• แผนสอยมังกร ตอนที่ 5 – 6
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง”แผนสอยมังกร”

    ตอน 5

    A2/AD หรือ anti access/area-denial เป็นยุทธศาสตร์ที่ใช้ในป้องกันประเทศจาก การรุกราน หรือรุกล้ำของศัตรู หรือสิ่งไม่พึงปรารถนา โดยการกำหนดเขต หรือบริเวณหวงห้าม ที่ต้องได้รับอนุญาต และแสดงตนก่อนเข้าเขต มิฉะนั้น เจ้าของเขตหวงห้ามหรือบริเวณ สามารถระงับการผ่านเข้าเขตได้ ด้วยกำลังอาวุธ ที่มีทั้งแบบใช้เดี่ยว และใช้เป็นระบบหลายประเภทร่วมกัน

    เมื่อมีข่าวออกมาประมาณปี ค.ศ.2012 ว่า จีนคิดใช้ยุทธศาสตร์นี้ แทบไม่มีใครสนใจไม่มีใครให้ราคา โดยเฉพาะอเมริกา เพราะการจะใช้ระบบ A2/AD ให้ได้ผลจริงๆ ต้องมีระบบ(อาวุธ)ป้องกันการละเมิด การรุกราน ครบชุด ทั้งใต้ดิน บนดิน บนฟ้า และต้องมีระบบนี้จำนวนมากพอ ถึงจะป้องกันได้จริงจัง ซึ่งอเมริกาคิดว่า จีนไม่มีทางทำได้สำเร็จ ไม่ว่าด้านความสามารถในการคิดค้นระบบ ความสามารถทางทหาร และความสามารถในงบประมาณ เพราะอเมริกา ประกาศเสมอว่า งบประมาณด้านความมั่นคงของอเมริกานั้น ก้อนใหญ่กว่าจีนหลายเท่านัก ขนาดนั้นยังไม่แน่ว่า อเมริกาจะมีระบบนี้ใช้ได้ครบเครื่อง

    เมื่อตอนที่อเมริกาและนาโต้ ขนโขยงทั้งทหารจริงและทหารรับจ้าง ไปบดขยี้กัดดาฟี่ที่ลิเบีย ในปี ค.ศ. 2011 นั้น ยังไม่มีใครใช้ระบบ A2/AD อย่างน้อย แถวนั้นก็ยังไม่มีใครใช้ ทำให้การขนพลขยี้โดยเรือรบ และเรือดำน้ำ ผ่านเข้าไปในลิเบีย จากฝั่งทะเลด้านเหนือของอาฟริกา รอดพ้นจากการต้อนรับ ด้วยเครื่องบินรบหรือจรวด ซึ่งจะมีพร้อมในระบบป้องกันของ A2/AD แต่วันฤกษ์สะดวกของเพชรฆาตเช่นวันนั้น สำหรับอเมริกา อาจจะไม่เกิดขึ้นง่ายๆ อย่างนั้นอีกแล้ว อย่างน้อยก็คงไม่ง่าย ถ้าอเมริกาคิดจะยกพลไปขยี้จีน เช่นเดียวกับที่ปฏิบัติการกับกัดดาฟี่
    ประมาณ 15 ปีมาแล้ว เมื่อตอนที่ประธานาธิบดีคลินตัน ขวัญใจเด็กฝึกงาน สั่งให้เรือรบ USS Independence กับเรือรบ USS Nimitz ขนกำลังทหาร ไปที่ช่องแคบไต้หวัน จ่อตรงหน้าประตูบ้านอาเฮีย เพื่อขู่ไม่ให้จีนมายุ่งกับไต้หวัน เรื่องแบบนี้คงมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดขึ้นอีก เพราะนับแต่วันที่จีนถูกอเมริกามาหยามถึงหน้าประตูบ้านเช่นนั้น จีนก็คร่ำเคร่ง ปรับปรุงระบบ A2/AD ของตนให้สมบูรณ์ขึ้นทุกวัน

    ข่าวว่า ขณะนี้ระบบ A2/AD ของจีน เมื่อใช้ร่วมกับระบบดาวเทียม ความแม่นยำในการสกัด สิ่งเล็ก สิ่งใหญ่ ที่จะเล็ดลอดผ่านเข้ามาในเขตแดนของจีน ไม่ว่าจะเป็นธิเบต ซินเจียง ช่องแคบไต้หวัน และบริเวณทะเลจีน ฯลฯ จีนบอกว่า “น่าจะใช้การได้นะ”

    ใช้ได้จริงหรือเปล่า และเชื่อได้แค่ไหน ผมคงตอบไม่ได้ แต่คนที่ดูเหมือนจะตอบได้ น่าจะเป็นไอ้สุดกร่าง CFR นั่นแหละ ที่เป็นคนประทับตรารับรองให้จีน ไม่งั้นคงไม่ออก ใบประกาศ ให้ไว้ในรายงาน Grand Strategy นั้นหรอก

    เรากลับไปดู Grand Strategy ของสุดกร่างกันอีกที เพื่อจะตรวจสอบ “อาการ” จริงของไอ้นักล่าใบตองแห้ง

    อย่างน้อยเกือบ 3 ปีมาแล้ว ที่มีข่าวในปี 2012 ว่าจีนใช้ระบบ A2/AD และนับตั้งแต่นั้น ยังไม่มีข่าวออกมาว่า อเมริกาจัดการถล่มระบบนี้ของจีนได้ ในทางตรงกันข้าม กลับมีข่าวว่า รัสเซีย และ จีน ได้ทดสอบการสยบการเคลื่อนไหว เครื่องบินรบ และเรือรบของอเมริกา ในน่านน้ำ และน่านฟ้า เขตของจีนและบริเวณรัสเซียอยู่หลายครั้ง และทุกครั้ง ฝ่ายอเมริกาจะออกมาให้ข่าวว่า เป็นเรื่องการปล่อยโคมลอยเสมอ แต่คราวนี้ สุดกร่างรับรองให้จีนเอง ในรายงาน Grand Strategy เตรียมพร้อมทั้งตัวเอง และลูกหาบให้รับมือกับระบบ A2/AD ของอาเฮีย !

    ตกลง Grand Strategy นี่มีเป้าหมายอะไรกันแน่ มัน Grand ตรงไหนนะ นอกจากหลอกด่าจีนและพวก จนหมดสีหมดไข่ไปแยะ อวดใหญ่คุยโว ว่ามีเด็กอยู่เต็มในกระเป๋า เดี๋ยวจะเอาของขวัญวันเด็ก แจกให้เด็กๆเอาไปเล่นกะอาเฮีย แต่ขณะเดียวกัน ก็บ่นว่ารัฐสภาต้องเพิ่มงบด้านความมั่นคงให้ อ้าว แล้วงี้จะเอาตังค์ที่ไหนไปซื้อของขวัญแจกเด็ก สงสัยเด็กๆ มีหวังได้ของขวัญ ประเภทเขาตัดค่าเสื่อมหมดแล้ว ถึงเอามาแจก มันดูเหมือนจะบรรยายความขัดกันเอง
    อเมริกาคิดอะไร จึงปล่อยให้ CFR ออกรายงานนี้ เนื้อความแบบนี้ มาในจังหวะช่วงเดือนกว่ามานี้

    แถมในตอนสรุป สุดกร่างบอกว่า เชื่อว่าผู้อ่านรายงานนี้ คงมีปฏิกิริยาต่างๆกัน หลายคนคงบอกว่า รายงานนี้จะเป็นการยั่วยุจีน สุดกร่างบอก จีนคงมีปฏกิริยาแน่ แต่ถึงมี ก็ไม่ได้ทำให้เราเปลี่ยนแปลงรายงาน หรือเปลี่ยนใจอะไร เพราะยังไงเราก็ต้องทำรายงานแบบนี้ และแนะนำให้ดำเนินการตามที่เราเสนออยู่ดี บางคนว่า เรามองจีนในแง่ร้ายไปหรือเปล่า ไม่เลย เราแน่ใจว่า เรามองอย่างตรงไปตรงมาที่สุด จากพฤติกรรมของจีนเอง นี่เรายังไม่ได้ใส่ลงไปนะ ว่าถ้าจีนเกิดเลียนแบบ พฤติกรรมของสหภาพโซเวียต ซึ่งเราคาดว่า จีนอาจจะทำ เรายิ่งต้องมองไปถึงเรื่องการปิดล้อมจีนเสียด้วยซ้ำ (containment) อย่านึกว่า ถ้าเราคิดปิดล้อมจีน จะไม่มีชาติเอเซียไม่เอาด้วยนะ และบางคนถามว่า รายงานนี้จะทำให้เกิดผลที่มีความหมายอะไรไหม (meaningful result) สุดกร่างบอก อย่าไปคิดเล้ย เป็นไปไม่ได้หรอก ตราบใดที่จีนคิดอยากเป็นขั้วอำนาจในเอเซียแทนที่อเมริกาอย่างนี้ มันจะมีผลมีดอกอะไรกัน

    สุดกร่างชักเบื่อ ถามทำไม คำถามพวกนี้ สิ่งที่สำคัญคือ จีนจะมีปฏิกิริยาตอบรับกับ Grand Strategy ของเรา อย่างไรมากกว่า … ใช่แล้ว อย่าว่าแต่เอ็งเลย ไอ้กร่าง ผมก็อยากรู้

    สุดกร่าง ยังกร่างไม่หยุด ผมต้องยอมมัน มันขอแถมท้ายว่า เรื่องทั้งหมด ก็ขึ้นอยู่กับท่านประธานาธิบดีโอบามานั่นแหละครับ ท่านโอ ท่านดำเนินนโยบายแบบเมตตาต่อจีน มาตลอด เพราะท่านโอ รวมทั้งรัฐบาลก่อนๆ วิเคราะห์จีนผิดหมด ไปมองว่าจีนคิดแต่ค้าขาย ไม่ได้เฉลียวฉลาดมองว่า ที่แท้จีนกำลังวัดรอยเท้าท่านอย่างใกล้ชิด กะจะใส่รองเท้าเบอร์เดียว แบบเดียวกะท่านเลย แล้วทีมงานของท่านโอ ก็ดีแต่คิดนโยบายที่จะร่วมมือกับจีน แทนที่จะคิดนโยบายขวางกั้น มาถึงตอนนี้ ก็ต้องวัดขนาดของหัวใจของท่านโอแล้วละครับว่า อเมริกาคิดจะเล่นการเมืองระดับโลกกับจีนแบบไหน มีความกล้าที่จะปกป้องผลประโยชน์ของอเมริกาขนาดไหน
    แม่จ้าวโว้ย ต้องยอมรับว่า สุดกร่างมันใหญ่จริง มันคือตัวจริงเสียงจริง ของไอ้นักล่าใบตองแห้งเลย ไม่ใช่เป็นแค่ผู้ต้องสงสัย

    #####
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง”แผนสอยมังกร”

    ตอน 6 (จบ)
    (โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน)

    ลองไล่เรียงดูไทม์ไลน์ รายงาน Grand Strategy เขียนเสร็จ เมื่อปลายเดือนมีนาคม กลางเดือนเมษายน ปล่อยเอกสารออกมาให้อ่าน เวลาผ่านไปไม่ถึงเดือน Wall Sreet Journal ลงข่าวเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ว่า นาย Ash Carter รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ของนักล่าใบตองแห้ง แต่มาดออกไปทางเสมียน เตรียมเสนอให้กองทัพของอเมริกาใช้เรือรบ และเครื่องบินรบ ไปสำแดงแสนยานุภาพ ในแถบทะเลจีนที่มีข้อพิพาท เพื่อแสดงให้โลกเห็นว่า ต้องมีเสรีภาพในการเดินเรือในแถบนั้น ข้อเสนอ ของพณท่านรัฐมนตรีมาดเสมียน เป็นไปตามข้อเสนอ 1 ใน 8 ข้อ ของ Grand Strategy

    แปลว่า อเมริกาน่าจะเห็นด้วย และเอาจริงกับแผนตาม Grand Strategy

    อเมริกาเอาจริงขนาดไหนล่ะ

    ตอนนี้ขนาดหัวใจของนายโอบามาใหญ่กว่าปากแล้วใช่ไหม ถ้าคิดแบบนั้นแปลว่าไม่รู้จักอเมริกาจริง ขนาดหัวใจของนายโอบามาใหญ่กว่าปากมาตั้งแต่ต้น อาจจะตั้งแต่วันรับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก มันถึงเล่นบทได้เนียน

    อเมริกา “พร้อมรบ ” จีนและพวก แน่นอนครับ เพียงแต่จะรบอย่างไร และเมื่อไหร่เท่านั้น

    อเมริกาจะไม่มีวันยอมเสียตำแหน่งมหาอำนาจหมายเลขหนึ่งของโลกให้แก่จีนอย่างเด็ดขาด ความคิดของอเมริกาวันนี้ ไม่ได้ต่างอะไรกับความคิดของอังกฤษเมื่อ 100 ปีก่อน ที่อังกฤษกลัวเยอรมันโตแซงหน้า และขึ้นมาเป็นหมายเลขหนึ่งของโลกแทน แม้ตอนนั้นอังกฤษจะกระเป๋าแห้ง ซึ่งก็ไม่ต่างกับอเมริกาตอนนี้ ที่เศรษฐกิจก็กำลังถลาลง ถูกคู่แข่ง ไล่ตี ไล่ต้อนดอลล่าร์สาระพัดรูปแบบ
    Grand Strategy ไม่ได้เขียนให้นายโอบามาอ่าน Grand Strategy เขียนให้จีน พวกจีน และชาวโลกอย่างเราๆอ่าน ให้รู้ว่า อเมริกาคิดอย่างไรกับจีน และคิดจะจัดการอย่างไรกับจีน อเมริการังเกียจ อิจฉา ดูถูกจีน เหมือนกับอังกฤษมองเยอรมันและรัสเซียเมื่อ 100 ปีก่อนยังไง (และตอนนี้ก็ยังมองอย่างนั้นอยู่ ) ก็เช่นเดียวกันกับที่อเมริกามองจีนตอนนี้ และอีก 100 ปีข้างหน้า อเมริกา ก็คงไม่เปลี่ยนการมองจีน อเมริกามองจีนว่า ไม่เท่าเทียมกับอเมริกาเสียด้วยซ้ำ แล้วจะยอมให้จีนเป็นมังกรลอยละล่องอยู่บนฟ้า เหนือกว่าอินทรีย์ได้อย่างไร

    และอย่าลืมว่า Grand Strategy เขียนโดยถังขยะความคิด CFR ซึ่งเป็นผลผลิต ของกลุ่มผู้สร้างละครลวงโลก ต้มข้ามศตวรรษ

    นายโอบามา ก็ไม่ต่างกับประธานาธิบดีวิลสันของอเมริกา เมื่อปี ค.ศ.1917 ที่เล่นบทเป็นผู้รักสันติภาพ ไม่พาประเทศเข้าสู่สงคราม ขณะเดียวกัน เมื่อถึงเวลาอัน “เหมาะสม” อเมริกา ก็พร้อมที่จะประกาศสงคราม

    สงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษเป็นผู้นำ เยอรมันเป็นผู้ร้าย อเมริกาเป็นพระเอก ยิวเป็นตัวกระตุ้น รัสเซีย ออตโตมานเป็นเหยื่ออันดับ 1 ยุโรปเป็นเหยื่ออันดับ 2

    สงครามโลกครั้งที่ 2 อังกฤษเป็นผู้นำ เยอรมันเป็นผู้ร้ายอันดับ 1 ญี่ปุ่น(พร้อมใจรับบท) เป็นผู้ร้ายอันดับ 2 อเมริกาเป็นพระเอกตลอดกาล ยิวเป็นตัวกระตุ้น รัสเซียเป็นเหยื่อตลอดกาลอันดับ 1 ยุโรป เป็นเหยื่ออันดับ 2

    สงครามโลกครั้งที่ 3 !?! จะหน้าตาเป็นอย่างไร ใครจะเป็นผู้นำ ใครจะเป็นผู้ร้าย ใครจะเป็นพระเอก ใครจะเป็นเหยื่อ

    อเมริกา “พร้อมรบ” กับจีน แต่อเมริกาจะรบกับจีนอย่างไร

    Major Christopher J McCarthy แห่งกองทัพอากาศ ได้เขียนบทความเรื่อง Anti-Acess/Area Denial : The Evolution of Modern Warfare ซึ่งระบุไว้ตอนหนึ่งว่า
    จีนวางยุทธศาสตร์ A2/AD ได้เข้าท่ามาก ด้วยการดักทางอเมริกา ตั้งแต่โอกินาวาถึงกวม จีนมีจรวดพิสัยใกล้ และกลาง สำหรับระงับการยกพลมาจากโอกินาวา และจากการศึกษาของฝ่ายอเมริกา ล่าสุดบอกว่า จรวดสกัดสำหรับระยะทางยาวถึงกวม ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับจีนเช่นกัน แต่สำหรับอเมริกา ซึ่งถนัดในการใช้ยุทธศาสตร์ Air Sea Battle เคลื่อนกำลังทางเรือและโจมตีทางเครื่องบิน ถ้าอเมริกา ไม่สามารถใช้ฐานทัพที่โอกินาวา การเคลื่อนพลจากกวม ซึ่งเป็นฐานใหญ่ที่สุดของอเมริกาในแปซิฟิก เพื่อมาต่อสู้กับจีน ก็น่าจะมีปัญหาเช่นกัน เนื่องจากกวมต้องได้รับกำลังสนับสนุนจากโอกินาวาด้วย แปลว่าระบบ A2/AD ในปัจจุบันของจีน น่าจะสามารถสะกัดการเคลื่อนพลของอเมริกามาสู่จีน ทางแปซิฟิกได้เรียบร้อยแล้ว

    ตัวช่วยที่อเมริกาเคยเลือกไว้ และแน่ใจว่าอยู่ในกระเป๋าอเมริกามาตลอดเวลา คือ ไทยแลนด์ นี่แหละ ที่อเมริกาจะใช้เป็นฐานส่งกำลังพล และกำลังบำรุง ที่อเมริกาจะเคลื่อนมาไม่ว่าจากด้านแปซิฟิก หรือจากด้านมหาสมุทรอินเดีย อเมริกาจึงต้องจับมืออินเดียไว้ให้แน่นเช่นกัน แต่วันนี้ สัมพันธ์ไทย-อเมริกาไม่เหมือนเดิม แผนอเมริกาที่จะใช้ไทย จะเหมือนเดิมหรือไม่ และถ้าใช้ไม่ได้อเมริกาจะ “จัดการ” กับไทยอย่างไร (ไทยจะอยู่ในสถานะลำบาก ยอมอเมริกา ก็เจอ A2/AD จากจีน ไม่ยอมอเมริกา ก็คงจะได้รับของขวัญบ่อยๆ)

    ถ้าเป็นเช่นนั้น อเมริกา จะ “พร้อมรบ” จีนได้อย่างไร ถ้าเคลื่อนพลมาจากแปซิฟิกไม่สำเร็จ

    อเมริกาก็คงใช้ยุทธศาสตร์ หรือน่าจะเรียกว่า อุบาย หรือนิสัยเดิมๆ คือ ไม่มีตอนไหนที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ ได้ดีกว่า ตอนที่คู่ต่อสู่น่วม ใกล้เละแล้ว

    ขนาดจะเคลื่อนพลไปชิดจีน อเมริกายังทำยากเลย แล้วจะทำให้จีนน่วมได้อย่างไร

    Grand Strategy บอกใบ้ไว้แล้ว อเมริกาคงพยายามทำให้เอเซียวุ่นวาย และฉิบหายในที่สุด เพื่อสร้างความปั่นป่วนต่อจีนจากด้านนอก จีนใหญ่เกินไปและเข้าไปข้างในจีนยาก แต่ไม่ได้หมายความว่า สร้างความปั่นป่วนจากข้างนอกไม่ได้ และแน่นอน ญี่ปุ่น เกาหลี ฟิลิปปินส์ เวียตนาม คงจะรับบทนักป่วนแถวทะเลจีน ส่วนเด็กๆ ที่เหลือ ก็ป่วนมันรอบเอเซีย จากของขวัญวันเด็ก ที่อเมริกาจะทุ่มให้
    และจะต้องจับตา ออสเตรเลีย มาเลเซีย และทางทางภาคใต้ของเราเป็นพิเศษ ถ้าอเมริกาใช้เส้นทางแปซิฟิกไม่ได้ เส้นทางมหาสมุทรอินเดีย ก็เป็นทางเลือก และอเมริกาคงพยายามคุมช่องแคบมะละกา เพื่อใช้คุมเส้นทางเดินเรือของจีน และใช้เป็นเส้นทางของตนเอง แม้มาเลเซียจะไม่รักกับอเมริกานัก แต่มาเลเซียก็คงถูกนายท่านสั่งให้อยู่ในแถว และภาคใต้ของเราก็คงน่าเป็นห่วงตามไปด้วย ข่าวเรือรบของอเมริกาเคลื่อนตัวแถวแปซิฟิก ตั้งแต่เหนือลงใต้ ในทะเลจีน และทางมหาสมุทรอินเดีย จะเป็นข่าวที่เราจะได้ยินเกือบทุกวันจากนี้ไป และถ้าเป็นเช่นนั้น ก็หมายความว่า อเมริกา “ยกระดับ” ความพร้อมรบกับจีนขึ้นอีก

    แต่ทั้งนี้ รายการป่วนเอเซียของอเมริกา จะออกหัว ออกก้อย ก็ขึ้นกับจีนและพวกว่า จีนจะใช้ยุทธศาสตร์ใดรับมือ ซึ่งมีทั้งยุทธศาสตร์ที่ระงับความร้อนแรง และยุทธศาสตร์ที่เร่งความร้อน จนกลายเป็นสงครามโลก เห็นได้จาก Grand Strategy ว่า อเมริกาพยายามยั่วยุจีน เพื่อให้ฝ่ายจีนเป็นผู้เริ่มออกอาการ ออกอาวุธ และอเมริกาจะได้เล่นบทพระเอก ไม่ต่างกับบทการเล่นสงครามของอเมริกา ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2

    การเตรียมรบของอเมริกา มิได้มีเพียงเท่านี้ นี่เป็นการโหมโรงเท่านั้น

    อเมริกาเชื่อว่า จีนไม่รบเดี่ยวแน่นอน จีนก็มีเพื่อน และเพื่อนจีนไม่ใช่ระดับลูกหาบ หรือเด็กถือกระเป๋า เพื่อนของจีนระดับรุ่นใหญ่พิษลึกอย่างรัสเซีย หรือระดับพิษร้ายอิหร่าน หรือรุ่นเล็กแต่พิษแรง ชนิดอเมริกาก็แหยงอย่างเกาหลีเหนือ และตุรกีที่เลิกเล่นไต่ลวดแล้ว น่าจะทำให้อเมริกาสะเทือนได้เมื่อมีความพร้อม ถ้าเพื่อนของจีนพร้อมจะยืนเรียงแถวไล่ไปเป็นเส้นยาว ตั้งแต่เอเซีย ตะวันออกกลาง และยุโรป ทำให้อเมริกาก็ต้องคิดหนัก จะเลือกยุทธศาสตร์ไหนมาใช้

    อเมริกาอาจจะใช้แยกส่วน แยกซอย ใช้ยุทธศาสตร์ป่วน เล่นเกมยาว เช่นเดียวกันกับเอเซีย เป็นการซื้อเวลา และดูรูปมวยไปก่อน สำหรับรัสเซีย ก็ยกให้นาโต้กับประเทศที่อเมริกาบีบไข่ได้ ไปแหย่รัสเซียให้คุณพี่ปูเหนื่อ ยเหงื่อตก ทั้งที่หิมะยังขาวโพลน ตะวันออกกลางง่ายมาก ยุให้เจ้าของปั้มตีกันเอง อิหร่าน และตรุกี จะได้ไม่มีเวลาหันไปทางจีน ส่วนเกาหลีเหนือ อเมริกามอบแล้วให้เป็นภาระของเกาหลีใต้กับญี่ปุ่น ระหว่างนี้ก็ใช้สีเทใส่ สร้างข่าวให้เป็นตัวร้ายไปเรื่อยๆ
    ถ้าอเมริกาเลือกยุทธศาสตร์ป่วน ก็เหนื่อยกันไปทั้งโลก ขึ้นอยู่กับว่า ฝ่ายไหนจะอึดกว่ากัน ฝ่ายไหนออกอาการอึดไม่อยู่ การส่งเห็ดพิษให้กินก็คงเกิดขึ้น แล้วก็ฉิบหายกันเป็นแถบๆ

    แต่แผนทำให้จีนน่วมของอเมริกา คงไม่มีแค่การป่วน บอกแล้วว่าอเมริกาใกล้จะเป็นพระเจ้าอยู่แล้ว สั่งให้แผ่นดินไหว น้ำท่วม ทำได้หมด การทำให้จีนน่วมแบบนั้นแหละ คือ fundermental collapse อย่างแท้จริง จีนจะรับมือกับการรบนอกรูปแบบเช่นนี้ได้หรือไม่
    หรือไม่แน่ว่า จีนก็สั่งให้ภูเขาเคลื่อนที่ ไฟปะทุได้เหมือนกัน

    ถึงตอนนั้น บุญกุศลเท่านั้นกระมังที่จะคุ้มโลกและเราได้

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    16 พ.ค. 2558
    แผนสอยมังกร ตอนที่ 5 – 6 นิทานเรื่องจริง เรื่อง”แผนสอยมังกร” ตอน 5 A2/AD หรือ anti access/area-denial เป็นยุทธศาสตร์ที่ใช้ในป้องกันประเทศจาก การรุกราน หรือรุกล้ำของศัตรู หรือสิ่งไม่พึงปรารถนา โดยการกำหนดเขต หรือบริเวณหวงห้าม ที่ต้องได้รับอนุญาต และแสดงตนก่อนเข้าเขต มิฉะนั้น เจ้าของเขตหวงห้ามหรือบริเวณ สามารถระงับการผ่านเข้าเขตได้ ด้วยกำลังอาวุธ ที่มีทั้งแบบใช้เดี่ยว และใช้เป็นระบบหลายประเภทร่วมกัน เมื่อมีข่าวออกมาประมาณปี ค.ศ.2012 ว่า จีนคิดใช้ยุทธศาสตร์นี้ แทบไม่มีใครสนใจไม่มีใครให้ราคา โดยเฉพาะอเมริกา เพราะการจะใช้ระบบ A2/AD ให้ได้ผลจริงๆ ต้องมีระบบ(อาวุธ)ป้องกันการละเมิด การรุกราน ครบชุด ทั้งใต้ดิน บนดิน บนฟ้า และต้องมีระบบนี้จำนวนมากพอ ถึงจะป้องกันได้จริงจัง ซึ่งอเมริกาคิดว่า จีนไม่มีทางทำได้สำเร็จ ไม่ว่าด้านความสามารถในการคิดค้นระบบ ความสามารถทางทหาร และความสามารถในงบประมาณ เพราะอเมริกา ประกาศเสมอว่า งบประมาณด้านความมั่นคงของอเมริกานั้น ก้อนใหญ่กว่าจีนหลายเท่านัก ขนาดนั้นยังไม่แน่ว่า อเมริกาจะมีระบบนี้ใช้ได้ครบเครื่อง เมื่อตอนที่อเมริกาและนาโต้ ขนโขยงทั้งทหารจริงและทหารรับจ้าง ไปบดขยี้กัดดาฟี่ที่ลิเบีย ในปี ค.ศ. 2011 นั้น ยังไม่มีใครใช้ระบบ A2/AD อย่างน้อย แถวนั้นก็ยังไม่มีใครใช้ ทำให้การขนพลขยี้โดยเรือรบ และเรือดำน้ำ ผ่านเข้าไปในลิเบีย จากฝั่งทะเลด้านเหนือของอาฟริกา รอดพ้นจากการต้อนรับ ด้วยเครื่องบินรบหรือจรวด ซึ่งจะมีพร้อมในระบบป้องกันของ A2/AD แต่วันฤกษ์สะดวกของเพชรฆาตเช่นวันนั้น สำหรับอเมริกา อาจจะไม่เกิดขึ้นง่ายๆ อย่างนั้นอีกแล้ว อย่างน้อยก็คงไม่ง่าย ถ้าอเมริกาคิดจะยกพลไปขยี้จีน เช่นเดียวกับที่ปฏิบัติการกับกัดดาฟี่ ประมาณ 15 ปีมาแล้ว เมื่อตอนที่ประธานาธิบดีคลินตัน ขวัญใจเด็กฝึกงาน สั่งให้เรือรบ USS Independence กับเรือรบ USS Nimitz ขนกำลังทหาร ไปที่ช่องแคบไต้หวัน จ่อตรงหน้าประตูบ้านอาเฮีย เพื่อขู่ไม่ให้จีนมายุ่งกับไต้หวัน เรื่องแบบนี้คงมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดขึ้นอีก เพราะนับแต่วันที่จีนถูกอเมริกามาหยามถึงหน้าประตูบ้านเช่นนั้น จีนก็คร่ำเคร่ง ปรับปรุงระบบ A2/AD ของตนให้สมบูรณ์ขึ้นทุกวัน ข่าวว่า ขณะนี้ระบบ A2/AD ของจีน เมื่อใช้ร่วมกับระบบดาวเทียม ความแม่นยำในการสกัด สิ่งเล็ก สิ่งใหญ่ ที่จะเล็ดลอดผ่านเข้ามาในเขตแดนของจีน ไม่ว่าจะเป็นธิเบต ซินเจียง ช่องแคบไต้หวัน และบริเวณทะเลจีน ฯลฯ จีนบอกว่า “น่าจะใช้การได้นะ” ใช้ได้จริงหรือเปล่า และเชื่อได้แค่ไหน ผมคงตอบไม่ได้ แต่คนที่ดูเหมือนจะตอบได้ น่าจะเป็นไอ้สุดกร่าง CFR นั่นแหละ ที่เป็นคนประทับตรารับรองให้จีน ไม่งั้นคงไม่ออก ใบประกาศ ให้ไว้ในรายงาน Grand Strategy นั้นหรอก เรากลับไปดู Grand Strategy ของสุดกร่างกันอีกที เพื่อจะตรวจสอบ “อาการ” จริงของไอ้นักล่าใบตองแห้ง อย่างน้อยเกือบ 3 ปีมาแล้ว ที่มีข่าวในปี 2012 ว่าจีนใช้ระบบ A2/AD และนับตั้งแต่นั้น ยังไม่มีข่าวออกมาว่า อเมริกาจัดการถล่มระบบนี้ของจีนได้ ในทางตรงกันข้าม กลับมีข่าวว่า รัสเซีย และ จีน ได้ทดสอบการสยบการเคลื่อนไหว เครื่องบินรบ และเรือรบของอเมริกา ในน่านน้ำ และน่านฟ้า เขตของจีนและบริเวณรัสเซียอยู่หลายครั้ง และทุกครั้ง ฝ่ายอเมริกาจะออกมาให้ข่าวว่า เป็นเรื่องการปล่อยโคมลอยเสมอ แต่คราวนี้ สุดกร่างรับรองให้จีนเอง ในรายงาน Grand Strategy เตรียมพร้อมทั้งตัวเอง และลูกหาบให้รับมือกับระบบ A2/AD ของอาเฮีย ! ตกลง Grand Strategy นี่มีเป้าหมายอะไรกันแน่ มัน Grand ตรงไหนนะ นอกจากหลอกด่าจีนและพวก จนหมดสีหมดไข่ไปแยะ อวดใหญ่คุยโว ว่ามีเด็กอยู่เต็มในกระเป๋า เดี๋ยวจะเอาของขวัญวันเด็ก แจกให้เด็กๆเอาไปเล่นกะอาเฮีย แต่ขณะเดียวกัน ก็บ่นว่ารัฐสภาต้องเพิ่มงบด้านความมั่นคงให้ อ้าว แล้วงี้จะเอาตังค์ที่ไหนไปซื้อของขวัญแจกเด็ก สงสัยเด็กๆ มีหวังได้ของขวัญ ประเภทเขาตัดค่าเสื่อมหมดแล้ว ถึงเอามาแจก มันดูเหมือนจะบรรยายความขัดกันเอง อเมริกาคิดอะไร จึงปล่อยให้ CFR ออกรายงานนี้ เนื้อความแบบนี้ มาในจังหวะช่วงเดือนกว่ามานี้ แถมในตอนสรุป สุดกร่างบอกว่า เชื่อว่าผู้อ่านรายงานนี้ คงมีปฏิกิริยาต่างๆกัน หลายคนคงบอกว่า รายงานนี้จะเป็นการยั่วยุจีน สุดกร่างบอก จีนคงมีปฏกิริยาแน่ แต่ถึงมี ก็ไม่ได้ทำให้เราเปลี่ยนแปลงรายงาน หรือเปลี่ยนใจอะไร เพราะยังไงเราก็ต้องทำรายงานแบบนี้ และแนะนำให้ดำเนินการตามที่เราเสนออยู่ดี บางคนว่า เรามองจีนในแง่ร้ายไปหรือเปล่า ไม่เลย เราแน่ใจว่า เรามองอย่างตรงไปตรงมาที่สุด จากพฤติกรรมของจีนเอง นี่เรายังไม่ได้ใส่ลงไปนะ ว่าถ้าจีนเกิดเลียนแบบ พฤติกรรมของสหภาพโซเวียต ซึ่งเราคาดว่า จีนอาจจะทำ เรายิ่งต้องมองไปถึงเรื่องการปิดล้อมจีนเสียด้วยซ้ำ (containment) อย่านึกว่า ถ้าเราคิดปิดล้อมจีน จะไม่มีชาติเอเซียไม่เอาด้วยนะ และบางคนถามว่า รายงานนี้จะทำให้เกิดผลที่มีความหมายอะไรไหม (meaningful result) สุดกร่างบอก อย่าไปคิดเล้ย เป็นไปไม่ได้หรอก ตราบใดที่จีนคิดอยากเป็นขั้วอำนาจในเอเซียแทนที่อเมริกาอย่างนี้ มันจะมีผลมีดอกอะไรกัน สุดกร่างชักเบื่อ ถามทำไม คำถามพวกนี้ สิ่งที่สำคัญคือ จีนจะมีปฏิกิริยาตอบรับกับ Grand Strategy ของเรา อย่างไรมากกว่า … ใช่แล้ว อย่าว่าแต่เอ็งเลย ไอ้กร่าง ผมก็อยากรู้ สุดกร่าง ยังกร่างไม่หยุด ผมต้องยอมมัน มันขอแถมท้ายว่า เรื่องทั้งหมด ก็ขึ้นอยู่กับท่านประธานาธิบดีโอบามานั่นแหละครับ ท่านโอ ท่านดำเนินนโยบายแบบเมตตาต่อจีน มาตลอด เพราะท่านโอ รวมทั้งรัฐบาลก่อนๆ วิเคราะห์จีนผิดหมด ไปมองว่าจีนคิดแต่ค้าขาย ไม่ได้เฉลียวฉลาดมองว่า ที่แท้จีนกำลังวัดรอยเท้าท่านอย่างใกล้ชิด กะจะใส่รองเท้าเบอร์เดียว แบบเดียวกะท่านเลย แล้วทีมงานของท่านโอ ก็ดีแต่คิดนโยบายที่จะร่วมมือกับจีน แทนที่จะคิดนโยบายขวางกั้น มาถึงตอนนี้ ก็ต้องวัดขนาดของหัวใจของท่านโอแล้วละครับว่า อเมริกาคิดจะเล่นการเมืองระดับโลกกับจีนแบบไหน มีความกล้าที่จะปกป้องผลประโยชน์ของอเมริกาขนาดไหน แม่จ้าวโว้ย ต้องยอมรับว่า สุดกร่างมันใหญ่จริง มันคือตัวจริงเสียงจริง ของไอ้นักล่าใบตองแห้งเลย ไม่ใช่เป็นแค่ผู้ต้องสงสัย ##### นิทานเรื่องจริง เรื่อง”แผนสอยมังกร” ตอน 6 (จบ) (โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน) ลองไล่เรียงดูไทม์ไลน์ รายงาน Grand Strategy เขียนเสร็จ เมื่อปลายเดือนมีนาคม กลางเดือนเมษายน ปล่อยเอกสารออกมาให้อ่าน เวลาผ่านไปไม่ถึงเดือน Wall Sreet Journal ลงข่าวเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ว่า นาย Ash Carter รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ของนักล่าใบตองแห้ง แต่มาดออกไปทางเสมียน เตรียมเสนอให้กองทัพของอเมริกาใช้เรือรบ และเครื่องบินรบ ไปสำแดงแสนยานุภาพ ในแถบทะเลจีนที่มีข้อพิพาท เพื่อแสดงให้โลกเห็นว่า ต้องมีเสรีภาพในการเดินเรือในแถบนั้น ข้อเสนอ ของพณท่านรัฐมนตรีมาดเสมียน เป็นไปตามข้อเสนอ 1 ใน 8 ข้อ ของ Grand Strategy แปลว่า อเมริกาน่าจะเห็นด้วย และเอาจริงกับแผนตาม Grand Strategy อเมริกาเอาจริงขนาดไหนล่ะ ตอนนี้ขนาดหัวใจของนายโอบามาใหญ่กว่าปากแล้วใช่ไหม ถ้าคิดแบบนั้นแปลว่าไม่รู้จักอเมริกาจริง ขนาดหัวใจของนายโอบามาใหญ่กว่าปากมาตั้งแต่ต้น อาจจะตั้งแต่วันรับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก มันถึงเล่นบทได้เนียน อเมริกา “พร้อมรบ ” จีนและพวก แน่นอนครับ เพียงแต่จะรบอย่างไร และเมื่อไหร่เท่านั้น อเมริกาจะไม่มีวันยอมเสียตำแหน่งมหาอำนาจหมายเลขหนึ่งของโลกให้แก่จีนอย่างเด็ดขาด ความคิดของอเมริกาวันนี้ ไม่ได้ต่างอะไรกับความคิดของอังกฤษเมื่อ 100 ปีก่อน ที่อังกฤษกลัวเยอรมันโตแซงหน้า และขึ้นมาเป็นหมายเลขหนึ่งของโลกแทน แม้ตอนนั้นอังกฤษจะกระเป๋าแห้ง ซึ่งก็ไม่ต่างกับอเมริกาตอนนี้ ที่เศรษฐกิจก็กำลังถลาลง ถูกคู่แข่ง ไล่ตี ไล่ต้อนดอลล่าร์สาระพัดรูปแบบ Grand Strategy ไม่ได้เขียนให้นายโอบามาอ่าน Grand Strategy เขียนให้จีน พวกจีน และชาวโลกอย่างเราๆอ่าน ให้รู้ว่า อเมริกาคิดอย่างไรกับจีน และคิดจะจัดการอย่างไรกับจีน อเมริการังเกียจ อิจฉา ดูถูกจีน เหมือนกับอังกฤษมองเยอรมันและรัสเซียเมื่อ 100 ปีก่อนยังไง (และตอนนี้ก็ยังมองอย่างนั้นอยู่ ) ก็เช่นเดียวกันกับที่อเมริกามองจีนตอนนี้ และอีก 100 ปีข้างหน้า อเมริกา ก็คงไม่เปลี่ยนการมองจีน อเมริกามองจีนว่า ไม่เท่าเทียมกับอเมริกาเสียด้วยซ้ำ แล้วจะยอมให้จีนเป็นมังกรลอยละล่องอยู่บนฟ้า เหนือกว่าอินทรีย์ได้อย่างไร และอย่าลืมว่า Grand Strategy เขียนโดยถังขยะความคิด CFR ซึ่งเป็นผลผลิต ของกลุ่มผู้สร้างละครลวงโลก ต้มข้ามศตวรรษ นายโอบามา ก็ไม่ต่างกับประธานาธิบดีวิลสันของอเมริกา เมื่อปี ค.ศ.1917 ที่เล่นบทเป็นผู้รักสันติภาพ ไม่พาประเทศเข้าสู่สงคราม ขณะเดียวกัน เมื่อถึงเวลาอัน “เหมาะสม” อเมริกา ก็พร้อมที่จะประกาศสงคราม สงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษเป็นผู้นำ เยอรมันเป็นผู้ร้าย อเมริกาเป็นพระเอก ยิวเป็นตัวกระตุ้น รัสเซีย ออตโตมานเป็นเหยื่ออันดับ 1 ยุโรปเป็นเหยื่ออันดับ 2 สงครามโลกครั้งที่ 2 อังกฤษเป็นผู้นำ เยอรมันเป็นผู้ร้ายอันดับ 1 ญี่ปุ่น(พร้อมใจรับบท) เป็นผู้ร้ายอันดับ 2 อเมริกาเป็นพระเอกตลอดกาล ยิวเป็นตัวกระตุ้น รัสเซียเป็นเหยื่อตลอดกาลอันดับ 1 ยุโรป เป็นเหยื่ออันดับ 2 สงครามโลกครั้งที่ 3 !?! จะหน้าตาเป็นอย่างไร ใครจะเป็นผู้นำ ใครจะเป็นผู้ร้าย ใครจะเป็นพระเอก ใครจะเป็นเหยื่อ อเมริกา “พร้อมรบ” กับจีน แต่อเมริกาจะรบกับจีนอย่างไร Major Christopher J McCarthy แห่งกองทัพอากาศ ได้เขียนบทความเรื่อง Anti-Acess/Area Denial : The Evolution of Modern Warfare ซึ่งระบุไว้ตอนหนึ่งว่า จีนวางยุทธศาสตร์ A2/AD ได้เข้าท่ามาก ด้วยการดักทางอเมริกา ตั้งแต่โอกินาวาถึงกวม จีนมีจรวดพิสัยใกล้ และกลาง สำหรับระงับการยกพลมาจากโอกินาวา และจากการศึกษาของฝ่ายอเมริกา ล่าสุดบอกว่า จรวดสกัดสำหรับระยะทางยาวถึงกวม ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับจีนเช่นกัน แต่สำหรับอเมริกา ซึ่งถนัดในการใช้ยุทธศาสตร์ Air Sea Battle เคลื่อนกำลังทางเรือและโจมตีทางเครื่องบิน ถ้าอเมริกา ไม่สามารถใช้ฐานทัพที่โอกินาวา การเคลื่อนพลจากกวม ซึ่งเป็นฐานใหญ่ที่สุดของอเมริกาในแปซิฟิก เพื่อมาต่อสู้กับจีน ก็น่าจะมีปัญหาเช่นกัน เนื่องจากกวมต้องได้รับกำลังสนับสนุนจากโอกินาวาด้วย แปลว่าระบบ A2/AD ในปัจจุบันของจีน น่าจะสามารถสะกัดการเคลื่อนพลของอเมริกามาสู่จีน ทางแปซิฟิกได้เรียบร้อยแล้ว ตัวช่วยที่อเมริกาเคยเลือกไว้ และแน่ใจว่าอยู่ในกระเป๋าอเมริกามาตลอดเวลา คือ ไทยแลนด์ นี่แหละ ที่อเมริกาจะใช้เป็นฐานส่งกำลังพล และกำลังบำรุง ที่อเมริกาจะเคลื่อนมาไม่ว่าจากด้านแปซิฟิก หรือจากด้านมหาสมุทรอินเดีย อเมริกาจึงต้องจับมืออินเดียไว้ให้แน่นเช่นกัน แต่วันนี้ สัมพันธ์ไทย-อเมริกาไม่เหมือนเดิม แผนอเมริกาที่จะใช้ไทย จะเหมือนเดิมหรือไม่ และถ้าใช้ไม่ได้อเมริกาจะ “จัดการ” กับไทยอย่างไร (ไทยจะอยู่ในสถานะลำบาก ยอมอเมริกา ก็เจอ A2/AD จากจีน ไม่ยอมอเมริกา ก็คงจะได้รับของขวัญบ่อยๆ) ถ้าเป็นเช่นนั้น อเมริกา จะ “พร้อมรบ” จีนได้อย่างไร ถ้าเคลื่อนพลมาจากแปซิฟิกไม่สำเร็จ อเมริกาก็คงใช้ยุทธศาสตร์ หรือน่าจะเรียกว่า อุบาย หรือนิสัยเดิมๆ คือ ไม่มีตอนไหนที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ ได้ดีกว่า ตอนที่คู่ต่อสู่น่วม ใกล้เละแล้ว ขนาดจะเคลื่อนพลไปชิดจีน อเมริกายังทำยากเลย แล้วจะทำให้จีนน่วมได้อย่างไร Grand Strategy บอกใบ้ไว้แล้ว อเมริกาคงพยายามทำให้เอเซียวุ่นวาย และฉิบหายในที่สุด เพื่อสร้างความปั่นป่วนต่อจีนจากด้านนอก จีนใหญ่เกินไปและเข้าไปข้างในจีนยาก แต่ไม่ได้หมายความว่า สร้างความปั่นป่วนจากข้างนอกไม่ได้ และแน่นอน ญี่ปุ่น เกาหลี ฟิลิปปินส์ เวียตนาม คงจะรับบทนักป่วนแถวทะเลจีน ส่วนเด็กๆ ที่เหลือ ก็ป่วนมันรอบเอเซีย จากของขวัญวันเด็ก ที่อเมริกาจะทุ่มให้ และจะต้องจับตา ออสเตรเลีย มาเลเซีย และทางทางภาคใต้ของเราเป็นพิเศษ ถ้าอเมริกาใช้เส้นทางแปซิฟิกไม่ได้ เส้นทางมหาสมุทรอินเดีย ก็เป็นทางเลือก และอเมริกาคงพยายามคุมช่องแคบมะละกา เพื่อใช้คุมเส้นทางเดินเรือของจีน และใช้เป็นเส้นทางของตนเอง แม้มาเลเซียจะไม่รักกับอเมริกานัก แต่มาเลเซียก็คงถูกนายท่านสั่งให้อยู่ในแถว และภาคใต้ของเราก็คงน่าเป็นห่วงตามไปด้วย ข่าวเรือรบของอเมริกาเคลื่อนตัวแถวแปซิฟิก ตั้งแต่เหนือลงใต้ ในทะเลจีน และทางมหาสมุทรอินเดีย จะเป็นข่าวที่เราจะได้ยินเกือบทุกวันจากนี้ไป และถ้าเป็นเช่นนั้น ก็หมายความว่า อเมริกา “ยกระดับ” ความพร้อมรบกับจีนขึ้นอีก แต่ทั้งนี้ รายการป่วนเอเซียของอเมริกา จะออกหัว ออกก้อย ก็ขึ้นกับจีนและพวกว่า จีนจะใช้ยุทธศาสตร์ใดรับมือ ซึ่งมีทั้งยุทธศาสตร์ที่ระงับความร้อนแรง และยุทธศาสตร์ที่เร่งความร้อน จนกลายเป็นสงครามโลก เห็นได้จาก Grand Strategy ว่า อเมริกาพยายามยั่วยุจีน เพื่อให้ฝ่ายจีนเป็นผู้เริ่มออกอาการ ออกอาวุธ และอเมริกาจะได้เล่นบทพระเอก ไม่ต่างกับบทการเล่นสงครามของอเมริกา ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 การเตรียมรบของอเมริกา มิได้มีเพียงเท่านี้ นี่เป็นการโหมโรงเท่านั้น อเมริกาเชื่อว่า จีนไม่รบเดี่ยวแน่นอน จีนก็มีเพื่อน และเพื่อนจีนไม่ใช่ระดับลูกหาบ หรือเด็กถือกระเป๋า เพื่อนของจีนระดับรุ่นใหญ่พิษลึกอย่างรัสเซีย หรือระดับพิษร้ายอิหร่าน หรือรุ่นเล็กแต่พิษแรง ชนิดอเมริกาก็แหยงอย่างเกาหลีเหนือ และตุรกีที่เลิกเล่นไต่ลวดแล้ว น่าจะทำให้อเมริกาสะเทือนได้เมื่อมีความพร้อม ถ้าเพื่อนของจีนพร้อมจะยืนเรียงแถวไล่ไปเป็นเส้นยาว ตั้งแต่เอเซีย ตะวันออกกลาง และยุโรป ทำให้อเมริกาก็ต้องคิดหนัก จะเลือกยุทธศาสตร์ไหนมาใช้ อเมริกาอาจจะใช้แยกส่วน แยกซอย ใช้ยุทธศาสตร์ป่วน เล่นเกมยาว เช่นเดียวกันกับเอเซีย เป็นการซื้อเวลา และดูรูปมวยไปก่อน สำหรับรัสเซีย ก็ยกให้นาโต้กับประเทศที่อเมริกาบีบไข่ได้ ไปแหย่รัสเซียให้คุณพี่ปูเหนื่อ ยเหงื่อตก ทั้งที่หิมะยังขาวโพลน ตะวันออกกลางง่ายมาก ยุให้เจ้าของปั้มตีกันเอง อิหร่าน และตรุกี จะได้ไม่มีเวลาหันไปทางจีน ส่วนเกาหลีเหนือ อเมริกามอบแล้วให้เป็นภาระของเกาหลีใต้กับญี่ปุ่น ระหว่างนี้ก็ใช้สีเทใส่ สร้างข่าวให้เป็นตัวร้ายไปเรื่อยๆ ถ้าอเมริกาเลือกยุทธศาสตร์ป่วน ก็เหนื่อยกันไปทั้งโลก ขึ้นอยู่กับว่า ฝ่ายไหนจะอึดกว่ากัน ฝ่ายไหนออกอาการอึดไม่อยู่ การส่งเห็ดพิษให้กินก็คงเกิดขึ้น แล้วก็ฉิบหายกันเป็นแถบๆ แต่แผนทำให้จีนน่วมของอเมริกา คงไม่มีแค่การป่วน บอกแล้วว่าอเมริกาใกล้จะเป็นพระเจ้าอยู่แล้ว สั่งให้แผ่นดินไหว น้ำท่วม ทำได้หมด การทำให้จีนน่วมแบบนั้นแหละ คือ fundermental collapse อย่างแท้จริง จีนจะรับมือกับการรบนอกรูปแบบเช่นนี้ได้หรือไม่ หรือไม่แน่ว่า จีนก็สั่งให้ภูเขาเคลื่อนที่ ไฟปะทุได้เหมือนกัน ถึงตอนนั้น บุญกุศลเท่านั้นกระมังที่จะคุ้มโลกและเราได้ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 16 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • จาก ERP สู่ Security Platformization – บทเรียนที่ CISOs ต้องรู้ก่อนเปลี่ยนผ่าน
    ลองนึกภาพองค์กรที่มีเครื่องมือรักษาความปลอดภัยกว่า 80 ตัว แต่กลับไม่มีภาพรวมที่ชัดเจนของระบบเลย… นี่คือปัญหาที่หลายองค์กรกำลังเผชิญ และเป็นเหตุผลที่แนวคิด “Security Platformization” กำลังมาแรงในหมู่ผู้บริหารด้านความปลอดภัย (CISOs)

    บทความนี้เปรียบเทียบการเปลี่ยนผ่านจากเครื่องมือแยกส่วนไปสู่แพลตฟอร์มรวมในโลกไซเบอร์ กับการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบ ERP ในยุค 90 ซึ่งเต็มไปด้วยบทเรียนราคาแพงที่ CISOs ควรศึกษาให้ดี

    ในยุคก่อน Y2K องค์กรต่างๆ เร่งเปลี่ยนระบบแยกส่วนในแต่ละแผนกไปสู่ระบบ ERP ที่รวมข้อมูลไว้ในฐานข้อมูลเดียว เพื่อให้เห็นภาพรวมของธุรกิจแบบเรียลไทม์ แต่การเปลี่ยนผ่านนั้นกลับเต็มไปด้วยความท้าทาย เช่น การแปลงข้อมูล, การปรับกระบวนการ, และการต่อต้านจากพนักงาน

    วันนี้ CISOs กำลังเผชิญสถานการณ์คล้ายกัน เมื่อองค์กรมีเครื่องมือรักษาความปลอดภัยมากมายแต่ไม่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเกิดแนวคิด “Security Platformization” ที่รวมเครื่องมือไว้ในแพลตฟอร์มเดียว เช่น Cisco, Microsoft, Palo Alto Networks ต่างพัฒนาแพลตฟอร์มที่รวม cloud, endpoint, network, SIEM และ threat intelligence เข้าด้วยกัน

    แต่การเปลี่ยนผ่านนี้ก็ไม่ง่าย หากไม่เรียนรู้จากอดีต CISOs อาจเจอปัญหาเดิมซ้ำอีก เช่น การต่อต้านจากทีมงาน, การวางแผนที่ไม่รอบคอบ, หรือการละเลยการปรับกระบวนการ

    แนวโน้มการเปลี่ยนผ่านสู่ Security Platformization
    องค์กรมีเครื่องมือรักษาความปลอดภัยเฉลี่ย 40–80 ตัว ทำให้เกิดข้อมูลกระจัดกระจาย
    ผู้ขายเทคโนโลยีเริ่มรวมเครื่องมือเป็นแพลตฟอร์มเดียว เช่น cloud, endpoint, network security
    CFOs สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านเพื่อประหยัดงบและเพิ่มประสิทธิภาพ

    บทเรียนจาก ERP ที่ CISOs ควรนำมาใช้
    ERP เคยล้มเหลวเพราะแปลงข้อมูลลำบาก, ปรับกระบวนการไม่ครบ, และขาดการสนับสนุนจากทีม
    การเปลี่ยนผ่านต้องมีการวางแผนเป็นเฟส ไม่ใช่แบบ “Big Bang”
    ต้องมีการปรับกระบวนการและใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาอาชีพของทีมงาน

    แนวทางที่แนะนำสำหรับ CISOs
    สร้างความเข้าใจร่วมกับผู้บริหารระดับสูง และสื่อสารด้วยภาษาธุรกิจ
    เริ่มจากทีมรักษาความปลอดภัยก่อน ไม่ใช่แค่เปลี่ยนเทคโนโลยี
    วางแผนการเปลี่ยนผ่านแบบมีเฟส พร้อมแผนทดสอบและย้อนกลับ
    สร้าง data pipeline ที่มีคุณภาพ เพื่อเป็นฐานข้อมูลกลางที่เชื่อถือได้
    ใช้โอกาสนี้ปรับปรุงกระบวนการด้วย SOAR และ AI

    คำเตือนจากบทเรียน ERP
    การเปลี่ยนผ่านแบบเร่งรีบอาจทำให้ระบบล่ม เช่นกรณี Hershey ที่ส่งสินค้าไม่ได้ช่วงฮาโลวีน
    การไม่ปรับกระบวนการและไม่ฝึกอบรมทีมงาน อาจนำไปสู่ความล้มเหลวและความขัดแย้ง
    การละเลยการสื่อสารกับผู้บริหาร อาจทำให้โครงการขาดแรงสนับสนุน

    ถ้าคุณเป็น CISO หรือผู้บริหารด้าน IT นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่จะเปลี่ยนบทบาทจากผู้ดูแลเทคโนโลยี สู่ผู้นำด้านกลยุทธ์ความปลอดภัยขององค์กรอย่างแท้จริง

    https://www.csoonline.com/article/4080709/what-past-erp-mishaps-can-teach-cisos-about-security-platformization.html
    🛡️ จาก ERP สู่ Security Platformization – บทเรียนที่ CISOs ต้องรู้ก่อนเปลี่ยนผ่าน ลองนึกภาพองค์กรที่มีเครื่องมือรักษาความปลอดภัยกว่า 80 ตัว แต่กลับไม่มีภาพรวมที่ชัดเจนของระบบเลย… นี่คือปัญหาที่หลายองค์กรกำลังเผชิญ และเป็นเหตุผลที่แนวคิด “Security Platformization” กำลังมาแรงในหมู่ผู้บริหารด้านความปลอดภัย (CISOs) บทความนี้เปรียบเทียบการเปลี่ยนผ่านจากเครื่องมือแยกส่วนไปสู่แพลตฟอร์มรวมในโลกไซเบอร์ กับการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบ ERP ในยุค 90 ซึ่งเต็มไปด้วยบทเรียนราคาแพงที่ CISOs ควรศึกษาให้ดี ในยุคก่อน Y2K องค์กรต่างๆ เร่งเปลี่ยนระบบแยกส่วนในแต่ละแผนกไปสู่ระบบ ERP ที่รวมข้อมูลไว้ในฐานข้อมูลเดียว เพื่อให้เห็นภาพรวมของธุรกิจแบบเรียลไทม์ แต่การเปลี่ยนผ่านนั้นกลับเต็มไปด้วยความท้าทาย เช่น การแปลงข้อมูล, การปรับกระบวนการ, และการต่อต้านจากพนักงาน วันนี้ CISOs กำลังเผชิญสถานการณ์คล้ายกัน เมื่อองค์กรมีเครื่องมือรักษาความปลอดภัยมากมายแต่ไม่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเกิดแนวคิด “Security Platformization” ที่รวมเครื่องมือไว้ในแพลตฟอร์มเดียว เช่น Cisco, Microsoft, Palo Alto Networks ต่างพัฒนาแพลตฟอร์มที่รวม cloud, endpoint, network, SIEM และ threat intelligence เข้าด้วยกัน แต่การเปลี่ยนผ่านนี้ก็ไม่ง่าย หากไม่เรียนรู้จากอดีต CISOs อาจเจอปัญหาเดิมซ้ำอีก เช่น การต่อต้านจากทีมงาน, การวางแผนที่ไม่รอบคอบ, หรือการละเลยการปรับกระบวนการ ✅ แนวโน้มการเปลี่ยนผ่านสู่ Security Platformization ➡️ องค์กรมีเครื่องมือรักษาความปลอดภัยเฉลี่ย 40–80 ตัว ทำให้เกิดข้อมูลกระจัดกระจาย ➡️ ผู้ขายเทคโนโลยีเริ่มรวมเครื่องมือเป็นแพลตฟอร์มเดียว เช่น cloud, endpoint, network security ➡️ CFOs สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านเพื่อประหยัดงบและเพิ่มประสิทธิภาพ ✅ บทเรียนจาก ERP ที่ CISOs ควรนำมาใช้ ➡️ ERP เคยล้มเหลวเพราะแปลงข้อมูลลำบาก, ปรับกระบวนการไม่ครบ, และขาดการสนับสนุนจากทีม ➡️ การเปลี่ยนผ่านต้องมีการวางแผนเป็นเฟส ไม่ใช่แบบ “Big Bang” ➡️ ต้องมีการปรับกระบวนการและใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาอาชีพของทีมงาน ✅ แนวทางที่แนะนำสำหรับ CISOs ➡️ สร้างความเข้าใจร่วมกับผู้บริหารระดับสูง และสื่อสารด้วยภาษาธุรกิจ ➡️ เริ่มจากทีมรักษาความปลอดภัยก่อน ไม่ใช่แค่เปลี่ยนเทคโนโลยี ➡️ วางแผนการเปลี่ยนผ่านแบบมีเฟส พร้อมแผนทดสอบและย้อนกลับ ➡️ สร้าง data pipeline ที่มีคุณภาพ เพื่อเป็นฐานข้อมูลกลางที่เชื่อถือได้ ➡️ ใช้โอกาสนี้ปรับปรุงกระบวนการด้วย SOAR และ AI ‼️ คำเตือนจากบทเรียน ERP ⛔ การเปลี่ยนผ่านแบบเร่งรีบอาจทำให้ระบบล่ม เช่นกรณี Hershey ที่ส่งสินค้าไม่ได้ช่วงฮาโลวีน ⛔ การไม่ปรับกระบวนการและไม่ฝึกอบรมทีมงาน อาจนำไปสู่ความล้มเหลวและความขัดแย้ง ⛔ การละเลยการสื่อสารกับผู้บริหาร อาจทำให้โครงการขาดแรงสนับสนุน ถ้าคุณเป็น CISO หรือผู้บริหารด้าน IT นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่จะเปลี่ยนบทบาทจากผู้ดูแลเทคโนโลยี สู่ผู้นำด้านกลยุทธ์ความปลอดภัยขององค์กรอย่างแท้จริง 💼✨ https://www.csoonline.com/article/4080709/what-past-erp-mishaps-can-teach-cisos-about-security-platformization.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    What past ERP mishaps can teach CISOs about security platformization
    CISOs should study ERP challenges and best practices to pursue a successful transition from security point tools to integrated platforms.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Django ปล่อยแพตช์อุดช่องโหว่ร้ายแรง – SQL Injection และ DoS บน Windows”
    ลองจินตนาการว่าเว็บไซต์ของคุณที่สร้างด้วย Django อาจถูกแฮกเกอร์เจาะระบบฐานข้อมูล หรือแม้แต่ทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มได้เพียงแค่ส่ง URL แปลก ๆ! ล่าสุด Django Software Foundation ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยเพื่อแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการ ได้แก่:

    CVE-2025-64459: ช่องโหว่ SQL Injection ที่เกิดจากการใช้ _connector กับ dictionary expansion ในฟังก์ชัน QuerySet.filter(), exclude(), get() และคลาส Q() ซึ่งหากผู้ใช้ส่งข้อมูลที่ไม่ปลอดภัยมา จะสามารถแทรกคำสั่ง SQL อันตรายเข้าไปได้

    CVE-2025-64458: ช่องโหว่ DoS บน Windows ที่เกิดจากการจัดการ Unicode redirect โดยใช้ฟังก์ชัน HttpResponseRedirect, HttpResponsePermanentRedirect, และ redirect() ซึ่งหากมีการส่ง URL ที่มีตัวอักษร Unicode จำนวนมาก จะทำให้ระบบใช้ CPU สูงจนล่มได้

    การอัปเดตนี้ครอบคลุมหลายเวอร์ชัน ได้แก่ Django 5.2.8, 5.1.14, และ 4.2.26 รวมถึงเวอร์ชันหลักและเบต้า 6.0 โดยทีมงาน Django แนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันความเสี่ยง

    Django อัปเดตเพื่อแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรง 2 รายการ
    CVE-2025-64459: SQL Injection ผ่าน _connector ใน dictionary expansion
    CVE-2025-64458: DoS บน Windows จาก Unicode redirect

    ช่องโหว่ SQL Injection มีผลต่อหลายฟังก์ชันหลัก
    QuerySet.filter(), exclude(), get() และคลาส Q()
    หากใช้ _connector กับ dictionary ที่ไม่ปลอดภัย อาจถูกแทรกคำสั่ง SQL

    ช่องโหว่ DoS บน Windows เกิดจาก Unicode normalization
    Python บน Windows จัดการ NFKC normalization ช้า
    ส่งผลให้ redirect ใช้ CPU สูงจนระบบล่มได้

    Django ปล่อยแพตช์ในหลายเวอร์ชัน
    Django 5.2.8, 5.1.14, 4.2.26 และเวอร์ชันหลัก
    พร้อม release notes สำหรับแต่ละเวอร์ชัน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SQL Injection เป็นหนึ่งในช่องโหว่ที่อันตรายที่สุดในเว็บแอป
    Unicode normalization เป็นกระบวนการจัดรูปแบบตัวอักษรให้เหมือนกัน ซึ่งมีผลต่อการเปรียบเทียบและ redirect
    Django เป็นหนึ่งใน framework ที่นิยมใช้ในองค์กรและระบบ API ทั่วโลก

    https://securityonline.info/django-team-patches-high-severity-sql-injection-flaw-cve-2025-64459-and-dos-bug-cve-2025-64458-in-latest-security-update/
    🛠️ “Django ปล่อยแพตช์อุดช่องโหว่ร้ายแรง – SQL Injection และ DoS บน Windows” ลองจินตนาการว่าเว็บไซต์ของคุณที่สร้างด้วย Django อาจถูกแฮกเกอร์เจาะระบบฐานข้อมูล หรือแม้แต่ทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มได้เพียงแค่ส่ง URL แปลก ๆ! ล่าสุด Django Software Foundation ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยเพื่อแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการ ได้แก่: 🪲 CVE-2025-64459: ช่องโหว่ SQL Injection ที่เกิดจากการใช้ _connector กับ dictionary expansion ในฟังก์ชัน QuerySet.filter(), exclude(), get() และคลาส Q() ซึ่งหากผู้ใช้ส่งข้อมูลที่ไม่ปลอดภัยมา จะสามารถแทรกคำสั่ง SQL อันตรายเข้าไปได้ 🪲 CVE-2025-64458: ช่องโหว่ DoS บน Windows ที่เกิดจากการจัดการ Unicode redirect โดยใช้ฟังก์ชัน HttpResponseRedirect, HttpResponsePermanentRedirect, และ redirect() ซึ่งหากมีการส่ง URL ที่มีตัวอักษร Unicode จำนวนมาก จะทำให้ระบบใช้ CPU สูงจนล่มได้ การอัปเดตนี้ครอบคลุมหลายเวอร์ชัน ได้แก่ Django 5.2.8, 5.1.14, และ 4.2.26 รวมถึงเวอร์ชันหลักและเบต้า 6.0 โดยทีมงาน Django แนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันความเสี่ยง ✅ Django อัปเดตเพื่อแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรง 2 รายการ ➡️ CVE-2025-64459: SQL Injection ผ่าน _connector ใน dictionary expansion ➡️ CVE-2025-64458: DoS บน Windows จาก Unicode redirect ✅ ช่องโหว่ SQL Injection มีผลต่อหลายฟังก์ชันหลัก ➡️ QuerySet.filter(), exclude(), get() และคลาส Q() ➡️ หากใช้ _connector กับ dictionary ที่ไม่ปลอดภัย อาจถูกแทรกคำสั่ง SQL ✅ ช่องโหว่ DoS บน Windows เกิดจาก Unicode normalization ➡️ Python บน Windows จัดการ NFKC normalization ช้า ➡️ ส่งผลให้ redirect ใช้ CPU สูงจนระบบล่มได้ ✅ Django ปล่อยแพตช์ในหลายเวอร์ชัน ➡️ Django 5.2.8, 5.1.14, 4.2.26 และเวอร์ชันหลัก ➡️ พร้อม release notes สำหรับแต่ละเวอร์ชัน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SQL Injection เป็นหนึ่งในช่องโหว่ที่อันตรายที่สุดในเว็บแอป ➡️ Unicode normalization เป็นกระบวนการจัดรูปแบบตัวอักษรให้เหมือนกัน ซึ่งมีผลต่อการเปรียบเทียบและ redirect ➡️ Django เป็นหนึ่งใน framework ที่นิยมใช้ในองค์กรและระบบ API ทั่วโลก https://securityonline.info/django-team-patches-high-severity-sql-injection-flaw-cve-2025-64459-and-dos-bug-cve-2025-64458-in-latest-security-update/
    SECURITYONLINE.INFO
    Django Team Patches High-Severity SQL Injection Flaw (CVE-2025-64459) and DoS Bug (CVE-2025-64458) in Latest Security Update
    Django released urgent patches (v5.2.8+) for a Critical SQL Injection flaw (CVE-2025-64459) affecting QuerySet methods via the _connector keyword, risking remote database compromise.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • บรรยากาศคึกคักที่หน้าร้าน ย.ย่งฮะเฮง ถนนบรรทัดทอง!
    ลูกค้าแวะเวียนมาเลือกชมเครื่องจักรและอุปกรณ์คุณภาพดีกันอย่างไม่ขาดสาย ทีมงานพร้อมให้คำแนะนำและบริการอย่างเต็มที่

    ใครกำลังมองหาเครื่องจักรสำหรับธุรกิจ ห้ามพลาดเลยนะครับ! แวะมาชมสินค้าจริงได้ที่ร้าน หรือสอบถามเพิ่มเติมโทร 02-2153515-9 ยินดีให้บริการครับ!

    #ย่งฮะเฮง #YongHahHeng #ถนนบรรทัดทอง #เครื่องจักร #อุปกรณ์อุตสาหกรรม #ขายดิบขายดี #คุณภาพดี
    บรรยากาศคึกคักที่หน้าร้าน ย.ย่งฮะเฮง ถนนบรรทัดทอง! 🤩 ลูกค้าแวะเวียนมาเลือกชมเครื่องจักรและอุปกรณ์คุณภาพดีกันอย่างไม่ขาดสาย ทีมงานพร้อมให้คำแนะนำและบริการอย่างเต็มที่ 🙏✨ ใครกำลังมองหาเครื่องจักรสำหรับธุรกิจ ห้ามพลาดเลยนะครับ! แวะมาชมสินค้าจริงได้ที่ร้าน หรือสอบถามเพิ่มเติมโทร 02-2153515-9 ยินดีให้บริการครับ! #ย่งฮะเฮง #YongHahHeng #ถนนบรรทัดทอง #เครื่องจักร #อุปกรณ์อุตสาหกรรม #ขายดิบขายดี #คุณภาพดี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้มข้ามศตวรรษ – หน้าฉาก หลังฉาก 1 – 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 9 “หน้าฉาก หลังฉาก”

    ตอน 1

    ขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่มปะทะกันในยุโรป คนอเมริกัน มากกว่า 1 ใน 3 เป็นพวกต่างชาติ ที่อพยพเข้ามาอยู่ในอเมริกา และส่วนใหญ่มาจาก เยอรมัน ไอร์แลนด์ และอิตาลี คนส่วนใหญ่ในอเมริกา ไม่รู้เรื่อง ไม่เกี่ยวข้อง และไม่มีผลประโยชน์กับสงครามโลกที่กำลังดำเนินอยู่ในยุโรป ไม่มีทางที่พวกเขาอยากจะไปยุ่งเกี่ยวกับสงคราม ที่ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาเลยนี่นะ และโดยเฉพาะคนเยอรมัน ที่มีอยู่ในอเมริกา ประมาณ 6 ล้านคน คงไม่อยากให้อเมริกาทำสงครามกับเยอรมัน

    มันเป็นความคิด คนละชุดกับของคนอเมริกันอีกกลุ่มหนึ่ง ที่มีจำนวนเล็กน้อยมาก จนเทียบกับเสียงส่วนใหญ่ของคนอเมริกันไม่ได้ แต่คนพวกนี้ เป็นนักการเงิน นักธุรกิจ พวกอีลิต ที่กำลังทำธุรกิจอยู่กับกับอังกฤษ และฝรั่งเศส และกำลังครอบงำธุรกิจของอเมริกา และรัฐบาลของอเมริกาอยู่

    ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ของอเมริกา ซึ่งเป็นหุ่นถูกเชิด หรือสมคบกับกลุ่มนักการเงินวอลสตรีท เพื่อออกกฏหมาย Federal Reserve Act ในปี 1913 ได้รับเลือกเข้ามาเป็นประธานาธิบดีอีก เป็นวาระที่ 2 ในปี 1916

    ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี กลุ่มนักการเงิน นักธุรกิจใหญ่ของอเมริกา ประชุมวางแผนกันที่บ้านของ Elbert Gary เจ้าพ่ออุตสาหกรรมเหล็กของอเม ริกาคนหนึ่ง โดยมีผู้ร่วมประชุม เช่น August Belmont (ตัวแทนของ กลุ่ม Rothschild ซึ่งมีข่าวว่า เป็นลูกนอกสมรสของพวก Rothschild) Jacob Schiff, George F Baker, Cornelius Vanderbilt รวมทั้งอดีตประธานาธิบดี Theodore Roosevelt และ George W Pergins คนถือกระเป๋าบรรจุขนมของ J P Morgan เอาไว้แจกนักการเมืองยามจำเป็น และเป็นอดีตหุ้นส่วนของ J P Morgan ด้วย ที่ประชุมตกลงที่จะสนับสนุน ให้ Woodlow Wilson เป็นประธานาธิบดี อีกสมัยหนึ่ง เป็นการสนับสนุนอย่างลับๆ โดยไม่ไร้วัตถุประสงค์ ในการหาเสียง ทีมงานของ Wilson ใช้คำขวัญประกาศเสียงดังฟังชัดว่า “he kept us out of war” เขาไม่พาเราเข้าสงคราม

    คำขวัญนี้ กำหนดโดยคณะที่ปรึกษาในการหาเสี ยง และที่ปรึกษาคนสำคัญของ Wilson คือ Colonel Edward M. House ก็เห็นด้วย เมื่อได้รับตำแหน่งหมาดๆ Wilson ประกาศว่า เราเป็นรัฐบาลของประชาชน และประชาชนของเราไม่ต้องการทำสงคราม ผ่านไปปีกว่า ประชาชนชาวอเมริกันก็ยังไม่อยากให้อเมริกาเข้าร่วมสงคราม แต่ Wilson กลับลำ ประกาศนำอเมริกาเข้าร่วมสงครามโลก ยกเลิกบทบาทประเทศเป็นกลาง อย่างหน้าตาเฉย
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 9 “หน้าฉาก หลังฉาก”

    ตอน 2

    Col. Edward M House เป็นผู้ที่มีอิทธิพลสูง และเป็นตัวละครสำคัญ ที่ทำหน้าที่ชักใยอยู่หลังฉาก ในละครลวงโลกเรื่องปฏิวิติ Bolsheviks หรือปล้นรัสเซีย

    Col. House ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาส่วนตัว ของ ประธานาธิบดี Wilson และประธานาธิบดี Flanklin D Roosevelt ในช่วงต่อจาก Wilson ด้วย เขามีความใกล้ชิดกับ J P Morgan และครอบครัวนักการเงินรุ่นเก๋าของอังกฤษ แม้จะเติบโตมาจากเมือง Houston, Texas แต่เขาก็ไปเรียนหนังสือในโรงเรียนที่อังกฤษอยู่หลายปี

    พ่อของ House , Thomas William House เป็นคนอังกฤษ ที่อพยพมาอยู่ในอเมริกา และทำรายได้จนเรียกได้ว่าเป็นคนรวย จากการเป็นตัวแทนให้สถาบันการเงินอังกฤษ ในช่วงสงครามที่รบกันระหว่างรัฐ ของอเมริกา ข่าวว่า เขาเป็นตัวแทนของตระกูล Rothschild พ่อเขา House ทิ้งมรดกไว้ให้ลูกอยู่อย่างสบาย แค่ต้องการให้ลูก “รู้จัก และ รับใช้” อังกฤษ

    House เป็นคนสนใจการเมือง และชอบที่จะเล่นบทอยู่หลังฉากมากกว่าหน้าฉาก เขาเริ่มหาประสบการณ์ทางการเมือง โดยการเข้าไปสนับสนุนผู้สมัคร เลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐเท็กซัสถึง 4 สมัย หนึ่งในผู้ว่าการรัฐที่เขาหนุนจนได้ตำแหน่ง เป็นคนเรียกเขาว่า ผู้พัน หลังจากนั้นเขาเลยกลายเป็น Col. House ของทุกคน

    ประมาณปี ค.ศ. 1902 เขาย้ายมาอยู่นิวยอร์ค และเข้าสังคมชั้นสูง หลังจากนั้นจึงเข้ามาป้วนเปี้ยน ในการเมืองสนามใหญ่ มองหาม้ามืด มาฝึกเอาถ้วยรางวัล เขาเล็งได้ม้ามืด ชื่อ Woodlow Wilson เขาร่วมวางแผนหาเสียงให้ Wilson จนได้เป็นประธานาธิบดี แต่เขาไม่รับตำแหน่งในรัฐบาล เขาเลือกที่จะเป็นที่ปรึกษาส่วนตัว และดูแลงานด้านการต่างประเทศให้ Wilson
    ความใหญ่ของ House ในช่วงนั้นเป็นที่เล่าขานกันทั่ว ครั้งหนึ่ง เมื่อมีการตั้งนาย Robert Lansing เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ นักข่าวหน้าใหม่ไม่รู้จัก ตะโกนถามกันว่า Lansing สะกดยังไงนะ นักข่าวรุ่นเก๋าตะโกนตอบว่า สะกดว่า H O U S E

    House ใกล้ชิดสนิทสนม กับประธานาธิบดี Wilson อย่างยิ่ง เรียกว่าเห็นหนังตากระตุก ก็รู้แล้วว่ากำลังคิดอะไร หลายตำแหน่งสำคัญในคณะรัฐมนตรีของ Wilson ที่ปรึกษา House เป็นผู้เลือก Wilson แค่ออกแรงลงชื่อ

    เมื่อการสมัครเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ของ Wilson ในสมัยที่ 2 ใกล้เข้ามา ที่ปรึกษา House ก็เริ่มหารืออย่างลับๆ กับ Sir William Wiseman ซึ่งทำงานที่สถานฑูตอังกฤษ ในอเมริกา Wiseman คือหัวหน้าข่าวกรองของอังกฤษในอเมริกา นั่นแหละ เพื่อให้ Wiseman ไปปูทางกับอังกฤษ ก่อนที่ House จะไปเจรจา

    House เจรจากับรัฐบาลอังกฤษ และฝรั่งเศส ในนามของ Wilson ว่า ถ้า Wilson ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี อเมริกาจะเข้าสู่สงครามโลกด้วย โดยจะใช้แผนเสนอให้มีการเจรจาสงบศึกกับเยอรมัน ซึ่งอเมริกาจะยื่นเงื่อนไขของการสงบศึกกับทั้ง 2 ฝ่าย ถ้ามีฝ่ายใดไม่รับข้อเสนอ อเมริกาก็จะเข้าทำสงครามด้วย และแผนลับคือ อเมริกาจะเสนอเงื่อนไขกับทางเยอรมัน ชนิดที่จะทำให้เยอรมันไม่มีทางรับได้ และก็จะทำให้เยอรมันกลายเป็นผู้ร้าย และอเมริกาจะได้เข้าสู่สงครามแบบพระเอก บทน้ำเน่าไปหน่อย แต่เขาเสนออย่างนั้นจริงๆ

    ดูอย่างคนนอก มันคงเป็นเรื่องที่ House เล่นนอกบท มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อ Wilson แสดงภาพพจน์ว่าเป็นคนรักสงบ ไม่เอาสงคราม

    แต่จริงๆ แล้ว Wilson รู้ดีว่า การเป็นกลาง และการเข้าสู่สงคราม มันเป็นบทของละครลวงโลกทั้งสิ้น และ Wilson รู้ด้วยว่า ถ้าอเมริกาเข้าสงครามในจังหวะที่เหมาะ จะมีผลกับสงครามอย่างไร และจะทำให้พวกสัมพันธมิตรต้องพึ่ง อเมริกาขนาดไหน ทั้งด้านกองกำลัง และด้านการเงินทุนสนับสนุน และถ้าเงินทุนสนับสนุน มันจำนวนใหญ่พอ เขานั่นแหละ จะเป็นผู้กำหนดเงื่อนไข และชะตาของสันติภาพ หรือชะตาของโลกหลังสงคราม

    มันก็เป็นความคิดที่ไม่ต่างกับอังกฤษ ที่หวังจะเป็นผู้ตัดสินชะตาโลกหลังสงคราม อเมริการู้เป้าหมายของอังกฤษอย่างดี แต่ไม่แน่ว่าตอนนั้น อังกฤษรู้เป้าหมายของอเมริกาที่แท้จริงของอเมริกา

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    7 พ.ค. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – หน้าฉาก หลังฉาก 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 9 “หน้าฉาก หลังฉาก” ตอน 1 ขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่มปะทะกันในยุโรป คนอเมริกัน มากกว่า 1 ใน 3 เป็นพวกต่างชาติ ที่อพยพเข้ามาอยู่ในอเมริกา และส่วนใหญ่มาจาก เยอรมัน ไอร์แลนด์ และอิตาลี คนส่วนใหญ่ในอเมริกา ไม่รู้เรื่อง ไม่เกี่ยวข้อง และไม่มีผลประโยชน์กับสงครามโลกที่กำลังดำเนินอยู่ในยุโรป ไม่มีทางที่พวกเขาอยากจะไปยุ่งเกี่ยวกับสงคราม ที่ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาเลยนี่นะ และโดยเฉพาะคนเยอรมัน ที่มีอยู่ในอเมริกา ประมาณ 6 ล้านคน คงไม่อยากให้อเมริกาทำสงครามกับเยอรมัน มันเป็นความคิด คนละชุดกับของคนอเมริกันอีกกลุ่มหนึ่ง ที่มีจำนวนเล็กน้อยมาก จนเทียบกับเสียงส่วนใหญ่ของคนอเมริกันไม่ได้ แต่คนพวกนี้ เป็นนักการเงิน นักธุรกิจ พวกอีลิต ที่กำลังทำธุรกิจอยู่กับกับอังกฤษ และฝรั่งเศส และกำลังครอบงำธุรกิจของอเมริกา และรัฐบาลของอเมริกาอยู่ ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ของอเมริกา ซึ่งเป็นหุ่นถูกเชิด หรือสมคบกับกลุ่มนักการเงินวอลสตรีท เพื่อออกกฏหมาย Federal Reserve Act ในปี 1913 ได้รับเลือกเข้ามาเป็นประธานาธิบดีอีก เป็นวาระที่ 2 ในปี 1916 ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี กลุ่มนักการเงิน นักธุรกิจใหญ่ของอเมริกา ประชุมวางแผนกันที่บ้านของ Elbert Gary เจ้าพ่ออุตสาหกรรมเหล็กของอเม ริกาคนหนึ่ง โดยมีผู้ร่วมประชุม เช่น August Belmont (ตัวแทนของ กลุ่ม Rothschild ซึ่งมีข่าวว่า เป็นลูกนอกสมรสของพวก Rothschild) Jacob Schiff, George F Baker, Cornelius Vanderbilt รวมทั้งอดีตประธานาธิบดี Theodore Roosevelt และ George W Pergins คนถือกระเป๋าบรรจุขนมของ J P Morgan เอาไว้แจกนักการเมืองยามจำเป็น และเป็นอดีตหุ้นส่วนของ J P Morgan ด้วย ที่ประชุมตกลงที่จะสนับสนุน ให้ Woodlow Wilson เป็นประธานาธิบดี อีกสมัยหนึ่ง เป็นการสนับสนุนอย่างลับๆ โดยไม่ไร้วัตถุประสงค์ ในการหาเสียง ทีมงานของ Wilson ใช้คำขวัญประกาศเสียงดังฟังชัดว่า “he kept us out of war” เขาไม่พาเราเข้าสงคราม คำขวัญนี้ กำหนดโดยคณะที่ปรึกษาในการหาเสี ยง และที่ปรึกษาคนสำคัญของ Wilson คือ Colonel Edward M. House ก็เห็นด้วย เมื่อได้รับตำแหน่งหมาดๆ Wilson ประกาศว่า เราเป็นรัฐบาลของประชาชน และประชาชนของเราไม่ต้องการทำสงคราม ผ่านไปปีกว่า ประชาชนชาวอเมริกันก็ยังไม่อยากให้อเมริกาเข้าร่วมสงคราม แต่ Wilson กลับลำ ประกาศนำอเมริกาเข้าร่วมสงครามโลก ยกเลิกบทบาทประเทศเป็นกลาง อย่างหน้าตาเฉย นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 9 “หน้าฉาก หลังฉาก” ตอน 2 Col. Edward M House เป็นผู้ที่มีอิทธิพลสูง และเป็นตัวละครสำคัญ ที่ทำหน้าที่ชักใยอยู่หลังฉาก ในละครลวงโลกเรื่องปฏิวิติ Bolsheviks หรือปล้นรัสเซีย Col. House ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาส่วนตัว ของ ประธานาธิบดี Wilson และประธานาธิบดี Flanklin D Roosevelt ในช่วงต่อจาก Wilson ด้วย เขามีความใกล้ชิดกับ J P Morgan และครอบครัวนักการเงินรุ่นเก๋าของอังกฤษ แม้จะเติบโตมาจากเมือง Houston, Texas แต่เขาก็ไปเรียนหนังสือในโรงเรียนที่อังกฤษอยู่หลายปี พ่อของ House , Thomas William House เป็นคนอังกฤษ ที่อพยพมาอยู่ในอเมริกา และทำรายได้จนเรียกได้ว่าเป็นคนรวย จากการเป็นตัวแทนให้สถาบันการเงินอังกฤษ ในช่วงสงครามที่รบกันระหว่างรัฐ ของอเมริกา ข่าวว่า เขาเป็นตัวแทนของตระกูล Rothschild พ่อเขา House ทิ้งมรดกไว้ให้ลูกอยู่อย่างสบาย แค่ต้องการให้ลูก “รู้จัก และ รับใช้” อังกฤษ House เป็นคนสนใจการเมือง และชอบที่จะเล่นบทอยู่หลังฉากมากกว่าหน้าฉาก เขาเริ่มหาประสบการณ์ทางการเมือง โดยการเข้าไปสนับสนุนผู้สมัคร เลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐเท็กซัสถึง 4 สมัย หนึ่งในผู้ว่าการรัฐที่เขาหนุนจนได้ตำแหน่ง เป็นคนเรียกเขาว่า ผู้พัน หลังจากนั้นเขาเลยกลายเป็น Col. House ของทุกคน ประมาณปี ค.ศ. 1902 เขาย้ายมาอยู่นิวยอร์ค และเข้าสังคมชั้นสูง หลังจากนั้นจึงเข้ามาป้วนเปี้ยน ในการเมืองสนามใหญ่ มองหาม้ามืด มาฝึกเอาถ้วยรางวัล เขาเล็งได้ม้ามืด ชื่อ Woodlow Wilson เขาร่วมวางแผนหาเสียงให้ Wilson จนได้เป็นประธานาธิบดี แต่เขาไม่รับตำแหน่งในรัฐบาล เขาเลือกที่จะเป็นที่ปรึกษาส่วนตัว และดูแลงานด้านการต่างประเทศให้ Wilson ความใหญ่ของ House ในช่วงนั้นเป็นที่เล่าขานกันทั่ว ครั้งหนึ่ง เมื่อมีการตั้งนาย Robert Lansing เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ นักข่าวหน้าใหม่ไม่รู้จัก ตะโกนถามกันว่า Lansing สะกดยังไงนะ นักข่าวรุ่นเก๋าตะโกนตอบว่า สะกดว่า H O U S E House ใกล้ชิดสนิทสนม กับประธานาธิบดี Wilson อย่างยิ่ง เรียกว่าเห็นหนังตากระตุก ก็รู้แล้วว่ากำลังคิดอะไร หลายตำแหน่งสำคัญในคณะรัฐมนตรีของ Wilson ที่ปรึกษา House เป็นผู้เลือก Wilson แค่ออกแรงลงชื่อ เมื่อการสมัครเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ของ Wilson ในสมัยที่ 2 ใกล้เข้ามา ที่ปรึกษา House ก็เริ่มหารืออย่างลับๆ กับ Sir William Wiseman ซึ่งทำงานที่สถานฑูตอังกฤษ ในอเมริกา Wiseman คือหัวหน้าข่าวกรองของอังกฤษในอเมริกา นั่นแหละ เพื่อให้ Wiseman ไปปูทางกับอังกฤษ ก่อนที่ House จะไปเจรจา House เจรจากับรัฐบาลอังกฤษ และฝรั่งเศส ในนามของ Wilson ว่า ถ้า Wilson ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี อเมริกาจะเข้าสู่สงครามโลกด้วย โดยจะใช้แผนเสนอให้มีการเจรจาสงบศึกกับเยอรมัน ซึ่งอเมริกาจะยื่นเงื่อนไขของการสงบศึกกับทั้ง 2 ฝ่าย ถ้ามีฝ่ายใดไม่รับข้อเสนอ อเมริกาก็จะเข้าทำสงครามด้วย และแผนลับคือ อเมริกาจะเสนอเงื่อนไขกับทางเยอรมัน ชนิดที่จะทำให้เยอรมันไม่มีทางรับได้ และก็จะทำให้เยอรมันกลายเป็นผู้ร้าย และอเมริกาจะได้เข้าสู่สงครามแบบพระเอก บทน้ำเน่าไปหน่อย แต่เขาเสนออย่างนั้นจริงๆ ดูอย่างคนนอก มันคงเป็นเรื่องที่ House เล่นนอกบท มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อ Wilson แสดงภาพพจน์ว่าเป็นคนรักสงบ ไม่เอาสงคราม แต่จริงๆ แล้ว Wilson รู้ดีว่า การเป็นกลาง และการเข้าสู่สงคราม มันเป็นบทของละครลวงโลกทั้งสิ้น และ Wilson รู้ด้วยว่า ถ้าอเมริกาเข้าสงครามในจังหวะที่เหมาะ จะมีผลกับสงครามอย่างไร และจะทำให้พวกสัมพันธมิตรต้องพึ่ง อเมริกาขนาดไหน ทั้งด้านกองกำลัง และด้านการเงินทุนสนับสนุน และถ้าเงินทุนสนับสนุน มันจำนวนใหญ่พอ เขานั่นแหละ จะเป็นผู้กำหนดเงื่อนไข และชะตาของสันติภาพ หรือชะตาของโลกหลังสงคราม มันก็เป็นความคิดที่ไม่ต่างกับอังกฤษ ที่หวังจะเป็นผู้ตัดสินชะตาโลกหลังสงคราม อเมริการู้เป้าหมายของอังกฤษอย่างดี แต่ไม่แน่ว่าตอนนั้น อังกฤษรู้เป้าหมายของอเมริกาที่แท้จริงของอเมริกา สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 7 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 242 มุมมอง 0 รีวิว
  • เตือนภัยสายอัปเกรด: Flyoobe ปลอมระบาด เสี่ยงโดนมัลแวร์!

    หลังจาก Windows 10 สิ้นสุดการสนับสนุนเมื่อเดือนที่ผ่านมา ผู้ใช้จำนวนมากหันมาใช้เครื่องมือชื่อว่า “Flyoobe” เพื่ออัปเกรดไปยัง Windows 11 โดยไม่ต้องผ่านข้อกำหนดของระบบ เช่น TPM หรือ Secure Boot ซึ่ง Flyoobe ยังมีฟีเจอร์เสริมให้ปรับแต่งระบบ เช่น ลบฟีเจอร์ AI หรือแอปที่ไม่ต้องการได้อีกด้วย

    แต่ล่าสุดผู้พัฒนา Flyoobe ได้ออกประกาศ “Security Alert” บน GitHub เตือนว่ามีเว็บไซต์ปลอมชื่อว่า flyoobe[dot]net ที่แอบอ้างเป็นแหล่งดาวน์โหลดเครื่องมือดังกล่าว โดยอาจมีการฝังมัลแวร์หรือดัดแปลงตัวติดตั้งให้เป็นอันตรายต่อระบบ

    ผู้พัฒนาเน้นย้ำว่าให้ดาวน์โหลดเฉพาะจาก GitHub อย่างเป็นทางการเท่านั้น เพราะเว็บไซต์ปลอมไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับทีมงาน Flyoobe และอาจทำให้ข้อมูลส่วนตัวถูกขโมย หรือระบบเสียหายอย่างรุนแรง

    สาระเพิ่มเติมจากวงการความปลอดภัยไซเบอร์:
    เครื่องมือที่มีสิทธิ์ระดับระบบ (system-level tools) หากถูกดัดแปลง อาจกลายเป็นช่องทางให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่าน, คีย์เข้ารหัส, หรือแม้แต่ควบคุมเครื่องจากระยะไกล
    มัลแวร์ในตัวติดตั้งมักไม่แสดงอาการทันที แต่จะฝังตัวรอจังหวะโจมตี เช่น ตอนเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือเปิดแอปสำคัญ

    Flyoobe คือเครื่องมืออัปเกรด Windows 11
    ใช้สำหรับข้ามข้อจำกัดระบบ เช่น TPM และ Secure Boot
    มีฟีเจอร์ปรับแต่ง OS เช่น ลบฟีเจอร์ AI และแอปไม่จำเป็น

    การแจ้งเตือนจากผู้พัฒนา
    พบเว็บไซต์ปลอม flyoobe[dot]net ที่แอบอ้างเป็นแหล่งดาวน์โหลด
    อาจมีมัลแวร์หรือตัวติดตั้งที่ถูกดัดแปลง

    คำแนะนำในการใช้งาน
    ดาวน์โหลดเฉพาะจาก GitHub อย่างเป็นทางการ
    หลีกเลี่ยงเว็บไซต์ที่ไม่ระบุในเอกสารของผู้พัฒนา

    ความเสี่ยงจากมัลแวร์ในเครื่องมือระดับระบบ
    อาจมี keylogger, trojan, ransomware หรือ backdoor
    ส่งผลต่อความมั่นคงของข้อมูลและระบบปฏิบัติการ

    ความเข้าใจผิดในการดาวน์โหลดเครื่องมือ
    ผู้ใช้บางคนอาจหลงเชื่อเว็บไซต์ปลอมเพราะชื่อคล้ายของจริง
    การติดตั้งจากแหล่งที่ไม่ปลอดภัยอาจทำให้ระบบเสียหาย

    ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์
    มัลแวร์อาจฝังตัวแบบเงียบ ๆ และโจมตีในภายหลัง
    อาจถูกขโมยข้อมูลส่วนตัวหรือควบคุมเครื่องจากระยะไกล

    https://www.tomshardware.com/software/windows/developer-warns-users-that-fake-download-site-is-hosting-windows-11-upgrade-bypass-tool-win-10-upgraders-warned-of-potential-malicious-downloads
    🛑 เตือนภัยสายอัปเกรด: Flyoobe ปลอมระบาด เสี่ยงโดนมัลแวร์! หลังจาก Windows 10 สิ้นสุดการสนับสนุนเมื่อเดือนที่ผ่านมา ผู้ใช้จำนวนมากหันมาใช้เครื่องมือชื่อว่า “Flyoobe” เพื่ออัปเกรดไปยัง Windows 11 โดยไม่ต้องผ่านข้อกำหนดของระบบ เช่น TPM หรือ Secure Boot ซึ่ง Flyoobe ยังมีฟีเจอร์เสริมให้ปรับแต่งระบบ เช่น ลบฟีเจอร์ AI หรือแอปที่ไม่ต้องการได้อีกด้วย แต่ล่าสุดผู้พัฒนา Flyoobe ได้ออกประกาศ “Security Alert” บน GitHub เตือนว่ามีเว็บไซต์ปลอมชื่อว่า flyoobe[dot]net ที่แอบอ้างเป็นแหล่งดาวน์โหลดเครื่องมือดังกล่าว โดยอาจมีการฝังมัลแวร์หรือดัดแปลงตัวติดตั้งให้เป็นอันตรายต่อระบบ ผู้พัฒนาเน้นย้ำว่าให้ดาวน์โหลดเฉพาะจาก GitHub อย่างเป็นทางการเท่านั้น เพราะเว็บไซต์ปลอมไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับทีมงาน Flyoobe และอาจทำให้ข้อมูลส่วนตัวถูกขโมย หรือระบบเสียหายอย่างรุนแรง 💡 สาระเพิ่มเติมจากวงการความปลอดภัยไซเบอร์: 💠 เครื่องมือที่มีสิทธิ์ระดับระบบ (system-level tools) หากถูกดัดแปลง อาจกลายเป็นช่องทางให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่าน, คีย์เข้ารหัส, หรือแม้แต่ควบคุมเครื่องจากระยะไกล 💠 มัลแวร์ในตัวติดตั้งมักไม่แสดงอาการทันที แต่จะฝังตัวรอจังหวะโจมตี เช่น ตอนเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือเปิดแอปสำคัญ ✅ Flyoobe คือเครื่องมืออัปเกรด Windows 11 ➡️ ใช้สำหรับข้ามข้อจำกัดระบบ เช่น TPM และ Secure Boot ➡️ มีฟีเจอร์ปรับแต่ง OS เช่น ลบฟีเจอร์ AI และแอปไม่จำเป็น ✅ การแจ้งเตือนจากผู้พัฒนา ➡️ พบเว็บไซต์ปลอม flyoobe[dot]net ที่แอบอ้างเป็นแหล่งดาวน์โหลด ➡️ อาจมีมัลแวร์หรือตัวติดตั้งที่ถูกดัดแปลง ✅ คำแนะนำในการใช้งาน ➡️ ดาวน์โหลดเฉพาะจาก GitHub อย่างเป็นทางการ ➡️ หลีกเลี่ยงเว็บไซต์ที่ไม่ระบุในเอกสารของผู้พัฒนา ✅ ความเสี่ยงจากมัลแวร์ในเครื่องมือระดับระบบ ➡️ อาจมี keylogger, trojan, ransomware หรือ backdoor ➡️ ส่งผลต่อความมั่นคงของข้อมูลและระบบปฏิบัติการ ‼️ ความเข้าใจผิดในการดาวน์โหลดเครื่องมือ ⛔ ผู้ใช้บางคนอาจหลงเชื่อเว็บไซต์ปลอมเพราะชื่อคล้ายของจริง ⛔ การติดตั้งจากแหล่งที่ไม่ปลอดภัยอาจทำให้ระบบเสียหาย ‼️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ⛔ มัลแวร์อาจฝังตัวแบบเงียบ ๆ และโจมตีในภายหลัง ⛔ อาจถูกขโมยข้อมูลส่วนตัวหรือควบคุมเครื่องจากระยะไกล https://www.tomshardware.com/software/windows/developer-warns-users-that-fake-download-site-is-hosting-windows-11-upgrade-bypass-tool-win-10-upgraders-warned-of-potential-malicious-downloads
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Sailfish OS” ระบบปฏิบัติการมือถือสายอิสระที่ยังยืนหยัด

    หากคุณเคยได้ยินชื่อ Nokia N9 หรือ MeeGo มาก่อน คุณอาจไม่รู้ว่ามีระบบปฏิบัติการหนึ่งที่สืบทอดเจตนารมณ์ของความเปิดกว้างและอิสระจากยุคนั้น นั่นคือ Sailfish OS ซึ่งยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยทีมงาน Jolla จากฟินแลนด์ และได้รับการสนับสนุนจากชุมชนทั่วโลก

    Sailfish OS ไม่ใช่แค่ระบบปฏิบัติการมือถือทั่วไป แต่เป็นแพลตฟอร์มที่สร้างขึ้นจาก Linux แบบคลาสสิก ใช้ Qt และ Wayland เป็นแกนหลัก พร้อม UI ที่ออกแบบด้วย QML และ Sailfish Silica ซึ่งทำให้สามารถสร้างแอปที่ลื่นไหลและตอบสนองได้ดี นอกจากนี้ยังรองรับแอป Android ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ระบบนี้มีจุดเด่นคือ “อิสระจากบริษัทยักษ์ใหญ่” เพราะไม่มีพันธะกับ Google หรือ Apple และมีสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาเต็มรูปแบบ เหมาะสำหรับองค์กรหรือรัฐบาลที่ต้องการระบบที่ปลอดภัยและควบคุมได้เอง

    Sailfish OS คือทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการระบบมือถือที่ “ไม่ตามกระแส” แต่ “ควบคุมได้เอง” และยังคงยืนหยัดในโลกที่เต็มไปด้วยระบบปิดจากบริษัทยักษ์ใหญ่

    จุดกำเนิดของ Sailfish OS มาจาก MeeGo ของ Nokia และ Intel
    MeeGo เคยเป็นระบบเปิดที่ลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ก่อนถูกยกเลิก

    ทีมงานเดิมของ MeeGo ก่อตั้งบริษัท Jolla เพื่อสานต่อโครงการ
    เปิดตัว Sailfish OS รุ่นเบต้าในปี 2013 พร้อม Jolla smartphone

    Sailfish OS รองรับแอป Android ได้ดี
    ใช้ไลบรารีของ Android เพื่อให้ทำงานได้ใกล้เคียง native

    มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องถึงรุ่น Sailfish 4
    รองรับการใช้งานในองค์กรและภาครัฐ พร้อมฟีเจอร์ใหม่มากมาย

    สร้าง UI ด้วย QML และ Sailfish Silica
    ทำให้สามารถสร้างแอปที่ตอบสนองดีและมีเอกลักษณ์

    เป็นระบบเปิดที่ไม่มีพันธะกับบริษัทใหญ่
    มีสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาเต็มรูปแบบ

    เหมาะกับองค์กรและผู้ใช้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว
    มีความปลอดภัยสูงและสามารถควบคุมระบบได้เอง

    ไม่ใช่ระบบที่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปทุกคน
    ต้องการความเข้าใจด้านเทคนิคในการติดตั้งและใช้งาน

    แอปจาก Android อาจไม่ทำงานได้ 100%
    แม้รองรับ Android แต่บางแอปอาจมีปัญหาเรื่องความเข้ากันได้

    https://sailfishos.org/info/
    📱 “Sailfish OS” ระบบปฏิบัติการมือถือสายอิสระที่ยังยืนหยัด หากคุณเคยได้ยินชื่อ Nokia N9 หรือ MeeGo มาก่อน คุณอาจไม่รู้ว่ามีระบบปฏิบัติการหนึ่งที่สืบทอดเจตนารมณ์ของความเปิดกว้างและอิสระจากยุคนั้น นั่นคือ Sailfish OS ซึ่งยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยทีมงาน Jolla จากฟินแลนด์ และได้รับการสนับสนุนจากชุมชนทั่วโลก Sailfish OS ไม่ใช่แค่ระบบปฏิบัติการมือถือทั่วไป แต่เป็นแพลตฟอร์มที่สร้างขึ้นจาก Linux แบบคลาสสิก ใช้ Qt และ Wayland เป็นแกนหลัก พร้อม UI ที่ออกแบบด้วย QML และ Sailfish Silica ซึ่งทำให้สามารถสร้างแอปที่ลื่นไหลและตอบสนองได้ดี นอกจากนี้ยังรองรับแอป Android ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบนี้มีจุดเด่นคือ “อิสระจากบริษัทยักษ์ใหญ่” เพราะไม่มีพันธะกับ Google หรือ Apple และมีสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาเต็มรูปแบบ เหมาะสำหรับองค์กรหรือรัฐบาลที่ต้องการระบบที่ปลอดภัยและควบคุมได้เอง Sailfish OS คือทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการระบบมือถือที่ “ไม่ตามกระแส” แต่ “ควบคุมได้เอง” และยังคงยืนหยัดในโลกที่เต็มไปด้วยระบบปิดจากบริษัทยักษ์ใหญ่ 🛡️ ✅ จุดกำเนิดของ Sailfish OS มาจาก MeeGo ของ Nokia และ Intel ➡️ MeeGo เคยเป็นระบบเปิดที่ลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ก่อนถูกยกเลิก ✅ ทีมงานเดิมของ MeeGo ก่อตั้งบริษัท Jolla เพื่อสานต่อโครงการ ➡️ เปิดตัว Sailfish OS รุ่นเบต้าในปี 2013 พร้อม Jolla smartphone ✅ Sailfish OS รองรับแอป Android ได้ดี ➡️ ใช้ไลบรารีของ Android เพื่อให้ทำงานได้ใกล้เคียง native ✅ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องถึงรุ่น Sailfish 4 ➡️ รองรับการใช้งานในองค์กรและภาครัฐ พร้อมฟีเจอร์ใหม่มากมาย ✅ สร้าง UI ด้วย QML และ Sailfish Silica ➡️ ทำให้สามารถสร้างแอปที่ตอบสนองดีและมีเอกลักษณ์ ✅ เป็นระบบเปิดที่ไม่มีพันธะกับบริษัทใหญ่ ➡️ มีสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาเต็มรูปแบบ ✅ เหมาะกับองค์กรและผู้ใช้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ➡️ มีความปลอดภัยสูงและสามารถควบคุมระบบได้เอง ‼️ ไม่ใช่ระบบที่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปทุกคน ⛔ ต้องการความเข้าใจด้านเทคนิคในการติดตั้งและใช้งาน ‼️ แอปจาก Android อาจไม่ทำงานได้ 100% ⛔ แม้รองรับ Android แต่บางแอปอาจมีปัญหาเรื่องความเข้ากันได้ https://sailfishos.org/info/
    SAILFISHOS.ORG
    Info - Sailfish OS
    [et_pb_section fb_built=”1″ fullwidth=”on” _builder_version=”3.22″ background_image=”https://sailfishos.org/content/uploads/2018/10/Ambience_Hero_mainpage-1.jpg” da_is_popup=”off” da_exit_intent=”off” da_has_close=”on” da_alt_close=”off” da_dark_close=”off” da_not_modal=”on” da_is_singular=”off” da_with_loader=”off” da_has_shadow=”on” da_disable_devices=”off|off|off”][et_pb_fullwidth_header title=”Info” text_orientation=”center” background_overlay_color=”rgba(0,0,0,0)” admin_label=”Page title & ingress” module_class=”page-title-content” _builder_version=”3.17.6″ background_color=”rgba(126,190,197,0)” animation_style=”fade” animation_speed_curve=”ease-out” saved_tabs=”all” collapsed=”off”][/et_pb_fullwidth_header][/et_pb_section][et_pb_section fb_built=”1″ custom_padding_last_edited=”on|desktop” module_class=”section” _builder_version=”3.22″ custom_padding_tablet=”” custom_padding_phone=”” da_is_popup=”off” da_exit_intent=”off” da_has_close=”on” da_alt_close=”off” da_dark_close=”off” da_not_modal=”on” da_is_singular=”off” da_with_loader=”off” da_has_shadow=”on” da_disable_devices=”off|off|off”][et_pb_row module_class=”row-960″ _builder_version=”3.25″][et_pb_column type=”4_4″ _builder_version=”3.25″ custom_padding=”|||” custom_padding__hover=”|||”][et_pb_text admin_label=”Sailfish OS history” _builder_version=”3.27.4″ […]
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 3-11-68
    .
    เช้าวันจันทร์แรกของเดือนพฤศจิกายน 2568 หลังจากประชุม พร้อมรับประทานอาหารเช้ากับทีมงานบ้านพระอาทิตย์เป็นก๋วยเตี๋ยวไก่ คุณสนธิก็มี เรื่องราวที่น่าสนใจหลายอย่างมาพูดคุยกับท่านผู้ฟังใน สนธิเล่าเรื่อง โดยเรื่องหนึ่งคือ เรื่อง "คุณจ๋า" ธนนนท์ นิรามิษ ภรรยาอนุทิน ชาญวีรกูล สตรีหมายเลข 1 ที่ในช่วงสุดสัปดาห์เป็นที่กล่าวขวัญกันมากในแวดวงสื่อ จากกรณีพูกับสื่อมวลชนว่า “ทำไมใจร้ายกับท่านนายกฯ จังเลย เดี๋ยวต่อไปจะจำไว้แล้วนะ เกินไปแล้วนะ” รวมถึงเรื่องสัพเพเหระอื่น ๆ ด้วย ... โปรดติดตามชมโดยพลัน
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=a1wqaqOdrw0
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #
    สนธิเล่าเรื่อง 3-11-68 . เช้าวันจันทร์แรกของเดือนพฤศจิกายน 2568 หลังจากประชุม พร้อมรับประทานอาหารเช้ากับทีมงานบ้านพระอาทิตย์เป็นก๋วยเตี๋ยวไก่ คุณสนธิก็มี เรื่องราวที่น่าสนใจหลายอย่างมาพูดคุยกับท่านผู้ฟังใน สนธิเล่าเรื่อง โดยเรื่องหนึ่งคือ เรื่อง "คุณจ๋า" ธนนนท์ นิรามิษ ภรรยาอนุทิน ชาญวีรกูล สตรีหมายเลข 1 ที่ในช่วงสุดสัปดาห์เป็นที่กล่าวขวัญกันมากในแวดวงสื่อ จากกรณีพูกับสื่อมวลชนว่า “ทำไมใจร้ายกับท่านนายกฯ จังเลย เดี๋ยวต่อไปจะจำไว้แล้วนะ เกินไปแล้วนะ” รวมถึงเรื่องสัพเพเหระอื่น ๆ ด้วย ... โปรดติดตามชมโดยพลัน . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=a1wqaqOdrw0 . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • Windows 11 มีบั๊ก Task Manager เปิดซ้ำไม่หยุด กิน RAM และ CPU จนเครื่องอืด!

    อัปเดตล่าสุดของ Windows 11 (KB5067036) ทำให้ Task Manager เปิดซ้ำทุกครั้งที่ผู้ใช้กดปิด ส่งผลให้มีหลาย instance ของโปรแกรมค้างอยู่ในระบบ กิน RAM และ CPU โดยไม่รู้ตัว

    ตามรายงานจาก TechPowerUp ผู้ใช้จำนวนมากพบว่าเมื่อเปิด Task Manager แล้วกดปิดด้วยปุ่ม “X” โปรแกรมจะไม่ถูกปิดจริง แต่จะค้างอยู่ใน background และเมื่อเปิดใหม่อีกครั้ง จะสร้าง instance ใหม่ซ้ำไปเรื่อย ๆ

    ผลกระทบที่เกิดขึ้น:
    แต่ละ instance ใช้ RAM ประมาณ 20–95 MB
    ใช้ CPU ประมาณ 0.9% ต่อ instance
    หากเปิด–ปิด 100 ครั้ง อาจใช้ RAM ถึง 2 GB และ CPU 90% โดยไม่รู้ตัว

    ทีมงาน TechPowerUp ทดลองแล้วพบว่า instance เหล่านี้ไม่สามารถปิดได้ตามปกติ ต้องใช้คำสั่งพิเศษใน Command Prompt:

    taskkill /im taskmgr.exe /f

    ซึ่งจะบังคับปิดทุก instance ของ Task Manager ที่เปิดค้างอยู่

    รายละเอียดของบั๊ก
    เกิดจากอัปเดต KB5067036 ของ Windows 11
    Task Manager ไม่ปิดจริงเมื่อกด “X”
    สร้าง instance ใหม่ทุกครั้งที่เปิด
    ใช้ RAM และ CPU สะสมจนเครื่องอืด

    วิธีแก้เบื้องต้น
    ใช้ “End Task” แทนการกด “X” เพื่อปิด Task Manager
    หากมีหลาย instance ค้างอยู่ ให้ใช้คำสั่ง taskkill /im taskmgr.exe /f
    รออัปเดตจาก Microsoft เพื่อแก้ไขบั๊กนี้

    ข้อมูลเทคนิคเพิ่มเติม
    Windows NT kernel ไม่มีโครงสร้าง parent-child แบบ UNIX
    ทุก instance ของ Task Manager ทำงานแยกกันโดยอิสระ
    ไม่สามารถปิด instance เหล่านี้ผ่าน GUI ได้

    https://www.techpowerup.com/342485/windows-11-has-a-buggy-duplicating-task-manager-that-hogs-resources
    🪟🐛 Windows 11 มีบั๊ก Task Manager เปิดซ้ำไม่หยุด กิน RAM และ CPU จนเครื่องอืด! อัปเดตล่าสุดของ Windows 11 (KB5067036) ทำให้ Task Manager เปิดซ้ำทุกครั้งที่ผู้ใช้กดปิด ส่งผลให้มีหลาย instance ของโปรแกรมค้างอยู่ในระบบ กิน RAM และ CPU โดยไม่รู้ตัว ตามรายงานจาก TechPowerUp ผู้ใช้จำนวนมากพบว่าเมื่อเปิด Task Manager แล้วกดปิดด้วยปุ่ม “X” โปรแกรมจะไม่ถูกปิดจริง แต่จะค้างอยู่ใน background และเมื่อเปิดใหม่อีกครั้ง จะสร้าง instance ใหม่ซ้ำไปเรื่อย ๆ ผลกระทบที่เกิดขึ้น: 🪲 แต่ละ instance ใช้ RAM ประมาณ 20–95 MB 🪲 ใช้ CPU ประมาณ 0.9% ต่อ instance 🪲 หากเปิด–ปิด 100 ครั้ง อาจใช้ RAM ถึง 2 GB และ CPU 90% โดยไม่รู้ตัว ทีมงาน TechPowerUp ทดลองแล้วพบว่า instance เหล่านี้ไม่สามารถปิดได้ตามปกติ ต้องใช้คำสั่งพิเศษใน Command Prompt: taskkill /im taskmgr.exe /f ซึ่งจะบังคับปิดทุก instance ของ Task Manager ที่เปิดค้างอยู่ ✅ รายละเอียดของบั๊ก ➡️ เกิดจากอัปเดต KB5067036 ของ Windows 11 ➡️ Task Manager ไม่ปิดจริงเมื่อกด “X” ➡️ สร้าง instance ใหม่ทุกครั้งที่เปิด ➡️ ใช้ RAM และ CPU สะสมจนเครื่องอืด ✅ วิธีแก้เบื้องต้น ➡️ ใช้ “End Task” แทนการกด “X” เพื่อปิด Task Manager ➡️ หากมีหลาย instance ค้างอยู่ ให้ใช้คำสั่ง taskkill /im taskmgr.exe /f ➡️ รออัปเดตจาก Microsoft เพื่อแก้ไขบั๊กนี้ ✅ ข้อมูลเทคนิคเพิ่มเติม ➡️ Windows NT kernel ไม่มีโครงสร้าง parent-child แบบ UNIX ➡️ ทุก instance ของ Task Manager ทำงานแยกกันโดยอิสระ ➡️ ไม่สามารถปิด instance เหล่านี้ผ่าน GUI ได้ https://www.techpowerup.com/342485/windows-11-has-a-buggy-duplicating-task-manager-that-hogs-resources
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Windows 11 Has a Buggy, Duplicating Task Manager That Hogs Resources
    Microsoft has done it again! The latest bug now hides in the least possible place—the one and only Task Manager. According to multiple user reports, the Windows 11 update KB5067036 is causing the Task Manager to remain open even after being closed, creating a new instance each time a user opens and ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่น้อยใจแต่ต้องการทำงาน “นราพัฒน์” เผย “อภิสิทธิ์” มีทีมงานพร้อมแล้ว ขอตัดสินใจออกไปหาโอกาสใหม่
    https://www.thai-tai.tv/news/22149/
    .
    #ไทยไท #นราพัฒน์แก้วทอง #ลาออกปชป. #การเมือง #พรรคประชาธิปัตย์ #การเกษตร
    ไม่น้อยใจแต่ต้องการทำงาน “นราพัฒน์” เผย “อภิสิทธิ์” มีทีมงานพร้อมแล้ว ขอตัดสินใจออกไปหาโอกาสใหม่ https://www.thai-tai.tv/news/22149/ . #ไทยไท #นราพัฒน์แก้วทอง #ลาออกปชป. #การเมือง #พรรคประชาธิปัตย์ #การเกษตร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ตอนนี้ทำไปทำมา เรา..ประชาชนเริ่มสงสัยในกองทัพไทยเราแล้ว สรุปกองทัพไทยเราถูกdeep stateอีลิทสากลควบคุมใช่หรือไม่นะ,การตัดสินอะไรใดๆไม่เด็ดขาดเลย,เมื่อไม่ฟังสายการเมืองแล้ว ก็ประกาศกฎอัยการศึกอย่างจริงจังเถอะ,แล้วประกาศภาวะสงครามทางการเงินทางเศรษฐกิจไทยให้ชัดเจนเลย,มันควบคลุมสายการเมืองการปกครองจริงทั้งหมดเพราะทั้งหมดมันใช้กลไกเงินกลไกตังขับเคลื่อนประเทศ deep stateมันก็ใช้ระบบทาสเงินครองทุกๆประเทศ สงครามการเงินจึงต้องประกาศให้ชัดเจน จากนั้นกองทัพไทยเราต้องเข้ายึดธนาคารกลางคือแบงค์ชาติไทยเราจริงจังทันที ควบคุมแบงค์ชาติไทยจริงอย่างเป็นทางการเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศ ประกาศห้ามมีการทำกิจการใดๆด้านการเงินลักษณะโอนออกจากประเทศไทยทุกๆกรณี และอายัดทุกๆบัญชีเพื่อตรวจสอบทั้งหมดก่อนที่มีกระแสเงินสดไหลเข้าประเทศไทย,ตัดตอนบ่อนหมายทำลายไทยจ้างงานนักทำลายไทยทั้งหมดได้เพราะไม่มีเสบียงคือเงินให้มันเป็นอาหารมีแรงทำงานเต็มพลังหรือสั่งอะไรมาเสริมๆได้เพราะไม่มีตังไปซื้อไปสั่งมาเสริมด้วยถูกกองทัพไทยเราตัดตอนไว้ก่อนนั้นเอง,กองทัพไทยเลิกโง่เสียทีได้แล้ว โง่จากวัคซีนโควิดยังไม่อยากให้อภัยเลย องค์ภาเราก็ถูกวัคซีนจนวูบชัดเจนแน่นอน การสายข่าวทหารกากมากในเครื่องมือมากมายเต็มกองทัพไทยเรา,จน อ.สุจริตมาร่วมประชุมหัวโต๊ะให้สายทางวังรับรู้เรื่องราว.

    ..นี้คือสงครามชัดเจน ไทยเราโดยกองทัพไทยทหารไทยพระราชาเราต้องตัดสินใจเด็ดขาดได้แล้ว ลีลาน่าลำคาญมาก ยึดอำนาจรัฐบาลเสียเพราะมันใช้สภาทำงานออกกฎหมายให้ฝ่ายมืดอีลิทdeep stateชัดเจน พรบ.มากมายล้วนโยนปูทางสู่agenda2030มันชัดเจน,คลิปนี้คุณอดิเทพอธิบายไว้ชัดเจนมาก กองทัพไทยเรามารับรู้เรื่องนี้กันบ้างมั้ย มันของแท้เลยนะ มิใช่ของกากๆ ไบโอเมทริกซ์ บัตรประชาชนดิจิดัล เงินดิจิดัล เมืองอัจฉริยะ คาร์บอนเครดิต พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ กฎหมายมากมายมันเชื่อมโยงในการจะทำคนไทยประเทศไทยให้ตกเป็นทาสมันชัดเจน ผ่านกลไกกระบวนทางการเมืองของนักการเมือง ทหารทรยศเป็นกบฎเป็นภัยของแผ่นดินไทยเราก็รู้แจ้งเห็นชัดจากกรณีบิ๊กกุ้งยึดคืนพื้นที่11จุดได้ แต่คณะทีมงานฝ่ายพี่ท่านทีมเดอะแก๊งเดอะก๊กบูรพาพยัคฆ์ไม่ทำห่าเหวอะไรถีบเขมรออกจากแผ่นดินไทยจริงสักจุดทั่วภาค.1ตะวันออกทั้งหมด,นี้คือความทรยศชัดเจนขนาดไหน กองทัพไทยไม่เห็นมันเลยเหรอว่าจะตำตาตำใจท่านแล้วขนาดนั้น จะไปเล่นอะไรห่าเหวพิธีการกับมันอีก ไม่ยอมร่วมกันกำจัดกวาดล้างคนทรยศประจำภายในกองทัพด้วย ,พวกมันไม่สู้ชนะเรา..คนไทยประชาชนคนไทยหรอก เรา..ประชาชนยืนเคียงข้างทหารพระราชาแน่นอน พวกมันจะทำลายสถาบันกษัตริย์ชัดเจน โดยใช้หนังหน้าสายทางภาคการเมืองกำลังปาหี่แสดงละครอยู่ขณะนี้พร้อมสุมหัวจะกำจัดกองทัพไทยเราด้วย ลดเครดิตกองทัพไทยชัดเจนผ่านรัฐบาลชั่วเลวสาระพัดเลวที่แก๊งขูสามนิ้วชูนอมินีมาเป็นนายกฯแทนมันเสียข้างน้อย,การเมืองเรามันจบแล้ว กองทัพไทยต้องยึดอำนาจ ท่านรอห่าเหวอะไร เราเปลี่ยนเส้นทางเดินบนทางเรา..ประเทศไทยได้ ร่วมกันปกป้องประเทศเราและประชาชนคนไทยเราถึงที่สุดด้วยมือชาวไทยเราได้,บริบทและบทบาทภาคนักการเมืองมีแต่ทำลายทำร้ายชาติ ทำร้ายทำลายแผ่นดินไทย ท่านจะพากันนิ่งเฉยให้ชาติไทยพินาศแบบนี้จริงๆเหรอ.

    ..จากคลิปคุณอดิเทพ เราสามารถแก้ทางมันได้หมด,ยกเลิกเงินดิจิดัล พรบ.ใดๆที่สนับสนุนเงินดิจิดัลที่อีลิทเขียนฉีกทิ้งหมด,ให้กลับคืนมาใช้เงินบาทกระดาษ,รณรงค์คนไทยเราให้ซื่อสัตย์เพื่อดำรงรักษาคุณค่ามนุษย์บนแผ่นดินไทยให้ได้ ,ยกเลิกสนับสนุนAIมาทดแทนมนุษย์ โรงงานไทยใครจะมาตั้งฐานการผลิตให้ใช้จักรกลเพียง1%ของโรงงาน เพื่อสนันสนุนการจ้างแรงงานคนไทย99%,ยกเลิกแรงงานต่างด้าวทุกๆกรณีไปก่อน,ยึดคืนทรัพยากรที่ผูกขาดจากทุกๆสัญญาใดสัมปทานใดๆทั้งหมด ให้คืนสู่สามัญกลับไปพิจารณาให้เป็นเอกประโยชน์สูงสุดแก่เจ้าของทรัพยากรบนแผ่นดินไทยตนดั่งเดิมชัดเจนก่อน,ยกเลิกการสแกนใบหน้าซื้อสินค้า ยกเลิกบัตรคนจน ยกเลิกกระเป๋าตังดิจิดัล,ให้ประชาชนคนไทยใช้จ่ายจริงด้วยเงินสดภายในประเทศ,แอปใดที่ให้บริการซื้อขายออนไลน์ต้องชำระปลายทางด้วยเงินสดเท่านั้นในประเทศไทย,หากไม่สามารถทำได้ ให้ห้ามมีแอปนี้ให้บริการบนแผ่นดินไทย,ระบบสาธารณะใดๆทั่วไทยเราสามารถใช้เงินสดทั้งหมด,เต็มเงินเข้าบัตรปกติ,มิให้ใช้ตังดิจิดัล.เราจะสามารถต่อยอดและปกป้อง ป้องกันเราเองสาระพัดวิธี ,เมื่อกองทัพไทยเรายึดอำนาจจริง เรา..ประเทศไทยจะรอดพ้นภัยหายนะแน่นอน เพราะพระเจ้าให้เราเลือกเส้นทางเดินเองได้ ถ้าต่างดาวเลวอีลิทชั่ว บังคับเจตจำนงเรา..ประเทศไทย มันจะถูกลงโทษทันทีจากผู้ควบคุมกฎนี้ของจักรวาล ,วัคซีนมันจึงต้องให้เรายินยอมก่อนเป็นต้น มันจะตอบพระเจ้าไม่ได้ ซวยก็จะดับอนาถทั้งหมดแน่นอน,รัฐบาลไทยในอดีตมันรู้สิ่งนี้จึงเชิญชวนแทน แถบีบบังคับทางอ้อมกับคนไม่รู้เรื่องได้,

    ..ตอนนี้ รัฐบาลประเทศไทยยุคอดีตถึงปัจจุบัน มิใช่รัฐบาลประเทศไทย แต่เป็นCEOของอีลิทdeep stateสากลโลกมาปกครองแทนประเทศไทยผ่านปาหี่มุกเลือกตั้งทางประชาชนบังหน้า ,แต่ความจริงรัฐบาลไทยมิใช่รัฐบาลไทยเลย มันคือนอมินีหาแดกร่วมกันบนแผ่นดินไทยบนชื่อประเทศไทย ปกครองทาสประเทศไทยนี้ล่ะ,การพัฒนาก่อสร้างทั้งหมดเพื่ออำนวยการเข้าแดกบนทุกๆตารางนิ้วทั่วไทยได้ดียิ่งขึ้น ขนส่งสมบัติทรัพยากรมีค่าบนแผ่นดินไทยนี้ได้สะดวกยิ่งขึ้น มนุษย์คนไทยแค่เศษทาสแรงงานรับใช้สร้างงานวร้างเนื้องานสร้างประโยชน์สร้างผลกำไรให้มันแค่นั้น จึงมิให้คนไทยทั่วประเทศร่ำรวยได้ จงยากจนดักดานมั่นคงทั่วประเทศไทยต่อไป ทุกข์ยากลำบากวุ่นวายโกลาหลในบ้านในเมืองนี้ด้วยมิให้มรึงคนไทยประเทศไทยสงบได้ เช่นสั่งให้เขมรยิงระเบิดใส่คนไทยสร้างความวุ่นวายโกลาหล พม่า อินโดฯ ใดๆในภูมิภาคนี้คือสถานที่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์บนความวุ่นวายไม่สงบสุขบนความโกลาหล ขายอาวุธขายสาระพัดให้พวกมรึงสู้กันกำไรรายได้เห็น บ้านมรึงต่อยอดวิบัติเป็นภัยใส่กันและกันมิให้สงบสุขรายวันนั้นเอง,จากภายในก็นักการเมืองที่กูสั่งได้หมด.

    ..นี้คือเหตุผลคราวๆทำไม กองทัพไทยพระราชาเรา ทหารพระราชาเรา ทหารไทยเราต้องยึดอำนาจ ต้องเด็ดขาดตัดตอนมันจริงๆ อย่าโง่อีกเลย เก็บกวาดกวาดล้างทำความสะอาดทั่วประเทศเลย..เรา..ประชาชนคนไทยทั้งประเทศยืนอยู่เคียงข้างเพื่อสร้างบ้านสร้างเมืองสร้างชาติเราใหม่ให้ดีงามอีกครั้งจากพวกชั่วเลวนี้ทำร้ายทำลายมายาวนานเสียที.

    #กองทัพไทยต้องประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยอย่างจริงจังเดี๋ยวนี้.

    #ทหารไทยต้องยึดอำนาจตัดตอนพวกมันจากทั้งภายในและที่ข้ามทวีปโลกมาด้วย.

    #การยึดอำนาจคือหนทางเดียวและคือทางออก

    #นักการเมืองไทยล้มเหลวในการปกป้องอธิปไตยชาติไทยทุกๆมิติแถมเป็นพวกมันด้วย.

    https://vm.tiktok.com/ZSHcFnF4NYfax-zGJpe/
    ..ตอนนี้ทำไปทำมา เรา..ประชาชนเริ่มสงสัยในกองทัพไทยเราแล้ว สรุปกองทัพไทยเราถูกdeep stateอีลิทสากลควบคุมใช่หรือไม่นะ,การตัดสินอะไรใดๆไม่เด็ดขาดเลย,เมื่อไม่ฟังสายการเมืองแล้ว ก็ประกาศกฎอัยการศึกอย่างจริงจังเถอะ,แล้วประกาศภาวะสงครามทางการเงินทางเศรษฐกิจไทยให้ชัดเจนเลย,มันควบคลุมสายการเมืองการปกครองจริงทั้งหมดเพราะทั้งหมดมันใช้กลไกเงินกลไกตังขับเคลื่อนประเทศ deep stateมันก็ใช้ระบบทาสเงินครองทุกๆประเทศ สงครามการเงินจึงต้องประกาศให้ชัดเจน จากนั้นกองทัพไทยเราต้องเข้ายึดธนาคารกลางคือแบงค์ชาติไทยเราจริงจังทันที ควบคุมแบงค์ชาติไทยจริงอย่างเป็นทางการเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศ ประกาศห้ามมีการทำกิจการใดๆด้านการเงินลักษณะโอนออกจากประเทศไทยทุกๆกรณี และอายัดทุกๆบัญชีเพื่อตรวจสอบทั้งหมดก่อนที่มีกระแสเงินสดไหลเข้าประเทศไทย,ตัดตอนบ่อนหมายทำลายไทยจ้างงานนักทำลายไทยทั้งหมดได้เพราะไม่มีเสบียงคือเงินให้มันเป็นอาหารมีแรงทำงานเต็มพลังหรือสั่งอะไรมาเสริมๆได้เพราะไม่มีตังไปซื้อไปสั่งมาเสริมด้วยถูกกองทัพไทยเราตัดตอนไว้ก่อนนั้นเอง,กองทัพไทยเลิกโง่เสียทีได้แล้ว โง่จากวัคซีนโควิดยังไม่อยากให้อภัยเลย องค์ภาเราก็ถูกวัคซีนจนวูบชัดเจนแน่นอน การสายข่าวทหารกากมากในเครื่องมือมากมายเต็มกองทัพไทยเรา,จน อ.สุจริตมาร่วมประชุมหัวโต๊ะให้สายทางวังรับรู้เรื่องราว. ..นี้คือสงครามชัดเจน ไทยเราโดยกองทัพไทยทหารไทยพระราชาเราต้องตัดสินใจเด็ดขาดได้แล้ว ลีลาน่าลำคาญมาก ยึดอำนาจรัฐบาลเสียเพราะมันใช้สภาทำงานออกกฎหมายให้ฝ่ายมืดอีลิทdeep stateชัดเจน พรบ.มากมายล้วนโยนปูทางสู่agenda2030มันชัดเจน,คลิปนี้คุณอดิเทพอธิบายไว้ชัดเจนมาก กองทัพไทยเรามารับรู้เรื่องนี้กันบ้างมั้ย มันของแท้เลยนะ มิใช่ของกากๆ ไบโอเมทริกซ์ บัตรประชาชนดิจิดัล เงินดิจิดัล เมืองอัจฉริยะ คาร์บอนเครดิต พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ กฎหมายมากมายมันเชื่อมโยงในการจะทำคนไทยประเทศไทยให้ตกเป็นทาสมันชัดเจน ผ่านกลไกกระบวนทางการเมืองของนักการเมือง ทหารทรยศเป็นกบฎเป็นภัยของแผ่นดินไทยเราก็รู้แจ้งเห็นชัดจากกรณีบิ๊กกุ้งยึดคืนพื้นที่11จุดได้ แต่คณะทีมงานฝ่ายพี่ท่านทีมเดอะแก๊งเดอะก๊กบูรพาพยัคฆ์ไม่ทำห่าเหวอะไรถีบเขมรออกจากแผ่นดินไทยจริงสักจุดทั่วภาค.1ตะวันออกทั้งหมด,นี้คือความทรยศชัดเจนขนาดไหน กองทัพไทยไม่เห็นมันเลยเหรอว่าจะตำตาตำใจท่านแล้วขนาดนั้น จะไปเล่นอะไรห่าเหวพิธีการกับมันอีก ไม่ยอมร่วมกันกำจัดกวาดล้างคนทรยศประจำภายในกองทัพด้วย ,พวกมันไม่สู้ชนะเรา..คนไทยประชาชนคนไทยหรอก เรา..ประชาชนยืนเคียงข้างทหารพระราชาแน่นอน พวกมันจะทำลายสถาบันกษัตริย์ชัดเจน โดยใช้หนังหน้าสายทางภาคการเมืองกำลังปาหี่แสดงละครอยู่ขณะนี้พร้อมสุมหัวจะกำจัดกองทัพไทยเราด้วย ลดเครดิตกองทัพไทยชัดเจนผ่านรัฐบาลชั่วเลวสาระพัดเลวที่แก๊งขูสามนิ้วชูนอมินีมาเป็นนายกฯแทนมันเสียข้างน้อย,การเมืองเรามันจบแล้ว กองทัพไทยต้องยึดอำนาจ ท่านรอห่าเหวอะไร เราเปลี่ยนเส้นทางเดินบนทางเรา..ประเทศไทยได้ ร่วมกันปกป้องประเทศเราและประชาชนคนไทยเราถึงที่สุดด้วยมือชาวไทยเราได้,บริบทและบทบาทภาคนักการเมืองมีแต่ทำลายทำร้ายชาติ ทำร้ายทำลายแผ่นดินไทย ท่านจะพากันนิ่งเฉยให้ชาติไทยพินาศแบบนี้จริงๆเหรอ. ..จากคลิปคุณอดิเทพ เราสามารถแก้ทางมันได้หมด,ยกเลิกเงินดิจิดัล พรบ.ใดๆที่สนับสนุนเงินดิจิดัลที่อีลิทเขียนฉีกทิ้งหมด,ให้กลับคืนมาใช้เงินบาทกระดาษ,รณรงค์คนไทยเราให้ซื่อสัตย์เพื่อดำรงรักษาคุณค่ามนุษย์บนแผ่นดินไทยให้ได้ ,ยกเลิกสนับสนุนAIมาทดแทนมนุษย์ โรงงานไทยใครจะมาตั้งฐานการผลิตให้ใช้จักรกลเพียง1%ของโรงงาน เพื่อสนันสนุนการจ้างแรงงานคนไทย99%,ยกเลิกแรงงานต่างด้าวทุกๆกรณีไปก่อน,ยึดคืนทรัพยากรที่ผูกขาดจากทุกๆสัญญาใดสัมปทานใดๆทั้งหมด ให้คืนสู่สามัญกลับไปพิจารณาให้เป็นเอกประโยชน์สูงสุดแก่เจ้าของทรัพยากรบนแผ่นดินไทยตนดั่งเดิมชัดเจนก่อน,ยกเลิกการสแกนใบหน้าซื้อสินค้า ยกเลิกบัตรคนจน ยกเลิกกระเป๋าตังดิจิดัล,ให้ประชาชนคนไทยใช้จ่ายจริงด้วยเงินสดภายในประเทศ,แอปใดที่ให้บริการซื้อขายออนไลน์ต้องชำระปลายทางด้วยเงินสดเท่านั้นในประเทศไทย,หากไม่สามารถทำได้ ให้ห้ามมีแอปนี้ให้บริการบนแผ่นดินไทย,ระบบสาธารณะใดๆทั่วไทยเราสามารถใช้เงินสดทั้งหมด,เต็มเงินเข้าบัตรปกติ,มิให้ใช้ตังดิจิดัล.เราจะสามารถต่อยอดและปกป้อง ป้องกันเราเองสาระพัดวิธี ,เมื่อกองทัพไทยเรายึดอำนาจจริง เรา..ประเทศไทยจะรอดพ้นภัยหายนะแน่นอน เพราะพระเจ้าให้เราเลือกเส้นทางเดินเองได้ ถ้าต่างดาวเลวอีลิทชั่ว บังคับเจตจำนงเรา..ประเทศไทย มันจะถูกลงโทษทันทีจากผู้ควบคุมกฎนี้ของจักรวาล ,วัคซีนมันจึงต้องให้เรายินยอมก่อนเป็นต้น มันจะตอบพระเจ้าไม่ได้ ซวยก็จะดับอนาถทั้งหมดแน่นอน,รัฐบาลไทยในอดีตมันรู้สิ่งนี้จึงเชิญชวนแทน แถบีบบังคับทางอ้อมกับคนไม่รู้เรื่องได้, ..ตอนนี้ รัฐบาลประเทศไทยยุคอดีตถึงปัจจุบัน มิใช่รัฐบาลประเทศไทย แต่เป็นCEOของอีลิทdeep stateสากลโลกมาปกครองแทนประเทศไทยผ่านปาหี่มุกเลือกตั้งทางประชาชนบังหน้า ,แต่ความจริงรัฐบาลไทยมิใช่รัฐบาลไทยเลย มันคือนอมินีหาแดกร่วมกันบนแผ่นดินไทยบนชื่อประเทศไทย ปกครองทาสประเทศไทยนี้ล่ะ,การพัฒนาก่อสร้างทั้งหมดเพื่ออำนวยการเข้าแดกบนทุกๆตารางนิ้วทั่วไทยได้ดียิ่งขึ้น ขนส่งสมบัติทรัพยากรมีค่าบนแผ่นดินไทยนี้ได้สะดวกยิ่งขึ้น มนุษย์คนไทยแค่เศษทาสแรงงานรับใช้สร้างงานวร้างเนื้องานสร้างประโยชน์สร้างผลกำไรให้มันแค่นั้น จึงมิให้คนไทยทั่วประเทศร่ำรวยได้ จงยากจนดักดานมั่นคงทั่วประเทศไทยต่อไป ทุกข์ยากลำบากวุ่นวายโกลาหลในบ้านในเมืองนี้ด้วยมิให้มรึงคนไทยประเทศไทยสงบได้ เช่นสั่งให้เขมรยิงระเบิดใส่คนไทยสร้างความวุ่นวายโกลาหล พม่า อินโดฯ ใดๆในภูมิภาคนี้คือสถานที่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์บนความวุ่นวายไม่สงบสุขบนความโกลาหล ขายอาวุธขายสาระพัดให้พวกมรึงสู้กันกำไรรายได้เห็น บ้านมรึงต่อยอดวิบัติเป็นภัยใส่กันและกันมิให้สงบสุขรายวันนั้นเอง,จากภายในก็นักการเมืองที่กูสั่งได้หมด. ..นี้คือเหตุผลคราวๆทำไม กองทัพไทยพระราชาเรา ทหารพระราชาเรา ทหารไทยเราต้องยึดอำนาจ ต้องเด็ดขาดตัดตอนมันจริงๆ อย่าโง่อีกเลย เก็บกวาดกวาดล้างทำความสะอาดทั่วประเทศเลย..เรา..ประชาชนคนไทยทั้งประเทศยืนอยู่เคียงข้างเพื่อสร้างบ้านสร้างเมืองสร้างชาติเราใหม่ให้ดีงามอีกครั้งจากพวกชั่วเลวนี้ทำร้ายทำลายมายาวนานเสียที. #กองทัพไทยต้องประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยอย่างจริงจังเดี๋ยวนี้. #ทหารไทยต้องยึดอำนาจตัดตอนพวกมันจากทั้งภายในและที่ข้ามทวีปโลกมาด้วย. #การยึดอำนาจคือหนทางเดียวและคือทางออก #นักการเมืองไทยล้มเหลวในการปกป้องอธิปไตยชาติไทยทุกๆมิติแถมเป็นพวกมันด้วย. https://vm.tiktok.com/ZSHcFnF4NYfax-zGJpe/
    @adithepchawla01

    Biometric Clip 1 of 3 สแกนหน้า ความปลอดภัย หรือการควบคุม?

    ♬ original sound - อดิเทพ จาวลาห์ - อดิเทพ จาวลาห์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 402 มุมมอง 0 รีวิว
  • สร้างกราฟ compiler เองดีกว่าใช้ Graphviz — เมื่อ SpiderMonkey ปรับโฉมการวิเคราะห์โค้ดด้วย iongraph แบบ interactive

    SpiderMonkey ทีมพัฒนา JavaScript/WebAssembly engine ของ Firefox ได้เปิดตัวระบบ visualization ใหม่สำหรับ compiler ที่ชื่อว่า iongraph ซึ่งช่วยให้สามารถดูกราฟการ optimize โค้ดได้แบบ interactive โดยไม่ต้องพึ่ง Graphviz หรือ Mermaid อีกต่อไป

    เล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่าย เมื่อคุณเขียนโค้ด JavaScript แล้วมันถูกส่งเข้าไปใน compiler ขั้นสูงของ SpiderMonkey ที่ชื่อว่า Ion — ระบบจะสร้างกราฟ SSA (Static Single Assignment) เพื่อวิเคราะห์และ optimize โค้ดให้เร็วขึ้น แต่การดูกราฟเหล่านี้ผ่าน Graphviz กลับยุ่งยากและไม่ตรงกับโครงสร้างโค้ดจริง

    ทีมงานจึงสร้างระบบ layout algorithm ใหม่ที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง โดยใช้ความรู้เฉพาะของ control flow ใน JavaScript และ WebAssembly เช่น:
    Loop มี entry เดียว
    ไม่มีการ jump เข้าไปกลาง loop
    โครงสร้าง reducible control flow

    ผลลัพธ์คือกราฟที่อ่านง่าย เสถียร และสามารถแสดงผลแบบ interactive ได้บนเว็บ — คุณสามารถลาก ซูม และดูการเปลี่ยนแปลงของกราฟในแต่ละ pass ได้ทันที

    ปัญหาของ Graphviz
    layout ไม่ตรงกับโครงสร้างโค้ด
    node กระโดดไปมาเมื่อ input เปลี่ยนเล็กน้อย
    PDF แบบ static ทำให้ debug ยาก

    จุดเด่นของ iongraph
    interactive บนเว็บ: ลาก ซูม เลือก instruction ได้
    layout เสถียรแม้กราฟเปลี่ยน
    ใช้ algorithm ที่เข้าใจโครงสร้าง loop และ control flow

    ขั้นตอนของ layout algorithm
    Layering: จัด block เป็นชั้นตามลำดับ control flow
    Dummy nodes: สร้าง node สำหรับ edge ที่ข้ามชั้น
    Straighten edges: ปรับตำแหน่งให้กราฟดูเรียบร้อย
    Track horizontal edges: จัด edge ให้ไม่ทับกัน
    Verticalize: กำหนดตำแหน่ง Y ให้ node
    Render: ใช้เส้นตรงแบบ railroad diagram แทน Bézier curve

    ประสิทธิภาพ
    เร็วกว่าการใช้ Graphviz หลายพันเท่า
    Layout กราฟขนาดใหญ่ได้ในเวลาไม่กี่มิลลิวินาที

    https://spidermonkey.dev/blog/2025/10/28/iongraph-web.html
    🧠 สร้างกราฟ compiler เองดีกว่าใช้ Graphviz — เมื่อ SpiderMonkey ปรับโฉมการวิเคราะห์โค้ดด้วย iongraph แบบ interactive SpiderMonkey ทีมพัฒนา JavaScript/WebAssembly engine ของ Firefox ได้เปิดตัวระบบ visualization ใหม่สำหรับ compiler ที่ชื่อว่า iongraph ซึ่งช่วยให้สามารถดูกราฟการ optimize โค้ดได้แบบ interactive โดยไม่ต้องพึ่ง Graphviz หรือ Mermaid อีกต่อไป 🎯 เล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่าย เมื่อคุณเขียนโค้ด JavaScript แล้วมันถูกส่งเข้าไปใน compiler ขั้นสูงของ SpiderMonkey ที่ชื่อว่า Ion — ระบบจะสร้างกราฟ SSA (Static Single Assignment) เพื่อวิเคราะห์และ optimize โค้ดให้เร็วขึ้น แต่การดูกราฟเหล่านี้ผ่าน Graphviz กลับยุ่งยากและไม่ตรงกับโครงสร้างโค้ดจริง ทีมงานจึงสร้างระบบ layout algorithm ใหม่ที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง โดยใช้ความรู้เฉพาะของ control flow ใน JavaScript และ WebAssembly เช่น: 📍 Loop มี entry เดียว 📍 ไม่มีการ jump เข้าไปกลาง loop 📍 โครงสร้าง reducible control flow ผลลัพธ์คือกราฟที่อ่านง่าย เสถียร และสามารถแสดงผลแบบ interactive ได้บนเว็บ — คุณสามารถลาก ซูม และดูการเปลี่ยนแปลงของกราฟในแต่ละ pass ได้ทันที ✅ ปัญหาของ Graphviz ➡️ layout ไม่ตรงกับโครงสร้างโค้ด ➡️ node กระโดดไปมาเมื่อ input เปลี่ยนเล็กน้อย ➡️ PDF แบบ static ทำให้ debug ยาก ✅ จุดเด่นของ iongraph ➡️ interactive บนเว็บ: ลาก ซูม เลือก instruction ได้ ➡️ layout เสถียรแม้กราฟเปลี่ยน ➡️ ใช้ algorithm ที่เข้าใจโครงสร้าง loop และ control flow ✅ ขั้นตอนของ layout algorithm ➡️ Layering: จัด block เป็นชั้นตามลำดับ control flow ➡️ Dummy nodes: สร้าง node สำหรับ edge ที่ข้ามชั้น ➡️ Straighten edges: ปรับตำแหน่งให้กราฟดูเรียบร้อย ➡️ Track horizontal edges: จัด edge ให้ไม่ทับกัน ➡️ Verticalize: กำหนดตำแหน่ง Y ให้ node ➡️ Render: ใช้เส้นตรงแบบ railroad diagram แทน Bézier curve ✅ ประสิทธิภาพ ➡️ เร็วกว่าการใช้ Graphviz หลายพันเท่า ➡️ Layout กราฟขนาดใหญ่ได้ในเวลาไม่กี่มิลลิวินาที https://spidermonkey.dev/blog/2025/10/28/iongraph-web.html
    SPIDERMONKEY.DEV
    Who needs Graphviz when you can build it yourself?
    Exploring a new layout algorithm for control flow graphs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • Crunchyroll ทำลายคุณภาพซับไตเติลอย่างไม่มีเหตุผล — เมื่อศิลปะการแปลถูกลดทอนเพื่อความสะดวกของแพลตฟอร์มใหญ่

    Crunchyroll เคยเป็นผู้นำด้านคุณภาพซับไตเติลในวงการอนิเมะ ด้วยการใช้เทคนิค typesetting ที่ซับซ้อน เช่น การจัดตำแหน่งข้อความ การใช้ฟอนต์และสีที่หลากหลาย รวมถึงการแปลข้อความบนหน้าจออย่างครบถ้วน แต่ตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงปี 2025 เป็นต้นมา คุณภาพซับไตเติลกลับตกต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ในผลงานที่ผลิตโดยทีมงานของ Crunchyroll เอง

    เกิดอะไรขึ้น? Crunchyroll เริ่มลดการใช้ typesetting เพื่อให้ซับไตเติลสามารถใช้งานร่วมกับแพลตฟอร์มใหญ่อย่าง Netflix และ Amazon Prime Video ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากแพลตฟอร์มเหล่านี้มีข้อจำกัดด้านการแสดงผลซับไตเติล เช่น ห้ามใช้ตำแหน่งซับหลายจุด หรือแสดงข้อความซ้อนกัน แม้ว่าเทคโนโลยี TTML ที่ใช้จะรองรับฟีเจอร์เหล่านี้ก็ตาม

    เบื้องหลังการตัดสินใจ จากข้อมูลภายในที่ไม่เปิดเผยชื่อ พบว่า Crunchyroll เคยมีทีมงานแปลงซับไตเติลคุณภาพสูงให้เข้ากับมาตรฐานต่ำของแพลตฟอร์มอื่น แต่ในที่สุดผู้บริหารตัดสินใจผลิตซับไตเติลแบบต่ำคุณภาพเพียงอย่างเดียว เพื่อความสะดวกในการ sublicensing และลดต้นทุน แม้จะแลกกับประสบการณ์การรับชมที่ด้อยลง

    ประวัติการพัฒนาซับไตเติลของ Crunchyroll
    เริ่มจากการใช้ซับแฟนซับในยุคแรก
    พัฒนา renderer สำหรับ ASS ซับใน Flash และต่อมาใน HTML5 ด้วย WebAssembly
    เคยใช้ libass เพื่อรองรับการ typeset อย่างเต็มรูปแบบ
    แต่ไม่เคยพัฒนาให้รองรับฟอนต์แบบกำหนดเองอย่างจริงจัง

    ผลกระทบต่อผู้ชม
    ข้อความบนหน้าจอไม่ได้รับการแปล
    ซับไตเติลรวมกันที่ด้านบนหรือด้านล่าง ทำให้ดูยาก
    เพลงเปิด/ปิดยังคงไม่แปล แม้จะมีสิทธิ์ในการผลิต

    Crunchyroll เคยเป็นผู้นำด้านคุณภาพซับไตเติล
    ใช้เทคนิค typesetting เช่น การจัดตำแหน่ง ฟอนต์ สี และการแปลข้อความบนหน้าจอ
    พัฒนา renderer สำหรับ ASS ซับใน Flash และ HTML5 ด้วย libass

    การเปลี่ยนแปลงในปี 2025
    ลดการใช้ typesetting เพื่อให้ซับไตเติลใช้งานร่วมกับ Netflix และ Amazon ได้
    ผลิตซับไตเติลแบบ TTML ที่มีคุณภาพต่ำเป็นหลัก
    ทีมงานภายในต้องแปลงซับคุณภาพสูงให้เข้ากับมาตรฐานต่ำ

    ผลกระทบต่อผู้ชม
    ข้อความบนหน้าจอไม่ได้รับการแปลหรือแสดงผลอย่างเหมาะสม
    ซับไตเติลรวมกันที่ด้านบนหรือด้านล่าง ทำให้ดูยาก
    เพลงเปิด/ปิดยังคงไม่แปล แม้จะมีสิทธิ์ในการผลิต

    คำเตือนต่ออนาคตของการแปลอนิเมะ
    หากแพลตฟอร์มใหญ่ยังคงใช้มาตรฐานต่ำ อนิเมะอาจสูญเสียความละเอียดในการเล่าเรื่อง
    การลดคุณภาพซับไตเติลอาจทำให้ผู้ชมรู้สึกห่างเหินจากเนื้อหาต้นฉบับ

    นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของ “ซับแปลผิด” แต่คือการลดทอนศิลปะการแปลที่เคยเป็นหัวใจของการรับชมอนิเมะอย่างแท้จริง

    https://daiz.moe/crunchyroll-is-destroying-its-subtitles-for-no-good-reason/
    🎬 Crunchyroll ทำลายคุณภาพซับไตเติลอย่างไม่มีเหตุผล — เมื่อศิลปะการแปลถูกลดทอนเพื่อความสะดวกของแพลตฟอร์มใหญ่ Crunchyroll เคยเป็นผู้นำด้านคุณภาพซับไตเติลในวงการอนิเมะ ด้วยการใช้เทคนิค typesetting ที่ซับซ้อน เช่น การจัดตำแหน่งข้อความ การใช้ฟอนต์และสีที่หลากหลาย รวมถึงการแปลข้อความบนหน้าจออย่างครบถ้วน แต่ตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงปี 2025 เป็นต้นมา คุณภาพซับไตเติลกลับตกต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ในผลงานที่ผลิตโดยทีมงานของ Crunchyroll เอง 📉 เกิดอะไรขึ้น? Crunchyroll เริ่มลดการใช้ typesetting เพื่อให้ซับไตเติลสามารถใช้งานร่วมกับแพลตฟอร์มใหญ่อย่าง Netflix และ Amazon Prime Video ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากแพลตฟอร์มเหล่านี้มีข้อจำกัดด้านการแสดงผลซับไตเติล เช่น ห้ามใช้ตำแหน่งซับหลายจุด หรือแสดงข้อความซ้อนกัน แม้ว่าเทคโนโลยี TTML ที่ใช้จะรองรับฟีเจอร์เหล่านี้ก็ตาม 👥 เบื้องหลังการตัดสินใจ จากข้อมูลภายในที่ไม่เปิดเผยชื่อ พบว่า Crunchyroll เคยมีทีมงานแปลงซับไตเติลคุณภาพสูงให้เข้ากับมาตรฐานต่ำของแพลตฟอร์มอื่น แต่ในที่สุดผู้บริหารตัดสินใจผลิตซับไตเติลแบบต่ำคุณภาพเพียงอย่างเดียว เพื่อความสะดวกในการ sublicensing และลดต้นทุน แม้จะแลกกับประสบการณ์การรับชมที่ด้อยลง 📜 ประวัติการพัฒนาซับไตเติลของ Crunchyroll 📍 เริ่มจากการใช้ซับแฟนซับในยุคแรก 📍 พัฒนา renderer สำหรับ ASS ซับใน Flash และต่อมาใน HTML5 ด้วย WebAssembly 📍 เคยใช้ libass เพื่อรองรับการ typeset อย่างเต็มรูปแบบ 📍 แต่ไม่เคยพัฒนาให้รองรับฟอนต์แบบกำหนดเองอย่างจริงจัง 📺 ผลกระทบต่อผู้ชม 📍 ข้อความบนหน้าจอไม่ได้รับการแปล 📍 ซับไตเติลรวมกันที่ด้านบนหรือด้านล่าง ทำให้ดูยาก 📍 เพลงเปิด/ปิดยังคงไม่แปล แม้จะมีสิทธิ์ในการผลิต ✅ Crunchyroll เคยเป็นผู้นำด้านคุณภาพซับไตเติล ➡️ ใช้เทคนิค typesetting เช่น การจัดตำแหน่ง ฟอนต์ สี และการแปลข้อความบนหน้าจอ ➡️ พัฒนา renderer สำหรับ ASS ซับใน Flash และ HTML5 ด้วย libass ✅ การเปลี่ยนแปลงในปี 2025 ➡️ ลดการใช้ typesetting เพื่อให้ซับไตเติลใช้งานร่วมกับ Netflix และ Amazon ได้ ➡️ ผลิตซับไตเติลแบบ TTML ที่มีคุณภาพต่ำเป็นหลัก ➡️ ทีมงานภายในต้องแปลงซับคุณภาพสูงให้เข้ากับมาตรฐานต่ำ ‼️ ผลกระทบต่อผู้ชม ⛔ ข้อความบนหน้าจอไม่ได้รับการแปลหรือแสดงผลอย่างเหมาะสม ⛔ ซับไตเติลรวมกันที่ด้านบนหรือด้านล่าง ทำให้ดูยาก ⛔ เพลงเปิด/ปิดยังคงไม่แปล แม้จะมีสิทธิ์ในการผลิต ‼️ คำเตือนต่ออนาคตของการแปลอนิเมะ ⛔ หากแพลตฟอร์มใหญ่ยังคงใช้มาตรฐานต่ำ อนิเมะอาจสูญเสียความละเอียดในการเล่าเรื่อง ⛔ การลดคุณภาพซับไตเติลอาจทำให้ผู้ชมรู้สึกห่างเหินจากเนื้อหาต้นฉบับ นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของ “ซับแปลผิด” แต่คือการลดทอนศิลปะการแปลที่เคยเป็นหัวใจของการรับชมอนิเมะอย่างแท้จริง https://daiz.moe/crunchyroll-is-destroying-its-subtitles-for-no-good-reason/
    DAIZ.MOE
    Crunchyroll is destroying its subtitles for no good reason
    With the Fall 2025 anime season, Crunchyroll demonstrates zero respect for anime as a medium as the presentation quality of its subtitles reach an all-time low.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • FFmpeg ได้รับเงินสนับสนุน $100,000 จากโครงการ FLOSS/fund ของอินเดีย — ก้าวสำคัญสู่อนาคตที่ยั่งยืนของโอเพ่นซอร์ส

    โครงการ FLOSS/fund ที่ริเริ่มโดย Zerodha มอบเงินสนับสนุนให้ FFmpeg ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือมัลติมีเดียโอเพ่นซอร์สที่สำคัญที่สุดในโลก โดยเงินทุนนี้ถือเป็นก้าวแรกในการแก้ปัญหาการขาดแคลนงบประมาณของโครงการโอเพ่นซอร์สทั่วโลก

    ถ้าคุณเคยดูวิดีโอออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น YouTube, Netflix หรือแม้แต่ใช้แอปตัดต่อวิดีโอ มีโอกาสสูงมากที่เบื้องหลังจะมี FFmpeg ทำงานอยู่ — มันคือเฟรมเวิร์กโอเพ่นซอร์สที่ช่วยแปลงไฟล์ สตรีม และประมวลผลเสียงกับภาพแบบอัตโนมัติ

    แม้จะมีบทบาทสำคัญในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของโลก แต่ FFmpeg กลับขาดแคลนงบประมาณมาโดยตลอด ล่าสุดโครงการ FLOSS/fund ที่ริเริ่มโดย Zerodha บริษัทโบรกเกอร์หุ้นจากอินเดีย ได้มอบเงินสนับสนุนจำนวน $100,000 ให้กับ FFmpeg ในรอบการจัดสรรครั้งที่สองของปี 2025

    ทีมงาน FFmpeg ขอบคุณ Nithin Kamath ซีอีโอของ Zerodha ผ่านโพสต์บน X (Twitter) พร้อมระบุว่า “เงินทุนนี้ไม่ใช่คำตอบทั้งหมดของปัญหา แต่เป็นก้าวสำคัญสู่อนาคตที่ยั่งยืนของซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส”

    เงินทุนนี้ยังอยู่ในสถานะ “รอดำเนินการ” เนื่องจากต้องจัดการเอกสารและการติดต่อกับผู้รับทั้งหมด โดย FLOSS/fund กำลังร่วมมือกับ GitHub Sponsors เพื่อทำให้การโอนเงินข้ามประเทศง่ายขึ้นในอนาคต

    ในรอบนี้มีโครงการโอเพ่นซอร์สอีก 29 โครงการที่ได้รับเงินสนับสนุน รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น $675,000 ซึ่งเมื่อรวมกับรอบก่อนหน้าในเดือนพฤษภาคม จะทำให้ยอดรวมของปีนี้แตะ $1 ล้านเต็ม

    เกร็ดน่ารู้เพิ่มเติมจากภายนอก
    FLOSS/fund ก่อตั้งขึ้นในปี 2024 โดยมีเป้าหมายสนับสนุนซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากแต่ขาดงบประมาณ
    FFmpeg ถูกใช้ในระบบ backend ของหลายแพลตฟอร์มโดยที่ผู้ใช้ทั่วไปไม่รู้ตัว
    การสนับสนุนแบบนี้อาจเป็นต้นแบบให้บริษัทอื่นๆ ร่วมลงทุนในโครงการโอเพ่นซอร์สที่ตนเองพึ่งพาอยู่

    นี่คือก้าวสำคัญของโลกโอเพ่นซอร์ส ที่แสดงให้เห็นว่าความยั่งยืนไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี — แต่คือเรื่องของความรับผิดชอบร่วมกันจากทุกภาคส่วน

    FFmpeg ได้รับเงินสนับสนุนจาก FLOSS/fund
    จำนวน $100,000 จาก Zerodha ประเทศอินเดีย
    เป็นส่วนหนึ่งของรอบจัดสรร Tranche 2 ประจำปี 2025
    ยังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการเอกสารและการติดต่อ

    ความสำคัญของ FFmpeg
    ใช้ในแพลตฟอร์มใหญ่ เช่น YouTube, Netflix, แอปตัดต่อวิดีโอ
    เป็นเฟรมเวิร์กโอเพ่นซอร์สสำหรับแปลงและสตรีมไฟล์มัลติมีเดีย
    มีบทบาทสำคัญในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลทั่วโลก

    เป้าหมายของ FLOSS/fund
    สนับสนุนโครงการโอเพ่นซอร์สที่โลกพึ่งพา
    เรียกร้องให้บริษัทที่ได้ประโยชน์จาก FOSS สนับสนุนมากกว่าแค่คำขอบคุณ
    ร่วมมือกับ GitHub Sponsors เพื่อแก้ปัญหาโอนเงินข้ามประเทศ

    ความท้าทายในการสนับสนุนโอเพ่นซอร์ส
    เงินทุนยังไม่เพียงพอต่อความต้องการระยะยาว
    การโอนเงินระหว่างประเทศยังมีอุปสรรคด้านกฎหมายและระบบธนาคาร
    โครงการโอเพ่นซอร์สจำนวนมากยังไม่มีช่องทางรับเงินที่ปลอดภัย

    https://news.itsfoss.com/ffmpeg-receives-100k-funding/
    💰 FFmpeg ได้รับเงินสนับสนุน $100,000 จากโครงการ FLOSS/fund ของอินเดีย — ก้าวสำคัญสู่อนาคตที่ยั่งยืนของโอเพ่นซอร์ส โครงการ FLOSS/fund ที่ริเริ่มโดย Zerodha มอบเงินสนับสนุนให้ FFmpeg ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือมัลติมีเดียโอเพ่นซอร์สที่สำคัญที่สุดในโลก โดยเงินทุนนี้ถือเป็นก้าวแรกในการแก้ปัญหาการขาดแคลนงบประมาณของโครงการโอเพ่นซอร์สทั่วโลก ถ้าคุณเคยดูวิดีโอออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น YouTube, Netflix หรือแม้แต่ใช้แอปตัดต่อวิดีโอ มีโอกาสสูงมากที่เบื้องหลังจะมี FFmpeg ทำงานอยู่ — มันคือเฟรมเวิร์กโอเพ่นซอร์สที่ช่วยแปลงไฟล์ สตรีม และประมวลผลเสียงกับภาพแบบอัตโนมัติ แม้จะมีบทบาทสำคัญในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของโลก แต่ FFmpeg กลับขาดแคลนงบประมาณมาโดยตลอด ล่าสุดโครงการ FLOSS/fund ที่ริเริ่มโดย Zerodha บริษัทโบรกเกอร์หุ้นจากอินเดีย ได้มอบเงินสนับสนุนจำนวน $100,000 ให้กับ FFmpeg ในรอบการจัดสรรครั้งที่สองของปี 2025 ทีมงาน FFmpeg ขอบคุณ Nithin Kamath ซีอีโอของ Zerodha ผ่านโพสต์บน X (Twitter) พร้อมระบุว่า “เงินทุนนี้ไม่ใช่คำตอบทั้งหมดของปัญหา แต่เป็นก้าวสำคัญสู่อนาคตที่ยั่งยืนของซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส” เงินทุนนี้ยังอยู่ในสถานะ “รอดำเนินการ” เนื่องจากต้องจัดการเอกสารและการติดต่อกับผู้รับทั้งหมด โดย FLOSS/fund กำลังร่วมมือกับ GitHub Sponsors เพื่อทำให้การโอนเงินข้ามประเทศง่ายขึ้นในอนาคต ในรอบนี้มีโครงการโอเพ่นซอร์สอีก 29 โครงการที่ได้รับเงินสนับสนุน รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น $675,000 ซึ่งเมื่อรวมกับรอบก่อนหน้าในเดือนพฤษภาคม จะทำให้ยอดรวมของปีนี้แตะ $1 ล้านเต็ม 🧠 เกร็ดน่ารู้เพิ่มเติมจากภายนอก 💠 FLOSS/fund ก่อตั้งขึ้นในปี 2024 โดยมีเป้าหมายสนับสนุนซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากแต่ขาดงบประมาณ 💠 FFmpeg ถูกใช้ในระบบ backend ของหลายแพลตฟอร์มโดยที่ผู้ใช้ทั่วไปไม่รู้ตัว 💠 การสนับสนุนแบบนี้อาจเป็นต้นแบบให้บริษัทอื่นๆ ร่วมลงทุนในโครงการโอเพ่นซอร์สที่ตนเองพึ่งพาอยู่ นี่คือก้าวสำคัญของโลกโอเพ่นซอร์ส ที่แสดงให้เห็นว่าความยั่งยืนไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี — แต่คือเรื่องของความรับผิดชอบร่วมกันจากทุกภาคส่วน ✅ FFmpeg ได้รับเงินสนับสนุนจาก FLOSS/fund ➡️ จำนวน $100,000 จาก Zerodha ประเทศอินเดีย ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของรอบจัดสรร Tranche 2 ประจำปี 2025 ➡️ ยังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการเอกสารและการติดต่อ ✅ ความสำคัญของ FFmpeg ➡️ ใช้ในแพลตฟอร์มใหญ่ เช่น YouTube, Netflix, แอปตัดต่อวิดีโอ ➡️ เป็นเฟรมเวิร์กโอเพ่นซอร์สสำหรับแปลงและสตรีมไฟล์มัลติมีเดีย ➡️ มีบทบาทสำคัญในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลทั่วโลก ✅ เป้าหมายของ FLOSS/fund ➡️ สนับสนุนโครงการโอเพ่นซอร์สที่โลกพึ่งพา ➡️ เรียกร้องให้บริษัทที่ได้ประโยชน์จาก FOSS สนับสนุนมากกว่าแค่คำขอบคุณ ➡️ ร่วมมือกับ GitHub Sponsors เพื่อแก้ปัญหาโอนเงินข้ามประเทศ ‼️ ความท้าทายในการสนับสนุนโอเพ่นซอร์ส ⛔ เงินทุนยังไม่เพียงพอต่อความต้องการระยะยาว ⛔ การโอนเงินระหว่างประเทศยังมีอุปสรรคด้านกฎหมายและระบบธนาคาร ⛔ โครงการโอเพ่นซอร์สจำนวนมากยังไม่มีช่องทางรับเงินที่ปลอดภัย https://news.itsfoss.com/ffmpeg-receives-100k-funding/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    FFmpeg Receives $100K in Funding from India's FLOSS/fund Initiative
    It is one of the world's most widely used multimedia frameworks today.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • Ubuntu Unity กำลังขาดแรงพัฒนา — ทีมเรียกร้องความช่วยเหลือก่อนจะถึงจุดจบ

    Ubuntu Unity ซึ่งเป็นหนึ่งใน official flavor ของ Ubuntu กำลังเผชิญวิกฤตด้านการพัฒนาอย่างหนัก หลังจากผู้ดูแลหลักหายไปจากโครงการ ทำให้ไม่มีใครตรวจสอบบั๊กหรือทดสอบ ISO ที่ปล่อยออกมา ส่งผลให้เวอร์ชันล่าสุดไม่สามารถใช้งานได้อย่างเสถียร และอาจไม่มีเวอร์ชันใหม่ในอนาคตหากไม่มีผู้ช่วยเหลือเข้ามา

    โครงการเริ่มต้นจากความคิดถึง Unity7 หลัง Canonical ยกเลิกในปี 2017
    เปิดตัวในปี 2020 โดย Rudra Saraswat เป็น remix ที่ไม่เป็นทางการ
    ได้รับความนิยมจากผู้ใช้ที่ชอบอินเทอร์เฟซแบบ macOS

    กลายเป็น official flavor ตั้งแต่ Ubuntu 22.10
    เข้าร่วมกับ Kubuntu, Xubuntu, Lubuntu อย่างเป็นทางการ
    ถือเป็นก้าวสำคัญของโครงการโอเพ่นซอร์สที่เริ่มจากชุมชน

    ปัจจุบันขาดผู้ดูแลที่มีทักษะด้านเทคนิค
    Maik Adamietz และ Rudra ไม่สามารถดูแลโครงการได้เต็มเวลา
    ไม่มีการตรวจสอบ ISO ที่ปล่อยอัตโนมัติ และบั๊กไม่ได้รับการแก้ไข

    Ubuntu Unity 25.10 ไม่สามารถปล่อยเวอร์ชันเสถียรได้
    มีบั๊กสำคัญที่ทำให้การอัปเกรดจาก 25.04 หรือการติดตั้งบน flavor อื่นล้มเหลว
    ทีมงาน Fuseteam และ Maik ไม่มีทักษะด้านเทคนิคเพียงพอในการแก้ไข

    เป้าหมายคือการอยู่รอดจนถึง Ubuntu Unity 26.04 LTS
    ต้องการผู้ช่วยที่สามารถแก้บั๊ก, ทดสอบระบบ, และพอร์ตแพ็กเกจ
    มีการเรียกร้องให้ชุมชนเข้ามาช่วยเหลือผ่าน GitLab และ Discord

    งานเร่งด่วนที่ชุมชนเสนอให้ช่วย

    เปลี่ยนระบบควบคุมเวอร์ชันจาก Bazaar เป็น Git
    เพื่อให้สามารถ build แพ็กเกจได้อีกครั้ง

    พอร์ตไลบรารีจาก pcre3 ไป pcre2 และ libsoup2.4 ไป libsoup3
    ลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยจากไลบรารีที่ไม่ได้รับการดูแล

    แทนที่ Compiz ด้วย Wayland-compatible compositor
    เช่น Wayfire หรือ Mir-based compositor เพื่อรองรับอนาคต

    หากไม่มีผู้ดูแลใหม่ โครงการอาจหยุดพัฒนาอย่างถาวร
    Unity desktop อาจหายไปจากโลก Linux อีกครั้ง
    ผู้ใช้ที่อัปเกรดหรือใช้งานเวอร์ชันล่าสุดอาจเจอบั๊กที่ไม่มีใครแก้

    การใช้ ISO ที่ไม่ได้ตรวจสอบอาจเสี่ยงต่อความไม่เสถียรหรือความปลอดภัย
    ไม่มีการทดสอบก่อนปล่อย ทำให้ผู้ใช้ต้องรับความเสี่ยงเอง
    ควรใช้เวอร์ชัน 24.04 LTS ที่ยังเสถียรเป็นหลัก

    สำหรับลุงแล้ว ลุงคิดว่า Unity ไม่ควรเกิดขึ้นตั้งแต่แรก
    ตลอดเวลาที่ Ubuntu desktop เริ่มหันมาใช้ Unity ลุงไม่เคยใช้ กันไปใช้ Lubuntu แทน

    https://news.itsfoss.com/ubuntu-unity-needs-help/
    🆘🖥️ Ubuntu Unity กำลังขาดแรงพัฒนา — ทีมเรียกร้องความช่วยเหลือก่อนจะถึงจุดจบ Ubuntu Unity ซึ่งเป็นหนึ่งใน official flavor ของ Ubuntu กำลังเผชิญวิกฤตด้านการพัฒนาอย่างหนัก หลังจากผู้ดูแลหลักหายไปจากโครงการ ทำให้ไม่มีใครตรวจสอบบั๊กหรือทดสอบ ISO ที่ปล่อยออกมา ส่งผลให้เวอร์ชันล่าสุดไม่สามารถใช้งานได้อย่างเสถียร และอาจไม่มีเวอร์ชันใหม่ในอนาคตหากไม่มีผู้ช่วยเหลือเข้ามา ✅ โครงการเริ่มต้นจากความคิดถึง Unity7 หลัง Canonical ยกเลิกในปี 2017 ➡️ เปิดตัวในปี 2020 โดย Rudra Saraswat เป็น remix ที่ไม่เป็นทางการ ➡️ ได้รับความนิยมจากผู้ใช้ที่ชอบอินเทอร์เฟซแบบ macOS ✅ กลายเป็น official flavor ตั้งแต่ Ubuntu 22.10 ➡️ เข้าร่วมกับ Kubuntu, Xubuntu, Lubuntu อย่างเป็นทางการ ➡️ ถือเป็นก้าวสำคัญของโครงการโอเพ่นซอร์สที่เริ่มจากชุมชน ✅ ปัจจุบันขาดผู้ดูแลที่มีทักษะด้านเทคนิค ➡️ Maik Adamietz และ Rudra ไม่สามารถดูแลโครงการได้เต็มเวลา ➡️ ไม่มีการตรวจสอบ ISO ที่ปล่อยอัตโนมัติ และบั๊กไม่ได้รับการแก้ไข ✅ Ubuntu Unity 25.10 ไม่สามารถปล่อยเวอร์ชันเสถียรได้ ➡️ มีบั๊กสำคัญที่ทำให้การอัปเกรดจาก 25.04 หรือการติดตั้งบน flavor อื่นล้มเหลว ➡️ ทีมงาน Fuseteam และ Maik ไม่มีทักษะด้านเทคนิคเพียงพอในการแก้ไข ✅ เป้าหมายคือการอยู่รอดจนถึง Ubuntu Unity 26.04 LTS ➡️ ต้องการผู้ช่วยที่สามารถแก้บั๊ก, ทดสอบระบบ, และพอร์ตแพ็กเกจ ➡️ มีการเรียกร้องให้ชุมชนเข้ามาช่วยเหลือผ่าน GitLab และ Discord 🚨🆘 งานเร่งด่วนที่ชุมชนเสนอให้ช่วย ✅ เปลี่ยนระบบควบคุมเวอร์ชันจาก Bazaar เป็น Git ➡️ เพื่อให้สามารถ build แพ็กเกจได้อีกครั้ง ✅ พอร์ตไลบรารีจาก pcre3 ไป pcre2 และ libsoup2.4 ไป libsoup3 ➡️ ลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยจากไลบรารีที่ไม่ได้รับการดูแล ✅ แทนที่ Compiz ด้วย Wayland-compatible compositor ➡️ เช่น Wayfire หรือ Mir-based compositor เพื่อรองรับอนาคต ‼️ หากไม่มีผู้ดูแลใหม่ โครงการอาจหยุดพัฒนาอย่างถาวร ⛔ Unity desktop อาจหายไปจากโลก Linux อีกครั้ง ⛔ ผู้ใช้ที่อัปเกรดหรือใช้งานเวอร์ชันล่าสุดอาจเจอบั๊กที่ไม่มีใครแก้ ‼️ การใช้ ISO ที่ไม่ได้ตรวจสอบอาจเสี่ยงต่อความไม่เสถียรหรือความปลอดภัย ⛔ ไม่มีการทดสอบก่อนปล่อย ทำให้ผู้ใช้ต้องรับความเสี่ยงเอง ⛔ ควรใช้เวอร์ชัน 24.04 LTS ที่ยังเสถียรเป็นหลัก สำหรับลุงแล้ว ลุงคิดว่า Unity ไม่ควรเกิดขึ้นตั้งแต่แรก ‼️ ตลอดเวลาที่ Ubuntu desktop เริ่มหันมาใช้ Unity ลุงไม่เคยใช้ กันไปใช้ Lubuntu แทน 🐧 https://news.itsfoss.com/ubuntu-unity-needs-help/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    Ubuntu Unity Maintainers Sound the Alarm, Official Flavor Needs Help!
    Without help soon, the beloved Unity desktop Ubuntu flavor may not survive much longer.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • The Matrix เคยเกือบได้เกมจาก Hideo Kojima แต่ Konami ปฏิเสธแบบไม่ใยดี

    ย้อนกลับไปในปี 1999 ผู้กำกับ The Matrix — พี่น้อง Wachowski — เคยเสนอให้ Hideo Kojima นักออกแบบเกมชื่อดังจากซีรีส์ Metal Gear สร้างเกมจากจักรวาล The Matrix แต่ข้อเสนอถูกปฏิเสธโดย CEO ของ Konami ในขณะนั้น ทั้งที่ Kojima แสดงความสนใจอย่างมาก

    เรื่องราวเบื้องหลังที่เพิ่งถูกเปิดเผย
    Christopher Bergstresser อดีตผู้บริหาร Konami เล่าเหตุการณ์ในวันเปิดตัว The Matrix ที่ญี่ปุ่น
    Wachowski โทรหา Konami เพื่อขอพบ Kojima และเสนอให้เขาสร้างเกมจาก The Matrix
    Kojima, Aki Saito และ Kazumi Kitaue (CEO) เข้าร่วมประชุมกับทีมผู้กำกับ
    เมื่อข้อเสนอถูกแปลเป็นภาษาญี่ปุ่นให้ CEO ฟัง เขาตอบกลับทันทีว่า “ไม่”
    แม้จะถูกปฏิเสธ ทีมงานยังได้ร่วมงานเปิดตัวภาพยนตร์และงานเลี้ยงหลังฉาย

    มีรายงานเพิ่มเติมว่า Kojima ยังแสดงความสนใจในโปรเจกต์นี้หลังจากถูกปฏิเสธ และอาจเคยพยายามผลักดันให้เกิดขึ้น แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Wachowski เสนอให้ Kojima สร้างเกมจาก The Matrix ในปี 1999
    Konami ปฏิเสธข้อเสนอทันที แม้ Kojimaสนใจ
    การประชุมเกิดขึ้นในวันเปิดตัวภาพยนตร์ที่ญี่ปุ่น
    ทีมงานยังได้ร่วมงานเลี้ยงหลังฉาย แม้โปรเจกต์ไม่เกิดขึ้น
    Kojima อาจพยายามผลักดันโปรเจกต์หลังจากนั้น แต่ไม่สำเร็จ

    ความสำคัญของโปรเจกต์ที่ไม่เคยเกิดขึ้น
    The Matrix เป็น IP ที่เหมาะกับเกมแนวแอ็กชันและไซไฟ
    Kojima มีชื่อเสียงด้านการเล่าเรื่องและการออกแบบเกมล้ำยุค
    การร่วมมือครั้งนี้อาจเปลี่ยนประวัติศาสตร์เกมไซไฟไปเลย

    คำเตือนจากอดีตที่น่าคิด
    การตัดสินใจของผู้บริหารอาจขัดขวางโอกาสสร้างสรรค์ระดับตำนาน
    The Matrix ยังไม่มีเกมที่ได้รับคำชมในระดับเดียวกับภาพยนตร์
    แฟน ๆ อาจไม่เคยได้สัมผัสประสบการณ์เกมที่ควรจะเกิดขึ้น

    https://wccftech.com/the-matrix-creators-wanted-kojima-make-a-game-on-the-ip-konami-refused/
    🎮🕶️ The Matrix เคยเกือบได้เกมจาก Hideo Kojima แต่ Konami ปฏิเสธแบบไม่ใยดี ย้อนกลับไปในปี 1999 ผู้กำกับ The Matrix — พี่น้อง Wachowski — เคยเสนอให้ Hideo Kojima นักออกแบบเกมชื่อดังจากซีรีส์ Metal Gear สร้างเกมจากจักรวาล The Matrix แต่ข้อเสนอถูกปฏิเสธโดย CEO ของ Konami ในขณะนั้น ทั้งที่ Kojima แสดงความสนใจอย่างมาก 📼 เรื่องราวเบื้องหลังที่เพิ่งถูกเปิดเผย 💠 Christopher Bergstresser อดีตผู้บริหาร Konami เล่าเหตุการณ์ในวันเปิดตัว The Matrix ที่ญี่ปุ่น 💠 Wachowski โทรหา Konami เพื่อขอพบ Kojima และเสนอให้เขาสร้างเกมจาก The Matrix 💠 Kojima, Aki Saito และ Kazumi Kitaue (CEO) เข้าร่วมประชุมกับทีมผู้กำกับ 💠 เมื่อข้อเสนอถูกแปลเป็นภาษาญี่ปุ่นให้ CEO ฟัง เขาตอบกลับทันทีว่า “ไม่” 💠 แม้จะถูกปฏิเสธ ทีมงานยังได้ร่วมงานเปิดตัวภาพยนตร์และงานเลี้ยงหลังฉาย มีรายงานเพิ่มเติมว่า Kojima ยังแสดงความสนใจในโปรเจกต์นี้หลังจากถูกปฏิเสธ และอาจเคยพยายามผลักดันให้เกิดขึ้น แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Wachowski เสนอให้ Kojima สร้างเกมจาก The Matrix ในปี 1999 ➡️ Konami ปฏิเสธข้อเสนอทันที แม้ Kojimaสนใจ ➡️ การประชุมเกิดขึ้นในวันเปิดตัวภาพยนตร์ที่ญี่ปุ่น ➡️ ทีมงานยังได้ร่วมงานเลี้ยงหลังฉาย แม้โปรเจกต์ไม่เกิดขึ้น ➡️ Kojima อาจพยายามผลักดันโปรเจกต์หลังจากนั้น แต่ไม่สำเร็จ ✅ ความสำคัญของโปรเจกต์ที่ไม่เคยเกิดขึ้น ➡️ The Matrix เป็น IP ที่เหมาะกับเกมแนวแอ็กชันและไซไฟ ➡️ Kojima มีชื่อเสียงด้านการเล่าเรื่องและการออกแบบเกมล้ำยุค ➡️ การร่วมมือครั้งนี้อาจเปลี่ยนประวัติศาสตร์เกมไซไฟไปเลย ‼️ คำเตือนจากอดีตที่น่าคิด ⛔ การตัดสินใจของผู้บริหารอาจขัดขวางโอกาสสร้างสรรค์ระดับตำนาน ⛔ The Matrix ยังไม่มีเกมที่ได้รับคำชมในระดับเดียวกับภาพยนตร์ ⛔ แฟน ๆ อาจไม่เคยได้สัมผัสประสบการณ์เกมที่ควรจะเกิดขึ้น https://wccftech.com/the-matrix-creators-wanted-kojima-make-a-game-on-the-ip-konami-refused/
    WCCFTECH.COM
    The Matrix Creators Wanted Kojima to Make a Game Based on the IP, But Konami Refused
    According to a former Konami employee, the creators of The Matrix asked Hideo Kojima to make a game on the IP, but Konami's CEO refused.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทบาทกองทัพไทยเรายังแสดงความเด็ดขาดไม่ชัดเจนใดๆน่าผิดหวังมากที่เรา..ประชาชนคนไทยฝากความหวังไว้มากมายเพราะกองทัพไทยมีอำนาจหน้าที่เต็มพร้อมสั่งการใดๆผ่านอำนาจในมือตนได้หมดเพื่อรักษาอธิปไตยไทยเราเองในทุกๆมิติจากคนต่างประเทศต่างชาติได้ที่เป็นต่างชาติที่ไม่ดีเป็นคนต่างชาตินั้นๆที่ไม่ดีต่อประเทศไทยเราและปัจจุบันชัดเจนมาก,เราตัดตอนสิ่งเลวชั่วก่อนที่จะลุกลามไปไม่ให้ลุกลามใดๆได้ที่เสียหายต่อดินแดนอธิปไตยไทยเราเองเจ้าของประเทศ,ผลักดันเนียนๆนิ่มๆอย่างชอบธรรมได้ในเวลาจังหวะนี้ กฎหมายใดๆที่เขียนขึ้นจากรัฐบาลบัดสบยุคอดีตเราสามารถโมฆะเขียนใหม่ให้ดีได้ต่อไทยตนเอง,มิใช่ปัจจุบันยังกอดผีบ้ากฎหมายที่เสียอธิปไตยตนมากมายในปัจจุบันเช่นนี้,แผ่นดินไทยและประชาชนคนไทยที่ผาสุขสงบสุขสันติสุขต้องมาก่อนความสงบสุขของคนต่างชาติที่ย้ายมาจากไหนไม่รู้มายึดครองแผ่นดินที่ดินคนไทยด้วยตังคนต่างชาติที่อดีตรัฐบาลชั่วไปทำผิดต่อบ้านต่อเมืองไทยตน เราสามารถยกเลิกกฎหมายอุบาทก์นั้นได้หมดเพราะประเทศไทยคือประเทศต้องมาก่อน,คนไทยทรยศไทยต่อประหารชีวิตทั้งหมด.

    ..โลกยุคสมัยหน้าต้องรักษาปกป้องชาติตนเองและประชาชนตนเองก่อน จากนั้นจึงแสวงหามิตรดีสหายดีมาร่วมกันปกป้องกันดูแลกัน มิใช่มาเอาเปรียบกัน ปล้นชิงกัน ทำชั่วจากที่อื่นหมายมาทำชั่วเลวที่ใหม่ต้องผลักดันออกทันที.

    ..กองทัพไทยต้องยึดอำนาจรัฐบาลปัจจุบันนี้ทันทีอย่าให้ทำผิดเหมือนอดีตนายกฯอุ๊งอิ๊งอีก,ตัดตอนยุคนั้นสงครามเขมรจะไม่เกิดตามแผนไซออนิสต์เลย,เรา..ประเทศกองทัพไทยยังทันนะที่จะลงมือยึดอำนาจแล้วกวาดล้างความสกปกรกในบ้านในเมืองเราอย่างเด็ดขาดจริงจัง ท่านเห็นอะไรว่าดี ว่าชั่วว่าเลวหมดแล้ว พยานหลักฐานครบหมดเก็บในบิ๊กดาต้าหมดแล้วแน่นอนในทีมงานคณะสายลับกองทัพไทยและคณะสากลโลก,ดีที่สุดยุคนี้คือคนของประเทศใดต้องกลับไปประเทศนั้นหมดทันที,ไทยเรายังไม่พร้อมรับคนต่างชาติต่างด้าวใดๆเลยตลอดแรงงานต่างชาติทัังหมดในยุคเวลาวิกฤตินี้ ต้องผลักดันคนต่างชาติแรงงานต่างชาติต่างด้าวออกจากประเทศไทยทั้งหมดทันทีก่อนเพื่อจัดระเบียนแบบแผนภายในเราใหม่ทั้งหมด,ปิดประเทศก็ต้องปิดก่อน ห้ามคนต่างชาติเข้าประเทศไทยทั้งหมด คนต่างชาติต่างประเทศต่างด้าวต้องออกจากประเทศไทยทันทีทุกๆกรณี,นี้คือการจัดการปัญหาได้ตรงจุด ในเวลานี้ ยุคนี้ จะเหตุการณ์ใดๆ ยิว มุสลิม คนต่างชาติต่างด้าว ที่มาจากคนพวกนี้จะหมดไปเป็นอันมาก,เราจะเหลือคนไทยเพียวๆล้วนๆทันที ปัญหาจะจัดหารง่าย ภัยสังคมภายในจะบริหารจัดการแก้ไขง่าย เห็นสิ่งผิดปกติชัด ไม่ต้องมากังวลข้างหลังกับพวกต่างชาติใดๆในประเทศไทยเราอีก,เมื่ออะไรจัดการลงตัววางระบบระเบียบใหม่พร้อมรับมือลงตัวจึงเปิดประเทศไทยเราใหม่เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวหรือคนต่างประเทศไทยได้,ปิดประเทศไทย เราไม่ตายอะไรหรอก,คนไทยภายในประเทศไม่ตายหรอก,จะตายคืออีลิทบ้าเงินบ้าทองนายลงทุนสามานย์โน้น,กิจการเจ้าสัวชั่วเลวมือเทาเถื่อนต่างๆที่ปะปนไปกับสินค้าบริการตนที่อ้่งว่าถูกกฎหมายนั้นล่ะ,
    ..วิกฤตประเทศไทย แก้ได้แน่นอนถ้าทำตามนี้ อย่ารักษหน้าตาผีบ้าเลย,รักษาชาติไทยแผ่นดินไทยบ้านประเทศไทยเราไว้ก่อน,ถีบต่างชาตคนต่างประเทศแรงงานต่างประเทศแรงงานต่างชาติออกไปก่อน อย่างไรมันก็คนต่างชาติมันก็เป็นต่างประเทศ มันก็กลับไปประเทศชาติมันได้หรือไปอาศัยอยู่ในประเทศอื่นๆต่อได้ ไปเป็นแรงงานชาติอื่นๆได้,เรา..ประเทศไทยมาจัดการเรื่องภายใน ทำความสะอาดครั้งใหญ่ดีกว่า,ยึดทรัพย์สินเจ้าสัวเทา นักการเมืองเทา นักปกครองคนข้าราชการไทยเทาเราดีกว่า,สมบัติทรัพยากรเราจากการปิดประเทศจะได้คืนมาทันทีด้วย,เขียนระบบปกครองใหม่ก็ได้,ผีบ้าไปใช้ระบบปกครองของฝรั่งส่งออกมันทำไม เราเป็นทาสมันเหรอต้องใช้ระบบปกครองของฝรั่งมัน มันบอกต้องปกครองระบอบปกครองนี้เหรอ,เมื่อระบอบปกครองนี้ทำให้เราเกือบสิ้นชาติจะเก็บไว้ทำพ่อมรึงเหรอ,เมื่อระบอบปกครองนี้ทำให้เราเสียบ่อน้ำมันไปเกือบทั้งประเทศได้ค่าภาคหลวงแบบกากๆรายได้แค่เศษตังเศษกระดูกพอใจอะไรเปรียบเสมือนระบอบปกครองนี้มันปล้นชิงแผ่นดินไทยผ่านระบอบปกครองของฝรั่งชัดเจนที่คณะ2475ไปรับมา,เรามันยุคไหนแล้วไร้สติปัญญาคิดอ่านสร้างระบบระบอบปกครองตนเองของฉบับไทยเราเองไม่ได้เหรอ,ถ้าโง่ขนาดนั้นก็สมควรพังพินาศสิ้นชาติไทยเถอะ,สมบัติทรัพยากรมีค่ามากมายบนแผ่นดินไทยต่างถูกปล้นชิงแย่งชิงผูกขาดยึดครองแทนคนไทยแทนประเทศไทยต่อหน้าต่อตาก็สมควรถูกต่างชาติคนต่างประเทศยึดประเทศไทยเถอะ สิ้นชาติไทยไป ไปเป็นทาสมันคนต่างชาติต่างประเทศเสีย ,ไล่ต่างชาติออกไปทั้งหมดมันผิดตรงไหน,ระหว่างมันยุยงยุแหย่ให้คนไทยแตกความสามัคคีกันฆ่าฟันกันเองหรือหมายล้มสถาบันกษัตริย์ไทยเราแล้วมันคนต่างชาติเข้ามายึดพื้นที่ดินยึดครองอยู่แทนคนไทยภายในทั้งหมดทันที,แบบไหนมันดีกว่ากัน,การไล่การถีบคนต่างชาติ ปิดบ้านตนเอง ปิดฐานตนเองเพื่อความปลอดภัยสำคัญที่สุด,มันออกไปข้างนอก จะกลับบ้านมันเองหรือไปไหนต่อก็เรื่องของมัน บ้านเราคือบ้านเรา ,ยิ่งเอาโจร ปล้นชิงฆ่าข่มขืนเข้าบ้านมาอยู่ด้วย มันสมควรจะกระทำมั้ย.,กองทัพไทยไม่โง่ ,นักการเมืองไทยหมดศักยภาพทางดีงามแล้ว ชั่วเลวเต็มสันดานจริตมารปีศาจอสูรครอบงำร่างกายเน่าๆมันหมดแล้ว,กองทัพไทยทหารพระราชาทหารประชาชนคนไทยต้องเด็ดขาดได้แล้ว.,อย่าโง่เหง้าอีกเลย เสียโง่ยุคโควิด19ก็มากพอแล้ว ทั้งมันทหารเลวชั่วฝ่ายมืดอีลิทซาตานอีก,ยุคเราคือทหารฝ่ายแสงต้องกวาดล้างจริงจังกันได้แล้ว.

    https://vm.tiktok.com/ZSHvnCQAs94up-BURXT/
    บทบาทกองทัพไทยเรายังแสดงความเด็ดขาดไม่ชัดเจนใดๆน่าผิดหวังมากที่เรา..ประชาชนคนไทยฝากความหวังไว้มากมายเพราะกองทัพไทยมีอำนาจหน้าที่เต็มพร้อมสั่งการใดๆผ่านอำนาจในมือตนได้หมดเพื่อรักษาอธิปไตยไทยเราเองในทุกๆมิติจากคนต่างประเทศต่างชาติได้ที่เป็นต่างชาติที่ไม่ดีเป็นคนต่างชาตินั้นๆที่ไม่ดีต่อประเทศไทยเราและปัจจุบันชัดเจนมาก,เราตัดตอนสิ่งเลวชั่วก่อนที่จะลุกลามไปไม่ให้ลุกลามใดๆได้ที่เสียหายต่อดินแดนอธิปไตยไทยเราเองเจ้าของประเทศ,ผลักดันเนียนๆนิ่มๆอย่างชอบธรรมได้ในเวลาจังหวะนี้ กฎหมายใดๆที่เขียนขึ้นจากรัฐบาลบัดสบยุคอดีตเราสามารถโมฆะเขียนใหม่ให้ดีได้ต่อไทยตนเอง,มิใช่ปัจจุบันยังกอดผีบ้ากฎหมายที่เสียอธิปไตยตนมากมายในปัจจุบันเช่นนี้,แผ่นดินไทยและประชาชนคนไทยที่ผาสุขสงบสุขสันติสุขต้องมาก่อนความสงบสุขของคนต่างชาติที่ย้ายมาจากไหนไม่รู้มายึดครองแผ่นดินที่ดินคนไทยด้วยตังคนต่างชาติที่อดีตรัฐบาลชั่วไปทำผิดต่อบ้านต่อเมืองไทยตน เราสามารถยกเลิกกฎหมายอุบาทก์นั้นได้หมดเพราะประเทศไทยคือประเทศต้องมาก่อน,คนไทยทรยศไทยต่อประหารชีวิตทั้งหมด. ..โลกยุคสมัยหน้าต้องรักษาปกป้องชาติตนเองและประชาชนตนเองก่อน จากนั้นจึงแสวงหามิตรดีสหายดีมาร่วมกันปกป้องกันดูแลกัน มิใช่มาเอาเปรียบกัน ปล้นชิงกัน ทำชั่วจากที่อื่นหมายมาทำชั่วเลวที่ใหม่ต้องผลักดันออกทันที. ..กองทัพไทยต้องยึดอำนาจรัฐบาลปัจจุบันนี้ทันทีอย่าให้ทำผิดเหมือนอดีตนายกฯอุ๊งอิ๊งอีก,ตัดตอนยุคนั้นสงครามเขมรจะไม่เกิดตามแผนไซออนิสต์เลย,เรา..ประเทศกองทัพไทยยังทันนะที่จะลงมือยึดอำนาจแล้วกวาดล้างความสกปกรกในบ้านในเมืองเราอย่างเด็ดขาดจริงจัง ท่านเห็นอะไรว่าดี ว่าชั่วว่าเลวหมดแล้ว พยานหลักฐานครบหมดเก็บในบิ๊กดาต้าหมดแล้วแน่นอนในทีมงานคณะสายลับกองทัพไทยและคณะสากลโลก,ดีที่สุดยุคนี้คือคนของประเทศใดต้องกลับไปประเทศนั้นหมดทันที,ไทยเรายังไม่พร้อมรับคนต่างชาติต่างด้าวใดๆเลยตลอดแรงงานต่างชาติทัังหมดในยุคเวลาวิกฤตินี้ ต้องผลักดันคนต่างชาติแรงงานต่างชาติต่างด้าวออกจากประเทศไทยทั้งหมดทันทีก่อนเพื่อจัดระเบียนแบบแผนภายในเราใหม่ทั้งหมด,ปิดประเทศก็ต้องปิดก่อน ห้ามคนต่างชาติเข้าประเทศไทยทั้งหมด คนต่างชาติต่างประเทศต่างด้าวต้องออกจากประเทศไทยทันทีทุกๆกรณี,นี้คือการจัดการปัญหาได้ตรงจุด ในเวลานี้ ยุคนี้ จะเหตุการณ์ใดๆ ยิว มุสลิม คนต่างชาติต่างด้าว ที่มาจากคนพวกนี้จะหมดไปเป็นอันมาก,เราจะเหลือคนไทยเพียวๆล้วนๆทันที ปัญหาจะจัดหารง่าย ภัยสังคมภายในจะบริหารจัดการแก้ไขง่าย เห็นสิ่งผิดปกติชัด ไม่ต้องมากังวลข้างหลังกับพวกต่างชาติใดๆในประเทศไทยเราอีก,เมื่ออะไรจัดการลงตัววางระบบระเบียบใหม่พร้อมรับมือลงตัวจึงเปิดประเทศไทยเราใหม่เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวหรือคนต่างประเทศไทยได้,ปิดประเทศไทย เราไม่ตายอะไรหรอก,คนไทยภายในประเทศไม่ตายหรอก,จะตายคืออีลิทบ้าเงินบ้าทองนายลงทุนสามานย์โน้น,กิจการเจ้าสัวชั่วเลวมือเทาเถื่อนต่างๆที่ปะปนไปกับสินค้าบริการตนที่อ้่งว่าถูกกฎหมายนั้นล่ะ, ..วิกฤตประเทศไทย แก้ได้แน่นอนถ้าทำตามนี้ อย่ารักษหน้าตาผีบ้าเลย,รักษาชาติไทยแผ่นดินไทยบ้านประเทศไทยเราไว้ก่อน,ถีบต่างชาตคนต่างประเทศแรงงานต่างประเทศแรงงานต่างชาติออกไปก่อน อย่างไรมันก็คนต่างชาติมันก็เป็นต่างประเทศ มันก็กลับไปประเทศชาติมันได้หรือไปอาศัยอยู่ในประเทศอื่นๆต่อได้ ไปเป็นแรงงานชาติอื่นๆได้,เรา..ประเทศไทยมาจัดการเรื่องภายใน ทำความสะอาดครั้งใหญ่ดีกว่า,ยึดทรัพย์สินเจ้าสัวเทา นักการเมืองเทา นักปกครองคนข้าราชการไทยเทาเราดีกว่า,สมบัติทรัพยากรเราจากการปิดประเทศจะได้คืนมาทันทีด้วย,เขียนระบบปกครองใหม่ก็ได้,ผีบ้าไปใช้ระบบปกครองของฝรั่งส่งออกมันทำไม เราเป็นทาสมันเหรอต้องใช้ระบบปกครองของฝรั่งมัน มันบอกต้องปกครองระบอบปกครองนี้เหรอ,เมื่อระบอบปกครองนี้ทำให้เราเกือบสิ้นชาติจะเก็บไว้ทำพ่อมรึงเหรอ,เมื่อระบอบปกครองนี้ทำให้เราเสียบ่อน้ำมันไปเกือบทั้งประเทศได้ค่าภาคหลวงแบบกากๆรายได้แค่เศษตังเศษกระดูกพอใจอะไรเปรียบเสมือนระบอบปกครองนี้มันปล้นชิงแผ่นดินไทยผ่านระบอบปกครองของฝรั่งชัดเจนที่คณะ2475ไปรับมา,เรามันยุคไหนแล้วไร้สติปัญญาคิดอ่านสร้างระบบระบอบปกครองตนเองของฉบับไทยเราเองไม่ได้เหรอ,ถ้าโง่ขนาดนั้นก็สมควรพังพินาศสิ้นชาติไทยเถอะ,สมบัติทรัพยากรมีค่ามากมายบนแผ่นดินไทยต่างถูกปล้นชิงแย่งชิงผูกขาดยึดครองแทนคนไทยแทนประเทศไทยต่อหน้าต่อตาก็สมควรถูกต่างชาติคนต่างประเทศยึดประเทศไทยเถอะ สิ้นชาติไทยไป ไปเป็นทาสมันคนต่างชาติต่างประเทศเสีย ,ไล่ต่างชาติออกไปทั้งหมดมันผิดตรงไหน,ระหว่างมันยุยงยุแหย่ให้คนไทยแตกความสามัคคีกันฆ่าฟันกันเองหรือหมายล้มสถาบันกษัตริย์ไทยเราแล้วมันคนต่างชาติเข้ามายึดพื้นที่ดินยึดครองอยู่แทนคนไทยภายในทั้งหมดทันที,แบบไหนมันดีกว่ากัน,การไล่การถีบคนต่างชาติ ปิดบ้านตนเอง ปิดฐานตนเองเพื่อความปลอดภัยสำคัญที่สุด,มันออกไปข้างนอก จะกลับบ้านมันเองหรือไปไหนต่อก็เรื่องของมัน บ้านเราคือบ้านเรา ,ยิ่งเอาโจร ปล้นชิงฆ่าข่มขืนเข้าบ้านมาอยู่ด้วย มันสมควรจะกระทำมั้ย.,กองทัพไทยไม่โง่ ,นักการเมืองไทยหมดศักยภาพทางดีงามแล้ว ชั่วเลวเต็มสันดานจริตมารปีศาจอสูรครอบงำร่างกายเน่าๆมันหมดแล้ว,กองทัพไทยทหารพระราชาทหารประชาชนคนไทยต้องเด็ดขาดได้แล้ว.,อย่าโง่เหง้าอีกเลย เสียโง่ยุคโควิด19ก็มากพอแล้ว ทั้งมันทหารเลวชั่วฝ่ายมืดอีลิทซาตานอีก,ยุคเราคือทหารฝ่ายแสงต้องกวาดล้างจริงจังกันได้แล้ว. https://vm.tiktok.com/ZSHvnCQAs94up-BURXT/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 297 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 27-10-68
    .
    เช้าวันจันทร์ หลังจากประชุมรับประทานอาหารเช้าเป็นข้าวผัดน้ำพริกปลาทูกับทีมงานแล้ว คุณสนธิจะมาเล่าให้ฟังถึงหลายเรื่องทั้งกรณีการสูญเสียครั้งใหญ่ของปวงชนชาวไทยกับการสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง , การลงนามในปฏิญญาสันติภาพไทย-เขมร ระหว่างนายฮุน มาเน็ตกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล ผ่านการกดดันของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ว่าเบื้องหลังของการลงนามครั้งนี้มีอะไรบ้าง และจะทำให้ประเทศชาติและประชาชนสูญเสียอะไรอีกบ้าง
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=7n8910LhBIU
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #ปฎิญญาไทยเขมร #ทรัมป์ #อนุทิน #ไทยเขมร
    สนธิเล่าเรื่อง 27-10-68 . เช้าวันจันทร์ หลังจากประชุมรับประทานอาหารเช้าเป็นข้าวผัดน้ำพริกปลาทูกับทีมงานแล้ว คุณสนธิจะมาเล่าให้ฟังถึงหลายเรื่องทั้งกรณีการสูญเสียครั้งใหญ่ของปวงชนชาวไทยกับการสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง , การลงนามในปฏิญญาสันติภาพไทย-เขมร ระหว่างนายฮุน มาเน็ตกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล ผ่านการกดดันของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ว่าเบื้องหลังของการลงนามครั้งนี้มีอะไรบ้าง และจะทำให้ประเทศชาติและประชาชนสูญเสียอะไรอีกบ้าง . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=7n8910LhBIU . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #ปฎิญญาไทยเขมร #ทรัมป์ #อนุทิน #ไทยเขมร
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 183 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง สันดาน
    “สันดาน”

    (1)

    ผมหายไปจากหน้าจอหลายวันมาก เพราะขี้เกียจดูข่าวและเขียนถึงไอ้นักล่าตอนนี้ บทมันซ้ำจนน่าเบื่อ แถมสะอิดสะเอียน เวลาดูมันพูด เล่นบทเป็นวีรบุรุษ ผู้เสียสละ จำเป็นต้องรักษาสันติสุขของมนุษยชาติ ฯลฯ ขืนดูต่อ ยาแก้คลื่นไส้ก็เอาไม่อยู่ ผมเลยไปค้นหาหนังสือเก่าๆมาอ่านประเทืองปัญญา ดีกว่าดูไอ้นักล่าตอแหล

    ปรากฏว่า อาการผมหนักกว่าคลื่นไส้!

    ผมไปเจอเอกสารเก่า เกือบ 100 ปี “The American and Russian Missions” ปี ค.ศ.1917 เป็นเอกสารของกระทรวงการต่างประเทศ อเมริกัน ที่เรียกว่า Foreign Relations of the United States (FRUS) ทนไม่ไหว ต้องเอามาเล่าสู่กันฟัง ถ้าไม่บอกว่า คนเขียนเอกสาร เขียนเมื่อไหร่ ท่านผู้อ่านอาจนึกว่าเป็นเรื่องในสมัยปัจจุบัน ผ่านมาเกือบ 100 ปี มันก็ยังใช้วิธีเดิมๆ ตามสันดาน…

    ปี ค.ศ.1917 ตามวิชาประวัติศาสตร์สากล สมัยที่ผมยังเรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยม เขาบอกว่า มีการปฏิวัติเกิดขึ้นในรัสเซีย คือการปฏิวัติอันโด่งดังของพวกบอลเชวิก (Bolsheviks) ที่โค่นพระเจ้าซาร์นิโคลัส ที่ 2 นั่นแหละ

    แต่ความจริง ในปี ค.ศ.1917 รัสเซีย มีการปฏิวัติ 2 ครั้ง ครั้งแรก ในเดือนมีนาคม ผู้นำการปฏิวัติ คือ นาย Aleksandr Kerensky ซึ่งยึดอำนาจจากพระเจ้าซาร์ ทำให้พระเจ้าซาร์ประกาศสละบัลลังก์ แต่ต่อมาพวกปฏิวัติก็จับท่านและราชวงค์ไปกักขัง ส่วนพวก Bolsheviks มาทำการปฏิวัติซ้ำในพฤศจิกายน ค.ศ.1917 ไล่คณะ นาย Kerensky ออกไป แล้วพวก Bolsheviks ก็ปกครองรัสเซียต่อ

    ในตอนที่ นาย Kerensky ทำการปฏิวัตินั้น สงครามโลกครั้งที่ 1 ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ ปี ค.ศ.1914 กำลังโซ้ยกันอย่างดุเดือด สงครามโลกครั้งที่ 1 นี้ ความจริงเริ่มมาจากชาวเกาะใหญ่ เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย เป็นฝ่ายกระสัน อยากจะทำสงครามนะครับ เพราะอังกฤษหมั่นไส้ ปนปอดแหกว่า เยอรมันกำลังจะโตใหญ่เกินหน้า ส่วนเรื่องอาชดยุกค์เฟอร์ดินานด์ แห่งปรัสเซียถูกยิง นั่นมันสาเหตุของสงครามโลก ตามประวัติศาสตร์หลักสูตรกระทรวงศึกษาฯ ลองไปหาประวัติศาสตร์นอกหลักสูตรมาอ่านกันบ้าง จะได้เห็นโลกกว้าง และลึกขึ้น

    ประมาณปี คศ 1899 เยอรมันส้มหล่นใส่ ไปได้สัมปทานจากออตโตมาน ให้สร้างทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ยาวประมาณ 2,500 ไมล์ ภาพรางรถไฟวิ่งยาวจาก Berlin ผ่านไปกลางตะวันออกกลาง ที่เต็มไปด้วยแหล่งน้ำมันไปจนถึง Bagdad เลยไปอีกหน่อย ก็ถึงอ่าวเปอร์เซีย ที่อังกฤษตีตั๋วจองไว้ ภาพนี้มันทำให้ชาวเกาะใหญ่ฯนอนฝันร้าย ที่นอนเปียกชุ่มทุกคืน ตั้งแต่รู้ข่าว ชาวเกาะฯทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาวางแผนเตะตัดขาเยอรมัน ด้วยการไปชวนพรรคพวกมาร่วมรายการถล่มนักสร้างราง แต่ถ้ามีแค่พวกขาประจำอย่างฝรั่งเศส อืตาลีร่วม ชาวเกาะไม่แน่ใจว่า จะถีบนักสร้างรางให้ตกรางได้ ชาวเกาะเลยไปหลอกรัสเซีย ถึงจะอยู่ใกลหน่อย แต่ข่าวว่ากองทัพอึด ให้มาร่วมรายการถล่มนักสร้างรางด้วยกัน (รายละเอียดอยู่ในนิทาน เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือนก 2 หัว” และ นิทานชุด “เหยื่อ”)

    รัสเซีย จริงๆไม่มีเรื่องชังหน้ากับเยอรมันซักหน่อย แต่พออังกฤษเอาของขวัญมาล่อว่า ถ้าถีบมันตกรางได้ เอาไปเลย อาณาจักรออโตมาน เรายกให้ท่าน ไม่รู้รัสเซียกำลังมึนอะไร เดินหล่นพลั่กลงหลุม ที่ชาวเกาะขุดล่อ ออโตมานก็ไม่ใช่ของชาวเกาะใหญ่ฯ ซะหน่อย เขาเอาของคนอื่นมาล่อ ไปตกลงกับเขาได้ยังไง เนี่ย เหมือนเวลาคนดวงไม่ดี มีดาวประเภท เสาร์ ราหู ทับลัคน์อะไรทำนองนั้น เวลาดาวแรงอย่างนี้ทับลัคน์ อย่าไปเชื่ออะไรใครเขาง่ายๆนะครับ
    เมื่อ นาย Kerensky ทำปฏิวัติรัสเซีย สงครามเล่นไปแล้ว 3 ปี แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิก คนจัดรายการ ออกตั๋วเสริมมาขายเพิ่มอยู่เรื่อย แม้บ้านช่องจะพังพินาศฉิบหายกันเป็นแถบๆ แต่ชาวเกาะก็บอกให้สู้ต่อ ก็บทมันเขียนไว้อย่างนั้น ทีนี้ รัสเซียแนวร่วม ดันมีปฏิวัติ รัฐบาลใหม่จะเล่นสงครามต่อหรือ เปล่า ชาวเกาะชักเหงื่อแตก อเมริกาเด็กเรา (ตอนนั้น ไอ้นักล่ายังเป็นเด็ก อยู่ในอาณัติของอังกฤษ เรื่องมัน 100 ปีมาแล้วนะครับ แต่ผมก็ไม่แน่ใจ ตอนนี้ ถึงไม่ใช่เด็กแล้ว แต่ก็อาจจะยังอยู่ ในอาณัติกันเหมือนเดิม) ก็ดันประกาศอยู่นั่นว่า เราเป็นกลาง (ยัง) ไม่เข้ามาช่วยรบ จำเราต้องใช้มันไปสืบความว่า รัสเซียหลังปฏิวัตินี่ จะสู้ต่อ หรือจะฝ่อหนี

    ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ไม้หลักปักเลน จึงจัดคณะละครเร่ ไปเจริญสัมพันธไมตรี ชื่อ The Roots Mission ให้ไปดูลาดเลารัสเซีย หลังปฏิวัติครั้งแรก ว่าหน้าตาเป็นยังไง หล่อเหลา หรือเหลาเหย่ คณะละครเร่เจริญสัมพันธไมตรีที่นำโดย นาย Elihu Roots ซึ่งมีตำแหน่งเป็นอดีตทูต อดีตรัฐมนตรี อดีตอะไรเยอะแยะไปหมด ไปเปิดดูกูเกิลเอาแล้วกันนะครับ น่าเชื่อถือดี แต่คราวนี้ดูเหมือนจะไปทำหน้าที่เล่นละคร และทำหน้าที่นักสืบมากกว่า

    คณะนาย Roots มีด้วยกันกว่าสิบคน มีทั้ง นักการทูต นักธุรกิจ วิศวกร นักหนังสือพิมพ์ นักกิจกรรมสังคม (YMCA) นายทหารบก นายทหารเรือ เบิ้มๆทั้งนั้น มันเป็นคณะที่ต้องไปแสดงละครจริงๆ พวกเขาไปถึง เมือง Petrograd ของรัสเซีย เดือนพฤษภาคม 1917 ใช้เวลาเจริญสัมพันธไมตรีกับคณะปฏิวัติ Kerensky ประมาณ 4 เดือน ไปมันทั่วรัสเซียอันกว้างใหญ่ไพศาล ไปจนถึงไซบีเรียโน่น ต้องยอมรับว่า คณะนี้เขาเล่นละครเก่ง

    คงสงสัยกัน พวก YMCA ( Young Men’s Christain Association) นี่คณะละคร เอาไปทำอะไร ในสมัยนั้น (และสมัยนี้ ?!) เขาใช้ YMCA ทำหน้าที่เหมือน CIA ในคราบทูตวัฒนธรรม ใช้ศาสนา การกีฬา การบรรเทิง บังหน้า เข้าไปคลุกคลี กับชาวบ้าน ชาวเมือง และนักเรียนนักศึกษา มีทั้ง YMCA และ YWCA ของฝ่ายหญิง การจะเอาเจ้าหน้าที่ หน่วยงานราชการทหาร ไปคลุกกับชาวบ้านนี่ บางทีไม่ได้ผล ชาวบ้านไม่เปิดใจ ก็ใช้กิจกรรมนำโดยกลุ่มแบบนี้ สมัยนี้ ก็คงไม่ใช้ YMCA แล้ว เขามาในรูปแบบของกลุ่มอะไร ลองเดาดู

    (2)

    เดือนสิงหาคม คณะละครเร่ แสดงเสร็จ ก็ทำรายงานยาวเหยียด ส่งให้รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ นาย Robert Lansing พิจารณา
    ผมจะขอยกมาเฉพาะบางส่วน ที่น่าสนใจ แต่จะเอาฉบับเต็มลงให้อ่านกันด้วย เผื่อท่านใดอยากจะตั้งคณะละคร จะได้ใช้เป็นตัวอย่าง

    คณะละครได้ไปพบทั้งพวกทำปฏิวัติ ทหารฝ่ายเก่า ฝ่ายใหม่ ชาวบ้าน ชาววัด ครู นักเรียน พ่อค้า นักธุรกิจ สายลับ ฯลฯ พบมันหมด ไปคุย ไปถาม ไปเสือก ก็เหมือนที่ไอ้บ้าอะไรที่เพิ่ง มาเสือกที่บ้านเรา เมื่อต้นเดือนนี้ละครับ มันคงมาจากคณะละครเดียวกัน รูปแบบ การเจรจา ถึงได้ทำนองเดียวกัน เล่นกันแบบนี้มา 100 ปีแล้ว ยังไม่เลิก

    ข้อสรุปที่คณะละคร ได้จากการสำรวจ คือ ชาวรัสเซีย ถอดใจไม่อยากเล่นสงครามแล้ว ขนมปังก็จะไม่มีกิน บ้านก็พัง จนแทบไม่เหลือที่ให้ซุกหัว จะไปรบทำไมอีก คณะละครอ้างว่า เพราะฝ่ายเยอรมันขนสายลับเข้ามา เต็มเมืองรัสเซีย มากรอกหูชาวรัสเซีย และทหารรัสเซียว่า จะไปรบทำไม คนอยากรบน่ะ คือพระเจ้าซาร์ ตอนนี้ท่านก็ไปแล้ว พี่น้องก็ไม่ต้องไปรบแล้ว กลับบ้านไปทำไร่ทำนาต่อแล้วกัน

    ฝ่ายคณะละครได้ยินเข้าก็ลมแทบใส่ นี่ใกล้จะถึงคิวเราเข้าฉากไปรบต่อ ถ้าไม่มีรัสเซียอยู่แถวหน้าตายก่อน พวกเราก็ ฉ. ห. ละซิ เพราะฉนั้น สิ่งที่ฝ่ายเราต้องทำด่วน (ที่เปิดเผยได้) มี 2 เรื่อง

    เรื่องที่ 1 เราต้องเอาทีมอเมริกัน เข้ามาดูแลเรื่องถนนหนทาง รางรถไฟ ในรัสเซีย เพราะขณะนี้ อาวุธยุทธภัณท์ ที่ฝ่ายเราขนมาให้ ยังกองค้างอยูที่เมืองท่า Vladivostok ประมาณ 700,000 ตัน จะขนผ่านข้ามไป Moscow ยังไม่ได้ เพราะทั้งถนน ทั้งทางรถไฟ รับน้ำหนักไม่ไหว แล้วเมื่อเราจะเข้าทำสงคราม ของมันจะต้องขนมาอีกมากมาย เราจะทำยังไง ต้องแก้ไขเรื่องนี้ด่วนจี๋

    อืม คณะละครนี่ ไม่ใช่ย่อย ไม่ใช่มารำเฉิบๆ อย่างเดียว เขาไปสำรวจหมด ระยะทางรถไฟจาก Vladivostok ถึง Moscow น่ะ ประมาณ 5 ถึง 6,000 ไมล์ เชียวนะ รำไป สำรวจไปนี่ไม่ใช่งานเล็กๆ

    แล้วจำกันได้ไหมครับ เมื่อเขาจะรบกับเวียตนาม เขาใช้บ้านเราเป็นฐานทัพ แต่ก่อนจะยกโขยงกองทัพกันเข้ามา เขาส่งคณะละครเร่แบบนี้ มาสำรวจบ้านเราไม่รู้กี่คณะ สำรวจอะไรไปบ้างก็ไม่รู้ แล้วเขาก็สร้างถนน จากสระบุรี กว้างขวางยาวเรียบไปถึงโคราช ให้เราชาวบ้านดีใจ แหม อเมริกาใจดีจัง ถนนเลยมีชื่อว่า มิตรภาพ เปล่าหรอกครับ เขาเตรียมไว้ขนส่ง อาวุธ ยุทธภัณท์ ที่เขาจะขนมาทางเรือ แต่กลัวมากองเป็นภูเขา อยู่แถวท่าเรือคลองเตย แบบ Vladivostock! มันก็เลย ต้องสร้างถนน สร้างสนามบิน ให้ประเทศไทย ฯลฯ (รายละเอียดมีอยู่ในนิทานเรื่อง “จิกโก๋ปากซอย” ถ้าอยากอ่านประวัติศาสตร์ นอกหลักสูตร กระทรวงศึกษาฯ)

    เรื่องที่ 2 ที่คณะละคร บอกสำคัญอย่างยิ่ง คือ เราต้องย้อมความคิค ย้อมสมองคนรัสเซียให้ “อยากทำสงคราม” ไม่ให้เชื่อฟังเยอรมัน อเมริกาจะทำได้อย่างไร รัสเซียไม่ใช่สมันน้อยนะ คณะละครบอกไม่มีปัญหา คนรัสเซีย ก็เหมือนเด็ก ที่ตัวโตนั่นแหละ
    เอ้า เจ้าหน้าที่รัสเซียที่ตามอ่านนิทาน ช่วยขีดเส้นใต้ 2 เส้น แล้วรายงานส่งคุณพี่ปูตินของผมด้วยนะครับ ว่าอเมริกาพูดแบบนี้ แปลว่าเห็นคนรัสเซียเป็นยังไง (เสี้ยม ซะหน่อย)

    คณะละครเร่ เขียนแผนการฟอกย้อมให้เสร็จ เขาระบุว่า เป้าหมายของแผนคือ:

    “To influence the attitude of the people of Russia for the prosecution of war as the only way of perpetuating their democracy ”

    ใครแปลเก่งๆ ลองแปลดูครับ

    สำหรับผม ผมเข้าใจความว่า เพื่อเป็นการย้อมความคิดของคนรัสเซีย ให้เชื่อว่า การเข้าทำสงคราม เป็นทางเดียวที่จะทำให้ประชาธิปไตยของเขาอยู่อย่างยั่งยืน

    ผมเขียนปูพื้น เล่ามาเสียยืดยาว เพื่อจะให้อ่านประโยคนี้กัน อ่านแล้วโปรดพิเคราะห์กันให้ดีๆ จะได้เห็น “สันดาน” อันอำมหิต ของอเมริกา (และของอังกฤษ) ที่ผ่านมาแล้วเกือบ 100 ปี แล้วก็ยังไม่เปลี่ยน และอีกกี่ร้อยปี ก็คงไม่มีวันเปลี่ยนความอำมหิต นี้ โดยใช้ความตอแหล แบบหน้าด้านๆ อ้างเรื่องประชาธิปไตย แบบตะหวักตะบวย เพื่อประโยชน์ของมัน หรือพวกมันเท่านั้น ใครจะเจ็บ ใครจะตาย ใครจะฉิบหาย ใครจะวิบัติ ขนาดไหน มันไม่สนใจ เลวถึงขนาดนี้ อำมหิต อย่างนี้ ยังมีคนอยากให้อเมริกา ครอบหัวสี่เหลี่ยมต่อไปอีกหรือครับ

    แผนการฟอกย้อม จะใช้วิธีหลักๆ อยู่ 5 อย่าง

    1. จัดกระบวนการ “สร้าง และย้อมข่าว” แล้วกระจายข่าว ที่สร้างและย้อมแล้ว ไปทั่วรัสเซีย โดยจะเอาทีมงานมาจากอเมริกา ทั้งด้านการเขียน และการแปล

    คือเอาช่างชำนาญการย้อมของอเมริกา มาตั้งโรงงานที่รัสเซีย เหมือนที่มีอยู่เกลื่อนในบ้านสมันน้อย ซื้อมันทุกช่อง ครอบมันทุกฉบับ

    2. การใช้เอกสารประเภทแผ่นพับ และใบปลิว เพื่อง่ายแก่การเสพข่าว
    สมัยนี้ก็คงเปลี่ยนเป็น เครื่องมือ ไอ้ป๊อด ไอ้แป้ด ไอ้โฟน โดยเฉพาะ พวกเล่นไลน์นี่เหยื่อชั้นดี ส่งข่าวย้อมอะไรเข้าไปแพลบเดียว กระจายทั่ว เรื่องโกหกทั้งนั้น เสพกันได้แยะและเร็วกว่า

    3. สร้างหนังประเภทต่างๆ เพื่อให้ชาวรัสเซียเสพ เช่น หนังเกี่ยวกับสงคราม หนังชีวิตคนอเมริกันในชนบท ในเมือง หนังเกี่ยวกับการทำอุตสาหกรรม การค้า หนังตลก และที่สำคัญ หนังที่แสดงถึงความรักชาติและการแสวงหาประชาธิปไตย

    ฮอลลีวู้ดรับไป เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นโรงย้อมที่สำคัญหมายเลขหนึ่ง

    4. การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะทำเป็นแผ่นโปสเตอร์สีสวยสดุดตา สื่อหัวข้อที่เหมาะสมกับรัสเซีย โดยให้สำนักงานประชาสัมพันธ์ ฝีมือเยี่ยมของอเมริกา

    รู้ไหมครับ พวกประชาสัมพันธ์เก่งๆ เขาย้อมโลกใบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว เขาเอาอะไรมาใส่หัวสมันน้อยบ้าง

    5. วิธีการที่แนบเนียนและใช้แพร่หลาย คือการพูด ซึ่งจำเป็นต้องใช้ นักพูด นักประชาสัมพันธ์ และครู เป็นจำนวนมาก โดยอเมริกาอาจจะเลือกอย่างเหมาะสม จากชาวรัสเซียก็ได้ นักพูดและครูนี้ ถือว่าเป็นเครื่องมือย้อมที่เยี่ยมที่สุด

    วิธีการนี้ บ้านสมันน้อยใช้แยะมาก ยิ่งตอนนี้ซึ่งเป็นช่วงสำคัญของบ้านเมือง ช่างย้อมถูกจ้างมาทำหน้าที่เพิ่มขึ้นอีกมาก มาในสาระพัดคราบ หัดสังเกตกันบ้าง ใครของจริง ใครของปลอม ใครช่างย้อมฝีมือเนียน

    เป็นไงครับ 5 วิธีการหลัก ยังอยู่ครบในศตวรรษนี้ แค่เปลี่ยน เสื้อผ้า หน้าผม ถ้อยคำ ท่าทาง ให้เข้ากับสมัย ละครฉากเดิมๆก็ยังใช้ได้ เครื่องมือย้อมก็ยังใช้อยู่ แค่เปลี่ยนรุ่นใหม่ไปเรื่อยๆ เท่านั้น นี่ตกลงเราจะให้เขาเล่นแบบนี้ ไปเรื่อยๆ อีก 100 ปีหรือไงครับ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    26 กพ. 2558

    ####################
    เอกสารประกอบ
    FRUS
    https://www.dropbox.com/s/
    เรื่อง สันดาน “สันดาน” (1) ผมหายไปจากหน้าจอหลายวันมาก เพราะขี้เกียจดูข่าวและเขียนถึงไอ้นักล่าตอนนี้ บทมันซ้ำจนน่าเบื่อ แถมสะอิดสะเอียน เวลาดูมันพูด เล่นบทเป็นวีรบุรุษ ผู้เสียสละ จำเป็นต้องรักษาสันติสุขของมนุษยชาติ ฯลฯ ขืนดูต่อ ยาแก้คลื่นไส้ก็เอาไม่อยู่ ผมเลยไปค้นหาหนังสือเก่าๆมาอ่านประเทืองปัญญา ดีกว่าดูไอ้นักล่าตอแหล ปรากฏว่า อาการผมหนักกว่าคลื่นไส้! ผมไปเจอเอกสารเก่า เกือบ 100 ปี “The American and Russian Missions” ปี ค.ศ.1917 เป็นเอกสารของกระทรวงการต่างประเทศ อเมริกัน ที่เรียกว่า Foreign Relations of the United States (FRUS) ทนไม่ไหว ต้องเอามาเล่าสู่กันฟัง ถ้าไม่บอกว่า คนเขียนเอกสาร เขียนเมื่อไหร่ ท่านผู้อ่านอาจนึกว่าเป็นเรื่องในสมัยปัจจุบัน ผ่านมาเกือบ 100 ปี มันก็ยังใช้วิธีเดิมๆ ตามสันดาน… ปี ค.ศ.1917 ตามวิชาประวัติศาสตร์สากล สมัยที่ผมยังเรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยม เขาบอกว่า มีการปฏิวัติเกิดขึ้นในรัสเซีย คือการปฏิวัติอันโด่งดังของพวกบอลเชวิก (Bolsheviks) ที่โค่นพระเจ้าซาร์นิโคลัส ที่ 2 นั่นแหละ แต่ความจริง ในปี ค.ศ.1917 รัสเซีย มีการปฏิวัติ 2 ครั้ง ครั้งแรก ในเดือนมีนาคม ผู้นำการปฏิวัติ คือ นาย Aleksandr Kerensky ซึ่งยึดอำนาจจากพระเจ้าซาร์ ทำให้พระเจ้าซาร์ประกาศสละบัลลังก์ แต่ต่อมาพวกปฏิวัติก็จับท่านและราชวงค์ไปกักขัง ส่วนพวก Bolsheviks มาทำการปฏิวัติซ้ำในพฤศจิกายน ค.ศ.1917 ไล่คณะ นาย Kerensky ออกไป แล้วพวก Bolsheviks ก็ปกครองรัสเซียต่อ ในตอนที่ นาย Kerensky ทำการปฏิวัตินั้น สงครามโลกครั้งที่ 1 ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ ปี ค.ศ.1914 กำลังโซ้ยกันอย่างดุเดือด สงครามโลกครั้งที่ 1 นี้ ความจริงเริ่มมาจากชาวเกาะใหญ่ เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย เป็นฝ่ายกระสัน อยากจะทำสงครามนะครับ เพราะอังกฤษหมั่นไส้ ปนปอดแหกว่า เยอรมันกำลังจะโตใหญ่เกินหน้า ส่วนเรื่องอาชดยุกค์เฟอร์ดินานด์ แห่งปรัสเซียถูกยิง นั่นมันสาเหตุของสงครามโลก ตามประวัติศาสตร์หลักสูตรกระทรวงศึกษาฯ ลองไปหาประวัติศาสตร์นอกหลักสูตรมาอ่านกันบ้าง จะได้เห็นโลกกว้าง และลึกขึ้น ประมาณปี คศ 1899 เยอรมันส้มหล่นใส่ ไปได้สัมปทานจากออตโตมาน ให้สร้างทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ยาวประมาณ 2,500 ไมล์ ภาพรางรถไฟวิ่งยาวจาก Berlin ผ่านไปกลางตะวันออกกลาง ที่เต็มไปด้วยแหล่งน้ำมันไปจนถึง Bagdad เลยไปอีกหน่อย ก็ถึงอ่าวเปอร์เซีย ที่อังกฤษตีตั๋วจองไว้ ภาพนี้มันทำให้ชาวเกาะใหญ่ฯนอนฝันร้าย ที่นอนเปียกชุ่มทุกคืน ตั้งแต่รู้ข่าว ชาวเกาะฯทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาวางแผนเตะตัดขาเยอรมัน ด้วยการไปชวนพรรคพวกมาร่วมรายการถล่มนักสร้างราง แต่ถ้ามีแค่พวกขาประจำอย่างฝรั่งเศส อืตาลีร่วม ชาวเกาะไม่แน่ใจว่า จะถีบนักสร้างรางให้ตกรางได้ ชาวเกาะเลยไปหลอกรัสเซีย ถึงจะอยู่ใกลหน่อย แต่ข่าวว่ากองทัพอึด ให้มาร่วมรายการถล่มนักสร้างรางด้วยกัน (รายละเอียดอยู่ในนิทาน เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือนก 2 หัว” และ นิทานชุด “เหยื่อ”) รัสเซีย จริงๆไม่มีเรื่องชังหน้ากับเยอรมันซักหน่อย แต่พออังกฤษเอาของขวัญมาล่อว่า ถ้าถีบมันตกรางได้ เอาไปเลย อาณาจักรออโตมาน เรายกให้ท่าน ไม่รู้รัสเซียกำลังมึนอะไร เดินหล่นพลั่กลงหลุม ที่ชาวเกาะขุดล่อ ออโตมานก็ไม่ใช่ของชาวเกาะใหญ่ฯ ซะหน่อย เขาเอาของคนอื่นมาล่อ ไปตกลงกับเขาได้ยังไง เนี่ย เหมือนเวลาคนดวงไม่ดี มีดาวประเภท เสาร์ ราหู ทับลัคน์อะไรทำนองนั้น เวลาดาวแรงอย่างนี้ทับลัคน์ อย่าไปเชื่ออะไรใครเขาง่ายๆนะครับ เมื่อ นาย Kerensky ทำปฏิวัติรัสเซีย สงครามเล่นไปแล้ว 3 ปี แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิก คนจัดรายการ ออกตั๋วเสริมมาขายเพิ่มอยู่เรื่อย แม้บ้านช่องจะพังพินาศฉิบหายกันเป็นแถบๆ แต่ชาวเกาะก็บอกให้สู้ต่อ ก็บทมันเขียนไว้อย่างนั้น ทีนี้ รัสเซียแนวร่วม ดันมีปฏิวัติ รัฐบาลใหม่จะเล่นสงครามต่อหรือ เปล่า ชาวเกาะชักเหงื่อแตก อเมริกาเด็กเรา (ตอนนั้น ไอ้นักล่ายังเป็นเด็ก อยู่ในอาณัติของอังกฤษ เรื่องมัน 100 ปีมาแล้วนะครับ แต่ผมก็ไม่แน่ใจ ตอนนี้ ถึงไม่ใช่เด็กแล้ว แต่ก็อาจจะยังอยู่ ในอาณัติกันเหมือนเดิม) ก็ดันประกาศอยู่นั่นว่า เราเป็นกลาง (ยัง) ไม่เข้ามาช่วยรบ จำเราต้องใช้มันไปสืบความว่า รัสเซียหลังปฏิวัตินี่ จะสู้ต่อ หรือจะฝ่อหนี ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ไม้หลักปักเลน จึงจัดคณะละครเร่ ไปเจริญสัมพันธไมตรี ชื่อ The Roots Mission ให้ไปดูลาดเลารัสเซีย หลังปฏิวัติครั้งแรก ว่าหน้าตาเป็นยังไง หล่อเหลา หรือเหลาเหย่ คณะละครเร่เจริญสัมพันธไมตรีที่นำโดย นาย Elihu Roots ซึ่งมีตำแหน่งเป็นอดีตทูต อดีตรัฐมนตรี อดีตอะไรเยอะแยะไปหมด ไปเปิดดูกูเกิลเอาแล้วกันนะครับ น่าเชื่อถือดี แต่คราวนี้ดูเหมือนจะไปทำหน้าที่เล่นละคร และทำหน้าที่นักสืบมากกว่า คณะนาย Roots มีด้วยกันกว่าสิบคน มีทั้ง นักการทูต นักธุรกิจ วิศวกร นักหนังสือพิมพ์ นักกิจกรรมสังคม (YMCA) นายทหารบก นายทหารเรือ เบิ้มๆทั้งนั้น มันเป็นคณะที่ต้องไปแสดงละครจริงๆ พวกเขาไปถึง เมือง Petrograd ของรัสเซีย เดือนพฤษภาคม 1917 ใช้เวลาเจริญสัมพันธไมตรีกับคณะปฏิวัติ Kerensky ประมาณ 4 เดือน ไปมันทั่วรัสเซียอันกว้างใหญ่ไพศาล ไปจนถึงไซบีเรียโน่น ต้องยอมรับว่า คณะนี้เขาเล่นละครเก่ง คงสงสัยกัน พวก YMCA ( Young Men’s Christain Association) นี่คณะละคร เอาไปทำอะไร ในสมัยนั้น (และสมัยนี้ ?!) เขาใช้ YMCA ทำหน้าที่เหมือน CIA ในคราบทูตวัฒนธรรม ใช้ศาสนา การกีฬา การบรรเทิง บังหน้า เข้าไปคลุกคลี กับชาวบ้าน ชาวเมือง และนักเรียนนักศึกษา มีทั้ง YMCA และ YWCA ของฝ่ายหญิง การจะเอาเจ้าหน้าที่ หน่วยงานราชการทหาร ไปคลุกกับชาวบ้านนี่ บางทีไม่ได้ผล ชาวบ้านไม่เปิดใจ ก็ใช้กิจกรรมนำโดยกลุ่มแบบนี้ สมัยนี้ ก็คงไม่ใช้ YMCA แล้ว เขามาในรูปแบบของกลุ่มอะไร ลองเดาดู (2) เดือนสิงหาคม คณะละครเร่ แสดงเสร็จ ก็ทำรายงานยาวเหยียด ส่งให้รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ นาย Robert Lansing พิจารณา ผมจะขอยกมาเฉพาะบางส่วน ที่น่าสนใจ แต่จะเอาฉบับเต็มลงให้อ่านกันด้วย เผื่อท่านใดอยากจะตั้งคณะละคร จะได้ใช้เป็นตัวอย่าง คณะละครได้ไปพบทั้งพวกทำปฏิวัติ ทหารฝ่ายเก่า ฝ่ายใหม่ ชาวบ้าน ชาววัด ครู นักเรียน พ่อค้า นักธุรกิจ สายลับ ฯลฯ พบมันหมด ไปคุย ไปถาม ไปเสือก ก็เหมือนที่ไอ้บ้าอะไรที่เพิ่ง มาเสือกที่บ้านเรา เมื่อต้นเดือนนี้ละครับ มันคงมาจากคณะละครเดียวกัน รูปแบบ การเจรจา ถึงได้ทำนองเดียวกัน เล่นกันแบบนี้มา 100 ปีแล้ว ยังไม่เลิก ข้อสรุปที่คณะละคร ได้จากการสำรวจ คือ ชาวรัสเซีย ถอดใจไม่อยากเล่นสงครามแล้ว ขนมปังก็จะไม่มีกิน บ้านก็พัง จนแทบไม่เหลือที่ให้ซุกหัว จะไปรบทำไมอีก คณะละครอ้างว่า เพราะฝ่ายเยอรมันขนสายลับเข้ามา เต็มเมืองรัสเซีย มากรอกหูชาวรัสเซีย และทหารรัสเซียว่า จะไปรบทำไม คนอยากรบน่ะ คือพระเจ้าซาร์ ตอนนี้ท่านก็ไปแล้ว พี่น้องก็ไม่ต้องไปรบแล้ว กลับบ้านไปทำไร่ทำนาต่อแล้วกัน ฝ่ายคณะละครได้ยินเข้าก็ลมแทบใส่ นี่ใกล้จะถึงคิวเราเข้าฉากไปรบต่อ ถ้าไม่มีรัสเซียอยู่แถวหน้าตายก่อน พวกเราก็ ฉ. ห. ละซิ เพราะฉนั้น สิ่งที่ฝ่ายเราต้องทำด่วน (ที่เปิดเผยได้) มี 2 เรื่อง เรื่องที่ 1 เราต้องเอาทีมอเมริกัน เข้ามาดูแลเรื่องถนนหนทาง รางรถไฟ ในรัสเซีย เพราะขณะนี้ อาวุธยุทธภัณท์ ที่ฝ่ายเราขนมาให้ ยังกองค้างอยูที่เมืองท่า Vladivostok ประมาณ 700,000 ตัน จะขนผ่านข้ามไป Moscow ยังไม่ได้ เพราะทั้งถนน ทั้งทางรถไฟ รับน้ำหนักไม่ไหว แล้วเมื่อเราจะเข้าทำสงคราม ของมันจะต้องขนมาอีกมากมาย เราจะทำยังไง ต้องแก้ไขเรื่องนี้ด่วนจี๋ อืม คณะละครนี่ ไม่ใช่ย่อย ไม่ใช่มารำเฉิบๆ อย่างเดียว เขาไปสำรวจหมด ระยะทางรถไฟจาก Vladivostok ถึง Moscow น่ะ ประมาณ 5 ถึง 6,000 ไมล์ เชียวนะ รำไป สำรวจไปนี่ไม่ใช่งานเล็กๆ แล้วจำกันได้ไหมครับ เมื่อเขาจะรบกับเวียตนาม เขาใช้บ้านเราเป็นฐานทัพ แต่ก่อนจะยกโขยงกองทัพกันเข้ามา เขาส่งคณะละครเร่แบบนี้ มาสำรวจบ้านเราไม่รู้กี่คณะ สำรวจอะไรไปบ้างก็ไม่รู้ แล้วเขาก็สร้างถนน จากสระบุรี กว้างขวางยาวเรียบไปถึงโคราช ให้เราชาวบ้านดีใจ แหม อเมริกาใจดีจัง ถนนเลยมีชื่อว่า มิตรภาพ เปล่าหรอกครับ เขาเตรียมไว้ขนส่ง อาวุธ ยุทธภัณท์ ที่เขาจะขนมาทางเรือ แต่กลัวมากองเป็นภูเขา อยู่แถวท่าเรือคลองเตย แบบ Vladivostock! มันก็เลย ต้องสร้างถนน สร้างสนามบิน ให้ประเทศไทย ฯลฯ (รายละเอียดมีอยู่ในนิทานเรื่อง “จิกโก๋ปากซอย” ถ้าอยากอ่านประวัติศาสตร์ นอกหลักสูตร กระทรวงศึกษาฯ) เรื่องที่ 2 ที่คณะละคร บอกสำคัญอย่างยิ่ง คือ เราต้องย้อมความคิค ย้อมสมองคนรัสเซียให้ “อยากทำสงคราม” ไม่ให้เชื่อฟังเยอรมัน อเมริกาจะทำได้อย่างไร รัสเซียไม่ใช่สมันน้อยนะ คณะละครบอกไม่มีปัญหา คนรัสเซีย ก็เหมือนเด็ก ที่ตัวโตนั่นแหละ เอ้า เจ้าหน้าที่รัสเซียที่ตามอ่านนิทาน ช่วยขีดเส้นใต้ 2 เส้น แล้วรายงานส่งคุณพี่ปูตินของผมด้วยนะครับ ว่าอเมริกาพูดแบบนี้ แปลว่าเห็นคนรัสเซียเป็นยังไง (เสี้ยม ซะหน่อย) คณะละครเร่ เขียนแผนการฟอกย้อมให้เสร็จ เขาระบุว่า เป้าหมายของแผนคือ: “To influence the attitude of the people of Russia for the prosecution of war as the only way of perpetuating their democracy ” ใครแปลเก่งๆ ลองแปลดูครับ สำหรับผม ผมเข้าใจความว่า เพื่อเป็นการย้อมความคิดของคนรัสเซีย ให้เชื่อว่า การเข้าทำสงคราม เป็นทางเดียวที่จะทำให้ประชาธิปไตยของเขาอยู่อย่างยั่งยืน ผมเขียนปูพื้น เล่ามาเสียยืดยาว เพื่อจะให้อ่านประโยคนี้กัน อ่านแล้วโปรดพิเคราะห์กันให้ดีๆ จะได้เห็น “สันดาน” อันอำมหิต ของอเมริกา (และของอังกฤษ) ที่ผ่านมาแล้วเกือบ 100 ปี แล้วก็ยังไม่เปลี่ยน และอีกกี่ร้อยปี ก็คงไม่มีวันเปลี่ยนความอำมหิต นี้ โดยใช้ความตอแหล แบบหน้าด้านๆ อ้างเรื่องประชาธิปไตย แบบตะหวักตะบวย เพื่อประโยชน์ของมัน หรือพวกมันเท่านั้น ใครจะเจ็บ ใครจะตาย ใครจะฉิบหาย ใครจะวิบัติ ขนาดไหน มันไม่สนใจ เลวถึงขนาดนี้ อำมหิต อย่างนี้ ยังมีคนอยากให้อเมริกา ครอบหัวสี่เหลี่ยมต่อไปอีกหรือครับ แผนการฟอกย้อม จะใช้วิธีหลักๆ อยู่ 5 อย่าง 1. จัดกระบวนการ “สร้าง และย้อมข่าว” แล้วกระจายข่าว ที่สร้างและย้อมแล้ว ไปทั่วรัสเซีย โดยจะเอาทีมงานมาจากอเมริกา ทั้งด้านการเขียน และการแปล คือเอาช่างชำนาญการย้อมของอเมริกา มาตั้งโรงงานที่รัสเซีย เหมือนที่มีอยู่เกลื่อนในบ้านสมันน้อย ซื้อมันทุกช่อง ครอบมันทุกฉบับ 2. การใช้เอกสารประเภทแผ่นพับ และใบปลิว เพื่อง่ายแก่การเสพข่าว สมัยนี้ก็คงเปลี่ยนเป็น เครื่องมือ ไอ้ป๊อด ไอ้แป้ด ไอ้โฟน โดยเฉพาะ พวกเล่นไลน์นี่เหยื่อชั้นดี ส่งข่าวย้อมอะไรเข้าไปแพลบเดียว กระจายทั่ว เรื่องโกหกทั้งนั้น เสพกันได้แยะและเร็วกว่า 3. สร้างหนังประเภทต่างๆ เพื่อให้ชาวรัสเซียเสพ เช่น หนังเกี่ยวกับสงคราม หนังชีวิตคนอเมริกันในชนบท ในเมือง หนังเกี่ยวกับการทำอุตสาหกรรม การค้า หนังตลก และที่สำคัญ หนังที่แสดงถึงความรักชาติและการแสวงหาประชาธิปไตย ฮอลลีวู้ดรับไป เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นโรงย้อมที่สำคัญหมายเลขหนึ่ง 4. การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะทำเป็นแผ่นโปสเตอร์สีสวยสดุดตา สื่อหัวข้อที่เหมาะสมกับรัสเซีย โดยให้สำนักงานประชาสัมพันธ์ ฝีมือเยี่ยมของอเมริกา รู้ไหมครับ พวกประชาสัมพันธ์เก่งๆ เขาย้อมโลกใบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว เขาเอาอะไรมาใส่หัวสมันน้อยบ้าง 5. วิธีการที่แนบเนียนและใช้แพร่หลาย คือการพูด ซึ่งจำเป็นต้องใช้ นักพูด นักประชาสัมพันธ์ และครู เป็นจำนวนมาก โดยอเมริกาอาจจะเลือกอย่างเหมาะสม จากชาวรัสเซียก็ได้ นักพูดและครูนี้ ถือว่าเป็นเครื่องมือย้อมที่เยี่ยมที่สุด วิธีการนี้ บ้านสมันน้อยใช้แยะมาก ยิ่งตอนนี้ซึ่งเป็นช่วงสำคัญของบ้านเมือง ช่างย้อมถูกจ้างมาทำหน้าที่เพิ่มขึ้นอีกมาก มาในสาระพัดคราบ หัดสังเกตกันบ้าง ใครของจริง ใครของปลอม ใครช่างย้อมฝีมือเนียน เป็นไงครับ 5 วิธีการหลัก ยังอยู่ครบในศตวรรษนี้ แค่เปลี่ยน เสื้อผ้า หน้าผม ถ้อยคำ ท่าทาง ให้เข้ากับสมัย ละครฉากเดิมๆก็ยังใช้ได้ เครื่องมือย้อมก็ยังใช้อยู่ แค่เปลี่ยนรุ่นใหม่ไปเรื่อยๆ เท่านั้น นี่ตกลงเราจะให้เขาเล่นแบบนี้ ไปเรื่อยๆ อีก 100 ปีหรือไงครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 26 กพ. 2558 #################### เอกสารประกอบ FRUS https://www.dropbox.com/s/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 551 มุมมอง 0 รีวิว
  • OpenAI เข้าซื้อบริษัทผู้สร้างแอป Sky บน macOS – เตรียมผสาน AI เข้ากับระบบของ Apple อย่างลึกซึ้ง

    OpenAI ประกาศเข้าซื้อ Software Applications Incorporated ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแอป Sky บน macOS แอปนี้เป็นผู้ช่วย AI ที่สามารถเข้าใจสิ่งที่อยู่บนหน้าจอของผู้ใช้ และดำเนินการตามคำสั่งได้โดยตรง เช่น สรุปเนื้อหาเว็บไซต์แล้วส่งให้เพื่อนผ่านแอป Messages หรือสร้างสคริปต์อัตโนมัติที่เชื่อมโยงหลายแอปเข้าด้วยกัน

    Sky ทำงานในหน้าต่างลอยขนาดเล็กที่อยู่เหนือแอปอื่น ๆ และมีจุดเด่นคือการผสานเข้ากับระบบ macOS อย่างลึกซึ้ง ซึ่ง OpenAI มองว่าเป็นโอกาสในการนำความสามารถนี้มาเสริมให้กับ ChatGPT โดยทีมงานทั้งหมดของ Sky จะเข้าร่วมกับ OpenAI เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกัน

    น่าสนใจว่า ทีมที่สร้าง Sky เคยเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแอป Workflow ซึ่ง Apple เคยซื้อไปในปี 2017 และเปลี่ยนชื่อเป็น Shortcuts ดังนั้น Sky จึงถือเป็นวิวัฒนาการต่อยอดที่ก้าวข้ามความสามารถของ Siri และ Apple Intelligence ในปัจจุบัน

    การเข้าซื้อครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Apple กำลังเผชิญกับความท้าทายภายใน เช่น การลาออกของหัวหน้าทีม AKI (Answers, Knowledge and Information) ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งไม่นาน และความกังวลของวิศวกรบางส่วนต่อประสิทธิภาพของ Siri รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวใน iOS 26.4

    การเข้าซื้อบริษัท Software Applications Incorporated
    เป็นผู้พัฒนาแอป Sky บน macOS
    แอป Sky เป็นผู้ช่วย AI ที่เข้าใจหน้าจอและดำเนินการตามคำสั่ง
    ทีมงานทั้งหมดจะเข้าร่วมกับ OpenAI เพื่อพัฒนา ChatGPT
    Sky ทำงานในหน้าต่างลอยและเชื่อมโยงหลายแอปได้

    ความสามารถของ Sky
    สรุปเนื้อหาเว็บไซต์แล้วส่งผ่าน Messages
    สร้างสคริปต์อัตโนมัติและคำสั่งเฉพาะสำหรับแต่ละแอป
    เข้าใจบริบทบนหน้าจอและดำเนินการแบบเรียลไทม์
    พัฒนาโดยทีมเดียวกับ Workflow ซึ่งกลายเป็น Shortcuts ของ Apple

    ความเคลื่อนไหวของ Apple
    Siri รุ่นใหม่จะเปิดตัวพร้อม iOS 26.4 ในปี 2026
    มีความกังวลเรื่องประสิทธิภาพของ Siri จากวิศวกรภายใน
    หัวหน้าทีม AKI ลาออกไปเข้าร่วมกับ Meta
    Apple Intelligence ยังตามหลังความสามารถของ Sky ในบางด้าน

    https://wccftech.com/openai-acquires-the-company-behind-the-new-apple-mac-app-sky/
    🧠 OpenAI เข้าซื้อบริษัทผู้สร้างแอป Sky บน macOS – เตรียมผสาน AI เข้ากับระบบของ Apple อย่างลึกซึ้ง OpenAI ประกาศเข้าซื้อ Software Applications Incorporated ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแอป Sky บน macOS แอปนี้เป็นผู้ช่วย AI ที่สามารถเข้าใจสิ่งที่อยู่บนหน้าจอของผู้ใช้ และดำเนินการตามคำสั่งได้โดยตรง เช่น สรุปเนื้อหาเว็บไซต์แล้วส่งให้เพื่อนผ่านแอป Messages หรือสร้างสคริปต์อัตโนมัติที่เชื่อมโยงหลายแอปเข้าด้วยกัน Sky ทำงานในหน้าต่างลอยขนาดเล็กที่อยู่เหนือแอปอื่น ๆ และมีจุดเด่นคือการผสานเข้ากับระบบ macOS อย่างลึกซึ้ง ซึ่ง OpenAI มองว่าเป็นโอกาสในการนำความสามารถนี้มาเสริมให้กับ ChatGPT โดยทีมงานทั้งหมดของ Sky จะเข้าร่วมกับ OpenAI เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกัน น่าสนใจว่า ทีมที่สร้าง Sky เคยเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแอป Workflow ซึ่ง Apple เคยซื้อไปในปี 2017 และเปลี่ยนชื่อเป็น Shortcuts ดังนั้น Sky จึงถือเป็นวิวัฒนาการต่อยอดที่ก้าวข้ามความสามารถของ Siri และ Apple Intelligence ในปัจจุบัน การเข้าซื้อครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Apple กำลังเผชิญกับความท้าทายภายใน เช่น การลาออกของหัวหน้าทีม AKI (Answers, Knowledge and Information) ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งไม่นาน และความกังวลของวิศวกรบางส่วนต่อประสิทธิภาพของ Siri รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวใน iOS 26.4 ✅ การเข้าซื้อบริษัท Software Applications Incorporated ➡️ เป็นผู้พัฒนาแอป Sky บน macOS ➡️ แอป Sky เป็นผู้ช่วย AI ที่เข้าใจหน้าจอและดำเนินการตามคำสั่ง ➡️ ทีมงานทั้งหมดจะเข้าร่วมกับ OpenAI เพื่อพัฒนา ChatGPT ➡️ Sky ทำงานในหน้าต่างลอยและเชื่อมโยงหลายแอปได้ ✅ ความสามารถของ Sky ➡️ สรุปเนื้อหาเว็บไซต์แล้วส่งผ่าน Messages ➡️ สร้างสคริปต์อัตโนมัติและคำสั่งเฉพาะสำหรับแต่ละแอป ➡️ เข้าใจบริบทบนหน้าจอและดำเนินการแบบเรียลไทม์ ➡️ พัฒนาโดยทีมเดียวกับ Workflow ซึ่งกลายเป็น Shortcuts ของ Apple ✅ ความเคลื่อนไหวของ Apple ➡️ Siri รุ่นใหม่จะเปิดตัวพร้อม iOS 26.4 ในปี 2026 ➡️ มีความกังวลเรื่องประสิทธิภาพของ Siri จากวิศวกรภายใน ➡️ หัวหน้าทีม AKI ลาออกไปเข้าร่วมกับ Meta ➡️ Apple Intelligence ยังตามหลังความสามารถของ Sky ในบางด้าน https://wccftech.com/openai-acquires-the-company-behind-the-new-apple-mac-app-sky/
    WCCFTECH.COM
    OpenAI Acquires The Company Behind The New Apple Mac App Sky
    OpenAI is trying to encroach into Apple's sprawling ecosystem by acquiring a company that is championing enhanced automation on the Mac.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft Copilot อัปเกรดครั้งใหญ่: ทำงานร่วมกันได้, เชื่อมต่อ Google, และมี “Mico” เป็นเพื่อนคุย

    Microsoft ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Copilot ที่เปลี่ยนให้ผู้ช่วย AI กลายเป็น “เพื่อนร่วมงานดิจิทัล” ที่ฉลาดขึ้นและทำงานร่วมกับคนอื่นได้ดีขึ้น โดยฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้เน้นการทำงานร่วมกัน (collaboration), การเชื่อมต่อกับแอปยอดนิยมอย่าง Google และ Outlook, รวมถึงการเพิ่มความสามารถด้านความจำและการแสดงออกทางอารมณ์ผ่าน “Mico” อวาตาร์ใหม่ของ Copilot

    การอัปเกรดนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ตลาด AI กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด โดย Microsoft ต้องการให้ Copilot เป็นมากกว่าผู้ช่วยส่วนตัว แต่เป็น “พื้นที่ทำงานร่วมกัน” ที่รองรับผู้ใช้ได้ถึง 32 คนในกลุ่มเดียวกัน

    สรุปฟีเจอร์ใหม่ของ Microsoft Copilot

    1️⃣ การทำงานร่วมกันแบบกลุ่ม (Groups)
    ฟีเจอร์ใหม่
    รองรับผู้ใช้สูงสุด 32 คนในกลุ่มเดียวกัน
    ใช้ Copilot ร่วมกันเพื่อเขียนเอกสารหรือทำโปรเจกต์
    เหมาะสำหรับทีมงานที่ต้องการพื้นที่ทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์

    คำเตือน
    ต้องมีการจัดการสิทธิ์การเข้าถึงเพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล
    การทำงานร่วมกันอาจเกิดความสับสนหากไม่มีการกำหนดบทบาทชัดเจน

    2️⃣ การเชื่อมต่อกับแอปอื่น (Google, Outlook)
    ฟีเจอร์ใหม่
    เชื่อมต่อกับ Google และ Outlook ได้ลึกขึ้น
    สามารถสรุปข้อมูลจากอีเมล, ปฏิทิน, และเอกสารได้
    ใช้ reasoning เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและดำเนินการ เช่น จองโรงแรม

    คำเตือน
    ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ใช้ก่อนเข้าถึงข้อมูล
    การเชื่อมต่อหลายระบบอาจเพิ่มความเสี่ยงด้านความปลอดภัย

    3️⃣ ความสามารถด้านความจำ (Long-term memory)
    ฟีเจอร์ใหม่
    Copilot สามารถจำข้อมูลสำคัญของผู้ใช้ได้
    ใช้ความจำเพื่อช่วยเตือนงานหรือเรียกข้อมูลเก่า
    เพิ่มความเป็น “ผู้ช่วยส่วนตัว” ที่เข้าใจผู้ใช้มากขึ้น

    คำเตือน
    ผู้ใช้ควรตรวจสอบว่าข้อมูลใดถูกจำไว้
    อาจต้องมีระบบลบหรือจัดการความจำเพื่อความเป็นส่วนตัว

    4️⃣ อวาตาร์ “Mico” ที่แสดงอารมณ์ได้
    ฟีเจอร์ใหม่
    Mico เป็นอวาตาร์ของ Copilot ที่เปลี่ยนสีและแสดงอารมณ์
    เพิ่มความเป็นธรรมชาติในการสนทนา
    ช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกว่า Copilot “มีตัวตน” มากขึ้น

    คำเตือน
    อาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกผูกพันกับ AI มากเกินไป
    ต้องมีการออกแบบให้ไม่สร้างความเข้าใจผิดว่าเป็นมนุษย์จริง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/24/microsoft-introduces-new-copilot-features-such-as-collaboration-google-integration
    🤝 Microsoft Copilot อัปเกรดครั้งใหญ่: ทำงานร่วมกันได้, เชื่อมต่อ Google, และมี “Mico” เป็นเพื่อนคุย Microsoft ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Copilot ที่เปลี่ยนให้ผู้ช่วย AI กลายเป็น “เพื่อนร่วมงานดิจิทัล” ที่ฉลาดขึ้นและทำงานร่วมกับคนอื่นได้ดีขึ้น โดยฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้เน้นการทำงานร่วมกัน (collaboration), การเชื่อมต่อกับแอปยอดนิยมอย่าง Google และ Outlook, รวมถึงการเพิ่มความสามารถด้านความจำและการแสดงออกทางอารมณ์ผ่าน “Mico” อวาตาร์ใหม่ของ Copilot การอัปเกรดนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ตลาด AI กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด โดย Microsoft ต้องการให้ Copilot เป็นมากกว่าผู้ช่วยส่วนตัว แต่เป็น “พื้นที่ทำงานร่วมกัน” ที่รองรับผู้ใช้ได้ถึง 32 คนในกลุ่มเดียวกัน 🔍 สรุปฟีเจอร์ใหม่ของ Microsoft Copilot 1️⃣ การทำงานร่วมกันแบบกลุ่ม (Groups) ✅ ฟีเจอร์ใหม่ ➡️ รองรับผู้ใช้สูงสุด 32 คนในกลุ่มเดียวกัน ➡️ ใช้ Copilot ร่วมกันเพื่อเขียนเอกสารหรือทำโปรเจกต์ ➡️ เหมาะสำหรับทีมงานที่ต้องการพื้นที่ทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ ‼️ คำเตือน ⛔ ต้องมีการจัดการสิทธิ์การเข้าถึงเพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล ⛔ การทำงานร่วมกันอาจเกิดความสับสนหากไม่มีการกำหนดบทบาทชัดเจน 2️⃣ การเชื่อมต่อกับแอปอื่น (Google, Outlook) ✅ ฟีเจอร์ใหม่ ➡️ เชื่อมต่อกับ Google และ Outlook ได้ลึกขึ้น ➡️ สามารถสรุปข้อมูลจากอีเมล, ปฏิทิน, และเอกสารได้ ➡️ ใช้ reasoning เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและดำเนินการ เช่น จองโรงแรม ‼️ คำเตือน ⛔ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ใช้ก่อนเข้าถึงข้อมูล ⛔ การเชื่อมต่อหลายระบบอาจเพิ่มความเสี่ยงด้านความปลอดภัย 3️⃣ ความสามารถด้านความจำ (Long-term memory) ✅ ฟีเจอร์ใหม่ ➡️ Copilot สามารถจำข้อมูลสำคัญของผู้ใช้ได้ ➡️ ใช้ความจำเพื่อช่วยเตือนงานหรือเรียกข้อมูลเก่า ➡️ เพิ่มความเป็น “ผู้ช่วยส่วนตัว” ที่เข้าใจผู้ใช้มากขึ้น ‼️ คำเตือน ⛔ ผู้ใช้ควรตรวจสอบว่าข้อมูลใดถูกจำไว้ ⛔ อาจต้องมีระบบลบหรือจัดการความจำเพื่อความเป็นส่วนตัว 4️⃣ อวาตาร์ “Mico” ที่แสดงอารมณ์ได้ ✅ ฟีเจอร์ใหม่ ➡️ Mico เป็นอวาตาร์ของ Copilot ที่เปลี่ยนสีและแสดงอารมณ์ ➡️ เพิ่มความเป็นธรรมชาติในการสนทนา ➡️ ช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกว่า Copilot “มีตัวตน” มากขึ้น ‼️ คำเตือน ⛔ อาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกผูกพันกับ AI มากเกินไป ⛔ ต้องมีการออกแบบให้ไม่สร้างความเข้าใจผิดว่าเป็นมนุษย์จริง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/24/microsoft-introduces-new-copilot-features-such-as-collaboration-google-integration
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Microsoft introduces new Copilot features such as collaboration, Google integration
    (Reuters) -Microsoft introduced new features in its digital assistant Copilot on Thursday, including collaboration and deeper integration with other applications such as Outlook and Google, beefing up its AI services to stave off competition.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
  • Quantum Echoes: Google สร้างประวัติศาสตร์ด้วยอัลกอริธึมควอนตัมที่ “เหนือกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์” 13,000 เท่า

    Google Quantum AI ประกาศความก้าวหน้าครั้งสำคัญในโลกควอนตัม ด้วยการเปิดตัวอัลกอริธึมใหม่ชื่อว่า “Quantum Echoes” ซึ่งสามารถรันบนชิปควอนตัม Willow และแสดงให้เห็นถึง “quantum advantage” ที่สามารถตรวจสอบได้จริงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ นั่นหมายความว่าอัลกอริธึมนี้สามารถทำงานได้เร็วกว่าและแม่นยำกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทั่วไปถึง 13,000 เท่า!

    Quantum Echoes ใช้เทคนิคการส่งสัญญาณเข้าไปในระบบควอนตัม แล้วย้อนกลับสัญญาณเพื่อฟัง “เสียงสะท้อน” ที่เกิดจากการรบกวน qubit หนึ่งตัว ซึ่งเสียงสะท้อนนี้จะถูกขยายด้วยปรากฏการณ์ interference ทำให้สามารถวัดผลได้อย่างแม่นยำมาก

    อัลกอริธึมนี้สามารถใช้วิเคราะห์โครงสร้างของโมเลกุลและระบบธรรมชาติ เช่น แม่เหล็กหรือแม้แต่หลุมดำ โดยในงานวิจัยร่วมกับ UC Berkeley ทีมงานได้ใช้ Quantum Echoes เพื่อวิเคราะห์โมเลกุลขนาด 15 และ 28 อะตอม และได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับเทคนิค Nuclear Magnetic Resonance (NMR) แบบดั้งเดิม พร้อมเผยข้อมูลที่ NMR ไม่สามารถให้ได้

    นี่คือก้าวสำคัญสู่การใช้ควอนตัมคอมพิวเตอร์ในโลกจริง เช่น การค้นคว้ายาใหม่ การออกแบบวัสดุ หรือการวิเคราะห์โครงสร้างอะตอมในระดับที่ไม่เคยทำได้มาก่อน

    ความสำเร็จของ Quantum Echoes
    เป็นอัลกอริธึมแรกที่แสดง “verifiable quantum advantage” ได้จริง
    รันบนชิป Willow ของ Google Quantum AI
    เร็วกว่าอัลกอริธึมคลาสสิกบนซูเปอร์คอมพิวเตอร์ถึง 13,000 เท่า

    วิธีการทำงานของ Quantum Echoes
    ส่งสัญญาณเข้าไปในระบบควอนตัม
    รบกวน qubit หนึ่งตัว แล้วย้อนสัญญาณเพื่อฟัง “เสียงสะท้อน”
    ใช้ interference เพื่อขยายผลการวัดให้แม่นยำ

    การประยุกต์ใช้งานจริง
    วิเคราะห์โครงสร้างโมเลกุลและระบบธรรมชาติ
    ใช้ข้อมูลจาก NMR เพื่อวัดโครงสร้างเคมีได้แม่นยำขึ้น
    อาจใช้ในการค้นคว้ายา, วัสดุใหม่, พลังงานแสงอาทิตย์ และฟิวชัน

    ความร่วมมือและการทดลอง
    ร่วมมือกับ UC Berkeley ในการทดลองกับโมเลกุล 15 และ 28 อะตอม
    ผลลัพธ์ตรงกับ NMR และให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่ NMR ไม่สามารถให้ได้
    เป็นก้าวแรกสู่ “quantum-scope” ที่สามารถวัดปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

    https://blog.google/technology/research/quantum-echoes-willow-verifiable-quantum-advantage/
    ⚛️ Quantum Echoes: Google สร้างประวัติศาสตร์ด้วยอัลกอริธึมควอนตัมที่ “เหนือกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์” 13,000 เท่า Google Quantum AI ประกาศความก้าวหน้าครั้งสำคัญในโลกควอนตัม ด้วยการเปิดตัวอัลกอริธึมใหม่ชื่อว่า “Quantum Echoes” ซึ่งสามารถรันบนชิปควอนตัม Willow และแสดงให้เห็นถึง “quantum advantage” ที่สามารถตรวจสอบได้จริงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ นั่นหมายความว่าอัลกอริธึมนี้สามารถทำงานได้เร็วกว่าและแม่นยำกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทั่วไปถึง 13,000 เท่า! Quantum Echoes ใช้เทคนิคการส่งสัญญาณเข้าไปในระบบควอนตัม แล้วย้อนกลับสัญญาณเพื่อฟัง “เสียงสะท้อน” ที่เกิดจากการรบกวน qubit หนึ่งตัว ซึ่งเสียงสะท้อนนี้จะถูกขยายด้วยปรากฏการณ์ interference ทำให้สามารถวัดผลได้อย่างแม่นยำมาก อัลกอริธึมนี้สามารถใช้วิเคราะห์โครงสร้างของโมเลกุลและระบบธรรมชาติ เช่น แม่เหล็กหรือแม้แต่หลุมดำ โดยในงานวิจัยร่วมกับ UC Berkeley ทีมงานได้ใช้ Quantum Echoes เพื่อวิเคราะห์โมเลกุลขนาด 15 และ 28 อะตอม และได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับเทคนิค Nuclear Magnetic Resonance (NMR) แบบดั้งเดิม พร้อมเผยข้อมูลที่ NMR ไม่สามารถให้ได้ นี่คือก้าวสำคัญสู่การใช้ควอนตัมคอมพิวเตอร์ในโลกจริง เช่น การค้นคว้ายาใหม่ การออกแบบวัสดุ หรือการวิเคราะห์โครงสร้างอะตอมในระดับที่ไม่เคยทำได้มาก่อน ✅ ความสำเร็จของ Quantum Echoes ➡️ เป็นอัลกอริธึมแรกที่แสดง “verifiable quantum advantage” ได้จริง ➡️ รันบนชิป Willow ของ Google Quantum AI ➡️ เร็วกว่าอัลกอริธึมคลาสสิกบนซูเปอร์คอมพิวเตอร์ถึง 13,000 เท่า ✅ วิธีการทำงานของ Quantum Echoes ➡️ ส่งสัญญาณเข้าไปในระบบควอนตัม ➡️ รบกวน qubit หนึ่งตัว แล้วย้อนสัญญาณเพื่อฟัง “เสียงสะท้อน” ➡️ ใช้ interference เพื่อขยายผลการวัดให้แม่นยำ ✅ การประยุกต์ใช้งานจริง ➡️ วิเคราะห์โครงสร้างโมเลกุลและระบบธรรมชาติ ➡️ ใช้ข้อมูลจาก NMR เพื่อวัดโครงสร้างเคมีได้แม่นยำขึ้น ➡️ อาจใช้ในการค้นคว้ายา, วัสดุใหม่, พลังงานแสงอาทิตย์ และฟิวชัน ✅ ความร่วมมือและการทดลอง ➡️ ร่วมมือกับ UC Berkeley ในการทดลองกับโมเลกุล 15 และ 28 อะตอม ➡️ ผลลัพธ์ตรงกับ NMR และให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่ NMR ไม่สามารถให้ได้ ➡️ เป็นก้าวแรกสู่ “quantum-scope” ที่สามารถวัดปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่เคยเห็นมาก่อน https://blog.google/technology/research/quantum-echoes-willow-verifiable-quantum-advantage/
    BLOG.GOOGLE
    Our Quantum Echoes algorithm is a big step toward real-world applications for quantum computing
    Our latest quantum breakthrough, Quantum Echoes, offers a path toward unprecedented scientific discoveries and analysis.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Wikipedia เผยทราฟฟิกลดฮวบ – คนหันไปดูคลิปกับใช้ AI ตอบแทนการคลิก”

    Wikipedia ซึ่งเคยเป็นแหล่งข้อมูลอันดับหนึ่งของโลก กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในพฤติกรรมผู้ใช้ โดย Marshall Miller จาก Wikimedia Foundation เผยว่า จำนวนผู้เข้าชมลดลง 8% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง

    สาเหตุหลักคือการเปลี่ยนวิธี “ค้นหาความรู้” ของผู้คน โดยเฉพาะจากสองกระแสใหญ่:

    1️⃣ AI search summaries – เครื่องมือค้นหาหลายเจ้าตอนนี้ใช้ AI สรุปคำตอบให้ทันทีโดยไม่ต้องคลิกเข้าเว็บ เช่น Google’s SGE หรือ Bing Copilot ทำให้ผู้ใช้ได้คำตอบจาก Wikipedia โดยไม่เคยเข้า Wikipedia จริง ๆ

    2️⃣ Social video platforms – คนรุ่นใหม่หันไปใช้ TikTok, YouTube Shorts และ Instagram Reels เพื่อหาความรู้แบบเร็ว ๆ แทนการอ่านบทความยาว ๆ บนเว็บ

    Wikipedia เองเคยทดลองใช้ AI สรุปบทความ แต่ต้องหยุดไปเพราะชุมชนผู้แก้ไขไม่พอใจเรื่องความแม่นยำและการควบคุมเนื้อหา

    สิ่งที่น่ากังวลคือ หากคนไม่เข้า Wikipedia โดยตรง ก็จะมีผู้แก้ไขน้อยลง และยอดบริจาคก็ลดลงตามไปด้วย ซึ่งอาจกระทบต่อคุณภาพและความยั่งยืนของเนื้อหาในระยะยาว

    Miller จึงเรียกร้องให้บริษัท AI และแพลตฟอร์มค้นหา “ส่งคนกลับเข้า Wikipedia” และกำลังพัฒนา framework ใหม่เพื่อให้การอ้างอิงเนื้อหาจาก Wikipedia มีความชัดเจนและเป็นธรรมมากขึ้น

    สถานการณ์ปัจจุบันของ Wikipedia
    จำนวนผู้เข้าชมลดลง 8% เมื่อเทียบกับปีก่อน
    การลดลงเกิดหลังจากปรับระบบตรวจจับ bot ใหม่
    พบว่าทราฟฟิกสูงช่วงพฤษภาคม–มิถุนายนมาจาก bot ที่หลบการตรวจจับ

    สาเหตุของการลดลง
    AI search summaries ให้คำตอบโดยไม่ต้องคลิกเข้าเว็บ
    คนรุ่นใหม่หันไปใช้ social video เพื่อหาความรู้
    พฤติกรรมการค้นหาข้อมูลเปลี่ยนจาก “อ่าน” เป็น “ดู” และ “ฟัง”

    ผลกระทบต่อ Wikipedia
    ผู้เข้าชมน้อยลง = ผู้แก้ไขน้อยลง
    ยอดบริจาคลดลงตามจำนวนผู้ใช้
    เสี่ยงต่อคุณภาพและความยั่งยืนของเนื้อหา
    ความเข้าใจของผู้ใช้ต่อแหล่งที่มาของข้อมูลลดลง

    การตอบสนองจาก Wikimedia Foundation
    เรียกร้องให้ AI และ search engine ส่งคนกลับเข้า Wikipedia
    พัฒนา framework ใหม่สำหรับการอ้างอิงเนื้อหา
    มีทีมงาน 2 ทีมช่วยผลักดัน Wikipedia สู่กลุ่มผู้ใช้ใหม่
    หยุดการใช้ AI สรุปบทความหลังชุมชนไม่พอใจ

    ข้อควรระวังและคำเตือน
    หากคนไม่เข้า Wikipedia โดยตรง อาจไม่รู้ว่าเนื้อหามาจากไหน
    การลดจำนวนผู้แก้ไขอาจทำให้เนื้อหาล้าสมัยหรือผิดพลาด
    การพึ่งพา AI summaries อาจลดความหลากหลายของมุมมอง
    หากยอดบริจาคลดลง อาจกระทบต่อการดำเนินงานของ Wikimedia
    การใช้ social video เพื่อหาความรู้อาจทำให้ข้อมูลผิดพลาดแพร่กระจายง่ายขึ้น

    https://techcrunch.com/2025/10/18/wikipedia-says-traffic-is-falling-due-to-ai-search-summaries-and-social-video/
    📉 “Wikipedia เผยทราฟฟิกลดฮวบ – คนหันไปดูคลิปกับใช้ AI ตอบแทนการคลิก” Wikipedia ซึ่งเคยเป็นแหล่งข้อมูลอันดับหนึ่งของโลก กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในพฤติกรรมผู้ใช้ โดย Marshall Miller จาก Wikimedia Foundation เผยว่า จำนวนผู้เข้าชมลดลง 8% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง สาเหตุหลักคือการเปลี่ยนวิธี “ค้นหาความรู้” ของผู้คน โดยเฉพาะจากสองกระแสใหญ่: 1️⃣ AI search summaries – เครื่องมือค้นหาหลายเจ้าตอนนี้ใช้ AI สรุปคำตอบให้ทันทีโดยไม่ต้องคลิกเข้าเว็บ เช่น Google’s SGE หรือ Bing Copilot ทำให้ผู้ใช้ได้คำตอบจาก Wikipedia โดยไม่เคยเข้า Wikipedia จริง ๆ 2️⃣ Social video platforms – คนรุ่นใหม่หันไปใช้ TikTok, YouTube Shorts และ Instagram Reels เพื่อหาความรู้แบบเร็ว ๆ แทนการอ่านบทความยาว ๆ บนเว็บ Wikipedia เองเคยทดลองใช้ AI สรุปบทความ แต่ต้องหยุดไปเพราะชุมชนผู้แก้ไขไม่พอใจเรื่องความแม่นยำและการควบคุมเนื้อหา สิ่งที่น่ากังวลคือ หากคนไม่เข้า Wikipedia โดยตรง ก็จะมีผู้แก้ไขน้อยลง และยอดบริจาคก็ลดลงตามไปด้วย ซึ่งอาจกระทบต่อคุณภาพและความยั่งยืนของเนื้อหาในระยะยาว Miller จึงเรียกร้องให้บริษัท AI และแพลตฟอร์มค้นหา “ส่งคนกลับเข้า Wikipedia” และกำลังพัฒนา framework ใหม่เพื่อให้การอ้างอิงเนื้อหาจาก Wikipedia มีความชัดเจนและเป็นธรรมมากขึ้น ✅ สถานการณ์ปัจจุบันของ Wikipedia ➡️ จำนวนผู้เข้าชมลดลง 8% เมื่อเทียบกับปีก่อน ➡️ การลดลงเกิดหลังจากปรับระบบตรวจจับ bot ใหม่ ➡️ พบว่าทราฟฟิกสูงช่วงพฤษภาคม–มิถุนายนมาจาก bot ที่หลบการตรวจจับ ✅ สาเหตุของการลดลง ➡️ AI search summaries ให้คำตอบโดยไม่ต้องคลิกเข้าเว็บ ➡️ คนรุ่นใหม่หันไปใช้ social video เพื่อหาความรู้ ➡️ พฤติกรรมการค้นหาข้อมูลเปลี่ยนจาก “อ่าน” เป็น “ดู” และ “ฟัง” ✅ ผลกระทบต่อ Wikipedia ➡️ ผู้เข้าชมน้อยลง = ผู้แก้ไขน้อยลง ➡️ ยอดบริจาคลดลงตามจำนวนผู้ใช้ ➡️ เสี่ยงต่อคุณภาพและความยั่งยืนของเนื้อหา ➡️ ความเข้าใจของผู้ใช้ต่อแหล่งที่มาของข้อมูลลดลง ✅ การตอบสนองจาก Wikimedia Foundation ➡️ เรียกร้องให้ AI และ search engine ส่งคนกลับเข้า Wikipedia ➡️ พัฒนา framework ใหม่สำหรับการอ้างอิงเนื้อหา ➡️ มีทีมงาน 2 ทีมช่วยผลักดัน Wikipedia สู่กลุ่มผู้ใช้ใหม่ ➡️ หยุดการใช้ AI สรุปบทความหลังชุมชนไม่พอใจ ‼️ ข้อควรระวังและคำเตือน ⛔ หากคนไม่เข้า Wikipedia โดยตรง อาจไม่รู้ว่าเนื้อหามาจากไหน ⛔ การลดจำนวนผู้แก้ไขอาจทำให้เนื้อหาล้าสมัยหรือผิดพลาด ⛔ การพึ่งพา AI summaries อาจลดความหลากหลายของมุมมอง ⛔ หากยอดบริจาคลดลง อาจกระทบต่อการดำเนินงานของ Wikimedia ⛔ การใช้ social video เพื่อหาความรู้อาจทำให้ข้อมูลผิดพลาดแพร่กระจายง่ายขึ้น https://techcrunch.com/2025/10/18/wikipedia-says-traffic-is-falling-due-to-ai-search-summaries-and-social-video/
    TECHCRUNCH.COM
    Wikipedia says traffic is falling due to AI search summaries and social video | TechCrunch
    Looks like Wikipedia isn't immune to broader online trends, with human page views falling 8% year-over-year, according to a new blog post from Marshall Miller of the Wikimedia Foundation.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 242 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Idealist.org ลดค่าใช้จ่ายจาก $3,000 เหลือ $55 ต่อเดือน – เปลี่ยนจาก Heroku มาใช้เซิร์ฟเวอร์เดียวกับ Disco!”

    Idealist.org ซึ่งเป็นเว็บไซต์หางานด้าน nonprofit ที่มีผู้ใช้งานหลายล้านคนต่อเดือน เคยใช้ Heroku สำหรับ staging environment โดยเสียค่าใช้จ่ายถึง $500 ต่อ environment และมีทั้งหมด 6 environment รวมแล้วจ่ายถึง $3,000 ต่อเดือน แค่เพื่อการทดสอบก่อนปล่อยจริง!

    ทีมงานจึงทดลองย้าย staging environment ไปยังเซิร์ฟเวอร์เดียวบน Hetzner ราคาเพียง $55 ต่อเดือน โดยใช้เครื่องมือชื่อว่า Disco ซึ่งช่วยให้ยังคง workflow แบบ “git push to deploy” ได้เหมือนเดิม

    Disco ไม่ใช่แค่ docker-compose ธรรมดา แต่ให้ฟีเจอร์แบบ PaaS เช่น deploy อัตโนมัติ, SSL certificate, UI สำหรับดู log และจัดการ environment ได้ง่าย ๆ ทำให้ทีมสามารถสร้าง staging ใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องขออนุญาตหรือกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย

    ผลลัพธ์คือจากเดิมที่มีแค่ 2 environment (dev และ main) ตอนนี้มีถึง 6 environment บนเซิร์ฟเวอร์เดียว โดยใช้ CPU แค่ ~2% และ RAM 14 GB จาก 32 GB เท่านั้น

    แม้จะต้องจัดการ DNS, CDN และดูแลเซิร์ฟเวอร์เอง แต่ทีมยอมรับได้ เพราะประหยัดงบมหาศาล และได้ความคล่องตัวในการพัฒนาเพิ่มขึ้น

    ปัญหาที่พบจากการใช้ Heroku
    ค่าใช้จ่ายสูงถึง $500 ต่อ staging environment
    ต้องจำกัดจำนวน environment เพราะงบประมาณ
    ระบบ staging กลายเป็นทรัพยากรที่หายากและต้องขออนุญาตก่อนใช้

    แนวทางใหม่ที่ใช้ Disco บนเซิร์ฟเวอร์เดียว
    ใช้ Hetzner CCX33 ราคา $55/เดือน
    ใช้ Disco เพื่อรักษา workflow แบบ git push to deploy
    แชร์ Postgres instance เดียวกันสำหรับ staging ทั้งหมด
    สร้าง environment ใหม่ได้ง่ายและรวดเร็ว
    ใช้ CPU ~2% และ RAM 14 GB จาก 32 GB

    ฟีเจอร์ของ Disco ที่ช่วยให้ใช้งานง่าย
    deploy อัตโนมัติแบบ zero-downtime
    SSL certificate อัตโนมัติสำหรับทุก branch
    UI สำหรับดู log และจัดการ environment
    ไม่ต้องเขียน automation เองเหมือนใช้ VPS แบบดิบ ๆ

    ผลลัพธ์ที่ได้
    ลดค่าใช้จ่ายจาก $3,000 เหลือ $55 ต่อเดือน
    สร้าง staging ได้ทันทีโดยไม่ต้องขออนุญาต
    เพิ่มความคล่องตัวในการพัฒนาและทดสอบ
    เปลี่ยน mindset จาก “staging เป็นของแพง” เป็น “staging เป็นของฟรี”

    ข้อควรระวังและคำเตือน
    ต้องจัดการ DNS และ CDN ด้วยตัวเอง
    ต้องดูแลเรื่อง security และ monitoring ของเซิร์ฟเวอร์
    หากเซิร์ฟเวอร์ล่ม ต้อง reprovision ใหม่เอง
    ต้องปรับ networking ของแอปให้เข้ากับ Docker
    Disco ยังไม่เหมาะกับ workload ที่ต้อง redundancy สูง

    https://disco.cloud/blog/how-idealistorg-replaced-a-3000mo-heroku-bill-with-a-55mo-server/
    💸 “Idealist.org ลดค่าใช้จ่ายจาก $3,000 เหลือ $55 ต่อเดือน – เปลี่ยนจาก Heroku มาใช้เซิร์ฟเวอร์เดียวกับ Disco!” Idealist.org ซึ่งเป็นเว็บไซต์หางานด้าน nonprofit ที่มีผู้ใช้งานหลายล้านคนต่อเดือน เคยใช้ Heroku สำหรับ staging environment โดยเสียค่าใช้จ่ายถึง $500 ต่อ environment และมีทั้งหมด 6 environment รวมแล้วจ่ายถึง $3,000 ต่อเดือน แค่เพื่อการทดสอบก่อนปล่อยจริง! ทีมงานจึงทดลองย้าย staging environment ไปยังเซิร์ฟเวอร์เดียวบน Hetzner ราคาเพียง $55 ต่อเดือน โดยใช้เครื่องมือชื่อว่า Disco ซึ่งช่วยให้ยังคง workflow แบบ “git push to deploy” ได้เหมือนเดิม Disco ไม่ใช่แค่ docker-compose ธรรมดา แต่ให้ฟีเจอร์แบบ PaaS เช่น deploy อัตโนมัติ, SSL certificate, UI สำหรับดู log และจัดการ environment ได้ง่าย ๆ ทำให้ทีมสามารถสร้าง staging ใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องขออนุญาตหรือกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ผลลัพธ์คือจากเดิมที่มีแค่ 2 environment (dev และ main) ตอนนี้มีถึง 6 environment บนเซิร์ฟเวอร์เดียว โดยใช้ CPU แค่ ~2% และ RAM 14 GB จาก 32 GB เท่านั้น แม้จะต้องจัดการ DNS, CDN และดูแลเซิร์ฟเวอร์เอง แต่ทีมยอมรับได้ เพราะประหยัดงบมหาศาล และได้ความคล่องตัวในการพัฒนาเพิ่มขึ้น ✅ ปัญหาที่พบจากการใช้ Heroku ➡️ ค่าใช้จ่ายสูงถึง $500 ต่อ staging environment ➡️ ต้องจำกัดจำนวน environment เพราะงบประมาณ ➡️ ระบบ staging กลายเป็นทรัพยากรที่หายากและต้องขออนุญาตก่อนใช้ ✅ แนวทางใหม่ที่ใช้ Disco บนเซิร์ฟเวอร์เดียว ➡️ ใช้ Hetzner CCX33 ราคา $55/เดือน ➡️ ใช้ Disco เพื่อรักษา workflow แบบ git push to deploy ➡️ แชร์ Postgres instance เดียวกันสำหรับ staging ทั้งหมด ➡️ สร้าง environment ใหม่ได้ง่ายและรวดเร็ว ➡️ ใช้ CPU ~2% และ RAM 14 GB จาก 32 GB ✅ ฟีเจอร์ของ Disco ที่ช่วยให้ใช้งานง่าย ➡️ deploy อัตโนมัติแบบ zero-downtime ➡️ SSL certificate อัตโนมัติสำหรับทุก branch ➡️ UI สำหรับดู log และจัดการ environment ➡️ ไม่ต้องเขียน automation เองเหมือนใช้ VPS แบบดิบ ๆ ✅ ผลลัพธ์ที่ได้ ➡️ ลดค่าใช้จ่ายจาก $3,000 เหลือ $55 ต่อเดือน ➡️ สร้าง staging ได้ทันทีโดยไม่ต้องขออนุญาต ➡️ เพิ่มความคล่องตัวในการพัฒนาและทดสอบ ➡️ เปลี่ยน mindset จาก “staging เป็นของแพง” เป็น “staging เป็นของฟรี” ‼️ ข้อควรระวังและคำเตือน ⛔ ต้องจัดการ DNS และ CDN ด้วยตัวเอง ⛔ ต้องดูแลเรื่อง security และ monitoring ของเซิร์ฟเวอร์ ⛔ หากเซิร์ฟเวอร์ล่ม ต้อง reprovision ใหม่เอง ⛔ ต้องปรับ networking ของแอปให้เข้ากับ Docker ⛔ Disco ยังไม่เหมาะกับ workload ที่ต้อง redundancy สูง https://disco.cloud/blog/how-idealistorg-replaced-a-3000mo-heroku-bill-with-a-55mo-server/
    DISCO.CLOUD
    How Idealist.org Replaced a $3,000/mo Heroku Bill with a $55/mo Server
    At Disco, we help teams escape expensive PaaS pricing while keeping the developer experience they love. This is the story of how Idealist.org, the world's largest nonprofit job board, tackled a common and expensive challenge: the rising cost of staging environments on Heroku. To give a sense of scale …
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 231 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Meta ปรับโครงสร้าง AI ครั้งใหญ่ – ปลด 600 ตำแหน่ง FAIR พร้อมเร่งสร้างทีม Superintelligence”

    Meta กำลังปรับทิศทางการพัฒนา AI ครั้งใหญ่ โดยประกาศปลดพนักงานกว่า 600 คน จากแผนก Fundamental AI Research (FAIR) และฝ่ายผลิตภัณฑ์ AI กับโครงสร้างพื้นฐาน แม้จะดูเหมือนถอยหลัง แต่จริง ๆ แล้ว Meta กำลัง “เร่งเครื่อง” ไปสู่เป้าหมายที่ใหญ่กว่า นั่นคือการสร้าง ทีม Superintelligence ภายใต้ชื่อ TBD Lab

    การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจาก Meta ลงทุนกว่า 14.3 พันล้านดอลลาร์ ในบริษัท Scale AI และดึงตัว CEO Alexandr Wang เข้ามาเป็นหัวหน้าทีม AI ของบริษัท โดยเขาได้ประกาศว่าจะนำไอเดียจาก FAIR ไปต่อยอดในโมเดลขนาดใหญ่ของ TBD Lab

    การปลดพนักงานครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การลดต้นทุน แต่เป็นการปรับโฟกัสใหม่ให้แต่ละคนมี “ภาระงานที่ชัดเจนและมีผลกระทบมากขึ้น” ตามคำกล่าวของ Wang ซึ่งสะท้อนแนวคิดแบบ startup ที่เน้นความคล่องตัวและผลลัพธ์

    แม้ FAIR เคยเป็นหัวใจของงานวิจัย AI ระดับโลก เช่นการพัฒนา PyTorch และโมเดลภาษา LLaMA แต่ในยุคที่ AI เชิงผลิตภัณฑ์และโมเดลขนาดใหญ่กลายเป็นจุดแข่งหลักของบริษัทเทคโนโลยี Meta จึงเลือกเดินหน้าสร้างทีมใหม่ที่เน้นการ “รวมงานวิจัยเข้ากับการใช้งานจริง”

    พนักงานที่ได้รับผลกระทบสามารถสมัครตำแหน่งอื่นภายในบริษัทได้ และการเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นสัญญาณว่า Meta กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของ AI ที่เน้น “ผลลัพธ์เชิงธุรกิจ” มากกว่าการทดลองเชิงวิชาการ

    การปรับโครงสร้างของ Meta
    ปลดพนักงานกว่า 600 คนจาก FAIR และฝ่าย AI Infrastructure
    สร้างทีมใหม่ชื่อ TBD Lab เพื่อพัฒนา Superintelligence
    นำไอเดียจาก FAIR ไปใช้ในโมเดลขนาดใหญ่
    พนักงานที่ถูกปลดสามารถสมัครตำแหน่งอื่นในบริษัทได้

    การลงทุนและการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์
    Meta ลงทุน $14.3 พันล้านใน Scale AI
    ดึง Alexandr Wang เป็นหัวหน้าทีม AI
    หยุดการจ้างงานชั่วคราวก่อนประกาศปรับโครงสร้าง
    เน้นการรวมงานวิจัยเข้ากับการใช้งานจริงในผลิตภัณฑ์

    ความเปลี่ยนแปลงในบทบาทของ FAIR
    FAIR เคยเป็นผู้นำด้านงานวิจัย เช่น PyTorch และ LLaMA
    ผู้นำ FAIR Joelle Pineau ลาออกเมื่อต้นปี
    งานวิจัยจาก FAIR จะถูกนำไป scale ใน TBD Lab
    Meta เน้นให้แต่ละคนมีภาระงานที่มีผลกระทบมากขึ้น

    ข้อควรระวังและคำเตือน
    การลดขนาดทีมวิจัยอาจทำให้ Meta สูญเสียความได้เปรียบด้านนวัตกรรม
    การเน้นผลลัพธ์เชิงธุรกิจอาจลดความหลากหลายของงานวิจัยพื้นฐาน
    การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วอาจกระทบขวัญกำลังใจของทีมงาน
    การรวมงานวิจัยเข้ากับผลิตภัณฑ์ต้องใช้การจัดการที่รอบคอบ
    หาก TBD Lab ล้มเหลว อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Meta ในวงการ AI

    https://www.theverge.com/news/804253/meta-ai-research-layoffs-fair-superintelligence
    🧠 “Meta ปรับโครงสร้าง AI ครั้งใหญ่ – ปลด 600 ตำแหน่ง FAIR พร้อมเร่งสร้างทีม Superintelligence” Meta กำลังปรับทิศทางการพัฒนา AI ครั้งใหญ่ โดยประกาศปลดพนักงานกว่า 600 คน จากแผนก Fundamental AI Research (FAIR) และฝ่ายผลิตภัณฑ์ AI กับโครงสร้างพื้นฐาน แม้จะดูเหมือนถอยหลัง แต่จริง ๆ แล้ว Meta กำลัง “เร่งเครื่อง” ไปสู่เป้าหมายที่ใหญ่กว่า นั่นคือการสร้าง ทีม Superintelligence ภายใต้ชื่อ TBD Lab การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจาก Meta ลงทุนกว่า 14.3 พันล้านดอลลาร์ ในบริษัท Scale AI และดึงตัว CEO Alexandr Wang เข้ามาเป็นหัวหน้าทีม AI ของบริษัท โดยเขาได้ประกาศว่าจะนำไอเดียจาก FAIR ไปต่อยอดในโมเดลขนาดใหญ่ของ TBD Lab การปลดพนักงานครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การลดต้นทุน แต่เป็นการปรับโฟกัสใหม่ให้แต่ละคนมี “ภาระงานที่ชัดเจนและมีผลกระทบมากขึ้น” ตามคำกล่าวของ Wang ซึ่งสะท้อนแนวคิดแบบ startup ที่เน้นความคล่องตัวและผลลัพธ์ แม้ FAIR เคยเป็นหัวใจของงานวิจัย AI ระดับโลก เช่นการพัฒนา PyTorch และโมเดลภาษา LLaMA แต่ในยุคที่ AI เชิงผลิตภัณฑ์และโมเดลขนาดใหญ่กลายเป็นจุดแข่งหลักของบริษัทเทคโนโลยี Meta จึงเลือกเดินหน้าสร้างทีมใหม่ที่เน้นการ “รวมงานวิจัยเข้ากับการใช้งานจริง” พนักงานที่ได้รับผลกระทบสามารถสมัครตำแหน่งอื่นภายในบริษัทได้ และการเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นสัญญาณว่า Meta กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของ AI ที่เน้น “ผลลัพธ์เชิงธุรกิจ” มากกว่าการทดลองเชิงวิชาการ ✅ การปรับโครงสร้างของ Meta ➡️ ปลดพนักงานกว่า 600 คนจาก FAIR และฝ่าย AI Infrastructure ➡️ สร้างทีมใหม่ชื่อ TBD Lab เพื่อพัฒนา Superintelligence ➡️ นำไอเดียจาก FAIR ไปใช้ในโมเดลขนาดใหญ่ ➡️ พนักงานที่ถูกปลดสามารถสมัครตำแหน่งอื่นในบริษัทได้ ✅ การลงทุนและการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ ➡️ Meta ลงทุน $14.3 พันล้านใน Scale AI ➡️ ดึง Alexandr Wang เป็นหัวหน้าทีม AI ➡️ หยุดการจ้างงานชั่วคราวก่อนประกาศปรับโครงสร้าง ➡️ เน้นการรวมงานวิจัยเข้ากับการใช้งานจริงในผลิตภัณฑ์ ✅ ความเปลี่ยนแปลงในบทบาทของ FAIR ➡️ FAIR เคยเป็นผู้นำด้านงานวิจัย เช่น PyTorch และ LLaMA ➡️ ผู้นำ FAIR Joelle Pineau ลาออกเมื่อต้นปี ➡️ งานวิจัยจาก FAIR จะถูกนำไป scale ใน TBD Lab ➡️ Meta เน้นให้แต่ละคนมีภาระงานที่มีผลกระทบมากขึ้น ‼️ ข้อควรระวังและคำเตือน ⛔ การลดขนาดทีมวิจัยอาจทำให้ Meta สูญเสียความได้เปรียบด้านนวัตกรรม ⛔ การเน้นผลลัพธ์เชิงธุรกิจอาจลดความหลากหลายของงานวิจัยพื้นฐาน ⛔ การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วอาจกระทบขวัญกำลังใจของทีมงาน ⛔ การรวมงานวิจัยเข้ากับผลิตภัณฑ์ต้องใช้การจัดการที่รอบคอบ ⛔ หาก TBD Lab ล้มเหลว อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Meta ในวงการ AI https://www.theverge.com/news/804253/meta-ai-research-layoffs-fair-superintelligence
    WWW.THEVERGE.COM
    Meta is axing 600 roles across its AI division
    But Meta is still hiring for its team tasked with achieving superintelligence, according to a report from Axios.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts