• เหรียญหลวงพ่อทวดหลังหลวงพ่อนอง เนื้อนวโลหะ ที่ระลึกยกยอดฉัตรวิหาร วัดทรายขาว จ.ปัตตานี ปี2538
    เหรียญหลวงพ่อทวดหลังหลวงพ่อนอง เนื้อนวโลหะ ( พิเศษตอก 2 โค็ด จัดสร้างจำนวนน้อย ) ที่ระลึกยกยอดฉัตรวิหาร ครบรอบ 77 ปี วัดทรายขาว จ.ปัตตานี ปี2538 //พระดีพิธีใหญ่ พ่อท่านแดง 5 แชะ วัดศรีมหาโพธิ์ พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว และ เกจิสายหลวงพ่อทวด -สายเขาอ้อ ร่วมพิธีปลุกเสก ประกอบพิธีปลุกเสก 2 วัด ณ พระอุโบสถวัดช้างให้ และ วัดทรายขาว // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ประสบการณ์มากมาย ทั้งระเบิดด้าน รถคว่ำ กันภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย **

    ** พระดีพิธีใหญ่ พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว และ เกจิสายหลวงพ่อทวด -สายเขาอ้อ ร่วมพิธีปลุกเสก พิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดช้างให้ โดยท่านอาจารย์นอง วัดทรายขาว เป็นประธานจุดเทียนชัย เวลา 19.29 น. และนั่งปรกอธิษฐานจิต มีพ่อท่านพลับ วัดชายคลอง เป็นประธานดับเทียนชัย เวลา 23.19 น. มีคณาจารย์ร่วมในพิธีมากมายอาทิ พ่อท่านมหาชวน วัดโคกเนียม พ่อท่านดำ วัดใหม่นภารามตากใบ พ่อท่านปาน วัดปากสระ ท่านเจ้าครู วัดบูรพาราม พ่อท่านพล วัดนาประดู่ พ่อท่านศรีเงิน วัดดอนศาลา พ่อท่านเอียด วัดโคกแย้ม พ่อท่านกลั่น วัดเขาอ้อ พ่อท่านเนียม วัดต้นเลียบ พ่อท่านสังข์ วัดเทพมงคล และพ่อท่านแดง 5 แชะ วัดศรีมหาโพธิ์ เป็นต้น **

    **พระสถาพสวยมาก เดิมๆ พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    โทรศัพท์ 0881915131
    LINE 0881915131
    เหรียญหลวงพ่อทวดหลังหลวงพ่อนอง เนื้อนวโลหะ ที่ระลึกยกยอดฉัตรวิหาร วัดทรายขาว จ.ปัตตานี ปี2538 เหรียญหลวงพ่อทวดหลังหลวงพ่อนอง เนื้อนวโลหะ ( พิเศษตอก 2 โค็ด จัดสร้างจำนวนน้อย ) ที่ระลึกยกยอดฉัตรวิหาร ครบรอบ 77 ปี วัดทรายขาว จ.ปัตตานี ปี2538 //พระดีพิธีใหญ่ พ่อท่านแดง 5 แชะ วัดศรีมหาโพธิ์ พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว และ เกจิสายหลวงพ่อทวด -สายเขาอ้อ ร่วมพิธีปลุกเสก ประกอบพิธีปลุกเสก 2 วัด ณ พระอุโบสถวัดช้างให้ และ วัดทรายขาว // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ประสบการณ์มากมาย ทั้งระเบิดด้าน รถคว่ำ กันภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย ** ** พระดีพิธีใหญ่ พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว และ เกจิสายหลวงพ่อทวด -สายเขาอ้อ ร่วมพิธีปลุกเสก พิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดช้างให้ โดยท่านอาจารย์นอง วัดทรายขาว เป็นประธานจุดเทียนชัย เวลา 19.29 น. และนั่งปรกอธิษฐานจิต มีพ่อท่านพลับ วัดชายคลอง เป็นประธานดับเทียนชัย เวลา 23.19 น. มีคณาจารย์ร่วมในพิธีมากมายอาทิ พ่อท่านมหาชวน วัดโคกเนียม พ่อท่านดำ วัดใหม่นภารามตากใบ พ่อท่านปาน วัดปากสระ ท่านเจ้าครู วัดบูรพาราม พ่อท่านพล วัดนาประดู่ พ่อท่านศรีเงิน วัดดอนศาลา พ่อท่านเอียด วัดโคกแย้ม พ่อท่านกลั่น วัดเขาอ้อ พ่อท่านเนียม วัดต้นเลียบ พ่อท่านสังข์ วัดเทพมงคล และพ่อท่านแดง 5 แชะ วัดศรีมหาโพธิ์ เป็นต้น ** **พระสถาพสวยมาก เดิมๆ พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ โทรศัพท์ 0881915131 LINE 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว
  • FENGSHUI DAILY
    อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว
    สีเสริมดวง เสริมความเฮง
    ทิศมงคล เวลามงคล
    อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่
    วันจันทร์ที่ 8 เดือนธันวาคม พ.ศ.2568
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    FENGSHUI DAILY อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว สีเสริมดวง เสริมความเฮง ทิศมงคล เวลามงคล อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่ วันจันทร์ที่ 8 เดือนธันวาคม พ.ศ.2568 ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก๊าซหัวเราะกับการบรรเทาภาวะซึมเศร้า

    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Birmingham และ Oxford วิเคราะห์การทดลองทางคลินิก 7 ครั้ง รวมผู้เข้าร่วมกว่า 247 คน พบว่า การสูดดมไนตรัสออกไซด์ในระดับ 25–50% สามารถลดอาการซึมเศร้าได้ภายใน 2 ชั่วโมง โดยเฉพาะในกลุ่มที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบดั้งเดิม เช่น ยาต้านซึมเศร้าและการบำบัดทางจิตใจ

    กลไกที่อยู่เบื้องหลัง
    ผลการศึกษาชี้ว่าไนตรัสออกไซด์อาจทำงานโดย ลดการทำงานของระบบกลูตาเมต (glutamatergic system) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาทและเชื่อมโยงกับภาวะซึมเศร้า นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในสมอง ทำให้การลำเลียงออกซิเจนและสารอาหารดีขึ้น

    ผลลัพธ์และข้อจำกัด
    แม้จะเห็นผลเร็ว แต่ อาการซึมเศร้ากลับมาในหนึ่งสัปดาห์ หากไม่ได้รับการให้ยาซ้ำ อีกทั้งการใช้ในความเข้มข้นสูง (50%) อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ ปวดหัว และภาวะหลุดจากความเป็นจริง (dissociation) จึงต้องมีการจัดการอย่างระมัดระวัง

    ความหวังใหม่ในแนวทางการรักษา
    นักวิจัยเชื่อว่าไนตรัสออกไซด์อาจเป็นส่วนหนึ่งของ การรักษารุ่นใหม่ที่ออกฤทธิ์เร็ว สำหรับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบเดิม โดยการทดลองในอนาคตจะมุ่งไปที่ การให้ยาซ้ำในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อหาสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและความปลอดภัย

    สรุปสาระสำคัญ
    ไนตรัสออกไซด์บรรเทาอาการซึมเศร้าได้ภายใน 2 ชั่วโมง
    เห็นผลชัดเจนในผู้ป่วยดื้อต่อการรักษา

    กลไกเกี่ยวข้องกับการลดการทำงานของระบบกลูตาเมต
    และช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดในสมอง

    ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นาน
    อาการกลับมาภายในหนึ่งสัปดาห์หากไม่ให้ยาซ้ำ

    การทดลองชี้ว่ามีศักยภาพเป็นการรักษารุ่นใหม่
    ต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อหาวิธีใช้ที่ปลอดภัยและยั่งยืน

    ความเข้มข้นสูงอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง
    เช่น คลื่นไส้ ปวดหัว และภาวะหลุดจากความเป็นจริง

    ยังไม่ใช่วิธีรักษาที่หายขาด
    ต้องใช้ร่วมกับการรักษาอื่นและอยู่ภายใต้การดูแลแพทย์

    https://www.sciencealert.com/laughing-gas-can-offer-immediate-relief-from-depression-study-finds
    🌬️ ก๊าซหัวเราะกับการบรรเทาภาวะซึมเศร้า นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Birmingham และ Oxford วิเคราะห์การทดลองทางคลินิก 7 ครั้ง รวมผู้เข้าร่วมกว่า 247 คน พบว่า การสูดดมไนตรัสออกไซด์ในระดับ 25–50% สามารถลดอาการซึมเศร้าได้ภายใน 2 ชั่วโมง โดยเฉพาะในกลุ่มที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบดั้งเดิม เช่น ยาต้านซึมเศร้าและการบำบัดทางจิตใจ 🧠 กลไกที่อยู่เบื้องหลัง ผลการศึกษาชี้ว่าไนตรัสออกไซด์อาจทำงานโดย ลดการทำงานของระบบกลูตาเมต (glutamatergic system) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาทและเชื่อมโยงกับภาวะซึมเศร้า นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในสมอง ทำให้การลำเลียงออกซิเจนและสารอาหารดีขึ้น ⏳ ผลลัพธ์และข้อจำกัด แม้จะเห็นผลเร็ว แต่ อาการซึมเศร้ากลับมาในหนึ่งสัปดาห์ หากไม่ได้รับการให้ยาซ้ำ อีกทั้งการใช้ในความเข้มข้นสูง (50%) อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ ปวดหัว และภาวะหลุดจากความเป็นจริง (dissociation) จึงต้องมีการจัดการอย่างระมัดระวัง 🔮 ความหวังใหม่ในแนวทางการรักษา นักวิจัยเชื่อว่าไนตรัสออกไซด์อาจเป็นส่วนหนึ่งของ การรักษารุ่นใหม่ที่ออกฤทธิ์เร็ว สำหรับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบเดิม โดยการทดลองในอนาคตจะมุ่งไปที่ การให้ยาซ้ำในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อหาสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและความปลอดภัย 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ไนตรัสออกไซด์บรรเทาอาการซึมเศร้าได้ภายใน 2 ชั่วโมง ➡️ เห็นผลชัดเจนในผู้ป่วยดื้อต่อการรักษา ✅ กลไกเกี่ยวข้องกับการลดการทำงานของระบบกลูตาเมต ➡️ และช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดในสมอง ✅ ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นาน ➡️ อาการกลับมาภายในหนึ่งสัปดาห์หากไม่ให้ยาซ้ำ ✅ การทดลองชี้ว่ามีศักยภาพเป็นการรักษารุ่นใหม่ ➡️ ต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อหาวิธีใช้ที่ปลอดภัยและยั่งยืน ‼️ ความเข้มข้นสูงอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง ⛔ เช่น คลื่นไส้ ปวดหัว และภาวะหลุดจากความเป็นจริง ‼️ ยังไม่ใช่วิธีรักษาที่หายขาด ⛔ ต้องใช้ร่วมกับการรักษาอื่นและอยู่ภายใต้การดูแลแพทย์ https://www.sciencealert.com/laughing-gas-can-offer-immediate-relief-from-depression-study-finds
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Laughing Gas Can Offer Immediate Relief From Depression, Study Finds
    A review by researchers from the University of Birmingham and the University of Oxford in the UK has found that controlled doses of laughing gas (or nitrous oxide) really can provide quick-acting relief from depression.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • เสียงก้องในหูเชื่อมโยงกับระบบ "สู้หรือหนี"

    งานวิจัยล่าสุดจากทีมของ Daniel Polley ที่ Mass General Brigham พบว่า ผู้ที่มีภาวะหูอื้อเรื้อรัง (chronic tinnitus) แสดงออกทางร่างกายคล้ายกับการเข้าสู่โหมด "fight-or-flight" แม้จะเป็นเสียงธรรมดาในชีวิตประจำวันก็ตาม นักวิจัยใช้การวิเคราะห์ microexpressions บนใบหน้าและการขยายตัวของรูม่านตา เพื่อวัดระดับความเครียดและการรับรู้ภัยคุกคาม ผลลัพธ์ชี้ว่าผู้ที่มี tinnitus มีการตอบสนองเกินปกติและสามารถทำนายความรุนแรงของอาการได้จากตัวชี้วัดเหล่านี้

    ความซับซ้อนของโรคที่ไม่มี "biomarker" ชัดเจน
    Tinnitus เป็นภาวะที่ผู้ป่วยได้ยินเสียงก้อง คลิก หรือเสียงแหลมในหูโดยที่ไม่มีแหล่งกำเนิดจริง ปัญหาคือ ไม่มีตัวชี้วัดทางชีวภาพที่ชัดเจน ทำให้การวินิจฉัยและติดตามผลยากมาก ปัจจุบันแพทย์ใช้เพียงแบบสอบถามความรุนแรงของอาการ ซึ่งอาจไม่สะท้อนความจริงเสมอไป การค้นพบครั้งนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญ เพราะสามารถใช้ การตอบสนองทางร่างกาย เป็นตัวบ่งชี้ความรุนแรงได้

    ผลกระทบต่อชีวิตและสุขภาพจิต
    ภาวะ tinnitus เรื้อรังส่งผลกระทบต่อผู้คนกว่า 120 ล้านคนทั่วโลก และอาจทำให้เกิด ภาวะนอนไม่หลับ ความวิตกกังวล และโรคซึมเศร้า การที่ร่างกายตอบสนองต่อเสียงเหมือนภัยคุกคามตลอดเวลา ทำให้ผู้ป่วยอยู่ในสภาวะเครียดเรื้อรัง ซึ่งอาจกระทบต่อสุขภาพโดยรวมและคุณภาพชีวิตอย่างรุนแรง

    ความหวังใหม่จากการใช้ AI และการแพทย์เชิงพฤติกรรม
    นักวิจัยใช้ AI วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยบนใบหน้า ที่มนุษย์ไม่สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า ทำให้สามารถตรวจจับสัญญาณความเครียดที่สัมพันธ์กับ tinnitus ได้อย่างแม่นยำ แนวทางนี้อาจนำไปสู่การพัฒนา การรักษาใหม่ เช่น sound therapy, CBT (cognitive behavioral therapy), และ tinnitus retraining therapy ที่ปรับให้เหมาะสมกับระดับความรุนแรงของผู้ป่วยแต่ละราย

    สรุปสาระสำคัญ
    Tinnitus กระตุ้นระบบ "fight-or-flight"
    ผู้ป่วยตอบสนองต่อเสียงธรรมดาเหมือนภัยคุกคาม

    ใช้ microexpressions และการขยายรูม่านตาเป็นตัวชี้วัด
    สามารถทำนายความรุนแรงของอาการได้

    โรคนี้ไม่มี biomarker ที่ชัดเจน
    ปัจจุบันใช้เพียงแบบสอบถามในการวินิจฉัย

    มีผู้ป่วยกว่า 120 ล้านคนทั่วโลก
    ส่งผลต่อการนอน สุขภาพจิต และคุณภาพชีวิต

    AI ช่วยวิเคราะห์สัญญาณที่มนุษย์ไม่เห็น
    อาจนำไปสู่การรักษาเฉพาะบุคคลในอนาคต

    ความเครียดเรื้อรังจาก tinnitus เชื่อมโยงกับโรคซึมเศร้าและวิตกกังวล
    ผู้ป่วยบางรายอาจรู้สึกถูกละเลยในระบบการแพทย์

    ไม่มีวิธีรักษาที่หายขาด
    การบำบัดที่มีอยู่ให้ผลไม่สม่ำเสมอและขึ้นกับแต่ละบุคคล

    https://www.sciencealert.com/tinnitus-triggers-your-bodys-fight-or-flight-response-study-finds
    🔔 เสียงก้องในหูเชื่อมโยงกับระบบ "สู้หรือหนี" งานวิจัยล่าสุดจากทีมของ Daniel Polley ที่ Mass General Brigham พบว่า ผู้ที่มีภาวะหูอื้อเรื้อรัง (chronic tinnitus) แสดงออกทางร่างกายคล้ายกับการเข้าสู่โหมด "fight-or-flight" แม้จะเป็นเสียงธรรมดาในชีวิตประจำวันก็ตาม นักวิจัยใช้การวิเคราะห์ microexpressions บนใบหน้าและการขยายตัวของรูม่านตา เพื่อวัดระดับความเครียดและการรับรู้ภัยคุกคาม ผลลัพธ์ชี้ว่าผู้ที่มี tinnitus มีการตอบสนองเกินปกติและสามารถทำนายความรุนแรงของอาการได้จากตัวชี้วัดเหล่านี้ 🧠 ความซับซ้อนของโรคที่ไม่มี "biomarker" ชัดเจน Tinnitus เป็นภาวะที่ผู้ป่วยได้ยินเสียงก้อง คลิก หรือเสียงแหลมในหูโดยที่ไม่มีแหล่งกำเนิดจริง ปัญหาคือ ไม่มีตัวชี้วัดทางชีวภาพที่ชัดเจน ทำให้การวินิจฉัยและติดตามผลยากมาก ปัจจุบันแพทย์ใช้เพียงแบบสอบถามความรุนแรงของอาการ ซึ่งอาจไม่สะท้อนความจริงเสมอไป การค้นพบครั้งนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญ เพราะสามารถใช้ การตอบสนองทางร่างกาย เป็นตัวบ่งชี้ความรุนแรงได้ 🌍 ผลกระทบต่อชีวิตและสุขภาพจิต ภาวะ tinnitus เรื้อรังส่งผลกระทบต่อผู้คนกว่า 120 ล้านคนทั่วโลก และอาจทำให้เกิด ภาวะนอนไม่หลับ ความวิตกกังวล และโรคซึมเศร้า การที่ร่างกายตอบสนองต่อเสียงเหมือนภัยคุกคามตลอดเวลา ทำให้ผู้ป่วยอยู่ในสภาวะเครียดเรื้อรัง ซึ่งอาจกระทบต่อสุขภาพโดยรวมและคุณภาพชีวิตอย่างรุนแรง 🔬 ความหวังใหม่จากการใช้ AI และการแพทย์เชิงพฤติกรรม นักวิจัยใช้ AI วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยบนใบหน้า ที่มนุษย์ไม่สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า ทำให้สามารถตรวจจับสัญญาณความเครียดที่สัมพันธ์กับ tinnitus ได้อย่างแม่นยำ แนวทางนี้อาจนำไปสู่การพัฒนา การรักษาใหม่ เช่น sound therapy, CBT (cognitive behavioral therapy), และ tinnitus retraining therapy ที่ปรับให้เหมาะสมกับระดับความรุนแรงของผู้ป่วยแต่ละราย 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Tinnitus กระตุ้นระบบ "fight-or-flight" ➡️ ผู้ป่วยตอบสนองต่อเสียงธรรมดาเหมือนภัยคุกคาม ✅ ใช้ microexpressions และการขยายรูม่านตาเป็นตัวชี้วัด ➡️ สามารถทำนายความรุนแรงของอาการได้ ✅ โรคนี้ไม่มี biomarker ที่ชัดเจน ➡️ ปัจจุบันใช้เพียงแบบสอบถามในการวินิจฉัย ✅ มีผู้ป่วยกว่า 120 ล้านคนทั่วโลก ➡️ ส่งผลต่อการนอน สุขภาพจิต และคุณภาพชีวิต ✅ AI ช่วยวิเคราะห์สัญญาณที่มนุษย์ไม่เห็น ➡️ อาจนำไปสู่การรักษาเฉพาะบุคคลในอนาคต ‼️ ความเครียดเรื้อรังจาก tinnitus เชื่อมโยงกับโรคซึมเศร้าและวิตกกังวล ⛔ ผู้ป่วยบางรายอาจรู้สึกถูกละเลยในระบบการแพทย์ ‼️ ไม่มีวิธีรักษาที่หายขาด ⛔ การบำบัดที่มีอยู่ให้ผลไม่สม่ำเสมอและขึ้นกับแต่ละบุคคล https://www.sciencealert.com/tinnitus-triggers-your-bodys-fight-or-flight-response-study-finds
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Tinnitus Triggers Your Body's 'Fight or Flight' Response, Study Finds
    Chronic tinnitus may increase stress levels by keeping the body that much closer to a fight-or-flight response to sound, a new study suggests.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุคใหม่ของโครโมโซม Y : ความอยู่รอดหรือการสิ้นสุด?

    นักวิทยาศาสตร์กำลังถกเถียงกันอย่างเข้มข้นเกี่ยวกับอนาคตของโครโมโซม Y ซึ่งเป็นตัวกำหนดเพศชายในมนุษย์ บางฝ่ายเชื่อว่ามันกำลังเสื่อมสลายและอาจหายไปในอีกไม่กี่ล้านปีข้างหน้า ขณะที่อีกฝ่ายมองว่ามันมีความเสถียรและจะอยู่รอดต่อไปได้อย่างมั่นคง การถกเถียงนี้สะท้อนให้เห็นถึงสองมุมมองทางวิวัฒนาการที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

    Jenny Graves นักชีววิทยาวิวัฒนาการเคยคำนวณว่าโครโมโซม Y สูญเสียยีนไปแล้วกว่า 97% ในช่วง 300 ล้านปีที่ผ่านมา หากแนวโน้มนี้ดำเนินต่อไป มันอาจหายไปในอนาคต แต่เธอย้ำว่านี่เป็นเพียงการคำนวณเชิงทฤษฎี ไม่ใช่คำทำนายว่ามนุษย์เพศชายจะสูญพันธุ์ทันที หลายชนิดสัตว์ เช่น หนูพุก และหนูหนาม ได้สูญเสียโครโมโซม Y ไปแล้ว แต่ยังคงมีระบบกำหนดเพศใหม่ที่ทำงานแทนได้

    ในอีกด้านหนึ่ง Jennifer Hughes จาก MIT ชี้ว่าโครโมโซม Y ของมนุษย์มีความเสถียรในระยะยาว หลักฐานจากการเปรียบเทียบยีนในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิดบ่งชี้ว่าการสูญเสียยีนหยุดลงแล้ว และยีนที่เหลือมีความสำคัญต่อการทำงานของร่างกายจนไม่สามารถหายไปได้ง่ายๆ สิ่งนี้ทำให้บางนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าโครโมโซม Y จะยังคงอยู่ต่อไป

    นอกเหนือจากการถกเถียงเชิงวิชาการแล้ว ประเด็นนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของวิวัฒนาการ มนุษย์และสัตว์อาจปรับตัวได้หากโครโมโซม Y หายไป โดยการสร้างระบบกำหนดเพศใหม่ขึ้นมาแทน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าธรรมชาติมีวิธีการรักษาสมดุลของชีวิต แม้ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ก็ตาม

    สรุปสาระสำคัญ
    โครโมโซม Y สูญเสียยีนไปแล้วกว่า 97%
    การคำนวณของ Jenny Graves ชี้ว่าอาจหายไปในอีกไม่กี่ล้านปี

    หลายชนิดสัตว์สูญเสียโครโมโซม Y แต่ยังคงมีระบบกำหนดเพศใหม่
    เช่น หนูพุก และหนูหนาม ที่พัฒนากลไกแทน

    นักวิทยาศาสตร์บางฝ่ายเชื่อว่าโครโมโซม Y มีความเสถียร
    Jennifer Hughes ชี้ว่าการสูญเสียยีนหยุดลงแล้ว และยีนที่เหลือมีความสำคัญต่อร่างกาย

    การถกเถียงสะท้อนสองมุมมองทางวิวัฒนาการ
    ฝ่ายหนึ่งมองว่า Y กำลังเสื่อมสลาย อีกฝ่ายมองว่ามันมั่นคง

    ความเข้าใจผิดจากสื่ออาจทำให้คนเชื่อว่ามนุษย์เพศชายจะสูญพันธุ์
    Jenny Graves ย้ำว่านี่เป็นเพียงการคำนวณเชิงทฤษฎี ไม่ใช่คำทำนายจริง

    การเสื่อมสลายของโครโมโซม Y ไม่ได้หมายถึงการสิ้นสุดของมนุษย์
    วิวัฒนาการสามารถสร้างระบบใหม่เพื่อรักษาสมดุลของชีวิตได้

    https://www.sciencealert.com/is-the-y-chromosome-vanishing-a-new-sex-gene-may-be-the-future-of-men
    🧬 ยุคใหม่ของโครโมโซม Y : ความอยู่รอดหรือการสิ้นสุด? นักวิทยาศาสตร์กำลังถกเถียงกันอย่างเข้มข้นเกี่ยวกับอนาคตของโครโมโซม Y ซึ่งเป็นตัวกำหนดเพศชายในมนุษย์ บางฝ่ายเชื่อว่ามันกำลังเสื่อมสลายและอาจหายไปในอีกไม่กี่ล้านปีข้างหน้า ขณะที่อีกฝ่ายมองว่ามันมีความเสถียรและจะอยู่รอดต่อไปได้อย่างมั่นคง การถกเถียงนี้สะท้อนให้เห็นถึงสองมุมมองทางวิวัฒนาการที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง Jenny Graves นักชีววิทยาวิวัฒนาการเคยคำนวณว่าโครโมโซม Y สูญเสียยีนไปแล้วกว่า 97% ในช่วง 300 ล้านปีที่ผ่านมา หากแนวโน้มนี้ดำเนินต่อไป มันอาจหายไปในอนาคต แต่เธอย้ำว่านี่เป็นเพียงการคำนวณเชิงทฤษฎี ไม่ใช่คำทำนายว่ามนุษย์เพศชายจะสูญพันธุ์ทันที หลายชนิดสัตว์ เช่น หนูพุก และหนูหนาม ได้สูญเสียโครโมโซม Y ไปแล้ว แต่ยังคงมีระบบกำหนดเพศใหม่ที่ทำงานแทนได้ ในอีกด้านหนึ่ง Jennifer Hughes จาก MIT ชี้ว่าโครโมโซม Y ของมนุษย์มีความเสถียรในระยะยาว หลักฐานจากการเปรียบเทียบยีนในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิดบ่งชี้ว่าการสูญเสียยีนหยุดลงแล้ว และยีนที่เหลือมีความสำคัญต่อการทำงานของร่างกายจนไม่สามารถหายไปได้ง่ายๆ สิ่งนี้ทำให้บางนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าโครโมโซม Y จะยังคงอยู่ต่อไป นอกเหนือจากการถกเถียงเชิงวิชาการแล้ว ประเด็นนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของวิวัฒนาการ มนุษย์และสัตว์อาจปรับตัวได้หากโครโมโซม Y หายไป โดยการสร้างระบบกำหนดเพศใหม่ขึ้นมาแทน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าธรรมชาติมีวิธีการรักษาสมดุลของชีวิต แม้ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ก็ตาม 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ โครโมโซม Y สูญเสียยีนไปแล้วกว่า 97% ➡️ การคำนวณของ Jenny Graves ชี้ว่าอาจหายไปในอีกไม่กี่ล้านปี ✅ หลายชนิดสัตว์สูญเสียโครโมโซม Y แต่ยังคงมีระบบกำหนดเพศใหม่ ➡️ เช่น หนูพุก และหนูหนาม ที่พัฒนากลไกแทน ✅ นักวิทยาศาสตร์บางฝ่ายเชื่อว่าโครโมโซม Y มีความเสถียร ➡️ Jennifer Hughes ชี้ว่าการสูญเสียยีนหยุดลงแล้ว และยีนที่เหลือมีความสำคัญต่อร่างกาย ✅ การถกเถียงสะท้อนสองมุมมองทางวิวัฒนาการ ➡️ ฝ่ายหนึ่งมองว่า Y กำลังเสื่อมสลาย อีกฝ่ายมองว่ามันมั่นคง ‼️ ความเข้าใจผิดจากสื่ออาจทำให้คนเชื่อว่ามนุษย์เพศชายจะสูญพันธุ์ ⛔ Jenny Graves ย้ำว่านี่เป็นเพียงการคำนวณเชิงทฤษฎี ไม่ใช่คำทำนายจริง ‼️ การเสื่อมสลายของโครโมโซม Y ไม่ได้หมายถึงการสิ้นสุดของมนุษย์ ⛔ วิวัฒนาการสามารถสร้างระบบใหม่เพื่อรักษาสมดุลของชีวิตได้ https://www.sciencealert.com/is-the-y-chromosome-vanishing-a-new-sex-gene-may-be-the-future-of-men
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Is The Y Chromosome Vanishing? A New Sex Gene May Be The Future of Men
    In 2002, evolutionary biologist Jenny Graves shared a controversial calculation.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251207 #TechRadar

    US Security Agency เตือนเลิกใช้ VPN ส่วนตัวบนมือถือ
    หน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ของสหรัฐฯ หรือ CISA ออกคำเตือนแรงว่า “อย่าใช้ VPN ส่วนตัว” โดยเฉพาะบน iPhone และ Android เพราะแทนที่จะช่วยป้องกัน กลับเพิ่มความเสี่ยงให้ผู้ใช้มากขึ้น เนื่องจากข้อมูลที่เคยอยู่กับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจะถูกย้ายไปอยู่กับผู้ให้บริการ VPN ซึ่งหลายเจ้าไม่มีมาตรการความปลอดภัยที่ดีพอ บางรายถึงขั้นเก็บข้อมูลหรือแฝงมัลแวร์มาในแอปฟรี ๆ อีกด้วย คำเตือนนี้สะท้อนว่าการเลือก VPN ไม่ใช่เรื่องเล็ก ต้องเลือกเจ้าใหญ่ที่มีการตรวจสอบนโยบาย “no-logs” และใช้มาตรฐานเข้ารหัสที่แข็งแรง เช่น OpenVPN หรือ WireGuard รวมถึงฟีเจอร์เสริมอย่าง kill switch และ DNS leak protection เพื่อความปลอดภัยจริง ๆ
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/us-security-agency-urges-android-and-iphone-users-to-stop-using-personal-vpns

    งานวิจัยใหม่เผย คนรุ่นใหญ่ไม่ค่อยเห็นว่า AI มีประโยชน์
    ผลสำรวจจาก Cisco ชี้ให้เห็นความแตกต่างชัดเจนระหว่างคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นใหญ่ คนอายุต่ำกว่า 35 ปีส่วนใหญ่ใช้ AI อย่างจริงจังและมองว่ามีประโยชน์ต่อการทำงานและชีวิตประจำวัน แต่คนอายุเกิน 45 ปีครึ่งหนึ่งไม่เคยใช้ AI เลย โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 55 ปีขึ้นไปที่บอกว่าไม่คุ้นเคยมากกว่าปฏิเสธ outright ขณะเดียวกันประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น อินเดีย บราซิล และเม็กซิโก กลับเป็นผู้นำในการใช้ AI อย่างแพร่หลาย ต่างจากยุโรปที่ยังมีความไม่มั่นใจและกฎระเบียบเข้มงวดที่ทำให้การใช้งานช้าลง งานวิจัยนี้สะท้อนว่าการสร้างทักษะดิจิทัลให้ทุกวัยเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้ “Generation AI” ครอบคลุมทุกคนจริง ๆ
    https://www.techradar.com/pro/new-research-reveals-older-users-less-likely-to-find-ai-useful

    EU เปิดการสอบสวน Meta เรื่องนโยบาย AI บน WhatsApp
    คณะกรรมาธิการยุโรปเริ่มการสอบสวนเชิงลึกต่อ Meta ว่านโยบายใหม่ของ WhatsApp อาจกีดกันคู่แข่งด้าน AI chatbot โดยห้ามไม่ให้ผู้ให้บริการ AI รายอื่นเผยแพร่ผ่าน WhatsApp หากบริการหลักคือ AI ซึ่งทำให้ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง OpenAI และ Microsoft ต้องถอน chatbot ออกจากแพลตฟอร์มแล้ว EU กังวลว่า Meta ใช้อำนาจตลาดเพื่อดัน Meta AI ของตัวเองและปิดกั้นนวัตกรรม หากพบผิดจริง Meta อาจโดนปรับสูงถึง 16.5 พันล้านดอลลาร์ การสอบสวนนี้สะท้อนความเข้มงวดของยุโรปในการป้องกันการผูกขาดและรักษาสนามแข่งขันที่เป็นธรรมในยุค AI
    https://www.techradar.com/pro/eu-launches-antitrust-investigation-into-metas-whatsapp-ai-access-policy

    ช่องโหว่ React ระดับวิกฤติ เสี่ยงถูกโจมตีทันที
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบช่องโหว่ร้ายแรงใน React Server Components ที่ถูกจัดระดับความรุนแรงเต็ม 10/10 (CVE-2025-55182) ช่องโหว่นี้เปิดทางให้แฮกเกอร์แม้จะมีทักษะต่ำก็สามารถรันโค้ดอันตรายจากระยะไกลได้ทันที โดยกระทบหลายเฟรมเวิร์กยอดนิยมอย่าง Next.js, React Router และ Vite ทีม React ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 19.0.1, 19.1.2 และ 19.2.1 พร้อมเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตโดยด่วน เพราะนักวิจัยยืนยันว่าการโจมตี “เกิดขึ้นแน่นอน” และมีโอกาสสำเร็จเกือบ 100% เนื่องจาก React ถูกใช้ในเว็บใหญ่ทั่วโลก เช่น Facebook, Netflix และ Airbnb ทำให้พื้นที่เสี่ยงกว้างมาก
    https://www.techradar.com/pro/security/experts-warn-this-worst-case-scenario-react-vulnerability-could-soon-be-exploited-so-patch-now

    Europol ทลายเครือข่ายฟอกเงินคริปโตมูลค่า 700 ล้าน
    Europol ร่วมกับตำรวจหลายประเทศยุโรปเข้าจับกุมเครือข่ายฟอกเงินและหลอกลงทุนคริปโตที่มีมูลค่ากว่า 700 ล้านดอลลาร์ ปฏิบัติการนี้แบ่งเป็นสองเฟส เริ่มจากการบุกค้นในไซปรัส เยอรมนี และสเปน ยึดเงินสด คริปโต และทรัพย์สินหรู รวมกว่า 1.7 ล้านดอลลาร์ พร้อมจับกุมผู้ต้องสงสัย 9 คน เครือข่ายนี้ใช้แพลตฟอร์มลงทุนปลอมและคอลเซ็นเตอร์กดดันเหยื่อให้ลงทุนเพิ่ม อีกทั้งยังใช้โฆษณาหลอกลวงบนโซเชียลมีเดีย โดยบางครั้งถึงขั้นใช้ deepfake คนดังอย่าง Elon Musk หรือ Donald Trump เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ การทลายครั้งนี้ถือเป็นการตัดเส้นเลือดใหญ่ของอุตสาหกรรมหลอกลวงคริปโตที่กำลังระบาดหนักในยุโรป
    https://www.techradar.com/pro/security/europol-takes-down-crypto-and-laundering-network-worth-700-million

    ปี 2025 สมาร์ทโฟนกลับมาน่าตื่นเต้นอีกครั้ง (ไม่ใช่เพราะ AI)
    หลายคนบ่นว่าโทรศัพท์มือถือเริ่มน่าเบื่อ แต่ปี 2025 กลับมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจโดยไม่เกี่ยวกับ AI เลย อย่างแรกคือการมาของ แบตเตอรี่โซลิดสเตต ที่ทำให้มือถือชาร์จเร็วขึ้นและใช้งานได้นานกว่าเดิม ต่อมาคือ การเชื่อมต่อดาวเทียม ที่เริ่มกลายเป็นมาตรฐาน ทำให้ผู้ใช้สามารถติดต่อได้แม้ไม่มีสัญญาณเครือข่าย อีกทั้งยังมี การออกแบบใหม่ที่บางและทนทานกว่า รวมถึง จอพับที่พัฒนาไปอีกขั้น จนใช้งานจริงได้สะดวกขึ้น ทั้งหมดนี้ทำให้ปี 2025 เป็นปีที่มือถือกลับมามีเสน่ห์อีกครั้งโดยไม่ต้องพึ่งกระแส AI
    https://www.techradar.com/phones/think-phones-are-boring-here-are-4-reasons-why-2025-was-a-big-year-for-smartphones-and-none-of-them-are-ai

    OpenAI ชนะ Google, Meta และ Grok ในทัวร์นาเมนต์โป๊กเกอร์ AI
    การแข่งขันโป๊กเกอร์ที่จัดขึ้นโดยใช้แต่ AI เป็นผู้เล่น ปรากฏว่า OpenAI สามารถเอาชนะคู่แข่งรายใหญ่ทั้ง Google, Meta และ Grok ได้สำเร็จ การแข่งขันนี้ไม่ใช่แค่เกม แต่เป็นการทดสอบความสามารถของ AI ในการวางกลยุทธ์ การอ่านสถานการณ์ และการตัดสินใจในสภาพที่ไม่แน่นอน ผลลัพธ์สะท้อนว่า AI ของ OpenAI มีความเหนือชั้นในด้านการปรับตัวและการคิดเชิงกลยุทธ์ ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญต่อการนำไปใช้ในโลกจริง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ การเงิน หรือการวิจัย
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai-beats-google-meta-and-grok-in-all-ai-poker-tournament

    Surfshark เตือน แอปแชร์ไฟล์ฟรีเสี่ยงเปิดข้อมูลให้คนอื่นเห็น
    รายงานใหม่จาก Surfshark ระบุว่าแอปแชร์ไฟล์ฟรีจำนวนมากมีช่องโหว่ที่ทำให้การดาวน์โหลดของผู้ใช้ถูกเปิดเผยต่อบุคคลอื่น ซึ่งอาจนำไปสู่การขโมยข้อมูลหรือมัลแวร์เข้ามาได้ ปัญหานี้เกิดจากการที่หลายแอปไม่ได้เข้ารหัสการเชื่อมต่อหรือไม่มีมาตรการป้องกันที่ดีพอ ผู้ใช้ที่คิดว่า “ฟรีและสะดวก” อาจต้องแลกด้วยความเสี่ยงด้านความปลอดภัย คำแนะนำคือควรเลือกใช้บริการที่มีชื่อเสียง มีการเข้ารหัสแบบ end-to-end และหลีกเลี่ยงการแชร์ไฟล์สำคัญผ่านแอปที่ไม่น่าเชื่อถือ
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/think-before-you-click-most-free-file-sharing-apps-expose-your-downloads-to-security-risks-warns-surfshark

    ราคาคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์พุ่งสูงเพราะขาดแคลนหน่วยความจำ
    ตอนนี้โลกเทคโนโลยีกำลังเจอปัญหาใหญ่ เพราะหน่วยความจำ DRAM และ HBM ถูกเบี่ยงไปผลิตเพื่อรองรับเซิร์ฟเวอร์ AI ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ทั่วไปขาดตลาด ราคาจึงพุ่งขึ้นอย่างแรง ผู้ผลิตรายใหญ่ทั้ง Dell, Lenovo, HP และ HPE เตรียมขึ้นราคาประมาณ 15% สำหรับเซิร์ฟเวอร์ และ 5% สำหรับ PC ส่วนผู้ใช้ทั่วไปก็อาจต้องเจอราคาที่สูงขึ้นเมื่อซื้อแล็ปท็อปหรืออุปกรณ์ใหม่ๆ สถานการณ์นี้สะท้อนว่า AI กำลังเปลี่ยนทิศทางตลาดฮาร์ดแวร์อย่างชัดเจน
    https://www.techradar.com/pro/the-bad-news-continues-server-prices-set-to-rise-in-latest-blow-to-hardware-budgets

    Spotify Wrapped 2025 เผยวิธีคำนวณจริง
    หลายคนสงสัยว่าทำไมสรุปการฟังเพลงปลายปีของ Spotify ถึงดูแปลกไปบ้าง ล่าสุด Spotify ออกมาอธิบายแล้วว่าแต่ละหมวดใช้วิธีคำนวณต่างกัน เช่น เพลงยอดนิยมวัดจากจำนวนครั้งที่ฟัง แต่สำหรับอัลบั้มจะดูว่าฟังครบหลายเพลงและกระจายการฟังอย่างไร นอกจากนี้ข้อมูลจะเก็บตั้งแต่ 1 มกราคมถึงพฤศจิกายน ไม่ใช่ครบทั้งปี และยังรวมการฟังแบบออฟไลน์ด้วย ฟีเจอร์ใหม่อย่าง “Listening Age” ที่เดาอายุจากแนวเพลงก็ทำให้หลายคนงง แต่จริงๆ มันสะท้อนพฤติกรรมการฟังที่เปลี่ยนไปตลอดปี
    https://www.techradar.com/audio/spotify/your-spotify-wrapped-2025-data-isnt-wrong-the-streaming-giant-just-revealed-all-about-how-its-calculated

    หนี้เทคนิค Windows ที่องค์กรยังไม่แก้
    แม้ Windows 10 จะหมดการสนับสนุนไปแล้ว แต่หลายองค์กรยังคงใช้ต่อ ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “หนี้เทคนิค” ซึ่งเสี่ยงต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ การสำรวจพบว่า 9 ใน 10 บริษัทเจอปัญหานี้ แต่มีเพียง 14% ที่จริงจังกับการแก้ไขในปีหน้า เหตุผลหลักคือค่าใช้จ่ายสูง ความซับซ้อนของระบบ และความกลัวว่าจะทำให้ระบบล่ม หลายองค์กรเลือกที่จะเลื่อนการแก้ไขออกไปจนกว่าจะเกิดปัญหา ทั้งที่จริงๆ การแก้ทีละขั้นตอนและใช้เครื่องมือเฉพาะทางจะช่วยลดความเสี่ยงและเปิดทางให้ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ดีกว่า
    https://www.techradar.com/pro/why-are-companies-not-tackling-their-windows-technical-debt

    Huawei Pura X พลิกนิยามมือถือฝาพับ
    Huawei เปิดตัว Pura X ที่ทำให้คนมองมือถือฝาพับต่างออกไป จากเดิมที่แบรนด์อื่นเน้นทำให้มือถือใหญ่พับเล็กลง แต่ Huawei กลับทำให้มันกลายเป็นเหมือนแท็บเล็ตขนาดพกพา หน้าจอหลักสัดส่วน 16:10 ขนาด 6.3 นิ้ว ใช้งานดูหนังหรือทำงานได้สะดวกขึ้น อีกทั้งยังมีหน้าจอด้านหน้า 3.5 นิ้วพร้อมกล้องสามตัว รวมถึงเลนส์เทเลโฟโต้ที่คู่แข่งยังไม่มี จุดเด่นนี้ทำให้มันเป็นมือถือฝาพับที่มีกล้องดีที่สุดในตลาดตอนนี้ แม้จะมีข้อจำกัดเรื่องการใช้งาน Google และการวางขายที่จำกัด แต่ก็ถือเป็นการออกแบบที่ท้าทายให้คู่แข่งต้องคิดใหม่
    https://www.techradar.com/phones/huawei-phones/i-tried-huaweis-strange-pura-x-foldable-and-its-made-me-rethink-every-other-flip-phone

    โพลเลือกจอยเกมโปรดที่ผลลัพธ์ชวนงง
    TechRadar เคยทำโพลถามผู้อ่านว่าจอยเกมที่ชอบที่สุดคือรุ่นไหน ผลออกมาน่าตกใจเพราะ “Steam Controller” ของ Valve ที่เคยถูกวิจารณ์เรื่องดีไซน์แปลก กลับได้คะแนนสูงสุด 15% แซงหน้า Xbox 360 Controller ที่ได้ 13% และ DualSense Edge ของ PlayStation ที่ได้ 11% หลายคนเชื่อว่าผลนี้อาจเพราะแฟน Steam เข้ามาโหวตเยอะ หรือบางคนอาจโหวตแบบขำๆ แต่ไม่ว่าอย่างไร มันก็สะท้อนว่าความชอบของผู้เล่นเกมนั้นหลากหลายและไม่จำเป็นต้องตรงกับมาตรฐานตลาดเสมอไป
    https://www.techradar.com/gaming/you-told-me-your-favorite-controller-ever-and-i-dont-believe-you

    ชิป AI จากจีน Cambricon เตรียมผลิตเพิ่มสามเท่า
    Cambricon บริษัทชิปจากจีนประกาศแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตชิป AI ถึงสามเท่าในปีหน้า เพื่อแข่งกับยักษ์ใหญ่อย่าง Nvidia และ Huawei แต่ก็ต้องเจอความท้าทายใหญ่จากการผลิตที่ซับซ้อนและต้นทุนสูง โดยเฉพาะการหาพันธมิตรด้านการผลิตที่สามารถรองรับเทคโนโลยีขั้นสูงได้ ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนว่าจีนกำลังผลักดันอุตสาหกรรมชิป AI อย่างจริงจังเพื่อไม่ให้พึ่งพาต่างชาติ
    https://www.techradar.com/pro/this-chinese-chip-giant-is-boosting-production-to-try-and-take-on-nvidia-but-how-will-huawei-feel

    Windows 11 ยังไม่สามารถแทนที่ Windows 10 ได้
    แม้ Microsoft จะพยายามผลักดัน Windows 11 แต่สถิติการใช้งานยังชี้ว่าผู้ใช้จำนวนมหาศาลยังคงอยู่กับ Windows 10 โดยเฉพาะในองค์กรและเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่เดิม เหตุผลหลักคือความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดที่สูง ทำให้ Windows 10 ยังคงครองความนิยมอย่างเหนียวแน่นในหลายตลาด และกลายเป็นความท้าทายที่ Microsoft ต้องหาทางแก้
    https://www.techradar.com/pro/windows-11-still-cant-topple-its-older-siblings-usage-stats-show-windows-10-remains-mind-boggingly-popular

    5 สิ่งสำคัญที่นักพัฒนาต้องคำนึงเพื่อให้งานไม่หลุดราง
    ในยุคที่การพัฒนาโปรแกรมเต็มไปด้วยความเร่งรีบและความซับซ้อน การจะทำให้งาน “อยู่บนราง” ไม่ใช่แค่เขียนโค้ดให้เสร็จ แต่ต้องมีการวางเป้าหมายที่ชัดเจน กำหนดว่า “เสร็จ” หมายถึงอะไร เพื่อหลีกเลี่ยงการขยายขอบเขตงานโดยไม่จำเป็น การจัดตารางเวลาที่ปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะโลกจริงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน นอกจากนี้ยังต้องมีระบบติดตามงานที่โปร่งใส มีการวัดผลที่เน้นคุณค่า ไม่ใช่แค่ชั่วโมงที่ใช้ไป ทีมต้องรู้จักประเมินกำลังคนและทรัพยากร เพื่อไม่ให้เกิดการทำงานเกินกำลัง และสุดท้ายคือการบริหารความเสี่ยง พร้อมสื่อสารกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างตรงไปตรงมา ทั้งหมดนี้ช่วยให้ทีมพัฒนาไปถึงเป้าหมายได้อย่างมั่นคงและไม่หลุดราง
    https://www.techradar.com/pro/5-essential-considerations-for-developers-to-stay-on-track

    รีวิวจอ InnoCN 27 นิ้ว GA27W1Q 4K
    จอภาพรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการความละเอียดสูงในราคาที่จับต้องได้ ด้วยขนาด 27 นิ้วและความละเอียด 4K ทำให้ภาพคมชัด เหมาะทั้งงานกราฟิกและการดูหนัง จุดเด่นคือการให้สีที่แม่นยำและมุมมองกว้าง แต่ก็มีข้อสังเกตเรื่องความสว่างที่อาจไม่สูงเท่าจอระดับพรีเมียม อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มองหาจอ 4K ในงบประมาณที่ไม่แรง นี่ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก
    https://www.techradar.com/computing/innocn-27-ga27w1q-4k-monitor-review

    แอมป์/DAC ขนาดเล็กที่แทนชุดเครื่องเสียงได้
    นี่คืออุปกรณ์ที่รวมแอมป์และ DAC ไว้ในตัวเดียว ขนาดเล็กจนสามารถวางบนโต๊ะทำงานได้สบาย แต่ให้พลังเสียงที่สามารถแทนชุดเครื่องเสียงขนาดใหญ่ได้เลย เหมาะสำหรับคนที่เริ่มเข้าสู่วงการเครื่องเสียงและอยากได้คุณภาพเสียงที่ดีโดยไม่ต้องลงทุนกับอุปกรณ์หลายชิ้น จุดแข็งคือการเชื่อมต่อที่หลากหลายและเสียงที่ใสสะอาด ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและตอบโจทย์คนรักเสียงเพลงที่มีพื้นที่จำกัด
    https://www.techradar.com/audio/dacs/this-super-compact-budget-desktop-amp-dac-can-replace-a-mini-hi-fi-stack-and-its-perfect-for-budding-audiophiles

    ข่าวลือ Samsung Galaxy S26 และชิป Exynos 2600
    มีการหลุดข้อมูลจาก One UI 8.5 ที่อาจเผยให้เห็นดีไซน์ของ Galaxy S26 ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับโฉมใหม่ พร้อมกับข่าวลือเรื่องชิป Exynos 2600 ที่อาจถูกนำมาใช้ จุดสนใจคือการพัฒนาให้เครื่องมีประสิทธิภาพสูงขึ้นและดีไซน์ที่ทันสมัยกว่าเดิม แม้ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่กระแสข่าวนี้ก็ทำให้แฟน ๆ Samsung ตื่นเต้นและจับตามองว่าจะออกมาในรูปแบบใด
    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/samsung-may-have-leaked-the-galaxy-s26-design-through-one-ui-8-5-and-another-exynos-2600-rumor-has-emerged

    รีวิว TerraMaster F2-425 NAS
    อุปกรณ์ NAS รุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากในบ้านหรือสำนักงานเล็ก ๆ จุดเด่นคือการรองรับการทำงานที่รวดเร็วและมีฟีเจอร์ที่เหมาะกับการสำรองข้อมูลหรือแชร์ไฟล์ภายในทีม แม้จะไม่หรูหราเท่า NAS ระดับองค์กร แต่ก็ถือว่ามีความคุ้มค่าในด้านราคาและประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ระบบจัดเก็บข้อมูลที่เชื่อถือได้โดยไม่ต้องลงทุนสูง
    https://www.techradar.com/computing/terramaster-f2-425-nas-review

    ต่อ Mac Mini เข้ากับไดรฟ์เทป LTO-10 ขนาด 30TB

    นี่คือการเชื่อมต่อที่น่าสนใจมาก เพราะทำให้ Mac Mini สามารถใช้งานไดรฟ์เทป LTO-10 ที่มีความจุถึง 30TB ได้ โดยความเร็วที่ได้ใกล้เคียงกับ SSD เลยทีเดียว ถือเป็นการผสมผสานเทคโนโลยีเก่ากับใหม่ที่ลงตัว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาลในราคาที่คุ้มค่า และยังได้ความเร็วที่ไม่แพ้การใช้ดิสก์สมัยใหม่
    https://www.techradar.com/pro/you-can-now-buy-a-30tb-tape-drive-and-connect-it-to-your-apple-mac-mini-and-its-almost-as-fast-as-an-ssd

    Samsung Galaxy Z Trifold กำลังมา – iPhone Fold ต้องรีบแล้ว
    ข่าวลือบอกว่า Samsung เตรียมเปิดตัว Galaxy Z Trifold ซึ่งเป็นมือถือพับสามทบ ทำให้ Apple ที่มีข่าวลือเรื่อง iPhone Fold ต้องเร่งเครื่องออกสู่ตลาด หากช้าเกินไปอาจเสียโอกาสในการแข่งขัน จุดเด่นของ Trifold คือการขยายหน้าจอได้ใหญ่ขึ้นเหมือนแท็บเล็ต แต่ยังพับเก็บได้เหมือนมือถือธรรมดา ทำให้เป็นที่จับตามองในวงการสมาร์ทโฟน
    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/with-the-samsung-galaxy-z-trifold-on-the-way-apples-rumored-iphone-fold-needs-to-hit-shelves-soon

    Bose Smart Soundbar vs Sony Bravia Theater Bar 6
    การเปรียบเทียบซาวด์บาร์สองรุ่นนี้เน้นไปที่ระบบเสียง Dolby Atmos ที่ทั้งคู่รองรับ Bose Smart Soundbar มีชื่อเสียงเรื่องเสียงที่สมดุลและดีไซน์เรียบหรู ส่วน Sony Bravia Theater Bar 6 โดดเด่นด้วยพลังเสียงที่กระจายรอบทิศทางได้สมจริงกว่า การเลือกขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้ต้องการความเรียบง่ายและคุณภาพเสียงที่มั่นคง หรืออยากได้ประสบการณ์เสียงโอบล้อมเต็มรูปแบบ
    https://www.techradar.com/televisions/soundbars/bose-smart-soundbar-vs-sony-bravia-theater-bar-6-which-dolby-atmos-soundbar-is-right-for-you

    ลืมกล้อง ลืม AI – สิ่งที่คนอยากได้จริงคือแบตมือถือที่อึดกว่า
    บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าผู้ใช้สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจแค่กล้องหรือชิปใหม่ แต่สิ่งที่ต้องการจริง ๆ คือแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานขึ้น ทุกวันนี้มือถือเต็มไปด้วยฟีเจอร์ล้ำ ๆ แต่ถ้าแบตหมดไวก็ไร้ประโยชน์ การพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่จึงเป็นสิ่งที่ผู้ใช้คาดหวังมากที่สุดในอนาคต
    https://www.techradar.com/phones/forget-cameras-ai-and-chip-upgrades-you-really-want-better-phone-battery-life

      ดีล Netflix กับ Warner Bros. หมายถึงอะไรสำหรับผู้ชม
    การจับมือกันครั้งนี้อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการสตรีมมิ่ง ทั้งเรื่องราคาที่อาจปรับขึ้น และการเข้าถึงคอนเทนต์ที่กว้างขึ้น ผู้เชี่ยวชาญมองว่าผู้ใช้จะได้ประโยชน์จากการรวมคอนเทนต์ แต่ก็ต้องเตรียมใจรับกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ดีลนี้สะท้อนการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดสตรีมมิ่งที่ไม่มีใครยอมแพ้
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/streaming/netflix/what-does-the-netflix-and-warner-bros-deal-mean-for-you-heres-what-experts-say-about-price-hikes-and-more
    📌📡🔴 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🔴📡📌 #รวมข่าวIT #20251207 #TechRadar 📱🔒 US Security Agency เตือนเลิกใช้ VPN ส่วนตัวบนมือถือ หน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ของสหรัฐฯ หรือ CISA ออกคำเตือนแรงว่า “อย่าใช้ VPN ส่วนตัว” โดยเฉพาะบน iPhone และ Android เพราะแทนที่จะช่วยป้องกัน กลับเพิ่มความเสี่ยงให้ผู้ใช้มากขึ้น เนื่องจากข้อมูลที่เคยอยู่กับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจะถูกย้ายไปอยู่กับผู้ให้บริการ VPN ซึ่งหลายเจ้าไม่มีมาตรการความปลอดภัยที่ดีพอ บางรายถึงขั้นเก็บข้อมูลหรือแฝงมัลแวร์มาในแอปฟรี ๆ อีกด้วย คำเตือนนี้สะท้อนว่าการเลือก VPN ไม่ใช่เรื่องเล็ก ต้องเลือกเจ้าใหญ่ที่มีการตรวจสอบนโยบาย “no-logs” และใช้มาตรฐานเข้ารหัสที่แข็งแรง เช่น OpenVPN หรือ WireGuard รวมถึงฟีเจอร์เสริมอย่าง kill switch และ DNS leak protection เพื่อความปลอดภัยจริง ๆ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/us-security-agency-urges-android-and-iphone-users-to-stop-using-personal-vpns 👵👩‍💻 งานวิจัยใหม่เผย คนรุ่นใหญ่ไม่ค่อยเห็นว่า AI มีประโยชน์ ผลสำรวจจาก Cisco ชี้ให้เห็นความแตกต่างชัดเจนระหว่างคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นใหญ่ คนอายุต่ำกว่า 35 ปีส่วนใหญ่ใช้ AI อย่างจริงจังและมองว่ามีประโยชน์ต่อการทำงานและชีวิตประจำวัน แต่คนอายุเกิน 45 ปีครึ่งหนึ่งไม่เคยใช้ AI เลย โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 55 ปีขึ้นไปที่บอกว่าไม่คุ้นเคยมากกว่าปฏิเสธ outright ขณะเดียวกันประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น อินเดีย บราซิล และเม็กซิโก กลับเป็นผู้นำในการใช้ AI อย่างแพร่หลาย ต่างจากยุโรปที่ยังมีความไม่มั่นใจและกฎระเบียบเข้มงวดที่ทำให้การใช้งานช้าลง งานวิจัยนี้สะท้อนว่าการสร้างทักษะดิจิทัลให้ทุกวัยเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้ “Generation AI” ครอบคลุมทุกคนจริง ๆ 🔗 https://www.techradar.com/pro/new-research-reveals-older-users-less-likely-to-find-ai-useful ⚖️📲 EU เปิดการสอบสวน Meta เรื่องนโยบาย AI บน WhatsApp คณะกรรมาธิการยุโรปเริ่มการสอบสวนเชิงลึกต่อ Meta ว่านโยบายใหม่ของ WhatsApp อาจกีดกันคู่แข่งด้าน AI chatbot โดยห้ามไม่ให้ผู้ให้บริการ AI รายอื่นเผยแพร่ผ่าน WhatsApp หากบริการหลักคือ AI ซึ่งทำให้ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง OpenAI และ Microsoft ต้องถอน chatbot ออกจากแพลตฟอร์มแล้ว EU กังวลว่า Meta ใช้อำนาจตลาดเพื่อดัน Meta AI ของตัวเองและปิดกั้นนวัตกรรม หากพบผิดจริง Meta อาจโดนปรับสูงถึง 16.5 พันล้านดอลลาร์ การสอบสวนนี้สะท้อนความเข้มงวดของยุโรปในการป้องกันการผูกขาดและรักษาสนามแข่งขันที่เป็นธรรมในยุค AI 🔗 https://www.techradar.com/pro/eu-launches-antitrust-investigation-into-metas-whatsapp-ai-access-policy ⚠️💻 ช่องโหว่ React ระดับวิกฤติ เสี่ยงถูกโจมตีทันที นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบช่องโหว่ร้ายแรงใน React Server Components ที่ถูกจัดระดับความรุนแรงเต็ม 10/10 (CVE-2025-55182) ช่องโหว่นี้เปิดทางให้แฮกเกอร์แม้จะมีทักษะต่ำก็สามารถรันโค้ดอันตรายจากระยะไกลได้ทันที โดยกระทบหลายเฟรมเวิร์กยอดนิยมอย่าง Next.js, React Router และ Vite ทีม React ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 19.0.1, 19.1.2 และ 19.2.1 พร้อมเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตโดยด่วน เพราะนักวิจัยยืนยันว่าการโจมตี “เกิดขึ้นแน่นอน” และมีโอกาสสำเร็จเกือบ 100% เนื่องจาก React ถูกใช้ในเว็บใหญ่ทั่วโลก เช่น Facebook, Netflix และ Airbnb ทำให้พื้นที่เสี่ยงกว้างมาก 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/experts-warn-this-worst-case-scenario-react-vulnerability-could-soon-be-exploited-so-patch-now 💰🕵️ Europol ทลายเครือข่ายฟอกเงินคริปโตมูลค่า 700 ล้าน Europol ร่วมกับตำรวจหลายประเทศยุโรปเข้าจับกุมเครือข่ายฟอกเงินและหลอกลงทุนคริปโตที่มีมูลค่ากว่า 700 ล้านดอลลาร์ ปฏิบัติการนี้แบ่งเป็นสองเฟส เริ่มจากการบุกค้นในไซปรัส เยอรมนี และสเปน ยึดเงินสด คริปโต และทรัพย์สินหรู รวมกว่า 1.7 ล้านดอลลาร์ พร้อมจับกุมผู้ต้องสงสัย 9 คน เครือข่ายนี้ใช้แพลตฟอร์มลงทุนปลอมและคอลเซ็นเตอร์กดดันเหยื่อให้ลงทุนเพิ่ม อีกทั้งยังใช้โฆษณาหลอกลวงบนโซเชียลมีเดีย โดยบางครั้งถึงขั้นใช้ deepfake คนดังอย่าง Elon Musk หรือ Donald Trump เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ การทลายครั้งนี้ถือเป็นการตัดเส้นเลือดใหญ่ของอุตสาหกรรมหลอกลวงคริปโตที่กำลังระบาดหนักในยุโรป 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/europol-takes-down-crypto-and-laundering-network-worth-700-million 📱📡 ปี 2025 สมาร์ทโฟนกลับมาน่าตื่นเต้นอีกครั้ง (ไม่ใช่เพราะ AI) หลายคนบ่นว่าโทรศัพท์มือถือเริ่มน่าเบื่อ แต่ปี 2025 กลับมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจโดยไม่เกี่ยวกับ AI เลย อย่างแรกคือการมาของ แบตเตอรี่โซลิดสเตต ที่ทำให้มือถือชาร์จเร็วขึ้นและใช้งานได้นานกว่าเดิม ต่อมาคือ การเชื่อมต่อดาวเทียม ที่เริ่มกลายเป็นมาตรฐาน ทำให้ผู้ใช้สามารถติดต่อได้แม้ไม่มีสัญญาณเครือข่าย อีกทั้งยังมี การออกแบบใหม่ที่บางและทนทานกว่า รวมถึง จอพับที่พัฒนาไปอีกขั้น จนใช้งานจริงได้สะดวกขึ้น ทั้งหมดนี้ทำให้ปี 2025 เป็นปีที่มือถือกลับมามีเสน่ห์อีกครั้งโดยไม่ต้องพึ่งกระแส AI 🔗 https://www.techradar.com/phones/think-phones-are-boring-here-are-4-reasons-why-2025-was-a-big-year-for-smartphones-and-none-of-them-are-ai 🎲🤖 OpenAI ชนะ Google, Meta และ Grok ในทัวร์นาเมนต์โป๊กเกอร์ AI การแข่งขันโป๊กเกอร์ที่จัดขึ้นโดยใช้แต่ AI เป็นผู้เล่น ปรากฏว่า OpenAI สามารถเอาชนะคู่แข่งรายใหญ่ทั้ง Google, Meta และ Grok ได้สำเร็จ การแข่งขันนี้ไม่ใช่แค่เกม แต่เป็นการทดสอบความสามารถของ AI ในการวางกลยุทธ์ การอ่านสถานการณ์ และการตัดสินใจในสภาพที่ไม่แน่นอน ผลลัพธ์สะท้อนว่า AI ของ OpenAI มีความเหนือชั้นในด้านการปรับตัวและการคิดเชิงกลยุทธ์ ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญต่อการนำไปใช้ในโลกจริง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ การเงิน หรือการวิจัย 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai-beats-google-meta-and-grok-in-all-ai-poker-tournament ⚠️📂 Surfshark เตือน แอปแชร์ไฟล์ฟรีเสี่ยงเปิดข้อมูลให้คนอื่นเห็น รายงานใหม่จาก Surfshark ระบุว่าแอปแชร์ไฟล์ฟรีจำนวนมากมีช่องโหว่ที่ทำให้การดาวน์โหลดของผู้ใช้ถูกเปิดเผยต่อบุคคลอื่น ซึ่งอาจนำไปสู่การขโมยข้อมูลหรือมัลแวร์เข้ามาได้ ปัญหานี้เกิดจากการที่หลายแอปไม่ได้เข้ารหัสการเชื่อมต่อหรือไม่มีมาตรการป้องกันที่ดีพอ ผู้ใช้ที่คิดว่า “ฟรีและสะดวก” อาจต้องแลกด้วยความเสี่ยงด้านความปลอดภัย คำแนะนำคือควรเลือกใช้บริการที่มีชื่อเสียง มีการเข้ารหัสแบบ end-to-end และหลีกเลี่ยงการแชร์ไฟล์สำคัญผ่านแอปที่ไม่น่าเชื่อถือ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/think-before-you-click-most-free-file-sharing-apps-expose-your-downloads-to-security-risks-warns-surfshark 🖥️ ราคาคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์พุ่งสูงเพราะขาดแคลนหน่วยความจำ ตอนนี้โลกเทคโนโลยีกำลังเจอปัญหาใหญ่ เพราะหน่วยความจำ DRAM และ HBM ถูกเบี่ยงไปผลิตเพื่อรองรับเซิร์ฟเวอร์ AI ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ทั่วไปขาดตลาด ราคาจึงพุ่งขึ้นอย่างแรง ผู้ผลิตรายใหญ่ทั้ง Dell, Lenovo, HP และ HPE เตรียมขึ้นราคาประมาณ 15% สำหรับเซิร์ฟเวอร์ และ 5% สำหรับ PC ส่วนผู้ใช้ทั่วไปก็อาจต้องเจอราคาที่สูงขึ้นเมื่อซื้อแล็ปท็อปหรืออุปกรณ์ใหม่ๆ สถานการณ์นี้สะท้อนว่า AI กำลังเปลี่ยนทิศทางตลาดฮาร์ดแวร์อย่างชัดเจน 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-bad-news-continues-server-prices-set-to-rise-in-latest-blow-to-hardware-budgets 🎵 Spotify Wrapped 2025 เผยวิธีคำนวณจริง หลายคนสงสัยว่าทำไมสรุปการฟังเพลงปลายปีของ Spotify ถึงดูแปลกไปบ้าง ล่าสุด Spotify ออกมาอธิบายแล้วว่าแต่ละหมวดใช้วิธีคำนวณต่างกัน เช่น เพลงยอดนิยมวัดจากจำนวนครั้งที่ฟัง แต่สำหรับอัลบั้มจะดูว่าฟังครบหลายเพลงและกระจายการฟังอย่างไร นอกจากนี้ข้อมูลจะเก็บตั้งแต่ 1 มกราคมถึงพฤศจิกายน ไม่ใช่ครบทั้งปี และยังรวมการฟังแบบออฟไลน์ด้วย ฟีเจอร์ใหม่อย่าง “Listening Age” ที่เดาอายุจากแนวเพลงก็ทำให้หลายคนงง แต่จริงๆ มันสะท้อนพฤติกรรมการฟังที่เปลี่ยนไปตลอดปี 🔗 https://www.techradar.com/audio/spotify/your-spotify-wrapped-2025-data-isnt-wrong-the-streaming-giant-just-revealed-all-about-how-its-calculated 🪟 หนี้เทคนิค Windows ที่องค์กรยังไม่แก้ แม้ Windows 10 จะหมดการสนับสนุนไปแล้ว แต่หลายองค์กรยังคงใช้ต่อ ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “หนี้เทคนิค” ซึ่งเสี่ยงต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ การสำรวจพบว่า 9 ใน 10 บริษัทเจอปัญหานี้ แต่มีเพียง 14% ที่จริงจังกับการแก้ไขในปีหน้า เหตุผลหลักคือค่าใช้จ่ายสูง ความซับซ้อนของระบบ และความกลัวว่าจะทำให้ระบบล่ม หลายองค์กรเลือกที่จะเลื่อนการแก้ไขออกไปจนกว่าจะเกิดปัญหา ทั้งที่จริงๆ การแก้ทีละขั้นตอนและใช้เครื่องมือเฉพาะทางจะช่วยลดความเสี่ยงและเปิดทางให้ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ดีกว่า 🔗 https://www.techradar.com/pro/why-are-companies-not-tackling-their-windows-technical-debt 📱 Huawei Pura X พลิกนิยามมือถือฝาพับ Huawei เปิดตัว Pura X ที่ทำให้คนมองมือถือฝาพับต่างออกไป จากเดิมที่แบรนด์อื่นเน้นทำให้มือถือใหญ่พับเล็กลง แต่ Huawei กลับทำให้มันกลายเป็นเหมือนแท็บเล็ตขนาดพกพา หน้าจอหลักสัดส่วน 16:10 ขนาด 6.3 นิ้ว ใช้งานดูหนังหรือทำงานได้สะดวกขึ้น อีกทั้งยังมีหน้าจอด้านหน้า 3.5 นิ้วพร้อมกล้องสามตัว รวมถึงเลนส์เทเลโฟโต้ที่คู่แข่งยังไม่มี จุดเด่นนี้ทำให้มันเป็นมือถือฝาพับที่มีกล้องดีที่สุดในตลาดตอนนี้ แม้จะมีข้อจำกัดเรื่องการใช้งาน Google และการวางขายที่จำกัด แต่ก็ถือเป็นการออกแบบที่ท้าทายให้คู่แข่งต้องคิดใหม่ 🔗 https://www.techradar.com/phones/huawei-phones/i-tried-huaweis-strange-pura-x-foldable-and-its-made-me-rethink-every-other-flip-phone 🎮 โพลเลือกจอยเกมโปรดที่ผลลัพธ์ชวนงง TechRadar เคยทำโพลถามผู้อ่านว่าจอยเกมที่ชอบที่สุดคือรุ่นไหน ผลออกมาน่าตกใจเพราะ “Steam Controller” ของ Valve ที่เคยถูกวิจารณ์เรื่องดีไซน์แปลก กลับได้คะแนนสูงสุด 15% แซงหน้า Xbox 360 Controller ที่ได้ 13% และ DualSense Edge ของ PlayStation ที่ได้ 11% หลายคนเชื่อว่าผลนี้อาจเพราะแฟน Steam เข้ามาโหวตเยอะ หรือบางคนอาจโหวตแบบขำๆ แต่ไม่ว่าอย่างไร มันก็สะท้อนว่าความชอบของผู้เล่นเกมนั้นหลากหลายและไม่จำเป็นต้องตรงกับมาตรฐานตลาดเสมอไป 🔗 https://www.techradar.com/gaming/you-told-me-your-favorite-controller-ever-and-i-dont-believe-you ⚙️ ชิป AI จากจีน Cambricon เตรียมผลิตเพิ่มสามเท่า Cambricon บริษัทชิปจากจีนประกาศแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตชิป AI ถึงสามเท่าในปีหน้า เพื่อแข่งกับยักษ์ใหญ่อย่าง Nvidia และ Huawei แต่ก็ต้องเจอความท้าทายใหญ่จากการผลิตที่ซับซ้อนและต้นทุนสูง โดยเฉพาะการหาพันธมิตรด้านการผลิตที่สามารถรองรับเทคโนโลยีขั้นสูงได้ ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนว่าจีนกำลังผลักดันอุตสาหกรรมชิป AI อย่างจริงจังเพื่อไม่ให้พึ่งพาต่างชาติ 🔗 https://www.techradar.com/pro/this-chinese-chip-giant-is-boosting-production-to-try-and-take-on-nvidia-but-how-will-huawei-feel 🪟 Windows 11 ยังไม่สามารถแทนที่ Windows 10 ได้ แม้ Microsoft จะพยายามผลักดัน Windows 11 แต่สถิติการใช้งานยังชี้ว่าผู้ใช้จำนวนมหาศาลยังคงอยู่กับ Windows 10 โดยเฉพาะในองค์กรและเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่เดิม เหตุผลหลักคือความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดที่สูง ทำให้ Windows 10 ยังคงครองความนิยมอย่างเหนียวแน่นในหลายตลาด และกลายเป็นความท้าทายที่ Microsoft ต้องหาทางแก้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/windows-11-still-cant-topple-its-older-siblings-usage-stats-show-windows-10-remains-mind-boggingly-popular 🚀 5 สิ่งสำคัญที่นักพัฒนาต้องคำนึงเพื่อให้งานไม่หลุดราง ในยุคที่การพัฒนาโปรแกรมเต็มไปด้วยความเร่งรีบและความซับซ้อน การจะทำให้งาน “อยู่บนราง” ไม่ใช่แค่เขียนโค้ดให้เสร็จ แต่ต้องมีการวางเป้าหมายที่ชัดเจน กำหนดว่า “เสร็จ” หมายถึงอะไร เพื่อหลีกเลี่ยงการขยายขอบเขตงานโดยไม่จำเป็น การจัดตารางเวลาที่ปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะโลกจริงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน นอกจากนี้ยังต้องมีระบบติดตามงานที่โปร่งใส มีการวัดผลที่เน้นคุณค่า ไม่ใช่แค่ชั่วโมงที่ใช้ไป ทีมต้องรู้จักประเมินกำลังคนและทรัพยากร เพื่อไม่ให้เกิดการทำงานเกินกำลัง และสุดท้ายคือการบริหารความเสี่ยง พร้อมสื่อสารกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างตรงไปตรงมา ทั้งหมดนี้ช่วยให้ทีมพัฒนาไปถึงเป้าหมายได้อย่างมั่นคงและไม่หลุดราง 🔗 https://www.techradar.com/pro/5-essential-considerations-for-developers-to-stay-on-track 🖥️ รีวิวจอ InnoCN 27 นิ้ว GA27W1Q 4K จอภาพรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการความละเอียดสูงในราคาที่จับต้องได้ ด้วยขนาด 27 นิ้วและความละเอียด 4K ทำให้ภาพคมชัด เหมาะทั้งงานกราฟิกและการดูหนัง จุดเด่นคือการให้สีที่แม่นยำและมุมมองกว้าง แต่ก็มีข้อสังเกตเรื่องความสว่างที่อาจไม่สูงเท่าจอระดับพรีเมียม อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มองหาจอ 4K ในงบประมาณที่ไม่แรง นี่ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก 🔗 https://www.techradar.com/computing/innocn-27-ga27w1q-4k-monitor-review 🎶 แอมป์/DAC ขนาดเล็กที่แทนชุดเครื่องเสียงได้ นี่คืออุปกรณ์ที่รวมแอมป์และ DAC ไว้ในตัวเดียว ขนาดเล็กจนสามารถวางบนโต๊ะทำงานได้สบาย แต่ให้พลังเสียงที่สามารถแทนชุดเครื่องเสียงขนาดใหญ่ได้เลย เหมาะสำหรับคนที่เริ่มเข้าสู่วงการเครื่องเสียงและอยากได้คุณภาพเสียงที่ดีโดยไม่ต้องลงทุนกับอุปกรณ์หลายชิ้น จุดแข็งคือการเชื่อมต่อที่หลากหลายและเสียงที่ใสสะอาด ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและตอบโจทย์คนรักเสียงเพลงที่มีพื้นที่จำกัด 🔗 https://www.techradar.com/audio/dacs/this-super-compact-budget-desktop-amp-dac-can-replace-a-mini-hi-fi-stack-and-its-perfect-for-budding-audiophiles 📱 ข่าวลือ Samsung Galaxy S26 และชิป Exynos 2600 มีการหลุดข้อมูลจาก One UI 8.5 ที่อาจเผยให้เห็นดีไซน์ของ Galaxy S26 ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับโฉมใหม่ พร้อมกับข่าวลือเรื่องชิป Exynos 2600 ที่อาจถูกนำมาใช้ จุดสนใจคือการพัฒนาให้เครื่องมีประสิทธิภาพสูงขึ้นและดีไซน์ที่ทันสมัยกว่าเดิม แม้ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่กระแสข่าวนี้ก็ทำให้แฟน ๆ Samsung ตื่นเต้นและจับตามองว่าจะออกมาในรูปแบบใด 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/samsung-may-have-leaked-the-galaxy-s26-design-through-one-ui-8-5-and-another-exynos-2600-rumor-has-emerged 💾 รีวิว TerraMaster F2-425 NAS อุปกรณ์ NAS รุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากในบ้านหรือสำนักงานเล็ก ๆ จุดเด่นคือการรองรับการทำงานที่รวดเร็วและมีฟีเจอร์ที่เหมาะกับการสำรองข้อมูลหรือแชร์ไฟล์ภายในทีม แม้จะไม่หรูหราเท่า NAS ระดับองค์กร แต่ก็ถือว่ามีความคุ้มค่าในด้านราคาและประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ระบบจัดเก็บข้อมูลที่เชื่อถือได้โดยไม่ต้องลงทุนสูง 🔗 https://www.techradar.com/computing/terramaster-f2-425-nas-review 💽 ต่อ Mac Mini เข้ากับไดรฟ์เทป LTO-10 ขนาด 30TB นี่คือการเชื่อมต่อที่น่าสนใจมาก เพราะทำให้ Mac Mini สามารถใช้งานไดรฟ์เทป LTO-10 ที่มีความจุถึง 30TB ได้ โดยความเร็วที่ได้ใกล้เคียงกับ SSD เลยทีเดียว ถือเป็นการผสมผสานเทคโนโลยีเก่ากับใหม่ที่ลงตัว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาลในราคาที่คุ้มค่า และยังได้ความเร็วที่ไม่แพ้การใช้ดิสก์สมัยใหม่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/you-can-now-buy-a-30tb-tape-drive-and-connect-it-to-your-apple-mac-mini-and-its-almost-as-fast-as-an-ssd 📱📖 Samsung Galaxy Z Trifold กำลังมา – iPhone Fold ต้องรีบแล้ว ข่าวลือบอกว่า Samsung เตรียมเปิดตัว Galaxy Z Trifold ซึ่งเป็นมือถือพับสามทบ ทำให้ Apple ที่มีข่าวลือเรื่อง iPhone Fold ต้องเร่งเครื่องออกสู่ตลาด หากช้าเกินไปอาจเสียโอกาสในการแข่งขัน จุดเด่นของ Trifold คือการขยายหน้าจอได้ใหญ่ขึ้นเหมือนแท็บเล็ต แต่ยังพับเก็บได้เหมือนมือถือธรรมดา ทำให้เป็นที่จับตามองในวงการสมาร์ทโฟน 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/with-the-samsung-galaxy-z-trifold-on-the-way-apples-rumored-iphone-fold-needs-to-hit-shelves-soon 🔊 Bose Smart Soundbar vs Sony Bravia Theater Bar 6 การเปรียบเทียบซาวด์บาร์สองรุ่นนี้เน้นไปที่ระบบเสียง Dolby Atmos ที่ทั้งคู่รองรับ Bose Smart Soundbar มีชื่อเสียงเรื่องเสียงที่สมดุลและดีไซน์เรียบหรู ส่วน Sony Bravia Theater Bar 6 โดดเด่นด้วยพลังเสียงที่กระจายรอบทิศทางได้สมจริงกว่า การเลือกขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้ต้องการความเรียบง่ายและคุณภาพเสียงที่มั่นคง หรืออยากได้ประสบการณ์เสียงโอบล้อมเต็มรูปแบบ 🔗 https://www.techradar.com/televisions/soundbars/bose-smart-soundbar-vs-sony-bravia-theater-bar-6-which-dolby-atmos-soundbar-is-right-for-you 🔋 ลืมกล้อง ลืม AI – สิ่งที่คนอยากได้จริงคือแบตมือถือที่อึดกว่า บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าผู้ใช้สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจแค่กล้องหรือชิปใหม่ แต่สิ่งที่ต้องการจริง ๆ คือแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานขึ้น ทุกวันนี้มือถือเต็มไปด้วยฟีเจอร์ล้ำ ๆ แต่ถ้าแบตหมดไวก็ไร้ประโยชน์ การพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่จึงเป็นสิ่งที่ผู้ใช้คาดหวังมากที่สุดในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/phones/forget-cameras-ai-and-chip-upgrades-you-really-want-better-phone-battery-life 🎬  ดีล Netflix กับ Warner Bros. หมายถึงอะไรสำหรับผู้ชม การจับมือกันครั้งนี้อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการสตรีมมิ่ง ทั้งเรื่องราคาที่อาจปรับขึ้น และการเข้าถึงคอนเทนต์ที่กว้างขึ้น ผู้เชี่ยวชาญมองว่าผู้ใช้จะได้ประโยชน์จากการรวมคอนเทนต์ แต่ก็ต้องเตรียมใจรับกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ดีลนี้สะท้อนการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดสตรีมมิ่งที่ไม่มีใครยอมแพ้ ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/streaming/netflix/what-does-the-netflix-and-warner-bros-deal-mean-for-you-heres-what-experts-say-about-price-hikes-and-more
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251207 #securityonline

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Tika Core (CVE-2025-66516)
    เรื่องนี้เป็นการเตือนครั้งใหญ่ในวงการความปลอดภัยไซเบอร์ เพราะ Apache Tika ซึ่งเป็นเครื่องมือมาตรฐานที่ใช้วิเคราะห์ไฟล์หลากหลายชนิด ถูกพบว่ามีช่องโหว่ XXE ที่ร้ายแรงมาก โดยผู้โจมตีสามารถฝังข้อมูล XML อันตรายไว้ในไฟล์ PDF และเมื่อระบบนำไปประมวลผลก็จะเปิดทางให้เข้าถึงข้อมูลลับ ทำให้เกิดการรั่วไหลหรือแม้แต่การโจมตีแบบ SSRF ได้ ที่น่ากังวลคือหลายองค์กรคิดว่าตัวเองปลอดภัยแล้วจากการอัปเดตครั้งก่อน แต่จริง ๆ แล้วช่องโหว่นี้อยู่ในตัว “tika-core” ไม่ใช่แค่โมดูล PDF เท่านั้น ดังนั้นใครที่ยังใช้เวอร์ชันต่ำกว่า 3.2.2 ต้องรีบอัปเดตทันทีเพื่อปิดช่องโหว่
    https://securityonline.info/the-pdf-trap-critical-vulnerability-cve-2025-66516-cvss-10-0-hits-apache-tika-core

    มัลแวร์ขุดคริปโตแบบแอบเนียนผ่าน USB และ DLL Side-Loading
    ภัยคุกคามเก่าแต่ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งในเกาหลีใต้ เมื่อมัลแวร์ CoinMiner ถูกแพร่ผ่าน USB drive ที่ดูเหมือนมีไฟล์ปกติ แต่จริง ๆ แล้วซ่อนสคริปต์และไฟล์อันตรายไว้ เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ลัด มัลแวร์จะเริ่มทำงานทันที โดยใช้เทคนิค DLL Side-Loading เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ และสุดท้ายก็ลงโปรแกรมขุด Monero แบบ “Smart Mining” ที่ฉลาดพอจะหยุดทำงานชั่วคราวเมื่อผู้ใช้เปิดเกมหรือ Task Manager เพื่อไม่ให้ถูกจับได้ ถือเป็นการผสมผสานวิธีการเก่าเข้ากับเทคนิคใหม่ที่ซับซ้อนมาก
    https://securityonline.info/stealth-cryptominer-uses-usb-lnk-and-dll-side-loading-to-deploy-smart-mining-evasion

    Apache HTTP Server อัปเดตแก้ช่องโหว่ SSRF และ suexec Bypass
    Apache HTTP Server รุ่น 2.4.66 ได้ออกแพตช์ใหม่เพื่อแก้ไขช่องโหว่หลายรายการ โดยเฉพาะ CVE-2025-59775 ที่อาจทำให้ NTLM hash รั่วไหลบน Windows ผ่านการโจมตีแบบ SSRF และอีกช่องโหว่เกี่ยวกับ suexec ที่ทำให้ผู้ใช้บางรายสามารถรันสคริปต์ภายใต้สิทธิ์ที่ไม่ถูกต้องได้ นอกจากนี้ยังมีบั๊กเล็ก ๆ ที่อาจทำให้ระบบทำงานผิดพลาด เช่นการวนลูปไม่สิ้นสุดในการต่ออายุใบรับรอง การแก้ไขครั้งนี้จึงเป็นสิ่งที่ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น
    https://securityonline.info/apache-http-server-2-4-66-fixes-ssrf-flaw-cve-2025-59775-exposing-ntlm-hashes-on-windows-and-suexec-bypass

    รัสเซียบล็อก FaceTime ของ Apple แบบเครือข่าย
    รัฐบาลรัสเซียได้สั่งบล็อกการใช้งาน FaceTime ซึ่งเป็นบริการวิดีโอคอลที่เข้ารหัสแบบ end-to-end ของ Apple โดยอ้างว่าแพลตฟอร์มนี้ถูกใช้ในการก่อการร้ายและอาชญากรรม ถึงแม้จะไม่มีหลักฐานชัดเจนก็ตาม ผู้ใช้ในรัสเซียที่พยายามโทรผ่าน FaceTime จะพบว่าบริการไม่สามารถใช้งานได้จริง นี่เป็นส่วนหนึ่งของการปราบปรามเทคโนโลยีต่างชาติที่รัสเซียทำต่อเนื่อง หลังจากก่อนหน้านี้บล็อก YouTube, WhatsApp, Telegram และแม้แต่ Roblox ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงและเนื้อหาที่ไม่สอดคล้องกับนโยบายรัฐ
    https://securityonline.info/russia-imposes-network-level-blockade-on-apples-end-to-end-encrypted-facetime

    Android เพิ่มฟีเจอร์ป้องกันการหลอกลวงทางโทรศัพท์
    Google ได้เพิ่มระบบป้องกันการหลอกลวงทางโทรศัพท์ใน Android โดยเฉพาะเวลาที่ผู้ใช้เปิดแอปการเงิน เช่น Cash App หรือ JPMorgan Chase หากมีสายเข้าจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก ระบบจะหยุดการโทรหรือการแชร์หน้าจอไว้ 30 วินาที พร้อมแสดงคำเตือน เพื่อให้ผู้ใช้มีเวลาคิดก่อนจะทำตามคำสั่งของมิจฉาชีพ ฟีเจอร์นี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกหลอกให้โอนเงินหรือเปิดเผยข้อมูลสำคัญ และกำลังทยอยเปิดใช้งานในสหรัฐฯ สำหรับ Android 11 ขึ้นไป
    https://securityonline.info/new-android-call-scam-protection-pauses-calls-for-30-seconds-during-financial-app-use

    OpenAI ฝึก AI ให้ “สารภาพ” ความผิดพลาดเอง
    OpenAI กำลังทดลองวิธีใหม่ในการทำให้โมเดล AI มีความซื่อสัตย์มากขึ้น โดยสอนให้มัน “ยอมรับ” เมื่อเกิดข้อผิดพลาดหรือสร้างข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง แทนที่จะพยายามตอบต่อไปอย่างมั่นใจเกินจริง แนวคิดนี้คือการให้ AI มีพฤติกรรมคล้ายมนุษย์ที่สามารถบอกว่า “ฉันผิดพลาด” หรือ “ข้อมูลนี้อาจไม่ถูกต้อง” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและลดความเสี่ยงจากการใช้ข้อมูลที่ผิดพลาดในงานสำคัญ ถือเป็นการเปลี่ยนวิธีคิดจากการพยายามทำให้ AI ดูสมบูรณ์แบบ ไปสู่การทำให้มันโปร่งใสและน่าเชื่อถือมากขึ้น
    https://securityonline.info/honesty-is-the-best-policy-openai-trains-ai-models-to-confess-errors-and-hallucinations

    Criminal IP จัด Webinar: Beyond CVEs – จากการมองเห็นสู่การลงมือทำ
    Criminal IP เตรียมจัดสัมมนาออนไลน์เพื่อพูดถึงการจัดการช่องโหว่ที่มากกว่าแค่การรู้จัก CVE โดยเน้นไปที่การทำ ASM (Attack Surface Management) ที่ช่วยให้องค์กรเข้าใจภาพรวมของระบบและสามารถลงมือแก้ไขได้จริง ไม่ใช่แค่การตรวจพบปัญหา จุดสำคัญคือการเปลี่ยนจากการ “เห็น” ไปสู่การ “ทำ” เพื่อให้การป้องกันภัยไซเบอร์มีประสิทธิภาพมากขึ้น
    https://securityonline.info/criminal-ip-to-host-webinar-beyond-cves-from-visibility-to-action-with-asm

    Sprocket Security ได้รับการยกย่องซ้ำในดัชนีความสัมพันธ์ของ G2
    บริษัท Sprocket Security ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการทดสอบเจาะระบบ (Penetration Testing) ได้รับการจัดอันดับอีกครั้งในดัชนีความสัมพันธ์ของ G2 ประจำฤดูหนาวปี 2025 การได้รับการยอมรับซ้ำนี้สะท้อนถึงความพึงพอใจของลูกค้าและความน่าเชื่อถือของบริการที่บริษัทมอบให้ โดยเฉพาะในด้านการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและการสนับสนุนลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
    https://securityonline.info/sprocket-security-earns-repeat-recognition-in-g2s-winter-2025-relationship-index-for-penetration-testing

    จีน APT UNC5174 ใช้ Discord API เป็นช่องทางลับ
    กลุ่มแฮกเกอร์ APT จากจีนที่มีชื่อว่า UNC5174 ถูกพบว่าใช้ Discord API เป็นช่องทางสื่อสารแบบ C2 (Command and Control) เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับและทำการจารกรรมข้อมูล วิธีนี้ทำให้การโจมตีดูเหมือนการใช้งานปกติของแอปพลิเคชัน แต่จริง ๆ แล้วเป็นการซ่อนคำสั่งและข้อมูลที่ส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี ถือเป็นการใช้แพลตฟอร์มสื่อสารยอดนิยมเป็นเครื่องมือในการทำงานลับ
    https://securityonline.info/china-apt-unc5174-hijacks-discord-api-as-covert-c2-channel-to-evade-detection-and-conduct-espionage

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Step CA (CVE-2025-44005)
    มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน Step CA ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถข้ามการตรวจสอบสิทธิ์และออกใบรับรองปลอมได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้ถูกจัดระดับ CVSS 10.0 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด หมายความว่ามีความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีอย่างมาก หากองค์กรใดใช้ Step CA ในการจัดการใบรับรองดิจิทัล จำเป็นต้องรีบอัปเดตและแก้ไขทันทีเพื่อป้องกันการถูกใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นี้
    https://securityonline.info/critical-step-ca-flaw-cve-2025-44005-cvss-10-0-allows-unauthenticated-bypass-to-issue-fraudulent-certificates

    การสอดแนมผ่านการสแกน API ของ Palo Alto และ SonicWall
    มีการตรวจพบการสอดแนมแบบประสานงานจากกว่า 7,000 IP ที่พุ่งเป้าไปยัง API ของ GlobalProtect (Palo Alto) และ SonicWall โดยการโจมตีลักษณะนี้มุ่งเน้นไปที่การค้นหาช่องโหว่และการเก็บข้อมูลเพื่อเตรียมการโจมตีในอนาคต ถือเป็นการเคลื่อนไหวที่แสดงให้เห็นว่ากลุ่มผู้โจมตีเริ่มใช้วิธีการที่ซับซ้อนและทำงานเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ
    ​​​​​​​ https://securityonline.info/coordinated-reconnaissance-7000-ips-target-palo-alto-globalprotect-and-sonicwall-api-endpoints
    📌🔐🔴 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🔴🔐📌 #รวมข่าวIT #20251207 #securityonline 🛡️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Tika Core (CVE-2025-66516) เรื่องนี้เป็นการเตือนครั้งใหญ่ในวงการความปลอดภัยไซเบอร์ เพราะ Apache Tika ซึ่งเป็นเครื่องมือมาตรฐานที่ใช้วิเคราะห์ไฟล์หลากหลายชนิด ถูกพบว่ามีช่องโหว่ XXE ที่ร้ายแรงมาก โดยผู้โจมตีสามารถฝังข้อมูล XML อันตรายไว้ในไฟล์ PDF และเมื่อระบบนำไปประมวลผลก็จะเปิดทางให้เข้าถึงข้อมูลลับ ทำให้เกิดการรั่วไหลหรือแม้แต่การโจมตีแบบ SSRF ได้ ที่น่ากังวลคือหลายองค์กรคิดว่าตัวเองปลอดภัยแล้วจากการอัปเดตครั้งก่อน แต่จริง ๆ แล้วช่องโหว่นี้อยู่ในตัว “tika-core” ไม่ใช่แค่โมดูล PDF เท่านั้น ดังนั้นใครที่ยังใช้เวอร์ชันต่ำกว่า 3.2.2 ต้องรีบอัปเดตทันทีเพื่อปิดช่องโหว่ 🔗 https://securityonline.info/the-pdf-trap-critical-vulnerability-cve-2025-66516-cvss-10-0-hits-apache-tika-core 💻 มัลแวร์ขุดคริปโตแบบแอบเนียนผ่าน USB และ DLL Side-Loading ภัยคุกคามเก่าแต่ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งในเกาหลีใต้ เมื่อมัลแวร์ CoinMiner ถูกแพร่ผ่าน USB drive ที่ดูเหมือนมีไฟล์ปกติ แต่จริง ๆ แล้วซ่อนสคริปต์และไฟล์อันตรายไว้ เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ลัด มัลแวร์จะเริ่มทำงานทันที โดยใช้เทคนิค DLL Side-Loading เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ และสุดท้ายก็ลงโปรแกรมขุด Monero แบบ “Smart Mining” ที่ฉลาดพอจะหยุดทำงานชั่วคราวเมื่อผู้ใช้เปิดเกมหรือ Task Manager เพื่อไม่ให้ถูกจับได้ ถือเป็นการผสมผสานวิธีการเก่าเข้ากับเทคนิคใหม่ที่ซับซ้อนมาก 🔗 https://securityonline.info/stealth-cryptominer-uses-usb-lnk-and-dll-side-loading-to-deploy-smart-mining-evasion 🌐 Apache HTTP Server อัปเดตแก้ช่องโหว่ SSRF และ suexec Bypass Apache HTTP Server รุ่น 2.4.66 ได้ออกแพตช์ใหม่เพื่อแก้ไขช่องโหว่หลายรายการ โดยเฉพาะ CVE-2025-59775 ที่อาจทำให้ NTLM hash รั่วไหลบน Windows ผ่านการโจมตีแบบ SSRF และอีกช่องโหว่เกี่ยวกับ suexec ที่ทำให้ผู้ใช้บางรายสามารถรันสคริปต์ภายใต้สิทธิ์ที่ไม่ถูกต้องได้ นอกจากนี้ยังมีบั๊กเล็ก ๆ ที่อาจทำให้ระบบทำงานผิดพลาด เช่นการวนลูปไม่สิ้นสุดในการต่ออายุใบรับรอง การแก้ไขครั้งนี้จึงเป็นสิ่งที่ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น 🔗 https://securityonline.info/apache-http-server-2-4-66-fixes-ssrf-flaw-cve-2025-59775-exposing-ntlm-hashes-on-windows-and-suexec-bypass 🚫 รัสเซียบล็อก FaceTime ของ Apple แบบเครือข่าย รัฐบาลรัสเซียได้สั่งบล็อกการใช้งาน FaceTime ซึ่งเป็นบริการวิดีโอคอลที่เข้ารหัสแบบ end-to-end ของ Apple โดยอ้างว่าแพลตฟอร์มนี้ถูกใช้ในการก่อการร้ายและอาชญากรรม ถึงแม้จะไม่มีหลักฐานชัดเจนก็ตาม ผู้ใช้ในรัสเซียที่พยายามโทรผ่าน FaceTime จะพบว่าบริการไม่สามารถใช้งานได้จริง นี่เป็นส่วนหนึ่งของการปราบปรามเทคโนโลยีต่างชาติที่รัสเซียทำต่อเนื่อง หลังจากก่อนหน้านี้บล็อก YouTube, WhatsApp, Telegram และแม้แต่ Roblox ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงและเนื้อหาที่ไม่สอดคล้องกับนโยบายรัฐ 🔗 https://securityonline.info/russia-imposes-network-level-blockade-on-apples-end-to-end-encrypted-facetime 📱 Android เพิ่มฟีเจอร์ป้องกันการหลอกลวงทางโทรศัพท์ Google ได้เพิ่มระบบป้องกันการหลอกลวงทางโทรศัพท์ใน Android โดยเฉพาะเวลาที่ผู้ใช้เปิดแอปการเงิน เช่น Cash App หรือ JPMorgan Chase หากมีสายเข้าจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก ระบบจะหยุดการโทรหรือการแชร์หน้าจอไว้ 30 วินาที พร้อมแสดงคำเตือน เพื่อให้ผู้ใช้มีเวลาคิดก่อนจะทำตามคำสั่งของมิจฉาชีพ ฟีเจอร์นี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกหลอกให้โอนเงินหรือเปิดเผยข้อมูลสำคัญ และกำลังทยอยเปิดใช้งานในสหรัฐฯ สำหรับ Android 11 ขึ้นไป 🔗 https://securityonline.info/new-android-call-scam-protection-pauses-calls-for-30-seconds-during-financial-app-use 🤖 OpenAI ฝึก AI ให้ “สารภาพ” ความผิดพลาดเอง OpenAI กำลังทดลองวิธีใหม่ในการทำให้โมเดล AI มีความซื่อสัตย์มากขึ้น โดยสอนให้มัน “ยอมรับ” เมื่อเกิดข้อผิดพลาดหรือสร้างข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง แทนที่จะพยายามตอบต่อไปอย่างมั่นใจเกินจริง แนวคิดนี้คือการให้ AI มีพฤติกรรมคล้ายมนุษย์ที่สามารถบอกว่า “ฉันผิดพลาด” หรือ “ข้อมูลนี้อาจไม่ถูกต้อง” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและลดความเสี่ยงจากการใช้ข้อมูลที่ผิดพลาดในงานสำคัญ ถือเป็นการเปลี่ยนวิธีคิดจากการพยายามทำให้ AI ดูสมบูรณ์แบบ ไปสู่การทำให้มันโปร่งใสและน่าเชื่อถือมากขึ้น 🔗 https://securityonline.info/honesty-is-the-best-policy-openai-trains-ai-models-to-confess-errors-and-hallucinations 🎤 Criminal IP จัด Webinar: Beyond CVEs – จากการมองเห็นสู่การลงมือทำ Criminal IP เตรียมจัดสัมมนาออนไลน์เพื่อพูดถึงการจัดการช่องโหว่ที่มากกว่าแค่การรู้จัก CVE โดยเน้นไปที่การทำ ASM (Attack Surface Management) ที่ช่วยให้องค์กรเข้าใจภาพรวมของระบบและสามารถลงมือแก้ไขได้จริง ไม่ใช่แค่การตรวจพบปัญหา จุดสำคัญคือการเปลี่ยนจากการ “เห็น” ไปสู่การ “ทำ” เพื่อให้การป้องกันภัยไซเบอร์มีประสิทธิภาพมากขึ้น 🔗 https://securityonline.info/criminal-ip-to-host-webinar-beyond-cves-from-visibility-to-action-with-asm 🏆 Sprocket Security ได้รับการยกย่องซ้ำในดัชนีความสัมพันธ์ของ G2 บริษัท Sprocket Security ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการทดสอบเจาะระบบ (Penetration Testing) ได้รับการจัดอันดับอีกครั้งในดัชนีความสัมพันธ์ของ G2 ประจำฤดูหนาวปี 2025 การได้รับการยอมรับซ้ำนี้สะท้อนถึงความพึงพอใจของลูกค้าและความน่าเชื่อถือของบริการที่บริษัทมอบให้ โดยเฉพาะในด้านการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและการสนับสนุนลูกค้าอย่างต่อเนื่อง 🔗 https://securityonline.info/sprocket-security-earns-repeat-recognition-in-g2s-winter-2025-relationship-index-for-penetration-testing 🕵️ จีน APT UNC5174 ใช้ Discord API เป็นช่องทางลับ กลุ่มแฮกเกอร์ APT จากจีนที่มีชื่อว่า UNC5174 ถูกพบว่าใช้ Discord API เป็นช่องทางสื่อสารแบบ C2 (Command and Control) เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับและทำการจารกรรมข้อมูล วิธีนี้ทำให้การโจมตีดูเหมือนการใช้งานปกติของแอปพลิเคชัน แต่จริง ๆ แล้วเป็นการซ่อนคำสั่งและข้อมูลที่ส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี ถือเป็นการใช้แพลตฟอร์มสื่อสารยอดนิยมเป็นเครื่องมือในการทำงานลับ 🔗 https://securityonline.info/china-apt-unc5174-hijacks-discord-api-as-covert-c2-channel-to-evade-detection-and-conduct-espionage 🔒 ช่องโหว่ร้ายแรงใน Step CA (CVE-2025-44005) มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน Step CA ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถข้ามการตรวจสอบสิทธิ์และออกใบรับรองปลอมได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้ถูกจัดระดับ CVSS 10.0 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด หมายความว่ามีความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีอย่างมาก หากองค์กรใดใช้ Step CA ในการจัดการใบรับรองดิจิทัล จำเป็นต้องรีบอัปเดตและแก้ไขทันทีเพื่อป้องกันการถูกใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นี้ 🔗 https://securityonline.info/critical-step-ca-flaw-cve-2025-44005-cvss-10-0-allows-unauthenticated-bypass-to-issue-fraudulent-certificates 🌍 การสอดแนมผ่านการสแกน API ของ Palo Alto และ SonicWall มีการตรวจพบการสอดแนมแบบประสานงานจากกว่า 7,000 IP ที่พุ่งเป้าไปยัง API ของ GlobalProtect (Palo Alto) และ SonicWall โดยการโจมตีลักษณะนี้มุ่งเน้นไปที่การค้นหาช่องโหว่และการเก็บข้อมูลเพื่อเตรียมการโจมตีในอนาคต ถือเป็นการเคลื่อนไหวที่แสดงให้เห็นว่ากลุ่มผู้โจมตีเริ่มใช้วิธีการที่ซับซ้อนและทำงานเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ​​​​​​​🔗 https://securityonline.info/coordinated-reconnaissance-7000-ips-target-palo-alto-globalprotect-and-sonicwall-api-endpoints
    SECURITYONLINE.INFO
    The PDF Trap: Critical Vulnerability (CVE-2025-66516, CVSS 10.0) Hits Apache Tika Core
    Apache patched a Catastrophic XXE flaw (CVE-2025-66516, CVSS 10.0) in Tika Core. The bug is exploitable via malicious XFA data inside a PDF, risking server-side data disclosure and RCE. Update immediately.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/5lthCoFFSSk?si=I5IQlfx1NUkfE7eo
    https://youtu.be/5lthCoFFSSk?si=I5IQlfx1NUkfE7eo
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนหันกลับมามอง microSD card

    ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนกำลังพิจารณานำ microSD card slot กลับมาอีกครั้ง หลังจากราคาหน่วยความจำ DRAM พุ่งสูงจนทำให้ต้นทุนการผลิตและราคาสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    รายงานล่าสุดเผยว่า หลายบริษัทสมาร์ทโฟนกำลังพิจารณา นำช่องใส่ microSD card กลับมา เพื่อช่วยผู้บริโภคจัดการกับราคาสมาร์ทโฟนที่แพงขึ้น เนื่องจากต้นทุน DRAM ที่สูงขึ้นทำให้การเพิ่มความจุภายในเครื่องเป็นเรื่องยาก การกลับมาใช้ microSD card จึงถูกมองว่าเป็นทางออกที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถขยายความจุได้เองโดยไม่ต้องซื้อรุ่นที่แพงกว่า

    ราคาหน่วยความจำพุ่งสูง
    ราคาของ DRAM และ NAND flash กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2025 สาเหตุหลักมาจาก ความต้องการชิป AI ที่สูงเกินคาด ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนทั่วโลก ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจึงต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น และอาจส่งผลให้ราคาสมาร์ทโฟนระดับกลางถึงสูงปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก

    กลยุทธ์เพื่อดึงดูดผู้บริโภค
    การนำ microSD card slot กลับมาไม่เพียงช่วยลดแรงกดดันด้านราคา แต่ยังเป็น กลยุทธ์การตลาด ที่ช่วยสร้างความแตกต่างในตลาดที่แข่งขันสูง ผู้ใช้จำนวนมากยังคงชื่นชอบการมีตัวเลือกในการขยายความจุเอง ซึ่งอาจกลายเป็นจุดขายใหม่ของสมาร์ทโฟนรุ่นถัดไป

    ความเสี่ยงและข้อจำกัด
    แม้ microSD card จะช่วยแก้ปัญหาชั่วคราว แต่ก็มีข้อจำกัด เช่น ความเร็วในการอ่านเขียนที่ต่ำกว่า หน่วยความจำภายใน และความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูล นอกจากนี้ หากราคาหน่วยความจำยังคงสูงต่อเนื่อง อาจทำให้ผู้ผลิตต้องหาทางเลือกอื่น เช่น เทคโนโลยีหน่วยความจำใหม่ หรือการปรับโครงสร้างราคา

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนพิจารณานำ microSD card slot กลับมา
    เพื่อช่วยผู้บริโภคขยายความจุเอง
    ลดแรงกดดันจากราคาสมาร์ทโฟนที่สูงขึ้น

    ราคาหน่วยความจำ DRAM และ NAND flash พุ่งสูง
    สาเหตุจากความต้องการชิป AI ที่เพิ่มขึ้น
    ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสมาร์ทโฟนสูงขึ้น

    microSD card เป็นกลยุทธ์การตลาดใหม่
    สร้างความแตกต่างในตลาดที่แข่งขันสูง
    ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการความยืดหยุ่น

    ข้อจำกัดของ microSD card
    ความเร็วในการอ่านเขียนต่ำกว่าหน่วยความจำภายใน
    ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูล

    ความเสี่ยงจากราคาหน่วยความจำที่ยังคงสูง
    อาจทำให้ผู้ผลิตต้องหาทางเลือกอื่น
    ผู้บริโภคอาจยังคงเผชิญราคาสมาร์ทโฟนที่แพงขึ้น

    https://wccftech.com/smartphone-manufacturers-rumored-to-bring-back-microsd-card-slot-due-to-surging-dram-prices/
    💾 ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนหันกลับมามอง microSD card ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนกำลังพิจารณานำ microSD card slot กลับมาอีกครั้ง หลังจากราคาหน่วยความจำ DRAM พุ่งสูงจนทำให้ต้นทุนการผลิตและราคาสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รายงานล่าสุดเผยว่า หลายบริษัทสมาร์ทโฟนกำลังพิจารณา นำช่องใส่ microSD card กลับมา เพื่อช่วยผู้บริโภคจัดการกับราคาสมาร์ทโฟนที่แพงขึ้น เนื่องจากต้นทุน DRAM ที่สูงขึ้นทำให้การเพิ่มความจุภายในเครื่องเป็นเรื่องยาก การกลับมาใช้ microSD card จึงถูกมองว่าเป็นทางออกที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถขยายความจุได้เองโดยไม่ต้องซื้อรุ่นที่แพงกว่า 📈 ราคาหน่วยความจำพุ่งสูง ราคาของ DRAM และ NAND flash กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2025 สาเหตุหลักมาจาก ความต้องการชิป AI ที่สูงเกินคาด ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนทั่วโลก ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจึงต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น และอาจส่งผลให้ราคาสมาร์ทโฟนระดับกลางถึงสูงปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 🔄 กลยุทธ์เพื่อดึงดูดผู้บริโภค การนำ microSD card slot กลับมาไม่เพียงช่วยลดแรงกดดันด้านราคา แต่ยังเป็น กลยุทธ์การตลาด ที่ช่วยสร้างความแตกต่างในตลาดที่แข่งขันสูง ผู้ใช้จำนวนมากยังคงชื่นชอบการมีตัวเลือกในการขยายความจุเอง ซึ่งอาจกลายเป็นจุดขายใหม่ของสมาร์ทโฟนรุ่นถัดไป ⚠️ ความเสี่ยงและข้อจำกัด แม้ microSD card จะช่วยแก้ปัญหาชั่วคราว แต่ก็มีข้อจำกัด เช่น ความเร็วในการอ่านเขียนที่ต่ำกว่า หน่วยความจำภายใน และความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูล นอกจากนี้ หากราคาหน่วยความจำยังคงสูงต่อเนื่อง อาจทำให้ผู้ผลิตต้องหาทางเลือกอื่น เช่น เทคโนโลยีหน่วยความจำใหม่ หรือการปรับโครงสร้างราคา 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนพิจารณานำ microSD card slot กลับมา ➡️ เพื่อช่วยผู้บริโภคขยายความจุเอง ➡️ ลดแรงกดดันจากราคาสมาร์ทโฟนที่สูงขึ้น ✅ ราคาหน่วยความจำ DRAM และ NAND flash พุ่งสูง ➡️ สาเหตุจากความต้องการชิป AI ที่เพิ่มขึ้น ➡️ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสมาร์ทโฟนสูงขึ้น ✅ microSD card เป็นกลยุทธ์การตลาดใหม่ ➡️ สร้างความแตกต่างในตลาดที่แข่งขันสูง ➡️ ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการความยืดหยุ่น ‼️ ข้อจำกัดของ microSD card ⛔ ความเร็วในการอ่านเขียนต่ำกว่าหน่วยความจำภายใน ⛔ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูล ‼️ ความเสี่ยงจากราคาหน่วยความจำที่ยังคงสูง ⛔ อาจทำให้ผู้ผลิตต้องหาทางเลือกอื่น ⛔ ผู้บริโภคอาจยังคงเผชิญราคาสมาร์ทโฟนที่แพงขึ้น https://wccftech.com/smartphone-manufacturers-rumored-to-bring-back-microsd-card-slot-due-to-surging-dram-prices/
    WCCFTECH.COM
    Smartphone Manufacturers Are Considering Bringing Back The microSD Card Slot To Help Consumers With Their Purchase Nightmare In Wake Of The Increasing DRAM Prices
    A wild rumor claims that smartphone manufacturers are contemplating on bringing back the microSD card slot to help consumers through the DRAM price surge
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • Samsung เร่งสปีด HBM4 เพื่อจับมือ NVIDIA

    หลังจากเคยถูกมองว่าตามหลังคู่แข่งในตลาด HBM ซัมซุงได้พัฒนา HBM4 (High Bandwidth Memory รุ่นที่ 6) เสร็จสมบูรณ์ และผ่านขั้นตอน Production Readiness Approval (PRA) ซึ่งถือเป็นด่านสุดท้ายก่อนการผลิตจำนวนมาก ขณะนี้บริษัทได้ส่งตัวอย่างไปให้ NVIDIA ทดสอบสำหรับแพลตฟอร์ม GPU รุ่นใหม่ “Rubin” โดยผลทดสอบเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่า HBM4 สามารถทำความเร็วได้ถึง 11Gbps ต่อ pin ซึ่งเกินมาตรฐานที่ NVIDIA ต้องการ

    เทคโนโลยีที่เหนือกว่า HBM3E
    HBM4 ของซัมซุงถูกคาดว่าจะให้ แบนด์วิดท์สูงขึ้นกว่า HBM3E ราว 60% ซึ่งถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่สำหรับงานด้าน AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ความเร็วนี้ไม่เพียงตอบโจทย์การ์ดจอรุ่นใหม่ แต่ยังช่วยให้ศูนย์ข้อมูล AI สามารถทำงานได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยคู่แข่งอย่าง Micron และ SK Hynix ก็เร่งพัฒนาเช่นกัน แต่ซัมซุงหวังจะกลับมาเป็นผู้นำในตลาดนี้

    ความต้องการ AI ชิปทั่วโลก
    ปี 2025 ความต้องการชิปสำหรับ AI พุ่งสูงจนเกิด วิกฤติขาดแคลนหน่วยความจำทั่วโลก ทั้ง DRAM และ NAND flash ราคาพุ่งขึ้นต่อเนื่อง และผู้ผลิตสมาร์ทโฟนถึงขั้นพิจารณานำ microSD card slot กลับมาเพื่อบรรเทาผลกระทบ การที่ซัมซุงสามารถผลิต HBM4 ได้ทันเวลา จึงอาจเป็นโอกาสสำคัญในการครองตลาดและสร้างรายได้มหาศาล

    ความเสี่ยงและการแข่งขัน
    แม้ซัมซุงจะมีความได้เปรียบ แต่การแข่งขันกับ Micron และ SK Hynix ยังคงดุเดือด โดย Micron ได้เปิดตัว HBM4 ที่มีแบนด์วิดท์สูงถึง 2.8TB/s ซึ่งอาจกดดันซัมซุงในเชิงเทคนิคและราคา นอกจากนี้ ความต้องการที่สูงเกินไปอาจทำให้เกิด ภาวะขาดแคลนชิปต่อเนื่องไปจนถึงปี 2028 ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ซัมซุงพัฒนา HBM4 สำเร็จ
    ผ่านการตรวจสอบ Production Readiness Approval (PRA)
    ส่งตัวอย่างไปให้ NVIDIA ทดสอบบนแพลตฟอร์ม Rubin

    HBM4 เร็วกว่า HBM3E ราว 60%
    ความเร็วสูงถึง 11Gbps ต่อ pin
    รองรับงาน AI และศูนย์ข้อมูลที่ต้องการประสิทธิภาพสูง

    ตลาด AI ชิปกำลังขาดแคลนทั่วโลก
    ราคาหน่วยความจำพุ่งสูง
    ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนพิจารณานำ microSD card slot กลับมา

    การแข่งขันกับคู่แข่งยังรุนแรง
    Micron เปิดตัว HBM4 ที่มีแบนด์วิดท์ 2.8TB/s
    SK Hynix ยังคงเป็นคู่แข่งสำคัญในตลาด

    ความเสี่ยงจากวิกฤติชิปทั่วโลก
    อาจเกิดภาวะขาดแคลนต่อเนื่องถึงปี 2028
    ราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อาจสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    https://wccftech.com/once-left-behind-samsung-is-now-regaining-momentum-in-its-hbm-business/
    🚀 Samsung เร่งสปีด HBM4 เพื่อจับมือ NVIDIA หลังจากเคยถูกมองว่าตามหลังคู่แข่งในตลาด HBM ซัมซุงได้พัฒนา HBM4 (High Bandwidth Memory รุ่นที่ 6) เสร็จสมบูรณ์ และผ่านขั้นตอน Production Readiness Approval (PRA) ซึ่งถือเป็นด่านสุดท้ายก่อนการผลิตจำนวนมาก ขณะนี้บริษัทได้ส่งตัวอย่างไปให้ NVIDIA ทดสอบสำหรับแพลตฟอร์ม GPU รุ่นใหม่ “Rubin” โดยผลทดสอบเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่า HBM4 สามารถทำความเร็วได้ถึง 11Gbps ต่อ pin ซึ่งเกินมาตรฐานที่ NVIDIA ต้องการ ⚡ เทคโนโลยีที่เหนือกว่า HBM3E HBM4 ของซัมซุงถูกคาดว่าจะให้ แบนด์วิดท์สูงขึ้นกว่า HBM3E ราว 60% ซึ่งถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่สำหรับงานด้าน AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ความเร็วนี้ไม่เพียงตอบโจทย์การ์ดจอรุ่นใหม่ แต่ยังช่วยให้ศูนย์ข้อมูล AI สามารถทำงานได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยคู่แข่งอย่าง Micron และ SK Hynix ก็เร่งพัฒนาเช่นกัน แต่ซัมซุงหวังจะกลับมาเป็นผู้นำในตลาดนี้ 🌐 ความต้องการ AI ชิปทั่วโลก ปี 2025 ความต้องการชิปสำหรับ AI พุ่งสูงจนเกิด วิกฤติขาดแคลนหน่วยความจำทั่วโลก ทั้ง DRAM และ NAND flash ราคาพุ่งขึ้นต่อเนื่อง และผู้ผลิตสมาร์ทโฟนถึงขั้นพิจารณานำ microSD card slot กลับมาเพื่อบรรเทาผลกระทบ การที่ซัมซุงสามารถผลิต HBM4 ได้ทันเวลา จึงอาจเป็นโอกาสสำคัญในการครองตลาดและสร้างรายได้มหาศาล ⚠️ ความเสี่ยงและการแข่งขัน แม้ซัมซุงจะมีความได้เปรียบ แต่การแข่งขันกับ Micron และ SK Hynix ยังคงดุเดือด โดย Micron ได้เปิดตัว HBM4 ที่มีแบนด์วิดท์สูงถึง 2.8TB/s ซึ่งอาจกดดันซัมซุงในเชิงเทคนิคและราคา นอกจากนี้ ความต้องการที่สูงเกินไปอาจทำให้เกิด ภาวะขาดแคลนชิปต่อเนื่องไปจนถึงปี 2028 ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ซัมซุงพัฒนา HBM4 สำเร็จ ➡️ ผ่านการตรวจสอบ Production Readiness Approval (PRA) ➡️ ส่งตัวอย่างไปให้ NVIDIA ทดสอบบนแพลตฟอร์ม Rubin ✅ HBM4 เร็วกว่า HBM3E ราว 60% ➡️ ความเร็วสูงถึง 11Gbps ต่อ pin ➡️ รองรับงาน AI และศูนย์ข้อมูลที่ต้องการประสิทธิภาพสูง ✅ ตลาด AI ชิปกำลังขาดแคลนทั่วโลก ➡️ ราคาหน่วยความจำพุ่งสูง ➡️ ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนพิจารณานำ microSD card slot กลับมา ‼️ การแข่งขันกับคู่แข่งยังรุนแรง ⛔ Micron เปิดตัว HBM4 ที่มีแบนด์วิดท์ 2.8TB/s ⛔ SK Hynix ยังคงเป็นคู่แข่งสำคัญในตลาด ‼️ ความเสี่ยงจากวิกฤติชิปทั่วโลก ⛔ อาจเกิดภาวะขาดแคลนต่อเนื่องถึงปี 2028 ⛔ ราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อาจสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง https://wccftech.com/once-left-behind-samsung-is-now-regaining-momentum-in-its-hbm-business/
    WCCFTECH.COM
    Once Left Behind, Samsung Is Now Regaining Momentum in Its HBM Business as It Targets NVIDIA’s HBM4 Approval as Early as This Month
    Samsung's HBM business is expected to see a turnaround next year, as the Korean giant is on track to secure HBM4 qualification.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • "การทดลอง 10 ปีเผย Retrobrighting ทำให้พลาสติกเหลืองหนักกว่าเดิม"

    บทความจาก Tom’s Hardware รายงานผลการทดลองของ Tech Tangents (Shelby Jueden) ที่ใช้เวลา 10 ปี สังเกตผลของการทำ retrobrighting บนเครื่อง Sega Dreamcast โดยใช้วิธีคลาสสิกคือ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ + แสงแดด เพื่อฟื้นฟูสีพลาสติกที่เหลือง

    ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่า ชิ้นส่วนที่ผ่านการ retrobright เหลืองหนักกว่าเดิม เมื่อเทียบกับชิ้นส่วนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย หลังจากเวลาผ่านไป พลาสติกที่ untreated ดูดีกว่าและมีสีเหลืองน้อยกว่าอย่างชัดเจน

    Jueden อธิบายว่า การเหลืองของพลาสติกเกิดจาก สารหน่วงไฟ (flame retardant) ในวัสดุที่ออกซิไดซ์เมื่อสัมผัสกับแสง UV, ออกซิเจน และความร้อน การใช้สารฟอกขาวอย่างไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์อาจช่วยชั่วคราว แต่ในระยะยาวกลับทำให้พลาสติกเสียหาย เกิด streaking, blotching และความเปราะบาง

    นอกจากนี้ยังมีการทดลองวิธีอื่น เช่น sous vide method (น้ำร้อน + hydrogen peroxide), ozone treatment, และ UV light แต่ผลลัพธ์ก็ไม่สามารถคืนสีเดิมได้อย่างสมบูรณ์ และบางครั้งทำให้พลาสติกเสียหายยิ่งกว่าเดิม

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ผลการทดลอง 10 ปี
    Retrobright ทำให้พลาสติกเหลืองหนักกว่า untreated
    พื้นผิวที่ไม่ได้ทำอะไรเลยดูดีกว่าในระยะยาว

    สาเหตุการเหลือง
    Flame retardant ในพลาสติกออกซิไดซ์จาก UV, ออกซิเจน และความร้อน

    ปัญหาของ retrobright
    ทำให้เกิด streaking, blotching และพลาสติกเสียหาย
    ผลลัพธ์ชั่วคราว ไม่สามารถคืนสีเดิมได้ถาวร

    ข้อควรระวังสำหรับนักสะสม
    Retrobright อาจทำลายคุณค่าของเครื่อง retro gaming
    การปล่อยไว้ตามธรรมชาติอาจดีกว่าในระยะยาว

    https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/a-10-year-study-indicates-that-treated-surfaces-turn-yellow-more-severely-than-untreated-plastic-parts-retrobrighting-does-more-harm-than-good-to-consoles
    🕹️ "การทดลอง 10 ปีเผย Retrobrighting ทำให้พลาสติกเหลืองหนักกว่าเดิม" บทความจาก Tom’s Hardware รายงานผลการทดลองของ Tech Tangents (Shelby Jueden) ที่ใช้เวลา 10 ปี สังเกตผลของการทำ retrobrighting บนเครื่อง Sega Dreamcast โดยใช้วิธีคลาสสิกคือ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ + แสงแดด เพื่อฟื้นฟูสีพลาสติกที่เหลือง ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่า ชิ้นส่วนที่ผ่านการ retrobright เหลืองหนักกว่าเดิม เมื่อเทียบกับชิ้นส่วนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย หลังจากเวลาผ่านไป พลาสติกที่ untreated ดูดีกว่าและมีสีเหลืองน้อยกว่าอย่างชัดเจน Jueden อธิบายว่า การเหลืองของพลาสติกเกิดจาก สารหน่วงไฟ (flame retardant) ในวัสดุที่ออกซิไดซ์เมื่อสัมผัสกับแสง UV, ออกซิเจน และความร้อน การใช้สารฟอกขาวอย่างไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์อาจช่วยชั่วคราว แต่ในระยะยาวกลับทำให้พลาสติกเสียหาย เกิด streaking, blotching และความเปราะบาง นอกจากนี้ยังมีการทดลองวิธีอื่น เช่น sous vide method (น้ำร้อน + hydrogen peroxide), ozone treatment, และ UV light แต่ผลลัพธ์ก็ไม่สามารถคืนสีเดิมได้อย่างสมบูรณ์ และบางครั้งทำให้พลาสติกเสียหายยิ่งกว่าเดิม 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ผลการทดลอง 10 ปี ➡️ Retrobright ทำให้พลาสติกเหลืองหนักกว่า untreated ➡️ พื้นผิวที่ไม่ได้ทำอะไรเลยดูดีกว่าในระยะยาว ✅ สาเหตุการเหลือง ➡️ Flame retardant ในพลาสติกออกซิไดซ์จาก UV, ออกซิเจน และความร้อน ✅ ปัญหาของ retrobright ➡️ ทำให้เกิด streaking, blotching และพลาสติกเสียหาย ➡️ ผลลัพธ์ชั่วคราว ไม่สามารถคืนสีเดิมได้ถาวร ‼️ ข้อควรระวังสำหรับนักสะสม ⛔ Retrobright อาจทำลายคุณค่าของเครื่อง retro gaming ⛔ การปล่อยไว้ตามธรรมชาติอาจดีกว่าในระยะยาว https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/a-10-year-study-indicates-that-treated-surfaces-turn-yellow-more-severely-than-untreated-plastic-parts-retrobrighting-does-more-harm-than-good-to-consoles
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • "DIY Mod ใช้ CPU Air Cooler + น้ำแข็งเย็นจัด เพื่อ Liquid-Cool GPU ได้ถึง -14°C"

    บทความจาก Tom’s Hardware เล่าถึงการทดลองสุดแหวกแนวของ TrashBench นักโมดิฟายฮาร์ดแวร์ ที่นำ CPU air cooler (Thermalright Peerless Assassin) มาดัดแปลงให้กลายเป็นระบบ liquid cooling สำหรับ GPU โดยการ ตัด heatpipes เปิดออก แล้วต่อท่อน้ำบาง ๆ เข้าไป จากนั้นใช้ ปั๊ม + portable ice chiller เพื่อส่งน้ำเย็นจัดไหลผ่าน heatpipes【edge_current_page_context】

    ผลลัพธ์คือ GPU อย่าง MSI RTX 3070 สามารถทำงานที่อุณหภูมิ -14°C และได้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% พร้อมโอเวอร์คล็อกเพิ่มอีก +320 MHz ส่วน GTX 960 ยิ่งเห็นผลชัดเจน โดยเกม Cyberpunk 2077 เพิ่ม FPS ได้ถึง 21% และโดยรวมประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นราว 17%【edge_current_page_context】

    แม้ TrashBench จะไม่ได้ประกาศว่าเป็น “ความสำเร็จ” อย่างเป็นทางการ แต่การทดลองนี้แสดงให้เห็นว่า การดัดแปลง air cooler ให้เป็น pseudo-AIO สามารถช่วยโอเวอร์คล็อก GPU ได้โดยไม่ต้องพึ่ง liquid nitrogen หรือระบบ extreme cooling ที่ซับซ้อน ถือเป็นการเพิ่ม “fun” ในการโมดิฟายฮาร์ดแวร์ที่ยังใช้งานได้จริง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    วิธีการโมดิฟาย
    ใช้ Thermalright Peerless Assassin air cooler
    ตัด heatpipes ต่อท่อน้ำ + ปั๊ม + ice chiller
    ส่งน้ำเย็นจัดผ่าน heatpipes สัมผัสกับ GPU die

    ผลลัพธ์
    RTX 3070: อุณหภูมิ -14°C, ประสิทธิภาพ +10%
    GTX 960: FPS เพิ่มสูงสุด 21%, โดยรวม +17%

    ความหมาย
    เป็น pseudo-AIO ที่ช่วยโอเวอร์คล็อก GPU ได้จริง
    ไม่ต้องใช้ LN2 หรือระบบ extreme cooling
    เพิ่มความสนุกและความสร้างสรรค์ในการโมดิฟาย

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/cpu-air-cooler-runs-ice-cold-water-through-its-heatpipes-to-liquid-cool-a-gpu-negative-temp-diy-mod-sees-up-to-17-percent-performance-uplift
    ❄️ "DIY Mod ใช้ CPU Air Cooler + น้ำแข็งเย็นจัด เพื่อ Liquid-Cool GPU ได้ถึง -14°C" บทความจาก Tom’s Hardware เล่าถึงการทดลองสุดแหวกแนวของ TrashBench นักโมดิฟายฮาร์ดแวร์ ที่นำ CPU air cooler (Thermalright Peerless Assassin) มาดัดแปลงให้กลายเป็นระบบ liquid cooling สำหรับ GPU โดยการ ตัด heatpipes เปิดออก แล้วต่อท่อน้ำบาง ๆ เข้าไป จากนั้นใช้ ปั๊ม + portable ice chiller เพื่อส่งน้ำเย็นจัดไหลผ่าน heatpipes【edge_current_page_context】 ผลลัพธ์คือ GPU อย่าง MSI RTX 3070 สามารถทำงานที่อุณหภูมิ -14°C และได้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% พร้อมโอเวอร์คล็อกเพิ่มอีก +320 MHz ส่วน GTX 960 ยิ่งเห็นผลชัดเจน โดยเกม Cyberpunk 2077 เพิ่ม FPS ได้ถึง 21% และโดยรวมประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นราว 17%【edge_current_page_context】 แม้ TrashBench จะไม่ได้ประกาศว่าเป็น “ความสำเร็จ” อย่างเป็นทางการ แต่การทดลองนี้แสดงให้เห็นว่า การดัดแปลง air cooler ให้เป็น pseudo-AIO สามารถช่วยโอเวอร์คล็อก GPU ได้โดยไม่ต้องพึ่ง liquid nitrogen หรือระบบ extreme cooling ที่ซับซ้อน ถือเป็นการเพิ่ม “fun” ในการโมดิฟายฮาร์ดแวร์ที่ยังใช้งานได้จริง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ วิธีการโมดิฟาย ➡️ ใช้ Thermalright Peerless Assassin air cooler ➡️ ตัด heatpipes ต่อท่อน้ำ + ปั๊ม + ice chiller ➡️ ส่งน้ำเย็นจัดผ่าน heatpipes สัมผัสกับ GPU die ✅ ผลลัพธ์ ➡️ RTX 3070: อุณหภูมิ -14°C, ประสิทธิภาพ +10% ➡️ GTX 960: FPS เพิ่มสูงสุด 21%, โดยรวม +17% ✅ ความหมาย ➡️ เป็น pseudo-AIO ที่ช่วยโอเวอร์คล็อก GPU ได้จริง ➡️ ไม่ต้องใช้ LN2 หรือระบบ extreme cooling ➡️ เพิ่มความสนุกและความสร้างสรรค์ในการโมดิฟาย https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/cpu-air-cooler-runs-ice-cold-water-through-its-heatpipes-to-liquid-cool-a-gpu-negative-temp-diy-mod-sees-up-to-17-percent-performance-uplift
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • "Nvidia ปฏิเสธเคลม RTX 5080 FE หลัง retention clip ของหัวต่อไฟ 16-pin หัก"

    กรณีนี้เกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้รายหนึ่งรายงานว่า GeForce RTX 5080 Founders Edition ของเขาเสียหายตั้งแต่ครั้งแรกที่ถอดสายไฟ โดย retention clip ของหัวต่อ 12V-2x6 power connector หักออก ทำให้เกิดความกังวลเรื่องความปลอดภัยและความเสี่ยงไฟไหม้【edge_current_page_context】

    ผู้ใช้ได้ติดต่อฝ่ายสนับสนุนของ Nvidia ซึ่งตอนแรกบอกว่า “ทุกอย่างดูปกติ” จากภาพถ่าย แต่เมื่อเรื่องถูกส่งต่อไปยังทีมที่สูงกว่า กลับถูกตัดสินว่าเป็น “customer-induced damage” และปฏิเสธการรับประกัน แม้จะเป็นการเสียหายตั้งแต่การใช้งานครั้งแรกก็ตาม

    Retention clip มีบทบาทสำคัญในการยึดสายไฟให้นั่งแน่นในหัวต่อ ซึ่งเป็นประเด็นใหญ่เพราะ Nvidia เคยอธิบายว่าเหตุการณ์ RTX 4090 connector meltdown เกิดจากการเสียบสายไม่แน่น และจึงได้ออกมาตรฐานใหม่ 12V-2x6 เพื่อแก้ปัญหานี้ แต่เมื่อ clip หักไป กลไกป้องกันก็หายไป ทำให้ผู้ใช้และชุมชน Reddit กังวลว่าการออกแบบอาจยังมีข้อบกพร่อง

    นอกจากนี้ยังมีรายงานอื่น ๆ เกี่ยวกับ สายไฟละลายฝั่ง PSU และ ความเสียหายของหัวต่อ RTX 5090 แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าเป็นปัญหาแพร่หลาย แต่ก็สะท้อนถึงความไม่มั่นใจในมาตรฐานหัวต่อใหม่ และความไม่สม่ำเสมอในการรับประกันของผู้ผลิตต่าง ๆ (เช่น MSI และ Cooler Master ที่เคยมีกรณีปฏิเสธเคลมเช่นกัน)【edge_current_page_context】

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สิ่งที่เกิดขึ้น
    RTX 5080 FE retention clip หักตั้งแต่ครั้งแรกที่ถอดสาย
    Nvidia ปฏิเสธเคลม โดยระบุว่าเป็น “customer-induced damage”

    ความสำคัญของ retention clip
    ช่วยยึดสายไฟให้นั่งแน่น ป้องกันการเสียบไม่เต็ม
    ปัญหาคล้ายกับกรณี RTX 4090 connector meltdown

    สถานการณ์ในวงการ
    มีรายงานสายไฟละลายและหัวต่อเสียหายใน RTX 5080/5090
    ผู้ผลิตบางรายปฏิเสธเคลมด้วยเหตุผลเล็กน้อย

    ข้อควรระวังสำหรับผู้ใช้
    ตรวจสอบหัวต่อทุกครั้งว่าถูกเสียบแน่น
    ถ่ายภาพหลักฐานเมื่อพบความเสียหายเพื่อใช้ยื่นเคลม
    ระวังการดึงสายแรงเกินไปซึ่งอาจทำให้ clip หัก

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/rtx-5080-fe-owner-says-nvidia-denied-warranty-after-power-connector-clip-snapped
    ⚡ "Nvidia ปฏิเสธเคลม RTX 5080 FE หลัง retention clip ของหัวต่อไฟ 16-pin หัก" กรณีนี้เกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้รายหนึ่งรายงานว่า GeForce RTX 5080 Founders Edition ของเขาเสียหายตั้งแต่ครั้งแรกที่ถอดสายไฟ โดย retention clip ของหัวต่อ 12V-2x6 power connector หักออก ทำให้เกิดความกังวลเรื่องความปลอดภัยและความเสี่ยงไฟไหม้【edge_current_page_context】 ผู้ใช้ได้ติดต่อฝ่ายสนับสนุนของ Nvidia ซึ่งตอนแรกบอกว่า “ทุกอย่างดูปกติ” จากภาพถ่าย แต่เมื่อเรื่องถูกส่งต่อไปยังทีมที่สูงกว่า กลับถูกตัดสินว่าเป็น “customer-induced damage” และปฏิเสธการรับประกัน แม้จะเป็นการเสียหายตั้งแต่การใช้งานครั้งแรกก็ตาม Retention clip มีบทบาทสำคัญในการยึดสายไฟให้นั่งแน่นในหัวต่อ ซึ่งเป็นประเด็นใหญ่เพราะ Nvidia เคยอธิบายว่าเหตุการณ์ RTX 4090 connector meltdown เกิดจากการเสียบสายไม่แน่น และจึงได้ออกมาตรฐานใหม่ 12V-2x6 เพื่อแก้ปัญหานี้ แต่เมื่อ clip หักไป กลไกป้องกันก็หายไป ทำให้ผู้ใช้และชุมชน Reddit กังวลว่าการออกแบบอาจยังมีข้อบกพร่อง นอกจากนี้ยังมีรายงานอื่น ๆ เกี่ยวกับ สายไฟละลายฝั่ง PSU และ ความเสียหายของหัวต่อ RTX 5090 แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าเป็นปัญหาแพร่หลาย แต่ก็สะท้อนถึงความไม่มั่นใจในมาตรฐานหัวต่อใหม่ และความไม่สม่ำเสมอในการรับประกันของผู้ผลิตต่าง ๆ (เช่น MSI และ Cooler Master ที่เคยมีกรณีปฏิเสธเคลมเช่นกัน)【edge_current_page_context】 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สิ่งที่เกิดขึ้น ➡️ RTX 5080 FE retention clip หักตั้งแต่ครั้งแรกที่ถอดสาย ➡️ Nvidia ปฏิเสธเคลม โดยระบุว่าเป็น “customer-induced damage” ✅ ความสำคัญของ retention clip ➡️ ช่วยยึดสายไฟให้นั่งแน่น ป้องกันการเสียบไม่เต็ม ➡️ ปัญหาคล้ายกับกรณี RTX 4090 connector meltdown ✅ สถานการณ์ในวงการ ➡️ มีรายงานสายไฟละลายและหัวต่อเสียหายใน RTX 5080/5090 ➡️ ผู้ผลิตบางรายปฏิเสธเคลมด้วยเหตุผลเล็กน้อย ‼️ ข้อควรระวังสำหรับผู้ใช้ ⛔ ตรวจสอบหัวต่อทุกครั้งว่าถูกเสียบแน่น ⛔ ถ่ายภาพหลักฐานเมื่อพบความเสียหายเพื่อใช้ยื่นเคลม ⛔ ระวังการดึงสายแรงเกินไปซึ่งอาจทำให้ clip หัก https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/rtx-5080-fe-owner-says-nvidia-denied-warranty-after-power-connector-clip-snapped
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • "TSMC เร่งสร้างโรงงาน Advanced Packaging ใน Arizona – ใกล้สู่การผลิตชิป 'Made in USA'"

    รายงานจาก Liberty Times ระบุว่า TSMC อาจกำลังปรับแผนการขยายโรงงานใน Arizona โดยเปลี่ยนพื้นที่ที่เดิมตั้งใจสร้าง Fab 21 Phase 6 ให้กลายเป็น Advanced Packaging Facility แทน ซึ่งหากเป็นจริง จะทำให้ TSMC สามารถผลิตชิปที่ ครบวงจรในสหรัฐฯ ได้ก่อนปี 2030【edge_current_page_context】

    ปัจจุบัน แม้ TSMC จะมีการผลิตเวเฟอร์ที่ Fab 21 ใน Arizona แต่ขั้นตอน dicing, testing และ packaging ยังต้องส่งกลับไปที่ไต้หวัน ทำให้ชิปที่ผลิตในสหรัฐฯ ไม่ถือว่า “100% American-made” การเร่งสร้างโรงงาน packaging ในพื้นที่เดียวกันจะช่วยแก้ปัญหานี้ และลดความเสี่ยงจากภาษีหรือข้อจำกัดด้านการนำเข้า

    ตามแผนล่าสุด TSMC จะสร้าง 6 โมดูล Fab 21, 2 โรงงาน advanced packaging, และ R&D center โดยโรงงาน packaging ใหม่นี้อาจเริ่มติดตั้งเครื่องจักรได้ภายในปี 2027 และเข้าสู่การผลิตเชิงทดลองหลังจากนั้นไม่นาน

    นอกจากนี้ TSMC ยังมีความร่วมมือกับ Amkor ซึ่งกำลังสร้างโรงงาน assembly และ test ใกล้กับ Fab 21 โดยมี Apple เป็นลูกค้าหลัก และคาดว่าจะเริ่มผลิตในปี 2028 แต่การเร่งสร้างโรงงานของ TSMC เองจะช่วยให้บริษัทมี backend capacity เร็วกว่าการพึ่งพาพันธมิตร

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สถานการณ์ปัจจุบัน
    Fab 21 Arizona ผลิตเวเฟอร์ แต่ยังต้องส่งไปไต้หวันเพื่อ packaging
    ทำให้ชิปไม่ถือว่า “100% Made in USA”

    แผนใหม่ของ TSMC
    เปลี่ยนพื้นที่ Fab 21 Phase 6 เป็น Advanced Packaging Facility
    เริ่มติดตั้งเครื่องจักรได้ภายในปี 2027
    ทำให้สหรัฐฯ มีชิปที่ผลิตครบวงจรในประเทศ

    ความร่วมมือกับ Amkor
    Amkor สร้างโรงงาน assembly/test ใกล้ Fab 21
    Apple เป็นลูกค้าหลัก เริ่มผลิตปี 2028
    แต่ TSMC เร่งสร้างเองเพื่อให้ backend capacity พร้อมเร็วกว่า

    ปัจจัยที่ผลักดัน
    ความต้องการจากลูกค้ารายใหญ่
    ความเสี่ยงจากภาษีและการนำเข้า
    ความจำเป็นในการแข่งขันกับคู่แข่งระดับโลก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tsmc-could-be-inching-closer-to-making-all-american-chips-report-says-it-is-accelerating-an-advanced-packaging-facility-in-arizona
    🇺🇸 "TSMC เร่งสร้างโรงงาน Advanced Packaging ใน Arizona – ใกล้สู่การผลิตชิป 'Made in USA'" รายงานจาก Liberty Times ระบุว่า TSMC อาจกำลังปรับแผนการขยายโรงงานใน Arizona โดยเปลี่ยนพื้นที่ที่เดิมตั้งใจสร้าง Fab 21 Phase 6 ให้กลายเป็น Advanced Packaging Facility แทน ซึ่งหากเป็นจริง จะทำให้ TSMC สามารถผลิตชิปที่ ครบวงจรในสหรัฐฯ ได้ก่อนปี 2030【edge_current_page_context】 ปัจจุบัน แม้ TSMC จะมีการผลิตเวเฟอร์ที่ Fab 21 ใน Arizona แต่ขั้นตอน dicing, testing และ packaging ยังต้องส่งกลับไปที่ไต้หวัน ทำให้ชิปที่ผลิตในสหรัฐฯ ไม่ถือว่า “100% American-made” การเร่งสร้างโรงงาน packaging ในพื้นที่เดียวกันจะช่วยแก้ปัญหานี้ และลดความเสี่ยงจากภาษีหรือข้อจำกัดด้านการนำเข้า ตามแผนล่าสุด TSMC จะสร้าง 6 โมดูล Fab 21, 2 โรงงาน advanced packaging, และ R&D center โดยโรงงาน packaging ใหม่นี้อาจเริ่มติดตั้งเครื่องจักรได้ภายในปี 2027 และเข้าสู่การผลิตเชิงทดลองหลังจากนั้นไม่นาน นอกจากนี้ TSMC ยังมีความร่วมมือกับ Amkor ซึ่งกำลังสร้างโรงงาน assembly และ test ใกล้กับ Fab 21 โดยมี Apple เป็นลูกค้าหลัก และคาดว่าจะเริ่มผลิตในปี 2028 แต่การเร่งสร้างโรงงานของ TSMC เองจะช่วยให้บริษัทมี backend capacity เร็วกว่าการพึ่งพาพันธมิตร 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สถานการณ์ปัจจุบัน ➡️ Fab 21 Arizona ผลิตเวเฟอร์ แต่ยังต้องส่งไปไต้หวันเพื่อ packaging ➡️ ทำให้ชิปไม่ถือว่า “100% Made in USA” ✅ แผนใหม่ของ TSMC ➡️ เปลี่ยนพื้นที่ Fab 21 Phase 6 เป็น Advanced Packaging Facility ➡️ เริ่มติดตั้งเครื่องจักรได้ภายในปี 2027 ➡️ ทำให้สหรัฐฯ มีชิปที่ผลิตครบวงจรในประเทศ ✅ ความร่วมมือกับ Amkor ➡️ Amkor สร้างโรงงาน assembly/test ใกล้ Fab 21 ➡️ Apple เป็นลูกค้าหลัก เริ่มผลิตปี 2028 ➡️ แต่ TSMC เร่งสร้างเองเพื่อให้ backend capacity พร้อมเร็วกว่า ‼️ ปัจจัยที่ผลักดัน ⛔ ความต้องการจากลูกค้ารายใหญ่ ⛔ ความเสี่ยงจากภาษีและการนำเข้า ⛔ ความจำเป็นในการแข่งขันกับคู่แข่งระดับโลก https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tsmc-could-be-inching-closer-to-making-all-american-chips-report-says-it-is-accelerating-an-advanced-packaging-facility-in-arizona
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • "Zotac ปฏิเสธเคลม RTX 5070 Ti อ้าง PCB เสียหาย และเสนอทิ้งการ์ดฟรี"

    กรณีนี้เกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้รายหนึ่งส่ง RTX 5070 Ti ที่มีปัญหาเสียงพัดลมผิดปกติไปเคลมกับ Zotac แต่บริษัทกลับปฏิเสธการรับประกัน โดยอ้างว่า พบรอยแตกบน PCB ใกล้พอร์ต PCIe ซึ่งไม่สามารถเกิดจากการใช้งานปกติ และสรุปว่าเป็นความเสียหายจากการขนส่งหรือการจัดการภายนอก ทำให้ผู้ใช้ต้องไปยื่นเรื่องกับบริษัทขนส่งแทน

    สิ่งที่สร้างความไม่พอใจคือ Zotac เสนอว่า หากลูกค้าไม่ต้องการรับการ์ดคืน สามารถให้บริษัท “กำจัดทิ้งฟรี” ได้ ซึ่งถูกมองว่าเป็นการดูถูกลูกค้าที่เพิ่งซื้อการ์ดมาเพียง 3 เดือน และเสียเงินไปหลายร้อยดอลลาร์ ทั้งที่ความเสียหายที่เห็นในภาพถ่ายนั้นดูเล็กน้อยและไม่น่าจะกระทบการใช้งานจริง

    กรณีนี้สะท้อนถึงปัญหาที่ผู้ใช้หลายคนเจอจากผู้ผลิต GPU ที่มักปฏิเสธการเคลมด้วยเหตุผลเล็กน้อย เช่น Asus ที่เคยเรียกเก็บค่าซ่อมกว่า 3,350 ดอลลาร์จากรอยจิ๋วบน RTX 5090 หรือ Nvidia ที่บางครั้งใจกว้างกว่า โดยเคยเปลี่ยนการ์ดที่เสียหายจากการใช้งานผิดพลาดให้ลูกค้าโดยตรง

    แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าความเสียหายเกิดจากการขนส่งจริงหรือไม่ แต่กรณีนี้ทำให้ผู้ใช้ตั้งคำถามถึง มาตรฐานการรับประกันของ Zotac และความโปร่งใสในการตรวจสอบสินค้า ว่าบริษัทกำลังปกป้องตัวเองมากกว่าปกป้องลูกค้าหรือไม่

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สิ่งที่เกิดขึ้น
    ผู้ใช้ส่ง RTX 5070 Ti เคลมเพราะเสียงพัดลมผิดปกติ
    Zotac ปฏิเสธการเคลม อ้าง PCB แตกใกล้พอร์ต PCIe
    เสนอทิ้งการ์ดฟรีหากลูกค้าไม่ต้องการรับคืน

    กรณีคล้ายกันในวงการ
    Asus เคยเรียกเก็บค่าซ่อม $3,350 จากรอยเล็กบน RTX 5090
    Nvidia เคยเปลี่ยนการ์ดให้ลูกค้าแม้เกิดจากการใช้งานผิดพลาด

    ข้อควรระวัง
    การเคลม GPU อาจถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลเล็กน้อย
    ความเสียหายจากการขนส่งมักถูกโยนความรับผิดชอบไปที่บริษัทขนส่ง
    ผู้ใช้ควรตรวจสอบและถ่ายภาพสินค้าเมื่อรับของ เพื่อใช้เป็นหลักฐาน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/zotac-denies-rtx-5070-ti-fan-related-rma-and-then-offers-to-dispose-of-the-gpu-free-of-charge-the-company-claims-irreversible-pcb-damage-and-limited-tools-for-repair
    💻 "Zotac ปฏิเสธเคลม RTX 5070 Ti อ้าง PCB เสียหาย และเสนอทิ้งการ์ดฟรี" กรณีนี้เกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้รายหนึ่งส่ง RTX 5070 Ti ที่มีปัญหาเสียงพัดลมผิดปกติไปเคลมกับ Zotac แต่บริษัทกลับปฏิเสธการรับประกัน โดยอ้างว่า พบรอยแตกบน PCB ใกล้พอร์ต PCIe ซึ่งไม่สามารถเกิดจากการใช้งานปกติ และสรุปว่าเป็นความเสียหายจากการขนส่งหรือการจัดการภายนอก ทำให้ผู้ใช้ต้องไปยื่นเรื่องกับบริษัทขนส่งแทน สิ่งที่สร้างความไม่พอใจคือ Zotac เสนอว่า หากลูกค้าไม่ต้องการรับการ์ดคืน สามารถให้บริษัท “กำจัดทิ้งฟรี” ได้ ซึ่งถูกมองว่าเป็นการดูถูกลูกค้าที่เพิ่งซื้อการ์ดมาเพียง 3 เดือน และเสียเงินไปหลายร้อยดอลลาร์ ทั้งที่ความเสียหายที่เห็นในภาพถ่ายนั้นดูเล็กน้อยและไม่น่าจะกระทบการใช้งานจริง กรณีนี้สะท้อนถึงปัญหาที่ผู้ใช้หลายคนเจอจากผู้ผลิต GPU ที่มักปฏิเสธการเคลมด้วยเหตุผลเล็กน้อย เช่น Asus ที่เคยเรียกเก็บค่าซ่อมกว่า 3,350 ดอลลาร์จากรอยจิ๋วบน RTX 5090 หรือ Nvidia ที่บางครั้งใจกว้างกว่า โดยเคยเปลี่ยนการ์ดที่เสียหายจากการใช้งานผิดพลาดให้ลูกค้าโดยตรง แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าความเสียหายเกิดจากการขนส่งจริงหรือไม่ แต่กรณีนี้ทำให้ผู้ใช้ตั้งคำถามถึง มาตรฐานการรับประกันของ Zotac และความโปร่งใสในการตรวจสอบสินค้า ว่าบริษัทกำลังปกป้องตัวเองมากกว่าปกป้องลูกค้าหรือไม่ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สิ่งที่เกิดขึ้น ➡️ ผู้ใช้ส่ง RTX 5070 Ti เคลมเพราะเสียงพัดลมผิดปกติ ➡️ Zotac ปฏิเสธการเคลม อ้าง PCB แตกใกล้พอร์ต PCIe ➡️ เสนอทิ้งการ์ดฟรีหากลูกค้าไม่ต้องการรับคืน ✅ กรณีคล้ายกันในวงการ ➡️ Asus เคยเรียกเก็บค่าซ่อม $3,350 จากรอยเล็กบน RTX 5090 ➡️ Nvidia เคยเปลี่ยนการ์ดให้ลูกค้าแม้เกิดจากการใช้งานผิดพลาด ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ การเคลม GPU อาจถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลเล็กน้อย ⛔ ความเสียหายจากการขนส่งมักถูกโยนความรับผิดชอบไปที่บริษัทขนส่ง ⛔ ผู้ใช้ควรตรวจสอบและถ่ายภาพสินค้าเมื่อรับของ เพื่อใช้เป็นหลักฐาน https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/zotac-denies-rtx-5070-ti-fan-related-rma-and-then-offers-to-dispose-of-the-gpu-free-of-charge-the-company-claims-irreversible-pcb-damage-and-limited-tools-for-repair
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • "QR Code สะดวกบนมือถือ แต่ไม่เป็นมิตรกับคอมพิวเตอร์?"

    บทความจาก The Star วิเคราะห์ว่า QR Code แม้จะถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวก แต่จริง ๆ แล้วเหมาะกับการใช้งานบนมือถือมากกว่าบนคอมพิวเตอร์ ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ช่วยเพื่อนที่ได้รับ QR Code สำหรับกรอกฟอร์มบนคอมพิวเตอร์ แต่กลับไม่รู้วิธีเปิดลิงก์จาก QR Code บนหน้าจอใหญ่

    บนมือถือ การสแกน QR Code ทำได้ง่าย เพียงเปิดกล้องแล้วแตะปุ่มที่ปรากฏ ระบบจะพาไปยังเว็บไซต์ทันที แต่บนคอมพิวเตอร์กลับยุ่งยากกว่า เพราะไม่มีฟีเจอร์สแกนในตัว ผู้ใช้ต้อง แคปหน้าจอแล้วอัปโหลดไปยังเว็บถอดรหัส หรือใช้เครื่องมือเสริม เช่น Google Lens บน Chrome ที่สามารถคลิกขวาแล้วเลือก “Search with Google Lens” เพื่อดึงลิงก์ออกมา

    แม้วิธีนี้จะช่วยแก้ปัญหา แต่ก็ยังไม่สะดวกเท่าการใช้งานบนมือถือ และบางครั้ง QR Code ที่ฝังอยู่ในกราฟิกใหญ่ ๆ อาจต้องครอบภาพหรือเปิดในแท็บใหม่ก่อนถึงจะใช้งานได้ ทำให้เห็นชัดว่า QR Code ถูกออกแบบมาเพื่อ โลกของสมาร์ทโฟน มากกว่าเดสก์ท็อป

    ผู้เขียนสรุปว่า QR Code เป็นเหมือน “บุ๊กมาร์กที่ซ่อนอยู่ในภาพ” ซึ่งสะดวกเมื่อใช้กล้องมือถือ แต่ยังไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่ต้องการเข้าถึงลิงก์โดยตรง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การใช้งาน QR Code บนมือถือ
    กล้องมือถือสแกนได้ทันที
    ระบบเปิดลิงก์อัตโนมัติ สะดวกและรวดเร็ว

    การใช้งาน QR Code บนคอมพิวเตอร์
    ต้องแคปภาพแล้วอัปโหลดไปเว็บถอดรหัส
    ใช้ Google Lens บน Chrome เพื่อดึงลิงก์ออกมา
    อาจต้องครอบภาพหรือเปิดในแท็บใหม่ก่อน

    ข้อจำกัดและคำเตือน
    QR Code ถูกออกแบบมาเพื่อมือถือ ไม่เหมาะกับเดสก์ท็อป
    การใช้งานบนคอมพ์ยังไม่สะดวกและต้องใช้หลายขั้นตอน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/07/opinion-are-qr-codes-computer-friendly
    🔲 "QR Code สะดวกบนมือถือ แต่ไม่เป็นมิตรกับคอมพิวเตอร์?" บทความจาก The Star วิเคราะห์ว่า QR Code แม้จะถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวก แต่จริง ๆ แล้วเหมาะกับการใช้งานบนมือถือมากกว่าบนคอมพิวเตอร์ ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ช่วยเพื่อนที่ได้รับ QR Code สำหรับกรอกฟอร์มบนคอมพิวเตอร์ แต่กลับไม่รู้วิธีเปิดลิงก์จาก QR Code บนหน้าจอใหญ่ บนมือถือ การสแกน QR Code ทำได้ง่าย เพียงเปิดกล้องแล้วแตะปุ่มที่ปรากฏ ระบบจะพาไปยังเว็บไซต์ทันที แต่บนคอมพิวเตอร์กลับยุ่งยากกว่า เพราะไม่มีฟีเจอร์สแกนในตัว ผู้ใช้ต้อง แคปหน้าจอแล้วอัปโหลดไปยังเว็บถอดรหัส หรือใช้เครื่องมือเสริม เช่น Google Lens บน Chrome ที่สามารถคลิกขวาแล้วเลือก “Search with Google Lens” เพื่อดึงลิงก์ออกมา แม้วิธีนี้จะช่วยแก้ปัญหา แต่ก็ยังไม่สะดวกเท่าการใช้งานบนมือถือ และบางครั้ง QR Code ที่ฝังอยู่ในกราฟิกใหญ่ ๆ อาจต้องครอบภาพหรือเปิดในแท็บใหม่ก่อนถึงจะใช้งานได้ ทำให้เห็นชัดว่า QR Code ถูกออกแบบมาเพื่อ โลกของสมาร์ทโฟน มากกว่าเดสก์ท็อป ผู้เขียนสรุปว่า QR Code เป็นเหมือน “บุ๊กมาร์กที่ซ่อนอยู่ในภาพ” ซึ่งสะดวกเมื่อใช้กล้องมือถือ แต่ยังไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่ต้องการเข้าถึงลิงก์โดยตรง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การใช้งาน QR Code บนมือถือ ➡️ กล้องมือถือสแกนได้ทันที ➡️ ระบบเปิดลิงก์อัตโนมัติ สะดวกและรวดเร็ว ✅ การใช้งาน QR Code บนคอมพิวเตอร์ ➡️ ต้องแคปภาพแล้วอัปโหลดไปเว็บถอดรหัส ➡️ ใช้ Google Lens บน Chrome เพื่อดึงลิงก์ออกมา ➡️ อาจต้องครอบภาพหรือเปิดในแท็บใหม่ก่อน ‼️ ข้อจำกัดและคำเตือน ⛔ QR Code ถูกออกแบบมาเพื่อมือถือ ไม่เหมาะกับเดสก์ท็อป ⛔ การใช้งานบนคอมพ์ยังไม่สะดวกและต้องใช้หลายขั้นตอน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/07/opinion-are-qr-codes-computer-friendly
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Opinion: Are QR codes computer-friendly?
    I have a friend who calls me occasionally to come help him with various little things having to do with the technology at his house. This week, one of his requests was to learn more about QR codes and how they work.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • "Meta เลื่อนเปิดตัวแว่น Phoenix Mixed-Reality ไปปี 2027"

    Meta ตัดสินใจเลื่อนการเปิดตัว Phoenix Mixed-Reality Glasses จากเดิมที่วางแผนไว้ครึ่งหลังปี 2026 ไปเป็นปี 2027 โดยอ้างว่าต้องการเวลาเพิ่มเพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์สมบูรณ์และ “ได้รายละเอียดที่ถูกต้อง” ตามรายงานจาก Business Insider

    อุปกรณ์นี้เคยใช้ชื่อโค้ดว่า Puffin มีน้ำหนักประมาณ 100 กรัม และสเปกต่ำกว่าแว่นระดับพรีเมียมอย่าง Apple Vision Pro ทั้งด้านความละเอียดหน้าจอและพลังประมวลผล อย่างไรก็ตาม จุดขายของมันคือการเป็นอุปกรณ์ที่เบาและเข้าถึงง่ายมากกว่า เน้นตลาดผู้ใช้ทั่วไปที่อยากสัมผัสประสบการณ์ Mixed Reality โดยไม่ต้องลงทุนสูง

    การเลื่อนเปิดตัวเกิดขึ้นท่ามกลางการปรับลดงบประมาณของ Meta ในโครงการ Metaverse ถึง 30% ซึ่งสะท้อนถึงแรงกดดันด้านการเงินและความจำเป็นในการจัดลำดับความสำคัญใหม่ ขณะเดียวกัน Reality Labs ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแล Quest Headsets และ Ray-Ban Smart Glasses ยังคงเดินหน้าพัฒนาอุปกรณ์อื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย

    การตัดสินใจครั้งนี้อาจทำให้ตลาด Mixed Reality ต้องรออีกสักพักกว่าจะได้เห็นคู่แข่งที่แท้จริงของ Apple Vision Pro แต่ก็แสดงให้เห็นว่า Meta ต้องการหลีกเลี่ยงการรีบปล่อยผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่พร้อม และเลือกที่จะให้เวลาเพื่อสร้างอุปกรณ์ที่มีคุณภาพมากกว่า

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเลื่อนเปิดตัว
    จากครึ่งหลังปี 2026 ไปเป็นปี 2027
    เพื่อให้ผลิตภัณฑ์สมบูรณ์และ “ได้รายละเอียดที่ถูกต้อง”

    คุณสมบัติของ Phoenix Glasses
    น้ำหนักเบา ~100 กรัม
    ความละเอียดและพลังประมวลผลต่ำกว่า Apple Vision Pro
    เคยใช้ชื่อโค้ดว่า Puffin

    สถานการณ์ของ Meta
    ลดงบประมาณ Metaverse ลง 30%
    Reality Labs ยังพัฒนา Quest และ Ray-Ban Smart Glasses ต่อไป

    ข้อควรระวัง
    การเลื่อนเปิดตัวอาจทำให้เสียโอกาสแข่งขันกับ Apple Vision Pro
    งบประมาณที่ลดลงอาจกระทบต่อการพัฒนาอุปกรณ์ใหม่ในอนาคต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/07/meta-delays-release-of-phoenix-mixed-reality-glasses-to-2027-business-insider-reports
    🥽 "Meta เลื่อนเปิดตัวแว่น Phoenix Mixed-Reality ไปปี 2027" Meta ตัดสินใจเลื่อนการเปิดตัว Phoenix Mixed-Reality Glasses จากเดิมที่วางแผนไว้ครึ่งหลังปี 2026 ไปเป็นปี 2027 โดยอ้างว่าต้องการเวลาเพิ่มเพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์สมบูรณ์และ “ได้รายละเอียดที่ถูกต้อง” ตามรายงานจาก Business Insider อุปกรณ์นี้เคยใช้ชื่อโค้ดว่า Puffin มีน้ำหนักประมาณ 100 กรัม และสเปกต่ำกว่าแว่นระดับพรีเมียมอย่าง Apple Vision Pro ทั้งด้านความละเอียดหน้าจอและพลังประมวลผล อย่างไรก็ตาม จุดขายของมันคือการเป็นอุปกรณ์ที่เบาและเข้าถึงง่ายมากกว่า เน้นตลาดผู้ใช้ทั่วไปที่อยากสัมผัสประสบการณ์ Mixed Reality โดยไม่ต้องลงทุนสูง การเลื่อนเปิดตัวเกิดขึ้นท่ามกลางการปรับลดงบประมาณของ Meta ในโครงการ Metaverse ถึง 30% ซึ่งสะท้อนถึงแรงกดดันด้านการเงินและความจำเป็นในการจัดลำดับความสำคัญใหม่ ขณะเดียวกัน Reality Labs ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแล Quest Headsets และ Ray-Ban Smart Glasses ยังคงเดินหน้าพัฒนาอุปกรณ์อื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย การตัดสินใจครั้งนี้อาจทำให้ตลาด Mixed Reality ต้องรออีกสักพักกว่าจะได้เห็นคู่แข่งที่แท้จริงของ Apple Vision Pro แต่ก็แสดงให้เห็นว่า Meta ต้องการหลีกเลี่ยงการรีบปล่อยผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่พร้อม และเลือกที่จะให้เวลาเพื่อสร้างอุปกรณ์ที่มีคุณภาพมากกว่า 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเลื่อนเปิดตัว ➡️ จากครึ่งหลังปี 2026 ไปเป็นปี 2027 ➡️ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์สมบูรณ์และ “ได้รายละเอียดที่ถูกต้อง” ✅ คุณสมบัติของ Phoenix Glasses ➡️ น้ำหนักเบา ~100 กรัม ➡️ ความละเอียดและพลังประมวลผลต่ำกว่า Apple Vision Pro ➡️ เคยใช้ชื่อโค้ดว่า Puffin ✅ สถานการณ์ของ Meta ➡️ ลดงบประมาณ Metaverse ลง 30% ➡️ Reality Labs ยังพัฒนา Quest และ Ray-Ban Smart Glasses ต่อไป ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ การเลื่อนเปิดตัวอาจทำให้เสียโอกาสแข่งขันกับ Apple Vision Pro ⛔ งบประมาณที่ลดลงอาจกระทบต่อการพัฒนาอุปกรณ์ใหม่ในอนาคต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/07/meta-delays-release-of-phoenix-mixed-reality-glasses-to-2027-business-insider-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Meta delays release of Phoenix mixed-reality glasses to 2027, Business Insider reports
    Dec 5 (Reuters) - Meta is delaying the release of its Phoenix mixed-reality glasses until 2027, aiming to get the details right, Business Insider reported on Friday, citing an internal memo.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • "จะรู้ได้อย่างไรว่า ข้อความถูกเขียนโดย ChatGPT?"

    บทความจาก The Star วิเคราะห์ว่า AI กำลังเปลี่ยนแปลงภาษาและการเขียนในชีวิตประจำวัน จนหลายครั้งเราสามารถสังเกตได้ว่าเนื้อหาบางอย่างถูกสร้างโดย ChatGPT หรือโมเดลภาษาอื่น ๆ จุดสังเกตที่พบบ่อยคือการใช้ คำบางคำซ้ำ ๆ เช่น delve, nuanced, underscore ที่ปรากฏมากขึ้นอย่างผิดปกติในงานเขียนวิชาการ และการใช้โครงสร้างประโยคแบบ “It’s not X. It’s Y.”

    นักวิชาการอย่าง Tom Juzek และ Zina Ward จาก Florida State University ระบุว่า การแพร่หลายของคำเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วผิดปกติ และทำให้ผู้คนในวงการวิชาการเริ่มหลีกเลี่ยงการใช้คำที่มี “กลิ่น AI” เช่น delve เพราะถูกตีตราว่าเป็นภาษาที่ไม่เป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีการใช้ em dash (—) อย่างมากเกินไป ซึ่ง ChatGPT เองก็ยอมรับว่าเป็นหนึ่งในลักษณะเฉพาะที่ทำให้ข้อความดูเหมือนถูกสร้างโดย AI

    Ward ยังเล่าประสบการณ์ว่าเธอสามารถแยกแยะข้อความที่นักเรียนใช้ AI เขียนได้จากความซ้ำซ้อนและความเป็นทางการที่มากเกินไป เช่น อีเมลที่มีประโยคเหมือนกันหลายฉบับว่า “This class will serve me well in my future.” ซึ่งสะท้อนถึงการใช้โมเดลภาษาโดยตรง

    แม้จะมีข้อกังวล แต่บทความก็ชี้ว่า AI มีข้อดี เช่น ช่วยให้คนที่ไม่มั่นใจในการเขียนสามารถสื่อสารได้อย่างมืออาชีพ และช่วยตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลในเอกสารสาธารณะ อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนเตือนว่า ความผิดพลาดเล็ก ๆ เช่นไวยากรณ์ไม่สมบูรณ์ อาจกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมนุษย์ และสิ่งที่ทำให้เราแตกต่างจากข้อความที่ถูกสร้างโดยเครื่องจักร คือความ “แปลก” และความรู้สึกที่แท้จริง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สัญญาณที่บ่งบอกว่าเป็นข้อความจาก AI
    การใช้คำซ้ำ ๆ เช่น delve, nuanced, intricate, underscore
    โครงสร้างประโยค “It’s not X. It’s Y.”
    การใช้ em dash (—) มากเกินไป

    ประสบการณ์จากนักวิชาการ
    Tom Juzek: การแพร่ของคำบางคำเร็วผิดปกติในงานวิชาการ
    Zina Ward: อีเมลนักเรียนหลายฉบับมีข้อความซ้ำกันเกินจริง

    ข้อดีของการใช้ AI
    ช่วยให้คนที่ไม่มั่นใจในการเขียนสื่อสารได้ดีขึ้น
    ใช้ตรวจสอบความถูกต้องในเอกสารสาธารณะ

    ข้อควรระวัง
    การใช้ AI มากเกินไปทำให้ภาษาถูกทำให้เป็นมาตรฐานจนขาดความเป็นธรรมชาติ
    ความผิดพลาดเล็ก ๆ เช่นไวยากรณ์ผิด อาจกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมนุษย์
    หากไม่ระบุการใช้ AI อาจกระทบความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/06/opinion-how-can-you-tell-if-somethings-been-written-by-chatgpt-lets-delve
    ✍️ "จะรู้ได้อย่างไรว่า ข้อความถูกเขียนโดย ChatGPT?" บทความจาก The Star วิเคราะห์ว่า AI กำลังเปลี่ยนแปลงภาษาและการเขียนในชีวิตประจำวัน จนหลายครั้งเราสามารถสังเกตได้ว่าเนื้อหาบางอย่างถูกสร้างโดย ChatGPT หรือโมเดลภาษาอื่น ๆ จุดสังเกตที่พบบ่อยคือการใช้ คำบางคำซ้ำ ๆ เช่น delve, nuanced, underscore ที่ปรากฏมากขึ้นอย่างผิดปกติในงานเขียนวิชาการ และการใช้โครงสร้างประโยคแบบ “It’s not X. It’s Y.” นักวิชาการอย่าง Tom Juzek และ Zina Ward จาก Florida State University ระบุว่า การแพร่หลายของคำเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วผิดปกติ และทำให้ผู้คนในวงการวิชาการเริ่มหลีกเลี่ยงการใช้คำที่มี “กลิ่น AI” เช่น delve เพราะถูกตีตราว่าเป็นภาษาที่ไม่เป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีการใช้ em dash (—) อย่างมากเกินไป ซึ่ง ChatGPT เองก็ยอมรับว่าเป็นหนึ่งในลักษณะเฉพาะที่ทำให้ข้อความดูเหมือนถูกสร้างโดย AI Ward ยังเล่าประสบการณ์ว่าเธอสามารถแยกแยะข้อความที่นักเรียนใช้ AI เขียนได้จากความซ้ำซ้อนและความเป็นทางการที่มากเกินไป เช่น อีเมลที่มีประโยคเหมือนกันหลายฉบับว่า “This class will serve me well in my future.” ซึ่งสะท้อนถึงการใช้โมเดลภาษาโดยตรง แม้จะมีข้อกังวล แต่บทความก็ชี้ว่า AI มีข้อดี เช่น ช่วยให้คนที่ไม่มั่นใจในการเขียนสามารถสื่อสารได้อย่างมืออาชีพ และช่วยตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลในเอกสารสาธารณะ อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนเตือนว่า ความผิดพลาดเล็ก ๆ เช่นไวยากรณ์ไม่สมบูรณ์ อาจกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมนุษย์ และสิ่งที่ทำให้เราแตกต่างจากข้อความที่ถูกสร้างโดยเครื่องจักร คือความ “แปลก” และความรู้สึกที่แท้จริง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สัญญาณที่บ่งบอกว่าเป็นข้อความจาก AI ➡️ การใช้คำซ้ำ ๆ เช่น delve, nuanced, intricate, underscore ➡️ โครงสร้างประโยค “It’s not X. It’s Y.” ➡️ การใช้ em dash (—) มากเกินไป ✅ ประสบการณ์จากนักวิชาการ ➡️ Tom Juzek: การแพร่ของคำบางคำเร็วผิดปกติในงานวิชาการ ➡️ Zina Ward: อีเมลนักเรียนหลายฉบับมีข้อความซ้ำกันเกินจริง ✅ ข้อดีของการใช้ AI ➡️ ช่วยให้คนที่ไม่มั่นใจในการเขียนสื่อสารได้ดีขึ้น ➡️ ใช้ตรวจสอบความถูกต้องในเอกสารสาธารณะ ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ การใช้ AI มากเกินไปทำให้ภาษาถูกทำให้เป็นมาตรฐานจนขาดความเป็นธรรมชาติ ⛔ ความผิดพลาดเล็ก ๆ เช่นไวยากรณ์ผิด อาจกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมนุษย์ ⛔ หากไม่ระบุการใช้ AI อาจกระทบความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/06/opinion-how-can-you-tell-if-somethings-been-written-by-chatgpt-lets-delve
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Opinion: How can you tell if something’s been written by ChatGPT? Let’s delve
    What the bots do is write toward the average. What we humans can do is depart from the norm.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • "Immich – ทางเลือกใหม่ในการ Self-hosted Photo Management"

    Michael Stapelberg เผชิญปัญหาเมื่อเครื่องมือ gphotos-sync หยุดทำงานหลัง Google จำกัด OAuth scopes ในปี 2025 ทำให้เขาต้องหาทางเลือกใหม่สำหรับการจัดการรูปภาพส่วนตัว สุดท้ายเลือกใช้ Immich ซึ่งเป็นแอป self-hosted ที่สามารถทำงานได้รวดเร็วและมีฟีเจอร์ครบถ้วน โดยติดตั้งบน Ryzen 7 Mini PC (ASRock DeskMini X600) ที่ใช้พลังงานต่ำแต่ทรงพลัง

    เขาใช้ Proxmox เพื่อสร้าง VM สำหรับ Immich โดยติดตั้ง NixOS แบบ declarative และเปิดใช้งาน Immich ผ่าน Tailscale VPN แทนการเปิด firewall ตรง ๆ ทำให้สามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างปลอดภัยจากทุกอุปกรณ์ผ่าน MagicDNS และ TLS ของ Tailscale

    ในขั้นตอนการนำเข้ารูปภาพ เขาพบว่าเครื่องมือ immich-cli มีปัญหา timeout เนื่องจาก background jobs เช่น thumbnail creation และ face detection ทำงานพร้อมกัน จึงเปลี่ยนไปใช้ immich-go ซึ่งสามารถจัดการ Google Takeout archives ได้ดีกว่า โดยหยุด background jobs ชั่วคราวและอ่าน metadata JSON ได้ครบถ้วน

    นอกจากนี้ เขายังติดตั้งแอป Immich บน iPhone เพื่อเปิดใช้งาน automatic backup ของรูปใหม่ พร้อมตั้งค่า systemd timer + rsync เพื่อทำ 3-2-1 backup scheme ของข้อมูลทั้งหมดใน /var/lib/immich แม้ Immich ยังไม่มีฟีเจอร์แก้ไขภาพในตัว แต่เขาใช้ GIMP สำหรับงานนั้น และยังอัปโหลดบางรูปไป Google Photos เมื่อจำเป็นต้องแชร์กับผู้อื่น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การติดตั้งและโครงสร้างระบบ
    ใช้ Ryzen 7 Mini PC + Proxmox VM + NixOS
    Immich เปิดใช้งานผ่าน Tailscale VPN เพื่อความปลอดภัย

    การนำเข้ารูปภาพ
    immich-cli มีปัญหา timeout จาก background jobs
    immich-go จัดการ Google Takeout archives ได้ดีกว่า

    การใช้งานจริง
    แอป Immich บน iPhone รองรับ auto backup
    ใช้ rsync + systemd timer ทำ 3-2-1 backup scheme
    ใช้ GIMP สำหรับแก้ไขภาพ และ Google Photos สำหรับแชร์บางส่วน

    ข้อควรระวัง
    Immich ยังไม่มีฟีเจอร์แก้ไขภาพในตัว
    การตั้งค่า auto backup บน iPhone อาจซับซ้อน
    การอัปโหลดครั้งแรกอาจล้มเหลวหากไม่ใช้เครื่องมือที่เหมาะสม

    https://michael.stapelberg.ch/posts/2025-11-29-self-hosting-photos-with-immich/
    🖼️ "Immich – ทางเลือกใหม่ในการ Self-hosted Photo Management" Michael Stapelberg เผชิญปัญหาเมื่อเครื่องมือ gphotos-sync หยุดทำงานหลัง Google จำกัด OAuth scopes ในปี 2025 ทำให้เขาต้องหาทางเลือกใหม่สำหรับการจัดการรูปภาพส่วนตัว สุดท้ายเลือกใช้ Immich ซึ่งเป็นแอป self-hosted ที่สามารถทำงานได้รวดเร็วและมีฟีเจอร์ครบถ้วน โดยติดตั้งบน Ryzen 7 Mini PC (ASRock DeskMini X600) ที่ใช้พลังงานต่ำแต่ทรงพลัง เขาใช้ Proxmox เพื่อสร้าง VM สำหรับ Immich โดยติดตั้ง NixOS แบบ declarative และเปิดใช้งาน Immich ผ่าน Tailscale VPN แทนการเปิด firewall ตรง ๆ ทำให้สามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างปลอดภัยจากทุกอุปกรณ์ผ่าน MagicDNS และ TLS ของ Tailscale ในขั้นตอนการนำเข้ารูปภาพ เขาพบว่าเครื่องมือ immich-cli มีปัญหา timeout เนื่องจาก background jobs เช่น thumbnail creation และ face detection ทำงานพร้อมกัน จึงเปลี่ยนไปใช้ immich-go ซึ่งสามารถจัดการ Google Takeout archives ได้ดีกว่า โดยหยุด background jobs ชั่วคราวและอ่าน metadata JSON ได้ครบถ้วน นอกจากนี้ เขายังติดตั้งแอป Immich บน iPhone เพื่อเปิดใช้งาน automatic backup ของรูปใหม่ พร้อมตั้งค่า systemd timer + rsync เพื่อทำ 3-2-1 backup scheme ของข้อมูลทั้งหมดใน /var/lib/immich แม้ Immich ยังไม่มีฟีเจอร์แก้ไขภาพในตัว แต่เขาใช้ GIMP สำหรับงานนั้น และยังอัปโหลดบางรูปไป Google Photos เมื่อจำเป็นต้องแชร์กับผู้อื่น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การติดตั้งและโครงสร้างระบบ ➡️ ใช้ Ryzen 7 Mini PC + Proxmox VM + NixOS ➡️ Immich เปิดใช้งานผ่าน Tailscale VPN เพื่อความปลอดภัย ✅ การนำเข้ารูปภาพ ➡️ immich-cli มีปัญหา timeout จาก background jobs ➡️ immich-go จัดการ Google Takeout archives ได้ดีกว่า ✅ การใช้งานจริง ➡️ แอป Immich บน iPhone รองรับ auto backup ➡️ ใช้ rsync + systemd timer ทำ 3-2-1 backup scheme ➡️ ใช้ GIMP สำหรับแก้ไขภาพ และ Google Photos สำหรับแชร์บางส่วน ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ Immich ยังไม่มีฟีเจอร์แก้ไขภาพในตัว ⛔ การตั้งค่า auto backup บน iPhone อาจซับซ้อน ⛔ การอัปโหลดครั้งแรกอาจล้มเหลวหากไม่ใช้เครื่องมือที่เหมาะสม https://michael.stapelberg.ch/posts/2025-11-29-self-hosting-photos-with-immich/
    MICHAEL.STAPELBERG.CH
    Self-hosting my photos with Immich
    For every cloud service I use, I want to have a local copy of my data for backup purposes and independence. Unfortunately, the gphotos-sync tool stopped working in March 2025 when Google restricted the OAuth scopes, so I needed an alternative for my existing Google Photos setup. In this post, I describe how I have set up Immich, a self-hostable photo manager.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • "UniFi เปิดตัว U5G Max และไลน์อัป 5G รุ่นใหม่"

    Ubiquiti ได้เปิดตัว UniFi 5G รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับ U5G Max และอุปกรณ์ในตระกูล 5G ที่ออกแบบมาเพื่อการเชื่อมต่อที่ง่ายและมีประสิทธิภาพสูง จุดเด่นคือการ ติดตั้งที่ง่ายดาย (effortless setup) ความเร็วระดับ ultra fast speeds และตัวเลือกสำหรับการใช้งานกลางแจ้งที่ทนทาน (rugged outdoor options)

    อุปกรณ์ในไลน์อัปใหม่นี้ยังมาพร้อมกับ การผสานเข้ากับระบบ UniFi อย่างสมบูรณ์ ทำให้ผู้ใช้สามารถจัดการเครือข่ายได้จากแพลตฟอร์มเดียว ไม่ว่าจะเป็นการควบคุม Wi-Fi, LAN หรือ 5G ทั้งหมดใน ecosystem เดียวกัน ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกและลดความซับซ้อนในการดูแลระบบเครือข่าย

    นอกจากนี้ UniFi 5G ยังถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่บ้านพักอาศัย ธุรกิจขนาดเล็ก ไปจนถึงองค์กรที่ต้องการโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายที่มีความเสถียรและปลอดภัย โดยมีตัวเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะกับการใช้งานทั้งในร่มและกลางแจ้ง

    การเปิดตัวครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของ Ubiquiti ที่จะขยาย ecosystem ของ UniFi ให้ครอบคลุมทุกการเชื่อมต่อ ตั้งแต่ Wi-Fi, wired network ไปจนถึง 5G เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ครบวงจรและตอบโจทย์ผู้ใช้ในยุคดิจิทัล

    สรุปประเด็นสำคัญ
    จุดเด่นของ UniFi 5G
    ติดตั้งง่าย (effortless setup)
    ความเร็วสูงระดับ ultra fast speeds
    ตัวเลือกกลางแจ้งที่ทนทาน (rugged outdoor options)

    การผสานเข้ากับระบบ UniFi
    จัดการ Wi-Fi, LAN และ 5G จากแพลตฟอร์มเดียว
    ลดความซับซ้อนในการดูแลระบบเครือข่าย

    การใช้งานที่หลากหลาย
    รองรับทั้งบ้านพักอาศัย ธุรกิจ และองค์กร
    มีอุปกรณ์สำหรับทั้งในร่มและกลางแจ้ง

    ข้อควรระวัง
    การใช้งาน 5G อาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการเชื่อมต่อทั่วไป
    ความครอบคลุมสัญญาณขึ้นอยู่กับพื้นที่และผู้ให้บริการ

    https://blog.ui.com/article/introducing-unifi-5g
    📡 "UniFi เปิดตัว U5G Max และไลน์อัป 5G รุ่นใหม่" Ubiquiti ได้เปิดตัว UniFi 5G รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับ U5G Max และอุปกรณ์ในตระกูล 5G ที่ออกแบบมาเพื่อการเชื่อมต่อที่ง่ายและมีประสิทธิภาพสูง จุดเด่นคือการ ติดตั้งที่ง่ายดาย (effortless setup) ความเร็วระดับ ultra fast speeds และตัวเลือกสำหรับการใช้งานกลางแจ้งที่ทนทาน (rugged outdoor options) อุปกรณ์ในไลน์อัปใหม่นี้ยังมาพร้อมกับ การผสานเข้ากับระบบ UniFi อย่างสมบูรณ์ ทำให้ผู้ใช้สามารถจัดการเครือข่ายได้จากแพลตฟอร์มเดียว ไม่ว่าจะเป็นการควบคุม Wi-Fi, LAN หรือ 5G ทั้งหมดใน ecosystem เดียวกัน ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกและลดความซับซ้อนในการดูแลระบบเครือข่าย นอกจากนี้ UniFi 5G ยังถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่บ้านพักอาศัย ธุรกิจขนาดเล็ก ไปจนถึงองค์กรที่ต้องการโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายที่มีความเสถียรและปลอดภัย โดยมีตัวเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะกับการใช้งานทั้งในร่มและกลางแจ้ง การเปิดตัวครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของ Ubiquiti ที่จะขยาย ecosystem ของ UniFi ให้ครอบคลุมทุกการเชื่อมต่อ ตั้งแต่ Wi-Fi, wired network ไปจนถึง 5G เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ครบวงจรและตอบโจทย์ผู้ใช้ในยุคดิจิทัล 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ จุดเด่นของ UniFi 5G ➡️ ติดตั้งง่าย (effortless setup) ➡️ ความเร็วสูงระดับ ultra fast speeds ➡️ ตัวเลือกกลางแจ้งที่ทนทาน (rugged outdoor options) ✅ การผสานเข้ากับระบบ UniFi ➡️ จัดการ Wi-Fi, LAN และ 5G จากแพลตฟอร์มเดียว ➡️ ลดความซับซ้อนในการดูแลระบบเครือข่าย ✅ การใช้งานที่หลากหลาย ➡️ รองรับทั้งบ้านพักอาศัย ธุรกิจ และองค์กร ➡️ มีอุปกรณ์สำหรับทั้งในร่มและกลางแจ้ง ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ การใช้งาน 5G อาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการเชื่อมต่อทั่วไป ⛔ ความครอบคลุมสัญญาณขึ้นอยู่กับพื้นที่และผู้ให้บริการ https://blog.ui.com/article/introducing-unifi-5g
    BLOG.UI.COM
    Introducing UniFi 5G
    Discover the U5G Max and UniFi’s next generation 5G lineup featuring effortless setup, ultra fast speeds, rugged outdoor options, and advanced UniFi integration for unmatched performance.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ปัญหาทางเทคนิคส่วนใหญ่ จริง ๆ แล้วคือปัญหาคน"

    บทความนี้เล่าประสบการณ์จากผู้เขียนที่เคยทำงานในบริษัทที่มี technical debt มหาศาล — โค้ดหลายล้านบรรทัด ไม่มี unit tests และใช้ framework ที่ล้าสมัย ปัญหาที่ดูเหมือนเป็นเรื่องเทคนิคจริง ๆ แล้วกลับมีรากเหง้ามาจาก การจัดการคนและวัฒนธรรมองค์กร มากกว่าตัวเทคโนโลยีเอง

    ผู้เขียนชี้ให้เห็นว่า การแก้ปัญหาทางเทคนิคมักไม่สำเร็จ หากไม่มีการแก้ปัญหาความร่วมมือในทีม เช่น การสื่อสารที่ไม่ชัดเจน การขาดความรับผิดชอบร่วมกัน หรือการตัดสินใจที่ไม่โปร่งใส สิ่งเหล่านี้ทำให้โค้ดและระบบสะสมปัญหามากขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็น technical debt ที่ยากจะแก้ไข

    นอกจากนี้ยังกล่าวถึง ความสำคัญของการสร้างวัฒนธรรมทีมที่ดี เช่น การเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา การยอมรับความผิดพลาด และการสนับสนุนให้ทีมเรียนรู้จากกันและกัน เพราะสุดท้ายแล้ว เทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือ แต่คนคือผู้ที่ทำให้ระบบเดินไปข้างหน้าได้จริง

    บทเรียนสำคัญคือ หากองค์กรอยากแก้ปัญหาทางเทคนิคอย่างยั่งยืน ต้องเริ่มจากการแก้ปัญหาคน — การสร้างทีมที่มีความไว้วางใจ การสื่อสารที่ดี และการจัดการที่โปร่งใส จะช่วยลด technical debt และทำให้การพัฒนาระบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สาเหตุของปัญหาทางเทคนิค
    Technical debt มหาศาลจากโค้ดที่ไม่มีการทดสอบและ framework ล้าสมัย
    ปัญหาคน เช่น การสื่อสารไม่ชัดเจน และการตัดสินใจที่ไม่โปร่งใส

    วิธีแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
    สร้างวัฒนธรรมทีมที่ดี เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วม
    ยอมรับและเรียนรู้จากความผิดพลาด
    ส่งเสริมความรับผิดชอบร่วมกัน

    ข้อควรระวัง
    การแก้ปัญหาทางเทคนิคโดยไม่แก้ปัญหาคน จะทำให้ technical debt สะสมต่อไป
    การขาดความไว้วางใจในทีม อาจทำให้โครงการล้มเหลวแม้มีเทคโนโลยีที่ดี

    https://blog.joeschrag.com/2023/11/most-technical-problems-are-really.html
    👥 "ปัญหาทางเทคนิคส่วนใหญ่ จริง ๆ แล้วคือปัญหาคน" บทความนี้เล่าประสบการณ์จากผู้เขียนที่เคยทำงานในบริษัทที่มี technical debt มหาศาล — โค้ดหลายล้านบรรทัด ไม่มี unit tests และใช้ framework ที่ล้าสมัย ปัญหาที่ดูเหมือนเป็นเรื่องเทคนิคจริง ๆ แล้วกลับมีรากเหง้ามาจาก การจัดการคนและวัฒนธรรมองค์กร มากกว่าตัวเทคโนโลยีเอง ผู้เขียนชี้ให้เห็นว่า การแก้ปัญหาทางเทคนิคมักไม่สำเร็จ หากไม่มีการแก้ปัญหาความร่วมมือในทีม เช่น การสื่อสารที่ไม่ชัดเจน การขาดความรับผิดชอบร่วมกัน หรือการตัดสินใจที่ไม่โปร่งใส สิ่งเหล่านี้ทำให้โค้ดและระบบสะสมปัญหามากขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็น technical debt ที่ยากจะแก้ไข นอกจากนี้ยังกล่าวถึง ความสำคัญของการสร้างวัฒนธรรมทีมที่ดี เช่น การเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา การยอมรับความผิดพลาด และการสนับสนุนให้ทีมเรียนรู้จากกันและกัน เพราะสุดท้ายแล้ว เทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือ แต่คนคือผู้ที่ทำให้ระบบเดินไปข้างหน้าได้จริง บทเรียนสำคัญคือ หากองค์กรอยากแก้ปัญหาทางเทคนิคอย่างยั่งยืน ต้องเริ่มจากการแก้ปัญหาคน — การสร้างทีมที่มีความไว้วางใจ การสื่อสารที่ดี และการจัดการที่โปร่งใส จะช่วยลด technical debt และทำให้การพัฒนาระบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สาเหตุของปัญหาทางเทคนิค ➡️ Technical debt มหาศาลจากโค้ดที่ไม่มีการทดสอบและ framework ล้าสมัย ➡️ ปัญหาคน เช่น การสื่อสารไม่ชัดเจน และการตัดสินใจที่ไม่โปร่งใส ✅ วิธีแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ➡️ สร้างวัฒนธรรมทีมที่ดี เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วม ➡️ ยอมรับและเรียนรู้จากความผิดพลาด ➡️ ส่งเสริมความรับผิดชอบร่วมกัน ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ การแก้ปัญหาทางเทคนิคโดยไม่แก้ปัญหาคน จะทำให้ technical debt สะสมต่อไป ⛔ การขาดความไว้วางใจในทีม อาจทำให้โครงการล้มเหลวแม้มีเทคโนโลยีที่ดี https://blog.joeschrag.com/2023/11/most-technical-problems-are-really.html
    BLOG.JOESCHRAG.COM
    Most Technical Problems Are Really People Problems
    I once worked at a company which had an enormous amount of technical debt - millions of lines of code, no unit tests, based on frameworks ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • "Gemini 3 Pro – ก้าวกระโดดด้าน Vision AI จาก Google DeepMind"

    Google DeepMind เปิดตัว Gemini 3 Pro ซึ่งถูกยกให้เป็นโมเดลมัลติโหมดที่ทรงพลังที่สุดในปัจจุบัน โดยเน้นความสามารถด้าน การเข้าใจเอกสาร, การวิเคราะห์เชิงพื้นที่, การทำงานกับหน้าจอ และการเข้าใจวิดีโอ ถือเป็นการก้าวข้ามจากการจดจำภาพธรรมดาไปสู่การ ให้เหตุผลเชิงภาพและเชิงพื้นที่อย่างแท้จริง

    ในด้าน Document Understanding Gemini 3 Pro สามารถทำ OCR ที่แม่นยำ พร้อม "derendering" คือการแปลงเอกสารภาพกลับเป็นโค้ดที่สร้างใหม่ได้ เช่น HTML, LaTeX หรือ Markdown ตัวอย่างเช่น การแปลงบันทึกพ่อค้าในศตวรรษที่ 18 ให้เป็นตาราง หรือการสร้างสมการจากภาพที่มีโน้ตคณิตศาสตร์ซับซ้อน รวมถึงการสร้างกราฟแบบ interactive จาก Polar Diagram ของ Florence Nightingale

    ด้าน Spatial และ Screen Understanding โมเดลสามารถระบุพิกัด pixel ได้อย่างแม่นยำ ใช้สำหรับการวิเคราะห์ท่าทางมนุษย์, การจัดการวัตถุในหุ่นยนต์, หรือการเข้าใจ UI บนหน้าจอเพื่อทำงานอัตโนมัติ เช่น QA testing และ UX analytics นอกจากนี้ยังสามารถสร้างแผนการจัดการสิ่งของบนโต๊ะที่รกได้ตามคำสั่ง

    สำหรับ Video Understanding Gemini 3 Pro ถูกปรับให้เข้าใจวิดีโอที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยสามารถวิเคราะห์เหตุและผลของเหตุการณ์ในวิดีโอ ไม่ใช่แค่บอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ยังอธิบายได้ว่า "ทำไม" มันถึงเกิดขึ้น รวมถึงการประมวลผลวิดีโอความเร็วสูง (10 FPS) เพื่อวิเคราะห์รายละเอียด เช่น กลไกการสวิงของนักกอล์ฟ และยังสามารถแปลงวิดีโอขนาดยาวให้เป็นโค้ดหรือแอปพลิเคชันที่ใช้งานได้ทันที

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ความสามารถหลักของ Gemini 3 Pro
    Document Understanding: OCR + Derendering เป็นโค้ด (HTML, LaTeX, Markdown)
    Spatial Understanding: ระบุพิกัด pixel, วิเคราะห์ท่าทาง, ใช้ในหุ่นยนต์และ AR/XR
    Screen Understanding: เข้าใจ UI เพื่อทำงานอัตโนมัติ เช่น QA และ UX analytics
    Video Understanding: วิเคราะห์เหตุและผล, ประมวลผลวิดีโอความเร็วสูง

    การประยุกต์ใช้งานจริง
    การศึกษา: ช่วยแก้โจทย์คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ที่ซับซ้อน
    การแพทย์: วิเคราะห์ภาพรังสีและงานวิจัยทางชีวภาพ
    กฎหมายและการเงิน: วิเคราะห์สัญญาและรายงานที่ซับซ้อน
    สื่อและการเรียนรู้: สร้างภาพแก้ไขการบ้านแบบ visual feedback

    ข้อควรระวัง
    การใช้พลังประมวลผลสูง อาจมีค่าใช้จ่ายและ latency มากขึ้น
    ความเสี่ยงด้านข้อมูลส่วนบุคคล หากนำไปใช้กับเอกสารหรือภาพที่มีข้อมูลสำคัญ
    การพึ่งพา AI ในการให้เหตุผล อาจทำให้เกิดการตีความผิดหากไม่มีการตรวจสอบมนุษย์

    https://blog.google/technology/developers/gemini-3-pro-vision/
    👁️ "Gemini 3 Pro – ก้าวกระโดดด้าน Vision AI จาก Google DeepMind" Google DeepMind เปิดตัว Gemini 3 Pro ซึ่งถูกยกให้เป็นโมเดลมัลติโหมดที่ทรงพลังที่สุดในปัจจุบัน โดยเน้นความสามารถด้าน การเข้าใจเอกสาร, การวิเคราะห์เชิงพื้นที่, การทำงานกับหน้าจอ และการเข้าใจวิดีโอ ถือเป็นการก้าวข้ามจากการจดจำภาพธรรมดาไปสู่การ ให้เหตุผลเชิงภาพและเชิงพื้นที่อย่างแท้จริง ในด้าน Document Understanding Gemini 3 Pro สามารถทำ OCR ที่แม่นยำ พร้อม "derendering" คือการแปลงเอกสารภาพกลับเป็นโค้ดที่สร้างใหม่ได้ เช่น HTML, LaTeX หรือ Markdown ตัวอย่างเช่น การแปลงบันทึกพ่อค้าในศตวรรษที่ 18 ให้เป็นตาราง หรือการสร้างสมการจากภาพที่มีโน้ตคณิตศาสตร์ซับซ้อน รวมถึงการสร้างกราฟแบบ interactive จาก Polar Diagram ของ Florence Nightingale ด้าน Spatial และ Screen Understanding โมเดลสามารถระบุพิกัด pixel ได้อย่างแม่นยำ ใช้สำหรับการวิเคราะห์ท่าทางมนุษย์, การจัดการวัตถุในหุ่นยนต์, หรือการเข้าใจ UI บนหน้าจอเพื่อทำงานอัตโนมัติ เช่น QA testing และ UX analytics นอกจากนี้ยังสามารถสร้างแผนการจัดการสิ่งของบนโต๊ะที่รกได้ตามคำสั่ง สำหรับ Video Understanding Gemini 3 Pro ถูกปรับให้เข้าใจวิดีโอที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยสามารถวิเคราะห์เหตุและผลของเหตุการณ์ในวิดีโอ ไม่ใช่แค่บอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ยังอธิบายได้ว่า "ทำไม" มันถึงเกิดขึ้น รวมถึงการประมวลผลวิดีโอความเร็วสูง (10 FPS) เพื่อวิเคราะห์รายละเอียด เช่น กลไกการสวิงของนักกอล์ฟ และยังสามารถแปลงวิดีโอขนาดยาวให้เป็นโค้ดหรือแอปพลิเคชันที่ใช้งานได้ทันที 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ความสามารถหลักของ Gemini 3 Pro ➡️ Document Understanding: OCR + Derendering เป็นโค้ด (HTML, LaTeX, Markdown) ➡️ Spatial Understanding: ระบุพิกัด pixel, วิเคราะห์ท่าทาง, ใช้ในหุ่นยนต์และ AR/XR ➡️ Screen Understanding: เข้าใจ UI เพื่อทำงานอัตโนมัติ เช่น QA และ UX analytics ➡️ Video Understanding: วิเคราะห์เหตุและผล, ประมวลผลวิดีโอความเร็วสูง ✅ การประยุกต์ใช้งานจริง ➡️ การศึกษา: ช่วยแก้โจทย์คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ที่ซับซ้อน ➡️ การแพทย์: วิเคราะห์ภาพรังสีและงานวิจัยทางชีวภาพ ➡️ กฎหมายและการเงิน: วิเคราะห์สัญญาและรายงานที่ซับซ้อน ➡️ สื่อและการเรียนรู้: สร้างภาพแก้ไขการบ้านแบบ visual feedback ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ การใช้พลังประมวลผลสูง อาจมีค่าใช้จ่ายและ latency มากขึ้น ⛔ ความเสี่ยงด้านข้อมูลส่วนบุคคล หากนำไปใช้กับเอกสารหรือภาพที่มีข้อมูลสำคัญ ⛔ การพึ่งพา AI ในการให้เหตุผล อาจทำให้เกิดการตีความผิดหากไม่มีการตรวจสอบมนุษย์ https://blog.google/technology/developers/gemini-3-pro-vision/
    BLOG.GOOGLE
    Gemini 3 Pro: the frontier of vision AI
    Build with Gemini 3 Pro, the best model in the world for multimodal capabilities.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • "YouTube ทดลองใช้ AI ปรับแต่งวิดีโอ โดยไม่บอกผู้สร้าง"

    YouTube ถูกจับตามองหลังจากมีการค้นพบว่าแพลตฟอร์มได้ทดลองใช้ AI เพื่อปรับแต่งวิดีโอของครีเอเตอร์บางรายโดยไม่แจ้งล่วงหน้า สอง YouTuber ชื่อดัง Rick Beato และ Rhett Shull สังเกตว่ามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในวิดีโอ เช่น ผิวที่เรียบขึ้น เสื้อผ้าที่ดูคมชัดขึ้น หรือแม้กระทั่งรูปร่างหูที่เปลี่ยนไป ทำให้ผู้ชมบางคนรู้สึกว่าเนื้อหาดู “ไม่เป็นธรรมชาติ”

    YouTube ยอมรับว่ากำลังทำการทดลองแบบจำกัด โดยใช้ machine learning เพื่อปรับปรุงความคมชัด ลด noise และทำให้ภาพดูชัดเจนขึ้น คล้ายกับสิ่งที่สมาร์ทโฟนสมัยใหม่ทำเวลาถ่ายภาพ แต่คำอธิบายนี้ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการใช้ถ้อยคำที่ทำให้เข้าใจผิด เพราะจริง ๆ แล้ว machine learning ก็ถือเป็น AI เช่นกัน

    นักวิชาการด้านข้อมูลและสื่อเตือนว่า การแก้ไขวิดีโอโดยไม่บอกผู้สร้างหรือผู้ชม อาจทำให้เกิด ปัญหาความน่าเชื่อถือและความโปร่งใส เนื่องจากผู้ใช้ไม่สามารถรู้ได้ว่าเนื้อหาที่เห็นผ่าน YouTube ถูกปรับแต่งไปมากน้อยแค่ไหน ซึ่งต่างจากฟิลเตอร์หรือเอฟเฟกต์ที่ผู้สร้างเลือกใช้เองอย่างชัดเจน

    แม้บางครีเอเตอร์อย่าง Rick Beato จะยังคงมองว่า YouTube เป็นแพลตฟอร์มที่เปลี่ยนชีวิตและมีคุณค่า แต่หลายฝ่ายกังวลว่าการทดลองเช่นนี้อาจเป็น จุดเริ่มต้นของการบิดเบือนสื่อดิจิทัล ที่ผู้ใช้ไม่สามารถควบคุมได้ และอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นในแพลตฟอร์มระยะยาว

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สิ่งที่เกิดขึ้น
    YouTube ใช้ AI ปรับแต่งวิดีโอโดยไม่แจ้งผู้สร้าง
    การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เช่น ผิวเรียบ เสื้อคมชัด หูเปลี่ยนรูป

    คำอธิบายจาก YouTube
    ระบุว่าเป็นการทดลองจำกัดเพื่อปรับปรุงความคมชัด
    เปรียบเทียบกับการประมวลผลภาพในสมาร์ทโฟน

    ความเสี่ยงและข้อกังวล
    อาจกระทบความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสของแพลตฟอร์ม
    ผู้สร้างและผู้ชมไม่สามารถควบคุมการปรับแต่งได้
    เสี่ยงต่อการบิดเบือนสื่อดิจิทัลในอนาคต

    https://www.ynetnews.com/tech-and-digital/article/bj1qbwcklg
    🎥 "YouTube ทดลองใช้ AI ปรับแต่งวิดีโอ โดยไม่บอกผู้สร้าง" YouTube ถูกจับตามองหลังจากมีการค้นพบว่าแพลตฟอร์มได้ทดลองใช้ AI เพื่อปรับแต่งวิดีโอของครีเอเตอร์บางรายโดยไม่แจ้งล่วงหน้า สอง YouTuber ชื่อดัง Rick Beato และ Rhett Shull สังเกตว่ามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในวิดีโอ เช่น ผิวที่เรียบขึ้น เสื้อผ้าที่ดูคมชัดขึ้น หรือแม้กระทั่งรูปร่างหูที่เปลี่ยนไป ทำให้ผู้ชมบางคนรู้สึกว่าเนื้อหาดู “ไม่เป็นธรรมชาติ” YouTube ยอมรับว่ากำลังทำการทดลองแบบจำกัด โดยใช้ machine learning เพื่อปรับปรุงความคมชัด ลด noise และทำให้ภาพดูชัดเจนขึ้น คล้ายกับสิ่งที่สมาร์ทโฟนสมัยใหม่ทำเวลาถ่ายภาพ แต่คำอธิบายนี้ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการใช้ถ้อยคำที่ทำให้เข้าใจผิด เพราะจริง ๆ แล้ว machine learning ก็ถือเป็น AI เช่นกัน นักวิชาการด้านข้อมูลและสื่อเตือนว่า การแก้ไขวิดีโอโดยไม่บอกผู้สร้างหรือผู้ชม อาจทำให้เกิด ปัญหาความน่าเชื่อถือและความโปร่งใส เนื่องจากผู้ใช้ไม่สามารถรู้ได้ว่าเนื้อหาที่เห็นผ่าน YouTube ถูกปรับแต่งไปมากน้อยแค่ไหน ซึ่งต่างจากฟิลเตอร์หรือเอฟเฟกต์ที่ผู้สร้างเลือกใช้เองอย่างชัดเจน แม้บางครีเอเตอร์อย่าง Rick Beato จะยังคงมองว่า YouTube เป็นแพลตฟอร์มที่เปลี่ยนชีวิตและมีคุณค่า แต่หลายฝ่ายกังวลว่าการทดลองเช่นนี้อาจเป็น จุดเริ่มต้นของการบิดเบือนสื่อดิจิทัล ที่ผู้ใช้ไม่สามารถควบคุมได้ และอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นในแพลตฟอร์มระยะยาว 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สิ่งที่เกิดขึ้น ➡️ YouTube ใช้ AI ปรับแต่งวิดีโอโดยไม่แจ้งผู้สร้าง ➡️ การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เช่น ผิวเรียบ เสื้อคมชัด หูเปลี่ยนรูป ✅ คำอธิบายจาก YouTube ➡️ ระบุว่าเป็นการทดลองจำกัดเพื่อปรับปรุงความคมชัด ➡️ เปรียบเทียบกับการประมวลผลภาพในสมาร์ทโฟน ‼️ ความเสี่ยงและข้อกังวล ⛔ อาจกระทบความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสของแพลตฟอร์ม ⛔ ผู้สร้างและผู้ชมไม่สามารถควบคุมการปรับแต่งได้ ⛔ เสี่ยงต่อการบิดเบือนสื่อดิจิทัลในอนาคต https://www.ynetnews.com/tech-and-digital/article/bj1qbwcklg
    WWW.YNETNEWS.COM
    YouTube secretly tests AI video retouching without creators’ consent
    Popular YouTubers Rick Beato and Rhett Shull discovered the platform was quietly altering their videos with AI; the company admits to a limited experiment, raising concerns about trust, consent and media manipulation
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • "NanoKVM พบไมโครโฟนซ่อน – ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่ไม่ถูกเปิดเผย"

    NanoKVM อุปกรณ์ KVM switch ขนาดเล็กจากบริษัทจีน Sipeed ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถควบคุมคอมพิวเตอร์ระยะไกลผ่านเว็บเบราว์เซอร์ได้ โดยมีฟังก์ชันครบทั้งการจำลองคีย์บอร์ด เมาส์ และแม้แต่การเข้าถึง BIOS อย่างไรก็ตาม นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้ค้นพบว่าอุปกรณ์นี้มี ไมโครโฟนขนาดเล็กซ่อนอยู่ภายใน ซึ่งไม่ถูกระบุไว้ในเอกสารทางการ

    การตรวจสอบพบว่าไมโครโฟนนี้สามารถใช้งานได้ทันทีผ่านเครื่องมือที่ติดตั้งมาแล้ว เช่น amixer และ arecord ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถบันทึกเสียงหรือแม้แต่สตรีมเสียงแบบเรียลไทม์ได้ หากเข้าถึงอุปกรณ์ผ่าน SSH โดยเฉพาะเมื่ออุปกรณ์เคยถูกส่งมาพร้อมรหัสผ่านเริ่มต้นที่ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งถือเป็นช่องโหว่ร้ายแรง

    นอกจากไมโครโฟนแล้ว NanoKVM ยังมีปัญหาด้านความปลอดภัยอื่น ๆ เช่น การใช้ คีย์เข้ารหัสที่ hardcoded เหมือนกันทุกเครื่อง, การสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ในจีน, การไม่มีการตรวจสอบความสมบูรณ์ของซอฟต์แวร์อัปเดต และการติดตั้งเครื่องมือที่ใช้สำหรับเจาะระบบอย่าง tcpdump และ aircrack ไว้ในเฟิร์มแวร์ ทำให้เสี่ยงต่อการถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด

    แม้ผู้ผลิตจะพยายามแก้ไขบางส่วน เช่น การยกเลิกการใช้รหัสผ่านเริ่มต้น แต่ปัญหาหลักยังคงอยู่ และการมีไมโครโฟนซ่อนโดยไม่แจ้งผู้ใช้ถือเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลอย่างมาก นักวิจัยแนะนำว่าผู้ใช้ควรพิจารณา แฟลชระบบปฏิบัติการใหม่ที่ปลอดภัยกว่า หรือแม้แต่ถอดไมโครโฟนออกทางกายภาพ หากต้องการใช้งานต่อ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ฟังก์ชันของ NanoKVM
    ควบคุมคอมพิวเตอร์ระยะไกลผ่านเว็บเบราว์เซอร์
    จำลองคีย์บอร์ด เมาส์ และเข้าถึง BIOS ได้
    ราคาถูกกว่า PiKVM หลายเท่า

    สิ่งที่ค้นพบเพิ่มเติม
    มีไมโครโฟนซ่อนอยู่ภายใน สามารถบันทึกเสียงได้
    ติดตั้งเครื่องมือเจาะระบบเช่น tcpdump และ aircrack

    ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
    ใช้รหัสผ่านเริ่มต้นและคีย์เข้ารหัสที่เหมือนกันทุกเครื่อง
    ไม่มีการตรวจสอบความสมบูรณ์ของซอฟต์แวร์อัปเดต
    สื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ในจีนและเก็บคีย์ยืนยันแบบ plain text

    https://telefoncek.si/2025/02/2025-02-10-hidden-microphone-on-nanokvm/
    🎤 "NanoKVM พบไมโครโฟนซ่อน – ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่ไม่ถูกเปิดเผย" NanoKVM อุปกรณ์ KVM switch ขนาดเล็กจากบริษัทจีน Sipeed ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถควบคุมคอมพิวเตอร์ระยะไกลผ่านเว็บเบราว์เซอร์ได้ โดยมีฟังก์ชันครบทั้งการจำลองคีย์บอร์ด เมาส์ และแม้แต่การเข้าถึง BIOS อย่างไรก็ตาม นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้ค้นพบว่าอุปกรณ์นี้มี ไมโครโฟนขนาดเล็กซ่อนอยู่ภายใน ซึ่งไม่ถูกระบุไว้ในเอกสารทางการ การตรวจสอบพบว่าไมโครโฟนนี้สามารถใช้งานได้ทันทีผ่านเครื่องมือที่ติดตั้งมาแล้ว เช่น amixer และ arecord ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถบันทึกเสียงหรือแม้แต่สตรีมเสียงแบบเรียลไทม์ได้ หากเข้าถึงอุปกรณ์ผ่าน SSH โดยเฉพาะเมื่ออุปกรณ์เคยถูกส่งมาพร้อมรหัสผ่านเริ่มต้นที่ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งถือเป็นช่องโหว่ร้ายแรง นอกจากไมโครโฟนแล้ว NanoKVM ยังมีปัญหาด้านความปลอดภัยอื่น ๆ เช่น การใช้ คีย์เข้ารหัสที่ hardcoded เหมือนกันทุกเครื่อง, การสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ในจีน, การไม่มีการตรวจสอบความสมบูรณ์ของซอฟต์แวร์อัปเดต และการติดตั้งเครื่องมือที่ใช้สำหรับเจาะระบบอย่าง tcpdump และ aircrack ไว้ในเฟิร์มแวร์ ทำให้เสี่ยงต่อการถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด แม้ผู้ผลิตจะพยายามแก้ไขบางส่วน เช่น การยกเลิกการใช้รหัสผ่านเริ่มต้น แต่ปัญหาหลักยังคงอยู่ และการมีไมโครโฟนซ่อนโดยไม่แจ้งผู้ใช้ถือเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลอย่างมาก นักวิจัยแนะนำว่าผู้ใช้ควรพิจารณา แฟลชระบบปฏิบัติการใหม่ที่ปลอดภัยกว่า หรือแม้แต่ถอดไมโครโฟนออกทางกายภาพ หากต้องการใช้งานต่อ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ฟังก์ชันของ NanoKVM ➡️ ควบคุมคอมพิวเตอร์ระยะไกลผ่านเว็บเบราว์เซอร์ ➡️ จำลองคีย์บอร์ด เมาส์ และเข้าถึง BIOS ได้ ➡️ ราคาถูกกว่า PiKVM หลายเท่า ✅ สิ่งที่ค้นพบเพิ่มเติม ➡️ มีไมโครโฟนซ่อนอยู่ภายใน สามารถบันทึกเสียงได้ ➡️ ติดตั้งเครื่องมือเจาะระบบเช่น tcpdump และ aircrack ‼️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ⛔ ใช้รหัสผ่านเริ่มต้นและคีย์เข้ารหัสที่เหมือนกันทุกเครื่อง ⛔ ไม่มีการตรวจสอบความสมบูรณ์ของซอฟต์แวร์อัปเดต ⛔ สื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ในจีนและเก็บคีย์ยืนยันแบบ plain text https://telefoncek.si/2025/02/2025-02-10-hidden-microphone-on-nanokvm/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • "วิธีใช้กล้อง Thermal ในบ้านและโรงรถ"

    กล้อง Thermal หรือกล้องอินฟราเรด ไม่ได้มีไว้ใช้เฉพาะงานวิศวกรรมหรือทหารเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในบ้านและโรงรถอย่างมาก เพราะสามารถตรวจจับความแตกต่างของอุณหภูมิได้ ทำให้เรามองเห็นสิ่งที่ตาเปล่าไม่สามารถเห็นได้ เช่น น้ำรั่ว พลังงานรั่วไหล หรือแม้แต่สัตว์รบกวนที่ซ่อนอยู่ในผนัง

    หนึ่งในประโยชน์หลักคือการ ตรวจจับน้ำรั่ว ซึ่งมักจะไม่แสดงอาการจนกว่าจะสายเกินไป กล้อง Thermal สามารถแสดงจุดที่มีความร้อนหรือความเย็นผิดปกติ ทำให้เรารู้ตำแหน่งที่น้ำซึมอยู่ได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังช่วยตรวจสอบ การรั่วไหลของพลังงาน เช่น ช่องว่างตามหน้าต่างหรือประตู ที่ทำให้ค่าไฟสูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว

    ในโรงรถ กล้อง Thermal ยังช่วยตรวจสอบ ระบบเบรกและเครื่องยนต์ ได้ เช่น หากเบรกบางล้อร้อนผิดปกติ อาจหมายถึงการสึกหรอไม่เท่ากัน หรือหากเครื่องยนต์มี กระบอกสูบทำงานผิดพลาด (misfiring cylinder) ก็จะเห็นเป็นจุดเย็นท่ามกลางความร้อนของเครื่องยนต์ นอกจากนี้ยังใช้ตรวจสอบ ระบบไฟฟ้า เพื่อหาจุดเสี่ยงไฟไหม้จากสายไฟที่ร้อนผิดปกติได้ด้วย

    สุดท้าย กล้อง Thermal ยังมีประโยชน์ในงานทั่วไป เช่น ตรวจสอบ ฉนวนกันความร้อน, ระบบ HVAC, สุขภาพต้นไม้ในบ้าน, หรือแม้แต่การหาตำแหน่งท่อในระบบ septic tank โดยไม่ต้องขุดค้นสุ่ม ทำให้เป็นเครื่องมือที่คุ้มค่าและช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การใช้งานในบ้าน
    ตรวจจับน้ำรั่วและความชื้น
    ตรวจสอบการรั่วไหลของพลังงานและฉนวนกันความร้อน
    ตรวจสอบการทำงานของระบบ HVAC

    การใช้งานในโรงรถ
    ตรวจสอบความร้อนของเบรกและเครื่องยนต์
    ตรวจสอบกระบอกสูบที่ทำงานผิดพลาด
    ตรวจสอบระบบไฟฟ้าเพื่อป้องกันไฟไหม้

    การใช้งานทั่วไป
    ตรวจสอบสุขภาพต้นไม้และพืช
    หาตำแหน่งท่อในระบบ septic tank
    ใช้ในการตรวจสอบบ้านก่อนซื้อหรือเช่า

    ข้อควรระวัง
    กล้อง Thermal ไม่สามารถ “มองทะลุผนัง” ได้จริง เพียงแค่แสดงความต่างอุณหภูมิ
    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม เช่น อุณหภูมิภายนอกและการเก็บฉนวน
    ไม่ควรใช้แทนการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญในกรณีที่พบความผิดปกติร้ายแรง

    https://www.slashgear.com/2037763/thermal-camera-uses-home-garage/
    🌡️ "วิธีใช้กล้อง Thermal ในบ้านและโรงรถ" กล้อง Thermal หรือกล้องอินฟราเรด ไม่ได้มีไว้ใช้เฉพาะงานวิศวกรรมหรือทหารเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในบ้านและโรงรถอย่างมาก เพราะสามารถตรวจจับความแตกต่างของอุณหภูมิได้ ทำให้เรามองเห็นสิ่งที่ตาเปล่าไม่สามารถเห็นได้ เช่น น้ำรั่ว พลังงานรั่วไหล หรือแม้แต่สัตว์รบกวนที่ซ่อนอยู่ในผนัง หนึ่งในประโยชน์หลักคือการ ตรวจจับน้ำรั่ว ซึ่งมักจะไม่แสดงอาการจนกว่าจะสายเกินไป กล้อง Thermal สามารถแสดงจุดที่มีความร้อนหรือความเย็นผิดปกติ ทำให้เรารู้ตำแหน่งที่น้ำซึมอยู่ได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังช่วยตรวจสอบ การรั่วไหลของพลังงาน เช่น ช่องว่างตามหน้าต่างหรือประตู ที่ทำให้ค่าไฟสูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว ในโรงรถ กล้อง Thermal ยังช่วยตรวจสอบ ระบบเบรกและเครื่องยนต์ ได้ เช่น หากเบรกบางล้อร้อนผิดปกติ อาจหมายถึงการสึกหรอไม่เท่ากัน หรือหากเครื่องยนต์มี กระบอกสูบทำงานผิดพลาด (misfiring cylinder) ก็จะเห็นเป็นจุดเย็นท่ามกลางความร้อนของเครื่องยนต์ นอกจากนี้ยังใช้ตรวจสอบ ระบบไฟฟ้า เพื่อหาจุดเสี่ยงไฟไหม้จากสายไฟที่ร้อนผิดปกติได้ด้วย สุดท้าย กล้อง Thermal ยังมีประโยชน์ในงานทั่วไป เช่น ตรวจสอบ ฉนวนกันความร้อน, ระบบ HVAC, สุขภาพต้นไม้ในบ้าน, หรือแม้แต่การหาตำแหน่งท่อในระบบ septic tank โดยไม่ต้องขุดค้นสุ่ม ทำให้เป็นเครื่องมือที่คุ้มค่าและช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การใช้งานในบ้าน ➡️ ตรวจจับน้ำรั่วและความชื้น ➡️ ตรวจสอบการรั่วไหลของพลังงานและฉนวนกันความร้อน ➡️ ตรวจสอบการทำงานของระบบ HVAC ✅ การใช้งานในโรงรถ ➡️ ตรวจสอบความร้อนของเบรกและเครื่องยนต์ ➡️ ตรวจสอบกระบอกสูบที่ทำงานผิดพลาด ➡️ ตรวจสอบระบบไฟฟ้าเพื่อป้องกันไฟไหม้ ✅ การใช้งานทั่วไป ➡️ ตรวจสอบสุขภาพต้นไม้และพืช ➡️ หาตำแหน่งท่อในระบบ septic tank ➡️ ใช้ในการตรวจสอบบ้านก่อนซื้อหรือเช่า ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ กล้อง Thermal ไม่สามารถ “มองทะลุผนัง” ได้จริง เพียงแค่แสดงความต่างอุณหภูมิ ⛔ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม เช่น อุณหภูมิภายนอกและการเก็บฉนวน ⛔ ไม่ควรใช้แทนการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญในกรณีที่พบความผิดปกติร้ายแรง https://www.slashgear.com/2037763/thermal-camera-uses-home-garage/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    13 Handy Ways To Use A Thermal Camera Around The Home And Garage - SlashGear
    Surprising ways a thermal camera can flag home and car issues before they get costly, giving you a clearer picture behind the walls and under the hood.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts