• Fidji Simo เข้าร่วม OpenAI ในตำแหน่ง CEO of Applications OpenAI กำลังปรับโครงสร้างทีมบริหารเพื่อรองรับการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดย Fidji Simo ซึ่งเป็น CEO ของ Instacart จะเข้ารับตำแหน่ง CEO of Applications ที่ OpenAI และรายงานตรงต่อ Sam Altman

    OpenAI มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์มากกว่า 500 ล้านคน และกำลังขยายบทบาทไปสู่ การเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับโลก เพื่อสนับสนุนประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

    ✅ Fidji Simo จะเข้ารับตำแหน่ง CEO of Applications ที่ OpenAI
    - รายงานตรงต่อ Sam Altman
    - ดูแล การนำงานวิจัยไปใช้ในเชิงพาณิชย์และการดำเนินงานของบริษัท

    ✅ OpenAI มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์มากกว่า 500 ล้านคน
    - กำลังขยายบทบาทไปสู่ การเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับโลก

    ✅ Fidji Simo เคยเป็นสมาชิกบอร์ดของ OpenAI มาก่อน
    - มีประสบการณ์ในการ บริหารและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสาธารณประโยชน์

    ✅ Sam Altman ยังคงเป็น CEO ของ OpenAI และดูแลด้าน Research, Compute และ Applications
    - ยังคงมีบทบาทสำคัญในการ กำหนดทิศทางของบริษัท

    ✅ Fidji Simo จะเข้ารับตำแหน่งหลังจากออกจาก Instacart ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
    - คาดว่าจะเริ่มงานที่ OpenAI ภายในปีนี้

    https://www.neowin.net/news/instacart-ceo-fidji-simo-to-join-openai-as-ceo-of-applications/
    Fidji Simo เข้าร่วม OpenAI ในตำแหน่ง CEO of Applications OpenAI กำลังปรับโครงสร้างทีมบริหารเพื่อรองรับการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดย Fidji Simo ซึ่งเป็น CEO ของ Instacart จะเข้ารับตำแหน่ง CEO of Applications ที่ OpenAI และรายงานตรงต่อ Sam Altman OpenAI มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์มากกว่า 500 ล้านคน และกำลังขยายบทบาทไปสู่ การเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับโลก เพื่อสนับสนุนประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ✅ Fidji Simo จะเข้ารับตำแหน่ง CEO of Applications ที่ OpenAI - รายงานตรงต่อ Sam Altman - ดูแล การนำงานวิจัยไปใช้ในเชิงพาณิชย์และการดำเนินงานของบริษัท ✅ OpenAI มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์มากกว่า 500 ล้านคน - กำลังขยายบทบาทไปสู่ การเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับโลก ✅ Fidji Simo เคยเป็นสมาชิกบอร์ดของ OpenAI มาก่อน - มีประสบการณ์ในการ บริหารและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสาธารณประโยชน์ ✅ Sam Altman ยังคงเป็น CEO ของ OpenAI และดูแลด้าน Research, Compute และ Applications - ยังคงมีบทบาทสำคัญในการ กำหนดทิศทางของบริษัท ✅ Fidji Simo จะเข้ารับตำแหน่งหลังจากออกจาก Instacart ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า - คาดว่าจะเริ่มงานที่ OpenAI ภายในปีนี้ https://www.neowin.net/news/instacart-ceo-fidji-simo-to-join-openai-as-ceo-of-applications/
    WWW.NEOWIN.NET
    Instacart CEO Fidji Simo to join OpenAI as CEO of Applications
    OpenAI is appointing Instacart CEO Fidji Simo as its new CEO of Applications to manage the company's rapidly growing product side and business operations.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • Raspberry Pi OS อัปเดตใหม่ เพิ่มฟีเจอร์ล็อกหน้าจอและปรับปรุงการพิมพ์ ผู้ใช้ Raspberry Pi สามารถดาวน์โหลด Raspberry Pi OS เวอร์ชันล่าสุด ซึ่งมาพร้อมกับ หน้าจอล็อกใหม่, ตัวเลือกล็อกอินอัตโนมัติที่ดีขึ้น, แอปพลิเคชันเครื่องพิมพ์ใหม่ และการรองรับหน้าจอสัมผัสที่ปรับปรุงแล้ว

    การอัปเดตนี้ยังรวมถึง Linux 6.12 และการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเพื่อ เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน โดยผู้ใช้ที่มีระบบอยู่แล้วสามารถอัปเดตได้ง่าย ๆ ผ่าน คำสั่งใน Terminal

    ✅ เพิ่มหน้าจอล็อกใหม่ที่ใช้ Swaylock
    - Raspberry Pi ได้ปรับแต่ง Swaylock ให้มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายขึ้น
    - สามารถล็อกหน้าจอได้โดย กด Ctrl-Alt-L หรือเลือกล็อกหน้าจอจากเมนูปิดเครื่อง

    ✅ ปรับปรุงตัวเลือกล็อกอินอัตโนมัติ
    - เพิ่มตัวเลือก ปิดการล็อกอินอัตโนมัติผ่าน Raspberry Pi Configuration และ raspi-config
    - ป้องกัน การเข้าถึงระบบผ่าน TTY switches เมื่อเปิดล็อกหน้าจอ

    ✅ เปลี่ยนแอปพลิเคชันเครื่องพิมพ์เป็น GNOME Printers
    - แอปพลิเคชันเดิม system-config-printer ถูกแทนที่ด้วย GNOME Printers ที่ปรับแต่งใหม่
    - มี ดีไซน์ที่สะอาดตาและใช้งานง่ายขึ้น

    ✅ ปรับปรุงการรองรับหน้าจอสัมผัส
    - เพิ่มตัวเลือก สลับระหว่างโหมดเลียนแบบเมาส์และโหมดสัมผัสเต็มรูปแบบ
    - สามารถ เปิดใช้งานได้จากเมนูใหม่ใน Screen Configuration

    ✅ ผู้ใช้สามารถอัปเดตระบบได้ง่าย ๆ ผ่านคำสั่งใน Terminal
    - ใช้คำสั่ง sudo apt update และ sudo apt full-upgrade

    https://www.neowin.net/news/raspberry-pi-os-updated-with-new-lock-screen-better-printer-application-and-more/
    Raspberry Pi OS อัปเดตใหม่ เพิ่มฟีเจอร์ล็อกหน้าจอและปรับปรุงการพิมพ์ ผู้ใช้ Raspberry Pi สามารถดาวน์โหลด Raspberry Pi OS เวอร์ชันล่าสุด ซึ่งมาพร้อมกับ หน้าจอล็อกใหม่, ตัวเลือกล็อกอินอัตโนมัติที่ดีขึ้น, แอปพลิเคชันเครื่องพิมพ์ใหม่ และการรองรับหน้าจอสัมผัสที่ปรับปรุงแล้ว การอัปเดตนี้ยังรวมถึง Linux 6.12 และการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเพื่อ เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน โดยผู้ใช้ที่มีระบบอยู่แล้วสามารถอัปเดตได้ง่าย ๆ ผ่าน คำสั่งใน Terminal ✅ เพิ่มหน้าจอล็อกใหม่ที่ใช้ Swaylock - Raspberry Pi ได้ปรับแต่ง Swaylock ให้มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายขึ้น - สามารถล็อกหน้าจอได้โดย กด Ctrl-Alt-L หรือเลือกล็อกหน้าจอจากเมนูปิดเครื่อง ✅ ปรับปรุงตัวเลือกล็อกอินอัตโนมัติ - เพิ่มตัวเลือก ปิดการล็อกอินอัตโนมัติผ่าน Raspberry Pi Configuration และ raspi-config - ป้องกัน การเข้าถึงระบบผ่าน TTY switches เมื่อเปิดล็อกหน้าจอ ✅ เปลี่ยนแอปพลิเคชันเครื่องพิมพ์เป็น GNOME Printers - แอปพลิเคชันเดิม system-config-printer ถูกแทนที่ด้วย GNOME Printers ที่ปรับแต่งใหม่ - มี ดีไซน์ที่สะอาดตาและใช้งานง่ายขึ้น ✅ ปรับปรุงการรองรับหน้าจอสัมผัส - เพิ่มตัวเลือก สลับระหว่างโหมดเลียนแบบเมาส์และโหมดสัมผัสเต็มรูปแบบ - สามารถ เปิดใช้งานได้จากเมนูใหม่ใน Screen Configuration ✅ ผู้ใช้สามารถอัปเดตระบบได้ง่าย ๆ ผ่านคำสั่งใน Terminal - ใช้คำสั่ง sudo apt update และ sudo apt full-upgrade https://www.neowin.net/news/raspberry-pi-os-updated-with-new-lock-screen-better-printer-application-and-more/
    WWW.NEOWIN.NET
    Raspberry Pi OS updated with new lock screen, better printer application, and more
    The Raspberry Pi OS has been updated. It now comes with an improved lock screen, a better app to manage printers, improved touchscreen support, and more.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • Docker Desktop ซึ่งเป็นเครื่องมือยอดนิยมสำหรับนักพัฒนาในการสร้างและจัดการ containerized applications ได้เปิดให้ดาวน์โหลดผ่าน Microsoft Store แล้ว ซึ่งช่วยให้ การติดตั้งและอัปเดตง่ายขึ้น สำหรับนักพัฒนาและทีม IT

    Microsoft Store จะช่วยให้ Docker Desktop ได้รับการอัปเดตอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดปัญหาด้าน ความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนด โดยเฉพาะในองค์กรที่มีข้อจำกัดด้านการเข้าถึง Microsoft Store

    นอกจากนี้ Docker Desktop บน Microsoft Store ยังมี การผสานรวมกับ Intune MDM ซึ่งช่วยให้ องค์กรสามารถจัดการและติดตั้ง Docker Desktop ได้ง่ายขึ้น ผ่านเครื่องมือบริหารจัดการของ Microsoft

    ✅ Docker Desktop พร้อมให้ดาวน์โหลดผ่าน Microsoft Store
    - ช่วยให้ การติดตั้งและอัปเดตง่ายขึ้น
    - รองรับ การอัปเดตอัตโนมัติผ่าน Microsoft Store

    ✅ ช่วยลดปัญหาด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนด
    - อัปเดตอัตโนมัติช่วย ลดช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
    - เหมาะสำหรับ องค์กรที่มีข้อจำกัดด้านการเข้าถึง Microsoft Store

    ✅ การผสานรวมกับ Intune MDM
    - ช่วยให้ องค์กรสามารถจัดการและติดตั้ง Docker Desktop ได้ง่ายขึ้น
    - รองรับ การแจกจ่ายผ่านช่องทางองค์กรของ Microsoft Store

    ✅ การอัปเดตทำงานคล้ายกับคำสั่ง winget
    - สามารถติดตั้งผ่านคำสั่ง:

    winget install --id=XP8CBJ40XLBWKX --source=msstore

    ‼️ ความท้าทายในการจัดการอัปเดตอัตโนมัติ
    - แม้ว่าการอัปเดตอัตโนมัติจะช่วยลดช่องโหว่ด้านความปลอดภัย แต่บางองค์กรอาจต้องการควบคุมเวอร์ชันที่ใช้งาน

    https://www.neowin.net/news/docker-desktop-app-is-now-available-on-the-microsoft-store/
    Docker Desktop ซึ่งเป็นเครื่องมือยอดนิยมสำหรับนักพัฒนาในการสร้างและจัดการ containerized applications ได้เปิดให้ดาวน์โหลดผ่าน Microsoft Store แล้ว ซึ่งช่วยให้ การติดตั้งและอัปเดตง่ายขึ้น สำหรับนักพัฒนาและทีม IT Microsoft Store จะช่วยให้ Docker Desktop ได้รับการอัปเดตอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดปัญหาด้าน ความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนด โดยเฉพาะในองค์กรที่มีข้อจำกัดด้านการเข้าถึง Microsoft Store นอกจากนี้ Docker Desktop บน Microsoft Store ยังมี การผสานรวมกับ Intune MDM ซึ่งช่วยให้ องค์กรสามารถจัดการและติดตั้ง Docker Desktop ได้ง่ายขึ้น ผ่านเครื่องมือบริหารจัดการของ Microsoft ✅ Docker Desktop พร้อมให้ดาวน์โหลดผ่าน Microsoft Store - ช่วยให้ การติดตั้งและอัปเดตง่ายขึ้น - รองรับ การอัปเดตอัตโนมัติผ่าน Microsoft Store ✅ ช่วยลดปัญหาด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนด - อัปเดตอัตโนมัติช่วย ลดช่องโหว่ด้านความปลอดภัย - เหมาะสำหรับ องค์กรที่มีข้อจำกัดด้านการเข้าถึง Microsoft Store ✅ การผสานรวมกับ Intune MDM - ช่วยให้ องค์กรสามารถจัดการและติดตั้ง Docker Desktop ได้ง่ายขึ้น - รองรับ การแจกจ่ายผ่านช่องทางองค์กรของ Microsoft Store ✅ การอัปเดตทำงานคล้ายกับคำสั่ง winget - สามารถติดตั้งผ่านคำสั่ง: winget install --id=XP8CBJ40XLBWKX --source=msstore ‼️ ความท้าทายในการจัดการอัปเดตอัตโนมัติ - แม้ว่าการอัปเดตอัตโนมัติจะช่วยลดช่องโหว่ด้านความปลอดภัย แต่บางองค์กรอาจต้องการควบคุมเวอร์ชันที่ใช้งาน https://www.neowin.net/news/docker-desktop-app-is-now-available-on-the-microsoft-store/
    WWW.NEOWIN.NET
    Docker Desktop app is now available on the Microsoft Store
    This new availability simplifies installation and updates for developers and IT teams. It also comes with Intune integration for easier deployment.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • อดีตประธานาธิบดี Donald Trump ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเขามี "ความรู้สึกดี" ต่อ TikTok และพร้อมที่จะให้ ขยายเวลาการขายกิจการในสหรัฐฯ อีกครั้ง แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเคยพยายามแบนแอปนี้ในสมัยดำรงตำแหน่ง

    กฎหมาย Protecting Americans from Foreign Adversary Controlled Applications Act ซึ่งผ่านการอนุมัติเมื่อปี 2024 ระบุว่า TikTok เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ และกำหนดให้ ByteDance ต้องขายกิจการในสหรัฐฯ ภายในวันที่ 20 มกราคม 2025 มิฉะนั้นจะถูกแบน อย่างไรก็ตาม Trump ได้ลงนามในคำสั่งบริหารเพื่อ เลื่อนการแบนออกไป 75 วัน และล่าสุดได้ให้ ขยายเวลาอีก 75 วัน ทำให้เส้นตายใหม่เป็น 19 มิถุนายน 2025

    Trump ให้เหตุผลว่า TikTok มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เขาได้รับคะแนนเสียงจากเยาวชน ในการเลือกตั้งปี 2024 โดยเขากล่าวว่า "ผมชนะคะแนนเสียงจากเยาวชนไป 36 จุด ซึ่งไม่เคยมีพรรครีพับลิกันคนไหนทำได้มาก่อน และผมมุ่งเน้นไปที่ TikTok"

    ✅ Trump ให้สัมภาษณ์ว่าเขามี "ความรู้สึกดี" ต่อ TikTok
    - พร้อมให้ ขยายเวลาการขายกิจการในสหรัฐฯ อีกครั้ง
    - เคยพยายามแบน TikTok ในสมัยดำรงตำแหน่ง

    ✅ กฎหมายกำหนดให้ ByteDance ต้องขายกิจการภายในวันที่ 20 มกราคม 2025
    - หากไม่ขาย TikTok จะถูกแบนในสหรัฐฯ
    - Trump ลงนามคำสั่งบริหาร เลื่อนการแบนออกไป 75 วัน

    ✅ Trump ให้ขยายเวลาอีก 75 วัน ทำให้เส้นตายใหม่เป็น 19 มิถุนายน 2025
    - ให้เหตุผลว่า TikTok มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เขาได้รับคะแนนเสียงจากเยาวชน
    - กล่าวว่า "ผมชนะคะแนนเสียงจากเยาวชนไป 36 จุด"

    ✅ มีรายงานว่าข้อตกลงขายกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ ใกล้สำเร็จ
    - Trump ระบุว่า "เรามีข้อตกลงแล้ว"
    - กลุ่มนักลงทุนที่สนใจซื้อกิจการเป็น "บุคคลที่มีอิทธิพลและมีเงินทุนสูง"

    https://www.techspot.com/news/107799-trump-offers-tiktok-another-extension-has-warm-spot.html
    อดีตประธานาธิบดี Donald Trump ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเขามี "ความรู้สึกดี" ต่อ TikTok และพร้อมที่จะให้ ขยายเวลาการขายกิจการในสหรัฐฯ อีกครั้ง แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเคยพยายามแบนแอปนี้ในสมัยดำรงตำแหน่ง กฎหมาย Protecting Americans from Foreign Adversary Controlled Applications Act ซึ่งผ่านการอนุมัติเมื่อปี 2024 ระบุว่า TikTok เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ และกำหนดให้ ByteDance ต้องขายกิจการในสหรัฐฯ ภายในวันที่ 20 มกราคม 2025 มิฉะนั้นจะถูกแบน อย่างไรก็ตาม Trump ได้ลงนามในคำสั่งบริหารเพื่อ เลื่อนการแบนออกไป 75 วัน และล่าสุดได้ให้ ขยายเวลาอีก 75 วัน ทำให้เส้นตายใหม่เป็น 19 มิถุนายน 2025 Trump ให้เหตุผลว่า TikTok มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เขาได้รับคะแนนเสียงจากเยาวชน ในการเลือกตั้งปี 2024 โดยเขากล่าวว่า "ผมชนะคะแนนเสียงจากเยาวชนไป 36 จุด ซึ่งไม่เคยมีพรรครีพับลิกันคนไหนทำได้มาก่อน และผมมุ่งเน้นไปที่ TikTok" ✅ Trump ให้สัมภาษณ์ว่าเขามี "ความรู้สึกดี" ต่อ TikTok - พร้อมให้ ขยายเวลาการขายกิจการในสหรัฐฯ อีกครั้ง - เคยพยายามแบน TikTok ในสมัยดำรงตำแหน่ง ✅ กฎหมายกำหนดให้ ByteDance ต้องขายกิจการภายในวันที่ 20 มกราคม 2025 - หากไม่ขาย TikTok จะถูกแบนในสหรัฐฯ - Trump ลงนามคำสั่งบริหาร เลื่อนการแบนออกไป 75 วัน ✅ Trump ให้ขยายเวลาอีก 75 วัน ทำให้เส้นตายใหม่เป็น 19 มิถุนายน 2025 - ให้เหตุผลว่า TikTok มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เขาได้รับคะแนนเสียงจากเยาวชน - กล่าวว่า "ผมชนะคะแนนเสียงจากเยาวชนไป 36 จุด" ✅ มีรายงานว่าข้อตกลงขายกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ ใกล้สำเร็จ - Trump ระบุว่า "เรามีข้อตกลงแล้ว" - กลุ่มนักลงทุนที่สนใจซื้อกิจการเป็น "บุคคลที่มีอิทธิพลและมีเงินทุนสูง" https://www.techspot.com/news/107799-trump-offers-tiktok-another-extension-has-warm-spot.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Trump offers TikTok another extension on ban, says he has a "warm spot" in his heart for the app
    At the start of last year, the Protecting Americans from Foreign Adversary Controlled Applications Act was passed, defining TikTok as being a threat to national security and...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • Huntress ได้ขยายความสามารถของ Identity Threat Detection and Response (ITDR) เพื่อป้องกันการโจรกรรมข้อมูลประจำตัวและการโจมตีแบบ Business Email Compromise (BEC) โดยเพิ่มฟีเจอร์ Unwanted Access ที่ช่วยตรวจจับพฤติกรรมการเข้าสู่ระบบที่ผิดปกติ เช่น การใช้ VPN ที่ไม่คาดคิด หรือการเดินทางที่เป็นไปไม่ได้

    นอกจากนี้ Huntress ยังเพิ่มระบบตรวจจับ Rogue Applications ซึ่งช่วยวิเคราะห์แอปพลิเคชันที่ใช้ OAuth เพื่อเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยระบบนี้สามารถตรวจจับแอปพลิเคชันที่มีสิทธิ์มากเกินไป หรือมีพฤติกรรมที่น่าสงสัย และให้คำแนะนำในการลบแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย

    Huntress ยังเปิดตัว Shadow Workflows ซึ่งช่วยป้องกันการตั้งค่ากฎการส่งต่ออีเมลที่เป็นอันตราย และประกาศความพร้อมใช้งานของ Managed SIEM ที่มีการรวมระบบรักษาความปลอดภัยจากแบรนด์ชั้นนำกว่า 20 ราย เช่น 1Password, Fortinet, Palo Alto Networks, Sophos และ LastPass

    ✅ การเพิ่มฟีเจอร์ Unwanted Access
    - ตรวจจับพฤติกรรมการเข้าสู่ระบบที่ผิดปกติ เช่น VPN ที่ไม่คาดคิด
    - แยกบัญชีที่ถูกบุกรุกออกจากระบบแบบเรียลไทม์

    ✅ ระบบตรวจจับ Rogue Applications
    - วิเคราะห์แอปพลิเคชันที่ใช้ OAuth เพื่อเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
    - ตรวจจับแอปพลิเคชันที่มีสิทธิ์มากเกินไปและให้คำแนะนำในการลบ

    ✅ การเปิดตัว Shadow Workflows
    - ป้องกันการตั้งค่ากฎการส่งต่ออีเมลที่เป็นอันตราย
    - ลดความเสี่ยงจากการโจมตีแบบ BEC

    ✅ Managed SIEM พร้อมใช้งาน
    - รวมระบบรักษาความปลอดภัยจากแบรนด์ชั้นนำกว่า 20 ราย
    - ช่วยให้การตรวจจับภัยคุกคามมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    https://www.csoonline.com/article/3972409/huntress-expands-itdr-capabilities-to-combat-credential-theft-and-bec.html
    Huntress ได้ขยายความสามารถของ Identity Threat Detection and Response (ITDR) เพื่อป้องกันการโจรกรรมข้อมูลประจำตัวและการโจมตีแบบ Business Email Compromise (BEC) โดยเพิ่มฟีเจอร์ Unwanted Access ที่ช่วยตรวจจับพฤติกรรมการเข้าสู่ระบบที่ผิดปกติ เช่น การใช้ VPN ที่ไม่คาดคิด หรือการเดินทางที่เป็นไปไม่ได้ นอกจากนี้ Huntress ยังเพิ่มระบบตรวจจับ Rogue Applications ซึ่งช่วยวิเคราะห์แอปพลิเคชันที่ใช้ OAuth เพื่อเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยระบบนี้สามารถตรวจจับแอปพลิเคชันที่มีสิทธิ์มากเกินไป หรือมีพฤติกรรมที่น่าสงสัย และให้คำแนะนำในการลบแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย Huntress ยังเปิดตัว Shadow Workflows ซึ่งช่วยป้องกันการตั้งค่ากฎการส่งต่ออีเมลที่เป็นอันตราย และประกาศความพร้อมใช้งานของ Managed SIEM ที่มีการรวมระบบรักษาความปลอดภัยจากแบรนด์ชั้นนำกว่า 20 ราย เช่น 1Password, Fortinet, Palo Alto Networks, Sophos และ LastPass ✅ การเพิ่มฟีเจอร์ Unwanted Access - ตรวจจับพฤติกรรมการเข้าสู่ระบบที่ผิดปกติ เช่น VPN ที่ไม่คาดคิด - แยกบัญชีที่ถูกบุกรุกออกจากระบบแบบเรียลไทม์ ✅ ระบบตรวจจับ Rogue Applications - วิเคราะห์แอปพลิเคชันที่ใช้ OAuth เพื่อเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต - ตรวจจับแอปพลิเคชันที่มีสิทธิ์มากเกินไปและให้คำแนะนำในการลบ ✅ การเปิดตัว Shadow Workflows - ป้องกันการตั้งค่ากฎการส่งต่ออีเมลที่เป็นอันตราย - ลดความเสี่ยงจากการโจมตีแบบ BEC ✅ Managed SIEM พร้อมใช้งาน - รวมระบบรักษาความปลอดภัยจากแบรนด์ชั้นนำกว่า 20 ราย - ช่วยให้การตรวจจับภัยคุกคามมีประสิทธิภาพมากขึ้น https://www.csoonline.com/article/3972409/huntress-expands-itdr-capabilities-to-combat-credential-theft-and-bec.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Huntress expands ITDR capabilities to combat credential theft and BEC
    The identity-based improvements target rogue applications, credential theft, and BEC attacks while fully managed SIEM adds to Huntress’ SOC workflows.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงการเพิ่มขึ้นของการโจมตีทางไซเบอร์ที่เน้นการขโมยข้อมูลประจำตัว (identity-based attacks) ซึ่งกำลังเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อธุรกิจ โดยเฉพาะแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย (rogue applications) ที่ถูกระบุว่าเป็นปัจจัยหลักของปัญหานี้ จากรายงานของ Huntress 2025 พบว่าองค์กรกว่า 67% รายงานว่ามีเหตุการณ์โจมตีที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลประจำตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และกว่า 35% ของเหตุการณ์ความปลอดภัยในปีที่ผ่านมาเกี่ยวข้องกับการโจมตีประเภทนี้

    การโจมตีเหล่านี้มักใช้วิธีการขโมยข้อมูล เช่น ข้อมูลการเข้าสู่ระบบ คุกกี้เซสชัน และโทเค็นการเข้าถึง เพื่อหลีกเลี่ยงการป้องกันของระบบ โดยมีการเตือนว่าผลกระทบทางการเงินจากการโจมตีเหล่านี้มีความรุนแรง โดย 32% ของธุรกิจสูญเสียเงินอย่างน้อย $100,000

    Huntress ยังแนะนำให้ใช้วิธีการป้องกัน เช่น การเข้าถึงเครือข่ายแบบ Zero-Trust (ZTNA) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตี

    ✅ การเพิ่มขึ้นของการโจมตีข้อมูลประจำตัว
    - องค์กรกว่า 67% รายงานว่ามีเหตุการณ์โจมตีเพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
    - กว่า 35% ของเหตุการณ์ความปลอดภัยในปีที่ผ่านมาเกี่ยวข้องกับการโจมตีข้อมูลประจำตัว

    ✅ แอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย
    - แอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายถูกระบุว่าเป็นปัจจัยหลักของปัญหา
    - 45% ขององค์กรเคยพบแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย

    ✅ ผลกระทบทางการเงิน
    - 32% ของธุรกิจสูญเสียเงินอย่างน้อย $100,000 จากการโจมตี
    - การโจมตีส่งผลต่อชื่อเสียงและการดำเนินงานขององค์กร

    ✅ วิธีการป้องกัน
    - ใช้ Zero-Trust Network Access (ZTNA) เพื่อช่วยลดความเสี่ยง
    - เพิ่มการตรวจสอบและการตอบสนองต่อเหตุการณ์

    https://www.techradar.com/pro/security/businesses-are-facing-increased-identity-based-attacks-and-rouge-applications-are-a-top-culprit
    บทความนี้กล่าวถึงการเพิ่มขึ้นของการโจมตีทางไซเบอร์ที่เน้นการขโมยข้อมูลประจำตัว (identity-based attacks) ซึ่งกำลังเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อธุรกิจ โดยเฉพาะแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย (rogue applications) ที่ถูกระบุว่าเป็นปัจจัยหลักของปัญหานี้ จากรายงานของ Huntress 2025 พบว่าองค์กรกว่า 67% รายงานว่ามีเหตุการณ์โจมตีที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลประจำตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และกว่า 35% ของเหตุการณ์ความปลอดภัยในปีที่ผ่านมาเกี่ยวข้องกับการโจมตีประเภทนี้ การโจมตีเหล่านี้มักใช้วิธีการขโมยข้อมูล เช่น ข้อมูลการเข้าสู่ระบบ คุกกี้เซสชัน และโทเค็นการเข้าถึง เพื่อหลีกเลี่ยงการป้องกันของระบบ โดยมีการเตือนว่าผลกระทบทางการเงินจากการโจมตีเหล่านี้มีความรุนแรง โดย 32% ของธุรกิจสูญเสียเงินอย่างน้อย $100,000 Huntress ยังแนะนำให้ใช้วิธีการป้องกัน เช่น การเข้าถึงเครือข่ายแบบ Zero-Trust (ZTNA) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตี ✅ การเพิ่มขึ้นของการโจมตีข้อมูลประจำตัว - องค์กรกว่า 67% รายงานว่ามีเหตุการณ์โจมตีเพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา - กว่า 35% ของเหตุการณ์ความปลอดภัยในปีที่ผ่านมาเกี่ยวข้องกับการโจมตีข้อมูลประจำตัว ✅ แอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย - แอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายถูกระบุว่าเป็นปัจจัยหลักของปัญหา - 45% ขององค์กรเคยพบแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย ✅ ผลกระทบทางการเงิน - 32% ของธุรกิจสูญเสียเงินอย่างน้อย $100,000 จากการโจมตี - การโจมตีส่งผลต่อชื่อเสียงและการดำเนินงานขององค์กร ✅ วิธีการป้องกัน - ใช้ Zero-Trust Network Access (ZTNA) เพื่อช่วยลดความเสี่ยง - เพิ่มการตรวจสอบและการตอบสนองต่อเหตุการณ์ https://www.techradar.com/pro/security/businesses-are-facing-increased-identity-based-attacks-and-rouge-applications-are-a-top-culprit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • Gigabyte ได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับปัญหาการรั่วไหลของเจลระบายความร้อนในกราฟิกการ์ด RTX 50-series ซึ่งเป็นปัญหาที่พบในผลิตภัณฑ์รุ่นแรกๆ ของสายการผลิต โดยเจลระบายความร้อนนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้มีการสัมผัสที่ดีขึ้นระหว่างพื้นผิวที่ไม่เรียบของส่วนประกอบ และสามารถทนต่ออุณหภูมิสูงถึง 150°C โดยไม่ละลาย

    Gigabyte ยอมรับว่าปัญหานี้เกิดจากการใช้เจลในปริมาณที่มากเกินไปในสายการผลิตช่วงแรก ซึ่งส่งผลให้เกิดการรั่วไหลที่มองเห็นได้ แต่ยืนยันว่าปัญหานี้ไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพ ความเสถียร หรืออายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ บริษัทได้ปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อแก้ไขปัญหาในผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่

    อย่างไรก็ตาม Gigabyte ยังไม่ได้ประกาศโปรแกรมเรียกคืนหรือเปลี่ยนสินค้า โดยแนะนำให้ผู้ใช้งานที่ได้รับผลกระทบติดต่อศูนย์บริการลูกค้าในภูมิภาคของตน

    ✅ การออกแบบเจลระบายความร้อน
    - เจลระบายความร้อนถูกออกแบบมาเพื่อให้มีการสัมผัสที่ดีขึ้นระหว่างพื้นผิวที่ไม่เรียบ
    - สามารถทนต่ออุณหภูมิสูงถึง 150°C โดยไม่ละลาย

    ✅ ปัญหาที่พบในสายการผลิต
    - การใช้เจลในปริมาณที่มากเกินไปในสายการผลิตช่วงแรก
    - ปัญหานี้ไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพ ความเสถียร หรืออายุการใช้งาน

    ✅ การตอบสนองของ Gigabyte
    - ปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อแก้ไขปัญหาในผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่
    - แนะนำให้ผู้ใช้งานที่ได้รับผลกระทบติดต่อศูนย์บริการลูกค้า

    ✅ ผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
    - ปัญหานี้อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/gigabyte-addresses-rtx-50-series-thermal-gel-leak-blames-over-application-in-early-production-units
    Gigabyte ได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับปัญหาการรั่วไหลของเจลระบายความร้อนในกราฟิกการ์ด RTX 50-series ซึ่งเป็นปัญหาที่พบในผลิตภัณฑ์รุ่นแรกๆ ของสายการผลิต โดยเจลระบายความร้อนนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้มีการสัมผัสที่ดีขึ้นระหว่างพื้นผิวที่ไม่เรียบของส่วนประกอบ และสามารถทนต่ออุณหภูมิสูงถึง 150°C โดยไม่ละลาย Gigabyte ยอมรับว่าปัญหานี้เกิดจากการใช้เจลในปริมาณที่มากเกินไปในสายการผลิตช่วงแรก ซึ่งส่งผลให้เกิดการรั่วไหลที่มองเห็นได้ แต่ยืนยันว่าปัญหานี้ไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพ ความเสถียร หรืออายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ บริษัทได้ปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อแก้ไขปัญหาในผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ อย่างไรก็ตาม Gigabyte ยังไม่ได้ประกาศโปรแกรมเรียกคืนหรือเปลี่ยนสินค้า โดยแนะนำให้ผู้ใช้งานที่ได้รับผลกระทบติดต่อศูนย์บริการลูกค้าในภูมิภาคของตน ✅ การออกแบบเจลระบายความร้อน - เจลระบายความร้อนถูกออกแบบมาเพื่อให้มีการสัมผัสที่ดีขึ้นระหว่างพื้นผิวที่ไม่เรียบ - สามารถทนต่ออุณหภูมิสูงถึง 150°C โดยไม่ละลาย ✅ ปัญหาที่พบในสายการผลิต - การใช้เจลในปริมาณที่มากเกินไปในสายการผลิตช่วงแรก - ปัญหานี้ไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพ ความเสถียร หรืออายุการใช้งาน ✅ การตอบสนองของ Gigabyte - ปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อแก้ไขปัญหาในผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ - แนะนำให้ผู้ใช้งานที่ได้รับผลกระทบติดต่อศูนย์บริการลูกค้า ✅ ผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค - ปัญหานี้อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/gigabyte-addresses-rtx-50-series-thermal-gel-leak-blames-over-application-in-early-production-units
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึง Cloud-Native Application Protection Platforms (CNAPPs) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในระบบคลาวด์ โดย CNAPPs รวมฟังก์ชันจากเครื่องมือ 4 ประเภท ได้แก่ CIEM, CWPP, CASB, และ CSPM เพื่อสร้างโซลูชันที่ครอบคลุมมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการขยายฟังก์ชันไปยังด้านอื่นๆ เช่น API Security, Container Security, และ Infrastructure-as-Code (IaC) Security

    ✅ CNAPPs รวมฟังก์ชันจากเครื่องมือ 4 ประเภท
    - CIEM: จัดการการเข้าถึงและความเสี่ยง
    - CWPP: ปกป้องโค้ดในระบบคลาวด์และการทำงานใน runtime
    - CASB: จัดการการยืนยันตัวตนและการเข้ารหัส
    - CSPM: รวมข้อมูลภัยคุกคามและการแก้ไข

    ✅ การขยายฟังก์ชันไปยังด้านอื่นๆ
    - ครอบคลุม API Security, Container Security, และ IaC Security
    - รองรับการจัดการข้อมูลและแอปพลิเคชัน SaaS

    ✅ การพัฒนา CNAPPs อย่างรวดเร็ว
    - CNAPPs ช่วยลดข้อผิดพลาดในการตั้งค่าระบบและเพิ่มความปลอดภัยใน pipeline การพัฒนา
    - ใช้ AI เพื่อปรับปรุงการตรวจจับภัยคุกคามและการแก้ไข

    ✅ การเปลี่ยนแปลงในตลาด CNAPPs
    - Google ซื้อ Wiz และ Check Point Software ยุติการขาย CloudGuard CNAPP
    - Fortinet ซื้อ Lacework และเปลี่ยนชื่อเป็น FortiCNAPP

    https://www.csoonline.com/article/573629/cnapp-buyers-guide-top-tools-compared.html
    บทความนี้กล่าวถึง Cloud-Native Application Protection Platforms (CNAPPs) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในระบบคลาวด์ โดย CNAPPs รวมฟังก์ชันจากเครื่องมือ 4 ประเภท ได้แก่ CIEM, CWPP, CASB, และ CSPM เพื่อสร้างโซลูชันที่ครอบคลุมมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการขยายฟังก์ชันไปยังด้านอื่นๆ เช่น API Security, Container Security, และ Infrastructure-as-Code (IaC) Security ✅ CNAPPs รวมฟังก์ชันจากเครื่องมือ 4 ประเภท - CIEM: จัดการการเข้าถึงและความเสี่ยง - CWPP: ปกป้องโค้ดในระบบคลาวด์และการทำงานใน runtime - CASB: จัดการการยืนยันตัวตนและการเข้ารหัส - CSPM: รวมข้อมูลภัยคุกคามและการแก้ไข ✅ การขยายฟังก์ชันไปยังด้านอื่นๆ - ครอบคลุม API Security, Container Security, และ IaC Security - รองรับการจัดการข้อมูลและแอปพลิเคชัน SaaS ✅ การพัฒนา CNAPPs อย่างรวดเร็ว - CNAPPs ช่วยลดข้อผิดพลาดในการตั้งค่าระบบและเพิ่มความปลอดภัยใน pipeline การพัฒนา - ใช้ AI เพื่อปรับปรุงการตรวจจับภัยคุกคามและการแก้ไข ✅ การเปลี่ยนแปลงในตลาด CNAPPs - Google ซื้อ Wiz และ Check Point Software ยุติการขาย CloudGuard CNAPP - Fortinet ซื้อ Lacework และเปลี่ยนชื่อเป็น FortiCNAPP https://www.csoonline.com/article/573629/cnapp-buyers-guide-top-tools-compared.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    CNAPP buyer’s guide: Top cloud-native app protection platforms compared
    Cloud-native application protection platforms (CNAPPs) aim to provide a complete cloud security solution, but some are more complete than others.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ได้ประกาศความร่วมมือกับ TSMC ในการผลิตชิป Nova Lake โดยใช้เทคโนโลยี N2 process ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระดับ 2 นาโนเมตรที่ล้ำสมัยที่สุดในปัจจุบัน การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นจากความต้องการเพิ่มกำลังการผลิตและลดความเสี่ยงในการเกิดความล่าช้าในผลิตภัณฑ์ของ Intel โดย Nova Lake จะเป็นรุ่นต่อจาก Arrow Lake และมีการเปลี่ยนแปลงด้านสถาปัตยกรรมที่สำคัญ

    ✅ Nova Lake ใช้เทคโนโลยี N2 process ของ TSMC
    - เทคโนโลยีนี้ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์และลดการใช้พลังงาน
    - Nova Lake จะมี CPU สูงสุดถึง 52 hybrid cores ที่แบ่งเป็น P-cores, E-cores และ LPE cores

    ✅ Intel ใช้กลยุทธ์การผลิตแบบ dual-sourcing
    - Nova Lake จะผลิตโดยใช้เทคโนโลยี N2 ของ TSMC สำหรับรุ่น high-end และ Intel 18A สำหรับรุ่น low-end
    - การผลิตแบบ dual-sourcing ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดความล่าช้า

    ✅ Nova Lake มีการเปลี่ยนแปลงด้านสถาปัตยกรรมที่สำคัญ
    - ใช้ socket ใหม่ LGA1954 ซึ่งไม่สามารถใช้งานร่วมกับเมนบอร์ดรุ่น 800-series ได้
    - มีการพัฒนาสถาปัตยกรรม P-cores และ E-cores รุ่นใหม่ เช่น Coyote Cove และ Arctic Wolf

    ✅ Intel มีแผนเปิดตัว Nova Lake ในปี 2026
    - Nova Lake จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สำคัญในกลยุทธ์การพัฒนาของ Intel

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/tsmcs-n2-process-reportedly-lands-orders-from-intel-nova-lake-is-the-likely-application
    Intel ได้ประกาศความร่วมมือกับ TSMC ในการผลิตชิป Nova Lake โดยใช้เทคโนโลยี N2 process ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระดับ 2 นาโนเมตรที่ล้ำสมัยที่สุดในปัจจุบัน การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นจากความต้องการเพิ่มกำลังการผลิตและลดความเสี่ยงในการเกิดความล่าช้าในผลิตภัณฑ์ของ Intel โดย Nova Lake จะเป็นรุ่นต่อจาก Arrow Lake และมีการเปลี่ยนแปลงด้านสถาปัตยกรรมที่สำคัญ ✅ Nova Lake ใช้เทคโนโลยี N2 process ของ TSMC - เทคโนโลยีนี้ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์และลดการใช้พลังงาน - Nova Lake จะมี CPU สูงสุดถึง 52 hybrid cores ที่แบ่งเป็น P-cores, E-cores และ LPE cores ✅ Intel ใช้กลยุทธ์การผลิตแบบ dual-sourcing - Nova Lake จะผลิตโดยใช้เทคโนโลยี N2 ของ TSMC สำหรับรุ่น high-end และ Intel 18A สำหรับรุ่น low-end - การผลิตแบบ dual-sourcing ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดความล่าช้า ✅ Nova Lake มีการเปลี่ยนแปลงด้านสถาปัตยกรรมที่สำคัญ - ใช้ socket ใหม่ LGA1954 ซึ่งไม่สามารถใช้งานร่วมกับเมนบอร์ดรุ่น 800-series ได้ - มีการพัฒนาสถาปัตยกรรม P-cores และ E-cores รุ่นใหม่ เช่น Coyote Cove และ Arctic Wolf ✅ Intel มีแผนเปิดตัว Nova Lake ในปี 2026 - Nova Lake จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สำคัญในกลยุทธ์การพัฒนาของ Intel https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/tsmcs-n2-process-reportedly-lands-orders-from-intel-nova-lake-is-the-likely-application
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้กล่าวถึงการโจมตีที่ใช้ช่องโหว่ Server-Side Request Forgery (SSRF) เพื่อขโมยข้อมูล EC2 Instance Metadata บนเซิร์ฟเวอร์ AWS โดยมีการแนะนำวิธีป้องกันและการแก้ไขปัญหา

    ✅ ลักษณะของการโจมตี:
    - ผู้โจมตีใช้ช่องโหว่ SSRF ในเว็บไซต์ที่โฮสต์บน EC2 เพื่อเข้าถึงข้อมูล EC2 Metadata เช่น IP Address, Instance ID และ Security Credentials.
    - การโจมตีนี้เกิดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม 2025 โดยใช้ช่องโหว่ใน Instance Metadata Service (IMDSv1) ซึ่งเป็นเวอร์ชันเก่าที่ไม่มีการป้องกันด้วย Session Token.

    ✅ การแก้ไขปัญหา:
    - F5 Labs แนะนำให้ผู้ใช้งานย้ายไปใช้ IMDSv2 ซึ่งต้องการ Session Token และมีการป้องกันที่ดีกว่า.
    - การตั้งค่า Web Application Firewall (WAF) เพื่อบล็อก IP ที่น่าสงสัย เช่น IP ที่มี "169.254.169.254" ซึ่งเป็น Internal IP ของ AWS.

    ✅ การดำเนินการของผู้โจมตี:
    - ผู้โจมตีเริ่มต้นการโจมตีจาก IP ใน ASN:34534 ซึ่งเป็นของบริษัท FBW NETWORKS SAS ในฝรั่งเศสและโรมาเนีย

    https://www.csoonline.com/article/3959148/hackers-attempted-to-steal-aws-credentials-using-ssrf-flaws-within-hosted-sites.html
    ข่าวนี้กล่าวถึงการโจมตีที่ใช้ช่องโหว่ Server-Side Request Forgery (SSRF) เพื่อขโมยข้อมูล EC2 Instance Metadata บนเซิร์ฟเวอร์ AWS โดยมีการแนะนำวิธีป้องกันและการแก้ไขปัญหา ✅ ลักษณะของการโจมตี: - ผู้โจมตีใช้ช่องโหว่ SSRF ในเว็บไซต์ที่โฮสต์บน EC2 เพื่อเข้าถึงข้อมูล EC2 Metadata เช่น IP Address, Instance ID และ Security Credentials. - การโจมตีนี้เกิดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม 2025 โดยใช้ช่องโหว่ใน Instance Metadata Service (IMDSv1) ซึ่งเป็นเวอร์ชันเก่าที่ไม่มีการป้องกันด้วย Session Token. ✅ การแก้ไขปัญหา: - F5 Labs แนะนำให้ผู้ใช้งานย้ายไปใช้ IMDSv2 ซึ่งต้องการ Session Token และมีการป้องกันที่ดีกว่า. - การตั้งค่า Web Application Firewall (WAF) เพื่อบล็อก IP ที่น่าสงสัย เช่น IP ที่มี "169.254.169.254" ซึ่งเป็น Internal IP ของ AWS. ✅ การดำเนินการของผู้โจมตี: - ผู้โจมตีเริ่มต้นการโจมตีจาก IP ใน ASN:34534 ซึ่งเป็นของบริษัท FBW NETWORKS SAS ในฝรั่งเศสและโรมาเนีย https://www.csoonline.com/article/3959148/hackers-attempted-to-steal-aws-credentials-using-ssrf-flaws-within-hosted-sites.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Hackers target SSRF flaws to steal AWS credentials
    Buggy websites hosted on EC2 instances can allow attackers to send unauthorized access requests for exposed EC2 instance metadata.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทักษะด้าน AI และ Cloud ทำให้เงินเดือนในสายไอทีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2024 โดยเฉพาะผู้ที่เชี่ยวชาญ Natural Language Processing, AWS และ Blockchain คาดว่า แนวโน้มนี้จะดำเนินต่อไปในปี 2025 นอกจากนี้ คนที่ทำงานด้าน AI มีระดับความพึงพอใจสูงกว่าค่าเฉลี่ย เนื่องจากเป็นงานที่ท้าทายและเปิดโอกาสให้เรียนรู้มากขึ้น Dice ยังแนะนำว่า การเปลี่ยนงาน 6-9 ครั้งในชีวิตการทำงานเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับการเติบโตของเงินเดือน

    ✅ ทักษะที่ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นมากที่สุดในปี 2024
    - Natural Language Processing (NLP): $131,621 (+21%)
    - AWS CodeWhisperer: $117,821 (+16%)
    - Amazon Redshift: $134,103 (+15%)
    - BigQuery: $120,434 (+15%)
    - COBOL: $130,243 (+15%)
    - Ruby: $136,920 (+13%)
    - AI ทั่วไป: $130,277 (+12%)
    - Blockchain: $113,143 (+12%)
    - Oracle eBusiness: $121,227 (+12%)
    - Application Delivery: $123,336 (+11%)

    ✅ AI ช่วยให้พนักงานมีความพึงพอใจในการทำงานมากขึ้น
    - ผู้ที่ทำงานในโครงการด้าน AI มีระดับความพึงพอใจสูงกว่าผู้ที่ทำงานในสายอื่น แม้จะได้รับเงินเดือนเท่ากัน
    - Dice ระบุว่า AI มอบผลประโยชน์ที่มากกว่าการเงิน เช่น ความท้าทายและโอกาสในการเรียนรู้

    ✅ แนวคิด "Goldilocks Zone" ของการเปลี่ยนงานในสายไอที
    - การเปลี่ยนงาน 6-9 ครั้งในชีวิตการทำงาน ส่งผลให้เงินเดือนเฉลี่ยสูงถึง $142,000
    - อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนงานมากกว่า 10 ครั้งอาจส่งผลเสียต่อรายได้
    - Dice แนะนำให้เลือกเปลี่ยนงาน อย่างมีกลยุทธ์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโต

    ✅ แนวโน้มของสภาพแวดล้อมการทำงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    - ผู้หญิงที่ทำงานในวงการเทคโนโลยีมาเกิน 20 ปี มีโอกาสมากกว่า 1.5 เท่า ที่จะระบุว่า วัฒนธรรมองค์กรดีขึ้นกว่าชายในอุตสาหกรรมเดียวกัน

    https://www.zdnet.com/home-and-office/work-life/these-tech-skills-drove-the-biggest-salary-increases-over-the-past-year/
    ทักษะด้าน AI และ Cloud ทำให้เงินเดือนในสายไอทีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2024 โดยเฉพาะผู้ที่เชี่ยวชาญ Natural Language Processing, AWS และ Blockchain คาดว่า แนวโน้มนี้จะดำเนินต่อไปในปี 2025 นอกจากนี้ คนที่ทำงานด้าน AI มีระดับความพึงพอใจสูงกว่าค่าเฉลี่ย เนื่องจากเป็นงานที่ท้าทายและเปิดโอกาสให้เรียนรู้มากขึ้น Dice ยังแนะนำว่า การเปลี่ยนงาน 6-9 ครั้งในชีวิตการทำงานเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับการเติบโตของเงินเดือน ✅ ทักษะที่ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นมากที่สุดในปี 2024 - Natural Language Processing (NLP): $131,621 (+21%) - AWS CodeWhisperer: $117,821 (+16%) - Amazon Redshift: $134,103 (+15%) - BigQuery: $120,434 (+15%) - COBOL: $130,243 (+15%) - Ruby: $136,920 (+13%) - AI ทั่วไป: $130,277 (+12%) - Blockchain: $113,143 (+12%) - Oracle eBusiness: $121,227 (+12%) - Application Delivery: $123,336 (+11%) ✅ AI ช่วยให้พนักงานมีความพึงพอใจในการทำงานมากขึ้น - ผู้ที่ทำงานในโครงการด้าน AI มีระดับความพึงพอใจสูงกว่าผู้ที่ทำงานในสายอื่น แม้จะได้รับเงินเดือนเท่ากัน - Dice ระบุว่า AI มอบผลประโยชน์ที่มากกว่าการเงิน เช่น ความท้าทายและโอกาสในการเรียนรู้ ✅ แนวคิด "Goldilocks Zone" ของการเปลี่ยนงานในสายไอที - การเปลี่ยนงาน 6-9 ครั้งในชีวิตการทำงาน ส่งผลให้เงินเดือนเฉลี่ยสูงถึง $142,000 - อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนงานมากกว่า 10 ครั้งอาจส่งผลเสียต่อรายได้ - Dice แนะนำให้เลือกเปลี่ยนงาน อย่างมีกลยุทธ์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโต ✅ แนวโน้มของสภาพแวดล้อมการทำงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี - ผู้หญิงที่ทำงานในวงการเทคโนโลยีมาเกิน 20 ปี มีโอกาสมากกว่า 1.5 เท่า ที่จะระบุว่า วัฒนธรรมองค์กรดีขึ้นกว่าชายในอุตสาหกรรมเดียวกัน https://www.zdnet.com/home-and-office/work-life/these-tech-skills-drove-the-biggest-salary-increases-over-the-past-year/
    WWW.ZDNET.COM
    These tech skills drove the biggest salary increases over the past year
    A new tech salaries report suggests that working with AI boosts both pay and satisfaction - but it also cautions that excessive job hopping can work against you.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 454 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักพัฒนาสร้าง WattWise ซึ่งเป็น เครื่องมือโอเพ่นซอร์ส ที่ช่วยลดการใช้พลังงานของ PC และเซิร์ฟเวอร์ ตามราคาค่าไฟ ระบบนี้ใช้ สมาร์ทปลั๊ก Kasa และปรับความเร็วซีพียู โดยอัตโนมัติ ตามช่วงเวลาที่ค่าไฟแพง นักพัฒนาวางแผนให้ WattWise รองรับสมาร์ทปลั๊กหลายแบรนด์และสามารถควบคุมพลังงานของจีพียูได้ด้วย

    ✅ WattWise ทำงานอย่างไร?
    - ใช้ สมาร์ทปลั๊ก Kasa และ Home Assistant เพื่อติดตามการใช้พลังงานแบบเรียลไทม์
    - ใช้อัลกอริธึม Proportional-Integral (PI) Controller เพื่อปรับความเร็วซีพียูตาม โหลดของระบบและราคาพลังงาน
    - ตัวอย่างเช่น การลดความเร็ว AMD EPYC จาก 3.7 GHz เหลือ 1.5 GHz สามารถลดการใช้ไฟได้ 225 วัตต์

    ✅ การควบคุมการทำงานของซีพียูและจีพียูแบบอัตโนมัติ
    - แอปสามารถปรับลดความเร็วของ ซีพียูและจีพียู ตามช่วงเวลาที่ค่าไฟสูง
    - นักพัฒนาตั้งเป้าให้ รองรับสมาร์ทปลั๊กหลายตัวและแบรนด์อื่น ๆ นอกเหนือจาก Kasa ในอนาคต

    ✅ ลดต้นทุนค่าไฟสำหรับผู้ใช้เซิร์ฟเวอร์และ Workstation
    - ระบบ สามารถลดค่าไฟฟ้าสำหรับเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานสูง
    - ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ควบคุมการใช้พลังงานแบบเรียลไทม์และลดค่าใช้จ่าย

    ✅ โอเพ่นซอร์สภายใต้ MIT License—ทุกคนสามารถใช้ได้ฟรี
    - นักพัฒนาเปิดให้ดาวน์โหลดจาก GitHub และเปิดรับความคิดเห็นเพื่อพัฒนาเพิ่มเติม
    - ปัจจุบันยังมีเฉพาะ Dashboard UI และระบบปรับลดพลังงานกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา

    https://www.tomshardware.com/software/applications/open-source-tool-designed-to-throttle-pc-and-server-performance-based-on-electricity-pricing-lightweight-cli-can-automatically-limit-clocks-during-peak-hours
    นักพัฒนาสร้าง WattWise ซึ่งเป็น เครื่องมือโอเพ่นซอร์ส ที่ช่วยลดการใช้พลังงานของ PC และเซิร์ฟเวอร์ ตามราคาค่าไฟ ระบบนี้ใช้ สมาร์ทปลั๊ก Kasa และปรับความเร็วซีพียู โดยอัตโนมัติ ตามช่วงเวลาที่ค่าไฟแพง นักพัฒนาวางแผนให้ WattWise รองรับสมาร์ทปลั๊กหลายแบรนด์และสามารถควบคุมพลังงานของจีพียูได้ด้วย ✅ WattWise ทำงานอย่างไร? - ใช้ สมาร์ทปลั๊ก Kasa และ Home Assistant เพื่อติดตามการใช้พลังงานแบบเรียลไทม์ - ใช้อัลกอริธึม Proportional-Integral (PI) Controller เพื่อปรับความเร็วซีพียูตาม โหลดของระบบและราคาพลังงาน - ตัวอย่างเช่น การลดความเร็ว AMD EPYC จาก 3.7 GHz เหลือ 1.5 GHz สามารถลดการใช้ไฟได้ 225 วัตต์ ✅ การควบคุมการทำงานของซีพียูและจีพียูแบบอัตโนมัติ - แอปสามารถปรับลดความเร็วของ ซีพียูและจีพียู ตามช่วงเวลาที่ค่าไฟสูง - นักพัฒนาตั้งเป้าให้ รองรับสมาร์ทปลั๊กหลายตัวและแบรนด์อื่น ๆ นอกเหนือจาก Kasa ในอนาคต ✅ ลดต้นทุนค่าไฟสำหรับผู้ใช้เซิร์ฟเวอร์และ Workstation - ระบบ สามารถลดค่าไฟฟ้าสำหรับเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานสูง - ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ควบคุมการใช้พลังงานแบบเรียลไทม์และลดค่าใช้จ่าย ✅ โอเพ่นซอร์สภายใต้ MIT License—ทุกคนสามารถใช้ได้ฟรี - นักพัฒนาเปิดให้ดาวน์โหลดจาก GitHub และเปิดรับความคิดเห็นเพื่อพัฒนาเพิ่มเติม - ปัจจุบันยังมีเฉพาะ Dashboard UI และระบบปรับลดพลังงานกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา https://www.tomshardware.com/software/applications/open-source-tool-designed-to-throttle-pc-and-server-performance-based-on-electricity-pricing-lightweight-cli-can-automatically-limit-clocks-during-peak-hours
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 310 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft พยายามบล็อกการใช้ BYPASSNRO เพื่อบังคับให้ผู้ใช้ Windows 11 เชื่อมต่อกับบัญชี Microsoft แต่ผู้ใช้ค้นพบวิธีใหม่ที่ช่วยให้สามารถสร้างบัญชีแบบ Local ได้โดยใช้คำสั่ง WinJS-Microsoft-Account-Bypass ผ่าน Developer Console วิธีนี้สามารถใช้ได้ทุกเวอร์ชันของ Windows 11 และกำลังเป็นที่นิยมในชุมชนผู้ใช้

    == ขั้นตอนการตั้งค่าบัญชีแบบ Local โดยไม่ต้องใช้บัญชี Microsoft==
    1. เริ่มต้นกระบวนการติดตั้ง Windows 11
    - เปิดเครื่องด้วย USB หรือ ISO สำหรับการติดตั้ง Windows 11
    - เลือก ภูมิภาค (Region) และ รูปแบบแป้นพิมพ์ (Keyboard Layout)

    2. หยุดที่หน้าการตั้งค่า Secondary Keyboard Layout
    - เมื่อถึงหน้าการตั้งค่า Secondary Keyboard Layout อย่ากดข้าม (Skip)
    - หากคุณกดข้ามไปแล้วและอยู่ที่หน้าตั้งค่าเครือข่าย (Network Setup), ไม่ต้องกังวล คุณสามารถย้อนกลับมาได้ตามคำแนะนำในส่วนแก้ปัญหา

    3. เปิด Developer Console
    - กด Ctrl + Shift + J เพื่อเปิด Developer Console
    - หน้าจอจะมืดลงและปรากฏ Prompt (>) ที่มุมบนซ้ายของหน้าจอ

    4. ป้อนคำสั่งเพื่อรีสตาร์ทในโหมด Local Account
    - พิมพ์คำสั่งนี้ใน Developer Console:
    ==================================
    WinJS.Application.restart("ms-cxh://LOCALONLY")
    ==================================
    - หมายเหตุ: คำสั่งนี้ ต้องตรงตามตัวพิมพ์ใหญ่-เล็ก (Case-Sensitive)
    - คุณสามารถใช้ Tab-completion เพื่อช่วยพิมพ์คำสั่งให้ถูกต้อง

    5. ออกจาก Developer Console
    - กด Enter เพื่อเรียกใช้คำสั่ง
    - กด Escape เพื่อออกจาก Developer Console และกลับไปที่ OOBE

    6. ตั้งค่าบัญชี Local
    - หน้าจอ Secondary Keyboard Layout จะรีเฟรช
    - Windows จะปรากฏ หน้าตั้งค่าบัญชีแบบ Local ในสไตล์ Windows 10
    - ป้อน ชื่อผู้ใช้, รหัสผ่าน, และ คำถามเพื่อความปลอดภัย
    - กด Next เพื่อดำเนินการต่อ

    7. เสร็จสิ้นการติดตั้ง
    - หลังจากตั้งค่าบัญชี Local หน้าจอจะมืดลง และ Windows 11 จะเข้าสู่ระบบของคุณ
    - รอให้ Windows ตั้งค่าผู้ใช้ไม่กี่วินาที
    - ดำเนินการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวตามปกติ

    https://www.neowin.net/news/forget-bypassnro-a-new-internetaccount-bypass-during-windows-11-installs-already-exists/
    Microsoft พยายามบล็อกการใช้ BYPASSNRO เพื่อบังคับให้ผู้ใช้ Windows 11 เชื่อมต่อกับบัญชี Microsoft แต่ผู้ใช้ค้นพบวิธีใหม่ที่ช่วยให้สามารถสร้างบัญชีแบบ Local ได้โดยใช้คำสั่ง WinJS-Microsoft-Account-Bypass ผ่าน Developer Console วิธีนี้สามารถใช้ได้ทุกเวอร์ชันของ Windows 11 และกำลังเป็นที่นิยมในชุมชนผู้ใช้ == ขั้นตอนการตั้งค่าบัญชีแบบ Local โดยไม่ต้องใช้บัญชี Microsoft== 1. เริ่มต้นกระบวนการติดตั้ง Windows 11 - เปิดเครื่องด้วย USB หรือ ISO สำหรับการติดตั้ง Windows 11 - เลือก ภูมิภาค (Region) และ รูปแบบแป้นพิมพ์ (Keyboard Layout) 2. หยุดที่หน้าการตั้งค่า Secondary Keyboard Layout - เมื่อถึงหน้าการตั้งค่า Secondary Keyboard Layout อย่ากดข้าม (Skip) - หากคุณกดข้ามไปแล้วและอยู่ที่หน้าตั้งค่าเครือข่าย (Network Setup), ไม่ต้องกังวล คุณสามารถย้อนกลับมาได้ตามคำแนะนำในส่วนแก้ปัญหา 3. เปิด Developer Console - กด Ctrl + Shift + J เพื่อเปิด Developer Console - หน้าจอจะมืดลงและปรากฏ Prompt (>) ที่มุมบนซ้ายของหน้าจอ 4. ป้อนคำสั่งเพื่อรีสตาร์ทในโหมด Local Account - พิมพ์คำสั่งนี้ใน Developer Console: ================================== WinJS.Application.restart("ms-cxh://LOCALONLY") ================================== - หมายเหตุ: คำสั่งนี้ ต้องตรงตามตัวพิมพ์ใหญ่-เล็ก (Case-Sensitive) - คุณสามารถใช้ Tab-completion เพื่อช่วยพิมพ์คำสั่งให้ถูกต้อง 5. ออกจาก Developer Console - กด Enter เพื่อเรียกใช้คำสั่ง - กด Escape เพื่อออกจาก Developer Console และกลับไปที่ OOBE 6. ตั้งค่าบัญชี Local - หน้าจอ Secondary Keyboard Layout จะรีเฟรช - Windows จะปรากฏ หน้าตั้งค่าบัญชีแบบ Local ในสไตล์ Windows 10 - ป้อน ชื่อผู้ใช้, รหัสผ่าน, และ คำถามเพื่อความปลอดภัย - กด Next เพื่อดำเนินการต่อ 7. เสร็จสิ้นการติดตั้ง - หลังจากตั้งค่าบัญชี Local หน้าจอจะมืดลง และ Windows 11 จะเข้าสู่ระบบของคุณ - รอให้ Windows ตั้งค่าผู้ใช้ไม่กี่วินาที - ดำเนินการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวตามปกติ https://www.neowin.net/news/forget-bypassnro-a-new-internetaccount-bypass-during-windows-11-installs-already-exists/
    WWW.NEOWIN.NET
    Forget BYPASSNRO, a new internet/account bypass during Windows 11 installs already exists
    While Microsoft is bloacking the popular BYPASSNRO method of bypassing the internet and MSA requirements, a new way to do so had already existed but flew under the radar.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 316 มุมมอง 0 รีวิว
  • Null's Brawl is a private server version of Brawl Stars that allows players to access unlimited resources, unlock all brawlers instantly, and experiment with different game mechanics without restrictions. While it can be fun to explore all the features without grinding, it's important to remember that private servers are unofficial and may not always be safe. They can pose risks like malware, account bans, or lack of updates compared to the official game. If you're just looking to test brawlers or play casually, Nulls Brawl can be entertaining, but for a fair and competitive experience, sticking to the official version is recommended. Always be cautious when downloading third-party applications to protect your device and personal data. https://brawlnulls.net/
    Null's Brawl is a private server version of Brawl Stars that allows players to access unlimited resources, unlock all brawlers instantly, and experiment with different game mechanics without restrictions. While it can be fun to explore all the features without grinding, it's important to remember that private servers are unofficial and may not always be safe. They can pose risks like malware, account bans, or lack of updates compared to the official game. If you're just looking to test brawlers or play casually, Nulls Brawl can be entertaining, but for a fair and competitive experience, sticking to the official version is recommended. Always be cautious when downloading third-party applications to protect your device and personal data. https://brawlnulls.net/
    Nulls Brawl APK Download v60.420 Update April 2025
    Nulls Brawl is a privately hosted modified game of Brawl Stars, the publisher of the original game "Brawl Stars" is Supercell. The same developer who
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 388 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้พูดถึงช่องโหว่ความปลอดภัยใน ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งอาจทำให้ นักโจมตีทางไซเบอร์ สามารถควบคุมการผลิตพลังงาน แทรกแซงข้อมูลส่วนตัว หรือแม้กระทั่งขัดขวางการทำงานของโครงข่ายพลังงาน ผู้เชี่ยวชาญจาก Forescout – Vedere Labs ระบุช่องโหว่ใหม่ถึง 46 รายการในอุปกรณ์อินเวอร์เตอร์จากผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง Sungrow, Growatt และ SMA โดย 80% ของช่องโหว่ที่รายงานถือเป็นปัญหาร้ายแรงหรือสำคัญ

    ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการเชื่อมต่อออนไลน์:
    - หลายอินเวอร์เตอร์ในระบบพลังงานแสงอาทิตย์มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยตรง ทำให้ง่ายต่อการโจมตีผ่านการใช้เฟิร์มแวร์ที่ล้าสมัยหรือการเข้ารหัสข้อมูลที่อ่อนแอ

    ผลกระทบที่เกิดขึ้น:
    - การโจมตีสามารถทำให้เกิดความไม่สมดุลในโครงข่ายพลังงาน การขโมยข้อมูลที่ละเมิดข้อกำหนดด้าน GDPR รวมถึงการควบคุมอุปกรณ์ภายในบ้านอัจฉริยะ เช่น เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

    คำแนะนำในการป้องกัน:
    - ผู้ผลิตควรเร่งแก้ไขปัญหาด้วยการอัปเดตระบบ ปรับปรุงโค้ดให้ปลอดภัย และทดสอบเจาะระบบอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ควรมีการใช้ Web Application Firewall และมาตรการความปลอดภัยมาตรฐาน เช่น NIST IR 8259

    บทบาทของเจ้าของระบบพลังงานแสงอาทิตย์:
    - การแยกเครือข่ายของอุปกรณ์แสงอาทิตย์ การตั้งค่าระบบเฝ้าระวังความปลอดภัย และการใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันภัยไซเบอร์เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ใช้ควรดำเนินการ

    https://www.techradar.com/pro/millions-of-solar-power-systems-could-be-at-risk-of-cyber-attacks-after-researchers-find-flurry-of-vulnerabilities
    ข่าวนี้พูดถึงช่องโหว่ความปลอดภัยใน ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งอาจทำให้ นักโจมตีทางไซเบอร์ สามารถควบคุมการผลิตพลังงาน แทรกแซงข้อมูลส่วนตัว หรือแม้กระทั่งขัดขวางการทำงานของโครงข่ายพลังงาน ผู้เชี่ยวชาญจาก Forescout – Vedere Labs ระบุช่องโหว่ใหม่ถึง 46 รายการในอุปกรณ์อินเวอร์เตอร์จากผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง Sungrow, Growatt และ SMA โดย 80% ของช่องโหว่ที่รายงานถือเป็นปัญหาร้ายแรงหรือสำคัญ ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการเชื่อมต่อออนไลน์: - หลายอินเวอร์เตอร์ในระบบพลังงานแสงอาทิตย์มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยตรง ทำให้ง่ายต่อการโจมตีผ่านการใช้เฟิร์มแวร์ที่ล้าสมัยหรือการเข้ารหัสข้อมูลที่อ่อนแอ ผลกระทบที่เกิดขึ้น: - การโจมตีสามารถทำให้เกิดความไม่สมดุลในโครงข่ายพลังงาน การขโมยข้อมูลที่ละเมิดข้อกำหนดด้าน GDPR รวมถึงการควบคุมอุปกรณ์ภายในบ้านอัจฉริยะ เช่น เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า คำแนะนำในการป้องกัน: - ผู้ผลิตควรเร่งแก้ไขปัญหาด้วยการอัปเดตระบบ ปรับปรุงโค้ดให้ปลอดภัย และทดสอบเจาะระบบอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ควรมีการใช้ Web Application Firewall และมาตรการความปลอดภัยมาตรฐาน เช่น NIST IR 8259 บทบาทของเจ้าของระบบพลังงานแสงอาทิตย์: - การแยกเครือข่ายของอุปกรณ์แสงอาทิตย์ การตั้งค่าระบบเฝ้าระวังความปลอดภัย และการใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันภัยไซเบอร์เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ใช้ควรดำเนินการ https://www.techradar.com/pro/millions-of-solar-power-systems-could-be-at-risk-of-cyber-attacks-after-researchers-find-flurry-of-vulnerabilities
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 492 มุมมอง 0 รีวิว
  • 22 มีนาคม 2568-รายงานจากเพจเฟซบุ๊กSiamtownUSระบุว่าเริ่มตรวจโซเชียลมีเดีย ผู้ขอใบเขียว-สัญชาติแอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : หนึ่งในมาตรการตรวจเข้มต่างชาติที่ต้องการเข้าประเทศ หรืออยู่ในประเทศแบบถาวร คือต้องยอมให้ตรวจ “โซเชียลมีเดีย” ด้วย มีผลทั้งกับผู้ขอใบเขียว เปลี่ยนสัญชาติ รวมถึงการขอเข้าประเทศชั่วคราวด้วย กระทรวงความมั่นคงภายใน (โฮมแลนด์ฯ) ประกาศผ่านเว็บไซต์ the Federal Register เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2025 ถึงมาตรการใหม่ที่จะกระชับการตรวจสอบประวัติผู้ยื่นขอรับสวัสดิการต่างๆ ของรัฐ ตั้งแต่การยื่นขอใบเขียวจนถึงการยื่นขอเปลี่ยนสัญชาติ ให้มีความละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้นมาตรการดังกล่าวคือ “ผู้ยื่นแบบฟอร์ม ต้องให้ข้อมูลโซเชียลมีเดีย เพื่อให้รัฐตรวจสอบด้วย”รายละเอียดที่ระบุใน เดอะเฟดเดอรัล รีจีสเตอร์ บอกว่า มาตรการใหม่ ซึ่งมีขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งบริหารเลขที่ 14161 ว่าด้วยการคุ้มครองสหรัฐอเมริกา จากภัยก่อการร้ายต่างประเทศ, เพื่อความมั่นคงภายใน และความปลอดภัยของสาธารณะชน ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามเมื่อวันที่ 20 มกราคม ที่ผ่านมาโดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติ (U.S. Citizenship and Immigration Service – USCIS) จะเรียกเก็บข้อมูลโซเชียลมีเดีย (แต่ไม่เรียกเก็บพาสเวิร์ด) เพื่อตรวจสอบว่าผู้ยื่นแบบฟอร์มขอรับประโยชน์จาก USCIS มีความเสี่ยงใดๆ ต่อความมั่นคงหรือความปลอดภัยต่อสาธารณะหรือไม่มาตรการใหม่ จะมีผลกับผู้ยื่นแบบฟอร์มเกี่ยวกับอิมมิเกรชั่น 9 ประเภท คือ-N-400 (Application for Naturalization) ขอเปลี่ยนสัญชาติ-I-131 (Application for Travel Document) ขอเดินทางออกนอกประเทศ-I-192 (Application for Advance Permission to Enter as Nonimmigrant) วีซ่าชั่วคราว สำหรับคนต่างด้าวที่ประสงค์จะเดินทางเข้ามาเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง เช่น การลงทุน ศึกษาดูงาน ประชุม การปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชน การเผยแผ่ศาสนา เป็นต้น-I-485 (Application for Adjustment of Status) ขอปรับสถานภาพ (ขอใบเขียว)-I-589 (Application for Asylum and for Withholding of Removal) ขอลี้ภัยหรือขอระงับการเนรเทศ-I-590 (Registration for Classification as Refugee) ขอรับการจัดประเภทเป็นผู้ลี้ภัย-I-730 (Refugee/Asylee Relative Petition) ขอให้ญาติได้รับการให้สถานะผู้ลี้ภัย-I-751 (Petition to Remove Conditions on Residence) ขอยกเลิกเงื่อนไขการพำนักอาศัย-I-829 (Petition by Investor to Remove Conditions on Permanent Resident Status) ขอจากนักลงทุน ให้ยกเลิกเงื่อนไขสถานะผู้พำนักถาวรสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองฯ ประเมินว่าการกระชับมาตรการตรวจสอบฯ ครั้งนี้ มีผลกับผู้ยื่นแบบฟอร์มต่างๆ ปีละกว่า 3.5 ล้านคนอย่างไรก็ตาม หากไม่เห็นชอบกับมาตรการใหม่ของกระทรวงความมั่นคงภายในฯ สาธารณชนมีเวลา 60 วันนับจากการประกาศใน the Federal Register เพื่อยื่นคัดค้าน (ผ่านการแสดงความเห็น) ที่ https://www.regulations.gov/document/USCIS-2025-0003-0001) โดยกระทรวงความมั่นคงฯ จะทำการทบทวนความเห็นเหล่านี้อีกครั้ง ก่อนจะประกาศใช้ (หรือเพิกถอน).
    22 มีนาคม 2568-รายงานจากเพจเฟซบุ๊กSiamtownUSระบุว่าเริ่มตรวจโซเชียลมีเดีย ผู้ขอใบเขียว-สัญชาติแอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : หนึ่งในมาตรการตรวจเข้มต่างชาติที่ต้องการเข้าประเทศ หรืออยู่ในประเทศแบบถาวร คือต้องยอมให้ตรวจ “โซเชียลมีเดีย” ด้วย มีผลทั้งกับผู้ขอใบเขียว เปลี่ยนสัญชาติ รวมถึงการขอเข้าประเทศชั่วคราวด้วย กระทรวงความมั่นคงภายใน (โฮมแลนด์ฯ) ประกาศผ่านเว็บไซต์ the Federal Register เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2025 ถึงมาตรการใหม่ที่จะกระชับการตรวจสอบประวัติผู้ยื่นขอรับสวัสดิการต่างๆ ของรัฐ ตั้งแต่การยื่นขอใบเขียวจนถึงการยื่นขอเปลี่ยนสัญชาติ ให้มีความละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้นมาตรการดังกล่าวคือ “ผู้ยื่นแบบฟอร์ม ต้องให้ข้อมูลโซเชียลมีเดีย เพื่อให้รัฐตรวจสอบด้วย”รายละเอียดที่ระบุใน เดอะเฟดเดอรัล รีจีสเตอร์ บอกว่า มาตรการใหม่ ซึ่งมีขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งบริหารเลขที่ 14161 ว่าด้วยการคุ้มครองสหรัฐอเมริกา จากภัยก่อการร้ายต่างประเทศ, เพื่อความมั่นคงภายใน และความปลอดภัยของสาธารณะชน ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามเมื่อวันที่ 20 มกราคม ที่ผ่านมาโดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติ (U.S. Citizenship and Immigration Service – USCIS) จะเรียกเก็บข้อมูลโซเชียลมีเดีย (แต่ไม่เรียกเก็บพาสเวิร์ด) เพื่อตรวจสอบว่าผู้ยื่นแบบฟอร์มขอรับประโยชน์จาก USCIS มีความเสี่ยงใดๆ ต่อความมั่นคงหรือความปลอดภัยต่อสาธารณะหรือไม่มาตรการใหม่ จะมีผลกับผู้ยื่นแบบฟอร์มเกี่ยวกับอิมมิเกรชั่น 9 ประเภท คือ-N-400 (Application for Naturalization) ขอเปลี่ยนสัญชาติ-I-131 (Application for Travel Document) ขอเดินทางออกนอกประเทศ-I-192 (Application for Advance Permission to Enter as Nonimmigrant) วีซ่าชั่วคราว สำหรับคนต่างด้าวที่ประสงค์จะเดินทางเข้ามาเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง เช่น การลงทุน ศึกษาดูงาน ประชุม การปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชน การเผยแผ่ศาสนา เป็นต้น-I-485 (Application for Adjustment of Status) ขอปรับสถานภาพ (ขอใบเขียว)-I-589 (Application for Asylum and for Withholding of Removal) ขอลี้ภัยหรือขอระงับการเนรเทศ-I-590 (Registration for Classification as Refugee) ขอรับการจัดประเภทเป็นผู้ลี้ภัย-I-730 (Refugee/Asylee Relative Petition) ขอให้ญาติได้รับการให้สถานะผู้ลี้ภัย-I-751 (Petition to Remove Conditions on Residence) ขอยกเลิกเงื่อนไขการพำนักอาศัย-I-829 (Petition by Investor to Remove Conditions on Permanent Resident Status) ขอจากนักลงทุน ให้ยกเลิกเงื่อนไขสถานะผู้พำนักถาวรสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองฯ ประเมินว่าการกระชับมาตรการตรวจสอบฯ ครั้งนี้ มีผลกับผู้ยื่นแบบฟอร์มต่างๆ ปีละกว่า 3.5 ล้านคนอย่างไรก็ตาม หากไม่เห็นชอบกับมาตรการใหม่ของกระทรวงความมั่นคงภายในฯ สาธารณชนมีเวลา 60 วันนับจากการประกาศใน the Federal Register เพื่อยื่นคัดค้าน (ผ่านการแสดงความเห็น) ที่ https://www.regulations.gov/document/USCIS-2025-0003-0001) โดยกระทรวงความมั่นคงฯ จะทำการทบทวนความเห็นเหล่านี้อีกครั้ง ก่อนจะประกาศใช้ (หรือเพิกถอน).
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 759 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีการค้นพบวิธีการโจมตีใหม่ที่แฮกเกอร์ใช้แอปปลอมหน้าตาเหมือน Adobe หรือ DocuSign เพื่อเจาะบัญชี Microsoft 365 โดยหลอกให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลอย่างเช่นโปรไฟล์หรืออีเมล ซึ่งเมื่อพวกเขาได้สิทธินั้น พวกเขาก็สามารถเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์อันตรายเพื่อขโมยรหัสบัญชีหรือแม้กระทั่งติดตั้งมัลแวร์. ดังนั้น เราต้องระวังในการอนุมัติแอปพวกนี้ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามันมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และหากพบว่ามีแอปที่ไม่รู้จักได้รับสิทธิ์ ก็ให้รีบยกเลิกโดยทันที

    สิ่งที่แอปปลอมสามารถเข้าถึงได้:
    - แอปที่เป็นอันตรายเหล่านี้สามารถดึงข้อมูลเช่น ชื่อ, รูปโปรไฟล์, และที่อยู่อีเมล ซึ่งแม้ดูเหมือนไม่สำคัญ แต่เป็นช่องทางนำไปสู่การโจมตีที่ซับซ้อนขึ้น.
    - เมื่อสิทธิ์ถูกอนุมัติ ผู้โจมตีสามารถเปลี่ยนเส้นทางไปยังหน้าฟิชชิงที่ขโมยรหัสบัญชี Microsoft 365 หรือหน้าเพื่อติดตั้งมัลแวร์ได้.

    วิธีการโจมตี:
    - ผู้โจมตีมักส่งอีเมลฟิชชิงที่ดูเหมือนมาจากองค์กรที่เชื่อถือได้ เช่น องค์กรการกุศลหรือบริษัทเล็ก ๆ ที่ถูกเจาะระบบบัญชีมาใช้เป็นช่องทาง.
    - ตัวอย่างล่อเหยื่อที่ใช้ เช่น คำร้องขอข้อเสนอ (RFPs) และสัญญาธุรกิจ.

    คำแนะนำในการป้องกัน:
    - ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแอป OAuth ที่ขอสิทธิ์นั้นมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ก่อนอนุมัติ.
    - สามารถเข้าไปตรวจสอบและยกเลิกการอนุมัติแอปที่ไม่รู้จักได้ผ่านทาง Microsoft My Apps (myapplications.microsoft.com).
    - ผู้ดูแลระบบสามารถจำกัดการอนุมัติแอปของผู้ใช้ได้ผ่านการตั้งค่าของ Microsoft 365

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/malicious-adobe-docusign-oauth-apps-target-microsoft-365-accounts/
    มีการค้นพบวิธีการโจมตีใหม่ที่แฮกเกอร์ใช้แอปปลอมหน้าตาเหมือน Adobe หรือ DocuSign เพื่อเจาะบัญชี Microsoft 365 โดยหลอกให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลอย่างเช่นโปรไฟล์หรืออีเมล ซึ่งเมื่อพวกเขาได้สิทธินั้น พวกเขาก็สามารถเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์อันตรายเพื่อขโมยรหัสบัญชีหรือแม้กระทั่งติดตั้งมัลแวร์. ดังนั้น เราต้องระวังในการอนุมัติแอปพวกนี้ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามันมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และหากพบว่ามีแอปที่ไม่รู้จักได้รับสิทธิ์ ก็ให้รีบยกเลิกโดยทันที สิ่งที่แอปปลอมสามารถเข้าถึงได้: - แอปที่เป็นอันตรายเหล่านี้สามารถดึงข้อมูลเช่น ชื่อ, รูปโปรไฟล์, และที่อยู่อีเมล ซึ่งแม้ดูเหมือนไม่สำคัญ แต่เป็นช่องทางนำไปสู่การโจมตีที่ซับซ้อนขึ้น. - เมื่อสิทธิ์ถูกอนุมัติ ผู้โจมตีสามารถเปลี่ยนเส้นทางไปยังหน้าฟิชชิงที่ขโมยรหัสบัญชี Microsoft 365 หรือหน้าเพื่อติดตั้งมัลแวร์ได้. วิธีการโจมตี: - ผู้โจมตีมักส่งอีเมลฟิชชิงที่ดูเหมือนมาจากองค์กรที่เชื่อถือได้ เช่น องค์กรการกุศลหรือบริษัทเล็ก ๆ ที่ถูกเจาะระบบบัญชีมาใช้เป็นช่องทาง. - ตัวอย่างล่อเหยื่อที่ใช้ เช่น คำร้องขอข้อเสนอ (RFPs) และสัญญาธุรกิจ. คำแนะนำในการป้องกัน: - ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแอป OAuth ที่ขอสิทธิ์นั้นมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ก่อนอนุมัติ. - สามารถเข้าไปตรวจสอบและยกเลิกการอนุมัติแอปที่ไม่รู้จักได้ผ่านทาง Microsoft My Apps (myapplications.microsoft.com). - ผู้ดูแลระบบสามารถจำกัดการอนุมัติแอปของผู้ใช้ได้ผ่านการตั้งค่าของ Microsoft 365 https://www.bleepingcomputer.com/news/security/malicious-adobe-docusign-oauth-apps-target-microsoft-365-accounts/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Malicious Adobe, DocuSign OAuth apps target Microsoft 365 accounts
    Cybercriminals are promoting malicious Microsoft OAuth apps that masquerade as Adobe and DocuSign apps to deliver malware and steal Microsoft 365 accounts credentials.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 382 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท KIOXIA ได้เปิดตัว SSD รุ่นใหม่ที่มีความจุสูงถึง 122.88 เทราไบต์ (TB) ซึ่งเป็น SSD ตัวแรกที่ใช้เทคโนโลยี BiCS FLASH generation 8 และหน่วยความจำ QLC แบบ 3D ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับงานที่เกี่ยวข้องกับ AI และการจัดการข้อมูลมหาศาล

    สิ่งที่น่าสนใจคือ SSD รุ่นนี้รองรับการเชื่อมต่อแบบ PCIe 5.0 ซึ่งให้ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงถึง 128 GT/s พร้อมทั้งมี dual-port capability ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในกรณีที่ระบบมีความผิดพลาด และสามารถเชื่อมต่อกับหลายระบบคอมพิวเตอร์ได้พร้อมกัน ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในระบบ hybrid cloud และ multi-cloud

    SSD ตัวนี้ออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้าน AI โดยเฉพาะ เช่น การฝึกฝนโมเดลภาษาใหญ่ (LLMs) การจัดการฐานข้อมูลแบบเวกเตอร์ และการดึงข้อมูลมาใช้สำหรับการปรับปรุงโมเดล AI อย่างรวดเร็ว

    อีกสิ่งที่น่าสนใจคือ KIOXIA ยังพัฒนาเทคโนโลยีที่ชื่อว่า AiSAQ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานแบบ Retrieval Augmented Generation (RAG) โดยลดการพึ่งพาหน่วยความจำแบบ DRAM ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงลง และยังช่วยประหยัดพลังงานต่อเทราไบต์เมื่อเทียบกับ SSD ขนาดเล็กกว่า

    แน่นอนว่า SSD ตัวนี้ถือเป็นการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่ต้องการ ความจุสูงขึ้นและความเร็วในการประมวลผลที่มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์งานด้าน AI ซึ่งกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว

    https://www.techpowerup.com/334049/kioxia-unveils-high-capacity-lc9-series-122-88-tb-nvme-ssds-for-ai-applications
    บริษัท KIOXIA ได้เปิดตัว SSD รุ่นใหม่ที่มีความจุสูงถึง 122.88 เทราไบต์ (TB) ซึ่งเป็น SSD ตัวแรกที่ใช้เทคโนโลยี BiCS FLASH generation 8 และหน่วยความจำ QLC แบบ 3D ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับงานที่เกี่ยวข้องกับ AI และการจัดการข้อมูลมหาศาล สิ่งที่น่าสนใจคือ SSD รุ่นนี้รองรับการเชื่อมต่อแบบ PCIe 5.0 ซึ่งให้ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงถึง 128 GT/s พร้อมทั้งมี dual-port capability ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในกรณีที่ระบบมีความผิดพลาด และสามารถเชื่อมต่อกับหลายระบบคอมพิวเตอร์ได้พร้อมกัน ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในระบบ hybrid cloud และ multi-cloud SSD ตัวนี้ออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้าน AI โดยเฉพาะ เช่น การฝึกฝนโมเดลภาษาใหญ่ (LLMs) การจัดการฐานข้อมูลแบบเวกเตอร์ และการดึงข้อมูลมาใช้สำหรับการปรับปรุงโมเดล AI อย่างรวดเร็ว อีกสิ่งที่น่าสนใจคือ KIOXIA ยังพัฒนาเทคโนโลยีที่ชื่อว่า AiSAQ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานแบบ Retrieval Augmented Generation (RAG) โดยลดการพึ่งพาหน่วยความจำแบบ DRAM ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงลง และยังช่วยประหยัดพลังงานต่อเทราไบต์เมื่อเทียบกับ SSD ขนาดเล็กกว่า แน่นอนว่า SSD ตัวนี้ถือเป็นการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่ต้องการ ความจุสูงขึ้นและความเร็วในการประมวลผลที่มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์งานด้าน AI ซึ่งกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว https://www.techpowerup.com/334049/kioxia-unveils-high-capacity-lc9-series-122-88-tb-nvme-ssds-for-ai-applications
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    KIOXIA Unveils High-Capacity LC9 Series 122.88 TB NVMe SSDs for AI Applications
    KIOXIA America, Inc. today announced the development of its new LC9 Series 122.88 terabyte (TB) capacity NVMe SSD in a 2.5-inch form factor - the first SSD built with the company's BiCS FLASH generation 8 3D flash memory technology QLC 2 terabit (Tb) die. As AI systems become increasingly sophist...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 336 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับวงการคอมพิวเตอร์เชิงควอนตัม! นักวิจัยจากกลุ่ม Quantum Internet Alliance (QIA) ซึ่งรวมถึงมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยชั้นนำอย่าง TU Delft และ QuTech ได้พัฒนา QNodeOS ระบบปฏิบัติการตัวแรกที่ออกแบบมาเพื่อรองรับเครือข่ายควอนตัมโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นอีกก้าวสำคัญในการสร้างเครือข่ายเชิงควอนตัมในอนาคต

    QNodeOS มีจุดเด่นที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น
    1) ไม่ขึ้นกับฮาร์ดแวร์ – นักพัฒนาไม่จำเป็นต้องเข้าใจระบบฮาร์ดแวร์เชิงลึกก็สามารถสร้างแอปพลิเคชันสำหรับเครือข่ายควอนตัมได้
    2) รองรับภาษาระดับสูง – ทำให้การพัฒนาแอปพลิเคชันสะดวกขึ้น เหมือนกับการเขียนโปรแกรมทั่วไป
    3) รองรับการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน (Multitasking) – ช่วยใช้ทรัพยากรของฮาร์ดแวร์ให้คุ้มค่าที่สุด

    ในการทดลอง ทีมวิจัยได้ใช้งาน QNodeOS กับเครือข่ายควอนตัมที่เชื่อมต่อด้วย diamond color centers ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ใช้ศูนย์ไนโตรเจนในเพชรในการจัดเก็บควอนตัมบิต (qubit)

    สิ่งนี้สำคัญมากเพราะเครือข่ายควอนตัมไม่ได้มีหน้าที่คำนวณเหมือนคอมพิวเตอร์ควอนตัม แต่จะช่วยเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ควอนตัมและจัดการการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ใช้หลักการควอนตัม เช่น การพัวพัน (entanglement) และ การซ้อนทับ (superposition) โดยมีระบบจัดการที่ฉลาดขึ้น เพื่อช่วยให้เครือข่ายทำงานได้ราบรื่น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/quantum-computing/qnodeos-claims-to-be-the-first-operating-system-for-quantum-networks-paving-the-way-for-future-quantum-applications
    ข่าวนี้เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับวงการคอมพิวเตอร์เชิงควอนตัม! นักวิจัยจากกลุ่ม Quantum Internet Alliance (QIA) ซึ่งรวมถึงมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยชั้นนำอย่าง TU Delft และ QuTech ได้พัฒนา QNodeOS ระบบปฏิบัติการตัวแรกที่ออกแบบมาเพื่อรองรับเครือข่ายควอนตัมโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นอีกก้าวสำคัญในการสร้างเครือข่ายเชิงควอนตัมในอนาคต QNodeOS มีจุดเด่นที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น 1) ไม่ขึ้นกับฮาร์ดแวร์ – นักพัฒนาไม่จำเป็นต้องเข้าใจระบบฮาร์ดแวร์เชิงลึกก็สามารถสร้างแอปพลิเคชันสำหรับเครือข่ายควอนตัมได้ 2) รองรับภาษาระดับสูง – ทำให้การพัฒนาแอปพลิเคชันสะดวกขึ้น เหมือนกับการเขียนโปรแกรมทั่วไป 3) รองรับการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน (Multitasking) – ช่วยใช้ทรัพยากรของฮาร์ดแวร์ให้คุ้มค่าที่สุด ในการทดลอง ทีมวิจัยได้ใช้งาน QNodeOS กับเครือข่ายควอนตัมที่เชื่อมต่อด้วย diamond color centers ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ใช้ศูนย์ไนโตรเจนในเพชรในการจัดเก็บควอนตัมบิต (qubit) สิ่งนี้สำคัญมากเพราะเครือข่ายควอนตัมไม่ได้มีหน้าที่คำนวณเหมือนคอมพิวเตอร์ควอนตัม แต่จะช่วยเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ควอนตัมและจัดการการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ใช้หลักการควอนตัม เช่น การพัวพัน (entanglement) และ การซ้อนทับ (superposition) โดยมีระบบจัดการที่ฉลาดขึ้น เพื่อช่วยให้เครือข่ายทำงานได้ราบรื่น https://www.tomshardware.com/tech-industry/quantum-computing/qnodeos-claims-to-be-the-first-operating-system-for-quantum-networks-paving-the-way-for-future-quantum-applications
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 344 มุมมอง 0 รีวิว
  • Arm ได้เปิดตัวซีพียู Cortex-A320 รุ่นใหม่ที่ใช้สถาปัตยกรรม Armv9 ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานในแอปพลิเคชัน IoT และ AI ที่เน้นความมีประสิทธิภาพสูง ซีพียูนี้มีประสิทธิภาพสูงกว่า Cortex-A520 ถึง 50% ด้วยการปรับปรุงในระดับไมโครอาร์คิเทกเจอร์

    Cortex-A320 ยังมีประสิทธิภาพในด้านการประมวลผลสเกลาร์สูงกว่า Cortex-A35 ถึง 30% ด้วยการใช้ตัวคาดเดาสาขาที่มีประสิทธิภาพ, การดึงข้อมูลล่วงหน้า, และการปรับปรุงระบบหน่วยความจำ ซีพียูรุ่นนี้สามารถรองรับการกำหนดค่าแบบซิงเกิลคอร์ถึงควอดคอร์ และมีหน่วย DSU-120T ที่ช่วยให้สามารถสร้างกลุ่มซีพียู Cortex-A320 เท่านั้น

    จุดเด่นของ Cortex-A320 คือการรองรับแคช L1 ขนาดสูงสุด 64 KB และแคช L2 ขนาดสูงสุด 512 KB รวมถึงอินเตอร์เฟซ AMBA5 AXI ขนาด 256 บิตสำหรับเชื่อมต่อหน่วยความจำภายนอก ซีพียูนี้ยังมีหน่วยประมวลผลเวกเตอร์ที่รองรับเทคโนโลยี NEON และ SVE2 ซึ่งสามารถใช้ร่วมกันได้ในระบบคอร์เดียวหรือระบบคอร์คู่และควอดคอร์

    ซีพียูรุ่นนี้ไม่เพียงแค่เน้นตลาด IoT เท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นตลาด AI ด้วยการรวมการปรับปรุงสถาปัตยกรรม Armv9 ในหน่วยประมวลผลเวกเตอร์ NEON และ SVE2 Cortex-A320 มีการเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล ML ถึงสิบเท่าเมื่อเทียบกับ Cortex-A35 และหกเท่าเมื่อเทียบกับ Cortex-A53 ที่ใช้งานแพร่หลาย

    นอกจากนี้ Cortex-A320 ยังรองรับประเภทข้อมูลใหม่เช่น BF16 และมีการปรับปรุงคำสั่งการคูณจุดและการคูณเมตริกซ์ ทำให้เป็นซีพียู Cortex-A ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดสำหรับแอปพลิเคชัน ML

    https://www.techpowerup.com/333194/arm-intros-cortex-a320-armv9-cpu-for-iot-and-edge-ai-applications
    Arm ได้เปิดตัวซีพียู Cortex-A320 รุ่นใหม่ที่ใช้สถาปัตยกรรม Armv9 ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานในแอปพลิเคชัน IoT และ AI ที่เน้นความมีประสิทธิภาพสูง ซีพียูนี้มีประสิทธิภาพสูงกว่า Cortex-A520 ถึง 50% ด้วยการปรับปรุงในระดับไมโครอาร์คิเทกเจอร์ Cortex-A320 ยังมีประสิทธิภาพในด้านการประมวลผลสเกลาร์สูงกว่า Cortex-A35 ถึง 30% ด้วยการใช้ตัวคาดเดาสาขาที่มีประสิทธิภาพ, การดึงข้อมูลล่วงหน้า, และการปรับปรุงระบบหน่วยความจำ ซีพียูรุ่นนี้สามารถรองรับการกำหนดค่าแบบซิงเกิลคอร์ถึงควอดคอร์ และมีหน่วย DSU-120T ที่ช่วยให้สามารถสร้างกลุ่มซีพียู Cortex-A320 เท่านั้น จุดเด่นของ Cortex-A320 คือการรองรับแคช L1 ขนาดสูงสุด 64 KB และแคช L2 ขนาดสูงสุด 512 KB รวมถึงอินเตอร์เฟซ AMBA5 AXI ขนาด 256 บิตสำหรับเชื่อมต่อหน่วยความจำภายนอก ซีพียูนี้ยังมีหน่วยประมวลผลเวกเตอร์ที่รองรับเทคโนโลยี NEON และ SVE2 ซึ่งสามารถใช้ร่วมกันได้ในระบบคอร์เดียวหรือระบบคอร์คู่และควอดคอร์ ซีพียูรุ่นนี้ไม่เพียงแค่เน้นตลาด IoT เท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นตลาด AI ด้วยการรวมการปรับปรุงสถาปัตยกรรม Armv9 ในหน่วยประมวลผลเวกเตอร์ NEON และ SVE2 Cortex-A320 มีการเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล ML ถึงสิบเท่าเมื่อเทียบกับ Cortex-A35 และหกเท่าเมื่อเทียบกับ Cortex-A53 ที่ใช้งานแพร่หลาย นอกจากนี้ Cortex-A320 ยังรองรับประเภทข้อมูลใหม่เช่น BF16 และมีการปรับปรุงคำสั่งการคูณจุดและการคูณเมตริกซ์ ทำให้เป็นซีพียู Cortex-A ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดสำหรับแอปพลิเคชัน ML https://www.techpowerup.com/333194/arm-intros-cortex-a320-armv9-cpu-for-iot-and-edge-ai-applications
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Arm Intros Cortex-A320 Armv9 CPU for IoT and Edge AI Applications
    Arm's new Cortex-A320 represents its first ultra-efficient CPU using the advanced Armv9 architecture dedicated to the needs of IoT and AI applications. The processor achieves over 50% higher efficiency compared to the Cortex-A520 through several microarchitecture optimizations, together with a narro...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • When attempting to install the CapCut APK, one of the most common issues users face is insufficient storage space. The CapCut video editing application requires a significant amount of free storage not only for the initial installation but also for storing edited videos and project files.
    https://capkcutapk.com/
    #capcut #capcut apk download #capcut download
    When attempting to install the CapCut APK, one of the most common issues users face is insufficient storage space. The CapCut video editing application requires a significant amount of free storage not only for the initial installation but also for storing edited videos and project files. https://capkcutapk.com/ #capcut #capcut apk download #capcut download
    CAPKCUTAPK.COM
    CapCut Pro APK V13.5.0 [December 2024] Free Pro Editing
    In this age, everybody is busy creating content for social media and trying to edit video content. Many people even merge different clips into one. For this
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 393 มุมมอง 0 รีวิว
  • When attempting to install the CapCut APK, one of the most common issues users face is insufficient storage space. The CapCut video editing application requires a significant amount of free storage not only for the initial installation but also for storing edited videos and project files. Users should ensure they have at least 500MB of free space before attempting to install the CapCut APK. Clearing cache data and removing unused applications can help create the necessary space.
    https://capkcutapk.com/
    #capcut #capcut apk download #capcut download
    When attempting to install the CapCut APK, one of the most common issues users face is insufficient storage space. The CapCut video editing application requires a significant amount of free storage not only for the initial installation but also for storing edited videos and project files. Users should ensure they have at least 500MB of free space before attempting to install the CapCut APK. Clearing cache data and removing unused applications can help create the necessary space. https://capkcutapk.com/ #capcut #capcut apk download #capcut download
    CAPKCUTAPK.COM
    CapCut Pro APK V13.5.0 [December 2024] Free Pro Editing
    In this age, everybody is busy creating content for social media and trying to edit video content. Many people even merge different clips into one. For this
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 406 มุมมอง 0 รีวิว
  • ครูวาฬ สอนเปียโน​ กีตาร์​ ​ตามบ้าน และออนไลน์
    สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หลักสูตรดุริยางคศาสตรบัณฑิต (ดศ.บ.) วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อปีพ.ศ. 2555

    สาขาวิชาที่รับสอน :
    1. ปฏิบัติเครื่องดนตรี Piano สำหรับดนตรีคลาสสิค และดนตรีสมัยนิยม
    2. ปฏิบัติเครื่องดนตรี Guitar สำหรับดนตรีคลาสสิค และดนตรีสมัยนิยม
    3. ทฤษฎีดนตรีตะวันตก Western Music Theory
    4. การฝึกโสตและการอ่านโน้ต Ear Training And Sight-Singing
    5. ลักษณะของจังหวะ ควบคู่กับเครื่องกำกับจังหวะ Rhythm Concept With Metronome

    รูปแบบการสอน และสถานที่รับสอน :
    1. Private Teaching บริเวณที่พักอาศัยของผู้เรียน ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร และในจังหวัดนนทบุรี
    2. Online Teaching หรือ Learn From Home ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยการใช้ Web and Video Conferencing Application ต่างๆ เช่น Google Meets, Cisco Webex, Zoom, Line ฯลฯ ในทุกจังหวัดของประเทศไทย และต่างประเทศ

    วัตถุประสงค์ของการสอน :
    1. ให้ผู้เรียนสามารถสอบเข้าศึกษาต่อในสาขาวิชาดนตรี ระดับเตรียมอุดมฯ และระดับปริญญาตรี, การสอบตามเกณฑ์ในระดับต่างๆ และการสอบเทียบทางด้านดนตรี
    2. ให้ผู้เรียนมีความผ่อนคลาย สบายอารมณ์ การสังสรรค์ และงานอดิเรก
    3. ให้ผู้เรียนสามารถประกอบอาชีพดนตรีในอนาคต
    4. ให้ผู้เรียนมีความเข้าใจ และความรู้ ที่เพียงพอในศาสตร์ด้านดนตรี

    * หัวข้อหลักในการเรียน การสอน​ :
    1. เทคนิคพื้นฐาน Basic ต่างๆ ตั้งแต่ท่าทาง, การจัดระเบียบ, รูปลักษณ์, ลักษณะที่ดี และถูกต้อง
    2. วิธีการเล่นดนตรี การซ้อมดนตรีที่ดี มีประสิทธิภาพ ถูกวิธี และเป็นระบบ เช่น ความสบาย, การ Save พลัง และการป้องกันการบาดเจ็บได้ดี
    3. Mindset ระบบความคิด, Attitude ทัศนคติ, การวางแผน Plan, วิธีคิด, ความสัมพันธ์ และการคิดล่วงหน้า
    4. เทคนิคในการอ่านโน้ตดนตรี
    5. การให้ความสำคัญกับคุณภาพเสียง มิติเสียงที่ควรจะเป็น และทิศทางประโยคของบทเพลง
    6. เทคนิคการบรรเลงเครื่องดนตรี การควบคุมเสียง และความต่อเนื่องในการเล่นอย่างมั่นใจ ไม่สะดุดและติดขัด
    7. ความเที่ยงตรงของจังหวะ, ความเร็วของจังหวะ Tempo มีความคงที่ และระดับเสียงที่ถูกต้อง
    8. การเล่นดนตรี ร่วมกับผู้อื่น เพื่อพัฒนาโสตประสาท การรักษาจังหวะ และอารมณ์เพลง ให้มีประสิทธิภาพ
    9. การบริหารการจัดการ และการก้าวข้ามผ่านอุปสรรค
    และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อปูพื้นฐานทักษะเหล่านี้ ให้แข็งแรง แข็งแกร่ง ไปจนถึงสามารถเล่นเพลงได้ทุกเพลงในโลก ที่มีโน้ตเพลงอยู่ข้างหน้าเรา อย่างมีประสิทธิภาพ

    ประสบการณ์การทำงานและการสอน :
    1. เข้าร่วมคณะนักร้องเสียงประสาน Mahidol Symphonic Choir เมื่อปีพ.ศ. 2551 - 2552 ผ่านการแสดงร้องเสียงประสานในบทเพลง
    - Ludwig van Beethoven, "An die Freude" (Ode to Joy) from Symphony No.9, Op.125 "Choral" (1882) และ​ Carl Orff's Carmina Burana​ ร่วมกับวงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งประเทศไทย หรือ Thailand Philharmonic Orchestra
    - Johannes Brahms's Ein Deutshes Requiem
    - Puccini's Messa di Gloria
    2. ผู้ช่วยคณะกรรมการคุมสอบเข้าศึกษาต่อในระดับเตรียมอุดมดนตรี และระดับปริญญาตรี วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เ​​มื่อปีพ.ศ. 2552
    3. รับสอนตามสถาบันสอนดนตรี, โรงเรียนสอนดนตรี, ที่พักอาศัยของผู้เรียน และที่พักอาศัยของครูผู้สอน ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2555 ถึงปัจจุบัน

    ประวัติการฝึกอบรม :
    1. เข้าร่วมอบรมโครงการ "การใช้ดนตรีเพื่อพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม" วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล เมื่อปีพ.ศ. 2553
    2. เข้าร่วมอบรมหลักสูตร "พัฒนาผู้นำองค์กรนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล MU Leadership Program" รุ่นที่ 1 เมื่อปีพ.ศ. 2553
    3. ผ่านการอบรมออนไลน์ "โควิด19 และระบาดวิทยา" โดยศาสตราจารย์ นพ. ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปีพ.ศ. 2564
    4. ผ่านการอบรมออนไลน์ "ชีวิตวิถีใหม่และความฉลาดทางดิจิทัล New Normal Life and Digital Quotient" โดยรองศาสตราจารย์ ยืน ภู่วรวรรณ ผู้ทรงคุณวุฒิมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในปีพ.ศ. 2564
    5. ผ่านการอบรมออนไลน์ "โครงการความร่วมมือทางวิชาการเพื่อพัฒนาบุคลากรทางไซเบอร์" สำหรับบุคคลทั่วไป "หลักสูตรเสริมสร้างการรับรู้ที่แข็งแกร่งด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ Build a Strong Security Awareness Program" โดยสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และบริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด ในปีพ.ศ. 2564
    6. เข้าร่วมอบรมออนไลน์ "Thailand National Cyber Week 2021 เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และทักษะด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์" โดยสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ในปีพ.ศ. 2564

    คุณลักษณะ :
    ใจเย็น ใส่ใจในรายละเอียด สามารถปรับแก้ไขเนื้อหา เรื่องราวต่างๆ ให้เหมาะสมตามสถานการณ์ของแต่ละบุคคล รวมถึงการฝึกระเบียบวินัยเบื้องต้นต่อตนเองและผู้อื่น ให้ความสำคัญกับสุขอนามัย ทั้งแนวทางการดูแล การจัดการ การปฏิบัติ การป้องกัน ระหว่างผู้เรียนและผู้สอน ให้ดีมีประสิทธิภาพมากที่สุด

    คุณสมบัติของผู้เรียน :
    มีเครื่องดนตรีเป็นของตนเอง ทุกเพศ ทุกเชื้อชาติ ตั้งแต่วัยมัธยมต้น​ อายุ​ 12​ ปี​, วัยมัธยมปลาย, วัยมหาวิทยาลัย, วัยผู้ใหญ่, วัยกลางคน และวัยผู้สูงอายุ​ อายุ​ 60​ ปีขึ้นไป

    สนใจสมัครเรียน :
    ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 081-483-5190
    ถ้าไม่มีสัญญานตอบรับ หรือไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนั้น สามารถไปที่เว็บไซต์ https://bestkru.com/39158 ได้เช่นกัน และรอการติดต่อกลับ จากครูวาฬได้ ทั้ง 2 ช่องทางครับ

    ขอบคุณครับ
    ครูวาฬ สอนเปียโน​ กีตาร์​ ​ตามบ้าน และออนไลน์ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หลักสูตรดุริยางคศาสตรบัณฑิต (ดศ.บ.) วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อปีพ.ศ. 2555 สาขาวิชาที่รับสอน : 1. ปฏิบัติเครื่องดนตรี Piano สำหรับดนตรีคลาสสิค และดนตรีสมัยนิยม 2. ปฏิบัติเครื่องดนตรี Guitar สำหรับดนตรีคลาสสิค และดนตรีสมัยนิยม 3. ทฤษฎีดนตรีตะวันตก Western Music Theory 4. การฝึกโสตและการอ่านโน้ต Ear Training And Sight-Singing 5. ลักษณะของจังหวะ ควบคู่กับเครื่องกำกับจังหวะ Rhythm Concept With Metronome รูปแบบการสอน และสถานที่รับสอน : 1. Private Teaching บริเวณที่พักอาศัยของผู้เรียน ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร และในจังหวัดนนทบุรี 2. Online Teaching หรือ Learn From Home ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยการใช้ Web and Video Conferencing Application ต่างๆ เช่น Google Meets, Cisco Webex, Zoom, Line ฯลฯ ในทุกจังหวัดของประเทศไทย และต่างประเทศ วัตถุประสงค์ของการสอน : 1. ให้ผู้เรียนสามารถสอบเข้าศึกษาต่อในสาขาวิชาดนตรี ระดับเตรียมอุดมฯ และระดับปริญญาตรี, การสอบตามเกณฑ์ในระดับต่างๆ และการสอบเทียบทางด้านดนตรี 2. ให้ผู้เรียนมีความผ่อนคลาย สบายอารมณ์ การสังสรรค์ และงานอดิเรก 3. ให้ผู้เรียนสามารถประกอบอาชีพดนตรีในอนาคต 4. ให้ผู้เรียนมีความเข้าใจ และความรู้ ที่เพียงพอในศาสตร์ด้านดนตรี * หัวข้อหลักในการเรียน การสอน​ : 1. เทคนิคพื้นฐาน Basic ต่างๆ ตั้งแต่ท่าทาง, การจัดระเบียบ, รูปลักษณ์, ลักษณะที่ดี และถูกต้อง 2. วิธีการเล่นดนตรี การซ้อมดนตรีที่ดี มีประสิทธิภาพ ถูกวิธี และเป็นระบบ เช่น ความสบาย, การ Save พลัง และการป้องกันการบาดเจ็บได้ดี 3. Mindset ระบบความคิด, Attitude ทัศนคติ, การวางแผน Plan, วิธีคิด, ความสัมพันธ์ และการคิดล่วงหน้า 4. เทคนิคในการอ่านโน้ตดนตรี 5. การให้ความสำคัญกับคุณภาพเสียง มิติเสียงที่ควรจะเป็น และทิศทางประโยคของบทเพลง 6. เทคนิคการบรรเลงเครื่องดนตรี การควบคุมเสียง และความต่อเนื่องในการเล่นอย่างมั่นใจ ไม่สะดุดและติดขัด 7. ความเที่ยงตรงของจังหวะ, ความเร็วของจังหวะ Tempo มีความคงที่ และระดับเสียงที่ถูกต้อง 8. การเล่นดนตรี ร่วมกับผู้อื่น เพื่อพัฒนาโสตประสาท การรักษาจังหวะ และอารมณ์เพลง ให้มีประสิทธิภาพ 9. การบริหารการจัดการ และการก้าวข้ามผ่านอุปสรรค และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อปูพื้นฐานทักษะเหล่านี้ ให้แข็งแรง แข็งแกร่ง ไปจนถึงสามารถเล่นเพลงได้ทุกเพลงในโลก ที่มีโน้ตเพลงอยู่ข้างหน้าเรา อย่างมีประสิทธิภาพ ประสบการณ์การทำงานและการสอน : 1. เข้าร่วมคณะนักร้องเสียงประสาน Mahidol Symphonic Choir เมื่อปีพ.ศ. 2551 - 2552 ผ่านการแสดงร้องเสียงประสานในบทเพลง - Ludwig van Beethoven, "An die Freude" (Ode to Joy) from Symphony No.9, Op.125 "Choral" (1882) และ​ Carl Orff's Carmina Burana​ ร่วมกับวงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งประเทศไทย หรือ Thailand Philharmonic Orchestra - Johannes Brahms's Ein Deutshes Requiem - Puccini's Messa di Gloria 2. ผู้ช่วยคณะกรรมการคุมสอบเข้าศึกษาต่อในระดับเตรียมอุดมดนตรี และระดับปริญญาตรี วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เ​​มื่อปีพ.ศ. 2552 3. รับสอนตามสถาบันสอนดนตรี, โรงเรียนสอนดนตรี, ที่พักอาศัยของผู้เรียน และที่พักอาศัยของครูผู้สอน ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2555 ถึงปัจจุบัน ประวัติการฝึกอบรม : 1. เข้าร่วมอบรมโครงการ "การใช้ดนตรีเพื่อพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม" วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล เมื่อปีพ.ศ. 2553 2. เข้าร่วมอบรมหลักสูตร "พัฒนาผู้นำองค์กรนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล MU Leadership Program" รุ่นที่ 1 เมื่อปีพ.ศ. 2553 3. ผ่านการอบรมออนไลน์ "โควิด19 และระบาดวิทยา" โดยศาสตราจารย์ นพ. ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปีพ.ศ. 2564 4. ผ่านการอบรมออนไลน์ "ชีวิตวิถีใหม่และความฉลาดทางดิจิทัล New Normal Life and Digital Quotient" โดยรองศาสตราจารย์ ยืน ภู่วรวรรณ ผู้ทรงคุณวุฒิมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในปีพ.ศ. 2564 5. ผ่านการอบรมออนไลน์ "โครงการความร่วมมือทางวิชาการเพื่อพัฒนาบุคลากรทางไซเบอร์" สำหรับบุคคลทั่วไป "หลักสูตรเสริมสร้างการรับรู้ที่แข็งแกร่งด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ Build a Strong Security Awareness Program" โดยสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และบริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด ในปีพ.ศ. 2564 6. เข้าร่วมอบรมออนไลน์ "Thailand National Cyber Week 2021 เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และทักษะด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์" โดยสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ในปีพ.ศ. 2564 คุณลักษณะ : ใจเย็น ใส่ใจในรายละเอียด สามารถปรับแก้ไขเนื้อหา เรื่องราวต่างๆ ให้เหมาะสมตามสถานการณ์ของแต่ละบุคคล รวมถึงการฝึกระเบียบวินัยเบื้องต้นต่อตนเองและผู้อื่น ให้ความสำคัญกับสุขอนามัย ทั้งแนวทางการดูแล การจัดการ การปฏิบัติ การป้องกัน ระหว่างผู้เรียนและผู้สอน ให้ดีมีประสิทธิภาพมากที่สุด คุณสมบัติของผู้เรียน : มีเครื่องดนตรีเป็นของตนเอง ทุกเพศ ทุกเชื้อชาติ ตั้งแต่วัยมัธยมต้น​ อายุ​ 12​ ปี​, วัยมัธยมปลาย, วัยมหาวิทยาลัย, วัยผู้ใหญ่, วัยกลางคน และวัยผู้สูงอายุ​ อายุ​ 60​ ปีขึ้นไป สนใจสมัครเรียน : ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 081-483-5190 ถ้าไม่มีสัญญานตอบรับ หรือไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนั้น สามารถไปที่เว็บไซต์ https://bestkru.com/39158 ได้เช่นกัน และรอการติดต่อกลับ จากครูวาฬได้ ทั้ง 2 ช่องทางครับ ขอบคุณครับ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1033 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาอัลกอริทึมใหม่โดยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Shenzhen MSU-BIT ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย Lomonosov Moscow State University และสถาบันเทคโนโลยีปักกิ่ง (Beijing Institute of Technology) อัลกอริทึมใหม่นี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของการประมวลผลแบบ peridynamics (PD) ซึ่งใช้ในการจำลองการแตกหักและความเสียหายของวัสดุได้สูงถึง 800 เท่า

    อัลกอริทึมนี้ทำให้การจำลองวัสดุที่มีขนาดใหญ่เร็วขึ้นมาก โดยใช้ทรัพยากรการประมวลผลที่น้อยลง ซึ่งเทคโนโลยีนี้มีประโยชน์ในหลายๆ อุตสาหกรรม เช่น การบินและอวกาศ วิศวกรรมโยธา และการทหาร นักวิจัยได้ใช้เทคโนโลยี CUDA ของ Nvidia เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการออกแบบอัลกอริทึมและการจัดการหน่วยความจำ ทำให้ได้ผลการประมวลผลที่รวดเร็วถึง 800 เท่าเมื่อเทียบกับโปรแกรมแบบซีเรียลดั้งเดิม และเร็วกว่าโปรแกรมที่ใช้ OpenMP ประมาณ 100 เท่า

    peridynamics (PD) เป็นทฤษฎีการจำลองที่ใช้ในการคาดการณ์ความล้มเหลวของวัสดุในหลายๆ สาขา เช่น การบินและอวกาศ วิศวกรรมโยธา และการทหาร อัลกอริทึม PD-General ที่ถูกพัฒนาขึ้นใช้เทคโนโลยี CUDA ของ Nvidia เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ทำให้สามารถทำการจำลองขนาดใหญ่ได้เร็วขึ้น โดยใช้การ์ดจอ Nvidia RTX 4070 การพัฒนาอัลกอริทึมนี้ช่วยลดการพึ่งพาเทคโนโลยีขั้นสูงจากประเทศตะวันตก และเปิดโอกาสให้การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในประเทศจีนและรัสเซียก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว

    การวิจัยนี้ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Chinese Journal of Computational Mechanics เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2025 ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาวิทยาศาสตร์การคำนวณและการจำลองวัสดุ ความก้าวหน้าในอัลกอริทึมสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการทำวิจัยในหลายๆ อุตสาหกรรม และเปิดโอกาสให้การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในหลายประเทศสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/chinese-algorithm-claimed-to-boost-nvidia-gpu-performance-by-up-to-800x-for-advanced-science-applications
    ข่าวนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาอัลกอริทึมใหม่โดยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Shenzhen MSU-BIT ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย Lomonosov Moscow State University และสถาบันเทคโนโลยีปักกิ่ง (Beijing Institute of Technology) อัลกอริทึมใหม่นี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของการประมวลผลแบบ peridynamics (PD) ซึ่งใช้ในการจำลองการแตกหักและความเสียหายของวัสดุได้สูงถึง 800 เท่า อัลกอริทึมนี้ทำให้การจำลองวัสดุที่มีขนาดใหญ่เร็วขึ้นมาก โดยใช้ทรัพยากรการประมวลผลที่น้อยลง ซึ่งเทคโนโลยีนี้มีประโยชน์ในหลายๆ อุตสาหกรรม เช่น การบินและอวกาศ วิศวกรรมโยธา และการทหาร นักวิจัยได้ใช้เทคโนโลยี CUDA ของ Nvidia เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการออกแบบอัลกอริทึมและการจัดการหน่วยความจำ ทำให้ได้ผลการประมวลผลที่รวดเร็วถึง 800 เท่าเมื่อเทียบกับโปรแกรมแบบซีเรียลดั้งเดิม และเร็วกว่าโปรแกรมที่ใช้ OpenMP ประมาณ 100 เท่า peridynamics (PD) เป็นทฤษฎีการจำลองที่ใช้ในการคาดการณ์ความล้มเหลวของวัสดุในหลายๆ สาขา เช่น การบินและอวกาศ วิศวกรรมโยธา และการทหาร อัลกอริทึม PD-General ที่ถูกพัฒนาขึ้นใช้เทคโนโลยี CUDA ของ Nvidia เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ทำให้สามารถทำการจำลองขนาดใหญ่ได้เร็วขึ้น โดยใช้การ์ดจอ Nvidia RTX 4070 การพัฒนาอัลกอริทึมนี้ช่วยลดการพึ่งพาเทคโนโลยีขั้นสูงจากประเทศตะวันตก และเปิดโอกาสให้การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในประเทศจีนและรัสเซียก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว การวิจัยนี้ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Chinese Journal of Computational Mechanics เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2025 ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาวิทยาศาสตร์การคำนวณและการจำลองวัสดุ ความก้าวหน้าในอัลกอริทึมสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการทำวิจัยในหลายๆ อุตสาหกรรม และเปิดโอกาสให้การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในหลายประเทศสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/chinese-algorithm-claimed-to-boost-nvidia-gpu-performance-by-up-to-800x-for-advanced-science-applications
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Chinese algorithm claimed to boost Nvidia GPU performance by up to 800X for advanced science applications
    The breakthrough enables new solutions for complex mechanical challenges across multiple industries.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 333 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ่านเอาเรื่อง Ep.93 : อัลฟ่าโกะกับจีน

    ในปี ค.ศ.2016 มีเหตุการณ์เล็กๆที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นครับ คือ มีการแข่งขันเกมส์ “โกะ” (หรือ หมากล้อม) ระหว่างแชมป์โลกโกะชาวเกาหลีใต้ชื่อ “ลี เซดอล“ กับหุ่นยนต์เอไอของกูเกิ้ล ชื่อ ”อัลฟ่าโกะ - AlphaGo"

    ผลก็คือ อัลฟ่าโกะชนะลี เซดอลไปได้ขาดลอย คือ แข่งกัน 5 กระดาน อัลฟ่าโกะชนะไป 4 กระดาน ทำเอาแขมป์โลกลี เซดอลต้องยอมแพ้และถอนตัวจากแข่งขัน

    เผื่อใครไม่ทราบ โกะคือเกมส์ที่เล่นบนกระดานครับ ผู้เล่นสองฝั่งต้องวางแผนล่วงหน้าในการเดินหมากเพื่อลวงคู่ต่อสู้ เป็นเกมส์ที่ใช้พลังสมองและฝึกกระบวนการคิดซับซ้อนเป็นอย่างดี
    .
    .
    .
    ข่าวชัยชนะของอัลฟ่าโกะนี้แพร่กระจายไปทั่วโลก จนกระทั่งไปเข้าถึงหูของกลุ่มผู้นำจีนในเวลานั้น

    เรื่องใครชนะใครแพ้ในเกมส์โกะนั้นไม่สำคัญสำหรับกลุ่มผู้นำรัฐบาลจีนเท่ากับความจริงที่ว่า เทคโนโลยีเอไอนั้นก้าวล้ำไปรวดเร็วกว่าที่ใครจะคาดคิดครับ

    ผู้นำจีนได้พูดคุยกันและตัดสินใจทันทีว่า จีนจะต้องเร่งพัฒนาองค์ความรู้เรื่องเอไอเพื่อให้จีนเป็นผู้นำเทคโนโลยีนี้ให้ได้

    ดังนั้นแล้วหนึ่งปีหลังจากชัยชนะของอัลฟ่าโกะ คือ ค.ศ.2017 รัฐบาลจีนได้ประกาศแผนแห่งชาติที่ชื่อว่า “New Generation Artificial Intelligence Development Plan" หรือ ”แผนพัฒนาเอไอยุคใหม่“ ออกมาครับ

    กล่าวโดยสรุปคือ แผนนี้กำหนดเป้าหมายไว้ว่า

    ภายในปี 2020 จีนจะต้องตามทันอเมริกาและชาติที่ก้าวล้ำในด้านเอไอ

    ภายในปี 2025 จีนจะต้องสร้างนวัตกรรมสำคัญในเรื่อง เอไอ application

    ภายในปี 2030 จีนจะต้องเป็นผู้นำโลกด้านเอไอ

    และในหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาลจีนก็ได้จัดสรรเงินลงทุนประมาณ 200,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐมุ่งไปที่การพัฒนาเอไออย่างเดียว

    เงินก้อนนี้คิดเป็น 23% ของงบประมาณลงทุนทั้งหมดของรัฐบาลจีนในทศวรรษนี้ครับ

    บางท่านอาจถามว่า “อ้าว… แล้วก่อนหน้าปี 2017 นี่ จีนไม่ได้สนใจเรื่องเอไอเลยเหรอ?”

    คำตอบคือ สนใจครับ ในยุคนั้นมีบริษัทดังๆเช่น หัวเหว่ย, อาลีบาบา, เทนเซนท์ และไป่ตู้ (Baidu) ซึ่งเป็นบริษัทเทคสำคัญๆของจีนก็สนใจเอไออยู่ แต่งบประมาณยังไม่ได้มากมายอะไร

    เมื่อรัฐบาลจีนเข้ามาส่งเสริมเอไอเต็มสูบแบบนี้ พวกบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ของจีนก็เดินหน้าเต็มเหนี่ยวเช่นกัน เช่น ระบบเอไอเฮลธ์แคร์โดยเทนเซนท์, ระบบสมาร์ทซิตี้ของอาลีบาบา หรือ ระบบจดจำใบหน้าของเอไอโดยเซนส์ไทม์ ฯลฯ
    .
    .
    .
    งบ 2 แสนล้านดอลล่าร์ของรัฐบาลนี้ ไม่ได้ส่งไปที่บริษัทหรือเทคสตาร์ทอัพอย่างเดียวครับ แต่ส่งไปยังโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทั่วประเทศจีนเพื่อส่งเสริมการเรียนการสอนทั้ง STEM + เอไอด้วย

    STEM ย่อมาจาก การเรียนสายวิทยาศาสตร์คือ Science, Technology, Engineering and Mathematic ครับ

    ในระดับประถม-มัธยมก็เริ่มสอนการเขียนโปรแกรม หรือ โค้ดดิ้ง (Coding) แต่เด็กๆ โดยใส่เข้าไปในหลักสูตรเลย

    ที่น่าสนใจคือ โรงเรียนและผู้ปกครองส่งเสริมให้เด็กๆหัดเล่นโกะเยอะขึ้นมาก เพื่อให้ฝึกกระบวนการคิดหลายชั้น

    และให้เอไอเป็นโค้ชสอนเด็กเล่นโกะด้วยซ้ำ

    มหาวิทยาลัยทั้งหลายในจีนเริ่มเปิดหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับเอไอและ STEM มากขึ้น

    ในช่วงปี 2016-2019 นักศึกษาปริญญาเอกในสาย STEM ของมหาวิทยาลัยจีนเพิ่มขึ้นจาก 59,000 คน เป็น 83,000 คน

    คาดว่าในปี 2025 จีนจะผลิตด็อกเตอร์จบใหม่สาย STEM ได้ปีละ 77,000 คน เทียบกับสหรัฐอเมริกาที่ผลิตปีละ 40,000 คน

    ส่วนในระดับปริญญาตรีและโท จีนผลิตบัณฑิตและมหาบัณฑิตได้ปีละหลักล้านคน

    ในจีนนั้นมีอยู่ 3 มหาวิทยาลัยที่ถือว่าโด่งดังในหลักสูตรเอไอ คือ ปักกิ่ง, ซิงหัว และ Zhejiang ครับ ซึ่งมหาลัยเหล่านี้เขาก็ทำงานร่วมกับบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ของจีน 3 แห่งคือ Baitu, Alibaba และ Tencent

    ย่อหน้าที่แล้วผมเขียนชื่อสามบริษัทนี้เป็นภาษาอังกฤษ เพราะยักษ์ใหญ่สามบริษัทนี้เขามีชื่อเรียกย่อๆรวมกันว่า BAT ครับ
    .
    .
    .
    ที่ผมนำเรื่องนี้มาเล่า ก็เพราะอยากจะบอกว่าความสำเร็จของเอไอ “ดีปซีค” นั้นไม่ใช่ความสำเร็จชั่วข้ามคืน

    แต่เกิดจากยุทธศาสตร์ที่มุ่งพัฒนาชาติของรัฐบาลจีนและความมานะหมั่นเพียรของเด็กจีน

    อัลฟ่าโกะนั้นเปรียบเสมือนเสียงนาฬิกาปลุกสำหรับมังกรจีน

    เทียบได้กับในวันที่โซเวียตส่งยานสปุตนิกขึ้นไปโคจรรอบโลกแล้วนั่นคือนาฬิกาปลุกของอเมริกา

    สำหรับประเทศไทยเรานั้น อย่าไปหวังยุทธศาสตร์อะไรกับนายกรัฐมนตรีที่เทงบซอฟท์พาวเวอร์ไป 5 พันล้านบาทเลยครับ

    ยิ่งเห็นข่าวคณะผู้แทนจีนตั้งคำถามกับฝ่ายความมั่นคงและตำรวจไทยเรื่องแก๊งคอลล์เซ็นเตอร์ว่า “ทำไมพวกคุณไม่สนใจดูแลบ้านเมืองของตัวเองบ้างเลย“ แล้ว

    ผมอายบรรพบุรุษครับ

    อายว่า “เจนเนอเรชั่นพวกเรานั้น ทำได้แค่นี้เหรอ? มีดีแค่นี้เหรอ?“
    อ่านเอาเรื่อง Ep.93 : อัลฟ่าโกะกับจีน ในปี ค.ศ.2016 มีเหตุการณ์เล็กๆที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นครับ คือ มีการแข่งขันเกมส์ “โกะ” (หรือ หมากล้อม) ระหว่างแชมป์โลกโกะชาวเกาหลีใต้ชื่อ “ลี เซดอล“ กับหุ่นยนต์เอไอของกูเกิ้ล ชื่อ ”อัลฟ่าโกะ - AlphaGo" ผลก็คือ อัลฟ่าโกะชนะลี เซดอลไปได้ขาดลอย คือ แข่งกัน 5 กระดาน อัลฟ่าโกะชนะไป 4 กระดาน ทำเอาแขมป์โลกลี เซดอลต้องยอมแพ้และถอนตัวจากแข่งขัน เผื่อใครไม่ทราบ โกะคือเกมส์ที่เล่นบนกระดานครับ ผู้เล่นสองฝั่งต้องวางแผนล่วงหน้าในการเดินหมากเพื่อลวงคู่ต่อสู้ เป็นเกมส์ที่ใช้พลังสมองและฝึกกระบวนการคิดซับซ้อนเป็นอย่างดี . . . ข่าวชัยชนะของอัลฟ่าโกะนี้แพร่กระจายไปทั่วโลก จนกระทั่งไปเข้าถึงหูของกลุ่มผู้นำจีนในเวลานั้น เรื่องใครชนะใครแพ้ในเกมส์โกะนั้นไม่สำคัญสำหรับกลุ่มผู้นำรัฐบาลจีนเท่ากับความจริงที่ว่า เทคโนโลยีเอไอนั้นก้าวล้ำไปรวดเร็วกว่าที่ใครจะคาดคิดครับ ผู้นำจีนได้พูดคุยกันและตัดสินใจทันทีว่า จีนจะต้องเร่งพัฒนาองค์ความรู้เรื่องเอไอเพื่อให้จีนเป็นผู้นำเทคโนโลยีนี้ให้ได้ ดังนั้นแล้วหนึ่งปีหลังจากชัยชนะของอัลฟ่าโกะ คือ ค.ศ.2017 รัฐบาลจีนได้ประกาศแผนแห่งชาติที่ชื่อว่า “New Generation Artificial Intelligence Development Plan" หรือ ”แผนพัฒนาเอไอยุคใหม่“ ออกมาครับ กล่าวโดยสรุปคือ แผนนี้กำหนดเป้าหมายไว้ว่า ภายในปี 2020 จีนจะต้องตามทันอเมริกาและชาติที่ก้าวล้ำในด้านเอไอ ภายในปี 2025 จีนจะต้องสร้างนวัตกรรมสำคัญในเรื่อง เอไอ application ภายในปี 2030 จีนจะต้องเป็นผู้นำโลกด้านเอไอ และในหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาลจีนก็ได้จัดสรรเงินลงทุนประมาณ 200,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐมุ่งไปที่การพัฒนาเอไออย่างเดียว เงินก้อนนี้คิดเป็น 23% ของงบประมาณลงทุนทั้งหมดของรัฐบาลจีนในทศวรรษนี้ครับ บางท่านอาจถามว่า “อ้าว… แล้วก่อนหน้าปี 2017 นี่ จีนไม่ได้สนใจเรื่องเอไอเลยเหรอ?” คำตอบคือ สนใจครับ ในยุคนั้นมีบริษัทดังๆเช่น หัวเหว่ย, อาลีบาบา, เทนเซนท์ และไป่ตู้ (Baidu) ซึ่งเป็นบริษัทเทคสำคัญๆของจีนก็สนใจเอไออยู่ แต่งบประมาณยังไม่ได้มากมายอะไร เมื่อรัฐบาลจีนเข้ามาส่งเสริมเอไอเต็มสูบแบบนี้ พวกบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ของจีนก็เดินหน้าเต็มเหนี่ยวเช่นกัน เช่น ระบบเอไอเฮลธ์แคร์โดยเทนเซนท์, ระบบสมาร์ทซิตี้ของอาลีบาบา หรือ ระบบจดจำใบหน้าของเอไอโดยเซนส์ไทม์ ฯลฯ . . . งบ 2 แสนล้านดอลล่าร์ของรัฐบาลนี้ ไม่ได้ส่งไปที่บริษัทหรือเทคสตาร์ทอัพอย่างเดียวครับ แต่ส่งไปยังโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทั่วประเทศจีนเพื่อส่งเสริมการเรียนการสอนทั้ง STEM + เอไอด้วย STEM ย่อมาจาก การเรียนสายวิทยาศาสตร์คือ Science, Technology, Engineering and Mathematic ครับ ในระดับประถม-มัธยมก็เริ่มสอนการเขียนโปรแกรม หรือ โค้ดดิ้ง (Coding) แต่เด็กๆ โดยใส่เข้าไปในหลักสูตรเลย ที่น่าสนใจคือ โรงเรียนและผู้ปกครองส่งเสริมให้เด็กๆหัดเล่นโกะเยอะขึ้นมาก เพื่อให้ฝึกกระบวนการคิดหลายชั้น และให้เอไอเป็นโค้ชสอนเด็กเล่นโกะด้วยซ้ำ มหาวิทยาลัยทั้งหลายในจีนเริ่มเปิดหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับเอไอและ STEM มากขึ้น ในช่วงปี 2016-2019 นักศึกษาปริญญาเอกในสาย STEM ของมหาวิทยาลัยจีนเพิ่มขึ้นจาก 59,000 คน เป็น 83,000 คน คาดว่าในปี 2025 จีนจะผลิตด็อกเตอร์จบใหม่สาย STEM ได้ปีละ 77,000 คน เทียบกับสหรัฐอเมริกาที่ผลิตปีละ 40,000 คน ส่วนในระดับปริญญาตรีและโท จีนผลิตบัณฑิตและมหาบัณฑิตได้ปีละหลักล้านคน ในจีนนั้นมีอยู่ 3 มหาวิทยาลัยที่ถือว่าโด่งดังในหลักสูตรเอไอ คือ ปักกิ่ง, ซิงหัว และ Zhejiang ครับ ซึ่งมหาลัยเหล่านี้เขาก็ทำงานร่วมกับบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ของจีน 3 แห่งคือ Baitu, Alibaba และ Tencent ย่อหน้าที่แล้วผมเขียนชื่อสามบริษัทนี้เป็นภาษาอังกฤษ เพราะยักษ์ใหญ่สามบริษัทนี้เขามีชื่อเรียกย่อๆรวมกันว่า BAT ครับ . . . ที่ผมนำเรื่องนี้มาเล่า ก็เพราะอยากจะบอกว่าความสำเร็จของเอไอ “ดีปซีค” นั้นไม่ใช่ความสำเร็จชั่วข้ามคืน แต่เกิดจากยุทธศาสตร์ที่มุ่งพัฒนาชาติของรัฐบาลจีนและความมานะหมั่นเพียรของเด็กจีน อัลฟ่าโกะนั้นเปรียบเสมือนเสียงนาฬิกาปลุกสำหรับมังกรจีน เทียบได้กับในวันที่โซเวียตส่งยานสปุตนิกขึ้นไปโคจรรอบโลกแล้วนั่นคือนาฬิกาปลุกของอเมริกา สำหรับประเทศไทยเรานั้น อย่าไปหวังยุทธศาสตร์อะไรกับนายกรัฐมนตรีที่เทงบซอฟท์พาวเวอร์ไป 5 พันล้านบาทเลยครับ ยิ่งเห็นข่าวคณะผู้แทนจีนตั้งคำถามกับฝ่ายความมั่นคงและตำรวจไทยเรื่องแก๊งคอลล์เซ็นเตอร์ว่า “ทำไมพวกคุณไม่สนใจดูแลบ้านเมืองของตัวเองบ้างเลย“ แล้ว ผมอายบรรพบุรุษครับ อายว่า “เจนเนอเรชั่นพวกเรานั้น ทำได้แค่นี้เหรอ? มีดีแค่นี้เหรอ?“
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 891 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts