• #บันทึกไว้ในความทรงจำในชีวิต

    ผ่านมากับเหตุการณ์ต่างๆ มาค่อนชีวิต สึนามิในประเทศไทย น้ำท่วมกรุงเทพฯ และอีกหลายจังหวัด รวม 65 จังหวัด และอีกเหตุการณ์ที่ไม่คิดว่าจะเจอกับตัว #แผ่นดินไหว รุนแรงสุดมั้ย ไม่แน่ใจ แต่อยู่ชั้นหนึ่งของบ้าน รับรู้ความสั่นสะเทือนมากพอควร และเป็นหลายนาที หลายช่วงด้วย .. ย้อนกลับไปแต่เช้า

    วันนี้ มีเหตุออกไปทำธุระ แต่ก็ลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน ซึ่งปกติพอรู้ตัวจะต้องไม่สบายใจ กังวลกลับบ้านมาเอาโทรศัพท์ ครั้งนี้เฉยมาก ซื้อของเสร็จ จะไปทำธุรกรรมในธนาคาร คนก็มาใช้บริการเยอะ เลยกลับบ้านแบบแวะแค่ซื้อมื้อกลางวัน ทั้งที่ปกติคนเยอะ วันนี้น้อยมาก

    พอถึงบ้าน ก็รู้สึกเหมือนจะหน้ามืด ก็คิดว่าเพราะยังไม่ได้ทานข้าวแน่เลย พอทานมื้อกลางวันเสร็จ กำลังเก็บของเข้าตู้เย็น .. อ้าว อาการคล้ายหัวหมุน ตั้งสติสักพัก ตู้เย็นมันโครงเครง ผ้าม่านหมุน

    ไม่ใช่อาการป่วยแหละ #แผ่นดินไหว ชัวร์ ตะโกนบอกคนในบ้าน .. หาที่จับ มองโดยรอบ ทุกอย่างปกติ เดินมานั่งพัก แล้วไลน์ถามในกลุ่มหมู่บ้าน ถึงมั่นใจว่ารู้สึกเดียวกัน

    คราวนี้ ถึงออกมานอกบ้านคุยกับพี่ข้างบ้าน แล้วเดินเข้าไปถามน้าสาว จะโทรศัพท์หาญาติ น้องๆ เน็ตกับเครือข่ายก็ใช้ไม่ได้ .. แอบเครียดเหมือนกันนะ

    พอผ่านไปสัก 10-15 นาที ใช้เน็ตมือถือได้ เช็คข่าวโดยรอบ ตกใจนะ ความเสียหายมากจริงๆ .. ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด แต่ก็ผ่านมาได้

    เชื่อว่า #แต้มบุญยังมี ไม่ต้องไปเจออะไรที่ระทึกกว่านี้
    #บันทึกไว้ในความทรงจำในชีวิต ผ่านมากับเหตุการณ์ต่างๆ มาค่อนชีวิต สึนามิในประเทศไทย น้ำท่วมกรุงเทพฯ และอีกหลายจังหวัด รวม 65 จังหวัด และอีกเหตุการณ์ที่ไม่คิดว่าจะเจอกับตัว #แผ่นดินไหว รุนแรงสุดมั้ย ไม่แน่ใจ แต่อยู่ชั้นหนึ่งของบ้าน รับรู้ความสั่นสะเทือนมากพอควร และเป็นหลายนาที หลายช่วงด้วย .. ย้อนกลับไปแต่เช้า วันนี้ มีเหตุออกไปทำธุระ แต่ก็ลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน ซึ่งปกติพอรู้ตัวจะต้องไม่สบายใจ กังวลกลับบ้านมาเอาโทรศัพท์ ครั้งนี้เฉยมาก ซื้อของเสร็จ จะไปทำธุรกรรมในธนาคาร คนก็มาใช้บริการเยอะ เลยกลับบ้านแบบแวะแค่ซื้อมื้อกลางวัน ทั้งที่ปกติคนเยอะ วันนี้น้อยมาก พอถึงบ้าน ก็รู้สึกเหมือนจะหน้ามืด ก็คิดว่าเพราะยังไม่ได้ทานข้าวแน่เลย พอทานมื้อกลางวันเสร็จ กำลังเก็บของเข้าตู้เย็น .. อ้าว อาการคล้ายหัวหมุน ตั้งสติสักพัก ตู้เย็นมันโครงเครง ผ้าม่านหมุน ไม่ใช่อาการป่วยแหละ #แผ่นดินไหว ชัวร์ ตะโกนบอกคนในบ้าน .. หาที่จับ มองโดยรอบ ทุกอย่างปกติ เดินมานั่งพัก แล้วไลน์ถามในกลุ่มหมู่บ้าน ถึงมั่นใจว่ารู้สึกเดียวกัน คราวนี้ ถึงออกมานอกบ้านคุยกับพี่ข้างบ้าน แล้วเดินเข้าไปถามน้าสาว จะโทรศัพท์หาญาติ น้องๆ เน็ตกับเครือข่ายก็ใช้ไม่ได้ .. แอบเครียดเหมือนกันนะ พอผ่านไปสัก 10-15 นาที ใช้เน็ตมือถือได้ เช็คข่าวโดยรอบ ตกใจนะ ความเสียหายมากจริงๆ .. ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด แต่ก็ผ่านมาได้ เชื่อว่า #แต้มบุญยังมี ไม่ต้องไปเจออะไรที่ระทึกกว่านี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถอดสลัก...ปรับชีวิต...
    ปลด...พลังลบ ปล่อย..พลังบวก

    หลังจากผ่านการประกอบพิธีการส่งเทพเจ้าเสด็จสู่สรวงสวรรค์ 神上天 (ซิ้งเจี่ยที) แล้ว อีกหนึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณของชนชาวเชื้อสายจีนที่ปัจจุบันไม่ใคร่ได้พบเห็นกันโดยทั่วไปและไม่เป็นที่นิยมเหมือนกับขนบธรรมเนียมประเพณีอื่นๆในช่วงเทศกาลตรุษจีนคือ การประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) ที่เป็นส่วนหนึ่งของขนบธรรมเนียมประเพณีในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะขาดการสืบสานถ่ายทอดบอกกล่าวกันอย่างต่อเนื่องจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง เป็นผลให้สิ่งดีๆที่เป็นประโยชน์ของคนรุ่นก่อนๆได้ถูกปล่อยปละละเลยให้จืดจางหายไป ดังนั้นเพื่อเป็นการอนุรักษ์ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณให้ดำรงคงอยู่ไว้ต่อไป จึงใคร่ขอขยายไขความและรายละเอียดขั้นตอนของการประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) ดังนี้

    คำว่า "破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) หมายถึง การละทิ้งพฤติกรรมหรือสิ่งของเก่าหรือเครื่องใช้ประจำที่มีความผูกพันหรือประพฤติเป็นประจำออกไป แล้วนำพฤติกรรมหรือสิ่งของใหม่มาปรับใช้ทดแทน เปรียบเสมือนเป็นการประกอบพิธีสะเดาะเคราะห์เพื่อสลัดเคราะห์ร้ายภัยเวรอย่างหนึ่งที่กำลังประสบพบอยู่ทิ้งออกไป โดยแบ่งเป็น 4 ลำดับขั้นตอนดังนี้

    1. การชำระองค์เทพเจ้า ประกอบด้วย

    - ถังน้ำใบใหม่ 1 ใบ
    - น้ำพุทธมนต์ หรือน้ำสะอาด
    - ผ้าขนหนูผืนเล็กผืนใหม่ 1 ผืน
    - ดอกไม้สด 7 สี 7 ชนิด

    โดยนำถังน้ำใบใหม่ใส่น้ำพุทธมนต์หรือน้ำสะอาดหรือใส่ทั้ง 2 อย่าง (ใส่น้ำสะอาดก่อนแล้วค่อยตามด้วยน้ำพุทธมนต์) ตามด้วยดอกไม้สด 7 สี 7 ชนิด จากนั้นนำผ้าขนหนูผืนเล็กผืนใหม่มาชำระองค์เทพเจ้าให้ทั่วจนสะอาด

    2. การทำความสะอาดบ้าน

    หลังจากเสร็จสิ้นจากการชำระองค์เทพเจ้าแล้ว ลำดับต่อไปคือการทำความสะอาดบ้านโดยรอบไม่ว่าจะเก็บกวาดหยากไย่ใยแมงมุม ซักล้างผ้าม่าน ผ้าปูเตียง ปลอกหมอน ปัดกวาดมุ้งลวด เป็นต้น เช็ดถูทำความสะอาดทั้งภายในและภายนอกบ้าน แม้แต่การตัดต้นไม้ ตัดหญ้า เก็บทิ้งขยะ เพื่อให้บ้านดูสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย

    3. การทิ้งของเก่าเพื่อรับสิ่งใหม่

    ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเดิมๆที่ไม่ดีออกไป เช่น งดสูบบุหรี่ งดดื่มเหล้า ละเลิกเล่นพนัน ฯลฯ อีกทั้งปรับเปลี่ยนของใช้ประจำที่ผูกพันไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ฯลฯ โดยใช้วิธีการเผาทำลาย(ไม่ควรบริจาคให้แก่ใครเพราะจะเป็นการเพิ่มเคราะห์ของเราไปเป็นเคราะห์ของบุคคลอื่น) หรือแม้แต่ประตูบ้านที่เก่าหรือเสีย ก็อาจจะปรับเปลี่ยนติดตั้งประตูใหม่เพื่อใช้ทดแทนได้เช่นกัน

    4. การอบบ้าน ประกอบด้วย

    - ธูปหอม 1 ห่อ
    - กระถางหรือภาชนะใส่ธูป 5 ใบ
    แบ่งตำแหน่งพื้นที่ตัวอาคารบ้านออกเป็น 5 ตำแหน่ง ดังนี้
    - ตำแหน่งที่ 1 ตำแหน่งศูนย์กลางบ้าน
    - ตำแหน่งที่ 2 ตำแหน่งมุมซ้ายด้านหน้าตัวบ้าน
    - ตำแหน่งที่ 3 ตำแหน่งมุมขวาด้านหน้าตัวบ้าน
    - ตำแหน่งที่ 4 ตำแหน่งมุมซ้ายด้านหลังตัวบ้าน
    - ตำแหน่งที่ 5 ตำแหน่งมุมขวาด้านหลังตัวบ้าน

    เมื่อได้ตำแหน่งทั้ง 5 แล้วให้นำธูปหอมแบ่งออกเป็น 5 กำ จุดให้ติดไฟจนเกิดควันแล้วปักที่กระถางหรือภาชนะใส่ธูปที่ตั้งตาม 5 ตำแหน่งจนครบ อบบ้านด้วยการปิดทั้งประตูและหน้าต่างโดยรอบใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วยาม หรือ 2 ชั่วโมง โดยสมาชิกครอบครัวและสัตว์เลี้ยงในบ้านควรออกนอกตัวบ้านที่กำลังอบอยู่(เฝ้าระวังฟืนไฟก่อนจะเกิดเหตุเพลิงไหม้)

    หลังจากครบระยะเวลาตามที่กำหนดแล้วให้เปิดประตูตัวบ้านเพื่อเดินเข้าบ้าน พร้อมเปล่งเสียงคำพูดที่มงคล ตังอย่างเช่น ขอให้มั่งคั่งร่ำรวย ด้วยทรัพย์สินศฤงคาร ทรัพย์สินรายล้อม เงินทองเพชรพลอยหยกเต็มบ้าน ค้าขายได้กำไร เหลือกินเหลือใช้ ทุกๆอย่างราบรื่นสำเร็จสมปราถนา โชคดีมีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ พูนสุข อายุยืนยาวตลอดไป เป็นต้น จากนั้นเปิดหน้าต่างทุกบานที่ปิดออก เพื่อให้กระแส"氣"(ขี่) ที่ดีมีมงคลไหลหมุนเวียนตลอดทั่วตัวบ้าน

    ทั้ง 4 ขั้นตอนสามารถดำเนินการได้ในช่วงระหว่างหลังวันส่งองค์เทพเจ้าเสด็จสู่สรวงสวรรค์ 神上天 (ซิ้งเจี่ยที) จนถึงก่อนวันตรุษจีน โดยใช้วัน"除日"(ตื้อยิ๊ก) หรือ"破日"(ผั่วยิ๊ก) หรือ "天赦日"(เทียนเซี๊ยยิ๊ก) ก็ได้เช่นกัน ซึ่งใน ปีพ.ศ.2568 นี้ มีฤกษ์งามยามเหมาะกับการประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) คือ วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ.2568) นี้ ตั้งแต่เวลา 07:00 เป็นต้นไป

    หวังเป็นอย่างยิ่งว่าขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณที่ดีมีประโยชน์ดั่งเช่น การทิ้งของเก่าเพื่อรับสิ่งใหม่อย่าง"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) จะได้รับการอนุรักษ์สืบสาน บอกกล่าว และถ่ายทอดกันอย่างต่อเนื่องจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่งให้ดำรงคงอยู่ถาวรสืบไป
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ถอดสลัก...ปรับชีวิต... ปลด...พลังลบ ปล่อย..พลังบวก หลังจากผ่านการประกอบพิธีการส่งเทพเจ้าเสด็จสู่สรวงสวรรค์ 神上天 (ซิ้งเจี่ยที) แล้ว อีกหนึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณของชนชาวเชื้อสายจีนที่ปัจจุบันไม่ใคร่ได้พบเห็นกันโดยทั่วไปและไม่เป็นที่นิยมเหมือนกับขนบธรรมเนียมประเพณีอื่นๆในช่วงเทศกาลตรุษจีนคือ การประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) ที่เป็นส่วนหนึ่งของขนบธรรมเนียมประเพณีในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะขาดการสืบสานถ่ายทอดบอกกล่าวกันอย่างต่อเนื่องจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง เป็นผลให้สิ่งดีๆที่เป็นประโยชน์ของคนรุ่นก่อนๆได้ถูกปล่อยปละละเลยให้จืดจางหายไป ดังนั้นเพื่อเป็นการอนุรักษ์ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณให้ดำรงคงอยู่ไว้ต่อไป จึงใคร่ขอขยายไขความและรายละเอียดขั้นตอนของการประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) ดังนี้ คำว่า "破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) หมายถึง การละทิ้งพฤติกรรมหรือสิ่งของเก่าหรือเครื่องใช้ประจำที่มีความผูกพันหรือประพฤติเป็นประจำออกไป แล้วนำพฤติกรรมหรือสิ่งของใหม่มาปรับใช้ทดแทน เปรียบเสมือนเป็นการประกอบพิธีสะเดาะเคราะห์เพื่อสลัดเคราะห์ร้ายภัยเวรอย่างหนึ่งที่กำลังประสบพบอยู่ทิ้งออกไป โดยแบ่งเป็น 4 ลำดับขั้นตอนดังนี้ 1. การชำระองค์เทพเจ้า ประกอบด้วย - ถังน้ำใบใหม่ 1 ใบ - น้ำพุทธมนต์ หรือน้ำสะอาด - ผ้าขนหนูผืนเล็กผืนใหม่ 1 ผืน - ดอกไม้สด 7 สี 7 ชนิด โดยนำถังน้ำใบใหม่ใส่น้ำพุทธมนต์หรือน้ำสะอาดหรือใส่ทั้ง 2 อย่าง (ใส่น้ำสะอาดก่อนแล้วค่อยตามด้วยน้ำพุทธมนต์) ตามด้วยดอกไม้สด 7 สี 7 ชนิด จากนั้นนำผ้าขนหนูผืนเล็กผืนใหม่มาชำระองค์เทพเจ้าให้ทั่วจนสะอาด 2. การทำความสะอาดบ้าน หลังจากเสร็จสิ้นจากการชำระองค์เทพเจ้าแล้ว ลำดับต่อไปคือการทำความสะอาดบ้านโดยรอบไม่ว่าจะเก็บกวาดหยากไย่ใยแมงมุม ซักล้างผ้าม่าน ผ้าปูเตียง ปลอกหมอน ปัดกวาดมุ้งลวด เป็นต้น เช็ดถูทำความสะอาดทั้งภายในและภายนอกบ้าน แม้แต่การตัดต้นไม้ ตัดหญ้า เก็บทิ้งขยะ เพื่อให้บ้านดูสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย 3. การทิ้งของเก่าเพื่อรับสิ่งใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเดิมๆที่ไม่ดีออกไป เช่น งดสูบบุหรี่ งดดื่มเหล้า ละเลิกเล่นพนัน ฯลฯ อีกทั้งปรับเปลี่ยนของใช้ประจำที่ผูกพันไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ฯลฯ โดยใช้วิธีการเผาทำลาย(ไม่ควรบริจาคให้แก่ใครเพราะจะเป็นการเพิ่มเคราะห์ของเราไปเป็นเคราะห์ของบุคคลอื่น) หรือแม้แต่ประตูบ้านที่เก่าหรือเสีย ก็อาจจะปรับเปลี่ยนติดตั้งประตูใหม่เพื่อใช้ทดแทนได้เช่นกัน 4. การอบบ้าน ประกอบด้วย - ธูปหอม 1 ห่อ - กระถางหรือภาชนะใส่ธูป 5 ใบ แบ่งตำแหน่งพื้นที่ตัวอาคารบ้านออกเป็น 5 ตำแหน่ง ดังนี้ - ตำแหน่งที่ 1 ตำแหน่งศูนย์กลางบ้าน - ตำแหน่งที่ 2 ตำแหน่งมุมซ้ายด้านหน้าตัวบ้าน - ตำแหน่งที่ 3 ตำแหน่งมุมขวาด้านหน้าตัวบ้าน - ตำแหน่งที่ 4 ตำแหน่งมุมซ้ายด้านหลังตัวบ้าน - ตำแหน่งที่ 5 ตำแหน่งมุมขวาด้านหลังตัวบ้าน เมื่อได้ตำแหน่งทั้ง 5 แล้วให้นำธูปหอมแบ่งออกเป็น 5 กำ จุดให้ติดไฟจนเกิดควันแล้วปักที่กระถางหรือภาชนะใส่ธูปที่ตั้งตาม 5 ตำแหน่งจนครบ อบบ้านด้วยการปิดทั้งประตูและหน้าต่างโดยรอบใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วยาม หรือ 2 ชั่วโมง โดยสมาชิกครอบครัวและสัตว์เลี้ยงในบ้านควรออกนอกตัวบ้านที่กำลังอบอยู่(เฝ้าระวังฟืนไฟก่อนจะเกิดเหตุเพลิงไหม้) หลังจากครบระยะเวลาตามที่กำหนดแล้วให้เปิดประตูตัวบ้านเพื่อเดินเข้าบ้าน พร้อมเปล่งเสียงคำพูดที่มงคล ตังอย่างเช่น ขอให้มั่งคั่งร่ำรวย ด้วยทรัพย์สินศฤงคาร ทรัพย์สินรายล้อม เงินทองเพชรพลอยหยกเต็มบ้าน ค้าขายได้กำไร เหลือกินเหลือใช้ ทุกๆอย่างราบรื่นสำเร็จสมปราถนา โชคดีมีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ พูนสุข อายุยืนยาวตลอดไป เป็นต้น จากนั้นเปิดหน้าต่างทุกบานที่ปิดออก เพื่อให้กระแส"氣"(ขี่) ที่ดีมีมงคลไหลหมุนเวียนตลอดทั่วตัวบ้าน ทั้ง 4 ขั้นตอนสามารถดำเนินการได้ในช่วงระหว่างหลังวันส่งองค์เทพเจ้าเสด็จสู่สรวงสวรรค์ 神上天 (ซิ้งเจี่ยที) จนถึงก่อนวันตรุษจีน โดยใช้วัน"除日"(ตื้อยิ๊ก) หรือ"破日"(ผั่วยิ๊ก) หรือ "天赦日"(เทียนเซี๊ยยิ๊ก) ก็ได้เช่นกัน ซึ่งใน ปีพ.ศ.2568 นี้ มีฤกษ์งามยามเหมาะกับการประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) คือ วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ.2568) นี้ ตั้งแต่เวลา 07:00 เป็นต้นไป หวังเป็นอย่างยิ่งว่าขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณที่ดีมีประโยชน์ดั่งเช่น การทิ้งของเก่าเพื่อรับสิ่งใหม่อย่าง"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) จะได้รับการอนุรักษ์สืบสาน บอกกล่าว และถ่ายทอดกันอย่างต่อเนื่องจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่งให้ดำรงคงอยู่ถาวรสืบไป ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 694 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายการสินค้าจำหน่ายทั้งปลีก-ส่ง
    ร้านเฮียเมาเจ้พรตลาดปัฐวิกรณ์โครงการใหม่ระหว่างซอยนวมินทร์ 72-74
    โซนด้านหน้าติดถนนนวมินทร์ตลาดปัฐวิกรณ์โรงการใหม่
    โซนด้านหลังตลาดปัฐวิกรณ์โรงการใหม่
    โซนด้านหน้าศูนย์อาหารตลาดปัฐวิกรณ์โรงการใหม่
    โซนฝั่งโรงเรียนบดินทร์ตลาดปัฐวิกรณ์โรงการใหม่

    #เสื้อเชิ้ต
    #เสื้อเชิ้ต สีขาว
    #เสื้อเชิ้ตลาคอส
    #เสื้อขาว
    #เสื้อยืดพิมพ์ลายสีขาว
    #เสื้อยืดคอกลม
    #เสื้อยืดสีขาว
    #เสื้อยืด
    #เสือสำลี
    #เสื้อถัก
    #ชุดแซกถัก
    #เดรสยีนส์
    #เสื้อผ้าร่ม
    #เสื้อแฟชั่นผู้ญิง โอเวอร์ไซส์
    #เสื้อยืดกีฬา
    #เสื้อวอร์ม
    #เสื้อฮาวาย
    #กางเกงเวสปอยท์ขายาว
    #กางเกงเวสปอยท์ขาสั้น
    #กางเกงขายาวเวสปอยท์กระเป๋าข้าง
    #กางเกงขาสั้น
    #กางเกงกีฬาขาสั้น
    #กางเกงกีฬาขาสั้น
    #กางเกงทรงลุงขาสั้น
    #กางเกงขาสั้นกระเป๋าข้าง
    #กางเกงสแล็ค
    #กางเกงลูกฟูก
    #กางเกงสแล็คขาสั้น
    #กางเกงเอวยืดผู้หญิง
    #กางเกงยีนส์
    #กางเกงยีนส์ลีวาย
    #กางเกงกีฬา
    #กางเกงดิกกี้
    #ผ้าม่าน
    #ผ้าห่ม
    #พรมปูพื้น
    #เสื้อยีนส์
    #เสื้อเชิ้ดยีนส์
    #พรมเช็ดเท้า
    #เสื้อช่าง
    ร้านเฮียเมาเจ้พรตลาดปัฐวิกรณ์โครงการใหม่ระหว่างซอยนวมินทร์ 72-74
    โซนฝั่งโรงเรียนบดินทร์ตลาดปัฐวิกรณ์โรงการใหม่
    https://shop.line.me/@640eaiee
    LINE ID 0934962777
    Line Open Chat
    https://shorturl.asia/PwpIM

    โทรศัพท์ 0638814705
    0937199406
    0611076355
    #ร้านเฮียเมาเจ้พรตลาดปัฐวิกรณ์โครงการใหม #ร้านเฮียเมาเจ้พรสินค้ามือสอง


    รายการสินค้าจำหน่ายทั้งปลีก-ส่ง ร้านเฮียเมาเจ้พรตลาดปัฐวิกรณ์โครงการใหม่ระหว่างซอยนวมินทร์ 72-74 โซนด้านหน้าติดถนนนวมินทร์ตลาดปัฐวิกรณ์โรงการใหม่ โซนด้านหลังตลาดปัฐวิกรณ์โรงการใหม่ โซนด้านหน้าศูนย์อาหารตลาดปัฐวิกรณ์โรงการใหม่ โซนฝั่งโรงเรียนบดินทร์ตลาดปัฐวิกรณ์โรงการใหม่ #เสื้อเชิ้ต #เสื้อเชิ้ต สีขาว #เสื้อเชิ้ตลาคอส #เสื้อขาว #เสื้อยืดพิมพ์ลายสีขาว #เสื้อยืดคอกลม #เสื้อยืดสีขาว #เสื้อยืด #เสือสำลี #เสื้อถัก #ชุดแซกถัก #เดรสยีนส์ #เสื้อผ้าร่ม #เสื้อแฟชั่นผู้ญิง โอเวอร์ไซส์ #เสื้อยืดกีฬา #เสื้อวอร์ม #เสื้อฮาวาย #กางเกงเวสปอยท์ขายาว #กางเกงเวสปอยท์ขาสั้น #กางเกงขายาวเวสปอยท์กระเป๋าข้าง #กางเกงขาสั้น #กางเกงกีฬาขาสั้น #กางเกงกีฬาขาสั้น #กางเกงทรงลุงขาสั้น #กางเกงขาสั้นกระเป๋าข้าง #กางเกงสแล็ค #กางเกงลูกฟูก #กางเกงสแล็คขาสั้น #กางเกงเอวยืดผู้หญิง #กางเกงยีนส์ #กางเกงยีนส์ลีวาย #กางเกงกีฬา #กางเกงดิกกี้ #ผ้าม่าน #ผ้าห่ม #พรมปูพื้น #เสื้อยีนส์ #เสื้อเชิ้ดยีนส์ #พรมเช็ดเท้า #เสื้อช่าง ร้านเฮียเมาเจ้พรตลาดปัฐวิกรณ์โครงการใหม่ระหว่างซอยนวมินทร์ 72-74 โซนฝั่งโรงเรียนบดินทร์ตลาดปัฐวิกรณ์โรงการใหม่ https://shop.line.me/@640eaiee LINE ID 0934962777 Line Open Chat https://shorturl.asia/PwpIM โทรศัพท์ 0638814705 0937199406 0611076355 #ร้านเฮียเมาเจ้พรตลาดปัฐวิกรณ์โครงการใหม #ร้านเฮียเมาเจ้พรสินค้ามือสอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1876 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายการสินค้าจำหน่ายทั้งปลีก-ส่ง
    ร้านเฮียเมาเจ้พรตลาดปัฐวิกรณ์โครงการใหม่ระหว่างซอยนวมินทร์ 72-74
    โซนด้านหน้าติดถนนนวมินทร์ตลาดปัฐวิกรณ์โรงการใหม่
    โซนด้านหลังตลาดปัฐวิกรณ์โรงการใหม่
    โซนด้านหน้าศูนย์อาหารตลาดปัฐวิกรณ์โรงการใหม่
    โซนฝั่งโรงเรียนบดินทร์ตลาดปัฐวิกรณ์โรงการใหม่

    #เสื้อเชิ้ต
    #เสื้อเชิ้ต สีขาว
    #เสื้อเชิ้ตลาคอส
    #เสื้อขาว
    #เสื้อยืดพิมพ์ลายสีขาว
    #เสื้อยืดคอกลม
    #เสื้อยืดสีขาว
    #เสื้อยืด
    #เสือสำลี
    #เสื้อถัก
    #ชุดแซกถัก
    #เดรสยีนส์
    #เสื้อผ้าร่ม
    #เสื้อแฟชั่นผู้ญิง โอเวอร์ไซส์
    #เสื้อยืดกีฬา
    #เสื้อวอร์ม
    #เสื้อฮาวาย
    #กางเกงเวสปอยท์ขายาว
    #กางเกงเวสปอยท์ขาสั้น
    #กางเกงขายาวเวสปอยท์กระเป๋าข้าง
    #กางเกงขาสั้น
    #กางเกงกีฬาขาสั้น
    #กางเกงกีฬาขาสั้น
    #กางเกงทรงลุงขาสั้น
    #กางเกงขาสั้นกระเป๋าข้าง
    #กางเกงสแล็ค
    #กางเกงลูกฟูก
    #กางเกงสแล็คขาสั้น
    #กางเกงเอวยืดผู้หญิง
    #กางเกงยีนส์
    #กางเกงยีนส์ลีวาย
    #กางเกงกีฬา
    #กางเกงดิกกี้
    #ผ้าม่าน
    #ผ้าห่ม
    #พรมปูพื้น
    #เสื้อยีนส์
    #เสื้อเชิ้ดยีนส์
    #พรมเช็ดเท้า
    #เสื้อช่าง
    ร้านเฮียเมาเจ้พรตลาดปัฐวิกรณ์โครงการใหม่ระหว่างซอยนวมินทร์ 72-74
    โซนฝั่งโรงเรียนบดินทร์ตลาดปัฐวิกรณ์โรงการใหม่
    https://shop.line.me/@640eaiee
    LINE ID 0934962777
    Line Open Chat
    https://shorturl.asia/PwpIM

    โทรศัพท์ 0638814705
    0937199406
    0611076355
    #ร้านเฮียเมาเจ้พรตลาดปัฐวิกรณ์โครงการใหม #ร้านเฮียเมาเจ้พรสินค้ามือสอง


    รายการสินค้าจำหน่ายทั้งปลีก-ส่ง ร้านเฮียเมาเจ้พรตลาดปัฐวิกรณ์โครงการใหม่ระหว่างซอยนวมินทร์ 72-74 โซนด้านหน้าติดถนนนวมินทร์ตลาดปัฐวิกรณ์โรงการใหม่ โซนด้านหลังตลาดปัฐวิกรณ์โรงการใหม่ โซนด้านหน้าศูนย์อาหารตลาดปัฐวิกรณ์โรงการใหม่ โซนฝั่งโรงเรียนบดินทร์ตลาดปัฐวิกรณ์โรงการใหม่ #เสื้อเชิ้ต #เสื้อเชิ้ต สีขาว #เสื้อเชิ้ตลาคอส #เสื้อขาว #เสื้อยืดพิมพ์ลายสีขาว #เสื้อยืดคอกลม #เสื้อยืดสีขาว #เสื้อยืด #เสือสำลี #เสื้อถัก #ชุดแซกถัก #เดรสยีนส์ #เสื้อผ้าร่ม #เสื้อแฟชั่นผู้ญิง โอเวอร์ไซส์ #เสื้อยืดกีฬา #เสื้อวอร์ม #เสื้อฮาวาย #กางเกงเวสปอยท์ขายาว #กางเกงเวสปอยท์ขาสั้น #กางเกงขายาวเวสปอยท์กระเป๋าข้าง #กางเกงขาสั้น #กางเกงกีฬาขาสั้น #กางเกงกีฬาขาสั้น #กางเกงทรงลุงขาสั้น #กางเกงขาสั้นกระเป๋าข้าง #กางเกงสแล็ค #กางเกงลูกฟูก #กางเกงสแล็คขาสั้น #กางเกงเอวยืดผู้หญิง #กางเกงยีนส์ #กางเกงยีนส์ลีวาย #กางเกงกีฬา #กางเกงดิกกี้ #ผ้าม่าน #ผ้าห่ม #พรมปูพื้น #เสื้อยีนส์ #เสื้อเชิ้ดยีนส์ #พรมเช็ดเท้า #เสื้อช่าง ร้านเฮียเมาเจ้พรตลาดปัฐวิกรณ์โครงการใหม่ระหว่างซอยนวมินทร์ 72-74 โซนฝั่งโรงเรียนบดินทร์ตลาดปัฐวิกรณ์โรงการใหม่ https://shop.line.me/@640eaiee LINE ID 0934962777 Line Open Chat https://shorturl.asia/PwpIM โทรศัพท์ 0638814705 0937199406 0611076355 #ร้านเฮียเมาเจ้พรตลาดปัฐวิกรณ์โครงการใหม #ร้านเฮียเมาเจ้พรสินค้ามือสอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1817 มุมมอง 0 รีวิว
  • 19 พ.ย.2567- กิจจา บุรานนท์ อดีตคอลัมนิสต์ นิตยสาร ‘ดิฉัน’ ‘พลอยแกมเพชร’ ซึ่ง อาศัยในอเมริกาค่อนชีวิต โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Kiccha Buranond ว่า A Fashion FAUX PAS ภาษาอังกฤษนั้นมักมีจริตจก้าน ที่จะนำภาษาฝรั่งเศสมาผสมผสาน แล้วกลายเป็นเรื่องเก๋ ทั้ง ๆ ที่บางคำมีความหมายเอียงไปทางด้านลบ เป็นต้นว่าเศรษฐีหน้าใหม่ที่เปิ่นและขี้อวด เรียกกันว่า Nouveau Riche แต่ที่เพิ่งรวยขึ้นมาแล้ววางตัวเป็น/สงบเป็นปรกติ/ไม่รุ่มร่ามเห่อความร่ำรวย ก็จะเป็น new rich กล่าวคือนูโวริชส์เป็นคำเหยียดหยามประชดประชันที่เรามีในที่นี้คือแฟชั่นโฟป้าส์ Faux นั้นแปลว่าผิดพลาดในภาษาฝรั่งเศส และจะถูกนำมาใช้ปนภาษาอังกฤษอยู่ตลอดเวลา แต่ฟังแล้วเก๋ทีเดียว เป็นต้นว่าเฟอร์ปลอม ควรจะเรียกว่าเป็น fake fur ซึ่งฟังแล้วห่วยแตก เหมือนของถูก/ของโหล …แต่หากเรียกว่า faux fur แล้วจะกลายเป็นว่ามีคลาสขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน ทุกห้องเสื้อแฟชั่นใหญ่โตมีโฟเฟอร์ บ้างแพงกว่าเฟอร์จริง แต่หากเรียก fake fur เมื่อไหร่ …ก็จะกลายเป็นเรื่องของตลาดโบ้เบ้ทันทีฉะนั้นแฟชั่นโฟป้าส์ก็คือการแต่งกายผิด ไม่ใช่ว่าไม่สวย แต่ผิด …ที่นายกหญิงอุ้งอิ้งสวมวันสองวันนี้นอกประเทศ เป็นแฟชั่นโฟป้าส์ (pas คือการก้าวย่าง) ในระดับโลก หมายความว่าผิดที่ผิดทางขาดกาละเทศะอย่างแรง …ควรมี common sense และของหน้าที่ของความรับผิดชอบ ในการเป็นหน้าตาให้แก่ประเทศชาติ …มากกว่านี้ โดยเฉพาะทางด้านมารยาททางการแต่งกาย …การแต่งกาย มีมารยาทของมันเองเป็นอย่างมากนะครับผมดูชุดที่เธอสวมลงครื่องบินแล้วผิดหวังจัง ดูเหมือนนักทัศนาจรจีนใส่กางเกงขาสั้น/เสื้อยืดไปวัดพระแก้ว ประการแรกเธอควรให้เกียรติแก่ประเทศของเขา คนของเขาที่รุมล้อมเธอในสูท/ไทด์เป็นเรื่องเป็นราว ที่ปูพรมแดงให้เธอเดิน …นี่คือการเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ของประเทศชาติ ไม่ใช่ไปตากอากาศหรือช๊อปปิ้ง กางเกงขาลุ่ย รองเท้าผ้าใบ ไม่เหมาะสมเลย กางเกงสีขาวอย่างเดียวก็ผิดกติกาเรียบร้อยแล้วหากไม่ใช่ยูนิฟอร์ม ในที่นี้เธอควรแต่งสูททึม ๆ ครึ้ม ๆ ใช้ผ้าไทยตัดให้เก๋และคลาสสิค สวมถุงน่อง รองเท้าส่นสูงที่ถูกต้อง ทำผมเป็นมวยให้เรียบร้อย กรุณาอย่าทำผมทรงหางม้า/หางลาในขณะปฏิบัติหน้าที่การงาน/นั่งประชุมระดับชาติเป็นอันขาดนะครับ เรื่องเหล่านี้ไม่ควรถูกมองข้าม คุณไปนั่งประชุมเกี่ยวกับสถานการณ์นานาชาติ ไม่ใช่กำลังจะไปตีเทนนิสกับสหายที่พัทยา หน้าที่ของคุณมากับวินัย/ความศิวิไลซ/หลักสุดธรรมดาของสากลโลกที่คุณจะต้องให้เกียรติในขณะเดียวกันแฟชั่นของคุณอุ้งอิ้ง หากไม่โฟป้าส์ ก็ลักหลั่นเหลือหลาย …เหมือนเธอพยายามมากไป ที่ฝรั่งว่า She’s trying TOO HARD แล้วไปไม่ถึงไหน หลายชุดกลายเป็นว่า “ชุดใส่เธอ” แทนที่เธอจะใส่ชุดบางชุดดูผ่าน ๆ เหมือนเธอหอบโซฟาพร้อมหมอนอิงจากห้องรับแขกมาด้วย บางชุดเหมือนเธอจิ๊กผ้าม่านหน้าต่างมาโปะเป็นแขนเป็นไหล่กันลมหนาวในรถแอร์ ชุดสะไบเฉียงรัดเพียงหน้าอกนอกเสื้อนั้นดูอึดอัดจริง ๆ …ดูกวนสายตามากกว่าดีไซน์ แต่แท้จริงแล้วชุดอื่น ๆ ที่มีสีสันและสุดเว่อร์นั้น ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับดีไซน์ มันอยู่ในหมวดสนุก หมวดเก๋ หมวดเว่อร์ (ตรงกันข้ามกับคลาสสิค) ก็ดีไซน์กันเข้าไป***หากคนใส่ …ใส่ให้ถูกต้องตรงตามกาละเทศะอีกต่างหาก เป็นต้นว่าแต่งไปงานแฟนซีระบบมาร์ดีกราส์ ส่วนมากการใช้ผ้าเยอะ ๆ จะขึ้นและเด่นมากกว่ากับสาวที่หุ่นผอม เพรียว และสูง และเชื่อไหม ควรอายุมากด้วย โดยเฉพาะเหล่าแฟชั่นนิสต้าน…แต่ชุดทั้งหมดที่เห็น ไม่เหมาะสมเลยด้วยประการทั้งปวงกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสุขสันต์วันอังคารนะครับ ทุก ๆ ท่าน
    19 พ.ย.2567- กิจจา บุรานนท์ อดีตคอลัมนิสต์ นิตยสาร ‘ดิฉัน’ ‘พลอยแกมเพชร’ ซึ่ง อาศัยในอเมริกาค่อนชีวิต โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Kiccha Buranond ว่า A Fashion FAUX PAS ภาษาอังกฤษนั้นมักมีจริตจก้าน ที่จะนำภาษาฝรั่งเศสมาผสมผสาน แล้วกลายเป็นเรื่องเก๋ ทั้ง ๆ ที่บางคำมีความหมายเอียงไปทางด้านลบ เป็นต้นว่าเศรษฐีหน้าใหม่ที่เปิ่นและขี้อวด เรียกกันว่า Nouveau Riche แต่ที่เพิ่งรวยขึ้นมาแล้ววางตัวเป็น/สงบเป็นปรกติ/ไม่รุ่มร่ามเห่อความร่ำรวย ก็จะเป็น new rich กล่าวคือนูโวริชส์เป็นคำเหยียดหยามประชดประชันที่เรามีในที่นี้คือแฟชั่นโฟป้าส์ Faux นั้นแปลว่าผิดพลาดในภาษาฝรั่งเศส และจะถูกนำมาใช้ปนภาษาอังกฤษอยู่ตลอดเวลา แต่ฟังแล้วเก๋ทีเดียว เป็นต้นว่าเฟอร์ปลอม ควรจะเรียกว่าเป็น fake fur ซึ่งฟังแล้วห่วยแตก เหมือนของถูก/ของโหล …แต่หากเรียกว่า faux fur แล้วจะกลายเป็นว่ามีคลาสขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน ทุกห้องเสื้อแฟชั่นใหญ่โตมีโฟเฟอร์ บ้างแพงกว่าเฟอร์จริง แต่หากเรียก fake fur เมื่อไหร่ …ก็จะกลายเป็นเรื่องของตลาดโบ้เบ้ทันทีฉะนั้นแฟชั่นโฟป้าส์ก็คือการแต่งกายผิด ไม่ใช่ว่าไม่สวย แต่ผิด …ที่นายกหญิงอุ้งอิ้งสวมวันสองวันนี้นอกประเทศ เป็นแฟชั่นโฟป้าส์ (pas คือการก้าวย่าง) ในระดับโลก หมายความว่าผิดที่ผิดทางขาดกาละเทศะอย่างแรง …ควรมี common sense และของหน้าที่ของความรับผิดชอบ ในการเป็นหน้าตาให้แก่ประเทศชาติ …มากกว่านี้ โดยเฉพาะทางด้านมารยาททางการแต่งกาย …การแต่งกาย มีมารยาทของมันเองเป็นอย่างมากนะครับผมดูชุดที่เธอสวมลงครื่องบินแล้วผิดหวังจัง ดูเหมือนนักทัศนาจรจีนใส่กางเกงขาสั้น/เสื้อยืดไปวัดพระแก้ว ประการแรกเธอควรให้เกียรติแก่ประเทศของเขา คนของเขาที่รุมล้อมเธอในสูท/ไทด์เป็นเรื่องเป็นราว ที่ปูพรมแดงให้เธอเดิน …นี่คือการเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ของประเทศชาติ ไม่ใช่ไปตากอากาศหรือช๊อปปิ้ง กางเกงขาลุ่ย รองเท้าผ้าใบ ไม่เหมาะสมเลย กางเกงสีขาวอย่างเดียวก็ผิดกติกาเรียบร้อยแล้วหากไม่ใช่ยูนิฟอร์ม ในที่นี้เธอควรแต่งสูททึม ๆ ครึ้ม ๆ ใช้ผ้าไทยตัดให้เก๋และคลาสสิค สวมถุงน่อง รองเท้าส่นสูงที่ถูกต้อง ทำผมเป็นมวยให้เรียบร้อย กรุณาอย่าทำผมทรงหางม้า/หางลาในขณะปฏิบัติหน้าที่การงาน/นั่งประชุมระดับชาติเป็นอันขาดนะครับ เรื่องเหล่านี้ไม่ควรถูกมองข้าม คุณไปนั่งประชุมเกี่ยวกับสถานการณ์นานาชาติ ไม่ใช่กำลังจะไปตีเทนนิสกับสหายที่พัทยา หน้าที่ของคุณมากับวินัย/ความศิวิไลซ/หลักสุดธรรมดาของสากลโลกที่คุณจะต้องให้เกียรติในขณะเดียวกันแฟชั่นของคุณอุ้งอิ้ง หากไม่โฟป้าส์ ก็ลักหลั่นเหลือหลาย …เหมือนเธอพยายามมากไป ที่ฝรั่งว่า She’s trying TOO HARD แล้วไปไม่ถึงไหน หลายชุดกลายเป็นว่า “ชุดใส่เธอ” แทนที่เธอจะใส่ชุดบางชุดดูผ่าน ๆ เหมือนเธอหอบโซฟาพร้อมหมอนอิงจากห้องรับแขกมาด้วย บางชุดเหมือนเธอจิ๊กผ้าม่านหน้าต่างมาโปะเป็นแขนเป็นไหล่กันลมหนาวในรถแอร์ ชุดสะไบเฉียงรัดเพียงหน้าอกนอกเสื้อนั้นดูอึดอัดจริง ๆ …ดูกวนสายตามากกว่าดีไซน์ แต่แท้จริงแล้วชุดอื่น ๆ ที่มีสีสันและสุดเว่อร์นั้น ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับดีไซน์ มันอยู่ในหมวดสนุก หมวดเก๋ หมวดเว่อร์ (ตรงกันข้ามกับคลาสสิค) ก็ดีไซน์กันเข้าไป***หากคนใส่ …ใส่ให้ถูกต้องตรงตามกาละเทศะอีกต่างหาก เป็นต้นว่าแต่งไปงานแฟนซีระบบมาร์ดีกราส์ ส่วนมากการใช้ผ้าเยอะ ๆ จะขึ้นและเด่นมากกว่ากับสาวที่หุ่นผอม เพรียว และสูง และเชื่อไหม ควรอายุมากด้วย โดยเฉพาะเหล่าแฟชั่นนิสต้าน…แต่ชุดทั้งหมดที่เห็น ไม่เหมาะสมเลยด้วยประการทั้งปวงกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสุขสันต์วันอังคารนะครับ ทุก ๆ ท่าน
    Like
    Haha
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 988 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟิล์มกรองแสงมีความหลากหลาย เลือกระดับความเข้มของฟิล์มกรองแสงได้ตามความเหมาะสม ให้เหมาะกับสภาพห้องหรือการใช้งานในแต่ละจุด
    ___________________________
    ✅ข้อดีของการติดฟิล์ม บ้าน อาคาร สำนักงาน
    👍-ช่วยลดความร้อนไอร้อนจากภายนอกบ้าน หรืออาคารได้
    👍-ช่วยป้องกันรังสี UV/ A B C และ IR รังสีอินฟราเรดได้
    👍-ช่วยถนอมอุปกรณ์ต่างๆภายในบ้าน เฟอร์นิเจอร์ ผ้าม่านโซฟา พื้นไม้
    👍-ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าแอร์ทำงานน้อยลง เย็นเร็วขึ้น
    👍-ช่วยให้บ้านและอาคาร ดูสวยมีสไตล์ให้ความเป็นส่วนตัวสูงมองออกจากภายในชัดเจนเคลียร์ตามปกติส่วนภายนอก ดำเข้มมองเข้ายากขึ้น
    👍-ช่วยยึดกระจกไม่ให้แตกกระจาย
    👍-ติดแล้วเย็น เห็นผลทันทีหลังติดเสร็จ
    บริการประเมินราคาให้ ฟรี
    --------------------------------
    ร้านสิริภิวัฒน์ FilmShop
    บริการรับติดฟิล์มกรองแสงกันความร้อนบ้านอาคาร
    โทร 0649149165
    ส่งและรับข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม Line OA ของทางร้าน
    ID LINE: @325ptbdq
    หรือ Click Add Line OA
    https:lin.ee/HDTVQjb
    กดลิงค์ กดเปิดไลน์

    ผลงานการติดตั้งสามารถชมได้ที่ Facebook Link ด้านล่างนี้
    https://www.facebook.com/profile.php?id=100069860653236&mibextid=ZbWKwL

    Google Map แผนที่หน้า
    ร้าน สิริภิวัฒน์ FilmShop
    สาขา ราชพฤกษ์
    https:maps.app.goo.gl/rUDBcJJygdFGdGoz9

    #สิริภิวัฒน์_FilmShop
    #ฟิล์มกรองแสง #ฟิล์มเซรามิค
    #ฟิล์มประหยัดพลังงานเบอร์5
    #ฟิล์มสะท้อนความร้อน
    #ฟิล์มกันความร้อนกันUV
    #ติดฟิล์มบ้าน #ติดฟิล์มอาคาร #ฟิล์มติดกระจก
    #ฟิล์มฝ้า #ฟิล์มตกแต่ง
    #ฟิล์มนิรภัย #ติดฟิล์มบ้าน
    #ฟิล์มอาคาร
    ฟิล์มกรองแสงมีความหลากหลาย เลือกระดับความเข้มของฟิล์มกรองแสงได้ตามความเหมาะสม ให้เหมาะกับสภาพห้องหรือการใช้งานในแต่ละจุด ___________________________ ✅ข้อดีของการติดฟิล์ม บ้าน อาคาร สำนักงาน 👍-ช่วยลดความร้อนไอร้อนจากภายนอกบ้าน หรืออาคารได้ 👍-ช่วยป้องกันรังสี UV/ A B C และ IR รังสีอินฟราเรดได้ 👍-ช่วยถนอมอุปกรณ์ต่างๆภายในบ้าน เฟอร์นิเจอร์ ผ้าม่านโซฟา พื้นไม้ 👍-ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าแอร์ทำงานน้อยลง เย็นเร็วขึ้น 👍-ช่วยให้บ้านและอาคาร ดูสวยมีสไตล์ให้ความเป็นส่วนตัวสูงมองออกจากภายในชัดเจนเคลียร์ตามปกติส่วนภายนอก ดำเข้มมองเข้ายากขึ้น 👍-ช่วยยึดกระจกไม่ให้แตกกระจาย 👍-ติดแล้วเย็น เห็นผลทันทีหลังติดเสร็จ บริการประเมินราคาให้ ฟรี -------------------------------- ร้านสิริภิวัฒน์ FilmShop บริการรับติดฟิล์มกรองแสงกันความร้อนบ้านอาคาร โทร 0649149165 ส่งและรับข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม Line OA ของทางร้าน ID LINE: @325ptbdq หรือ Click Add Line OA https:lin.ee/HDTVQjb กดลิงค์ กดเปิดไลน์ ผลงานการติดตั้งสามารถชมได้ที่ Facebook Link ด้านล่างนี้ https://www.facebook.com/profile.php?id=100069860653236&mibextid=ZbWKwL Google Map แผนที่หน้า ร้าน สิริภิวัฒน์ FilmShop สาขา ราชพฤกษ์ https:maps.app.goo.gl/rUDBcJJygdFGdGoz9 #สิริภิวัฒน์_FilmShop #ฟิล์มกรองแสง #ฟิล์มเซรามิค #ฟิล์มประหยัดพลังงานเบอร์5 #ฟิล์มสะท้อนความร้อน #ฟิล์มกันความร้อนกันUV #ติดฟิล์มบ้าน #ติดฟิล์มอาคาร #ฟิล์มติดกระจก #ฟิล์มฝ้า #ฟิล์มตกแต่ง #ฟิล์มนิรภัย #ติดฟิล์มบ้าน #ฟิล์มอาคาร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 841 มุมมอง 0 รีวิว
  • 1 ตุลาคม 2567-อ.สนธิ คชวัตรได้โพสต์ถึง มาตรฐานรถบัสทัศนศึกษาในยุโรปกับโศกนาฎกรรมไฟไหม้รถบัสนักเรียนจากจ.อุทัยธานี

    1.กรณีรถบัสทัศนศึกษาจากโรงเรียนใน จ.อุทัยธานี เกิดไฟไหม้ ทั้งคัน ที่ถนนวิภาวดีรังสิต
    1.1.สิ่งพบในเหตุการณ์คือ ไฟไหม้จากล้อหน้ายางแตก นักเรียนได้กินแก๊สในห้องโดยสาร รถบัสดังกล่าวใช้แก๊ส NGV เป็นเชื้อเพลิง ประตูทางออกฉุกเฉินไม่สามารถเปิดได้ นักเรียนและคุณครูเสียชีวิตหลายคนส่วนใหญ่อยู่ทางด้านหลังรถบัส
    1.2.เชื้อเพลิงNGVของรถบัส (ส่วนใหญ่เป็นก๊าซมีเทนนำมาอัดจนมีความดันสูง ประมาณ 3,000 ปอนด์/ตารางนิ้วแล้วนำไปเก็บในถังบรรจุที่มีความแข็งแรงทน ทานสูงเป็นพิเศษ) ลักษณะจะเบากว่าอา กาศหากมีการรั่วไหลก็อาจจะลอยสะสมขึ้นบนที่ฝ้าเพดานรถและอาจเกิดไฟไหม้ได้เมื่อมีความร้อนหรือไฟที่ระดับหนึ่งมีช่วงของการติดไฟที่ร้อยละ 5-15 ของปริมาตรในอากาศ อาจเป็นสาเหตุของไฟไหม้รถบัสได้

    2.กรณีระบบความปลอดภัยของรถบัสในประเทศยุโรป
    2.1.ระบบความปลอดภัยของตัวรถบัสเพื่อใช้ทัศนศึกษาในประเทศแถบยุโรป..
    2.1.1.ติดเซ็นเซอร์ป้องกันประตูปิดขณะผู้โดยสารขึ้นและลงจากรถ
    2.1.2 ตัวถังเป็นโครงสร้างเหล็ก galvanized ซึ่งมีความแข็งแกร่งมากกว่าเหล็กทั่วไป
    2.1.3.กระจกผ้าม่านในรถและพื้นยางปูรถต้องทำจากวัสดุป้องกันไฟลามตามมาตร ฐานของ EU
    2.1.4.ในแต่ละที่นั่งมีเข็มขัดนิรภัย 2 จุด
    2.1.5.มีระบบเบรกอัจฉริยะ Anti-Lock Braking System. (ABS)
    2.1.6.ทางออกฉุกเฉินของรถบัสให้มีถึง 3 ที่ ได้แก่ ท้ายรถด้านขวามีประตูฉุกเฉินพร้อมป้าย EXIT บานกระจกเป็นกระจกนิร ภัยTempered glass ซึ่งสามารถใช้เป็นทางออกฉุกเฉินได้ ช่องพัดลมดูดอากาศใช้เป็นทางออกฉุกเฉินได้ด้วย

    2.2.ความปลอดภัยด้านป้องกันไฟไหม้ของยุโรป
    2.2.1.มีระบบดับเพลิงอัตโนมัติในห้องเครื่องยนต์
    2.2.2. ถังดับเพลิง 2 ถัง
    2.3.3 ค้อนทุบกระจก 4-6 อัน

    2.3.เชื้อเพลิงที่ใช้สำหรับรถบัสยุโรป จะใช้น้ำมันดีเซลEuro5 ไม่ใช่แก๊ส เพราะปลอด ภัยกว่าและไม่ปล่อยฝุ่น2.5

    2.4.ยางรถยนต์รถบัสยุโรปต้องยึดเกาะถนนได้ดีตามมาตรฐานEuro

    2.5.พนักงานขับรถในยุโรปต้องมีใบขับขี่รถบัสหรือได้ Certificated และมีประสบ การณ์ขับขี่ สามารถยืนยันตัวตนได้

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/svH6f69WqCVLtQPQ/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    1 ตุลาคม 2567-อ.สนธิ คชวัตรได้โพสต์ถึง มาตรฐานรถบัสทัศนศึกษาในยุโรปกับโศกนาฎกรรมไฟไหม้รถบัสนักเรียนจากจ.อุทัยธานี 1.กรณีรถบัสทัศนศึกษาจากโรงเรียนใน จ.อุทัยธานี เกิดไฟไหม้ ทั้งคัน ที่ถนนวิภาวดีรังสิต 1.1.สิ่งพบในเหตุการณ์คือ ไฟไหม้จากล้อหน้ายางแตก นักเรียนได้กินแก๊สในห้องโดยสาร รถบัสดังกล่าวใช้แก๊ส NGV เป็นเชื้อเพลิง ประตูทางออกฉุกเฉินไม่สามารถเปิดได้ นักเรียนและคุณครูเสียชีวิตหลายคนส่วนใหญ่อยู่ทางด้านหลังรถบัส 1.2.เชื้อเพลิงNGVของรถบัส (ส่วนใหญ่เป็นก๊าซมีเทนนำมาอัดจนมีความดันสูง ประมาณ 3,000 ปอนด์/ตารางนิ้วแล้วนำไปเก็บในถังบรรจุที่มีความแข็งแรงทน ทานสูงเป็นพิเศษ) ลักษณะจะเบากว่าอา กาศหากมีการรั่วไหลก็อาจจะลอยสะสมขึ้นบนที่ฝ้าเพดานรถและอาจเกิดไฟไหม้ได้เมื่อมีความร้อนหรือไฟที่ระดับหนึ่งมีช่วงของการติดไฟที่ร้อยละ 5-15 ของปริมาตรในอากาศ อาจเป็นสาเหตุของไฟไหม้รถบัสได้ 2.กรณีระบบความปลอดภัยของรถบัสในประเทศยุโรป 2.1.ระบบความปลอดภัยของตัวรถบัสเพื่อใช้ทัศนศึกษาในประเทศแถบยุโรป.. 2.1.1.ติดเซ็นเซอร์ป้องกันประตูปิดขณะผู้โดยสารขึ้นและลงจากรถ 2.1.2 ตัวถังเป็นโครงสร้างเหล็ก galvanized ซึ่งมีความแข็งแกร่งมากกว่าเหล็กทั่วไป 2.1.3.กระจกผ้าม่านในรถและพื้นยางปูรถต้องทำจากวัสดุป้องกันไฟลามตามมาตร ฐานของ EU 2.1.4.ในแต่ละที่นั่งมีเข็มขัดนิรภัย 2 จุด 2.1.5.มีระบบเบรกอัจฉริยะ Anti-Lock Braking System. (ABS) 2.1.6.ทางออกฉุกเฉินของรถบัสให้มีถึง 3 ที่ ได้แก่ ท้ายรถด้านขวามีประตูฉุกเฉินพร้อมป้าย EXIT บานกระจกเป็นกระจกนิร ภัยTempered glass ซึ่งสามารถใช้เป็นทางออกฉุกเฉินได้ ช่องพัดลมดูดอากาศใช้เป็นทางออกฉุกเฉินได้ด้วย 2.2.ความปลอดภัยด้านป้องกันไฟไหม้ของยุโรป 2.2.1.มีระบบดับเพลิงอัตโนมัติในห้องเครื่องยนต์ 2.2.2. ถังดับเพลิง 2 ถัง 2.3.3 ค้อนทุบกระจก 4-6 อัน 2.3.เชื้อเพลิงที่ใช้สำหรับรถบัสยุโรป จะใช้น้ำมันดีเซลEuro5 ไม่ใช่แก๊ส เพราะปลอด ภัยกว่าและไม่ปล่อยฝุ่น2.5 2.4.ยางรถยนต์รถบัสยุโรปต้องยึดเกาะถนนได้ดีตามมาตรฐานEuro 2.5.พนักงานขับรถในยุโรปต้องมีใบขับขี่รถบัสหรือได้ Certificated และมีประสบ การณ์ขับขี่ สามารถยืนยันตัวตนได้ ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/svH6f69WqCVLtQPQ/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1384 มุมมอง 0 รีวิว
  • ㊗️🏮มาแล้ว จากโป๊ยเซียน
    📌“จงอ่านเนื้อเรื่องแล้วเดาว่าเป็นงานของนักเขียนจีนท่านไหนของห้องสมุด!”

    .
    เริ่ม!!!

    -------------

    .
    📌 อากาศเดือนแปดร้อนอบอ้าวตลอดทั้งวัน มีแต่ตอนกลางคืนเท่านั้นถึงจะเย็นสบายขึ้นบ้าง

    ช่วงเวลาที่เงียบสงัด จวนสกุลเฟ่ยคล้ายกับมีม่านหมอกบาง ๆ ปกคลุม รอบจวนเงียบสงัดเสียจนรู้สึกถึงความผิดปกติ
    รอบเรือนใหญ่กลับมีแสงไฟสว่างจ้า ระเบียงทางเดินนอกห้องยังมีคนรับใช้ยืนก้มหน้าก้มตาเงียบ ๆ อยู่เป็นแถวยาว ทุกคนยืนอย่างสงบนิ่ง ไม่มีการพูดคุย ไม่มีการเงยหน้าขึ้นมอง
    ความเงียบเชียบของค่ำคืนนี้ดูคล้ายกับปกติ แต่ก็เหมือนจะไม่ปกติ
    นอกห้องสงบเงียบ แต่ในห้องกลับแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง
    ห้องด้านในมืดสลัว มีสิ่งของตกเกลื่อนบนพื้นห้อง
    เครื่องกระเบื้องที่ตกอยู่บนพื้นแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ยังมีเชิงเทียน ยังมีม้านั่งที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ
    เสียงครางของสตรีผสานไปกับเสียงหายใจหนักหน่วงของบุรุษ ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายราคะอบอวลไปทั่วห้อง
    ร่างของหลี่อันเปียกโชกไปด้วยเหงื่อราวกับชุบตัวอยู่บ่อน้ำ เรือนร่างที่เปลือยเปล่าคุกเข่าโน้มตัวไปด้านหน้าอยู่บนเตียง เสียงหายใจคล้ายติดขัด
    เอวเล็กขาวของเนางถูกรวบอยู่ในฝ่ามือใหญ่ที่แข็งแรงราวกับคีมเหล็ก ร่างกายท่อนล่างถูกรุกรานด้วยท่อนเนื้อขนาดใหญ่จนตัวของนางโน้มตัวไปด้านหน้าเป็นจังหวะ ทรวงอกที่เต็มอิ่มไหวไปตามแรงจนเห็นเป็นเนื้อเคลื่อนไหวเป็นระลอก
    ชายหนุ่มเร่งความเร็วไปตามอารมณ์โดยมิได้ใส่ใจกับเรื่องอื่นใด
    “ช้า ช้าหน่อย ใต้ ใต้เท้า...” เสียงของหลี่อันขาดเป็นห้วง ๆ
    นี่เป็นการสูญเสียพรหมจรรย์ครั้งแรก นางยังรับมือไม่ทันอีกทั้งเขายังไม่ให้โอกาสนางได้ปรับตัวก็ช่วงชิงความบริสุทธิ์ของนางไปแล้ว
    นางบิดตัวด้วยความรู้สึกอึดอัด หวังจะลดความคับแน่นที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่ได้กลับตรงกันข้าม ยิ่งทำให้ชายที่อยู่ด้านหลังเร่งความเร็วในการเคลื่อนตัวอยู่ร่างของนางมากขึ้น
    หลี่อันเปล่งเสียงร้องอย่างตกใจ
    ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งบีบเค้นหน้าอกที่อวบอิ่ม เนื้อหน้าอกที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าจะรวบได้เพียงแค่ฝ่ามือเดียวทะลักไหลออกมาตามง่ามนิ้ว ยอดอกที่ชูชันสัมผัสถูกฝ่ามือหยาบกระด้าง ความเจ็บปวดระคนความเสียวซ่านเหมือนเปลวไฟและน้ำแข็งที่เกิดขึ้นพร้อมกันทำให้ตัวนางบีบรัดสิ่งแปลกปลอมจนทำให้อาวุธที่อยู่ในร่างของนางเคลื่อนตัวได้ลำบาก
    หน้าผากของชายหนุ่มมีเหงื่อเม็ดใหญ่ ๆ ไหลลงมาข้างแก้ม ตกมาถึงสะโพกของหลี่อัน
    เสียงทุ้มห้าวดังคล้ายเสียงเตือน “อย่าเกร็ง”
    หลี่อันหันกลับไปมอง ดวงตาเรียวยาวที่อยู่บนใบหน้าหล่อเหลายามนี้หรี่แคบ ปลายคางและต้นคอเกร็งจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน
    สายตาของหลี่อันเลื่อนลงมาด้านล่าง เหงื่อจากต้นคอไหลลงมาเรื่อย ๆ จนถึงกล้ามเนื้อหน้าท้องที่เห็นเป็นลอนชัดเจน รวมเข้ากับเหงื่อที่อยู่บริเวณนั้นแล้วไหลลงไปรวมกันด้านล่าง
    สีหน้าที่เต็มไปด้วยความปรารถนาและความงดงามของเรือนร่าง กระตุ้นให้หว่างขาของนางชุ่มฉ่ำ หล่อลื่นให้ชายหนุ่มเคลื่อนตัวได้อีกครั้ง
    แรงกระแทกทำให้ร่างของหลี่อันเคลื่อนตัวไปด้านหน้าราวกับปลาที่คิดจะกระโดดขึ้นจากน้ำ ริมฝีปากสีสดเผยอขึ้นเพื่อช่วยให้หายใจได้ดีขึ้น
    ความร้อนระอุที่เกิดขึ้นร้อนจนนางทนไม่ไหว มีน้ำตาเอ่ออยู่ขอบตา มือซ้ายจับผ้าม่านข้างเตียงเอาไว้ แรงดึงทำให้ผ้าม่านขาดติดมือ
    เสียงผ้าขาดถูกกลบด้วยเสียงเนื้อกระทบเนื้อ
    ทั้งร้อนแรงทั้งรุนแรง
    ความรู้สึกเสียวซ่านแผ่กระจายไปทีละน้อย อารมณ์เริ่มดำดิ่งไปกับจังหวะการรุกเข้ารุกออกของคนที่อยู่ด้านหลัง
    เสียงร้องด้วยความสุขสมยามถึงจุดสุดยอดดังออกจากปากหลี่อัน ก่อนร่างของนางจะอ่อนระทวยฟุบลงอยู่บนผ้าห่ม หน้าอกนุ่มนิ่มถูกทับจนแทบจะเปลี่ยนรูป
    การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มทั้งเร็วทั้งแรง จนกระทั่งถึงจุดที่ปลดปล่อยธารร้อนออกมา
    เสียงหายใจแรงของคนทั้งสองดังประสานกัน ส่วนที่ยังประสานกันอยู่ก็ยังคงสอดประสานกันอยู่
    หลี่อันรู้สึกสมองว่างเปล่าไปชั่วขณะก่อนเริ่มรู้สึกตัว นางดีใจที่ยุติเสียที ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป นางคิดว่าตัวเองคงถูกหามออกไปเป็นแน่
    แต่นางมิได้สังเกตถึงชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลัง ว่าสายตาของเขาจับจ้องยู่ที่สะโพกกลมกลึงที่ยามนี้เป็นสีแดงเข้ม ก่อนเลื่อนสายตามองยังส่วนที่ยังประสานกันอยู่
    หลี่อันสะดุ้งเฮือก เมื่อรับรู้ได้ถึงงสิ่งที่ยังอยู่ในร่างของนางเริ่มพองตัวขึ้นอีกครั้ง
    แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เอวบางถูกมือสองข้างรวบเอาไว้ ก่อนจับตัวนางยกสูง บริเวณอ่อนนุ่มที่เพิ่งรับศึกหนักไปเมื่อครู่ ถูกท่อนเนื้อแข็งแรงดันเข้ามาด้านในอีกครั้ง
    “ใต้ ใต้เท้า ไม่ ไม่ ข้าน้อย ไม่ไหวแล้ว...” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะไร้เรี่ยวแรง อีกทั้งสั่นเครือจนแทบจะฟังไม่เป็นคำ
    แต่ชายหนุ่มมิได้ใส่ใจ ยังคงกระทำไปตามอำเภอใจ เสียงทุ้มห้าวแหบแห้งดังเพียงว่า “ไม่ไหวก็ต้องทน”
    เสียงห้าวทุ้มที่ถูกเค้นออกมานั้นเต็มไปด้วยความเย็นกระด้าง ไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง
    หลี่อันได้แต่ส่งเสียงสะอื้นไปตามจังหวะการกระแทก นางก่นด่าคนที่อยู่ด้านหลังไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ความจริงนางอยากจะด่าเขาออกเสียงด้วยซ้ำ
    แต่เมื่อคิดถึงคนที่อยู่ด้านหลังเป็นขุนนางกังฉินที่มีความโหดร้ายอำมหิต เดาความคิดไม่ได้ นางไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่านี้
    นางกลัวเพียงว่า ถ้าด่าออกไป เขาจะจับนางหักคอเสียก่อน ดังนั้นนางกัดริมฝีปากเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองด่าออกไป
    ผ่านไปอย่างนี้สองชั่วยามกว่า กว่าพายุจะสงบลงได้
    ขณะสะลึมสะลือ ไร้เรี่ยวแรง มีเสียงทุ้มห้าวดังขึ้นอย่างไม่ไยดีว่า “เตรียมน้ำ”
    ไม่นานหลังจากนั้นประตูห้องถูกเปิดออก ภายในห้องมืดสลัว มีสาวใช้ถือตะเกียง ยกน้ำเข้ามาในห้อง
    ตะเกียงและถังน้ำถูกวางไว้ดีแล้ว สาวใช้ทั้งหลายถอยออกไปอย่างเงียบกริบ ราวกับไม่เคยมีใครเข้ามาแต่อย่างใด
    เปลวไฟไหวไปมา หลี่อันรับรู้ได้ว่า ชายที่อยู่ด้านหลังลงจากเตียง นางเงยหน้ามองตาม เห็นแผ่นหลังกว้างเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ที่มีเหงื่อจับอยู่เป็นชั้น
    คล้ายกับรับรู้ได้ถึงสายตาที่จับจ้องทำให้ชายหนุ่มหันหลังกลับ
    ใบหน้าของเขาหล่อเหลา หากแววตาเต็มไปด้วยความเย็นกระด้างที่แฝงแววอำมหิต
    หลี่อันรับรู้ได้ถึงแรงกดดันเที่แผ่กระจายออกจากตัวของเขาได้อย่างชัดเจนทำให้นางรีบก้มหน้า หลบตา เปล่งเสียงอ่อน ๆ ขึ้นว่า “ใต้เท้า”
    ชายหนุ่มดึงสายตากลับมา เม้มริมฝีปากเดินออกไปด้านนอก
    เขาเช็ดตัวอย่างลวก ๆ สวมเสื้อผ้าแล้วค่อยออกไปจากห้อง
    ทันทีที่ประตูห้องปิดเข้าหากัน หลี่อันลอบถอนหายใจ ความหวาดหวั่นที่มีอยู่เมื่อครู่หายวับไปทันที
    นางนอนอยู่บนเตียงที่ยุ่งเหยิงอย่างเหม่อลอย ดวงตาจับจ้องอยู่บนเพดานเตียง
    กลิ่นความใคร่ยังอบอวลอยู่ในห้องจนทำให้นางรู้สึกไม่สบายตัว
    หลี่อันแทบไม่มีเรี่ยวแรง เริ่มปวดศีรษะจึงมิได้สนใจกับกลิ่นเหล่านี้ แต่นางรู้สึกอะไรบางอย่างขาดหายไป เป็นสิ่งที่สำคัญมากแต่นางก็นึกไม่ออก
    ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ประตูถูกเปิดออกอีกครั้ง ครั้งนี้มีสาวใช้เข้ามาสองคน
    สาวใช้ทั้งสองเป็นสาวใช้ที่คอยรับใช้ใกล้ชิดหลี่อัน
    สาวใช้หยุดยืนอยู่นอกผ้าม่าน เตือนเบา ๆ ว่า “อนุเก้า ควรกลับเรือนฉงอันได้แล้วเจ้าค่ะ”
    หลี่อันจับผ้าห่มคลุมตัวเอาไว้แล้วลุกขึ้นนั่งปัดผ้าม่านออกอย่างไร้เรี่ยวแรง มองสาวใช้ทั้งสองก่อนออกคำสั่งเสียงแผ่วว่า “ช่วยประคองข้าหน่อย”
    สาวใช้ทั้งสองเข้ามาประคอง เมื่อเห็นจ้ำแดง ๆ ตามเนื้อตัวของหลี่อันแล้วก็หน้าแดงก่ำ
    พวกนางไม่กล้ามองให้มากกว่านั้น สาวใช้นางหนึ่งเดินไหยิบเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมา แต่ปรากฏว่าขาดวิ่นจนใส่ไม่ได้ รีบเอ่ยว่า “บ่าวจะกลับไปหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่มาเจ้าค่ะ”
    หลี่อันมองเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งแล้วพลันนึกไปถึงสองชั่วยามก่อนที่นางจะเข้ามาในห้อง
    เวลาก่อนยามหนึ่ง หนึ่งเค่อ พ่อบ้านมาหานางที่เรือนฉงอันอย่างรีบร้อน บอกให้นางไปรับใช้ที่เรือนใหญ่
    พ่อบ้านให้นางเตรียมตัวไม่ถึงหนึ่งเค่อ เดินนำหน้าพานางไปยังเรือนใหญ่
    เมื่อมาถึงก็ให้นางเข้าในห้องที่มืดสลัว
    เมื่อเข้ามาในห้อง นางเห็นสภาพเละเทะบนพื้นได้อย่างเลือนราง
    ไม่เพียงในห้องจะอยู่ในสภาพที่ไม่น่าดู ในความมืดมิดยังมีความรู้สึกที่อึดอัด ยังมีบรรยากาศที่ร้อนระอุแฝงอยู่
    นางเงยหน้ามองสภาพภายในห้องอย่างตั้งใจ จากความมืดมิดเห็นห้องด้านในที่มีม่านทิ้งตัวแบ่งเขตแดนอยู่หลางชั้น เห็นเงาราง ๆ นั่งอยู่ขอบเตียง
    ยังมีเสียงหายใจหนักแรงๆ ดังมาจากหลังผ้าม่านพร้อมกับมีกลิ่นอายบางอย่างที่นางบรรยายไม่ภถูก
    หลี่อันยืนอยู่หน้าผ้าม่านเนื้อบาง ลังเลไปชั่วครู่ก่อนเอ่ยเสียงแผ่วว่า “ใต้เท้า”
    คนที่อยู่ด้านในย่อมไม่อาจเป็นใครอื่นนอกจาก “สามี” ของนาง
    ขุนนางใหญ่ผู้ทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการ อีกทั้งยังเป็นผู้บัญชาการสำนักตุลาการทหาร... เสวียนเฟิง
    ชายที่นั่งอยู่หลังผ้าม่านเงยหน้าขึ้นมองหลี่อัน
    แม้จะมีผ้าม่านขวางอยู่หลายชั้นแต่หลี่อันรับรู้ได้ถึงสายตาร้อนแรงที่มองมา
    แม้สายตานั้นจะร้อนแรงแต่บรรยากาศรอบตัวของเขากลับมีแต่ความเย็นยะเยือกราวกับอยู่ท่ามกลางสายหมอกในเหมันตฤดูอีกทั้งยังมีรังสีอำมหิตแฝงอยู่
    หลี่อันตัวเกร็งด้วยความรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมาทันที
    เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ มีเสียงทุ้มต่ำดังผ่านผ้าม่าน “เข้ามา”
    หลี่อันลังเลไปเล็กน้อยสุดท้ายยังคงปัดผ้าม่านที่ขวางกั้น เข้าไปห้องด้านใน
    แม้นางจะมองเพียงแวบเดียวแต่ก็เข้าใจถึงสถานการณ์ภายในได้เป็นอย่างดี
    ห้องภายในและภายนอกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ภายนอกมีแต่สิ่งของเกลื่อนพื้น แต่ด้านในกลับสะอาดเรียบร้อย เพียงแต่มีบรรยากาศอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก หลี่อันมิได้สบสายตากับเขา นางหลุบตาเล็กน้อย เห็นแผ่นอกแข็งแรงที่ถูกใต้เสื้อตัวในที่ถูกแหวกออกจนกว้าง …
    เขานั่งแยกขาออกจากกัน วางมือสองข้างที่เห็นเส้นเอ็นเด่นชัดอยู่บนหน้าตัก มีสิ่งหนึ่งที่น่าตระหนกชูชันอยู่เบื้องหน้า
    หลี่อันลอบกลืนน้ำลาย นางไม่กล้าสอดส่ายสายตาไปเรื่อยเปื่อย รีบก้มหน้ามองพื้น
    ทว่าชายที่นั่งอยู่กลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ กับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย
    หลี่อันยืนก้มหน้าอยู่ห่างจากชายผู้นั้นสองก้าว รับรู้ได้ถึงสายตาที่จ้องเขม็งมาที่ร่างของตน
    “เข้าจวนเมื่อใด” เขาถาม
    น้ำเสียงห้าวทุ้มดังกระทบโสตประสาท หลี่อันจำต้องตอบกลับ “เรียนใต้เท้า ข้าน้อยเข้าจวนเมื่อครึ่งปีก่อนเจ้าค่ะ”
    หลังจากตอบคำถามไปแล้ว สิ่งที่ตามมาคือความเงียบงัน
    แม้จะเป็นเวลาเพียงสั้น ๆ แต่กลับยาวนานในความรู้สึก
    หลังจากนั้นไม่นาน ข้อมือของหลี่อันถูกฝ่ามือร้อนระอุดึงเข้ามาอยู่ชิดแผงอกกว้างที่มีเหงื่อออกเต็ม
    ร้อน!
    ไม่ใช่อุณหภูมิที่คนทั่วไปควรจะมี
    แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่หมิ่นเหม่แต่หลี่อันกลับวิเคราะห์ถึงสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน
    ภายในห้องที่อยู่ในสภาพเละเทะนั้น เห็นได้ว่าเป็นฝีมือของเขาผู้นี้ ยังมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติ
    หลี่อันคาดเดาอย่างคนใจกล้าอย่างที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ว่า เขาผู้นี้คงถูกคนวางยาปลุกกำหนัดเข้าให้แล้ว
    แต่คนที่มีความระมัดระวังตัวสูงอย่างเสวียนเฟิงเหตุใดจึงตกหลุมพรางได้
    นางยังไม่ทันได้ขบคิดต่อไป เสวียนเฟิงจับข้อมือสองข้างของนางผูกเข้าด้วยกัน
    หลี่อันตกใจ คิดจะขัดขืน หากข้อมือของนางถูกจับเอาไว้แน่
    “อย่าขยับ!” เสียงตวาดดังขึ้น ฝ่ามือที่แข็งแรงข้างหนึ่งเปลี่ยนตำแหน่งมาจับต้นคอของนางแทน
    ความร้อนจากฝ่ามือแข็งแรงทำให้หลี่อันตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับตัวแต่อย่างใด
    เมื่อนึกได้ว่า คนอย่างเสวียนเฟิงไม่เคยให้ใครเข้าใกล้ตัวเขาได้ อีกทั้งยังมีตำแหน่งเป็นขุนนางใหญ่ มีคนลอบสังหารอยู่ตลอดเวลา การกระทำของเขาเช่นนี้แสดงว่าไม่เชื่อใจนาง
    เรื่องที่ตามมาหลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่รู้กัน
    หลี่อันเลื่อนสายตาจากเสื้อผ้าขาดวิ่นที่สาวใช้ถืออยู่ มาดูข้อมือที่ยังรู้สึกเจ็บอยู่ พลางมองไปยังอ่างน้ำอุ่นที่ยังไม่มีใครใช้ภายในห้อง
    จากนั้นออกคำสั่งว่า “พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าจะเช็ดตัวสักหน่อย”
    ห้องนี้มิใช่ห้องนอนของใต้เท้าเสวียน สาวใช้ทั้งสองล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
    หลี่อันปรับลมหายใจอยู่หลายครั้งก่อนลงจากเตียง เดินไปหน้าที่วางอ่างน้ำอย่างเชื่องช้า หยิบผ้าแห้งที่วางอยู่ข้าง ๆ มาชุบน้ำ บิดหมาด ๆ เช็ดร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ตามเนื้อตัวอย่างเบามือ
    ขณะที่เช็ดตัวอยู่นั้น ความคิดของหลี่อันล่องลอยไปไกล
    นี่เป็นประสบการณ์บนเตียงครั้งแรก แต่เหตุใดหลังจากผ่านไปแล้ว นางจึงได้มีความเยือกเย็นได้ถึงเพียงนี้
    หลี่อันเกิดความสงสัยในตัวเองขึ้นมาไม่น้อย
    หรือเพราะก่อนนี้ที่นางอยู่ในหอฟงเยว่ได้รับการอบรมสั่งสอนเกี่ยวกับเรื่องหญิงชายมาโดยเฉพาะ จึงทำให้นางมิได้ตื่นตระหนกมากนัก
    หลี่อันมาจากหอฟงเยว่ที่เป็นสถานเริงรมย์ มีแต่ความต่ำต้อย แต่ว่านางจำอะไรไม่ได้
    สองเดือนก่อน ในงานวันเกิดของเสวียนเฟิง มีคนร้ายเข้ามาลอบสังหารเขา
    เกิดความวุ่นวายภายในงานเลี้ยง สร้างความตื่นกลัวให้กับทุกคนที่อยู่ในงาน มีเพียงเสวียนเฟิงที่นั่งดื่มสุราราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    ส่วนนางถูกใครไม่รู้ผลักจนตกบันไดระหว่างที่ชุลมุนจนศีรษะแตกมีเลือดไหลออกมา จากนั้นเมื่อนางรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งก็จำเรื่องอะไรไม่ได้แล้ว
    นางไม่ได้บอกใครเรื่องที่ตนเองสูญเสียความจำ
    หลี่อันคอยสังเกตดูเหตุการณ์ต่าง ๆ หลังจากผ่านไปอีกหลายวันก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้
    อดีตฮ่องเต้สวรรคต ได้แต่งตั้งผู้บัญชาการสำนักงานตุลาการทหารเสวียนเฟิงเป็นขุนนางผู้สำเร็จราชการ
    เสวียนเฟิงที่มีตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการมีความเด็ดขาดอำมหิต กุมอำนาจทางการทหารส่วนใหญ่ ดังนั้นขุนนางบุ๋นบู๊ในราชสำนักไม่มีใครไม่เกรงกลัวเขา คนที่คิดจะเอาชีวิตของเขาจึงมีมากมายนับไม่ถ้วน
    ในขณะเดียวกันคนที่คิดจะประจบเอาใจเขาก็มีไม่น้อยเช่นกัน
    คนที่คิดเอาใจเสวียนเฟิงย่อมหนีไม่พ้นการมอบเงินทองของมีค่า ไปจนถึงหญิงงาม
    หลี่อันเป็นหญิงงามที่ถูกผู้ช่วยเจ้าเมืองหวายโจวส่งมาให้เสวียนเฟิงเพื่อประจบเอาใจ ตอนนั้นภายในจวนสกุลเสวียนมีอนุแปดคนแล้ว หลี่อันเป็นคนที่เก้า
    ด้วยอุปนิสัยของเสวียนเฟิง เขาเป็นคนที่มีความระแวง ไม่เข้าใกล้หญิงสาวคนใด อย่าว่าแต่หลี่อัน แม้แต่หญิงงามแปดคนที่อยู่มาก่อนนางก็ยังไม่มีใครได้ร่วมเตียงกับเขามาก่อน
    ไม่ว่าจะเป็นหญิงงามหรือเป็นของมีค่าใด ๆ เสวียนเฟิงไม่เคยปฏิเสธ ดังนั้นคนเหล่านั้นจึงได้ส่งหญิงงาม ส่งสิ่งของให้เสวียนเฟิงด้วยความคิดที่ว่า หญิงงามที่ตนเองส่งให้นั้นเป็นที่สนใจของเขา
    หลังจากหลี่อันความจำเสื่อมจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาสองเดือน สองเดือนที่ผ่านมา นางเคยพบเสวียนเฟิงครั้งเดียว ส่วนคืนนี้เป็นครั้งที่สอง
    ที่นางถูกเรียกตัวมาพบเขาคืนนี้คงเป็นเพราะสองเดือนก่อนในงานเลี้ยงวันเกิดของเขา ในบรรดาหญิงงามสิบคนที่อยู่ในงานเลี้ยงมีนางเพียงคนเดียวที่หกล้ม ได้รับบาดเจ็บ นางคิดว่าเสวียนเฟิงคงจำนางได้จากเรื่องนั้น
    เมื่อเช็ดตัวดีแล้ว สาวใช้นำเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้
    หลี่อันแต่งตัวเรียบร้อยค่อยออกจากห้อง
    ยามสาม แล้ว ท้องฟ้าเริ่มเห็นแสงรำไร ด้านนอกดูเหมือนจะไร้ผู้คน แต่หลี่อันรับรู้ได้ว่า มิได้มีความเงียบงันเหมือนกับที่เห็นภายนอก
    สาวใช้ประคองตัวนางเดินออกมาที่ระเบียงทางเดิน ก่อนลงบันไดหินอย่างเชื่องช้า
    ท้องฟ้ายังไม่สว่างดี ทำให้อากาศภายนอกค่อนข้างเย็น สาวใช้คนหนึ่งนำเสื้อคลุมเนื้อบางคลุมบนตัวหลี่อัน
    เมื่อออกจากเรือนใหญ่ สาวใช้ที่ชื่อว่าลวี่หลัวประคองตัวหลี่อัน ส่วนปี้อวี้เดินถือโคมไฟส่องทางอยู่ด้านหน้า
    ลวี่หลัวพ่นลมหายใจออกอย่างระมัดระวังก่อนกระซิบว่า “อนุเก้า ตอนที่บ่าวกลับไปหยิบเสื้อผ้ามาให้ท่าน ได้ให้คนเตรียมน้ำร้อนไว้แล้ว”
    หลี่อันรับคำเบา ๆ น้ำเสียงของนางเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง
    สาวใช้สองคนนี้ถูกส่งมารับใช้หลี่อันตอนที่นางเข้ามาในจวนไม่นาน ทั้งสองคนนี้คอยรับใช้นางได้ครึ่งปีแล้ว
    เดิมทีสาวใช้ทั้งสองมีความตื่นเต้นดีใจที่เจ้านายของตนได้รับใช้ใกล้ชิดใต้เท้าจริง ๆ เป็นคนแรก แต่เมื่อเห็นร่อยรองตามตัวของอนุเก้าแล้ว ความดีใจที่มีมาก่อนหน้านี้ก็หายวับไป
    พวกนางลืมไปเสียสนิทว่า ใต้เท้าเป็นคนที่ไร้ความเมตตา ไร้ความเห็นใจผู้อื่น
    ยามปกติเขาก็เป็นคนน่ากลัวอยู่แล้ว แล้วเรื่องบนเตียงจะไม่ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่หรือ!
    คิดไปคิดมา สาวใช้ทั้งสองรู้สึกเสียใจจนน้ำตาคลออยู่ขอบตา
    คืนนี้ อนุเก้าคงจะทรมานไม่น้อย
    ถ้าเกิดต่อไปใต้เท้ายังเรียกหาอนุเก้าอีก นางจะต้องรับความทรมานไปอีกเท่าไร

    ❤️ เป็นไฟล์ดิบแปลสด ยังไม่ผ่านพิสูจน์อักษรคำผิดเพียบ
    ❤️ มีการเปลี่ยนชื่อพระนาง สถานที่ ไม่ให้เดาถูก 555

    .
    ㊗️🏮มาแล้ว จากโป๊ยเซียน 📌“จงอ่านเนื้อเรื่องแล้วเดาว่าเป็นงานของนักเขียนจีนท่านไหนของห้องสมุด!” . เริ่ม!!! ------------- . 📌 อากาศเดือนแปดร้อนอบอ้าวตลอดทั้งวัน มีแต่ตอนกลางคืนเท่านั้นถึงจะเย็นสบายขึ้นบ้าง ช่วงเวลาที่เงียบสงัด จวนสกุลเฟ่ยคล้ายกับมีม่านหมอกบาง ๆ ปกคลุม รอบจวนเงียบสงัดเสียจนรู้สึกถึงความผิดปกติ รอบเรือนใหญ่กลับมีแสงไฟสว่างจ้า ระเบียงทางเดินนอกห้องยังมีคนรับใช้ยืนก้มหน้าก้มตาเงียบ ๆ อยู่เป็นแถวยาว ทุกคนยืนอย่างสงบนิ่ง ไม่มีการพูดคุย ไม่มีการเงยหน้าขึ้นมอง ความเงียบเชียบของค่ำคืนนี้ดูคล้ายกับปกติ แต่ก็เหมือนจะไม่ปกติ นอกห้องสงบเงียบ แต่ในห้องกลับแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง ห้องด้านในมืดสลัว มีสิ่งของตกเกลื่อนบนพื้นห้อง เครื่องกระเบื้องที่ตกอยู่บนพื้นแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ยังมีเชิงเทียน ยังมีม้านั่งที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ เสียงครางของสตรีผสานไปกับเสียงหายใจหนักหน่วงของบุรุษ ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายราคะอบอวลไปทั่วห้อง ร่างของหลี่อันเปียกโชกไปด้วยเหงื่อราวกับชุบตัวอยู่บ่อน้ำ เรือนร่างที่เปลือยเปล่าคุกเข่าโน้มตัวไปด้านหน้าอยู่บนเตียง เสียงหายใจคล้ายติดขัด เอวเล็กขาวของเนางถูกรวบอยู่ในฝ่ามือใหญ่ที่แข็งแรงราวกับคีมเหล็ก ร่างกายท่อนล่างถูกรุกรานด้วยท่อนเนื้อขนาดใหญ่จนตัวของนางโน้มตัวไปด้านหน้าเป็นจังหวะ ทรวงอกที่เต็มอิ่มไหวไปตามแรงจนเห็นเป็นเนื้อเคลื่อนไหวเป็นระลอก ชายหนุ่มเร่งความเร็วไปตามอารมณ์โดยมิได้ใส่ใจกับเรื่องอื่นใด “ช้า ช้าหน่อย ใต้ ใต้เท้า...” เสียงของหลี่อันขาดเป็นห้วง ๆ นี่เป็นการสูญเสียพรหมจรรย์ครั้งแรก นางยังรับมือไม่ทันอีกทั้งเขายังไม่ให้โอกาสนางได้ปรับตัวก็ช่วงชิงความบริสุทธิ์ของนางไปแล้ว นางบิดตัวด้วยความรู้สึกอึดอัด หวังจะลดความคับแน่นที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่ได้กลับตรงกันข้าม ยิ่งทำให้ชายที่อยู่ด้านหลังเร่งความเร็วในการเคลื่อนตัวอยู่ร่างของนางมากขึ้น หลี่อันเปล่งเสียงร้องอย่างตกใจ ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งบีบเค้นหน้าอกที่อวบอิ่ม เนื้อหน้าอกที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าจะรวบได้เพียงแค่ฝ่ามือเดียวทะลักไหลออกมาตามง่ามนิ้ว ยอดอกที่ชูชันสัมผัสถูกฝ่ามือหยาบกระด้าง ความเจ็บปวดระคนความเสียวซ่านเหมือนเปลวไฟและน้ำแข็งที่เกิดขึ้นพร้อมกันทำให้ตัวนางบีบรัดสิ่งแปลกปลอมจนทำให้อาวุธที่อยู่ในร่างของนางเคลื่อนตัวได้ลำบาก หน้าผากของชายหนุ่มมีเหงื่อเม็ดใหญ่ ๆ ไหลลงมาข้างแก้ม ตกมาถึงสะโพกของหลี่อัน เสียงทุ้มห้าวดังคล้ายเสียงเตือน “อย่าเกร็ง” หลี่อันหันกลับไปมอง ดวงตาเรียวยาวที่อยู่บนใบหน้าหล่อเหลายามนี้หรี่แคบ ปลายคางและต้นคอเกร็งจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน สายตาของหลี่อันเลื่อนลงมาด้านล่าง เหงื่อจากต้นคอไหลลงมาเรื่อย ๆ จนถึงกล้ามเนื้อหน้าท้องที่เห็นเป็นลอนชัดเจน รวมเข้ากับเหงื่อที่อยู่บริเวณนั้นแล้วไหลลงไปรวมกันด้านล่าง สีหน้าที่เต็มไปด้วยความปรารถนาและความงดงามของเรือนร่าง กระตุ้นให้หว่างขาของนางชุ่มฉ่ำ หล่อลื่นให้ชายหนุ่มเคลื่อนตัวได้อีกครั้ง แรงกระแทกทำให้ร่างของหลี่อันเคลื่อนตัวไปด้านหน้าราวกับปลาที่คิดจะกระโดดขึ้นจากน้ำ ริมฝีปากสีสดเผยอขึ้นเพื่อช่วยให้หายใจได้ดีขึ้น ความร้อนระอุที่เกิดขึ้นร้อนจนนางทนไม่ไหว มีน้ำตาเอ่ออยู่ขอบตา มือซ้ายจับผ้าม่านข้างเตียงเอาไว้ แรงดึงทำให้ผ้าม่านขาดติดมือ เสียงผ้าขาดถูกกลบด้วยเสียงเนื้อกระทบเนื้อ ทั้งร้อนแรงทั้งรุนแรง ความรู้สึกเสียวซ่านแผ่กระจายไปทีละน้อย อารมณ์เริ่มดำดิ่งไปกับจังหวะการรุกเข้ารุกออกของคนที่อยู่ด้านหลัง เสียงร้องด้วยความสุขสมยามถึงจุดสุดยอดดังออกจากปากหลี่อัน ก่อนร่างของนางจะอ่อนระทวยฟุบลงอยู่บนผ้าห่ม หน้าอกนุ่มนิ่มถูกทับจนแทบจะเปลี่ยนรูป การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มทั้งเร็วทั้งแรง จนกระทั่งถึงจุดที่ปลดปล่อยธารร้อนออกมา เสียงหายใจแรงของคนทั้งสองดังประสานกัน ส่วนที่ยังประสานกันอยู่ก็ยังคงสอดประสานกันอยู่ หลี่อันรู้สึกสมองว่างเปล่าไปชั่วขณะก่อนเริ่มรู้สึกตัว นางดีใจที่ยุติเสียที ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป นางคิดว่าตัวเองคงถูกหามออกไปเป็นแน่ แต่นางมิได้สังเกตถึงชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลัง ว่าสายตาของเขาจับจ้องยู่ที่สะโพกกลมกลึงที่ยามนี้เป็นสีแดงเข้ม ก่อนเลื่อนสายตามองยังส่วนที่ยังประสานกันอยู่ หลี่อันสะดุ้งเฮือก เมื่อรับรู้ได้ถึงงสิ่งที่ยังอยู่ในร่างของนางเริ่มพองตัวขึ้นอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เอวบางถูกมือสองข้างรวบเอาไว้ ก่อนจับตัวนางยกสูง บริเวณอ่อนนุ่มที่เพิ่งรับศึกหนักไปเมื่อครู่ ถูกท่อนเนื้อแข็งแรงดันเข้ามาด้านในอีกครั้ง “ใต้ ใต้เท้า ไม่ ไม่ ข้าน้อย ไม่ไหวแล้ว...” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะไร้เรี่ยวแรง อีกทั้งสั่นเครือจนแทบจะฟังไม่เป็นคำ แต่ชายหนุ่มมิได้ใส่ใจ ยังคงกระทำไปตามอำเภอใจ เสียงทุ้มห้าวแหบแห้งดังเพียงว่า “ไม่ไหวก็ต้องทน” เสียงห้าวทุ้มที่ถูกเค้นออกมานั้นเต็มไปด้วยความเย็นกระด้าง ไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง หลี่อันได้แต่ส่งเสียงสะอื้นไปตามจังหวะการกระแทก นางก่นด่าคนที่อยู่ด้านหลังไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ความจริงนางอยากจะด่าเขาออกเสียงด้วยซ้ำ แต่เมื่อคิดถึงคนที่อยู่ด้านหลังเป็นขุนนางกังฉินที่มีความโหดร้ายอำมหิต เดาความคิดไม่ได้ นางไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่านี้ นางกลัวเพียงว่า ถ้าด่าออกไป เขาจะจับนางหักคอเสียก่อน ดังนั้นนางกัดริมฝีปากเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองด่าออกไป ผ่านไปอย่างนี้สองชั่วยามกว่า กว่าพายุจะสงบลงได้ ขณะสะลึมสะลือ ไร้เรี่ยวแรง มีเสียงทุ้มห้าวดังขึ้นอย่างไม่ไยดีว่า “เตรียมน้ำ” ไม่นานหลังจากนั้นประตูห้องถูกเปิดออก ภายในห้องมืดสลัว มีสาวใช้ถือตะเกียง ยกน้ำเข้ามาในห้อง ตะเกียงและถังน้ำถูกวางไว้ดีแล้ว สาวใช้ทั้งหลายถอยออกไปอย่างเงียบกริบ ราวกับไม่เคยมีใครเข้ามาแต่อย่างใด เปลวไฟไหวไปมา หลี่อันรับรู้ได้ว่า ชายที่อยู่ด้านหลังลงจากเตียง นางเงยหน้ามองตาม เห็นแผ่นหลังกว้างเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ที่มีเหงื่อจับอยู่เป็นชั้น คล้ายกับรับรู้ได้ถึงสายตาที่จับจ้องทำให้ชายหนุ่มหันหลังกลับ ใบหน้าของเขาหล่อเหลา หากแววตาเต็มไปด้วยความเย็นกระด้างที่แฝงแววอำมหิต หลี่อันรับรู้ได้ถึงแรงกดดันเที่แผ่กระจายออกจากตัวของเขาได้อย่างชัดเจนทำให้นางรีบก้มหน้า หลบตา เปล่งเสียงอ่อน ๆ ขึ้นว่า “ใต้เท้า” ชายหนุ่มดึงสายตากลับมา เม้มริมฝีปากเดินออกไปด้านนอก เขาเช็ดตัวอย่างลวก ๆ สวมเสื้อผ้าแล้วค่อยออกไปจากห้อง ทันทีที่ประตูห้องปิดเข้าหากัน หลี่อันลอบถอนหายใจ ความหวาดหวั่นที่มีอยู่เมื่อครู่หายวับไปทันที นางนอนอยู่บนเตียงที่ยุ่งเหยิงอย่างเหม่อลอย ดวงตาจับจ้องอยู่บนเพดานเตียง กลิ่นความใคร่ยังอบอวลอยู่ในห้องจนทำให้นางรู้สึกไม่สบายตัว หลี่อันแทบไม่มีเรี่ยวแรง เริ่มปวดศีรษะจึงมิได้สนใจกับกลิ่นเหล่านี้ แต่นางรู้สึกอะไรบางอย่างขาดหายไป เป็นสิ่งที่สำคัญมากแต่นางก็นึกไม่ออก ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ประตูถูกเปิดออกอีกครั้ง ครั้งนี้มีสาวใช้เข้ามาสองคน สาวใช้ทั้งสองเป็นสาวใช้ที่คอยรับใช้ใกล้ชิดหลี่อัน สาวใช้หยุดยืนอยู่นอกผ้าม่าน เตือนเบา ๆ ว่า “อนุเก้า ควรกลับเรือนฉงอันได้แล้วเจ้าค่ะ” หลี่อันจับผ้าห่มคลุมตัวเอาไว้แล้วลุกขึ้นนั่งปัดผ้าม่านออกอย่างไร้เรี่ยวแรง มองสาวใช้ทั้งสองก่อนออกคำสั่งเสียงแผ่วว่า “ช่วยประคองข้าหน่อย” สาวใช้ทั้งสองเข้ามาประคอง เมื่อเห็นจ้ำแดง ๆ ตามเนื้อตัวของหลี่อันแล้วก็หน้าแดงก่ำ พวกนางไม่กล้ามองให้มากกว่านั้น สาวใช้นางหนึ่งเดินไหยิบเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมา แต่ปรากฏว่าขาดวิ่นจนใส่ไม่ได้ รีบเอ่ยว่า “บ่าวจะกลับไปหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่มาเจ้าค่ะ” หลี่อันมองเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งแล้วพลันนึกไปถึงสองชั่วยามก่อนที่นางจะเข้ามาในห้อง เวลาก่อนยามหนึ่ง หนึ่งเค่อ พ่อบ้านมาหานางที่เรือนฉงอันอย่างรีบร้อน บอกให้นางไปรับใช้ที่เรือนใหญ่ พ่อบ้านให้นางเตรียมตัวไม่ถึงหนึ่งเค่อ เดินนำหน้าพานางไปยังเรือนใหญ่ เมื่อมาถึงก็ให้นางเข้าในห้องที่มืดสลัว เมื่อเข้ามาในห้อง นางเห็นสภาพเละเทะบนพื้นได้อย่างเลือนราง ไม่เพียงในห้องจะอยู่ในสภาพที่ไม่น่าดู ในความมืดมิดยังมีความรู้สึกที่อึดอัด ยังมีบรรยากาศที่ร้อนระอุแฝงอยู่ นางเงยหน้ามองสภาพภายในห้องอย่างตั้งใจ จากความมืดมิดเห็นห้องด้านในที่มีม่านทิ้งตัวแบ่งเขตแดนอยู่หลางชั้น เห็นเงาราง ๆ นั่งอยู่ขอบเตียง ยังมีเสียงหายใจหนักแรงๆ ดังมาจากหลังผ้าม่านพร้อมกับมีกลิ่นอายบางอย่างที่นางบรรยายไม่ภถูก หลี่อันยืนอยู่หน้าผ้าม่านเนื้อบาง ลังเลไปชั่วครู่ก่อนเอ่ยเสียงแผ่วว่า “ใต้เท้า” คนที่อยู่ด้านในย่อมไม่อาจเป็นใครอื่นนอกจาก “สามี” ของนาง ขุนนางใหญ่ผู้ทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการ อีกทั้งยังเป็นผู้บัญชาการสำนักตุลาการทหาร... เสวียนเฟิง ชายที่นั่งอยู่หลังผ้าม่านเงยหน้าขึ้นมองหลี่อัน แม้จะมีผ้าม่านขวางอยู่หลายชั้นแต่หลี่อันรับรู้ได้ถึงสายตาร้อนแรงที่มองมา แม้สายตานั้นจะร้อนแรงแต่บรรยากาศรอบตัวของเขากลับมีแต่ความเย็นยะเยือกราวกับอยู่ท่ามกลางสายหมอกในเหมันตฤดูอีกทั้งยังมีรังสีอำมหิตแฝงอยู่ หลี่อันตัวเกร็งด้วยความรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมาทันที เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ มีเสียงทุ้มต่ำดังผ่านผ้าม่าน “เข้ามา” หลี่อันลังเลไปเล็กน้อยสุดท้ายยังคงปัดผ้าม่านที่ขวางกั้น เข้าไปห้องด้านใน แม้นางจะมองเพียงแวบเดียวแต่ก็เข้าใจถึงสถานการณ์ภายในได้เป็นอย่างดี ห้องภายในและภายนอกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ภายนอกมีแต่สิ่งของเกลื่อนพื้น แต่ด้านในกลับสะอาดเรียบร้อย เพียงแต่มีบรรยากาศอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก หลี่อันมิได้สบสายตากับเขา นางหลุบตาเล็กน้อย เห็นแผ่นอกแข็งแรงที่ถูกใต้เสื้อตัวในที่ถูกแหวกออกจนกว้าง … เขานั่งแยกขาออกจากกัน วางมือสองข้างที่เห็นเส้นเอ็นเด่นชัดอยู่บนหน้าตัก มีสิ่งหนึ่งที่น่าตระหนกชูชันอยู่เบื้องหน้า หลี่อันลอบกลืนน้ำลาย นางไม่กล้าสอดส่ายสายตาไปเรื่อยเปื่อย รีบก้มหน้ามองพื้น ทว่าชายที่นั่งอยู่กลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ กับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย หลี่อันยืนก้มหน้าอยู่ห่างจากชายผู้นั้นสองก้าว รับรู้ได้ถึงสายตาที่จ้องเขม็งมาที่ร่างของตน “เข้าจวนเมื่อใด” เขาถาม น้ำเสียงห้าวทุ้มดังกระทบโสตประสาท หลี่อันจำต้องตอบกลับ “เรียนใต้เท้า ข้าน้อยเข้าจวนเมื่อครึ่งปีก่อนเจ้าค่ะ” หลังจากตอบคำถามไปแล้ว สิ่งที่ตามมาคือความเงียบงัน แม้จะเป็นเวลาเพียงสั้น ๆ แต่กลับยาวนานในความรู้สึก หลังจากนั้นไม่นาน ข้อมือของหลี่อันถูกฝ่ามือร้อนระอุดึงเข้ามาอยู่ชิดแผงอกกว้างที่มีเหงื่อออกเต็ม ร้อน! ไม่ใช่อุณหภูมิที่คนทั่วไปควรจะมี แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่หมิ่นเหม่แต่หลี่อันกลับวิเคราะห์ถึงสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน ภายในห้องที่อยู่ในสภาพเละเทะนั้น เห็นได้ว่าเป็นฝีมือของเขาผู้นี้ ยังมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติ หลี่อันคาดเดาอย่างคนใจกล้าอย่างที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ว่า เขาผู้นี้คงถูกคนวางยาปลุกกำหนัดเข้าให้แล้ว แต่คนที่มีความระมัดระวังตัวสูงอย่างเสวียนเฟิงเหตุใดจึงตกหลุมพรางได้ นางยังไม่ทันได้ขบคิดต่อไป เสวียนเฟิงจับข้อมือสองข้างของนางผูกเข้าด้วยกัน หลี่อันตกใจ คิดจะขัดขืน หากข้อมือของนางถูกจับเอาไว้แน่ “อย่าขยับ!” เสียงตวาดดังขึ้น ฝ่ามือที่แข็งแรงข้างหนึ่งเปลี่ยนตำแหน่งมาจับต้นคอของนางแทน ความร้อนจากฝ่ามือแข็งแรงทำให้หลี่อันตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับตัวแต่อย่างใด เมื่อนึกได้ว่า คนอย่างเสวียนเฟิงไม่เคยให้ใครเข้าใกล้ตัวเขาได้ อีกทั้งยังมีตำแหน่งเป็นขุนนางใหญ่ มีคนลอบสังหารอยู่ตลอดเวลา การกระทำของเขาเช่นนี้แสดงว่าไม่เชื่อใจนาง เรื่องที่ตามมาหลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่รู้กัน หลี่อันเลื่อนสายตาจากเสื้อผ้าขาดวิ่นที่สาวใช้ถืออยู่ มาดูข้อมือที่ยังรู้สึกเจ็บอยู่ พลางมองไปยังอ่างน้ำอุ่นที่ยังไม่มีใครใช้ภายในห้อง จากนั้นออกคำสั่งว่า “พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าจะเช็ดตัวสักหน่อย” ห้องนี้มิใช่ห้องนอนของใต้เท้าเสวียน สาวใช้ทั้งสองล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว หลี่อันปรับลมหายใจอยู่หลายครั้งก่อนลงจากเตียง เดินไปหน้าที่วางอ่างน้ำอย่างเชื่องช้า หยิบผ้าแห้งที่วางอยู่ข้าง ๆ มาชุบน้ำ บิดหมาด ๆ เช็ดร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ตามเนื้อตัวอย่างเบามือ ขณะที่เช็ดตัวอยู่นั้น ความคิดของหลี่อันล่องลอยไปไกล นี่เป็นประสบการณ์บนเตียงครั้งแรก แต่เหตุใดหลังจากผ่านไปแล้ว นางจึงได้มีความเยือกเย็นได้ถึงเพียงนี้ หลี่อันเกิดความสงสัยในตัวเองขึ้นมาไม่น้อย หรือเพราะก่อนนี้ที่นางอยู่ในหอฟงเยว่ได้รับการอบรมสั่งสอนเกี่ยวกับเรื่องหญิงชายมาโดยเฉพาะ จึงทำให้นางมิได้ตื่นตระหนกมากนัก หลี่อันมาจากหอฟงเยว่ที่เป็นสถานเริงรมย์ มีแต่ความต่ำต้อย แต่ว่านางจำอะไรไม่ได้ สองเดือนก่อน ในงานวันเกิดของเสวียนเฟิง มีคนร้ายเข้ามาลอบสังหารเขา เกิดความวุ่นวายภายในงานเลี้ยง สร้างความตื่นกลัวให้กับทุกคนที่อยู่ในงาน มีเพียงเสวียนเฟิงที่นั่งดื่มสุราราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนนางถูกใครไม่รู้ผลักจนตกบันไดระหว่างที่ชุลมุนจนศีรษะแตกมีเลือดไหลออกมา จากนั้นเมื่อนางรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งก็จำเรื่องอะไรไม่ได้แล้ว นางไม่ได้บอกใครเรื่องที่ตนเองสูญเสียความจำ หลี่อันคอยสังเกตดูเหตุการณ์ต่าง ๆ หลังจากผ่านไปอีกหลายวันก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ อดีตฮ่องเต้สวรรคต ได้แต่งตั้งผู้บัญชาการสำนักงานตุลาการทหารเสวียนเฟิงเป็นขุนนางผู้สำเร็จราชการ เสวียนเฟิงที่มีตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการมีความเด็ดขาดอำมหิต กุมอำนาจทางการทหารส่วนใหญ่ ดังนั้นขุนนางบุ๋นบู๊ในราชสำนักไม่มีใครไม่เกรงกลัวเขา คนที่คิดจะเอาชีวิตของเขาจึงมีมากมายนับไม่ถ้วน ในขณะเดียวกันคนที่คิดจะประจบเอาใจเขาก็มีไม่น้อยเช่นกัน คนที่คิดเอาใจเสวียนเฟิงย่อมหนีไม่พ้นการมอบเงินทองของมีค่า ไปจนถึงหญิงงาม หลี่อันเป็นหญิงงามที่ถูกผู้ช่วยเจ้าเมืองหวายโจวส่งมาให้เสวียนเฟิงเพื่อประจบเอาใจ ตอนนั้นภายในจวนสกุลเสวียนมีอนุแปดคนแล้ว หลี่อันเป็นคนที่เก้า ด้วยอุปนิสัยของเสวียนเฟิง เขาเป็นคนที่มีความระแวง ไม่เข้าใกล้หญิงสาวคนใด อย่าว่าแต่หลี่อัน แม้แต่หญิงงามแปดคนที่อยู่มาก่อนนางก็ยังไม่มีใครได้ร่วมเตียงกับเขามาก่อน ไม่ว่าจะเป็นหญิงงามหรือเป็นของมีค่าใด ๆ เสวียนเฟิงไม่เคยปฏิเสธ ดังนั้นคนเหล่านั้นจึงได้ส่งหญิงงาม ส่งสิ่งของให้เสวียนเฟิงด้วยความคิดที่ว่า หญิงงามที่ตนเองส่งให้นั้นเป็นที่สนใจของเขา หลังจากหลี่อันความจำเสื่อมจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาสองเดือน สองเดือนที่ผ่านมา นางเคยพบเสวียนเฟิงครั้งเดียว ส่วนคืนนี้เป็นครั้งที่สอง ที่นางถูกเรียกตัวมาพบเขาคืนนี้คงเป็นเพราะสองเดือนก่อนในงานเลี้ยงวันเกิดของเขา ในบรรดาหญิงงามสิบคนที่อยู่ในงานเลี้ยงมีนางเพียงคนเดียวที่หกล้ม ได้รับบาดเจ็บ นางคิดว่าเสวียนเฟิงคงจำนางได้จากเรื่องนั้น เมื่อเช็ดตัวดีแล้ว สาวใช้นำเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้ หลี่อันแต่งตัวเรียบร้อยค่อยออกจากห้อง ยามสาม แล้ว ท้องฟ้าเริ่มเห็นแสงรำไร ด้านนอกดูเหมือนจะไร้ผู้คน แต่หลี่อันรับรู้ได้ว่า มิได้มีความเงียบงันเหมือนกับที่เห็นภายนอก สาวใช้ประคองตัวนางเดินออกมาที่ระเบียงทางเดิน ก่อนลงบันไดหินอย่างเชื่องช้า ท้องฟ้ายังไม่สว่างดี ทำให้อากาศภายนอกค่อนข้างเย็น สาวใช้คนหนึ่งนำเสื้อคลุมเนื้อบางคลุมบนตัวหลี่อัน เมื่อออกจากเรือนใหญ่ สาวใช้ที่ชื่อว่าลวี่หลัวประคองตัวหลี่อัน ส่วนปี้อวี้เดินถือโคมไฟส่องทางอยู่ด้านหน้า ลวี่หลัวพ่นลมหายใจออกอย่างระมัดระวังก่อนกระซิบว่า “อนุเก้า ตอนที่บ่าวกลับไปหยิบเสื้อผ้ามาให้ท่าน ได้ให้คนเตรียมน้ำร้อนไว้แล้ว” หลี่อันรับคำเบา ๆ น้ำเสียงของนางเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง สาวใช้สองคนนี้ถูกส่งมารับใช้หลี่อันตอนที่นางเข้ามาในจวนไม่นาน ทั้งสองคนนี้คอยรับใช้นางได้ครึ่งปีแล้ว เดิมทีสาวใช้ทั้งสองมีความตื่นเต้นดีใจที่เจ้านายของตนได้รับใช้ใกล้ชิดใต้เท้าจริง ๆ เป็นคนแรก แต่เมื่อเห็นร่อยรองตามตัวของอนุเก้าแล้ว ความดีใจที่มีมาก่อนหน้านี้ก็หายวับไป พวกนางลืมไปเสียสนิทว่า ใต้เท้าเป็นคนที่ไร้ความเมตตา ไร้ความเห็นใจผู้อื่น ยามปกติเขาก็เป็นคนน่ากลัวอยู่แล้ว แล้วเรื่องบนเตียงจะไม่ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่หรือ! คิดไปคิดมา สาวใช้ทั้งสองรู้สึกเสียใจจนน้ำตาคลออยู่ขอบตา คืนนี้ อนุเก้าคงจะทรมานไม่น้อย ถ้าเกิดต่อไปใต้เท้ายังเรียกหาอนุเก้าอีก นางจะต้องรับความทรมานไปอีกเท่าไร ❤️ เป็นไฟล์ดิบแปลสด ยังไม่ผ่านพิสูจน์อักษรคำผิดเพียบ ❤️ มีการเปลี่ยนชื่อพระนาง สถานที่ ไม่ให้เดาถูก 555 .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 885 มุมมอง 0 รีวิว
  • บ้านเดี่ยว สไตล์มินิมอล หลังมุม หน้าบ้านและด้านข้างเป็นสวน ไม่ติดใคร👍
    ทำเลศักยภาพ เดินทางสะดวก รีโนเวทใหม่ พร้อมอยู่

    🔹เดอะทรัสต์วิลล์ วัชรพล-หทัยราษฎร์🔹

    เพียง 4.79 ล้านบาท

    ✅️รีโนเวทใหม่
    ✅️ฟรีค่าโอน
    ✅️ฟรีบริการยื่นสินเชื่อ
    —————————————————————
    สนใจสอบถามรายละเอียด ,นัดชม
    ติดต่อ: 081-855-8162 (ป๊อก)
    Line: juthamanee_b
    —————————————————————

    ♦️ เนื้อที่ขนาด 52.4 ตร.วา
    ♦️ พื้นที่ใช้สอย 160 ตร.ม.
    ♦️ 3 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ
    ♦️ 1 ห้องอเนกประสงค์ (ชั้นล่าง) / 1 ห้องครัว / 1 ห้องนั่งเล่น
    ♦️ หน้าบ้านหันทิศใต้
    ♦️ โครงการสร้างเสร็จ 2012
    ♦️ ค่าส่วนกลาง 25 บาท/ตร.วา

    🆓ฟรี🆓
    ต่อเติมโซนซักล้าง และโซนครัวไทยไว้แล้ว
    ผ้าม่านและมูลี่
    เคาเตอร์ครัว
    แอร์ 1 เครื่อง
    ปั้มน้ำและแท้งค์น้ำ

    ====================
    การเดินทาง
    เข้าถึงหลายเส้นทาง ถนนหทัยราษฎร์ ถนนลำลูกกา ถนนสายไหม ถนนเลียบคลองสอง และถนนคู้บอน
    5 นาที ถึงมอเตอร์เวย์ (ขึ้นเหนือ ลงใต้ อีสาน ตะวันออก สะดวก)
    10 นาที ถึงทางด่วนจตุโชติ
    อนาคตมีแผนก่อสร้างรถไฟฟ้าสถานีวงแหวนตะวันออก (ต่อจากสถานีคูคต)

    ====================
    สิ่งอำนวยความสะดวก
    สวนสาธารณะ , คลับเฮาส์ , สระว่ายน้ำ, รปภ., CCTV
    ====================

    สถานที่สำคัญใกล้เคียง
    ▪ ใกล้ 3 ตลาดใหญ่รอบหมู่บ้าน ตลาดวงศกร ตลาดมารวย ตลาดมั่งมีทรัพย์
    ▪ ใกล้ห้างสรรพสินค้า บิ๊กซี โลตัส โฮมโปร แม๊กซ์แวลู แฟชั่นไอส์แลนด์ ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต
    แม๊กซ์แวลู, สายไหมอะเวนิว
    ▪ เทศบาลลำลูกกา สถานีตำรวจลำลูกกา ไปรษณีย์ลำลูกกา
    ▪ รร.สารสาสน์สายไหม, รร.สาธิตพัฒนา
    ▪ รพ.ซีจีเอช สายไหม รพ.สินแพทย์ลำลูกกา
    ▪ ซาฟารีเวิล์ด

    #ขายบ้านวัชรพล #บ้านมือสอง #บ้านมือสองรีโนเวท #บ้านมือสองสภาพดี #ขายบ้านหทัยราษฎร์ #บ้านรีโนเวทพร้อมอยู่ #บ้านพร้อมอยู่ #ขายบ้านลำลูกกา #บ้านสายไหม #รีโนเวท #บ้านมินิมอล #บ้านสไตล์มินิมอล #บ้านเดี่ยวราคาถูก
    บ้านเดี่ยว สไตล์มินิมอล หลังมุม หน้าบ้านและด้านข้างเป็นสวน ไม่ติดใคร👍 ทำเลศักยภาพ เดินทางสะดวก รีโนเวทใหม่ พร้อมอยู่ 🔹เดอะทรัสต์วิลล์ วัชรพล-หทัยราษฎร์🔹 เพียง 4.79 ล้านบาท ✅️รีโนเวทใหม่ ✅️ฟรีค่าโอน ✅️ฟรีบริการยื่นสินเชื่อ ————————————————————— สนใจสอบถามรายละเอียด ,นัดชม ติดต่อ: 081-855-8162 (ป๊อก) Line: juthamanee_b ————————————————————— ♦️ เนื้อที่ขนาด 52.4 ตร.วา ♦️ พื้นที่ใช้สอย 160 ตร.ม. ♦️ 3 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ ♦️ 1 ห้องอเนกประสงค์ (ชั้นล่าง) / 1 ห้องครัว / 1 ห้องนั่งเล่น ♦️ หน้าบ้านหันทิศใต้ ♦️ โครงการสร้างเสร็จ 2012 ♦️ ค่าส่วนกลาง 25 บาท/ตร.วา 🆓ฟรี🆓 ต่อเติมโซนซักล้าง และโซนครัวไทยไว้แล้ว ผ้าม่านและมูลี่ เคาเตอร์ครัว แอร์ 1 เครื่อง ปั้มน้ำและแท้งค์น้ำ ==================== การเดินทาง เข้าถึงหลายเส้นทาง ถนนหทัยราษฎร์ ถนนลำลูกกา ถนนสายไหม ถนนเลียบคลองสอง และถนนคู้บอน 5 นาที ถึงมอเตอร์เวย์ (ขึ้นเหนือ ลงใต้ อีสาน ตะวันออก สะดวก) 10 นาที ถึงทางด่วนจตุโชติ อนาคตมีแผนก่อสร้างรถไฟฟ้าสถานีวงแหวนตะวันออก (ต่อจากสถานีคูคต) ==================== สิ่งอำนวยความสะดวก สวนสาธารณะ , คลับเฮาส์ , สระว่ายน้ำ, รปภ., CCTV ==================== สถานที่สำคัญใกล้เคียง ▪ ใกล้ 3 ตลาดใหญ่รอบหมู่บ้าน ตลาดวงศกร ตลาดมารวย ตลาดมั่งมีทรัพย์ ▪ ใกล้ห้างสรรพสินค้า บิ๊กซี โลตัส โฮมโปร แม๊กซ์แวลู แฟชั่นไอส์แลนด์ ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต แม๊กซ์แวลู, สายไหมอะเวนิว ▪ เทศบาลลำลูกกา สถานีตำรวจลำลูกกา ไปรษณีย์ลำลูกกา ▪ รร.สารสาสน์สายไหม, รร.สาธิตพัฒนา ▪ รพ.ซีจีเอช สายไหม รพ.สินแพทย์ลำลูกกา ▪ ซาฟารีเวิล์ด #ขายบ้านวัชรพล #บ้านมือสอง #บ้านมือสองรีโนเวท #บ้านมือสองสภาพดี #ขายบ้านหทัยราษฎร์ #บ้านรีโนเวทพร้อมอยู่ #บ้านพร้อมอยู่ #ขายบ้านลำลูกกา #บ้านสายไหม #รีโนเวท #บ้านมินิมอล #บ้านสไตล์มินิมอล #บ้านเดี่ยวราคาถูก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1574 มุมมอง 0 รีวิว
  • Infinity One Condo
    คอนโดหรูพร้อมอยู่ ชั้น 32 (มี34ชั้น)ติด Central ชลบุรี

    ในห้องมี :
    - แอร์
    - TV
    - เตียงนอน
    - ตู้เย็น
    - เครื่องซักผ้า
    - ไมโครเวฟ
    - เครื่องทำน้ำอุ่น
    - โซฟา
    - โต๊ะรับประทานอาหาร
    - ชุดผ้าม่าน
    สิ่งอำนวยความสะดวก:
    - ฟิสเนต
    - สระว่ายน้ำ
    - ห้องสมุด
    - ห้องนันทนาการสำหรับเด็ก
    สนใจโทร 0817596848
    Infinity One Condo คอนโดหรูพร้อมอยู่ ชั้น 32 (มี34ชั้น)ติด Central ชลบุรี ในห้องมี : - แอร์ - TV - เตียงนอน - ตู้เย็น - เครื่องซักผ้า - ไมโครเวฟ - เครื่องทำน้ำอุ่น - โซฟา - โต๊ะรับประทานอาหาร - ชุดผ้าม่าน สิ่งอำนวยความสะดวก: - ฟิสเนต - สระว่ายน้ำ - ห้องสมุด - ห้องนันทนาการสำหรับเด็ก สนใจโทร 0817596848
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 573 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ่านเอาเรื่อง Ep.75: มอร์มอน

    เมื่อเช้านี้ระหว่างที่ผมรถติดอยู่แถวๆบ้าน สายตาก็เหลือบไปเห็นฝรั่งวัยหนุ่ม 2 คน ท่าทางดี แต่งตัวเรียบร้อยนั่งอยู่บนรถสองแถวครับ

    จากประสบการณ์นั้น มองปร๊าดเดียวก็รู้ว่าพ่อหนุ่มสองคนนี้เป็นพวกเผยแพร่ศาสนาคริสต์ และผมคิดว่าเป็นนิกายมอร์มอน (Mormon) เพราะการแต่งตัวสไตล์เสื้อเชิ้ตแขนสั้น ผูกไท สะพายกระเป๋าดำและมีป้ายชื่อสีดำอันใหญ่ๆนี่ ดูยังไงก็มอร์มอน

    และน่าจะเป็นชาวอเมริกัน เพราะพวกมอร์มอนนั้นส่วนใหญ่จะเป็นอเมริกัน เพราะนิกายมอร์มอนนั้นกำเนิดในอเมริกาครับ

    ตอนสมัยที่ผมได้ไปเรียนอยู่ที่อเมริกาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ผมเคยเจอวัยรุ่นมอร์มอนมาเคาะประตูบ้านและชวนไปเข้าลัทธิกับเขา ได้ฟังเขาเล่าเรื่องของมอร์มอนแล้วก็สนุกดี

    วันนี้ก็ผมจึงไปค้นคว้าหาเรื่องของพวกมอร์มอนมาเล่าสู่กันฟังสนุกๆครับ
    .
    .
    .
    นิกายมอร์มอนนั้นเกิดขึ้นในช่วงที่อเมริกาเพิ่งจะประกาศอิสรภาพแยกตัวจากอังกฤษใหม่ๆครับ นั่นก็คือ ช่วงประมาณ ค.ศ.1800 โน่น

    ความน่าสนใจของนิกายนี้ ก็คือ ผู้ที่เป็นศาสดาหรือผู้นำสารของพระเจ้านั้นเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นชาวนิวยอร์คชื่อ “โจเซฟ สมิธ” ซึ่งโจเซฟผู้นี้เขาไม่ได้มีการศึกษาอะไร แต่เป็นเด็กที่รักการค้นหาขุดหาสมบัติในสวนหลังบ้าน

    อันนี้เราก็ต้องเข้าใจบริบทในยุคนั้นด้วยนิดนึงครับ เพราะอเมริกานั้นเป็นดินแดนโลกใหม่ ดังนั้นความเชื่อเรื่องการขุดหาสมบัติลึกลับของโจรสลัดหรือขุมทรัพย์โบราณก็ยังแพร่หลายครับ

    วันหนึ่งระหว่างที่เด็กชายโจเซฟวัย 15 ขวบนี้กำลังหาโน่นนี่อยู่ในป่าหลังบ้าน ก็ให้บังเอิญได้ไปพบกับร่างมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์สองร่างกำลังลอยอยู่ และบอกกับโจเซฟว่า ร่างหนึ่งคือพระเจ้าและอีกร่างคือพระเยซูบุตรของพระเจ้า

    พระเจ้าบอกกับโจเซฟว่า บรรดานิกายศาสนาคริสต์และศาสนาทั้งหลายที่มีอยู่บนโลกนี้นั้นล้วนแต่เสื่อมโทรมทั้งสิ้น และพระเจ้าได้บอกให้โจเซฟเตรียมตัวที่จะสร้างดินแดนที่วันหนึ่งพระเยซูจะกลับมาพิพากษาคนบาป

    โจเซฟเจอดังนี้แล้ว ก็กลับบ้านมาแต่ก็ไม่ได้คิดจะบอกอะไรใคร ได้แต่เก็บไว้เป็นความลับส่วนตัว

    เวลาผ่านไปอีกสามปี เมื่อโจเซฟอายุได้ 18 ปี ก็ได้มีเทวดาองค์หนึ่งมาปรากฏตัวขึ้นในห้องของโจเซฟ เทวดาบอกกับโจเซฟว่าให้เดินไปที่เนินเขาใกล้ๆบ้านแล้วจะได้พบกับแผ่นทองคำจารึกข้อความสำคัญที่อยากจะให้โจเซฟเอามาเผยแพร่ต่อมนุษย์โลก

    แน่นอนว่าโจเซฟก็ทำตามนั้น และเขาก็ได้พบกับแผ่นทองคำปึกใหญ่ๆจริงๆ บนแผ่นทองคำนั้นจารึกด้วยภาษาฮีบรูโบราณซึ่งโจเซฟอ่านไม่ออก แต่เขาก็เอากลับมาเก็บไว้ที่บ้าน แล้วก็เล่าเรื่องให้พ่อแม่พี่น้องและภรรยาฟัง

    ซึ่งทุกคนก็เชื่อเขาสนิทใจโดยไม่มีข้อโต้แย้งแต่อย่างใด

    แต่ทั้งนี้โจเซฟก็ไม่ได้ให้ใครได้เห็นแผ่นจารึกทองคำนี้เลยนะครับ และเมื่อโจเซฟคิดจะแปลข้อความจากแผ่นทองคำนี้เป็นภาษาอังกฤษ โจเซฟก็จะใช้วิธีขึงผ้าม่านหนาๆใหญ่ๆกั้นระหว่างตัวเขากับคนจดบันทึก (ซึ่งบางทีก็เป็นภรรยาเขาหรือไม่ก็น้องชาย)

    แล้วโจเซฟก็จะใช้เครื่องมือวิเศษที่สามารถมองข้อความบนแผ่นทองคำให้ออกมาเป็นภาษาอังกฤษ โจเซฟก็จะอ่านให้คนจดบันทึกไปเรื่อยๆ ทำอย่างนี้อยู่ราวๆสามเดือน ก็ได้หนังสือขนาดความยาว 800 กว่าหน้า

    เรียกว่า “เดอะบุ๊คออฟมอร์มอน - The Book of Mormon"

    เมื่อโจเซฟตรวจทานหนังสือเล่มนี้เสร็จแล้ว เขาก็จัดการส่งคืนแผ่นทองคำต้นฉบับนี้ให้เทวดาองค์เดิมไป เป็นอันว่าไม่เคยมีใครได้เห็นแผ่นทองคำนี้นอกจากโจเซฟเอง
    .
    .
    .
    ความน่าสนใจก็คือ โจเซฟนั้นเป็นคนที่ไม่ได้รับการศึกษาอะไร แต่สามารถแต่งหนังสือขึ้นความยาว 800 กว่าหน้านี้ได้ก็ถือว่าเก่ง แม้ว่าภายหลังจะมีผู้พบว่า เนื้อหาในหลายๆส่วนนั้นลอกจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ลมาแบบ copy and paste ก็ตามที

    ถ้าเราสังเกตดีๆ โจเซฟเขาไม่ได้ตั้งชื่อหนังสือเขาว่า ”มอร์มอนไบเบิ้ล“ แต่เรียกว่า ”เดอะบุ๊คออฟมอร์มอน“ นะครับ เพราะเขาคิดว่าลัทธิของเขาคือลัทธิใหม่ ไม่ได้เกี่ยวกับไบเบิ้ล

    และในเดอะบุ๊คออฟมอร์มอนนี้ โจเซฟเขาเขียนเล่าไว้ว่า เมื่อราวๆ 600 ปีก่อนสมัยพระเยซูนั้น มีชาวยิวกลุ่มหนึ่งได้หลบหนีออกจากกรุงเยรูซาเล็ม เดินข้ามทะเลทรายและขึ้นเรือรอนแรมมาจนกระทั่งถึงอเมริกา

    ชาวยิวกลุ่มนี้ได้เดินทางเข้ามาพำนักอาศัยอยู่ในแผ่นดินอเมริกาและเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เป็นบรรพบุรุษชาวชนพื้นเมืองอเมริกัน (Native American)

    แน่นอนว่าเมื่อเทคโนโลยีทันสมัยขึ้น การตรวจดีเอ็นเอของชนพื้นเมืองอเมริกันก็พบว่าไม่ได้มีเชื้อสายยิวเลยแม้แต่น้อย

    นอกนั้นในบุ๊คออฟมอร์มอนยังบอกอีกว่า หลังจากที่พระเยซูถูกตรึงกางเขนตายไปนั้น พระองค์ยังได้มาปรากฏตัวอยู่ที่อเมริกาด้วย

    แต่เอาเถิดครับ....ไม่ว่าเรื่องราวจะพิสดารเพียงใด เมื่อโจเซฟประกาศลัทธิใหม่ออกไป ประกอบกับว่าเขาเป็นคนมีวาทศิลป์ดี โน้มน้าวคนได้เก่ง ก็ปรากฏว่ามีผู้เชื่อถือลัทธิมอร์มอนของโจเซฟอยู่หลายพันคน

    และอีกครั้งที่ผมอยากจะขอให้ท่านผู้อ่านนึกภาพว่า นี่คือเหตุการณ์เมื่อ 200 ปีก่อน ที่คนอเมริกันคือชาวยุโรปที่อพยพมาค้นหาโลกใหม่ การที่พวกเขาจะเริ่มต้นกับลัทธิความเชื่อใหม่บนแผ่นดินใหม่ที่ต่างไปจากความเชื่อเดิมที่พวกเขาละทิ้งมา ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
    .
    .
    .
    พ่อหนุ่มโจเซฟในวัย 26 ปีได้ประกาศกับสาวกของตัวเองว่า พระเจ้าได้ขอให้โจเซฟและชาวมอร์มอนสร้างแผ่นดินใหม่ที่เรียกว่า “ไซออน - Zion" เพื่อรอรับการกลับมาของพระเยซู

    ซึ่งการจะทำดั่งนี้ได้ ชาวมอร์มอนทั้งหลายจะต้องเดินทางอพยพไปสร้างเมืองใหม่ขึ้นมา

    ว่าแล้วโจเซฟกับชาวมอร์มอนหลายพันคนก็ออกเดินทางจากนิวยอร์คไปยังรัฐโอไฮโอแล้วก็เริ่มสร้างเมือง แต่สร้างได้สักพักก็โดนชาวเมืองที่เขาอาศัยอยู่เดิมเขาขับไล่ด้วยความที่เป็นพวกลัทธิประหลาด

    โจเซฟและพวกก็อพยพอีกรอบ คราวนี้เดินทางกันต่อมาที่เมืองแจ็คสันวิลล์ รัฐมิสซูรี ทีนี้โจเซฟได้ประกาศว่า ”ที่นี่แหละที่เราจะสร้างเมืองไซออนของเราขึ้นมา เพราะที่นี่อยู่ใกล้กับสวนสวรรค์อีเดนของพระเจ้า“

    จำนวนชาวมอร์มอนเริ่มขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ แถมยังขยันก่อสร้างกันเสียอีก เพราะโจเซฟเขาได้ออกแบบผังเมืองเป็นรูปกริด (Grid) บล็อคๆสี่เหลี่ยมเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม

    ชาวมิสซูรีเดิมเห็นท่าไม่ดี เกรงว่าบ้านเรือนของตัวเองจะโดนพวกมอร์มอนยึดเรียบ ก็เลยขับไล่พวกมอร์มอน แล้วก็เกิดการรบพุ่งกันจริงจังขึ้นจนกระทั่งผู้ว่าการรัฐมิสซูรีต้องประกาศสงครามกันดุเดือด

    พวกมอร์มอนก็จึงต้องย้ายอีก..... คราวนี้ไปอยู่ที่รัฐอิลลินอยส์ ใกล้ๆกับเมืองชิคาโก ทีนี่แหละครับที่โจเซฟชะตาขาด เพราะเมื่อตัวเองเริ่มมีอิทธิพลมากขึ้นก็กำเริบถึงขนาดลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี และเริ่มใช้กำลังทหารของตัวเองไปทำลายโรงพิมพ์ที่ตีพิมพ์บทความต่อต้านพวกมอร์มอน

    ผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์จึงจับตัวโจเซฟและน้องชายมาขังตัวไว้ ปรากฏว่าโดนฝูงชนบุกเข้าไปถึงห้องขัง ยิงโจเซฟตายขณะที่พยายามกระโดดหนีออกจากชั้นสอง

    โจเซฟ สมิธตายในวัยเพียง 34 ปี มีสาวกเป็นชาวมอร์มอนอยู่นับหมื่นคน
    .
    .
    .
    บรรดาชาวมอร์มอนทั้งหลายก็อพยพอีกรอบ คราวนี้ระหกระเหินมุ่งหน้าไปฝั่งตะวันตกเรื่อยๆจนกระทั่งไปถึงดินแดนหุบเขาอันกว้างใหญ่ที่ครอบคลุมรัฐยูท่าห์ รัฐอริโซน่า รัฐโคโลราโด และรัฐแคลิฟอร์เนีย

    เพียงแต่สมัยนั้นยังไม่มีชื่อรัฐเช่นนี้ เพราะดินแดนที่ผมเขียนไปข้างต้นนั้นยังคงเป็นของเม็กซิโกเขา และมีชนพื้นเมืองอเมริกันอาศัยกันอยู่

    พวกมอร์มอนมาถึงปุ๊บ ก็เร่งรีบสร้างเมืองกันทันทีเพราะเขาเชื่อกันว่าใกล้จะถึงวันที่พระเยซูจะมาถึงเต็มแก่

    ทั้งนี้เราก็ต้องยกย่องในความสามารถในทางวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมของพวกมอร์มอน ที่เขาสามารถสร้างเมือง โบสถ์ โรงเรียน โรงเหล็ก เหมืองและระบบระบายน้ำขึ้นมาได้จากดินแดนอันว่างเปล่า

    เมืองของพวกมอร์มอนขยายตัวกันอย่างรวดเร็ว และรูปแบบของเมืองก็ยังคงเป็นแบบกริด (Grid) หรือบล็อคสี่เหลี่ยมๆเป็นระเบียบตามแบบที่โจเซฟ สมิธออกแบบไว้

    พวกมอร์มอนเรียกเมืองของเขาว่า “เดเซเร็ท - Deseret" อันเป็นภาษาโบราณแปลว่า ”รังผึ้ง“ ครับ อันสื่อความหมายถึงความร่วมมือร่วมใจกันชุมชนที่ทำงานร่วมกัน

    ที่เมืองเดเซเร็ทนี้ พวกมอร์มอนเขาเริ่มออกสกุลเงิน ธนบัตร เริ่มออกกฎหมายของตัวเอง มีภาษาเขียนของตัวเอง

    ทีนี้รัฐบาลกลางสหรัฐเริ่มชักจะเหล่สายตามาที่พวกมอร์มอนอีกรอบ เพราะชักจะเริ่มทำทีท่าคล้ายๆจะแยกเป็นประเทศต่างหาก ไม่ขึ้นกับสหรัฐอเมริกาอีกแล้ว

    รัฐบาลก็เลยเรียกผู้นำของมอร์มอนในเวลานั้น คือ นายบริกแฮม ยัง (Brigham Young) ไปคุยด้วยว่าจะเอายังไงกันแน่ นายยังเขาบอกว่า เขาจะยังอยู่กับอเมริกานี่แหละ แต่เขาขอดินแดนทั้งหมดตั้งขึ้นเป็นรัฐใหม่เรียกว่า ”รัฐเดเซเร็ท“

    รัฐบาลอเมริกาไปนั่งดูแล้ว ก็คิดว่าให้ไม่ได้ เพราะดินแดนที่นายยังขอมานั้นกว้างใหญ่ขนาดครอบคลุมถึง 6 รัฐในปัจจุบัน ก็เลยบอกนายยังไปว่าให้ได้แค่พื้นที่เท่ากับรัฐยูท่าในปัจจุบันเท่านั้นแหละ

    จะเอาไม่เอาก็บอกมา

    ซึ่งนายยังก็ยอมตามนั้น รัฐบาลก็เลยตั้งให้นายยังเป็นผู้ว่าการรัฐคนแรกไป

    ทุกวันนี้ถ้าเพื่อนๆคนไหนได้ไปเที่ยวที่เมืองซอลท์เลกซิตี้ รัฐยูท่า ก็จะเห็นระบบการออกแบบบ้านเมืองตามสไตล์ของพวกมอร์มอนครับ เป็นกริดและมีระเบียบเรียบร้อย

    แต่ช้าก่อน....เวรกรรมของพวกมอร์มอนยังไม่หยุดแค่นั้น เพราะยังมีพฤติกรรมหลายๆอย่างของมอร์มอนที่ชนอเมริกันส่วนใหญ่รับไม่ได้ หนึ่งในนั้นคือ “การแต่งงานมีหลายเมีย - Polygamy” เพราะชนอเมริกันนั้นมองว่าการมีเมียหลายๆคนนั้น เป็นหนึ่งในรูปแบบของการใช้แรงงานทาสแบบกลายๆ

    ทีนี้ตามกฎของมอร์มอนในเวลานั้น การแต่งงานมีเมียหลายคนนั้นคือส่วนหนึ่งของการเตรียมตัวไปสู่สรวงสวรรค์ อย่างนายโจเซฟ สมิธนั้นก็มีเมียมากถึง 40 คน ส่วนนายบริกแฮม ยังนั้นมีเมียเยอะถึง 50 กว่าคน

    แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วกฎหมายของพวกมอร์มอนก็ถูกลบทิ้งไปหมดสิ้น ทิ้งไว้แต่ความเชื่อในลัทธิมอร์มอนที่ยังคงเข้มแข็งอยู่

    ที่รัฐยูท่านั้นยังเป็นหนึ่งในรัฐที่ความเป็นมอร์มอนเข้มแข็ง วิทยาลัยสอนศาสนามอร์มอนก็ยังคงมีอยู่ โบสถ์มอร์มอนก็ยังมี

    ทุกวันนี้ที่รัฐนิวยอร์ค ก็ยังคงมีการจัดพิธีเฉลิมฉลองและการแสดงตรงเนินเขา “คูโมรา - Cumorah" ที่โจเซฟ สมิธได้ไปพบกับแผ่นจารึกทองคำอันเป็นกำเนิดของหนังสือเดอะบุ๊คออฟมอร์มอนกันอยู่เลย
    .
    .
    .
    ผมเองก็เคยได้หนังสือมอร์มอนนี้มาเหมือนกัน แต่เสียดายว่าทิ้งไว้ที่อเมริกา ไม่ได้เอากลับมาเมืองไทยด้วย

    อ้อ.... เกร็ดเล็กๆที่อยากแถมไว้ก็คือ ที่อนุสาวรีย์ “วอชิงตัน มอนิวเม้นท์” ที่เป็นรูปแท่งหินสูงใหญ่ ตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตันดีซีน่ะครับ

    ตรงฐานของอนุสาวรีย์นี้สร้างขึ้นจากก้อนอิฐใหญ่ๆที่นำมาจากทุกรัฐทั่วสหรัฐอเมริกา อิฐแต่ละก้อนก็จะมีสลักสัญลักษณ์และชื่อรัฐของเขาเอาไว้

    มีอยู่รัฐหนึ่งที่ไม่ยอมใช้ชื่อรัฐตัวเอง แน่นอนว่าคือ ”รัฐยูท่า“ เพราะเขาใช้ชื่อว่า “เดเซเร็ท - Deseret" แบบดั้งเดิมและสลักเป็นรูปรังผึ้งขนาดใหญ่ และมีดวงตาของพระเจ้ามองลงมายังรังผึ้งของเขาด้วย

    อันเป็นการแสดงออกว่า ”เราคือมอร์มอนนะจ๊ะ“

    .....เอามาเล่าสู่กันฟังครับ เขียนยาวเหยียดไปหน่อยต้องขออภัย.....

    ใครสนใจเรื่องนี้ลองเข้าไปชมตามยูทูบวิดีโอข้างล่างนี้ได้เลยครับ

    https://youtu.be/hUW7j9GmXjI?si=3Mbhr_4mIJ15AoIA
    https://youtu.be/aTMsfOcHiJg?si=700kX_fdK2uUdJPS
    https://youtu.be/vJzRAiqg4zg?si=QhybEsnWh3GXeAgX

    นัทแนะ
    อ่านเอาเรื่อง Ep.75: มอร์มอน เมื่อเช้านี้ระหว่างที่ผมรถติดอยู่แถวๆบ้าน สายตาก็เหลือบไปเห็นฝรั่งวัยหนุ่ม 2 คน ท่าทางดี แต่งตัวเรียบร้อยนั่งอยู่บนรถสองแถวครับ จากประสบการณ์นั้น มองปร๊าดเดียวก็รู้ว่าพ่อหนุ่มสองคนนี้เป็นพวกเผยแพร่ศาสนาคริสต์ และผมคิดว่าเป็นนิกายมอร์มอน (Mormon) เพราะการแต่งตัวสไตล์เสื้อเชิ้ตแขนสั้น ผูกไท สะพายกระเป๋าดำและมีป้ายชื่อสีดำอันใหญ่ๆนี่ ดูยังไงก็มอร์มอน และน่าจะเป็นชาวอเมริกัน เพราะพวกมอร์มอนนั้นส่วนใหญ่จะเป็นอเมริกัน เพราะนิกายมอร์มอนนั้นกำเนิดในอเมริกาครับ ตอนสมัยที่ผมได้ไปเรียนอยู่ที่อเมริกาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ผมเคยเจอวัยรุ่นมอร์มอนมาเคาะประตูบ้านและชวนไปเข้าลัทธิกับเขา ได้ฟังเขาเล่าเรื่องของมอร์มอนแล้วก็สนุกดี วันนี้ก็ผมจึงไปค้นคว้าหาเรื่องของพวกมอร์มอนมาเล่าสู่กันฟังสนุกๆครับ . . . นิกายมอร์มอนนั้นเกิดขึ้นในช่วงที่อเมริกาเพิ่งจะประกาศอิสรภาพแยกตัวจากอังกฤษใหม่ๆครับ นั่นก็คือ ช่วงประมาณ ค.ศ.1800 โน่น ความน่าสนใจของนิกายนี้ ก็คือ ผู้ที่เป็นศาสดาหรือผู้นำสารของพระเจ้านั้นเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นชาวนิวยอร์คชื่อ “โจเซฟ สมิธ” ซึ่งโจเซฟผู้นี้เขาไม่ได้มีการศึกษาอะไร แต่เป็นเด็กที่รักการค้นหาขุดหาสมบัติในสวนหลังบ้าน อันนี้เราก็ต้องเข้าใจบริบทในยุคนั้นด้วยนิดนึงครับ เพราะอเมริกานั้นเป็นดินแดนโลกใหม่ ดังนั้นความเชื่อเรื่องการขุดหาสมบัติลึกลับของโจรสลัดหรือขุมทรัพย์โบราณก็ยังแพร่หลายครับ วันหนึ่งระหว่างที่เด็กชายโจเซฟวัย 15 ขวบนี้กำลังหาโน่นนี่อยู่ในป่าหลังบ้าน ก็ให้บังเอิญได้ไปพบกับร่างมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์สองร่างกำลังลอยอยู่ และบอกกับโจเซฟว่า ร่างหนึ่งคือพระเจ้าและอีกร่างคือพระเยซูบุตรของพระเจ้า พระเจ้าบอกกับโจเซฟว่า บรรดานิกายศาสนาคริสต์และศาสนาทั้งหลายที่มีอยู่บนโลกนี้นั้นล้วนแต่เสื่อมโทรมทั้งสิ้น และพระเจ้าได้บอกให้โจเซฟเตรียมตัวที่จะสร้างดินแดนที่วันหนึ่งพระเยซูจะกลับมาพิพากษาคนบาป โจเซฟเจอดังนี้แล้ว ก็กลับบ้านมาแต่ก็ไม่ได้คิดจะบอกอะไรใคร ได้แต่เก็บไว้เป็นความลับส่วนตัว เวลาผ่านไปอีกสามปี เมื่อโจเซฟอายุได้ 18 ปี ก็ได้มีเทวดาองค์หนึ่งมาปรากฏตัวขึ้นในห้องของโจเซฟ เทวดาบอกกับโจเซฟว่าให้เดินไปที่เนินเขาใกล้ๆบ้านแล้วจะได้พบกับแผ่นทองคำจารึกข้อความสำคัญที่อยากจะให้โจเซฟเอามาเผยแพร่ต่อมนุษย์โลก แน่นอนว่าโจเซฟก็ทำตามนั้น และเขาก็ได้พบกับแผ่นทองคำปึกใหญ่ๆจริงๆ บนแผ่นทองคำนั้นจารึกด้วยภาษาฮีบรูโบราณซึ่งโจเซฟอ่านไม่ออก แต่เขาก็เอากลับมาเก็บไว้ที่บ้าน แล้วก็เล่าเรื่องให้พ่อแม่พี่น้องและภรรยาฟัง ซึ่งทุกคนก็เชื่อเขาสนิทใจโดยไม่มีข้อโต้แย้งแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้โจเซฟก็ไม่ได้ให้ใครได้เห็นแผ่นจารึกทองคำนี้เลยนะครับ และเมื่อโจเซฟคิดจะแปลข้อความจากแผ่นทองคำนี้เป็นภาษาอังกฤษ โจเซฟก็จะใช้วิธีขึงผ้าม่านหนาๆใหญ่ๆกั้นระหว่างตัวเขากับคนจดบันทึก (ซึ่งบางทีก็เป็นภรรยาเขาหรือไม่ก็น้องชาย) แล้วโจเซฟก็จะใช้เครื่องมือวิเศษที่สามารถมองข้อความบนแผ่นทองคำให้ออกมาเป็นภาษาอังกฤษ โจเซฟก็จะอ่านให้คนจดบันทึกไปเรื่อยๆ ทำอย่างนี้อยู่ราวๆสามเดือน ก็ได้หนังสือขนาดความยาว 800 กว่าหน้า เรียกว่า “เดอะบุ๊คออฟมอร์มอน - The Book of Mormon" เมื่อโจเซฟตรวจทานหนังสือเล่มนี้เสร็จแล้ว เขาก็จัดการส่งคืนแผ่นทองคำต้นฉบับนี้ให้เทวดาองค์เดิมไป เป็นอันว่าไม่เคยมีใครได้เห็นแผ่นทองคำนี้นอกจากโจเซฟเอง . . . ความน่าสนใจก็คือ โจเซฟนั้นเป็นคนที่ไม่ได้รับการศึกษาอะไร แต่สามารถแต่งหนังสือขึ้นความยาว 800 กว่าหน้านี้ได้ก็ถือว่าเก่ง แม้ว่าภายหลังจะมีผู้พบว่า เนื้อหาในหลายๆส่วนนั้นลอกจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ลมาแบบ copy and paste ก็ตามที ถ้าเราสังเกตดีๆ โจเซฟเขาไม่ได้ตั้งชื่อหนังสือเขาว่า ”มอร์มอนไบเบิ้ล“ แต่เรียกว่า ”เดอะบุ๊คออฟมอร์มอน“ นะครับ เพราะเขาคิดว่าลัทธิของเขาคือลัทธิใหม่ ไม่ได้เกี่ยวกับไบเบิ้ล และในเดอะบุ๊คออฟมอร์มอนนี้ โจเซฟเขาเขียนเล่าไว้ว่า เมื่อราวๆ 600 ปีก่อนสมัยพระเยซูนั้น มีชาวยิวกลุ่มหนึ่งได้หลบหนีออกจากกรุงเยรูซาเล็ม เดินข้ามทะเลทรายและขึ้นเรือรอนแรมมาจนกระทั่งถึงอเมริกา ชาวยิวกลุ่มนี้ได้เดินทางเข้ามาพำนักอาศัยอยู่ในแผ่นดินอเมริกาและเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เป็นบรรพบุรุษชาวชนพื้นเมืองอเมริกัน (Native American) แน่นอนว่าเมื่อเทคโนโลยีทันสมัยขึ้น การตรวจดีเอ็นเอของชนพื้นเมืองอเมริกันก็พบว่าไม่ได้มีเชื้อสายยิวเลยแม้แต่น้อย นอกนั้นในบุ๊คออฟมอร์มอนยังบอกอีกว่า หลังจากที่พระเยซูถูกตรึงกางเขนตายไปนั้น พระองค์ยังได้มาปรากฏตัวอยู่ที่อเมริกาด้วย แต่เอาเถิดครับ....ไม่ว่าเรื่องราวจะพิสดารเพียงใด เมื่อโจเซฟประกาศลัทธิใหม่ออกไป ประกอบกับว่าเขาเป็นคนมีวาทศิลป์ดี โน้มน้าวคนได้เก่ง ก็ปรากฏว่ามีผู้เชื่อถือลัทธิมอร์มอนของโจเซฟอยู่หลายพันคน และอีกครั้งที่ผมอยากจะขอให้ท่านผู้อ่านนึกภาพว่า นี่คือเหตุการณ์เมื่อ 200 ปีก่อน ที่คนอเมริกันคือชาวยุโรปที่อพยพมาค้นหาโลกใหม่ การที่พวกเขาจะเริ่มต้นกับลัทธิความเชื่อใหม่บนแผ่นดินใหม่ที่ต่างไปจากความเชื่อเดิมที่พวกเขาละทิ้งมา ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร . . . พ่อหนุ่มโจเซฟในวัย 26 ปีได้ประกาศกับสาวกของตัวเองว่า พระเจ้าได้ขอให้โจเซฟและชาวมอร์มอนสร้างแผ่นดินใหม่ที่เรียกว่า “ไซออน - Zion" เพื่อรอรับการกลับมาของพระเยซู ซึ่งการจะทำดั่งนี้ได้ ชาวมอร์มอนทั้งหลายจะต้องเดินทางอพยพไปสร้างเมืองใหม่ขึ้นมา ว่าแล้วโจเซฟกับชาวมอร์มอนหลายพันคนก็ออกเดินทางจากนิวยอร์คไปยังรัฐโอไฮโอแล้วก็เริ่มสร้างเมือง แต่สร้างได้สักพักก็โดนชาวเมืองที่เขาอาศัยอยู่เดิมเขาขับไล่ด้วยความที่เป็นพวกลัทธิประหลาด โจเซฟและพวกก็อพยพอีกรอบ คราวนี้เดินทางกันต่อมาที่เมืองแจ็คสันวิลล์ รัฐมิสซูรี ทีนี้โจเซฟได้ประกาศว่า ”ที่นี่แหละที่เราจะสร้างเมืองไซออนของเราขึ้นมา เพราะที่นี่อยู่ใกล้กับสวนสวรรค์อีเดนของพระเจ้า“ จำนวนชาวมอร์มอนเริ่มขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ แถมยังขยันก่อสร้างกันเสียอีก เพราะโจเซฟเขาได้ออกแบบผังเมืองเป็นรูปกริด (Grid) บล็อคๆสี่เหลี่ยมเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม ชาวมิสซูรีเดิมเห็นท่าไม่ดี เกรงว่าบ้านเรือนของตัวเองจะโดนพวกมอร์มอนยึดเรียบ ก็เลยขับไล่พวกมอร์มอน แล้วก็เกิดการรบพุ่งกันจริงจังขึ้นจนกระทั่งผู้ว่าการรัฐมิสซูรีต้องประกาศสงครามกันดุเดือด พวกมอร์มอนก็จึงต้องย้ายอีก..... คราวนี้ไปอยู่ที่รัฐอิลลินอยส์ ใกล้ๆกับเมืองชิคาโก ทีนี่แหละครับที่โจเซฟชะตาขาด เพราะเมื่อตัวเองเริ่มมีอิทธิพลมากขึ้นก็กำเริบถึงขนาดลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี และเริ่มใช้กำลังทหารของตัวเองไปทำลายโรงพิมพ์ที่ตีพิมพ์บทความต่อต้านพวกมอร์มอน ผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์จึงจับตัวโจเซฟและน้องชายมาขังตัวไว้ ปรากฏว่าโดนฝูงชนบุกเข้าไปถึงห้องขัง ยิงโจเซฟตายขณะที่พยายามกระโดดหนีออกจากชั้นสอง โจเซฟ สมิธตายในวัยเพียง 34 ปี มีสาวกเป็นชาวมอร์มอนอยู่นับหมื่นคน . . . บรรดาชาวมอร์มอนทั้งหลายก็อพยพอีกรอบ คราวนี้ระหกระเหินมุ่งหน้าไปฝั่งตะวันตกเรื่อยๆจนกระทั่งไปถึงดินแดนหุบเขาอันกว้างใหญ่ที่ครอบคลุมรัฐยูท่าห์ รัฐอริโซน่า รัฐโคโลราโด และรัฐแคลิฟอร์เนีย เพียงแต่สมัยนั้นยังไม่มีชื่อรัฐเช่นนี้ เพราะดินแดนที่ผมเขียนไปข้างต้นนั้นยังคงเป็นของเม็กซิโกเขา และมีชนพื้นเมืองอเมริกันอาศัยกันอยู่ พวกมอร์มอนมาถึงปุ๊บ ก็เร่งรีบสร้างเมืองกันทันทีเพราะเขาเชื่อกันว่าใกล้จะถึงวันที่พระเยซูจะมาถึงเต็มแก่ ทั้งนี้เราก็ต้องยกย่องในความสามารถในทางวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมของพวกมอร์มอน ที่เขาสามารถสร้างเมือง โบสถ์ โรงเรียน โรงเหล็ก เหมืองและระบบระบายน้ำขึ้นมาได้จากดินแดนอันว่างเปล่า เมืองของพวกมอร์มอนขยายตัวกันอย่างรวดเร็ว และรูปแบบของเมืองก็ยังคงเป็นแบบกริด (Grid) หรือบล็อคสี่เหลี่ยมๆเป็นระเบียบตามแบบที่โจเซฟ สมิธออกแบบไว้ พวกมอร์มอนเรียกเมืองของเขาว่า “เดเซเร็ท - Deseret" อันเป็นภาษาโบราณแปลว่า ”รังผึ้ง“ ครับ อันสื่อความหมายถึงความร่วมมือร่วมใจกันชุมชนที่ทำงานร่วมกัน ที่เมืองเดเซเร็ทนี้ พวกมอร์มอนเขาเริ่มออกสกุลเงิน ธนบัตร เริ่มออกกฎหมายของตัวเอง มีภาษาเขียนของตัวเอง ทีนี้รัฐบาลกลางสหรัฐเริ่มชักจะเหล่สายตามาที่พวกมอร์มอนอีกรอบ เพราะชักจะเริ่มทำทีท่าคล้ายๆจะแยกเป็นประเทศต่างหาก ไม่ขึ้นกับสหรัฐอเมริกาอีกแล้ว รัฐบาลก็เลยเรียกผู้นำของมอร์มอนในเวลานั้น คือ นายบริกแฮม ยัง (Brigham Young) ไปคุยด้วยว่าจะเอายังไงกันแน่ นายยังเขาบอกว่า เขาจะยังอยู่กับอเมริกานี่แหละ แต่เขาขอดินแดนทั้งหมดตั้งขึ้นเป็นรัฐใหม่เรียกว่า ”รัฐเดเซเร็ท“ รัฐบาลอเมริกาไปนั่งดูแล้ว ก็คิดว่าให้ไม่ได้ เพราะดินแดนที่นายยังขอมานั้นกว้างใหญ่ขนาดครอบคลุมถึง 6 รัฐในปัจจุบัน ก็เลยบอกนายยังไปว่าให้ได้แค่พื้นที่เท่ากับรัฐยูท่าในปัจจุบันเท่านั้นแหละ จะเอาไม่เอาก็บอกมา ซึ่งนายยังก็ยอมตามนั้น รัฐบาลก็เลยตั้งให้นายยังเป็นผู้ว่าการรัฐคนแรกไป ทุกวันนี้ถ้าเพื่อนๆคนไหนได้ไปเที่ยวที่เมืองซอลท์เลกซิตี้ รัฐยูท่า ก็จะเห็นระบบการออกแบบบ้านเมืองตามสไตล์ของพวกมอร์มอนครับ เป็นกริดและมีระเบียบเรียบร้อย แต่ช้าก่อน....เวรกรรมของพวกมอร์มอนยังไม่หยุดแค่นั้น เพราะยังมีพฤติกรรมหลายๆอย่างของมอร์มอนที่ชนอเมริกันส่วนใหญ่รับไม่ได้ หนึ่งในนั้นคือ “การแต่งงานมีหลายเมีย - Polygamy” เพราะชนอเมริกันนั้นมองว่าการมีเมียหลายๆคนนั้น เป็นหนึ่งในรูปแบบของการใช้แรงงานทาสแบบกลายๆ ทีนี้ตามกฎของมอร์มอนในเวลานั้น การแต่งงานมีเมียหลายคนนั้นคือส่วนหนึ่งของการเตรียมตัวไปสู่สรวงสวรรค์ อย่างนายโจเซฟ สมิธนั้นก็มีเมียมากถึง 40 คน ส่วนนายบริกแฮม ยังนั้นมีเมียเยอะถึง 50 กว่าคน แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วกฎหมายของพวกมอร์มอนก็ถูกลบทิ้งไปหมดสิ้น ทิ้งไว้แต่ความเชื่อในลัทธิมอร์มอนที่ยังคงเข้มแข็งอยู่ ที่รัฐยูท่านั้นยังเป็นหนึ่งในรัฐที่ความเป็นมอร์มอนเข้มแข็ง วิทยาลัยสอนศาสนามอร์มอนก็ยังคงมีอยู่ โบสถ์มอร์มอนก็ยังมี ทุกวันนี้ที่รัฐนิวยอร์ค ก็ยังคงมีการจัดพิธีเฉลิมฉลองและการแสดงตรงเนินเขา “คูโมรา - Cumorah" ที่โจเซฟ สมิธได้ไปพบกับแผ่นจารึกทองคำอันเป็นกำเนิดของหนังสือเดอะบุ๊คออฟมอร์มอนกันอยู่เลย . . . ผมเองก็เคยได้หนังสือมอร์มอนนี้มาเหมือนกัน แต่เสียดายว่าทิ้งไว้ที่อเมริกา ไม่ได้เอากลับมาเมืองไทยด้วย อ้อ.... เกร็ดเล็กๆที่อยากแถมไว้ก็คือ ที่อนุสาวรีย์ “วอชิงตัน มอนิวเม้นท์” ที่เป็นรูปแท่งหินสูงใหญ่ ตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตันดีซีน่ะครับ ตรงฐานของอนุสาวรีย์นี้สร้างขึ้นจากก้อนอิฐใหญ่ๆที่นำมาจากทุกรัฐทั่วสหรัฐอเมริกา อิฐแต่ละก้อนก็จะมีสลักสัญลักษณ์และชื่อรัฐของเขาเอาไว้ มีอยู่รัฐหนึ่งที่ไม่ยอมใช้ชื่อรัฐตัวเอง แน่นอนว่าคือ ”รัฐยูท่า“ เพราะเขาใช้ชื่อว่า “เดเซเร็ท - Deseret" แบบดั้งเดิมและสลักเป็นรูปรังผึ้งขนาดใหญ่ และมีดวงตาของพระเจ้ามองลงมายังรังผึ้งของเขาด้วย อันเป็นการแสดงออกว่า ”เราคือมอร์มอนนะจ๊ะ“ .....เอามาเล่าสู่กันฟังครับ เขียนยาวเหยียดไปหน่อยต้องขออภัย..... ใครสนใจเรื่องนี้ลองเข้าไปชมตามยูทูบวิดีโอข้างล่างนี้ได้เลยครับ https://youtu.be/hUW7j9GmXjI?si=3Mbhr_4mIJ15AoIA https://youtu.be/aTMsfOcHiJg?si=700kX_fdK2uUdJPS https://youtu.be/vJzRAiqg4zg?si=QhybEsnWh3GXeAgX นัทแนะ
    Like
    2
    6 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4359 มุมมอง 0 รีวิว
  • เตรียมส่งมอบงาน…
    งานปรับปรุงตกแต่งภายในห้องประชุมโรงพยาบาล
    เฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน ,งานพื้นกระเบื้องspc ,ผ้าม่าน ,ชุดโต๊ะเก้าอี้ประชุม และระบบแสงงสีเสียง
    ระบบสื่อสารครบวงจร

    เดอะซอร์ ยินดีให้บริการทั้งภาครัฐและเอกชน

    ตกแต่งภายในคิดถึงเรา ‘‘ THE SOR “

    ติดต่อสอบถาม : 061-1739668
    เตรียมส่งมอบงาน… งานปรับปรุงตกแต่งภายในห้องประชุมโรงพยาบาล เฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน ,งานพื้นกระเบื้องspc ,ผ้าม่าน ,ชุดโต๊ะเก้าอี้ประชุม และระบบแสงงสีเสียง ระบบสื่อสารครบวงจร เดอะซอร์ ยินดีให้บริการทั้งภาครัฐและเอกชน ตกแต่งภายในคิดถึงเรา ‘‘ THE SOR “ ติดต่อสอบถาม : 061-1739668
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 274 มุมมอง 29 0 รีวิว
  • ผู้ให้บริการออกแบบตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน, งานพื้น spc, wallpaper, ผ้าม่าน, และงานรีโนเวทครบวงจร ให้บริการทั้งภาครัฐและเอกชน ติดต่อสอบถาม 061-1739668 หรือ Line ID: thesor14

    #THESOR
    #ตกแต่งภายในหาดใหญ่
    #ตกแต่งภายในสงขลา
    #เฟอร์นิเจอร์บิ้วอินหาดใหญ่
    #เฟอร์นิเจอร์บิ้วอินสงขลา
    #บิ้วอินหาดใหญ่
    #บิ้วอินสงขลา
    #บิ้วอินร้านทอง
    #บิ้วอินร้านยา
    #บิ้วอินคลินิก
    ผู้ให้บริการออกแบบตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน, งานพื้น spc, wallpaper, ผ้าม่าน, และงานรีโนเวทครบวงจร ให้บริการทั้งภาครัฐและเอกชน ติดต่อสอบถาม 061-1739668 หรือ Line ID: thesor14 #THESOR #ตกแต่งภายในหาดใหญ่ #ตกแต่งภายในสงขลา #เฟอร์นิเจอร์บิ้วอินหาดใหญ่ #เฟอร์นิเจอร์บิ้วอินสงขลา #บิ้วอินหาดใหญ่ #บิ้วอินสงขลา #บิ้วอินร้านทอง #บิ้วอินร้านยา #บิ้วอินคลินิก
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 958 มุมมอง 0 รีวิว