• บทความจาก TechRadar รายงานเกี่ยวกับ NotebookLM ซึ่งเป็นเครื่องมือ AI ของ Google ที่สามารถ สรุปและวิเคราะห์เอกสารขนาดใหญ่ โดยผู้เขียนได้ทดลองใช้กับ งานวิจัยเกี่ยวกับ String Theory และพบว่า AI สามารถ สร้างพอดแคสต์ที่มีเนื้อหาลึกซึ้งและเข้าใจง่าย

    ✅ NotebookLM สามารถสรุปและวิเคราะห์เอกสารขนาดใหญ่
    - ผู้ใช้สามารถ อัปโหลดเอกสารและให้ AI สร้างสรุปหรือพอดแคสต์
    - AI สามารถ จัดทำแผนภาพแนวคิด (Mind Maps) เพื่อช่วยให้เข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น

    ✅ NotebookLM สามารถสร้างพอดแคสต์ที่อธิบายเนื้อหาทางวิทยาศาสตร์
    - AI สร้างพอดแคสต์ที่มี รูปแบบการสนทนา ทำให้เนื้อหาซับซ้อนเข้าใจง่ายขึ้น
    - ผู้ทดลองใช้พบว่า AI สามารถอธิบาย String Theory ได้อย่างมีโครงสร้าง

    ✅ AI ใช้เทคนิคการนำเสนอที่ช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น
    - ใช้ การเปรียบเทียบและการสรุปซ้ำ เพื่อช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจแนวคิดที่ซับซ้อน
    - มีการใช้ ตัวอย่างจากชีวิตประจำวัน เพื่อเชื่อมโยงกับแนวคิดทางฟิสิกส์

    ✅ NotebookLM สามารถรวมแหล่งข้อมูลหลายแหล่งเพื่อสร้างเนื้อหาที่สมบูรณ์ขึ้น
    - ผู้ใช้สามารถ เพิ่มเอกสารเพิ่มเติมเพื่อให้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่ง
    - AI สามารถ ปรับปรุงพอดแคสต์และแผนภาพแนวคิดตามข้อมูลใหม่

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/i-fed-notebooklm-a-218-page-research-paper-on-string-theory-and-the-podcast-results-were-mind-blowing
    บทความจาก TechRadar รายงานเกี่ยวกับ NotebookLM ซึ่งเป็นเครื่องมือ AI ของ Google ที่สามารถ สรุปและวิเคราะห์เอกสารขนาดใหญ่ โดยผู้เขียนได้ทดลองใช้กับ งานวิจัยเกี่ยวกับ String Theory และพบว่า AI สามารถ สร้างพอดแคสต์ที่มีเนื้อหาลึกซึ้งและเข้าใจง่าย ✅ NotebookLM สามารถสรุปและวิเคราะห์เอกสารขนาดใหญ่ - ผู้ใช้สามารถ อัปโหลดเอกสารและให้ AI สร้างสรุปหรือพอดแคสต์ - AI สามารถ จัดทำแผนภาพแนวคิด (Mind Maps) เพื่อช่วยให้เข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น ✅ NotebookLM สามารถสร้างพอดแคสต์ที่อธิบายเนื้อหาทางวิทยาศาสตร์ - AI สร้างพอดแคสต์ที่มี รูปแบบการสนทนา ทำให้เนื้อหาซับซ้อนเข้าใจง่ายขึ้น - ผู้ทดลองใช้พบว่า AI สามารถอธิบาย String Theory ได้อย่างมีโครงสร้าง ✅ AI ใช้เทคนิคการนำเสนอที่ช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น - ใช้ การเปรียบเทียบและการสรุปซ้ำ เพื่อช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจแนวคิดที่ซับซ้อน - มีการใช้ ตัวอย่างจากชีวิตประจำวัน เพื่อเชื่อมโยงกับแนวคิดทางฟิสิกส์ ✅ NotebookLM สามารถรวมแหล่งข้อมูลหลายแหล่งเพื่อสร้างเนื้อหาที่สมบูรณ์ขึ้น - ผู้ใช้สามารถ เพิ่มเอกสารเพิ่มเติมเพื่อให้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่ง - AI สามารถ ปรับปรุงพอดแคสต์และแผนภาพแนวคิดตามข้อมูลใหม่ https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/i-fed-notebooklm-a-218-page-research-paper-on-string-theory-and-the-podcast-results-were-mind-blowing
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพอากาศสหรัฐฯ (USAF) ได้ลงนามในสัญญามูลค่า 10.8 ล้านดอลลาร์ กับ PsiQuantum เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี Quantum Computing โดยความร่วมมือนี้จะช่วยให้ USAF สามารถเข้าถึง ชิปควอนตัมขั้นสูง และอุปกรณ์ที่ใช้ Barium Titanate Electro-Optic phase shifters ซึ่งเป็นวัสดุระดับโลกในการประมวลผลควอนตัม

    ✅ USAF ลงนามสัญญา 10.8 ล้านดอลลาร์กับ PsiQuantum
    - สัญญานี้เป็นการต่อยอดความร่วมมือที่เริ่มต้นในปี 2022
    - PsiQuantum จะออกแบบและจัดหาฮาร์ดแวร์ควอนตัมให้กับ USAF

    ✅ เทคโนโลยีที่ PsiQuantum นำเสนอ
    - ใช้ Photonic Quantum Computing ซึ่งแตกต่างจากแนวทางของ Microsoft ที่ใช้ Topological Qubits
    - ข้อดีของ Photon Qubits คือสามารถทำงานที่ อุณหภูมิห้อง และมีความเสถียรสูง

    ✅ เป้าหมายของโครงการ
    - PsiQuantum จะพัฒนา ชิปควอนตัม Omega ซึ่งมีองค์ประกอบครบถ้วนสำหรับการขยายไปถึง 1 ล้าน Qubits
    - USAF จะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในด้าน ความมั่นคงแห่งชาติ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านควอนตัม

    ✅ บทบาทของนักการเมืองในการสนับสนุนโครงการ
    - สัญญานี้เกิดขึ้นได้เพราะการสนับสนุนจาก Senator Chuck Schumer และ Representative Elise Stefanik
    - ทั้งสองคนมีบทบาทสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมควอนตัมในรัฐนิวยอร์ก

    ℹ️ ผลกระทบต่อการแข่งขันด้าน Quantum Computing
    - Microsoft กำลังพัฒนา Majorana 1 chip ซึ่งอาจเป็นคู่แข่งสำคัญของ PsiQuantum
    - ต้องติดตามว่า Photonic Quantum Computing จะสามารถแข่งขันกับเทคโนโลยีอื่นได้หรือไม่

    ℹ️ ความท้าทายในการขยายไปถึง 1 ล้าน Qubits
    - แม้ PsiQuantum จะมีแผนพัฒนา ชิป Omega แต่การขยายไปถึง 1 ล้าน Qubits ยังต้องใช้เวลาและทรัพยากรจำนวนมาก
    - ต้องจับตาว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดหรือไม่

    ℹ️ แนวโน้มของ Quantum Computing ในอนาคต
    - Quantum Computing อาจมีบทบาทสำคัญในด้าน การเข้ารหัสข้อมูล, การจำลองโมเลกุล และการพัฒนา AI
    - อาจมีการลงทุนเพิ่มเติมจากรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อเร่งการพัฒนาเทคโนโลยีนี้

    https://www.neowin.net/news/usaf-bolsters-quantum-advantage-with-108-million-
    psiquantum-contract/
    กองทัพอากาศสหรัฐฯ (USAF) ได้ลงนามในสัญญามูลค่า 10.8 ล้านดอลลาร์ กับ PsiQuantum เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี Quantum Computing โดยความร่วมมือนี้จะช่วยให้ USAF สามารถเข้าถึง ชิปควอนตัมขั้นสูง และอุปกรณ์ที่ใช้ Barium Titanate Electro-Optic phase shifters ซึ่งเป็นวัสดุระดับโลกในการประมวลผลควอนตัม ✅ USAF ลงนามสัญญา 10.8 ล้านดอลลาร์กับ PsiQuantum - สัญญานี้เป็นการต่อยอดความร่วมมือที่เริ่มต้นในปี 2022 - PsiQuantum จะออกแบบและจัดหาฮาร์ดแวร์ควอนตัมให้กับ USAF ✅ เทคโนโลยีที่ PsiQuantum นำเสนอ - ใช้ Photonic Quantum Computing ซึ่งแตกต่างจากแนวทางของ Microsoft ที่ใช้ Topological Qubits - ข้อดีของ Photon Qubits คือสามารถทำงานที่ อุณหภูมิห้อง และมีความเสถียรสูง ✅ เป้าหมายของโครงการ - PsiQuantum จะพัฒนา ชิปควอนตัม Omega ซึ่งมีองค์ประกอบครบถ้วนสำหรับการขยายไปถึง 1 ล้าน Qubits - USAF จะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในด้าน ความมั่นคงแห่งชาติ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านควอนตัม ✅ บทบาทของนักการเมืองในการสนับสนุนโครงการ - สัญญานี้เกิดขึ้นได้เพราะการสนับสนุนจาก Senator Chuck Schumer และ Representative Elise Stefanik - ทั้งสองคนมีบทบาทสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมควอนตัมในรัฐนิวยอร์ก ℹ️ ผลกระทบต่อการแข่งขันด้าน Quantum Computing - Microsoft กำลังพัฒนา Majorana 1 chip ซึ่งอาจเป็นคู่แข่งสำคัญของ PsiQuantum - ต้องติดตามว่า Photonic Quantum Computing จะสามารถแข่งขันกับเทคโนโลยีอื่นได้หรือไม่ ℹ️ ความท้าทายในการขยายไปถึง 1 ล้าน Qubits - แม้ PsiQuantum จะมีแผนพัฒนา ชิป Omega แต่การขยายไปถึง 1 ล้าน Qubits ยังต้องใช้เวลาและทรัพยากรจำนวนมาก - ต้องจับตาว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดหรือไม่ ℹ️ แนวโน้มของ Quantum Computing ในอนาคต - Quantum Computing อาจมีบทบาทสำคัญในด้าน การเข้ารหัสข้อมูล, การจำลองโมเลกุล และการพัฒนา AI - อาจมีการลงทุนเพิ่มเติมจากรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อเร่งการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ https://www.neowin.net/news/usaf-bolsters-quantum-advantage-with-108-million- psiquantum-contract/
    WWW.NEOWIN.NET
    USAF bolsters quantum advantage with $10.8 million PsiQuantum contract
    PsiQuantum has expanded its partnership with the Air Force Research Laboratory (AFRL) after being awarded a $10.8 million contract to provide the USAF with photonic quantum chips.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • Grok ซึ่งเป็นแชทบอท AI ของ xAI กำลังได้รับการอัปเกรดครั้งใหญ่ โดยเพิ่มฟีเจอร์ "Personalise with Memories" ซึ่งช่วยให้สามารถจดจำบทสนทนาและอ้างอิงข้อมูลจากการพูดคุยก่อนหน้าได้

    ✅ Grok เพิ่มระบบความจำสำหรับการสนทนา
    - ระบบความจำช่วยให้ Grok สามารถ อ้างอิงบทสนทนาเก่า เช่น การวางแผนท่องเที่ยวหรือการเขียนบทภาพยนตร์
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ Grok มีความสามารถใกล้เคียงกับ ChatGPT และ Google Gemini

    ✅ การควบคุมความจำของผู้ใช้
    - ผู้ใช้สามารถ จัดการข้อมูลที่ Grok จำได้ และลบความจำเฉพาะรายการหรือทั้งหมดได้
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยในการใช้งาน

    ✅ การพัฒนาอื่นๆ ที่กำลังจะมา
    - Grok 3.5 คาดว่าจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ และ Grok 4 จะเปิดตัวช่วงปลายปี
    - มีการพัฒนา โหมดเสียง ที่สามารถวิเคราะห์ภาพจากกล้องมือถือ
    - ฟีเจอร์ แก้ไขภาพ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถอัปโหลดรูปภาพและปรับแต่งสไตล์ได้

    ✅ Grok Workspaces: ระบบไวท์บอร์ดดิจิทัล
    - ฟีเจอร์ใหม่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ทำงานร่วมกับ Grok ในโครงการขนาดใหญ่
    - ออกแบบมาเพื่อให้ Grok เป็นผู้ช่วยที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ความท้าทายของระบบความจำ AI
    - แม้ Grok จะสามารถจดจำข้อมูลได้ แต่ต้องมีการพัฒนาเพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    - ระบบความจำต้องมีการควบคุมเพื่อป้องกันการละเมิดความเป็นส่วนตัว

    ℹ️ การแข่งขันกับ AI อื่นๆ
    - ChatGPT และ Gemini ต่างก็มีระบบความจำที่พัฒนาไปไกลแล้ว
    - ต้องติดตามว่า Grok จะสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้หรือไม่

    ℹ️ แนวโน้มของ AI ที่มีความสามารถด้านความจำ
    - AI ที่สามารถจดจำข้อมูลและบริหารจัดการความจำได้ดีขึ้น อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม
    - อาจมีการพัฒนา AI ที่สามารถ จดจำข้อมูลข้ามแพลตฟอร์ม เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ต่อเนื่อง

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/grok-will-start-remembering-everything-you-ask-it-to-do
    Grok ซึ่งเป็นแชทบอท AI ของ xAI กำลังได้รับการอัปเกรดครั้งใหญ่ โดยเพิ่มฟีเจอร์ "Personalise with Memories" ซึ่งช่วยให้สามารถจดจำบทสนทนาและอ้างอิงข้อมูลจากการพูดคุยก่อนหน้าได้ ✅ Grok เพิ่มระบบความจำสำหรับการสนทนา - ระบบความจำช่วยให้ Grok สามารถ อ้างอิงบทสนทนาเก่า เช่น การวางแผนท่องเที่ยวหรือการเขียนบทภาพยนตร์ - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ Grok มีความสามารถใกล้เคียงกับ ChatGPT และ Google Gemini ✅ การควบคุมความจำของผู้ใช้ - ผู้ใช้สามารถ จัดการข้อมูลที่ Grok จำได้ และลบความจำเฉพาะรายการหรือทั้งหมดได้ - ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยในการใช้งาน ✅ การพัฒนาอื่นๆ ที่กำลังจะมา - Grok 3.5 คาดว่าจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ และ Grok 4 จะเปิดตัวช่วงปลายปี - มีการพัฒนา โหมดเสียง ที่สามารถวิเคราะห์ภาพจากกล้องมือถือ - ฟีเจอร์ แก้ไขภาพ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถอัปโหลดรูปภาพและปรับแต่งสไตล์ได้ ✅ Grok Workspaces: ระบบไวท์บอร์ดดิจิทัล - ฟีเจอร์ใหม่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ทำงานร่วมกับ Grok ในโครงการขนาดใหญ่ - ออกแบบมาเพื่อให้ Grok เป็นผู้ช่วยที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ความท้าทายของระบบความจำ AI - แม้ Grok จะสามารถจดจำข้อมูลได้ แต่ต้องมีการพัฒนาเพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ - ระบบความจำต้องมีการควบคุมเพื่อป้องกันการละเมิดความเป็นส่วนตัว ℹ️ การแข่งขันกับ AI อื่นๆ - ChatGPT และ Gemini ต่างก็มีระบบความจำที่พัฒนาไปไกลแล้ว - ต้องติดตามว่า Grok จะสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้หรือไม่ ℹ️ แนวโน้มของ AI ที่มีความสามารถด้านความจำ - AI ที่สามารถจดจำข้อมูลและบริหารจัดการความจำได้ดีขึ้น อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม - อาจมีการพัฒนา AI ที่สามารถ จดจำข้อมูลข้ามแพลตฟอร์ม เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ต่อเนื่อง https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/grok-will-start-remembering-everything-you-ask-it-to-do
    WWW.TECHRADAR.COM
    Grok may start remembering everything you ask it to do, according to new reports
    xAI doesn't want ChatGPT or Gemini to be ahead on any AI feature
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google Messages กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่หลายรายการ ซึ่งอาจช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานให้ดีขึ้น โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ เช่น การขยายช่องพิมพ์ข้อความ, ป้ายกำกับ RCS, ปุ่มยกเลิกข้อความอัตโนมัติ, การปรับปรุงการแสดงผล Read Receipts และการส่งภาพ/วิดีโอคุณภาพต้นฉบับ

    ✅ การขยายช่องพิมพ์ข้อความ
    - เดิมที Google Messages จำกัดการแสดงผลข้อความที่พิมพ์ไว้เพียง 4 บรรทัด
    - เวอร์ชันเบต้าล่าสุดขยายช่องพิมพ์เป็น 14 บรรทัด ทำให้สามารถตรวจสอบข้อความยาวได้ง่ายขึ้น

    ✅ ป้ายกำกับ RCS
    - Google กำลังทดสอบ ป้ายกำกับ RCS ที่ช่วยให้ผู้ใช้ทราบว่ากำลังส่งข้อความแบบ RCS หรือ SMS
    - ป้ายกำกับนี้จะปรากฏข้างชื่อหรือหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ติดต่อ

    ✅ ปุ่มยกเลิกข้อความอัตโนมัติ
    - ผู้ใช้สามารถ ยกเลิกการสมัครรับข้อความอัตโนมัติ ได้ง่ายขึ้น
    - เมื่อกดปุ่ม ระบบจะส่งข้อความ STOP ไปยังผู้ให้บริการโดยอัตโนมัติ

    ✅ การปรับปรุง Read Receipts
    - Google กำลังเปลี่ยนตำแหน่งของ เครื่องหมายเช็ก ที่แสดงว่าอีกฝ่ายอ่านข้อความแล้ว
    - เครื่องหมายนี้จะถูกย้ายเข้าไปอยู่ใน ฟองข้อความ แทนที่จะอยู่ด้านล่าง

    ✅ การส่งภาพและวิดีโอคุณภาพต้นฉบับ
    - Google Messages อาจเพิ่มตัวเลือกให้ผู้ใช้เลือกส่ง ไฟล์ภาพ/วิดีโอแบบต้นฉบับ
    - มีสองตัวเลือก: "Optimize for chat" (ส่งเร็วแต่ลดคุณภาพ) และ "Original quality" (ส่งไฟล์แบบไม่ถูกบีบอัด)

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ การเปลี่ยนแปลงอาจยังไม่เปิดให้ใช้งานทั่วไป
    - ฟีเจอร์เหล่านี้ยังอยู่ในช่วง ทดสอบเบต้า และอาจมีการเปลี่ยนแปลงก่อนเปิดตัวจริง

    ℹ️ ผลกระทบต่อการใช้งาน RCS
    - แม้ RCS จะช่วยให้ส่งข้อความได้สะดวกขึ้น แต่ยังต้องพึ่งพาการรองรับจากผู้ให้บริการเครือข่าย

    ℹ️ ความท้าทายในการส่งไฟล์คุณภาพสูง
    - การส่งภาพ/วิดีโอแบบต้นฉบับอาจใช้ ปริมาณข้อมูลมากขึ้น และอาจมีข้อจำกัดในการส่งผ่านเครือข่ายมือถือ

    https://www.techradar.com/computing/software/google-messages-is-testing-some-useful-upgrades-here-are-5-features-that-could-be-coming
    Google Messages กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่หลายรายการ ซึ่งอาจช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานให้ดีขึ้น โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ เช่น การขยายช่องพิมพ์ข้อความ, ป้ายกำกับ RCS, ปุ่มยกเลิกข้อความอัตโนมัติ, การปรับปรุงการแสดงผล Read Receipts และการส่งภาพ/วิดีโอคุณภาพต้นฉบับ ✅ การขยายช่องพิมพ์ข้อความ - เดิมที Google Messages จำกัดการแสดงผลข้อความที่พิมพ์ไว้เพียง 4 บรรทัด - เวอร์ชันเบต้าล่าสุดขยายช่องพิมพ์เป็น 14 บรรทัด ทำให้สามารถตรวจสอบข้อความยาวได้ง่ายขึ้น ✅ ป้ายกำกับ RCS - Google กำลังทดสอบ ป้ายกำกับ RCS ที่ช่วยให้ผู้ใช้ทราบว่ากำลังส่งข้อความแบบ RCS หรือ SMS - ป้ายกำกับนี้จะปรากฏข้างชื่อหรือหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ติดต่อ ✅ ปุ่มยกเลิกข้อความอัตโนมัติ - ผู้ใช้สามารถ ยกเลิกการสมัครรับข้อความอัตโนมัติ ได้ง่ายขึ้น - เมื่อกดปุ่ม ระบบจะส่งข้อความ STOP ไปยังผู้ให้บริการโดยอัตโนมัติ ✅ การปรับปรุง Read Receipts - Google กำลังเปลี่ยนตำแหน่งของ เครื่องหมายเช็ก ที่แสดงว่าอีกฝ่ายอ่านข้อความแล้ว - เครื่องหมายนี้จะถูกย้ายเข้าไปอยู่ใน ฟองข้อความ แทนที่จะอยู่ด้านล่าง ✅ การส่งภาพและวิดีโอคุณภาพต้นฉบับ - Google Messages อาจเพิ่มตัวเลือกให้ผู้ใช้เลือกส่ง ไฟล์ภาพ/วิดีโอแบบต้นฉบับ - มีสองตัวเลือก: "Optimize for chat" (ส่งเร็วแต่ลดคุณภาพ) และ "Original quality" (ส่งไฟล์แบบไม่ถูกบีบอัด) ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ การเปลี่ยนแปลงอาจยังไม่เปิดให้ใช้งานทั่วไป - ฟีเจอร์เหล่านี้ยังอยู่ในช่วง ทดสอบเบต้า และอาจมีการเปลี่ยนแปลงก่อนเปิดตัวจริง ℹ️ ผลกระทบต่อการใช้งาน RCS - แม้ RCS จะช่วยให้ส่งข้อความได้สะดวกขึ้น แต่ยังต้องพึ่งพาการรองรับจากผู้ให้บริการเครือข่าย ℹ️ ความท้าทายในการส่งไฟล์คุณภาพสูง - การส่งภาพ/วิดีโอแบบต้นฉบับอาจใช้ ปริมาณข้อมูลมากขึ้น และอาจมีข้อจำกัดในการส่งผ่านเครือข่ายมือถือ https://www.techradar.com/computing/software/google-messages-is-testing-some-useful-upgrades-here-are-5-features-that-could-be-coming
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงความก้าวหน้าของ Quantum Computing ที่ Google กำลังพัฒนาเพื่อสร้างประโยชน์ในด้านสุขภาพ พลังงาน และเทคโนโลยีแบตเตอรี่

    เนื่องในวัน World Quantum Day Google ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสามประโยชน์หลักที่ Quantum Computing จะช่วยให้เกิดขึ้นในอนาคต ได้แก่ การค้นพบยาใหม่, การพัฒนาแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น, และ การออกแบบเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชัน

    ✅ Quantum Computing กับการค้นพบยาใหม่
    - ช่วยจำลองโครงสร้างโมเลกุลของยาได้แม่นยำขึ้น
    - Google ร่วมมือกับ Boehringer Ingelheim เพื่อศึกษาการจำลองเอนไซม์ Cytochrome P450

    ✅ Quantum Computing กับแบตเตอรี่
    - ช่วยออกแบบวัสดุใหม่สำหรับแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
    - Google ร่วมมือกับ BASF เพื่อศึกษาการจำลอง Lithium Nickel Oxide (LNO)

    ✅ Quantum Computing กับพลังงานฟิวชัน
    - ช่วยออกแบบเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชันที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
    - Google ร่วมมือกับ Sandia National Laboratories เพื่อพัฒนาอัลกอริธึมสำหรับจำลองกระบวนการฟิวชัน

    ℹ️ ข้อจำกัดของ Quantum Computing
    - เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและต้องใช้เวลาหลายปีในการพัฒนา
    - การสร้าง Quantum Computer ที่มีความเสถียรและใช้งานได้จริงยังเป็นความท้าทาย

    ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    - Quantum Computing อาจเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมยา พลังงาน และเทคโนโลยีแบตเตอรี่
    - บริษัทที่ไม่สามารถปรับตัวได้อาจเสียเปรียบในการแข่งขัน

    https://www.neowin.net/news/googles-quantum-computing-efforts-to-give-you-better-health-and-unlimited-electricity/
    ข่าวนี้เล่าถึงความก้าวหน้าของ Quantum Computing ที่ Google กำลังพัฒนาเพื่อสร้างประโยชน์ในด้านสุขภาพ พลังงาน และเทคโนโลยีแบตเตอรี่ เนื่องในวัน World Quantum Day Google ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสามประโยชน์หลักที่ Quantum Computing จะช่วยให้เกิดขึ้นในอนาคต ได้แก่ การค้นพบยาใหม่, การพัฒนาแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น, และ การออกแบบเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชัน ✅ Quantum Computing กับการค้นพบยาใหม่ - ช่วยจำลองโครงสร้างโมเลกุลของยาได้แม่นยำขึ้น - Google ร่วมมือกับ Boehringer Ingelheim เพื่อศึกษาการจำลองเอนไซม์ Cytochrome P450 ✅ Quantum Computing กับแบตเตอรี่ - ช่วยออกแบบวัสดุใหม่สำหรับแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น - Google ร่วมมือกับ BASF เพื่อศึกษาการจำลอง Lithium Nickel Oxide (LNO) ✅ Quantum Computing กับพลังงานฟิวชัน - ช่วยออกแบบเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชันที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น - Google ร่วมมือกับ Sandia National Laboratories เพื่อพัฒนาอัลกอริธึมสำหรับจำลองกระบวนการฟิวชัน ℹ️ ข้อจำกัดของ Quantum Computing - เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและต้องใช้เวลาหลายปีในการพัฒนา - การสร้าง Quantum Computer ที่มีความเสถียรและใช้งานได้จริงยังเป็นความท้าทาย ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม - Quantum Computing อาจเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมยา พลังงาน และเทคโนโลยีแบตเตอรี่ - บริษัทที่ไม่สามารถปรับตัวได้อาจเสียเปรียบในการแข่งขัน https://www.neowin.net/news/googles-quantum-computing-efforts-to-give-you-better-health-and-unlimited-electricity/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google's quantum computing efforts to give you better health and unlimited electricity
    For World Quantum Day, Google has outlined some of the big potential benefits quantum computers could deliver from the 2030s. Here are Google's picks.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • WhatsApp ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ เช่น การซูมในวิดีโอคอล การเพิ่มผู้เข้าร่วมในสายสนทนาแบบ 1:1 จากหน้าต่างแชท และการตั้งค่า WhatsApp เป็นแอปเริ่มต้นบน iPhone นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสแกนและส่งเอกสารได้โดยตรงจากแอป รวมถึงการบันทึกวิดีโอสั้นในช่อง (Channels) และการจัดลำดับความสำคัญของการแจ้งเตือนในกลุ่ม

    อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ที่สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใช้คือปุ่ม Meta AI ที่ไม่สามารถลบออกได้ และฟีเจอร์ที่แสดงสถานะออนไลน์ของสมาชิกในกลุ่มแบบเรียลไทม์ ซึ่งเพิ่มแรงกดดันให้ผู้ใช้ตอบกลับข้อความอย่างรวดเร็ว

    ✅ ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใน WhatsApp
    - การซูมในวิดีโอคอล
    - เพิ่มผู้เข้าร่วมในสายสนทนาแบบ 1:1 จากหน้าต่างแชท
    - ตั้งค่า WhatsApp เป็นแอปเริ่มต้นบน iPhone
    - สแกนและส่งเอกสารได้โดยตรงจากแอป
    - บันทึกวิดีโอสั้นในช่อง (Channels)
    - จัดลำดับความสำคัญของการแจ้งเตือนในกลุ่ม

    ✅ ฟีเจอร์ที่สร้างความไม่พอใจ
    - ปุ่ม Meta AI ที่ไม่สามารถลบออกได้
    - การแสดงสถานะออนไลน์ของสมาชิกในกลุ่มแบบเรียลไทม์

    ℹ️ ความเสี่ยงและข้อกังวล
    - ปุ่ม Meta AI ที่ไม่สามารถลบออกอาจสร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้
    - การแสดงสถานะออนไลน์อาจเพิ่มแรงกดดันให้ผู้ใช้ตอบกลับข้อความอย่างรวดเร็ว

    ℹ️ ผลกระทบต่อผู้ใช้
    - ผู้ใช้บางส่วนอาจรู้สึกว่าฟีเจอร์ใหม่ไม่ได้ตอบโจทย์ความต้องการ
    - การเปลี่ยนแปลงอาจส่งผลต่อความพึงพอใจและความไว้วางใจในแพลตฟอร์ม

    https://www.techradar.com/computing/software/whatsapp-has-just-dropped-these-9-new-features-including-2-that-im-not-happy-about
    WhatsApp ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ เช่น การซูมในวิดีโอคอล การเพิ่มผู้เข้าร่วมในสายสนทนาแบบ 1:1 จากหน้าต่างแชท และการตั้งค่า WhatsApp เป็นแอปเริ่มต้นบน iPhone นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสแกนและส่งเอกสารได้โดยตรงจากแอป รวมถึงการบันทึกวิดีโอสั้นในช่อง (Channels) และการจัดลำดับความสำคัญของการแจ้งเตือนในกลุ่ม อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ที่สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใช้คือปุ่ม Meta AI ที่ไม่สามารถลบออกได้ และฟีเจอร์ที่แสดงสถานะออนไลน์ของสมาชิกในกลุ่มแบบเรียลไทม์ ซึ่งเพิ่มแรงกดดันให้ผู้ใช้ตอบกลับข้อความอย่างรวดเร็ว ✅ ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใน WhatsApp - การซูมในวิดีโอคอล - เพิ่มผู้เข้าร่วมในสายสนทนาแบบ 1:1 จากหน้าต่างแชท - ตั้งค่า WhatsApp เป็นแอปเริ่มต้นบน iPhone - สแกนและส่งเอกสารได้โดยตรงจากแอป - บันทึกวิดีโอสั้นในช่อง (Channels) - จัดลำดับความสำคัญของการแจ้งเตือนในกลุ่ม ✅ ฟีเจอร์ที่สร้างความไม่พอใจ - ปุ่ม Meta AI ที่ไม่สามารถลบออกได้ - การแสดงสถานะออนไลน์ของสมาชิกในกลุ่มแบบเรียลไทม์ ℹ️ ความเสี่ยงและข้อกังวล - ปุ่ม Meta AI ที่ไม่สามารถลบออกอาจสร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้ - การแสดงสถานะออนไลน์อาจเพิ่มแรงกดดันให้ผู้ใช้ตอบกลับข้อความอย่างรวดเร็ว ℹ️ ผลกระทบต่อผู้ใช้ - ผู้ใช้บางส่วนอาจรู้สึกว่าฟีเจอร์ใหม่ไม่ได้ตอบโจทย์ความต้องการ - การเปลี่ยนแปลงอาจส่งผลต่อความพึงพอใจและความไว้วางใจในแพลตฟอร์ม https://www.techradar.com/computing/software/whatsapp-has-just-dropped-these-9-new-features-including-2-that-im-not-happy-about
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้เผยแพร่บทความที่ชื่อว่า "7 Tips to Get the Most Out of Windows 11" โดยมีเป้าหมายเพื่อโน้มน้าวให้ผู้ใช้ Windows 10 อัปเกรดเป็น Windows 11 บทความนี้ชี้ให้เห็นถึงฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เช่น การปรับแต่ง Start Menu, Snap Layouts, Virtual Desktops, Widgets และ Focus Sessions อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์เหล่านี้ถูกวิจารณ์ว่าไม่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ได้มากพอ

    นอกจากนี้ Microsoft ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการอัปเกรด เนื่องจากการสนับสนุน Windows 10 จะสิ้นสุดในเดือนตุลาคม 2025 แต่บทความนี้กลับไม่ได้กล่าวถึงฟีเจอร์ที่สำคัญ เช่น ความปลอดภัยที่ดีขึ้นและประสิทธิภาพที่ราบรื่นกว่าเดิม

    ✅ บทความเพื่อกระตุ้นการอัปเกรด
    - Microsoft เผยแพร่บทความ "7 Tips to Get the Most Out of Windows 11"
    - มีเป้าหมายเพื่อโน้มน้าวให้ผู้ใช้ Windows 10 อัปเกรด

    ✅ ฟีเจอร์ที่นำเสนอในบทความ
    - การปรับแต่ง Start Menu
    - Snap Layouts และ Virtual Desktops
    - Widgets และ Focus Sessions

    ✅ การสิ้นสุดการสนับสนุน Windows 10
    - Microsoft เน้นย้ำว่าการสนับสนุน Windows 10 จะสิ้นสุดในเดือนตุลาคม 2025

    ℹ️ ข้อวิจารณ์ต่อบทความ
    - ฟีเจอร์ที่นำเสนอไม่ได้ดึงดูดความสนใจของผู้ใช้มากพอ
    - บทความไม่ได้กล่าวถึงฟีเจอร์สำคัญ เช่น ความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

    ℹ️ ผลกระทบต่อผู้ใช้ Windows 10
    - ผู้ใช้ต้องตัดสินใจว่าจะอัปเกรดหรือจ่ายเงินเพื่อรักษาการสนับสนุน Windows 10
    - การสิ้นสุดการสนับสนุนอาจสร้างแรงกดดันให้ผู้ใช้ต้องเปลี่ยนระบบปฏิบัติการ

    https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-latest-attempt-to-persuade-upgrades-to-windows-11-falls-spectacularly-flat-on-its-face
    Microsoft ได้เผยแพร่บทความที่ชื่อว่า "7 Tips to Get the Most Out of Windows 11" โดยมีเป้าหมายเพื่อโน้มน้าวให้ผู้ใช้ Windows 10 อัปเกรดเป็น Windows 11 บทความนี้ชี้ให้เห็นถึงฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เช่น การปรับแต่ง Start Menu, Snap Layouts, Virtual Desktops, Widgets และ Focus Sessions อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์เหล่านี้ถูกวิจารณ์ว่าไม่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ได้มากพอ นอกจากนี้ Microsoft ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการอัปเกรด เนื่องจากการสนับสนุน Windows 10 จะสิ้นสุดในเดือนตุลาคม 2025 แต่บทความนี้กลับไม่ได้กล่าวถึงฟีเจอร์ที่สำคัญ เช่น ความปลอดภัยที่ดีขึ้นและประสิทธิภาพที่ราบรื่นกว่าเดิม ✅ บทความเพื่อกระตุ้นการอัปเกรด - Microsoft เผยแพร่บทความ "7 Tips to Get the Most Out of Windows 11" - มีเป้าหมายเพื่อโน้มน้าวให้ผู้ใช้ Windows 10 อัปเกรด ✅ ฟีเจอร์ที่นำเสนอในบทความ - การปรับแต่ง Start Menu - Snap Layouts และ Virtual Desktops - Widgets และ Focus Sessions ✅ การสิ้นสุดการสนับสนุน Windows 10 - Microsoft เน้นย้ำว่าการสนับสนุน Windows 10 จะสิ้นสุดในเดือนตุลาคม 2025 ℹ️ ข้อวิจารณ์ต่อบทความ - ฟีเจอร์ที่นำเสนอไม่ได้ดึงดูดความสนใจของผู้ใช้มากพอ - บทความไม่ได้กล่าวถึงฟีเจอร์สำคัญ เช่น ความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ℹ️ ผลกระทบต่อผู้ใช้ Windows 10 - ผู้ใช้ต้องตัดสินใจว่าจะอัปเกรดหรือจ่ายเงินเพื่อรักษาการสนับสนุน Windows 10 - การสิ้นสุดการสนับสนุนอาจสร้างแรงกดดันให้ผู้ใช้ต้องเปลี่ยนระบบปฏิบัติการ https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-latest-attempt-to-persuade-upgrades-to-windows-11-falls-spectacularly-flat-on-its-face
    WWW.TECHRADAR.COM
    Microsoft’s latest attempt to persuade upgrades to Windows 11 falls spectacularly flat on its face
    I don’t know what Microsoft’s thinking, but this is the oddest attempt I’ve ever seen to prod folks to upgrade to Windows 11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google Docs ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Audio Overviews ซึ่งใช้ AI เพื่อช่วยผู้ใช้งานในการตรวจสอบและปรับปรุงเอกสาร โดยฟีเจอร์นี้สามารถอ่านเอกสารออกเสียงหรือสรุปเนื้อหาในรูปแบบคล้ายพอดแคสต์

    ✅ การทำงานของ Audio Overviews:
    - ฟีเจอร์นี้สามารถอ่านเอกสารออกเสียงเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานตรวจสอบคำผิดหรือประโยคที่ไม่ลื่นไหล
    - มีตัวเลือกในการสรุปเนื้อหาในรูปแบบพอดแคสต์สำหรับเอกสารที่มีความยาว

    ✅ การผสานรวมกับ NotebookLM:
    - Audio Overviews ใช้โมเดล AI จาก NotebookLM ซึ่งมีเสียงที่ฟังดูเป็นธรรมชาติและใกล้เคียงกับเสียงมนุษย์

    ✅ ประโยชน์ด้านการเข้าถึง:
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ที่มีปัญหาด้านการมองเห็นหรือการอ่าน
    - ผู้ใช้งานสามารถฟังเอกสารขณะทำกิจกรรมอื่น เช่น ขับรถหรือทำงานบ้าน

    ✅ การเปรียบเทียบกับคู่แข่ง:
    - Google Docs กำลังแข่งขันกับ Microsoft และ Apple ที่พัฒนา AI สำหรับโปรแกรมประมวลผลคำเช่นกัน

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/google-docs-new-ai-voice-will-help-you-catch-mistakes
    Google Docs ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Audio Overviews ซึ่งใช้ AI เพื่อช่วยผู้ใช้งานในการตรวจสอบและปรับปรุงเอกสาร โดยฟีเจอร์นี้สามารถอ่านเอกสารออกเสียงหรือสรุปเนื้อหาในรูปแบบคล้ายพอดแคสต์ ✅ การทำงานของ Audio Overviews: - ฟีเจอร์นี้สามารถอ่านเอกสารออกเสียงเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานตรวจสอบคำผิดหรือประโยคที่ไม่ลื่นไหล - มีตัวเลือกในการสรุปเนื้อหาในรูปแบบพอดแคสต์สำหรับเอกสารที่มีความยาว ✅ การผสานรวมกับ NotebookLM: - Audio Overviews ใช้โมเดล AI จาก NotebookLM ซึ่งมีเสียงที่ฟังดูเป็นธรรมชาติและใกล้เคียงกับเสียงมนุษย์ ✅ ประโยชน์ด้านการเข้าถึง: - ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ที่มีปัญหาด้านการมองเห็นหรือการอ่าน - ผู้ใช้งานสามารถฟังเอกสารขณะทำกิจกรรมอื่น เช่น ขับรถหรือทำงานบ้าน ✅ การเปรียบเทียบกับคู่แข่ง: - Google Docs กำลังแข่งขันกับ Microsoft และ Apple ที่พัฒนา AI สำหรับโปรแกรมประมวลผลคำเช่นกัน https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/google-docs-new-ai-voice-will-help-you-catch-mistakes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia RTX 5060 Ti ซึ่งยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ ได้มีการรั่วไหลของข้อมูลการทดสอบประสิทธิภาพที่แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า RTX 4060 Ti โดยมีการคาดการณ์ว่าจะมีราคาถูกกว่า แต่ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับราคาที่อาจเพิ่มขึ้นในตลาด GPU ปัจจุบัน

    ✅ การปรับปรุงประสิทธิภาพ:
    - RTX 5060 Ti มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึง 14% เมื่อเทียบกับ RTX 4060 Ti ในการทดสอบด้วย Vulkan API
    - GPU รุ่นใหม่นี้มีฟีเจอร์ Multi-Frame Generation ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์การเล่นเกมด้วยการสร้างเฟรมเพิ่มเติมโดยใช้ AI

    ✅ ความจุ VRAM:
    - RTX 5060 Ti มีรุ่น 16GB และ 8GB ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับ RTX 5070 ที่มี VRAM 12GB

    ✅ ความกังวลด้านราคา:
    - แม้จะมีการคาดการณ์ว่าราคาจะถูกกว่า RTX 4060 Ti แต่ตลาด GPU ปัจจุบันยังคงมีปัญหาเรื่องราคาที่สูงเกินไป

    ✅ การเปิดตัว:
    - มีการคาดการณ์ว่า RTX 5060 Ti จะเปิดตัวในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

    https://www.techradar.com/computing/gpu/nvidia-rtx-5060-ti-benchmark-leak-hints-at-performance-boost-over-its-predecessor-but-it-wont-matter-if-it-doesnt-stay-at-retail-price
    Nvidia RTX 5060 Ti ซึ่งยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ ได้มีการรั่วไหลของข้อมูลการทดสอบประสิทธิภาพที่แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า RTX 4060 Ti โดยมีการคาดการณ์ว่าจะมีราคาถูกกว่า แต่ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับราคาที่อาจเพิ่มขึ้นในตลาด GPU ปัจจุบัน ✅ การปรับปรุงประสิทธิภาพ: - RTX 5060 Ti มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึง 14% เมื่อเทียบกับ RTX 4060 Ti ในการทดสอบด้วย Vulkan API - GPU รุ่นใหม่นี้มีฟีเจอร์ Multi-Frame Generation ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์การเล่นเกมด้วยการสร้างเฟรมเพิ่มเติมโดยใช้ AI ✅ ความจุ VRAM: - RTX 5060 Ti มีรุ่น 16GB และ 8GB ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับ RTX 5070 ที่มี VRAM 12GB ✅ ความกังวลด้านราคา: - แม้จะมีการคาดการณ์ว่าราคาจะถูกกว่า RTX 4060 Ti แต่ตลาด GPU ปัจจุบันยังคงมีปัญหาเรื่องราคาที่สูงเกินไป ✅ การเปิดตัว: - มีการคาดการณ์ว่า RTX 5060 Ti จะเปิดตัวในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า https://www.techradar.com/computing/gpu/nvidia-rtx-5060-ti-benchmark-leak-hints-at-performance-boost-over-its-predecessor-but-it-wont-matter-if-it-doesnt-stay-at-retail-price
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • Reddit ได้ประกาศการอัปเกรดครั้งใหญ่สำหรับ Reddit Answers ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม AI ที่ใช้ข้อมูลจากชุมชน Reddit และ Google Gemini เพื่อให้คำตอบที่รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น

    ✅ การอัปเกรดด้วย Google Gemini:
    - Reddit Answers ได้รับการผสานรวมกับ Google Gemini ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่ทรงพลังจาก Google
    - การผสานรวมนี้ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการค้นหาและเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม

    ✅ การทำงานของ Reddit Answers:
    - แพลตฟอร์มนี้ใช้ AI และข้อมูลจากชุมชน Reddit เพื่อให้คำตอบที่รวดเร็วและครอบคลุม
    - เปิดตัวในเดือนธันวาคม 2024 และยังอยู่ในช่วงเบต้าในสหรัฐฯ

    ✅ ความคิดเห็นจากผู้ใช้งาน:
    - ผู้ใช้งานบางคนกังวลว่า AI อาจลดความเป็นชุมชนของ Reddit
    - การผสานรวมกับ Google Gemini อาจช่วยดึงดูดผู้ใช้งานที่เคยใช้ Google เพื่อค้นหาโพสต์ใน Reddit

    ✅ การพัฒนาในอนาคต:
    - Reddit ยังไม่ได้ประกาศวันที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับ Reddit Answers

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/reddit-answers-just-got-a-huge-google-gemini-upgrade-and-now-i-cant-wait-to-try-it
    Reddit ได้ประกาศการอัปเกรดครั้งใหญ่สำหรับ Reddit Answers ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม AI ที่ใช้ข้อมูลจากชุมชน Reddit และ Google Gemini เพื่อให้คำตอบที่รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น ✅ การอัปเกรดด้วย Google Gemini: - Reddit Answers ได้รับการผสานรวมกับ Google Gemini ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่ทรงพลังจาก Google - การผสานรวมนี้ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการค้นหาและเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม ✅ การทำงานของ Reddit Answers: - แพลตฟอร์มนี้ใช้ AI และข้อมูลจากชุมชน Reddit เพื่อให้คำตอบที่รวดเร็วและครอบคลุม - เปิดตัวในเดือนธันวาคม 2024 และยังอยู่ในช่วงเบต้าในสหรัฐฯ ✅ ความคิดเห็นจากผู้ใช้งาน: - ผู้ใช้งานบางคนกังวลว่า AI อาจลดความเป็นชุมชนของ Reddit - การผสานรวมกับ Google Gemini อาจช่วยดึงดูดผู้ใช้งานที่เคยใช้ Google เพื่อค้นหาโพสต์ใน Reddit ✅ การพัฒนาในอนาคต: - Reddit ยังไม่ได้ประกาศวันที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับ Reddit Answers https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/reddit-answers-just-got-a-huge-google-gemini-upgrade-and-now-i-cant-wait-to-try-it
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้เปิดตัว Ironwood TPU ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผล Tensor รุ่นที่ 7 ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผล AI ในระดับสูง โดยเน้นการใช้งานด้าน Inference ซึ่งเป็นความท้าทายใหม่ในโลก AI

    🌐 จุดเด่นของ Ironwood TPU:
    - ⚡ ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า: Ironwood สามารถรองรับการประมวลผลได้ถึง 42.5 exaflops ซึ่งมากกว่า 24 เท่า ของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ El Capitan
    - 🧠 การพัฒนา AI เชิงลึก: Ironwood ช่วยให้โมเดล AI สามารถทำงานเชิงวิเคราะห์และคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
    - 💾 หน่วยความจำที่เพิ่มขึ้น: มีหน่วยความจำแบบแบนด์วิดท์สูงถึง 192GB ต่อชิป และความเร็วในการส่งข้อมูลสูงถึง 7.2TBps

    ⚠️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI:
    - 🌍 การเปลี่ยนแปลงใน AI Computing: Ironwood ช่วยให้ลูกค้าของ Google Cloud สามารถจัดการงานที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดต้นทุน
    - 🔄 การรวมพลังของ DeepMind: Ironwood ใช้ซอฟต์แวร์ Pathways ที่พัฒนาโดย DeepMind เพื่อเพิ่มศักยภาพในการประมวลผล

    https://www.techradar.com/pro/google-cloud-unveils-ironwood-its-7th-gen-tpu-to-help-boost-ai-performance-and-inference
    Google ได้เปิดตัว Ironwood TPU ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผล Tensor รุ่นที่ 7 ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผล AI ในระดับสูง โดยเน้นการใช้งานด้าน Inference ซึ่งเป็นความท้าทายใหม่ในโลก AI 🌐 จุดเด่นของ Ironwood TPU: - ⚡ ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า: Ironwood สามารถรองรับการประมวลผลได้ถึง 42.5 exaflops ซึ่งมากกว่า 24 เท่า ของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ El Capitan - 🧠 การพัฒนา AI เชิงลึก: Ironwood ช่วยให้โมเดล AI สามารถทำงานเชิงวิเคราะห์และคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น - 💾 หน่วยความจำที่เพิ่มขึ้น: มีหน่วยความจำแบบแบนด์วิดท์สูงถึง 192GB ต่อชิป และความเร็วในการส่งข้อมูลสูงถึง 7.2TBps ⚠️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI: - 🌍 การเปลี่ยนแปลงใน AI Computing: Ironwood ช่วยให้ลูกค้าของ Google Cloud สามารถจัดการงานที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดต้นทุน - 🔄 การรวมพลังของ DeepMind: Ironwood ใช้ซอฟต์แวร์ Pathways ที่พัฒนาโดย DeepMind เพื่อเพิ่มศักยภาพในการประมวลผล https://www.techradar.com/pro/google-cloud-unveils-ironwood-its-7th-gen-tpu-to-help-boost-ai-performance-and-inference
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ในแอป Gemini ที่เรียกว่า “Power Up” ซึ่งช่วยปรับปรุงคำสั่งที่ผู้ใช้งานพิมพ์ให้มีความชัดเจนและละเอียดมากขึ้น โดยไม่ต้องเสียเวลาลองเขียนคำสั่งหลายครั้ง

    🌐 จุดเด่นของฟีเจอร์ Power Up:
    - ✨ ปรับปรุงคำสั่งอัตโนมัติ: ฟีเจอร์นี้ช่วยเปลี่ยนคำสั่งที่ยังไม่สมบูรณ์ให้กลายเป็นคำสั่งที่มีรายละเอียดและชัดเจนมากขึ้น
    - 🕹️ ลดความยุ่งยาก: ผู้ใช้งานไม่ต้องเสียเวลาปรับแต่งคำสั่งด้วยตนเอง เพียงแค่กดปุ่ม Power Up และปล่อยให้ Gemini ทำงาน

    ⚠️ ผลกระทบต่อประสบการณ์ผู้ใช้งาน:
    - 💡 เพิ่มความโปร่งใส: ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าใจการปรับปรุงคำสั่งได้ชัดเจนมากขึ้น แทนที่จะเป็นการปรับเบื้องหลังที่มองไม่เห็น
    - 🔄 ลดความหงุดหงิด: ช่วยลดความยุ่งยากในการเขียนคำสั่งที่เหมาะสม ซึ่งเป็นปัญหาที่ผู้ใช้งาน AI หลายคนเผชิญ

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/google-gemini-could-soon-get-a-super-useful-power-up-button-heres-what-it-does
    Google กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ในแอป Gemini ที่เรียกว่า “Power Up” ซึ่งช่วยปรับปรุงคำสั่งที่ผู้ใช้งานพิมพ์ให้มีความชัดเจนและละเอียดมากขึ้น โดยไม่ต้องเสียเวลาลองเขียนคำสั่งหลายครั้ง 🌐 จุดเด่นของฟีเจอร์ Power Up: - ✨ ปรับปรุงคำสั่งอัตโนมัติ: ฟีเจอร์นี้ช่วยเปลี่ยนคำสั่งที่ยังไม่สมบูรณ์ให้กลายเป็นคำสั่งที่มีรายละเอียดและชัดเจนมากขึ้น - 🕹️ ลดความยุ่งยาก: ผู้ใช้งานไม่ต้องเสียเวลาปรับแต่งคำสั่งด้วยตนเอง เพียงแค่กดปุ่ม Power Up และปล่อยให้ Gemini ทำงาน ⚠️ ผลกระทบต่อประสบการณ์ผู้ใช้งาน: - 💡 เพิ่มความโปร่งใส: ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าใจการปรับปรุงคำสั่งได้ชัดเจนมากขึ้น แทนที่จะเป็นการปรับเบื้องหลังที่มองไม่เห็น - 🔄 ลดความหงุดหงิด: ช่วยลดความยุ่งยากในการเขียนคำสั่งที่เหมาะสม ซึ่งเป็นปัญหาที่ผู้ใช้งาน AI หลายคนเผชิญ https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/google-gemini-could-soon-get-a-super-useful-power-up-button-heres-what-it-does
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้ปล่อยอัปเดต Patch Tuesday สำหรับเดือนเมษายน 2025 โดยแก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัยถึง 134 รายการ รวมถึง Zero-Day ที่นักโจมตีไซเบอร์ได้ใช้ประโยชน์เพื่อเข้าถึงสิทธิ์ระดับสูงในระบบ Windows เหตุการณ์นี้เตือนให้ผู้ใช้งานรีบติดตั้งอัปเดตเพื่อป้องกันภัยคุกคาม

    == สิ่งสำคัญในอัปเดตครั้งนี้ ==
    ✅ ช่องโหว่ Zero-Day ที่ต้องรีบแก้ไข:
    - ช่องโหว่ Zero-Day ถูกติดตามในชื่อ CVE-2025-29824 และช่วยให้นักโจมตีสามารถเข้าถึงสิทธิ์การใช้งานระบบ (System Privileges) บน Windows
    - แม้ Microsoft ยังไม่ได้เปิดเผยว่าช่องโหว่นี้ถูกใช้โจมตีในสถานการณ์จริงอย่างไร แต่ความสำคัญของการติดตั้งอัปเดตนี้คือการป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ตกเป็นเป้าหมาย

    ✅ รายละเอียดของช่องโหว่ที่ได้รับการแก้ไข:
    - 49 Elevation of Privilege Vulnerabilities
    - 9 Security Feature Bypass Vulnerabilities
    - 31 Remote Code Execution Vulnerabilities
    - 17 Information Disclosure Vulnerabilities
    - 14 Denial of Service Vulnerabilities
    - 3 Spoofing Vulnerabilities

    ✅ คำแนะนำจาก Microsoft: ผู้ใช้ Windows ทุกคนควรรีบติดตั้งแพตช์ใหม่ทันทีที่พร้อมใช้งาน เพื่อป้องกันการถูกโจมตีจากช่องโหว่เหล่านี้

    https://www.tomsguide.com/computing/online-security/microsoft-just-patched-134-windows-security-flaws-including-a-zero-day-used-by-hackers-update-your-pc-right-now
    Microsoft ได้ปล่อยอัปเดต Patch Tuesday สำหรับเดือนเมษายน 2025 โดยแก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัยถึง 134 รายการ รวมถึง Zero-Day ที่นักโจมตีไซเบอร์ได้ใช้ประโยชน์เพื่อเข้าถึงสิทธิ์ระดับสูงในระบบ Windows เหตุการณ์นี้เตือนให้ผู้ใช้งานรีบติดตั้งอัปเดตเพื่อป้องกันภัยคุกคาม == สิ่งสำคัญในอัปเดตครั้งนี้ == ✅ ช่องโหว่ Zero-Day ที่ต้องรีบแก้ไข: - ช่องโหว่ Zero-Day ถูกติดตามในชื่อ CVE-2025-29824 และช่วยให้นักโจมตีสามารถเข้าถึงสิทธิ์การใช้งานระบบ (System Privileges) บน Windows - แม้ Microsoft ยังไม่ได้เปิดเผยว่าช่องโหว่นี้ถูกใช้โจมตีในสถานการณ์จริงอย่างไร แต่ความสำคัญของการติดตั้งอัปเดตนี้คือการป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ตกเป็นเป้าหมาย ✅ รายละเอียดของช่องโหว่ที่ได้รับการแก้ไข: - 49 Elevation of Privilege Vulnerabilities - 9 Security Feature Bypass Vulnerabilities - 31 Remote Code Execution Vulnerabilities - 17 Information Disclosure Vulnerabilities - 14 Denial of Service Vulnerabilities - 3 Spoofing Vulnerabilities ✅ คำแนะนำจาก Microsoft: ผู้ใช้ Windows ทุกคนควรรีบติดตั้งแพตช์ใหม่ทันทีที่พร้อมใช้งาน เพื่อป้องกันการถูกโจมตีจากช่องโหว่เหล่านี้ https://www.tomsguide.com/computing/online-security/microsoft-just-patched-134-windows-security-flaws-including-a-zero-day-used-by-hackers-update-your-pc-right-now
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • Manus AI จากประเทศจีนเปิดตัวพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลและรันงานอัตโนมัติ ด้วยรายงานที่ละเอียดและประสบการณ์การใช้งานที่ล้ำหน้า แม้จะมีข้อจำกัดเรื่องเครดิต แต่ Manus ได้รับความสนใจอย่างมากในฐานะนวัตกรรมที่สร้างความแตกต่างจาก AI รุ่นอื่น ๆ

    ✅ การวิเคราะห์ข้อมูลแบบละเอียด
    - Manus สร้างรายงานที่ลึกซึ้งและละเอียดมาก เช่น การวิเคราะห์อนาคตของ Tesla ด้วยการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ และนำเสนอตัวเลือกที่หลากหลาย ทำให้ผู้ใช้งานได้รับมุมมองที่รอบด้าน

    ✅ ประสบการณ์ใช้งานที่เหนือกว่าเดิม
    - แม้หลายฟีเจอร์จะคล้าย ChatGPT แต่ Manus มีเอกลักษณ์ในการตอบคำถามที่ละเอียดและสร้างสรรค์ เช่น การสร้างเกมจากเหตุการณ์ข่าว หรือการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก

    ✅ จุดเด่นเรื่องความโปร่งใสในการค้นคว้า
    - Manus ได้รับเสียงชื่นชมในด้านความโปร่งใสระหว่างการทำงาน เช่น การแจ้งกระบวนการค้นคว้าในแต่ละขั้นตอน ทำให้ผู้ใช้งานเข้าใจถึงการทำงานของ AI อย่างชัดเจน

    ✅ ความท้าทายเรื่องการเซ็นเซอร์
    - แตกต่างจาก DeepSeek AI ซึ่งเคยถูกวิจารณ์เรื่องการเซ็นเซอร์คำถามเกี่ยวกับการประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในปี 1989 Manus กลับสามารถสร้างรายงานที่ครอบคลุมและสะท้อนมุมมองจากแหล่งต่าง ๆ ซึ่งรวมถึง Red Cross

    ✅ อนาคตของ AI และการพัฒนาในตลาดจีน
    - Manus เป็นตัวอย่างที่สะท้อนถึงการพัฒนา AI ของจีนที่มุ่งเน้นการสร้างระบบที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากขึ้น โดยใช้ความสามารถในด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นจุดเด่นเพื่อแข่งขันในตลาดโลก

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/manus-the-much-hyped-chinese-ai-has-opened-up-public-access-and-you-get-1-000-credits-for-free-if-you-sign-up-now
    Manus AI จากประเทศจีนเปิดตัวพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลและรันงานอัตโนมัติ ด้วยรายงานที่ละเอียดและประสบการณ์การใช้งานที่ล้ำหน้า แม้จะมีข้อจำกัดเรื่องเครดิต แต่ Manus ได้รับความสนใจอย่างมากในฐานะนวัตกรรมที่สร้างความแตกต่างจาก AI รุ่นอื่น ๆ ✅ การวิเคราะห์ข้อมูลแบบละเอียด - Manus สร้างรายงานที่ลึกซึ้งและละเอียดมาก เช่น การวิเคราะห์อนาคตของ Tesla ด้วยการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ และนำเสนอตัวเลือกที่หลากหลาย ทำให้ผู้ใช้งานได้รับมุมมองที่รอบด้าน ✅ ประสบการณ์ใช้งานที่เหนือกว่าเดิม - แม้หลายฟีเจอร์จะคล้าย ChatGPT แต่ Manus มีเอกลักษณ์ในการตอบคำถามที่ละเอียดและสร้างสรรค์ เช่น การสร้างเกมจากเหตุการณ์ข่าว หรือการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ✅ จุดเด่นเรื่องความโปร่งใสในการค้นคว้า - Manus ได้รับเสียงชื่นชมในด้านความโปร่งใสระหว่างการทำงาน เช่น การแจ้งกระบวนการค้นคว้าในแต่ละขั้นตอน ทำให้ผู้ใช้งานเข้าใจถึงการทำงานของ AI อย่างชัดเจน ✅ ความท้าทายเรื่องการเซ็นเซอร์ - แตกต่างจาก DeepSeek AI ซึ่งเคยถูกวิจารณ์เรื่องการเซ็นเซอร์คำถามเกี่ยวกับการประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในปี 1989 Manus กลับสามารถสร้างรายงานที่ครอบคลุมและสะท้อนมุมมองจากแหล่งต่าง ๆ ซึ่งรวมถึง Red Cross ✅ อนาคตของ AI และการพัฒนาในตลาดจีน - Manus เป็นตัวอย่างที่สะท้อนถึงการพัฒนา AI ของจีนที่มุ่งเน้นการสร้างระบบที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากขึ้น โดยใช้ความสามารถในด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นจุดเด่นเพื่อแข่งขันในตลาดโลก https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/manus-the-much-hyped-chinese-ai-has-opened-up-public-access-and-you-get-1-000-credits-for-free-if-you-sign-up-now
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • ChatGPT กำลังเผชิญปัญหาในการให้บริการที่ไม่เสถียรเนื่องจากจำนวนผู้ใช้งานที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงข้อจำกัดในฟีเจอร์ใหม่อย่าง Sora Video Generation แม้จะสะท้อนถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้น แต่ผู้ใช้งานคาดหวังว่าการบริการจะตอบสนองได้ดีกว่านี้ในอนาคต

    ✅ ปัญหาการให้บริการที่ไม่เสถียร:
    - OpenAI รายงานว่าระบบ ChatGPT กำลังเจอการใช้งานอย่างหนัก ทำให้เกิดปัญหา Outages ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงเช้า โดยเฉพาะในสัปดาห์ที่ผ่านมา

    ✅ ข้อจำกัดในฟีเจอร์ Sora Video Generation:
    - ผู้ใช้งานหลายคนที่สมัครสมาชิกระดับ Plus หรือแม้กระทั่งระดับ Pro ยังไม่สามารถใช้งานฟีเจอร์นี้ได้เนื่องจากมีการระงับใช้งานชั่วคราว

    ✅ การสื่อสารที่ไม่ชัดเจน:
    - แม้ว่าจะมีการแจ้งในหน้าช่วยเหลือของ OpenAI ว่าข้อจำกัดนี้เกิดจากการใช้งานที่ล้นหลาม แต่ข้อมูลในหน้าราคาไม่ได้ชี้แจงให้ชัดเจนจนสร้างความสับสนแก่ผู้ใช้งาน

    ✅ การเติบโตที่เหนือคาด:
    - COO ของ OpenAI ระบุว่าในสัปดาห์แรกของเดือน ผู้ใช้งานกว่า 130 ล้านคน ได้สร้าง 700 ล้านภาพ ผ่านฟีเจอร์ใหม่ ส่งผลให้มีการใช้งาน GPU อย่างหนัก

    ✅ คู่แข่งที่เริ่มดึงดูดความสนใจ:
    - Google Gemini และ Manus AI กำลังนำเสนอความสามารถใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพสูง ซึ่งสร้างแรงกดดันให้ OpenAI เร่งพัฒนาการให้บริการที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/chatgpt-subscribers-are-getting-frustrated-with-sora-restrictions-and-openai-outages-and-i-cant-blame-them
    ChatGPT กำลังเผชิญปัญหาในการให้บริการที่ไม่เสถียรเนื่องจากจำนวนผู้ใช้งานที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงข้อจำกัดในฟีเจอร์ใหม่อย่าง Sora Video Generation แม้จะสะท้อนถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้น แต่ผู้ใช้งานคาดหวังว่าการบริการจะตอบสนองได้ดีกว่านี้ในอนาคต ✅ ปัญหาการให้บริการที่ไม่เสถียร: - OpenAI รายงานว่าระบบ ChatGPT กำลังเจอการใช้งานอย่างหนัก ทำให้เกิดปัญหา Outages ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงเช้า โดยเฉพาะในสัปดาห์ที่ผ่านมา ✅ ข้อจำกัดในฟีเจอร์ Sora Video Generation: - ผู้ใช้งานหลายคนที่สมัครสมาชิกระดับ Plus หรือแม้กระทั่งระดับ Pro ยังไม่สามารถใช้งานฟีเจอร์นี้ได้เนื่องจากมีการระงับใช้งานชั่วคราว ✅ การสื่อสารที่ไม่ชัดเจน: - แม้ว่าจะมีการแจ้งในหน้าช่วยเหลือของ OpenAI ว่าข้อจำกัดนี้เกิดจากการใช้งานที่ล้นหลาม แต่ข้อมูลในหน้าราคาไม่ได้ชี้แจงให้ชัดเจนจนสร้างความสับสนแก่ผู้ใช้งาน ✅ การเติบโตที่เหนือคาด: - COO ของ OpenAI ระบุว่าในสัปดาห์แรกของเดือน ผู้ใช้งานกว่า 130 ล้านคน ได้สร้าง 700 ล้านภาพ ผ่านฟีเจอร์ใหม่ ส่งผลให้มีการใช้งาน GPU อย่างหนัก ✅ คู่แข่งที่เริ่มดึงดูดความสนใจ: - Google Gemini และ Manus AI กำลังนำเสนอความสามารถใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพสูง ซึ่งสร้างแรงกดดันให้ OpenAI เร่งพัฒนาการให้บริการที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/chatgpt-subscribers-are-getting-frustrated-with-sora-restrictions-and-openai-outages-and-i-cant-blame-them
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • การปรับใช้ Cloud Computing ได้กลายมาเป็นแกนหลักสำคัญของธุรกิจในยุคปัจจุบัน โดยช่วยปรับปรุงการทำงาน ลดต้นทุน และเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการข้อมูลและแอปพลิเคชัน อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยของระบบคลาวด์ยังคงเป็นความท้าทายที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญ

    == ความนิยมของ Cloud Computing และความซับซ้อนด้านความปลอดภัย ==
    ✅ การเติบโตของระบบคลาวด์:
    - การใช้ Infrastructure as a Service (IaaS) เติบโตขึ้นกว่า 40% ในปีที่ผ่านมา และกลายเป็นรากฐานสำหรับการดำเนินธุรกิจยุคใหม่

    ✅ ระบบคลาวด์แบบไฮบริด:
    - องค์กรต่าง ๆ ใช้ระบบคลาวด์แบบผสม (Hybrid Cloud) ซึ่งรวม Private Cloud และ Public Cloud เข้าด้วยกันเพื่อปรับสมดุลระหว่างความปลอดภัยและการประหยัดต้นทุน
    - แต่การใช้ผู้ให้บริการหลายรายอาจเพิ่มความซับซ้อนและโอกาสในการเกิด Misconfiguration ทำให้ข้อมูลหลุดรั่วหรือถูกโจมตี

    == ความท้าทายด้านความปลอดภัยที่พบ ==
    ✅ ปัญหาในระบบที่ตั้งค่าไม่ถูกต้อง:
    - การตั้งค่าที่ผิดพลาดในระบบคลาวด์เป็นสาเหตุหลักของ Cloud Security Breaches รวมถึงการใช้รหัสผ่านที่ไม่รัดกุมและขาดการควบคุมการเข้าถึง

    ✅ การพัฒนาภัยคุกคามใหม่ ๆ:
    - การเพิ่มขึ้นของภัยคุกคามทำให้บริษัทต้องพิจารณาใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น Cloud Security Posture Management (CSPM) และ Cloud Access Security Brokers (CASBs) ซึ่งช่วยแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยและตรวจจับจุดอ่อนในระบบ

    ✅ การพัฒนามาตรฐานความปลอดภัย:
    - National Cyber Security Centre (NCSC) แนะนำให้ตรวจสอบระบบคลาวด์ด้วยมาตรฐานที่เข้มงวด เช่น การป้องกันการดักฟังข้อมูลและการจัดการการเปลี่ยนแปลงที่ปลอดภัย

    https://www.zdnet.com/article/cloud-computing-security-where-it-is-where-its-going/
    การปรับใช้ Cloud Computing ได้กลายมาเป็นแกนหลักสำคัญของธุรกิจในยุคปัจจุบัน โดยช่วยปรับปรุงการทำงาน ลดต้นทุน และเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการข้อมูลและแอปพลิเคชัน อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยของระบบคลาวด์ยังคงเป็นความท้าทายที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญ == ความนิยมของ Cloud Computing และความซับซ้อนด้านความปลอดภัย == ✅ การเติบโตของระบบคลาวด์: - การใช้ Infrastructure as a Service (IaaS) เติบโตขึ้นกว่า 40% ในปีที่ผ่านมา และกลายเป็นรากฐานสำหรับการดำเนินธุรกิจยุคใหม่ ✅ ระบบคลาวด์แบบไฮบริด: - องค์กรต่าง ๆ ใช้ระบบคลาวด์แบบผสม (Hybrid Cloud) ซึ่งรวม Private Cloud และ Public Cloud เข้าด้วยกันเพื่อปรับสมดุลระหว่างความปลอดภัยและการประหยัดต้นทุน - แต่การใช้ผู้ให้บริการหลายรายอาจเพิ่มความซับซ้อนและโอกาสในการเกิด Misconfiguration ทำให้ข้อมูลหลุดรั่วหรือถูกโจมตี == ความท้าทายด้านความปลอดภัยที่พบ == ✅ ปัญหาในระบบที่ตั้งค่าไม่ถูกต้อง: - การตั้งค่าที่ผิดพลาดในระบบคลาวด์เป็นสาเหตุหลักของ Cloud Security Breaches รวมถึงการใช้รหัสผ่านที่ไม่รัดกุมและขาดการควบคุมการเข้าถึง ✅ การพัฒนาภัยคุกคามใหม่ ๆ: - การเพิ่มขึ้นของภัยคุกคามทำให้บริษัทต้องพิจารณาใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น Cloud Security Posture Management (CSPM) และ Cloud Access Security Brokers (CASBs) ซึ่งช่วยแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยและตรวจจับจุดอ่อนในระบบ ✅ การพัฒนามาตรฐานความปลอดภัย: - National Cyber Security Centre (NCSC) แนะนำให้ตรวจสอบระบบคลาวด์ด้วยมาตรฐานที่เข้มงวด เช่น การป้องกันการดักฟังข้อมูลและการจัดการการเปลี่ยนแปลงที่ปลอดภัย https://www.zdnet.com/article/cloud-computing-security-where-it-is-where-its-going/
    WWW.ZDNET.COM
    Cloud computing means big opportunities - and big threats
    Making sure that cloud services are secure is more complicated than you might think.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยจาก MIT กำลังปฏิวัติวงการควอนตัมคอมพิวเตอร์ด้วยการพัฒนาอุปกรณ์ที่ช่วยให้ ชิปควอนตัมสามารถสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องใช้การเชื่อมต่อทางกายภาพ เทคนิคใหม่นี้นับเป็นความก้าวหน้าสำคัญในโลกควอนตัม โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาใหญ่ของการแบ่งปันข้อมูลระหว่างหน่วยประมวลผลในระบบควอนตัมคอมพิวเตอร์

    == หัวใจของเทคโนโลยีนี้ ==
    ✅ การใช้ Microwave Photons เป็นตัวกลาง
    - ระบบใหม่ใช้ คลื่นไมโครเวฟ (Microwave Photons) ในการส่งข้อมูลระหว่างชิปควอนตัมโดยตรง
    - ด้วยการสร้าง waveguide ซึ่งเป็นสายไฟแบบ superconducting ที่ทำหน้าที่เหมือนถนนควอนตัม ช่วยให้ชิปสื่อสารกันได้โดยไม่มี "ตัวกลาง"

    ✅ กระบวนการสร้าง Remote Entanglement
    - Remote Entanglement เป็นหลักการทางควอนตัมที่ช่วยให้สองชิปสามารถสร้างความสัมพันธ์เชิงควอนตัมแบบเรียลไทม์ โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกัน
    - วิธีการใหม่ทำให้การส่งและรับโฟตอนเกิดขึ้นได้ในสถานะ “ครึ่งหนึ่ง” ซึ่งโฟตอนอยู่ในสถานะที่ปล่อยและเก็บไว้พร้อมกัน

    ✅ การปรับรูปทรงโฟตอนเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
    - การเดินทางของโฟตอนผ่าน waveguide อาจเกิดความผิดเพี้ยน นักวิจัยจึงใช้ อัลกอริทึมเพื่อปรับแต่งรูปร่างของโฟตอน ส่งผลให้อัตราความสำเร็จในการสร้าง Entanglement สูงถึง 60%

    == ผลกระทบต่อโลกควอนตัมและเทคโนโลยีในอนาคต ==
    ✅ เปิดประตูสู่ Quantum Supercomputer ขนาดใหญ่
    - ระบบใหม่รองรับ “All-to-All Connectivity” ซึ่งช่วยให้หน่วยประมวลผลทุกชิปสามารถสื่อสารกันได้โดยตรง
    - อนาคตอาจมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มเติม เช่น 3D Integration หรือ โปรโตคอลที่เร็วขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

    ✅ การสนับสนุนจากหน่วยงานสำคัญ
    - โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนโดยหน่วยงานเช่น US Army Research Office, AWS Center for Quantum Computing และ US Air Force Office of Scientific Research

    ✅ ความสำคัญต่อ Quantum Internet
    - นอกจากการพัฒนา Quantum Computer ระบบใหม่นี้ยังสามารถขยายไปยัง Quantum Internet ซึ่งเป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงควอนตัมคอมพิวเตอร์ทั่วโลก

    https://www.techspot.com/news/107436-mit-showcases-quantum-chip-communication-without-physical-contact.html
    นักวิจัยจาก MIT กำลังปฏิวัติวงการควอนตัมคอมพิวเตอร์ด้วยการพัฒนาอุปกรณ์ที่ช่วยให้ ชิปควอนตัมสามารถสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องใช้การเชื่อมต่อทางกายภาพ เทคนิคใหม่นี้นับเป็นความก้าวหน้าสำคัญในโลกควอนตัม โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาใหญ่ของการแบ่งปันข้อมูลระหว่างหน่วยประมวลผลในระบบควอนตัมคอมพิวเตอร์ == หัวใจของเทคโนโลยีนี้ == ✅ การใช้ Microwave Photons เป็นตัวกลาง - ระบบใหม่ใช้ คลื่นไมโครเวฟ (Microwave Photons) ในการส่งข้อมูลระหว่างชิปควอนตัมโดยตรง - ด้วยการสร้าง waveguide ซึ่งเป็นสายไฟแบบ superconducting ที่ทำหน้าที่เหมือนถนนควอนตัม ช่วยให้ชิปสื่อสารกันได้โดยไม่มี "ตัวกลาง" ✅ กระบวนการสร้าง Remote Entanglement - Remote Entanglement เป็นหลักการทางควอนตัมที่ช่วยให้สองชิปสามารถสร้างความสัมพันธ์เชิงควอนตัมแบบเรียลไทม์ โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกัน - วิธีการใหม่ทำให้การส่งและรับโฟตอนเกิดขึ้นได้ในสถานะ “ครึ่งหนึ่ง” ซึ่งโฟตอนอยู่ในสถานะที่ปล่อยและเก็บไว้พร้อมกัน ✅ การปรับรูปทรงโฟตอนเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด - การเดินทางของโฟตอนผ่าน waveguide อาจเกิดความผิดเพี้ยน นักวิจัยจึงใช้ อัลกอริทึมเพื่อปรับแต่งรูปร่างของโฟตอน ส่งผลให้อัตราความสำเร็จในการสร้าง Entanglement สูงถึง 60% == ผลกระทบต่อโลกควอนตัมและเทคโนโลยีในอนาคต == ✅ เปิดประตูสู่ Quantum Supercomputer ขนาดใหญ่ - ระบบใหม่รองรับ “All-to-All Connectivity” ซึ่งช่วยให้หน่วยประมวลผลทุกชิปสามารถสื่อสารกันได้โดยตรง - อนาคตอาจมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มเติม เช่น 3D Integration หรือ โปรโตคอลที่เร็วขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ✅ การสนับสนุนจากหน่วยงานสำคัญ - โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนโดยหน่วยงานเช่น US Army Research Office, AWS Center for Quantum Computing และ US Air Force Office of Scientific Research ✅ ความสำคัญต่อ Quantum Internet - นอกจากการพัฒนา Quantum Computer ระบบใหม่นี้ยังสามารถขยายไปยัง Quantum Internet ซึ่งเป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงควอนตัมคอมพิวเตอร์ทั่วโลก https://www.techspot.com/news/107436-mit-showcases-quantum-chip-communication-without-physical-contact.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    MIT showcases quantum chip communication without physical contact
    Current quantum-computing systems rely on clunky "point-to-point" connections, where data is transferred in a chain and has to jump between nodes. Unfortunately, each hop also increases the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 1 รีวิว
  • Nvidia ได้เปิดซอร์สโค้ด GPU simulation kernel ของ PhysX และ Flow SDK ให้กับสาธารณะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ การปล่อยครั้งนี้ทำให้การพัฒนาและนวัตกรรมด้านการจำลองฟิสิกส์ก้าวไกลยิ่งขึ้น โดยเปิดโอกาสให้ชุมชนนักพัฒนาได้นำโค้ดไปสร้างโครงการที่มีคุณค่า นี่ถือเป็นก้าวสำคัญในเทคโนโลยี GPU-accelerated computing ที่จะเปลี่ยนแปลงโลกของเกม หุ่นยนต์ และการจำลองของไหล

    ✅ PhysX GPU Source Code ถูกเปิดเป็นครั้งแรก
    - แม้ PhysX SDK เคยถูกปล่อยในรูปแบบ open source ตั้งแต่ปี 2018 แต่ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ GPU simulation kernel source code ได้ถูกเปิดภายใต้ลิขสิทธิ์ BSD-3
    - ซอร์สโค้ดนี้ประกอบด้วย 500 CUDA kernels ที่สนับสนุนฟีเจอร์สำคัญ เช่น rigid body dynamics, fluid simulation และ deformable objects

    ✅ Flow SDK เปิดประตูสู่นวัตกรรมใหม่ด้านการจำลองของไหล
    - Flow SDK เป็นไลบรารีสำหรับการจำลองของไหลและก๊าซในเวลาเรียลไทม์ โดยใช้เทคนิค grid ที่เป็น sparse grid
    - GPU compute shader implementation ของ Flow SDK ก็ได้รับการเปิดให้เป็นซอร์สโค้ดเช่นกัน ทำให้นักพัฒนามีทรัพยากรที่มากขึ้นในการทดลองและสร้างโปรเจกต์ที่เกี่ยวข้อง

    ✅ แรงผลักดันสู่ความร่วมมือและการทดลองในวงกว้าง
    - Nvidia หวังว่าการเปิดซอร์สโค้ดจะกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เป็นนวัตกรรม และการค้นพบใหม่ ๆ ในการใช้ GPU สำหรับการจำลอง

    ✅ ความสำคัญของ PhysX และ Flow:
    - PhysX ซึ่งพัฒนาโดย NovodeX เป็นเอนจินสำหรับการจำลองฟิสิกส์ในแบบเรียลไทม์ที่นิยมใช้ในเกมและหุ่นยนต์
    - ในทางกลับกัน Flow เน้นการจำลองของไหลและก๊าซ โดยทั้งสอง SDK เสริมสร้างกันเพื่อขยายความสามารถในการจำลองปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์

    https://www.neowin.net/news/nvidia-finally-makes-physx-and-flow-source-code-open/
    Nvidia ได้เปิดซอร์สโค้ด GPU simulation kernel ของ PhysX และ Flow SDK ให้กับสาธารณะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ การปล่อยครั้งนี้ทำให้การพัฒนาและนวัตกรรมด้านการจำลองฟิสิกส์ก้าวไกลยิ่งขึ้น โดยเปิดโอกาสให้ชุมชนนักพัฒนาได้นำโค้ดไปสร้างโครงการที่มีคุณค่า นี่ถือเป็นก้าวสำคัญในเทคโนโลยี GPU-accelerated computing ที่จะเปลี่ยนแปลงโลกของเกม หุ่นยนต์ และการจำลองของไหล ✅ PhysX GPU Source Code ถูกเปิดเป็นครั้งแรก - แม้ PhysX SDK เคยถูกปล่อยในรูปแบบ open source ตั้งแต่ปี 2018 แต่ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ GPU simulation kernel source code ได้ถูกเปิดภายใต้ลิขสิทธิ์ BSD-3 - ซอร์สโค้ดนี้ประกอบด้วย 500 CUDA kernels ที่สนับสนุนฟีเจอร์สำคัญ เช่น rigid body dynamics, fluid simulation และ deformable objects ✅ Flow SDK เปิดประตูสู่นวัตกรรมใหม่ด้านการจำลองของไหล - Flow SDK เป็นไลบรารีสำหรับการจำลองของไหลและก๊าซในเวลาเรียลไทม์ โดยใช้เทคนิค grid ที่เป็น sparse grid - GPU compute shader implementation ของ Flow SDK ก็ได้รับการเปิดให้เป็นซอร์สโค้ดเช่นกัน ทำให้นักพัฒนามีทรัพยากรที่มากขึ้นในการทดลองและสร้างโปรเจกต์ที่เกี่ยวข้อง ✅ แรงผลักดันสู่ความร่วมมือและการทดลองในวงกว้าง - Nvidia หวังว่าการเปิดซอร์สโค้ดจะกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เป็นนวัตกรรม และการค้นพบใหม่ ๆ ในการใช้ GPU สำหรับการจำลอง ✅ ความสำคัญของ PhysX และ Flow: - PhysX ซึ่งพัฒนาโดย NovodeX เป็นเอนจินสำหรับการจำลองฟิสิกส์ในแบบเรียลไทม์ที่นิยมใช้ในเกมและหุ่นยนต์ - ในทางกลับกัน Flow เน้นการจำลองของไหลและก๊าซ โดยทั้งสอง SDK เสริมสร้างกันเพื่อขยายความสามารถในการจำลองปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ https://www.neowin.net/news/nvidia-finally-makes-physx-and-flow-source-code-open/
    WWW.NEOWIN.NET
    Nvidia finally makes PhysX and Flow source code open
    Nvidia has finally open-sourced the source code for PhysX and Flow SDKs that help in physics simulations.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • Claude for Education คือ AI ตัวใหม่จาก Anthropic ที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการศึกษาในมหาวิทยาลัยด้วยโหมด Socratic ที่ช่วยให้นักศึกษาคิดอย่างมีระบบ ไม่ใช่แค่หาคำตอบ นอกจากนี้ Claude ยังช่วยสร้าง Study Guide และร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง Northeastern เพื่อผลักดันให้ AI เป็นผู้ช่วยการเรียนรู้ ไม่ใช่เครื่องมือที่ใช้เพื่อเลี่ยงการเรียน

    ✅ โหมดการเรียนรู้แบบ Socratic Method
    - Claude ไม่เพียงแต่ตอบคำถาม แต่จะใช้วิธีการถามกลับ เช่น “คุณคิดว่าข้อพิสูจน์อะไรสามารถสนับสนุนแนวคิดนี้ได้?” เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้งานพิจารณาคำตอบอย่างลึกซึ้ง
    - ช่วยนักศึกษาสร้างแนวคิดใหม่ โดยไม่ใช่แค่พึ่ง AI ในการแก้ปัญหาโดยตรง

    ✅ สร้าง Study Guide จากเอกสารที่อัปโหลด
    - Claude สามารถสร้างคู่มือการเรียนจากเอกสารที่ผู้ใช้ส่งเข้ามา ซึ่งเหมาะสำหรับการเตรียมตัวสอบหรือสรุปบทเรียน

    ✅ ขยายการใช้งานในมหาวิทยาลัยระดับโลก
    - มหาวิทยาลัยเช่น Northeastern University และ London School of Economics เป็นกลุ่มแรกที่เริ่มใช้งาน Claude for Education เพื่อสนับสนุนการศึกษา
    - Anthropic ยังเปิดตัวโปรแกรม “Claude Campus Ambassadors” ที่ให้นักศึกษามีส่วนร่วมในการพัฒนาและขยาย AI ในสถาบันการศึกษา

    ✅ เครื่องมือสำหรับนวัตกร
    - Anthropic เสนอบริการ API credits ฟรี สำหรับนักศึกษาที่ต้องการสร้างโปรเจ็กต์ใหม่ ๆ ด้วย Claude

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/claude-goes-to-college-and-wants-to-be-your-study-buddy
    Claude for Education คือ AI ตัวใหม่จาก Anthropic ที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการศึกษาในมหาวิทยาลัยด้วยโหมด Socratic ที่ช่วยให้นักศึกษาคิดอย่างมีระบบ ไม่ใช่แค่หาคำตอบ นอกจากนี้ Claude ยังช่วยสร้าง Study Guide และร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง Northeastern เพื่อผลักดันให้ AI เป็นผู้ช่วยการเรียนรู้ ไม่ใช่เครื่องมือที่ใช้เพื่อเลี่ยงการเรียน ✅ โหมดการเรียนรู้แบบ Socratic Method - Claude ไม่เพียงแต่ตอบคำถาม แต่จะใช้วิธีการถามกลับ เช่น “คุณคิดว่าข้อพิสูจน์อะไรสามารถสนับสนุนแนวคิดนี้ได้?” เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้งานพิจารณาคำตอบอย่างลึกซึ้ง - ช่วยนักศึกษาสร้างแนวคิดใหม่ โดยไม่ใช่แค่พึ่ง AI ในการแก้ปัญหาโดยตรง ✅ สร้าง Study Guide จากเอกสารที่อัปโหลด - Claude สามารถสร้างคู่มือการเรียนจากเอกสารที่ผู้ใช้ส่งเข้ามา ซึ่งเหมาะสำหรับการเตรียมตัวสอบหรือสรุปบทเรียน ✅ ขยายการใช้งานในมหาวิทยาลัยระดับโลก - มหาวิทยาลัยเช่น Northeastern University และ London School of Economics เป็นกลุ่มแรกที่เริ่มใช้งาน Claude for Education เพื่อสนับสนุนการศึกษา - Anthropic ยังเปิดตัวโปรแกรม “Claude Campus Ambassadors” ที่ให้นักศึกษามีส่วนร่วมในการพัฒนาและขยาย AI ในสถาบันการศึกษา ✅ เครื่องมือสำหรับนวัตกร - Anthropic เสนอบริการ API credits ฟรี สำหรับนักศึกษาที่ต้องการสร้างโปรเจ็กต์ใหม่ ๆ ด้วย Claude https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/claude-goes-to-college-and-wants-to-be-your-study-buddy
    WWW.TECHRADAR.COM
    Claude goes to college and wants to be your study buddy
    Anthropic’s AI is enrolling across campuses for calculus tutoring and thesis feedback editing
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 รีวิว
  • Copilot Vision คือฟีเจอร์ใหม่ที่ทำให้ผู้ช่วย AI ใน Windows ฉลาดขึ้น โดยเข้าใจบริบทแอปพลิเคชันที่ใช้งานอยู่และแนะนำวิธีการทำงานได้ตรงจุด แม้ว่าฟีเจอร์นี้ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา แต่การสาธิตที่แสดงการช่วยชี้จุดในแอปพลิเคชันต่าง ๆ ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพที่อาจเปลี่ยนวิธีการทำงานใน Windows ของเราไปอย่างถาวร

    ✅ Copilot Vision ช่วยให้งานง่ายขึ้นโดยไม่ขัดจังหวะการทำงาน
    - ผู้ใช้สามารถ เปิดใช้งาน Copilot Vision ผ่านไอคอนบนหน้าจอหรือปุ่มเฉพาะบนคีย์บอร์ด เพื่อให้ AI แสดงรายการแอปพลิเคชันที่กำลังใช้งาน
    - ความสามารถนี้ช่วยให้ Copilot เข้าใจว่าผู้ใช้กำลังทำงานอะไร และสามารถตอบคำถามหรือแนะนำได้ตรงกับบริบท เช่น การออกแบบ 3D บน Blender หรือการปรับแต่งวิดีโอบน Clipchamp

    ✅ การแสดงคำแนะนำแบบโต้ตอบในอนาคต
    - Copilot Vision ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อเพิ่มฟีเจอร์ที่ แสดงลูกศรแนะนำตำแหน่งในแอปพลิเคชัน เช่น การเพิ่มการเปลี่ยนผ่านวิดีโอใน Clipchamp หรือการค้นหาเครื่องมือเฉพาะใน Photoshop
    - เทคโนโลยีใหม่นี้เปรียบเหมือน "Clippy ยุคใหม่" ที่ช่วยนำทางงานอย่างชาญฉลาด

    ✅ รองรับการใช้งานด้วยเสียงและข้อความ
    - ผู้ใช้สามารถตั้งคำถาม เช่น "จะทำให้งานออกแบบนี้ดูคลาสสิกขึ้นได้อย่างไร" หรือ "ไอคอนเพิ่มหมายเหตุอยู่ที่ไหน" โดย AI จะปรับคำตอบตามแอปและโครงการที่เปิดอยู่

    ✅ อนาคตของ Copilot Vision:
    - แม้ว่าฟีเจอร์ปัจจุบันจะสามารถระบุและเข้าใจบริบทแอปพลิเคชันได้แล้ว แต่ Microsoft กำลังพัฒนาให้ Copilot Vision ทำงานร่วมกับอินเทอร์เฟซของแอปได้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มการช่วยเหลือในรูปแบบภาพ
    - การอัปเดตที่ก้าวหน้ากว่านี้ยังไม่มีกรอบเวลาที่แน่ชัด แต่จากการสาธิต คาดว่าไม่นานเกินรอ

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/i-tried-copilot-vision-and-it-could-change-how-you-use-windows-forever
    Copilot Vision คือฟีเจอร์ใหม่ที่ทำให้ผู้ช่วย AI ใน Windows ฉลาดขึ้น โดยเข้าใจบริบทแอปพลิเคชันที่ใช้งานอยู่และแนะนำวิธีการทำงานได้ตรงจุด แม้ว่าฟีเจอร์นี้ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา แต่การสาธิตที่แสดงการช่วยชี้จุดในแอปพลิเคชันต่าง ๆ ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพที่อาจเปลี่ยนวิธีการทำงานใน Windows ของเราไปอย่างถาวร ✅ Copilot Vision ช่วยให้งานง่ายขึ้นโดยไม่ขัดจังหวะการทำงาน - ผู้ใช้สามารถ เปิดใช้งาน Copilot Vision ผ่านไอคอนบนหน้าจอหรือปุ่มเฉพาะบนคีย์บอร์ด เพื่อให้ AI แสดงรายการแอปพลิเคชันที่กำลังใช้งาน - ความสามารถนี้ช่วยให้ Copilot เข้าใจว่าผู้ใช้กำลังทำงานอะไร และสามารถตอบคำถามหรือแนะนำได้ตรงกับบริบท เช่น การออกแบบ 3D บน Blender หรือการปรับแต่งวิดีโอบน Clipchamp ✅ การแสดงคำแนะนำแบบโต้ตอบในอนาคต - Copilot Vision ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อเพิ่มฟีเจอร์ที่ แสดงลูกศรแนะนำตำแหน่งในแอปพลิเคชัน เช่น การเพิ่มการเปลี่ยนผ่านวิดีโอใน Clipchamp หรือการค้นหาเครื่องมือเฉพาะใน Photoshop - เทคโนโลยีใหม่นี้เปรียบเหมือน "Clippy ยุคใหม่" ที่ช่วยนำทางงานอย่างชาญฉลาด ✅ รองรับการใช้งานด้วยเสียงและข้อความ - ผู้ใช้สามารถตั้งคำถาม เช่น "จะทำให้งานออกแบบนี้ดูคลาสสิกขึ้นได้อย่างไร" หรือ "ไอคอนเพิ่มหมายเหตุอยู่ที่ไหน" โดย AI จะปรับคำตอบตามแอปและโครงการที่เปิดอยู่ ✅ อนาคตของ Copilot Vision: - แม้ว่าฟีเจอร์ปัจจุบันจะสามารถระบุและเข้าใจบริบทแอปพลิเคชันได้แล้ว แต่ Microsoft กำลังพัฒนาให้ Copilot Vision ทำงานร่วมกับอินเทอร์เฟซของแอปได้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มการช่วยเหลือในรูปแบบภาพ - การอัปเดตที่ก้าวหน้ากว่านี้ยังไม่มีกรอบเวลาที่แน่ชัด แต่จากการสาธิต คาดว่าไม่นานเกินรอ https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/i-tried-copilot-vision-and-it-could-change-how-you-use-windows-forever
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google Keep กำลังได้รับการอัปเดตใหม่เพื่อปรับปรุงอินเทอร์เฟซให้ใช้งานสะดวกขึ้น โดยมีการ เปลี่ยนดีไซน์ของแถบเครื่องมือ ทำให้ไอคอนใหญ่ขึ้นและอ่านง่ายกว่าเดิม นอกจากนี้ ภาพที่แนบในโน้ตจะมีขอบมนและการจัดวางที่เป็นระเบียบมากขึ้น เพื่อความสวยงาม ฟีเจอร์เหล่านี้ยังไม่เปิดให้ใช้งาน แต่มีแนวโน้มว่าจะมาในอัปเดตเร็ว ๆ นี้

    ✅ ดีไซน์ใหม่ของแถบเครื่องมือ—ใช้งานสะดวกขึ้น
    - ไอคอนสำหรับ แนบไฟล์, เปลี่ยนสีพื้นหลัง และจัดรูปแบบข้อความ จะใหญ่ขึ้นและมีพื้นหลังที่เปลี่ยนสีตามธีมของอุปกรณ์
    - หัวข้อย่อย เช่น H1 และ H2 จะมีขนาดเล็กลงเล็กน้อย

    ✅ การแนบรูปภาพดูเป็นระเบียบมากขึ้น
    - รูปภาพที่แนบในโน้ต จะมีขอบมนและมีพื้นที่ว่างรอบภาพแทนที่จะแสดงเต็มหน้าจอ
    - ให้ความรู้สึก สะอาดตาและเป็นระเบียบมากขึ้น

    ✅ การจัดวางปุ่มลัดอาจเปลี่ยนตำแหน่ง
    - ปุ่มลัด (FABs) ซึ่งเป็น ฟีเจอร์ที่ช่วยให้การนำทางสะดวกขึ้น อาจมีการเปลี่ยนตำแหน่งจากเดิม
    - ไอคอนอาจมี สีเข้มขึ้นและข้อความที่เข้มขึ้นเพื่อความชัดเจน

    ✅ ฟีเจอร์ใหม่จะเปิดให้ใช้งานในอัปเดตอนาคต
    - แม้ยังไม่มีประกาศวันปล่อยอัปเดต แต่มีโอกาสสูงที่ฟีเจอร์เหล่านี้จะถูกเพิ่มเข้ามาเร็ว ๆ นี้

    https://www.techradar.com/computing/software/google-keep-could-get-a-fresh-redesign-soon-including-two-features-thatll-make-it-much-easier-to-use
    Google Keep กำลังได้รับการอัปเดตใหม่เพื่อปรับปรุงอินเทอร์เฟซให้ใช้งานสะดวกขึ้น โดยมีการ เปลี่ยนดีไซน์ของแถบเครื่องมือ ทำให้ไอคอนใหญ่ขึ้นและอ่านง่ายกว่าเดิม นอกจากนี้ ภาพที่แนบในโน้ตจะมีขอบมนและการจัดวางที่เป็นระเบียบมากขึ้น เพื่อความสวยงาม ฟีเจอร์เหล่านี้ยังไม่เปิดให้ใช้งาน แต่มีแนวโน้มว่าจะมาในอัปเดตเร็ว ๆ นี้ ✅ ดีไซน์ใหม่ของแถบเครื่องมือ—ใช้งานสะดวกขึ้น - ไอคอนสำหรับ แนบไฟล์, เปลี่ยนสีพื้นหลัง และจัดรูปแบบข้อความ จะใหญ่ขึ้นและมีพื้นหลังที่เปลี่ยนสีตามธีมของอุปกรณ์ - หัวข้อย่อย เช่น H1 และ H2 จะมีขนาดเล็กลงเล็กน้อย ✅ การแนบรูปภาพดูเป็นระเบียบมากขึ้น - รูปภาพที่แนบในโน้ต จะมีขอบมนและมีพื้นที่ว่างรอบภาพแทนที่จะแสดงเต็มหน้าจอ - ให้ความรู้สึก สะอาดตาและเป็นระเบียบมากขึ้น ✅ การจัดวางปุ่มลัดอาจเปลี่ยนตำแหน่ง - ปุ่มลัด (FABs) ซึ่งเป็น ฟีเจอร์ที่ช่วยให้การนำทางสะดวกขึ้น อาจมีการเปลี่ยนตำแหน่งจากเดิม - ไอคอนอาจมี สีเข้มขึ้นและข้อความที่เข้มขึ้นเพื่อความชัดเจน ✅ ฟีเจอร์ใหม่จะเปิดให้ใช้งานในอัปเดตอนาคต - แม้ยังไม่มีประกาศวันปล่อยอัปเดต แต่มีโอกาสสูงที่ฟีเจอร์เหล่านี้จะถูกเพิ่มเข้ามาเร็ว ๆ นี้ https://www.techradar.com/computing/software/google-keep-could-get-a-fresh-redesign-soon-including-two-features-thatll-make-it-much-easier-to-use
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google Messages กำลังอัปเกรดระบบแชท โดยเพิ่มฟีเจอร์ Snooze สำหรับปิดแจ้งเตือนชั่วคราว และระบบลิงก์เข้าร่วมกลุ่มแชทแบบ WhatsApp ผู้ใช้สามารถ ปิดเสียงแจ้งเตือนได้ถึง 24 ชั่วโมง และแชร์ลิงก์ให้ผู้อื่นเข้าร่วมแชทได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ Google ยังเพิ่มลูกเล่นใหม่ เช่น Screen Effects สำหรับอีโมจิและเมนูข้อมูลข้อความ

    ✅ Snooze แจ้งเตือนได้นานขึ้นถึง 24 ชั่วโมง
    - ผู้ใช้สามารถเลือกปิดเสียงแจ้งเตือน เป็นระยะเวลาต่าง ๆ เช่น 1 ชั่วโมง, 8 ชั่วโมง และ 24 ชั่วโมง
    - มีตัวเลือก "Always" ที่ต้องปิดด้วยตัวเองเมื่อพร้อมกลับมาใช้งาน

    ✅ ช่วยจัดการกลุ่มแชทให้ง่ายขึ้นด้วยระบบลิงก์เข้าร่วม
    - ผู้ใช้สามารถ แชร์ลิงก์หรือ QR Code ให้คนอื่นเข้าร่วมกลุ่มแชทโดยไม่ต้องเพิ่มเบอร์โทรศัพท์เอง
    - ลิงก์สามารถตั้งค่าให้ ใช้ได้ครั้งเดียว หรือใช้ซ้ำได้จนหมดอายุภายใน 30 วัน

    ✅ Google กำลังผลักดันฟีเจอร์ใหม่ใน Messages อย่างต่อเนื่อง
    - ก่อนหน้านี้ Google เพิ่งเพิ่ม Screen Effects สำหรับอีโมจิ เพื่อให้การส่งข้อความสนุกขึ้น
    - มีการปรับปรุง เมนูรายละเอียดข้อความ ให้แสดงข้อมูลที่จำเป็นได้เร็วขึ้น

    https://www.techradar.com/computing/software/google-messages-is-getting-two-big-group-chat-upgrades-including-a-much-needed-new-snooze-function
    Google Messages กำลังอัปเกรดระบบแชท โดยเพิ่มฟีเจอร์ Snooze สำหรับปิดแจ้งเตือนชั่วคราว และระบบลิงก์เข้าร่วมกลุ่มแชทแบบ WhatsApp ผู้ใช้สามารถ ปิดเสียงแจ้งเตือนได้ถึง 24 ชั่วโมง และแชร์ลิงก์ให้ผู้อื่นเข้าร่วมแชทได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ Google ยังเพิ่มลูกเล่นใหม่ เช่น Screen Effects สำหรับอีโมจิและเมนูข้อมูลข้อความ ✅ Snooze แจ้งเตือนได้นานขึ้นถึง 24 ชั่วโมง - ผู้ใช้สามารถเลือกปิดเสียงแจ้งเตือน เป็นระยะเวลาต่าง ๆ เช่น 1 ชั่วโมง, 8 ชั่วโมง และ 24 ชั่วโมง - มีตัวเลือก "Always" ที่ต้องปิดด้วยตัวเองเมื่อพร้อมกลับมาใช้งาน ✅ ช่วยจัดการกลุ่มแชทให้ง่ายขึ้นด้วยระบบลิงก์เข้าร่วม - ผู้ใช้สามารถ แชร์ลิงก์หรือ QR Code ให้คนอื่นเข้าร่วมกลุ่มแชทโดยไม่ต้องเพิ่มเบอร์โทรศัพท์เอง - ลิงก์สามารถตั้งค่าให้ ใช้ได้ครั้งเดียว หรือใช้ซ้ำได้จนหมดอายุภายใน 30 วัน ✅ Google กำลังผลักดันฟีเจอร์ใหม่ใน Messages อย่างต่อเนื่อง - ก่อนหน้านี้ Google เพิ่งเพิ่ม Screen Effects สำหรับอีโมจิ เพื่อให้การส่งข้อความสนุกขึ้น - มีการปรับปรุง เมนูรายละเอียดข้อความ ให้แสดงข้อมูลที่จำเป็นได้เร็วขึ้น https://www.techradar.com/computing/software/google-messages-is-getting-two-big-group-chat-upgrades-including-a-much-needed-new-snooze-function
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโอซากะเสนอแนวคิดใช้เนื้อเยื่อมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของระบบคอมพิวเตอร์ โดยใช้ คุณสมบัติของกล้ามเนื้อที่ตอบสนองต่อแรงกด เพื่อช่วยประมวลผลข้อมูล แนวคิดนี้อาจนำไปใช้ใน อุปกรณ์สวมใส่ เช่น สมาร์ทวอทช์ โดยที่ร่างกายทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบคำนวณ นักวิจัยพบว่า เทคนิคนี้มีความแม่นยำสูงกว่าวิธีดั้งเดิม แต่ยังต้องมีการศึกษาต่อไป

    ✅ หลักการของ reservoir computing และเนื้อเยื่อมนุษย์
    - ระบบนี้ใช้ เนื้อเยื่ออ่อนที่สามารถตอบสนองต่อแรงกดและความเครียดทางกายภาพ เพื่อทำหน้าที่เป็น "reservoir" ในการประมวลผลข้อมูล
    - นักวิจัยใช้ อัลตราซาวด์เพื่อติดตามการเคลื่อนไหวของข้อมือ และพบว่า รูปแบบการบิดตัวของกล้ามเนื้อสามารถอ่านค่าเป็นข้อมูลได้

    ✅ ศักยภาพของเทคโนโลยีนี้—อาจนำไปใช้ในอุปกรณ์สวมใส่
    - นักวิจัยเสนอว่า เทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ในอุปกรณ์สวมใส่ เช่น สมาร์ทวอทช์
    - แทนที่อุปกรณ์จะใช้ ซีพียูภายนอก ระบบอาจสามารถประมวลผลโดยใช้ เนื้อเยื่อของมนุษย์เอง

    ✅ การทดสอบพบว่ามีความแม่นยำสูงกว่าโมเดลที่ไม่ได้พิจารณาคุณสมบัติเนื้อเยื่อ
    - ระบบสามารถ คาดการณ์ผลลัพธ์ในระบบไดนามิกที่ไม่เป็นเชิงเส้นได้แม่นยำกว่าปกติ
    - โมเดลนี้อาจช่วยให้ AI สามารถทำงานร่วมกับร่างกายมนุษย์ได้ดีขึ้น

    ✅ แนวคิดนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม
    - นักวิจัยระบุว่า ยังมีงานวิจัยอีกมากที่ต้องดำเนินการ ก่อนที่จะสามารถนำไปใช้จริงได้
    - อาจต้องศึกษาว่า เนื้อเยื่อของมนุษย์สามารถทำงานในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้ดีเพียงใด

    https://www.techradar.com/pro/humans-as-hardware-no-not-the-name-of-a-new-matrix-movie-prequel-but-a-shocking-idea-about-human-tissue
    นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโอซากะเสนอแนวคิดใช้เนื้อเยื่อมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของระบบคอมพิวเตอร์ โดยใช้ คุณสมบัติของกล้ามเนื้อที่ตอบสนองต่อแรงกด เพื่อช่วยประมวลผลข้อมูล แนวคิดนี้อาจนำไปใช้ใน อุปกรณ์สวมใส่ เช่น สมาร์ทวอทช์ โดยที่ร่างกายทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบคำนวณ นักวิจัยพบว่า เทคนิคนี้มีความแม่นยำสูงกว่าวิธีดั้งเดิม แต่ยังต้องมีการศึกษาต่อไป ✅ หลักการของ reservoir computing และเนื้อเยื่อมนุษย์ - ระบบนี้ใช้ เนื้อเยื่ออ่อนที่สามารถตอบสนองต่อแรงกดและความเครียดทางกายภาพ เพื่อทำหน้าที่เป็น "reservoir" ในการประมวลผลข้อมูล - นักวิจัยใช้ อัลตราซาวด์เพื่อติดตามการเคลื่อนไหวของข้อมือ และพบว่า รูปแบบการบิดตัวของกล้ามเนื้อสามารถอ่านค่าเป็นข้อมูลได้ ✅ ศักยภาพของเทคโนโลยีนี้—อาจนำไปใช้ในอุปกรณ์สวมใส่ - นักวิจัยเสนอว่า เทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ในอุปกรณ์สวมใส่ เช่น สมาร์ทวอทช์ - แทนที่อุปกรณ์จะใช้ ซีพียูภายนอก ระบบอาจสามารถประมวลผลโดยใช้ เนื้อเยื่อของมนุษย์เอง ✅ การทดสอบพบว่ามีความแม่นยำสูงกว่าโมเดลที่ไม่ได้พิจารณาคุณสมบัติเนื้อเยื่อ - ระบบสามารถ คาดการณ์ผลลัพธ์ในระบบไดนามิกที่ไม่เป็นเชิงเส้นได้แม่นยำกว่าปกติ - โมเดลนี้อาจช่วยให้ AI สามารถทำงานร่วมกับร่างกายมนุษย์ได้ดีขึ้น ✅ แนวคิดนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม - นักวิจัยระบุว่า ยังมีงานวิจัยอีกมากที่ต้องดำเนินการ ก่อนที่จะสามารถนำไปใช้จริงได้ - อาจต้องศึกษาว่า เนื้อเยื่อของมนุษย์สามารถทำงานในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้ดีเพียงใด https://www.techradar.com/pro/humans-as-hardware-no-not-the-name-of-a-new-matrix-movie-prequel-but-a-shocking-idea-about-human-tissue
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 236 มุมมอง 0 รีวิว
  • OpenAI เตรียมนำ Deep Reasoning มาให้ผู้ใช้ ChatGPT ฟรี ได้ใช้งานเร็ว ๆ นี้ แต่คำถามคือ ChatGPT Plus ยังคุ้มค่าที่จะสมัครหรือไม่? โดย Graham Barlow นักเขียนจาก TechRadar ชี้ว่า ฟีเจอร์ Deep Reasoning แม้จะเปิดให้ใช้ฟรี แต่ยังมีข้อจำกัดในหลายด้านที่ Plus ให้ประโยชน์มากกว่า

    ✅ Deep Reasoning ทำอะไรได้บ้าง?
    - ช่วยให้ ChatGPT ค้นคว้าและวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงลึก คล้ายทีมวิจัย
    - สามารถรวบรวม ข้อมูล ประมวลผล และนำเสนอรายงานฉบับสมบูรณ์
    - ตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้ขอรายงานเกี่ยวกับ การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมเกมในช่วง 3 ปี Deep Reasoning จะค้นคว้าออนไลน์ และสรุปข้อมูลพร้อมตารางและแหล่งที่มา

    ✅ Deep Reasoning เริ่มต้นใน ChatGPT Pro ก่อนย้ายมาสู่ Plus
    - ก่อนหน้านี้ Deep Reasoning อยู่ในแพ็กเกจ ChatGPT Pro ราคา $200 ต่อเดือน
    - ต่อมา OpenAI นำฟีเจอร์นี้มาสู่ ChatGPT Plus ราคา $20 ต่อเดือน
    - ล่าสุดกำลังเตรียมเปิดให้ผู้ใช้ ChatGPT ฟรี ได้ใช้งาน

    ✅ ChatGPT Plus ยังมีข้อได้เปรียบเหนือเวอร์ชันฟรี
    - ข้อจำกัดน้อยลง: แม้ Deep Reasoning จะเปิดให้ใช้ฟรี แต่คาดว่าจะมีการจำกัดการใช้งาน เช่น จำนวนครั้งต่อวัน
    - มีโมเดล AI มากกว่า: Plus ให้เข้าถึง ChatGPT 4o, 4o-mini, 4.5, o1, o3-mini ขณะที่เวอร์ชันฟรีมีแค่ ChatGPT 4- mini
    - การสร้างวิดีโอ Sora: ผู้ใช้ Plus สามารถ ทดลองสร้างวิดีโอ AI ด้วย Sora แต่ต้องสมัคร Pro หากต้องการสร้างวิดีโอแบบไม่มีลายน้ำ
    - Advanced Voice Mode: Plus ให้ใช้ Advanced Voice Mode ได้มากกว่า 15 นาทีต่อเดือน
    - ฟีเจอร์พิเศษ เช่น Projects และ Tasks: ผู้ใช้ Plus สามารถ จัดกลุ่มไฟล์และแชท รวมถึง ตั้งเวลาทำงานล่วงหน้า

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/deep-reasoning-is-coming-to-chatgpt-free-but-i-think-its-still-worth-paying-for-chatgpt-plus
    OpenAI เตรียมนำ Deep Reasoning มาให้ผู้ใช้ ChatGPT ฟรี ได้ใช้งานเร็ว ๆ นี้ แต่คำถามคือ ChatGPT Plus ยังคุ้มค่าที่จะสมัครหรือไม่? โดย Graham Barlow นักเขียนจาก TechRadar ชี้ว่า ฟีเจอร์ Deep Reasoning แม้จะเปิดให้ใช้ฟรี แต่ยังมีข้อจำกัดในหลายด้านที่ Plus ให้ประโยชน์มากกว่า ✅ Deep Reasoning ทำอะไรได้บ้าง? - ช่วยให้ ChatGPT ค้นคว้าและวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงลึก คล้ายทีมวิจัย - สามารถรวบรวม ข้อมูล ประมวลผล และนำเสนอรายงานฉบับสมบูรณ์ - ตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้ขอรายงานเกี่ยวกับ การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมเกมในช่วง 3 ปี Deep Reasoning จะค้นคว้าออนไลน์ และสรุปข้อมูลพร้อมตารางและแหล่งที่มา ✅ Deep Reasoning เริ่มต้นใน ChatGPT Pro ก่อนย้ายมาสู่ Plus - ก่อนหน้านี้ Deep Reasoning อยู่ในแพ็กเกจ ChatGPT Pro ราคา $200 ต่อเดือน - ต่อมา OpenAI นำฟีเจอร์นี้มาสู่ ChatGPT Plus ราคา $20 ต่อเดือน - ล่าสุดกำลังเตรียมเปิดให้ผู้ใช้ ChatGPT ฟรี ได้ใช้งาน ✅ ChatGPT Plus ยังมีข้อได้เปรียบเหนือเวอร์ชันฟรี - ข้อจำกัดน้อยลง: แม้ Deep Reasoning จะเปิดให้ใช้ฟรี แต่คาดว่าจะมีการจำกัดการใช้งาน เช่น จำนวนครั้งต่อวัน - มีโมเดล AI มากกว่า: Plus ให้เข้าถึง ChatGPT 4o, 4o-mini, 4.5, o1, o3-mini ขณะที่เวอร์ชันฟรีมีแค่ ChatGPT 4- mini - การสร้างวิดีโอ Sora: ผู้ใช้ Plus สามารถ ทดลองสร้างวิดีโอ AI ด้วย Sora แต่ต้องสมัคร Pro หากต้องการสร้างวิดีโอแบบไม่มีลายน้ำ - Advanced Voice Mode: Plus ให้ใช้ Advanced Voice Mode ได้มากกว่า 15 นาทีต่อเดือน - ฟีเจอร์พิเศษ เช่น Projects และ Tasks: ผู้ใช้ Plus สามารถ จัดกลุ่มไฟล์และแชท รวมถึง ตั้งเวลาทำงานล่วงหน้า https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/deep-reasoning-is-coming-to-chatgpt-free-but-i-think-its-still-worth-paying-for-chatgpt-plus
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 287 มุมมอง 0 รีวิว
  • ChatGPT 4o เปิดให้ใช้ฟรีในการสร้างภาพแล้ว โดยสามารถ เปลี่ยนพื้นหลัง, สร้างภาพจากไอเดียใหม่ และปรับอารมณ์ภาพ อย่างไรก็ตาม มีข้อจำกัดสำหรับผู้ใช้ฟรี เช่น สามารถสร้างภาพได้เพียง 3 ครั้งต่อวัน และ ข้อจำกัดในการอัปโหลดรูปภาพเพื่อแก้ไข หากต้องการใช้งานเพิ่มเติม อาจต้องสมัครสมาชิกแบบเสียเงิน

    ✅ การสร้างภาพและแก้ไขพื้นหลัง
    - ChatGPT 4o สามารถ เปลี่ยนพื้นหลังของภาพได้อย่างแม่นยำ โดยตรวจจับวัตถุหลักและสร้างฉากที่เข้ากัน
    - ตัวอย่างเช่น เมื่อนำภาพของ French Bulldog ไปให้ AI และสั่งเปลี่ยนพื้นหลังเป็นชายหาด ChatGPT สามารถสร้างภาพใหม่ได้อย่างสมจริง

    ✅ ใช้ภาพอ้างอิงเพื่อสร้างภาพใหม่
    - ผู้ใช้สามารถให้ ChatGPT ใช้ภาพเดิมเป็นต้นแบบ และสร้างภาพใหม่ตามไอเดียที่ต้องการ
    - ตัวอย่างเช่น เมื่อให้ภาพของสุนัข และสั่งให้มัน แต่งตัวเป็นกบแล้วขี่สเก็ตบอร์ด AI สามารถสร้างภาพตามคำสั่งได้

    ✅ ปรับอารมณ์ของภาพ
    - AI สามารถปรับอารมณ์ของภาพได้ เช่น เปลี่ยนให้ สุนัขที่ดูเศร้าเป็นสุนัขที่ดูมีความสุข โดยใช้เทคนิคการปรับแต่งใบหน้า

    ✅ ข้อจำกัดของผู้ใช้ฟรี
    - OpenAI กำหนดให้ ผู้ใช้ฟรีสามารถสร้างภาพได้เพียง 3 ครั้งต่อวัน
    - นอกจากนี้ มีข้อจำกัดเกี่ยวกับ จำนวนครั้งที่สามารถอัปโหลดภาพเพื่อแก้ไข

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/chatgpt-4os-image-generation-is-now-free-for-everyone-3-ways-to-use-the-new-ai-tool-without-following-the-studio-ghibli-herd
    ChatGPT 4o เปิดให้ใช้ฟรีในการสร้างภาพแล้ว โดยสามารถ เปลี่ยนพื้นหลัง, สร้างภาพจากไอเดียใหม่ และปรับอารมณ์ภาพ อย่างไรก็ตาม มีข้อจำกัดสำหรับผู้ใช้ฟรี เช่น สามารถสร้างภาพได้เพียง 3 ครั้งต่อวัน และ ข้อจำกัดในการอัปโหลดรูปภาพเพื่อแก้ไข หากต้องการใช้งานเพิ่มเติม อาจต้องสมัครสมาชิกแบบเสียเงิน ✅ การสร้างภาพและแก้ไขพื้นหลัง - ChatGPT 4o สามารถ เปลี่ยนพื้นหลังของภาพได้อย่างแม่นยำ โดยตรวจจับวัตถุหลักและสร้างฉากที่เข้ากัน - ตัวอย่างเช่น เมื่อนำภาพของ French Bulldog ไปให้ AI และสั่งเปลี่ยนพื้นหลังเป็นชายหาด ChatGPT สามารถสร้างภาพใหม่ได้อย่างสมจริง ✅ ใช้ภาพอ้างอิงเพื่อสร้างภาพใหม่ - ผู้ใช้สามารถให้ ChatGPT ใช้ภาพเดิมเป็นต้นแบบ และสร้างภาพใหม่ตามไอเดียที่ต้องการ - ตัวอย่างเช่น เมื่อให้ภาพของสุนัข และสั่งให้มัน แต่งตัวเป็นกบแล้วขี่สเก็ตบอร์ด AI สามารถสร้างภาพตามคำสั่งได้ ✅ ปรับอารมณ์ของภาพ - AI สามารถปรับอารมณ์ของภาพได้ เช่น เปลี่ยนให้ สุนัขที่ดูเศร้าเป็นสุนัขที่ดูมีความสุข โดยใช้เทคนิคการปรับแต่งใบหน้า ✅ ข้อจำกัดของผู้ใช้ฟรี - OpenAI กำหนดให้ ผู้ใช้ฟรีสามารถสร้างภาพได้เพียง 3 ครั้งต่อวัน - นอกจากนี้ มีข้อจำกัดเกี่ยวกับ จำนวนครั้งที่สามารถอัปโหลดภาพเพื่อแก้ไข https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/chatgpt-4os-image-generation-is-now-free-for-everyone-3-ways-to-use-the-new-ai-tool-without-following-the-studio-ghibli-herd
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 286 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts