• 🔄 Windows Update Orchestration Platform: ระบบอัปเดตแอปทั้งหมดจากที่เดียว
    Microsoft เปิดตัว Windows Update Orchestration Platform ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถ อัปเดตแอปทั้งหมดจากที่เดียว แทนที่จะต้องจัดการอัปเดตแยกกัน

    Windows Update ปกติจะอัปเดตเฉพาะ ส่วนประกอบของระบบปฏิบัติการ แต่แอปของ Microsoft และแอปของบุคคลที่สามยังต้องจัดการอัปเดตแยกกัน

    แพลตฟอร์มใหม่นี้ช่วยให้ นักพัฒนาและผู้ดูแลระบบ IT สามารถจัดการอัปเดตแอปได้ง่ายขึ้น ลดปัญหา CPU และแบนด์วิดท์ที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึง ลดต้นทุนการสนับสนุน

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Windows Update Orchestration Platform ช่วยให้สามารถอัปเดตแอปทั้งหมดจากที่เดียว
    - Microsoft เปิดตัวแพลตฟอร์มนี้เพื่อช่วยนักพัฒนาและผู้ดูแลระบบ IT
    - ลดปัญหา CPU และแบนด์วิดท์ที่พุ่งสูงขึ้นจากการอัปเดตแยกกัน
    - ช่วยให้มีการแจ้งเตือนที่สม่ำเสมอผ่านระบบ Windows Update
    - นักพัฒนาสามารถใช้ Windows Runtime APIs และ PowerShell commands เพื่อจัดการอัปเดต

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แพลตฟอร์มนี้ยังอยู่ในช่วง Private Preview และต้องรอการเปิดตัวเต็มรูปแบบ
    - ต้องติดตามว่าผู้พัฒนาแอปบุคคลที่สามจะเข้าร่วมแพลตฟอร์มหรือไม่
    - อาจมีข้อจำกัดในการใช้งานสำหรับองค์กรที่มีระบบอัปเดตเฉพาะทาง
    - ต้องรอดูว่าการรวมแอปทั้งหมดเข้ากับ Windows Update จะส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบหรือไม่

    Windows Update Orchestration Platform อาจช่วยให้ การจัดการอัปเดตแอปง่ายขึ้น และลดปัญหาด้านประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้พัฒนาแอปบุคคลที่สามจะเข้าร่วมแพลตฟอร์มหรือไม่

    https://wccftech.com/microsoft-debuts-windows-update-orchestration-platform-for-updating-all-apps/
    🔄 Windows Update Orchestration Platform: ระบบอัปเดตแอปทั้งหมดจากที่เดียว Microsoft เปิดตัว Windows Update Orchestration Platform ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถ อัปเดตแอปทั้งหมดจากที่เดียว แทนที่จะต้องจัดการอัปเดตแยกกัน Windows Update ปกติจะอัปเดตเฉพาะ ส่วนประกอบของระบบปฏิบัติการ แต่แอปของ Microsoft และแอปของบุคคลที่สามยังต้องจัดการอัปเดตแยกกัน แพลตฟอร์มใหม่นี้ช่วยให้ นักพัฒนาและผู้ดูแลระบบ IT สามารถจัดการอัปเดตแอปได้ง่ายขึ้น ลดปัญหา CPU และแบนด์วิดท์ที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึง ลดต้นทุนการสนับสนุน ✅ ข้อมูลจากข่าว - Windows Update Orchestration Platform ช่วยให้สามารถอัปเดตแอปทั้งหมดจากที่เดียว - Microsoft เปิดตัวแพลตฟอร์มนี้เพื่อช่วยนักพัฒนาและผู้ดูแลระบบ IT - ลดปัญหา CPU และแบนด์วิดท์ที่พุ่งสูงขึ้นจากการอัปเดตแยกกัน - ช่วยให้มีการแจ้งเตือนที่สม่ำเสมอผ่านระบบ Windows Update - นักพัฒนาสามารถใช้ Windows Runtime APIs และ PowerShell commands เพื่อจัดการอัปเดต ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แพลตฟอร์มนี้ยังอยู่ในช่วง Private Preview และต้องรอการเปิดตัวเต็มรูปแบบ - ต้องติดตามว่าผู้พัฒนาแอปบุคคลที่สามจะเข้าร่วมแพลตฟอร์มหรือไม่ - อาจมีข้อจำกัดในการใช้งานสำหรับองค์กรที่มีระบบอัปเดตเฉพาะทาง - ต้องรอดูว่าการรวมแอปทั้งหมดเข้ากับ Windows Update จะส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบหรือไม่ Windows Update Orchestration Platform อาจช่วยให้ การจัดการอัปเดตแอปง่ายขึ้น และลดปัญหาด้านประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้พัฒนาแอปบุคคลที่สามจะเข้าร่วมแพลตฟอร์มหรือไม่ https://wccftech.com/microsoft-debuts-windows-update-orchestration-platform-for-updating-all-apps/
    WCCFTECH.COM
    Microsoft Debuts Windows Update Orchestration Platform For Updating All Apps From A Single Place
    Microsoft has announced that it will now handle all the apps from the Windows Update Orchestration Platform in order to update them easily.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚀 ชิป SM2324 ของ Silicon Motion: ก้าวใหม่ของ SSD ความจุสูง
    Silicon Motion เปิดตัว SM2324 ซึ่งเป็น ชิปควบคุม SSD แบบ USB4 ที่สามารถรองรับความจุสูงสุด 32TB และมีความเร็วในการอ่านข้อมูลถึง 4,000MB/s

    SM2324 ถูกออกแบบมาเพื่อ ลดจำนวนชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิต SSD ทำให้ต้นทุนของผู้ผลิตลดลง และช่วยให้สามารถสร้าง SSD ที่มีขนาดกะทัดรัดขึ้น

    นอกจากนี้ ชิปนี้ยังรองรับ 3D TLC และ QLC NAND รวมถึง Power Delivery 3.1 ซึ่งช่วยให้สามารถจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - SM2324 เป็นชิปควบคุม SSD แบบ USB4 ที่รองรับความจุสูงสุด 32TB
    - มีความเร็วในการอ่านข้อมูลถึง 4,000MB/s และเขียนข้อมูลสูงสุด 3,809MB/s
    - รองรับ 3D TLC และ QLC NAND รวมถึง Power Delivery 3.1
    - ใช้กระบวนการผลิต 12nm ของ TSMC เพื่อประหยัดพลังงาน
    - รองรับ Windows, macOS, Linux และ Apple ProRes workflows บน iPhone

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้จะลดต้นทุนการผลิต แต่ SSD ที่ใช้ SM2324 อาจยังมีราคาสูงสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
    - ต้องมีระบบระบายความร้อนที่ดีเพื่อให้ SSD ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
    - ข้อจำกัดด้านพลังงานและการจัดการความร้อนอาจทำให้ SSD ขนาด 32TB ไม่เหมาะกับทุกการใช้งาน
    - ต้องติดตามว่าผู้ผลิต SSD รายใดจะนำ SM2324 ไปใช้ในผลิตภัณฑ์ของตน

    SM2324 อาจช่วยให้ตลาด SSD ความจุสูงแบบพกพา เติบโตขึ้น โดยเฉพาะสำหรับ ผู้ใช้ระดับมืออาชีพ เช่น นักสร้างภาพยนตร์และผู้ที่ต้องการสำรองข้อมูลขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตจะสามารถทำให้ SSD ที่ใช้ชิปนี้มีราคาที่เข้าถึงได้หรือไม่

    📢📢 ไม่ต้องพูดมาก ลุงสู้ทุกราคา !! 😅😅

    https://www.techradar.com/pro/superfast-32tb-usb4-external-ssds-are-coming-thanks-to-a-new-chip-but-i-bet-they-wont-be-cheap
    🚀 ชิป SM2324 ของ Silicon Motion: ก้าวใหม่ของ SSD ความจุสูง Silicon Motion เปิดตัว SM2324 ซึ่งเป็น ชิปควบคุม SSD แบบ USB4 ที่สามารถรองรับความจุสูงสุด 32TB และมีความเร็วในการอ่านข้อมูลถึง 4,000MB/s SM2324 ถูกออกแบบมาเพื่อ ลดจำนวนชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิต SSD ทำให้ต้นทุนของผู้ผลิตลดลง และช่วยให้สามารถสร้าง SSD ที่มีขนาดกะทัดรัดขึ้น นอกจากนี้ ชิปนี้ยังรองรับ 3D TLC และ QLC NAND รวมถึง Power Delivery 3.1 ซึ่งช่วยให้สามารถจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ข้อมูลจากข่าว - SM2324 เป็นชิปควบคุม SSD แบบ USB4 ที่รองรับความจุสูงสุด 32TB - มีความเร็วในการอ่านข้อมูลถึง 4,000MB/s และเขียนข้อมูลสูงสุด 3,809MB/s - รองรับ 3D TLC และ QLC NAND รวมถึง Power Delivery 3.1 - ใช้กระบวนการผลิต 12nm ของ TSMC เพื่อประหยัดพลังงาน - รองรับ Windows, macOS, Linux และ Apple ProRes workflows บน iPhone ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้จะลดต้นทุนการผลิต แต่ SSD ที่ใช้ SM2324 อาจยังมีราคาสูงสำหรับผู้ใช้ทั่วไป - ต้องมีระบบระบายความร้อนที่ดีเพื่อให้ SSD ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ - ข้อจำกัดด้านพลังงานและการจัดการความร้อนอาจทำให้ SSD ขนาด 32TB ไม่เหมาะกับทุกการใช้งาน - ต้องติดตามว่าผู้ผลิต SSD รายใดจะนำ SM2324 ไปใช้ในผลิตภัณฑ์ของตน SM2324 อาจช่วยให้ตลาด SSD ความจุสูงแบบพกพา เติบโตขึ้น โดยเฉพาะสำหรับ ผู้ใช้ระดับมืออาชีพ เช่น นักสร้างภาพยนตร์และผู้ที่ต้องการสำรองข้อมูลขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตจะสามารถทำให้ SSD ที่ใช้ชิปนี้มีราคาที่เข้าถึงได้หรือไม่ 📢📢 ไม่ต้องพูดมาก ลุงสู้ทุกราคา !! 😅😅 https://www.techradar.com/pro/superfast-32tb-usb4-external-ssds-are-coming-thanks-to-a-new-chip-but-i-bet-they-wont-be-cheap
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • ⚖️ Intel ชนะคดีสำคัญกับ VLSI ในข้อพิพาทด้านสิทธิบัตร
    Intel ได้รับชัยชนะในคดีความกับ VLSI Technology LLC ซึ่งเป็นบริษัทที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น "Patent Troll" หรือบริษัทที่ใช้สิทธิบัตรเพื่อเรียกร้องค่าชดเชยโดยไม่ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีจริง

    VLSI เป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ Fortress Investment Group ซึ่งเคยฟ้องร้อง Intel ในข้อหาละเมิดสิทธิบัตรที่ได้มาจาก NXP Semiconductors NV โดยอ้างว่าเทคโนโลยีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับกระบวนการออกแบบชิป

    ในปี 2022 Intel ถูกสั่งให้จ่ายค่าชดเชยเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์ จากการละเมิดสิทธิบัตรของ VLSI อย่างไรก็ตาม Intel โต้แย้งว่าข้อตกลงด้านสิทธิบัตรที่ทำไว้กับ Finjan Inc. ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ Fortress เช่นเดียวกัน ครอบคลุมสิทธิบัตรที่เป็นข้อพิพาท

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Intel ชนะคดีความกับ VLSI Technology LLC ซึ่งอาจทำให้คำตัดสินก่อนหน้านี้ถูกยกเลิก
    - VLSI อยู่ภายใต้การควบคุมของ Fortress Investment Group ซึ่งเคยฟ้องร้อง Intel ในข้อหาละเมิดสิทธิบัตร
    - Intel ถูกสั่งให้จ่ายค่าชดเชยเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022 แต่โต้แย้งว่าข้อตกลงกับ Finjan Inc. ครอบคลุมสิทธิบัตรที่เป็นข้อพิพาท
    - คดีนี้อาจส่งผลให้คำตัดสินก่อนหน้านี้ที่มีมูลค่ารวมกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ถูกยกเลิก
    - Fortress เคยใช้กลยุทธ์ฟ้องร้องบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง เช่น Apple และ HTC

    🏛️ สิทธิบัตรและบทบาทของ Patent Troll
    Patent Troll คือบริษัทที่ไม่ได้พัฒนาเทคโนโลยีเอง แต่ซื้อสิทธิบัตรมาเพื่อฟ้องร้องบริษัทอื่น ๆ เพื่อเรียกร้องค่าชดเชย โดยมักใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายเพื่อสร้างรายได้จากการฟ้องร้อง

    Fortress Investment Group ถูกวิจารณ์ว่าใช้กลยุทธ์นี้เพื่อเรียกร้องเงินจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Intel, Apple และ HTC อย่างไรก็ตาม คำตัดสินล่าสุดอาจทำให้กลยุทธ์นี้ต้องถูกปรับเปลี่ยน

    https://www.techspot.com/news/108123-intel-wins-crucial-verdict-legal-fight-against-patent.html
    ⚖️ Intel ชนะคดีสำคัญกับ VLSI ในข้อพิพาทด้านสิทธิบัตร Intel ได้รับชัยชนะในคดีความกับ VLSI Technology LLC ซึ่งเป็นบริษัทที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น "Patent Troll" หรือบริษัทที่ใช้สิทธิบัตรเพื่อเรียกร้องค่าชดเชยโดยไม่ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีจริง VLSI เป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ Fortress Investment Group ซึ่งเคยฟ้องร้อง Intel ในข้อหาละเมิดสิทธิบัตรที่ได้มาจาก NXP Semiconductors NV โดยอ้างว่าเทคโนโลยีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับกระบวนการออกแบบชิป ในปี 2022 Intel ถูกสั่งให้จ่ายค่าชดเชยเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์ จากการละเมิดสิทธิบัตรของ VLSI อย่างไรก็ตาม Intel โต้แย้งว่าข้อตกลงด้านสิทธิบัตรที่ทำไว้กับ Finjan Inc. ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ Fortress เช่นเดียวกัน ครอบคลุมสิทธิบัตรที่เป็นข้อพิพาท ✅ ข้อมูลจากข่าว - Intel ชนะคดีความกับ VLSI Technology LLC ซึ่งอาจทำให้คำตัดสินก่อนหน้านี้ถูกยกเลิก - VLSI อยู่ภายใต้การควบคุมของ Fortress Investment Group ซึ่งเคยฟ้องร้อง Intel ในข้อหาละเมิดสิทธิบัตร - Intel ถูกสั่งให้จ่ายค่าชดเชยเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022 แต่โต้แย้งว่าข้อตกลงกับ Finjan Inc. ครอบคลุมสิทธิบัตรที่เป็นข้อพิพาท - คดีนี้อาจส่งผลให้คำตัดสินก่อนหน้านี้ที่มีมูลค่ารวมกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ถูกยกเลิก - Fortress เคยใช้กลยุทธ์ฟ้องร้องบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง เช่น Apple และ HTC 🏛️ สิทธิบัตรและบทบาทของ Patent Troll Patent Troll คือบริษัทที่ไม่ได้พัฒนาเทคโนโลยีเอง แต่ซื้อสิทธิบัตรมาเพื่อฟ้องร้องบริษัทอื่น ๆ เพื่อเรียกร้องค่าชดเชย โดยมักใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายเพื่อสร้างรายได้จากการฟ้องร้อง Fortress Investment Group ถูกวิจารณ์ว่าใช้กลยุทธ์นี้เพื่อเรียกร้องเงินจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Intel, Apple และ HTC อย่างไรก็ตาม คำตัดสินล่าสุดอาจทำให้กลยุทธ์นี้ต้องถูกปรับเปลี่ยน https://www.techspot.com/news/108123-intel-wins-crucial-verdict-legal-fight-against-patent.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Intel wins crucial verdict in legal fight against patent troll VLSI
    After a three-day jury trial, the U.S. District Court for the Western District of Texas ruled that VLSI Technology LLC and Finjan Inc. are both under the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔍 อนาคตของการค้นหาข้อมูลท่ามกลางการเติบโตของ AI
    ผู้พิพากษา Amit Mehta ตั้งคำถามต่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ว่า AI จะส่งผลต่อการแข่งขันในตลาดการค้นหาข้อมูลอย่างไร ในขณะที่คดีต่อต้านการผูกขาดของ Google กำลังเข้าสู่ช่วงสุดท้าย

    Mehta กำลังพิจารณาว่า AI ควรถือเป็นเทคโนโลยีที่แข่งขันกับการค้นหาข้อมูล หรือเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น โดย DOJ ต้องการให้ Google หยุดการจ่ายเงินหลายพันล้านดอลลาร์ให้ Apple และบริษัทอื่น ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือค้นหาเริ่มต้น

    นอกจากนี้ DOJ ยังเสนอให้ Google ขาย Chrome และแบ่งปันข้อมูลการค้นหา เพื่อเปิดโอกาสให้คู่แข่งสามารถแข่งขันได้อย่างเป็นธรรม

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - ผู้พิพากษา Mehta ตั้งคำถามว่า AI จะส่งผลต่อการแข่งขันในตลาดการค้นหาข้อมูลอย่างไร
    - DOJ ต้องการให้ Google หยุดจ่ายเงินให้ Apple และบริษัทอื่น ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือค้นหาเริ่มต้น
    - Google ได้ยกเลิกข้อตกลงพิเศษกับ Samsung และผู้ให้บริการเครือข่าย เพื่อให้สามารถติดตั้งแอปค้นหาของคู่แข่งได้
    - DOJ เสนอให้ Google ขาย Chrome และแบ่งปันข้อมูลการค้นหา เพื่อเปิดโอกาสให้คู่แข่งแข่งขันได้
    - OpenAI สนใจซื้อ Chrome หาก Google ถูกบังคับให้ขาย

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การบังคับให้ Google แบ่งปันข้อมูลการค้นหาอาจส่งผลต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
    - AI อาจไม่สามารถแทนที่เครื่องมือค้นหาแบบดั้งเดิมได้ทั้งหมด
    - Google อาจใช้ข้อได้เปรียบจากการผูกขาดการค้นหาเพื่อพัฒนา AI ของตนเอง เช่น Gemini
    - ต้องติดตามว่าผู้พิพากษาจะตัดสินอย่างไรในเดือนสิงหาคม

    คดีนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับตลาดการค้นหาข้อมูล หาก DOJ ประสบความสำเร็จ Google อาจต้องปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ และเปิดโอกาสให้บริษัท AI เช่น OpenAI และ Perplexity เข้ามาแข่งขัน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/google-and-doj-to-make-final-push-in-us-search-antitrust-case
    🔍 อนาคตของการค้นหาข้อมูลท่ามกลางการเติบโตของ AI ผู้พิพากษา Amit Mehta ตั้งคำถามต่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ว่า AI จะส่งผลต่อการแข่งขันในตลาดการค้นหาข้อมูลอย่างไร ในขณะที่คดีต่อต้านการผูกขาดของ Google กำลังเข้าสู่ช่วงสุดท้าย Mehta กำลังพิจารณาว่า AI ควรถือเป็นเทคโนโลยีที่แข่งขันกับการค้นหาข้อมูล หรือเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น โดย DOJ ต้องการให้ Google หยุดการจ่ายเงินหลายพันล้านดอลลาร์ให้ Apple และบริษัทอื่น ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือค้นหาเริ่มต้น นอกจากนี้ DOJ ยังเสนอให้ Google ขาย Chrome และแบ่งปันข้อมูลการค้นหา เพื่อเปิดโอกาสให้คู่แข่งสามารถแข่งขันได้อย่างเป็นธรรม ✅ ข้อมูลจากข่าว - ผู้พิพากษา Mehta ตั้งคำถามว่า AI จะส่งผลต่อการแข่งขันในตลาดการค้นหาข้อมูลอย่างไร - DOJ ต้องการให้ Google หยุดจ่ายเงินให้ Apple และบริษัทอื่น ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือค้นหาเริ่มต้น - Google ได้ยกเลิกข้อตกลงพิเศษกับ Samsung และผู้ให้บริการเครือข่าย เพื่อให้สามารถติดตั้งแอปค้นหาของคู่แข่งได้ - DOJ เสนอให้ Google ขาย Chrome และแบ่งปันข้อมูลการค้นหา เพื่อเปิดโอกาสให้คู่แข่งแข่งขันได้ - OpenAI สนใจซื้อ Chrome หาก Google ถูกบังคับให้ขาย ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การบังคับให้ Google แบ่งปันข้อมูลการค้นหาอาจส่งผลต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ - AI อาจไม่สามารถแทนที่เครื่องมือค้นหาแบบดั้งเดิมได้ทั้งหมด - Google อาจใช้ข้อได้เปรียบจากการผูกขาดการค้นหาเพื่อพัฒนา AI ของตนเอง เช่น Gemini - ต้องติดตามว่าผู้พิพากษาจะตัดสินอย่างไรในเดือนสิงหาคม คดีนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับตลาดการค้นหาข้อมูล หาก DOJ ประสบความสำเร็จ Google อาจต้องปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ และเปิดโอกาสให้บริษัท AI เช่น OpenAI และ Perplexity เข้ามาแข่งขัน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/google-and-doj-to-make-final-push-in-us-search-antitrust-case
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Judge in Google case questions future of search amid rise of AI
    WASHINGTON (Reuters) -A judge asked the U.S. Department of Justice on Friday how much room there would be for new search engines to emerge given the rise of artificial intelligence, as antitrust enforcers press for Alphabet's Google to take dramatic measures to restore competition in online search.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Worse” vs. “Worst”: Get A Better Understanding Of The Difference

    The words worse and worst are extremely useful. They are the main and often best way we can indicate that something is, well, more bad or most bad. But because they look and sound so similar, it can be easy to mix them up, especially in certain expressions.

    In this article, we’ll break down the difference between worse and worst, explain how they relate to comparative and superlative adjectives (and what those are), and clear up confusion around which word is the correct one to use in some common expressions.

    Quick summary

    Worse and worst are both forms of the word bad. Worse is what’s called the comparative form, basically meaning “more bad.” Worst is the superlative form, basically meaning “most bad.” Worse is used when making a comparison to only one other thing: Your breath is bad, but mine is worse or The situation was bad and it just got worse. Worst is used in comparisons of more than two things: Yours is bad, mine is worse, but his is the worst or That was the worst meal I’ve ever eaten.

    worse vs. worst

    Worse and worst are different words, but both are forms of the adjective bad. Worse is the comparative form and worst is the superlative form.

    A comparative adjective is typically used to compare two things. For example, My brother is bad at basketball, but honestly I’m worse.

    A superlative adjective is used to compare more than two things (as in Out of the five exam I have today, this one is going to be the worst) or state that something is the most extreme out of every possible option (as in That was the worst idea I have ever heard).

    Worse and worst are just like the words better and best, which are the comparative and superlative forms of the word good.

    In most cases, the comparative form of an adjective is made by either adding -er to the end (faster, smarter, bigger, etc.) or adding the word more or less before it (more impressive, less powerful, etc.).

    To form superlatives, it’s most common to add -est to the end of the word (fastest, smartest, biggest, etc.) or add most or least before it (most impressive, least powerful, etc.).

    Worse and worst don’t follow these rules, but you can see a remnant of the superlative ending -est at the end of worst and best, which can help you remember that they are superlatives.

    Worse is used in the expression from bad to worse, which means that something started bad and has only deteriorated in quality or condition, as in My handwriting has gone from bad to worse since I graduated high school.

    Let’s look at some other common questions people have about expressions that use worse or worst.

    Is it worse case or worst case?

    The phrase worst case is used in the two idiomatic expressions: in the worst case and worst-case scenario. Both of these phrases refer to a situation that is as bad as possible compared to any other possible situation, which is why it uses the superlative form worst.

    For example:

    - In the worst case, the beams will collapse instantly.
    - This isn’t what we expect to happen—it’s just the worst-case scenario.

    While it’s possible for the words worse and case to be paired together in a sentence (as in Jacob had a worse case of bronchitis than Melanie did), it’s not a set expression like worst case is.

    Is it if worse comes to worst or if worst comes to worst?

    There are actually two very similar versions of the expression that means “if the worst possible outcome happens”: if worse comes to worst or if worst comes to worst. However, if worst comes to worst is much more commonly used (even though it arguably makes less sense).

    Whatever form is used, the expression is usually accompanied by a proposed solution to the problem. For example:

    - If worse comes to worst and every door is locked, we’ll get in by opening a window.
    - I’m going to try to make it to the store before the storm starts, but if worst comes to worst, I’ll at least have my umbrella with me.

    Examples of worse and worst used in a sentence

    Let’s wrap things up by looking at some of the many different ways we can use worse and worst in a sentence.

    - I think the pink paint looks worse on the wall than the red paint did.
    - Out of all of us, Tom had the worst case of poison ivy.
    - Debra Deer had a worse finishing time than Charlie Cheetah, but Sam Sloth had the worst time by far.
    - My grades went from bad to worse after I missed a few classes.
    - If worst comes to worst and we miss the bus, we’ll just hail a cab.
    - It’s possible that the losses could lead to bankruptcy, but the company is doing everything it can to avoid this worst-case scenario.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    “Worse” vs. “Worst”: Get A Better Understanding Of The Difference The words worse and worst are extremely useful. They are the main and often best way we can indicate that something is, well, more bad or most bad. But because they look and sound so similar, it can be easy to mix them up, especially in certain expressions. In this article, we’ll break down the difference between worse and worst, explain how they relate to comparative and superlative adjectives (and what those are), and clear up confusion around which word is the correct one to use in some common expressions. Quick summary Worse and worst are both forms of the word bad. Worse is what’s called the comparative form, basically meaning “more bad.” Worst is the superlative form, basically meaning “most bad.” Worse is used when making a comparison to only one other thing: Your breath is bad, but mine is worse or The situation was bad and it just got worse. Worst is used in comparisons of more than two things: Yours is bad, mine is worse, but his is the worst or That was the worst meal I’ve ever eaten. worse vs. worst Worse and worst are different words, but both are forms of the adjective bad. Worse is the comparative form and worst is the superlative form. A comparative adjective is typically used to compare two things. For example, My brother is bad at basketball, but honestly I’m worse. A superlative adjective is used to compare more than two things (as in Out of the five exam I have today, this one is going to be the worst) or state that something is the most extreme out of every possible option (as in That was the worst idea I have ever heard). Worse and worst are just like the words better and best, which are the comparative and superlative forms of the word good. In most cases, the comparative form of an adjective is made by either adding -er to the end (faster, smarter, bigger, etc.) or adding the word more or less before it (more impressive, less powerful, etc.). To form superlatives, it’s most common to add -est to the end of the word (fastest, smartest, biggest, etc.) or add most or least before it (most impressive, least powerful, etc.). Worse and worst don’t follow these rules, but you can see a remnant of the superlative ending -est at the end of worst and best, which can help you remember that they are superlatives. Worse is used in the expression from bad to worse, which means that something started bad and has only deteriorated in quality or condition, as in My handwriting has gone from bad to worse since I graduated high school. Let’s look at some other common questions people have about expressions that use worse or worst. Is it worse case or worst case? The phrase worst case is used in the two idiomatic expressions: in the worst case and worst-case scenario. Both of these phrases refer to a situation that is as bad as possible compared to any other possible situation, which is why it uses the superlative form worst. For example: - In the worst case, the beams will collapse instantly. - This isn’t what we expect to happen—it’s just the worst-case scenario. While it’s possible for the words worse and case to be paired together in a sentence (as in Jacob had a worse case of bronchitis than Melanie did), it’s not a set expression like worst case is. Is it if worse comes to worst or if worst comes to worst? There are actually two very similar versions of the expression that means “if the worst possible outcome happens”: if worse comes to worst or if worst comes to worst. However, if worst comes to worst is much more commonly used (even though it arguably makes less sense). Whatever form is used, the expression is usually accompanied by a proposed solution to the problem. For example: - If worse comes to worst and every door is locked, we’ll get in by opening a window. - I’m going to try to make it to the store before the storm starts, but if worst comes to worst, I’ll at least have my umbrella with me. Examples of worse and worst used in a sentence Let’s wrap things up by looking at some of the many different ways we can use worse and worst in a sentence. - I think the pink paint looks worse on the wall than the red paint did. - Out of all of us, Tom had the worst case of poison ivy. - Debra Deer had a worse finishing time than Charlie Cheetah, but Sam Sloth had the worst time by far. - My grades went from bad to worse after I missed a few classes. - If worst comes to worst and we miss the bus, we’ll just hail a cab. - It’s possible that the losses could lead to bankruptcy, but the company is doing everything it can to avoid this worst-case scenario. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🛡️ McAfee เพิ่มฟีเจอร์ Scam Detector ในแผนป้องกันไวรัส
    McAfee ได้รวม Scam Detector ซึ่งเป็นเครื่องมือป้องกันการหลอกลวงเข้าไปในแผนป้องกันไวรัสทั้งหมด โดยฟีเจอร์นี้สามารถตรวจจับ ข้อความ, อีเมล และวิดีโอที่เป็นภัย ได้แบบเรียลไทม์

    Scam Detector อ้างว่ามี ความแม่นยำ 99% ในการตรวจจับภัยคุกคามจากข้อความ และสามารถตรวจจับ deepfake บน YouTube และ TikTok ได้ 96%

    อย่างไรก็ตาม McAfee Scam Detector ต้องสมัครสมาชิก เพื่อใช้งาน ซึ่งแตกต่างจากเครื่องมือฟรี เช่น Bitdefender Scamio ที่สามารถตรวจสอบลิงก์, ข้อความ และ QR codes ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

    Google ก็มีระบบตรวจจับการหลอกลวงด้วย AI แต่ยังอยู่ใน เวอร์ชันเบต้าสำหรับ Pixel phones เท่านั้น

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - McAfee รวม Scam Detector เข้าไปในแผนป้องกันไวรัสทั้งหมด
    - สามารถตรวจจับข้อความ, อีเมล และวิดีโอที่เป็นภัยได้แบบเรียลไทม์
    - มีความแม่นยำ 99% ในการตรวจจับภัยคุกคามจากข้อความ
    - สามารถตรวจจับ deepfake บน YouTube และ TikTok ได้ 96%
    - รองรับ WhatsApp, Messenger, Gmail และ Android SMS

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ต้องสมัครสมาชิก McAfee เพื่อใช้งาน Scam Detector
    - Bitdefender Scamio เป็นเครื่องมือฟรีที่สามารถตรวจสอบลิงก์และข้อความได้
    - Google มีระบบตรวจจับการหลอกลวงด้วย AI แต่ยังอยู่ในเวอร์ชันเบต้าสำหรับ Pixel phones
    - Norton Genie Scam Protection ก็ต้องสมัครสมาชิกเพื่อใช้งานเต็มรูปแบบ

    🔎 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมความปลอดภัยไซเบอร์
    McAfee Scam Detector อาจช่วยให้ผู้ใช้มีเครื่องมือป้องกันภัยคุกคามที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่การที่ต้องสมัครสมาชิกอาจทำให้ผู้ใช้เลือกใช้ เครื่องมือฟรีที่มีฟีเจอร์ใกล้เคียงกัน แทน

    https://www.techradar.com/pro/mcafee-is-now-bundling-its-scam-detector-with-all-its-antivirus-plans-here-are-others-that-are-actually-totally-free
    🛡️ McAfee เพิ่มฟีเจอร์ Scam Detector ในแผนป้องกันไวรัส McAfee ได้รวม Scam Detector ซึ่งเป็นเครื่องมือป้องกันการหลอกลวงเข้าไปในแผนป้องกันไวรัสทั้งหมด โดยฟีเจอร์นี้สามารถตรวจจับ ข้อความ, อีเมล และวิดีโอที่เป็นภัย ได้แบบเรียลไทม์ Scam Detector อ้างว่ามี ความแม่นยำ 99% ในการตรวจจับภัยคุกคามจากข้อความ และสามารถตรวจจับ deepfake บน YouTube และ TikTok ได้ 96% อย่างไรก็ตาม McAfee Scam Detector ต้องสมัครสมาชิก เพื่อใช้งาน ซึ่งแตกต่างจากเครื่องมือฟรี เช่น Bitdefender Scamio ที่สามารถตรวจสอบลิงก์, ข้อความ และ QR codes ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย Google ก็มีระบบตรวจจับการหลอกลวงด้วย AI แต่ยังอยู่ใน เวอร์ชันเบต้าสำหรับ Pixel phones เท่านั้น ✅ ข้อมูลจากข่าว - McAfee รวม Scam Detector เข้าไปในแผนป้องกันไวรัสทั้งหมด - สามารถตรวจจับข้อความ, อีเมล และวิดีโอที่เป็นภัยได้แบบเรียลไทม์ - มีความแม่นยำ 99% ในการตรวจจับภัยคุกคามจากข้อความ - สามารถตรวจจับ deepfake บน YouTube และ TikTok ได้ 96% - รองรับ WhatsApp, Messenger, Gmail และ Android SMS ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ต้องสมัครสมาชิก McAfee เพื่อใช้งาน Scam Detector - Bitdefender Scamio เป็นเครื่องมือฟรีที่สามารถตรวจสอบลิงก์และข้อความได้ - Google มีระบบตรวจจับการหลอกลวงด้วย AI แต่ยังอยู่ในเวอร์ชันเบต้าสำหรับ Pixel phones - Norton Genie Scam Protection ก็ต้องสมัครสมาชิกเพื่อใช้งานเต็มรูปแบบ 🔎 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมความปลอดภัยไซเบอร์ McAfee Scam Detector อาจช่วยให้ผู้ใช้มีเครื่องมือป้องกันภัยคุกคามที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่การที่ต้องสมัครสมาชิกอาจทำให้ผู้ใช้เลือกใช้ เครื่องมือฟรีที่มีฟีเจอร์ใกล้เคียงกัน แทน https://www.techradar.com/pro/mcafee-is-now-bundling-its-scam-detector-with-all-its-antivirus-plans-here-are-others-that-are-actually-totally-free
    WWW.TECHRADAR.COM
    Don’t get scammed! McAfee’s new AI tool sounds great, but you will need to pay for it
    McAfee Scam Detector tool is price-locked - here are some other options
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลุงรออยู่พอดี รีบๆ ออกมาขายนะ !!

    🔥 AMD Ryzen 9000G APUs: สัญญาณการเปิดตัวที่ใกล้เข้ามา
    Gigabyte ได้อัปเดต หน้าความเข้ากันได้ของหน่วยความจำสำหรับเมนบอร์ด B650 โดยเปลี่ยนจาก Ryzen 9000 series เป็น Ryzen 9000G series ซึ่งเป็นสัญญาณว่า AMD อาจเตรียมเปิดตัว Ryzen 9000G APUs อย่างเป็นทางการในไตรมาสที่ 4 ปี 2025

    Ryzen 9000G APUs คาดว่าจะใช้ Zen 5 CPU cores และ RDNA 3.5 iGPU ซึ่งแตกต่างจาก Ryzen 9000 รุ่นปกติที่มี iGPU เพียงเพื่อการแสดงผลพื้นฐาน

    นอกจากนี้ มีข่าวลือว่า Ryzen 9000G อาจมาพร้อมกับ Radeon 890M ซึ่งเป็น iGPU ที่ใช้ใน Windows gaming handhelds หลายรุ่น ทำให้สามารถเล่นเกม e-sports และเกมที่ใช้ทรัพยากรต่ำได้

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Gigabyte อัปเดตข้อมูลเมนบอร์ด B650 โดยเพิ่ม Ryzen 9000G series
    - Ryzen 9000G คาดว่าจะใช้ Zen 5 CPU cores และ RDNA 3.5 iGPU
    - iGPU ใน Ryzen 9000G อาจรองรับการเล่นเกม e-sports และเกมเบา ๆ
    - AMD อาจเปิดตัว Ryzen 9000G ในไตรมาสที่ 4 ปี 2025
    - Radeon 890M อาจเป็น iGPU ที่ใช้ใน Ryzen 9000G

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ยังไม่มีการยืนยันจาก AMD เกี่ยวกับสเปกของ Ryzen 9000G
    - การเปลี่ยนแปลงข้อมูลของ Gigabyte อาจเป็นเพียงการเตรียมความพร้อม ไม่ใช่การยืนยันการเปิดตัว
    - Ryzen 9000G อาจมีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับ CPU ที่ใช้ GPU แยก
    - ต้องรอติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับราคาและวันวางจำหน่าย

    🚀 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    หาก AMD เปิดตัว Ryzen 9000G พร้อม iGPU ที่มีประสิทธิภาพสูง อาจช่วยให้ตลาด APUs สำหรับเกมเมอร์และผู้ใช้ทั่วไป มีตัวเลือกที่น่าสนใจมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูว่าประสิทธิภาพของ RDNA 3.5 iGPU จะสามารถแข่งขันกับ GPU แยกได้หรือไม่

    AMD กำลังเตรียมขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ของตน และ Ryzen 9000G อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการ APU ที่สามารถเล่นเกมได้โดยไม่ต้องใช้ GPU แยก

    https://www.techpowerup.com/337466/amd-ryzen-9000g-apus-appear-in-gigabyte-am5-motherboard-leak
    ลุงรออยู่พอดี รีบๆ ออกมาขายนะ !! 🔥 AMD Ryzen 9000G APUs: สัญญาณการเปิดตัวที่ใกล้เข้ามา Gigabyte ได้อัปเดต หน้าความเข้ากันได้ของหน่วยความจำสำหรับเมนบอร์ด B650 โดยเปลี่ยนจาก Ryzen 9000 series เป็น Ryzen 9000G series ซึ่งเป็นสัญญาณว่า AMD อาจเตรียมเปิดตัว Ryzen 9000G APUs อย่างเป็นทางการในไตรมาสที่ 4 ปี 2025 Ryzen 9000G APUs คาดว่าจะใช้ Zen 5 CPU cores และ RDNA 3.5 iGPU ซึ่งแตกต่างจาก Ryzen 9000 รุ่นปกติที่มี iGPU เพียงเพื่อการแสดงผลพื้นฐาน นอกจากนี้ มีข่าวลือว่า Ryzen 9000G อาจมาพร้อมกับ Radeon 890M ซึ่งเป็น iGPU ที่ใช้ใน Windows gaming handhelds หลายรุ่น ทำให้สามารถเล่นเกม e-sports และเกมที่ใช้ทรัพยากรต่ำได้ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Gigabyte อัปเดตข้อมูลเมนบอร์ด B650 โดยเพิ่ม Ryzen 9000G series - Ryzen 9000G คาดว่าจะใช้ Zen 5 CPU cores และ RDNA 3.5 iGPU - iGPU ใน Ryzen 9000G อาจรองรับการเล่นเกม e-sports และเกมเบา ๆ - AMD อาจเปิดตัว Ryzen 9000G ในไตรมาสที่ 4 ปี 2025 - Radeon 890M อาจเป็น iGPU ที่ใช้ใน Ryzen 9000G ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ยังไม่มีการยืนยันจาก AMD เกี่ยวกับสเปกของ Ryzen 9000G - การเปลี่ยนแปลงข้อมูลของ Gigabyte อาจเป็นเพียงการเตรียมความพร้อม ไม่ใช่การยืนยันการเปิดตัว - Ryzen 9000G อาจมีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับ CPU ที่ใช้ GPU แยก - ต้องรอติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับราคาและวันวางจำหน่าย 🚀 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม หาก AMD เปิดตัว Ryzen 9000G พร้อม iGPU ที่มีประสิทธิภาพสูง อาจช่วยให้ตลาด APUs สำหรับเกมเมอร์และผู้ใช้ทั่วไป มีตัวเลือกที่น่าสนใจมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูว่าประสิทธิภาพของ RDNA 3.5 iGPU จะสามารถแข่งขันกับ GPU แยกได้หรือไม่ AMD กำลังเตรียมขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ของตน และ Ryzen 9000G อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการ APU ที่สามารถเล่นเกมได้โดยไม่ต้องใช้ GPU แยก https://www.techpowerup.com/337466/amd-ryzen-9000g-apus-appear-in-gigabyte-am5-motherboard-leak
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    AMD Ryzen 9000G APUs Appear in Gigabyte AM5 Motherboard Leak
    It seems as though an official international launch for the elusive AMD Ryzen 9000G APUs might still be on the cards for later this year, after all. While an announcement was expected at Computex 2025, along with a full-scale retail launch later this year, AMD was suspiciously quiet about its CPUs a...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 รีวิว
  • Meta ได้เปิดเผยว่า Meta AI ซึ่งเป็นผู้ช่วย AI เชิงสร้างสรรค์ของบริษัท มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือน โดย AI นี้ถูกฝังอยู่ในแอปต่าง ๆ ของ Meta เช่น Facebook, Instagram และ WhatsApp ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องค้นหาแยกต่างหาก

    Meta กำลังแข่งขันกับ Google, Microsoft และ OpenAI ในตลาด AI โดยเฉพาะหลังจากที่ Google เปิดตัว AI Overviews ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ให้สรุปผลการค้นหาแบบอัตโนมัติ และมีผู้ใช้มากกว่า 1.5 พันล้านคน

    นอกจากนี้ Meta ยังเปิดตัว แอป Meta AI แบบ standalone เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2025 เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึง AI ได้โดยตรง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Meta AI มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือน
    - AI ถูกฝังอยู่ในแอปของ Meta เช่น Facebook, Instagram และ WhatsApp
    - Meta เปิดตัวแอป Meta AI แบบ standalone เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2025
    - Google เปิดตัว AI Overviews ซึ่งมีผู้ใช้มากกว่า 1.5 พันล้านคน
    - Google Gemini AI มีผู้ใช้มากกว่า 400 ล้านคนต่อเดือน

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าผู้ใช้ Meta AI ใช้งานโดยตั้งใจหรือเป็นการใช้งานแบบอัตโนมัติ
    - การแข่งขันในตลาด AI กำลังรุนแรงขึ้น โดย Meta ต้องแข่งกับ Google, Microsoft และ OpenAI
    - AI ยังมีความท้าทายด้านการป้องกันข้อมูลผิดพลาดและโมเดลธุรกิจ
    - ต้องรอติดตามว่า Meta AI จะสามารถเป็นผู้นำในตลาด AI ส่วนบุคคลได้หรือไม่

    Meta กำลังผลักดัน Meta AI ให้เป็นผู้ช่วย AI ส่วนบุคคลที่มีผู้ใช้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาดนี้ยังคงเข้มข้น และต้องจับตาดูว่า Meta จะสามารถรักษาความเป็นผู้นำได้หรือไม่

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/29/zuckerberg-meta-ai-bot-used-a-billion-times-monthly
    Meta ได้เปิดเผยว่า Meta AI ซึ่งเป็นผู้ช่วย AI เชิงสร้างสรรค์ของบริษัท มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือน โดย AI นี้ถูกฝังอยู่ในแอปต่าง ๆ ของ Meta เช่น Facebook, Instagram และ WhatsApp ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องค้นหาแยกต่างหาก Meta กำลังแข่งขันกับ Google, Microsoft และ OpenAI ในตลาด AI โดยเฉพาะหลังจากที่ Google เปิดตัว AI Overviews ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ให้สรุปผลการค้นหาแบบอัตโนมัติ และมีผู้ใช้มากกว่า 1.5 พันล้านคน นอกจากนี้ Meta ยังเปิดตัว แอป Meta AI แบบ standalone เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2025 เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึง AI ได้โดยตรง ✅ ข้อมูลจากข่าว - Meta AI มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือน - AI ถูกฝังอยู่ในแอปของ Meta เช่น Facebook, Instagram และ WhatsApp - Meta เปิดตัวแอป Meta AI แบบ standalone เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2025 - Google เปิดตัว AI Overviews ซึ่งมีผู้ใช้มากกว่า 1.5 พันล้านคน - Google Gemini AI มีผู้ใช้มากกว่า 400 ล้านคนต่อเดือน ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าผู้ใช้ Meta AI ใช้งานโดยตั้งใจหรือเป็นการใช้งานแบบอัตโนมัติ - การแข่งขันในตลาด AI กำลังรุนแรงขึ้น โดย Meta ต้องแข่งกับ Google, Microsoft และ OpenAI - AI ยังมีความท้าทายด้านการป้องกันข้อมูลผิดพลาดและโมเดลธุรกิจ - ต้องรอติดตามว่า Meta AI จะสามารถเป็นผู้นำในตลาด AI ส่วนบุคคลได้หรือไม่ Meta กำลังผลักดัน Meta AI ให้เป็นผู้ช่วย AI ส่วนบุคคลที่มีผู้ใช้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาดนี้ยังคงเข้มข้น และต้องจับตาดูว่า Meta จะสามารถรักษาความเป็นผู้นำได้หรือไม่ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/29/zuckerberg-meta-ai-bot-used-a-billion-times-monthly
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Zuckerberg: Meta AI bot used a billion times monthly
    Meta chief Mark Zuckerberg touted the tech firm's generative artificial intelligence (Gen AI) assistant on May 28, telling shareholders it is used by a billion people each month across its platforms.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • Good morning Friday 🩵🥰
    Hope you have a happy day 👍💯🤩
    Good morning Friday 🩵🥰 Hope you have a happy day 👍💯🤩
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple กำลังวางแผน เปลี่ยนรูปแบบการตั้งชื่อระบบปฏิบัติการ โดยแทนที่จะใช้เลขเวอร์ชันแบบเดิม เช่น iOS 19 บริษัทอาจเปลี่ยนไปใช้ iOS 26 เพื่อให้สอดคล้องกับปีที่เปิดตัว ซึ่งจะมีผลกับ iPadOS, macOS, watchOS, tvOS และ visionOS

    Apple ไม่ใช่บริษัทแรกที่เปลี่ยนรูปแบบการตั้งชื่อซอฟต์แวร์ Samsung เคยเปลี่ยนจาก Galaxy S10 เป็น Galaxy S20 และ Microsoft ก็เคยทดลองใช้แนวทางนี้ก่อนจะกลับไปใช้เลขเวอร์ชันแบบเดิม

    นอกจากนี้ Apple ยังเตรียมเปิดตัว ดีไซน์ใหม่ที่เรียกว่า "Solarium" ซึ่งจะส่งผลต่อทุกแพลตฟอร์มของบริษัท รวมถึงการปรับปรุง Apple Intelligence และอาจมีแอปเกมใหม่สำหรับ iPhone, iPad และ Mac

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Apple อาจเปลี่ยนรูปแบบการตั้งชื่อระบบปฏิบัติการเป็น iOS 26, macOS 26, iPadOS 26, watchOS 26, tvOS 26 และ visionOS 26
    - การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อ ลดความสับสนและสร้างความเป็นเอกภาพในแบรนด์
    - Apple เตรียมเปิดตัว ดีไซน์ใหม่ "Solarium" ที่จะส่งผลต่อทุกแพลตฟอร์ม
    - อาจมีการเปิดตัว แอปเกมใหม่ สำหรับ iPhone, iPad และ Mac
    - Apple Intelligence อาจถูกเลื่อนเปิดตัวไปปี 2026

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การเปลี่ยนรูปแบบการตั้งชื่อ อาจทำให้ผู้ใช้สับสนในช่วงแรก
    - Apple Intelligence อาจเปิดตัวล่าช้ากว่าที่คาด ซึ่งอาจส่งผลต่อการพัฒนา AI ของบริษัท
    - การเปลี่ยนแปลงดีไซน์ครั้งใหญ่ อาจทำให้บางฟีเจอร์ถูกปรับเปลี่ยนหรือถูกตัดออก
    - ต้องรอติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมในงาน WWDC 2025 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 9 มิถุนายน 2025

    Apple กำลังเตรียมปรับโฉมครั้งใหญ่ให้กับระบบปฏิบัติการของตน ซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้งานและการรับรู้แบรนด์ในอนาคต อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้ยังต้องรอดูว่าผู้ใช้จะตอบรับอย่างไร

    https://www.techradar.com/computing/software/apple-might-be-about-to-make-a-major-change-to-how-it-names-its-operating-systems
    Apple กำลังวางแผน เปลี่ยนรูปแบบการตั้งชื่อระบบปฏิบัติการ โดยแทนที่จะใช้เลขเวอร์ชันแบบเดิม เช่น iOS 19 บริษัทอาจเปลี่ยนไปใช้ iOS 26 เพื่อให้สอดคล้องกับปีที่เปิดตัว ซึ่งจะมีผลกับ iPadOS, macOS, watchOS, tvOS และ visionOS Apple ไม่ใช่บริษัทแรกที่เปลี่ยนรูปแบบการตั้งชื่อซอฟต์แวร์ Samsung เคยเปลี่ยนจาก Galaxy S10 เป็น Galaxy S20 และ Microsoft ก็เคยทดลองใช้แนวทางนี้ก่อนจะกลับไปใช้เลขเวอร์ชันแบบเดิม นอกจากนี้ Apple ยังเตรียมเปิดตัว ดีไซน์ใหม่ที่เรียกว่า "Solarium" ซึ่งจะส่งผลต่อทุกแพลตฟอร์มของบริษัท รวมถึงการปรับปรุง Apple Intelligence และอาจมีแอปเกมใหม่สำหรับ iPhone, iPad และ Mac ✅ ข้อมูลจากข่าว - Apple อาจเปลี่ยนรูปแบบการตั้งชื่อระบบปฏิบัติการเป็น iOS 26, macOS 26, iPadOS 26, watchOS 26, tvOS 26 และ visionOS 26 - การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อ ลดความสับสนและสร้างความเป็นเอกภาพในแบรนด์ - Apple เตรียมเปิดตัว ดีไซน์ใหม่ "Solarium" ที่จะส่งผลต่อทุกแพลตฟอร์ม - อาจมีการเปิดตัว แอปเกมใหม่ สำหรับ iPhone, iPad และ Mac - Apple Intelligence อาจถูกเลื่อนเปิดตัวไปปี 2026 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การเปลี่ยนรูปแบบการตั้งชื่อ อาจทำให้ผู้ใช้สับสนในช่วงแรก - Apple Intelligence อาจเปิดตัวล่าช้ากว่าที่คาด ซึ่งอาจส่งผลต่อการพัฒนา AI ของบริษัท - การเปลี่ยนแปลงดีไซน์ครั้งใหญ่ อาจทำให้บางฟีเจอร์ถูกปรับเปลี่ยนหรือถูกตัดออก - ต้องรอติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมในงาน WWDC 2025 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 9 มิถุนายน 2025 Apple กำลังเตรียมปรับโฉมครั้งใหญ่ให้กับระบบปฏิบัติการของตน ซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้งานและการรับรู้แบรนด์ในอนาคต อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้ยังต้องรอดูว่าผู้ใช้จะตอบรับอย่างไร https://www.techradar.com/computing/software/apple-might-be-about-to-make-a-major-change-to-how-it-names-its-operating-systems
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft กำลังพัฒนา Windows Update orchestration platform ซึ่งจะช่วยให้การอัปเดตซอฟต์แวร์ทั้งหมด รวมถึงแอปพลิเคชันและไดรเวอร์ สามารถจัดการได้ผ่าน Windows Update โดยตรง แทนที่จะต้องใช้ตัวอัปเดตแยกต่างหากจากผู้พัฒนาแต่ละราย

    แนวคิดนี้อาจช่วยลดปัญหาการแจ้งเตือนที่ซ้ำซ้อนและการใช้ทรัพยากรระบบที่มากเกินไปจากตัวอัปเดตของแต่ละแอป นอกจากนี้ Microsoft ยังเน้นการอัปเดตที่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น เมื่ออุปกรณ์เชื่อมต่อ Wi-Fi และใช้พลังงานจากแหล่งจ่ายไฟ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Microsoft เปิดตัว Windows Update orchestration platform เพื่อรวมการอัปเดตทั้งหมด
    - นักพัฒนาสามารถลงทะเบียนเป็น update provider และใช้ WinRT APIs หรือ PowerShell cmdlets
    - ระบบจะตรวจสอบเวอร์ชันใหม่และติดตั้งเมื่ออุปกรณ์อยู่ในสถานะที่เหมาะสม
    - รองรับ MSIX/APPX packages และบางส่วนของ Win32 apps
    - แอปที่เข้าร่วมจะปรากฏใน Windows Update history และสามารถใช้ toast notifications

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - นักพัฒนาต้องปรับตัวให้เข้ากับแพลตฟอร์มใหม่ ซึ่งอาจต้องใช้เวลา
    - ผู้ใช้บางรายอาจกังวลเรื่อง ความเป็นส่วนตัว และการควบคุมการอัปเดต
    - การรวมทุกอย่างไว้ใน Windows Update อาจทำให้เกิดปัญหาหากระบบมีข้อผิดพลาด
    - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อ ธุรกิจของผู้พัฒนาแอปที่เคยใช้ตัวอัปเดตของตนเอง

    Microsoft หวังว่าการรวมระบบอัปเดตทั้งหมดไว้ใน Windows Update จะช่วยให้ผู้ใช้และองค์กรสามารถจัดการซอฟต์แวร์ได้ง่ายขึ้น แต่ก็ยังมีข้อกังวลที่ต้องติดตามต่อไป

    https://www.techspot.com/news/108088-windows-update-could-soon-handle-all-apps-drivers.html
    Microsoft กำลังพัฒนา Windows Update orchestration platform ซึ่งจะช่วยให้การอัปเดตซอฟต์แวร์ทั้งหมด รวมถึงแอปพลิเคชันและไดรเวอร์ สามารถจัดการได้ผ่าน Windows Update โดยตรง แทนที่จะต้องใช้ตัวอัปเดตแยกต่างหากจากผู้พัฒนาแต่ละราย แนวคิดนี้อาจช่วยลดปัญหาการแจ้งเตือนที่ซ้ำซ้อนและการใช้ทรัพยากรระบบที่มากเกินไปจากตัวอัปเดตของแต่ละแอป นอกจากนี้ Microsoft ยังเน้นการอัปเดตที่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น เมื่ออุปกรณ์เชื่อมต่อ Wi-Fi และใช้พลังงานจากแหล่งจ่ายไฟ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Microsoft เปิดตัว Windows Update orchestration platform เพื่อรวมการอัปเดตทั้งหมด - นักพัฒนาสามารถลงทะเบียนเป็น update provider และใช้ WinRT APIs หรือ PowerShell cmdlets - ระบบจะตรวจสอบเวอร์ชันใหม่และติดตั้งเมื่ออุปกรณ์อยู่ในสถานะที่เหมาะสม - รองรับ MSIX/APPX packages และบางส่วนของ Win32 apps - แอปที่เข้าร่วมจะปรากฏใน Windows Update history และสามารถใช้ toast notifications ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - นักพัฒนาต้องปรับตัวให้เข้ากับแพลตฟอร์มใหม่ ซึ่งอาจต้องใช้เวลา - ผู้ใช้บางรายอาจกังวลเรื่อง ความเป็นส่วนตัว และการควบคุมการอัปเดต - การรวมทุกอย่างไว้ใน Windows Update อาจทำให้เกิดปัญหาหากระบบมีข้อผิดพลาด - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อ ธุรกิจของผู้พัฒนาแอปที่เคยใช้ตัวอัปเดตของตนเอง Microsoft หวังว่าการรวมระบบอัปเดตทั้งหมดไว้ใน Windows Update จะช่วยให้ผู้ใช้และองค์กรสามารถจัดการซอฟต์แวร์ได้ง่ายขึ้น แต่ก็ยังมีข้อกังวลที่ต้องติดตามต่อไป https://www.techspot.com/news/108088-windows-update-could-soon-handle-all-apps-drivers.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Windows Update could soon handle all apps and drivers, not just the OS
    Angie Chen, a product manager at Microsoft, writes that the updates across the Windows ecosystem can feel like a fragmented experience, which has led to Microsoft developing...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับการจับมือกันระหว่าง Telegram และ xAI ของ Elon Musk เพื่อกระจายการใช้งาน Grok ในแพลตฟอร์มแชทที่มีผู้ใช้กว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก นับเป็นดีลที่อาจส่งผลต่อวงการ AI อย่างมีนัยสำคัญ

    Grok เป็น AI แชตบอทที่พัฒนาโดย xAI มีแนวทางที่แตกต่างจากคู่แข่งอย่าง ChatGPT หรือ Gemini โดย Grok มีแนวโน้มจะเน้นการตอบกลับแบบไม่เหมือนใครและเน้นการเสียดสีและความขบขัน

    การขยายฐานผู้ใช้ผ่าน Telegram อาจช่วยให้ xAI ได้ข้อมูลการโต้ตอบจากผู้ใช้จำนวนมาก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาโมเดล AI และอาจเป็นแนวทางเดียวกับที่ Meta ใช้ข้อมูลสาธารณะจากผู้ใช้เพื่อฝึก AI ของตน


    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - xAI จ่ายเงิน 300 ล้านเหรียญ ให้ Telegram เพื่อเปิดตัว Grok ในแพลตฟอร์ม
    - ดีลนี้มีอายุ 1 ปี และ Telegram จะได้รับ ครึ่งหนึ่งของรายได้จากการสมัครสมาชิกผ่านแอป
    - Elon Musk กล่าวว่า ยังไม่มีการลงนามในข้อตกลงอย่างเป็นทางการ แต่ Durov ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายตกลงกันในหลักการแล้ว
    - xAI หวังใช้ข้อมูลที่ Telegram อาจให้มาเพื่อพัฒนาโมเดล AI ของตน

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ใช้อาจเป็นประเด็นสำคัญ เนื่องจาก X มีนโยบายการใช้โพสต์สาธารณะเพื่อฝึก AI แต่ยังไม่ชัดเจนว่า xAI จะใช้ข้อมูลจาก Telegram ในลักษณะเดียวกันหรือไม่
    - นักลงทุนที่สนใจ AI ของ Musk ควรติดตามรายละเอียดดีลนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังไม่มีสัญญาอย่างเป็นทางการ
    - การแข่งขันในตลาด AI กำลังดุเดือด บริษัทต่างๆ เช่น OpenAI, Google, และ Meta ต่างเร่งพัฒนา AI ของตน การที่ xAI เข้าสู่ Telegram อาจเป็นความท้าทายทั้งด้านเทคนิคและธุรกิจ

    นี่เป็นก้าวสำคัญของ xAI และ Telegram ในการนำ AI สู่แพลตฟอร์มแชทขนาดใหญ่ ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวทางการใช้ AI ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ข้อมูลและผลกระทบต่อผู้ใช้อาจต้องได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/28/telegram-musk039s-xai-partner-to-distribute-grok-to-messaging-app039s-users
    ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับการจับมือกันระหว่าง Telegram และ xAI ของ Elon Musk เพื่อกระจายการใช้งาน Grok ในแพลตฟอร์มแชทที่มีผู้ใช้กว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก นับเป็นดีลที่อาจส่งผลต่อวงการ AI อย่างมีนัยสำคัญ Grok เป็น AI แชตบอทที่พัฒนาโดย xAI มีแนวทางที่แตกต่างจากคู่แข่งอย่าง ChatGPT หรือ Gemini โดย Grok มีแนวโน้มจะเน้นการตอบกลับแบบไม่เหมือนใครและเน้นการเสียดสีและความขบขัน การขยายฐานผู้ใช้ผ่าน Telegram อาจช่วยให้ xAI ได้ข้อมูลการโต้ตอบจากผู้ใช้จำนวนมาก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาโมเดล AI และอาจเป็นแนวทางเดียวกับที่ Meta ใช้ข้อมูลสาธารณะจากผู้ใช้เพื่อฝึก AI ของตน ✅ ข้อมูลจากข่าว - xAI จ่ายเงิน 300 ล้านเหรียญ ให้ Telegram เพื่อเปิดตัว Grok ในแพลตฟอร์ม - ดีลนี้มีอายุ 1 ปี และ Telegram จะได้รับ ครึ่งหนึ่งของรายได้จากการสมัครสมาชิกผ่านแอป - Elon Musk กล่าวว่า ยังไม่มีการลงนามในข้อตกลงอย่างเป็นทางการ แต่ Durov ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายตกลงกันในหลักการแล้ว - xAI หวังใช้ข้อมูลที่ Telegram อาจให้มาเพื่อพัฒนาโมเดล AI ของตน ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ใช้อาจเป็นประเด็นสำคัญ เนื่องจาก X มีนโยบายการใช้โพสต์สาธารณะเพื่อฝึก AI แต่ยังไม่ชัดเจนว่า xAI จะใช้ข้อมูลจาก Telegram ในลักษณะเดียวกันหรือไม่ - นักลงทุนที่สนใจ AI ของ Musk ควรติดตามรายละเอียดดีลนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังไม่มีสัญญาอย่างเป็นทางการ - การแข่งขันในตลาด AI กำลังดุเดือด บริษัทต่างๆ เช่น OpenAI, Google, และ Meta ต่างเร่งพัฒนา AI ของตน การที่ xAI เข้าสู่ Telegram อาจเป็นความท้าทายทั้งด้านเทคนิคและธุรกิจ นี่เป็นก้าวสำคัญของ xAI และ Telegram ในการนำ AI สู่แพลตฟอร์มแชทขนาดใหญ่ ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวทางการใช้ AI ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ข้อมูลและผลกระทบต่อผู้ใช้อาจต้องได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/28/telegram-musk039s-xai-partner-to-distribute-grok-to-messaging-app039s-users
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Telegram, Musk-owned xAI partner to distribute Grok to messaging app's users
    (Reuters) -Elon Musk's AI startup xAI will pay Telegram $300 million to deploy its Grok chatbot on the messaging app, aiming to tap the platform's more than one billion users and sharpen its competitive edge in the booming artificial intelligence market.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • Good morning Thursday 🧡🥰
    Hope you have a happy day 👍💯🤩
    Good morning Thursday 🧡🥰 Hope you have a happy day 👍💯🤩
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • (ป้อม & แอน) เฮียป้อมอาหารตามสั่ง
    อร่อยมากๆๆๆ ย่านถนนมหาพฤฒาราม
    https://maps.app.goo.gl/7xuAUQZL37UjSiAa8
    (ป้อม & แอน) เฮียป้อมอาหารตามสั่ง อร่อยมากๆๆๆ ย่านถนนมหาพฤฒาราม https://maps.app.goo.gl/7xuAUQZL37UjSiAa8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • หมอศิริราช นิยมไปกินข้าวแกงร้านไหน?
    เฉลย ร้านเพื่อนไทย (ร้านป้าณี)
    https://maps.app.goo.gl/oQwPwwx6S3Y4RaTC9
    ให้ GPS นำทางไปถึงหน้าร้านได้ นะคะ
    หมอศิริราช นิยมไปกินข้าวแกงร้านไหน? เฉลย ร้านเพื่อนไทย (ร้านป้าณี) https://maps.app.goo.gl/oQwPwwx6S3Y4RaTC9 ให้ GPS นำทางไปถึงหน้าร้านได้ นะคะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • Xiaomi เตรียมขยายการใช้ชิปเซ็ต XRING 01 ไปยังสมาร์ทโฟนระดับกลาง พร้อมพัฒนาโมเด็ม 5G ของตนเอง

    Xiaomi กำลังวางแผนขยายการใช้ชิปเซ็ต XRING 01 ไปยังสมาร์ทโฟนระดับกลาง หลังจากเปิดตัวใน Xiaomi 15S Pro และ Pad 7 Ultra ซึ่งเป็นอุปกรณ์ระดับเรือธง โดยบริษัท ต้องการเดินตามแนวทางของ Apple ในการพัฒนาโมเด็ม 5G ของตนเอง แต่ยังไม่มีกรอบเวลาที่แน่นอนสำหรับการเปิดตัว

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับแผนของ Xiaomi
    ✅ XRING 01 เป็นชิปเซ็ต 3nm ตัวแรกที่ผลิตโดยบริษัทจีน
    - แสดงให้เห็นว่า Xiaomi กำลังแข่งขันกับ Qualcomm, MediaTek และ Apple

    ✅ ปัจจุบัน XRING 01 ถูกใช้ในอุปกรณ์ระดับเรือธงเท่านั้น
    - Xiaomi มีแผนขยายไปยังสมาร์ทโฟนระดับกลางในอนาคต

    ✅ Xiaomi ต้องการพัฒนาโมเด็ม 5G ของตนเอง เช่นเดียวกับ Apple C1
    - แต่ยังไม่มี กรอบเวลาที่แน่นอนสำหรับการเปิดตัว

    ✅ บริษัทให้เวลา 5-10 ปีในการสร้างโมเดลทางการเงินที่เหมาะสมสำหรับชิปเซ็ตของตนเอง
    - แสดงให้เห็นว่า Xiaomi มองการพัฒนาเทคโนโลยีนี้เป็นแผนระยะยาว

    ✅ Xiaomi อาจใช้เทคโนโลยี XRING 01 ในสมาร์ทโฟนระดับกลางเมื่อมีรุ่นใหม่ออกมา
    - อาจช่วยให้ สมาร์ทโฟนราคาประหยัดมีประสิทธิภาพสูงขึ้น

    https://wccftech.com/xiaomi-to-bring-in-house-chipsets-to-non-flagship-phones-and-a-custom-5g-solution/
    Xiaomi เตรียมขยายการใช้ชิปเซ็ต XRING 01 ไปยังสมาร์ทโฟนระดับกลาง พร้อมพัฒนาโมเด็ม 5G ของตนเอง Xiaomi กำลังวางแผนขยายการใช้ชิปเซ็ต XRING 01 ไปยังสมาร์ทโฟนระดับกลาง หลังจากเปิดตัวใน Xiaomi 15S Pro และ Pad 7 Ultra ซึ่งเป็นอุปกรณ์ระดับเรือธง โดยบริษัท ต้องการเดินตามแนวทางของ Apple ในการพัฒนาโมเด็ม 5G ของตนเอง แต่ยังไม่มีกรอบเวลาที่แน่นอนสำหรับการเปิดตัว 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับแผนของ Xiaomi ✅ XRING 01 เป็นชิปเซ็ต 3nm ตัวแรกที่ผลิตโดยบริษัทจีน - แสดงให้เห็นว่า Xiaomi กำลังแข่งขันกับ Qualcomm, MediaTek และ Apple ✅ ปัจจุบัน XRING 01 ถูกใช้ในอุปกรณ์ระดับเรือธงเท่านั้น - Xiaomi มีแผนขยายไปยังสมาร์ทโฟนระดับกลางในอนาคต ✅ Xiaomi ต้องการพัฒนาโมเด็ม 5G ของตนเอง เช่นเดียวกับ Apple C1 - แต่ยังไม่มี กรอบเวลาที่แน่นอนสำหรับการเปิดตัว ✅ บริษัทให้เวลา 5-10 ปีในการสร้างโมเดลทางการเงินที่เหมาะสมสำหรับชิปเซ็ตของตนเอง - แสดงให้เห็นว่า Xiaomi มองการพัฒนาเทคโนโลยีนี้เป็นแผนระยะยาว ✅ Xiaomi อาจใช้เทคโนโลยี XRING 01 ในสมาร์ทโฟนระดับกลางเมื่อมีรุ่นใหม่ออกมา - อาจช่วยให้ สมาร์ทโฟนราคาประหยัดมีประสิทธิภาพสูงขึ้น https://wccftech.com/xiaomi-to-bring-in-house-chipsets-to-non-flagship-phones-and-a-custom-5g-solution/
    WCCFTECH.COM
    Xiaomi Will Eventually Branch Out Its Custom Chipsets For Non-Flagship Smartphones, And Intends To Go Down Apple’s Path By Launching A 5G Solution
    The XRING 01 means that Xiaomi will introduce custom SoCs for mid-range smartphones, along with introducing a 5G silicon
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้เชี่ยวชาญเตือน! แผนของ EU ที่ต้องการลดความปลอดภัยของการเข้ารหัสอาจส่งผลกระทบร้ายแรง

    กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ออกจดหมายเปิดผนึกถึงคณะกรรมาธิการยุโรป เพื่อเรียกร้องให้ ทบทวนแผน ProtectEU ที่ต้องการสร้างช่องโหว่ในระบบเข้ารหัส โดยพวกเขาเตือนว่า การลดความปลอดภัยของการเข้ารหัสจะทำให้บุคคลและองค์กรเสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์มากขึ้น

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับแผน ProtectEU
    ✅ ProtectEU เป็นแผนของ EU ที่ต้องการสร้างช่องทางให้หน่วยงานรัฐสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เข้ารหัสได้
    - มีเป้าหมายเพื่อ ช่วยให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายสามารถตรวจสอบการสื่อสารที่เป็นภัยคุกคาม

    ✅ ผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรด้านความปลอดภัยไซเบอร์และผู้ให้บริการ VPN คัดค้านแผนนี้
    - รวมถึง Proton, Surfshark, Tuta Mail, Mozilla และ Element

    ✅ การเข้ารหัสเป็นเครื่องมือสำคัญในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและความปลอดภัยทางไซเบอร์
    - ใช้ใน บริการเช่น Signal, WhatsApp และ Proton Mail

    ✅ แม้ว่า FBI และ CISA ในสหรัฐฯ จะสนับสนุนการใช้การเข้ารหัสเพื่อป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ แต่ EU กลับต้องการลดความปลอดภัยของมัน
    - ขัดแย้งกับ แนวทางที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้

    ✅ ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปเคยตัดสินว่าการทำลายการเข้ารหัสเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
    - เป็นอุปสรรคสำคัญต่อ ความพยายามของ EU ในการผลักดันแผนนี้

    https://www.techradar.com/computing/cyber-security/experts-deeply-concerned-by-the-eu-plan-to-weaken-encryption
    ผู้เชี่ยวชาญเตือน! แผนของ EU ที่ต้องการลดความปลอดภัยของการเข้ารหัสอาจส่งผลกระทบร้ายแรง กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ออกจดหมายเปิดผนึกถึงคณะกรรมาธิการยุโรป เพื่อเรียกร้องให้ ทบทวนแผน ProtectEU ที่ต้องการสร้างช่องโหว่ในระบบเข้ารหัส โดยพวกเขาเตือนว่า การลดความปลอดภัยของการเข้ารหัสจะทำให้บุคคลและองค์กรเสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์มากขึ้น 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับแผน ProtectEU ✅ ProtectEU เป็นแผนของ EU ที่ต้องการสร้างช่องทางให้หน่วยงานรัฐสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เข้ารหัสได้ - มีเป้าหมายเพื่อ ช่วยให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายสามารถตรวจสอบการสื่อสารที่เป็นภัยคุกคาม ✅ ผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรด้านความปลอดภัยไซเบอร์และผู้ให้บริการ VPN คัดค้านแผนนี้ - รวมถึง Proton, Surfshark, Tuta Mail, Mozilla และ Element ✅ การเข้ารหัสเป็นเครื่องมือสำคัญในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและความปลอดภัยทางไซเบอร์ - ใช้ใน บริการเช่น Signal, WhatsApp และ Proton Mail ✅ แม้ว่า FBI และ CISA ในสหรัฐฯ จะสนับสนุนการใช้การเข้ารหัสเพื่อป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ แต่ EU กลับต้องการลดความปลอดภัยของมัน - ขัดแย้งกับ แนวทางที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ✅ ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปเคยตัดสินว่าการทำลายการเข้ารหัสเป็นสิ่งผิดกฎหมาย - เป็นอุปสรรคสำคัญต่อ ความพยายามของ EU ในการผลักดันแผนนี้ https://www.techradar.com/computing/cyber-security/experts-deeply-concerned-by-the-eu-plan-to-weaken-encryption
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอปโกงด้วย AI กำลังแพร่หลาย – ควรหยุดถกเถียงเรื่องจริยธรรมหรือไม่?

    บทความนี้กล่าวถึง การใช้ AI เพื่อโกงในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น การสัมภาษณ์งาน, การสอบ และการขายสินค้า โดยมีกรณีของ นักศึกษามหาวิทยาลัยโคลัมเบียที่ถูกพักการเรียนหลังจากพัฒนาแอปโกงด้วย AI ซึ่งสามารถ ช่วยให้ผู้ใช้โกงข้อสอบและการสัมภาษณ์งานผ่านหน้าต่างลับในเบราว์เซอร์

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับแอปโกงด้วย AI
    ✅ นักศึกษามหาวิทยาลัยโคลัมเบียถูกพักการเรียนหลังจากพัฒนาแอปโกงด้วย AI
    - แอปนี้ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถโกงข้อสอบ, การสัมภาษณ์งาน และการขายสินค้า

    ✅ แอปใช้หน้าต่างลับในเบราว์เซอร์ที่ผู้สัมภาษณ์หรือผู้คุมสอบมองไม่เห็น
    - ทำให้ สามารถใช้ AI ตอบคำถามแบบเรียลไทม์โดยไม่มีใครจับได้

    ✅ นักศึกษารายนี้สามารถระดมทุนได้กว่า 5.3 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุน
    - แม้ว่าแอปจะมีข้อบกพร่อง แต่แนวคิดของ "Cheating as a Service" กำลังได้รับความสนใจ

    ✅ การใช้เทคโนโลยีเพื่อโกงไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ AI ทำให้การโกงง่ายขึ้นและแพร่หลายมากขึ้น
    - เช่นเดียวกับ การใช้หนังสือเปิดในข้อสอบที่อาจนำไปสู่การโกงในรูปแบบอื่น ๆ

    ✅ ผลสำรวจพบว่า 90% ของนักศึกษามหาวิทยาลัยใช้ AI ช่วยทำการบ้านตั้งแต่ปี 2023
    - แสดงให้เห็นว่า AI กำลังกลายเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้ในการศึกษา

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/27/opinion-ai-cheating-apps-are-already-here---lets-not-argue-about-ethics
    แอปโกงด้วย AI กำลังแพร่หลาย – ควรหยุดถกเถียงเรื่องจริยธรรมหรือไม่? บทความนี้กล่าวถึง การใช้ AI เพื่อโกงในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น การสัมภาษณ์งาน, การสอบ และการขายสินค้า โดยมีกรณีของ นักศึกษามหาวิทยาลัยโคลัมเบียที่ถูกพักการเรียนหลังจากพัฒนาแอปโกงด้วย AI ซึ่งสามารถ ช่วยให้ผู้ใช้โกงข้อสอบและการสัมภาษณ์งานผ่านหน้าต่างลับในเบราว์เซอร์ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับแอปโกงด้วย AI ✅ นักศึกษามหาวิทยาลัยโคลัมเบียถูกพักการเรียนหลังจากพัฒนาแอปโกงด้วย AI - แอปนี้ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถโกงข้อสอบ, การสัมภาษณ์งาน และการขายสินค้า ✅ แอปใช้หน้าต่างลับในเบราว์เซอร์ที่ผู้สัมภาษณ์หรือผู้คุมสอบมองไม่เห็น - ทำให้ สามารถใช้ AI ตอบคำถามแบบเรียลไทม์โดยไม่มีใครจับได้ ✅ นักศึกษารายนี้สามารถระดมทุนได้กว่า 5.3 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุน - แม้ว่าแอปจะมีข้อบกพร่อง แต่แนวคิดของ "Cheating as a Service" กำลังได้รับความสนใจ ✅ การใช้เทคโนโลยีเพื่อโกงไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ AI ทำให้การโกงง่ายขึ้นและแพร่หลายมากขึ้น - เช่นเดียวกับ การใช้หนังสือเปิดในข้อสอบที่อาจนำไปสู่การโกงในรูปแบบอื่น ๆ ✅ ผลสำรวจพบว่า 90% ของนักศึกษามหาวิทยาลัยใช้ AI ช่วยทำการบ้านตั้งแต่ปี 2023 - แสดงให้เห็นว่า AI กำลังกลายเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้ในการศึกษา https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/27/opinion-ai-cheating-apps-are-already-here---lets-not-argue-about-ethics
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • CISOs ควรเตรียมรับมือกับการโจมตีของ Scattered Spider

    Scattered Spider เป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อเสียงด้านการโจมตีองค์กรขนาดใหญ่ โดยล่าสุด Marks & Spencer, Harrods และ Co-op ในสหราชอาณาจักรตกเป็นเป้าหมาย ซึ่งสร้างความเสียหายทางธุรกิจมหาศาล และคาดว่า กลุ่มนี้จะขยายการโจมตีไปยังสหรัฐฯ

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ Scattered Spider และแนวทางป้องกัน
    ✅ Scattered Spider เป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Social Engineering
    - ใช้ เทคนิคหลอกลวงพนักงานและฝ่ายสนับสนุนลูกค้าเพื่อเข้าถึงระบบ

    ✅ กลุ่มนี้ร่วมมือกับ DragonForce ซึ่งเป็นกลุ่ม Ransomware-as-a-Service
    - DragonForce อาจมีความเกี่ยวข้องกับหน่วยข่าวกรองรัสเซีย

    ✅ Scattered Spider เปลี่ยนกลยุทธ์จาก Phishing เป็น Social Engineering
    - ใช้ SIM Swapping และการปลอมตัวเป็นพนักงานเพื่อขอรีเซ็ตรหัสผ่าน

    ✅ CISOs ควรให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์
    - โดยเฉพาะ ฝ่ายสนับสนุนลูกค้าและพนักงานที่มีสิทธิ์เข้าถึงระบบ

    ✅ ควรมีระบบตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติของผู้ใช้ในเครือข่าย
    - เช่น การเข้าถึงข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ของพนักงาน

    ✅ หากถูกโจมตี ควรใช้การกู้คืนข้อมูลจาก Backup แทนการจ่ายค่าไถ่
    - การจ่ายค่าไถ่ ไม่รับประกันว่าข้อมูลจะไม่ถูกเผยแพร่

    https://www.csoonline.com/article/3994369/how-cisos-can-defend-against-scattered-spider-ransomware-attacks.html
    CISOs ควรเตรียมรับมือกับการโจมตีของ Scattered Spider Scattered Spider เป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อเสียงด้านการโจมตีองค์กรขนาดใหญ่ โดยล่าสุด Marks & Spencer, Harrods และ Co-op ในสหราชอาณาจักรตกเป็นเป้าหมาย ซึ่งสร้างความเสียหายทางธุรกิจมหาศาล และคาดว่า กลุ่มนี้จะขยายการโจมตีไปยังสหรัฐฯ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ Scattered Spider และแนวทางป้องกัน ✅ Scattered Spider เป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Social Engineering - ใช้ เทคนิคหลอกลวงพนักงานและฝ่ายสนับสนุนลูกค้าเพื่อเข้าถึงระบบ ✅ กลุ่มนี้ร่วมมือกับ DragonForce ซึ่งเป็นกลุ่ม Ransomware-as-a-Service - DragonForce อาจมีความเกี่ยวข้องกับหน่วยข่าวกรองรัสเซีย ✅ Scattered Spider เปลี่ยนกลยุทธ์จาก Phishing เป็น Social Engineering - ใช้ SIM Swapping และการปลอมตัวเป็นพนักงานเพื่อขอรีเซ็ตรหัสผ่าน ✅ CISOs ควรให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ - โดยเฉพาะ ฝ่ายสนับสนุนลูกค้าและพนักงานที่มีสิทธิ์เข้าถึงระบบ ✅ ควรมีระบบตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติของผู้ใช้ในเครือข่าย - เช่น การเข้าถึงข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ของพนักงาน ✅ หากถูกโจมตี ควรใช้การกู้คืนข้อมูลจาก Backup แทนการจ่ายค่าไถ่ - การจ่ายค่าไถ่ ไม่รับประกันว่าข้อมูลจะไม่ถูกเผยแพร่ https://www.csoonline.com/article/3994369/how-cisos-can-defend-against-scattered-spider-ransomware-attacks.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    How CISOs can defend against Scattered Spider ransomware attacks
    CISOs should fortify help desk and employee defenses, enhance intrusion detection and tracking capabilities, and recognize that paying ransoms is not a viable strategy.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • ร้านลับ...ในตรอกแคบๆ ตรงข้ามคลองถม
    ก๋วยจั๊บน้ำใสเจ๊เกียง ตรอกวัดพระพิเรนทร์ ขายมานานกว่า ๖๐ ปี
    https://maps.app.goo.gl/PmkNXpxYztH2K6ar6
    ร้านลับ...ในตรอกแคบๆ ตรงข้ามคลองถม ก๋วยจั๊บน้ำใสเจ๊เกียง ตรอกวัดพระพิเรนทร์ ขายมานานกว่า ๖๐ ปี https://maps.app.goo.gl/PmkNXpxYztH2K6ar6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌶️ข้าวราดแกงวราภรณ์
    บรรยากาศเป็นรถเข็นเล็กๆ ในตรอกแคบๆ..มืดๆ
    ในตรอกเฉลิมเขต4 ตรงข้ามวัดเทพศิรินทร์
    https://maps.app.goo.gl/q4U2gUe3VXCqjzy66
    จุดเด่น คือ ราคาถูก อร่อย น่ากินมาก (แถมน้ำซุปผักกาดดอง)
    🗓️ หยุดวันอาทิตย์
    🌶️ข้าวราดแกงวราภรณ์ บรรยากาศเป็นรถเข็นเล็กๆ ในตรอกแคบๆ..มืดๆ ในตรอกเฉลิมเขต4 ตรงข้ามวัดเทพศิรินทร์ https://maps.app.goo.gl/q4U2gUe3VXCqjzy66 จุดเด่น คือ ราคาถูก อร่อย น่ากินมาก (แถมน้ำซุปผักกาดดอง) 🗓️ หยุดวันอาทิตย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส้มตำเจ๊นวล (อร่อยในตำนาน) เจริญกรุง91
    เด็ด ที่ คอหมูย่าง(หอมกลิ่นรมควัน)+น้ำจิ้มแจ่ว ซุปหน่อไม้ ส้มตำ
    https://maps.app.goo.gl/HUAzUmmsnnAq3nAu6
    ส้มตำเจ๊นวล (อร่อยในตำนาน) เจริญกรุง91 เด็ด ที่ คอหมูย่าง(หอมกลิ่นรมควัน)+น้ำจิ้มแจ่ว ซุปหน่อไม้ ส้มตำ https://maps.app.goo.gl/HUAzUmmsnnAq3nAu6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผัดไทยรองแชมป์โลก..ย่ามณี ผัดไทย
    รสเด็ด ที่ ซ๊อสผัดไทย ปรุงรสจากน้ำตาลโตนด+น้ำมะขามเปียก
    https://maps.app.goo.gl/Ed4xMPjfn3pY88tD6
    เปิด 10:00-20:00 น. ปิดวันจันทร์
    ร้านอยู่เลยตลาดต้นสัก ฝั่งทางซ้ายมือก่อนถึง ซอยนนทบุรี 17
    ผัดไทยรองแชมป์โลก..ย่ามณี ผัดไทย รสเด็ด ที่ ซ๊อสผัดไทย ปรุงรสจากน้ำตาลโตนด+น้ำมะขามเปียก https://maps.app.goo.gl/Ed4xMPjfn3pY88tD6 เปิด 10:00-20:00 น. ปิดวันจันทร์ ร้านอยู่เลยตลาดต้นสัก ฝั่งทางซ้ายมือก่อนถึง ซอยนนทบุรี 17
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก๋วยเตี๋ยวแคะ ถนนคอนแวนต์(สีลม)
    อร่อยจริง..แบบคนที่หมดสิ้นทุกอย่างในชีวิต จะฆ่าตัวตาย
    เมื่อมากินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านนี้แล้ว..อยากจะมีชิวิต(ต่อ)
    แล้วมากินทุกวัน
    https://maps.app.goo.gl/nQHCrfGhvroW9E4k8
    เปิด 6.00-14.00 น.
    ก๋วยเตี๋ยวแคะ ถนนคอนแวนต์(สีลม) อร่อยจริง..แบบคนที่หมดสิ้นทุกอย่างในชีวิต จะฆ่าตัวตาย เมื่อมากินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านนี้แล้ว..อยากจะมีชิวิต(ต่อ) แล้วมากินทุกวัน https://maps.app.goo.gl/nQHCrfGhvroW9E4k8 เปิด 6.00-14.00 น.
    MAPS.APP.GOO.GL
    13°43'37.1"N 100°32'01.2"E
    ค้นหาธุรกิจในท้องถิ่น ดูแผนที่ และขอเส้นทางการขับขี่ได้ใน Google Maps
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายหมงหอยทอด (เชลล์ชวนชิม)
    การันตีด้วยมิชลินไกด์ 6 ปีซ้อน
    https://maps.app.goo.gl/Ct7FANv5NhanR7Bv5
    นายหมงหอยทอด (เชลล์ชวนชิม) การันตีด้วยมิชลินไกด์ 6 ปีซ้อน https://maps.app.goo.gl/Ct7FANv5NhanR7Bv5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts