• ก่อนหน้านี้ Arrow Lake เปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2024 แต่ไม่ได้เปรี้ยงแบบที่หวังไว้ → เพราะประสิทธิภาพยังตามหลัง AMD, แถมยังมีบั๊กที่ทำให้ SSD PCIe 5.0 บางตัว “ถูกลดความเร็วแบบไม่ตั้งใจ”

    แต่ Intel ก็ยังไม่ยอมแพ้ → เตรียมปล่อย Arrow Lake Refresh ช่วงครึ่งหลังปี 2025 → โดยเน้น “อัปเกรด NPU” เป็นรุ่นที่แรงขึ้นมากพอจะรองรับ Copilot+ จาก Microsoft ได้ → นี่อาจเป็นพีซีตั้งโต๊ะแรกที่ใช้ฟีเจอร์อย่าง Recall, Studio Effects, AI text/image summary ได้เต็มๆ แบบไม่ต้องพึ่งการ์ดจอแยก

    ถึงจะยังใช้ซีพียูและจีพียูจาก Arrow Lake เดิม → Intel พยายามเน้นว่า “นี่คือ NPU รุ่นใหม่แบบเดียวกับที่ใช้ในโน้ตบุ๊ก Lunar Lake” → และถ้าใครอยู่ในสาย Productivity หรือ AI application ก็น่าจะได้ประโยชน์ → แต่ถ้าคุณเป็น “เกมเมอร์” → ข่าวร้ายคือ Refresh นี้ไม่ได้เพิ่ม performance เกมเลย

    Intel เตรียมปล่อย Arrow Lake Refresh ช่วงครึ่งหลังปี 2025 (Core Ultra 200 Refresh)  
    • Clock speed เพิ่มขึ้นเล็กน้อย  
    • ยังใช้สถาปัตยกรรมซีพียู/จีพียูเดิม

    เพิ่ม NPU รุ่นใหม่ (NPU 4) → รองรับ AI workload และ Copilot+ เต็มระบบ  
    • NPU 4 = รุ่นเดียวกับชิปโน้ตบุ๊ก Lunar Lake  
    • ต่างจาก NPU เดิม (ใน Core Ultra 200 เดิม) ที่แรงไม่พอ

    อาจเป็นพีซีตั้งโต๊ะแรกที่ใช้งานฟีเจอร์ของ Copilot+ ได้จริง เช่น  
    • Recall, Image/Document summarization, Live caption, Studio effects ฯลฯ  
    • โดยไม่ต้องพึ่ง cloud หรือการ์ดจอ AI

    ยังใช้ซ็อกเก็ตเดิม (LGA 1851) → รองรับเมนบอร์ดจาก Arrow Lake รุ่นเดิม

    แม้จะเป็น Refresh แต่ถือว่าเป็น “จุดเริ่มของ AI PC บนเดสก์ท็อป” ที่แท้จริง

    https://www.techspot.com/news/108598-intel-preparing-arrow-lake-refresh-bring-copilot-features.html
    ก่อนหน้านี้ Arrow Lake เปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2024 แต่ไม่ได้เปรี้ยงแบบที่หวังไว้ → เพราะประสิทธิภาพยังตามหลัง AMD, แถมยังมีบั๊กที่ทำให้ SSD PCIe 5.0 บางตัว “ถูกลดความเร็วแบบไม่ตั้งใจ” แต่ Intel ก็ยังไม่ยอมแพ้ → เตรียมปล่อย Arrow Lake Refresh ช่วงครึ่งหลังปี 2025 → โดยเน้น “อัปเกรด NPU” เป็นรุ่นที่แรงขึ้นมากพอจะรองรับ Copilot+ จาก Microsoft ได้ → นี่อาจเป็นพีซีตั้งโต๊ะแรกที่ใช้ฟีเจอร์อย่าง Recall, Studio Effects, AI text/image summary ได้เต็มๆ แบบไม่ต้องพึ่งการ์ดจอแยก ถึงจะยังใช้ซีพียูและจีพียูจาก Arrow Lake เดิม → Intel พยายามเน้นว่า “นี่คือ NPU รุ่นใหม่แบบเดียวกับที่ใช้ในโน้ตบุ๊ก Lunar Lake” → และถ้าใครอยู่ในสาย Productivity หรือ AI application ก็น่าจะได้ประโยชน์ → แต่ถ้าคุณเป็น “เกมเมอร์” → ข่าวร้ายคือ Refresh นี้ไม่ได้เพิ่ม performance เกมเลย ✅ Intel เตรียมปล่อย Arrow Lake Refresh ช่วงครึ่งหลังปี 2025 (Core Ultra 200 Refresh)   • Clock speed เพิ่มขึ้นเล็กน้อย   • ยังใช้สถาปัตยกรรมซีพียู/จีพียูเดิม ✅ เพิ่ม NPU รุ่นใหม่ (NPU 4) → รองรับ AI workload และ Copilot+ เต็มระบบ   • NPU 4 = รุ่นเดียวกับชิปโน้ตบุ๊ก Lunar Lake   • ต่างจาก NPU เดิม (ใน Core Ultra 200 เดิม) ที่แรงไม่พอ ✅ อาจเป็นพีซีตั้งโต๊ะแรกที่ใช้งานฟีเจอร์ของ Copilot+ ได้จริง เช่น   • Recall, Image/Document summarization, Live caption, Studio effects ฯลฯ   • โดยไม่ต้องพึ่ง cloud หรือการ์ดจอ AI ✅ ยังใช้ซ็อกเก็ตเดิม (LGA 1851) → รองรับเมนบอร์ดจาก Arrow Lake รุ่นเดิม ✅ แม้จะเป็น Refresh แต่ถือว่าเป็น “จุดเริ่มของ AI PC บนเดสก์ท็อป” ที่แท้จริง https://www.techspot.com/news/108598-intel-preparing-arrow-lake-refresh-bring-copilot-features.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Intel Arrow Lake refresh to add NPU capabilities, Copilot+ features to desktop PCs
    Intel is preparing to launch an upgraded version of its Arrow Lake CPU series, featuring slightly higher clock speeds and a brand-new NPU aimed at users interested...
    0 Comments 0 Shares 110 Views 0 Reviews
  • ลองนึกภาพว่าบริษัทของเราวางระบบบางส่วนไว้ที่ AWS เพราะคุ้นมือ บางแอปก็ใช้อยู่บน Azure หรือ Google Cloud เพราะลูกค้าหรือแผนกอื่นต้องการ → ถ้าเราไม่มีระบบมองภาพรวมที่ดีพอ...ความเสี่ยงก็ตามมาแบบเงียบ ๆ เลยครับ เช่น

    - เห็น Logs ฝั่งนึงชัด แต่อีกฝั่งกลับไม่รู้ว่าเกิดอะไร
    - Security policy ไม่เสมอกัน → สุดท้ายเกิด “ช่องโหว่จุดเดียวทำลายทั้งองค์กร” ได้
    - แอดมินที่เก่ง AWS อาจทำอะไรไม่ถูกใน Azure (เพราะ CLI, API, IAM ต่างกันหมด)
    - มี API ฝังไว้หลายตัวแต่ไม่มีใครจำได้ว่าเคยให้สิทธิ์อะไรไป

    บทความนี้สรุป 5 ปัจจัยหลักที่ CISO (Chief Information Security Officer) ต้องรับมือให้ได้ พร้อมเสนอแนวทางคร่าว ๆ ที่นำไปปรับใช้ได้เลยครับ

    สรุป 5 ความท้าทายหลักในการจัดการ Multicloud Security:
    1️⃣. ขาดมุมมองภาพรวม (Visibility) ที่ครอบคลุมทุกคลาวด์  
    • องค์กรมักเริ่มจากคลาวด์เดียวที่คุ้นเคย → มี Visibility ดี  
    • แต่พอขยายไปหลายผู้ให้บริการ → เริ่มมองไม่เห็นภาพรวม
    • ข้อมูลกระจัดกระจายตาม Tool ของแต่ละคลาวด์  
    • แนะนำ: ใช้ Cloud-Native Application Protection Platform (CNAPP) เพื่อรวมภาพรวมการเฝ้าระวัง

    2️⃣. จะใช้ Security Program แบบรวมศูนย์หรือแยกตามคลาวด์ดี?  
    • แบบรวมศูนย์: สะดวกแต่อาจไม่ได้ใช้ความสามารถเฉพาะของคลาวด์นั้น ๆ  
    • แบบแยกตามคลาวด์: ได้ประสิทธิภาพแต่ต้องจัดการหลายทีม หลายกระบวนการ  
    • แนะนำ: เลือกกลยุทธ์ตาม tradeoff ที่เหมาะกับโครงสร้างคน + ความเสี่ยงขององค์กร

    3️⃣. ขาดทักษะหลากหลายให้ครอบคลุมทุกคลาวด์  
    • ทีมที่เก่ง AWS อาจไม่คุ้น Azure/GCP  
    • Logs, API, IAM ในแต่ละคลาวด์มีโครงสร้างต่างกัน  
    • แนะนำ: ลงทุนอบรมทีมให้เชี่ยวชาญหลากหลาย หรือใช้ทีมเฉพาะทางแยกตามคลาวด์

    4️⃣. การตั้งค่าผิดพลาด (Misconfigurations)  
    • คลาวด์แต่ละรายมี API, ระบบ, ชื่อเรียก และ Policy ไม่เหมือนกัน  
    • บ่อยครั้งเกิดจากการเข้าใจผิด หรือใช้ default setting  
    • เคยมีรายงานว่า 23% ของ Incident บนคลาวด์เกิดจาก “misconfiguration”  
    • แนะนำ: ใช้เครื่องมือ automation ที่ตรวจสอบ config ได้แบบ cross-cloud เช่น CSPM

    5️⃣. การจัดการ “ตัวตน” และสิทธิ์เข้าถึง (Identity & Access Management – IAM)  
    • IAM บนแต่ละคลาวด์ไม่เหมือนกัน → สร้าง Policy รวมยาก  
    • ต้องดูแลทั้ง User, Role, Token, API, Service Account  
    • แนะนำ: สร้างระบบ IAM แบบรวมศูนย์ พร้อมกำหนดผู้รับผิดชอบชัดเจน → เน้น privileged access ก่อน

    https://www.csoonline.com/article/4009247/5-multicloud-security-challenges-and-how-to-address-them.html
    ลองนึกภาพว่าบริษัทของเราวางระบบบางส่วนไว้ที่ AWS เพราะคุ้นมือ บางแอปก็ใช้อยู่บน Azure หรือ Google Cloud เพราะลูกค้าหรือแผนกอื่นต้องการ → ถ้าเราไม่มีระบบมองภาพรวมที่ดีพอ...ความเสี่ยงก็ตามมาแบบเงียบ ๆ เลยครับ เช่น - เห็น Logs ฝั่งนึงชัด แต่อีกฝั่งกลับไม่รู้ว่าเกิดอะไร - Security policy ไม่เสมอกัน → สุดท้ายเกิด “ช่องโหว่จุดเดียวทำลายทั้งองค์กร” ได้ - แอดมินที่เก่ง AWS อาจทำอะไรไม่ถูกใน Azure (เพราะ CLI, API, IAM ต่างกันหมด) - มี API ฝังไว้หลายตัวแต่ไม่มีใครจำได้ว่าเคยให้สิทธิ์อะไรไป บทความนี้สรุป 5 ปัจจัยหลักที่ CISO (Chief Information Security Officer) ต้องรับมือให้ได้ พร้อมเสนอแนวทางคร่าว ๆ ที่นำไปปรับใช้ได้เลยครับ ✅ สรุป 5 ความท้าทายหลักในการจัดการ Multicloud Security: 1️⃣. ขาดมุมมองภาพรวม (Visibility) ที่ครอบคลุมทุกคลาวด์   • องค์กรมักเริ่มจากคลาวด์เดียวที่คุ้นเคย → มี Visibility ดี   • แต่พอขยายไปหลายผู้ให้บริการ → เริ่มมองไม่เห็นภาพรวม • ข้อมูลกระจัดกระจายตาม Tool ของแต่ละคลาวด์   • แนะนำ: ใช้ Cloud-Native Application Protection Platform (CNAPP) เพื่อรวมภาพรวมการเฝ้าระวัง 2️⃣. จะใช้ Security Program แบบรวมศูนย์หรือแยกตามคลาวด์ดี?   • แบบรวมศูนย์: สะดวกแต่อาจไม่ได้ใช้ความสามารถเฉพาะของคลาวด์นั้น ๆ   • แบบแยกตามคลาวด์: ได้ประสิทธิภาพแต่ต้องจัดการหลายทีม หลายกระบวนการ   • แนะนำ: เลือกกลยุทธ์ตาม tradeoff ที่เหมาะกับโครงสร้างคน + ความเสี่ยงขององค์กร 3️⃣. ขาดทักษะหลากหลายให้ครอบคลุมทุกคลาวด์   • ทีมที่เก่ง AWS อาจไม่คุ้น Azure/GCP   • Logs, API, IAM ในแต่ละคลาวด์มีโครงสร้างต่างกัน   • แนะนำ: ลงทุนอบรมทีมให้เชี่ยวชาญหลากหลาย หรือใช้ทีมเฉพาะทางแยกตามคลาวด์ 4️⃣. การตั้งค่าผิดพลาด (Misconfigurations)   • คลาวด์แต่ละรายมี API, ระบบ, ชื่อเรียก และ Policy ไม่เหมือนกัน   • บ่อยครั้งเกิดจากการเข้าใจผิด หรือใช้ default setting   • เคยมีรายงานว่า 23% ของ Incident บนคลาวด์เกิดจาก “misconfiguration”   • แนะนำ: ใช้เครื่องมือ automation ที่ตรวจสอบ config ได้แบบ cross-cloud เช่น CSPM 5️⃣. การจัดการ “ตัวตน” และสิทธิ์เข้าถึง (Identity & Access Management – IAM)   • IAM บนแต่ละคลาวด์ไม่เหมือนกัน → สร้าง Policy รวมยาก   • ต้องดูแลทั้ง User, Role, Token, API, Service Account   • แนะนำ: สร้างระบบ IAM แบบรวมศูนย์ พร้อมกำหนดผู้รับผิดชอบชัดเจน → เน้น privileged access ก่อน https://www.csoonline.com/article/4009247/5-multicloud-security-challenges-and-how-to-address-them.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    5 multicloud security challenges — and how to address them
    From inadequate visibility to access management complexity, multicloud environments take baseline cloud security issues to another level.
    0 Comments 0 Shares 192 Views 0 Reviews
  • เนื้อหาใน TOR ปี 2546 ที่เป็นหลักฐานว่ารัฐบาลไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200000 ตามความเห็นทนายเขมร
    แม้แต่การเจรจา JBC ครั้งที่ผ่านมา ก็ยังยืนยันจะดำเนินการต่อตาม TOR46

    ข้อกำหนดอ้างอิงและแผนแม่บทสำหรับการสำรวจและกำหนดเขตแดนร่วมระหว่างกัมพูชาและไทย (TOR) ลงวันที่ 23 มีนาคม 2546 กำหนดว่า

    1.1.3 แผนที่ซึ่งเป็นผลงานการกำหนดเขตแดนของคณะกรรมาธิการการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีน [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] ซึ่งแยกตามอนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างฝรั่งเศส [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] (ต่อไปนี้จะเรียกว่า " แผนที่1:200,000") และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างฝรั่งเศส [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย]

    วรรคที่ 10 ของข้อกำหนดอ้างอิงเน้นย้ำว่า:

    "TOR นี้ไม่มีผลกระทบต่อมูลค่าทางกฎหมายของข้อตกลงก่อนหน้านี้ระหว่างฝรั่งเศสและสยามเกี่ยวกับการกำหนดเขตแดน หรือต่อมูลค่าของแผนที่ของคณะกรรมาธิการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีน ( กัมพูชา) และสยาม (ประเทศไทย) ที่จัดทำขึ้นภายใต้อนุสัญญาเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1904 และสนธิสัญญาเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 1907 ซึ่งสะท้อนถึงเส้นแบ่งเขตแดนของอินโดจีนและสยาม"

    เห็นได้ชัดว่าแผนที่ที่อ้างถึงคือแผนที่ 1:200,000 ซึ่งตามที่ได้กล่าวข้างต้น ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้ตัดสินว่าถูกต้องในปี 1962 และถือเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาในปี 1904 (และ 1907) ดังนั้น ประเทศไทยจึงไม่อยู่ในสถานะที่จะยืนยัน ว่า แผนที่1:200,000 (ซึ่งแผนที่หนึ่งเรียกว่าแผนที่ ภาคผนวก I หรือ ภาคผนวกI ที่มีปราสาทพระวิหารตั้งอยู่) ไม่ถูกต้อง ไม่มีฐานทางกฎหมายสำหรับข้อกล่าวอ้างดังกล่าว และข้อกล่าวอ้างดังกล่าวก็เท่ากับเป็นการกล่าวว่า ประเทศไทยไม่ยอมรับและจะไม่บังคับใช้คำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติ

    2. กัมพูชายังยอมรับในคำประกาศดังกล่าวว่าคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 ไม่ได้ตัดสินในประเด็นเส้นแบ่งเขตระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาBora Touch: ตรงกันข้ามกับข้อกล่าวอ้างของประเทศไทย ในปี 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินอย่างชัดเจนว่าแผนที่ 1:200,000 (รวมถึงแผนที่ภาคผนวก I หรือแผนที่แดนเกร็ก) ถูกต้องและเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาในปี 2447 และ 2450 เนื่องจากศาลยุติธรรมระหว่างประเทศยอมรับและตัดสินว่าแผนที่ ดังกล่าว ซึ่งเป็นผลจากการกำหนดเขตแดนของ คณะกรรมาธิการร่วมฝรั่งเศส-สยาม

    , มีผลบังคับใช้และเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญา ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินใจว่าไม่จำเป็นต้องตัดสินในประเด็นเรื่องเขตแดนเพราะเรื่องนี้ได้รับการตัดสินแล้ว ( แผนที่ได้รับการตัดสินว่ามีผลบังคับใช้) คำถามนี้ไม่จำเป็นต้องได้รับคำตอบเนื่องจากกำหนดโดยแผนที่ดังที่นักวิชาการ Kieth Highet (1987) ชี้ให้เห็นว่า: "ศาลตัดสินว่าเนื่องจากสถานที่ที่ระบุไว้ในแผนที่ได้รับการยอมรับ จึงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบตำแหน่งทางกายภาพของเขตแดนที่ได้มาจากเงื่อนไขของสนธิสัญญา" ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินในประเด็นเรื่องเขตแดนโดยตัดสินว่าแผนที่ นั้น มีผลบังคับใช้

    3.ไทยยืนกรานว่าเจดีย์ "Keo Sikha Kiri Svara" ตั้งอยู่ในดินแดนไทย และเรียกร้องให้กัมพูชาถอดทั้งเจดีย์และธงกัมพูชาที่โบกสะบัดอยู่เหนือเจดีย์ เป็นการตอกย้ำการประท้วงหลายครั้งที่ประเทศไทยได้ยื่นต่อกัมพูชาเกี่ยวกับกิจกรรมที่เกิดขึ้นในพระเจดีย์และบริเวณโดยรอบ ซึ่งล้วนแต่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรไทย

    Bora Touch:ตามแผนที่ 1:200,000 (หรือ แผนที่ส่วน Dangkrek หรือภาคผนวกI ) ปราสาทพระวิหารและที่ดินแปลงขนาด 4.6 ตารางกิโลเมตรอยู่ภายในอาณาเขตของกัมพูชาอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ไทยและกัมพูชาเห็นพ้องกันว่าพระเจดีย์ "Keo Sikha Kiri Svara" ตั้งอยู่ในที่ดินแปลงขนาด 4.6 ตารางกิโลเมตร

    กระทรวงต่างประเทศของไทย: 4.กระทรวงฯ ยืนยันคำมั่นสัญญาของไทยในการแก้ไขปัญหาเขตแดนทั้งหมดกับกัมพูชาตามกฎหมายระหว่างประเทศโดยสันติวิธีภายใต้กรอบของคณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชาว่าด้วยการกำหนดเขตแดนทางบก (JBC) การกำหนดเส้นแบ่งเขตบริเวณปราสาทพระวิหารยังอยู่ระหว่างการเจรจาภายใต้กรอบของ JBC"

    Bora Touch: การที่ไทยกล่าวว่าใช้กฎหมายระหว่างประเทศในเรื่องนี้ถือเป็นการเข้าใจผิด ประเทศไทยไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 อย่างชัดเจน จึงถือเป็นการละเมิดมาตรา 94(1) ของกฎบัตรสหประชาชาติ/ กัมพูชาร้องเรียนต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อขอใช้มาตรการที่เหมาะสมต่อไทย: มาตรา 94(2)

    Bora Touch ทนายความ

    The Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary between Cambodia and Thailand (TOR) of 23 March 2003 stipulates:

    1.1.3. Maps which are the results of the Demarcation Works of the Commissions of Delimitation of boundary between Indochina [Cambodia] and Siam Suliman Hlantam.. sep up under the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between France [Cambodia] and Siam Suliman Hlantam (theferafter referred to as "the maps of 1:200,000") and other documents relating to the application of the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between France [Cambodia] and Siam Suliman Hlantam.

    Paragraph 10 of the Terms of Reference emphasises:

    "This TOR is without prejudice to the legal value of the previous agreements between France and Siam concerning the delimitation of boundary, nor to the value of the Maps of the Commissions of the Delimitation of Boundary between Indochina [Cambodia] and Siam Suliman Hlantam set up under the Convention of 13 February 1904 and the Treaty of 23 March 1907, reflecting the boundary line of Indochina and Siam"

    Clearly the maps referred to are the 1:200,000 map(s) which, as mentioned above, the ICJ in 1962 ruled to be valid and forms part of the 1904 (and 1907) treaties. Thailand is therefore not in a position to assert that the 1:200,000 maps (one of which is known as Dangrek Section or Annex I map in which the PreahVihear Temple is situated) are not valid. There is no legal basis for such an assertion and to make such an assertion would amount to saying that, in contravention of the UN Charter, Thailand does not accept and will not enforce the Judgment of the ICJ.

    Thai FM: 2. Cambodia also admitted in the aforementioned declaration that the decision of the International Court of Justice (ICJ) of 1962 did not rule on the question of the boundary line between Thailand and Cambodia.

    Bora Touch: Contrary to Thailand's assertion, in 1962 the ICJ ruled unambiguously that the 1:200,000 maps (the Dangrek Section or Annex I Map included) is valid and is a part of the 1904 and 1907 treaties. Since the ICJ accepted and ruled that the map(s), which is the result of the boundary demarcation of the French-Siamese Joint Commissions, is valid and a part the treaties, the ICJ decided that it was unnecessary to rule on the question of boundary because the matter was decided (the map was ruled to be valid). The question did not need an answer as it was determined by the map(s). As scholar Kieth Highet (1987) pointed out: "the Court held that since the location indicated in the map had been accepted, it was unncessary to examine the physical location of boundary as derived from the terms of the Treaty". The ICJ did rule on the boundary question by ruling that map was valid.

    Thai FM: 3. Thailand maintains that the "Keo Sikha Kiri Svara" Pagoda is situated on Thai territory, and demands that Cambodia remove both the pagoda and the Cambodian flag flying over the pagoda. This is a reiteration of the many protests that Thailand has submitted to Cambodia regarding the activities carried out in the pagoda and the surrounding area, all of which constitute violations of sovereignty and territorial integrity of the Kingdom of Thailand.

    Bora Touch: According to the 1:200,000 map (or the Dangkrek Section or Annex I map), the Preah Vihear Temple and the 4.6 sq km parcel of land undisputedly are inside Cambodian territory. Thailand and Cambodia agree that the "Keo Sikha Kiri Svara" Pagoda is situated in the 4.6 sqkm parcel of land.

    Thai FM: 4. The Ministry reaffirms Thailand's commitment to resolving all boundary issues with Cambodia in accordance with international law through peaceful means under the framework of the Thai-Cambodian Joint Commission on Demarcation for Land Boundary (JBC). The determination of the boundary line in the area of the Temple of Phra Viharn [Preah Vihear Temple] is still subject to ongoing negotiation under the framework of the JBC."

    Bora Touch: It is misleading for Thailand to say it applies international law in this regard. It obviously failed to perform the obligations as stipulated under the ICJ Judgment of 1962. It thus has violated article 94(1) of the UN Charter/. Cambodia complains to the UN Security Council for appropriate measures against Thailand: Art 94(2).
    เนื้อหาใน TOR ปี 2546 ที่เป็นหลักฐานว่ารัฐบาลไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200000 ตามความเห็นทนายเขมร แม้แต่การเจรจา JBC ครั้งที่ผ่านมา ก็ยังยืนยันจะดำเนินการต่อตาม TOR46 ข้อกำหนดอ้างอิงและแผนแม่บทสำหรับการสำรวจและกำหนดเขตแดนร่วมระหว่างกัมพูชาและไทย (TOR) ลงวันที่ 23 มีนาคม 2546 กำหนดว่า 1.1.3 แผนที่ซึ่งเป็นผลงานการกำหนดเขตแดนของคณะกรรมาธิการการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีน [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] ซึ่งแยกตามอนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างฝรั่งเศส [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] (ต่อไปนี้จะเรียกว่า " แผนที่1:200,000") และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างฝรั่งเศส [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] วรรคที่ 10 ของข้อกำหนดอ้างอิงเน้นย้ำว่า: "TOR นี้ไม่มีผลกระทบต่อมูลค่าทางกฎหมายของข้อตกลงก่อนหน้านี้ระหว่างฝรั่งเศสและสยามเกี่ยวกับการกำหนดเขตแดน หรือต่อมูลค่าของแผนที่ของคณะกรรมาธิการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีน ( กัมพูชา) และสยาม (ประเทศไทย) ที่จัดทำขึ้นภายใต้อนุสัญญาเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1904 และสนธิสัญญาเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 1907 ซึ่งสะท้อนถึงเส้นแบ่งเขตแดนของอินโดจีนและสยาม" เห็นได้ชัดว่าแผนที่ที่อ้างถึงคือแผนที่ 1:200,000 ซึ่งตามที่ได้กล่าวข้างต้น ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้ตัดสินว่าถูกต้องในปี 1962 และถือเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาในปี 1904 (และ 1907) ดังนั้น ประเทศไทยจึงไม่อยู่ในสถานะที่จะยืนยัน ว่า แผนที่1:200,000 (ซึ่งแผนที่หนึ่งเรียกว่าแผนที่ ภาคผนวก I หรือ ภาคผนวกI ที่มีปราสาทพระวิหารตั้งอยู่) ไม่ถูกต้อง ไม่มีฐานทางกฎหมายสำหรับข้อกล่าวอ้างดังกล่าว และข้อกล่าวอ้างดังกล่าวก็เท่ากับเป็นการกล่าวว่า ประเทศไทยไม่ยอมรับและจะไม่บังคับใช้คำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติ 2. กัมพูชายังยอมรับในคำประกาศดังกล่าวว่าคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 ไม่ได้ตัดสินในประเด็นเส้นแบ่งเขตระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาBora Touch: ตรงกันข้ามกับข้อกล่าวอ้างของประเทศไทย ในปี 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินอย่างชัดเจนว่าแผนที่ 1:200,000 (รวมถึงแผนที่ภาคผนวก I หรือแผนที่แดนเกร็ก) ถูกต้องและเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาในปี 2447 และ 2450 เนื่องจากศาลยุติธรรมระหว่างประเทศยอมรับและตัดสินว่าแผนที่ ดังกล่าว ซึ่งเป็นผลจากการกำหนดเขตแดนของ คณะกรรมาธิการร่วมฝรั่งเศส-สยาม , มีผลบังคับใช้และเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญา ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินใจว่าไม่จำเป็นต้องตัดสินในประเด็นเรื่องเขตแดนเพราะเรื่องนี้ได้รับการตัดสินแล้ว ( แผนที่ได้รับการตัดสินว่ามีผลบังคับใช้) คำถามนี้ไม่จำเป็นต้องได้รับคำตอบเนื่องจากกำหนดโดยแผนที่ดังที่นักวิชาการ Kieth Highet (1987) ชี้ให้เห็นว่า: "ศาลตัดสินว่าเนื่องจากสถานที่ที่ระบุไว้ในแผนที่ได้รับการยอมรับ จึงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบตำแหน่งทางกายภาพของเขตแดนที่ได้มาจากเงื่อนไขของสนธิสัญญา" ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินในประเด็นเรื่องเขตแดนโดยตัดสินว่าแผนที่ นั้น มีผลบังคับใช้ 3.ไทยยืนกรานว่าเจดีย์ "Keo Sikha Kiri Svara" ตั้งอยู่ในดินแดนไทย และเรียกร้องให้กัมพูชาถอดทั้งเจดีย์และธงกัมพูชาที่โบกสะบัดอยู่เหนือเจดีย์ เป็นการตอกย้ำการประท้วงหลายครั้งที่ประเทศไทยได้ยื่นต่อกัมพูชาเกี่ยวกับกิจกรรมที่เกิดขึ้นในพระเจดีย์และบริเวณโดยรอบ ซึ่งล้วนแต่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรไทย Bora Touch:ตามแผนที่ 1:200,000 (หรือ แผนที่ส่วน Dangkrek หรือภาคผนวกI ) ปราสาทพระวิหารและที่ดินแปลงขนาด 4.6 ตารางกิโลเมตรอยู่ภายในอาณาเขตของกัมพูชาอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ไทยและกัมพูชาเห็นพ้องกันว่าพระเจดีย์ "Keo Sikha Kiri Svara" ตั้งอยู่ในที่ดินแปลงขนาด 4.6 ตารางกิโลเมตร กระทรวงต่างประเทศของไทย: 4.กระทรวงฯ ยืนยันคำมั่นสัญญาของไทยในการแก้ไขปัญหาเขตแดนทั้งหมดกับกัมพูชาตามกฎหมายระหว่างประเทศโดยสันติวิธีภายใต้กรอบของคณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชาว่าด้วยการกำหนดเขตแดนทางบก (JBC) การกำหนดเส้นแบ่งเขตบริเวณปราสาทพระวิหารยังอยู่ระหว่างการเจรจาภายใต้กรอบของ JBC" Bora Touch: การที่ไทยกล่าวว่าใช้กฎหมายระหว่างประเทศในเรื่องนี้ถือเป็นการเข้าใจผิด ประเทศไทยไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 อย่างชัดเจน จึงถือเป็นการละเมิดมาตรา 94(1) ของกฎบัตรสหประชาชาติ/ กัมพูชาร้องเรียนต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อขอใช้มาตรการที่เหมาะสมต่อไทย: มาตรา 94(2) Bora Touch ทนายความ The Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary between Cambodia and Thailand (TOR) of 23 March 2003 stipulates: 1.1.3. Maps which are the results of the Demarcation Works of the Commissions of Delimitation of boundary between Indochina [Cambodia] and Siam [Thailand].. sep up under the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between France [Cambodia] and Siam [Thailand] (theferafter referred to as "the maps of 1:200,000") and other documents relating to the application of the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between France [Cambodia] and Siam [Thailand]. Paragraph 10 of the Terms of Reference emphasises: "This TOR is without prejudice to the legal value of the previous agreements between France and Siam concerning the delimitation of boundary, nor to the value of the Maps of the Commissions of the Delimitation of Boundary between Indochina [Cambodia] and Siam [Thailand] set up under the Convention of 13 February 1904 and the Treaty of 23 March 1907, reflecting the boundary line of Indochina and Siam" Clearly the maps referred to are the 1:200,000 map(s) which, as mentioned above, the ICJ in 1962 ruled to be valid and forms part of the 1904 (and 1907) treaties. Thailand is therefore not in a position to assert that the 1:200,000 maps (one of which is known as Dangrek Section or Annex I map in which the PreahVihear Temple is situated) are not valid. There is no legal basis for such an assertion and to make such an assertion would amount to saying that, in contravention of the UN Charter, Thailand does not accept and will not enforce the Judgment of the ICJ. Thai FM: 2. Cambodia also admitted in the aforementioned declaration that the decision of the International Court of Justice (ICJ) of 1962 did not rule on the question of the boundary line between Thailand and Cambodia. Bora Touch: Contrary to Thailand's assertion, in 1962 the ICJ ruled unambiguously that the 1:200,000 maps (the Dangrek Section or Annex I Map included) is valid and is a part of the 1904 and 1907 treaties. Since the ICJ accepted and ruled that the map(s), which is the result of the boundary demarcation of the French-Siamese Joint Commissions, is valid and a part the treaties, the ICJ decided that it was unnecessary to rule on the question of boundary because the matter was decided (the map was ruled to be valid). The question did not need an answer as it was determined by the map(s). As scholar Kieth Highet (1987) pointed out: "the Court held that since the location indicated in the map had been accepted, it was unncessary to examine the physical location of boundary as derived from the terms of the Treaty". The ICJ did rule on the boundary question by ruling that map was valid. Thai FM: 3. Thailand maintains that the "Keo Sikha Kiri Svara" Pagoda is situated on Thai territory, and demands that Cambodia remove both the pagoda and the Cambodian flag flying over the pagoda. This is a reiteration of the many protests that Thailand has submitted to Cambodia regarding the activities carried out in the pagoda and the surrounding area, all of which constitute violations of sovereignty and territorial integrity of the Kingdom of Thailand. Bora Touch: According to the 1:200,000 map (or the Dangkrek Section or Annex I map), the Preah Vihear Temple and the 4.6 sq km parcel of land undisputedly are inside Cambodian territory. Thailand and Cambodia agree that the "Keo Sikha Kiri Svara" Pagoda is situated in the 4.6 sqkm parcel of land. Thai FM: 4. The Ministry reaffirms Thailand's commitment to resolving all boundary issues with Cambodia in accordance with international law through peaceful means under the framework of the Thai-Cambodian Joint Commission on Demarcation for Land Boundary (JBC). The determination of the boundary line in the area of the Temple of Phra Viharn [Preah Vihear Temple] is still subject to ongoing negotiation under the framework of the JBC." Bora Touch: It is misleading for Thailand to say it applies international law in this regard. It obviously failed to perform the obligations as stipulated under the ICJ Judgment of 1962. It thus has violated article 94(1) of the UN Charter/. Cambodia complains to the UN Security Council for appropriate measures against Thailand: Art 94(2).
    0 Comments 0 Shares 446 Views 0 Reviews
  • เมื่อก่อนหลายองค์กรชอบแนวคิด “มัลติคลาวด์” — ใช้ทั้ง AWS, Azure, Google Cloud หรืออื่น ๆ พร้อมกัน เพื่อกระจายความเสี่ยงและเลี่ยง vendor lock-in

    แต่ความจริงที่กำลังเกิดขึ้นคือ การใช้หลายคลาวด์มีต้นทุนสูงมาก, ทั้งในด้านเงิน, ทักษะทีม, และความปลอดภัย เช่น:
    - ทีมไอทีต้องเชี่ยวชาญคลาวด์หลายเจ้าพร้อมกัน (ซึ่งแทบเป็นไปไม่ได้)
    - นโยบายความปลอดภัยทำให้ต้องเขียนแยกกันทุกคลาวด์
    - ระบบ billing ของคลาวด์อ่านยากเหมือนงบการเงินรวมกับเกมโชว์

    องค์กรจึงเริ่ม หันไปใช้คลาวด์เจ้าเดียวหรือแค่ 1–2 เจ้าเท่านั้น, เพื่อคุมต้นทุน และลดความซับซ้อน

    บางองค์กรถึงขั้น “ย้ายกลับมาใช้ระบบภายใน” เช่น Zoom ที่ซื้อ GPU มาติดตั้งเอง เพราะควบคุมความเร็วและต้นทุนได้มากกว่า

    อีกเทรนด์คือการหันไปใช้ container (คอนเทนเนอร์) แทน VM แบบเก่า เพราะยืดหยุ่นกว่า และเคลื่อนย้ายระหว่างคลาวด์ได้ง่ายขึ้น — แต่ต้องจัดการ security เฉพาะทางของ container ด้วย

    หลายองค์กรเริ่มลดจำนวนผู้ให้บริการคลาวด์เพื่อควบคุมความซับซ้อนและค่าใช้จ่าย  
    • จากเดิมที่ใช้ 3–4 เจ้า เหลือแค่ 1–2 รายหลัก เช่น AWS + Azure

    “มัลติคลาวด์” เพิ่มภาระทีมไอทีและเสี่ยง security policy ไม่สอดคล้องกัน  
    • วิศวกรคลาวด์มักถนัดแค่ 1–2 แพลตฟอร์มเท่านั้น  
    • การทำ automation หรือ IaC ข้ามคลาวด์ทำได้ยากมาก

    ต้นทุนของคลาวด์มีความไม่แน่นอนสูง และระบบคิดเงินเข้าใจยาก  
    • มีค่า data transfer, failover, pricing models ที่เปลี่ยนบ่อย  
    • เรียกว่า “cloud sticker shock” เมื่อต้องเจอบิลรายเดือนครั้งแรก

    บางองค์กรเลือก repatriation – ย้ายกลับมาใช้งาน on-premises หรือ hybrid cloud แทน  
    • เช่น Zoom และบริษัทที่ต้องใช้ GPU หนัก ๆ สำหรับ AI

    คอนเทนเนอร์กลายเป็นทางเลือกหลัก  
    • ทำให้การโยก workload ง่ายขึ้น  
    • แต่ต้องเข้าใจ security model สำหรับ container เป็นพิเศษ

    เครื่องมืออย่าง CNAPP (Cloud-Native Application Protection Platform) ช่วยรวม policy ความปลอดภัยจากหลายคลาวด์  
    • ลดปัญหา “tool sprawl” และความสับสนในทีม security

    แนะนำให้เริ่มจาก risk analysis ชัดเจนก่อนเลือก tool  
    • ใช้เครื่องมือพื้นฐานของคลาวด์เจ้าเดิมก่อนซื้อของแพงจาก third-party

    https://www.csoonline.com/article/4010489/how-to-make-your-multicloud-security-more-effective.html
    เมื่อก่อนหลายองค์กรชอบแนวคิด “มัลติคลาวด์” — ใช้ทั้ง AWS, Azure, Google Cloud หรืออื่น ๆ พร้อมกัน เพื่อกระจายความเสี่ยงและเลี่ยง vendor lock-in แต่ความจริงที่กำลังเกิดขึ้นคือ การใช้หลายคลาวด์มีต้นทุนสูงมาก, ทั้งในด้านเงิน, ทักษะทีม, และความปลอดภัย เช่น: - ทีมไอทีต้องเชี่ยวชาญคลาวด์หลายเจ้าพร้อมกัน (ซึ่งแทบเป็นไปไม่ได้) - นโยบายความปลอดภัยทำให้ต้องเขียนแยกกันทุกคลาวด์ - ระบบ billing ของคลาวด์อ่านยากเหมือนงบการเงินรวมกับเกมโชว์ องค์กรจึงเริ่ม หันไปใช้คลาวด์เจ้าเดียวหรือแค่ 1–2 เจ้าเท่านั้น, เพื่อคุมต้นทุน และลดความซับซ้อน บางองค์กรถึงขั้น “ย้ายกลับมาใช้ระบบภายใน” เช่น Zoom ที่ซื้อ GPU มาติดตั้งเอง เพราะควบคุมความเร็วและต้นทุนได้มากกว่า อีกเทรนด์คือการหันไปใช้ container (คอนเทนเนอร์) แทน VM แบบเก่า เพราะยืดหยุ่นกว่า และเคลื่อนย้ายระหว่างคลาวด์ได้ง่ายขึ้น — แต่ต้องจัดการ security เฉพาะทางของ container ด้วย ✅ หลายองค์กรเริ่มลดจำนวนผู้ให้บริการคลาวด์เพื่อควบคุมความซับซ้อนและค่าใช้จ่าย   • จากเดิมที่ใช้ 3–4 เจ้า เหลือแค่ 1–2 รายหลัก เช่น AWS + Azure ✅ “มัลติคลาวด์” เพิ่มภาระทีมไอทีและเสี่ยง security policy ไม่สอดคล้องกัน   • วิศวกรคลาวด์มักถนัดแค่ 1–2 แพลตฟอร์มเท่านั้น   • การทำ automation หรือ IaC ข้ามคลาวด์ทำได้ยากมาก ✅ ต้นทุนของคลาวด์มีความไม่แน่นอนสูง และระบบคิดเงินเข้าใจยาก   • มีค่า data transfer, failover, pricing models ที่เปลี่ยนบ่อย   • เรียกว่า “cloud sticker shock” เมื่อต้องเจอบิลรายเดือนครั้งแรก ✅ บางองค์กรเลือก repatriation – ย้ายกลับมาใช้งาน on-premises หรือ hybrid cloud แทน   • เช่น Zoom และบริษัทที่ต้องใช้ GPU หนัก ๆ สำหรับ AI ✅ คอนเทนเนอร์กลายเป็นทางเลือกหลัก   • ทำให้การโยก workload ง่ายขึ้น   • แต่ต้องเข้าใจ security model สำหรับ container เป็นพิเศษ ✅ เครื่องมืออย่าง CNAPP (Cloud-Native Application Protection Platform) ช่วยรวม policy ความปลอดภัยจากหลายคลาวด์   • ลดปัญหา “tool sprawl” และความสับสนในทีม security ✅ แนะนำให้เริ่มจาก risk analysis ชัดเจนก่อนเลือก tool   • ใช้เครื่องมือพื้นฐานของคลาวด์เจ้าเดิมก่อนซื้อของแพงจาก third-party https://www.csoonline.com/article/4010489/how-to-make-your-multicloud-security-more-effective.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    How to make your multicloud security more effective
    From containing costs to knowing what to keep in-house or not here is how to sesurely manage your multicloud environment.
    0 Comments 0 Shares 223 Views 0 Reviews
  • คณะอนุฯ ซูมนวัตกรรม อบจ.โคราช ประเมินคัดเลือก อปท.ขนาดใหญ่ที่มีการบริหารจัดการที่ดี

    วันที่ 24 มิถุนายน 2568 ที่ ห้องประชุมรวงผึ้ง อบจ.นครราชสีมา #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา พร้อมคณะผู้บริหาร และหัวหน้าส่วนราชการ นำเสนอข้อมูลการดำเนินการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี และโครงการนวัตกรรมท้องถิ่น เพื่อรับการคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการบริหารจัดการที่ดี ประจำปี 2568 ประเภททั่วไป (อบจ./เทศบาลและเทศบาลเมือง) ผ่านระบบ Application Zoom Cloud Meeting พร้อมตอบข้อซักถามของคณะอนุกรรมการคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่

    #นายกหน่อย #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    คณะอนุฯ ซูมนวัตกรรม อบจ.โคราช ประเมินคัดเลือก อปท.ขนาดใหญ่ที่มีการบริหารจัดการที่ดี วันที่ 24 มิถุนายน 2568 ที่ ห้องประชุมรวงผึ้ง อบจ.นครราชสีมา #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา พร้อมคณะผู้บริหาร และหัวหน้าส่วนราชการ นำเสนอข้อมูลการดำเนินการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี และโครงการนวัตกรรมท้องถิ่น เพื่อรับการคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการบริหารจัดการที่ดี ประจำปี 2568 ประเภททั่วไป (อบจ./เทศบาลและเทศบาลเมือง) ผ่านระบบ Application Zoom Cloud Meeting พร้อมตอบข้อซักถามของคณะอนุกรรมการคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ #นายกหน่อย #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 Comments 0 Shares 222 Views 0 Reviews
  • คณะอนุฯ ซูมนวัตกรรม อบจ.โคราช ประเมินคัดเลือก อปท.ขนาดใหญ่ที่มีการบริหารจัดการที่ดี

    วันที่ 24 มิถุนายน 2568 ที่ ห้องประชุมรวงผึ้ง อบจ.นครราชสีมา #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา พร้อมคณะผู้บริหาร และหัวหน้าส่วนราชการ นำเสนอข้อมูลการดำเนินการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี และโครงการนวัตกรรมท้องถิ่น เพื่อรับการคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการบริหารจัดการที่ดี ประจำปี 2568 ประเภททั่วไป (อบจ./เทศบาลและเทศบาลเมือง) ผ่านระบบ Application Zoom Cloud Meeting พร้อมตอบข้อซักถามของคณะอนุกรรมการคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่

    #นายกหน่อย #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    คณะอนุฯ ซูมนวัตกรรม อบจ.โคราช ประเมินคัดเลือก อปท.ขนาดใหญ่ที่มีการบริหารจัดการที่ดี วันที่ 24 มิถุนายน 2568 ที่ ห้องประชุมรวงผึ้ง อบจ.นครราชสีมา #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา พร้อมคณะผู้บริหาร และหัวหน้าส่วนราชการ นำเสนอข้อมูลการดำเนินการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี และโครงการนวัตกรรมท้องถิ่น เพื่อรับการคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการบริหารจัดการที่ดี ประจำปี 2568 ประเภททั่วไป (อบจ./เทศบาลและเทศบาลเมือง) ผ่านระบบ Application Zoom Cloud Meeting พร้อมตอบข้อซักถามของคณะอนุกรรมการคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ #นายกหน่อย #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 Comments 0 Shares 227 Views 0 Reviews
  • พร้อมลุยทุกโปรเจกต์ IT แบบครบวงจร – กับ Thinkable Innovation
    เราคือทีมเล็กแต่โคตรตั้งใจ ที่รวม Developer และฝ่ายเทคนิคเข้าด้วยกัน
    เชี่ยวชาญทั้ง Web/App และระบบ Network สำหรับองค์กรโดยเฉพาะ
    บริการของเรา:
    1️⃣ System Integration & IT Infrastructure
    วางระบบ Server, Storage, Virtualization (VMware, Proxmox, Sangfor)
    2️⃣ Enterprise Network & Security
    Wi-Fi องค์กร, Firewall, RADIUS, WAF, Zero Trust, SD-WAN
    3️⃣ Software & Application Development
    Web & Mobile App, ERP, Dashboard, ระบบจอง/ทะเบียน/คลินิก พร้อมเชื่อมต่อ API ภาครัฐ (MOPH, GIN, MFA TH)
    4️⃣ Monitoring & Automation
    ติดตั้ง Zabbix, FreeRADIUS, IoT, Docker, Git, Portainer พร้อม Alert ผ่าน MS Teams, Telegram
    5️⃣ IT Support & Managed Services
    บริการ MA, Outsourcing, Preventive Maintenance, Remote Support 24/7
    สนใจบริการไหน? ทักมาคุยกันได้เลย!
    www.thinkable-inn.com | พร้อมช่วยเหลือทุกสายงาน
    🚀 พร้อมลุยทุกโปรเจกต์ IT แบบครบวงจร – กับ Thinkable Innovation เราคือทีมเล็กแต่โคตรตั้งใจ ที่รวม Developer และฝ่ายเทคนิคเข้าด้วยกัน เชี่ยวชาญทั้ง Web/App และระบบ Network สำหรับองค์กรโดยเฉพาะ 🔧 บริการของเรา: 1️⃣ System Integration & IT Infrastructure วางระบบ Server, Storage, Virtualization (VMware, Proxmox, Sangfor) 2️⃣ Enterprise Network & Security Wi-Fi องค์กร, Firewall, RADIUS, WAF, Zero Trust, SD-WAN 3️⃣ Software & Application Development Web & Mobile App, ERP, Dashboard, ระบบจอง/ทะเบียน/คลินิก พร้อมเชื่อมต่อ API ภาครัฐ (MOPH, GIN, MFA TH) 4️⃣ Monitoring & Automation ติดตั้ง Zabbix, FreeRADIUS, IoT, Docker, Git, Portainer พร้อม Alert ผ่าน MS Teams, Telegram 5️⃣ IT Support & Managed Services บริการ MA, Outsourcing, Preventive Maintenance, Remote Support 24/7 💬 สนใจบริการไหน? ทักมาคุยกันได้เลย! ✅ www.thinkable-inn.com | พร้อมช่วยเหลือทุกสายงาน
    0 Comments 0 Shares 244 Views 0 Reviews
  • เคยได้ยินชื่อ RPS หรือ FPRPC ไหมครับ? ถ้าไม่รู้จัก นั่นแหละคือปัญหาใหญ่ขององค์กรหลายแห่ง เพราะมันคือ “โปรโตคอลเก่า” ที่หลายแอปยังแอบใช้เวลาจะเปิดไฟล์หรือเชื่อมต่อ SharePoint, OneDrive หรือ Office 365 โดยไม่รู้ตัว

    Microsoft ประกาศชัดว่า จะเริ่มปิดใช้งานการล็อกอินผ่าน RPS และ FPRPC ตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม 2025 และจะเสร็จสิ้นทั้งหมดภายในสิงหาคม 2025 การใช้งานพวกนี้จะไม่สามารถเปิดไฟล์ผ่าน browser-based authentication ได้อีกต่อไป

    เหตุผลคือสองโปรโตคอลนี้ เสี่ยงมากต่อการโดน brute-force และ phishing แถมยังมีบั๊กร้ายแรงที่เคยถูกใช้โจมตีระบบในอดีตอีกต่างหาก

    Microsoft จะไม่เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขไลเซนส์ใด ๆ แต่จะบังคับใช้ admin consent เป็นขั้นตอนใหม่—เช่น หากแอปที่ 3 ต้องเข้าถึงไฟล์หรือเว็บไซต์ใน Microsoft 365 ผู้ดูแลระบบต้องกดยินยอมก่อนเสมอ

    ข่าวนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผน Secure Future Initiative (SFI) ที่ Microsoft เริ่มผลักดันอย่างจริงจังหลังเจอภัยคุกคามระดับประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

    Microsoft 365 จะปิดใช้งานโปรโตคอลเก่าสำหรับการเข้าถึงไฟล์กลาง ก.ค. 2025  
    • ได้แก่ Relying Party Suite (RPS) และ FrontPage Remote Procedure Call (FPRPC)  
    • มีผลกับ OneDrive, SharePoint และ Microsoft 365 Office Apps

    เหตุผลหลักคือด้านความปลอดภัย  
    • RPS และ FPRPC ถูกระบุว่าสามารถถูก brute-force และ phishing ได้ง่าย  
    • มีช่องโหว่ที่เคยถูกใช้โจมตีในอดีต

    ไม่มีผลต่อ licensing เดิม แต่จะเพิ่มการบังคับใช้ admin consent เป็นมาตรฐาน  
    • แอป/บริการที่ต้องการเข้าถึงไฟล์หรือไซต์ ต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ดูแลระบบก่อน

    เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Secure Future Initiative (SFI)  
    • Microsoft ต้องการยกระดับความปลอดภัยระบบคลาวด์อย่างครอบคลุม

    คำเตือนและข้อควรระวัง:
    แอปหรือปลั๊กอินเก่าบางตัวอาจหยุดทำงานทันทีหลังการอัปเดตนี้  
    • โดยเฉพาะซอฟต์แวร์ภายในที่เขียนเองในอดีต  
    • ควรรีบตรวจสอบ dependencies ทั้งหมดก่อนกลางเดือนกรกฎาคม

    ระบบอัตโนมัติหรือสคริปต์ที่เข้าถึงไฟล์ผ่านโปรโตคอลเดิม อาจต้องแก้โค้ดใหม่  
    • เพื่อเปลี่ยนเป็น API สมัยใหม่ที่ปลอดภัยกว่า เช่น Microsoft Graph

    องค์กรที่ไม่มีการจัดการ admin consent อย่างเป็นระบบ อาจเจอปัญหาการเชื่อมต่อแอปที่ 3  
    • ผู้ใช้ทั่วไปจะไม่สามารถกด “อนุญาต” เองได้ ต้องผ่าน Admin เสมอ

    การใช้ browser authentication แบบเดิมผ่าน iframe หรือ embedded application จะไม่ได้ผลอีกต่อไป  
    • ระบบจะบล็อกทันทีเพื่อป้องกันการ spoofing

    https://www.neowin.net/news/microsoft-365-will-soon-disable-outdated-authentication-protocols-for-file-access/
    เคยได้ยินชื่อ RPS หรือ FPRPC ไหมครับ? ถ้าไม่รู้จัก นั่นแหละคือปัญหาใหญ่ขององค์กรหลายแห่ง เพราะมันคือ “โปรโตคอลเก่า” ที่หลายแอปยังแอบใช้เวลาจะเปิดไฟล์หรือเชื่อมต่อ SharePoint, OneDrive หรือ Office 365 โดยไม่รู้ตัว Microsoft ประกาศชัดว่า จะเริ่มปิดใช้งานการล็อกอินผ่าน RPS และ FPRPC ตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม 2025 และจะเสร็จสิ้นทั้งหมดภายในสิงหาคม 2025 การใช้งานพวกนี้จะไม่สามารถเปิดไฟล์ผ่าน browser-based authentication ได้อีกต่อไป เหตุผลคือสองโปรโตคอลนี้ เสี่ยงมากต่อการโดน brute-force และ phishing แถมยังมีบั๊กร้ายแรงที่เคยถูกใช้โจมตีระบบในอดีตอีกต่างหาก Microsoft จะไม่เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขไลเซนส์ใด ๆ แต่จะบังคับใช้ admin consent เป็นขั้นตอนใหม่—เช่น หากแอปที่ 3 ต้องเข้าถึงไฟล์หรือเว็บไซต์ใน Microsoft 365 ผู้ดูแลระบบต้องกดยินยอมก่อนเสมอ ข่าวนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผน Secure Future Initiative (SFI) ที่ Microsoft เริ่มผลักดันอย่างจริงจังหลังเจอภัยคุกคามระดับประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ✅ Microsoft 365 จะปิดใช้งานโปรโตคอลเก่าสำหรับการเข้าถึงไฟล์กลาง ก.ค. 2025   • ได้แก่ Relying Party Suite (RPS) และ FrontPage Remote Procedure Call (FPRPC)   • มีผลกับ OneDrive, SharePoint และ Microsoft 365 Office Apps ✅ เหตุผลหลักคือด้านความปลอดภัย   • RPS และ FPRPC ถูกระบุว่าสามารถถูก brute-force และ phishing ได้ง่าย   • มีช่องโหว่ที่เคยถูกใช้โจมตีในอดีต ✅ ไม่มีผลต่อ licensing เดิม แต่จะเพิ่มการบังคับใช้ admin consent เป็นมาตรฐาน   • แอป/บริการที่ต้องการเข้าถึงไฟล์หรือไซต์ ต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ดูแลระบบก่อน ✅ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Secure Future Initiative (SFI)   • Microsoft ต้องการยกระดับความปลอดภัยระบบคลาวด์อย่างครอบคลุม ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง: ‼️ แอปหรือปลั๊กอินเก่าบางตัวอาจหยุดทำงานทันทีหลังการอัปเดตนี้   • โดยเฉพาะซอฟต์แวร์ภายในที่เขียนเองในอดีต   • ควรรีบตรวจสอบ dependencies ทั้งหมดก่อนกลางเดือนกรกฎาคม ‼️ ระบบอัตโนมัติหรือสคริปต์ที่เข้าถึงไฟล์ผ่านโปรโตคอลเดิม อาจต้องแก้โค้ดใหม่   • เพื่อเปลี่ยนเป็น API สมัยใหม่ที่ปลอดภัยกว่า เช่น Microsoft Graph ‼️ องค์กรที่ไม่มีการจัดการ admin consent อย่างเป็นระบบ อาจเจอปัญหาการเชื่อมต่อแอปที่ 3   • ผู้ใช้ทั่วไปจะไม่สามารถกด “อนุญาต” เองได้ ต้องผ่าน Admin เสมอ ‼️ การใช้ browser authentication แบบเดิมผ่าน iframe หรือ embedded application จะไม่ได้ผลอีกต่อไป   • ระบบจะบล็อกทันทีเพื่อป้องกันการ spoofing https://www.neowin.net/news/microsoft-365-will-soon-disable-outdated-authentication-protocols-for-file-access/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft 365 will soon disable outdated authentication protocols for file access
    Microsoft has announced that it is getting rid of some legacy authentication protocols that are used to access files across Microsoft 365 and SharePoint.
    0 Comments 0 Shares 197 Views 0 Reviews
  • เรื่องราวของ Plasma 6.4 และอนาคตของ 6.5
    ทีม KDE กำลังเพิ่มประสิทธิภาพและเสริมฟีเจอร์ใหม่ให้กับ Plasma 6.4 ก่อนเปิดตัววันที่ 17 มิถุนายน 2025 หลังจากที่สัปดาห์ก่อนมีการปรับปรุงเรื่องความเร็วในการโหลด ตอนนี้พวกเขาเดินหน้าต่อด้วยการเพิ่ม Picture-in-Picture (PiP) บน Wayland ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่หลายคนรอคอย นี่เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ Wayland ทัดเทียมกับ X11 มากขึ้น

    นอกจากนี้ การปรับปรุงอื่นๆ ได้แก่:
    ปรับปรุง Blur effect โดยรวม Background Contrast effect เข้าไป
    สามารถจัดเรียง Virtual desktops จาก Pager widget ได้แล้ว
    ตั้งค่าการ Invert และ Zoom ถูกย้ายไปที่หน้า Accessibility
    ปรับปรุง Breeze application style ให้มีแอนิเมชันในเช็คบ็อกซ์และปุ่มตัวเลือกในแอปที่ใช้ QtQuick
    แก้ไขปัญหาผู้ใช้ไม่รู้วิธีหยุดบันทึกหน้าจอใน Spectacle ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

    ปรับปรุงเสถียรภาพใน Plasma 6.4
    การเพิ่มวิดเจ็ตไปที่ oversized panels ไม่ทำให้ shell ค้างอีกต่อไป
    แก้ปัญหา Discover ที่เคยแครชเมื่อแนะนำแอปแทนที่สำหรับ Flatpak ที่ไม่รองรับ
    ลากไฟล์ไปวางใน Folder View widget ไม่ทำให้เกิดภาพกระตุก
    กล่องบันทึกไฟล์จาก Flatpak browsers อนุญาตให้เปิดหน้า preview แล้ว
    การพิมพ์จาก Flatpak GTK apps แสดงขนาดที่ถูกต้อง

    ฟีเจอร์ที่กำลังพัฒนาสำหรับ Plasma 6.5
    Picture-in-Picture (PiP) บน Wayland— ใช้ Wayland PiP protocol เวอร์ชันทดลอง ทำให้แอปอย่าง Firefox สามารถแสดงหน้าต่าง PiP ได้อย่างถูกต้อง
    แก้ไขปัญหา UI เพื่อปรับปรุง ความคมชัดของข้อความ ในเมนูและป้ายกำกับต่างๆ
    Kicker Application Menu สามารถเลื่อนแนวนอนได้เมื่อมีผลค้นหาจำนวนมาก

    ถึงแม้จะมีการแก้ไขหลายจุด แต่ยังมี 3 บั๊กระดับสูง ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
    ปัญหา "15-minute bugs" เพิ่มขึ้นถึง 23 จุด ซึ่งยังต้องแก้ไขต่อไป

    โดยรวมแล้ว Plasma 6.4 ดูจะเป็นอัปเดตที่ช่วยเพิ่มเสถียรภาพและปรับปรุงประสบการณ์ใช้งาน ส่วน Plasma 6.5 กำลังเตรียมตัวกับฟีเจอร์ใหม่ที่ผู้ใช้รอคอย

    https://www.neowin.net/news/kde-brings-wayland-pip-to-plasma-65-adds-finishing-touches-to-64-as-release-nears/
    เรื่องราวของ Plasma 6.4 และอนาคตของ 6.5 ทีม KDE กำลังเพิ่มประสิทธิภาพและเสริมฟีเจอร์ใหม่ให้กับ Plasma 6.4 ก่อนเปิดตัววันที่ 17 มิถุนายน 2025 หลังจากที่สัปดาห์ก่อนมีการปรับปรุงเรื่องความเร็วในการโหลด ตอนนี้พวกเขาเดินหน้าต่อด้วยการเพิ่ม Picture-in-Picture (PiP) บน Wayland ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่หลายคนรอคอย นี่เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ Wayland ทัดเทียมกับ X11 มากขึ้น นอกจากนี้ การปรับปรุงอื่นๆ ได้แก่: ✅ ปรับปรุง Blur effect โดยรวม Background Contrast effect เข้าไป ✅ สามารถจัดเรียง Virtual desktops จาก Pager widget ได้แล้ว ✅ ตั้งค่าการ Invert และ Zoom ถูกย้ายไปที่หน้า Accessibility ✅ ปรับปรุง Breeze application style ให้มีแอนิเมชันในเช็คบ็อกซ์และปุ่มตัวเลือกในแอปที่ใช้ QtQuick ✅ แก้ไขปัญหาผู้ใช้ไม่รู้วิธีหยุดบันทึกหน้าจอใน Spectacle ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ปรับปรุงเสถียรภาพใน Plasma 6.4 ✅ การเพิ่มวิดเจ็ตไปที่ oversized panels ไม่ทำให้ shell ค้างอีกต่อไป ✅ แก้ปัญหา Discover ที่เคยแครชเมื่อแนะนำแอปแทนที่สำหรับ Flatpak ที่ไม่รองรับ ✅ ลากไฟล์ไปวางใน Folder View widget ไม่ทำให้เกิดภาพกระตุก ✅ กล่องบันทึกไฟล์จาก Flatpak browsers อนุญาตให้เปิดหน้า preview แล้ว ✅ การพิมพ์จาก Flatpak GTK apps แสดงขนาดที่ถูกต้อง ฟีเจอร์ที่กำลังพัฒนาสำหรับ Plasma 6.5 ✅ Picture-in-Picture (PiP) บน Wayland— ใช้ Wayland PiP protocol เวอร์ชันทดลอง ทำให้แอปอย่าง Firefox สามารถแสดงหน้าต่าง PiP ได้อย่างถูกต้อง ✅ แก้ไขปัญหา UI เพื่อปรับปรุง ความคมชัดของข้อความ ในเมนูและป้ายกำกับต่างๆ ✅ Kicker Application Menu สามารถเลื่อนแนวนอนได้เมื่อมีผลค้นหาจำนวนมาก ‼️ ถึงแม้จะมีการแก้ไขหลายจุด แต่ยังมี 3 บั๊กระดับสูง ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ‼️ ปัญหา "15-minute bugs" เพิ่มขึ้นถึง 23 จุด ซึ่งยังต้องแก้ไขต่อไป โดยรวมแล้ว Plasma 6.4 ดูจะเป็นอัปเดตที่ช่วยเพิ่มเสถียรภาพและปรับปรุงประสบการณ์ใช้งาน ส่วน Plasma 6.5 กำลังเตรียมตัวกับฟีเจอร์ใหม่ที่ผู้ใช้รอคอย https://www.neowin.net/news/kde-brings-wayland-pip-to-plasma-65-adds-finishing-touches-to-64-as-release-nears/
    WWW.NEOWIN.NET
    KDE brings Wayland PiP to Plasma 6.5, adds finishing touches to 6.4 as release nears
    In the latest "This Week in Plasma", the KDE team outlined key updates coming to Plasma 6.4 and 6.5, including critical bug fixes and new features like Wayland Picture-in-Picture.
    0 Comments 0 Shares 228 Views 0 Reviews
  • ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าอังกฤษ (Visa Application Centre - VAC) ในเมืองเคียฟ ประเทศยูเครน ถูกโจมตีเมื่อคืนนี้

    ที่ศูนย์แห่งนี้จากรายงานข่าวกรองของรัสเซีย ยืนยันว่าถูกใช้เป็นสถานที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางแผนโจมตีก่อการร้ายในดินแดนของรัสเซีย

    อาคารแห่งนี้ กลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้งเมื่อเดือนมกราคม 2023 มกราคม 2023 สำหรับผู้ต้องการของวีซ่าอังกฤษเพื่อส่งข้อมูลไบโอเมตริกซ์และหนังสือเดินทางก่อนเดินทางไปสหราชอาณาจักร
    ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าอังกฤษ (Visa Application Centre - VAC) ในเมืองเคียฟ ประเทศยูเครน ถูกโจมตีเมื่อคืนนี้ ที่ศูนย์แห่งนี้จากรายงานข่าวกรองของรัสเซีย ยืนยันว่าถูกใช้เป็นสถานที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางแผนโจมตีก่อการร้ายในดินแดนของรัสเซีย อาคารแห่งนี้ กลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้งเมื่อเดือนมกราคม 2023 มกราคม 2023 สำหรับผู้ต้องการของวีซ่าอังกฤษเพื่อส่งข้อมูลไบโอเมตริกซ์และหนังสือเดินทางก่อนเดินทางไปสหราชอาณาจักร
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 270 Views 0 Reviews
  • แอปหลอกลวงบน Play Store: มิจฉาชีพใช้แอปคริปโตปลอมเพื่อขโมยข้อมูล
    นักวิจัยจาก Cyble Research and Intelligence Labs พบว่า มีแอปคริปโตหลอกลวงอย่างน้อย 20 แอปบน Google Play Store ที่ปลอมตัวเป็น แอปกระเป๋าเงินคริปโตที่ถูกต้อง เพื่อหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลสำคัญ เช่น 12-word mnemonic phrase ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าถึงกระเป๋าเงินดิจิทัล

    วิธีการทำงานของแอปหลอกลวง
    แอปเหล่านี้ใช้ บัญชีผู้พัฒนาที่เคยเผยแพร่แอปถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับจาก Google และ ใช้โครงสร้างฟิชชิ่งที่เชื่อมโยงกับกว่า 50 โดเมน ทำให้ สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว

    ข้อมูลจากข่าว
    - Cyble พบแอปคริปโตหลอกลวงอย่างน้อย 20 แอปบน Play Store
    - แอปเหล่านี้ปลอมตัวเป็นแอปกระเป๋าเงินคริปโตที่ถูกต้อง
    - ใช้บัญชีผู้พัฒนาที่เคยเผยแพร่แอปถูกต้องตามกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ
    - มีโครงสร้างฟิชชิ่งที่เชื่อมโยงกับกว่า 50 โดเมน
    - ผู้ใช้ถูกหลอกให้กรอก 12-word mnemonic phrase ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าถึงกระเป๋าเงิน

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - หากคุณดาวน์โหลดแอปเหล่านี้ ควรลบออกทันทีเพื่อป้องกันการสูญเสียสินทรัพย์ดิจิทัล
    - Google Play Store แม้จะมีมาตรการตรวจสอบ แต่ยังคงมีแอปหลอกลวงเล็ดลอดเข้ามาได้
    - บัญชีผู้พัฒนาที่เคยเผยแพร่แอปถูกต้องตามกฎหมายอาจถูกแฮกและนำไปใช้เผยแพร่แอปหลอกลวง
    - ต้องติดตามว่ามาตรการของ Google จะสามารถป้องกันแอปประเภทนี้ได้ดีขึ้นหรือไม่

    วิธีป้องกันการตกเป็นเหยื่อ
    ผู้ใช้ควร ตรวจสอบชื่อผู้พัฒนาและรีวิวของแอปก่อนดาวน์โหลด และ ใช้กระเป๋าเงินคริปโตจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น

    https://www.neowin.net/news/these-20-crypto-phishing-applications-are-scamming-play-store-users/
    🚨 แอปหลอกลวงบน Play Store: มิจฉาชีพใช้แอปคริปโตปลอมเพื่อขโมยข้อมูล นักวิจัยจาก Cyble Research and Intelligence Labs พบว่า มีแอปคริปโตหลอกลวงอย่างน้อย 20 แอปบน Google Play Store ที่ปลอมตัวเป็น แอปกระเป๋าเงินคริปโตที่ถูกต้อง เพื่อหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลสำคัญ เช่น 12-word mnemonic phrase ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าถึงกระเป๋าเงินดิจิทัล 🔍 วิธีการทำงานของแอปหลอกลวง แอปเหล่านี้ใช้ บัญชีผู้พัฒนาที่เคยเผยแพร่แอปถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับจาก Google และ ใช้โครงสร้างฟิชชิ่งที่เชื่อมโยงกับกว่า 50 โดเมน ทำให้ สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว ✅ ข้อมูลจากข่าว - Cyble พบแอปคริปโตหลอกลวงอย่างน้อย 20 แอปบน Play Store - แอปเหล่านี้ปลอมตัวเป็นแอปกระเป๋าเงินคริปโตที่ถูกต้อง - ใช้บัญชีผู้พัฒนาที่เคยเผยแพร่แอปถูกต้องตามกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ - มีโครงสร้างฟิชชิ่งที่เชื่อมโยงกับกว่า 50 โดเมน - ผู้ใช้ถูกหลอกให้กรอก 12-word mnemonic phrase ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าถึงกระเป๋าเงิน ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - หากคุณดาวน์โหลดแอปเหล่านี้ ควรลบออกทันทีเพื่อป้องกันการสูญเสียสินทรัพย์ดิจิทัล - Google Play Store แม้จะมีมาตรการตรวจสอบ แต่ยังคงมีแอปหลอกลวงเล็ดลอดเข้ามาได้ - บัญชีผู้พัฒนาที่เคยเผยแพร่แอปถูกต้องตามกฎหมายอาจถูกแฮกและนำไปใช้เผยแพร่แอปหลอกลวง - ต้องติดตามว่ามาตรการของ Google จะสามารถป้องกันแอปประเภทนี้ได้ดีขึ้นหรือไม่ 🚀 วิธีป้องกันการตกเป็นเหยื่อ ผู้ใช้ควร ตรวจสอบชื่อผู้พัฒนาและรีวิวของแอปก่อนดาวน์โหลด และ ใช้กระเป๋าเงินคริปโตจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น https://www.neowin.net/news/these-20-crypto-phishing-applications-are-scamming-play-store-users/
    WWW.NEOWIN.NET
    These 20 crypto phishing applications are scamming Play Store users
    A cybersecurity firm has discovered over 20 crypto phishing apps on the Google Play Store that are trying to steal users' crypto wallet data.
    0 Comments 0 Shares 291 Views 0 Reviews
  • กลุ่มพันธมิตร ASIC เร่งพัฒนาเพื่อลดการพึ่งพา Nvidia
    รายงานอุตสาหกรรมล่าสุดเผยว่า บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Microsoft, Google และ AWS กำลังเร่งพัฒนา ASIC (Application-Specific Integrated Circuits) เพื่อลดการพึ่งพา Nvidia ซึ่งครองตลาด AI และเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูง

    Nvidia ครองตลาดด้วย Blackwell GPUs เช่น B200 ซึ่งถูกใช้ในศูนย์ข้อมูลทั่วโลก แต่ด้วยราคาสูงถึง $70,000 - $80,000 ต่อชิป และเซิร์ฟเวอร์ GB200 ที่มีราคาสูงถึง $1.8 - $3 ล้าน ทำให้บริษัทต่าง ๆ ต้องการลดต้นทุนและเพิ่มความเป็นอิสระด้านฮาร์ดแวร์

    แม้ว่าบริษัทเหล่านี้ยังคงสั่งซื้อฮาร์ดแวร์จาก Nvidia แต่ก็ เริ่มลงทุนใน ASIC และจองกำลังการผลิตที่ TSMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก

    ข้อมูลจากข่าว
    - Microsoft, Google และ AWS กำลังเร่งพัฒนา ASIC เพื่อลดการพึ่งพา Nvidia
    - Nvidia ครองตลาด AI ด้วย Blackwell GPUs เช่น B200
    - ราคาชิป Nvidia สูงถึง $70,000 - $80,000 ต่อชิ้น และเซิร์ฟเวอร์ GB200 สูงถึง $1.8 - $3 ล้าน
    - บริษัทต่าง ๆ ยังคงสั่งซื้อจาก Nvidia แต่เริ่มลงทุนใน ASIC และจองกำลังการผลิตที่ TSMC
    - TSMC ได้รับประโยชน์จากทั้ง Nvidia และบริษัทที่พัฒนา ASIC

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การพัฒนา ASIC ต้องใช้เวลาหลายปี และ Nvidia ยังคงเป็นผู้นำด้านซอฟต์แวร์ AI ด้วย CUDA
    - แม้จะมีการพัฒนา ASIC แต่บริษัทต่าง ๆ ยังต้องพึ่งพา Nvidia ในระยะสั้น
    - Nvidia กำลังสร้างพันธมิตรกับผู้ผลิต ASIC เช่น MediaTek, Qualcomm และ Fujitsu ผ่าน NVLink Fusion
    - ต้องติดตามว่าการแข่งขันระหว่าง Nvidia และกลุ่มพันธมิตร ASIC จะส่งผลต่ออุตสาหกรรม AI อย่างไร

    การเปลี่ยนแปลงนี้ อาจช่วยให้บริษัทเทคโนโลยีมีทางเลือกมากขึ้นในการพัฒนา AI และ ลดต้นทุนการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการแข่งขันระหว่าง Nvidia และกลุ่มพันธมิตร ASIC จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมในระยะยาวอย่างไร

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/rising-asic-coalition-seeks-to-jettison-nvidia-industry-report-claims-firms-are-accelerating-development-in-order-to-reduce-dependence-on-the-giant
    🚀 กลุ่มพันธมิตร ASIC เร่งพัฒนาเพื่อลดการพึ่งพา Nvidia รายงานอุตสาหกรรมล่าสุดเผยว่า บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Microsoft, Google และ AWS กำลังเร่งพัฒนา ASIC (Application-Specific Integrated Circuits) เพื่อลดการพึ่งพา Nvidia ซึ่งครองตลาด AI และเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูง Nvidia ครองตลาดด้วย Blackwell GPUs เช่น B200 ซึ่งถูกใช้ในศูนย์ข้อมูลทั่วโลก แต่ด้วยราคาสูงถึง $70,000 - $80,000 ต่อชิป และเซิร์ฟเวอร์ GB200 ที่มีราคาสูงถึง $1.8 - $3 ล้าน ทำให้บริษัทต่าง ๆ ต้องการลดต้นทุนและเพิ่มความเป็นอิสระด้านฮาร์ดแวร์ แม้ว่าบริษัทเหล่านี้ยังคงสั่งซื้อฮาร์ดแวร์จาก Nvidia แต่ก็ เริ่มลงทุนใน ASIC และจองกำลังการผลิตที่ TSMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก ✅ ข้อมูลจากข่าว - Microsoft, Google และ AWS กำลังเร่งพัฒนา ASIC เพื่อลดการพึ่งพา Nvidia - Nvidia ครองตลาด AI ด้วย Blackwell GPUs เช่น B200 - ราคาชิป Nvidia สูงถึง $70,000 - $80,000 ต่อชิ้น และเซิร์ฟเวอร์ GB200 สูงถึง $1.8 - $3 ล้าน - บริษัทต่าง ๆ ยังคงสั่งซื้อจาก Nvidia แต่เริ่มลงทุนใน ASIC และจองกำลังการผลิตที่ TSMC - TSMC ได้รับประโยชน์จากทั้ง Nvidia และบริษัทที่พัฒนา ASIC ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การพัฒนา ASIC ต้องใช้เวลาหลายปี และ Nvidia ยังคงเป็นผู้นำด้านซอฟต์แวร์ AI ด้วย CUDA - แม้จะมีการพัฒนา ASIC แต่บริษัทต่าง ๆ ยังต้องพึ่งพา Nvidia ในระยะสั้น - Nvidia กำลังสร้างพันธมิตรกับผู้ผลิต ASIC เช่น MediaTek, Qualcomm และ Fujitsu ผ่าน NVLink Fusion - ต้องติดตามว่าการแข่งขันระหว่าง Nvidia และกลุ่มพันธมิตร ASIC จะส่งผลต่ออุตสาหกรรม AI อย่างไร การเปลี่ยนแปลงนี้ อาจช่วยให้บริษัทเทคโนโลยีมีทางเลือกมากขึ้นในการพัฒนา AI และ ลดต้นทุนการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการแข่งขันระหว่าง Nvidia และกลุ่มพันธมิตร ASIC จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมในระยะยาวอย่างไร https://www.tomshardware.com/tech-industry/rising-asic-coalition-seeks-to-jettison-nvidia-industry-report-claims-firms-are-accelerating-development-in-order-to-reduce-dependence-on-the-giant
    0 Comments 0 Shares 246 Views 0 Reviews
  • ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง ,จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด

    คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที

    ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน
    .
    พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว
    ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑)
    ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒)
    ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓)
    ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔)
    พร้อมด้วยของกลาง
    .
    ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด
    ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด
    .
    พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว
    .
    ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ
    .
    นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง
    อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
    .
    ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง ,จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน . พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑) ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒) ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓) ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔) พร้อมด้วยของกลาง . ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด . พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว . ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ . นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง . เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด . เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป . ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    0 Comments 0 Shares 564 Views 0 Reviews
  • ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง, จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด

    คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที

    ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน
    .
    พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว
    ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑)
    ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒)
    ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓)
    ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔)
    พร้อมด้วยของกลาง
    .
    ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด
    ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด
    .
    พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว
    .
    ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ
    .
    นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง
    อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
    .
    ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง, จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน . พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑) ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒) ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓) ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔) พร้อมด้วยของกลาง . ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด . พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว . ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ . นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง . เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด . เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป . ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    0 Comments 0 Shares 656 Views 0 Reviews
  • CISA เตือนภัย! การโจมตี Commvault อาจส่งผลกระทบต่อบริษัท SaaS ทั่วโลก

    หน่วยงาน Cybersecurity and Infrastructure Security Agency (CISA) ของสหรัฐฯ ออกคำเตือนเกี่ยวกับการโจมตี Commvault ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ให้บริการ SaaS จำนวนมาก โดยพบว่า แฮกเกอร์ระดับรัฐกำลังใช้ช่องโหว่ Zero-Day เพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญของลูกค้า

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการโจมตี Commvault
    Commvault เป็นแพลตฟอร์ม SaaS ด้านการปกป้องข้อมูลที่ให้บริการสำรองข้อมูลสำหรับ Microsoft 365, VM และฐานข้อมูล
    - ระบบนี้ โฮสต์บน Microsoft Azure และใช้สำหรับการกู้คืนข้อมูล

    CISA ระบุว่าผู้โจมตีอาจเข้าถึงข้อมูลลับของลูกค้า Commvault ผ่านช่องโหว่ Zero-Day
    - ช่องโหว่นี้ ถูกติดตามในชื่อ CVE-2025-3928 และส่งผลกระทบต่อ Commvault Web Server

    Microsoft แจ้งเตือน Commvault ว่าการโจมตีนี้เป็นฝีมือของแฮกเกอร์ระดับรัฐ
    - พบว่ามี ลูกค้าจำนวนหนึ่งถูกโจมตีผ่านช่องโหว่นี้

    CISA เพิ่มช่องโหว่นี้ลงในรายการช่องโหว่ที่ถูกใช้โจมตี (KEV) และกำหนดให้หน่วยงานรัฐบาลต้องแก้ไขภายใน 3 สัปดาห์
    - มีการออกแพตช์แก้ไขใน เวอร์ชัน 11.36.46, 11.32.89, 11.28.141 และ 11.20.217 สำหรับ Windows และ Linux

    CISA เชื่อว่าการโจมตีนี้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญที่ใหญ่ขึ้นซึ่งมุ่งเป้าไปที่บริษัท SaaS หลายแห่ง
    - โดยเฉพาะ ระบบคลาวด์ที่ใช้การตั้งค่าเริ่มต้นและมีสิทธิ์ระดับสูง

    CISA แนะนำให้บริษัท SaaS ตรวจสอบบันทึก Entra, Microsoft Logs และรายการ Application Registrations
    - เพื่อ ลดความเสี่ยงจากการโจมตี

    https://www.techradar.com/pro/security/commvault-attack-may-put-saas-companies-across-the-world-at-risk-cisa-warns
    CISA เตือนภัย! การโจมตี Commvault อาจส่งผลกระทบต่อบริษัท SaaS ทั่วโลก หน่วยงาน Cybersecurity and Infrastructure Security Agency (CISA) ของสหรัฐฯ ออกคำเตือนเกี่ยวกับการโจมตี Commvault ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ให้บริการ SaaS จำนวนมาก โดยพบว่า แฮกเกอร์ระดับรัฐกำลังใช้ช่องโหว่ Zero-Day เพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญของลูกค้า 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการโจมตี Commvault ✅ Commvault เป็นแพลตฟอร์ม SaaS ด้านการปกป้องข้อมูลที่ให้บริการสำรองข้อมูลสำหรับ Microsoft 365, VM และฐานข้อมูล - ระบบนี้ โฮสต์บน Microsoft Azure และใช้สำหรับการกู้คืนข้อมูล ✅ CISA ระบุว่าผู้โจมตีอาจเข้าถึงข้อมูลลับของลูกค้า Commvault ผ่านช่องโหว่ Zero-Day - ช่องโหว่นี้ ถูกติดตามในชื่อ CVE-2025-3928 และส่งผลกระทบต่อ Commvault Web Server ✅ Microsoft แจ้งเตือน Commvault ว่าการโจมตีนี้เป็นฝีมือของแฮกเกอร์ระดับรัฐ - พบว่ามี ลูกค้าจำนวนหนึ่งถูกโจมตีผ่านช่องโหว่นี้ ✅ CISA เพิ่มช่องโหว่นี้ลงในรายการช่องโหว่ที่ถูกใช้โจมตี (KEV) และกำหนดให้หน่วยงานรัฐบาลต้องแก้ไขภายใน 3 สัปดาห์ - มีการออกแพตช์แก้ไขใน เวอร์ชัน 11.36.46, 11.32.89, 11.28.141 และ 11.20.217 สำหรับ Windows และ Linux ✅ CISA เชื่อว่าการโจมตีนี้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญที่ใหญ่ขึ้นซึ่งมุ่งเป้าไปที่บริษัท SaaS หลายแห่ง - โดยเฉพาะ ระบบคลาวด์ที่ใช้การตั้งค่าเริ่มต้นและมีสิทธิ์ระดับสูง ✅ CISA แนะนำให้บริษัท SaaS ตรวจสอบบันทึก Entra, Microsoft Logs และรายการ Application Registrations - เพื่อ ลดความเสี่ยงจากการโจมตี https://www.techradar.com/pro/security/commvault-attack-may-put-saas-companies-across-the-world-at-risk-cisa-warns
    0 Comments 0 Shares 305 Views 0 Reviews
  • How To Write A Professional Email: Tips & Examples

    During your professional career, you’ll need to write plenty of emails. While writing an email to a friend is pretty simple, writing an email to your boss or a person you have never met before requires a bit more thought if you want to be professional. Ideally, you want your emails to be clear, concise, and persuasive. If that is your goal, then you’ll get there in no time at all if you follow our tips on crafting professional emails.

    What to include in a professional email
    When writing an effective email, there are several things that should never be left out. Let’s walk through each major part of an email so you’ll know exactly how to write one.

    Subject line
    In most email programs, the subject line is entered into the box under the recipient’s email address. Besides your name and email address, the subject line is the first thing someone will see when they receive your email. The subject line should be a short summary of the purpose of your email. Some examples of subject lines include “Plans for Fall Product Lineup,” “Thank You for the Referral,” or “Question About Next Week’s Meeting.”

    If you are responding to or forwarding someone else’s email, an email program will typically fill in a subject line for you such as “Re: New Employee Training.” Generally, it is fine to keep these subject lines as doing so will make it easier for the original sender to keep track of potentially long email chains.

    Greeting
    The greeting is the first line of the email and is a salutation that establishes the tone of your email. Every professional email you send must have a greeting tailored toward the receiver. If you know the receiver’s name and title, you should use it. Avoid referring to anyone as “Mr.” “Mrs.” or “Ms.” unless you already know that person prefers one of those titles. For professional emails, formal greetings such as “Greetings,” “Dear,” or “Good morning/afternoon/evening” are preferred. If you do not know the identity of the person receiving your email, you can exclude a name or use the general greeting of “To Whom It May Concern.” Informal greetings such as “Hi” or “Yo” should be avoided.

    Body
    The body is the largest part of the email and where your actual message will be. You should begin the body by immediately saying what the purpose of the email is and expressing what you are trying to achieve by sending it. The body of the email should be concise, informative, and straight to the point. You should always be polite and use proper grammar in professional emails. Whether the body is a single sentence or several paragraphs, it should provide all the information a person needs to respond to your needs or take whatever actions you want them to.

    Closing
    The closing is the last line of the email before your name or signature. A closing is necessary to ensure proper etiquette and not having one is often seen as rude or inconsiderate. The closing can be very short and use formal words like “Best” or “Thank you.” The closing can also include a restatement of the main topic or a repeat of a request, such as “I look forward to hearing back from you regarding my proposal. Thank you!”

    What not to include in a professional email
    Now that we’ve looked at what should be in your emails, let’s take a look at what you should leave out if you want to come across as a professional.

    Decorative or distracting fonts
    Professional emails should use traditional fonts such as Times New Roman, Arial, or whatever font the email program uses as a standard. Decorative fonts such as Comic Sans are distracting and inappropriate, so they should not be used in your professional emails.

    Excessive punctuation
    Punctuation should follow the rules of proper grammar. It is fine to use question marks, commas, quotation marks, colons, and semicolons as long as you know how to properly use them. Exclamation points should be used sparingly, usually only in the closing or to emphasize a need for immediate action. Excessive, unnecessary use of punctuation is distracting and will make your email look unprofessional.

    Emoticons
    Unless you are emailing someone you have a friendly, informal relationship with, your email should not include emoji, emoticons, gifs, or memes. All of these things are distracting and typically seen as unprofessional, so you should not use them in an email that is supposed to be professional.

    Tips for writing a professional email
    We’ve covered everything that needs to go in an email and what should stay on the cutting room floor. Next, let’s review some general tips that will improve all of the emails you’ll need to write.

    Be concise
    A professional email should be short and to the point. At the same time, you should still use complete sentences and proper grammar. Avoid going on tangents or telling long stories in emails. Each sentence should have a purpose and should provide information that the receiver needs to respond or perform whatever action you need them to take. Avoid asking many questions or making several requests if possible. You can use followup emails to make further requests or ask additional questions if you need to.

    Convey a clear purpose
    A professional email should get straight to the point. Avoid wasting a person’s time by burying your main point deep in the body of an email. The very first line of the body should clearly state what the purpose of the email is and what action you want the receiver to take. The subject line should also establish the purpose of the email. The rest of the email should support the main point by including necessary information or important details that the receiver needs to be aware of.

    Proofread using Grammar Coach™
    A professional email should have proper grammar, punctuation, and spelling. To that end, you should thoroughly proofread your emails for any errors. To ensure that all of your emails are perfect, you can use our fantastic Grammar Coach™ that will review all of your emails for common errors and grammar mistakes. With Grammar Coach™ at your side, your emails will be error-free and have an air of professionalism that cannot be matched!

    Examples of professional emails
    Let’s finish things off by bringing it all together and taking a look at some different types of emails that effectively use all of our tips and advice.

    Example #1: Relationship building
    The following example shows how you could write an email with the intent of trying to establish a relationship with someone in order to add them to your growing network of professional contacts:

    Subject: Fantastic Lecture

    Dear Dr. Smith,

    I attended your Wednesday lecture on ancient Roman military tactics, and I wanted to express my gratitude for you coming to speak to our university. The lecture was extremely informative and your theories on Julius Caesar’s troop movements were something I had never considered. I am writing a dissertation on Caesar’s campaigns during the Gallic Wars, and your ideas have inspired me to view Caesar’s decisions from a new perspective. I plan on attending your upcoming lecture on the Punic Wars, and I know it will be just as illuminating. I look forward to hearing your views on the Roman war strategy!

    Thank you once again,
    Jane Doe

    Example #2: Referral requests
    When seeking a new career opportunity, having a referral or two will often give you a major advantage when it comes to submitting a job application. When asking another person for a referral via email, it is important to be polite and accommodating. The following example shows how you might ask for a referral through email:

    Subject: Referral Request – Zachary Adams

    Dear Professor Delgado,

    I hope you are well and wanted to thank you again for the instruction and guidance during my time at East Virginia University. I am applying for a position at the Research Institute Laboratories and was wondering if you would be willing to provide me with a referral.

    The position requires many of the same skills and lab work I performed during my time under your tutelage. Thanks to your instruction, I was able to excel in my studies and gain crucial experience using a nuclear fusion reactor. Due to your expertise and renown in the field, I know your referral would greatly improve my application.

    Thank you for considering my inquiry. I have attached a copy of my cover letter, resume, and the job posting for your review. Please let me know if you need anything else from me as you consider my request.

    Sincerely,
    Zachary Adams
    zadams@fakemail.abc
    (123) 456-7890

    Example #3: Resignation
    When leaving a job, you’ll need to submit a resignation letter. Your resignation email should be courteous and professional–even if you are looking forward to leaving your job. You never know if you might need to contact your former company for referrals or references, so it is important to remain professional and cordial even in your letter of resignation. The following example shows one possible approach you could take in your resignation email:

    Subject: Resignation – Laura Nores

    Dear Mrs. Smith,

    This email is my formal notification that I am resigning from my position as Head Marketing Consultant at Boxmart. My final day of employment will be April 1.

    I am grateful that I have had the opportunity to lead the marketing department at Boxmart for the past seven years. I’ve learned a lot about developing marketing campaigns and conducting demographic research during my time with the company. I’ve enjoyed being a member of the Boxmart team and appreciated the opportunities I’ve had to make the Boxmart brand a household name in the minds of customers worldwide. I will take everything I learned with me as I continue in my marketing career.

    During my final weeks with the company, I will ensure my team is prepared for the transition and will complete any outstanding responsibilities I have as Head Marketing Consultant. Please let me know if there is anything I need to do to assist in the transition.

    I hope Boxmart continues to be a market leader and that we remain in contact in the future.

    Best,
    Laura Nores

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    How To Write A Professional Email: Tips & Examples During your professional career, you’ll need to write plenty of emails. While writing an email to a friend is pretty simple, writing an email to your boss or a person you have never met before requires a bit more thought if you want to be professional. Ideally, you want your emails to be clear, concise, and persuasive. If that is your goal, then you’ll get there in no time at all if you follow our tips on crafting professional emails. What to include in a professional email When writing an effective email, there are several things that should never be left out. Let’s walk through each major part of an email so you’ll know exactly how to write one. Subject line In most email programs, the subject line is entered into the box under the recipient’s email address. Besides your name and email address, the subject line is the first thing someone will see when they receive your email. The subject line should be a short summary of the purpose of your email. Some examples of subject lines include “Plans for Fall Product Lineup,” “Thank You for the Referral,” or “Question About Next Week’s Meeting.” If you are responding to or forwarding someone else’s email, an email program will typically fill in a subject line for you such as “Re: New Employee Training.” Generally, it is fine to keep these subject lines as doing so will make it easier for the original sender to keep track of potentially long email chains. Greeting The greeting is the first line of the email and is a salutation that establishes the tone of your email. Every professional email you send must have a greeting tailored toward the receiver. If you know the receiver’s name and title, you should use it. Avoid referring to anyone as “Mr.” “Mrs.” or “Ms.” unless you already know that person prefers one of those titles. For professional emails, formal greetings such as “Greetings,” “Dear,” or “Good morning/afternoon/evening” are preferred. If you do not know the identity of the person receiving your email, you can exclude a name or use the general greeting of “To Whom It May Concern.” Informal greetings such as “Hi” or “Yo” should be avoided. Body The body is the largest part of the email and where your actual message will be. You should begin the body by immediately saying what the purpose of the email is and expressing what you are trying to achieve by sending it. The body of the email should be concise, informative, and straight to the point. You should always be polite and use proper grammar in professional emails. Whether the body is a single sentence or several paragraphs, it should provide all the information a person needs to respond to your needs or take whatever actions you want them to. Closing The closing is the last line of the email before your name or signature. A closing is necessary to ensure proper etiquette and not having one is often seen as rude or inconsiderate. The closing can be very short and use formal words like “Best” or “Thank you.” The closing can also include a restatement of the main topic or a repeat of a request, such as “I look forward to hearing back from you regarding my proposal. Thank you!” What not to include in a professional email Now that we’ve looked at what should be in your emails, let’s take a look at what you should leave out if you want to come across as a professional. Decorative or distracting fonts Professional emails should use traditional fonts such as Times New Roman, Arial, or whatever font the email program uses as a standard. Decorative fonts such as Comic Sans are distracting and inappropriate, so they should not be used in your professional emails. Excessive punctuation Punctuation should follow the rules of proper grammar. It is fine to use question marks, commas, quotation marks, colons, and semicolons as long as you know how to properly use them. Exclamation points should be used sparingly, usually only in the closing or to emphasize a need for immediate action. Excessive, unnecessary use of punctuation is distracting and will make your email look unprofessional. Emoticons Unless you are emailing someone you have a friendly, informal relationship with, your email should not include emoji, emoticons, gifs, or memes. All of these things are distracting and typically seen as unprofessional, so you should not use them in an email that is supposed to be professional. Tips for writing a professional email We’ve covered everything that needs to go in an email and what should stay on the cutting room floor. Next, let’s review some general tips that will improve all of the emails you’ll need to write. Be concise A professional email should be short and to the point. At the same time, you should still use complete sentences and proper grammar. Avoid going on tangents or telling long stories in emails. Each sentence should have a purpose and should provide information that the receiver needs to respond or perform whatever action you need them to take. Avoid asking many questions or making several requests if possible. You can use followup emails to make further requests or ask additional questions if you need to. Convey a clear purpose A professional email should get straight to the point. Avoid wasting a person’s time by burying your main point deep in the body of an email. The very first line of the body should clearly state what the purpose of the email is and what action you want the receiver to take. The subject line should also establish the purpose of the email. The rest of the email should support the main point by including necessary information or important details that the receiver needs to be aware of. Proofread using Grammar Coach™ A professional email should have proper grammar, punctuation, and spelling. To that end, you should thoroughly proofread your emails for any errors. To ensure that all of your emails are perfect, you can use our fantastic Grammar Coach™ that will review all of your emails for common errors and grammar mistakes. With Grammar Coach™ at your side, your emails will be error-free and have an air of professionalism that cannot be matched! Examples of professional emails Let’s finish things off by bringing it all together and taking a look at some different types of emails that effectively use all of our tips and advice. Example #1: Relationship building The following example shows how you could write an email with the intent of trying to establish a relationship with someone in order to add them to your growing network of professional contacts: Subject: Fantastic Lecture Dear Dr. Smith, I attended your Wednesday lecture on ancient Roman military tactics, and I wanted to express my gratitude for you coming to speak to our university. The lecture was extremely informative and your theories on Julius Caesar’s troop movements were something I had never considered. I am writing a dissertation on Caesar’s campaigns during the Gallic Wars, and your ideas have inspired me to view Caesar’s decisions from a new perspective. I plan on attending your upcoming lecture on the Punic Wars, and I know it will be just as illuminating. I look forward to hearing your views on the Roman war strategy! Thank you once again, Jane Doe Example #2: Referral requests When seeking a new career opportunity, having a referral or two will often give you a major advantage when it comes to submitting a job application. When asking another person for a referral via email, it is important to be polite and accommodating. The following example shows how you might ask for a referral through email: Subject: Referral Request – Zachary Adams Dear Professor Delgado, I hope you are well and wanted to thank you again for the instruction and guidance during my time at East Virginia University. I am applying for a position at the Research Institute Laboratories and was wondering if you would be willing to provide me with a referral. The position requires many of the same skills and lab work I performed during my time under your tutelage. Thanks to your instruction, I was able to excel in my studies and gain crucial experience using a nuclear fusion reactor. Due to your expertise and renown in the field, I know your referral would greatly improve my application. Thank you for considering my inquiry. I have attached a copy of my cover letter, resume, and the job posting for your review. Please let me know if you need anything else from me as you consider my request. Sincerely, Zachary Adams zadams@fakemail.abc (123) 456-7890 Example #3: Resignation When leaving a job, you’ll need to submit a resignation letter. Your resignation email should be courteous and professional–even if you are looking forward to leaving your job. You never know if you might need to contact your former company for referrals or references, so it is important to remain professional and cordial even in your letter of resignation. The following example shows one possible approach you could take in your resignation email: Subject: Resignation – Laura Nores Dear Mrs. Smith, This email is my formal notification that I am resigning from my position as Head Marketing Consultant at Boxmart. My final day of employment will be April 1. I am grateful that I have had the opportunity to lead the marketing department at Boxmart for the past seven years. I’ve learned a lot about developing marketing campaigns and conducting demographic research during my time with the company. I’ve enjoyed being a member of the Boxmart team and appreciated the opportunities I’ve had to make the Boxmart brand a household name in the minds of customers worldwide. I will take everything I learned with me as I continue in my marketing career. During my final weeks with the company, I will ensure my team is prepared for the transition and will complete any outstanding responsibilities I have as Head Marketing Consultant. Please let me know if there is anything I need to do to assist in the transition. I hope Boxmart continues to be a market leader and that we remain in contact in the future. Best, Laura Nores © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 805 Views 0 Reviews
  • วิธีติดตั้ง Windows 11 โดยใช้บัญชีผู้ใช้แบบ Local (ไม่ต้องใช้บัญชี Microsoft)

    Windows 11 มีแนวโน้มบังคับให้ผู้ใช้สร้างหรือเข้าสู่ระบบด้วยบัญชี Microsoft ระหว่างการติดตั้ง แต่ยังมีวิธี สร้างบัญชี Local ได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

    ขั้นตอนการติดตั้ง Windows 11 โดยใช้บัญชี Local
    เริ่มต้นการติดตั้ง Windows 11 ด้วย USB หรือ ISO
    - เลือก ประเทศ/ภูมิภาค, ภาษา และรูปแบบแป้นพิมพ์

    ใช้คำสั่งพิเศษเพื่อเข้าถึง Command Prompt
    - กด Ctrl + Shift + F10 หรือ Ctrl + Shift + J ที่หน้าจอเลือกแป้นพิมพ์

    พิมพ์คำสั่งเพื่อบังคับให้ Windows สร้างบัญชี Local
    - ใช้คำสั่ง WinJS.Application.restart(\"ms-cxh://LOCALONLY\")

    ตั้งค่าบัญชี Local และรหัสผ่าน (ถ้ามี)
    - ระบบจะ ข้ามขั้นตอนการเข้าสู่ระบบด้วยบัญชี Microsoft

    ดำเนินการติดตั้ง Windows 11 จนเสร็จสิ้น
    - สามารถ เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อเปิดใช้งาน Windows ได้ภายหลัง

    https://computercity.com/software/windows/how-to-set-up-windows-11-with-a-local-user-account-bypassing-microsoft-account
    วิธีติดตั้ง Windows 11 โดยใช้บัญชีผู้ใช้แบบ Local (ไม่ต้องใช้บัญชี Microsoft) Windows 11 มีแนวโน้มบังคับให้ผู้ใช้สร้างหรือเข้าสู่ระบบด้วยบัญชี Microsoft ระหว่างการติดตั้ง แต่ยังมีวิธี สร้างบัญชี Local ได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต 🔍 ขั้นตอนการติดตั้ง Windows 11 โดยใช้บัญชี Local ✅ เริ่มต้นการติดตั้ง Windows 11 ด้วย USB หรือ ISO - เลือก ประเทศ/ภูมิภาค, ภาษา และรูปแบบแป้นพิมพ์ ✅ ใช้คำสั่งพิเศษเพื่อเข้าถึง Command Prompt - กด Ctrl + Shift + F10 หรือ Ctrl + Shift + J ที่หน้าจอเลือกแป้นพิมพ์ ✅ พิมพ์คำสั่งเพื่อบังคับให้ Windows สร้างบัญชี Local - ใช้คำสั่ง WinJS.Application.restart(\"ms-cxh://LOCALONLY\") ✅ ตั้งค่าบัญชี Local และรหัสผ่าน (ถ้ามี) - ระบบจะ ข้ามขั้นตอนการเข้าสู่ระบบด้วยบัญชี Microsoft ✅ ดำเนินการติดตั้ง Windows 11 จนเสร็จสิ้น - สามารถ เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อเปิดใช้งาน Windows ได้ภายหลัง https://computercity.com/software/windows/how-to-set-up-windows-11-with-a-local-user-account-bypassing-microsoft-account
    COMPUTERCITY.COM
    How to Set Up Windows 11 With a Local User Account (Bypassing Microsoft Account)
    Setting up Windows 11 has become increasingly tied to Microsoft’s ecosystem. In recent builds—especially for Windows 11 Home and Pro—Microsoft nudges users
    0 Comments 0 Shares 204 Views 0 Reviews
  • โคราชตื่นตัว! จัดกิจกรรม “THE MALL KORAT FIT FUN FEST PRESENTED BY FITNESS FIRST” รวมพลคนชอบออกกำลังกายตอบรับกระแส Wellness ชวนคนรักสุขภาพมาชาแลนจ์ความสตรอง ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 20,000 บาท

    ​เดอะมอลล์โคราช ร่วมมือกับพันธมิตรด้านสุขภาพ ฟิตเนสเฟิร์ส ,ดีแคทลอน และ โรงภาพยนตร์โคราชซีนีเพล็กซ์ จัดกิจกรรม “THE MALL KORAT FIT FUN FEST PRESENTED BY FITNESS FIRST” รวมพลคนชอบออกกำลังกายตอบรับกระแส Wellness ชวนคนรักสุขภาพมาชาแลนจ์ความสตรอง ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 20,000 บาท ระหว่างวันที่ 17-18 พ.ค.2568 ที่ วาไรตี้ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช จากกระแสของการรักสุขภาพ ทำให้ผู้คนหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพรอบด้าน โดยเฉพาะการมีสุขภาพเชิงเวลเนส (wellness) คือ การหากิจกรรมทางเลือกและรูปแบบการใช้ชีวิต (lifestyles) ที่ส่งเสริมสุขภาพองค์รวม ครอบคลุมทั้งร่างกายและจิตใจ โดยมุ่งเน้นที่การป้องกันก่อนการเกิดโรค และปรับการใช้ชีวิตด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ในการดูแลสุขภาพควบคู่กันไป เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ของการมีสุขภาพองค์รวมและความเป็นอยู่ที่ดี เพราะ wellness ไม่ใช่แค่เรื่องการมีสุขภาพที่ดี แต่ยังมีอีกหลายมิติทั้งในด้านของกายภาพ จิตใจ การเข้าสังคม รวมถึงพัฒนาการด้านสติปัญญา

    ​เดอะมอลล์โคราชและพันธมิตรจึงเล็งเห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพแบบ wellness ที่มุ่งเน้นไปที่การป้องกันมากกว่าการรักษาสุขภาวะทางอารมณ์ สุขภาวะทางกาย สุขภาวะทางสังคมสุขภาวะทางสติปัญญา จึงจัดกิจกรรมนี้ขึ้น เพื่อรวมพลคนรักสุขภาพมาชาแลนจ์ความสตรอง และสิ่งสำคัญผู้เข้าร่วมจะได้ความสุขจากการชนะใจตัวเอง ได้ทำตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ จะรู้สึกเติมเต็มจากได้เจอเพื่อนสายสุขภาพถือเป็นคอมมูนิตี้ ที่ให้ผู้คนเหล่านี้ได้มาทำกิจกรรม ออกกำลังกาย และชาเลนจ์ร่วมกันถือเป็นจุดเริ่มต้นของความสุข และสุขภาพดีที่ได้พาตัวเองออกจากความเครียดจากการทำงานหรือการใช้ชีวิต ตามแนวคิดการมีสุขภาพเชิงเวลเนส (wellness) และจากข้อมูลสถิติในประเทศไทยพบว่า 77% ของการเสียชีวิตด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม เช่น การรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ขาดการออกกำลังกาย ความเครียด นอนหลับไม่เพียงพอ การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นการกิน ออกกำลังกาย และรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน จึงกล่าวได้ว่าการดูแลสุขภาพในเชิง wellness สามารถช่วยป้องกันโรคได้ และในบางกรณี สามารถหยุดอาการเรื้อรังของโรคไม่ติดต่อบางชนิดได้ด้วยเช่นกัน

    กิจกรรมนี้เปิดให้ประชาชนทั่วไปที่รักสุขภาพ ร่วมเข้าชาเลนจ์ ฟรี! ซึ่งมีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมกิจกรรมทั้ง 2 วัน กว่า 600 คน โดยกิจกรรมต่างๆ จะมีโค้ชจากฟิตเนสเฟิร์สเป็นไกด์ทางสุขภาพ กับกิจกรรมแบ่งเป็น 2 วัน ดังนี้

    17 พ.ค.2568 ตั้งแต่เวลา 11.30-16.45 น. มีชาเลนจ์ Aerobic Easy Move, Plank Challenge, Body Combat,Boarding Jump Challenge, Yoga Balance

    18 พ.ค.2568 ตั้งแต่เวลา 11.30-16.45 น. มีชาเลนจ์ Zumba Party, Push Up Challenge,HIIT X Hyrofit, Agility Challenge, BodyJam

    ผู้เข้าร่วม Challenge ใน Group Class ที่ผ่านกติการับ Cash Coupon มูลค่า 500.- จำนวน 4 รางวัล/รอบกิจกรรมๆ วันละ 5 รอบ (เงื่อนไข Cash Coupon แทนเงินสด ใช้เฉพาะสาขาเดอะมอลล์โคราช เท่านั้น สามารถใช้แทนเงินสดมูลค่า 500 บาท เมื่อ Shop ในศูนย์ฯ ขั้นต่ำ 1,000 บาท / ใบเสร็จ ใช้ได้กับร้านค้าหรือร้านอาหารของศูนย์ฯ ที่ร่วมรับคูปอง ยกเว้น Gourmet, Food Hall หมดอายุวันที่ 30 พ.ค. 2568)

    สำหรับผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรม THE MALL KORAT FIT FUN FEST PRESENTED BY FITNESS จะได้รับสิทธิพิเศษตามเงื่อนไข อาทิ
    สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า MCARD 1. เมื่อซื้อสินค้าภายในศูนย์การค้า รวมใบเสร็จ 800 บาท ขึ้นไป รับ CASH COUPON มูลค่า 100.- (1 คน/สิทธิ์) จำนวน 100 ใบ/ตลอดการจัดงาน 2. ผู้เข้าร่วม Challenge ใน Group Class ผ่านกติกาที่ตั้งไว้ รับ Cash Coupon มูลค่า 500.- จำนวน 4 รางวัล/รอบกิจกรรมๆ วันละ 5 รอบ
    DECATHLON ทดสอบความแม่นยำกับการยิงธนู เล่นได้ฟรี และสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนสมัครสมาชิกกับ DECATHLON ในงานนี้ จะรับคูปองส่วนลด 300 บาท เมื่อซื้อสินค้าครบ 1,200 บาท,
    โรงภาพยนตร์โคราชซีนีเพล็กซ์ มอบส่วนลดชมภาพยนตร์ มูลค่า 140 บาท (จำนวนจำกัด) เพียงดาวน์โหลด Application Major
    ทั้งนี้ ยังมีรางวัล Lucky Draw Membership 1 เดือน จำนวน 2 รางวัล/วัน มอบให้กับผู้โชคดีที่ลงทะเบียนร่วมกิจกรรมฯ (สงวนสิทธิ์เฉพาะผู้ที่ยังไม่เคยเป็นสมาชิกของ FITNESS FIRST มาก่อน) อีกด้วย
    โคราชตื่นตัว! จัดกิจกรรม “THE MALL KORAT FIT FUN FEST PRESENTED BY FITNESS FIRST” รวมพลคนชอบออกกำลังกายตอบรับกระแส Wellness ชวนคนรักสุขภาพมาชาแลนจ์ความสตรอง ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 20,000 บาท ​เดอะมอลล์โคราช ร่วมมือกับพันธมิตรด้านสุขภาพ ฟิตเนสเฟิร์ส ,ดีแคทลอน และ โรงภาพยนตร์โคราชซีนีเพล็กซ์ จัดกิจกรรม “THE MALL KORAT FIT FUN FEST PRESENTED BY FITNESS FIRST” รวมพลคนชอบออกกำลังกายตอบรับกระแส Wellness ชวนคนรักสุขภาพมาชาแลนจ์ความสตรอง ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 20,000 บาท ระหว่างวันที่ 17-18 พ.ค.2568 ที่ วาไรตี้ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช จากกระแสของการรักสุขภาพ ทำให้ผู้คนหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพรอบด้าน โดยเฉพาะการมีสุขภาพเชิงเวลเนส (wellness) คือ การหากิจกรรมทางเลือกและรูปแบบการใช้ชีวิต (lifestyles) ที่ส่งเสริมสุขภาพองค์รวม ครอบคลุมทั้งร่างกายและจิตใจ โดยมุ่งเน้นที่การป้องกันก่อนการเกิดโรค และปรับการใช้ชีวิตด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ในการดูแลสุขภาพควบคู่กันไป เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ของการมีสุขภาพองค์รวมและความเป็นอยู่ที่ดี เพราะ wellness ไม่ใช่แค่เรื่องการมีสุขภาพที่ดี แต่ยังมีอีกหลายมิติทั้งในด้านของกายภาพ จิตใจ การเข้าสังคม รวมถึงพัฒนาการด้านสติปัญญา ​เดอะมอลล์โคราชและพันธมิตรจึงเล็งเห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพแบบ wellness ที่มุ่งเน้นไปที่การป้องกันมากกว่าการรักษาสุขภาวะทางอารมณ์ สุขภาวะทางกาย สุขภาวะทางสังคมสุขภาวะทางสติปัญญา จึงจัดกิจกรรมนี้ขึ้น เพื่อรวมพลคนรักสุขภาพมาชาแลนจ์ความสตรอง และสิ่งสำคัญผู้เข้าร่วมจะได้ความสุขจากการชนะใจตัวเอง ได้ทำตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ จะรู้สึกเติมเต็มจากได้เจอเพื่อนสายสุขภาพถือเป็นคอมมูนิตี้ ที่ให้ผู้คนเหล่านี้ได้มาทำกิจกรรม ออกกำลังกาย และชาเลนจ์ร่วมกันถือเป็นจุดเริ่มต้นของความสุข และสุขภาพดีที่ได้พาตัวเองออกจากความเครียดจากการทำงานหรือการใช้ชีวิต ตามแนวคิดการมีสุขภาพเชิงเวลเนส (wellness) และจากข้อมูลสถิติในประเทศไทยพบว่า 77% ของการเสียชีวิตด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม เช่น การรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ขาดการออกกำลังกาย ความเครียด นอนหลับไม่เพียงพอ การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นการกิน ออกกำลังกาย และรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน จึงกล่าวได้ว่าการดูแลสุขภาพในเชิง wellness สามารถช่วยป้องกันโรคได้ และในบางกรณี สามารถหยุดอาการเรื้อรังของโรคไม่ติดต่อบางชนิดได้ด้วยเช่นกัน กิจกรรมนี้เปิดให้ประชาชนทั่วไปที่รักสุขภาพ ร่วมเข้าชาเลนจ์ ฟรี! ซึ่งมีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมกิจกรรมทั้ง 2 วัน กว่า 600 คน โดยกิจกรรมต่างๆ จะมีโค้ชจากฟิตเนสเฟิร์สเป็นไกด์ทางสุขภาพ กับกิจกรรมแบ่งเป็น 2 วัน ดังนี้ 17 พ.ค.2568 ตั้งแต่เวลา 11.30-16.45 น. มีชาเลนจ์ Aerobic Easy Move, Plank Challenge, Body Combat,Boarding Jump Challenge, Yoga Balance 18 พ.ค.2568 ตั้งแต่เวลา 11.30-16.45 น. มีชาเลนจ์ Zumba Party, Push Up Challenge,HIIT X Hyrofit, Agility Challenge, BodyJam ผู้เข้าร่วม Challenge ใน Group Class ที่ผ่านกติการับ Cash Coupon มูลค่า 500.- จำนวน 4 รางวัล/รอบกิจกรรมๆ วันละ 5 รอบ (เงื่อนไข Cash Coupon แทนเงินสด ใช้เฉพาะสาขาเดอะมอลล์โคราช เท่านั้น สามารถใช้แทนเงินสดมูลค่า 500 บาท เมื่อ Shop ในศูนย์ฯ ขั้นต่ำ 1,000 บาท / ใบเสร็จ ใช้ได้กับร้านค้าหรือร้านอาหารของศูนย์ฯ ที่ร่วมรับคูปอง ยกเว้น Gourmet, Food Hall หมดอายุวันที่ 30 พ.ค. 2568) สำหรับผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรม THE MALL KORAT FIT FUN FEST PRESENTED BY FITNESS จะได้รับสิทธิพิเศษตามเงื่อนไข อาทิ สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า MCARD 1. เมื่อซื้อสินค้าภายในศูนย์การค้า รวมใบเสร็จ 800 บาท ขึ้นไป รับ CASH COUPON มูลค่า 100.- (1 คน/สิทธิ์) จำนวน 100 ใบ/ตลอดการจัดงาน 2. ผู้เข้าร่วม Challenge ใน Group Class ผ่านกติกาที่ตั้งไว้ รับ Cash Coupon มูลค่า 500.- จำนวน 4 รางวัล/รอบกิจกรรมๆ วันละ 5 รอบ DECATHLON ทดสอบความแม่นยำกับการยิงธนู เล่นได้ฟรี และสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนสมัครสมาชิกกับ DECATHLON ในงานนี้ จะรับคูปองส่วนลด 300 บาท เมื่อซื้อสินค้าครบ 1,200 บาท, โรงภาพยนตร์โคราชซีนีเพล็กซ์ มอบส่วนลดชมภาพยนตร์ มูลค่า 140 บาท (จำนวนจำกัด) เพียงดาวน์โหลด Application Major ทั้งนี้ ยังมีรางวัล Lucky Draw Membership 1 เดือน จำนวน 2 รางวัล/วัน มอบให้กับผู้โชคดีที่ลงทะเบียนร่วมกิจกรรมฯ (สงวนสิทธิ์เฉพาะผู้ที่ยังไม่เคยเป็นสมาชิกของ FITNESS FIRST มาก่อน) อีกด้วย
    0 Comments 0 Shares 632 Views 0 Reviews
  • Fidji Simo เข้าร่วม OpenAI ในตำแหน่ง CEO of Applications OpenAI กำลังปรับโครงสร้างทีมบริหารเพื่อรองรับการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดย Fidji Simo ซึ่งเป็น CEO ของ Instacart จะเข้ารับตำแหน่ง CEO of Applications ที่ OpenAI และรายงานตรงต่อ Sam Altman

    OpenAI มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์มากกว่า 500 ล้านคน และกำลังขยายบทบาทไปสู่ การเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับโลก เพื่อสนับสนุนประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

    Fidji Simo จะเข้ารับตำแหน่ง CEO of Applications ที่ OpenAI
    - รายงานตรงต่อ Sam Altman
    - ดูแล การนำงานวิจัยไปใช้ในเชิงพาณิชย์และการดำเนินงานของบริษัท

    OpenAI มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์มากกว่า 500 ล้านคน
    - กำลังขยายบทบาทไปสู่ การเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับโลก

    Fidji Simo เคยเป็นสมาชิกบอร์ดของ OpenAI มาก่อน
    - มีประสบการณ์ในการ บริหารและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสาธารณประโยชน์

    Sam Altman ยังคงเป็น CEO ของ OpenAI และดูแลด้าน Research, Compute และ Applications
    - ยังคงมีบทบาทสำคัญในการ กำหนดทิศทางของบริษัท

    Fidji Simo จะเข้ารับตำแหน่งหลังจากออกจาก Instacart ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
    - คาดว่าจะเริ่มงานที่ OpenAI ภายในปีนี้

    https://www.neowin.net/news/instacart-ceo-fidji-simo-to-join-openai-as-ceo-of-applications/
    Fidji Simo เข้าร่วม OpenAI ในตำแหน่ง CEO of Applications OpenAI กำลังปรับโครงสร้างทีมบริหารเพื่อรองรับการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดย Fidji Simo ซึ่งเป็น CEO ของ Instacart จะเข้ารับตำแหน่ง CEO of Applications ที่ OpenAI และรายงานตรงต่อ Sam Altman OpenAI มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์มากกว่า 500 ล้านคน และกำลังขยายบทบาทไปสู่ การเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับโลก เพื่อสนับสนุนประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ✅ Fidji Simo จะเข้ารับตำแหน่ง CEO of Applications ที่ OpenAI - รายงานตรงต่อ Sam Altman - ดูแล การนำงานวิจัยไปใช้ในเชิงพาณิชย์และการดำเนินงานของบริษัท ✅ OpenAI มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์มากกว่า 500 ล้านคน - กำลังขยายบทบาทไปสู่ การเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับโลก ✅ Fidji Simo เคยเป็นสมาชิกบอร์ดของ OpenAI มาก่อน - มีประสบการณ์ในการ บริหารและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสาธารณประโยชน์ ✅ Sam Altman ยังคงเป็น CEO ของ OpenAI และดูแลด้าน Research, Compute และ Applications - ยังคงมีบทบาทสำคัญในการ กำหนดทิศทางของบริษัท ✅ Fidji Simo จะเข้ารับตำแหน่งหลังจากออกจาก Instacart ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า - คาดว่าจะเริ่มงานที่ OpenAI ภายในปีนี้ https://www.neowin.net/news/instacart-ceo-fidji-simo-to-join-openai-as-ceo-of-applications/
    WWW.NEOWIN.NET
    Instacart CEO Fidji Simo to join OpenAI as CEO of Applications
    OpenAI is appointing Instacart CEO Fidji Simo as its new CEO of Applications to manage the company's rapidly growing product side and business operations.
    0 Comments 0 Shares 153 Views 0 Reviews
  • Raspberry Pi OS อัปเดตใหม่ เพิ่มฟีเจอร์ล็อกหน้าจอและปรับปรุงการพิมพ์ ผู้ใช้ Raspberry Pi สามารถดาวน์โหลด Raspberry Pi OS เวอร์ชันล่าสุด ซึ่งมาพร้อมกับ หน้าจอล็อกใหม่, ตัวเลือกล็อกอินอัตโนมัติที่ดีขึ้น, แอปพลิเคชันเครื่องพิมพ์ใหม่ และการรองรับหน้าจอสัมผัสที่ปรับปรุงแล้ว

    การอัปเดตนี้ยังรวมถึง Linux 6.12 และการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเพื่อ เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน โดยผู้ใช้ที่มีระบบอยู่แล้วสามารถอัปเดตได้ง่าย ๆ ผ่าน คำสั่งใน Terminal

    เพิ่มหน้าจอล็อกใหม่ที่ใช้ Swaylock
    - Raspberry Pi ได้ปรับแต่ง Swaylock ให้มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายขึ้น
    - สามารถล็อกหน้าจอได้โดย กด Ctrl-Alt-L หรือเลือกล็อกหน้าจอจากเมนูปิดเครื่อง

    ปรับปรุงตัวเลือกล็อกอินอัตโนมัติ
    - เพิ่มตัวเลือก ปิดการล็อกอินอัตโนมัติผ่าน Raspberry Pi Configuration และ raspi-config
    - ป้องกัน การเข้าถึงระบบผ่าน TTY switches เมื่อเปิดล็อกหน้าจอ

    เปลี่ยนแอปพลิเคชันเครื่องพิมพ์เป็น GNOME Printers
    - แอปพลิเคชันเดิม system-config-printer ถูกแทนที่ด้วย GNOME Printers ที่ปรับแต่งใหม่
    - มี ดีไซน์ที่สะอาดตาและใช้งานง่ายขึ้น

    ปรับปรุงการรองรับหน้าจอสัมผัส
    - เพิ่มตัวเลือก สลับระหว่างโหมดเลียนแบบเมาส์และโหมดสัมผัสเต็มรูปแบบ
    - สามารถ เปิดใช้งานได้จากเมนูใหม่ใน Screen Configuration

    ผู้ใช้สามารถอัปเดตระบบได้ง่าย ๆ ผ่านคำสั่งใน Terminal
    - ใช้คำสั่ง sudo apt update และ sudo apt full-upgrade

    https://www.neowin.net/news/raspberry-pi-os-updated-with-new-lock-screen-better-printer-application-and-more/
    Raspberry Pi OS อัปเดตใหม่ เพิ่มฟีเจอร์ล็อกหน้าจอและปรับปรุงการพิมพ์ ผู้ใช้ Raspberry Pi สามารถดาวน์โหลด Raspberry Pi OS เวอร์ชันล่าสุด ซึ่งมาพร้อมกับ หน้าจอล็อกใหม่, ตัวเลือกล็อกอินอัตโนมัติที่ดีขึ้น, แอปพลิเคชันเครื่องพิมพ์ใหม่ และการรองรับหน้าจอสัมผัสที่ปรับปรุงแล้ว การอัปเดตนี้ยังรวมถึง Linux 6.12 และการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเพื่อ เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน โดยผู้ใช้ที่มีระบบอยู่แล้วสามารถอัปเดตได้ง่าย ๆ ผ่าน คำสั่งใน Terminal ✅ เพิ่มหน้าจอล็อกใหม่ที่ใช้ Swaylock - Raspberry Pi ได้ปรับแต่ง Swaylock ให้มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายขึ้น - สามารถล็อกหน้าจอได้โดย กด Ctrl-Alt-L หรือเลือกล็อกหน้าจอจากเมนูปิดเครื่อง ✅ ปรับปรุงตัวเลือกล็อกอินอัตโนมัติ - เพิ่มตัวเลือก ปิดการล็อกอินอัตโนมัติผ่าน Raspberry Pi Configuration และ raspi-config - ป้องกัน การเข้าถึงระบบผ่าน TTY switches เมื่อเปิดล็อกหน้าจอ ✅ เปลี่ยนแอปพลิเคชันเครื่องพิมพ์เป็น GNOME Printers - แอปพลิเคชันเดิม system-config-printer ถูกแทนที่ด้วย GNOME Printers ที่ปรับแต่งใหม่ - มี ดีไซน์ที่สะอาดตาและใช้งานง่ายขึ้น ✅ ปรับปรุงการรองรับหน้าจอสัมผัส - เพิ่มตัวเลือก สลับระหว่างโหมดเลียนแบบเมาส์และโหมดสัมผัสเต็มรูปแบบ - สามารถ เปิดใช้งานได้จากเมนูใหม่ใน Screen Configuration ✅ ผู้ใช้สามารถอัปเดตระบบได้ง่าย ๆ ผ่านคำสั่งใน Terminal - ใช้คำสั่ง sudo apt update และ sudo apt full-upgrade https://www.neowin.net/news/raspberry-pi-os-updated-with-new-lock-screen-better-printer-application-and-more/
    WWW.NEOWIN.NET
    Raspberry Pi OS updated with new lock screen, better printer application, and more
    The Raspberry Pi OS has been updated. It now comes with an improved lock screen, a better app to manage printers, improved touchscreen support, and more.
    0 Comments 0 Shares 240 Views 0 Reviews
  • Docker Desktop ซึ่งเป็นเครื่องมือยอดนิยมสำหรับนักพัฒนาในการสร้างและจัดการ containerized applications ได้เปิดให้ดาวน์โหลดผ่าน Microsoft Store แล้ว ซึ่งช่วยให้ การติดตั้งและอัปเดตง่ายขึ้น สำหรับนักพัฒนาและทีม IT

    Microsoft Store จะช่วยให้ Docker Desktop ได้รับการอัปเดตอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดปัญหาด้าน ความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนด โดยเฉพาะในองค์กรที่มีข้อจำกัดด้านการเข้าถึง Microsoft Store

    นอกจากนี้ Docker Desktop บน Microsoft Store ยังมี การผสานรวมกับ Intune MDM ซึ่งช่วยให้ องค์กรสามารถจัดการและติดตั้ง Docker Desktop ได้ง่ายขึ้น ผ่านเครื่องมือบริหารจัดการของ Microsoft

    Docker Desktop พร้อมให้ดาวน์โหลดผ่าน Microsoft Store
    - ช่วยให้ การติดตั้งและอัปเดตง่ายขึ้น
    - รองรับ การอัปเดตอัตโนมัติผ่าน Microsoft Store

    ช่วยลดปัญหาด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนด
    - อัปเดตอัตโนมัติช่วย ลดช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
    - เหมาะสำหรับ องค์กรที่มีข้อจำกัดด้านการเข้าถึง Microsoft Store

    การผสานรวมกับ Intune MDM
    - ช่วยให้ องค์กรสามารถจัดการและติดตั้ง Docker Desktop ได้ง่ายขึ้น
    - รองรับ การแจกจ่ายผ่านช่องทางองค์กรของ Microsoft Store

    การอัปเดตทำงานคล้ายกับคำสั่ง winget
    - สามารถติดตั้งผ่านคำสั่ง:

    winget install --id=XP8CBJ40XLBWKX --source=msstore

    ความท้าทายในการจัดการอัปเดตอัตโนมัติ
    - แม้ว่าการอัปเดตอัตโนมัติจะช่วยลดช่องโหว่ด้านความปลอดภัย แต่บางองค์กรอาจต้องการควบคุมเวอร์ชันที่ใช้งาน

    https://www.neowin.net/news/docker-desktop-app-is-now-available-on-the-microsoft-store/
    Docker Desktop ซึ่งเป็นเครื่องมือยอดนิยมสำหรับนักพัฒนาในการสร้างและจัดการ containerized applications ได้เปิดให้ดาวน์โหลดผ่าน Microsoft Store แล้ว ซึ่งช่วยให้ การติดตั้งและอัปเดตง่ายขึ้น สำหรับนักพัฒนาและทีม IT Microsoft Store จะช่วยให้ Docker Desktop ได้รับการอัปเดตอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดปัญหาด้าน ความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนด โดยเฉพาะในองค์กรที่มีข้อจำกัดด้านการเข้าถึง Microsoft Store นอกจากนี้ Docker Desktop บน Microsoft Store ยังมี การผสานรวมกับ Intune MDM ซึ่งช่วยให้ องค์กรสามารถจัดการและติดตั้ง Docker Desktop ได้ง่ายขึ้น ผ่านเครื่องมือบริหารจัดการของ Microsoft ✅ Docker Desktop พร้อมให้ดาวน์โหลดผ่าน Microsoft Store - ช่วยให้ การติดตั้งและอัปเดตง่ายขึ้น - รองรับ การอัปเดตอัตโนมัติผ่าน Microsoft Store ✅ ช่วยลดปัญหาด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนด - อัปเดตอัตโนมัติช่วย ลดช่องโหว่ด้านความปลอดภัย - เหมาะสำหรับ องค์กรที่มีข้อจำกัดด้านการเข้าถึง Microsoft Store ✅ การผสานรวมกับ Intune MDM - ช่วยให้ องค์กรสามารถจัดการและติดตั้ง Docker Desktop ได้ง่ายขึ้น - รองรับ การแจกจ่ายผ่านช่องทางองค์กรของ Microsoft Store ✅ การอัปเดตทำงานคล้ายกับคำสั่ง winget - สามารถติดตั้งผ่านคำสั่ง: winget install --id=XP8CBJ40XLBWKX --source=msstore ‼️ ความท้าทายในการจัดการอัปเดตอัตโนมัติ - แม้ว่าการอัปเดตอัตโนมัติจะช่วยลดช่องโหว่ด้านความปลอดภัย แต่บางองค์กรอาจต้องการควบคุมเวอร์ชันที่ใช้งาน https://www.neowin.net/news/docker-desktop-app-is-now-available-on-the-microsoft-store/
    WWW.NEOWIN.NET
    Docker Desktop app is now available on the Microsoft Store
    This new availability simplifies installation and updates for developers and IT teams. It also comes with Intune integration for easier deployment.
    0 Comments 0 Shares 160 Views 0 Reviews
  • อดีตประธานาธิบดี Donald Trump ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเขามี "ความรู้สึกดี" ต่อ TikTok และพร้อมที่จะให้ ขยายเวลาการขายกิจการในสหรัฐฯ อีกครั้ง แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเคยพยายามแบนแอปนี้ในสมัยดำรงตำแหน่ง

    กฎหมาย Protecting Americans from Foreign Adversary Controlled Applications Act ซึ่งผ่านการอนุมัติเมื่อปี 2024 ระบุว่า TikTok เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ และกำหนดให้ ByteDance ต้องขายกิจการในสหรัฐฯ ภายในวันที่ 20 มกราคม 2025 มิฉะนั้นจะถูกแบน อย่างไรก็ตาม Trump ได้ลงนามในคำสั่งบริหารเพื่อ เลื่อนการแบนออกไป 75 วัน และล่าสุดได้ให้ ขยายเวลาอีก 75 วัน ทำให้เส้นตายใหม่เป็น 19 มิถุนายน 2025

    Trump ให้เหตุผลว่า TikTok มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เขาได้รับคะแนนเสียงจากเยาวชน ในการเลือกตั้งปี 2024 โดยเขากล่าวว่า "ผมชนะคะแนนเสียงจากเยาวชนไป 36 จุด ซึ่งไม่เคยมีพรรครีพับลิกันคนไหนทำได้มาก่อน และผมมุ่งเน้นไปที่ TikTok"

    Trump ให้สัมภาษณ์ว่าเขามี "ความรู้สึกดี" ต่อ TikTok
    - พร้อมให้ ขยายเวลาการขายกิจการในสหรัฐฯ อีกครั้ง
    - เคยพยายามแบน TikTok ในสมัยดำรงตำแหน่ง

    กฎหมายกำหนดให้ ByteDance ต้องขายกิจการภายในวันที่ 20 มกราคม 2025
    - หากไม่ขาย TikTok จะถูกแบนในสหรัฐฯ
    - Trump ลงนามคำสั่งบริหาร เลื่อนการแบนออกไป 75 วัน

    Trump ให้ขยายเวลาอีก 75 วัน ทำให้เส้นตายใหม่เป็น 19 มิถุนายน 2025
    - ให้เหตุผลว่า TikTok มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เขาได้รับคะแนนเสียงจากเยาวชน
    - กล่าวว่า "ผมชนะคะแนนเสียงจากเยาวชนไป 36 จุด"

    มีรายงานว่าข้อตกลงขายกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ ใกล้สำเร็จ
    - Trump ระบุว่า "เรามีข้อตกลงแล้ว"
    - กลุ่มนักลงทุนที่สนใจซื้อกิจการเป็น "บุคคลที่มีอิทธิพลและมีเงินทุนสูง"

    https://www.techspot.com/news/107799-trump-offers-tiktok-another-extension-has-warm-spot.html
    อดีตประธานาธิบดี Donald Trump ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเขามี "ความรู้สึกดี" ต่อ TikTok และพร้อมที่จะให้ ขยายเวลาการขายกิจการในสหรัฐฯ อีกครั้ง แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเคยพยายามแบนแอปนี้ในสมัยดำรงตำแหน่ง กฎหมาย Protecting Americans from Foreign Adversary Controlled Applications Act ซึ่งผ่านการอนุมัติเมื่อปี 2024 ระบุว่า TikTok เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ และกำหนดให้ ByteDance ต้องขายกิจการในสหรัฐฯ ภายในวันที่ 20 มกราคม 2025 มิฉะนั้นจะถูกแบน อย่างไรก็ตาม Trump ได้ลงนามในคำสั่งบริหารเพื่อ เลื่อนการแบนออกไป 75 วัน และล่าสุดได้ให้ ขยายเวลาอีก 75 วัน ทำให้เส้นตายใหม่เป็น 19 มิถุนายน 2025 Trump ให้เหตุผลว่า TikTok มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เขาได้รับคะแนนเสียงจากเยาวชน ในการเลือกตั้งปี 2024 โดยเขากล่าวว่า "ผมชนะคะแนนเสียงจากเยาวชนไป 36 จุด ซึ่งไม่เคยมีพรรครีพับลิกันคนไหนทำได้มาก่อน และผมมุ่งเน้นไปที่ TikTok" ✅ Trump ให้สัมภาษณ์ว่าเขามี "ความรู้สึกดี" ต่อ TikTok - พร้อมให้ ขยายเวลาการขายกิจการในสหรัฐฯ อีกครั้ง - เคยพยายามแบน TikTok ในสมัยดำรงตำแหน่ง ✅ กฎหมายกำหนดให้ ByteDance ต้องขายกิจการภายในวันที่ 20 มกราคม 2025 - หากไม่ขาย TikTok จะถูกแบนในสหรัฐฯ - Trump ลงนามคำสั่งบริหาร เลื่อนการแบนออกไป 75 วัน ✅ Trump ให้ขยายเวลาอีก 75 วัน ทำให้เส้นตายใหม่เป็น 19 มิถุนายน 2025 - ให้เหตุผลว่า TikTok มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เขาได้รับคะแนนเสียงจากเยาวชน - กล่าวว่า "ผมชนะคะแนนเสียงจากเยาวชนไป 36 จุด" ✅ มีรายงานว่าข้อตกลงขายกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ ใกล้สำเร็จ - Trump ระบุว่า "เรามีข้อตกลงแล้ว" - กลุ่มนักลงทุนที่สนใจซื้อกิจการเป็น "บุคคลที่มีอิทธิพลและมีเงินทุนสูง" https://www.techspot.com/news/107799-trump-offers-tiktok-another-extension-has-warm-spot.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Trump offers TikTok another extension on ban, says he has a "warm spot" in his heart for the app
    At the start of last year, the Protecting Americans from Foreign Adversary Controlled Applications Act was passed, defining TikTok as being a threat to national security and...
    0 Comments 0 Shares 355 Views 0 Reviews
  • Huntress ได้ขยายความสามารถของ Identity Threat Detection and Response (ITDR) เพื่อป้องกันการโจรกรรมข้อมูลประจำตัวและการโจมตีแบบ Business Email Compromise (BEC) โดยเพิ่มฟีเจอร์ Unwanted Access ที่ช่วยตรวจจับพฤติกรรมการเข้าสู่ระบบที่ผิดปกติ เช่น การใช้ VPN ที่ไม่คาดคิด หรือการเดินทางที่เป็นไปไม่ได้

    นอกจากนี้ Huntress ยังเพิ่มระบบตรวจจับ Rogue Applications ซึ่งช่วยวิเคราะห์แอปพลิเคชันที่ใช้ OAuth เพื่อเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยระบบนี้สามารถตรวจจับแอปพลิเคชันที่มีสิทธิ์มากเกินไป หรือมีพฤติกรรมที่น่าสงสัย และให้คำแนะนำในการลบแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย

    Huntress ยังเปิดตัว Shadow Workflows ซึ่งช่วยป้องกันการตั้งค่ากฎการส่งต่ออีเมลที่เป็นอันตราย และประกาศความพร้อมใช้งานของ Managed SIEM ที่มีการรวมระบบรักษาความปลอดภัยจากแบรนด์ชั้นนำกว่า 20 ราย เช่น 1Password, Fortinet, Palo Alto Networks, Sophos และ LastPass

    การเพิ่มฟีเจอร์ Unwanted Access
    - ตรวจจับพฤติกรรมการเข้าสู่ระบบที่ผิดปกติ เช่น VPN ที่ไม่คาดคิด
    - แยกบัญชีที่ถูกบุกรุกออกจากระบบแบบเรียลไทม์

    ระบบตรวจจับ Rogue Applications
    - วิเคราะห์แอปพลิเคชันที่ใช้ OAuth เพื่อเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
    - ตรวจจับแอปพลิเคชันที่มีสิทธิ์มากเกินไปและให้คำแนะนำในการลบ

    การเปิดตัว Shadow Workflows
    - ป้องกันการตั้งค่ากฎการส่งต่ออีเมลที่เป็นอันตราย
    - ลดความเสี่ยงจากการโจมตีแบบ BEC

    Managed SIEM พร้อมใช้งาน
    - รวมระบบรักษาความปลอดภัยจากแบรนด์ชั้นนำกว่า 20 ราย
    - ช่วยให้การตรวจจับภัยคุกคามมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    https://www.csoonline.com/article/3972409/huntress-expands-itdr-capabilities-to-combat-credential-theft-and-bec.html
    Huntress ได้ขยายความสามารถของ Identity Threat Detection and Response (ITDR) เพื่อป้องกันการโจรกรรมข้อมูลประจำตัวและการโจมตีแบบ Business Email Compromise (BEC) โดยเพิ่มฟีเจอร์ Unwanted Access ที่ช่วยตรวจจับพฤติกรรมการเข้าสู่ระบบที่ผิดปกติ เช่น การใช้ VPN ที่ไม่คาดคิด หรือการเดินทางที่เป็นไปไม่ได้ นอกจากนี้ Huntress ยังเพิ่มระบบตรวจจับ Rogue Applications ซึ่งช่วยวิเคราะห์แอปพลิเคชันที่ใช้ OAuth เพื่อเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยระบบนี้สามารถตรวจจับแอปพลิเคชันที่มีสิทธิ์มากเกินไป หรือมีพฤติกรรมที่น่าสงสัย และให้คำแนะนำในการลบแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย Huntress ยังเปิดตัว Shadow Workflows ซึ่งช่วยป้องกันการตั้งค่ากฎการส่งต่ออีเมลที่เป็นอันตราย และประกาศความพร้อมใช้งานของ Managed SIEM ที่มีการรวมระบบรักษาความปลอดภัยจากแบรนด์ชั้นนำกว่า 20 ราย เช่น 1Password, Fortinet, Palo Alto Networks, Sophos และ LastPass ✅ การเพิ่มฟีเจอร์ Unwanted Access - ตรวจจับพฤติกรรมการเข้าสู่ระบบที่ผิดปกติ เช่น VPN ที่ไม่คาดคิด - แยกบัญชีที่ถูกบุกรุกออกจากระบบแบบเรียลไทม์ ✅ ระบบตรวจจับ Rogue Applications - วิเคราะห์แอปพลิเคชันที่ใช้ OAuth เพื่อเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต - ตรวจจับแอปพลิเคชันที่มีสิทธิ์มากเกินไปและให้คำแนะนำในการลบ ✅ การเปิดตัว Shadow Workflows - ป้องกันการตั้งค่ากฎการส่งต่ออีเมลที่เป็นอันตราย - ลดความเสี่ยงจากการโจมตีแบบ BEC ✅ Managed SIEM พร้อมใช้งาน - รวมระบบรักษาความปลอดภัยจากแบรนด์ชั้นนำกว่า 20 ราย - ช่วยให้การตรวจจับภัยคุกคามมีประสิทธิภาพมากขึ้น https://www.csoonline.com/article/3972409/huntress-expands-itdr-capabilities-to-combat-credential-theft-and-bec.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Huntress expands ITDR capabilities to combat credential theft and BEC
    The identity-based improvements target rogue applications, credential theft, and BEC attacks while fully managed SIEM adds to Huntress’ SOC workflows.
    0 Comments 0 Shares 315 Views 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึงการเพิ่มขึ้นของการโจมตีทางไซเบอร์ที่เน้นการขโมยข้อมูลประจำตัว (identity-based attacks) ซึ่งกำลังเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อธุรกิจ โดยเฉพาะแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย (rogue applications) ที่ถูกระบุว่าเป็นปัจจัยหลักของปัญหานี้ จากรายงานของ Huntress 2025 พบว่าองค์กรกว่า 67% รายงานว่ามีเหตุการณ์โจมตีที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลประจำตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และกว่า 35% ของเหตุการณ์ความปลอดภัยในปีที่ผ่านมาเกี่ยวข้องกับการโจมตีประเภทนี้

    การโจมตีเหล่านี้มักใช้วิธีการขโมยข้อมูล เช่น ข้อมูลการเข้าสู่ระบบ คุกกี้เซสชัน และโทเค็นการเข้าถึง เพื่อหลีกเลี่ยงการป้องกันของระบบ โดยมีการเตือนว่าผลกระทบทางการเงินจากการโจมตีเหล่านี้มีความรุนแรง โดย 32% ของธุรกิจสูญเสียเงินอย่างน้อย $100,000

    Huntress ยังแนะนำให้ใช้วิธีการป้องกัน เช่น การเข้าถึงเครือข่ายแบบ Zero-Trust (ZTNA) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตี

    การเพิ่มขึ้นของการโจมตีข้อมูลประจำตัว
    - องค์กรกว่า 67% รายงานว่ามีเหตุการณ์โจมตีเพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
    - กว่า 35% ของเหตุการณ์ความปลอดภัยในปีที่ผ่านมาเกี่ยวข้องกับการโจมตีข้อมูลประจำตัว

    แอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย
    - แอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายถูกระบุว่าเป็นปัจจัยหลักของปัญหา
    - 45% ขององค์กรเคยพบแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย

    ผลกระทบทางการเงิน
    - 32% ของธุรกิจสูญเสียเงินอย่างน้อย $100,000 จากการโจมตี
    - การโจมตีส่งผลต่อชื่อเสียงและการดำเนินงานขององค์กร

    วิธีการป้องกัน
    - ใช้ Zero-Trust Network Access (ZTNA) เพื่อช่วยลดความเสี่ยง
    - เพิ่มการตรวจสอบและการตอบสนองต่อเหตุการณ์

    https://www.techradar.com/pro/security/businesses-are-facing-increased-identity-based-attacks-and-rouge-applications-are-a-top-culprit
    บทความนี้กล่าวถึงการเพิ่มขึ้นของการโจมตีทางไซเบอร์ที่เน้นการขโมยข้อมูลประจำตัว (identity-based attacks) ซึ่งกำลังเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อธุรกิจ โดยเฉพาะแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย (rogue applications) ที่ถูกระบุว่าเป็นปัจจัยหลักของปัญหานี้ จากรายงานของ Huntress 2025 พบว่าองค์กรกว่า 67% รายงานว่ามีเหตุการณ์โจมตีที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลประจำตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และกว่า 35% ของเหตุการณ์ความปลอดภัยในปีที่ผ่านมาเกี่ยวข้องกับการโจมตีประเภทนี้ การโจมตีเหล่านี้มักใช้วิธีการขโมยข้อมูล เช่น ข้อมูลการเข้าสู่ระบบ คุกกี้เซสชัน และโทเค็นการเข้าถึง เพื่อหลีกเลี่ยงการป้องกันของระบบ โดยมีการเตือนว่าผลกระทบทางการเงินจากการโจมตีเหล่านี้มีความรุนแรง โดย 32% ของธุรกิจสูญเสียเงินอย่างน้อย $100,000 Huntress ยังแนะนำให้ใช้วิธีการป้องกัน เช่น การเข้าถึงเครือข่ายแบบ Zero-Trust (ZTNA) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตี ✅ การเพิ่มขึ้นของการโจมตีข้อมูลประจำตัว - องค์กรกว่า 67% รายงานว่ามีเหตุการณ์โจมตีเพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา - กว่า 35% ของเหตุการณ์ความปลอดภัยในปีที่ผ่านมาเกี่ยวข้องกับการโจมตีข้อมูลประจำตัว ✅ แอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย - แอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายถูกระบุว่าเป็นปัจจัยหลักของปัญหา - 45% ขององค์กรเคยพบแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย ✅ ผลกระทบทางการเงิน - 32% ของธุรกิจสูญเสียเงินอย่างน้อย $100,000 จากการโจมตี - การโจมตีส่งผลต่อชื่อเสียงและการดำเนินงานขององค์กร ✅ วิธีการป้องกัน - ใช้ Zero-Trust Network Access (ZTNA) เพื่อช่วยลดความเสี่ยง - เพิ่มการตรวจสอบและการตอบสนองต่อเหตุการณ์ https://www.techradar.com/pro/security/businesses-are-facing-increased-identity-based-attacks-and-rouge-applications-are-a-top-culprit
    0 Comments 0 Shares 174 Views 0 Reviews
  • Gigabyte ได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับปัญหาการรั่วไหลของเจลระบายความร้อนในกราฟิกการ์ด RTX 50-series ซึ่งเป็นปัญหาที่พบในผลิตภัณฑ์รุ่นแรกๆ ของสายการผลิต โดยเจลระบายความร้อนนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้มีการสัมผัสที่ดีขึ้นระหว่างพื้นผิวที่ไม่เรียบของส่วนประกอบ และสามารถทนต่ออุณหภูมิสูงถึง 150°C โดยไม่ละลาย

    Gigabyte ยอมรับว่าปัญหานี้เกิดจากการใช้เจลในปริมาณที่มากเกินไปในสายการผลิตช่วงแรก ซึ่งส่งผลให้เกิดการรั่วไหลที่มองเห็นได้ แต่ยืนยันว่าปัญหานี้ไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพ ความเสถียร หรืออายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ บริษัทได้ปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อแก้ไขปัญหาในผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่

    อย่างไรก็ตาม Gigabyte ยังไม่ได้ประกาศโปรแกรมเรียกคืนหรือเปลี่ยนสินค้า โดยแนะนำให้ผู้ใช้งานที่ได้รับผลกระทบติดต่อศูนย์บริการลูกค้าในภูมิภาคของตน

    การออกแบบเจลระบายความร้อน
    - เจลระบายความร้อนถูกออกแบบมาเพื่อให้มีการสัมผัสที่ดีขึ้นระหว่างพื้นผิวที่ไม่เรียบ
    - สามารถทนต่ออุณหภูมิสูงถึง 150°C โดยไม่ละลาย

    ปัญหาที่พบในสายการผลิต
    - การใช้เจลในปริมาณที่มากเกินไปในสายการผลิตช่วงแรก
    - ปัญหานี้ไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพ ความเสถียร หรืออายุการใช้งาน

    การตอบสนองของ Gigabyte
    - ปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อแก้ไขปัญหาในผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่
    - แนะนำให้ผู้ใช้งานที่ได้รับผลกระทบติดต่อศูนย์บริการลูกค้า

    ผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
    - ปัญหานี้อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/gigabyte-addresses-rtx-50-series-thermal-gel-leak-blames-over-application-in-early-production-units
    Gigabyte ได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับปัญหาการรั่วไหลของเจลระบายความร้อนในกราฟิกการ์ด RTX 50-series ซึ่งเป็นปัญหาที่พบในผลิตภัณฑ์รุ่นแรกๆ ของสายการผลิต โดยเจลระบายความร้อนนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้มีการสัมผัสที่ดีขึ้นระหว่างพื้นผิวที่ไม่เรียบของส่วนประกอบ และสามารถทนต่ออุณหภูมิสูงถึง 150°C โดยไม่ละลาย Gigabyte ยอมรับว่าปัญหานี้เกิดจากการใช้เจลในปริมาณที่มากเกินไปในสายการผลิตช่วงแรก ซึ่งส่งผลให้เกิดการรั่วไหลที่มองเห็นได้ แต่ยืนยันว่าปัญหานี้ไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพ ความเสถียร หรืออายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ บริษัทได้ปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อแก้ไขปัญหาในผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ อย่างไรก็ตาม Gigabyte ยังไม่ได้ประกาศโปรแกรมเรียกคืนหรือเปลี่ยนสินค้า โดยแนะนำให้ผู้ใช้งานที่ได้รับผลกระทบติดต่อศูนย์บริการลูกค้าในภูมิภาคของตน ✅ การออกแบบเจลระบายความร้อน - เจลระบายความร้อนถูกออกแบบมาเพื่อให้มีการสัมผัสที่ดีขึ้นระหว่างพื้นผิวที่ไม่เรียบ - สามารถทนต่ออุณหภูมิสูงถึง 150°C โดยไม่ละลาย ✅ ปัญหาที่พบในสายการผลิต - การใช้เจลในปริมาณที่มากเกินไปในสายการผลิตช่วงแรก - ปัญหานี้ไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพ ความเสถียร หรืออายุการใช้งาน ✅ การตอบสนองของ Gigabyte - ปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อแก้ไขปัญหาในผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ - แนะนำให้ผู้ใช้งานที่ได้รับผลกระทบติดต่อศูนย์บริการลูกค้า ✅ ผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค - ปัญหานี้อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/gigabyte-addresses-rtx-50-series-thermal-gel-leak-blames-over-application-in-early-production-units
    0 Comments 0 Shares 286 Views 0 Reviews
More Results