• ปี 2550 ภาพจิตรกรรม “ภิกษุสันดานกา” เคยตกเป็นข่าวถกเถียงมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นผลงานของ “อนุพงษ์ จันทร “ใช้เทคนิคการวาดภาพด้วยสีอะคริลิกลงบนจีวรพระ ได้แรงบันดาลใจจากคติความเชื่อของไทยเรื่อง "เปรตภูมิ” และภาพ ”บรรพชิตทุศีล” ในสมุดภาพไตรภูมิ มีข้อความปรากฏเอาไว้ด้านล่างภาพว่า "บาปเป็นบรรพชิตทุศีลแลเลี้ยงชีพผิดมิชอบด้วยธรรม ตายไปต้องกลายเป็นเปรต มีไฟไหม้ลุกจีวรไหม้กาย"อนุพงษ์ ยืนยันว่า ”ภิกษุสันดานกา” ไม่ใช่ชื่อที่ตนตั้งขึ้นมาเอง แต่มีระบุในพระไตรปิฎก ในหนังสือคำพยากรณ์ของพระพุทธเจ้า ตำราดูพระภิกษุ และตนขอยืนยันว่า ภาพที่ตนเขียนขึ้นมา ไม่ใช่ภาพพระดีดีในสังคม แต่ตนเขียนเปรตที่แอบแฝงอยู่ในผ้ากาสาวพัสตร์ เพื่อเตือนสติคนในสังคม โดยสื่อภาพออกมาในเชิงสัญลักษณ์ ตามที่พระพุทธเจ้าได้ทรงเปรียบเทียบพระภิกษุลามกว่า มีนิสัยเหมือนกา 10 อย่าง“ภิกษุทั้งหลาย กาเป็นสัตว์ประกอบด้วยความเลวสิบประการ” สิบประการเป็นไฉน? สิบประการคือ1. กาเป็นสัตว์ทำลายความดี 2. กาเป็นสัตว์คะนอง 3. กาเป็นสัตว์ทะเยอทะยาน 4. กาเป็นสัตว์กินจุ 5. กาเป็นสัตว์หยาบคาย 6. กาเป็นสัตว์ไม่กรุณาปรานี 7. กาเป็นสัตว์ทุรพล 8. กาเป็นสัตว์เสียงอึง 9. กาเป็นสัตว์ปล่อยสติ 10. กาเป็นสัตว์สะสมของกินภิกษุทั้งหลาย! ภิกษุลามกก็เป็นเช่นเดียวกับกานั่นแหละ เป็นคนประกอบด้วยอสัทธรรมสิบประการ สิบประการเป็นไฉน? สิบประการคือ1. ภิกษุลามกเป็นคนทำลายความดี 2. ภิกษุลามกเป็นคนคะนอง 3. ภิกษุลามกเป็นคนทะเยอทะยาน 4. ภิกษุลามกเป็นคนกินจุ 5. ภิกษุลามกเป็นคนหยาบคาย 6. ภิกษุลามกเป็นคนไม่กรุณาปรานี 7. ภิกษุลามกเป็นคนทุรพล 8. ภิกษุลามกเป็นคนร้องเสียงอึง 9. ภิกษุลามกเป็นคนปล่อยสติ 10. ภิกษุลามกเป็นคนสะสมของกินโดยนัยแห่งพฤติกรรมของนกกา สิบประการดังกล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่าล้วนแล้วแต่เป็นความเลวที่ไม่เหมาะไม่ควรที่คนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนมีศีล เช่น ภิกษุในพระพุทธศาสนาไม่ควรประพฤติ ไม่ควรปฏิบัติแต่ในความเป็นจริง ความเป็นปุถุชนคนมีกิเลส ถึงแม้ว่าจะมาบวชถือศีล 227 ข้อแล้วก็ยังมีภิกษุบางรูปในครั้งพุทธกาลมีพฤติกรรมเยี่ยงนี้ พระพุทธองค์จึงได้ตรัสสอนด้วยข้อวัตรปฏิบัติที่พระภิกษุที่เข้ามาบวชเพื่อการทำความดี โดยมุ่งความหลุดพ้น ควรงดเว้นอสัทธรรม 10 ประการ อันเป็นพฤติกรรมของกาดังกล่าวอ.สามารถ มังสัง เคยเสนอแนวทางแก้ปัญหาภิกษุสันดานกาไว้ว่า “แต่ในความเป็นจริงที่ปรากฏพฤติกรรมอันไม่เหมาะไม่ควรในวงการสงฆ์ยังไม่ได้รับการแก้ไขจากสงฆ์ด้วยกันเท่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่มหาเถรสมาคม และสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ควรจะได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา และกำหนดมาตรการแก้ไขและป้องกันดังต่อไปนี้1. ทำการสำรวจสำมโนประชากรพระสงฆ์ในประเทศไทยให้แน่ชัดว่ามีอยู่เท่าใด และมีรายละเอียดลงลึกถึงเรื่องการศึกษา อายุพรรษา และภาระหน้าที่ต่อสังคมเท่าที่พระจะพึงกระทำได้ เช่น เป็นครูสอนศีลธรรม อบรมประชาชน และให้ความรู้แก่พระภิกษุสงฆ์ เป็นต้น2. เมื่อได้ข้อมูลแล้วให้จัดทำแผนฟื้นฟูพฤติกรรมพระสงฆ์ที่ไม่ได้รับการศึกษา และการอบรมอย่างทั่วถึง3. ให้นำพระภิกษุสงฆ์ที่มีความรู้ความสามารถในการสอนมาประชุมแลกเปลี่ยนความรู้ แนวทางการปรับองค์กรสงฆ์ แล้วมอบหมายให้แต่ละท่านกลับไปดำเนินการในถิ่นของตนเองเป็นระยะเวลา 1-3 ปี แล้วส่งคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานออกไปทำการประเมินในการดำเนินการ 3 ประการนี้ ทางรัฐบาลจะต้องให้การสนับสนุนทางด้านการเงิน และบุคลากรให้เพียงพอแก่การดำเนินงานในขณะเดียวกัน ถ้าพบว่าในท้องถิ่นใดดำเนินการไม่ได้ผล ก็ควรอย่างยิ่งที่ทางการปกครองจะต้องเข้ามาดูแลแก้ไขโดยใช้อำนาจบริหาร เช่น การโยกย้ายหรือปลดออกจากตำแหน่ง เป็นการลงโทษผู้รับผิดชอบในระดับเจ้าคณะจังหวัด อำเภอ และตำบลลงไปตามลำดับชั้นยิ่งกว่านี้ ทางมหาเถรสมาคมจะต้องไม่ปล่อยให้พระสงฆ์ในระดับปกครองเข้าไปมีส่วนได้เสียกับกิจกรรมใดๆ ทั้งนี้เพื่อป้องกันการช่วยกันปกปิดความผิดของผู้อยู่ใต้ปกครอง เพื่อแลกกับลาภสักการะที่ผู้กระทำผิดมอบให้ถ้าทุกหน่วยงานดำเนินการได้เยี่ยงนี้ เชื่อว่าพฤติกรรมอันไม่เหมาะไม่ควรของพระสงฆ์จะลดลง และหมดไปในที่สุด”https://www.facebook.com/share/1Cj37basD6/?mibextid=wwXIfr
    ปี 2550 ภาพจิตรกรรม “ภิกษุสันดานกา” เคยตกเป็นข่าวถกเถียงมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นผลงานของ “อนุพงษ์ จันทร “ใช้เทคนิคการวาดภาพด้วยสีอะคริลิกลงบนจีวรพระ ได้แรงบันดาลใจจากคติความเชื่อของไทยเรื่อง "เปรตภูมิ” และภาพ ”บรรพชิตทุศีล” ในสมุดภาพไตรภูมิ มีข้อความปรากฏเอาไว้ด้านล่างภาพว่า "บาปเป็นบรรพชิตทุศีลแลเลี้ยงชีพผิดมิชอบด้วยธรรม ตายไปต้องกลายเป็นเปรต มีไฟไหม้ลุกจีวรไหม้กาย"อนุพงษ์ ยืนยันว่า ”ภิกษุสันดานกา” ไม่ใช่ชื่อที่ตนตั้งขึ้นมาเอง แต่มีระบุในพระไตรปิฎก ในหนังสือคำพยากรณ์ของพระพุทธเจ้า ตำราดูพระภิกษุ และตนขอยืนยันว่า ภาพที่ตนเขียนขึ้นมา ไม่ใช่ภาพพระดีดีในสังคม แต่ตนเขียนเปรตที่แอบแฝงอยู่ในผ้ากาสาวพัสตร์ เพื่อเตือนสติคนในสังคม โดยสื่อภาพออกมาในเชิงสัญลักษณ์ ตามที่พระพุทธเจ้าได้ทรงเปรียบเทียบพระภิกษุลามกว่า มีนิสัยเหมือนกา 10 อย่าง“ภิกษุทั้งหลาย กาเป็นสัตว์ประกอบด้วยความเลวสิบประการ” สิบประการเป็นไฉน? สิบประการคือ1. กาเป็นสัตว์ทำลายความดี 2. กาเป็นสัตว์คะนอง 3. กาเป็นสัตว์ทะเยอทะยาน 4. กาเป็นสัตว์กินจุ 5. กาเป็นสัตว์หยาบคาย 6. กาเป็นสัตว์ไม่กรุณาปรานี 7. กาเป็นสัตว์ทุรพล 8. กาเป็นสัตว์เสียงอึง 9. กาเป็นสัตว์ปล่อยสติ 10. กาเป็นสัตว์สะสมของกินภิกษุทั้งหลาย! ภิกษุลามกก็เป็นเช่นเดียวกับกานั่นแหละ เป็นคนประกอบด้วยอสัทธรรมสิบประการ สิบประการเป็นไฉน? สิบประการคือ1. ภิกษุลามกเป็นคนทำลายความดี 2. ภิกษุลามกเป็นคนคะนอง 3. ภิกษุลามกเป็นคนทะเยอทะยาน 4. ภิกษุลามกเป็นคนกินจุ 5. ภิกษุลามกเป็นคนหยาบคาย 6. ภิกษุลามกเป็นคนไม่กรุณาปรานี 7. ภิกษุลามกเป็นคนทุรพล 8. ภิกษุลามกเป็นคนร้องเสียงอึง 9. ภิกษุลามกเป็นคนปล่อยสติ 10. ภิกษุลามกเป็นคนสะสมของกินโดยนัยแห่งพฤติกรรมของนกกา สิบประการดังกล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่าล้วนแล้วแต่เป็นความเลวที่ไม่เหมาะไม่ควรที่คนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนมีศีล เช่น ภิกษุในพระพุทธศาสนาไม่ควรประพฤติ ไม่ควรปฏิบัติแต่ในความเป็นจริง ความเป็นปุถุชนคนมีกิเลส ถึงแม้ว่าจะมาบวชถือศีล 227 ข้อแล้วก็ยังมีภิกษุบางรูปในครั้งพุทธกาลมีพฤติกรรมเยี่ยงนี้ พระพุทธองค์จึงได้ตรัสสอนด้วยข้อวัตรปฏิบัติที่พระภิกษุที่เข้ามาบวชเพื่อการทำความดี โดยมุ่งความหลุดพ้น ควรงดเว้นอสัทธรรม 10 ประการ อันเป็นพฤติกรรมของกาดังกล่าวอ.สามารถ มังสัง เคยเสนอแนวทางแก้ปัญหาภิกษุสันดานกาไว้ว่า “แต่ในความเป็นจริงที่ปรากฏพฤติกรรมอันไม่เหมาะไม่ควรในวงการสงฆ์ยังไม่ได้รับการแก้ไขจากสงฆ์ด้วยกันเท่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่มหาเถรสมาคม และสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ควรจะได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา และกำหนดมาตรการแก้ไขและป้องกันดังต่อไปนี้1. ทำการสำรวจสำมโนประชากรพระสงฆ์ในประเทศไทยให้แน่ชัดว่ามีอยู่เท่าใด และมีรายละเอียดลงลึกถึงเรื่องการศึกษา อายุพรรษา และภาระหน้าที่ต่อสังคมเท่าที่พระจะพึงกระทำได้ เช่น เป็นครูสอนศีลธรรม อบรมประชาชน และให้ความรู้แก่พระภิกษุสงฆ์ เป็นต้น2. เมื่อได้ข้อมูลแล้วให้จัดทำแผนฟื้นฟูพฤติกรรมพระสงฆ์ที่ไม่ได้รับการศึกษา และการอบรมอย่างทั่วถึง3. ให้นำพระภิกษุสงฆ์ที่มีความรู้ความสามารถในการสอนมาประชุมแลกเปลี่ยนความรู้ แนวทางการปรับองค์กรสงฆ์ แล้วมอบหมายให้แต่ละท่านกลับไปดำเนินการในถิ่นของตนเองเป็นระยะเวลา 1-3 ปี แล้วส่งคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานออกไปทำการประเมินในการดำเนินการ 3 ประการนี้ ทางรัฐบาลจะต้องให้การสนับสนุนทางด้านการเงิน และบุคลากรให้เพียงพอแก่การดำเนินงานในขณะเดียวกัน ถ้าพบว่าในท้องถิ่นใดดำเนินการไม่ได้ผล ก็ควรอย่างยิ่งที่ทางการปกครองจะต้องเข้ามาดูแลแก้ไขโดยใช้อำนาจบริหาร เช่น การโยกย้ายหรือปลดออกจากตำแหน่ง เป็นการลงโทษผู้รับผิดชอบในระดับเจ้าคณะจังหวัด อำเภอ และตำบลลงไปตามลำดับชั้นยิ่งกว่านี้ ทางมหาเถรสมาคมจะต้องไม่ปล่อยให้พระสงฆ์ในระดับปกครองเข้าไปมีส่วนได้เสียกับกิจกรรมใดๆ ทั้งนี้เพื่อป้องกันการช่วยกันปกปิดความผิดของผู้อยู่ใต้ปกครอง เพื่อแลกกับลาภสักการะที่ผู้กระทำผิดมอบให้ถ้าทุกหน่วยงานดำเนินการได้เยี่ยงนี้ เชื่อว่าพฤติกรรมอันไม่เหมาะไม่ควรของพระสงฆ์จะลดลง และหมดไปในที่สุด”https://www.facebook.com/share/1Cj37basD6/?mibextid=wwXIfr
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักเรียนไทยยุค AI: อยู่รอดอย่างไรในโลกที่เปลี่ยนเร็วกว่าเดิม?
    โลกยุคใหม่ไม่ได้รอใครอีกต่อไป โดยเฉพาะเมื่อนวัตกรรมอย่าง AI เข้ามามีบทบาทในแทบทุกด้านของชีวิต ตั้งแต่การเรียน ไปจนถึงการทำงานในอนาคต และนักเรียนไทยจะต้องไม่ใช่แค่ “ปรับตัว” แต่ต้อง “เปลี่ยนวิธีคิด” เพื่อให้อยู่รอดและเติบโตในโลกที่ AI ครองเวที

    แล้วนักเรียนต้องพัฒนาอะไรบ้าง?
    1️⃣. AI Literacy – ทักษะความรู้เรื่อง AI
    ไม่ใช่แค่ใช้ ChatGPT ได้ แต่ต้องเข้าใจว่า AI ทำงานอย่างไร มีข้อดี ข้อจำกัด และ “อคติ” อย่างไรบ้าง นักเรียนต้องฝึกคิดแบบวิพากษ์ ไม่เชื่อทุกอย่างที่ AI บอกมา ต้องกล้าตั้งคำถาม และตรวจสอบแหล่งข้อมูลให้เป็น

    2️⃣. ทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา
    AI เก่งในเรื่อง “การจำและประมวลผล” แต่การตั้งคำถาม การตีความ การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน ยังเป็นทักษะของมนุษย์ นักเรียนควรฝึกคิดในเชิงลึก ฝึกตั้งสมมุติฐาน ทดลอง และปรับปรุง ไม่ใช่แค่หาคำตอบเร็วๆ จากอินเทอร์เน็ต

    3️⃣. ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity)
    AI ช่วยเราคิดได้ แต่ไม่สามารถ “คิดแทนเราได้หมด” การสร้างผลงานที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น เขียนเรื่องราว แต่งเพลง ทำโครงการนวัตกรรม หรือผลงานศิลปะ ยังคงต้องใช้พลังความคิดของมนุษย์อย่างแท้จริง

    4️⃣. การทำงานร่วมกันกับ AI และมนุษย์
    นักเรียนในยุคนี้ต้องทำงานเป็นทีม ทั้งกับคนและกับเทคโนโลยี ต้องรู้ว่าเมื่อไรควรใช้ AI ช่วย และเมื่อไรควรใช้หัวใจของมนุษย์ เช่น การฟังเพื่อน ความเข้าใจอารมณ์ หรือการทำโปรเจกต์ร่วมกัน

    5️⃣. จริยธรรมและความรับผิดชอบ
    การใช้ AI อย่างถูกจริยธรรมเป็นเรื่องใหญ่ เช่น ไม่คัดลอกเนื้อหาที่ AI สร้างมาโดยไม่เข้าใจ การเคารพความเป็นส่วนตัวของคนอื่น และรู้เท่าทัน Deepfake หรือข้อมูลบิดเบือนที่อาจเจอในชีวิตประจำวัน

    AI คือเพื่อน ไม่ใช่ศัตรู
    หลายคนกลัวว่า AI จะมาแย่งงาน หรือทำให้คนไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป แต่ในความเป็นจริง AI คือ “เครื่องมือ” ที่ดีมาก ถ้าเราใช้เป็น มันจะช่วยให้เราเก่งขึ้น ไม่ใช่ถูกแทนที่

    เช่น:
    - นักเรียนสามารถใช้ AI ช่วยสรุปบทเรียน ติวสอบ หรือสร้างไอเดียสำหรับโปรเจกต์
    - ครูสามารถใช้ AI ช่วยตรวจข้อสอบ วางแผนบทเรียน และมีเวลาสอนนักเรียนแบบใกล้ชิดขึ้น
    - โรงเรียนหลายแห่งก็เริ่มใช้ AI อย่าง SplashLearn, ChatGPT หรือ Writable เพื่อช่วยให้การเรียนสนุกและเข้าถึงได้มากขึ้น

    แต่อย่าลืมความเสี่ยง
    แม้ว่า AI จะช่วยได้มาก แต่ก็มีความท้าทาย เช่น:
    - ความเครียดจากการอยู่กับหน้าจอนานๆ
    - ข้อมูลที่ผิดพลาดหรือมีอคติจาก AI
    - ความเหลื่อมล้ำเรื่องอุปกรณ์และทักษะในบางพื้นที่ของประเทศ

    ดังนั้น นักเรียน ครู ผู้ปกครอง และภาครัฐต้องร่วมมือกัน สร้างระบบการเรียนรู้ที่ปลอดภัย เท่าเทียม และพัฒนาความรู้รอบด้านไปพร้อมกัน

    สรุปง่ายๆ สำหรับนักเรียนไทยในยุค AI:
    - อย่าใช้ AI แค่ “ให้มันทำให้” แต่ต้อง “ใช้มันเพื่อให้เราเก่งขึ้น”
    - พัฒนาให้รอบด้าน ทั้งสมอง จิตใจ และจริยธรรม
    - ฝึกเรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะเทคโนโลยีจะไม่หยุดรอเราแน่นอน

    #ลุงเขียนหลานอ่าน
    🎓 นักเรียนไทยยุค AI: อยู่รอดอย่างไรในโลกที่เปลี่ยนเร็วกว่าเดิม? โลกยุคใหม่ไม่ได้รอใครอีกต่อไป โดยเฉพาะเมื่อนวัตกรรมอย่าง AI เข้ามามีบทบาทในแทบทุกด้านของชีวิต ตั้งแต่การเรียน ไปจนถึงการทำงานในอนาคต และนักเรียนไทยจะต้องไม่ใช่แค่ “ปรับตัว” แต่ต้อง “เปลี่ยนวิธีคิด” เพื่อให้อยู่รอดและเติบโตในโลกที่ AI ครองเวที ✅ แล้วนักเรียนต้องพัฒนาอะไรบ้าง? 1️⃣. AI Literacy – ทักษะความรู้เรื่อง AI ไม่ใช่แค่ใช้ ChatGPT ได้ แต่ต้องเข้าใจว่า AI ทำงานอย่างไร มีข้อดี ข้อจำกัด และ “อคติ” อย่างไรบ้าง นักเรียนต้องฝึกคิดแบบวิพากษ์ ไม่เชื่อทุกอย่างที่ AI บอกมา ต้องกล้าตั้งคำถาม และตรวจสอบแหล่งข้อมูลให้เป็น 2️⃣. ทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา AI เก่งในเรื่อง “การจำและประมวลผล” แต่การตั้งคำถาม การตีความ การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน ยังเป็นทักษะของมนุษย์ นักเรียนควรฝึกคิดในเชิงลึก ฝึกตั้งสมมุติฐาน ทดลอง และปรับปรุง ไม่ใช่แค่หาคำตอบเร็วๆ จากอินเทอร์เน็ต 3️⃣. ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) AI ช่วยเราคิดได้ แต่ไม่สามารถ “คิดแทนเราได้หมด” การสร้างผลงานที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น เขียนเรื่องราว แต่งเพลง ทำโครงการนวัตกรรม หรือผลงานศิลปะ ยังคงต้องใช้พลังความคิดของมนุษย์อย่างแท้จริง 4️⃣. การทำงานร่วมกันกับ AI และมนุษย์ นักเรียนในยุคนี้ต้องทำงานเป็นทีม ทั้งกับคนและกับเทคโนโลยี ต้องรู้ว่าเมื่อไรควรใช้ AI ช่วย และเมื่อไรควรใช้หัวใจของมนุษย์ เช่น การฟังเพื่อน ความเข้าใจอารมณ์ หรือการทำโปรเจกต์ร่วมกัน 5️⃣. จริยธรรมและความรับผิดชอบ การใช้ AI อย่างถูกจริยธรรมเป็นเรื่องใหญ่ เช่น ไม่คัดลอกเนื้อหาที่ AI สร้างมาโดยไม่เข้าใจ การเคารพความเป็นส่วนตัวของคนอื่น และรู้เท่าทัน Deepfake หรือข้อมูลบิดเบือนที่อาจเจอในชีวิตประจำวัน 📌 AI คือเพื่อน ไม่ใช่ศัตรู หลายคนกลัวว่า AI จะมาแย่งงาน หรือทำให้คนไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป แต่ในความเป็นจริง AI คือ “เครื่องมือ” ที่ดีมาก ถ้าเราใช้เป็น มันจะช่วยให้เราเก่งขึ้น ไม่ใช่ถูกแทนที่ เช่น: - นักเรียนสามารถใช้ AI ช่วยสรุปบทเรียน ติวสอบ หรือสร้างไอเดียสำหรับโปรเจกต์ - ครูสามารถใช้ AI ช่วยตรวจข้อสอบ วางแผนบทเรียน และมีเวลาสอนนักเรียนแบบใกล้ชิดขึ้น - โรงเรียนหลายแห่งก็เริ่มใช้ AI อย่าง SplashLearn, ChatGPT หรือ Writable เพื่อช่วยให้การเรียนสนุกและเข้าถึงได้มากขึ้น 🚨 แต่อย่าลืมความเสี่ยง แม้ว่า AI จะช่วยได้มาก แต่ก็มีความท้าทาย เช่น: - ความเครียดจากการอยู่กับหน้าจอนานๆ - ข้อมูลที่ผิดพลาดหรือมีอคติจาก AI - ความเหลื่อมล้ำเรื่องอุปกรณ์และทักษะในบางพื้นที่ของประเทศ ดังนั้น นักเรียน ครู ผู้ปกครอง และภาครัฐต้องร่วมมือกัน สร้างระบบการเรียนรู้ที่ปลอดภัย เท่าเทียม และพัฒนาความรู้รอบด้านไปพร้อมกัน 💡 สรุปง่ายๆ สำหรับนักเรียนไทยในยุค AI: - อย่าใช้ AI แค่ “ให้มันทำให้” แต่ต้อง “ใช้มันเพื่อให้เราเก่งขึ้น” - พัฒนาให้รอบด้าน ทั้งสมอง จิตใจ และจริยธรรม - ฝึกเรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะเทคโนโลยีจะไม่หยุดรอเราแน่นอน #ลุงเขียนหลานอ่าน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำไมบางเพลงถึงติดอยู่ในหัวคุณไม่ยอมไปไหน?
    แม้จะพยายามเลิกนึก…แต่ก็วนซ้ำซากอยู่ในนั้น

    บางท่อน บางเสียง
    แค่ได้ยินแว่วผ่านหู
    กลับม้วนเข้าไป "เล่นซ้ำ" ในใจคุณได้
    เหมือนตั้งโปรแกรมไว้โดยไม่รู้ตัว!

    ทำไมเป็นแบบนั้น?

    ไม่ใช่เพราะคุณอยากจำ
    ไม่ใช่เพราะคุณเปิดฟังซ้ำ
    แต่เพราะ "จิตปรุงแต่งเอง" ตามเหตุปัจจัยที่ไม่มีใครบังคับได้

    และนั่นแหละ...
    คือหนึ่งใน “หลักฐานแห่งอนัตตา” อย่างชัดเจนที่สุดในชีวิตประจำวัน!

    เสียงวนในหัวไม่ใช่สิ่งคงที่

    ลองสังเกตดีๆ
    เสียงที่ติดอยู่ในหัวกับเสียงจริงที่คุณฟังจากเพลง
    ไม่เคยเหมือนกันเป๊ะ
    – ความยาวของโน้ต
    – น้ำหนักของเสียง
    – ความรู้สึกที่กระทบจิต
    – อารมณ์แฝงหลังเสียง

    เมื่อคุณฟังท่อนฮุกนั้น "อย่างตั้งใจ" อีกครั้ง
    คุณจะเริ่มเห็นว่า...สิ่งที่วนอยู่ในหัว
    ไม่ได้เหมือนเดิม และมัน "เปลี่ยนไป" ทุกครั้งที่รู้ตัว

    และนั่นคือ ธรรมะที่เล่นอยู่ในหัวคุณ

    เพลงติดหัว ≠ ศัตรูของสมาธิ
    แต่มันอาจเป็นครูที่แสดงธรรมเรื่อง “อนัตตา” ให้คุณเห็น

    ❝ไม่มีสิ่งใดควบคุมได้แน่แท้
    ไม่มีเสียงใดอยู่คงเดิม
    ไม่มีอารมณ์ใดตายตัว
    ทุกสิ่งเป็นไปตามเหตุปัจจัย...และเปลี่ยนแปลงเสมอ❞

    ถ้ามีเสียงติดหัว
    อย่ารำคาญ
    แต่อาจลองตั้งใจฟังมันอีกครั้ง…
    เพื่อ “เรียนรู้ธรรม” ที่ซ่อนอยู่ในหัวของคุณเอง

    #ธรรมะจากเพลง
    #อนัตตาแบบใกล้ตัว
    #เสียงที่ติดหัว
    #ฝึกใจด้วยของธรรมดา
    🎵 ทำไมบางเพลงถึงติดอยู่ในหัวคุณไม่ยอมไปไหน? แม้จะพยายามเลิกนึก…แต่ก็วนซ้ำซากอยู่ในนั้น บางท่อน บางเสียง แค่ได้ยินแว่วผ่านหู กลับม้วนเข้าไป "เล่นซ้ำ" ในใจคุณได้ เหมือนตั้งโปรแกรมไว้โดยไม่รู้ตัว! 🧠 ทำไมเป็นแบบนั้น? ไม่ใช่เพราะคุณอยากจำ ไม่ใช่เพราะคุณเปิดฟังซ้ำ แต่เพราะ "จิตปรุงแต่งเอง" ตามเหตุปัจจัยที่ไม่มีใครบังคับได้ และนั่นแหละ... คือหนึ่งใน “หลักฐานแห่งอนัตตา” อย่างชัดเจนที่สุดในชีวิตประจำวัน! 🔄 เสียงวนในหัวไม่ใช่สิ่งคงที่ ลองสังเกตดีๆ เสียงที่ติดอยู่ในหัวกับเสียงจริงที่คุณฟังจากเพลง ไม่เคยเหมือนกันเป๊ะ – ความยาวของโน้ต – น้ำหนักของเสียง – ความรู้สึกที่กระทบจิต – อารมณ์แฝงหลังเสียง 🧘 เมื่อคุณฟังท่อนฮุกนั้น "อย่างตั้งใจ" อีกครั้ง คุณจะเริ่มเห็นว่า...สิ่งที่วนอยู่ในหัว ไม่ได้เหมือนเดิม และมัน "เปลี่ยนไป" ทุกครั้งที่รู้ตัว ✨ และนั่นคือ ธรรมะที่เล่นอยู่ในหัวคุณ เพลงติดหัว ≠ ศัตรูของสมาธิ แต่มันอาจเป็นครูที่แสดงธรรมเรื่อง “อนัตตา” ให้คุณเห็น ❝ไม่มีสิ่งใดควบคุมได้แน่แท้ ไม่มีเสียงใดอยู่คงเดิม ไม่มีอารมณ์ใดตายตัว ทุกสิ่งเป็นไปตามเหตุปัจจัย...และเปลี่ยนแปลงเสมอ❞ 🧭 ถ้ามีเสียงติดหัว อย่ารำคาญ แต่อาจลองตั้งใจฟังมันอีกครั้ง… เพื่อ “เรียนรู้ธรรม” ที่ซ่อนอยู่ในหัวของคุณเอง #ธรรมะจากเพลง #อนัตตาแบบใกล้ตัว #เสียงที่ติดหัว #ฝึกใจด้วยของธรรมดา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sun. Jul. 13, 2025

    ทำไมแต่ละสื่อถึงยุให้อีหมึก ink ลาออก
    พยายามช่วยนางกันรึ?
    เราไม่ให้ออกค่ะ เราจะให้อยู่ต่อรอฟังศาลไปด้วยกันค่ะ
    เหลือพรุ่งนี้อีกวัน อย่าเพิ่งลาออกนะคะ อีหมึกสู้ๆค่า
    เราต้องการให้นางถูกตราหน้าแบบเดียวกับที่นายกเศษถุยโดนไปตลอด อย่าเพิ่งลาออกนะจ๊ะ

    บอกตรงๆนิด้าโพลก็เป็นโพลส้มๆแดงๆ แต่ถ้าหน้าตาตัวเลือกเป็นแบบที่เห็น...อยากจะอ้วกค่ะ

    มีนายกคนไหนที่มีทีม AI เก่งๆให้เลือกมั้ยคะ
    นายกและทีมที่ตั้งกฎใหม่ๆเช่น...
    เอามนุษย์ที่มีตำแหน่ง รัฐมนตรี ส.ส. ผู้ว่า เทศมนตรี ผู้ใหญ่บ้าน อบต. อบจ. ฯลฯ มาสอบคัดเลือกใหม่หมดทุกตำแหน่ง มีทั้งข้อเขียน เรียงความ สัมภาษณ์ (คนถาม-คนตอบไม่เห็นหน้ากัน) ใครโกงข้อสอบหรือช่วยโกงติดคุกสถานเดียว ในศูนย์ราชการทุกแห่ง จัดสอบคัดเลือกใหม่หมด ใครไม่เปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ผ่านคัดเลือก ข้าราชการทุกตำแหน่งก็ทำเช่นเดียวกัน พวกทหารตำรวจมีเพิ่มเติมคือทดสอบภาคสนามใหม่หมด และใช้มนุษย์คุณภาพแค่ 40% พอ ทุกศูนย์ราชการ ทุกกระทรวงทบวงกรม ทำระบบใหม่ที่ใช้ข้อมูล update และ online ได้แทบทั้งหมด เด็กรุ่นใหม่เรียนเทคโนโลยีใหม่ๆอย่างจริงจัง ให้การศึกษา online เข้าถึงตามหมู่บ้านเล็กๆตามป่าตามเขาให้ได้ คุณครูทุกคนสอน online เหมือนสุโขทัยธรรมาธิราชสมัยก่อน มีหลักสูตร international สอนตั้งแต่ระดับอนุบาลกันเลย แต่ใช้สื่อ online เท่านั้นตัดปัญหาล่วงละเมิด เรียนฟรี ใครอยากได้ใบประกาศคุณวุฒิก็ไปสอบเอา ซึ่งจริงๆอะไรพวกนี้มันทำได้มานานแล้ว แต่ไม่มีใครเริ่มทำ วันๆเอาแต่ป้อนสื่อขยะให้เยาวชนไทยเสพติดแต่วัตถุ เกมส์ สิ่งที่ทำเงินเร็วๆ และชีวิตหรูหราสบายไปวันๆ ส่วนผู้ใหญ่ก็เน้นป้อนข่าวอุบาศก์ๆให้สมองมันตีบตันกันให้หมด ให้เป็นหนี้เป็นสินท่วมหัว และได้แต่ร้องขอความช่วยเหลือ ให้มันต้องตกอยู่ในวังวนของระบบ corruption ไปตลอดกาล

    เราเพิ่งกระจ่างว่า จริงๆไม่เกี่ยวกับตระกูลชิน ทักษิณ หรือระบบเน่าๆที่เขาสร้างไว้ แต่มันเกี่ยวกับคนที่ยืนยันที่จะอุ้มชูตระกูลนี้ ระบบเน่าๆนี้ให้คงอยู่เพราะคนเหล่านี้เสพติดเงินฟรีไปซะแล้ว มันเข้าเส้นจนเลิกไม่ได้เสียแล้ว อย่าว่าแต่มนุษย์ทั่วไปเลย มนุษย์ในผ้าเหลืองก็เสพติดเงิน และมักมากในกาม แถมกินฟรีอยู่ฟรี มีเรื่องแบบนี้ทำให้เด็กรุ่นใหม่ดูเป็นแบบอย่างทุกวันๆ ว่าพระเนี่ยคือคนร้ายที่ปลอดภัยที่สุด อยู่ฟรีกินฟรี มีเงินทองใช้ มีคนกราบไหว้ และพอเรื่องแดง ทุกคนก็แค่สึก แล้วก็หอบเงินก้อนโตหนี และก็ไม่ต้องโดนโทษใดๆ ระบบแบบนี้ต้องถูกล้างบางไปจากสังคมไทยได้แล้วค่ะ ยึดทรัพย์ และติดคุกสถานเดียวค่ะ

    ตกลงว่ามันจะมีคนดีในฝันที่อยากช่วยชาติบ้านเมืองจริงๆมาให้เราเลือกบ้างมั้ยคะ เราเบื่อที่จะต้องฝ่ารถติดเพื่อถ่อไปกา ✖ งดออกเสียง ✖แล้วค่ะ
    Sun. Jul. 13, 2025 ทำไมแต่ละสื่อถึงยุให้อีหมึก ink ลาออก พยายามช่วยนางกันรึ? เราไม่ให้ออกค่ะ เราจะให้อยู่ต่อรอฟังศาลไปด้วยกันค่ะ เหลือพรุ่งนี้อีกวัน อย่าเพิ่งลาออกนะคะ อีหมึกสู้ๆค่า เราต้องการให้นางถูกตราหน้าแบบเดียวกับที่นายกเศษถุยโดนไปตลอด อย่าเพิ่งลาออกนะจ๊ะ บอกตรงๆนิด้าโพลก็เป็นโพลส้มๆแดงๆ แต่ถ้าหน้าตาตัวเลือกเป็นแบบที่เห็น...อยากจะอ้วกค่ะ มีนายกคนไหนที่มีทีม AI เก่งๆให้เลือกมั้ยคะ นายกและทีมที่ตั้งกฎใหม่ๆเช่น... เอามนุษย์ที่มีตำแหน่ง รัฐมนตรี ส.ส. ผู้ว่า เทศมนตรี ผู้ใหญ่บ้าน อบต. อบจ. ฯลฯ มาสอบคัดเลือกใหม่หมดทุกตำแหน่ง มีทั้งข้อเขียน เรียงความ สัมภาษณ์ (คนถาม-คนตอบไม่เห็นหน้ากัน) ใครโกงข้อสอบหรือช่วยโกงติดคุกสถานเดียว ในศูนย์ราชการทุกแห่ง จัดสอบคัดเลือกใหม่หมด ใครไม่เปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ผ่านคัดเลือก ข้าราชการทุกตำแหน่งก็ทำเช่นเดียวกัน พวกทหารตำรวจมีเพิ่มเติมคือทดสอบภาคสนามใหม่หมด และใช้มนุษย์คุณภาพแค่ 40% พอ ทุกศูนย์ราชการ ทุกกระทรวงทบวงกรม ทำระบบใหม่ที่ใช้ข้อมูล update และ online ได้แทบทั้งหมด เด็กรุ่นใหม่เรียนเทคโนโลยีใหม่ๆอย่างจริงจัง ให้การศึกษา online เข้าถึงตามหมู่บ้านเล็กๆตามป่าตามเขาให้ได้ คุณครูทุกคนสอน online เหมือนสุโขทัยธรรมาธิราชสมัยก่อน มีหลักสูตร international สอนตั้งแต่ระดับอนุบาลกันเลย แต่ใช้สื่อ online เท่านั้นตัดปัญหาล่วงละเมิด เรียนฟรี ใครอยากได้ใบประกาศคุณวุฒิก็ไปสอบเอา ซึ่งจริงๆอะไรพวกนี้มันทำได้มานานแล้ว แต่ไม่มีใครเริ่มทำ วันๆเอาแต่ป้อนสื่อขยะให้เยาวชนไทยเสพติดแต่วัตถุ เกมส์ สิ่งที่ทำเงินเร็วๆ และชีวิตหรูหราสบายไปวันๆ ส่วนผู้ใหญ่ก็เน้นป้อนข่าวอุบาศก์ๆให้สมองมันตีบตันกันให้หมด ให้เป็นหนี้เป็นสินท่วมหัว และได้แต่ร้องขอความช่วยเหลือ ให้มันต้องตกอยู่ในวังวนของระบบ corruption ไปตลอดกาล เราเพิ่งกระจ่างว่า จริงๆไม่เกี่ยวกับตระกูลชิน ทักษิณ หรือระบบเน่าๆที่เขาสร้างไว้ แต่มันเกี่ยวกับคนที่ยืนยันที่จะอุ้มชูตระกูลนี้ ระบบเน่าๆนี้ให้คงอยู่เพราะคนเหล่านี้เสพติดเงินฟรีไปซะแล้ว มันเข้าเส้นจนเลิกไม่ได้เสียแล้ว อย่าว่าแต่มนุษย์ทั่วไปเลย มนุษย์ในผ้าเหลืองก็เสพติดเงิน และมักมากในกาม แถมกินฟรีอยู่ฟรี มีเรื่องแบบนี้ทำให้เด็กรุ่นใหม่ดูเป็นแบบอย่างทุกวันๆ ว่าพระเนี่ยคือคนร้ายที่ปลอดภัยที่สุด อยู่ฟรีกินฟรี มีเงินทองใช้ มีคนกราบไหว้ และพอเรื่องแดง ทุกคนก็แค่สึก แล้วก็หอบเงินก้อนโตหนี และก็ไม่ต้องโดนโทษใดๆ ระบบแบบนี้ต้องถูกล้างบางไปจากสังคมไทยได้แล้วค่ะ ยึดทรัพย์ และติดคุกสถานเดียวค่ะ ตกลงว่ามันจะมีคนดีในฝันที่อยากช่วยชาติบ้านเมืองจริงๆมาให้เราเลือกบ้างมั้ยคะ เราเบื่อที่จะต้องฝ่ารถติดเพื่อถ่อไปกา ✖ งดออกเสียง ✖แล้วค่ะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญรุ่นแรกพระนางสุพรรณกัลยาณีเทวี เนื้อกะไหล่ทอง หลวงปู่โง่น โสรยา ผู้จัดสร้าง วัดพระพุทธบาทเขารวก // พระดีพิธีใหญ่ พระพี่นางเธอแห่งองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช //พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ....##รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ สามารถขอพรได้ทุกอย่าง ขอเรื่องอะไรก็ได้ เป็นเมตตตามหนิยม มหาเสน่ห์ เสริมสร้างความเป็นสิริมงคลในชีวิต เมตตามหานิยม โชคลาภ และเสี่ยงโชค เจริญรุ่งเรือง ไม่ฝืดเคืองขัดสน ค้าขาย ร่ำรวย เรียกทรัพย์หนุนดวง อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงาน >>

    ** "หลวงปู่โง่น" ครูบาอาจารย์ของ ครูบาบุญชุ่ม พระเถระผู้มีญาณหยั่งรู้ นับเป็นพระเถราจารย์ที่ได้รับการขนานนามว่า เป็นตนบุญ ในอดีต ครูบาบุญชุ่ม ได้ออกธุดงค์ เพื่อศึกษาปฏิบัติในด้านวิปัสสนากรรมฐาน กับครูบาอาจารย์หลายท่าน และหนึ่งในนั้น คือ หลวงปู่โง่น โสรโย แห่ง วัดพระพุทธบาทเขารวก ซึ่งเป็นพระอาจารย์องค์สุดท้าย ของครูบาบุญชุ่ม >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญรุ่นแรกพระนางสุพรรณกัลยาณีเทวี เนื้อกะไหล่ทอง หลวงปู่โง่น โสรยา ผู้จัดสร้าง วัดพระพุทธบาทเขารวก // พระดีพิธีใหญ่ พระพี่นางเธอแห่งองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช //พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ....##รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ สามารถขอพรได้ทุกอย่าง ขอเรื่องอะไรก็ได้ เป็นเมตตตามหนิยม มหาเสน่ห์ เสริมสร้างความเป็นสิริมงคลในชีวิต เมตตามหานิยม โชคลาภ และเสี่ยงโชค เจริญรุ่งเรือง ไม่ฝืดเคืองขัดสน ค้าขาย ร่ำรวย เรียกทรัพย์หนุนดวง อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงาน >> ** "หลวงปู่โง่น" ครูบาอาจารย์ของ ครูบาบุญชุ่ม พระเถระผู้มีญาณหยั่งรู้ นับเป็นพระเถราจารย์ที่ได้รับการขนานนามว่า เป็นตนบุญ ในอดีต ครูบาบุญชุ่ม ได้ออกธุดงค์ เพื่อศึกษาปฏิบัติในด้านวิปัสสนากรรมฐาน กับครูบาอาจารย์หลายท่าน และหนึ่งในนั้น คือ หลวงปู่โง่น โสรโย แห่ง วัดพระพุทธบาทเขารวก ซึ่งเป็นพระอาจารย์องค์สุดท้าย ของครูบาบุญชุ่ม >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • บรรยากาศการทำบุญภายในวัดโสธรวราราม ช่วงหยุดยาวเข้าพรรษา เงียบเหงาหนักแตกต่างจากช่วงทุกๆ เทศกาลสำคัญที่ผ่านมา หลังพระผู้ช่วยเจ้าอาวาส กลายเป็นข่าวฉาว 1 ในพระผู้ใหญ่มีสัมพันธ์สวาท สีกากอล์ฟ

    วันนี้ ( 12 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณ วัดโสธรวรารามวรวิหาร อ.เมืองฉะเชิงเทรา หลังเกิดข่าวฉาว พระครูสิริวิริยธาดา อายุ 39 ปี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัด ฯ ต้องปาราชิกหลังปรากฏในคลิปมีสัมพันธ์สวาทกับ สีกากอล์ฟ มือพิฆาตพระชั้นผู้ใหญ่ จนต้องหนีไปลาสิกขายังวัดป่าเจริญธรรม จ.ชัยภูมิ ว่าเงียบเหงาลงอย่างเห็นได้ชัดแม้จะเป็นช่วงหยุดยาว 4 วันก็ตาม

    โดยในวันนี้ มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางมาทำบุญค่อนข้าบางตา โดยเฉพาะจุดทำบุญพระประจำวันเกิด และจุดเติมน้ำมันตะเกียง แทบจะไม่มีใครเดินเข้าไปร่วมทำบุญ

    ส่วนภายในพระมหาวิหารหลวงพ่อโสธรองค์จำลอง แม้จะยังคงมีผู้คนเข้ามาทำบุญอยู่บ้าง แต่ก็ไม่หนาแน่นเหมือนช่วงวันหยุดยาวหรือเทศกาลสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่ผ่านมา ส่งผลให้การจราจรบริเวณหน้าวัดฯ ค่อนข้างโล่งและแทบจะเงียบเหงาไปทั้งเมือง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000065660

    #Thaitimes #MGROnline #วัดโสธรวราราม
    บรรยากาศการทำบุญภายในวัดโสธรวราราม ช่วงหยุดยาวเข้าพรรษา เงียบเหงาหนักแตกต่างจากช่วงทุกๆ เทศกาลสำคัญที่ผ่านมา หลังพระผู้ช่วยเจ้าอาวาส กลายเป็นข่าวฉาว 1 ในพระผู้ใหญ่มีสัมพันธ์สวาท สีกากอล์ฟ • วันนี้ ( 12 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณ วัดโสธรวรารามวรวิหาร อ.เมืองฉะเชิงเทรา หลังเกิดข่าวฉาว พระครูสิริวิริยธาดา อายุ 39 ปี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัด ฯ ต้องปาราชิกหลังปรากฏในคลิปมีสัมพันธ์สวาทกับ สีกากอล์ฟ มือพิฆาตพระชั้นผู้ใหญ่ จนต้องหนีไปลาสิกขายังวัดป่าเจริญธรรม จ.ชัยภูมิ ว่าเงียบเหงาลงอย่างเห็นได้ชัดแม้จะเป็นช่วงหยุดยาว 4 วันก็ตาม • โดยในวันนี้ มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางมาทำบุญค่อนข้าบางตา โดยเฉพาะจุดทำบุญพระประจำวันเกิด และจุดเติมน้ำมันตะเกียง แทบจะไม่มีใครเดินเข้าไปร่วมทำบุญ • ส่วนภายในพระมหาวิหารหลวงพ่อโสธรองค์จำลอง แม้จะยังคงมีผู้คนเข้ามาทำบุญอยู่บ้าง แต่ก็ไม่หนาแน่นเหมือนช่วงวันหยุดยาวหรือเทศกาลสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่ผ่านมา ส่งผลให้การจราจรบริเวณหน้าวัดฯ ค่อนข้างโล่งและแทบจะเงียบเหงาไปทั้งเมือง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000065660 • #Thaitimes #MGROnline #วัดโสธรวราราม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ ร่ำไห้ ถูกซักปม "สีกากอล์ฟ" - รอง ผบช.ก.เผยพระบางรูปหัวหมอตั้งทนายสู้อ้างคลิปตัดต่อ ลั่นหากรูปไหนดื้อจะไล่เก็บให้จบ

    วันนี้ (12 ก.ค.)ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.กล่าวภายหลังเข้าร่วมสอบปากคำ "ทิดแหล่" หรืออดีตพระครูสิริวิริยธาดา อดีต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร ปมมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสีการกอล์ฟว่าการสอบปากคำในวันนี้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างมาก ทำให้ตำรวจเข้าใจในพฤติกรรมที่ทำให้พระตกเป็นเหยื่อของสีกากอล์ฟ และเรื่องเงินก็ให้การสอดคล้องกับพยานหลักฐานที่ตำรวจได้มา แต่เดี๋ยวให้ท่านได้กลับไปตั้งสติก่อน แล้วจะนัดหมายมาให้ปากคำอีกที ส่วนพฤติการณ์ที่ท่านตกเป็นเหยื่อ ก็แล้วแต่ความประสงค์ของท่านว่าจะให้การกับตำรวจในรายละเอียดอีกครั้งหรือไม่ทางเราไม่ได้บังคับ

    รอง ผบช.ก.กล่าวต่อว่า ส่วนวันนี้ได้ไปหารือกับสมเด็จพระราชาคณะฝ่ายมหานิกาย ที่วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหารนั้น ก็เพื่อให้พระชั้นผู้ใหญ่ได้มีส่วนร่วมจัดการกับปัญหานี้ให้จบโดยเร็ว เพราะก่อนหน้านี้ตำรวจได้ให้โอกาสพระที่เกี่ยวข้องไปสึกแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายรูปที่ยังไม่สึก บางรูปปล่อยข่าวว่าสึกแต่ก็ยังไม่ได้สึก ตำรวจจึงได้ประสานทั้ง 2 นิกาย คือ มหานิกาย และธรรมยุต เพื่อส่งพยานหลักฐานให้ไปดำเนินการทางวินัยกับพระเหล่านี้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000065644

    #Thaitimes #MGROnline #สีกากอล์ฟ
    อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ ร่ำไห้ ถูกซักปม "สีกากอล์ฟ" - รอง ผบช.ก.เผยพระบางรูปหัวหมอตั้งทนายสู้อ้างคลิปตัดต่อ ลั่นหากรูปไหนดื้อจะไล่เก็บให้จบ • วันนี้ (12 ก.ค.)ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.กล่าวภายหลังเข้าร่วมสอบปากคำ "ทิดแหล่" หรืออดีตพระครูสิริวิริยธาดา อดีต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร ปมมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสีการกอล์ฟว่าการสอบปากคำในวันนี้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างมาก ทำให้ตำรวจเข้าใจในพฤติกรรมที่ทำให้พระตกเป็นเหยื่อของสีกากอล์ฟ และเรื่องเงินก็ให้การสอดคล้องกับพยานหลักฐานที่ตำรวจได้มา แต่เดี๋ยวให้ท่านได้กลับไปตั้งสติก่อน แล้วจะนัดหมายมาให้ปากคำอีกที ส่วนพฤติการณ์ที่ท่านตกเป็นเหยื่อ ก็แล้วแต่ความประสงค์ของท่านว่าจะให้การกับตำรวจในรายละเอียดอีกครั้งหรือไม่ทางเราไม่ได้บังคับ • รอง ผบช.ก.กล่าวต่อว่า ส่วนวันนี้ได้ไปหารือกับสมเด็จพระราชาคณะฝ่ายมหานิกาย ที่วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหารนั้น ก็เพื่อให้พระชั้นผู้ใหญ่ได้มีส่วนร่วมจัดการกับปัญหานี้ให้จบโดยเร็ว เพราะก่อนหน้านี้ตำรวจได้ให้โอกาสพระที่เกี่ยวข้องไปสึกแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายรูปที่ยังไม่สึก บางรูปปล่อยข่าวว่าสึกแต่ก็ยังไม่ได้สึก ตำรวจจึงได้ประสานทั้ง 2 นิกาย คือ มหานิกาย และธรรมยุต เพื่อส่งพยานหลักฐานให้ไปดำเนินการทางวินัยกับพระเหล่านี้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000065644 • #Thaitimes #MGROnline #สีกากอล์ฟ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญพระครูโกศลพัฒนากรหลังหลวงพ่อโสธรนิมิตต์ รุ่นพระคุณพ่อ วัดโสธรนิมิตต์ ปี2559
    เหรียญพระครูโกศลพัฒนากรหลังหลวงพ่อโสธรนิมิตต์ รุ่นพระคุณพ่อ วัดโสธรนิมิตต์ สมุทรปราการ ปี2559 //พระดีพิธีขลัง มีพระเกจิชื่อดังร่วมปลุกเสกมากมาย // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ พระหายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณช่วยเสริมโชคลาภ การเงิน เมตตามหาเสน่ห์ โชคลาภ แคล้วคลาดปลอดภัย ขจัดอุปสรรคภยันตรายต่างๆ โดยเฉพาะผู้ทำธุรกิจหรือทำอาชีพค้าขายก็จะร่ำรวย ตลอดจนช่วยเสริมเรื่องเดินทางแคล้วคลาด ปลอดภัย >>

    ** วัดโสธรนิมิตต์ได้รับอนุญาตให้สร้างวัดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2519 เดิมชาวบ้านในละแวกนั้นเรียกวัดโสธรนิมิตต์ว่า สำนักสงฆ์สะแกล้ม บางครั้งเรียกว่า วัดสะแกล้ม เนื่องจากพื้นที่บริเวณวัดนอกจากจะเป็นที่ลุ่มแล้วยังเป็นป่าสะแกจำนวนมาก บางครั้งชาวบ้านละแวกใกล้เคียงก็เรียก วัดสะพานคู่ สำหรับชื่อปัจจุบันของวัด สมเด็จพระสังฆราชได้ประทานนามว่า "วัดโสธรนิมิตต์" เนื่องจากนางแม้นเห็นนิมิตเป็นพระพุทธโสธร จึงเกิดศรัทธาสร้างวัดขึ้น >>

    ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ พระหายากกครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญพระครูโกศลพัฒนากรหลังหลวงพ่อโสธรนิมิตต์ รุ่นพระคุณพ่อ วัดโสธรนิมิตต์ ปี2559 เหรียญพระครูโกศลพัฒนากรหลังหลวงพ่อโสธรนิมิตต์ รุ่นพระคุณพ่อ วัดโสธรนิมิตต์ สมุทรปราการ ปี2559 //พระดีพิธีขลัง มีพระเกจิชื่อดังร่วมปลุกเสกมากมาย // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ พระหายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณช่วยเสริมโชคลาภ การเงิน เมตตามหาเสน่ห์ โชคลาภ แคล้วคลาดปลอดภัย ขจัดอุปสรรคภยันตรายต่างๆ โดยเฉพาะผู้ทำธุรกิจหรือทำอาชีพค้าขายก็จะร่ำรวย ตลอดจนช่วยเสริมเรื่องเดินทางแคล้วคลาด ปลอดภัย >> ** วัดโสธรนิมิตต์ได้รับอนุญาตให้สร้างวัดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2519 เดิมชาวบ้านในละแวกนั้นเรียกวัดโสธรนิมิตต์ว่า สำนักสงฆ์สะแกล้ม บางครั้งเรียกว่า วัดสะแกล้ม เนื่องจากพื้นที่บริเวณวัดนอกจากจะเป็นที่ลุ่มแล้วยังเป็นป่าสะแกจำนวนมาก บางครั้งชาวบ้านละแวกใกล้เคียงก็เรียก วัดสะพานคู่ สำหรับชื่อปัจจุบันของวัด สมเด็จพระสังฆราชได้ประทานนามว่า "วัดโสธรนิมิตต์" เนื่องจากนางแม้นเห็นนิมิตเป็นพระพุทธโสธร จึงเกิดศรัทธาสร้างวัดขึ้น >> ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ พระหายากกครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาค1 ส 12-7-68 ..
    E:\- m1 ภาค ส่ง
    1.ยุคนี้ เป็นยุคสส.(อดัม สมิธ)ที่ภาครัฐต้องเอื้ออำนวยบทบาทเอกชนเหล่าสส.เล่นได้เต็มที่ก็จะเกิดความมั่งคั่งตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิตซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดแข่งขันเสรีโดยรวมแห่งระบบเลือกตั้งสังคมทุนนิยม
    2.เมื่อโลกใบนี้(รวมทั้งไทย)ที่สส.ฐานะเป็นเอกชนซึ่งมีความโลภมีบทบาทแข่งกันเข้ากอบโกยสร้างรวยแก่ตนได้ อันเป็นความชอบธรรมทางทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิธ สส.จึงลงทุนซื้อเสียงเลือกตั้งชิงอำนาจครองเมืองเพื่อความได้เปรียบคู่แข่งต่อการกอบโกยอันเป็นลักษณะทั่วไปของระบบ “แข่งขันเข้าคูหาเลือกตั้ง” เพื่อชิงอำนาจครองเมืองแห่งทุนเสรีในยุคปัจจุบัน -นับแต่นี้ไป ต้องไม่เอื้อเหล่าสส.อดัม สมิธ ครองเมืองอีก
    3.ประเทศไทยต้องสร้าง “การเมืองใหม่” ขึ้นมาให้ได้!
    4.ธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ทั้งลม-ฟ้า-อากาศ และผืนดิน ธรรมชาติจึงสร้างมนุษย์ให้พึ่งพากันโดยมีแวว “ทักษะและความชอบ” แตกต่างกันไปเชิงสังคม
    5.โครงสร้างสังคมหลักเศรษฐศาสตร์ใหม่ของเรา อิงวิถีธรรมชาติที่ให้เรามา
    6.อนึ่ง ประเทศจีนปฏิวัติสังคมประเทศไปก่อนแล้ว โดยนำระบบการตลาดควบระบบสังคมนิยม
    - ด้านผลสำเร็จ คือทิศทางเราควรศึกษาจากเขา
    • จีนทุ่มงานวิจัยr&dเยอะจึงพัฒนาไปเร็ว
    • ขจัดความยากจนของประเทศ
    • ปราบคอร์รัปชั่นเฉียบขาด
    - ส่วนด้านจุดอ่อนนั้น เราก็อย่าให้เกิดซ้ำรอยที่เราอีก ในกรณี “อาชีพเก็งกำไร” เช่น ธุรกิจอสังหาฯ ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจสอนพิเศษ ตลาดหลักทรัพย์ จะต้องไม่ให้เกิดที่ไทย
    กรณีบทเรียนจีนอุดหนุนเอกชนผลิตรถอีวี แข่งขันกันพากันเจ๊ง กรณีจีนอุดหนุนส่งเสริมผลิตสินค้าผลิตให้มากเพื่อได้ต้นทุนต่ำ ผลิตล้นขายทั้งในและนอกประเทศเดือดร้อนไปทั่ว
    การศึกษาแข่งขันกันสูง ค่าเล่าเรียนจึงสูงมาก จบออกมาก็ยังหางานทำไม่ได้
    ค่าบ้าน ค่าเรียน จึงเป็นภาระหนักของประชาชน จึงเป็นเหตุให้ไม่อยากแต่งงาน แต่งงานก็ไม่อยากมีลูก เป็นเหตุให้จีนคนสูงวัยเยอะ แต่ขาดวัยแรงงานพัฒนาประเทศ
    7.ประเทศไทย ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน คือด้านพลังงาน ต้องเป็นรัฐวิสาหกิจทั้งหมด (การกลั่นน้ำมัน ขายปลีกปั๋มน้ำมัน ไปจนถึงพลังงานทดแทน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและประชาชน ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม
    8. ยกเลิกธุรกิจเก็งกำไรทั้งปวง การธนาคารต้องเป็นรัฐ วิสาหกิจ(ยกเลิกการธนาคารเอกชน) รวมถึง อสังหาริมทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์
    9] ปลดโซ่ตรวนทุนเสรีทั้งปวง สร้างกำลังซื้อประชาชน การเงินจะได้สะพัดในระบบเศรษฐกิจสังคม
    # ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ลดภาระปัจจัย4
    -บ้าน/อาคาร ที่พักอาศัย ที่ทำกิน-ที่ค้าขายต้องอยู่ฟรี
    -เครื่องมือ-อุปกรณ์การทำอาชีพต้องสนองให้และฟรี และมีการพัฒนาและเสริมให้ใหม่อยู่เสมอ
    # ยกเลิกระบบลูกจ้าง
    -ทุกอาชีพที่ต้องใช้คนช่วย ตั้งบริษัท เป็นนิติบุคคล
    ตั้งเป็นบริษัทพัฒนา (ตามสมัครใจ)
    -“บริษัฒนา” ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน
    9.1]ด้วยธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ธรรมชาติจึงให้ “แวว” มนุษย์แตกต่างกันเกื้อกูลกันเชิงสังคม ภาครัฐต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูเด็กๆ ตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัย “เตรียมอนุบาล” เพื่อพัฒนาการ “แวว” ของเด็กแต่ละคนให้ตรงจุด
    9.1.1] “เตรียมอนุบาล”เป็นวัยเริ่มต้นของชีวิต เป็นวัยที่เริ่มแสดงออกถึงแววไปทางใด เช่น (ลักษณะผู้นำ) : คิดการไกล-มีวิสัยทัศน์ ช่างคิด คิดต่างเสมอ (ลักษณะผู้บริหาร) :อิงระบบ คุมกฎ ชอบจัด-วางระเบียบ. บุคลากรปฏิบัติตามกฎระเบียบและคำสั่ง บุคลากรที่ชอบออกแรงแบบใช้สมอง บุคลากรที่ชอบออกแรงแต่ไม่ชอบใช้สมอง ฯ
    ภาครัฐก็จะได้ส่งเสริมทิศทางแววได้ถูกจุด และเจ้าตัวก็จะได้รับรู้แววของตัวเองไปทางใด
    ดังคำพังเพยที่ว่า"ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก"
    ไม่จำเป็นต้องดัดอะไรอีกเลย เพียงทราบทิศทางแววไปทางไหนก็พัฒนาการไปทางนั้น นั่นคือจะเกิดความชื่นชอบส่วนลึกทางจิตใจโดยวิถีธรรมชาติของเขา นั่นความสุขใจในการปฏิบัติงานของเขา ก็จะได้ทรัพยากรบุคคที่มีคุณภาพให้แก่สังคม
    9.1.2] ภาคเอกชน ก็รู้จักใช้คน ด้วยการจองตัวนักศึกษากับมหาวิทยาลัย นักศึกษาที่ “แววดี” คะแนนดี มีผลงาน เอาไว้ใช้งาน
    9.1.3] ภาครัฐก็เช่นกัน ควรวางตัวบุคคลากรในหน่วยงานตามลัษณะพิเศษของแวว ในตำแหน่งสำคัญๆ คือ แวว-ผู้นำองค์กร แวว-ผู้บริหารองค์กร
    -เช่น ภาครั.ฐวิสาหกิจ และหน่วยงานราชการ
    -มิเช่นนั้น กิจการรั.ฐวิสาหกิจก็จะหยุดนิ่งอยู่กับที่
    -คำกล่าวขานกันว่า ถ้าเป็นกิจการของรัฐมักไม่โต
    -อีกประการหนึ่ง กิจการของภาครัฐ มักถูกนักการเมืองเข้าบอนไซ ทำให้ง่อยเปลี้ยแล้วเข้าฮุบกิจการ
    9.2]ยังมีแววลักษณะพิเศษอื่นๆ เช่น :-
    9.2.1]เรียนไม่เก่งก็สร้างความยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้
    • อย่าง “แจ็คหม่า” เรียนไม่เก่ง ซ้ำชั้นบ่อยแม้ภาษาอังกฤษก็เรียนไม่ผ่าน ไปสมัครงานที่ไหนๆก็ไม่มีใครรับกัน KFCเขาก็ไม่รับ
    • แจ็คหม่ามีแววช่างคิด(เจ้าปัญญา)เขาเชื่อใจตัวเองว่า:เขาสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองได้ เขาปั่นจักรยานร่วมชั่วโมงไปในเมืองเป็นไกด์ จากที่เริ่มต้นพูดงูๆปลาๆจนพูดได้ดี ก็ไปเรียนต่อภาษาอังกฤษจนจบได้เป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้สมใจ
    • แจ็กหม่าเริ่มรู้จักอินเตอร์เน็ทตอนทำธุรกิจการแปลภาษา กับตอนที่เป็นล่ามที่อเมริกา
    • แจ็คหม่าข้องใจว่า ในอีเตอร์เน็ทต่างประเทศลงสินค้าจีนแต่ไม่มีตัวแทนจีนเอาไปลงเลย สินค้าจีนบางตัวก็ไม่มีลง ก็ทำให้แจ็คหม่ามีแรงบันดาลใจ กลับจีนจะไปผลักดันเรื่องนี้ พอกลับก็ไปผลักดันจนในที่สุดก็สร้าง “เว็บไซต์ E-commerce อาลีบาบา”ขึ้นมา เป็นตลาดซื้อขายระดับต่างๆ ผลให้แจ็กหม่าในปี 2018 มีทรัพย์สินราว ๆ 1.2 ล้านล้านบาท กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 20 ของโลกในที่สุด – จากเด็กยากจนและเรียนไม่เก่ง แต่มีแววช่างคิดวิสัยทัศน์ไกลผลให้เติบโตสุดๆ!
    9.2.2]คำวลี "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" นั่นคือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
    จินตนาการหมายถึง การคิดสร้างภาพในจิตใจหรือพลังของจิตที่สร้างภาพขันใหม่ภายในใจ ให้น่าพอใจกว่า สวยกว่า เป็นระเบียบกว่าหรือร้ายกาจกว่าสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติทั่วไป จินตนาการทำให้เกิดภาพขึ้นในสำนึกเรียกว่า “จินตภาพ” จินตภาพเหล่านี้เชื่อมโยงกับประสบการณ์ที่ได้นับสะสมอยู่ภายใน

    ปล.ภาค1 ยังไม่จบ ต่อภาค2 ก่อน เกี่ยวกับตั้งพรรคการเมือง

    ภาค1 ส 12-7-68 .. E:\- m1 ภาค ส่ง 1.ยุคนี้ เป็นยุคสส.(อดัม สมิธ)ที่ภาครัฐต้องเอื้ออำนวยบทบาทเอกชนเหล่าสส.เล่นได้เต็มที่ก็จะเกิดความมั่งคั่งตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิตซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดแข่งขันเสรีโดยรวมแห่งระบบเลือกตั้งสังคมทุนนิยม 2.เมื่อโลกใบนี้(รวมทั้งไทย)ที่สส.ฐานะเป็นเอกชนซึ่งมีความโลภมีบทบาทแข่งกันเข้ากอบโกยสร้างรวยแก่ตนได้ อันเป็นความชอบธรรมทางทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิธ สส.จึงลงทุนซื้อเสียงเลือกตั้งชิงอำนาจครองเมืองเพื่อความได้เปรียบคู่แข่งต่อการกอบโกยอันเป็นลักษณะทั่วไปของระบบ “แข่งขันเข้าคูหาเลือกตั้ง” เพื่อชิงอำนาจครองเมืองแห่งทุนเสรีในยุคปัจจุบัน -นับแต่นี้ไป ต้องไม่เอื้อเหล่าสส.อดัม สมิธ ครองเมืองอีก 3.ประเทศไทยต้องสร้าง “การเมืองใหม่” ขึ้นมาให้ได้! 4.ธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ทั้งลม-ฟ้า-อากาศ และผืนดิน ธรรมชาติจึงสร้างมนุษย์ให้พึ่งพากันโดยมีแวว “ทักษะและความชอบ” แตกต่างกันไปเชิงสังคม 5.โครงสร้างสังคมหลักเศรษฐศาสตร์ใหม่ของเรา อิงวิถีธรรมชาติที่ให้เรามา 6.อนึ่ง ประเทศจีนปฏิวัติสังคมประเทศไปก่อนแล้ว โดยนำระบบการตลาดควบระบบสังคมนิยม - ด้านผลสำเร็จ คือทิศทางเราควรศึกษาจากเขา • จีนทุ่มงานวิจัยr&dเยอะจึงพัฒนาไปเร็ว • ขจัดความยากจนของประเทศ • ปราบคอร์รัปชั่นเฉียบขาด - ส่วนด้านจุดอ่อนนั้น เราก็อย่าให้เกิดซ้ำรอยที่เราอีก ในกรณี “อาชีพเก็งกำไร” เช่น ธุรกิจอสังหาฯ ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจสอนพิเศษ ตลาดหลักทรัพย์ จะต้องไม่ให้เกิดที่ไทย กรณีบทเรียนจีนอุดหนุนเอกชนผลิตรถอีวี แข่งขันกันพากันเจ๊ง กรณีจีนอุดหนุนส่งเสริมผลิตสินค้าผลิตให้มากเพื่อได้ต้นทุนต่ำ ผลิตล้นขายทั้งในและนอกประเทศเดือดร้อนไปทั่ว การศึกษาแข่งขันกันสูง ค่าเล่าเรียนจึงสูงมาก จบออกมาก็ยังหางานทำไม่ได้ ค่าบ้าน ค่าเรียน จึงเป็นภาระหนักของประชาชน จึงเป็นเหตุให้ไม่อยากแต่งงาน แต่งงานก็ไม่อยากมีลูก เป็นเหตุให้จีนคนสูงวัยเยอะ แต่ขาดวัยแรงงานพัฒนาประเทศ 7.ประเทศไทย ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน คือด้านพลังงาน ต้องเป็นรัฐวิสาหกิจทั้งหมด (การกลั่นน้ำมัน ขายปลีกปั๋มน้ำมัน ไปจนถึงพลังงานทดแทน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและประชาชน ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม 8. ยกเลิกธุรกิจเก็งกำไรทั้งปวง การธนาคารต้องเป็นรัฐ วิสาหกิจ(ยกเลิกการธนาคารเอกชน) รวมถึง อสังหาริมทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ 9] ปลดโซ่ตรวนทุนเสรีทั้งปวง สร้างกำลังซื้อประชาชน การเงินจะได้สะพัดในระบบเศรษฐกิจสังคม # ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ลดภาระปัจจัย4 -บ้าน/อาคาร ที่พักอาศัย ที่ทำกิน-ที่ค้าขายต้องอยู่ฟรี -เครื่องมือ-อุปกรณ์การทำอาชีพต้องสนองให้และฟรี และมีการพัฒนาและเสริมให้ใหม่อยู่เสมอ # ยกเลิกระบบลูกจ้าง -ทุกอาชีพที่ต้องใช้คนช่วย ตั้งบริษัท เป็นนิติบุคคล ตั้งเป็นบริษัทพัฒนา (ตามสมัครใจ) -“บริษัฒนา” ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน 9.1]ด้วยธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ธรรมชาติจึงให้ “แวว” มนุษย์แตกต่างกันเกื้อกูลกันเชิงสังคม ภาครัฐต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูเด็กๆ ตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัย “เตรียมอนุบาล” เพื่อพัฒนาการ “แวว” ของเด็กแต่ละคนให้ตรงจุด 9.1.1] “เตรียมอนุบาล”เป็นวัยเริ่มต้นของชีวิต เป็นวัยที่เริ่มแสดงออกถึงแววไปทางใด เช่น (ลักษณะผู้นำ) : คิดการไกล-มีวิสัยทัศน์ ช่างคิด คิดต่างเสมอ (ลักษณะผู้บริหาร) :อิงระบบ คุมกฎ ชอบจัด-วางระเบียบ. บุคลากรปฏิบัติตามกฎระเบียบและคำสั่ง บุคลากรที่ชอบออกแรงแบบใช้สมอง บุคลากรที่ชอบออกแรงแต่ไม่ชอบใช้สมอง ฯ ภาครัฐก็จะได้ส่งเสริมทิศทางแววได้ถูกจุด และเจ้าตัวก็จะได้รับรู้แววของตัวเองไปทางใด ดังคำพังเพยที่ว่า"ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก" ไม่จำเป็นต้องดัดอะไรอีกเลย เพียงทราบทิศทางแววไปทางไหนก็พัฒนาการไปทางนั้น นั่นคือจะเกิดความชื่นชอบส่วนลึกทางจิตใจโดยวิถีธรรมชาติของเขา นั่นความสุขใจในการปฏิบัติงานของเขา ก็จะได้ทรัพยากรบุคคที่มีคุณภาพให้แก่สังคม 9.1.2] ภาคเอกชน ก็รู้จักใช้คน ด้วยการจองตัวนักศึกษากับมหาวิทยาลัย นักศึกษาที่ “แววดี” คะแนนดี มีผลงาน เอาไว้ใช้งาน 9.1.3] ภาครัฐก็เช่นกัน ควรวางตัวบุคคลากรในหน่วยงานตามลัษณะพิเศษของแวว ในตำแหน่งสำคัญๆ คือ แวว-ผู้นำองค์กร แวว-ผู้บริหารองค์กร -เช่น ภาครั.ฐวิสาหกิจ และหน่วยงานราชการ -มิเช่นนั้น กิจการรั.ฐวิสาหกิจก็จะหยุดนิ่งอยู่กับที่ -คำกล่าวขานกันว่า ถ้าเป็นกิจการของรัฐมักไม่โต -อีกประการหนึ่ง กิจการของภาครัฐ มักถูกนักการเมืองเข้าบอนไซ ทำให้ง่อยเปลี้ยแล้วเข้าฮุบกิจการ 9.2]ยังมีแววลักษณะพิเศษอื่นๆ เช่น :- 9.2.1]เรียนไม่เก่งก็สร้างความยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ • อย่าง “แจ็คหม่า” เรียนไม่เก่ง ซ้ำชั้นบ่อยแม้ภาษาอังกฤษก็เรียนไม่ผ่าน ไปสมัครงานที่ไหนๆก็ไม่มีใครรับกัน KFCเขาก็ไม่รับ • แจ็คหม่ามีแววช่างคิด(เจ้าปัญญา)เขาเชื่อใจตัวเองว่า:เขาสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองได้ เขาปั่นจักรยานร่วมชั่วโมงไปในเมืองเป็นไกด์ จากที่เริ่มต้นพูดงูๆปลาๆจนพูดได้ดี ก็ไปเรียนต่อภาษาอังกฤษจนจบได้เป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้สมใจ • แจ็กหม่าเริ่มรู้จักอินเตอร์เน็ทตอนทำธุรกิจการแปลภาษา กับตอนที่เป็นล่ามที่อเมริกา • แจ็คหม่าข้องใจว่า ในอีเตอร์เน็ทต่างประเทศลงสินค้าจีนแต่ไม่มีตัวแทนจีนเอาไปลงเลย สินค้าจีนบางตัวก็ไม่มีลง ก็ทำให้แจ็คหม่ามีแรงบันดาลใจ กลับจีนจะไปผลักดันเรื่องนี้ พอกลับก็ไปผลักดันจนในที่สุดก็สร้าง “เว็บไซต์ E-commerce อาลีบาบา”ขึ้นมา เป็นตลาดซื้อขายระดับต่างๆ ผลให้แจ็กหม่าในปี 2018 มีทรัพย์สินราว ๆ 1.2 ล้านล้านบาท กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 20 ของโลกในที่สุด – จากเด็กยากจนและเรียนไม่เก่ง แต่มีแววช่างคิดวิสัยทัศน์ไกลผลให้เติบโตสุดๆ! 9.2.2]คำวลี "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" นั่นคือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ จินตนาการหมายถึง การคิดสร้างภาพในจิตใจหรือพลังของจิตที่สร้างภาพขันใหม่ภายในใจ ให้น่าพอใจกว่า สวยกว่า เป็นระเบียบกว่าหรือร้ายกาจกว่าสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติทั่วไป จินตนาการทำให้เกิดภาพขึ้นในสำนึกเรียกว่า “จินตภาพ” จินตภาพเหล่านี้เชื่อมโยงกับประสบการณ์ที่ได้นับสะสมอยู่ภายใน ปล.ภาค1 ยังไม่จบ ต่อภาค2 ก่อน เกี่ยวกับตั้งพรรคการเมือง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธร แอบย่องเงียบเข้าให้ข้อมูลตำรวจ ปปป. ชี้แจงปมสัมพันธ์ฉาว "สีกากอล์ฟ" ด้านเจ้าตัวปัดตอบคำถามสื่อ

    วันนี้ (12 ก.ค.) ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เมื่อเวลา 12.10 น. อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสีกากอล์ฟ

    สำหรับการเดินทางเข้าพบตำรวจในวันนี้ อดีตพระครูสิริวิริยธาดา เป็นการปรากฎตัวครั้งแรกหลังตกเป็นข่าวอื้อฉาว โดยเจ้าตัวมาชุดเสื้อโปโลสีเทา กางเกงวอร์มขายาว เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่เจ้าตัวปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด ก่อนเดินขึ้นอาคารเข้าไปพบเจ้าหน้าที่ทันที

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000065587

    #Thaitimes #MGROnline #อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธร #อดีตพระครูสิริวิริยธาดา #ผู้ช่วยเจ้าอาวาส #วัดโสธรวรารามวรวิหาร
    อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธร แอบย่องเงียบเข้าให้ข้อมูลตำรวจ ปปป. ชี้แจงปมสัมพันธ์ฉาว "สีกากอล์ฟ" ด้านเจ้าตัวปัดตอบคำถามสื่อ • วันนี้ (12 ก.ค.) ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เมื่อเวลา 12.10 น. อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสีกากอล์ฟ • สำหรับการเดินทางเข้าพบตำรวจในวันนี้ อดีตพระครูสิริวิริยธาดา เป็นการปรากฎตัวครั้งแรกหลังตกเป็นข่าวอื้อฉาว โดยเจ้าตัวมาชุดเสื้อโปโลสีเทา กางเกงวอร์มขายาว เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่เจ้าตัวปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด ก่อนเดินขึ้นอาคารเข้าไปพบเจ้าหน้าที่ทันที • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000065587 • #Thaitimes #MGROnline #อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธร #อดีตพระครูสิริวิริยธาดา #ผู้ช่วยเจ้าอาวาส #วัดโสธรวรารามวรวิหาร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญหลวงพ่อแดงหลังหลวงพ่อเจริญ วัดพลับพลาชัย ปี2514
    เหรียญหลวงพ่อแดงหลังหลวงพ่อเจริญ เนื้อทองแดงรมดำ วัดพลับพลาชัย ปี2514 //พระดีพิธีใหญ่หลวงพ่อแดง อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว 1 ไตรมาส และมีพระเกจิอาจารย์ร่วมพิธีอีกหลายรูป มีหลวงพ่อเจริญ, (หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ร่วมปลุกเสกด้วย) // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระหายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณครบเครื่อง " แคล้วคาด คงกระพันชาตรี " เมตตามหานิยม ป้องกันอัคคีภัย เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ ดีนัก. เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย>>

    ** เหรียญสองอาจารย์อีกรุ่นหนึ่งที่น่าบูชา "การปลุกเสก หลวงพ่อแดงเดินทางไปร่วมพิธีนอกวัดเขาบันไดอิฐ สร้างโดย พระครูอาทรวชิรธรรม (เชื่อม) วัดพลับพลาชัย อ.เมือง จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นพระหลานชายของ หลวงพ่อแดง ได้ขออนุญาตจัดสร้างเหรียญนี้ขึ้นมา หลวงพ่อแดง อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว 1 ไตรมาส แล้วนำมาเข้าพิธีใหญ่อีกครั้ง เป็นพิธีพุทธาภิเษกที่วัดพลับพลาชัย โดยมีหลวงพ่อแดง เป็นประธานในพิธี และมีพระเกจิอาจารย์ร่วมพิธีอีกหลายรูป มีหลวงพ่อเจริญ, (หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ร่วมปลุกเสกด้วย) นิยมเรียกกันว่า " เหรียญสองหน้า วัดพลับ หรือเหรียญสองพี่น้องวัดพลับ จ.เพชรบุรี"


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระหายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงพ่อแดงหลังหลวงพ่อเจริญ วัดพลับพลาชัย ปี2514 เหรียญหลวงพ่อแดงหลังหลวงพ่อเจริญ เนื้อทองแดงรมดำ วัดพลับพลาชัย ปี2514 //พระดีพิธีใหญ่หลวงพ่อแดง อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว 1 ไตรมาส และมีพระเกจิอาจารย์ร่วมพิธีอีกหลายรูป มีหลวงพ่อเจริญ, (หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ร่วมปลุกเสกด้วย) // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระหายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณครบเครื่อง " แคล้วคาด คงกระพันชาตรี " เมตตามหานิยม ป้องกันอัคคีภัย เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ ดีนัก. เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย>> ** เหรียญสองอาจารย์อีกรุ่นหนึ่งที่น่าบูชา "การปลุกเสก หลวงพ่อแดงเดินทางไปร่วมพิธีนอกวัดเขาบันไดอิฐ สร้างโดย พระครูอาทรวชิรธรรม (เชื่อม) วัดพลับพลาชัย อ.เมือง จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นพระหลานชายของ หลวงพ่อแดง ได้ขออนุญาตจัดสร้างเหรียญนี้ขึ้นมา หลวงพ่อแดง อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว 1 ไตรมาส แล้วนำมาเข้าพิธีใหญ่อีกครั้ง เป็นพิธีพุทธาภิเษกที่วัดพลับพลาชัย โดยมีหลวงพ่อแดง เป็นประธานในพิธี และมีพระเกจิอาจารย์ร่วมพิธีอีกหลายรูป มีหลวงพ่อเจริญ, (หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ร่วมปลุกเสกด้วย) นิยมเรียกกันว่า " เหรียญสองหน้า วัดพลับ หรือเหรียญสองพี่น้องวัดพลับ จ.เพชรบุรี" ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระหายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • Reachy Mini – หุ่นยนต์ตั้งโต๊ะราคาประหยัดที่ใครก็เข้าถึงได้

    Hugging Face ซึ่งเป็นบริษัทที่รู้จักกันดีในวงการ AI ซอฟต์แวร์ ได้ก้าวเข้าสู่โลกฮาร์ดแวร์อย่างเต็มตัวด้วยการเปิดตัว Reachy Mini หุ่นยนต์ตั้งโต๊ะขนาด 11 นิ้ว ที่ออกแบบมาเพื่อให้นักพัฒนา ครู และผู้สนใจทั่วไปสามารถทดลองใช้งาน AI และหุ่นยนต์ได้ในราคาย่อมเยา

    Reachy Mini มีให้เลือก 2 รุ่น:
    - รุ่น Lite: ต้องเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ภายนอก
    - รุ่น Wireless: มาพร้อม Raspberry Pi 5, แบตเตอรี่ และ Wi-Fi ใช้งานได้แบบอิสระ

    ตัวหุ่นยนต์มีความสามารถในการเคลื่อนไหวศีรษะ หมุนตัว และขยับเสาอากาศแบบแอนิเมชัน พร้อมกล้องมุมกว้าง ไมโครโฟน และลำโพงสำหรับการโต้ตอบด้วยเสียงและภาพ

    ผู้ใช้สามารถเข้าถึงพฤติกรรมที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้ากว่า 15 แบบ เช่น การติดตามใบหน้าและมือ หรือการเต้น และยังสามารถดาวน์โหลด แชร์ หรือสร้างแอปหุ่นยนต์ใหม่ผ่านแพลตฟอร์มของ Hugging Face ได้อีกด้วย

    ที่สำคัญคือ Hugging Face เปิดเผยทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และสภาพแวดล้อมจำลองแบบโอเพนซอร์สทั้งหมด เพื่อให้ชุมชนสามารถปรับแต่งและพัฒนาต่อได้อย่างอิสระ

    อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่โลกฮาร์ดแวร์ก็มีความท้าทาย เช่น การผลิต การควบคุมคุณภาพ และโลจิสติกส์ ซึ่ง Hugging Face แก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยการจัดส่งเป็นชุดกึ่งประกอบ เพื่อให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมและให้ฟีดแบ็กกลับมา

    ข้อมูลจากข่าว
    - Hugging Face เปิดตัว Reachy Mini หุ่นยนต์ตั้งโต๊ะขนาด 11 นิ้ว ราคาเริ่มต้น $299
    - มี 2 รุ่น: Lite (ต้องใช้คอมพิวเตอร์ภายนอก) และ Wireless (มี Raspberry Pi 5 และ Wi-Fi)
    - รองรับการเขียนโปรแกรมด้วย Python และจะเพิ่ม JavaScript กับ Scratch ในอนาคต
    - มีความสามารถในการเคลื่อนไหวและโต้ตอบด้วยเสียงและภาพ
    - มีพฤติกรรมติดตั้งไว้ล่วงหน้ากว่า 15 แบบ เช่น การติดตามใบหน้าและมือ
    - เปิดให้ดาวน์โหลด แชร์ และสร้างแอปหุ่นยนต์ผ่านแพลตฟอร์มของ Hugging Face
    - ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ทั้งหมดเป็นโอเพนซอร์ส
    - จัดส่งเป็นชุดกึ่งประกอบเพื่อให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการพัฒนา

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - การประกอบชุดกึ่งสำเร็จอาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่มีพื้นฐานด้านฮาร์ดแวร์
    - การใช้งาน AI แบบโลคอลอาจต้องการความเข้าใจด้านการตั้งค่าและความปลอดภัยของข้อมูล
    - แม้จะเปิดโอเพนซอร์ส แต่การพัฒนาแอปหุ่นยนต์ยังต้องใช้ทักษะด้านโปรแกรมมิ่ง
    - ความท้าทายด้านการผลิตและโลจิสติกส์อาจส่งผลต่อคุณภาพและการจัดส่งในช่วงแรก
    - ผู้ใช้ควรตรวจสอบความเข้ากันได้ของอุปกรณ์เสริมก่อนซื้อรุ่น Lite

    https://www.techspot.com/news/108629-hugging-face-introduces-open-source-desktop-robot-299.html
    Reachy Mini – หุ่นยนต์ตั้งโต๊ะราคาประหยัดที่ใครก็เข้าถึงได้ Hugging Face ซึ่งเป็นบริษัทที่รู้จักกันดีในวงการ AI ซอฟต์แวร์ ได้ก้าวเข้าสู่โลกฮาร์ดแวร์อย่างเต็มตัวด้วยการเปิดตัว Reachy Mini หุ่นยนต์ตั้งโต๊ะขนาด 11 นิ้ว ที่ออกแบบมาเพื่อให้นักพัฒนา ครู และผู้สนใจทั่วไปสามารถทดลองใช้งาน AI และหุ่นยนต์ได้ในราคาย่อมเยา Reachy Mini มีให้เลือก 2 รุ่น: - รุ่น Lite: ต้องเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ภายนอก - รุ่น Wireless: มาพร้อม Raspberry Pi 5, แบตเตอรี่ และ Wi-Fi ใช้งานได้แบบอิสระ ตัวหุ่นยนต์มีความสามารถในการเคลื่อนไหวศีรษะ หมุนตัว และขยับเสาอากาศแบบแอนิเมชัน พร้อมกล้องมุมกว้าง ไมโครโฟน และลำโพงสำหรับการโต้ตอบด้วยเสียงและภาพ ผู้ใช้สามารถเข้าถึงพฤติกรรมที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้ากว่า 15 แบบ เช่น การติดตามใบหน้าและมือ หรือการเต้น และยังสามารถดาวน์โหลด แชร์ หรือสร้างแอปหุ่นยนต์ใหม่ผ่านแพลตฟอร์มของ Hugging Face ได้อีกด้วย ที่สำคัญคือ Hugging Face เปิดเผยทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และสภาพแวดล้อมจำลองแบบโอเพนซอร์สทั้งหมด เพื่อให้ชุมชนสามารถปรับแต่งและพัฒนาต่อได้อย่างอิสระ อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่โลกฮาร์ดแวร์ก็มีความท้าทาย เช่น การผลิต การควบคุมคุณภาพ และโลจิสติกส์ ซึ่ง Hugging Face แก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยการจัดส่งเป็นชุดกึ่งประกอบ เพื่อให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมและให้ฟีดแบ็กกลับมา ✅ ข้อมูลจากข่าว - Hugging Face เปิดตัว Reachy Mini หุ่นยนต์ตั้งโต๊ะขนาด 11 นิ้ว ราคาเริ่มต้น $299 - มี 2 รุ่น: Lite (ต้องใช้คอมพิวเตอร์ภายนอก) และ Wireless (มี Raspberry Pi 5 และ Wi-Fi) - รองรับการเขียนโปรแกรมด้วย Python และจะเพิ่ม JavaScript กับ Scratch ในอนาคต - มีความสามารถในการเคลื่อนไหวและโต้ตอบด้วยเสียงและภาพ - มีพฤติกรรมติดตั้งไว้ล่วงหน้ากว่า 15 แบบ เช่น การติดตามใบหน้าและมือ - เปิดให้ดาวน์โหลด แชร์ และสร้างแอปหุ่นยนต์ผ่านแพลตฟอร์มของ Hugging Face - ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ทั้งหมดเป็นโอเพนซอร์ส - จัดส่งเป็นชุดกึ่งประกอบเพื่อให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการพัฒนา ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - การประกอบชุดกึ่งสำเร็จอาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่มีพื้นฐานด้านฮาร์ดแวร์ - การใช้งาน AI แบบโลคอลอาจต้องการความเข้าใจด้านการตั้งค่าและความปลอดภัยของข้อมูล - แม้จะเปิดโอเพนซอร์ส แต่การพัฒนาแอปหุ่นยนต์ยังต้องใช้ทักษะด้านโปรแกรมมิ่ง - ความท้าทายด้านการผลิตและโลจิสติกส์อาจส่งผลต่อคุณภาพและการจัดส่งในช่วงแรก - ผู้ใช้ควรตรวจสอบความเข้ากันได้ของอุปกรณ์เสริมก่อนซื้อรุ่น Lite https://www.techspot.com/news/108629-hugging-face-introduces-open-source-desktop-robot-299.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Hugging Face introduces open-source desktop robot for $299
    Unlike traditional robotics systems that often come with hefty price tags and proprietary software, Reachy Mini is fully programmable in Python, with support for JavaScript and Scratch...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญบรมครูพระเทพโลกอุดร หลวงปู่เทพโลกอุดรหลังคาถาบูชา จ.ภูเก็ต ปี2546
    เหรียญบรมครูพระเทพโลกอุดร หลวงปู่เทพโลกอุดรหลังคาถาบูชาบรมครูพระเทพโลกอุดร จ.ภูเก็ต ปี2546 //พระดี พิธีใหญ่ มีพระเกจิชื่อดังร่วมปลุกเสกมากมาย // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระหายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณเด่นด้านเมตตามหานิยม มหาลาภ โภคทรัพย์ อาราธนาทำน้ำมนต์ประสิทธิ์ยิ่งนัก แคล้วคลาด ป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง เสนียดจัญไร เลื่อนยศเลื่อนตําแหน่ง มีความเจริญรุ่งเรือง มหาอุตย์ คงกระพัน และเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง >>

    ** เหรียญบรมครูพระเทพโลกอุดรหลังคาถาบูชา ที่ระลึกสร้างพระประธานประจำเมืองภูเก็ต พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี พ.ศ.๒๕๔๖ >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระหายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญบรมครูพระเทพโลกอุดร หลวงปู่เทพโลกอุดรหลังคาถาบูชา จ.ภูเก็ต ปี2546 เหรียญบรมครูพระเทพโลกอุดร หลวงปู่เทพโลกอุดรหลังคาถาบูชาบรมครูพระเทพโลกอุดร จ.ภูเก็ต ปี2546 //พระดี พิธีใหญ่ มีพระเกจิชื่อดังร่วมปลุกเสกมากมาย // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระหายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณเด่นด้านเมตตามหานิยม มหาลาภ โภคทรัพย์ อาราธนาทำน้ำมนต์ประสิทธิ์ยิ่งนัก แคล้วคลาด ป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง เสนียดจัญไร เลื่อนยศเลื่อนตําแหน่ง มีความเจริญรุ่งเรือง มหาอุตย์ คงกระพัน และเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง >> ** เหรียญบรมครูพระเทพโลกอุดรหลังคาถาบูชา ที่ระลึกสร้างพระประธานประจำเมืองภูเก็ต พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี พ.ศ.๒๕๔๖ >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระหายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • รูปหล่อพ่อท่านกลิ่น วัดพระพุทธบาท นครศรีธรรมราช
    รูปหล่อพ่อท่านกลิ่น (อุดกริ่ง) วัดพระพุทธบาท ต.เขาพระบาท อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช //พระดีพิธีใหญ่ รูปหล่อเป็นที่นิยมและหายาก //พระสถาพสวยมาก ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณเมตตามหานิยม จะได้รับความเมตตาจากผู้คนรอบข้าง แคล้วคลาดปลอดภัย ทำมาค้าขึ้น ช่วยให้การทำมาค้าขายเจริญรุ่งเรือง เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ โรคภัยไม่เบียดเบียน ความเจริญก้าวหน้า ช่วยให้ผู้บูชามีความเจริญก้าวหน้าในชีวิต >>

    ** พ่อท่านกลิ่น วัดพระพุทธบาท เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดนครศรีธรรมราช ท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีความเคร่งครัดในธรรมวินัย และมีศีลลาจาริยวัตรอันน่าเลื่อมใส พระผู้มีเมตตาธรรมสูง มีตบะบารมีอันสูงส่ง มีพรรษาอายุ ๑๐๘ ปี พ่อท่านกลิ่น บรรพชาครั้งแรกเมื่ออายุ ๑๘ ปี ที่วัดจันพอ ต.ดอนตะโก อ.ท่าศาลา เมื่อบิดาเสียชีวิต ได้ลาสิกขาและกลับมาบวชอีกครั้งที่วัดจันพอ ตำบลดอนตะโก อำเภอท่าศาลา จังหวัด นครศรีธรรมราชท่านอยู่ในร่มผ้ากาสาวพัตรยาวนานที่สุดของจังหวัดนครศรีธรรมราชในขณะนั้น และท่านเป็นศิษย์เพียงรูปเดียวของพระครูวิสุทธิจารี (พุ่มเฒ่า วัดจันพอ) เพื่อนสหธรรมมิกของพ่อท่านเอียดดำ วัดในเขียว >>


    ** พระสถาพสวยมาก ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    รูปหล่อพ่อท่านกลิ่น วัดพระพุทธบาท นครศรีธรรมราช รูปหล่อพ่อท่านกลิ่น (อุดกริ่ง) วัดพระพุทธบาท ต.เขาพระบาท อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช //พระดีพิธีใหญ่ รูปหล่อเป็นที่นิยมและหายาก //พระสถาพสวยมาก ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณเมตตามหานิยม จะได้รับความเมตตาจากผู้คนรอบข้าง แคล้วคลาดปลอดภัย ทำมาค้าขึ้น ช่วยให้การทำมาค้าขายเจริญรุ่งเรือง เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ โรคภัยไม่เบียดเบียน ความเจริญก้าวหน้า ช่วยให้ผู้บูชามีความเจริญก้าวหน้าในชีวิต >> ** พ่อท่านกลิ่น วัดพระพุทธบาท เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดนครศรีธรรมราช ท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีความเคร่งครัดในธรรมวินัย และมีศีลลาจาริยวัตรอันน่าเลื่อมใส พระผู้มีเมตตาธรรมสูง มีตบะบารมีอันสูงส่ง มีพรรษาอายุ ๑๐๘ ปี พ่อท่านกลิ่น บรรพชาครั้งแรกเมื่ออายุ ๑๘ ปี ที่วัดจันพอ ต.ดอนตะโก อ.ท่าศาลา เมื่อบิดาเสียชีวิต ได้ลาสิกขาและกลับมาบวชอีกครั้งที่วัดจันพอ ตำบลดอนตะโก อำเภอท่าศาลา จังหวัด นครศรีธรรมราชท่านอยู่ในร่มผ้ากาสาวพัตรยาวนานที่สุดของจังหวัดนครศรีธรรมราชในขณะนั้น และท่านเป็นศิษย์เพียงรูปเดียวของพระครูวิสุทธิจารี (พุ่มเฒ่า วัดจันพอ) เพื่อนสหธรรมมิกของพ่อท่านเอียดดำ วัดในเขียว >> ** พระสถาพสวยมาก ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาว่าทุกข์โทษที่เกิดจากกาม
    สัทธรรมลำดับที่ : 311
    ชื่อบทธรรม :- ทุกข์โทษที่เกิดจากกาม
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=311
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ทุกข์โทษที่เกิดจากกาม
    --ภิกษุ ท. ! โทษของกามทั้งหลาย เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! กุลบุตรในโลกนี้ สำเร็จการเลี้ยงชีวิตด้วยอาชีพศิลปะใด ๆ เช่น
    ศิลปะแห่งการใช้สัญญาด้วยมือ,
    ศิลปะแห่งการคำนวณ,
    ศิลปะแห่งการพยากรณ์,
    การทำกสิกรรม พาณิชยกรรม และโครักขกรรม,
    ศิลปะแห่งศัสตราวุธ,
    และการทำราชการ และศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่ง ;
    เพราะการประกอบอาชีพนั้น ๆ เขาต้องเผชิญหน้าต่อความหนาว ความร้อน
    เผชิญหน้าด้วย เหลือบ ยุง ลม แดด และสัมผัสด้วยสัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย
    ซูบผอมอยู่ หิวระหายอยู่ เพราะการไม่ได้บริโภคตามเวลา.
    --ภิกษุ ท. ! นี้ เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
    มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
    +--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.

    --ภิกษุ ท. ! เมื่อกุลบุตรนั้น พากเพียร ขวนขวาย พยายามอยู่อย่างนี้,
    โภคทรัพย์ ก็ยังไม่สำเร็จแก่เขา,
    เขา ย่อมโศกเศร้า ระทมใจ คร่ำครวญ ตีอก ร่ำไห้ ถึงความมืดมัวอยู่ ว่า
    “ความขยันของเรา เป็นหมันหนอ,
    ความพยายามของเราไร้ผลหนอ”
    ดังนี้.
    --ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
    มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
    +--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.

    --ภิกษุ ท. ! เมื่อกุลบุตรนั้น พากเพียร ขวนขวาย พยายาม อยู่อย่างนี้,
    โภคทรัพย์ ก็สำเร็จแก่เขาด้วย เขา ก็จะต้องเสวยทุกข์ โทมนัส
    เพราะการอารักขาโภคทรัพย์เหล่านั้นเป็นต้นเหตุ ด้วยหวังอยู่ ว่า
    “พระราชาจะไม่ริบทรัพย์เหล่านั้นไป,
    โจร จะไม่ปล้นทรัพย์เหล่านั้นไป,
    ไฟ จะไม่ไหม้ทรัพย์เหล่านั้น,
    น้ำ จะไม่ท่วมทำลายทรัพย์เหล่านั้น ;
    ทายาทที่ไม่พอใจ จะไม่ยื้อแย่งทรัพย์เหล่านั้นไป”
    ดังนี้.
    เมื่อกุลบุตรนั้น ทำการอารักขาคุ้มครองอยู่อย่างนี้
    พระราชา ริบเอาทรัพย์เหล่านั้นไปเสียก็ตาม,
    โจร ปล้นเอาทรัพย์เหล่านั้นไปเสียก็ตาม,
    ไฟ ไหม้ทรัพย์เหล่านั้นเสียก็ตาม,
    น้ำ ท่วมทำลายทรัพย์เหล่านั้นเสียก็ตาม,
    หรือทายาทที่ไม่พอใจ ยื้อแย่งเอาทรัพย์เหล่านั้นไปได้ก็ตาม,
    เขา ย่อมโศกเศร้า ระทมใจ คร่ำครวญ ตีอกร่ำไห้ ถึงความมืดมัวรำพันอยู่ ว่า
    “ ทรัพย์ใดได้มีแล้วแก่เรา ทรัพย์นั้นไม่มีเสียแล้ว”
    ดังนี้.
    --ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย
    เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
    มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
    +--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.

    --ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
    : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ
    เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว
    :พระราชา ย่อมวิวาทกับพระราชาบ้าง,
    กษัตริย์ย่อมวิวาทกับกษัตริย์บ้าง,
    พราหมณ์ย่อมวิวาทกับพราหมณ์บ้าง,
    คฤหบดีย่อมวิวาทกับคฤหบดีบ้าง,
    มารดาย่อมวิวาทกับบุตรบ้าง,
    บุตรย่อมวิวาทกับมารดาบ้าง,
    บิดาย่อมวิวาทกับบุตรบ้าง,
    บุตรย่อมวิวาทกับบิดาบ้าง,
    พี่น้องชายย่อมวิวาทกับพี่น้องชายบ้าง,
    พี่น้องชายย่อมวิวาทกับพี่น้องหญิงบ้าง,
    พี่น้องหญิงย่อมวิวาทกับพี่น้องชายบ้าง,
    สหายย่อมวิวาทกับสหายบ้าง ;
    คนเหล่านั้น ทำการทะเลาะ วิวาท บาดหมางกันแล้ว
    ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยมือบ้าง,
    ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยก้อนดินบ้าง,
    ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยท่อนไม้บ้าง,
    ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยศัสตราบ้าง, อยู่ในที่นั้นๆ.
    เขาเหล่านั้น ย่อมถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ.
    --ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
    มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
    +--เป็นเหตุ เพราะกามนั่นเทียว.

    --ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
    : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ
    เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว
    : คนทั้งหลาย ถือดาบและโล่ ผูกสอดธนูและแล่งศร แบ่งกันเป็นสองกองทัพ
    พุ่งเข้าทำสงครามกัน.
    เมื่อลูกศรถูกปล่อยไป, เมื่อหอกถูกซัดไป, เมื่อดาบถูกกวัดแกว่งอยู่,
    คนเหล่านั้น ยิงกันด้วยลูกศรบ้าง, แทงกันด้วยหอกบ้าง, ตัดศีรษะกันด้วยดาบบ้าง,
    ในสงครามนั้น ๆ, เขาเหล่านั้น ย่อมถึงซึ่งความตายหรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ.
    --ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษ ของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
    มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.

    --ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
    : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ
    เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว
    : คนทั้งหลาย ถือดาบและโล่ ผูกสอดธนูและแล่งศร วิ่งขึ้นปีนเชิงเทิน (เพื่อปล้นเอาเมือง), เมื่อลูกศรถูกปล่อยไป, เมื่อหอกถูกซัดไป, เมื่อดาบถูกกวัดแกว่งอยู่,
    คนเหล่านั้น ยิงกันด้วยลูกศรบ้าง, แทงกันด้วยหอกบ้าง,
    ราดกันด้วยเถ้าถ่านโคมัยอันร้อนบ้าง.
    ปล่อยของหนักให้ตกลงทับทีเดียวตายทั้งหมู่บ้าง, ตัดศีรษะกันด้วยดาบบ้าง,
    ในสงครามนั้น ๆ, เขาเหล่านั้นย่อมถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ.
    --ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
    มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.
    --ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
    : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ
    +--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว

    : คนทั้งหลาย ย่อมตัดช่อง ย่องเบา ปล้นสะดมในเรือนหลังเดียว
    คอยดักทำร้ายในที่เปลี่ยว และล่วงภรรยาผู้อื่น.
    พระราชา จับคนเหล่านั้นมาแล้ว ให้ลงกรรมกรณ์หลายวิธีด้วยกัน
    เช่นเฆี่ยนด้วยหวายบ้าง, หวดด้วยเชือกหนังบ้าง, ทุบด้วยท่อนไม้บ้าง, ตัดมือเสียบ้าง,
    ตัดเท้าเสียบ้าง, ตัดเสียทั้งมือและเท้าบ้าง, ตัดหูบ้าง, ตัดจมูกบ้าง, ตัดเสียทั้งหูและจมูกบ้าง,
    ยอมทำโทษโดยวิธี หม้อเคี่ยวน้ำส้ม-๑ บ้าง,
    ย่อมทำโทษโดยวิธี ขอดสังข์๒ บ้าง,
    ย่อมทำโทษโดยวิธี ปากราหู-๓ บ้าง,
    ย่อมทำโทษโดยวิธี มาลัยไฟ-๔ บ้าง.
    ย่อมทำโทษ โดยวิธี คบมือ-๕ บ้าง,
    ย่อมทำโทษโดยวิธี ริ้วส่าย-๖ บ้าง,
    ย่อมทำโทษโดยวิธี นุ่งเปลือกไม้-๗ บ้าง,
    ย่อมทำโทษโดยวิธี ยืนกวาง-๘ บ้าง,
    ย่อมทำโทษโดยวิธี เกี่ยวเหยื่อเบ็ด-๙ บ้าง,
    ย่อมทำโทษโดยวิธี เหรียญกษปณ์-๑๐ บ้าง,
    ย่อมทำโทษโดยวิธี ทาเกลือบ้าง,
    ย่อมทำโทษโดยวิธี แปรงแสบ-๑๑ บ้าง,
    ย่อมทำโทษโดยวิธี กางเกวียน-๑๒ บ้าง,
    ย่อมทำโทษโดยวิธี ตั่งฟาง๑๓ บ้าง,
    ย่อมราดด้วยน้ำมันร้อนๆ บ้าง,
    ย่อมปล่อยให้สุนัขทึ้ง-๑๔ บ้าง,
    ย่อมให้นอนหงายบนหลาวทั้งเป็น ๆ บ้าง,
    ย่อมตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง.
    เขาเหล่านั้น ย่อมถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ.
    --ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย
    เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
    +--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.

    --ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
    : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ
    เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว
    : คนทั้งหลาย ย่อมประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจ.
    ครั้นประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจแล้ว,
    เขาเหล่านั้น ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เบื้องหน้าแต่การตาย
    เพราะการแตกสลายแห่งกาย.
    --ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย
    เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เองมีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
    +--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว,.
    ดังนี้แล.-

    ! --
    ©หมายเหตุ ตามนัยอรรถกถาและพระไตรปิฎกแปลของ ม.อำไพจริต.
    -๑. หม้อเคี่ยวน้ำส้ม คือต่อยหัวขมองแยกออก แล้วใช้คีมคีบก้อนเหล็กที่ลุกแดงใส่ลงไปให้มันสมองเดือดพลุ่งขึ้น เหมือนน้ำส้มเดือดล้นหม้อ.-
    -๒. ขอดสังข์ คือตัดหนังควั่นไปให้รอบจอนหูทั้งสองข้าง และหลุมคอ แล้วรวบผมทั้งหมดขมวดไว้ ใช้ไม้สอดหมุ ยกขึ้น ให้หนังหลุดติดขึ้นมาพร้อมกับผมแล้วใช้ทรายหยาบขัดกระโหลกศีรษะล้างให้ขาว ดั่งสังข์.-
    -๓. ปากราหู คือใช้ขอเหล็กง้างปากให้อ้าแล้วจุดไฟในปาก. อีกอย่างหนึ่ง ใช้สิ่วตอกเจาะตั้งแต่จอนหูเข้าไปจนถึงปาก ให้โลหิตไหลออกมาเต็มปาก ดูปากอ้า ดั่งปากราหู.-
    -๔. มาลัยไฟ คือใช้ผ้าชุบน้ำมันพันจนทั่วตัวแล้วจุดไฟ-
    -๕. คบมือ คือใช้ผ้าชุบน้ำมันพันมือทั่วสองข้างจนทั่ว แล้วจุดไฟ.-
    -๖. ริ้วส่าย คือเชือดหนังลอกออกเป็นริ้วๆ ตั้งแต่ใต้คอไปจนถึงข้อเท้า แล้วเอาเชือกผูกฉุดคร่าไป นักโทษเดินเหยียบริ้วหนังของตัวล้มลุกคลุกคลานไปกว่าจะตาย-
    -๗. นุ่งเปลือกไม้ คือเชือดหนังเป็นริ้ว ๆ อย่างบทก่อน แต่ทำเป็นสองตอน ตั้งแต่ใต้คอจนถึงเอวตอนหนึ่ง ตั้งแต่เอวจนถึงข้อเท้าตอนหนึ่ง ริ้วหนังตอนบนห้อยคลุมลงมาปิดกายตอนล่าง ดูดั่งนุ่งเปลือกไม้-
    -๘. ยืนกวาง คือใช้ห่วงเหล็กรัดศอกทั้งสอง และเข่าทั้งสอง ตรึงติดไว้กับหลักเหล็กสี่หลักบนพื้นดิน ดูดั่ง กวางถูกตรึง แล้วก่อไฟล้อมลนไปกว่าจะตาย.-
    -๙. เกี่ยวเหยื่อเบ็ด คือใช้เบ็ดมีเงี่ยงสองข้าง เกี่ยวตัวดึงเอาหนังเนื้อและเอ็นออกมาให้หมด.-
    -๑๐. เหรียญกษาปณ์ คือใช้มีดคมเชือดเนื้อออกเป็นแว่นๆ ขนาดเท่าเงินเหรียญจนกว่าจะตาย.-
    -๑๑. แปรงแสบ คือฟันสับเสียให้ยับทั่วกาย แล้วใช้แปรงชุบน้ำแสบ (มีน้ำเกลือเป็นต้น) ถูครูดสีไปมาให้หนังเนื้อเอ็น ขาดหลุดออกมาหมด เหลือแต่กระดูก.-
    -๑๒. กางเกวียน คือให้นอนตะแคง แล้วใช้หลาวเหล็กตอกเข้าช่องหูให้ทะลุ ลงไปตรึงแน่นอยู่กับดิน แล้วจับเท้าทั้งสองยกเดินเวียน.-
    -๑๓. ตั่งฟาง คือใช้ลูกหินบดทับตัว บดให้กระดูกแตกละเอียด แต่ไม่ให้หนังขาด แล้วจับผมรวบขึ้นเขย่าๆ ให้เนื้อรวมเข้าเป็นกอง แล้วใช้ผมนั่นแหละพันตะล่อมวางไว้ เหมือนดั่งที่ทำด้วยฟางสำหรับเช็ดเท้า.-
    -๑๔. ให้สุนัขทึ้ง คือขังฝูงสุนัขให้อดหิวโซหลายวัน แล้วปล่อยให้ออกมารุมทึ้ง พักเดียวเหลือแต่กระดูก.
    ---!

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู. ม. 12/116/198.
    http://etipitaka.com/read/thai/12/116/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%98
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู. ม. ๑๒/๑๖๙/๑๙๘.
    http://etipitaka.com/read/pali/12/169/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%98
    ศึกษาเพิ่มเติม..
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=311
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21&id=311
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21
    ลำดับสาธยายธรรม : 21 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_21.mp3
    อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาว่าทุกข์โทษที่เกิดจากกาม สัทธรรมลำดับที่ : 311 ชื่อบทธรรม :- ทุกข์โทษที่เกิดจากกาม https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=311 เนื้อความทั้งหมด :- --ทุกข์โทษที่เกิดจากกาม --ภิกษุ ท. ! โทษของกามทั้งหลาย เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! กุลบุตรในโลกนี้ สำเร็จการเลี้ยงชีวิตด้วยอาชีพศิลปะใด ๆ เช่น ศิลปะแห่งการใช้สัญญาด้วยมือ, ศิลปะแห่งการคำนวณ, ศิลปะแห่งการพยากรณ์, การทำกสิกรรม พาณิชยกรรม และโครักขกรรม, ศิลปะแห่งศัสตราวุธ, และการทำราชการ และศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่ง ; เพราะการประกอบอาชีพนั้น ๆ เขาต้องเผชิญหน้าต่อความหนาว ความร้อน เผชิญหน้าด้วย เหลือบ ยุง ลม แดด และสัมผัสด้วยสัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย ซูบผอมอยู่ หิวระหายอยู่ เพราะการไม่ได้บริโภคตามเวลา. --ภิกษุ ท. ! นี้ เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ +--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว. --ภิกษุ ท. ! เมื่อกุลบุตรนั้น พากเพียร ขวนขวาย พยายามอยู่อย่างนี้, โภคทรัพย์ ก็ยังไม่สำเร็จแก่เขา, เขา ย่อมโศกเศร้า ระทมใจ คร่ำครวญ ตีอก ร่ำไห้ ถึงความมืดมัวอยู่ ว่า “ความขยันของเรา เป็นหมันหนอ, ความพยายามของเราไร้ผลหนอ” ดังนี้. --ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ +--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว. --ภิกษุ ท. ! เมื่อกุลบุตรนั้น พากเพียร ขวนขวาย พยายาม อยู่อย่างนี้, โภคทรัพย์ ก็สำเร็จแก่เขาด้วย เขา ก็จะต้องเสวยทุกข์ โทมนัส เพราะการอารักขาโภคทรัพย์เหล่านั้นเป็นต้นเหตุ ด้วยหวังอยู่ ว่า “พระราชาจะไม่ริบทรัพย์เหล่านั้นไป, โจร จะไม่ปล้นทรัพย์เหล่านั้นไป, ไฟ จะไม่ไหม้ทรัพย์เหล่านั้น, น้ำ จะไม่ท่วมทำลายทรัพย์เหล่านั้น ; ทายาทที่ไม่พอใจ จะไม่ยื้อแย่งทรัพย์เหล่านั้นไป” ดังนี้. เมื่อกุลบุตรนั้น ทำการอารักขาคุ้มครองอยู่อย่างนี้ พระราชา ริบเอาทรัพย์เหล่านั้นไปเสียก็ตาม, โจร ปล้นเอาทรัพย์เหล่านั้นไปเสียก็ตาม, ไฟ ไหม้ทรัพย์เหล่านั้นเสียก็ตาม, น้ำ ท่วมทำลายทรัพย์เหล่านั้นเสียก็ตาม, หรือทายาทที่ไม่พอใจ ยื้อแย่งเอาทรัพย์เหล่านั้นไปได้ก็ตาม, เขา ย่อมโศกเศร้า ระทมใจ คร่ำครวญ ตีอกร่ำไห้ ถึงความมืดมัวรำพันอยู่ ว่า “ ทรัพย์ใดได้มีแล้วแก่เรา ทรัพย์นั้นไม่มีเสียแล้ว” ดังนี้. --ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ +--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว. --ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว :พระราชา ย่อมวิวาทกับพระราชาบ้าง, กษัตริย์ย่อมวิวาทกับกษัตริย์บ้าง, พราหมณ์ย่อมวิวาทกับพราหมณ์บ้าง, คฤหบดีย่อมวิวาทกับคฤหบดีบ้าง, มารดาย่อมวิวาทกับบุตรบ้าง, บุตรย่อมวิวาทกับมารดาบ้าง, บิดาย่อมวิวาทกับบุตรบ้าง, บุตรย่อมวิวาทกับบิดาบ้าง, พี่น้องชายย่อมวิวาทกับพี่น้องชายบ้าง, พี่น้องชายย่อมวิวาทกับพี่น้องหญิงบ้าง, พี่น้องหญิงย่อมวิวาทกับพี่น้องชายบ้าง, สหายย่อมวิวาทกับสหายบ้าง ; คนเหล่านั้น ทำการทะเลาะ วิวาท บาดหมางกันแล้ว ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยมือบ้าง, ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยก้อนดินบ้าง, ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยท่อนไม้บ้าง, ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยศัสตราบ้าง, อยู่ในที่นั้นๆ. เขาเหล่านั้น ย่อมถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ. --ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ +--เป็นเหตุ เพราะกามนั่นเทียว. --ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว : คนทั้งหลาย ถือดาบและโล่ ผูกสอดธนูและแล่งศร แบ่งกันเป็นสองกองทัพ พุ่งเข้าทำสงครามกัน. เมื่อลูกศรถูกปล่อยไป, เมื่อหอกถูกซัดไป, เมื่อดาบถูกกวัดแกว่งอยู่, คนเหล่านั้น ยิงกันด้วยลูกศรบ้าง, แทงกันด้วยหอกบ้าง, ตัดศีรษะกันด้วยดาบบ้าง, ในสงครามนั้น ๆ, เขาเหล่านั้น ย่อมถึงซึ่งความตายหรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ. --ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษ ของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว. --ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว : คนทั้งหลาย ถือดาบและโล่ ผูกสอดธนูและแล่งศร วิ่งขึ้นปีนเชิงเทิน (เพื่อปล้นเอาเมือง), เมื่อลูกศรถูกปล่อยไป, เมื่อหอกถูกซัดไป, เมื่อดาบถูกกวัดแกว่งอยู่, คนเหล่านั้น ยิงกันด้วยลูกศรบ้าง, แทงกันด้วยหอกบ้าง, ราดกันด้วยเถ้าถ่านโคมัยอันร้อนบ้าง. ปล่อยของหนักให้ตกลงทับทีเดียวตายทั้งหมู่บ้าง, ตัดศีรษะกันด้วยดาบบ้าง, ในสงครามนั้น ๆ, เขาเหล่านั้นย่อมถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ. --ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว. --ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ +--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว : คนทั้งหลาย ย่อมตัดช่อง ย่องเบา ปล้นสะดมในเรือนหลังเดียว คอยดักทำร้ายในที่เปลี่ยว และล่วงภรรยาผู้อื่น. พระราชา จับคนเหล่านั้นมาแล้ว ให้ลงกรรมกรณ์หลายวิธีด้วยกัน เช่นเฆี่ยนด้วยหวายบ้าง, หวดด้วยเชือกหนังบ้าง, ทุบด้วยท่อนไม้บ้าง, ตัดมือเสียบ้าง, ตัดเท้าเสียบ้าง, ตัดเสียทั้งมือและเท้าบ้าง, ตัดหูบ้าง, ตัดจมูกบ้าง, ตัดเสียทั้งหูและจมูกบ้าง, ยอมทำโทษโดยวิธี หม้อเคี่ยวน้ำส้ม-๑ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี ขอดสังข์๒ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี ปากราหู-๓ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี มาลัยไฟ-๔ บ้าง. ย่อมทำโทษ โดยวิธี คบมือ-๕ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี ริ้วส่าย-๖ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี นุ่งเปลือกไม้-๗ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี ยืนกวาง-๘ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี เกี่ยวเหยื่อเบ็ด-๙ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี เหรียญกษปณ์-๑๐ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี ทาเกลือบ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี แปรงแสบ-๑๑ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี กางเกวียน-๑๒ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี ตั่งฟาง๑๓ บ้าง, ย่อมราดด้วยน้ำมันร้อนๆ บ้าง, ย่อมปล่อยให้สุนัขทึ้ง-๑๔ บ้าง, ย่อมให้นอนหงายบนหลาวทั้งเป็น ๆ บ้าง, ย่อมตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง. เขาเหล่านั้น ย่อมถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ. --ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ +--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว. --ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว : คนทั้งหลาย ย่อมประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจ. ครั้นประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจแล้ว, เขาเหล่านั้น ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เบื้องหน้าแต่การตาย เพราะการแตกสลายแห่งกาย. --ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เองมีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ +--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว,. ดังนี้แล.- ! -- ©หมายเหตุ ตามนัยอรรถกถาและพระไตรปิฎกแปลของ ม.อำไพจริต. -๑. หม้อเคี่ยวน้ำส้ม คือต่อยหัวขมองแยกออก แล้วใช้คีมคีบก้อนเหล็กที่ลุกแดงใส่ลงไปให้มันสมองเดือดพลุ่งขึ้น เหมือนน้ำส้มเดือดล้นหม้อ.- -๒. ขอดสังข์ คือตัดหนังควั่นไปให้รอบจอนหูทั้งสองข้าง และหลุมคอ แล้วรวบผมทั้งหมดขมวดไว้ ใช้ไม้สอดหมุ ยกขึ้น ให้หนังหลุดติดขึ้นมาพร้อมกับผมแล้วใช้ทรายหยาบขัดกระโหลกศีรษะล้างให้ขาว ดั่งสังข์.- -๓. ปากราหู คือใช้ขอเหล็กง้างปากให้อ้าแล้วจุดไฟในปาก. อีกอย่างหนึ่ง ใช้สิ่วตอกเจาะตั้งแต่จอนหูเข้าไปจนถึงปาก ให้โลหิตไหลออกมาเต็มปาก ดูปากอ้า ดั่งปากราหู.- -๔. มาลัยไฟ คือใช้ผ้าชุบน้ำมันพันจนทั่วตัวแล้วจุดไฟ- -๕. คบมือ คือใช้ผ้าชุบน้ำมันพันมือทั่วสองข้างจนทั่ว แล้วจุดไฟ.- -๖. ริ้วส่าย คือเชือดหนังลอกออกเป็นริ้วๆ ตั้งแต่ใต้คอไปจนถึงข้อเท้า แล้วเอาเชือกผูกฉุดคร่าไป นักโทษเดินเหยียบริ้วหนังของตัวล้มลุกคลุกคลานไปกว่าจะตาย- -๗. นุ่งเปลือกไม้ คือเชือดหนังเป็นริ้ว ๆ อย่างบทก่อน แต่ทำเป็นสองตอน ตั้งแต่ใต้คอจนถึงเอวตอนหนึ่ง ตั้งแต่เอวจนถึงข้อเท้าตอนหนึ่ง ริ้วหนังตอนบนห้อยคลุมลงมาปิดกายตอนล่าง ดูดั่งนุ่งเปลือกไม้- -๘. ยืนกวาง คือใช้ห่วงเหล็กรัดศอกทั้งสอง และเข่าทั้งสอง ตรึงติดไว้กับหลักเหล็กสี่หลักบนพื้นดิน ดูดั่ง กวางถูกตรึง แล้วก่อไฟล้อมลนไปกว่าจะตาย.- -๙. เกี่ยวเหยื่อเบ็ด คือใช้เบ็ดมีเงี่ยงสองข้าง เกี่ยวตัวดึงเอาหนังเนื้อและเอ็นออกมาให้หมด.- -๑๐. เหรียญกษาปณ์ คือใช้มีดคมเชือดเนื้อออกเป็นแว่นๆ ขนาดเท่าเงินเหรียญจนกว่าจะตาย.- -๑๑. แปรงแสบ คือฟันสับเสียให้ยับทั่วกาย แล้วใช้แปรงชุบน้ำแสบ (มีน้ำเกลือเป็นต้น) ถูครูดสีไปมาให้หนังเนื้อเอ็น ขาดหลุดออกมาหมด เหลือแต่กระดูก.- -๑๒. กางเกวียน คือให้นอนตะแคง แล้วใช้หลาวเหล็กตอกเข้าช่องหูให้ทะลุ ลงไปตรึงแน่นอยู่กับดิน แล้วจับเท้าทั้งสองยกเดินเวียน.- -๑๓. ตั่งฟาง คือใช้ลูกหินบดทับตัว บดให้กระดูกแตกละเอียด แต่ไม่ให้หนังขาด แล้วจับผมรวบขึ้นเขย่าๆ ให้เนื้อรวมเข้าเป็นกอง แล้วใช้ผมนั่นแหละพันตะล่อมวางไว้ เหมือนดั่งที่ทำด้วยฟางสำหรับเช็ดเท้า.- -๑๔. ให้สุนัขทึ้ง คือขังฝูงสุนัขให้อดหิวโซหลายวัน แล้วปล่อยให้ออกมารุมทึ้ง พักเดียวเหลือแต่กระดูก. ---! #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู. ม. 12/116/198. http://etipitaka.com/read/thai/12/116/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%98 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู. ม. ๑๒/๑๖๙/๑๙๘. http://etipitaka.com/read/pali/12/169/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%98 ศึกษาเพิ่มเติม.. https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=311 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21&id=311 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21 ลำดับสาธยายธรรม : 21 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_21.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - (เรื่องนี้ควรจะอยู่ในหมวดนิโรธ แต่นำมาใส่ไว้ต่อท้ายเรื่องนี้ซึ่งเป็นหมวดสมุทัยก็เพื่อความสะดวกแก่การศึกษา คือศึกษาพร้อมกัน อันจะเป็นการง่าย ได้ผลดีกว่าที่จะแยกกัน.
    -(เรื่องนี้ควรจะอยู่ในหมวดนิโรธ แต่นำมาใส่ไว้ต่อท้ายเรื่องนี้ซึ่งเป็นหมวดสมุทัยก็เพื่อความสะดวกแก่การศึกษา คือศึกษาพร้อมกัน อันจะเป็นการง่าย ได้ผลดีกว่าที่จะแยกกัน. แต่ยังมีลักษณะแห่งจิตของผู้ที่เรียกว่าอยู่คนเดียวที่ลึกซึ้งกว่า ประณีตกว่าเรื่องนี้ในหมวดนิโรธ หรือภาค ๓ ขอให้ดูจากที่นั้น ที่หน้า ๖๙๕ โดยหัวข้อว่า “ผู้อยู่คนเดียวคือผู้ไม่ข้องติดอยู่ในธรรมทั้งปวง”). ทุกข์โทษที่เกิดจากกาม ภิกษุ ท. ! โทษของกามทั้งหลาย เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! กุลบุตรในโลกนี้ สำเร็จการเลี้ยงชีวิตด้วยอาชีพศิลปะใด ๆ เช่นศิลปะแห่งการใช้สัญญาด้วยมือ, ศิลปะแห่งการคำนวณ, ศิลปะแห่งการพยากรณ์, การทำกสิกรรม พาณิชยกรรม และโครักขกรรม, ศิลปะแห่งศัสตราวุธ, และการทำราชการ และศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่ง ; เพราะการประกอบอาชีพนั้น ๆ เขาต้องเผชิญหน้าต่อความหนาว ความร้อน เผชิญหน้าด้วย เหลือบ ยุง ลม แดด และสัมผัสด้วยสัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย ซูบผอมอยู่ หิวระหายอยู่ เพราะการไม่ได้บริโภคตามเวลา. ภิกษุ ท. ! นี้ เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว. ภิกษุ ท. ! เมื่อกุลบุตรนั้น พากเพียร ขวนขวาย พยายามอยู่อย่างนี้, โภคทรัพย์ ก็ยังไม่สำเร็จแก่เขา, เขา ย่อมโศกเศร้า ระทมใจ คร่ำครวญ ตีอก ร่ำไห้ ถึงความมืดมัวอยู่ ว่า “ความขยันของเรา เป็นหมันหนอ, ความพยายามของเราไร้ผลหนอ” ดังนี้. ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว. ภิกษุ ท. ! เมื่อกุลบุตรนั้น พากเพียร ขวนขวาย พยายาม อยู่อย่างนี้, โภคทรัพย์ ก็สำเร็จแก่เขาด้วย เขา ก็จะต้องเสวยทุกข์ โทมนัสเพราะการอารักขาโภคทรัพย์เหล่านั้นเป็นต้นเหตุ ด้วยหวังอยู่ ว่า “พระราชาจะไม่ริบทรัพย์เหล่านั้นไป, โจร จะไม่ปล้นทรัพย์เหล่านั้นไป, ไฟ จะไม่ไหม้ทรัพย์เหล่านั้น, น้ำ จะไม่ท่วมทำลายทรัพย์เหล่านั้น ; ทายาทที่ไม่พอใจ จะไม่ยื้อแย่งทรัพย์เหล่านั้นไป” ดังนี้. เมื่อกุลบุตรนั้น ทำการอารักขาคุ้มครองอยู่อย่างนี้ พระราชา ริบเอาทรัพย์เหล่านั้นไปเสียก็ตาม, โจร ปล้นเอาทรัพย์เหล่านั้นไปเสียก็ตาม, ไฟ ไหม้ทรัพย์เหล่านั้นเสียก็ตาม, น้ำ ท่วมทำลายทรัพย์เหล่านั้นเสียก็ตาม, หรือทายาทที่ไม่พอใจ ยื้อแย่งเอาทรัพย์เหล่านั้นไปได้ก็ตาม, เขา ย่อมโศกเศร้า ระทมใจ คร่ำครวญ ตีอกร่ำไห้ ถึงความมืดมัวรำพันอยู่ ว่า “ ทรัพย์ใดได้มีแล้วแก่เรา ทรัพย์นั้นไม่มีเสียแล้ว” ดังนี้. ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว. ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว : พระราชา ย่อมวิวาทกับพระราชาบ้าง, กษัตริย์ย่อมวิวาทกับกษัตริย์บ้าง, พราหมณ์ย่อมวิวาทกับพราหมณ์บ้าง, คฤหบดีย่อมวิวาทกับคฤหบดีบ้าง, มารดาย่อมวิวาทกับบุตรบ้าง, บุตรย่อมวิวาทกับมารดาบ้าง, บิดาย่อมวิวาทกับบุตรบ้าง. บุตรย่อมวิวาทกับบิดาบ้าง, พี่น้องชายย่อมวิวาทกับพี่น้องชายบ้าง, พี่น้องชายย่อมวิวาทกับพี่น้องหญิงบ้าง, พี่น้องหญิงย่อมวิวาทกับพี่น้องชายบ้าง, สหายย่อมวิวาทกับสหายบ้าง ; คนเหล่านั้น ทำการทะเลาะ วิวาท บาดหมางกันแล้ว ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยมือบ้าง, ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยก้อนดินบ้าง ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยท่อนไม้บ้าง, ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยศัสตราบ้าง, อยู่ในที่นั้นๆ. เขาเหล่านั้น ย่อมถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ. ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุ เพราะกามนั่นเทียว. ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว : คนทั้งหลาย ถือดาบและโล่ ผูกสอดธนูและแล่งศร แบ่งกันเป็นสองกองทัพ พุ่งเข้าทำสงครามกัน. เมื่อลูกศรถูกปล่อยไป, เมื่อหอกถูกซัดไป, เมื่อดาบถูกกวัดแกว่งอยู่, คนเหล่านั้น ยิงกันด้วยลูกศรบ้าง, แทงกันด้วยหอกบ้าง, ตัดศีรษะกันด้วยดาบบ้าง, ในสงครามนั้น ๆ, เขาเหล่านั้น ย่อมถึงซึ่งความตายหรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ. ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษ ของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว. ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว : คนทั้งหลาย ถือดาบและโล่ ผูกสอดธนูและแล่งศร วิ่งขึ้นปีนเชิงเทิน (เพื่อปล้นเอาเมือง), เมื่อลูกศรถูกปล่อยไป, เมื่อหอกถูกซัดไป, เมื่อดาบถูกกวัดแกว่งอยู่, คนเหล่านั้น ยิงกันด้วยลูกศรบ้าง, แทงกันด้วยหอกบ้าง, ราดกันด้วยเถ้าถ่านโคมัยอันร้อนบ้าง. ปล่อยของหนักให้ตกลงทับทีเดียวตายทั้งหมู่บ้าง, ตัดศีรษะกันด้วยดาบบ้าง, ในสงครามนั้น ๆ, เขาเหล่านั้นย่อมถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ. ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว. ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว : คนทั้งหลาย ย่อมตัดช่อง ย่องเบา ปล้นสะดมในเรือนหลังเดียว คอยดักทำร้ายในที่เปลี่ยว และล่วงภรรยาผู้อื่น. พระราชา จับคนเหล่านั้นมาแล้ว ให้ลงกรรมกรณ์หลายวิธีด้วยกัน เช่นเฆี่ยนด้วยหวายบ้าง, หวดด้วยเชือกหนังบ้าง, ทุบด้วยท่อนไม้บ้าง, ตัดมือเสียบ้าง, ตัดเท้าเสียบ้าง, ตัดเสียทั้งมือและเท้าบ้าง, ตัดหูบ้าง, ตัดจมูกบ้าง, ตัดเสียทั้งหูและจมูกบ้าง, ยอมทำโทษโดยวิธี หม้อเคี่ยวน้ำส้ม๑ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี ขอดสังข์๒ บ้าง. ย่อมทำโทษ ๑. หม้อเคี่ยวน้ำส้ม คือต่อยหัวขมองแยกออก แล้วใช้คีมคีบก้อนเหล็กที่ลุกแดงใส่ลงไปให้มันสมองเดือดพลุ่งขึ้น เหมือนน้ำส้มเดือดล้นหม้อ. ๒. ขอดสังข์ คือตัดหนังควั่นไปให้รอบจอนหูทั้งสองข้าง และหลุมคอ แล้วรวบผมทั้งหมดขมวดไว้ ใช้ไม้สอดหมุ ยกขึ้น ให้หนังหลุดติดขึ้นมาพร้อมกับผมแล้วใช้ทรายหยาบขัดกระโหลกศีรษะล้างให้ขาว ดั่งสังข์. โดยวิธี ปากราหู๓ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี มาลัยไฟ๔ บ้าง. ย่อมทำโทษ โดยวิธีคบมือ๕ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี ริ้วส่าย๖ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี นุ่งเปลือกไม้๗ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี ยืนกวาง๘ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธีเกี่ยวเหยื่อเบ็ด๙ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี เหรียญกษปณ์๑๐ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี ทาเกลือบ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี แปรงแสบ๑๑ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี กางเกวียน๑๒ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี ตั่งฟาง๑๓ บ้าง, ย่อมราดด้วยน้ำมันร้อนๆ บ้าง, ย่อมปล่อยให้สุนัขทึ้ง๑๔ บ้าง, ย่อมให้นอนหงายบนหลาวทั้งเป็น ๆ บ้าง, ย่อมตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง. เขาเหล่านั้น ย่อม ๓. ปากราหู คือใช้ขอเหล็กง้างปากให้อ้าแล้วจุดไฟในปาก. อีกอย่างหนึ่ง ใช้สิ่วตอกเจาะตั้งแต่จอนหูเข้าไปจนถึงปาก ให้โลหิตไหลออกมาเต็มปาก ดูปากอ้า ดั่งปากราหู. ๔. มาลัยไฟ คือใช้ผ้าชุบน้ำมันพันจนทั่วตัวแล้วจุดไฟ ๕. คบมือ คือใช้ผ้าชุบน้ำมันพันมือทั่วสองข้างจนทั่ว แล้วจุดไฟ. ๖. ริ้วส่าย คือเชือดหนังลอกออกเป็นริ้วๆ ตั้งแต่ใต้คอไปจนถึงข้อเท้า แล้วเอาเชือกผูกฉุดคร่าไป นักโทษเดินเหยียบริ้วหนังของตัวล้มลุกคลุกคลานไปกว่าจะตาย ๗. นุ่งเปลือกไม้ คือเชือดหนังเป็นริ้ว ๆ อย่างบทก่อน แต่ทำเป็นสองตอน ตั้งแต่ใต้คอจนถึงเอวตอนหนึ่ง ตั้งแต่เอวจนถึงข้อเท้าตอนหนึ่ง ริ้วหนังตอนบนห้อยคลุมลงมาปิดกายตอนล่าง ดูดั่งนุ่งเปลือกไม้ ๘. ยืนกวาง คือใช้ห่วงเหล็กรัดศอกทั้งสอง และเข่าทั้งสอง ตรึงติดไว้กับหลักเหล็กสี่หลักบนพื้นดิน ดูดั่ง กวางถูกตรึง แล้วก่อไฟล้อมลนไปกว่าจะตาย. ๙. เกี่ยวเหยื่อเบ็ด คือใช้เบ็ดมีเงี่ยงสองข้าง เกี่ยวตัวดึงเอาหนังเนื้อและเอ็นออกมาให้หมด. ๑๐. เหรียญกษาปณ์ คือใช้มีดคมเชือดเนื้อออกเป็นแว่นๆ ขนาดเท่าเงินเหรียญจนกว่าจะตาย. ๑๑. แปรงแสบ คือฟันสับเสียให้ยับทั่วกาย แล้วใช้แปรงชุบน้ำแสบ (มีน้ำเกลือเป็นต้น) ถูครูดสีไปมาให้หนังเนื้อเอ็น ขาดหลุดออกมาหมด เหลือแต่กระดูก. ๑๒. างเกวียน คือให้นอนตะแคง แล้วใช้หลาวเหล็กตอกเข้าช่องหูให้ทะลุ ลงไปตรึงแน่นอยู่กับดิน แล้วจับเท้าทั้งสองยกเดินเวียน. ๑๓. ตั่งฟาง คือใช้ลูกหินบดทับตัว บดให้กระดูกแตกละเอียด แต่ไม่ให้หนังขาด แล้วจับผมรวบขึ้นเขย่าๆ ให้เนื้อรวมเข้าเป็นกอง แล้วใช้ผมนั่นแหละพันตะล่อมวางไว้ เหมือนดั่งที่ทำด้วยฟางสำหรับเช็ดเท้า. ๑๔. ให้สุนัขทึ้ง คือขังฝูงสุนัขให้อดหิวโซหลายวัน แล้วปล่อยให้ออกมารุมทึ้ง พักเดียวเหลือแต่กระดูก, -นัยอรรถกถา และพระไตรปิฎกแปลของ ม.อำไพจริต. ถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ. ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว. ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว : คนทั้งหลาย ย่อมประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจ. ครั้นประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจแล้ว, เขาเหล่านั้น ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เบื้องหน้าแต่การตาย เพราะการแตกสลายแห่งกาย. ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เองมีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว, ดังนี้แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยอมสึกแล้ว! "เจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย-ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ" เซ่นคลิปลับ "สีกากอล์ฟ"
    https://www.thai-tai.tv/news/20162/
    .
    #สีกากอล์ฟ #พระเทพวชิรธีราภรณ์ #วัดพระพุทธฉาย #ลาสิกขา #บิ๊กเต่า #จรูญเกียรติปานแก้ว #ปปป #ปปท #วงการสงฆ์ #ข่าวฉาว #ทุจริต #ยักยอกเงินวัด #พระเทพวชิรวิคุณ #วัดปากน้ำ #พระครูสิริวิริยธาดา #วัดโสธรวราราม
    ยอมสึกแล้ว! "เจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย-ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ" เซ่นคลิปลับ "สีกากอล์ฟ" https://www.thai-tai.tv/news/20162/ . #สีกากอล์ฟ #พระเทพวชิรธีราภรณ์ #วัดพระพุทธฉาย #ลาสิกขา #บิ๊กเต่า #จรูญเกียรติปานแก้ว #ปปป #ปปท #วงการสงฆ์ #ข่าวฉาว #ทุจริต #ยักยอกเงินวัด #พระเทพวชิรวิคุณ #วัดปากน้ำ #พระครูสิริวิริยธาดา #วัดโสธรวราราม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • สินค้าไทยในซูเปอร์มาร์เกตกรุงพนมเปญเริ่มขาดแคลน ขณะผู้บริโภคต้องปรับตัวให้คุ้นเคยกับสินค้ายี่ห้อท้องถิ่นหรือที่นำเข้าจากประเทศอื่น บางคนบอกเศร้าหาซื้อนมดัชมิลล์ไม่ได้แล้ว รสชาติอาหารเช้าคงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ขณะครูศรีลังกาที่มาสอนในกัมพูชาเผยยังนึกไม่ออกว่าจะอยู่ได้โดยไม่กิน “มาม่า” อย่างไร

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000064782

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    สินค้าไทยในซูเปอร์มาร์เกตกรุงพนมเปญเริ่มขาดแคลน ขณะผู้บริโภคต้องปรับตัวให้คุ้นเคยกับสินค้ายี่ห้อท้องถิ่นหรือที่นำเข้าจากประเทศอื่น บางคนบอกเศร้าหาซื้อนมดัชมิลล์ไม่ได้แล้ว รสชาติอาหารเช้าคงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ขณะครูศรีลังกาที่มาสอนในกัมพูชาเผยยังนึกไม่ออกว่าจะอยู่ได้โดยไม่กิน “มาม่า” อย่างไร อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000064782 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 474 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​การปฏิบัติอริยสัจ ไม่มีทางที่จะขัดต่อหลักกาลามสูตร
    สัทธรรมลำดับที่ : 1046
    ชื่อบทธรรม :- การปฏิบัติอริยสัจ ไม่มีทางที่จะขัดต่อหลักกาลามสูตร
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1046
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --การปฏิบัติอริยสัจ ไม่มีทางที่จะขัดต่อหลักกาลามสูตร
    --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มาสู่เกสปุตตนิคม นี้
    แสดงวาทะอันเป็นลัทธิแห่งตน
    กล่าวบริภาษข่มขี่ครอบงำย่ำยีวาทะอันเป็นลัทธิอันเป็นของ สมณพราหมณ์เหล่าอื่น
    แม้สมณพราหมณ์พวกอื่นมาอีก ก็ยกย่องลัทธิของตน ข่มขี่ลัทธิ
    ของสมณพราหมณ์เหล่าอื่นเช่นเดียวกันอีก.
    พวกข้าพระองค์มีความข้องใจ มีความสงสัย ว่าสมณพราหมณ์เหล่านั้น
    พวกไหนพูดจริง พวกไหนพูดเท็จ พระเจ้าข้า !”
    --กาลามเอ๋ย ! ควรแล้วที่ท่านจะข้องใจ ควรแล้วที่ท่านจะสงสัย,
    ความสงสัยของท่านเกิดแล้ว ในฐานะที่ควรข้องใจ.

    (ก. ฝ่ายอกุศล)
    --กาลามทั้งหลายเอ๋ย ! มา (พูดกัน) เถิด ท่านทั้งหลาย :-
    ๑--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า ฟังตามๆ กันมา (อนุสฺสว) ;
    ๒--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า กระทำตามๆ กันมา (ปรมฺปร) ;
    ๓--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า เล่าลือกันอยู่ (อิติกิร) ;
    ๔--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า มีที่อ้างในปิฎก (ปิฏกสมฺปทาน) ;
    ๕--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า การใช้เหตุผลทางตรรกคาดคะเน (ตกฺกเหตุ) ;
    ๖--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า การใช้เหตุผลทางนัยะสันนิฏฐาน (นยเหตุ) ;
    ๗--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า การตรึกตามอาการ (อาการปริวิตกฺก) ;
    ๘--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า ทนต่อการเพ่งแห่งทิฏฐิ (ทิฏฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติ) ;
    ๙--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า ฟังดูน่าเชื่อ (ภพฺพรูปตา) ;
    ๑๐--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า สมณะผู้พูดเป็นครูของตน (สมโณโน ครุ).
    --กาลาม ท. ! เมื่อใดท่านทั้งหลาย รู้ด้วยตนเองว่า
    “ธรรมเหล่านี้เป็นอกุศล,
    ธรรมเหล่านี้ มีโทษ,
    ธรรมเหล่านี้ วิญญูชนติเตียน,
    ธรรมเหล่านี้ กระทำถึงมาตรฐานของมันแล้ว
    เป็นไปเพื่อความทุกข์ ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล,”
    ดังนี้แล้ว;
    เมื่อนั้น ท่านพึงละธรรมเหล่านั้นเสีย.
    --กาลาม ท. ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร?
    : ความโลภ เกิดขึ้นในบุคคลแล้ว เกิดเพื่อประโยชน์เกื้อกูลหรือมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล ?
    “เพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล พระเจ้าข้า !”
    บุคคลนั้นโลภแล้ว ความโลภครอบงำแล้ว ความโลภกลุ้มรุมจิตแล้ว
    ย่อมฆ่าสัตว์บ้าง
    ย่อมลักทรัพย์บ้าง
    ย่อมล่วงเกินบุตร, ภรรยาผู้อื่นบ้าง
    พูดเท็จบ้าง
    ชักชวนผู้อื่นในการกระทำเช่นนั้นบ้าง
    ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อความทุกข์ ไม่เกื้อกูลตลอดกาลนาน มิใช่หรือ ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    --กาลาม ท. ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร?
    : โทสะ เกิดขึ้นในบุคคลแล้ว เกิดเพื่อประโยชน์เกื้อกูลหรือมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล ?
    “เพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล พระเจ้าข้า !”
    บุคคลนั้นมีโทสะแล้ว โทสะครอบงำแล้ว โทสะกลุ้มรุมจิตแล้ว
    ย่อมฆ่าสัตว์บ้าง
    ย่อมลักทรัพย์บ้าง
    ย่อมล่วงเกินบุตร,ภรรยาผู้อื่นบ้าง
    พูดเท็จบ้าง
    ชักชวนผู้อื่นในการกระทำเช่นนั้นบ้าง
    ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อความทุกข์ ไม่เกื้อกูลตลอดกาลนาน มิใช่หรือ ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    --กาลาม ท. ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร?
    : โมหะ เกิดขึ้นในบุคคลแล้ว เกิดเพื่อประโยชน์เกื้อกูลหรือมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล ?
    “เพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล พระเจ้าข้า !”
    บุคคลนั้นมีโมหะแล้ว โมหะครอบงำแล้ว โมหะกลุ้มรุมจิตแล้ว
    ย่อมฆ่าสัตย์บ้าง
    ย่อมลักทรัพย์บ้าง
    ย่อมล่วงเกินบุตร, ภรรยาผู้อื่นบ้าง
    พูดเท็จบ้าง
    ชักชวนผู้อื่นในการกระทำเช่นนั้นบ้าง
    ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อความทุกข์ ไม่เกื้อกูลตลอดกาลนาน มิใช่หรือ ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    --กาลาม ท. ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร?
    : ธรรมทั้งหลาย (ตามที่กล่าวมา) เหล่านี้ เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล ?
    “เป็นอกุศล พระเจ้าข้า !”
    --มีโทษหรือไม่มีโทษ ?
    “มีโทษ พระเจ้าข้า !”
    วิญญูชนติเตียน หรือวิญญูชน สรรเสริญ ?
    “วิญญูชนติเตียน พระเจ้าข้า !”
    เมื่อประพฤติกระทำเต็มตามมาตรฐาน ของมันแล้ว เป็นไปเพื่อความทุกข์
    ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล หรือไม่ ?
    หรือว่าในเรื่องนี้ท่านมีความเห็นอย่างไร ?
    “เมื่อประพฤติกระทำเต็มตามมาตรฐานของมันแล้ว เป็นไปเพื่อความทุกข์
    ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล ในเรื่องนี้พวกข้าพระองค์มีความเห็นอย่างนี้ พระเจ้าข้า !”

    --กาลาม ท. ! เรา (อาศัยเหตุผลดังกล่าวมาแล้วข้างบนทั้งหมดนั้น)
    จึงกล่าวข้อความที่กล่าวว่า
    “กาลามทั้งหลายเอ๋ย ! มา (พูดกัน) เถิด ท่านทั้งหลาย :-
    ๑--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า ฟังตามๆ กันมา (อนุสฺสว) ;
    ๒--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า กระทำตามๆ กันมา (ปรมฺปร) ;
    ๓--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า เล่าลือกันอยู่ (อิติกิร) ;
    ๔--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า มีที่อ้างในปิฎก (ปิฏกสมฺปทาน) ;
    ๕--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า การใช้เหตุผลทางตรรก (ตกฺกเหตุ) ;
    ๖--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า การใช้เหตุผลทางนัยะ (นยเหตุ) ;
    ๗--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า การตรึกตามอาการ(อาการปริวิตกฺก) ;
    ๘--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า ทนต่อการเพ่งแห่งทิฏฐิ (ทิฏฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติ) ;
    ๙--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า ฟังดูน่าเชื่อ (ภพฺพรูปตา) ;
    ๑๐--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า สมณะผู้พูดเป็นครูของตน(สมโณโน ครุ).
    --กาลาม ท. ! เมื่อใดท่านทั้งหลายรู้ด้วยตนเองว่า
    “ธรรมเหล่านี้ เป็นอกุศล,
    ธรรมเหล่านี้ มีโทษ,
    ธรรมเหล่านี้ วิญญูชนติเตียน,
    ธรรมเหล่านี้ กระทำถึงมาตรฐานของมันแล้ว
    เป็นไปเพื่อความทุกข์ ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล” ดังนี้แล้ว ;
    เมื่อนั้น ท่านถึงละธรรมเหล่านั้นเสีย”
    ดังนี้ ซึ่งเรากล่าวแล้วเพราะอาศัยเหตุผลข้างต้นนั้น.

    ( ข. ฝ่ายกุศล)
    --กาลามทั้งหลายเอ๋ย ! มา (พูดกัน) เถิด ท่านทั้งหลาย :-
    ๑--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า ฟังตามๆ กันมา (อนุสฺสว) ;
    ๒--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า กระทำตามๆ กันมา (ปรมฺปร) ;
    ๓--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า เล่าลือกันอยู่ (อิติกิร) ;
    ๔--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า มีที่อ้างในปิฎก (ปิฏกสมฺปทาน) ;
    ๕--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า การใช้เหตุผลทางตรรกคาดคะเน (ตกฺกเหตุ) ;
    ๖--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า การใช้เหตุผลทางนัยะสันนิฏฐาน (นยเหตุ) ;
    ๗--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า การตรึกตามอาการ (อาการปริวิตกฺก) ;
    ๘--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า ทนต่อการเพ่งแห่งทิฏฐิ (ทิฏฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติ) ;
    ๙--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า ฟังดูน่าเชื่อ (ภพฺพรูปตา) ;
    ๑๐--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า สมณะผู้พูดเป็นครูของตน (สมโณโน ครุ).
    --กาลาม ท. ! เมื่อใดท่านทั้งหลาย รู้ด้วยตนเองว่า
    “ธรรมเหล่านี้ เป็นกุศล,
    ธรรมเหล่านี้ ไม่มีโทษ,
    ธรรมเหล่านี้ วิญญูชนสรรเสริญ,
    ธรรมเหล่านี้ กระทำถึงมาตรฐานของมันแล้ว
    เป็นไปเพื่อความสุข เป็นประโยชน์ เกื้อกูล,” ดังนี้แล้ว;
    เมื่อนั้น ท่าน พึงเข้าถึงธรรมเหล่านั้น แล้วแลอยู่เถิด.
    --กาลาม ท. ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร?
    : ความไม่โลภ เกิดขึ้นในบุคคลแล้ว เกิดเพื่อประโยชน์เกื้อกูล หรือมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล ?
    “เพื่อประโยชน์เกื้อกูล พระเจ้าข้า !”
    บุคคลนั้นไม่โลภแล้ว ความโลภไม่ครอบงำแล้ว ความโลภไม่กลุ้มรุมจิตแล้ว
    เขาย่อมไม่ฆ่าสัตว์
    ไม่ลักทรัพย์
    ไม่ล่วงเกินบุตร, ภรรยาผู้อื่น
    ไม่พูดเท็จ
    ชักชวนผู้อื่นในการกระทำเช่นนั้น
    ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อความสุข เป็นประโยชน์เกื้อกูล ตลอดกาลนาน มิใช่หรือ ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    --กาลาม ท. ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร ?
    : อโทสะ เกิดขึ้น ในบุคคลแล้ว เกิดเพื่อประโยชน์เกื้อกูล หรือมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล ?
    “เพื่อประโยชน์เกื้อกูล พระเจ้าข้า !”
    บุคคลนั้นไม่มีโทสะแล้ว โทสะไม่ครอบงำแล้ว โทสะไม่กลุ้มรุมจิตแล้ว
    เขาย่อมไม่ฆ่าสัตว์
    ไม่ลักทรัพย์
    ไม่ล่วงเกินบุตร, ภรรยาผู้อื่น
    ไม่พูดเท็จ
    ชักชวนผู้อื่นในการกระทำเช่นนั้น
    ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อความสุข เป็นประโยชน์เกื้อกูล ตลอดกาลนาน มิใช่หรือ ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    --กาลาม ท. ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร ?
    : อโมหะ เกิดขึ้น ในบุคคแล้ว เกิดเพื่อประโยชน์เกื้อกูล หรือมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล ?
    “เพื่อประโยชน์เกื้อกูล พระเจ้าข้า !”
    บุคคลนั้นไม่มีโมหะแล้ว โมหะไม่ครอบงำแล้ว โมหะไม่กลุ้มรุมจิตแล้ว
    เขาย่อมไม่ฆ่าสัตว์
    ไม่ลักทรัพย์
    ไม่ล่วงเกินบุตร, ภรรยาผู้อื่น
    ไม่พูดเท็จ
    ชักชวนผู้อื่นในการกระทำเช่นนั้น
    ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อความสุข เป็นประโยชน์เกื้อกูล ตลอดกาลนาน มิใช่หรือ ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    --กาลาม ท. ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร
    : ธรรมทั้งหลาย (ตามที่กล่าวมา) เหล่านี้ เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล ?
    “เป็นกุศล พระเจ้าข้า !”
    มี โทษหรือไม่มีโทษ ?
    “ไม่มีโทษ พระเจ้าข้า !”
    วิญญูชนติเตียน หรือวิญญูชน สรรเสริญ ?
    “วิญญูชนสรรเสริญ พระเจ้าข้า !”
    เมื่อประพฤติกระทำเต็มตาม มาตรฐานของมันแล้ว
    เป็นไปเพื่อความสุข เป็นประโยชน์เกื้อกูล หรือไม่ ?
    หรือว่า ในเรื่องนี้ท่านมีความเห็นอย่างไร ?
    “เมื่อประพฤติกระทำเต็มตามาตรฐานของมันแล้ว
    เป็นไปเพื่อความสุข เป็นประโยชน์เกื้อกูล
    ในเรื่องพวกนี้ข้าพระองค์มีความเห็น อย่างนี้ พระเจ้าข้า !”
    --กาลาม ท. ! เรา (อาศัยเหตุผลดังกล่าวมาแล้วข้างบนทั้งหมดนั้น)
    จึงกล่าวข้อความที่กล่าวว่า
    “กาลามทั้งหลายเอ๋ย ! มา (พูดกัน) เถิด ท่านทั้งหลาย :-
    ๑--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า ฟังตามๆ กันมา (อนุสฺสว) ;
    ๒--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า กระทำตามๆ กันมา (ปรมฺปร) ;
    ๓--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า เล่าลือกันอยู่ (อิติกิร) ;
    ๔--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า มีที่อ้างในปิฎก (ปิฏกสมฺปทาน) ;
    ๕--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า การใช้เหตุผลทางตรรก (ตกฺกเหตุ) ;
    ๖--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า การใช้เหตุผลทางนัยะ (นยเหตุ) ;
    ๗--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า การตรึกตามอาการ (อาการปริวิตกฺก) ;
    ๘--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า ทนต่อการเพ่งแห่งทิฏฐิ (ทิฏฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติ) ;
    ๙--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า ฟังดูน่าเชื่อ (ภพฺพรูปตา) ;
    ๑๐--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า สมณะผู้พูดเป็นครูของตน (สมโณโน ครุ).
    --กาลาม ท. ! เมื่อใด ท่านทั้งหลายรู้ด้วยตนเองว่า
    ‘ธรรมเหล่านี้ เป็นกุศล,
    ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ,
    ธรรมเหล่านี้ วิญญูชนสรรเสริญธรรมเหล่านี้
    กระทำถึงมาตรฐานของมันแล้ว
    เป็นไปเพื่อความสุข เป็นประโยชน์ เกื้อกูล’
    ดังนี้แล้ว ;
    เมื่อนั้น ท่านพึงเข้าถึงธรรมเหล่านั้น แล้วแลอยู่เถิด”
    ดังนี้
    ซึ่งเรากล่าวแล้วเพราะอาศัยเหตุผลข้างต้นนั้น.
    ----
    --กาลาม ท. ! อริยสาวกนั้น
    ปราศจากอภิชฌาอย่างนี้ ปราศจากพยาบาทอย่างนี้
    ไม่มีโมหะ มีสัมปชัญญะ มีสติเฉพาะหน้า

    +--มีจิตสหรคตด้วย เมตตา แผ่ไปสู่ทิศ (ที่) หนึ่ง
    และทิศที่สอง ที่สาม ที่สี่ ก็เหมือนอย่างนั้น,
    เธอแผ่ไปตลอดโลกทั้งสิ้น ในที่ทั้งปวง ทั้งเบื้องบนเบื้อต่ำและเบื้องขวาง
    ด้วยจิตอันเป็นไปกับด้วยเมตตา
    เป็นจิตไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท กว้างขวาง
    ประกอบด้วย คุณอันใหญ่หลวงไม่มีขีดจำกัด แล้วแลอยู่;

    +--มีจิตสหรคตด้วย กรุณา แผ่ไปสู่ทิศ (ที่) หนึ่ง
    และทิศที่สอง ที่สาม ที่สี่ ก็เหมือนอย่างนั้น,
    เธอแผ่ไปตลอดโลกทั้งสิ้น ในที่ทั้งปวง ทั้งเบื้อบนเบื้องต่ำและเบื้องขวาง
    ด้วยจิตอันเป็นไปกับด้วยกรุณา เป็นจิตไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท กว้างขวาง
    ประกอบด้วยคุณอันใหญ่หลวงไม่มีขีดจำกัด แล้วแลอยู่;

    +--มีจิตสหรคตด้วย มุทิตา แผ่ไปสู่ทิศ (ที่) หนึ่ง
    และทิศที่สอง ที่สาม ที่สี่ ก็เหมือนอย่างนั้น,
    เธอแผ่ไปตลอดโลกทั้งสิ้น ในที่ทั้งปวง ทั้งเบื้องบนเบื้องต่ำและเบื้องขวาง
    ด้วยจิตอันเป็นไปกับด้วยมุทิตา
    เป็นจิตไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท กว้างขวาง
    ประกอบด้วยคุณอันใหญ่หลวง ไม่มีขีดจำกัด แล้วแลอยู่ ;

    +--มีจิตสหรคตด้วย อุเบกขา แผ่ไปสู่ทิศ (ที่) หนึ่ง
    และทิศที่สอง ที่สาม ที่สี่ ก็เหมือนอย่างนั้น,
    เธอแผ่ไปตลอดโลกทั้งสิ้น ในที่ทั้งปวง ทั้งเบื้องบนเบื้องต่ำและเบื้องขวาง
    ด้วยจิตอันเป็นไปกับด้วยอุเบกขา
    เป็นจิตไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท กว้างขวาง
    ประกอบด้วยคุณอันใหญ่หลวงไม่มีขีดจำกัด แล้วแลอยู่.

    --กาลาม ท. ! อริยสาวกนั้น
    มีจิตไม่มีเวรอย่างนี้ มีจิตไม่พยาบาทอย่างนี้
    มีจิตไม่เศร้าหมองอย่างนี้ มีจิตหมดจดวิเศษอย่างนี้ แล้ว
    ความเบาใจ ๔ ประการ ย่อมเกิดมีแก่อริยสาวกนั้น ในทิฏฐธรรมเทียว ว่า
    “๑. ถ้าปรโลก มี ผลวิบากแห่งกรรมดีกรรมชั่วมี.
    ฐานะที่จะมีได้ก็คือ
    เราจักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ภายหลังแต่การตาย
    เพราะการทำลายแห่งกาย เพราะเหตุนั้น
    ดังนี้
    : นี้เป็นความเบาใจประการที่หนึ่ง ที่เกิดมีแก่อริยสาวกนั้น.
    ๒. ถ้าปรโลก ไม่มี ผลวิบากแห่งกรรมดีกรรมชั่วไม่มี,
    เรา ที่นี่ในทิฏฐธรรมนี้แหละ
    ก็บริหารตนอยู่เป็นสุข ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท ไม่มีทุกข์
    ดังนี้
    : นี้เป็นความเบาใจประการที่สอง ที่เกิดมีแก่อริยสาวกนั้น.
    ๓. ถ้าบาปเป็นอันกระทำสำหรับผู้กระทำ,
    ส่วนเราไม่ได้คิดจะทำบาปไรๆ
    ทุกข์จักถูกต้องเราผู้มิได้ทำบาปอยู่ แต่ที่ไหน
    ดังนี้
    : นี้เป็นความเบาใจประการที่สาม ที่เกิดมีแก่อริยสาวกนั้น.
    ๔. ถ้าบาปไม่เป็นอันกระทำสำหรับผู้กระทำ อยู่แล้วไซร้,
    ที่นี่ เราก็มองเห็นตนว่าบริสุทธิ์หมดจดอยู่ โดยโลกทั้งสอง
    ดังนี้
    : นี้เป็นความเบาใจประการที่สี่ ที่เกิดมีแก่อริยสาวกนั้น.

    --กาลาม ท. ! อริยสาวกนั้น มีจิตไม่มีเวรอย่างนี้
    มีจิตไม่พยาบาทอย่างนี้ มีจิตไม่เศร้าหมองอย่างนี้ มีจิตหมดจดวิเศษอย่างนี้ แล้ว
    ความเบาใจ ๔ ประการเหล่านี้ ย่อมเกิดมีแก่อริยสาวกนั้น ในทิฏฐธรรมเทียว.
    http://etipitaka.com/read/pali/20/248/?keywords=อริยสาวโก
    “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ! ข้อนั้นเป็นอย่างนั้น.
    ข้าแต่พระสุคต ! ข้อนั้น เป็นอย่างนั้น.
    ”(ชาวกาลามเหล่านั้น
    รับสนองพระพุทธดำรัสกล่าวย้ำข้อความนี้อีกครั้งหนึ่ง ด้วยตน เอง,
    แล้วทูลสรรเสริญพระธรรมเทศนา ประกาศตนเป็นอุบาสก).-

    (ผู้ศึกษาอาจจะสังเกตเห็นได้เองว่า
    การศึกษาและปฏิบัติตามหลักอริยสัจสี่ประการนั้น
    จะไม่เป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักกาลามสูตรทั้งสิบประการแต่อย่างใด
    เพราะมีเหตุผลที่แสดงชัดอยู่ในตัวเองว่า
    ทุกข์เป็นอย่างไร
    เหตุให้เกิดทุกข์เป็นอย่างไร
    ความดับทุกข์เป็นอย่างไร
    มรรคอาจจะดับทุกข์ได้แท้จริงอย่างไร
    โดยไม่ต้อเชื่อคำบอกตามๆ กันมา ไม่ต้องดูการประพฤติตามๆ กันมา
    หรือเชื่อตามคำเล่าลือ หรืออ้างว่ามีอยู่ในตำรา หรือใช้เหตุผลตามทางตรรก
    หรือตามทางนัยะคือปรัชญา หรือตรึกตามสามัญสำนึก
    หรือเพราะเข้ากันได้กับเหตุผลของตน หรือผู้พูดอยู่ในฐานะน่าเชื่อ
    หรือผู้พูดเป็นครูของตน ซึ่งพระองค์เองก็ได้ตรัสย้ำในข้อนี้อยู่เสมอ.
    เป็นอัน กล่าวได้ว่า
    ความรู้และการปฏิบัติในอริยสัจทั้งสี่นี้
    ไม่มีทางที่จะเป็นเรื่องงมงาย หรือสีลัพพัตตปรามาส
    อันขัดต่อหลักกาลามสูตร แต่อย่างใด).

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ติก. อํ. 20/179-187/505.
    http://etipitaka.com/read/thai/20/179/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%90%E0%B9%95
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ติก. อํ. ๒๐/๒๔๑-๒๔๘/๕๐๕.
    http://etipitaka.com/read/pali/20/241/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%90%E0%B9%95
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1046
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=91&id=1046
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=91
    ลำดับสาธยายธรรม : 91 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_91.mp3
    อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​การปฏิบัติอริยสัจ ไม่มีทางที่จะขัดต่อหลักกาลามสูตร สัทธรรมลำดับที่ : 1046 ชื่อบทธรรม :- การปฏิบัติอริยสัจ ไม่มีทางที่จะขัดต่อหลักกาลามสูตร https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1046 เนื้อความทั้งหมด :- --การปฏิบัติอริยสัจ ไม่มีทางที่จะขัดต่อหลักกาลามสูตร --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มาสู่เกสปุตตนิคม นี้ แสดงวาทะอันเป็นลัทธิแห่งตน กล่าวบริภาษข่มขี่ครอบงำย่ำยีวาทะอันเป็นลัทธิอันเป็นของ สมณพราหมณ์เหล่าอื่น แม้สมณพราหมณ์พวกอื่นมาอีก ก็ยกย่องลัทธิของตน ข่มขี่ลัทธิ ของสมณพราหมณ์เหล่าอื่นเช่นเดียวกันอีก. พวกข้าพระองค์มีความข้องใจ มีความสงสัย ว่าสมณพราหมณ์เหล่านั้น พวกไหนพูดจริง พวกไหนพูดเท็จ พระเจ้าข้า !” --กาลามเอ๋ย ! ควรแล้วที่ท่านจะข้องใจ ควรแล้วที่ท่านจะสงสัย, ความสงสัยของท่านเกิดแล้ว ในฐานะที่ควรข้องใจ. (ก. ฝ่ายอกุศล) --กาลามทั้งหลายเอ๋ย ! มา (พูดกัน) เถิด ท่านทั้งหลาย :- ๑--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า ฟังตามๆ กันมา (อนุสฺสว) ; ๒--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า กระทำตามๆ กันมา (ปรมฺปร) ; ๓--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า เล่าลือกันอยู่ (อิติกิร) ; ๔--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า มีที่อ้างในปิฎก (ปิฏกสมฺปทาน) ; ๕--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า การใช้เหตุผลทางตรรกคาดคะเน (ตกฺกเหตุ) ; ๖--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า การใช้เหตุผลทางนัยะสันนิฏฐาน (นยเหตุ) ; ๗--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า การตรึกตามอาการ (อาการปริวิตกฺก) ; ๘--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า ทนต่อการเพ่งแห่งทิฏฐิ (ทิฏฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติ) ; ๙--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า ฟังดูน่าเชื่อ (ภพฺพรูปตา) ; ๑๐--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า สมณะผู้พูดเป็นครูของตน (สมโณโน ครุ). --กาลาม ท. ! เมื่อใดท่านทั้งหลาย รู้ด้วยตนเองว่า “ธรรมเหล่านี้เป็นอกุศล, ธรรมเหล่านี้ มีโทษ, ธรรมเหล่านี้ วิญญูชนติเตียน, ธรรมเหล่านี้ กระทำถึงมาตรฐานของมันแล้ว เป็นไปเพื่อความทุกข์ ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล,” ดังนี้แล้ว; เมื่อนั้น ท่านพึงละธรรมเหล่านั้นเสีย. --กาลาม ท. ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร? : ความโลภ เกิดขึ้นในบุคคลแล้ว เกิดเพื่อประโยชน์เกื้อกูลหรือมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล ? “เพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล พระเจ้าข้า !” บุคคลนั้นโลภแล้ว ความโลภครอบงำแล้ว ความโลภกลุ้มรุมจิตแล้ว ย่อมฆ่าสัตว์บ้าง ย่อมลักทรัพย์บ้าง ย่อมล่วงเกินบุตร, ภรรยาผู้อื่นบ้าง พูดเท็จบ้าง ชักชวนผู้อื่นในการกระทำเช่นนั้นบ้าง ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อความทุกข์ ไม่เกื้อกูลตลอดกาลนาน มิใช่หรือ ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --กาลาม ท. ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร? : โทสะ เกิดขึ้นในบุคคลแล้ว เกิดเพื่อประโยชน์เกื้อกูลหรือมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล ? “เพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล พระเจ้าข้า !” บุคคลนั้นมีโทสะแล้ว โทสะครอบงำแล้ว โทสะกลุ้มรุมจิตแล้ว ย่อมฆ่าสัตว์บ้าง ย่อมลักทรัพย์บ้าง ย่อมล่วงเกินบุตร,ภรรยาผู้อื่นบ้าง พูดเท็จบ้าง ชักชวนผู้อื่นในการกระทำเช่นนั้นบ้าง ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อความทุกข์ ไม่เกื้อกูลตลอดกาลนาน มิใช่หรือ ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --กาลาม ท. ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร? : โมหะ เกิดขึ้นในบุคคลแล้ว เกิดเพื่อประโยชน์เกื้อกูลหรือมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล ? “เพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล พระเจ้าข้า !” บุคคลนั้นมีโมหะแล้ว โมหะครอบงำแล้ว โมหะกลุ้มรุมจิตแล้ว ย่อมฆ่าสัตย์บ้าง ย่อมลักทรัพย์บ้าง ย่อมล่วงเกินบุตร, ภรรยาผู้อื่นบ้าง พูดเท็จบ้าง ชักชวนผู้อื่นในการกระทำเช่นนั้นบ้าง ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อความทุกข์ ไม่เกื้อกูลตลอดกาลนาน มิใช่หรือ ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --กาลาม ท. ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร? : ธรรมทั้งหลาย (ตามที่กล่าวมา) เหล่านี้ เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล ? “เป็นอกุศล พระเจ้าข้า !” --มีโทษหรือไม่มีโทษ ? “มีโทษ พระเจ้าข้า !” วิญญูชนติเตียน หรือวิญญูชน สรรเสริญ ? “วิญญูชนติเตียน พระเจ้าข้า !” เมื่อประพฤติกระทำเต็มตามมาตรฐาน ของมันแล้ว เป็นไปเพื่อความทุกข์ ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล หรือไม่ ? หรือว่าในเรื่องนี้ท่านมีความเห็นอย่างไร ? “เมื่อประพฤติกระทำเต็มตามมาตรฐานของมันแล้ว เป็นไปเพื่อความทุกข์ ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล ในเรื่องนี้พวกข้าพระองค์มีความเห็นอย่างนี้ พระเจ้าข้า !” --กาลาม ท. ! เรา (อาศัยเหตุผลดังกล่าวมาแล้วข้างบนทั้งหมดนั้น) จึงกล่าวข้อความที่กล่าวว่า “กาลามทั้งหลายเอ๋ย ! มา (พูดกัน) เถิด ท่านทั้งหลาย :- ๑--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า ฟังตามๆ กันมา (อนุสฺสว) ; ๒--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า กระทำตามๆ กันมา (ปรมฺปร) ; ๓--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า เล่าลือกันอยู่ (อิติกิร) ; ๔--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า มีที่อ้างในปิฎก (ปิฏกสมฺปทาน) ; ๕--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า การใช้เหตุผลทางตรรก (ตกฺกเหตุ) ; ๖--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า การใช้เหตุผลทางนัยะ (นยเหตุ) ; ๗--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า การตรึกตามอาการ(อาการปริวิตกฺก) ; ๘--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า ทนต่อการเพ่งแห่งทิฏฐิ (ทิฏฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติ) ; ๙--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า ฟังดูน่าเชื่อ (ภพฺพรูปตา) ; ๑๐--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า สมณะผู้พูดเป็นครูของตน(สมโณโน ครุ). --กาลาม ท. ! เมื่อใดท่านทั้งหลายรู้ด้วยตนเองว่า “ธรรมเหล่านี้ เป็นอกุศล, ธรรมเหล่านี้ มีโทษ, ธรรมเหล่านี้ วิญญูชนติเตียน, ธรรมเหล่านี้ กระทำถึงมาตรฐานของมันแล้ว เป็นไปเพื่อความทุกข์ ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล” ดังนี้แล้ว ; เมื่อนั้น ท่านถึงละธรรมเหล่านั้นเสีย” ดังนี้ ซึ่งเรากล่าวแล้วเพราะอาศัยเหตุผลข้างต้นนั้น. ( ข. ฝ่ายกุศล) --กาลามทั้งหลายเอ๋ย ! มา (พูดกัน) เถิด ท่านทั้งหลาย :- ๑--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า ฟังตามๆ กันมา (อนุสฺสว) ; ๒--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า กระทำตามๆ กันมา (ปรมฺปร) ; ๓--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า เล่าลือกันอยู่ (อิติกิร) ; ๔--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า มีที่อ้างในปิฎก (ปิฏกสมฺปทาน) ; ๕--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า การใช้เหตุผลทางตรรกคาดคะเน (ตกฺกเหตุ) ; ๖--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า การใช้เหตุผลทางนัยะสันนิฏฐาน (นยเหตุ) ; ๗--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า การตรึกตามอาการ (อาการปริวิตกฺก) ; ๘--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า ทนต่อการเพ่งแห่งทิฏฐิ (ทิฏฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติ) ; ๙--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า ฟังดูน่าเชื่อ (ภพฺพรูปตา) ; ๑๐--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า สมณะผู้พูดเป็นครูของตน (สมโณโน ครุ). --กาลาม ท. ! เมื่อใดท่านทั้งหลาย รู้ด้วยตนเองว่า “ธรรมเหล่านี้ เป็นกุศล, ธรรมเหล่านี้ ไม่มีโทษ, ธรรมเหล่านี้ วิญญูชนสรรเสริญ, ธรรมเหล่านี้ กระทำถึงมาตรฐานของมันแล้ว เป็นไปเพื่อความสุข เป็นประโยชน์ เกื้อกูล,” ดังนี้แล้ว; เมื่อนั้น ท่าน พึงเข้าถึงธรรมเหล่านั้น แล้วแลอยู่เถิด. --กาลาม ท. ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร? : ความไม่โลภ เกิดขึ้นในบุคคลแล้ว เกิดเพื่อประโยชน์เกื้อกูล หรือมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล ? “เพื่อประโยชน์เกื้อกูล พระเจ้าข้า !” บุคคลนั้นไม่โลภแล้ว ความโลภไม่ครอบงำแล้ว ความโลภไม่กลุ้มรุมจิตแล้ว เขาย่อมไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ล่วงเกินบุตร, ภรรยาผู้อื่น ไม่พูดเท็จ ชักชวนผู้อื่นในการกระทำเช่นนั้น ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อความสุข เป็นประโยชน์เกื้อกูล ตลอดกาลนาน มิใช่หรือ ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --กาลาม ท. ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร ? : อโทสะ เกิดขึ้น ในบุคคลแล้ว เกิดเพื่อประโยชน์เกื้อกูล หรือมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล ? “เพื่อประโยชน์เกื้อกูล พระเจ้าข้า !” บุคคลนั้นไม่มีโทสะแล้ว โทสะไม่ครอบงำแล้ว โทสะไม่กลุ้มรุมจิตแล้ว เขาย่อมไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ล่วงเกินบุตร, ภรรยาผู้อื่น ไม่พูดเท็จ ชักชวนผู้อื่นในการกระทำเช่นนั้น ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อความสุข เป็นประโยชน์เกื้อกูล ตลอดกาลนาน มิใช่หรือ ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --กาลาม ท. ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร ? : อโมหะ เกิดขึ้น ในบุคคแล้ว เกิดเพื่อประโยชน์เกื้อกูล หรือมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล ? “เพื่อประโยชน์เกื้อกูล พระเจ้าข้า !” บุคคลนั้นไม่มีโมหะแล้ว โมหะไม่ครอบงำแล้ว โมหะไม่กลุ้มรุมจิตแล้ว เขาย่อมไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ล่วงเกินบุตร, ภรรยาผู้อื่น ไม่พูดเท็จ ชักชวนผู้อื่นในการกระทำเช่นนั้น ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อความสุข เป็นประโยชน์เกื้อกูล ตลอดกาลนาน มิใช่หรือ ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --กาลาม ท. ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร : ธรรมทั้งหลาย (ตามที่กล่าวมา) เหล่านี้ เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล ? “เป็นกุศล พระเจ้าข้า !” มี โทษหรือไม่มีโทษ ? “ไม่มีโทษ พระเจ้าข้า !” วิญญูชนติเตียน หรือวิญญูชน สรรเสริญ ? “วิญญูชนสรรเสริญ พระเจ้าข้า !” เมื่อประพฤติกระทำเต็มตาม มาตรฐานของมันแล้ว เป็นไปเพื่อความสุข เป็นประโยชน์เกื้อกูล หรือไม่ ? หรือว่า ในเรื่องนี้ท่านมีความเห็นอย่างไร ? “เมื่อประพฤติกระทำเต็มตามาตรฐานของมันแล้ว เป็นไปเพื่อความสุข เป็นประโยชน์เกื้อกูล ในเรื่องพวกนี้ข้าพระองค์มีความเห็น อย่างนี้ พระเจ้าข้า !” --กาลาม ท. ! เรา (อาศัยเหตุผลดังกล่าวมาแล้วข้างบนทั้งหมดนั้น) จึงกล่าวข้อความที่กล่าวว่า “กาลามทั้งหลายเอ๋ย ! มา (พูดกัน) เถิด ท่านทั้งหลาย :- ๑--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า ฟังตามๆ กันมา (อนุสฺสว) ; ๒--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า กระทำตามๆ กันมา (ปรมฺปร) ; ๓--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า เล่าลือกันอยู่ (อิติกิร) ; ๔--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า มีที่อ้างในปิฎก (ปิฏกสมฺปทาน) ; ๕--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า การใช้เหตุผลทางตรรก (ตกฺกเหตุ) ; ๖--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า การใช้เหตุผลทางนัยะ (นยเหตุ) ; ๗--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า การตรึกตามอาการ (อาการปริวิตกฺก) ; ๘--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า ทนต่อการเพ่งแห่งทิฏฐิ (ทิฏฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติ) ; ๙--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า ฟังดูน่าเชื่อ (ภพฺพรูปตา) ; ๑๐--อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า สมณะผู้พูดเป็นครูของตน (สมโณโน ครุ). --กาลาม ท. ! เมื่อใด ท่านทั้งหลายรู้ด้วยตนเองว่า ‘ธรรมเหล่านี้ เป็นกุศล, ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ, ธรรมเหล่านี้ วิญญูชนสรรเสริญธรรมเหล่านี้ กระทำถึงมาตรฐานของมันแล้ว เป็นไปเพื่อความสุข เป็นประโยชน์ เกื้อกูล’ ดังนี้แล้ว ; เมื่อนั้น ท่านพึงเข้าถึงธรรมเหล่านั้น แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้ ซึ่งเรากล่าวแล้วเพราะอาศัยเหตุผลข้างต้นนั้น. ---- --กาลาม ท. ! อริยสาวกนั้น ปราศจากอภิชฌาอย่างนี้ ปราศจากพยาบาทอย่างนี้ ไม่มีโมหะ มีสัมปชัญญะ มีสติเฉพาะหน้า +--มีจิตสหรคตด้วย เมตตา แผ่ไปสู่ทิศ (ที่) หนึ่ง และทิศที่สอง ที่สาม ที่สี่ ก็เหมือนอย่างนั้น, เธอแผ่ไปตลอดโลกทั้งสิ้น ในที่ทั้งปวง ทั้งเบื้องบนเบื้อต่ำและเบื้องขวาง ด้วยจิตอันเป็นไปกับด้วยเมตตา เป็นจิตไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท กว้างขวาง ประกอบด้วย คุณอันใหญ่หลวงไม่มีขีดจำกัด แล้วแลอยู่; +--มีจิตสหรคตด้วย กรุณา แผ่ไปสู่ทิศ (ที่) หนึ่ง และทิศที่สอง ที่สาม ที่สี่ ก็เหมือนอย่างนั้น, เธอแผ่ไปตลอดโลกทั้งสิ้น ในที่ทั้งปวง ทั้งเบื้อบนเบื้องต่ำและเบื้องขวาง ด้วยจิตอันเป็นไปกับด้วยกรุณา เป็นจิตไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท กว้างขวาง ประกอบด้วยคุณอันใหญ่หลวงไม่มีขีดจำกัด แล้วแลอยู่; +--มีจิตสหรคตด้วย มุทิตา แผ่ไปสู่ทิศ (ที่) หนึ่ง และทิศที่สอง ที่สาม ที่สี่ ก็เหมือนอย่างนั้น, เธอแผ่ไปตลอดโลกทั้งสิ้น ในที่ทั้งปวง ทั้งเบื้องบนเบื้องต่ำและเบื้องขวาง ด้วยจิตอันเป็นไปกับด้วยมุทิตา เป็นจิตไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท กว้างขวาง ประกอบด้วยคุณอันใหญ่หลวง ไม่มีขีดจำกัด แล้วแลอยู่ ; +--มีจิตสหรคตด้วย อุเบกขา แผ่ไปสู่ทิศ (ที่) หนึ่ง และทิศที่สอง ที่สาม ที่สี่ ก็เหมือนอย่างนั้น, เธอแผ่ไปตลอดโลกทั้งสิ้น ในที่ทั้งปวง ทั้งเบื้องบนเบื้องต่ำและเบื้องขวาง ด้วยจิตอันเป็นไปกับด้วยอุเบกขา เป็นจิตไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท กว้างขวาง ประกอบด้วยคุณอันใหญ่หลวงไม่มีขีดจำกัด แล้วแลอยู่. --กาลาม ท. ! อริยสาวกนั้น มีจิตไม่มีเวรอย่างนี้ มีจิตไม่พยาบาทอย่างนี้ มีจิตไม่เศร้าหมองอย่างนี้ มีจิตหมดจดวิเศษอย่างนี้ แล้ว ความเบาใจ ๔ ประการ ย่อมเกิดมีแก่อริยสาวกนั้น ในทิฏฐธรรมเทียว ว่า “๑. ถ้าปรโลก มี ผลวิบากแห่งกรรมดีกรรมชั่วมี. ฐานะที่จะมีได้ก็คือ เราจักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ภายหลังแต่การตาย เพราะการทำลายแห่งกาย เพราะเหตุนั้น ดังนี้ : นี้เป็นความเบาใจประการที่หนึ่ง ที่เกิดมีแก่อริยสาวกนั้น. ๒. ถ้าปรโลก ไม่มี ผลวิบากแห่งกรรมดีกรรมชั่วไม่มี, เรา ที่นี่ในทิฏฐธรรมนี้แหละ ก็บริหารตนอยู่เป็นสุข ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท ไม่มีทุกข์ ดังนี้ : นี้เป็นความเบาใจประการที่สอง ที่เกิดมีแก่อริยสาวกนั้น. ๓. ถ้าบาปเป็นอันกระทำสำหรับผู้กระทำ, ส่วนเราไม่ได้คิดจะทำบาปไรๆ ทุกข์จักถูกต้องเราผู้มิได้ทำบาปอยู่ แต่ที่ไหน ดังนี้ : นี้เป็นความเบาใจประการที่สาม ที่เกิดมีแก่อริยสาวกนั้น. ๔. ถ้าบาปไม่เป็นอันกระทำสำหรับผู้กระทำ อยู่แล้วไซร้, ที่นี่ เราก็มองเห็นตนว่าบริสุทธิ์หมดจดอยู่ โดยโลกทั้งสอง ดังนี้ : นี้เป็นความเบาใจประการที่สี่ ที่เกิดมีแก่อริยสาวกนั้น. --กาลาม ท. ! อริยสาวกนั้น มีจิตไม่มีเวรอย่างนี้ มีจิตไม่พยาบาทอย่างนี้ มีจิตไม่เศร้าหมองอย่างนี้ มีจิตหมดจดวิเศษอย่างนี้ แล้ว ความเบาใจ ๔ ประการเหล่านี้ ย่อมเกิดมีแก่อริยสาวกนั้น ในทิฏฐธรรมเทียว. http://etipitaka.com/read/pali/20/248/?keywords=อริยสาวโก “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ! ข้อนั้นเป็นอย่างนั้น. ข้าแต่พระสุคต ! ข้อนั้น เป็นอย่างนั้น. ”(ชาวกาลามเหล่านั้น รับสนองพระพุทธดำรัสกล่าวย้ำข้อความนี้อีกครั้งหนึ่ง ด้วยตน เอง, แล้วทูลสรรเสริญพระธรรมเทศนา ประกาศตนเป็นอุบาสก).- (ผู้ศึกษาอาจจะสังเกตเห็นได้เองว่า การศึกษาและปฏิบัติตามหลักอริยสัจสี่ประการนั้น จะไม่เป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักกาลามสูตรทั้งสิบประการแต่อย่างใด เพราะมีเหตุผลที่แสดงชัดอยู่ในตัวเองว่า ทุกข์เป็นอย่างไร เหตุให้เกิดทุกข์เป็นอย่างไร ความดับทุกข์เป็นอย่างไร มรรคอาจจะดับทุกข์ได้แท้จริงอย่างไร โดยไม่ต้อเชื่อคำบอกตามๆ กันมา ไม่ต้องดูการประพฤติตามๆ กันมา หรือเชื่อตามคำเล่าลือ หรืออ้างว่ามีอยู่ในตำรา หรือใช้เหตุผลตามทางตรรก หรือตามทางนัยะคือปรัชญา หรือตรึกตามสามัญสำนึก หรือเพราะเข้ากันได้กับเหตุผลของตน หรือผู้พูดอยู่ในฐานะน่าเชื่อ หรือผู้พูดเป็นครูของตน ซึ่งพระองค์เองก็ได้ตรัสย้ำในข้อนี้อยู่เสมอ. เป็นอัน กล่าวได้ว่า ความรู้และการปฏิบัติในอริยสัจทั้งสี่นี้ ไม่มีทางที่จะเป็นเรื่องงมงาย หรือสีลัพพัตตปรามาส อันขัดต่อหลักกาลามสูตร แต่อย่างใด). #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ติก. อํ. 20/179-187/505. http://etipitaka.com/read/thai/20/179/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%90%E0%B9%95 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ติก. อํ. ๒๐/๒๔๑-๒๔๘/๕๐๕. http://etipitaka.com/read/pali/20/241/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%90%E0%B9%95 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1046 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=91&id=1046 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=91 ลำดับสาธยายธรรม : 91 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_91.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - การปฏิบัติอริยสัจ ไม่มีทางที่จะขัดต่อหลักกาลามสูตร
    -การปฏิบัติอริยสัจ ไม่มีทางที่จะขัดต่อหลักกาลามสูตร “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มาสู่เกสปุตตนิคมนี้ แสดงวาทะอันเป็นลัทธิแห่งตน กล่าวบริภาษข่มขี่ครอบงำย่ำยีวาทะอันเป็นลัทธิอันเป็นของ สมณพราหมณ์เหล่าอื่น แม้สมณพราหมณ์พวกอื่นมาอีก ก็ยกย่องลัทธิของตน ข่มขี่ลัทธิ ของสมณพราหมณ์เหล่าอื่นเช่นเดียวกันอีก. พวกข้าพระองค์มีความข้องใจ มีความสงสัย ว่าสมณพราหมณ์เหล่านั้น พวกไหนพูดจริง พวกไหนพูดเท็จ พระเจ้าข้า !” กาลามเอ๋ย ! ควรแล้วที่ท่านจะข้องใจ ควรแล้วที่ท่านจะสงสัย, ความสงสัยของท่านเกิดแล้ว ในฐานะที่ควรข้องใจ. (ก. ฝ่ายอกุศล) กาลามทั้งหลายเอ๋ย ! มา (พูดกัน) เถิด ท่านทั้งหลาย : อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่าฟังตามๆ กันมา (อนุสฺสว) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่ากระทำตามๆ กันมา (ปรมฺปร) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่าเล่าลือกันอยู่ (อิติกิร) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่ามีที่อ้างในปิฎก (ปิฏกสมฺปทาน) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า การใช้เหตุผลทางตรรกคาดคะเน (ตกฺกเหตุ) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า การใช้เหตุผลทางนัยะสันนิฏฐาน (นยเหตุ) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่าการตรึกตามอาการ (อาการปริวิตกฺก) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่าทนต่อการเพ่งแห่งทิฏฐิ (ทิฏฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติ) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่าฟังดูน่าเชื่อ (ภพฺพรูปตา) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่าสมณะผู้พูดเป็นครูของตน (สมโณโน ครุ). กาลาม ท. ! เมื่อใดท่านทั้งหลาย รู้ด้วยตนเองว่า “ธรรมเหล่านี้เป็นอกุศล, ธรรมเหล่านี้ มีโทษ, ธรรมเหล่านี้ วิญญูชนติเตียน, ธรรมเหล่านี้ กระทำถึงมาตรฐานของมันแล้ว เป็นไปเพื่อความทุกข์ ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล,” ดังนี้แล้ว; เมื่อนั้น ท่าน พึงละธรรมเหล่านั้นเสีย. กาลาม ท. ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร : ความโลภ เกิดขึ้นในบุคคลแล้ว เกิดเพื่อประโยชน์เกื้อกูลหรือมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล ? “เพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล พระเจ้าข้า !” บุคคลนั้นโลภแล้ว ความโลภครอบงำแล้ว ความโลภกลุ้มรุมจิตแล้ว ย่อมฆ่าสัตว์บ้าง ย่อมลักทรัพย์บ้าง ย่อมล่วงเกินภรรยา ผู้อื่นบ้าง พูดเท็จบ้าง ชักชวนผู้อื่นในการกระทำเช่นนั้นบ้าง ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อความทุกข์ ไม่เกื้อกูลตลอดกาลนาน มิใช่หรือ ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” กาลาม ท. ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร : โทสะ เกิดขึ้นในบุคคลแล้ว เกิดเพื่อประโยชน์เกื้อกูลหรือมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล ? “เพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล พระเจ้าข้า !” บุคคลนั้นมีโทสะแล้ว โทสะครอบงำแล้ว โทสะกลุ้มรุมจิตแล้ว ย่อมฆ่าสัตว์บ้าง ย่อมลักทรัพย์บ้าง ย่อมล่วงเกินภรรยาผู้อื่นบ้าง พูดเท็จบ้าง ชักชวนผู้อื่นในการกระทำเช่นนั้นบ้าง ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อความทุกข์ ไม่เกื้อกูลตลอดกาลนาน มิใช่หรือ ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” กาลาม ท. ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร : โมหะ เกิดขึ้นในบุคคลแล้ว เกิดเพื่อประโยชน์เกื้อกูลหรือมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล ? “เพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล พระเจ้าข้า !” บุคคลนั้นมีโมหะแล้ว โมหะครอบงำแล้ว โมหะกลุ้มรุมจิตแล้ว ย่อมฆ่าสัตย์บ้าง ย่อมลักทรัพย์บ้าง ย่อมล่วงเกินภรรยาผู้อื่นบ้าง พูดเท็จบ้าง ชักชวนผู้อื่นในการกระทำเช่นนั้นบ้าง ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อความทุกข์ ไม่เกื้อกูลตลอดกาลนาน มิใช่หรือ ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” กาลาม ท. ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร : ธรรมทั้งหลาย (ตามที่กล่าวมา) เหล่านี้ เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล ? “เป็นอกุศล พระเจ้าข้า !” มีโทษหรือไม่มีโทษ ? “มีโทษ พระเจ้าข้า !” วิญญูชนติเตียน หรือวิญญูชน สรรเสริญ ? “วิญญูชนติเตียน พระเจ้าข้า !” เมื่อประพฤติกระทำเต็มตามมาตรฐาน ของมันแล้ว เป็นไปเพื่อความทุกข์ ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล หรือไม่ ? หรือว่าในเรื่องนี้ท่านมีความเห็นอย่างไร ? “เมื่อประพฤติกระทำเต็มตามมาตรฐานของมันแล้ว เป็นไปเพื่อความทุกข์ ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล ในเรื่องนี้พวกข้าพระองค์มีความเห็นอย่างนี้ พระเจ้าข้า !” กาลาม ท. ! เรา (อาศัยเหตุผลดังกล่าวมาแล้วข้างบนทั้งหมดนั้น) จึงกล่าวข้อความที่กล่าวว่า “กาลามทั้งหลายเอ๋ย ! มา (พูดกัน) เถิด ท่านทั้งหลาย : อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่าฟังตามๆ กันมา (อนุสฺสว) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่ากระทำตามๆ กันมา (ปรมฺปร) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่าเล่าลือกันอยู่ (อิติกิร) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่ามีที่อ้างในปิฎก (ปิฏกสมฺปทาน) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่าการใช้เหตุผลทางตรรก (ตกฺกเหตุ) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่าการใช้เหตุผลทางนัยะ (นยเหตุ) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่าการตรึกตามอาการ(อาการปริวิตกฺก) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่าทนต่อการเพ่งแห่งทิฏฐิ (ทิฏฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติ) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่าฟังดูน่าเชื่อ (ภพฺพรูปตา) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่าสมณะผู้พูดเป็นครูของตน(สมโณโน ครุ). กาลาม ท. ! เมื่อใดท่านทั้งหลายรู้ด้วยตนเองว่า “ธรรมเหล่านี้ เป็นอกุศล, ธรรมเหล่านี้ มีโทษ, ธรรมเหล่านี้ วิญญูชนติเตียน, ธรรมเหล่านี้ กระทำถึงมาตรฐานของมันแล้ว เป็นไปเพื่อความทุกข์ ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล” ดังนี้แล้ว ; เมื่อนั้น ท่านถึงละธรรมเหล่านั้นเสีย” ดังนี้ ซึ่งเรากล่าวแล้วเพราะอาศัยเหตุผลข้างต้นนั้น. ( ข. ฝ่ายกุศล) กาลามทั้งหลายเอ๋ย ! มา (พูดกัน) เถิด ท่านทั้งหลาย : อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่าฟังตามๆ กันมา (อนุสฺสว) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่ากระทำตามๆ กันมา (ปรมฺปร) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่าเล่าลือกันอยู่ (อิติกิร) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่ามีที่อ้างในปิฎก (ปิฏกสมฺปทาน) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า การใช้เหตุผลทางตรรกคาดคะเน (ตกฺกเหตุ) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า การใช้เหตุผลทางนัยะสันนิฏฐาน (นยเหตุ) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่าการตรึกตามอาการ (อาการปริวิตกฺก) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่าทนต่อการเพ่งแห่งทิฏฐิ (ทิฏฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติ) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่าฟังดูน่าเชื่อ (ภพฺพรูปตา) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่าสมณะผู้พูดเป็นครูของตน (สมโณโน ครุ). กาลาม ท. ! เมื่อใดท่านทั้งหลาย รู้ด้วยตนเองว่า “ธรรมเหล่านี้ เป็นกุศล, ธรรมเหล่านี้ ไม่มีโทษ, ธรรมเหล่านี้ วิญญูชนสรรเสริญ, ธรรมเหล่านี้ กระทำถึงมาตรฐานของมันแล้ว เป็นไปเพื่อความสุข เป็นประโยชน์ เกื้อกูล,” ดังนี้แล้ว; เมื่อนั้น ท่าน พึงเข้าถึงธรรมเหล่านั้น แล้วแลอยู่เถิด. กาลาม ท. ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร : ความไม่โลภ เกิดขึ้นในบุคคลแล้ว เกิดเพื่อประโยชน์เกื้อกูล หรือมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล ? “เพื่อประโยชน์เกื้อกูล พระเจ้าข้า !” บุคคลนั้นไม่โลภแล้ว ความโลภไม่ครอบงำแล้ว ความโลภไม่กลุ้มรุมจิตแล้ว เขาย่อมไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ล่วงเกินภรรยาผู้อื่น ไม่พูดเท็จ ชักชวนผู้อื่นในการกระทำเช่นนั้น ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อความสุข เป็นประโยชน์เกื้อกูล ตลอดกาลนาน มิใช่หรือ ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” กาลาม ท. ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร : อโทสะ เกิดขึ้น ในบุคคลแล้ว เกิดเพื่อประโยชน์เกื้อกูล หรือมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล ? “เพื่อประโยชน์เกื้อกูล พระเจ้าข้า !” บุคคลนั้นไม่มีโทสะแล้ว โทสะไม่ครอบงำแล้ว โทสะไม่กลุ้มรุมจิตแล้ว เขาย่อมไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ล่วงเกินภรรยาผู้อื่น ไม่พูดเท็จ ชักชวนผู้อื่นในการกระทำเช่นนั้น ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อความสุข เป็นประโยชน์เกื้อกูล ตลอดกาลนาน มิใช่หรือ ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” กาลาม ท. ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร : อโมหะ เกิดขึ้น ในบุคคแล้ว เกิดเพื่อประโยชน์เกื้อกูล หรือมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล ? “เพื่อประโยชน์เกื้อกูล พระเจ้าข้า !” บุคคลนั้นไม่มีโมหะแล้ว โมหะไม่ครอบงำแล้ว โมหะไม่กลุ้มรุมจิตแล้ว เขาย่อมไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ล่วงเกินภรรยาผู้อื่น ไม่พูดเท็จ ชักชวนผู้อื่นในการกระทำเช่นนั้น ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อความสุข เป็นประโยชน์เกื้อกูล ตลอดกาลนาน มิใช่หรือ ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” กาลาม ท. ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร : ธรรมทั้งหลาย (ตามที่กล่าวมา) เหล่านี้ เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล ? “เป็นกุศล พระเจ้าข้า !” มี โทษหรือไม่มีโทษ ? “ไม่มีโทษ พระเจ้าข้า !” วิญญูชนติเตียน หรือวิญญูชน สรรเสริญ ? “วิญญูชนสรรเสริญ พระเจ้าข้า !” เมื่อประพฤติกระทำเต็มตาม มาตรฐานของมันแล้ว เป็นไปเพื่อความสุข เป็นประโยชน์เกื้อกูล หรือไม่ ? หรือว่า ในเรื่องนี้ท่านมีความเห็นอย่างไร ? “เมื่อประพฤติกระทำเต็มตามาตรฐานของมันแล้ว เป็นไปเพื่อความสุข เป็นประโยชน์เกื้อกูล ในเรื่องพวกนี้ข้าพระองค์มีความเห็น อย่างนี้ พระเจ้าข้า !” กาลาม ท. ! เรา (อาศัยเหตุผลดังกล่าวมาแล้วข้างบนทั้งหมดนั้น) จึงกล่าวข้อความที่กล่าวว่า “กาลามทั้งหลายเอ๋ย ! มา (พูดกัน) เถิด ท่านทั้งหลาย : อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่าฟังตามๆ กันมา (อนุสฺสว) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่ากระทำตามๆ กันมา (ปรมฺปร) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่าเล่าลือกันอยู่ (อิติกิร) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่ามีที่อ้างในปิฎก (ปิฏกสมฺปทาน) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่าการใช้เหตุผลทางตรรก (ตกฺกเหตุ) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่าการใช้เหตุผลทางนัยะ (นยเหตุ) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่าการตรึกตามอาการ (อาการปริวิตกฺก) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่าทนต่อการเพ่งแห่งทิฏฐิ (ทิฏฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติ) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่าฟังดูน่าเชื่อ (ภพฺพรูปตา) ; อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่าสมณะผู้พูดเป็นครูของตน (สมโณโน ครุ). กาลาม ท. ! เมื่อใด ท่านทั้งหลายรู้ด้วยตนเองว่า ‘ธรรมเหล่านี้ เป็นกุศล, ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ, ธรรมเหล่านี้ วิญญูชนสรรเสริญธรรมเหล่านี้ กระทำถึงมาตรฐานของมันแล้ว เป็นไปเพื่อความสุข เป็นประโยชน์ เกื้อกูล’ ดังนี้แล้ว ; เมื่อนั้น ท่านพึงเข้าถึงธรรมเหล่านั้น แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้ ซึ่งเรากล่าวแล้วเพราะอาศัยเหตุผลข้างต้นนั้น. กาลาม ท. ! อริยสาวกนั้น ปราศจากอภิชฌาอย่างนี้ ปราศจากพยาบาทอย่างนี้ ไม่มีโมหะ มีสัมปชัญญะ มีสติเฉพาะหน้า มีจิตสหรคตด้วยเมตตา แผ่ไปสู่ทิศ (ที่) หนึ่ง และทิศที่สอง ที่สาม ที่สี่ ก็เหมือนอย่างนั้น, เธอแผ่ไปตลอดโลกทั้งสิ้น ในที่ทั้งปวง ทั้งเบื้องบนเบื้อต่ำและเบื้องขวาง ด้วยจิตอันเป็นไปกับด้วยเมตตา เป็นจิตไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท กว้างขวาง ประกอบด้วย คุณอันใหญ่หลวงไม่มีขีดจำกัด แล้วแลอยู่; มีจิตสหรคตด้วยกรุณา แผ่ไปสู่ทิศ (ที่) หนึ่ง และทิศที่สอง ที่สาม ที่สี่ ก็เหมือนอย่างนั้น, เธอแผ่ไปตลอดโลกทั้งสิ้น ในที่ทั้งปวง ทั้งเบื้อบนเบื้องต่ำและเบื้องขวาง ด้วยจิตอันเป็นไปกับด้วยกรุณา เป็นจิตไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท กว้างขวาง ประกอบด้วยคุณอัน ใหญ่หลวงไม่มีขีดจำกัด แล้วแลอยู่; มีจิตสหรคตด้วยมุทิตา แผ่ไปสู่ทิศ (ที่) หนึ่ง และทิศที่สอง ที่สาม ที่สี่ ก็เหมือนอย่างนั้น, เธอแผ่ไปตลอดโลกทั้งสิ้น ในที่ทั้งปวง ทั้งเบื้องบนเบื้องต่ำและเบื้องขวาง ด้วยจิตอันเป็นไปกับด้วยมุทิตา เป็นจิตไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท กว้างขวาง ประกอบด้วยคุณอันใหญ่หลวง ไม่มีขีดจำกัด แล้วแลอยู่ ; มีจิตสหรคตด้วยอุเบกขา แผ่ไปสู่ทิศ (ที่) หนึ่ง และทิศที่สอง ที่สาม ที่สี่ ก็เหมือนอย่างนั้น, เธอแผ่ไปตลอดโลกทั้งสิ้น ในที่ทั้งปวง ทั้งเบื้องบนเบื้องต่ำและเบื้องขวาง ด้วยจิตอันเป็นไปกับด้วยอุเบกขา เป็นจิตไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท กว้างขวาง ประกอบด้วยคุณอันใหญ่หลวงไม่มีขีดจำกัด แล้วแลอยู่. กาลาม ท. ! อริยสาวกนั้น มีจิตไม่มีเวรอย่างนี้ มีจิตไม่พยาบาทอย่างนี้ มีจิตไม่เศร้าหมองอย่างนี้ มีจิตหมดจดวิเศษอย่างนี้ แล้ว ความเบาใจ ๔ ประการ ย่อมเกิดมีแก่อริยสาวกนั้น ในทิฏฐธรรมเทียว ว่า “๑. ถ้าปรโลกมี ผลวิบากแห่งกรรมดีกรรมชั่วมี. ฐานะที่จะมีได้ก็คือ เราจักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ภายหลังแต่การตาย เพราะการทำลายแห่งกาย เพราะเหตุนั้น ดังนี้ : นี้เป็นความเบาใจประการที่หนึ่ง ที่เกิดมีแก่อริยสาวกนั้น. ๒. ถ้าปรโลกไม่มี ผลวิบากแห่งกรรมดีกรรมชั่วไม่มี, เรา ที่นี่ในทิฏฐธรรมนี้แหละ ก็บริหารตนอยู่เป็นสุข ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท ไม่มีทุกข์ ดังนี้ : นี้เป็นความเบาใจประการที่สอง ที่เกิดมีแก่อริยสาวกนั้น. ๓. ถ้าบาปเป็นอันกระทำสำหรับผู้กระทำ, ส่วนเราไม่ได้คิดจะทำบาปไรๆ ทุกข์จักถูกต้องเราผู้มิได้ทำบาปอยู่ แต่ที่ไหนดังนี้ : นี้เป็นความเบาใจประการที่สาม ที่เกิดมีแก่อริยสาวกนั้น. ๔. ถ้าบาปไม่เป็นอันกระทำสำหรับผู้กระทำ อยู่แล้วไซร้, ที่นี่ เราก็มองเห็นตนว่าบริสุทธิ์หมดจดอยู่ โดยโลกทั้งสอง ดังนี้ : นี้เป็นความเบาใจประการที่สี่ ที่ เกิดมีแก่อริยสาวกนั้น. กาลาม ท. ! อริยสาวกนั้น มีจิตไม่มีเวรอย่างนี้ มีจิตไม่พยาบาทอย่างนี้ มีจิตไม่เศร้าหมองอย่างนี้ มีจิตหมดจดวิเศษอย่างนี้ แล้ว ความเบาใจ ๔ ประการเหล่านี้ ย่อมเกิดมีแก่อริยสาวกนั้น ในทิฏฐธรรมเทียว. “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ! ข้อนั้นเป็นอย่างนั้น. ข้าแต่พระสุคต ! ข้อนั้น เป็นอย่างนั้น . . . .”(ชาวกาลามเหล่านั้น รับสนองพระพุทธดำรัสกล่าวย้ำข้อความนี้อีกครั้งหนึ่ง ด้วยตน เอง, แล้วทูลสรรเสริญพระธรรมเทศนา ประกาศตนเป็นอุบาสก).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว

  • ..555,ขึ้นไปเถอะถึง100%ก็ตามสบาย,ใครเสียผลประโยชน์ก็บริษัทเอกชนไทยทั้งสิ้นที่กำไรลดลงล่ะ,ตลอดถึงต่างชาติที่มาตั้งฐานโรงงานในไทยยืมแผ่นดินยืมชื่อประเทศไทยทำกำไรรายได้มหาศาลแก่ตนเองผ่านเนมไทยนี้ล่ะ,ไทยก็เข้าbrics แล้วจะกลัวอะไรก็ค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าในกลุ่มสมาชิกประเทศbricsสิ,ก็บอกแล้วจบรัฐบาลนี้ทัังแกนนำพรรครัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลให้หมดจบเร็วๆถีบออกเร็วๆ,จะแก้ไขปัญหาได้ทันทีในนายกฯพระราชทานเรา,พักงานสถาบันนักการเมืองชั่วคราวไปก่อนเพราะอนาคตอันใกล้นี้ ปัญญาสติธรรมดาพวกการเมืองไม่ทันวิกฤติโลกและภัยสาระพัดคุกคามที่โลกกระทำต่อประเทศต่างๆตลอดแบบเหี้ยเขมรคือภัยคุกคามด้านหนึ่งมุมหนึ่งให้เห็นล่วงหน้าชัดในอนาคตด้วยว่า อนาคต โลกต้องเป็นไปแบบใด ประเทศนั้นๆต้องเป็นไปทันโลกแก้เกมส์ให้ตนรอดจากโลกกระทำตนแบบใด นี้คือผู้นำไทยต้องขึ้นมาปกครองในอนาคตมีวิสัยทัศน์ทันกาลแบบนี้,มิใช่แบบปัจจุบันจริงๆ,,ทรัมป์มันเอาประเทศมันก่อน นี้คือความชัดเจนของการแสดงตัวตน,เราก็ต้องเอาประเทศไทยก่อน ชาติไทยเราก่อน คนไทยเราต้องมาก่อนเช่นกัน,ค้ากับอเมริกน้อยลงจะเป็นอะไร,รัฐบาลค้าขายในนามรัฐบาลมั้ยก็ไม่ใช่ เอกชนค้าขายกันเอง ร่ำรวยกันเองแค่รัฐบาลออกหน้าข่วยเท่านั้น,คนไทยก็ยากจนปกติแม้เอกชนไทยจะร่ำรวยติด50อันดับโลกเป็นอันมากก็ว่า,น้ำมันส่งออกไปอเมริกา ถามจริงๆบริษัทอเมริกาเองตั้งในประเทศไทยดูดน้ำมันบนแผ่นดินมากมายหลายบริษัท ถ้าทรัมป์ขึ้นภาษีน้ำมันดิบเข้าอเมริกาสัก300%อเมริกาในนามทรัมป์ได้ประโยชน์นะ,พวกนีัขายให้ไทยที่ไหน,มันบอกว่านำเข้าสู่ไทยนะรัฐบาลยุคเก่าๆนะ,ประเทศไทยมีน้ำมันน้อยมันว่า,ขึ้นสัก1,000%เลยก็ตามสบาย ไทยเราก็ไปค้าขายกับชาติอื่นสิ,นายกฯคนใหม่จบนานแล้ว,เด็กๆเจรจาอะไรมากพะสาทรัมป์,พะสาอเมริกา,เรา..มีเศรษฐกิจพอเพียงชูเป็นวาระแห่งชาตินโยบายชาติในการขับเคลื่อนประเทศจริง,ยึดบ่อน้ำมันอเมริกาและต่างชาติคืนทั้งหมดเพราะไม่ชอบด้วยสภาประชาธิปไตยแต่แรก สามารถโมฆะได้ ด้วยเป็นภัยคุกคามอธิปไตยประชาธิปไตยเราแต่ต้นโดยต่างชาติทุจริตกับข้าราชการไทยร่างกฎหมายไม่ผ่านสภาตามระบบประชาธิปไตยไทยเรา,ขัดต่อพื้นฐานระบบปกครองชัดเจน,สามารถโมฆะชอบด้วยธรรม,จากนัันดูดขายภายในประเทศราคาไม่แพงลิตรละ1-2บาทพอใน4-5ปีแล้ววิจัยผลทั้งหมดทั้งเชิงบวกเชิงลบ,พื้นฐานลดต้นทุนฐานของคนไทยลงทั้งหมดก่อน,จากนั้นอัดกระบวนการพึ่งพาตนเอง ภายในครอบครัวและส่วนตัวใครมันให้ได้พร้อมๆกันทั่วประเทศใน4-5ปีแรกนี้เช่นกัน,อัดตังสัมมาชีวิตสัมมาอาชีพเขาลงไปเบื้องต้น เช่น20ล้านครัวเรือน,ครัวเกษตรกรก่อนสักประมาณ6-10ล้านครัวเรือนๆละ100,000บาท เขาจะมีทุนปลูกนั่นนี้เลี้ยงนั้นนี้เป็นอาหารทันทีอาจยั่งยืนด้วยที่6แสนล้านบาทถึง1ล้านล้านบาทเอง,แต่ต้นทุนทางการเกษตรจากน้ำมันลิตรละ1-2บาทลดลงด้วยนะ 1ไร่อาจทำนาแค่30-60บาทต่อไร่เลย,ปุ๋ยกระสอบละ5-10บาทเองเพราะรัฐบาลส่งเสริมตรึมมากมายหลายทางตลอดค้าออฟไลน์ออนไลน์ก็สร้างแพลตฟอร์มเรียลไทม์รองรับตลาดไว้ให้ทั้งขายภายในประเทศและต่างประเทศฟรีๆไร้การเก็บค่าใดๆแบบแอปเอกชน ขายราคาไม่แพงตรงปลอดสารพิษจากสวนจากโรงงานร้านค้าตลอดประสานขนส่งโลจิตส์ต่างๆถูกๆอีกภายในประเทศ,หมุนเวียนทั่วโลกอาจกว่า100ล้านล้านบาทต่อปีในทุกๆสัมมาอาชีพสไตล์ไทยเรา,คือกาก กระจอกจริงๆ แค่มีผู้นำดีบนแผ่นดินไทย ขึ้นว่าคนจนยากจนจะไม่มีบนแผ่นดินไทยเลย,พื้นๆคนไทยทุกๆคน อาจมีตังในบัญชีเงินฝากกองทุนแห่งชาติไทยตนเองมิใช่ในธนาคารเอกชนนะ อาจคนละ10ล้านบาทต่อปีขั้นต่ำในทุกๆคนไทยเรา,ไม่เกิน4-5ปีก็ว่า,หรือพื้นฐานครัวเรือนคนไทยทุกๆครัวเรือนกว่า20ล้านครัวเรือนนี้ในสถานะประชาชนทั่วไปด้วยอาจมีกันคนละ20ล้านบาทต่อปีต่อครัวเรือนนั้นๆก็ว่า,หรือไม่ต่ำกว่าล้านบาทต่อปีก็ว่าหมุนเวียนในสัมมาชีวิตสัมมาอาชีพเขาในรากฐานเศรษฐกิจเพียงพอพอเพียงแบบไทยเรา,ทุกๆคนมีเพียงพอพอเพียงในปากท้องการกินอยู่การมีตังมีเงินทองคู่ศีลธรรมความดีงามบนระดับจิตใจที่เลิศค่าสไตล์เมืองยิ้มคนไทยเรานี้ล่ะ,
    ..คนดีคนเก่งบนแผ่นดินไทยเราธรรมดาที่ไหนมีไม่น้อยด้วย,ทหารพระราชาเราต้องตัดสิ้นใจเด็ดขาดจริงๆ,โลกไม่เหมือนเดิมแล้ว,เงาชั่วร้ายบนความล้ำสมัยอันตรายกว่ายุคเก่าก่อนทวีคูณยกกำลังสิบนะ,จะมาเล่นๆทำเล่นๆไม่ได้,เผด็จการคอมมิวนิสต์ก็เป็นฝ่ายมืดส่งออก,ประชาธิปไตยก็ฝ่ายมืดส่งออกนะ,แต่ระบบพระมหากษัตริย์ไม่ใช่,เราคือระบบพ่อแม่ปกครองลูก,ถ้าไม่ใช่ระบบนี้ ระบบพระมหากษัตริย์ประจำประเทศไทยจะเป็นแบบฝรั่งเศสสิ้นซากทันที,และเรามีพระพุทธศาสนาค้ำจุนระดับจิตใจกายนัยของคนไทยมิเช่นนั้นก็ไปวัดเช่นกัน,ตลอดสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายผู้มีฤทธิ์ในแต่ล่ะสภาวะกายจิตนั้นอีกตรึมเต็มประเทศ จึงไม่ธรรมดาเลย ถึงพ่อแม่ครูบาอาจารย์พระอรหันต์ที่เหาะเหินเดินอากาศไปมาตรึมในไทยที่มิไปไหนอีกยังคุ้มครองคนดีบนแผ่นดินไทยคุ้มครองพระพุทธศาสนาจนจะสิ้น5,000ปีอีก,ศาสนาอื่นเพียงมาพึ่งพาอาศัยเท่านั้น,หลักๆคือพระมหากษัตริย์เรา พระพุทธศาสนาและเรา..ประชาชน จึงร่วมดำรงชาติไทยเราไว้ได้ อเมริกาขี้หมา เอาแต่ได้เห็นแก่ตัวปล้นชิงแย่งสมบัติทรัพยากรเราเป็นอันดับหนึ่งสายใต้ดินทางลับโน้น,โกงแบบลับๆกินแบบแอบๆลับๆไม่บอกใคร,ญี่ปุ่นว่าทำสัญญาเหี้ยในอดีต แต่อเมริกาเหี้ยกว่ามากแดกเราทั้งประเทศเลย,สงครามเป็นอันมากบนโลกนี้ก็พวกฝรั่งยุโรปอเมริกาทั้งนั้นปั่นป่วนวุ่นวายจะขายเครื่องจักรอาวุธ,อนาคตมันจะขายหุ่นยนต์รบเร็วๆนี้ล่ะ,จีนผลิตเต็มใต้ดิน ไม่ต่างจากอเมริกาหรอกหรือรัสเชียยุโรปด้วยหรือในหลายๆประเทศทั่วโลกทำที่ใต้ดินตรึมแล้ว,หนังคนเหล็กนั่นล่ะคือตัวอย่างๆ,ผู้นำไทยเราจึงสำคัญมากในการจะปกป้องรักษาบ้านเราเองไว้มิให้ใครมาทำลายง่ายๆตราบใดที่มนุษย์โลกยังต่ำไม่สามารถยกระดับจิตระดับใจให้สูงขึ้นเป็นอันมากเป็นอันหมู่มากยังไม่ได้,
    ..ในที่นี้ ทรัมป์มันก็ทำเพื่อประเทศมัน,เราประเทศไทยล่ะ ต้องยุบสถาบันนักการเมืองลงจริงๆเลย จะชั่วคราวหรือถาวรก็ตาม ประเทศไทยต้องสร้างระบบปกครองตนเองใหม่จริงๆในสไตล์ของเรา..ประเทศไทยตนเองเป็นของตนเอง.
    ..
    ..https://youtu.be/9a4L5BVu0Bw?si=mbP9Lexz3_sDgBZL
    ..555,ขึ้นไปเถอะถึง100%ก็ตามสบาย,ใครเสียผลประโยชน์ก็บริษัทเอกชนไทยทั้งสิ้นที่กำไรลดลงล่ะ,ตลอดถึงต่างชาติที่มาตั้งฐานโรงงานในไทยยืมแผ่นดินยืมชื่อประเทศไทยทำกำไรรายได้มหาศาลแก่ตนเองผ่านเนมไทยนี้ล่ะ,ไทยก็เข้าbrics แล้วจะกลัวอะไรก็ค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าในกลุ่มสมาชิกประเทศbricsสิ,ก็บอกแล้วจบรัฐบาลนี้ทัังแกนนำพรรครัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลให้หมดจบเร็วๆถีบออกเร็วๆ,จะแก้ไขปัญหาได้ทันทีในนายกฯพระราชทานเรา,พักงานสถาบันนักการเมืองชั่วคราวไปก่อนเพราะอนาคตอันใกล้นี้ ปัญญาสติธรรมดาพวกการเมืองไม่ทันวิกฤติโลกและภัยสาระพัดคุกคามที่โลกกระทำต่อประเทศต่างๆตลอดแบบเหี้ยเขมรคือภัยคุกคามด้านหนึ่งมุมหนึ่งให้เห็นล่วงหน้าชัดในอนาคตด้วยว่า อนาคต โลกต้องเป็นไปแบบใด ประเทศนั้นๆต้องเป็นไปทันโลกแก้เกมส์ให้ตนรอดจากโลกกระทำตนแบบใด นี้คือผู้นำไทยต้องขึ้นมาปกครองในอนาคตมีวิสัยทัศน์ทันกาลแบบนี้,มิใช่แบบปัจจุบันจริงๆ,,ทรัมป์มันเอาประเทศมันก่อน นี้คือความชัดเจนของการแสดงตัวตน,เราก็ต้องเอาประเทศไทยก่อน ชาติไทยเราก่อน คนไทยเราต้องมาก่อนเช่นกัน,ค้ากับอเมริกน้อยลงจะเป็นอะไร,รัฐบาลค้าขายในนามรัฐบาลมั้ยก็ไม่ใช่ เอกชนค้าขายกันเอง ร่ำรวยกันเองแค่รัฐบาลออกหน้าข่วยเท่านั้น,คนไทยก็ยากจนปกติแม้เอกชนไทยจะร่ำรวยติด50อันดับโลกเป็นอันมากก็ว่า,น้ำมันส่งออกไปอเมริกา ถามจริงๆบริษัทอเมริกาเองตั้งในประเทศไทยดูดน้ำมันบนแผ่นดินมากมายหลายบริษัท ถ้าทรัมป์ขึ้นภาษีน้ำมันดิบเข้าอเมริกาสัก300%อเมริกาในนามทรัมป์ได้ประโยชน์นะ,พวกนีัขายให้ไทยที่ไหน,มันบอกว่านำเข้าสู่ไทยนะรัฐบาลยุคเก่าๆนะ,ประเทศไทยมีน้ำมันน้อยมันว่า,ขึ้นสัก1,000%เลยก็ตามสบาย ไทยเราก็ไปค้าขายกับชาติอื่นสิ,นายกฯคนใหม่จบนานแล้ว,เด็กๆเจรจาอะไรมากพะสาทรัมป์,พะสาอเมริกา,เรา..มีเศรษฐกิจพอเพียงชูเป็นวาระแห่งชาตินโยบายชาติในการขับเคลื่อนประเทศจริง,ยึดบ่อน้ำมันอเมริกาและต่างชาติคืนทั้งหมดเพราะไม่ชอบด้วยสภาประชาธิปไตยแต่แรก สามารถโมฆะได้ ด้วยเป็นภัยคุกคามอธิปไตยประชาธิปไตยเราแต่ต้นโดยต่างชาติทุจริตกับข้าราชการไทยร่างกฎหมายไม่ผ่านสภาตามระบบประชาธิปไตยไทยเรา,ขัดต่อพื้นฐานระบบปกครองชัดเจน,สามารถโมฆะชอบด้วยธรรม,จากนัันดูดขายภายในประเทศราคาไม่แพงลิตรละ1-2บาทพอใน4-5ปีแล้ววิจัยผลทั้งหมดทั้งเชิงบวกเชิงลบ,พื้นฐานลดต้นทุนฐานของคนไทยลงทั้งหมดก่อน,จากนั้นอัดกระบวนการพึ่งพาตนเอง ภายในครอบครัวและส่วนตัวใครมันให้ได้พร้อมๆกันทั่วประเทศใน4-5ปีแรกนี้เช่นกัน,อัดตังสัมมาชีวิตสัมมาอาชีพเขาลงไปเบื้องต้น เช่น20ล้านครัวเรือน,ครัวเกษตรกรก่อนสักประมาณ6-10ล้านครัวเรือนๆละ100,000บาท เขาจะมีทุนปลูกนั่นนี้เลี้ยงนั้นนี้เป็นอาหารทันทีอาจยั่งยืนด้วยที่6แสนล้านบาทถึง1ล้านล้านบาทเอง,แต่ต้นทุนทางการเกษตรจากน้ำมันลิตรละ1-2บาทลดลงด้วยนะ 1ไร่อาจทำนาแค่30-60บาทต่อไร่เลย,ปุ๋ยกระสอบละ5-10บาทเองเพราะรัฐบาลส่งเสริมตรึมมากมายหลายทางตลอดค้าออฟไลน์ออนไลน์ก็สร้างแพลตฟอร์มเรียลไทม์รองรับตลาดไว้ให้ทั้งขายภายในประเทศและต่างประเทศฟรีๆไร้การเก็บค่าใดๆแบบแอปเอกชน ขายราคาไม่แพงตรงปลอดสารพิษจากสวนจากโรงงานร้านค้าตลอดประสานขนส่งโลจิตส์ต่างๆถูกๆอีกภายในประเทศ,หมุนเวียนทั่วโลกอาจกว่า100ล้านล้านบาทต่อปีในทุกๆสัมมาอาชีพสไตล์ไทยเรา,คือกาก กระจอกจริงๆ แค่มีผู้นำดีบนแผ่นดินไทย ขึ้นว่าคนจนยากจนจะไม่มีบนแผ่นดินไทยเลย,พื้นๆคนไทยทุกๆคน อาจมีตังในบัญชีเงินฝากกองทุนแห่งชาติไทยตนเองมิใช่ในธนาคารเอกชนนะ อาจคนละ10ล้านบาทต่อปีขั้นต่ำในทุกๆคนไทยเรา,ไม่เกิน4-5ปีก็ว่า,หรือพื้นฐานครัวเรือนคนไทยทุกๆครัวเรือนกว่า20ล้านครัวเรือนนี้ในสถานะประชาชนทั่วไปด้วยอาจมีกันคนละ20ล้านบาทต่อปีต่อครัวเรือนนั้นๆก็ว่า,หรือไม่ต่ำกว่าล้านบาทต่อปีก็ว่าหมุนเวียนในสัมมาชีวิตสัมมาอาชีพเขาในรากฐานเศรษฐกิจเพียงพอพอเพียงแบบไทยเรา,ทุกๆคนมีเพียงพอพอเพียงในปากท้องการกินอยู่การมีตังมีเงินทองคู่ศีลธรรมความดีงามบนระดับจิตใจที่เลิศค่าสไตล์เมืองยิ้มคนไทยเรานี้ล่ะ, ..คนดีคนเก่งบนแผ่นดินไทยเราธรรมดาที่ไหนมีไม่น้อยด้วย,ทหารพระราชาเราต้องตัดสิ้นใจเด็ดขาดจริงๆ,โลกไม่เหมือนเดิมแล้ว,เงาชั่วร้ายบนความล้ำสมัยอันตรายกว่ายุคเก่าก่อนทวีคูณยกกำลังสิบนะ,จะมาเล่นๆทำเล่นๆไม่ได้,เผด็จการคอมมิวนิสต์ก็เป็นฝ่ายมืดส่งออก,ประชาธิปไตยก็ฝ่ายมืดส่งออกนะ,แต่ระบบพระมหากษัตริย์ไม่ใช่,เราคือระบบพ่อแม่ปกครองลูก,ถ้าไม่ใช่ระบบนี้ ระบบพระมหากษัตริย์ประจำประเทศไทยจะเป็นแบบฝรั่งเศสสิ้นซากทันที,และเรามีพระพุทธศาสนาค้ำจุนระดับจิตใจกายนัยของคนไทยมิเช่นนั้นก็ไปวัดเช่นกัน,ตลอดสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายผู้มีฤทธิ์ในแต่ล่ะสภาวะกายจิตนั้นอีกตรึมเต็มประเทศ จึงไม่ธรรมดาเลย ถึงพ่อแม่ครูบาอาจารย์พระอรหันต์ที่เหาะเหินเดินอากาศไปมาตรึมในไทยที่มิไปไหนอีกยังคุ้มครองคนดีบนแผ่นดินไทยคุ้มครองพระพุทธศาสนาจนจะสิ้น5,000ปีอีก,ศาสนาอื่นเพียงมาพึ่งพาอาศัยเท่านั้น,หลักๆคือพระมหากษัตริย์เรา พระพุทธศาสนาและเรา..ประชาชน จึงร่วมดำรงชาติไทยเราไว้ได้ อเมริกาขี้หมา เอาแต่ได้เห็นแก่ตัวปล้นชิงแย่งสมบัติทรัพยากรเราเป็นอันดับหนึ่งสายใต้ดินทางลับโน้น,โกงแบบลับๆกินแบบแอบๆลับๆไม่บอกใคร,ญี่ปุ่นว่าทำสัญญาเหี้ยในอดีต แต่อเมริกาเหี้ยกว่ามากแดกเราทั้งประเทศเลย,สงครามเป็นอันมากบนโลกนี้ก็พวกฝรั่งยุโรปอเมริกาทั้งนั้นปั่นป่วนวุ่นวายจะขายเครื่องจักรอาวุธ,อนาคตมันจะขายหุ่นยนต์รบเร็วๆนี้ล่ะ,จีนผลิตเต็มใต้ดิน ไม่ต่างจากอเมริกาหรอกหรือรัสเชียยุโรปด้วยหรือในหลายๆประเทศทั่วโลกทำที่ใต้ดินตรึมแล้ว,หนังคนเหล็กนั่นล่ะคือตัวอย่างๆ,ผู้นำไทยเราจึงสำคัญมากในการจะปกป้องรักษาบ้านเราเองไว้มิให้ใครมาทำลายง่ายๆตราบใดที่มนุษย์โลกยังต่ำไม่สามารถยกระดับจิตระดับใจให้สูงขึ้นเป็นอันมากเป็นอันหมู่มากยังไม่ได้, ..ในที่นี้ ทรัมป์มันก็ทำเพื่อประเทศมัน,เราประเทศไทยล่ะ ต้องยุบสถาบันนักการเมืองลงจริงๆเลย จะชั่วคราวหรือถาวรก็ตาม ประเทศไทยต้องสร้างระบบปกครองตนเองใหม่จริงๆในสไตล์ของเรา..ประเทศไทยตนเองเป็นของตนเอง. .. ..https://youtu.be/9a4L5BVu0Bw?si=mbP9Lexz3_sDgBZL
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เอ้ สุชัชวีร์" เตือน: หากไม่เร่ง "สร้างคนทักษะสูง" เศรษฐกิจไทยถึงทางตัน – การท่องเที่ยวแบกไม่ไหว การลงทุนถดถอย
    https://www.thai-tai.tv/news/20114/
    .
    #การศึกษาไทย #เศรษฐกิจใหม่ #เรียนรู้ #ความรู้ #ครู #ประเทศไทย #เอ้สุชัชวีร์
    "เอ้ สุชัชวีร์" เตือน: หากไม่เร่ง "สร้างคนทักษะสูง" เศรษฐกิจไทยถึงทางตัน – การท่องเที่ยวแบกไม่ไหว การลงทุนถดถอย https://www.thai-tai.tv/news/20114/ . #การศึกษาไทย #เศรษฐกิจใหม่ #เรียนรู้ #ความรู้ #ครู #ประเทศไทย #เอ้สุชัชวีร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประเดิมล้างบางสายสีน้ำเงินมหาดไทย เด้ง 2 อธิบดีเข้ากรุ!
    https://www.thai-tai.tv/news/20111/
    .
    #ภูมิธรรมเวชยชัย #กระทรวงมหาดไทย #โยกย้ายข้าราชการ #การเมืองไทย #พรรคเพื่อไทย #ครม #ข่าวการเมืองร้อน #ครูใหญ่บุรีรัมย์
    ประเดิมล้างบางสายสีน้ำเงินมหาดไทย เด้ง 2 อธิบดีเข้ากรุ! https://www.thai-tai.tv/news/20111/ . #ภูมิธรรมเวชยชัย #กระทรวงมหาดไทย #โยกย้ายข้าราชการ #การเมืองไทย #พรรคเพื่อไทย #ครม #ข่าวการเมืองร้อน #ครูใหญ่บุรีรัมย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลออสเตรเลียตั้งเป้าจะ “ถอดบัญชีโซเชียลมีเดียของเยาวชนอายุ 10–15 ปีมากกว่า 1 ล้านบัญชี” → โดยตั้งกฎหมายใหม่ให้ “ผู้ใช้ต้องมีอายุอย่างน้อย 16 ปี” จึงจะใช้งานโซเชียลมีเดียได้ → ถ้าฝ่าฝืน บริษัทแพลตฟอร์มจะถูกปรับถึง A$30 ล้าน (≒ 820 ล้านบาท!)

    แต่ปัญหาคือ…กฎหมายผ่านแล้ว แต่ขั้นตอนปฏิบัติยังไม่ชัดเจน → จะนิยามว่า “โซเชียลมีเดีย” ว่าอะไรบ้าง? เช่น YouTube จะนับรวมไหม? → จะยืนยันอายุผู้ใช้แบบไหน? ใช้ AI, เอกสาร หรือการตรวจสอบโดยมนุษย์? → หากใช้ VPN เปลี่ยนที่อยู่ จะรับมือยังไง?

    หลายแพลตฟอร์มอย่าง YouTube ออกมาคัดค้าน → เพราะมองว่า “ตัวเองไม่ใช่โซเชียล แต่เป็นแพลตฟอร์มวิดีโอเพื่อการเรียนรู้” → กว่า 80% ของครูออสเตรเลียใช้ YouTube ในห้องเรียน → แต่หน่วยงานความปลอดภัยยืนยันว่าต้องรวม YouTube เพราะเด็กใช้มากที่สุดและมีฟีเจอร์ like, share, comment

    ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงหารือกับบริษัทเทคโนโลยี → ต้องตกลงให้ได้ว่าบริษัทต้องทำอะไรเพื่อแสดงว่า “กำลังพยายามป้องกันไม่ให้เด็กต่ำกว่า 16 มีบัญชี” → รวมถึงต้องมีช่องให้ครู–ผู้ปกครองแจ้งบัญชีต้องสงสัย และมีวิธีป้องกันการหลบหลีกผ่าน VPN ด้วย

    ออสเตรเลียเตรียมใช้กฎหมายใหม่ที่ “ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ใช้โซเชียลมีเดีย” เริ่ม ธ.ค. 2025  
    • มีบทลงโทษแพลตฟอร์มละเมิดสูงถึง A$30 ล้าน  
    • คาดว่าจะกระทบบัญชีเยาวชนมากกว่า 1 ล้านราย

    แพลตฟอร์มที่ได้รับผลกระทบอาจรวมถึง YouTube, Instagram, TikTok, X, Facebook ฯลฯ  
    • YouTube เคยคาดว่าจะถูกยกเว้น แต่ถูกบอกว่าต้องรวม เพราะเด็กใช้มากและมีฟีเจอร์ “เสพติด”

    ยังไม่มีแนวทางชัดเจนว่าจะ “ยืนยันอายุผู้ใช้” อย่างไร  
    • ทดลองระบบยืนยันอายุแล้ว แต่ยังไม่ประกาศผลอย่างเป็นทางการ  
    • อยู่ระหว่างหารือกับบริษัทเทคโนโลยีเรื่องแนวทางปฏิบัติ

    ประเทศอื่นๆ เริ่มเดินตามแนวคิดนี้ เช่น นิวซีแลนด์ และฝรั่งเศส  
    • ฝรั่งเศสเตรียมห้ามเด็กต่ำกว่า 15 ใช้โซเชียลเช่นกัน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/07/australia-wants-to-bar-children-from-social-media-can-it-succeed
    รัฐบาลออสเตรเลียตั้งเป้าจะ “ถอดบัญชีโซเชียลมีเดียของเยาวชนอายุ 10–15 ปีมากกว่า 1 ล้านบัญชี” → โดยตั้งกฎหมายใหม่ให้ “ผู้ใช้ต้องมีอายุอย่างน้อย 16 ปี” จึงจะใช้งานโซเชียลมีเดียได้ → ถ้าฝ่าฝืน บริษัทแพลตฟอร์มจะถูกปรับถึง A$30 ล้าน (≒ 820 ล้านบาท!) แต่ปัญหาคือ…กฎหมายผ่านแล้ว แต่ขั้นตอนปฏิบัติยังไม่ชัดเจน → จะนิยามว่า “โซเชียลมีเดีย” ว่าอะไรบ้าง? เช่น YouTube จะนับรวมไหม? → จะยืนยันอายุผู้ใช้แบบไหน? ใช้ AI, เอกสาร หรือการตรวจสอบโดยมนุษย์? → หากใช้ VPN เปลี่ยนที่อยู่ จะรับมือยังไง? หลายแพลตฟอร์มอย่าง YouTube ออกมาคัดค้าน → เพราะมองว่า “ตัวเองไม่ใช่โซเชียล แต่เป็นแพลตฟอร์มวิดีโอเพื่อการเรียนรู้” → กว่า 80% ของครูออสเตรเลียใช้ YouTube ในห้องเรียน → แต่หน่วยงานความปลอดภัยยืนยันว่าต้องรวม YouTube เพราะเด็กใช้มากที่สุดและมีฟีเจอร์ like, share, comment ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงหารือกับบริษัทเทคโนโลยี → ต้องตกลงให้ได้ว่าบริษัทต้องทำอะไรเพื่อแสดงว่า “กำลังพยายามป้องกันไม่ให้เด็กต่ำกว่า 16 มีบัญชี” → รวมถึงต้องมีช่องให้ครู–ผู้ปกครองแจ้งบัญชีต้องสงสัย และมีวิธีป้องกันการหลบหลีกผ่าน VPN ด้วย ✅ ออสเตรเลียเตรียมใช้กฎหมายใหม่ที่ “ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ใช้โซเชียลมีเดีย” เริ่ม ธ.ค. 2025   • มีบทลงโทษแพลตฟอร์มละเมิดสูงถึง A$30 ล้าน   • คาดว่าจะกระทบบัญชีเยาวชนมากกว่า 1 ล้านราย ✅ แพลตฟอร์มที่ได้รับผลกระทบอาจรวมถึง YouTube, Instagram, TikTok, X, Facebook ฯลฯ   • YouTube เคยคาดว่าจะถูกยกเว้น แต่ถูกบอกว่าต้องรวม เพราะเด็กใช้มากและมีฟีเจอร์ “เสพติด” ✅ ยังไม่มีแนวทางชัดเจนว่าจะ “ยืนยันอายุผู้ใช้” อย่างไร   • ทดลองระบบยืนยันอายุแล้ว แต่ยังไม่ประกาศผลอย่างเป็นทางการ   • อยู่ระหว่างหารือกับบริษัทเทคโนโลยีเรื่องแนวทางปฏิบัติ ✅ ประเทศอื่นๆ เริ่มเดินตามแนวคิดนี้ เช่น นิวซีแลนด์ และฝรั่งเศส   • ฝรั่งเศสเตรียมห้ามเด็กต่ำกว่า 15 ใช้โซเชียลเช่นกัน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/07/australia-wants-to-bar-children-from-social-media-can-it-succeed
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Australia wants to bar children from social media. Can it succeed?
    A law that restricts social media use to people 16 and over goes into effect in December, but much about it remains unclear or undecided.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญพระครูสุวรรณธรรมรังสี พ่อท่านจาง วัดเขมาราม จ.นครศรีธรรมราช ปี2533
    เหรียญพระครูสุวรรณธรรมรังสี พ่อท่านจาง วัดเขมาราม (ควนยาว) อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ปี2533 //พระดีพิธีขลัง !! ประการณ์ล้วนๆ มหาอุตย์ หยุดกระสุน เป็นที่เคารพของชาวควนยาว อ.ชะอวด // พระสถาพใช้ ผิ้วหิ้ง พระดูง่าย หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ มหาอุตย์ หยุดกระสุน แคล้วคลาด ป้องกันภัย และเสริมสิริมงคล ในด้านความสำเร็จ และการอยู่เย็นเป็นสุข >>

    ** พระสถาพใช้ ผิ้วหิ้ง พระดูง่าย หายากกครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญพระครูสุวรรณธรรมรังสี พ่อท่านจาง วัดเขมาราม จ.นครศรีธรรมราช ปี2533 เหรียญพระครูสุวรรณธรรมรังสี พ่อท่านจาง วัดเขมาราม (ควนยาว) อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ปี2533 //พระดีพิธีขลัง !! ประการณ์ล้วนๆ มหาอุตย์ หยุดกระสุน เป็นที่เคารพของชาวควนยาว อ.ชะอวด // พระสถาพใช้ ผิ้วหิ้ง พระดูง่าย หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ มหาอุตย์ หยุดกระสุน แคล้วคลาด ป้องกันภัย และเสริมสิริมงคล ในด้านความสำเร็จ และการอยู่เย็นเป็นสุข >> ** พระสถาพใช้ ผิ้วหิ้ง พระดูง่าย หายากกครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อุปกิต” มอบพระพุทธรูปโบราณกว่า 300 ปีคืน สปป.ลาว พร้อมรูปหล่อครูบาเจ้าศรีวิชัย หนุนโครงการเสนอชื่อบุคคลสำคัญยูเนสโก
    https://www.thai-tai.tv/news/20083/
    .
    #อุปกิตปาจรียางกูร #พระพุทธรูปโบราณ #คืนสมบัติชาติ #สปปลาว #วัดองค์ตื้อมหาวิหาร #ครูบาเจ้าศรีวิชัย #ยูเนสโก #ความสัมพันธ์ไทยลาว #มรดกทางวัฒนธรรม #ศาสนาและวัฒนธรรม
    “อุปกิต” มอบพระพุทธรูปโบราณกว่า 300 ปีคืน สปป.ลาว พร้อมรูปหล่อครูบาเจ้าศรีวิชัย หนุนโครงการเสนอชื่อบุคคลสำคัญยูเนสโก https://www.thai-tai.tv/news/20083/ . #อุปกิตปาจรียางกูร #พระพุทธรูปโบราณ #คืนสมบัติชาติ #สปปลาว #วัดองค์ตื้อมหาวิหาร #ครูบาเจ้าศรีวิชัย #ยูเนสโก #ความสัมพันธ์ไทยลาว #มรดกทางวัฒนธรรม #ศาสนาและวัฒนธรรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • ** ขายแล้ว!!

    เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อทิม วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2508
    เหรียญรุ่นแรกพระอาจารย์ทิม (พิมพ์นั่งเต็มองค์) รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2508 //พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกพร้อมเหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ปี2508 // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน โดยมีความเชื่อว่าจะช่วยให้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง และมีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ เมตตามหานิยม ช่วยให้เป็นที่รักใคร่ของผู้คน มีโชคลาภและความสำเร็จในด้านต่างๆ >>

    ** เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อทิม วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2508 ได้ผ่านพิธีปลุกเสกโดยพระครูวิสัยโสภณ (อาจารย์ทิม) และเกจิอาจารย์ชื่อดังหลายท่าน เพื่อเพิ่มความเข้มขลังและศักดิ์สิทธิ์ จัดสร้างโดยวัดช้างให้ จังหวัดปัตตานี เพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสที่พระครูวิสัยโสภณ (อาจารย์ทิม) ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    ** ขายแล้ว!! เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อทิม วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2508 เหรียญรุ่นแรกพระอาจารย์ทิม (พิมพ์นั่งเต็มองค์) รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2508 //พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกพร้อมเหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ปี2508 // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน โดยมีความเชื่อว่าจะช่วยให้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง และมีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ เมตตามหานิยม ช่วยให้เป็นที่รักใคร่ของผู้คน มีโชคลาภและความสำเร็จในด้านต่างๆ >> ** เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อทิม วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2508 ได้ผ่านพิธีปลุกเสกโดยพระครูวิสัยโสภณ (อาจารย์ทิม) และเกจิอาจารย์ชื่อดังหลายท่าน เพื่อเพิ่มความเข้มขลังและศักดิ์สิทธิ์ จัดสร้างโดยวัดช้างให้ จังหวัดปัตตานี เพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสที่พระครูวิสัยโสภณ (อาจารย์ทิม) ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts