• “Disaster Recovery ยุคใหม่: แผนรับมือภัยไซเบอร์และภัยธรรมชาติต้องเปลี่ยน — จากสำรองข้อมูลสู่การฟื้นธุรกิจในไม่กี่นาที”

    ในอดีต การสำรองข้อมูลและแผนฟื้นฟูระบบ (Disaster Recovery หรือ DR) เป็นเรื่องของฝ่ายไอทีและกฎหมายเท่านั้น แต่ในปี 2025 ทุกองค์กรต้องหันมาจริงจังกับเรื่องนี้ เพราะภัยคุกคามไม่ได้มาแค่จากไวรัสหรือไฟดับ แต่รวมถึง ransomware ที่สร้างโดย AI, ภัยธรรมชาติจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง, และความเสี่ยงจากระบบ cloud และ SaaS ที่กระจายอยู่ทั่วทุกมุมของธุรกิจ

    บทความจาก CSO Online ได้สรุปแนวทางใหม่ในการวางแผน DR และ Business Continuity (BC) ที่ไม่ใช่แค่การสำรองข้อมูล แต่คือการ “ฟื้นธุรกิจให้กลับมาทำงานได้ภายในไม่กี่นาที” โดยใช้แนวคิด Minimum Viable Business (MVB) และเทคโนโลยีอย่าง AI, backup-as-a-service (BaaS), และ disaster recovery-as-a-service (DRaaS) เพื่อให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างอัตโนมัติและมีประสิทธิภาพ

    องค์กรต้องเริ่มจากการสร้างทีมข้ามสายงานที่รวมฝ่ายความปลอดภัย, กฎหมาย, การสื่อสาร, และฝ่ายปฏิบัติการ เพื่อวางแผนร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่เขียนแผนแล้วเก็บไว้เฉย ๆ ต้องมีการทดสอบจริง เช่น tabletop exercise แบบ gamified ที่ช่วยให้ทีมเข้าใจสถานการณ์จริง และรู้หน้าที่ของตนเองเมื่อเกิดเหตุ

    นอกจากนี้ยังต้องปรับกลยุทธ์การสำรองข้อมูลจากแบบ 3-2-1 ไปเป็น 3-2-1-1-0 โดยเพิ่มการสำรองแบบ air-gapped และเป้าหมาย “zero error” เพื่อรับมือกับ ransomware และความผิดพลาดของระบบ โดยใช้ AI ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและแนะนำจุดที่ควรสำรอง

    สุดท้ายคือการจัดการหลังเกิดเหตุ — ไม่ใช่แค่กู้ข้อมูลกลับมา แต่ต้องวิเคราะห์ว่าเกิดอะไรขึ้น และใช้ข้อมูลสำรองเพื่อวิเคราะห์เชิงลึก เช่น การใช้ backup เพื่อทำ inference หรือวิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจในอนาคต

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    DR และ BC กลายเป็นเรื่องสำคัญระดับ C-suite และได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้น
    แนวคิด Minimum Viable Business (MVB) คือการฟื้นฟูเฉพาะระบบที่จำเป็นก่อน
    เทคโนโลยีที่ใช้ ได้แก่ AI, BaaS, DRaaS, และระบบ backup อัตโนมัติ
    กลยุทธ์สำรองข้อมูลใหม่คือ 3-2-1-1-0 โดยเพิ่ม air-gapped backup และ zero error
    การทดสอบแผนควรใช้ tabletop exercise แบบ gamified เพื่อให้ทีมเข้าใจจริง
    การจัดการหลังเกิดเหตุต้องมี post-mortem และใช้ backup เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล
    Gartner คาดว่า 85% ขององค์กรขนาดใหญ่จะใช้ BaaS ภายในปี 2029
    AI จะถูกใช้ในการจัดการ backup และ restore อย่างอัตโนมัติมากขึ้น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    MVB คล้ายกับแนวคิด Minimum Viable Product (MVP) แต่ใช้กับระบบธุรกิจ
    DRaaS ช่วยให้ธุรกิจสามารถ failover ไปยังระบบสำรองได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ
    Gamified tabletop exercise ช่วยให้การฝึกซ้อมไม่เป็นแค่การอ่านสไลด์
    Agentic AI คือ AI ที่สามารถตัดสินใจและดำเนินการได้เอง เช่น การสำรองข้อมูล
    การใช้ backup เพื่อ inference คือการนำข้อมูลเก่ามาวิเคราะห์เชิงลึก เช่น พฤติกรรมลูกค้า

    https://www.csoonline.com/article/515730/business-continuity-and-disaster-recovery-planning-the-basics.html
    🧯 “Disaster Recovery ยุคใหม่: แผนรับมือภัยไซเบอร์และภัยธรรมชาติต้องเปลี่ยน — จากสำรองข้อมูลสู่การฟื้นธุรกิจในไม่กี่นาที” ในอดีต การสำรองข้อมูลและแผนฟื้นฟูระบบ (Disaster Recovery หรือ DR) เป็นเรื่องของฝ่ายไอทีและกฎหมายเท่านั้น แต่ในปี 2025 ทุกองค์กรต้องหันมาจริงจังกับเรื่องนี้ เพราะภัยคุกคามไม่ได้มาแค่จากไวรัสหรือไฟดับ แต่รวมถึง ransomware ที่สร้างโดย AI, ภัยธรรมชาติจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง, และความเสี่ยงจากระบบ cloud และ SaaS ที่กระจายอยู่ทั่วทุกมุมของธุรกิจ บทความจาก CSO Online ได้สรุปแนวทางใหม่ในการวางแผน DR และ Business Continuity (BC) ที่ไม่ใช่แค่การสำรองข้อมูล แต่คือการ “ฟื้นธุรกิจให้กลับมาทำงานได้ภายในไม่กี่นาที” โดยใช้แนวคิด Minimum Viable Business (MVB) และเทคโนโลยีอย่าง AI, backup-as-a-service (BaaS), และ disaster recovery-as-a-service (DRaaS) เพื่อให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างอัตโนมัติและมีประสิทธิภาพ องค์กรต้องเริ่มจากการสร้างทีมข้ามสายงานที่รวมฝ่ายความปลอดภัย, กฎหมาย, การสื่อสาร, และฝ่ายปฏิบัติการ เพื่อวางแผนร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่เขียนแผนแล้วเก็บไว้เฉย ๆ ต้องมีการทดสอบจริง เช่น tabletop exercise แบบ gamified ที่ช่วยให้ทีมเข้าใจสถานการณ์จริง และรู้หน้าที่ของตนเองเมื่อเกิดเหตุ นอกจากนี้ยังต้องปรับกลยุทธ์การสำรองข้อมูลจากแบบ 3-2-1 ไปเป็น 3-2-1-1-0 โดยเพิ่มการสำรองแบบ air-gapped และเป้าหมาย “zero error” เพื่อรับมือกับ ransomware และความผิดพลาดของระบบ โดยใช้ AI ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและแนะนำจุดที่ควรสำรอง สุดท้ายคือการจัดการหลังเกิดเหตุ — ไม่ใช่แค่กู้ข้อมูลกลับมา แต่ต้องวิเคราะห์ว่าเกิดอะไรขึ้น และใช้ข้อมูลสำรองเพื่อวิเคราะห์เชิงลึก เช่น การใช้ backup เพื่อทำ inference หรือวิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจในอนาคต ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ DR และ BC กลายเป็นเรื่องสำคัญระดับ C-suite และได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้น ➡️ แนวคิด Minimum Viable Business (MVB) คือการฟื้นฟูเฉพาะระบบที่จำเป็นก่อน ➡️ เทคโนโลยีที่ใช้ ได้แก่ AI, BaaS, DRaaS, และระบบ backup อัตโนมัติ ➡️ กลยุทธ์สำรองข้อมูลใหม่คือ 3-2-1-1-0 โดยเพิ่ม air-gapped backup และ zero error ➡️ การทดสอบแผนควรใช้ tabletop exercise แบบ gamified เพื่อให้ทีมเข้าใจจริง ➡️ การจัดการหลังเกิดเหตุต้องมี post-mortem และใช้ backup เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล ➡️ Gartner คาดว่า 85% ขององค์กรขนาดใหญ่จะใช้ BaaS ภายในปี 2029 ➡️ AI จะถูกใช้ในการจัดการ backup และ restore อย่างอัตโนมัติมากขึ้น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ MVB คล้ายกับแนวคิด Minimum Viable Product (MVP) แต่ใช้กับระบบธุรกิจ ➡️ DRaaS ช่วยให้ธุรกิจสามารถ failover ไปยังระบบสำรองได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ ➡️ Gamified tabletop exercise ช่วยให้การฝึกซ้อมไม่เป็นแค่การอ่านสไลด์ ➡️ Agentic AI คือ AI ที่สามารถตัดสินใจและดำเนินการได้เอง เช่น การสำรองข้อมูล ➡️ การใช้ backup เพื่อ inference คือการนำข้อมูลเก่ามาวิเคราะห์เชิงลึก เช่น พฤติกรรมลูกค้า https://www.csoonline.com/article/515730/business-continuity-and-disaster-recovery-planning-the-basics.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Disaster recovery and business continuity: How to create an effective plan
    A well-structured — and well-rehearsed — business continuity and disaster recovery plan is more urgent than ever. Here’s how to keep your company up and running through interruptions of any kind.
    0 Comments 0 Shares 74 Views 0 Reviews
  • “Cinnamon 6.6 เตรียมรองรับ Wayland เต็มรูปแบบ พร้อมปรับปรุงระบบคีย์บอร์ดและเมนูแอปใหม่หมด”

    Cinnamon ซึ่งเป็น desktop environment ยอดนิยมจากทีม Linux Mint กำลังจะได้รับการอัปเดตครั้งใหญ่ในเวอร์ชัน 6.6 โดยเน้นการปรับปรุงระบบคีย์บอร์ดและ input method ให้รองรับทั้ง layout แบบดั้งเดิมและระบบ IBus อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการรองรับ Wayland ซึ่งเป็นระบบแสดงผลที่ทันสมัยและปลอดภัยกว่า X11

    ในอดีต Cinnamon รองรับเฉพาะ layout แบบดั้งเดิมเท่านั้น แต่เวอร์ชันใหม่จะรวมทั้ง layout และ IBus ไว้ในหน้าตั้งค่าเดียวกัน ทำให้ผู้ใช้สามารถสลับและจัดการได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะใช้ภาษาใดก็ตาม นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง onscreen keyboard ให้รองรับ input method และการสลับ layout ได้ในตัว โดยไม่ต้องพึ่ง libcaribou อีกต่อไป

    อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือเมนูแอปใหม่ที่ถูกออกแบบใหม่หมด โดยเพิ่ม sidebar สำหรับแสดง avatar ผู้ใช้, รายการสถานที่, และแอปโปรด พร้อมย้ายปุ่มระบบ เช่น shutdown ไปไว้ด้านบนขวาใกล้ช่องค้นหา และปรับขนาดหมวดหมู่ให้เล็กลงเพื่อเน้นแอปมากขึ้น

    ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งเมนูได้ผ่านหน้าตั้งค่าใหม่ เช่น ซ่อนบางส่วนของ sidebar หรือเลือกให้แสดงเฉพาะ bookmarks หรือแอปโปรด นอกจากนี้ยังมีการแสดงคำอธิบายของแอปใต้ชื่อ และใช้ไอคอนสีเต็มสำหรับแต่ละหมวดหมู่

    ทั้งหมดนี้คาดว่าจะพร้อมใช้งานใน Linux Mint 22.3 ซึ่งจะเปิดตัวช่วงปลายปี 2025 และถือเป็นก้าวสำคัญของ Cinnamon ในการเข้าสู่ยุค Wayland อย่างเต็มตัว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Cinnamon 6.6 จะรองรับ Wayland เต็มรูปแบบ ทั้ง layout แบบดั้งเดิมและ IBus
    ระบบคีย์บอร์ดจะรวม layout และ input method ไว้ในหน้าตั้งค่าเดียวกัน
    onscreen keyboard ถูกเขียนใหม่ให้รองรับ input method และ layout switch โดยไม่ใช้ libcaribou
    เมนูแอปใหม่มี sidebar สำหรับ avatar, สถานที่, และแอปโปรด
    ปุ่มระบบถูกย้ายไปด้านบนขวาใกล้ช่องค้นหา
    ผู้ใช้สามารถปรับแต่งเมนูได้ เช่น ซ่อน sidebar หรือเลือกแสดงเฉพาะบางส่วน
    แอปจะแสดงคำอธิบายใต้ชื่อ และใช้ไอคอนสีเต็มสำหรับหมวดหมู่
    คาดว่าจะเปิดตัวพร้อม Linux Mint 22.3 ในช่วงปลายปี 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Wayland เป็นระบบแสดงผลที่ปลอดภัยและทันสมัยกว่า X11 โดยลดปัญหาเกี่ยวกับ input และ security
    IBus (Intelligent Input Bus) เป็นระบบจัดการ input method ที่ใช้กันแพร่หลายในภาษาเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น จีน และไทย
    libcaribou เคยเป็น onscreen keyboard ที่ใช้ใน GNOME แต่มีข้อจำกัดด้านความยืดหยุ่น
    การรวม layout และ input method ช่วยลดความสับสนในการตั้งค่าภาษาสำหรับผู้ใช้หลายภาษา
    การปรับปรุงเมนูแอปช่วยให้ Cinnamon เข้าใกล้แนวทาง UX ของ desktop สมัยใหม่ เช่น GNOME และ KDE

    https://9to5linux.com/cinnamon-desktop-gets-improved-support-for-keyboard-layouts-and-input-methods
    ⌨️ “Cinnamon 6.6 เตรียมรองรับ Wayland เต็มรูปแบบ พร้อมปรับปรุงระบบคีย์บอร์ดและเมนูแอปใหม่หมด” Cinnamon ซึ่งเป็น desktop environment ยอดนิยมจากทีม Linux Mint กำลังจะได้รับการอัปเดตครั้งใหญ่ในเวอร์ชัน 6.6 โดยเน้นการปรับปรุงระบบคีย์บอร์ดและ input method ให้รองรับทั้ง layout แบบดั้งเดิมและระบบ IBus อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการรองรับ Wayland ซึ่งเป็นระบบแสดงผลที่ทันสมัยและปลอดภัยกว่า X11 ในอดีต Cinnamon รองรับเฉพาะ layout แบบดั้งเดิมเท่านั้น แต่เวอร์ชันใหม่จะรวมทั้ง layout และ IBus ไว้ในหน้าตั้งค่าเดียวกัน ทำให้ผู้ใช้สามารถสลับและจัดการได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะใช้ภาษาใดก็ตาม นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง onscreen keyboard ให้รองรับ input method และการสลับ layout ได้ในตัว โดยไม่ต้องพึ่ง libcaribou อีกต่อไป อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือเมนูแอปใหม่ที่ถูกออกแบบใหม่หมด โดยเพิ่ม sidebar สำหรับแสดง avatar ผู้ใช้, รายการสถานที่, และแอปโปรด พร้อมย้ายปุ่มระบบ เช่น shutdown ไปไว้ด้านบนขวาใกล้ช่องค้นหา และปรับขนาดหมวดหมู่ให้เล็กลงเพื่อเน้นแอปมากขึ้น ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งเมนูได้ผ่านหน้าตั้งค่าใหม่ เช่น ซ่อนบางส่วนของ sidebar หรือเลือกให้แสดงเฉพาะ bookmarks หรือแอปโปรด นอกจากนี้ยังมีการแสดงคำอธิบายของแอปใต้ชื่อ และใช้ไอคอนสีเต็มสำหรับแต่ละหมวดหมู่ ทั้งหมดนี้คาดว่าจะพร้อมใช้งานใน Linux Mint 22.3 ซึ่งจะเปิดตัวช่วงปลายปี 2025 และถือเป็นก้าวสำคัญของ Cinnamon ในการเข้าสู่ยุค Wayland อย่างเต็มตัว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Cinnamon 6.6 จะรองรับ Wayland เต็มรูปแบบ ทั้ง layout แบบดั้งเดิมและ IBus ➡️ ระบบคีย์บอร์ดจะรวม layout และ input method ไว้ในหน้าตั้งค่าเดียวกัน ➡️ onscreen keyboard ถูกเขียนใหม่ให้รองรับ input method และ layout switch โดยไม่ใช้ libcaribou ➡️ เมนูแอปใหม่มี sidebar สำหรับ avatar, สถานที่, และแอปโปรด ➡️ ปุ่มระบบถูกย้ายไปด้านบนขวาใกล้ช่องค้นหา ➡️ ผู้ใช้สามารถปรับแต่งเมนูได้ เช่น ซ่อน sidebar หรือเลือกแสดงเฉพาะบางส่วน ➡️ แอปจะแสดงคำอธิบายใต้ชื่อ และใช้ไอคอนสีเต็มสำหรับหมวดหมู่ ➡️ คาดว่าจะเปิดตัวพร้อม Linux Mint 22.3 ในช่วงปลายปี 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Wayland เป็นระบบแสดงผลที่ปลอดภัยและทันสมัยกว่า X11 โดยลดปัญหาเกี่ยวกับ input และ security ➡️ IBus (Intelligent Input Bus) เป็นระบบจัดการ input method ที่ใช้กันแพร่หลายในภาษาเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น จีน และไทย ➡️ libcaribou เคยเป็น onscreen keyboard ที่ใช้ใน GNOME แต่มีข้อจำกัดด้านความยืดหยุ่น ➡️ การรวม layout และ input method ช่วยลดความสับสนในการตั้งค่าภาษาสำหรับผู้ใช้หลายภาษา ➡️ การปรับปรุงเมนูแอปช่วยให้ Cinnamon เข้าใกล้แนวทาง UX ของ desktop สมัยใหม่ เช่น GNOME และ KDE https://9to5linux.com/cinnamon-desktop-gets-improved-support-for-keyboard-layouts-and-input-methods
    9TO5LINUX.COM
    Cinnamon Desktop Gets Improved Support for Keyboard Layouts and Input Methods - 9to5Linux
    Cinnamon desktop environment is getting improved support for keyboard layouts and input methods, as well as a revamped application menu.
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
  • “Raspberry Pi OS รีเบสสู่ Debian 13 ‘Trixie’ — ปรับโฉมใหม่หมด เพิ่มความยืดหยุ่น พร้อมฟีเจอร์จัดการระบบแบบรวมศูนย์”

    Raspberry Pi OS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการยอดนิยมสำหรับบอร์ด Raspberry Pi ได้รับการอัปเดตครั้งใหญ่ในเดือนตุลาคม 2025 โดยรีเบสไปใช้ Debian 13 “Trixie” เป็นฐานหลัก พร้อมยังคงใช้ Linux Kernel 6.12 LTS เพื่อความเสถียรในระยะยาว การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่เพียงแค่ปรับปรุงด้านเทคนิค แต่ยังมาพร้อมกับการออกแบบใหม่ที่ทันสมัยและฟีเจอร์จัดการระบบที่รวมศูนย์มากขึ้น

    หนึ่งในจุดเด่นของเวอร์ชันใหม่นี้คือการปรับโครงสร้างการติดตั้งแพ็กเกจให้เป็นแบบ modular ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งภาพ ISO ได้ง่ายขึ้น เช่น การแปลงจากเวอร์ชัน Lite ไปเป็น Desktop หรือกลับกัน ซึ่งไม่เคยรองรับอย่างเป็นทางการมาก่อน

    ด้านการออกแบบ UI มีการเพิ่มธีม GTK ใหม่ 2 แบบ ได้แก่ PiXtrix (โหมดสว่าง) และ PiXonyx (โหมดมืด) พร้อมไอคอนใหม่และฟอนต์ระบบ “Nunito Sans Light” ที่ให้ความรู้สึกทันสมัยมากขึ้น รวมถึงภาพพื้นหลังใหม่ที่เข้ากับธีมโดยรวม

    ระบบ taskbar ได้รับการปรับปรุงด้วย System Monitor plugin สำหรับแจ้งเตือนพลังงานและสถานะอื่น ๆ และมีการรวม Clock plugin ให้ใช้งานร่วมกันระหว่าง wf-panel-pi และ lxpanel-pi ซึ่งเป็นเวอร์ชัน fork ของ LXDE Panel ที่ตัดปลั๊กอินที่ไม่รองรับออกไป

    ที่สำคัญคือการเปิดตัว Control Centre แบบใหม่ที่รวมการตั้งค่าทั้งหมดไว้ในที่เดียว แทนที่แอปแยกย่อยเดิม เช่น Raspberry Pi Configuration, Appearance Settings, Mouse and Keyboard Settings ฯลฯ ทำให้การจัดการระบบสะดวกขึ้นมาก

    ยังมีการเพิ่มเครื่องมือ command-line ใหม่ ได้แก่ rpi-keyboard-config และ rpi-keyboard-fw-update สำหรับปรับแต่งและอัปเดตคีย์บอร์ดโดยเฉพาะ ส่วนแอป Bookshelf ก็ได้รับการปรับปรุงให้แสดงเนื้อหาพิเศษสำหรับผู้สนับสนุน พร้อมระบบปลดล็อกผ่านการ “Contribute”

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Raspberry Pi OS รีเบสไปใช้ Debian 13 “Trixie” พร้อม Linux Kernel 6.12 LTS
    ปรับโครงสร้างแพ็กเกจให้เป็นแบบ modular เพื่อความยืดหยุ่นในการติดตั้ง
    เพิ่มธีม GTK ใหม่ 2 แบบ: PiXtrix และ PiXonyx พร้อมไอคอนและฟอนต์ใหม่
    Taskbar มี System Monitor plugin และ Clock plugin แบบรวมศูนย์
    LXDE Panel ถูก fork เป็น lxpanel-pi และลบปลั๊กอินที่ไม่รองรับ
    เปิดตัว Control Centre ใหม่ที่รวมการตั้งค่าทั้งหมดไว้ในแอปเดียว
    เพิ่มเครื่องมือ command-line: rpi-keyboard-config และ rpi-keyboard-fw-update
    แอป Bookshelf แสดงเนื้อหาพิเศษพร้อมระบบปลดล็อกผ่านการสนับสนุน
    รองรับ Raspberry Pi ทุกรุ่น ตั้งแต่ 1A+ ถึง CM4 และ Zero 2 W
    ผู้ใช้สามารถอัปเดตผ่านคำสั่ง sudo apt update && sudo apt full-upgrade

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Debian 13 “Trixie” มาพร้อมการปรับปรุงด้านความปลอดภัยและการรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่
    Modular package layout ช่วยให้การสร้าง image แบบ custom ง่ายขึ้นมาก
    ฟอนต์ Nunito Sans Light เป็นฟอนต์แบบ open-source ที่เน้นความอ่านง่าย
    Control Centre แบบรวมศูนย์เป็นแนวทางที่นิยมในระบบ desktop สมัยใหม่ เช่น GNOME และ KDE
    การ fork lxpanel ช่วยให้ทีม Raspberry Pi สามารถควบคุมการพัฒนาได้เต็มที่

    https://9to5linux.com/raspberry-pi-os-is-now-based-on-debian-13-trixie-with-fresh-new-look
    🍓 “Raspberry Pi OS รีเบสสู่ Debian 13 ‘Trixie’ — ปรับโฉมใหม่หมด เพิ่มความยืดหยุ่น พร้อมฟีเจอร์จัดการระบบแบบรวมศูนย์” Raspberry Pi OS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการยอดนิยมสำหรับบอร์ด Raspberry Pi ได้รับการอัปเดตครั้งใหญ่ในเดือนตุลาคม 2025 โดยรีเบสไปใช้ Debian 13 “Trixie” เป็นฐานหลัก พร้อมยังคงใช้ Linux Kernel 6.12 LTS เพื่อความเสถียรในระยะยาว การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่เพียงแค่ปรับปรุงด้านเทคนิค แต่ยังมาพร้อมกับการออกแบบใหม่ที่ทันสมัยและฟีเจอร์จัดการระบบที่รวมศูนย์มากขึ้น หนึ่งในจุดเด่นของเวอร์ชันใหม่นี้คือการปรับโครงสร้างการติดตั้งแพ็กเกจให้เป็นแบบ modular ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งภาพ ISO ได้ง่ายขึ้น เช่น การแปลงจากเวอร์ชัน Lite ไปเป็น Desktop หรือกลับกัน ซึ่งไม่เคยรองรับอย่างเป็นทางการมาก่อน ด้านการออกแบบ UI มีการเพิ่มธีม GTK ใหม่ 2 แบบ ได้แก่ PiXtrix (โหมดสว่าง) และ PiXonyx (โหมดมืด) พร้อมไอคอนใหม่และฟอนต์ระบบ “Nunito Sans Light” ที่ให้ความรู้สึกทันสมัยมากขึ้น รวมถึงภาพพื้นหลังใหม่ที่เข้ากับธีมโดยรวม ระบบ taskbar ได้รับการปรับปรุงด้วย System Monitor plugin สำหรับแจ้งเตือนพลังงานและสถานะอื่น ๆ และมีการรวม Clock plugin ให้ใช้งานร่วมกันระหว่าง wf-panel-pi และ lxpanel-pi ซึ่งเป็นเวอร์ชัน fork ของ LXDE Panel ที่ตัดปลั๊กอินที่ไม่รองรับออกไป ที่สำคัญคือการเปิดตัว Control Centre แบบใหม่ที่รวมการตั้งค่าทั้งหมดไว้ในที่เดียว แทนที่แอปแยกย่อยเดิม เช่น Raspberry Pi Configuration, Appearance Settings, Mouse and Keyboard Settings ฯลฯ ทำให้การจัดการระบบสะดวกขึ้นมาก ยังมีการเพิ่มเครื่องมือ command-line ใหม่ ได้แก่ rpi-keyboard-config และ rpi-keyboard-fw-update สำหรับปรับแต่งและอัปเดตคีย์บอร์ดโดยเฉพาะ ส่วนแอป Bookshelf ก็ได้รับการปรับปรุงให้แสดงเนื้อหาพิเศษสำหรับผู้สนับสนุน พร้อมระบบปลดล็อกผ่านการ “Contribute” ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Raspberry Pi OS รีเบสไปใช้ Debian 13 “Trixie” พร้อม Linux Kernel 6.12 LTS ➡️ ปรับโครงสร้างแพ็กเกจให้เป็นแบบ modular เพื่อความยืดหยุ่นในการติดตั้ง ➡️ เพิ่มธีม GTK ใหม่ 2 แบบ: PiXtrix และ PiXonyx พร้อมไอคอนและฟอนต์ใหม่ ➡️ Taskbar มี System Monitor plugin และ Clock plugin แบบรวมศูนย์ ➡️ LXDE Panel ถูก fork เป็น lxpanel-pi และลบปลั๊กอินที่ไม่รองรับ ➡️ เปิดตัว Control Centre ใหม่ที่รวมการตั้งค่าทั้งหมดไว้ในแอปเดียว ➡️ เพิ่มเครื่องมือ command-line: rpi-keyboard-config และ rpi-keyboard-fw-update ➡️ แอป Bookshelf แสดงเนื้อหาพิเศษพร้อมระบบปลดล็อกผ่านการสนับสนุน ➡️ รองรับ Raspberry Pi ทุกรุ่น ตั้งแต่ 1A+ ถึง CM4 และ Zero 2 W ➡️ ผู้ใช้สามารถอัปเดตผ่านคำสั่ง sudo apt update && sudo apt full-upgrade ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Debian 13 “Trixie” มาพร้อมการปรับปรุงด้านความปลอดภัยและการรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ ➡️ Modular package layout ช่วยให้การสร้าง image แบบ custom ง่ายขึ้นมาก ➡️ ฟอนต์ Nunito Sans Light เป็นฟอนต์แบบ open-source ที่เน้นความอ่านง่าย ➡️ Control Centre แบบรวมศูนย์เป็นแนวทางที่นิยมในระบบ desktop สมัยใหม่ เช่น GNOME และ KDE ➡️ การ fork lxpanel ช่วยให้ทีม Raspberry Pi สามารถควบคุมการพัฒนาได้เต็มที่ https://9to5linux.com/raspberry-pi-os-is-now-based-on-debian-13-trixie-with-fresh-new-look
    9TO5LINUX.COM
    Raspberry Pi OS Is Now Based on Debian 13 "Trixie" with Fresh New Look - 9to5Linux
    Raspberry Pi OS 2025-10-01 is now available for download with based on Debian 13 "Trixie" and featuring new GTK and icon themes.
    0 Comments 0 Shares 92 Views 0 Reviews
  • Highlight Words In Action : September 2025

    acrimony noun: sharpness, harshness, or bitterness of nature, speech, disposition, etc.

    From the headlines: European trade ministers gathered on July 14 to discuss the new U.S. tariffs, aiming to ease the acrimony between the EU and the Trump administration. While they planned potential countermeasures against the 30 percent tariffs, which they deemed “unacceptable,” they were united in favor of pursuing a negotiated agreement with the U.S. to maintain stable trade ties.

    adamant
    adjective: utterly unyielding in attitude or opinion in spite of all appeals, urgings, etc.

    From the headlines: Mars, the maker of M&M’s, Skittles, and other popular candies, remains adamant that it will only stop using synthetic dyes in its candy if legally required. While other food companies have announced plans to phase out artificial colors in items like Lucky Charms, Jell-O, and Kool-Aid, some candy manufacturers are holding firm. They argue that natural alternatives cost more and don’t deliver the same vibrant colors.

    aerial
    adjective: existing, living, growing, or operating in the air

    From the headlines: On June 29, Russia launched its largest aerial assault of the war in Ukraine, firing more missiles than in any previous attack since the beginning of the war in 2022. The strikes hit multiple Ukrainian cities, injuring at least a dozen people and damaging key infrastructure.

    autonomous
    adjective: existing as an independent entity

    From the headlines: Robots competed in a fully autonomous soccer tournament in Beijing, with four teams of three humanoid robots each operating solely under AI control. Although the idea was innovative, the robots had trouble with basic actions like kicking and staying balanced. Tsinghua University’s THU Robotics team clinched the championship by scoring five goals in the final round.

    bioluminescent
    adjective: pertaining to the production of light by living organisms

    From the headlines: A new research project will try to interpret the meaning of fireflies’ blinking. Scientists in Colorado enlisted the help of citizen observers to record videos of the bioluminescent insects at dusk. Researchers will eventually make a 3D map of where the glowing lights flash over time. While they know firefly blinks follow a deliberate pattern and are used to attract a mate, experts believe there is more to learn.

    bodega
    noun: a small, independent or family-owned grocery store, usually located in a densely populated urban environment

    From the headlines: A recent crime spree in New York City has targeted bodega ATMs. Thefts of cash machines have increased over the past five years, and New York’s small corner stores have been hit particularly hard. Three people are suspected of stealing almost $600,000 over six months by breaking into independent convenience stores, removing their ATMs, and driving away with them in stolen cars.

    contretemps
    noun: an inopportune occurrence; an embarrassing mischance

    From the headlines: After a contretemps between the Quebec Board of the French Language and Montreal’s transit agency, new rules grudgingly allow the use of the word “go” when cheering sports teams. The Board had objected to a Montreal Canadiens ad campaign that read “Go! Canadiens Go!” Tasked with preserving the province’s French heritage, the Board had been insisting on replacing the signs with “Allez! Canadiens Allez!”

    decorum
    noun: dignified propriety of behavior, speech, dress, etc.

    From the headlines: La Scala has introduced a new dress code requiring attendees to “choose clothing in keeping with the decorum of the theatre.” The renowned Milan opera house is codifying its long-standing policy discouraging attire like flip-flops, shorts, and tank tops. Guests are now expected to dress with elegance, honoring both the opera house’s refined ambiance and its storied cultural legacy.

    driftwood
    noun: pieces of trees that are floating on a body of water or have been washed ashore

    From the headlines: In rural Alaska, residents of some villages and small towns are continuing a long tradition by using driftwood for fuel and as energy-efficient siding for their homes. The pieces of wood, worn smooth by ocean waves or currents in rivers and streams, have been used this way by Indigenous Alaskans for thousands of years. Communities save money and protect the environment by reusing old trees or boards found floating in the water instead of buying lumber and logs.

    eavesdrop
    verb: to listen secretly to a private conversation

    From the headlines: Ecologists have found that long-billed curlews and other grassland nesters routinely eavesdrop on prairie dogs to dodge predators. Sharing a habitat where hawks, eagles, foxes, and other Great Plains animals lurk, the birds capitalize on the rodents’ warning calls. After eavesdropping on these distinctive calls, the curlews and other birds crouch or camouflage themselves until the threat has passed.

    emulate
    verb: to imitate with effort to equal or surpass

    From the headlines: Inspired by Paris’s recent success, cities across the globe are preparing to emulate its efforts to restore polluted urban rivers for public use. After a hundred-year swimming ban, Parisians can now take a dip in the once-contaminated Seine, thanks to more than a billion dollars spent on upgrades like sewer improvements and rainwater storage. Cities such as Berlin, Boston, New York, and London are developing similar plans to clean their waterways and make them safe for swimming once again.

    estuary
    noun: the part of the mouth or lower course of a river in which the river’s current meets the sea’s tide

    From the headlines: Florida Governor Ron DeSantis signed a bill that will ban oil drilling on the Apalachicola River. The river’s estuary is home to many endangered plants and animals, including the world’s largest stand of tupelo trees. The inlet is also the most important site in the state’s oyster industry. Environmentalists and fishermen supported the bill and pushed DeSantis to sign it.

    Fun fact: A Latin word meaning “boiling of the sea” is the root of estuary.

    gentrification
    noun: the buying and renovation of property in urban neighborhoods in a way that often displaces low-income families and small businesses

    From the headlines: Protesters in Mexico City say they’re angry about gentrification caused by large numbers of foreigners moving there since 2020. Locals say they have seen formerly affordable housing prices skyrocket as the numbers of short-term rentals and expats increase. Airbnb listings in the city have exploded to over 20,000, and Americans have arrived in particularly large numbers to buy and renovate houses. In the process, they say these factors have driven up costs for everyone, including local residents.

    hedonism
    noun: the doctrine that pleasure or happiness is the highest good

    From the headlines: Researchers say there are six traits that make someone seem “cool” to others, including extroversion, power, and embracing hedonism. An American Psychological Association study surveyed 6,000 people in 12 countries and found a sharp division between people seen as “good” versus “cool.” Being hedonistic, for example, didn’t make someone seem “good,” but focusing on one’s own happiness and pleasure was strongly associated with appearing “cool.”

    kayak
    verb: to travel by a traditional Inuit or Yupik canoe with a skin cover on a light framework, or by a small boat resembling this

    From the headlines: Several dozen Native American teens who spent a month kayaking the length of the Klamath River reached their destination. The group paddled their long, narrow boats about 300 miles, from Oregon to California, to celebrate the removal of four dams. The waterway holds a deep significance to Native American tribes, and many of the teens learned to kayak specifically to participate in the long paddle.

    larceny
    noun: the wrongful taking of someone’s property or goods

    From the headlines: Atlanta police have identified a suspect in the theft of hard drives holding unreleased Beyoncé songs. Setlists and plans for concert footage were also stolen when the alleged thief broke into a vehicle rented by the singer’s team. The larceny occurred during a stop on her Cowboy Carter tour.

    linchpin
    noun: something that holds the various elements of a complicated structure together

    From the headlines: The Department of Defense will stop supplying meteorologists with satellite data, which experts describe as a linchpin of storm modeling. Forecasts for hurricanes rely heavily on this military satellite feed to track storm paths and determine when people should evacuate.

    matcha
    noun: finely ground tea leaf powder used to make tea or as a flavoring, or the tea made from it

    From the headlines: The worldwide demand for matcha is causing severe shortages and higher prices. The bright green, grassy-flavored, powdered tea has a long history in Japan, but its popularity in other countries has exploded in recent years. Drinks and baked goods made with matcha have become wildly popular, causing Japanese tea growers to struggle to keep up with the demand.

    meteorite
    noun: a mass of stone or metal that has reached the earth from outer space

    From the headlines: On July 16, a bidder paid $4.3 million to own a chunk of Mars. The rare Martian meteorite, which weighs about 54 pounds, is the largest meteor fragment ever found on Earth that’s known to come from the red planet. Out of approximately 77,000 confirmed meteorites, only 400 were originally part of Mars. This one, named NWA 16788, was found in the Sahara Desert after its 140-million-mile journey through space.

    monastery
    noun: a residence occupied by a community of persons, especially monks, living in seclusion under religious vows

    From the headlines: Tens of thousands of books are being removed from a medieval Hungarian monastery to save them from a beetle infestation. The Pannonhalma Archabbey contains Hungary’s oldest library and some of the country’s most ancient and valuable books and written records. The monastery was founded 1,000 years ago by Benedictines, and about fifty monks live there today, practicing religious contemplation and solitude.

    nuptials
    noun: a marriage ceremony, or a social event accompanying one

    From the headlines: Protesters took to the streets in Venice as Amazon founder Jeff Bezos and Lauren Sanchez held their nuptials on a Venetian island, complete with 200 guests and three days of extravagant celebrations. Locals expressed outrage, saying the event placed additional strain on a city already struggling with overtourism and environmental fragility.

    offering
    noun: something presented to a deity as a symbol of devotion

    From the headlines: Archaeologists discovered about 2,000 pottery offerings on the Greek island of Kythnos. Historians said the clay figures, which represent children, women, and animals, had been left by devoted worshippers over the centuries. Two ancient temples once stood on the site, as well as a pit where the objects given as gifts to the gods were eventually thrown away to make room for new offerings.

    parody
    noun: a humorous or satirical imitation of a serious piece of writing or art

    From the headlines: Weird Al Yankovic, famed for his clever musical parodies, performed to a sold-out crowd at Madison Square Garden in New York, marking his first show at the iconic 20,000-seat venue. Over his forty-year career, Yankovic has become the most recognizable figure in the parody genre, with hits such as “Like a Surgeon,” a spoof of Madonna’s “Like a Virgin,” and “I Love Rocky Road,” a playful take on “I Love Rock ‘n Roll.”

    perennial
    adjective: arising repeatedly or always existing

    From the headlines: Joey Chestnut, the perennial champion of the Nathan’s Famous Hot Dog Eating Contest, reclaimed his crown this year after missing last year’s competition. He was sidelined in 2024 due to a sponsorship deal with a vegan meat brand, but prior to that, Chestnut had claimed victory in 16 of the past 17 contests. He still holds the world record for devouring 76 hot dogs and buns in just 10 minutes in 2021.

    philanthropist
    noun: someone who makes charitable donations

    From the headlines: Warren Buffett said he would donate $6 billion to five charitable foundations. The businessman and philanthropist, whose net worth is approximately $145 billion, has previously given more than $50 billion to the aforementioned foundations. While Buffet’s children will decide how to give away the rest of his fortune after his death, he said that more than 99 percent of it will have to be used philanthropically.

    plunder
    verb: to take wrongfully, as by pillage, robbery, or fraud

    From the headlines: Experts assumed that a Stradivarius violin plundered after World War II had been lost or destroyed; now it appears to have resurfaced. The 316-year-old instrument was stolen from a Berlin bank safe during the chaos at the end of the war, and the family who owned it searched for decades before giving up. An image of the looted violin, which is valued at millions of dollars, was discovered among photos of Stradivarius instruments from a 2018 Tokyo exhibition.

    risotto
    noun: a dish of rice cooked with broth and flavored with grated cheese and other ingredients

    From the headlines: The short-grain Italian rice that’s used to make risotto is under threat from an unusual culprit: flamingos. Flocks of the birds are settling into northern Italian rice paddies instead of their usual nesting grounds. By stirring the shallow water and rooting for mollusks, the flamingos are destroying many valuable rice crops.

    skittish
    adjective: easily frightened or extremely cautious

    From the headlines: Economists report that despite a low unemployment rate, employers are increasingly skittish about hiring, leaving many recent college graduates struggling to find jobs. Numerous tech companies, consulting firms, and federal agencies are cutting back or freezing hiring, while other industries are hesitant to increase payroll expenses. Furthermore, fewer workers are quitting, limiting job openings even more.

    synthetic
    adjective: pertaining to compounds formed through a chemical process by human agency, as opposed to those of natural origin

    From the headlines: The J.M. Smucker Company has announced it will phase out synthetic dyes from its jams and other offerings. While many of its products are already made without artificial colors, some, including sugar-free jams and Hostess snacks like Twinkies and Snoballs, still rely on them. The company intends to use naturally sourced dyes by 2027.

    tandem
    adverb: one following or behind the other

    From the headlines: Researchers were surprised by video evidence of animals that are normally at odds traveling in tandem. A night-vision camera recorded an ocelot traveling peacefully behind an opossum — a surprise, since ocelots usually prey on opossums. Later footage showed the opossum trailing the ocelot as it prowled. Other researchers have since reported at least three additional examples of such behavior.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    Highlight Words In Action : September 2025 acrimony noun: sharpness, harshness, or bitterness of nature, speech, disposition, etc. From the headlines: European trade ministers gathered on July 14 to discuss the new U.S. tariffs, aiming to ease the acrimony between the EU and the Trump administration. While they planned potential countermeasures against the 30 percent tariffs, which they deemed “unacceptable,” they were united in favor of pursuing a negotiated agreement with the U.S. to maintain stable trade ties. adamant adjective: utterly unyielding in attitude or opinion in spite of all appeals, urgings, etc. From the headlines: Mars, the maker of M&M’s, Skittles, and other popular candies, remains adamant that it will only stop using synthetic dyes in its candy if legally required. While other food companies have announced plans to phase out artificial colors in items like Lucky Charms, Jell-O, and Kool-Aid, some candy manufacturers are holding firm. They argue that natural alternatives cost more and don’t deliver the same vibrant colors. aerial adjective: existing, living, growing, or operating in the air From the headlines: On June 29, Russia launched its largest aerial assault of the war in Ukraine, firing more missiles than in any previous attack since the beginning of the war in 2022. The strikes hit multiple Ukrainian cities, injuring at least a dozen people and damaging key infrastructure. autonomous adjective: existing as an independent entity From the headlines: Robots competed in a fully autonomous soccer tournament in Beijing, with four teams of three humanoid robots each operating solely under AI control. Although the idea was innovative, the robots had trouble with basic actions like kicking and staying balanced. Tsinghua University’s THU Robotics team clinched the championship by scoring five goals in the final round. bioluminescent adjective: pertaining to the production of light by living organisms From the headlines: A new research project will try to interpret the meaning of fireflies’ blinking. Scientists in Colorado enlisted the help of citizen observers to record videos of the bioluminescent insects at dusk. Researchers will eventually make a 3D map of where the glowing lights flash over time. While they know firefly blinks follow a deliberate pattern and are used to attract a mate, experts believe there is more to learn. bodega noun: a small, independent or family-owned grocery store, usually located in a densely populated urban environment From the headlines: A recent crime spree in New York City has targeted bodega ATMs. Thefts of cash machines have increased over the past five years, and New York’s small corner stores have been hit particularly hard. Three people are suspected of stealing almost $600,000 over six months by breaking into independent convenience stores, removing their ATMs, and driving away with them in stolen cars. contretemps noun: an inopportune occurrence; an embarrassing mischance From the headlines: After a contretemps between the Quebec Board of the French Language and Montreal’s transit agency, new rules grudgingly allow the use of the word “go” when cheering sports teams. The Board had objected to a Montreal Canadiens ad campaign that read “Go! Canadiens Go!” Tasked with preserving the province’s French heritage, the Board had been insisting on replacing the signs with “Allez! Canadiens Allez!” decorum noun: dignified propriety of behavior, speech, dress, etc. From the headlines: La Scala has introduced a new dress code requiring attendees to “choose clothing in keeping with the decorum of the theatre.” The renowned Milan opera house is codifying its long-standing policy discouraging attire like flip-flops, shorts, and tank tops. Guests are now expected to dress with elegance, honoring both the opera house’s refined ambiance and its storied cultural legacy. driftwood noun: pieces of trees that are floating on a body of water or have been washed ashore From the headlines: In rural Alaska, residents of some villages and small towns are continuing a long tradition by using driftwood for fuel and as energy-efficient siding for their homes. The pieces of wood, worn smooth by ocean waves or currents in rivers and streams, have been used this way by Indigenous Alaskans for thousands of years. Communities save money and protect the environment by reusing old trees or boards found floating in the water instead of buying lumber and logs. eavesdrop verb: to listen secretly to a private conversation From the headlines: Ecologists have found that long-billed curlews and other grassland nesters routinely eavesdrop on prairie dogs to dodge predators. Sharing a habitat where hawks, eagles, foxes, and other Great Plains animals lurk, the birds capitalize on the rodents’ warning calls. After eavesdropping on these distinctive calls, the curlews and other birds crouch or camouflage themselves until the threat has passed. emulate verb: to imitate with effort to equal or surpass From the headlines: Inspired by Paris’s recent success, cities across the globe are preparing to emulate its efforts to restore polluted urban rivers for public use. After a hundred-year swimming ban, Parisians can now take a dip in the once-contaminated Seine, thanks to more than a billion dollars spent on upgrades like sewer improvements and rainwater storage. Cities such as Berlin, Boston, New York, and London are developing similar plans to clean their waterways and make them safe for swimming once again. estuary noun: the part of the mouth or lower course of a river in which the river’s current meets the sea’s tide From the headlines: Florida Governor Ron DeSantis signed a bill that will ban oil drilling on the Apalachicola River. The river’s estuary is home to many endangered plants and animals, including the world’s largest stand of tupelo trees. The inlet is also the most important site in the state’s oyster industry. Environmentalists and fishermen supported the bill and pushed DeSantis to sign it. Fun fact: A Latin word meaning “boiling of the sea” is the root of estuary. gentrification noun: the buying and renovation of property in urban neighborhoods in a way that often displaces low-income families and small businesses From the headlines: Protesters in Mexico City say they’re angry about gentrification caused by large numbers of foreigners moving there since 2020. Locals say they have seen formerly affordable housing prices skyrocket as the numbers of short-term rentals and expats increase. Airbnb listings in the city have exploded to over 20,000, and Americans have arrived in particularly large numbers to buy and renovate houses. In the process, they say these factors have driven up costs for everyone, including local residents. hedonism noun: the doctrine that pleasure or happiness is the highest good From the headlines: Researchers say there are six traits that make someone seem “cool” to others, including extroversion, power, and embracing hedonism. An American Psychological Association study surveyed 6,000 people in 12 countries and found a sharp division between people seen as “good” versus “cool.” Being hedonistic, for example, didn’t make someone seem “good,” but focusing on one’s own happiness and pleasure was strongly associated with appearing “cool.” kayak verb: to travel by a traditional Inuit or Yupik canoe with a skin cover on a light framework, or by a small boat resembling this From the headlines: Several dozen Native American teens who spent a month kayaking the length of the Klamath River reached their destination. The group paddled their long, narrow boats about 300 miles, from Oregon to California, to celebrate the removal of four dams. The waterway holds a deep significance to Native American tribes, and many of the teens learned to kayak specifically to participate in the long paddle. larceny noun: the wrongful taking of someone’s property or goods From the headlines: Atlanta police have identified a suspect in the theft of hard drives holding unreleased Beyoncé songs. Setlists and plans for concert footage were also stolen when the alleged thief broke into a vehicle rented by the singer’s team. The larceny occurred during a stop on her Cowboy Carter tour. linchpin noun: something that holds the various elements of a complicated structure together From the headlines: The Department of Defense will stop supplying meteorologists with satellite data, which experts describe as a linchpin of storm modeling. Forecasts for hurricanes rely heavily on this military satellite feed to track storm paths and determine when people should evacuate. matcha noun: finely ground tea leaf powder used to make tea or as a flavoring, or the tea made from it From the headlines: The worldwide demand for matcha is causing severe shortages and higher prices. The bright green, grassy-flavored, powdered tea has a long history in Japan, but its popularity in other countries has exploded in recent years. Drinks and baked goods made with matcha have become wildly popular, causing Japanese tea growers to struggle to keep up with the demand. meteorite noun: a mass of stone or metal that has reached the earth from outer space From the headlines: On July 16, a bidder paid $4.3 million to own a chunk of Mars. The rare Martian meteorite, which weighs about 54 pounds, is the largest meteor fragment ever found on Earth that’s known to come from the red planet. Out of approximately 77,000 confirmed meteorites, only 400 were originally part of Mars. This one, named NWA 16788, was found in the Sahara Desert after its 140-million-mile journey through space. monastery noun: a residence occupied by a community of persons, especially monks, living in seclusion under religious vows From the headlines: Tens of thousands of books are being removed from a medieval Hungarian monastery to save them from a beetle infestation. The Pannonhalma Archabbey contains Hungary’s oldest library and some of the country’s most ancient and valuable books and written records. The monastery was founded 1,000 years ago by Benedictines, and about fifty monks live there today, practicing religious contemplation and solitude. nuptials noun: a marriage ceremony, or a social event accompanying one From the headlines: Protesters took to the streets in Venice as Amazon founder Jeff Bezos and Lauren Sanchez held their nuptials on a Venetian island, complete with 200 guests and three days of extravagant celebrations. Locals expressed outrage, saying the event placed additional strain on a city already struggling with overtourism and environmental fragility. offering noun: something presented to a deity as a symbol of devotion From the headlines: Archaeologists discovered about 2,000 pottery offerings on the Greek island of Kythnos. Historians said the clay figures, which represent children, women, and animals, had been left by devoted worshippers over the centuries. Two ancient temples once stood on the site, as well as a pit where the objects given as gifts to the gods were eventually thrown away to make room for new offerings. parody noun: a humorous or satirical imitation of a serious piece of writing or art From the headlines: Weird Al Yankovic, famed for his clever musical parodies, performed to a sold-out crowd at Madison Square Garden in New York, marking his first show at the iconic 20,000-seat venue. Over his forty-year career, Yankovic has become the most recognizable figure in the parody genre, with hits such as “Like a Surgeon,” a spoof of Madonna’s “Like a Virgin,” and “I Love Rocky Road,” a playful take on “I Love Rock ‘n Roll.” perennial adjective: arising repeatedly or always existing From the headlines: Joey Chestnut, the perennial champion of the Nathan’s Famous Hot Dog Eating Contest, reclaimed his crown this year after missing last year’s competition. He was sidelined in 2024 due to a sponsorship deal with a vegan meat brand, but prior to that, Chestnut had claimed victory in 16 of the past 17 contests. He still holds the world record for devouring 76 hot dogs and buns in just 10 minutes in 2021. philanthropist noun: someone who makes charitable donations From the headlines: Warren Buffett said he would donate $6 billion to five charitable foundations. The businessman and philanthropist, whose net worth is approximately $145 billion, has previously given more than $50 billion to the aforementioned foundations. While Buffet’s children will decide how to give away the rest of his fortune after his death, he said that more than 99 percent of it will have to be used philanthropically. plunder verb: to take wrongfully, as by pillage, robbery, or fraud From the headlines: Experts assumed that a Stradivarius violin plundered after World War II had been lost or destroyed; now it appears to have resurfaced. The 316-year-old instrument was stolen from a Berlin bank safe during the chaos at the end of the war, and the family who owned it searched for decades before giving up. An image of the looted violin, which is valued at millions of dollars, was discovered among photos of Stradivarius instruments from a 2018 Tokyo exhibition. risotto noun: a dish of rice cooked with broth and flavored with grated cheese and other ingredients From the headlines: The short-grain Italian rice that’s used to make risotto is under threat from an unusual culprit: flamingos. Flocks of the birds are settling into northern Italian rice paddies instead of their usual nesting grounds. By stirring the shallow water and rooting for mollusks, the flamingos are destroying many valuable rice crops. skittish adjective: easily frightened or extremely cautious From the headlines: Economists report that despite a low unemployment rate, employers are increasingly skittish about hiring, leaving many recent college graduates struggling to find jobs. Numerous tech companies, consulting firms, and federal agencies are cutting back or freezing hiring, while other industries are hesitant to increase payroll expenses. Furthermore, fewer workers are quitting, limiting job openings even more. synthetic adjective: pertaining to compounds formed through a chemical process by human agency, as opposed to those of natural origin From the headlines: The J.M. Smucker Company has announced it will phase out synthetic dyes from its jams and other offerings. While many of its products are already made without artificial colors, some, including sugar-free jams and Hostess snacks like Twinkies and Snoballs, still rely on them. The company intends to use naturally sourced dyes by 2027. tandem adverb: one following or behind the other From the headlines: Researchers were surprised by video evidence of animals that are normally at odds traveling in tandem. A night-vision camera recorded an ocelot traveling peacefully behind an opossum — a surprise, since ocelots usually prey on opossums. Later footage showed the opossum trailing the ocelot as it prowled. Other researchers have since reported at least three additional examples of such behavior. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 Comments 0 Shares 127 Views 0 Reviews
  • “Nvidia อัปเกรดแอปฟรีให้โน้ตบุ๊กเกมมิ่ง — ใช้ AI ยืดอายุแบตเตอรี่ พร้อมปรับจูน WhisperMode อัตโนมัติ”

    Nvidia ประกาศอัปเดตแอปเวอร์ชันใหม่สำหรับผู้ใช้โน้ตบุ๊กที่ใช้ GPU GeForce โดยเพิ่มฟีเจอร์ AI ใหม่ในโครงการ G-Assist ซึ่งเดิมทีใช้กับเดสก์ท็อปเท่านั้น ตอนนี้สามารถควบคุมการตั้งค่าหลักของโน้ตบุ๊กได้โดยตรง เช่น BatteryBoost, WhisperMode และ Optimal Playable Settings เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่และเพิ่มความเงียบขณะใช้งาน

    G-Assist จะปรับแต่งการตั้งค่าเกมและแอปพลิเคชันโดยอัตโนมัติเมื่อใช้งานแบบไม่เสียบปลั๊ก เช่น ลดการใช้พลังงานของ GPU, ปรับความเร็วพัดลมให้เบาลง และเลือกเฟรมเรตที่เหมาะสมเพื่อให้เล่นเกมได้ลื่นไหลโดยไม่กินไฟเกินจำเป็น

    นอกจากนี้ Nvidia ยังเพิ่มการรองรับ DLSS override สำหรับเกมใหม่ ๆ เช่น Borderlands 4, Dying Light: The Beast และ Hell Is Us พร้อมแก้ไขบั๊กที่เคยทำให้การตั้งค่าเกมไม่ทำงานหลังรีบูตเครื่อง และปรับปรุงเสถียรภาพของแอปโดยรวม

    แม้จะเป็นการอัปเดตฟรี แต่ผู้ใช้บางรายยังพบปัญหา เช่น DLSS override ที่รีเซ็ตทุกครั้งหลังเปิดเครื่องใหม่ ซึ่ง Nvidia ยังไม่ได้แก้ไขในเวอร์ชันนี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Nvidia อัปเดตแอปเวอร์ชัน 11.0.5 เพิ่มฟีเจอร์ AI G-Assist สำหรับโน้ตบุ๊ก
    G-Assist ควบคุม BatteryBoost, WhisperMode และ Optimal Playable Settings ได้
    ปรับแต่งการตั้งค่าเกมอัตโนมัติเมื่อใช้งานแบบไม่เสียบปลั๊ก
    WhisperMode ลดการใช้พลังงาน GPU และความเร็วพัดลมเพื่อความเงียบ
    เพิ่ม DLSS override สำหรับเกมใหม่ เช่น Borderlands 4 และ Dying Light: The Beast
    แก้ไขบั๊กที่ทำให้การตั้งค่าเกมไม่ทำงานหลังรีบูตเครื่อง
    ปรับปรุงเสถียรภาพของแอป Nvidia โดยรวม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    BatteryBoost เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยรักษาเฟรมเรตขณะใช้งานแบตเตอรี่
    DLSS (Deep Learning Super Sampling) ใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกราฟิกโดยไม่ลดคุณภาพ
    WhisperMode ช่วยให้โน้ตบุ๊กทำงานเงียบลงโดยลดการใช้พลังงานของ GPU
    Optimal Playable Settings คือการปรับค่ากราฟิกให้เหมาะกับฮาร์ดแวร์โดยอัตโนมัติ
    G-Assist ใช้โมเดล AI แบบ ChatGPT-style เพื่อสื่อสารและปรับแต่งระบบ

    คำเตือนและข้อจำกัด
    DLSS override ยังมีปัญหารีเซ็ตหลังรีบูตเครื่อง ต้องตั้งค่าซ้ำทุกครั้ง
    G-Assist ยังเป็นฟีเจอร์ pre-release อาจมีข้อผิดพลาดหรือไม่เสถียร
    การปรับแต่งอัตโนมัติอาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการควบคุมเองแบบละเอียด
    WhisperMode อาจลดประสิทธิภาพกราฟิกในบางเกมเพื่อแลกกับความเงียบ
    แอป Nvidia ยังไม่รองรับทุกเกมหรือฮาร์ดแวร์อย่างสมบูรณ์

    https://www.techradar.com/computing/gaming-laptops/nvidia-just-delivered-a-major-free-upgrade-for-gaming-laptops-bringing-in-ai-to-extend-battery-life
    ⚙️ “Nvidia อัปเกรดแอปฟรีให้โน้ตบุ๊กเกมมิ่ง — ใช้ AI ยืดอายุแบตเตอรี่ พร้อมปรับจูน WhisperMode อัตโนมัติ” Nvidia ประกาศอัปเดตแอปเวอร์ชันใหม่สำหรับผู้ใช้โน้ตบุ๊กที่ใช้ GPU GeForce โดยเพิ่มฟีเจอร์ AI ใหม่ในโครงการ G-Assist ซึ่งเดิมทีใช้กับเดสก์ท็อปเท่านั้น ตอนนี้สามารถควบคุมการตั้งค่าหลักของโน้ตบุ๊กได้โดยตรง เช่น BatteryBoost, WhisperMode และ Optimal Playable Settings เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่และเพิ่มความเงียบขณะใช้งาน G-Assist จะปรับแต่งการตั้งค่าเกมและแอปพลิเคชันโดยอัตโนมัติเมื่อใช้งานแบบไม่เสียบปลั๊ก เช่น ลดการใช้พลังงานของ GPU, ปรับความเร็วพัดลมให้เบาลง และเลือกเฟรมเรตที่เหมาะสมเพื่อให้เล่นเกมได้ลื่นไหลโดยไม่กินไฟเกินจำเป็น นอกจากนี้ Nvidia ยังเพิ่มการรองรับ DLSS override สำหรับเกมใหม่ ๆ เช่น Borderlands 4, Dying Light: The Beast และ Hell Is Us พร้อมแก้ไขบั๊กที่เคยทำให้การตั้งค่าเกมไม่ทำงานหลังรีบูตเครื่อง และปรับปรุงเสถียรภาพของแอปโดยรวม แม้จะเป็นการอัปเดตฟรี แต่ผู้ใช้บางรายยังพบปัญหา เช่น DLSS override ที่รีเซ็ตทุกครั้งหลังเปิดเครื่องใหม่ ซึ่ง Nvidia ยังไม่ได้แก้ไขในเวอร์ชันนี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Nvidia อัปเดตแอปเวอร์ชัน 11.0.5 เพิ่มฟีเจอร์ AI G-Assist สำหรับโน้ตบุ๊ก ➡️ G-Assist ควบคุม BatteryBoost, WhisperMode และ Optimal Playable Settings ได้ ➡️ ปรับแต่งการตั้งค่าเกมอัตโนมัติเมื่อใช้งานแบบไม่เสียบปลั๊ก ➡️ WhisperMode ลดการใช้พลังงาน GPU และความเร็วพัดลมเพื่อความเงียบ ➡️ เพิ่ม DLSS override สำหรับเกมใหม่ เช่น Borderlands 4 และ Dying Light: The Beast ➡️ แก้ไขบั๊กที่ทำให้การตั้งค่าเกมไม่ทำงานหลังรีบูตเครื่อง ➡️ ปรับปรุงเสถียรภาพของแอป Nvidia โดยรวม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ BatteryBoost เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยรักษาเฟรมเรตขณะใช้งานแบตเตอรี่ ➡️ DLSS (Deep Learning Super Sampling) ใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกราฟิกโดยไม่ลดคุณภาพ ➡️ WhisperMode ช่วยให้โน้ตบุ๊กทำงานเงียบลงโดยลดการใช้พลังงานของ GPU ➡️ Optimal Playable Settings คือการปรับค่ากราฟิกให้เหมาะกับฮาร์ดแวร์โดยอัตโนมัติ ➡️ G-Assist ใช้โมเดล AI แบบ ChatGPT-style เพื่อสื่อสารและปรับแต่งระบบ ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ DLSS override ยังมีปัญหารีเซ็ตหลังรีบูตเครื่อง ต้องตั้งค่าซ้ำทุกครั้ง ⛔ G-Assist ยังเป็นฟีเจอร์ pre-release อาจมีข้อผิดพลาดหรือไม่เสถียร ⛔ การปรับแต่งอัตโนมัติอาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการควบคุมเองแบบละเอียด ⛔ WhisperMode อาจลดประสิทธิภาพกราฟิกในบางเกมเพื่อแลกกับความเงียบ ⛔ แอป Nvidia ยังไม่รองรับทุกเกมหรือฮาร์ดแวร์อย่างสมบูรณ์ https://www.techradar.com/computing/gaming-laptops/nvidia-just-delivered-a-major-free-upgrade-for-gaming-laptops-bringing-in-ai-to-extend-battery-life
    0 Comments 0 Shares 114 Views 0 Reviews
  • “Alphawave Semi ผนึกกำลัง TSMC เปิดตัว UCIe 3D IP — ปลดล็อกขีดจำกัดการเชื่อมต่อชิปในยุค AI”

    Alphawave Semi บริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อความเร็วสูง ประกาศความสำเร็จในการ tape-out ชิป UCIe 3D IP รุ่นใหม่บนแพลตฟอร์ม 3DFabric ของ TSMC โดยใช้เทคโนโลยี SoIC-X ซึ่งเป็นการบรรจุชิปแบบ 3D ขั้นสูงที่ช่วยให้การเชื่อมต่อระหว่างชิปมีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด

    ชิปใหม่นี้รองรับการเชื่อมต่อแบบ face-to-face (F2F) และให้ประสิทธิภาพด้านพลังงานดีขึ้นถึง 10 เท่าเมื่อเทียบกับการเชื่อมต่อแบบ 2.5D เดิม พร้อมเพิ่มความหนาแน่นของสัญญาณได้ถึง 5 เท่า ซึ่งถือเป็นการตอบโจทย์โดยตรงต่อความต้องการของระบบ AI และ HPC ที่ต้องการแบนด์วิดธ์สูงและการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ

    ในยุคที่ Moore’s Law เริ่มไม่สามารถรองรับความซับซ้อนของโมเดล AI ได้อีกต่อไป การออกแบบชิปแบบเดิมที่สื่อสารกันผ่านขอบของแพ็กเกจเริ่มกลายเป็นข้อจำกัด Alphawave จึงเลือกแนวทางใหม่ด้วยการออกแบบชิปแบบ disaggregated architecture โดยใช้การวางชิปหลายตัวในแนวนอน หรือซ้อนกันในแนวตั้ง เพื่อเพิ่มแบนด์วิดธ์และลดการใช้พลังงาน

    ชิป UCIe-3D รุ่นใหม่นี้ใช้ bottom die ขนาด 5nm ที่รองรับ TSVs (Through-Silicon Vias) เพื่อส่งพลังงานและกราวด์ไปยัง top die ขนาด 3nm ซึ่งช่วยให้การจัดการพลังงานภายในชิปมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ Alphawave ยังมีชุดเครื่องมือ 3DIO ที่ช่วยให้การออกแบบและตรวจสอบชิปแบบ 3D เป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ

    ความร่วมมือครั้งนี้ยังรวมถึง Siemens ซึ่งนำแพลตฟอร์ม Calibre เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์พารามิเตอร์ไฟฟ้าและความร้อนในระยะเริ่มต้น เพื่อให้ระบบมีความเสถียรและเชื่อถือได้มากขึ้น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Alphawave Semi ประสบความสำเร็จในการ tape-out ชิป UCIe 3D IP บนแพลตฟอร์ม TSMC 3DFabric
    ใช้เทคโนโลยี SoIC-X สำหรับการบรรจุชิปแบบ 3D ขั้นสูง
    รองรับการเชื่อมต่อแบบ face-to-face (F2F)
    ประสิทธิภาพด้านพลังงานดีขึ้น 10 เท่า และความหนาแน่นของสัญญาณเพิ่มขึ้น 5 เท่า
    ใช้ bottom die ขนาด 5nm และ top die ขนาด 3nm โดยเชื่อมผ่าน TSVs
    ช่วยแก้ปัญหาคอขวดด้านแบนด์วิดธ์และพลังงานในระบบ AI และ HPC
    Siemens ร่วมพัฒนาแพลตฟอร์มการออกแบบและตรวจสอบร่วมกับ Alphawave
    ชุดเครื่องมือ 3DIO ช่วยให้การออกแบบและตรวจสอบชิปแบบ 3D มีประสิทธิภาพ
    การออกแบบแบบ disaggregated architecture เป็นแนวทางใหม่แทน SoC แบบเดิม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    UCIe (Universal Chiplet Interconnect Express) เป็นมาตรฐานใหม่สำหรับการเชื่อมต่อชิปแบบ chiplet
    SoIC-X ของ TSMC เป็นเทคโนโลยีการบรรจุชิปแบบ 3D ที่ใช้ในระดับองค์กรและ hyperscaler
    TSVs ช่วยให้การส่งพลังงานและข้อมูลระหว่างชิปมีความเร็วและประสิทธิภาพสูง
    การออกแบบแบบ chiplet ช่วยให้สามารถอัปเกรดเฉพาะส่วนของชิปได้โดยไม่ต้องสร้างใหม่ทั้งหมด
    Siemens Calibre เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้วิเคราะห์ความถูกต้องของวงจรในระดับนาโนเมตร

    https://www.techpowerup.com/341533/alphawave-semi-delivers-cutting-edge-ucie-chiplet-ip-on-tsmc-3dfabric-platform
    🔗 “Alphawave Semi ผนึกกำลัง TSMC เปิดตัว UCIe 3D IP — ปลดล็อกขีดจำกัดการเชื่อมต่อชิปในยุค AI” Alphawave Semi บริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อความเร็วสูง ประกาศความสำเร็จในการ tape-out ชิป UCIe 3D IP รุ่นใหม่บนแพลตฟอร์ม 3DFabric ของ TSMC โดยใช้เทคโนโลยี SoIC-X ซึ่งเป็นการบรรจุชิปแบบ 3D ขั้นสูงที่ช่วยให้การเชื่อมต่อระหว่างชิปมีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ชิปใหม่นี้รองรับการเชื่อมต่อแบบ face-to-face (F2F) และให้ประสิทธิภาพด้านพลังงานดีขึ้นถึง 10 เท่าเมื่อเทียบกับการเชื่อมต่อแบบ 2.5D เดิม พร้อมเพิ่มความหนาแน่นของสัญญาณได้ถึง 5 เท่า ซึ่งถือเป็นการตอบโจทย์โดยตรงต่อความต้องการของระบบ AI และ HPC ที่ต้องการแบนด์วิดธ์สูงและการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ ในยุคที่ Moore’s Law เริ่มไม่สามารถรองรับความซับซ้อนของโมเดล AI ได้อีกต่อไป การออกแบบชิปแบบเดิมที่สื่อสารกันผ่านขอบของแพ็กเกจเริ่มกลายเป็นข้อจำกัด Alphawave จึงเลือกแนวทางใหม่ด้วยการออกแบบชิปแบบ disaggregated architecture โดยใช้การวางชิปหลายตัวในแนวนอน หรือซ้อนกันในแนวตั้ง เพื่อเพิ่มแบนด์วิดธ์และลดการใช้พลังงาน ชิป UCIe-3D รุ่นใหม่นี้ใช้ bottom die ขนาด 5nm ที่รองรับ TSVs (Through-Silicon Vias) เพื่อส่งพลังงานและกราวด์ไปยัง top die ขนาด 3nm ซึ่งช่วยให้การจัดการพลังงานภายในชิปมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ Alphawave ยังมีชุดเครื่องมือ 3DIO ที่ช่วยให้การออกแบบและตรวจสอบชิปแบบ 3D เป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ความร่วมมือครั้งนี้ยังรวมถึง Siemens ซึ่งนำแพลตฟอร์ม Calibre เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์พารามิเตอร์ไฟฟ้าและความร้อนในระยะเริ่มต้น เพื่อให้ระบบมีความเสถียรและเชื่อถือได้มากขึ้น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Alphawave Semi ประสบความสำเร็จในการ tape-out ชิป UCIe 3D IP บนแพลตฟอร์ม TSMC 3DFabric ➡️ ใช้เทคโนโลยี SoIC-X สำหรับการบรรจุชิปแบบ 3D ขั้นสูง ➡️ รองรับการเชื่อมต่อแบบ face-to-face (F2F) ➡️ ประสิทธิภาพด้านพลังงานดีขึ้น 10 เท่า และความหนาแน่นของสัญญาณเพิ่มขึ้น 5 เท่า ➡️ ใช้ bottom die ขนาด 5nm และ top die ขนาด 3nm โดยเชื่อมผ่าน TSVs ➡️ ช่วยแก้ปัญหาคอขวดด้านแบนด์วิดธ์และพลังงานในระบบ AI และ HPC ➡️ Siemens ร่วมพัฒนาแพลตฟอร์มการออกแบบและตรวจสอบร่วมกับ Alphawave ➡️ ชุดเครื่องมือ 3DIO ช่วยให้การออกแบบและตรวจสอบชิปแบบ 3D มีประสิทธิภาพ ➡️ การออกแบบแบบ disaggregated architecture เป็นแนวทางใหม่แทน SoC แบบเดิม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ UCIe (Universal Chiplet Interconnect Express) เป็นมาตรฐานใหม่สำหรับการเชื่อมต่อชิปแบบ chiplet ➡️ SoIC-X ของ TSMC เป็นเทคโนโลยีการบรรจุชิปแบบ 3D ที่ใช้ในระดับองค์กรและ hyperscaler ➡️ TSVs ช่วยให้การส่งพลังงานและข้อมูลระหว่างชิปมีความเร็วและประสิทธิภาพสูง ➡️ การออกแบบแบบ chiplet ช่วยให้สามารถอัปเกรดเฉพาะส่วนของชิปได้โดยไม่ต้องสร้างใหม่ทั้งหมด ➡️ Siemens Calibre เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้วิเคราะห์ความถูกต้องของวงจรในระดับนาโนเมตร https://www.techpowerup.com/341533/alphawave-semi-delivers-cutting-edge-ucie-chiplet-ip-on-tsmc-3dfabric-platform
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Alphawave Semi Delivers Cutting-Edge UCIe Chiplet IP on TSMC 3DFabric Platform
    Alphawave Semi (LSE: AWE), a global leader in high-speed connectivity and compute silicon for the world's technology infrastructure, has announced the successful tape-out of its cutting edge UCIe 3D IP on the advanced TSMC SoIC (SoIC-X) technology in the 3DFabric platform. This achievement builds on...
    0 Comments 0 Shares 92 Views 0 Reviews
  • “Cairo-Dock 3.6 กลับมาอีกครั้ง — รองรับ Wayland, HiDPI และ systemd พร้อมปรับตัวสู่ยุคใหม่ของ Linux Desktop”

    หลังจากหายไปจากวงการมานานหลายปี Cairo-Dock ซึ่งเคยเป็นหนึ่งใน dock ยอดนิยมสำหรับผู้ใช้ Linux ได้กลับมาอีกครั้งในเวอร์ชัน 3.6 ที่เปิดตัวเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2025 โดยมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ตอบโจทย์ยุคปัจจุบัน ทั้งการรองรับ Wayland, HiDPI และการทำงานร่วมกับ systemd

    Cairo-Dock เคยเป็นที่นิยมในยุคที่ GNOME และ KDE ยังใช้ X11 เป็นหลัก แต่เมื่อ desktop environment หลักเปลี่ยนไปใช้ Wayland เป็นค่าเริ่มต้น ความเข้ากันได้ของ Cairo-Dock ก็ลดลงอย่างมาก จนกระทั่งเวอร์ชันล่าสุดนี้ได้เพิ่มการรองรับ Wayland compositors เช่น KWin (KDE Plasma), Labwc, Wayfire, COSMIC, Sway และ Hyprland

    แม้จะยังไม่รองรับ GNOME Shell/Mutter ซึ่งเป็นค่าเริ่มต้นของ Ubuntu แต่การกลับมาครั้งนี้ก็ถือเป็นก้าวสำคัญ โดยเฉพาะการรองรับ HiDPI ที่ช่วยให้ Cairo-Dock แสดงผลได้คมชัดบนหน้าจอความละเอียดสูง และการรวมเข้ากับ systemd ที่ช่วยให้สามารถรัน Cairo-Dock เป็น service ได้ รวมถึงแอปที่เปิดจาก dock จะถูกจัดการใน slice แยกต่างหาก

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงอื่น ๆ เช่น:
    Weather applet ที่ใช้ผู้ให้บริการใหม่
    การตรวจจับแอปที่แม่นยำขึ้น
    การแปลภาษาใหม่และแก้ไขบั๊กจำนวนมาก

    ผู้ดูแลโครงการยังประกาศว่าจะยุติการใช้งานเว็บไซต์เก่า และให้ผู้ใช้ติดตามข้อมูลผ่าน GitHub Wiki และรายงานปัญหาผ่าน GitHub Issues แทน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Cairo-Dock 3.6 เปิดตัวเมื่อ 1 ตุลาคม 2025 หลังหยุดพัฒนาไปหลายปี
    รองรับ Wayland compositors เช่น KWin, Labwc, Wayfire, COSMIC, Sway และ Hyprland
    ยังไม่รองรับ GNOME Shell/Mutter ซึ่งเป็นค่าเริ่มต้นของ Ubuntu
    เพิ่มการรองรับ HiDPI สำหรับหน้าจอความละเอียดสูง
    รวมเข้ากับ systemd สามารถรันเป็น service และจัดการแอปใน slice แยก
    ปรับปรุง Weather applet และการตรวจจับแอปให้แม่นยำขึ้น
    มีการแปลภาษาใหม่และแก้ไขบั๊กจำนวนมาก
    ย้ายข้อมูลโครงการไปยัง GitHub Wiki และ Issues แทนเว็บไซต์เดิม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Wayland เป็นโปรโตคอลใหม่ที่มาแทน X11 โดยเน้นความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
    HiDPI เป็นมาตรฐานใหม่สำหรับหน้าจอ 4K และ Retina ที่ต้องการการเรนเดอร์แบบคมชัด
    systemd slice ช่วยให้จัดการทรัพยากรของแอปได้ดีขึ้น เช่น CPU และ memory
    COSMIC เป็น desktop environment ใหม่จาก System76 ที่เน้นความลื่นไหลและโมเดิร์น
    Cairo-Dock เคยเป็นที่นิยมในยุค Ubuntu 10.04–14.04 ก่อนจะถูกแทนที่ด้วย Unity และ GNOME Shell

    https://9to5linux.com/cairo-dock-3-6-released-with-wayland-and-hidpi-support-systemd-integration
    🖥️ “Cairo-Dock 3.6 กลับมาอีกครั้ง — รองรับ Wayland, HiDPI และ systemd พร้อมปรับตัวสู่ยุคใหม่ของ Linux Desktop” หลังจากหายไปจากวงการมานานหลายปี Cairo-Dock ซึ่งเคยเป็นหนึ่งใน dock ยอดนิยมสำหรับผู้ใช้ Linux ได้กลับมาอีกครั้งในเวอร์ชัน 3.6 ที่เปิดตัวเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2025 โดยมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ตอบโจทย์ยุคปัจจุบัน ทั้งการรองรับ Wayland, HiDPI และการทำงานร่วมกับ systemd Cairo-Dock เคยเป็นที่นิยมในยุคที่ GNOME และ KDE ยังใช้ X11 เป็นหลัก แต่เมื่อ desktop environment หลักเปลี่ยนไปใช้ Wayland เป็นค่าเริ่มต้น ความเข้ากันได้ของ Cairo-Dock ก็ลดลงอย่างมาก จนกระทั่งเวอร์ชันล่าสุดนี้ได้เพิ่มการรองรับ Wayland compositors เช่น KWin (KDE Plasma), Labwc, Wayfire, COSMIC, Sway และ Hyprland แม้จะยังไม่รองรับ GNOME Shell/Mutter ซึ่งเป็นค่าเริ่มต้นของ Ubuntu แต่การกลับมาครั้งนี้ก็ถือเป็นก้าวสำคัญ โดยเฉพาะการรองรับ HiDPI ที่ช่วยให้ Cairo-Dock แสดงผลได้คมชัดบนหน้าจอความละเอียดสูง และการรวมเข้ากับ systemd ที่ช่วยให้สามารถรัน Cairo-Dock เป็น service ได้ รวมถึงแอปที่เปิดจาก dock จะถูกจัดการใน slice แยกต่างหาก นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงอื่น ๆ เช่น: 🔰 Weather applet ที่ใช้ผู้ให้บริการใหม่ 🔰 การตรวจจับแอปที่แม่นยำขึ้น 🔰 การแปลภาษาใหม่และแก้ไขบั๊กจำนวนมาก ผู้ดูแลโครงการยังประกาศว่าจะยุติการใช้งานเว็บไซต์เก่า และให้ผู้ใช้ติดตามข้อมูลผ่าน GitHub Wiki และรายงานปัญหาผ่าน GitHub Issues แทน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Cairo-Dock 3.6 เปิดตัวเมื่อ 1 ตุลาคม 2025 หลังหยุดพัฒนาไปหลายปี ➡️ รองรับ Wayland compositors เช่น KWin, Labwc, Wayfire, COSMIC, Sway และ Hyprland ➡️ ยังไม่รองรับ GNOME Shell/Mutter ซึ่งเป็นค่าเริ่มต้นของ Ubuntu ➡️ เพิ่มการรองรับ HiDPI สำหรับหน้าจอความละเอียดสูง ➡️ รวมเข้ากับ systemd สามารถรันเป็น service และจัดการแอปใน slice แยก ➡️ ปรับปรุง Weather applet และการตรวจจับแอปให้แม่นยำขึ้น ➡️ มีการแปลภาษาใหม่และแก้ไขบั๊กจำนวนมาก ➡️ ย้ายข้อมูลโครงการไปยัง GitHub Wiki และ Issues แทนเว็บไซต์เดิม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Wayland เป็นโปรโตคอลใหม่ที่มาแทน X11 โดยเน้นความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ➡️ HiDPI เป็นมาตรฐานใหม่สำหรับหน้าจอ 4K และ Retina ที่ต้องการการเรนเดอร์แบบคมชัด ➡️ systemd slice ช่วยให้จัดการทรัพยากรของแอปได้ดีขึ้น เช่น CPU และ memory ➡️ COSMIC เป็น desktop environment ใหม่จาก System76 ที่เน้นความลื่นไหลและโมเดิร์น ➡️ Cairo-Dock เคยเป็นที่นิยมในยุค Ubuntu 10.04–14.04 ก่อนจะถูกแทนที่ด้วย Unity และ GNOME Shell https://9to5linux.com/cairo-dock-3-6-released-with-wayland-and-hidpi-support-systemd-integration
    9TO5LINUX.COM
    Cairo-Dock 3.6 Released with Wayland and HiDPI Support, systemd Integration - 9to5Linux
    Cairo-Dock 3.6 is now available for download as a major update to this dock-like application for your GNU/Linux desktop with new features.
    0 Comments 0 Shares 91 Views 0 Reviews
  • “เลิกหลบการเมืองในที่ทำงาน — เพราะการไม่เล่นเกม อาจทำให้คุณแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม”

    บทความจาก Terrible Software ได้เปิดประเด็นที่หลายคนในสายงานวิศวกรรมและเทคโนโลยีมักหลีกเลี่ยง: “การเมืองในองค์กร” ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นเรื่องสกปรก ไร้สาระ และไม่เกี่ยวกับงานจริง แต่ผู้เขียนกลับเสนอว่า การเมืองไม่ใช่ปัญหา — การเมืองที่แย่ต่างหากที่เป็นปัญหา และการแสร้งทำเป็นว่าไม่มีการเมืองในองค์กร คือการเปิดทางให้คนที่เข้าใจเกมนี้ได้เปรียบโดยไม่ต้องแข่งขันกับคุณเลย

    การเมืองในที่ทำงานไม่ใช่แค่การชิงดีชิงเด่น แต่คือการเข้าใจว่าใครมีอิทธิพล ใครตัดสินใจ และใครควรได้รับข้อมูลที่คุณมี เพื่อให้ไอเดียดี ๆ ไม่ถูกกลบไปโดยเสียงของคนที่ “พูดเก่งแต่คิดไม่ลึก” ผู้เขียนยกตัวอย่างว่า หลายครั้งที่โปรเจกต์ดี ๆ ถูกยกเลิก หรือเทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสมถูกเลือกใช้ ไม่ใช่เพราะคนตัดสินใจโง่ แต่เพราะคนที่มีข้อมูลจริง “ไม่อยู่ในห้องนั้น” เพราะเขา “ไม่เล่นการเมือง”

    การเมืองที่ดีคือการสร้างความสัมพันธ์ก่อนจะต้องใช้มัน เช่น การคุยกับทีมอื่นเพื่อเข้าใจปัญหา หรือการนำเสนอไอเดียในภาษาที่ผู้บริหารเข้าใจ ไม่ใช่แค่พูดเรื่องเทคนิคอย่างเดียว การเมืองที่ดีคือการจัดการ stakeholder อย่างมีเป้าหมาย ไม่ใช่การแทงข้างหลัง

    บทความยังชี้ว่า คนที่เก่งด้านเทคนิคแต่ไม่ยอมเรียนรู้การเมืองในองค์กร มักจะรู้สึกว่าบริษัทตัดสินใจผิดบ่อย ๆ แต่ไม่เคยพยายามเข้าไปมีส่วนร่วมในการตัดสินใจนั้นเลย

    ข้อมูลสำคัญจากบทความ
    การเมืองในองค์กรคือการจัดการความสัมพันธ์ อิทธิพล และการสื่อสารเพื่อให้ไอเดียถูกนำไปใช้
    การหลีกเลี่ยงการเมืองไม่ทำให้มันหายไป แต่ทำให้คุณไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
    ตัวอย่างของการเมืองที่ดี ได้แก่ stakeholder management, alignment, และ organizational awareness
    การสร้างความสัมพันธ์ก่อนจะต้องใช้ เช่น การคุยกับทีมอื่นล่วงหน้า เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
    การเข้าใจแรงจูงใจของผู้บริหาร เช่น การเน้นผลลัพธ์มากกว่าความสวยงามของโค้ด ช่วยให้ไอเดียถูกนำเสนอได้ดีขึ้น
    การมองการเมืองในแง่ดีช่วยให้คุณปกป้องทีมจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด
    การมองว่า “ไอเดียดีจะชนะเสมอ” เป็นความคิดที่ไม่ตรงกับความจริงในองค์กร

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    วิศวกรที่เข้าใจการเมืองสามารถมีบทบาทในการกำหนดนโยบายระดับประเทศ เช่น ด้านโครงสร้างพื้นฐานหรือสิ่งแวดล้อม
    การเมืองในองค์กรมีหลายรูปแบบ เช่น legitimate power, reward power, และ information power2
    การสร้างพันธมิตรและการสื่อสารที่ชัดเจนเป็นหัวใจของกลยุทธ์การเมืองที่ดี
    การเมืองที่ดีสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระดับองค์กรและสังคม เช่น การเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมหรือสิทธิมนุษยชน
    การเข้าใจโครงสร้างอำนาจในองค์กรช่วยให้คุณวางแผนการนำเสนอและการสนับสนุนไอเดียได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    https://terriblesoftware.org/2025/10/01/stop-avoiding-politics/
    🏛️ “เลิกหลบการเมืองในที่ทำงาน — เพราะการไม่เล่นเกม อาจทำให้คุณแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม” บทความจาก Terrible Software ได้เปิดประเด็นที่หลายคนในสายงานวิศวกรรมและเทคโนโลยีมักหลีกเลี่ยง: “การเมืองในองค์กร” ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นเรื่องสกปรก ไร้สาระ และไม่เกี่ยวกับงานจริง แต่ผู้เขียนกลับเสนอว่า การเมืองไม่ใช่ปัญหา — การเมืองที่แย่ต่างหากที่เป็นปัญหา และการแสร้งทำเป็นว่าไม่มีการเมืองในองค์กร คือการเปิดทางให้คนที่เข้าใจเกมนี้ได้เปรียบโดยไม่ต้องแข่งขันกับคุณเลย การเมืองในที่ทำงานไม่ใช่แค่การชิงดีชิงเด่น แต่คือการเข้าใจว่าใครมีอิทธิพล ใครตัดสินใจ และใครควรได้รับข้อมูลที่คุณมี เพื่อให้ไอเดียดี ๆ ไม่ถูกกลบไปโดยเสียงของคนที่ “พูดเก่งแต่คิดไม่ลึก” ผู้เขียนยกตัวอย่างว่า หลายครั้งที่โปรเจกต์ดี ๆ ถูกยกเลิก หรือเทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสมถูกเลือกใช้ ไม่ใช่เพราะคนตัดสินใจโง่ แต่เพราะคนที่มีข้อมูลจริง “ไม่อยู่ในห้องนั้น” เพราะเขา “ไม่เล่นการเมือง” การเมืองที่ดีคือการสร้างความสัมพันธ์ก่อนจะต้องใช้มัน เช่น การคุยกับทีมอื่นเพื่อเข้าใจปัญหา หรือการนำเสนอไอเดียในภาษาที่ผู้บริหารเข้าใจ ไม่ใช่แค่พูดเรื่องเทคนิคอย่างเดียว การเมืองที่ดีคือการจัดการ stakeholder อย่างมีเป้าหมาย ไม่ใช่การแทงข้างหลัง บทความยังชี้ว่า คนที่เก่งด้านเทคนิคแต่ไม่ยอมเรียนรู้การเมืองในองค์กร มักจะรู้สึกว่าบริษัทตัดสินใจผิดบ่อย ๆ แต่ไม่เคยพยายามเข้าไปมีส่วนร่วมในการตัดสินใจนั้นเลย ✅ ข้อมูลสำคัญจากบทความ ➡️ การเมืองในองค์กรคือการจัดการความสัมพันธ์ อิทธิพล และการสื่อสารเพื่อให้ไอเดียถูกนำไปใช้ ➡️ การหลีกเลี่ยงการเมืองไม่ทำให้มันหายไป แต่ทำให้คุณไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ➡️ ตัวอย่างของการเมืองที่ดี ได้แก่ stakeholder management, alignment, และ organizational awareness ➡️ การสร้างความสัมพันธ์ก่อนจะต้องใช้ เช่น การคุยกับทีมอื่นล่วงหน้า เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ➡️ การเข้าใจแรงจูงใจของผู้บริหาร เช่น การเน้นผลลัพธ์มากกว่าความสวยงามของโค้ด ช่วยให้ไอเดียถูกนำเสนอได้ดีขึ้น ➡️ การมองการเมืองในแง่ดีช่วยให้คุณปกป้องทีมจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด ➡️ การมองว่า “ไอเดียดีจะชนะเสมอ” เป็นความคิดที่ไม่ตรงกับความจริงในองค์กร ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ วิศวกรที่เข้าใจการเมืองสามารถมีบทบาทในการกำหนดนโยบายระดับประเทศ เช่น ด้านโครงสร้างพื้นฐานหรือสิ่งแวดล้อม ➡️ การเมืองในองค์กรมีหลายรูปแบบ เช่น legitimate power, reward power, และ information power2 ➡️ การสร้างพันธมิตรและการสื่อสารที่ชัดเจนเป็นหัวใจของกลยุทธ์การเมืองที่ดี ➡️ การเมืองที่ดีสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระดับองค์กรและสังคม เช่น การเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมหรือสิทธิมนุษยชน ➡️ การเข้าใจโครงสร้างอำนาจในองค์กรช่วยให้คุณวางแผนการนำเสนอและการสนับสนุนไอเดียได้อย่างมีประสิทธิภาพ https://terriblesoftware.org/2025/10/01/stop-avoiding-politics/
    TERRIBLESOFTWARE.ORG
    Stop Avoiding Politics
    Most engineers think workplace politics is dirty. They’re wrong. Refusing to play politics doesn’t make you noble; it makes you ineffective.
    0 Comments 0 Shares 86 Views 0 Reviews
  • Buy Verified Payoneer Account

    https://globalseoshop.com/product/buy-verified-payoneer-account-2023/

    On the off chance that you need more data simply thump us-
    Email: Globalseoshop@gmail.com
    WhatsApp: +1(864)7088783
    Skype: GlobalSeoShop
    Telegram: @GlobalSeoShop

    #BuyVerifiedPayoneerAccount
    #BuyPayoneerAccount
    #BuyPayoneerMasterCard
    #BuyPayPaltoPyoneer
    Buy Verified Payoneer Account https://globalseoshop.com/product/buy-verified-payoneer-account-2023/ On the off chance that you need more data simply thump us- Email: Globalseoshop@gmail.com WhatsApp: +1(864)7088783 Skype: GlobalSeoShop Telegram: @GlobalSeoShop #BuyVerifiedPayoneerAccount #BuyPayoneerAccount #BuyPayoneerMasterCard #BuyPayPaltoPyoneer
    GLOBALSEOSHOP.COM
    Buy Verified Payoneer Account
    When you buy verified Payoneer account of high quality, you can enjoy faster and easier transactions, secure payments, and a global network of partners
    0 Comments 0 Shares 86 Views 0 Reviews
  • “Welder Keyboard — คีย์บอร์ดจอสัมผัสพับได้ที่อาจแทนที่แล็ปท็อป สำหรับสายสร้างสรรค์ที่ต้องการพื้นที่ทำงานแบบไฮบริด”

    ในยุคที่การทำงานแบบมัลติทาสก์กลายเป็นเรื่องปกติ และอุปกรณ์พกพาต้องตอบโจทย์ทั้งความคล่องตัวและประสิทธิภาพ Welder Keyboard ได้เปิดตัวในฐานะ “คีย์บอร์ดกลไกพับได้พร้อมจอสัมผัส” ที่อาจกลายเป็นอุปกรณ์เสริมที่เปลี่ยนวิธีทำงานของผู้ใช้ไปโดยสิ้นเชิง

    Welder มาพร้อมแป้นพิมพ์กลไกแบบ 84 ปุ่มที่รองรับการเปลี่ยนสวิตช์ได้ (hot-swappable) และใช้ keycap แบบ PBT เพื่อความทนทานและสัมผัสที่ดีขึ้น ด้านบนของคีย์บอร์ดคือหน้าจอสัมผัสขนาด 12.8 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 720 พิกเซล เป็น IPS panel ที่รองรับการสัมผัสแบบ 10 จุด พร้อมความสว่าง 300 cd/m² และมุมมอง 89 องศาทุกด้าน

    จุดเด่นคือการออกแบบให้พับได้ 180 องศา พร้อมโครงสร้างอลูมิเนียม CNC ที่แข็งแรงและน้ำหนักประมาณ 1.5 กก. แม้จะดูหนัก แต่เมื่อเทียบกับการได้ทั้งคีย์บอร์ดกลไก จอสัมผัส และฮับเชื่อมต่อในเครื่องเดียว ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า

    Welder รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB-C สองช่อง และ USB-A หนึ่งช่อง ใช้งานได้กับ Windows, macOS, Linux และ Android โดยสามารถใช้เป็นจอที่สองสำหรับโน้ตบุ๊ก หรือแปลงสมาร์ทโฟน USB-C ให้กลายเป็นเวิร์กสเตชันขนาดย่อมได้ทันที

    นอกจากนี้ยังมีโหมดไฟ RGB ถึง 108 แบบที่เปลี่ยนได้ด้วยปุ่มลัดโดยไม่ต้องลงซอฟต์แวร์เสริม เหมาะกับทั้งสายเกมเมอร์และสายงานสร้างสรรค์ที่ต้องการบรรยากาศเฉพาะตัว

    แม้จะดูเหมือน “แล็ปท็อปปลอม” แต่ Welder ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วใน Kickstarter โดยระดมทุนได้เกินเป้าหมายถึง 13 เท่าในเวลาไม่กี่วัน ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการของผู้ใช้ที่มองหาอุปกรณ์ไฮบริดที่ตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Welder Keyboard เป็นคีย์บอร์ดกลไกพับได้พร้อมจอสัมผัสขนาด 12.8 นิ้ว
    หน้าจอ IPS ความละเอียด 1920 x 720 รองรับสัมผัส 10 จุด และมีมุมมอง 89 องศาทุกด้าน
    รองรับการเปลี่ยนสวิตช์และใช้ keycap แบบ PBT เพื่อความทนทาน
    พับได้ 180 องศา พร้อมโครงสร้างอลูมิเนียม CNC น้ำหนักประมาณ 1.5 กก.
    รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB-C x2 และ USB-A x1 สำหรับพลังงาน ข้อมูล และภาพเสียง
    ใช้งานได้กับ Windows, macOS, Linux และ Android
    ใช้เป็นจอที่สอง หรือแปลงสมาร์ทโฟนให้เป็นเวิร์กสเตชันได้ทันที
    มีโหมดไฟ RGB 108 แบบ เปลี่ยนได้ด้วยปุ่มลัดโดยไม่ต้องลงซอฟต์แวร์
    ระดมทุนใน Kickstarter ได้เกินเป้าหมายถึง 13 เท่า

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Welder สามารถใช้จอสัมผัสเป็นแผงควบคุม Photoshop, timeline ตัดต่อ หรือหน้าต่างแชต
    การออกแบบให้พับได้ช่วยให้พกพาเหมือนแล็ปท็อป แต่ใช้งานได้หลากหลายกว่า
    จอสัมผัสแบบ laminated glass ช่วยลดแสงสะท้อนและเพิ่มความคมชัด
    RGB lighting มีโหมดตอบสนองต่อการพิมพ์ เช่น reactive touch และ breathing effect
    ใช้ได้กับสมาร์ทโฟน USB-C ที่รองรับ DisplayPort Alt Mode เช่น Samsung Galaxy และ Pixel

    https://www.techradar.com/pro/i-think-i-found-the-perfect-fake-laptop-for-my-projects-i-only-need-to-find-a-mouse-with-a-built-in-pc
    ⌨️ “Welder Keyboard — คีย์บอร์ดจอสัมผัสพับได้ที่อาจแทนที่แล็ปท็อป สำหรับสายสร้างสรรค์ที่ต้องการพื้นที่ทำงานแบบไฮบริด” ในยุคที่การทำงานแบบมัลติทาสก์กลายเป็นเรื่องปกติ และอุปกรณ์พกพาต้องตอบโจทย์ทั้งความคล่องตัวและประสิทธิภาพ Welder Keyboard ได้เปิดตัวในฐานะ “คีย์บอร์ดกลไกพับได้พร้อมจอสัมผัส” ที่อาจกลายเป็นอุปกรณ์เสริมที่เปลี่ยนวิธีทำงานของผู้ใช้ไปโดยสิ้นเชิง Welder มาพร้อมแป้นพิมพ์กลไกแบบ 84 ปุ่มที่รองรับการเปลี่ยนสวิตช์ได้ (hot-swappable) และใช้ keycap แบบ PBT เพื่อความทนทานและสัมผัสที่ดีขึ้น ด้านบนของคีย์บอร์ดคือหน้าจอสัมผัสขนาด 12.8 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 720 พิกเซล เป็น IPS panel ที่รองรับการสัมผัสแบบ 10 จุด พร้อมความสว่าง 300 cd/m² และมุมมอง 89 องศาทุกด้าน จุดเด่นคือการออกแบบให้พับได้ 180 องศา พร้อมโครงสร้างอลูมิเนียม CNC ที่แข็งแรงและน้ำหนักประมาณ 1.5 กก. แม้จะดูหนัก แต่เมื่อเทียบกับการได้ทั้งคีย์บอร์ดกลไก จอสัมผัส และฮับเชื่อมต่อในเครื่องเดียว ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า Welder รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB-C สองช่อง และ USB-A หนึ่งช่อง ใช้งานได้กับ Windows, macOS, Linux และ Android โดยสามารถใช้เป็นจอที่สองสำหรับโน้ตบุ๊ก หรือแปลงสมาร์ทโฟน USB-C ให้กลายเป็นเวิร์กสเตชันขนาดย่อมได้ทันที นอกจากนี้ยังมีโหมดไฟ RGB ถึง 108 แบบที่เปลี่ยนได้ด้วยปุ่มลัดโดยไม่ต้องลงซอฟต์แวร์เสริม เหมาะกับทั้งสายเกมเมอร์และสายงานสร้างสรรค์ที่ต้องการบรรยากาศเฉพาะตัว แม้จะดูเหมือน “แล็ปท็อปปลอม” แต่ Welder ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วใน Kickstarter โดยระดมทุนได้เกินเป้าหมายถึง 13 เท่าในเวลาไม่กี่วัน ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการของผู้ใช้ที่มองหาอุปกรณ์ไฮบริดที่ตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Welder Keyboard เป็นคีย์บอร์ดกลไกพับได้พร้อมจอสัมผัสขนาด 12.8 นิ้ว ➡️ หน้าจอ IPS ความละเอียด 1920 x 720 รองรับสัมผัส 10 จุด และมีมุมมอง 89 องศาทุกด้าน ➡️ รองรับการเปลี่ยนสวิตช์และใช้ keycap แบบ PBT เพื่อความทนทาน ➡️ พับได้ 180 องศา พร้อมโครงสร้างอลูมิเนียม CNC น้ำหนักประมาณ 1.5 กก. ➡️ รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB-C x2 และ USB-A x1 สำหรับพลังงาน ข้อมูล และภาพเสียง ➡️ ใช้งานได้กับ Windows, macOS, Linux และ Android ➡️ ใช้เป็นจอที่สอง หรือแปลงสมาร์ทโฟนให้เป็นเวิร์กสเตชันได้ทันที ➡️ มีโหมดไฟ RGB 108 แบบ เปลี่ยนได้ด้วยปุ่มลัดโดยไม่ต้องลงซอฟต์แวร์ ➡️ ระดมทุนใน Kickstarter ได้เกินเป้าหมายถึง 13 เท่า ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Welder สามารถใช้จอสัมผัสเป็นแผงควบคุม Photoshop, timeline ตัดต่อ หรือหน้าต่างแชต ➡️ การออกแบบให้พับได้ช่วยให้พกพาเหมือนแล็ปท็อป แต่ใช้งานได้หลากหลายกว่า ➡️ จอสัมผัสแบบ laminated glass ช่วยลดแสงสะท้อนและเพิ่มความคมชัด ➡️ RGB lighting มีโหมดตอบสนองต่อการพิมพ์ เช่น reactive touch และ breathing effect ➡️ ใช้ได้กับสมาร์ทโฟน USB-C ที่รองรับ DisplayPort Alt Mode เช่น Samsung Galaxy และ Pixel https://www.techradar.com/pro/i-think-i-found-the-perfect-fake-laptop-for-my-projects-i-only-need-to-find-a-mouse-with-a-built-in-pc
    0 Comments 0 Shares 105 Views 0 Reviews
  • “Orange Pi AI Studio Pro — มินิพีซีพลัง Huawei Ascend 310 ที่แรงทะลุ 352 TOPS แต่ยังติดข้อจำกัดด้านการเชื่อมต่อ”

    Orange Pi เปิดตัวมินิพีซีรุ่นใหม่สำหรับงานปัญญาประดิษฐ์โดยเฉพาะในชื่อ “AI Studio Pro” ซึ่งใช้ชิป Huawei Ascend 310 แบบ ARM octa-core ที่ให้พลังประมวลผลด้าน AI สูงถึง 176 TOPS ในรุ่นปกติ และ 352 TOPS ในรุ่น Pro ที่รวมสองเครื่องเข้าด้วยกัน พร้อมหน่วยความจำสูงสุดถึง 192GB LPDDR4X ความเร็ว 4266 Mbps2

    ตัวเครื่องออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI หลากหลาย เช่น การประมวลผลภาพ, การเรียนรู้เชิงลึก, การวิเคราะห์ข้อมูล, การใช้งาน IoT และระบบขนส่งอัจฉริยะ โดยสามารถติดตั้ง Ubuntu 22.04.5 และ Linux kernel 5.15 ได้ทันที ส่วน Windows จะรองรับในอนาคต3

    แม้จะมีพลังประมวลผลสูงและหน่วยความจำมหาศาล แต่ Orange Pi AI Studio Pro กลับมีข้อจำกัดด้านการเชื่อมต่ออย่างชัดเจน โดยมีเพียงพอร์ต USB-C 4.0 เพียงช่องเดียวสำหรับทุกการเชื่อมต่อ ไม่ว่าจะเป็นจอภาพ, อุปกรณ์เก็บข้อมูล หรืออุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ทำให้ผู้ใช้ต้องพึ่งพา dock หรือ hub เพิ่มเติม

    นอกจากนี้ยังไม่มีการระบุว่ามี Wi-Fi หรือ Bluetooth ในตัว ทำให้การเชื่อมต่อเครือข่ายอาจต้องใช้วิธีอื่น เช่น Ethernet หรืออุปกรณ์เสริมภายนอก ซึ่งอาจไม่สะดวกสำหรับการใช้งานแบบเคลื่อนที่หรือในพื้นที่จำกัด

    ราคาจำหน่ายในจีนเริ่มต้นที่ประมาณ $955 สำหรับรุ่น 48GB และสูงสุดถึง $2,200 สำหรับรุ่น Pro ที่มี RAM 192GB โดยมีวางจำหน่ายผ่าน JD.com และ AliExpress

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Orange Pi AI Studio Pro ใช้ชิป Huawei Ascend 310 แบบ ARM octa-core
    รุ่น Pro รวมสองเครื่องเข้าด้วยกัน ให้พลังประมวลผลสูงถึง 352 TOPS
    รองรับหน่วยความจำสูงสุด 192GB LPDDR4X ความเร็ว 4266 Mbps
    รองรับ Ubuntu 22.04.5 และ Linux kernel 5.15 พร้อมรองรับ Windows ในอนาคต
    เหมาะสำหรับงาน AI เช่น OCR, การรู้จำใบหน้า, การแนะนำเนื้อหา, IoT และระบบขนส่งอัจฉริยะ
    มีพอร์ต USB-C 4.0 เพียงช่องเดียวสำหรับทุกการเชื่อมต่อ
    ไม่มีการระบุว่ามี Wi-Fi หรือ Bluetooth ในตัว
    ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ $955 และสูงสุดถึง $2,200 ขึ้นอยู่กับรุ่นและ RAM

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Huawei Ascend 310 เป็นชิปที่ออกแบบมาเพื่องาน AI โดยเฉพาะ มีประสิทธิภาพสูงในงาน inference
    Orange Pi เป็นแบรนด์ที่เน้นการพัฒนาอุปกรณ์สำหรับนักพัฒนาและงานวิจัย
    การใช้ context window ขนาดใหญ่และ RAM สูงช่วยให้รองรับโมเดล AI ขนาดใหญ่ได้ดี
    การรองรับ Deepseek-R1 distillation model ช่วยให้สามารถ deploy โมเดล AI แบบ local ได้
    การรวมการฝึกและการ inference ในเครื่องเดียวช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความคล่องตัวในการพัฒนา

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/orange-pi-ai-studio-pro-mini-pc-debuts-with-huawei-ascend-310-and-352-tops-of-ai-performance-also-features-up-to-192gb-of-memory-but-relies-on-a-single-usb-c-port
    🧠 “Orange Pi AI Studio Pro — มินิพีซีพลัง Huawei Ascend 310 ที่แรงทะลุ 352 TOPS แต่ยังติดข้อจำกัดด้านการเชื่อมต่อ” Orange Pi เปิดตัวมินิพีซีรุ่นใหม่สำหรับงานปัญญาประดิษฐ์โดยเฉพาะในชื่อ “AI Studio Pro” ซึ่งใช้ชิป Huawei Ascend 310 แบบ ARM octa-core ที่ให้พลังประมวลผลด้าน AI สูงถึง 176 TOPS ในรุ่นปกติ และ 352 TOPS ในรุ่น Pro ที่รวมสองเครื่องเข้าด้วยกัน พร้อมหน่วยความจำสูงสุดถึง 192GB LPDDR4X ความเร็ว 4266 Mbps2 ตัวเครื่องออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI หลากหลาย เช่น การประมวลผลภาพ, การเรียนรู้เชิงลึก, การวิเคราะห์ข้อมูล, การใช้งาน IoT และระบบขนส่งอัจฉริยะ โดยสามารถติดตั้ง Ubuntu 22.04.5 และ Linux kernel 5.15 ได้ทันที ส่วน Windows จะรองรับในอนาคต3 แม้จะมีพลังประมวลผลสูงและหน่วยความจำมหาศาล แต่ Orange Pi AI Studio Pro กลับมีข้อจำกัดด้านการเชื่อมต่ออย่างชัดเจน โดยมีเพียงพอร์ต USB-C 4.0 เพียงช่องเดียวสำหรับทุกการเชื่อมต่อ ไม่ว่าจะเป็นจอภาพ, อุปกรณ์เก็บข้อมูล หรืออุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ทำให้ผู้ใช้ต้องพึ่งพา dock หรือ hub เพิ่มเติม นอกจากนี้ยังไม่มีการระบุว่ามี Wi-Fi หรือ Bluetooth ในตัว ทำให้การเชื่อมต่อเครือข่ายอาจต้องใช้วิธีอื่น เช่น Ethernet หรืออุปกรณ์เสริมภายนอก ซึ่งอาจไม่สะดวกสำหรับการใช้งานแบบเคลื่อนที่หรือในพื้นที่จำกัด ราคาจำหน่ายในจีนเริ่มต้นที่ประมาณ $955 สำหรับรุ่น 48GB และสูงสุดถึง $2,200 สำหรับรุ่น Pro ที่มี RAM 192GB โดยมีวางจำหน่ายผ่าน JD.com และ AliExpress ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Orange Pi AI Studio Pro ใช้ชิป Huawei Ascend 310 แบบ ARM octa-core ➡️ รุ่น Pro รวมสองเครื่องเข้าด้วยกัน ให้พลังประมวลผลสูงถึง 352 TOPS ➡️ รองรับหน่วยความจำสูงสุด 192GB LPDDR4X ความเร็ว 4266 Mbps ➡️ รองรับ Ubuntu 22.04.5 และ Linux kernel 5.15 พร้อมรองรับ Windows ในอนาคต ➡️ เหมาะสำหรับงาน AI เช่น OCR, การรู้จำใบหน้า, การแนะนำเนื้อหา, IoT และระบบขนส่งอัจฉริยะ ➡️ มีพอร์ต USB-C 4.0 เพียงช่องเดียวสำหรับทุกการเชื่อมต่อ ➡️ ไม่มีการระบุว่ามี Wi-Fi หรือ Bluetooth ในตัว ➡️ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ $955 และสูงสุดถึง $2,200 ขึ้นอยู่กับรุ่นและ RAM ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Huawei Ascend 310 เป็นชิปที่ออกแบบมาเพื่องาน AI โดยเฉพาะ มีประสิทธิภาพสูงในงาน inference ➡️ Orange Pi เป็นแบรนด์ที่เน้นการพัฒนาอุปกรณ์สำหรับนักพัฒนาและงานวิจัย ➡️ การใช้ context window ขนาดใหญ่และ RAM สูงช่วยให้รองรับโมเดล AI ขนาดใหญ่ได้ดี ➡️ การรองรับ Deepseek-R1 distillation model ช่วยให้สามารถ deploy โมเดล AI แบบ local ได้ ➡️ การรวมการฝึกและการ inference ในเครื่องเดียวช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความคล่องตัวในการพัฒนา https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/orange-pi-ai-studio-pro-mini-pc-debuts-with-huawei-ascend-310-and-352-tops-of-ai-performance-also-features-up-to-192gb-of-memory-but-relies-on-a-single-usb-c-port
    0 Comments 0 Shares 129 Views 0 Reviews
  • “Ubuntu Touch 24.04 LTS มาแล้ว! มือถือโอเพ่นซอร์สยกระดับความปลอดภัยและความลื่นไหล พร้อมรองรับอุปกรณ์หลากหลาย”

    หลังจากรอคอยกันมานาน UBports Foundation ได้ปล่อยอัปเดตใหญ่ของระบบปฏิบัติการมือถือ Ubuntu Touch เวอร์ชัน 24.04-1.0 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ระบบนี้อิงจาก Ubuntu 24.04 LTS (Noble Numbat) โดยการเปลี่ยนฐานระบบนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเบื้องหลัง แต่เป็นการเปิดประตูสู่ฟีเจอร์ใหม่ ความปลอดภัยที่ดีขึ้น และประสบการณ์ผู้ใช้ที่ทันสมัยมากขึ้น

    หนึ่งในฟีเจอร์เด่นคือระบบ “การเข้ารหัสข้อมูลส่วนตัว” แบบ experimental ที่ใช้รหัสผ่านของผู้ใช้ในการเปิดข้อมูลทุกครั้งที่บูตเครื่อง ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยในระดับที่มือถือโอเพ่นซอร์สไม่เคยมีมาก่อน

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงด้าน UI และ UX หลายจุด เช่น การเปลี่ยนธีมของแอปแบบสด (live-switching), การตั้งค่าการหมุนหน้าจอแบบ 1 ครั้ง, การแชร์อินเทอร์เน็ตผ่าน USB, การแสดง MAC address ใน Bluetooth, และการย้ายแอประหว่าง workspace ด้วยคีย์ลัด Ctrl+Alt+Shift

    แอป Contacts ถูกปรับให้ไม่กระพริบขณะโหลด avatar, ส่วน System Settings ก็มีการเปลี่ยนชื่อหน้า About เป็น System Information พร้อมฟีเจอร์ซ่อน IMEI เพื่อความเป็นส่วนตัว และแสดงข้อมูลเครือข่ายเพิ่มเติมในหน้า Wi-Fi

    อัปเดตนี้รองรับอุปกรณ์หลากหลาย ตั้งแต่ Fairphone, Pixel, OnePlus, Xiaomi ไปจนถึง Rabbit R1 และ Volla Tablet โดยผู้ใช้ที่อยู่ในช่อง Stable จะได้รับอัปเดตผ่านหน้าจอ Updates ในแอป System Settings ซึ่งจะทยอยปล่อยให้ครบทุกเครื่องในช่วงสัปดาห์นี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Ubuntu Touch 24.04-1.0 เป็นเวอร์ชันแรกที่อิงจาก Ubuntu 24.04 LTS
    เพิ่มฟีเจอร์เข้ารหัสข้อมูลส่วนตัวแบบ experimental โดยใช้รหัสผ่านของผู้ใช้
    รองรับการเปลี่ยนธีมแบบสด (live-switching) และปรับธีมผ่าน System Settings
    ปรับ UI ของแอป Phone ให้เหมาะกับหน้าจอใหญ่
    เพิ่มโหมด USB สำหรับแชร์อินเทอร์เน็ต และแสดง MAC address ใน Bluetooth
    เพิ่มปุ่มหมุนหน้าจอแบบ 1 ครั้ง และสแกน Bluetooth ใหม่แบบ manual
    ตั้งเสียงเตือนปฏิทินได้, เลือกแสดงสัปดาห์/กิจกรรม/นาฬิกาในเมนูเวลา
    ย้ายแอประหว่าง workspace ด้วย Ctrl+Alt+Shift+ลูกศร
    หน้า About เปลี่ยนชื่อเป็น System Information พร้อมฟีเจอร์ซ่อน IMEI
    แอป Contacts ไม่กระพริบขณะโหลด avatar และปรับ Workspace สำหรับ convergence
    ปิด auto-capitalization, auto-correction และ auto-punctuation บนคีย์บอร์ดโดยค่าเริ่มต้น
    รองรับอุปกรณ์หลากหลาย เช่น Pixel 3a, OnePlus 6, Xiaomi Redmi Note 9, Rabbit R1 ฯลฯ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Ubuntu Touch เป็นระบบมือถือโอเพ่นซอร์สที่เน้นความเป็นส่วนตัวและไม่มีการติดตามผู้ใช้
    Lomiri คือ desktop environment ที่ใช้ใน Ubuntu Touch ซึ่งรองรับการใช้งานแบบ convergence
    UBports Foundation เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ดูแลการพัฒนา Ubuntu Touch
    การอัปเดตจาก Ubuntu 20.04 เป็น 24.04 ช่วยให้ระบบรองรับซอฟต์แวร์ใหม่ เช่น Qt 5.15
    ระบบ installer ของ UBports ช่วยให้ติดตั้ง Ubuntu Touch ได้ง่ายบนอุปกรณ์ที่รองรับ

    https://9to5linux.com/ubuntu-touch-mobile-linux-os-is-now-finally-based-on-ubuntu-24-04-lts
    📱 “Ubuntu Touch 24.04 LTS มาแล้ว! มือถือโอเพ่นซอร์สยกระดับความปลอดภัยและความลื่นไหล พร้อมรองรับอุปกรณ์หลากหลาย” หลังจากรอคอยกันมานาน UBports Foundation ได้ปล่อยอัปเดตใหญ่ของระบบปฏิบัติการมือถือ Ubuntu Touch เวอร์ชัน 24.04-1.0 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ระบบนี้อิงจาก Ubuntu 24.04 LTS (Noble Numbat) โดยการเปลี่ยนฐานระบบนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเบื้องหลัง แต่เป็นการเปิดประตูสู่ฟีเจอร์ใหม่ ความปลอดภัยที่ดีขึ้น และประสบการณ์ผู้ใช้ที่ทันสมัยมากขึ้น หนึ่งในฟีเจอร์เด่นคือระบบ “การเข้ารหัสข้อมูลส่วนตัว” แบบ experimental ที่ใช้รหัสผ่านของผู้ใช้ในการเปิดข้อมูลทุกครั้งที่บูตเครื่อง ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยในระดับที่มือถือโอเพ่นซอร์สไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงด้าน UI และ UX หลายจุด เช่น การเปลี่ยนธีมของแอปแบบสด (live-switching), การตั้งค่าการหมุนหน้าจอแบบ 1 ครั้ง, การแชร์อินเทอร์เน็ตผ่าน USB, การแสดง MAC address ใน Bluetooth, และการย้ายแอประหว่าง workspace ด้วยคีย์ลัด Ctrl+Alt+Shift แอป Contacts ถูกปรับให้ไม่กระพริบขณะโหลด avatar, ส่วน System Settings ก็มีการเปลี่ยนชื่อหน้า About เป็น System Information พร้อมฟีเจอร์ซ่อน IMEI เพื่อความเป็นส่วนตัว และแสดงข้อมูลเครือข่ายเพิ่มเติมในหน้า Wi-Fi อัปเดตนี้รองรับอุปกรณ์หลากหลาย ตั้งแต่ Fairphone, Pixel, OnePlus, Xiaomi ไปจนถึง Rabbit R1 และ Volla Tablet โดยผู้ใช้ที่อยู่ในช่อง Stable จะได้รับอัปเดตผ่านหน้าจอ Updates ในแอป System Settings ซึ่งจะทยอยปล่อยให้ครบทุกเครื่องในช่วงสัปดาห์นี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Ubuntu Touch 24.04-1.0 เป็นเวอร์ชันแรกที่อิงจาก Ubuntu 24.04 LTS ➡️ เพิ่มฟีเจอร์เข้ารหัสข้อมูลส่วนตัวแบบ experimental โดยใช้รหัสผ่านของผู้ใช้ ➡️ รองรับการเปลี่ยนธีมแบบสด (live-switching) และปรับธีมผ่าน System Settings ➡️ ปรับ UI ของแอป Phone ให้เหมาะกับหน้าจอใหญ่ ➡️ เพิ่มโหมด USB สำหรับแชร์อินเทอร์เน็ต และแสดง MAC address ใน Bluetooth ➡️ เพิ่มปุ่มหมุนหน้าจอแบบ 1 ครั้ง และสแกน Bluetooth ใหม่แบบ manual ➡️ ตั้งเสียงเตือนปฏิทินได้, เลือกแสดงสัปดาห์/กิจกรรม/นาฬิกาในเมนูเวลา ➡️ ย้ายแอประหว่าง workspace ด้วย Ctrl+Alt+Shift+ลูกศร ➡️ หน้า About เปลี่ยนชื่อเป็น System Information พร้อมฟีเจอร์ซ่อน IMEI ➡️ แอป Contacts ไม่กระพริบขณะโหลด avatar และปรับ Workspace สำหรับ convergence ➡️ ปิด auto-capitalization, auto-correction และ auto-punctuation บนคีย์บอร์ดโดยค่าเริ่มต้น ➡️ รองรับอุปกรณ์หลากหลาย เช่น Pixel 3a, OnePlus 6, Xiaomi Redmi Note 9, Rabbit R1 ฯลฯ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Ubuntu Touch เป็นระบบมือถือโอเพ่นซอร์สที่เน้นความเป็นส่วนตัวและไม่มีการติดตามผู้ใช้ ➡️ Lomiri คือ desktop environment ที่ใช้ใน Ubuntu Touch ซึ่งรองรับการใช้งานแบบ convergence ➡️ UBports Foundation เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ดูแลการพัฒนา Ubuntu Touch ➡️ การอัปเดตจาก Ubuntu 20.04 เป็น 24.04 ช่วยให้ระบบรองรับซอฟต์แวร์ใหม่ เช่น Qt 5.15 ➡️ ระบบ installer ของ UBports ช่วยให้ติดตั้ง Ubuntu Touch ได้ง่ายบนอุปกรณ์ที่รองรับ https://9to5linux.com/ubuntu-touch-mobile-linux-os-is-now-finally-based-on-ubuntu-24-04-lts
    9TO5LINUX.COM
    Ubuntu Touch Mobile Linux OS Is Now Finally Based on Ubuntu 24.04 LTS - 9to5Linux
    Ubuntu Touch 24.04 1.0 is now rolling out to all supported devices based on Ubuntu 24.04 LTS with new features and improvements.
    0 Comments 0 Shares 86 Views 0 Reviews
  • “Microsoft เปิดตัว ‘Vibe Working’ พร้อม Agent Mode ใน Word และ Excel — ยุคใหม่ของการทำงานร่วมกับ AI ที่ไม่ใช่แค่ผู้ช่วย แต่คือเพื่อนร่วมทีม”

    Microsoft กำลังพลิกโฉมการทำงานในออฟฟิศด้วยแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า “Vibe Working” ซึ่งเป็นการนำ AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำงานอย่างลึกซึ้ง โดยเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Microsoft 365 Copilot ได้แก่ “Agent Mode” สำหรับ Word และ Excel และ “Office Agent” ใน Copilot Chat เพื่อสร้างเอกสารและงานนำเสนอจากคำสั่งสนทนา

    Agent Mode ใน Excel ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถสร้างสูตร วิเคราะห์ข้อมูล และสร้างกราฟได้โดยไม่ต้องมีความรู้เชิงลึกด้าน Excel โดย AI จะทำหน้าที่เหมือนผู้เชี่ยวชาญที่สามารถวางแผนงานหลายขั้นตอน ตรวจสอบผลลัพธ์ และปรับปรุงจนได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง

    ใน Word ฟีเจอร์นี้เปลี่ยนการเขียนเอกสารให้กลายเป็น “การสนทนา” ผู้ใช้สามารถสั่งให้ Copilot สรุป แก้ไข หรือเขียนใหม่ตามสไตล์ที่ต้องการ พร้อมถามตอบเพื่อปรับเนื้อหาให้ตรงใจมากขึ้น

    ส่วน Office Agent ใน Copilot Chat จะช่วยสร้างงานนำเสนอ PowerPoint หรือเอกสาร Word จากคำสั่งสนทนา โดยใช้โมเดล AI จาก Anthropic ซึ่งสามารถค้นคว้าข้อมูลจากเว็บและจัดเรียงเนื้อหาอย่างมีโครงสร้าง

    ฟีเจอร์ทั้งหมดนี้เปิดให้ทดลองใช้งานผ่านโปรแกรม Frontier บนเวอร์ชันเว็บก่อน และจะขยายไปยังเวอร์ชันเดสก์ท็อปในอนาคต โดย Microsoft ตั้งเป้าให้การทำงานร่วมกับ AI กลายเป็นรูปแบบใหม่ของการสร้างสรรค์งานในยุคดิจิทัล

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Microsoft เปิดตัวแนวคิด “Vibe Working” พร้อมฟีเจอร์ Agent Mode และ Office Agent
    Agent Mode ใน Excel ช่วยสร้างสูตร วิเคราะห์ข้อมูล และสร้างกราฟจากคำสั่งธรรมดา
    Agent Mode ใน Word เปลี่ยนการเขียนเอกสารให้เป็นการสนทนาแบบโต้ตอบ
    Office Agent ใน Copilot Chat สร้าง PowerPoint และ Word จากคำสั่งสนทนา
    ใช้โมเดล AI จาก OpenAI และ Anthropic เพื่อเพิ่มคุณภาพของผลลัพธ์
    Agent Mode ทำงานแบบหลายขั้นตอน พร้อมตรวจสอบและปรับปรุงผลลัพธ์
    เปิดให้ทดลองใช้งานผ่านโปรแกรม Frontier บนเวอร์ชันเว็บก่อน
    Desktop support จะตามมาในอัปเดตถัดไป
    Agent Mode ใน Excel ทำคะแนนได้ 57.2% ในการทดสอบ SpreadsheetBench เทียบกับมนุษย์ที่ได้ 71.3%

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    “Vibe Working” เป็นแนวคิดต่อยอดจาก “Vibe Coding” ที่ใช้ AI สร้างโค้ดจากคำสั่งสนทนา
    SpreadsheetBench เป็นชุดทดสอบความสามารถของ AI ในการจัดการข้อมูล Excel
    Anthropic เป็นบริษัท AI ที่เน้นความปลอดภัยและความเข้าใจเชิงบริบท
    Microsoft 365 Copilot ได้รับการอัปเดตอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการทำงานแบบ AI-first
    ฟีเจอร์ใหม่ช่วยให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงความสามารถระดับผู้เชี่ยวชาญได้ง่ายขึ้น

    https://securityonline.info/vibe-working-is-here-microsoft-introduces-ai-agent-mode-for-word-and-excel/
    🧠 “Microsoft เปิดตัว ‘Vibe Working’ พร้อม Agent Mode ใน Word และ Excel — ยุคใหม่ของการทำงานร่วมกับ AI ที่ไม่ใช่แค่ผู้ช่วย แต่คือเพื่อนร่วมทีม” Microsoft กำลังพลิกโฉมการทำงานในออฟฟิศด้วยแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า “Vibe Working” ซึ่งเป็นการนำ AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำงานอย่างลึกซึ้ง โดยเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Microsoft 365 Copilot ได้แก่ “Agent Mode” สำหรับ Word และ Excel และ “Office Agent” ใน Copilot Chat เพื่อสร้างเอกสารและงานนำเสนอจากคำสั่งสนทนา Agent Mode ใน Excel ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถสร้างสูตร วิเคราะห์ข้อมูล และสร้างกราฟได้โดยไม่ต้องมีความรู้เชิงลึกด้าน Excel โดย AI จะทำหน้าที่เหมือนผู้เชี่ยวชาญที่สามารถวางแผนงานหลายขั้นตอน ตรวจสอบผลลัพธ์ และปรับปรุงจนได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง ใน Word ฟีเจอร์นี้เปลี่ยนการเขียนเอกสารให้กลายเป็น “การสนทนา” ผู้ใช้สามารถสั่งให้ Copilot สรุป แก้ไข หรือเขียนใหม่ตามสไตล์ที่ต้องการ พร้อมถามตอบเพื่อปรับเนื้อหาให้ตรงใจมากขึ้น ส่วน Office Agent ใน Copilot Chat จะช่วยสร้างงานนำเสนอ PowerPoint หรือเอกสาร Word จากคำสั่งสนทนา โดยใช้โมเดล AI จาก Anthropic ซึ่งสามารถค้นคว้าข้อมูลจากเว็บและจัดเรียงเนื้อหาอย่างมีโครงสร้าง ฟีเจอร์ทั้งหมดนี้เปิดให้ทดลองใช้งานผ่านโปรแกรม Frontier บนเวอร์ชันเว็บก่อน และจะขยายไปยังเวอร์ชันเดสก์ท็อปในอนาคต โดย Microsoft ตั้งเป้าให้การทำงานร่วมกับ AI กลายเป็นรูปแบบใหม่ของการสร้างสรรค์งานในยุคดิจิทัล ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Microsoft เปิดตัวแนวคิด “Vibe Working” พร้อมฟีเจอร์ Agent Mode และ Office Agent ➡️ Agent Mode ใน Excel ช่วยสร้างสูตร วิเคราะห์ข้อมูล และสร้างกราฟจากคำสั่งธรรมดา ➡️ Agent Mode ใน Word เปลี่ยนการเขียนเอกสารให้เป็นการสนทนาแบบโต้ตอบ ➡️ Office Agent ใน Copilot Chat สร้าง PowerPoint และ Word จากคำสั่งสนทนา ➡️ ใช้โมเดล AI จาก OpenAI และ Anthropic เพื่อเพิ่มคุณภาพของผลลัพธ์ ➡️ Agent Mode ทำงานแบบหลายขั้นตอน พร้อมตรวจสอบและปรับปรุงผลลัพธ์ ➡️ เปิดให้ทดลองใช้งานผ่านโปรแกรม Frontier บนเวอร์ชันเว็บก่อน ➡️ Desktop support จะตามมาในอัปเดตถัดไป ➡️ Agent Mode ใน Excel ทำคะแนนได้ 57.2% ในการทดสอบ SpreadsheetBench เทียบกับมนุษย์ที่ได้ 71.3% ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ “Vibe Working” เป็นแนวคิดต่อยอดจาก “Vibe Coding” ที่ใช้ AI สร้างโค้ดจากคำสั่งสนทนา ➡️ SpreadsheetBench เป็นชุดทดสอบความสามารถของ AI ในการจัดการข้อมูล Excel ➡️ Anthropic เป็นบริษัท AI ที่เน้นความปลอดภัยและความเข้าใจเชิงบริบท ➡️ Microsoft 365 Copilot ได้รับการอัปเดตอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการทำงานแบบ AI-first ➡️ ฟีเจอร์ใหม่ช่วยให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงความสามารถระดับผู้เชี่ยวชาญได้ง่ายขึ้น https://securityonline.info/vibe-working-is-here-microsoft-introduces-ai-agent-mode-for-word-and-excel/
    SECURITYONLINE.INFO
    'Vibe Working' Is Here: Microsoft Introduces AI Agent Mode for Word and Excel
    Microsoft introduces "Vibe Working" with a new AI Agent Mode for Word and Excel. The feature allows users to collaborate with AI to generate and refine documents with simple prompts.
    0 Comments 0 Shares 79 Views 0 Reviews
  • “Crucial เปิดตัว LPCAMM2 แรมโน้ตบุ๊กยุคใหม่เร็วสุด 8,533MT/s — พร้อมรองรับ AI และอัปเกรดได้ในเครื่องบางเบา”

    Micron Technology ได้เปิดตัวหน่วยความจำ Crucial LPCAMM2 ซึ่งเป็นแรมโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ที่ใช้ LPDDR5X และมีความเร็วสูงสุดถึง 8,533MT/s ถือเป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญในวงการหน่วยความจำสำหรับโน้ตบุ๊ก โดยออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI, การประมวลผลแบบเรียลไทม์ และการใช้งานหนักในเครื่องบางเบา

    LPCAMM2 มีขนาดเล็กกว่าหน่วยความจำ DDR5 SODIMM ถึงครึ่งหนึ่ง แต่ให้ประสิทธิภาพสูงกว่า 1.5 เท่า และใช้พลังงานน้อยลงอย่างมาก โดยลดการใช้พลังงานขณะ standby ได้ถึง 80% และลดการใช้พลังงานขณะทำงานได้ถึง 58% ทำให้เหมาะกับโน้ตบุ๊กที่ต้องการประสิทธิภาพสูงแต่ยังคงอายุแบตเตอรี่ยาวนาน

    จุดเด่นอีกอย่างคือ “ความสามารถในการอัปเกรด” ซึ่งแตกต่างจาก LPDDR ที่มักถูกบัดกรีติดกับเมนบอร์ด LPCAMM2 มาในรูปแบบโมดูลที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ทำให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มความจุหรือเปลี่ยนแรมได้ในอนาคต ลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ และเพิ่มอายุการใช้งานของเครื่อง

    Crucial ระบุว่า LPCAMM2 เหมาะกับผู้ใช้สายสร้างสรรค์, นักพัฒนา AI และผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน เช่น การประชุมวิดีโอ, การตัดต่อภาพ, การเขียนเอกสาร และการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ โดยสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 15% ในงาน productivity และ 7% ในงานสร้างสรรค์ จากผลทดสอบ PCMark 10

    หน่วยความจำนี้รองรับโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่จาก Lenovo และ Dell และคาดว่าจะมีการนำไปใช้ในโน้ตบุ๊ก AI รุ่นถัดไปอย่างแพร่หลาย

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Crucial เปิดตัว LPCAMM2 หน่วยความจำ LPDDR5X สำหรับโน้ตบุ๊ก
    ความเร็วสูงสุดถึง 8,533MT/s เร็วกว่า DDR5 SODIMM ถึง 1.5 เท่า
    ลดการใช้พลังงานขณะ standby ได้ถึง 80% และขณะทำงานได้ถึง 58%
    ขนาดเล็กกว่าหน่วยความจำ DDR5 SODIMM ถึง 64%
    รองรับการอัปเกรดและเปลี่ยนแรมได้ ไม่ต้องบัดกรีติดเมนบอร์ด
    เหมาะกับงาน AI, การสร้างสรรค์, และการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน
    เพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 15% ในงาน productivity และ 7% ในงานสร้างสรรค์
    รองรับโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่จาก Lenovo และ Dell
    มีจำหน่ายแล้วผ่านช่องทางค้าปลีกและตัวแทนจำหน่ายทั่วโลก

    LPDDR5X เป็นหน่วยความจำที่ใช้ในสมาร์ตโฟนระดับเรือธง เช่น Galaxy S Ultra และ iPhone Pro
    CAMM (Compression Attached Memory Module) เป็นมาตรฐานใหม่ที่กำลังแทนที่ SODIMM
    LPCAMM2 ใช้การเชื่อมต่อแบบ dual-channel ในโมดูลเดียว เพิ่มแบนด์วิดธ์ได้เต็ม 128 บิต
    การออกแบบบางเบาและไม่มีพัดลมช่วยให้โน้ตบุ๊กมีดีไซน์ที่บางลงและเงียบขึ้น
    การอัปเกรดแรมในโน้ตบุ๊กเป็นสิ่งที่ผู้ใช้เรียกร้องมานาน หลังจากหลายรุ่นใช้แรมบัดกรีถาวร

    https://www.techpowerup.com/341496/crucial-unveils-lpcamm2-memory-with-record-8-533mt-s-performance-for-ai-ready-laptops
    🚀 “Crucial เปิดตัว LPCAMM2 แรมโน้ตบุ๊กยุคใหม่เร็วสุด 8,533MT/s — พร้อมรองรับ AI และอัปเกรดได้ในเครื่องบางเบา” Micron Technology ได้เปิดตัวหน่วยความจำ Crucial LPCAMM2 ซึ่งเป็นแรมโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ที่ใช้ LPDDR5X และมีความเร็วสูงสุดถึง 8,533MT/s ถือเป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญในวงการหน่วยความจำสำหรับโน้ตบุ๊ก โดยออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI, การประมวลผลแบบเรียลไทม์ และการใช้งานหนักในเครื่องบางเบา LPCAMM2 มีขนาดเล็กกว่าหน่วยความจำ DDR5 SODIMM ถึงครึ่งหนึ่ง แต่ให้ประสิทธิภาพสูงกว่า 1.5 เท่า และใช้พลังงานน้อยลงอย่างมาก โดยลดการใช้พลังงานขณะ standby ได้ถึง 80% และลดการใช้พลังงานขณะทำงานได้ถึง 58% ทำให้เหมาะกับโน้ตบุ๊กที่ต้องการประสิทธิภาพสูงแต่ยังคงอายุแบตเตอรี่ยาวนาน จุดเด่นอีกอย่างคือ “ความสามารถในการอัปเกรด” ซึ่งแตกต่างจาก LPDDR ที่มักถูกบัดกรีติดกับเมนบอร์ด LPCAMM2 มาในรูปแบบโมดูลที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ทำให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มความจุหรือเปลี่ยนแรมได้ในอนาคต ลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ และเพิ่มอายุการใช้งานของเครื่อง Crucial ระบุว่า LPCAMM2 เหมาะกับผู้ใช้สายสร้างสรรค์, นักพัฒนา AI และผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน เช่น การประชุมวิดีโอ, การตัดต่อภาพ, การเขียนเอกสาร และการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ โดยสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 15% ในงาน productivity และ 7% ในงานสร้างสรรค์ จากผลทดสอบ PCMark 10 หน่วยความจำนี้รองรับโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่จาก Lenovo และ Dell และคาดว่าจะมีการนำไปใช้ในโน้ตบุ๊ก AI รุ่นถัดไปอย่างแพร่หลาย ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Crucial เปิดตัว LPCAMM2 หน่วยความจำ LPDDR5X สำหรับโน้ตบุ๊ก ➡️ ความเร็วสูงสุดถึง 8,533MT/s เร็วกว่า DDR5 SODIMM ถึง 1.5 เท่า ➡️ ลดการใช้พลังงานขณะ standby ได้ถึง 80% และขณะทำงานได้ถึง 58% ➡️ ขนาดเล็กกว่าหน่วยความจำ DDR5 SODIMM ถึง 64% ➡️ รองรับการอัปเกรดและเปลี่ยนแรมได้ ไม่ต้องบัดกรีติดเมนบอร์ด ➡️ เหมาะกับงาน AI, การสร้างสรรค์, และการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 15% ในงาน productivity และ 7% ในงานสร้างสรรค์ ➡️ รองรับโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่จาก Lenovo และ Dell ➡️ มีจำหน่ายแล้วผ่านช่องทางค้าปลีกและตัวแทนจำหน่ายทั่วโลก ➡️ LPDDR5X เป็นหน่วยความจำที่ใช้ในสมาร์ตโฟนระดับเรือธง เช่น Galaxy S Ultra และ iPhone Pro ➡️ CAMM (Compression Attached Memory Module) เป็นมาตรฐานใหม่ที่กำลังแทนที่ SODIMM ➡️ LPCAMM2 ใช้การเชื่อมต่อแบบ dual-channel ในโมดูลเดียว เพิ่มแบนด์วิดธ์ได้เต็ม 128 บิต ➡️ การออกแบบบางเบาและไม่มีพัดลมช่วยให้โน้ตบุ๊กมีดีไซน์ที่บางลงและเงียบขึ้น ➡️ การอัปเกรดแรมในโน้ตบุ๊กเป็นสิ่งที่ผู้ใช้เรียกร้องมานาน หลังจากหลายรุ่นใช้แรมบัดกรีถาวร https://www.techpowerup.com/341496/crucial-unveils-lpcamm2-memory-with-record-8-533mt-s-performance-for-ai-ready-laptops
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Crucial Unveils LPCAMM2 Memory with Record 8,533MT/s Performance for AI-Ready Laptops
    Micron Technology is pushing the boundaries of laptop performance with higher speeds for Crucial LPCAMM2 memory, now reaching up to 8,533 megatransfers per second (MT/s). This latest enhancement brings even more performance to Crucial's standards-based compact memory module, purpose-built to allow e...
    0 Comments 0 Shares 151 Views 0 Reviews
  • “บั๊ก Windows 11 ที่ทำให้ Intel รุ่น 11th Gen อัปเดตไม่ได้ ถูกแก้แล้ว — แต่ใช้เวลาถึง 1 ปีเต็ม”

    ใครที่ใช้คอมพิวเตอร์ Intel รุ่น 11th Gen แล้วพยายามอัปเดตเป็น Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 แต่ติดปัญหาไม่สามารถอัปเดตได้เสียที ตอนนี้ข่าวดีมาแล้ว — Microsoft ประกาศว่าได้ปลดล็อกการอัปเดตให้กับเครื่องที่เคยถูก “compatibility hold” หลังจากที่ Intel แก้ไขปัญหาไดรเวอร์เสียง Smart Sound Technology (SST) ที่เป็นต้นเหตุของบั๊กนี้เรียบร้อยแล้ว

    ปัญหานี้เริ่มต้นตั้งแต่เดือนกันยายน 2024 และส่งผลให้เครื่องที่ใช้ชิป Rocket Lake หรือ Tiger Lake ไม่สามารถอัปเดตได้ เพราะไดรเวอร์ SST รุ่นเก่าอาจทำให้เกิด Blue Screen of Death (หรือในเวอร์ชันใหม่คือ Black Screen) เมื่อพยายามติดตั้งเวอร์ชัน 24H2

    Microsoft ไม่สามารถแก้ไขได้เอง เพราะเป็นปัญหาที่อยู่ฝั่ง Intel จึงต้องรอให้ Intel ปล่อยไดรเวอร์เวอร์ชันใหม่ ซึ่งกว่าจะออกมาก็ใช้เวลาถึงหนึ่งปีเต็ม โดยเวอร์ชันที่ปลอดภัยคือ 10.30.00.5714 หรือ 10.29.00.5714 ขึ้นไป

    ผู้ใช้สามารถตรวจสอบและติดตั้งไดรเวอร์ใหม่ผ่าน Windows Update และหลังจากนั้นจึงตรวจสอบอีกครั้งเพื่อรับอัปเดต Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 ซึ่งอาจใช้เวลาระบบในการตรวจจับการเปลี่ยนแปลงประมาณ 48 ชั่วโมง

    น่าสนใจคือ ปัญหานี้เคยเกิดมาแล้วในเวอร์ชัน 22H2 และ 21H2 เมื่อปี 2022 ซึ่งหมายความว่า Intel SST เคยเป็นจุดอ่อนซ้ำซาก และการแก้ไขครั้งนี้จึงเป็นความหวังว่าจะไม่เกิดซ้ำอีกในเวอร์ชัน 25H2 ที่กำลังจะมาในปลายปีนี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    บั๊กใน Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 เกิดจากไดรเวอร์ Intel Smart Sound Technology (SST) รุ่นเก่า
    ส่งผลให้เครื่องที่ใช้ Intel 11th Gen (Rocket Lake, Tiger Lake) ไม่สามารถอัปเดตได้
    Microsoft ใช้ “compatibility hold” เพื่อบล็อกการอัปเดตในเครื่องที่มีไดรเวอร์ที่มีปัญหา
    Intel ใช้เวลาหนึ่งปีในการแก้ไขและปล่อยไดรเวอร์เวอร์ชันใหม่
    ไดรเวอร์ที่ปลอดภัยคือเวอร์ชัน 10.30.00.5714 หรือ 10.29.00.5714 ขึ้นไป
    Microsoft ประกาศปลดล็อกการอัปเดตเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2025
    ผู้ใช้สามารถติดตั้งไดรเวอร์ผ่าน Windows Update และรอประมาณ 48 ชั่วโมงเพื่อรับอัปเดต
    ปัญหานี้เคยเกิดในเวอร์ชัน 22H2 และ 21H2 เมื่อปี 2022

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Intel SST เป็นระบบควบคุมเสียงที่ฝังอยู่ในหลายรุ่นของชิป Intel เพื่อจัดการไมโครโฟนและลำโพง
    Compatibility hold เป็นมาตรการของ Microsoft เพื่อป้องกันการอัปเดตที่อาจทำให้ระบบพัง
    Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 เป็นอัปเดตใหญ่ที่รวมฟีเจอร์ใหม่ เช่น AI integration และระบบประหยัดพลังงาน
    ผู้ใช้ Intel 11th Gen ยังมีอยู่มากถึง 10–15% ของผู้ใช้ Windows ทั่วโลก
    การอัปเดตไดรเวอร์เสียงมีผลต่อการใช้งาน Windows Hello และแอปที่ใช้ไมโครโฟน

    https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11-bug-that-stopped-some-intel-pcs-from-getting-the-24h2-update-is-fixed-but-it-took-a-whole-year
    🧩 “บั๊ก Windows 11 ที่ทำให้ Intel รุ่น 11th Gen อัปเดตไม่ได้ ถูกแก้แล้ว — แต่ใช้เวลาถึง 1 ปีเต็ม” ใครที่ใช้คอมพิวเตอร์ Intel รุ่น 11th Gen แล้วพยายามอัปเดตเป็น Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 แต่ติดปัญหาไม่สามารถอัปเดตได้เสียที ตอนนี้ข่าวดีมาแล้ว — Microsoft ประกาศว่าได้ปลดล็อกการอัปเดตให้กับเครื่องที่เคยถูก “compatibility hold” หลังจากที่ Intel แก้ไขปัญหาไดรเวอร์เสียง Smart Sound Technology (SST) ที่เป็นต้นเหตุของบั๊กนี้เรียบร้อยแล้ว ปัญหานี้เริ่มต้นตั้งแต่เดือนกันยายน 2024 และส่งผลให้เครื่องที่ใช้ชิป Rocket Lake หรือ Tiger Lake ไม่สามารถอัปเดตได้ เพราะไดรเวอร์ SST รุ่นเก่าอาจทำให้เกิด Blue Screen of Death (หรือในเวอร์ชันใหม่คือ Black Screen) เมื่อพยายามติดตั้งเวอร์ชัน 24H2 Microsoft ไม่สามารถแก้ไขได้เอง เพราะเป็นปัญหาที่อยู่ฝั่ง Intel จึงต้องรอให้ Intel ปล่อยไดรเวอร์เวอร์ชันใหม่ ซึ่งกว่าจะออกมาก็ใช้เวลาถึงหนึ่งปีเต็ม โดยเวอร์ชันที่ปลอดภัยคือ 10.30.00.5714 หรือ 10.29.00.5714 ขึ้นไป ผู้ใช้สามารถตรวจสอบและติดตั้งไดรเวอร์ใหม่ผ่าน Windows Update และหลังจากนั้นจึงตรวจสอบอีกครั้งเพื่อรับอัปเดต Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 ซึ่งอาจใช้เวลาระบบในการตรวจจับการเปลี่ยนแปลงประมาณ 48 ชั่วโมง น่าสนใจคือ ปัญหานี้เคยเกิดมาแล้วในเวอร์ชัน 22H2 และ 21H2 เมื่อปี 2022 ซึ่งหมายความว่า Intel SST เคยเป็นจุดอ่อนซ้ำซาก และการแก้ไขครั้งนี้จึงเป็นความหวังว่าจะไม่เกิดซ้ำอีกในเวอร์ชัน 25H2 ที่กำลังจะมาในปลายปีนี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ บั๊กใน Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 เกิดจากไดรเวอร์ Intel Smart Sound Technology (SST) รุ่นเก่า ➡️ ส่งผลให้เครื่องที่ใช้ Intel 11th Gen (Rocket Lake, Tiger Lake) ไม่สามารถอัปเดตได้ ➡️ Microsoft ใช้ “compatibility hold” เพื่อบล็อกการอัปเดตในเครื่องที่มีไดรเวอร์ที่มีปัญหา ➡️ Intel ใช้เวลาหนึ่งปีในการแก้ไขและปล่อยไดรเวอร์เวอร์ชันใหม่ ➡️ ไดรเวอร์ที่ปลอดภัยคือเวอร์ชัน 10.30.00.5714 หรือ 10.29.00.5714 ขึ้นไป ➡️ Microsoft ประกาศปลดล็อกการอัปเดตเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2025 ➡️ ผู้ใช้สามารถติดตั้งไดรเวอร์ผ่าน Windows Update และรอประมาณ 48 ชั่วโมงเพื่อรับอัปเดต ➡️ ปัญหานี้เคยเกิดในเวอร์ชัน 22H2 และ 21H2 เมื่อปี 2022 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Intel SST เป็นระบบควบคุมเสียงที่ฝังอยู่ในหลายรุ่นของชิป Intel เพื่อจัดการไมโครโฟนและลำโพง ➡️ Compatibility hold เป็นมาตรการของ Microsoft เพื่อป้องกันการอัปเดตที่อาจทำให้ระบบพัง ➡️ Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 เป็นอัปเดตใหญ่ที่รวมฟีเจอร์ใหม่ เช่น AI integration และระบบประหยัดพลังงาน ➡️ ผู้ใช้ Intel 11th Gen ยังมีอยู่มากถึง 10–15% ของผู้ใช้ Windows ทั่วโลก ➡️ การอัปเดตไดรเวอร์เสียงมีผลต่อการใช้งาน Windows Hello และแอปที่ใช้ไมโครโฟน https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11-bug-that-stopped-some-intel-pcs-from-getting-the-24h2-update-is-fixed-but-it-took-a-whole-year
    0 Comments 0 Shares 152 Views 0 Reviews
  • “5 เหตุผลที่ควรย้ายจาก Windows 11 ไปใช้ Linux — เมื่อเสรีภาพ ความเร็ว และความเป็นส่วนตัวกลายเป็นสิ่งจำเป็น”

    Jorge Aguilar นักเขียนสายเทคโนโลยีจาก SlashGear ได้แชร์ประสบการณ์ส่วนตัวในการเปลี่ยนจาก Windows 11 ไปใช้ Linux หลังจากพบว่าระบบปฏิบัติการของ Microsoft นั้นเต็มไปด้วยปัญหา เช่น การอัปเดตที่ไม่สิ้นสุด, การทำงานช้า, และการเก็บข้อมูลผู้ใช้โดยไม่โปร่งใส

    เขาเริ่มต้นจากความต้องการระบบที่เบา ไม่กินทรัพยากร และไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ซ้ำซ้อน จนพบว่า Linux ตอบโจทย์ทุกข้อ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานบนเครื่องเก่า, การควบคุมความเป็นส่วนตัว, หรือการปรับแต่งหน้าตาและฟังก์ชันได้อย่างอิสระ

    Linux ไม่ติดตั้งแอปขยะหรือโฆษณาแบบที่ Windows มักแถมมา เช่น McAfee, Xbox, หรือ Edge และไม่มีการย้อนกลับการตั้งค่าด้วยการอัปเดตบังคับเหมือนที่ Microsoft ทำกับผู้ใช้ทั่วไป

    นอกจากนี้ Linux ยังสามารถทำให้เครื่องเก่ากลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง ด้วยดิสโทรเบา ๆ อย่าง Lubuntu, MX Linux หรือ Linux Mint ที่สามารถรันได้ลื่นแม้มี RAM เพียง 4 GB

    ในด้านความเป็นส่วนตัว Linux ไม่มีระบบเก็บข้อมูลผู้ใช้แบบ Windows Recall ที่ถ่ายภาพหน้าจอโดยอัตโนมัติ และเนื่องจากเป็นโอเพ่นซอร์ส ผู้ใช้สามารถตรวจสอบโค้ดได้เองว่าไม่มีการฝัง backdoor หรือระบบติดตามใด ๆ

    สุดท้ายคือเรื่องการปรับแต่ง — Linux เปิดให้ผู้ใช้เปลี่ยนทุกอย่างตั้งแต่ธีม, ฟอนต์, dock, ไปจนถึงการแก้ไข CSS หรือ source code ของเคอร์เนลเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ Windows ไม่เคยเปิดให้ทำอย่างเต็มที่

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Linux ไม่มี bloatware หรือแอปขยะที่ติดมากับระบบ
    Windows ใช้ RAM มากกว่า 3 GB แม้ไม่ได้เปิดแอปใด ๆ
    การลบแอปหรือ telemetry ใน Windows มักถูกย้อนกลับด้วยอัปเดตบังคับ
    Linux เหมาะกับเครื่องเก่า เช่น เครื่องที่ไม่รองรับ Windows 11
    ดิสโทรเบา ๆ เช่น Lubuntu, MX Linux, Linux Mint รันได้ดีแม้มี RAM ต่ำ
    Linux ไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ และไม่มี watermark หากไม่ได้ใส่ key
    Windows 11 Home ราคา $139 ส่วน Pro ราคา $199
    Linux ไม่มีระบบเก็บข้อมูลผู้ใช้แบบ Windows Recall
    ผู้ใช้สามารถปรับแต่งหน้าตาและฟังก์ชันของ Linux ได้อย่างเต็มที่
    Desktop environment ของ Linux เช่น KDE, GNOME, XFCE สามารถเปลี่ยนได้ตามต้องการ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Linux ถูกใช้ในเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกเพราะมีประสิทธิภาพสูงและเสถียร
    Windows Recall ถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องการละเมิดความเป็นส่วนตัว
    Linux มีระบบเข้ารหัสดิสก์ที่ผู้ใช้ควบคุมได้เอง
    ดิสโทรอย่าง Tails และ Qubes ถูกออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยระดับสูง
    Linux มีชุมชนผู้ใช้และนักพัฒนาที่ช่วยกันแก้ไขปัญหาและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

    https://www.slashgear.com/1979066/reasons-why-should-use-linux-instead-of-windows/
    🧠 “5 เหตุผลที่ควรย้ายจาก Windows 11 ไปใช้ Linux — เมื่อเสรีภาพ ความเร็ว และความเป็นส่วนตัวกลายเป็นสิ่งจำเป็น” Jorge Aguilar นักเขียนสายเทคโนโลยีจาก SlashGear ได้แชร์ประสบการณ์ส่วนตัวในการเปลี่ยนจาก Windows 11 ไปใช้ Linux หลังจากพบว่าระบบปฏิบัติการของ Microsoft นั้นเต็มไปด้วยปัญหา เช่น การอัปเดตที่ไม่สิ้นสุด, การทำงานช้า, และการเก็บข้อมูลผู้ใช้โดยไม่โปร่งใส เขาเริ่มต้นจากความต้องการระบบที่เบา ไม่กินทรัพยากร และไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ซ้ำซ้อน จนพบว่า Linux ตอบโจทย์ทุกข้อ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานบนเครื่องเก่า, การควบคุมความเป็นส่วนตัว, หรือการปรับแต่งหน้าตาและฟังก์ชันได้อย่างอิสระ Linux ไม่ติดตั้งแอปขยะหรือโฆษณาแบบที่ Windows มักแถมมา เช่น McAfee, Xbox, หรือ Edge และไม่มีการย้อนกลับการตั้งค่าด้วยการอัปเดตบังคับเหมือนที่ Microsoft ทำกับผู้ใช้ทั่วไป นอกจากนี้ Linux ยังสามารถทำให้เครื่องเก่ากลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง ด้วยดิสโทรเบา ๆ อย่าง Lubuntu, MX Linux หรือ Linux Mint ที่สามารถรันได้ลื่นแม้มี RAM เพียง 4 GB ในด้านความเป็นส่วนตัว Linux ไม่มีระบบเก็บข้อมูลผู้ใช้แบบ Windows Recall ที่ถ่ายภาพหน้าจอโดยอัตโนมัติ และเนื่องจากเป็นโอเพ่นซอร์ส ผู้ใช้สามารถตรวจสอบโค้ดได้เองว่าไม่มีการฝัง backdoor หรือระบบติดตามใด ๆ สุดท้ายคือเรื่องการปรับแต่ง — Linux เปิดให้ผู้ใช้เปลี่ยนทุกอย่างตั้งแต่ธีม, ฟอนต์, dock, ไปจนถึงการแก้ไข CSS หรือ source code ของเคอร์เนลเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ Windows ไม่เคยเปิดให้ทำอย่างเต็มที่ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Linux ไม่มี bloatware หรือแอปขยะที่ติดมากับระบบ ➡️ Windows ใช้ RAM มากกว่า 3 GB แม้ไม่ได้เปิดแอปใด ๆ ➡️ การลบแอปหรือ telemetry ใน Windows มักถูกย้อนกลับด้วยอัปเดตบังคับ ➡️ Linux เหมาะกับเครื่องเก่า เช่น เครื่องที่ไม่รองรับ Windows 11 ➡️ ดิสโทรเบา ๆ เช่น Lubuntu, MX Linux, Linux Mint รันได้ดีแม้มี RAM ต่ำ ➡️ Linux ไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ และไม่มี watermark หากไม่ได้ใส่ key ➡️ Windows 11 Home ราคา $139 ส่วน Pro ราคา $199 ➡️ Linux ไม่มีระบบเก็บข้อมูลผู้ใช้แบบ Windows Recall ➡️ ผู้ใช้สามารถปรับแต่งหน้าตาและฟังก์ชันของ Linux ได้อย่างเต็มที่ ➡️ Desktop environment ของ Linux เช่น KDE, GNOME, XFCE สามารถเปลี่ยนได้ตามต้องการ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Linux ถูกใช้ในเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกเพราะมีประสิทธิภาพสูงและเสถียร ➡️ Windows Recall ถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องการละเมิดความเป็นส่วนตัว ➡️ Linux มีระบบเข้ารหัสดิสก์ที่ผู้ใช้ควบคุมได้เอง ➡️ ดิสโทรอย่าง Tails และ Qubes ถูกออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยระดับสูง ➡️ Linux มีชุมชนผู้ใช้และนักพัฒนาที่ช่วยกันแก้ไขปัญหาและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง https://www.slashgear.com/1979066/reasons-why-should-use-linux-instead-of-windows/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Reasons You Should Move To Linux Instead Of Windows 11 - SlashGear
    With support for Windows 10 ending in late 2025, you might be thinking of updating to Windows 11, but you'd be missing on all that Linux has to offer.
    0 Comments 0 Shares 135 Views 0 Reviews
  • “ติดตั้ง Microsoft Teams แล้วโดนแฮก? — มัลแวร์ Oyster แฝงมากับไฟล์ปลอมจากเว็บหลอกที่ขึ้นอันดับใน Google”

    ใครที่กำลังจะดาวน์โหลด Microsoft Teams ต้องระวังให้ดี เพราะตอนนี้มีแคมเปญมัลแวร์ใหม่ที่ใช้เทคนิค “SEO poisoning” และ “malvertising” เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้งปลอมที่แฝงมัลแวร์ชื่อ Oyster ซึ่งเป็น backdoor ที่เปิดช่องให้แฮกเกอร์เข้าถึงเครื่องของเหยื่อได้เต็มรูปแบบ

    เว็บไซต์ปลอมที่ใช้ชื่อว่า teams-install[.]top ถูกออกแบบให้เหมือนกับเว็บจริงของ Microsoft ทั้งสี ฟอนต์ และโครงสร้าง โดยเมื่อผู้ใช้ค้นหาคำว่า “Teams download” ใน Google หรือ Bing เว็บไซต์ปลอมนี้จะขึ้นมาอยู่ด้านบนของผลการค้นหา หรือแม้แต่ในโฆษณา ทำให้หลายคนเข้าใจผิดและคลิกเข้าไปดาวน์โหลดไฟล์ชื่อ MSTeamsSetup.exe ซึ่งดูเหมือนของจริงทุกประการ

    เมื่อเปิดไฟล์ดังกล่าว มัลแวร์ Oyster จะถูกติดตั้งลงในเครื่องทันที โดยแฝงตัวใน DLL ชื่อ CaptureService.dll และสร้าง scheduled task ให้รันทุก 11 นาที เพื่อให้ backdoor ทำงานต่อเนื่องแม้จะรีสตาร์ทเครื่องก็ตาม

    ที่น่ากังวลคือไฟล์นี้ถูกเซ็นด้วยใบรับรองดิจิทัลจากบริษัทที่ดูเหมือนถูกต้อง เช่น “KUTTANADAN CREATIONS INC.” และ “NRM NETWORK RISK MANAGEMENT INC.” ซึ่งช่วยให้ระบบป้องกันไวรัสบางตัวไม่ตรวจพบ และทำให้ผู้ใช้เชื่อว่าไฟล์นั้นปลอดภัย

    มัลแวร์ Oyster เคยถูกใช้ในแคมเปญโจมตีองค์กรมาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะในกลุ่ม ransomware เช่น Rhysida และยังสามารถใช้เพื่อขโมยข้อมูล, ติดตั้งมัลแวร์เพิ่มเติม, หรือเจาะระบบเครือข่ายองค์กรได้อีกด้วย

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    พบเว็บไซต์ปลอม teams-install[.]top ที่หลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลด Microsoft Teams ปลอม
    ไฟล์ปลอมชื่อ MSTeamsSetup.exe แฝงมัลแวร์ Oyster ซึ่งเป็น backdoor
    มัลแวร์จะติดตั้ง DLL ชื่อ CaptureService.dll และสร้าง scheduled task ให้รันทุก 11 นาที
    ใช้เทคนิค SEO poisoning และ malvertising เพื่อให้เว็บปลอมขึ้นอันดับในผลการค้นหา
    ไฟล์ถูกเซ็นด้วยใบรับรองดิจิทัลจากบริษัทที่ดูเหมือนถูกต้อง เพื่อหลบการตรวจจับ
    Oyster เคยถูกใช้ในแคมเปญ ransomware เช่น Rhysida และสามารถขโมยข้อมูลหรือเจาะระบบได้
    Microsoft Defender ตรวจพบและบล็อกการเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) ของมัลแวร์
    ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้พิมพ์ URL โดยตรงหรือใช้ bookmark แทนการค้นหาผ่าน search engine

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SEO poisoning คือการปรับแต่งเว็บหลอกให้ขึ้นอันดับในผลการค้นหาเพื่อหลอกผู้ใช้
    Malvertising คือการใช้โฆษณาหลอกลวงเพื่อกระจายมัลแวร์
    ใบรับรองดิจิทัลที่มีอายุสั้น (2 วัน) ช่วยให้แฮกเกอร์หลบการตรวจสอบและการยกเลิกใบรับรอง
    Oyster มีชื่ออื่นว่า Broomstick หรือ CleanUpLoader และเป็นมัลแวร์แบบ modular
    การโจมตีลักษณะนี้เคยเกิดกับโปรแกรมอื่น เช่น PuTTY และ WinSCP โดยใช้วิธีคล้ายกัน

    https://www.techradar.com/pro/security/look-out-these-fake-microsoft-teams-installers-are-just-spreading-dangerous-malware
    🛑 “ติดตั้ง Microsoft Teams แล้วโดนแฮก? — มัลแวร์ Oyster แฝงมากับไฟล์ปลอมจากเว็บหลอกที่ขึ้นอันดับใน Google” ใครที่กำลังจะดาวน์โหลด Microsoft Teams ต้องระวังให้ดี เพราะตอนนี้มีแคมเปญมัลแวร์ใหม่ที่ใช้เทคนิค “SEO poisoning” และ “malvertising” เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้งปลอมที่แฝงมัลแวร์ชื่อ Oyster ซึ่งเป็น backdoor ที่เปิดช่องให้แฮกเกอร์เข้าถึงเครื่องของเหยื่อได้เต็มรูปแบบ เว็บไซต์ปลอมที่ใช้ชื่อว่า teams-install[.]top ถูกออกแบบให้เหมือนกับเว็บจริงของ Microsoft ทั้งสี ฟอนต์ และโครงสร้าง โดยเมื่อผู้ใช้ค้นหาคำว่า “Teams download” ใน Google หรือ Bing เว็บไซต์ปลอมนี้จะขึ้นมาอยู่ด้านบนของผลการค้นหา หรือแม้แต่ในโฆษณา ทำให้หลายคนเข้าใจผิดและคลิกเข้าไปดาวน์โหลดไฟล์ชื่อ MSTeamsSetup.exe ซึ่งดูเหมือนของจริงทุกประการ เมื่อเปิดไฟล์ดังกล่าว มัลแวร์ Oyster จะถูกติดตั้งลงในเครื่องทันที โดยแฝงตัวใน DLL ชื่อ CaptureService.dll และสร้าง scheduled task ให้รันทุก 11 นาที เพื่อให้ backdoor ทำงานต่อเนื่องแม้จะรีสตาร์ทเครื่องก็ตาม ที่น่ากังวลคือไฟล์นี้ถูกเซ็นด้วยใบรับรองดิจิทัลจากบริษัทที่ดูเหมือนถูกต้อง เช่น “KUTTANADAN CREATIONS INC.” และ “NRM NETWORK RISK MANAGEMENT INC.” ซึ่งช่วยให้ระบบป้องกันไวรัสบางตัวไม่ตรวจพบ และทำให้ผู้ใช้เชื่อว่าไฟล์นั้นปลอดภัย มัลแวร์ Oyster เคยถูกใช้ในแคมเปญโจมตีองค์กรมาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะในกลุ่ม ransomware เช่น Rhysida และยังสามารถใช้เพื่อขโมยข้อมูล, ติดตั้งมัลแวร์เพิ่มเติม, หรือเจาะระบบเครือข่ายองค์กรได้อีกด้วย ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ พบเว็บไซต์ปลอม teams-install[.]top ที่หลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลด Microsoft Teams ปลอม ➡️ ไฟล์ปลอมชื่อ MSTeamsSetup.exe แฝงมัลแวร์ Oyster ซึ่งเป็น backdoor ➡️ มัลแวร์จะติดตั้ง DLL ชื่อ CaptureService.dll และสร้าง scheduled task ให้รันทุก 11 นาที ➡️ ใช้เทคนิค SEO poisoning และ malvertising เพื่อให้เว็บปลอมขึ้นอันดับในผลการค้นหา ➡️ ไฟล์ถูกเซ็นด้วยใบรับรองดิจิทัลจากบริษัทที่ดูเหมือนถูกต้อง เพื่อหลบการตรวจจับ ➡️ Oyster เคยถูกใช้ในแคมเปญ ransomware เช่น Rhysida และสามารถขโมยข้อมูลหรือเจาะระบบได้ ➡️ Microsoft Defender ตรวจพบและบล็อกการเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) ของมัลแวร์ ➡️ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้พิมพ์ URL โดยตรงหรือใช้ bookmark แทนการค้นหาผ่าน search engine ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SEO poisoning คือการปรับแต่งเว็บหลอกให้ขึ้นอันดับในผลการค้นหาเพื่อหลอกผู้ใช้ ➡️ Malvertising คือการใช้โฆษณาหลอกลวงเพื่อกระจายมัลแวร์ ➡️ ใบรับรองดิจิทัลที่มีอายุสั้น (2 วัน) ช่วยให้แฮกเกอร์หลบการตรวจสอบและการยกเลิกใบรับรอง ➡️ Oyster มีชื่ออื่นว่า Broomstick หรือ CleanUpLoader และเป็นมัลแวร์แบบ modular ➡️ การโจมตีลักษณะนี้เคยเกิดกับโปรแกรมอื่น เช่น PuTTY และ WinSCP โดยใช้วิธีคล้ายกัน https://www.techradar.com/pro/security/look-out-these-fake-microsoft-teams-installers-are-just-spreading-dangerous-malware
    0 Comments 0 Shares 182 Views 0 Reviews
  • “Yantar: เรือสอดแนมรัสเซียที่กำลัง ‘เดินสาย’ ใต้ทะเลยุโรป — เมื่อสายเคเบิลกลายเป็นสมรภูมิใหม่ของสงครามเงียบ”

    รายงานล่าสุดจาก Financial Times และหน่วยงานความมั่นคงยุโรปเปิดเผยว่า เรือ Yantar ของรัสเซีย ซึ่งถูกระบุว่าเป็น “เรือสอดแนมทางทหาร” ได้ถูกติดตามขณะเคลื่อนที่อย่างลับ ๆ ตามแนวสายเคเบิลใต้น้ำที่เชื่อมโยงประเทศ NATO ทั่วชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกของยุโรป โดยมีเป้าหมายเพื่อ “ทำแผนที่” และอาจ “สกัดกั้น” การสื่อสารที่สำคัญของพันธมิตร NATO

    Yantar ถูกระบุว่าออกเดินทางจากคาบสมุทร Kola ของรัสเซียตั้งแต่ปลายปี 2024 โดยปลอมตัวเป็นเรือพลเรือน แต่ติดตั้งอุปกรณ์สอดแนมเต็มรูปแบบ เช่น ระบบเรดาร์, แขนกลใต้น้ำ, และยานดำน้ำไร้คนขับ ซึ่งสามารถเข้าถึงสายเคเบิลที่อยู่ลึกถึง 6,000 เมตร

    เรือถูกพบในหลายจุดสำคัญ เช่น ทะเลไอริช, ช่องแคบอังกฤษ, และระหว่างนอร์เวย์กับหมู่เกาะ Svalbard ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ในอาร์กติก โดยมีการเคลื่อนไหวที่พยายามหลบเลี่ยงการตรวจจับ เช่น ไม่ส่งสัญญาณตำแหน่ง และเคลื่อนที่ช้าเหนือสายเคเบิลโดยตรง

    ข้อมูลจากดาวเทียม Sentinel-1 ของ ESA แสดงให้เห็นว่า Yantar เคลื่อนตัวอย่างมีเป้าหมาย และมีการหยุดตามจุดที่ตรงกับตำแหน่งสายเคเบิลพลังงาน, อินเทอร์เน็ต, และระบบสื่อสารทางทหาร เช่น Integrated Undersea Surveillance System ที่ใช้ติดตามเรือดำน้ำของศัตรู

    ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากรัสเซียต้องการโจมตีแบบ “สงครามลูกผสม” การตัดสายเคเบิลเหล่านี้อาจทำให้ประเทศตะวันตก “มืดสนิท” ทั้งในด้านพลังงาน, การเงิน, และการสื่อสาร โดยเฉพาะในช่วงที่ความตึงเครียดกับยูเครนและ NATO ยังคงสูงขึ้น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    เรือ Yantar ของรัสเซียถูกติดตามขณะเคลื่อนที่ตามแนวสายเคเบิลใต้น้ำของ NATO
    เรือถูกระบุว่าเป็นเรือสอดแนมทางทหารที่ติดตั้งอุปกรณ์สอดแนมเต็มรูปแบบ
    จุดที่พบเรือ ได้แก่ ทะเลไอริช, ช่องแคบอังกฤษ, และระหว่างนอร์เวย์กับ Svalbard
    ใช้ดาวเทียม Sentinel-1 ของ ESA ในการติดตามตำแหน่งเรือ
    เรือสามารถปล่อยยานใต้น้ำและแขนกลเพื่อเข้าถึงสายเคเบิลลึกถึง 6,000 เมตร
    เป้าหมายคือการทำแผนที่และอาจสกัดกั้นการสื่อสารของ NATO
    สายเคเบิลที่ถูกติดตามรวมถึงระบบติดตามเรือดำน้ำ Integrated Undersea Surveillance System
    รัฐบาลอังกฤษและ NATO เริ่มพัฒนาเทคโนโลยีป้องกัน เช่น หุ่นยนต์ใต้น้ำและโดรนตรวจการณ์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    สายเคเบิลใต้น้ำส่งข้อมูลกว่า 95% ของการสื่อสารทั่วโลก และรองรับธุรกรรมการเงินกว่า $10 ล้านล้านต่อวัน
    รัสเซียมีหน่วยงานลับชื่อ GUGI ที่ดูแลเรือ Yantar และยานใต้น้ำกว่า 50 ลำ
    การตัดสายเคเบิลเคยเกิดขึ้นจริง เช่น กรณีสายเคเบิลระหว่างฟินแลนด์และสวีเดนถูกตัดในปี 2024
    สายเคเบิลบางเส้นมีความลับสูง เช่น เส้นที่ใช้ติดตามเรือดำน้ำของศัตรู
    ประเทศในยุโรปเริ่มใช้โดรนอัตโนมัติเพื่อตรวจสอบและป้องกันการโจมตีใต้น้ำ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/moscow-military-spy-ship-tracked-mapping-and-surveilling-nato-undersea-cables-shes-following-cable-lines-and-pipelines-making-stops-we-are-monitoring-her-very-closely
    🌊 “Yantar: เรือสอดแนมรัสเซียที่กำลัง ‘เดินสาย’ ใต้ทะเลยุโรป — เมื่อสายเคเบิลกลายเป็นสมรภูมิใหม่ของสงครามเงียบ” รายงานล่าสุดจาก Financial Times และหน่วยงานความมั่นคงยุโรปเปิดเผยว่า เรือ Yantar ของรัสเซีย ซึ่งถูกระบุว่าเป็น “เรือสอดแนมทางทหาร” ได้ถูกติดตามขณะเคลื่อนที่อย่างลับ ๆ ตามแนวสายเคเบิลใต้น้ำที่เชื่อมโยงประเทศ NATO ทั่วชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกของยุโรป โดยมีเป้าหมายเพื่อ “ทำแผนที่” และอาจ “สกัดกั้น” การสื่อสารที่สำคัญของพันธมิตร NATO Yantar ถูกระบุว่าออกเดินทางจากคาบสมุทร Kola ของรัสเซียตั้งแต่ปลายปี 2024 โดยปลอมตัวเป็นเรือพลเรือน แต่ติดตั้งอุปกรณ์สอดแนมเต็มรูปแบบ เช่น ระบบเรดาร์, แขนกลใต้น้ำ, และยานดำน้ำไร้คนขับ ซึ่งสามารถเข้าถึงสายเคเบิลที่อยู่ลึกถึง 6,000 เมตร เรือถูกพบในหลายจุดสำคัญ เช่น ทะเลไอริช, ช่องแคบอังกฤษ, และระหว่างนอร์เวย์กับหมู่เกาะ Svalbard ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ในอาร์กติก โดยมีการเคลื่อนไหวที่พยายามหลบเลี่ยงการตรวจจับ เช่น ไม่ส่งสัญญาณตำแหน่ง และเคลื่อนที่ช้าเหนือสายเคเบิลโดยตรง ข้อมูลจากดาวเทียม Sentinel-1 ของ ESA แสดงให้เห็นว่า Yantar เคลื่อนตัวอย่างมีเป้าหมาย และมีการหยุดตามจุดที่ตรงกับตำแหน่งสายเคเบิลพลังงาน, อินเทอร์เน็ต, และระบบสื่อสารทางทหาร เช่น Integrated Undersea Surveillance System ที่ใช้ติดตามเรือดำน้ำของศัตรู ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากรัสเซียต้องการโจมตีแบบ “สงครามลูกผสม” การตัดสายเคเบิลเหล่านี้อาจทำให้ประเทศตะวันตก “มืดสนิท” ทั้งในด้านพลังงาน, การเงิน, และการสื่อสาร โดยเฉพาะในช่วงที่ความตึงเครียดกับยูเครนและ NATO ยังคงสูงขึ้น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ เรือ Yantar ของรัสเซียถูกติดตามขณะเคลื่อนที่ตามแนวสายเคเบิลใต้น้ำของ NATO ➡️ เรือถูกระบุว่าเป็นเรือสอดแนมทางทหารที่ติดตั้งอุปกรณ์สอดแนมเต็มรูปแบบ ➡️ จุดที่พบเรือ ได้แก่ ทะเลไอริช, ช่องแคบอังกฤษ, และระหว่างนอร์เวย์กับ Svalbard ➡️ ใช้ดาวเทียม Sentinel-1 ของ ESA ในการติดตามตำแหน่งเรือ ➡️ เรือสามารถปล่อยยานใต้น้ำและแขนกลเพื่อเข้าถึงสายเคเบิลลึกถึง 6,000 เมตร ➡️ เป้าหมายคือการทำแผนที่และอาจสกัดกั้นการสื่อสารของ NATO ➡️ สายเคเบิลที่ถูกติดตามรวมถึงระบบติดตามเรือดำน้ำ Integrated Undersea Surveillance System ➡️ รัฐบาลอังกฤษและ NATO เริ่มพัฒนาเทคโนโลยีป้องกัน เช่น หุ่นยนต์ใต้น้ำและโดรนตรวจการณ์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ สายเคเบิลใต้น้ำส่งข้อมูลกว่า 95% ของการสื่อสารทั่วโลก และรองรับธุรกรรมการเงินกว่า $10 ล้านล้านต่อวัน ➡️ รัสเซียมีหน่วยงานลับชื่อ GUGI ที่ดูแลเรือ Yantar และยานใต้น้ำกว่า 50 ลำ ➡️ การตัดสายเคเบิลเคยเกิดขึ้นจริง เช่น กรณีสายเคเบิลระหว่างฟินแลนด์และสวีเดนถูกตัดในปี 2024 ➡️ สายเคเบิลบางเส้นมีความลับสูง เช่น เส้นที่ใช้ติดตามเรือดำน้ำของศัตรู ➡️ ประเทศในยุโรปเริ่มใช้โดรนอัตโนมัติเพื่อตรวจสอบและป้องกันการโจมตีใต้น้ำ https://www.tomshardware.com/tech-industry/moscow-military-spy-ship-tracked-mapping-and-surveilling-nato-undersea-cables-shes-following-cable-lines-and-pipelines-making-stops-we-are-monitoring-her-very-closely
    0 Comments 0 Shares 191 Views 0 Reviews
  • “Snapdragon X2 Elite Extreme: ชิปโน้ตบุ๊กที่แรงที่สุดของ Qualcomm — ซูเปอร์คอร์ 18 ตัว, RAM 128GB, AI 80 TOPS พร้อมชน AMD และ Intel”

    Qualcomm เปิดตัวชิปสำหรับโน้ตบุ๊ก Windows รุ่นใหม่ล่าสุดในชื่อ Snapdragon X2 Elite และ X2 Elite Extreme ซึ่งถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่ในตลาด PC โดยเฉพาะรุ่น Extreme ที่มาพร้อมกับสเปกสุดโหด: ซีพียู 18 คอร์, ความเร็วบูสต์สูงสุด 5.0GHz, รองรับ RAM LPDDR5X สูงสุดถึง 128GB และหน่วยประมวลผล AI (NPU) ที่แรงถึง 80 TOPS — มากกว่าคู่แข่งอย่าง AMD Ryzen AI+ 395 และ Intel Core Ultra แบบไม่เกรงใจ

    ชิปทั้งสองรุ่นใช้สถาปัตยกรรม Oryon รุ่นที่ 3 บนกระบวนการผลิต 3nm ของ TSMC โดยรุ่น Extreme มี 12 คอร์หลักและ 6 คอร์ประสิทธิภาพ พร้อมแคชรวม 53MB และสามารถเชื่อมต่อ PCIe 5.0 ได้ถึง 12 เลน รองรับการแสดงผลสูงสุด 3 จอ 4K ที่ 144Hz หรือ 2 จอ 5K ที่ 60Hz

    ด้านกราฟิกก็ไม่น้อยหน้า เพราะมาพร้อม GPU Adreno X2-90 ที่รองรับ ray tracing แบบฮาร์ดแวร์ และ API ล่าสุดอย่าง DirectX 12.2 Ultimate, Vulkan และ OpenCL 3.0 ส่วนรุ่น Elite ธรรมดาจะลดคอร์ลงเหลือ 12 คอร์ และใช้ GPU Adreno X2-85 ที่แรงน้อยกว่าเล็กน้อย

    ทั้งสองรุ่นรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4 และสามารถติดตั้งโมเด็ม Snapdragon X75 สำหรับ 5G ได้ โดยออกแบบมาเพื่อใช้งานกับ Copilot+ PC ที่เน้นการประมวลผล AI หลายงานพร้อมกันบนเครื่องโดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์

    Qualcomm ระบุว่าโน้ตบุ๊กรุ่นแรกที่ใช้ชิปเหล่านี้จะเปิดตัวในช่วงครึ่งแรกของปี 2026 และจะเป็นการเปิดศักราชใหม่ของโน้ตบุ๊กที่บางเบาแต่ทรงพลังระดับเวิร์กสเตชัน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Snapdragon X2 Elite Extreme มี 18 คอร์ (12P + 6E) ความเร็วบูสต์สูงสุด 5.0GHz
    รองรับ RAM LPDDR5X สูงสุด 128GB บนแบนด์วิดธ์ 228GB/s
    NPU แรงถึง 80 TOPS เหมาะกับงาน AI หลายงานพร้อมกัน
    GPU Adreno X2-90 รองรับ ray tracing และ API ล่าสุด
    รองรับ PCIe 5.0, NVMe SSD, UFS 4.0 และ USB4 หลายพอร์ต
    แสดงผลได้สูงสุด 3 จอ 4K 144Hz หรือ 2 จอ 5K 60Hz
    รองรับ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4 และโมเด็ม 5G Snapdragon X75
    ใช้สถาปัตยกรรม Oryon รุ่นที่ 3 บนกระบวนการผลิต 3nm
    โน้ตบุ๊กรุ่นแรกจะเปิดตัวในครึ่งแรกของปี 2026

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Snapdragon X2 Elite Extreme แรงกว่า Snapdragon X Elite รุ่นแรกถึง 31% ที่พลังงานเท่ากัน
    ใช้พลังงานน้อยลงถึง 43% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
    Adreno X2-90 มีประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงขึ้น 2.3 เท่า
    ชิปนี้ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับ Copilot+ PC โดยเฉพาะ
    Qualcomm ตั้งเป้าแข่งกับ Apple M4, AMD Ryzen AI+ และ Intel Core Ultra

    https://www.techradar.com/pro/qualcomms-most-powerful-cpu-ever-will-target-amds-ryzen-ai-395-with-128gb-onboard-lpddr5x-memory-while-intel-has-only-32gb-integrated-memory-to-contend-with
    ⚙️ “Snapdragon X2 Elite Extreme: ชิปโน้ตบุ๊กที่แรงที่สุดของ Qualcomm — ซูเปอร์คอร์ 18 ตัว, RAM 128GB, AI 80 TOPS พร้อมชน AMD และ Intel” Qualcomm เปิดตัวชิปสำหรับโน้ตบุ๊ก Windows รุ่นใหม่ล่าสุดในชื่อ Snapdragon X2 Elite และ X2 Elite Extreme ซึ่งถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่ในตลาด PC โดยเฉพาะรุ่น Extreme ที่มาพร้อมกับสเปกสุดโหด: ซีพียู 18 คอร์, ความเร็วบูสต์สูงสุด 5.0GHz, รองรับ RAM LPDDR5X สูงสุดถึง 128GB และหน่วยประมวลผล AI (NPU) ที่แรงถึง 80 TOPS — มากกว่าคู่แข่งอย่าง AMD Ryzen AI+ 395 และ Intel Core Ultra แบบไม่เกรงใจ ชิปทั้งสองรุ่นใช้สถาปัตยกรรม Oryon รุ่นที่ 3 บนกระบวนการผลิต 3nm ของ TSMC โดยรุ่น Extreme มี 12 คอร์หลักและ 6 คอร์ประสิทธิภาพ พร้อมแคชรวม 53MB และสามารถเชื่อมต่อ PCIe 5.0 ได้ถึง 12 เลน รองรับการแสดงผลสูงสุด 3 จอ 4K ที่ 144Hz หรือ 2 จอ 5K ที่ 60Hz ด้านกราฟิกก็ไม่น้อยหน้า เพราะมาพร้อม GPU Adreno X2-90 ที่รองรับ ray tracing แบบฮาร์ดแวร์ และ API ล่าสุดอย่าง DirectX 12.2 Ultimate, Vulkan และ OpenCL 3.0 ส่วนรุ่น Elite ธรรมดาจะลดคอร์ลงเหลือ 12 คอร์ และใช้ GPU Adreno X2-85 ที่แรงน้อยกว่าเล็กน้อย ทั้งสองรุ่นรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4 และสามารถติดตั้งโมเด็ม Snapdragon X75 สำหรับ 5G ได้ โดยออกแบบมาเพื่อใช้งานกับ Copilot+ PC ที่เน้นการประมวลผล AI หลายงานพร้อมกันบนเครื่องโดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์ Qualcomm ระบุว่าโน้ตบุ๊กรุ่นแรกที่ใช้ชิปเหล่านี้จะเปิดตัวในช่วงครึ่งแรกของปี 2026 และจะเป็นการเปิดศักราชใหม่ของโน้ตบุ๊กที่บางเบาแต่ทรงพลังระดับเวิร์กสเตชัน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Snapdragon X2 Elite Extreme มี 18 คอร์ (12P + 6E) ความเร็วบูสต์สูงสุด 5.0GHz ➡️ รองรับ RAM LPDDR5X สูงสุด 128GB บนแบนด์วิดธ์ 228GB/s ➡️ NPU แรงถึง 80 TOPS เหมาะกับงาน AI หลายงานพร้อมกัน ➡️ GPU Adreno X2-90 รองรับ ray tracing และ API ล่าสุด ➡️ รองรับ PCIe 5.0, NVMe SSD, UFS 4.0 และ USB4 หลายพอร์ต ➡️ แสดงผลได้สูงสุด 3 จอ 4K 144Hz หรือ 2 จอ 5K 60Hz ➡️ รองรับ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4 และโมเด็ม 5G Snapdragon X75 ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม Oryon รุ่นที่ 3 บนกระบวนการผลิต 3nm ➡️ โน้ตบุ๊กรุ่นแรกจะเปิดตัวในครึ่งแรกของปี 2026 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Snapdragon X2 Elite Extreme แรงกว่า Snapdragon X Elite รุ่นแรกถึง 31% ที่พลังงานเท่ากัน ➡️ ใช้พลังงานน้อยลงถึง 43% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ➡️ Adreno X2-90 มีประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงขึ้น 2.3 เท่า ➡️ ชิปนี้ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับ Copilot+ PC โดยเฉพาะ ➡️ Qualcomm ตั้งเป้าแข่งกับ Apple M4, AMD Ryzen AI+ และ Intel Core Ultra https://www.techradar.com/pro/qualcomms-most-powerful-cpu-ever-will-target-amds-ryzen-ai-395-with-128gb-onboard-lpddr5x-memory-while-intel-has-only-32gb-integrated-memory-to-contend-with
    0 Comments 0 Shares 128 Views 0 Reviews
  • “Linux Kernel 6.17 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ — ยกระดับความปลอดภัย รองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ พร้อมฟีเจอร์ล้ำยุคสำหรับยุค AI และ Cloud”

    Linus Torvalds ประกาศเปิดตัว Linux Kernel 6.17 อย่างเป็นทางการเมื่อปลายเดือนกันยายน 2025 โดยเวอร์ชันนี้มาพร้อมกับการปรับปรุงครั้งใหญ่ทั้งด้านความปลอดภัย การรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ และฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานในยุคที่ระบบปฏิบัติการต้องรองรับงานหนักระดับเซิร์ฟเวอร์และคลาวด์

    หนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือการเพิ่มฟีเจอร์ “Attack Vector Controls” ซึ่งช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถจัดการการป้องกันช่องโหว่ CPU ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องตั้งค่าทีละรายการ แต่สามารถเลือกปิดหรือเปิดการป้องกันตามประเภทของการโจมตี เช่น user-to-kernel หรือ guest-to-host ได้ในบรรทัดเดียว

    ด้านฮาร์ดแวร์ Linux 6.17 รองรับเทคโนโลยีใหม่จากหลายค่าย เช่น:

    ARM: Branch Record Buffer Extension (BRBE) และ GICv5 สำหรับ KVM
    AMD: Hardware Feedback Interface (HFI) และ ACP 7.2 SoundWire
    Intel: Wildcat Lake, Bartlett Lake-S, Panther Lake Xe3 graphics, IPU7 driver
    Apple: SMC driver สำหรับรีบูต Mac M1/M2 ด้วย mainline kernel

    ยังมีการรองรับอุปกรณ์ใหม่อีกมาก เช่น Raspberry Pi 5 RP1 chip, Argon40 Fan HAT, Touch Bar บน MacBook Pro, และ OneXPlayer X1 Pro

    ในด้านระบบไฟล์และเน็ตเวิร์ก มีการเพิ่ม:
    Large-folio support สำหรับ Btrfs
    Metadata compression สำหรับ EROFS
    Scalability ที่ดีขึ้นสำหรับ EXT4
    รองรับ DualPI2 congestion control และ TCP_MAXSEG สำหรับ multipath TCP

    นอกจากนี้ยังมีการเพิ่ม live patching สำหรับ AArch64, proxy execution, และระบบ tracepoint สำหรับ User-Mode Linux รวมถึงการปรับปรุงระบบจัดการหน่วยความจำด้วยโมดูล DAMON_STAT

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Linux Kernel 6.17 เปิดตัวอย่างเป็นทางการโดย Linus Torvalds
    เพิ่มฟีเจอร์ Attack Vector Controls สำหรับจัดการการป้องกันช่องโหว่ CPU
    รองรับ ARM BRBE, GICv5, AMD HFI, Intel Wildcat Lake และ Apple SMC driver
    รองรับอุปกรณ์ใหม่ เช่น Raspberry Pi 5 RP1, Argon40 Fan HAT, Touch Bar บน MacBook Pro
    รองรับ codec HEVC และ VP9 ผ่าน Qualcomm Iris decoder บน V4L2
    เพิ่ม live patching สำหรับ AArch64 และ proxy execution
    รองรับระบบไฟล์ใหม่ เช่น Btrfs, EXT4, EROFS ด้วยฟีเจอร์ใหม่
    ปรับปรุงระบบเน็ตเวิร์ก เช่น DualPI2, TCP_MAXSEG, IPv6 force_forwarding
    เพิ่ม driver สำหรับ Framework Laptop 13, ASUS Commercial, HP EliteBook

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Attack Vector Controls แบ่งการป้องกันออกเป็น 5 ประเภท เช่น user-to-user, guest-to-guest
    สามารถตั้งค่าการป้องกันผ่าน GRUB ด้วยพารามิเตอร์เดียว เช่น mitigations=auto,no_user_kernel
    การรองรับ Intel Xe3 graphics บ่งบอกถึงความพร้อมของ Core Ultra Series 3
    DAMON_STAT ช่วยให้การตรวจสอบการใช้หน่วยความจำง่ายขึ้นและแม่นยำขึ้น
    การรองรับ SoundWire บน AMD ACP 7.2 ช่วยให้เสียงบนโน้ตบุ๊ค AMD ดีขึ้น

    https://9to5linux.com/linux-kernel-6-17-officially-released-this-is-whats-new
    🐧 “Linux Kernel 6.17 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ — ยกระดับความปลอดภัย รองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ พร้อมฟีเจอร์ล้ำยุคสำหรับยุค AI และ Cloud” Linus Torvalds ประกาศเปิดตัว Linux Kernel 6.17 อย่างเป็นทางการเมื่อปลายเดือนกันยายน 2025 โดยเวอร์ชันนี้มาพร้อมกับการปรับปรุงครั้งใหญ่ทั้งด้านความปลอดภัย การรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ และฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานในยุคที่ระบบปฏิบัติการต้องรองรับงานหนักระดับเซิร์ฟเวอร์และคลาวด์ หนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือการเพิ่มฟีเจอร์ “Attack Vector Controls” ซึ่งช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถจัดการการป้องกันช่องโหว่ CPU ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องตั้งค่าทีละรายการ แต่สามารถเลือกปิดหรือเปิดการป้องกันตามประเภทของการโจมตี เช่น user-to-kernel หรือ guest-to-host ได้ในบรรทัดเดียว ด้านฮาร์ดแวร์ Linux 6.17 รองรับเทคโนโลยีใหม่จากหลายค่าย เช่น: 🗝️ ARM: Branch Record Buffer Extension (BRBE) และ GICv5 สำหรับ KVM 🗝️ AMD: Hardware Feedback Interface (HFI) และ ACP 7.2 SoundWire 🗝️ Intel: Wildcat Lake, Bartlett Lake-S, Panther Lake Xe3 graphics, IPU7 driver 🗝️ Apple: SMC driver สำหรับรีบูต Mac M1/M2 ด้วย mainline kernel ยังมีการรองรับอุปกรณ์ใหม่อีกมาก เช่น Raspberry Pi 5 RP1 chip, Argon40 Fan HAT, Touch Bar บน MacBook Pro, และ OneXPlayer X1 Pro ในด้านระบบไฟล์และเน็ตเวิร์ก มีการเพิ่ม: 🗝️ Large-folio support สำหรับ Btrfs 🗝️ Metadata compression สำหรับ EROFS 🗝️ Scalability ที่ดีขึ้นสำหรับ EXT4 🗝️ รองรับ DualPI2 congestion control และ TCP_MAXSEG สำหรับ multipath TCP นอกจากนี้ยังมีการเพิ่ม live patching สำหรับ AArch64, proxy execution, และระบบ tracepoint สำหรับ User-Mode Linux รวมถึงการปรับปรุงระบบจัดการหน่วยความจำด้วยโมดูล DAMON_STAT ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Linux Kernel 6.17 เปิดตัวอย่างเป็นทางการโดย Linus Torvalds ➡️ เพิ่มฟีเจอร์ Attack Vector Controls สำหรับจัดการการป้องกันช่องโหว่ CPU ➡️ รองรับ ARM BRBE, GICv5, AMD HFI, Intel Wildcat Lake และ Apple SMC driver ➡️ รองรับอุปกรณ์ใหม่ เช่น Raspberry Pi 5 RP1, Argon40 Fan HAT, Touch Bar บน MacBook Pro ➡️ รองรับ codec HEVC และ VP9 ผ่าน Qualcomm Iris decoder บน V4L2 ➡️ เพิ่ม live patching สำหรับ AArch64 และ proxy execution ➡️ รองรับระบบไฟล์ใหม่ เช่น Btrfs, EXT4, EROFS ด้วยฟีเจอร์ใหม่ ➡️ ปรับปรุงระบบเน็ตเวิร์ก เช่น DualPI2, TCP_MAXSEG, IPv6 force_forwarding ➡️ เพิ่ม driver สำหรับ Framework Laptop 13, ASUS Commercial, HP EliteBook ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Attack Vector Controls แบ่งการป้องกันออกเป็น 5 ประเภท เช่น user-to-user, guest-to-guest ➡️ สามารถตั้งค่าการป้องกันผ่าน GRUB ด้วยพารามิเตอร์เดียว เช่น mitigations=auto,no_user_kernel ➡️ การรองรับ Intel Xe3 graphics บ่งบอกถึงความพร้อมของ Core Ultra Series 3 ➡️ DAMON_STAT ช่วยให้การตรวจสอบการใช้หน่วยความจำง่ายขึ้นและแม่นยำขึ้น ➡️ การรองรับ SoundWire บน AMD ACP 7.2 ช่วยให้เสียงบนโน้ตบุ๊ค AMD ดีขึ้น https://9to5linux.com/linux-kernel-6-17-officially-released-this-is-whats-new
    9TO5LINUX.COM
    Linux Kernel 6.17 Officially Released, This Is What’s New - 9to5Linux
    Linux kernel 6.17 is now available for download with new features, enhanced hardware support, networking improvements, and other changes.
    0 Comments 0 Shares 163 Views 0 Reviews
  • “Asus ปล่อย BIOS แก้ปัญหาเครื่องกระตุกใน ROG Laptop — สัญญาอัปเดตเต็มรูปแบบตุลาคมนี้”

    หลังจากเสียงบ่นจากผู้ใช้ ROG Laptop ของ Asus ที่พบปัญหาเครื่องกระตุก เสียงแตก และการตอบสนองช้าเป็นระยะ ๆ โดยเฉพาะในรุ่นปี 2023 อย่าง Strix Scar 15 และ Zephyrus M16 ล่าสุด Asus ได้ออกมาชี้แจงว่า “พบสาเหตุของปัญหาแล้ว” และเริ่มปล่อย BIOS เวอร์ชันเบต้าเพื่อแก้ไขให้กับรุ่นที่ได้รับผลกระทบ

    ปัญหานี้เกิดจากการทำงานผิดพลาดของระบบ ACPI ใน BIOS ซึ่งส่งผลให้เกิด “interrupt storm” หรือการเรียกใช้งาน CPU อย่างหนักจาก ACPI.sys ทุก ๆ 30–60 วินาที แม้จะอยู่ในสถานะ idle ก็ตาม ส่งผลให้เกิด latency สูงและกระตุกทั่วทั้งระบบ2

    Asus ยืนยันว่า BIOS เบต้าที่ปล่อยออกมาจะไม่กระทบต่อการรับประกัน และแนะนำให้ผู้ใช้ตรวจสอบหน้า support ของรุ่นตนเองในสัปดาห์นี้ เพราะไฟล์อัปเดตจะทยอยปล่อยออกมาเรื่อย ๆ ก่อนจะมีเวอร์ชันเต็มในช่วงต้นเดือนตุลาคม

    การแก้ไขนี้ถือเป็นการตอบสนองที่รวดเร็ว หลังจากผู้ใช้บน Reddit และ GitHub ได้ทำการวิเคราะห์อย่างละเอียด และพบว่าปัญหานี้เกิดจากการออกแบบ firmware ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งส่งผลกระทบต่อหลายรุ่นตั้งแต่ปี 2021 ถึง 2024

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Asus พบสาเหตุของปัญหาเครื่องกระตุกใน ROG Laptop แล้ว
    ปัญหาเกิดจาก ACPI interrupt storm และการจัดการพลังงานของ dGPU ที่ผิดพลาด
    BIOS เบต้าถูกปล่อยให้กับรุ่น Strix Scar 15 (G533ZW) และ Zephyrus M16 (GU604VI)
    Asus ยืนยันว่า BIOS เบต้าจะไม่กระทบต่อการรับประกัน
    เวอร์ชันเต็มของ BIOS จะแจกจ่ายในช่วงต้นเดือนตุลาคม
    ผู้ใช้ควรตรวจสอบหน้า support ของ Asus เพื่อดาวน์โหลดไฟล์อัปเดต
    ปัญหานี้ส่งผลต่อหลายรุ่นตั้งแต่ปี 2021 ถึง 2024
    การวิเคราะห์จากผู้ใช้บน GitHub พบว่า DPC latency สูงผิดปกติจาก ACPI.sys
    Asus ยอมรับว่ามีรุ่นอื่นที่ได้รับผลกระทบ และจะทยอยปล่อย BIOS ให้ในลำดับถัดไป

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ACPI (Advanced Configuration and Power Interface) เป็นระบบควบคุมพลังงานที่ทำงานร่วมกับ BIOS และ OS
    DPC latency สูงอาจส่งผลให้เสียงแตกและระบบตอบสนองช้าลง
    Interrupt storm คือการที่ระบบเรียกใช้งาน CPU ซ้ำ ๆ โดยไม่จำเป็น
    การแก้ไขผ่าน BIOS เป็นวิธีที่ตรงจุดที่สุดเมื่อปัญหาอยู่ในระดับ firmware
    การปล่อย BIOS เบต้าช่วยให้ผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบสามารถทดสอบก่อนเวอร์ชันเต็ม

    https://www.tomshardware.com/laptops/asus-ships-beta-bios-to-fix-stuttering-rog-laptops
    ⚙️ “Asus ปล่อย BIOS แก้ปัญหาเครื่องกระตุกใน ROG Laptop — สัญญาอัปเดตเต็มรูปแบบตุลาคมนี้” หลังจากเสียงบ่นจากผู้ใช้ ROG Laptop ของ Asus ที่พบปัญหาเครื่องกระตุก เสียงแตก และการตอบสนองช้าเป็นระยะ ๆ โดยเฉพาะในรุ่นปี 2023 อย่าง Strix Scar 15 และ Zephyrus M16 ล่าสุด Asus ได้ออกมาชี้แจงว่า “พบสาเหตุของปัญหาแล้ว” และเริ่มปล่อย BIOS เวอร์ชันเบต้าเพื่อแก้ไขให้กับรุ่นที่ได้รับผลกระทบ ปัญหานี้เกิดจากการทำงานผิดพลาดของระบบ ACPI ใน BIOS ซึ่งส่งผลให้เกิด “interrupt storm” หรือการเรียกใช้งาน CPU อย่างหนักจาก ACPI.sys ทุก ๆ 30–60 วินาที แม้จะอยู่ในสถานะ idle ก็ตาม ส่งผลให้เกิด latency สูงและกระตุกทั่วทั้งระบบ2 Asus ยืนยันว่า BIOS เบต้าที่ปล่อยออกมาจะไม่กระทบต่อการรับประกัน และแนะนำให้ผู้ใช้ตรวจสอบหน้า support ของรุ่นตนเองในสัปดาห์นี้ เพราะไฟล์อัปเดตจะทยอยปล่อยออกมาเรื่อย ๆ ก่อนจะมีเวอร์ชันเต็มในช่วงต้นเดือนตุลาคม การแก้ไขนี้ถือเป็นการตอบสนองที่รวดเร็ว หลังจากผู้ใช้บน Reddit และ GitHub ได้ทำการวิเคราะห์อย่างละเอียด และพบว่าปัญหานี้เกิดจากการออกแบบ firmware ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งส่งผลกระทบต่อหลายรุ่นตั้งแต่ปี 2021 ถึง 2024 ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Asus พบสาเหตุของปัญหาเครื่องกระตุกใน ROG Laptop แล้ว ➡️ ปัญหาเกิดจาก ACPI interrupt storm และการจัดการพลังงานของ dGPU ที่ผิดพลาด ➡️ BIOS เบต้าถูกปล่อยให้กับรุ่น Strix Scar 15 (G533ZW) และ Zephyrus M16 (GU604VI) ➡️ Asus ยืนยันว่า BIOS เบต้าจะไม่กระทบต่อการรับประกัน ➡️ เวอร์ชันเต็มของ BIOS จะแจกจ่ายในช่วงต้นเดือนตุลาคม ➡️ ผู้ใช้ควรตรวจสอบหน้า support ของ Asus เพื่อดาวน์โหลดไฟล์อัปเดต ➡️ ปัญหานี้ส่งผลต่อหลายรุ่นตั้งแต่ปี 2021 ถึง 2024 ➡️ การวิเคราะห์จากผู้ใช้บน GitHub พบว่า DPC latency สูงผิดปกติจาก ACPI.sys ➡️ Asus ยอมรับว่ามีรุ่นอื่นที่ได้รับผลกระทบ และจะทยอยปล่อย BIOS ให้ในลำดับถัดไป ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ACPI (Advanced Configuration and Power Interface) เป็นระบบควบคุมพลังงานที่ทำงานร่วมกับ BIOS และ OS ➡️ DPC latency สูงอาจส่งผลให้เสียงแตกและระบบตอบสนองช้าลง ➡️ Interrupt storm คือการที่ระบบเรียกใช้งาน CPU ซ้ำ ๆ โดยไม่จำเป็น ➡️ การแก้ไขผ่าน BIOS เป็นวิธีที่ตรงจุดที่สุดเมื่อปัญหาอยู่ในระดับ firmware ➡️ การปล่อย BIOS เบต้าช่วยให้ผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบสามารถทดสอบก่อนเวอร์ชันเต็ม https://www.tomshardware.com/laptops/asus-ships-beta-bios-to-fix-stuttering-rog-laptops
    0 Comments 0 Shares 152 Views 0 Reviews
  • “AI ทำให้เราฉลาดขึ้น หรือแค่ขี้เกียจขึ้น? เมื่อ ChatGPT กลายเป็นยาชาแห่งยุคดิจิทัล”

    บทความจาก The Star โดย Christopher Ketcham ได้จุดประกายคำถามสำคัญว่า “AI โดยเฉพาะ ChatGPT กำลังทำให้เราฉลาดขึ้น หรือแค่ทำให้สมองเราเสื่อมลง?” โดยอ้างอิงงานวิจัยหลายฉบับที่ชี้ว่า การพึ่งพาเครื่องมือ AI มากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อความสามารถในการคิดวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง และลดการมีส่วนร่วมของสมองในระดับโครงสร้าง

    ผู้เขียนเปรียบเทียบการใช้ AI กับการขี่จักรยานไฟฟ้า — เร็วขึ้น สบายขึ้น แต่สูญเสียความแข็งแรงของร่างกาย เช่นเดียวกับสมองที่อ่อนแรงลงเมื่อปล่อยให้เครื่องมือคิดแทนเรา งานวิจัยจาก MIT พบว่า ผู้ใช้ ChatGPT ในการเขียนเรียงความมีการเชื่อมต่อของสมองต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับผู้ใช้ search engine และผู้ที่เขียนด้วยตนเองโดยไม่ใช้เครื่องมือใด ๆ

    นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ใช้ AI มีแนวโน้มที่จะ “offload” ความคิดของตนเองให้กับเครื่องมือ ทำให้เกิดภาวะ “cognitive debt” หรือหนี้ทางปัญญา ซึ่งสะสมและส่งผลต่อความสามารถในการเรียนรู้ในระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่สมองยังอยู่ในช่วงพัฒนา

    แม้ AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในบางด้าน เช่น การค้นหาข้อมูลหรือการจัดการงาน แต่การใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการคิดด้วยตนเองอาจนำไปสู่ผลกระทบเชิงพฤติกรรม เช่น การขาดแรงจูงใจ ความรู้สึกเป็นเจ้าของงานลดลง และการพึ่งพาเครื่องมือมากเกินไปจนไม่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    บทความชี้ว่า AI โดยเฉพาะ ChatGPT อาจทำให้ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ลดลง
    งานวิจัยจาก MIT พบว่า ผู้ใช้ ChatGPT มีการเชื่อมต่อของสมองต่ำที่สุดเมื่อเขียนเรียงความ
    ผู้ใช้ AI มีแนวโน้มเกิดภาวะ “cognitive offloading” หรือการปล่อยให้เครื่องมือคิดแทน
    เกิดภาวะ “cognitive debt” หรือหนี้ทางปัญญาเมื่อใช้ AI ต่อเนื่อง
    กลุ่มเยาวชนมีความเสี่ยงสูงที่สุดต่อผลกระทบทางสมองจากการใช้ AI
    ผู้ใช้ AI มีความรู้สึกเป็นเจ้าของงานต่ำ และจำเนื้อหาที่เขียนเองไม่ได้
    งานวิจัยจาก Microsoft และ Carnegie Mellon พบว่า AI ลดทักษะการแก้ปัญหาอย่างอิสระ
    การใช้ AI มากเกินไปอาจนำไปสู่การพึ่งพาเครื่องมือในระยะยาว
    จำนวนผู้ใช้ ChatGPT เพิ่มจาก 50 ล้านในปี 2023 เป็น 800 ล้านในกลางปี 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การใช้ AI ในการเรียนรู้ควรมีการกำกับดูแลและออกแบบให้ส่งเสริมการคิด ไม่ใช่แทนที่
    หลายมหาวิทยาลัยเริ่มออกนโยบายจำกัดการใช้ AI ในการทำงานวิชาการ
    การฝึกสมองผ่านการเขียนด้วยตนเองช่วยเพิ่มการเชื่อมต่อของสมองในหลายส่วน
    การใช้ search engine ยังมีการมีส่วนร่วมของสมองมากกว่า AI แต่ต่ำกว่าการคิดด้วยตนเอง
    นักวิจัยเสนอให้ใช้ AI เป็นเครื่องมือเสริม ไม่ใช่เครื่องมือหลักในการเรียนรู้

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/27/opinion-the-internet-made-us-stupid-ai-promises-to-make-it-worse
    🧠 “AI ทำให้เราฉลาดขึ้น หรือแค่ขี้เกียจขึ้น? เมื่อ ChatGPT กลายเป็นยาชาแห่งยุคดิจิทัล” บทความจาก The Star โดย Christopher Ketcham ได้จุดประกายคำถามสำคัญว่า “AI โดยเฉพาะ ChatGPT กำลังทำให้เราฉลาดขึ้น หรือแค่ทำให้สมองเราเสื่อมลง?” โดยอ้างอิงงานวิจัยหลายฉบับที่ชี้ว่า การพึ่งพาเครื่องมือ AI มากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อความสามารถในการคิดวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง และลดการมีส่วนร่วมของสมองในระดับโครงสร้าง ผู้เขียนเปรียบเทียบการใช้ AI กับการขี่จักรยานไฟฟ้า — เร็วขึ้น สบายขึ้น แต่สูญเสียความแข็งแรงของร่างกาย เช่นเดียวกับสมองที่อ่อนแรงลงเมื่อปล่อยให้เครื่องมือคิดแทนเรา งานวิจัยจาก MIT พบว่า ผู้ใช้ ChatGPT ในการเขียนเรียงความมีการเชื่อมต่อของสมองต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับผู้ใช้ search engine และผู้ที่เขียนด้วยตนเองโดยไม่ใช้เครื่องมือใด ๆ นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ใช้ AI มีแนวโน้มที่จะ “offload” ความคิดของตนเองให้กับเครื่องมือ ทำให้เกิดภาวะ “cognitive debt” หรือหนี้ทางปัญญา ซึ่งสะสมและส่งผลต่อความสามารถในการเรียนรู้ในระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่สมองยังอยู่ในช่วงพัฒนา แม้ AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในบางด้าน เช่น การค้นหาข้อมูลหรือการจัดการงาน แต่การใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการคิดด้วยตนเองอาจนำไปสู่ผลกระทบเชิงพฤติกรรม เช่น การขาดแรงจูงใจ ความรู้สึกเป็นเจ้าของงานลดลง และการพึ่งพาเครื่องมือมากเกินไปจนไม่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ บทความชี้ว่า AI โดยเฉพาะ ChatGPT อาจทำให้ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ลดลง ➡️ งานวิจัยจาก MIT พบว่า ผู้ใช้ ChatGPT มีการเชื่อมต่อของสมองต่ำที่สุดเมื่อเขียนเรียงความ ➡️ ผู้ใช้ AI มีแนวโน้มเกิดภาวะ “cognitive offloading” หรือการปล่อยให้เครื่องมือคิดแทน ➡️ เกิดภาวะ “cognitive debt” หรือหนี้ทางปัญญาเมื่อใช้ AI ต่อเนื่อง ➡️ กลุ่มเยาวชนมีความเสี่ยงสูงที่สุดต่อผลกระทบทางสมองจากการใช้ AI ➡️ ผู้ใช้ AI มีความรู้สึกเป็นเจ้าของงานต่ำ และจำเนื้อหาที่เขียนเองไม่ได้ ➡️ งานวิจัยจาก Microsoft และ Carnegie Mellon พบว่า AI ลดทักษะการแก้ปัญหาอย่างอิสระ ➡️ การใช้ AI มากเกินไปอาจนำไปสู่การพึ่งพาเครื่องมือในระยะยาว ➡️ จำนวนผู้ใช้ ChatGPT เพิ่มจาก 50 ล้านในปี 2023 เป็น 800 ล้านในกลางปี 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การใช้ AI ในการเรียนรู้ควรมีการกำกับดูแลและออกแบบให้ส่งเสริมการคิด ไม่ใช่แทนที่ ➡️ หลายมหาวิทยาลัยเริ่มออกนโยบายจำกัดการใช้ AI ในการทำงานวิชาการ ➡️ การฝึกสมองผ่านการเขียนด้วยตนเองช่วยเพิ่มการเชื่อมต่อของสมองในหลายส่วน ➡️ การใช้ search engine ยังมีการมีส่วนร่วมของสมองมากกว่า AI แต่ต่ำกว่าการคิดด้วยตนเอง ➡️ นักวิจัยเสนอให้ใช้ AI เป็นเครื่องมือเสริม ไม่ใช่เครื่องมือหลักในการเรียนรู้ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/27/opinion-the-internet-made-us-stupid-ai-promises-to-make-it-worse
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Opinion: The Internet made us stupid. AI promises to make it worse
    In this telling, AI is a brain-rotting narcotic; the heavier the use, the greater the addiction, the more damage done.
    0 Comments 0 Shares 181 Views 0 Reviews
  • “Snapdragon X2 Elite mini PC: เล็กเท่าจานรองแก้ว แต่แรงระดับเวิร์กสเตชัน — เย็นด้วย AirJet ไร้พัดลม”

    ในงาน Snapdragon Summit 2025 ที่ Maui, Qualcomm ได้เปิดตัวชิป Snapdragon X2 Elite และ Elite Extreme สำหรับพีซี Windows โดยมีการโชว์ reference design ที่น่าทึ่งที่สุดคือ mini PC ขนาดเล็กบางเฉียบ รูปทรงกลมคล้ายจานรองแก้ว และอีกแบบที่เป็นสี่เหลี่ยมบางเท่าพอร์ต USB-C ซึ่งสามารถเสียบเข้าฐานจอภาพแบบ all-in-one ได้โดยตรง

    สิ่งที่ทำให้หลายคนตั้งคำถามคือ “เครื่องบางขนาดนี้จะระบายความร้อนยังไง?” คำตอบคือ Frore AirJet — เทคโนโลยีระบายความร้อนแบบ solid-state ที่ใช้คลื่นอัลตราโซนิกแทนพัดลมในการผลักอากาศผ่านฮีตซิงก์ ทำให้เครื่องสามารถระบายความร้อนได้โดยไม่มีชิ้นส่วนหมุน ลดเสียงรบกวนและความเสี่ยงจากการสึกหรอ

    Snapdragon X2 Elite Extreme ที่ใช้ใน reference design นี้มีถึง 18 คอร์ และสามารถ boost ได้ถึง 5 GHz พร้อมรองรับแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงถึง 228 GB/s ซึ่งถือว่าแรงกว่ารุ่น X2 Elite ปกติ และสามารถรองรับงานระดับมืออาชีพ เช่น การตัดต่อวิดีโอ, การประมวลผล AI, และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่

    ตัวเครื่องถูกออกแบบด้วยวัสดุอะลูมิเนียมสีแดง Snapdragon มีพอร์ต USB-C สองช่อง, ช่องเสียบหูฟัง และพอร์ตพลังงานแบบ barrel jack โดยไม่มีพัดลมเลยแม้แต่ตัวเดียว

    แม้จะยังไม่มีการประกาศว่าจะผลิตเพื่อจำหน่ายจริงหรือไม่ แต่ Qualcomm ยืนยันว่ากำลังร่วมมือกับ OEM จากไต้หวันอย่างน้อย 3 ราย เพื่อพัฒนาแนวคิดนี้ต่อไป

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Qualcomm เปิดตัว Snapdragon X2 Elite และ Elite Extreme สำหรับพีซี Windows
    Reference design mini PC มีสองรูปแบบ: ทรงกลมบางเฉียบ และแบบสี่เหลี่ยมเสียบฐานจอ
    ใช้เทคโนโลยี Frore AirJet ในการระบายความร้อนแบบไร้พัดลม
    AirJet ใช้คลื่นอัลตราโซนิกในการผลักอากาศผ่านฮีตซิงก์
    Snapdragon X2 Elite Extreme มี 18 คอร์ และ boost ได้ถึง 5 GHz
    รองรับแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงถึง 228 GB/s
    ตัวเครื่องมีพอร์ต USB-C, ช่องหูฟัง และ barrel jack สำหรับพลังงาน
    ดีไซน์บางเฉียบและเงียบ เหมาะสำหรับการใช้งานระดับมืออาชีพ
    Qualcomm ร่วมมือกับ OEM จากไต้หวันเพื่อพัฒนาแนวคิดนี้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    AirJet เคยถูกใช้ใน Wi-Fi hotspot สำหรับหน่วยกู้ภัยของ AT&T
    Snapdragon X2 Elite Extreme มี NPU 80 TOPS ซึ่งเป็น NPU ที่เร็วที่สุดในโลกสำหรับแล็ปท็อป
    ชิปนี้ใช้ CPU Qualcomm Oryon รุ่นที่ 3 ที่เร็วกว่า CPU คู่แข่งถึง 75% ที่พลังงานเท่ากัน
    GPU Adreno ใหม่มีประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงขึ้นถึง 2.3 เท่า
    ดีไซน์แบบ modular all-in-one ช่วยให้สามารถอัปเกรดเฉพาะส่วนประมวลผลได้ในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/desktops/mini-pcs/qualcomms-snapdragon-x2-elite-reference-mini-pc-looks-like-a-coaster-some-designs-are-cooled-by-frore-airjets
    🖥️ “Snapdragon X2 Elite mini PC: เล็กเท่าจานรองแก้ว แต่แรงระดับเวิร์กสเตชัน — เย็นด้วย AirJet ไร้พัดลม” ในงาน Snapdragon Summit 2025 ที่ Maui, Qualcomm ได้เปิดตัวชิป Snapdragon X2 Elite และ Elite Extreme สำหรับพีซี Windows โดยมีการโชว์ reference design ที่น่าทึ่งที่สุดคือ mini PC ขนาดเล็กบางเฉียบ รูปทรงกลมคล้ายจานรองแก้ว และอีกแบบที่เป็นสี่เหลี่ยมบางเท่าพอร์ต USB-C ซึ่งสามารถเสียบเข้าฐานจอภาพแบบ all-in-one ได้โดยตรง สิ่งที่ทำให้หลายคนตั้งคำถามคือ “เครื่องบางขนาดนี้จะระบายความร้อนยังไง?” คำตอบคือ Frore AirJet — เทคโนโลยีระบายความร้อนแบบ solid-state ที่ใช้คลื่นอัลตราโซนิกแทนพัดลมในการผลักอากาศผ่านฮีตซิงก์ ทำให้เครื่องสามารถระบายความร้อนได้โดยไม่มีชิ้นส่วนหมุน ลดเสียงรบกวนและความเสี่ยงจากการสึกหรอ Snapdragon X2 Elite Extreme ที่ใช้ใน reference design นี้มีถึง 18 คอร์ และสามารถ boost ได้ถึง 5 GHz พร้อมรองรับแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงถึง 228 GB/s ซึ่งถือว่าแรงกว่ารุ่น X2 Elite ปกติ และสามารถรองรับงานระดับมืออาชีพ เช่น การตัดต่อวิดีโอ, การประมวลผล AI, และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ตัวเครื่องถูกออกแบบด้วยวัสดุอะลูมิเนียมสีแดง Snapdragon มีพอร์ต USB-C สองช่อง, ช่องเสียบหูฟัง และพอร์ตพลังงานแบบ barrel jack โดยไม่มีพัดลมเลยแม้แต่ตัวเดียว แม้จะยังไม่มีการประกาศว่าจะผลิตเพื่อจำหน่ายจริงหรือไม่ แต่ Qualcomm ยืนยันว่ากำลังร่วมมือกับ OEM จากไต้หวันอย่างน้อย 3 ราย เพื่อพัฒนาแนวคิดนี้ต่อไป ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Qualcomm เปิดตัว Snapdragon X2 Elite และ Elite Extreme สำหรับพีซี Windows ➡️ Reference design mini PC มีสองรูปแบบ: ทรงกลมบางเฉียบ และแบบสี่เหลี่ยมเสียบฐานจอ ➡️ ใช้เทคโนโลยี Frore AirJet ในการระบายความร้อนแบบไร้พัดลม ➡️ AirJet ใช้คลื่นอัลตราโซนิกในการผลักอากาศผ่านฮีตซิงก์ ➡️ Snapdragon X2 Elite Extreme มี 18 คอร์ และ boost ได้ถึง 5 GHz ➡️ รองรับแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงถึง 228 GB/s ➡️ ตัวเครื่องมีพอร์ต USB-C, ช่องหูฟัง และ barrel jack สำหรับพลังงาน ➡️ ดีไซน์บางเฉียบและเงียบ เหมาะสำหรับการใช้งานระดับมืออาชีพ ➡️ Qualcomm ร่วมมือกับ OEM จากไต้หวันเพื่อพัฒนาแนวคิดนี้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ AirJet เคยถูกใช้ใน Wi-Fi hotspot สำหรับหน่วยกู้ภัยของ AT&T ➡️ Snapdragon X2 Elite Extreme มี NPU 80 TOPS ซึ่งเป็น NPU ที่เร็วที่สุดในโลกสำหรับแล็ปท็อป ➡️ ชิปนี้ใช้ CPU Qualcomm Oryon รุ่นที่ 3 ที่เร็วกว่า CPU คู่แข่งถึง 75% ที่พลังงานเท่ากัน ➡️ GPU Adreno ใหม่มีประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงขึ้นถึง 2.3 เท่า ➡️ ดีไซน์แบบ modular all-in-one ช่วยให้สามารถอัปเกรดเฉพาะส่วนประมวลผลได้ในอนาคต https://www.tomshardware.com/desktops/mini-pcs/qualcomms-snapdragon-x2-elite-reference-mini-pc-looks-like-a-coaster-some-designs-are-cooled-by-frore-airjets
    0 Comments 0 Shares 155 Views 0 Reviews
  • “Sony เปิดตัว Pulse Elevate ลำโพงไร้สายสำหรับเกมเมอร์ PC และ PS5 — เสียงสมจริง ดีไซน์พกพา พร้อมไมค์ AI ตัดเสียงรบกวน”

    ในงาน State of Play ล่าสุด Sony ได้เผยโฉม “Pulse Elevate” ลำโพงไร้สายรุ่นแรกที่ออกแบบมาเพื่อเกมเมอร์บนเดสก์ท็อปโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้ PC, Mac หรือ PS5 ลำโพงรุ่นนี้ถือเป็นการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ Pulse Audio ที่เคยมีทั้งหูฟัง Pulse Elite และหูฟังไร้สาย Pulse Explore มาก่อน

    Pulse Elevate มาพร้อมเทคโนโลยี PlayStation Link ที่ให้เสียงแบบ lossless และ latency ต่ำมาก เหมาะสำหรับการเล่นเกมที่ต้องการความแม่นยำของเสียงแบบเรียลไทม์ โดยใช้ไดรเวอร์แบบ planar magnetic ซึ่งให้เสียงที่สมจริงครอบคลุมทุกย่านความถี่ พร้อมวูฟเฟอร์ในตัวเพื่อเพิ่มพลังเสียงเบสให้ “รู้สึกถึงแรงกระแทก” ในเกม

    ลำโพงยังมีไมโครโฟนในตัวที่ฝังอยู่ในลำโพงด้านขวา พร้อมระบบ AI noise rejection ที่ช่วยตัดเสียงรบกวนรอบข้าง ทำให้สามารถใช้สนทนาเสียงได้โดยไม่ต้องใส่หูฟัง นอกจากนี้ยังมีปุ่มปรับเสียงและ EQ ที่สามารถตั้งค่าได้ผ่าน PS5 และ PC (Mac ยังไม่รองรับการปรับแต่งเต็มรูปแบบ)

    Pulse Elevate รองรับการเชื่อมต่อแบบคู่ ทั้ง Bluetooth และ PlayStation Link ทำให้สามารถฟังเสียงเกมจาก PS5 พร้อมกับเสียงเพลงหรือแชทจากมือถือได้ในเวลาเดียวกัน ลำโพงยังมีแบตเตอรี่ในตัวและแท่นชาร์จ ทำให้สามารถพกพาไปใช้งานกับ PlayStation Portal หรือสมาร์ทโฟนได้อย่างสะดวก

    Sony ระบุว่าจะวางจำหน่ายในปี 2026 โดยมีสองสีให้เลือกคือ Midnight Black และ White แต่ยังไม่เปิดเผยราคาจำหน่ายในขณะนี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Pulse Elevate เป็นลำโพงไร้สายรุ่นแรกของ Sony สำหรับเกมเมอร์เดสก์ท็อป
    รองรับ PS5, PC, Mac และ PlayStation Portal
    ใช้เทคโนโลยี PlayStation Link ให้เสียงแบบ lossless และ latency ต่ำ
    ใช้ไดรเวอร์ planar magnetic พร้อมวูฟเฟอร์ในตัว
    มีไมโครโฟนฝังในลำโพงด้านขวา พร้อมระบบ AI ตัดเสียงรบกวน
    รองรับการเชื่อมต่อแบบคู่ ทั้ง Bluetooth และ PlayStation Link
    มีแบตเตอรี่ในตัว พร้อมแท่นชาร์จสำหรับใช้งานแบบพกพา
    ปรับแต่ง EQ, sidetone, volume และ mic mute ได้บน PS5 และ PC
    วางจำหน่ายปี 2026 มีสองสี Midnight Black และ White

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ไดรเวอร์ planar magnetic มักใช้ในหูฟังระดับสตูดิโอ ให้เสียงแม่นยำและสมจริง
    Tempest 3D AudioTech บน PS5 ช่วยให้เสียงมีมิติและตำแหน่งที่แม่นยำในเกม
    ลำโพงไร้สายแบบพกพาที่มี latency ต่ำยังหาได้ยากในตลาดเกมมิ่ง
    การมีไมค์ในตัวช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องพึ่งหูฟังสำหรับแชทเสียง
    การเชื่อมต่อแบบคู่ช่วยให้ผู้ใช้จัดการเสียงจากหลายอุปกรณ์ได้อย่างยืดหยุ่น

    https://www.tomshardware.com/speakers/sony-unveils-first-ever-wireless-desktop-speakers-for-pc-gamers-with-planar-magnetic-drivers-sleek-design-features-microphone-and-battery-also-work-with-mac-and-ps5
    🔊 “Sony เปิดตัว Pulse Elevate ลำโพงไร้สายสำหรับเกมเมอร์ PC และ PS5 — เสียงสมจริง ดีไซน์พกพา พร้อมไมค์ AI ตัดเสียงรบกวน” ในงาน State of Play ล่าสุด Sony ได้เผยโฉม “Pulse Elevate” ลำโพงไร้สายรุ่นแรกที่ออกแบบมาเพื่อเกมเมอร์บนเดสก์ท็อปโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้ PC, Mac หรือ PS5 ลำโพงรุ่นนี้ถือเป็นการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ Pulse Audio ที่เคยมีทั้งหูฟัง Pulse Elite และหูฟังไร้สาย Pulse Explore มาก่อน Pulse Elevate มาพร้อมเทคโนโลยี PlayStation Link ที่ให้เสียงแบบ lossless และ latency ต่ำมาก เหมาะสำหรับการเล่นเกมที่ต้องการความแม่นยำของเสียงแบบเรียลไทม์ โดยใช้ไดรเวอร์แบบ planar magnetic ซึ่งให้เสียงที่สมจริงครอบคลุมทุกย่านความถี่ พร้อมวูฟเฟอร์ในตัวเพื่อเพิ่มพลังเสียงเบสให้ “รู้สึกถึงแรงกระแทก” ในเกม ลำโพงยังมีไมโครโฟนในตัวที่ฝังอยู่ในลำโพงด้านขวา พร้อมระบบ AI noise rejection ที่ช่วยตัดเสียงรบกวนรอบข้าง ทำให้สามารถใช้สนทนาเสียงได้โดยไม่ต้องใส่หูฟัง นอกจากนี้ยังมีปุ่มปรับเสียงและ EQ ที่สามารถตั้งค่าได้ผ่าน PS5 และ PC (Mac ยังไม่รองรับการปรับแต่งเต็มรูปแบบ) Pulse Elevate รองรับการเชื่อมต่อแบบคู่ ทั้ง Bluetooth และ PlayStation Link ทำให้สามารถฟังเสียงเกมจาก PS5 พร้อมกับเสียงเพลงหรือแชทจากมือถือได้ในเวลาเดียวกัน ลำโพงยังมีแบตเตอรี่ในตัวและแท่นชาร์จ ทำให้สามารถพกพาไปใช้งานกับ PlayStation Portal หรือสมาร์ทโฟนได้อย่างสะดวก Sony ระบุว่าจะวางจำหน่ายในปี 2026 โดยมีสองสีให้เลือกคือ Midnight Black และ White แต่ยังไม่เปิดเผยราคาจำหน่ายในขณะนี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Pulse Elevate เป็นลำโพงไร้สายรุ่นแรกของ Sony สำหรับเกมเมอร์เดสก์ท็อป ➡️ รองรับ PS5, PC, Mac และ PlayStation Portal ➡️ ใช้เทคโนโลยี PlayStation Link ให้เสียงแบบ lossless และ latency ต่ำ ➡️ ใช้ไดรเวอร์ planar magnetic พร้อมวูฟเฟอร์ในตัว ➡️ มีไมโครโฟนฝังในลำโพงด้านขวา พร้อมระบบ AI ตัดเสียงรบกวน ➡️ รองรับการเชื่อมต่อแบบคู่ ทั้ง Bluetooth และ PlayStation Link ➡️ มีแบตเตอรี่ในตัว พร้อมแท่นชาร์จสำหรับใช้งานแบบพกพา ➡️ ปรับแต่ง EQ, sidetone, volume และ mic mute ได้บน PS5 และ PC ➡️ วางจำหน่ายปี 2026 มีสองสี Midnight Black และ White ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ไดรเวอร์ planar magnetic มักใช้ในหูฟังระดับสตูดิโอ ให้เสียงแม่นยำและสมจริง ➡️ Tempest 3D AudioTech บน PS5 ช่วยให้เสียงมีมิติและตำแหน่งที่แม่นยำในเกม ➡️ ลำโพงไร้สายแบบพกพาที่มี latency ต่ำยังหาได้ยากในตลาดเกมมิ่ง ➡️ การมีไมค์ในตัวช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องพึ่งหูฟังสำหรับแชทเสียง ➡️ การเชื่อมต่อแบบคู่ช่วยให้ผู้ใช้จัดการเสียงจากหลายอุปกรณ์ได้อย่างยืดหยุ่น https://www.tomshardware.com/speakers/sony-unveils-first-ever-wireless-desktop-speakers-for-pc-gamers-with-planar-magnetic-drivers-sleek-design-features-microphone-and-battery-also-work-with-mac-and-ps5
    0 Comments 0 Shares 137 Views 0 Reviews
  • “Ubuntu Touch OTA-10 มาแล้ว! รองรับ Rabbit R1, เตรียมอัปเกรดสู่ 24.04 พร้อมฟีเจอร์ใหม่จาก Nix และ Bluetooth ที่ปลอดภัยขึ้น”

    หลังจากห่างหายไปเกือบ 3 เดือน UBports Foundation ได้ปล่อยอัปเดตใหญ่ Ubuntu Touch OTA-10 สำหรับอุปกรณ์ที่รองรับ โดยยังคงใช้พื้นฐานจาก Ubuntu 20.04 LTS (Focal Fossa) แต่มีการเตรียมความพร้อมสำหรับการอัปเกรดสู่ Ubuntu Touch 24.04-1.0 ที่จะใช้ Ubuntu 24.04 LTS เป็นฐานใหม่ในอนาคต

    หนึ่งในฟีเจอร์สำคัญของ OTA-10 คือการเพิ่มตัวอัปเกรดใหม่ชื่อว่า “Ubuntu Touch Upgrader” ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถอัปเกรดระบบไปยังเวอร์ชัน 24.04 ได้อย่างราบรื่นเมื่อเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยไม่ต้องแฟลชเครื่องใหม่

    อีกหนึ่งไฮไลต์คือการรองรับอุปกรณ์ใหม่ “Rabbit R1” ซึ่งเป็นอุปกรณ์ผู้ช่วยส่วนตัวที่ขับเคลื่อนด้วย AI และได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการระบบปฏิบัติการแบบเปิดและปลอดภัย โดย Ubuntu Touch บน Rabbit R1 ได้รับการพัฒนาโดยชุมชน และพร้อมใช้งานในระดับ daily driver แล้ว

    นอกจากนี้ OTA-10 ยังเพิ่มการรองรับเบื้องต้นสำหรับระบบแพ็กเกจ Nix ซึ่งเป็นระบบจัดการซอฟต์แวร์แบบ declarative ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักพัฒนา DevOps และผู้ใช้ Linux ขั้นสูง

    ด้านมัลติมีเดียมีการปรับปรุงการคำนวณ SetBitrate() ในตัวเข้ารหัส H.264 และเพิ่มการรองรับฟอร์แมต UHD รวมถึงการอัปเดตประเภท AVC level เพื่อให้การเล่นวิดีโอมีคุณภาพและเสถียรมากขึ้น

    ในส่วนของ Bluetooth มีการปรับปรุงให้ไม่สามารถจับคู่กับอุปกรณ์ Nissan Connect ได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้จากการเชื่อมต่อที่ไม่พึงประสงค์

    อัปเดตนี้รองรับอุปกรณ์หลากหลายรุ่น เช่น Asus Zenfone Max Pro M1, Fairphone 3–4, Google Pixel 3a, OnePlus 5–Nord N100, Lenovo Tab M10 HD, Sony Xperia X, Volla Phone/Tablet, Xiaomi Poco และ Redmi หลายรุ่น โดยผู้ใช้ในช่อง Stable จะได้รับอัปเดตผ่านหน้าจอ System Settings แบบทยอยปล่อย

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Ubuntu Touch OTA-10 ใช้พื้นฐานจาก Ubuntu 20.04 LTS
    เพิ่ม “Ubuntu Touch Upgrader” สำหรับอัปเกรดสู่ Ubuntu Touch 24.04-1.0
    รองรับอุปกรณ์ใหม่ Rabbit R1 ที่ขับเคลื่อนด้วย AI
    เพิ่มการรองรับเบื้องต้นสำหรับระบบแพ็กเกจ Nix
    ปรับปรุงการคำนวณ SetBitrate() ใน H.264 encoder
    เพิ่มการรองรับฟอร์แมต UHD และอัปเดต AVC level types
    ปรับปรุง Bluetooth ไม่ให้ autopair กับ Nissan Connect
    รองรับอุปกรณ์หลากหลายรุ่นจาก Asus, Fairphone, Google, OnePlus, Lenovo, Sony, Volla, Xiaomi
    ผู้ใช้ในช่อง Stable จะได้รับอัปเดตผ่าน System Settings แบบทยอยปล่อย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Ubuntu Touch 24.04-1.0 จะใช้ Ubuntu 24.04 LTS เป็นฐานใหม่ พร้อม Qt 5.15 และธีมใหม่
    Rabbit R1 เป็นอุปกรณ์ผู้ช่วย AI ที่เน้นความเป็นส่วนตัวและการควบคุมข้อมูล
    Nix เป็นระบบจัดการแพ็กเกจที่ใช้แนวคิด declarative และ reproducible builds
    การปรับปรุง Bluetooth ช่วยลดความเสี่ยงจากการเชื่อมต่อโดยไม่ได้รับอนุญาต
    UHD และ AVC level ใหม่ช่วยให้การเล่นวิดีโอมีคุณภาพสูงขึ้นในอุปกรณ์มือถือ

    https://9to5linux.com/ubuntu-touch-ota-10-released-with-ubuntu-touch-upgrader-rabbit-r1-support
    📱 “Ubuntu Touch OTA-10 มาแล้ว! รองรับ Rabbit R1, เตรียมอัปเกรดสู่ 24.04 พร้อมฟีเจอร์ใหม่จาก Nix และ Bluetooth ที่ปลอดภัยขึ้น” หลังจากห่างหายไปเกือบ 3 เดือน UBports Foundation ได้ปล่อยอัปเดตใหญ่ Ubuntu Touch OTA-10 สำหรับอุปกรณ์ที่รองรับ โดยยังคงใช้พื้นฐานจาก Ubuntu 20.04 LTS (Focal Fossa) แต่มีการเตรียมความพร้อมสำหรับการอัปเกรดสู่ Ubuntu Touch 24.04-1.0 ที่จะใช้ Ubuntu 24.04 LTS เป็นฐานใหม่ในอนาคต หนึ่งในฟีเจอร์สำคัญของ OTA-10 คือการเพิ่มตัวอัปเกรดใหม่ชื่อว่า “Ubuntu Touch Upgrader” ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถอัปเกรดระบบไปยังเวอร์ชัน 24.04 ได้อย่างราบรื่นเมื่อเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยไม่ต้องแฟลชเครื่องใหม่ อีกหนึ่งไฮไลต์คือการรองรับอุปกรณ์ใหม่ “Rabbit R1” ซึ่งเป็นอุปกรณ์ผู้ช่วยส่วนตัวที่ขับเคลื่อนด้วย AI และได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการระบบปฏิบัติการแบบเปิดและปลอดภัย โดย Ubuntu Touch บน Rabbit R1 ได้รับการพัฒนาโดยชุมชน และพร้อมใช้งานในระดับ daily driver แล้ว นอกจากนี้ OTA-10 ยังเพิ่มการรองรับเบื้องต้นสำหรับระบบแพ็กเกจ Nix ซึ่งเป็นระบบจัดการซอฟต์แวร์แบบ declarative ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักพัฒนา DevOps และผู้ใช้ Linux ขั้นสูง ด้านมัลติมีเดียมีการปรับปรุงการคำนวณ SetBitrate() ในตัวเข้ารหัส H.264 และเพิ่มการรองรับฟอร์แมต UHD รวมถึงการอัปเดตประเภท AVC level เพื่อให้การเล่นวิดีโอมีคุณภาพและเสถียรมากขึ้น ในส่วนของ Bluetooth มีการปรับปรุงให้ไม่สามารถจับคู่กับอุปกรณ์ Nissan Connect ได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้จากการเชื่อมต่อที่ไม่พึงประสงค์ อัปเดตนี้รองรับอุปกรณ์หลากหลายรุ่น เช่น Asus Zenfone Max Pro M1, Fairphone 3–4, Google Pixel 3a, OnePlus 5–Nord N100, Lenovo Tab M10 HD, Sony Xperia X, Volla Phone/Tablet, Xiaomi Poco และ Redmi หลายรุ่น โดยผู้ใช้ในช่อง Stable จะได้รับอัปเดตผ่านหน้าจอ System Settings แบบทยอยปล่อย ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Ubuntu Touch OTA-10 ใช้พื้นฐานจาก Ubuntu 20.04 LTS ➡️ เพิ่ม “Ubuntu Touch Upgrader” สำหรับอัปเกรดสู่ Ubuntu Touch 24.04-1.0 ➡️ รองรับอุปกรณ์ใหม่ Rabbit R1 ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ➡️ เพิ่มการรองรับเบื้องต้นสำหรับระบบแพ็กเกจ Nix ➡️ ปรับปรุงการคำนวณ SetBitrate() ใน H.264 encoder ➡️ เพิ่มการรองรับฟอร์แมต UHD และอัปเดต AVC level types ➡️ ปรับปรุง Bluetooth ไม่ให้ autopair กับ Nissan Connect ➡️ รองรับอุปกรณ์หลากหลายรุ่นจาก Asus, Fairphone, Google, OnePlus, Lenovo, Sony, Volla, Xiaomi ➡️ ผู้ใช้ในช่อง Stable จะได้รับอัปเดตผ่าน System Settings แบบทยอยปล่อย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Ubuntu Touch 24.04-1.0 จะใช้ Ubuntu 24.04 LTS เป็นฐานใหม่ พร้อม Qt 5.15 และธีมใหม่ ➡️ Rabbit R1 เป็นอุปกรณ์ผู้ช่วย AI ที่เน้นความเป็นส่วนตัวและการควบคุมข้อมูล ➡️ Nix เป็นระบบจัดการแพ็กเกจที่ใช้แนวคิด declarative และ reproducible builds ➡️ การปรับปรุง Bluetooth ช่วยลดความเสี่ยงจากการเชื่อมต่อโดยไม่ได้รับอนุญาต ➡️ UHD และ AVC level ใหม่ช่วยให้การเล่นวิดีโอมีคุณภาพสูงขึ้นในอุปกรณ์มือถือ https://9to5linux.com/ubuntu-touch-ota-10-released-with-ubuntu-touch-upgrader-rabbit-r1-support
    9TO5LINUX.COM
    Ubuntu Touch OTA-10 Released with Ubuntu Touch Upgrader, Rabbit R1 Support - 9to5Linux
    Ubuntu Touch OTA-10 is now rolling out to all supported devices with various improvements and fixes. Here’s what’s new!
    0 Comments 0 Shares 137 Views 0 Reviews
More Results