• "UniFi เปิดตัว U5G Max และไลน์อัป 5G รุ่นใหม่"

    Ubiquiti ได้เปิดตัว UniFi 5G รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับ U5G Max และอุปกรณ์ในตระกูล 5G ที่ออกแบบมาเพื่อการเชื่อมต่อที่ง่ายและมีประสิทธิภาพสูง จุดเด่นคือการ ติดตั้งที่ง่ายดาย (effortless setup) ความเร็วระดับ ultra fast speeds และตัวเลือกสำหรับการใช้งานกลางแจ้งที่ทนทาน (rugged outdoor options)

    อุปกรณ์ในไลน์อัปใหม่นี้ยังมาพร้อมกับ การผสานเข้ากับระบบ UniFi อย่างสมบูรณ์ ทำให้ผู้ใช้สามารถจัดการเครือข่ายได้จากแพลตฟอร์มเดียว ไม่ว่าจะเป็นการควบคุม Wi-Fi, LAN หรือ 5G ทั้งหมดใน ecosystem เดียวกัน ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกและลดความซับซ้อนในการดูแลระบบเครือข่าย

    นอกจากนี้ UniFi 5G ยังถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่บ้านพักอาศัย ธุรกิจขนาดเล็ก ไปจนถึงองค์กรที่ต้องการโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายที่มีความเสถียรและปลอดภัย โดยมีตัวเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะกับการใช้งานทั้งในร่มและกลางแจ้ง

    การเปิดตัวครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของ Ubiquiti ที่จะขยาย ecosystem ของ UniFi ให้ครอบคลุมทุกการเชื่อมต่อ ตั้งแต่ Wi-Fi, wired network ไปจนถึง 5G เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ครบวงจรและตอบโจทย์ผู้ใช้ในยุคดิจิทัล

    สรุปประเด็นสำคัญ
    จุดเด่นของ UniFi 5G
    ติดตั้งง่าย (effortless setup)
    ความเร็วสูงระดับ ultra fast speeds
    ตัวเลือกกลางแจ้งที่ทนทาน (rugged outdoor options)

    การผสานเข้ากับระบบ UniFi
    จัดการ Wi-Fi, LAN และ 5G จากแพลตฟอร์มเดียว
    ลดความซับซ้อนในการดูแลระบบเครือข่าย

    การใช้งานที่หลากหลาย
    รองรับทั้งบ้านพักอาศัย ธุรกิจ และองค์กร
    มีอุปกรณ์สำหรับทั้งในร่มและกลางแจ้ง

    ข้อควรระวัง
    การใช้งาน 5G อาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการเชื่อมต่อทั่วไป
    ความครอบคลุมสัญญาณขึ้นอยู่กับพื้นที่และผู้ให้บริการ

    https://blog.ui.com/article/introducing-unifi-5g
    📡 "UniFi เปิดตัว U5G Max และไลน์อัป 5G รุ่นใหม่" Ubiquiti ได้เปิดตัว UniFi 5G รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับ U5G Max และอุปกรณ์ในตระกูล 5G ที่ออกแบบมาเพื่อการเชื่อมต่อที่ง่ายและมีประสิทธิภาพสูง จุดเด่นคือการ ติดตั้งที่ง่ายดาย (effortless setup) ความเร็วระดับ ultra fast speeds และตัวเลือกสำหรับการใช้งานกลางแจ้งที่ทนทาน (rugged outdoor options) อุปกรณ์ในไลน์อัปใหม่นี้ยังมาพร้อมกับ การผสานเข้ากับระบบ UniFi อย่างสมบูรณ์ ทำให้ผู้ใช้สามารถจัดการเครือข่ายได้จากแพลตฟอร์มเดียว ไม่ว่าจะเป็นการควบคุม Wi-Fi, LAN หรือ 5G ทั้งหมดใน ecosystem เดียวกัน ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกและลดความซับซ้อนในการดูแลระบบเครือข่าย นอกจากนี้ UniFi 5G ยังถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่บ้านพักอาศัย ธุรกิจขนาดเล็ก ไปจนถึงองค์กรที่ต้องการโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายที่มีความเสถียรและปลอดภัย โดยมีตัวเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะกับการใช้งานทั้งในร่มและกลางแจ้ง การเปิดตัวครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของ Ubiquiti ที่จะขยาย ecosystem ของ UniFi ให้ครอบคลุมทุกการเชื่อมต่อ ตั้งแต่ Wi-Fi, wired network ไปจนถึง 5G เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ครบวงจรและตอบโจทย์ผู้ใช้ในยุคดิจิทัล 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ จุดเด่นของ UniFi 5G ➡️ ติดตั้งง่าย (effortless setup) ➡️ ความเร็วสูงระดับ ultra fast speeds ➡️ ตัวเลือกกลางแจ้งที่ทนทาน (rugged outdoor options) ✅ การผสานเข้ากับระบบ UniFi ➡️ จัดการ Wi-Fi, LAN และ 5G จากแพลตฟอร์มเดียว ➡️ ลดความซับซ้อนในการดูแลระบบเครือข่าย ✅ การใช้งานที่หลากหลาย ➡️ รองรับทั้งบ้านพักอาศัย ธุรกิจ และองค์กร ➡️ มีอุปกรณ์สำหรับทั้งในร่มและกลางแจ้ง ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ การใช้งาน 5G อาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการเชื่อมต่อทั่วไป ⛔ ความครอบคลุมสัญญาณขึ้นอยู่กับพื้นที่และผู้ให้บริการ https://blog.ui.com/article/introducing-unifi-5g
    BLOG.UI.COM
    Introducing UniFi 5G
    Discover the U5G Max and UniFi’s next generation 5G lineup featuring effortless setup, ultra fast speeds, rugged outdoor options, and advanced UniFi integration for unmatched performance.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลุดผลทดสอบ และรายละเอียด Intel Panther Lake “Core Ultra Series 3”

    ข่าวนี้เผยผลทดสอบหลุดของซีพียู Intel Panther Lake “Core Ultra Series 3” หลายรุ่น เช่น Core Ultra 7 366H, Ultra X7 358H, Ultra 7 365 และ Ultra 5 332 โดยมีทั้งสเปกและคะแนนเบื้องต้นจาก PassMark และ Geekbench ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของ Intel ในการแข่งขันกับ AMD Ryzen AI รุ่นใหม่ อันประกอบไปด้วย:
    Core Ultra 7 366H: 16 คอร์, L3 cache 18MB, L2 cache 12MB, ความเร็วบูสต์ ~5.0 GHz
    Core Ultra X7 358H: 16 คอร์, ความเร็วบูสต์ 4.8 GHz, มาพร้อม iGPU Xe3 เต็ม 12 คอร์
    Core Ultra 7 365: 8 คอร์, L3 12MB, L2 12MB
    Core Ultra 5 332: 6 คอร์, L3 12MB, L2 6MB

    ผลทดสอบประสิทธิภาพ
    Core Ultra 7 366H ทำคะแนนใกล้เคียงกับ Core Ultra 9 285H แม้ความเร็วต่ำกว่าเล็กน้อย
    Core Ultra X7 358H เร็วกว่ารุ่น Ultra 7 255H แม้มีคอร์น้อยกว่า
    Core Ultra 7 365 เร็วกว่าทั้ง Ryzen AI Z2 Extreme และ Ultra 5 226V
    Core Ultra 5 332 ถือเป็นรุ่นเริ่มต้นที่ช้ากว่ารุ่นอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด

    การทดสอบบนเครื่องเล่นพกพา
    มีการพบ OneXPlayer X1 i ที่ใช้ Core Ultra 5 338H (12 คอร์, 4.6 GHz) โดยผล Geekbench แสดงว่า Single-Core ต่ำกว่า Ryzen AI 9 HX 370 แต่ Multi-Core สูงกว่า แสดงให้เห็นว่า Panther Lake อาจมีศักยภาพในงานที่ใช้หลายคอร์พร้อมกัน

    ความคาดหวังใน CES 2026
    Intel เตรียมเปิดตัว Core Ultra Series 3 “Panther Lake” อย่างเป็นทางการในงาน CES 2026 ซึ่งจะเป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่กับ AMD Ryzen AI รุ่นใหม่ โดยเฉพาะในตลาดโน้ตบุ๊กและเครื่องเล่นพกพาที่ต้องการทั้งประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Intel Panther Lake หลายรุ่นถูกทดสอบบน PassMark และ Geekbench
    Core Ultra 7 366H, X7 358H, 7 365, 5 332

    ผลทดสอบชี้ว่ารุ่นกลางและสูงแข่งกับ Ryzen AI ได้สูสี
    Ultra 7 365 เร็วกว่ารุ่น Ryzen AI Z2 Extreme

    OneXPlayer X1 i ใช้ Core Ultra 5 338H
    Multi-Core ดีกว่า Ryzen AI 9 HX 370 แต่ Single-Core ต่ำกว่า

    คาดว่าจะเปิดตัว CES 2026
    เป็นการกลับมาของ Intel ในตลาดโน้ตบุ๊กและ handheld

    ผลทดสอบยังเป็นเพียงตัวเลขเบื้องต้น
    อาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อเปิดตัวจริงและมีการปรับแต่งเฟิร์มแวร์

    รุ่นเริ่มต้น Ultra 5 332 ยังช้ากว่าคู่แข่ง
    อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง

    https://wccftech.com/intel-panther-lake-cpu-benchmarks-leak-core-ultra-7-366h-x7-358h-7-365-5-332-handheld/
    ⚡ หลุดผลทดสอบ และรายละเอียด Intel Panther Lake “Core Ultra Series 3” ข่าวนี้เผยผลทดสอบหลุดของซีพียู Intel Panther Lake “Core Ultra Series 3” หลายรุ่น เช่น Core Ultra 7 366H, Ultra X7 358H, Ultra 7 365 และ Ultra 5 332 โดยมีทั้งสเปกและคะแนนเบื้องต้นจาก PassMark และ Geekbench ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของ Intel ในการแข่งขันกับ AMD Ryzen AI รุ่นใหม่ อันประกอบไปด้วย: 💠 Core Ultra 7 366H: 16 คอร์, L3 cache 18MB, L2 cache 12MB, ความเร็วบูสต์ ~5.0 GHz 💠 Core Ultra X7 358H: 16 คอร์, ความเร็วบูสต์ 4.8 GHz, มาพร้อม iGPU Xe3 เต็ม 12 คอร์ 💠 Core Ultra 7 365: 8 คอร์, L3 12MB, L2 12MB 💠 Core Ultra 5 332: 6 คอร์, L3 12MB, L2 6MB 📊 ผลทดสอบประสิทธิภาพ 🎗️ Core Ultra 7 366H ทำคะแนนใกล้เคียงกับ Core Ultra 9 285H แม้ความเร็วต่ำกว่าเล็กน้อย 🎗️ Core Ultra X7 358H เร็วกว่ารุ่น Ultra 7 255H แม้มีคอร์น้อยกว่า 🎗️ Core Ultra 7 365 เร็วกว่าทั้ง Ryzen AI Z2 Extreme และ Ultra 5 226V 🎗️ Core Ultra 5 332 ถือเป็นรุ่นเริ่มต้นที่ช้ากว่ารุ่นอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด 🎮 การทดสอบบนเครื่องเล่นพกพา มีการพบ OneXPlayer X1 i ที่ใช้ Core Ultra 5 338H (12 คอร์, 4.6 GHz) โดยผล Geekbench แสดงว่า Single-Core ต่ำกว่า Ryzen AI 9 HX 370 แต่ Multi-Core สูงกว่า แสดงให้เห็นว่า Panther Lake อาจมีศักยภาพในงานที่ใช้หลายคอร์พร้อมกัน 🌍 ความคาดหวังใน CES 2026 Intel เตรียมเปิดตัว Core Ultra Series 3 “Panther Lake” อย่างเป็นทางการในงาน CES 2026 ซึ่งจะเป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่กับ AMD Ryzen AI รุ่นใหม่ โดยเฉพาะในตลาดโน้ตบุ๊กและเครื่องเล่นพกพาที่ต้องการทั้งประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Intel Panther Lake หลายรุ่นถูกทดสอบบน PassMark และ Geekbench ➡️ Core Ultra 7 366H, X7 358H, 7 365, 5 332 ✅ ผลทดสอบชี้ว่ารุ่นกลางและสูงแข่งกับ Ryzen AI ได้สูสี ➡️ Ultra 7 365 เร็วกว่ารุ่น Ryzen AI Z2 Extreme ✅ OneXPlayer X1 i ใช้ Core Ultra 5 338H ➡️ Multi-Core ดีกว่า Ryzen AI 9 HX 370 แต่ Single-Core ต่ำกว่า ✅ คาดว่าจะเปิดตัว CES 2026 ➡️ เป็นการกลับมาของ Intel ในตลาดโน้ตบุ๊กและ handheld ‼️ ผลทดสอบยังเป็นเพียงตัวเลขเบื้องต้น ⛔ อาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อเปิดตัวจริงและมีการปรับแต่งเฟิร์มแวร์ ‼️ รุ่นเริ่มต้น Ultra 5 332 ยังช้ากว่าคู่แข่ง ⛔ อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง https://wccftech.com/intel-panther-lake-cpu-benchmarks-leak-core-ultra-7-366h-x7-358h-7-365-5-332-handheld/
    WCCFTECH.COM
    Several Intel Panther Lake CPU Benchmarks Leak: Core Ultra 7 366H, Ultra X7 358H, Ultra 7 365, & Ultra 5 332, First Panther Lake Handheld Spotted
    Several Intel Panther Lake "Core Ultra Series 3" CPUs & a handheld have been leaked and benchmarked within the PassMark Software suite.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลเทส Ryzen 7 9850X3D โผล่บน Geekbench

    ข่าวนี้เล่าถึงการปรากฏตัวของ AMD Ryzen 7 9850X3D บน Geekbench โดยมีความเร็วบูสต์สูงสุดถึง 5.6 GHz แต่ผลทดสอบกลับออกมา “แรงกว่าเล็กน้อยใน Single-Core” และ “ช้ากว่าเล็กน้อยใน Multi-Core” เมื่อเทียบกับรุ่นพี่ Ryzen 7 9800X3D

    ชิปใหม่จาก AMD ถูกพบในฐานข้อมูล Geekbench โดยติดตั้งบนเมนบอร์ด Colorful CVN B850M Gaming Frozen V14A พร้อม RAM DDR5-4800 ขนาด 32GB ผลทดสอบแสดงให้เห็นว่า Ryzen 7 9850X3D ทำคะแนน 3,439 (Single-Core) และ 17,530 (Multi-Core) ซึ่งใกล้เคียงกับรุ่น 9800X3D แต่ไม่ได้ทิ้งห่างมากนัก

    เปรียบเทียบกับ Ryzen 7 9800X3D
    แม้ความเร็วบูสต์เพิ่มขึ้นจาก 5.2 GHz → 5.6 GHz (ประมาณ 8%) แต่ผลลัพธ์จริงกลับเร็วขึ้นเพียง 3% ใน Single-Core และช้ากว่าใน Multi-Core เล็กน้อย สาเหตุคาดว่าเกิดจาก RAM ที่ช้าและเฟิร์มแวร์ยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพจริงเมื่อวางขายสูงกว่าที่เห็นในตอนนี้

    จุดเด่นและข้อสังเกต
    Ryzen 7 9850X3D ยังคงใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 และมี 8 คอร์เหมือนรุ่นก่อนหน้า แต่การเพิ่มความเร็วบูสต์ทำให้เหมาะกับงานที่เน้น Single-Core เช่น เกมบางประเภท อย่างไรก็ตาม หากต้องการประสิทธิภาพ Multi-Core ที่สูงกว่า ผู้ใช้บางส่วนอาจยังเลือก 9800X3D หรือรอรุ่นใหญ่กว่าเช่น Ryzen 9 9950X3D

    ความคาดหวังในตลาด
    การเปิดตัว Ryzen 9000X3D series คาดว่าจะเกิดขึ้นในงาน CES 2026 โดย AMD หวังจะรักษาความได้เปรียบในตลาดเกมมิ่งและงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง แต่ผลทดสอบเบื้องต้นนี้ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า “การอัปเกรดจาก 9800X3D คุ้มค่าหรือไม่”

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Ryzen 7 9850X3D โผล่บน Geekbench
    ทำคะแนน 3,439 (Single-Core) และ 17,530 (Multi-Core)

    บูสต์สูงสุด 5.6 GHz
    เพิ่มขึ้น 8% จากรุ่น 9800X3D

    ผลลัพธ์ Single-Core ดีขึ้น 3%
    แต่ Multi-Core กลับช้ากว่าเล็กน้อย

    คาดว่าจะเปิดตัว CES 2026
    เป็นส่วนหนึ่งของ Ryzen 9000X3D series

    ผลทดสอบอาจไม่สะท้อนประสิทธิภาพจริง
    RAM ที่ช้าและเฟิร์มแวร์ยังไม่สมบูรณ์อาจทำให้คะแนนต่ำกว่าศักยภาพจริง

    การอัปเกรดอาจไม่คุ้มสำหรับผู้ใช้ 9800X3D
    หากเน้น Multi-Core อาจไม่เห็นความแตกต่างมากนัก

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amds-imminent-ryzen-7-9850x3d-chip-shows-up-on-geekbench-with-5-6-ghz-boost-clocks-scores-slightly-lower-than-9800x3d-in-multi-core-tests-higher-in-single-core
    ⚡ ผลเทส Ryzen 7 9850X3D โผล่บน Geekbench ข่าวนี้เล่าถึงการปรากฏตัวของ AMD Ryzen 7 9850X3D บน Geekbench โดยมีความเร็วบูสต์สูงสุดถึง 5.6 GHz แต่ผลทดสอบกลับออกมา “แรงกว่าเล็กน้อยใน Single-Core” และ “ช้ากว่าเล็กน้อยใน Multi-Core” เมื่อเทียบกับรุ่นพี่ Ryzen 7 9800X3D ชิปใหม่จาก AMD ถูกพบในฐานข้อมูล Geekbench โดยติดตั้งบนเมนบอร์ด Colorful CVN B850M Gaming Frozen V14A พร้อม RAM DDR5-4800 ขนาด 32GB ผลทดสอบแสดงให้เห็นว่า Ryzen 7 9850X3D ทำคะแนน 3,439 (Single-Core) และ 17,530 (Multi-Core) ซึ่งใกล้เคียงกับรุ่น 9800X3D แต่ไม่ได้ทิ้งห่างมากนัก 📊 เปรียบเทียบกับ Ryzen 7 9800X3D แม้ความเร็วบูสต์เพิ่มขึ้นจาก 5.2 GHz → 5.6 GHz (ประมาณ 8%) แต่ผลลัพธ์จริงกลับเร็วขึ้นเพียง 3% ใน Single-Core และช้ากว่าใน Multi-Core เล็กน้อย สาเหตุคาดว่าเกิดจาก RAM ที่ช้าและเฟิร์มแวร์ยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพจริงเมื่อวางขายสูงกว่าที่เห็นในตอนนี้ 🔥 จุดเด่นและข้อสังเกต Ryzen 7 9850X3D ยังคงใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 และมี 8 คอร์เหมือนรุ่นก่อนหน้า แต่การเพิ่มความเร็วบูสต์ทำให้เหมาะกับงานที่เน้น Single-Core เช่น เกมบางประเภท อย่างไรก็ตาม หากต้องการประสิทธิภาพ Multi-Core ที่สูงกว่า ผู้ใช้บางส่วนอาจยังเลือก 9800X3D หรือรอรุ่นใหญ่กว่าเช่น Ryzen 9 9950X3D 🌍 ความคาดหวังในตลาด การเปิดตัว Ryzen 9000X3D series คาดว่าจะเกิดขึ้นในงาน CES 2026 โดย AMD หวังจะรักษาความได้เปรียบในตลาดเกมมิ่งและงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง แต่ผลทดสอบเบื้องต้นนี้ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า “การอัปเกรดจาก 9800X3D คุ้มค่าหรือไม่” 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Ryzen 7 9850X3D โผล่บน Geekbench ➡️ ทำคะแนน 3,439 (Single-Core) และ 17,530 (Multi-Core) ✅ บูสต์สูงสุด 5.6 GHz ➡️ เพิ่มขึ้น 8% จากรุ่น 9800X3D ✅ ผลลัพธ์ Single-Core ดีขึ้น 3% ➡️ แต่ Multi-Core กลับช้ากว่าเล็กน้อย ✅ คาดว่าจะเปิดตัว CES 2026 ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของ Ryzen 9000X3D series ‼️ ผลทดสอบอาจไม่สะท้อนประสิทธิภาพจริง ⛔ RAM ที่ช้าและเฟิร์มแวร์ยังไม่สมบูรณ์อาจทำให้คะแนนต่ำกว่าศักยภาพจริง ‼️ การอัปเกรดอาจไม่คุ้มสำหรับผู้ใช้ 9800X3D ⛔ หากเน้น Multi-Core อาจไม่เห็นความแตกต่างมากนัก https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amds-imminent-ryzen-7-9850x3d-chip-shows-up-on-geekbench-with-5-6-ghz-boost-clocks-scores-slightly-lower-than-9800x3d-in-multi-core-tests-higher-in-single-core
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวใหญ่: SAFE Chips Act จำกัดการส่งออกชิป AI ไปจีน

    ร่างกฎหมาย SAFE Chips Act (Secure and Feasible Exports of Chips Act of 2025) ถูกเสนอโดยกลุ่มวุฒิสมาชิกทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครต มีเป้าหมายเพื่อ ล็อกกฎควบคุมการส่งออกชิป AI และ HPC ที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เคยออกไว้แล้วให้กลายเป็นกฎหมายถาวร หากผ่าน จะทำให้บริษัทอย่าง Nvidia และ AMD ไม่สามารถขายชิปสถาปัตยกรรมใหม่ เช่น Blackwell หรือ MI355X ให้กับจีนได้ในช่วง 30 เดือนข้างหน้า

    รายละเอียดทางเทคนิคของข้อจำกัด
    ชิปที่ถูกจัดว่าเป็น “ขั้นสูง” จะถูกควบคุมตามเกณฑ์ ECCN 3A090/4A090
    เกณฑ์ครอบคลุมค่าประสิทธิภาพ เช่น TPP ≥ 4,800, แบนด์วิดท์ DRAM ≥ 4,100 GB/s, และแบนด์วิดท์รวม DRAM+Interconnect ≥ 5,000 GB/s
    Nvidia และ AMD จึงสามารถขายได้เพียง H20 และ MI308 ที่ถูกออกแบบให้ต่ำกว่าเกณฑ์ดังกล่าว

    ผลกระทบต่อการแข่งขัน
    แม้ Nvidia และ AMD จะยังสามารถขายรุ่นลดสเปกให้จีน แต่คู่แข่งในประเทศ เช่น Huawei Ascend 910C และ Ascend 950 กำลังพัฒนาได้เร็วกว่าและมีประสิทธิภาพสูงกว่า ทำให้จีนอาจลดการพึ่งพาชิปจากสหรัฐฯ และเร่งสร้างระบบนิเวศของตัวเอง ขณะที่ Nvidia เตือนว่าการห้ามขายชิปขั้นสูงอาจทำให้บริษัทสูญเสียตลาดและเปิดโอกาสให้จีนครองความเป็นผู้นำในอนาคต

    ความเสี่ยงและข้อกังวล
    ร่างกฎหมายนี้ยังต้องผ่านการพิจารณาของสภาคองเกรส แต่หากบังคับใช้จริง อาจกระทบต่อรายได้ของบริษัทสหรัฐฯ และการลงทุนด้าน R&D ขณะเดียวกันก็อาจผลักดันให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองเร็วขึ้น ซึ่งอาจสร้างผลกระทบต่อการแข่งขันระดับโลกในระยะยาว

    สรุปประเด็นสำคัญ
    SAFE Chips Act เสนอจำกัดการส่งออกชิป AI ขั้นสูงไปจีน
    อนุญาตให้ขายเฉพาะ Nvidia H20 และ AMD MI308 จนถึงปี 2028

    ข้อจำกัดทางเทคนิคตาม ECCN 3A090/4A090
    ครอบคลุมค่าประสิทธิภาพ TPP, DRAM และ Interconnect bandwidth

    ผลกระทบต่อการแข่งขัน
    จีนเร่งพัฒนา Huawei Ascend ที่แรงกว่า H20 และ MI308

    คำเตือนและข้อกังวล
    Nvidia อาจสูญเสียตลาดและรายได้มหาศาล
    การห้ามขายอาจผลักดันให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีเร็วขึ้นและลดการพึ่งพาสหรัฐฯ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/senators-lobby-for-safe-chips-act-which-would-curb-leading-edge-ai-chip-exports-to-china-proposed-bill-would-restrict-amd-and-nvidia-to-h20-mi308-class-accelerator-sales-until-2028
    🏛️ ข่าวใหญ่: SAFE Chips Act จำกัดการส่งออกชิป AI ไปจีน ร่างกฎหมาย SAFE Chips Act (Secure and Feasible Exports of Chips Act of 2025) ถูกเสนอโดยกลุ่มวุฒิสมาชิกทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครต มีเป้าหมายเพื่อ ล็อกกฎควบคุมการส่งออกชิป AI และ HPC ที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เคยออกไว้แล้วให้กลายเป็นกฎหมายถาวร หากผ่าน จะทำให้บริษัทอย่าง Nvidia และ AMD ไม่สามารถขายชิปสถาปัตยกรรมใหม่ เช่น Blackwell หรือ MI355X ให้กับจีนได้ในช่วง 30 เดือนข้างหน้า 🔧 รายละเอียดทางเทคนิคของข้อจำกัด 💠 ชิปที่ถูกจัดว่าเป็น “ขั้นสูง” จะถูกควบคุมตามเกณฑ์ ECCN 3A090/4A090 💠 เกณฑ์ครอบคลุมค่าประสิทธิภาพ เช่น TPP ≥ 4,800, แบนด์วิดท์ DRAM ≥ 4,100 GB/s, และแบนด์วิดท์รวม DRAM+Interconnect ≥ 5,000 GB/s 💠 Nvidia และ AMD จึงสามารถขายได้เพียง H20 และ MI308 ที่ถูกออกแบบให้ต่ำกว่าเกณฑ์ดังกล่าว 🌍 ผลกระทบต่อการแข่งขัน แม้ Nvidia และ AMD จะยังสามารถขายรุ่นลดสเปกให้จีน แต่คู่แข่งในประเทศ เช่น Huawei Ascend 910C และ Ascend 950 กำลังพัฒนาได้เร็วกว่าและมีประสิทธิภาพสูงกว่า ทำให้จีนอาจลดการพึ่งพาชิปจากสหรัฐฯ และเร่งสร้างระบบนิเวศของตัวเอง ขณะที่ Nvidia เตือนว่าการห้ามขายชิปขั้นสูงอาจทำให้บริษัทสูญเสียตลาดและเปิดโอกาสให้จีนครองความเป็นผู้นำในอนาคต ⚠️ ความเสี่ยงและข้อกังวล ร่างกฎหมายนี้ยังต้องผ่านการพิจารณาของสภาคองเกรส แต่หากบังคับใช้จริง อาจกระทบต่อรายได้ของบริษัทสหรัฐฯ และการลงทุนด้าน R&D ขณะเดียวกันก็อาจผลักดันให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองเร็วขึ้น ซึ่งอาจสร้างผลกระทบต่อการแข่งขันระดับโลกในระยะยาว 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ SAFE Chips Act เสนอจำกัดการส่งออกชิป AI ขั้นสูงไปจีน ➡️ อนุญาตให้ขายเฉพาะ Nvidia H20 และ AMD MI308 จนถึงปี 2028 ✅ ข้อจำกัดทางเทคนิคตาม ECCN 3A090/4A090 ➡️ ครอบคลุมค่าประสิทธิภาพ TPP, DRAM และ Interconnect bandwidth ✅ ผลกระทบต่อการแข่งขัน ➡️ จีนเร่งพัฒนา Huawei Ascend ที่แรงกว่า H20 และ MI308 ‼️ คำเตือนและข้อกังวล ⛔ Nvidia อาจสูญเสียตลาดและรายได้มหาศาล ⛔ การห้ามขายอาจผลักดันให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีเร็วขึ้นและลดการพึ่งพาสหรัฐฯ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/senators-lobby-for-safe-chips-act-which-would-curb-leading-edge-ai-chip-exports-to-china-proposed-bill-would-restrict-amd-and-nvidia-to-h20-mi308-class-accelerator-sales-until-2028
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • Arm ตั้งศูนย์ฝึกอบรมชิปในเกาหลีใต้

    เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2025 SoftBank Group และ Arm Holdings ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับกระทรวงอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ เพื่อจัดตั้ง Chip Design School ในประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาทักษะบุคลากรด้านเซมิคอนดักเตอร์และ AI ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ของเกาหลีใต้

    ความร่วมมือระดับรัฐบาลและเอกชน
    การลงนามครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างการพบปะของประธานาธิบดี Lee Jae Myung และ Masayoshi Son ซีอีโอของ SoftBank ที่ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงโซล รัฐบาลเกาหลีใต้หวังว่าความร่วมมือกับ Arm จะช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก โดยเฉพาะในยุคที่ความต้องการชิป AI และชิปประสิทธิภาพสูงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและบุคลากร
    ศูนย์ฝึกอบรมนี้จะเป็นแหล่งบ่มเพาะนักออกแบบชิปและนักวิจัยรุ่นใหม่ ช่วยลดการพึ่งพาต่างประเทศ และสร้างโอกาสให้สตาร์ทอัพด้าน AI และฮาร์ดแวร์ในเกาหลีใต้เติบโตได้รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการเสริมความมั่นคงทางเทคโนโลยีในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งกำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือดในตลาดเซมิคอนดักเตอร์

    ความท้าทายและข้อควรระวัง
    แม้โครงการนี้จะเป็นโอกาสสำคัญ แต่ก็มีความท้าทาย เช่น การขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะสูง การลงทุนที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก และการแข่งขันจากประเทศอื่น ๆ เช่น ไต้หวันและจีน หากไม่สามารถสร้างระบบนิเวศที่แข็งแรงพอ เกาหลีใต้อาจยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้าชิปขั้นสูงจากต่างประเทศ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    SoftBank และ Arm ลงนามตั้งศูนย์ฝึกอบรมชิปในเกาหลีใต้
    เป้าหมายเพื่อพัฒนาทักษะบุคลากรด้านเซมิคอนดักเตอร์และ AI

    ความร่วมมือระดับสูงระหว่างรัฐบาลและเอกชน
    ประธานาธิบดี Lee Jae Myung พบ Masayoshi Son เพื่อผลักดันโครงการ

    ผลกระทบเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมและบุคลากร
    สร้างโอกาสให้สตาร์ทอัพและลดการพึ่งพาต่างประเทศ

    คำเตือนและความท้าทาย
    การขาดบุคลากรที่มีทักษะสูงอาจทำให้โครงการเดินหน้าได้ช้า
    การแข่งขันจากจีนและไต้หวันยังคงเป็นแรงกดดันต่อเกาหลีใต้

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/05/softbank039s-arm-plans-to-set-up-chip-training-facility-in-south-korea
    🏭 Arm ตั้งศูนย์ฝึกอบรมชิปในเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2025 SoftBank Group และ Arm Holdings ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับกระทรวงอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ เพื่อจัดตั้ง Chip Design School ในประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาทักษะบุคลากรด้านเซมิคอนดักเตอร์และ AI ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ของเกาหลีใต้ 🤝 ความร่วมมือระดับรัฐบาลและเอกชน การลงนามครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างการพบปะของประธานาธิบดี Lee Jae Myung และ Masayoshi Son ซีอีโอของ SoftBank ที่ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงโซล รัฐบาลเกาหลีใต้หวังว่าความร่วมมือกับ Arm จะช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก โดยเฉพาะในยุคที่ความต้องการชิป AI และชิปประสิทธิภาพสูงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 📈 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและบุคลากร ศูนย์ฝึกอบรมนี้จะเป็นแหล่งบ่มเพาะนักออกแบบชิปและนักวิจัยรุ่นใหม่ ช่วยลดการพึ่งพาต่างประเทศ และสร้างโอกาสให้สตาร์ทอัพด้าน AI และฮาร์ดแวร์ในเกาหลีใต้เติบโตได้รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการเสริมความมั่นคงทางเทคโนโลยีในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งกำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือดในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ ⚠️ ความท้าทายและข้อควรระวัง แม้โครงการนี้จะเป็นโอกาสสำคัญ แต่ก็มีความท้าทาย เช่น การขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะสูง การลงทุนที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก และการแข่งขันจากประเทศอื่น ๆ เช่น ไต้หวันและจีน หากไม่สามารถสร้างระบบนิเวศที่แข็งแรงพอ เกาหลีใต้อาจยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้าชิปขั้นสูงจากต่างประเทศ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ SoftBank และ Arm ลงนามตั้งศูนย์ฝึกอบรมชิปในเกาหลีใต้ ➡️ เป้าหมายเพื่อพัฒนาทักษะบุคลากรด้านเซมิคอนดักเตอร์และ AI ✅ ความร่วมมือระดับสูงระหว่างรัฐบาลและเอกชน ➡️ ประธานาธิบดี Lee Jae Myung พบ Masayoshi Son เพื่อผลักดันโครงการ ✅ ผลกระทบเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมและบุคลากร ➡️ สร้างโอกาสให้สตาร์ทอัพและลดการพึ่งพาต่างประเทศ ‼️ คำเตือนและความท้าทาย ⛔ การขาดบุคลากรที่มีทักษะสูงอาจทำให้โครงการเดินหน้าได้ช้า ⛔ การแข่งขันจากจีนและไต้หวันยังคงเป็นแรงกดดันต่อเกาหลีใต้ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/05/softbank039s-arm-plans-to-set-up-chip-training-facility-in-south-korea
    WWW.THESTAR.COM.MY
    SoftBank's Arm plans to set up chip training facility in South Korea
    SEOUL, Dec 5 (Reuters) - South Korea's industry ministry and SoftBank's chip unit, Arm Holdings, have signed an agreement to strengthen the country's semiconductor and Artificial Intelligence sectors, a presidential policy adviser said on Friday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัปเดตระบบ Android ธันวาคม 2025

    Google ปล่อย Android System Update เดือนธันวาคม 2025 แล้ว โดยเน้นปรับปรุงเสถียรภาพ เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Google Play Store และแก้ไขบั๊ก พร้อมคำแนะนำวิธีอัปเดตสำหรับผู้ใช้ Samsung และ Pixel

    Google ระบุว่าแพตช์ล่าสุดได้อัปเดต system management services เพื่อปรับปรุง Device Performance และ Stability ทำให้เครื่องทำงานได้ลื่นไหลขึ้น ลดปัญหาการค้างหรือการทำงานผิดพลาดที่ผู้ใช้บางรายเคยเจอ

    ฟีเจอร์ใหม่ใน Google Play Store
    มีการเพิ่ม คำเตือนสำหรับแอปที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ Play Protect เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ระวังแอปที่อาจไม่ปลอดภัย อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถ กลับไปดู/อ่าน/ฟังคอนเทนต์จากแอปที่ติดตั้งไว้ได้โดยตรงจาก Play Store ถือเป็นการเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน

    การกระจายฟีเจอร์แบบค่อยเป็นค่อยไป
    Google ย้ำว่าแม้ฟีเจอร์ใหม่จะปรากฏใน changelog แต่ ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ใช้ทันที เพราะบางฟีเจอร์ต้องใช้เวลาสักระยะในการปล่อย เช่น การออกแบบใหม่ของ QR code scanner ที่ถูกยกเลิกไปก่อนหน้านี้ แต่กลับมาให้ใช้งานอีกครั้งในบางอุปกรณ์

    วิธีอัปเดตระบบ
    ขั้นตอนการอัปเดตแตกต่างกันไปตามอุปกรณ์ เช่น บน Samsung
    Galaxy S24 ผู้ใช้ต้องเข้าไปที่
    Settings → Google → All Services → Privacy & Security → System Services แล้วเลือกอัปเดต

    ส่วนบน Google Pixel 10 Pro Fold จะต้องเข้าไปที่ Settings → Google Services → All Services → Privacy & Security → System Services
    การอัปเดตใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีและไม่ต้องรีสตาร์ทเครื่อง

    สรุปสาระสำคัญ
    การปรับปรุงระบบ
    เพิ่มเสถียรภาพและประสิทธิภาพของอุปกรณ์
    ลดปัญหาการค้างและบั๊ก

    ฟีเจอร์ใหม่ใน Play Store
    คำเตือนสำหรับแอปที่ไม่ผ่าน Play Protect
    ฟีเจอร์ resume content จากแอปที่ติดตั้ง

    การกระจายฟีเจอร์
    ฟีเจอร์ใหม่อาจไม่พร้อมใช้งานทันที
    ตัวอย่างเช่น QR code scanner redesign

    วิธีอัปเดต
    Samsung Galaxy S24: Settings → Google → All Services → Privacy & Security → System Services
    Pixel 10 Pro Fold: Settings → Google Services → All Services → Privacy & Security → System Services

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    ฟีเจอร์ใหม่บางอย่างอาจยังไม่ปรากฏในอุปกรณ์ของคุณ
    ควรตรวจสอบการอัปเดตด้วยตนเองเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด

    https://www.slashgear.com/2043607/google-system-updates-android-december-2025/
    📰 อัปเดตระบบ Android ธันวาคม 2025 Google ปล่อย Android System Update เดือนธันวาคม 2025 แล้ว โดยเน้นปรับปรุงเสถียรภาพ เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Google Play Store และแก้ไขบั๊ก พร้อมคำแนะนำวิธีอัปเดตสำหรับผู้ใช้ Samsung และ Pixel Google ระบุว่าแพตช์ล่าสุดได้อัปเดต system management services เพื่อปรับปรุง Device Performance และ Stability ทำให้เครื่องทำงานได้ลื่นไหลขึ้น ลดปัญหาการค้างหรือการทำงานผิดพลาดที่ผู้ใช้บางรายเคยเจอ 🛡️ ฟีเจอร์ใหม่ใน Google Play Store มีการเพิ่ม คำเตือนสำหรับแอปที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ Play Protect เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ระวังแอปที่อาจไม่ปลอดภัย อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถ กลับไปดู/อ่าน/ฟังคอนเทนต์จากแอปที่ติดตั้งไว้ได้โดยตรงจาก Play Store ถือเป็นการเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน 📲 การกระจายฟีเจอร์แบบค่อยเป็นค่อยไป Google ย้ำว่าแม้ฟีเจอร์ใหม่จะปรากฏใน changelog แต่ ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ใช้ทันที เพราะบางฟีเจอร์ต้องใช้เวลาสักระยะในการปล่อย เช่น การออกแบบใหม่ของ QR code scanner ที่ถูกยกเลิกไปก่อนหน้านี้ แต่กลับมาให้ใช้งานอีกครั้งในบางอุปกรณ์ 🔧 วิธีอัปเดตระบบ ขั้นตอนการอัปเดตแตกต่างกันไปตามอุปกรณ์ เช่น บน Samsung Galaxy S24 ผู้ใช้ต้องเข้าไปที่ Settings → Google → All Services → Privacy & Security → System Services แล้วเลือกอัปเดต ส่วนบน Google Pixel 10 Pro Fold จะต้องเข้าไปที่ Settings → Google Services → All Services → Privacy & Security → System Services การอัปเดตใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีและไม่ต้องรีสตาร์ทเครื่อง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การปรับปรุงระบบ ➡️ เพิ่มเสถียรภาพและประสิทธิภาพของอุปกรณ์ ➡️ ลดปัญหาการค้างและบั๊ก ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน Play Store ➡️ คำเตือนสำหรับแอปที่ไม่ผ่าน Play Protect ➡️ ฟีเจอร์ resume content จากแอปที่ติดตั้ง ✅ การกระจายฟีเจอร์ ➡️ ฟีเจอร์ใหม่อาจไม่พร้อมใช้งานทันที ➡️ ตัวอย่างเช่น QR code scanner redesign ✅ วิธีอัปเดต ➡️ Samsung Galaxy S24: Settings → Google → All Services → Privacy & Security → System Services ➡️ Pixel 10 Pro Fold: Settings → Google Services → All Services → Privacy & Security → System Services ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ ฟีเจอร์ใหม่บางอย่างอาจยังไม่ปรากฏในอุปกรณ์ของคุณ ⛔ ควรตรวจสอบการอัปเดตด้วยตนเองเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด https://www.slashgear.com/2043607/google-system-updates-android-december-2025/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Check Your Android Device: Google's December 2025 System Update Is Live - SlashGear
    If you have an Android device, a system update might be waiting for you. Here's what the update includes and how you can download it.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251205 #securityonline

    Google ทดลองให้ AI เขียนหัวข้อข่าวใหม่ แต่กลับทำให้ข้อมูลผิดเพี้ยน
    Google กำลังทดสอบระบบที่ให้ AI เขียนหัวข้อข่าวใหม่ในบริการ Google Discover โดยตั้งใจให้ผู้ใช้เข้าใจเนื้อหาได้เร็วขึ้นและกดเข้าไปอ่าน แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามที่หวัง เพราะหลายครั้งหัวข้อที่ AI เขียนขึ้นมาเกิดการบิดเบือนความหมายเดิมจนทำให้เข้าใจผิด ตัวอย่างเช่น ข่าวเกี่ยวกับเครื่องเกม Steam Machine ที่ยังไม่เปิดเผยราคา แต่ AI กลับเขียนหัวข้อว่า “Steam Machine price revealed” ซึ่งผิดไปจากข้อเท็จจริงอย่างสิ้นเชิง เรื่องนี้ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า หากปล่อยให้ AI เขียนหัวข้อข่าวโดยไม่มีการควบคุม อาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดและลดความน่าเชื่อถือของสื่อ รวมถึงกระทบต่อจำนวนคนที่คลิกเข้าไปอ่านเนื้อหาจริง แม้ Google จะบอกว่าทดลองกับผู้ใช้เพียงส่วนน้อย แต่สำนักข่าวหลายแห่งก็เริ่มเห็นผลกระทบต่อทราฟฟิกของตนแล้ว
    https://securityonline.info/misleading-ai-headlines-google-discover-testing-rewrites-that-distort-news-facts

    AWS ดันชิป Trainium สร้างรายได้หลายพันล้าน ท้าชน NVIDIA
    Amazon ผ่าน AWS กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาดชิป AI ที่ NVIDIA ครองอยู่ ด้วยการพัฒนา Trainium ซึ่งตอนนี้ทำรายได้ระดับหลายพันล้านดอลลาร์แล้ว โดยรุ่น Trainium2 ถูกใช้งานมากกว่า 100,000 บริษัท และผลิตไปแล้วกว่า 1 ล้านชิป จุดเด่นคือราคาถูกกว่า GPU ของ NVIDIA แต่ยังคงให้ประสิทธิภาพสูง ทำให้หลายองค์กรเลือกใช้ โดยเฉพาะ Anthropic ที่ใช้ชิป Trainium2 กว่า 500,000 ตัวในการสร้างโมเดลใหม่ของ Claude ล่าสุด AWS เปิดตัว Trainium3 ที่แรงขึ้น 4 เท่าและประหยัดพลังงานมากขึ้น พร้อมแผนพัฒนา Trainium4 ที่สามารถทำงานร่วมกับ GPU ของ NVIDIA ได้อย่างลื่นไหล ถือเป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์จากการแข่งตรง ๆ ไปสู่การสร้างระบบไฮบริดที่ยืดหยุ่นกว่า
    https://securityonline.info/aws-trainium-chip-business-hits-multi-billion-revenue-challenging-nvidias-pricing

    Meta ดึงตัวดีไซน์เนอร์ระดับตำนานจาก Apple มาสร้างสตูดิโอใหม่
    Mark Zuckerberg ประกาศว่า Meta ได้ดึง Alan Dye อดีตหัวหน้าฝ่าย Human Interface Design ของ Apple มานำทีม Creative Studio ใหม่ใน Reality Labs Alan Dye เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังงานออกแบบสำคัญของ Apple เช่น Apple Watch, iPhone X และ Vision Pro การเข้ามาของเขาถูกมองว่าเป็นการยกระดับงานดีไซน์ของ Meta ให้มีความโดดเด่นและผสมผสานระหว่างแฟชั่น เทคโนโลยี และ AI โดย Dye จะทำงานร่วมกับทีมดีไซน์ที่มีทั้ง Billy Sorrentino และ Joshua To เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นสัญลักษณ์ใหม่ของ Meta การดึงตัวบุคลากรจาก Apple ครั้งนี้สะท้อนการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่างสองยักษ์ใหญ่ที่กำลังแย่งชิงอนาคตของอุปกรณ์ AI และสมาร์ทแกดเจ็ต
    https://securityonline.info/design-wars-meta-hires-apple-veteran-alan-dye-to-lead-new-reality-labs-creative-studio

    ปฏิบัติการ DUPEHIKE: มัลแวร์เจาะฝ่าย HR ของรัสเซีย
    เรื่องนี้เป็นการโจมตีแบบเจาะจงที่ถูกตั้งชื่อว่า Operation DUPEHIKE โดยกลุ่มแฮกเกอร์ใช้วิธีส่งอีเมลหลอกล่อพนักงานฝ่ายบุคคลและเงินเดือน ด้วยไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารโบนัสสิ้นปี แต่แท้จริงแล้วเป็นไฟล์ลัด (LNK) ที่เมื่อเปิดขึ้นจะไปดาวน์โหลดมัลแวร์ชื่อ DUPERUNNER ผ่าน PowerShell ทำงานเบื้องหลังอย่างแนบเนียน มัลแวร์นี้สามารถฉีดโค้ดเข้าไปในโปรเซสที่ใช้บ่อย เช่น explorer.exe หรือ notepad.exe เพื่อให้ฝังตัวถาวร และสุดท้ายจะติดตั้ง Adaptix C2 ซึ่งเป็นเครื่องมือควบคุมจากระยะไกล เป้าหมายคือการสอดแนมและควบคุมระบบขององค์กรที่ตกเป็นเหยื่อ
    https://securityonline.info/operation-dupehike-hits-russian-hr-bonus-lure-delivers-duperunner-and-adaptix-c2-via-process-injection

    ช่องโหว่ Splunk บน Windows เสี่ยงถูกยกระดับสิทธิ์
    Splunk ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลชื่อดัง พบช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการ (CVE-2025-20386 และ CVE-2025-20387) ที่ทำให้การติดตั้งบน Windows กำหนดสิทธิ์ไฟล์ผิดพลาด เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ที่ไม่ใช่แอดมินเข้าถึงไฟล์และโฟลเดอร์สำคัญได้ หากแฮกเกอร์ได้สิทธิ์ผู้ใช้ระดับต่ำ ก็สามารถแก้ไขไฟล์หรือเข้าถึงข้อมูลที่ควรจะถูกป้องกันไว้ได้ทันที ทาง Splunk ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อปิดช่องโหว่โดยเร็ว
    https://securityonline.info/high-severity-splunk-flaw-allows-local-privilege-escalation-via-incorrect-file-permissions-on-windows

    ช่องโหว่ Cacti เสี่ยงถูกสั่งรันโค้ดจากระยะไกล
    Cacti ซึ่งเป็นเครื่องมือโอเพ่นซอร์สสำหรับทำกราฟเครือข่าย พบช่องโหว่ร้ายแรง (CVE-2025-66399) ที่เกี่ยวกับการจัดการค่า SNMP Community String หากผู้ใช้ใส่ค่าที่มีตัวอักษรพิเศษหรือบรรทัดใหม่ ระบบจะไม่กรองออก ทำให้แฮกเกอร์สามารถแทรกคำสั่งอันตรายเข้าไปได้ เมื่อระบบนำค่าเหล่านี้ไปใช้กับเครื่องมือ SNMP ภายนอก คำสั่งที่ถูกแทรกก็จะถูกรันทันที ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถเข้าควบคุมเซิร์ฟเวอร์ได้เต็มรูปแบบ ทีมพัฒนาได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 1.2.29 และแนะนำให้อัปเดตทันที
    https://securityonline.info/high-severity-cacti-flaw-cve-2025-66399-risks-remote-code-execution-via-snmp-community-string-injection

    กลุ่ม Calisto APT รัสเซียโจมตี NGO ด้วยฟิชชิ่งแบบใหม่
    กลุ่มแฮกเกอร์ Calisto ที่เชื่อมโยงกับหน่วยงานความมั่นคงรัสเซีย ได้พุ่งเป้าโจมตีองค์กร Reporters Without Borders (RSF) โดยใช้เทคนิคฟิชชิ่งที่ซับซ้อน พวกเขาส่งอีเมลแสร้งเป็นคนรู้จัก พร้อมไฟล์ที่ “หายไป” หรือไฟล์ที่เปิดไม่ได้ เพื่อให้เหยื่อขอไฟล์ใหม่ เมื่อเหยื่อตอบกลับก็จะได้รับลิงก์ไปยังไฟล์ที่แท้จริงซึ่งเป็นมัลแวร์ ฟิชชิ่งนี้ยังใช้เทคนิค AiTM (Adversary-in-the-Middle) เพื่อดักข้อมูลการเข้าสู่ระบบและรหัส 2FA แบบเรียลไทม์ ถือเป็นการโจมตีที่เจาะจง NGO ที่เกี่ยวข้องกับยูเครนและเสรีภาพสื่อโดยตรง
    https://securityonline.info/russian-calisto-apt-targets-reporters-without-borders-with-custom-aitm-phishing-and-missing-file-lure

    NVIDIA Triton Server พบช่องโหว่ DoS ร้ายแรง
    NVIDIA ได้ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับ Triton Inference Server ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการรันโมเดล AI พบช่องโหว่สองรายการ (CVE-2025-33211 และ CVE-2025-33201) ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลที่ผิดรูปแบบหรือใหญ่เกินไปจนทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มได้ ผลคือบริการ AI inference จะหยุดทำงานทันที ซึ่งอาจกระทบต่อองค์กรที่พึ่งพา AI ในการประมวลผลขนาดใหญ่ NVIDIA ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว และแนะนำให้ผู้ใช้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน r25.10 เพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/nvidia-triton-server-patches-two-high-severity-dos-flaws-risking-critical-ai-inference-disruption

    Patchwork APT ใช้ StreamSpy Trojan ซ่อนคำสั่งใน WebSocket
    กลุ่มแฮกเกอร์ Patchwork APT ถูกพบว่ากำลังใช้มัลแวร์ใหม่ชื่อ StreamSpy Trojan ที่มีความสามารถในการซ่อนคำสั่งควบคุม (C2) ภายในทราฟฟิก WebSocket ทำให้การสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมดูเหมือนเป็นการใช้งานเว็บตามปกติ เทคนิคนี้ช่วยให้การสอดแนมดำเนินไปโดยไม่ถูกตรวจจับง่าย ๆ และยังสามารถดึงข้อมูลหรือสั่งการเครื่องเหยื่อได้อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการพัฒนาแนวทางโจมตีที่เน้นความลับและการพรางตัวสูง
    https://securityonline.info/patchwork-apt-deploys-streamspy-trojan-hiding-c2-commands-in-websocket-traffic-for-stealth-espionage

    ความต้องการ AI ลดลง Microsoft ปรับลดโควตายอดขาย
    มีรายงานว่า Microsoft ได้ปรับลดโควตายอดขายของทีม Enterprise AI ลงมากถึง 50% เนื่องจากความต้องการใช้งาน AI ในระดับองค์กรไม่เติบโตตามที่คาดไว้ สาเหตุหลักมาจากลูกค้าหลายรายยังลังเลที่จะลงทุนในโซลูชัน AI ขนาดใหญ่ ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายและความไม่แน่ใจในผลลัพธ์ที่แท้จริง การปรับลดนี้สะท้อนถึงความท้าทายของตลาด AI ที่แม้จะถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง แต่การนำไปใช้จริงในองค์กรยังต้องใช้เวลาและการพิสูจน์คุณค่า
    https://securityonline.info/ai-demand-struggles-microsoft-slashes-enterprise-ai-sales-quotas-by-up-to-50

    Telegram เตรียมใช้ Passkey แทน SMS สำหรับการล็อกอิน
    Telegram กำลังพัฒนาระบบการยืนยันตัวตนแบบใหม่ โดยจะใช้ Passkey Authentication แทนการส่งรหัสผ่านทาง SMS เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการดักข้อความ ระบบ Passkey จะทำงานร่วมกับมาตรฐาน FIDO2 และ WebAuthn ทำให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินได้ด้วยการยืนยันจากอุปกรณ์ที่เชื่อถือ เช่น ลายนิ้วมือหรือ Face ID การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้การใช้งาน Telegram ปลอดภัยขึ้นและลดการพึ่งพา SMS ที่มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
    https://securityonline.info/no-more-sms-telegram-is-developing-passkey-authentication-for-secure-login

    SpyCloud เผยผู้ใช้บริษัทเสี่ยงฟิชชิ่งมากกว่ามัลแวร์ 3 เท่า
    ข้อมูลจาก SpyCloud ระบุว่าผู้ใช้ในองค์กรมีโอกาสถูกโจมตีด้วยฟิชชิ่งมากกว่ามัลแวร์ถึง 3 เท่า โดยการโจมตีฟิชชิ่งมักใช้วิธีหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบหรือคลิกลิงก์ที่เป็นอันตราย ซึ่งง่ายต่อการดำเนินการและได้ผลเร็วกว่า การศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าบริษัทต่าง ๆ ควรให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมพนักงานและการใช้ระบบตรวจจับฟิชชิ่งมากขึ้น เพื่อป้องกันการสูญเสียข้อมูลและการเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต
    https://securityonline.info/spycloud-data-shows-corporate-users-3x-more-likely-to-be-targeted-by-phishing-than-by-malware

    อินเดียยกเลิกบังคับใช้แอป Sanchar Saathi หลังถูกต่อต้าน
    รัฐบาลอินเดียประกาศยกเลิกข้อบังคับที่ให้ประชาชนต้องใช้แอป Sanchar Saathi ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อช่วยตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่ถูกหลอกลวง หลังจากประชาชนและองค์กรต่าง ๆ ออกมาคัดค้านอย่างหนัก โดยมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและเสรีภาพดิจิทัล การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงแรงกดดันจากสังคมที่ไม่ยอมรับการควบคุมที่เข้มงวดเกินไป และเป็นการปรับท่าทีของรัฐบาลต่อการใช้งานเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล
    ​​​​​​​ https://securityonline.info/policy-u-turn-india-drops-mandatory-sanchar-saathi-app-after-fierce-opposition
    📌🔐🔵 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🔵🔐📌 #รวมข่าวIT #20251205 #securityonline 📰 Google ทดลองให้ AI เขียนหัวข้อข่าวใหม่ แต่กลับทำให้ข้อมูลผิดเพี้ยน Google กำลังทดสอบระบบที่ให้ AI เขียนหัวข้อข่าวใหม่ในบริการ Google Discover โดยตั้งใจให้ผู้ใช้เข้าใจเนื้อหาได้เร็วขึ้นและกดเข้าไปอ่าน แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามที่หวัง เพราะหลายครั้งหัวข้อที่ AI เขียนขึ้นมาเกิดการบิดเบือนความหมายเดิมจนทำให้เข้าใจผิด ตัวอย่างเช่น ข่าวเกี่ยวกับเครื่องเกม Steam Machine ที่ยังไม่เปิดเผยราคา แต่ AI กลับเขียนหัวข้อว่า “Steam Machine price revealed” ซึ่งผิดไปจากข้อเท็จจริงอย่างสิ้นเชิง เรื่องนี้ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า หากปล่อยให้ AI เขียนหัวข้อข่าวโดยไม่มีการควบคุม อาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดและลดความน่าเชื่อถือของสื่อ รวมถึงกระทบต่อจำนวนคนที่คลิกเข้าไปอ่านเนื้อหาจริง แม้ Google จะบอกว่าทดลองกับผู้ใช้เพียงส่วนน้อย แต่สำนักข่าวหลายแห่งก็เริ่มเห็นผลกระทบต่อทราฟฟิกของตนแล้ว 🔗 https://securityonline.info/misleading-ai-headlines-google-discover-testing-rewrites-that-distort-news-facts 💻 AWS ดันชิป Trainium สร้างรายได้หลายพันล้าน ท้าชน NVIDIA Amazon ผ่าน AWS กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาดชิป AI ที่ NVIDIA ครองอยู่ ด้วยการพัฒนา Trainium ซึ่งตอนนี้ทำรายได้ระดับหลายพันล้านดอลลาร์แล้ว โดยรุ่น Trainium2 ถูกใช้งานมากกว่า 100,000 บริษัท และผลิตไปแล้วกว่า 1 ล้านชิป จุดเด่นคือราคาถูกกว่า GPU ของ NVIDIA แต่ยังคงให้ประสิทธิภาพสูง ทำให้หลายองค์กรเลือกใช้ โดยเฉพาะ Anthropic ที่ใช้ชิป Trainium2 กว่า 500,000 ตัวในการสร้างโมเดลใหม่ของ Claude ล่าสุด AWS เปิดตัว Trainium3 ที่แรงขึ้น 4 เท่าและประหยัดพลังงานมากขึ้น พร้อมแผนพัฒนา Trainium4 ที่สามารถทำงานร่วมกับ GPU ของ NVIDIA ได้อย่างลื่นไหล ถือเป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์จากการแข่งตรง ๆ ไปสู่การสร้างระบบไฮบริดที่ยืดหยุ่นกว่า 🔗 https://securityonline.info/aws-trainium-chip-business-hits-multi-billion-revenue-challenging-nvidias-pricing 🎨 Meta ดึงตัวดีไซน์เนอร์ระดับตำนานจาก Apple มาสร้างสตูดิโอใหม่ Mark Zuckerberg ประกาศว่า Meta ได้ดึง Alan Dye อดีตหัวหน้าฝ่าย Human Interface Design ของ Apple มานำทีม Creative Studio ใหม่ใน Reality Labs Alan Dye เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังงานออกแบบสำคัญของ Apple เช่น Apple Watch, iPhone X และ Vision Pro การเข้ามาของเขาถูกมองว่าเป็นการยกระดับงานดีไซน์ของ Meta ให้มีความโดดเด่นและผสมผสานระหว่างแฟชั่น เทคโนโลยี และ AI โดย Dye จะทำงานร่วมกับทีมดีไซน์ที่มีทั้ง Billy Sorrentino และ Joshua To เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นสัญลักษณ์ใหม่ของ Meta การดึงตัวบุคลากรจาก Apple ครั้งนี้สะท้อนการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่างสองยักษ์ใหญ่ที่กำลังแย่งชิงอนาคตของอุปกรณ์ AI และสมาร์ทแกดเจ็ต 🔗 https://securityonline.info/design-wars-meta-hires-apple-veteran-alan-dye-to-lead-new-reality-labs-creative-studio 🕵️‍♂️ ปฏิบัติการ DUPEHIKE: มัลแวร์เจาะฝ่าย HR ของรัสเซีย เรื่องนี้เป็นการโจมตีแบบเจาะจงที่ถูกตั้งชื่อว่า Operation DUPEHIKE โดยกลุ่มแฮกเกอร์ใช้วิธีส่งอีเมลหลอกล่อพนักงานฝ่ายบุคคลและเงินเดือน ด้วยไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารโบนัสสิ้นปี แต่แท้จริงแล้วเป็นไฟล์ลัด (LNK) ที่เมื่อเปิดขึ้นจะไปดาวน์โหลดมัลแวร์ชื่อ DUPERUNNER ผ่าน PowerShell ทำงานเบื้องหลังอย่างแนบเนียน มัลแวร์นี้สามารถฉีดโค้ดเข้าไปในโปรเซสที่ใช้บ่อย เช่น explorer.exe หรือ notepad.exe เพื่อให้ฝังตัวถาวร และสุดท้ายจะติดตั้ง Adaptix C2 ซึ่งเป็นเครื่องมือควบคุมจากระยะไกล เป้าหมายคือการสอดแนมและควบคุมระบบขององค์กรที่ตกเป็นเหยื่อ 🔗 https://securityonline.info/operation-dupehike-hits-russian-hr-bonus-lure-delivers-duperunner-and-adaptix-c2-via-process-injection ⚠️ ช่องโหว่ Splunk บน Windows เสี่ยงถูกยกระดับสิทธิ์ Splunk ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลชื่อดัง พบช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการ (CVE-2025-20386 และ CVE-2025-20387) ที่ทำให้การติดตั้งบน Windows กำหนดสิทธิ์ไฟล์ผิดพลาด เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ที่ไม่ใช่แอดมินเข้าถึงไฟล์และโฟลเดอร์สำคัญได้ หากแฮกเกอร์ได้สิทธิ์ผู้ใช้ระดับต่ำ ก็สามารถแก้ไขไฟล์หรือเข้าถึงข้อมูลที่ควรจะถูกป้องกันไว้ได้ทันที ทาง Splunk ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อปิดช่องโหว่โดยเร็ว 🔗 https://securityonline.info/high-severity-splunk-flaw-allows-local-privilege-escalation-via-incorrect-file-permissions-on-windows 🖥️ ช่องโหว่ Cacti เสี่ยงถูกสั่งรันโค้ดจากระยะไกล Cacti ซึ่งเป็นเครื่องมือโอเพ่นซอร์สสำหรับทำกราฟเครือข่าย พบช่องโหว่ร้ายแรง (CVE-2025-66399) ที่เกี่ยวกับการจัดการค่า SNMP Community String หากผู้ใช้ใส่ค่าที่มีตัวอักษรพิเศษหรือบรรทัดใหม่ ระบบจะไม่กรองออก ทำให้แฮกเกอร์สามารถแทรกคำสั่งอันตรายเข้าไปได้ เมื่อระบบนำค่าเหล่านี้ไปใช้กับเครื่องมือ SNMP ภายนอก คำสั่งที่ถูกแทรกก็จะถูกรันทันที ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถเข้าควบคุมเซิร์ฟเวอร์ได้เต็มรูปแบบ ทีมพัฒนาได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 1.2.29 และแนะนำให้อัปเดตทันที 🔗 https://securityonline.info/high-severity-cacti-flaw-cve-2025-66399-risks-remote-code-execution-via-snmp-community-string-injection 🎯 กลุ่ม Calisto APT รัสเซียโจมตี NGO ด้วยฟิชชิ่งแบบใหม่ กลุ่มแฮกเกอร์ Calisto ที่เชื่อมโยงกับหน่วยงานความมั่นคงรัสเซีย ได้พุ่งเป้าโจมตีองค์กร Reporters Without Borders (RSF) โดยใช้เทคนิคฟิชชิ่งที่ซับซ้อน พวกเขาส่งอีเมลแสร้งเป็นคนรู้จัก พร้อมไฟล์ที่ “หายไป” หรือไฟล์ที่เปิดไม่ได้ เพื่อให้เหยื่อขอไฟล์ใหม่ เมื่อเหยื่อตอบกลับก็จะได้รับลิงก์ไปยังไฟล์ที่แท้จริงซึ่งเป็นมัลแวร์ ฟิชชิ่งนี้ยังใช้เทคนิค AiTM (Adversary-in-the-Middle) เพื่อดักข้อมูลการเข้าสู่ระบบและรหัส 2FA แบบเรียลไทม์ ถือเป็นการโจมตีที่เจาะจง NGO ที่เกี่ยวข้องกับยูเครนและเสรีภาพสื่อโดยตรง 🔗 https://securityonline.info/russian-calisto-apt-targets-reporters-without-borders-with-custom-aitm-phishing-and-missing-file-lure 🤖 NVIDIA Triton Server พบช่องโหว่ DoS ร้ายแรง NVIDIA ได้ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับ Triton Inference Server ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการรันโมเดล AI พบช่องโหว่สองรายการ (CVE-2025-33211 และ CVE-2025-33201) ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลที่ผิดรูปแบบหรือใหญ่เกินไปจนทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มได้ ผลคือบริการ AI inference จะหยุดทำงานทันที ซึ่งอาจกระทบต่อองค์กรที่พึ่งพา AI ในการประมวลผลขนาดใหญ่ NVIDIA ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว และแนะนำให้ผู้ใช้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน r25.10 เพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/nvidia-triton-server-patches-two-high-severity-dos-flaws-risking-critical-ai-inference-disruption 🕶️ Patchwork APT ใช้ StreamSpy Trojan ซ่อนคำสั่งใน WebSocket กลุ่มแฮกเกอร์ Patchwork APT ถูกพบว่ากำลังใช้มัลแวร์ใหม่ชื่อ StreamSpy Trojan ที่มีความสามารถในการซ่อนคำสั่งควบคุม (C2) ภายในทราฟฟิก WebSocket ทำให้การสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมดูเหมือนเป็นการใช้งานเว็บตามปกติ เทคนิคนี้ช่วยให้การสอดแนมดำเนินไปโดยไม่ถูกตรวจจับง่าย ๆ และยังสามารถดึงข้อมูลหรือสั่งการเครื่องเหยื่อได้อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการพัฒนาแนวทางโจมตีที่เน้นความลับและการพรางตัวสูง 🔗 https://securityonline.info/patchwork-apt-deploys-streamspy-trojan-hiding-c2-commands-in-websocket-traffic-for-stealth-espionage 📉 ความต้องการ AI ลดลง Microsoft ปรับลดโควตายอดขาย มีรายงานว่า Microsoft ได้ปรับลดโควตายอดขายของทีม Enterprise AI ลงมากถึง 50% เนื่องจากความต้องการใช้งาน AI ในระดับองค์กรไม่เติบโตตามที่คาดไว้ สาเหตุหลักมาจากลูกค้าหลายรายยังลังเลที่จะลงทุนในโซลูชัน AI ขนาดใหญ่ ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายและความไม่แน่ใจในผลลัพธ์ที่แท้จริง การปรับลดนี้สะท้อนถึงความท้าทายของตลาด AI ที่แม้จะถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง แต่การนำไปใช้จริงในองค์กรยังต้องใช้เวลาและการพิสูจน์คุณค่า 🔗 https://securityonline.info/ai-demand-struggles-microsoft-slashes-enterprise-ai-sales-quotas-by-up-to-50 🔐 Telegram เตรียมใช้ Passkey แทน SMS สำหรับการล็อกอิน Telegram กำลังพัฒนาระบบการยืนยันตัวตนแบบใหม่ โดยจะใช้ Passkey Authentication แทนการส่งรหัสผ่านทาง SMS เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการดักข้อความ ระบบ Passkey จะทำงานร่วมกับมาตรฐาน FIDO2 และ WebAuthn ทำให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินได้ด้วยการยืนยันจากอุปกรณ์ที่เชื่อถือ เช่น ลายนิ้วมือหรือ Face ID การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้การใช้งาน Telegram ปลอดภัยขึ้นและลดการพึ่งพา SMS ที่มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย 🔗 https://securityonline.info/no-more-sms-telegram-is-developing-passkey-authentication-for-secure-login 🎣 SpyCloud เผยผู้ใช้บริษัทเสี่ยงฟิชชิ่งมากกว่ามัลแวร์ 3 เท่า ข้อมูลจาก SpyCloud ระบุว่าผู้ใช้ในองค์กรมีโอกาสถูกโจมตีด้วยฟิชชิ่งมากกว่ามัลแวร์ถึง 3 เท่า โดยการโจมตีฟิชชิ่งมักใช้วิธีหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบหรือคลิกลิงก์ที่เป็นอันตราย ซึ่งง่ายต่อการดำเนินการและได้ผลเร็วกว่า การศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าบริษัทต่าง ๆ ควรให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมพนักงานและการใช้ระบบตรวจจับฟิชชิ่งมากขึ้น เพื่อป้องกันการสูญเสียข้อมูลและการเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต 🔗 https://securityonline.info/spycloud-data-shows-corporate-users-3x-more-likely-to-be-targeted-by-phishing-than-by-malware 🇮🇳 อินเดียยกเลิกบังคับใช้แอป Sanchar Saathi หลังถูกต่อต้าน รัฐบาลอินเดียประกาศยกเลิกข้อบังคับที่ให้ประชาชนต้องใช้แอป Sanchar Saathi ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อช่วยตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่ถูกหลอกลวง หลังจากประชาชนและองค์กรต่าง ๆ ออกมาคัดค้านอย่างหนัก โดยมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและเสรีภาพดิจิทัล การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงแรงกดดันจากสังคมที่ไม่ยอมรับการควบคุมที่เข้มงวดเกินไป และเป็นการปรับท่าทีของรัฐบาลต่อการใช้งานเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล ​​​​​​​🔗 https://securityonline.info/policy-u-turn-india-drops-mandatory-sanchar-saathi-app-after-fierce-opposition
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 270 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวหลุด: AMD Ryzen AI 5 430 "Gorgon" CPU

    AMD กำลังเตรียมเปิดตัวซีรีส์ใหม่ในตระกูล Ryzen AI 400 "Gorgon Point" โดยรุ่นที่หลุดออกมาคือ Ryzen AI 5 430 ซึ่งถือเป็นรุ่นเริ่มต้นในไลน์นี้ จุดเด่นคือการใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 ที่มี 4 คอร์ และค่า TDP อยู่ที่ 15–28W ทำให้เหมาะสำหรับโน้ตบุ๊กที่ต้องการสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงาน

    กราฟิก Radeon 840M: อัปเกรดครั้งใหญ่
    Ryzen AI 5 430 มาพร้อม iGPU Radeon 840M ที่มี 4 Compute Units ซึ่งถือว่าเป็นการอัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้า Ryzen AI 5 330 ที่มีเพียง 2 CU ใน Radeon 820M การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ประสิทธิภาพกราฟิกดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยผลทดสอบจาก BAPCo CrossMark แสดงให้เห็นว่า Ryzen AI 5 430 มีคะแนนสูงกว่าเดิมถึง 19%

    การทดสอบและแพลตฟอร์ม
    ชิปถูกทดสอบบนโน้ตบุ๊กที่ใช้ DDR5-5600 RAM ขนาด 64GB และเมนบอร์ด "Korat Plus-GPT3" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอ้างอิงสำหรับซีรีส์ Strix และ Gorgon ผลทดสอบแสดงให้เห็นว่าชิปใหม่นี้มีการปรับปรุงทั้งด้าน Productivity, Creativity และ Responsiveness ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูงในระดับกลาง

    แนวโน้มการเปิดตัว
    AMD คาดว่าจะเปิดตัวซีรีส์ Ryzen AI 400 อย่างเป็นทางการในงาน CES 2026 ซึ่งจะมีทั้งรุ่น Ryzen AI 9, Ryzen AI 7 และ Ryzen AI 5 โดย Ryzen AI 5 430 ถือเป็นรุ่นเริ่มต้นที่น่าจับตามอง เพราะเป็นการยกระดับจากรุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน และอาจเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับโน้ตบุ๊ก mainstream

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Ryzen AI 5 430 ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5
    มี 4 คอร์, 8 MB L3 + 4 MB L2 Cache
    ค่า TDP อยู่ที่ 15–28W

    กราฟิก Radeon 840M อัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้า
    มี 4 Compute Units (เพิ่มจาก 2 CU ใน Radeon 820M)
    ประสิทธิภาพดีขึ้น 19% จากผลทดสอบ CrossMark

    แพลตฟอร์มทดสอบ
    ใช้ DDR5-5600 RAM ขนาด 64GB
    เมนบอร์ด Korat Plus-GPT3

    ความไม่แน่นอนของการเปิดตัว
    แม้คาดว่าจะเปิดตัวใน CES 2026 แต่ยังขึ้นอยู่กับกำลังการผลิต
    หากมีความล่าช้า อาจกระทบต่อการแข่งขันกับ Intel และ Apple

    https://wccftech.com/amd-ryzen-ai-5-430-gorgon-cpu-leak-4-cores-faster-radeon-840m-igpu-benchmarked/
    🖥️ ข่าวหลุด: AMD Ryzen AI 5 430 "Gorgon" CPU AMD กำลังเตรียมเปิดตัวซีรีส์ใหม่ในตระกูล Ryzen AI 400 "Gorgon Point" โดยรุ่นที่หลุดออกมาคือ Ryzen AI 5 430 ซึ่งถือเป็นรุ่นเริ่มต้นในไลน์นี้ จุดเด่นคือการใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 ที่มี 4 คอร์ และค่า TDP อยู่ที่ 15–28W ทำให้เหมาะสำหรับโน้ตบุ๊กที่ต้องการสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงาน ⚡ กราฟิก Radeon 840M: อัปเกรดครั้งใหญ่ Ryzen AI 5 430 มาพร้อม iGPU Radeon 840M ที่มี 4 Compute Units ซึ่งถือว่าเป็นการอัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้า Ryzen AI 5 330 ที่มีเพียง 2 CU ใน Radeon 820M การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ประสิทธิภาพกราฟิกดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยผลทดสอบจาก BAPCo CrossMark แสดงให้เห็นว่า Ryzen AI 5 430 มีคะแนนสูงกว่าเดิมถึง 19% 🎮 การทดสอบและแพลตฟอร์ม ชิปถูกทดสอบบนโน้ตบุ๊กที่ใช้ DDR5-5600 RAM ขนาด 64GB และเมนบอร์ด "Korat Plus-GPT3" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอ้างอิงสำหรับซีรีส์ Strix และ Gorgon ผลทดสอบแสดงให้เห็นว่าชิปใหม่นี้มีการปรับปรุงทั้งด้าน Productivity, Creativity และ Responsiveness ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูงในระดับกลาง 🔮 แนวโน้มการเปิดตัว AMD คาดว่าจะเปิดตัวซีรีส์ Ryzen AI 400 อย่างเป็นทางการในงาน CES 2026 ซึ่งจะมีทั้งรุ่น Ryzen AI 9, Ryzen AI 7 และ Ryzen AI 5 โดย Ryzen AI 5 430 ถือเป็นรุ่นเริ่มต้นที่น่าจับตามอง เพราะเป็นการยกระดับจากรุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน และอาจเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับโน้ตบุ๊ก mainstream 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Ryzen AI 5 430 ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 ➡️ มี 4 คอร์, 8 MB L3 + 4 MB L2 Cache ➡️ ค่า TDP อยู่ที่ 15–28W ✅ กราฟิก Radeon 840M อัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้า ➡️ มี 4 Compute Units (เพิ่มจาก 2 CU ใน Radeon 820M) ➡️ ประสิทธิภาพดีขึ้น 19% จากผลทดสอบ CrossMark ✅ แพลตฟอร์มทดสอบ ➡️ ใช้ DDR5-5600 RAM ขนาด 64GB ➡️ เมนบอร์ด Korat Plus-GPT3 ‼️ ความไม่แน่นอนของการเปิดตัว ⛔ แม้คาดว่าจะเปิดตัวใน CES 2026 แต่ยังขึ้นอยู่กับกำลังการผลิต ⛔ หากมีความล่าช้า อาจกระทบต่อการแข่งขันกับ Intel และ Apple https://wccftech.com/amd-ryzen-ai-5-430-gorgon-cpu-leak-4-cores-faster-radeon-840m-igpu-benchmarked/
    WCCFTECH.COM
    AMD Ryzen AI 5 430 "Gorgon" CPU Leaks Out: 4 Cores, Faster Radeon 840M iGPU, Up To 19% Faster Than Ryzen AI 5 330
    AMD's Ryzen AI 5 430 "Gorgon" CPU has leaked out, showcasing upgraded specs & faster performance than its Strix-based predecessor.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD Zen 6 Medusa Point: ก้าวใหม่ของชิปโน้ตบุ๊ก

    AMD เตรียมเปิดตัว APU รุ่นใหม่ภายใต้ชื่อ Medusa Point ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 โดยมีสองรุ่นตามค่า TDP คือ 28W สำหรับโน้ตบุ๊กบางเบา และ 45W สำหรับโน้ตบุ๊กที่ต้องการพลังประมวลผลสูง การแบ่งเป็นสองระดับนี้ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถเลือกใช้ได้ตามการออกแบบเครื่อง ไม่ว่าจะเน้นประหยัดพลังงานหรือเน้นประสิทธิภาพสูงสุด

    สถาปัตยกรรม Zen 6 และการเปลี่ยนแปลงสำคัญ
    Zen 6 ถูกพัฒนาบนเทคโนโลยี TSMC 3nm และ 2nm โดยมีการเพิ่มจำนวนคอร์ต่อ CCD จาก 8 เป็น 12 คอร์ ทำให้รุ่นท็อปสามารถมีได้ถึง 22 คอร์ พร้อมการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น และชุดคำสั่งใหม่ เช่น AVX512-FP16 เพื่อรองรับงาน AI และการประมวลผลเชิงวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบแคชและตัวควบคุมหน่วยความจำแบบคู่ (Dual IMC) เพื่อเพิ่มแบนด์วิดท์และลดความหน่วง

    กราฟิก RDNA 3.5 และ AI Acceleration
    Medusa Point จะมาพร้อม iGPU RDNA 3.5 ที่มี 8 Compute Units ซึ่งเหมาะสำหรับงานกราฟิกทั่วไปและเกมเบา ๆ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือการเพิ่ม AI Engine สำหรับการเร่งงาน Machine Learning และงานประมวลผลภาพ เช่น การปรับปรุงคุณภาพวิดีโอหรือการทำงานร่วมกับแอปพลิเคชัน AI ที่กำลังได้รับความนิยมในโน้ตบุ๊กยุคใหม่

    แนวโน้มและคำเตือน
    แม้ข้อมูลที่รั่วไหลจะบอกว่า Zen 6 จะเปิดตัวในปี 2026 แต่ยังคงมีความไม่แน่นอนเรื่องกำหนดการผลิตและการวางจำหน่ายจริง เนื่องจากขึ้นอยู่กับกำลังการผลิตของ TSMC และการแข่งขันในตลาด CPU ที่รุนแรง หากเกิดความล่าช้า อาจทำให้ AMD เสียโอกาสในการแข่งขันกับ Intel และ Apple ที่เดินหน้าใช้ชิป 2nm เช่นกัน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Medusa Point เปิดตัวสองรุ่น TDP
    รุ่น 28W สำหรับโน้ตบุ๊กบางเบา
    รุ่น 45W สำหรับโน้ตบุ๊กที่ต้องการพลังสูง

    สถาปัตยกรรม Zen 6
    ใช้เทคโนโลยี 3nm และ 2nm
    เพิ่มจำนวนคอร์ต่อ CCD เป็น 12 คอร์

    กราฟิกและ AI
    iGPU RDNA 3.5 พร้อม 8 Compute Units
    มี AI Engine สำหรับงาน Machine Learning

    ความไม่แน่นอนของกำหนดการ
    อาจเลื่อนการผลิตไปถึงปี 2027
    ขึ้นอยู่กับกำลังการผลิตของ TSMC และการแข่งขันในตลาด

    https://wccftech.com/amd-zen-6-medusa-point-high-tdp-and-low-tdp/
    🖥️ AMD Zen 6 Medusa Point: ก้าวใหม่ของชิปโน้ตบุ๊ก AMD เตรียมเปิดตัว APU รุ่นใหม่ภายใต้ชื่อ Medusa Point ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 โดยมีสองรุ่นตามค่า TDP คือ 28W สำหรับโน้ตบุ๊กบางเบา และ 45W สำหรับโน้ตบุ๊กที่ต้องการพลังประมวลผลสูง การแบ่งเป็นสองระดับนี้ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถเลือกใช้ได้ตามการออกแบบเครื่อง ไม่ว่าจะเน้นประหยัดพลังงานหรือเน้นประสิทธิภาพสูงสุด ⚡ สถาปัตยกรรม Zen 6 และการเปลี่ยนแปลงสำคัญ Zen 6 ถูกพัฒนาบนเทคโนโลยี TSMC 3nm และ 2nm โดยมีการเพิ่มจำนวนคอร์ต่อ CCD จาก 8 เป็น 12 คอร์ ทำให้รุ่นท็อปสามารถมีได้ถึง 22 คอร์ พร้อมการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น และชุดคำสั่งใหม่ เช่น AVX512-FP16 เพื่อรองรับงาน AI และการประมวลผลเชิงวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบแคชและตัวควบคุมหน่วยความจำแบบคู่ (Dual IMC) เพื่อเพิ่มแบนด์วิดท์และลดความหน่วง 🎮 กราฟิก RDNA 3.5 และ AI Acceleration Medusa Point จะมาพร้อม iGPU RDNA 3.5 ที่มี 8 Compute Units ซึ่งเหมาะสำหรับงานกราฟิกทั่วไปและเกมเบา ๆ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือการเพิ่ม AI Engine สำหรับการเร่งงาน Machine Learning และงานประมวลผลภาพ เช่น การปรับปรุงคุณภาพวิดีโอหรือการทำงานร่วมกับแอปพลิเคชัน AI ที่กำลังได้รับความนิยมในโน้ตบุ๊กยุคใหม่ 🔮 แนวโน้มและคำเตือน แม้ข้อมูลที่รั่วไหลจะบอกว่า Zen 6 จะเปิดตัวในปี 2026 แต่ยังคงมีความไม่แน่นอนเรื่องกำหนดการผลิตและการวางจำหน่ายจริง เนื่องจากขึ้นอยู่กับกำลังการผลิตของ TSMC และการแข่งขันในตลาด CPU ที่รุนแรง หากเกิดความล่าช้า อาจทำให้ AMD เสียโอกาสในการแข่งขันกับ Intel และ Apple ที่เดินหน้าใช้ชิป 2nm เช่นกัน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Medusa Point เปิดตัวสองรุ่น TDP ➡️ รุ่น 28W สำหรับโน้ตบุ๊กบางเบา ➡️ รุ่น 45W สำหรับโน้ตบุ๊กที่ต้องการพลังสูง ✅ สถาปัตยกรรม Zen 6 ➡️ ใช้เทคโนโลยี 3nm และ 2nm ➡️ เพิ่มจำนวนคอร์ต่อ CCD เป็น 12 คอร์ ✅ กราฟิกและ AI ➡️ iGPU RDNA 3.5 พร้อม 8 Compute Units ➡️ มี AI Engine สำหรับงาน Machine Learning ‼️ ความไม่แน่นอนของกำหนดการ ⛔ อาจเลื่อนการผลิตไปถึงปี 2027 ⛔ ขึ้นอยู่กับกำลังการผลิตของ TSMC และการแข่งขันในตลาด https://wccftech.com/amd-zen-6-medusa-point-high-tdp-and-low-tdp/
    WCCFTECH.COM
    AMD Zen 6 Medusa Point Surfaces In NBD Manifest With Surprising "High-TDP" And "Low-TDP" Variants
    AMD Zen 6-based mobile Medusa Point SKUs are reportedly divided into two categories: 45W and 28W variants as per the leaked NBD shipping logs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ASRock เปิดตัว H610M Combo – เมนบอร์ดที่รองรับทั้ง DDR4 และ DDR5"

    ASRock เปิดตัวเมนบอร์ด H610M Combo บนแพลตฟอร์ม LGA1700 ที่สามารถใช้งานได้ทั้ง DDR4 และ DDR5 โดยมีสล็อตทั้งหมด 6 ช่อง แบ่งเป็น 2 ช่องสำหรับ DDR4 (สูงสุด 2666 MT/s) และ 4 ช่องสำหรับ DDR5 (สูงสุด 4800 MT/s) แต่ไม่สามารถใช้ทั้งสองรุ่นพร้อมกัน ต้องเลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง.

    เมนบอร์ดนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้ที่ต้องการความยืดหยุ่น เช่น หากมี DDR4 อยู่แล้วก็สามารถใช้ต่อไปได้ และเมื่อราคาของ DDR5 ลดลงก็สามารถอัปเกรดได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่ ถือเป็นการตอบโจทย์วิกฤตราคาหน่วยความจำที่กำลังพุ่งสูง.

    แม้จะมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจ แต่ H610M Combo ยังคงมีข้อจำกัด เช่น ไม่รองรับการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำ (XMP) และ PCIe จำกัดที่ 4.0 ซึ่งเป็นข้อจำกัดของชิปเซ็ต H610 โดยรวมแล้วเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการระบบพื้นฐานที่ยืดหยุ่นมากกว่าการใช้งานระดับสูง.

    ASRock ยังเสริมด้วยพอร์ต USB-C ที่ด้านหลัง และ VRM ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป แม้จะไม่ใช่เมนบอร์ดระดับเรือธง แต่ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายและมีทางเลือกในการอัปเกรดในอนาคต.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    ASRock เปิดตัวเมนบอร์ด H610M Combo รองรับทั้ง DDR4 และ DDR5
    มีสล็อตทั้งหมด 6 ช่อง (2 DDR4, 4 DDR5)
    ไม่สามารถใช้ DDR4 และ DDR5 พร้อมกันได้
    ความเร็วสูงสุด DDR4 = 2666 MT/s, DDR5 = 4800 MT/s
    ไม่รองรับ XMP และจำกัด PCIe 4.0

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    DDR5 กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ แต่ราคายังสูงและผันผวน
    เมนบอร์ดแบบ hybrid ช่วยให้ผู้ใช้ค่อย ๆ เปลี่ยนผ่านจาก DDR4 ไป DDR5
    ตลาดเมนบอร์ด hybrid มีผู้เล่นไม่มาก ทำให้ ASRock เป็นหนึ่งในรายแรกที่นำเสนอ

    คำเตือนจากข่าว
    ไม่สามารถใช้ DDR4 และ DDR5 พร้อมกันได้ ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
    ไม่รองรับการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำ (XMP)
    จำกัด PCIe ที่ 4.0 ไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด

    https://www.tomshardware.com/pc-components/motherboards/asrock-releases-new-intel-motherboard-with-support-for-both-ddr4-and-ddr5-memory-the-h610-combo-features-both-types-of-dimm-slots-but-you-cant-mix-generations
    🖥️ "ASRock เปิดตัว H610M Combo – เมนบอร์ดที่รองรับทั้ง DDR4 และ DDR5" ASRock เปิดตัวเมนบอร์ด H610M Combo บนแพลตฟอร์ม LGA1700 ที่สามารถใช้งานได้ทั้ง DDR4 และ DDR5 โดยมีสล็อตทั้งหมด 6 ช่อง แบ่งเป็น 2 ช่องสำหรับ DDR4 (สูงสุด 2666 MT/s) และ 4 ช่องสำหรับ DDR5 (สูงสุด 4800 MT/s) แต่ไม่สามารถใช้ทั้งสองรุ่นพร้อมกัน ต้องเลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง. เมนบอร์ดนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้ที่ต้องการความยืดหยุ่น เช่น หากมี DDR4 อยู่แล้วก็สามารถใช้ต่อไปได้ และเมื่อราคาของ DDR5 ลดลงก็สามารถอัปเกรดได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่ ถือเป็นการตอบโจทย์วิกฤตราคาหน่วยความจำที่กำลังพุ่งสูง. แม้จะมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจ แต่ H610M Combo ยังคงมีข้อจำกัด เช่น ไม่รองรับการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำ (XMP) และ PCIe จำกัดที่ 4.0 ซึ่งเป็นข้อจำกัดของชิปเซ็ต H610 โดยรวมแล้วเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการระบบพื้นฐานที่ยืดหยุ่นมากกว่าการใช้งานระดับสูง. ASRock ยังเสริมด้วยพอร์ต USB-C ที่ด้านหลัง และ VRM ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป แม้จะไม่ใช่เมนบอร์ดระดับเรือธง แต่ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายและมีทางเลือกในการอัปเกรดในอนาคต. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ ASRock เปิดตัวเมนบอร์ด H610M Combo รองรับทั้ง DDR4 และ DDR5 ➡️ มีสล็อตทั้งหมด 6 ช่อง (2 DDR4, 4 DDR5) ➡️ ไม่สามารถใช้ DDR4 และ DDR5 พร้อมกันได้ ➡️ ความเร็วสูงสุด DDR4 = 2666 MT/s, DDR5 = 4800 MT/s ➡️ ไม่รองรับ XMP และจำกัด PCIe 4.0 ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ DDR5 กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ แต่ราคายังสูงและผันผวน ➡️ เมนบอร์ดแบบ hybrid ช่วยให้ผู้ใช้ค่อย ๆ เปลี่ยนผ่านจาก DDR4 ไป DDR5 ➡️ ตลาดเมนบอร์ด hybrid มีผู้เล่นไม่มาก ทำให้ ASRock เป็นหนึ่งในรายแรกที่นำเสนอ ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ ไม่สามารถใช้ DDR4 และ DDR5 พร้อมกันได้ ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ⛔ ไม่รองรับการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำ (XMP) ⛔ จำกัด PCIe ที่ 4.0 ไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด https://www.tomshardware.com/pc-components/motherboards/asrock-releases-new-intel-motherboard-with-support-for-both-ddr4-and-ddr5-memory-the-h610-combo-features-both-types-of-dimm-slots-but-you-cant-mix-generations
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • "Nvidia ไม่มั่นใจจีนจะซื้อ H200 แม้สหรัฐฯ ผ่อนคลายข้อจำกัด"

    Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia เปิดเผยหลังการพบปะกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า แม้จะมีการพูดคุยถึงการอนุญาตให้ส่งออกชิป H200 ไปยังจีน แต่บริษัทก็ “ไม่รู้ ไม่แน่ใจเลย” ว่าจีนจะยอมซื้อจริงหรือไม่ เนื่องจากรัฐบาลจีนได้สั่งห้ามบริษัทเทคโนโลยีในประเทศซื้อชิป H20 และ RTX Pro 6000D ไปแล้ว พร้อมประกาศว่าชิป AI ที่ผลิตเองสามารถทดแทนได้.

    ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ได้สั่งห้ามส่งออกชิป AI รุ่นใหม่ไปจีน ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง โดย H200 ถือเป็นรุ่นที่ยังคงมีประสิทธิภาพสูง แต่ถูกมองว่า “ล้าสมัย” เมื่อเทียบกับรุ่นใหม่อย่าง B200 ที่เพิ่งเปิดตัว ข้อจำกัดนี้ทำให้ Nvidia สูญเสียตลาดจีนซึ่งเคยครองส่วนแบ่งกว่า 95% จนเหลือแทบเป็นศูนย์.

    แม้จะมีการพูดถึงการอนุญาตให้ขาย H200 อีกครั้ง แต่ Huang ย้ำว่า จีนไม่ยอมรับชิปที่ถูกลดสเปก และนโยบายของรัฐบาลจีนชัดเจนว่าต้องการพึ่งพาชิปภายในประเทศมากขึ้น การตัดสินใจครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องการค้า แต่เป็นการเมืองและยุทธศาสตร์ชาติ.

    สถานการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของ Nvidia ที่ต้องพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรเป็นหลัก ขณะที่จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองเพื่อปิดช่องว่าง และอาจทำให้การแข่งขันด้าน AI ระหว่างสองมหาอำนาจยิ่งทวีความเข้มข้นในอนาคต.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Jensen Huang ไม่มั่นใจว่าจีนจะซื้อ H200 แม้สหรัฐฯ ผ่อนคลายข้อจำกัด
    จีนสั่งห้ามซื้อ H20 และ RTX Pro 6000D พร้อมผลักดันชิป AI ภายในประเทศ
    Nvidia สูญเสียส่วนแบ่งตลาดจีนจาก 95% เหลือเกือบศูนย์
    H200 ถูกมองว่าล้าสมัยเมื่อเทียบกับ B200

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    จีนกำลังลงทุนมหาศาลในบริษัทชิป AI เช่น Huawei และ Cambricon
    ตลาดชิป AI คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 25% ต่อปีในช่วง 2025–2030
    การแข่งขันด้าน AI ระหว่างสหรัฐฯ–จีนถูกมองว่าเป็น “สงครามเทคโนโลยี” ยุคใหม่

    คำเตือนจากข่าว
    Nvidia ไม่สามารถลดสเปกชิปเพื่อขายในจีนได้ เพราะจีนไม่ยอมรับ
    การพึ่งพาตลาดจีนอาจไม่มั่นคงอีกต่อไป
    ความตึงเครียดทางการเมืองอาจทำให้การค้าชิป AI ถูกใช้เป็นเครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/nvidia-ceo-jensen-huang-unsure-if-china-would-buy-its-h200-chips-if-restrictions-are-relaxed-as-beijing-prioritizes-homegrown-ai-solutions-we-dont-know-we-have-no-clue
    💡 "Nvidia ไม่มั่นใจจีนจะซื้อ H200 แม้สหรัฐฯ ผ่อนคลายข้อจำกัด" Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia เปิดเผยหลังการพบปะกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า แม้จะมีการพูดคุยถึงการอนุญาตให้ส่งออกชิป H200 ไปยังจีน แต่บริษัทก็ “ไม่รู้ ไม่แน่ใจเลย” ว่าจีนจะยอมซื้อจริงหรือไม่ เนื่องจากรัฐบาลจีนได้สั่งห้ามบริษัทเทคโนโลยีในประเทศซื้อชิป H20 และ RTX Pro 6000D ไปแล้ว พร้อมประกาศว่าชิป AI ที่ผลิตเองสามารถทดแทนได้. ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ได้สั่งห้ามส่งออกชิป AI รุ่นใหม่ไปจีน ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง โดย H200 ถือเป็นรุ่นที่ยังคงมีประสิทธิภาพสูง แต่ถูกมองว่า “ล้าสมัย” เมื่อเทียบกับรุ่นใหม่อย่าง B200 ที่เพิ่งเปิดตัว ข้อจำกัดนี้ทำให้ Nvidia สูญเสียตลาดจีนซึ่งเคยครองส่วนแบ่งกว่า 95% จนเหลือแทบเป็นศูนย์. แม้จะมีการพูดถึงการอนุญาตให้ขาย H200 อีกครั้ง แต่ Huang ย้ำว่า จีนไม่ยอมรับชิปที่ถูกลดสเปก และนโยบายของรัฐบาลจีนชัดเจนว่าต้องการพึ่งพาชิปภายในประเทศมากขึ้น การตัดสินใจครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องการค้า แต่เป็นการเมืองและยุทธศาสตร์ชาติ. สถานการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของ Nvidia ที่ต้องพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรเป็นหลัก ขณะที่จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองเพื่อปิดช่องว่าง และอาจทำให้การแข่งขันด้าน AI ระหว่างสองมหาอำนาจยิ่งทวีความเข้มข้นในอนาคต. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Jensen Huang ไม่มั่นใจว่าจีนจะซื้อ H200 แม้สหรัฐฯ ผ่อนคลายข้อจำกัด ➡️ จีนสั่งห้ามซื้อ H20 และ RTX Pro 6000D พร้อมผลักดันชิป AI ภายในประเทศ ➡️ Nvidia สูญเสียส่วนแบ่งตลาดจีนจาก 95% เหลือเกือบศูนย์ ➡️ H200 ถูกมองว่าล้าสมัยเมื่อเทียบกับ B200 ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ จีนกำลังลงทุนมหาศาลในบริษัทชิป AI เช่น Huawei และ Cambricon ➡️ ตลาดชิป AI คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 25% ต่อปีในช่วง 2025–2030 ➡️ การแข่งขันด้าน AI ระหว่างสหรัฐฯ–จีนถูกมองว่าเป็น “สงครามเทคโนโลยี” ยุคใหม่ ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ Nvidia ไม่สามารถลดสเปกชิปเพื่อขายในจีนได้ เพราะจีนไม่ยอมรับ ⛔ การพึ่งพาตลาดจีนอาจไม่มั่นคงอีกต่อไป ⛔ ความตึงเครียดทางการเมืองอาจทำให้การค้าชิป AI ถูกใช้เป็นเครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/nvidia-ceo-jensen-huang-unsure-if-china-would-buy-its-h200-chips-if-restrictions-are-relaxed-as-beijing-prioritizes-homegrown-ai-solutions-we-dont-know-we-have-no-clue
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • การพบปะระหว่างทรัมป์และซีอีโอ Nvidia

    เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2025 มีรายงานว่า ทรัมป์ได้พบกับเจนเซน ฮวง ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อหารือเกี่ยวกับ ข้อจำกัดการส่งออกชิปประมวลผล AI ไปยังประเทศที่ถูกจัดว่าเป็น “countries of concern” การพบปะครั้งนี้สะท้อนถึงความสำคัญของ Nvidia ในฐานะบริษัทที่มีบทบาทนำในตลาด AI และชิปประสิทธิภาพสูง

    ความกังวลของ Nvidia
    ฮวงได้แสดงความกังวลว่า กฎหมายที่บังคับให้ขายชิปให้ลูกค้าในสหรัฐฯ ก่อนส่งออก อาจทำให้การแข่งขันระดับโลกชะลอตัว และลดความสามารถของสหรัฐฯ ในการรักษาความเป็นผู้นำด้าน AI เขายังกล่าวในพอดแคสต์กับ Joe Rogan ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ตอบสนองต่อข้อกังวลของเขาเสมอ และย้ำว่าการแข่งขันด้าน AI จะไม่ใช่การ “ชนะทันที” แต่เป็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

    มิติด้านความมั่นคงและการแข่งขันโลก
    การควบคุมการส่งออกชิปถูกมองว่าเป็น กลยุทธ์ด้านความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศคู่แข่งเข้าถึงเทคโนโลยีที่อาจใช้ในด้านการทหารหรือการพัฒนา AI ขั้นสูง อย่างไรก็ตาม Nvidia และผู้เชี่ยวชาญบางส่วนมองว่าการจำกัดมากเกินไปอาจทำให้สหรัฐฯ สูญเสียความได้เปรียบเชิงพาณิชย์และนวัตกรรม

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI
    หากมาตรการควบคุมเข้มงวดเกินไป อาจทำให้บริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ สูญเสียตลาดต่างประเทศ และเปิดโอกาสให้คู่แข่งจากจีนหรือยุโรปเข้ามาแทนที่ ขณะเดียวกันก็อาจกระทบต่อการลงทุนและการพัฒนา AI ภายในประเทศเอง

    สรุปสาระสำคัญ
    การพบปะระหว่างทรัมป์และเจนเซน ฮวง
    หารือเรื่องมาตรการควบคุมการส่งออกชิป AI

    ความกังวลของ Nvidia
    กฎหมายบังคับขายในประเทศก่อนส่งออกอาจลดความสามารถในการแข่งขัน

    มิติด้านความมั่นคงแห่งชาติ
    สหรัฐฯ ต้องการป้องกันไม่ให้คู่แข่งเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง

    ความเสี่ยงต่ออุตสาหกรรม AI
    อาจทำให้บริษัทสหรัฐฯ สูญเสียตลาดต่างประเทศและลดแรงจูงใจในการลงทุน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/04/trump-met-with-nvidia-ceo-jensen-huang-about-export-controls-cbs-news039-reporter-says
    🤝 การพบปะระหว่างทรัมป์และซีอีโอ Nvidia เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2025 มีรายงานว่า ทรัมป์ได้พบกับเจนเซน ฮวง ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อหารือเกี่ยวกับ ข้อจำกัดการส่งออกชิปประมวลผล AI ไปยังประเทศที่ถูกจัดว่าเป็น “countries of concern” การพบปะครั้งนี้สะท้อนถึงความสำคัญของ Nvidia ในฐานะบริษัทที่มีบทบาทนำในตลาด AI และชิปประสิทธิภาพสูง ⚙️ ความกังวลของ Nvidia ฮวงได้แสดงความกังวลว่า กฎหมายที่บังคับให้ขายชิปให้ลูกค้าในสหรัฐฯ ก่อนส่งออก อาจทำให้การแข่งขันระดับโลกชะลอตัว และลดความสามารถของสหรัฐฯ ในการรักษาความเป็นผู้นำด้าน AI เขายังกล่าวในพอดแคสต์กับ Joe Rogan ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ตอบสนองต่อข้อกังวลของเขาเสมอ และย้ำว่าการแข่งขันด้าน AI จะไม่ใช่การ “ชนะทันที” แต่เป็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 🔮 มิติด้านความมั่นคงและการแข่งขันโลก การควบคุมการส่งออกชิปถูกมองว่าเป็น กลยุทธ์ด้านความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศคู่แข่งเข้าถึงเทคโนโลยีที่อาจใช้ในด้านการทหารหรือการพัฒนา AI ขั้นสูง อย่างไรก็ตาม Nvidia และผู้เชี่ยวชาญบางส่วนมองว่าการจำกัดมากเกินไปอาจทำให้สหรัฐฯ สูญเสียความได้เปรียบเชิงพาณิชย์และนวัตกรรม ⚠️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI หากมาตรการควบคุมเข้มงวดเกินไป อาจทำให้บริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ สูญเสียตลาดต่างประเทศ และเปิดโอกาสให้คู่แข่งจากจีนหรือยุโรปเข้ามาแทนที่ ขณะเดียวกันก็อาจกระทบต่อการลงทุนและการพัฒนา AI ภายในประเทศเอง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การพบปะระหว่างทรัมป์และเจนเซน ฮวง ➡️ หารือเรื่องมาตรการควบคุมการส่งออกชิป AI ✅ ความกังวลของ Nvidia ➡️ กฎหมายบังคับขายในประเทศก่อนส่งออกอาจลดความสามารถในการแข่งขัน ✅ มิติด้านความมั่นคงแห่งชาติ ➡️ สหรัฐฯ ต้องการป้องกันไม่ให้คู่แข่งเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง ‼️ ความเสี่ยงต่ออุตสาหกรรม AI ⛔ อาจทำให้บริษัทสหรัฐฯ สูญเสียตลาดต่างประเทศและลดแรงจูงใจในการลงทุน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/04/trump-met-with-nvidia-ceo-jensen-huang-about-export-controls-cbs-news039-reporter-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Trump met with Nvidia CEO Jensen Huang on export controls, source says
    Dec 3 (Reuters) - U.S. President Donald Trump met with chip giant Nvidia's CEO Jensen Huang on Wednesday to discuss export controls, a source familiar with the matter told Reuters.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • EPYC Embedded Venice (Zen 6)

    AMD เตรียมเปิดตัวซีรีส์ EPYC Embedded 9006 Venice ที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 ผลิตบนเทคโนโลยี TSMC 2nm โดยรุ่น Embedded จะมีสูงสุด 96 คอร์ พร้อมรองรับ PCIe Gen6 และ DDR5/MRDIMM ถือเป็นรุ่นที่เน้นประสิทธิภาพสูงสำหรับงานที่ต้องการพลังการประมวลผลมาก เช่น Data center ขนาดเล็ก, Edge computing และระบบ AI inference

    EPYC Embedded Fire Range (Zen 5)
    ซีรีส์ Fire Range Embedded 2005 ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 สูงสุด 16 คอร์ รองรับ PCIe Gen5 และ DDR5-5600 โดยใช้ die เดียวกับ Ryzen 9000HX ทำให้เหมาะกับงาน Networking, Storage และ Industrial platforms จุดเด่นคือการนำชิปเดสก์ท็อปมาใช้ใหม่ในตลาด Embedded เพื่อคุมต้นทุนแต่ยังคงประสิทธิภาพสูง

    EPYC Embedded Annapurna
    ตระกูล Annapurna ถูกออกแบบมาเพื่อ Network Control planes โดยเน้น ประสิทธิภาพต่อวัตต์และต่อราคา (perf/Watt, perf/$) เหมาะสำหรับ Switches, Routers, Security appliances และ Optical transport แม้ AMD ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดสถาปัตยกรรม แต่ชัดเจนว่าเป็นรุ่นที่เน้นการใช้งานในระบบเครือข่ายที่ต้องการความเสถียรและต้นทุนต่ำ

    แนวโน้มและการเปิดตัว
    AMD คาดว่าจะเปิดตัวไลน์อัพเหล่านี้ในช่วง ปี 2026–2027 เพื่อขยายตลาด Embedded ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยจะเป็นคู่แข่งสำคัญกับ Intel และ ARM-based solutions ในตลาดที่ต้องการทั้ง พลังการประมวลผลและการประหยัดพลังงาน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    EPYC Embedded Venice (Zen 6)
    สูงสุด 96 คอร์, PCIe Gen6, DDR5/MRDIMM, ผลิตบน TSMC 2nm

    EPYC Embedded Fire Range (Zen 5)
    สูงสุด 16 คอร์, PCIe Gen5, DDR5-5600, ใช้ die จาก Ryzen 9000HX

    EPYC Embedded Annapurna
    เน้น perf/Watt และ perf/$ สำหรับ Switches, Routers และ Security appliances

    ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดสถาปัตยกรรม Annapurna
    ต้องรอติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจาก AMD

    การเปิดตัวจริงคาดในปี 2026–2027
    ตลาด Embedded จะเป็นสมรภูมิแข่งขันใหม่กับ Intel และ ARM

    https://wccftech.com/amd-epyc-9006-embedded-venice-cpus-96-zen-6-cores-embedded-2005-fire-range-annapurna/
    🖥️ EPYC Embedded Venice (Zen 6) AMD เตรียมเปิดตัวซีรีส์ EPYC Embedded 9006 Venice ที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 ผลิตบนเทคโนโลยี TSMC 2nm โดยรุ่น Embedded จะมีสูงสุด 96 คอร์ พร้อมรองรับ PCIe Gen6 และ DDR5/MRDIMM ถือเป็นรุ่นที่เน้นประสิทธิภาพสูงสำหรับงานที่ต้องการพลังการประมวลผลมาก เช่น Data center ขนาดเล็ก, Edge computing และระบบ AI inference 🔥 EPYC Embedded Fire Range (Zen 5) ซีรีส์ Fire Range Embedded 2005 ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 สูงสุด 16 คอร์ รองรับ PCIe Gen5 และ DDR5-5600 โดยใช้ die เดียวกับ Ryzen 9000HX ทำให้เหมาะกับงาน Networking, Storage และ Industrial platforms จุดเด่นคือการนำชิปเดสก์ท็อปมาใช้ใหม่ในตลาด Embedded เพื่อคุมต้นทุนแต่ยังคงประสิทธิภาพสูง 🌐 EPYC Embedded Annapurna ตระกูล Annapurna ถูกออกแบบมาเพื่อ Network Control planes โดยเน้น ประสิทธิภาพต่อวัตต์และต่อราคา (perf/Watt, perf/$) เหมาะสำหรับ Switches, Routers, Security appliances และ Optical transport แม้ AMD ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดสถาปัตยกรรม แต่ชัดเจนว่าเป็นรุ่นที่เน้นการใช้งานในระบบเครือข่ายที่ต้องการความเสถียรและต้นทุนต่ำ ⚠️ แนวโน้มและการเปิดตัว AMD คาดว่าจะเปิดตัวไลน์อัพเหล่านี้ในช่วง ปี 2026–2027 เพื่อขยายตลาด Embedded ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยจะเป็นคู่แข่งสำคัญกับ Intel และ ARM-based solutions ในตลาดที่ต้องการทั้ง พลังการประมวลผลและการประหยัดพลังงาน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ EPYC Embedded Venice (Zen 6) ➡️ สูงสุด 96 คอร์, PCIe Gen6, DDR5/MRDIMM, ผลิตบน TSMC 2nm ✅ EPYC Embedded Fire Range (Zen 5) ➡️ สูงสุด 16 คอร์, PCIe Gen5, DDR5-5600, ใช้ die จาก Ryzen 9000HX ✅ EPYC Embedded Annapurna ➡️ เน้น perf/Watt และ perf/$ สำหรับ Switches, Routers และ Security appliances ‼️ ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดสถาปัตยกรรม Annapurna ⛔ ต้องรอติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจาก AMD ‼️ การเปิดตัวจริงคาดในปี 2026–2027 ⛔ ตลาด Embedded จะเป็นสมรภูมิแข่งขันใหม่กับ Intel และ ARM https://wccftech.com/amd-epyc-9006-embedded-venice-cpus-96-zen-6-cores-embedded-2005-fire-range-annapurna/
    WCCFTECH.COM
    AMD EPYC "9006" Embedded Venice CPUs Rock Up To 96 "Zen 6" Cores & PCIe Gen6, EPYC Embedded 2005 "Fire Range" & Annapurna Families Confirmed Too
    AMD is preparing a range of EPYC Embedded family, such as Venice "Zen 6" series, Fire Range "Zen 5" series & Annapurna lineups.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุคทองของ GTX 900 และ 10-series

    Nvidia ประกาศว่า GeForce 590 driver branch จะเป็นรุ่นแรกที่ หยุดการสนับสนุนฟีเจอร์สำหรับการ์ด GTX 900 และ 10-series อย่างเป็นทางการ ถือเป็นการสิ้นสุดยุคของ GPU ที่เคยครองตลาดเกมเมอร์ในช่วงปี 2014–2017

    การ์ดจออย่าง GTX 970, GTX 1070 และ GTX 1080 Ti เคยเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่เกมเมอร์ ด้วยความคุ้มค่าและประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะ GTX 1080 Ti ที่ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งใน GPU ที่ดีที่สุดในยุคนั้น การหยุดสนับสนุนฟีเจอร์ใหม่ในไดรเวอร์ล่าสุดจึงเป็นการปิดฉากยุคทองของการ์ดเหล่านี้

    Linux และ Windows เดินคู่กัน
    ในอดีต Linux มักได้รับการสนับสนุนฟีเจอร์จาก Nvidia นานกว่า Windows แต่ตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นมา Nvidia ได้ปรับให้ ตารางการออกไดรเวอร์ของทั้งสองระบบปฏิบัติการเป็นแบบเดียวกัน ทำให้การหยุดสนับสนุนครั้งนี้มีผลทั้งบน Windows และ Linux พร้อมกัน

    ยังมีการอัปเดตด้านความปลอดภัย
    แม้จะไม่มีฟีเจอร์ใหม่ แต่ Nvidia ยืนยันว่า GTX 900 และ 10-series จะยังได้รับการอัปเดตด้านความปลอดภัยไปจนถึงเดือนตุลาคม 2028 เพื่อให้ผู้ใช้ยังสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยในระยะยาว นี่เป็นมาตรฐานการดูแลที่ยาวนานกว่าการสนับสนุน Windows 10 เสียอีก

    บทเรียนจากการเปลี่ยนผ่าน
    การหยุดสนับสนุนนี้สะท้อนว่า วงจรชีวิตของ GPU รุ่นท็อปอยู่ที่ราว 8–10 ปี และผู้ใช้ที่ยังใช้การ์ดรุ่นเก่าอาจต้องพิจารณาอัปเกรดเพื่อเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น DLSS 3.5 หรือ Ray Tracing ที่การ์ดรุ่นเก่าไม่รองรับ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    GeForce 590 driver branch หยุดสนับสนุน GTX 900 และ 10-series
    ถือเป็นการสิ้นสุดยุคของ GPU ที่เคยครองตลาด

    Linux และ Windows ได้รับผลกระทบพร้อมกัน
    Nvidia ปรับตารางการออกไดรเวอร์ให้เหมือนกันตั้งแต่ปี 2024

    ยังคงมีอัปเดตด้านความปลอดภัยจนถึงปี 2028
    ยืดอายุการใช้งานแม้ไม่มีฟีเจอร์ใหม่

    ผู้ใช้การ์ดรุ่นเก่าอาจพลาดฟีเจอร์ใหม่ ๆ
    เช่น DLSS 3.5 และ Ray Tracing ที่ไม่รองรับ

    วงจรชีวิต GPU อยู่ที่ราว 8–10 ปี
    หลังจากนั้นควรพิจารณาอัปเกรดเพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัย

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/geforce-590-driver-branch-is-the-first-without-feature-support-for-gtx-9-and-10-series-gpus-linux-release-marks-the-end-of-the-line-for-graphics-cards-that-defined-an-era
    🕹️ ยุคทองของ GTX 900 และ 10-series Nvidia ประกาศว่า GeForce 590 driver branch จะเป็นรุ่นแรกที่ หยุดการสนับสนุนฟีเจอร์สำหรับการ์ด GTX 900 และ 10-series อย่างเป็นทางการ ถือเป็นการสิ้นสุดยุคของ GPU ที่เคยครองตลาดเกมเมอร์ในช่วงปี 2014–2017 การ์ดจออย่าง GTX 970, GTX 1070 และ GTX 1080 Ti เคยเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่เกมเมอร์ ด้วยความคุ้มค่าและประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะ GTX 1080 Ti ที่ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งใน GPU ที่ดีที่สุดในยุคนั้น การหยุดสนับสนุนฟีเจอร์ใหม่ในไดรเวอร์ล่าสุดจึงเป็นการปิดฉากยุคทองของการ์ดเหล่านี้ 🐧 Linux และ Windows เดินคู่กัน ในอดีต Linux มักได้รับการสนับสนุนฟีเจอร์จาก Nvidia นานกว่า Windows แต่ตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นมา Nvidia ได้ปรับให้ ตารางการออกไดรเวอร์ของทั้งสองระบบปฏิบัติการเป็นแบบเดียวกัน ทำให้การหยุดสนับสนุนครั้งนี้มีผลทั้งบน Windows และ Linux พร้อมกัน 🔒 ยังมีการอัปเดตด้านความปลอดภัย แม้จะไม่มีฟีเจอร์ใหม่ แต่ Nvidia ยืนยันว่า GTX 900 และ 10-series จะยังได้รับการอัปเดตด้านความปลอดภัยไปจนถึงเดือนตุลาคม 2028 เพื่อให้ผู้ใช้ยังสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยในระยะยาว นี่เป็นมาตรฐานการดูแลที่ยาวนานกว่าการสนับสนุน Windows 10 เสียอีก ⚠️ บทเรียนจากการเปลี่ยนผ่าน การหยุดสนับสนุนนี้สะท้อนว่า วงจรชีวิตของ GPU รุ่นท็อปอยู่ที่ราว 8–10 ปี และผู้ใช้ที่ยังใช้การ์ดรุ่นเก่าอาจต้องพิจารณาอัปเกรดเพื่อเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น DLSS 3.5 หรือ Ray Tracing ที่การ์ดรุ่นเก่าไม่รองรับ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ GeForce 590 driver branch หยุดสนับสนุน GTX 900 และ 10-series ➡️ ถือเป็นการสิ้นสุดยุคของ GPU ที่เคยครองตลาด ✅ Linux และ Windows ได้รับผลกระทบพร้อมกัน ➡️ Nvidia ปรับตารางการออกไดรเวอร์ให้เหมือนกันตั้งแต่ปี 2024 ✅ ยังคงมีอัปเดตด้านความปลอดภัยจนถึงปี 2028 ➡️ ยืดอายุการใช้งานแม้ไม่มีฟีเจอร์ใหม่ ‼️ ผู้ใช้การ์ดรุ่นเก่าอาจพลาดฟีเจอร์ใหม่ ๆ ⛔ เช่น DLSS 3.5 และ Ray Tracing ที่ไม่รองรับ ‼️ วงจรชีวิต GPU อยู่ที่ราว 8–10 ปี ⛔ หลังจากนั้นควรพิจารณาอัปเกรดเพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัย https://www.tomshardware.com/tech-industry/geforce-590-driver-branch-is-the-first-without-feature-support-for-gtx-9-and-10-series-gpus-linux-release-marks-the-end-of-the-line-for-graphics-cards-that-defined-an-era
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • OCuLink: ทางเลือกใหม่แทน Thunderbolt

    ผู้ใช้ Framework 16 Laptop รายหนึ่งได้ดัดแปลงเครื่องให้มี พอร์ต OCuLink PCIe 4.0 x8 เพื่อเชื่อมต่อ GPU ภายนอกโดยตรง ผลคือได้ประสิทธิภาพสูงกว่า Thunderbolt อย่างชัดเจน และถือเป็นการเปิดทางใหม่ให้กับการอัปเกรดโน้ตบุ๊กสำหรับเกมเมอร์และสาย DIY

    Thunderbolt แม้จะสะดวก แต่มีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพเพราะต้องห่อหุ้มสัญญาณ PCIe ทำให้สูญเสียแบนด์วิดท์และเพิ่มความหน่วง ขณะที่ OCuLink เป็นการเชื่อมต่อ PCIe โดยตรง จึงให้ประสิทธิภาพเต็มที่โดยไม่ต้องผ่านการแปลงสัญญาณ แต่ข้อเสียคือไม่รองรับการเสียบ-ถอดร้อน และไม่มีการส่งข้อมูล USB/เสียง/วิดีโอรวมในสายเดียว

    การดัดแปลง Framework 16
    นักดัดแปลงชื่อ Filip (Terrails บน GitHub) ได้สร้างโมดูลเชื่อมต่อจาก PCIe x8 expansion bay ของ Framework 16 ไปยังพอร์ต OCuLink โดยใช้บอร์ดแปลงแบบ passive ผลคือสามารถเชื่อมต่อกับ GPU Desktop-class เช่น RTX 4070 ได้โดยตรง และเล่นเกมด้วยประสิทธิภาพใกล้เคียงเครื่อง PC จริง

    ผลลัพธ์และการสนับสนุนจากชุมชน
    หลังจากแก้ไขปัญหาซอฟต์แวร์และสัญญาณ Filip รายงานว่า สามารถรันเกมได้จริงที่ PCIe 4.0 x8 Framework เองก็เข้ามาช่วยเหลือ โดยทีมพัฒนาได้อัปเดตเครื่องมือเฟิร์มแวร์เพื่อสนับสนุนการใช้งานนี้ ทำให้โครงการไม่ใช่แค่การทดลอง แต่มีแนวโน้มจะถูกนำไปใช้จริงในชุมชนผู้ใช้ Framework

    ข้อจำกัดและอนาคต
    แม้ OCuLink จะให้ประสิทธิภาพสูง แต่ยังคงเป็น มาตรฐานที่ถูกยกเลิกตั้งแต่ปี 2021 และถูกแทนที่ด้วย CopprLink ที่ไม่เข้ากันย้อนหลัง ทำให้การใช้งานยังคงเป็น niche สำหรับผู้ใช้สาย DIY อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิต Mini-PC และเครื่องเกมพกพาหลายราย เช่น Ayaneo และ OneXPlayer เริ่มใส่พอร์ต OCuLink มาแล้ว ซึ่งอาจทำให้มันกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Framework 16 ถูกดัดแปลงเพิ่มพอร์ต OCuLink PCIe 4.0 x8
    เชื่อมต่อ GPU ภายนอกได้เต็มประสิทธิภาพ

    ผลทดสอบยืนยันเล่นเกมได้จริง
    ใช้ RTX 4070 รันเกมที่แบนด์วิดท์สูง

    Framework สนับสนุนการพัฒนา
    ทีมงานอัปเดตเครื่องมือเฟิร์มแวร์ช่วยชุมชน DIY

    OCuLink ถูกยกเลิกมาตรฐานแล้ว
    ถูกแทนที่ด้วย CopprLink ที่ไม่เข้ากันย้อนหลัง

    ข้อจำกัดด้านการใช้งาน
    ไม่รองรับ hot-plug และไม่มีการส่งข้อมูล USB/เสียง/วิดีโอ

    https://www.tomshardware.com/laptops/enthusiast-adds-oculink-port-to-framework-16-laptop-offering-pcie-4-0-x8-bandwidth-for-big-gpu-performance-gains
    🔌 OCuLink: ทางเลือกใหม่แทน Thunderbolt ผู้ใช้ Framework 16 Laptop รายหนึ่งได้ดัดแปลงเครื่องให้มี พอร์ต OCuLink PCIe 4.0 x8 เพื่อเชื่อมต่อ GPU ภายนอกโดยตรง ผลคือได้ประสิทธิภาพสูงกว่า Thunderbolt อย่างชัดเจน และถือเป็นการเปิดทางใหม่ให้กับการอัปเกรดโน้ตบุ๊กสำหรับเกมเมอร์และสาย DIY Thunderbolt แม้จะสะดวก แต่มีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพเพราะต้องห่อหุ้มสัญญาณ PCIe ทำให้สูญเสียแบนด์วิดท์และเพิ่มความหน่วง ขณะที่ OCuLink เป็นการเชื่อมต่อ PCIe โดยตรง จึงให้ประสิทธิภาพเต็มที่โดยไม่ต้องผ่านการแปลงสัญญาณ แต่ข้อเสียคือไม่รองรับการเสียบ-ถอดร้อน และไม่มีการส่งข้อมูล USB/เสียง/วิดีโอรวมในสายเดียว 🛠️ การดัดแปลง Framework 16 นักดัดแปลงชื่อ Filip (Terrails บน GitHub) ได้สร้างโมดูลเชื่อมต่อจาก PCIe x8 expansion bay ของ Framework 16 ไปยังพอร์ต OCuLink โดยใช้บอร์ดแปลงแบบ passive ผลคือสามารถเชื่อมต่อกับ GPU Desktop-class เช่น RTX 4070 ได้โดยตรง และเล่นเกมด้วยประสิทธิภาพใกล้เคียงเครื่อง PC จริง 🎮 ผลลัพธ์และการสนับสนุนจากชุมชน หลังจากแก้ไขปัญหาซอฟต์แวร์และสัญญาณ Filip รายงานว่า สามารถรันเกมได้จริงที่ PCIe 4.0 x8 Framework เองก็เข้ามาช่วยเหลือ โดยทีมพัฒนาได้อัปเดตเครื่องมือเฟิร์มแวร์เพื่อสนับสนุนการใช้งานนี้ ทำให้โครงการไม่ใช่แค่การทดลอง แต่มีแนวโน้มจะถูกนำไปใช้จริงในชุมชนผู้ใช้ Framework ⚠️ ข้อจำกัดและอนาคต แม้ OCuLink จะให้ประสิทธิภาพสูง แต่ยังคงเป็น มาตรฐานที่ถูกยกเลิกตั้งแต่ปี 2021 และถูกแทนที่ด้วย CopprLink ที่ไม่เข้ากันย้อนหลัง ทำให้การใช้งานยังคงเป็น niche สำหรับผู้ใช้สาย DIY อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิต Mini-PC และเครื่องเกมพกพาหลายราย เช่น Ayaneo และ OneXPlayer เริ่มใส่พอร์ต OCuLink มาแล้ว ซึ่งอาจทำให้มันกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Framework 16 ถูกดัดแปลงเพิ่มพอร์ต OCuLink PCIe 4.0 x8 ➡️ เชื่อมต่อ GPU ภายนอกได้เต็มประสิทธิภาพ ✅ ผลทดสอบยืนยันเล่นเกมได้จริง ➡️ ใช้ RTX 4070 รันเกมที่แบนด์วิดท์สูง ✅ Framework สนับสนุนการพัฒนา ➡️ ทีมงานอัปเดตเครื่องมือเฟิร์มแวร์ช่วยชุมชน DIY ‼️ OCuLink ถูกยกเลิกมาตรฐานแล้ว ⛔ ถูกแทนที่ด้วย CopprLink ที่ไม่เข้ากันย้อนหลัง ‼️ ข้อจำกัดด้านการใช้งาน ⛔ ไม่รองรับ hot-plug และไม่มีการส่งข้อมูล USB/เสียง/วิดีโอ https://www.tomshardware.com/laptops/enthusiast-adds-oculink-port-to-framework-16-laptop-offering-pcie-4-0-x8-bandwidth-for-big-gpu-performance-gains
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Enthusiast adds OCuLink port to Framework 16 Laptop — offering PCIe 4.0 x8 bandwidth for big GPU performance gains
    Unlike Thunderbolt, OCuLink offers full PCI Express performance for no-compromise PC gaming on a docked mobile device.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • Linux บน Steam พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์

    ผลสำรวจ Steam Hardware Survey ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า Linux มีผู้ใช้งานถึง 3.2% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดตั้งแต่มีการเก็บข้อมูลมา การเติบโตนี้สะท้อนถึงความนิยมของ Steam Deck และการสนับสนุนจากซอฟต์แวร์อย่าง Proton ที่ทำให้เกม Windows เล่นได้บน Linux อย่างราบรื่น นอกจากนี้ ความไม่พอใจต่อ Windows 11 ที่บังคับอัปเกรดและมีการแจ้งเตือนรบกวน ก็ยิ่งผลักดันให้ผู้เล่นหันมาใช้ Linux มากขึ้น

    AMD เดินหน้าท้าชน Intel
    AMD ยังคงเพิ่มส่วนแบ่งตลาด CPU อย่างต่อเนื่อง โดยในกลุ่มเกมเมอร์บน Steam มีสัดส่วนกว่า 43–44% และในบางภูมิภาค เช่น เยอรมนี AMD ครองตลาดร้านค้าปลีกเกือบทั้งหมด ความสำเร็จนี้เกิดจาก Ryzen 7000/8000 series ที่ให้จำนวนคอร์มากต่อราคา และ EPYC server chips ที่ครองรายได้เหนือ Intel ในศูนย์ข้อมูล ทำให้ AMD ไม่ใช่ผู้ตามอีกต่อไป แต่กลายเป็นคู่แข่งที่ท้าทาย Intel อย่างจริงจัง

    NVIDIA RTX 5070 ขึ้นแท่น GPU ยอดนิยม
    ในฝั่งการ์ดจอ NVIDIA RTX 5070 กำลังแซงรุ่นก่อนหน้าอย่าง RTX 4070 และติดอันดับ Top 10 GPU บน Steam ด้วยสัดส่วนราว 2.1–2.2% จุดเด่นคือสถาปัตยกรรม Blackwell ที่ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้นและรองรับฟีเจอร์เรนเดอร์สมัยใหม่ ขณะที่ราคาวางตลาดสมเหตุสมผลกว่ารุ่นก่อน ทำให้ผู้เล่นจำนวนมากเลือกอัปเกรดเร็วผิดคาด การเติบโตนี้ยังส่งผลต่อทิศทางการพัฒนาเกม ที่สามารถใช้เทคโนโลยีกราฟิกขั้นสูงได้มากขึ้น

    ความท้าทายและความเสี่ยงในตลาด
    แม้ตัวเลขจะสดใส แต่ก็มีสัญญาณเตือน เช่น AMD RDNA 4 GPUs ยังไม่ปรากฏในผลสำรวจ ซึ่งอาจสะท้อนถึงปัญหาการผลิตหรือการยอมรับของตลาด อีกทั้ง Intel เตรียมเปิดตัว Lunar Lake ที่มุ่งเน้น AI และกราฟิกในปี 2026 ซึ่งอาจพลิกเกมการแข่งขันได้ นอกจากนี้ การแข่งขันด้านราคาอาจทำให้ทั้ง AMD และ Intel ต้องลดกำไรลงเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Linux Usage บน Steam พุ่งสูงสุด 3.2%
    ความนิยม Steam Deck และ Proton ทำให้เกม Windows เล่นได้บน Linux

    AMD เพิ่มส่วนแบ่ง CPU ในตลาดเกมเมอร์
    Ryzen และ EPYC ช่วยให้ AMD แข็งแกร่งทั้งในเดสก์ท็อปและเซิร์ฟเวอร์

    NVIDIA RTX 5070 กำลังขึ้นแท่น GPU ยอดนิยม
    สถาปัตยกรรม Blackwell และราคาที่แข่งขันได้ดึงดูดผู้ใช้จำนวนมาก

    AMD RDNA 4 ยังไม่ปรากฏในผลสำรวจ
    อาจสะท้อนถึงปัญหาการผลิตหรือการยอมรับของตลาด

    การแข่งขันด้านราคาอาจบีบกำไรของผู้ผลิต CPU
    Intel เตรียมเปิดตัว Lunar Lake ที่อาจสร้างแรงกดดันใหม่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/linux-usage-hits-an-all-time-high-in-steam-hardware-survey-and-amd-processors-continue-their-march-against-intel
    🐧 Linux บน Steam พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ผลสำรวจ Steam Hardware Survey ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า Linux มีผู้ใช้งานถึง 3.2% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดตั้งแต่มีการเก็บข้อมูลมา การเติบโตนี้สะท้อนถึงความนิยมของ Steam Deck และการสนับสนุนจากซอฟต์แวร์อย่าง Proton ที่ทำให้เกม Windows เล่นได้บน Linux อย่างราบรื่น นอกจากนี้ ความไม่พอใจต่อ Windows 11 ที่บังคับอัปเกรดและมีการแจ้งเตือนรบกวน ก็ยิ่งผลักดันให้ผู้เล่นหันมาใช้ Linux มากขึ้น 🔥 AMD เดินหน้าท้าชน Intel AMD ยังคงเพิ่มส่วนแบ่งตลาด CPU อย่างต่อเนื่อง โดยในกลุ่มเกมเมอร์บน Steam มีสัดส่วนกว่า 43–44% และในบางภูมิภาค เช่น เยอรมนี AMD ครองตลาดร้านค้าปลีกเกือบทั้งหมด ความสำเร็จนี้เกิดจาก Ryzen 7000/8000 series ที่ให้จำนวนคอร์มากต่อราคา และ EPYC server chips ที่ครองรายได้เหนือ Intel ในศูนย์ข้อมูล ทำให้ AMD ไม่ใช่ผู้ตามอีกต่อไป แต่กลายเป็นคู่แข่งที่ท้าทาย Intel อย่างจริงจัง 🎮 NVIDIA RTX 5070 ขึ้นแท่น GPU ยอดนิยม ในฝั่งการ์ดจอ NVIDIA RTX 5070 กำลังแซงรุ่นก่อนหน้าอย่าง RTX 4070 และติดอันดับ Top 10 GPU บน Steam ด้วยสัดส่วนราว 2.1–2.2% จุดเด่นคือสถาปัตยกรรม Blackwell ที่ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้นและรองรับฟีเจอร์เรนเดอร์สมัยใหม่ ขณะที่ราคาวางตลาดสมเหตุสมผลกว่ารุ่นก่อน ทำให้ผู้เล่นจำนวนมากเลือกอัปเกรดเร็วผิดคาด การเติบโตนี้ยังส่งผลต่อทิศทางการพัฒนาเกม ที่สามารถใช้เทคโนโลยีกราฟิกขั้นสูงได้มากขึ้น ⚠️ ความท้าทายและความเสี่ยงในตลาด แม้ตัวเลขจะสดใส แต่ก็มีสัญญาณเตือน เช่น AMD RDNA 4 GPUs ยังไม่ปรากฏในผลสำรวจ ซึ่งอาจสะท้อนถึงปัญหาการผลิตหรือการยอมรับของตลาด อีกทั้ง Intel เตรียมเปิดตัว Lunar Lake ที่มุ่งเน้น AI และกราฟิกในปี 2026 ซึ่งอาจพลิกเกมการแข่งขันได้ นอกจากนี้ การแข่งขันด้านราคาอาจทำให้ทั้ง AMD และ Intel ต้องลดกำไรลงเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Linux Usage บน Steam พุ่งสูงสุด 3.2% ➡️ ความนิยม Steam Deck และ Proton ทำให้เกม Windows เล่นได้บน Linux ✅ AMD เพิ่มส่วนแบ่ง CPU ในตลาดเกมเมอร์ ➡️ Ryzen และ EPYC ช่วยให้ AMD แข็งแกร่งทั้งในเดสก์ท็อปและเซิร์ฟเวอร์ ✅ NVIDIA RTX 5070 กำลังขึ้นแท่น GPU ยอดนิยม ➡️ สถาปัตยกรรม Blackwell และราคาที่แข่งขันได้ดึงดูดผู้ใช้จำนวนมาก ‼️ AMD RDNA 4 ยังไม่ปรากฏในผลสำรวจ ⛔ อาจสะท้อนถึงปัญหาการผลิตหรือการยอมรับของตลาด ‼️ การแข่งขันด้านราคาอาจบีบกำไรของผู้ผลิต CPU ⛔ Intel เตรียมเปิดตัว Lunar Lake ที่อาจสร้างแรงกดดันใหม่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/linux-usage-hits-an-all-time-high-in-steam-hardware-survey-and-amd-processors-continue-their-march-against-intel
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Samsung Galaxy Z TriFold – ทำไมไม่ใช้ Snapdragon 8 Elite Gen 5?”

    Samsung เปิดตัว Galaxy Z TriFold ซึ่งเป็นมือถือพับสามตอนรุ่นแรกของบริษัท แต่กลับไม่ใช้ Snapdragon 8 Elite Gen 5 รุ่นใหม่ล่าสุด โดย Kang Min-seok รองประธานฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์ของ Samsung Mobile Experience ระบุว่า บริษัทต้องการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ “สมบูรณ์แบบและเสร็จสิ้นที่สุด” จึงเลือกใช้ Snapdragon 8 Elite รุ่นก่อนที่มีความเสถียรและผ่านการทดสอบมาแล้ว

    เบื้องหลังการตัดสินใจนี้ยังมีปัจจัยด้านต้นทุน เนื่องจาก TriFold ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 100,000 เครื่อง ทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์จาก economies of scale ได้ หากเลือกใช้ Snapdragon 8 Elite Gen 5 ที่มีราคาสูงถึง 280 ดอลลาร์ต่อชิป เทียบกับ Snapdragon 8 Elite รุ่นก่อนที่ราคา 220 ดอลลาร์ การเลือกชิปรุ่นเก่าช่วยประหยัดต้นทุนได้ราว 6 ล้านดอลลาร์

    นอกจากนี้ TriFold ยังมีการลดต้นทุนในด้านอื่น ๆ เช่น การออกเพียงสีเดียว (Crafted Black) และการผลิตจำนวนจำกัดเพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย การเลือกใช้ชิปรุ่นก่อนจึงเป็นการตัดสินใจเชิงธุรกิจที่สอดคล้องกับกลยุทธ์การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีความเสี่ยงสูง

    แม้ Snapdragon 8 Elite รุ่นก่อนยังคงมีประสิทธิภาพสูง แต่ผู้บริโภคที่จ่ายราคาสูงกว่า 2,400 ดอลลาร์อาจคาดหวังสเปกที่ “ล่าสุดและดีที่สุด” ซึ่งทำให้การตัดสินใจของ Samsung ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการลดคุณค่าของผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม

    สรุปเป็นหัวข้อ
    เหตุผลที่ Samsung ให้ไว้
    ต้องการสร้างผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์และเสถียร
    เลือกชิปที่ผ่านการทดสอบแล้ว

    ปัจจัยด้านต้นทุน
    Snapdragon 8 Elite Gen 5 ราคา ~280 ดอลลาร์ต่อชิป
    Snapdragon 8 Elite รุ่นก่อนราคา ~220 ดอลลาร์
    ประหยัดต้นทุนได้ราว 6 ล้านดอลลาร์

    กลยุทธ์การผลิต
    ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 100,000 เครื่อง
    ออกเพียงสีเดียว Crafted Black
    ลดค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงจากการเปิดตัว

    ข้อควรระวังและเสียงวิจารณ์
    ผู้บริโภคอาจผิดหวังที่ไม่ได้ใช้ชิปรุ่นล่าสุด
    ราคาสูงกว่า 2,400 ดอลลาร์ แต่สเปกไม่ “top-notch”
    อาจกระทบภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์พรีเมียมของ Samsung

    https://wccftech.com/samsung-executive-provides-explanation-why-galaxy-z-trifold-does-not-feature-snapdragon-8-elite-gen-5/
    📱 “Samsung Galaxy Z TriFold – ทำไมไม่ใช้ Snapdragon 8 Elite Gen 5?” Samsung เปิดตัว Galaxy Z TriFold ซึ่งเป็นมือถือพับสามตอนรุ่นแรกของบริษัท แต่กลับไม่ใช้ Snapdragon 8 Elite Gen 5 รุ่นใหม่ล่าสุด โดย Kang Min-seok รองประธานฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์ของ Samsung Mobile Experience ระบุว่า บริษัทต้องการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ “สมบูรณ์แบบและเสร็จสิ้นที่สุด” จึงเลือกใช้ Snapdragon 8 Elite รุ่นก่อนที่มีความเสถียรและผ่านการทดสอบมาแล้ว เบื้องหลังการตัดสินใจนี้ยังมีปัจจัยด้านต้นทุน เนื่องจาก TriFold ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 100,000 เครื่อง ทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์จาก economies of scale ได้ หากเลือกใช้ Snapdragon 8 Elite Gen 5 ที่มีราคาสูงถึง 280 ดอลลาร์ต่อชิป เทียบกับ Snapdragon 8 Elite รุ่นก่อนที่ราคา 220 ดอลลาร์ การเลือกชิปรุ่นเก่าช่วยประหยัดต้นทุนได้ราว 6 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ TriFold ยังมีการลดต้นทุนในด้านอื่น ๆ เช่น การออกเพียงสีเดียว (Crafted Black) และการผลิตจำนวนจำกัดเพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย การเลือกใช้ชิปรุ่นก่อนจึงเป็นการตัดสินใจเชิงธุรกิจที่สอดคล้องกับกลยุทธ์การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีความเสี่ยงสูง แม้ Snapdragon 8 Elite รุ่นก่อนยังคงมีประสิทธิภาพสูง แต่ผู้บริโภคที่จ่ายราคาสูงกว่า 2,400 ดอลลาร์อาจคาดหวังสเปกที่ “ล่าสุดและดีที่สุด” ซึ่งทำให้การตัดสินใจของ Samsung ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการลดคุณค่าของผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ เหตุผลที่ Samsung ให้ไว้ ➡️ ต้องการสร้างผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์และเสถียร ➡️ เลือกชิปที่ผ่านการทดสอบแล้ว ✅ ปัจจัยด้านต้นทุน ➡️ Snapdragon 8 Elite Gen 5 ราคา ~280 ดอลลาร์ต่อชิป ➡️ Snapdragon 8 Elite รุ่นก่อนราคา ~220 ดอลลาร์ ➡️ ประหยัดต้นทุนได้ราว 6 ล้านดอลลาร์ ✅ กลยุทธ์การผลิต ➡️ ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 100,000 เครื่อง ➡️ ออกเพียงสีเดียว Crafted Black ➡️ ลดค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงจากการเปิดตัว ‼️ ข้อควรระวังและเสียงวิจารณ์ ⛔ ผู้บริโภคอาจผิดหวังที่ไม่ได้ใช้ชิปรุ่นล่าสุด ⛔ ราคาสูงกว่า 2,400 ดอลลาร์ แต่สเปกไม่ “top-notch” ⛔ อาจกระทบภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์พรีเมียมของ Samsung https://wccftech.com/samsung-executive-provides-explanation-why-galaxy-z-trifold-does-not-feature-snapdragon-8-elite-gen-5/
    WCCFTECH.COM
    A Samsung Executive Has A Lame Excuse For Not Using The Snapdragon 8 Elite Gen 5 On The Newly Announced Galaxy Z TriFold
    The ridiculously expensive and technologically impressive Galaxy Z TriFold does not ship with a Snapdragon 8 Elite Gen 5, with a Samsung executive explaining why
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Mistral 3 – ยกระดับ AI Open Source สู่ยุค Multimodal และ Reasoning”

    Mistral AI ประกาศเปิดตัว Mistral 3 ซึ่งเป็นเจเนอเรชันใหม่ของโมเดล AI ที่เน้นความเปิดกว้างและการเข้าถึง โดยมีทั้งรุ่นเล็กที่เหมาะกับการใช้งาน edge (Ministral 3B, 8B, 14B) และรุ่นใหญ่ Mistral Large 3 ที่ถือเป็นโมเดล Mixture-of-Experts รุ่นแรกของบริษัทนับตั้งแต่ Mixtral series จุดเด่นคือการใช้ 41B active parameters จากทั้งหมด 675B ทำให้สามารถรองรับงาน reasoning และ multilingual ได้ในระดับสูงสุด

    Mistral Large 3 ถูกเทรนจากศูนย์ด้วย GPU NVIDIA H200 จำนวน 3000 ตัว และหลังการปรับแต่ง (post-training) สามารถทำงานได้ทัดเทียมกับโมเดล instruction-tuned ชั้นนำในตลาด ทั้งด้านการเข้าใจภาพ (image understanding) และการสนทนาแบบหลายภาษา โดยติดอันดับ #2 ในหมวด OSS non-reasoning models และ #6 รวมทั้งหมดบน LMArena leaderboard

    นอกจากนี้ Mistral ยังร่วมมือกับ NVIDIA, vLLM และ Red Hat เพื่อทำให้การใช้งาน Mistral 3 มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่น การรองรับ speculative decoding, Blackwell attention และการ deploy บน edge devices อย่าง Jetson และ RTX PCs ได้อย่างราบรื่น จุดนี้ทำให้ Mistral 3 ไม่เพียงแต่เป็นโมเดลสำหรับ data center แต่ยังสามารถใช้งานในหุ่นยนต์หรืออุปกรณ์พกพาได้ด้วย

    สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป Mistral 3 พร้อมให้ใช้งานแล้วบนหลายแพลตฟอร์ม เช่น Hugging Face, Amazon Bedrock, Azure Foundry, IBM WatsonX และ OpenRouter รวมถึงบริการ API ของ Mistral AI เอง อีกทั้งยังมีบริการ custom training สำหรับองค์กรที่ต้องการปรับแต่งโมเดลให้เหมาะกับงานเฉพาะทาง เช่น การวิเคราะห์เอกสาร, coding, หรือ creative collaboration

    สรุปเป็นหัวข้อ
    คุณสมบัติหลักของ Mistral 3
    มีทั้งรุ่นเล็ก (3B, 8B, 14B) และรุ่นใหญ่ Mistral Large 3
    รองรับ multimodal (ข้อความ + ภาพ) และ multilingual (40+ ภาษา)
    ใช้ Mixture-of-Experts พร้อม 41B active parameters จากทั้งหมด 675B

    ความร่วมมือด้านเทคโนโลยี
    เทรนด้วย NVIDIA H200 GPUs กว่า 3000 ตัว
    รองรับ speculative decoding และ Blackwell attention
    ใช้งานได้ทั้ง data center และ edge devices เช่น Jetson, RTX PCs

    การเข้าถึงและการใช้งาน
    เปิดให้ใช้งานบน Hugging Face, Amazon Bedrock, Azure Foundry, IBM WatsonX
    มีบริการ API และ custom training สำหรับองค์กร
    โมเดลทั้งหมดเปิดภายใต้ Apache 2.0 license

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    แม้จะเป็น open-source แต่การ deploy บนระบบใหญ่ต้องใช้ทรัพยากรสูงมาก
    การใช้งาน reasoning model อาจมี latency สูงกว่า instruct model
    องค์กรต้องมีการกำกับดูแลเพื่อป้องกันการใช้ผิดวัตถุประสงค์

    https://mistral.ai/news/mistral-3
    🤖 “Mistral 3 – ยกระดับ AI Open Source สู่ยุค Multimodal และ Reasoning” Mistral AI ประกาศเปิดตัว Mistral 3 ซึ่งเป็นเจเนอเรชันใหม่ของโมเดล AI ที่เน้นความเปิดกว้างและการเข้าถึง โดยมีทั้งรุ่นเล็กที่เหมาะกับการใช้งาน edge (Ministral 3B, 8B, 14B) และรุ่นใหญ่ Mistral Large 3 ที่ถือเป็นโมเดล Mixture-of-Experts รุ่นแรกของบริษัทนับตั้งแต่ Mixtral series จุดเด่นคือการใช้ 41B active parameters จากทั้งหมด 675B ทำให้สามารถรองรับงาน reasoning และ multilingual ได้ในระดับสูงสุด Mistral Large 3 ถูกเทรนจากศูนย์ด้วย GPU NVIDIA H200 จำนวน 3000 ตัว และหลังการปรับแต่ง (post-training) สามารถทำงานได้ทัดเทียมกับโมเดล instruction-tuned ชั้นนำในตลาด ทั้งด้านการเข้าใจภาพ (image understanding) และการสนทนาแบบหลายภาษา โดยติดอันดับ #2 ในหมวด OSS non-reasoning models และ #6 รวมทั้งหมดบน LMArena leaderboard นอกจากนี้ Mistral ยังร่วมมือกับ NVIDIA, vLLM และ Red Hat เพื่อทำให้การใช้งาน Mistral 3 มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่น การรองรับ speculative decoding, Blackwell attention และการ deploy บน edge devices อย่าง Jetson และ RTX PCs ได้อย่างราบรื่น จุดนี้ทำให้ Mistral 3 ไม่เพียงแต่เป็นโมเดลสำหรับ data center แต่ยังสามารถใช้งานในหุ่นยนต์หรืออุปกรณ์พกพาได้ด้วย สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป Mistral 3 พร้อมให้ใช้งานแล้วบนหลายแพลตฟอร์ม เช่น Hugging Face, Amazon Bedrock, Azure Foundry, IBM WatsonX และ OpenRouter รวมถึงบริการ API ของ Mistral AI เอง อีกทั้งยังมีบริการ custom training สำหรับองค์กรที่ต้องการปรับแต่งโมเดลให้เหมาะกับงานเฉพาะทาง เช่น การวิเคราะห์เอกสาร, coding, หรือ creative collaboration 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ คุณสมบัติหลักของ Mistral 3 ➡️ มีทั้งรุ่นเล็ก (3B, 8B, 14B) และรุ่นใหญ่ Mistral Large 3 ➡️ รองรับ multimodal (ข้อความ + ภาพ) และ multilingual (40+ ภาษา) ➡️ ใช้ Mixture-of-Experts พร้อม 41B active parameters จากทั้งหมด 675B ✅ ความร่วมมือด้านเทคโนโลยี ➡️ เทรนด้วย NVIDIA H200 GPUs กว่า 3000 ตัว ➡️ รองรับ speculative decoding และ Blackwell attention ➡️ ใช้งานได้ทั้ง data center และ edge devices เช่น Jetson, RTX PCs ✅ การเข้าถึงและการใช้งาน ➡️ เปิดให้ใช้งานบน Hugging Face, Amazon Bedrock, Azure Foundry, IBM WatsonX ➡️ มีบริการ API และ custom training สำหรับองค์กร ➡️ โมเดลทั้งหมดเปิดภายใต้ Apache 2.0 license ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ แม้จะเป็น open-source แต่การ deploy บนระบบใหญ่ต้องใช้ทรัพยากรสูงมาก ⛔ การใช้งาน reasoning model อาจมี latency สูงกว่า instruct model ⛔ องค์กรต้องมีการกำกับดูแลเพื่อป้องกันการใช้ผิดวัตถุประสงค์ https://mistral.ai/news/mistral-3
    MISTRAL.AI
    Introducing Mistral 3 | Mistral AI
    A family of frontier open-source multimodal models
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • Amazon เร่งเครื่องในสนาม ASIC

    Amazon ประกาศเปิดตัว Trainium3 UltraServers ที่สามารถรวมชิปได้สูงสุดถึง 144 ตัวในคลัสเตอร์เดียว ทำให้ได้ ประสิทธิภาพสูงขึ้น 4.4 เท่า และ ประสิทธิภาพพลังงานมากขึ้น 4 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า พร้อมทั้งเพิ่มแบนด์วิดท์หน่วยความจำเกือบ 4 เท่า ถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่ในตลาดชิป AI

    เทคโนโลยีใหม่ใน Trainium3 และ Trainium4
    Trainium3 UltraServers มาพร้อม NeuronSwitch-v1 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเชื่อมต่อใหม่ที่คล้ายกับ NVLink ของ NVIDIA แต่พัฒนาโดย Amazon เอง โดยสามารถขยายการเชื่อมต่อไปถึง 1 ล้านชิปในคลัสเตอร์เดียว เพื่อรองรับการฝึกโมเดลขนาด “trillion-token datasets” ในขณะเดียวกัน Amazon ยังเผยข้อมูลของ Trainium4 ASICs ที่มี ประสิทธิภาพ FP4 สูงขึ้น 6 เท่า และเพิ่มสเปกหน่วยความจำอย่างมหาศาล อีกทั้งยังรองรับ NVIDIA NVLink เพื่อให้ลูกค้าสามารถผสมผสานการใช้งานกับระบบของ NVIDIA ได้ง่ายขึ้น

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    การเปิดตัวนี้ทำให้ Amazon กลายเป็นคู่แข่งที่จริงจังในตลาดชิป AI ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกครองโดย NVIDIA และ Google TPU การที่ Amazonสามารถเชื่อมต่อระบบเข้ากับ NVLink ได้ ทำให้ลูกค้าที่มีโครงสร้างพื้นฐานเดิมสามารถขยายระบบโดยไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด นอกจากนี้บริษัทอย่าง Anthropic รายงานว่าต้นทุนการฝึกโมเดลลดลงอย่างมากเมื่อใช้ Trainium

    มุมมองในอนาคต
    Amazon แสดงให้เห็นว่า “all in” กับการพัฒนา ASIC เพื่อรองรับความต้องการด้าน AI ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว หาก Trainium4 สามารถพิสูจน์ประสิทธิภาพได้จริง อาจทำให้ตลาดชิป AI มีการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้น และลดการพึ่งพา NVIDIA ในระยะยาว

    สรุปสาระสำคัญ
    Trainium3 UltraServers เปิดตัวพร้อมประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม 4.4 เท่า
    รวมได้สูงสุด 144 ชิปในคลัสเตอร์เดียว

    NeuronSwitch-v1 เชื่อมต่อได้ถึง 1 ล้านชิป
    รองรับการฝึกโมเดล trillion-token datasets

    Trainium4 ASICs มี FP4 performance สูงขึ้น 6 เท่า
    เพิ่มสเปกหน่วยความจำและรองรับ NVIDIA NVLink

    Anthropic รายงานว่าต้นทุนการฝึกโมเดลลดลง
    แสดงถึงความคุ้มค่าของ Trainium

    การแข่งขันในตลาดชิป AI รุนแรงขึ้น
    NVIDIA และ Google TPU ต้องเผชิญแรงกดดันจาก Amazon

    ลูกค้าที่ไม่ปรับตัวอาจเสียโอกาสในการลดต้นทุน
    การไม่ใช้ระบบที่รองรับ NVLink อาจทำให้ขยายโครงสร้างยากขึ้น

    https://wccftech.com/amazon-is-all-in-in-the-race-for-a-competitive-asic-portfolio/
    ⚡ Amazon เร่งเครื่องในสนาม ASIC Amazon ประกาศเปิดตัว Trainium3 UltraServers ที่สามารถรวมชิปได้สูงสุดถึง 144 ตัวในคลัสเตอร์เดียว ทำให้ได้ ประสิทธิภาพสูงขึ้น 4.4 เท่า และ ประสิทธิภาพพลังงานมากขึ้น 4 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า พร้อมทั้งเพิ่มแบนด์วิดท์หน่วยความจำเกือบ 4 เท่า ถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่ในตลาดชิป AI 🔧 เทคโนโลยีใหม่ใน Trainium3 และ Trainium4 Trainium3 UltraServers มาพร้อม NeuronSwitch-v1 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเชื่อมต่อใหม่ที่คล้ายกับ NVLink ของ NVIDIA แต่พัฒนาโดย Amazon เอง โดยสามารถขยายการเชื่อมต่อไปถึง 1 ล้านชิปในคลัสเตอร์เดียว เพื่อรองรับการฝึกโมเดลขนาด “trillion-token datasets” ในขณะเดียวกัน Amazon ยังเผยข้อมูลของ Trainium4 ASICs ที่มี ประสิทธิภาพ FP4 สูงขึ้น 6 เท่า และเพิ่มสเปกหน่วยความจำอย่างมหาศาล อีกทั้งยังรองรับ NVIDIA NVLink เพื่อให้ลูกค้าสามารถผสมผสานการใช้งานกับระบบของ NVIDIA ได้ง่ายขึ้น 🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม การเปิดตัวนี้ทำให้ Amazon กลายเป็นคู่แข่งที่จริงจังในตลาดชิป AI ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกครองโดย NVIDIA และ Google TPU การที่ Amazonสามารถเชื่อมต่อระบบเข้ากับ NVLink ได้ ทำให้ลูกค้าที่มีโครงสร้างพื้นฐานเดิมสามารถขยายระบบโดยไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด นอกจากนี้บริษัทอย่าง Anthropic รายงานว่าต้นทุนการฝึกโมเดลลดลงอย่างมากเมื่อใช้ Trainium 📊 มุมมองในอนาคต Amazon แสดงให้เห็นว่า “all in” กับการพัฒนา ASIC เพื่อรองรับความต้องการด้าน AI ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว หาก Trainium4 สามารถพิสูจน์ประสิทธิภาพได้จริง อาจทำให้ตลาดชิป AI มีการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้น และลดการพึ่งพา NVIDIA ในระยะยาว 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Trainium3 UltraServers เปิดตัวพร้อมประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม 4.4 เท่า ➡️ รวมได้สูงสุด 144 ชิปในคลัสเตอร์เดียว ✅ NeuronSwitch-v1 เชื่อมต่อได้ถึง 1 ล้านชิป ➡️ รองรับการฝึกโมเดล trillion-token datasets ✅ Trainium4 ASICs มี FP4 performance สูงขึ้น 6 เท่า ➡️ เพิ่มสเปกหน่วยความจำและรองรับ NVIDIA NVLink ✅ Anthropic รายงานว่าต้นทุนการฝึกโมเดลลดลง ➡️ แสดงถึงความคุ้มค่าของ Trainium ‼️ การแข่งขันในตลาดชิป AI รุนแรงขึ้น ⛔ NVIDIA และ Google TPU ต้องเผชิญแรงกดดันจาก Amazon ‼️ ลูกค้าที่ไม่ปรับตัวอาจเสียโอกาสในการลดต้นทุน ⛔ การไม่ใช้ระบบที่รองรับ NVLink อาจทำให้ขยายโครงสร้างยากขึ้น https://wccftech.com/amazon-is-all-in-in-the-race-for-a-competitive-asic-portfolio/
    WCCFTECH.COM
    Amazon Is ‘All-In’ in the Race for a Competitive ASIC Portfolio, Showcasing New Trainium3 Servers and Next-Gen Trainium4 Chips
    Amazon has ramped up the ASIC race by showcasing Trainium3 server configurations and next-generation Trainium4 chips.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🩷 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🩷
    #รวมข่าวIT #20251202 #securityonline

    Android เจอช่องโหว่ร้ายแรง ต้องรีบอัปเดต
    Google ออก Android Security Bulletin เดือนธันวาคม 2025 ที่ทำให้หลายคนต้องรีบอัปเดตเครื่องทันที เพราะมีการยืนยันว่ามีการโจมตีจริงในโลกออนไลน์แล้ว โดยมีช่องโหว่สำคัญใน Android Framework ที่อาจทำให้เครื่องถูกสั่งให้หยุดทำงานจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องมีสิทธิ์พิเศษใด ๆ นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลหรือยกระดับสิทธิ์ในเครื่องได้ โดยเฉพาะ CVE-2025-48631 ที่ถูกจัดว่าเป็น Critical DoS flaw ซึ่งสามารถทำให้เครื่องค้างหรือใช้งานไม่ได้ทันที รวมถึงยังมีปัญหาใน Kernel อย่าง PKVM และ IOMMU ที่ถ้าโดนเจาะก็อาจทะลุผ่านระบบป้องกันข้อมูลสำคัญได้ ผู้ใช้ Android จึงถูกแนะนำให้ตรวจสอบว่าเครื่องได้รับแพตช์ระดับ 2025-12-05 แล้ว เพื่อความปลอดภัยทั้งจากซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์
    https://securityonline.info/android-emergency-critical-dos-flaw-and-2-exploited-zero-days-in-framework-require-immediate-patch

    nopCommerce มีช่องโหว่ยึดระบบแอดมินได้
    แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชื่อดังอย่าง nopCommerce ถูกพบช่องโหว่ใหม่ CVE-2025-11699 ที่อันตรายมาก เพราะผู้โจมตีสามารถใช้ session cookie ที่หมดอายุแล้วกลับมาใช้งานอีกครั้งเพื่อเข้าสู่ระบบในสิทธิ์แอดมินได้ เท่ากับว่าผู้โจมตีสามารถเข้าควบคุมระบบหลังบ้านได้เต็มที่ แม้ผู้ใช้จะออกจากระบบไปแล้วก็ตาม ช่องโหว่นี้ทำให้ข้อมูลลูกค้าและธุรกรรมเสี่ยงต่อการถูกเข้าถึงหรือแก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ดูแลระบบจึงควรรีบอัปเดตแพตช์และตรวจสอบการจัดการ session อย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/nopcommerce-flaw-cve-2025-11699-allows-admin-takeover-by-reusing-session-cookies-after-logout

    มัลแวร์รุ่นใหม่ Arkanix หลบการเข้ารหัส Chrome ได้
    มีการค้นพบมัลแวร์สายขโมยข้อมูลรุ่นใหม่ชื่อ Arkanix ที่พัฒนาให้ฉลาดขึ้นกว่าเดิม โดยมันสามารถเลี่ยงการป้องกันของ Chrome ที่ใช้ App-Bound Encryption ได้ ด้วยเทคนิคการฉีดโค้ดเข้าไปใน process ของ C++ ทำให้สามารถดึงข้อมูลที่ควรถูกเข้ารหัสออกมาได้อย่างง่ายดาย จุดนี้ถือว่าอันตรายมากเพราะ Chrome เป็นเบราว์เซอร์ที่มีผู้ใช้มหาศาล และการหลบเลี่ยงระบบเข้ารหัสได้หมายถึงข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่านหรือ session อาจถูกขโมยไปโดยไม่รู้ตัว นักวิจัยเตือนว่ามัลแวร์นี้เป็น “next-gen stealer” ที่อาจถูกใช้ในแคมเปญโจมตีครั้งใหญ่ในอนาคต
    https://securityonline.info/next-gen-stealer-arkanix-bypasses-chrome-app-bound-encryption-using-c-process-injection

    ช่องโหว่ Apache Struts ทำเซิร์ฟเวอร์ล่มด้วยไฟล์ชั่วคราว
    เรื่องนี้เป็นการเตือนครั้งใหญ่จาก Apache Software Foundation เกี่ยวกับช่องโหว่ที่ชื่อว่า CVE-2025-64775 ซึ่งเกิดขึ้นจากการจัดการไฟล์ชั่วคราวที่ผิดพลาดในกระบวนการอัปโหลดไฟล์ของ Struts framework เมื่อผู้โจมตีส่งคำขอแบบ multipart จำนวนมาก ไฟล์ชั่วคราวที่ควรถูกลบกลับถูกทิ้งไว้ ทำให้พื้นที่ดิสก์เต็มไปเรื่อย ๆ จนระบบไม่สามารถทำงานต่อได้ กลายเป็นการโจมตีแบบ Denial of Service ถึงแม้จะไม่ใช่การรันโค้ดจากระยะไกล แต่ก็สามารถทำให้บริการสำคัญหยุดชะงักได้ง่ายมาก ทางออกคือผู้ใช้ต้องรีบอัปเดตไปยังเวอร์ชันที่ถูกแก้ไขแล้วคือ Struts 6.8.0 และ 7.1.1
    https://securityonline.info/cve-2025-64775-apache-struts-file-leak-vulnerability-threatens-disk-exhaustion

    APT36 หันเป้าโจมตี Linux ด้วยทางลัดเงียบ
    กลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อเสียง APT36 หรือ Transparent Tribe ซึ่งเคยโจมตีระบบ Windows มานาน ตอนนี้ได้พัฒนาเครื่องมือใหม่เพื่อเจาะระบบ Linux โดยเฉพาะ BOSS Linux ที่ใช้ในหน่วยงานรัฐบาลอินเดีย พวกเขาส่งอีเมลฟิชชิ่งที่แนบไฟล์ .desktop ปลอมให้ดูเหมือนเอกสารจริง แต่เมื่อเปิดขึ้นมา มัลแวร์จะถูกติดตั้งอย่างเงียบ ๆ พร้อมสร้างความคงอยู่ในระบบโดยไม่ต้องใช้สิทธิ์ root จุดเด่นคือเป็น Remote Administration Tool ที่ทำงานได้ทั้ง Windows และ Linux สามารถสั่งรันคำสั่ง ดูดข้อมูล และจับภาพหน้าจอได้ การขยายเป้าหมายไปยัง Linux ถือเป็นการยกระดับครั้งสำคัญของกลุ่มนี้
    https://securityonline.info/the-boss-breach-apt36-pivots-to-linux-espionage-with-silent-shortcuts

    Albiriox มัลแวร์ Android แบบบริการเช่า
    นักวิจัยพบมัลแวร์ใหม่ชื่อ Albiriox ที่ถูกพัฒนาเป็น Malware-as-a-Service โดยกลุ่มผู้พูดภาษารัสเซีย เปิดให้เช่าใช้เดือนละราว 650–720 ดอลลาร์ จุดแข็งคือสามารถทำ On-Device Fraud ได้ หมายถึงการทำธุรกรรมหลอกลวงจากเครื่องของเหยื่อเองเพื่อหลบเลี่ยงระบบตรวจสอบของธนาคาร ฟีเจอร์เด่นคือ AcVNC ที่สามารถควบคุมหน้าจอแม้แอปธนาคารจะพยายามบล็อกการบันทึกหน้าจอ แคมเปญแรกเริ่มโจมตีผู้ใช้ในออสเตรียผ่านแอป Penny Market ปลอม แต่จริง ๆ แล้วมีรายชื่อเป้าหมายกว่า 400 แอปธนาคารและคริปโตทั่วโลก ถือเป็นการยกระดับภัยคุกคามบนมือถืออย่างชัดเจน
    https://securityonline.info/albiriox-the-russian-maas-android-trojan-redefining-mobile-fraud

    ศึกชิปขั้นสูง Apple ปะทะ NVIDIA
    ในโลกเซมิคอนดักเตอร์ตอนนี้ Apple และ NVIDIA กำลังแย่งชิงกำลังการผลิตขั้นสูงของ TSMC โดยเฉพาะกระบวนการ A16 และ A14 ที่ถือเป็นระดับ angstrom-class ซึ่งมีความสำคัญต่อการผลิตชิปประสิทธิภาพสูง ทั้งสองบริษัทต่างต้องการพื้นที่ผลิตที่จำกัดนี้เพื่อรองรับความต้องการด้าน AI ที่พุ่งสูงขึ้น ขณะเดียวกัน Apple ยังมองหาทางเลือกใหม่โดยอาจร่วมมือกับ Intel ในกระบวนการ 18AP สำหรับชิประดับเริ่มต้น เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มอำนาจต่อรองกับ TSMC การแข่งขันนี้สะท้อนให้เห็นว่าชิปขั้นสูงได้กลายเป็นสมรภูมิที่ดุเดือดระหว่างยักษ์ใหญ่เทคโนโลยี
    https://securityonline.info/semiconductor-showdown-apple-and-nvidia-battle-for-tsmcs-a16-capacity

    OpenAI เริ่มทดลองโฆษณาใน ChatGPT
    แม้ ChatGPT จะมีผู้ใช้มหาศาล แต่ OpenAI ก็ยังขาดทุนหนัก โดยคาดว่าจะสะสมการขาดทุนถึง 115 พันล้านดอลลาร์ก่อนจะเริ่มมีกำไร นักพัฒนาพบโค้ดที่เกี่ยวข้องกับโฆษณาในแอป ChatGPT บน Android ซึ่งบ่งชี้ว่าบริษัทกำลังทดลองโมเดลรายได้ใหม่ผ่านการแสดงโฆษณาในคำตอบ โดยเฉพาะโฆษณาแบบค้นหา (Search Ads) ที่ฝังลิงก์สปอนเซอร์ในผลลัพธ์ หากเปิดใช้งานจริงจะเป็นแหล่งรายได้มหาศาลเสริมจากค่าสมาชิกและ API การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความพยายามของ OpenAI ที่จะหาทางออกจากภาระขาดทุนมหาศาล
    https://securityonline.info/chatgpt-ads-spotted-monetization-push-underway-to-offset-115-billion-in-openai-losses

    BreachLock ครองแชมป์ PTaaS ต่อเนื่อง
    BreachLock ได้รับการจัดอันดับจากรายงาน GigaOm Radar ปี 2025 ให้เป็นผู้นำด้านบริการ Penetration Testing as a Service (PTaaS) ต่อเนื่องเป็นปีที่สาม จุดเด่นของบริษัทคือการผสมผสานการทดสอบเจาะระบบแบบอัตโนมัติและการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ลูกค้าได้รับผลลัพธ์ที่รวดเร็วและแม่นยำ พร้อมทั้งสามารถปรับขนาดการทดสอบให้เหมาะสมกับองค์กรทุกระดับ การได้รับการยอมรับซ้ำ ๆ แสดงถึงความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
    https://securityonline.info/breachlock-named-a-leader-in-2025-gigaom-radar-report-for-penetration-testing-as-a-service-ptaas-for-third-consecutive-year

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Snapdragon และโมเด็ม 5G
    พบช่องโหว่ใหม่ CVE-2025-47372 ที่กระทบ Snapdragon 8 Gen 3 และโมเด็ม 5G โดยปัญหานี้เกิดขึ้นในกระบวนการบูต ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงสิทธิ์ระดับสูงตั้งแต่เริ่มต้นระบบ ผลกระทบคืออุปกรณ์อาจถูกควบคุมหรือทำงานผิดพลาดตั้งแต่เปิดเครื่อง ถือเป็นภัยร้ายแรงเพราะเกี่ยวข้องกับชิปที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เครือข่าย การแก้ไขคือผู้ผลิตต้องรีบอัปเดตเฟิร์มแวร์เพื่ออุดช่องโหว่ก่อนที่จะถูกนำไปใช้โจมตีจริง
    https://securityonline.info/boot-process-compromised-critical-flaw-cve-2025-47372-hits-snapdragon-8-gen-3-5g-modems

    Kevin Lancaster เข้าร่วมบอร์ด usecure Kevin Lancaster
    ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาช่องทางธุรกิจ ได้เข้าร่วมบอร์ดของบริษัท usecure เพื่อช่วยเร่งการเติบโตในตลาดอเมริกาเหนือ Lancaster มีประสบการณ์ยาวนานในการสร้างเครือข่ายพันธมิตรและการขยายธุรกิจด้านความปลอดภัยไซเบอร์ การเข้ามาของเขาถือเป็นการเสริมกำลังสำคัญให้ usecure สามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มความแข็งแกร่งในการแข่งขันในภูมิภาคนี้
    https://securityonline.info/kevin-lancaster-joins-the-usecure-board-to-accelerate-north-american-channel-growth

    ช่องโหว่ Windows EoP พร้อม PoC
    มีการเผยแพร่โค้ดทดสอบการโจมตี (PoC) สำหรับช่องโหว่ CVE-2025-60718 ที่เกี่ยวข้องกับ Windows Administrator Protection ซึ่งเป็นช่องโหว่ Elevation of Privilege ทำให้ผู้โจมตีสามารถยกระดับสิทธิ์ในระบบได้ ช่องโหว่นี้ถือว่าอันตรายเพราะสามารถใช้เป็นขั้นตอนหนึ่งในการเข้าควบคุมระบบทั้งหมดได้ การที่ PoC ถูกปล่อยออกมาแล้วทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมาก ผู้ใช้และผู้ดูแลระบบควรเร่งอัปเดตแพตช์ทันที
    https://securityonline.info/poc-exploit-releases-for-cve-2025-60718-windows-administrator-protection-elevation-of-privilege-vulnerability

    OpenVPN อุดช่องโหว่ร้ายแรง
    OpenVPN ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่สำคัญสองรายการ ได้แก่ Heap Over-Read ที่มีคะแนน CVSS 9.1 และช่องโหว่ HMAC Bypass ซึ่งสามารถทำให้เกิดการโจมตีแบบ DoS ได้ ช่องโหว่เหล่านี้หากถูกนำไปใช้จะทำให้การเชื่อมต่อ VPN ไม่ปลอดภัยและอาจถูกโจมตีจนระบบล่ม การอัปเดตเวอร์ชันล่าสุดจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ใช้งานทุกคนเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น
    https://securityonline.info/critical-openvpn-flaws-fix-heap-over-read-cvss-9-1-and-hmac-bypass-allow-dos-attacks
    📌🔐🩷 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🩷🔐📌 #รวมข่าวIT #20251202 #securityonline 🛡️ Android เจอช่องโหว่ร้ายแรง ต้องรีบอัปเดต Google ออก Android Security Bulletin เดือนธันวาคม 2025 ที่ทำให้หลายคนต้องรีบอัปเดตเครื่องทันที เพราะมีการยืนยันว่ามีการโจมตีจริงในโลกออนไลน์แล้ว โดยมีช่องโหว่สำคัญใน Android Framework ที่อาจทำให้เครื่องถูกสั่งให้หยุดทำงานจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องมีสิทธิ์พิเศษใด ๆ นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลหรือยกระดับสิทธิ์ในเครื่องได้ โดยเฉพาะ CVE-2025-48631 ที่ถูกจัดว่าเป็น Critical DoS flaw ซึ่งสามารถทำให้เครื่องค้างหรือใช้งานไม่ได้ทันที รวมถึงยังมีปัญหาใน Kernel อย่าง PKVM และ IOMMU ที่ถ้าโดนเจาะก็อาจทะลุผ่านระบบป้องกันข้อมูลสำคัญได้ ผู้ใช้ Android จึงถูกแนะนำให้ตรวจสอบว่าเครื่องได้รับแพตช์ระดับ 2025-12-05 แล้ว เพื่อความปลอดภัยทั้งจากซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ 🔗 https://securityonline.info/android-emergency-critical-dos-flaw-and-2-exploited-zero-days-in-framework-require-immediate-patch ⚠️ nopCommerce มีช่องโหว่ยึดระบบแอดมินได้ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชื่อดังอย่าง nopCommerce ถูกพบช่องโหว่ใหม่ CVE-2025-11699 ที่อันตรายมาก เพราะผู้โจมตีสามารถใช้ session cookie ที่หมดอายุแล้วกลับมาใช้งานอีกครั้งเพื่อเข้าสู่ระบบในสิทธิ์แอดมินได้ เท่ากับว่าผู้โจมตีสามารถเข้าควบคุมระบบหลังบ้านได้เต็มที่ แม้ผู้ใช้จะออกจากระบบไปแล้วก็ตาม ช่องโหว่นี้ทำให้ข้อมูลลูกค้าและธุรกรรมเสี่ยงต่อการถูกเข้าถึงหรือแก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ดูแลระบบจึงควรรีบอัปเดตแพตช์และตรวจสอบการจัดการ session อย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/nopcommerce-flaw-cve-2025-11699-allows-admin-takeover-by-reusing-session-cookies-after-logout 🕵️‍♂️ มัลแวร์รุ่นใหม่ Arkanix หลบการเข้ารหัส Chrome ได้ มีการค้นพบมัลแวร์สายขโมยข้อมูลรุ่นใหม่ชื่อ Arkanix ที่พัฒนาให้ฉลาดขึ้นกว่าเดิม โดยมันสามารถเลี่ยงการป้องกันของ Chrome ที่ใช้ App-Bound Encryption ได้ ด้วยเทคนิคการฉีดโค้ดเข้าไปใน process ของ C++ ทำให้สามารถดึงข้อมูลที่ควรถูกเข้ารหัสออกมาได้อย่างง่ายดาย จุดนี้ถือว่าอันตรายมากเพราะ Chrome เป็นเบราว์เซอร์ที่มีผู้ใช้มหาศาล และการหลบเลี่ยงระบบเข้ารหัสได้หมายถึงข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่านหรือ session อาจถูกขโมยไปโดยไม่รู้ตัว นักวิจัยเตือนว่ามัลแวร์นี้เป็น “next-gen stealer” ที่อาจถูกใช้ในแคมเปญโจมตีครั้งใหญ่ในอนาคต 🔗 https://securityonline.info/next-gen-stealer-arkanix-bypasses-chrome-app-bound-encryption-using-c-process-injection 🖥️ ช่องโหว่ Apache Struts ทำเซิร์ฟเวอร์ล่มด้วยไฟล์ชั่วคราว เรื่องนี้เป็นการเตือนครั้งใหญ่จาก Apache Software Foundation เกี่ยวกับช่องโหว่ที่ชื่อว่า CVE-2025-64775 ซึ่งเกิดขึ้นจากการจัดการไฟล์ชั่วคราวที่ผิดพลาดในกระบวนการอัปโหลดไฟล์ของ Struts framework เมื่อผู้โจมตีส่งคำขอแบบ multipart จำนวนมาก ไฟล์ชั่วคราวที่ควรถูกลบกลับถูกทิ้งไว้ ทำให้พื้นที่ดิสก์เต็มไปเรื่อย ๆ จนระบบไม่สามารถทำงานต่อได้ กลายเป็นการโจมตีแบบ Denial of Service ถึงแม้จะไม่ใช่การรันโค้ดจากระยะไกล แต่ก็สามารถทำให้บริการสำคัญหยุดชะงักได้ง่ายมาก ทางออกคือผู้ใช้ต้องรีบอัปเดตไปยังเวอร์ชันที่ถูกแก้ไขแล้วคือ Struts 6.8.0 และ 7.1.1 🔗 https://securityonline.info/cve-2025-64775-apache-struts-file-leak-vulnerability-threatens-disk-exhaustion 🐧 APT36 หันเป้าโจมตี Linux ด้วยทางลัดเงียบ กลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อเสียง APT36 หรือ Transparent Tribe ซึ่งเคยโจมตีระบบ Windows มานาน ตอนนี้ได้พัฒนาเครื่องมือใหม่เพื่อเจาะระบบ Linux โดยเฉพาะ BOSS Linux ที่ใช้ในหน่วยงานรัฐบาลอินเดีย พวกเขาส่งอีเมลฟิชชิ่งที่แนบไฟล์ .desktop ปลอมให้ดูเหมือนเอกสารจริง แต่เมื่อเปิดขึ้นมา มัลแวร์จะถูกติดตั้งอย่างเงียบ ๆ พร้อมสร้างความคงอยู่ในระบบโดยไม่ต้องใช้สิทธิ์ root จุดเด่นคือเป็น Remote Administration Tool ที่ทำงานได้ทั้ง Windows และ Linux สามารถสั่งรันคำสั่ง ดูดข้อมูล และจับภาพหน้าจอได้ การขยายเป้าหมายไปยัง Linux ถือเป็นการยกระดับครั้งสำคัญของกลุ่มนี้ 🔗 https://securityonline.info/the-boss-breach-apt36-pivots-to-linux-espionage-with-silent-shortcuts 📱 Albiriox มัลแวร์ Android แบบบริการเช่า นักวิจัยพบมัลแวร์ใหม่ชื่อ Albiriox ที่ถูกพัฒนาเป็น Malware-as-a-Service โดยกลุ่มผู้พูดภาษารัสเซีย เปิดให้เช่าใช้เดือนละราว 650–720 ดอลลาร์ จุดแข็งคือสามารถทำ On-Device Fraud ได้ หมายถึงการทำธุรกรรมหลอกลวงจากเครื่องของเหยื่อเองเพื่อหลบเลี่ยงระบบตรวจสอบของธนาคาร ฟีเจอร์เด่นคือ AcVNC ที่สามารถควบคุมหน้าจอแม้แอปธนาคารจะพยายามบล็อกการบันทึกหน้าจอ แคมเปญแรกเริ่มโจมตีผู้ใช้ในออสเตรียผ่านแอป Penny Market ปลอม แต่จริง ๆ แล้วมีรายชื่อเป้าหมายกว่า 400 แอปธนาคารและคริปโตทั่วโลก ถือเป็นการยกระดับภัยคุกคามบนมือถืออย่างชัดเจน 🔗 https://securityonline.info/albiriox-the-russian-maas-android-trojan-redefining-mobile-fraud ⚙️ ศึกชิปขั้นสูง Apple ปะทะ NVIDIA ในโลกเซมิคอนดักเตอร์ตอนนี้ Apple และ NVIDIA กำลังแย่งชิงกำลังการผลิตขั้นสูงของ TSMC โดยเฉพาะกระบวนการ A16 และ A14 ที่ถือเป็นระดับ angstrom-class ซึ่งมีความสำคัญต่อการผลิตชิปประสิทธิภาพสูง ทั้งสองบริษัทต่างต้องการพื้นที่ผลิตที่จำกัดนี้เพื่อรองรับความต้องการด้าน AI ที่พุ่งสูงขึ้น ขณะเดียวกัน Apple ยังมองหาทางเลือกใหม่โดยอาจร่วมมือกับ Intel ในกระบวนการ 18AP สำหรับชิประดับเริ่มต้น เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มอำนาจต่อรองกับ TSMC การแข่งขันนี้สะท้อนให้เห็นว่าชิปขั้นสูงได้กลายเป็นสมรภูมิที่ดุเดือดระหว่างยักษ์ใหญ่เทคโนโลยี 🔗 https://securityonline.info/semiconductor-showdown-apple-and-nvidia-battle-for-tsmcs-a16-capacity 💰 OpenAI เริ่มทดลองโฆษณาใน ChatGPT แม้ ChatGPT จะมีผู้ใช้มหาศาล แต่ OpenAI ก็ยังขาดทุนหนัก โดยคาดว่าจะสะสมการขาดทุนถึง 115 พันล้านดอลลาร์ก่อนจะเริ่มมีกำไร นักพัฒนาพบโค้ดที่เกี่ยวข้องกับโฆษณาในแอป ChatGPT บน Android ซึ่งบ่งชี้ว่าบริษัทกำลังทดลองโมเดลรายได้ใหม่ผ่านการแสดงโฆษณาในคำตอบ โดยเฉพาะโฆษณาแบบค้นหา (Search Ads) ที่ฝังลิงก์สปอนเซอร์ในผลลัพธ์ หากเปิดใช้งานจริงจะเป็นแหล่งรายได้มหาศาลเสริมจากค่าสมาชิกและ API การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความพยายามของ OpenAI ที่จะหาทางออกจากภาระขาดทุนมหาศาล 🔗 https://securityonline.info/chatgpt-ads-spotted-monetization-push-underway-to-offset-115-billion-in-openai-losses 🛡️ BreachLock ครองแชมป์ PTaaS ต่อเนื่อง BreachLock ได้รับการจัดอันดับจากรายงาน GigaOm Radar ปี 2025 ให้เป็นผู้นำด้านบริการ Penetration Testing as a Service (PTaaS) ต่อเนื่องเป็นปีที่สาม จุดเด่นของบริษัทคือการผสมผสานการทดสอบเจาะระบบแบบอัตโนมัติและการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ลูกค้าได้รับผลลัพธ์ที่รวดเร็วและแม่นยำ พร้อมทั้งสามารถปรับขนาดการทดสอบให้เหมาะสมกับองค์กรทุกระดับ การได้รับการยอมรับซ้ำ ๆ แสดงถึงความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว 🔗 https://securityonline.info/breachlock-named-a-leader-in-2025-gigaom-radar-report-for-penetration-testing-as-a-service-ptaas-for-third-consecutive-year 📶 ช่องโหว่ร้ายแรงใน Snapdragon และโมเด็ม 5G พบช่องโหว่ใหม่ CVE-2025-47372 ที่กระทบ Snapdragon 8 Gen 3 และโมเด็ม 5G โดยปัญหานี้เกิดขึ้นในกระบวนการบูต ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงสิทธิ์ระดับสูงตั้งแต่เริ่มต้นระบบ ผลกระทบคืออุปกรณ์อาจถูกควบคุมหรือทำงานผิดพลาดตั้งแต่เปิดเครื่อง ถือเป็นภัยร้ายแรงเพราะเกี่ยวข้องกับชิปที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เครือข่าย การแก้ไขคือผู้ผลิตต้องรีบอัปเดตเฟิร์มแวร์เพื่ออุดช่องโหว่ก่อนที่จะถูกนำไปใช้โจมตีจริง 🔗 https://securityonline.info/boot-process-compromised-critical-flaw-cve-2025-47372-hits-snapdragon-8-gen-3-5g-modems 🤝 Kevin Lancaster เข้าร่วมบอร์ด usecure Kevin Lancaster ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาช่องทางธุรกิจ ได้เข้าร่วมบอร์ดของบริษัท usecure เพื่อช่วยเร่งการเติบโตในตลาดอเมริกาเหนือ Lancaster มีประสบการณ์ยาวนานในการสร้างเครือข่ายพันธมิตรและการขยายธุรกิจด้านความปลอดภัยไซเบอร์ การเข้ามาของเขาถือเป็นการเสริมกำลังสำคัญให้ usecure สามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มความแข็งแกร่งในการแข่งขันในภูมิภาคนี้ 🔗 https://securityonline.info/kevin-lancaster-joins-the-usecure-board-to-accelerate-north-american-channel-growth 🪟 ช่องโหว่ Windows EoP พร้อม PoC มีการเผยแพร่โค้ดทดสอบการโจมตี (PoC) สำหรับช่องโหว่ CVE-2025-60718 ที่เกี่ยวข้องกับ Windows Administrator Protection ซึ่งเป็นช่องโหว่ Elevation of Privilege ทำให้ผู้โจมตีสามารถยกระดับสิทธิ์ในระบบได้ ช่องโหว่นี้ถือว่าอันตรายเพราะสามารถใช้เป็นขั้นตอนหนึ่งในการเข้าควบคุมระบบทั้งหมดได้ การที่ PoC ถูกปล่อยออกมาแล้วทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมาก ผู้ใช้และผู้ดูแลระบบควรเร่งอัปเดตแพตช์ทันที 🔗 https://securityonline.info/poc-exploit-releases-for-cve-2025-60718-windows-administrator-protection-elevation-of-privilege-vulnerability 🔐 OpenVPN อุดช่องโหว่ร้ายแรง OpenVPN ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่สำคัญสองรายการ ได้แก่ Heap Over-Read ที่มีคะแนน CVSS 9.1 และช่องโหว่ HMAC Bypass ซึ่งสามารถทำให้เกิดการโจมตีแบบ DoS ได้ ช่องโหว่เหล่านี้หากถูกนำไปใช้จะทำให้การเชื่อมต่อ VPN ไม่ปลอดภัยและอาจถูกโจมตีจนระบบล่ม การอัปเดตเวอร์ชันล่าสุดจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ใช้งานทุกคนเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น 🔗 https://securityonline.info/critical-openvpn-flaws-fix-heap-over-read-cvss-9-1-and-hmac-bypass-allow-dos-attacks
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 388 มุมมอง 0 รีวิว
  • MediaTek ร่วมพัฒนา Google TPU v7 เพื่อยกระดับ Dimensity 9600

    MediaTek ได้เข้าร่วมในโครงการพัฒนา Google TPU v7 Ironwood ซึ่งถูกมองว่าเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ NVIDIA Blackwell GPUs โดย MediaTek มีบทบาทสำคัญในการออกแบบ I/O modules ของ TPU รุ่นนี้ เพื่อให้การสื่อสารระหว่างโปรเซสเซอร์และอุปกรณ์รอบข้างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น การมีส่วนร่วมครั้งนี้ไม่เพียงสร้างรายได้มหาศาลให้กับ MediaTek แต่ยังเปิดโอกาสให้บริษัทนำประสบการณ์ไปปรับใช้กับชิปสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อย่าง Dimensity 9600

    สถาปัตยกรรมของ TPU v7 ใช้ dual-chiplet design ที่ประกอบด้วย TensorCore, Vector Processing Unit (VPU), Matrix Multiply Unit (MXU) และ SparseCores พร้อมหน่วยความจำ HBM ขนาด 96GB เชื่อมต่อกันด้วย die-to-die interconnect ที่เร็วกว่าเดิมถึง 6 เท่า และสามารถขยายเป็นระบบ superpod ที่มีมากกว่า 9,000 ชิปเพื่อรองรับงาน AI ขนาดใหญ่

    สำหรับ Dimensity 9600 แม้จะเป็น Application Processor (AP) ที่แตกต่างจาก ASIC อย่าง TPU แต่ MediaTek สามารถนำแนวคิดจากการทำงานร่วมกับ Google มาปรับใช้ เช่น กลยุทธ์ power gating ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น, การปรับปรุง voltage scaling และ การจัดการ clock-gating เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่และลดการใช้พลังงาน ซึ่งถือเป็นการยกระดับชิปมือถือให้แข่งขันได้ในตลาดที่เน้น AI และประสิทธิภาพพลังงาน

    การร่วมมือครั้งนี้ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ ที่บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเริ่มมีบทบาทในโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาดใหญ่ ซึ่งอาจทำให้ MediaTek ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาด AI chips ในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    MediaTek มีบทบาทใน Google TPU v7 Ironwood
    ออกแบบ I/O modules เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสาร
    คาดว่าจะสร้างรายได้กว่า 4 พันล้านดอลลาร์

    สถาปัตยกรรม TPU v7 ที่ล้ำสมัย
    Dual-chiplet design พร้อม TensorCore, VPU, MXU และ SparseCores
    ใช้ HBM 96GB และ interconnect ที่เร็วกว่าเดิม 6 เท่า

    ผลต่อ Dimensity 9600
    ปรับปรุง power gating และ voltage scaling
    clock-gating ที่ดีขึ้นเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    ASIC และ AP มีโครงสร้างต่างกัน ทำให้ไม่สามารถนำประสบการณ์มาใช้ได้ทั้งหมด
    การแข่งขันกับ NVIDIA และ Qualcomm ในตลาด AI chips ยังเข้มข้น
    การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่อาจเพิ่มต้นทุนการผลิตและความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน

    https://wccftech.com/mediateks-work-on-the-google-tpu-v7-to-boost-dimensity-9600s-efficiency/
    ⚙️ MediaTek ร่วมพัฒนา Google TPU v7 เพื่อยกระดับ Dimensity 9600 MediaTek ได้เข้าร่วมในโครงการพัฒนา Google TPU v7 Ironwood ซึ่งถูกมองว่าเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ NVIDIA Blackwell GPUs โดย MediaTek มีบทบาทสำคัญในการออกแบบ I/O modules ของ TPU รุ่นนี้ เพื่อให้การสื่อสารระหว่างโปรเซสเซอร์และอุปกรณ์รอบข้างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น การมีส่วนร่วมครั้งนี้ไม่เพียงสร้างรายได้มหาศาลให้กับ MediaTek แต่ยังเปิดโอกาสให้บริษัทนำประสบการณ์ไปปรับใช้กับชิปสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อย่าง Dimensity 9600 สถาปัตยกรรมของ TPU v7 ใช้ dual-chiplet design ที่ประกอบด้วย TensorCore, Vector Processing Unit (VPU), Matrix Multiply Unit (MXU) และ SparseCores พร้อมหน่วยความจำ HBM ขนาด 96GB เชื่อมต่อกันด้วย die-to-die interconnect ที่เร็วกว่าเดิมถึง 6 เท่า และสามารถขยายเป็นระบบ superpod ที่มีมากกว่า 9,000 ชิปเพื่อรองรับงาน AI ขนาดใหญ่ สำหรับ Dimensity 9600 แม้จะเป็น Application Processor (AP) ที่แตกต่างจาก ASIC อย่าง TPU แต่ MediaTek สามารถนำแนวคิดจากการทำงานร่วมกับ Google มาปรับใช้ เช่น กลยุทธ์ power gating ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น, การปรับปรุง voltage scaling และ การจัดการ clock-gating เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่และลดการใช้พลังงาน ซึ่งถือเป็นการยกระดับชิปมือถือให้แข่งขันได้ในตลาดที่เน้น AI และประสิทธิภาพพลังงาน การร่วมมือครั้งนี้ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ ที่บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเริ่มมีบทบาทในโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาดใหญ่ ซึ่งอาจทำให้ MediaTek ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาด AI chips ในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ MediaTek มีบทบาทใน Google TPU v7 Ironwood ➡️ ออกแบบ I/O modules เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสาร ➡️ คาดว่าจะสร้างรายได้กว่า 4 พันล้านดอลลาร์ ✅ สถาปัตยกรรม TPU v7 ที่ล้ำสมัย ➡️ Dual-chiplet design พร้อม TensorCore, VPU, MXU และ SparseCores ➡️ ใช้ HBM 96GB และ interconnect ที่เร็วกว่าเดิม 6 เท่า ✅ ผลต่อ Dimensity 9600 ➡️ ปรับปรุง power gating และ voltage scaling ➡️ clock-gating ที่ดีขึ้นเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ ASIC และ AP มีโครงสร้างต่างกัน ทำให้ไม่สามารถนำประสบการณ์มาใช้ได้ทั้งหมด ⛔ การแข่งขันกับ NVIDIA และ Qualcomm ในตลาด AI chips ยังเข้มข้น ⛔ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่อาจเพิ่มต้นทุนการผลิตและความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน https://wccftech.com/mediateks-work-on-the-google-tpu-v7-to-boost-dimensity-9600s-efficiency/
    WCCFTECH.COM
    MediaTek Dimensity 9600: Google's TPU v7 Partnership Unlocks Next-Gen Efficiency
    MediaTek won't be able to use all of its TPU v7 Ironwood experience on the Dimensity 9600, but can still use the know-how to make a difference.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🖧 TSMC เปิดตัวโซลูชัน Optical Connectivity สำหรับชิป AI รุ่นใหม่

    ที่งาน TSMC European OIP Forum ล่าสุด บริษัท Alchip และ Ayar Labs ได้ร่วมกันสาธิตโซลูชันเชื่อมต่อแบบ Optical I/O ที่สร้างบนแพลตฟอร์ม COUPE (Compact Universal Photonic Engine) ของ TSMC ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผล AI รุ่นใหม่ โซลูชันนี้สามารถส่งข้อมูลได้สูงสุดถึง 100 Tb/s ต่อหนึ่งตัวเร่งความเร็ว (accelerator) และรองรับการเชื่อมต่อกับชิปอื่น ๆ ผ่านมาตรฐาน UCIe interface

    สิ่งที่น่าสนใจคือ โซลูชันนี้ช่วยให้บริษัทขนาดเล็กที่ไม่มีทรัพยากรในการพัฒนา subsystem ด้าน optical เอง สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีระดับสูงได้ โดยใช้โมดูลที่พร้อมใช้งานจาก Alchip และ Ayar Labs ทำให้ลดต้นทุนการลงทุนหลายสิบล้านดอลลาร์ และยังสามารถขยายระบบได้ในระดับ rack-scale หรือ multi-rack-scale เพื่อเชื่อมต่อชิปจำนวนมหาศาลให้ทำงานเหมือนเป็นโปรเซสเซอร์เดียว

    ในเชิงเทคนิค โซลูชันนี้ประกอบด้วย สาม chiplets ได้แก่ ตัว protocol converter ของ Alchip, ตัว EIC (electrical interface die) และตัว PIC (photonic integrated circuit) ของ Ayar Labs ที่ใช้สถาปัตยกรรม microring พร้อมตัวเชื่อมต่อไฟเบอร์แบบถอดได้ รองรับทั้ง PAM4 CWDM และ DWDM ซึ่งให้ latency ต่ำและอัตราความผิดพลาดของข้อมูล (BER) ที่ดีมาก

    นอกจากการเชื่อมต่อระหว่างชิปแล้ว ทีมพัฒนายังมองว่าโซลูชันนี้สามารถนำไปใช้เป็น memory extender ได้ด้วย โดย reference design ที่นำเสนอมีการรวม accelerator dies, HBM stacks และ optical engines บน substrate เดียว ทำให้เกิดการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานต่ำ ซึ่งอาจเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา AI accelerators ในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    โซลูชัน Optical I/O จาก TSMC, Alchip และ Ayar Labs
    รองรับ bandwidth สูงสุด 100 Tb/s ต่อ accelerator
    ใช้มาตรฐาน UCIe interface เชื่อมต่อกับชิปอื่น ๆ

    ช่วยให้บริษัทขนาดเล็กเข้าถึงเทคโนโลยี optical connectivity ได้ง่ายขึ้น
    ลดต้นทุนการลงทุน subsystem optical หลายสิบล้านดอลลาร์
    สามารถขยายระบบได้ทั้ง rack-scale และ multi-rack-scale

    โครงสร้างสาม chiplets ที่ทำงานร่วมกัน
    Protocol converter รองรับ UCIe และ proprietary protocols
    PIC ของ Ayar Labs ใช้ microring architecture พร้อม fiber connector

    การใช้งานที่หลากหลาย
    เชื่อมต่อ XPU-to-XPU, XPU-to-switch และ switch-to-switch
    สามารถใช้เป็น memory extender ได้

    ความท้าทายและข้อควรระวัง
    การผลิตและบูรณาการ subsystem optical ต้องการความแม่นยำสูง
    หาก latency หรือ BER ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน อาจกระทบต่อประสิทธิภาพ AI accelerators
    การขยายระบบในระดับ multi-rack-scale อาจเพิ่มความซับซ้อนในการจัดการพลังงานและความเสถียร

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/industrys-first-tsmc-coupe-based-optical-connectivity-solution-for-next-gen-ai-chips-displayed-alchip-and-ayar-labs-show-future-silicon-photonics-device
    🖧 TSMC เปิดตัวโซลูชัน Optical Connectivity สำหรับชิป AI รุ่นใหม่ ที่งาน TSMC European OIP Forum ล่าสุด บริษัท Alchip และ Ayar Labs ได้ร่วมกันสาธิตโซลูชันเชื่อมต่อแบบ Optical I/O ที่สร้างบนแพลตฟอร์ม COUPE (Compact Universal Photonic Engine) ของ TSMC ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผล AI รุ่นใหม่ โซลูชันนี้สามารถส่งข้อมูลได้สูงสุดถึง 100 Tb/s ต่อหนึ่งตัวเร่งความเร็ว (accelerator) และรองรับการเชื่อมต่อกับชิปอื่น ๆ ผ่านมาตรฐาน UCIe interface สิ่งที่น่าสนใจคือ โซลูชันนี้ช่วยให้บริษัทขนาดเล็กที่ไม่มีทรัพยากรในการพัฒนา subsystem ด้าน optical เอง สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีระดับสูงได้ โดยใช้โมดูลที่พร้อมใช้งานจาก Alchip และ Ayar Labs ทำให้ลดต้นทุนการลงทุนหลายสิบล้านดอลลาร์ และยังสามารถขยายระบบได้ในระดับ rack-scale หรือ multi-rack-scale เพื่อเชื่อมต่อชิปจำนวนมหาศาลให้ทำงานเหมือนเป็นโปรเซสเซอร์เดียว ในเชิงเทคนิค โซลูชันนี้ประกอบด้วย สาม chiplets ได้แก่ ตัว protocol converter ของ Alchip, ตัว EIC (electrical interface die) และตัว PIC (photonic integrated circuit) ของ Ayar Labs ที่ใช้สถาปัตยกรรม microring พร้อมตัวเชื่อมต่อไฟเบอร์แบบถอดได้ รองรับทั้ง PAM4 CWDM และ DWDM ซึ่งให้ latency ต่ำและอัตราความผิดพลาดของข้อมูล (BER) ที่ดีมาก นอกจากการเชื่อมต่อระหว่างชิปแล้ว ทีมพัฒนายังมองว่าโซลูชันนี้สามารถนำไปใช้เป็น memory extender ได้ด้วย โดย reference design ที่นำเสนอมีการรวม accelerator dies, HBM stacks และ optical engines บน substrate เดียว ทำให้เกิดการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานต่ำ ซึ่งอาจเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา AI accelerators ในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ โซลูชัน Optical I/O จาก TSMC, Alchip และ Ayar Labs ➡️ รองรับ bandwidth สูงสุด 100 Tb/s ต่อ accelerator ➡️ ใช้มาตรฐาน UCIe interface เชื่อมต่อกับชิปอื่น ๆ ✅ ช่วยให้บริษัทขนาดเล็กเข้าถึงเทคโนโลยี optical connectivity ได้ง่ายขึ้น ➡️ ลดต้นทุนการลงทุน subsystem optical หลายสิบล้านดอลลาร์ ➡️ สามารถขยายระบบได้ทั้ง rack-scale และ multi-rack-scale ✅ โครงสร้างสาม chiplets ที่ทำงานร่วมกัน ➡️ Protocol converter รองรับ UCIe และ proprietary protocols ➡️ PIC ของ Ayar Labs ใช้ microring architecture พร้อม fiber connector ✅ การใช้งานที่หลากหลาย ➡️ เชื่อมต่อ XPU-to-XPU, XPU-to-switch และ switch-to-switch ➡️ สามารถใช้เป็น memory extender ได้ ‼️ ความท้าทายและข้อควรระวัง ⛔ การผลิตและบูรณาการ subsystem optical ต้องการความแม่นยำสูง ⛔ หาก latency หรือ BER ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน อาจกระทบต่อประสิทธิภาพ AI accelerators ⛔ การขยายระบบในระดับ multi-rack-scale อาจเพิ่มความซับซ้อนในการจัดการพลังงานและความเสถียร https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/industrys-first-tsmc-coupe-based-optical-connectivity-solution-for-next-gen-ai-chips-displayed-alchip-and-ayar-labs-show-future-silicon-photonics-device
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 รีวิว
  • Raspberry Pi 5 รุ่นใหม่ มาพร้อม RAM 1GB ราคาเพียง $45

    Raspberry Pi ประกาศเปิดตัวรุ่นใหม่ของ Raspberry Pi 5 ที่มาพร้อม RAM 1GB เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผู้ใช้ที่ต้องการบอร์ดราคาประหยัดสำหรับงานทดลองและโครงการโอเพนซอร์ส โดยรุ่นนี้ยังคงใช้ Broadcom BCM2712 พร้อมซีพียู quad-core Arm Cortex-A76 ความเร็ว 2.4GHz เช่นเดียวกับรุ่น RAM ที่สูงกว่า

    การเปิดตัวครั้งนี้ทำให้ Raspberry Pi 5 มีตัวเลือก RAM ครบตั้งแต่ 1GB, 2GB, 4GB, 8GB ไปจนถึง 16GB ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้ทั่วไป นักพัฒนา และผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสำหรับงานเฉพาะทาง เช่น การประมวลผลภาพหรือการจำลองระบบเสมือน ขณะเดียวกัน Raspberry Pi ยังประกาศปรับขึ้นราคาของบางรุ่นเพื่อรับมือกับต้นทุนหน่วยความจำที่สูงขึ้น

    ในด้านสเปกเพิ่มเติม Raspberry Pi 5 รองรับ dual 4Kp60 HDMI output, VideoCore VII GPU ที่รองรับ Vulkan 1.3 และ OpenGL ES 3.1a รวมถึง PCIe slot สำหรับการขยายอุปกรณ์เสริม นอกจากนี้ยังมี HEVC decoder ที่รองรับการเล่นวิดีโอ 4Kp60 ทำให้บอร์ดเล็ก ๆ นี้สามารถใช้งานได้ทั้งในงานมัลติมีเดียและการพัฒนาเชิงลึก

    แม้การเปิดตัวรุ่น RAM ต่ำจะช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึง Raspberry Pi ได้ง่ายขึ้น แต่การปรับขึ้นราคาของรุ่นอื่น ๆ เช่น Raspberry Pi 4 และ Raspberry Pi 5 รุ่น RAM สูง อาจสร้างแรงกดดันต่อผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพมากขึ้น ถือเป็นการสะท้อนถึงสถานการณ์ตลาดหน่วยความจำที่ตึงตัวในปี 2026

    สรุปสาระสำคัญ
    การเปิดตัวรุ่นใหม่
    Raspberry Pi 5 รุ่น RAM 1GB ราคา $45
    ใช้ซีพียู Broadcom BCM2712 Cortex-A76 2.4GHz

    ตัวเลือก RAM ที่หลากหลาย
    มีตั้งแต่ 1GB, 2GB, 4GB, 8GB จนถึง 16GB
    รองรับการใช้งานตั้งแต่ทั่วไปจนถึงงานประสิทธิภาพสูง

    สเปกเด่นของ Raspberry Pi 5
    Dual 4Kp60 HDMI output และ VideoCore VII GPU
    รองรับ Vulkan 1.3, OpenGL ES 3.1a และ HEVC decoder
    มี PCIe slot สำหรับขยายอุปกรณ์เสริม

    ข้อควรระวังและผลกระทบ
    ราคาของ Raspberry Pi 4 และ 5 รุ่น RAM สูงถูกปรับขึ้น
    ตลาดหน่วยความจำตึงตัว อาจกระทบต่อผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง

    https://9to5linux.com/raspberry-pi-5-single-board-computer-now-available-with-1gb-ram-for-45-usd
    🖥️ Raspberry Pi 5 รุ่นใหม่ มาพร้อม RAM 1GB ราคาเพียง $45 Raspberry Pi ประกาศเปิดตัวรุ่นใหม่ของ Raspberry Pi 5 ที่มาพร้อม RAM 1GB เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผู้ใช้ที่ต้องการบอร์ดราคาประหยัดสำหรับงานทดลองและโครงการโอเพนซอร์ส โดยรุ่นนี้ยังคงใช้ Broadcom BCM2712 พร้อมซีพียู quad-core Arm Cortex-A76 ความเร็ว 2.4GHz เช่นเดียวกับรุ่น RAM ที่สูงกว่า การเปิดตัวครั้งนี้ทำให้ Raspberry Pi 5 มีตัวเลือก RAM ครบตั้งแต่ 1GB, 2GB, 4GB, 8GB ไปจนถึง 16GB ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้ทั่วไป นักพัฒนา และผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสำหรับงานเฉพาะทาง เช่น การประมวลผลภาพหรือการจำลองระบบเสมือน ขณะเดียวกัน Raspberry Pi ยังประกาศปรับขึ้นราคาของบางรุ่นเพื่อรับมือกับต้นทุนหน่วยความจำที่สูงขึ้น ในด้านสเปกเพิ่มเติม Raspberry Pi 5 รองรับ dual 4Kp60 HDMI output, VideoCore VII GPU ที่รองรับ Vulkan 1.3 และ OpenGL ES 3.1a รวมถึง PCIe slot สำหรับการขยายอุปกรณ์เสริม นอกจากนี้ยังมี HEVC decoder ที่รองรับการเล่นวิดีโอ 4Kp60 ทำให้บอร์ดเล็ก ๆ นี้สามารถใช้งานได้ทั้งในงานมัลติมีเดียและการพัฒนาเชิงลึก แม้การเปิดตัวรุ่น RAM ต่ำจะช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึง Raspberry Pi ได้ง่ายขึ้น แต่การปรับขึ้นราคาของรุ่นอื่น ๆ เช่น Raspberry Pi 4 และ Raspberry Pi 5 รุ่น RAM สูง อาจสร้างแรงกดดันต่อผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพมากขึ้น ถือเป็นการสะท้อนถึงสถานการณ์ตลาดหน่วยความจำที่ตึงตัวในปี 2026 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเปิดตัวรุ่นใหม่ ➡️ Raspberry Pi 5 รุ่น RAM 1GB ราคา $45 ➡️ ใช้ซีพียู Broadcom BCM2712 Cortex-A76 2.4GHz ✅ ตัวเลือก RAM ที่หลากหลาย ➡️ มีตั้งแต่ 1GB, 2GB, 4GB, 8GB จนถึง 16GB ➡️ รองรับการใช้งานตั้งแต่ทั่วไปจนถึงงานประสิทธิภาพสูง ✅ สเปกเด่นของ Raspberry Pi 5 ➡️ Dual 4Kp60 HDMI output และ VideoCore VII GPU ➡️ รองรับ Vulkan 1.3, OpenGL ES 3.1a และ HEVC decoder ➡️ มี PCIe slot สำหรับขยายอุปกรณ์เสริม ‼️ ข้อควรระวังและผลกระทบ ⛔ ราคาของ Raspberry Pi 4 และ 5 รุ่น RAM สูงถูกปรับขึ้น ⛔ ตลาดหน่วยความจำตึงตัว อาจกระทบต่อผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง https://9to5linux.com/raspberry-pi-5-single-board-computer-now-available-with-1gb-ram-for-45-usd
    9TO5LINUX.COM
    Raspberry Pi 5 Single-Board Computer Now Available with 1GB RAM for $45 USD - 9to5Linux
    Raspberry Pi 5 single-board computer is now available with 1GB RAM for $45 USD with dual-band Wi-Fi and PCI Express port.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • NVIDIA จับมือ TSMC ใช้เทคโนโลยี A16 สำหรับ GPU รุ่น Feynman

    รายงานล่าสุดเผยว่า NVIDIA เป็นลูกค้ารายแรกและรายเดียวของ TSMC สำหรับกระบวนการผลิต A16 (1.6nm) ซึ่งจะถูกนำมาใช้กับ GPU รุ่นใหม่ในตระกูล Feynman โดยจะต่อยอดจากรุ่น Rubin ที่วางแผนเปิดตัวในปี 2026–2027 การใช้ A16 จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านความเร็ว 8–10% ลดการใช้พลังงาน 15–20% และเพิ่มความหนาแน่นของชิป 7–10% เมื่อเทียบกับเทคโนโลยี N2P.

    เทคโนโลยี A16 ใช้โครงสร้าง Nanosheet พร้อมระบบ Super Power Rail (SPR) ที่ช่วยปรับปรุงการส่งพลังงานจากด้านหลังของชิป ทำให้เหมาะกับงาน AI และ High-Performance Computing (HPC) ซึ่งเป็นตลาดที่ NVIDIA ครองความเป็นผู้นำอยู่แล้ว การเป็นลูกค้ารายแรกยังทำให้ NVIDIA ได้สิทธิ์เข้าถึงกำลังการผลิตก่อนคู่แข่ง.

    แผนการผลิตระบุว่าโรงงาน P3 ของ TSMC ในเมืองเกาสงจะเริ่มผลิตชิป A16 ในปี 2027 เพื่อตอบสนองต่อโรดแมปของ NVIDIA ที่วางแผนเปิดตัว GPU Feynman ในปี 2028 โดยก่อนหน้านั้น NVIDIA จะใช้ชิป Rubin ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี N3P (3nm) และ Rubin Ultra ที่ใช้ N2P (2nm).

    ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่าง NVIDIA และ TSMC ในยุคที่ความต้องการชิป AI พุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองบริษัทเพิ่งฉลองการผลิตเวเฟอร์ Blackwell บนแผ่นดินสหรัฐเป็นครั้งแรก และกำลังเร่งขยายกำลังผลิตเพื่อรับมือกับความต้องการมหาศาลจากตลาด AI และดาต้าเซ็นเตอร์.

    สรุปสาระสำคัญและข้อควรระวัง
    NVIDIA เป็นลูกค้ารายแรกของ TSMC สำหรับ A16
    ใช้กับ GPU รุ่น Feynman ที่คาดว่าจะเปิดตัวปี 2028
    ได้สิทธิ์เข้าถึงกำลังการผลิตก่อนคู่แข่ง

    เทคโนโลยี A16 มีประสิทธิภาพสูงกว่า N2P
    ความเร็วเพิ่มขึ้น 8–10%
    ลดการใช้พลังงาน 15–20%
    ความหนาแน่นชิปสูงขึ้น 7–10%

    โรงงาน P3 ของ TSMC จะเริ่มผลิตในปี 2027
    รองรับโรดแมป GPU Rubin และ Feynman
    สอดคล้องกับความต้องการชิป AI ที่เพิ่มขึ้น

    ความเสี่ยงด้านการแข่งขันและตลาด
    คู่แข่งอย่าง AMD, Google, Microsoft อาจเร่งพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อตามทัน
    ความต้องการสูงอาจทำให้เกิดปัญหาคอขวดด้านซัพพลาย

    ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและการผลิต
    การผลิตชิปขั้นสูงใช้ทรัพยากรและพลังงานมหาศาล
    อาจกระทบต่อความยั่งยืนหากไม่มีมาตรการจัดการที่ดี

    https://wccftech.com/nvidia-first-only-customer-for-tsmc-a16-process-node-for-next-gen-feynman-gpus/
    📰 NVIDIA จับมือ TSMC ใช้เทคโนโลยี A16 สำหรับ GPU รุ่น Feynman 🔧 รายงานล่าสุดเผยว่า NVIDIA เป็นลูกค้ารายแรกและรายเดียวของ TSMC สำหรับกระบวนการผลิต A16 (1.6nm) ซึ่งจะถูกนำมาใช้กับ GPU รุ่นใหม่ในตระกูล Feynman โดยจะต่อยอดจากรุ่น Rubin ที่วางแผนเปิดตัวในปี 2026–2027 การใช้ A16 จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านความเร็ว 8–10% ลดการใช้พลังงาน 15–20% และเพิ่มความหนาแน่นของชิป 7–10% เมื่อเทียบกับเทคโนโลยี N2P. ⚡ เทคโนโลยี A16 ใช้โครงสร้าง Nanosheet พร้อมระบบ Super Power Rail (SPR) ที่ช่วยปรับปรุงการส่งพลังงานจากด้านหลังของชิป ทำให้เหมาะกับงาน AI และ High-Performance Computing (HPC) ซึ่งเป็นตลาดที่ NVIDIA ครองความเป็นผู้นำอยู่แล้ว การเป็นลูกค้ารายแรกยังทำให้ NVIDIA ได้สิทธิ์เข้าถึงกำลังการผลิตก่อนคู่แข่ง. 🏭 แผนการผลิตระบุว่าโรงงาน P3 ของ TSMC ในเมืองเกาสงจะเริ่มผลิตชิป A16 ในปี 2027 เพื่อตอบสนองต่อโรดแมปของ NVIDIA ที่วางแผนเปิดตัว GPU Feynman ในปี 2028 โดยก่อนหน้านั้น NVIDIA จะใช้ชิป Rubin ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี N3P (3nm) และ Rubin Ultra ที่ใช้ N2P (2nm). 🌍 ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่าง NVIDIA และ TSMC ในยุคที่ความต้องการชิป AI พุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองบริษัทเพิ่งฉลองการผลิตเวเฟอร์ Blackwell บนแผ่นดินสหรัฐเป็นครั้งแรก และกำลังเร่งขยายกำลังผลิตเพื่อรับมือกับความต้องการมหาศาลจากตลาด AI และดาต้าเซ็นเตอร์. 📌 สรุปสาระสำคัญและข้อควรระวัง ✅ NVIDIA เป็นลูกค้ารายแรกของ TSMC สำหรับ A16 ➡️ ใช้กับ GPU รุ่น Feynman ที่คาดว่าจะเปิดตัวปี 2028 ➡️ ได้สิทธิ์เข้าถึงกำลังการผลิตก่อนคู่แข่ง ✅ เทคโนโลยี A16 มีประสิทธิภาพสูงกว่า N2P ➡️ ความเร็วเพิ่มขึ้น 8–10% ➡️ ลดการใช้พลังงาน 15–20% ➡️ ความหนาแน่นชิปสูงขึ้น 7–10% ✅ โรงงาน P3 ของ TSMC จะเริ่มผลิตในปี 2027 ➡️ รองรับโรดแมป GPU Rubin และ Feynman ➡️ สอดคล้องกับความต้องการชิป AI ที่เพิ่มขึ้น ‼️ ความเสี่ยงด้านการแข่งขันและตลาด ⛔ คู่แข่งอย่าง AMD, Google, Microsoft อาจเร่งพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อตามทัน ⛔ ความต้องการสูงอาจทำให้เกิดปัญหาคอขวดด้านซัพพลาย ‼️ ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและการผลิต ⛔ การผลิตชิปขั้นสูงใช้ทรัพยากรและพลังงานมหาศาล ⛔ อาจกระทบต่อความยั่งยืนหากไม่มีมาตรการจัดการที่ดี https://wccftech.com/nvidia-first-only-customer-for-tsmc-a16-process-node-for-next-gen-feynman-gpus/
    WCCFTECH.COM
    NVIDIA Reportedly The First & Only Customer For TSMC's Bleeding-Edge A16 Process Node, Utilizing For Next-Gen GPUs
    NVIDIA is reportedly the only customer in line for TSMC's next-gen A16 process technology, eyeing it for future GPUs such as Feynman.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251201 #securityonline


    GeoServer พบช่องโหว่ร้ายแรง XXE (CVE-2025-58360)
    เรื่องนี้เป็นการเตือนครั้งใหญ่สำหรับผู้ดูแลระบบที่ใช้ GeoServer ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สด้านข้อมูลภูมิสารสนเทศ ช่องโหว่นี้อยู่ในฟังก์ชัน Web Map Service (WMS) ที่เปิดให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่ง XML ที่ไม่ถูกกรองอย่างเหมาะสม ผลคือสามารถดึงไฟล์ลับจากเซิร์ฟเวอร์ ทำการ SSRF เพื่อเจาะระบบภายใน หรือแม้แต่ทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มได้ทันที ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้รีบอัปเดตไปยังเวอร์ชันล่าสุดเพื่อปิดช่องโหว่ ไม่เช่นนั้นระบบที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลแผนที่อาจถูกเจาะได้ง่าย
    https://securityonline.info/high-severity-geoserver-flaw-cve-2025-58360-allows-unauthenticated-xxe-for-file-theft-and-ssrf

    TAG-150 ผู้ให้บริการ Malware-as-a-Service รายใหม่ ใช้ ClickFix หลอกเหยื่อ
    กลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์หน้าใหม่ชื่อ TAG-150 โผล่ขึ้นมาในปี 2025 และสร้างความปั่นป่วนอย่างรวดเร็ว พวกเขาใช้เทคนิค ClickFix ที่หลอกให้ผู้ใช้คิดว่ากำลังทำขั้นตอนยืนยันหรืออัปเดตซอฟต์แวร์ แต่จริง ๆ แล้วคือการบังคับให้เหยื่อรันคำสั่ง PowerShell ที่เป็นมัลแวร์เอง หลังจากนั้นจะถูกติดตั้ง CastleLoader และ CastleRAT ซึ่งให้สิทธิ์ควบคุมเครื่องแบบเต็มรูปแบบ ทั้งการดักคีย์บอร์ด จับภาพหน้าจอ และเปิดเชลล์ระยะไกล ถือเป็นการโจมตีที่เน้นหลอกเหยื่อให้ “แฮ็กตัวเอง” โดยไม่รู้ตัว
    https://securityonline.info/new-maas-operator-tag-150-uses-clickfix-lure-and-custom-castleloader-to-compromise-469-us-devices

    แคมเปญ “Contagious Interview” ของเกาหลีเหนือ ปล่อยแพ็กเกจ npm กว่า 200 ตัว
    นักวิจัยพบว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์ที่เชื่อมโยงกับเกาหลีเหนือยังคงเดินหน้าล่าผู้พัฒนาในสายบล็อกเชนและ Web3 พวกเขาใช้วิธีปลอมเป็นการสัมภาษณ์งาน โดยให้ผู้สมัครทำ “แบบทดสอบโค้ด” ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นแพ็กเกจ npm ที่ฝังมัลแวร์ OtterCookie รุ่นใหม่เข้าไป แพ็กเกจเหล่านี้ถูกดาวน์โหลดไปแล้วกว่าหมื่นครั้ง และสามารถขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น seed phrase ของกระเป๋าเงินคริปโต รหัสผ่าน และไฟล์ลับต่าง ๆ ได้ทันที ถือเป็นการโจมตีที่ใช้กระบวนการสมัครงานเป็นเครื่องมือในการเจาะระบบ
    https://securityonline.info/north-koreas-contagious-interview-floods-npm-with-200-new-packages-using-fake-crypto-jobs-to-deploy-ottercookie-spyware

    ShadowV2 Mirai Botnet ทดสอบโจมตี IoT ระหว่าง AWS ล่มทั่วโลก
    ในช่วงที่ AWS เกิดการล่มครั้งใหญ่เมื่อเดือนตุลาคม กลุ่มผู้โจมตีใช้โอกาสนี้ปล่อย ShadowV2 ซึ่งเป็นเวอร์ชันใหม่ของ Mirai botnet โดยมุ่งเป้าไปที่อุปกรณ์ IoT เช่น เราเตอร์และอุปกรณ์เครือข่ายที่มีช่องโหว่ การโจมตีครั้งนี้ถูกมองว่าเป็น “การทดสอบ” มากกว่าการโจมตีเต็มรูปแบบ แต่ก็สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ในหลายอุตสาหกรรมทั่วโลกได้แล้ว ShadowV2 ใช้เทคนิคเข้ารหัสเพื่อหลบการตรวจจับ และสามารถทำ DDoS ได้หลายรูปแบบ ถือเป็นสัญญาณเตือนว่า IoT ยังคงเป็นจุดอ่อนสำคัญในโลกไซเบอร์
    https://securityonline.info/shadowv2-mirai-botnet-launched-coordinated-iot-test-attack-during-global-aws-outage

    Bloody Wolf APT ขยายการโจมตีสู่เอเชียกลาง ใช้ NetSupport RAT
    กลุ่ม APT ที่ชื่อ Bloody Wolf ซึ่งเคยโจมตีในรัสเซียและคาซัคสถาน ตอนนี้ขยายไปยังคีร์กีซสถานและอุซเบกิสถาน พวกเขาใช้วิธีส่งอีเมล spear-phishing ที่ปลอมเป็นเอกสารทางราชการ เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์จะถูกนำไปดาวน์โหลด JAR ที่ฝังโค้ดอันตราย ซึ่งสุดท้ายติดตั้ง NetSupport RAT ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ปกติใช้ในการช่วยเหลือด้านไอที แต่ถูกนำมาใช้ควบคุมเครื่องเหยื่อแบบลับ ๆ ทำให้การตรวจจับยากขึ้นมาก การใช้เครื่องมือที่ถูกต้องตามกฎหมายมาทำการโจมตีเช่นนี้ เป็นกลยุทธ์ที่ทำให้แยกไม่ออกว่าเป็นการใช้งานจริงหรือการแฮ็ก
    https://securityonline.info/bloody-wolf-apt-expands-to-central-asia-deploys-netsupport-rat-via-custom-java-droppers-and-geo-fencing

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache bRPC (CVE-2025-59789)
    เรื่องนี้เป็นการค้นพบช่องโหว่ที่อันตรายมากใน Apache bRPC ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์ก RPC ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับระบบประสิทธิภาพสูง เช่น การค้นหา การจัดเก็บ และแมชชีนเลิร์นนิง ช่องโหว่นี้เกิดจากการประมวลผล JSON ที่มีโครงสร้างซ้อนลึกเกินไป ทำให้เกิดการใช้หน่วยความจำสแต็กจนล้นและทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มได้ง่าย ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูล JSON ที่ออกแบบมาเพื่อทำให้ระบบ crash โดยเฉพาะ องค์กรที่เปิดรับทราฟฟิกจากเครือข่ายภายนอกจึงเสี่ยงสูง ทางทีมพัฒนาได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 1.15.0 โดยเพิ่มการจำกัดความลึกของการ recursion ที่ค่าเริ่มต้น 100 เพื่อป้องกันการโจมตี แต่ก็อาจทำให้บางคำขอที่ถูกต้องถูกปฏิเสธไปด้วย
    https://securityonline.info/cve-2025-59789-critical-flaw-in-apache-brpc-framework-exposes-high-performance-systems-to-crash-risks

    Apple เตรียมใช้ Intel Foundry ผลิตชิป M-Series บนเทคโนโลยี 18A ปี 2027
    มีรายงานว่า Apple ได้ทำข้อตกลงลับกับ Intel เพื่อให้ผลิตชิป M-series รุ่นเริ่มต้นบนกระบวนการผลิต 18A โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตจำนวนมากได้ในช่วงกลางปี 2027 นี่ถือเป็นการกลับมาของ Intel ในห่วงโซ่อุปทานของ Apple หลังจากที่ TSMC ครองบทบาทหลักมานาน ชิปที่ผลิตจะถูกใช้ใน MacBook Air และ iPad Pro ซึ่งมียอดขายรวมกว่า 20 ล้านเครื่องในปี 2025 การเคลื่อนไหวนี้ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ Intel ในฐานะโรงงานผลิต แต่ยังไม่กระทบต่อรายได้ของ TSMC ในระยะสั้น
    https://securityonline.info/apple-eyes-intel-foundry-for-m-series-chips-on-18a-node-by-2027

    Windows 11 พบปัญหาไอคอนล็อกอินด้วยรหัสผ่านหายไปหลังอัปเดต
    ผู้ใช้ Windows 11 หลายคนเจอปัญหาหลังติดตั้งอัปเดตเดือนสิงหาคม 2025 หรือเวอร์ชันหลังจากนั้น โดยไอคอนสำหรับเข้าสู่ระบบด้วยรหัสผ่านหายไปจากหน้าล็อกสกรีน ทำให้ดูเหมือนว่ามีเพียงการเข้าสู่ระบบด้วย PIN เท่านั้นที่ใช้ได้ แม้จริง ๆ แล้วฟังก์ชันยังอยู่ แต่ผู้ใช้ต้องคลิกตรงพื้นที่ว่างที่ควรมีไอคอน ซึ่งสร้างความสับสนและยุ่งยาก Microsoft ยืนยันว่ากำลังแก้ไขและคาดว่าจะปล่อยแพตช์แก้ในอัปเดตถัดไป
    https://securityonline.info/windows-11-bug-makes-lock-screen-password-icon-vanish-after-update

    กลยุทธ์ AI ของ Google Pixel เน้นประโยชน์จริง ไม่ใช่แค่คำโฆษณา
    Google กำลังผลักดัน Pixel ให้เป็นสมาร์ทโฟนที่โดดเด่นด้าน AI โดยเน้นการใช้งานที่จับต้องได้ เช่น ฟีเจอร์ “Auto Best Take” ที่ช่วยให้ทุกคนดูดีที่สุดในภาพถ่ายกลุ่ม Adrienne Lofton รองประธานฝ่ายการตลาดของ Pixel ชี้ว่าแม้ AI จะเป็นกระแส แต่ผู้ใช้ยังแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม ทั้งที่เชื่อและที่สงสัย ดังนั้นกลยุทธ์ของ Google คือการทำให้ AI เป็นสิ่งที่ผู้ใช้เห็นคุณค่า ไม่ใช่แค่คำโฆษณา ทีมงานยังใช้ AI ภายในอย่าง Gemini Live และ Veo 3 เพื่อเร่งกระบวนการทำตลาดให้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 15 สัปดาห์
    https://securityonline.info/googles-pixel-ai-strategy-focusing-on-tangible-benefits-not-just-hype

    OpenAI ถูกท้าทายอย่างหนักจาก Gemini 3 ของ Google
    หลังจาก ChatGPT ครองตลาดมานาน ตอนนี้ OpenAI กำลังเผชิญแรงกดดันครั้งใหญ่เมื่อ Google เปิดตัว Gemini 3 ที่ทำคะแนนเหนือ GPT-5 ในหลายการทดสอบ และมีผู้ใช้งานพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 400 ล้านเป็น 650 ล้านรายต่อเดือน ความได้เปรียบของ Google คือการใช้ TPU ของตัวเองแทนการพึ่งพา NVIDIA ทำให้พัฒนาได้เร็วและต้นทุนต่ำลง ขณะที่ OpenAI ต้องลงทุนมหาศาลกว่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรักษาความเป็นผู้นำ สถานการณ์นี้ทำให้ตลาด AI กลับมาดุเดือดอีกครั้ง และอนาคตของ OpenAI ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด
    https://securityonline.info/openai-under-siege-googles-gemini-3-surge-threatens-to-end-chatgpts-early-lead

    ฟีเจอร์ใหม่ Android Hotspot แชร์สัญญาณพร้อมกัน 2.4 GHz + 6 GHz
    Android กำลังเพิ่มความสามารถให้ผู้ใช้สามารถแชร์ฮอตสปอตได้พร้อมกันทั้งย่านความถี่ 2.4 GHz และ 6 GHz ซึ่งช่วยให้เชื่อมต่ออุปกรณ์รุ่นเก่าและใหม่ได้ในเวลาเดียวกัน การอัปเกรดนี้ทำให้การใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือมีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีหลายอุปกรณ์หลากหลายรุ่นต้องเชื่อมต่อพร้อมกัน ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การใช้งานที่ตอบโจทย์ยุค Wi-Fi 6E
    https://securityonline.info/android-hotspot-upgrade-new-feature-allows-simultaneous-2-4-ghz-6-ghz-dual-band-sharing

    ปฏิบัติการ Hanoi Thief: ใช้ไฟล์ LNK/รูปภาพโจมตีด้วย LOTUSHARVEST Stealer
    แฮกเกอร์ได้พัฒนาเทคนิคใหม่ที่เรียกว่า “Pseudo-Polyglot” โดยใช้ไฟล์ LNK หรือรูปภาพที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัย แต่จริง ๆ แล้วซ่อนโค้ดอันตรายไว้เพื่อโหลดมัลแวร์ LOTUSHARVEST Stealer ผ่าน DLL Sideloading การโจมตีนี้ทำให้ผู้ใช้ที่เปิดไฟล์ดังกล่าวเสี่ยงต่อการถูกขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่านหรือข้อมูลส่วนตัว เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าผู้โจมตีใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการหลอกลวงทางไซเบอร์
    https://securityonline.info/operation-hanoi-thief-hackers-use-pseudo-polyglot-lnk-image-to-deploy-lotusharvest-stealer-via-dll-sideloading

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Devolutions Server (CVE-2025-13757)
    มีการค้นพบช่องโหว่ SQL Injection ที่ร้ายแรงใน Devolutions Server ซึ่งทำให้ผู้โจมตีที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้วสามารถดึงข้อมูลรหัสผ่านทั้งหมดออกมาได้ ช่องโหว่นี้ถือว่าอันตรายมากเพราะเปิดโอกาสให้เข้าถึงข้อมูลที่สำคัญที่สุดของระบบ การโจมตีลักษณะนี้สามารถทำให้ทั้งองค์กรเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลและถูกบุกรุกอย่างหนัก ผู้ดูแลระบบจึงควรเร่งอัปเดตแพตช์แก้ไขทันที
    https://securityonline.info/critical-devolutions-server-flaw-cve-2025-13757-allows-authenticated-sql-injection-to-steal-all-passwords

    มัลแวร์ TangleCrypt Packer ซ่อน EDR Killer แต่พลาดจนแครชเอง
    นักวิจัยพบว่า TangleCrypt ซึ่งเป็นแพ็กเกอร์มัลแวร์รุ่นใหม่ ถูกออกแบบมาเพื่อซ่อนฟังก์ชัน EDR Killer ที่สามารถทำลายระบบตรวจจับภัยคุกคามได้ แต่เนื่องจากมีข้อผิดพลาดในการเขียนโค้ด ทำให้มัลแวร์นี้เกิดการแครชเองโดยไม่ตั้งใจ แม้จะเป็นภัยคุกคามที่น่ากังวล แต่ความผิดพลาดนี้ก็ทำให้การโจมตีไม่เสถียร และอาจเป็นจุดอ่อนที่ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสามารถตรวจจับและป้องกันได้ง่ายขึ้น
    https://securityonline.info/new-tanglecrypt-packer-hides-edr-killer-but-coding-flaws-cause-ransomware-to-crash-unexpectedly

    กลยุทธ์ใหม่ของ Russian Tomiris APT ใช้ Telegram/Discord เป็นช่องทางสอดแนม
    กลุ่มแฮกเกอร์ Tomiris APT จากรัสเซียถูกพบว่าใช้วิธี “Polyglot” ในการแฝงตัว โดยเปลี่ยนแพลตฟอร์มสื่อสารยอดนิยมอย่าง Telegram และ Discord ให้กลายเป็นช่องทางควบคุมการสอดแนมทางการทูต เทคนิคนี้ทำให้การตรวจจับยากขึ้น เพราะดูเหมือนการใช้งานปกติของผู้ใช้ทั่วไป แต่จริง ๆ แล้วเป็นการซ่อนการสื่อสารระหว่างเซิร์ฟเวอร์ควบคุมและเครื่องที่ถูกบุกรุก ถือเป็นการยกระดับการโจมตีไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น
    ​​​​​​​ https://securityonline.info/russian-tomiris-apt-adopts-polyglot-strategy-hijacking-telegram-discord-as-covert-c2-for-diplomatic-spies
    📌🔐🟡 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟡🔐📌 #รวมข่าวIT #20251201 #securityonline 🛡️ GeoServer พบช่องโหว่ร้ายแรง XXE (CVE-2025-58360) เรื่องนี้เป็นการเตือนครั้งใหญ่สำหรับผู้ดูแลระบบที่ใช้ GeoServer ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สด้านข้อมูลภูมิสารสนเทศ ช่องโหว่นี้อยู่ในฟังก์ชัน Web Map Service (WMS) ที่เปิดให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่ง XML ที่ไม่ถูกกรองอย่างเหมาะสม ผลคือสามารถดึงไฟล์ลับจากเซิร์ฟเวอร์ ทำการ SSRF เพื่อเจาะระบบภายใน หรือแม้แต่ทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มได้ทันที ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้รีบอัปเดตไปยังเวอร์ชันล่าสุดเพื่อปิดช่องโหว่ ไม่เช่นนั้นระบบที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลแผนที่อาจถูกเจาะได้ง่าย 🔗 https://securityonline.info/high-severity-geoserver-flaw-cve-2025-58360-allows-unauthenticated-xxe-for-file-theft-and-ssrf 🕵️ TAG-150 ผู้ให้บริการ Malware-as-a-Service รายใหม่ ใช้ ClickFix หลอกเหยื่อ กลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์หน้าใหม่ชื่อ TAG-150 โผล่ขึ้นมาในปี 2025 และสร้างความปั่นป่วนอย่างรวดเร็ว พวกเขาใช้เทคนิค ClickFix ที่หลอกให้ผู้ใช้คิดว่ากำลังทำขั้นตอนยืนยันหรืออัปเดตซอฟต์แวร์ แต่จริง ๆ แล้วคือการบังคับให้เหยื่อรันคำสั่ง PowerShell ที่เป็นมัลแวร์เอง หลังจากนั้นจะถูกติดตั้ง CastleLoader และ CastleRAT ซึ่งให้สิทธิ์ควบคุมเครื่องแบบเต็มรูปแบบ ทั้งการดักคีย์บอร์ด จับภาพหน้าจอ และเปิดเชลล์ระยะไกล ถือเป็นการโจมตีที่เน้นหลอกเหยื่อให้ “แฮ็กตัวเอง” โดยไม่รู้ตัว 🔗 https://securityonline.info/new-maas-operator-tag-150-uses-clickfix-lure-and-custom-castleloader-to-compromise-469-us-devices 💻 แคมเปญ “Contagious Interview” ของเกาหลีเหนือ ปล่อยแพ็กเกจ npm กว่า 200 ตัว นักวิจัยพบว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์ที่เชื่อมโยงกับเกาหลีเหนือยังคงเดินหน้าล่าผู้พัฒนาในสายบล็อกเชนและ Web3 พวกเขาใช้วิธีปลอมเป็นการสัมภาษณ์งาน โดยให้ผู้สมัครทำ “แบบทดสอบโค้ด” ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นแพ็กเกจ npm ที่ฝังมัลแวร์ OtterCookie รุ่นใหม่เข้าไป แพ็กเกจเหล่านี้ถูกดาวน์โหลดไปแล้วกว่าหมื่นครั้ง และสามารถขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น seed phrase ของกระเป๋าเงินคริปโต รหัสผ่าน และไฟล์ลับต่าง ๆ ได้ทันที ถือเป็นการโจมตีที่ใช้กระบวนการสมัครงานเป็นเครื่องมือในการเจาะระบบ 🔗 https://securityonline.info/north-koreas-contagious-interview-floods-npm-with-200-new-packages-using-fake-crypto-jobs-to-deploy-ottercookie-spyware 🌐 ShadowV2 Mirai Botnet ทดสอบโจมตี IoT ระหว่าง AWS ล่มทั่วโลก ในช่วงที่ AWS เกิดการล่มครั้งใหญ่เมื่อเดือนตุลาคม กลุ่มผู้โจมตีใช้โอกาสนี้ปล่อย ShadowV2 ซึ่งเป็นเวอร์ชันใหม่ของ Mirai botnet โดยมุ่งเป้าไปที่อุปกรณ์ IoT เช่น เราเตอร์และอุปกรณ์เครือข่ายที่มีช่องโหว่ การโจมตีครั้งนี้ถูกมองว่าเป็น “การทดสอบ” มากกว่าการโจมตีเต็มรูปแบบ แต่ก็สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ในหลายอุตสาหกรรมทั่วโลกได้แล้ว ShadowV2 ใช้เทคนิคเข้ารหัสเพื่อหลบการตรวจจับ และสามารถทำ DDoS ได้หลายรูปแบบ ถือเป็นสัญญาณเตือนว่า IoT ยังคงเป็นจุดอ่อนสำคัญในโลกไซเบอร์ 🔗 https://securityonline.info/shadowv2-mirai-botnet-launched-coordinated-iot-test-attack-during-global-aws-outage 🐺 Bloody Wolf APT ขยายการโจมตีสู่เอเชียกลาง ใช้ NetSupport RAT กลุ่ม APT ที่ชื่อ Bloody Wolf ซึ่งเคยโจมตีในรัสเซียและคาซัคสถาน ตอนนี้ขยายไปยังคีร์กีซสถานและอุซเบกิสถาน พวกเขาใช้วิธีส่งอีเมล spear-phishing ที่ปลอมเป็นเอกสารทางราชการ เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์จะถูกนำไปดาวน์โหลด JAR ที่ฝังโค้ดอันตราย ซึ่งสุดท้ายติดตั้ง NetSupport RAT ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ปกติใช้ในการช่วยเหลือด้านไอที แต่ถูกนำมาใช้ควบคุมเครื่องเหยื่อแบบลับ ๆ ทำให้การตรวจจับยากขึ้นมาก การใช้เครื่องมือที่ถูกต้องตามกฎหมายมาทำการโจมตีเช่นนี้ เป็นกลยุทธ์ที่ทำให้แยกไม่ออกว่าเป็นการใช้งานจริงหรือการแฮ็ก 🔗 https://securityonline.info/bloody-wolf-apt-expands-to-central-asia-deploys-netsupport-rat-via-custom-java-droppers-and-geo-fencing 🛡️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache bRPC (CVE-2025-59789) เรื่องนี้เป็นการค้นพบช่องโหว่ที่อันตรายมากใน Apache bRPC ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์ก RPC ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับระบบประสิทธิภาพสูง เช่น การค้นหา การจัดเก็บ และแมชชีนเลิร์นนิง ช่องโหว่นี้เกิดจากการประมวลผล JSON ที่มีโครงสร้างซ้อนลึกเกินไป ทำให้เกิดการใช้หน่วยความจำสแต็กจนล้นและทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มได้ง่าย ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูล JSON ที่ออกแบบมาเพื่อทำให้ระบบ crash โดยเฉพาะ องค์กรที่เปิดรับทราฟฟิกจากเครือข่ายภายนอกจึงเสี่ยงสูง ทางทีมพัฒนาได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 1.15.0 โดยเพิ่มการจำกัดความลึกของการ recursion ที่ค่าเริ่มต้น 100 เพื่อป้องกันการโจมตี แต่ก็อาจทำให้บางคำขอที่ถูกต้องถูกปฏิเสธไปด้วย 🔗 https://securityonline.info/cve-2025-59789-critical-flaw-in-apache-brpc-framework-exposes-high-performance-systems-to-crash-risks 💻 Apple เตรียมใช้ Intel Foundry ผลิตชิป M-Series บนเทคโนโลยี 18A ปี 2027 มีรายงานว่า Apple ได้ทำข้อตกลงลับกับ Intel เพื่อให้ผลิตชิป M-series รุ่นเริ่มต้นบนกระบวนการผลิต 18A โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตจำนวนมากได้ในช่วงกลางปี 2027 นี่ถือเป็นการกลับมาของ Intel ในห่วงโซ่อุปทานของ Apple หลังจากที่ TSMC ครองบทบาทหลักมานาน ชิปที่ผลิตจะถูกใช้ใน MacBook Air และ iPad Pro ซึ่งมียอดขายรวมกว่า 20 ล้านเครื่องในปี 2025 การเคลื่อนไหวนี้ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ Intel ในฐานะโรงงานผลิต แต่ยังไม่กระทบต่อรายได้ของ TSMC ในระยะสั้น 🔗 https://securityonline.info/apple-eyes-intel-foundry-for-m-series-chips-on-18a-node-by-2027 🖥️ Windows 11 พบปัญหาไอคอนล็อกอินด้วยรหัสผ่านหายไปหลังอัปเดต ผู้ใช้ Windows 11 หลายคนเจอปัญหาหลังติดตั้งอัปเดตเดือนสิงหาคม 2025 หรือเวอร์ชันหลังจากนั้น โดยไอคอนสำหรับเข้าสู่ระบบด้วยรหัสผ่านหายไปจากหน้าล็อกสกรีน ทำให้ดูเหมือนว่ามีเพียงการเข้าสู่ระบบด้วย PIN เท่านั้นที่ใช้ได้ แม้จริง ๆ แล้วฟังก์ชันยังอยู่ แต่ผู้ใช้ต้องคลิกตรงพื้นที่ว่างที่ควรมีไอคอน ซึ่งสร้างความสับสนและยุ่งยาก Microsoft ยืนยันว่ากำลังแก้ไขและคาดว่าจะปล่อยแพตช์แก้ในอัปเดตถัดไป 🔗 https://securityonline.info/windows-11-bug-makes-lock-screen-password-icon-vanish-after-update 📱 กลยุทธ์ AI ของ Google Pixel เน้นประโยชน์จริง ไม่ใช่แค่คำโฆษณา Google กำลังผลักดัน Pixel ให้เป็นสมาร์ทโฟนที่โดดเด่นด้าน AI โดยเน้นการใช้งานที่จับต้องได้ เช่น ฟีเจอร์ “Auto Best Take” ที่ช่วยให้ทุกคนดูดีที่สุดในภาพถ่ายกลุ่ม Adrienne Lofton รองประธานฝ่ายการตลาดของ Pixel ชี้ว่าแม้ AI จะเป็นกระแส แต่ผู้ใช้ยังแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม ทั้งที่เชื่อและที่สงสัย ดังนั้นกลยุทธ์ของ Google คือการทำให้ AI เป็นสิ่งที่ผู้ใช้เห็นคุณค่า ไม่ใช่แค่คำโฆษณา ทีมงานยังใช้ AI ภายในอย่าง Gemini Live และ Veo 3 เพื่อเร่งกระบวนการทำตลาดให้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 15 สัปดาห์ 🔗 https://securityonline.info/googles-pixel-ai-strategy-focusing-on-tangible-benefits-not-just-hype 🤖 OpenAI ถูกท้าทายอย่างหนักจาก Gemini 3 ของ Google หลังจาก ChatGPT ครองตลาดมานาน ตอนนี้ OpenAI กำลังเผชิญแรงกดดันครั้งใหญ่เมื่อ Google เปิดตัว Gemini 3 ที่ทำคะแนนเหนือ GPT-5 ในหลายการทดสอบ และมีผู้ใช้งานพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 400 ล้านเป็น 650 ล้านรายต่อเดือน ความได้เปรียบของ Google คือการใช้ TPU ของตัวเองแทนการพึ่งพา NVIDIA ทำให้พัฒนาได้เร็วและต้นทุนต่ำลง ขณะที่ OpenAI ต้องลงทุนมหาศาลกว่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรักษาความเป็นผู้นำ สถานการณ์นี้ทำให้ตลาด AI กลับมาดุเดือดอีกครั้ง และอนาคตของ OpenAI ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด 🔗 https://securityonline.info/openai-under-siege-googles-gemini-3-surge-threatens-to-end-chatgpts-early-lead 📶 ฟีเจอร์ใหม่ Android Hotspot แชร์สัญญาณพร้อมกัน 2.4 GHz + 6 GHz Android กำลังเพิ่มความสามารถให้ผู้ใช้สามารถแชร์ฮอตสปอตได้พร้อมกันทั้งย่านความถี่ 2.4 GHz และ 6 GHz ซึ่งช่วยให้เชื่อมต่ออุปกรณ์รุ่นเก่าและใหม่ได้ในเวลาเดียวกัน การอัปเกรดนี้ทำให้การใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือมีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีหลายอุปกรณ์หลากหลายรุ่นต้องเชื่อมต่อพร้อมกัน ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การใช้งานที่ตอบโจทย์ยุค Wi-Fi 6E 🔗 https://securityonline.info/android-hotspot-upgrade-new-feature-allows-simultaneous-2-4-ghz-6-ghz-dual-band-sharing 🕵️‍♂️ ปฏิบัติการ Hanoi Thief: ใช้ไฟล์ LNK/รูปภาพโจมตีด้วย LOTUSHARVEST Stealer แฮกเกอร์ได้พัฒนาเทคนิคใหม่ที่เรียกว่า “Pseudo-Polyglot” โดยใช้ไฟล์ LNK หรือรูปภาพที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัย แต่จริง ๆ แล้วซ่อนโค้ดอันตรายไว้เพื่อโหลดมัลแวร์ LOTUSHARVEST Stealer ผ่าน DLL Sideloading การโจมตีนี้ทำให้ผู้ใช้ที่เปิดไฟล์ดังกล่าวเสี่ยงต่อการถูกขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่านหรือข้อมูลส่วนตัว เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าผู้โจมตีใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการหลอกลวงทางไซเบอร์ 🔗 https://securityonline.info/operation-hanoi-thief-hackers-use-pseudo-polyglot-lnk-image-to-deploy-lotusharvest-stealer-via-dll-sideloading 🔐 ช่องโหว่ร้ายแรงใน Devolutions Server (CVE-2025-13757) มีการค้นพบช่องโหว่ SQL Injection ที่ร้ายแรงใน Devolutions Server ซึ่งทำให้ผู้โจมตีที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้วสามารถดึงข้อมูลรหัสผ่านทั้งหมดออกมาได้ ช่องโหว่นี้ถือว่าอันตรายมากเพราะเปิดโอกาสให้เข้าถึงข้อมูลที่สำคัญที่สุดของระบบ การโจมตีลักษณะนี้สามารถทำให้ทั้งองค์กรเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลและถูกบุกรุกอย่างหนัก ผู้ดูแลระบบจึงควรเร่งอัปเดตแพตช์แก้ไขทันที 🔗 https://securityonline.info/critical-devolutions-server-flaw-cve-2025-13757-allows-authenticated-sql-injection-to-steal-all-passwords 💣 มัลแวร์ TangleCrypt Packer ซ่อน EDR Killer แต่พลาดจนแครชเอง นักวิจัยพบว่า TangleCrypt ซึ่งเป็นแพ็กเกอร์มัลแวร์รุ่นใหม่ ถูกออกแบบมาเพื่อซ่อนฟังก์ชัน EDR Killer ที่สามารถทำลายระบบตรวจจับภัยคุกคามได้ แต่เนื่องจากมีข้อผิดพลาดในการเขียนโค้ด ทำให้มัลแวร์นี้เกิดการแครชเองโดยไม่ตั้งใจ แม้จะเป็นภัยคุกคามที่น่ากังวล แต่ความผิดพลาดนี้ก็ทำให้การโจมตีไม่เสถียร และอาจเป็นจุดอ่อนที่ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสามารถตรวจจับและป้องกันได้ง่ายขึ้น 🔗 https://securityonline.info/new-tanglecrypt-packer-hides-edr-killer-but-coding-flaws-cause-ransomware-to-crash-unexpectedly 🌐 กลยุทธ์ใหม่ของ Russian Tomiris APT ใช้ Telegram/Discord เป็นช่องทางสอดแนม กลุ่มแฮกเกอร์ Tomiris APT จากรัสเซียถูกพบว่าใช้วิธี “Polyglot” ในการแฝงตัว โดยเปลี่ยนแพลตฟอร์มสื่อสารยอดนิยมอย่าง Telegram และ Discord ให้กลายเป็นช่องทางควบคุมการสอดแนมทางการทูต เทคนิคนี้ทำให้การตรวจจับยากขึ้น เพราะดูเหมือนการใช้งานปกติของผู้ใช้ทั่วไป แต่จริง ๆ แล้วเป็นการซ่อนการสื่อสารระหว่างเซิร์ฟเวอร์ควบคุมและเครื่องที่ถูกบุกรุก ถือเป็นการยกระดับการโจมตีไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น ​​​​​​​🔗 https://securityonline.info/russian-tomiris-apt-adopts-polyglot-strategy-hijacking-telegram-discord-as-covert-c2-for-diplomatic-spies
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 438 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts