• นักวิทยาศาสตร์จาก University of Massachusetts Amherst ได้พัฒนาเทคนิคใหม่สำหรับ การจัดตำแหน่งชิปในระดับอะตอม โดยใช้ เลเซอร์และ metalenses ซึ่งอาจช่วยลดต้นทุนการผลิตชิปและเพิ่มความแม่นยำในการจัดวางชั้นของเซมิคอนดักเตอร์

    ✅ เทคนิคใหม่ใช้เลเซอร์และ metalenses เพื่อจัดตำแหน่งชิป
    - เมื่อเลเซอร์ฉายลงบน metalenses จะเกิด รูปแบบการรบกวนแบบโฮโลกราฟิก
    - นักวิจัยสามารถวิเคราะห์รูปแบบเหล่านี้เพื่อวัด การเยื้องศูนย์ของชั้นชิปในทุกแกน

    ✅ ความแม่นยำสูงกว่าระบบเดิม
    - สามารถตรวจจับ การเยื้องศูนย์ด้านข้างได้ถึง 0.017 นาโนเมตร และ การเยื้องศูนย์แนวตั้งได้ถึง 0.134 นาโนเมตร
    - แม่นยำกว่าระบบ optical metrology ที่ใช้ในปัจจุบัน ซึ่งมีข้อจำกัดที่ 2-2.5 นาโนเมตร

    ✅ ผลกระทบต่อการผลิตชิปและการออกแบบ 3D chiplet
    - ช่วยลดข้อผิดพลาดในการจัดตำแหน่งชั้นของชิปที่ต้องผ่าน กว่า 4,000 ขั้นตอนการผลิต
    - อาจช่วยให้การออกแบบ multi-chiplet 3D มีความแม่นยำมากขึ้น

    ✅ การใช้งานนอกเหนือจากอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    - เทคโนโลยีนี้สามารถใช้ตรวจจับ การเคลื่อนที่ของพื้นผิวจากแรงกดหรือการสั่นสะเทือน
    - อาจนำไปใช้ใน การตรวจสอบสิ่งแวดล้อม, การวิเคราะห์อุตสาหกรรม และการวินิจฉัยทางชีวการแพทย์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/atomic-scale-chip-alignment-laser-holograms-could-set-new-standard-for-3d-semiconductor-overlay-accuracy
    นักวิทยาศาสตร์จาก University of Massachusetts Amherst ได้พัฒนาเทคนิคใหม่สำหรับ การจัดตำแหน่งชิปในระดับอะตอม โดยใช้ เลเซอร์และ metalenses ซึ่งอาจช่วยลดต้นทุนการผลิตชิปและเพิ่มความแม่นยำในการจัดวางชั้นของเซมิคอนดักเตอร์ ✅ เทคนิคใหม่ใช้เลเซอร์และ metalenses เพื่อจัดตำแหน่งชิป - เมื่อเลเซอร์ฉายลงบน metalenses จะเกิด รูปแบบการรบกวนแบบโฮโลกราฟิก - นักวิจัยสามารถวิเคราะห์รูปแบบเหล่านี้เพื่อวัด การเยื้องศูนย์ของชั้นชิปในทุกแกน ✅ ความแม่นยำสูงกว่าระบบเดิม - สามารถตรวจจับ การเยื้องศูนย์ด้านข้างได้ถึง 0.017 นาโนเมตร และ การเยื้องศูนย์แนวตั้งได้ถึง 0.134 นาโนเมตร - แม่นยำกว่าระบบ optical metrology ที่ใช้ในปัจจุบัน ซึ่งมีข้อจำกัดที่ 2-2.5 นาโนเมตร ✅ ผลกระทบต่อการผลิตชิปและการออกแบบ 3D chiplet - ช่วยลดข้อผิดพลาดในการจัดตำแหน่งชั้นของชิปที่ต้องผ่าน กว่า 4,000 ขั้นตอนการผลิต - อาจช่วยให้การออกแบบ multi-chiplet 3D มีความแม่นยำมากขึ้น ✅ การใช้งานนอกเหนือจากอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ - เทคโนโลยีนี้สามารถใช้ตรวจจับ การเคลื่อนที่ของพื้นผิวจากแรงกดหรือการสั่นสะเทือน - อาจนำไปใช้ใน การตรวจสอบสิ่งแวดล้อม, การวิเคราะห์อุตสาหกรรม และการวินิจฉัยทางชีวการแพทย์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/atomic-scale-chip-alignment-laser-holograms-could-set-new-standard-for-3d-semiconductor-overlay-accuracy
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Atomic-scale chip alignment: Laser holograms could set new standard for 3D semiconductor overlay accuracy
    Tech could lower manufacturing costs by simplifying one of the most complex steps in chip production and 3D chip integration.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ได้ขายหุ้น 51% ของธุรกิจ FPGA Altera ให้กับ Silver Lake ในมูลค่า 4.46 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการปรับโครงสร้างธุรกิจและเพิ่มความคล่องตัวทางการเงิน

    ✅ Intel ขายหุ้นส่วนใหญ่ของ Altera ให้ Silver Lake
    - การขายหุ้นครั้งนี้ทำให้ Altera กลายเป็น บริษัท FPGA อิสระที่ใหญ่ที่สุดในโลก
    - Intel ยังคงถือหุ้น 49% และจะได้รับผลประโยชน์จากการเติบโตของ Altera

    ✅ เป้าหมายของ Altera หลังแยกตัว
    - มุ่งเน้นการพัฒนา FPGA สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์, การบิน, การสื่อสาร และ AI
    - ขยายตลาดไปยัง แพลตฟอร์มคลาวด์, ระบบ Edge และเครือข่ายไร้สายยุคใหม่

    ✅ ผลกระทบต่อ Intel
    - ลดความซับซ้อนในการดำเนินงาน และมุ่งเน้นธุรกิจหลัก เช่น CPU, GPU และการผลิตชิป
    - ปรับโครงสร้างทางการเงินเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน

    ✅ การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารของ Altera
    - Raghib Hussain จะเข้ารับตำแหน่ง CEO ของ Altera ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2025
    - เขาเคยเป็นประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของ Marvell และมีประสบการณ์ในบริษัทชั้นนำ เช่น Cisco และ Cadence

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม FPGA
    - Altera อาจต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงจาก Xilinx (AMD) และ Lattice Semiconductor
    - ต้องติดตามว่า Altera จะสามารถขยายตลาดได้เร็วแค่ไหนหลังแยกตัว

    ℹ️ แนวโน้มของ Intel หลังขายหุ้น Altera
    - Intel อาจใช้เงินจากดีลนี้เพื่อ ลงทุนในธุรกิจชิปและโรงงานผลิต
    - ต้องจับตาว่า Intel จะปรับกลยุทธ์อย่างไรเพื่อแข่งขันกับ TSMC และ Samsung

    ℹ️ ความท้าทายด้านการบริหารจัดการ
    - Silver Lake ต้องวางแผนให้ Altera เติบโตอย่างมั่นคง โดยไม่กระทบต่อความสัมพันธ์กับ Intel
    - ต้องดูว่า Altera จะสามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาด FPGA ได้หรือไม่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/intel-sells-51-percent-of-altera-fpga-business-to-silver-lake-for-usd4-46-billion
    Intel ได้ขายหุ้น 51% ของธุรกิจ FPGA Altera ให้กับ Silver Lake ในมูลค่า 4.46 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการปรับโครงสร้างธุรกิจและเพิ่มความคล่องตัวทางการเงิน ✅ Intel ขายหุ้นส่วนใหญ่ของ Altera ให้ Silver Lake - การขายหุ้นครั้งนี้ทำให้ Altera กลายเป็น บริษัท FPGA อิสระที่ใหญ่ที่สุดในโลก - Intel ยังคงถือหุ้น 49% และจะได้รับผลประโยชน์จากการเติบโตของ Altera ✅ เป้าหมายของ Altera หลังแยกตัว - มุ่งเน้นการพัฒนา FPGA สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์, การบิน, การสื่อสาร และ AI - ขยายตลาดไปยัง แพลตฟอร์มคลาวด์, ระบบ Edge และเครือข่ายไร้สายยุคใหม่ ✅ ผลกระทบต่อ Intel - ลดความซับซ้อนในการดำเนินงาน และมุ่งเน้นธุรกิจหลัก เช่น CPU, GPU และการผลิตชิป - ปรับโครงสร้างทางการเงินเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ✅ การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารของ Altera - Raghib Hussain จะเข้ารับตำแหน่ง CEO ของ Altera ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2025 - เขาเคยเป็นประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของ Marvell และมีประสบการณ์ในบริษัทชั้นนำ เช่น Cisco และ Cadence ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม FPGA - Altera อาจต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงจาก Xilinx (AMD) และ Lattice Semiconductor - ต้องติดตามว่า Altera จะสามารถขยายตลาดได้เร็วแค่ไหนหลังแยกตัว ℹ️ แนวโน้มของ Intel หลังขายหุ้น Altera - Intel อาจใช้เงินจากดีลนี้เพื่อ ลงทุนในธุรกิจชิปและโรงงานผลิต - ต้องจับตาว่า Intel จะปรับกลยุทธ์อย่างไรเพื่อแข่งขันกับ TSMC และ Samsung ℹ️ ความท้าทายด้านการบริหารจัดการ - Silver Lake ต้องวางแผนให้ Altera เติบโตอย่างมั่นคง โดยไม่กระทบต่อความสัมพันธ์กับ Intel - ต้องดูว่า Altera จะสามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาด FPGA ได้หรือไม่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/intel-sells-51-percent-of-altera-fpga-business-to-silver-lake-for-usd4-46-billion
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงเหตุการณ์ที่น่าสนใจใน Silicon Valley ซึ่งมีการแฮกระบบเสียงของปุ่มข้ามถนนในพื้นที่ เช่น Redwood City, Menlo Park และ Palo Alto โดยเสียงที่ถูกเปลี่ยนเป็นข้อความเสียดสีที่เลียนแบบเสียงของ Elon Musk และ Mark Zuckerberg

    เสียงที่ถูกแฮกนี้ไม่ได้ให้คำเตือนเกี่ยวกับการจราจรตามปกติ แต่กลับเป็นข้อความเสียดสี เช่น เสียงที่เลียนแบบ Zuckerberg กล่าวถึงการนำ AI เข้ามาในชีวิตประจำวันอย่างประชดประชัน หรือเสียงที่เลียนแบบ Musk ที่พูดถึงเรื่องต่างๆ ในลักษณะตลกร้าย แม้ว่าการแฮกครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อระบบสัญญาณไฟจราจร แต่เจ้าหน้าที่ได้ปิดการใช้งานระบบเสียงเพื่อความปลอดภัย

    เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในระบบ IoT (Internet of Things) ที่อาจถูกโจมตีได้ง่าย และยังเป็นการเตือนถึงความสำคัญของการป้องกันระบบที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยสาธารณะ

    ✅ เหตุการณ์แฮกปุ่มข้ามถนนใน Silicon Valley
    - ระบบเสียงของปุ่มข้ามถนนในพื้นที่ Redwood City, Menlo Park และ Palo Alto ถูกแฮก
    - เสียงที่ถูกเปลี่ยนเป็นข้อความเสียดสีที่เลียนแบบเสียงของ Elon Musk และ Mark Zuckerberg

    ✅ ผลกระทบของการแฮก
    - ระบบสัญญาณไฟจราจรไม่ได้รับผลกระทบ
    - เจ้าหน้าที่ปิดการใช้งานระบบเสียงเพื่อความปลอดภัย

    ✅ ข้อความเสียดสีที่ถูกแฮก
    - Zuckerberg: กล่าวถึงการนำ AI เข้ามาในชีวิตประจำวันอย่างประชดประชัน
    - Musk: พูดถึงเรื่องต่างๆ ในลักษณะตลกร้าย

    ℹ️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในระบบ IoT
    - ระบบ IoT ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยสาธารณะอาจถูกโจมตีได้ง่าย
    - การแฮกอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในระบบสาธารณะ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/crosswalks-in-silicon-valley-hacked-to-play-satirical-messages-from-musk-and-zuckerberg-sound-a-likes
    ข่าวนี้เล่าถึงเหตุการณ์ที่น่าสนใจใน Silicon Valley ซึ่งมีการแฮกระบบเสียงของปุ่มข้ามถนนในพื้นที่ เช่น Redwood City, Menlo Park และ Palo Alto โดยเสียงที่ถูกเปลี่ยนเป็นข้อความเสียดสีที่เลียนแบบเสียงของ Elon Musk และ Mark Zuckerberg เสียงที่ถูกแฮกนี้ไม่ได้ให้คำเตือนเกี่ยวกับการจราจรตามปกติ แต่กลับเป็นข้อความเสียดสี เช่น เสียงที่เลียนแบบ Zuckerberg กล่าวถึงการนำ AI เข้ามาในชีวิตประจำวันอย่างประชดประชัน หรือเสียงที่เลียนแบบ Musk ที่พูดถึงเรื่องต่างๆ ในลักษณะตลกร้าย แม้ว่าการแฮกครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อระบบสัญญาณไฟจราจร แต่เจ้าหน้าที่ได้ปิดการใช้งานระบบเสียงเพื่อความปลอดภัย เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในระบบ IoT (Internet of Things) ที่อาจถูกโจมตีได้ง่าย และยังเป็นการเตือนถึงความสำคัญของการป้องกันระบบที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยสาธารณะ ✅ เหตุการณ์แฮกปุ่มข้ามถนนใน Silicon Valley - ระบบเสียงของปุ่มข้ามถนนในพื้นที่ Redwood City, Menlo Park และ Palo Alto ถูกแฮก - เสียงที่ถูกเปลี่ยนเป็นข้อความเสียดสีที่เลียนแบบเสียงของ Elon Musk และ Mark Zuckerberg ✅ ผลกระทบของการแฮก - ระบบสัญญาณไฟจราจรไม่ได้รับผลกระทบ - เจ้าหน้าที่ปิดการใช้งานระบบเสียงเพื่อความปลอดภัย ✅ ข้อความเสียดสีที่ถูกแฮก - Zuckerberg: กล่าวถึงการนำ AI เข้ามาในชีวิตประจำวันอย่างประชดประชัน - Musk: พูดถึงเรื่องต่างๆ ในลักษณะตลกร้าย ℹ️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในระบบ IoT - ระบบ IoT ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยสาธารณะอาจถูกโจมตีได้ง่าย - การแฮกอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในระบบสาธารณะ https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/crosswalks-in-silicon-valley-hacked-to-play-satirical-messages-from-musk-and-zuckerberg-sound-a-likes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงการประกาศของ Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เกี่ยวกับการกำหนดอัตราภาษีใหม่สำหรับเซมิคอนดักเตอร์ที่นำเข้า ซึ่งจะมีการประกาศรายละเอียดในสัปดาห์หน้า โดย Trump ระบุว่าจะมีความยืดหยุ่นสำหรับบางบริษัทในอุตสาหกรรมนี้

    Trump ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ระหว่างการเดินทางกลับจาก West Palm Beach โดยระบุว่าการกำหนดอัตราภาษีใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายที่มุ่งเน้นการสนับสนุนอุตสาหกรรมในประเทศและลดการพึ่งพาการนำเข้า อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราภาษีหรือบริษัทที่จะได้รับการยกเว้น

    ในมุมมองที่กว้างขึ้น การกำหนดภาษีนี้อาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยเฉพาะในกลุ่มบริษัทที่พึ่งพาเซมิคอนดักเตอร์จากต่างประเทศ เช่น บริษัทผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์

    ✅ การประกาศอัตราภาษีใหม่สำหรับเซมิคอนดักเตอร์
    - Trump ระบุว่าจะมีการประกาศอัตราภาษีใหม่ในสัปดาห์หน้า
    - มีความยืดหยุ่นสำหรับบางบริษัทในอุตสาหกรรม

    ✅ เป้าหมายของนโยบาย
    - สนับสนุนอุตสาหกรรมในประเทศ
    - ลดการพึ่งพาการนำเข้า

    ℹ️ ผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน
    - การกำหนดภาษีอาจเพิ่มต้นทุนการผลิตในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    - บริษัทที่พึ่งพาเซมิคอนดักเตอร์จากต่างประเทศอาจต้องปรับตัว

    ℹ️ ความเสี่ยงต่อความสัมพันธ์ทางการค้า
    - การกำหนดภาษีอาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และประเทศผู้ส่งออก
    - ความขัดแย้งทางการค้าอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/14/trump-says-will-announce-semiconductor-tariffs-over-next-week
    ข่าวนี้เล่าถึงการประกาศของ Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เกี่ยวกับการกำหนดอัตราภาษีใหม่สำหรับเซมิคอนดักเตอร์ที่นำเข้า ซึ่งจะมีการประกาศรายละเอียดในสัปดาห์หน้า โดย Trump ระบุว่าจะมีความยืดหยุ่นสำหรับบางบริษัทในอุตสาหกรรมนี้ Trump ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ระหว่างการเดินทางกลับจาก West Palm Beach โดยระบุว่าการกำหนดอัตราภาษีใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายที่มุ่งเน้นการสนับสนุนอุตสาหกรรมในประเทศและลดการพึ่งพาการนำเข้า อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราภาษีหรือบริษัทที่จะได้รับการยกเว้น ในมุมมองที่กว้างขึ้น การกำหนดภาษีนี้อาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยเฉพาะในกลุ่มบริษัทที่พึ่งพาเซมิคอนดักเตอร์จากต่างประเทศ เช่น บริษัทผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ ✅ การประกาศอัตราภาษีใหม่สำหรับเซมิคอนดักเตอร์ - Trump ระบุว่าจะมีการประกาศอัตราภาษีใหม่ในสัปดาห์หน้า - มีความยืดหยุ่นสำหรับบางบริษัทในอุตสาหกรรม ✅ เป้าหมายของนโยบาย - สนับสนุนอุตสาหกรรมในประเทศ - ลดการพึ่งพาการนำเข้า ℹ️ ผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน - การกำหนดภาษีอาจเพิ่มต้นทุนการผลิตในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี - บริษัทที่พึ่งพาเซมิคอนดักเตอร์จากต่างประเทศอาจต้องปรับตัว ℹ️ ความเสี่ยงต่อความสัมพันธ์ทางการค้า - การกำหนดภาษีอาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และประเทศผู้ส่งออก - ความขัดแย้งทางการค้าอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/14/trump-says-will-announce-semiconductor-tariffs-over-next-week
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Trump says will announce semiconductor tariffs over next week
    ABOARD AIR FORCE ONE (Reuters) - U.S. President Donald Trump on Sunday said he would be announcing the tariff rate on imported semiconductors over the next week, adding that there would be flexibility on some companies in the sector.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัทเซมิคอนดักเตอร์จีน เช่น Cambricon Technologies, Loongson, และ Maxscend Microelectronics ได้แจ้งนักลงทุนว่าภาษีที่สหรัฐฯ กำหนดไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจของพวกเขา เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทมาจากตลาดภายในประเทศจีน และการคว่ำบาตรที่มีอยู่แล้วทำให้ไม่สามารถขายสินค้าในตลาดสหรัฐฯ ได้

    นอกจากนี้ บริษัทเหล่านี้ยังมีการปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทาย เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เน้นตลาดภายในประเทศ และการสร้างความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ เช่น บราซิล เพื่อลดผลกระทบจากข้อพิพาททางการค้า

    ✅ การตอบสนองต่อภาษีของสหรัฐฯ
    - บริษัทเซมิคอนดักเตอร์จีนระบุว่าภาษีที่สหรัฐฯ กำหนดไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจ
    - การคว่ำบาตรที่มีอยู่แล้วทำให้ไม่สามารถขายสินค้าในตลาดสหรัฐฯ ได้

    ✅ การปรับตัวของบริษัทจีน
    - บริษัทพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เน้นตลาดภายในประเทศ
    - สร้างความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ เช่น บราซิล

    ℹ️ ความเสี่ยงต่อการพัฒนาเทคโนโลยี
    - การคว่ำบาตรและภาษีอาจลดโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง
    - การพึ่งพาตลาดภายในประเทศอาจจำกัดการเติบโตในระยะยาว

    ℹ️ ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
    - ความขัดแย้งทางการค้าอาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ
    - การตอบโต้ทางการค้าอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/chinese-chip-giants-say-they-dont-care-about-u-s-tariffs-many-dont-sell-to-the-u-s-anyway-due-to-existing-sanctions
    บริษัทเซมิคอนดักเตอร์จีน เช่น Cambricon Technologies, Loongson, และ Maxscend Microelectronics ได้แจ้งนักลงทุนว่าภาษีที่สหรัฐฯ กำหนดไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจของพวกเขา เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทมาจากตลาดภายในประเทศจีน และการคว่ำบาตรที่มีอยู่แล้วทำให้ไม่สามารถขายสินค้าในตลาดสหรัฐฯ ได้ นอกจากนี้ บริษัทเหล่านี้ยังมีการปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทาย เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เน้นตลาดภายในประเทศ และการสร้างความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ เช่น บราซิล เพื่อลดผลกระทบจากข้อพิพาททางการค้า ✅ การตอบสนองต่อภาษีของสหรัฐฯ - บริษัทเซมิคอนดักเตอร์จีนระบุว่าภาษีที่สหรัฐฯ กำหนดไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจ - การคว่ำบาตรที่มีอยู่แล้วทำให้ไม่สามารถขายสินค้าในตลาดสหรัฐฯ ได้ ✅ การปรับตัวของบริษัทจีน - บริษัทพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เน้นตลาดภายในประเทศ - สร้างความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ เช่น บราซิล ℹ️ ความเสี่ยงต่อการพัฒนาเทคโนโลยี - การคว่ำบาตรและภาษีอาจลดโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง - การพึ่งพาตลาดภายในประเทศอาจจำกัดการเติบโตในระยะยาว ℹ️ ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ - ความขัดแย้งทางการค้าอาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ - การตอบโต้ทางการค้าอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก https://www.tomshardware.com/tech-industry/chinese-chip-giants-say-they-dont-care-about-u-s-tariffs-many-dont-sell-to-the-u-s-anyway-due-to-existing-sanctions
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนได้เปลี่ยนแปลงกฎการนำเข้าชิป โดยกำหนดให้สถานที่ผลิตแผ่นเวเฟอร์เป็นตัวกำหนดประเทศต้นกำเนิดของชิป ซึ่งหมายความว่าชิปที่ผลิตในไต้หวันจะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า 125% ที่จีนกำหนดสำหรับสินค้าจากสหรัฐฯ ในขณะที่ชิปที่ผลิตในสหรัฐฯ จะต้องเสียภาษีดังกล่าว

    การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบต่อบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ เช่น Intel, GlobalFoundries และ Texas Instruments ซึ่งผลิตชิปในสหรัฐฯ และต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น ในทางกลับกัน บริษัทในไต้หวัน เช่น TSMC และ UMC ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้

    นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงนี้ยังสะท้อนถึงความตั้งใจของจีนในการสนับสนุนบริษัทในไต้หวันและจีนเอง รวมถึงการแสดงจุดยืนว่าจีนถือว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของตน

    ✅ การเปลี่ยนแปลงกฎการนำเข้าชิปของจีน
    - กำหนดให้สถานที่ผลิตแผ่นเวเฟอร์เป็นตัวกำหนดประเทศต้นกำเนิดของชิป
    - ชิปที่ผลิตในไต้หวันได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า 125%

    ✅ ผลกระทบต่อบริษัทเซมิคอนดักเตอร์
    - บริษัทในสหรัฐฯ เช่น Intel และ Texas Instruments ต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น
    - บริษัทในไต้หวัน เช่น TSMC และ UMC ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้

    ✅ จุดยืนของจีน
    - จีนแสดงจุดยืนว่าถือว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของตน
    - สนับสนุนบริษัทในไต้หวันและจีนเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน

    ℹ️ ความเสี่ยงต่อบริษัทในสหรัฐฯ
    - บริษัทในสหรัฐฯ อาจต้องหาทางเลือกใหม่ในการผลิตชิปเพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุนที่สูงขึ้น
    - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก

    ℹ️ ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
    - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ
    - อาจส่งผลต่อการเจรจาทางการค้าและความร่วมมือในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/chinas-new-semiconductor-rule-spares-taiwan-fabs-punishes-intel-globalfoundries-and-texas-instruments
    จีนได้เปลี่ยนแปลงกฎการนำเข้าชิป โดยกำหนดให้สถานที่ผลิตแผ่นเวเฟอร์เป็นตัวกำหนดประเทศต้นกำเนิดของชิป ซึ่งหมายความว่าชิปที่ผลิตในไต้หวันจะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า 125% ที่จีนกำหนดสำหรับสินค้าจากสหรัฐฯ ในขณะที่ชิปที่ผลิตในสหรัฐฯ จะต้องเสียภาษีดังกล่าว การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบต่อบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ เช่น Intel, GlobalFoundries และ Texas Instruments ซึ่งผลิตชิปในสหรัฐฯ และต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น ในทางกลับกัน บริษัทในไต้หวัน เช่น TSMC และ UMC ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้ นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงนี้ยังสะท้อนถึงความตั้งใจของจีนในการสนับสนุนบริษัทในไต้หวันและจีนเอง รวมถึงการแสดงจุดยืนว่าจีนถือว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของตน ✅ การเปลี่ยนแปลงกฎการนำเข้าชิปของจีน - กำหนดให้สถานที่ผลิตแผ่นเวเฟอร์เป็นตัวกำหนดประเทศต้นกำเนิดของชิป - ชิปที่ผลิตในไต้หวันได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า 125% ✅ ผลกระทบต่อบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ - บริษัทในสหรัฐฯ เช่น Intel และ Texas Instruments ต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น - บริษัทในไต้หวัน เช่น TSMC และ UMC ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้ ✅ จุดยืนของจีน - จีนแสดงจุดยืนว่าถือว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของตน - สนับสนุนบริษัทในไต้หวันและจีนเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ℹ️ ความเสี่ยงต่อบริษัทในสหรัฐฯ - บริษัทในสหรัฐฯ อาจต้องหาทางเลือกใหม่ในการผลิตชิปเพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุนที่สูงขึ้น - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก ℹ️ ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ - อาจส่งผลต่อการเจรจาทางการค้าและความร่วมมือในอนาคต https://www.tomshardware.com/tech-industry/chinas-new-semiconductor-rule-spares-taiwan-fabs-punishes-intel-globalfoundries-and-texas-instruments
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD ได้ยืนยันว่า ซีพียู Zen 5 รุ่นใหม่ยังคงมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่เรียกว่า EntrySign ซึ่งเป็นข้อบกพร่องในระบบตรวจสอบลายเซ็นสำหรับการอัปเดตไมโครโค้ด โดยช่องโหว่นี้สามารถถูกใช้เพื่อรันโค้ดที่เป็นอันตรายได้

    ✅ ช่องโหว่ EntrySign:
    - EntrySign เป็นข้อบกพร่องที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถข้ามการตรวจสอบลายเซ็นของไมโครโค้ดบนซีพียู AMD ตั้งแต่ Zen 1 ถึง Zen 5
    - ช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อซีพียูหลายรุ่น เช่น Ryzen 9000, EPYC 9005, Ryzen AI 300 และ Ryzen 9000HX

    ✅ การแก้ไขปัญหา:
    - AMD ได้ปล่อยการอัปเดต BIOS ผ่าน ComboAM5PI 1.2.0.3c AGESA เพื่อแก้ไขปัญหาสำหรับซีพียู Ryzen และ EPYC รุ่นเก่า
    - สำหรับซีพียู EPYC Turin รุ่นใหม่ การแก้ไขจะถูกปล่อยในปลายเดือนนี้

    ✅ ความเสี่ยงและผลกระทบ:
    - การโจมตีต้องการสิทธิ์ระดับ kernel (ring 0) และไมโครโค้ดที่เป็นอันตรายจะถูกลบเมื่อระบบรีสตาร์ท
    - แม้ความเสี่ยงสำหรับผู้ใช้ทั่วไปจะต่ำ แต่ช่องโหว่นี้อาจถูกใช้ในศูนย์ข้อมูลและระบบคลาวด์

    ✅ การตอบสนองของ AMD:
    - AMD และพันธมิตรกำลังเร่งดำเนินการเพื่อป้องกันการใช้ช่องโหว่ในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูง

    https://www.techspot.com/news/107497-amd-confirms-zen-5-silicon-also-vulnerable-entrysign.html
    AMD ได้ยืนยันว่า ซีพียู Zen 5 รุ่นใหม่ยังคงมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่เรียกว่า EntrySign ซึ่งเป็นข้อบกพร่องในระบบตรวจสอบลายเซ็นสำหรับการอัปเดตไมโครโค้ด โดยช่องโหว่นี้สามารถถูกใช้เพื่อรันโค้ดที่เป็นอันตรายได้ ✅ ช่องโหว่ EntrySign: - EntrySign เป็นข้อบกพร่องที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถข้ามการตรวจสอบลายเซ็นของไมโครโค้ดบนซีพียู AMD ตั้งแต่ Zen 1 ถึง Zen 5 - ช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อซีพียูหลายรุ่น เช่น Ryzen 9000, EPYC 9005, Ryzen AI 300 และ Ryzen 9000HX ✅ การแก้ไขปัญหา: - AMD ได้ปล่อยการอัปเดต BIOS ผ่าน ComboAM5PI 1.2.0.3c AGESA เพื่อแก้ไขปัญหาสำหรับซีพียู Ryzen และ EPYC รุ่นเก่า - สำหรับซีพียู EPYC Turin รุ่นใหม่ การแก้ไขจะถูกปล่อยในปลายเดือนนี้ ✅ ความเสี่ยงและผลกระทบ: - การโจมตีต้องการสิทธิ์ระดับ kernel (ring 0) และไมโครโค้ดที่เป็นอันตรายจะถูกลบเมื่อระบบรีสตาร์ท - แม้ความเสี่ยงสำหรับผู้ใช้ทั่วไปจะต่ำ แต่ช่องโหว่นี้อาจถูกใช้ในศูนย์ข้อมูลและระบบคลาวด์ ✅ การตอบสนองของ AMD: - AMD และพันธมิตรกำลังเร่งดำเนินการเพื่อป้องกันการใช้ช่องโหว่ในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูง https://www.techspot.com/news/107497-amd-confirms-zen-5-silicon-also-vulnerable-entrysign.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AMD confirms Zen 5 silicon is also vulnerable to "EntrySign" BIOS microcode bug
    The core problem is a flaw in AMD's signature verification for microcode updates – low-level patches chipmakers deploy after CPUs ship to fix bugs or security issues....
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้เล่าถึงประวัติศาสตร์และวิวัฒนาการของการ Overclocking CPU ซึ่งเป็นการปรับแต่งประสิทธิภาพของไมโครโปรเซสเซอร์ให้เกินกว่าความสามารถที่กำหนดไว้ โดยมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาวิธีการตั้งแต่ยุคแรกจนถึงปัจจุบัน

    ✅ การเริ่มต้นของ Overclocking:
    - ในยุคแรก การ Overclocking ใช้วิธีการเปลี่ยน Crystal Clock Oscillators และปรับความเร็วของ System Bus ผ่าน DIP Switches และ Jumpers บนเมนบอร์ด
    - การเพิ่ม Internal Clock Multipliers ช่วยให้การ Overclocking มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ✅ การพัฒนาวิธีการ:
    - การ Overclocking ในยุคปัจจุบันใช้ BIOS-level tuning และซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อน
    - การปรับปรุงด้าน Thermal Management และ Silicon Lottery เป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพ

    ✅ ตัวอย่าง CPU ที่โดดเด่น:
    - Intel Pentium MMX 166: เพิ่มความเร็วจาก 166MHz เป็น 266MHz
    - AMD Athlon XP-M 2500+: เพิ่มความเร็วจาก 1.87GHz เป็น 2.7GHz
    - Intel Core i7 2600K: เพิ่มความเร็วจาก 3.4GHz เป็น 5.0GHz

    ✅ ความนิยมในวงการ:
    - การ Overclocking ยังคงเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดจากฮาร์ดแวร์

    == ข้อเสนอแนะและคำเตือน ==
    ⚠️ ความเสี่ยงด้านความร้อน:
    - การ Overclocking อาจทำให้ CPU ร้อนเกินไปและลดอายุการใช้งาน

    ⚠️ ความเสี่ยงด้านความเสถียร:
    - การปรับแต่งที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้ระบบไม่เสถียรและเกิดปัญหาในการใช้งาน

    ⚠️ การเลือกฮาร์ดแวร์:
    - ผู้ใช้งานควรเลือกฮาร์ดแวร์ที่รองรับการ Overclocking และมีระบบระบายความร้อนที่ดี

    https://www.techspot.com/article/922-memorable-overclocking-friendly-cpus/
    บทความนี้เล่าถึงประวัติศาสตร์และวิวัฒนาการของการ Overclocking CPU ซึ่งเป็นการปรับแต่งประสิทธิภาพของไมโครโปรเซสเซอร์ให้เกินกว่าความสามารถที่กำหนดไว้ โดยมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาวิธีการตั้งแต่ยุคแรกจนถึงปัจจุบัน ✅ การเริ่มต้นของ Overclocking: - ในยุคแรก การ Overclocking ใช้วิธีการเปลี่ยน Crystal Clock Oscillators และปรับความเร็วของ System Bus ผ่าน DIP Switches และ Jumpers บนเมนบอร์ด - การเพิ่ม Internal Clock Multipliers ช่วยให้การ Overclocking มีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ การพัฒนาวิธีการ: - การ Overclocking ในยุคปัจจุบันใช้ BIOS-level tuning และซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อน - การปรับปรุงด้าน Thermal Management และ Silicon Lottery เป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพ ✅ ตัวอย่าง CPU ที่โดดเด่น: - Intel Pentium MMX 166: เพิ่มความเร็วจาก 166MHz เป็น 266MHz - AMD Athlon XP-M 2500+: เพิ่มความเร็วจาก 1.87GHz เป็น 2.7GHz - Intel Core i7 2600K: เพิ่มความเร็วจาก 3.4GHz เป็น 5.0GHz ✅ ความนิยมในวงการ: - การ Overclocking ยังคงเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดจากฮาร์ดแวร์ == ข้อเสนอแนะและคำเตือน == ⚠️ ความเสี่ยงด้านความร้อน: - การ Overclocking อาจทำให้ CPU ร้อนเกินไปและลดอายุการใช้งาน ⚠️ ความเสี่ยงด้านความเสถียร: - การปรับแต่งที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้ระบบไม่เสถียรและเกิดปัญหาในการใช้งาน ⚠️ การเลือกฮาร์ดแวร์: - ผู้ใช้งานควรเลือกฮาร์ดแวร์ที่รองรับการ Overclocking และมีระบบระบายความร้อนที่ดี https://www.techspot.com/article/922-memorable-overclocking-friendly-cpus/
    WWW.TECHSPOT.COM
    The Most Memorable Overclocking-Friendly CPUs
    Enthusiasts have been pushing the limits of silicon for as long as microprocessors have existed. These are but a few of the landmark processors revered for their...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) อาจเผชิญกับโทษปรับจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกาสูงกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ หลังมีรายงานว่าได้จัดหาชิปเล็ตรุ่นหนึ่งให้กับบริษัท Huawei ซึ่งอยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ โดยไม่ได้ตั้งใจ ชิปเล็ตรุ่นดังกล่าวถูกพบว่าอยู่ในตัวเร่งประมวลผล AI รุ่น HiSilicon Ascend 910B ของ Huawei

    รายงานจากสำนักข่าว Reuters ระบุว่า หลังจากที่ Huawei ไม่สามารถทำงานร่วมกับ TSMC ได้เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ บริษัทจึงได้ส่งแบบแปลนการออกแบบชิปของตนไปให้ Sophgo บริษัทออกแบบชิปของจีนแทน จากนั้น Sophgo ได้นำแบบแปลนเหล่านั้นไปให้ TSMC ผลิต โดยอ้างว่าเป็นการออกแบบของตนเอง

    TSMC ได้ระงับการจัดส่งชิปให้ Sophgo หลังจากค้นพบว่าชิปเล็ตรุ่นที่ตนผลิตนั้นเป็นส่วนหนึ่งของชิป AI ซีรีส์ HiSilicon Ascend 910 ของ Huawei ซึ่งเป็นการละเมิดข้อกำหนดด้านการส่งออกของสหรัฐฯ ที่สามารถกำหนดโทษปรับได้สูงถึงสองเท่าของมูลค่าการทำธุรกรรมที่ละเมิดกฎ

    ที่มา : https://www.enterpriseitpro.net/tsmc-faces-1-billion-u-s-fine-over-chip-used-in-huawei-processor/
    บริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) อาจเผชิญกับโทษปรับจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกาสูงกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ หลังมีรายงานว่าได้จัดหาชิปเล็ตรุ่นหนึ่งให้กับบริษัท Huawei ซึ่งอยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ โดยไม่ได้ตั้งใจ ชิปเล็ตรุ่นดังกล่าวถูกพบว่าอยู่ในตัวเร่งประมวลผล AI รุ่น HiSilicon Ascend 910B ของ Huawei รายงานจากสำนักข่าว Reuters ระบุว่า หลังจากที่ Huawei ไม่สามารถทำงานร่วมกับ TSMC ได้เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ บริษัทจึงได้ส่งแบบแปลนการออกแบบชิปของตนไปให้ Sophgo บริษัทออกแบบชิปของจีนแทน จากนั้น Sophgo ได้นำแบบแปลนเหล่านั้นไปให้ TSMC ผลิต โดยอ้างว่าเป็นการออกแบบของตนเอง TSMC ได้ระงับการจัดส่งชิปให้ Sophgo หลังจากค้นพบว่าชิปเล็ตรุ่นที่ตนผลิตนั้นเป็นส่วนหนึ่งของชิป AI ซีรีส์ HiSilicon Ascend 910 ของ Huawei ซึ่งเป็นการละเมิดข้อกำหนดด้านการส่งออกของสหรัฐฯ ที่สามารถกำหนดโทษปรับได้สูงถึงสองเท่าของมูลค่าการทำธุรกรรมที่ละเมิดกฎ ที่มา : https://www.enterpriseitpro.net/tsmc-faces-1-billion-u-s-fine-over-chip-used-in-huawei-processor/
    WWW.ENTERPRISEITPRO.NET
    TSMC อาจถูกสหรัฐฯ ปรับกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ หลังพบว่าจัดหาชิปให้ Huawei (ไม่ตั้งใจ) - Enterprise IT Pro
    บริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) อาจเผชิญกับโทษปรับจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกาสูงกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ หลังมีรายงานว่าได้จัดหาชิปเล็ตรุ่นหนึ่งให้กับบริษัท Huawei ซึ่งอยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ โดยไม่ได้ตั้งใจ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft กำลังดำเนินการปรับปรุงไอคอนสำหรับแอปพลิเคชัน Office อีกครั้ง หลังจากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในปี 2018 โดยครั้งนี้บริษัทได้ส่งแบบสำรวจไปยังผู้ใช้งานเพื่อรวบรวมความคิดเห็นเกี่ยวกับดีไซน์ใหม่ พร้อมมอบบัตรของขวัญมูลค่า $10 ให้กับผู้เข้าร่วม

    ✅ ดีไซน์ใหม่ที่เน้นความสดใสและล้ำสมัย:
    - ไอคอนใหม่มีการใช้สีที่สดใสขึ้น พร้อมเพิ่มมิติและความลึกให้ดูมีชีวิตชีวา
    - การออกแบบนี้สอดคล้องกับแนวทางใหม่ของ Microsoft ที่หันมาใช้ดีไซน์แบบ skeuomorphic และ 3D-like หลังจากเน้นดีไซน์แบบแบนราบมานานกว่า 10 ปี

    ✅ การสำรวจความคิดเห็น:
    - Microsoft ได้ส่งอีเมลสำรวจไปยังผู้ใช้งาน โดยระบุว่าไอคอนที่นำเสนอในแบบสำรวจอาจไม่ใช่เวอร์ชันสุดท้าย
    - บริษัทตั้งเป้าที่จะปรับดีไซน์ให้สอดคล้องกับแอป Outlook ใหม่ ซึ่งแม้จะได้รับคำวิจารณ์ในเชิงลบ แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างเอกลักษณ์ใหม่ให้กับ Microsoft 365

    ✅ ความเชื่อมโยงกับการออกแบบอื่น ๆ:
    - ไอคอนใหม่ยังสอดคล้องกับการปรับปรุงภาพประกอบที่ Microsoft เปิดตัวในเดือนกันยายน 2024 ซึ่งเน้นความล้ำสมัยและการเชื่อมโยงกับผู้ใช้งาน

    https://www.neowin.net/news/microsoft-is-once-again-redesigning-office-icons-and-it-wants-to-know-what-you-think/
    Microsoft กำลังดำเนินการปรับปรุงไอคอนสำหรับแอปพลิเคชัน Office อีกครั้ง หลังจากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในปี 2018 โดยครั้งนี้บริษัทได้ส่งแบบสำรวจไปยังผู้ใช้งานเพื่อรวบรวมความคิดเห็นเกี่ยวกับดีไซน์ใหม่ พร้อมมอบบัตรของขวัญมูลค่า $10 ให้กับผู้เข้าร่วม ✅ ดีไซน์ใหม่ที่เน้นความสดใสและล้ำสมัย: - ไอคอนใหม่มีการใช้สีที่สดใสขึ้น พร้อมเพิ่มมิติและความลึกให้ดูมีชีวิตชีวา - การออกแบบนี้สอดคล้องกับแนวทางใหม่ของ Microsoft ที่หันมาใช้ดีไซน์แบบ skeuomorphic และ 3D-like หลังจากเน้นดีไซน์แบบแบนราบมานานกว่า 10 ปี ✅ การสำรวจความคิดเห็น: - Microsoft ได้ส่งอีเมลสำรวจไปยังผู้ใช้งาน โดยระบุว่าไอคอนที่นำเสนอในแบบสำรวจอาจไม่ใช่เวอร์ชันสุดท้าย - บริษัทตั้งเป้าที่จะปรับดีไซน์ให้สอดคล้องกับแอป Outlook ใหม่ ซึ่งแม้จะได้รับคำวิจารณ์ในเชิงลบ แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างเอกลักษณ์ใหม่ให้กับ Microsoft 365 ✅ ความเชื่อมโยงกับการออกแบบอื่น ๆ: - ไอคอนใหม่ยังสอดคล้องกับการปรับปรุงภาพประกอบที่ Microsoft เปิดตัวในเดือนกันยายน 2024 ซึ่งเน้นความล้ำสมัยและการเชื่อมโยงกับผู้ใช้งาน https://www.neowin.net/news/microsoft-is-once-again-redesigning-office-icons-and-it-wants-to-know-what-you-think/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft is once again redesigning Office icons, and it wants to know what you think
    Microsoft is cooking a fresh set of icons for its Office apps, but it wants to know your opinion on them first.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • Donald Trump อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวในงาน Republican National Congressional Committee ว่าเขาเคยข่มขู่ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) ว่าจะต้องเสียภาษีสูงถึง 100% หากไม่สร้างโรงงานในสหรัฐฯ โดยการเคลื่อนไหวนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ

    ✅ บทบาทของ TSMC ในอุตสาหกรรม: TSMC ซึ่งถือเป็นบริษัทผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ประกาศแผนลงทุนกว่า 100 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ 5 แห่งในสหรัฐฯ หลังเผชิญแรงกดดันจากรัฐบาล

    ✅ ท่าทีของ Trump:
    - Trump วิจารณ์การตัดสินใจของรัฐบาล Biden ที่เคยมอบ เงินช่วยเหลือกว่า 6.6 พันล้านดอลลาร์ ให้กับ TSMC สหรัฐฯ โดยเขาย้ำว่า บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ไม่จำเป็นต้องใช้เงินช่วยเหลือ แต่ควรปรับตัวผ่านแรงจูงใจทางเศรษฐกิจแทน

    ✅ ประเด็นการส่งออกและ Huawei: ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า TSMC อาจต้องจ่ายค่าปรับกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ หรือมากกว่า จากกรณีที่ชิปที่ผลิตโดยบริษัทถูกพบว่าเป็นส่วนหนึ่งของ AI Processor ของ Huawei ซึ่งเป็นเป้าหมายของการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/09/trump-says-he-told-tsmc-it-would-pay-100-tax-if-it-doesn039t-build-in-us
    Donald Trump อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวในงาน Republican National Congressional Committee ว่าเขาเคยข่มขู่ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) ว่าจะต้องเสียภาษีสูงถึง 100% หากไม่สร้างโรงงานในสหรัฐฯ โดยการเคลื่อนไหวนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ ✅ บทบาทของ TSMC ในอุตสาหกรรม: TSMC ซึ่งถือเป็นบริษัทผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ประกาศแผนลงทุนกว่า 100 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ 5 แห่งในสหรัฐฯ หลังเผชิญแรงกดดันจากรัฐบาล ✅ ท่าทีของ Trump: - Trump วิจารณ์การตัดสินใจของรัฐบาล Biden ที่เคยมอบ เงินช่วยเหลือกว่า 6.6 พันล้านดอลลาร์ ให้กับ TSMC สหรัฐฯ โดยเขาย้ำว่า บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ไม่จำเป็นต้องใช้เงินช่วยเหลือ แต่ควรปรับตัวผ่านแรงจูงใจทางเศรษฐกิจแทน ✅ ประเด็นการส่งออกและ Huawei: ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า TSMC อาจต้องจ่ายค่าปรับกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ หรือมากกว่า จากกรณีที่ชิปที่ผลิตโดยบริษัทถูกพบว่าเป็นส่วนหนึ่งของ AI Processor ของ Huawei ซึ่งเป็นเป้าหมายของการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/09/trump-says-he-told-tsmc-it-would-pay-100-tax-if-it-doesn039t-build-in-us
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Trump says he told TSMC it would pay 100% tax if it doesn't build in US
    (Reuters) - President Donald Trump on Tuesday said he told the Taiwan Semiconductor Manufacturing Company, which has pledged to build new factories in the United States, it would pay a tax of up to 100% if it didn't build its plants in the country.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม้ชื่อ Ajinomoto จะเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ผลิต MSG (Monosodium Glutamate) ซึ่งเป็นเครื่องปรุงรสยอดนิยมในอาหารทั่วโลก แต่บริษัทญี่ปุ่นแห่งนี้ยังมีบทบาทสำคัญในโลกเทคโนโลยี ด้วยการเป็นผู้ผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่สำคัญอย่าง Ajinomoto Build-up Film (ABF) ซึ่งเป็นวัสดุฉนวนที่จำเป็นสำหรับบรรจุภัณฑ์ CPU และ GPU โดย Ajinomoto ครองส่วนแบ่งตลาดถึง 95% ของ ABF ทั่วโลก

    ✅ การขยายกำลังการผลิต:
    - Ajinomoto วางแผนเพิ่มกำลังการผลิต ABF ขึ้น 50% ภายในปี 2030 เพื่อรองรับความต้องการของเซมิคอนดักเตอร์รุ่นใหม่
    - บริษัทได้ลงทุนไปกว่า 25 พันล้านเยน ในสองปีที่ผ่านมาเพื่อขยายโรงงานในเมือง Gunma และ Kawasaki และมีแผนลงทุนเพิ่มในระดับเดียวกันหรือมากกว่านี้

    ✅ ความสำคัญของ ABF:
    - ABF ถูกพัฒนาโดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านเคมีกรดอะมิโน และเป็นวัสดุสำคัญที่ช่วยสร้างความเสถียรทางความร้อนและฉนวนไฟฟ้าในเซมิคอนดักเตอร์
    - วัสดุนี้เป็นหัวใจสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยุคใหม่ ซึ่งช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพของ CPU และ GPU

    ✅ การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง:
    - Ajinomoto ตั้งเป้าพัฒนา ABF ให้มีความสามารถสูงยิ่งขึ้นเพื่อรองรับเซมิคอนดักเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงในระยะยาว
    - นาย Shigeo Nakamura ซึ่งเข้ารับตำแหน่งประธานบริษัทในปี 2025 มีบทบาทสำคัญในการผลักดันการพัฒนาด้านวัสดุอิเล็กทรอนิกส์

    https://www.techradar.com/pro/japanese-firm-behind-ubiquitous-msg-is-ramping-up-production-of-key-material-in-semiconductor-packaging
    แม้ชื่อ Ajinomoto จะเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ผลิต MSG (Monosodium Glutamate) ซึ่งเป็นเครื่องปรุงรสยอดนิยมในอาหารทั่วโลก แต่บริษัทญี่ปุ่นแห่งนี้ยังมีบทบาทสำคัญในโลกเทคโนโลยี ด้วยการเป็นผู้ผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่สำคัญอย่าง Ajinomoto Build-up Film (ABF) ซึ่งเป็นวัสดุฉนวนที่จำเป็นสำหรับบรรจุภัณฑ์ CPU และ GPU โดย Ajinomoto ครองส่วนแบ่งตลาดถึง 95% ของ ABF ทั่วโลก ✅ การขยายกำลังการผลิต: - Ajinomoto วางแผนเพิ่มกำลังการผลิต ABF ขึ้น 50% ภายในปี 2030 เพื่อรองรับความต้องการของเซมิคอนดักเตอร์รุ่นใหม่ - บริษัทได้ลงทุนไปกว่า 25 พันล้านเยน ในสองปีที่ผ่านมาเพื่อขยายโรงงานในเมือง Gunma และ Kawasaki และมีแผนลงทุนเพิ่มในระดับเดียวกันหรือมากกว่านี้ ✅ ความสำคัญของ ABF: - ABF ถูกพัฒนาโดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านเคมีกรดอะมิโน และเป็นวัสดุสำคัญที่ช่วยสร้างความเสถียรทางความร้อนและฉนวนไฟฟ้าในเซมิคอนดักเตอร์ - วัสดุนี้เป็นหัวใจสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยุคใหม่ ซึ่งช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพของ CPU และ GPU ✅ การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง: - Ajinomoto ตั้งเป้าพัฒนา ABF ให้มีความสามารถสูงยิ่งขึ้นเพื่อรองรับเซมิคอนดักเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงในระยะยาว - นาย Shigeo Nakamura ซึ่งเข้ารับตำแหน่งประธานบริษัทในปี 2025 มีบทบาทสำคัญในการผลักดันการพัฒนาด้านวัสดุอิเล็กทรอนิกส์ https://www.techradar.com/pro/japanese-firm-behind-ubiquitous-msg-is-ramping-up-production-of-key-material-in-semiconductor-packaging
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • 👉กลุ่มไลน์ "ล้างพิษ ยาฉีด"
    https://line.me/ti/g2/wTvY1gxHGpGKCt15sQN1jMHw02XoSC1uXsjUsQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default

    ✅กองทัพมด หน่วย tiktok พิทักษ์สิทธิ์
    👌https://www.tiktok.com/@atapol01?_t=8Y6TRf0erHl&_r=1
    👌https://www.tiktok.com/@adithepchawla?_t=8bQwcnslqev&_r=1
    👌https://www.tiktok.com/@seed.of.soul?_t=8Vzx2VjSksc&_r=1
    👌https://www.tiktok.com/@james_93287?_t=8W5iUcIZnMX&_r=1
    👌https://www.tiktok.com/@ayrin_rk?_t=8W5inPpaIV7&_r=1
    👌https://www.tiktok.com/@lin18019?_t=8W5ir3xJmkc&_r=1
    👌https://www.tiktok.com/@benabna?_t=8WBl93aGgwj&_r=1
    👌https://www.tiktok.com/@stopthaicontrol?_t=8WBlyoW46mf&_r=1
    👌https://www.tiktok.com/@useryssde4acjp?_t=8WJSJWXCQwT&_r=1
    👌https://www.tiktok.com/@mint_ch0011?_t=8Y6SriTe1JK&_r=1
    👌https://www.tiktok.com/@use454pithaksid?_t=8Y6TeqaGEKo&_r=1
    👌https://www.tiktok.com/@meelap1999s?_t=8YBsrz6Mnar&_r=1
    👌https://www.tiktok.com/@grown_999?_t=8YK6jdXReuv&_r=1 (ถูกแบนแล้ว)
    👌https://www.tiktok.com/@peaceofsmile?_t=8YNPxgROGS9&_r=1
    👌https://www.tiktok.com/@rumrung?_t=8YTUSadUxfe&_r=1
    👌https://www.tiktok.com/@patt_2329?_t=8YcGgDYYTyM&_r=1
    👌 https://www.tiktok.com/@act694?_t=8YnINhkjdty&_r=1
    👌 https://www.tiktok.com/@yayabonitachiquita?_t=8ZAAcEjH9qz&_r=1
    👌 https://www.tiktok.com/@pattharawatthantanadol?_t=8aJXyEBfZ1G&_r=1
    👌 https://www.tiktok.com/@siamdetox?_t=8azHGX77G9C&_r=1
    👌 https://www.tiktok.com/@blue_lemon.soda?_t=8bnCn6U1XTb&_r=1
    👌 https://www.tiktok.com/@awaken.th?_t=8bvooDIrljD&_r=1
    👌https://www.tiktok.com/@aoyso1?_t=8c7aqyLuHBK&_r=1
    👌 https://www.tiktok.com/@amonwan_1961?_t=8cEOFxxygsc&_r=1
    👌 https://www.tiktok.com/@yingi.cds?_t=8cEOe7lEAgJ&_r=1
    👌 https://www.tiktok.com/@vickylamer?_t=8caaRDq6SUk&_r=1
    👌https://www.tiktok.com/@pedam1968?_t=8ce4i3rzdMQ&_r=1
    👌https://www.tiktok.com/@user3xupk2qx4r?_t=8crQMqkvZl1&_r=1
    👌https://www.tiktok.com/@sanwatwanyangkorn?_t=8dT68a0OeRU&_r=1

    #มดล้มช้าง
    #ปลุกคนไทยจากโควิดลวงโลก
    #กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์และเครือข่าย
    👉กลุ่มไลน์ "ล้างพิษ ยาฉีด" https://line.me/ti/g2/wTvY1gxHGpGKCt15sQN1jMHw02XoSC1uXsjUsQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default ✅กองทัพมด หน่วย tiktok พิทักษ์สิทธิ์ 👌https://www.tiktok.com/@atapol01?_t=8Y6TRf0erHl&_r=1 👌https://www.tiktok.com/@adithepchawla?_t=8bQwcnslqev&_r=1 👌https://www.tiktok.com/@seed.of.soul?_t=8Vzx2VjSksc&_r=1 👌https://www.tiktok.com/@james_93287?_t=8W5iUcIZnMX&_r=1 👌https://www.tiktok.com/@ayrin_rk?_t=8W5inPpaIV7&_r=1 👌https://www.tiktok.com/@lin18019?_t=8W5ir3xJmkc&_r=1 👌https://www.tiktok.com/@benabna?_t=8WBl93aGgwj&_r=1 👌https://www.tiktok.com/@stopthaicontrol?_t=8WBlyoW46mf&_r=1 👌https://www.tiktok.com/@useryssde4acjp?_t=8WJSJWXCQwT&_r=1 👌https://www.tiktok.com/@mint_ch0011?_t=8Y6SriTe1JK&_r=1 👌https://www.tiktok.com/@use454pithaksid?_t=8Y6TeqaGEKo&_r=1 👌https://www.tiktok.com/@meelap1999s?_t=8YBsrz6Mnar&_r=1 👌https://www.tiktok.com/@grown_999?_t=8YK6jdXReuv&_r=1 (ถูกแบนแล้ว) 👌https://www.tiktok.com/@peaceofsmile?_t=8YNPxgROGS9&_r=1 👌https://www.tiktok.com/@rumrung?_t=8YTUSadUxfe&_r=1 👌https://www.tiktok.com/@patt_2329?_t=8YcGgDYYTyM&_r=1 👌 https://www.tiktok.com/@act694?_t=8YnINhkjdty&_r=1 👌 https://www.tiktok.com/@yayabonitachiquita?_t=8ZAAcEjH9qz&_r=1 👌 https://www.tiktok.com/@pattharawatthantanadol?_t=8aJXyEBfZ1G&_r=1 👌 https://www.tiktok.com/@siamdetox?_t=8azHGX77G9C&_r=1 👌 https://www.tiktok.com/@blue_lemon.soda?_t=8bnCn6U1XTb&_r=1 👌 https://www.tiktok.com/@awaken.th?_t=8bvooDIrljD&_r=1 👌https://www.tiktok.com/@aoyso1?_t=8c7aqyLuHBK&_r=1 👌 https://www.tiktok.com/@amonwan_1961?_t=8cEOFxxygsc&_r=1 👌 https://www.tiktok.com/@yingi.cds?_t=8cEOe7lEAgJ&_r=1 👌 https://www.tiktok.com/@vickylamer?_t=8caaRDq6SUk&_r=1 👌https://www.tiktok.com/@pedam1968?_t=8ce4i3rzdMQ&_r=1 👌https://www.tiktok.com/@user3xupk2qx4r?_t=8crQMqkvZl1&_r=1 👌https://www.tiktok.com/@sanwatwanyangkorn?_t=8dT68a0OeRU&_r=1 #มดล้มช้าง #ปลุกคนไทยจากโควิดลวงโลก #กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์และเครือข่าย
    LINE.ME
    ล้างพิษ ยาฉีด
    ห้องนี้มีจุดประสงค์เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ของผู้ที่ล้างพิษด้วยแนวทางต่าง ๆ เรื่องจากอาการไม่พึงประสงค์หลังฉีด เช่น หายใจติดขัด เจ็บหน้าอก แผลพุพอง ซึมเศร้า panic ผมร่วง ฯลฯ ห้องนี้จัดขึ้นโดยไม่มีผลประโยชน์ใดๆ แอบแฝง มีจุดประสงค์เดียวคือให้คนไทยรอด และตื่นรู้ พร้อมที่ออกมาต่อสู้เพื่อตนเอง ครอบครัวและสังคมต่อไป หากท่านมีอาการใดๆหลังฉีด หรือ หากมีประสบการณืที่ดัขึ้นจากการใช้แนงทางใดกรุณาแชร์ไว้ในห้องนี้เพื่อเป็นวิทยาทาน ห้องนี้มีไว้เพื่อแชร์ประสบการล้างพิษเท่านั้น ข้อมูลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง ทางแอดมินขอ อนุญาตลบ ขอให้ทุกท่านช่วยเข้าไปกรอกแบบฟอร์มเพื่อเข้าร่วมกลุ่ม “ล้างพิษ ยาฉีด” ที่แปะไว้ในโน้ตกลุ่ม ขอให้ทุกท่านกลับมามีสุขภาพดี ตามปกติ ได้อีกครั้ง❤️
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 291 มุมมอง 0 รีวิว
  • FuriosaAI สตาร์ตอัปด้าน AI Semiconductor จากเกาหลีใต้ สร้างความประหลาดใจเมื่อปฏิเสธข้อเสนอซื้อกิจการมูลค่า 800 ล้านดอลลาร์ จาก Meta แม้ข้อเสนอจะสูงกว่ามูลค่าตลาดของบริษัทถึง 300 ล้านดอลลาร์ FuriosaAI เลือกที่จะดำเนินธุรกิจอย่างอิสระ โดยชูเทคโนโลยี RNGD AI Chip ที่สามารถพลิกเกมในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

    ✅ เหตุผลสำคัญที่ปฏิเสธข้อเสนอ
    - การเจรจาล้มเหลวเนื่องจาก วิสัยทัศน์ที่แตกต่าง ระหว่าง Meta และ FuriosaAI โดยบริษัทเกาหลีใต้เลือกที่จะยืนหยัดใน เป้าหมายอิสระ แทนที่จะยอมรับการควบคุมจากองค์กรยักษ์ใหญ่

    ✅ เทคโนโลยี RNGD Chip ที่โดดเด่น
    - FuriosaAI เปิดตัว RNGD AI inference chip ในปี 2024 ซึ่งใช้ TSMC's 5nm process และ HBM3 memory
    - ชิปนี้ให้ประสิทธิภาพ สูงกว่าการ์ดจอแบบดั้งเดิมถึงสองเท่า และประหยัดพลังงานมากถึง 75%
    - บริษัทกำลังเตรียมเข้าสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ในครึ่งหลังของปี 2025

    ✅ ทีมงานที่แข็งแกร่งและความเชื่อมั่นในตลาด
    - FuriosaAI มีทีมงานที่มีประสบการณ์จากบริษัทระดับโลก เช่น Google, Qualcomm และ Samsung
    - บริษัทได้รับการสนับสนุนทุนกว่า 52 ล้านดอลลาร์ เพื่อขยายการผลิตและพัฒนาเทคโนโลยี

    ✅ Meta กับเป้าหมายลดการพึ่งพา Nvidia
    - Meta กำลังพัฒนา AI chip ของตัวเองและมอง FuriosaAI เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในการเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI
    - การปฏิเสธข้อเสนอของ FuriosaAI อาจทำให้ Meta ต้องมองหาทางเลือกใหม่ในตลาดเซมิคอนดักเตอร์

    https://www.techradar.com/pro/south-koreas-hottest-ai-hardware-startup-reportedly-said-no-to-usd800m-acquisition-by-facebooks-meta
    FuriosaAI สตาร์ตอัปด้าน AI Semiconductor จากเกาหลีใต้ สร้างความประหลาดใจเมื่อปฏิเสธข้อเสนอซื้อกิจการมูลค่า 800 ล้านดอลลาร์ จาก Meta แม้ข้อเสนอจะสูงกว่ามูลค่าตลาดของบริษัทถึง 300 ล้านดอลลาร์ FuriosaAI เลือกที่จะดำเนินธุรกิจอย่างอิสระ โดยชูเทคโนโลยี RNGD AI Chip ที่สามารถพลิกเกมในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ✅ เหตุผลสำคัญที่ปฏิเสธข้อเสนอ - การเจรจาล้มเหลวเนื่องจาก วิสัยทัศน์ที่แตกต่าง ระหว่าง Meta และ FuriosaAI โดยบริษัทเกาหลีใต้เลือกที่จะยืนหยัดใน เป้าหมายอิสระ แทนที่จะยอมรับการควบคุมจากองค์กรยักษ์ใหญ่ ✅ เทคโนโลยี RNGD Chip ที่โดดเด่น - FuriosaAI เปิดตัว RNGD AI inference chip ในปี 2024 ซึ่งใช้ TSMC's 5nm process และ HBM3 memory - ชิปนี้ให้ประสิทธิภาพ สูงกว่าการ์ดจอแบบดั้งเดิมถึงสองเท่า และประหยัดพลังงานมากถึง 75% - บริษัทกำลังเตรียมเข้าสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ในครึ่งหลังของปี 2025 ✅ ทีมงานที่แข็งแกร่งและความเชื่อมั่นในตลาด - FuriosaAI มีทีมงานที่มีประสบการณ์จากบริษัทระดับโลก เช่น Google, Qualcomm และ Samsung - บริษัทได้รับการสนับสนุนทุนกว่า 52 ล้านดอลลาร์ เพื่อขยายการผลิตและพัฒนาเทคโนโลยี ✅ Meta กับเป้าหมายลดการพึ่งพา Nvidia - Meta กำลังพัฒนา AI chip ของตัวเองและมอง FuriosaAI เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในการเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI - การปฏิเสธข้อเสนอของ FuriosaAI อาจทำให้ Meta ต้องมองหาทางเลือกใหม่ในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ https://www.techradar.com/pro/south-koreas-hottest-ai-hardware-startup-reportedly-said-no-to-usd800m-acquisition-by-facebooks-meta
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท L&T Semiconductor Technologies (LTSCT) สตาร์ตอัปผู้ผลิตชิปจากอินเดียที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัท Larsen & Toubro ได้เปิดเผยแผนการก่อสร้างโรงงานผลิตชิป (fab) มูลค่ามหาศาลกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ในอินเดีย ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นก่อนปี 2027 ทั้งนี้ รัฐบาลอินเดียจะสนับสนุนโครงการดังกล่าวผ่านโครงการเงินอุดหนุนที่มีมูลค่าสูงถึง 90% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด

    ✅ เงื่อนไขสำคัญต่อความสำเร็จของโครงการ
    - LTSCT ตั้งเป้าทำรายได้ 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ภายในปีงบประมาณ 2026–2027 เพื่อกระตุ้นให้โครงการ fab นี้เริ่มต้นขึ้น
    - บริษัทเริ่มต้นผลิตชิปเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025

    ✅ ผลิตภัณฑ์หลักที่อยู่ระหว่างการพัฒนา
    - LTSCT มุ่งเน้นการออกแบบ MEMS sensors, RF chips, smart power devices และ analog ICs ที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก

    ✅ โอกาสจากโครงการอุดหนุนเซมิคอนดักเตอร์ของรัฐบาลอินเดีย
    - โครงการสนับสนุนมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ของรัฐบาลอินเดีย เปิดโอกาสให้บริษัทท้องถิ่นเข้าถึงทรัพยากรและเงินทุนในการพัฒนาตลาดเซมิคอนดักเตอร์
    - การสนับสนุนในระดับนี้ถือว่า สูงกว่ามาตรฐานทั่วไปของโลกอย่างมาก

    ✅ เป้าหมายระยะยาว: สู่การเป็น Integrated Device Manufacturer (IDM)
    - LTSCT วางแผนเปลี่ยนบทบาทจากการเป็นบริษัท fabless designer ไปสู่การเป็น Integrated Device Manufacturer (IDM) เพื่อควบคุมกระบวนการผลิตชิปตั้งแต่ต้นจนจบ

    ✅ การสนับสนุนจากบริษัทแม่
    - LTSCT ได้รับเงินทุนมากกว่า 300 ล้านดอลลาร์ เพื่อใช้ในการออกแบบชิป และตั้งเป้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ชิปจำนวน 15 รุ่น ภายในปี 2027

    https://www.techradar.com/pro/fabless-chip-startup-backed-by-multi-billion-indian-company-wants-to-build-a-usd10bn-fab-in-india-before-2027
    บริษัท L&T Semiconductor Technologies (LTSCT) สตาร์ตอัปผู้ผลิตชิปจากอินเดียที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัท Larsen & Toubro ได้เปิดเผยแผนการก่อสร้างโรงงานผลิตชิป (fab) มูลค่ามหาศาลกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ในอินเดีย ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นก่อนปี 2027 ทั้งนี้ รัฐบาลอินเดียจะสนับสนุนโครงการดังกล่าวผ่านโครงการเงินอุดหนุนที่มีมูลค่าสูงถึง 90% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด ✅ เงื่อนไขสำคัญต่อความสำเร็จของโครงการ - LTSCT ตั้งเป้าทำรายได้ 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ภายในปีงบประมาณ 2026–2027 เพื่อกระตุ้นให้โครงการ fab นี้เริ่มต้นขึ้น - บริษัทเริ่มต้นผลิตชิปเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ✅ ผลิตภัณฑ์หลักที่อยู่ระหว่างการพัฒนา - LTSCT มุ่งเน้นการออกแบบ MEMS sensors, RF chips, smart power devices และ analog ICs ที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก ✅ โอกาสจากโครงการอุดหนุนเซมิคอนดักเตอร์ของรัฐบาลอินเดีย - โครงการสนับสนุนมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ของรัฐบาลอินเดีย เปิดโอกาสให้บริษัทท้องถิ่นเข้าถึงทรัพยากรและเงินทุนในการพัฒนาตลาดเซมิคอนดักเตอร์ - การสนับสนุนในระดับนี้ถือว่า สูงกว่ามาตรฐานทั่วไปของโลกอย่างมาก ✅ เป้าหมายระยะยาว: สู่การเป็น Integrated Device Manufacturer (IDM) - LTSCT วางแผนเปลี่ยนบทบาทจากการเป็นบริษัท fabless designer ไปสู่การเป็น Integrated Device Manufacturer (IDM) เพื่อควบคุมกระบวนการผลิตชิปตั้งแต่ต้นจนจบ ✅ การสนับสนุนจากบริษัทแม่ - LTSCT ได้รับเงินทุนมากกว่า 300 ล้านดอลลาร์ เพื่อใช้ในการออกแบบชิป และตั้งเป้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ชิปจำนวน 15 รุ่น ภายในปี 2027 https://www.techradar.com/pro/fabless-chip-startup-backed-by-multi-billion-indian-company-wants-to-build-a-usd10bn-fab-in-india-before-2027
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 193 มุมมอง 0 รีวิว
  • IBM และ Tokyo Electron ขยายความร่วมมือการวิจัยเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ระดับสูง ด้วยเป้าหมายในการพัฒนาชิปขนาดเล็กและ chiplet architectures ที่รองรับยุค Generative AI ความร่วมมือนี้รวมถึงการพัฒนา High NA EUV และการใช้ Albany NanoTech Complex เป็นฐานสำหรับการวิจัย นับเป็นการยกระดับความสามารถในการแข่งขันระดับโลกของทั้งสองบริษัทในตลาด AI และเซมิคอนดักเตอร์แห่งอนาคต

    ✅ ก้าวสู่เทคโนโลยีอนาคตของ AI
    - ความร่วมมือระหว่าง IBM และ TEL ได้สร้าง ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา รวมถึงการคิดค้น เลเซอร์ debonding สำหรับ 3D chip stacking
    - ในครั้งนี้ ทั้งสองบริษัทจะพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้ชิปที่ผลิตมี ประสิทธิภาพสูงและลดการใช้พลังงาน สำหรับ AI ยุคใหม่

    ✅ โฟกัสที่ความปลอดภัยและการยกระดับการผลิต
    - ความร่วมมือจะสำรวจ High NA EUV ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ช่วยสร้างชิปที่เล็กลงแต่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
    - Albany NanoTech Complex ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ จะเป็นฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาในข้อตกลงใหม่

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก
    - IBM และ TEL ได้รับความไว้วางใจจากการวิจัยร่วมที่เป็นผู้นำเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ โดยการต่ออายุข้อตกลงช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของทั้งสองบริษัทในตลาดโลก

    ✅ เป้าหมายที่รองรับตลาด AI
    - เทคโนโลยี chiplet architectures ที่ได้รับการพัฒนาจะช่วยสร้าง ชิปที่รองรับการใช้งาน AI ในหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การประมวลผลภาพไปจนถึงงานสร้างสรรค์ข้อมูล

    https://www.techpowerup.com/335089/tokyo-electron-ibm-renew-collaboration-for-advanced-semiconductor-technology
    IBM และ Tokyo Electron ขยายความร่วมมือการวิจัยเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ระดับสูง ด้วยเป้าหมายในการพัฒนาชิปขนาดเล็กและ chiplet architectures ที่รองรับยุค Generative AI ความร่วมมือนี้รวมถึงการพัฒนา High NA EUV และการใช้ Albany NanoTech Complex เป็นฐานสำหรับการวิจัย นับเป็นการยกระดับความสามารถในการแข่งขันระดับโลกของทั้งสองบริษัทในตลาด AI และเซมิคอนดักเตอร์แห่งอนาคต ✅ ก้าวสู่เทคโนโลยีอนาคตของ AI - ความร่วมมือระหว่าง IBM และ TEL ได้สร้าง ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา รวมถึงการคิดค้น เลเซอร์ debonding สำหรับ 3D chip stacking - ในครั้งนี้ ทั้งสองบริษัทจะพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้ชิปที่ผลิตมี ประสิทธิภาพสูงและลดการใช้พลังงาน สำหรับ AI ยุคใหม่ ✅ โฟกัสที่ความปลอดภัยและการยกระดับการผลิต - ความร่วมมือจะสำรวจ High NA EUV ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ช่วยสร้างชิปที่เล็กลงแต่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น - Albany NanoTech Complex ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ จะเป็นฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาในข้อตกลงใหม่ ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก - IBM และ TEL ได้รับความไว้วางใจจากการวิจัยร่วมที่เป็นผู้นำเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ โดยการต่ออายุข้อตกลงช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของทั้งสองบริษัทในตลาดโลก ✅ เป้าหมายที่รองรับตลาด AI - เทคโนโลยี chiplet architectures ที่ได้รับการพัฒนาจะช่วยสร้าง ชิปที่รองรับการใช้งาน AI ในหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การประมวลผลภาพไปจนถึงงานสร้างสรรค์ข้อมูล https://www.techpowerup.com/335089/tokyo-electron-ibm-renew-collaboration-for-advanced-semiconductor-technology
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Tokyo Electron & IBM Renew Collaboration for Advanced Semiconductor Technology
    This week, IBM and Tokyo Electron (TEL) announced an extension of their agreement for the joint research and development of advanced semiconductor technologies. The new 5-year agreement will focus on the continued advancement of technology for next-generation semiconductor nodes and architectures to...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel นำแคมเปญ "Intel Inside" กลับมาอีกครั้งในรูปแบบใหม่ ที่เน้นการเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันของผู้ใช้ แทนที่จะเน้นแค่ชิปโปรเซสเซอร์ แคมเปญเดิมจากปี 1991 เคยช่วยให้ Intel กลายเป็นแบรนด์ระดับโลก และปัจจุบันบริษัทต้องปรับตัวเพื่อแข่งขันกับ AMD รวมถึงเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ ๆ การรีแบรนด์นี้สะท้อนให้เห็นว่า Intel ไม่ใช่แค่แบรนด์ฮาร์ดแวร์ แต่เป็นส่วนหนึ่งของโลก ICT

    ✅ แคมเปญ Intel Inside เคยปฏิวัติการตลาดของชิปในปี 1991
    - ก่อนหน้าปี 1991 ผู้ผลิตชิปมักโปรโมทผลิตภัณฑ์ให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์โดยตรง
    - Intel เปลี่ยนเกมด้วยการ สื่อสารกับผู้บริโภคโดยตรง ทำให้ผู้ใช้ตระหนักถึงบทบาทของโปรเซสเซอร์

    ✅ บทบาทของ Intel Inside เปลี่ยนไปตามยุคสมัย
    - ในยุค 90s Intel Inside เป็นจุดเด่นของ Pentium และ Celeron ที่กำหนดมาตรฐานตลาดพีซี
    - ในยุค 2000s แคมเปญนี้ช่วย ขับเคลื่อนแพลตฟอร์ม Centrino และ Core Series
    - ปัจจุบัน Intel ขยายแนวคิดจาก ประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์ไปสู่การเชื่อมโยงชีวิตประจำวัน

    ✅ Brett Hannath (CMO ของ Intel) ชี้แจงแนวคิดเบื้องหลังแคมเปญใหม่
    - Intel ต้องการแสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยีของตนช่วยเปิดโอกาสให้กับผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็น พนักงาน, นักเรียน, นักพัฒนา หรือองค์กร
    - การสื่อสารนี้ช่วยให้แบรนด์ Intel มีอิทธิพลต่อชีวิตมากกว่าการเป็นผู้ผลิตชิปเพียงอย่างเดียว

    ✅ Intel เผชิญการแข่งขันจาก AMD ที่มีการรับรู้แบรนด์แข็งแกร่งขึ้น
    - ในอดีต Intel Inside ช่วยให้ Intel เป็นผู้นำในตลาด แต่ปัจจุบัน AMD มีความแข็งแกร่งมากขึ้น
    - การรีแบรนด์ครั้งนี้อาจเป็นกลยุทธ์ เพื่อรักษาความได้เปรียบ และปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัย

    ✅ อุตสาหกรรม ICT มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลังยุคพีซี
    - จากเดิมที่ Intel โดดเด่นในตลาด พีซีและแล็ปท็อป ปัจจุบันบริษัทต้องขยายอิทธิพลไปสู่ AI, Data Centers และอุปกรณ์ IoT
    - การรีแบรนด์ครั้งนี้เน้นให้เห็นว่า Intel เป็นส่วนสำคัญของเทคโนโลยีรอบตัวเรา ไม่ใช่แค่ชิปในคอมพิวเตอร์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/intel-refreshes-iconic-brand-with-thats-the-power-of-intel-inside-campaign
    Intel นำแคมเปญ "Intel Inside" กลับมาอีกครั้งในรูปแบบใหม่ ที่เน้นการเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันของผู้ใช้ แทนที่จะเน้นแค่ชิปโปรเซสเซอร์ แคมเปญเดิมจากปี 1991 เคยช่วยให้ Intel กลายเป็นแบรนด์ระดับโลก และปัจจุบันบริษัทต้องปรับตัวเพื่อแข่งขันกับ AMD รวมถึงเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ ๆ การรีแบรนด์นี้สะท้อนให้เห็นว่า Intel ไม่ใช่แค่แบรนด์ฮาร์ดแวร์ แต่เป็นส่วนหนึ่งของโลก ICT ✅ แคมเปญ Intel Inside เคยปฏิวัติการตลาดของชิปในปี 1991 - ก่อนหน้าปี 1991 ผู้ผลิตชิปมักโปรโมทผลิตภัณฑ์ให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์โดยตรง - Intel เปลี่ยนเกมด้วยการ สื่อสารกับผู้บริโภคโดยตรง ทำให้ผู้ใช้ตระหนักถึงบทบาทของโปรเซสเซอร์ ✅ บทบาทของ Intel Inside เปลี่ยนไปตามยุคสมัย - ในยุค 90s Intel Inside เป็นจุดเด่นของ Pentium และ Celeron ที่กำหนดมาตรฐานตลาดพีซี - ในยุค 2000s แคมเปญนี้ช่วย ขับเคลื่อนแพลตฟอร์ม Centrino และ Core Series - ปัจจุบัน Intel ขยายแนวคิดจาก ประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์ไปสู่การเชื่อมโยงชีวิตประจำวัน ✅ Brett Hannath (CMO ของ Intel) ชี้แจงแนวคิดเบื้องหลังแคมเปญใหม่ - Intel ต้องการแสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยีของตนช่วยเปิดโอกาสให้กับผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็น พนักงาน, นักเรียน, นักพัฒนา หรือองค์กร - การสื่อสารนี้ช่วยให้แบรนด์ Intel มีอิทธิพลต่อชีวิตมากกว่าการเป็นผู้ผลิตชิปเพียงอย่างเดียว ✅ Intel เผชิญการแข่งขันจาก AMD ที่มีการรับรู้แบรนด์แข็งแกร่งขึ้น - ในอดีต Intel Inside ช่วยให้ Intel เป็นผู้นำในตลาด แต่ปัจจุบัน AMD มีความแข็งแกร่งมากขึ้น - การรีแบรนด์ครั้งนี้อาจเป็นกลยุทธ์ เพื่อรักษาความได้เปรียบ และปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัย ✅ อุตสาหกรรม ICT มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลังยุคพีซี - จากเดิมที่ Intel โดดเด่นในตลาด พีซีและแล็ปท็อป ปัจจุบันบริษัทต้องขยายอิทธิพลไปสู่ AI, Data Centers และอุปกรณ์ IoT - การรีแบรนด์ครั้งนี้เน้นให้เห็นว่า Intel เป็นส่วนสำคัญของเทคโนโลยีรอบตัวเรา ไม่ใช่แค่ชิปในคอมพิวเตอร์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/intel-refreshes-iconic-brand-with-thats-the-power-of-intel-inside-campaign
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทองแดงเป็นตัวนำไฟฟ้ามาตรฐานมานานกว่า 200 ปี แต่เริ่มมีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพ นักวิจัยพบว่า Niobium Phosphide (NbP) มีคุณสมบัติการนำไฟฟ้าที่เหนือกว่าทองแดง โดยเฉพาะในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระดับนาโน NbP สามารถใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีที่มีอยู่ได้ง่าย และช่วยลดการสูญเสียพลังงาน อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความท้าทายด้านการผลิต ที่ต้องแก้ไขก่อนจะนำมาใช้จริงในอุตสาหกรรม

    ✅ Niobium Phosphide เป็นวัสดุที่นำไฟฟ้าได้ดีกว่าทองแดงในระดับนาโน
    - งานวิจัยของ Stanford University พบว่า NbP มีค่าความต้านทานต่ำกว่าทองแดงถึง 6 เท่า
    - เมื่อวัสดุมีความบางลง NbP ยังคงรักษาคุณสมบัติในการนำไฟฟ้าได้ดีกว่าทองแดง

    ✅ เซมิมีทัลมีโครงสร้างทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยลดการสูญเสียพลังงาน
    - NbP มี คุณสมบัติเฉพาะด้านโครงสร้างที่ช่วยให้การส่งผ่านอิเล็กตรอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    - นักวิจัยระบุว่า สามารถลดการใช้พลังงานในอุปกรณ์ขนาดเล็กได้

    ✅ สามารถใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ที่มีอยู่ได้ง่าย
    - NbP สามารถถูกวางเป็น ฟิล์มที่อุณหภูมิ 400°C โดยไม่ทำให้ชิปซิลิคอนเสียหาย

    ✅ ยังคงมีความท้าทายด้านการผลิต
    - การควบคุมความหนาของชั้นฟิล์ม NbP เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความแม่นยำสูงมาก
    - หากชั้นฟิล์มมีความหนาไม่สม่ำเสมอ อาจทำให้ค่าความต้านทานแปรปรวน

    ✅ อนาคตของเซมิมีทัลในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
    - หากการพัฒนา NbP และวัสดุเซมิมีทัลอื่น ๆ ก้าวหน้า อาจแทนที่ทองแดงในวงจรระดับสูงได้ภายใน 10 ปี

    https://www.techradar.com/pro/after-semiconductors-semimetals-might-be-the-next-big-thing-as-the-tech-industry-looks-for-a-replacement-for-ubiquitous-copper
    ทองแดงเป็นตัวนำไฟฟ้ามาตรฐานมานานกว่า 200 ปี แต่เริ่มมีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพ นักวิจัยพบว่า Niobium Phosphide (NbP) มีคุณสมบัติการนำไฟฟ้าที่เหนือกว่าทองแดง โดยเฉพาะในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระดับนาโน NbP สามารถใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีที่มีอยู่ได้ง่าย และช่วยลดการสูญเสียพลังงาน อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความท้าทายด้านการผลิต ที่ต้องแก้ไขก่อนจะนำมาใช้จริงในอุตสาหกรรม ✅ Niobium Phosphide เป็นวัสดุที่นำไฟฟ้าได้ดีกว่าทองแดงในระดับนาโน - งานวิจัยของ Stanford University พบว่า NbP มีค่าความต้านทานต่ำกว่าทองแดงถึง 6 เท่า - เมื่อวัสดุมีความบางลง NbP ยังคงรักษาคุณสมบัติในการนำไฟฟ้าได้ดีกว่าทองแดง ✅ เซมิมีทัลมีโครงสร้างทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยลดการสูญเสียพลังงาน - NbP มี คุณสมบัติเฉพาะด้านโครงสร้างที่ช่วยให้การส่งผ่านอิเล็กตรอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น - นักวิจัยระบุว่า สามารถลดการใช้พลังงานในอุปกรณ์ขนาดเล็กได้ ✅ สามารถใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ที่มีอยู่ได้ง่าย - NbP สามารถถูกวางเป็น ฟิล์มที่อุณหภูมิ 400°C โดยไม่ทำให้ชิปซิลิคอนเสียหาย ✅ ยังคงมีความท้าทายด้านการผลิต - การควบคุมความหนาของชั้นฟิล์ม NbP เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความแม่นยำสูงมาก - หากชั้นฟิล์มมีความหนาไม่สม่ำเสมอ อาจทำให้ค่าความต้านทานแปรปรวน ✅ อนาคตของเซมิมีทัลในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ - หากการพัฒนา NbP และวัสดุเซมิมีทัลอื่น ๆ ก้าวหน้า อาจแทนที่ทองแดงในวงจรระดับสูงได้ภายใน 10 ปี https://www.techradar.com/pro/after-semiconductors-semimetals-might-be-the-next-big-thing-as-the-tech-industry-looks-for-a-replacement-for-ubiquitous-copper
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานจาก Igor’s Lab พบว่าการ์ดจอ PowerColor RX 9070 XT Hellhound บางตัวมี พื้นผิวชิปที่เป็นหลุมเล็ก ๆ (pitted silicon surface) ส่งผลให้เกิดอุณหภูมิสูงผิดปกติ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าปัญหานี้เป็นกรณีเฉพาะ หรือเกิดจากสายการผลิตที่มีข้อบกพร่อง

    ✅ พื้นผิวชิปมีรอยผิดปกติจากกระบวนการขัดหลัง (Backgrinding Process)
    - พบ รอยหลุมกว่า 1,934 จุดบนพื้นผิวชิป ซึ่งมากกว่ามาตรฐานที่ยอมรับได้
    - มีบางจุดที่ลึกถึง 12.59 µm และกว้าง 212.36 µm ซึ่งอยู่นอกมาตรฐานอุตสาหกรรม

    ✅ GPU เกิดอุณหภูมิสูงถึง 113°C และทำให้เกิด Thermal Throttling
    - อุณหภูมิเฉลี่ยของชิปอยู่ที่ 67°C แต่มีจุดร้อนที่สูงถึง 113°C
    - อุณหภูมิสูงสุดที่ RDNA 4 รองรับคือ 110°C ทำให้การ์ดถูกจำกัดความเร็ว (Throttling) และใช้งานไม่ได้

    ✅ PowerColor, AMD และ TSMC ไม่ตรวจพบปัญหานี้ก่อนปล่อยสินค้า
    - คาดว่าระบบตรวจสอบคุณภาพอาจพลาดไปเนื่องจาก AI Inspection Algorithm ขาดการฝึกฝนในจุดนี้

    ✅ AMD ระบุว่าเป็นกรณีเฉพาะ ไม่ใช่ปัญหาที่พบในทุกการ์ด RX 9070 XT
    - แหล่งข่าวจาก AMD ยืนยันว่าการ์ดที่มีปัญหานี้เป็น กรณีเฉพาะ และไม่ใช่ปัญหาที่แพร่หลาย
    - ผู้ใช้ที่พบปัญหาควรขอ เคลมสินค้า (RMA) กับผู้ผลิต

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/defective-rx-9070-xt-card-with-pitted-silicon-gpu-surface-runs-extremely-hot-report-indicates-its-unclear-if-this-was-an-isolated-incident
    รายงานจาก Igor’s Lab พบว่าการ์ดจอ PowerColor RX 9070 XT Hellhound บางตัวมี พื้นผิวชิปที่เป็นหลุมเล็ก ๆ (pitted silicon surface) ส่งผลให้เกิดอุณหภูมิสูงผิดปกติ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าปัญหานี้เป็นกรณีเฉพาะ หรือเกิดจากสายการผลิตที่มีข้อบกพร่อง ✅ พื้นผิวชิปมีรอยผิดปกติจากกระบวนการขัดหลัง (Backgrinding Process) - พบ รอยหลุมกว่า 1,934 จุดบนพื้นผิวชิป ซึ่งมากกว่ามาตรฐานที่ยอมรับได้ - มีบางจุดที่ลึกถึง 12.59 µm และกว้าง 212.36 µm ซึ่งอยู่นอกมาตรฐานอุตสาหกรรม ✅ GPU เกิดอุณหภูมิสูงถึง 113°C และทำให้เกิด Thermal Throttling - อุณหภูมิเฉลี่ยของชิปอยู่ที่ 67°C แต่มีจุดร้อนที่สูงถึง 113°C - อุณหภูมิสูงสุดที่ RDNA 4 รองรับคือ 110°C ทำให้การ์ดถูกจำกัดความเร็ว (Throttling) และใช้งานไม่ได้ ✅ PowerColor, AMD และ TSMC ไม่ตรวจพบปัญหานี้ก่อนปล่อยสินค้า - คาดว่าระบบตรวจสอบคุณภาพอาจพลาดไปเนื่องจาก AI Inspection Algorithm ขาดการฝึกฝนในจุดนี้ ✅ AMD ระบุว่าเป็นกรณีเฉพาะ ไม่ใช่ปัญหาที่พบในทุกการ์ด RX 9070 XT - แหล่งข่าวจาก AMD ยืนยันว่าการ์ดที่มีปัญหานี้เป็น กรณีเฉพาะ และไม่ใช่ปัญหาที่แพร่หลาย - ผู้ใช้ที่พบปัญหาควรขอ เคลมสินค้า (RMA) กับผู้ผลิต https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/defective-rx-9070-xt-card-with-pitted-silicon-gpu-surface-runs-extremely-hot-report-indicates-its-unclear-if-this-was-an-isolated-incident
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 284 มุมมอง 0 รีวิว
  • อดีตวิศวกร Apple Kong Long และ Wang Huanyu ตัดสินใจกลับจีนเพื่อเข้าร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดย Kong ได้รับตำแหน่งเป็นนักวิจัยที่มหาวิทยาลัย Fudan และ Wang ร่วมงานกับมหาวิทยาลัย Huazhong แนวโน้มนี้เกิดขึ้นขณะที่ จีนเร่งพัฒนาการผลิตชิปในประเทศ และสหรัฐฯ มีมาตรการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีให้จีน

    ✅ ใครคือ Kong Long—อดีตวิศวกร Apple ที่กลับจีน?
    - Kong Long เคยทำงานด้าน ชิปไร้สาย (Wireless Semiconductor) ที่ Apple
    - ล่าสุดเข้าร่วมเป็น นักวิจัยและอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย Fudan ในด้าน การออกแบบวงจรรวม RF และคอมพิวเตอร์ดิจิตอล-อนาล็อกแบบไฮบริด

    ✅ แนวโน้มวิศวกรจีนกลับประเทศเพิ่มขึ้น
    - หลายปีที่ผ่านมา วิศวกรที่ทำงานในสหรัฐฯ เริ่มกลับจีน เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมชิปของประเทศ
    - นโยบาย ควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ทำให้จีนต้องเร่งพึ่งพาความสามารถภายในประเทศ

    ✅ การศึกษาของ Kong Long บ่งบอกถึงศักยภาพด้านเทคโนโลยี
    - จบการศึกษาด้าน Microelectronics จาก Shanghai Jiao Tong University
    - ได้ ปริญญาเอกด้านวิศวกรรมไฟฟ้าจาก University of California, Los Angeles (UCLA)
    - เคยทำงานที่ Oracle ในด้าน Mixed-Signal IC Design ก่อนเข้าสู่วงการเซมิคอนดักเตอร์ที่ Apple

    ✅ อดีตวิศวกร Apple อีกคนก็เพิ่งกลับจีนเพื่อเข้าร่วมการพัฒนาเทคโนโลยีชิป
    - Wang Huanyu ผู้พัฒนา ชิป Apple M3 และ M4 ลาออกจาก Apple เพื่อร่วมงานกับ School of Integrated Circuits ที่ Huazhong University of Science and Technology
    - การกลับมาของวิศวกรระดับสูงอาจเป็น สัญญาณว่าจีนกำลังเร่งขยายทีมงานภายในประเทศ

    ✅ ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนอาจมีผลต่อการตัดสินใจของวิศวกรเหล่านี้
    - นักวิเคราะห์มองว่า แรงกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้วิศวกรจีนที่ทำงานในบริษัทต่างชาติ ตัดสินใจลาออกและกลับประเทศ
    - อาจเป็นผลจากความตึงเครียดของ นโยบายป้องกันจีนจากการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง

    https://wccftech.com/ex-apple-engineer-returns-to-china-after-seven-years-to-fulfill-chipmaking-ambitions/
    อดีตวิศวกร Apple Kong Long และ Wang Huanyu ตัดสินใจกลับจีนเพื่อเข้าร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดย Kong ได้รับตำแหน่งเป็นนักวิจัยที่มหาวิทยาลัย Fudan และ Wang ร่วมงานกับมหาวิทยาลัย Huazhong แนวโน้มนี้เกิดขึ้นขณะที่ จีนเร่งพัฒนาการผลิตชิปในประเทศ และสหรัฐฯ มีมาตรการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีให้จีน ✅ ใครคือ Kong Long—อดีตวิศวกร Apple ที่กลับจีน? - Kong Long เคยทำงานด้าน ชิปไร้สาย (Wireless Semiconductor) ที่ Apple - ล่าสุดเข้าร่วมเป็น นักวิจัยและอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย Fudan ในด้าน การออกแบบวงจรรวม RF และคอมพิวเตอร์ดิจิตอล-อนาล็อกแบบไฮบริด ✅ แนวโน้มวิศวกรจีนกลับประเทศเพิ่มขึ้น - หลายปีที่ผ่านมา วิศวกรที่ทำงานในสหรัฐฯ เริ่มกลับจีน เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมชิปของประเทศ - นโยบาย ควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ทำให้จีนต้องเร่งพึ่งพาความสามารถภายในประเทศ ✅ การศึกษาของ Kong Long บ่งบอกถึงศักยภาพด้านเทคโนโลยี - จบการศึกษาด้าน Microelectronics จาก Shanghai Jiao Tong University - ได้ ปริญญาเอกด้านวิศวกรรมไฟฟ้าจาก University of California, Los Angeles (UCLA) - เคยทำงานที่ Oracle ในด้าน Mixed-Signal IC Design ก่อนเข้าสู่วงการเซมิคอนดักเตอร์ที่ Apple ✅ อดีตวิศวกร Apple อีกคนก็เพิ่งกลับจีนเพื่อเข้าร่วมการพัฒนาเทคโนโลยีชิป - Wang Huanyu ผู้พัฒนา ชิป Apple M3 และ M4 ลาออกจาก Apple เพื่อร่วมงานกับ School of Integrated Circuits ที่ Huazhong University of Science and Technology - การกลับมาของวิศวกรระดับสูงอาจเป็น สัญญาณว่าจีนกำลังเร่งขยายทีมงานภายในประเทศ ✅ ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนอาจมีผลต่อการตัดสินใจของวิศวกรเหล่านี้ - นักวิเคราะห์มองว่า แรงกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้วิศวกรจีนที่ทำงานในบริษัทต่างชาติ ตัดสินใจลาออกและกลับประเทศ - อาจเป็นผลจากความตึงเครียดของ นโยบายป้องกันจีนจากการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง https://wccftech.com/ex-apple-engineer-returns-to-china-after-seven-years-to-fulfill-chipmaking-ambitions/
    WCCFTECH.COM
    Former Apple Chip Engineer Returns To China And Joins The Country’s Silicon-Manufacturing Ambitions After Seven Years Of Working With The Trillion-Dollar Firm
    After working with Apple for seven years, a chip engineer has departed back to China, where he works on fulfilling the country’s chipmaking goals
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 313 มุมมอง 0 รีวิว
  • 01-04-68/01 : หมี CNN / ยังไม่ชัดพออีกเหรอ? ไอ้ควาย! มรึงจะเอาเหี้ยอะไรไปเทียบ? กองเรือที่ดีที่สุดในโลกตอนนี้ ไปอยู่ที่รัสเซีย จีน หมดแล้ว นวตกรรมโลกยุคใหม่ เทไปเอเซียหมดเกลี้ยง ของเก่าสมัย 30 ปี ก่อน มรึงยังกล้าเอามาอวดอ้างอีกเหรอ? อาร์คติค มันแบเบอร์อยู่แล้ว หากมรึงคิดจะวัด ตอบคำถามให้ได้ก่อนว่า "อาวุธมรึงที่จะใช้ในพื้นที่ติดลบ 60 องศา เซลเซียส มีแค่ไหน?" รัสเซียพัฒนาอาวุธจุดเหยือกแข็งมานานนับ 30 ปี ไม่ว่าจะรบในสมรภูมิใด เค้ารับได้หมด แต่อาวุธมรึงน็อค ตั้งแต่ยังไม่ทันจะใช้ แล้วจำนวนมรึงมีแค่ไหน เค้าผลิต 24 ชม. NON STOP วัคถุดิบมี เงินมี แล้วมรึงล่ะ ยิ่งกำลังพลไม่ต้องถาม จีน รัสเซีย มีเป็นล้าน ยังไม่นับทหารรับจ้างอีกครึ่งล้าน อาร์คติคของใคร? คงไม่ต้องถามกันต่อให้เสียอารมณ์ เพราะทุกวันนี้ เรือตัดน้ำแข็ง โครงสร้างพื้นฐาน สำหรับฐานทัพ ฐานปฎิบัติการ ในอาร์คติค รัสเซีย จีน จัดเต็มกว่ามรึงเยอะ แค่ชาตินาโต้ สแกนดิเนเวีย ยังมีไม่ถึงครึ่ง สิ่งอำนวยความสะดวก อุปกรณ์ ที่มรึงจะใช้สำรวจ เจาะ หรือเพื่อวิจัยงานธรณี เพราะเงินสู้เค้าไม่ได้ เพราะพลังงานมรึงเป็นรอง เพราะเทคโนโลยีเทียบชั้นไม่ติด อย่าว่าแต่อาร์คติคเลย ไอ้ที่มรึงมีอยู่ ยังรักษาไว้ไม่ได้ คงมีแต่ควายเท่านั้น ที่เชื่อว่ามรึงเจ๋ง? ยิ่งอเมริกาโดดเดี่ยว เปลี่ยนยุโรปจากพันธมิตรกลายเป็นศัตรู ลำพังมรึงและนาโต้ หมาหมู่ ยังแพ้ยับรัสเซียในยูเครน ยังจะมีหน้ามาเสนอในอาร์คติคเพื่อ? อีกไม่นานดอก ท่อแก็สอาร์คติคจะเข้าสู่ยุโรปชัวร์ ไปถึงกรีนแลนด์ด้วย หากสดชื่น เหี้ยไม่เจียมตัว บทสุดท้ายคือ "สูญพันธุ์เหี้ย" รบกันเองให้เสร็จก่อนดีกว่ามุย? เหลือเท่าไหร่ค่อยมาวัดกับกู ให้กูขยี้เล่น บอกตรง จีน รัสเซีย มองข้าม อเมริกา ยุโรป ไปนานแล้ว เค้ารวบรวมโลกเข้าหากัน ผ่าน BRICS แล้วมรึงล่ะ ดีแต่แตกแยก จะเอาเหี้ยอะไรไปชนะ? ภูมิภาคศาสตร์โลกยุคใหม่ กลายเป็นพื้นที่ของโลกใหม่ไปแล้ว สงครามไม่เกิด มรึงก็จะดันให้เกิดให้ได้ ตายไม่ว่า แต่อียิวต้องยังคงอยู่สิน่ะ? งั้นล่ออียิวตายโหงก่อนตัวแรกเลยดีมั้ยล่ะ? ต้นตอปัญหาโลกทั้งหมดเกิดจากมันเนี่ยแหละ ในอาร์คติค นอกจากเป็นแหล่งพลังงานมหาศาลโลก ยังเป็นแหล่งของวัตถุลึกลับ และศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์นอกโลก ศูนย์ฐานปฎิบัติการใต้น้ำ ทำให้รู้ถึงสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งมันมีมานานแล้วนับ 1000000 ปี นวตกรรมใหม่โลกก่อเกิด อานิสงค์จากเพื่อนต่างมิติ ร่องรอย ติดตามเทคโนโลยีนอกโลก แม้แต่เศษอุกกาบาต ก็ทำให้สามารถทราบถึงเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมาได้ ความลับแท้จริงจากสิ่งนอกโลก มีกระจายไปทั่ว แต่จุดศูนย์กลางอยู่ที่ "แอนตาร์กติกา" ซึ่งมนุษย์ไม่ได้ถูกอนุญาตให้เข้าใกล้แถบนั้น คือข้อตกลงกันระหว่างชาวโลก กับผู้มาเยือนที่รักสันติภาพ

    Russia vs US: Who Holds the Ice in the Arctic Fleet Race? รัสเซียหรือสหรัฐ - ใครจะเป็นผู้รักษาน้ำแข็งในการแข่งขันกองเรือในอาร์คติก

    ------------------------------------------------------------------------—
    RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : รัสเซียหรือสหรัฐ - ใครจะเป็นผู้ครอบครองเขตน้ำแข็งในการแข่งขันกองเรือในอาร์คติก

    รองประธานาธิบดีสหรัฐ เจดี แวนซ์กล่าวว่า สหรัฐจำเป็นต้องสร้างความมั่นใจว่าประเทศจะเป็นผู้นำในอาร์คติก เพื่อแซงหน้ารัสเซียแต่จะมีความเป็นไปได้หรือไม่สำหรับกองเรืออาร์คติก เมื่อเทียบกับกองเรือของรัสเซีย

    กองเรืออาร์คติกของรัสเซีย

    • กองเรือรัสเซียในอาร์คติกเป็นกองเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มียานพาหนะ 42 ลำซึ่งมีเรือฝ่าน้ำแข็งพลังงานนิวเคลียร์ 8 ลำและเรือฝ่าน้ำแข็งที่ใช้น้ำมันและไฟฟ้า 34 ลำ
    • กองเรือประกอบด้วยเรือฝ่าน้ำแข็งพลังงานนิวเคลียร์หนักจาก Project 22220 ที่มีกำลัง 60 เมกะวัตต์ (MW) รวมถึงเรือฝ่าน้ำแข็งที่มีกำลังมากที่สุดในโลกอย่าง Viktor Chernomyrdin ซึ่งมีกำลัง 25 เมกะวัตต์ (MW)
    • ความมั่นใจของรัสเซียอาร์คติกคือ กองเรือรัสเซียทางตอนเหนือ รวมถึงเรือฝ่ายน้ำแข็งหนัก Ilya Muromets เรือปราบเรือดำน้ำ Vice-Admiral Kulakov และเรือรบใหญ่ Alexander Otrakovsky
    • เรือดำน้ำนิวเคลียร์ระดับ Borei ยังสามารถปฏิบัติการได้ในขั้วโลกเหนือซึ่งแต่ละลำบรรทุกขีปนาวุธข้ามทวีป Bulava 16 ลูก เรือดำน้ำนิวเคลียร์ระดับ Yasen พร้อมขีปนาวุธ Onyx ขีปนาวุธ Kalibr และขีปนาวุธ Zircon

    กองเรืออาร์คติกของสหรัฐ

    • เรือรบ Polar Star ยังคงเป็นเรือฝ่าน้ำแข็งหนักเพียงลำเดียวของสหรัฐที่สามารถฝ่าน้ำแข็งในอาร์คติก ส่วนเรือฝ่าน้ำแข็งขนาดกลาง Healy ไม่ได้ใช้งานในอาร์คติกแล้ว
    • เรือรบบางลำเช่น เรือพิฆาต Arleigh Burke และเรือลาดตระเวน Ticonderoga สามารถปฏิบัติการได้ในอาร์คติก
    • เรือดำน้ำที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์หลายลำ เช่น เรือ Los Angeles เรือ Virginia และเรือ Seawolf สามารถเดินเรือในน้ำแข็งได้
    • จากเรื่องที่สหรัฐ “มีเรือฝ่าน้ำแข็งน้อยกว่าอย่างมาก” เมื่อเทียบกับรัสเซีย Gregory Guillot ผู้บัญชาการของกองทัพเรือของสหรัฐและกองทัพอากาศอเมริกาเหนือที่ยอมรับว่า “ยังไม่ได้จำกัดเสรีภาพในการซ้อมรบในอาร์คติก”

    https://sputnikglobe.com/20250329/-russia-vs-us-who-holds-the-ice-in-the-arctic-fleet-race--1121710115.html

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    01-04-68/01 : หมี CNN / ยังไม่ชัดพออีกเหรอ? ไอ้ควาย! มรึงจะเอาเหี้ยอะไรไปเทียบ? กองเรือที่ดีที่สุดในโลกตอนนี้ ไปอยู่ที่รัสเซีย จีน หมดแล้ว นวตกรรมโลกยุคใหม่ เทไปเอเซียหมดเกลี้ยง ของเก่าสมัย 30 ปี ก่อน มรึงยังกล้าเอามาอวดอ้างอีกเหรอ? อาร์คติค มันแบเบอร์อยู่แล้ว หากมรึงคิดจะวัด ตอบคำถามให้ได้ก่อนว่า "อาวุธมรึงที่จะใช้ในพื้นที่ติดลบ 60 องศา เซลเซียส มีแค่ไหน?" รัสเซียพัฒนาอาวุธจุดเหยือกแข็งมานานนับ 30 ปี ไม่ว่าจะรบในสมรภูมิใด เค้ารับได้หมด แต่อาวุธมรึงน็อค ตั้งแต่ยังไม่ทันจะใช้ แล้วจำนวนมรึงมีแค่ไหน เค้าผลิต 24 ชม. NON STOP วัคถุดิบมี เงินมี แล้วมรึงล่ะ ยิ่งกำลังพลไม่ต้องถาม จีน รัสเซีย มีเป็นล้าน ยังไม่นับทหารรับจ้างอีกครึ่งล้าน อาร์คติคของใคร? คงไม่ต้องถามกันต่อให้เสียอารมณ์ เพราะทุกวันนี้ เรือตัดน้ำแข็ง โครงสร้างพื้นฐาน สำหรับฐานทัพ ฐานปฎิบัติการ ในอาร์คติค รัสเซีย จีน จัดเต็มกว่ามรึงเยอะ แค่ชาตินาโต้ สแกนดิเนเวีย ยังมีไม่ถึงครึ่ง สิ่งอำนวยความสะดวก อุปกรณ์ ที่มรึงจะใช้สำรวจ เจาะ หรือเพื่อวิจัยงานธรณี เพราะเงินสู้เค้าไม่ได้ เพราะพลังงานมรึงเป็นรอง เพราะเทคโนโลยีเทียบชั้นไม่ติด อย่าว่าแต่อาร์คติคเลย ไอ้ที่มรึงมีอยู่ ยังรักษาไว้ไม่ได้ คงมีแต่ควายเท่านั้น ที่เชื่อว่ามรึงเจ๋ง? ยิ่งอเมริกาโดดเดี่ยว เปลี่ยนยุโรปจากพันธมิตรกลายเป็นศัตรู ลำพังมรึงและนาโต้ หมาหมู่ ยังแพ้ยับรัสเซียในยูเครน ยังจะมีหน้ามาเสนอในอาร์คติคเพื่อ? อีกไม่นานดอก ท่อแก็สอาร์คติคจะเข้าสู่ยุโรปชัวร์ ไปถึงกรีนแลนด์ด้วย หากสดชื่น เหี้ยไม่เจียมตัว บทสุดท้ายคือ "สูญพันธุ์เหี้ย" รบกันเองให้เสร็จก่อนดีกว่ามุย? เหลือเท่าไหร่ค่อยมาวัดกับกู ให้กูขยี้เล่น บอกตรง จีน รัสเซีย มองข้าม อเมริกา ยุโรป ไปนานแล้ว เค้ารวบรวมโลกเข้าหากัน ผ่าน BRICS แล้วมรึงล่ะ ดีแต่แตกแยก จะเอาเหี้ยอะไรไปชนะ? ภูมิภาคศาสตร์โลกยุคใหม่ กลายเป็นพื้นที่ของโลกใหม่ไปแล้ว สงครามไม่เกิด มรึงก็จะดันให้เกิดให้ได้ ตายไม่ว่า แต่อียิวต้องยังคงอยู่สิน่ะ? งั้นล่ออียิวตายโหงก่อนตัวแรกเลยดีมั้ยล่ะ? ต้นตอปัญหาโลกทั้งหมดเกิดจากมันเนี่ยแหละ ในอาร์คติค นอกจากเป็นแหล่งพลังงานมหาศาลโลก ยังเป็นแหล่งของวัตถุลึกลับ และศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์นอกโลก ศูนย์ฐานปฎิบัติการใต้น้ำ ทำให้รู้ถึงสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งมันมีมานานแล้วนับ 1000000 ปี นวตกรรมใหม่โลกก่อเกิด อานิสงค์จากเพื่อนต่างมิติ ร่องรอย ติดตามเทคโนโลยีนอกโลก แม้แต่เศษอุกกาบาต ก็ทำให้สามารถทราบถึงเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมาได้ ความลับแท้จริงจากสิ่งนอกโลก มีกระจายไปทั่ว แต่จุดศูนย์กลางอยู่ที่ "แอนตาร์กติกา" ซึ่งมนุษย์ไม่ได้ถูกอนุญาตให้เข้าใกล้แถบนั้น คือข้อตกลงกันระหว่างชาวโลก กับผู้มาเยือนที่รักสันติภาพ Russia vs US: Who Holds the Ice in the Arctic Fleet Race? รัสเซียหรือสหรัฐ - ใครจะเป็นผู้รักษาน้ำแข็งในการแข่งขันกองเรือในอาร์คติก ------------------------------------------------------------------------— RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : รัสเซียหรือสหรัฐ - ใครจะเป็นผู้ครอบครองเขตน้ำแข็งในการแข่งขันกองเรือในอาร์คติก รองประธานาธิบดีสหรัฐ เจดี แวนซ์กล่าวว่า สหรัฐจำเป็นต้องสร้างความมั่นใจว่าประเทศจะเป็นผู้นำในอาร์คติก เพื่อแซงหน้ารัสเซียแต่จะมีความเป็นไปได้หรือไม่สำหรับกองเรืออาร์คติก เมื่อเทียบกับกองเรือของรัสเซีย กองเรืออาร์คติกของรัสเซีย • กองเรือรัสเซียในอาร์คติกเป็นกองเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มียานพาหนะ 42 ลำซึ่งมีเรือฝ่าน้ำแข็งพลังงานนิวเคลียร์ 8 ลำและเรือฝ่าน้ำแข็งที่ใช้น้ำมันและไฟฟ้า 34 ลำ • กองเรือประกอบด้วยเรือฝ่าน้ำแข็งพลังงานนิวเคลียร์หนักจาก Project 22220 ที่มีกำลัง 60 เมกะวัตต์ (MW) รวมถึงเรือฝ่าน้ำแข็งที่มีกำลังมากที่สุดในโลกอย่าง Viktor Chernomyrdin ซึ่งมีกำลัง 25 เมกะวัตต์ (MW) • ความมั่นใจของรัสเซียอาร์คติกคือ กองเรือรัสเซียทางตอนเหนือ รวมถึงเรือฝ่ายน้ำแข็งหนัก Ilya Muromets เรือปราบเรือดำน้ำ Vice-Admiral Kulakov และเรือรบใหญ่ Alexander Otrakovsky • เรือดำน้ำนิวเคลียร์ระดับ Borei ยังสามารถปฏิบัติการได้ในขั้วโลกเหนือซึ่งแต่ละลำบรรทุกขีปนาวุธข้ามทวีป Bulava 16 ลูก เรือดำน้ำนิวเคลียร์ระดับ Yasen พร้อมขีปนาวุธ Onyx ขีปนาวุธ Kalibr และขีปนาวุธ Zircon กองเรืออาร์คติกของสหรัฐ • เรือรบ Polar Star ยังคงเป็นเรือฝ่าน้ำแข็งหนักเพียงลำเดียวของสหรัฐที่สามารถฝ่าน้ำแข็งในอาร์คติก ส่วนเรือฝ่าน้ำแข็งขนาดกลาง Healy ไม่ได้ใช้งานในอาร์คติกแล้ว • เรือรบบางลำเช่น เรือพิฆาต Arleigh Burke และเรือลาดตระเวน Ticonderoga สามารถปฏิบัติการได้ในอาร์คติก • เรือดำน้ำที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์หลายลำ เช่น เรือ Los Angeles เรือ Virginia และเรือ Seawolf สามารถเดินเรือในน้ำแข็งได้ • จากเรื่องที่สหรัฐ “มีเรือฝ่าน้ำแข็งน้อยกว่าอย่างมาก” เมื่อเทียบกับรัสเซีย Gregory Guillot ผู้บัญชาการของกองทัพเรือของสหรัฐและกองทัพอากาศอเมริกาเหนือที่ยอมรับว่า “ยังไม่ได้จำกัดเสรีภาพในการซ้อมรบในอาร์คติก” https://sputnikglobe.com/20250329/-russia-vs-us-who-holds-the-ice-in-the-arctic-fleet-race--1121710115.html ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    SPUTNIKGLOBE.COM
    Russia vs US: Who Holds the Ice in the Arctic Fleet Race?
    US Vice President JD Vance said the US needs to make sure it's leading in the Arctic to outperform Russia.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 473 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนใช้บริษัทหน้าม้าเพื่อแอบจ้างวิศวกรไต้หวันและดึงความรู้ด้านเซมิคอนดักเตอร์ไปใช้ รัฐบาลไต้หวันตรวจค้นบริษัท กว่า 34 แห่ง และสอบปากคำบุคคล 90 ราย โดยมองว่านี่เป็นภัยคุกคามต่ออุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ วิธีนี้ช่วยให้บริษัทจีนสามารถหลีกเลี่ยงมาตรการตรวจสอบและลักลอบขโมยเทคโนโลยีไปใช้อย่างลับ ๆ

    การปลอมแปลงตัวตนของบริษัทจีน
    - บางบริษัทจีน ปลอมตัวเป็นบริษัทไต้หวัน หรือแสดงตัวว่าเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในต่างประเทศ เช่น Samoa และ Singapore เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการตรวจสอบ

    ตัวอย่างบริษัทที่เกี่ยวข้อง
    - Semiconductor Manufacturing International Corporation (SMIC) ซึ่งเป็นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ที่รัฐจีนสนับสนุน ใช้ บริษัทลูกในไต้หวัน เพื่อสรรหาพนักงานอย่างลับ ๆ
    - Cloudnix บริษัทผลิตชิปเน็ตเวิร์คจากจีน แอบจ้างพนักงานจาก Intel และ Microsoft และจดทะเบียนเป็นบริษัทสิงคโปร์
    - Shenzhen Torey Microelectronics Technology ดำเนินกิจการอย่างลับ ๆ ในไต้หวันโดยไม่เปิดเผยตัวตน

    มุมมองของรัฐบาลไต้หวัน
    - ไต้หวันมองว่าการกระทำนี้เป็นภัยต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็น “เกราะป้องกันระดับชาติ” ที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ

    ความคล้ายคลึงกับสงครามเทคโนโลยีในอดีต
    - การดึงตัววิศวกรไต้หวันไปทำงานกับบริษัทจีนคล้ายกับยุคสงครามเย็นที่โซเวียตพยายามดึงตัวบุคลากรจากโครงการ Apollo ของสหรัฐฯ

    https://www.computerworld.com/article/3950892/chinese-firms-accused-of-poaching-taiwans-chip-engineers-using-bogus-front-companies.html
    จีนใช้บริษัทหน้าม้าเพื่อแอบจ้างวิศวกรไต้หวันและดึงความรู้ด้านเซมิคอนดักเตอร์ไปใช้ รัฐบาลไต้หวันตรวจค้นบริษัท กว่า 34 แห่ง และสอบปากคำบุคคล 90 ราย โดยมองว่านี่เป็นภัยคุกคามต่ออุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ วิธีนี้ช่วยให้บริษัทจีนสามารถหลีกเลี่ยงมาตรการตรวจสอบและลักลอบขโมยเทคโนโลยีไปใช้อย่างลับ ๆ การปลอมแปลงตัวตนของบริษัทจีน - บางบริษัทจีน ปลอมตัวเป็นบริษัทไต้หวัน หรือแสดงตัวว่าเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในต่างประเทศ เช่น Samoa และ Singapore เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการตรวจสอบ ตัวอย่างบริษัทที่เกี่ยวข้อง - Semiconductor Manufacturing International Corporation (SMIC) ซึ่งเป็นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ที่รัฐจีนสนับสนุน ใช้ บริษัทลูกในไต้หวัน เพื่อสรรหาพนักงานอย่างลับ ๆ - Cloudnix บริษัทผลิตชิปเน็ตเวิร์คจากจีน แอบจ้างพนักงานจาก Intel และ Microsoft และจดทะเบียนเป็นบริษัทสิงคโปร์ - Shenzhen Torey Microelectronics Technology ดำเนินกิจการอย่างลับ ๆ ในไต้หวันโดยไม่เปิดเผยตัวตน มุมมองของรัฐบาลไต้หวัน - ไต้หวันมองว่าการกระทำนี้เป็นภัยต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็น “เกราะป้องกันระดับชาติ” ที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ ความคล้ายคลึงกับสงครามเทคโนโลยีในอดีต - การดึงตัววิศวกรไต้หวันไปทำงานกับบริษัทจีนคล้ายกับยุคสงครามเย็นที่โซเวียตพยายามดึงตัวบุคลากรจากโครงการ Apollo ของสหรัฐฯ https://www.computerworld.com/article/3950892/chinese-firms-accused-of-poaching-taiwans-chip-engineers-using-bogus-front-companies.html
    WWW.COMPUTERWORLD.COM
    After fake employees, fake enterprises are next hiring threat to corporate data
    In Taiwan, investigators raided businesses they say acted as fronts for Chinese companies to hire away workers with key expertise and industry knowledge.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 316 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Loongson ผู้ผลิตซีพียูรายใหญ่ของจีน ได้เปิดตัว เซิร์ฟเวอร์ในประเทศเต็มรูปแบบตัวแรก ซึ่งใช้ ซีพียู Loongson 3C6000 ในรูปแบบ Dual-Silicon โดยใช้เทคโนโลยี Loongson Coherent Link ซึ่งเป็นการพัฒนาโซลูชันเซิร์ฟเวอร์แบบครบวงจรเพื่อตอบสนองต่อนโยบายของจีนที่มุ่งลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ

    พลังการประมวลผลระดับสูง
    - Loongson 3C6000 มี 16 คอร์ และ 32 เธรด และสามารถรองรับการเชื่อมต่อแบบ แปดซีพียู ทำให้เซิร์ฟเวอร์หนึ่งเครื่องสามารถมีได้ถึง 128 คอร์ และ 256 เธรด

    เทคโนโลยีการเชื่อมต่อ Dragon Chain
    - ระบบเชื่อมต่อภายใน Dragon Chain เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เซิร์ฟเวอร์มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และช่วยให้สามารถขยายการประมวลผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    เทียบเคียงประสิทธิภาพกับ Intel Xeon 4314
    - แม้ว่าประสิทธิภาพจะยังไม่สามารถแข่งขันกับเซิร์ฟเวอร์ระดับสูงจากตะวันตกได้ แต่ Loongson ได้ยืนยันว่า 3C6000 มีศักยภาพเทียบเคียงกับ Intel Xeon 4314 จากยุค Ice Lake ซึ่งมีจำนวนคอร์และเธรดใกล้เคียงกัน

    เป้าหมายของตลาดและการใช้งานภาครัฐ
    - จีนมีนโยบายสนับสนุนการใช้ฮาร์ดแวร์ในประเทศ ทำให้เซิร์ฟเวอร์ Loongson ได้รับการยอมรับในภาครัฐ และมีแนวโน้มได้รับการนำไปใช้ในองค์กรต่าง ๆ

    https://wccftech.com/china-first-100-localized-server-makes-its-debut/
    บริษัท Loongson ผู้ผลิตซีพียูรายใหญ่ของจีน ได้เปิดตัว เซิร์ฟเวอร์ในประเทศเต็มรูปแบบตัวแรก ซึ่งใช้ ซีพียู Loongson 3C6000 ในรูปแบบ Dual-Silicon โดยใช้เทคโนโลยี Loongson Coherent Link ซึ่งเป็นการพัฒนาโซลูชันเซิร์ฟเวอร์แบบครบวงจรเพื่อตอบสนองต่อนโยบายของจีนที่มุ่งลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ พลังการประมวลผลระดับสูง - Loongson 3C6000 มี 16 คอร์ และ 32 เธรด และสามารถรองรับการเชื่อมต่อแบบ แปดซีพียู ทำให้เซิร์ฟเวอร์หนึ่งเครื่องสามารถมีได้ถึง 128 คอร์ และ 256 เธรด เทคโนโลยีการเชื่อมต่อ Dragon Chain - ระบบเชื่อมต่อภายใน Dragon Chain เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เซิร์ฟเวอร์มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และช่วยให้สามารถขยายการประมวลผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทียบเคียงประสิทธิภาพกับ Intel Xeon 4314 - แม้ว่าประสิทธิภาพจะยังไม่สามารถแข่งขันกับเซิร์ฟเวอร์ระดับสูงจากตะวันตกได้ แต่ Loongson ได้ยืนยันว่า 3C6000 มีศักยภาพเทียบเคียงกับ Intel Xeon 4314 จากยุค Ice Lake ซึ่งมีจำนวนคอร์และเธรดใกล้เคียงกัน เป้าหมายของตลาดและการใช้งานภาครัฐ - จีนมีนโยบายสนับสนุนการใช้ฮาร์ดแวร์ในประเทศ ทำให้เซิร์ฟเวอร์ Loongson ได้รับการยอมรับในภาครัฐ และมีแนวโน้มได้รับการนำไปใช้ในองค์กรต่าง ๆ https://wccftech.com/china-first-100-localized-server-makes-its-debut/
    WCCFTECH.COM
    China's First "100% Localized" Server Makes Its Debut, Featuring Loongson's 3C6000 CPUs In a Dual-Silicon Configuration
    China's famous CPU manufacturer Loongson has unveiled the nation's first in-house server, which is based on a dual-CPU configuration.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • Elon Musk ควบรวม xAI เข้ากับ X (Twitter เดิม) เพื่อรวมทรัพยากรด้านข้อมูลและเทคโนโลยี AI โดยมีเป้าหมายสร้างประสบการณ์ผู้ใช้งานที่ฉลาดขึ้น เช่น ฟีเจอร์ AI ที่แนะนำคอนเทนต์ส่วนบุคคล การเปลี่ยนแปลงนี้ยังสะท้อนแนวโน้มใหม่ใน Silicon Valley ที่เน้นใช้โซเชียลมีเดียเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการพัฒนา AI

    จุดเปลี่ยนของ X (Twitter เดิม):
    - หลังจาก Musk ซื้อ Twitter ในปี 2022 แพลตฟอร์มประสบปัญหารายได้โฆษณาลดลงและการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่ขัดใจผู้ใช้งาน อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งใหม่ของ Donald Trump และบทบาทของ Musk ในรัฐบาลช่วยให้ X เริ่มฟื้นตัวในปลายปี 2024

    ศักยภาพของ xAI:
    - xAI กลายเป็นหนึ่งในห้องวิจัย AI ชั้นนำ โดยสร้างโมเดลปัญญาประดิษฐ์ที่แข็งแกร่ง เช่น Grok ซึ่งเป็นแชทบอทที่ผสานเข้ากับ X มาตั้งแต่ปี 2023

    ความขัดแย้งและผลกระทบต่อนักลงทุน:
    - การควบรวมนี้อาจทำให้นักลงทุนบางรายรู้สึกเสียเปรียบ เนื่องจากทั้งสองบริษัทถูกควบคุมโดย Musk และยังมีคำถามเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินธุรกรรม

    ทิศทางใหม่ของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย:
    - X จะไม่เป็นเพียงแพลตฟอร์มโซเชียล แต่จะกลายเป็นแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อฝึกสอนและพัฒนา AI พร้อมนำเสนอฟีเจอร์ AI ที่ล้ำสมัย เช่น การแนะนำคอนเทนต์ส่วนบุคคลและแชทบอทที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น

    https://www.techspot.com/news/107340-musk-merges-startup-xai-twitter-betting-ai-revitalize.html
    Elon Musk ควบรวม xAI เข้ากับ X (Twitter เดิม) เพื่อรวมทรัพยากรด้านข้อมูลและเทคโนโลยี AI โดยมีเป้าหมายสร้างประสบการณ์ผู้ใช้งานที่ฉลาดขึ้น เช่น ฟีเจอร์ AI ที่แนะนำคอนเทนต์ส่วนบุคคล การเปลี่ยนแปลงนี้ยังสะท้อนแนวโน้มใหม่ใน Silicon Valley ที่เน้นใช้โซเชียลมีเดียเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการพัฒนา AI จุดเปลี่ยนของ X (Twitter เดิม): - หลังจาก Musk ซื้อ Twitter ในปี 2022 แพลตฟอร์มประสบปัญหารายได้โฆษณาลดลงและการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่ขัดใจผู้ใช้งาน อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งใหม่ของ Donald Trump และบทบาทของ Musk ในรัฐบาลช่วยให้ X เริ่มฟื้นตัวในปลายปี 2024 ศักยภาพของ xAI: - xAI กลายเป็นหนึ่งในห้องวิจัย AI ชั้นนำ โดยสร้างโมเดลปัญญาประดิษฐ์ที่แข็งแกร่ง เช่น Grok ซึ่งเป็นแชทบอทที่ผสานเข้ากับ X มาตั้งแต่ปี 2023 ความขัดแย้งและผลกระทบต่อนักลงทุน: - การควบรวมนี้อาจทำให้นักลงทุนบางรายรู้สึกเสียเปรียบ เนื่องจากทั้งสองบริษัทถูกควบคุมโดย Musk และยังมีคำถามเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินธุรกรรม ทิศทางใหม่ของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย: - X จะไม่เป็นเพียงแพลตฟอร์มโซเชียล แต่จะกลายเป็นแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อฝึกสอนและพัฒนา AI พร้อมนำเสนอฟีเจอร์ AI ที่ล้ำสมัย เช่น การแนะนำคอนเทนต์ส่วนบุคคลและแชทบอทที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น https://www.techspot.com/news/107340-musk-merges-startup-xai-twitter-betting-ai-revitalize.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Musk merges startup xAI and Twitter, betting on AI to revitalize social media
    In a post on X, Musk stated, "The futures of xAI and X are interconnected. Today, we officially take the step to merge our data, models, computing...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 รีวิว
  • แบตเตอรี่รุ่นใหม่ในปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านความจุ ความเร็วในการชาร์จ ความปลอดภัย และอายุการใช้งาน นี่คือความคืบหน้าล่าสุดและเทคโนโลยีที่น่าจับตามอง:

    ### 1. **แบตเตอรี่ Solid-State**
    - **ความคืบหน้า**: หลายบริษัทเช่น Toyota, QuantumScape และ Samsung SDI กำลังเร่งพัฒนาสู่การผลิตมวลชน คาดว่าจะเริ่มใช้ในรถไฟฟ้า (EV) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในปี 2025-2030
    - **จุดเด่น**:
    - ความหนาแน่นพลังงานสูงขึ้น (อาจถึง 2-3 เท่าของ Li-ion)
    - ชาร์จเร็วขึ้น ลดความเสี่ยงการระเบิดหรือ overheating
    - อายุการใช้งานยาวนานกว่า

    ### 2. **แบตเตอรี่ Lithium-Sulfur (Li-S)**
    - **ความคืบหน้า**: บริษัทเช่น Oxis Energy และ Sion Power กำลังทดสอบในโดรนและอากาศยาน
    - **จุดเด่น**:
    - ความจุพลังงานสูงกว่าลิเธียม-ไอออนถึง 5 เท่า
    - วัสดุราคาถูกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกว่า

    ### 3. **เทคโนโลยี Silicon Anode**
    - **ความคืบหน้า**: Tesla, Panasonic และ Sila Nanotechnologies เริ่มใช้ซิลิกอนแทนกราไฟต์ในแอโนด
    - **จุดเด่น**:
    - เพิ่มความจุพลังงาน 20-40%
    - ชาร์จเร็วขึ้นโดยไม่ลดอายุการใช้งาน

    ### 4. **แบตเตอรี่ Sodium-Ion (แทน Lithium)**
    - **ความคืบหน้า**: CATL (ผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ของจีน) เริ่มผลิตแล้วในปี 2023
    - **จุดเด่น**:
    - ราคาถูกกว่าเพราะใช้โซเดียม (มีมากในธรรมชาติ)
    - ทำงานได้ดีในอุณหภูมิต่ำ

    ### 5. **นวัตกรรมการชาร์จ**
    - **Ultra-Fast Charging**: แบตเตอรี่รุ่นใหม่บางชนิดชาร์จได้ 80% ใน 15 นาที (เช่นในรถไฟฟ้ารุ่นล่าสุด)
    - **Wireless Charging**: เริ่มใช้ในสมาร์ทโฟนและรถไฟฟ้าแบบไร้สาย

    ### **สรุปการพัฒนา**
    - **ดีขึ้นชัดเจน** ในด้านความจุและความเร็ว แต่ยังมีข้อจำกัดด้านต้นทุนและการผลิตมวลชน
    - **รถไฟฟ้าได้ประโยชน์มากสุด** จากแบตเตอรี่ความจุสูงและปลอดภัยขึ้น
    - **อุปกรณ์พกพา** เช่น สมาร์ทโฟนอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงช้ากว่า เน้นการชาร์จเร็วและอายุการใช้งาน

    คาดการณ์ว่าในอีก 5-10 ปีข้างหน้า แบตเตอรี่รุ่นใหม่จะลดราคาและแพร่หลาย ส่งผลให้รถไฟฟ้าราคาถูกลงและเก็บพลังงานสะอาดได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น!
    แบตเตอรี่รุ่นใหม่ในปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านความจุ ความเร็วในการชาร์จ ความปลอดภัย และอายุการใช้งาน นี่คือความคืบหน้าล่าสุดและเทคโนโลยีที่น่าจับตามอง: ### 1. **แบตเตอรี่ Solid-State** - **ความคืบหน้า**: หลายบริษัทเช่น Toyota, QuantumScape และ Samsung SDI กำลังเร่งพัฒนาสู่การผลิตมวลชน คาดว่าจะเริ่มใช้ในรถไฟฟ้า (EV) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในปี 2025-2030 - **จุดเด่น**: - ความหนาแน่นพลังงานสูงขึ้น (อาจถึง 2-3 เท่าของ Li-ion) - ชาร์จเร็วขึ้น ลดความเสี่ยงการระเบิดหรือ overheating - อายุการใช้งานยาวนานกว่า ### 2. **แบตเตอรี่ Lithium-Sulfur (Li-S)** - **ความคืบหน้า**: บริษัทเช่น Oxis Energy และ Sion Power กำลังทดสอบในโดรนและอากาศยาน - **จุดเด่น**: - ความจุพลังงานสูงกว่าลิเธียม-ไอออนถึง 5 เท่า - วัสดุราคาถูกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกว่า ### 3. **เทคโนโลยี Silicon Anode** - **ความคืบหน้า**: Tesla, Panasonic และ Sila Nanotechnologies เริ่มใช้ซิลิกอนแทนกราไฟต์ในแอโนด - **จุดเด่น**: - เพิ่มความจุพลังงาน 20-40% - ชาร์จเร็วขึ้นโดยไม่ลดอายุการใช้งาน ### 4. **แบตเตอรี่ Sodium-Ion (แทน Lithium)** - **ความคืบหน้า**: CATL (ผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ของจีน) เริ่มผลิตแล้วในปี 2023 - **จุดเด่น**: - ราคาถูกกว่าเพราะใช้โซเดียม (มีมากในธรรมชาติ) - ทำงานได้ดีในอุณหภูมิต่ำ ### 5. **นวัตกรรมการชาร์จ** - **Ultra-Fast Charging**: แบตเตอรี่รุ่นใหม่บางชนิดชาร์จได้ 80% ใน 15 นาที (เช่นในรถไฟฟ้ารุ่นล่าสุด) - **Wireless Charging**: เริ่มใช้ในสมาร์ทโฟนและรถไฟฟ้าแบบไร้สาย ### **สรุปการพัฒนา** - **ดีขึ้นชัดเจน** ในด้านความจุและความเร็ว แต่ยังมีข้อจำกัดด้านต้นทุนและการผลิตมวลชน - **รถไฟฟ้าได้ประโยชน์มากสุด** จากแบตเตอรี่ความจุสูงและปลอดภัยขึ้น - **อุปกรณ์พกพา** เช่น สมาร์ทโฟนอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงช้ากว่า เน้นการชาร์จเร็วและอายุการใช้งาน คาดการณ์ว่าในอีก 5-10 ปีข้างหน้า แบตเตอรี่รุ่นใหม่จะลดราคาและแพร่หลาย ส่งผลให้รถไฟฟ้าราคาถูกลงและเก็บพลังงานสะอาดได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 414 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts