และ timing เพื่อวิเคราะห์หัวข้อ ➡️ มีความแม่นยำสูงถึง 98% ในการจำแนกหัวข้อเป้าหมาย ✅ ความเสี่ยง ➡️ ผู้โจมตีที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน หรือ ISP สามารถสังเกตทราฟฟิกได้ ➡️ เสี่ยงต่อผู้ใช้ในประเทศที่มีการควบคุมเนื้อหา เช่น หัวข้อการเมือง, สื่อ, หรือสิทธิมนุษยชน ✅ การป้องกันและแก้ไข ➡️ Microsoft และผู้ให้บริการ LLM เช่น OpenAI, Mistral, xAI ได้ออกมาตรการลดความเสี่ยง ➡️ ใช้เทคนิค obfuscation เช่น การแทรก token สุ่ม หรือปรับความยาวแพ็กเก็ตให้ไม่สม่ำเสมอ ➡️ Microsoft ได้เปิดซอร์สเฟรมเวิร์ก Whisper Leak บน GitHub เพื่อให้ชุมชนช่วยตรวจสอบ ‼️ คำเตือนด้านความเป็นส่วนตัว ⛔ แม้จะใช้ TLS แล้ว แต่ metadata ยังสามารถรั่วไหลได้ ⛔ การใช้ LLM ในหัวข้ออ่อนไหวอาจถูกติดตามโดยไม่รู้ตัว ⛔ ผู้ใช้ควรหลีกเลี่ยงการใช้แชต AI ผ่านเครือข่ายที่ไม่ปลอดภัย https://securityonline.info/whisper-leak-attack-infers-encrypted-ai-chat-topics-with-98-accuracy/
    SECURITYONLINE.INFO
    Whisper Leak: Attack Infers Encrypted AI Chat Topics with 98%+ Accuracy
    Microsoft revealed "Whisper Leak," a side-channel attack that infers AI chat topics from encrypted traffic (TLS) using packet size/timing patterns. High accuracy risk.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple เตรียมเปิดตัวชิป M5 Pro, M5 Max และ M5 Ultra ในครึ่งแรกของปี 2026 – คาดใช้สถาปัตยกรรมใหม่และแรงขึ้นกว่าเดิม

    Apple กำลังเตรียมเปิดตัวชิปตระกูล M5 รุ่นใหม่สำหรับ MacBook Pro และ Mac Studio ในช่วงครึ่งแรกของปี 2026 โดยจะมีรุ่น M5 Pro, M5 Max และ M5 Ultra ซึ่งคาดว่าจะใช้สถาปัตยกรรมใหม่ที่แรงขึ้นและประหยัดพลังงานมากกว่าเดิม.

    ไทม์ไลน์การเปิดตัว
    ชิป M5 Pro และ M5 Max คาดว่าจะเปิดตัวพร้อม MacBook Pro รุ่นใหม่ในช่วงต้นปี 2026
    M5 Ultra จะตามมาใน Mac Studio รุ่นใหม่ภายในครึ่งแรกของปีเดียวกัน

    สถาปัตยกรรมและเทคโนโลยี
    คาดว่าใช้สถาปัตยกรรมใหม่ที่อาจเป็น “A19” หรือรุ่นถัดไปจาก A18 Pro
    ผลิตบนเทคโนโลยี 3nm รุ่นปรับปรุงจาก TSMC (อาจเป็น N3E หรือ N3P)
    เน้นประสิทธิภาพสูงและการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น

    การใช้งานในผลิตภัณฑ์ Apple
    M5 Pro และ M5 Max จะใช้ใน MacBook Pro ขนาด 14 และ 16 นิ้ว
    M5 Ultra จะใช้ใน Mac Studio และอาจมีรุ่นใหม่ของ Mac Pro ตามมา

    แนวโน้มการพัฒนา
    Apple ยังคงเดินหน้าพัฒนา SoC แบบรวมทุกฟังก์ชัน (unified architecture)
    คาดว่าจะมีการปรับปรุงด้าน GPU และ Neural Engine เพื่อรองรับงาน AI และกราฟิกระดับสูง

    https://wccftech.com/apple-preparing-m5-pro-m5-max-m5-ultra-chipsets-for-a-launch-in-h1-2026/
    🧠 Apple เตรียมเปิดตัวชิป M5 Pro, M5 Max และ M5 Ultra ในครึ่งแรกของปี 2026 – คาดใช้สถาปัตยกรรมใหม่และแรงขึ้นกว่าเดิม Apple กำลังเตรียมเปิดตัวชิปตระกูล M5 รุ่นใหม่สำหรับ MacBook Pro และ Mac Studio ในช่วงครึ่งแรกของปี 2026 โดยจะมีรุ่น M5 Pro, M5 Max และ M5 Ultra ซึ่งคาดว่าจะใช้สถาปัตยกรรมใหม่ที่แรงขึ้นและประหยัดพลังงานมากกว่าเดิม. ✅ ไทม์ไลน์การเปิดตัว ➡️ ชิป M5 Pro และ M5 Max คาดว่าจะเปิดตัวพร้อม MacBook Pro รุ่นใหม่ในช่วงต้นปี 2026 ➡️ M5 Ultra จะตามมาใน Mac Studio รุ่นใหม่ภายในครึ่งแรกของปีเดียวกัน ✅ สถาปัตยกรรมและเทคโนโลยี ➡️ คาดว่าใช้สถาปัตยกรรมใหม่ที่อาจเป็น “A19” หรือรุ่นถัดไปจาก A18 Pro ➡️ ผลิตบนเทคโนโลยี 3nm รุ่นปรับปรุงจาก TSMC (อาจเป็น N3E หรือ N3P) ➡️ เน้นประสิทธิภาพสูงและการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น ✅ การใช้งานในผลิตภัณฑ์ Apple ➡️ M5 Pro และ M5 Max จะใช้ใน MacBook Pro ขนาด 14 และ 16 นิ้ว ➡️ M5 Ultra จะใช้ใน Mac Studio และอาจมีรุ่นใหม่ของ Mac Pro ตามมา ✅ แนวโน้มการพัฒนา ➡️ Apple ยังคงเดินหน้าพัฒนา SoC แบบรวมทุกฟังก์ชัน (unified architecture) ➡️ คาดว่าจะมีการปรับปรุงด้าน GPU และ Neural Engine เพื่อรองรับงาน AI และกราฟิกระดับสูง https://wccftech.com/apple-preparing-m5-pro-m5-max-m5-ultra-chipsets-for-a-launch-in-h1-2026/
    WCCFTECH.COM
    M5 Pro, M5 Max & M5 Ultra Chipsets Being Prepared For Updated MacBook Pro, Mac Studio Models, Launch Targeted In H1 2026
    A total of three high-end chipsets, the M5 Pro, M5 Max and M5 Ultra are being prepared to launch in the first half of 2026
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • “The Phantom – จอคอมโปร่งใสตัวแรกของโลก! สว่างถึง 5,000 nits พร้อมเปิดตัวปลายปีนี้”

    Virtual Instruments เปิดตัว “The Phantom” จอคอมพิวเตอร์โปร่งใสขนาด 24 นิ้ว ความละเอียด 4K ที่เคลมว่าเป็นจอโปร่งใสตัวแรกของโลกสำหรับผู้ใช้ทั่วไป พร้อมความสว่าง HDR สูงถึง 5,000 nits เตรียมวางจำหน่ายในไตรมาส 4 ปี 2025

    ลองจินตนาการว่าคุณกำลังใช้จอคอมพิวเตอร์ที่ “มองทะลุได้” เหมือนกระจก แต่ยังแสดงภาพ 4K ได้อย่างคมชัดและสว่างจ้า—นั่นคือสิ่งที่ “The Phantom” จาก Virtual Instruments กำลังจะนำเสนอในตลาดปลายปีนี้

    จอขนาด 24 นิ้วนี้ใช้เทคโนโลยีโปร่งใสแบบใหม่ที่ไม่ต้องพึ่ง OLED หรือ MicroLED เหมือนจอโปร่งใสในงานโชว์ของ LG หรือ Samsung แต่เป็นการออกแบบเพื่อใช้งานจริงในบ้านหรือสำนักงาน โดยเน้นความสว่างสูงถึง 5,000 nits ซึ่งมากกว่าจอ HDR ทั่วไปหลายเท่า ทำให้สามารถใช้งานในพื้นที่ที่มีแสงจ้าได้โดยไม่สูญเสียคุณภาพภาพ

    ความละเอียดระดับ 4K บนจอโปร่งใสขนาดเล็กถือเป็นความท้าทายด้านวิศวกรรมอย่างมาก และ Virtual Instruments เคลมว่า The Phantom สามารถแสดงภาพ 3D และวิดีโอแบบเต็มสีได้โดยไม่ลดทอนความโปร่งใสของแผงจอ

    นอกจากนี้ยังมีการออกแบบให้รองรับการใช้งานร่วมกับระบบ AR และการนำเสนอแบบโฮโลกราฟิกในอนาคต โดยมีพอร์ตเชื่อมต่อมาตรฐาน เช่น HDMI และ USB-C พร้อมขาตั้งแบบโมดูลาร์ที่สามารถปรับระดับและหมุนได้

    สเปกของ The Phantom
    ขนาด 24 นิ้ว
    ความละเอียด 4K
    ความสว่าง HDR สูงถึง 5,000 nits
    โปร่งใสแบบเต็มแผงจอ
    รองรับการแสดงภาพ 3D และวิดีโอสีเต็มรูปแบบ

    เทคโนโลยีที่ใช้
    ไม่ใช่ OLED หรือ MicroLED
    ใช้เทคโนโลยีโปร่งใสแบบใหม่ที่ออกแบบเพื่อการใช้งานจริง
    รองรับการใช้งานในพื้นที่แสงจ้า

    การใช้งานและการเชื่อมต่อ
    รองรับ HDMI และ USB-C
    ขาตั้งแบบปรับระดับได้
    เตรียมรองรับระบบ AR และโฮโลกราฟิกในอนาคต

    กำหนดการเปิดตัว
    วางจำหน่ายในไตรมาส 4 ปี 2025
    เจาะกลุ่มผู้ใช้ทั่วไปและนักพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัย

    ข้อจำกัดของจอโปร่งใส
    อาจมีความเปรียบต่างต่ำเมื่อใช้งานในพื้นที่มืด
    การแสดงภาพสีเข้มอาจไม่ชัดเจนเท่าจอทั่วไป
    ราคาอาจสูงกว่าจอทั่วไปอย่างมาก

    ความเข้ากันได้กับซอฟต์แวร์
    ยังไม่มีการประกาศรองรับระบบ AR หรือโฮโลกราฟิกอย่างเป็นทางการ
    ต้องรอการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ใช้ประโยชน์จากความโปร่งใส

    https://www.tomshardware.com/monitors/the-phantom-claims-to-be-the-worlds-first-transparent-computer-monitor-touts-5-000-nits-of-hdr-brightness-24-inch-4k-panel-from-virtual-instruments-launches-q4
    🖥️ “The Phantom – จอคอมโปร่งใสตัวแรกของโลก! สว่างถึง 5,000 nits พร้อมเปิดตัวปลายปีนี้” Virtual Instruments เปิดตัว “The Phantom” จอคอมพิวเตอร์โปร่งใสขนาด 24 นิ้ว ความละเอียด 4K ที่เคลมว่าเป็นจอโปร่งใสตัวแรกของโลกสำหรับผู้ใช้ทั่วไป พร้อมความสว่าง HDR สูงถึง 5,000 nits เตรียมวางจำหน่ายในไตรมาส 4 ปี 2025 ลองจินตนาการว่าคุณกำลังใช้จอคอมพิวเตอร์ที่ “มองทะลุได้” เหมือนกระจก แต่ยังแสดงภาพ 4K ได้อย่างคมชัดและสว่างจ้า—นั่นคือสิ่งที่ “The Phantom” จาก Virtual Instruments กำลังจะนำเสนอในตลาดปลายปีนี้ จอขนาด 24 นิ้วนี้ใช้เทคโนโลยีโปร่งใสแบบใหม่ที่ไม่ต้องพึ่ง OLED หรือ MicroLED เหมือนจอโปร่งใสในงานโชว์ของ LG หรือ Samsung แต่เป็นการออกแบบเพื่อใช้งานจริงในบ้านหรือสำนักงาน โดยเน้นความสว่างสูงถึง 5,000 nits ซึ่งมากกว่าจอ HDR ทั่วไปหลายเท่า ทำให้สามารถใช้งานในพื้นที่ที่มีแสงจ้าได้โดยไม่สูญเสียคุณภาพภาพ ความละเอียดระดับ 4K บนจอโปร่งใสขนาดเล็กถือเป็นความท้าทายด้านวิศวกรรมอย่างมาก และ Virtual Instruments เคลมว่า The Phantom สามารถแสดงภาพ 3D และวิดีโอแบบเต็มสีได้โดยไม่ลดทอนความโปร่งใสของแผงจอ นอกจากนี้ยังมีการออกแบบให้รองรับการใช้งานร่วมกับระบบ AR และการนำเสนอแบบโฮโลกราฟิกในอนาคต โดยมีพอร์ตเชื่อมต่อมาตรฐาน เช่น HDMI และ USB-C พร้อมขาตั้งแบบโมดูลาร์ที่สามารถปรับระดับและหมุนได้ ✅ สเปกของ The Phantom ➡️ ขนาด 24 นิ้ว ➡️ ความละเอียด 4K ➡️ ความสว่าง HDR สูงถึง 5,000 nits ➡️ โปร่งใสแบบเต็มแผงจอ ➡️ รองรับการแสดงภาพ 3D และวิดีโอสีเต็มรูปแบบ ✅ เทคโนโลยีที่ใช้ ➡️ ไม่ใช่ OLED หรือ MicroLED ➡️ ใช้เทคโนโลยีโปร่งใสแบบใหม่ที่ออกแบบเพื่อการใช้งานจริง ➡️ รองรับการใช้งานในพื้นที่แสงจ้า ✅ การใช้งานและการเชื่อมต่อ ➡️ รองรับ HDMI และ USB-C ➡️ ขาตั้งแบบปรับระดับได้ ➡️ เตรียมรองรับระบบ AR และโฮโลกราฟิกในอนาคต ✅ กำหนดการเปิดตัว ➡️ วางจำหน่ายในไตรมาส 4 ปี 2025 ➡️ เจาะกลุ่มผู้ใช้ทั่วไปและนักพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัย ‼️ ข้อจำกัดของจอโปร่งใส ⛔ อาจมีความเปรียบต่างต่ำเมื่อใช้งานในพื้นที่มืด ⛔ การแสดงภาพสีเข้มอาจไม่ชัดเจนเท่าจอทั่วไป ⛔ ราคาอาจสูงกว่าจอทั่วไปอย่างมาก ‼️ ความเข้ากันได้กับซอฟต์แวร์ ⛔ ยังไม่มีการประกาศรองรับระบบ AR หรือโฮโลกราฟิกอย่างเป็นทางการ ⛔ ต้องรอการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ใช้ประโยชน์จากความโปร่งใส https://www.tomshardware.com/monitors/the-phantom-claims-to-be-the-worlds-first-transparent-computer-monitor-touts-5-000-nits-of-hdr-brightness-24-inch-4k-panel-from-virtual-instruments-launches-q4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • ครบรอบ 25 ปี DirectX 8 – จุดเปลี่ยนสำคัญของกราฟิก PC ที่เปิดทางสู่ยุค GPU อัจฉริยะ

    ในปี 2000 Microsoft เปิดตัว DirectX 8 ซึ่งเป็นเวอร์ชันแรกที่รองรับ “programmable shaders” ทำให้การเรนเดอร์ภาพ 3D มีความยืดหยุ่นและสมจริงมากขึ้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนา GPU สมัยใหม่ที่เราใช้กันในปัจจุบัน

    ย้อนกลับไปเมื่อ 25 ปีก่อน DirectX 8 ได้เปลี่ยนโลกของกราฟิกคอมพิวเตอร์อย่างสิ้นเชิง โดยการเปิดตัว “programmable shaders” ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่อนุญาตให้นักพัฒนาเกมสามารถเขียนโค้ดควบคุมการเรนเดอร์ภาพได้เอง ไม่ต้องพึ่ง pipeline แบบตายตัวอีกต่อไป

    ก่อนหน้านั้น GPU ทำงานแบบ fixed-function คือมีขั้นตอนการเรนเดอร์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เช่น การแปลงพิกัด, การจัดแสง, การแสดงผลพื้นผิว ซึ่งแม้จะเร็ว แต่ก็จำกัดความคิดสร้างสรรค์ของนักพัฒนา

    DirectX 8 เปิดตัว Vertex Shader และ Pixel Shader รุ่นแรก (Shader Model 1.0) ซึ่งแม้จะมีข้อจำกัดด้านความยาวโค้ดและฟีเจอร์ แต่ก็เป็นก้าวแรกที่สำคัญมาก โดย GPU ที่รองรับในยุคนั้น ได้แก่ NVIDIA GeForce 3 และ ATI Radeon 8500

    ผลลัพธ์คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการเกม PC เช่น เกม Morrowind, Unreal Tournament 2003 และ Doom 3 ที่ใช้ shader ในการสร้างแสงเงาและพื้นผิวที่สมจริงอย่างไม่เคยมีมาก่อน

    นอกจากนี้ DirectX 8 ยังเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนา GPU แบบ programmable อย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นสถาปัตยกรรมหลักของ GPU สมัยใหม่ที่รองรับ compute shader, ray tracing และ AI acceleration

    การเปิดตัว DirectX 8
    เปิดตัวในปี 2000
    รองรับ programmable shaders เป็นครั้งแรก
    เปลี่ยนจาก fixed-function pipeline เป็น programmable pipeline

    ฟีเจอร์ใหม่ที่สำคัญ
    Vertex Shader – ควบคุมการแปลงพิกัดและแสง
    Pixel Shader – ควบคุมการแสดงผลพื้นผิวและสี
    Shader Model 1.0 – มีข้อจำกัดแต่เป็นจุดเริ่มต้น

    GPU ที่รองรับในยุคนั้น
    NVIDIA GeForce 3
    ATI Radeon 8500
    เป็น GPU รุ่นแรกที่รองรับ programmable shaders

    ผลกระทบต่อวงการเกม
    เกมสามารถสร้างแสงเงาและพื้นผิวได้สมจริงขึ้น
    เปิดทางสู่เกม 3D ยุคใหม่ เช่น Doom 3, Morrowind
    เป็นพื้นฐานของ GPU สมัยใหม่ที่ใช้ในงาน AI และ ray tracing

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/25-years-ago-today-microsoft-released-directx-8-and-changed-pc-graphics-forever-how-programmable-shaders-laid-the-groundwork-for-the-future-of-modern-gpu-rendering
    🧠 ครบรอบ 25 ปี DirectX 8 – จุดเปลี่ยนสำคัญของกราฟิก PC ที่เปิดทางสู่ยุค GPU อัจฉริยะ ในปี 2000 Microsoft เปิดตัว DirectX 8 ซึ่งเป็นเวอร์ชันแรกที่รองรับ “programmable shaders” ทำให้การเรนเดอร์ภาพ 3D มีความยืดหยุ่นและสมจริงมากขึ้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนา GPU สมัยใหม่ที่เราใช้กันในปัจจุบัน ย้อนกลับไปเมื่อ 25 ปีก่อน DirectX 8 ได้เปลี่ยนโลกของกราฟิกคอมพิวเตอร์อย่างสิ้นเชิง โดยการเปิดตัว “programmable shaders” ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่อนุญาตให้นักพัฒนาเกมสามารถเขียนโค้ดควบคุมการเรนเดอร์ภาพได้เอง ไม่ต้องพึ่ง pipeline แบบตายตัวอีกต่อไป ก่อนหน้านั้น GPU ทำงานแบบ fixed-function คือมีขั้นตอนการเรนเดอร์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เช่น การแปลงพิกัด, การจัดแสง, การแสดงผลพื้นผิว ซึ่งแม้จะเร็ว แต่ก็จำกัดความคิดสร้างสรรค์ของนักพัฒนา DirectX 8 เปิดตัว Vertex Shader และ Pixel Shader รุ่นแรก (Shader Model 1.0) ซึ่งแม้จะมีข้อจำกัดด้านความยาวโค้ดและฟีเจอร์ แต่ก็เป็นก้าวแรกที่สำคัญมาก โดย GPU ที่รองรับในยุคนั้น ได้แก่ NVIDIA GeForce 3 และ ATI Radeon 8500 ผลลัพธ์คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการเกม PC เช่น เกม Morrowind, Unreal Tournament 2003 และ Doom 3 ที่ใช้ shader ในการสร้างแสงเงาและพื้นผิวที่สมจริงอย่างไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนี้ DirectX 8 ยังเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนา GPU แบบ programmable อย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นสถาปัตยกรรมหลักของ GPU สมัยใหม่ที่รองรับ compute shader, ray tracing และ AI acceleration ✅ การเปิดตัว DirectX 8 ➡️ เปิดตัวในปี 2000 ➡️ รองรับ programmable shaders เป็นครั้งแรก ➡️ เปลี่ยนจาก fixed-function pipeline เป็น programmable pipeline ✅ ฟีเจอร์ใหม่ที่สำคัญ ➡️ Vertex Shader – ควบคุมการแปลงพิกัดและแสง ➡️ Pixel Shader – ควบคุมการแสดงผลพื้นผิวและสี ➡️ Shader Model 1.0 – มีข้อจำกัดแต่เป็นจุดเริ่มต้น ✅ GPU ที่รองรับในยุคนั้น ➡️ NVIDIA GeForce 3 ➡️ ATI Radeon 8500 ➡️ เป็น GPU รุ่นแรกที่รองรับ programmable shaders ✅ ผลกระทบต่อวงการเกม ➡️ เกมสามารถสร้างแสงเงาและพื้นผิวได้สมจริงขึ้น ➡️ เปิดทางสู่เกม 3D ยุคใหม่ เช่น Doom 3, Morrowind ➡️ เป็นพื้นฐานของ GPU สมัยใหม่ที่ใช้ในงาน AI และ ray tracing https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/25-years-ago-today-microsoft-released-directx-8-and-changed-pc-graphics-forever-how-programmable-shaders-laid-the-groundwork-for-the-future-of-modern-gpu-rendering
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • “GameTank – คอนโซล 8-bit สายพันธุ์ใหม่ ใช้ชิป 6502 คู่ ไม่พึ่ง FPGA พร้อมปลุกยุคเกมคลาสสิกในปี 2025”

    GameTank คือคอนโซลเกม 8-bit แบบโอเพ่นซอร์สที่กำลังจะเปิดตัวในปี 2025 โดยใช้ชิป 6502 สองตัวแทน FPGA หรือไมโครคอนโทรลเลอร์ พร้อมสถาปัตยกรรมใหม่หมดจดเพื่อสร้างเกมยุคใหม่ในสไตล์คลาสสิก

    ในยุคที่คอนโซลเกมเต็มไปด้วยกราฟิกระดับ 4K และระบบประมวลผลหลายคอร์ มีโปรเจกต์หนึ่งที่สวนกระแสอย่างน่าทึ่ง—GameTank จาก Clydeware ที่เลือกใช้ชิป 6502 แบบดั้งเดิมสองตัวเพื่อสร้างคอนโซล 8-bit ใหม่หมดจด โดยไม่พึ่ง FPGA หรือไมโครคอนโทรลเลอร์เลยแม้แต่นิดเดียว

    GameTank ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเล่นเกมเก่า แต่เพื่อสร้าง “ยุคใหม่ของเกม 8-bit” ด้วยสถาปัตยกรรมที่เน้นความเรียบง่ายแต่ทรงพลัง เช่น framebuffer ขนาด 128x128 พิกเซล พร้อม RAM กราฟิก 512KB ที่มากกว่าคอนโซลยุคเดียวกันหลายเท่า

    ชิป W65C02S ตัวแรกทำหน้าที่เป็น CPU ความเร็ว 3.5 MHz ส่วนอีกตัวทำหน้าที่ประมวลผลเสียงที่ 14 MHz พร้อม RAM 4KB และอัตราสุ่มเสียง 14 kHz นอกจากนี้ยังมี Blitter สำหรับเร่งการคัดลอกภาพ ทำให้การเคลื่อนไหวบนจอภาพลื่นไหลกว่าคอนโซล 8-bit ยุคก่อน

    คอนโซลนี้ใช้คาร์ทริดจ์แบบใหม่ที่มี USB-C สำหรับแฟลช ROM และมีพอร์ตขยายด้านหลังสำหรับ GPIO และสัญญาณระบบอื่น ๆ นักพัฒนาสามารถใช้ SDK ที่รองรับ CC65 หรือเครื่องมือใดก็ได้ที่สามารถสร้าง assembly สำหรับ 6502

    สถาปัตยกรรมของ GameTank
    ใช้ชิป W65C02S สองตัว—CPU และ Audio
    CPU ความเร็ว 3.5 MHz / Audio 14 MHz
    Framebuffer 128x128 พิกเซล
    RAM กราฟิก 512KB / RAM ระบบ 32KB
    มี Blitter สำหรับเร่งการคัดลอกภาพ
    วิดีโอออกทาง NTSC composite RCA

    การออกแบบเพื่อเกมใหม่
    ไม่รองรับเกมจาก NES หรือ Apple II
    สร้างระบบใหม่เพื่อเกม 8-bit ยุคใหม่
    ใช้คาร์ทริดจ์แบบ custom พร้อม USB-C
    มีพอร์ตขยาย GPIO สำหรับนักพัฒนา

    เครื่องมือสำหรับนักพัฒนา
    รองรับ SDK ที่ใช้ CC65
    รองรับ toolchain ที่สร้าง assembly สำหรับ 6502
    มี emulator บน GitHub สำหรับทดสอบเกม

    ความท้าทายในการพัฒนาเกม
    ต้องเขียน assembly หรือใช้ compiler เฉพาะ
    ไม่สามารถนำเกมเก่ามาเล่นได้โดยตรง
    ต้องเข้าใจสถาปัตยกรรมใหม่ของ GameTank

    ข้อจำกัดของระบบ
    ความละเอียดจอภาพต่ำเมื่อเทียบกับยุคปัจจุบัน
    ไม่มีระบบเชื่อมต่อ HDMI หรือไร้สาย
    ใช้คอนโทรลเลอร์แบบสายเท่านั้น

    https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/clean-sheet-open-source-8-bit-console-surprisingly-preparing-for-launch-in-2025-the-gametank-uses-twin-6502-processors-instead-of-fpgas-or-microcontrollers
    🕹️ “GameTank – คอนโซล 8-bit สายพันธุ์ใหม่ ใช้ชิป 6502 คู่ ไม่พึ่ง FPGA พร้อมปลุกยุคเกมคลาสสิกในปี 2025” GameTank คือคอนโซลเกม 8-bit แบบโอเพ่นซอร์สที่กำลังจะเปิดตัวในปี 2025 โดยใช้ชิป 6502 สองตัวแทน FPGA หรือไมโครคอนโทรลเลอร์ พร้อมสถาปัตยกรรมใหม่หมดจดเพื่อสร้างเกมยุคใหม่ในสไตล์คลาสสิก ในยุคที่คอนโซลเกมเต็มไปด้วยกราฟิกระดับ 4K และระบบประมวลผลหลายคอร์ มีโปรเจกต์หนึ่งที่สวนกระแสอย่างน่าทึ่ง—GameTank จาก Clydeware ที่เลือกใช้ชิป 6502 แบบดั้งเดิมสองตัวเพื่อสร้างคอนโซล 8-bit ใหม่หมดจด โดยไม่พึ่ง FPGA หรือไมโครคอนโทรลเลอร์เลยแม้แต่นิดเดียว GameTank ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเล่นเกมเก่า แต่เพื่อสร้าง “ยุคใหม่ของเกม 8-bit” ด้วยสถาปัตยกรรมที่เน้นความเรียบง่ายแต่ทรงพลัง เช่น framebuffer ขนาด 128x128 พิกเซล พร้อม RAM กราฟิก 512KB ที่มากกว่าคอนโซลยุคเดียวกันหลายเท่า ชิป W65C02S ตัวแรกทำหน้าที่เป็น CPU ความเร็ว 3.5 MHz ส่วนอีกตัวทำหน้าที่ประมวลผลเสียงที่ 14 MHz พร้อม RAM 4KB และอัตราสุ่มเสียง 14 kHz นอกจากนี้ยังมี Blitter สำหรับเร่งการคัดลอกภาพ ทำให้การเคลื่อนไหวบนจอภาพลื่นไหลกว่าคอนโซล 8-bit ยุคก่อน คอนโซลนี้ใช้คาร์ทริดจ์แบบใหม่ที่มี USB-C สำหรับแฟลช ROM และมีพอร์ตขยายด้านหลังสำหรับ GPIO และสัญญาณระบบอื่น ๆ นักพัฒนาสามารถใช้ SDK ที่รองรับ CC65 หรือเครื่องมือใดก็ได้ที่สามารถสร้าง assembly สำหรับ 6502 ✅ สถาปัตยกรรมของ GameTank ➡️ ใช้ชิป W65C02S สองตัว—CPU และ Audio ➡️ CPU ความเร็ว 3.5 MHz / Audio 14 MHz ➡️ Framebuffer 128x128 พิกเซล ➡️ RAM กราฟิก 512KB / RAM ระบบ 32KB ➡️ มี Blitter สำหรับเร่งการคัดลอกภาพ ➡️ วิดีโอออกทาง NTSC composite RCA ✅ การออกแบบเพื่อเกมใหม่ ➡️ ไม่รองรับเกมจาก NES หรือ Apple II ➡️ สร้างระบบใหม่เพื่อเกม 8-bit ยุคใหม่ ➡️ ใช้คาร์ทริดจ์แบบ custom พร้อม USB-C ➡️ มีพอร์ตขยาย GPIO สำหรับนักพัฒนา ✅ เครื่องมือสำหรับนักพัฒนา ➡️ รองรับ SDK ที่ใช้ CC65 ➡️ รองรับ toolchain ที่สร้าง assembly สำหรับ 6502 ➡️ มี emulator บน GitHub สำหรับทดสอบเกม ‼️ ความท้าทายในการพัฒนาเกม ⛔ ต้องเขียน assembly หรือใช้ compiler เฉพาะ ⛔ ไม่สามารถนำเกมเก่ามาเล่นได้โดยตรง ⛔ ต้องเข้าใจสถาปัตยกรรมใหม่ของ GameTank ‼️ ข้อจำกัดของระบบ ⛔ ความละเอียดจอภาพต่ำเมื่อเทียบกับยุคปัจจุบัน ⛔ ไม่มีระบบเชื่อมต่อ HDMI หรือไร้สาย ⛔ ใช้คอนโทรลเลอร์แบบสายเท่านั้น https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/clean-sheet-open-source-8-bit-console-surprisingly-preparing-for-launch-in-2025-the-gametank-uses-twin-6502-processors-instead-of-fpgas-or-microcontrollers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • “TinyGPU v2.0 – GPU ขนาดจิ๋วที่สุดในโลก พร้อมผลิตจริงแล้ว! เรนเดอร์ภาพ 3D ได้แบบเรียลไทม์”

    TinyGPU v2.0 คือชิปกราฟิกขนาดเล็กที่สุดในโลกที่กำลังเข้าสู่สายการผลิตจริง โดยมีเพียง 200,000 ทรานซิสเตอร์ แต่สามารถเรนเดอร์ภาพ 3D ที่ควบคุมด้วยจอยเกมได้แบบเรียลไทม์ถึง 1,000 รูปสามเหลี่ยมต่อเฟรม!

    TinyGPU v2.0 เป็นโปรเจกต์สุดล้ำจากนักพัฒนาชื่อ James Stanley ที่ออกแบบ GPU ขนาดเล็กที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยใช้เพียง 200,000 ทรานซิสเตอร์ ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับ GPU สมัยใหม่ที่มีหลายพันล้านทรานซิสเตอร์

    แม้จะมีขนาดเล็ก แต่ TinyGPU v2.0 สามารถเรนเดอร์ภาพ 3D แบบเรียลไทม์ได้ถึง 1,000 รูปสามเหลี่ยมต่อเฟรม และรองรับการควบคุมผ่านจอยเกม ทำให้สามารถแสดงภาพเคลื่อนไหวแบบโต้ตอบได้อย่างน่าทึ่ง

    ชิปนี้ถูกออกแบบให้ทำงานแบบ “bare metal” โดยไม่ต้องใช้ระบบปฏิบัติการหรือไดรเวอร์ใด ๆ และสามารถเชื่อมต่อกับจอภาพผ่าน VGA ได้โดยตรง ซึ่งเหมาะกับการเรียนรู้พื้นฐานของกราฟิกคอมพิวเตอร์และการออกแบบฮาร์ดแวร์

    TinyGPU v2.0 ยังสามารถประมวลผลภาพแบบ perspective-correct texture mapping และ shading ได้ในระดับพื้นฐาน ถือเป็นก้าวสำคัญของการออกแบบ GPU แบบ open-source ที่เน้นความเรียบง่ายและการศึกษา

    TinyGPU v2.0 คืออะไร
    GPU ขนาดเล็กที่สุดในโลก
    มีเพียง 200,000 ทรานซิสเตอร์
    เรนเดอร์ภาพ 3D ได้ถึง 1,000 รูปสามเหลี่ยมต่อเฟรม
    รองรับการควบคุมผ่านจอยเกม

    ความสามารถของชิป
    ทำงานแบบ bare metal โดยไม่ต้องใช้ OS
    เชื่อมต่อกับจอภาพผ่าน VGA โดยตรง
    รองรับ texture mapping และ shading แบบพื้นฐาน
    ใช้สำหรับการศึกษาและทดลองออกแบบฮาร์ดแวร์

    การเข้าสู่สายการผลิต
    เตรียมผลิตจริงในเร็ว ๆ นี้
    เปิดโอกาสให้นักพัฒนาและนักเรียนเข้าถึง GPU แบบ open-source
    มีเอกสารและโค้ดให้ศึกษาบน GitHub

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/the-worlds-tiniest-gpu-heads-to-production-200-000-200-000-transistor-tinygpu-v2-0-can-render-gamepad-manipulated-3d-images-with-up-to-1k-triangles-in-real-time
    🧠 “TinyGPU v2.0 – GPU ขนาดจิ๋วที่สุดในโลก พร้อมผลิตจริงแล้ว! เรนเดอร์ภาพ 3D ได้แบบเรียลไทม์” TinyGPU v2.0 คือชิปกราฟิกขนาดเล็กที่สุดในโลกที่กำลังเข้าสู่สายการผลิตจริง โดยมีเพียง 200,000 ทรานซิสเตอร์ แต่สามารถเรนเดอร์ภาพ 3D ที่ควบคุมด้วยจอยเกมได้แบบเรียลไทม์ถึง 1,000 รูปสามเหลี่ยมต่อเฟรม! TinyGPU v2.0 เป็นโปรเจกต์สุดล้ำจากนักพัฒนาชื่อ James Stanley ที่ออกแบบ GPU ขนาดเล็กที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยใช้เพียง 200,000 ทรานซิสเตอร์ ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับ GPU สมัยใหม่ที่มีหลายพันล้านทรานซิสเตอร์ แม้จะมีขนาดเล็ก แต่ TinyGPU v2.0 สามารถเรนเดอร์ภาพ 3D แบบเรียลไทม์ได้ถึง 1,000 รูปสามเหลี่ยมต่อเฟรม และรองรับการควบคุมผ่านจอยเกม ทำให้สามารถแสดงภาพเคลื่อนไหวแบบโต้ตอบได้อย่างน่าทึ่ง ชิปนี้ถูกออกแบบให้ทำงานแบบ “bare metal” โดยไม่ต้องใช้ระบบปฏิบัติการหรือไดรเวอร์ใด ๆ และสามารถเชื่อมต่อกับจอภาพผ่าน VGA ได้โดยตรง ซึ่งเหมาะกับการเรียนรู้พื้นฐานของกราฟิกคอมพิวเตอร์และการออกแบบฮาร์ดแวร์ TinyGPU v2.0 ยังสามารถประมวลผลภาพแบบ perspective-correct texture mapping และ shading ได้ในระดับพื้นฐาน ถือเป็นก้าวสำคัญของการออกแบบ GPU แบบ open-source ที่เน้นความเรียบง่ายและการศึกษา ✅ TinyGPU v2.0 คืออะไร ➡️ GPU ขนาดเล็กที่สุดในโลก ➡️ มีเพียง 200,000 ทรานซิสเตอร์ ➡️ เรนเดอร์ภาพ 3D ได้ถึง 1,000 รูปสามเหลี่ยมต่อเฟรม ➡️ รองรับการควบคุมผ่านจอยเกม ✅ ความสามารถของชิป ➡️ ทำงานแบบ bare metal โดยไม่ต้องใช้ OS ➡️ เชื่อมต่อกับจอภาพผ่าน VGA โดยตรง ➡️ รองรับ texture mapping และ shading แบบพื้นฐาน ➡️ ใช้สำหรับการศึกษาและทดลองออกแบบฮาร์ดแวร์ ✅ การเข้าสู่สายการผลิต ➡️ เตรียมผลิตจริงในเร็ว ๆ นี้ ➡️ เปิดโอกาสให้นักพัฒนาและนักเรียนเข้าถึง GPU แบบ open-source ➡️ มีเอกสารและโค้ดให้ศึกษาบน GitHub https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/the-worlds-tiniest-gpu-heads-to-production-200-000-200-000-transistor-tinygpu-v2-0-can-render-gamepad-manipulated-3d-images-with-up-to-1k-triangles-in-real-time
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    The world's ‘tiniest GPU’ heads to production — 200,000-transistor TinyGPU v2.0 can render gamepad-manipulated 3D images with up to 1K triangles in real-time
    This standalone 25 MHz GPU outputs at 320 x 240 pixels with 4-bit color, performing 3D rasterization, transformations, and lighting.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Compaq Portable จุดเริ่มต้นของยุค PC Clone ที่เปลี่ยนโลกคอมพิวเตอร์”

    ลองจินตนาการย้อนกลับไปในปี 1982… โลกคอมพิวเตอร์ยังถูกครอบครองโดย IBM อย่างเบ็ดเสร็จ แต่แล้วบริษัทหน้าใหม่ชื่อ Compaq ก็เปิดตัว “Compaq Portable” คอมพิวเตอร์พกพาเครื่องแรกที่สามารถใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ของ IBM ได้แบบ 100% โดยไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ใด ๆ ทั้งสิ้น!

    เครื่องนี้หนักถึง 28 ปอนด์ (ประมาณ 12.7 กิโลกรัม) แต่ถือว่า “พกพาได้” ในยุคนั้น เพราะมันรวมทุกอย่างไว้ในกล่องเดียว—จอภาพ, คีย์บอร์ด, ดิสก์ไดรฟ์ และพอร์ตเชื่อมต่อ พร้อมระบบปฏิบัติการ Compaq DOS ที่เป็นเวอร์ชันพิเศษของ MS-DOS

    สิ่งที่ทำให้ Compaq โดดเด่นคือการ “reverse-engineer” BIOS ของ IBM โดยไม่ใช้โค้ดต้นฉบับเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งถือเป็นการหลบหลีกข้อกฎหมายอย่างชาญฉลาด และกลายเป็นต้นแบบให้บริษัทอื่น ๆ ทำตาม จนเกิดยุค “PC Clone” ที่ทำให้คอมพิวเตอร์ราคาถูกและหลากหลายแพร่หลายไปทั่วโลก

    ในปีแรก Compaq ขายได้ถึง 53,000 เครื่อง สร้างรายได้กว่า 111 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ของธุรกิจอเมริกันในขณะนั้น และ IBM เองก็ต้องออกเครื่องพกพาของตัวเองในปีถัดมาเพื่อแข่งขัน

    นอกจากนั้น Compaq ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดวัฒนธรรม DIY คอมพิวเตอร์ที่ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ ก่อนที่ HP จะเข้าซื้อกิจการในปี 2002 และยุติแบรนด์ Compaq ในปี 2013

    จุดเริ่มต้นของ Compaq Portable
    เปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 1982
    เป็น IBM PC Clone เครื่องแรกที่ถูกกฎหมาย
    ใช้ Intel 8088 ความเร็ว 4.77 MHz
    RAM เริ่มต้น 128KB ขยายได้ถึง 640KB
    จอภาพขนาด 9 นิ้วแบบเขียวขาว
    รองรับกราฟิก CGA และแสดงผล 80x25 ตัวอักษร
    ใช้ Compaq DOS ซึ่งเป็น MS-DOS เวอร์ชันพิเศษ
    ราคาเปิดตัว $2,995 (~$9,500 ปัจจุบัน)

    กลยุทธ์ reverse-engineering BIOS
    ไม่ใช้โค้ด IBM เลย
    หลีกเลี่ยงการละเมิดลิขสิทธิ์
    ทำให้สามารถโฆษณาว่า “100% compatible” ได้

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    ขายได้ 53,000 เครื่องในปีแรก
    สร้างรายได้ $111 ล้าน
    จุดประกายยุค PC Clone
    IBM ต้องออกเครื่องพกพาแข่งในปี 1984

    ความเปลี่ยนแปลงในระยะยาว
    Compaq ถูก HP ซื้อกิจการในปี 2002
    แบรนด์ Compaq ถูกยุติในปี 2013
    เป็นจุดเริ่มต้นของวัฒนธรรม DIY คอมพิวเตอร์

    คำเตือนด้านเทคโนโลยีในยุคนั้น
    น้ำหนักเครื่องถึง 28 ปอนด์—ไม่เหมาะกับการพกพาจริง
    หน่วยความจำและกราฟิกจำกัดมากเมื่อเทียบกับปัจจุบัน
    การ reverse-engineering BIOS แม้ถูกกฎหมาย แต่ต้องใช้ความระมัดระวังสูง
    การแข่งขันกับ IBM ทำให้ตลาดเกิดความผันผวนในช่วงแรก

    https://www.tomshardware.com/desktops/pc-building/this-week-in-1982-compaq-announced-the-first-true-ibm-pc-clone-it-was-a-portable-too-as-long-as-you-were-comfortable-lugging-28-pounds
    🖥️ “Compaq Portable จุดเริ่มต้นของยุค PC Clone ที่เปลี่ยนโลกคอมพิวเตอร์” ลองจินตนาการย้อนกลับไปในปี 1982… โลกคอมพิวเตอร์ยังถูกครอบครองโดย IBM อย่างเบ็ดเสร็จ แต่แล้วบริษัทหน้าใหม่ชื่อ Compaq ก็เปิดตัว “Compaq Portable” คอมพิวเตอร์พกพาเครื่องแรกที่สามารถใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ของ IBM ได้แบบ 100% โดยไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ใด ๆ ทั้งสิ้น! เครื่องนี้หนักถึง 28 ปอนด์ (ประมาณ 12.7 กิโลกรัม) แต่ถือว่า “พกพาได้” ในยุคนั้น เพราะมันรวมทุกอย่างไว้ในกล่องเดียว—จอภาพ, คีย์บอร์ด, ดิสก์ไดรฟ์ และพอร์ตเชื่อมต่อ พร้อมระบบปฏิบัติการ Compaq DOS ที่เป็นเวอร์ชันพิเศษของ MS-DOS สิ่งที่ทำให้ Compaq โดดเด่นคือการ “reverse-engineer” BIOS ของ IBM โดยไม่ใช้โค้ดต้นฉบับเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งถือเป็นการหลบหลีกข้อกฎหมายอย่างชาญฉลาด และกลายเป็นต้นแบบให้บริษัทอื่น ๆ ทำตาม จนเกิดยุค “PC Clone” ที่ทำให้คอมพิวเตอร์ราคาถูกและหลากหลายแพร่หลายไปทั่วโลก 📈 ในปีแรก Compaq ขายได้ถึง 53,000 เครื่อง สร้างรายได้กว่า 111 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ของธุรกิจอเมริกันในขณะนั้น และ IBM เองก็ต้องออกเครื่องพกพาของตัวเองในปีถัดมาเพื่อแข่งขัน นอกจากนั้น Compaq ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดวัฒนธรรม DIY คอมพิวเตอร์ที่ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ ก่อนที่ HP จะเข้าซื้อกิจการในปี 2002 และยุติแบรนด์ Compaq ในปี 2013 ✅ จุดเริ่มต้นของ Compaq Portable ➡️ เปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 1982 ➡️ เป็น IBM PC Clone เครื่องแรกที่ถูกกฎหมาย ➡️ ใช้ Intel 8088 ความเร็ว 4.77 MHz ➡️ RAM เริ่มต้น 128KB ขยายได้ถึง 640KB ➡️ จอภาพขนาด 9 นิ้วแบบเขียวขาว ➡️ รองรับกราฟิก CGA และแสดงผล 80x25 ตัวอักษร ➡️ ใช้ Compaq DOS ซึ่งเป็น MS-DOS เวอร์ชันพิเศษ ➡️ ราคาเปิดตัว $2,995 (~$9,500 ปัจจุบัน) ✅ กลยุทธ์ reverse-engineering BIOS ➡️ ไม่ใช้โค้ด IBM เลย ➡️ หลีกเลี่ยงการละเมิดลิขสิทธิ์ ➡️ ทำให้สามารถโฆษณาว่า “100% compatible” ได้ ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ➡️ ขายได้ 53,000 เครื่องในปีแรก ➡️ สร้างรายได้ $111 ล้าน ➡️ จุดประกายยุค PC Clone ➡️ IBM ต้องออกเครื่องพกพาแข่งในปี 1984 ✅ ความเปลี่ยนแปลงในระยะยาว ➡️ Compaq ถูก HP ซื้อกิจการในปี 2002 ➡️ แบรนด์ Compaq ถูกยุติในปี 2013 ➡️ เป็นจุดเริ่มต้นของวัฒนธรรม DIY คอมพิวเตอร์ ‼️ คำเตือนด้านเทคโนโลยีในยุคนั้น ⛔ น้ำหนักเครื่องถึง 28 ปอนด์—ไม่เหมาะกับการพกพาจริง ⛔ หน่วยความจำและกราฟิกจำกัดมากเมื่อเทียบกับปัจจุบัน ⛔ การ reverse-engineering BIOS แม้ถูกกฎหมาย แต่ต้องใช้ความระมัดระวังสูง ⛔ การแข่งขันกับ IBM ทำให้ตลาดเกิดความผันผวนในช่วงแรก https://www.tomshardware.com/desktops/pc-building/this-week-in-1982-compaq-announced-the-first-true-ibm-pc-clone-it-was-a-portable-too-as-long-as-you-were-comfortable-lugging-28-pounds
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เมื่อกราฟิกการ์ดกลายร่างเป็นสเก็ตบอร์ด – ความบ้าระห่ำของเกมเมอร์สายโมดิฟาย”

    ลองจินตนาการว่าคุณเดินเล่นอยู่ริมถนน แล้วเห็นใครบางคนกำลังเล่นสเก็ตบอร์ดที่หน้าตาเหมือนกราฟิกการ์ดราคาแพงสุดโหด… ใช่แล้ว! นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้ Reddit นามว่า “u/ashleysaidwhat” ได้โพสต์ภาพของเขาเล่นสเก็ตบอร์ดที่ทำจากกราฟิกการ์ดรุ่น ROG Astral RTX 5080 ซึ่งมีราคาสูงถึง $1,700 หรือราวๆ 60,000 บาท!

    แต่เดี๋ยวก่อน… นี่ไม่ใช่การเอาการ์ดที่ยังใช้งานได้มาทำของเล่นนะ เพราะจากภาพที่เห็น Cooler ของการ์ดนั้นโปร่งจนมองทะลุได้ แปลว่าไม่มีแผงวงจร (PCB) อยู่ข้างใน อาจเป็นการ์ดที่เสียแล้ว หรือเป็นของปลอมที่ไม่มีชิปตั้งแต่แรกก็ได้

    แม้จะไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าเขาทำไปเพื่ออะไร แต่การเปลี่ยนของแพงให้กลายเป็นของเล่นสุดเท่ก็สะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์และความกล้าหาญของชาวเกมเมอร์สายโมดิฟาย ที่ไม่ยึดติดกับการใช้งานแบบเดิมๆ

    นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่น่าสนใจจากวงการฮาร์ดแวร์ที่เกี่ยวข้อง เช่น การ์ดปลอมที่ขายในตลาดมือสอง, การซ่อมแซมการ์ดด้วยเทคนิค BGA หรือแม้แต่การดัดแปลงการ์ดให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นด้วยการ “ชุนต์โมดิฟาย” ซึ่งเป็นเทคนิคที่เสี่ยงแต่ได้ผลจริงในบางกรณี

    การ์ด ROG Astral RTX 5080 ถูกดัดแปลงเป็นสเก็ตบอร์ด
    ผู้ใช้ Reddit ชื่อ “u/ashleysaidwhat” เป็นผู้โพสต์ภาพ
    การ์ดไม่มี PCB อาจเป็นของเสียหรือของปลอม
    ราคาการ์ดอยู่ที่ประมาณ $1,700 ถือว่าแพงมาก
    การใช้งานเป็นสเก็ตบอร์ดดูเหมือนจะได้ผลจริง

    ความคิดสร้างสรรค์ของเกมเมอร์สายโมดิฟาย
    เปลี่ยนของไอทีให้กลายเป็นของใช้หรือของเล่น
    สะท้อนวัฒนธรรม DIY และความกล้าทดลอง

    สาระเพิ่มเติมจากวงการฮาร์ดแวร์
    มีการ์ดปลอมที่ขายในตลาดมือสองโดยไม่มีชิป
    เทคนิค BGA ใช้ซ่อมแซมการ์ดที่เสีย
    “ชุนต์โมดิฟาย” เพิ่มแรงดันไฟฟ้าให้การ์ดแรงขึ้น

    คำเตือนเกี่ยวกับการซื้อการ์ดมือสอง
    อาจเจอของปลอมที่ไม่มีชิปหรือหน่วยความจำ
    ควรตรวจสอบให้ละเอียดก่อนซื้อ

    ความเสี่ยงจากการโมดิฟายฮาร์ดแวร์
    อาจทำให้การ์ดเสียหายถาวร
    การเปลี่ยนแรงดันไฟฟ้าอาจทำให้ระบบพัง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/radical-gamer-repurposes-usd1-700-rog-atral-rtx-5080-into-a-diy-skateboard-rides-graphics-card-down-the-street-while-walking-dog
    🛹 “เมื่อกราฟิกการ์ดกลายร่างเป็นสเก็ตบอร์ด – ความบ้าระห่ำของเกมเมอร์สายโมดิฟาย” ลองจินตนาการว่าคุณเดินเล่นอยู่ริมถนน แล้วเห็นใครบางคนกำลังเล่นสเก็ตบอร์ดที่หน้าตาเหมือนกราฟิกการ์ดราคาแพงสุดโหด… ใช่แล้ว! นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้ Reddit นามว่า “u/ashleysaidwhat” ได้โพสต์ภาพของเขาเล่นสเก็ตบอร์ดที่ทำจากกราฟิกการ์ดรุ่น ROG Astral RTX 5080 ซึ่งมีราคาสูงถึง $1,700 หรือราวๆ 60,000 บาท! แต่เดี๋ยวก่อน… นี่ไม่ใช่การเอาการ์ดที่ยังใช้งานได้มาทำของเล่นนะ เพราะจากภาพที่เห็น Cooler ของการ์ดนั้นโปร่งจนมองทะลุได้ แปลว่าไม่มีแผงวงจร (PCB) อยู่ข้างใน อาจเป็นการ์ดที่เสียแล้ว หรือเป็นของปลอมที่ไม่มีชิปตั้งแต่แรกก็ได้ แม้จะไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าเขาทำไปเพื่ออะไร แต่การเปลี่ยนของแพงให้กลายเป็นของเล่นสุดเท่ก็สะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์และความกล้าหาญของชาวเกมเมอร์สายโมดิฟาย ที่ไม่ยึดติดกับการใช้งานแบบเดิมๆ นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่น่าสนใจจากวงการฮาร์ดแวร์ที่เกี่ยวข้อง เช่น การ์ดปลอมที่ขายในตลาดมือสอง, การซ่อมแซมการ์ดด้วยเทคนิค BGA หรือแม้แต่การดัดแปลงการ์ดให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นด้วยการ “ชุนต์โมดิฟาย” ซึ่งเป็นเทคนิคที่เสี่ยงแต่ได้ผลจริงในบางกรณี ✅ การ์ด ROG Astral RTX 5080 ถูกดัดแปลงเป็นสเก็ตบอร์ด ➡️ ผู้ใช้ Reddit ชื่อ “u/ashleysaidwhat” เป็นผู้โพสต์ภาพ ➡️ การ์ดไม่มี PCB อาจเป็นของเสียหรือของปลอม ➡️ ราคาการ์ดอยู่ที่ประมาณ $1,700 ถือว่าแพงมาก ➡️ การใช้งานเป็นสเก็ตบอร์ดดูเหมือนจะได้ผลจริง ✅ ความคิดสร้างสรรค์ของเกมเมอร์สายโมดิฟาย ➡️ เปลี่ยนของไอทีให้กลายเป็นของใช้หรือของเล่น ➡️ สะท้อนวัฒนธรรม DIY และความกล้าทดลอง ✅ สาระเพิ่มเติมจากวงการฮาร์ดแวร์ ➡️ มีการ์ดปลอมที่ขายในตลาดมือสองโดยไม่มีชิป ➡️ เทคนิค BGA ใช้ซ่อมแซมการ์ดที่เสีย ➡️ “ชุนต์โมดิฟาย” เพิ่มแรงดันไฟฟ้าให้การ์ดแรงขึ้น ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการซื้อการ์ดมือสอง ⛔ อาจเจอของปลอมที่ไม่มีชิปหรือหน่วยความจำ ⛔ ควรตรวจสอบให้ละเอียดก่อนซื้อ ‼️ ความเสี่ยงจากการโมดิฟายฮาร์ดแวร์ ⛔ อาจทำให้การ์ดเสียหายถาวร ⛔ การเปลี่ยนแรงดันไฟฟ้าอาจทำให้ระบบพัง https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/radical-gamer-repurposes-usd1-700-rog-atral-rtx-5080-into-a-diy-skateboard-rides-graphics-card-down-the-street-while-walking-dog
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ซื้อคอมใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย – 5 ปัจจัยที่ต้องคิดก่อนจ่ายเงิน”

    ลองจินตนาการว่าคุณกำลังจะซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ ไม่ว่าจะเพื่อเรียน ทำงาน หรือเล่นเกม คุณเปิดเว็บดูสเปกแล้วพบว่ามีตัวเลือกมากมายจนตาลาย ทั้งโน้ตบุ๊ก เดสก์ท็อป Chromebook หรือแม้แต่ MacBook

    คุณเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ฉันจะใช้มันทำอะไร?” นั่นคือคำถามแรกที่สำคัญที่สุด เพราะถ้าคุณแค่ใช้พิมพ์งาน ดู Netflix หรือเช็กอีเมล คุณอาจไม่ต้องซื้อเครื่องแพงเลย แต่ถ้าคุณทำงานด้านกราฟิก เล่นเกมหนัก หรือทำวิดีโอ คุณต้องมองหาการ์ดจอแยก RAM เยอะ และ CPU แรง

    จากนั้นคุณต้องถามว่า “จะใช้ที่ไหน?” ถ้าคุณเป็นนักศึกษา โน้ตบุ๊กอาจเหมาะกว่าเพราะพกพาง่าย แต่ถ้าคุณทำงานอยู่บ้าน เดสก์ท็อปอาจคุ้มค่ากว่า

    งบประมาณก็เป็นอีกเรื่องใหญ่ คุณอาจอยากได้ทุกอย่าง แต่ต้องเลือกสิ่งที่จำเป็นจริงๆ เช่น จอภาพสีตรงอาจสำคัญกว่าคีย์บอร์ดไฟ RGB

    สุดท้าย อย่าลืมดูว่าสเปกที่คุณเลือกจะไม่ล้าสมัยเร็วเกินไป และสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่คุณมีอยู่แล้ว เช่น กล้องเก่า หรือฮาร์ดดิสก์ภายนอก

    ตั้งเป้าหมายการใช้งานให้ชัดเจน
    ใช้ทำงานทั่วไปหรือเฉพาะทาง เช่น เกม กราฟิก วิดีโอ
    เลือกสเปกตามซอฟต์แวร์ที่ต้องใช้ เช่น MacBook อาจไม่รองรับบางโปรแกรม

    เลือกประเภทเครื่องให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์
    โน้ตบุ๊กพกพาสะดวก แต่แพงและร้อนง่าย
    เดสก์ท็อปแรงกว่า ราคาคุ้มกว่า แต่ไม่เคลื่อนย้ายได้

    วางงบประมาณอย่างมีเหตุผล
    แยกสิ่งที่ “จำเป็น” กับ “อยากได้”
    เลือกสเปกที่ตอบโจทย์มากกว่าความหรูหรา

    ตรวจสอบสเปกให้ไม่ล้าสมัย
    อย่าซื้อรุ่นพื้นฐานที่อัปเกรดไม่ได้ เช่น MacBook Air รุ่น RAM 8GB
    ลงทุนกับ RAM และพื้นที่เก็บข้อมูลให้เพียงพอในระยะยาว

    ตรวจสอบความเข้ากันได้กับอุปกรณ์เดิม
    อุปกรณ์เก่าอาจใช้พอร์ตที่ไม่มีในเครื่องใหม่
    อาจต้องซื้ออะแดปเตอร์หรือ USB hub เพิ่มเติม

    อย่าซื้อเพราะโปรโมชั่นหรือคำแนะนำที่ไม่ตรงกับความต้องการ
    อาจได้เครื่องที่ไม่เหมาะกับงานของคุณ
    เสียเงินเพิ่มภายหลังเพื่ออัปเกรดหรือซื้อใหม่

    อย่ามองข้ามการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริม
    พอร์ตไม่พออาจทำให้ใช้งานลำบาก
    อุปกรณ์เก่าอาจใช้งานไม่ได้หากไม่มีอะแดปเตอร์

    https://www.slashgear.com/2017583/things-to-consider-when-buying-new-computer-ranked/
    🧠 “ซื้อคอมใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย – 5 ปัจจัยที่ต้องคิดก่อนจ่ายเงิน” ลองจินตนาการว่าคุณกำลังจะซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ ไม่ว่าจะเพื่อเรียน ทำงาน หรือเล่นเกม คุณเปิดเว็บดูสเปกแล้วพบว่ามีตัวเลือกมากมายจนตาลาย ทั้งโน้ตบุ๊ก เดสก์ท็อป Chromebook หรือแม้แต่ MacBook คุณเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ฉันจะใช้มันทำอะไร?” นั่นคือคำถามแรกที่สำคัญที่สุด เพราะถ้าคุณแค่ใช้พิมพ์งาน ดู Netflix หรือเช็กอีเมล คุณอาจไม่ต้องซื้อเครื่องแพงเลย แต่ถ้าคุณทำงานด้านกราฟิก เล่นเกมหนัก หรือทำวิดีโอ คุณต้องมองหาการ์ดจอแยก RAM เยอะ และ CPU แรง จากนั้นคุณต้องถามว่า “จะใช้ที่ไหน?” ถ้าคุณเป็นนักศึกษา โน้ตบุ๊กอาจเหมาะกว่าเพราะพกพาง่าย แต่ถ้าคุณทำงานอยู่บ้าน เดสก์ท็อปอาจคุ้มค่ากว่า งบประมาณก็เป็นอีกเรื่องใหญ่ คุณอาจอยากได้ทุกอย่าง แต่ต้องเลือกสิ่งที่จำเป็นจริงๆ เช่น จอภาพสีตรงอาจสำคัญกว่าคีย์บอร์ดไฟ RGB สุดท้าย อย่าลืมดูว่าสเปกที่คุณเลือกจะไม่ล้าสมัยเร็วเกินไป และสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่คุณมีอยู่แล้ว เช่น กล้องเก่า หรือฮาร์ดดิสก์ภายนอก ✅ ตั้งเป้าหมายการใช้งานให้ชัดเจน ➡️ ใช้ทำงานทั่วไปหรือเฉพาะทาง เช่น เกม กราฟิก วิดีโอ ➡️ เลือกสเปกตามซอฟต์แวร์ที่ต้องใช้ เช่น MacBook อาจไม่รองรับบางโปรแกรม ✅ เลือกประเภทเครื่องให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ ➡️ โน้ตบุ๊กพกพาสะดวก แต่แพงและร้อนง่าย ➡️ เดสก์ท็อปแรงกว่า ราคาคุ้มกว่า แต่ไม่เคลื่อนย้ายได้ ✅ วางงบประมาณอย่างมีเหตุผล ➡️ แยกสิ่งที่ “จำเป็น” กับ “อยากได้” ➡️ เลือกสเปกที่ตอบโจทย์มากกว่าความหรูหรา ✅ ตรวจสอบสเปกให้ไม่ล้าสมัย ➡️ อย่าซื้อรุ่นพื้นฐานที่อัปเกรดไม่ได้ เช่น MacBook Air รุ่น RAM 8GB ➡️ ลงทุนกับ RAM และพื้นที่เก็บข้อมูลให้เพียงพอในระยะยาว ✅ ตรวจสอบความเข้ากันได้กับอุปกรณ์เดิม ➡️ อุปกรณ์เก่าอาจใช้พอร์ตที่ไม่มีในเครื่องใหม่ ➡️ อาจต้องซื้ออะแดปเตอร์หรือ USB hub เพิ่มเติม ‼️ อย่าซื้อเพราะโปรโมชั่นหรือคำแนะนำที่ไม่ตรงกับความต้องการ ⛔ อาจได้เครื่องที่ไม่เหมาะกับงานของคุณ ⛔ เสียเงินเพิ่มภายหลังเพื่ออัปเกรดหรือซื้อใหม่ ‼️ อย่ามองข้ามการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริม ⛔ พอร์ตไม่พออาจทำให้ใช้งานลำบาก ⛔ อุปกรณ์เก่าอาจใช้งานไม่ได้หากไม่มีอะแดปเตอร์ https://www.slashgear.com/2017583/things-to-consider-when-buying-new-computer-ranked/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Things To Consider When Buying A New Computer, Ranked By Importance - SlashGear
    Buying a new computer can be a nerve-wracking experience. With so many things to consider, and so much money potentially on the line, here's where to start.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซามูไรแบกถาด ตอนที่ 2
    “ซามูไรแบกถาด”

    ตอน 2

    หลังจากสอบสัมภาษณ์เสร็จเมื่อปลายเดือนเมษายน คุณพี่อาเบะ ก็รีบเดินทางกลับญี่ปุ่น แกต้องมาจัดการเแก้ไข เรื่องภายในของญี่ปุ่นอีกหลายเรื่อง เพื่อให้บทบาทของหัวหมู่ทะลวงฟัน ดำเนินการได้ครบถ้วน ตามที่กำหนดไว้ใน Grand Strategy อย่างเรียบร้อยโดยไม่มีอุปสรรค รัฐบาลของคุณพี่อาเบะ ต้องเสนอร่างกฏหมาย 2 ฉบับเข้าสภา มันเป็นกฏหมายเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศทั้ง 2 ฉบับ

    กฏหมายฉบับหนึ่ง จะเป็นการแก้ไข กฏหมายอีก 10 ฉบับ ที่เกี่ยวโยงกัน เพื่อยกเลิกข้อจำกัด เกี่ยวกับการปกป้องตนเองของญี่ปุ่น Self Defence Forces (SDF) และ สิทธิที่จะใช้กองกำลังของประเทศ ช่วยเหลือประเทศ “อื่น” ที่ถูกโจมตี “ใน” อาณาเขตของญี่ปุ่น ส่วนกฏหมายอีกฉบับ เป็นการสร้างอำนาจให้กับรัฐบาล ที่จะเอากองกำลังของประเทศ ไปใช้ต่อสู้ “นอก” อาณาเขตของญี่ปุ่นได้ มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับญี่ปุ่น แต่ญี่ปุ่นก็ทำตามใบสั่งโดยไม่เกี่ยง ไม่งอน น่ารักซะไม่มีล่ะ

    หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพของญี่ปุ่นทั้งหมด ถูกให้ยกเลิก และอเมริกา โดยนายพลดักกลาส แมคอาเธอร์ ผู้บัญชาการกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรภาคพื้นแปซิฟิก ก็จัดการให้ญี่ปุ่น จัดทำรัฐธรรมนูญของญี่ปุ่นขึ้นใหม่ในปี ค.ศ.1947 และมาตรา 9 ของรัฐธรรมนูญ เขียนไว้อย่างสวยหรู ตามถ้อยคำ ที่กำกับโดยท่านนายพล อ่านกันให้ซึ้งนะครับ

    ” ด้วยความปรารถนาอย่างจริงใจ ที่จะให้เกิดสันติภาพที่มีแบบแผนขึ้นในสากล เราประชาชนชาวญี่ปุ่น จึงขอปฏิเสธตลอดกาล ต่อการใช้อำนาจโดยชาติใดและการข่มขู่ใด หรือการใช้กำลังใด เพื่อตัดสินข้อขัดแย้งระหว่างประเทศ และเพื่อให้บรรลุถึงวัตถุประสงค์ ดังกล่าวข้างต้น เราจะไม่ดำรงกองกำลัง ไม่ว่า ทางบก ทางทะเล และทางอากาศ รวมทั้งไม่สร้างสงครามใด และจะไม่ถือสิทธิใดของรัฐ ที่จะก่อสงคราม”
    (“Aspiring sincerely to an international peace based on order, the Japanese people forever renounce war as a sovereign right of the nation and the threat or use of force as means of settling international disputes. In order to accomplish the aim of the preceding paragraph, land, sea and airforces, as well as other war potential, will never be maintained. The right of belligerency of the state will not be recognized.”)

    “ตลอดกาล” หรือ forever ของญี่ปุ่น ก็ไม่นานเท่าไหร่หรอก

    เมื่อเกิดสงครามเย็น และสงครามเกาหลี ญี่ปุ่นก็ชักหน้าจ๋อย ขอผมมีกองกำลังไว้ป้องกันประเทศสักหน่อย ได้ไหมครับท่านนายพล การแสดงความปรารถนา อย่างตลอดกาลของญี่ปุ่น ตามมาตรา 9 ของรัฐธรรมนูญดังกล่าวข้างต้น จึงได้มีการเปลี่ยนแปลง โดยมีการออกกฏหมายใน ปี ค.ศ.1954 ให้ญี่ปุ่นสามารถมีกองกำลังเพียงพอ ที่จะดูแลปกป้องตัวเองได้ Self Defence Forces (SDF) หลังจากนั้น ญี่ปุ่นพยายามแก้รัฐธรรมนูญ มาตรานี้มาหลายครั้ง เพื่อขยายกองกำลังขึ้นอีก แต่ไม่เคยมีรัฐบาลใดทำสำเร็จ เพราะประชาชนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ ไม่สนับสนุน ชาวญี่ปุ่นยังเข็ดขยาดกับสงคราม

    แต่ครั้งนี้ นายอาเบะไม่รู้ไปกินอะไรมา กำลังภายในสูงส่งมาก กฏหมายทั้ง 2 ฉบับ ที่จะนำทางไปสู่การแก้มาตรา 9 ของรัฐธรรมนูญญี่ปุ่นด้วยนั้น สภาผู้แทนของญี่ปุ่น ว่าง่ายผ่านร่างกฏหมายทั้ง 2 ฉบับนี้เรียบร้อยไปแล้ว เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมนี้เอง กฏหมายนี้ยังจะต้องส่งเข้าสภาสูงเพื่อพิจารณาด้วย โดยมีกำหนดการพิจารณาในฤดูร้อนของญี่ปุ่น (ประมาณเดือนกรกฏาคม) ข่าวว่า เดิมสภาสูงของญี่ปุ่น จะปิดสมัยประชุม สิ้นเดือนมิถุนายนนี้ แต่เนื่องจากจะต้องผ่านกฏหมายสำคัญนี้ จึงจะมีการยืดสมัยประชุมออกไป เพื่อรอพิจารณากฏหมายดังกล่าว ซึ่งจะต้องมีการแก้รัฐธรรมนูญของญี่ปุ่น เพื่อให้กองทัพของญี่ปุ่นร่อนไปทำทั่วโลกได้
    ทั้งหมดนี้ ไม่เป็นปัญหาสำหรับคุณพี่อาเบะ ทุกอย่างเดินหน้าตามใบสั่ง สภาจะปิด ก็เปิดได้ แหม… ทำไมมันว่าง่ายกันยังนี้หนอ ไม่รู้จักเจ็บ ไม่รู้จักจำมั่งหรือไร เขาทิ้งบอมบ์จนประชาชนคนชาติเดียวกันตายหมู่ที่ละเป็นแสนๆ นี่เขาหลอกเอาขึ้นแท่นเป็นหัวหมู่ ให้ไปตายแทน ไม่ใช่แต่ในเอเซีย ในตะวันออกกลาง ก็อาจจะต้องไปล้างปั้ม ชิงปั้ม ให้เขา ก็ยังรีบร้อนเดินหน้าทำให้เขาอีก เออ ผมละงงจริงๆ บุญหนักหนา ที่มันตัดขาดเรา ไม่ต้องเป็นขี้ข้า หัวซุกหัวซุนวิ่งรับใช้มัน ทำทุกอย่างตามที่มันต้องการ รวมทั้งไปตายแทนมัน…

    ผมเป็นอเมริกา ผมต้องตกรางวัลนายอาเบะเต็มอัตราเลย เพราะก่อนหน้าจะเอาร่างกฏหมายทั้งหลายนี่เข้าสภา นายอาเบะ ลงทุนเชิญนายทหารระดับสูงจากอเมริกา และยุโรปมาชมแสนยานุภาพของญี่ปุ่น อาวุธสุดทันสมัย ที่กองทัพเรือญี่ปุ่น “เตรียมพร้อม” ที่จะซื้อ ทันทีที่รัฐสภาญี่ปุ่นอนุมัติ ทำงานล่วงหน้าแบบนี่ ไม่ให้โบนัส ก็ใจจืดไปหน่อย

    ยังไม่หมดครับ ย้อนไปก่อนหน้านี้ นายอาเบะ ได้ขอให้สภาอนุมัติเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคง โดยเฉพาะ เพื่อตั้งฐานทัพติดตั้งเรดาร์ที่เกาะ Yonaguni ซึ่งเป็นดินแดนของญี่ปุ่น ที่อยู่ใกล้ที่สุดกับจีน และตั้งหน่วยสะเทื้อนน้ำสะเทื้อนบก ตามรูปแบบของอังกฤษ ตามยุทธศาสตร์เอาติดแดนที่ถูกศัตรูยึดไปกลับคืน นี่กะดูถึงขนจมูกอาเฮียเลยซินะ

    อังกฤษ และญี่ปุ่น มีสภาพเป็นเกาะเหมือนกัน ท่านนายพล Richard Spencer อดีตผู้บัญชาการ กองทัพเรือของสหภาพยุโรป แต่ปัจจุบัน มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาให้กับ Self Defense Force (SDF) ของญี่ปุ่น ยุทธศาสตร์ที่เราแนะนำ เหมาะสมแล้ว …อ้อ นี่ เขาจัดส่งเป็นแพ๊กเกจเลยนะ เพื่อปั้นกองทัพเดนตายให้ญี่ปุ่น

    กองทัพญี่ปุ่นไม่ได้ยิงกระสุนอีกเลย แม้แต่นัดเดียว นับตั้งแต่ถูกอเมริกายึดครองในปี ค.ศ.1945 บริษัทผลิตอาวุธของญี่ปุ่นเอง หลายบริษัท ผันตัวเองไปผลิตสินค้า เพื่อความสดวกสบายของชีวิต แทนการผลิตอาวุธ และการผลิตอาวุธเพื่อส่งออกของญี่ปุ่น ถูกห้ามโดยเด็ดขาด และเปลี่ยนเป็นการผลิต รถถัง เครื่องบินรบ เรือรบ เรือดำน้ำ เฉพาะตามโครงการ SDF เท่านั้น
    แต่ในปีที่แล้ว นายอาเบะ ก็ปรับนโยบายด้านความมั่นคงของญี่ปุ่นใหม่ ด้วยการเริ่มติดต่อกับผู้ผลิตอาวุธต่างประเทศ รวมทั้ง เครื่องบินรบ และเรือรบ เขาบอกว่า ยุทธศาสตร์การสร้างสันติภาพของญี่ปุ่น จำเป็นต้องใช้ร่วมกับการป้องกันด้วยอาวุธทางทหาร… ยุทธศาสตร์เดียวกับลูกพี่เป๊ะเลย รักษาสันติภาพในตะวันออกกลาง เสียจนทะลายราบเกือบหมดประเทศ

    เมื่อต้นปี ญี่ปุ่นเปิดตัวเรือรบลำใหม่ ชื่อ Izumo เป็นเรือรบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 มีรันเวย์ยาวถึง 250 เมตร บรรทุกเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์เต็มอัตรา Izumo ยังมีพี่เลี้ยงประกบข้างอีก 2 ลำ เป็นเรือรบชนิดบรรทุกเครื่องบิน รายงานข่าวอ้างว่า ขณะนี้ กองทัพเรือของญี่ปุ่น ใหญ่กว่ากองทัพเรือของฝรั่งเศสบวกกับอังกฤษเสียด้วยซ้ำ …น่าสนใจ ไม่รู้ข่าวนี้ใส่สีเข้มหรือเปล่า ต้องกรองหน่อยนะครับ

    ถนนทุกสายกำลังมุ่งไปสู่โตเกียว!

    MAST บริษัทนายหน้าค้าอาวุธใหญ่ของอังกฤษ ตีปีกฉีกยิ้ม กับนโยบายใหม่ของนาย อาเบะ หรือ ของ ไอ้สุดกร่าง CFR นั่นแหละ MAST รับหน้าที่ จัดรายการเชิญพ่อค้าขายอาวุธ มาแลกเปลียนความคิด ว่าจะ (ต้ม) ขายอาวุธให้ญี่ปุ่นอย่างไรดี ส่วนใหญ่ เห็นพ้องกันว่า ญี่ปุ่นเรื้อเวทีมานาน 70 ปี เราต้องใช้ นโยบายว่า อาวุธที่ญี่ปุ่นสร้างขึ้นมาตอนหลัง ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ในการรบจริงเลยนะ ว่ามันจะใช้การได้ขนาดไหน นอกจากนี้พวกเขายังเล็งเหยื่อ ไปทั้งแถบ ตั้งแต่ เวียตนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์ ….อ้อ ไม่มีชื่อ ไทยแลนด์

    ท่านที่ปรึกษาใหญ่ นายพล Spencer บอกว่า การเปลี่ยนนโยบายของญี่ปุ่นด้านความมั่นคงนี้ อย่ามองว่าเป็นแค่การเปิดประตู ให้พวกนักค้าอาวุธเข้ามานะ มันเป็นการเปิดประตูของญี่ปุ่น ที่พาตัวเองออกไปสู่บทบาท ด้านการทหารระดับโลกต่างหาก… เยี่ยมครับ สมเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคง เขาส่งคน(ต้ม) มาถูกงานจริงๆ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    24 พ.ค. 2558
    ซามูไรแบกถาด ตอนที่ 2 “ซามูไรแบกถาด” ตอน 2 หลังจากสอบสัมภาษณ์เสร็จเมื่อปลายเดือนเมษายน คุณพี่อาเบะ ก็รีบเดินทางกลับญี่ปุ่น แกต้องมาจัดการเแก้ไข เรื่องภายในของญี่ปุ่นอีกหลายเรื่อง เพื่อให้บทบาทของหัวหมู่ทะลวงฟัน ดำเนินการได้ครบถ้วน ตามที่กำหนดไว้ใน Grand Strategy อย่างเรียบร้อยโดยไม่มีอุปสรรค รัฐบาลของคุณพี่อาเบะ ต้องเสนอร่างกฏหมาย 2 ฉบับเข้าสภา มันเป็นกฏหมายเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศทั้ง 2 ฉบับ กฏหมายฉบับหนึ่ง จะเป็นการแก้ไข กฏหมายอีก 10 ฉบับ ที่เกี่ยวโยงกัน เพื่อยกเลิกข้อจำกัด เกี่ยวกับการปกป้องตนเองของญี่ปุ่น Self Defence Forces (SDF) และ สิทธิที่จะใช้กองกำลังของประเทศ ช่วยเหลือประเทศ “อื่น” ที่ถูกโจมตี “ใน” อาณาเขตของญี่ปุ่น ส่วนกฏหมายอีกฉบับ เป็นการสร้างอำนาจให้กับรัฐบาล ที่จะเอากองกำลังของประเทศ ไปใช้ต่อสู้ “นอก” อาณาเขตของญี่ปุ่นได้ มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับญี่ปุ่น แต่ญี่ปุ่นก็ทำตามใบสั่งโดยไม่เกี่ยง ไม่งอน น่ารักซะไม่มีล่ะ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพของญี่ปุ่นทั้งหมด ถูกให้ยกเลิก และอเมริกา โดยนายพลดักกลาส แมคอาเธอร์ ผู้บัญชาการกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรภาคพื้นแปซิฟิก ก็จัดการให้ญี่ปุ่น จัดทำรัฐธรรมนูญของญี่ปุ่นขึ้นใหม่ในปี ค.ศ.1947 และมาตรา 9 ของรัฐธรรมนูญ เขียนไว้อย่างสวยหรู ตามถ้อยคำ ที่กำกับโดยท่านนายพล อ่านกันให้ซึ้งนะครับ ” ด้วยความปรารถนาอย่างจริงใจ ที่จะให้เกิดสันติภาพที่มีแบบแผนขึ้นในสากล เราประชาชนชาวญี่ปุ่น จึงขอปฏิเสธตลอดกาล ต่อการใช้อำนาจโดยชาติใดและการข่มขู่ใด หรือการใช้กำลังใด เพื่อตัดสินข้อขัดแย้งระหว่างประเทศ และเพื่อให้บรรลุถึงวัตถุประสงค์ ดังกล่าวข้างต้น เราจะไม่ดำรงกองกำลัง ไม่ว่า ทางบก ทางทะเล และทางอากาศ รวมทั้งไม่สร้างสงครามใด และจะไม่ถือสิทธิใดของรัฐ ที่จะก่อสงคราม” (“Aspiring sincerely to an international peace based on order, the Japanese people forever renounce war as a sovereign right of the nation and the threat or use of force as means of settling international disputes. In order to accomplish the aim of the preceding paragraph, land, sea and airforces, as well as other war potential, will never be maintained. The right of belligerency of the state will not be recognized.”) “ตลอดกาล” หรือ forever ของญี่ปุ่น ก็ไม่นานเท่าไหร่หรอก เมื่อเกิดสงครามเย็น และสงครามเกาหลี ญี่ปุ่นก็ชักหน้าจ๋อย ขอผมมีกองกำลังไว้ป้องกันประเทศสักหน่อย ได้ไหมครับท่านนายพล การแสดงความปรารถนา อย่างตลอดกาลของญี่ปุ่น ตามมาตรา 9 ของรัฐธรรมนูญดังกล่าวข้างต้น จึงได้มีการเปลี่ยนแปลง โดยมีการออกกฏหมายใน ปี ค.ศ.1954 ให้ญี่ปุ่นสามารถมีกองกำลังเพียงพอ ที่จะดูแลปกป้องตัวเองได้ Self Defence Forces (SDF) หลังจากนั้น ญี่ปุ่นพยายามแก้รัฐธรรมนูญ มาตรานี้มาหลายครั้ง เพื่อขยายกองกำลังขึ้นอีก แต่ไม่เคยมีรัฐบาลใดทำสำเร็จ เพราะประชาชนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ ไม่สนับสนุน ชาวญี่ปุ่นยังเข็ดขยาดกับสงคราม แต่ครั้งนี้ นายอาเบะไม่รู้ไปกินอะไรมา กำลังภายในสูงส่งมาก กฏหมายทั้ง 2 ฉบับ ที่จะนำทางไปสู่การแก้มาตรา 9 ของรัฐธรรมนูญญี่ปุ่นด้วยนั้น สภาผู้แทนของญี่ปุ่น ว่าง่ายผ่านร่างกฏหมายทั้ง 2 ฉบับนี้เรียบร้อยไปแล้ว เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมนี้เอง กฏหมายนี้ยังจะต้องส่งเข้าสภาสูงเพื่อพิจารณาด้วย โดยมีกำหนดการพิจารณาในฤดูร้อนของญี่ปุ่น (ประมาณเดือนกรกฏาคม) ข่าวว่า เดิมสภาสูงของญี่ปุ่น จะปิดสมัยประชุม สิ้นเดือนมิถุนายนนี้ แต่เนื่องจากจะต้องผ่านกฏหมายสำคัญนี้ จึงจะมีการยืดสมัยประชุมออกไป เพื่อรอพิจารณากฏหมายดังกล่าว ซึ่งจะต้องมีการแก้รัฐธรรมนูญของญี่ปุ่น เพื่อให้กองทัพของญี่ปุ่นร่อนไปทำทั่วโลกได้ ทั้งหมดนี้ ไม่เป็นปัญหาสำหรับคุณพี่อาเบะ ทุกอย่างเดินหน้าตามใบสั่ง สภาจะปิด ก็เปิดได้ แหม… ทำไมมันว่าง่ายกันยังนี้หนอ ไม่รู้จักเจ็บ ไม่รู้จักจำมั่งหรือไร เขาทิ้งบอมบ์จนประชาชนคนชาติเดียวกันตายหมู่ที่ละเป็นแสนๆ นี่เขาหลอกเอาขึ้นแท่นเป็นหัวหมู่ ให้ไปตายแทน ไม่ใช่แต่ในเอเซีย ในตะวันออกกลาง ก็อาจจะต้องไปล้างปั้ม ชิงปั้ม ให้เขา ก็ยังรีบร้อนเดินหน้าทำให้เขาอีก เออ ผมละงงจริงๆ บุญหนักหนา ที่มันตัดขาดเรา ไม่ต้องเป็นขี้ข้า หัวซุกหัวซุนวิ่งรับใช้มัน ทำทุกอย่างตามที่มันต้องการ รวมทั้งไปตายแทนมัน… ผมเป็นอเมริกา ผมต้องตกรางวัลนายอาเบะเต็มอัตราเลย เพราะก่อนหน้าจะเอาร่างกฏหมายทั้งหลายนี่เข้าสภา นายอาเบะ ลงทุนเชิญนายทหารระดับสูงจากอเมริกา และยุโรปมาชมแสนยานุภาพของญี่ปุ่น อาวุธสุดทันสมัย ที่กองทัพเรือญี่ปุ่น “เตรียมพร้อม” ที่จะซื้อ ทันทีที่รัฐสภาญี่ปุ่นอนุมัติ ทำงานล่วงหน้าแบบนี่ ไม่ให้โบนัส ก็ใจจืดไปหน่อย ยังไม่หมดครับ ย้อนไปก่อนหน้านี้ นายอาเบะ ได้ขอให้สภาอนุมัติเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคง โดยเฉพาะ เพื่อตั้งฐานทัพติดตั้งเรดาร์ที่เกาะ Yonaguni ซึ่งเป็นดินแดนของญี่ปุ่น ที่อยู่ใกล้ที่สุดกับจีน และตั้งหน่วยสะเทื้อนน้ำสะเทื้อนบก ตามรูปแบบของอังกฤษ ตามยุทธศาสตร์เอาติดแดนที่ถูกศัตรูยึดไปกลับคืน นี่กะดูถึงขนจมูกอาเฮียเลยซินะ อังกฤษ และญี่ปุ่น มีสภาพเป็นเกาะเหมือนกัน ท่านนายพล Richard Spencer อดีตผู้บัญชาการ กองทัพเรือของสหภาพยุโรป แต่ปัจจุบัน มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาให้กับ Self Defense Force (SDF) ของญี่ปุ่น ยุทธศาสตร์ที่เราแนะนำ เหมาะสมแล้ว …อ้อ นี่ เขาจัดส่งเป็นแพ๊กเกจเลยนะ เพื่อปั้นกองทัพเดนตายให้ญี่ปุ่น กองทัพญี่ปุ่นไม่ได้ยิงกระสุนอีกเลย แม้แต่นัดเดียว นับตั้งแต่ถูกอเมริกายึดครองในปี ค.ศ.1945 บริษัทผลิตอาวุธของญี่ปุ่นเอง หลายบริษัท ผันตัวเองไปผลิตสินค้า เพื่อความสดวกสบายของชีวิต แทนการผลิตอาวุธ และการผลิตอาวุธเพื่อส่งออกของญี่ปุ่น ถูกห้ามโดยเด็ดขาด และเปลี่ยนเป็นการผลิต รถถัง เครื่องบินรบ เรือรบ เรือดำน้ำ เฉพาะตามโครงการ SDF เท่านั้น แต่ในปีที่แล้ว นายอาเบะ ก็ปรับนโยบายด้านความมั่นคงของญี่ปุ่นใหม่ ด้วยการเริ่มติดต่อกับผู้ผลิตอาวุธต่างประเทศ รวมทั้ง เครื่องบินรบ และเรือรบ เขาบอกว่า ยุทธศาสตร์การสร้างสันติภาพของญี่ปุ่น จำเป็นต้องใช้ร่วมกับการป้องกันด้วยอาวุธทางทหาร… ยุทธศาสตร์เดียวกับลูกพี่เป๊ะเลย รักษาสันติภาพในตะวันออกกลาง เสียจนทะลายราบเกือบหมดประเทศ เมื่อต้นปี ญี่ปุ่นเปิดตัวเรือรบลำใหม่ ชื่อ Izumo เป็นเรือรบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 มีรันเวย์ยาวถึง 250 เมตร บรรทุกเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์เต็มอัตรา Izumo ยังมีพี่เลี้ยงประกบข้างอีก 2 ลำ เป็นเรือรบชนิดบรรทุกเครื่องบิน รายงานข่าวอ้างว่า ขณะนี้ กองทัพเรือของญี่ปุ่น ใหญ่กว่ากองทัพเรือของฝรั่งเศสบวกกับอังกฤษเสียด้วยซ้ำ …น่าสนใจ ไม่รู้ข่าวนี้ใส่สีเข้มหรือเปล่า ต้องกรองหน่อยนะครับ ถนนทุกสายกำลังมุ่งไปสู่โตเกียว! MAST บริษัทนายหน้าค้าอาวุธใหญ่ของอังกฤษ ตีปีกฉีกยิ้ม กับนโยบายใหม่ของนาย อาเบะ หรือ ของ ไอ้สุดกร่าง CFR นั่นแหละ MAST รับหน้าที่ จัดรายการเชิญพ่อค้าขายอาวุธ มาแลกเปลียนความคิด ว่าจะ (ต้ม) ขายอาวุธให้ญี่ปุ่นอย่างไรดี ส่วนใหญ่ เห็นพ้องกันว่า ญี่ปุ่นเรื้อเวทีมานาน 70 ปี เราต้องใช้ นโยบายว่า อาวุธที่ญี่ปุ่นสร้างขึ้นมาตอนหลัง ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ในการรบจริงเลยนะ ว่ามันจะใช้การได้ขนาดไหน นอกจากนี้พวกเขายังเล็งเหยื่อ ไปทั้งแถบ ตั้งแต่ เวียตนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์ ….อ้อ ไม่มีชื่อ ไทยแลนด์ ท่านที่ปรึกษาใหญ่ นายพล Spencer บอกว่า การเปลี่ยนนโยบายของญี่ปุ่นด้านความมั่นคงนี้ อย่ามองว่าเป็นแค่การเปิดประตู ให้พวกนักค้าอาวุธเข้ามานะ มันเป็นการเปิดประตูของญี่ปุ่น ที่พาตัวเองออกไปสู่บทบาท ด้านการทหารระดับโลกต่างหาก… เยี่ยมครับ สมเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคง เขาส่งคน(ต้ม) มาถูกงานจริงๆ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 24 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 267 มุมมอง 0 รีวิว
  • “แอป Android อันตราย 239 ตัวถูกดาวน์โหลดกว่า 42 ล้านครั้ง – เสี่ยงสูญเงินจากมือถือ!”

    รายงานล่าสุดจาก Zscaler เผยว่าแฮกเกอร์กำลังใช้แอป Android ปลอมที่ดูเหมือนเครื่องมือทำงานทั่วไป เช่น productivity หรือ workflow apps เพื่อเจาะระบบผู้ใช้ผ่านช่องทาง mobile payment โดยไม่เน้นขโมยข้อมูลบัตรเครดิตแบบเดิม แต่ใช้เทคนิคใหม่ เช่น phishing, smishing, และ SIM-swapping เพื่อหลอกให้โอนเงินหรือเข้าถึงบัญชีสำคัญ

    แอปเหล่านี้ถูกดาวน์โหลดรวมกันกว่า 42 ล้านครั้ง บน Google Play โดยมีเป้าหมายหลักคือผู้ใช้ในอินเดีย, สหรัฐฯ และแคนาดา ซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราการโจมตีสูงที่สุด

    ภัยคุกคามที่เปลี่ยนรูปแบบ
    การโจมตีผ่านมือถือเพิ่มขึ้น 67% จากปีที่แล้ว
    Adware กลายเป็นมัลแวร์หลัก คิดเป็น 69% ของการตรวจพบทั้งหมด
    กลุ่ม “Joker” ลดลงเหลือ 23% แต่กลุ่มใหม่อย่าง Anatsa และ Xnotice กำลังเติบโต
    อุปกรณ์ IoT เช่น router และ Android TV box ก็ถูกโจมตีมากขึ้น โดยเฉพาะในอินเดียและบราซิล

    รายงานจาก Zscaler
    พบแอป Android อันตราย 239 ตัวบน Google Play
    ถูกดาวน์โหลดรวมกว่า 42 ล้านครั้ง
    แอปปลอมเป็นเครื่องมือทำงานทั่วไปเพื่อหลอกผู้ใช้

    รูปแบบการโจมตีใหม่
    เน้น mobile payment fraud แทนการขโมยบัตรเครดิต
    ใช้ phishing, smishing, SIM-swapping และ social engineering
    กลุ่มมัลแวร์ใหม่กำลังเติบโต เช่น Anatsa และ Xnotice

    สถานการณ์ในอุตสาหกรรม
    Adware คิดเป็น 69% ของมัลแวร์ทั้งหมด
    กลุ่ม “Joker” ลดลงเหลือ 23%
    อุปกรณ์ IoT เช่น router และ Android TV box ถูกโจมตีมากขึ้น

    ประเทศเป้าหมายหลัก
    อินเดีย: 26% ของการโจมตีมือถือ
    สหรัฐฯ: 15%
    แคนาดา: 14%
    สหรัฐฯ ยังเป็นเป้าหมายหลักใน IoT คิดเป็น 54.1% ของทราฟฟิกมัลแวร์

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Android
    อย่าดาวน์โหลดแอปจากลิงก์ในข้อความ, โซเชียลมีเดีย หรือ job portal
    ตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึงของแอปก่อนติดตั้ง
    เปิด Google Play Protect และสแกนด้วยตนเองเป็นระยะ
    หลีกเลี่ยงการติดตั้งแอปที่ไม่จำเป็น แม้จะดูน่าเชื่อถือ

    https://www.techradar.com/pro/security/watch-out-these-malicious-android-apps-have-been-downloaded-42-million-times-and-could-leave-you-seriously-out-of-pocket
    📱💸 “แอป Android อันตราย 239 ตัวถูกดาวน์โหลดกว่า 42 ล้านครั้ง – เสี่ยงสูญเงินจากมือถือ!” รายงานล่าสุดจาก Zscaler เผยว่าแฮกเกอร์กำลังใช้แอป Android ปลอมที่ดูเหมือนเครื่องมือทำงานทั่วไป เช่น productivity หรือ workflow apps เพื่อเจาะระบบผู้ใช้ผ่านช่องทาง mobile payment โดยไม่เน้นขโมยข้อมูลบัตรเครดิตแบบเดิม แต่ใช้เทคนิคใหม่ เช่น phishing, smishing, และ SIM-swapping เพื่อหลอกให้โอนเงินหรือเข้าถึงบัญชีสำคัญ แอปเหล่านี้ถูกดาวน์โหลดรวมกันกว่า 42 ล้านครั้ง บน Google Play โดยมีเป้าหมายหลักคือผู้ใช้ในอินเดีย, สหรัฐฯ และแคนาดา ซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราการโจมตีสูงที่สุด 🧠 ภัยคุกคามที่เปลี่ยนรูปแบบ 🎗️ การโจมตีผ่านมือถือเพิ่มขึ้น 67% จากปีที่แล้ว 🎗️ Adware กลายเป็นมัลแวร์หลัก คิดเป็น 69% ของการตรวจพบทั้งหมด 🎗️ กลุ่ม “Joker” ลดลงเหลือ 23% แต่กลุ่มใหม่อย่าง Anatsa และ Xnotice กำลังเติบโต 🎗️ อุปกรณ์ IoT เช่น router และ Android TV box ก็ถูกโจมตีมากขึ้น โดยเฉพาะในอินเดียและบราซิล ✅ รายงานจาก Zscaler ➡️ พบแอป Android อันตราย 239 ตัวบน Google Play ➡️ ถูกดาวน์โหลดรวมกว่า 42 ล้านครั้ง ➡️ แอปปลอมเป็นเครื่องมือทำงานทั่วไปเพื่อหลอกผู้ใช้ ✅ รูปแบบการโจมตีใหม่ ➡️ เน้น mobile payment fraud แทนการขโมยบัตรเครดิต ➡️ ใช้ phishing, smishing, SIM-swapping และ social engineering ➡️ กลุ่มมัลแวร์ใหม่กำลังเติบโต เช่น Anatsa และ Xnotice ✅ สถานการณ์ในอุตสาหกรรม ➡️ Adware คิดเป็น 69% ของมัลแวร์ทั้งหมด ➡️ กลุ่ม “Joker” ลดลงเหลือ 23% ➡️ อุปกรณ์ IoT เช่น router และ Android TV box ถูกโจมตีมากขึ้น ✅ ประเทศเป้าหมายหลัก ➡️ อินเดีย: 26% ของการโจมตีมือถือ ➡️ สหรัฐฯ: 15% ➡️ แคนาดา: 14% ➡️ สหรัฐฯ ยังเป็นเป้าหมายหลักใน IoT คิดเป็น 54.1% ของทราฟฟิกมัลแวร์ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Android ⛔ อย่าดาวน์โหลดแอปจากลิงก์ในข้อความ, โซเชียลมีเดีย หรือ job portal ⛔ ตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึงของแอปก่อนติดตั้ง ⛔ เปิด Google Play Protect และสแกนด้วยตนเองเป็นระยะ ⛔ หลีกเลี่ยงการติดตั้งแอปที่ไม่จำเป็น แม้จะดูน่าเชื่อถือ https://www.techradar.com/pro/security/watch-out-these-malicious-android-apps-have-been-downloaded-42-million-times-and-could-leave-you-seriously-out-of-pocket
    WWW.TECHRADAR.COM
    A dangerous rise in Android malware hits critical industries
    Hidden Android threats sweep through millions of devices
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • AYANEO NEXT 2 เปิดตัวแล้ว! เครื่องเกมพกพา Windows สเปกแรงระดับพีซี พร้อม Ryzen AI Max+ 395

    AYANEO เปิดตัวเครื่องเกมพกพารุ่นใหม่ล่าสุด NEXT 2 ที่มาพร้อมขุมพลัง Ryzen AI Max+ 395 ซึ่งเป็น APU ระดับสูงจาก AMD ที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 และกราฟิก RDNA 3.5 รุ่น Radeon 8060S ให้ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ RTX 4060 ในเครื่องพีซี! นี่คือเครื่องที่สามในตลาดที่ใช้ชิปนี้ ต่อจาก GPD และ OneXPlayer

    จุดเด่นของ AYANEO NEXT 2
    ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows เต็มรูปแบบ
    รองรับ TMR Joysticks ขนาดใหญ่ และ Dual-Mode Triggers ที่ปรับได้ระหว่าง hair trigger และ Hall Effect
    ดีไซน์คล้าย Xbox controller พร้อมปุ่ม ABXY, D-Pad แบบวงกลม และปุ่มเสริม
    ระบบระบายความร้อนแบบ พัดลมคู่
    แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ (built-in) ไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้
    หน้าจอ “Top-tier” แต่ยังไม่เปิดเผยขนาด, ความละเอียด, รีเฟรชเรต หรือชนิดพาเนล

    สเปกหลักของ AYANEO NEXT 2
    ใช้ Ryzen AI Max+ 395 (16-core/32-thread)
    กราฟิก Radeon 8060S iGPU (RDNA 3.5)
    ประสิทธิภาพใกล้เคียง RTX 4060
    คาดว่าเริ่มต้นที่ 32GB RAM / 1TB SSD

    ระบบควบคุมและดีไซน์
    TMR Joysticks ขนาดใหญ่
    Dual-Mode Triggers ปรับได้
    Layout คล้าย Xbox controller

    ระบบระบายความร้อนและแบตเตอรี่
    ใช้พัดลมคู่เพื่อจัดการความร้อน
    แบตเตอรี่ built-in ขนาดใหญ่
    ไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้เหมือน GPD Win 5

    สถานะการเปิดตัว
    ยังไม่เปิดเผยราคาและวันวางจำหน่าย
    คาดว่าจะอยู่ในช่วง $1500+
    เป็นรุ่นที่สามในตลาดที่ใช้ Ryzen AI Max+ 395

    คำเตือนสำหรับผู้สนใจ
    ยังไม่มีข้อมูลเรื่องหน้าจอ เช่น ขนาด, รีเฟรชเรต, ความละเอียด
    ไม่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ อาจกระทบการใช้งานระยะยาว
    ราคาอาจสูงเกิน $1500 ซึ่งต้องพิจารณาคุ้มค่าต่อการใช้งาน

    https://wccftech.com/ayaneo-launches-next-2-a-powerful-windows-handheld-featuring-ryzen-ai-max-395/
    🎮⚡ AYANEO NEXT 2 เปิดตัวแล้ว! เครื่องเกมพกพา Windows สเปกแรงระดับพีซี พร้อม Ryzen AI Max+ 395 AYANEO เปิดตัวเครื่องเกมพกพารุ่นใหม่ล่าสุด NEXT 2 ที่มาพร้อมขุมพลัง Ryzen AI Max+ 395 ซึ่งเป็น APU ระดับสูงจาก AMD ที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 และกราฟิก RDNA 3.5 รุ่น Radeon 8060S ให้ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ RTX 4060 ในเครื่องพีซี! นี่คือเครื่องที่สามในตลาดที่ใช้ชิปนี้ ต่อจาก GPD และ OneXPlayer 🎮 จุดเด่นของ AYANEO NEXT 2 💠 ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows เต็มรูปแบบ 💠 รองรับ TMR Joysticks ขนาดใหญ่ และ Dual-Mode Triggers ที่ปรับได้ระหว่าง hair trigger และ Hall Effect 💠 ดีไซน์คล้าย Xbox controller พร้อมปุ่ม ABXY, D-Pad แบบวงกลม และปุ่มเสริม 💠 ระบบระบายความร้อนแบบ พัดลมคู่ 💠 แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ (built-in) ไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้ 💠 หน้าจอ “Top-tier” แต่ยังไม่เปิดเผยขนาด, ความละเอียด, รีเฟรชเรต หรือชนิดพาเนล ✅ สเปกหลักของ AYANEO NEXT 2 ➡️ ใช้ Ryzen AI Max+ 395 (16-core/32-thread) ➡️ กราฟิก Radeon 8060S iGPU (RDNA 3.5) ➡️ ประสิทธิภาพใกล้เคียง RTX 4060 ➡️ คาดว่าเริ่มต้นที่ 32GB RAM / 1TB SSD ✅ ระบบควบคุมและดีไซน์ ➡️ TMR Joysticks ขนาดใหญ่ ➡️ Dual-Mode Triggers ปรับได้ ➡️ Layout คล้าย Xbox controller ✅ ระบบระบายความร้อนและแบตเตอรี่ ➡️ ใช้พัดลมคู่เพื่อจัดการความร้อน ➡️ แบตเตอรี่ built-in ขนาดใหญ่ ➡️ ไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้เหมือน GPD Win 5 ✅ สถานะการเปิดตัว ➡️ ยังไม่เปิดเผยราคาและวันวางจำหน่าย ➡️ คาดว่าจะอยู่ในช่วง $1500+ ➡️ เป็นรุ่นที่สามในตลาดที่ใช้ Ryzen AI Max+ 395 ‼️ คำเตือนสำหรับผู้สนใจ ⛔ ยังไม่มีข้อมูลเรื่องหน้าจอ เช่น ขนาด, รีเฟรชเรต, ความละเอียด ⛔ ไม่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ อาจกระทบการใช้งานระยะยาว ⛔ ราคาอาจสูงเกิน $1500 ซึ่งต้องพิจารณาคุ้มค่าต่อการใช้งาน https://wccftech.com/ayaneo-launches-next-2-a-powerful-windows-handheld-featuring-ryzen-ai-max-395/
    WCCFTECH.COM
    The First "Strix Halo" Handheld is Here: AYANEO NEXT 2 Uses AMD's Most Powerful APU Yet
    AYANEO has officially announced its NEXT 2 gaming handheld, featuring the most powerful AMD Strix Halo chip for terrific gaming performance.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผนสอยมังกร ตอนที่ 5 – 6
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง”แผนสอยมังกร”

    ตอน 5

    A2/AD หรือ anti access/area-denial เป็นยุทธศาสตร์ที่ใช้ในป้องกันประเทศจาก การรุกราน หรือรุกล้ำของศัตรู หรือสิ่งไม่พึงปรารถนา โดยการกำหนดเขต หรือบริเวณหวงห้าม ที่ต้องได้รับอนุญาต และแสดงตนก่อนเข้าเขต มิฉะนั้น เจ้าของเขตหวงห้ามหรือบริเวณ สามารถระงับการผ่านเข้าเขตได้ ด้วยกำลังอาวุธ ที่มีทั้งแบบใช้เดี่ยว และใช้เป็นระบบหลายประเภทร่วมกัน

    เมื่อมีข่าวออกมาประมาณปี ค.ศ.2012 ว่า จีนคิดใช้ยุทธศาสตร์นี้ แทบไม่มีใครสนใจไม่มีใครให้ราคา โดยเฉพาะอเมริกา เพราะการจะใช้ระบบ A2/AD ให้ได้ผลจริงๆ ต้องมีระบบ(อาวุธ)ป้องกันการละเมิด การรุกราน ครบชุด ทั้งใต้ดิน บนดิน บนฟ้า และต้องมีระบบนี้จำนวนมากพอ ถึงจะป้องกันได้จริงจัง ซึ่งอเมริกาคิดว่า จีนไม่มีทางทำได้สำเร็จ ไม่ว่าด้านความสามารถในการคิดค้นระบบ ความสามารถทางทหาร และความสามารถในงบประมาณ เพราะอเมริกา ประกาศเสมอว่า งบประมาณด้านความมั่นคงของอเมริกานั้น ก้อนใหญ่กว่าจีนหลายเท่านัก ขนาดนั้นยังไม่แน่ว่า อเมริกาจะมีระบบนี้ใช้ได้ครบเครื่อง

    เมื่อตอนที่อเมริกาและนาโต้ ขนโขยงทั้งทหารจริงและทหารรับจ้าง ไปบดขยี้กัดดาฟี่ที่ลิเบีย ในปี ค.ศ. 2011 นั้น ยังไม่มีใครใช้ระบบ A2/AD อย่างน้อย แถวนั้นก็ยังไม่มีใครใช้ ทำให้การขนพลขยี้โดยเรือรบ และเรือดำน้ำ ผ่านเข้าไปในลิเบีย จากฝั่งทะเลด้านเหนือของอาฟริกา รอดพ้นจากการต้อนรับ ด้วยเครื่องบินรบหรือจรวด ซึ่งจะมีพร้อมในระบบป้องกันของ A2/AD แต่วันฤกษ์สะดวกของเพชรฆาตเช่นวันนั้น สำหรับอเมริกา อาจจะไม่เกิดขึ้นง่ายๆ อย่างนั้นอีกแล้ว อย่างน้อยก็คงไม่ง่าย ถ้าอเมริกาคิดจะยกพลไปขยี้จีน เช่นเดียวกับที่ปฏิบัติการกับกัดดาฟี่
    ประมาณ 15 ปีมาแล้ว เมื่อตอนที่ประธานาธิบดีคลินตัน ขวัญใจเด็กฝึกงาน สั่งให้เรือรบ USS Independence กับเรือรบ USS Nimitz ขนกำลังทหาร ไปที่ช่องแคบไต้หวัน จ่อตรงหน้าประตูบ้านอาเฮีย เพื่อขู่ไม่ให้จีนมายุ่งกับไต้หวัน เรื่องแบบนี้คงมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดขึ้นอีก เพราะนับแต่วันที่จีนถูกอเมริกามาหยามถึงหน้าประตูบ้านเช่นนั้น จีนก็คร่ำเคร่ง ปรับปรุงระบบ A2/AD ของตนให้สมบูรณ์ขึ้นทุกวัน

    ข่าวว่า ขณะนี้ระบบ A2/AD ของจีน เมื่อใช้ร่วมกับระบบดาวเทียม ความแม่นยำในการสกัด สิ่งเล็ก สิ่งใหญ่ ที่จะเล็ดลอดผ่านเข้ามาในเขตแดนของจีน ไม่ว่าจะเป็นธิเบต ซินเจียง ช่องแคบไต้หวัน และบริเวณทะเลจีน ฯลฯ จีนบอกว่า “น่าจะใช้การได้นะ”

    ใช้ได้จริงหรือเปล่า และเชื่อได้แค่ไหน ผมคงตอบไม่ได้ แต่คนที่ดูเหมือนจะตอบได้ น่าจะเป็นไอ้สุดกร่าง CFR นั่นแหละ ที่เป็นคนประทับตรารับรองให้จีน ไม่งั้นคงไม่ออก ใบประกาศ ให้ไว้ในรายงาน Grand Strategy นั้นหรอก

    เรากลับไปดู Grand Strategy ของสุดกร่างกันอีกที เพื่อจะตรวจสอบ “อาการ” จริงของไอ้นักล่าใบตองแห้ง

    อย่างน้อยเกือบ 3 ปีมาแล้ว ที่มีข่าวในปี 2012 ว่าจีนใช้ระบบ A2/AD และนับตั้งแต่นั้น ยังไม่มีข่าวออกมาว่า อเมริกาจัดการถล่มระบบนี้ของจีนได้ ในทางตรงกันข้าม กลับมีข่าวว่า รัสเซีย และ จีน ได้ทดสอบการสยบการเคลื่อนไหว เครื่องบินรบ และเรือรบของอเมริกา ในน่านน้ำ และน่านฟ้า เขตของจีนและบริเวณรัสเซียอยู่หลายครั้ง และทุกครั้ง ฝ่ายอเมริกาจะออกมาให้ข่าวว่า เป็นเรื่องการปล่อยโคมลอยเสมอ แต่คราวนี้ สุดกร่างรับรองให้จีนเอง ในรายงาน Grand Strategy เตรียมพร้อมทั้งตัวเอง และลูกหาบให้รับมือกับระบบ A2/AD ของอาเฮีย !

    ตกลง Grand Strategy นี่มีเป้าหมายอะไรกันแน่ มัน Grand ตรงไหนนะ นอกจากหลอกด่าจีนและพวก จนหมดสีหมดไข่ไปแยะ อวดใหญ่คุยโว ว่ามีเด็กอยู่เต็มในกระเป๋า เดี๋ยวจะเอาของขวัญวันเด็ก แจกให้เด็กๆเอาไปเล่นกะอาเฮีย แต่ขณะเดียวกัน ก็บ่นว่ารัฐสภาต้องเพิ่มงบด้านความมั่นคงให้ อ้าว แล้วงี้จะเอาตังค์ที่ไหนไปซื้อของขวัญแจกเด็ก สงสัยเด็กๆ มีหวังได้ของขวัญ ประเภทเขาตัดค่าเสื่อมหมดแล้ว ถึงเอามาแจก มันดูเหมือนจะบรรยายความขัดกันเอง
    อเมริกาคิดอะไร จึงปล่อยให้ CFR ออกรายงานนี้ เนื้อความแบบนี้ มาในจังหวะช่วงเดือนกว่ามานี้

    แถมในตอนสรุป สุดกร่างบอกว่า เชื่อว่าผู้อ่านรายงานนี้ คงมีปฏิกิริยาต่างๆกัน หลายคนคงบอกว่า รายงานนี้จะเป็นการยั่วยุจีน สุดกร่างบอก จีนคงมีปฏกิริยาแน่ แต่ถึงมี ก็ไม่ได้ทำให้เราเปลี่ยนแปลงรายงาน หรือเปลี่ยนใจอะไร เพราะยังไงเราก็ต้องทำรายงานแบบนี้ และแนะนำให้ดำเนินการตามที่เราเสนออยู่ดี บางคนว่า เรามองจีนในแง่ร้ายไปหรือเปล่า ไม่เลย เราแน่ใจว่า เรามองอย่างตรงไปตรงมาที่สุด จากพฤติกรรมของจีนเอง นี่เรายังไม่ได้ใส่ลงไปนะ ว่าถ้าจีนเกิดเลียนแบบ พฤติกรรมของสหภาพโซเวียต ซึ่งเราคาดว่า จีนอาจจะทำ เรายิ่งต้องมองไปถึงเรื่องการปิดล้อมจีนเสียด้วยซ้ำ (containment) อย่านึกว่า ถ้าเราคิดปิดล้อมจีน จะไม่มีชาติเอเซียไม่เอาด้วยนะ และบางคนถามว่า รายงานนี้จะทำให้เกิดผลที่มีความหมายอะไรไหม (meaningful result) สุดกร่างบอก อย่าไปคิดเล้ย เป็นไปไม่ได้หรอก ตราบใดที่จีนคิดอยากเป็นขั้วอำนาจในเอเซียแทนที่อเมริกาอย่างนี้ มันจะมีผลมีดอกอะไรกัน

    สุดกร่างชักเบื่อ ถามทำไม คำถามพวกนี้ สิ่งที่สำคัญคือ จีนจะมีปฏิกิริยาตอบรับกับ Grand Strategy ของเรา อย่างไรมากกว่า … ใช่แล้ว อย่าว่าแต่เอ็งเลย ไอ้กร่าง ผมก็อยากรู้

    สุดกร่าง ยังกร่างไม่หยุด ผมต้องยอมมัน มันขอแถมท้ายว่า เรื่องทั้งหมด ก็ขึ้นอยู่กับท่านประธานาธิบดีโอบามานั่นแหละครับ ท่านโอ ท่านดำเนินนโยบายแบบเมตตาต่อจีน มาตลอด เพราะท่านโอ รวมทั้งรัฐบาลก่อนๆ วิเคราะห์จีนผิดหมด ไปมองว่าจีนคิดแต่ค้าขาย ไม่ได้เฉลียวฉลาดมองว่า ที่แท้จีนกำลังวัดรอยเท้าท่านอย่างใกล้ชิด กะจะใส่รองเท้าเบอร์เดียว แบบเดียวกะท่านเลย แล้วทีมงานของท่านโอ ก็ดีแต่คิดนโยบายที่จะร่วมมือกับจีน แทนที่จะคิดนโยบายขวางกั้น มาถึงตอนนี้ ก็ต้องวัดขนาดของหัวใจของท่านโอแล้วละครับว่า อเมริกาคิดจะเล่นการเมืองระดับโลกกับจีนแบบไหน มีความกล้าที่จะปกป้องผลประโยชน์ของอเมริกาขนาดไหน
    แม่จ้าวโว้ย ต้องยอมรับว่า สุดกร่างมันใหญ่จริง มันคือตัวจริงเสียงจริง ของไอ้นักล่าใบตองแห้งเลย ไม่ใช่เป็นแค่ผู้ต้องสงสัย

    #####
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง”แผนสอยมังกร”

    ตอน 6 (จบ)
    (โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน)

    ลองไล่เรียงดูไทม์ไลน์ รายงาน Grand Strategy เขียนเสร็จ เมื่อปลายเดือนมีนาคม กลางเดือนเมษายน ปล่อยเอกสารออกมาให้อ่าน เวลาผ่านไปไม่ถึงเดือน Wall Sreet Journal ลงข่าวเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ว่า นาย Ash Carter รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ของนักล่าใบตองแห้ง แต่มาดออกไปทางเสมียน เตรียมเสนอให้กองทัพของอเมริกาใช้เรือรบ และเครื่องบินรบ ไปสำแดงแสนยานุภาพ ในแถบทะเลจีนที่มีข้อพิพาท เพื่อแสดงให้โลกเห็นว่า ต้องมีเสรีภาพในการเดินเรือในแถบนั้น ข้อเสนอ ของพณท่านรัฐมนตรีมาดเสมียน เป็นไปตามข้อเสนอ 1 ใน 8 ข้อ ของ Grand Strategy

    แปลว่า อเมริกาน่าจะเห็นด้วย และเอาจริงกับแผนตาม Grand Strategy

    อเมริกาเอาจริงขนาดไหนล่ะ

    ตอนนี้ขนาดหัวใจของนายโอบามาใหญ่กว่าปากแล้วใช่ไหม ถ้าคิดแบบนั้นแปลว่าไม่รู้จักอเมริกาจริง ขนาดหัวใจของนายโอบามาใหญ่กว่าปากมาตั้งแต่ต้น อาจจะตั้งแต่วันรับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก มันถึงเล่นบทได้เนียน

    อเมริกา “พร้อมรบ ” จีนและพวก แน่นอนครับ เพียงแต่จะรบอย่างไร และเมื่อไหร่เท่านั้น

    อเมริกาจะไม่มีวันยอมเสียตำแหน่งมหาอำนาจหมายเลขหนึ่งของโลกให้แก่จีนอย่างเด็ดขาด ความคิดของอเมริกาวันนี้ ไม่ได้ต่างอะไรกับความคิดของอังกฤษเมื่อ 100 ปีก่อน ที่อังกฤษกลัวเยอรมันโตแซงหน้า และขึ้นมาเป็นหมายเลขหนึ่งของโลกแทน แม้ตอนนั้นอังกฤษจะกระเป๋าแห้ง ซึ่งก็ไม่ต่างกับอเมริกาตอนนี้ ที่เศรษฐกิจก็กำลังถลาลง ถูกคู่แข่ง ไล่ตี ไล่ต้อนดอลล่าร์สาระพัดรูปแบบ
    Grand Strategy ไม่ได้เขียนให้นายโอบามาอ่าน Grand Strategy เขียนให้จีน พวกจีน และชาวโลกอย่างเราๆอ่าน ให้รู้ว่า อเมริกาคิดอย่างไรกับจีน และคิดจะจัดการอย่างไรกับจีน อเมริการังเกียจ อิจฉา ดูถูกจีน เหมือนกับอังกฤษมองเยอรมันและรัสเซียเมื่อ 100 ปีก่อนยังไง (และตอนนี้ก็ยังมองอย่างนั้นอยู่ ) ก็เช่นเดียวกันกับที่อเมริกามองจีนตอนนี้ และอีก 100 ปีข้างหน้า อเมริกา ก็คงไม่เปลี่ยนการมองจีน อเมริกามองจีนว่า ไม่เท่าเทียมกับอเมริกาเสียด้วยซ้ำ แล้วจะยอมให้จีนเป็นมังกรลอยละล่องอยู่บนฟ้า เหนือกว่าอินทรีย์ได้อย่างไร

    และอย่าลืมว่า Grand Strategy เขียนโดยถังขยะความคิด CFR ซึ่งเป็นผลผลิต ของกลุ่มผู้สร้างละครลวงโลก ต้มข้ามศตวรรษ

    นายโอบามา ก็ไม่ต่างกับประธานาธิบดีวิลสันของอเมริกา เมื่อปี ค.ศ.1917 ที่เล่นบทเป็นผู้รักสันติภาพ ไม่พาประเทศเข้าสู่สงคราม ขณะเดียวกัน เมื่อถึงเวลาอัน “เหมาะสม” อเมริกา ก็พร้อมที่จะประกาศสงคราม

    สงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษเป็นผู้นำ เยอรมันเป็นผู้ร้าย อเมริกาเป็นพระเอก ยิวเป็นตัวกระตุ้น รัสเซีย ออตโตมานเป็นเหยื่ออันดับ 1 ยุโรปเป็นเหยื่ออันดับ 2

    สงครามโลกครั้งที่ 2 อังกฤษเป็นผู้นำ เยอรมันเป็นผู้ร้ายอันดับ 1 ญี่ปุ่น(พร้อมใจรับบท) เป็นผู้ร้ายอันดับ 2 อเมริกาเป็นพระเอกตลอดกาล ยิวเป็นตัวกระตุ้น รัสเซียเป็นเหยื่อตลอดกาลอันดับ 1 ยุโรป เป็นเหยื่ออันดับ 2

    สงครามโลกครั้งที่ 3 !?! จะหน้าตาเป็นอย่างไร ใครจะเป็นผู้นำ ใครจะเป็นผู้ร้าย ใครจะเป็นพระเอก ใครจะเป็นเหยื่อ

    อเมริกา “พร้อมรบ” กับจีน แต่อเมริกาจะรบกับจีนอย่างไร

    Major Christopher J McCarthy แห่งกองทัพอากาศ ได้เขียนบทความเรื่อง Anti-Acess/Area Denial : The Evolution of Modern Warfare ซึ่งระบุไว้ตอนหนึ่งว่า
    จีนวางยุทธศาสตร์ A2/AD ได้เข้าท่ามาก ด้วยการดักทางอเมริกา ตั้งแต่โอกินาวาถึงกวม จีนมีจรวดพิสัยใกล้ และกลาง สำหรับระงับการยกพลมาจากโอกินาวา และจากการศึกษาของฝ่ายอเมริกา ล่าสุดบอกว่า จรวดสกัดสำหรับระยะทางยาวถึงกวม ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับจีนเช่นกัน แต่สำหรับอเมริกา ซึ่งถนัดในการใช้ยุทธศาสตร์ Air Sea Battle เคลื่อนกำลังทางเรือและโจมตีทางเครื่องบิน ถ้าอเมริกา ไม่สามารถใช้ฐานทัพที่โอกินาวา การเคลื่อนพลจากกวม ซึ่งเป็นฐานใหญ่ที่สุดของอเมริกาในแปซิฟิก เพื่อมาต่อสู้กับจีน ก็น่าจะมีปัญหาเช่นกัน เนื่องจากกวมต้องได้รับกำลังสนับสนุนจากโอกินาวาด้วย แปลว่าระบบ A2/AD ในปัจจุบันของจีน น่าจะสามารถสะกัดการเคลื่อนพลของอเมริกามาสู่จีน ทางแปซิฟิกได้เรียบร้อยแล้ว

    ตัวช่วยที่อเมริกาเคยเลือกไว้ และแน่ใจว่าอยู่ในกระเป๋าอเมริกามาตลอดเวลา คือ ไทยแลนด์ นี่แหละ ที่อเมริกาจะใช้เป็นฐานส่งกำลังพล และกำลังบำรุง ที่อเมริกาจะเคลื่อนมาไม่ว่าจากด้านแปซิฟิก หรือจากด้านมหาสมุทรอินเดีย อเมริกาจึงต้องจับมืออินเดียไว้ให้แน่นเช่นกัน แต่วันนี้ สัมพันธ์ไทย-อเมริกาไม่เหมือนเดิม แผนอเมริกาที่จะใช้ไทย จะเหมือนเดิมหรือไม่ และถ้าใช้ไม่ได้อเมริกาจะ “จัดการ” กับไทยอย่างไร (ไทยจะอยู่ในสถานะลำบาก ยอมอเมริกา ก็เจอ A2/AD จากจีน ไม่ยอมอเมริกา ก็คงจะได้รับของขวัญบ่อยๆ)

    ถ้าเป็นเช่นนั้น อเมริกา จะ “พร้อมรบ” จีนได้อย่างไร ถ้าเคลื่อนพลมาจากแปซิฟิกไม่สำเร็จ

    อเมริกาก็คงใช้ยุทธศาสตร์ หรือน่าจะเรียกว่า อุบาย หรือนิสัยเดิมๆ คือ ไม่มีตอนไหนที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ ได้ดีกว่า ตอนที่คู่ต่อสู่น่วม ใกล้เละแล้ว

    ขนาดจะเคลื่อนพลไปชิดจีน อเมริกายังทำยากเลย แล้วจะทำให้จีนน่วมได้อย่างไร

    Grand Strategy บอกใบ้ไว้แล้ว อเมริกาคงพยายามทำให้เอเซียวุ่นวาย และฉิบหายในที่สุด เพื่อสร้างความปั่นป่วนต่อจีนจากด้านนอก จีนใหญ่เกินไปและเข้าไปข้างในจีนยาก แต่ไม่ได้หมายความว่า สร้างความปั่นป่วนจากข้างนอกไม่ได้ และแน่นอน ญี่ปุ่น เกาหลี ฟิลิปปินส์ เวียตนาม คงจะรับบทนักป่วนแถวทะเลจีน ส่วนเด็กๆ ที่เหลือ ก็ป่วนมันรอบเอเซีย จากของขวัญวันเด็ก ที่อเมริกาจะทุ่มให้
    และจะต้องจับตา ออสเตรเลีย มาเลเซีย และทางทางภาคใต้ของเราเป็นพิเศษ ถ้าอเมริกาใช้เส้นทางแปซิฟิกไม่ได้ เส้นทางมหาสมุทรอินเดีย ก็เป็นทางเลือก และอเมริกาคงพยายามคุมช่องแคบมะละกา เพื่อใช้คุมเส้นทางเดินเรือของจีน และใช้เป็นเส้นทางของตนเอง แม้มาเลเซียจะไม่รักกับอเมริกานัก แต่มาเลเซียก็คงถูกนายท่านสั่งให้อยู่ในแถว และภาคใต้ของเราก็คงน่าเป็นห่วงตามไปด้วย ข่าวเรือรบของอเมริกาเคลื่อนตัวแถวแปซิฟิก ตั้งแต่เหนือลงใต้ ในทะเลจีน และทางมหาสมุทรอินเดีย จะเป็นข่าวที่เราจะได้ยินเกือบทุกวันจากนี้ไป และถ้าเป็นเช่นนั้น ก็หมายความว่า อเมริกา “ยกระดับ” ความพร้อมรบกับจีนขึ้นอีก

    แต่ทั้งนี้ รายการป่วนเอเซียของอเมริกา จะออกหัว ออกก้อย ก็ขึ้นกับจีนและพวกว่า จีนจะใช้ยุทธศาสตร์ใดรับมือ ซึ่งมีทั้งยุทธศาสตร์ที่ระงับความร้อนแรง และยุทธศาสตร์ที่เร่งความร้อน จนกลายเป็นสงครามโลก เห็นได้จาก Grand Strategy ว่า อเมริกาพยายามยั่วยุจีน เพื่อให้ฝ่ายจีนเป็นผู้เริ่มออกอาการ ออกอาวุธ และอเมริกาจะได้เล่นบทพระเอก ไม่ต่างกับบทการเล่นสงครามของอเมริกา ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2

    การเตรียมรบของอเมริกา มิได้มีเพียงเท่านี้ นี่เป็นการโหมโรงเท่านั้น

    อเมริกาเชื่อว่า จีนไม่รบเดี่ยวแน่นอน จีนก็มีเพื่อน และเพื่อนจีนไม่ใช่ระดับลูกหาบ หรือเด็กถือกระเป๋า เพื่อนของจีนระดับรุ่นใหญ่พิษลึกอย่างรัสเซีย หรือระดับพิษร้ายอิหร่าน หรือรุ่นเล็กแต่พิษแรง ชนิดอเมริกาก็แหยงอย่างเกาหลีเหนือ และตุรกีที่เลิกเล่นไต่ลวดแล้ว น่าจะทำให้อเมริกาสะเทือนได้เมื่อมีความพร้อม ถ้าเพื่อนของจีนพร้อมจะยืนเรียงแถวไล่ไปเป็นเส้นยาว ตั้งแต่เอเซีย ตะวันออกกลาง และยุโรป ทำให้อเมริกาก็ต้องคิดหนัก จะเลือกยุทธศาสตร์ไหนมาใช้

    อเมริกาอาจจะใช้แยกส่วน แยกซอย ใช้ยุทธศาสตร์ป่วน เล่นเกมยาว เช่นเดียวกันกับเอเซีย เป็นการซื้อเวลา และดูรูปมวยไปก่อน สำหรับรัสเซีย ก็ยกให้นาโต้กับประเทศที่อเมริกาบีบไข่ได้ ไปแหย่รัสเซียให้คุณพี่ปูเหนื่อ ยเหงื่อตก ทั้งที่หิมะยังขาวโพลน ตะวันออกกลางง่ายมาก ยุให้เจ้าของปั้มตีกันเอง อิหร่าน และตรุกี จะได้ไม่มีเวลาหันไปทางจีน ส่วนเกาหลีเหนือ อเมริกามอบแล้วให้เป็นภาระของเกาหลีใต้กับญี่ปุ่น ระหว่างนี้ก็ใช้สีเทใส่ สร้างข่าวให้เป็นตัวร้ายไปเรื่อยๆ
    ถ้าอเมริกาเลือกยุทธศาสตร์ป่วน ก็เหนื่อยกันไปทั้งโลก ขึ้นอยู่กับว่า ฝ่ายไหนจะอึดกว่ากัน ฝ่ายไหนออกอาการอึดไม่อยู่ การส่งเห็ดพิษให้กินก็คงเกิดขึ้น แล้วก็ฉิบหายกันเป็นแถบๆ

    แต่แผนทำให้จีนน่วมของอเมริกา คงไม่มีแค่การป่วน บอกแล้วว่าอเมริกาใกล้จะเป็นพระเจ้าอยู่แล้ว สั่งให้แผ่นดินไหว น้ำท่วม ทำได้หมด การทำให้จีนน่วมแบบนั้นแหละ คือ fundermental collapse อย่างแท้จริง จีนจะรับมือกับการรบนอกรูปแบบเช่นนี้ได้หรือไม่
    หรือไม่แน่ว่า จีนก็สั่งให้ภูเขาเคลื่อนที่ ไฟปะทุได้เหมือนกัน

    ถึงตอนนั้น บุญกุศลเท่านั้นกระมังที่จะคุ้มโลกและเราได้

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    16 พ.ค. 2558
    แผนสอยมังกร ตอนที่ 5 – 6 นิทานเรื่องจริง เรื่อง”แผนสอยมังกร” ตอน 5 A2/AD หรือ anti access/area-denial เป็นยุทธศาสตร์ที่ใช้ในป้องกันประเทศจาก การรุกราน หรือรุกล้ำของศัตรู หรือสิ่งไม่พึงปรารถนา โดยการกำหนดเขต หรือบริเวณหวงห้าม ที่ต้องได้รับอนุญาต และแสดงตนก่อนเข้าเขต มิฉะนั้น เจ้าของเขตหวงห้ามหรือบริเวณ สามารถระงับการผ่านเข้าเขตได้ ด้วยกำลังอาวุธ ที่มีทั้งแบบใช้เดี่ยว และใช้เป็นระบบหลายประเภทร่วมกัน เมื่อมีข่าวออกมาประมาณปี ค.ศ.2012 ว่า จีนคิดใช้ยุทธศาสตร์นี้ แทบไม่มีใครสนใจไม่มีใครให้ราคา โดยเฉพาะอเมริกา เพราะการจะใช้ระบบ A2/AD ให้ได้ผลจริงๆ ต้องมีระบบ(อาวุธ)ป้องกันการละเมิด การรุกราน ครบชุด ทั้งใต้ดิน บนดิน บนฟ้า และต้องมีระบบนี้จำนวนมากพอ ถึงจะป้องกันได้จริงจัง ซึ่งอเมริกาคิดว่า จีนไม่มีทางทำได้สำเร็จ ไม่ว่าด้านความสามารถในการคิดค้นระบบ ความสามารถทางทหาร และความสามารถในงบประมาณ เพราะอเมริกา ประกาศเสมอว่า งบประมาณด้านความมั่นคงของอเมริกานั้น ก้อนใหญ่กว่าจีนหลายเท่านัก ขนาดนั้นยังไม่แน่ว่า อเมริกาจะมีระบบนี้ใช้ได้ครบเครื่อง เมื่อตอนที่อเมริกาและนาโต้ ขนโขยงทั้งทหารจริงและทหารรับจ้าง ไปบดขยี้กัดดาฟี่ที่ลิเบีย ในปี ค.ศ. 2011 นั้น ยังไม่มีใครใช้ระบบ A2/AD อย่างน้อย แถวนั้นก็ยังไม่มีใครใช้ ทำให้การขนพลขยี้โดยเรือรบ และเรือดำน้ำ ผ่านเข้าไปในลิเบีย จากฝั่งทะเลด้านเหนือของอาฟริกา รอดพ้นจากการต้อนรับ ด้วยเครื่องบินรบหรือจรวด ซึ่งจะมีพร้อมในระบบป้องกันของ A2/AD แต่วันฤกษ์สะดวกของเพชรฆาตเช่นวันนั้น สำหรับอเมริกา อาจจะไม่เกิดขึ้นง่ายๆ อย่างนั้นอีกแล้ว อย่างน้อยก็คงไม่ง่าย ถ้าอเมริกาคิดจะยกพลไปขยี้จีน เช่นเดียวกับที่ปฏิบัติการกับกัดดาฟี่ ประมาณ 15 ปีมาแล้ว เมื่อตอนที่ประธานาธิบดีคลินตัน ขวัญใจเด็กฝึกงาน สั่งให้เรือรบ USS Independence กับเรือรบ USS Nimitz ขนกำลังทหาร ไปที่ช่องแคบไต้หวัน จ่อตรงหน้าประตูบ้านอาเฮีย เพื่อขู่ไม่ให้จีนมายุ่งกับไต้หวัน เรื่องแบบนี้คงมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดขึ้นอีก เพราะนับแต่วันที่จีนถูกอเมริกามาหยามถึงหน้าประตูบ้านเช่นนั้น จีนก็คร่ำเคร่ง ปรับปรุงระบบ A2/AD ของตนให้สมบูรณ์ขึ้นทุกวัน ข่าวว่า ขณะนี้ระบบ A2/AD ของจีน เมื่อใช้ร่วมกับระบบดาวเทียม ความแม่นยำในการสกัด สิ่งเล็ก สิ่งใหญ่ ที่จะเล็ดลอดผ่านเข้ามาในเขตแดนของจีน ไม่ว่าจะเป็นธิเบต ซินเจียง ช่องแคบไต้หวัน และบริเวณทะเลจีน ฯลฯ จีนบอกว่า “น่าจะใช้การได้นะ” ใช้ได้จริงหรือเปล่า และเชื่อได้แค่ไหน ผมคงตอบไม่ได้ แต่คนที่ดูเหมือนจะตอบได้ น่าจะเป็นไอ้สุดกร่าง CFR นั่นแหละ ที่เป็นคนประทับตรารับรองให้จีน ไม่งั้นคงไม่ออก ใบประกาศ ให้ไว้ในรายงาน Grand Strategy นั้นหรอก เรากลับไปดู Grand Strategy ของสุดกร่างกันอีกที เพื่อจะตรวจสอบ “อาการ” จริงของไอ้นักล่าใบตองแห้ง อย่างน้อยเกือบ 3 ปีมาแล้ว ที่มีข่าวในปี 2012 ว่าจีนใช้ระบบ A2/AD และนับตั้งแต่นั้น ยังไม่มีข่าวออกมาว่า อเมริกาจัดการถล่มระบบนี้ของจีนได้ ในทางตรงกันข้าม กลับมีข่าวว่า รัสเซีย และ จีน ได้ทดสอบการสยบการเคลื่อนไหว เครื่องบินรบ และเรือรบของอเมริกา ในน่านน้ำ และน่านฟ้า เขตของจีนและบริเวณรัสเซียอยู่หลายครั้ง และทุกครั้ง ฝ่ายอเมริกาจะออกมาให้ข่าวว่า เป็นเรื่องการปล่อยโคมลอยเสมอ แต่คราวนี้ สุดกร่างรับรองให้จีนเอง ในรายงาน Grand Strategy เตรียมพร้อมทั้งตัวเอง และลูกหาบให้รับมือกับระบบ A2/AD ของอาเฮีย ! ตกลง Grand Strategy นี่มีเป้าหมายอะไรกันแน่ มัน Grand ตรงไหนนะ นอกจากหลอกด่าจีนและพวก จนหมดสีหมดไข่ไปแยะ อวดใหญ่คุยโว ว่ามีเด็กอยู่เต็มในกระเป๋า เดี๋ยวจะเอาของขวัญวันเด็ก แจกให้เด็กๆเอาไปเล่นกะอาเฮีย แต่ขณะเดียวกัน ก็บ่นว่ารัฐสภาต้องเพิ่มงบด้านความมั่นคงให้ อ้าว แล้วงี้จะเอาตังค์ที่ไหนไปซื้อของขวัญแจกเด็ก สงสัยเด็กๆ มีหวังได้ของขวัญ ประเภทเขาตัดค่าเสื่อมหมดแล้ว ถึงเอามาแจก มันดูเหมือนจะบรรยายความขัดกันเอง อเมริกาคิดอะไร จึงปล่อยให้ CFR ออกรายงานนี้ เนื้อความแบบนี้ มาในจังหวะช่วงเดือนกว่ามานี้ แถมในตอนสรุป สุดกร่างบอกว่า เชื่อว่าผู้อ่านรายงานนี้ คงมีปฏิกิริยาต่างๆกัน หลายคนคงบอกว่า รายงานนี้จะเป็นการยั่วยุจีน สุดกร่างบอก จีนคงมีปฏกิริยาแน่ แต่ถึงมี ก็ไม่ได้ทำให้เราเปลี่ยนแปลงรายงาน หรือเปลี่ยนใจอะไร เพราะยังไงเราก็ต้องทำรายงานแบบนี้ และแนะนำให้ดำเนินการตามที่เราเสนออยู่ดี บางคนว่า เรามองจีนในแง่ร้ายไปหรือเปล่า ไม่เลย เราแน่ใจว่า เรามองอย่างตรงไปตรงมาที่สุด จากพฤติกรรมของจีนเอง นี่เรายังไม่ได้ใส่ลงไปนะ ว่าถ้าจีนเกิดเลียนแบบ พฤติกรรมของสหภาพโซเวียต ซึ่งเราคาดว่า จีนอาจจะทำ เรายิ่งต้องมองไปถึงเรื่องการปิดล้อมจีนเสียด้วยซ้ำ (containment) อย่านึกว่า ถ้าเราคิดปิดล้อมจีน จะไม่มีชาติเอเซียไม่เอาด้วยนะ และบางคนถามว่า รายงานนี้จะทำให้เกิดผลที่มีความหมายอะไรไหม (meaningful result) สุดกร่างบอก อย่าไปคิดเล้ย เป็นไปไม่ได้หรอก ตราบใดที่จีนคิดอยากเป็นขั้วอำนาจในเอเซียแทนที่อเมริกาอย่างนี้ มันจะมีผลมีดอกอะไรกัน สุดกร่างชักเบื่อ ถามทำไม คำถามพวกนี้ สิ่งที่สำคัญคือ จีนจะมีปฏิกิริยาตอบรับกับ Grand Strategy ของเรา อย่างไรมากกว่า … ใช่แล้ว อย่าว่าแต่เอ็งเลย ไอ้กร่าง ผมก็อยากรู้ สุดกร่าง ยังกร่างไม่หยุด ผมต้องยอมมัน มันขอแถมท้ายว่า เรื่องทั้งหมด ก็ขึ้นอยู่กับท่านประธานาธิบดีโอบามานั่นแหละครับ ท่านโอ ท่านดำเนินนโยบายแบบเมตตาต่อจีน มาตลอด เพราะท่านโอ รวมทั้งรัฐบาลก่อนๆ วิเคราะห์จีนผิดหมด ไปมองว่าจีนคิดแต่ค้าขาย ไม่ได้เฉลียวฉลาดมองว่า ที่แท้จีนกำลังวัดรอยเท้าท่านอย่างใกล้ชิด กะจะใส่รองเท้าเบอร์เดียว แบบเดียวกะท่านเลย แล้วทีมงานของท่านโอ ก็ดีแต่คิดนโยบายที่จะร่วมมือกับจีน แทนที่จะคิดนโยบายขวางกั้น มาถึงตอนนี้ ก็ต้องวัดขนาดของหัวใจของท่านโอแล้วละครับว่า อเมริกาคิดจะเล่นการเมืองระดับโลกกับจีนแบบไหน มีความกล้าที่จะปกป้องผลประโยชน์ของอเมริกาขนาดไหน แม่จ้าวโว้ย ต้องยอมรับว่า สุดกร่างมันใหญ่จริง มันคือตัวจริงเสียงจริง ของไอ้นักล่าใบตองแห้งเลย ไม่ใช่เป็นแค่ผู้ต้องสงสัย ##### นิทานเรื่องจริง เรื่อง”แผนสอยมังกร” ตอน 6 (จบ) (โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน) ลองไล่เรียงดูไทม์ไลน์ รายงาน Grand Strategy เขียนเสร็จ เมื่อปลายเดือนมีนาคม กลางเดือนเมษายน ปล่อยเอกสารออกมาให้อ่าน เวลาผ่านไปไม่ถึงเดือน Wall Sreet Journal ลงข่าวเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ว่า นาย Ash Carter รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ของนักล่าใบตองแห้ง แต่มาดออกไปทางเสมียน เตรียมเสนอให้กองทัพของอเมริกาใช้เรือรบ และเครื่องบินรบ ไปสำแดงแสนยานุภาพ ในแถบทะเลจีนที่มีข้อพิพาท เพื่อแสดงให้โลกเห็นว่า ต้องมีเสรีภาพในการเดินเรือในแถบนั้น ข้อเสนอ ของพณท่านรัฐมนตรีมาดเสมียน เป็นไปตามข้อเสนอ 1 ใน 8 ข้อ ของ Grand Strategy แปลว่า อเมริกาน่าจะเห็นด้วย และเอาจริงกับแผนตาม Grand Strategy อเมริกาเอาจริงขนาดไหนล่ะ ตอนนี้ขนาดหัวใจของนายโอบามาใหญ่กว่าปากแล้วใช่ไหม ถ้าคิดแบบนั้นแปลว่าไม่รู้จักอเมริกาจริง ขนาดหัวใจของนายโอบามาใหญ่กว่าปากมาตั้งแต่ต้น อาจจะตั้งแต่วันรับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก มันถึงเล่นบทได้เนียน อเมริกา “พร้อมรบ ” จีนและพวก แน่นอนครับ เพียงแต่จะรบอย่างไร และเมื่อไหร่เท่านั้น อเมริกาจะไม่มีวันยอมเสียตำแหน่งมหาอำนาจหมายเลขหนึ่งของโลกให้แก่จีนอย่างเด็ดขาด ความคิดของอเมริกาวันนี้ ไม่ได้ต่างอะไรกับความคิดของอังกฤษเมื่อ 100 ปีก่อน ที่อังกฤษกลัวเยอรมันโตแซงหน้า และขึ้นมาเป็นหมายเลขหนึ่งของโลกแทน แม้ตอนนั้นอังกฤษจะกระเป๋าแห้ง ซึ่งก็ไม่ต่างกับอเมริกาตอนนี้ ที่เศรษฐกิจก็กำลังถลาลง ถูกคู่แข่ง ไล่ตี ไล่ต้อนดอลล่าร์สาระพัดรูปแบบ Grand Strategy ไม่ได้เขียนให้นายโอบามาอ่าน Grand Strategy เขียนให้จีน พวกจีน และชาวโลกอย่างเราๆอ่าน ให้รู้ว่า อเมริกาคิดอย่างไรกับจีน และคิดจะจัดการอย่างไรกับจีน อเมริการังเกียจ อิจฉา ดูถูกจีน เหมือนกับอังกฤษมองเยอรมันและรัสเซียเมื่อ 100 ปีก่อนยังไง (และตอนนี้ก็ยังมองอย่างนั้นอยู่ ) ก็เช่นเดียวกันกับที่อเมริกามองจีนตอนนี้ และอีก 100 ปีข้างหน้า อเมริกา ก็คงไม่เปลี่ยนการมองจีน อเมริกามองจีนว่า ไม่เท่าเทียมกับอเมริกาเสียด้วยซ้ำ แล้วจะยอมให้จีนเป็นมังกรลอยละล่องอยู่บนฟ้า เหนือกว่าอินทรีย์ได้อย่างไร และอย่าลืมว่า Grand Strategy เขียนโดยถังขยะความคิด CFR ซึ่งเป็นผลผลิต ของกลุ่มผู้สร้างละครลวงโลก ต้มข้ามศตวรรษ นายโอบามา ก็ไม่ต่างกับประธานาธิบดีวิลสันของอเมริกา เมื่อปี ค.ศ.1917 ที่เล่นบทเป็นผู้รักสันติภาพ ไม่พาประเทศเข้าสู่สงคราม ขณะเดียวกัน เมื่อถึงเวลาอัน “เหมาะสม” อเมริกา ก็พร้อมที่จะประกาศสงคราม สงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษเป็นผู้นำ เยอรมันเป็นผู้ร้าย อเมริกาเป็นพระเอก ยิวเป็นตัวกระตุ้น รัสเซีย ออตโตมานเป็นเหยื่ออันดับ 1 ยุโรปเป็นเหยื่ออันดับ 2 สงครามโลกครั้งที่ 2 อังกฤษเป็นผู้นำ เยอรมันเป็นผู้ร้ายอันดับ 1 ญี่ปุ่น(พร้อมใจรับบท) เป็นผู้ร้ายอันดับ 2 อเมริกาเป็นพระเอกตลอดกาล ยิวเป็นตัวกระตุ้น รัสเซียเป็นเหยื่อตลอดกาลอันดับ 1 ยุโรป เป็นเหยื่ออันดับ 2 สงครามโลกครั้งที่ 3 !?! จะหน้าตาเป็นอย่างไร ใครจะเป็นผู้นำ ใครจะเป็นผู้ร้าย ใครจะเป็นพระเอก ใครจะเป็นเหยื่อ อเมริกา “พร้อมรบ” กับจีน แต่อเมริกาจะรบกับจีนอย่างไร Major Christopher J McCarthy แห่งกองทัพอากาศ ได้เขียนบทความเรื่อง Anti-Acess/Area Denial : The Evolution of Modern Warfare ซึ่งระบุไว้ตอนหนึ่งว่า จีนวางยุทธศาสตร์ A2/AD ได้เข้าท่ามาก ด้วยการดักทางอเมริกา ตั้งแต่โอกินาวาถึงกวม จีนมีจรวดพิสัยใกล้ และกลาง สำหรับระงับการยกพลมาจากโอกินาวา และจากการศึกษาของฝ่ายอเมริกา ล่าสุดบอกว่า จรวดสกัดสำหรับระยะทางยาวถึงกวม ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับจีนเช่นกัน แต่สำหรับอเมริกา ซึ่งถนัดในการใช้ยุทธศาสตร์ Air Sea Battle เคลื่อนกำลังทางเรือและโจมตีทางเครื่องบิน ถ้าอเมริกา ไม่สามารถใช้ฐานทัพที่โอกินาวา การเคลื่อนพลจากกวม ซึ่งเป็นฐานใหญ่ที่สุดของอเมริกาในแปซิฟิก เพื่อมาต่อสู้กับจีน ก็น่าจะมีปัญหาเช่นกัน เนื่องจากกวมต้องได้รับกำลังสนับสนุนจากโอกินาวาด้วย แปลว่าระบบ A2/AD ในปัจจุบันของจีน น่าจะสามารถสะกัดการเคลื่อนพลของอเมริกามาสู่จีน ทางแปซิฟิกได้เรียบร้อยแล้ว ตัวช่วยที่อเมริกาเคยเลือกไว้ และแน่ใจว่าอยู่ในกระเป๋าอเมริกามาตลอดเวลา คือ ไทยแลนด์ นี่แหละ ที่อเมริกาจะใช้เป็นฐานส่งกำลังพล และกำลังบำรุง ที่อเมริกาจะเคลื่อนมาไม่ว่าจากด้านแปซิฟิก หรือจากด้านมหาสมุทรอินเดีย อเมริกาจึงต้องจับมืออินเดียไว้ให้แน่นเช่นกัน แต่วันนี้ สัมพันธ์ไทย-อเมริกาไม่เหมือนเดิม แผนอเมริกาที่จะใช้ไทย จะเหมือนเดิมหรือไม่ และถ้าใช้ไม่ได้อเมริกาจะ “จัดการ” กับไทยอย่างไร (ไทยจะอยู่ในสถานะลำบาก ยอมอเมริกา ก็เจอ A2/AD จากจีน ไม่ยอมอเมริกา ก็คงจะได้รับของขวัญบ่อยๆ) ถ้าเป็นเช่นนั้น อเมริกา จะ “พร้อมรบ” จีนได้อย่างไร ถ้าเคลื่อนพลมาจากแปซิฟิกไม่สำเร็จ อเมริกาก็คงใช้ยุทธศาสตร์ หรือน่าจะเรียกว่า อุบาย หรือนิสัยเดิมๆ คือ ไม่มีตอนไหนที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ ได้ดีกว่า ตอนที่คู่ต่อสู่น่วม ใกล้เละแล้ว ขนาดจะเคลื่อนพลไปชิดจีน อเมริกายังทำยากเลย แล้วจะทำให้จีนน่วมได้อย่างไร Grand Strategy บอกใบ้ไว้แล้ว อเมริกาคงพยายามทำให้เอเซียวุ่นวาย และฉิบหายในที่สุด เพื่อสร้างความปั่นป่วนต่อจีนจากด้านนอก จีนใหญ่เกินไปและเข้าไปข้างในจีนยาก แต่ไม่ได้หมายความว่า สร้างความปั่นป่วนจากข้างนอกไม่ได้ และแน่นอน ญี่ปุ่น เกาหลี ฟิลิปปินส์ เวียตนาม คงจะรับบทนักป่วนแถวทะเลจีน ส่วนเด็กๆ ที่เหลือ ก็ป่วนมันรอบเอเซีย จากของขวัญวันเด็ก ที่อเมริกาจะทุ่มให้ และจะต้องจับตา ออสเตรเลีย มาเลเซีย และทางทางภาคใต้ของเราเป็นพิเศษ ถ้าอเมริกาใช้เส้นทางแปซิฟิกไม่ได้ เส้นทางมหาสมุทรอินเดีย ก็เป็นทางเลือก และอเมริกาคงพยายามคุมช่องแคบมะละกา เพื่อใช้คุมเส้นทางเดินเรือของจีน และใช้เป็นเส้นทางของตนเอง แม้มาเลเซียจะไม่รักกับอเมริกานัก แต่มาเลเซียก็คงถูกนายท่านสั่งให้อยู่ในแถว และภาคใต้ของเราก็คงน่าเป็นห่วงตามไปด้วย ข่าวเรือรบของอเมริกาเคลื่อนตัวแถวแปซิฟิก ตั้งแต่เหนือลงใต้ ในทะเลจีน และทางมหาสมุทรอินเดีย จะเป็นข่าวที่เราจะได้ยินเกือบทุกวันจากนี้ไป และถ้าเป็นเช่นนั้น ก็หมายความว่า อเมริกา “ยกระดับ” ความพร้อมรบกับจีนขึ้นอีก แต่ทั้งนี้ รายการป่วนเอเซียของอเมริกา จะออกหัว ออกก้อย ก็ขึ้นกับจีนและพวกว่า จีนจะใช้ยุทธศาสตร์ใดรับมือ ซึ่งมีทั้งยุทธศาสตร์ที่ระงับความร้อนแรง และยุทธศาสตร์ที่เร่งความร้อน จนกลายเป็นสงครามโลก เห็นได้จาก Grand Strategy ว่า อเมริกาพยายามยั่วยุจีน เพื่อให้ฝ่ายจีนเป็นผู้เริ่มออกอาการ ออกอาวุธ และอเมริกาจะได้เล่นบทพระเอก ไม่ต่างกับบทการเล่นสงครามของอเมริกา ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 การเตรียมรบของอเมริกา มิได้มีเพียงเท่านี้ นี่เป็นการโหมโรงเท่านั้น อเมริกาเชื่อว่า จีนไม่รบเดี่ยวแน่นอน จีนก็มีเพื่อน และเพื่อนจีนไม่ใช่ระดับลูกหาบ หรือเด็กถือกระเป๋า เพื่อนของจีนระดับรุ่นใหญ่พิษลึกอย่างรัสเซีย หรือระดับพิษร้ายอิหร่าน หรือรุ่นเล็กแต่พิษแรง ชนิดอเมริกาก็แหยงอย่างเกาหลีเหนือ และตุรกีที่เลิกเล่นไต่ลวดแล้ว น่าจะทำให้อเมริกาสะเทือนได้เมื่อมีความพร้อม ถ้าเพื่อนของจีนพร้อมจะยืนเรียงแถวไล่ไปเป็นเส้นยาว ตั้งแต่เอเซีย ตะวันออกกลาง และยุโรป ทำให้อเมริกาก็ต้องคิดหนัก จะเลือกยุทธศาสตร์ไหนมาใช้ อเมริกาอาจจะใช้แยกส่วน แยกซอย ใช้ยุทธศาสตร์ป่วน เล่นเกมยาว เช่นเดียวกันกับเอเซีย เป็นการซื้อเวลา และดูรูปมวยไปก่อน สำหรับรัสเซีย ก็ยกให้นาโต้กับประเทศที่อเมริกาบีบไข่ได้ ไปแหย่รัสเซียให้คุณพี่ปูเหนื่อ ยเหงื่อตก ทั้งที่หิมะยังขาวโพลน ตะวันออกกลางง่ายมาก ยุให้เจ้าของปั้มตีกันเอง อิหร่าน และตรุกี จะได้ไม่มีเวลาหันไปทางจีน ส่วนเกาหลีเหนือ อเมริกามอบแล้วให้เป็นภาระของเกาหลีใต้กับญี่ปุ่น ระหว่างนี้ก็ใช้สีเทใส่ สร้างข่าวให้เป็นตัวร้ายไปเรื่อยๆ ถ้าอเมริกาเลือกยุทธศาสตร์ป่วน ก็เหนื่อยกันไปทั้งโลก ขึ้นอยู่กับว่า ฝ่ายไหนจะอึดกว่ากัน ฝ่ายไหนออกอาการอึดไม่อยู่ การส่งเห็ดพิษให้กินก็คงเกิดขึ้น แล้วก็ฉิบหายกันเป็นแถบๆ แต่แผนทำให้จีนน่วมของอเมริกา คงไม่มีแค่การป่วน บอกแล้วว่าอเมริกาใกล้จะเป็นพระเจ้าอยู่แล้ว สั่งให้แผ่นดินไหว น้ำท่วม ทำได้หมด การทำให้จีนน่วมแบบนั้นแหละ คือ fundermental collapse อย่างแท้จริง จีนจะรับมือกับการรบนอกรูปแบบเช่นนี้ได้หรือไม่ หรือไม่แน่ว่า จีนก็สั่งให้ภูเขาเคลื่อนที่ ไฟปะทุได้เหมือนกัน ถึงตอนนั้น บุญกุศลเท่านั้นกระมังที่จะคุ้มโลกและเราได้ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 16 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 371 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผนสอยมังกร ตอนที่ 4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนสอยมังกร”

    ตอน 4

    หลังจากอ่าน Grand Strategy ไปประมาณ 25 หน้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการประเมิน หรือประณาม จีน ด้วยวิธีกระทบกระแทกด่าอาเฮียกับพวก ( ซึ่งสงสัยว่าจะรวมเอาไทยแลนด์แดนสมันน้อยเข้าไปด้วย!?) เสียชอกช้ำ เป็นจ้ำไปทั้งตัวแล้ว ส่วนที่เหลือถึงจะเข้าเรื่องว่า พระเจ้านักล่าใบตองแห้ง คิดจะดำเนินการกับโลกส่วนเอเซียนี้ อย่างไรบ้าง

    สุดกร่างบอกว่า ส่วนสำคัญของอเมริกา ในการสอยมังกร คือเรื่องกองกำลัง ไม่มีใครโดยเฉพาะจีนเอง จะเกรงกลัวอเมริกา ถ้าอเมริกาไม่ปรับปรุงในเรื่องต่อไปนี้

    1. รัฐสภา ต้องยกเลิกเรื่องตัดงบการทหารแบบเหี้ยนเต้ทั้งกระดาน sequestion caps ที่ทำมา 2,3 ปีแล้ว และเปลี่ยนกลับมาเพิ่มงบด้านความมั่นคงและ ทำงานร่วมกับรัฐบาล ในการกำหนดงบประมาณด้านความมั่นคงเสียใหม่

    2. การถ่วงดุลย์เรื่องอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างจีนกับอเมริกา จะต้องทำให้เกิดขึ้น เพราะเป็นความจำเป็น ในการกำหนดการท่าทีของอเมริกาในเอเซีย

    3. วอชิงตัน จะต้องรีบแสดงท่าทีทางทหาร เพื่อเป็นการต่อต้านการกำหนดเขต A2/AD ของจีน โดยเฉพาะ ในบริเวณที่อเมริกายังมีความได้เปรียบอยู่ทางด้านอาวุธ ที่อเมริกาแอบซ่อนอยู่ทั้งบนน้ำและใต้น้ำ … ข้อนี้อ่านช้าๆ และให้ความสนใจเป็นพิเศษนะครับ มันอาจจะเป็นหัวไม่ขีด ที่เขาจะใช้จุดชนวนก็ได้ ..เพราะมันแปลว่า วอชิงตันกำลังคิดใช้อาวุธตอบโต้กับจีน ในบริเวณที่จีนกำหนดเขต A2/AD ( A2/AD คืออะไร ใจเย็นนิดนะครับ เดี๋ยวจะเล่าขยายในตอนต่อไป)

    4. วอชิงตัน จะต้องย้ำถึงความมีเสรีภาพในเส้นทางการเดินเรือและการบิน รวมทั้งสิทธิพิเศษในเขตเศรษฐกิจ สำหรับด้านทหารและพลเรือน และ” ตอบโต้จีน ” อย่างเหมาะสม เมื่อเสรีภาพดังกล่าวถูกละเมิด…. นี่ก็เป็นอีกข้อ ที่เราควรให้ความสนใจ ….

    4. วอชิงตัน ควรสร้างความสามารถทางทหาร และความสามารถที่จะร่วมงานทุกรูปแบบกับพันธมิตร และหุ้นส่วนในเอเซีย รวมทั้งความช่วยเหลืออื่นๆ เพื่อให้พวกเขากำหนดเขต A2/AD กับจีนด้วย
    5. วอชิงตัน จะต้องเร่งสร้างเครือข่ายระบบสะกัดกั้นการโจมตีจากจรวด และระบบอื่นเป็นการสนับสนุนให้กับพันธมิตรในเอเซีย

    6. วอชิงตัน จะต้องเพิ่มความพยายามในการปกป้องบริเวณชั้นอวกาศของตน และพัฒนาการสื่อสารระบบคลื่นความถี่สูง

    7. วอชิงตัน จะต้องเพิ่มความถี่ของการประจำการณ์ของเรือรบ และเครื่องบินรบในบริเวณทะเลจีนใต้ และตะวันออก

    8. วอชิงตัน จะต้องเพิ่มจำนวน และระยะเวลาการฝึกของกองทัพเรือ ในบริเวณทะเลจีนใต้ และ รอบฝั่งทะเล

    ถ้าขี้เกียจอ่าน 8 ข้อข้างต้นยาวๆ ผมสรุปให้ว่า เป็นข้อเสนอของไอ้สุดกร่าง ที่จะให้อเมริกาคิดใช้อาวุธ ตอบโต้กับจีนในเขต A2/AD ของจีน รวมทั้งติดอาวุธ ให้บรรดาพันธมิตรของอเมริกาในเอเซีย เพื่อให้ทำการขัดขืน และไม่ให้ความร่วมมือกับจีน

    ข้อเสนอแบบนี้ นอกจากจะทำให้อุณหภูมิสัมพันธ์ ระหว่างอเมริกากับจีน ร้อนระอุ หรือเย็นเป็นน้ำแข็ง อย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว ยังเป็นการแบ่งพวก กาหน้าประเทศในเอเซียให้ชัดว่า ใครพวกใคร ใครเป็นพวกอเมริกา ก็ยืด มีปลอกคอ มีอาวุธแจกให้ เป็นการสร้างบรรยากาศ ให้ประเทศในเอเซีย ตั้งการ์ดสูงใส่กัน ไม่ไว้ใจกัน ไม่ร่วมมือกัน ไม่ต่างกับ ที่อเมริกา ทำอยู่ในตะวันออกกลาง

    คราวนี้ ให้เอเซียเป็นสนามรบบ้าง จะได้ไม่น้อยหน้า ตะวันออกกลาง

    และเพื่อให้แน่ใจว่าเอเซีย จะได้มีโอกาสแตกคอกันจริง กัดกันเอง ตามที่อเมริกาต้องการ อเมริกาจะแบ่งหน้าที่ และแจกบทให้ พันธมิตร ลูกหาบ หรือขี้ข้า แต่ละรายดังนี้

    – ญี่ปุ่น : ซึ่งสุดกร่างบอกว่า ไม่เคยผิดหวังกับสอนง่าย สั่งให้นอนให้กลิ้งได้ของญี่ปุ่น ดังนั้น ญี่ปุ่นจะได้รับหน้าที่ใหญ่โต เป็นหัวหมู่ทลวงฟัน เป็นผู้จัดการภาค เป็นตัวแทนอเมริกา คราใดที่อเมริกาไม่ได้มาลูบหลัง ตบหัว บรรดาลูกหาบด้วยตัวเอง ให้หัวหมู่ทำหน้าที่แทน และในฐานะเป็นหัวหมู่ อเมริกาจะจัดเครื่องทรง ติดอาวุธเต็มยศ ชุดใหญ่ ให้แก่ญี่ปุ่น .. มีหวังได้ดู หนัง Pearl Habour รอบสอง

    – เกาหลีใต้ : นอกเหนือจากหน้าที่ทั่วไปแล้ว และได้พัดยศ เครื่องทรงติดอาวุธครบสูตรแล้ว เกาหลีใต้มีภาระกิจพิเศษ ที่จะต้องคิดยุทธศาสตร์ ร่วมกับ หัวหมู่ ในการกำจัดน้องคิมของผมและพรรคพวก ให้พ้นไปจากเกาหลีเหนืออย่างไม่เหลือทั้งเศษทั้งส่วน....น้องคิมครับ ถ้าลูกน้องเขารายงานน้องถึงตรงนี้ น้องก็ใจเย็นหน่อยนะครับ อย่าหุนหันใจร้อน … ใจร้อนเวลาเล็งเป้า เดี๋ยวมันไม่แม่น
    – ออสเตรเลีย : แม้จะอยู่ค่อนไปทางใต้ แต่ก็เป็นตัวเชื่อม อินโดแปซิฟิก ให้อเมริกา ที่สำคัญ มาจากโคตรเดียวกัน แองโกลแซกซอนด้วยกัน ยังไงพัดยศ ทั้งอาวุธ ทั้งทหารประจำฐานทัพ ก็ต้องส่งมาให้อุ่นใจเต็มที่ ติดเครื่องหมายพิเศษอยู่แล้ว สงสัยระบบสกัดกั้นการโจมตี คงจะเป็นรุ่นพิเศษ และติดตั้งให้รุ่นแรกๆ

    – อินเดีย : อันนี้มาแปลก อีนี่ มารวมกลุ่มกันไงเนี่ย ไม่รู้ใคร ต้มใคร แถมสุดกร่างบอกว่าอเมริกา จะต้องทำหูทวนลมเสียบ้าง ในเรื่องที่ลือกันว่า อินเดียก็มีนิวเคลียร์ แถมยังจะต้องสนับสนุนอาวุธให้อินเดียอีกด้วย เพราะอินเดียเป็นประเทศใหญ่ ที่มีเขตแดนติดกับจีนยาวเหยียด และมอบหน้าที่ให้อินเดียเป็นตำรวจน้ำ ดูแลมหาสมุทรอินเดีย อย่าให้เรือของจีนซ่าเข้ามา โดยอเมริกาจะให้ความร่วมมือ และสนับสนุนเทคโนโลยีด้านกองทัพเรือให้กับอินเดีย … รายการนี้ อีนี่ ลุงนิทาน บรรยายไม่ออกเลย เจอแขกเล่นกล คนโบราณนี่ท่านฉลาดจริงๆ

    – เอเซียอาคเณย์ : สุดกร่างบอก แถบนี้เป็นเป้าหมายการบีบของจีน ไม่ใช่แค่เรื่องปัญหาทะเลจีนเท่านั้น

    – ฟิลิปปินส์ : ลูกหาบของตาย ที่ไม่มีปัญญาจะดิ้นรนไปไหนได้ เจอแต่ใต้ฝุ่น จนหัวหมุน แบบนี้ต้องปลอบใจด้วยการเพิ่มกำลังอาวุธ ด้านกองทัพ แบบจัดเต็ม full range เพื่อไม่ให้ใครมาบุกรุกเขตแดนของลูกหาบเดนตายนี้ได้ ….ผมละสงสารประเทศนี้จริง ถูกใช้ซะโทรมไม่ฟื้นเลย เป็นตัวอย่างที่สมันน้อย ควรศึกษาไว้เป็นบทเรียน

    – อินโดนีเซีย : แม้อยู่ไกลปืน แต่ยังไงตาโอก็ต้องให้ดูแล เอ้า จัดไป ให้มีการฝึกร่วมกันให้บ่อยหน่อยแล้วกัน มีแค่นี้เองหรือ …แค่นี้จริงๆครับ แต่ไม่แปลกใจ

    – สิงคโปร์ : จัดการให้มีการยกระดับสมรรถนะ ของกองทัพอากาศ จาก F-16s เป็น F-35s ….อืม สงสัยรายการนี้ หลอกกันใช้นี่หว่า เห็นปู่ลีไปสวรรค์แล้ว ต้มลูกให้เละดีกว่า ให้อะไรไม่ให้ ดันให้เครื่องบิน สิงคโปร์น่ะ ฐานทัพอากาศยังไม่มีเลย เวลาจะฝึกบิน ยังต้องอาศัยฐานแถวบ้านเราเลย แล้ว F-35s เขาว่าขับยาก ฉ. ห. ต้องฝึกอย่างน้อย 1 ปี เครื่องทรงก็น้ำหนักมาก ร่างกายก็ต้องฟิตเปรียะ ถึงจะรับน้ำหนักไหว เออ ถ้าเจ้านายเกิดใจดี ให้มาจริง อาตี๋ผอมกระหร่อง จะขับไหวหรือ แล้วกว่าเครื่องจะมา กว่าจะฝึกเสร็จ ตอนนั้นเกาะสิงคโปร์ จะเหลืออยู่แค่ไหน ผมยังสงสัย
    – มาเลเซีย : จัดการให้มาเลเซียเข้าร่วมโครงการด้านความริเริ่มด้านความ มั่นคง และสนับสนุนให้มาเลเซีย มีส่วนร่วมในการฝึกร่วม ต่างๆ … ดูเหมือน สุดกร่างจะ ให้เข้า โครงการฝึกแยะหน่อย ท่าทาง มาเลเซียนี่ คงจะหนืดยืดยาดพิกล หรือว่า สั่งกันตรงไม่ได้ ต้องฝากชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ไปบอกกับเด็กของนายท่านเอง หรือยังมีเรื่องคาใจเคลียร์ไม่ออกค้างกันอยู่ ถูกสอยซ้ำซาก ใครมันจะอยากคุยด้วย

    – เวียตนาม : จะต้องมีการขยายการฝึกร่วมด้านกองทัพเรือ รวมทั้งฝึกด้านการบรรเทาทุกข์และภัยพิบัติ การค้นหา/การ ช่วยเหลือ โดยกองทัพเรืออเมริกา จะแวะเข้ามาใช้ท่าเรือ Cam Rahn ระยะสั้น แต่ถี่ขึ้น …. รายการนี้ น่าสนใจครับ ทำไม เน้นให้เวียตนามดูแล ด้านการบรรเทาทุกข์และภัยพิบัติ ทั้งๆที่ทหารเวียตนามนี่รบเก่งไม่เบา อ้อ ยังไม่แน่ใจว่า รัศมีของคุณพี่ปูติน จางจากเวียตนามหมดจริงหรือเปล่า หรือสาวเวียตนามยังแอบพกรูปคุณพี่ปูตินไว้ในเบื้องลึกอยู่

    – เมียนมาร์ หรือพม่า : จะมีการให้งบ IMET งบฝึกอบรมทางทหาร ที่อเมริกาเคยใช้หลอกเลี้ยงทหารไทยมา ประมาณ 60 ปี ตอนนี้ ตัดสัมพันธ์กับไทย เลยจะเอาเศษเงินที่เหลืออยู่ ไปหลอกเลี้ยงทหารพม่าแทน และพยายามที่จะดึงทหารพม่าเข้ามาร่วมการฝึกกับนานาชาติ … กำลังจะเป็นเด็กสร้างคนใหม่ เพราะเพิ่งเปิดประเทศ ทรัพยากรยังอยู่อื้อ ที่สำคัญ คุณน้าอองซาน แกชอบคบและซบฝรั่ง มากกว่าเอเซียด้วยกัน เอาเลยลูกพี่ แล้วจะได้รู้จักของจริง

    – ไต้หวัน : ความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับ ไต้หวัน อย่างไม่เป็นทางการ ใกล้ชิดอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ถ้านึกเรื่อง เจียงไคเช็ค พี่น้องสามสาวตระกูลซ่ง คงพอเข้าใจสัมพันธ์พิเศษนี้ สุดกร่างบอกว่า ไต้หวัน เป็นส่วนสำคัญใน Grand Strategy กับจีน แน่นอน … คงไม่แคล้ว ใช้คนกันเอง ไปเก็บกันเอง ตามถนัด แต่ก็มีพวกที่เห็นค่าของสายพันธ์ ที่สืบทอดจากที่เดียวกันมายาวนาน แบงค์กงเต๊กใช่ว่าจะซื้อได้หมด

    เอาละครับ ผมไล่เรียงให้ทั้งหมด ที่สุดกร่าง CFR เขาเขียนถึงบทบาท ของประเทศในเอเซีย และเอเซียอาคเณย์ ที่เป็นพรรคพวกของอเมริกาทั้งหมด และมีอยู่ เพียง 4 ประเทศ ที่ เขาไม่เอ่ยถึง คือ บรูไน ลาว กัมพูชา และ ไทย

    ทำไมไม่มีชื่อ ประเทศไทย ดี หรือ ไม่ดี เขามองเราอย่างไร และเราควรจัดสถานะของตนเองไว้ที่ไหนอย่างไร ยังควรให้เขามาใช้ ฐานทัพที่อู่ตะเภา ที่เขาอ้างว่า เพื่อช่วยเหลือในการบรรเทาทุกข์ให้แก่เนปาลหรือไม่

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    15 พ.ค. 2558
    แผนสอยมังกร ตอนที่ 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนสอยมังกร” ตอน 4 หลังจากอ่าน Grand Strategy ไปประมาณ 25 หน้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการประเมิน หรือประณาม จีน ด้วยวิธีกระทบกระแทกด่าอาเฮียกับพวก ( ซึ่งสงสัยว่าจะรวมเอาไทยแลนด์แดนสมันน้อยเข้าไปด้วย!?) เสียชอกช้ำ เป็นจ้ำไปทั้งตัวแล้ว ส่วนที่เหลือถึงจะเข้าเรื่องว่า พระเจ้านักล่าใบตองแห้ง คิดจะดำเนินการกับโลกส่วนเอเซียนี้ อย่างไรบ้าง สุดกร่างบอกว่า ส่วนสำคัญของอเมริกา ในการสอยมังกร คือเรื่องกองกำลัง ไม่มีใครโดยเฉพาะจีนเอง จะเกรงกลัวอเมริกา ถ้าอเมริกาไม่ปรับปรุงในเรื่องต่อไปนี้ 1. รัฐสภา ต้องยกเลิกเรื่องตัดงบการทหารแบบเหี้ยนเต้ทั้งกระดาน sequestion caps ที่ทำมา 2,3 ปีแล้ว และเปลี่ยนกลับมาเพิ่มงบด้านความมั่นคงและ ทำงานร่วมกับรัฐบาล ในการกำหนดงบประมาณด้านความมั่นคงเสียใหม่ 2. การถ่วงดุลย์เรื่องอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างจีนกับอเมริกา จะต้องทำให้เกิดขึ้น เพราะเป็นความจำเป็น ในการกำหนดการท่าทีของอเมริกาในเอเซีย 3. วอชิงตัน จะต้องรีบแสดงท่าทีทางทหาร เพื่อเป็นการต่อต้านการกำหนดเขต A2/AD ของจีน โดยเฉพาะ ในบริเวณที่อเมริกายังมีความได้เปรียบอยู่ทางด้านอาวุธ ที่อเมริกาแอบซ่อนอยู่ทั้งบนน้ำและใต้น้ำ … ข้อนี้อ่านช้าๆ และให้ความสนใจเป็นพิเศษนะครับ มันอาจจะเป็นหัวไม่ขีด ที่เขาจะใช้จุดชนวนก็ได้ ..เพราะมันแปลว่า วอชิงตันกำลังคิดใช้อาวุธตอบโต้กับจีน ในบริเวณที่จีนกำหนดเขต A2/AD ( A2/AD คืออะไร ใจเย็นนิดนะครับ เดี๋ยวจะเล่าขยายในตอนต่อไป) 4. วอชิงตัน จะต้องย้ำถึงความมีเสรีภาพในเส้นทางการเดินเรือและการบิน รวมทั้งสิทธิพิเศษในเขตเศรษฐกิจ สำหรับด้านทหารและพลเรือน และ” ตอบโต้จีน ” อย่างเหมาะสม เมื่อเสรีภาพดังกล่าวถูกละเมิด…. นี่ก็เป็นอีกข้อ ที่เราควรให้ความสนใจ …. 4. วอชิงตัน ควรสร้างความสามารถทางทหาร และความสามารถที่จะร่วมงานทุกรูปแบบกับพันธมิตร และหุ้นส่วนในเอเซีย รวมทั้งความช่วยเหลืออื่นๆ เพื่อให้พวกเขากำหนดเขต A2/AD กับจีนด้วย 5. วอชิงตัน จะต้องเร่งสร้างเครือข่ายระบบสะกัดกั้นการโจมตีจากจรวด และระบบอื่นเป็นการสนับสนุนให้กับพันธมิตรในเอเซีย 6. วอชิงตัน จะต้องเพิ่มความพยายามในการปกป้องบริเวณชั้นอวกาศของตน และพัฒนาการสื่อสารระบบคลื่นความถี่สูง 7. วอชิงตัน จะต้องเพิ่มความถี่ของการประจำการณ์ของเรือรบ และเครื่องบินรบในบริเวณทะเลจีนใต้ และตะวันออก 8. วอชิงตัน จะต้องเพิ่มจำนวน และระยะเวลาการฝึกของกองทัพเรือ ในบริเวณทะเลจีนใต้ และ รอบฝั่งทะเล ถ้าขี้เกียจอ่าน 8 ข้อข้างต้นยาวๆ ผมสรุปให้ว่า เป็นข้อเสนอของไอ้สุดกร่าง ที่จะให้อเมริกาคิดใช้อาวุธ ตอบโต้กับจีนในเขต A2/AD ของจีน รวมทั้งติดอาวุธ ให้บรรดาพันธมิตรของอเมริกาในเอเซีย เพื่อให้ทำการขัดขืน และไม่ให้ความร่วมมือกับจีน ข้อเสนอแบบนี้ นอกจากจะทำให้อุณหภูมิสัมพันธ์ ระหว่างอเมริกากับจีน ร้อนระอุ หรือเย็นเป็นน้ำแข็ง อย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว ยังเป็นการแบ่งพวก กาหน้าประเทศในเอเซียให้ชัดว่า ใครพวกใคร ใครเป็นพวกอเมริกา ก็ยืด มีปลอกคอ มีอาวุธแจกให้ เป็นการสร้างบรรยากาศ ให้ประเทศในเอเซีย ตั้งการ์ดสูงใส่กัน ไม่ไว้ใจกัน ไม่ร่วมมือกัน ไม่ต่างกับ ที่อเมริกา ทำอยู่ในตะวันออกกลาง คราวนี้ ให้เอเซียเป็นสนามรบบ้าง จะได้ไม่น้อยหน้า ตะวันออกกลาง และเพื่อให้แน่ใจว่าเอเซีย จะได้มีโอกาสแตกคอกันจริง กัดกันเอง ตามที่อเมริกาต้องการ อเมริกาจะแบ่งหน้าที่ และแจกบทให้ พันธมิตร ลูกหาบ หรือขี้ข้า แต่ละรายดังนี้ – ญี่ปุ่น : ซึ่งสุดกร่างบอกว่า ไม่เคยผิดหวังกับสอนง่าย สั่งให้นอนให้กลิ้งได้ของญี่ปุ่น ดังนั้น ญี่ปุ่นจะได้รับหน้าที่ใหญ่โต เป็นหัวหมู่ทลวงฟัน เป็นผู้จัดการภาค เป็นตัวแทนอเมริกา คราใดที่อเมริกาไม่ได้มาลูบหลัง ตบหัว บรรดาลูกหาบด้วยตัวเอง ให้หัวหมู่ทำหน้าที่แทน และในฐานะเป็นหัวหมู่ อเมริกาจะจัดเครื่องทรง ติดอาวุธเต็มยศ ชุดใหญ่ ให้แก่ญี่ปุ่น .. มีหวังได้ดู หนัง Pearl Habour รอบสอง – เกาหลีใต้ : นอกเหนือจากหน้าที่ทั่วไปแล้ว และได้พัดยศ เครื่องทรงติดอาวุธครบสูตรแล้ว เกาหลีใต้มีภาระกิจพิเศษ ที่จะต้องคิดยุทธศาสตร์ ร่วมกับ หัวหมู่ ในการกำจัดน้องคิมของผมและพรรคพวก ให้พ้นไปจากเกาหลีเหนืออย่างไม่เหลือทั้งเศษทั้งส่วน....น้องคิมครับ ถ้าลูกน้องเขารายงานน้องถึงตรงนี้ น้องก็ใจเย็นหน่อยนะครับ อย่าหุนหันใจร้อน … ใจร้อนเวลาเล็งเป้า เดี๋ยวมันไม่แม่น – ออสเตรเลีย : แม้จะอยู่ค่อนไปทางใต้ แต่ก็เป็นตัวเชื่อม อินโดแปซิฟิก ให้อเมริกา ที่สำคัญ มาจากโคตรเดียวกัน แองโกลแซกซอนด้วยกัน ยังไงพัดยศ ทั้งอาวุธ ทั้งทหารประจำฐานทัพ ก็ต้องส่งมาให้อุ่นใจเต็มที่ ติดเครื่องหมายพิเศษอยู่แล้ว สงสัยระบบสกัดกั้นการโจมตี คงจะเป็นรุ่นพิเศษ และติดตั้งให้รุ่นแรกๆ – อินเดีย : อันนี้มาแปลก อีนี่ มารวมกลุ่มกันไงเนี่ย ไม่รู้ใคร ต้มใคร แถมสุดกร่างบอกว่าอเมริกา จะต้องทำหูทวนลมเสียบ้าง ในเรื่องที่ลือกันว่า อินเดียก็มีนิวเคลียร์ แถมยังจะต้องสนับสนุนอาวุธให้อินเดียอีกด้วย เพราะอินเดียเป็นประเทศใหญ่ ที่มีเขตแดนติดกับจีนยาวเหยียด และมอบหน้าที่ให้อินเดียเป็นตำรวจน้ำ ดูแลมหาสมุทรอินเดีย อย่าให้เรือของจีนซ่าเข้ามา โดยอเมริกาจะให้ความร่วมมือ และสนับสนุนเทคโนโลยีด้านกองทัพเรือให้กับอินเดีย … รายการนี้ อีนี่ ลุงนิทาน บรรยายไม่ออกเลย เจอแขกเล่นกล คนโบราณนี่ท่านฉลาดจริงๆ – เอเซียอาคเณย์ : สุดกร่างบอก แถบนี้เป็นเป้าหมายการบีบของจีน ไม่ใช่แค่เรื่องปัญหาทะเลจีนเท่านั้น – ฟิลิปปินส์ : ลูกหาบของตาย ที่ไม่มีปัญญาจะดิ้นรนไปไหนได้ เจอแต่ใต้ฝุ่น จนหัวหมุน แบบนี้ต้องปลอบใจด้วยการเพิ่มกำลังอาวุธ ด้านกองทัพ แบบจัดเต็ม full range เพื่อไม่ให้ใครมาบุกรุกเขตแดนของลูกหาบเดนตายนี้ได้ ….ผมละสงสารประเทศนี้จริง ถูกใช้ซะโทรมไม่ฟื้นเลย เป็นตัวอย่างที่สมันน้อย ควรศึกษาไว้เป็นบทเรียน – อินโดนีเซีย : แม้อยู่ไกลปืน แต่ยังไงตาโอก็ต้องให้ดูแล เอ้า จัดไป ให้มีการฝึกร่วมกันให้บ่อยหน่อยแล้วกัน มีแค่นี้เองหรือ …แค่นี้จริงๆครับ แต่ไม่แปลกใจ – สิงคโปร์ : จัดการให้มีการยกระดับสมรรถนะ ของกองทัพอากาศ จาก F-16s เป็น F-35s ….อืม สงสัยรายการนี้ หลอกกันใช้นี่หว่า เห็นปู่ลีไปสวรรค์แล้ว ต้มลูกให้เละดีกว่า ให้อะไรไม่ให้ ดันให้เครื่องบิน สิงคโปร์น่ะ ฐานทัพอากาศยังไม่มีเลย เวลาจะฝึกบิน ยังต้องอาศัยฐานแถวบ้านเราเลย แล้ว F-35s เขาว่าขับยาก ฉ. ห. ต้องฝึกอย่างน้อย 1 ปี เครื่องทรงก็น้ำหนักมาก ร่างกายก็ต้องฟิตเปรียะ ถึงจะรับน้ำหนักไหว เออ ถ้าเจ้านายเกิดใจดี ให้มาจริง อาตี๋ผอมกระหร่อง จะขับไหวหรือ แล้วกว่าเครื่องจะมา กว่าจะฝึกเสร็จ ตอนนั้นเกาะสิงคโปร์ จะเหลืออยู่แค่ไหน ผมยังสงสัย – มาเลเซีย : จัดการให้มาเลเซียเข้าร่วมโครงการด้านความริเริ่มด้านความ มั่นคง และสนับสนุนให้มาเลเซีย มีส่วนร่วมในการฝึกร่วม ต่างๆ … ดูเหมือน สุดกร่างจะ ให้เข้า โครงการฝึกแยะหน่อย ท่าทาง มาเลเซียนี่ คงจะหนืดยืดยาดพิกล หรือว่า สั่งกันตรงไม่ได้ ต้องฝากชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ไปบอกกับเด็กของนายท่านเอง หรือยังมีเรื่องคาใจเคลียร์ไม่ออกค้างกันอยู่ ถูกสอยซ้ำซาก ใครมันจะอยากคุยด้วย – เวียตนาม : จะต้องมีการขยายการฝึกร่วมด้านกองทัพเรือ รวมทั้งฝึกด้านการบรรเทาทุกข์และภัยพิบัติ การค้นหา/การ ช่วยเหลือ โดยกองทัพเรืออเมริกา จะแวะเข้ามาใช้ท่าเรือ Cam Rahn ระยะสั้น แต่ถี่ขึ้น …. รายการนี้ น่าสนใจครับ ทำไม เน้นให้เวียตนามดูแล ด้านการบรรเทาทุกข์และภัยพิบัติ ทั้งๆที่ทหารเวียตนามนี่รบเก่งไม่เบา อ้อ ยังไม่แน่ใจว่า รัศมีของคุณพี่ปูติน จางจากเวียตนามหมดจริงหรือเปล่า หรือสาวเวียตนามยังแอบพกรูปคุณพี่ปูตินไว้ในเบื้องลึกอยู่ – เมียนมาร์ หรือพม่า : จะมีการให้งบ IMET งบฝึกอบรมทางทหาร ที่อเมริกาเคยใช้หลอกเลี้ยงทหารไทยมา ประมาณ 60 ปี ตอนนี้ ตัดสัมพันธ์กับไทย เลยจะเอาเศษเงินที่เหลืออยู่ ไปหลอกเลี้ยงทหารพม่าแทน และพยายามที่จะดึงทหารพม่าเข้ามาร่วมการฝึกกับนานาชาติ … กำลังจะเป็นเด็กสร้างคนใหม่ เพราะเพิ่งเปิดประเทศ ทรัพยากรยังอยู่อื้อ ที่สำคัญ คุณน้าอองซาน แกชอบคบและซบฝรั่ง มากกว่าเอเซียด้วยกัน เอาเลยลูกพี่ แล้วจะได้รู้จักของจริง – ไต้หวัน : ความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับ ไต้หวัน อย่างไม่เป็นทางการ ใกล้ชิดอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ถ้านึกเรื่อง เจียงไคเช็ค พี่น้องสามสาวตระกูลซ่ง คงพอเข้าใจสัมพันธ์พิเศษนี้ สุดกร่างบอกว่า ไต้หวัน เป็นส่วนสำคัญใน Grand Strategy กับจีน แน่นอน … คงไม่แคล้ว ใช้คนกันเอง ไปเก็บกันเอง ตามถนัด แต่ก็มีพวกที่เห็นค่าของสายพันธ์ ที่สืบทอดจากที่เดียวกันมายาวนาน แบงค์กงเต๊กใช่ว่าจะซื้อได้หมด เอาละครับ ผมไล่เรียงให้ทั้งหมด ที่สุดกร่าง CFR เขาเขียนถึงบทบาท ของประเทศในเอเซีย และเอเซียอาคเณย์ ที่เป็นพรรคพวกของอเมริกาทั้งหมด และมีอยู่ เพียง 4 ประเทศ ที่ เขาไม่เอ่ยถึง คือ บรูไน ลาว กัมพูชา และ ไทย ทำไมไม่มีชื่อ ประเทศไทย ดี หรือ ไม่ดี เขามองเราอย่างไร และเราควรจัดสถานะของตนเองไว้ที่ไหนอย่างไร ยังควรให้เขามาใช้ ฐานทัพที่อู่ตะเภา ที่เขาอ้างว่า เพื่อช่วยเหลือในการบรรเทาทุกข์ให้แก่เนปาลหรือไม่ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 15 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผนสอยมังกร ตอนที่ 3
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนสอยมังกร”

    ตอน 3

    เมื่ออเมริกา ในสายตาของ CFR มองว่า จีนกำลังท้าทายอำนาจอันใหญ่ยิ่งของอเมริกาที่แผ่ไพศาล ปกคลุมโลกใบนี้ อย่างไม่มีผู้ใดหาญกล้ามาท้าทาย ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ถ้าอเมริกาปล่อยให้จีนยืนยืดอก ท้าวสะเอว มองอเมริกาอย่างนี้ต่อไป อเมริกาคิดว่า หน้าตัวเองคงเหลือเพียงเสี้ยวเดียว ไม่รู้เสี้ยวบน หรือเสี้ยวล่าง อเมริกา โดยคำแนะนำ (หรือควรจะเรียกว่า คำสั่ง ?!) ของสุดกร่าง CFR จำเป็นจะต้องดำเนินการต่อไปนี้:

    – ป้องกัน ยับยั้ง และลดโอกาส การข่มขู่ หรือคุกคาม การรุกรานทั้งในรูปแบบ หรือนอกรูปแบบ บนดินแดนของอเมริกาเอง หรือที่อเมริกามีอำนาจปกครอง ( ข้อนี้ นอกจากจะหมายถึงอาเฮียเองแล้ว สงสัย ตั้งใจส่งผ่านไปให้น้องคิมของผม ที่เกาหลีเหนือด้วย)

    – รักษาดุลยอำนาจในยุโรปและเอเซีย โดยการสนับสนุนให้มีสันติภาพ และความมั่นคงภายใต้การเป็น “ผู้นำ” ของอเมริกาและพันธมิตรของอเมริกา ( ข้อนี้ เข้าใจว่า คุณพี่ปูติน ขวัญใจสาวๆ คงต้องมาร่วมรับการด่ากระทบ พร้อมกับอาเฮีย ..แหม แต่ไอ้สุดกร่าง มันเขียนได้กร่างจริงๆ)

    – ป้องกันมิให้มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์ หรือยับยั้งการขยายตัว ของการใช้อาวุธประเภทที่มีอานุภาพการทำลายล้างสูง รวมทั้งจัดการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ วัสดุ และส่วนประกอบของอาวุธนิวเคลียร์ รวมทั้ง การแพร่ขยาย และการเป็นตัวกลาง ผู้ให้การสนับสนุนระบบนิวเคลียร์ ( ข้อนี้ เข้าใจว่า ตั้งใจส่งข้อกล่าวหาหมู่ รวมเอาคุณพี่ปูติน และเสี่ยนิวเคลียร์สองลูกของผมที่อิหร่าน เข้าไปด้วย แต่ผมว่า ผู้ที่น่าจะต้องถูกควบคุมมากที่สุดตามข้อหานี้ น่าจะเป็นพระเจ้านักล่าใบตองแห้งเองมากกว่านะ ไอ้สุดกร่าง)

    – สร้างเสริมความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม ให้เกิดขึ้นในสากลโลก ( ข้อนี้ คงอยู่ในแบบฟอร์มมาตรฐาน ถ้าไม่เอามาใส่ เป้าหมายการดำเนินการมันจะชัดจนน่าเกลียด และก็ทำให้นึกถึง พวกสมุนฝรั่งในบ้านเรา ที่ชอบท่องสูตรนี้เป็นประจำ อย่างน่าเบื่อหน่าย)
    ในการดำเนินการข้างต้น สุดกร่างบอกอเมริกาเอง ก็ต้องจัดระเบียบในบ้านตัวเองใหม่เช่นกัน ไม่ใช่ร้องเพลงเดียวกันแต่คนละโน็ต เสียงหลง จนหมาแมวข้างบ้านทนฟังไม่ไหว หอนรับกันเกรียว…. นี่ มันสมเป็นกับถังขยะความคิดสุดกร่างจริงๆ

    – อเมริกาจะต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจในบ้านตัวเองใหม่ ต้องสร้างสัมพันธ์ทางการค้าในเอเซียให้กระชับแน่นขี้น แน่นอน ยกเว้นกับจีน ซึ่งคงจะเป็นบทกระชากมาอัดมากกว่า และสร้างนโยบายด้านภูมิศาสตร์เศรษฐกิจ (geo-economic) ขึ้นในเอเซีย ระหว่างพันธมิตรของอเมริกา ที่มีความคิดในทิศทางเดียวกัน และหากลไกที่จะควบคุมจีนเช่นเดียวกัน(กับความคิดของอเมริกา) … ข้อนี้ อ่านกันสัก 2 รอบนะครับ จะได้เข้าใจว่า เขาหมายรวม หรือไม่รวม ไทยแลนด์แดนสยาม ของสมันน้อยเข้าไปด้วย ชอบคุยกันเองดีนัก ว่าจะวางนโยบายในประเทศยังไงเพื่อไปจับมือต่อ กับใครที่ไหน ระวังจะหน้าแตกแหกเยินกลับมาไม่รู้หรือไง ว่าเขาไม่นับตัวเป็นพวกแล้วนะ ไอ้พวกบ้าอยากเป็นขี้ข้าฝรั่ง คิดเป็นแต่เรื่อง จีดีพี

    – อเมริกาจะต้องเพิ่มงบประมาณลงทุน ในด้านความมั่นคงของประเทศขึ้นอีก เพื่อกองทัพของอเมริกา จะได้มีความพร้อมในการเอาชนะจีน ซึ่งรวมถึงเอาชนะการร่วมมือของฝ่ายจีนในการต่อต้านอเมริกาด้วย … นี่ก็เป็นการแจกของขวัญรวมของไอ้สุดกร่างนะครับ ว่าแต่ เขาหมายรวมไปถึงใครกันบ้าง …ที่เรียกว่า ฝ่ายจีน !?

    – อเมริกา จะต้องเสริมสร้างยุทธศาสตร์ ที่แสดงถึงสัมพันธภาพ ที่มาจากความไว้เนื้อเชื่อใจ ระหว่างอเมริกากับพันธมิตรในภูมิภาค ทั่วอาณาบริเวณอินโดแปซิฟิก เป็นยุทธศาสตร์ที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่พันธมิตร ที่จะรับมือกับจีนได้อย่างอิสระ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกัน และการสนับสนุนอย่างเป็นระบบของอเมริกา … อืม…..สัมพันธภาพ ที่มาจากความไว้เนื้อเชื่อใจ ….นี่มันด่าเราหรือไง จริงๆ น่าจะเป็นเราด่ามันมากกว่านะครับ

    – อเมริกา ควรจะมีการเจรจาทางการทูตระดับสูงกับจีน เพื่อพยายามลดความตึงเครียดระหว่างจีนกับอเมริกา ที่มีอยู่อย่างล้ำลึกและตลอดเวลา และเพื่อให้พันธมิตรของอเมริกาในภูมิภาคนี้ เข้าใจว่าอเมริกามีวัตถุประสงค์ที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับจีน .. เขียนด่าเขาสาดเสียเทเสียแบบนี้เนี่ยะนะ คิดหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า.…แหลน่าดูเลย ไอ้กร่าง
    Grand Strategy นี้ สุดกร่างบอกว่า จะต้องดำเนินการภายใต้การนำของโอบามา และผู้ที่จะมาเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป แม้ว่าจะมีเรื่องความวุ่นวายเกิดขึ้นอยู่ในตะวันออกกลาง และความตึงเครียดกับรัสเซียเกิด ขึ้นอยู่ก็ตาม แต่ผู้นำของอเมริกา จะไม่จัดการให้มี Grand Strategy กับจีนไม่ได้ เพราะ การผงาดขึ้นมาของจีน เป็นการท้าทายอเมริกาไปอีกหลายทศวรรษ ผู้นำอเมริกาจะต้องเป็นผู้ลงมือถือบังเหียน และแส้เอง และจะต้องเป็นผู้เดินสาย ไปนั่งจับเข่าพูดกับผู้นำของเอเซีย และยุโรป ด้วยตนเอง

    และสำหรับฝ่ายรัฐสภา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการที่จะทำให้ Grand Strategy นี้เกิดขึ้น ก็จะต้องให้ความร่วมมือ ไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งฝ่าย ต้องสนับสนุนให้อำนาจประธานาธิบดี ในการเดินหน้าเรื่อง Trans-Pacific Partnership (TPP) การทำสัญญาทางการค้าที่กำลังดำเนินอยู่ในเอเซีย การปรับปรุงเรื่องกองทัพ และงบประมาณที่สำคัญสำหรับการคงอำนาจของอเมริกาในภูมิภาคนี้ และที่จะตอบโต้การเติบโตของจีน

    อ่านบทความนี้ ถึงตอนนี้ ผมใกล้จะเชื่อเต็มทีแล้วว่า นายโอบามา น่าจะเป็นเพียงเสมียนประจำทำเนียบขาว และ CFR น่าจะเป็นผู้นำของอเมริกาตัวจริง

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    14 พ.ค. 2558
    แผนสอยมังกร ตอนที่ 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนสอยมังกร” ตอน 3 เมื่ออเมริกา ในสายตาของ CFR มองว่า จีนกำลังท้าทายอำนาจอันใหญ่ยิ่งของอเมริกาที่แผ่ไพศาล ปกคลุมโลกใบนี้ อย่างไม่มีผู้ใดหาญกล้ามาท้าทาย ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ถ้าอเมริกาปล่อยให้จีนยืนยืดอก ท้าวสะเอว มองอเมริกาอย่างนี้ต่อไป อเมริกาคิดว่า หน้าตัวเองคงเหลือเพียงเสี้ยวเดียว ไม่รู้เสี้ยวบน หรือเสี้ยวล่าง อเมริกา โดยคำแนะนำ (หรือควรจะเรียกว่า คำสั่ง ?!) ของสุดกร่าง CFR จำเป็นจะต้องดำเนินการต่อไปนี้: – ป้องกัน ยับยั้ง และลดโอกาส การข่มขู่ หรือคุกคาม การรุกรานทั้งในรูปแบบ หรือนอกรูปแบบ บนดินแดนของอเมริกาเอง หรือที่อเมริกามีอำนาจปกครอง ( ข้อนี้ นอกจากจะหมายถึงอาเฮียเองแล้ว สงสัย ตั้งใจส่งผ่านไปให้น้องคิมของผม ที่เกาหลีเหนือด้วย) – รักษาดุลยอำนาจในยุโรปและเอเซีย โดยการสนับสนุนให้มีสันติภาพ และความมั่นคงภายใต้การเป็น “ผู้นำ” ของอเมริกาและพันธมิตรของอเมริกา ( ข้อนี้ เข้าใจว่า คุณพี่ปูติน ขวัญใจสาวๆ คงต้องมาร่วมรับการด่ากระทบ พร้อมกับอาเฮีย ..แหม แต่ไอ้สุดกร่าง มันเขียนได้กร่างจริงๆ) – ป้องกันมิให้มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์ หรือยับยั้งการขยายตัว ของการใช้อาวุธประเภทที่มีอานุภาพการทำลายล้างสูง รวมทั้งจัดการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ วัสดุ และส่วนประกอบของอาวุธนิวเคลียร์ รวมทั้ง การแพร่ขยาย และการเป็นตัวกลาง ผู้ให้การสนับสนุนระบบนิวเคลียร์ ( ข้อนี้ เข้าใจว่า ตั้งใจส่งข้อกล่าวหาหมู่ รวมเอาคุณพี่ปูติน และเสี่ยนิวเคลียร์สองลูกของผมที่อิหร่าน เข้าไปด้วย แต่ผมว่า ผู้ที่น่าจะต้องถูกควบคุมมากที่สุดตามข้อหานี้ น่าจะเป็นพระเจ้านักล่าใบตองแห้งเองมากกว่านะ ไอ้สุดกร่าง) – สร้างเสริมความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม ให้เกิดขึ้นในสากลโลก ( ข้อนี้ คงอยู่ในแบบฟอร์มมาตรฐาน ถ้าไม่เอามาใส่ เป้าหมายการดำเนินการมันจะชัดจนน่าเกลียด และก็ทำให้นึกถึง พวกสมุนฝรั่งในบ้านเรา ที่ชอบท่องสูตรนี้เป็นประจำ อย่างน่าเบื่อหน่าย) ในการดำเนินการข้างต้น สุดกร่างบอกอเมริกาเอง ก็ต้องจัดระเบียบในบ้านตัวเองใหม่เช่นกัน ไม่ใช่ร้องเพลงเดียวกันแต่คนละโน็ต เสียงหลง จนหมาแมวข้างบ้านทนฟังไม่ไหว หอนรับกันเกรียว…. นี่ มันสมเป็นกับถังขยะความคิดสุดกร่างจริงๆ – อเมริกาจะต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจในบ้านตัวเองใหม่ ต้องสร้างสัมพันธ์ทางการค้าในเอเซียให้กระชับแน่นขี้น แน่นอน ยกเว้นกับจีน ซึ่งคงจะเป็นบทกระชากมาอัดมากกว่า และสร้างนโยบายด้านภูมิศาสตร์เศรษฐกิจ (geo-economic) ขึ้นในเอเซีย ระหว่างพันธมิตรของอเมริกา ที่มีความคิดในทิศทางเดียวกัน และหากลไกที่จะควบคุมจีนเช่นเดียวกัน(กับความคิดของอเมริกา) … ข้อนี้ อ่านกันสัก 2 รอบนะครับ จะได้เข้าใจว่า เขาหมายรวม หรือไม่รวม ไทยแลนด์แดนสยาม ของสมันน้อยเข้าไปด้วย ชอบคุยกันเองดีนัก ว่าจะวางนโยบายในประเทศยังไงเพื่อไปจับมือต่อ กับใครที่ไหน ระวังจะหน้าแตกแหกเยินกลับมาไม่รู้หรือไง ว่าเขาไม่นับตัวเป็นพวกแล้วนะ ไอ้พวกบ้าอยากเป็นขี้ข้าฝรั่ง คิดเป็นแต่เรื่อง จีดีพี – อเมริกาจะต้องเพิ่มงบประมาณลงทุน ในด้านความมั่นคงของประเทศขึ้นอีก เพื่อกองทัพของอเมริกา จะได้มีความพร้อมในการเอาชนะจีน ซึ่งรวมถึงเอาชนะการร่วมมือของฝ่ายจีนในการต่อต้านอเมริกาด้วย … นี่ก็เป็นการแจกของขวัญรวมของไอ้สุดกร่างนะครับ ว่าแต่ เขาหมายรวมไปถึงใครกันบ้าง …ที่เรียกว่า ฝ่ายจีน !? – อเมริกา จะต้องเสริมสร้างยุทธศาสตร์ ที่แสดงถึงสัมพันธภาพ ที่มาจากความไว้เนื้อเชื่อใจ ระหว่างอเมริกากับพันธมิตรในภูมิภาค ทั่วอาณาบริเวณอินโดแปซิฟิก เป็นยุทธศาสตร์ที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่พันธมิตร ที่จะรับมือกับจีนได้อย่างอิสระ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกัน และการสนับสนุนอย่างเป็นระบบของอเมริกา … อืม…..สัมพันธภาพ ที่มาจากความไว้เนื้อเชื่อใจ ….นี่มันด่าเราหรือไง จริงๆ น่าจะเป็นเราด่ามันมากกว่านะครับ – อเมริกา ควรจะมีการเจรจาทางการทูตระดับสูงกับจีน เพื่อพยายามลดความตึงเครียดระหว่างจีนกับอเมริกา ที่มีอยู่อย่างล้ำลึกและตลอดเวลา และเพื่อให้พันธมิตรของอเมริกาในภูมิภาคนี้ เข้าใจว่าอเมริกามีวัตถุประสงค์ที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับจีน .. เขียนด่าเขาสาดเสียเทเสียแบบนี้เนี่ยะนะ คิดหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า.…แหลน่าดูเลย ไอ้กร่าง Grand Strategy นี้ สุดกร่างบอกว่า จะต้องดำเนินการภายใต้การนำของโอบามา และผู้ที่จะมาเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป แม้ว่าจะมีเรื่องความวุ่นวายเกิดขึ้นอยู่ในตะวันออกกลาง และความตึงเครียดกับรัสเซียเกิด ขึ้นอยู่ก็ตาม แต่ผู้นำของอเมริกา จะไม่จัดการให้มี Grand Strategy กับจีนไม่ได้ เพราะ การผงาดขึ้นมาของจีน เป็นการท้าทายอเมริกาไปอีกหลายทศวรรษ ผู้นำอเมริกาจะต้องเป็นผู้ลงมือถือบังเหียน และแส้เอง และจะต้องเป็นผู้เดินสาย ไปนั่งจับเข่าพูดกับผู้นำของเอเซีย และยุโรป ด้วยตนเอง และสำหรับฝ่ายรัฐสภา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการที่จะทำให้ Grand Strategy นี้เกิดขึ้น ก็จะต้องให้ความร่วมมือ ไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งฝ่าย ต้องสนับสนุนให้อำนาจประธานาธิบดี ในการเดินหน้าเรื่อง Trans-Pacific Partnership (TPP) การทำสัญญาทางการค้าที่กำลังดำเนินอยู่ในเอเซีย การปรับปรุงเรื่องกองทัพ และงบประมาณที่สำคัญสำหรับการคงอำนาจของอเมริกาในภูมิภาคนี้ และที่จะตอบโต้การเติบโตของจีน อ่านบทความนี้ ถึงตอนนี้ ผมใกล้จะเชื่อเต็มทีแล้วว่า นายโอบามา น่าจะเป็นเพียงเสมียนประจำทำเนียบขาว และ CFR น่าจะเป็นผู้นำของอเมริกาตัวจริง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 14 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 282 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts