• รู้จัก “คิมซูฮยอน” นักแสดงหนุ่มมากความสามารถจากเกาหลีใต้ จนค่าตัวสูง

    #รู้จักคิมซูฮยอน #พระเอกตัวท็อปเกาหลี #คิมซูฮยอน #วงการบันเทิงเกาหลีใต้ #News1 #Newsstory
    รู้จัก “คิมซูฮยอน” นักแสดงหนุ่มมากความสามารถจากเกาหลีใต้ จนค่าตัวสูง #รู้จักคิมซูฮยอน #พระเอกตัวท็อปเกาหลี #คิมซูฮยอน #วงการบันเทิงเกาหลีใต้ #News1 #Newsstory
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • นี่เป็นอีกตัวอย่างของความพยายามที่จะรวมพลังการประมวลผลระดับเดสก์ท็อปไว้ในอุปกรณ์พกพา

    แล็ปท็อปในโครงการที่ชื่อว่า UHPILCL (Ultra High-Performance Integration Liquid-Cooled Laptop) ถูกออกแบบมาให้รองรับฮาร์ดแวร์ระดับเดสก์ท็อปด้วยระบบระบายความร้อนด้วยน้ำในตัว จึงเหมาะสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการพลังเต็มรูปแบบในอุปกรณ์แบบพกพา โดยแล็ปท็อปรุ่นนี้อยู่ในระหว่างการระดมทุนบน Kickstarter

    คุณสมบัติที่น่าสนใจ:
    - รองรับเมนบอร์ด ITX และซีพียูระดับไฮเอนด์ เช่น Ryzen 9 9950X3D และซีพียูจาก Intel ตั้งแต่เจนเนอเรชันที่ 12 ถึง 14
    - การ์ดจอที่รองรับสูงสุดคือ RTX 5090 โดยใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ
    - มี ปั๊มน้ำ 18W ที่สามารถระบายความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพในระดับเสียงที่ต่ำกว่า 25 เดซิเบล
    - ใช้ RAM DDR5 สูงสุด 48GB และพื้นที่จัดเก็บข้อมูล SSD สูงสุดถึง 32TB
    - หน้าจอ 17.3 นิ้ว ความละเอียด 3K อัตรารีเฟรช 120Hz พร้อมอัตราส่วน 21:10

    แล็ปท็อปรุ่นนี้สามารถสลับระหว่างโหมด เดสก์ท็อปเต็มรูปแบบ และโหมดพกพาที่ลดการใช้พลังงาน โดยแบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด 3 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมีรุ่นพิเศษ T1000 Super ที่สามารถรองรับกำลังไฟสูงถึง 735W แต่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นถึง 5.2 กิโลกรัม

    แม้แล็ปท็อปนี้มีคุณสมบัติที่น่าสนใจและทะเยอทะยาน แต่ยังอยู่ในขั้นตอนระดมทุนและยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับราคาและวันจำหน่ายที่แน่นอน ทั้งนี้ การลงทุนในโครงการคราวด์ฟันดิ้งยังมีความเสี่ยงโดยเฉพาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อนอย่างนี้

    https://www.techspot.com/news/107113-watercooled-hybrid-gaming-laptop-can-handle-ryzen-9950x3d.html
    นี่เป็นอีกตัวอย่างของความพยายามที่จะรวมพลังการประมวลผลระดับเดสก์ท็อปไว้ในอุปกรณ์พกพา แล็ปท็อปในโครงการที่ชื่อว่า UHPILCL (Ultra High-Performance Integration Liquid-Cooled Laptop) ถูกออกแบบมาให้รองรับฮาร์ดแวร์ระดับเดสก์ท็อปด้วยระบบระบายความร้อนด้วยน้ำในตัว จึงเหมาะสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการพลังเต็มรูปแบบในอุปกรณ์แบบพกพา โดยแล็ปท็อปรุ่นนี้อยู่ในระหว่างการระดมทุนบน Kickstarter คุณสมบัติที่น่าสนใจ: - รองรับเมนบอร์ด ITX และซีพียูระดับไฮเอนด์ เช่น Ryzen 9 9950X3D และซีพียูจาก Intel ตั้งแต่เจนเนอเรชันที่ 12 ถึง 14 - การ์ดจอที่รองรับสูงสุดคือ RTX 5090 โดยใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ - มี ปั๊มน้ำ 18W ที่สามารถระบายความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพในระดับเสียงที่ต่ำกว่า 25 เดซิเบล - ใช้ RAM DDR5 สูงสุด 48GB และพื้นที่จัดเก็บข้อมูล SSD สูงสุดถึง 32TB - หน้าจอ 17.3 นิ้ว ความละเอียด 3K อัตรารีเฟรช 120Hz พร้อมอัตราส่วน 21:10 แล็ปท็อปรุ่นนี้สามารถสลับระหว่างโหมด เดสก์ท็อปเต็มรูปแบบ และโหมดพกพาที่ลดการใช้พลังงาน โดยแบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด 3 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมีรุ่นพิเศษ T1000 Super ที่สามารถรองรับกำลังไฟสูงถึง 735W แต่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นถึง 5.2 กิโลกรัม แม้แล็ปท็อปนี้มีคุณสมบัติที่น่าสนใจและทะเยอทะยาน แต่ยังอยู่ในขั้นตอนระดมทุนและยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับราคาและวันจำหน่ายที่แน่นอน ทั้งนี้ การลงทุนในโครงการคราวด์ฟันดิ้งยังมีความเสี่ยงโดยเฉพาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อนอย่างนี้ https://www.techspot.com/news/107113-watercooled-hybrid-gaming-laptop-can-handle-ryzen-9950x3d.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Watercooled gaming laptop is 5kg hefty but can handle Ryzen 9950X3D CPU, RTX 5090 graphics card
    It's called the UHPILCL (Ultra High-Performance Integration Liquid-Cooled Laptop), and it's no joke. The UHPILCL supports full-sized ITX motherboards and can accommodate virtually every high-end CPU and...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีข่าวลือที่น่าตื่นเต้นเกี่ยวกับ Zen 6 โปรเซสเซอร์รุ่นต่อไปของ AMD ที่คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026 โดยข้อมูลจากแหล่งข่าวอย่าง ChipHell และ Moore's Law Is Dead ชี้ให้เห็นว่า Zen 6 จะนำเสนอนวัตกรรมใหม่ที่จะเปลี่ยนโฉมทั้งตลาดเดสก์ท็อปและแล็ปท็อป

    ความโดดเด่นที่คุณต้องจับตามอง
    1) จำนวนคอร์ที่เพิ่มขึ้น:
    - Zen 6 จะนำเสนอ Core Chiplet Die (CCD) ที่มีถึง 12 คอร์ ซึ่งแตกต่างจากรุ่นก่อน ๆ เช่น Zen 3, 4 และ 5 ที่มี 8 คอร์ ทำให้โปรเซสเซอร์เดสก์ท็อปในแพลตฟอร์ม AM5 สามารถรองรับได้ถึง 24 คอร์
    - สำหรับแล็ปท็อป Advanced Processing Units (APUs) จะพัฒนาจากโครงสร้าง 8+4 คอร์ใน Zen 5 มาเป็นโครงสร้าง 12 คอร์เต็มรูปแบบ

    2) เทคโนโลยี 3D V-Cache:
    - รุ่นพรีเมียมของ Zen 6 จะมาพร้อมกับ 3D V-Cache ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างมหาศาล โดยมี L3 Cache ขนาด 96 MB หรือประมาณ 4 MB ต่อคอร์ ซึ่งเทียบเท่ากับ Zen 5

    3) การใช้กระบวนการผลิตขั้นสูง:
    - Zen 6 คาดว่าจะใช้เทคโนโลยีการผลิตจาก TSMC ที่ขนาด 3 นาโนเมตร (N3P) หรืออาจไปถึง 2 นาโนเมตรในอนาคต ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน

    Zen 6 จะถูกนำมาใช้ใน APU รุ่นใหม่ในชื่อ Medusa Point สำหรับแล็ปท็อป โดยประกอบด้วย:
    - CCD ขนาด 12 คอร์
    - I/O Die (IOD) ขนาด 200 mm² ที่มี 8 RDNA Work Groups
    - ตัวควบคุมหน่วยความจำขนาด 128 บิต และอาจมี Infinity Cache เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ GPU

    ส่วนเดสก์ท็อป APU ที่เรียกว่า Medusa Ridge จะมี IOD ขนาด 155 mm² และอาจไม่รวม GPU ในตัว แต่มุ่งเน้นการใช้งาน NPU ขนาดใหญ่ที่ทันสมัย

    Zen 6 น่าจะเป็นตัวเลือกสำคัญในตลาดเดสก์ท็อปและแล็ปท็อประดับไฮเอนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักเล่นเกมและผู้ใช้ที่ต้องการพลังการประมวลผลสูงสุด การเพิ่มจำนวนคอร์และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น 3D V-Cache และ Infinity Cache เป็นสิ่งที่ทำให้ AMD สามารถแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Intel ได้อย่างเข้มข้น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amds-zen-6-based-desktop-processors-may-feature-up-to-24-cores
    มีข่าวลือที่น่าตื่นเต้นเกี่ยวกับ Zen 6 โปรเซสเซอร์รุ่นต่อไปของ AMD ที่คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026 โดยข้อมูลจากแหล่งข่าวอย่าง ChipHell และ Moore's Law Is Dead ชี้ให้เห็นว่า Zen 6 จะนำเสนอนวัตกรรมใหม่ที่จะเปลี่ยนโฉมทั้งตลาดเดสก์ท็อปและแล็ปท็อป ความโดดเด่นที่คุณต้องจับตามอง 1) จำนวนคอร์ที่เพิ่มขึ้น: - Zen 6 จะนำเสนอ Core Chiplet Die (CCD) ที่มีถึง 12 คอร์ ซึ่งแตกต่างจากรุ่นก่อน ๆ เช่น Zen 3, 4 และ 5 ที่มี 8 คอร์ ทำให้โปรเซสเซอร์เดสก์ท็อปในแพลตฟอร์ม AM5 สามารถรองรับได้ถึง 24 คอร์ - สำหรับแล็ปท็อป Advanced Processing Units (APUs) จะพัฒนาจากโครงสร้าง 8+4 คอร์ใน Zen 5 มาเป็นโครงสร้าง 12 คอร์เต็มรูปแบบ 2) เทคโนโลยี 3D V-Cache: - รุ่นพรีเมียมของ Zen 6 จะมาพร้อมกับ 3D V-Cache ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างมหาศาล โดยมี L3 Cache ขนาด 96 MB หรือประมาณ 4 MB ต่อคอร์ ซึ่งเทียบเท่ากับ Zen 5 3) การใช้กระบวนการผลิตขั้นสูง: - Zen 6 คาดว่าจะใช้เทคโนโลยีการผลิตจาก TSMC ที่ขนาด 3 นาโนเมตร (N3P) หรืออาจไปถึง 2 นาโนเมตรในอนาคต ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน Zen 6 จะถูกนำมาใช้ใน APU รุ่นใหม่ในชื่อ Medusa Point สำหรับแล็ปท็อป โดยประกอบด้วย: - CCD ขนาด 12 คอร์ - I/O Die (IOD) ขนาด 200 mm² ที่มี 8 RDNA Work Groups - ตัวควบคุมหน่วยความจำขนาด 128 บิต และอาจมี Infinity Cache เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ GPU ส่วนเดสก์ท็อป APU ที่เรียกว่า Medusa Ridge จะมี IOD ขนาด 155 mm² และอาจไม่รวม GPU ในตัว แต่มุ่งเน้นการใช้งาน NPU ขนาดใหญ่ที่ทันสมัย Zen 6 น่าจะเป็นตัวเลือกสำคัญในตลาดเดสก์ท็อปและแล็ปท็อประดับไฮเอนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักเล่นเกมและผู้ใช้ที่ต้องการพลังการประมวลผลสูงสุด การเพิ่มจำนวนคอร์และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น 3D V-Cache และ Infinity Cache เป็นสิ่งที่ทำให้ AMD สามารถแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Intel ได้อย่างเข้มข้น https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amds-zen-6-based-desktop-processors-may-feature-up-to-24-cores
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัทผู้ผลิตแล็ปท็อป Compal Electronics ได้รับรางวัล iF Design Award 2025 จากการออกแบบที่น่าตื่นเต้นของแล็ปท็อปรุ่น Compal Infinite ซึ่งมีหน้าจอที่สามารถขยายแนวนอนจาก 14 นิ้ว ไปจนถึง 18 นิ้ว ได้อย่างน่าทึ่ง! ฟีเจอร์นี้ใช้เทคโนโลยี rollable OLED screen ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มพื้นที่การทำงานเมื่อจำเป็น โดยไม่ต้องพกพาจอพกพาเพิ่มเติม

    คุณสมบัติเด่นที่น่าสนใจ
    1) การขยายหน้าจอ:
    - หน้าจอสามารถเลื่อนขยายออกทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ทำให้เครื่องยังคงสมดุลขณะใช้งาน
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการพื้นที่หน้าจอที่กว้างขึ้น เช่น นักออกแบบหรือโปรแกรมเมอร์

    2) การออกแบบที่ไร้รอยต่อ:
    - กลไกการเลื่อนหน้าจอถูกออกแบบให้เรียบเนียน แข็งแรง และทนทาน โดย Compal เน้นว่าการขยายหน้าจอจะไม่ส่งผลต่อคุณภาพหรืออายุการใช้งาน

    3) แสง LED บนฝาแล็ปท็อป:
    - ฝาเครื่องมีไฟ LED แบบปรับแต่งได้ ซึ่งสามารถแสดงการแจ้งเตือนต่างๆ เช่น การมาของอีเมล

    ก่อนหน้านี้ Lenovo ได้เปิดตัวต้นแบบแล็ปท็อปหน้าจอขยายในแนวตั้ง และ ThinkBook ที่สามารถขยายได้จาก 14 นิ้วถึง 16.7 นิ้ว แต่ Compal Infinite มอบมิติใหม่ด้วยการขยายในแนวนอนที่ช่วยตอบโจทย์ผู้ที่ใช้งานจอกว้างโดยเฉพาะ

    แม้ว่าดีไซน์ล้ำสมัยของ Compal Infinite จะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทางเทคนิคหรือแผนการผลิตเชิงพาณิชย์ แต่เทคโนโลยีนี้แสดงถึงทิศทางที่น่าจับตามองในตลาดแล็ปท็อป ยิ่งถ้าผู้ผลิตแบรนด์ใหญ่ที่ใช้ Compal เป็น OEM หยิบไปต่อยอด อุปกรณ์นี้อาจกลายเป็นตัวเลือกสำคัญในตลาดพรีเมียมได้เลย!

    https://www.tomshardware.com/laptops/compal-infinite-laptop-built-around-screen-that-extends-from-14-to-18-inches-horizontally
    บริษัทผู้ผลิตแล็ปท็อป Compal Electronics ได้รับรางวัล iF Design Award 2025 จากการออกแบบที่น่าตื่นเต้นของแล็ปท็อปรุ่น Compal Infinite ซึ่งมีหน้าจอที่สามารถขยายแนวนอนจาก 14 นิ้ว ไปจนถึง 18 นิ้ว ได้อย่างน่าทึ่ง! ฟีเจอร์นี้ใช้เทคโนโลยี rollable OLED screen ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มพื้นที่การทำงานเมื่อจำเป็น โดยไม่ต้องพกพาจอพกพาเพิ่มเติม คุณสมบัติเด่นที่น่าสนใจ 1) การขยายหน้าจอ: - หน้าจอสามารถเลื่อนขยายออกทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ทำให้เครื่องยังคงสมดุลขณะใช้งาน - ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการพื้นที่หน้าจอที่กว้างขึ้น เช่น นักออกแบบหรือโปรแกรมเมอร์ 2) การออกแบบที่ไร้รอยต่อ: - กลไกการเลื่อนหน้าจอถูกออกแบบให้เรียบเนียน แข็งแรง และทนทาน โดย Compal เน้นว่าการขยายหน้าจอจะไม่ส่งผลต่อคุณภาพหรืออายุการใช้งาน 3) แสง LED บนฝาแล็ปท็อป: - ฝาเครื่องมีไฟ LED แบบปรับแต่งได้ ซึ่งสามารถแสดงการแจ้งเตือนต่างๆ เช่น การมาของอีเมล ก่อนหน้านี้ Lenovo ได้เปิดตัวต้นแบบแล็ปท็อปหน้าจอขยายในแนวตั้ง และ ThinkBook ที่สามารถขยายได้จาก 14 นิ้วถึง 16.7 นิ้ว แต่ Compal Infinite มอบมิติใหม่ด้วยการขยายในแนวนอนที่ช่วยตอบโจทย์ผู้ที่ใช้งานจอกว้างโดยเฉพาะ แม้ว่าดีไซน์ล้ำสมัยของ Compal Infinite จะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทางเทคนิคหรือแผนการผลิตเชิงพาณิชย์ แต่เทคโนโลยีนี้แสดงถึงทิศทางที่น่าจับตามองในตลาดแล็ปท็อป ยิ่งถ้าผู้ผลิตแบรนด์ใหญ่ที่ใช้ Compal เป็น OEM หยิบไปต่อยอด อุปกรณ์นี้อาจกลายเป็นตัวเลือกสำคัญในตลาดพรีเมียมได้เลย! https://www.tomshardware.com/laptops/compal-infinite-laptop-built-around-screen-that-extends-from-14-to-18-inches-horizontally
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • Lenovo ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่ของจีน ได้ประกาศในงาน Tech World India 2025 ว่าจะย้ายสายการผลิตทั้งหมดไปยังประเทศอินเดียภายในสามปีข้างหน้า รวมถึงการผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI GPU ที่เมือง Pondicherry การย้ายการผลิตนี้เป็นการตอบโต้กับภาษีการนำเข้าสินค้าจากจีนที่ถูกเรียกเก็บโดยรัฐบาลของประธานาธิบดี Trump ที่สูงถึง 20% และจากเม็กซิโกถึง 25%

    การย้ายสายการผลิตนี้มีเป้าหมายเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าสูงที่ทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ซึ่ง Lenovo ถือครองส่วนแบ่งตลาดแล็ปท็อปในสหรัฐฯ ถึง 12% การย้ายการผลิตไปยังอินเดียจะช่วยลดต้นทุนและปรับปรุงกลยุทธ์การตั้งราคาของบริษัทให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้

    Lenovo ไม่ใช่บริษัทเดียวที่ตัดสินใจย้ายการผลิตออกจากจีนเพื่อลดภาระภาษีนี้ บริษัทรายใหญ่อื่น ๆ เช่น ASRock, HP, และ Dell ก็มีแผนย้ายการผลิตไปยังประเทศที่ไม่มีภาระภาษีสูง เช่น เวียดนาม ไต้หวัน และอินโดนีเซีย

    นอกจากภาษีแล้ว การควบคุมการส่งออกชิป AI ล่าสุดจากทำเนียบขาวยังเป็นแรงกดดันให้ผู้ผลิตส่วนใหญ่ต้องย้ายฐานการผลิต PC และชิปไปยังประเทศอื่น เช่น PC Partner, ผู้ผลิตแบรนด์ Zotac, Inno3D, และ Manli กำลังย้ายสำนักงานใหญ่ไปยังสิงคโปร์ และวางแผนย้ายการผลิตไปยังอินโดนีเซีย ในขณะที่บริษัทอย่าง Amkor Technology, Hana Micron, และ Intel กำลังลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในเวียดนาม

    แม้ว่าบางบริษัทจะย้ายการผลิตไปยังประเทศที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี การย้ายการผลิตกลับเข้าสู่สหรัฐฯ ยังคงเป็นทางเลือกที่ยากลำบากสำหรับบริษัทขนาดเล็ก ส่วนบริษัทขนาดใหญ่เช่น TSMC ได้ประกาศการลงทุนเพิ่มอีก 100 พันล้านดอลลาร์ในโรงงานใหม่สามแห่งและศูนย์วิจัยและพัฒนาในแอริโซนา

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/lenovo-joins-growing-china-exodus-as-manufacturers-flee-us-tariffs-oem-moving-production-lines-to-india
    Lenovo ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่ของจีน ได้ประกาศในงาน Tech World India 2025 ว่าจะย้ายสายการผลิตทั้งหมดไปยังประเทศอินเดียภายในสามปีข้างหน้า รวมถึงการผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI GPU ที่เมือง Pondicherry การย้ายการผลิตนี้เป็นการตอบโต้กับภาษีการนำเข้าสินค้าจากจีนที่ถูกเรียกเก็บโดยรัฐบาลของประธานาธิบดี Trump ที่สูงถึง 20% และจากเม็กซิโกถึง 25% การย้ายสายการผลิตนี้มีเป้าหมายเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าสูงที่ทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ซึ่ง Lenovo ถือครองส่วนแบ่งตลาดแล็ปท็อปในสหรัฐฯ ถึง 12% การย้ายการผลิตไปยังอินเดียจะช่วยลดต้นทุนและปรับปรุงกลยุทธ์การตั้งราคาของบริษัทให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ Lenovo ไม่ใช่บริษัทเดียวที่ตัดสินใจย้ายการผลิตออกจากจีนเพื่อลดภาระภาษีนี้ บริษัทรายใหญ่อื่น ๆ เช่น ASRock, HP, และ Dell ก็มีแผนย้ายการผลิตไปยังประเทศที่ไม่มีภาระภาษีสูง เช่น เวียดนาม ไต้หวัน และอินโดนีเซีย นอกจากภาษีแล้ว การควบคุมการส่งออกชิป AI ล่าสุดจากทำเนียบขาวยังเป็นแรงกดดันให้ผู้ผลิตส่วนใหญ่ต้องย้ายฐานการผลิต PC และชิปไปยังประเทศอื่น เช่น PC Partner, ผู้ผลิตแบรนด์ Zotac, Inno3D, และ Manli กำลังย้ายสำนักงานใหญ่ไปยังสิงคโปร์ และวางแผนย้ายการผลิตไปยังอินโดนีเซีย ในขณะที่บริษัทอย่าง Amkor Technology, Hana Micron, และ Intel กำลังลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในเวียดนาม แม้ว่าบางบริษัทจะย้ายการผลิตไปยังประเทศที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี การย้ายการผลิตกลับเข้าสู่สหรัฐฯ ยังคงเป็นทางเลือกที่ยากลำบากสำหรับบริษัทขนาดเล็ก ส่วนบริษัทขนาดใหญ่เช่น TSMC ได้ประกาศการลงทุนเพิ่มอีก 100 พันล้านดอลลาร์ในโรงงานใหม่สามแห่งและศูนย์วิจัยและพัฒนาในแอริโซนา https://www.tomshardware.com/tech-industry/lenovo-joins-growing-china-exodus-as-manufacturers-flee-us-tariffs-oem-moving-production-lines-to-india
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Lenovo joins growing China exodus as manufacturers flee US tariffs — OEM moving production lines to India
    This is just one of the growing companies setting up shop elsewhere to escape the US-China trade war.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานที่ระบุว่า GPU ของ Nvidia ในกลุ่ม RTX 50 Series สำหรับแล็ปท็อป อาจประสบปัญหาการขาดหน่วยประมวลผล ROPs (Render Output Units) ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการแสดงผลเช่นเดียวกับปัญหาที่พบใน GPU สำหรับเดสก์ท็อปในซีรีส์เดียวกัน อย่างไรก็ตาม Nvidia ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยยืนยันผ่านการตอบคำถามของสำนักข่าว The Verge ว่า GPU สำหรับแล็ปท็อปไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้

    ROPs (Render Output Units) เป็นส่วนสำคัญในกระบวนการเรนเดอร์กราฟิก โดยช่วยในการประมวลผลภาพขั้นสุดท้ายก่อนแสดงผลบนหน้าจอ หาก GPU มีจำนวน ROPs น้อยกว่าที่ควร ระบบอาจแสดงผลช้าลงและลดประสิทธิภาพโดยรวมของ GPU ลงได้ถึง 11% ตามที่มีการทดสอบใน TimeSpy

    ข่าวก่อนหน้านี้ระบุว่า Nvidia ได้ร้องขอให้ผู้ผลิตแล็ปท็อปในภูมิภาคเอเชียตรวจสอบอุปกรณ์ที่อาจมี GPU ที่ประสบปัญหาดังกล่าว โดยผู้ผลิตบางรายรายงานว่าปัญหานี้ส่งผลกระทบเพียง "ล็อตแรก" ของการผลิต อย่างไรก็ตาม Nvidia ยืนยันว่าสถานการณ์นี้ไม่มีผลกับ GPU ของแล็ปท็อปในซีรีส์ RTX 50 อีกต่อไปแล้ว หรือหากเคยมีปัญหาก็อาจได้รับการแก้ไขแล้วก่อนที่ข่าวจะแพร่ออกไป

    แม้ว่าปัญหาเรื่อง ROPs จะถูกปฏิเสธโดย Nvidia แต่ GPU ในซีรีส์ RTX 50 ยังคงประสบปัญหาในด้านซัพพลายเชนที่ส่งผลให้การเปิดตัวอุปกรณ์ระดับไฮเอนด์ต้องถูกเลื่อนจากมกราคมเป็นมีนาคม และรุ่นกลางและล่างถูกเลื่อนจากมีนาคมไปเป็นเมษายน

    ปัญหาที่คล้ายกันเคยเกิดขึ้นกับ RTX 5090 และ RTX 5080 ซึ่ง Nvidia ยืนยันว่ามีหน่วย ROPs น้อยกว่าที่โฆษณาไว้ โดยเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำคัญที่บ่งบอกถึงความซับซ้อนในกระบวนการผลิต GPU และความสำคัญของการตรวจสอบคุณภาพก่อนการจัดจำหน่าย

    ไม่ว่าจะมีปัญหาหรือไม่ในอดีต Nvidia ยังคงเผชิญกับความท้าทายในซัพพลายเชนและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในซีรีส์ RTX 50 การจัดการที่ดีและโปร่งใสสามารถช่วยลดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัทได้

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-denies-allegations-that-laptop-rtx-50-gpus-are-also-missing-rops
    มีรายงานที่ระบุว่า GPU ของ Nvidia ในกลุ่ม RTX 50 Series สำหรับแล็ปท็อป อาจประสบปัญหาการขาดหน่วยประมวลผล ROPs (Render Output Units) ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการแสดงผลเช่นเดียวกับปัญหาที่พบใน GPU สำหรับเดสก์ท็อปในซีรีส์เดียวกัน อย่างไรก็ตาม Nvidia ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยยืนยันผ่านการตอบคำถามของสำนักข่าว The Verge ว่า GPU สำหรับแล็ปท็อปไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้ ROPs (Render Output Units) เป็นส่วนสำคัญในกระบวนการเรนเดอร์กราฟิก โดยช่วยในการประมวลผลภาพขั้นสุดท้ายก่อนแสดงผลบนหน้าจอ หาก GPU มีจำนวน ROPs น้อยกว่าที่ควร ระบบอาจแสดงผลช้าลงและลดประสิทธิภาพโดยรวมของ GPU ลงได้ถึง 11% ตามที่มีการทดสอบใน TimeSpy ข่าวก่อนหน้านี้ระบุว่า Nvidia ได้ร้องขอให้ผู้ผลิตแล็ปท็อปในภูมิภาคเอเชียตรวจสอบอุปกรณ์ที่อาจมี GPU ที่ประสบปัญหาดังกล่าว โดยผู้ผลิตบางรายรายงานว่าปัญหานี้ส่งผลกระทบเพียง "ล็อตแรก" ของการผลิต อย่างไรก็ตาม Nvidia ยืนยันว่าสถานการณ์นี้ไม่มีผลกับ GPU ของแล็ปท็อปในซีรีส์ RTX 50 อีกต่อไปแล้ว หรือหากเคยมีปัญหาก็อาจได้รับการแก้ไขแล้วก่อนที่ข่าวจะแพร่ออกไป แม้ว่าปัญหาเรื่อง ROPs จะถูกปฏิเสธโดย Nvidia แต่ GPU ในซีรีส์ RTX 50 ยังคงประสบปัญหาในด้านซัพพลายเชนที่ส่งผลให้การเปิดตัวอุปกรณ์ระดับไฮเอนด์ต้องถูกเลื่อนจากมกราคมเป็นมีนาคม และรุ่นกลางและล่างถูกเลื่อนจากมีนาคมไปเป็นเมษายน ปัญหาที่คล้ายกันเคยเกิดขึ้นกับ RTX 5090 และ RTX 5080 ซึ่ง Nvidia ยืนยันว่ามีหน่วย ROPs น้อยกว่าที่โฆษณาไว้ โดยเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำคัญที่บ่งบอกถึงความซับซ้อนในกระบวนการผลิต GPU และความสำคัญของการตรวจสอบคุณภาพก่อนการจัดจำหน่าย ไม่ว่าจะมีปัญหาหรือไม่ในอดีต Nvidia ยังคงเผชิญกับความท้าทายในซัพพลายเชนและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในซีรีส์ RTX 50 การจัดการที่ดีและโปร่งใสสามารถช่วยลดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัทได้ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-denies-allegations-that-laptop-rtx-50-gpus-are-also-missing-rops
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Nvidia denies allegations that laptop RTX 50 GPUs are also missing ROPs
    Nvidia claims laptop Blackwell GPUs are not affected by the missing ROPs problem seen on its latest desktop cards.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • Qualcomm กำลังพัฒนา CPU รุ่นใหม่ที่ชื่อว่า Snapdragon X2 ซึ่งอาจมาพร้อมกับคอร์ประมวลผล Oryon V3 สูงสุดถึง 18 คอร์ เพื่อท้าชิงกับ AMD และ Intel ในตลาดพีซีระดับสูง

    ชิปประมวลผล Snapdragon X2 นี้จะมีการออกแบบ System-in-Package (SiP) ที่รวมหน่วยความจำและที่จัดเก็บข้อมูลเข้าไว้ในแพ็กเกจเดียว คาดว่าจะมีคอร์ประมวลผลมากถึง 18 คอร์ ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนถึง 50% โดยคาดว่าจะมีหน่วยความจำ SK hynix RAM ขนาด 48GB และ SSD ขนาด 1TB รวมอยู่ในแพ็กเกจเดียวกัน

    การออกแบบ SiP นี้จะช่วยให้ Snapdragon X2 มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นในการจัดการทั้งแอปพลิเคชันที่ใช้เธรดเดียวและหลายเธรด รวมถึงเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับชิปจาก AMD และ Intel อย่างมีนัยสำคัญ

    นอกจากนี้ มีการรายงานเพิ่มเติมว่า Qualcomm กำลังพัฒนาชิปใหม่ในโครงการที่ชื่อว่า Project Glymur โดยใช้รหัส 'SC8480XP' คาดว่าชิปนี้ได้รับการทดสอบในช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม 2024 และมีการออกแบบให้รองรับการระบายความร้อนด้วยน้ำแบบ AIO ซึ่งบ่งบอกว่าชิปนี้อาจใช้ในพีซีเดสก์ท็อป

    มีการคาดการณ์ว่า Snapdragon X2 จะถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์พรีเมียมและยังคงใช้ชื่อแบรนด์ 'Elite' หรืออาจเปลี่ยนเป็น 'Ultra Premium' ซึ่งยังไม่ชัดเจนในขณะนี้

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Qualcomm อาจวางแผนที่จะเข้าไปยังตลาดเดสก์ท็อปในอนาคต โดยใช้ชิปที่มีการออกแบบที่รองรับการระบายความร้อนที่ซับซ้อนและประสิทธิภาพสูง

    https://www.techspot.com/news/107009-qualcomm-next-gen-snapdragon-x-chips-could-pack.html
    Qualcomm กำลังพัฒนา CPU รุ่นใหม่ที่ชื่อว่า Snapdragon X2 ซึ่งอาจมาพร้อมกับคอร์ประมวลผล Oryon V3 สูงสุดถึง 18 คอร์ เพื่อท้าชิงกับ AMD และ Intel ในตลาดพีซีระดับสูง ชิปประมวลผล Snapdragon X2 นี้จะมีการออกแบบ System-in-Package (SiP) ที่รวมหน่วยความจำและที่จัดเก็บข้อมูลเข้าไว้ในแพ็กเกจเดียว คาดว่าจะมีคอร์ประมวลผลมากถึง 18 คอร์ ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนถึง 50% โดยคาดว่าจะมีหน่วยความจำ SK hynix RAM ขนาด 48GB และ SSD ขนาด 1TB รวมอยู่ในแพ็กเกจเดียวกัน การออกแบบ SiP นี้จะช่วยให้ Snapdragon X2 มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นในการจัดการทั้งแอปพลิเคชันที่ใช้เธรดเดียวและหลายเธรด รวมถึงเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับชิปจาก AMD และ Intel อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ มีการรายงานเพิ่มเติมว่า Qualcomm กำลังพัฒนาชิปใหม่ในโครงการที่ชื่อว่า Project Glymur โดยใช้รหัส 'SC8480XP' คาดว่าชิปนี้ได้รับการทดสอบในช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม 2024 และมีการออกแบบให้รองรับการระบายความร้อนด้วยน้ำแบบ AIO ซึ่งบ่งบอกว่าชิปนี้อาจใช้ในพีซีเดสก์ท็อป มีการคาดการณ์ว่า Snapdragon X2 จะถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์พรีเมียมและยังคงใช้ชื่อแบรนด์ 'Elite' หรืออาจเปลี่ยนเป็น 'Ultra Premium' ซึ่งยังไม่ชัดเจนในขณะนี้ สิ่งที่น่าสนใจคือ Qualcomm อาจวางแผนที่จะเข้าไปยังตลาดเดสก์ท็อปในอนาคต โดยใช้ชิปที่มีการออกแบบที่รองรับการระบายความร้อนที่ซับซ้อนและประสิทธิภาพสูง https://www.techspot.com/news/107009-qualcomm-next-gen-snapdragon-x-chips-could-pack.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Qualcomm's next-gen Snapdragon X chips could pack 18 Oryon V3 CPU cores to challenge AMD and Intel
    According to German tech blog WinFuture, Qualcomm's Snapdragon X2 SoCs will ship with up to 18 Oryon V3 cores, which is 50 percent more than the 12...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • ASUS ได้เปิดตัว ExpertCenter PN54 ซึ่งเป็นมินิพีซี Copilot+ ที่ใช้หน่วยประมวลผล AMD Ryzen AI 300 Series โดยการ์ดกราฟิก AMD Radeon ก็มาพร้อมกับพีซีรุ่นนี้ด้วย

    ExpertCenter PN54 ออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานที่ต้องใช้ข้อมูลมากและแอปพลิเคชันที่ใช้ AI เช่น การสร้างเนื้อหาด้วย AI การคอมไพล์โค้ด การวิเคราะห์ข้อมูล และการประชุม ด้วยหน่วยประมวลผล AMD Ryzen AI 300 Series รุ่นใหม่ที่มีแรมในชิปเพิ่มขึ้นถึง 50% และใช้เทคโนโลยี AMD Zen 5 ที่ออกแบบมาจากหน่วยประมวลผลเดสก์ท็อป ทำให้พีซีนี้มีประสิทธิภาพสูงและรองรับการทำงานที่หลากหลาย

    นอกจากนี้ ExpertCenter PN54 ยังมีการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมมาก เช่น WiFi 7, Bluetooth 5.4, และพอร์ต USB ถึง 6 พอร์ต รวมถึงยังรองรับการแสดงผลถึง 4 หน้าจอ 4K ทำให้การใช้งานในพื้นที่จำกัดหรือการเชื่อมต่ออุปกรณ์หลายตัวสามารถทำได้ง่ายขึ้น

    จุดเด่นคือคุณสมบัติ AI ของ Copilot+ ที่สามารถทำงานต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เช่น การค้นหาข้อความและอีเมลเก่า การแปลคำบรรยายแบบเรียลไทม์ถึง 44 ภาษา และการสร้างงานศิลปะกราฟิกด้วยการพิมพ์คำสั่งง่าย ๆ คุณสมบัติเหล่านี้สามารถเปิดใช้งานได้ผ่านปุ่ม Copilot หรือใช้คำสั่งเสียงผ่านลำโพงและไมโครโฟนในตัว

    ที่น่าสนใจคือ ExpertCenter PN54 มีการออกแบบที่แข็งแรงทนทานและผ่านการทดสอบความคงทนในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ อย่างเข้มงวด รวมถึงยังมีระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย เช่น การล็อกอินด้วยลายนิ้วมือและเทคโนโลยี Trusted Platform Module (TPM) เพื่อป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตและการปกป้องข้อมูลสำคัญ

    https://www.techpowerup.com/333490/asus-intros-expertcenter-pn54-copilot-mini-pc-with-amd-ryzen-ai-300-series-processors
    ASUS ได้เปิดตัว ExpertCenter PN54 ซึ่งเป็นมินิพีซี Copilot+ ที่ใช้หน่วยประมวลผล AMD Ryzen AI 300 Series โดยการ์ดกราฟิก AMD Radeon ก็มาพร้อมกับพีซีรุ่นนี้ด้วย ExpertCenter PN54 ออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานที่ต้องใช้ข้อมูลมากและแอปพลิเคชันที่ใช้ AI เช่น การสร้างเนื้อหาด้วย AI การคอมไพล์โค้ด การวิเคราะห์ข้อมูล และการประชุม ด้วยหน่วยประมวลผล AMD Ryzen AI 300 Series รุ่นใหม่ที่มีแรมในชิปเพิ่มขึ้นถึง 50% และใช้เทคโนโลยี AMD Zen 5 ที่ออกแบบมาจากหน่วยประมวลผลเดสก์ท็อป ทำให้พีซีนี้มีประสิทธิภาพสูงและรองรับการทำงานที่หลากหลาย นอกจากนี้ ExpertCenter PN54 ยังมีการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมมาก เช่น WiFi 7, Bluetooth 5.4, และพอร์ต USB ถึง 6 พอร์ต รวมถึงยังรองรับการแสดงผลถึง 4 หน้าจอ 4K ทำให้การใช้งานในพื้นที่จำกัดหรือการเชื่อมต่ออุปกรณ์หลายตัวสามารถทำได้ง่ายขึ้น จุดเด่นคือคุณสมบัติ AI ของ Copilot+ ที่สามารถทำงานต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เช่น การค้นหาข้อความและอีเมลเก่า การแปลคำบรรยายแบบเรียลไทม์ถึง 44 ภาษา และการสร้างงานศิลปะกราฟิกด้วยการพิมพ์คำสั่งง่าย ๆ คุณสมบัติเหล่านี้สามารถเปิดใช้งานได้ผ่านปุ่ม Copilot หรือใช้คำสั่งเสียงผ่านลำโพงและไมโครโฟนในตัว ที่น่าสนใจคือ ExpertCenter PN54 มีการออกแบบที่แข็งแรงทนทานและผ่านการทดสอบความคงทนในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ อย่างเข้มงวด รวมถึงยังมีระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย เช่น การล็อกอินด้วยลายนิ้วมือและเทคโนโลยี Trusted Platform Module (TPM) เพื่อป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตและการปกป้องข้อมูลสำคัญ https://www.techpowerup.com/333490/asus-intros-expertcenter-pn54-copilot-mini-pc-with-amd-ryzen-ai-300-series-processors
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    ASUS Intros ExpertCenter PN54 Copilot+ mini PC with AMD Ryzen AI 300 Series Processors
    ASUS today announced ExpertCenter PN54, a high-performance Copilot+ mini PC powered by AMD Ryzen AI 300 Series processors and AMD Radeon graphics. ExpertCenter PN54 offers extensive connectivity, including WiFi 7 and Bluetooth 5.4, and is able to support up to four 4K displays. This mini PC enables ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีข่าวใหม่จาก Tom's Hardware เกี่ยวกับโปรเซสเซอร์รุ่นต่อไปของ Qualcomm, Snapdragon X2 ที่จะมาพร้อมกับคอร์ที่เพิ่มขึ้นจาก 12 เป็น 18 คอร์ ข้อมูลนี้เผยแพร่โดยเว็บไซต์ WinFuture ของเยอรมัน ซึ่งยังระบุว่าโปรเซสเซอร์ SC8480XP รุ่นใหม่นี้ จะมีการผสานรวม RAM ขนาด 48GB ของ SK hynix และ SSD ขนาด 1TB บนระบบในแพ็คเกจ (SiP) รวมถึงการทดสอบระบบระบายความร้อนที่มีขนาด 120 มิลลิเมตร

    โปรเซสเซอร์ Snapdragon X2 นี้ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อนำเสนอประสิทธิภาพที่สูงขึ้นสำหรับแล็ปท็อประดับไฮเอนด์และเดสก์ท็อป ด้วยคอร์ที่เพิ่มขึ้น 50% จากรุ่นก่อน ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในการประมวลผลหลายงานได้มากขึ้น

    นอกจากนี้ Qualcomm ยังมีแผนที่จะเปิดตัวโปรเซสเซอร์นี้ในแบรนด์ใหม่ "Snapdragon X2 Ultra Premium" ซึ่งคาดว่าจะมีการนำเสนอในงาน Mobile World Congress (MWC) ที่บาร์เซโลนา

    การเพิ่มจำนวนคอร์ในโปรเซสเซอร์ Snapdragon X2 นี้ จะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมที่ต้องการกราฟิกที่สูง การทำงานที่ต้องการการประมวลผลหลายงาน หรือการใช้โปรแกรมที่ต้องการทรัพยากรสูง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/next-gen-snapdragon-x2-chips-for-pcs-to-boost-core-count-from-12-to-18-says-report
    มีข่าวใหม่จาก Tom's Hardware เกี่ยวกับโปรเซสเซอร์รุ่นต่อไปของ Qualcomm, Snapdragon X2 ที่จะมาพร้อมกับคอร์ที่เพิ่มขึ้นจาก 12 เป็น 18 คอร์ ข้อมูลนี้เผยแพร่โดยเว็บไซต์ WinFuture ของเยอรมัน ซึ่งยังระบุว่าโปรเซสเซอร์ SC8480XP รุ่นใหม่นี้ จะมีการผสานรวม RAM ขนาด 48GB ของ SK hynix และ SSD ขนาด 1TB บนระบบในแพ็คเกจ (SiP) รวมถึงการทดสอบระบบระบายความร้อนที่มีขนาด 120 มิลลิเมตร โปรเซสเซอร์ Snapdragon X2 นี้ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อนำเสนอประสิทธิภาพที่สูงขึ้นสำหรับแล็ปท็อประดับไฮเอนด์และเดสก์ท็อป ด้วยคอร์ที่เพิ่มขึ้น 50% จากรุ่นก่อน ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในการประมวลผลหลายงานได้มากขึ้น นอกจากนี้ Qualcomm ยังมีแผนที่จะเปิดตัวโปรเซสเซอร์นี้ในแบรนด์ใหม่ "Snapdragon X2 Ultra Premium" ซึ่งคาดว่าจะมีการนำเสนอในงาน Mobile World Congress (MWC) ที่บาร์เซโลนา การเพิ่มจำนวนคอร์ในโปรเซสเซอร์ Snapdragon X2 นี้ จะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมที่ต้องการกราฟิกที่สูง การทำงานที่ต้องการการประมวลผลหลายงาน หรือการใช้โปรแกรมที่ต้องการทรัพยากรสูง https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/next-gen-snapdragon-x2-chips-for-pcs-to-boost-core-count-from-12-to-18-says-report
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Next-gen Snapdragon X2 chips for PCs to boost core count from 12 to 18, says report
    And the first 'Oryon v3' chip may be the previously flagged SC8480XP.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • Lenovo ได้นำเสนอแลปท็อปพลังงานแสงอาทิตย์รุ่นใหม่จากสาย Yoga ที่เรียกว่า "Yoga Solar PC" ที่งาน Mobile World Congress (MWC) ที่บาร์เซโลนา รุ่นนี้มีความพิเศษเพราะมันใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งนับเป็นก้าวใหม่ในการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

    Yoga Solar PC มีน้ำหนักเบาเพียง 2.6 ปอนด์ (ประมาณ 1.22 กิโลกรัม) และมีความหนาเพียง 15 มิลลิเมตร ทำให้มันมีความพกพาสะดวกมาก ซึ่งต่างจากแลปท็อปพลังงานแสงอาทิตย์รุ่นเก่าที่มักจะมีน้ำหนักมากและมีราคาแพง

    แผงโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งบนตัวเครื่องใช้เทคโนโลยี "back contact cell" ซึ่งทำให้การดูดซับแสงมีประสิทธิภาพสูงถึงกว่า 24% ต่อแผง โดยแผงเหล่านี้จะอยู่หลังพื้นผิวสีดำมันวาว ทำให้แลปท็อปดูเหมือนกับแลปท็อปทั่วไป

    สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้ว่าเราจะไม่ได้นำแลปท็อปไปใช้กลางแสงแดด แผงโซลาร์เซลล์ยังสามารถดูดซับแสงจากแสงในออฟฟิศหรือหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ได้ แม้ว่าแสงจะน้อยลงแต่ก็ยังคงช่วยเพิ่มระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่ได้

    แผงโซลาร์เซลล์สามารถดูดซับและแปลงแสงเป็นพลังงานได้เพียงพอใน 20 นาที เพื่อให้สามารถเล่นวิดีโอต่อเนื่องได้ประมาณ 1 ชั่วโมง นับว่าเป็นพลังงานที่ได้รับฟรีจากแสงที่เราสัมผัสในชีวิตประจำวัน

    นอกจากนั้น Lenovo ยังได้เปิดตัวชุดพลังงานแสงอาทิตย์แบบถอดได้ที่สามารถชาร์จแยกตัวได้เหมือนกับแบตเตอรี่พกพา และสามารถเชื่อมต่อกับแลปท็อปเพื่อเพิ่มพลังงานได้อีกด้วย

    แม้ว่า Yoga Solar PC ยังเป็นแค่คอนเซปต์ที่ยังไม่มีวันเปิดตัวแน่นอน แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงการที่เทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์สามารถใช้งานได้อย่างเป็นจริงและมีประสิทธิภาพในชีวิตประจำวัน

    https://www.zdnet.com/article/lenovos-solar-powered-laptop-at-mwc-stole-the-show-for-me-and-its-surprisingly-practical/
    Lenovo ได้นำเสนอแลปท็อปพลังงานแสงอาทิตย์รุ่นใหม่จากสาย Yoga ที่เรียกว่า "Yoga Solar PC" ที่งาน Mobile World Congress (MWC) ที่บาร์เซโลนา รุ่นนี้มีความพิเศษเพราะมันใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งนับเป็นก้าวใหม่ในการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Yoga Solar PC มีน้ำหนักเบาเพียง 2.6 ปอนด์ (ประมาณ 1.22 กิโลกรัม) และมีความหนาเพียง 15 มิลลิเมตร ทำให้มันมีความพกพาสะดวกมาก ซึ่งต่างจากแลปท็อปพลังงานแสงอาทิตย์รุ่นเก่าที่มักจะมีน้ำหนักมากและมีราคาแพง แผงโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งบนตัวเครื่องใช้เทคโนโลยี "back contact cell" ซึ่งทำให้การดูดซับแสงมีประสิทธิภาพสูงถึงกว่า 24% ต่อแผง โดยแผงเหล่านี้จะอยู่หลังพื้นผิวสีดำมันวาว ทำให้แลปท็อปดูเหมือนกับแลปท็อปทั่วไป สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้ว่าเราจะไม่ได้นำแลปท็อปไปใช้กลางแสงแดด แผงโซลาร์เซลล์ยังสามารถดูดซับแสงจากแสงในออฟฟิศหรือหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ได้ แม้ว่าแสงจะน้อยลงแต่ก็ยังคงช่วยเพิ่มระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่ได้ แผงโซลาร์เซลล์สามารถดูดซับและแปลงแสงเป็นพลังงานได้เพียงพอใน 20 นาที เพื่อให้สามารถเล่นวิดีโอต่อเนื่องได้ประมาณ 1 ชั่วโมง นับว่าเป็นพลังงานที่ได้รับฟรีจากแสงที่เราสัมผัสในชีวิตประจำวัน นอกจากนั้น Lenovo ยังได้เปิดตัวชุดพลังงานแสงอาทิตย์แบบถอดได้ที่สามารถชาร์จแยกตัวได้เหมือนกับแบตเตอรี่พกพา และสามารถเชื่อมต่อกับแลปท็อปเพื่อเพิ่มพลังงานได้อีกด้วย แม้ว่า Yoga Solar PC ยังเป็นแค่คอนเซปต์ที่ยังไม่มีวันเปิดตัวแน่นอน แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงการที่เทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์สามารถใช้งานได้อย่างเป็นจริงและมีประสิทธิภาพในชีวิตประจำวัน https://www.zdnet.com/article/lenovos-solar-powered-laptop-at-mwc-stole-the-show-for-me-and-its-surprisingly-practical/
    WWW.ZDNET.COM
    Lenovo's solar-powered laptop at MWC stole the show for me - and it's surprisingly practical
    The company announced a thin-and-light solar-powered laptop at MWC 2025, and it's way more useful than I assumed. Here's how it works.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทีมงาน iFixit ได้ทำการรื้อคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปแบบโมดูลาร์ขนาดเล็กใหม่ของ Framework ซึ่งมีขนาด 4.5 ลิตรที่สามารถถอดแยกส่วนได้ง่าย iFixit ไม่ได้ทำการประเมินแบบเต็มรูปแบบเนื่องจากเป็นหน่วยต้นแบบ แต่คาดว่าจะได้คะแนนสูงในการซ่อมแซมหลังจากทดสอบฮาร์ดแวร์จริง

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Framework Desktop มาพร้อมกับตัวเลือกหลายแบบ แต่ที่สำคัญคือการเลือก APU ที่ใช้ AMD's 16-core Ryzen AI Max+ 395 "Strix Halo" ซึ่งได้รับการออกแบบให้มีประสิทธิภาพสูงเพื่อรองรับการใช้งานหนัก แม้ว่า iFixit จะไม่พบการเปิดเผยที่สำคัญในเรื่องของการปรากฏตัวของ APU แต่อย่างไรก็ตาม Press Release ของ Framework ก็ได้แสดงภาพชัดเจนของตัวประมวลผลนี้

    นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตเรื่อง RAM ที่บัดกรีไว้บนเมนบอร์ด ซึ่งอาจทำให้ผู้ซื้อบางคนกังวล แต่ Framework ได้ชี้แจงว่าการใช้ RAM แบบถอดเปลี่ยนได้จะทำให้ประสิทธิภาพลดลงอย่างมาก ซึ่งทีมงาน iFixit ก็เห็นด้วยและเคารพในการโปร่งใสนี้

    การร่วมมือกันระหว่าง Framework กับ Cooler Master และ Noctua ในการออกแบบระบบระบายความร้อน ทำให้ผลิตภัณฑ์นี้มีความเป็นไปได้สูงในการซ่อมแซมและการถอดแยกส่วน ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถอัพเกรดหรือซ่อมแซมได้ง่ายขึ้น

    https://www.techpowerup.com/333256/ifixit-documents-early-teardown-of-frameworks-modular-mini-desktop-pc
    ทีมงาน iFixit ได้ทำการรื้อคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปแบบโมดูลาร์ขนาดเล็กใหม่ของ Framework ซึ่งมีขนาด 4.5 ลิตรที่สามารถถอดแยกส่วนได้ง่าย iFixit ไม่ได้ทำการประเมินแบบเต็มรูปแบบเนื่องจากเป็นหน่วยต้นแบบ แต่คาดว่าจะได้คะแนนสูงในการซ่อมแซมหลังจากทดสอบฮาร์ดแวร์จริง สิ่งที่น่าสนใจคือ Framework Desktop มาพร้อมกับตัวเลือกหลายแบบ แต่ที่สำคัญคือการเลือก APU ที่ใช้ AMD's 16-core Ryzen AI Max+ 395 "Strix Halo" ซึ่งได้รับการออกแบบให้มีประสิทธิภาพสูงเพื่อรองรับการใช้งานหนัก แม้ว่า iFixit จะไม่พบการเปิดเผยที่สำคัญในเรื่องของการปรากฏตัวของ APU แต่อย่างไรก็ตาม Press Release ของ Framework ก็ได้แสดงภาพชัดเจนของตัวประมวลผลนี้ นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตเรื่อง RAM ที่บัดกรีไว้บนเมนบอร์ด ซึ่งอาจทำให้ผู้ซื้อบางคนกังวล แต่ Framework ได้ชี้แจงว่าการใช้ RAM แบบถอดเปลี่ยนได้จะทำให้ประสิทธิภาพลดลงอย่างมาก ซึ่งทีมงาน iFixit ก็เห็นด้วยและเคารพในการโปร่งใสนี้ การร่วมมือกันระหว่าง Framework กับ Cooler Master และ Noctua ในการออกแบบระบบระบายความร้อน ทำให้ผลิตภัณฑ์นี้มีความเป็นไปได้สูงในการซ่อมแซมและการถอดแยกส่วน ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถอัพเกรดหรือซ่อมแซมได้ง่ายขึ้น https://www.techpowerup.com/333256/ifixit-documents-early-teardown-of-frameworks-modular-mini-desktop-pc
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    iFixit Documents Early Teardown of Framework's Modular Mini Desktop PC
    Shahram Mokhtari and Elizabeth Chamberlain—members of the iFixit Teardown Team—spent hands-on time with Framework's freshly introduced 4.5 liter Mini-ITX "Desktop" PC system. Official press material revealed cooling solution partnerships with Cooler Master and Noctua, but only a minority of "2nd Gen...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • น่าสนใจมากครับ

    Exo software ซึ่งเป็นโซลูชันปัญญาประดิษฐ์แบบกระจายที่สามารถทำงานได้แม้กระทั่งบนสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์เครื่องเก่าๆ Exo ช่วยลดความจำเป็นในการใช้ระบบที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับการทำงานแบบ inference ของปัญญาประดิษฐ์

    โดยปกติแล้ว การรันโมเดลปัญญาประดิษฐ์ขนาดใหญ่ (LLM) เช่น LLaMA, Mistral, LlaVA, Qwen และ DeepSeek ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ที่มีประสิทธิภาพสูงและมีหน่วยความจำมาก แต่ Exo ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรวมพลังการประมวลผลของอุปกรณ์หลายๆ เครื่อง เช่น คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือแม้กระทั่ง Raspberry Pi เพื่อรันโมเดลที่ไม่สามารถเข้าถึงได้มาก่อน

    การทำงานของ Exo คล้ายกับโครงการ SETI@home ที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของอาสาสมัครในการกระจายภาระงานการคำนวณ โดย Exo ใช้เครือข่ายแบบ peer-to-peer (P2P) ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ระบบที่มีประสิทธิภาพสูงเพียงเครื่องเดียว แต่สามารถใช้เครื่องหลายๆ เครื่องร่วมกันในการทำงาน

    Alex Cheema, ผู้ร่วมก่อตั้ง EXO Labs กล่าวว่า "ข้อจำกัดพื้นฐานของปัญญาประดิษฐ์คือการคำนวณ ถ้าคุณไม่มีการคำนวณที่เพียงพอ คุณก็ไม่สามารถแข่งขันได้ แต่ถ้าคุณสร้างเครือข่ายกระจายนี้ เราอาจจะสามารถทำได้"

    Exo สามารถติดตั้งบนระบบปฏิบัติการ Linux, macOS, Android, และ iOS โดย Windows ยังไม่รองรับ การใช้งานต้องการ Python รุ่น 3.12.0 ขึ้นไป พร้อมกับส่วนเสริมเพิ่มเติมสำหรับระบบที่ใช้ Linux และมี GPU ของ NVIDIA

    หนึ่งในความสามารถที่โดดเด่นของ Exo คือการที่มันไม่จำเป็นต้องใช้ GPU ที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น AI model ที่ต้องการ RAM 16GB สามารถรันบนแล็ปท็อปสองเครื่องที่มี RAM 8GB ได้ การใช้อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่าอาจทำให้การทำงานล่าช้าลง แต่ทางผู้พัฒนา Exo ยืนยันว่าผลรวมของการคำนวณจะดีขึ้นเมื่อเพิ่มอุปกรณ์ในเครือข่ายมากขึ้น

    การรักษาความปลอดภัยเป็นสิ่งที่สำคัญเมื่อมีการแบ่งภาระงานระหว่างเครื่องหลายๆ เครื่อง ดังนั้น Exo ต้องมีการป้องกันข้อมูลรั่วไหลและการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต

    การใช้ Exo นี้อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับองค์กรที่มีทรัพยากรจำกัดในการใช้ปัญญาประดิษฐ์

    https://www.techradar.com/computing/bittorrent-for-llm-exo-software-is-a-distributed-llm-solution-that-can-run-even-on-old-smartphones-and-computers
    น่าสนใจมากครับ Exo software ซึ่งเป็นโซลูชันปัญญาประดิษฐ์แบบกระจายที่สามารถทำงานได้แม้กระทั่งบนสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์เครื่องเก่าๆ Exo ช่วยลดความจำเป็นในการใช้ระบบที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับการทำงานแบบ inference ของปัญญาประดิษฐ์ โดยปกติแล้ว การรันโมเดลปัญญาประดิษฐ์ขนาดใหญ่ (LLM) เช่น LLaMA, Mistral, LlaVA, Qwen และ DeepSeek ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ที่มีประสิทธิภาพสูงและมีหน่วยความจำมาก แต่ Exo ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรวมพลังการประมวลผลของอุปกรณ์หลายๆ เครื่อง เช่น คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือแม้กระทั่ง Raspberry Pi เพื่อรันโมเดลที่ไม่สามารถเข้าถึงได้มาก่อน การทำงานของ Exo คล้ายกับโครงการ SETI@home ที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของอาสาสมัครในการกระจายภาระงานการคำนวณ โดย Exo ใช้เครือข่ายแบบ peer-to-peer (P2P) ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ระบบที่มีประสิทธิภาพสูงเพียงเครื่องเดียว แต่สามารถใช้เครื่องหลายๆ เครื่องร่วมกันในการทำงาน Alex Cheema, ผู้ร่วมก่อตั้ง EXO Labs กล่าวว่า "ข้อจำกัดพื้นฐานของปัญญาประดิษฐ์คือการคำนวณ ถ้าคุณไม่มีการคำนวณที่เพียงพอ คุณก็ไม่สามารถแข่งขันได้ แต่ถ้าคุณสร้างเครือข่ายกระจายนี้ เราอาจจะสามารถทำได้" Exo สามารถติดตั้งบนระบบปฏิบัติการ Linux, macOS, Android, และ iOS โดย Windows ยังไม่รองรับ การใช้งานต้องการ Python รุ่น 3.12.0 ขึ้นไป พร้อมกับส่วนเสริมเพิ่มเติมสำหรับระบบที่ใช้ Linux และมี GPU ของ NVIDIA หนึ่งในความสามารถที่โดดเด่นของ Exo คือการที่มันไม่จำเป็นต้องใช้ GPU ที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น AI model ที่ต้องการ RAM 16GB สามารถรันบนแล็ปท็อปสองเครื่องที่มี RAM 8GB ได้ การใช้อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่าอาจทำให้การทำงานล่าช้าลง แต่ทางผู้พัฒนา Exo ยืนยันว่าผลรวมของการคำนวณจะดีขึ้นเมื่อเพิ่มอุปกรณ์ในเครือข่ายมากขึ้น การรักษาความปลอดภัยเป็นสิ่งที่สำคัญเมื่อมีการแบ่งภาระงานระหว่างเครื่องหลายๆ เครื่อง ดังนั้น Exo ต้องมีการป้องกันข้อมูลรั่วไหลและการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต การใช้ Exo นี้อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับองค์กรที่มีทรัพยากรจำกัดในการใช้ปัญญาประดิษฐ์ https://www.techradar.com/computing/bittorrent-for-llm-exo-software-is-a-distributed-llm-solution-that-can-run-even-on-old-smartphones-and-computers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 0 รีวิว
  • Jim Keller นักออกแบบ CPU ที่มีชื่อเสียงและซีอีโอของ Tenstorrent ได้ประกาศว่าเขาได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกคณะกรรมการของ AheadComputing ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่ก่อตั้งโดยอดีตวิศวกร Intel เพื่อพัฒนาโปรเซสเซอร์ประยุกต์ใหม่ ๆ ที่ใช้สถาปัตยกรรม RISC-V

    AheadComputing ก่อตั้งโดยทีมวิศวกรจาก Intel's Advanced Architecture Development Group ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูงในการออกแบบและพัฒนาสถาปัตยกรรม CPU ในการใช้สำหรับเดสก์ท็อป แล็ปท็อป และเซิร์ฟเวอร์ โดยเน้นที่สถาปัตยกรรมไมโครของ CPU, การประมวลผลหน่วยความจำ และการใช้งาน AI/ML

    Debbie Marr ซีอีโอของ AheadComputing มีประวัติการทำงานที่น่าทึ่งที่ Intel เธอเป็นหนึ่งในนักออกแบบกราฟิกซุปเปอร์ VGA ของ Intel และเป็นหนึ่งในนักออกแบบ CPU รุ่นแรก ๆ ของ Intel เช่น Intel 386SL และ Pentium Pro นอกจากนี้ยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาเทคโนโลยี Hyper-Threading และเป็นหัวหน้าสถาปนิก CPU สำหรับ Intel Haswell และ Icelake

    จุดสำคัญของข่าวนี้ คือ การที่ AheadComputing ได้ระดมทุนเบื้องต้นจำนวน 21.5 ล้านดอลลาร์ เพื่อนำไปพัฒนาสถาปัตยกรรมไมโครโปรเซสเซอร์ใหม่ที่เน้นการใช้งานในด้าน AI, การประมวลผลบนคลาวด์ และอุปกรณ์ที่ใช้ใน Edge

    Greg Reichow หุ้นส่วนจาก Eclipse Ventures กล่าวถึงทีมผู้นำของ AheadComputing ว่า "ทีมของเรามีความสามารถในการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนในอุตสาหกรรมการคำนวณปัจจุบัน" และเขายังเน้นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างคอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/jim-keller-joins-ex-intel-chip-designers-in-risc-v-startup-focused-on-breakthrough-cpus
    Jim Keller นักออกแบบ CPU ที่มีชื่อเสียงและซีอีโอของ Tenstorrent ได้ประกาศว่าเขาได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกคณะกรรมการของ AheadComputing ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่ก่อตั้งโดยอดีตวิศวกร Intel เพื่อพัฒนาโปรเซสเซอร์ประยุกต์ใหม่ ๆ ที่ใช้สถาปัตยกรรม RISC-V AheadComputing ก่อตั้งโดยทีมวิศวกรจาก Intel's Advanced Architecture Development Group ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูงในการออกแบบและพัฒนาสถาปัตยกรรม CPU ในการใช้สำหรับเดสก์ท็อป แล็ปท็อป และเซิร์ฟเวอร์ โดยเน้นที่สถาปัตยกรรมไมโครของ CPU, การประมวลผลหน่วยความจำ และการใช้งาน AI/ML Debbie Marr ซีอีโอของ AheadComputing มีประวัติการทำงานที่น่าทึ่งที่ Intel เธอเป็นหนึ่งในนักออกแบบกราฟิกซุปเปอร์ VGA ของ Intel และเป็นหนึ่งในนักออกแบบ CPU รุ่นแรก ๆ ของ Intel เช่น Intel 386SL และ Pentium Pro นอกจากนี้ยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาเทคโนโลยี Hyper-Threading และเป็นหัวหน้าสถาปนิก CPU สำหรับ Intel Haswell และ Icelake จุดสำคัญของข่าวนี้ คือ การที่ AheadComputing ได้ระดมทุนเบื้องต้นจำนวน 21.5 ล้านดอลลาร์ เพื่อนำไปพัฒนาสถาปัตยกรรมไมโครโปรเซสเซอร์ใหม่ที่เน้นการใช้งานในด้าน AI, การประมวลผลบนคลาวด์ และอุปกรณ์ที่ใช้ใน Edge Greg Reichow หุ้นส่วนจาก Eclipse Ventures กล่าวถึงทีมผู้นำของ AheadComputing ว่า "ทีมของเรามีความสามารถในการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนในอุตสาหกรรมการคำนวณปัจจุบัน" และเขายังเน้นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างคอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/jim-keller-joins-ex-intel-chip-designers-in-risc-v-startup-focused-on-breakthrough-cpus
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Imagination Technologies ได้ประกาศเปิดตัว GPU IP รุ่นใหม่ Imagination DXTP ที่มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า DXT โดย DXTP นี้มุ่งเน้นการใช้งานในตลาดที่ต้องการพลังงานต่ำ เช่น แล็ปท็อป และอุปกรณ์มือถือ

    Imagination DXTP จะมีสองรุ่นย่อย คือ DXTP-48-1536 และ DXTP-64-2048 ทั้งสองรุ่นมีการสนับสนุนซอฟต์แวร์และเฟิร์มแวร์ที่เหมือนกัน โดยรองรับ Vulkan 1.4 และ OpenGL 4.6 และ OpenCL 3.0 ที่ถูกปรับปรุงอย่างดีเยี่ยม เพื่อให้สามารถใช้งาน GPU ได้ถึง 80% ในงานประจำวัน

    GPU เหล่านี้มีความสามารถในการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน (asynchronous multitasking) ทำให้สามารถทำงานกราฟิกและ AI พร้อมกันได้ นอกจากนี้ DXTP ยังมีความเร็วสัญญาณนาฬิกาที่ 1 GHz และมีประสิทธิภาพในการประมวลผล FP32 FLOPs/Clock อยู่ที่ 1,536 และ 2,048 สำหรับรุ่น DXTP-48-1536 และ DXTP-64-2048 ตามลำดับ

    Imagination DXTP ยังรองรับระบบปฏิบัติการ Linux และ Android แต่ยังไม่มีการสนับสนุน Windows และ MacOS เนื่องจากเป็นฝันที่ยังไม่เป็นจริงสำหรับ Windows บน RISC-V อย่างไรก็ตาม คอมพิวเตอร์ Linux ที่ใช้พลังงานต่ำอาจเป็นเป้าหมายหนึ่งสำหรับการใช้งาน DXTP ในอนาคต

    Imagination หวังว่า DXTP จะนำความสามารถ AI ไปสู่ผลิตภัณฑ์ของพันธมิตรหลายราย เช่น สมาร์ทโฟน และพีซี โดย DXTP จะเป็นสมาชิกใหม่ของตระกูล D-Series GPU ของ Imagination ที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำให้การเล่นเกมบนเดสก์ท็อปที่มีพลังงานต่ำเป็นไปได้

    แม้ว่า DXTP จะยังอยู่ในระยะเริ่มต้นการผลิต แต่ Imagination คาดหวังว่าจะเห็นการใช้งานในผลิตภัณฑ์ผู้บริโภคในปีต่อไป บริษัทหวังว่าเทคโนโลยีใหม่นี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของอุปกรณ์มือถือและคอมพิวเตอร์ที่ใช้พลังงานต่ำ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/imagination-reveals-new-power-efficient-dxtp-gpu-for-laptops-and-mobile-devices
    บริษัท Imagination Technologies ได้ประกาศเปิดตัว GPU IP รุ่นใหม่ Imagination DXTP ที่มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า DXT โดย DXTP นี้มุ่งเน้นการใช้งานในตลาดที่ต้องการพลังงานต่ำ เช่น แล็ปท็อป และอุปกรณ์มือถือ Imagination DXTP จะมีสองรุ่นย่อย คือ DXTP-48-1536 และ DXTP-64-2048 ทั้งสองรุ่นมีการสนับสนุนซอฟต์แวร์และเฟิร์มแวร์ที่เหมือนกัน โดยรองรับ Vulkan 1.4 และ OpenGL 4.6 และ OpenCL 3.0 ที่ถูกปรับปรุงอย่างดีเยี่ยม เพื่อให้สามารถใช้งาน GPU ได้ถึง 80% ในงานประจำวัน GPU เหล่านี้มีความสามารถในการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน (asynchronous multitasking) ทำให้สามารถทำงานกราฟิกและ AI พร้อมกันได้ นอกจากนี้ DXTP ยังมีความเร็วสัญญาณนาฬิกาที่ 1 GHz และมีประสิทธิภาพในการประมวลผล FP32 FLOPs/Clock อยู่ที่ 1,536 และ 2,048 สำหรับรุ่น DXTP-48-1536 และ DXTP-64-2048 ตามลำดับ Imagination DXTP ยังรองรับระบบปฏิบัติการ Linux และ Android แต่ยังไม่มีการสนับสนุน Windows และ MacOS เนื่องจากเป็นฝันที่ยังไม่เป็นจริงสำหรับ Windows บน RISC-V อย่างไรก็ตาม คอมพิวเตอร์ Linux ที่ใช้พลังงานต่ำอาจเป็นเป้าหมายหนึ่งสำหรับการใช้งาน DXTP ในอนาคต Imagination หวังว่า DXTP จะนำความสามารถ AI ไปสู่ผลิตภัณฑ์ของพันธมิตรหลายราย เช่น สมาร์ทโฟน และพีซี โดย DXTP จะเป็นสมาชิกใหม่ของตระกูล D-Series GPU ของ Imagination ที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำให้การเล่นเกมบนเดสก์ท็อปที่มีพลังงานต่ำเป็นไปได้ แม้ว่า DXTP จะยังอยู่ในระยะเริ่มต้นการผลิต แต่ Imagination คาดหวังว่าจะเห็นการใช้งานในผลิตภัณฑ์ผู้บริโภคในปีต่อไป บริษัทหวังว่าเทคโนโลยีใหม่นี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของอุปกรณ์มือถือและคอมพิวเตอร์ที่ใช้พลังงานต่ำ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/imagination-reveals-new-power-efficient-dxtp-gpu-for-laptops-and-mobile-devices
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทีมวิจัยจากจีนได้คิดค้นวิธีที่สามารถฟื้นฟูแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่เสื่อมสภาพให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งด้วยการเติมลิเธียมใหม่เข้าไปในเซลล์แบตเตอรี่ที่เสื่อม โดยวิธีนี้อาจเหมาะสำหรับการใช้งานในระดับอุตสาหกรรม เช่น ระบบเก็บพลังงานจากกริดไฟฟ้า

    ปัญหาของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเกิดจากการเติบโตของชั้น Solid Electrolyte Interphase (SEI) ที่ขั้วแอโนด ซึ่งจะบริโภคลิเธียมไอออนและเพิ่มความต้านทาน ส่งผลให้ความจุของแบตเตอรี่ลดลง เมื่อแบตเตอรี่เสื่อมสภาพไปตามเวลา แบตเตอรี่จะต้องถูกเปลี่ยนใหม่

    วิธีการใหม่นี้ใช้การฉีดลิเธียมสดเข้าไปในเซลล์ที่เสื่อมสภาพเพื่อทดแทนลิเธียมที่สูญเสียไป โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์และเคมีอินทรีย์ไฟฟ้าในการสร้างสารประกอบที่มีลิเธียม ซึ่งจะปล่อยลิเธียมออกมาเมื่อได้รับแรงดันไฟฟ้าที่เหมาะสมภายในแบตเตอรี่ นอกจากนี้ปฏิกิริยานี้ยังผลิตก๊าซที่สามารถระบายออกได้ง่าย ทำให้ลิเธียมใหม่สามารถเข้าไปแทนที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ด้วยวิธีนี้ นักวิจัยสามารถฟื้นฟูความจุของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่เสื่อมสภาพได้เกือบทั้งหมด โดยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟตที่สูญเสียความจุไปถึง 15% สามารถฟื้นฟูกลับมาได้เกือบทั้งหมด นอกจากนี้พวกเขายังเชื่อว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสามารถยืดอายุการใช้งานได้ถึง 12,000 – 60,000 รอบชาร์จก่อนจะถึงขีดจำกัด

    อย่างไรก็ตาม กระบวนการฉีดลิเธียมสดนี้ต้องการแบตเตอรี่ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ซึ่งต้องมีพื้นที่เพิ่มเติมและมีความซับซ้อนมากขึ้นกว่าหน่วยที่ปิดผนึกแบบทั่วไป นอกจากนี้ยังไม่แน่ชัดว่าวิธีนี้จะใช้ได้ผลกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ใช้อยู่ในอุปกรณ์ของผู้บริโภค เช่น โทรศัพท์มือถือและแล็ปท็อปที่ใช้เคมีลิเธียมแบบอื่น ๆ ได้ดีหรือไม่

    ถึงแม้ว่าจะมีข้อจำกัดในการใช้งาน แต่วิธีนี้ยังมีศักยภาพในการลดค่าใช้จ่ายและมีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในระบบเก็บพลังงานขนาดใหญ่ที่ต้องการการฟื้นฟูแบตเตอรี่ที่มีต้นทุนสูง

    https://www.techspot.com/news/106883-scientists-discover-way-revive-batteries-injecting-fresh-lithium.html
    ทีมวิจัยจากจีนได้คิดค้นวิธีที่สามารถฟื้นฟูแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่เสื่อมสภาพให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งด้วยการเติมลิเธียมใหม่เข้าไปในเซลล์แบตเตอรี่ที่เสื่อม โดยวิธีนี้อาจเหมาะสำหรับการใช้งานในระดับอุตสาหกรรม เช่น ระบบเก็บพลังงานจากกริดไฟฟ้า ปัญหาของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเกิดจากการเติบโตของชั้น Solid Electrolyte Interphase (SEI) ที่ขั้วแอโนด ซึ่งจะบริโภคลิเธียมไอออนและเพิ่มความต้านทาน ส่งผลให้ความจุของแบตเตอรี่ลดลง เมื่อแบตเตอรี่เสื่อมสภาพไปตามเวลา แบตเตอรี่จะต้องถูกเปลี่ยนใหม่ วิธีการใหม่นี้ใช้การฉีดลิเธียมสดเข้าไปในเซลล์ที่เสื่อมสภาพเพื่อทดแทนลิเธียมที่สูญเสียไป โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์และเคมีอินทรีย์ไฟฟ้าในการสร้างสารประกอบที่มีลิเธียม ซึ่งจะปล่อยลิเธียมออกมาเมื่อได้รับแรงดันไฟฟ้าที่เหมาะสมภายในแบตเตอรี่ นอกจากนี้ปฏิกิริยานี้ยังผลิตก๊าซที่สามารถระบายออกได้ง่าย ทำให้ลิเธียมใหม่สามารถเข้าไปแทนที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยวิธีนี้ นักวิจัยสามารถฟื้นฟูความจุของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่เสื่อมสภาพได้เกือบทั้งหมด โดยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟตที่สูญเสียความจุไปถึง 15% สามารถฟื้นฟูกลับมาได้เกือบทั้งหมด นอกจากนี้พวกเขายังเชื่อว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสามารถยืดอายุการใช้งานได้ถึง 12,000 – 60,000 รอบชาร์จก่อนจะถึงขีดจำกัด อย่างไรก็ตาม กระบวนการฉีดลิเธียมสดนี้ต้องการแบตเตอรี่ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ซึ่งต้องมีพื้นที่เพิ่มเติมและมีความซับซ้อนมากขึ้นกว่าหน่วยที่ปิดผนึกแบบทั่วไป นอกจากนี้ยังไม่แน่ชัดว่าวิธีนี้จะใช้ได้ผลกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ใช้อยู่ในอุปกรณ์ของผู้บริโภค เช่น โทรศัพท์มือถือและแล็ปท็อปที่ใช้เคมีลิเธียมแบบอื่น ๆ ได้ดีหรือไม่ ถึงแม้ว่าจะมีข้อจำกัดในการใช้งาน แต่วิธีนี้ยังมีศักยภาพในการลดค่าใช้จ่ายและมีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในระบบเก็บพลังงานขนาดใหญ่ที่ต้องการการฟื้นฟูแบตเตอรี่ที่มีต้นทุนสูง https://www.techspot.com/news/106883-scientists-discover-way-revive-batteries-injecting-fresh-lithium.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Scientists discover way to revive batteries by injecting fresh lithium
    First, some context on why batteries degrade. Lithium-ion battery aging is primarily influenced by the growth of the Solid Electrolyte Interphase (SEI) layer on the anode, which...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เกี่ยวกับการเปิดตัวหน่วยประมวลผลใหม่ของ AMD ที่ชื่อว่า Strix Halo APU ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยี 3D V-Cache โดยใช้ Through-Silicon Via (TSV) ในการเพิ่มหน่วยความจำ L3 Cache ให้มากขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลเพิ่มขึ้นอย่างมาก

    Strix Halo APU มีการออกแบบอินเตอร์คอนเน็กต์แบบใหม่ที่ลดพื้นที่การใช้งานถึง 42.3% เมื่อเปรียบเทียบกับ CPU รุ่น Zen 5 Ryzen 9000 นอกจากนี้ Strix Halo ยังมีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Radeon 8060S ที่มีประสิทธิภาพเทียบเคียงกับ GeForce RTX 4070 สำหรับแล็ปท็อป ทำให้สามารถเล่นเกมในระดับสูงสุดได้โดยไม่ต้องใช้การ์ดจอแยก

    ความน่าสนใจคือการใช้เทคโนโลยี 3D V-Cache ซึ่งเป็นการเพิ่มหน่วยความจำ L3 Cache บนตัวหน่วยประมวลผล ทำให้ประสิทธิภาพการประมวลผลดีขึ้นในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะในการทำงานที่ต้องใช้การคำนวณหนักๆ นอกจากนี้ การออกแบบอินเตอร์คอนเน็กต์แบบใหม่ยังช่วยลดการใช้พลังงานและเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อข้อมูล

    นอกจากนี้ Strix Halo APU ยังรองรับการเชื่อมต่อ PCIe 4.0 และ USB4 รวมถึงหน่วยความจำ LPDDR5X ที่มีแบนด์วิดท์สูงถึง 256GB/s ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น

    จากการเปิดตัวนี้ Strix Halo APU จะเริ่มต้นใช้งานใน ASUS ROG Flow Z13 ซึ่งมีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ นับเป็นก้าวสำคัญของ AMD ในการพัฒนาหน่วยประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงและสามารถรองรับการใช้งานได้หลากหลายทั้งในด้านการประมวลผลกราฟิกและการเร่งการประมวลผล AI

    https://wccftech.com/amd-x3d-mobile-chips-are-very-much-a-possibility/
    ข่าวนี้เกี่ยวกับการเปิดตัวหน่วยประมวลผลใหม่ของ AMD ที่ชื่อว่า Strix Halo APU ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยี 3D V-Cache โดยใช้ Through-Silicon Via (TSV) ในการเพิ่มหน่วยความจำ L3 Cache ให้มากขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลเพิ่มขึ้นอย่างมาก Strix Halo APU มีการออกแบบอินเตอร์คอนเน็กต์แบบใหม่ที่ลดพื้นที่การใช้งานถึง 42.3% เมื่อเปรียบเทียบกับ CPU รุ่น Zen 5 Ryzen 9000 นอกจากนี้ Strix Halo ยังมีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Radeon 8060S ที่มีประสิทธิภาพเทียบเคียงกับ GeForce RTX 4070 สำหรับแล็ปท็อป ทำให้สามารถเล่นเกมในระดับสูงสุดได้โดยไม่ต้องใช้การ์ดจอแยก ความน่าสนใจคือการใช้เทคโนโลยี 3D V-Cache ซึ่งเป็นการเพิ่มหน่วยความจำ L3 Cache บนตัวหน่วยประมวลผล ทำให้ประสิทธิภาพการประมวลผลดีขึ้นในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะในการทำงานที่ต้องใช้การคำนวณหนักๆ นอกจากนี้ การออกแบบอินเตอร์คอนเน็กต์แบบใหม่ยังช่วยลดการใช้พลังงานและเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อข้อมูล นอกจากนี้ Strix Halo APU ยังรองรับการเชื่อมต่อ PCIe 4.0 และ USB4 รวมถึงหน่วยความจำ LPDDR5X ที่มีแบนด์วิดท์สูงถึง 256GB/s ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น จากการเปิดตัวนี้ Strix Halo APU จะเริ่มต้นใช้งานใน ASUS ROG Flow Z13 ซึ่งมีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ นับเป็นก้าวสำคัญของ AMD ในการพัฒนาหน่วยประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงและสามารถรองรับการใช้งานได้หลากหลายทั้งในด้านการประมวลผลกราฟิกและการเร่งการประมวลผล AI https://wccftech.com/amd-x3d-mobile-chips-are-very-much-a-possibility/
    WCCFTECH.COM
    AMD's "X3D" Mobile Chips Are Very Much A Possibility, As Strix Halo APUs Now Come Equipped With Dedicated 3D V-Cache TSVs
    AMD's Strix Halo die reportedly features X3D Cache TSVs that make way for adding X3D V-Cache tiles later on.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีการรีวิวเบื้องต้นของ AMD's Radeon 8060S ที่มีประสิทธิภาพเทียบเคียงกับการ์ดจอระดับกลางอย่าง RTX 4070 ในแบบแล็ปท็อป ถือเป็นการ์ดจอแบบอินทิเกรตที่มีความสามารถในการประมวลผลกราฟิกอย่างมาก

    ในรีวิวจาก Notebookcheck พบว่า Radeon 8060S ที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Strix Halo มีความสามารถในการทำคะแนนถึง 10,200 คะแนนใน 3D Mark Time Spy ซึ่งใกล้เคียงกับ RTX 4070 ที่มาพร้อมกับแล็ปท็อป Zephyrus G14 ที่ทำได้ประมาณ 10,300 คะแนน และยังแซงหน้ารุ่นก่อนของ ROG Flow Z13 ที่ใช้ RTX 4070 ด้วยเล็กน้อย

    นอกจากนี้ใน benchmark ที่เรียกว่า Steel Nomad แม้ว่า Radeon 8060S จะตามหลัง RTX 4070 และ RTX 4060 แต่ก็ยังคงมีความสามารถในการแข่งขันที่โดดเด่น และเมื่อเปรียบเทียบกับการ์ดจอของ Apple รุ่น M4 Pro และ M4 Max พบว่า Radeon 8060S สามารถทำคะแนนได้ดีในบางด้าน แม้ว่าโดยรวมแล้ว Apple ยังคงมีประสิทธิภาพสูงกว่า

    สำหรับการเล่นเกม Radeon 8060S ยังคงแสดงประสิทธิภาพที่ดี สามารถแข่งขันกับ RTX 4050 และ RTX 4060 รุ่นแล็ปท็อปได้อย่างใกล้ชิด โดยมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ RX 7600M XT ที่มี 32 CUs

    จากการเปิดตัวนี้ จะเห็นได้ว่า Radeon 8060S มีศักยภาพสูงและเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานใน Mini PCs และแล็ปท็อปขนาดกะทัดรัด ที่ต้องการประสิทธิภาพการประมวลผลกราฟิกที่ดีในขนาดเล็ก โดยมีแผนที่จะมีการผลิตและวางจำหน่ายอุปกรณ์ที่ใช้หน่วยประมวลผลนี้ในเร็วๆ นี้

    https://www.techpowerup.com/332734/radeon-8060s-early-reviews-rtx-4070-laptop-class-performance-in-an-igpu
    มีการรีวิวเบื้องต้นของ AMD's Radeon 8060S ที่มีประสิทธิภาพเทียบเคียงกับการ์ดจอระดับกลางอย่าง RTX 4070 ในแบบแล็ปท็อป ถือเป็นการ์ดจอแบบอินทิเกรตที่มีความสามารถในการประมวลผลกราฟิกอย่างมาก ในรีวิวจาก Notebookcheck พบว่า Radeon 8060S ที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Strix Halo มีความสามารถในการทำคะแนนถึง 10,200 คะแนนใน 3D Mark Time Spy ซึ่งใกล้เคียงกับ RTX 4070 ที่มาพร้อมกับแล็ปท็อป Zephyrus G14 ที่ทำได้ประมาณ 10,300 คะแนน และยังแซงหน้ารุ่นก่อนของ ROG Flow Z13 ที่ใช้ RTX 4070 ด้วยเล็กน้อย นอกจากนี้ใน benchmark ที่เรียกว่า Steel Nomad แม้ว่า Radeon 8060S จะตามหลัง RTX 4070 และ RTX 4060 แต่ก็ยังคงมีความสามารถในการแข่งขันที่โดดเด่น และเมื่อเปรียบเทียบกับการ์ดจอของ Apple รุ่น M4 Pro และ M4 Max พบว่า Radeon 8060S สามารถทำคะแนนได้ดีในบางด้าน แม้ว่าโดยรวมแล้ว Apple ยังคงมีประสิทธิภาพสูงกว่า สำหรับการเล่นเกม Radeon 8060S ยังคงแสดงประสิทธิภาพที่ดี สามารถแข่งขันกับ RTX 4050 และ RTX 4060 รุ่นแล็ปท็อปได้อย่างใกล้ชิด โดยมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ RX 7600M XT ที่มี 32 CUs จากการเปิดตัวนี้ จะเห็นได้ว่า Radeon 8060S มีศักยภาพสูงและเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานใน Mini PCs และแล็ปท็อปขนาดกะทัดรัด ที่ต้องการประสิทธิภาพการประมวลผลกราฟิกที่ดีในขนาดเล็ก โดยมีแผนที่จะมีการผลิตและวางจำหน่ายอุปกรณ์ที่ใช้หน่วยประมวลผลนี้ในเร็วๆ นี้ https://www.techpowerup.com/332734/radeon-8060s-early-reviews-rtx-4070-laptop-class-performance-in-an-igpu
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Radeon 8060S Early Reviews: RTX 4070 Laptop-Class Performance in an iGPU
    Well, the wait is over and early reviews for AMD's Strix Halo APUs have finally dropped. For those who kept up with the leaks and rumors, the high-end RDNA 3.5 Radeon 8060S iGPU was repeatedly rumored to features up to 40 CUs, allowing for raw performance that keeps up with several discrete-class mo...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีการปรับแต่งเมนูเริ่มต้นใน Windows 11 ให้เหมาะสมและใช้งานได้ง่ายขึ้น โดยใช้ม็อด (mod) ของบุคคลที่สาม ซึ่งม็อดนี้เรียกว่า Windhawk สร้างขึ้นโดยชุมชนผู้พัฒนาที่มีความกระตือรือร้น

    หลายคนยังคงไม่พอใจกับเมนูเริ่มต้นของ Windows 11 แม้ว่า Microsoft จะออกอัพเดตหลายครั้งก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถเทียบเท่ากับเวอร์ชัน Windows 10 ในเรื่องของความยืดหยุ่น ม็อด Windhawk นี้สามารถทำให้คุณได้รับประสบการณ์การใช้งานเมนูเริ่มต้นที่ดียิ่งขึ้นโดยการรวมแอปพลิเคชันที่ปักหมุดไว้ตรงกลางและมีรายชื่อแอปทั้งหมดอยู่ข้างๆ ทำให้ไม่ต้องคลิกเพิ่มเพื่อค้นหาโปรแกรมที่ซ่อนอยู่ในรายการ

    สิ่งที่น่าสนใจคือ ม็อดนี้ไม่เพียงแค่ปรับปรุงเมนูเริ่มต้น แต่ยังสามารถปรับแต่งแถบงานและเดสก์ท็อปได้อีกด้วย นอกจากนี้ คุณสามารถทำให้เมนูมีความโปร่งใสมากขึ้น หรือแม้แต่ลบส่วนที่แนะนำ (Recommended section) ออกไปทั้งหมดได้

    Windhawk มีชุมชนที่เปิดเผยและโค้ดที่เป็นโอเพนซอร์ส ทำให้มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง คุณยังสามารถปรับแต่งม็อดเพิ่มเติมและแจกจ่ายเวอร์ชันที่คุณปรับแต่งเองได้หากมีความรู้ในการพัฒนา

    https://www.techspot.com/news/106792-third-party-mod-delivers-start-menu-windows-11.html
    มีการปรับแต่งเมนูเริ่มต้นใน Windows 11 ให้เหมาะสมและใช้งานได้ง่ายขึ้น โดยใช้ม็อด (mod) ของบุคคลที่สาม ซึ่งม็อดนี้เรียกว่า Windhawk สร้างขึ้นโดยชุมชนผู้พัฒนาที่มีความกระตือรือร้น หลายคนยังคงไม่พอใจกับเมนูเริ่มต้นของ Windows 11 แม้ว่า Microsoft จะออกอัพเดตหลายครั้งก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถเทียบเท่ากับเวอร์ชัน Windows 10 ในเรื่องของความยืดหยุ่น ม็อด Windhawk นี้สามารถทำให้คุณได้รับประสบการณ์การใช้งานเมนูเริ่มต้นที่ดียิ่งขึ้นโดยการรวมแอปพลิเคชันที่ปักหมุดไว้ตรงกลางและมีรายชื่อแอปทั้งหมดอยู่ข้างๆ ทำให้ไม่ต้องคลิกเพิ่มเพื่อค้นหาโปรแกรมที่ซ่อนอยู่ในรายการ สิ่งที่น่าสนใจคือ ม็อดนี้ไม่เพียงแค่ปรับปรุงเมนูเริ่มต้น แต่ยังสามารถปรับแต่งแถบงานและเดสก์ท็อปได้อีกด้วย นอกจากนี้ คุณสามารถทำให้เมนูมีความโปร่งใสมากขึ้น หรือแม้แต่ลบส่วนที่แนะนำ (Recommended section) ออกไปทั้งหมดได้ Windhawk มีชุมชนที่เปิดเผยและโค้ดที่เป็นโอเพนซอร์ส ทำให้มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง คุณยังสามารถปรับแต่งม็อดเพิ่มเติมและแจกจ่ายเวอร์ชันที่คุณปรับแต่งเองได้หากมีความรู้ในการพัฒนา https://www.techspot.com/news/106792-third-party-mod-delivers-start-menu-windows-11.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Third-party mod delivers the Start Menu Windows 11 deserves
    The hero here is Windhawk, a veritable treasure trove of Windows 11 mods created by an active community of tinkerers. One standout tweak allows you to enjoy...
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD ได้ประกาศข่าวน่าสนใจเกี่ยวกับการเปิดตัวโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 โปรเซสเซอร์นี้มีสองรุ่นคือ "Medusa Point" สำหรับอุปกรณ์พกพา และ "Olympic Ridge" สำหรับเดสก์ท็อป โดย Zen 6 ใช้กระบวนการผลิตระดับ 3 นาโนเมตรจาก TSMC ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความเร็วของการประมวลผล

    หนึ่งในจุดเด่นของ Zen 6 คือการเพิ่มจำนวนคอร์ประสิทธิภาพจากรุ่นก่อน โดยมีคอร์ทั้งหมด 12 คอร์ในซีซีดีเดียว Medusa Point ใช้การออกแบบแบบชิปเล็ทและมีไอโอดีที่ใช้กระบวนการผลิตที่เก่ากว่า พร้อมกับไอจีพียูที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลกราฟิก

    ส่วน Olympic Ridge สำหรับเดสก์ท็อปนั้นจะมีคอร์สูงสุดถึง 24 คอร์ และมีการเชื่อมต่อระหว่างซีซีดีที่มีความหน่วงต่ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารระหว่างคอร์ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงหน่วยควบคุมหน่วยความจำเพื่อรองรับความเร็วของหน่วยความจำ DDR5 ที่สูงขึ้น

    https://www.techpowerup.com/332583/amd-zen-6-powers-medusa-point-mobile-and-olympic-ridge-desktop-processors
    AMD ได้ประกาศข่าวน่าสนใจเกี่ยวกับการเปิดตัวโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 โปรเซสเซอร์นี้มีสองรุ่นคือ "Medusa Point" สำหรับอุปกรณ์พกพา และ "Olympic Ridge" สำหรับเดสก์ท็อป โดย Zen 6 ใช้กระบวนการผลิตระดับ 3 นาโนเมตรจาก TSMC ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความเร็วของการประมวลผล หนึ่งในจุดเด่นของ Zen 6 คือการเพิ่มจำนวนคอร์ประสิทธิภาพจากรุ่นก่อน โดยมีคอร์ทั้งหมด 12 คอร์ในซีซีดีเดียว Medusa Point ใช้การออกแบบแบบชิปเล็ทและมีไอโอดีที่ใช้กระบวนการผลิตที่เก่ากว่า พร้อมกับไอจีพียูที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลกราฟิก ส่วน Olympic Ridge สำหรับเดสก์ท็อปนั้นจะมีคอร์สูงสุดถึง 24 คอร์ และมีการเชื่อมต่อระหว่างซีซีดีที่มีความหน่วงต่ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารระหว่างคอร์ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงหน่วยควบคุมหน่วยความจำเพื่อรองรับความเร็วของหน่วยความจำ DDR5 ที่สูงขึ้น https://www.techpowerup.com/332583/amd-zen-6-powers-medusa-point-mobile-and-olympic-ridge-desktop-processors
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    AMD Zen 6 Powers "Medusa Point" Mobile and "Olympic Ridge" Desktop Processors
    AMD is readying two important client segment processors powered by the next-generation "Zen 6" microarchitecture, according to a sensational new report by Moore's Law is Dead. These are the "Medusa Point" mobile processor, and the "Olympic Ridge" desktop. The former is a BGA roughly the size and Z-H...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 205 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญมากกับปัญหาการพัฒนาชิพ 3nm/2nm หลังจากที่ Pat Gelsinger ออกจากตำแหน่งอย่างรวดเร็วในปลายปี 2024 ตอนนี้มี CEO ร่วมสองคนชั่วคราว Intel ต้องตัดสินใจว่าจะสานต่อแผนที่เน้นการผลิตชิพหรือไม่ หรือจะขายโรงงานการผลิตชิพของตนเพื่อลดค่าใช้จ่าย

    ที่น่าสนใจคือ Tristan Gerra นักวิเคราะห์จาก Baird ได้เผยว่า มีการพูดคุยในห่วงโซ่อุปทานในเอเชียว่า TSMC อาจส่งวิศวกรไปช่วย Intel ในการพัฒนาโรงงานผลิตชิพ 3nm/2nm ของพวกเขา แผนนี้อาจนำไปสู่การร่วมทุนระหว่าง TSMC และ Intel เพื่อช่วยให้การผลิตชิพของ Intel มีความสามารถและประสิทธิภาพมากขึ้น

    Gerra ยังบอกว่า หากแผนนี้สำเร็จ อาจทำให้เกิดการตั้งบริษัทใหม่ที่มีส่วนร่วมของ TSMC และ Intel โดย TSMC จะเป็นผู้จัดการและดำเนินการผลิตชิพในโรงงานนี้ นอกจากนี้ การตั้งบริษัทใหม่นี้จะทำให้พวกเขาได้รับเงินทุนจาก CHIPS Act ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุน

    ในขณะที่ Intel กำลังพยายามปรับตัว ตลาดการผลิตชิพของพวกเขาก็เผชิญกับความท้าทาย โดยส่วนแบ่งการตลาดของ Intel ลดลงเรื่อยๆ เหลือเพียง 67.4% ในไตรมาสที่ 4 ปี 2024 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 2002 ในขณะที่ AMD สามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของตนได้ถึง 22.1% อย่างไรก็ตาม Intel ยังสามารถเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดเดสก์ท็อปได้

    นอกจากนี้ Intel ยังเป็นหนึ่งในหุ้นที่ถูกซื้อขายมากที่สุดในสหรัฐฯ ในปี 2024 โดยมีสมาชิกของสภาคองเกรสซื้อหุ้นนี้ถึง 8 ครั้งในปีนั้น

    การเปลี่ยนแปลงและความพยายามในการพัฒนาโรงงานผลิตชิพของ Intel ครั้งนี้น่าจับตามองมาก

    https://wccftech.com/baird-cites-supply-chain-chatter-that-tsmc-would-send-engineers-to-intels-3nm-2nm-fab-citi-notes-that-intels-microprocessor-share-is-now-lowest-since-2002/
    Intel กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญมากกับปัญหาการพัฒนาชิพ 3nm/2nm หลังจากที่ Pat Gelsinger ออกจากตำแหน่งอย่างรวดเร็วในปลายปี 2024 ตอนนี้มี CEO ร่วมสองคนชั่วคราว Intel ต้องตัดสินใจว่าจะสานต่อแผนที่เน้นการผลิตชิพหรือไม่ หรือจะขายโรงงานการผลิตชิพของตนเพื่อลดค่าใช้จ่าย ที่น่าสนใจคือ Tristan Gerra นักวิเคราะห์จาก Baird ได้เผยว่า มีการพูดคุยในห่วงโซ่อุปทานในเอเชียว่า TSMC อาจส่งวิศวกรไปช่วย Intel ในการพัฒนาโรงงานผลิตชิพ 3nm/2nm ของพวกเขา แผนนี้อาจนำไปสู่การร่วมทุนระหว่าง TSMC และ Intel เพื่อช่วยให้การผลิตชิพของ Intel มีความสามารถและประสิทธิภาพมากขึ้น Gerra ยังบอกว่า หากแผนนี้สำเร็จ อาจทำให้เกิดการตั้งบริษัทใหม่ที่มีส่วนร่วมของ TSMC และ Intel โดย TSMC จะเป็นผู้จัดการและดำเนินการผลิตชิพในโรงงานนี้ นอกจากนี้ การตั้งบริษัทใหม่นี้จะทำให้พวกเขาได้รับเงินทุนจาก CHIPS Act ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุน ในขณะที่ Intel กำลังพยายามปรับตัว ตลาดการผลิตชิพของพวกเขาก็เผชิญกับความท้าทาย โดยส่วนแบ่งการตลาดของ Intel ลดลงเรื่อยๆ เหลือเพียง 67.4% ในไตรมาสที่ 4 ปี 2024 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 2002 ในขณะที่ AMD สามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของตนได้ถึง 22.1% อย่างไรก็ตาม Intel ยังสามารถเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดเดสก์ท็อปได้ นอกจากนี้ Intel ยังเป็นหนึ่งในหุ้นที่ถูกซื้อขายมากที่สุดในสหรัฐฯ ในปี 2024 โดยมีสมาชิกของสภาคองเกรสซื้อหุ้นนี้ถึง 8 ครั้งในปีนั้น การเปลี่ยนแปลงและความพยายามในการพัฒนาโรงงานผลิตชิพของ Intel ครั้งนี้น่าจับตามองมาก https://wccftech.com/baird-cites-supply-chain-chatter-that-tsmc-would-send-engineers-to-intels-3nm-2nm-fab-citi-notes-that-intels-microprocessor-share-is-now-lowest-since-2002/
    WCCFTECH.COM
    Baird Cites Supply Chain Chatter That "TSMC Would Send Engineers To Intel's 3nm/2nm Fab," Citi Notes That Intel's Microprocessor Share Is Now Lowest Since 2002
    Intel might be pivoting towards a closer collaboration with TSMC to get its struggling fabrication units off the ground.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
  • Lenovo เปิดตัวแล็ปท็อปใหม่ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี AI ล่าสุดที่ตั้งใจมาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการติดตามการใช้งานในรูปแบบดิจิทัล โดยเฉพาะแล็ปท็อปที่น่าสนใจอย่าง Yoga Slim 7i Aura Edition ซึ่งมาพร้อมหน้าจอ Puresight Pro ที่กว้างและสวยงาม ใช้ชิป Intel Core Ultra 5 228V โดย AI Core ของแล็ปท็อปนี้สามารถทำงานได้ยาวนานถึง 18 ชั่วโมง!

    ที่น่าสนใจคือแล็ปท็อปนี้ยังมีโหมดต่างๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับใช้ได้ตามความต้องการ เช่น โหมด Attention ที่ช่วยลดการเบี่ยงเบนความสนใจ หรือโหมด Wellness ที่เตือนให้พักสายตาทุกๆ 20 นาที รวมทั้งมีโหมด Collaboration ที่ช่วยปรับปรุงประสบการณ์การประชุมออนไลน์ และโหมด Eco ที่ช่วยลดการใช้งานแบตเตอรี่

    นอกจากนี้ Lenovo ยังเปิดตัว ThinkPad X9 Aura Edition ที่มาพร้อมผู้ช่วย AI ในตัวที่เรียกว่า "Lenovo AI Now" สามารถช่วยค้นหาไฟล์ สร้างภาพ AI และจัดการอุปกรณ์ได้ มีหน้าจอ OLED ขนาด 14 นิ้ว พร้อมชิปประมวลผล Intel Core Ultra 5 226V และหน่วยความจำที่ปรับแต่งได้ถึง 32GB และพื้นที่จัดเก็บสูงสุดถึง 2TB

    นอกจากนี้ Varinderjit Singh ผู้จัดการทั่วไปของ Lenovo Malaysia ยังได้แชร์ประสบการณ์การใช้แล็ปท็อปนี้ในการสรุปการประชุมและสร้างภาพ AI ซึ่งทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เขายังชื่นชอบฟีเจอร์ Smart Care ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับการสนับสนุนแบบเรียลไทม์จากช่างเทคนิคของ Lenovo เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างสะดวก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/12/lenovo-launches-ai-powered-laptops-to-boost-productivity-and-track-digital-use
    Lenovo เปิดตัวแล็ปท็อปใหม่ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี AI ล่าสุดที่ตั้งใจมาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการติดตามการใช้งานในรูปแบบดิจิทัล โดยเฉพาะแล็ปท็อปที่น่าสนใจอย่าง Yoga Slim 7i Aura Edition ซึ่งมาพร้อมหน้าจอ Puresight Pro ที่กว้างและสวยงาม ใช้ชิป Intel Core Ultra 5 228V โดย AI Core ของแล็ปท็อปนี้สามารถทำงานได้ยาวนานถึง 18 ชั่วโมง! ที่น่าสนใจคือแล็ปท็อปนี้ยังมีโหมดต่างๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับใช้ได้ตามความต้องการ เช่น โหมด Attention ที่ช่วยลดการเบี่ยงเบนความสนใจ หรือโหมด Wellness ที่เตือนให้พักสายตาทุกๆ 20 นาที รวมทั้งมีโหมด Collaboration ที่ช่วยปรับปรุงประสบการณ์การประชุมออนไลน์ และโหมด Eco ที่ช่วยลดการใช้งานแบตเตอรี่ นอกจากนี้ Lenovo ยังเปิดตัว ThinkPad X9 Aura Edition ที่มาพร้อมผู้ช่วย AI ในตัวที่เรียกว่า "Lenovo AI Now" สามารถช่วยค้นหาไฟล์ สร้างภาพ AI และจัดการอุปกรณ์ได้ มีหน้าจอ OLED ขนาด 14 นิ้ว พร้อมชิปประมวลผล Intel Core Ultra 5 226V และหน่วยความจำที่ปรับแต่งได้ถึง 32GB และพื้นที่จัดเก็บสูงสุดถึง 2TB นอกจากนี้ Varinderjit Singh ผู้จัดการทั่วไปของ Lenovo Malaysia ยังได้แชร์ประสบการณ์การใช้แล็ปท็อปนี้ในการสรุปการประชุมและสร้างภาพ AI ซึ่งทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เขายังชื่นชอบฟีเจอร์ Smart Care ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับการสนับสนุนแบบเรียลไทม์จากช่างเทคนิคของ Lenovo เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างสะดวก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/12/lenovo-launches-ai-powered-laptops-to-boost-productivity-and-track-digital-use
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Lenovo launches AI-powered laptops to boost productivity and track digital use
    Lenovo Malaysia general manager Varinderjit Singh hopes that users will embrace AI's potential with the new product line-up.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทีมพัฒนา KDE ได้ทำการเปิดตัว KDE Plasma 6.3 ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมเดสก์ท็อปที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน ด้วยการปรับปรุงและฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่จะทำให้ประสบการณ์การใช้งานของคุณดียิ่งขึ้นกว่าที่เคย!

    การปรับปรุงการใช้แท็บเล็ตวาดภาพ (Drawing Tablet): ศิลปินจะต้องหลงรักกับฟีเจอร์ใหม่นี้ที่ช่วยให้สามารถปรับแต่งแท็บเล็ตวาดภาพได้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดพื้นที่การวาดให้ตรงกับพื้นที่หน้าจอทั้งหมด การสอบเทียบแท็บเล็ตให้แม่นยำมากขึ้น หรือการปรับแต่งแรงกดและการเอียงของปากกา

    กราฟิกที่คมชัดยิ่งขึ้น: Plasma 6.3 มาพร้อมกับการปรับปรุงการปรับขนาดแบบเศษส่วน (fractional scaling) ที่ทำให้ภาพคมชัด ลดความเบลอและช่องว่างระหว่างพิกเซล เหมาะสำหรับศิลปินและนักออกแบบ

    การติดตามการใช้งานฮาร์ดแวร์: ระบบการติดตามการใช้งานฮาร์ดแวร์ใน Plasma 6.3 มีการพัฒนาใหม่ ที่สามารถติดตามการใช้งาน CPU และ GPU ได้แม่นยำยิ่งขึ้น และใช้ทรัพยากรน้อยลง ทำให้คุณได้รับข้อมูลที่จำเป็นโดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพของระบบ

    ฟีเจอร์การตั้งค่าใหม่ ๆ: Plasma 6.3 ยังมาพร้อมกับการตั้งค่าที่ใช้งานง่าย เช่น การปิดทัชแพดอัตโนมัติเมื่อใช้เมาส์ การสร้างรหัสผ่านแบบสุ่มสำหรับเครือข่ายฮอตสปอต และการแจ้งเตือนเมื่อแอปพลิเคชันถูกหยุดทำงานเนื่องจากหน่วยความจำหมด

    ระบบที่ยืดหยุ่นและปรับแต่งได้: Plasma 6.3 ทำให้การปรับแต่งระบบเป็นเรื่องง่ายมากยิ่งขึ้น คุณสามารถโคลนแผงควบคุม (panel) ใช้สคริปต์เปลี่ยนระดับความทึบของแผงควบคุม และยังสามารถกำหนดค่าไอคอนในเมนูได้ตามต้องการ

    ไม่ว่าคุณจะเป็นศิลปิน นักออกแบบ หรือผู้ใช้ทั่วไป KDE Plasma 6.3 คือคำตอบสำหรับการใช้งานที่ยืดหยุ่นและเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ลองใช้ Plasma 6.3 วันนี้ แล้วคุณจะหลงรักกับประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยม!

    https://www.techpowerup.com/332394/kde-plasma-6-3-officially-released
    ทีมพัฒนา KDE ได้ทำการเปิดตัว KDE Plasma 6.3 ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมเดสก์ท็อปที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน ด้วยการปรับปรุงและฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่จะทำให้ประสบการณ์การใช้งานของคุณดียิ่งขึ้นกว่าที่เคย! การปรับปรุงการใช้แท็บเล็ตวาดภาพ (Drawing Tablet): ศิลปินจะต้องหลงรักกับฟีเจอร์ใหม่นี้ที่ช่วยให้สามารถปรับแต่งแท็บเล็ตวาดภาพได้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดพื้นที่การวาดให้ตรงกับพื้นที่หน้าจอทั้งหมด การสอบเทียบแท็บเล็ตให้แม่นยำมากขึ้น หรือการปรับแต่งแรงกดและการเอียงของปากกา กราฟิกที่คมชัดยิ่งขึ้น: Plasma 6.3 มาพร้อมกับการปรับปรุงการปรับขนาดแบบเศษส่วน (fractional scaling) ที่ทำให้ภาพคมชัด ลดความเบลอและช่องว่างระหว่างพิกเซล เหมาะสำหรับศิลปินและนักออกแบบ การติดตามการใช้งานฮาร์ดแวร์: ระบบการติดตามการใช้งานฮาร์ดแวร์ใน Plasma 6.3 มีการพัฒนาใหม่ ที่สามารถติดตามการใช้งาน CPU และ GPU ได้แม่นยำยิ่งขึ้น และใช้ทรัพยากรน้อยลง ทำให้คุณได้รับข้อมูลที่จำเป็นโดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพของระบบ ฟีเจอร์การตั้งค่าใหม่ ๆ: Plasma 6.3 ยังมาพร้อมกับการตั้งค่าที่ใช้งานง่าย เช่น การปิดทัชแพดอัตโนมัติเมื่อใช้เมาส์ การสร้างรหัสผ่านแบบสุ่มสำหรับเครือข่ายฮอตสปอต และการแจ้งเตือนเมื่อแอปพลิเคชันถูกหยุดทำงานเนื่องจากหน่วยความจำหมด ระบบที่ยืดหยุ่นและปรับแต่งได้: Plasma 6.3 ทำให้การปรับแต่งระบบเป็นเรื่องง่ายมากยิ่งขึ้น คุณสามารถโคลนแผงควบคุม (panel) ใช้สคริปต์เปลี่ยนระดับความทึบของแผงควบคุม และยังสามารถกำหนดค่าไอคอนในเมนูได้ตามต้องการ ไม่ว่าคุณจะเป็นศิลปิน นักออกแบบ หรือผู้ใช้ทั่วไป KDE Plasma 6.3 คือคำตอบสำหรับการใช้งานที่ยืดหยุ่นและเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ลองใช้ Plasma 6.3 วันนี้ แล้วคุณจะหลงรักกับประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยม! https://www.techpowerup.com/332394/kde-plasma-6-3-officially-released
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    KDE Plasma 6.3 Officially Released
    One year on, with the teething problems a major new release inevitably brings firmly behind us, Plasma's developers have worked on fine-tuning, squashing bugs and adding features to Plasma 6—turning it into the best desktop environment for everyone! Read on to discover all the exciting new changes l...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
  • นี่อาจเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อน เมื่อเครื่องบินตัวท๊อป Su-57 ของรัสเซีย และ F-35 ของอเมริกา ต้องมาใช้รันเวย์และน่านฟ้าร่วมกันในงาน Aero India 2025

    ทีมงานของทั้งสองค่าย ได้มีโอกาสเจอเครื่องบินคู่แข่งอย่างใกล้ชิด เลยถือโอกาสถ่ายรูปเก็บไว้ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่พิเศษของทั้งสองประเทศ
    นี่อาจเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อน เมื่อเครื่องบินตัวท๊อป Su-57 ของรัสเซีย และ F-35 ของอเมริกา ต้องมาใช้รันเวย์และน่านฟ้าร่วมกันในงาน Aero India 2025 ทีมงานของทั้งสองค่าย ได้มีโอกาสเจอเครื่องบินคู่แข่งอย่างใกล้ชิด เลยถือโอกาสถ่ายรูปเก็บไว้ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่พิเศษของทั้งสองประเทศ
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 220 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีความพยายามกันเนิ่นนานที่จะใช้มือถือมาแทนที่ Computer แบบตั้งโต๊ะหรือโนตบุ๊ก แต่ยังไม่มีใครใช้แบบยั่งยืนหรือมีใช้ก็เป็นกลุ่มเล็กมากๆ บทความนี้ก็เป็นอีกหนึ่งความพยายามในการใช้มือถือมาแทนที่ครับ

    ทความนี้เขียนโดย Kerry Wan เกี่ยวกับการทดสอบใช้งาน Samsung DeX ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ให้สมาร์ทโฟน Galaxy S25 Ultra เชื่อมต่อกับจอมอนิเตอร์หรือทีวี เพื่อใช้งานเหมือนกับคอมพิวเตอร์ โดยปกติแล้ว DeX จะไม่ได้รับความสนใจมากนัก แต่มีความสามารถที่น่าทึ่งมากๆ

    Kerry ได้ทดสอบใช้งาน DeX กับ Galaxy S25 Ultra เป็นเวลาสองสามวันเพื่อดูว่า สามารถทำงานแทนแล็ปท็อปได้หรือไม่ ผลลัพธ์คือ DeX ทำงานได้ดีมาก รองรับการใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงการใช้คีย์บอร์ดและเมาส์ Bluetooth ในการพิมพ์ และการใช้แอปต่างๆ ที่ติดตั้งไว้บนโทรศัพท์

    DeX ถูกเปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 และได้รับการอัปเกรดหลายครั้ง เช่น การเชื่อมต่อแบบไร้สายและการเพิ่มฟีเจอร์มัลติทาสกิ้ง จนถึงปัจจุบัน DeX ถือเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้สมาร์ทโฟน Samsung สามารถทำงานได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น

    ข้อดีของ DeX ที่ Kerry พบคือการซิงโครไนซ์การแจ้งเตือน การเข้าถึงแกลเลอรี่รูปภาพอย่างรวดเร็ว และการใช้งานกล้องหน้าของโทรศัพท์ในการประชุมวิดีโอ นอกจากนี้ เขายังสามารถใช้งาน DeX ได้อย่างราบรื่น เช่น การเขียนบทความ ตอบอีเมล และแก้ไขภาพถ่าย

    ถึงแม้ว่า DeX จะมีข้อจำกัดในเรื่องของการใช้งานแอปบางแอป และการขาดฟีเจอร์บางอย่างที่คอมพิวเตอร์มี แต่สำหรับการใช้งานทั่วไป DeX นั้นถือว่าน่าพอใจมาก หากคุณมีสมาร์ทโฟน Samsung ที่รองรับ DeX คุณสามารถทดลองใช้งานและประเมินประสบการณ์ด้วยตัวเองได้

    https://www.zdnet.com/article/i-tried-to-replace-my-laptop-with-the-galaxy-s25-ultra-and-id-do-it-all-over-again/
    มีความพยายามกันเนิ่นนานที่จะใช้มือถือมาแทนที่ Computer แบบตั้งโต๊ะหรือโนตบุ๊ก แต่ยังไม่มีใครใช้แบบยั่งยืนหรือมีใช้ก็เป็นกลุ่มเล็กมากๆ บทความนี้ก็เป็นอีกหนึ่งความพยายามในการใช้มือถือมาแทนที่ครับ ทความนี้เขียนโดย Kerry Wan เกี่ยวกับการทดสอบใช้งาน Samsung DeX ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ให้สมาร์ทโฟน Galaxy S25 Ultra เชื่อมต่อกับจอมอนิเตอร์หรือทีวี เพื่อใช้งานเหมือนกับคอมพิวเตอร์ โดยปกติแล้ว DeX จะไม่ได้รับความสนใจมากนัก แต่มีความสามารถที่น่าทึ่งมากๆ Kerry ได้ทดสอบใช้งาน DeX กับ Galaxy S25 Ultra เป็นเวลาสองสามวันเพื่อดูว่า สามารถทำงานแทนแล็ปท็อปได้หรือไม่ ผลลัพธ์คือ DeX ทำงานได้ดีมาก รองรับการใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงการใช้คีย์บอร์ดและเมาส์ Bluetooth ในการพิมพ์ และการใช้แอปต่างๆ ที่ติดตั้งไว้บนโทรศัพท์ DeX ถูกเปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 และได้รับการอัปเกรดหลายครั้ง เช่น การเชื่อมต่อแบบไร้สายและการเพิ่มฟีเจอร์มัลติทาสกิ้ง จนถึงปัจจุบัน DeX ถือเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้สมาร์ทโฟน Samsung สามารถทำงานได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น ข้อดีของ DeX ที่ Kerry พบคือการซิงโครไนซ์การแจ้งเตือน การเข้าถึงแกลเลอรี่รูปภาพอย่างรวดเร็ว และการใช้งานกล้องหน้าของโทรศัพท์ในการประชุมวิดีโอ นอกจากนี้ เขายังสามารถใช้งาน DeX ได้อย่างราบรื่น เช่น การเขียนบทความ ตอบอีเมล และแก้ไขภาพถ่าย ถึงแม้ว่า DeX จะมีข้อจำกัดในเรื่องของการใช้งานแอปบางแอป และการขาดฟีเจอร์บางอย่างที่คอมพิวเตอร์มี แต่สำหรับการใช้งานทั่วไป DeX นั้นถือว่าน่าพอใจมาก หากคุณมีสมาร์ทโฟน Samsung ที่รองรับ DeX คุณสามารถทดลองใช้งานและประเมินประสบการณ์ด้วยตัวเองได้ https://www.zdnet.com/article/i-tried-to-replace-my-laptop-with-the-galaxy-s25-ultra-and-id-do-it-all-over-again/
    WWW.ZDNET.COM
    I tried to replace my laptop with the Galaxy S25 Ultra - and I'd do it all over again
    One of the most overlooked Samsung features lets you pair your phone with a monitor or TV and operate it like a computer. Just make sure your most-used services are supported.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมสอบสวนคดีพิเศษ เรียกสอบเพิ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ถ้อยคำคดีแตงโม “หนุ่ม กรรชัย - ท็อป - ไทด์” โดนด้วย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000013361

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    กรมสอบสวนคดีพิเศษ เรียกสอบเพิ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ถ้อยคำคดีแตงโม “หนุ่ม กรรชัย - ท็อป - ไทด์” โดนด้วย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000013361 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 844 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts