• 📌 ความคิดที่แตกต่าง: เข้าใจและอยู่ร่วมกันได้โดยไม่ทุกข์

    🔹 1. ความขัดใจจากความคิดที่แตกต่าง
    ✅ มุมมองที่ต่างกัน มาจากประสบการณ์ที่ต่างกัน
    ✅ ความเห็นไม่ตรงกัน ไม่ได้แปลว่าต้องเป็นศัตรูกัน
    ✅ การแบ่งฝ่ายทางความคิด ทำให้เกิดตัวตนที่เหนียวแน่นขึ้น


    ---

    🔹 2. การแบ่งข้างทางความคิดในทางพุทธ 🛑 จำแนกกรรม → เราคิดแบบนี้เพราะมีเหตุปัจจัยของเรา
    🛑 จำแนกตัวตน → เราเริ่มรู้สึกว่าเป็นพวกหนึ่ง และอีกฝ่ายเป็น "คนละพวก"
    🛑 ตอกย้ำอัตตา → ยิ่งแบ่งข้าง ยิ่งรู้สึกว่าตัวเอง "เป็นใคร" ชัดขึ้น

    👉 ผลลัพธ์:
    ❌ ติดยึดในความคิดของตัวเอง
    ❌ มองอีกฝ่ายเป็นศัตรู
    ❌ สร้างทุกข์ให้ตัวเองโดยไม่จำเป็น


    ---

    🔹 3. วิธีฝึกสติเมื่อรู้สึกขัดใจกับความเห็นที่แตกต่าง ✅ ยอมรับตามจริง – รับรู้ว่าเรากำลังรู้สึกอย่างไร
    ✅ หายใจเข้าลึกๆ – เพื่อปักหมุดให้สติรู้ว่าตัวเองกำลัง "ไม่อยากแบ่งฝ่าย"
    ✅ สังเกตความรู้สึก – ความเบื่อหน่ายและอึดอัดเปลี่ยนแปลงไปไหม?
    ✅ รู้ทันความคิด – ความคิดเป็นเหมือนคลื่นในสมอง เกิดขึ้นแล้วก็หายไป


    ---

    🔹 4. ผลลัพธ์ของการฝึกสติ 🎯 ลดความยึดติดในความคิดของตัวเอง
    🎯 เข้าใจว่าไม่มีตัวตนที่แท้จริงในความคิด
    🎯 มองความคิดเหมือนเมฆหมอก ไม่ใช่ของจริงที่ต้องยึดมั่น
    🎯 ใช้ชีวิตง่ายขึ้น ไม่ต้องแบ่งฝ่ายให้ตัวเองทุกข์


    ---

    🔹 5. สรุป:
    💡 ความคิดเป็นเพียงสิ่งที่ผ่านเข้ามา ไม่ใช่ตัวตนของเรา
    💡 ไม่ต้องเอาตัวเองไปเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง
    💡 สติช่วยให้เรารู้เท่าทัน และเป็นอิสระจากการแบ่งฝ่ายทางความคิด

    📌 ฝึกแค่วันละนิด ก็ช่วยให้ใจสงบขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ!

    📌 ความคิดที่แตกต่าง: เข้าใจและอยู่ร่วมกันได้โดยไม่ทุกข์ 🔹 1. ความขัดใจจากความคิดที่แตกต่าง ✅ มุมมองที่ต่างกัน มาจากประสบการณ์ที่ต่างกัน ✅ ความเห็นไม่ตรงกัน ไม่ได้แปลว่าต้องเป็นศัตรูกัน ✅ การแบ่งฝ่ายทางความคิด ทำให้เกิดตัวตนที่เหนียวแน่นขึ้น --- 🔹 2. การแบ่งข้างทางความคิดในทางพุทธ 🛑 จำแนกกรรม → เราคิดแบบนี้เพราะมีเหตุปัจจัยของเรา 🛑 จำแนกตัวตน → เราเริ่มรู้สึกว่าเป็นพวกหนึ่ง และอีกฝ่ายเป็น "คนละพวก" 🛑 ตอกย้ำอัตตา → ยิ่งแบ่งข้าง ยิ่งรู้สึกว่าตัวเอง "เป็นใคร" ชัดขึ้น 👉 ผลลัพธ์: ❌ ติดยึดในความคิดของตัวเอง ❌ มองอีกฝ่ายเป็นศัตรู ❌ สร้างทุกข์ให้ตัวเองโดยไม่จำเป็น --- 🔹 3. วิธีฝึกสติเมื่อรู้สึกขัดใจกับความเห็นที่แตกต่าง ✅ ยอมรับตามจริง – รับรู้ว่าเรากำลังรู้สึกอย่างไร ✅ หายใจเข้าลึกๆ – เพื่อปักหมุดให้สติรู้ว่าตัวเองกำลัง "ไม่อยากแบ่งฝ่าย" ✅ สังเกตความรู้สึก – ความเบื่อหน่ายและอึดอัดเปลี่ยนแปลงไปไหม? ✅ รู้ทันความคิด – ความคิดเป็นเหมือนคลื่นในสมอง เกิดขึ้นแล้วก็หายไป --- 🔹 4. ผลลัพธ์ของการฝึกสติ 🎯 ลดความยึดติดในความคิดของตัวเอง 🎯 เข้าใจว่าไม่มีตัวตนที่แท้จริงในความคิด 🎯 มองความคิดเหมือนเมฆหมอก ไม่ใช่ของจริงที่ต้องยึดมั่น 🎯 ใช้ชีวิตง่ายขึ้น ไม่ต้องแบ่งฝ่ายให้ตัวเองทุกข์ --- 🔹 5. สรุป: 💡 ความคิดเป็นเพียงสิ่งที่ผ่านเข้ามา ไม่ใช่ตัวตนของเรา 💡 ไม่ต้องเอาตัวเองไปเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง 💡 สติช่วยให้เรารู้เท่าทัน และเป็นอิสระจากการแบ่งฝ่ายทางความคิด 📌 ฝึกแค่วันละนิด ก็ช่วยให้ใจสงบขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ปานเทพ-อัจฉริยะ" เผยปมมือถือแตงโมถูกโคลนนิ่ง ชี้เครื่องที่ถูกส่งไปให้บังแจ็คที่อเมริกาไม่ใช่เครื่องต้นฉบับ รับบางจุดมีการเปลี่ยน แต่สามารถกู้ภาพคืนมาได้ 18 ก.พ.เปิดหลักฐานเด็ด

    วันนี้( 17 ก.พ.)ที่บ้านเรือเล็ก กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้ปฏิบัติการตรวจจุดเกิดเหตุในคดี “แตงโม นิดา” โดยจะทำการล่องเรือไปยัง 8 จุดที่สำคัญและน่าสนใจในคดี เพื่อสำรวจเส้นทาง GPS รวมถึงนำ ข้อมูลของภูมิประเทศ และ สภาพใต้น้ำมาประกอบ โดยใช้เรือทั้งสิ้น 8 ลำ เป็นเรือของกรมชลประทาน 2 ลำ และเรือของดีเอสไอ 6 ลำ รวมทั้งสิ้น 40 คนที่จะลงเรือในครั้งนี้ โดยวันนี้มี นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ มาในฐานะผู้ร่วมสังเกตการณ์และเป็นสักขีพยาน

    นายอัจฉริยะกล่าวว่า ข้อมูลในโทรศัพท์เป็นของจริง แต่อีกหนึ่งเครื่องไม่ใช่ของจริง คือเครื่องที่ส่งไปให้บังแจ็คที่อเมริกา ไม่ใช่ต้นฉบับ โดยคนที่ส่งไปเป็นอดีตนักการเมืองที่ร่วมกับคุณแม่ของแตงโม และยังได้ข้อมูลอีกว่า อดีตนักการเมืองคนดังกล่าว ได้ส่งผ้าขาวของแตงโมไปให้บังเเจ็คด้วย โดยยังบอกให้บังแจ็คส่งผ้าขาวกลับมาให้กับแพทย์หญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รวมถึงมีการกระตุ้นให้บังแจ็คไลฟ์สดเกี่ยวกับผ้าขาวที่ได้รับไปด้วย

    นายปานเทพ กล่าวเสริมว่า โทรศัพท์ที่ส่งให้บังแจ็คมีการโคลนนิ่งเหมือนโทรศัพท์ต้นฉบับ และไม่มีใครรู้ว่าถูกสลับเครื่องตอนไหน แต่รู้ว่ามีจุดเปลี่ยนหลายจุดตั้งแต่ตอนเกิดเหตุ ซึ่งในที่สุดก็ต้องทำการสืบหาความจริงจนได้ เพราะเขาลืมไป 1 ข้อว่า แม้จะลบข้อมูลในโทรศัพท์ไปแล้ว แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือการกู้ Gmail และเข้าไปใน iCloud เพื่อกู้ข้อมูลได้สำเร็จ ทำให้ภาพที่หายไปกลับคืนมาได้ ซึ่งเมื่อคืนนี้ (16 ก.พ.) ได้ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ข้อมูลถูกต้องกับความเป็นจริง แต่โทรศัพท์ถูกสลับเครื่อง

    นายอัจฉริยะ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า พรุ่งนี้ (18 ก.พ.) นายปานเทพจะมีการเปิดหลักฐานสำคัญที่เชื่อได้ว่า เป็นการฆาตกรรม รวมถึงได้รู้ถึงวิธีการว่าโหดเหี้ยมขนาดไหน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000015688

    #MGROnline #ปานเทพ #อัจฉริยะ #มือถือแตงโม #โคลนนิ่ง
    "ปานเทพ-อัจฉริยะ" เผยปมมือถือแตงโมถูกโคลนนิ่ง ชี้เครื่องที่ถูกส่งไปให้บังแจ็คที่อเมริกาไม่ใช่เครื่องต้นฉบับ รับบางจุดมีการเปลี่ยน แต่สามารถกู้ภาพคืนมาได้ 18 ก.พ.เปิดหลักฐานเด็ด • วันนี้( 17 ก.พ.)ที่บ้านเรือเล็ก กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้ปฏิบัติการตรวจจุดเกิดเหตุในคดี “แตงโม นิดา” โดยจะทำการล่องเรือไปยัง 8 จุดที่สำคัญและน่าสนใจในคดี เพื่อสำรวจเส้นทาง GPS รวมถึงนำ ข้อมูลของภูมิประเทศ และ สภาพใต้น้ำมาประกอบ โดยใช้เรือทั้งสิ้น 8 ลำ เป็นเรือของกรมชลประทาน 2 ลำ และเรือของดีเอสไอ 6 ลำ รวมทั้งสิ้น 40 คนที่จะลงเรือในครั้งนี้ โดยวันนี้มี นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ มาในฐานะผู้ร่วมสังเกตการณ์และเป็นสักขีพยาน • นายอัจฉริยะกล่าวว่า ข้อมูลในโทรศัพท์เป็นของจริง แต่อีกหนึ่งเครื่องไม่ใช่ของจริง คือเครื่องที่ส่งไปให้บังแจ็คที่อเมริกา ไม่ใช่ต้นฉบับ โดยคนที่ส่งไปเป็นอดีตนักการเมืองที่ร่วมกับคุณแม่ของแตงโม และยังได้ข้อมูลอีกว่า อดีตนักการเมืองคนดังกล่าว ได้ส่งผ้าขาวของแตงโมไปให้บังเเจ็คด้วย โดยยังบอกให้บังแจ็คส่งผ้าขาวกลับมาให้กับแพทย์หญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รวมถึงมีการกระตุ้นให้บังแจ็คไลฟ์สดเกี่ยวกับผ้าขาวที่ได้รับไปด้วย • นายปานเทพ กล่าวเสริมว่า โทรศัพท์ที่ส่งให้บังแจ็คมีการโคลนนิ่งเหมือนโทรศัพท์ต้นฉบับ และไม่มีใครรู้ว่าถูกสลับเครื่องตอนไหน แต่รู้ว่ามีจุดเปลี่ยนหลายจุดตั้งแต่ตอนเกิดเหตุ ซึ่งในที่สุดก็ต้องทำการสืบหาความจริงจนได้ เพราะเขาลืมไป 1 ข้อว่า แม้จะลบข้อมูลในโทรศัพท์ไปแล้ว แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือการกู้ Gmail และเข้าไปใน iCloud เพื่อกู้ข้อมูลได้สำเร็จ ทำให้ภาพที่หายไปกลับคืนมาได้ ซึ่งเมื่อคืนนี้ (16 ก.พ.) ได้ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ข้อมูลถูกต้องกับความเป็นจริง แต่โทรศัพท์ถูกสลับเครื่อง • นายอัจฉริยะ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า พรุ่งนี้ (18 ก.พ.) นายปานเทพจะมีการเปิดหลักฐานสำคัญที่เชื่อได้ว่า เป็นการฆาตกรรม รวมถึงได้รู้ถึงวิธีการว่าโหดเหี้ยมขนาดไหน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000015688 • #MGROnline #ปานเทพ #อัจฉริยะ #มือถือแตงโม #โคลนนิ่ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีน copy + delvelopment ...ต่อยอดไปได้ไกลกว่า ต้นฉบับอีก .. (บางอย่าง) ....หันมาดูแถวนี้...ลอกอย่างเดียว...และไม่ดูด้วยว่า คนที่ลอกเขานั้น ..ของจริง หรือเปล่า? แต่เชื่อหมดใจ..และถ่ายทอดส่งต่อสู่ผู้อื่น ถ้าคุณอ่านหลักคิดของคนรวยทั่วโลก จะมีวิธีนี้เป็นหลักเลย คือ หาช่องว่าง และทำให้ดีกว่าเดิม...มันง่ายกว่าการ สร้างสรรค์าิ่งใหม่เสียอีก....
    จีน copy + delvelopment ...ต่อยอดไปได้ไกลกว่า ต้นฉบับอีก .. (บางอย่าง) ....หันมาดูแถวนี้...ลอกอย่างเดียว...และไม่ดูด้วยว่า คนที่ลอกเขานั้น ..ของจริง หรือเปล่า? แต่เชื่อหมดใจ..และถ่ายทอดส่งต่อสู่ผู้อื่น ถ้าคุณอ่านหลักคิดของคนรวยทั่วโลก จะมีวิธีนี้เป็นหลักเลย คือ หาช่องว่าง และทำให้ดีกว่าเดิม...มันง่ายกว่าการ สร้างสรรค์าิ่งใหม่เสียอีก....
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • แฮกเกอร์ใช้เล่ห์กล CAPTCHA ในไฟล์ PDF บน Webflow CDN เพื่อหลีกเลี่ยงระบบความปลอดภัย โดยมีเป้าหมายเพื่อขโมยข้อมูลบัตรเครดิตของผู้ใช้งาน

    นักวิจัยจาก Netskope ได้ค้นพบว่าแฮกเกอร์ใช้ไฟล์ PDF ปลอมที่ถูกโฮสต์บน Webflow CDN เพื่อหลอกลวงผู้ใช้งานให้เข้าไปยังหน้าเว็บฟิชชิ่ง (phishing page) เมื่อผู้ใช้งานเปิดไฟล์ PDF ดังกล่าว จะพบภาพที่ดูเหมือนเป็น CAPTCHA แต่แท้จริงแล้วเป็นเพียงลิงก์ที่จะพาผู้ใช้ไปยังหน้าเว็บฟิชชิ่ง

    จากนั้น หน้าเว็บฟิชชิ่งนี้จะมี CAPTCHA ของจริงจาก Cloudflare ที่มีเป้าหมายเพื่อทำให้การโจมตีดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นและหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากระบบความปลอดภัยต่าง ๆ เมื่อผู้ใช้งานกรอก CAPTCHA เสร็จสิ้น จะถูกนำไปยังหน้าที่มีปุ่ม "ดาวน์โหลด" เมื่อกดปุ่มนี้ จะมีป๊อปอัพปรากฏขึ้นเพื่อขอข้อมูลส่วนบุคคล (PII) และข้อมูลบัตรเครดิตของผู้ใช้ จากนั้นข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งไปยังแฮกเกอร์

    ผู้ที่กรอกข้อมูลบัตรเครดิตจะได้รับข้อความผิดพลาดที่บอกว่าการชำระเงินไม่สำเร็จ หากพยายามหลายครั้งจะถูกนำไปยังหน้า HTTP 500 error page แฮกเกอร์ใช้ข้อมูลบัตรเครดิตที่ขโมยมาเพื่อทำการฉ้อโกงทางการเงิน เช่น การซื้อโฆษณาสำหรับแคมเปญมาลเวอร์ไทซิง (malvertising) หรือการซื้อบัตรของขวัญออนไลน์ที่ยากต่อการติดตาม

    Netskope ระบุว่าแคมเปญนี้เริ่มต้นในช่วงกลางปี 2024 และมีผลกระทบต่อ "ลูกค้าของ Netskope หลายร้อยคน" และ "ผู้ใช้หลายพันคน" นักวิจัยไม่ได้ระบุว่าแฮกเกอร์ใช้ข้อมูลที่ขโมยไปทำอะไรบ้างนอกเหนือจากการฉ้อโกงทางการเงิน

    https://www.techradar.com/pro/security/hackers-use-captcha-scam-in-pdf-files-on-webflow-cdn-to-get-past-security-systems
    แฮกเกอร์ใช้เล่ห์กล CAPTCHA ในไฟล์ PDF บน Webflow CDN เพื่อหลีกเลี่ยงระบบความปลอดภัย โดยมีเป้าหมายเพื่อขโมยข้อมูลบัตรเครดิตของผู้ใช้งาน นักวิจัยจาก Netskope ได้ค้นพบว่าแฮกเกอร์ใช้ไฟล์ PDF ปลอมที่ถูกโฮสต์บน Webflow CDN เพื่อหลอกลวงผู้ใช้งานให้เข้าไปยังหน้าเว็บฟิชชิ่ง (phishing page) เมื่อผู้ใช้งานเปิดไฟล์ PDF ดังกล่าว จะพบภาพที่ดูเหมือนเป็น CAPTCHA แต่แท้จริงแล้วเป็นเพียงลิงก์ที่จะพาผู้ใช้ไปยังหน้าเว็บฟิชชิ่ง จากนั้น หน้าเว็บฟิชชิ่งนี้จะมี CAPTCHA ของจริงจาก Cloudflare ที่มีเป้าหมายเพื่อทำให้การโจมตีดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นและหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากระบบความปลอดภัยต่าง ๆ เมื่อผู้ใช้งานกรอก CAPTCHA เสร็จสิ้น จะถูกนำไปยังหน้าที่มีปุ่ม "ดาวน์โหลด" เมื่อกดปุ่มนี้ จะมีป๊อปอัพปรากฏขึ้นเพื่อขอข้อมูลส่วนบุคคล (PII) และข้อมูลบัตรเครดิตของผู้ใช้ จากนั้นข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งไปยังแฮกเกอร์ ผู้ที่กรอกข้อมูลบัตรเครดิตจะได้รับข้อความผิดพลาดที่บอกว่าการชำระเงินไม่สำเร็จ หากพยายามหลายครั้งจะถูกนำไปยังหน้า HTTP 500 error page แฮกเกอร์ใช้ข้อมูลบัตรเครดิตที่ขโมยมาเพื่อทำการฉ้อโกงทางการเงิน เช่น การซื้อโฆษณาสำหรับแคมเปญมาลเวอร์ไทซิง (malvertising) หรือการซื้อบัตรของขวัญออนไลน์ที่ยากต่อการติดตาม Netskope ระบุว่าแคมเปญนี้เริ่มต้นในช่วงกลางปี 2024 และมีผลกระทบต่อ "ลูกค้าของ Netskope หลายร้อยคน" และ "ผู้ใช้หลายพันคน" นักวิจัยไม่ได้ระบุว่าแฮกเกอร์ใช้ข้อมูลที่ขโมยไปทำอะไรบ้างนอกเหนือจากการฉ้อโกงทางการเงิน https://www.techradar.com/pro/security/hackers-use-captcha-scam-in-pdf-files-on-webflow-cdn-to-get-past-security-systems
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📌 คนดีดูง่าย แต่เป็นได้ยาก

    ✅ คนดีที่แท้จริง
    ✔️ ละชั่วได้แล้ว → ทำดีได้จริง
    ✔️ ใจไม่ร้าย → ไม่คิดร้าย → ไม่ทำร้ายใคร
    ✔️ ให้ทานแบบสละออกจริงๆ ไม่ใช่ให้เพื่ออวด
    ✔️ รักษาศีลเพื่อรักษาใจ ไม่ใช่เพื่อสร้างภาพ
    ✔️ เจริญสติ เพื่อพ้นทุกข์ ไม่ใช่เพื่อเอาชนะใคร


    ---

    ❌ คนที่ดูเหมือนดี แต่ไม่ใช่จริง
    ❌ ทำบุญให้คนเห็นเยอะๆ แต่ลับหลังทำบาปหนัก
    ❌ คิดร้าย พูดร้าย แต่หลอกตัวเองว่าตัวเองดี
    ❌ สร้างบุญเพื่อกลบกรรม ไม่ใช่เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง

    📍 แบบนี้คือ ‘พาลแท้’ ตามที่พระพุทธเจ้าตรัส
    👉 พาลแท้ คือ คนชั่วที่คิดว่าตัวเองเป็นคนดี
    👉 ยิ่งสร้างภาพดีมากเท่าไร ยิ่งมีสายสัมพันธ์อันดีกับนรก


    ---

    📌 ทำอย่างไรให้เป็นคนดีของจริง?

    ✅ เริ่มจากละชั่ว → หยุดทำสิ่งที่รู้ว่าผิด
    ✅ ค่อยๆ ทำดี → ด้วยใจที่สะอาด ไม่ใช่เพื่อเอาหน้า
    ✅ มีสติรู้ตัว → ไม่เผลอหลอกตัวเองว่า "ข้าคือคนดี"

    💡 เพราะคนดีจริง…
    ไม่ต้องประกาศว่าเป็นคนดี แต่ใครอยู่ใกล้ก็รู้สึกได้เอง!

    📌 คนดีดูง่าย แต่เป็นได้ยาก ✅ คนดีที่แท้จริง ✔️ ละชั่วได้แล้ว → ทำดีได้จริง ✔️ ใจไม่ร้าย → ไม่คิดร้าย → ไม่ทำร้ายใคร ✔️ ให้ทานแบบสละออกจริงๆ ไม่ใช่ให้เพื่ออวด ✔️ รักษาศีลเพื่อรักษาใจ ไม่ใช่เพื่อสร้างภาพ ✔️ เจริญสติ เพื่อพ้นทุกข์ ไม่ใช่เพื่อเอาชนะใคร --- ❌ คนที่ดูเหมือนดี แต่ไม่ใช่จริง ❌ ทำบุญให้คนเห็นเยอะๆ แต่ลับหลังทำบาปหนัก ❌ คิดร้าย พูดร้าย แต่หลอกตัวเองว่าตัวเองดี ❌ สร้างบุญเพื่อกลบกรรม ไม่ใช่เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง 📍 แบบนี้คือ ‘พาลแท้’ ตามที่พระพุทธเจ้าตรัส 👉 พาลแท้ คือ คนชั่วที่คิดว่าตัวเองเป็นคนดี 👉 ยิ่งสร้างภาพดีมากเท่าไร ยิ่งมีสายสัมพันธ์อันดีกับนรก --- 📌 ทำอย่างไรให้เป็นคนดีของจริง? ✅ เริ่มจากละชั่ว → หยุดทำสิ่งที่รู้ว่าผิด ✅ ค่อยๆ ทำดี → ด้วยใจที่สะอาด ไม่ใช่เพื่อเอาหน้า ✅ มีสติรู้ตัว → ไม่เผลอหลอกตัวเองว่า "ข้าคือคนดี" 💡 เพราะคนดีจริง… ไม่ต้องประกาศว่าเป็นคนดี แต่ใครอยู่ใกล้ก็รู้สึกได้เอง!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • พิรุธชัดร่าง "แตงโม" ไม่เหมือนแช่น้ำ 2 วัน : [NEWS UPDATE]

    นายเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ นักแสดงจิตอาสา ให้ข้อมูลกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นักแสดงชื่อดัง มีจุดพิรุธ 2 จุดใหญ่ คือ โคนขาขวาด้านใน และข้างน่องขาขวา จุดน่าสงสัยอาจไม่ได้โดนใบพัดเรือ คือ โคนขาขวา เพราะรอยยาวและลึกมากจนเห็นเนื้อยุ่ย ตรงนี้น่าจะทำให้เสียชีวิต พอตกลงน้ำก็ว่ายน้ำไม่ไหว มีรอยขีดข่วนก้างปลาไม่ลึก มีจุดข้างน่องขาขวาเหมือนของแหลมแทงเข้าไป มีไขมันออกมากับเนื้อ ฟันซี่บนหักแน่นอน โดยจากประสบการณ์เก็บร่างคนตกน้ำ มอง ขาแตงโมขาว ไม่มีร่องรอยการแช่น้ำเป็นเวลา 2 วัน ขาเนียนเหมือนเพิ่งเสียชีวิต ใบหน้าเละ หน้าอกช้ำ ซึ่งตามปกติคนจมน้ำ สภาพผิวหนังจะคล้ายกันหมด
    80% เพราะจมน้ำทั้งร่างกาย ไม่ได้เสียชีวิตที่อื่นแล้วนำมาจมน้ำ



    "แม๊"ยืนยันโทรศัพท์ของจริง

    ประชุมแก้รัฐธรรมนูญล่ม

    กันจุดล่อแหลมหนีเข้าเมือง

    ฤดูชมผีเสื้อป่ามรดกโลก
    พิรุธชัดร่าง "แตงโม" ไม่เหมือนแช่น้ำ 2 วัน : [NEWS UPDATE] นายเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ นักแสดงจิตอาสา ให้ข้อมูลกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นักแสดงชื่อดัง มีจุดพิรุธ 2 จุดใหญ่ คือ โคนขาขวาด้านใน และข้างน่องขาขวา จุดน่าสงสัยอาจไม่ได้โดนใบพัดเรือ คือ โคนขาขวา เพราะรอยยาวและลึกมากจนเห็นเนื้อยุ่ย ตรงนี้น่าจะทำให้เสียชีวิต พอตกลงน้ำก็ว่ายน้ำไม่ไหว มีรอยขีดข่วนก้างปลาไม่ลึก มีจุดข้างน่องขาขวาเหมือนของแหลมแทงเข้าไป มีไขมันออกมากับเนื้อ ฟันซี่บนหักแน่นอน โดยจากประสบการณ์เก็บร่างคนตกน้ำ มอง ขาแตงโมขาว ไม่มีร่องรอยการแช่น้ำเป็นเวลา 2 วัน ขาเนียนเหมือนเพิ่งเสียชีวิต ใบหน้าเละ หน้าอกช้ำ ซึ่งตามปกติคนจมน้ำ สภาพผิวหนังจะคล้ายกันหมด 80% เพราะจมน้ำทั้งร่างกาย ไม่ได้เสียชีวิตที่อื่นแล้วนำมาจมน้ำ "แม๊"ยืนยันโทรศัพท์ของจริง ประชุมแก้รัฐธรรมนูญล่ม กันจุดล่อแหลมหนีเข้าเมือง ฤดูชมผีเสื้อป่ามรดกโลก
    Like
    Sad
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1253 มุมมอง 60 0 รีวิว
  • เรื่อง พลัง ของตัวเลข ของจริงเขามี..ในตำราต่างประเทศ...แต่วงการซื้อขาย อย่างที่เคยเขียน สร้างองค์ความรู้ หลักเกณฑ์ และ รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน...เหมือนวงการ พระเครื่อง..คือ ถ้าไม่มาแนวที่เขาสร้างหลักเกณฑ์ องค์ความรู้ ..เอาไว้..เขาก็จะตีกัน..ไม่ใช่ไปเลย..อย่างเมื่อวาน มีคนขอซื้อเลข 081 9159968 ..บอกไปถาม อ. (สงวนชื่อ) มา บอก เกรด C ...แต่อยากได้...และบ่นความไม่มีอย่างโน่นนี่....ขอซื้อหลักร้อย...ผมเลยตอบไปว่า ...ในเมื่อมันไม่ดี เพราะใครยอกหรืออะไรก็ไม่ทราบ..ผมเจ้าใจธุรกิจดี...ฉะนั้น 1 .อน่าเอาไปเลย..และ 2 ผมเลยจุด..ที่ จะ ต้องซื้อ หรือ ต้องขาย...อะไรก็ตาม..มานานมากแล้ว....ความรู้สึกนั้นจะหายไปในไม่กี่นาที...เพราะถ้าผมอยากได้มาก็พอ..มันก็จบไปแล้ว...การจัดระบบความคิดของผมคือ ...ใข้เวลาให้สมกับ มูลค่า และ คุณค่า...ไม่ว่ากับ คน หรือ สิ่งของ..
    เรื่อง พลัง ของตัวเลข ของจริงเขามี..ในตำราต่างประเทศ...แต่วงการซื้อขาย อย่างที่เคยเขียน สร้างองค์ความรู้ หลักเกณฑ์ และ รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน...เหมือนวงการ พระเครื่อง..คือ ถ้าไม่มาแนวที่เขาสร้างหลักเกณฑ์ องค์ความรู้ ..เอาไว้..เขาก็จะตีกัน..ไม่ใช่ไปเลย..อย่างเมื่อวาน มีคนขอซื้อเลข 081 9159968 ..บอกไปถาม อ. (สงวนชื่อ) มา บอก เกรด C ...แต่อยากได้...และบ่นความไม่มีอย่างโน่นนี่....ขอซื้อหลักร้อย...ผมเลยตอบไปว่า ...ในเมื่อมันไม่ดี เพราะใครยอกหรืออะไรก็ไม่ทราบ..ผมเจ้าใจธุรกิจดี...ฉะนั้น 1 .อน่าเอาไปเลย..และ 2 ผมเลยจุด..ที่ จะ ต้องซื้อ หรือ ต้องขาย...อะไรก็ตาม..มานานมากแล้ว....ความรู้สึกนั้นจะหายไปในไม่กี่นาที...เพราะถ้าผมอยากได้มาก็พอ..มันก็จบไปแล้ว...การจัดระบบความคิดของผมคือ ...ใข้เวลาให้สมกับ มูลค่า และ คุณค่า...ไม่ว่ากับ คน หรือ สิ่งของ..
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระเครื่อง..น่าจะเป็นเกจิเดียว..ที่กลุ่มลูกศิษย์กล่าวขานกันจากประสบการณ์จริง..ว่า ป้องกันได้ ตั้งแต่ M 16 ยัน s ะเบิด...!! หาอ่านต่อใน google ..ลพ. คง วัดวังสรรพรส จันทบุรี...
    ..ด้วยความที่ยุคนึง การค้าพลอย เจริญรุ่งเรือง เศรษญกิจในจ้งหวัดบูมมาก...คนจากทั่วสารทิศหลั่งไหลมาที่นี่...มีการค้ามากมาย ...การจัดประโยชน์ คดโกง หักหลัง ก็ตามมา...ประสบการณ์ของพระเครื่องสายนี้...จึงเป็นที่ประจักษ์ว่า...ของจริง.....ส่วนตัวเจอสึกๆ ก็จะเก็บมาเอาไว้ทำมวลสาร..เผื่อสร้างพระในอนาคต..
    พระเครื่อง..น่าจะเป็นเกจิเดียว..ที่กลุ่มลูกศิษย์กล่าวขานกันจากประสบการณ์จริง..ว่า ป้องกันได้ ตั้งแต่ M 16 ยัน s ะเบิด...!! หาอ่านต่อใน google ..ลพ. คง วัดวังสรรพรส จันทบุรี... ..ด้วยความที่ยุคนึง การค้าพลอย เจริญรุ่งเรือง เศรษญกิจในจ้งหวัดบูมมาก...คนจากทั่วสารทิศหลั่งไหลมาที่นี่...มีการค้ามากมาย ...การจัดประโยชน์ คดโกง หักหลัง ก็ตามมา...ประสบการณ์ของพระเครื่องสายนี้...จึงเป็นที่ประจักษ์ว่า...ของจริง.....ส่วนตัวเจอสึกๆ ก็จะเก็บมาเอาไว้ทำมวลสาร..เผื่อสร้างพระในอนาคต..
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา เชื่อว่าคำพูดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เกี่ยวกับการดูดกลืนแคนาดาเข้าเป็นรัฐที่ 51 "เป็นของจริง" และมันเกี่ยวข้องกับความมั่นคงด้านทรัพยากรทางธรรมชาติของประเทศ ตามรายงานของสื่อมวลชนอ้างอิงแหล่งข่าวในรัฐบาล
    .
    แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ทรูโด แสดงความคิดเห็นดังกล่าว ระหว่างการประชุมลับกับพวกผู้นำภาคธุรกิจและแกนนำสหภาพแรงงาน เกี่ยวกับแนวทางที่เหมาะสมที่สุดในการตอบโต้ความเคลื่อนไหวของทรัมป์ ที่ขู่รีดภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดา
    .
    ที่ผ่านมา ทรัมป์ ส่งเสียงแนะนำซ้ำๆว่า แคนาดา จะดีกว่าเดิม หากประเทศแห่งนี้ยอมกลายมาเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกา
    .
    หนังสือพิมพ์โทรอนโตสตาร์ รายงานอ้างคำกล่าวของทรูโดระบุว่า "พวกเขาทราบดีเกี่ยวกับทรัพยากรของเรา สิ่งที่เรามีและพวกเขาต้องการมากๆอยากได้ประโยชน์จากทรัพยากรเหล่านี้" นายกรัฐมนตรีแคนาดากล่าวกับที่ประชุมลับ "แต่ในความคิดของทรัมป์ หนึ่งในหนทางที่ง่ายที่สุดในการทำเช่นนั้น ก็คือดูดกลืนประเทศของเรา และความคิดนี้เป็นของจริง"
    .
    แหล่งข่าวในรัฐบาล ยืนยันว่ารายงานข่าวของโทรอนโตสาตาร์ที่อ้างคำพูดดังกล่าวนั้น "ถูกต้อง"
    .
    แคนาดา ที่กำลังหาทางปัดป้องมาตรการต่างๆนานาของสหรัฐฯ เน้นย้ำว่าพวกเขาเป็นคู่หูที่น่าเชื่อถือ และเป็นผู้จัดหารายใหญ่ด้านน้ำมัน แร่ธาตุและทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ
    .
    ในความเห็นกับพวกผู้สื่อข่าว ทรูโดบอกก่อนหน้านี้ว่า แคนาดาอาจต้องเจอกับความท้าทายทางการเมืองในระยะยาวกับสหรัฐฯ แม้นว่าหากสามารถจัดการหลีกเลี่ยงคำขู่รีดภาษีของทรัมป์ได้ก็ตาม
    .
    ทรัมป์ เมื่อวันจันทร์(3ก.พ.) เผยว่าเขาจะเลื่อนกำหนดมาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาออกไป 30 วัน และกับการยอมอ่อนข้อในด้านชายแดนและการจัดการดับอาชญากรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปราบปรามการลักลอบขนยาเฟนทานิล
    .
    ทรูโด บอกว่าความท้าทายในปัจจุบันทันด่วนของออตตาวา ก็คือการโน้มน้าวให้วอชิงตัน เชื่อว่าแคนาดาได้ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้แล้ว ในการต่อสู้กับกระแสไหลบ่าของยาเฟนทานิล จากข้อมูลพบว่าในบรรดายาเฟนทานิลที่ถูกยึดในสหรัฐฯนั้น มีเพียงแค่ 0.2% ที่ข้ามไปจากชายแดนแคนาดา
    .
    ทั้งนี้ ทรูโด บอกกับพวกนักธุรกิจและแกนนำสหภาพแรงงาน ในช่วงต้นของการประชุมเกี่ยวกับแนวทางสร้างความหลากหลายทางการค้าและกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่าถ้าสหรัฐฯกำหนดมาตรการรีดภาษี ทางแคนาดาก็จะตอบโต้แบบเดียวกัน แต่เป้าหมายของแคนาดาคือจะหาทางปลดมาตรการเหล่านี้อย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
    .
    ปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาทางการค้าของทรัมป์ เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ กล่าวหาแคนาดา กลายมาเป็นแหล่งต้นทางหลักของการลักลอบขนยาปลอดภาษี แต่ขณะเดียวกันก็เป็นแหล่งประเด็นปัญหาใหญ่ด้านวีซ่าและปล่อยให้คนที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีก่อการร้ายเดินทางเข้าสู่สหรัฐฯ
    .
    ในการส่งออกภาคบริการและสินค้าทั้งหมดของแคนาดา คิดเป็นสัดส่วนถึง 75% ที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ส่งผลให้พวกเขามีความอ่อนแออย่างมากต่อการคว่ำบาตรใดๆของอเมริกา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000012939
    ..............
    Sondhi X
    จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา เชื่อว่าคำพูดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เกี่ยวกับการดูดกลืนแคนาดาเข้าเป็นรัฐที่ 51 "เป็นของจริง" และมันเกี่ยวข้องกับความมั่นคงด้านทรัพยากรทางธรรมชาติของประเทศ ตามรายงานของสื่อมวลชนอ้างอิงแหล่งข่าวในรัฐบาล . แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ทรูโด แสดงความคิดเห็นดังกล่าว ระหว่างการประชุมลับกับพวกผู้นำภาคธุรกิจและแกนนำสหภาพแรงงาน เกี่ยวกับแนวทางที่เหมาะสมที่สุดในการตอบโต้ความเคลื่อนไหวของทรัมป์ ที่ขู่รีดภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดา . ที่ผ่านมา ทรัมป์ ส่งเสียงแนะนำซ้ำๆว่า แคนาดา จะดีกว่าเดิม หากประเทศแห่งนี้ยอมกลายมาเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกา . หนังสือพิมพ์โทรอนโตสตาร์ รายงานอ้างคำกล่าวของทรูโดระบุว่า "พวกเขาทราบดีเกี่ยวกับทรัพยากรของเรา สิ่งที่เรามีและพวกเขาต้องการมากๆอยากได้ประโยชน์จากทรัพยากรเหล่านี้" นายกรัฐมนตรีแคนาดากล่าวกับที่ประชุมลับ "แต่ในความคิดของทรัมป์ หนึ่งในหนทางที่ง่ายที่สุดในการทำเช่นนั้น ก็คือดูดกลืนประเทศของเรา และความคิดนี้เป็นของจริง" . แหล่งข่าวในรัฐบาล ยืนยันว่ารายงานข่าวของโทรอนโตสาตาร์ที่อ้างคำพูดดังกล่าวนั้น "ถูกต้อง" . แคนาดา ที่กำลังหาทางปัดป้องมาตรการต่างๆนานาของสหรัฐฯ เน้นย้ำว่าพวกเขาเป็นคู่หูที่น่าเชื่อถือ และเป็นผู้จัดหารายใหญ่ด้านน้ำมัน แร่ธาตุและทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ . ในความเห็นกับพวกผู้สื่อข่าว ทรูโดบอกก่อนหน้านี้ว่า แคนาดาอาจต้องเจอกับความท้าทายทางการเมืองในระยะยาวกับสหรัฐฯ แม้นว่าหากสามารถจัดการหลีกเลี่ยงคำขู่รีดภาษีของทรัมป์ได้ก็ตาม . ทรัมป์ เมื่อวันจันทร์(3ก.พ.) เผยว่าเขาจะเลื่อนกำหนดมาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาออกไป 30 วัน และกับการยอมอ่อนข้อในด้านชายแดนและการจัดการดับอาชญากรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปราบปรามการลักลอบขนยาเฟนทานิล . ทรูโด บอกว่าความท้าทายในปัจจุบันทันด่วนของออตตาวา ก็คือการโน้มน้าวให้วอชิงตัน เชื่อว่าแคนาดาได้ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้แล้ว ในการต่อสู้กับกระแสไหลบ่าของยาเฟนทานิล จากข้อมูลพบว่าในบรรดายาเฟนทานิลที่ถูกยึดในสหรัฐฯนั้น มีเพียงแค่ 0.2% ที่ข้ามไปจากชายแดนแคนาดา . ทั้งนี้ ทรูโด บอกกับพวกนักธุรกิจและแกนนำสหภาพแรงงาน ในช่วงต้นของการประชุมเกี่ยวกับแนวทางสร้างความหลากหลายทางการค้าและกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่าถ้าสหรัฐฯกำหนดมาตรการรีดภาษี ทางแคนาดาก็จะตอบโต้แบบเดียวกัน แต่เป้าหมายของแคนาดาคือจะหาทางปลดมาตรการเหล่านี้อย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ . ปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาทางการค้าของทรัมป์ เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ กล่าวหาแคนาดา กลายมาเป็นแหล่งต้นทางหลักของการลักลอบขนยาปลอดภาษี แต่ขณะเดียวกันก็เป็นแหล่งประเด็นปัญหาใหญ่ด้านวีซ่าและปล่อยให้คนที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีก่อการร้ายเดินทางเข้าสู่สหรัฐฯ . ในการส่งออกภาคบริการและสินค้าทั้งหมดของแคนาดา คิดเป็นสัดส่วนถึง 75% ที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ส่งผลให้พวกเขามีความอ่อนแออย่างมากต่อการคว่ำบาตรใดๆของอเมริกา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000012939 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    8
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1434 มุมมอง 0 รีวิว
  • #พระสมเด็จวัดระฆัง# ..ผู้เขียนเคยคุยกับ บิ๊กเนมท่านนึง รุ่นใหญ่มาก...ในวงการ..ผู้เขียนถามท่านนั้นว่า...สมเด็จ..ที่เขาขายกัน 20 ล้าน 30 ล้าน..ถ้าพี่ซื้อผมแบบ พี่รู้ว่าผม ..เป็นมวย...ไม่ใช่ตาสีตาสาชาวบ้าน...เพื่อกดราคาซื้อ..พี่จะซื้อได้เท่าไร? ...(ในสภาพเดียวกัน) ..เขาตอบว่า สมมุตินะ ...ไม่เกิน 2 ล้าน...เราก็..ห๊ะ..ห่างขนาดนั้นเลยหรือ? ...(คือทราบอยู่แล้ว..แต่แสดงเพื่อให้เขาอธิบายต่อ) ...เขาพูดดังนี้...ขั้นแรก เครดิตพี่...คนที่เขาซื้อต่อ เขามั่นใจว่า พี่ของจริง...คือ รู้เป็นจริง และถ้ามีปัญหา .พี่..มีปัญญา กรอกลับได้...ซึ่งเอาแค่ 2 อย่างนี้...ส่วนใหญ่ "น้ำลาย" พูดส่งเดช..ก็มาก...แต่ตัวจริง เขามี...
    ..ฉะนั้น พวกที่ตามหาและ "เพ้อ" ว่าจะมีสมเด็จองค์ละ หลายสิบล้านมาขาย...ขอบอกว่า เลิกเถอะ...เพราะ 1. หาตามแบบที่เขาซื้อขายไม่ง่าย..และ 2. ถึงใช่...ก็ไม่มีใครซื้อคุณ...ในราคาแบบนั้น .(ดังที่เขียน)
    #พระสมเด็จวัดระฆัง# ..ผู้เขียนเคยคุยกับ บิ๊กเนมท่านนึง รุ่นใหญ่มาก...ในวงการ..ผู้เขียนถามท่านนั้นว่า...สมเด็จ..ที่เขาขายกัน 20 ล้าน 30 ล้าน..ถ้าพี่ซื้อผมแบบ พี่รู้ว่าผม ..เป็นมวย...ไม่ใช่ตาสีตาสาชาวบ้าน...เพื่อกดราคาซื้อ..พี่จะซื้อได้เท่าไร? ...(ในสภาพเดียวกัน) ..เขาตอบว่า สมมุตินะ ...ไม่เกิน 2 ล้าน...เราก็..ห๊ะ..ห่างขนาดนั้นเลยหรือ? ...(คือทราบอยู่แล้ว..แต่แสดงเพื่อให้เขาอธิบายต่อ) ...เขาพูดดังนี้...ขั้นแรก เครดิตพี่...คนที่เขาซื้อต่อ เขามั่นใจว่า พี่ของจริง...คือ รู้เป็นจริง และถ้ามีปัญหา .พี่..มีปัญญา กรอกลับได้...ซึ่งเอาแค่ 2 อย่างนี้...ส่วนใหญ่ "น้ำลาย" พูดส่งเดช..ก็มาก...แต่ตัวจริง เขามี... ..ฉะนั้น พวกที่ตามหาและ "เพ้อ" ว่าจะมีสมเด็จองค์ละ หลายสิบล้านมาขาย...ขอบอกว่า เลิกเถอะ...เพราะ 1. หาตามแบบที่เขาซื้อขายไม่ง่าย..และ 2. ถึงใช่...ก็ไม่มีใครซื้อคุณ...ในราคาแบบนั้น .(ดังที่เขียน)
    Like
    Love
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • อยากรวย ต้องลงทุน..ลงทุนในความรู้ ลงทุนด้วยใจ..ด้วยกาย...ถ้าจะเลียนแบบ ก็เลียนแบบ ของจริง...อย่าเอา ง่าย...เพราะคำว่า รวย...แบบง่ายๆ....ไม่มี...!!
    อยากรวย ต้องลงทุน..ลงทุนในความรู้ ลงทุนด้วยใจ..ด้วยกาย...ถ้าจะเลียนแบบ ก็เลียนแบบ ของจริง...อย่าเอา ง่าย...เพราะคำว่า รวย...แบบง่ายๆ....ไม่มี...!!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝ่ายอาจารย์ปานเทพ ยืนยันว่าภาพตัดต่อ
    ฝ่ายนั้นบอกภาพจริง ไม่ตัดต่อ

    มีคนสรุปให้โดย เอาไปให้เอไอ ตัดสิน เอไอบอก"ไม่ชัดเจน"
    ฝ่ายอาจารย์ปานเทพก็อย่างหนึ่งนะ เว้นไว้ก่อน

    แต่อีกฝ่ายที่อ้างว่าภาพจริง แต่เอไอบอกภาพไม่ชัดเจน
    ก็ถ้าคุณมั่นใจว่าภาพของคุณมันเป็นของจริง คุณต้องไม่เห็นด้วยกับเอไอนะครับ คุณต้องบอกว่า เอไอเชื่อถือไม่ได้ จริงมั๊ย
    ก็อย่างที่บอก ถ้าของคุณคือของจริง แล้วมีใครมาบอกว่า ของปลอม หรือแม้แต่ ไม่ชัดเจน คุณจะต้องไม่พอใจ ความจริงมันต้องเป็นแบบนั้นนะ
    ฝ่ายอาจารย์ปานเทพ ยืนยันว่าภาพตัดต่อ ฝ่ายนั้นบอกภาพจริง ไม่ตัดต่อ มีคนสรุปให้โดย เอาไปให้เอไอ ตัดสิน เอไอบอก"ไม่ชัดเจน" ฝ่ายอาจารย์ปานเทพก็อย่างหนึ่งนะ เว้นไว้ก่อน แต่อีกฝ่ายที่อ้างว่าภาพจริง แต่เอไอบอกภาพไม่ชัดเจน ก็ถ้าคุณมั่นใจว่าภาพของคุณมันเป็นของจริง คุณต้องไม่เห็นด้วยกับเอไอนะครับ คุณต้องบอกว่า เอไอเชื่อถือไม่ได้ จริงมั๊ย ก็อย่างที่บอก ถ้าของคุณคือของจริง แล้วมีใครมาบอกว่า ของปลอม หรือแม้แต่ ไม่ชัดเจน คุณจะต้องไม่พอใจ ความจริงมันต้องเป็นแบบนั้นนะ
    Like
    5
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 253 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เมื่อพี่คิงส์จะขุดกรูขุดถึงก้นเหวนรก
    กรูจะแยกของจริงของไม่จริงให้เลยละกัน
    แฟนเพจจะได้ไม่งง ไม่ฉับฉน
    ประเด็น ที่เต้ พระราม 7 อ้าง นกม อ้างคนแก่
    เต้โดนสับขาหล็อก ทำให้เข้าใจไปไกลมาก
    ส่วนของแทร่คืออะไร ค่อยๆตามพี่คิงส์
    อาจมีนิทานดีๆ มาแบ่งปัน
    ส่วนประเด็น คนส่งภาพตัดต่อที่ไม่เนียนSUS
    ก็คือ คนของไอ่เฮี้ยตั้ม ชื่อมีสองพยางค์ ขึ้นต้นด้วย อ.ลงท้ายด้วย ค.
    เรื่องนี้ เล่าให้จบในโพสเดียว เป็นไปไม่ได้
    แต่ให้ค่อยๆเก็บข้อมูลจากทุกโพสที่เกียวกับเรื่องนี้
    ของพี่คิงส์ แล้วทุกคนจะเห็นภาพว่าใคร
    ที่ทำร้ายน้องแตงโม มีคนถามเยอะว่า ญ หรือ ช
    กรูบอกตรงนี้นะว่า มันเรียกเป็นคนไม่ได้
    ต้องเรียกเป็นแก๊ง เอาเท่านี้ก่อน
    ไอ่เฮี้ยตั้มก็แค่หมากตัวนึง ของจริงเดี๋ยวทะยอยเปิดให้
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    #เมื่อพี่คิงส์จะขุดกรูขุดถึงก้นเหวนรก กรูจะแยกของจริงของไม่จริงให้เลยละกัน แฟนเพจจะได้ไม่งง ไม่ฉับฉน ประเด็น ที่เต้ พระราม 7 อ้าง นกม อ้างคนแก่ เต้โดนสับขาหล็อก ทำให้เข้าใจไปไกลมาก ส่วนของแทร่คืออะไร ค่อยๆตามพี่คิงส์ อาจมีนิทานดีๆ มาแบ่งปัน ส่วนประเด็น คนส่งภาพตัดต่อที่ไม่เนียนSUS ก็คือ คนของไอ่เฮี้ยตั้ม ชื่อมีสองพยางค์ ขึ้นต้นด้วย อ.ลงท้ายด้วย ค. เรื่องนี้ เล่าให้จบในโพสเดียว เป็นไปไม่ได้ แต่ให้ค่อยๆเก็บข้อมูลจากทุกโพสที่เกียวกับเรื่องนี้ ของพี่คิงส์ แล้วทุกคนจะเห็นภาพว่าใคร ที่ทำร้ายน้องแตงโม มีคนถามเยอะว่า ญ หรือ ช กรูบอกตรงนี้นะว่า มันเรียกเป็นคนไม่ได้ ต้องเรียกเป็นแก๊ง เอาเท่านี้ก่อน ไอ่เฮี้ยตั้มก็แค่หมากตัวนึง ของจริงเดี๋ยวทะยอยเปิดให้ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 246 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาวมาเลย์ฯ เที่ยวไทย กลายเป็นผู้สูญหาย

    เมื่อสัปดาห์ก่อน สื่อมวลชนประเทศมาเลเซีย รายงานว่า แอนดี้ จี ยัง คิท (Andy Jee Yung Kit) อายุ 30 ปี ชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน สูง 170 เซนติเมตร ผิวคล้ำ และรูปร่างท้วม ภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอกูชิง รัฐซาราวัก บนเกาะบอร์เนียว แต่ทำงานที่ประเทศสิงคโปร์ ได้สูญหายและขาดการติดต่อ หลังจากไปเที่ยวที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 8 ม.ค. แต่เพื่อนร่วมงานได้แจ้งให้ครอบครัวทราบว่าหายตัวไป หลังจากไม่มาทำงานติดต่อกันสองวันหลังจากวันลาหยุด ทำให้ครอบครัวต้องเร่งค้นหาอย่างเร่งด่วน

    โดยลูกพี่ลูกน้องของนายแอนดี้ ได้ประกาศตามหาผ่านแพลตฟอร์มเสี่ยวหงซู (Xiao Hong Shu) เป็นภาษาจีน ระบุว่า นายแอนดี้เดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อไปท่องเที่ยว ต้องเดินทางกลับประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 15 ม.ค. กระทั่งเพื่อนร่วมงานแจ้งกับญาติว่า นายแอนดี้ไม่ได้มาทำงานหลังจากวันหยุด จึงทราบว่าหายตัวไปราวสองสามวันแล้ว โทรศัพท์ของเขาถูกตัดการติดต่อ และไม่มีข่าวคราวใดๆ ก่อนหน้านี้นายแอนดี้บอกญาติพี่น้อง และเพื่อนร่วมงานแต่เพียงว่า จะไปประเทศไทยด้วยกันกับเพื่อนเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าเพื่อนของเขาคือใคร

    ล่าสุด ครอบครัวของนายแอนดี้เดินทางมาที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อขอความช่วยเหลือจากสถานทูตมาเลเซียประจำประเทศสิงคโปร์ ตรวจสอบว่านายแอนดี้กลับเข้าประเทศหรือไม่ แต่หากไม่พบเบาะแสใดๆ ครอบครัวกำลังวางแผนที่จะเดินทางไปยังกรุงเทพฯ เพื่อตามหานายแอนดี้อีกทางหนึ่ง

    ประเทศไทยตกเป็นข่าวว่าเป็นทางผ่านของขบวนการสแกมเมอร์ ต้นเดือนที่ผ่านมา หวาง ซิง (Wang Xing) นักแสดงชาวจีนวัย 22 ปี ได้รับความช่วยเหลือออกจากเครือข่ายค้ามนุษย์ หลังจากถูกหลอกให้ไปถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย มีรายงานว่าเขาถูกบังคับให้ฝึกอบรมเป็นสแกมเมอร์ในประเทศเมียนมา

    ก่อนหน้านี้ แจ็กเกอลีน เชิง (Jacquelin Ch'ng) นักแสดงสาวชาวมาเลเซียวัย 44 ปี ที่อาศัยและทำงานวงการบันเทิงกับสถานีโทรทัศน์ทีวีบี (TVB) ในฮ่องกง ออกมาเปิดเผยข้อความต้องสงสัยที่เชื่อว่าอาจมีการหลอกลวงเกิดขึ้น เพราะได้รับข้อตกลงการจ้างงานเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับสินค้าเป็นภาษาจีน ที่ได้รับจากเอเจนซีโฆษณาแห่งหนึ่งในประเทศไทย ระบุว่า แบรนด์ชุดว่ายน้ำแบรนด์หนึ่งสนใจที่จะร่วมงาน โดยระบุจังหวัดภูเก็ตและเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เป็นสถานที่ถ่ายทำชุดว่ายน้ำ พร้อมกับขอเสนอสิทธิ์ใช้ภาพเป็นเวลา 6 เดือน ลูกค้ามีงบประมาณ 6 หลักในการถ่ายทำ จึงขอเชิญร่วมงาน ซึ่งข้อความที่คลุมเครือดังกล่าวทำให้เชิงเริ่มสงสัย และแสดงความกังวลว่าจะตรวจสอบได้อย่างไรว่างานโฆษณาที่ถ่ายทำในประเทศไทยเป็นของจริงหรือของปลอม

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    ชาวมาเลย์ฯ เที่ยวไทย กลายเป็นผู้สูญหาย เมื่อสัปดาห์ก่อน สื่อมวลชนประเทศมาเลเซีย รายงานว่า แอนดี้ จี ยัง คิท (Andy Jee Yung Kit) อายุ 30 ปี ชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน สูง 170 เซนติเมตร ผิวคล้ำ และรูปร่างท้วม ภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอกูชิง รัฐซาราวัก บนเกาะบอร์เนียว แต่ทำงานที่ประเทศสิงคโปร์ ได้สูญหายและขาดการติดต่อ หลังจากไปเที่ยวที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 8 ม.ค. แต่เพื่อนร่วมงานได้แจ้งให้ครอบครัวทราบว่าหายตัวไป หลังจากไม่มาทำงานติดต่อกันสองวันหลังจากวันลาหยุด ทำให้ครอบครัวต้องเร่งค้นหาอย่างเร่งด่วน โดยลูกพี่ลูกน้องของนายแอนดี้ ได้ประกาศตามหาผ่านแพลตฟอร์มเสี่ยวหงซู (Xiao Hong Shu) เป็นภาษาจีน ระบุว่า นายแอนดี้เดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อไปท่องเที่ยว ต้องเดินทางกลับประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 15 ม.ค. กระทั่งเพื่อนร่วมงานแจ้งกับญาติว่า นายแอนดี้ไม่ได้มาทำงานหลังจากวันหยุด จึงทราบว่าหายตัวไปราวสองสามวันแล้ว โทรศัพท์ของเขาถูกตัดการติดต่อ และไม่มีข่าวคราวใดๆ ก่อนหน้านี้นายแอนดี้บอกญาติพี่น้อง และเพื่อนร่วมงานแต่เพียงว่า จะไปประเทศไทยด้วยกันกับเพื่อนเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าเพื่อนของเขาคือใคร ล่าสุด ครอบครัวของนายแอนดี้เดินทางมาที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อขอความช่วยเหลือจากสถานทูตมาเลเซียประจำประเทศสิงคโปร์ ตรวจสอบว่านายแอนดี้กลับเข้าประเทศหรือไม่ แต่หากไม่พบเบาะแสใดๆ ครอบครัวกำลังวางแผนที่จะเดินทางไปยังกรุงเทพฯ เพื่อตามหานายแอนดี้อีกทางหนึ่ง ประเทศไทยตกเป็นข่าวว่าเป็นทางผ่านของขบวนการสแกมเมอร์ ต้นเดือนที่ผ่านมา หวาง ซิง (Wang Xing) นักแสดงชาวจีนวัย 22 ปี ได้รับความช่วยเหลือออกจากเครือข่ายค้ามนุษย์ หลังจากถูกหลอกให้ไปถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย มีรายงานว่าเขาถูกบังคับให้ฝึกอบรมเป็นสแกมเมอร์ในประเทศเมียนมา ก่อนหน้านี้ แจ็กเกอลีน เชิง (Jacquelin Ch'ng) นักแสดงสาวชาวมาเลเซียวัย 44 ปี ที่อาศัยและทำงานวงการบันเทิงกับสถานีโทรทัศน์ทีวีบี (TVB) ในฮ่องกง ออกมาเปิดเผยข้อความต้องสงสัยที่เชื่อว่าอาจมีการหลอกลวงเกิดขึ้น เพราะได้รับข้อตกลงการจ้างงานเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับสินค้าเป็นภาษาจีน ที่ได้รับจากเอเจนซีโฆษณาแห่งหนึ่งในประเทศไทย ระบุว่า แบรนด์ชุดว่ายน้ำแบรนด์หนึ่งสนใจที่จะร่วมงาน โดยระบุจังหวัดภูเก็ตและเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เป็นสถานที่ถ่ายทำชุดว่ายน้ำ พร้อมกับขอเสนอสิทธิ์ใช้ภาพเป็นเวลา 6 เดือน ลูกค้ามีงบประมาณ 6 หลักในการถ่ายทำ จึงขอเชิญร่วมงาน ซึ่งข้อความที่คลุมเครือดังกล่าวทำให้เชิงเริ่มสงสัย และแสดงความกังวลว่าจะตรวจสอบได้อย่างไรว่างานโฆษณาที่ถ่ายทำในประเทศไทยเป็นของจริงหรือของปลอม #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 579 มุมมอง 0 รีวิว
  • EP 27 นำ PCB ของจริงที่ copy มา SHOW .. งานที่ Copy ใช้งานได้จริง
    EP 27 นำ PCB ของจริงที่ copy มา SHOW .. งานที่ Copy ใช้งานได้จริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 286 มุมมอง 78 0 รีวิว
  • EP 26 นำภาพของ PCB ( back ground ) ให้มีขนาดเท่าอุปกรณ์ของจริง
    EP 26 นำภาพของ PCB ( back ground ) ให้มีขนาดเท่าอุปกรณ์ของจริง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 260 มุมมอง 136 0 รีวิว
  • บันทึกบทความจากความรู้สึก 5
    อย่าไปให้ค่าคนที่มันไม่ให้ค่าเรา จำเอาไว้ อย่าไปให้ค่าคนที่มันไม่ให้ค่าเรา
    โลกนี้มันก็แค่มายา แต่โลกหน้าน่ะของจริง
    ผู้คนส่วนใหญ่มันเกลียดชังในตัวตนของฉัน แต่พวกมันกลับหารู้ไม่ว่าพวกมันนั้นเหี้ยชั่วเลวยิ่งกว่าฉัน
    ฉันนี่แหล่ะคือตราชั่งแห่งจิตวิญญาณของทุกดวงวิญญาณ
    ใครที่เกลียดฉันนั้น พวกมันเป็นคนชั่วทั้งนั้น
    ส่วนใครที่รักฉันเข้าใจฉัน ล้วนเป็นคนที่ดีทั้งนั้น
    นี่คือหนึ่งในความสามารถพิเศษของฉัน กระชากทุกหน้ากากดวงวิญญาณของทุกดวงวิญญาณ
    ทำดีย่อมต้องได้ดีสักวัน ทำชั่วมันต้องย่อมได้ชั่วอย่างแน่นอน
    ใครทำอย่างไรก็ย่อมได้อย่างนั้นอย่างแน่นอน
    ตัวตนที่แท้จริงของฉันนั้นแข็งแกร่ง ถ้าหากว่ามันไม่จริง พวกมันคงไม่กล้าที่จะทำลายฉันทางอ้อม ไม่กล้าทำลายฉันตรงๆ
    ใครที่มันกล้าหาเรื่องฉัน มันต้องตายลงนรกกันทุกดวงวิญญาณ
    ฉันเตือนมามากมายหลายครั้งแล้ว และมันถึงเวลาที่ฉันจะแก้แค้นลงทัณฑ์พวกมันกันเสียที เพราะว่าฉันเตือนมามากพอแล้ว
    สักวันมันจะได้ลงนรกกันทุกดวงวิญญาณกันอย่างแน่นอน
    คำไหนคำนั้น ฉันจะอาฆาตทุกดวงวิญญาณให้ถึงที่สุดแห่งจิตวิญญาณอย่างแน่นอน
    สักวันมันคงจะล่มสลายลง โลกที่ถูกลงทัณฑ์ด้วยเบื้องบนเพราะความชั่วของเผ่าพันธ์ุมนุษย์ สักวันมนุษย์จักต้องสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ เพราะความโอหังของพวกมัน ที่ทำลายโลกใบนี้ สักวันคำทำนายจักเป็นจริงอย่างแน่นอน
    จากความเคียดแค้นสุดจิตวิญญาณของฉัน ที่อดทนมามากเกินพอกับสิ่งที่พวกมันได้ทำกับฉัน
    ตายลงนรกให้หมดทุกดวงวิญญาณ
    แดนเจอร์
    1 ใน 6 ผู้เสาหลักผู้พิทักษ์แห่งจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์
    ป.ล.ในโลกเหี้ยๆใบนี้ สักวันมันจักล่มสลายลงอย่างแน่นอน
    ไอ้อีเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่แสนโสมมจักสูญสิ้นทั้งเผ่าพันธุ์อย่างแน่นอน
    นี่คือคำทำนายของฉัน...
    บันทึกบทความจากความรู้สึก 5 อย่าไปให้ค่าคนที่มันไม่ให้ค่าเรา จำเอาไว้ อย่าไปให้ค่าคนที่มันไม่ให้ค่าเรา โลกนี้มันก็แค่มายา แต่โลกหน้าน่ะของจริง ผู้คนส่วนใหญ่มันเกลียดชังในตัวตนของฉัน แต่พวกมันกลับหารู้ไม่ว่าพวกมันนั้นเหี้ยชั่วเลวยิ่งกว่าฉัน ฉันนี่แหล่ะคือตราชั่งแห่งจิตวิญญาณของทุกดวงวิญญาณ ใครที่เกลียดฉันนั้น พวกมันเป็นคนชั่วทั้งนั้น ส่วนใครที่รักฉันเข้าใจฉัน ล้วนเป็นคนที่ดีทั้งนั้น นี่คือหนึ่งในความสามารถพิเศษของฉัน กระชากทุกหน้ากากดวงวิญญาณของทุกดวงวิญญาณ ทำดีย่อมต้องได้ดีสักวัน ทำชั่วมันต้องย่อมได้ชั่วอย่างแน่นอน ใครทำอย่างไรก็ย่อมได้อย่างนั้นอย่างแน่นอน ตัวตนที่แท้จริงของฉันนั้นแข็งแกร่ง ถ้าหากว่ามันไม่จริง พวกมันคงไม่กล้าที่จะทำลายฉันทางอ้อม ไม่กล้าทำลายฉันตรงๆ ใครที่มันกล้าหาเรื่องฉัน มันต้องตายลงนรกกันทุกดวงวิญญาณ ฉันเตือนมามากมายหลายครั้งแล้ว และมันถึงเวลาที่ฉันจะแก้แค้นลงทัณฑ์พวกมันกันเสียที เพราะว่าฉันเตือนมามากพอแล้ว สักวันมันจะได้ลงนรกกันทุกดวงวิญญาณกันอย่างแน่นอน คำไหนคำนั้น ฉันจะอาฆาตทุกดวงวิญญาณให้ถึงที่สุดแห่งจิตวิญญาณอย่างแน่นอน สักวันมันคงจะล่มสลายลง โลกที่ถูกลงทัณฑ์ด้วยเบื้องบนเพราะความชั่วของเผ่าพันธ์ุมนุษย์ สักวันมนุษย์จักต้องสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ เพราะความโอหังของพวกมัน ที่ทำลายโลกใบนี้ สักวันคำทำนายจักเป็นจริงอย่างแน่นอน จากความเคียดแค้นสุดจิตวิญญาณของฉัน ที่อดทนมามากเกินพอกับสิ่งที่พวกมันได้ทำกับฉัน ตายลงนรกให้หมดทุกดวงวิญญาณ แดนเจอร์ 1 ใน 6 ผู้เสาหลักผู้พิทักษ์แห่งจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ป.ล.ในโลกเหี้ยๆใบนี้ สักวันมันจักล่มสลายลงอย่างแน่นอน ไอ้อีเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่แสนโสมมจักสูญสิ้นทั้งเผ่าพันธุ์อย่างแน่นอน นี่คือคำทำนายของฉัน...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า(ยุคพระศรีอารย์)
    นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าที่ผมจะเสนอทุกท่านนี้นั้นจะเป็นไปในแบบที่มีความสุขและเรียบง่ายมาก แต่ทุกคนนั้นมองข้ามในบางสิ่งที่สำคัญมากไป เอ้ามาเริ่มกันเลยเนาะ
    ครั้งหนึ่งมีเจ้ากระต่ายที่ทะนงตนเองอยู่ตัวหนึ่ง กับเจ้าเต่าน้อยที่อ่อนแออีกตัวหนึ่ง พร้อมทั้งเหล่าสหายผองเพื่อนสัตว์ป่าน้อยใหญ่ประเภทต่างๆอีกมากมายอาศัยอยู่ด้วยกันในป่าแห่งหนึ่ง
    ทุกวันนั้นเจ้ากระต่ายมักจะเห็นเจ้าเต่าน้อยที่น่าสงสารแต่น่ารำคาญในสายตาของเจ้ากระต่ายอยู่ทุกวันๆ และเจ้ากระต่ายก็มักจะดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยามเจ้าเต่าน้อยอยู่ทุกวันๆว่า
    “เต่าอย่างนายมันดีแต่เดินชักช้าน่ารำคาญไม่ทันใครๆเค้าหรอก จะทำอะไรก็ชักช้าต้วมเตี้ยมๆ แล้วอย่างนี้จะไปทันเค้าเรอะ ฮ่าๆๆ”
    แล้วมีอยู่วันหนึ่งที่เจ้ากระต่ายได้ไปเห็นเจ้าเต่าน้อยที่น่ารำคาญเดินชักช้าต้วมเตี้ยมๆแล้วก็เกิดความคิดอยากที่จะกลั่นแกล้งเจ้าเต่าน้อยให้อับอายขายขี้หน้าประชาชีไปทั่วทั้งป่าให้สะใจตนเองจนถึงที่สุด เลยออกสาส์นท้ารบท้าทายเจ้าเต่าน้อย และอยากที่โอ้อวดตนเองที่มีร่างกายที่ดีกว่าเจ้าเต่าน้อยที่ดีแต่ชักช้าทำอะไรไม่ทันใครเค้าว่า
    “เรามาวิ่งแข่งกัน ถ้าชั้นชนะนาย นายจะต้องกลายมาเป็นเบ้ของชั้นตลอดไป หรือ นายจะต้องออกไปจากป่าแห่งนี้และไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก” “แต่ถ้าชั้นแพ้ นายจะได้รับการยอมรับจากชั้นว่านายไม่ใช่แค่เต่าที่ดีแต่เดินต้วมเตี้ยมๆไปวันๆที่ไม่มีอะไรดีเด่นในตัวเองเลย หรือ นายจะได้อยู่ในป่าแห่งนี้ต่อไป และได้รับการยอมรับจากชั้นว่านายก็มีดีเหมือนกัน และก็จะได้เป็นเจ้าป่าด้วย”
    เต่าน้อยลังเลใจอยู่พักใหญ่ แต่ด้วยความที่เต่าน้อยสุดที่จะอดทนอดกลั้นกับเจ้ากระต่ายที่แสนจะทะนงตนและโอ้อวดนั่นได้ เจ้าเต่าน้อยเลยทำการตกลงที่จะแข่งขันกับเจ้ากระต่าย เพื่อให้เจ้ากระต่ายได้รับรู้กันไปเลยว่า
    “ชั้นไม่ได้เป็นแค่เต่ากระจอกๆที่ใครๆก็จะมาดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยามกันได้ง่ายๆ” อย่างที่เจ้ากระต่ายพูดไว้ “ชั้นก็มีดีในตัวเองเหมือนกัน”
    จากนั้นเจ้ากระต่ายก็ได้ประกาศบอกไปกับเหล่าเพื่อนพ้องสหายสัตว์น้อยใหญ่ที่อาศัยอยู่ในป่าเดียวกันให้ได้รับทราบและรับรู้โดยทั่วกันให้มาเป็นสักขีพยานในการที่เจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าน้อยจะทำการประลองวิ่งแข่งกัน โดยให้จัดเตรียมงานการแข่งขันกันในอีกสามวัน
    ครั้นพอถึงวันที่ได้กำหนดไว้แล้ว เจ้ากระต่ายก็มาก่อนเจ้าเต่า และได้เตรียมพร้อมที่จะทำการประลองแข่งขันในทันที แต่ครั้นพอถึงเวลาที่จะทำการแข่งขันแล้ว แต่เจ้าเต่ากลับยังไม่มาตามที่ได้นัดหมายเอาไว้ เจ้ากระต่ายจึงได้ประกาศเหยียดหยามดูถูกเจ้าเต่าว่า
    “ฮ่าๆๆ ป่านนี้แล้วเจ้าเต่ามันยังไม่โผล่หัวมาที่ลานประลองนี้อีก ดูท่าว่าเจ้าเต่ามันคงจะกลัวหัวหดอยู่ในกระดองหนีไปจากป่านี้แล้วล่ะมั้ง”
    แต่พอเจ้ากระต่ายพูดจบยังไม่ทันขาดคำ เจ้าเต่าน้อยที่น่าสงสารก็มาถึงที่ลานประลองในทันที เจ้ากระต่ายจึงได้พูดเกทับบอกเจ้าเต่าไปว่า
    “นายแน่มากที่มาประลองกับชั้นในวันนี้ทั้งๆที่รู้ว่าแพ้อยู่แล้ว ฮ่าๆๆ”
    เจ้าเต่าน้อยที่น่าสงสารก็เลยบอกกับเจ้ากระต่ายที่ทระนงตนเองว่า “เรายังไม่ทันได้แข่งกันเลย ใครจะไปรู้ว่าบางทีกระต่ายที่แสนรวดเร็วอย่างนายอาจจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในวันนี้ก็เป็นได้ หึๆๆ”
    พอได้เวลาที่จะแข่งขันแล้วเหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าน้อยใหญ่ทั้งหลายก็มาเป็นสักขีพยานกันถ้วนหน้า และเชียร์ให้กำลังใจเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าที่มาแข่งขันกันอย่างเอิกเกริกเจี๊ยวจ๊าวเซ็งแซ่ไปทั่วทั้งป่า
    สัญญาณเริ่มการประลองเริ่มดังขึ้น เจ้ากระต่ายออกตัวได้อย่างรวดเร็วแซงหน้าเจ้าเต่าไปอย่างไม่เห็นฝุ่น ตามเส้นทางแข่งขันมีที่อุปสรรคขวากหนามต่างๆมากมาย เจ้ากระต่ายผ่านไปได้หมดได้อย่างง่ายดาย ส่วนเจ้าเต่ากลับทุลักทุเลผ่านไปแทบจะทุกๆด่าน แต่มีอุปสรรคหนึ่งที่เป็นหัวใจในการแข่งขันในครั้งนี้ที่เหล่าผองเพื่อนสัตว์ป่าน้อยใหญ่ได้ตกลงทำกันไว้และคอยลุ้นอยู่อย่างน่าตื่นเต้นเร้าใจที่สุด โดยมีเจ้าป่าราชสีห์เป็นผู้คิดขึ้นมาเพื่อท้าทายเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าเพื่อให้เห็นถึงคุณค่าของการสามัคคีกลมเกลียวรักกันและกัน เพื่อหวังว่าจะให้เจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าได้รับรู้ถึงมิตรภาพและความดีงามในการอยู่ร่วมกันในป่าแห่งนี้ว่า
    “จงเห็นคุณค่าของกันและกัน อย่าดูถูกกัน อย่าแตกสามัคคีกัน จงเห็นใจกันและกัน เข้าใจกันและกัน และยอมรับความแตกต่างซึ่งกันและกัน ทุกคนนั้นล้วนย่อมมีดีในตนเองด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครอยู่เหนือไปกว่ากัน แม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดก็สามารถช่วยเหลือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดได้ ทุกคนย่อมมีดีอยู่ในตัวเองด้วยกันทั้งนั้น”
    ว่าแล้วก็หันไปทางที่เจ้ากระต่ายที่ทุลักทุเลไม่สามารถฝ่าด่านสุดท้ายของราชสีห์และเหล่าเพื่อนพ้องสหายสัตว์ป่าน้อยใหญ่ที่ได้ทำการทดสอบเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าได้ เจ้ากระต่ายหมดแรงหยุดอยู่ที่ด่านนั้น จนฝ่ายเจ้าเต่าน้อยผ่านมาถึงด่านเดียวกันในที่สุด ถึงแม้ว่าจะทุลักทุเลเกือบหมดสภาพดูไม่จืดก็ตามที
    ด่านสุดท้ายที่ว่านี้ก็คือ ด่านที่จะต้องใช้กำลังแรงของทั้งคู่ฟันฝ่าผ่านไปให้ได้เท่านั้น เพียงแค่กำลังสัตว์ตัวคนเดียวนั้นไม่สามารที่จะฟันฝ่าผ่านไปได้เลย
    ว่าแล้วเจ้าเต่าก็บอกกับเจ้ากระต่ายว่า “ไหนนายบอกว่านายแน่จริงไง ไหงนายยังฝ่าด่านนี้ไปไม่ได้” ส่วนฝ่ายเจ้ากระต่ายนั้นก็รู้สึกตัวว่าตนเองผิดที่ชอบดูถูกเจ้าเต่าอยู่เสมอๆ จึงยอมรับว่าตนเองนั้นฝ่าด่านนี้ไปไม่ได้แน่ถ้าไม่มีเจ้าเต่าคอยช่วยเหลือด้วยอีกแรงหนึ่ง และได้ร้องขออ้อนวอนขอโทษเจ้าเต่าอย่างสำนึกในความหลงผิดที่ตัวเองได้เคยทำไม่ดีกับเจ้าเต่าไว้ และขอให้เจ้าเต่าให้อภัยให้กับตน และจะไม่ทำไม่ดีแบบนี้กับเจ้าเต่าอีกต่อไป ส่วนเจ้าเต่าก็ได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเจ้ากระต่ายที่มีต่อตนเองนั้นเป็นของจริง จึงคิดถึงคำที่ราชสีห์และเหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าทั้งหลายที่ได้เคยสั่งสอนตนและเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ทั่วทั้งป่าไว้ในตอนที่มีเหล่าสัตว์ป่าสมาชิกใหม่ทุกตัวที่ถือกำเนิดเกิดมาในป่านี้นั้นต้องได้รับการปฏิญาณตนต่อหน้าเจ้าป่าราชสีห์และสัตว์ป่าตัวอื่นๆทุกตัวที่อาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้ว่าจะสืบทอดสานต่อเจตจำนงบรรพชนที่ตายไปที่เคยอาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้และได้เฝ้าคอยดูแลรักษาป่าแห่งนี้ไว้ให้กับรุ่นลูกรุ่นหลานในรุ่นหลังว่า
    “พวกเราจะรักษาไว้ซึ่งความดีงามของบรรพชนที่ได้ส่งต่อมาสู่พวกเรารุ่นลูกรุ่นหลาน และเราจะส่งต่อซึ่งความดีงามนี้ไปให้ถึงรุ่นลูกรุ่นหลานข้างหน้าสืบต่อไป”
    ว่าแล้วเจ้าเต่าก็ได้บอกถึงเคล็ดลับวิธีที่จะฟันฝ่าผ่านด่านทดสอบของราชสีห์และเหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าน้อยใหญ่ให้กับเจ้ากระต่ายได้ฟัง เจ้ากระต่ายจึงได้รับรู้ถึงเจตจำนงบรรพชนที่ตนเองนั้นได้เคยหลงลืมละเลยไปนานเลยว่า ในตอนที่ตนเองนั้นได้ถือกำเนิดเกิดมาแล้วนั้น และได้อาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้นั้น ตนเองได้เคยกระทำอะไรไปบ้างในตอนนั้น ทำให้เจ้ากระต่ายถึงกับร้องไห้น้ำตาไหลคลออาบแก้ม เพราะได้รับรู้ซึ้งซึ่งเจตจำนงของบรรพชนที่ได้ถ่ายทอดมาสู่รุ่นหลังที่ตนเองได้เคยทำการปฏิญาณตนไปนั่นเอง ดังนั้นแล้วเจ้ากระต่ายจึงได้ทำการร่วมมือกับเจ้าเต่าช่วยกันฟันฝ่าผ่านด่านสุดท้ายนี้ไปได้อย่างง่ายดาย
    เหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าทุกตัวล้วนต่างตั้งหน้าตั้งตามารอดูเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าทั้งคู่ที่ทางวิ่งเข้าเส้นชัย ที่ในท้ายที่สุดเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าก็ได้จับมือจูงกันไปจนถึงเส้นชัยไปได้ในที่สุด โดยที่ปลายทางนั้นมีเจ้าป่าราชสีห์เป็นผู้ให้กำลังใจปลอบโยนเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าที่รับรู้ได้ถึงหัวใจของการถูกทดสอบในครั้งนี้และตลอดไป
    สุดท้ายนี้ในท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีใครที่ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และไม่มีใครที่ได้เป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะ เพราะเสมอด้วยกันทั้งคู่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไป คือ เหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าน้อยใหญ่ในป่าทุกตัวล้วนอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขสงบ โดยมีเจ้าป่าราชสีห์เป็นผู้นำประมุขสูงสุดอยู่ในป่าแห่งนี้นั่นเอง
    จบบริบูรณ์
    ป.ล.ผมหวังว่าทุกท่านคงจะชอบนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าแบบฉบับนี้กันไม่มากก็น้อยนะครับ
    นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า(ยุคพระศรีอารย์) นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าที่ผมจะเสนอทุกท่านนี้นั้นจะเป็นไปในแบบที่มีความสุขและเรียบง่ายมาก แต่ทุกคนนั้นมองข้ามในบางสิ่งที่สำคัญมากไป เอ้ามาเริ่มกันเลยเนาะ ครั้งหนึ่งมีเจ้ากระต่ายที่ทะนงตนเองอยู่ตัวหนึ่ง กับเจ้าเต่าน้อยที่อ่อนแออีกตัวหนึ่ง พร้อมทั้งเหล่าสหายผองเพื่อนสัตว์ป่าน้อยใหญ่ประเภทต่างๆอีกมากมายอาศัยอยู่ด้วยกันในป่าแห่งหนึ่ง ทุกวันนั้นเจ้ากระต่ายมักจะเห็นเจ้าเต่าน้อยที่น่าสงสารแต่น่ารำคาญในสายตาของเจ้ากระต่ายอยู่ทุกวันๆ และเจ้ากระต่ายก็มักจะดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยามเจ้าเต่าน้อยอยู่ทุกวันๆว่า “เต่าอย่างนายมันดีแต่เดินชักช้าน่ารำคาญไม่ทันใครๆเค้าหรอก จะทำอะไรก็ชักช้าต้วมเตี้ยมๆ แล้วอย่างนี้จะไปทันเค้าเรอะ ฮ่าๆๆ” แล้วมีอยู่วันหนึ่งที่เจ้ากระต่ายได้ไปเห็นเจ้าเต่าน้อยที่น่ารำคาญเดินชักช้าต้วมเตี้ยมๆแล้วก็เกิดความคิดอยากที่จะกลั่นแกล้งเจ้าเต่าน้อยให้อับอายขายขี้หน้าประชาชีไปทั่วทั้งป่าให้สะใจตนเองจนถึงที่สุด เลยออกสาส์นท้ารบท้าทายเจ้าเต่าน้อย และอยากที่โอ้อวดตนเองที่มีร่างกายที่ดีกว่าเจ้าเต่าน้อยที่ดีแต่ชักช้าทำอะไรไม่ทันใครเค้าว่า “เรามาวิ่งแข่งกัน ถ้าชั้นชนะนาย นายจะต้องกลายมาเป็นเบ้ของชั้นตลอดไป หรือ นายจะต้องออกไปจากป่าแห่งนี้และไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก” “แต่ถ้าชั้นแพ้ นายจะได้รับการยอมรับจากชั้นว่านายไม่ใช่แค่เต่าที่ดีแต่เดินต้วมเตี้ยมๆไปวันๆที่ไม่มีอะไรดีเด่นในตัวเองเลย หรือ นายจะได้อยู่ในป่าแห่งนี้ต่อไป และได้รับการยอมรับจากชั้นว่านายก็มีดีเหมือนกัน และก็จะได้เป็นเจ้าป่าด้วย” เต่าน้อยลังเลใจอยู่พักใหญ่ แต่ด้วยความที่เต่าน้อยสุดที่จะอดทนอดกลั้นกับเจ้ากระต่ายที่แสนจะทะนงตนและโอ้อวดนั่นได้ เจ้าเต่าน้อยเลยทำการตกลงที่จะแข่งขันกับเจ้ากระต่าย เพื่อให้เจ้ากระต่ายได้รับรู้กันไปเลยว่า “ชั้นไม่ได้เป็นแค่เต่ากระจอกๆที่ใครๆก็จะมาดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยามกันได้ง่ายๆ” อย่างที่เจ้ากระต่ายพูดไว้ “ชั้นก็มีดีในตัวเองเหมือนกัน” จากนั้นเจ้ากระต่ายก็ได้ประกาศบอกไปกับเหล่าเพื่อนพ้องสหายสัตว์น้อยใหญ่ที่อาศัยอยู่ในป่าเดียวกันให้ได้รับทราบและรับรู้โดยทั่วกันให้มาเป็นสักขีพยานในการที่เจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าน้อยจะทำการประลองวิ่งแข่งกัน โดยให้จัดเตรียมงานการแข่งขันกันในอีกสามวัน ครั้นพอถึงวันที่ได้กำหนดไว้แล้ว เจ้ากระต่ายก็มาก่อนเจ้าเต่า และได้เตรียมพร้อมที่จะทำการประลองแข่งขันในทันที แต่ครั้นพอถึงเวลาที่จะทำการแข่งขันแล้ว แต่เจ้าเต่ากลับยังไม่มาตามที่ได้นัดหมายเอาไว้ เจ้ากระต่ายจึงได้ประกาศเหยียดหยามดูถูกเจ้าเต่าว่า “ฮ่าๆๆ ป่านนี้แล้วเจ้าเต่ามันยังไม่โผล่หัวมาที่ลานประลองนี้อีก ดูท่าว่าเจ้าเต่ามันคงจะกลัวหัวหดอยู่ในกระดองหนีไปจากป่านี้แล้วล่ะมั้ง” แต่พอเจ้ากระต่ายพูดจบยังไม่ทันขาดคำ เจ้าเต่าน้อยที่น่าสงสารก็มาถึงที่ลานประลองในทันที เจ้ากระต่ายจึงได้พูดเกทับบอกเจ้าเต่าไปว่า “นายแน่มากที่มาประลองกับชั้นในวันนี้ทั้งๆที่รู้ว่าแพ้อยู่แล้ว ฮ่าๆๆ” เจ้าเต่าน้อยที่น่าสงสารก็เลยบอกกับเจ้ากระต่ายที่ทระนงตนเองว่า “เรายังไม่ทันได้แข่งกันเลย ใครจะไปรู้ว่าบางทีกระต่ายที่แสนรวดเร็วอย่างนายอาจจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในวันนี้ก็เป็นได้ หึๆๆ” พอได้เวลาที่จะแข่งขันแล้วเหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าน้อยใหญ่ทั้งหลายก็มาเป็นสักขีพยานกันถ้วนหน้า และเชียร์ให้กำลังใจเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าที่มาแข่งขันกันอย่างเอิกเกริกเจี๊ยวจ๊าวเซ็งแซ่ไปทั่วทั้งป่า สัญญาณเริ่มการประลองเริ่มดังขึ้น เจ้ากระต่ายออกตัวได้อย่างรวดเร็วแซงหน้าเจ้าเต่าไปอย่างไม่เห็นฝุ่น ตามเส้นทางแข่งขันมีที่อุปสรรคขวากหนามต่างๆมากมาย เจ้ากระต่ายผ่านไปได้หมดได้อย่างง่ายดาย ส่วนเจ้าเต่ากลับทุลักทุเลผ่านไปแทบจะทุกๆด่าน แต่มีอุปสรรคหนึ่งที่เป็นหัวใจในการแข่งขันในครั้งนี้ที่เหล่าผองเพื่อนสัตว์ป่าน้อยใหญ่ได้ตกลงทำกันไว้และคอยลุ้นอยู่อย่างน่าตื่นเต้นเร้าใจที่สุด โดยมีเจ้าป่าราชสีห์เป็นผู้คิดขึ้นมาเพื่อท้าทายเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าเพื่อให้เห็นถึงคุณค่าของการสามัคคีกลมเกลียวรักกันและกัน เพื่อหวังว่าจะให้เจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าได้รับรู้ถึงมิตรภาพและความดีงามในการอยู่ร่วมกันในป่าแห่งนี้ว่า “จงเห็นคุณค่าของกันและกัน อย่าดูถูกกัน อย่าแตกสามัคคีกัน จงเห็นใจกันและกัน เข้าใจกันและกัน และยอมรับความแตกต่างซึ่งกันและกัน ทุกคนนั้นล้วนย่อมมีดีในตนเองด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครอยู่เหนือไปกว่ากัน แม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดก็สามารถช่วยเหลือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดได้ ทุกคนย่อมมีดีอยู่ในตัวเองด้วยกันทั้งนั้น” ว่าแล้วก็หันไปทางที่เจ้ากระต่ายที่ทุลักทุเลไม่สามารถฝ่าด่านสุดท้ายของราชสีห์และเหล่าเพื่อนพ้องสหายสัตว์ป่าน้อยใหญ่ที่ได้ทำการทดสอบเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าได้ เจ้ากระต่ายหมดแรงหยุดอยู่ที่ด่านนั้น จนฝ่ายเจ้าเต่าน้อยผ่านมาถึงด่านเดียวกันในที่สุด ถึงแม้ว่าจะทุลักทุเลเกือบหมดสภาพดูไม่จืดก็ตามที ด่านสุดท้ายที่ว่านี้ก็คือ ด่านที่จะต้องใช้กำลังแรงของทั้งคู่ฟันฝ่าผ่านไปให้ได้เท่านั้น เพียงแค่กำลังสัตว์ตัวคนเดียวนั้นไม่สามารที่จะฟันฝ่าผ่านไปได้เลย ว่าแล้วเจ้าเต่าก็บอกกับเจ้ากระต่ายว่า “ไหนนายบอกว่านายแน่จริงไง ไหงนายยังฝ่าด่านนี้ไปไม่ได้” ส่วนฝ่ายเจ้ากระต่ายนั้นก็รู้สึกตัวว่าตนเองผิดที่ชอบดูถูกเจ้าเต่าอยู่เสมอๆ จึงยอมรับว่าตนเองนั้นฝ่าด่านนี้ไปไม่ได้แน่ถ้าไม่มีเจ้าเต่าคอยช่วยเหลือด้วยอีกแรงหนึ่ง และได้ร้องขออ้อนวอนขอโทษเจ้าเต่าอย่างสำนึกในความหลงผิดที่ตัวเองได้เคยทำไม่ดีกับเจ้าเต่าไว้ และขอให้เจ้าเต่าให้อภัยให้กับตน และจะไม่ทำไม่ดีแบบนี้กับเจ้าเต่าอีกต่อไป ส่วนเจ้าเต่าก็ได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเจ้ากระต่ายที่มีต่อตนเองนั้นเป็นของจริง จึงคิดถึงคำที่ราชสีห์และเหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าทั้งหลายที่ได้เคยสั่งสอนตนและเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ทั่วทั้งป่าไว้ในตอนที่มีเหล่าสัตว์ป่าสมาชิกใหม่ทุกตัวที่ถือกำเนิดเกิดมาในป่านี้นั้นต้องได้รับการปฏิญาณตนต่อหน้าเจ้าป่าราชสีห์และสัตว์ป่าตัวอื่นๆทุกตัวที่อาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้ว่าจะสืบทอดสานต่อเจตจำนงบรรพชนที่ตายไปที่เคยอาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้และได้เฝ้าคอยดูแลรักษาป่าแห่งนี้ไว้ให้กับรุ่นลูกรุ่นหลานในรุ่นหลังว่า “พวกเราจะรักษาไว้ซึ่งความดีงามของบรรพชนที่ได้ส่งต่อมาสู่พวกเรารุ่นลูกรุ่นหลาน และเราจะส่งต่อซึ่งความดีงามนี้ไปให้ถึงรุ่นลูกรุ่นหลานข้างหน้าสืบต่อไป” ว่าแล้วเจ้าเต่าก็ได้บอกถึงเคล็ดลับวิธีที่จะฟันฝ่าผ่านด่านทดสอบของราชสีห์และเหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าน้อยใหญ่ให้กับเจ้ากระต่ายได้ฟัง เจ้ากระต่ายจึงได้รับรู้ถึงเจตจำนงบรรพชนที่ตนเองนั้นได้เคยหลงลืมละเลยไปนานเลยว่า ในตอนที่ตนเองนั้นได้ถือกำเนิดเกิดมาแล้วนั้น และได้อาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้นั้น ตนเองได้เคยกระทำอะไรไปบ้างในตอนนั้น ทำให้เจ้ากระต่ายถึงกับร้องไห้น้ำตาไหลคลออาบแก้ม เพราะได้รับรู้ซึ้งซึ่งเจตจำนงของบรรพชนที่ได้ถ่ายทอดมาสู่รุ่นหลังที่ตนเองได้เคยทำการปฏิญาณตนไปนั่นเอง ดังนั้นแล้วเจ้ากระต่ายจึงได้ทำการร่วมมือกับเจ้าเต่าช่วยกันฟันฝ่าผ่านด่านสุดท้ายนี้ไปได้อย่างง่ายดาย เหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าทุกตัวล้วนต่างตั้งหน้าตั้งตามารอดูเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าทั้งคู่ที่ทางวิ่งเข้าเส้นชัย ที่ในท้ายที่สุดเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าก็ได้จับมือจูงกันไปจนถึงเส้นชัยไปได้ในที่สุด โดยที่ปลายทางนั้นมีเจ้าป่าราชสีห์เป็นผู้ให้กำลังใจปลอบโยนเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าที่รับรู้ได้ถึงหัวใจของการถูกทดสอบในครั้งนี้และตลอดไป สุดท้ายนี้ในท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีใครที่ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และไม่มีใครที่ได้เป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะ เพราะเสมอด้วยกันทั้งคู่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไป คือ เหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าน้อยใหญ่ในป่าทุกตัวล้วนอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขสงบ โดยมีเจ้าป่าราชสีห์เป็นผู้นำประมุขสูงสุดอยู่ในป่าแห่งนี้นั่นเอง จบบริบูรณ์ ป.ล.ผมหวังว่าทุกท่านคงจะชอบนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าแบบฉบับนี้กันไม่มากก็น้อยนะครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 246 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำคมใหม่ แต่เป็นสัจธรรมเก่า 27
    ร่างกายมันก็แค่ของปลอม แต่จิตใจน่ะของจริง
    คำคมใหม่ แต่เป็นสัจธรรมเก่า 27 ร่างกายมันก็แค่ของปลอม แต่จิตใจน่ะของจริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องของมายา
    เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้นั้น ผมว่าทุกสิ่งที่เป็นรูปธรรมที่อยู่ในโลกนี้ล้วนเป็นมายาแทบทั้งสิ้น และทุกสิ่งที่เป็นนามธรรมที่อยู่ในโลกนี้ล้วนเป็นของจริงที่เที่ยงแท้แทบทั้งสิ้น
    มายาที่ผมจะเล่าต่อไปนี้มีหลายเรื่องหลายรูปแบบ เช่น
    ศิลปิน นักร้อง นักแสดง ที่ล้วนอยู่ในโลกมายา สังคมหลอกลวงจอมปลอม ที่ดีแต่จะคอยเอาหน้ากากสวมใส่เพื่อหลอกลวงกันและกันอยู่เป็นเนืองนิตย์ จนกระทั่งมันติดจนกลายเป็นนิสัยของตนแต่ละคนแทบทั้งสิ้น จนถอนตัวไม่ขึ้น
    นักการเมือง ผู้หรับผู้ใหญ่ ผู้อาวุโส ที่มีหัวโขนสวมใส่ประจำตัว หรือตำแหน่ง หน้าที่การงาน ที่มีเกียรติยศ ชื่อเสียง พวกคนเหล่านี้นั้นมักยึดติดกับหัวโขนของตนเองอย่างเหนียวแน่น ทั้งๆที่แท้ที่จริงแล้วนั้นทุกคนล้วนต้องมีวันปลดเกษียณกันแทบทุกคน ซึ่งไม่มีใครที่จะอยู่ในตำแหน่งได้ตลอดเวลานั่นเอง
    สิ่งของต่างๆที่มีค่า เช่น เครื่องราง เครื่องประดับ เงินทอง เพชรพลอย ซึ่งมันมีค่าก็จริง แต่เราก็ไม่ควรที่จะหวงแหนยึดติดกับมัน เพราะยังไงสักวันเราก็ต้องจากมันไปอยู่ดี หรือไม่มันก็ต้องจากเราไปอยู่ดีนั่นเอง
    ธรรมชาติที่อยู่ในโลกใบนี้นั้น ทุกสิ่งล้วนมีการเปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ในทางที่ดีก็ร้าย อันตัวอย่างเช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติซึ่งสามารถทำให้เกิดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินนั่นเอง
    รูปร่างตัวตนกายของเราก็เหมือนกัน มันมีวันสวย มันมีวันเต่งตึง แต่พอถึงเวลาสักพักหนึ่ง ชั่วระยะเวลาหนึ่งมันก็แก่เหี่ยวย่นไป ทรุดโทรมไปตามวัยและวันเวลานั่นเอง ซึ่งเรานั้นไม่ควรที่จะไปยึดติดกับมันให้มากเกินไปนัก เมื่อมีเกิด ก็ต้องมีแก่ เจ็บป่วย และก็ตายไปในที่สุด
    อำนาจวาสนาเองก็เช่นเดียวกัน มันมีวันได้มา ทั้งโดยชอบธรรมและหรือโดยไม่ชอบธรรมก็ตามที แต่สุดท้ายแล้วทุกคนก็ต้องล้วนหมดจากอำนาจไปสักวันหนึ่ง ซึ่งมันก็เป็นของที่ทุกคนต่างแสวงหามันโดยกระสัน อยากได้มันมาอยู่นานๆ ทั้งๆที่มันไม่มีอะไรที่น่าพิสมัยเลย และยังทำให้สูญเสียทุกสิ่งที่มีค่าของตนแต่เดิมไป และถ้าหากใช้มันในทางที่ถูกต้องมันก็จะเป็นคุณอนันต์ แต่ถ้าหากใช้มันในทางที่ไม่ถูกต้องแล้วล่ะก็ มันจะเป็นโทษมหันต์ในทันที ทั้งกับตนเองและผู้อื่นได้
    มันมีเรื่องของมายามากมายเยอะแยะจนผมอาจจะบรรยายไม่หมด แต่แค่นี้ก็พอจะบอกให้เห็นถึงโทษพิษของมายาได้บ้างไม่มากก็น้อย สุดท้ายนี้ก็คงจะขึ้นอยู่กับท่านผู้อ่านเองว่าจะเลือกแบบไหนให้ไม่เป็นพิษเป็นภัยแก่ตนเองและผู้อื่นได้นั่นเอง
    เรื่องของมายา เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้นั้น ผมว่าทุกสิ่งที่เป็นรูปธรรมที่อยู่ในโลกนี้ล้วนเป็นมายาแทบทั้งสิ้น และทุกสิ่งที่เป็นนามธรรมที่อยู่ในโลกนี้ล้วนเป็นของจริงที่เที่ยงแท้แทบทั้งสิ้น มายาที่ผมจะเล่าต่อไปนี้มีหลายเรื่องหลายรูปแบบ เช่น ศิลปิน นักร้อง นักแสดง ที่ล้วนอยู่ในโลกมายา สังคมหลอกลวงจอมปลอม ที่ดีแต่จะคอยเอาหน้ากากสวมใส่เพื่อหลอกลวงกันและกันอยู่เป็นเนืองนิตย์ จนกระทั่งมันติดจนกลายเป็นนิสัยของตนแต่ละคนแทบทั้งสิ้น จนถอนตัวไม่ขึ้น นักการเมือง ผู้หรับผู้ใหญ่ ผู้อาวุโส ที่มีหัวโขนสวมใส่ประจำตัว หรือตำแหน่ง หน้าที่การงาน ที่มีเกียรติยศ ชื่อเสียง พวกคนเหล่านี้นั้นมักยึดติดกับหัวโขนของตนเองอย่างเหนียวแน่น ทั้งๆที่แท้ที่จริงแล้วนั้นทุกคนล้วนต้องมีวันปลดเกษียณกันแทบทุกคน ซึ่งไม่มีใครที่จะอยู่ในตำแหน่งได้ตลอดเวลานั่นเอง สิ่งของต่างๆที่มีค่า เช่น เครื่องราง เครื่องประดับ เงินทอง เพชรพลอย ซึ่งมันมีค่าก็จริง แต่เราก็ไม่ควรที่จะหวงแหนยึดติดกับมัน เพราะยังไงสักวันเราก็ต้องจากมันไปอยู่ดี หรือไม่มันก็ต้องจากเราไปอยู่ดีนั่นเอง ธรรมชาติที่อยู่ในโลกใบนี้นั้น ทุกสิ่งล้วนมีการเปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ในทางที่ดีก็ร้าย อันตัวอย่างเช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติซึ่งสามารถทำให้เกิดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินนั่นเอง รูปร่างตัวตนกายของเราก็เหมือนกัน มันมีวันสวย มันมีวันเต่งตึง แต่พอถึงเวลาสักพักหนึ่ง ชั่วระยะเวลาหนึ่งมันก็แก่เหี่ยวย่นไป ทรุดโทรมไปตามวัยและวันเวลานั่นเอง ซึ่งเรานั้นไม่ควรที่จะไปยึดติดกับมันให้มากเกินไปนัก เมื่อมีเกิด ก็ต้องมีแก่ เจ็บป่วย และก็ตายไปในที่สุด อำนาจวาสนาเองก็เช่นเดียวกัน มันมีวันได้มา ทั้งโดยชอบธรรมและหรือโดยไม่ชอบธรรมก็ตามที แต่สุดท้ายแล้วทุกคนก็ต้องล้วนหมดจากอำนาจไปสักวันหนึ่ง ซึ่งมันก็เป็นของที่ทุกคนต่างแสวงหามันโดยกระสัน อยากได้มันมาอยู่นานๆ ทั้งๆที่มันไม่มีอะไรที่น่าพิสมัยเลย และยังทำให้สูญเสียทุกสิ่งที่มีค่าของตนแต่เดิมไป และถ้าหากใช้มันในทางที่ถูกต้องมันก็จะเป็นคุณอนันต์ แต่ถ้าหากใช้มันในทางที่ไม่ถูกต้องแล้วล่ะก็ มันจะเป็นโทษมหันต์ในทันที ทั้งกับตนเองและผู้อื่นได้ มันมีเรื่องของมายามากมายเยอะแยะจนผมอาจจะบรรยายไม่หมด แต่แค่นี้ก็พอจะบอกให้เห็นถึงโทษพิษของมายาได้บ้างไม่มากก็น้อย สุดท้ายนี้ก็คงจะขึ้นอยู่กับท่านผู้อ่านเองว่าจะเลือกแบบไหนให้ไม่เป็นพิษเป็นภัยแก่ตนเองและผู้อื่นได้นั่นเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิป้าแก่นิดา คุ๊กขี้ ปากดีปากแซบ งานนี้ได้เจอของจริง รู้จักจีน่าน้อยไป
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    อิป้าแก่นิดา คุ๊กขี้ ปากดีปากแซบ งานนี้ได้เจอของจริง รู้จักจีน่าน้อยไป #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2 ภาพนี้ คือ เลขเดียวกัน...แต่เช็คคนละ เวป...แล้วคุณจะเลือกเชื่ออันไหน..? ดีสุด กับแย่สุด... ฉะนั้น คุณต้องศึกษาด้วยตนเองด้วย ส่วนตัวผู้เขียน เชื้อสถิติ...10 กว่าปีที่ทดสอบ เก็บข้อมูลมา จากการเอาเบอร์คนรู้จัก..ไปเทียบ คำนวณ ..พบว่า ..มี ของจริง อยู่ ไม่กี่เวป ....ต้องเข้าใจก่อนว่า โปรแกรมพวกนี้ อาจะถูก set up ขึ้นมา..โดยผู้รู้ จริง และไม่มี และมีมุมธุรกิจอยู่ด้วย...คุณต้องเลือก....เอง.
    2 ภาพนี้ คือ เลขเดียวกัน...แต่เช็คคนละ เวป...แล้วคุณจะเลือกเชื่ออันไหน..? ดีสุด กับแย่สุด... ฉะนั้น คุณต้องศึกษาด้วยตนเองด้วย ส่วนตัวผู้เขียน เชื้อสถิติ...10 กว่าปีที่ทดสอบ เก็บข้อมูลมา จากการเอาเบอร์คนรู้จัก..ไปเทียบ คำนวณ ..พบว่า ..มี ของจริง อยู่ ไม่กี่เวป ....ต้องเข้าใจก่อนว่า โปรแกรมพวกนี้ อาจะถูก set up ขึ้นมา..โดยผู้รู้ จริง และไม่มี และมีมุมธุรกิจอยู่ด้วย...คุณต้องเลือก....เอง.
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไอ้ของที่อยู่ในกล่องตอนนี้ คือต้องแกะ update ทุกเครื่องก่อน ใส่กล่อง Seal ใหม่ใช่ไหมหนอ หรือใช้ วิธีพิเศษ คือ update แบบ wireless ขณะที่เครื่องอยู่ในกล่อง เหมือน idea ที่ Apple กำลังจะทำ ถ้าเป็นแบบหลังนี่ ลุงว่ามันน่ากลัวของจริง

    https://www.thairath.co.th/lifestyle/tech/2835968
    ไอ้ของที่อยู่ในกล่องตอนนี้ คือต้องแกะ update ทุกเครื่องก่อน ใส่กล่อง Seal ใหม่ใช่ไหมหนอ หรือใช้ วิธีพิเศษ คือ update แบบ wireless ขณะที่เครื่องอยู่ในกล่อง เหมือน idea ที่ Apple กำลังจะทำ ถ้าเป็นแบบหลังนี่ ลุงว่ามันน่ากลัวของจริง https://www.thairath.co.th/lifestyle/tech/2835968
    WWW.THAIRATH.CO.TH
    OPPO ประกาศยุติการติดตั้งแอปสินเชื่อล่วงหน้าบนอุปกรณ์ เริ่ม 14 มกราคมนี้
    ออปโป้ออกแถลงการณ์เพิ่มเติม โดยยืนยันว่าจะทำงานร่วมกับสำนักงาน กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในประเด็นการติดตั้งแอปพลิเคชันสินเชื่อล่วงหน้าของผู้ให้บริการบุคคลที่สามในช่วงที่ผ่านมา พร้อมระบุไทม์ไลน์การดำเนินการ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ปอ ตนุภัทร และ แซน วิศาพัช" แถลงข่าวโต้ทดสอบ "แตงโม" ตกเรือ อ้างไม่ตรงกัน 100% ของจริงต้องเกาะเครื่องยนต์ท้ายเรือ 10 วินาที ก่อนตกลงไป วอนถ้าจะทดสอบทำอย่างตรงไปตรงมา แซนถามกลับทวงคืนความยุติธรรมจริงหรือ เหน็บเป็นแค่วิศวกร ไม่รู้ข้อกฎหมาย ไล่ให้ไปเรียนจบเนติฯ ก่อน วอนเสพสื่ออย่างมีสติ ไม่ใช่ได้ยินปุ๊บแล้วด่า ไม่งั้นเป็นประเทศขวัญใจแก๊งคอลเซ็นเตอร์

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000004871

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "ปอ ตนุภัทร และ แซน วิศาพัช" แถลงข่าวโต้ทดสอบ "แตงโม" ตกเรือ อ้างไม่ตรงกัน 100% ของจริงต้องเกาะเครื่องยนต์ท้ายเรือ 10 วินาที ก่อนตกลงไป วอนถ้าจะทดสอบทำอย่างตรงไปตรงมา แซนถามกลับทวงคืนความยุติธรรมจริงหรือ เหน็บเป็นแค่วิศวกร ไม่รู้ข้อกฎหมาย ไล่ให้ไปเรียนจบเนติฯ ก่อน วอนเสพสื่ออย่างมีสติ ไม่ใช่ได้ยินปุ๊บแล้วด่า ไม่งั้นเป็นประเทศขวัญใจแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000004871 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Like
    Wow
    9
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1193 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อัจฉริยะ" พร้อมผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ เผย พบข้อสงสัย 30 จุด เส้นทางเรือ GPS แตงโมเสียชีวิต พร้อมพิสูจน์ความเร็ว 8 น็อท ตกเรือโดนใบพัดหรือไม่

    สืบเนื่องเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ พร้อม นายแพทย์ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎ , นายธนวัฒน์ สุหัตถาพร ผู้เชี่ยวชาญด้านขับเรือ และ นายเอกราช นามโภคิน ผู้พัฒนาซอฟแวร์ วิเคราะห์ GPS เข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อเข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดี "แตงโม" นิดา พัชรวีระพงษ์ เสียชีวิต

    วันนี้ (14 ม.ค.) เวลา 13.00 น. ห้องประชุม ชั้น 2 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อาคารเอ ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายเอกราช นามโภคิน ผู้พัฒนาซอฟแวร์ วิเคราะห์ GPS คดีแตงโม เปิดเผยหลังเข้าพบ พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ว่า ขอย้อนความเมื่อ 3 ปีที่แล้วก่อนได้ GPS ของจริงมา เราได้ใช้วิธีการเก็บข้อมูลจากการแถลงข่าว รวมทั้ง มีการลงเรือเพื่อนำทุกอย่างมาประกอบกัน ทั้งเรื่องของเวลาและตำแหน่ง จนกระทั่งได้ GPS ของจริงมาแต่ไม่ได้ตัวซอฟแวร์ จึงต้องพัฒนาซอฟแวร์ขึ้นมาใช้โปรแกรมดูดข่าวทั้งหมดที่มีในโซเชียลเพื่อพิสูจน์ไทม์ไลน์ ลักษณะตัวเรือและหัวเรือไปทางไหน เวลา ความเร็วเท่าไหร่ ซึ่งจะไล่ตั้งแต่วินาทีแรกตั้งแต่เรือออกจากอู่ จนถึงวินาทีเก็บเรือ และมีการนำเรือออกมาอีกครั้งจนถึงตี 4 กว่า

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000004100

    #MGROnline #อัจฉริยะ #เส้นทางเรือ #GPS #แตงโม #เสียชีวิต
    "อัจฉริยะ" พร้อมผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ เผย พบข้อสงสัย 30 จุด เส้นทางเรือ GPS แตงโมเสียชีวิต พร้อมพิสูจน์ความเร็ว 8 น็อท ตกเรือโดนใบพัดหรือไม่ • สืบเนื่องเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ พร้อม นายแพทย์ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎ , นายธนวัฒน์ สุหัตถาพร ผู้เชี่ยวชาญด้านขับเรือ และ นายเอกราช นามโภคิน ผู้พัฒนาซอฟแวร์ วิเคราะห์ GPS เข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อเข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดี "แตงโม" นิดา พัชรวีระพงษ์ เสียชีวิต • วันนี้ (14 ม.ค.) เวลา 13.00 น. ห้องประชุม ชั้น 2 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อาคารเอ ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายเอกราช นามโภคิน ผู้พัฒนาซอฟแวร์ วิเคราะห์ GPS คดีแตงโม เปิดเผยหลังเข้าพบ พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ว่า ขอย้อนความเมื่อ 3 ปีที่แล้วก่อนได้ GPS ของจริงมา เราได้ใช้วิธีการเก็บข้อมูลจากการแถลงข่าว รวมทั้ง มีการลงเรือเพื่อนำทุกอย่างมาประกอบกัน ทั้งเรื่องของเวลาและตำแหน่ง จนกระทั่งได้ GPS ของจริงมาแต่ไม่ได้ตัวซอฟแวร์ จึงต้องพัฒนาซอฟแวร์ขึ้นมาใช้โปรแกรมดูดข่าวทั้งหมดที่มีในโซเชียลเพื่อพิสูจน์ไทม์ไลน์ ลักษณะตัวเรือและหัวเรือไปทางไหน เวลา ความเร็วเท่าไหร่ ซึ่งจะไล่ตั้งแต่วินาทีแรกตั้งแต่เรือออกจากอู่ จนถึงวินาทีเก็บเรือ และมีการนำเรือออกมาอีกครั้งจนถึงตี 4 กว่า • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000004100 • #MGROnline #อัจฉริยะ #เส้นทางเรือ #GPS #แตงโม #เสียชีวิต
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 362 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts