• FreeBSD ทำให้การโฮสต์เองกลับมาสนุกอีกครั้ง: เมื่อเทคโนโลยีไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้

    ผู้เขียนบล็อกเล่าถึงความรู้สึก “ติดกับดัก” จากวิธีใช้เทคโนโลยีแบบเดิม ๆ ที่ไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป จนกระทั่งได้ลองใช้ระบบปฏิบัติการในตระกูล BSD โดยเฉพาะ FreeBSD ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ที่ทำให้การโฮสต์เองกลับมาสนุกอีกครั้ง

    แม้จะเคยใช้ OpenBSD มาก่อนในงานที่เฉพาะเจาะจง เช่น การตั้งค่าเราเตอร์หรือ VM แบบเดี่ยว แต่เมื่อถึงเวลาต้องการระบบที่รองรับหลาย workload พร้อมกัน FreeBSD กลับตอบโจทย์ได้ดีกว่า

    FreeBSD เหมาะกับการโฮสต์หลาย workload พร้อมกัน
    ใช้ BastilleBSD สำหรับ jails และ vm-bhyve สำหรับ VM
    ระบบมีความยืดหยุ่นและปรับแต่งได้ตามต้องการ

    ความเรียบง่ายและเอกสารดีคือจุดแข็งของ BSD
    คำสั่งส่วนใหญ่สามารถรันผ่าน SSH ได้ทันที
    หากค้นหาข้อมูลออนไลน์ ก็มักจะเจอ man page ที่ตรงกับ CLI

    ความเข้ากันได้ระยะยาวคือข้อได้เปรียบ
    วิธีแก้ปัญหาจากปี 2008 ยังใช้ได้ในปี 2025
    ระบบไม่รู้สึกเก่า แม้จะมีอายุยาวนาน

    ชุมชน BSD เป็นมิตรและช่วยเหลือดี
    ได้รับคำแนะนำจากผู้ใช้ใน Fediverse
    คำถามที่ชัดเจนมักได้รับคำตอบที่มีคุณภาพ

    การเรียนรู้แบบลงมือทำคือหัวใจของการใช้งาน FreeBSD
    ไม่ต้องรู้ทุกอย่างก่อนเริ่ม
    ความสนุกเกิดจากการลองผิดลองถูกและค้นพบสิ่งใหม่

    การเข้าใจ release cycle ของ FreeBSD อาจสับสน
    ไม่เกี่ยวข้องกับระบบ pkg และ ports โดยตรง
    ต้องศึกษาจากแหล่งข้อมูลเฉพาะเพื่อเข้าใจโครงสร้าง

    การตั้งค่าระบบอาจไม่เป็นไปตามแนวทางทั่วไป
    ผู้ใช้ต้องปรับแต่งเองตามความต้องการ
    อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการระบบ “พร้อมใช้” ทันที

    การโฮสต์เองไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค — มันคือการสร้างพื้นที่ที่สะท้อนตัวตนของเรา และ FreeBSD ก็อาจเป็นเครื่องมือที่ทำให้การเดินทางนั้นกลับมาน่าตื่นเต้นอีกครั้ง

    https://jsteuernagel.de/posts/using-freebsd-to-make-self-hosting-fun-again/
    🖥️ FreeBSD ทำให้การโฮสต์เองกลับมาสนุกอีกครั้ง: เมื่อเทคโนโลยีไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ ผู้เขียนบล็อกเล่าถึงความรู้สึก “ติดกับดัก” จากวิธีใช้เทคโนโลยีแบบเดิม ๆ ที่ไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป จนกระทั่งได้ลองใช้ระบบปฏิบัติการในตระกูล BSD โดยเฉพาะ FreeBSD ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ที่ทำให้การโฮสต์เองกลับมาสนุกอีกครั้ง แม้จะเคยใช้ OpenBSD มาก่อนในงานที่เฉพาะเจาะจง เช่น การตั้งค่าเราเตอร์หรือ VM แบบเดี่ยว แต่เมื่อถึงเวลาต้องการระบบที่รองรับหลาย workload พร้อมกัน FreeBSD กลับตอบโจทย์ได้ดีกว่า ✅ FreeBSD เหมาะกับการโฮสต์หลาย workload พร้อมกัน ➡️ ใช้ BastilleBSD สำหรับ jails และ vm-bhyve สำหรับ VM ➡️ ระบบมีความยืดหยุ่นและปรับแต่งได้ตามต้องการ ✅ ความเรียบง่ายและเอกสารดีคือจุดแข็งของ BSD ➡️ คำสั่งส่วนใหญ่สามารถรันผ่าน SSH ได้ทันที ➡️ หากค้นหาข้อมูลออนไลน์ ก็มักจะเจอ man page ที่ตรงกับ CLI ✅ ความเข้ากันได้ระยะยาวคือข้อได้เปรียบ ➡️ วิธีแก้ปัญหาจากปี 2008 ยังใช้ได้ในปี 2025 ➡️ ระบบไม่รู้สึกเก่า แม้จะมีอายุยาวนาน ✅ ชุมชน BSD เป็นมิตรและช่วยเหลือดี ➡️ ได้รับคำแนะนำจากผู้ใช้ใน Fediverse ➡️ คำถามที่ชัดเจนมักได้รับคำตอบที่มีคุณภาพ ✅ การเรียนรู้แบบลงมือทำคือหัวใจของการใช้งาน FreeBSD ➡️ ไม่ต้องรู้ทุกอย่างก่อนเริ่ม ➡️ ความสนุกเกิดจากการลองผิดลองถูกและค้นพบสิ่งใหม่ ‼️ การเข้าใจ release cycle ของ FreeBSD อาจสับสน ⛔ ไม่เกี่ยวข้องกับระบบ pkg และ ports โดยตรง ⛔ ต้องศึกษาจากแหล่งข้อมูลเฉพาะเพื่อเข้าใจโครงสร้าง ‼️ การตั้งค่าระบบอาจไม่เป็นไปตามแนวทางทั่วไป ⛔ ผู้ใช้ต้องปรับแต่งเองตามความต้องการ ⛔ อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการระบบ “พร้อมใช้” ทันที การโฮสต์เองไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค — มันคือการสร้างพื้นที่ที่สะท้อนตัวตนของเรา และ FreeBSD ก็อาจเป็นเครื่องมือที่ทำให้การเดินทางนั้นกลับมาน่าตื่นเต้นอีกครั้ง 🧩💡 https://jsteuernagel.de/posts/using-freebsd-to-make-self-hosting-fun-again/
    0 Comments 0 Shares 54 Views 0 Reviews
  • เมื่อ AI กลายเป็นช่องทางลับ: มัลแวร์ SesameOp แอบใช้ OpenAI API เป็นช่องสื่อสารลับ

    ลองจินตนาการว่าเครื่องมือ AI ที่เราใช้สร้างผู้ช่วยอัจฉริยะ กลับถูกใช้เป็นช่องทางลับในการสื่อสารของแฮกเกอร์ — นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในกรณีของ SesameOp มัลแวร์สายจารกรรมที่ถูกค้นพบโดยทีม Microsoft DART (Detection and Response Team)

    ในเดือนกรกฎาคม 2025 Microsoft ตรวจพบการโจมตีที่ซับซ้อน ซึ่งแฮกเกอร์ได้ฝังมัลแวร์ไว้ในระบบองค์กรผ่านการฉีดโค้ดลงใน Visual Studio โดยใช้เทคนิค .NET AppDomainManager injection เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับและคงอยู่ในระบบได้นานหลายเดือน

    แต่สิ่งที่ทำให้ SesameOp โดดเด่นคือการใช้ OpenAI Assistants API — บริการคลาวด์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างผู้ช่วย AI — เป็นช่องทางสื่อสารลับ (Command-and-Control หรือ C2) โดยไม่ต้องตั้งเซิร์ฟเวอร์แฮกเองให้เสี่ยงถูกจับได้

    SesameOp ไม่ได้เรียกใช้โมเดล AI หรือ SDK ของ OpenAI แต่ใช้ API เพื่อดึงคำสั่งที่ถูกเข้ารหัสไว้ แล้วนำไปประมวลผลในเครื่องที่ติดมัลแวร์ จากนั้นก็ส่งผลลัพธ์กลับไปยังแฮกเกอร์ผ่าน API เดิม โดยทั้งหมดถูกซ่อนอยู่ในทราฟฟิก HTTPS ปกติ ทำให้ยากต่อการตรวจจับ

    Microsoft ยืนยันว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่ช่องโหว่ของ OpenAI แต่เป็นการ “ใช้ฟีเจอร์อย่างผิดวัตถุประสงค์” และได้ร่วมมือกับ OpenAI เพื่อปิดบัญชีและ API key ที่ถูกใช้ในการโจมตี

    มัลแวร์ SesameOp ใช้ OpenAI Assistants API เป็นช่องทางสื่อสารลับ
    ไม่ใช้โมเดล AI หรือ SDK แต่ใช้ API เพื่อรับคำสั่งและส่งผลลัพธ์
    ซ่อนการสื่อสารในทราฟฟิก HTTPS ปกติ ทำให้ตรวจจับได้ยาก

    ถูกค้นพบโดย Microsoft DART ในการสืบสวนเหตุการณ์โจมตีองค์กร
    ใช้เทคนิค .NET AppDomainManager injection ใน Visual Studio
    ฝังโค้ดเพื่อคงอยู่ในระบบและหลบเลี่ยงการตรวจจับ

    Microsoft และ OpenAI ร่วมมือกันปิดบัญชีและ API key ที่ถูกใช้
    ยืนยันว่าไม่ใช่ช่องโหว่ของระบบ แต่เป็นการใช้ฟีเจอร์ผิดวัตถุประสงค์
    API ดังกล่าวจะถูกยกเลิกในเดือนสิงหาคม 2026

    การเข้ารหัสข้อมูลใช้ทั้ง AES-256 และ RSA
    ข้อมูลถูกบีบอัดด้วย GZIP ก่อนส่งกลับผ่าน API
    เพิ่มความลับและลดขนาดข้อมูลเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ

    https://securityonline.info/sesameop-backdoor-hijacks-openai-assistants-api-for-covert-c2-and-espionage/
    🕵️‍♂️ เมื่อ AI กลายเป็นช่องทางลับ: มัลแวร์ SesameOp แอบใช้ OpenAI API เป็นช่องสื่อสารลับ ลองจินตนาการว่าเครื่องมือ AI ที่เราใช้สร้างผู้ช่วยอัจฉริยะ กลับถูกใช้เป็นช่องทางลับในการสื่อสารของแฮกเกอร์ — นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในกรณีของ SesameOp มัลแวร์สายจารกรรมที่ถูกค้นพบโดยทีม Microsoft DART (Detection and Response Team) ในเดือนกรกฎาคม 2025 Microsoft ตรวจพบการโจมตีที่ซับซ้อน ซึ่งแฮกเกอร์ได้ฝังมัลแวร์ไว้ในระบบองค์กรผ่านการฉีดโค้ดลงใน Visual Studio โดยใช้เทคนิค .NET AppDomainManager injection เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับและคงอยู่ในระบบได้นานหลายเดือน แต่สิ่งที่ทำให้ SesameOp โดดเด่นคือการใช้ OpenAI Assistants API — บริการคลาวด์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างผู้ช่วย AI — เป็นช่องทางสื่อสารลับ (Command-and-Control หรือ C2) โดยไม่ต้องตั้งเซิร์ฟเวอร์แฮกเองให้เสี่ยงถูกจับได้ SesameOp ไม่ได้เรียกใช้โมเดล AI หรือ SDK ของ OpenAI แต่ใช้ API เพื่อดึงคำสั่งที่ถูกเข้ารหัสไว้ แล้วนำไปประมวลผลในเครื่องที่ติดมัลแวร์ จากนั้นก็ส่งผลลัพธ์กลับไปยังแฮกเกอร์ผ่าน API เดิม โดยทั้งหมดถูกซ่อนอยู่ในทราฟฟิก HTTPS ปกติ ทำให้ยากต่อการตรวจจับ Microsoft ยืนยันว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่ช่องโหว่ของ OpenAI แต่เป็นการ “ใช้ฟีเจอร์อย่างผิดวัตถุประสงค์” และได้ร่วมมือกับ OpenAI เพื่อปิดบัญชีและ API key ที่ถูกใช้ในการโจมตี ✅ มัลแวร์ SesameOp ใช้ OpenAI Assistants API เป็นช่องทางสื่อสารลับ ➡️ ไม่ใช้โมเดล AI หรือ SDK แต่ใช้ API เพื่อรับคำสั่งและส่งผลลัพธ์ ➡️ ซ่อนการสื่อสารในทราฟฟิก HTTPS ปกติ ทำให้ตรวจจับได้ยาก ✅ ถูกค้นพบโดย Microsoft DART ในการสืบสวนเหตุการณ์โจมตีองค์กร ➡️ ใช้เทคนิค .NET AppDomainManager injection ใน Visual Studio ➡️ ฝังโค้ดเพื่อคงอยู่ในระบบและหลบเลี่ยงการตรวจจับ ✅ Microsoft และ OpenAI ร่วมมือกันปิดบัญชีและ API key ที่ถูกใช้ ➡️ ยืนยันว่าไม่ใช่ช่องโหว่ของระบบ แต่เป็นการใช้ฟีเจอร์ผิดวัตถุประสงค์ ➡️ API ดังกล่าวจะถูกยกเลิกในเดือนสิงหาคม 2026 ✅ การเข้ารหัสข้อมูลใช้ทั้ง AES-256 และ RSA ➡️ ข้อมูลถูกบีบอัดด้วย GZIP ก่อนส่งกลับผ่าน API ➡️ เพิ่มความลับและลดขนาดข้อมูลเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ https://securityonline.info/sesameop-backdoor-hijacks-openai-assistants-api-for-covert-c2-and-espionage/
    SECURITYONLINE.INFO
    SesameOp Backdoor Hijacks OpenAI Assistants API for Covert C2 and Espionage
    Microsoft exposed SesameOp, an espionage backdoor that uses the OpenAI Assistants API for a covert C2 channel. The malware bypasses network defenses by blending encrypted commands with legitimate HTTPS traffic.
    0 Comments 0 Shares 51 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/Z9oD60DkpGI?si=oWvNihsDk-94UxB4
    https://youtu.be/Z9oD60DkpGI?si=oWvNihsDk-94UxB4
    0 Comments 0 Shares 9 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/YA0SDbHYje8?si=-5fiZpM6Um4gmPYJ
    https://youtu.be/YA0SDbHYje8?si=-5fiZpM6Um4gmPYJ
    0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews
  • หัวข้อข่าว: “ASRock B850 ฆ่า Ryzen 7 9700X ไป 3 ตัว – ผู้ใช้เกาหลีใต้สูญกว่า $1,000 แม้ใช้ BIOS ล่าสุดและไม่เคยโอเวอร์คล็อก”

    ผู้ใช้ในเกาหลีใต้รายงานว่าเมนบอร์ด ASRock B850 Pro RS ทำให้ CPU Ryzen 7 9700X พังถึง 3 ตัวติดต่อกัน แม้จะใช้ BIOS เวอร์ชันล่าสุดและไม่เคยโอเวอร์คล็อกเลยก็ตาม โดยรวมมูลค่าความเสียหายกว่า $1,000 เหตุการณ์นี้จุดกระแสความกังวลในวงการ DIY PC ทั่วโลก

    เรื่องเริ่มจากผู้ใช้ชื่อ “OnOr” บนฟอรั่ม QuasarZone ในเกาหลีใต้ ที่ใช้เมนบอร์ด ASRock B850 Pro RS กับ CPU Ryzen 7 9700X ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ในซีรีส์ Ryzen 9000 โดย CPU ตัวแรกและตัวที่สองที่ซื้อจาก AliExpress พังไปอย่างรวดเร็ว เจ้าของจึงส่งเมนบอร์ดไปตรวจสอบ แต่ร้านค้าและ ASRock แจ้งว่า “ไม่มีปัญหา”

    เมื่อกลับมาใช้งานอีกครั้งกับ CPU ตัวที่สามที่ซื้อจากตัวแทนจำหน่ายในประเทศ ก็ยังคงพังเหมือนเดิม แม้จะใช้ BIOS เวอร์ชัน 3.40 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดที่ ASRock อ้างว่าแก้ปัญหาความเสถียรของ CPU แล้วก็ตาม

    กรณีนี้ไม่ใช่รายแรก เพราะก่อนหน้านี้มีรายงานจำนวนมากเกี่ยวกับเมนบอร์ด ASRock ที่ทำให้ CPU Ryzen 9000 พัง โดยเฉพาะรุ่น X3D แต่ครั้งนี้เป็นรุ่นธรรมดา ซึ่งทำให้เกิดความกังวลมากขึ้น

    Gamers Nexus เคยรายงานว่า กว่า 80% ของเคส CPU พังในซีรีส์นี้มาจากเมนบอร์ด ASRock ซึ่งทำให้แบรนด์ถูกจับตามองอย่างหนัก แม้ ASRock จะออก BIOS ใหม่และปฏิเสธความรับผิดชอบโดยอ้างว่าเป็นปัญหาจาก AMD แต่ AMD ก็ปฏิเสธกลับเช่นกัน

    ผู้ใช้ในเกาหลีใต้สูญเสีย CPU Ryzen 7 9700X ไป 3 ตัวจากเมนบอร์ด ASRock B850 Pro RS
    มูลค่าความเสียหายรวมกว่า $1,000

    ใช้ BIOS เวอร์ชันล่าสุด 3.40 และไม่เคยโอเวอร์คล็อก
    ยังเกิดปัญหา CPU พังซ้ำถึง 3 ครั้ง

    เคสนี้ไม่ใช่รายแรก – มีรายงานจำนวนมากใน subreddit r/ASRock
    โดยเฉพาะกับ CPU Ryzen 9000 และรุ่น X3D

    Gamers Nexus รายงานว่า 80% ของเคส CPU พังมาจากเมนบอร์ด ASRock
    ทำให้แบรนด์ถูกจับตามองอย่างหนัก

    ASRock ออก BIOS ใหม่เพื่อแก้ปัญหา แต่ยังไม่ชัดเจนว่าได้ผลจริง
    เวอร์ชัน 3.40 เน้นเรื่อง “CPU stability” แต่ยังมีเคสพังหลังอัปเดต

    https://www.tomshardware.com/pc-components/motherboards/the-same-asrock-b850-motherboard-kills-three-ryzen-7-9700x-cpus-worth-usd1-000-one-by-one-in-south-korea-victim-used-updated-bios-and-never-overclocked-but-still-lost-all-their-processors
    ⚠️🔥 หัวข้อข่าว: “ASRock B850 ฆ่า Ryzen 7 9700X ไป 3 ตัว – ผู้ใช้เกาหลีใต้สูญกว่า $1,000 แม้ใช้ BIOS ล่าสุดและไม่เคยโอเวอร์คล็อก” ผู้ใช้ในเกาหลีใต้รายงานว่าเมนบอร์ด ASRock B850 Pro RS ทำให้ CPU Ryzen 7 9700X พังถึง 3 ตัวติดต่อกัน แม้จะใช้ BIOS เวอร์ชันล่าสุดและไม่เคยโอเวอร์คล็อกเลยก็ตาม โดยรวมมูลค่าความเสียหายกว่า $1,000 เหตุการณ์นี้จุดกระแสความกังวลในวงการ DIY PC ทั่วโลก เรื่องเริ่มจากผู้ใช้ชื่อ “OnOr” บนฟอรั่ม QuasarZone ในเกาหลีใต้ ที่ใช้เมนบอร์ด ASRock B850 Pro RS กับ CPU Ryzen 7 9700X ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ในซีรีส์ Ryzen 9000 โดย CPU ตัวแรกและตัวที่สองที่ซื้อจาก AliExpress พังไปอย่างรวดเร็ว เจ้าของจึงส่งเมนบอร์ดไปตรวจสอบ แต่ร้านค้าและ ASRock แจ้งว่า “ไม่มีปัญหา” เมื่อกลับมาใช้งานอีกครั้งกับ CPU ตัวที่สามที่ซื้อจากตัวแทนจำหน่ายในประเทศ ก็ยังคงพังเหมือนเดิม แม้จะใช้ BIOS เวอร์ชัน 3.40 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดที่ ASRock อ้างว่าแก้ปัญหาความเสถียรของ CPU แล้วก็ตาม กรณีนี้ไม่ใช่รายแรก เพราะก่อนหน้านี้มีรายงานจำนวนมากเกี่ยวกับเมนบอร์ด ASRock ที่ทำให้ CPU Ryzen 9000 พัง โดยเฉพาะรุ่น X3D แต่ครั้งนี้เป็นรุ่นธรรมดา ซึ่งทำให้เกิดความกังวลมากขึ้น Gamers Nexus เคยรายงานว่า กว่า 80% ของเคส CPU พังในซีรีส์นี้มาจากเมนบอร์ด ASRock ซึ่งทำให้แบรนด์ถูกจับตามองอย่างหนัก แม้ ASRock จะออก BIOS ใหม่และปฏิเสธความรับผิดชอบโดยอ้างว่าเป็นปัญหาจาก AMD แต่ AMD ก็ปฏิเสธกลับเช่นกัน ✅ ผู้ใช้ในเกาหลีใต้สูญเสีย CPU Ryzen 7 9700X ไป 3 ตัวจากเมนบอร์ด ASRock B850 Pro RS ➡️ มูลค่าความเสียหายรวมกว่า $1,000 ✅ ใช้ BIOS เวอร์ชันล่าสุด 3.40 และไม่เคยโอเวอร์คล็อก ➡️ ยังเกิดปัญหา CPU พังซ้ำถึง 3 ครั้ง ✅ เคสนี้ไม่ใช่รายแรก – มีรายงานจำนวนมากใน subreddit r/ASRock ➡️ โดยเฉพาะกับ CPU Ryzen 9000 และรุ่น X3D ✅ Gamers Nexus รายงานว่า 80% ของเคส CPU พังมาจากเมนบอร์ด ASRock ➡️ ทำให้แบรนด์ถูกจับตามองอย่างหนัก ✅ ASRock ออก BIOS ใหม่เพื่อแก้ปัญหา แต่ยังไม่ชัดเจนว่าได้ผลจริง ➡️ เวอร์ชัน 3.40 เน้นเรื่อง “CPU stability” แต่ยังมีเคสพังหลังอัปเดต https://www.tomshardware.com/pc-components/motherboards/the-same-asrock-b850-motherboard-kills-three-ryzen-7-9700x-cpus-worth-usd1-000-one-by-one-in-south-korea-victim-used-updated-bios-and-never-overclocked-but-still-lost-all-their-processors
    0 Comments 0 Shares 74 Views 0 Reviews
  • หัวข้อข่าว: “Snapmaker U1 – เครื่องพิมพ์ 3D ที่ระดมทุนสูงสุดในประวัติศาสตร์ เปิดขายแล้ว พร้อมเปลี่ยนโลกการสร้างสรรค์”

    Snapmaker เปิดตัวเครื่องพิมพ์ 3D รุ่น U1 อย่างเป็นทางการ หลังจากระดมทุนได้กว่า 20 ล้านดอลลาร์จากผู้สนับสนุนกว่า 20,000 รายบน Kickstarter โดยมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ที่เน้นความเร็ว ความแม่นยำ และการพิมพ์หลายวัสดุในเครื่องเดียว.

    Snapmaker U1 ไม่ใช่แค่เครื่องพิมพ์ 3D ธรรมดา แต่เป็นการรวม 4 หัวฉีดวัสดุไว้ในระบบเดียวผ่านเทคโนโลยี “SnapSwap” ที่สามารถสลับหัวฉีดได้ภายใน 5 วินาที ทำให้ผู้ใช้สามารถพิมพ์วัสดุหลากหลาย เช่น PLA, TPU, PETG ได้โดยไม่ต้องหยุดงานหรือปรับเครื่องใหม่

    เครื่องนี้ใช้ระบบ CoreXY motion ที่ช่วยให้พิมพ์ได้เร็วถึง 500 มม./วินาที โดยยังคงความแม่นยำไว้ได้ ด้วยระบบชดเชยแรงสั่นสะเทือน, การปรับระดับอัตโนมัติ และการคาลิเบรตแบบอัจฉริยะ

    Snapmaker ยังใส่ระบบ AI ที่สามารถตรวจจับข้อผิดพลาดของเส้นใยก่อนที่งานพิมพ์จะล้มเหลว พร้อมกล้องภายในสำหรับบันทึก time-lapse และแอปมือถือที่ควบคุมเครื่องจากระยะไกลได้

    แม้จะมีจุดเด่นมากมาย แต่ก็ยังมีคำถามเรื่องความทนทานในระยะยาว และความแม่นยำเมื่อใช้งานที่ความเร็วสูง โดยเฉพาะในงานที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น โมเดลวิศวกรรมหรือชิ้นส่วนประกอบจริง

    Snapmaker U1 เปิดขายแล้วหลังระดมทุนได้กว่า $20 ล้าน
    มีผู้สนับสนุนกว่า 20,000 รายบน Kickstarter

    ใช้ระบบ SnapSwap เปลี่ยนหัวฉีดได้ใน 5 วินาที
    รองรับการพิมพ์หลายวัสดุในเครื่องเดียว

    ความเร็วสูงถึง 500 มม./วินาที ด้วยระบบ CoreXY
    พร้อมระบบชดเชยแรงสั่นและปรับระดับอัตโนมัติ

    มี AI ตรวจจับข้อผิดพลาดของเส้นใยก่อนงานพิมพ์ล้มเหลว
    ช่วยลดของเสียและเพิ่มความแม่นยำ

    รองรับการควบคุมผ่านแอปมือถือและซอฟต์แวร์ Orca
    เพิ่มความสะดวกในการใช้งานและตรวจสอบงานพิมพ์

    กล้องภายในสำหรับบันทึก time-lapse และตรวจสอบงาน
    เตรียมรองรับการอัปเดต firmware เพื่อเพิ่มฟีเจอร์ AI

    ขนาดพื้นที่พิมพ์ 270 x 270 x 270 มม.
    รองรับงานขนาดใหญ่โดยไม่เสียความละเอียด

    หัวฉีดทนความร้อนสูงถึง 300°C และฐานพิมพ์ร้อนถึง 100°C
    รองรับวัสดุหลากหลายและยึดติดได้ดี

    https://www.techradar.com/pro/kickstarters-most-successful-product-ever-goes-on-sale-snapmakers-3d-u1-printer-backed-by-usd20-million-booking-order-makes-debut
    🖨️🚀 หัวข้อข่าว: “Snapmaker U1 – เครื่องพิมพ์ 3D ที่ระดมทุนสูงสุดในประวัติศาสตร์ เปิดขายแล้ว พร้อมเปลี่ยนโลกการสร้างสรรค์” Snapmaker เปิดตัวเครื่องพิมพ์ 3D รุ่น U1 อย่างเป็นทางการ หลังจากระดมทุนได้กว่า 20 ล้านดอลลาร์จากผู้สนับสนุนกว่า 20,000 รายบน Kickstarter โดยมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ที่เน้นความเร็ว ความแม่นยำ และการพิมพ์หลายวัสดุในเครื่องเดียว. Snapmaker U1 ไม่ใช่แค่เครื่องพิมพ์ 3D ธรรมดา แต่เป็นการรวม 4 หัวฉีดวัสดุไว้ในระบบเดียวผ่านเทคโนโลยี “SnapSwap” ที่สามารถสลับหัวฉีดได้ภายใน 5 วินาที ทำให้ผู้ใช้สามารถพิมพ์วัสดุหลากหลาย เช่น PLA, TPU, PETG ได้โดยไม่ต้องหยุดงานหรือปรับเครื่องใหม่ เครื่องนี้ใช้ระบบ CoreXY motion ที่ช่วยให้พิมพ์ได้เร็วถึง 500 มม./วินาที โดยยังคงความแม่นยำไว้ได้ ด้วยระบบชดเชยแรงสั่นสะเทือน, การปรับระดับอัตโนมัติ และการคาลิเบรตแบบอัจฉริยะ Snapmaker ยังใส่ระบบ AI ที่สามารถตรวจจับข้อผิดพลาดของเส้นใยก่อนที่งานพิมพ์จะล้มเหลว พร้อมกล้องภายในสำหรับบันทึก time-lapse และแอปมือถือที่ควบคุมเครื่องจากระยะไกลได้ แม้จะมีจุดเด่นมากมาย แต่ก็ยังมีคำถามเรื่องความทนทานในระยะยาว และความแม่นยำเมื่อใช้งานที่ความเร็วสูง โดยเฉพาะในงานที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น โมเดลวิศวกรรมหรือชิ้นส่วนประกอบจริง ✅ Snapmaker U1 เปิดขายแล้วหลังระดมทุนได้กว่า $20 ล้าน ➡️ มีผู้สนับสนุนกว่า 20,000 รายบน Kickstarter ✅ ใช้ระบบ SnapSwap เปลี่ยนหัวฉีดได้ใน 5 วินาที ➡️ รองรับการพิมพ์หลายวัสดุในเครื่องเดียว ✅ ความเร็วสูงถึง 500 มม./วินาที ด้วยระบบ CoreXY ➡️ พร้อมระบบชดเชยแรงสั่นและปรับระดับอัตโนมัติ ✅ มี AI ตรวจจับข้อผิดพลาดของเส้นใยก่อนงานพิมพ์ล้มเหลว ➡️ ช่วยลดของเสียและเพิ่มความแม่นยำ ✅ รองรับการควบคุมผ่านแอปมือถือและซอฟต์แวร์ Orca ➡️ เพิ่มความสะดวกในการใช้งานและตรวจสอบงานพิมพ์ ✅ กล้องภายในสำหรับบันทึก time-lapse และตรวจสอบงาน ➡️ เตรียมรองรับการอัปเดต firmware เพื่อเพิ่มฟีเจอร์ AI ✅ ขนาดพื้นที่พิมพ์ 270 x 270 x 270 มม. ➡️ รองรับงานขนาดใหญ่โดยไม่เสียความละเอียด ✅ หัวฉีดทนความร้อนสูงถึง 300°C และฐานพิมพ์ร้อนถึง 100°C ➡️ รองรับวัสดุหลากหลายและยึดติดได้ดี https://www.techradar.com/pro/kickstarters-most-successful-product-ever-goes-on-sale-snapmakers-3d-u1-printer-backed-by-usd20-million-booking-order-makes-debut
    WWW.TECHRADAR.COM
    Snapmaker U1 3D printer offers fast speeds and automatic material switching
    Snapmaker raised millions to build its most ambitious 3D printer yet
    0 Comments 0 Shares 71 Views 0 Reviews
  • “เปิดสมอง” การใช้ Claude Code แบบเต็มระบบ โดย Shrivu Shankar
    Shrivu Shankar นักพัฒนาและผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ได้แชร์วิธีการใช้ Claude Code อย่างละเอียดในบทความบน Substack โดยเขาใช้เครื่องมือนี้ทั้งในโปรเจกต์ส่วนตัวและงานระดับองค์กรที่มีการใช้หลายพันล้านโทเคนต่อเดือน! จุดเด่นของบทความคือการเจาะลึกทุกฟีเจอร์ของ Claude Code ตั้งแต่ไฟล์พื้นฐานอย่าง CLAUDE.md ไปจนถึงการใช้ SDK และ GitHub Actions เพื่อสร้างระบบอัตโนมัติที่ทรงพลัง

    เขาเน้นว่าเป้าหมายของการใช้ AI Agent ไม่ใช่แค่ให้มัน “ตอบดี” แต่ต้องสามารถ “ทำงานแทน” ได้จริง โดยมีการวางโครงสร้างที่ชัดเจน เช่น การใช้ planning mode เพื่อกำหนดแผนก่อนเริ่มงาน, การใช้ hooks เพื่อควบคุมคุณภาพโค้ด และการใช้ skills เพื่อให้ agent เข้าถึงเครื่องมือได้อย่างปลอดภัย

    บทความนี้ไม่ใช่แค่คู่มือการใช้ Claude Code แต่เป็นแนวคิดใหม่ในการออกแบบระบบ AI Agent ที่ยืดหยุ่นและทรงพลัง เหมาะสำหรับนักพัฒนาที่ต้องการสร้างระบบอัตโนมัติที่ “คิดเองได้” มากกว่าแค่ “ตอบคำถาม”

    CLAUDE.md คือหัวใจของระบบ
    ใช้เป็น “รัฐธรรมนูญ” ของ agent เพื่อเข้าใจโครงสร้างโปรเจกต์

    ใช้ planning mode ก่อนเริ่มงานใหญ่
    ช่วยให้ Claude วางแผนและตรวจสอบได้ตรงจุด

    Slash commands ใช้แบบเรียบง่าย
    เช่น /catchup เพื่อให้ Claude อ่านไฟล์ที่เปลี่ยนใน git

    Subagents ไม่จำเป็นเสมอไป
    แนะนำให้ใช้ Task(...) เพื่อให้ agent จัดการงานเองแบบ dynamic

    Resume และ History มีประโยชน์มาก
    ใช้สรุปบทเรียนจาก session เก่าเพื่อปรับปรุง CLAUDE.md

    Hooks ควบคุมคุณภาพโค้ดได้ดี
    เช่น block commit ถ้าทดสอบไม่ผ่าน

    Skills คืออนาคตของ agent
    เป็นการ formalize การใช้ CLI/script ให้ agent ใช้งานได้ปลอดภัย

    Claude Code SDK เหมาะกับการสร้าง agent prototype
    ใช้สร้างเครื่องมือภายในหรือรันงานแบบ parallel ได้ง่าย

    GitHub Action (GHA) คือเครื่องมือที่ทรงพลัง
    ใช้ Claude สร้าง PR อัตโนมัติจาก Slack, Jira หรือ CloudWatch

    settings.json ปรับแต่งการทำงานได้ลึก
    เช่น proxy, timeout, API key และ permission audit

    การใช้ subagent อาจทำให้ context หายไป
    Agent อาจไม่เข้าใจภาพรวมของงานถ้าข้อมูลถูกแยกไว้ใน subagent

    Slash commands ที่ซับซ้อนเกินไปเป็น anti-pattern
    ทำให้ผู้ใช้ต้องเรียนรู้คำสั่งพิเศษแทนที่จะใช้ภาษาธรรมชาติ

    Blocking agent ระหว่างเขียนโค้ดอาจทำให้สับสน
    ควรใช้ block-at-submit แทน block-at-write เพื่อให้ agent ทำงานจบก่อนตรวจสอบ



    https://blog.sshh.io/p/how-i-use-every-claude-code-feature
    🧠 “เปิดสมอง” การใช้ Claude Code แบบเต็มระบบ โดย Shrivu Shankar Shrivu Shankar นักพัฒนาและผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ได้แชร์วิธีการใช้ Claude Code อย่างละเอียดในบทความบน Substack โดยเขาใช้เครื่องมือนี้ทั้งในโปรเจกต์ส่วนตัวและงานระดับองค์กรที่มีการใช้หลายพันล้านโทเคนต่อเดือน! จุดเด่นของบทความคือการเจาะลึกทุกฟีเจอร์ของ Claude Code ตั้งแต่ไฟล์พื้นฐานอย่าง CLAUDE.md ไปจนถึงการใช้ SDK และ GitHub Actions เพื่อสร้างระบบอัตโนมัติที่ทรงพลัง เขาเน้นว่าเป้าหมายของการใช้ AI Agent ไม่ใช่แค่ให้มัน “ตอบดี” แต่ต้องสามารถ “ทำงานแทน” ได้จริง โดยมีการวางโครงสร้างที่ชัดเจน เช่น การใช้ planning mode เพื่อกำหนดแผนก่อนเริ่มงาน, การใช้ hooks เพื่อควบคุมคุณภาพโค้ด และการใช้ skills เพื่อให้ agent เข้าถึงเครื่องมือได้อย่างปลอดภัย บทความนี้ไม่ใช่แค่คู่มือการใช้ Claude Code แต่เป็นแนวคิดใหม่ในการออกแบบระบบ AI Agent ที่ยืดหยุ่นและทรงพลัง เหมาะสำหรับนักพัฒนาที่ต้องการสร้างระบบอัตโนมัติที่ “คิดเองได้” มากกว่าแค่ “ตอบคำถาม” ✅ CLAUDE.md คือหัวใจของระบบ ➡️ ใช้เป็น “รัฐธรรมนูญ” ของ agent เพื่อเข้าใจโครงสร้างโปรเจกต์ ✅ ใช้ planning mode ก่อนเริ่มงานใหญ่ ➡️ ช่วยให้ Claude วางแผนและตรวจสอบได้ตรงจุด ✅ Slash commands ใช้แบบเรียบง่าย ➡️ เช่น /catchup เพื่อให้ Claude อ่านไฟล์ที่เปลี่ยนใน git ✅ Subagents ไม่จำเป็นเสมอไป ➡️ แนะนำให้ใช้ Task(...) เพื่อให้ agent จัดการงานเองแบบ dynamic ✅ Resume และ History มีประโยชน์มาก ➡️ ใช้สรุปบทเรียนจาก session เก่าเพื่อปรับปรุง CLAUDE.md ✅ Hooks ควบคุมคุณภาพโค้ดได้ดี ➡️ เช่น block commit ถ้าทดสอบไม่ผ่าน ✅ Skills คืออนาคตของ agent ➡️ เป็นการ formalize การใช้ CLI/script ให้ agent ใช้งานได้ปลอดภัย ✅ Claude Code SDK เหมาะกับการสร้าง agent prototype ➡️ ใช้สร้างเครื่องมือภายในหรือรันงานแบบ parallel ได้ง่าย ✅ GitHub Action (GHA) คือเครื่องมือที่ทรงพลัง ➡️ ใช้ Claude สร้าง PR อัตโนมัติจาก Slack, Jira หรือ CloudWatch ✅ settings.json ปรับแต่งการทำงานได้ลึก ➡️ เช่น proxy, timeout, API key และ permission audit ‼️ การใช้ subagent อาจทำให้ context หายไป ⛔ Agent อาจไม่เข้าใจภาพรวมของงานถ้าข้อมูลถูกแยกไว้ใน subagent ‼️ Slash commands ที่ซับซ้อนเกินไปเป็น anti-pattern ⛔ ทำให้ผู้ใช้ต้องเรียนรู้คำสั่งพิเศษแทนที่จะใช้ภาษาธรรมชาติ ‼️ Blocking agent ระหว่างเขียนโค้ดอาจทำให้สับสน ⛔ ควรใช้ block-at-submit แทน block-at-write เพื่อให้ agent ทำงานจบก่อนตรวจสอบ https://blog.sshh.io/p/how-i-use-every-claude-code-feature
    BLOG.SSHH.IO
    How I Use Every Claude Code Feature
    A brain dump of all the ways I've been using Claude Code.
    0 Comments 0 Shares 67 Views 0 Reviews
  • เปิดตัว Mini PC ดีไซน์ Apple แต่หัวใจ AMD: Orico Omini Series

    ลองนึกภาพว่า Mac Mini และ Mac Pro ถูกย่อส่วนลงมาในขนาดเล็กจิ๋ว แต่ภายในกลับขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง AMD Ryzen แถมยังรองรับ Windows และ Linux ได้เต็มรูปแบบ — นี่คือสิ่งที่ Orico บริษัทเทคโนโลยีจากจีนกำลังนำเสนอผ่านซีรีส์ใหม่ “Omini Plus” และ “Omini Pro”

    Orico ซึ่งปกติเน้นผลิตอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล ก้าวเข้าสู่ตลาด Mini PC ด้วยดีไซน์ที่ชวนให้นึกถึงผลิตภัณฑ์ของ Apple แต่ภายในกลับเลือกใช้ขุมพลังจาก AMD Ryzen รุ่นใหม่ล่าสุด

    Omini Plus มาในทรงคล้าย Mac Mini ใช้ Ryzen 5 7535H (หรือชื่อใหม่ Ryzen 5 150) พร้อม RAM DDR5 16GB และ SSD 2TB ในตัว ขนาดเล็กเพียง 0.8 ลิตร แต่พอร์ตเชื่อมต่อจัดเต็มมาก

    Omini Pro ดูคล้าย Mac Pro ขนาดย่อ ใช้ Ryzen 7 8845HS พร้อม GPU Radeon 780M รองรับ AI processing ด้วย NPU ในตัว และสามารถอัปเกรด RAM ได้สูงสุดถึง 256GB พร้อม SSD สูงสุด 8TB

    ทั้งสองรุ่นรองรับ Windows 11 และ Linux เหมาะกับสายทำงานที่ต้องการความแรงในขนาดกะทัดรัด และยังมีดีไซน์ที่ดูพรีเมียมแบบ Apple แต่ไม่ต้องจ่ายแพงเท่า

    เปิดตัว Mini PC สไตล์ Apple จาก Orico
    Omini Plus ดีไซน์คล้าย Mac Mini ใช้ Ryzen 5 150
    Omini Pro ดีไซน์คล้าย Mac Pro ใช้ Ryzen 7 8845HS พร้อม GPU Radeon 780M
    รองรับ Windows 11 และ Linux เต็มรูปแบบ
    พอร์ตเชื่อมต่อครบครัน: USB4, HDMI 2.1, DisplayPort, Ethernet ฯลฯ
    Omini Plus ราคาเปิดตัวประมาณ $535 (พรีออเดอร์ $478)
    Omini Pro เริ่มต้นที่ $435 (พรีออเดอร์ $380)
    รองรับ AI processing ด้วย NPU ในรุ่น Pro
    เหมาะกับงาน productivity และ casual gaming

    สาระเพิ่มเติมจากวงการ Mini PC
    แนวโน้ม Mini PC ปี 2025 เน้นพลัง AI และประหยัดพลังงาน
    Qualcomm และ Huawei ก็เปิดตัว Mini PC ที่บางเฉียบและแรงไม่แพ้กัน
    Zotac แข่งเปิดตัว Mini PC ที่อ้างว่า “เล็กที่สุดในโลก”
    Thunderbolt 5 eGPU Dock ใหม่สามารถติดตั้ง Mini PC ได้โดยตรง

    https://www.tomshardware.com/desktops/mini-pcs/apple-mac-pro-and-mac-mini-clones-launch-with-amd-ryzen-cpus-perfect-mini-pcs-for-those-who-love-apples-aesthetics-but-still-need-windows-or-linux
    🖥️ เปิดตัว Mini PC ดีไซน์ Apple แต่หัวใจ AMD: Orico Omini Series ลองนึกภาพว่า Mac Mini และ Mac Pro ถูกย่อส่วนลงมาในขนาดเล็กจิ๋ว แต่ภายในกลับขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง AMD Ryzen แถมยังรองรับ Windows และ Linux ได้เต็มรูปแบบ — นี่คือสิ่งที่ Orico บริษัทเทคโนโลยีจากจีนกำลังนำเสนอผ่านซีรีส์ใหม่ “Omini Plus” และ “Omini Pro” Orico ซึ่งปกติเน้นผลิตอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล ก้าวเข้าสู่ตลาด Mini PC ด้วยดีไซน์ที่ชวนให้นึกถึงผลิตภัณฑ์ของ Apple แต่ภายในกลับเลือกใช้ขุมพลังจาก AMD Ryzen รุ่นใหม่ล่าสุด 💠 Omini Plus มาในทรงคล้าย Mac Mini ใช้ Ryzen 5 7535H (หรือชื่อใหม่ Ryzen 5 150) พร้อม RAM DDR5 16GB และ SSD 2TB ในตัว ขนาดเล็กเพียง 0.8 ลิตร แต่พอร์ตเชื่อมต่อจัดเต็มมาก 💠 Omini Pro ดูคล้าย Mac Pro ขนาดย่อ ใช้ Ryzen 7 8845HS พร้อม GPU Radeon 780M รองรับ AI processing ด้วย NPU ในตัว และสามารถอัปเกรด RAM ได้สูงสุดถึง 256GB พร้อม SSD สูงสุด 8TB ทั้งสองรุ่นรองรับ Windows 11 และ Linux เหมาะกับสายทำงานที่ต้องการความแรงในขนาดกะทัดรัด และยังมีดีไซน์ที่ดูพรีเมียมแบบ Apple แต่ไม่ต้องจ่ายแพงเท่า ✅ เปิดตัว Mini PC สไตล์ Apple จาก Orico ➡️ Omini Plus ดีไซน์คล้าย Mac Mini ใช้ Ryzen 5 150 ➡️ Omini Pro ดีไซน์คล้าย Mac Pro ใช้ Ryzen 7 8845HS พร้อม GPU Radeon 780M ➡️ รองรับ Windows 11 และ Linux เต็มรูปแบบ ➡️ พอร์ตเชื่อมต่อครบครัน: USB4, HDMI 2.1, DisplayPort, Ethernet ฯลฯ ➡️ Omini Plus ราคาเปิดตัวประมาณ $535 (พรีออเดอร์ $478) ➡️ Omini Pro เริ่มต้นที่ $435 (พรีออเดอร์ $380) ➡️ รองรับ AI processing ด้วย NPU ในรุ่น Pro ➡️ เหมาะกับงาน productivity และ casual gaming ✅ สาระเพิ่มเติมจากวงการ Mini PC ➡️ แนวโน้ม Mini PC ปี 2025 เน้นพลัง AI และประหยัดพลังงาน ➡️ Qualcomm และ Huawei ก็เปิดตัว Mini PC ที่บางเฉียบและแรงไม่แพ้กัน ➡️ Zotac แข่งเปิดตัว Mini PC ที่อ้างว่า “เล็กที่สุดในโลก” ➡️ Thunderbolt 5 eGPU Dock ใหม่สามารถติดตั้ง Mini PC ได้โดยตรง https://www.tomshardware.com/desktops/mini-pcs/apple-mac-pro-and-mac-mini-clones-launch-with-amd-ryzen-cpus-perfect-mini-pcs-for-those-who-love-apples-aesthetics-but-still-need-windows-or-linux
    0 Comments 0 Shares 80 Views 0 Reviews
  • สะเทือนวงการคริปโต: จีน-อังกฤษร่วมมือคืน 61,000 Bitcoin ที่ถูกขโมย มูลค่ากว่า $6.7 พันล้าน แต่เหยื่ออาจไม่ได้คืนเต็มจำนวน

    คดีใหญ่สะเทือนโลกคริปโต เมื่อทางการอังกฤษยึด Bitcoin กว่า 61,000 เหรียญจาก Zhimin Qian หรือที่รู้จักในชื่อ Yadi Zhang “ราชินีบิตคอยน์” ผู้หลอกลวงนักลงทุนจีนกว่า 128,000 รายผ่านโครงการลงทุนปลอมระหว่างปี 2014–2017 โดยเงินที่ได้ถูกแปลงเป็นคริปโตและอสังหาริมทรัพย์เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ

    หลังจากการจับกุมและยึดกระเป๋าเงินดิจิทัลในปี 2018 ซึ่งตอนนั้น Bitcoin มีมูลค่าเพียง ~$3,300 ต่อเหรียญ มูลค่ารวมของเหรียญที่ยึดได้อยู่ที่ประมาณ $200 ล้าน แต่ในปี 2025 มูลค่าของ Bitcoin พุ่งทะลุ $110,000 ต่อเหรียญ ทำให้ยอดรวมพุ่งขึ้นเป็นกว่า $6.7 พันล้าน!

    แม้จะดูเหมือนข่าวดีสำหรับเหยื่อ แต่การคืนเงินกลับไม่ง่าย เพราะทางการจีนต้องพิสูจน์ว่าเงินที่ใช้ซื้อ Bitcoin มาจากการหลอกลวงจริง ไม่ได้ปะปนกับเงินจากอาชญากรรมอื่น และทางการอังกฤษยังมีเสียงแตก บางฝ่ายเสนอให้คืนเฉพาะมูลค่าที่เหยื่อสูญเสีย ไม่ใช่มูลค่าปัจจุบันของ Bitcoin

    นอกจากนี้ ยังมีความกังวลว่าอังกฤษอาจเก็บ Bitcoin ไว้บางส่วน ซึ่งอาจสร้างความตึงเครียดทางการทูตกับจีน และนำไปสู่การต่อสู้ทางกฎหมายที่ยืดเยื้อ

    อังกฤษยึด Bitcoin กว่า 61,000 เหรียญจาก Zhimin Qian
    มูลค่าปัจจุบันกว่า $6.7 พันล้าน
    เป็นผลจากการหลอกลวงนักลงทุนจีนกว่า 128,000 ราย

    จีน-อังกฤษร่วมมือกันเพื่อคืนเงินให้เหยื่อ
    ต้องพิสูจน์ว่าเงินที่ใช้ซื้อ Bitcoin มาจากการหลอกลวง
    ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ติดต่อเหยื่อ

    มูลค่า Bitcoin เพิ่มขึ้นกว่า 30 เท่าจากปี 2018
    จาก ~$3,300 เป็น ~$110,000 ต่อเหรียญ
    ทำให้ยอดรวมพุ่งจาก $200 ล้านเป็น $6.7 พันล้าน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptomining/chinese-and-british-authorities-work-together-to-determine-how-to-return-61-000-stolen-bitcoins-worth-usd6-7-billion-victims-expected-to-have-hard-time-recouping-losses-despite-seizure
    💰 สะเทือนวงการคริปโต: จีน-อังกฤษร่วมมือคืน 61,000 Bitcoin ที่ถูกขโมย มูลค่ากว่า $6.7 พันล้าน แต่เหยื่ออาจไม่ได้คืนเต็มจำนวน คดีใหญ่สะเทือนโลกคริปโต เมื่อทางการอังกฤษยึด Bitcoin กว่า 61,000 เหรียญจาก Zhimin Qian หรือที่รู้จักในชื่อ Yadi Zhang “ราชินีบิตคอยน์” ผู้หลอกลวงนักลงทุนจีนกว่า 128,000 รายผ่านโครงการลงทุนปลอมระหว่างปี 2014–2017 โดยเงินที่ได้ถูกแปลงเป็นคริปโตและอสังหาริมทรัพย์เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ หลังจากการจับกุมและยึดกระเป๋าเงินดิจิทัลในปี 2018 ซึ่งตอนนั้น Bitcoin มีมูลค่าเพียง ~$3,300 ต่อเหรียญ มูลค่ารวมของเหรียญที่ยึดได้อยู่ที่ประมาณ $200 ล้าน แต่ในปี 2025 มูลค่าของ Bitcoin พุ่งทะลุ $110,000 ต่อเหรียญ ทำให้ยอดรวมพุ่งขึ้นเป็นกว่า $6.7 พันล้าน! แม้จะดูเหมือนข่าวดีสำหรับเหยื่อ แต่การคืนเงินกลับไม่ง่าย เพราะทางการจีนต้องพิสูจน์ว่าเงินที่ใช้ซื้อ Bitcoin มาจากการหลอกลวงจริง ไม่ได้ปะปนกับเงินจากอาชญากรรมอื่น และทางการอังกฤษยังมีเสียงแตก บางฝ่ายเสนอให้คืนเฉพาะมูลค่าที่เหยื่อสูญเสีย ไม่ใช่มูลค่าปัจจุบันของ Bitcoin นอกจากนี้ ยังมีความกังวลว่าอังกฤษอาจเก็บ Bitcoin ไว้บางส่วน ซึ่งอาจสร้างความตึงเครียดทางการทูตกับจีน และนำไปสู่การต่อสู้ทางกฎหมายที่ยืดเยื้อ ✅ อังกฤษยึด Bitcoin กว่า 61,000 เหรียญจาก Zhimin Qian ➡️ มูลค่าปัจจุบันกว่า $6.7 พันล้าน ➡️ เป็นผลจากการหลอกลวงนักลงทุนจีนกว่า 128,000 ราย ✅ จีน-อังกฤษร่วมมือกันเพื่อคืนเงินให้เหยื่อ ➡️ ต้องพิสูจน์ว่าเงินที่ใช้ซื้อ Bitcoin มาจากการหลอกลวง ➡️ ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ติดต่อเหยื่อ ✅ มูลค่า Bitcoin เพิ่มขึ้นกว่า 30 เท่าจากปี 2018 ➡️ จาก ~$3,300 เป็น ~$110,000 ต่อเหรียญ ➡️ ทำให้ยอดรวมพุ่งจาก $200 ล้านเป็น $6.7 พันล้าน https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptomining/chinese-and-british-authorities-work-together-to-determine-how-to-return-61-000-stolen-bitcoins-worth-usd6-7-billion-victims-expected-to-have-hard-time-recouping-losses-despite-seizure
    0 Comments 0 Shares 141 Views 0 Reviews
  • ไมโครเวฟกลายร่างเป็นพีซีเกมสุดล้ำ! SignalRGB เปิดตัวคอมฯ ครบเครื่องในครัว

    SignalRGB สร้างความฮือฮาด้วยการดัดแปลงไมโครเวฟให้กลายเป็น All-in-One Gaming PC สุดล้ำ ที่ไม่เพียงแค่สวยงามด้วยไฟ RGB แต่ยังใช้งานได้จริง พร้อมฟีเจอร์สุดเจ๋งอย่างจอแสดงผลที่ฝาไมโครเวฟ และเมนบอร์ดที่หมุนได้บนจานหมุนเดิมของไมโครเวฟ

    ลองจินตนาการว่าคุณเปิดไมโครเวฟเพื่ออุ่นข้าว แต่กลับพบว่าข้างในคือพีซีเกมสุดแรง! นั่นคือสิ่งที่ SignalRGB ทำได้สำเร็จ พวกเขาเปลี่ยนไมโครเวฟธรรมดาให้กลายเป็นคอมพิวเตอร์เล่นเกมที่ใช้งานได้จริง โดยใช้ฝาไมโครเวฟเป็นจอแสดงผล และติดตั้ง Stream Deck แทนแป้นพิมพ์ตัวเลข

    ที่น่าทึ่งคือจานหมุนในไมโครเวฟยังคงทำงานได้ แต่คราวนี้มันหมุนเมนบอร์ดแทนอาหาร! ภายในยังมีระบบระบายความร้อนด้วย AIO ที่ฝังอยู่ในผนังไมโครเวฟ และการ์ดจอที่ติดตั้งอยู่ด้านข้าง

    แม้จะดูเหมือนของเล่น แต่สเปกภายในจัดเต็มระดับเกมมิ่งพีซีจริงๆ พร้อม Intel Core Ultra 5, การ์ดจอ RTX 5060Ti, แรม 48GB และ SSD ความเร็วสูง 2TB ทั้งหมดนี้ถูกบรรจุในเคสไมโครเวฟที่มีหน้าจอ LCD และไฟ RGB เต็มระบบ

    แม้จะไม่สามารถอุ่นอาหารได้อีกต่อไป แต่เจ้า “ไมโครเวฟพีซี” นี้ก็พร้อมจะอุ่นเครื่องเกมให้ร้อนแรงได้ทุกเวลา!

    SignalRGB ดัดแปลงไมโครเวฟเป็น All-in-One Gaming PC
    ใช้ฝาไมโครเวฟเป็นจอแสดงผล
    ติดตั้ง Stream Deck แทนแป้นพิมพ์ตัวเลข

    จานหมุนในไมโครเวฟใช้หมุนเมนบอร์ด
    เพิ่มลูกเล่นและความแปลกใหม่
    เมนบอร์ดยังคงเชื่อมต่อกับระบบได้ตามปกติ

    สเปกภายในระดับเกมมิ่ง
    Intel Core Ultra 5 225
    Nvidia RTX 5060Ti
    แรม 48GB, SSD 2TB

    ระบบระบายความร้อนฝังในผนังไมโครเวฟ
    ใช้ AIO Cooler
    การ์ดจอติดตั้งด้านข้าง

    มีหน้าจอ LCD และไฟ RGB เต็มระบบ
    หน้าจอแสดงผลแทนจอไมโครเวฟเดิม
    ควบคุมด้วยซอฟต์แวร์ SignalRGB

    https://www.tomshardware.com/desktops/pc-building/microwave-repurposed-into-slick-custom-all-in-one-pc-door-serves-as-display-motherboard-rotates-on-the-turntable-and-stream-deck-used-for-keypad
    🖥️ ไมโครเวฟกลายร่างเป็นพีซีเกมสุดล้ำ! SignalRGB เปิดตัวคอมฯ ครบเครื่องในครัว SignalRGB สร้างความฮือฮาด้วยการดัดแปลงไมโครเวฟให้กลายเป็น All-in-One Gaming PC สุดล้ำ ที่ไม่เพียงแค่สวยงามด้วยไฟ RGB แต่ยังใช้งานได้จริง พร้อมฟีเจอร์สุดเจ๋งอย่างจอแสดงผลที่ฝาไมโครเวฟ และเมนบอร์ดที่หมุนได้บนจานหมุนเดิมของไมโครเวฟ ลองจินตนาการว่าคุณเปิดไมโครเวฟเพื่ออุ่นข้าว แต่กลับพบว่าข้างในคือพีซีเกมสุดแรง! นั่นคือสิ่งที่ SignalRGB ทำได้สำเร็จ พวกเขาเปลี่ยนไมโครเวฟธรรมดาให้กลายเป็นคอมพิวเตอร์เล่นเกมที่ใช้งานได้จริง โดยใช้ฝาไมโครเวฟเป็นจอแสดงผล และติดตั้ง Stream Deck แทนแป้นพิมพ์ตัวเลข ที่น่าทึ่งคือจานหมุนในไมโครเวฟยังคงทำงานได้ แต่คราวนี้มันหมุนเมนบอร์ดแทนอาหาร! ภายในยังมีระบบระบายความร้อนด้วย AIO ที่ฝังอยู่ในผนังไมโครเวฟ และการ์ดจอที่ติดตั้งอยู่ด้านข้าง แม้จะดูเหมือนของเล่น แต่สเปกภายในจัดเต็มระดับเกมมิ่งพีซีจริงๆ พร้อม Intel Core Ultra 5, การ์ดจอ RTX 5060Ti, แรม 48GB และ SSD ความเร็วสูง 2TB ทั้งหมดนี้ถูกบรรจุในเคสไมโครเวฟที่มีหน้าจอ LCD และไฟ RGB เต็มระบบ แม้จะไม่สามารถอุ่นอาหารได้อีกต่อไป แต่เจ้า “ไมโครเวฟพีซี” นี้ก็พร้อมจะอุ่นเครื่องเกมให้ร้อนแรงได้ทุกเวลา! ✅ SignalRGB ดัดแปลงไมโครเวฟเป็น All-in-One Gaming PC ➡️ ใช้ฝาไมโครเวฟเป็นจอแสดงผล ➡️ ติดตั้ง Stream Deck แทนแป้นพิมพ์ตัวเลข ✅ จานหมุนในไมโครเวฟใช้หมุนเมนบอร์ด ➡️ เพิ่มลูกเล่นและความแปลกใหม่ ➡️ เมนบอร์ดยังคงเชื่อมต่อกับระบบได้ตามปกติ ✅ สเปกภายในระดับเกมมิ่ง ➡️ Intel Core Ultra 5 225 ➡️ Nvidia RTX 5060Ti ➡️ แรม 48GB, SSD 2TB ✅ ระบบระบายความร้อนฝังในผนังไมโครเวฟ ➡️ ใช้ AIO Cooler ➡️ การ์ดจอติดตั้งด้านข้าง ✅ มีหน้าจอ LCD และไฟ RGB เต็มระบบ ➡️ หน้าจอแสดงผลแทนจอไมโครเวฟเดิม ➡️ ควบคุมด้วยซอฟต์แวร์ SignalRGB https://www.tomshardware.com/desktops/pc-building/microwave-repurposed-into-slick-custom-all-in-one-pc-door-serves-as-display-motherboard-rotates-on-the-turntable-and-stream-deck-used-for-keypad
    0 Comments 0 Shares 127 Views 0 Reviews
  • SpaceX รับดีล $2 พันล้านจากโครงการ Golden Dome ของทรัมป์ — เตรียมส่งดาวเทียม 600 ดวงติดตามภัยคุกคามทางอากาศ

    SpaceX ของ Elon Musk คาดว่าจะได้รับเงินทุนกว่า $2 พันล้านจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพื่อร่วมพัฒนาโครงการ Golden Dome ซึ่งเป็นระบบป้องกันขีปนาวุธระดับชาติที่ใช้ดาวเทียมกว่า 600 ดวงในการติดตามเป้าหมายเคลื่อนที่ทางอากาศ

    Golden Dome เป็นโครงการป้องกันขีปนาวุธที่ประกาศโดยประธานาธิบดี Donald Trump และรัฐมนตรี Pete Hegseth ในเดือนพฤษภาคม 2025 โดยมีเป้าหมายสร้างระบบป้องกันที่สามารถสกัดขีปนาวุธจากทุกทิศทาง — แม้แต่จากอวกาศ

    SpaceX จะมีบทบาทสำคัญในระบบ “Air Moving Target Indicator” ซึ่งใช้ดาวเทียมกว่า 600 ดวงในการติดตามเป้าหมายที่เคลื่อนที่เร็ว เช่น ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกและอากาศยานไร้คนขับ

    เงินทุนนี้มาจาก “One Big Beautiful Bill” ที่ทรัมป์ลงนามในเดือนกรกฎาคม 2025 โดยยังไม่มีการระบุชื่อผู้รับเหมาหลักอย่างเป็นทางการ แต่แหล่งข่าวระบุว่า SpaceX จะเป็นหนึ่งในผู้รับงานหลัก

    นอกจาก SpaceX ยังมีบริษัทอื่นที่เสนอเทคโนโลยีเข้าร่วม เช่น Anduril, Palantir, Lockheed Martin, Northrop Grumman และ L3Harris โดยรัฐบาลไม่ต้องการพึ่งพาบริษัทเดียวเพื่อหลีกเลี่ยง “vendor lock” ที่อาจทำให้ราคาสูงและนวัตกรรมชะงัก

    รายละเอียดของดีล SpaceX
    รับเงินทุน $2 พันล้านจากกระทรวงกลาโหม
    พัฒนาเครือข่ายดาวเทียม 600 ดวงสำหรับระบบติดตามเป้าหมาย
    เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Golden Dome

    โครงการ Golden Dome
    ระบบป้องกันขีปนาวุธขั้นสูงของสหรัฐฯ
    ใช้ดาวเทียม, interceptor, command & control และโครงสร้างพื้นฐานอื่น
    ได้รับแรงบันดาลใจจาก Iron Dome ของอิสราเอล
    คาดว่ามีงบรวมอย่างน้อย $175 พันล้าน และอาจสูงกว่านั้น

    ความเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง
    Gen. Chance Saltzman ระบุว่า “เราพึ่งพาอุตสาหกรรมในการแสดงศักยภาพ”
    Sen. Rick Scott เตือนว่าไม่ควรพึ่งพาบริษัทเดียวในการสร้างระบบป้องกัน
    Pentagon ชี้ว่าการผูกขาดอาจขัดขวางนวัตกรรมและเพิ่มต้นทุน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/elon-musks-spacex-will-reportedly-receive-usd2-billion-for-trumps-golden-dome-project-system-to-include-up-to-600-satellites-to-track-fast-moving-airborne-targets
    🛰️💰 SpaceX รับดีล $2 พันล้านจากโครงการ Golden Dome ของทรัมป์ — เตรียมส่งดาวเทียม 600 ดวงติดตามภัยคุกคามทางอากาศ SpaceX ของ Elon Musk คาดว่าจะได้รับเงินทุนกว่า $2 พันล้านจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพื่อร่วมพัฒนาโครงการ Golden Dome ซึ่งเป็นระบบป้องกันขีปนาวุธระดับชาติที่ใช้ดาวเทียมกว่า 600 ดวงในการติดตามเป้าหมายเคลื่อนที่ทางอากาศ Golden Dome เป็นโครงการป้องกันขีปนาวุธที่ประกาศโดยประธานาธิบดี Donald Trump และรัฐมนตรี Pete Hegseth ในเดือนพฤษภาคม 2025 โดยมีเป้าหมายสร้างระบบป้องกันที่สามารถสกัดขีปนาวุธจากทุกทิศทาง — แม้แต่จากอวกาศ SpaceX จะมีบทบาทสำคัญในระบบ “Air Moving Target Indicator” ซึ่งใช้ดาวเทียมกว่า 600 ดวงในการติดตามเป้าหมายที่เคลื่อนที่เร็ว เช่น ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกและอากาศยานไร้คนขับ เงินทุนนี้มาจาก “One Big Beautiful Bill” ที่ทรัมป์ลงนามในเดือนกรกฎาคม 2025 โดยยังไม่มีการระบุชื่อผู้รับเหมาหลักอย่างเป็นทางการ แต่แหล่งข่าวระบุว่า SpaceX จะเป็นหนึ่งในผู้รับงานหลัก นอกจาก SpaceX ยังมีบริษัทอื่นที่เสนอเทคโนโลยีเข้าร่วม เช่น Anduril, Palantir, Lockheed Martin, Northrop Grumman และ L3Harris โดยรัฐบาลไม่ต้องการพึ่งพาบริษัทเดียวเพื่อหลีกเลี่ยง “vendor lock” ที่อาจทำให้ราคาสูงและนวัตกรรมชะงัก ✅ รายละเอียดของดีล SpaceX ➡️ รับเงินทุน $2 พันล้านจากกระทรวงกลาโหม ➡️ พัฒนาเครือข่ายดาวเทียม 600 ดวงสำหรับระบบติดตามเป้าหมาย ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Golden Dome ✅ โครงการ Golden Dome ➡️ ระบบป้องกันขีปนาวุธขั้นสูงของสหรัฐฯ ➡️ ใช้ดาวเทียม, interceptor, command & control และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ➡️ ได้รับแรงบันดาลใจจาก Iron Dome ของอิสราเอล ➡️ คาดว่ามีงบรวมอย่างน้อย $175 พันล้าน และอาจสูงกว่านั้น ✅ ความเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง ➡️ Gen. Chance Saltzman ระบุว่า “เราพึ่งพาอุตสาหกรรมในการแสดงศักยภาพ” ➡️ Sen. Rick Scott เตือนว่าไม่ควรพึ่งพาบริษัทเดียวในการสร้างระบบป้องกัน ➡️ Pentagon ชี้ว่าการผูกขาดอาจขัดขวางนวัตกรรมและเพิ่มต้นทุน https://www.tomshardware.com/tech-industry/elon-musks-spacex-will-reportedly-receive-usd2-billion-for-trumps-golden-dome-project-system-to-include-up-to-600-satellites-to-track-fast-moving-airborne-targets
    0 Comments 0 Shares 141 Views 0 Reviews
  • EP 58
    Update DJI and Nasdaq และหุ้นอื่นๆ
    https://www.youtube.com/watch?v=12gNueedcJ8

    BY.
    EP 58 Update DJI and Nasdaq และหุ้นอื่นๆ https://www.youtube.com/watch?v=12gNueedcJ8 BY.
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 Reviews
  • Prusa เปิดตัว CORE One L และ Signature Oak พร้อมนวัตกรรมแท็กเส้นพลาสติกและซิลิโคนพิมพ์ได้!

    ในงานเปิดตัวสุดพิเศษที่กรุงปราก Josef Prusa เผยโฉมเครื่องพิมพ์ 3D รุ่นใหม่ CORE One L และรุ่นลิมิเต็ด Signature Oak พร้อมเทคโนโลยี OpenPrintTag สำหรับติดตามเส้นพลาสติก และวัสดุซิลิโคนที่สามารถพิมพ์ได้จริง

    Prusa Research จัดงานเปิดตัวที่ Planetarium กรุงปราก โดยใช้จอ 360° จำลองการทำงานภายในเครื่องพิมพ์ CORE One L แบบ immersive ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล Core XY ที่มีขนาดพิมพ์ 300×300×330 มม. แต่ยังคงขนาดภายนอกใกล้เคียงรุ่นก่อนหน้า

    CORE One L มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่หลายอย่าง เช่น:
    เตียงพิมพ์แบบ AC-powered ทำจากอลูมิเนียมหล่อพร้อมแม่เหล็กฝังใน
    ระบบระบายความร้อนใต้เตียง ที่สามารถเพิ่มอุณหภูมิห้องพิมพ์ถึง 60°C
    G-code อัจฉริยะ ที่ควบคุมการเปิด–ปิดช่องระบายอากาศ
    โมดูล Wi-Fi ถอดได้ เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

    ประกอบสำเร็จจากโรงงาน พร้อมใช้งานทันที

    ราคาจำหน่ายอยู่ที่ $1,799 USD รวมภาษีและค่าธรรมเนียมนำเข้า

    นอกจากนี้ยังมีรุ่น Signature Oak ที่ตกแต่งด้วยไม้โอ๊คจริง เพื่อรำลึกถึงคุณพ่อของ Josef Prusa ซึ่งเป็นช่างไม้ โดยผลิตจำนวนจำกัด

    Prusa ยังเปิดตัว OpenPrintTag ซึ่งเป็นระบบแท็กเส้นพลาสติกแบบ open-source ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตามข้อมูลวัสดุ เช่น ผู้ผลิต, วันหมดอายุ, อุณหภูมิพิมพ์ที่เหมาะสม ผ่าน NFC หรือ QR code ได้อย่างแม่นยำ

    ที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือการสาธิต วัสดุซิลิโคนพิมพ์ได้ ซึ่งสามารถใช้พิมพ์ชิ้นส่วนที่ยืดหยุ่นและทนความร้อน เช่น ซีล, ปะเก็น หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยไม่ต้องใช้แม่พิมพ์แบบเดิม

    Prusa ไม่ได้แค่เปิดตัวเครื่องพิมพ์ใหม่ แต่กำลังสร้างระบบนิเวศใหม่ของการพิมพ์ 3D ที่ปลอดภัย, ยืดหยุ่น และโปร่งใส… และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคที่ “วัสดุพิมพ์” ฉลาดพอ ๆ กับเครื่องพิมพ์เอง

    https://www.tomshardware.com/3d-printing/prusa-launches-two-new-3d-printers-open-source-filament-tags-and-printable-silicone-at-private-event
    🖨️🌳 Prusa เปิดตัว CORE One L และ Signature Oak พร้อมนวัตกรรมแท็กเส้นพลาสติกและซิลิโคนพิมพ์ได้! ในงานเปิดตัวสุดพิเศษที่กรุงปราก Josef Prusa เผยโฉมเครื่องพิมพ์ 3D รุ่นใหม่ CORE One L และรุ่นลิมิเต็ด Signature Oak พร้อมเทคโนโลยี OpenPrintTag สำหรับติดตามเส้นพลาสติก และวัสดุซิลิโคนที่สามารถพิมพ์ได้จริง Prusa Research จัดงานเปิดตัวที่ Planetarium กรุงปราก โดยใช้จอ 360° จำลองการทำงานภายในเครื่องพิมพ์ CORE One L แบบ immersive ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล Core XY ที่มีขนาดพิมพ์ 300×300×330 มม. แต่ยังคงขนาดภายนอกใกล้เคียงรุ่นก่อนหน้า CORE One L มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่หลายอย่าง เช่น: 🎗️ เตียงพิมพ์แบบ AC-powered ทำจากอลูมิเนียมหล่อพร้อมแม่เหล็กฝังใน 🎗️ ระบบระบายความร้อนใต้เตียง ที่สามารถเพิ่มอุณหภูมิห้องพิมพ์ถึง 60°C 🎗️ G-code อัจฉริยะ ที่ควบคุมการเปิด–ปิดช่องระบายอากาศ 🎗️ โมดูล Wi-Fi ถอดได้ เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ประกอบสำเร็จจากโรงงาน พร้อมใช้งานทันที ราคาจำหน่ายอยู่ที่ $1,799 USD รวมภาษีและค่าธรรมเนียมนำเข้า นอกจากนี้ยังมีรุ่น Signature Oak ที่ตกแต่งด้วยไม้โอ๊คจริง เพื่อรำลึกถึงคุณพ่อของ Josef Prusa ซึ่งเป็นช่างไม้ โดยผลิตจำนวนจำกัด Prusa ยังเปิดตัว OpenPrintTag ซึ่งเป็นระบบแท็กเส้นพลาสติกแบบ open-source ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตามข้อมูลวัสดุ เช่น ผู้ผลิต, วันหมดอายุ, อุณหภูมิพิมพ์ที่เหมาะสม ผ่าน NFC หรือ QR code ได้อย่างแม่นยำ ที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือการสาธิต วัสดุซิลิโคนพิมพ์ได้ ซึ่งสามารถใช้พิมพ์ชิ้นส่วนที่ยืดหยุ่นและทนความร้อน เช่น ซีล, ปะเก็น หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยไม่ต้องใช้แม่พิมพ์แบบเดิม Prusa ไม่ได้แค่เปิดตัวเครื่องพิมพ์ใหม่ แต่กำลังสร้างระบบนิเวศใหม่ของการพิมพ์ 3D ที่ปลอดภัย, ยืดหยุ่น และโปร่งใส… และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคที่ “วัสดุพิมพ์” ฉลาดพอ ๆ กับเครื่องพิมพ์เอง https://www.tomshardware.com/3d-printing/prusa-launches-two-new-3d-printers-open-source-filament-tags-and-printable-silicone-at-private-event
    0 Comments 0 Shares 137 Views 0 Reviews
  • บทความ “The Internet is Dying” เตือนภัยอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ที่ถูกครอบงำด้วยบอท, SEO Spam และเนื้อหา AI จนสูญเสียความเป็นมนุษย์

    บทความโดย Theena Kumaragurunathan ชี้ว่าเกือบครึ่งของทราฟฟิกอินเทอร์เน็ตในปี 2025 เป็นบอท และหากปล่อยไว้โดยไม่ควบคุม อาจนำไปสู่ “Zombie Internet” ที่ไร้ชีวิตและความจริงร่วมกัน

    สาระสำคัญจากบทความ
    ความทรงจำในยุคอินเทอร์เน็ตแรกเริ่ม ผู้เขียนเล่าย้อนถึงปี 2001 ที่อินเทอร์เน็ตเปิดโลกแห่งความรู้และแรงบันดาลใจให้เขาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ โดยเน้นว่าอินเทอร์เน็ตยุคนั้นเต็มไปด้วยความจริงใจจากผู้ใช้จริง

    Dead Internet Theory คืออะไร? ทฤษฎีนี้ระบุว่าอินเทอร์เน็ตเริ่ม “ตาย” ตั้งแต่ปลายยุค 2010s เมื่อเนื้อหาถูกครอบงำด้วยบอท, SEO Spam และ AI-generated content จนผู้ใช้รู้สึกว่าโลกออนไลน์ไม่สดใสเหมือนเดิม

    หลักฐานจากงานวิจัย งานของ Bevendorff et al. พบว่าเว็บไซต์รีวิวสินค้าส่วนใหญ่เต็มไปด้วย SEO Spam และเนื้อหา AI ที่ไม่มีความจริงใจ ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาในวงกว้าง เช่น ความแตกแยกทางการเมืองและสังคม

    ผลกระทบของ misinformation เนื้อหาเทียมจาก AI ทำให้ผู้คนสูญเสีย “ความจริงร่วมกัน” และสร้างความแตกแยกในสังคมอย่างรุนแรงในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

    แนวทางฟื้นฟูอินเทอร์เน็ต งานวิจัยของ Campante et al. เสนอว่าเมื่อผู้คนตระหนักถึงภัยของเนื้อหาเทียม พวกเขาจะให้คุณค่ากับแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือมากขึ้น

    เครื่องมือและแนวทางต้าน Zombie Internet
    กรอง Spam และตรวจสอบความจริง
    mosparo, ASSP, Anubis: ป้องกันบอทและสแปม
    CAI SDK, iVerify, Disinfo Toolbox: ตรวจสอบแหล่งข่าวและเนื้อหา

    สร้างชุมชนออนไลน์ที่แท้จริง
    phpBB, Discourse: ฟอรั่มแบบเปิด
    Fediverse (Mastodon, Lemmy): โซเชียลแบบกระจายอำนาจ

    ปกป้องการท่องเว็บ
    DuckDuckGo, Searx: เสิร์ชแบบไม่ติด SEO Spam
    RSS และ curated communities: เข้าถึงเนื้อหาจากแหล่งที่เชื่อถือได้โดยตรง

    ข้อคิดจากผู้เขียน
    แทนที่จะเขียนคำไว้อาลัยให้กับอินเทอร์เน็ตที่เขาไม่รู้จักอีกต่อไป ผู้เขียนเลือกส่งสารถึง “ตัวเองในวัย 18 ปี” ว่า “ยังมีทางที่ดีกว่า และมันอยู่ในมือคุณแล้ว”

    https://news.itsfoss.com/internet-is-dying/
    🧠📉 บทความ “The Internet is Dying” เตือนภัยอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ที่ถูกครอบงำด้วยบอท, SEO Spam และเนื้อหา AI จนสูญเสียความเป็นมนุษย์ บทความโดย Theena Kumaragurunathan ชี้ว่าเกือบครึ่งของทราฟฟิกอินเทอร์เน็ตในปี 2025 เป็นบอท และหากปล่อยไว้โดยไม่ควบคุม อาจนำไปสู่ “Zombie Internet” ที่ไร้ชีวิตและความจริงร่วมกัน 🧩 สาระสำคัญจากบทความ 💠 ความทรงจำในยุคอินเทอร์เน็ตแรกเริ่ม ผู้เขียนเล่าย้อนถึงปี 2001 ที่อินเทอร์เน็ตเปิดโลกแห่งความรู้และแรงบันดาลใจให้เขาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ โดยเน้นว่าอินเทอร์เน็ตยุคนั้นเต็มไปด้วยความจริงใจจากผู้ใช้จริง 💠 Dead Internet Theory คืออะไร? ทฤษฎีนี้ระบุว่าอินเทอร์เน็ตเริ่ม “ตาย” ตั้งแต่ปลายยุค 2010s เมื่อเนื้อหาถูกครอบงำด้วยบอท, SEO Spam และ AI-generated content จนผู้ใช้รู้สึกว่าโลกออนไลน์ไม่สดใสเหมือนเดิม 💠 หลักฐานจากงานวิจัย งานของ Bevendorff et al. พบว่าเว็บไซต์รีวิวสินค้าส่วนใหญ่เต็มไปด้วย SEO Spam และเนื้อหา AI ที่ไม่มีความจริงใจ ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาในวงกว้าง เช่น ความแตกแยกทางการเมืองและสังคม 💠 ผลกระทบของ misinformation เนื้อหาเทียมจาก AI ทำให้ผู้คนสูญเสีย “ความจริงร่วมกัน” และสร้างความแตกแยกในสังคมอย่างรุนแรงในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา 💠 แนวทางฟื้นฟูอินเทอร์เน็ต งานวิจัยของ Campante et al. เสนอว่าเมื่อผู้คนตระหนักถึงภัยของเนื้อหาเทียม พวกเขาจะให้คุณค่ากับแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือมากขึ้น 🛠️ เครื่องมือและแนวทางต้าน Zombie Internet 💠 กรอง Spam และตรวจสอบความจริง 🎗️ mosparo, ASSP, Anubis: ป้องกันบอทและสแปม 🎗️ CAI SDK, iVerify, Disinfo Toolbox: ตรวจสอบแหล่งข่าวและเนื้อหา 💠 สร้างชุมชนออนไลน์ที่แท้จริง 🎗️ phpBB, Discourse: ฟอรั่มแบบเปิด 🎗️ Fediverse (Mastodon, Lemmy): โซเชียลแบบกระจายอำนาจ 💠 ปกป้องการท่องเว็บ 🎗️ DuckDuckGo, Searx: เสิร์ชแบบไม่ติด SEO Spam 🎗️ RSS และ curated communities: เข้าถึงเนื้อหาจากแหล่งที่เชื่อถือได้โดยตรง 🧭 ข้อคิดจากผู้เขียน แทนที่จะเขียนคำไว้อาลัยให้กับอินเทอร์เน็ตที่เขาไม่รู้จักอีกต่อไป ผู้เขียนเลือกส่งสารถึง “ตัวเองในวัย 18 ปี” ว่า “ยังมีทางที่ดีกว่า และมันอยู่ในมือคุณแล้ว” https://news.itsfoss.com/internet-is-dying/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    The Internet is Dying. We Can Still Stop It
    Almost 50% of all internet traffic are non-human already. Unchecked, it could lead to a zombie internet.
    0 Comments 0 Shares 126 Views 0 Reviews
  • ไต้หวันเพิ่มโทษทำลายสายเคเบิลใต้น้ำ: จำคุกสูงสุด 7 ปี ปรับกว่า 325,000 ดอลลาร์!

    รัฐบาลไต้หวันเสนอร่างกฎหมายใหม่เพิ่มโทษผู้ที่ทำลายสายเคเบิลใต้น้ำ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านการสื่อสาร โดยมีบทลงโทษสูงสุดถึง 7 ปี และปรับกว่า 10 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 325,000 ดอลลาร์สหรัฐ)

    สายเคเบิลใต้น้ำไม่ใช่แค่ท่อส่งข้อมูลระหว่างประเทศ แต่เป็นเส้นเลือดหลักของการสื่อสารระหว่างไต้หวันกับโลกภายนอก โดยเฉพาะกับพันธมิตรอย่างสหรัฐฯ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ที่สายเคเบิลเหล่านี้ถูกตัดหรือเสียหายหลายครั้ง โดยมีข้อสงสัยว่ามาจากเรือสินค้าจีนที่จงใจทำลาย

    เพื่อรับมือกับภัยคุกคามนี้ รัฐบาลไต้หวันจึงเสนอ “กฎหมายสายเคเบิลใต้น้ำ 7 ฉบับ” ที่เพิ่มบทลงโทษอย่างชัดเจน:
    ผู้ที่จงใจทำลาย: จำคุกสูงสุด 7 ปี และปรับ 10 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน
    ผู้ที่ทำลายโดยไม่ตั้งใจ: จำคุก 6 เดือน และปรับ 2 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน
    เรือที่เกี่ยวข้อง: รัฐบาลมีสิทธิ์ยึดเรือทันที ไม่ว่าผู้ถือกรรมสิทธิ์จะเป็นใคร

    นอกจากนี้ กฎหมายยังบังคับให้เรือทุกลำต้องติดตั้งระบบระบุตัวอัตโนมัติ (AIS) และให้กระทรวงมหาดไทยจัดทำแผนที่แสดงตำแหน่งสายเคเบิลใต้น้ำ เพื่อป้องกันความเสียหายโดยไม่ตั้งใจ

    แม้การเปิดเผยตำแหน่งสายเคเบิลอาจดูเสี่ยง แต่รัฐบาลมองว่า “ฝ่ายตรงข้ามน่าจะรู้ตำแหน่งอยู่แล้ว” การเปิดเผยต่อสาธารณะจะช่วยลดความผิดพลาดจากเรือทั่วไปที่ไม่รู้ว่ากำลังแล่นผ่านโครงสร้างสำคัญ

    นี่คือการส่งสัญญาณว่า “ข้อมูลคืออธิปไตย” และไต้หวันจะไม่ยอมให้โครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารถูกคุกคามอีกต่อไป ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม

    https://www.tomshardware.com/networking/taiwan-increases-penalty-for-damaging-undersea-cables-offenders-face-up-to-7-years-in-prison-and-usd325-000-in-fines
    🌐⚖️ ไต้หวันเพิ่มโทษทำลายสายเคเบิลใต้น้ำ: จำคุกสูงสุด 7 ปี ปรับกว่า 325,000 ดอลลาร์! รัฐบาลไต้หวันเสนอร่างกฎหมายใหม่เพิ่มโทษผู้ที่ทำลายสายเคเบิลใต้น้ำ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านการสื่อสาร โดยมีบทลงโทษสูงสุดถึง 7 ปี และปรับกว่า 10 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 325,000 ดอลลาร์สหรัฐ) สายเคเบิลใต้น้ำไม่ใช่แค่ท่อส่งข้อมูลระหว่างประเทศ แต่เป็นเส้นเลือดหลักของการสื่อสารระหว่างไต้หวันกับโลกภายนอก โดยเฉพาะกับพันธมิตรอย่างสหรัฐฯ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ที่สายเคเบิลเหล่านี้ถูกตัดหรือเสียหายหลายครั้ง โดยมีข้อสงสัยว่ามาจากเรือสินค้าจีนที่จงใจทำลาย เพื่อรับมือกับภัยคุกคามนี้ รัฐบาลไต้หวันจึงเสนอ “กฎหมายสายเคเบิลใต้น้ำ 7 ฉบับ” ที่เพิ่มบทลงโทษอย่างชัดเจน: 📍 ผู้ที่จงใจทำลาย: จำคุกสูงสุด 7 ปี และปรับ 10 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน 📍 ผู้ที่ทำลายโดยไม่ตั้งใจ: จำคุก 6 เดือน และปรับ 2 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน 📍 เรือที่เกี่ยวข้อง: รัฐบาลมีสิทธิ์ยึดเรือทันที ไม่ว่าผู้ถือกรรมสิทธิ์จะเป็นใคร นอกจากนี้ กฎหมายยังบังคับให้เรือทุกลำต้องติดตั้งระบบระบุตัวอัตโนมัติ (AIS) และให้กระทรวงมหาดไทยจัดทำแผนที่แสดงตำแหน่งสายเคเบิลใต้น้ำ เพื่อป้องกันความเสียหายโดยไม่ตั้งใจ แม้การเปิดเผยตำแหน่งสายเคเบิลอาจดูเสี่ยง แต่รัฐบาลมองว่า “ฝ่ายตรงข้ามน่าจะรู้ตำแหน่งอยู่แล้ว” การเปิดเผยต่อสาธารณะจะช่วยลดความผิดพลาดจากเรือทั่วไปที่ไม่รู้ว่ากำลังแล่นผ่านโครงสร้างสำคัญ นี่คือการส่งสัญญาณว่า “ข้อมูลคืออธิปไตย” และไต้หวันจะไม่ยอมให้โครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารถูกคุกคามอีกต่อไป ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม https://www.tomshardware.com/networking/taiwan-increases-penalty-for-damaging-undersea-cables-offenders-face-up-to-7-years-in-prison-and-usd325-000-in-fines
    0 Comments 0 Shares 154 Views 0 Reviews
  • QNAP เปิดตัว NAS ระดับดาต้าเซ็นเตอร์สำหรับใช้ในบ้าน! ความจุสูงถึง 19.2TB ด้วย SSD แบบ “ruler”

    QNAP เปิดตัว NAS รุ่น TBS-h574TX ที่ใช้ SSD แบบ E1.S หรือ “ruler form factor” ซึ่งปกติใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ มาพร้อมความจุสูงสุด 19.2TB และราคาสูงถึง $4,399

    QNAP สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว NASbook TBS-h574TX ที่ใช้ SSD แบบ EDSFF E1.S หรือที่เรียกว่า “ruler SSD” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ระดับสูง โดยนำมาใช้ใน NAS สำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและความจุมหาศาล

    รุ่นนี้รองรับ SSD ได้ถึง 5 ตัว และมีให้เลือกทั้งแบบ 9.6TB และ 19.2TB โดยใช้ SSD ขนาด 1.92TB และ 3.84TB ตามลำดับ (ใน RAID 0) หากใช้ RAID 5 จะได้ความจุประมาณ 7.68TB และ 15.36TB ตามลำดับ

    แม้จะสามารถซื้อ NAS รุ่นนี้แบบเปล่าและติดตั้ง SSD เองได้ แต่ QNAP ก็เสนอรุ่นที่ติดตั้งมาแล้วพร้อมใช้งาน โดยใช้ SSD ที่ไม่เปิดเผยผู้ผลิต (อาจเป็น Solidigm, Kioxia หรือ Micron)

    ตัวเครื่องใช้พลังงานประมาณ 46W และมาพร้อมพอร์ต Thunderbolt 4, Ethernet 2.5Gb และ 10Gb, USB 3.2 Gen 2 และ HDMI 1.4b รองรับ 4K ที่ 30Hz

    แม้จะใช้ SSD PCIe 4.0 แต่ตัว NAS รองรับแค่ PCIe 3.0 x2 ทำให้ความเร็วถูกจำกัดอยู่ที่ประมาณ 1,400 MB/s ในการอ่าน/เขียนแบบ sequential และ 70,000 IOPS สำหรับการเขียนแบบสุ่ม

    QNAP เปิดตัว NAS รุ่น TBS-h574TX ใช้ SSD แบบ E1.S
    ความจุสูงสุด 19.2TB ด้วย SSD ขนาด 3.84TB x 5
    มีรุ่น 9.6TB ด้วย SSD ขนาด 1.92TB x 5
    รองรับ RAID 0 และ RAID 5

    สเปกของ NAS
    ใช้ Intel Core i5-1235U (12th Gen) พร้อม RAM 16GB
    มีรุ่นอื่นที่ใช้ i5-1340PE และ i3-1320PE แต่ไม่รวม SSD
    พอร์ตเชื่อมต่อ: Thunderbolt 4, Ethernet 2.5Gb/10Gb, USB 3.2 Gen 2, HDMI 1.4b

    ประสิทธิภาพและการใช้งาน
    Sequential read/write ~1,400 MB/s
    Random write ~70,000 IOPS
    ใช้พลังงาน ~46W พร้อมอะแดปเตอร์ 120W

    การรับประกัน
    ตัว NAS รับประกัน 3 ปี
    SSD รับประกัน 5 ปีหรือจนถึง TBW ที่กำหนด

    ความเร็วของ SSD ถูกจำกัดด้วยอินเทอร์เฟซ PCIe 3.0 x2
    แม้ใช้ SSD PCIe 4.0 แต่ความเร็วไม่เต็มประสิทธิภาพ
    อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูงสุดในการอ่าน/เขียน

    ราคาสูงและไม่เปิดเผยผู้ผลิต SSD
    รุ่น 19.2TB ราคา $4,399 ซึ่งสูงกว่ารุ่น 9.6TB ถึง 52%
    ไม่สามารถตรวจสอบคุณภาพ SSD ได้เพราะไม่มีข้อมูลผู้ผลิต

    https://www.tomshardware.com/pc-components/nas/qnaps-new-nas-brings-exotic-data-center-form-factor-into-your-house-massive-es-1-ssds-for-up-to-19-2tb-of-storage-for-usd4-399
    🖥️🏠 QNAP เปิดตัว NAS ระดับดาต้าเซ็นเตอร์สำหรับใช้ในบ้าน! ความจุสูงถึง 19.2TB ด้วย SSD แบบ “ruler” QNAP เปิดตัว NAS รุ่น TBS-h574TX ที่ใช้ SSD แบบ E1.S หรือ “ruler form factor” ซึ่งปกติใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ มาพร้อมความจุสูงสุด 19.2TB และราคาสูงถึง $4,399 QNAP สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว NASbook TBS-h574TX ที่ใช้ SSD แบบ EDSFF E1.S หรือที่เรียกว่า “ruler SSD” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ระดับสูง โดยนำมาใช้ใน NAS สำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและความจุมหาศาล รุ่นนี้รองรับ SSD ได้ถึง 5 ตัว และมีให้เลือกทั้งแบบ 9.6TB และ 19.2TB โดยใช้ SSD ขนาด 1.92TB และ 3.84TB ตามลำดับ (ใน RAID 0) หากใช้ RAID 5 จะได้ความจุประมาณ 7.68TB และ 15.36TB ตามลำดับ แม้จะสามารถซื้อ NAS รุ่นนี้แบบเปล่าและติดตั้ง SSD เองได้ แต่ QNAP ก็เสนอรุ่นที่ติดตั้งมาแล้วพร้อมใช้งาน โดยใช้ SSD ที่ไม่เปิดเผยผู้ผลิต (อาจเป็น Solidigm, Kioxia หรือ Micron) ตัวเครื่องใช้พลังงานประมาณ 46W และมาพร้อมพอร์ต Thunderbolt 4, Ethernet 2.5Gb และ 10Gb, USB 3.2 Gen 2 และ HDMI 1.4b รองรับ 4K ที่ 30Hz แม้จะใช้ SSD PCIe 4.0 แต่ตัว NAS รองรับแค่ PCIe 3.0 x2 ทำให้ความเร็วถูกจำกัดอยู่ที่ประมาณ 1,400 MB/s ในการอ่าน/เขียนแบบ sequential และ 70,000 IOPS สำหรับการเขียนแบบสุ่ม ✅ QNAP เปิดตัว NAS รุ่น TBS-h574TX ใช้ SSD แบบ E1.S ➡️ ความจุสูงสุด 19.2TB ด้วย SSD ขนาด 3.84TB x 5 ➡️ มีรุ่น 9.6TB ด้วย SSD ขนาด 1.92TB x 5 ➡️ รองรับ RAID 0 และ RAID 5 ✅ สเปกของ NAS ➡️ ใช้ Intel Core i5-1235U (12th Gen) พร้อม RAM 16GB ➡️ มีรุ่นอื่นที่ใช้ i5-1340PE และ i3-1320PE แต่ไม่รวม SSD ➡️ พอร์ตเชื่อมต่อ: Thunderbolt 4, Ethernet 2.5Gb/10Gb, USB 3.2 Gen 2, HDMI 1.4b ✅ ประสิทธิภาพและการใช้งาน ➡️ Sequential read/write ~1,400 MB/s ➡️ Random write ~70,000 IOPS ➡️ ใช้พลังงาน ~46W พร้อมอะแดปเตอร์ 120W ✅ การรับประกัน ➡️ ตัว NAS รับประกัน 3 ปี ➡️ SSD รับประกัน 5 ปีหรือจนถึง TBW ที่กำหนด ‼️ ความเร็วของ SSD ถูกจำกัดด้วยอินเทอร์เฟซ PCIe 3.0 x2 ⛔ แม้ใช้ SSD PCIe 4.0 แต่ความเร็วไม่เต็มประสิทธิภาพ ⛔ อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูงสุดในการอ่าน/เขียน ‼️ ราคาสูงและไม่เปิดเผยผู้ผลิต SSD ⛔ รุ่น 19.2TB ราคา $4,399 ซึ่งสูงกว่ารุ่น 9.6TB ถึง 52% ⛔ ไม่สามารถตรวจสอบคุณภาพ SSD ได้เพราะไม่มีข้อมูลผู้ผลิต https://www.tomshardware.com/pc-components/nas/qnaps-new-nas-brings-exotic-data-center-form-factor-into-your-house-massive-es-1-ssds-for-up-to-19-2tb-of-storage-for-usd4-399
    0 Comments 0 Shares 122 Views 0 Reviews
  • AI ช่วยชีวิตหลังความตาย: จากบิลโรงพยาบาล 195,000 เหลือ 33,000 ดอลลาร์

    ลองจินตนาการว่าคุณเพิ่งสูญเสียคนรักไป แล้วต้องเผชิญกับบิลค่ารักษาพยาบาลที่สูงถึง 195,000 ดอลลาร์สำหรับการดูแลเพียง 4 ชั่วโมงสุดท้ายใน ICU… นั่นคือสิ่งที่ครอบครัวหนึ่งในสหรัฐฯ ต้องเผชิญ แต่พวกเขาไม่ยอมแพ้ และหันไปหา Claude AI เพื่อช่วยตรวจสอบความถูกต้องของบิล และผลลัพธ์ก็พลิกชีวิต: ลดค่าใช้จ่ายลงเหลือเพียง 33,000 ดอลลาร์!

    Claude ไม่ได้แค่ช่วยคำนวณ แต่ยังกลายเป็น “นักสืบบัญชี” ที่ขุดเจอการคิดเงินซ้ำซ้อน การใช้รหัสผิดประเภท และการเรียกเก็บเงินที่ละเมิดข้อบังคับของ Medicare ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะโรงพยาบาลไม่แสดงรายละเอียดชัดเจนตั้งแต่แรก จนต้องใช้ AI เจาะลึกทีละบรรทัด

    เรื่องนี้สะท้อนถึงพลังของ AI ในการปกป้องสิทธิ์ของผู้บริโภค และเตือนให้เราระวังการเรียกเก็บเงินที่ไม่โปร่งใสจากสถานพยาบาล โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เปราะบางที่สุดของชีวิต

    Claude AI ช่วยครอบครัวลดบิลค่ารักษาพยาบาลจาก $195,000 เหลือ $33,000
    ใช้การวิเคราะห์รหัสการเรียกเก็บเงินทางการแพทย์อย่างละเอียด
    พบการคิดเงินซ้ำซ้อน เช่น คิดค่าหัตถการรวม และแยกรายการย่อยซ้ำอีก
    ตรวจพบการใช้รหัสผู้ป่วยในแทนรหัสฉุกเฉิน ซึ่งอาจละเมิดข้อบังคับ
    ช่วยเขียนจดหมายเจรจาและเตือนถึงการดำเนินคดีหรือผลกระทบทางสื่อ

    สาเหตุที่บิลสูงผิดปกติ
    ผู้ป่วยไม่มีประกันสุขภาพในช่วงเวลานั้น
    โรงพยาบาลไม่แสดงรายละเอียดรายการค่าใช้จ่ายอย่างโปร่งใส

    บทบาทของ AI ในการช่วยเหลือด้านการเงินและกฎหมาย
    Claude AI ทำหน้าที่คล้ายผู้ช่วยนักบัญชีและนักกฎหมาย
    ช่วยให้ผู้บริโภคเข้าใจระบบการเรียกเก็บเงินที่ซับซ้อน
    เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือวิกฤต

    คำเตือนเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินจากโรงพยาบาล
    บางโรงพยาบาลอาจใช้ช่องโหว่ทางระบบเพื่อเรียกเก็บเงินเกินจริง
    การไม่ตรวจสอบบิลอย่างละเอียดอาจทำให้เสียเงินจำนวนมากโดยไม่จำเป็น
    การไม่มีประกันสุขภาพอาจทำให้ต้องจ่ายเงินเต็มจำนวนโดยไม่มีการต่อรอง

    ความเสี่ยงจากการพึ่งพา AI โดยไม่ตรวจสอบ
    AI อาจให้คำแนะนำผิดพลาดหากข้อมูลไม่ครบถ้วน
    ควรใช้ AI เป็นเครื่องมือเสริม ไม่ใช่ตัวแทนการตัดสินใจทั้งหมด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/grieving-family-uses-ai-chatbot-to-cut-hospital-bill-from-usd195-000-to-usd33-000-family-says-claude-highlighted-duplicative-charges-improper-coding-and-other-violations
    🧠💸 AI ช่วยชีวิตหลังความตาย: จากบิลโรงพยาบาล 195,000 เหลือ 33,000 ดอลลาร์ ลองจินตนาการว่าคุณเพิ่งสูญเสียคนรักไป แล้วต้องเผชิญกับบิลค่ารักษาพยาบาลที่สูงถึง 195,000 ดอลลาร์สำหรับการดูแลเพียง 4 ชั่วโมงสุดท้ายใน ICU… นั่นคือสิ่งที่ครอบครัวหนึ่งในสหรัฐฯ ต้องเผชิญ แต่พวกเขาไม่ยอมแพ้ และหันไปหา Claude AI เพื่อช่วยตรวจสอบความถูกต้องของบิล และผลลัพธ์ก็พลิกชีวิต: ลดค่าใช้จ่ายลงเหลือเพียง 33,000 ดอลลาร์! Claude ไม่ได้แค่ช่วยคำนวณ แต่ยังกลายเป็น “นักสืบบัญชี” ที่ขุดเจอการคิดเงินซ้ำซ้อน การใช้รหัสผิดประเภท และการเรียกเก็บเงินที่ละเมิดข้อบังคับของ Medicare ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะโรงพยาบาลไม่แสดงรายละเอียดชัดเจนตั้งแต่แรก จนต้องใช้ AI เจาะลึกทีละบรรทัด เรื่องนี้สะท้อนถึงพลังของ AI ในการปกป้องสิทธิ์ของผู้บริโภค และเตือนให้เราระวังการเรียกเก็บเงินที่ไม่โปร่งใสจากสถานพยาบาล โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เปราะบางที่สุดของชีวิต ✅ Claude AI ช่วยครอบครัวลดบิลค่ารักษาพยาบาลจาก $195,000 เหลือ $33,000 ➡️ ใช้การวิเคราะห์รหัสการเรียกเก็บเงินทางการแพทย์อย่างละเอียด ➡️ พบการคิดเงินซ้ำซ้อน เช่น คิดค่าหัตถการรวม และแยกรายการย่อยซ้ำอีก ➡️ ตรวจพบการใช้รหัสผู้ป่วยในแทนรหัสฉุกเฉิน ซึ่งอาจละเมิดข้อบังคับ ➡️ ช่วยเขียนจดหมายเจรจาและเตือนถึงการดำเนินคดีหรือผลกระทบทางสื่อ ✅ สาเหตุที่บิลสูงผิดปกติ ➡️ ผู้ป่วยไม่มีประกันสุขภาพในช่วงเวลานั้น ➡️ โรงพยาบาลไม่แสดงรายละเอียดรายการค่าใช้จ่ายอย่างโปร่งใส ✅ บทบาทของ AI ในการช่วยเหลือด้านการเงินและกฎหมาย ➡️ Claude AI ทำหน้าที่คล้ายผู้ช่วยนักบัญชีและนักกฎหมาย ➡️ ช่วยให้ผู้บริโภคเข้าใจระบบการเรียกเก็บเงินที่ซับซ้อน ➡️ เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือวิกฤต ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินจากโรงพยาบาล ⛔ บางโรงพยาบาลอาจใช้ช่องโหว่ทางระบบเพื่อเรียกเก็บเงินเกินจริง ⛔ การไม่ตรวจสอบบิลอย่างละเอียดอาจทำให้เสียเงินจำนวนมากโดยไม่จำเป็น ⛔ การไม่มีประกันสุขภาพอาจทำให้ต้องจ่ายเงินเต็มจำนวนโดยไม่มีการต่อรอง ‼️ ความเสี่ยงจากการพึ่งพา AI โดยไม่ตรวจสอบ ⛔ AI อาจให้คำแนะนำผิดพลาดหากข้อมูลไม่ครบถ้วน ⛔ ควรใช้ AI เป็นเครื่องมือเสริม ไม่ใช่ตัวแทนการตัดสินใจทั้งหมด https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/grieving-family-uses-ai-chatbot-to-cut-hospital-bill-from-usd195-000-to-usd33-000-family-says-claude-highlighted-duplicative-charges-improper-coding-and-other-violations
    0 Comments 0 Shares 131 Views 0 Reviews
  • Examples Of Every Letter Being Silent, With The Exception Of…

    You probably already know that English features many, many words with silent letters—letters that appear in the word but aren’t pronounced and often make us wonder what they are even doing there. For example, the letter B in the words debt and thumb. Or whatever the heck is going on in the words colonel, queue, and bourgeoisie.

    Even though you’re probably already familiar with silent letters, you might not realize just how many words in English actually use them. To demonstrate just how common these silent letters actually are, we quietly gathered up a list of as many examples of silent letters as we could find.

    It should be noted that silent letters often depend on pronunciation and regional accents, which we have noted at points in our list.

    Silent A words

    The letter A is silent in a bunch of words that include -ea, such as bread, dread, head, thread, and spread. The letter A also remains quiet in a bunch of adverbs that end in -ically, such as basically, stoically, logically, frantically, fanatically, magically, and tragically. A few words also have a silent A at the beginning that doesn’t seem to do much of anything, such as aisle and aesthetic.

    Silent B words

    The letter B likes to silently follow the letter M at the end of many words, such as in dumb, plumb, crumb, thumb, numb, succumb, lamb, limb, climb, tomb, comb, bomb, and womb. The letter B also seems to also slip in silently before the letter T in words like debt, doubt, and subtle.

    Silent C words

    When it comes to the letter C, it seems to remain silent when it follows the letter S. There are many examples of this, such as science, scissors, scent, ascent, crescent, descent, descend, disciple, scene, obscene, fluorescent, abscess, fascinate, and muscle.

    The silent C also shows up in a few other weird words such as czar, acquire, indict, and yacht. Yacht is so fancy that it even slips a silent H in there too.

    Silent D words

    The letter D is silent in some words that pair it up with the letter G, as in bridge, ridge, edge, ledge, and hedge. It also doesn’t have much to say in some pronunciations of the words handsome and handkerchief. Lastly, the first D in the word Wednesday seems to have taken the day off.

    Silent E words

    The letter E quietly resides in the middle of the word vegetable. However, there are tons and tons more silent E‘s out there. The letter E often goes unpronounced at the end of many, many words that include but are certainly not limited to the words imagine, plaque, brute, debate, excite, make, due, true, crime, grace, goose, axe, die, dye, bike, eke, pie, use, toe, cage, dude, mute, candle, and adore.

    Silent F words

    This one will depend on how you pronounce the word fifth, which has two common pronunciations: one in which both F‘s are pronounced and one in which the second F is not (as if it were spelled “fith”). As far as we know, this silent F pronunciation of fifth is the only example in English of a word with a silent F.

    Silent G words

    For whatever reason, the letter G likes to stay quiet when it is paired up with the letter N. Examples include gnaw, gnarly, gnostic, gnat, gnash, gnome, champagne, cologne, align, assign, benign, sign, feign, foreign, and reign. The letter G also often keeps quiet when it sees the letter H, as in sigh, high, sight, light, bright, night, fight, though, and thorough.

    Silent H words

    We have already listed quite a few words with silent Hs but there are plenty more to find. The letter H is sometimes silent when placed at the beginning of words such as hour, heir, honor, herb, homage, and honest. The letter H is silent in many words where it follows the letter C, such as anchor, archive, chaos, character, Christmas, charisma, chemical, choreography, chorus, choir, and echo. The letter H is also silent in words where it follows the letter W, as in when, where, which, why, whine, whistle, and white. Finally, the letter H doesn’t seem to be doing much at all in the words ghost and rhyme.

    Silent I words

    Compared to the other vowels, the letter I seems to love to be heard. We could only find a few words that feature a silent I, such as business, suit, and fruit.

    Silent J words

    Based on our, ahem, totally professional research, the only English word to have a silent J is … marijuana. And interestingly, it’s tough to find a language with a silent J. J just loves to be heard.

    Silent K words

    The letter K is silent at the beginning of lots of words where it is followed by the letter N. Some examples of this include knife, knight, knob, knock, knit, knuckle, knee, kneel, knick-knack, knowledge, know, knot, and knoll.

    Silent L words

    The letter L is silent in the words including should, could, would, half, calf, chalk, talk, walk, folk, and yolk. The silent L in the word salmon is also pretty fishy.

    Silent M words

    After looking high and low, the only words we could find with a silent M are ones that begin with mn, such as mnemonic and similarly derived terms, but maybe we just need something to help us remember others.

    Silent N words

    The letter N seems to be shy around the letter M as it doesn’t speak up in words like autumn, column, condemn, solemn, and hymn.

    Silent O words

    The letter O is silent in some words that pair it with fellow vowels E and U, such as people, jeopardy, leopard, rough, tough, enough, trouble, and double.

    Silent P words

    The letter P is often silent in words that pair it with the letter S, as in psalm, psyche, psychology, pseudoscience, pseudonym, and corps. It is also silent in many technical words that include the prefixes pneumato-, pneumano-, and pneumo-, such as pneumonia and pneumatic. The letter P is also silent in a few other oddball words such as raspberry, receipt, and pterodactyl.

    Silent Q words

    The letter Q mostly makes its presence felt whenever it appears. The word lacquer seems to be the sole example of a word with a silent Q that we could manage to find.

    Silent R words

    Besides the common pronunciation of the word February that leaves out the first R, the existence (or nonexistence) of silent R’s largely depends on whether you have a rhotic or non-rhotic accent. For example, a person with a non-rhotic Boston accent will likely employ several silent R’s following vowels in the sentence My sister parked her car near Harvard Yard.

    Silent S words

    The Silent S appears in several different words, including island, isle, aisle, apropos, debris, bourgeois, and viscount.

    Silent T words

    One pattern we could find for the Silent T occurs when it is paired with the letter L in words like whistle, bristle, thistle, bustle, hustle, and castle. The letter T is also silent in a lot of French loanwords such as ballet, gourmet, rapport, ricochet, buffet, crochet, valet, debut, and beret. Besides that, the silent T appears in a random assortment of other words, such as asthma, mortgage, tsunami, soften, listen, fasten, glisten, and moisten.

    Silent U words

    U must get nervous around G‘s because it can’t seem to say anything when it comes after them in words like guard, guide, guilt, guitar, guess, disguise, guest, guilt, guise, baguette, dialogue, monologue, league, colleague, rogue, vague, and tongue. You can also find a silent U in words like build, biscuit, circuit, and laugh.

    Silent V words

    We looked as hard as we could for words with a silent V, but we sadly came up empty. Some sources claim that V is the only letter in English that is never silent, and we couldn’t find any examples to prove that claim wrong. Poetic contractions like e’er and ne’er do cut it right out, though.

    Silent W words

    The letter W gets tongue-tied around the letter R and is often silent when placed before it in words like wrack, wrench, wreath, wrestle, wrangle, wrist, wrong, wring, wrought, write, writ, wrinkle, wraith, wrap, wrath, wretch, wreck, writhe, wry, wrapper, and playwright. A handful of other words also feature a silent W, such as answer, sword, two, and who.

    Silent X words

    Unless we made an embarrassing mistake, we are pretty sure the letter X is silent in the words faux and faux pas. As it is in other French-derived words, such as roux and doux and some plurals, like choux and reseaux (the plurals of chou and reseau, respectively).

    Silent Y words

    The letter Y is another one that depends on pronunciation to be silent. For example, one pronunciation of the word beyond [ bee-ond ] could be considered to contain a silent Y.

    Silent Z Words

    A handful of French loanwords have that special je ne sais quoi of a silent Z, including rendezvous and laissez-faire.

    สงวนลิขสิทธิ์ © 2025 AAKKHRA & Co.
    Examples Of Every Letter Being Silent, With The Exception Of… You probably already know that English features many, many words with silent letters—letters that appear in the word but aren’t pronounced and often make us wonder what they are even doing there. For example, the letter B in the words debt and thumb. Or whatever the heck is going on in the words colonel, queue, and bourgeoisie. Even though you’re probably already familiar with silent letters, you might not realize just how many words in English actually use them. To demonstrate just how common these silent letters actually are, we quietly gathered up a list of as many examples of silent letters as we could find. It should be noted that silent letters often depend on pronunciation and regional accents, which we have noted at points in our list. Silent A words The letter A is silent in a bunch of words that include -ea, such as bread, dread, head, thread, and spread. The letter A also remains quiet in a bunch of adverbs that end in -ically, such as basically, stoically, logically, frantically, fanatically, magically, and tragically. A few words also have a silent A at the beginning that doesn’t seem to do much of anything, such as aisle and aesthetic. Silent B words The letter B likes to silently follow the letter M at the end of many words, such as in dumb, plumb, crumb, thumb, numb, succumb, lamb, limb, climb, tomb, comb, bomb, and womb. The letter B also seems to also slip in silently before the letter T in words like debt, doubt, and subtle. Silent C words When it comes to the letter C, it seems to remain silent when it follows the letter S. There are many examples of this, such as science, scissors, scent, ascent, crescent, descent, descend, disciple, scene, obscene, fluorescent, abscess, fascinate, and muscle. The silent C also shows up in a few other weird words such as czar, acquire, indict, and yacht. Yacht is so fancy that it even slips a silent H in there too. Silent D words The letter D is silent in some words that pair it up with the letter G, as in bridge, ridge, edge, ledge, and hedge. It also doesn’t have much to say in some pronunciations of the words handsome and handkerchief. Lastly, the first D in the word Wednesday seems to have taken the day off. Silent E words The letter E quietly resides in the middle of the word vegetable. However, there are tons and tons more silent E‘s out there. The letter E often goes unpronounced at the end of many, many words that include but are certainly not limited to the words imagine, plaque, brute, debate, excite, make, due, true, crime, grace, goose, axe, die, dye, bike, eke, pie, use, toe, cage, dude, mute, candle, and adore. Silent F words This one will depend on how you pronounce the word fifth, which has two common pronunciations: one in which both F‘s are pronounced and one in which the second F is not (as if it were spelled “fith”). As far as we know, this silent F pronunciation of fifth is the only example in English of a word with a silent F. Silent G words For whatever reason, the letter G likes to stay quiet when it is paired up with the letter N. Examples include gnaw, gnarly, gnostic, gnat, gnash, gnome, champagne, cologne, align, assign, benign, sign, feign, foreign, and reign. The letter G also often keeps quiet when it sees the letter H, as in sigh, high, sight, light, bright, night, fight, though, and thorough. Silent H words We have already listed quite a few words with silent Hs but there are plenty more to find. The letter H is sometimes silent when placed at the beginning of words such as hour, heir, honor, herb, homage, and honest. The letter H is silent in many words where it follows the letter C, such as anchor, archive, chaos, character, Christmas, charisma, chemical, choreography, chorus, choir, and echo. The letter H is also silent in words where it follows the letter W, as in when, where, which, why, whine, whistle, and white. Finally, the letter H doesn’t seem to be doing much at all in the words ghost and rhyme. Silent I words Compared to the other vowels, the letter I seems to love to be heard. We could only find a few words that feature a silent I, such as business, suit, and fruit. Silent J words Based on our, ahem, totally professional research, the only English word to have a silent J is … marijuana. And interestingly, it’s tough to find a language with a silent J. J just loves to be heard. Silent K words The letter K is silent at the beginning of lots of words where it is followed by the letter N. Some examples of this include knife, knight, knob, knock, knit, knuckle, knee, kneel, knick-knack, knowledge, know, knot, and knoll. Silent L words The letter L is silent in the words including should, could, would, half, calf, chalk, talk, walk, folk, and yolk. The silent L in the word salmon is also pretty fishy. Silent M words After looking high and low, the only words we could find with a silent M are ones that begin with mn, such as mnemonic and similarly derived terms, but maybe we just need something to help us remember others. Silent N words The letter N seems to be shy around the letter M as it doesn’t speak up in words like autumn, column, condemn, solemn, and hymn. Silent O words The letter O is silent in some words that pair it with fellow vowels E and U, such as people, jeopardy, leopard, rough, tough, enough, trouble, and double. Silent P words The letter P is often silent in words that pair it with the letter S, as in psalm, psyche, psychology, pseudoscience, pseudonym, and corps. It is also silent in many technical words that include the prefixes pneumato-, pneumano-, and pneumo-, such as pneumonia and pneumatic. The letter P is also silent in a few other oddball words such as raspberry, receipt, and pterodactyl. Silent Q words The letter Q mostly makes its presence felt whenever it appears. The word lacquer seems to be the sole example of a word with a silent Q that we could manage to find. Silent R words Besides the common pronunciation of the word February that leaves out the first R, the existence (or nonexistence) of silent R’s largely depends on whether you have a rhotic or non-rhotic accent. For example, a person with a non-rhotic Boston accent will likely employ several silent R’s following vowels in the sentence My sister parked her car near Harvard Yard. Silent S words The Silent S appears in several different words, including island, isle, aisle, apropos, debris, bourgeois, and viscount. Silent T words One pattern we could find for the Silent T occurs when it is paired with the letter L in words like whistle, bristle, thistle, bustle, hustle, and castle. The letter T is also silent in a lot of French loanwords such as ballet, gourmet, rapport, ricochet, buffet, crochet, valet, debut, and beret. Besides that, the silent T appears in a random assortment of other words, such as asthma, mortgage, tsunami, soften, listen, fasten, glisten, and moisten. Silent U words U must get nervous around G‘s because it can’t seem to say anything when it comes after them in words like guard, guide, guilt, guitar, guess, disguise, guest, guilt, guise, baguette, dialogue, monologue, league, colleague, rogue, vague, and tongue. You can also find a silent U in words like build, biscuit, circuit, and laugh. Silent V words We looked as hard as we could for words with a silent V, but we sadly came up empty. Some sources claim that V is the only letter in English that is never silent, and we couldn’t find any examples to prove that claim wrong. Poetic contractions like e’er and ne’er do cut it right out, though. Silent W words The letter W gets tongue-tied around the letter R and is often silent when placed before it in words like wrack, wrench, wreath, wrestle, wrangle, wrist, wrong, wring, wrought, write, writ, wrinkle, wraith, wrap, wrath, wretch, wreck, writhe, wry, wrapper, and playwright. A handful of other words also feature a silent W, such as answer, sword, two, and who. Silent X words Unless we made an embarrassing mistake, we are pretty sure the letter X is silent in the words faux and faux pas. As it is in other French-derived words, such as roux and doux and some plurals, like choux and reseaux (the plurals of chou and reseau, respectively). Silent Y words The letter Y is another one that depends on pronunciation to be silent. For example, one pronunciation of the word beyond [ bee-ond ] could be considered to contain a silent Y. Silent Z Words A handful of French loanwords have that special je ne sais quoi of a silent Z, including rendezvous and laissez-faire. สงวนลิขสิทธิ์ © 2025 AAKKHRA & Co.
    0 Comments 0 Shares 164 Views 0 Reviews
  • ข่าวร้อนวงการไอที: “DRAM เซิร์ฟเวอร์พุ่ง 50% เพราะ AI แย่งซื้อ – ยักษ์ใหญ่ยังได้ของไม่ครบ!”

    ตลาดหน่วยความจำกำลังสั่นสะเทือน เมื่อความต้องการจากฝั่ง AI ทำให้ราคา DRAM สำหรับเซิร์ฟเวอร์พุ่งสูงถึง 50% ในไตรมาส 4 นี้ แม้แต่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ และจีนก็ยังได้รับสินค้าเพียง 70% ของที่สั่งซื้อไว้ สะท้อนถึงวิกฤตซัพพลายที่กำลังลุกลามไปทั่วอุตสาหกรรม

    เบื้องหลังความปั่นป่วนนี้คือการที่ผู้ผลิตอย่าง Samsung และ SK hynix หันไปทุ่มทรัพยากรให้กับหน่วยความจำ HBM และ DDR5 RDIMM ที่ใช้ในระบบ AI ทำให้หน่วยความจำแบบทั่วไปขาดตลาด ราคาพุ่ง และผู้ซื้อรายย่อยต้องดิ้นรนหาสินค้าจากตลาดมืดหรือรอไปถึงปี 2026

    สถานการณ์ตลาด DRAM ปัจจุบัน
    ราคา DRAM สำหรับเซิร์ฟเวอร์พุ่งสูงถึง 50% ใน Q4
    ผู้ซื้อรายใหญ่ในสหรัฐฯ และจีนได้รับสินค้าเพียง 70% ของคำสั่งซื้อ
    DDR5 16GB จากราคา $7–8 พุ่งเป็น $13 ภายในเดือนเดียว

    สาเหตุหลักจากความต้องการของ AI
    ความต้องการ HBM และ DDR5 RDIMM สำหรับ AI ทำให้ผู้ผลิตเบนกำลังการผลิต
    Samsung และ SK hynix ปรับราคาขึ้นทั้ง SSD และ DRAM
    ความต้องการจากศูนย์ข้อมูลและคลาวด์ยังคงสูงต่อเนื่อง

    ผลกระทบต่อผู้ซื้อรายย่อย
    OEM ขนาดเล็กและผู้ค้าช่องทางเห็นอัตราการส่งมอบเพียง 35–40%
    ถูกผลักให้ไปซื้อจากตลาด spot ที่ราคาแพงกว่า
    อาจต้องรอจนถึงปี 2026 กว่าจะมีสินค้าพร้อม

    สัญญาณจากผู้ผลิตและนักวิเคราะห์
    Micron เตือนว่าอุตสาหกรรม DRAM จะยัง “ตึงตัว” ไปจนถึงสิ้นปีหน้า
    TrendForce คาดว่าจะมีการ “หยุดเสนอราคา” บางโมดูลในจีน
    ราคาขายปลีก DDR5 ยังไม่มีแนวโน้มจะนิ่งในปีนี้

    สถานะของ DDR4
    Nanya Technology เผยว่า DDR4 เหลือส่วนแบ่งตลาดเพียง 20%
    ไม่ได้รับการผลิตในปริมาณมากอีกต่อไป

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้งานและนักลงทุน
    ราคาหน่วยความจำอาจยังพุ่งต่อเนื่องจนถึงปี 2026
    ผู้ใช้งานทั่วไปอาจได้รับผลกระทบจากราคาพีซีและโน้ตบุ๊กที่สูงขึ้น
    การลงทุนในฮาร์ดแวร์ช่วงนี้ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/server-dram-prices-surge-50-percent
    📈 ข่าวร้อนวงการไอที: “DRAM เซิร์ฟเวอร์พุ่ง 50% เพราะ AI แย่งซื้อ – ยักษ์ใหญ่ยังได้ของไม่ครบ!” ตลาดหน่วยความจำกำลังสั่นสะเทือน เมื่อความต้องการจากฝั่ง AI ทำให้ราคา DRAM สำหรับเซิร์ฟเวอร์พุ่งสูงถึง 50% ในไตรมาส 4 นี้ แม้แต่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ และจีนก็ยังได้รับสินค้าเพียง 70% ของที่สั่งซื้อไว้ สะท้อนถึงวิกฤตซัพพลายที่กำลังลุกลามไปทั่วอุตสาหกรรม เบื้องหลังความปั่นป่วนนี้คือการที่ผู้ผลิตอย่าง Samsung และ SK hynix หันไปทุ่มทรัพยากรให้กับหน่วยความจำ HBM และ DDR5 RDIMM ที่ใช้ในระบบ AI ทำให้หน่วยความจำแบบทั่วไปขาดตลาด ราคาพุ่ง และผู้ซื้อรายย่อยต้องดิ้นรนหาสินค้าจากตลาดมืดหรือรอไปถึงปี 2026 ✅ สถานการณ์ตลาด DRAM ปัจจุบัน ➡️ ราคา DRAM สำหรับเซิร์ฟเวอร์พุ่งสูงถึง 50% ใน Q4 ➡️ ผู้ซื้อรายใหญ่ในสหรัฐฯ และจีนได้รับสินค้าเพียง 70% ของคำสั่งซื้อ ➡️ DDR5 16GB จากราคา $7–8 พุ่งเป็น $13 ภายในเดือนเดียว ✅ สาเหตุหลักจากความต้องการของ AI ➡️ ความต้องการ HBM และ DDR5 RDIMM สำหรับ AI ทำให้ผู้ผลิตเบนกำลังการผลิต ➡️ Samsung และ SK hynix ปรับราคาขึ้นทั้ง SSD และ DRAM ➡️ ความต้องการจากศูนย์ข้อมูลและคลาวด์ยังคงสูงต่อเนื่อง ✅ ผลกระทบต่อผู้ซื้อรายย่อย ➡️ OEM ขนาดเล็กและผู้ค้าช่องทางเห็นอัตราการส่งมอบเพียง 35–40% ➡️ ถูกผลักให้ไปซื้อจากตลาด spot ที่ราคาแพงกว่า ➡️ อาจต้องรอจนถึงปี 2026 กว่าจะมีสินค้าพร้อม ✅ สัญญาณจากผู้ผลิตและนักวิเคราะห์ ➡️ Micron เตือนว่าอุตสาหกรรม DRAM จะยัง “ตึงตัว” ไปจนถึงสิ้นปีหน้า ➡️ TrendForce คาดว่าจะมีการ “หยุดเสนอราคา” บางโมดูลในจีน ➡️ ราคาขายปลีก DDR5 ยังไม่มีแนวโน้มจะนิ่งในปีนี้ ✅ สถานะของ DDR4 ➡️ Nanya Technology เผยว่า DDR4 เหลือส่วนแบ่งตลาดเพียง 20% ➡️ ไม่ได้รับการผลิตในปริมาณมากอีกต่อไป ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้งานและนักลงทุน ⛔ ราคาหน่วยความจำอาจยังพุ่งต่อเนื่องจนถึงปี 2026 ⛔ ผู้ใช้งานทั่วไปอาจได้รับผลกระทบจากราคาพีซีและโน้ตบุ๊กที่สูงขึ้น ⛔ การลงทุนในฮาร์ดแวร์ช่วงนี้ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/server-dram-prices-surge-50-percent
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Server DRAM prices surge up to 50% as AI-induced memory shortage hits hyperscaler supply — U.S. and Chinese customers only getting 70% order fulfillment
    U.S. and China buyers now see just 70% order fulfillment, as AI demand drives DDR5 shortages and PC parts follow suit.
    0 Comments 0 Shares 145 Views 0 Reviews
  • ติดตั้ง Smart TV ใหม่ต้องมี! 5 แอปฟรีที่ช่วยปลดล็อกความสามารถของทีวีให้คุ้มค่าสุดๆ

    บทความจาก SlashGear แนะนำ 5 แอปฟรีที่ควรติดตั้งทันทีเมื่อซื้อ Smart TV ใหม่ เพื่อเพิ่มประสบการณ์การใช้งานให้หลากหลายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแชร์ไฟล์ ดูวิดีโอ เล่นอินเทอร์เน็ต หรือแม้แต่การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Apple — โดยทั้งหมดนี้สามารถติดตั้งได้ผ่าน Google Play Store สำหรับ Android TV หรือ Google TV

    แอปแนะนำสำหรับ Smart TV ใหม่
    LocalSend – แชร์ไฟล์ข้ามอุปกรณ์แบบไร้สาย
    ส่งภาพยนตร์, รูปภาพ, หรือไฟล์งานจากมือถือไปยังทีวีผ่าน Wi-Fi
    รองรับหลายแพลตฟอร์ม ใช้งานง่าย และ UI เป็นมิตร
    ไม่รองรับ Tizen OS, Roku OS หรือ WebOS

    NOVA Video Player – เล่นวิดีโอทุกประเภทได้ลื่นไหล
    ทางเลือกที่ดีกว่า VLC สำหรับ Smart TV โดยเฉพาะ
    โหลดไฟล์จาก SSD ได้เร็วกว่า VLC และไม่กระตุก
    มี Night Mode และ Audio Boost เพิ่มความสะดวกในการรับชม

    Browser – ท่องเว็บบนทีวีได้สะดวกขึ้น
    มี ad blocker, cookie blocker และ redirect blocker ในตัว
    รองรับการควบคุมผ่านรีโมท พร้อมโหมดมืดและ incognito
    มีแอปควบคุมเฉพาะที่สแกนผ่าน QR code ได้

    File Manager+ – จัดการไฟล์ในทีวีอย่างมืออาชีพ
    เหมาะสำหรับคนที่ sideload แอปหรือมีไฟล์จำนวนมาก
    รองรับการเปิด, คัดลอก, ลบ, บีบอัด และเชื่อมต่อ cloud storage
    มี video player ในตัว และ UI เรียบง่าย

    AirScreen – แชร์หน้าจอจาก iPhone/Mac ไปยังทีวี
    รองรับ AirPlay, Google Cast, Miracast และ DLNA
    เหมาะสำหรับผู้ใช้ Apple ที่ทีวีไม่รองรับ AirPlay โดยตรง
    ใช้งานง่าย ภาพลื่น ไม่มีสะดุด

    https://www.slashgear.com/2009507/free-apps-you-should-install-on-new-smart-tv/
    📺 ติดตั้ง Smart TV ใหม่ต้องมี! 5 แอปฟรีที่ช่วยปลดล็อกความสามารถของทีวีให้คุ้มค่าสุดๆ บทความจาก SlashGear แนะนำ 5 แอปฟรีที่ควรติดตั้งทันทีเมื่อซื้อ Smart TV ใหม่ เพื่อเพิ่มประสบการณ์การใช้งานให้หลากหลายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแชร์ไฟล์ ดูวิดีโอ เล่นอินเทอร์เน็ต หรือแม้แต่การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Apple — โดยทั้งหมดนี้สามารถติดตั้งได้ผ่าน Google Play Store สำหรับ Android TV หรือ Google TV 🍎 แอปแนะนำสำหรับ Smart TV ใหม่ ✅ LocalSend – แชร์ไฟล์ข้ามอุปกรณ์แบบไร้สาย ➡️ ส่งภาพยนตร์, รูปภาพ, หรือไฟล์งานจากมือถือไปยังทีวีผ่าน Wi-Fi ➡️ รองรับหลายแพลตฟอร์ม ใช้งานง่าย และ UI เป็นมิตร ➡️ ไม่รองรับ Tizen OS, Roku OS หรือ WebOS ✅ NOVA Video Player – เล่นวิดีโอทุกประเภทได้ลื่นไหล ➡️ ทางเลือกที่ดีกว่า VLC สำหรับ Smart TV โดยเฉพาะ ➡️ โหลดไฟล์จาก SSD ได้เร็วกว่า VLC และไม่กระตุก ➡️ มี Night Mode และ Audio Boost เพิ่มความสะดวกในการรับชม ✅ Browser – ท่องเว็บบนทีวีได้สะดวกขึ้น ➡️ มี ad blocker, cookie blocker และ redirect blocker ในตัว ➡️ รองรับการควบคุมผ่านรีโมท พร้อมโหมดมืดและ incognito ➡️ มีแอปควบคุมเฉพาะที่สแกนผ่าน QR code ได้ ✅ File Manager+ – จัดการไฟล์ในทีวีอย่างมืออาชีพ ➡️ เหมาะสำหรับคนที่ sideload แอปหรือมีไฟล์จำนวนมาก ➡️ รองรับการเปิด, คัดลอก, ลบ, บีบอัด และเชื่อมต่อ cloud storage ➡️ มี video player ในตัว และ UI เรียบง่าย ✅ AirScreen – แชร์หน้าจอจาก iPhone/Mac ไปยังทีวี ➡️ รองรับ AirPlay, Google Cast, Miracast และ DLNA ➡️ เหมาะสำหรับผู้ใช้ Apple ที่ทีวีไม่รองรับ AirPlay โดยตรง ➡️ ใช้งานง่าย ภาพลื่น ไม่มีสะดุด https://www.slashgear.com/2009507/free-apps-you-should-install-on-new-smart-tv/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Free Apps You Should Install ASAP On A New Smart TV - SlashGear
    Long gone are the days of the UHF antenna and even the cable plug-in. Smart TVs bring the content directly and on demand thanks to a variety of apps.
    0 Comments 0 Shares 145 Views 0 Reviews
  • EP 54
    update หุ้ตลาดสหรัฐ DJI และ NASDAQ ทำนิวไฮ แต่หุ้นหลายตัวปิดบวกลบสลับกัน
    EP 54 update หุ้ตลาดสหรัฐ DJI และ NASDAQ ทำนิวไฮ แต่หุ้นหลายตัวปิดบวกลบสลับกัน
    0 Comments 0 Shares 52 Views 0 0 Reviews
  • CISOs ควรปรับแนวคิดเรื่องความเสี่ยงจากผู้ให้บริการหรือไม่? — เมื่อ AI และบริการภายนอกซับซ้อนขึ้น

    บทความจาก CSO Online ชี้ให้เห็นว่าผู้บริหารด้านความปลอดภัย (CISO) กำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ในการจัดการความเสี่ยงจากผู้ให้บริการภายนอก (MSP/MSSP) โดยเฉพาะเมื่อบริการเหล่านี้มีความสำคัญและซับซ้อนมากขึ้น เช่น การจัดการระบบคลาวด์, AI, และศูนย์ปฏิบัติการด้านความปลอดภัย (SOC)

    ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
    47% ขององค์กรพบเหตุการณ์โจมตีหรือข้อมูลรั่วไหลจาก third-party ภายใน 12 เดือน
    บอร์ดบริหารกดดันให้ CISO แสดงความมั่นใจในความปลอดภัยของพันธมิตร
    การตรวจสอบผู้ให้บริการกลายเป็นภาระหนักทั้งต่อองค์กรและผู้ให้บริการ

    ความซับซ้อนของบริการ
    MSP/MSSP ไม่ใช่แค่ให้บริการพื้นฐาน แต่รวมถึง threat hunting, data warehousing, AI tuning
    การประเมินความเสี่ยงต้องครอบคลุมตั้งแต่ leadership, GRC, SDLC, SLA ไปจนถึง disaster recovery

    ความสัมพันธ์มากกว่าการตรวจสอบ
    CISOs ควรเริ่มจากการสร้างความสัมพันธ์ก่อน แล้วจึงเข้าสู่การประเมินอย่างเป็นทางการ
    การสนทนาเปิดเผยช่วยสร้างความไว้วางใจมากกว่าการกรอกแบบฟอร์ม

    คำถามแนะนำสำหรับการประเมินผู้ให้บริการ
    ใครรับผิดชอบด้าน cybersecurity และรายงานต่อใคร?
    มีการใช้ framework ใด และตรวจสอบอย่างไร?
    มีการทดสอบเชิงรุก เช่น pen test, crisis drill หรือไม่?
    มีการฝึกอบรมพนักงานด้านภัยคุกคามหรือไม่?

    บทบาทของ AI
    AI เพิ่มความเสี่ยงใหม่ แต่ก็ช่วยตรวจสอบพันธมิตรได้ดีขึ้น
    มีการติดตามการรับรอง ISO 42001 สำหรับ AI governance
    GenAI สามารถช่วยค้นหาข้อมูลสาธารณะของผู้ให้บริการเพื่อยืนยันความน่าเชื่อถือ

    ข้อเสนอแนะสำหรับ CISOs
    เปลี่ยนจาก “แบบสอบถาม” เป็น “บทสนทนา” เพื่อเข้าใจความคิดของพันธมิตร
    มองความเสี่ยงเป็น “ความรับผิดชอบร่วม” ไม่ใช่แค่การโยนภาระ
    ใช้ AI เพื่อเสริมการตรวจสอบ ไม่ใช่แทนที่การประเมินเชิงมนุษย์

    https://www.csoonline.com/article/4075982/do-cisos-need-to-rethink-service-provider-risk.html
    🛡️🤝 CISOs ควรปรับแนวคิดเรื่องความเสี่ยงจากผู้ให้บริการหรือไม่? — เมื่อ AI และบริการภายนอกซับซ้อนขึ้น บทความจาก CSO Online ชี้ให้เห็นว่าผู้บริหารด้านความปลอดภัย (CISO) กำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ในการจัดการความเสี่ยงจากผู้ให้บริการภายนอก (MSP/MSSP) โดยเฉพาะเมื่อบริการเหล่านี้มีความสำคัญและซับซ้อนมากขึ้น เช่น การจัดการระบบคลาวด์, AI, และศูนย์ปฏิบัติการด้านความปลอดภัย (SOC) 📈 ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น 🎗️ 47% ขององค์กรพบเหตุการณ์โจมตีหรือข้อมูลรั่วไหลจาก third-party ภายใน 12 เดือน 🎗️ บอร์ดบริหารกดดันให้ CISO แสดงความมั่นใจในความปลอดภัยของพันธมิตร 🎗️ การตรวจสอบผู้ให้บริการกลายเป็นภาระหนักทั้งต่อองค์กรและผู้ให้บริการ 🧠 ความซับซ้อนของบริการ 🎗️ MSP/MSSP ไม่ใช่แค่ให้บริการพื้นฐาน แต่รวมถึง threat hunting, data warehousing, AI tuning 🎗️ การประเมินความเสี่ยงต้องครอบคลุมตั้งแต่ leadership, GRC, SDLC, SLA ไปจนถึง disaster recovery 🤝 ความสัมพันธ์มากกว่าการตรวจสอบ 🎗️ CISOs ควรเริ่มจากการสร้างความสัมพันธ์ก่อน แล้วจึงเข้าสู่การประเมินอย่างเป็นทางการ 🎗️ การสนทนาเปิดเผยช่วยสร้างความไว้วางใจมากกว่าการกรอกแบบฟอร์ม 🧪 คำถามแนะนำสำหรับการประเมินผู้ให้บริการ 🎗️ ใครรับผิดชอบด้าน cybersecurity และรายงานต่อใคร? 🎗️ มีการใช้ framework ใด และตรวจสอบอย่างไร? 🎗️ มีการทดสอบเชิงรุก เช่น pen test, crisis drill หรือไม่? 🎗️ มีการฝึกอบรมพนักงานด้านภัยคุกคามหรือไม่? 🤖 บทบาทของ AI 🎗️ AI เพิ่มความเสี่ยงใหม่ แต่ก็ช่วยตรวจสอบพันธมิตรได้ดีขึ้น 🎗️ มีการติดตามการรับรอง ISO 42001 สำหรับ AI governance 🎗️ GenAI สามารถช่วยค้นหาข้อมูลสาธารณะของผู้ให้บริการเพื่อยืนยันความน่าเชื่อถือ ✅ ข้อเสนอแนะสำหรับ CISOs ➡️ เปลี่ยนจาก “แบบสอบถาม” เป็น “บทสนทนา” เพื่อเข้าใจความคิดของพันธมิตร ➡️ มองความเสี่ยงเป็น “ความรับผิดชอบร่วม” ไม่ใช่แค่การโยนภาระ ➡️ ใช้ AI เพื่อเสริมการตรวจสอบ ไม่ใช่แทนที่การประเมินเชิงมนุษย์ https://www.csoonline.com/article/4075982/do-cisos-need-to-rethink-service-provider-risk.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Do CISOs need to rethink service provider risk?
    CISOs are charged with managing a vast ecosystem of MSPs and MSSPs, but are the usual processes fit for purpose as outsourced services become more complex and critical — and will AI force a rethink?
    0 Comments 0 Shares 145 Views 0 Reviews
  • ช่องโหว่ร้ายแรงใน OpenVPN บน Linux/macOS เปิดทางให้โจมตีผ่าน DNS Server ปลอม (CVE-2025-10680)

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยเปิดเผยช่องโหว่ระดับสูงใน OpenVPN เวอร์ชัน 2.7_alpha1 ถึง 2.7_beta1 ซึ่งเปิดช่องให้ผู้ไม่หวังดีสามารถแทรกคำสั่งลงในระบบผ่าน DNS server ที่เป็นอันตราย โดยเฉพาะบนระบบปฏิบัติการแบบ Unix เช่น Linux, BSD และ macOS

    รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-10680
    ปัญหาเกิดจากการที่ OpenVPN ไม่กรองข้อมูลที่ได้รับจากเซิร์ฟเวอร์ VPN อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะคำสั่ง --dns และ --dhcp-option ที่ถูกส่งไปยังสคริปต์ --dns-updown
    หากเซิร์ฟเวอร์ VPN ถูกควบคุมโดยผู้โจมตี จะสามารถส่งคำสั่งที่แอบแฝงไปกับการตั้งค่า DNS/DHCP และทำให้ระบบฝั่ง client รันคำสั่งอันตรายได้
    หาก OpenVPN ทำงานด้วยสิทธิ์ root ผู้โจมตีอาจเข้าควบคุมระบบทั้งหมดได้ทันที
    Windows ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง ยกเว้นกรณีที่ใช้ PowerShell ในเส้นทางสคริปต์เดียวกัน

    OpenVPN ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 2.7_beta2 ซึ่งมีการกรองข้อมูล DNS อย่างเหมาะสม พร้อมปรับปรุงการจัดการ socket บน Windows และการตั้งค่า IPv4 broadcast บน Linux

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ช่องโหว่ CVE-2025-10680 มีระดับความรุนแรง CVSS 8.8
    ส่งผลกระทบต่อ OpenVPN 2.7_alpha1 ถึง 2.7_beta1 บนระบบ Unix
    เกิดจากการไม่กรองคำสั่ง --dns และ --dhcp-option อย่างเหมาะสม
    ผู้โจมตีสามารถแทรกคำสั่งผ่าน DNS server ปลอม
    แพตช์แก้ไขออกแล้วในเวอร์ชัน 2.7_beta2
    Windows ได้รับผลกระทบเฉพาะกรณีที่ใช้ PowerShell ในสคริปต์เดียวกัน

    คำแนะนำสำหรับผู้ดูแลระบบ
    อัปเดต OpenVPN เป็นเวอร์ชัน 2.7_beta2 หรือใหม่กว่าโดยเร็ว
    หลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN ที่ไม่เชื่อถือ
    ตรวจสอบสิทธิ์การทำงานของ OpenVPN ว่าไม่ควรใช้ root โดยไม่จำเป็น
    ปิดการใช้ --dns-updown หากไม่จำเป็น

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้และองค์กร
    หากใช้ OpenVPN เวอร์ชันที่มีช่องโหว่ อาจถูกโจมตีด้วยคำสั่งแฝงจากเซิร์ฟเวอร์ปลอม
    การรัน OpenVPN ด้วยสิทธิ์ root เพิ่มความเสี่ยงในการถูกควบคุมระบบทั้งหมด
    การไม่อัปเดตเวอร์ชันล่าสุดอาจเปิดช่องให้เกิดการโจมตีแบบ remote code execution

    https://securityonline.info/high-severity-openvpn-flaw-cve-2025-10680-allows-script-injection-on-linux-macos-via-malicious-dns-server/
    ⚠️🔐 ช่องโหว่ร้ายแรงใน OpenVPN บน Linux/macOS เปิดทางให้โจมตีผ่าน DNS Server ปลอม (CVE-2025-10680) นักวิจัยด้านความปลอดภัยเปิดเผยช่องโหว่ระดับสูงใน OpenVPN เวอร์ชัน 2.7_alpha1 ถึง 2.7_beta1 ซึ่งเปิดช่องให้ผู้ไม่หวังดีสามารถแทรกคำสั่งลงในระบบผ่าน DNS server ที่เป็นอันตราย โดยเฉพาะบนระบบปฏิบัติการแบบ Unix เช่น Linux, BSD และ macOS 🧠 รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-10680 💠 ปัญหาเกิดจากการที่ OpenVPN ไม่กรองข้อมูลที่ได้รับจากเซิร์ฟเวอร์ VPN อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะคำสั่ง --dns และ --dhcp-option ที่ถูกส่งไปยังสคริปต์ --dns-updown 💠 หากเซิร์ฟเวอร์ VPN ถูกควบคุมโดยผู้โจมตี จะสามารถส่งคำสั่งที่แอบแฝงไปกับการตั้งค่า DNS/DHCP และทำให้ระบบฝั่ง client รันคำสั่งอันตรายได้ 💠 หาก OpenVPN ทำงานด้วยสิทธิ์ root ผู้โจมตีอาจเข้าควบคุมระบบทั้งหมดได้ทันที 💠 Windows ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง ยกเว้นกรณีที่ใช้ PowerShell ในเส้นทางสคริปต์เดียวกัน OpenVPN ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 2.7_beta2 ซึ่งมีการกรองข้อมูล DNS อย่างเหมาะสม พร้อมปรับปรุงการจัดการ socket บน Windows และการตั้งค่า IPv4 broadcast บน Linux ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ช่องโหว่ CVE-2025-10680 มีระดับความรุนแรง CVSS 8.8 ➡️ ส่งผลกระทบต่อ OpenVPN 2.7_alpha1 ถึง 2.7_beta1 บนระบบ Unix ➡️ เกิดจากการไม่กรองคำสั่ง --dns และ --dhcp-option อย่างเหมาะสม ➡️ ผู้โจมตีสามารถแทรกคำสั่งผ่าน DNS server ปลอม ➡️ แพตช์แก้ไขออกแล้วในเวอร์ชัน 2.7_beta2 ➡️ Windows ได้รับผลกระทบเฉพาะกรณีที่ใช้ PowerShell ในสคริปต์เดียวกัน ✅ คำแนะนำสำหรับผู้ดูแลระบบ ➡️ อัปเดต OpenVPN เป็นเวอร์ชัน 2.7_beta2 หรือใหม่กว่าโดยเร็ว ➡️ หลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN ที่ไม่เชื่อถือ ➡️ ตรวจสอบสิทธิ์การทำงานของ OpenVPN ว่าไม่ควรใช้ root โดยไม่จำเป็น ➡️ ปิดการใช้ --dns-updown หากไม่จำเป็น ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้และองค์กร ⛔ หากใช้ OpenVPN เวอร์ชันที่มีช่องโหว่ อาจถูกโจมตีด้วยคำสั่งแฝงจากเซิร์ฟเวอร์ปลอม ⛔ การรัน OpenVPN ด้วยสิทธิ์ root เพิ่มความเสี่ยงในการถูกควบคุมระบบทั้งหมด ⛔ การไม่อัปเดตเวอร์ชันล่าสุดอาจเปิดช่องให้เกิดการโจมตีแบบ remote code execution https://securityonline.info/high-severity-openvpn-flaw-cve-2025-10680-allows-script-injection-on-linux-macos-via-malicious-dns-server/
    SECURITYONLINE.INFO
    High-Severity OpenVPN Flaw (CVE-2025-10680) Allows Script Injection on Linux/macOS via Malicious DNS Server
    A High-severity OpenVPN flaw (CVE-2025-10680) in beta versions allows script injection on Unix-like clients (Linux, macOS). Malicious DNS/DHCP arguments can execute arbitrary commands on the client side.
    0 Comments 0 Shares 119 Views 0 Reviews
  • จีนเปิดตัว BIE-1 ซูเปอร์คอมพิวเตอร์เลียนแบบสมอง ขนาดเท่าตู้เย็น ใช้ไฟบ้านธรรมดา!

    นักวิทยาศาสตร์จีนจาก Guangdong Institute of Intelligent Science and Technology ได้เปิดตัว “BI Explorer 1” หรือ BIE-1 ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์ AI แบบ neuromorphic ที่เลียนแบบการทำงานของสมองมนุษย์ โดยมีขนาดเท่าตู้เย็นเล็ก แต่ประสิทธิภาพระดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ พร้อมใช้ไฟบ้านทั่วไป

    จุดเด่นของ BIE-1
    ขนาดกะทัดรัด: เทียบเท่าตู้เย็นขนาดเล็ก แต่สามารถทำงานได้เทียบเท่าระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์ขนาดห้อง
    ประหยัดพลังงาน: ใช้พลังงานน้อยกว่าระบบทั่วไปถึง 90% และยังคงอุณหภูมิ CPU ไม่เกิน 70°C แม้ใช้งานหนัก
    ประสิทธิภาพสูง: มี 1,152 CPU cores, RAM 4.8TB DDR5 และพื้นที่จัดเก็บ 204TB
    ใช้เทคโนโลยีเลียนแบบสมอง: ประมวลผลแบบ neural network ที่สามารถเรียนรู้และวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    รองรับการใช้งานหลากหลาย: เหมาะสำหรับบ้าน, สำนักงาน, หรือแม้แต่การใช้งานแบบเคลื่อนที่ เช่น รถพยาบาลหรือห้องเรียนเคลื่อนที่

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    BIE-1 เป็นเซิร์ฟเวอร์ AI แบบ neuromorphic ที่เลียนแบบสมอง
    ขนาดเท่าตู้เย็น ใช้ไฟบ้านทั่วไป
    มี 1,152 CPU cores, RAM 4.8TB และพื้นที่จัดเก็บ 204TB
    ใช้พลังงานน้อยกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทั่วไปถึง 90%
    อุณหภูมิ CPU ไม่เกิน 70°C แม้ใช้งานเต็มที่
    เหมาะสำหรับการใช้งานในบ้าน, สำนักงาน, หรือพื้นที่เคลื่อนที่

    เทคโนโลยีเลียนแบบสมอง
    ใช้ neural network ที่สามารถเรียนรู้และวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    รองรับการประมวลผลแบบ multimodal เช่น ข้อความ, ภาพ, และเสียง
    เหมาะสำหรับงานด้านสุขภาพ, การศึกษา, และผู้ช่วย AI ส่วนบุคคล

    ความเปรียบเทียบกับระบบเดิม
    เทียบกับ Intel Hala Point และ SpiNNaker 2 ที่ใช้พื้นที่ขนาดใหญ่
    BIE-1 เป็นระบบแบบ standalone ที่ไม่ต้องใช้ SSD, HDD หรือ GPU
    ใช้พลังงานน้อยกว่า “ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ขนาดห้อง” ถึง 90%

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    คำว่า “ซูเปอร์คอมพิวเตอร์” ยังไม่มีนิยามที่ชัดเจน ทำให้การเปรียบเทียบอาจคลุมเครือ
    ยังไม่มีข้อมูลราคาหรือวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
    ข้อมูลจากแหล่งตะวันตกยังมีจำกัด อาจต้องรอการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อยืนยันประสิทธิภาพจริง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/china-builds-neuromorphic-ai-server-the-size-of-a-mini-fridge-bi-explorer-1-runs-on-a-household-socket-and-contains-1-152-cpu-cores
    🧠🧊 จีนเปิดตัว BIE-1 ซูเปอร์คอมพิวเตอร์เลียนแบบสมอง ขนาดเท่าตู้เย็น ใช้ไฟบ้านธรรมดา! นักวิทยาศาสตร์จีนจาก Guangdong Institute of Intelligent Science and Technology ได้เปิดตัว “BI Explorer 1” หรือ BIE-1 ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์ AI แบบ neuromorphic ที่เลียนแบบการทำงานของสมองมนุษย์ โดยมีขนาดเท่าตู้เย็นเล็ก แต่ประสิทธิภาพระดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ พร้อมใช้ไฟบ้านทั่วไป 📦 จุดเด่นของ BIE-1 💠 ขนาดกะทัดรัด: เทียบเท่าตู้เย็นขนาดเล็ก แต่สามารถทำงานได้เทียบเท่าระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์ขนาดห้อง 💠 ประหยัดพลังงาน: ใช้พลังงานน้อยกว่าระบบทั่วไปถึง 90% และยังคงอุณหภูมิ CPU ไม่เกิน 70°C แม้ใช้งานหนัก 💠 ประสิทธิภาพสูง: มี 1,152 CPU cores, RAM 4.8TB DDR5 และพื้นที่จัดเก็บ 204TB 💠 ใช้เทคโนโลยีเลียนแบบสมอง: ประมวลผลแบบ neural network ที่สามารถเรียนรู้และวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ 💠 รองรับการใช้งานหลากหลาย: เหมาะสำหรับบ้าน, สำนักงาน, หรือแม้แต่การใช้งานแบบเคลื่อนที่ เช่น รถพยาบาลหรือห้องเรียนเคลื่อนที่ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ BIE-1 เป็นเซิร์ฟเวอร์ AI แบบ neuromorphic ที่เลียนแบบสมอง ➡️ ขนาดเท่าตู้เย็น ใช้ไฟบ้านทั่วไป ➡️ มี 1,152 CPU cores, RAM 4.8TB และพื้นที่จัดเก็บ 204TB ➡️ ใช้พลังงานน้อยกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทั่วไปถึง 90% ➡️ อุณหภูมิ CPU ไม่เกิน 70°C แม้ใช้งานเต็มที่ ➡️ เหมาะสำหรับการใช้งานในบ้าน, สำนักงาน, หรือพื้นที่เคลื่อนที่ ✅ เทคโนโลยีเลียนแบบสมอง ➡️ ใช้ neural network ที่สามารถเรียนรู้และวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ➡️ รองรับการประมวลผลแบบ multimodal เช่น ข้อความ, ภาพ, และเสียง ➡️ เหมาะสำหรับงานด้านสุขภาพ, การศึกษา, และผู้ช่วย AI ส่วนบุคคล ✅ ความเปรียบเทียบกับระบบเดิม ➡️ เทียบกับ Intel Hala Point และ SpiNNaker 2 ที่ใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ ➡️ BIE-1 เป็นระบบแบบ standalone ที่ไม่ต้องใช้ SSD, HDD หรือ GPU ➡️ ใช้พลังงานน้อยกว่า “ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ขนาดห้อง” ถึง 90% ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ คำว่า “ซูเปอร์คอมพิวเตอร์” ยังไม่มีนิยามที่ชัดเจน ทำให้การเปรียบเทียบอาจคลุมเครือ ⛔ ยังไม่มีข้อมูลราคาหรือวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ⛔ ข้อมูลจากแหล่งตะวันตกยังมีจำกัด อาจต้องรอการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อยืนยันประสิทธิภาพจริง https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/china-builds-neuromorphic-ai-server-the-size-of-a-mini-fridge-bi-explorer-1-runs-on-a-household-socket-and-contains-1-152-cpu-cores
    0 Comments 0 Shares 169 Views 0 Reviews
  • SK hynix เปิดตัวกลยุทธ์ AI NAND ยุคใหม่ พร้อม SSD ความจุระดับเพตะไบต์ และความเร็วทะลุ 100 ล้าน IOPS

    ลองจินตนาการว่า AI ไม่ได้แค่ฉลาดขึ้น แต่ยังเร็วขึ้นและจัดการข้อมูลได้มหาศาลแบบที่ฮาร์ดดิสก์ธรรมดาเทียบไม่ติด ล่าสุด SK hynix ผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่จากเกาหลีใต้ ได้เปิดตัวกลยุทธ์ใหม่ในงาน Global Summit 2025 ที่จะเปลี่ยนโฉมวงการเก็บข้อมูลสำหรับ AI โดยเฉพาะ

    พวกเขาแบ่งผลิตภัณฑ์ออกเป็น 3 สายหลัก ได้แก่ AIN D, AIN P และ AIN B ซึ่งแต่ละตัวมีจุดเด่นเฉพาะตัว:

    AIN D (Density): ใช้เทคโนโลยี 3D QLC NAND เพื่อสร้าง SSD ที่มีความจุระดับ “เพตะไบต์” สำหรับเก็บข้อมูล AI ขนาดใหญ่ โดยมีเป้าหมายแทนที่ HDD แบบใกล้เคียงเซิร์ฟเวอร์

    AIN P (Performance): SSD ที่ออกแบบมาเพื่อการประมวลผล AI โดยเฉพาะ เช่นการค้นหาฐานข้อมูลแบบเวกเตอร์ ด้วยความเร็วสูงถึง 100 ล้าน IOPS ผ่าน PCIe 6.0 ภายในปี 2027

    AIN B (Bandwidth): ใช้เทคโนโลยี High Bandwidth Flash (HBF) ที่ร่วมพัฒนากับ SanDisk เพื่อให้ได้แบนด์วิดธ์ระดับเดียวกับ HBM แต่ยังไม่มีมาตรฐานกลางหรือตัวเลขประสิทธิภาพที่ชัดเจน

    นอกจากนั้น SK hynix ยังร่วมมือกับ SanDisk จัดงาน “HBF Night” เพื่อผลักดันการพัฒนา ecosystem ของ NAND สำหรับ AI โดยเฉพาะ ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มใหม่ที่ผู้ผลิตหน่วยความจำกำลังปรับตัวเพื่อรองรับการเติบโตของ AI อย่างรวดเร็ว

    และถ้ามองจากภาพรวมของอุตสาหกรรมตอนนี้ เราจะเห็นว่าเทคโนโลยีเก็บข้อมูลกำลังกลายเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนา AI ไม่ใช่แค่เรื่องของชิปประมวลผลอีกต่อไป แต่รวมถึงการจัดเก็บและส่งข้อมูลที่เร็วและใหญ่กว่าที่เคยเป็นมา

    กลยุทธ์ใหม่ของ SK hynix สำหรับตลาด AI
    เปิดตัวผลิตภัณฑ์ NAND 3 สาย: AIN D, AIN P, AIN B
    มุ่งเน้นการใช้งานเฉพาะด้าน เช่น การเก็บข้อมูล, การประมวลผล, และการส่งข้อมูลความเร็วสูง

    AIN D: ความจุสูงสุดในตลาด
    ใช้ 3D QLC NAND เพื่อสร้าง SSD ความจุระดับเพตะไบต์
    ตั้งเป้าแทนที่ nearline HDD สำหรับเซิร์ฟเวอร์ AI

    AIN P: SSD ความเร็วสูงสำหรับ AI inference
    รองรับการประมวลผลแบบละเอียด เช่น vector search
    ความเร็วสูงสุด 100 ล้าน IOPS ผ่าน PCIe 6.0 ภายในปี 2027
    มีข้อจำกัดด้านแบนด์วิดธ์ของ PCIe 6.0 x4 ที่ต้องใช้ x8 หรือ x16 เพื่อให้ถึงเป้าหมาย

    AIN B: เทคโนโลยีใหม่ High Bandwidth Flash
    พัฒนาโดยร่วมมือกับ SanDisk
    เป้าหมายคือให้แบนด์วิดธ์ระดับ HBM แต่ยังไม่มีมาตรฐานกลาง
    เหมาะสำหรับงาน inference ที่ต้องการ throughput สูงโดยไม่ต้องเพิ่ม accelerator

    ความร่วมมือเพื่อผลักดันมาตรฐานใหม่
    SK hynix และ SanDisk จัดงาน HBF Night เพื่อรวมผู้พัฒนา ecosystem
    สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของตลาด NAND ที่มุ่งสู่ AI โดยเฉพาะ

    ข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีที่ต้องจับตา
    PCIe 6.0 x4 ไม่สามารถรองรับ 100 ล้าน IOPS ได้จริง ต้องใช้ x8 หรือ x16
    AIN B ยังไม่มีตัวเลขประสิทธิภาพหรือกำหนดการวางจำหน่ายที่ชัดเจน
    มาตรฐานของ HBF ยังไม่ถูกกำหนด ทำให้การใช้งานยังไม่แพร่หลาย

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/sk-hynix-unveils-ai-nand-strategy-including-gargantuan-petabyte-class-qlc-ssds-ultra-fast-hbf-and-100m-iops-ssds-also-in-the-pipeline
    🧠💾 SK hynix เปิดตัวกลยุทธ์ AI NAND ยุคใหม่ พร้อม SSD ความจุระดับเพตะไบต์ และความเร็วทะลุ 100 ล้าน IOPS ลองจินตนาการว่า AI ไม่ได้แค่ฉลาดขึ้น แต่ยังเร็วขึ้นและจัดการข้อมูลได้มหาศาลแบบที่ฮาร์ดดิสก์ธรรมดาเทียบไม่ติด ล่าสุด SK hynix ผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่จากเกาหลีใต้ ได้เปิดตัวกลยุทธ์ใหม่ในงาน Global Summit 2025 ที่จะเปลี่ยนโฉมวงการเก็บข้อมูลสำหรับ AI โดยเฉพาะ พวกเขาแบ่งผลิตภัณฑ์ออกเป็น 3 สายหลัก ได้แก่ AIN D, AIN P และ AIN B ซึ่งแต่ละตัวมีจุดเด่นเฉพาะตัว: 💠 AIN D (Density): ใช้เทคโนโลยี 3D QLC NAND เพื่อสร้าง SSD ที่มีความจุระดับ “เพตะไบต์” สำหรับเก็บข้อมูล AI ขนาดใหญ่ โดยมีเป้าหมายแทนที่ HDD แบบใกล้เคียงเซิร์ฟเวอร์ 💠 AIN P (Performance): SSD ที่ออกแบบมาเพื่อการประมวลผล AI โดยเฉพาะ เช่นการค้นหาฐานข้อมูลแบบเวกเตอร์ ด้วยความเร็วสูงถึง 100 ล้าน IOPS ผ่าน PCIe 6.0 ภายในปี 2027 💠 AIN B (Bandwidth): ใช้เทคโนโลยี High Bandwidth Flash (HBF) ที่ร่วมพัฒนากับ SanDisk เพื่อให้ได้แบนด์วิดธ์ระดับเดียวกับ HBM แต่ยังไม่มีมาตรฐานกลางหรือตัวเลขประสิทธิภาพที่ชัดเจน นอกจากนั้น SK hynix ยังร่วมมือกับ SanDisk จัดงาน “HBF Night” เพื่อผลักดันการพัฒนา ecosystem ของ NAND สำหรับ AI โดยเฉพาะ ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มใหม่ที่ผู้ผลิตหน่วยความจำกำลังปรับตัวเพื่อรองรับการเติบโตของ AI อย่างรวดเร็ว และถ้ามองจากภาพรวมของอุตสาหกรรมตอนนี้ เราจะเห็นว่าเทคโนโลยีเก็บข้อมูลกำลังกลายเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนา AI ไม่ใช่แค่เรื่องของชิปประมวลผลอีกต่อไป แต่รวมถึงการจัดเก็บและส่งข้อมูลที่เร็วและใหญ่กว่าที่เคยเป็นมา ✅ กลยุทธ์ใหม่ของ SK hynix สำหรับตลาด AI ➡️ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ NAND 3 สาย: AIN D, AIN P, AIN B ➡️ มุ่งเน้นการใช้งานเฉพาะด้าน เช่น การเก็บข้อมูล, การประมวลผล, และการส่งข้อมูลความเร็วสูง ✅ AIN D: ความจุสูงสุดในตลาด ➡️ ใช้ 3D QLC NAND เพื่อสร้าง SSD ความจุระดับเพตะไบต์ ➡️ ตั้งเป้าแทนที่ nearline HDD สำหรับเซิร์ฟเวอร์ AI ✅ AIN P: SSD ความเร็วสูงสำหรับ AI inference ➡️ รองรับการประมวลผลแบบละเอียด เช่น vector search ➡️ ความเร็วสูงสุด 100 ล้าน IOPS ผ่าน PCIe 6.0 ภายในปี 2027 ➡️ มีข้อจำกัดด้านแบนด์วิดธ์ของ PCIe 6.0 x4 ที่ต้องใช้ x8 หรือ x16 เพื่อให้ถึงเป้าหมาย ✅ AIN B: เทคโนโลยีใหม่ High Bandwidth Flash ➡️ พัฒนาโดยร่วมมือกับ SanDisk ➡️ เป้าหมายคือให้แบนด์วิดธ์ระดับ HBM แต่ยังไม่มีมาตรฐานกลาง ➡️ เหมาะสำหรับงาน inference ที่ต้องการ throughput สูงโดยไม่ต้องเพิ่ม accelerator ✅ ความร่วมมือเพื่อผลักดันมาตรฐานใหม่ ➡️ SK hynix และ SanDisk จัดงาน HBF Night เพื่อรวมผู้พัฒนา ecosystem ➡️ สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของตลาด NAND ที่มุ่งสู่ AI โดยเฉพาะ ‼️ ข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีที่ต้องจับตา ⛔ PCIe 6.0 x4 ไม่สามารถรองรับ 100 ล้าน IOPS ได้จริง ต้องใช้ x8 หรือ x16 ⛔ AIN B ยังไม่มีตัวเลขประสิทธิภาพหรือกำหนดการวางจำหน่ายที่ชัดเจน ⛔ มาตรฐานของ HBF ยังไม่ถูกกำหนด ทำให้การใช้งานยังไม่แพร่หลาย https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/sk-hynix-unveils-ai-nand-strategy-including-gargantuan-petabyte-class-qlc-ssds-ultra-fast-hbf-and-100m-iops-ssds-also-in-the-pipeline
    0 Comments 0 Shares 165 Views 0 Reviews
More Results