• รัฐบาลอิสราเอลเพิ่งให้การอนุมัติขั้นสุดท้ายสำหรับการหยุดยิงในฉนวนกาซา ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม ตั้งแต่เวลา 12.00 น. (ตามเวลาปาเลสไตน์)

    ภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงนี้:
    - ในช่วงเฟสแรก จะมีการปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอลชุดแรกจำนวน 33 คน ที่ถูกกลุ่มฮามาสจับอยู่ในกาซามานาน 15 เดือนแล้ว เพื่อแลกกับการปล่อยตัวนักโทษปาเลสไตน์หลายร้อยคนจากเรือนจำอิสราเอล ขณะที่กองทัพอิสราเอลจะถอนทหารออกจากพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นในกาซาและชาวปาเลสไตน์ที่หนีภัยสู้รบจะสามารถกลับสู่บ้านเรือนของตนเองได้ และจะมีการเปิดทางให้รถบรรทุกความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปนำส่งความช่วยเหลือในกาซาได้วันละ 600 คัน ในเฟสแรกนี้จะใช้เวลานาน 6 สัปดาห์ และอาจขยายเวลาออกไปได้ หากภารกิจยังไม่เสร็จสิ้น

    - ก่อนเข้าสู่เฟสที่ 2 จะมีการเจรจากันเพิ่มเติมของข้อตกลงหยุดยิง โดยจะมีการปล่อยตัวประกันอิสราเอลที่เหลืออยู่ ขณะกองทัพอิสราเอลจะถอนกำลังออกไปทั้งหมด

    - ส่วนเฟสที่ 3 ซึ่งเป็นช่วงสุดท้าย จะเป็นระยะการฟื้นฟูกาซาที่อาจต้องใช้เวลาหลายปีและการส่งร่างของตัวประกันที่เสียชีวิตแล้วทั้งหมดคืนแก่อิสราเอล
    .
    ผู้ติดตามทางการเมืองหลายรายแสดงความเห็น ข้อตกลงหยุดยิงนี้ไม่ใช่การนิรโทษกรรมให้กับอิสราเอล หรือเนทันยาฮูที่กำลังโดนข้อกล่าวหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และอาชญากรรมสงคราม พวกเขายังคงต้องถูกดำเนินคดี มิฉะนั้น หไม่มีใครควรอยู่เหนือกฎหมายระหว่างประเทศที่ประชาคมโลกใช้ร่วมกัน
    .
    (วิดีโอ1) อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ข้อตกลงหยุดยิงจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันอาทิตย์ เวลา 12.00 น. อิสราเอลได้เพิ่มระดับความรุนแรงในการโจมตี โดยหนึ่งในเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบคือศูนย์การติดต่อสื่อสารแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของกาซา
    .
    นอกจากนี้ ตามรายงานของหน่วยงานสาธารณะสุขของปาเลสไตน์ มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตมากกว่า 116 ราย รวมถึงผู้หญิงและเด็ก ตั้งแต่เย็นวันพุธ หลังการประกาศข้อตกงหยุดยิง เนื่องจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลที่โจมตีชุมชนหลายแห่งทั่วฉนวนกาซา รวมถึงจาบาเลีย และพื้นที่ตอนกลาง เช่น นูไซรัต


    รัฐบาลอิสราเอลเพิ่งให้การอนุมัติขั้นสุดท้ายสำหรับการหยุดยิงในฉนวนกาซา ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม ตั้งแต่เวลา 12.00 น. (ตามเวลาปาเลสไตน์) ภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงนี้: - ในช่วงเฟสแรก จะมีการปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอลชุดแรกจำนวน 33 คน ที่ถูกกลุ่มฮามาสจับอยู่ในกาซามานาน 15 เดือนแล้ว เพื่อแลกกับการปล่อยตัวนักโทษปาเลสไตน์หลายร้อยคนจากเรือนจำอิสราเอล ขณะที่กองทัพอิสราเอลจะถอนทหารออกจากพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นในกาซาและชาวปาเลสไตน์ที่หนีภัยสู้รบจะสามารถกลับสู่บ้านเรือนของตนเองได้ และจะมีการเปิดทางให้รถบรรทุกความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปนำส่งความช่วยเหลือในกาซาได้วันละ 600 คัน ในเฟสแรกนี้จะใช้เวลานาน 6 สัปดาห์ และอาจขยายเวลาออกไปได้ หากภารกิจยังไม่เสร็จสิ้น - ก่อนเข้าสู่เฟสที่ 2 จะมีการเจรจากันเพิ่มเติมของข้อตกลงหยุดยิง โดยจะมีการปล่อยตัวประกันอิสราเอลที่เหลืออยู่ ขณะกองทัพอิสราเอลจะถอนกำลังออกไปทั้งหมด - ส่วนเฟสที่ 3 ซึ่งเป็นช่วงสุดท้าย จะเป็นระยะการฟื้นฟูกาซาที่อาจต้องใช้เวลาหลายปีและการส่งร่างของตัวประกันที่เสียชีวิตแล้วทั้งหมดคืนแก่อิสราเอล . ผู้ติดตามทางการเมืองหลายรายแสดงความเห็น ข้อตกลงหยุดยิงนี้ไม่ใช่การนิรโทษกรรมให้กับอิสราเอล หรือเนทันยาฮูที่กำลังโดนข้อกล่าวหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และอาชญากรรมสงคราม พวกเขายังคงต้องถูกดำเนินคดี มิฉะนั้น หไม่มีใครควรอยู่เหนือกฎหมายระหว่างประเทศที่ประชาคมโลกใช้ร่วมกัน . (วิดีโอ1) อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ข้อตกลงหยุดยิงจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันอาทิตย์ เวลา 12.00 น. อิสราเอลได้เพิ่มระดับความรุนแรงในการโจมตี โดยหนึ่งในเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบคือศูนย์การติดต่อสื่อสารแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของกาซา . นอกจากนี้ ตามรายงานของหน่วยงานสาธารณะสุขของปาเลสไตน์ มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตมากกว่า 116 ราย รวมถึงผู้หญิงและเด็ก ตั้งแต่เย็นวันพุธ หลังการประกาศข้อตกงหยุดยิง เนื่องจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลที่โจมตีชุมชนหลายแห่งทั่วฉนวนกาซา รวมถึงจาบาเลีย และพื้นที่ตอนกลาง เช่น นูไซรัต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## รัชกาลที่ 5 กับการเลิกบ่อนการพนัน...!!! ##
    ..
    ..
    เมื่อคราวที่ รัชกาล 5 เสด็จประพาสยุโรป ทรงเสด็จไปศึกษาบ่อนการพนันแหล่งใหญ่ของ ยุโรป ที่เมือง มอนติคาโล
    .
    ทรงส่งชิปราคา 100 ฟรังก์ มาพระราชทาน สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ 3 เหรียญ เป็นที่ระลึก
    .
    พร้อมพระราชหัตถ์เลขามีความตอนหนึ่งว่า...
    .
    “ได้เรียนตำราเล่นเบี้ยอย่างฝรั่งเข้าใจแล้ว ข้อซึ่งเข้าใจกันว่าเล่นไม่น่าสนุกนั้นไม่จริงเลย สนุกยิ่งกว่าอไรๆ หมด ถ้าชาวบางกอกรู้ได้ไปเล่นแล้ว ฉิบหายกันไม่เหลือ ถ้าหากว่าไปถึงเมืองเราเข้าเมื่อไร จะรอช้าสักวันเดียวก็ไม่ควร ต้องห้ามทันที ถ้ารู้ถึงผู้ดีเล่นเบี้ยของเรา น่ากลัวอย่างยิ่ง จะดื่มไม่เงย แต่ฉันเปนคนไม่เล่นเบี้ยเลย ยังนึกรู้สึกสนุก ...”
    .
    บทความ โดย โรม บุนนาค
    https://shorturl.asia/lBfp5
    ....
    ....
    ปีนี้ รัฐบาล จะมอบ คาสิโน บ่อนพนันออนไลน์ ถูกกฎหมาย ให้ประเทศไทย...???
    .
    ไอ้คำขวัญวันเด็กปี 2568 ที่ว่า "ทุกโอกาสคือการเรียนรู้" ให้เรียนรู้อะไรครับ...???
    .
    ให้เด็กๆเรียนรู้กับบ่อนการพนัน...???
    .
    ให้เด็กเรียนรู้ เป็นนักแจกไพ่...???
    .
    และที่ว่า GDP จะโต ก็คือ เรื่องโกหก...???
    .
    สภาพัฒน์ บอกว่า เงินพนันนี้ เป็นเงินโอน คือ เงินพนัน ไหลจาก นักพนัน ไปสู่เจ้าของบ่อนพนัน
    .
    เงินจากการพนันมีลักษณะเป็น "เงินโอน (Transfer)" จะไม่ถูกนำมาคำนวณเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจเนื่องจากไม่ทำให้เกิดผลผลิต (Production) ดังนั้น ธุรกิจ กาสิโน อาจจะไม่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อระบบเศรษฐกิจมากเท่าที่มีการคาดการณ์ไว้
    https://shorturl.asia/wJ2vQ
    .
    ผู้ที่จะได้ประโยชน์หลัก คือเจ้าของบ่อน ซึ่งก็คือ ทุนยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ กับทุนภายในประเทศ (ซึ่งบางคนเชื่อว่าเป็นทุนการเมือง)
    .
    ดังนั้น จะไม่มีผลต่อ GDP เท่าไหร่ เพราะเงินเล่นพนันไม่ได้สร้างผลิตภัณฑ์อะไร ไม่สามารถ เจนเนอร์เรส GDP ให้โตได้...!!!
    .
    ตัวเลขการจ้างงานจาก คาสิโน จะมีเพีบงประมาณ 9,000 -15,300 ตำแหน่ง โดย ตำแหน่งพนักการเสิร์ฟน้ำและอาหาร พนักงานแจกไพ่ ไม่ได้ช่วยให้มีแรงงานไทยเพิ่มทักษะเพิ่ม Skill มีฝีมือ อะไรเพิ่มเติมได้เลย...
    .
    โดยอ้างว่าจะมีตัวเลขจากการท่องเทียวเพิ่มขึ้น 1 - 4 แสนล้าน (ตัวเลขกลมๆ)...
    .
    ขณะเดียวกันก็ระบุว่า จะมีรายได้จากภาษี 1 - 3 หมื่นล้าน ต่อปี (ตัวเลขกลมๆ)
    .
    คำถามคือ คุ้มมั้ย...???
    .
    รัฐได้รายได้มาไม่ถึง 10% แต่ปัญหาสังคมที่จะตามมาอีกมากมายไม่รู้กี่เรื่อง...!!!
    ...
    ...
    สรุป
    .
    คนได้ประโยชน์หลัก คือ เจ้าของบ่อน แลกกับ รายได้ของรัฐไม่ถึง 10%
    โดยการ "เซ่นสังเวย ประชาชน" ด้วยการ "ก่อปัญหาสังคม" ให้ประเทศ แลก กับกำไรของ เจ้าของบ่อน ใช่หรือไม่...???
    ## รัชกาลที่ 5 กับการเลิกบ่อนการพนัน...!!! ## .. .. เมื่อคราวที่ รัชกาล 5 เสด็จประพาสยุโรป ทรงเสด็จไปศึกษาบ่อนการพนันแหล่งใหญ่ของ ยุโรป ที่เมือง มอนติคาโล . ทรงส่งชิปราคา 100 ฟรังก์ มาพระราชทาน สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ 3 เหรียญ เป็นที่ระลึก . พร้อมพระราชหัตถ์เลขามีความตอนหนึ่งว่า... . “ได้เรียนตำราเล่นเบี้ยอย่างฝรั่งเข้าใจแล้ว ข้อซึ่งเข้าใจกันว่าเล่นไม่น่าสนุกนั้นไม่จริงเลย สนุกยิ่งกว่าอไรๆ หมด ถ้าชาวบางกอกรู้ได้ไปเล่นแล้ว ฉิบหายกันไม่เหลือ ถ้าหากว่าไปถึงเมืองเราเข้าเมื่อไร จะรอช้าสักวันเดียวก็ไม่ควร ต้องห้ามทันที ถ้ารู้ถึงผู้ดีเล่นเบี้ยของเรา น่ากลัวอย่างยิ่ง จะดื่มไม่เงย แต่ฉันเปนคนไม่เล่นเบี้ยเลย ยังนึกรู้สึกสนุก ...” . บทความ โดย โรม บุนนาค https://shorturl.asia/lBfp5 .... .... ปีนี้ รัฐบาล จะมอบ คาสิโน บ่อนพนันออนไลน์ ถูกกฎหมาย ให้ประเทศไทย...??? . ไอ้คำขวัญวันเด็กปี 2568 ที่ว่า "ทุกโอกาสคือการเรียนรู้" ให้เรียนรู้อะไรครับ...??? . ให้เด็กๆเรียนรู้กับบ่อนการพนัน...??? . ให้เด็กเรียนรู้ เป็นนักแจกไพ่...??? . และที่ว่า GDP จะโต ก็คือ เรื่องโกหก...??? . สภาพัฒน์ บอกว่า เงินพนันนี้ เป็นเงินโอน คือ เงินพนัน ไหลจาก นักพนัน ไปสู่เจ้าของบ่อนพนัน . เงินจากการพนันมีลักษณะเป็น "เงินโอน (Transfer)" จะไม่ถูกนำมาคำนวณเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจเนื่องจากไม่ทำให้เกิดผลผลิต (Production) ดังนั้น ธุรกิจ กาสิโน อาจจะไม่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อระบบเศรษฐกิจมากเท่าที่มีการคาดการณ์ไว้ https://shorturl.asia/wJ2vQ . ผู้ที่จะได้ประโยชน์หลัก คือเจ้าของบ่อน ซึ่งก็คือ ทุนยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ กับทุนภายในประเทศ (ซึ่งบางคนเชื่อว่าเป็นทุนการเมือง) . ดังนั้น จะไม่มีผลต่อ GDP เท่าไหร่ เพราะเงินเล่นพนันไม่ได้สร้างผลิตภัณฑ์อะไร ไม่สามารถ เจนเนอร์เรส GDP ให้โตได้...!!! . ตัวเลขการจ้างงานจาก คาสิโน จะมีเพีบงประมาณ 9,000 -15,300 ตำแหน่ง โดย ตำแหน่งพนักการเสิร์ฟน้ำและอาหาร พนักงานแจกไพ่ ไม่ได้ช่วยให้มีแรงงานไทยเพิ่มทักษะเพิ่ม Skill มีฝีมือ อะไรเพิ่มเติมได้เลย... . โดยอ้างว่าจะมีตัวเลขจากการท่องเทียวเพิ่มขึ้น 1 - 4 แสนล้าน (ตัวเลขกลมๆ)... . ขณะเดียวกันก็ระบุว่า จะมีรายได้จากภาษี 1 - 3 หมื่นล้าน ต่อปี (ตัวเลขกลมๆ) . คำถามคือ คุ้มมั้ย...??? . รัฐได้รายได้มาไม่ถึง 10% แต่ปัญหาสังคมที่จะตามมาอีกมากมายไม่รู้กี่เรื่อง...!!! ... ... สรุป . คนได้ประโยชน์หลัก คือ เจ้าของบ่อน แลกกับ รายได้ของรัฐไม่ถึง 10% โดยการ "เซ่นสังเวย ประชาชน" ด้วยการ "ก่อปัญหาสังคม" ให้ประเทศ แลก กับกำไรของ เจ้าของบ่อน ใช่หรือไม่...???
    SHORTURL.ASIA
    ร.๕ กับการเลิกบ่อนการพนัน! ที่ว่าไม่สนุกนั้นไม่จริงเลย ฉันเป็นคนไม่เล่นเบี้ยยังรู้สึกสนุก!!
    ในสมัยก่อน ระบบการเก็บภาษียังไม่กว้างขวางพอที่จะหาเงินมาใช้ในการพัฒนาประเทศ บ่อนการพนันจึงเป็นอีกทางหนึ่งของรายได้รัฐ และได้มากเสียด้วย แต่การพนันก็ทำให้คนลุ่มหลงได้ง่าย จนไม่ยอมทำมาหากิน เป็นหนี้เป็นสิน เสียผู้เสียคน ทำให้ครอบครั
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta ได้คาดการณ์ว่า AI อาจเข้ามาแทนที่วิศวกรระดับกลางในปี 2025 และเปลี่ยนแปลงการเขียนโค้ดอย่างสิ้นเชิง ในการสัมภาษณ์กับ Joe Rogan Zuckerberg กล่าวถึงทิศทางของบริษัทและการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น โดยเขาได้วิจารณ์ Apple ว่าขาดนวัตกรรมและคาดการณ์ว่า AI จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเขียนโค้ด

    Zuckerberg กล่าวว่า AI จะสามารถทำหน้าที่เป็นวิศวกรระดับกลางที่สามารถเขียนโค้ดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้วิศวกรมีเวลามากขึ้นในการทำงานที่สร้างสรรค์และเชิงกลยุทธ์ แม้ว่าในช่วงแรกการนำ AI มาใช้จะมีค่าใช้จ่ายสูง แต่เมื่อเวลาผ่านไป AI จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถพัฒนาโค้ดได้มากกว่ามนุษย์

    การคาดการณ์นี้สอดคล้องกับการพัฒนาในวงการเทคโนโลยีที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีโดยรวม นอกจากนี้ ซีอีโอของ Salesforce ยังได้กล่าวถึงการพิจารณาการจ้างวิศวกรซอฟต์แวร์ในปี 2025 และการใช้ AI ในการทำงานแทนมนุษย์

    การนำ AI มาใช้ในงานวิศวกรรมอาจทำให้บทบาทของวิศวกรเปลี่ยนแปลงไป และต้องใช้เวลาและความพยายามในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงนี้

    https://wccftech.com/mark-zuckerberg-predicts-ai-might-replace-mid-level-engineers-in-2025-and-completely-reshape-coding/
    Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta ได้คาดการณ์ว่า AI อาจเข้ามาแทนที่วิศวกรระดับกลางในปี 2025 และเปลี่ยนแปลงการเขียนโค้ดอย่างสิ้นเชิง ในการสัมภาษณ์กับ Joe Rogan Zuckerberg กล่าวถึงทิศทางของบริษัทและการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น โดยเขาได้วิจารณ์ Apple ว่าขาดนวัตกรรมและคาดการณ์ว่า AI จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเขียนโค้ด Zuckerberg กล่าวว่า AI จะสามารถทำหน้าที่เป็นวิศวกรระดับกลางที่สามารถเขียนโค้ดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้วิศวกรมีเวลามากขึ้นในการทำงานที่สร้างสรรค์และเชิงกลยุทธ์ แม้ว่าในช่วงแรกการนำ AI มาใช้จะมีค่าใช้จ่ายสูง แต่เมื่อเวลาผ่านไป AI จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถพัฒนาโค้ดได้มากกว่ามนุษย์ การคาดการณ์นี้สอดคล้องกับการพัฒนาในวงการเทคโนโลยีที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีโดยรวม นอกจากนี้ ซีอีโอของ Salesforce ยังได้กล่าวถึงการพิจารณาการจ้างวิศวกรซอฟต์แวร์ในปี 2025 และการใช้ AI ในการทำงานแทนมนุษย์ การนำ AI มาใช้ในงานวิศวกรรมอาจทำให้บทบาทของวิศวกรเปลี่ยนแปลงไป และต้องใช้เวลาและความพยายามในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงนี้ https://wccftech.com/mark-zuckerberg-predicts-ai-might-replace-mid-level-engineers-in-2025-and-completely-reshape-coding/
    WCCFTECH.COM
    Mark Zuckerberg Predicts AI Might Replace Mid-Level Engineers In 2025 And Completely Reshape Coding
    Mark Zuckerberg recently shared his views on a podcast about the role of AI and how it might replace mid level engineers in 2025
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานว่า Intel อาจถูกเข้าซื้อกิจการ โดยมีการคาดการณ์ว่าบริษัทที่ไม่ระบุชื่อกำลังพิจารณาการเข้าซื้อกิจการของ Intel Corporation อย่างจริงจัง รายงานจาก SemiAccurate ระบุว่ามีการแชร์บันทึกภายในระหว่างกลุ่มผู้บริหารระดับสูงของบริษัทที่ไม่ระบุชื่อ ซึ่งบันทึกนี้ได้รับการยืนยันความถูกต้องจากแหล่งข่าวภายในระดับสูงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าการซื้อกิจการของ Intel อาจอยู่ในระหว่างการพิจารณาอย่างจริงจัง

    รายงานระบุว่าผู้ซื้อที่มีศักยภาพมีทรัพยากรทางการเงินเพียงพอที่จะซื้อ Intel ได้ทั้งหมด โดยพิจารณาจากมูลค่าตลาดปัจจุบันของบริษัท นอกจากนี้ ผู้ซื้อที่มีศักยภาพนี้ยังไม่เคยถูกระบุชื่อในบทสนทนาก่อนหน้านี้เกี่ยวกับอนาคตของ Intel ซึ่งบ่งชี้ว่าการวางแผนเกิดขึ้นเบื้องหลัง

    การพยายามซื้อ Intel จะต้องผ่านการตรวจสอบด้านกฎระเบียบอย่างละเอียด เนื่องจากบทบาทของบริษัทในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์สำหรับการใช้งานทั้งเชิงพาณิชย์และรัฐบาล หน่วยงานกำกับดูแลจะต้องประเมินประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ ความเสถียรของห่วงโซ่อุปทาน และผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาดชิปทั่วโลก

    แม้ว่า Intel และผู้ซื้อที่ไม่ระบุชื่อจะยังไม่ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับข่าวลือนี้ แต่เรากำลังจับตาดูสัญญาณของการเจรจาอย่างเป็นทางการ การเปลี่ยนแปลงความเป็นเจ้าของของ Intel จะต้องเป็นไปในประเทศ เนื่องจาก Intel เป็นแหล่งสำคัญของภาคเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ หากข้อตกลงเกิดขึ้นจริง จะเป็นหนึ่งในธุรกรรมที่ใหญ่ที่สุดในวงการเทคโนโลยี

    https://www.techpowerup.com/331264/report-intel-could-face-acquisition-units-to-remain-together
    มีรายงานว่า Intel อาจถูกเข้าซื้อกิจการ โดยมีการคาดการณ์ว่าบริษัทที่ไม่ระบุชื่อกำลังพิจารณาการเข้าซื้อกิจการของ Intel Corporation อย่างจริงจัง รายงานจาก SemiAccurate ระบุว่ามีการแชร์บันทึกภายในระหว่างกลุ่มผู้บริหารระดับสูงของบริษัทที่ไม่ระบุชื่อ ซึ่งบันทึกนี้ได้รับการยืนยันความถูกต้องจากแหล่งข่าวภายในระดับสูงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าการซื้อกิจการของ Intel อาจอยู่ในระหว่างการพิจารณาอย่างจริงจัง รายงานระบุว่าผู้ซื้อที่มีศักยภาพมีทรัพยากรทางการเงินเพียงพอที่จะซื้อ Intel ได้ทั้งหมด โดยพิจารณาจากมูลค่าตลาดปัจจุบันของบริษัท นอกจากนี้ ผู้ซื้อที่มีศักยภาพนี้ยังไม่เคยถูกระบุชื่อในบทสนทนาก่อนหน้านี้เกี่ยวกับอนาคตของ Intel ซึ่งบ่งชี้ว่าการวางแผนเกิดขึ้นเบื้องหลัง การพยายามซื้อ Intel จะต้องผ่านการตรวจสอบด้านกฎระเบียบอย่างละเอียด เนื่องจากบทบาทของบริษัทในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์สำหรับการใช้งานทั้งเชิงพาณิชย์และรัฐบาล หน่วยงานกำกับดูแลจะต้องประเมินประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ ความเสถียรของห่วงโซ่อุปทาน และผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาดชิปทั่วโลก แม้ว่า Intel และผู้ซื้อที่ไม่ระบุชื่อจะยังไม่ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับข่าวลือนี้ แต่เรากำลังจับตาดูสัญญาณของการเจรจาอย่างเป็นทางการ การเปลี่ยนแปลงความเป็นเจ้าของของ Intel จะต้องเป็นไปในประเทศ เนื่องจาก Intel เป็นแหล่งสำคัญของภาคเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ หากข้อตกลงเกิดขึ้นจริง จะเป็นหนึ่งในธุรกรรมที่ใหญ่ที่สุดในวงการเทคโนโลยี https://www.techpowerup.com/331264/report-intel-could-face-acquisition-units-to-remain-together
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Report: Intel Could Face Acquisition, Units to Remain Together
    Multiple sources say an unidentified corporation is exploring the complete acquisition of Intel Corporation, according to tech publication SemiAccurate. The report points to an internal memo shared among a small group of top executives at the unnamed firm. A high-level insider confirmed the memo's l...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อกว่า 1 ปีก่อนมีภาพยนตร์จีนชื่อว่า #NoMoreBets เปิดเผยเรื่องขบวนการคอลเซนเตอร์ จนทำให้นักท่องเที่ยวจีนหวาดกลัว และไม่กล้าเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทย....แต่ว่า นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต. สำนักนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้แก้ปัญหาด้วยการ⛔️ สั่งห้ามภาพยนต์เรื่องดังกล่าวฉายในประเทศไทย.วันนี้ดูได้ทาง Netflix เรื่องราวในหนังยังเหมือนเดิม และคราวนี้ ไทยจะได้รับผลกระทบที่หนักกว่าด้วย เพราะ "มาตรการเด็ดขาด" จากจีนกำลังจะเริ่มขึ้น⛔หนังที่ถูกอ้างว่า "ทำลายการท่องเที่ยว" ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหวาดหวั่นไม่มาเที่ยวเมืองไทย ถึงขนาดที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ต้องไปพบกับทูต #จีน เพื่อชี้แจงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในหนังไม่ใช่ประเทศไทย ทั้งขบวนการหลอกลวงออนไลน์, แก็งคอลเซนเตอร์, ขบวนการค้ามนุษย์ ที่หลอกคนมาทำงาน มีการลักพาตัว, กักขัง, ทรมาน จนถึงฆาตกรรม.หนังเรื่อง No More Bets ทำรายได้ในจีนได้สูงถึง 20,000 ล้านบาท ( ไม่ได้พิมพ์ผิด ! "2 หมื่นล้าน") และมีผู้เข้าชมในประเทศจีนมากกว่า 100 ล้านคน ผู้ที่ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ต่างพูดกันปากต่อปากว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เปิดเผยถึงความน่ากลัวของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ จนเกิดกระแสว่า "ถ้าคนไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มขึ้น 1 คน ก็จะมีคนที่ถูกหลอกลวงลดน้อยลงอีก 1 คน" .ในเมืองไทย สำนักข่าวต่าง ๆ รายงานเรื่องผลกระทบต่อการท่องที่ยวจากหนังเรื่องนี้มากมาย แต่ว่าน่าจะไม่มีใครได้ดูหนังเรื่องนี้อย่างเด็มๆ ส่วนใหญ่จะแค่ "ฟังเขาเล่ามา" อีกที ...แต่ฉันได้ดูหนังเรื่องนี้ 3 รอบ และคิดว่าถ้ามี DVD หรือให้ดาวน์โหลด ก็เต็มใจจะซื้อเก็บไว้.No More Bets หรือชื่อภาษาจีนคือ "กูจู้อีจื้อ" #孤注一掷 ซึ่งเป็นสำนวนจีน ที่แปลว่า "เดิมพันครั้งสุดท้าย" ตัวเอกในหนังมี 2 คน คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มที่เป็นโปรแกรมเมอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ อีกคนหนึ่งเป็นนางแบบสาวสวย ทั้งสองคนถูกหลอกลวงว่า จะว่าได้ไปทำงานได้เงินเดือนสูง ๆ ในต่างประเทศ แต่เมื่อเดินทางไปถึงแล้ว กลับพบว่านี่คือขบวนการหลอกลวงออนไลน์.ภาพยนตร์มีฉากที่หัวหน้าขบวนการคอลเซนเตอร์พูดกับ คนที่มาทำงานด้วยว่า มี 2 ทางเลือก หนึ่งคือหลอกเงินเข้ามา สองก็คือหลอกคนให้มาทำงานด้วย.ขบวนการนี้จะใช้อุบายต่าง ๆ เพื่อหลอกเอาทรัพย์สินจากเหยื่อ คนที่ทำงานกับขบวนการนี้เล่าว่า ถึงขนาดมีคู่มือ มีการอบรมวิธีการพูด มีการสร้างเรื่องราวต่าง ๆ เป็นเหมือนบทละครเป็นร้อยเป็นพันเรื่อง เพื่อหลอกให้เหยื่อตายใจหลงเชื่อ .นอกจากการหลอกลวงให้โอนเงิน และการขโมยข้อมูลส่วนตัวแล้ว แหล่งรายได้หลักของขบวนการนี้ก็คือ การพนันออนไลน์.สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ขบวนการหลอกลวงและพนันออนไลน์แพร่หลายอย่างมาก ก็คือ ผู้ที่เข้าร่วมในขบวนการนี้ ไม่รู้สึกผิด คนเหล่านี้คิดว่าเหยื่อคือคนโลภ แต่ความจริงแล้ว เหยื่อจำนวนมากถูกหลอกลวงจนสิ้นเนื้อประดาตัว สูญเงินเกษียณ เงินที่ใช้เลี้ยงดูครอบครัว เหยื่อบางรายบ้านแตกสาแหรกขาด หรือถึงกับฆ่าตัวตายจบชีวิตตัวเองก็มี⚓️เพลงนำของหนังใช้ชื่อว่า "หมดเนื้อหมดตัว" #千金散尽 เปรียบเทียบว่า เรือลำหนึ่งที่อยากจะกลับเข้าฝั่ง แต่ว่าเมื่อถอนสมอ กางใบเรือกลับพบว่าเต็มไปด้วยรอยทะลุจนแทบจะแล่นต่อไปไม่ไหว...ความ "กล้าหาญ" ถ้ามากเกินไปก็จะเป็น "ลำพอง" ความ "ฉลาด" ถ้าใช้ไม่ถูกก็จะกลายเป็น "เล่ห์เหลี่ยม" .ความน่ากลัวของขบวนการหลอกลวงก็คือ เหยื่อจำนวนมากไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกหลอก พอนึกจะ "กลับเนื้อกลัวตัว" ก็สายไปแล้ว "กลับไม่ได้ไปไม่ถึง".No More Bets ทำให้ผู้คนตระหนักว่า ขบวนการหลอกลวงใกล้ตัวกว่าที่เราคาดคิด หลายคนคงเคยได้รับโทรศัพท์ SMS หรือข้อความในโซเชียลมีเดีย ที่มาจากแก็งค์เหล่านี้ และถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า โทรศัพท์และข้อความเหล่านี้มีมากขึ้นทุกวัน พวกเราหลายคนอาจจะกดลบข้อความทิ้งหรือวางสายโทรศัพท์ไป แต่ว่ายังมีผู้สูงอายุ เยาวชน และคนอีกมากมายที่ไม่รู้เท่าทันจนตกเป็นเหยื่อ .มีอีกหลายกรณีที่เหยื่อเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เป็นคนที่มีการศึกษา เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ก็ยังถูกหลอกลวงได้...อย่าคิดว่าไม่มีโอกาสตกเป็นเหยื่อขบวนการหลอกลวง .ในภาพยนตร์บอกว่า คนเรามีจุดอ่อน 2 อย่าง คือ ความโลภ และความหลง เพราะว่า ใครๆ ก็อยากมีงานที่ดี มีเงินใช้ และก็หลงคิดไปว่า ตัวเองคงจะไม่โชคร้ายถึงขนาดที่ต้อง "ทุ่มสุดตัว วางเดิมพันครั้งสุดท้าย" เหมือนกับชื่อของภาพยนตร์ คือ No More Bets ที่มา เพจบูรพาไม่แพ้ .
    เมื่อกว่า 1 ปีก่อนมีภาพยนตร์จีนชื่อว่า #NoMoreBets เปิดเผยเรื่องขบวนการคอลเซนเตอร์ จนทำให้นักท่องเที่ยวจีนหวาดกลัว และไม่กล้าเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทย....แต่ว่า นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต. สำนักนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้แก้ปัญหาด้วยการ⛔️ สั่งห้ามภาพยนต์เรื่องดังกล่าวฉายในประเทศไทย.วันนี้ดูได้ทาง Netflix เรื่องราวในหนังยังเหมือนเดิม และคราวนี้ ไทยจะได้รับผลกระทบที่หนักกว่าด้วย เพราะ "มาตรการเด็ดขาด" จากจีนกำลังจะเริ่มขึ้น⛔หนังที่ถูกอ้างว่า "ทำลายการท่องเที่ยว" ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหวาดหวั่นไม่มาเที่ยวเมืองไทย ถึงขนาดที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ต้องไปพบกับทูต #จีน เพื่อชี้แจงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในหนังไม่ใช่ประเทศไทย ทั้งขบวนการหลอกลวงออนไลน์, แก็งคอลเซนเตอร์, ขบวนการค้ามนุษย์ ที่หลอกคนมาทำงาน มีการลักพาตัว, กักขัง, ทรมาน จนถึงฆาตกรรม.หนังเรื่อง No More Bets ทำรายได้ในจีนได้สูงถึง 20,000 ล้านบาท ( ไม่ได้พิมพ์ผิด ! "2 หมื่นล้าน") และมีผู้เข้าชมในประเทศจีนมากกว่า 100 ล้านคน ผู้ที่ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ต่างพูดกันปากต่อปากว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เปิดเผยถึงความน่ากลัวของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ จนเกิดกระแสว่า "ถ้าคนไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มขึ้น 1 คน ก็จะมีคนที่ถูกหลอกลวงลดน้อยลงอีก 1 คน" .ในเมืองไทย สำนักข่าวต่าง ๆ รายงานเรื่องผลกระทบต่อการท่องที่ยวจากหนังเรื่องนี้มากมาย แต่ว่าน่าจะไม่มีใครได้ดูหนังเรื่องนี้อย่างเด็มๆ ส่วนใหญ่จะแค่ "ฟังเขาเล่ามา" อีกที ...แต่ฉันได้ดูหนังเรื่องนี้ 3 รอบ และคิดว่าถ้ามี DVD หรือให้ดาวน์โหลด ก็เต็มใจจะซื้อเก็บไว้.No More Bets หรือชื่อภาษาจีนคือ "กูจู้อีจื้อ" #孤注一掷 ซึ่งเป็นสำนวนจีน ที่แปลว่า "เดิมพันครั้งสุดท้าย" ตัวเอกในหนังมี 2 คน คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มที่เป็นโปรแกรมเมอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ อีกคนหนึ่งเป็นนางแบบสาวสวย ทั้งสองคนถูกหลอกลวงว่า จะว่าได้ไปทำงานได้เงินเดือนสูง ๆ ในต่างประเทศ แต่เมื่อเดินทางไปถึงแล้ว กลับพบว่านี่คือขบวนการหลอกลวงออนไลน์.ภาพยนตร์มีฉากที่หัวหน้าขบวนการคอลเซนเตอร์พูดกับ คนที่มาทำงานด้วยว่า มี 2 ทางเลือก หนึ่งคือหลอกเงินเข้ามา สองก็คือหลอกคนให้มาทำงานด้วย.ขบวนการนี้จะใช้อุบายต่าง ๆ เพื่อหลอกเอาทรัพย์สินจากเหยื่อ คนที่ทำงานกับขบวนการนี้เล่าว่า ถึงขนาดมีคู่มือ มีการอบรมวิธีการพูด มีการสร้างเรื่องราวต่าง ๆ เป็นเหมือนบทละครเป็นร้อยเป็นพันเรื่อง เพื่อหลอกให้เหยื่อตายใจหลงเชื่อ .นอกจากการหลอกลวงให้โอนเงิน และการขโมยข้อมูลส่วนตัวแล้ว แหล่งรายได้หลักของขบวนการนี้ก็คือ การพนันออนไลน์.สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ขบวนการหลอกลวงและพนันออนไลน์แพร่หลายอย่างมาก ก็คือ ผู้ที่เข้าร่วมในขบวนการนี้ ไม่รู้สึกผิด คนเหล่านี้คิดว่าเหยื่อคือคนโลภ แต่ความจริงแล้ว เหยื่อจำนวนมากถูกหลอกลวงจนสิ้นเนื้อประดาตัว สูญเงินเกษียณ เงินที่ใช้เลี้ยงดูครอบครัว เหยื่อบางรายบ้านแตกสาแหรกขาด หรือถึงกับฆ่าตัวตายจบชีวิตตัวเองก็มี⚓️เพลงนำของหนังใช้ชื่อว่า "หมดเนื้อหมดตัว" #千金散尽 เปรียบเทียบว่า เรือลำหนึ่งที่อยากจะกลับเข้าฝั่ง แต่ว่าเมื่อถอนสมอ กางใบเรือกลับพบว่าเต็มไปด้วยรอยทะลุจนแทบจะแล่นต่อไปไม่ไหว...ความ "กล้าหาญ" ถ้ามากเกินไปก็จะเป็น "ลำพอง" ความ "ฉลาด" ถ้าใช้ไม่ถูกก็จะกลายเป็น "เล่ห์เหลี่ยม" .ความน่ากลัวของขบวนการหลอกลวงก็คือ เหยื่อจำนวนมากไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกหลอก พอนึกจะ "กลับเนื้อกลัวตัว" ก็สายไปแล้ว "กลับไม่ได้ไปไม่ถึง".No More Bets ทำให้ผู้คนตระหนักว่า ขบวนการหลอกลวงใกล้ตัวกว่าที่เราคาดคิด หลายคนคงเคยได้รับโทรศัพท์ SMS หรือข้อความในโซเชียลมีเดีย ที่มาจากแก็งค์เหล่านี้ และถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า โทรศัพท์และข้อความเหล่านี้มีมากขึ้นทุกวัน พวกเราหลายคนอาจจะกดลบข้อความทิ้งหรือวางสายโทรศัพท์ไป แต่ว่ายังมีผู้สูงอายุ เยาวชน และคนอีกมากมายที่ไม่รู้เท่าทันจนตกเป็นเหยื่อ .มีอีกหลายกรณีที่เหยื่อเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เป็นคนที่มีการศึกษา เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ก็ยังถูกหลอกลวงได้...อย่าคิดว่าไม่มีโอกาสตกเป็นเหยื่อขบวนการหลอกลวง .ในภาพยนตร์บอกว่า คนเรามีจุดอ่อน 2 อย่าง คือ ความโลภ และความหลง เพราะว่า ใครๆ ก็อยากมีงานที่ดี มีเงินใช้ และก็หลงคิดไปว่า ตัวเองคงจะไม่โชคร้ายถึงขนาดที่ต้อง "ทุ่มสุดตัว วางเดิมพันครั้งสุดท้าย" เหมือนกับชื่อของภาพยนตร์ คือ No More Bets ที่มา เพจบูรพาไม่แพ้ .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • กทม. ประกาศขอความร่วมมือ ภาครัฐ-เอกชน WFH 20 - 21 ม.ค. 68 คาดการณ์ค่าฝุ่นสัปดาห์หน้าเป็นสีส้ม มีอัตราระบายลมต่ำ ด้านผู้บริหาร รร. สั่งเปิด-ปิดได้ตามหลักเกณฑ์และดุลยพินิจ

    (17 ม.ค. 68) นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงการปรับมาตรการ WORK FROM HOME (WFH) ตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ของกรุงเทพมหานครว่า จากการคาดการณ์ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับค่าฝุ่น PM2.5 ในวันจันทร์และอังคารที่ 20 - 21 ม.ค. 68 พบว่า 1. มีเขตที่ค่าฝุ่นเข้าเกณฑ์สีส้ม 35 เขตขึ้นไป 2. อัตราการระบายอากาศไม่ดี คือ อยู่ระหว่าง 875 - 2,250 ตารางเมตรต่อวินาที (m2/s) 3. จุดเผา 5 วันที่ผ่านมา (11 - 15 ม.ค. 68) เกินวันละ 80 จุด

    จึงประกาศ WFH ในวันที่ 20 - 21 ม.ค. 68 ซึ่งยังคงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากพบว่าฝุ่น PM2.5 ยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง จะประกาศ WFH ต่อไปจนถึงวันที่ 24 ม.ค. 68 โดยได้มีการสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้กับภาคีเครือข่าย WFH รับทราบล่วงหน้า เพื่อให้สามารถวางแผนการทำงานล่วงหน้า และลดผลกระทบกับหน่วยงานภาคส่วนต่าง ๆ ที่เข้าร่วม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/qol/detail/9680000005240

    #MGROnline #โฆษกของกรุงเทพมหานคร
    กทม. ประกาศขอความร่วมมือ ภาครัฐ-เอกชน WFH 20 - 21 ม.ค. 68 คาดการณ์ค่าฝุ่นสัปดาห์หน้าเป็นสีส้ม มีอัตราระบายลมต่ำ ด้านผู้บริหาร รร. สั่งเปิด-ปิดได้ตามหลักเกณฑ์และดุลยพินิจ • (17 ม.ค. 68) นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงการปรับมาตรการ WORK FROM HOME (WFH) ตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ของกรุงเทพมหานครว่า จากการคาดการณ์ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับค่าฝุ่น PM2.5 ในวันจันทร์และอังคารที่ 20 - 21 ม.ค. 68 พบว่า 1. มีเขตที่ค่าฝุ่นเข้าเกณฑ์สีส้ม 35 เขตขึ้นไป 2. อัตราการระบายอากาศไม่ดี คือ อยู่ระหว่าง 875 - 2,250 ตารางเมตรต่อวินาที (m2/s) 3. จุดเผา 5 วันที่ผ่านมา (11 - 15 ม.ค. 68) เกินวันละ 80 จุด • จึงประกาศ WFH ในวันที่ 20 - 21 ม.ค. 68 ซึ่งยังคงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากพบว่าฝุ่น PM2.5 ยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง จะประกาศ WFH ต่อไปจนถึงวันที่ 24 ม.ค. 68 โดยได้มีการสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้กับภาคีเครือข่าย WFH รับทราบล่วงหน้า เพื่อให้สามารถวางแผนการทำงานล่วงหน้า และลดผลกระทบกับหน่วยงานภาคส่วนต่าง ๆ ที่เข้าร่วม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/qol/detail/9680000005240 • #MGROnline #โฆษกของกรุงเทพมหานคร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚌 ขสมก. แจ้งประชาชนวางแผนการเดินทาง และรถโดยสาร 12 เส้นทางที่อาจได้รับผลกระทบ เนื่องจากการ "ปิดสะพานข้ามแยกราชเทวี" (ถนนเพชรบุรี ฝั่งขาออก) เพื่อดำเนินการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าราชเทวี (OR08) โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2568 จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2571 เวลา 22.00 น. เป็นต้นไป

    📌 รถโดยสาร ขสมก. ที่ได้รับผลกระทบ มีจำนวน 12 เส้นทาง ดังนี้
    สาย 23E (3-4E) : สมุทรปราการ - เทเวศร์ (ทางด่วน)
    สาย 23 (3-5) : ปู่เจ้าสมิงพราย - เทเวศร์
    สาย 50 (2-7) : ท่าเรือพระราม 7 - สถานีรถไฟฟ้าลุมพินี
    สาย 59 (เดิม) : รังสิต - สนามหลวง
    สาย 60 (1-38) : สวนสยาม - สถานีรถไฟฟ้าสนามไชย
    สาย 79 (4-42) : บรมราชชนนี - ราชประสงค์
    สาย 511 : ปากน้ำ - สถานีขนส่งฯ (ตลิ่งชัน) สายใต้ใหม่
    สาย 511 : ปากน้ำ - สถานีขนส่งฯ (ตลิ่งชัน) สายใต้ใหม่ (ทางด่วน)
    สาย 1-7E : รังสิต - สนามหลวง (ทางด่วน)
    สาย 1-80E : สวนสยาม - สถานีรถไฟฟ้าสนามไชย (ทางด่วน)
    สาย 2-2 : ท่าเรือปากเกร็ด - ท่าเรือสี่พระยา
    สาย 4-35 : คลองสาน - เทเวศร์ (วงกลม)
    📍ทั้งนี้จากการปิดช่องจราจรดังกล่าวอาจมีปริมาณรถสะสมเป็นจำนวนมาก จึงขอให้ประชาชนวางแผนการเดินทาง และ สามารถสอบถามข้อมูลเส้นทางเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน Call Center โทร. 1348 ได้ทุกวัน ในเวลา 05.00 – 22.00 น.

    อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : t.ly/XjIIL
    🚌 ขสมก. แจ้งประชาชนวางแผนการเดินทาง และรถโดยสาร 12 เส้นทางที่อาจได้รับผลกระทบ เนื่องจากการ "ปิดสะพานข้ามแยกราชเทวี" (ถนนเพชรบุรี ฝั่งขาออก) เพื่อดำเนินการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าราชเทวี (OR08) โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2568 จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2571 เวลา 22.00 น. เป็นต้นไป 📌 รถโดยสาร ขสมก. ที่ได้รับผลกระทบ มีจำนวน 12 เส้นทาง ดังนี้ สาย 23E (3-4E) : สมุทรปราการ - เทเวศร์ (ทางด่วน) สาย 23 (3-5) : ปู่เจ้าสมิงพราย - เทเวศร์ สาย 50 (2-7) : ท่าเรือพระราม 7 - สถานีรถไฟฟ้าลุมพินี สาย 59 (เดิม) : รังสิต - สนามหลวง สาย 60 (1-38) : สวนสยาม - สถานีรถไฟฟ้าสนามไชย สาย 79 (4-42) : บรมราชชนนี - ราชประสงค์ สาย 511 : ปากน้ำ - สถานีขนส่งฯ (ตลิ่งชัน) สายใต้ใหม่ สาย 511 : ปากน้ำ - สถานีขนส่งฯ (ตลิ่งชัน) สายใต้ใหม่ (ทางด่วน) สาย 1-7E : รังสิต - สนามหลวง (ทางด่วน) สาย 1-80E : สวนสยาม - สถานีรถไฟฟ้าสนามไชย (ทางด่วน) สาย 2-2 : ท่าเรือปากเกร็ด - ท่าเรือสี่พระยา สาย 4-35 : คลองสาน - เทเวศร์ (วงกลม) 📍ทั้งนี้จากการปิดช่องจราจรดังกล่าวอาจมีปริมาณรถสะสมเป็นจำนวนมาก จึงขอให้ประชาชนวางแผนการเดินทาง และ สามารถสอบถามข้อมูลเส้นทางเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน Call Center โทร. 1348 ได้ทุกวัน ในเวลา 05.00 – 22.00 น. อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : t.ly/XjIIL
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • ท่านที่เกิดปีมะเส็ง

    ในปี 2568 นี้... พลังชีวิตของคนที่เกิดปีมะเส็งทุกๆคนได้รับผลกระทบจากพลังดาวเทพเฝ้าดูแลดวงชะตา 太歲爺 (ไท๊ส่วยเอี๊ย) ประจำปี 2568 ที่ทรงพระนามว่า “吳遂大星軍” (โง้วซุ้ยไต่แชกุง) เสด็จมาสถิตซ้อนทับตำแหน่งปีเกิดให้ต้องตระหนกอกสั่นขวัญแขวนไม่สงบผ่อนคลาย จะกระทำการใดๆไม่ควรประมาทปราศจากการไตร่ตรองต้องระแวดระวังตัวมากยิ่งขึ้น ทั้งยังมีพลังดาวร้าย伏屍(ฮกซี) ดาวร้าย 指背(จี๋ป่วย) ดาวร้าย血刃(ฮ๊วยยิ่ง) และดาวร้าย浮沉(ผู่ติ๊ม) ร่วมด้วยช่วยกันกระหน่ำซ้ำผลักดันให้ชะตาชีวิตขึ้นๆลงๆมากด้วยอุปสรรคปัญหาพบกับความเปลี่ยนแปลงและความขัดแย้งกับคนรอบข้างรอบตัวตลอดเวลา ทั้งมีคนคิดร้ายหักหลังขัดขวางให้การงานไม่ราบรื่น ทั้งมีคนฉ้อฉลให้หลงกลโกงเพราะหวังผลประโยชน์ของคนอื่นให้ต้องสูญเสียเงินทองอย่างยากที่จะควบคุม การคิดอ่านคาดคะเนจะหละหลวมไร้ความละเอียดรอบคอบ ขาดสมาธิไม่ตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่เป็นผลให้การงานมีโอกาสผิดพลาด เกิดอาการเกียจคร้านเอาแต่สนุกสนานเที่ยวเตร่เสเพลไปวันๆ มีเกณฑ์พาลพบภัยที่ไม่คาดคิดอันตรายที่ไม่คาดถึง ควรงดเดินทางไกลลดภัยอุบัติเหตุให้ไม่ต้องเลือดตกยางออกผ่าตัดรักษา หมั่นทำความดีสร้างบุญกุศลตามความเหมาะสมของตน

    แต่ฟ้ายังเมตตาที่มีดาวเทพมงคลดาว天解(เทียงโก๊ย)และดาวเทพมงคล八痤(โป๊ยจ่อ) ช่วยสลายผ่อนคลายเรื่องหนักให้เป็นเบาหรือพลิกเรื่องร้ายๆกลับหายไปให้ฟันฝ่าอุปสรรคแข่งขันได้รับชัยชนะ ทั้งการเรียนการศึกษาสำเร็จสมหวัง ทั้งการงานได้เลื่อนขั้นสมปรารถนาตลอดทั้งปี 2568 นี้
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ท่านที่เกิดปีมะเส็ง ในปี 2568 นี้... พลังชีวิตของคนที่เกิดปีมะเส็งทุกๆคนได้รับผลกระทบจากพลังดาวเทพเฝ้าดูแลดวงชะตา 太歲爺 (ไท๊ส่วยเอี๊ย) ประจำปี 2568 ที่ทรงพระนามว่า “吳遂大星軍” (โง้วซุ้ยไต่แชกุง) เสด็จมาสถิตซ้อนทับตำแหน่งปีเกิดให้ต้องตระหนกอกสั่นขวัญแขวนไม่สงบผ่อนคลาย จะกระทำการใดๆไม่ควรประมาทปราศจากการไตร่ตรองต้องระแวดระวังตัวมากยิ่งขึ้น ทั้งยังมีพลังดาวร้าย伏屍(ฮกซี) ดาวร้าย 指背(จี๋ป่วย) ดาวร้าย血刃(ฮ๊วยยิ่ง) และดาวร้าย浮沉(ผู่ติ๊ม) ร่วมด้วยช่วยกันกระหน่ำซ้ำผลักดันให้ชะตาชีวิตขึ้นๆลงๆมากด้วยอุปสรรคปัญหาพบกับความเปลี่ยนแปลงและความขัดแย้งกับคนรอบข้างรอบตัวตลอดเวลา ทั้งมีคนคิดร้ายหักหลังขัดขวางให้การงานไม่ราบรื่น ทั้งมีคนฉ้อฉลให้หลงกลโกงเพราะหวังผลประโยชน์ของคนอื่นให้ต้องสูญเสียเงินทองอย่างยากที่จะควบคุม การคิดอ่านคาดคะเนจะหละหลวมไร้ความละเอียดรอบคอบ ขาดสมาธิไม่ตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่เป็นผลให้การงานมีโอกาสผิดพลาด เกิดอาการเกียจคร้านเอาแต่สนุกสนานเที่ยวเตร่เสเพลไปวันๆ มีเกณฑ์พาลพบภัยที่ไม่คาดคิดอันตรายที่ไม่คาดถึง ควรงดเดินทางไกลลดภัยอุบัติเหตุให้ไม่ต้องเลือดตกยางออกผ่าตัดรักษา หมั่นทำความดีสร้างบุญกุศลตามความเหมาะสมของตน แต่ฟ้ายังเมตตาที่มีดาวเทพมงคลดาว天解(เทียงโก๊ย)และดาวเทพมงคล八痤(โป๊ยจ่อ) ช่วยสลายผ่อนคลายเรื่องหนักให้เป็นเบาหรือพลิกเรื่องร้ายๆกลับหายไปให้ฟันฝ่าอุปสรรคแข่งขันได้รับชัยชนะ ทั้งการเรียนการศึกษาสำเร็จสมหวัง ทั้งการงานได้เลื่อนขั้นสมปรารถนาตลอดทั้งปี 2568 นี้ ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚨 #อันตรายจากราแป้ง: ศัตรูร้ายทำลายความหวานเมล่อน!

    🔍 สัญญาณเตือนการระบาดของราแป้ง:
    - หมอกหนาในตอนเช้า
    - ลมพัดเบาๆ
    - อากาศเย็นชื้น

    🌿 ลักษณะอาการที่พบ:
    - คราบผงสีขาวคล้ายแป้งบนใบ
    - เส้นใยฟูสีขาวเป็นหย่อมๆ
    - ใบเริ่มเหลืองและแห้ง

    ⚠️ ผลกระทบต่อผลผลิต:
    1. เชื้อราแทงเส้นใยดูดอาหารจากใบ
    2. ต้นเมล่อนชะงักการเจริญเติบโต
    3. ความหวานของผลลดลงอย่างมาก
    4. ผลผลิตเสียหายรุนแรง

    🛡️ แนวทางการป้องกัน:
    1. ก่อนปลูก:
    - ทำความสะอาดโรงเรือนด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
    - กำจัดเศษพืชที่เป็นแหล่งสะสมโรค

    2. ระหว่างปลูก:
    - พ่น #ไตรโคบิวพลัส ทุก 5 วัน
    - ควบคุมความชื้นในโรงเรือน
    - ตรวจสอบต้นเมล่อนสม่ำเสมอ

    🏥 วิธีรักษาเมื่อพบการระบาด:
    1. ระบาดเล็กน้อย:
    - พ่น #ไตรโคบิวพลัส ทุก 3 วัน
    - ตัดใบที่เป็นโรครุนแรงทิ้ง

    2. ระบาดรุนแรง:
    - ผสมกำมะถัน 40 กรัม/น้ำ 20 ลิตร
    - พ่นทุก 3 วันจนควบคุมได้
    - กำจัดใบที่เป็นโรคเผาทำลาย

    ⚡ ข้อควรระวัง:
    - ราแป้งสามารถระบาดได้ทุกระยะการเจริญเติบโต
    - เชื้อสามารถพักตัวและกลับมาระบาดซ้ำได้
    - ต้องป้องกันอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ

    🌱 ลิตเติ้ลฟาร์ม พร้อมให้คำปรึกษา:
    - เมล็ดพันธุ์เมล่อนคุณภาพ
    - ชีวภัณฑ์ป้องกันกำจัดโรค
    - ปุ๋ย AB คุณภาพสูง
    - ธาตุอาหารเสริม

    📱 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:
    - Inbox
    - โทร: 093-696-2691

    #การปลูกเมล่อน #โรคพืช #เกษตรปลอดภัย #ลิตเติ้ลฟาร์ม
    🚨 #อันตรายจากราแป้ง: ศัตรูร้ายทำลายความหวานเมล่อน! 🔍 สัญญาณเตือนการระบาดของราแป้ง: - หมอกหนาในตอนเช้า - ลมพัดเบาๆ - อากาศเย็นชื้น 🌿 ลักษณะอาการที่พบ: - คราบผงสีขาวคล้ายแป้งบนใบ - เส้นใยฟูสีขาวเป็นหย่อมๆ - ใบเริ่มเหลืองและแห้ง ⚠️ ผลกระทบต่อผลผลิต: 1. เชื้อราแทงเส้นใยดูดอาหารจากใบ 2. ต้นเมล่อนชะงักการเจริญเติบโต 3. ความหวานของผลลดลงอย่างมาก 4. ผลผลิตเสียหายรุนแรง 🛡️ แนวทางการป้องกัน: 1. ก่อนปลูก: - ทำความสะอาดโรงเรือนด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ - กำจัดเศษพืชที่เป็นแหล่งสะสมโรค 2. ระหว่างปลูก: - พ่น #ไตรโคบิวพลัส ทุก 5 วัน - ควบคุมความชื้นในโรงเรือน - ตรวจสอบต้นเมล่อนสม่ำเสมอ 🏥 วิธีรักษาเมื่อพบการระบาด: 1. ระบาดเล็กน้อย: - พ่น #ไตรโคบิวพลัส ทุก 3 วัน - ตัดใบที่เป็นโรครุนแรงทิ้ง 2. ระบาดรุนแรง: - ผสมกำมะถัน 40 กรัม/น้ำ 20 ลิตร - พ่นทุก 3 วันจนควบคุมได้ - กำจัดใบที่เป็นโรคเผาทำลาย ⚡ ข้อควรระวัง: - ราแป้งสามารถระบาดได้ทุกระยะการเจริญเติบโต - เชื้อสามารถพักตัวและกลับมาระบาดซ้ำได้ - ต้องป้องกันอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ 🌱 ลิตเติ้ลฟาร์ม พร้อมให้คำปรึกษา: - เมล็ดพันธุ์เมล่อนคุณภาพ - ชีวภัณฑ์ป้องกันกำจัดโรค - ปุ๋ย AB คุณภาพสูง - ธาตุอาหารเสริม 📱 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: - Inbox - โทร: 093-696-2691 #การปลูกเมล่อน #โรคพืช #เกษตรปลอดภัย #ลิตเติ้ลฟาร์ม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศก.จีนปี 2024 โตที่ 5% ท่ามกลางปัญหาอสังหาฯ เงินฝืด ระดับการว่างงานพุ่งสูงในคนหนุ่มสาว
    รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นศก.กชุดใหญ่ในช่วงปลายปีเพื่อดูแลสภาพเศรษฐกิจ สร้างเสถียรภาพ แม้ภายในจะเจอปัญหา แต่ภาคการส่งออกยังคงแข็งแกร่งมีการเติบโตที่ดี
    ทั้งปี 2024 GDP โตแตะ 134,908.4 พันล้านหยวน โต5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
    รายไตรมาส >> Q1/24 โต 5.3%, Q2/24 โต 4.7%, Q3/24 โต 4.6%, Q4/24 โต 5.4%

    เกินดุลการค้า 7.06 ล้านล้านหยวน (~$990 bn.) แต่เมื่อทรัมป์กำลังจะก้าวขึ้นมาบริหารประเทศ จีนจะเจอกับความท้าทายจากนโยบายกำแพงภาษี

    อุตฯกลุ่มไฮเทคฯ ของจีนสามารถทำกำไรได้ถึง 6.6 พันล้านหยวนในระยะ 11 เดือนแรกของปี 2024 (ลดลง 4.7% เมื่อเทียบรายปี)

    ภาคบริการโต 5% เทียบรายปี บริการด้าน IT โต 10.9%

    ตลาดค้าปลีกฟื้นตัวต่อเนื่อง ยอดขายแตะ 48,789.5 พันล้านหยวน เพิ่ม 3.5% ยอดขายส่วนใหญ่กระจุกตัวในเมืองมากกว่าชนบท ยอดขายปลีกสินค้าออนไลน์โตแกร่งที่ 7.2% นับเป็น 26.8% ของยอดค้าปลีกรวม สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง

    จำนวนประชากร 1,408.28 ล้านคน ลดลง 1.39 ล้านคน จำนวนประชากรวัยทำงาน (อายุ 16-59 ปี) เป็นประชากรที่มีสัดส่วนสูงสุด แต่ประเด็นสังสคมสูงวัยยังคงเป็นประเด็นที่จีนให้ความสำคัญ นอกจากนี้ 67% ของประชากรอาศัยในเขตเมือง เพิ่มขึ้น 0.84% จากปีก่อนหน้า


    เงินเฟ้อและการจ้างงาน
    ดัชนีที่ใช้วัดเงินเฟ้อ --consumer price index (CPI)-- เพิ่ม 0.2% ในปี 2024 << บอกว่า จีนเอาอยู่ ^^
    core CPI, excluding food and energy prices, เพิ่ม 0.5% << ธนาคารกลางทั่วไปมักใช้ core cpi ในการกำหนดนโยบายการเงิน

    การจ้างงาน ภาพรวมทรงตัว อัตราว่างงานอยู่ที่ 5.1% ดีขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า จำนวนแรงงานที่อพยพจากชนบทเข้าเมืองเพิ่ม 0.7% หรือ 299.73 ล้านคน เพิ่มจากปีก่อนหน้า 2.2 ล้านคน
    .......................................
    เพิ่มเติม
    1. คนจีนมีค่านิยมสร้างความมั่งคั่งจาก อสังหาฯ (บ้าน ที่ดิน) ทองคำ ตลาดหุ้น ดังนั้นเมื่อตลาดไหนมีปัญหา เงินจะย้ายไปหาตลาดที่เหลือ เช่น ปีที่ผ่านมา อสังหาฯ มีปัญหา เงินลงทุนย้ายเข้าตลาดทองคำ ส่วนตลาดหุ้นเป็นการรอมาตรการกระตุ้นจากรัฐบาลกลาง
    2. ผู้พัฒนาอสังหาฯของจีน ในช่วงขาขึ้นของตลาดอสังหาฯ บริษัทเมื่อได้รับเงินจอง เงินดาวน์จากผู้ซื้อ จะยังไม่เข้าก่อสร้างโครงการ (ต่างจากประเทศไทย) แต่จะนำเงินจอง เงินดาวน์ไปไล่ซื้อที่ดินแปลงอื่นต่อ (ที่ดินจะมีราคาดีดตัวขึ้นต่อเนื่อง)
    3. จีนได้มีการย้ายฐานการผลิตไปยัง เวียดนาม เม็กซิโก (ซึ่งเม็กซิโก ก็ติดอันดับประเทศเกินดุลการค้ากับสหรัฐอันดับต้น ๆ และทรัมป์ก็มีนโยบายที่จะจัดการประเด็นนี้เช่นกัน) ส่วนเวียดนามที่มีฐานการผลิตสินค้ากลุ่มอิเล็คฯ อาจจะได้รับผลกระทบน้อยกว่า
    4. จีนเป็นประเทศมีการนำเข้าน้ำมันดิบมากเป็นอันดับ 1 ของโลก และ มีการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซีย (ในราคา discount) นำมากลั่น ใช้ ขายต่อ
    5. สี จิ้นผิง ระบุ ยังมุ่งหมายที่จะควบรวมไต้หวันเข้ามาเป็นประเทศเดียวกัน
    6. PBoC (ธนาคารกลางจีน) อาจจะปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยที่ปัจจุบันมีหลายตัวให้เหลือตัวเดียวคือ ดอกเบี้ยนโยบาย แต่ยังไม่ระบุเวลาที่ชัดเจน
    #เศรษฐกิจ


    ศก.จีนปี 2024 โตที่ 5% ท่ามกลางปัญหาอสังหาฯ เงินฝืด ระดับการว่างงานพุ่งสูงในคนหนุ่มสาว รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นศก.กชุดใหญ่ในช่วงปลายปีเพื่อดูแลสภาพเศรษฐกิจ สร้างเสถียรภาพ แม้ภายในจะเจอปัญหา แต่ภาคการส่งออกยังคงแข็งแกร่งมีการเติบโตที่ดี ทั้งปี 2024 GDP โตแตะ 134,908.4 พันล้านหยวน โต5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า รายไตรมาส >> Q1/24 โต 5.3%, Q2/24 โต 4.7%, Q3/24 โต 4.6%, Q4/24 โต 5.4% เกินดุลการค้า 7.06 ล้านล้านหยวน (~$990 bn.) แต่เมื่อทรัมป์กำลังจะก้าวขึ้นมาบริหารประเทศ จีนจะเจอกับความท้าทายจากนโยบายกำแพงภาษี อุตฯกลุ่มไฮเทคฯ ของจีนสามารถทำกำไรได้ถึง 6.6 พันล้านหยวนในระยะ 11 เดือนแรกของปี 2024 (ลดลง 4.7% เมื่อเทียบรายปี) ภาคบริการโต 5% เทียบรายปี บริการด้าน IT โต 10.9% ตลาดค้าปลีกฟื้นตัวต่อเนื่อง ยอดขายแตะ 48,789.5 พันล้านหยวน เพิ่ม 3.5% ยอดขายส่วนใหญ่กระจุกตัวในเมืองมากกว่าชนบท ยอดขายปลีกสินค้าออนไลน์โตแกร่งที่ 7.2% นับเป็น 26.8% ของยอดค้าปลีกรวม สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง จำนวนประชากร 1,408.28 ล้านคน ลดลง 1.39 ล้านคน จำนวนประชากรวัยทำงาน (อายุ 16-59 ปี) เป็นประชากรที่มีสัดส่วนสูงสุด แต่ประเด็นสังสคมสูงวัยยังคงเป็นประเด็นที่จีนให้ความสำคัญ นอกจากนี้ 67% ของประชากรอาศัยในเขตเมือง เพิ่มขึ้น 0.84% จากปีก่อนหน้า เงินเฟ้อและการจ้างงาน ดัชนีที่ใช้วัดเงินเฟ้อ --consumer price index (CPI)-- เพิ่ม 0.2% ในปี 2024 << บอกว่า จีนเอาอยู่ ^^ core CPI, excluding food and energy prices, เพิ่ม 0.5% << ธนาคารกลางทั่วไปมักใช้ core cpi ในการกำหนดนโยบายการเงิน การจ้างงาน ภาพรวมทรงตัว อัตราว่างงานอยู่ที่ 5.1% ดีขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า จำนวนแรงงานที่อพยพจากชนบทเข้าเมืองเพิ่ม 0.7% หรือ 299.73 ล้านคน เพิ่มจากปีก่อนหน้า 2.2 ล้านคน ....................................... เพิ่มเติม 1. คนจีนมีค่านิยมสร้างความมั่งคั่งจาก อสังหาฯ (บ้าน ที่ดิน) ทองคำ ตลาดหุ้น ดังนั้นเมื่อตลาดไหนมีปัญหา เงินจะย้ายไปหาตลาดที่เหลือ เช่น ปีที่ผ่านมา อสังหาฯ มีปัญหา เงินลงทุนย้ายเข้าตลาดทองคำ ส่วนตลาดหุ้นเป็นการรอมาตรการกระตุ้นจากรัฐบาลกลาง 2. ผู้พัฒนาอสังหาฯของจีน ในช่วงขาขึ้นของตลาดอสังหาฯ บริษัทเมื่อได้รับเงินจอง เงินดาวน์จากผู้ซื้อ จะยังไม่เข้าก่อสร้างโครงการ (ต่างจากประเทศไทย) แต่จะนำเงินจอง เงินดาวน์ไปไล่ซื้อที่ดินแปลงอื่นต่อ (ที่ดินจะมีราคาดีดตัวขึ้นต่อเนื่อง) 3. จีนได้มีการย้ายฐานการผลิตไปยัง เวียดนาม เม็กซิโก (ซึ่งเม็กซิโก ก็ติดอันดับประเทศเกินดุลการค้ากับสหรัฐอันดับต้น ๆ และทรัมป์ก็มีนโยบายที่จะจัดการประเด็นนี้เช่นกัน) ส่วนเวียดนามที่มีฐานการผลิตสินค้ากลุ่มอิเล็คฯ อาจจะได้รับผลกระทบน้อยกว่า 4. จีนเป็นประเทศมีการนำเข้าน้ำมันดิบมากเป็นอันดับ 1 ของโลก และ มีการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซีย (ในราคา discount) นำมากลั่น ใช้ ขายต่อ 5. สี จิ้นผิง ระบุ ยังมุ่งหมายที่จะควบรวมไต้หวันเข้ามาเป็นประเทศเดียวกัน 6. PBoC (ธนาคารกลางจีน) อาจจะปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยที่ปัจจุบันมีหลายตัวให้เหลือตัวเดียวคือ ดอกเบี้ยนโยบาย แต่ยังไม่ระบุเวลาที่ชัดเจน #เศรษฐกิจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • "กลุ่มฮูตีประกาศหยุดยิงเช่นกัน แต่ก็พร้อมจะกลับมาดำเนินการอีกครั้งหากการสังหารหมู่ชาวกาซายังคงดำเนินต่อไป"

    ผู้นำกลุ่มอันซารุลเลาะห์ หรือกลุ่มฮูตีในเยเมน อับดุล-มาลิก อัล-ฮูซี ประกาศหยุดปฏิบัติการโจมตีเรือที่แล่นผ่านทะเลแดง หลังอิสราเอลและฮามาส บรรลุข้อตกลงหยุดยิง แต่จะกลับมาโจมตีต่อทันทีหากอิสราเอลละเมิดข้อตกลงดังกล่าว

    คาดว่า ข้อตกลงหยุดยิงในกาซา จะมีผลบังคับใช้ในวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคมนี้ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 กลุ่มฮูตีปฏิบัติการโจมตีเรือมากกว่า 100 ครั้ง และจมเรือไป 2 ลำ, ยึดเรือได้ 1 ลำ และมีลูกเรือเสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย ซึ่งความรุนแรงของการโจมตีดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อการเดินเรือทั่วโลกและกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนเส้นทางการเดินเรือด้วย
    "กลุ่มฮูตีประกาศหยุดยิงเช่นกัน แต่ก็พร้อมจะกลับมาดำเนินการอีกครั้งหากการสังหารหมู่ชาวกาซายังคงดำเนินต่อไป" ผู้นำกลุ่มอันซารุลเลาะห์ หรือกลุ่มฮูตีในเยเมน อับดุล-มาลิก อัล-ฮูซี ประกาศหยุดปฏิบัติการโจมตีเรือที่แล่นผ่านทะเลแดง หลังอิสราเอลและฮามาส บรรลุข้อตกลงหยุดยิง แต่จะกลับมาโจมตีต่อทันทีหากอิสราเอลละเมิดข้อตกลงดังกล่าว คาดว่า ข้อตกลงหยุดยิงในกาซา จะมีผลบังคับใช้ในวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคมนี้ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 กลุ่มฮูตีปฏิบัติการโจมตีเรือมากกว่า 100 ครั้ง และจมเรือไป 2 ลำ, ยึดเรือได้ 1 ลำ และมีลูกเรือเสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย ซึ่งความรุนแรงของการโจมตีดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อการเดินเรือทั่วโลกและกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนเส้นทางการเดินเรือด้วย
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ในปลั๊กอิน W3 Total Cache ทำให้เว็บไซต์ WordPress กว่า 1 ล้านแห่งเสี่ยงต่อการถูกโจมตี

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้ค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน W3 Total Cache ที่ติดตั้งบนเว็บไซต์ WordPress กว่า 1 ล้านแห่ง ช่องโหว่นี้สามารถเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงเมตาดาต้าของแอปพลิเคชันบนคลาวด์

    ปลั๊กอิน W3 Total Cache ใช้เทคนิคการแคชหลายรูปแบบเพื่อเพิ่มความเร็วของเว็บไซต์ ลดเวลาในการโหลด และปรับปรุงอันดับ SEO ของเว็บไซต์ ช่องโหว่นี้ถูกติดตามในชื่อ CVE-2024-12365 แม้ว่านักพัฒนาจะออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชันล่าสุด 2.8.2 แต่ยังมีเว็บไซต์หลายแสนแห่งที่ยังไม่ได้ติดตั้งเวอร์ชันที่แก้ไขแล้ว

    ปัญหานี้เกิดจากการขาดการตรวจสอบความสามารถในฟังก์ชัน 'is_w3tc_admin_page' ในทุกเวอร์ชันจนถึงเวอร์ชันล่าสุด 2.8.2 ช่องโหว่นี้ทำให้สามารถเข้าถึงค่า nonce ของปลั๊กอินและดำเนินการที่ไม่ได้รับอนุญาตได้ การโจมตีช่องโหว่นี้เป็นไปได้หากผู้โจมตีมีการยืนยันตัวตนและมีสิทธิ์ระดับ subscriber ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ง่ายต่อการบรรลุ

    ความเสี่ยงหลักที่เกิดจากการโจมตี CVE-2024-12365 ได้แก่:
    - Server-Side Request Forgery (SSRF): ทำให้สามารถส่งคำขอเว็บที่อาจเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อน รวมถึงเมตาดาต้าของแอปพลิเคชันบนคลาวด์
    - การเปิดเผยข้อมูล
    - การใช้บริการเกินขีดจำกัด: ทำให้ประสิทธิภาพของเว็บไซต์ลดลงและเพิ่มค่าใช้จ่าย

    ผู้โจมตีสามารถใช้โครงสร้างพื้นฐานของเว็บไซต์เพื่อส่งคำขอไปยังบริการอื่น ๆ และใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้เพื่อดำเนินการโจมตีเพิ่มเติม

    การดำเนินการที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบคือการอัปเกรดเป็นเวอร์ชันล่าสุดของ W3 Total Cache เวอร์ชัน 2.8.2 ซึ่งแก้ไขช่องโหว่นี้แล้ว สถิติการดาวน์โหลดจาก wordpress.orgแสดงให้เห็นว่ามีเว็บไซต์ประมาณ 150,000 แห่งที่ติดตั้งปลั๊กอินหลังจากนักพัฒนาออกอัปเดตล่าสุด ทำให้ยังมีเว็บไซต์ WordPress หลายแสนแห่งที่ยังคงเสี่ยงต่อการถูกโจมตี

    คำแนะนำทั่วไปสำหรับเจ้าของเว็บไซต์คือหลีกเลี่ยงการติดตั้งปลั๊กอินมากเกินไปและลบผลิตภัณฑ์ที่ไม่จำเป็นออก นอกจากนี้ ไฟร์วอลล์แอปพลิเคชันเว็บยังสามารถช่วยระบุและบล็อกความพยายามในการโจมตีได้

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/w3-total-cache-plugin-flaw-exposes-1-million-wordpress-sites-to-attacks/
    ช่องโหว่ในปลั๊กอิน W3 Total Cache ทำให้เว็บไซต์ WordPress กว่า 1 ล้านแห่งเสี่ยงต่อการถูกโจมตี นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้ค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน W3 Total Cache ที่ติดตั้งบนเว็บไซต์ WordPress กว่า 1 ล้านแห่ง ช่องโหว่นี้สามารถเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงเมตาดาต้าของแอปพลิเคชันบนคลาวด์ ปลั๊กอิน W3 Total Cache ใช้เทคนิคการแคชหลายรูปแบบเพื่อเพิ่มความเร็วของเว็บไซต์ ลดเวลาในการโหลด และปรับปรุงอันดับ SEO ของเว็บไซต์ ช่องโหว่นี้ถูกติดตามในชื่อ CVE-2024-12365 แม้ว่านักพัฒนาจะออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชันล่าสุด 2.8.2 แต่ยังมีเว็บไซต์หลายแสนแห่งที่ยังไม่ได้ติดตั้งเวอร์ชันที่แก้ไขแล้ว ปัญหานี้เกิดจากการขาดการตรวจสอบความสามารถในฟังก์ชัน 'is_w3tc_admin_page' ในทุกเวอร์ชันจนถึงเวอร์ชันล่าสุด 2.8.2 ช่องโหว่นี้ทำให้สามารถเข้าถึงค่า nonce ของปลั๊กอินและดำเนินการที่ไม่ได้รับอนุญาตได้ การโจมตีช่องโหว่นี้เป็นไปได้หากผู้โจมตีมีการยืนยันตัวตนและมีสิทธิ์ระดับ subscriber ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ง่ายต่อการบรรลุ ความเสี่ยงหลักที่เกิดจากการโจมตี CVE-2024-12365 ได้แก่: - Server-Side Request Forgery (SSRF): ทำให้สามารถส่งคำขอเว็บที่อาจเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อน รวมถึงเมตาดาต้าของแอปพลิเคชันบนคลาวด์ - การเปิดเผยข้อมูล - การใช้บริการเกินขีดจำกัด: ทำให้ประสิทธิภาพของเว็บไซต์ลดลงและเพิ่มค่าใช้จ่าย ผู้โจมตีสามารถใช้โครงสร้างพื้นฐานของเว็บไซต์เพื่อส่งคำขอไปยังบริการอื่น ๆ และใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้เพื่อดำเนินการโจมตีเพิ่มเติม การดำเนินการที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบคือการอัปเกรดเป็นเวอร์ชันล่าสุดของ W3 Total Cache เวอร์ชัน 2.8.2 ซึ่งแก้ไขช่องโหว่นี้แล้ว สถิติการดาวน์โหลดจาก wordpress.orgแสดงให้เห็นว่ามีเว็บไซต์ประมาณ 150,000 แห่งที่ติดตั้งปลั๊กอินหลังจากนักพัฒนาออกอัปเดตล่าสุด ทำให้ยังมีเว็บไซต์ WordPress หลายแสนแห่งที่ยังคงเสี่ยงต่อการถูกโจมตี คำแนะนำทั่วไปสำหรับเจ้าของเว็บไซต์คือหลีกเลี่ยงการติดตั้งปลั๊กอินมากเกินไปและลบผลิตภัณฑ์ที่ไม่จำเป็นออก นอกจากนี้ ไฟร์วอลล์แอปพลิเคชันเว็บยังสามารถช่วยระบุและบล็อกความพยายามในการโจมตีได้ https://www.bleepingcomputer.com/news/security/w3-total-cache-plugin-flaw-exposes-1-million-wordpress-sites-to-attacks/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    W3 Total Cache plugin flaw exposes 1 million WordPress sites to attacks
    A severe flaw in the W3 Total Cache plugin installed on more than one million WordPress sites could give attackers access to various information, including metadata on cloud-based apps.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มแฮกเกอร์ใหม่ที่เรียกว่า "Belsen Group" ได้เผยแพร่ไฟล์การตั้งค่า, ที่อยู่ IP และข้อมูลรับรอง VPN ของอุปกรณ์ FortiGate กว่า 15,000 เครื่องบนเว็บมืด ทำให้ข้อมูลทางเทคนิคที่สำคัญถูกเปิดเผยต่ออาชญากรไซเบอร์อื่น ๆ

    ข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ประกอบด้วยไฟล์การตั้งค่า (configuration.conf) และไฟล์รหัสผ่าน VPN (vpn-passwords.txt) ซึ่งบางส่วนมีรหัสผ่านที่เป็นข้อความธรรมดา ข้อมูลเหล่านี้ยังมีข้อมูลสำคัญ เช่น กุญแจส่วนตัวและกฎของไฟร์วอลล์

    การรั่วไหลนี้เชื่อมโยงกับช่องโหว่ CVE-2022-40684 ที่ถูกใช้ในการโจมตีก่อนที่จะมีการแก้ไขในปี 2022 โดย Fortinet ได้เตือนว่าผู้โจมตีใช้ช่องโหว่นี้เพื่อดาวน์โหลดไฟล์การตั้งค่าจากอุปกรณ์ FortiGate และเพิ่มบัญชีผู้ดูแลระบบที่เป็นอันตราย

    แม้ว่าข้อมูลการตั้งค่าเหล่านี้จะถูกเก็บรวบรวมในปี 2022 แต่ยังคงเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับการป้องกันเครือข่าย เช่น กฎของไฟร์วอลล์และข้อมูลรับรองที่ควรเปลี่ยนทันทีหากยังไม่ได้เปลี่ยน

    Kevin Beaumont ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์กล่าวว่าเขาวางแผนที่จะเผยแพร่รายการที่อยู่ IP ในการรั่วไหลนี้เพื่อให้ผู้ดูแลระบบ FortiGate สามารถตรวจสอบว่าตนเองได้รับผลกระทบหรือไม่

    การรั่วไหลนี้เป็นการเตือนให้ผู้ใช้ตรวจสอบและอัปเดตระบบของตนอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นจากช่องโหว่ในซอฟต์แวร์

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/hackers-leak-configs-and-vpn-credentials-for-15-000-fortigate-devices/
    กลุ่มแฮกเกอร์ใหม่ที่เรียกว่า "Belsen Group" ได้เผยแพร่ไฟล์การตั้งค่า, ที่อยู่ IP และข้อมูลรับรอง VPN ของอุปกรณ์ FortiGate กว่า 15,000 เครื่องบนเว็บมืด ทำให้ข้อมูลทางเทคนิคที่สำคัญถูกเปิดเผยต่ออาชญากรไซเบอร์อื่น ๆ ข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ประกอบด้วยไฟล์การตั้งค่า (configuration.conf) และไฟล์รหัสผ่าน VPN (vpn-passwords.txt) ซึ่งบางส่วนมีรหัสผ่านที่เป็นข้อความธรรมดา ข้อมูลเหล่านี้ยังมีข้อมูลสำคัญ เช่น กุญแจส่วนตัวและกฎของไฟร์วอลล์ การรั่วไหลนี้เชื่อมโยงกับช่องโหว่ CVE-2022-40684 ที่ถูกใช้ในการโจมตีก่อนที่จะมีการแก้ไขในปี 2022 โดย Fortinet ได้เตือนว่าผู้โจมตีใช้ช่องโหว่นี้เพื่อดาวน์โหลดไฟล์การตั้งค่าจากอุปกรณ์ FortiGate และเพิ่มบัญชีผู้ดูแลระบบที่เป็นอันตราย แม้ว่าข้อมูลการตั้งค่าเหล่านี้จะถูกเก็บรวบรวมในปี 2022 แต่ยังคงเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับการป้องกันเครือข่าย เช่น กฎของไฟร์วอลล์และข้อมูลรับรองที่ควรเปลี่ยนทันทีหากยังไม่ได้เปลี่ยน Kevin Beaumont ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์กล่าวว่าเขาวางแผนที่จะเผยแพร่รายการที่อยู่ IP ในการรั่วไหลนี้เพื่อให้ผู้ดูแลระบบ FortiGate สามารถตรวจสอบว่าตนเองได้รับผลกระทบหรือไม่ การรั่วไหลนี้เป็นการเตือนให้ผู้ใช้ตรวจสอบและอัปเดตระบบของตนอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นจากช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ https://www.bleepingcomputer.com/news/security/hackers-leak-configs-and-vpn-credentials-for-15-000-fortigate-devices/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Hackers leak configs and VPN credentials for 15,000 FortiGate devices
    A new hacking group has leaked the configuration files, IP addresses, and VPN credentials for over 15,000 FortiGate devices for free on the dark web, exposing a great deal of sensitive technical information to other cybercriminals.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้ค้นพบช่องโหว่ใหม่ใน UEFI Secure Boot ที่สามารถถูกใช้ในการติดตั้ง Bootkits แม้ว่าจะเปิดใช้งานการป้องกัน Secure Boot อยู่ก็ตาม ช่องโหว่นี้ถูกติดตามในชื่อ CVE-2024-7344 และมีผลกระทบต่อแอปพลิเคชันที่ได้รับการรับรองโดย Microsoft

    ปัญหานี้เกิดจากการที่แอปพลิเคชันใช้ตัวโหลด PE แบบกำหนดเอง ซึ่งอนุญาตให้โหลดไบนารี UEFI ใด ๆ ก็ได้ แม้ว่าจะไม่ได้รับการรับรองก็ตาม โดยเฉพาะแอปพลิเคชันที่มีช่องโหว่นี้ไม่ใช้บริการที่เชื่อถือได้เช่น 'LoadImage' และ 'StartImage' ที่ตรวจสอบไบนารีกับฐานข้อมูลความเชื่อถือ (db) และฐานข้อมูลการเพิกถอน (dbx)

    ช่องโหว่นี้มีผลกระทบต่อแอปพลิเคชัน UEFI ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยในการกู้คืนระบบ การบำรุงรักษาดิสก์ หรือการสำรองข้อมูล และไม่ได้เป็นแอปพลิเคชัน UEFI ทั่วไป ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบได้แก่ Howyar SysReturn, Greenware GreenGuard, Radix SmartRecovery, Sanfong EZ-back System, WASAY eRecoveryRX, CES NeoImpact และ SignalComputer HDD King

    Microsoft ได้ออกแพตช์สำหรับ CVE-2024-7344 และเพิกถอนใบรับรองของแอปพลิเคชัน UEFI ที่มีช่องโหว่ในวันที่ 14 มกราคม 2025 การแก้ไขนี้จะถูกนำไปใช้โดยอัตโนมัติสำหรับผู้ใช้ที่ติดตั้งการอัปเดต Windows ล่าสุด

    การค้นพบนี้เป็นการเตือนให้ผู้ใช้ตรวจสอบและอัปเดตระบบของตนอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นจากช่องโหว่ในซอฟต์แวร์

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/new-uefi-secure-boot-flaw-exposes-systems-to-bootkits-patch-now/
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้ค้นพบช่องโหว่ใหม่ใน UEFI Secure Boot ที่สามารถถูกใช้ในการติดตั้ง Bootkits แม้ว่าจะเปิดใช้งานการป้องกัน Secure Boot อยู่ก็ตาม ช่องโหว่นี้ถูกติดตามในชื่อ CVE-2024-7344 และมีผลกระทบต่อแอปพลิเคชันที่ได้รับการรับรองโดย Microsoft ปัญหานี้เกิดจากการที่แอปพลิเคชันใช้ตัวโหลด PE แบบกำหนดเอง ซึ่งอนุญาตให้โหลดไบนารี UEFI ใด ๆ ก็ได้ แม้ว่าจะไม่ได้รับการรับรองก็ตาม โดยเฉพาะแอปพลิเคชันที่มีช่องโหว่นี้ไม่ใช้บริการที่เชื่อถือได้เช่น 'LoadImage' และ 'StartImage' ที่ตรวจสอบไบนารีกับฐานข้อมูลความเชื่อถือ (db) และฐานข้อมูลการเพิกถอน (dbx) ช่องโหว่นี้มีผลกระทบต่อแอปพลิเคชัน UEFI ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยในการกู้คืนระบบ การบำรุงรักษาดิสก์ หรือการสำรองข้อมูล และไม่ได้เป็นแอปพลิเคชัน UEFI ทั่วไป ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบได้แก่ Howyar SysReturn, Greenware GreenGuard, Radix SmartRecovery, Sanfong EZ-back System, WASAY eRecoveryRX, CES NeoImpact และ SignalComputer HDD King Microsoft ได้ออกแพตช์สำหรับ CVE-2024-7344 และเพิกถอนใบรับรองของแอปพลิเคชัน UEFI ที่มีช่องโหว่ในวันที่ 14 มกราคม 2025 การแก้ไขนี้จะถูกนำไปใช้โดยอัตโนมัติสำหรับผู้ใช้ที่ติดตั้งการอัปเดต Windows ล่าสุด การค้นพบนี้เป็นการเตือนให้ผู้ใช้ตรวจสอบและอัปเดตระบบของตนอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นจากช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ https://www.bleepingcomputer.com/news/security/new-uefi-secure-boot-flaw-exposes-systems-to-bootkits-patch-now/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    New UEFI Secure Boot flaw exposes systems to bootkits, patch now
    A new UEFI Secure Boot bypass vulnerability tracked as CVE-2024-7344 that affects a Microsoft-signed application could be exploited to deploy bootkits even if Secure Boot protection is active.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนกำลังพัฒนาโครงการสถานีพลังงานใหม่ที่สามารถเก็บและแปลงพลังงานแสงอาทิตย์จากอวกาศโดยตรง โดยสถานีนี้จะมีขนาดกว้าง 1 กิโลเมตร และสามารถส่งพลังงานแสงอาทิตย์กลับมายังโลกในรูปแบบของรังสีไมโครเวฟ พลังงานที่เก็บได้ในหนึ่งปีจะเทียบเท่ากับปริมาณน้ำมันทั้งหมดที่ยังสามารถสกัดได้จากโลก

    หนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำที่อยู่เบื้องหลังแผนพลังงานใหม่นี้คือ Long Lehao ผู้เชี่ยวชาญด้านจรวดและสมาชิกของ Chinese Academy of Engineering Lehao กำลังทำงานกับ Long March 9 (CZ-9) จรวดขนส่งหนักพิเศษของจีนที่เพิ่งได้รับการอัปเดตให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้และสามารถยกน้ำหนักได้อย่างน้อย 136 เมตริกตันจากพื้นผิวโลก

    พลังงานที่เก็บได้ในอวกาศจะมีความหนาแน่นมากกว่าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มาถึงพื้นผิวโลกถึง 10 เท่า เนื่องจากเมฆและบรรยากาศสามารถส่งผลกระทบต่อกระบวนการเก็บพลังงานได้อย่างมาก

    จีนไม่ใช่ประเทศเดียวที่สนใจในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์จากอวกาศ (SBSP) บริษัทในสหรัฐอเมริกา เช่น Lockheed Martin และ Northrop Grumman องค์การอวกาศยุโรป และองค์การอวกาศญี่ปุ่น กำลังศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการดังกล่าว แม้ว่าจะยังอยู่ในขั้นตอนการพิสูจน์แนวคิด

    ทีมของ Lehao หวังที่จะแก้ไขปัญหาบางประการที่เกี่ยวข้องกับ SBSP โดยใช้เทคโนโลยีจรวดนำกลับมาใช้ใหม่ของตนเองกับโครงการ CZ-9 จีนมีความทะเยอทะยานอย่างมากสำหรับโครงการสำรวจอวกาศของตน โดยมีแผนที่จะใช้จรวด Long March เพื่อสร้างสถานีวิจัยนานาชาติบนพื้นผิวดวงจันทร์ภายในปี 2035

    https://www.techspot.com/news/106382-china-plans-build-massive-space-based-solar-power.html
    จีนกำลังพัฒนาโครงการสถานีพลังงานใหม่ที่สามารถเก็บและแปลงพลังงานแสงอาทิตย์จากอวกาศโดยตรง โดยสถานีนี้จะมีขนาดกว้าง 1 กิโลเมตร และสามารถส่งพลังงานแสงอาทิตย์กลับมายังโลกในรูปแบบของรังสีไมโครเวฟ พลังงานที่เก็บได้ในหนึ่งปีจะเทียบเท่ากับปริมาณน้ำมันทั้งหมดที่ยังสามารถสกัดได้จากโลก หนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำที่อยู่เบื้องหลังแผนพลังงานใหม่นี้คือ Long Lehao ผู้เชี่ยวชาญด้านจรวดและสมาชิกของ Chinese Academy of Engineering Lehao กำลังทำงานกับ Long March 9 (CZ-9) จรวดขนส่งหนักพิเศษของจีนที่เพิ่งได้รับการอัปเดตให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้และสามารถยกน้ำหนักได้อย่างน้อย 136 เมตริกตันจากพื้นผิวโลก พลังงานที่เก็บได้ในอวกาศจะมีความหนาแน่นมากกว่าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มาถึงพื้นผิวโลกถึง 10 เท่า เนื่องจากเมฆและบรรยากาศสามารถส่งผลกระทบต่อกระบวนการเก็บพลังงานได้อย่างมาก จีนไม่ใช่ประเทศเดียวที่สนใจในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์จากอวกาศ (SBSP) บริษัทในสหรัฐอเมริกา เช่น Lockheed Martin และ Northrop Grumman องค์การอวกาศยุโรป และองค์การอวกาศญี่ปุ่น กำลังศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการดังกล่าว แม้ว่าจะยังอยู่ในขั้นตอนการพิสูจน์แนวคิด ทีมของ Lehao หวังที่จะแก้ไขปัญหาบางประการที่เกี่ยวข้องกับ SBSP โดยใช้เทคโนโลยีจรวดนำกลับมาใช้ใหม่ของตนเองกับโครงการ CZ-9 จีนมีความทะเยอทะยานอย่างมากสำหรับโครงการสำรวจอวกาศของตน โดยมีแผนที่จะใช้จรวด Long March เพื่อสร้างสถานีวิจัยนานาชาติบนพื้นผิวดวงจันทร์ภายในปี 2035 https://www.techspot.com/news/106382-china-plans-build-massive-space-based-solar-power.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    China's reusable rockets pave the way for space-based solar power
    Chinese researchers are working on a new power station project that could gather and convert solar energy directly from space. The station would be 1 kilometer wide...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชอบตอนน้องคนนี้ประกวด แล้วก็อึ้งกับสิ่งที่น้องเลือกทำ

    อย่างที่เคยเขียนบทความ (ที่ยังเขียนไม่จบ) ไว้นานแล้ว เป็นแบบนั้น คนที่เลือกทำอาชีพแนวนี้โดยเฉพาะผู้หญิงเพศกำเนิดมีผลกระทบทั้งนั้น แม้ว่าบางคนจะฉีกยิ้มปั้นหน้าว่ามัน "ดี้ดี" ชวนผู้หญิงอายุน้อยๆ คนอื่นๆ ให้มาทำตามตัวเอง

    แต่มีกลุ่มคนที่อ้างยกโพสน้องขึ้นมาว่า เพราะประเทศไทยขายตัวผิดกฎหมายทำให้อาชีพเหล่านี้มีแรงกดดัน คนในสังคมไม่ยอมรับว่าเป็นสิทธิของคนนั้นๆ

    ไม่ใช่เลยต่อให้ขายตัวถูกกฎหมายก็ไม่ได้แก้ปัญหาพวกนี้ได้ ดูจากภาพประกอบที่คนกลุ่มนั้นนำมาใช้ ก็นำภาพน้องคนนี้ในเชิงวาบหวิวไม่ได้นำเสนอภาพกิจกรรมอื่นที่ดูดีมีความสามารถของน้องเลย พวกเขามองและตีตราคนที่ทำและเคยทำอาชีพที่เกี่ยวข้องกับเพศและขายเรือนร่างเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือ "วัตถุทางเพศ" ไม่มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อีกต่อไปแล้ว

    วนมาที่กาสิโน ใช่เมื่อไรที่ยอมรับการพนันเป็นเรื่องถูกกฎหมาย ก็จะมีปัญหาที่ประเทศเสรีซุกใต้หีบเหล็กเอาปูนโบกทับไม่ให้โผล่ขึ้นมา แสดงให้เป็นในพลเมืองไทยในอีก 10 ปีข้างหน้า

    #ไม่เอาการพนันถูกกฎหมาย #ไม่เอากาสิโน #NOCASINO
    ชอบตอนน้องคนนี้ประกวด แล้วก็อึ้งกับสิ่งที่น้องเลือกทำ อย่างที่เคยเขียนบทความ (ที่ยังเขียนไม่จบ) ไว้นานแล้ว เป็นแบบนั้น คนที่เลือกทำอาชีพแนวนี้โดยเฉพาะผู้หญิงเพศกำเนิดมีผลกระทบทั้งนั้น แม้ว่าบางคนจะฉีกยิ้มปั้นหน้าว่ามัน "ดี้ดี" ชวนผู้หญิงอายุน้อยๆ คนอื่นๆ ให้มาทำตามตัวเอง แต่มีกลุ่มคนที่อ้างยกโพสน้องขึ้นมาว่า เพราะประเทศไทยขายตัวผิดกฎหมายทำให้อาชีพเหล่านี้มีแรงกดดัน คนในสังคมไม่ยอมรับว่าเป็นสิทธิของคนนั้นๆ ไม่ใช่เลยต่อให้ขายตัวถูกกฎหมายก็ไม่ได้แก้ปัญหาพวกนี้ได้ ดูจากภาพประกอบที่คนกลุ่มนั้นนำมาใช้ ก็นำภาพน้องคนนี้ในเชิงวาบหวิวไม่ได้นำเสนอภาพกิจกรรมอื่นที่ดูดีมีความสามารถของน้องเลย พวกเขามองและตีตราคนที่ทำและเคยทำอาชีพที่เกี่ยวข้องกับเพศและขายเรือนร่างเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือ "วัตถุทางเพศ" ไม่มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อีกต่อไปแล้ว วนมาที่กาสิโน ใช่เมื่อไรที่ยอมรับการพนันเป็นเรื่องถูกกฎหมาย ก็จะมีปัญหาที่ประเทศเสรีซุกใต้หีบเหล็กเอาปูนโบกทับไม่ให้โผล่ขึ้นมา แสดงให้เป็นในพลเมืองไทยในอีก 10 ปีข้างหน้า #ไม่เอาการพนันถูกกฎหมาย #ไม่เอากาสิโน #NOCASINO
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • 17/1/68

    https://thaipublica.org
    Integrated Resort ที่มาภาพ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons
    กาสิโนซีรีส์ตอนที่แล้ว(จากบ่อน 1.0 ถึงกาสิโน 5.0) ได้พูดถึงวิวัฒนาการของบ่อนพนันในบ้านเรา

    จากยุค 1.0 "ยุคบ่อนบ้าน" ที่มีมาแต่อดีตกาล

    มายุค 2.0 "ยุคบ่อนเบี้ย" ที่ยาวนานจากสมัยอยุธยาจนถึงรัตน โกสินทร์ตอนต้นมาถึงยุค

    3.0 "ยุคของการปิดบ่อน" ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 6 ที่ต้องใช้เวลานานร่วม 30 ปีกว่าจะปิดบ่อนเบี้ยได้ทั่วราชอาณาจักร

    และมาถึงยุค 4.0 "ยุคของกาสิโนโดยรัฐบาล" หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร ในปี พ.ศ.2475 ที่นำมาสู่การออกพ.ร.บ.การพนันในปี พ.ศ.2478 และนำมาสู่การทดลองเปิดกาสิโน 11 แห่งทั่วประเทศในปี 2481 ซึ่งไม่ประสบผลสำเร็จ แต่กลับมาเปิดจริงจังในอีก 7 ปีต่อมาในปี 2488
    ที่ปราณบุรี ที่เปิดได้เพียง 82 วันก็ต้องปิดตัวลง เพราะ "เอาไม่อยู่"กับปัญหาสังคมที่เกิดตามมา

    ก้าวสู่ยุค 5.0 "ยุคกาสิโนโดยกลุ่มทุน" กรณีศึกษาที่ทั่วโลกยอมรับมากที่สุด คือ "สิงคโปร์" มีเรื่องเล่าพาดพิงถึงชีวิตของบุคคล 2 คน คนแรกคือ "ลีกวนยู" แห่งสิงคโปร์ คนที่สอง คือ "สแตนลีย์ โฮ" แห่งมาเก้า คนหนึ่งคือผู้นำประเทศ คนหนึ่งคือเจ้าพ่อกาสิโน คนหนึ่งปฏิเสธกาสิโน คนหนึ่งร่ำรวยเพราะกาสิโน ทั้งคู่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ต่างกันเพียง 2 ปีสแตนลีย์ โฮ เกิดก่อนเมื่อปี พ.ศ.2464 ที่ฮ่องกงในครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกจากภาวะสงครามโลกทำให้ครอบครัวเขาได้รับผลกระทบ โฮไม่ทันได้เรียนจบมหาวิทยาลัยก็ต้องเลิกเรียน ชีวิตต้องระหกระเหิน จนต้องลี้ภัยมาทำมาค้าขายอยู่ที่มาเก้า
    อายุ 27 ปี โฮได้แต่งงานกับลูกสาวของทนายความใหญ่ในมาเก้าที่มีสายสัมพันธ์กับเจ้าอาณานิคมโปรตุเกส

    10 ปีต่อมาพ่อตาได้ใช้เส้นสายช่วยให้โฮได้สัมปาทานกาสิโนในมาเก้า เป็นสัมปทานผูกขาดที่ยาวนานถึง 40 ปี สแตนลีย์ โฮ จึงเป็นเจ้าพ่อกาสิโนในมาเก้ามาจนถึงปี 2002 จนหมดอายุสัมปทาน เขาเป็นเจ้าของกาสิโนถึง 19 แห่ง

    การได้รับสัมปทานคือจุดสำคัญที่ทำให้โฮกลายเป็นมหาเศรษฐีขึ้นมา
    จุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ โฮกล่าวว่า "ผมไม่เล่นพนัน" และเตือนด้วยว่า "อย่าหวังรวยจากการพนัน มันเป็นแค่เกมเท่านั้น"
    โฮจึงเหมือนคนปลูกผักที่ไม่กินผักที่ตัวเองปลูก เพราะรู้ดีว่ามันมีสารพิษ

    ด้วยความเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจกาสิโน ทำให้โฮมองหาลู่ทางขยายอาณาจักรธุรกิจของตนเอง และพบที่หนึ่งที่น่าสนใจ เป็นประเทศเกิดใหม่ที่เพิ่งได้รับเอกราชและกำลังสร้างชาติ นั่นคือ สิงค โปร์ ที่มีผู้นำชื่อ "ลึกวนยู"

    วินทร์ เลียววาริณ นักเขียนรางวัลซีไรท์ เขียนถึงเรื่องราวการสร้างชาติสิงคโปร์ของลึกวนยูในหนังสือ "สร้างชาติจากศูนย์" ว่า ปี พ.ศ.2508 เกาะสิงคโปร์ถูกมาเลเซียปฏิเสธ "ไม่ให้ไปต่อ" ไม่รับสิงคโปร์เป็นรัฐหนึ่งของสหพันธรัฐมาเลเซียอีกต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ลีกวน ยู ที่ขณะนั้นอยู่ในวัยเพียง 35 ปี และเพิ่งชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้บริหารรัฐสิงคโปร์ได้เพียง 2 ปีคาดไม่ถึงว่าจะถูกมาเลเซียตัดขาด เป็นเอกราชที่ไม่ได้ปรารถนา

    เพราะสิงคโปร์เป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ เป็นเพียงเมืองท่าที่เต็มไปด้วยชาวจีนอพยพกับยุงณ เวลานั้น ลีกวนยู กล่าวว่า "สิงคโปร์ไม่ควรจะดำรงอยู่ เราไม่มีฐาน ไม่มีพื้นที่ ไม่มีเงินทุน ไม่มีวัตถุดิบอะไรเลยที่จะสร้างประเทศ" สิงคโปร์มีแต่ความเป็นเมืองท่าและมีคน
    ในอดีตสมัยเป็นอาณานิคมอังกฤษ สิงคโปร์เต็มไปด้วยชาวจีนอพยพ และแน่นอนเต็มไปด้วยการเล่นพนัน 3 ปีหลังจากเป็นเอกราช ลีกวนยูประกาศให้การพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
    วินทร์ เรียววาริณ เล่าว่า "ลีกวนยูมองเห็นหายนะของการพนันมาตั้งแต่เด็ก พ่อของเขาติดพนัน และขอเครื่องทองของแม่ไปจำนำเพื่อเล่นการพนัน ลีกวนยูจึงไม่เคยเล่นการพนัน และต่อต้านเรื่องนี้"

    ลีกวนยู จึงปฏิเสธข้อเสนอขอสร้างกาสิโนในสิงคโปร์ของสแตนลีย์ โฮ อย่างไม่สนใจใยดี และประกาศว่า "ขอสร้างชาติด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และจะไม่ขอพึ่งเงินจากการพนัน"

    สิงคโปร์เองในสมัยนั้นน่าจะไม่ต่างจากมาเก๊า ตรงที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากเป็นเมืองท่า หรืออาจจะไม่ต่างจากสปป.ลาวหรือกัมพูชา ที่บอบซ้ำกับสงครามคอมมิวนิสต์
    เพียงแต่ ลีกวนยู ไม่เลือกง้อเงินพนัน ขณะที่ผู้ปกครองมาเก้า ลาว และกัมพูชาคิดต่างออกไป ลีกวนยู ตั้งใจจะทำให้สิงคโปร์เป็น "First World Oasis" เป็นจุดแวะพักจุดแรกของชาวตะวันตกที่เดินทางมาทวีปเอเซียไม่น่าเชื่อว่า เพียง 8 ปีหลังจากได้รับเอกราชที่คาดไม่ถึง ลีกวนยู และชาวสิงคโปร์ทำงานอย่างหนัก เพื่อพัฒนาตัวเองเป็นเมืองท่าปลอดภาษี เป็นศูนย์กลางการบินและการเดินเรือ เป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้า และเป็นศูนย์กลางการเงิน

    ความสำเร็จของสิงคโปร์ นอกจากการทำงานหนักแล้วก็คือ

    * การมุ่งสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานให้ดี เพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชน

    * การบังคับใช้กฎหมายที่เด็ดขาด ไม่มีสองมาตรฐาน

    * การปราบคอรัปชั้นอย่างจริงจัง

    * และการให้ความสำคัญกับ "การพัฒนาคน" เพราะทรัพยากรธรรมชาติอย่างเดียวที่สิงคโปร์มีคือ "คน"การพยายามสร้างตัวเองให้เป็น "First World Oasis" ทำให้สิงคโปร์พยายามสร้างจุดดึงดูด นักท่องเที่ยวด้วย

    * โปรเจคมากมาย ถมทะเลเพื่อสร้างสนามบิน ถมทะเลเพื่อสร้างอ่าว ปลูกต้นไม้ทั้งเกาะให้เป็น "อุทยานนคร" และสร้างเมืองให้สะอาดและปลอดภัย สิงคโปร์จึงเต็มไปด้วย "ข้อห้ามและค่าปรับ" จนถูกกระแนะกระแหนว่า "Singapore is Fine country"

    จวบจนปลายทศวรรษ 1990 เมื่อทำทุกอย่างจนแทบไม่เหลืออะไรให้ทำอีกแล้ว จนประเทศมีระบบที่มีประสิทธิภาพและสะอาดมากจนเป็น ที่เลื่องลือ สิงคโปร์จึงยอมรับข้อเสนอเรื่องการเปิด "Integrated Resort" หรือรีสอร์ตแบบบูรณาการที่รวมเอากิจการหลาย ๆ อย่างไว้ด้วยกัน รวมทั้งกาสิโน
    แต่นั่นไม่ใช่ในสมัยของลีกวนยู เป็นยุคของผู้นำรุ่นที่ 3 ที่มีชื่อว่า "ลีเซียนลุง" บุตรชายของเขาเอง ซึ่งลึกวนยู ก็ยังคงไม่เห็นด้วยกับการหวังเงินจากการพนันเช่นเคย

    สิ่งที่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ลีกวนยู ยอมให้ลูกชายที่เป็นนายกรัฐมนตรีเปิดกาสิโน คือ งานวิจัยเพราะใช่ว่าชาวสิงคโปร์ทั้งหมดจะเห็นด้วยกับโปรเจคนี้ ถึงขนาดฝ่ายคัดค้านกดดันให้ ลีเซียนลุง จัดทำประชามติ แต่เขาปฏิเสธ ด้วย

    ข่าวจากทั่วทุกสารทิศทั่วโลกต่างรายงานถึงผลกระทบจากการมีกาสิโน
    ที่สหรัฐอเมริกา การเปิดกาสิโนมากมายที่เมืองแอตแลนติกซิตี้ มลรัฐนิวเจอร์ชีย์ ตามรอยของลาสเวกัส ส่งผลให้เกิดอาชญากรรมในพื้นที่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าในปีเดียว และ

    ปัจจุบันกาสิโนหลายแห่งทะยอยปิดตัวลง
    ที่มาเก้า เมื่อมีการเปิดกาสิโนเพิ่มขึ้นจาก 19 แห่งในยุคสแตนลีย์ โฮ ขยายเป็น 35 แห่งในยุคหลัง กาสิโนนอกจากจะทำให้เกิดปัญหาประชากรแออัด ปัญหาจราจร มลพิษทางอากาศ เงินเฟ้อพุ่ง ค่าครองชีพและมูลค่าอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้น ยังก่อให้เกิดปัญหาความไม่ปลอดภัยในสังคมตามมา สำนักงานตำรวจของมาเก้า เปิดเผยว่าอาชญากรรมเกี่ยวกับการพนัน เพิ่มขึ้นถึง 37.8% ในช่วงเวลาเพียง 3ปี

    ที่สปป.ลาว รัฐบาลมีกฎหมายห้ามไม่ให้คนลาวเข้าเล่นการพนันในกาสิโนเด็ดขาด แต่การบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอ ทำให้กาสิโนตามตะเข็บชายแดนรอบประเทศกลายเป็นสถานที่คุ้นเคยของประชาชนลาว ที่ "คิงส์โรมัน" สถานกาสิโนชื่อดัง พบว่านักพนันกว่า 60% ที่เข้าไปเล่นเป็นนักพนันชาวลาว

    เช่นเดียวกับที่กัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาไม่อนุญาตให้คนกัมพูชาเข้ากาสิโน แต่พบว่าคนกัมพูชา ในท้องถิ่นที่กาสิโนตั้งอยู่ต่างกรูกันเข้าไปเล่น
    นี่คือความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นในสิงคโปร์ กับมาเก๊า สปป.ลาว กัมพูชา รวมถึงสหรัฐอเมริกา

    กาสิโนในยุค 5.0 จึงเป็นความท้าทายของผู้บริหารประเทศว่า จะสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ กับความสงบสุขทางสังคมได้อย่างไร?
    17/1/68 https://thaipublica.org Integrated Resort ที่มาภาพ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons กาสิโนซีรีส์ตอนที่แล้ว(จากบ่อน 1.0 ถึงกาสิโน 5.0) ได้พูดถึงวิวัฒนาการของบ่อนพนันในบ้านเรา จากยุค 1.0 "ยุคบ่อนบ้าน" ที่มีมาแต่อดีตกาล มายุค 2.0 "ยุคบ่อนเบี้ย" ที่ยาวนานจากสมัยอยุธยาจนถึงรัตน โกสินทร์ตอนต้นมาถึงยุค 3.0 "ยุคของการปิดบ่อน" ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 6 ที่ต้องใช้เวลานานร่วม 30 ปีกว่าจะปิดบ่อนเบี้ยได้ทั่วราชอาณาจักร และมาถึงยุค 4.0 "ยุคของกาสิโนโดยรัฐบาล" หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร ในปี พ.ศ.2475 ที่นำมาสู่การออกพ.ร.บ.การพนันในปี พ.ศ.2478 และนำมาสู่การทดลองเปิดกาสิโน 11 แห่งทั่วประเทศในปี 2481 ซึ่งไม่ประสบผลสำเร็จ แต่กลับมาเปิดจริงจังในอีก 7 ปีต่อมาในปี 2488 ที่ปราณบุรี ที่เปิดได้เพียง 82 วันก็ต้องปิดตัวลง เพราะ "เอาไม่อยู่"กับปัญหาสังคมที่เกิดตามมา ก้าวสู่ยุค 5.0 "ยุคกาสิโนโดยกลุ่มทุน" กรณีศึกษาที่ทั่วโลกยอมรับมากที่สุด คือ "สิงคโปร์" มีเรื่องเล่าพาดพิงถึงชีวิตของบุคคล 2 คน คนแรกคือ "ลีกวนยู" แห่งสิงคโปร์ คนที่สอง คือ "สแตนลีย์ โฮ" แห่งมาเก้า คนหนึ่งคือผู้นำประเทศ คนหนึ่งคือเจ้าพ่อกาสิโน คนหนึ่งปฏิเสธกาสิโน คนหนึ่งร่ำรวยเพราะกาสิโน ทั้งคู่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ต่างกันเพียง 2 ปีสแตนลีย์ โฮ เกิดก่อนเมื่อปี พ.ศ.2464 ที่ฮ่องกงในครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกจากภาวะสงครามโลกทำให้ครอบครัวเขาได้รับผลกระทบ โฮไม่ทันได้เรียนจบมหาวิทยาลัยก็ต้องเลิกเรียน ชีวิตต้องระหกระเหิน จนต้องลี้ภัยมาทำมาค้าขายอยู่ที่มาเก้า อายุ 27 ปี โฮได้แต่งงานกับลูกสาวของทนายความใหญ่ในมาเก้าที่มีสายสัมพันธ์กับเจ้าอาณานิคมโปรตุเกส 10 ปีต่อมาพ่อตาได้ใช้เส้นสายช่วยให้โฮได้สัมปาทานกาสิโนในมาเก้า เป็นสัมปทานผูกขาดที่ยาวนานถึง 40 ปี สแตนลีย์ โฮ จึงเป็นเจ้าพ่อกาสิโนในมาเก้ามาจนถึงปี 2002 จนหมดอายุสัมปทาน เขาเป็นเจ้าของกาสิโนถึง 19 แห่ง การได้รับสัมปทานคือจุดสำคัญที่ทำให้โฮกลายเป็นมหาเศรษฐีขึ้นมา จุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ โฮกล่าวว่า "ผมไม่เล่นพนัน" และเตือนด้วยว่า "อย่าหวังรวยจากการพนัน มันเป็นแค่เกมเท่านั้น" โฮจึงเหมือนคนปลูกผักที่ไม่กินผักที่ตัวเองปลูก เพราะรู้ดีว่ามันมีสารพิษ ด้วยความเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจกาสิโน ทำให้โฮมองหาลู่ทางขยายอาณาจักรธุรกิจของตนเอง และพบที่หนึ่งที่น่าสนใจ เป็นประเทศเกิดใหม่ที่เพิ่งได้รับเอกราชและกำลังสร้างชาติ นั่นคือ สิงค โปร์ ที่มีผู้นำชื่อ "ลึกวนยู" วินทร์ เลียววาริณ นักเขียนรางวัลซีไรท์ เขียนถึงเรื่องราวการสร้างชาติสิงคโปร์ของลึกวนยูในหนังสือ "สร้างชาติจากศูนย์" ว่า ปี พ.ศ.2508 เกาะสิงคโปร์ถูกมาเลเซียปฏิเสธ "ไม่ให้ไปต่อ" ไม่รับสิงคโปร์เป็นรัฐหนึ่งของสหพันธรัฐมาเลเซียอีกต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ลีกวน ยู ที่ขณะนั้นอยู่ในวัยเพียง 35 ปี และเพิ่งชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้บริหารรัฐสิงคโปร์ได้เพียง 2 ปีคาดไม่ถึงว่าจะถูกมาเลเซียตัดขาด เป็นเอกราชที่ไม่ได้ปรารถนา เพราะสิงคโปร์เป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ เป็นเพียงเมืองท่าที่เต็มไปด้วยชาวจีนอพยพกับยุงณ เวลานั้น ลีกวนยู กล่าวว่า "สิงคโปร์ไม่ควรจะดำรงอยู่ เราไม่มีฐาน ไม่มีพื้นที่ ไม่มีเงินทุน ไม่มีวัตถุดิบอะไรเลยที่จะสร้างประเทศ" สิงคโปร์มีแต่ความเป็นเมืองท่าและมีคน ในอดีตสมัยเป็นอาณานิคมอังกฤษ สิงคโปร์เต็มไปด้วยชาวจีนอพยพ และแน่นอนเต็มไปด้วยการเล่นพนัน 3 ปีหลังจากเป็นเอกราช ลีกวนยูประกาศให้การพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย วินทร์ เรียววาริณ เล่าว่า "ลีกวนยูมองเห็นหายนะของการพนันมาตั้งแต่เด็ก พ่อของเขาติดพนัน และขอเครื่องทองของแม่ไปจำนำเพื่อเล่นการพนัน ลีกวนยูจึงไม่เคยเล่นการพนัน และต่อต้านเรื่องนี้" ลีกวนยู จึงปฏิเสธข้อเสนอขอสร้างกาสิโนในสิงคโปร์ของสแตนลีย์ โฮ อย่างไม่สนใจใยดี และประกาศว่า "ขอสร้างชาติด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และจะไม่ขอพึ่งเงินจากการพนัน" สิงคโปร์เองในสมัยนั้นน่าจะไม่ต่างจากมาเก๊า ตรงที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากเป็นเมืองท่า หรืออาจจะไม่ต่างจากสปป.ลาวหรือกัมพูชา ที่บอบซ้ำกับสงครามคอมมิวนิสต์ เพียงแต่ ลีกวนยู ไม่เลือกง้อเงินพนัน ขณะที่ผู้ปกครองมาเก้า ลาว และกัมพูชาคิดต่างออกไป ลีกวนยู ตั้งใจจะทำให้สิงคโปร์เป็น "First World Oasis" เป็นจุดแวะพักจุดแรกของชาวตะวันตกที่เดินทางมาทวีปเอเซียไม่น่าเชื่อว่า เพียง 8 ปีหลังจากได้รับเอกราชที่คาดไม่ถึง ลีกวนยู และชาวสิงคโปร์ทำงานอย่างหนัก เพื่อพัฒนาตัวเองเป็นเมืองท่าปลอดภาษี เป็นศูนย์กลางการบินและการเดินเรือ เป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้า และเป็นศูนย์กลางการเงิน ความสำเร็จของสิงคโปร์ นอกจากการทำงานหนักแล้วก็คือ * การมุ่งสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานให้ดี เพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชน * การบังคับใช้กฎหมายที่เด็ดขาด ไม่มีสองมาตรฐาน * การปราบคอรัปชั้นอย่างจริงจัง * และการให้ความสำคัญกับ "การพัฒนาคน" เพราะทรัพยากรธรรมชาติอย่างเดียวที่สิงคโปร์มีคือ "คน"การพยายามสร้างตัวเองให้เป็น "First World Oasis" ทำให้สิงคโปร์พยายามสร้างจุดดึงดูด นักท่องเที่ยวด้วย * โปรเจคมากมาย ถมทะเลเพื่อสร้างสนามบิน ถมทะเลเพื่อสร้างอ่าว ปลูกต้นไม้ทั้งเกาะให้เป็น "อุทยานนคร" และสร้างเมืองให้สะอาดและปลอดภัย สิงคโปร์จึงเต็มไปด้วย "ข้อห้ามและค่าปรับ" จนถูกกระแนะกระแหนว่า "Singapore is Fine country" จวบจนปลายทศวรรษ 1990 เมื่อทำทุกอย่างจนแทบไม่เหลืออะไรให้ทำอีกแล้ว จนประเทศมีระบบที่มีประสิทธิภาพและสะอาดมากจนเป็น ที่เลื่องลือ สิงคโปร์จึงยอมรับข้อเสนอเรื่องการเปิด "Integrated Resort" หรือรีสอร์ตแบบบูรณาการที่รวมเอากิจการหลาย ๆ อย่างไว้ด้วยกัน รวมทั้งกาสิโน แต่นั่นไม่ใช่ในสมัยของลีกวนยู เป็นยุคของผู้นำรุ่นที่ 3 ที่มีชื่อว่า "ลีเซียนลุง" บุตรชายของเขาเอง ซึ่งลึกวนยู ก็ยังคงไม่เห็นด้วยกับการหวังเงินจากการพนันเช่นเคย สิ่งที่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ลีกวนยู ยอมให้ลูกชายที่เป็นนายกรัฐมนตรีเปิดกาสิโน คือ งานวิจัยเพราะใช่ว่าชาวสิงคโปร์ทั้งหมดจะเห็นด้วยกับโปรเจคนี้ ถึงขนาดฝ่ายคัดค้านกดดันให้ ลีเซียนลุง จัดทำประชามติ แต่เขาปฏิเสธ ด้วย ข่าวจากทั่วทุกสารทิศทั่วโลกต่างรายงานถึงผลกระทบจากการมีกาสิโน ที่สหรัฐอเมริกา การเปิดกาสิโนมากมายที่เมืองแอตแลนติกซิตี้ มลรัฐนิวเจอร์ชีย์ ตามรอยของลาสเวกัส ส่งผลให้เกิดอาชญากรรมในพื้นที่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าในปีเดียว และ ปัจจุบันกาสิโนหลายแห่งทะยอยปิดตัวลง ที่มาเก้า เมื่อมีการเปิดกาสิโนเพิ่มขึ้นจาก 19 แห่งในยุคสแตนลีย์ โฮ ขยายเป็น 35 แห่งในยุคหลัง กาสิโนนอกจากจะทำให้เกิดปัญหาประชากรแออัด ปัญหาจราจร มลพิษทางอากาศ เงินเฟ้อพุ่ง ค่าครองชีพและมูลค่าอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้น ยังก่อให้เกิดปัญหาความไม่ปลอดภัยในสังคมตามมา สำนักงานตำรวจของมาเก้า เปิดเผยว่าอาชญากรรมเกี่ยวกับการพนัน เพิ่มขึ้นถึง 37.8% ในช่วงเวลาเพียง 3ปี ที่สปป.ลาว รัฐบาลมีกฎหมายห้ามไม่ให้คนลาวเข้าเล่นการพนันในกาสิโนเด็ดขาด แต่การบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอ ทำให้กาสิโนตามตะเข็บชายแดนรอบประเทศกลายเป็นสถานที่คุ้นเคยของประชาชนลาว ที่ "คิงส์โรมัน" สถานกาสิโนชื่อดัง พบว่านักพนันกว่า 60% ที่เข้าไปเล่นเป็นนักพนันชาวลาว เช่นเดียวกับที่กัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาไม่อนุญาตให้คนกัมพูชาเข้ากาสิโน แต่พบว่าคนกัมพูชา ในท้องถิ่นที่กาสิโนตั้งอยู่ต่างกรูกันเข้าไปเล่น นี่คือความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นในสิงคโปร์ กับมาเก๊า สปป.ลาว กัมพูชา รวมถึงสหรัฐอเมริกา กาสิโนในยุค 5.0 จึงเป็นความท้าทายของผู้บริหารประเทศว่า จะสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ กับความสงบสุขทางสังคมได้อย่างไร?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาช้าดีกว่าไม่มา กกพ.จ่อชงนายกฯทบทวนค่าแอดเดอร์พลังงานหมุนเวียน หั่นค่าไฟลง 17 สตางค์ เหลือ 3.98 บาท

    ข่าวสื่อมวลชนวันนี้ระบุว่าคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)เตรียมเสนอนายกรัฐมนตรีให้ทบทวนนโยบายรัฐที่ให้เงินส่วนเพิ่มไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่เรียกว่า แอดเดอร์(Adder) ทำให้ราคารับซื้อเพิ่มสูง และมีการต่อสัญญาแบบอัตโนมัติทำให้ค่าไฟมีราคาสูงกว่าราคาที่เป็นจริงในปัจจุบันมาก หากมีการทบทวนราคารับซื้อตามต้นทุนจริง จะลดค่าไฟลง 17 สตางค์ เหลือ 3.98 บาท คาดประหยัดค่าไฟได้ 3.3 หมื่นล้านบาทต่อปี

    ในการรับฟังความเห็นประชาชนเรื่องการปรับค่าFt ของกกพ.งวด มกราคม -เมษายน 2568 ระหว่างวันที่ 8-22 พฤศจิกายน 2567 สภาองค์กรของผู้บริโภค (สภาผู้บริโภค)ได้เสนอแนวทางการปรับลดราคาค่าไฟไปทั้งหมด 6ข้อ

    หนึ่งใน6 ข้อเสนอของสภาผู้บริโภค ก็คือเสนอให้ยกเลิกนโยบายมาตรการสนับสนุนส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ที่สูงเกินสมควรจนมีผลกระทบต่อภาระค่าไฟฟ้าทั้งระบบ ซึ่งกกพ. ควรเสนอให้ทบทวนนานแล้ว เอกชนได้ค่าไฟฟ้าส่วนเกินที่ไม่ควรได้รับปีละ 3.3 หมื่นล้านบาท เป็นค่ารับซื้อไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ ที่หมดอายุ 8-10 ปีไปแล้ว แต่กกพ.ก็ยังปล่อยให้ต่อสัญญาโดยอัตโนมัติในราคาสูง โดยประชาชนตาดำๆ ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายนี้ให้เอกชนผ่านค่าไฟฟ้า เป็นภาระค่าไฟแพงของประชาชน แต่ไม่ปรากฎว่ากกพ.จะได้นำข้อเสนอนี้ของสภาผู้บริโภคไปพิจารณาเพื่อลดค่าไฟในงวด มกราคม- เมษายน 2568 แต่ประการใด

    อย่างไรก็ตาม มาช้าดีกว่าไม่มา ก็ต้องชื่นชมที่ กกพ.ตัดสินใจทำข้อเสนอถึงนายกรัฐมนตรีให้ทบทวนการให้เงินส่วนเพิ่ม(Adder)ว่าควรยกเลิกได้แล้วเพราะปัจจุบันราคาพลังงานหมุนเวียนมีราคาลดลงมากแล้ว ซึ่งบริษัทเหล่านั้นได้คืนทุนและมีกำไรคุ้มไปนานแล้ว การต่อสัญญาอัตโนมัติจึงควรยกเลิก ซึ่งจะทำให้สามารถลดค่าไฟลงได้ 17 สตางค์/หน่วย ทำให้ค่าไฟลดลงเหลือ 3.98 บาท/หน่วย จากที่กำหนดไว้เดิมที่ 4.15บาท/หน่วย และทำให้ประชาชนได้ปลดแอกบนบ่าถึงปีละ 3.3 หมื่นล้านบาทได้สักที

    สิ่งที่กกพ.ควรเสนอนายกรัฐมนตรีเพิ่มอีกอย่างน้อย 1 ข้อ คือให้เจรจาลดค่าความพร้อมจ่ายสำหรับโรงไฟฟ้าที่ได้คืนทุนและมีกำไรพอสมควรแล้ว จากเอกสารของกกพ. ในงวด มกราคม-เมษายน 2568 ค่าความพร้อมจ่ายสูงถึง 19,875 ล้านบาท หากคำนวณทั้งปี จะเป็นเงิน 59,625 ล้านบาท/ปี หากนำมาเฉลี่ยกับหน่วยไฟที่ใชทั้งประเทศประมาณ 200,000 หน่วย/ปี เท่ากับจะลดลงได้ 29-30 สต./หน่วย หากตัดค่าความพร้อมจ่ายส่วนนี้ไปได้ น่าจะลดได้ค่าไฟลงไปได้อีกเกือบ30 สตางค์/หน่วย (ตัวเลขที่นำมาคำนวณมาจากเอกสารที่เผยแพร่โดย กกพ.ในการรับฟังความเห็นค่าFt)

    กกพ.จึงควรถือเป็นหน้าที่ในการรีดไขมันที่ทำให้ค่าไฟแพงอย่างไม่เป็นธรรมต่อประชาชน ซึ่งยังมีอีกหลายรายการที่สมควรพิจารณาต่อไปอย่างจริงจัง จะเป็นการช่วยลดภาระที่ประชาชนแบกจนหลังแอ่นมายาวนานมาก และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่มีราคาค่าไฟเหมาะสมจูงใจให้ธุรกิจต่างชาติสนใจจะมาลงทุน

    รัฐบาลหัดคิดนโยบายประชานิยมเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจที่เป็นธรรมบ้าง ประชาชนจะได้เงยหน้าอ้าปากอย่างยั่งยืน เลิกใช้วิธีกู้เงินมาหว่านแจกซื้อเสียงแบบฉาบฉวยได้แล้ว!!

    รสนา โตสิตระกูล
    16 มกราคม 2568
    มาช้าดีกว่าไม่มา กกพ.จ่อชงนายกฯทบทวนค่าแอดเดอร์พลังงานหมุนเวียน หั่นค่าไฟลง 17 สตางค์ เหลือ 3.98 บาท ข่าวสื่อมวลชนวันนี้ระบุว่าคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)เตรียมเสนอนายกรัฐมนตรีให้ทบทวนนโยบายรัฐที่ให้เงินส่วนเพิ่มไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่เรียกว่า แอดเดอร์(Adder) ทำให้ราคารับซื้อเพิ่มสูง และมีการต่อสัญญาแบบอัตโนมัติทำให้ค่าไฟมีราคาสูงกว่าราคาที่เป็นจริงในปัจจุบันมาก หากมีการทบทวนราคารับซื้อตามต้นทุนจริง จะลดค่าไฟลง 17 สตางค์ เหลือ 3.98 บาท คาดประหยัดค่าไฟได้ 3.3 หมื่นล้านบาทต่อปี ในการรับฟังความเห็นประชาชนเรื่องการปรับค่าFt ของกกพ.งวด มกราคม -เมษายน 2568 ระหว่างวันที่ 8-22 พฤศจิกายน 2567 สภาองค์กรของผู้บริโภค (สภาผู้บริโภค)ได้เสนอแนวทางการปรับลดราคาค่าไฟไปทั้งหมด 6ข้อ หนึ่งใน6 ข้อเสนอของสภาผู้บริโภค ก็คือเสนอให้ยกเลิกนโยบายมาตรการสนับสนุนส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ที่สูงเกินสมควรจนมีผลกระทบต่อภาระค่าไฟฟ้าทั้งระบบ ซึ่งกกพ. ควรเสนอให้ทบทวนนานแล้ว เอกชนได้ค่าไฟฟ้าส่วนเกินที่ไม่ควรได้รับปีละ 3.3 หมื่นล้านบาท เป็นค่ารับซื้อไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ ที่หมดอายุ 8-10 ปีไปแล้ว แต่กกพ.ก็ยังปล่อยให้ต่อสัญญาโดยอัตโนมัติในราคาสูง โดยประชาชนตาดำๆ ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายนี้ให้เอกชนผ่านค่าไฟฟ้า เป็นภาระค่าไฟแพงของประชาชน แต่ไม่ปรากฎว่ากกพ.จะได้นำข้อเสนอนี้ของสภาผู้บริโภคไปพิจารณาเพื่อลดค่าไฟในงวด มกราคม- เมษายน 2568 แต่ประการใด อย่างไรก็ตาม มาช้าดีกว่าไม่มา ก็ต้องชื่นชมที่ กกพ.ตัดสินใจทำข้อเสนอถึงนายกรัฐมนตรีให้ทบทวนการให้เงินส่วนเพิ่ม(Adder)ว่าควรยกเลิกได้แล้วเพราะปัจจุบันราคาพลังงานหมุนเวียนมีราคาลดลงมากแล้ว ซึ่งบริษัทเหล่านั้นได้คืนทุนและมีกำไรคุ้มไปนานแล้ว การต่อสัญญาอัตโนมัติจึงควรยกเลิก ซึ่งจะทำให้สามารถลดค่าไฟลงได้ 17 สตางค์/หน่วย ทำให้ค่าไฟลดลงเหลือ 3.98 บาท/หน่วย จากที่กำหนดไว้เดิมที่ 4.15บาท/หน่วย และทำให้ประชาชนได้ปลดแอกบนบ่าถึงปีละ 3.3 หมื่นล้านบาทได้สักที สิ่งที่กกพ.ควรเสนอนายกรัฐมนตรีเพิ่มอีกอย่างน้อย 1 ข้อ คือให้เจรจาลดค่าความพร้อมจ่ายสำหรับโรงไฟฟ้าที่ได้คืนทุนและมีกำไรพอสมควรแล้ว จากเอกสารของกกพ. ในงวด มกราคม-เมษายน 2568 ค่าความพร้อมจ่ายสูงถึง 19,875 ล้านบาท หากคำนวณทั้งปี จะเป็นเงิน 59,625 ล้านบาท/ปี หากนำมาเฉลี่ยกับหน่วยไฟที่ใชทั้งประเทศประมาณ 200,000 หน่วย/ปี เท่ากับจะลดลงได้ 29-30 สต./หน่วย หากตัดค่าความพร้อมจ่ายส่วนนี้ไปได้ น่าจะลดได้ค่าไฟลงไปได้อีกเกือบ30 สตางค์/หน่วย (ตัวเลขที่นำมาคำนวณมาจากเอกสารที่เผยแพร่โดย กกพ.ในการรับฟังความเห็นค่าFt) กกพ.จึงควรถือเป็นหน้าที่ในการรีดไขมันที่ทำให้ค่าไฟแพงอย่างไม่เป็นธรรมต่อประชาชน ซึ่งยังมีอีกหลายรายการที่สมควรพิจารณาต่อไปอย่างจริงจัง จะเป็นการช่วยลดภาระที่ประชาชนแบกจนหลังแอ่นมายาวนานมาก และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่มีราคาค่าไฟเหมาะสมจูงใจให้ธุรกิจต่างชาติสนใจจะมาลงทุน รัฐบาลหัดคิดนโยบายประชานิยมเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจที่เป็นธรรมบ้าง ประชาชนจะได้เงยหน้าอ้าปากอย่างยั่งยืน เลิกใช้วิธีกู้เงินมาหว่านแจกซื้อเสียงแบบฉาบฉวยได้แล้ว!! รสนา โตสิตระกูล 16 มกราคม 2568
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ่านเอาเรื่อง Ep.88 : Affirmative Action

    วันนี้อยากจะเล่าเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับ Affirmative Action ของมาเลเซียประเทศเพื่อนบ้านของเราครับ

    ในสมัยก่อนนู้น คือ ยุคก่อนปี 1950 นั้น มาเลเซีย (ตอนนั้นเรียก “มลายา”) เป็นอาณานิคมของอังกฤษอยู่ครับ อังกฤษเขาเห็นว่าที่มลายานี้ยังขาดแคลลนแรงงานอยู่มาก ก็เลยเปิดรับชาวจีนให้อพยพเข้ามาเป็นแรงงานอยู่ที่มลายา

    ชาวจีนที่อพยพมามลายานั้น ส่วนใหญ่จะมาจากมณฑลฟูเจี้ยนและกวางตุ้ง เหตุที่อพยพมาก็เพราะหนีความอดอยากและยากจนของประเทศจีนในเวลานั้นครับ

    คนจีนเหล่านี้ เบื้องแรกก็มาเป็นแรงงานทำโน่นทำนี่ แต่อยู่ๆไปก็เริ่มเรียนภาษาอังกฤษและเริ่มทำธุรกิจ ชีวิตความเป็นอยู่และรายได้เริ่มดีขึ้นด้วยความขยันตามประสาคนจีน

    นี่คือจุดเริ่มต้นของคนจีนในคาบสมุทรมลายา คิดเป็นสัดส่วนราวๆ 10% ของประชากรทั้งหมดซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมลายู

    คนอินเดียก็มีมาอยู่ที่มลายาเหมือนกัน แต่น้อยกว่าคนจีน

    ทีนี้พอถึงปี 1957 อังกฤษคืนเอกราชให้มลายา อำนาจการปกครองรัฐบาลนั้นเป็นของชาวมลายูเกือบ 100%

    ในเวลานั้น ธุรกิจสำคัญส่วนใหญ่อยู่ในมือของชาวจีน และสำคัญคือ 99% ของนักศึกษาที่เข้าเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ในมหาวิทยาลัยนั้น ล้วนมีแต่ชาวจีนทั้งสิ้น

    นักศึกษาชาวมลายูมีแค่ 1%

    ในคณะที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือ ที่เราเรียกว่า STEM นั้น ก็เป็นแบบเดียวกันคือ มีแต่นักศึกษาชาวจีน อันทำให้ชาวจีนมีความรู้สูงกว่าและเจริญงอกงามกว่าชาวมลายูทั้งๆที่ประชากรชาวจีนนั้นมีไม่ถึง 20%

    ก่อให้เกิดความเกลียดชังที่คนมลายูมีต่อคนจีน
    .
    .
    .
    ในปี 1960 รัฐบาลมาเลเซียซึ่งเป็นคนมลายูทั้งหมด จึงดำริโครงการที่ชื่อว่า Affirmative Action เพื่อช่วยชาวมลายู คือ ช่วยเหลือทุกวิถีทางที่จะเพิ่มจำนวนคนมลายูให้เข้ามหาวิทยาลัยให้ได้

    นำไปสู่การตั้งโควต้านักศึกษา ว่าจะต้องมีคนมลายูเท่านี้และจำกัดจำนวนคนจีนที่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐ

    และที่ช้อคสุดคือ รัฐบาลสั่งเปลี่ยนภาษาที่สอนในมหาลัย จากเดิมที่สอนเป็นภาษาอังกฤษให้เปลี่ยนเป็นภาษามลายูทั้งหมด

    คือ กีดกันคนจีนกันเต็มที่

    ทำให้นักศึกษาจีนที่เก่งๆหัวดีจำนวนมากถอดใจกับการเข้ามหาวิทยาลัย และย้ายไปเรียนที่อเมริกาและยุโรปแทน คนจีนที่มีความรู้สูงจำนวนมากย้ายออกจากมาเลเซีย

    การกีดกันเชื้อชาตินี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สิงคโปร์แยกตัวออกไปตั้งประเทศเอง และภายหลังสิงคโปร์นั้นเจริญงอกงามกว่ามาเลเซียมาก

    (ถ้าจะพูดให้ถูกคือ รัฐบาลมลายูขับไล่นายลี กวน ยูและสิงคโปร์ออกไปครับ)

    แต่กระนั้นความกดดันของรัฐบาลมลายูนี้ก็ก่อให้เกิดผลดีอยู่บ้างคือ ชาวจีนรวมตัวกันสร้างมหาวิทยาลัยเอกชนขึ้นในมาเลเซียหลายแห่ง สอนหนังสือเป็นภาษาอังกฤษเหมือนเคย เพื่อสอนให้กับชาวจีนและอินเดียที่ได้รับผลกระทบ

    และได้กลายเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในเวลาต่อมา
    .
    .
    .
    เมื่อกาลเวลาผ่านไป 60 ปี Affirmative Action นี้ก็ยังคงอยู่ในมาเลเซียในรูปแบบของโควต้าเชื้อชาติ

    ผลของ Affirmative Action นี้ ทำให้คนมลายูมีอัตราการเรียนมหาวิทยาลัยสูงขึ้นจริง มีรายได้สูงขึ้นจริง

    แต่ว่าโครงสร้างเศรษฐกิจยังคงเหมือนเดิม

    คือ ธุรกิจและอุตสาหกรรมภาคเอกชนขนาดใหญ่ในมาเลเซียยังคงอยู่ในมือของคนจีน

    ส่วนคนมลายูนั้นส่วนใหญ่จะทำงานอยู่ในภาครัฐ ที่โดดเด่นขึ้นมาในภาคเอกชนก็มีครับ เช่น แอร์ เอเซีย ที่ก่อตั้งโดยนักธุรกิจมลายู 2 คนครับ

    ในประชากรมาเลเซีย 100 คน มีชาวมลายูราวๆ 70% ชาวจีน 20% ที่เหลือเป็นอินเดีย 8% ครับ

    เมื่อสำรวจรายได้ของคนมาเลเซียในปี 2022 ก็ได้พบว่า หากชาวจีนมีรายได้ 100 บาท ชาวมลายูจะมีรายได้ 70 บาท และชาวอินเดีย 87 บาท

    ชาวมลายูยังคงรายได้ต่ำที่สุดอยู่เช่นเคย แม้จะกีดกันชาวจีนแล้วก็ตาม
    .
    .
    .
    ที่ผมยกเรื่องโครงการ Affirmative Action ขึ้นมานี้ เพราะเป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงกันทั่วโลกมากว่าเป็นนโยบายที่เลือกปฏิบัติ (Discrimination) ครับ

    คือ เลือกช่วยคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ

    จริงๆแล้วมาเลเซียลอกไอเดียนี้มาจากอเมริกาในปี 1960 ที่ปธน.จอห์น เอฟ เคนเนดี้ นำมาใช้เพื่อให้โอกาสคนดำและเชื้อชาติอื่นได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยบ้าง

    เพราะหากเอานักเรียนมาสอบแข่งขันกันจริงๆแล้ว ในเวลานั้นนักเรียนผิวขาวชนะขาดลอย เช่นเดียวกับที่นักเรียนจีนในมาเลเซียที่เก่งกว่าเด็กมลายู

    อเมริกาใช้โครงการนี้อยู่หลายรัฐบาล มีการใช้โควต้าเชื้อชาติด้วย จนกระทั่งศาลสูงของอเมริกาสั่งยกเลิกระบบนี้ในการคัดเลือกนักเรียนเข้ามหาวิทยาลัย

    และปัจจุบันอเมริกาก็เอานโยบายคล้ายๆกันนี้กลับเข้ามาใช้อีกในรูปแบบของ DEI (Diversity, Equity and Inclusion) คือ ให้เอาเชื้อชาติเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณารับคนเข้าทำงาน โดยเฉพาะในหน่วยงานรัฐบาล

    คือ ในหนึ่งองค์กรจะต้องมีคนจากทุกเชื้อชาติให้ได้มากที่สุด

    เรื่อง DEI นี้กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมา เมื่อทรัมป์ถูกพยายามลอบสังหารและมีภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจลับหญิงอ้วนที่เงอะๆงั่นๆทำอะไรไม่ถูกยืนอยู่ข้างๆทรัมป์

    ชาวเน็ทอเมริกันจึงจัดทัวร์ไปลงว่า “DEI ทำให้เราไม่ได้จ้างคนจากฝีมือและความสามารถ”
    .
    .
    .
    ผมนั่งดูๆเรื่องนี้แล้ว ก็บังเกิดความเห็นใจทั้ง 2 ฝั่ง

    คือ ผมเห็นใจคนบางกลุ่มบางเผ่าพันธุ์ว่า ถ้าเขาไม่ได้รับการช่วยเหลือเป็นพิเศษแล้ว โอกาสที่จะโงหัวขึ้นมามีชีวิตที่ดีบ้างนั้นก็แทบจะไม่มีเลย

    ในขณะเดียวกันผมก็เห็นใจคนหัวดีและคนเก่งกว่าว่า เขาตั้งใจเรียนและเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี แต่กลายเป็นต้องมาแพ้ให้กับระบบโควต้าที่ช่วยคนที่ห่วยกว่าตัวเอง

    หนทางที่ดีที่สุดของเรื่องลักษณะนี้ ผมเห็นด้วย 100% กับท่านผู้พิพากษาศาลสูงของอเมริกาชื่อ “ซานดร้า เดย์ โอคอนเนอร์”

    ท่านกล่าวว่า “Race-conscious admissions policies must be limited in time. The court expects that 25 years from now, the use of racial preferences will no longer be necessary"

    "นโยบายการเลือกรับคนโดยดูจากเชื้อชาตินั้นควรกำหนดกรอบเวลาไว้ ศาลหวังว่าในอีก 25 ปีจากนี้ไปนั้น เราไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องเชื้อชาติมาร่วมพิจารณาอีกต่อไป“

    ท่านบันทึกไว้ในปี 2003 ครับ

    เพราะผมเห็นด้วยกับที่มีคนเคยพูดว่า “กลุ่มคนที่เคยได้รับความช่วยเหลือเป็นพิเศษหรือใช้ทางลัดมาตลอดชีวิตนั้น เมื่อถึงวันหนึ่งที่ต้องออกไปต่อสู้อย่างแฟร์ๆแล้ว คนพวกนี้ก็จะบอกว่า ”ฉันไม่ได้รับความยุติธรรม“

    …ไม่ช่วยเลยก็น่าสงสาร ช่วยมากไปก็อ่อนแอ…

    ภาพประกอบไม่เกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่องครับ ผมเห็นว่าสวยดีก็เลยโพสท์ไปด้วย 😉


    นัทแนะ
    อ่านเอาเรื่อง Ep.88 : Affirmative Action วันนี้อยากจะเล่าเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับ Affirmative Action ของมาเลเซียประเทศเพื่อนบ้านของเราครับ ในสมัยก่อนนู้น คือ ยุคก่อนปี 1950 นั้น มาเลเซีย (ตอนนั้นเรียก “มลายา”) เป็นอาณานิคมของอังกฤษอยู่ครับ อังกฤษเขาเห็นว่าที่มลายานี้ยังขาดแคลลนแรงงานอยู่มาก ก็เลยเปิดรับชาวจีนให้อพยพเข้ามาเป็นแรงงานอยู่ที่มลายา ชาวจีนที่อพยพมามลายานั้น ส่วนใหญ่จะมาจากมณฑลฟูเจี้ยนและกวางตุ้ง เหตุที่อพยพมาก็เพราะหนีความอดอยากและยากจนของประเทศจีนในเวลานั้นครับ คนจีนเหล่านี้ เบื้องแรกก็มาเป็นแรงงานทำโน่นทำนี่ แต่อยู่ๆไปก็เริ่มเรียนภาษาอังกฤษและเริ่มทำธุรกิจ ชีวิตความเป็นอยู่และรายได้เริ่มดีขึ้นด้วยความขยันตามประสาคนจีน นี่คือจุดเริ่มต้นของคนจีนในคาบสมุทรมลายา คิดเป็นสัดส่วนราวๆ 10% ของประชากรทั้งหมดซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมลายู คนอินเดียก็มีมาอยู่ที่มลายาเหมือนกัน แต่น้อยกว่าคนจีน ทีนี้พอถึงปี 1957 อังกฤษคืนเอกราชให้มลายา อำนาจการปกครองรัฐบาลนั้นเป็นของชาวมลายูเกือบ 100% ในเวลานั้น ธุรกิจสำคัญส่วนใหญ่อยู่ในมือของชาวจีน และสำคัญคือ 99% ของนักศึกษาที่เข้าเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ในมหาวิทยาลัยนั้น ล้วนมีแต่ชาวจีนทั้งสิ้น นักศึกษาชาวมลายูมีแค่ 1% ในคณะที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือ ที่เราเรียกว่า STEM นั้น ก็เป็นแบบเดียวกันคือ มีแต่นักศึกษาชาวจีน อันทำให้ชาวจีนมีความรู้สูงกว่าและเจริญงอกงามกว่าชาวมลายูทั้งๆที่ประชากรชาวจีนนั้นมีไม่ถึง 20% ก่อให้เกิดความเกลียดชังที่คนมลายูมีต่อคนจีน . . . ในปี 1960 รัฐบาลมาเลเซียซึ่งเป็นคนมลายูทั้งหมด จึงดำริโครงการที่ชื่อว่า Affirmative Action เพื่อช่วยชาวมลายู คือ ช่วยเหลือทุกวิถีทางที่จะเพิ่มจำนวนคนมลายูให้เข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ นำไปสู่การตั้งโควต้านักศึกษา ว่าจะต้องมีคนมลายูเท่านี้และจำกัดจำนวนคนจีนที่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐ และที่ช้อคสุดคือ รัฐบาลสั่งเปลี่ยนภาษาที่สอนในมหาลัย จากเดิมที่สอนเป็นภาษาอังกฤษให้เปลี่ยนเป็นภาษามลายูทั้งหมด คือ กีดกันคนจีนกันเต็มที่ ทำให้นักศึกษาจีนที่เก่งๆหัวดีจำนวนมากถอดใจกับการเข้ามหาวิทยาลัย และย้ายไปเรียนที่อเมริกาและยุโรปแทน คนจีนที่มีความรู้สูงจำนวนมากย้ายออกจากมาเลเซีย การกีดกันเชื้อชาตินี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สิงคโปร์แยกตัวออกไปตั้งประเทศเอง และภายหลังสิงคโปร์นั้นเจริญงอกงามกว่ามาเลเซียมาก (ถ้าจะพูดให้ถูกคือ รัฐบาลมลายูขับไล่นายลี กวน ยูและสิงคโปร์ออกไปครับ) แต่กระนั้นความกดดันของรัฐบาลมลายูนี้ก็ก่อให้เกิดผลดีอยู่บ้างคือ ชาวจีนรวมตัวกันสร้างมหาวิทยาลัยเอกชนขึ้นในมาเลเซียหลายแห่ง สอนหนังสือเป็นภาษาอังกฤษเหมือนเคย เพื่อสอนให้กับชาวจีนและอินเดียที่ได้รับผลกระทบ และได้กลายเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในเวลาต่อมา . . . เมื่อกาลเวลาผ่านไป 60 ปี Affirmative Action นี้ก็ยังคงอยู่ในมาเลเซียในรูปแบบของโควต้าเชื้อชาติ ผลของ Affirmative Action นี้ ทำให้คนมลายูมีอัตราการเรียนมหาวิทยาลัยสูงขึ้นจริง มีรายได้สูงขึ้นจริง แต่ว่าโครงสร้างเศรษฐกิจยังคงเหมือนเดิม คือ ธุรกิจและอุตสาหกรรมภาคเอกชนขนาดใหญ่ในมาเลเซียยังคงอยู่ในมือของคนจีน ส่วนคนมลายูนั้นส่วนใหญ่จะทำงานอยู่ในภาครัฐ ที่โดดเด่นขึ้นมาในภาคเอกชนก็มีครับ เช่น แอร์ เอเซีย ที่ก่อตั้งโดยนักธุรกิจมลายู 2 คนครับ ในประชากรมาเลเซีย 100 คน มีชาวมลายูราวๆ 70% ชาวจีน 20% ที่เหลือเป็นอินเดีย 8% ครับ เมื่อสำรวจรายได้ของคนมาเลเซียในปี 2022 ก็ได้พบว่า หากชาวจีนมีรายได้ 100 บาท ชาวมลายูจะมีรายได้ 70 บาท และชาวอินเดีย 87 บาท ชาวมลายูยังคงรายได้ต่ำที่สุดอยู่เช่นเคย แม้จะกีดกันชาวจีนแล้วก็ตาม . . . ที่ผมยกเรื่องโครงการ Affirmative Action ขึ้นมานี้ เพราะเป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงกันทั่วโลกมากว่าเป็นนโยบายที่เลือกปฏิบัติ (Discrimination) ครับ คือ เลือกช่วยคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ จริงๆแล้วมาเลเซียลอกไอเดียนี้มาจากอเมริกาในปี 1960 ที่ปธน.จอห์น เอฟ เคนเนดี้ นำมาใช้เพื่อให้โอกาสคนดำและเชื้อชาติอื่นได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยบ้าง เพราะหากเอานักเรียนมาสอบแข่งขันกันจริงๆแล้ว ในเวลานั้นนักเรียนผิวขาวชนะขาดลอย เช่นเดียวกับที่นักเรียนจีนในมาเลเซียที่เก่งกว่าเด็กมลายู อเมริกาใช้โครงการนี้อยู่หลายรัฐบาล มีการใช้โควต้าเชื้อชาติด้วย จนกระทั่งศาลสูงของอเมริกาสั่งยกเลิกระบบนี้ในการคัดเลือกนักเรียนเข้ามหาวิทยาลัย และปัจจุบันอเมริกาก็เอานโยบายคล้ายๆกันนี้กลับเข้ามาใช้อีกในรูปแบบของ DEI (Diversity, Equity and Inclusion) คือ ให้เอาเชื้อชาติเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณารับคนเข้าทำงาน โดยเฉพาะในหน่วยงานรัฐบาล คือ ในหนึ่งองค์กรจะต้องมีคนจากทุกเชื้อชาติให้ได้มากที่สุด เรื่อง DEI นี้กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมา เมื่อทรัมป์ถูกพยายามลอบสังหารและมีภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจลับหญิงอ้วนที่เงอะๆงั่นๆทำอะไรไม่ถูกยืนอยู่ข้างๆทรัมป์ ชาวเน็ทอเมริกันจึงจัดทัวร์ไปลงว่า “DEI ทำให้เราไม่ได้จ้างคนจากฝีมือและความสามารถ” . . . ผมนั่งดูๆเรื่องนี้แล้ว ก็บังเกิดความเห็นใจทั้ง 2 ฝั่ง คือ ผมเห็นใจคนบางกลุ่มบางเผ่าพันธุ์ว่า ถ้าเขาไม่ได้รับการช่วยเหลือเป็นพิเศษแล้ว โอกาสที่จะโงหัวขึ้นมามีชีวิตที่ดีบ้างนั้นก็แทบจะไม่มีเลย ในขณะเดียวกันผมก็เห็นใจคนหัวดีและคนเก่งกว่าว่า เขาตั้งใจเรียนและเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี แต่กลายเป็นต้องมาแพ้ให้กับระบบโควต้าที่ช่วยคนที่ห่วยกว่าตัวเอง หนทางที่ดีที่สุดของเรื่องลักษณะนี้ ผมเห็นด้วย 100% กับท่านผู้พิพากษาศาลสูงของอเมริกาชื่อ “ซานดร้า เดย์ โอคอนเนอร์” ท่านกล่าวว่า “Race-conscious admissions policies must be limited in time. The court expects that 25 years from now, the use of racial preferences will no longer be necessary" "นโยบายการเลือกรับคนโดยดูจากเชื้อชาตินั้นควรกำหนดกรอบเวลาไว้ ศาลหวังว่าในอีก 25 ปีจากนี้ไปนั้น เราไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องเชื้อชาติมาร่วมพิจารณาอีกต่อไป“ ท่านบันทึกไว้ในปี 2003 ครับ เพราะผมเห็นด้วยกับที่มีคนเคยพูดว่า “กลุ่มคนที่เคยได้รับความช่วยเหลือเป็นพิเศษหรือใช้ทางลัดมาตลอดชีวิตนั้น เมื่อถึงวันหนึ่งที่ต้องออกไปต่อสู้อย่างแฟร์ๆแล้ว คนพวกนี้ก็จะบอกว่า ”ฉันไม่ได้รับความยุติธรรม“ …ไม่ช่วยเลยก็น่าสงสาร ช่วยมากไปก็อ่อนแอ… ภาพประกอบไม่เกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่องครับ ผมเห็นว่าสวยดีก็เลยโพสท์ไปด้วย 😉 นัทแนะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 139 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft กำลังตรวจสอบข้อบกพร่องที่ทำให้เกิดการแจ้งเตือนด้านความปลอดภัยบนระบบที่มี Trusted Platform Module (TPM) หลังจากเปิดใช้งาน BitLocker

    BitLocker เป็นฟีเจอร์ความปลอดภัยของ Windows ที่เข้ารหัสไดรฟ์เพื่อป้องกันการขโมยหรือการเปิดเผยข้อมูล. TPM เป็นโปรเซสเซอร์ความปลอดภัยที่ให้ฟังก์ชันความปลอดภัยที่ใช้ฮาร์ดแวร์และทำหน้าที่เป็นส่วนประกอบฮาร์ดแวร์ที่เชื่อถือได้สำหรับการจัดเก็บข้อมูลที่สำคัญ เช่น กุญแจการเข้ารหัสและข้อมูลรับรองความปลอดภัยอื่น ๆ

    ผู้ใช้ Windows 10 และ 11 ที่ได้รับผลกระทบจะเห็นการแจ้งเตือน "For your security, some settings are managed by your administrator" ใน ฉontrol Panel BitLocker และบางส่วนอื่น ๆ ใน Windows Microsoft กำลังทำงานเพื่อแก้ไขปัญหานี้และจะให้รายละเอียดเพิ่มเติมเมื่อมีข้อมูลมากขึ้น

    มาย้อนรอยปัญหาที่เคยเกิดกับ Bitlocker กันหน่อยครับ โดยในเดือนเมษายน 2024 Microsoft ได้แก้ไขปัญหาที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการเข้ารหัสไดรฟ์ BitLocker ในบางสภาพแวดล้อมที่มีการจัดการ ในเดือนสิงหาคม 2024 บริษัทได้แก้ไขข้อบกพร่องอีกครั้งที่ทำให้บางอุปกรณ์ Windows บูตเข้าสู่โหมดกู้คืน BitLocker หลังจากติดตั้งการอัปเดตความปลอดภัยของ Windows นอกจากนี้ ในเดือนเดียวกัน Microsoft ได้ปิดการแก้ไขช่องโหว่การข้ามฟีเจอร์ความปลอดภัยของ BitLocker (CVE-2024-38058) เนื่องจากปัญหาความเข้ากันได้ของเฟิร์มแวร์ที่ทำให้อุปกรณ์ Windows ที่ได้รับการแก้ไขเข้าสู่โหมดกู้คืน BitLocker

    Microsoft ประกาศในเดือนมิถุนายน 2021 ว่า TPM 2.0 เป็นข้อกำหนดบังคับสำหรับการติดตั้งหรืออัปเกรดเป็น Windows 11 เพื่อทำให้ระบบมีความต้านทานต่อการปลอมแปลงและการโจมตีทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ Windows ยังคงสร้างเครื่องมือ สคริปต์ และเทคนิคต่าง ๆ เพื่อข้ามข้อกำหนดนี้ ในเดือนธันวาคม 2024 Microsoft ย้ำว่า TPM 2.0 เป็นข้อกำหนดที่ "ไม่สามารถต่อรองได้" เนื่องจากลูกค้าจะไม่สามารถอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้หากไม่มี TPM 2.0

    https://www.bleepingcomputer.com/news/microsoft/windows-bitlocker-bug-triggers-warnings-on-devices-with-tpms/
    Microsoft กำลังตรวจสอบข้อบกพร่องที่ทำให้เกิดการแจ้งเตือนด้านความปลอดภัยบนระบบที่มี Trusted Platform Module (TPM) หลังจากเปิดใช้งาน BitLocker BitLocker เป็นฟีเจอร์ความปลอดภัยของ Windows ที่เข้ารหัสไดรฟ์เพื่อป้องกันการขโมยหรือการเปิดเผยข้อมูล. TPM เป็นโปรเซสเซอร์ความปลอดภัยที่ให้ฟังก์ชันความปลอดภัยที่ใช้ฮาร์ดแวร์และทำหน้าที่เป็นส่วนประกอบฮาร์ดแวร์ที่เชื่อถือได้สำหรับการจัดเก็บข้อมูลที่สำคัญ เช่น กุญแจการเข้ารหัสและข้อมูลรับรองความปลอดภัยอื่น ๆ ผู้ใช้ Windows 10 และ 11 ที่ได้รับผลกระทบจะเห็นการแจ้งเตือน "For your security, some settings are managed by your administrator" ใน ฉontrol Panel BitLocker และบางส่วนอื่น ๆ ใน Windows Microsoft กำลังทำงานเพื่อแก้ไขปัญหานี้และจะให้รายละเอียดเพิ่มเติมเมื่อมีข้อมูลมากขึ้น มาย้อนรอยปัญหาที่เคยเกิดกับ Bitlocker กันหน่อยครับ โดยในเดือนเมษายน 2024 Microsoft ได้แก้ไขปัญหาที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการเข้ารหัสไดรฟ์ BitLocker ในบางสภาพแวดล้อมที่มีการจัดการ ในเดือนสิงหาคม 2024 บริษัทได้แก้ไขข้อบกพร่องอีกครั้งที่ทำให้บางอุปกรณ์ Windows บูตเข้าสู่โหมดกู้คืน BitLocker หลังจากติดตั้งการอัปเดตความปลอดภัยของ Windows นอกจากนี้ ในเดือนเดียวกัน Microsoft ได้ปิดการแก้ไขช่องโหว่การข้ามฟีเจอร์ความปลอดภัยของ BitLocker (CVE-2024-38058) เนื่องจากปัญหาความเข้ากันได้ของเฟิร์มแวร์ที่ทำให้อุปกรณ์ Windows ที่ได้รับการแก้ไขเข้าสู่โหมดกู้คืน BitLocker Microsoft ประกาศในเดือนมิถุนายน 2021 ว่า TPM 2.0 เป็นข้อกำหนดบังคับสำหรับการติดตั้งหรืออัปเกรดเป็น Windows 11 เพื่อทำให้ระบบมีความต้านทานต่อการปลอมแปลงและการโจมตีทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ Windows ยังคงสร้างเครื่องมือ สคริปต์ และเทคนิคต่าง ๆ เพื่อข้ามข้อกำหนดนี้ ในเดือนธันวาคม 2024 Microsoft ย้ำว่า TPM 2.0 เป็นข้อกำหนดที่ "ไม่สามารถต่อรองได้" เนื่องจากลูกค้าจะไม่สามารถอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้หากไม่มี TPM 2.0 https://www.bleepingcomputer.com/news/microsoft/windows-bitlocker-bug-triggers-warnings-on-devices-with-tpms/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Windows BitLocker bug triggers warnings on devices with TPMs
    ​Microsoft is investigating a bug triggering security alerts on systems with a Trusted Platform Module (TPM) processor after enabling BitLocker.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia กำลังให้ความสำคัญกับการผลิต GPU รุ่น Blackwell ที่ใช้การบรรจุภัณฑ์ CoWoS-L ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการบรรจุภัณฑ์ขั้นสูงที่พัฒนาโดย TSMC ความต้องการสำหรับการออกแบบ dual-die ของ Blackwell กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้ Nvidia ต้องปรับแผนการผลิตเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการนี้

    Nvidia จะมุ่งเน้นไปที่การผลิต GPU รุ่น 200 series Blackwell ที่ใช้การออกแบบ multi-die เช่น GB200 NVL72 และจะยกเลิกการผลิตรุ่น single-die เช่น B200A นอกจากนี้ Nvidia ยังวางแผนที่จะให้ความสำคัญกับรุ่น B300 series ที่ใช้การออกแบบ multi-die โดยเฉพาะ GB300 NVL72 การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบต่อซัพพลายเออร์บางรายที่จัดหา CoWoS-S ให้กับ Nvidia เนื่องจาก Nvidia จะหันไปใช้ CoWoS-L เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม TSMC จะไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากการเปลี่ยนแปลงนี้ เนื่องจาก TSMC วางแผนที่จะใช้ CoWoS-L เป็นโซลูชันหลักในการผลิต

    การเปลี่ยนจากการผลิต B200 ไปเป็น B300 ใช้กระบวนการ FEoL เดียวกัน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต TSMC คาดว่า AI/HPC จะเป็นแหล่งรายได้หลักในปี 2025

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-reportedly-prioritizing-dual-die-blackwell-gpus-with-cowos-l-packaging
    Nvidia กำลังให้ความสำคัญกับการผลิต GPU รุ่น Blackwell ที่ใช้การบรรจุภัณฑ์ CoWoS-L ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการบรรจุภัณฑ์ขั้นสูงที่พัฒนาโดย TSMC ความต้องการสำหรับการออกแบบ dual-die ของ Blackwell กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้ Nvidia ต้องปรับแผนการผลิตเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการนี้ Nvidia จะมุ่งเน้นไปที่การผลิต GPU รุ่น 200 series Blackwell ที่ใช้การออกแบบ multi-die เช่น GB200 NVL72 และจะยกเลิกการผลิตรุ่น single-die เช่น B200A นอกจากนี้ Nvidia ยังวางแผนที่จะให้ความสำคัญกับรุ่น B300 series ที่ใช้การออกแบบ multi-die โดยเฉพาะ GB300 NVL72 การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบต่อซัพพลายเออร์บางรายที่จัดหา CoWoS-S ให้กับ Nvidia เนื่องจาก Nvidia จะหันไปใช้ CoWoS-L เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม TSMC จะไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากการเปลี่ยนแปลงนี้ เนื่องจาก TSMC วางแผนที่จะใช้ CoWoS-L เป็นโซลูชันหลักในการผลิต การเปลี่ยนจากการผลิต B200 ไปเป็น B300 ใช้กระบวนการ FEoL เดียวกัน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต TSMC คาดว่า AI/HPC จะเป็นแหล่งรายได้หลักในปี 2025 https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-reportedly-prioritizing-dual-die-blackwell-gpus-with-cowos-l-packaging
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Nvidia reportedly prioritizing dual-die Blackwell GPUs with CoWoS-L packaging
    CoWoS-L is shaping up to be the dominant packaging solution for Nvidia Blackwell GPUs going forward.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ในไต้หวันได้ปฏิเสธข่าวลือเกี่ยวกับปัญหาความร้อนสูงเกินไปของเซิร์ฟเวอร์ AI รุ่น GB200 ของ NVIDIA และยืนยันว่าการผลิตยังคงเป็นไปตามกำหนดการ ข่าวลือเกี่ยวกับปัญหาการออกแบบของเซิร์ฟเวอร์ GB200 เริ่มแพร่กระจายตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2024 โดย NVIDIA ได้กล่าวว่าปัญหาเหล่านี้ได้รับการแก้ไขแล้ว แต่ในรายงานล่าสุดพบว่าปัญหายังคงเกิดขึ้น ทำให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ลดคำสั่งซื้อ

    รายงานจาก Taiwan Economic Daily อ้างถึงผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ในไต้หวันที่กล่าวว่าข่าวลือเหล่านี้เป็นเพียงการคาดเดา และการผลิตยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ พวกเขายังกล่าวว่า "ข่าวลือเดิมจะเกิดขึ้นอีกกี่ครั้ง?

    ในเดือนพฤศจิกายน 2024 มีการเปิดเผยว่าเซิร์ฟเวอร์ Blackwell ของ NVIDIA มีปัญหาการออกแบบที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อชิปของ TSMC Microsoft เคยวางแผนที่จะติดตั้งตู้เซิร์ฟเวอร์ AI GB200 กว่า 50,000 ตู้ แต่ตัวเลขนี้ลดลงอย่างมาก. นอกจากนี้ บริษัทต่าง ๆ ยังหันไปใช้โซลูชันรุ่นเก่าของ NVIDIA อย่าง Hopper แทน ลูกค้ารายใหญ่เช่น Microsoft, Amazon และ OpenAI ได้ลดคำสั่งซื้อ GB200 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าห่วงโซ่อุปทานกำลังเผชิญกับปัญหา

    แม้ว่าปัญหาของเซิร์ฟเวอร์ GB200 อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของ NVIDIA แต่การเติบโตของเซิร์ฟเวอร์ AI ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าห่วงโซ่อุปทานจะต้องเผชิญกับปัญหา อย่างไรก็ตาม ด้วยทรัพยากรทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่ NVIDIA มีอยู่ในขณะนี้ คาดว่าปัญหาของเซิร์ฟเวอร์ GB200 จะได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว

    https://wccf.tech/1ftir
    ผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ในไต้หวันได้ปฏิเสธข่าวลือเกี่ยวกับปัญหาความร้อนสูงเกินไปของเซิร์ฟเวอร์ AI รุ่น GB200 ของ NVIDIA และยืนยันว่าการผลิตยังคงเป็นไปตามกำหนดการ ข่าวลือเกี่ยวกับปัญหาการออกแบบของเซิร์ฟเวอร์ GB200 เริ่มแพร่กระจายตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2024 โดย NVIDIA ได้กล่าวว่าปัญหาเหล่านี้ได้รับการแก้ไขแล้ว แต่ในรายงานล่าสุดพบว่าปัญหายังคงเกิดขึ้น ทำให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ลดคำสั่งซื้อ รายงานจาก Taiwan Economic Daily อ้างถึงผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ในไต้หวันที่กล่าวว่าข่าวลือเหล่านี้เป็นเพียงการคาดเดา และการผลิตยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ พวกเขายังกล่าวว่า "ข่าวลือเดิมจะเกิดขึ้นอีกกี่ครั้ง? ในเดือนพฤศจิกายน 2024 มีการเปิดเผยว่าเซิร์ฟเวอร์ Blackwell ของ NVIDIA มีปัญหาการออกแบบที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อชิปของ TSMC Microsoft เคยวางแผนที่จะติดตั้งตู้เซิร์ฟเวอร์ AI GB200 กว่า 50,000 ตู้ แต่ตัวเลขนี้ลดลงอย่างมาก. นอกจากนี้ บริษัทต่าง ๆ ยังหันไปใช้โซลูชันรุ่นเก่าของ NVIDIA อย่าง Hopper แทน ลูกค้ารายใหญ่เช่น Microsoft, Amazon และ OpenAI ได้ลดคำสั่งซื้อ GB200 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าห่วงโซ่อุปทานกำลังเผชิญกับปัญหา แม้ว่าปัญหาของเซิร์ฟเวอร์ GB200 อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของ NVIDIA แต่การเติบโตของเซิร์ฟเวอร์ AI ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าห่วงโซ่อุปทานจะต้องเผชิญกับปัญหา อย่างไรก็ตาม ด้วยทรัพยากรทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่ NVIDIA มีอยู่ในขณะนี้ คาดว่าปัญหาของเซิร์ฟเวอร์ GB200 จะได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว https://wccf.tech/1ftir
    WCCF.TECH
    Taiwanese Server Manufacturers Deny Overheating Issues with NVIDIA's GB200 AI Servers, Claim Production Is On Schedule
    Taiwanese manufacturers have claimed that NVIDIA's GB200 AI servers have no "overheating" issues and that production is right track.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Zhipu Huazhang Technology ซึ่งเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ในประเทศจีน ได้แสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อการที่กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ มีแผนที่จะเพิ่มบริษัทและบริษัทในเครือของตนเข้าไปในรายชื่อหน่วยงานควบคุมการส่งออก Zhipu กล่าวว่าการตัดสินใจนี้ไม่มีพื้นฐานทางข้อเท็จจริง

    บริษัท Zhipu ได้ออกแถลงการณ์ผ่านบัญชี WeChat อย่างเป็นทางการของตน โดยระบุว่าการตัดสินใจของสหรัฐฯ ขาดพื้นฐานทางข้อเท็จจริง และบริษัทจะต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิ์ของตน

    การเพิ่มบริษัท Zhipu เข้าไปในรายชื่อหน่วยงานควบคุมการส่งออกอาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาและการใช้งานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในประเทศจีน อาจทำให้บริษัทจีนต้องพึ่งพาเทคโนโลยีภายในประเทศมากขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของอุตสาหกรรม AI ในระดับโลก

    กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ยังไม่ได้ให้คำชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจเพิ่มบริษัท Zhipu เข้าไปในรายชื่อหน่วยงานควบคุมการส่งออก อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของชาติ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/16/chinese-ai-related-firm-zhipu-says-strongly-opposes-inclusion-in-us-export-control-entity-list
    บริษัท Zhipu Huazhang Technology ซึ่งเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ในประเทศจีน ได้แสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อการที่กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ มีแผนที่จะเพิ่มบริษัทและบริษัทในเครือของตนเข้าไปในรายชื่อหน่วยงานควบคุมการส่งออก Zhipu กล่าวว่าการตัดสินใจนี้ไม่มีพื้นฐานทางข้อเท็จจริง บริษัท Zhipu ได้ออกแถลงการณ์ผ่านบัญชี WeChat อย่างเป็นทางการของตน โดยระบุว่าการตัดสินใจของสหรัฐฯ ขาดพื้นฐานทางข้อเท็จจริง และบริษัทจะต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิ์ของตน การเพิ่มบริษัท Zhipu เข้าไปในรายชื่อหน่วยงานควบคุมการส่งออกอาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาและการใช้งานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในประเทศจีน อาจทำให้บริษัทจีนต้องพึ่งพาเทคโนโลยีภายในประเทศมากขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของอุตสาหกรรม AI ในระดับโลก กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ยังไม่ได้ให้คำชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจเพิ่มบริษัท Zhipu เข้าไปในรายชื่อหน่วยงานควบคุมการส่งออก อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของชาติ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/16/chinese-ai-related-firm-zhipu-says-strongly-opposes-inclusion-in-us-export-control-entity-list
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Chinese AI-related firm Zhipu says strongly opposes inclusion in US export control entity list
    BEIJING (Reuters) - Chinese artificial intelligence-related Beijing Zhipu Huazhang Technology said on Thursday it "strongly opposes" the United States commerce department's intention to add the company and its subsidiaries to its export control entity list.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • Dice เว็บไซต์หางานที่เน้นไปที่ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรม เผยว่า ผู้เชี่ยวชาญและผู้จัดการที่ทำงานกับโซลูชันปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก และยังมีความพึงพอใจในงานมากขึ้นด้วย การสำรวจนี้จัดทำขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงปี 2024 โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี 2,835 คนเข้าร่วม

    เนื้อหาหลักจะประกอบด้วย:
    1) การเพิ่มขึ้นของเงินเดือน: ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีมีรายได้เฉลี่ย 112,521 ดอลลาร์ต่อปี โดยผู้บริหารและผู้จัดการด้านไอทีมีรายได้สูงสุดเกือบ 170,000 ดอลลาร์ต่อปี ทักษะที่มีการเพิ่มขึ้นของเงินเดือนมากที่สุดในปีที่ผ่านมา ได้แก่ การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) และทักษะที่เกี่ยวข้องกับ Amazon และ AWS

    2) เปลี่ยนงานเพื่อเพิ่มเงินเดือน: การเปลี่ยนงานบ่อยเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อศักยภาพในการหารายได้ การเปลี่ยนงานอย่างมีกลยุทธ์อาจเป็นรูปแบบที่ดีที่สุดสำหรับการเติบโตของเงินเดือน

    3) ความพึงพอใจในงาน: ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับโครงการ AI มีความพึงพอใจในงานสูงกว่าคู่แข่ง แม้จะควบคุมระดับเงินเดือนแล้วก็ตาม การมีส่วนร่วมในงาน AI อาจให้ประโยชน์ที่ไม่ใช่แค่เงินเดือน

    4) โอกาสที่เพิ่มขึ้น: ผู้ตอบแบบสอบถามหญิงที่เป็นผู้บุกเบิกในสาขาที่มีผู้ชายเป็นส่วนใหญ่กล่าวว่า โอกาสและวัฒนธรรมในที่ทำงานเปิดกว้างมากขึ้น

    https://www.zdnet.com/home-and-office/work-life/these-tech-skills-drove-the-biggest-salary-increases-over-the-past-year/
    Dice เว็บไซต์หางานที่เน้นไปที่ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรม เผยว่า ผู้เชี่ยวชาญและผู้จัดการที่ทำงานกับโซลูชันปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก และยังมีความพึงพอใจในงานมากขึ้นด้วย การสำรวจนี้จัดทำขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงปี 2024 โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี 2,835 คนเข้าร่วม เนื้อหาหลักจะประกอบด้วย: 1) การเพิ่มขึ้นของเงินเดือน: ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีมีรายได้เฉลี่ย 112,521 ดอลลาร์ต่อปี โดยผู้บริหารและผู้จัดการด้านไอทีมีรายได้สูงสุดเกือบ 170,000 ดอลลาร์ต่อปี ทักษะที่มีการเพิ่มขึ้นของเงินเดือนมากที่สุดในปีที่ผ่านมา ได้แก่ การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) และทักษะที่เกี่ยวข้องกับ Amazon และ AWS 2) เปลี่ยนงานเพื่อเพิ่มเงินเดือน: การเปลี่ยนงานบ่อยเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อศักยภาพในการหารายได้ การเปลี่ยนงานอย่างมีกลยุทธ์อาจเป็นรูปแบบที่ดีที่สุดสำหรับการเติบโตของเงินเดือน 3) ความพึงพอใจในงาน: ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับโครงการ AI มีความพึงพอใจในงานสูงกว่าคู่แข่ง แม้จะควบคุมระดับเงินเดือนแล้วก็ตาม การมีส่วนร่วมในงาน AI อาจให้ประโยชน์ที่ไม่ใช่แค่เงินเดือน 4) โอกาสที่เพิ่มขึ้น: ผู้ตอบแบบสอบถามหญิงที่เป็นผู้บุกเบิกในสาขาที่มีผู้ชายเป็นส่วนใหญ่กล่าวว่า โอกาสและวัฒนธรรมในที่ทำงานเปิดกว้างมากขึ้น https://www.zdnet.com/home-and-office/work-life/these-tech-skills-drove-the-biggest-salary-increases-over-the-past-year/
    WWW.ZDNET.COM
    These tech skills drove the biggest salary increases over the past year
    A new tech salaries report suggests that working with AI boosts both pay and satisfaction - but it also cautions that excessive job hopping can work against you.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ยาลดกรด

    ถ้าคุณใช้ยาลดกรดไม่ว่าจะตามคำสั่งแพทย์หรือฟังจากโฆษณาแล้วเชื่อตามนั้น ลองอ่านให้จบว่าอาการเหล่านี้ได้เกิดกับตัวคุณแล้วหรือยัง

    จากการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ (1) การใช้สาร proton pump inhibitors ในระยะยาวอย่างเช่น Prilosec, Prevacid และ Nexium (ยาเม็ดสีม่วง) - ยาที่ช่วยลดปริมาณกรดในกระเพาะอาหาร - เกี่ยวข้องกับการขาดวิตามินบี 12

    ผู้เข้าร่วมที่กินยาลดกรดมานานกว่าสองปีมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นร้อยละ 65 ของการขาดวิตามินบี 12 ซึ่งอาจนำไปโรค :

    -โรคโลหิตจาง
    -ความเสียหายของเส้นประสาท
    -ปัญหาเกี่ยวกับจิต
    -สมองเสื่อม (Dementia)

    ยิ่งกินในปริมาณที่สูงกว่าก็มีความเสี่ยงที่สูงกว่า ตามที่อธิบายไว้โดยนักวิจัยอาวุโส Dr. Douglas Corley (2) Gastroenterologist ที่ Kaiser Permanente:

    "ยาลดกรดชนิดนี้อาจทำให้เกิดการขาดวิตามินบี 12 เนื่องจากเซลล์ที่สร้างกรดในกระเพาะอาหารยังสร้างโปรตีนที่ช่วยให้วิตามินบี 12 ถูกดูดซึมได้"

    การขาดวิตามินบี 12 จะทำให้สุขภาพของคุณแย่ลงได้อย่างไร

    เมื่อระดับวิตามินบี 12 ของคุณเริ่มลดลง ร่างกายจะส่งสัญญาณบางอย่างเริ่มให้เห็นรวมถึง การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์อาทิเช่นการขาดแรงจูงใจหรือความรู้สึกไม่แยแสและถ้าระดับต่ำมาก ๆ ยังสามารถนำไปสู่ความหดหู่ ปัญหาเกี่ยวกับความจำ ความอ่อนแอของกล้ามเนื้อและ – สัญญาณที่เด่นชัดที่สุดคือ- ความเมื่อยล้า

    วิตามินบี 12 เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นวิตามินแห่งพลังงานและร่างกายของคุณต้องการสำหรับกิจกรรมที่สำคัญหลายชนิดรวมทั้งการผลิตพลังงานและ :

    การย่อยอาหารที่เหมาะสม การดูดซึมอาหาร การใช้ธาตุเหล็ก การเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตและไขมัน การทำงานของระบบประสาทที่ดี มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเส้นประสาทตามปกติ ช่วยในการควบคุมการสร้างเม็ดเลือดแดง การก่อตัวของเซลล์และอายุการใช้งานที่ยาวนาน

    การผลิตฮอร์โมน เพิ่มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง สนับสนุนความเป็นสตรีเพศและการตั้งครรภ์
    สร้างความรู้สึกให้พอใจกับความเป็นอยู่และการควบคุมอารมณ์ การมีสมาธิ ส่งเสริมความจำ เพิ่มความเข้มข้นในด้านสมรรถภาพทางกาย อารมณ์และจิตใจ

    การวิจัยล่าสุดยังชี้ให้เห็นว่าการมีวิตามินบี 12 ต่ำอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักในชายสูงวัย ความเสี่ยงนี้ยังคงอยู่แม้หลังจากคำนึงถึงปัจจัยที่สำคัญอื่น ๆ เช่นการสูบบุหรี่ สถานะของวิตามินดีและปริมาณแคลเซียม medicinenet.com: (3) กล่าวว่า :

    “ผู้ชายที่อยู่ในกลุ่มที่มีระดับ B-12 ต่ำสุดมีโอกาสเกิดการแตกหักของกระดูกมากกว่าร้อยละ 70 ในการศึกษานี้พบว่าความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากการแตกหักของกระดูกสันหลังส่วนเอวซึ่งมีโอกาสเกิดการแตกหักมากขึ้นถึงร้อยละ 120 เมื่อเทียบกับกระดูกส่วนอื่น "

    และถ้าหากขาดวิตามินบี 12 เรื้อรังในระยะยาวก็อาจทำให้เกิดภาวะร้ายแรงอื่น ๆ ได้แก่ :

    -โรคซึมเศร้า
    -ภาวะสมองเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์
    -ความอุดมสมบูรณ์ของหญิงและปัญหาการคลอดบุตร
    -โรคหัวใจและมะเร็ง

    รูปแบบตามธรรมชาติของ B12 จะมีอยู่ในสัตว์และไม่จำเป็นต้องเป็นเนื้อ แต่อาจเป็นไข่และนมก็ได้ อาหารที่มี B12 สูงรวมถึง:

    -ไข่อินทรีย์
    -เนื้อวัวและตับวัวที่เลี้ยงดวยหญ้าอินทรีย์
    -ไก่อินทรีย์
    -ปลาแซลมอนอลาสก้าที่จับได้ในป่า
    -นมดิบของสัตว์ที่เลี้ยงแบบอินทรีย์และไม่ผ่านกระบวนการ

    ถ้าคุณมีอาการข้างต้นและไม่บริโภคสัตว์หรือสิ่งที่ได้จากสัตว์ ขอแนะนำให้หาวิตามินบี 12 มารับประทานตามความเหมาะสมของอายุและมวลกายรายการ หมอนอกกะลา

    ยาลดกรด 2

    ตอนที่ 1 ได้พูดถึงสองในสี่ผลกระทบหลักของยาลดกรด:
    คือแบคทีเรียเลว ๆ มากเกินไปและความบกพร่องในการดูดซึมสารอาหาร

    อีก 2 ผลกระทบที่เหลือ

    ลดความต้านทานต่อการติดเชื้อและเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งและโรคอื่น ๆ

    เบื้องแรกในการป้องกันร่างกายของเรา:

    ปาก หลอดอาหารและลำไส้เป็นบ้านของระหว่าง 400-1,000 สายพันธุ์ของเชื้อแบคทีเรีย แต่อย่างไรก็ตาม กระเพาะอาหารที่ดีจะมีการฆ่าเชื้ออยู่เสมอ ทำไมน่ะรึ !! เพราะกรดในกระเพาะอาหารฆ่าเชื้อแบคทีเรีย

    ในความเป็นจริง กรดคือบทบาทที่สำคัญที่สุดที่จะสร้างการขัดขวางสองทางที่ช่วยปกป้องกระเพาะอาหารจากเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรค ลำดับแรกแรก : กรดในกระเพาะอาหารจะป้องกันไม่ให้เชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายซึ่งอาจจะอยู่ในอาหารหรือเครื่องดื่มที่เรากินหรืออากาศที่เราหายใจเข้ามาในลำไส้และในเวลาเดียวกัน กรดในกระเพาะอาหารยังช่วยป้องกันเชื้อแบคทีเรียตามปกติจากลำไส้ซึ่งจะย้ายเข้าสู่กระเพาะอาหารและหลอดอาหารซึ่งพวกมันอาจทำให้เกิดปัญหา

    สภาพแวดล้อมของกระเพาะอาหารค่า pH ต่ำ (กรดสูง) เป็นหนึ่งในกลไกการป้องกันที่ไม่เฉพาะเจาะจงที่สำคัญของร่างกาย เมื่อค่าความเป็นกรดของกระเพาะอาหารมีค่าที่ 3 หรือต่ำกว่าถือว่าเป็นปรกติของช่วงท้องว่างหรือ "พักผ่อน" แบคทีเรียจะอยู่ได้ไม่เกินสิบห้านาที แต่ในขณะที่pH เพิ่มขึ้นถึง 5 หรือมากกว่า สายพันธุ์ต่าง ๆ ของแบคทีเรียสามารถหลีกเลี่ยงการกำจัดของกรดและเริ่มที่จะเจริญเติบโต

    แต่น่าเสียดาย มันจะเกิดอะไรขึ้นหากคุณกินยาลดกรด ทั้ง Tagamet และ Zantac จะเพิ่มค่า pHของกระเพาะอาหารจากประมาณ 1-2 ก่อนการรักษาเป็น 5.5-6.5 อย่างมีนัยสำคัญ ตามลำดับ

    Prilosec และ PPIs และอื่น ๆ จะยิ่งเลวร้ายเข้าไปใหญ่ เพียงหนึ่งเม็ดของยาเหล่านี้สามารถลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารได้ถึงร้อยละ90 ถึง 95เพื่อส่วนที่ดีกว่าของวัน การกิน PPIs ในปริมาณที่สูงขึ้นหรือบ่อยมากขึ้น ซึ่งมักจะถูกแนะนำ จะทำให้เกิดภาวะ achlorydia (แทบไม่มีกรดในกระเพาะอาหารเลย) ในการศึกษาของผู้ชายที่มีสุขภาพดี10 คนอายุ 22-55 ปี การให้กิน Prilosec 20 หรือ 40 มิลลิกรัมลดระดับกรดในกระเพาะอาหารจนเกือบหมด

    กระเพาะอาหารที่เป็นกรดไม่มากพอเชื้อแบคทีเรียก่อโรคก็อุดมสมบูรณ์ สนุกสนาน เพราะมันมันทั้งมืดทั้งอบอุ่น ทั้งชื้นและเต็มไปด้วยสารอาหาร แบคทีเรียจะไม่ฆ่าเรา – อย่างน้อยก็ไม่ทันที- แต่บางส่วนของพวกมันสามารถ คนที่มีค่าความเป็นกรดด่างในกระเพาะอาหารสูงพอที่จะส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียร้ายแรงได้อย่างง่ายดาย

    การทบทวนที่ผ่านมาเกี่ยวกับยาลดกรดในกระเพาะอาหารชี้ให้เห็นว่าพวกมันเป็นต้นเหตุจริงของการเพิ่มความไวต่อการติดเชื้อ(PDF) ผู้เขียนพบหลักฐานยืนยันว่า การใช้ยาลดกรดสามารถเพิ่มโอกาสของการติดเชื้อต่อไปนี้:

    Salmonella
    Campylobacter
    อหิวาตกโรค
    Listeria
    Giardia
    C. difficile
    การศึกษาอื่น ๆ พบว่ายาลดกรดยังเพิ่มความเสี่ยงสำหรับ:
    โรคปอดบวม
    วัณโรค
    ไทฟอยด์
    บิด

    ยาลดกรดไม่เพียงแต่เพิ่มความไวต่อการติดเชื้อแต่มันยังไปลดลงความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันของเราในการต่อสู้กับการติดเชื้อเมื่อเราได้รับเชื้อ จากการศึกษาในหลอดทดลองได้แสดงให้เห็นว่า PPIs ทำให้การทำหน้าที่ของเม็ดเลือดขาว nuetrophil ทำงานผิดพลาด ลดการยึดเกาะกับเซลล์ endothelial ลดการฆ่าเชื้อแบคทีเรียของจุลินทรีย์และยับยั้งเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ทำลายอย่าง neutrophil และเพิ่มกรดใน phagolysosome

    ประตูสู่โรคร้ายแรงอื่น ๆ

    อย่างที่เราได้กล่าวถึงในบทความแรกไว้ว่า การลดลงของการหลั่งกรดตามอายุเป็นเรื่องที่มีเอกสารยืนยัน เมื่อเร็ว ๆ นี้ในปี 1996 แพทย์ชาวอังกฤษตั้งข้อสังเกตว่า กระเพาะอาหารเกี่ยวข้องกับการลดลงของกรดตามอายุเนื่องจากการเสียหายของเซลล์ผลิตกรด สภาพนี้เรียกว่าโรคกระเพาะอาหารอักเสบ(atrophic gastritis)

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเนื้อหาต่อไปนี้ กระเพาะอาหารอักเสบ (สภาพที่กรดในกระเพาะอาหารอยู่ในระดับที่ต่ำมาก) มีความเกี่ยวข้องกับความหลากหลายของความผิดปกติร้ายแรงที่ไปไกลเกินกระเพาะอาหารและหลอดอาหาร ซึ่งรวมถึง:

    มะเร็งกระเพาะอาหาร
    โรคภูมิแพ้
    โรคหอบหืด
    อาการซึมเศร้า วิตกกังวล ความผิดปกติของอารมณ์
    โลหิตจาง
    โรคผิวหนังรวมทั้งการเกิดสิว, โรคผิวหนังกลากและลมพิษ
    โรคนิ่วในถุงน้ำดี
    โรคแพ้ภูมิเช่นโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์และโรคเกรฟส์
    อาการลำไส้แปรปรวน (IBS) โรค Crohn (CD), ลำไส้ใหญ่ (UC)
    โรคไวรัสตับอักเสบ
    โรคกระดูกพรุน
    โรคเบาหวานประเภท 1
    และอย่าลืมนะว่ากรดในกระเพาะอาหารต่ำอาจทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนและแสบร้อนกลางอก!

    มะเร็งกระเพาะอาหาร

    โรคกระเพาะอาหารอักเสบเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญสำหรับโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร เชื้อ H. pylori เป็นสาเหตุหลักของโรคนี้ และยาลดกรดก็ยิ่งทำให้อาการเหล่านี้เลวลงและเพิ่มอัตราการติดเชื้อ

    ดังนั้นจึงไม่ได้เป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่อะไรนักหรอกที่จะสงสัยว่ายาลดกรดเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งกระเพาะอาหารในผู้ที่ติดเชื้อ H.pylori ในบทความที่ผ่านมาของ Julie Parsonnet, M.D. of Standford University Medical School เขียนไว้ว่า :
    โดยหลักการแล้ว การรักษาด้วยยาลดกรดในปัจจุบันนี้ อาจเป็นตัวเร่งโรคมะเร็งโดยการแปลงการอักเสบเพียงเล็กน้อยของกระเพาะอาหารเป็นทำลายขั้นรุนแรงในกระบวนการก่อมะเร็ง

    แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น

    ประมาณ 90% ของลำไส้เล็กส่วนต้น (ลำไส้) และ 65% ของแผลในกระเพาะอาหารเกิดจากเชื้อ H. pylori
    ในการทดลองฉีดวัคซีนในมนุษย์ การติดเชื้อไม่สามารถเกิดขึ้นได้เว้นแต่ค่า pH ของกระเพาะอาหารสูงขึ้น(ลดความเป็นกรดลง) โดยการใช้สารต้านฮิสตามีนซึ่งไปลดกรดในกระเพาะอาหารและเพิ่มค่าความเป็นด่าง ยาลดกรดในกระเพาะอาหารจะไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ H. pylori และตามมาด้วยการพัฒนาไปเป็นแผลในลำไส้เล็กส่วนต้นหรือกระเพาะอาหาร

    อาการลำไส้แปรปรวน โรค Crohn และลำไส้ใหญ่อักเสบ

    สารอะดีโนซีน(Adenosine)เป็นตัวกลางหลักของการอักเสบในระบบทางเดินอาหารและสารอะดีโนซีนในระดับสูงจะไปกดและแก้ไขปัญหาการอักเสบเรื้อรังของทั้งโรค Crohn และลำไส้ใหญ่อักเสบ การใช้ PPIs อย่างต่อเนื่องได้รับการยืนยันว่าไปลดความเข้มข้นของสารอะดีโนซีน จึงส่งผลในการเพิ่มขึ้นของการอักเสบในระบบทางเดินอาหาร ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าการใช้งานยาลดกรดในระยะยาว อาจพัฒนาความผิดปกติของลำไส้ให้อักเสบอย่างรุนแรงได้

    ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวลและความผิดปกติทางอารมณ์

    ในขณะที่ยังไม่มีงานวิจัยที่ระบุ (เท่าที่ผมรู้) การเชื่อมโยงของยาลดกรดกับความผิดปกติทางอารมณ์หรือภาวะซึมเศร้า ความเข้าใจพื้นฐานในความสัมพันธ์ระหว่างการย่อยโปรตีนและสุขภาพจิตแสดงให้เห็นว่าอาจจะมีการเชื่อมกัน ในระหว่างการย่อยอาหาร การหลั่งกรดในกระเพาะอาหารจะปล่อยน้ำย่อยซึ่งเรียกว่า เพพซิน (pepsin) น้ำย่อยนี้เป็นเอนไซม์ที่มีความรับผิดชอบต่อการสลายพันธะโปรตีนไปเป็นกรดอะมิโนและเปปไทด์ กรดอะมิโนที่เรียกว่า "จำเป็น" ก็เพราะเราไม่สามารถผลิตได้เองในร่างกายของเรา เราจะต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น

    หากขาดน้ำย่อยโปรตีน (Pepsin) โปรตีนที่เรากินเข้าไปจะไม่ถูกทำลายไปเป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นและส่วนประกอบเปปไทด์ และเนื่องจากกรดอะมิโนจำเป็นเหล่านี้เช่น phenylalanine และ tryptophan มีบทบาทสำคัญในด้านสุขภาพจิตและพฤติกรรม กรดในกระเพาะอาหารที่ต่ำอาจเป็นตัวชักนำต่อการพัฒนาความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้าหรือความผิดปกติทางอารมณ์

    โรคแพ้ภูมิ

    กรดในกระเพาะอาหารต่ำและต่อมาก็มีแบคทีเรียมากเกินไปทำให้เกิดลำไส้ที่ซึมผ่านได้ง่ายแล้วปล่อยให้โปรตีนที่ไม่ได้รับการย่อยเข้าสู่กระแสเลือด ภาวะนี้มักจะถูกเรียกว่า "กลุ่มอาการของโรคลำไส้รั่ว" Salzman และเพื่อนได้แสดงให้เห็นว่า
    การซึมผ่านได้ง่ายของเซลล์ลำไส้ ทั้งtranscellular และ paracellular เพิ่มขึ้นอย่างมากในผู้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบเมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ควบคุม

    เมื่อโปรตีนที่ไม่ผ่านการย่อยไปเข้าอยู่ในกระแสเลือดพวกมันจะถูกถือว่าเป็น "ผู้รุกราน" โดยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายระดมการป้องกันของมัน (อาทิ T เซลล์ Bเซลล์และแอนติบอดี ) เพื่อที่จะกำจัดการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย

    ประเภทของการตอบสนองจากภูมิคุ้มกันต่อโปรตีนที่เรากินนี้ก่อให้เกิดการแพ้อาหาร กลไกที่คล้ายกันนี้ที่ยังไม่เป็นที่เข้าใจในคนที่มีลำไส้รั่ว การพัฒนาโรคแพ้ภูมิรุนแรงมากขึ้นจนกลายไปเป็นอาทิ โรคลูปัส (พุ่มพวง เอสแอลอี), โรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์, โรคเบาหวานชนิดที่ 1 (เบาหวานแห้ง)โรคเกรฟส์และความผิดปกติของลำไส้อักเสบเช่น Crohn และลำไส้ใหญ่อักเสบ

    ความสัมพันธ์ระหว่างโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์ (RA) และกรดในกระเพาะอาหารยังมีรายงานไว้ในงานเขียนและงานวิจัยมากมาย การตรวจสอบปริมาณกรดในกระเพาะอาหารของผู้ป่วยโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์ RA 45 คน ของนักวิจัยชาวสวีเดนพบว่า 16 คน(36 เปอร์เซ็นต์) แทบจะไม่มีกรดในกระเพาะอาหารเลย คนที่ได้รับความทรมานจาก RA ที่ยาวที่สุดมีกรดในกระเพาะอาหารน้อยที่สุด กลุ่มนักวิจัยอิตาลียังพบอีกว่าคนที่มี RA มีอัตราของโรคกระเพาะอาหารอักเสบที่สูงมากด้วยค่าความเป็นกรดในกระเพาะอาหารที่ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับบุคคลปกติ

    โรคหอบหืด

    ในรอบสิบปีที่ผ่านมา มากกว่าสี่ร้อยบทความทางวิทยาศาสตร์ให้กังวลเกี่ยวกับการเชื่อมโยงระหว่างโรคหอบหืดและความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร หนึ่งในคุณสมบัติที่พบบ่อยที่สุดของโรคหอบหืดนอกเหนือไปจากการหายใจก็คือเป็นกรดไหลย้อน เป็นที่คาดการณ์กันว่าร้อยละ 80 ของผู้ที่มีโรคหอบหืดยังมีโรคกรดไหลย้อนพ่วงท้ายอีกต่างหาก เมื่อเทียบกับคนที่มีสุขภาพดี และมีการระคายเคืองจากกรดเกินมากขึ้นในเยื่อบุหลอดอาหารของพวกเขา

    เมื่อกรดเข้าไปในหลอดลม จะทำให้ความสามารถของปอดในการหายใจเข้าออกลดลงเป็นสิบเท่า แพทย์ที่มีความตระหนักถึงสิ่งนี้ก็เริ่มจ่ายยาลดกรดให้กับผู้ป่วยโรคหอบหืดที่ทุกข์ทรมานจากโรคกรดไหลย้อน ในขณะที่ยาลดกรดนี้อาจช่วยบรรเทาอาการชั่วคราว แต่มันไม่ใช่การรักษาที่ต้นเหตุของความผิดปกติที่กรดไหลย้อนเข้าไปในหลอดอาหารในคราวแรก

    ในความเป็นจริง มีเหตุผลที่จะเชื่อได้ว่ายาลดกรดทำให้ทุกปัญหาพื้นฐานแย่ลง (กรดในกระเพาะอาหารน้อยเกินไปและเพิ่มแบคทีเรีย) ดังนั้นทำให้อาการยาวนานและรุนแรง

    สรุป

    อย่างที่เราได้อ่านจากบทความก่อนหน้านี้ในตอนที่ 1 แสบร้อนกลางอกและโรคกรดไหลย้อนมันเกิดจากการน้อยเกินไป - และไม่มากพอ – ของกรดในกระเพาะอาหาร แต่น่าเสียดายที่กรดในกระเพาะอาหารไม่เพียงพอนี้ยังไปเกี่ยวข้องกับการเพิ่มจำนวนแบคทีเรียมากจนเกินไป การดูดซึมสารอาหารด้อยคุณภาพลง การลดลงของความต้านทานต่อการติดเชื้อและเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร, แผลในกระเพาะอาหาร,ลำไส้แปรปรวน และโรคทางเดินอาหารอื่น ๆ ภาวะซึมเศร้าและความผิดปกติทางอารมณ์และโรคแพ้ภูมิตัวเองและโรคหอบหืด

    การบรรเทาอาการชั่วคราวของยาลดกรดเหล่านี้ให้ความคุ้มค่าต่อความเสี่ยงหรือไม่ นั่นคือสิ่งเดียวที่คุณสามารถตัดสินใจได้เอง

    Cr. Santi Manadee
    #ยาลดกรด ถ้าคุณใช้ยาลดกรดไม่ว่าจะตามคำสั่งแพทย์หรือฟังจากโฆษณาแล้วเชื่อตามนั้น ลองอ่านให้จบว่าอาการเหล่านี้ได้เกิดกับตัวคุณแล้วหรือยัง จากการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ (1) การใช้สาร proton pump inhibitors ในระยะยาวอย่างเช่น Prilosec, Prevacid และ Nexium (ยาเม็ดสีม่วง) - ยาที่ช่วยลดปริมาณกรดในกระเพาะอาหาร - เกี่ยวข้องกับการขาดวิตามินบี 12 ผู้เข้าร่วมที่กินยาลดกรดมานานกว่าสองปีมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นร้อยละ 65 ของการขาดวิตามินบี 12 ซึ่งอาจนำไปโรค : -โรคโลหิตจาง -ความเสียหายของเส้นประสาท -ปัญหาเกี่ยวกับจิต -สมองเสื่อม (Dementia) ยิ่งกินในปริมาณที่สูงกว่าก็มีความเสี่ยงที่สูงกว่า ตามที่อธิบายไว้โดยนักวิจัยอาวุโส Dr. Douglas Corley (2) Gastroenterologist ที่ Kaiser Permanente: "ยาลดกรดชนิดนี้อาจทำให้เกิดการขาดวิตามินบี 12 เนื่องจากเซลล์ที่สร้างกรดในกระเพาะอาหารยังสร้างโปรตีนที่ช่วยให้วิตามินบี 12 ถูกดูดซึมได้" การขาดวิตามินบี 12 จะทำให้สุขภาพของคุณแย่ลงได้อย่างไร เมื่อระดับวิตามินบี 12 ของคุณเริ่มลดลง ร่างกายจะส่งสัญญาณบางอย่างเริ่มให้เห็นรวมถึง การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์อาทิเช่นการขาดแรงจูงใจหรือความรู้สึกไม่แยแสและถ้าระดับต่ำมาก ๆ ยังสามารถนำไปสู่ความหดหู่ ปัญหาเกี่ยวกับความจำ ความอ่อนแอของกล้ามเนื้อและ – สัญญาณที่เด่นชัดที่สุดคือ- ความเมื่อยล้า วิตามินบี 12 เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นวิตามินแห่งพลังงานและร่างกายของคุณต้องการสำหรับกิจกรรมที่สำคัญหลายชนิดรวมทั้งการผลิตพลังงานและ : การย่อยอาหารที่เหมาะสม การดูดซึมอาหาร การใช้ธาตุเหล็ก การเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตและไขมัน การทำงานของระบบประสาทที่ดี มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเส้นประสาทตามปกติ ช่วยในการควบคุมการสร้างเม็ดเลือดแดง การก่อตัวของเซลล์และอายุการใช้งานที่ยาวนาน การผลิตฮอร์โมน เพิ่มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง สนับสนุนความเป็นสตรีเพศและการตั้งครรภ์ สร้างความรู้สึกให้พอใจกับความเป็นอยู่และการควบคุมอารมณ์ การมีสมาธิ ส่งเสริมความจำ เพิ่มความเข้มข้นในด้านสมรรถภาพทางกาย อารมณ์และจิตใจ การวิจัยล่าสุดยังชี้ให้เห็นว่าการมีวิตามินบี 12 ต่ำอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักในชายสูงวัย ความเสี่ยงนี้ยังคงอยู่แม้หลังจากคำนึงถึงปัจจัยที่สำคัญอื่น ๆ เช่นการสูบบุหรี่ สถานะของวิตามินดีและปริมาณแคลเซียม medicinenet.com: (3) กล่าวว่า : “ผู้ชายที่อยู่ในกลุ่มที่มีระดับ B-12 ต่ำสุดมีโอกาสเกิดการแตกหักของกระดูกมากกว่าร้อยละ 70 ในการศึกษานี้พบว่าความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากการแตกหักของกระดูกสันหลังส่วนเอวซึ่งมีโอกาสเกิดการแตกหักมากขึ้นถึงร้อยละ 120 เมื่อเทียบกับกระดูกส่วนอื่น " และถ้าหากขาดวิตามินบี 12 เรื้อรังในระยะยาวก็อาจทำให้เกิดภาวะร้ายแรงอื่น ๆ ได้แก่ : -โรคซึมเศร้า -ภาวะสมองเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์ -ความอุดมสมบูรณ์ของหญิงและปัญหาการคลอดบุตร -โรคหัวใจและมะเร็ง รูปแบบตามธรรมชาติของ B12 จะมีอยู่ในสัตว์และไม่จำเป็นต้องเป็นเนื้อ แต่อาจเป็นไข่และนมก็ได้ อาหารที่มี B12 สูงรวมถึง: -ไข่อินทรีย์ -เนื้อวัวและตับวัวที่เลี้ยงดวยหญ้าอินทรีย์ -ไก่อินทรีย์ -ปลาแซลมอนอลาสก้าที่จับได้ในป่า -นมดิบของสัตว์ที่เลี้ยงแบบอินทรีย์และไม่ผ่านกระบวนการ ถ้าคุณมีอาการข้างต้นและไม่บริโภคสัตว์หรือสิ่งที่ได้จากสัตว์ ขอแนะนำให้หาวิตามินบี 12 มารับประทานตามความเหมาะสมของอายุและมวลกายรายการ หมอนอกกะลา ยาลดกรด 2 ตอนที่ 1 ได้พูดถึงสองในสี่ผลกระทบหลักของยาลดกรด: คือแบคทีเรียเลว ๆ มากเกินไปและความบกพร่องในการดูดซึมสารอาหาร อีก 2 ผลกระทบที่เหลือ ลดความต้านทานต่อการติดเชื้อและเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งและโรคอื่น ๆ เบื้องแรกในการป้องกันร่างกายของเรา: ปาก หลอดอาหารและลำไส้เป็นบ้านของระหว่าง 400-1,000 สายพันธุ์ของเชื้อแบคทีเรีย แต่อย่างไรก็ตาม กระเพาะอาหารที่ดีจะมีการฆ่าเชื้ออยู่เสมอ ทำไมน่ะรึ !! เพราะกรดในกระเพาะอาหารฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ในความเป็นจริง กรดคือบทบาทที่สำคัญที่สุดที่จะสร้างการขัดขวางสองทางที่ช่วยปกป้องกระเพาะอาหารจากเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรค ลำดับแรกแรก : กรดในกระเพาะอาหารจะป้องกันไม่ให้เชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายซึ่งอาจจะอยู่ในอาหารหรือเครื่องดื่มที่เรากินหรืออากาศที่เราหายใจเข้ามาในลำไส้และในเวลาเดียวกัน กรดในกระเพาะอาหารยังช่วยป้องกันเชื้อแบคทีเรียตามปกติจากลำไส้ซึ่งจะย้ายเข้าสู่กระเพาะอาหารและหลอดอาหารซึ่งพวกมันอาจทำให้เกิดปัญหา สภาพแวดล้อมของกระเพาะอาหารค่า pH ต่ำ (กรดสูง) เป็นหนึ่งในกลไกการป้องกันที่ไม่เฉพาะเจาะจงที่สำคัญของร่างกาย เมื่อค่าความเป็นกรดของกระเพาะอาหารมีค่าที่ 3 หรือต่ำกว่าถือว่าเป็นปรกติของช่วงท้องว่างหรือ "พักผ่อน" แบคทีเรียจะอยู่ได้ไม่เกินสิบห้านาที แต่ในขณะที่pH เพิ่มขึ้นถึง 5 หรือมากกว่า สายพันธุ์ต่าง ๆ ของแบคทีเรียสามารถหลีกเลี่ยงการกำจัดของกรดและเริ่มที่จะเจริญเติบโต แต่น่าเสียดาย มันจะเกิดอะไรขึ้นหากคุณกินยาลดกรด ทั้ง Tagamet และ Zantac จะเพิ่มค่า pHของกระเพาะอาหารจากประมาณ 1-2 ก่อนการรักษาเป็น 5.5-6.5 อย่างมีนัยสำคัญ ตามลำดับ Prilosec และ PPIs และอื่น ๆ จะยิ่งเลวร้ายเข้าไปใหญ่ เพียงหนึ่งเม็ดของยาเหล่านี้สามารถลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารได้ถึงร้อยละ90 ถึง 95เพื่อส่วนที่ดีกว่าของวัน การกิน PPIs ในปริมาณที่สูงขึ้นหรือบ่อยมากขึ้น ซึ่งมักจะถูกแนะนำ จะทำให้เกิดภาวะ achlorydia (แทบไม่มีกรดในกระเพาะอาหารเลย) ในการศึกษาของผู้ชายที่มีสุขภาพดี10 คนอายุ 22-55 ปี การให้กิน Prilosec 20 หรือ 40 มิลลิกรัมลดระดับกรดในกระเพาะอาหารจนเกือบหมด กระเพาะอาหารที่เป็นกรดไม่มากพอเชื้อแบคทีเรียก่อโรคก็อุดมสมบูรณ์ สนุกสนาน เพราะมันมันทั้งมืดทั้งอบอุ่น ทั้งชื้นและเต็มไปด้วยสารอาหาร แบคทีเรียจะไม่ฆ่าเรา – อย่างน้อยก็ไม่ทันที- แต่บางส่วนของพวกมันสามารถ คนที่มีค่าความเป็นกรดด่างในกระเพาะอาหารสูงพอที่จะส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียร้ายแรงได้อย่างง่ายดาย การทบทวนที่ผ่านมาเกี่ยวกับยาลดกรดในกระเพาะอาหารชี้ให้เห็นว่าพวกมันเป็นต้นเหตุจริงของการเพิ่มความไวต่อการติดเชื้อ(PDF) ผู้เขียนพบหลักฐานยืนยันว่า การใช้ยาลดกรดสามารถเพิ่มโอกาสของการติดเชื้อต่อไปนี้: Salmonella Campylobacter อหิวาตกโรค Listeria Giardia C. difficile การศึกษาอื่น ๆ พบว่ายาลดกรดยังเพิ่มความเสี่ยงสำหรับ: โรคปอดบวม วัณโรค ไทฟอยด์ บิด ยาลดกรดไม่เพียงแต่เพิ่มความไวต่อการติดเชื้อแต่มันยังไปลดลงความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันของเราในการต่อสู้กับการติดเชื้อเมื่อเราได้รับเชื้อ จากการศึกษาในหลอดทดลองได้แสดงให้เห็นว่า PPIs ทำให้การทำหน้าที่ของเม็ดเลือดขาว nuetrophil ทำงานผิดพลาด ลดการยึดเกาะกับเซลล์ endothelial ลดการฆ่าเชื้อแบคทีเรียของจุลินทรีย์และยับยั้งเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ทำลายอย่าง neutrophil และเพิ่มกรดใน phagolysosome ประตูสู่โรคร้ายแรงอื่น ๆ อย่างที่เราได้กล่าวถึงในบทความแรกไว้ว่า การลดลงของการหลั่งกรดตามอายุเป็นเรื่องที่มีเอกสารยืนยัน เมื่อเร็ว ๆ นี้ในปี 1996 แพทย์ชาวอังกฤษตั้งข้อสังเกตว่า กระเพาะอาหารเกี่ยวข้องกับการลดลงของกรดตามอายุเนื่องจากการเสียหายของเซลล์ผลิตกรด สภาพนี้เรียกว่าโรคกระเพาะอาหารอักเสบ(atrophic gastritis) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเนื้อหาต่อไปนี้ กระเพาะอาหารอักเสบ (สภาพที่กรดในกระเพาะอาหารอยู่ในระดับที่ต่ำมาก) มีความเกี่ยวข้องกับความหลากหลายของความผิดปกติร้ายแรงที่ไปไกลเกินกระเพาะอาหารและหลอดอาหาร ซึ่งรวมถึง: มะเร็งกระเพาะอาหาร โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด อาการซึมเศร้า วิตกกังวล ความผิดปกติของอารมณ์ โลหิตจาง โรคผิวหนังรวมทั้งการเกิดสิว, โรคผิวหนังกลากและลมพิษ โรคนิ่วในถุงน้ำดี โรคแพ้ภูมิเช่นโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์และโรคเกรฟส์ อาการลำไส้แปรปรวน (IBS) โรค Crohn (CD), ลำไส้ใหญ่ (UC) โรคไวรัสตับอักเสบ โรคกระดูกพรุน โรคเบาหวานประเภท 1 และอย่าลืมนะว่ากรดในกระเพาะอาหารต่ำอาจทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนและแสบร้อนกลางอก! มะเร็งกระเพาะอาหาร โรคกระเพาะอาหารอักเสบเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญสำหรับโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร เชื้อ H. pylori เป็นสาเหตุหลักของโรคนี้ และยาลดกรดก็ยิ่งทำให้อาการเหล่านี้เลวลงและเพิ่มอัตราการติดเชื้อ ดังนั้นจึงไม่ได้เป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่อะไรนักหรอกที่จะสงสัยว่ายาลดกรดเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งกระเพาะอาหารในผู้ที่ติดเชื้อ H.pylori ในบทความที่ผ่านมาของ Julie Parsonnet, M.D. of Standford University Medical School เขียนไว้ว่า : โดยหลักการแล้ว การรักษาด้วยยาลดกรดในปัจจุบันนี้ อาจเป็นตัวเร่งโรคมะเร็งโดยการแปลงการอักเสบเพียงเล็กน้อยของกระเพาะอาหารเป็นทำลายขั้นรุนแรงในกระบวนการก่อมะเร็ง แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น ประมาณ 90% ของลำไส้เล็กส่วนต้น (ลำไส้) และ 65% ของแผลในกระเพาะอาหารเกิดจากเชื้อ H. pylori ในการทดลองฉีดวัคซีนในมนุษย์ การติดเชื้อไม่สามารถเกิดขึ้นได้เว้นแต่ค่า pH ของกระเพาะอาหารสูงขึ้น(ลดความเป็นกรดลง) โดยการใช้สารต้านฮิสตามีนซึ่งไปลดกรดในกระเพาะอาหารและเพิ่มค่าความเป็นด่าง ยาลดกรดในกระเพาะอาหารจะไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ H. pylori และตามมาด้วยการพัฒนาไปเป็นแผลในลำไส้เล็กส่วนต้นหรือกระเพาะอาหาร อาการลำไส้แปรปรวน โรค Crohn และลำไส้ใหญ่อักเสบ สารอะดีโนซีน(Adenosine)เป็นตัวกลางหลักของการอักเสบในระบบทางเดินอาหารและสารอะดีโนซีนในระดับสูงจะไปกดและแก้ไขปัญหาการอักเสบเรื้อรังของทั้งโรค Crohn และลำไส้ใหญ่อักเสบ การใช้ PPIs อย่างต่อเนื่องได้รับการยืนยันว่าไปลดความเข้มข้นของสารอะดีโนซีน จึงส่งผลในการเพิ่มขึ้นของการอักเสบในระบบทางเดินอาหาร ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าการใช้งานยาลดกรดในระยะยาว อาจพัฒนาความผิดปกติของลำไส้ให้อักเสบอย่างรุนแรงได้ ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวลและความผิดปกติทางอารมณ์ ในขณะที่ยังไม่มีงานวิจัยที่ระบุ (เท่าที่ผมรู้) การเชื่อมโยงของยาลดกรดกับความผิดปกติทางอารมณ์หรือภาวะซึมเศร้า ความเข้าใจพื้นฐานในความสัมพันธ์ระหว่างการย่อยโปรตีนและสุขภาพจิตแสดงให้เห็นว่าอาจจะมีการเชื่อมกัน ในระหว่างการย่อยอาหาร การหลั่งกรดในกระเพาะอาหารจะปล่อยน้ำย่อยซึ่งเรียกว่า เพพซิน (pepsin) น้ำย่อยนี้เป็นเอนไซม์ที่มีความรับผิดชอบต่อการสลายพันธะโปรตีนไปเป็นกรดอะมิโนและเปปไทด์ กรดอะมิโนที่เรียกว่า "จำเป็น" ก็เพราะเราไม่สามารถผลิตได้เองในร่างกายของเรา เราจะต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น หากขาดน้ำย่อยโปรตีน (Pepsin) โปรตีนที่เรากินเข้าไปจะไม่ถูกทำลายไปเป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นและส่วนประกอบเปปไทด์ และเนื่องจากกรดอะมิโนจำเป็นเหล่านี้เช่น phenylalanine และ tryptophan มีบทบาทสำคัญในด้านสุขภาพจิตและพฤติกรรม กรดในกระเพาะอาหารที่ต่ำอาจเป็นตัวชักนำต่อการพัฒนาความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้าหรือความผิดปกติทางอารมณ์ โรคแพ้ภูมิ กรดในกระเพาะอาหารต่ำและต่อมาก็มีแบคทีเรียมากเกินไปทำให้เกิดลำไส้ที่ซึมผ่านได้ง่ายแล้วปล่อยให้โปรตีนที่ไม่ได้รับการย่อยเข้าสู่กระแสเลือด ภาวะนี้มักจะถูกเรียกว่า "กลุ่มอาการของโรคลำไส้รั่ว" Salzman และเพื่อนได้แสดงให้เห็นว่า การซึมผ่านได้ง่ายของเซลล์ลำไส้ ทั้งtranscellular และ paracellular เพิ่มขึ้นอย่างมากในผู้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบเมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ควบคุม เมื่อโปรตีนที่ไม่ผ่านการย่อยไปเข้าอยู่ในกระแสเลือดพวกมันจะถูกถือว่าเป็น "ผู้รุกราน" โดยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายระดมการป้องกันของมัน (อาทิ T เซลล์ Bเซลล์และแอนติบอดี ) เพื่อที่จะกำจัดการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ประเภทของการตอบสนองจากภูมิคุ้มกันต่อโปรตีนที่เรากินนี้ก่อให้เกิดการแพ้อาหาร กลไกที่คล้ายกันนี้ที่ยังไม่เป็นที่เข้าใจในคนที่มีลำไส้รั่ว การพัฒนาโรคแพ้ภูมิรุนแรงมากขึ้นจนกลายไปเป็นอาทิ โรคลูปัส (พุ่มพวง เอสแอลอี), โรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์, โรคเบาหวานชนิดที่ 1 (เบาหวานแห้ง)โรคเกรฟส์และความผิดปกติของลำไส้อักเสบเช่น Crohn และลำไส้ใหญ่อักเสบ ความสัมพันธ์ระหว่างโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์ (RA) และกรดในกระเพาะอาหารยังมีรายงานไว้ในงานเขียนและงานวิจัยมากมาย การตรวจสอบปริมาณกรดในกระเพาะอาหารของผู้ป่วยโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์ RA 45 คน ของนักวิจัยชาวสวีเดนพบว่า 16 คน(36 เปอร์เซ็นต์) แทบจะไม่มีกรดในกระเพาะอาหารเลย คนที่ได้รับความทรมานจาก RA ที่ยาวที่สุดมีกรดในกระเพาะอาหารน้อยที่สุด กลุ่มนักวิจัยอิตาลียังพบอีกว่าคนที่มี RA มีอัตราของโรคกระเพาะอาหารอักเสบที่สูงมากด้วยค่าความเป็นกรดในกระเพาะอาหารที่ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับบุคคลปกติ โรคหอบหืด ในรอบสิบปีที่ผ่านมา มากกว่าสี่ร้อยบทความทางวิทยาศาสตร์ให้กังวลเกี่ยวกับการเชื่อมโยงระหว่างโรคหอบหืดและความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร หนึ่งในคุณสมบัติที่พบบ่อยที่สุดของโรคหอบหืดนอกเหนือไปจากการหายใจก็คือเป็นกรดไหลย้อน เป็นที่คาดการณ์กันว่าร้อยละ 80 ของผู้ที่มีโรคหอบหืดยังมีโรคกรดไหลย้อนพ่วงท้ายอีกต่างหาก เมื่อเทียบกับคนที่มีสุขภาพดี และมีการระคายเคืองจากกรดเกินมากขึ้นในเยื่อบุหลอดอาหารของพวกเขา เมื่อกรดเข้าไปในหลอดลม จะทำให้ความสามารถของปอดในการหายใจเข้าออกลดลงเป็นสิบเท่า แพทย์ที่มีความตระหนักถึงสิ่งนี้ก็เริ่มจ่ายยาลดกรดให้กับผู้ป่วยโรคหอบหืดที่ทุกข์ทรมานจากโรคกรดไหลย้อน ในขณะที่ยาลดกรดนี้อาจช่วยบรรเทาอาการชั่วคราว แต่มันไม่ใช่การรักษาที่ต้นเหตุของความผิดปกติที่กรดไหลย้อนเข้าไปในหลอดอาหารในคราวแรก ในความเป็นจริง มีเหตุผลที่จะเชื่อได้ว่ายาลดกรดทำให้ทุกปัญหาพื้นฐานแย่ลง (กรดในกระเพาะอาหารน้อยเกินไปและเพิ่มแบคทีเรีย) ดังนั้นทำให้อาการยาวนานและรุนแรง สรุป อย่างที่เราได้อ่านจากบทความก่อนหน้านี้ในตอนที่ 1 แสบร้อนกลางอกและโรคกรดไหลย้อนมันเกิดจากการน้อยเกินไป - และไม่มากพอ – ของกรดในกระเพาะอาหาร แต่น่าเสียดายที่กรดในกระเพาะอาหารไม่เพียงพอนี้ยังไปเกี่ยวข้องกับการเพิ่มจำนวนแบคทีเรียมากจนเกินไป การดูดซึมสารอาหารด้อยคุณภาพลง การลดลงของความต้านทานต่อการติดเชื้อและเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร, แผลในกระเพาะอาหาร,ลำไส้แปรปรวน และโรคทางเดินอาหารอื่น ๆ ภาวะซึมเศร้าและความผิดปกติทางอารมณ์และโรคแพ้ภูมิตัวเองและโรคหอบหืด การบรรเทาอาการชั่วคราวของยาลดกรดเหล่านี้ให้ความคุ้มค่าต่อความเสี่ยงหรือไม่ นั่นคือสิ่งเดียวที่คุณสามารถตัดสินใจได้เอง Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts