• ประกาศ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต

    https://www.royaloffice.th/wp-content/uploads/2025/10/2568-10-24.pdf
    ประกาศ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต https://www.royaloffice.th/wp-content/uploads/2025/10/2568-10-24.pdf
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำไม CISO ต้อง “ปราบมังกรไซเบอร์” เพื่อให้ธุรกิจเคารพ?

    ในโลกธุรกิจยุคดิจิทัล ตำแหน่ง CISO (Chief Information Security Officer) กลายเป็นหนึ่งในบทบาทที่สำคัญที่สุด แต่กลับเป็นตำแหน่งที่มักถูกมองข้ามหรือกลายเป็น “แพะรับบาป” เมื่อเกิดเหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์ บทความจาก CSO Online ได้สำรวจว่าเหตุใด CISO จึงต้องเผชิญกับความท้าทายมหาศาลเพื่อให้ได้รับความเคารพจากผู้บริหารและเพื่อนร่วมงาน

    การรับมือกับเหตุการณ์ไซเบอร์ เช่น ransomware attack ไม่เพียงแต่เป็นบททดสอบด้านเทคนิค แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนของชื่อเสียงและอำนาจภายในองค์กร จากการสำรวจของ Cytactic พบว่า 65% ของ CISO ที่เคยนำทีมรับมือเหตุการณ์สำเร็จ ได้รับความเคารพเพิ่มขึ้น ขณะที่ 25% ถูกปลดออกจากตำแหน่งหลังเกิดเหตุการณ์

    Michael Oberlaender อดีต CISO ที่เคยผ่านวิกฤตใหญ่เล่าว่า หลังจากป้องกันการโจมตีได้สำเร็จ เขาได้รับอำนาจเต็มในการตัดสินใจทางการเงิน และเสียงของเขาในที่ประชุมก็ได้รับการรับฟังอย่างจริงจังมากขึ้น

    อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนชี้ว่า การได้รับความเคารพไม่ควรต้องแลกกับการเผชิญภัยคุกคามเสมอไป Jeff Pollard จาก Forrester กล่าวว่า “ถ้าเราไม่เห็นภัยเกิดขึ้น เราก็ไม่เห็นคุณค่าของการป้องกัน” และ Chris Jackson เปรียบ CISO กับโค้ชกีฬา: “ต่อให้ชนะทุกเกม แต่ถ้าไม่ได้แชมป์ ก็อาจถูกปลดได้”

    สรุปประเด็นสำคัญจากบทความ

    1️⃣ เหตุการณ์ไซเบอร์คือจุดเปลี่ยนของ CISO
    ผลกระทบจากการรับมือเหตุการณ์
    65% ของ CISO ที่รับมือเหตุการณ์สำเร็จ ได้รับความเคารพเพิ่มขึ้น
    25% ถูกปลดหลังเกิด ransomware attack
    การรับมือที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของทีมรักษาความปลอดภัย

    คำเตือน
    หากรับมือผิดพลาด อาจกลายเป็น “แพะรับบาป”
    การไม่เตรียมซ้อมรับมือเหตุการณ์ล่วงหน้า อาจทำให้ทีมล้มเหลว

    2️⃣ ความเคารพต้องแลกด้วย “การพิสูจน์ตัวเอง”
    ตัวอย่างจากผู้มีประสบการณ์
    Michael Oberlaender ได้รับอำนาจเต็มหลังป้องกันเหตุการณ์สำเร็จ
    Finance และผู้บริหารให้ความเชื่อมั่นมากขึ้น
    เสียงของเขาในที่ประชุมได้รับการรับฟังอย่างจริงจัง

    คำเตือน
    ความเคารพอาจเกิดขึ้นเฉพาะหลังเกิดวิกฤตเท่านั้น
    หากไม่มีเหตุการณ์ให้ “โชว์ฝีมือ” CISO อาจถูกมองข้าม

    3️⃣ ปัญหาการสื่อสารและการมองเห็นคุณค่า
    มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ
    Brian Levine ชี้ว่า การเพิ่มงบประมาณหลังเหตุการณ์ ไม่ใช่เพราะเคารพ CISO แต่เพราะต้องเสริมระบบ
    Jeff Pollard ชี้ว่า “ถ้าไม่เห็นภัย ก็ไม่เห็นคุณค่าของการป้องกัน”
    Erik Avakian แนะนำให้ใช้ KPI เพื่อแสดงคุณค่าทางธุรกิจ เช่น การลด spam email

    คำเตือน
    การสื่อสารไม่ชัดเจน อาจทำให้ความสำเร็จถูกมองข้าม
    การไม่แสดงผลลัพธ์เป็นตัวเลข อาจทำให้ผู้บริหารไม่เข้าใจคุณค่าของงานรักษาความปลอดภัย

    4️⃣ ปัญหาการจ้างงาน CISO ในตลาดปัจจุบัน
    ความเห็นจาก Oberlaender
    บริษัทควรจ้าง CISO ที่มีประสบการณ์จริง
    ปัจจุบันหลายบริษัทเลือกจ้าง “virtual CISO” ที่ขาดความรู้ลึก
    ส่งผลให้เกิดการจัดการเหตุการณ์ผิดพลาดและข้อมูลรั่วไหล

    คำเตือน
    การจ้างงานราคาถูกอาจนำไปสู่ความเสียหายที่มีต้นทุนสูง
    การละเลยคุณสมบัติด้านประสบการณ์ อาจทำให้องค์กรเสี่ยงต่อภัยไซเบอร์

    https://www.csoonline.com/article/4074994/why-must-cisos-slay-a-cyber-dragon-to-earn-business-respect.html
    🛡️ ทำไม CISO ต้อง “ปราบมังกรไซเบอร์” เพื่อให้ธุรกิจเคารพ? ในโลกธุรกิจยุคดิจิทัล ตำแหน่ง CISO (Chief Information Security Officer) กลายเป็นหนึ่งในบทบาทที่สำคัญที่สุด แต่กลับเป็นตำแหน่งที่มักถูกมองข้ามหรือกลายเป็น “แพะรับบาป” เมื่อเกิดเหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์ บทความจาก CSO Online ได้สำรวจว่าเหตุใด CISO จึงต้องเผชิญกับความท้าทายมหาศาลเพื่อให้ได้รับความเคารพจากผู้บริหารและเพื่อนร่วมงาน การรับมือกับเหตุการณ์ไซเบอร์ เช่น ransomware attack ไม่เพียงแต่เป็นบททดสอบด้านเทคนิค แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนของชื่อเสียงและอำนาจภายในองค์กร จากการสำรวจของ Cytactic พบว่า 65% ของ CISO ที่เคยนำทีมรับมือเหตุการณ์สำเร็จ ได้รับความเคารพเพิ่มขึ้น ขณะที่ 25% ถูกปลดออกจากตำแหน่งหลังเกิดเหตุการณ์ Michael Oberlaender อดีต CISO ที่เคยผ่านวิกฤตใหญ่เล่าว่า หลังจากป้องกันการโจมตีได้สำเร็จ เขาได้รับอำนาจเต็มในการตัดสินใจทางการเงิน และเสียงของเขาในที่ประชุมก็ได้รับการรับฟังอย่างจริงจังมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนชี้ว่า การได้รับความเคารพไม่ควรต้องแลกกับการเผชิญภัยคุกคามเสมอไป Jeff Pollard จาก Forrester กล่าวว่า “ถ้าเราไม่เห็นภัยเกิดขึ้น เราก็ไม่เห็นคุณค่าของการป้องกัน” และ Chris Jackson เปรียบ CISO กับโค้ชกีฬา: “ต่อให้ชนะทุกเกม แต่ถ้าไม่ได้แชมป์ ก็อาจถูกปลดได้” 🔍 สรุปประเด็นสำคัญจากบทความ 1️⃣ เหตุการณ์ไซเบอร์คือจุดเปลี่ยนของ CISO ✅ ผลกระทบจากการรับมือเหตุการณ์ ➡️ 65% ของ CISO ที่รับมือเหตุการณ์สำเร็จ ได้รับความเคารพเพิ่มขึ้น ➡️ 25% ถูกปลดหลังเกิด ransomware attack ➡️ การรับมือที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของทีมรักษาความปลอดภัย ‼️ คำเตือน ⛔ หากรับมือผิดพลาด อาจกลายเป็น “แพะรับบาป” ⛔ การไม่เตรียมซ้อมรับมือเหตุการณ์ล่วงหน้า อาจทำให้ทีมล้มเหลว 2️⃣ ความเคารพต้องแลกด้วย “การพิสูจน์ตัวเอง” ✅ ตัวอย่างจากผู้มีประสบการณ์ ➡️ Michael Oberlaender ได้รับอำนาจเต็มหลังป้องกันเหตุการณ์สำเร็จ ➡️ Finance และผู้บริหารให้ความเชื่อมั่นมากขึ้น ➡️ เสียงของเขาในที่ประชุมได้รับการรับฟังอย่างจริงจัง ‼️ คำเตือน ⛔ ความเคารพอาจเกิดขึ้นเฉพาะหลังเกิดวิกฤตเท่านั้น ⛔ หากไม่มีเหตุการณ์ให้ “โชว์ฝีมือ” CISO อาจถูกมองข้าม 3️⃣ ปัญหาการสื่อสารและการมองเห็นคุณค่า ✅ มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ Brian Levine ชี้ว่า การเพิ่มงบประมาณหลังเหตุการณ์ ไม่ใช่เพราะเคารพ CISO แต่เพราะต้องเสริมระบบ ➡️ Jeff Pollard ชี้ว่า “ถ้าไม่เห็นภัย ก็ไม่เห็นคุณค่าของการป้องกัน” ➡️ Erik Avakian แนะนำให้ใช้ KPI เพื่อแสดงคุณค่าทางธุรกิจ เช่น การลด spam email ‼️ คำเตือน ⛔ การสื่อสารไม่ชัดเจน อาจทำให้ความสำเร็จถูกมองข้าม ⛔ การไม่แสดงผลลัพธ์เป็นตัวเลข อาจทำให้ผู้บริหารไม่เข้าใจคุณค่าของงานรักษาความปลอดภัย 4️⃣ ปัญหาการจ้างงาน CISO ในตลาดปัจจุบัน ✅ ความเห็นจาก Oberlaender ➡️ บริษัทควรจ้าง CISO ที่มีประสบการณ์จริง ➡️ ปัจจุบันหลายบริษัทเลือกจ้าง “virtual CISO” ที่ขาดความรู้ลึก ➡️ ส่งผลให้เกิดการจัดการเหตุการณ์ผิดพลาดและข้อมูลรั่วไหล ‼️ คำเตือน ⛔ การจ้างงานราคาถูกอาจนำไปสู่ความเสียหายที่มีต้นทุนสูง ⛔ การละเลยคุณสมบัติด้านประสบการณ์ อาจทำให้องค์กรเสี่ยงต่อภัยไซเบอร์ https://www.csoonline.com/article/4074994/why-must-cisos-slay-a-cyber-dragon-to-earn-business-respect.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Why must CISOs slay a cyber dragon to earn business respect?
    Security leaders and industry experts weigh in on the complex calculus of CISOs’ internal clout.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • โชคดีละกัลล !!!

    “Warner Bros. Discovery ประกาศขายกิจการ! เปิดรับข้อเสนอจากหลายฝ่าย – สัญญาณเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการบันเทิง”

    Warner Bros. Discovery (WBD) บริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ที่รวมเอา Warner Bros. กับ Discovery Global เข้าด้วยกันเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตอนนี้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า “พร้อมขาย” และกำลังพิจารณาข้อเสนอจากหลายฝ่ายที่แสดงความสนใจเข้าซื้อกิจการ

    การประกาศนี้เกิดขึ้นท่ามกลางกระบวนการแยกตัวระหว่าง Warner Bros. และ Discovery Global ซึ่งเดิมทีวางแผนจะเสร็จสิ้นภายในกลางปี 2026 แต่ด้วยความสนใจจากภายนอกที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่คาดคิด ทำให้บอร์ดบริหารของ WBD เปิดรับทุกทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นการขายทั้งบริษัท หรือแยกขายเฉพาะบางส่วน เช่น Warner Bros. Games

    David Zaslav ซีอีโอของ WBD ยืนยันว่าการตัดสินใจนี้เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น และเพื่อให้บริษัทสามารถปรับตัวในยุคสื่อดิจิทัลได้ดีขึ้น โดยมีเป้าหมายในการพัฒนา HBO Max ให้เติบโตทั่วโลก และฟื้นฟูสตูดิโอให้กลับมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอีกครั้ง

    แต่เบื้องหลังความเคลื่อนไหวนี้ก็มีเสียงวิจารณ์ไม่น้อย โดยเฉพาะเรื่องการบริหารงานของ Zaslav ที่ถูกมองว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาหลายอย่าง เช่น การเน้นเกมแบบ live service มากเกินไป การเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก และการปิดสตูดิโอเกมเก่าแก่ แม้จะมีเกมอย่าง Hogwarts Legacy ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงก็ตาม

    จากมุมมองภายนอก การขายกิจการครั้งนี้อาจเป็นโอกาสให้บริษัทอื่นเข้ามาปรับโครงสร้างใหม่ เช่น Sony ที่เคยมีข่าวลือว่าสนใจซื้อกิจการบางส่วนของ WBD โดยเฉพาะในส่วนของสตรีมมิ่งและสตูดิโอ

    การประกาศขายกิจการของ WBD
    WBD ประกาศเปิดรับข้อเสนอจากหลายฝ่ายที่สนใจเข้าซื้อกิจการ
    เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการแยก Warner Bros. และ Discovery Global
    พิจารณาทั้งการขายทั้งบริษัทหรือแยกขายบางส่วน
    มีแผนแยกบริษัทให้เสร็จภายในกลางปี 2026
    มีแนวคิดให้ Warner Bros. ควบรวมใหม่ และแยก Discovery Global ออกไป
    เป้าหมายเพื่อปรับตัวในยุคสื่อดิจิทัล และขยาย HBO Max
    ซีอีโอ David Zaslav ยืนยันว่าทำเพื่อผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น

    ความเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรม
    มีข่าวลือว่า Sony สนใจซื้อกิจการบางส่วนของ WBD
    Hogwarts Legacy ประสบความสำเร็จอย่างสูงในเชิงพาณิชย์
    ตลาดเกม triple-A มีต้นทุนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    ข้อวิจารณ์และคำเตือน
    การบริหารของ Zaslav ถูกวิจารณ์ว่าเน้น live service มากเกินไป
    มีการเลิกจ้างพนักงานและปิดสตูดิโอเกมเก่าแก่
    แม้มีเกมขายดี แต่ยังถูกมองว่า “ไม่พอ” ในสายตาผู้บริหาร
    การจ่ายเงินเดือนผู้บริหารสูงเกินไป อาจกระทบงบพัฒนาเกม
    การขายกิจการอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการบันเทิง

    https://wccftech.com/warner-bros-discovery-is-officially-up-for-sale/
    โชคดีละกัลล !!! 🎬 “Warner Bros. Discovery ประกาศขายกิจการ! เปิดรับข้อเสนอจากหลายฝ่าย – สัญญาณเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการบันเทิง” Warner Bros. Discovery (WBD) บริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ที่รวมเอา Warner Bros. กับ Discovery Global เข้าด้วยกันเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตอนนี้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า “พร้อมขาย” และกำลังพิจารณาข้อเสนอจากหลายฝ่ายที่แสดงความสนใจเข้าซื้อกิจการ การประกาศนี้เกิดขึ้นท่ามกลางกระบวนการแยกตัวระหว่าง Warner Bros. และ Discovery Global ซึ่งเดิมทีวางแผนจะเสร็จสิ้นภายในกลางปี 2026 แต่ด้วยความสนใจจากภายนอกที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่คาดคิด ทำให้บอร์ดบริหารของ WBD เปิดรับทุกทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นการขายทั้งบริษัท หรือแยกขายเฉพาะบางส่วน เช่น Warner Bros. Games David Zaslav ซีอีโอของ WBD ยืนยันว่าการตัดสินใจนี้เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น และเพื่อให้บริษัทสามารถปรับตัวในยุคสื่อดิจิทัลได้ดีขึ้น โดยมีเป้าหมายในการพัฒนา HBO Max ให้เติบโตทั่วโลก และฟื้นฟูสตูดิโอให้กลับมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอีกครั้ง แต่เบื้องหลังความเคลื่อนไหวนี้ก็มีเสียงวิจารณ์ไม่น้อย โดยเฉพาะเรื่องการบริหารงานของ Zaslav ที่ถูกมองว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาหลายอย่าง เช่น การเน้นเกมแบบ live service มากเกินไป การเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก และการปิดสตูดิโอเกมเก่าแก่ แม้จะมีเกมอย่าง Hogwarts Legacy ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงก็ตาม จากมุมมองภายนอก การขายกิจการครั้งนี้อาจเป็นโอกาสให้บริษัทอื่นเข้ามาปรับโครงสร้างใหม่ เช่น Sony ที่เคยมีข่าวลือว่าสนใจซื้อกิจการบางส่วนของ WBD โดยเฉพาะในส่วนของสตรีมมิ่งและสตูดิโอ ✅ การประกาศขายกิจการของ WBD ➡️ WBD ประกาศเปิดรับข้อเสนอจากหลายฝ่ายที่สนใจเข้าซื้อกิจการ ➡️ เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการแยก Warner Bros. และ Discovery Global ➡️ พิจารณาทั้งการขายทั้งบริษัทหรือแยกขายบางส่วน ➡️ มีแผนแยกบริษัทให้เสร็จภายในกลางปี 2026 ➡️ มีแนวคิดให้ Warner Bros. ควบรวมใหม่ และแยก Discovery Global ออกไป ➡️ เป้าหมายเพื่อปรับตัวในยุคสื่อดิจิทัล และขยาย HBO Max ➡️ ซีอีโอ David Zaslav ยืนยันว่าทำเพื่อผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น ✅ ความเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรม ➡️ มีข่าวลือว่า Sony สนใจซื้อกิจการบางส่วนของ WBD ➡️ Hogwarts Legacy ประสบความสำเร็จอย่างสูงในเชิงพาณิชย์ ➡️ ตลาดเกม triple-A มีต้นทุนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ‼️ ข้อวิจารณ์และคำเตือน ⛔ การบริหารของ Zaslav ถูกวิจารณ์ว่าเน้น live service มากเกินไป ⛔ มีการเลิกจ้างพนักงานและปิดสตูดิโอเกมเก่าแก่ แม้มีเกมขายดี แต่ยังถูกมองว่า “ไม่พอ” ในสายตาผู้บริหาร ⛔ การจ่ายเงินเดือนผู้บริหารสูงเกินไป อาจกระทบงบพัฒนาเกม ⛔ การขายกิจการอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการบันเทิง https://wccftech.com/warner-bros-discovery-is-officially-up-for-sale/
    WCCFTECH.COM
    Warner Bros. Discovery Is Officially On Sale, Amidst the Ongoing Split Between WB and Discovery Global
    Warner Bros. Discovery has publicly declared that it is up for sale, and that it is reviewing interest "from multiple parties."
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Microsoft Publisher จะสิ้นสุดการสนับสนุนในเดือนตุลาคม 2026 — ปิดตำนานเครื่องมือออกแบบยุค 90” — เมื่อแอปสร้างใบปลิวและจดหมายข่าวที่เคยอยู่ในทุกบ้านกำลังจะอำลาอย่างถาวร

    Microsoft ประกาศว่าจะยุติการสนับสนุนแอป Publisher อย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม 2026 ซึ่งตรงกับวันหมดอายุของ Office LTSC 2021 โดยหลังจากวันนั้น Publisher จะถูกถอดออกจาก Microsoft 365 และไม่สามารถติดตั้งหรือเปิดไฟล์ .pub ได้อีกต่อไปในเวอร์ชันใหม่

    Publisher เปิดตัวครั้งแรกในปี 1991 เพื่อให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถออกแบบสิ่งพิมพ์ เช่น ใบปลิว, โบรชัวร์, จดหมายข่าว โดยไม่ต้องใช้โปรแกรมระดับมืออาชีพอย่าง QuarkXPress หรือ Adobe InDesign ด้วยราคาที่เข้าถึงได้และการใช้งานง่าย ทำให้ Publisher กลายเป็นเครื่องมือยอดนิยมในโรงเรียน, ธุรกิจขนาดเล็ก และผู้ใช้ตามบ้าน

    แม้จะไม่เคยครองใจนักออกแบบมืออาชีพ แต่ Publisher ก็มีบทบาทสำคัญในการ “ประชาธิปไตยด้านการออกแบบ” โดยเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถสร้างสื่อสิ่งพิมพ์ได้ด้วยตัวเอง

    หลังจากการยุติการสนับสนุน Microsoft แนะนำให้ผู้ใช้แปลงไฟล์ .pub เป็น PDF เพื่อเก็บไว้ดู และหากต้องการแก้ไข ให้เปิด PDF ใน Word — แม้ว่าการจัดวางอาจเพี้ยน โดยเฉพาะไฟล์ที่มีกราฟิกจำนวนมาก

    สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการทางเลือกใหม่ Microsoft แนะนำให้ใช้ Word, PowerPoint หรือแอป Designer แทน ส่วนทางเลือกจากภายนอกก็มีเช่น:

    Canva — ใช้งานง่าย มีเทมเพลตหลากหลาย แต่ฟีเจอร์เต็มต้องสมัครสมาชิก
    LibreOffice Draw — ฟรีและโอเพ่นซอร์ส รองรับไฟล์ .pub ได้พอสมควร
    Affinity Publisher 2 — ซื้อครั้งเดียว ไม่มีรายเดือน เหมาะกับผู้ใช้จริงจัง

    Microsoft Publisher จะสิ้นสุดการสนับสนุนในเดือนตุลาคม 2026
    ตรงกับวันหมดอายุของ Office LTSC 2021

    Publisher จะถูกถอดออกจาก Microsoft 365
    ไม่สามารถติดตั้งหรือเปิดไฟล์ .pub ได้อีก

    Publisher เปิดตัวในปี 1991 และรวมอยู่ใน Office ตั้งแต่เวอร์ชัน 97
    เคยเป็นเครื่องมือออกแบบยอดนิยมสำหรับผู้ใช้ทั่วไป

    Microsoft แนะนำให้แปลงไฟล์ .pub เป็น PDF เพื่อเก็บไว้ดู
    และเปิด PDF ใน Word หากต้องการแก้ไข

    ทางเลือกใหม่จาก Microsoft ได้แก่ Word, PowerPoint และ Designer
    ใช้แทน Publisher สำหรับงานออกแบบทั่วไป

    ทางเลือกจากภายนอก ได้แก่ Canva, LibreOffice Draw, Affinity Publisher 2
    มีทั้งแบบฟรีและเสียเงินตามระดับความสามารถ

    https://www.slashgear.com/2001386/microsoft-ending-publisher-in-october-2026/
    📄 “Microsoft Publisher จะสิ้นสุดการสนับสนุนในเดือนตุลาคม 2026 — ปิดตำนานเครื่องมือออกแบบยุค 90” — เมื่อแอปสร้างใบปลิวและจดหมายข่าวที่เคยอยู่ในทุกบ้านกำลังจะอำลาอย่างถาวร Microsoft ประกาศว่าจะยุติการสนับสนุนแอป Publisher อย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม 2026 ซึ่งตรงกับวันหมดอายุของ Office LTSC 2021 โดยหลังจากวันนั้น Publisher จะถูกถอดออกจาก Microsoft 365 และไม่สามารถติดตั้งหรือเปิดไฟล์ .pub ได้อีกต่อไปในเวอร์ชันใหม่ Publisher เปิดตัวครั้งแรกในปี 1991 เพื่อให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถออกแบบสิ่งพิมพ์ เช่น ใบปลิว, โบรชัวร์, จดหมายข่าว โดยไม่ต้องใช้โปรแกรมระดับมืออาชีพอย่าง QuarkXPress หรือ Adobe InDesign ด้วยราคาที่เข้าถึงได้และการใช้งานง่าย ทำให้ Publisher กลายเป็นเครื่องมือยอดนิยมในโรงเรียน, ธุรกิจขนาดเล็ก และผู้ใช้ตามบ้าน แม้จะไม่เคยครองใจนักออกแบบมืออาชีพ แต่ Publisher ก็มีบทบาทสำคัญในการ “ประชาธิปไตยด้านการออกแบบ” โดยเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถสร้างสื่อสิ่งพิมพ์ได้ด้วยตัวเอง หลังจากการยุติการสนับสนุน Microsoft แนะนำให้ผู้ใช้แปลงไฟล์ .pub เป็น PDF เพื่อเก็บไว้ดู และหากต้องการแก้ไข ให้เปิด PDF ใน Word — แม้ว่าการจัดวางอาจเพี้ยน โดยเฉพาะไฟล์ที่มีกราฟิกจำนวนมาก สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการทางเลือกใหม่ Microsoft แนะนำให้ใช้ Word, PowerPoint หรือแอป Designer แทน ส่วนทางเลือกจากภายนอกก็มีเช่น: 📐 Canva — ใช้งานง่าย มีเทมเพลตหลากหลาย แต่ฟีเจอร์เต็มต้องสมัครสมาชิก 📐 LibreOffice Draw — ฟรีและโอเพ่นซอร์ส รองรับไฟล์ .pub ได้พอสมควร 📐 Affinity Publisher 2 — ซื้อครั้งเดียว ไม่มีรายเดือน เหมาะกับผู้ใช้จริงจัง ✅ Microsoft Publisher จะสิ้นสุดการสนับสนุนในเดือนตุลาคม 2026 ➡️ ตรงกับวันหมดอายุของ Office LTSC 2021 ✅ Publisher จะถูกถอดออกจาก Microsoft 365 ➡️ ไม่สามารถติดตั้งหรือเปิดไฟล์ .pub ได้อีก ✅ Publisher เปิดตัวในปี 1991 และรวมอยู่ใน Office ตั้งแต่เวอร์ชัน 97 ➡️ เคยเป็นเครื่องมือออกแบบยอดนิยมสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ✅ Microsoft แนะนำให้แปลงไฟล์ .pub เป็น PDF เพื่อเก็บไว้ดู ➡️ และเปิด PDF ใน Word หากต้องการแก้ไข ✅ ทางเลือกใหม่จาก Microsoft ได้แก่ Word, PowerPoint และ Designer ➡️ ใช้แทน Publisher สำหรับงานออกแบบทั่วไป ✅ ทางเลือกจากภายนอก ได้แก่ Canva, LibreOffice Draw, Affinity Publisher 2 ➡️ มีทั้งแบบฟรีและเสียเงินตามระดับความสามารถ https://www.slashgear.com/2001386/microsoft-ending-publisher-in-october-2026/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Microsoft Will Be Ending Support For This Popular Software In October 2026 - SlashGear
    Microsoft Publisher will reach end-of-support in October 2026 -- Microsoft will drop updates and remove it from Microsoft 365 apps.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Flint เปิดตัวเว็บไซต์อัตโนมัติ—สร้างเนื้อหาและปรับแต่งตัวเองโดยไม่ต้องมีมนุษย์”

    ลองจินตนาการว่าเว็บไซต์ของคุณสามารถสร้างหน้าใหม่ ปรับแต่งดีไซน์ และเพิ่มประสิทธิภาพ SEO ได้เองโดยไม่ต้องมีทีมงาน—นี่คือแนวคิดของ Flint สตาร์ทอัพที่เพิ่งเปิดตัวแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์อัตโนมัติเต็มรูปแบบ โดยใช้ AI เป็นแกนกลางในการจัดการทุกอย่าง ตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการเผยแพร่

    ผู้ใช้เพียงแค่อัปโหลด content brief และลิงก์เว็บไซต์เดิม Flint จะวิเคราะห์ดีไซน์ของแบรนด์ แล้วสร้างหน้าเว็บใหม่ที่พร้อมใช้งานทันทีบนโดเมนจริง โดยไม่ต้องเขียนโค้ดหรือจัดการ CMS ใด ๆ

    Flint ได้รับเงินลงทุน $5 ล้านจาก Accel, Sheryl Sandberg’s venture fund และ Neo เพื่อขยายการพัฒนา AI และระบบออกแบบอัตโนมัติ พร้อมเปิดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมเบต้าแล้ว

    แนวคิดของ Flint
    สร้างเว็บไซต์ที่สามารถอัปเดตและปรับแต่งตัวเองโดยอัตโนมัติ
    ใช้ AI วิเคราะห์ดีไซน์และเนื้อหาเพื่อสร้างหน้าเว็บใหม่
    ไม่ต้องเขียนโค้ดหรือใช้ CMS

    วิธีการทำงาน
    ผู้ใช้ส่ง content brief และลิงก์เว็บไซต์เดิม
    Flint สร้างหน้าเปรียบเทียบ, landing page และ SEO content
    เผยแพร่หน้าเว็บโดยตรงบนโดเมนของผู้ใช้

    เทคโนโลยีเบื้องหลัง
    ใช้ระบบ piezo haptic และ force sensing matrix สำหรับ UX
    รองรับ deep-click zones และ gesture เฉพาะแอป
    มีโปรไฟล์สำเร็จรูปสำหรับแอปยอดนิยม เช่น Photoshop, Office, Figma

    การลงทุนและการเปิดตัว
    ได้รับเงินลงทุน $5 ล้านจาก Accel และ Sheryl Sandberg
    เปิดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมเบต้าแล้ว
    มีแผนขยายไปยังระบบ AI-driven design engineering

    คำเตือนและข้อจำกัด
    ข้อมูล SEO และ conversion ยังมาจากการรายงานภายในของบริษัท
    ยังไม่มีการเปิดเผยว่า Google จะจัดอันดับเว็บไซต์ที่ปรับตัวเองอย่างไร
    ความโปร่งใสและการควบคุมอาจเป็นประเด็นในระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ

    https://www.techradar.com/pro/new-startup-wants-to-build-self-updating-autonomous-websites-that-generate-content-and-optimize-themselves-without-human-intervention-i-wonder-what-google-will-make-of-this
    🌐 “Flint เปิดตัวเว็บไซต์อัตโนมัติ—สร้างเนื้อหาและปรับแต่งตัวเองโดยไม่ต้องมีมนุษย์” ลองจินตนาการว่าเว็บไซต์ของคุณสามารถสร้างหน้าใหม่ ปรับแต่งดีไซน์ และเพิ่มประสิทธิภาพ SEO ได้เองโดยไม่ต้องมีทีมงาน—นี่คือแนวคิดของ Flint สตาร์ทอัพที่เพิ่งเปิดตัวแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์อัตโนมัติเต็มรูปแบบ โดยใช้ AI เป็นแกนกลางในการจัดการทุกอย่าง ตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการเผยแพร่ ผู้ใช้เพียงแค่อัปโหลด content brief และลิงก์เว็บไซต์เดิม Flint จะวิเคราะห์ดีไซน์ของแบรนด์ แล้วสร้างหน้าเว็บใหม่ที่พร้อมใช้งานทันทีบนโดเมนจริง โดยไม่ต้องเขียนโค้ดหรือจัดการ CMS ใด ๆ Flint ได้รับเงินลงทุน $5 ล้านจาก Accel, Sheryl Sandberg’s venture fund และ Neo เพื่อขยายการพัฒนา AI และระบบออกแบบอัตโนมัติ พร้อมเปิดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมเบต้าแล้ว ✅ แนวคิดของ Flint ➡️ สร้างเว็บไซต์ที่สามารถอัปเดตและปรับแต่งตัวเองโดยอัตโนมัติ ➡️ ใช้ AI วิเคราะห์ดีไซน์และเนื้อหาเพื่อสร้างหน้าเว็บใหม่ ➡️ ไม่ต้องเขียนโค้ดหรือใช้ CMS ✅ วิธีการทำงาน ➡️ ผู้ใช้ส่ง content brief และลิงก์เว็บไซต์เดิม ➡️ Flint สร้างหน้าเปรียบเทียบ, landing page และ SEO content ➡️ เผยแพร่หน้าเว็บโดยตรงบนโดเมนของผู้ใช้ ✅ เทคโนโลยีเบื้องหลัง ➡️ ใช้ระบบ piezo haptic และ force sensing matrix สำหรับ UX ➡️ รองรับ deep-click zones และ gesture เฉพาะแอป ➡️ มีโปรไฟล์สำเร็จรูปสำหรับแอปยอดนิยม เช่น Photoshop, Office, Figma ✅ การลงทุนและการเปิดตัว ➡️ ได้รับเงินลงทุน $5 ล้านจาก Accel และ Sheryl Sandberg ➡️ เปิดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมเบต้าแล้ว ➡️ มีแผนขยายไปยังระบบ AI-driven design engineering ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ ข้อมูล SEO และ conversion ยังมาจากการรายงานภายในของบริษัท ⛔ ยังไม่มีการเปิดเผยว่า Google จะจัดอันดับเว็บไซต์ที่ปรับตัวเองอย่างไร ⛔ ความโปร่งใสและการควบคุมอาจเป็นประเด็นในระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ https://www.techradar.com/pro/new-startup-wants-to-build-self-updating-autonomous-websites-that-generate-content-and-optimize-themselves-without-human-intervention-i-wonder-what-google-will-make-of-this
    WWW.TECHRADAR.COM
    Websites that build and fix themselves may soon flood Google
    AI-driven system promises to turn websites into self-updating digital agents
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • "HyperSpace Trackpad Pro: แทร็คแพดสุดล้ำสำหรับผู้ใช้ Windows ที่อยากได้สัมผัสแบบ Apple"

    Hyper เปิดตัว HyperSpace Trackpad Pro อุปกรณ์เสริมใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อเป็นทางเลือกแทน Apple Magic Trackpad สำหรับผู้ใช้ Windows โดยเฉพาะ ด้วยราคาประมาณ $150 และฟีเจอร์ระดับพรีเมียมที่รวมทั้ง haptic feedback, pressure sensitivity และการรองรับ multi-touch gesture แบบเต็มรูปแบบ

    ตัวแทร็คแพดผลิตจาก CNC-aluminum พร้อมพื้นผิวกระจกขัดเรียบ มีขนาด 166.9 x 103.4 x 13 มม. และน้ำหนัก 300 กรัม ใช้ Bluetooth 5.2 เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ และมีแบตเตอรี่ 1,000mAh ที่ใช้งานได้ถึง 30 วันต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

    จุดเด่นคือระบบ piezo haptic รุ่นที่ 3 ที่ให้ความรู้สึกคลิกทั่วทั้งพื้นผิว พร้อมการปรับความไวของแรงกด และการตั้งค่า deep-click zones ผ่านซอฟต์แวร์ Hydra Connect ซึ่งรองรับโปรไฟล์เฉพาะสำหรับแอปยอดนิยม เช่น Adobe Photoshop, Premiere Pro, Illustrator, Microsoft Office, Teams และ Figma

    คุณสมบัติหลักของ HyperSpace Trackpad Pro
    รองรับ multi-touch gesture บน Windows อย่างเต็มรูปแบบ
    มี haptic feedback และ pressure sensitivity
    ใช้ Bluetooth 5.2 เชื่อมต่อ
    แบตเตอรี่ 1,000mAh ใช้งานได้ ~30 วัน
    ผลิตจาก CNC-aluminum และพื้นผิวกระจกขัดเรียบ

    ระบบสัมผัสและการตั้งค่า
    ใช้ piezo haptic รุ่นที่ 3 ให้คลิกทั่วพื้นผิว
    ปรับความไวของแรงกดได้ตามต้องการ
    มี force sensing matrix สำหรับการตั้งค่า deep-click zones
    ใช้ซอฟต์แวร์ Hydra Connect ตั้งค่าโปรไฟล์เฉพาะแอป

    การใช้งานร่วมกับระบบอื่น
    รองรับ macOS สำหรับการคลิกและนำทางพื้นฐาน
    มีโปรไฟล์สำเร็จรูปสำหรับแอปยอดนิยม
    สามารถตั้งค่า corner shortcuts และ gesture เฉพาะแอป

    การเปิดตัวและราคา
    เปิดให้ pre-order ผ่าน Kickstarter แล้ว
    ราคาเริ่มต้นที่ $109 สำหรับ Super Early Bird
    Creator Pack ราคา $180 มาพร้อม SSD enclosure
    เริ่มจัดส่งในไตรมาสแรกของปี 2026

    https://www.tomshardware.com/peripherals/the-usd150-external-hyperspace-trackpad-pro-is-an-apple-magic-trackpad-alternative-for-windows-users-with-haptic-feedback-and-pressure-sensitivity-crowdfunded-peripheral-ships-in-q1-2026
    🖱️ "HyperSpace Trackpad Pro: แทร็คแพดสุดล้ำสำหรับผู้ใช้ Windows ที่อยากได้สัมผัสแบบ Apple" Hyper เปิดตัว HyperSpace Trackpad Pro อุปกรณ์เสริมใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อเป็นทางเลือกแทน Apple Magic Trackpad สำหรับผู้ใช้ Windows โดยเฉพาะ ด้วยราคาประมาณ $150 และฟีเจอร์ระดับพรีเมียมที่รวมทั้ง haptic feedback, pressure sensitivity และการรองรับ multi-touch gesture แบบเต็มรูปแบบ ตัวแทร็คแพดผลิตจาก CNC-aluminum พร้อมพื้นผิวกระจกขัดเรียบ มีขนาด 166.9 x 103.4 x 13 มม. และน้ำหนัก 300 กรัม ใช้ Bluetooth 5.2 เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ และมีแบตเตอรี่ 1,000mAh ที่ใช้งานได้ถึง 30 วันต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง จุดเด่นคือระบบ piezo haptic รุ่นที่ 3 ที่ให้ความรู้สึกคลิกทั่วทั้งพื้นผิว พร้อมการปรับความไวของแรงกด และการตั้งค่า deep-click zones ผ่านซอฟต์แวร์ Hydra Connect ซึ่งรองรับโปรไฟล์เฉพาะสำหรับแอปยอดนิยม เช่น Adobe Photoshop, Premiere Pro, Illustrator, Microsoft Office, Teams และ Figma ✅ คุณสมบัติหลักของ HyperSpace Trackpad Pro ➡️ รองรับ multi-touch gesture บน Windows อย่างเต็มรูปแบบ ➡️ มี haptic feedback และ pressure sensitivity ➡️ ใช้ Bluetooth 5.2 เชื่อมต่อ ➡️ แบตเตอรี่ 1,000mAh ใช้งานได้ ~30 วัน ➡️ ผลิตจาก CNC-aluminum และพื้นผิวกระจกขัดเรียบ ✅ ระบบสัมผัสและการตั้งค่า ➡️ ใช้ piezo haptic รุ่นที่ 3 ให้คลิกทั่วพื้นผิว ➡️ ปรับความไวของแรงกดได้ตามต้องการ ➡️ มี force sensing matrix สำหรับการตั้งค่า deep-click zones ➡️ ใช้ซอฟต์แวร์ Hydra Connect ตั้งค่าโปรไฟล์เฉพาะแอป ✅ การใช้งานร่วมกับระบบอื่น ➡️ รองรับ macOS สำหรับการคลิกและนำทางพื้นฐาน ➡️ มีโปรไฟล์สำเร็จรูปสำหรับแอปยอดนิยม ➡️ สามารถตั้งค่า corner shortcuts และ gesture เฉพาะแอป ✅ การเปิดตัวและราคา ➡️ เปิดให้ pre-order ผ่าน Kickstarter แล้ว ➡️ ราคาเริ่มต้นที่ $109 สำหรับ Super Early Bird ➡️ Creator Pack ราคา $180 มาพร้อม SSD enclosure ➡️ เริ่มจัดส่งในไตรมาสแรกของปี 2026 https://www.tomshardware.com/peripherals/the-usd150-external-hyperspace-trackpad-pro-is-an-apple-magic-trackpad-alternative-for-windows-users-with-haptic-feedback-and-pressure-sensitivity-crowdfunded-peripheral-ships-in-q1-2026
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • “NebiOS: ดิสโทรใหม่จากตุรกีที่สร้าง Desktop Environment สำหรับ Wayland ขึ้นมาเอง” — เมื่อความหลงใหลกลายเป็นระบบปฏิบัติการเต็มรูปแบบ

    บทความจาก It’s FOSS News พาไปสำรวจ NebiOS — ดิสโทร Linux ใหม่จากตุรกีที่พัฒนาบนพื้นฐานของ Ubuntu โดยมีจุดเด่นคือการสร้าง Desktop Environment (DE) ของตัวเองชื่อว่า NebiDE ซึ่งออกแบบมาเพื่อทำงานกับ Wayland โดยเฉพาะ

    ผู้พัฒนา Sarp Mateson เริ่มต้นโครงการนี้ในปี 2023 ภายใต้ชื่อ NebiSoft โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบปฏิบัติการที่ตอบโจทย์การใช้งานส่วนตัวและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเวอร์ชันล่าสุดคือ NebiOS X “Cappadocia” ซึ่งจะใช้ Ubuntu 24.04 LTS เป็นฐาน และมีกำหนดเปิดตัวในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2025

    ก่อนหน้านี้ NebiOS เคยใช้ชื่อว่า Spez Linux ซึ่งเริ่มต้นจากการทดลองใน SUSE Studio ตั้งแต่ปี 2014

    จุดเด่นของ NebiOS
    ใช้ Linux kernel 6.14 พร้อมรองรับ NTSYNC
    มีตัวบ่งชี้ความเป็นส่วนตัวและสถานะแบตเตอรี่ Bluetooth บนแถบด้านบน
    ใช้ Calamares เป็นตัวติดตั้งระบบ — ติดตั้งง่ายและคุ้นเคย
    มีตัวเลือก session เช่น Wayfire และโหมด debug บนหน้าจอล็อกอิน
    อินเทอร์เฟซคล้าย Windows 7 Aero พร้อม dock และ launcher
    มี widgets เช่น music player, clock, RSS reader และ sticky notes
    รองรับ workspace แบบ “Expo” สำหรับการจัดการหลายเดสก์ท็อป
    แอปพื้นฐานครบ เช่น LibreOffice, Firefox, terminal

    ข้อสังเกตจากการทดลองใช้งาน
    การทดสอบบน VM มีอาการ lag และ glitch — แนะนำให้ติดตั้งบนเครื่องจริง
    ปุ่มปิดหน้าต่างอยู่ด้านซ้าย — อาจต้องปรับตัวสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
    การเปลี่ยนความละเอียดหน้าจอยังยุ่งยาก ต้องพิมพ์ค่าด้วยตัวเอง
    ขนาดไอคอนใน launcher ใหญ่เกินไป — ต้องปรับสเกล

    NebiOS เป็นตัวอย่างของดิสโทรที่เกิดจากความหลงใหลและความตั้งใจของนักพัฒนาเดี่ยว ซึ่งอาจไม่ใช่คู่แข่งของ Ubuntu หรือ Fedora แต่เป็นพื้นที่ทดลองที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ Linux ที่อยากลองอะไรใหม่ ๆ

    https://news.itsfoss.com/nebios/
    🖥️ “NebiOS: ดิสโทรใหม่จากตุรกีที่สร้าง Desktop Environment สำหรับ Wayland ขึ้นมาเอง” — เมื่อความหลงใหลกลายเป็นระบบปฏิบัติการเต็มรูปแบบ บทความจาก It’s FOSS News พาไปสำรวจ NebiOS — ดิสโทร Linux ใหม่จากตุรกีที่พัฒนาบนพื้นฐานของ Ubuntu โดยมีจุดเด่นคือการสร้าง Desktop Environment (DE) ของตัวเองชื่อว่า NebiDE ซึ่งออกแบบมาเพื่อทำงานกับ Wayland โดยเฉพาะ ผู้พัฒนา Sarp Mateson เริ่มต้นโครงการนี้ในปี 2023 ภายใต้ชื่อ NebiSoft โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบปฏิบัติการที่ตอบโจทย์การใช้งานส่วนตัวและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเวอร์ชันล่าสุดคือ NebiOS X “Cappadocia” ซึ่งจะใช้ Ubuntu 24.04 LTS เป็นฐาน และมีกำหนดเปิดตัวในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2025 ก่อนหน้านี้ NebiOS เคยใช้ชื่อว่า Spez Linux ซึ่งเริ่มต้นจากการทดลองใน SUSE Studio ตั้งแต่ปี 2014 ✅ จุดเด่นของ NebiOS 📍 ใช้ Linux kernel 6.14 พร้อมรองรับ NTSYNC 📍 มีตัวบ่งชี้ความเป็นส่วนตัวและสถานะแบตเตอรี่ Bluetooth บนแถบด้านบน 📍 ใช้ Calamares เป็นตัวติดตั้งระบบ — ติดตั้งง่ายและคุ้นเคย 📍 มีตัวเลือก session เช่น Wayfire และโหมด debug บนหน้าจอล็อกอิน 📍 อินเทอร์เฟซคล้าย Windows 7 Aero พร้อม dock และ launcher 📍 มี widgets เช่น music player, clock, RSS reader และ sticky notes 📍 รองรับ workspace แบบ “Expo” สำหรับการจัดการหลายเดสก์ท็อป 📍 แอปพื้นฐานครบ เช่น LibreOffice, Firefox, terminal ‼️ ข้อสังเกตจากการทดลองใช้งาน ❕ การทดสอบบน VM มีอาการ lag และ glitch — แนะนำให้ติดตั้งบนเครื่องจริง ❕ ปุ่มปิดหน้าต่างอยู่ด้านซ้าย — อาจต้องปรับตัวสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ❕ การเปลี่ยนความละเอียดหน้าจอยังยุ่งยาก ต้องพิมพ์ค่าด้วยตัวเอง ❕ ขนาดไอคอนใน launcher ใหญ่เกินไป — ต้องปรับสเกล NebiOS เป็นตัวอย่างของดิสโทรที่เกิดจากความหลงใหลและความตั้งใจของนักพัฒนาเดี่ยว ซึ่งอาจไม่ใช่คู่แข่งของ Ubuntu หรือ Fedora แต่เป็นพื้นที่ทดลองที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ Linux ที่อยากลองอะไรใหม่ ๆ https://news.itsfoss.com/nebios/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    NebiOS is an Ubuntu-based Distro With a Brand New DE Written for Wayland from Ground Up
    Exploring a new Ubuntu-based distro. By the way, it's been some time since we had a new distro based on Ubuntu.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • “รัฐบาลอังกฤษเคยพิจารณาทำลายศูนย์ข้อมูล หลังถูกแฮ็กนานนับสิบปี” — เมื่อภัยคุกคามไซเบอร์จากจีนลึกและนานจนต้องคิดถึงการ ‘ล้างระบบ’ ทั้งหมด

    รัฐบาลสหราชอาณาจักรเคยพิจารณาทำลายศูนย์ข้อมูล (data hub) ที่ใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลลับ หลังพบว่าถูกแฮ็กโดยกลุ่มที่เชื่อว่าได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนมานานกว่าทศวรรษ

    การโจมตีเริ่มต้นหลังบริษัทที่ควบคุมศูนย์ข้อมูลนี้ถูกขายให้กับบริษัทจีน ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าข้อมูลระดับ “ลับ” และ “ลับทางราชการ” (official-sensitive) อาจถูกเข้าถึง แม้จะไม่มีข้อมูลระดับ “ลับที่สุด” (top secret) รั่วไหลก็ตาม

    แม้สุดท้ายรัฐบาลจะไม่ทำลายศูนย์ข้อมูล แต่ก็ต้องใช้มาตรการขั้นสูงในการปกป้องข้อมูล และอดีตนายกรัฐมนตรี Boris Johnson ถึงกับสั่งให้จัดทำรายงานลับเกี่ยวกับภัยคุกคามจากจีน ซึ่งไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะ

    ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงไซเบอร์ชี้ว่า การทำลายศูนย์ข้อมูลอาจเป็นทางเดียวที่จะมั่นใจได้ว่าไม่มี “ประตูหลัง” หรือมัลแวร์หลงเหลืออยู่ เพราะการตรวจสอบศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ให้แน่ใจว่า “สะอาด” นั้นแทบเป็นไปไม่ได้

    รัฐบาลอังกฤษเคยพิจารณาทำลายศูนย์ข้อมูลที่ถูกแฮ็ก
    เพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลลับระดับชาติ

    การแฮ็กเกิดขึ้นหลังบริษัทเจ้าของศูนย์ข้อมูลถูกขายให้บริษัทจีน
    ทำให้เกิดความกังวลเรื่องการควบคุมโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ

    ข้อมูลที่ถูกเข้าถึงรวมถึงระดับ “ลับ” และ “ลับทางราชการ”
    แต่ไม่มีข้อมูลระดับ “ลับที่สุด” รั่วไหล

    รัฐบาลเลือกใช้มาตรการป้องกันอื่นแทนการทำลาย
    เช่น การอุดช่องโหว่และตรวจสอบระบบอย่างละเอียด

    Boris Johnson เคยสั่งจัดทำรายงานลับเกี่ยวกับภัยไซเบอร์จากจีน
    รายงานนี้ไม่เคยถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ

    https://www.csoonline.com/article/4074876/government-considered-destroying-its-data-hub-after-decade-long-intrusion.html
    🕵️‍♂️ “รัฐบาลอังกฤษเคยพิจารณาทำลายศูนย์ข้อมูล หลังถูกแฮ็กนานนับสิบปี” — เมื่อภัยคุกคามไซเบอร์จากจีนลึกและนานจนต้องคิดถึงการ ‘ล้างระบบ’ ทั้งหมด รัฐบาลสหราชอาณาจักรเคยพิจารณาทำลายศูนย์ข้อมูล (data hub) ที่ใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลลับ หลังพบว่าถูกแฮ็กโดยกลุ่มที่เชื่อว่าได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนมานานกว่าทศวรรษ การโจมตีเริ่มต้นหลังบริษัทที่ควบคุมศูนย์ข้อมูลนี้ถูกขายให้กับบริษัทจีน ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าข้อมูลระดับ “ลับ” และ “ลับทางราชการ” (official-sensitive) อาจถูกเข้าถึง แม้จะไม่มีข้อมูลระดับ “ลับที่สุด” (top secret) รั่วไหลก็ตาม แม้สุดท้ายรัฐบาลจะไม่ทำลายศูนย์ข้อมูล แต่ก็ต้องใช้มาตรการขั้นสูงในการปกป้องข้อมูล และอดีตนายกรัฐมนตรี Boris Johnson ถึงกับสั่งให้จัดทำรายงานลับเกี่ยวกับภัยคุกคามจากจีน ซึ่งไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงไซเบอร์ชี้ว่า การทำลายศูนย์ข้อมูลอาจเป็นทางเดียวที่จะมั่นใจได้ว่าไม่มี “ประตูหลัง” หรือมัลแวร์หลงเหลืออยู่ เพราะการตรวจสอบศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ให้แน่ใจว่า “สะอาด” นั้นแทบเป็นไปไม่ได้ ✅ รัฐบาลอังกฤษเคยพิจารณาทำลายศูนย์ข้อมูลที่ถูกแฮ็ก ➡️ เพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลลับระดับชาติ ✅ การแฮ็กเกิดขึ้นหลังบริษัทเจ้าของศูนย์ข้อมูลถูกขายให้บริษัทจีน ➡️ ทำให้เกิดความกังวลเรื่องการควบคุมโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ✅ ข้อมูลที่ถูกเข้าถึงรวมถึงระดับ “ลับ” และ “ลับทางราชการ” ➡️ แต่ไม่มีข้อมูลระดับ “ลับที่สุด” รั่วไหล ✅ รัฐบาลเลือกใช้มาตรการป้องกันอื่นแทนการทำลาย ➡️ เช่น การอุดช่องโหว่และตรวจสอบระบบอย่างละเอียด ✅ Boris Johnson เคยสั่งจัดทำรายงานลับเกี่ยวกับภัยไซเบอร์จากจีน ➡️ รายงานนี้ไม่เคยถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ https://www.csoonline.com/article/4074876/government-considered-destroying-its-data-hub-after-decade-long-intrusion.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Government considered destroying its data hub after decade-long intrusion
    Attack highlights the constant threat from state-sponsored cyber attacks on governments and businesses.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประเทศไทยเรา ตอนนี้สมควรมีนายพลและอดีตนายพล พลเอกหลายคนสมควรถูกไล่ออกจากกองทัพไทยเราจริงจังบ้างแล้ว ,ศาลทหารไทยมีไว้ทำไม,ชายแดนไทยเขมร เขมรรุกรานกว่า11จุดพื้นที่ไทย ทหารระดับบัญชาการอาจรวมขั้นนายพลไทยและอดีตนายพลทหารไทยล้วนเกี่ยวข้องแน่นอน ปัญหาแบบเคสบ้านหนองจาน หนองหญ้าแกว สระแก้วและบ่อนคาสิโนจ.ตราด มันชัดเจนมาก แต่ศาลทหารไร้บทบาทสิ้นดี.

    #จีน กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า ได้ขับไล่นายพลระดับสูง 2 นายออกจากกองทัพและพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสืบสวนการทุจริตต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพ 9 นาย

    https://insiderpaper.com/china-says-investigating-9-high-ranking-military-officials-for-corruption/
    ประเทศไทยเรา ตอนนี้สมควรมีนายพลและอดีตนายพล พลเอกหลายคนสมควรถูกไล่ออกจากกองทัพไทยเราจริงจังบ้างแล้ว ,ศาลทหารไทยมีไว้ทำไม,ชายแดนไทยเขมร เขมรรุกรานกว่า11จุดพื้นที่ไทย ทหารระดับบัญชาการอาจรวมขั้นนายพลไทยและอดีตนายพลทหารไทยล้วนเกี่ยวข้องแน่นอน ปัญหาแบบเคสบ้านหนองจาน หนองหญ้าแกว สระแก้วและบ่อนคาสิโนจ.ตราด มันชัดเจนมาก แต่ศาลทหารไร้บทบาทสิ้นดี. #จีน กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า ได้ขับไล่นายพลระดับสูง 2 นายออกจากกองทัพและพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสืบสวนการทุจริตต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพ 9 นาย https://insiderpaper.com/china-says-investigating-9-high-ranking-military-officials-for-corruption/
    INSIDERPAPER.COM
    China expels two top-ranked generals from military in graft probe
    China said on Friday it has expelled two top generals from the military and ruling Communist Party, part of corruption investigations into nine
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • “DDR5 ทะลุ 13,000 MT/s ครั้งแรก!” — Corsair Vengeance และ GIGABYTE Z890 สร้างสถิติใหม่ในโลกการโอเวอร์คล็อก

    ในโลกของการโอเวอร์คล็อก หนึ่งในเป้าหมายที่นักเล่นระดับสูงไล่ล่ามานานคือการทำให้ DDR5 ทะลุความเร็ว 13,000 MT/s และล่าสุดก็มีคนทำสำเร็จแล้ว! นักโอเวอร์คล็อกชาวเยอรมันชื่อ “sergmann” ได้สร้างสถิติใหม่ด้วย Corsair Vengeance DDR5 บนเมนบอร์ด GIGABYTE Z890 Aorus Tachyon ICE โดยจับคู่กับซีพียู Intel Core Ultra 9 285K และใช้ไนโตรเจนเหลวในการระบายความร้อน

    ก่อนหน้านี้ “saltycroissant” เคยทำสถิติไว้ที่ 12,920 MT/s และเกือบจะทะลุ 13,000 MT/s แต่ sergmann แซงหน้าไปด้วยความเร็ว 13,010 MT/s ซึ่งได้รับการยืนยันจาก HWBot และ CPU-Z

    แม้ความเร็วจะสูงมาก แต่ latency ก็สูงเช่นกัน (CL68-127-127-127-2) ทำให้ไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป แต่ถือเป็นชัยชนะเชิงเทคนิคที่แสดงถึงศักยภาพของฮาร์ดแวร์ยุคใหม่ โดยเฉพาะเมนบอร์ด Z890 และหน่วยความจำ DDR5 รุ่นล่าสุด

    ข้อมูลในข่าว
    DDR5 ถูกโอเวอร์คล็อกทะลุ 13,000 MT/s เป็นครั้งแรก
    นักโอเวอร์คล็อก “sergmann” ใช้ Corsair Vengeance DDR5 และ GIGABYTE Z890 Aorus Tachyon ICE
    ซีพียูที่ใช้คือ Intel Core Ultra 9 285K
    ใช้ไนโตรเจนเหลวในการระบายความร้อน
    ความเร็วที่ทำได้คือ 13,010 MT/s (6504 MHz)
    ได้รับการยืนยันจาก HWBot และ CPU-Z
    ค่า latency อยู่ที่ CL68-127-127-127-2
    IMC to Memory Clock ratio อยู่ที่ 3:190
    ความเร็วระดับนี้ไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป แต่เป็นการโชว์ศักยภาพ
    เมนบอร์ด Z890 และซีพียู Ultra 200S มี memory controller ที่รองรับความเร็วสูง
    Corsair, Gigabyte, Seasonic และ ThermalGrizzly มีส่วนสนับสนุนการทดสอบ

    https://wccftech.com/ddr5-memory-officially-pushed-over-13000-mt-s-for-the-first-time/
    🚀 “DDR5 ทะลุ 13,000 MT/s ครั้งแรก!” — Corsair Vengeance และ GIGABYTE Z890 สร้างสถิติใหม่ในโลกการโอเวอร์คล็อก ในโลกของการโอเวอร์คล็อก หนึ่งในเป้าหมายที่นักเล่นระดับสูงไล่ล่ามานานคือการทำให้ DDR5 ทะลุความเร็ว 13,000 MT/s และล่าสุดก็มีคนทำสำเร็จแล้ว! นักโอเวอร์คล็อกชาวเยอรมันชื่อ “sergmann” ได้สร้างสถิติใหม่ด้วย Corsair Vengeance DDR5 บนเมนบอร์ด GIGABYTE Z890 Aorus Tachyon ICE โดยจับคู่กับซีพียู Intel Core Ultra 9 285K และใช้ไนโตรเจนเหลวในการระบายความร้อน ก่อนหน้านี้ “saltycroissant” เคยทำสถิติไว้ที่ 12,920 MT/s และเกือบจะทะลุ 13,000 MT/s แต่ sergmann แซงหน้าไปด้วยความเร็ว 13,010 MT/s ซึ่งได้รับการยืนยันจาก HWBot และ CPU-Z แม้ความเร็วจะสูงมาก แต่ latency ก็สูงเช่นกัน (CL68-127-127-127-2) ทำให้ไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป แต่ถือเป็นชัยชนะเชิงเทคนิคที่แสดงถึงศักยภาพของฮาร์ดแวร์ยุคใหม่ โดยเฉพาะเมนบอร์ด Z890 และหน่วยความจำ DDR5 รุ่นล่าสุด ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ DDR5 ถูกโอเวอร์คล็อกทะลุ 13,000 MT/s เป็นครั้งแรก ➡️ นักโอเวอร์คล็อก “sergmann” ใช้ Corsair Vengeance DDR5 และ GIGABYTE Z890 Aorus Tachyon ICE ➡️ ซีพียูที่ใช้คือ Intel Core Ultra 9 285K ➡️ ใช้ไนโตรเจนเหลวในการระบายความร้อน ➡️ ความเร็วที่ทำได้คือ 13,010 MT/s (6504 MHz) ➡️ ได้รับการยืนยันจาก HWBot และ CPU-Z ➡️ ค่า latency อยู่ที่ CL68-127-127-127-2 ➡️ IMC to Memory Clock ratio อยู่ที่ 3:190 ➡️ ความเร็วระดับนี้ไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป แต่เป็นการโชว์ศักยภาพ ➡️ เมนบอร์ด Z890 และซีพียู Ultra 200S มี memory controller ที่รองรับความเร็วสูง ➡️ Corsair, Gigabyte, Seasonic และ ThermalGrizzly มีส่วนสนับสนุนการทดสอบ https://wccftech.com/ddr5-memory-officially-pushed-over-13000-mt-s-for-the-first-time/
    WCCFTECH.COM
    It's Official: DDR5 Speed Pushed Over 13000 MT/s For The First Time With Corsair Vengeance Memory
    For the first time ever, an overclocker has broke the 13010 MT/s barrier on DDR5 memory, making a new world record.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ONLYOFFICE Docs 9.1 มาแล้ว!” — ปรับปรุงการทำงานร่วมกัน เพิ่มฟีเจอร์ Redact PDF และประสิทธิภาพสูตรคำนวณ

    หลังจากเปิดตัวเวอร์ชัน 9.0 ที่มาพร้อมอินเทอร์เฟซใหม่และฟีเจอร์ AI ล่าสุด ทีมพัฒนา ONLYOFFICE ได้ปล่อยเวอร์ชัน 9.1 ซึ่งเป็นการอัปเดตจุดแรกในซีรีส์ 9.x โดยเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพ ความสามารถในการทำงานร่วมกัน และเครื่องมือใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้สายเอกสารและองค์กร

    ฟีเจอร์เด่นในเวอร์ชันนี้คือเครื่องมือ “Redact” สำหรับ PDF ที่ช่วยลบข้อมูลสำคัญอย่างถาวร พร้อมตัวเลือก “Find & Redact” สำหรับเอกสารขนาดใหญ่ และการ Redact แบบทั้งหน้า/ช่วงหน้า นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือ annotation ใหม่ เช่น วาดรูปทรงต่าง ๆ ลงบนเอกสาร

    ในด้านการแก้ไขเอกสารทั่วไป:

    การจัดการคอมเมนต์สามารถกรองระหว่าง “Open” และ “Resolved” ได้
    การแก้ไขกราฟรองรับการระเบิด (Explosion) สำหรับกราฟวงกลม
    การจัดการตารางมีแท็บ “Table Design” ใหม่
    Pivot Table รองรับการกรองตามวันที่
    สูตร LOOKUP, VLOOKUP, HLOOKUP และ XLOOKUP ทำงานเร็วขึ้นและใช้หน่วยความจำดีขึ้น
    การตั้งชื่อชีตและการใส่สูตรมีการเน้น argument เพื่อความเข้าใจง่าย

    ใน Presentation Editor มีแท็บ Slide Master ใหม่ ส่วน Document Editor รองรับ section break ใน block content control ทุกระดับ

    ด้านการรองรับไฟล์:
    เปิดดูภาพ HEIF และเอกสาร HWPML ได้
    แปลง PDF เป็น TXT และ PPTX เป็น TXT ได้โดยตรง
    รองรับสูตรคณิตศาสตร์ในรูปแบบ MathML

    เวอร์ชันเซิร์ฟเวอร์ยังมี Admin Panel ใหม่สำหรับดูสถานะและการตั้งค่าระบบ พร้อมการปรับปรุง localization สำหรับภาษาจีนดั้งเดิมและเซอร์เบีย

    ข้อมูลในข่าว
    ONLYOFFICE Docs 9.1 เป็นอัปเดตจุดแรกในซีรีส์ 9.x
    เพิ่มเครื่องมือ Redact สำหรับ PDF พร้อม Find & Redact และ Redact แบบช่วงหน้า
    เพิ่ม annotation tools เช่น Rectangle, Circle, Arrow, Connected Lines
    กรองคอมเมนต์ระหว่าง “Open” และ “Resolved” ได้
    รองรับ Explosion ในกราฟวงกลม 2D
    LOOKUP, VLOOKUP, HLOOKUP, XLOOKUP ทำงานเร็วขึ้น
    มีแท็บ “Table Design” สำหรับจัดการตาราง
    Pivot Table รองรับการกรองตามวันที่
    ตั้งชื่อชีตได้ทันที และสูตรมีการเน้น argument
    Presentation Editor มีแท็บ Slide Master ใหม่
    Document Editor รองรับ section break ใน block content control
    รองรับ HEIF, HWPML, PDF→TXT, PPTX→TXT, MathML
    เวอร์ชันเซิร์ฟเวอร์มี Admin Panel ใหม่
    ปรับปรุง localization สำหรับภาษาจีนดั้งเดิมและเซอร์เบีย

    https://news.itsfoss.com/onlyoffice-docs-9-1-release/
    📝 “ONLYOFFICE Docs 9.1 มาแล้ว!” — ปรับปรุงการทำงานร่วมกัน เพิ่มฟีเจอร์ Redact PDF และประสิทธิภาพสูตรคำนวณ หลังจากเปิดตัวเวอร์ชัน 9.0 ที่มาพร้อมอินเทอร์เฟซใหม่และฟีเจอร์ AI ล่าสุด ทีมพัฒนา ONLYOFFICE ได้ปล่อยเวอร์ชัน 9.1 ซึ่งเป็นการอัปเดตจุดแรกในซีรีส์ 9.x โดยเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพ ความสามารถในการทำงานร่วมกัน และเครื่องมือใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้สายเอกสารและองค์กร ฟีเจอร์เด่นในเวอร์ชันนี้คือเครื่องมือ “Redact” สำหรับ PDF ที่ช่วยลบข้อมูลสำคัญอย่างถาวร พร้อมตัวเลือก “Find & Redact” สำหรับเอกสารขนาดใหญ่ และการ Redact แบบทั้งหน้า/ช่วงหน้า นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือ annotation ใหม่ เช่น วาดรูปทรงต่าง ๆ ลงบนเอกสาร ในด้านการแก้ไขเอกสารทั่วไป: 📝 การจัดการคอมเมนต์สามารถกรองระหว่าง “Open” และ “Resolved” ได้ 📝 การแก้ไขกราฟรองรับการระเบิด (Explosion) สำหรับกราฟวงกลม 📝 การจัดการตารางมีแท็บ “Table Design” ใหม่ 📝 Pivot Table รองรับการกรองตามวันที่ 📝 สูตร LOOKUP, VLOOKUP, HLOOKUP และ XLOOKUP ทำงานเร็วขึ้นและใช้หน่วยความจำดีขึ้น 📝 การตั้งชื่อชีตและการใส่สูตรมีการเน้น argument เพื่อความเข้าใจง่าย ใน Presentation Editor มีแท็บ Slide Master ใหม่ ส่วน Document Editor รองรับ section break ใน block content control ทุกระดับ ด้านการรองรับไฟล์: 📝 เปิดดูภาพ HEIF และเอกสาร HWPML ได้ 📝 แปลง PDF เป็น TXT และ PPTX เป็น TXT ได้โดยตรง 📝 รองรับสูตรคณิตศาสตร์ในรูปแบบ MathML เวอร์ชันเซิร์ฟเวอร์ยังมี Admin Panel ใหม่สำหรับดูสถานะและการตั้งค่าระบบ พร้อมการปรับปรุง localization สำหรับภาษาจีนดั้งเดิมและเซอร์เบีย ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ ONLYOFFICE Docs 9.1 เป็นอัปเดตจุดแรกในซีรีส์ 9.x ➡️ เพิ่มเครื่องมือ Redact สำหรับ PDF พร้อม Find & Redact และ Redact แบบช่วงหน้า ➡️ เพิ่ม annotation tools เช่น Rectangle, Circle, Arrow, Connected Lines ➡️ กรองคอมเมนต์ระหว่าง “Open” และ “Resolved” ได้ ➡️ รองรับ Explosion ในกราฟวงกลม 2D ➡️ LOOKUP, VLOOKUP, HLOOKUP, XLOOKUP ทำงานเร็วขึ้น ➡️ มีแท็บ “Table Design” สำหรับจัดการตาราง ➡️ Pivot Table รองรับการกรองตามวันที่ ➡️ ตั้งชื่อชีตได้ทันที และสูตรมีการเน้น argument ➡️ Presentation Editor มีแท็บ Slide Master ใหม่ ➡️ Document Editor รองรับ section break ใน block content control ➡️ รองรับ HEIF, HWPML, PDF→TXT, PPTX→TXT, MathML ➡️ เวอร์ชันเซิร์ฟเวอร์มี Admin Panel ใหม่ ➡️ ปรับปรุง localization สำหรับภาษาจีนดั้งเดิมและเซอร์เบีย https://news.itsfoss.com/onlyoffice-docs-9-1-release/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    ONLYOFFICE Docs 9.1 Arrives with PDF Redaction and Many Editor Upgrades
    New redaction tools, performance boosts, and enhanced collaboration features.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เกือบโดนแฮกเพราะสมัครงาน” — เมื่อโค้ดทดสอบกลายเป็นกับดักมัลแวร์สุดแนบเนียน

    David Dodda นักพัฒนาอิสระเกือบตกเป็นเหยื่อของการโจมตีไซเบอร์ที่แฝงมาในรูปแบบ “สัมภาษณ์งาน” จากบริษัทบล็อกเชนที่ดูน่าเชื่อถือบน LinkedIn ชื่อ Symfa โดยผู้ติดต่อคือ Mykola Yanchii ซึ่งมีโปรไฟล์จริง มีตำแหน่ง Chief Blockchain Officer และมีเครือข่ายมากกว่า 1,000 คน

    หลังจากได้รับข้อความเชิญสัมภาษณ์พร้อมโปรเจกต์ทดสอบเป็นโค้ด React/Node บน Bitbucket ที่ดูเป็นมืออาชีพ David เริ่มตรวจสอบและแก้ไขโค้ดตามปกติ แต่ก่อนจะรันคำสั่ง npm start เขาตัดสินใจถาม AI coding assistant ว่ามีโค้ดน่าสงสัยหรือไม่ และนั่นคือจุดที่เขารอดจากการโดนแฮก

    ในไฟล์ userController.js มีโค้ด obfuscated ที่จะโหลดมัลแวร์จาก URL ภายนอกและรันด้วยสิทธิ์ระดับเซิร์ฟเวอร์ทันทีที่มีการเข้าถึง route admin โดย payload ที่ถูกโหลดมานั้นสามารถขโมยข้อมูลทุกอย่างในเครื่อง เช่น crypto wallets, credentials และไฟล์ส่วนตัว

    ที่น่ากลัวคือ URL ดังกล่าวถูกตั้งให้หมดอายุภายใน 24 ชั่วโมงเพื่อทำลายหลักฐาน และโค้ดถูกฝังอย่างแนบเนียนในฟังก์ชันที่ดูเหมือนปกติ

    David สรุปว่า การโจมตีนี้มีความซับซ้อนสูง ใช้ความน่าเชื่อถือจาก LinkedIn, บริษัทจริง, และกระบวนการสัมภาษณ์ที่คุ้นเคยเพื่อหลอกนักพัฒนาให้รันโค้ดอันตรายโดยไม่รู้ตัว

    ข้อมูลในข่าว
    David ได้รับข้อความจากโปรไฟล์ LinkedIn จริงของ Mykola Yanchii จากบริษัท Symfa
    โปรเจกต์ทดสอบเป็นโค้ด React/Node บน Bitbucket ที่ดูน่าเชื่อถือ
    โค้ดมีมัลแวร์ฝังอยู่ใน userController.js ที่โหลด payload จาก URL ภายนอก
    Payload สามารถขโมยข้อมูลสำคัญในเครื่องได้ทันทีเมื่อรัน
    URL ถูกตั้งให้หมดอายุภายใน 24 ชั่วโมงเพื่อทำลายหลักฐาน
    การโจมตีใช้ความน่าเชื่อถือจาก LinkedIn และกระบวนการสัมภาษณ์ที่คุ้นเคย
    David รอดมาได้เพราะถาม AI assistant ให้ช่วยตรวจสอบก่อนรันโค้ด
    โค้ดถูกออกแบบให้รันด้วยสิทธิ์ระดับเซิร์ฟเวอร์ผ่าน route admin
    การโจมตีนี้มุ่งเป้าไปที่นักพัฒนาโดยเฉพาะ เพราะเครื่องของ dev มักมีข้อมูลสำคัญ

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    การรันโค้ดจากแหล่งที่ไม่รู้จักโดยไม่ sandbox อาจนำไปสู่การโดนแฮก
    โปรไฟล์ LinkedIn จริงและบริษัทจริงไม่ได้หมายความว่าโอกาสงานนั้นปลอดภัย
    การเร่งให้ผู้สมัครรันโค้ดก่อนสัมภาษณ์เป็นเทคนิคสร้างความเร่งรีบเพื่อให้เผลอ
    นักพัฒนามักดาวน์โหลดและรันโค้ดจาก GitHub หรือ Bitbucket โดยไม่ตรวจสอบ
    มัลแวร์ฝังในโค้ด server-side สามารถเข้าถึง environment variables และฐานข้อมูล
    การโจมตีแบบนี้อาจเจาะระบบ production หรือขโมย crypto wallets ได้ทันที

    https://blog.daviddodda.com/how-i-almost-got-hacked-by-a-job-interview
    🎯 “เกือบโดนแฮกเพราะสมัครงาน” — เมื่อโค้ดทดสอบกลายเป็นกับดักมัลแวร์สุดแนบเนียน David Dodda นักพัฒนาอิสระเกือบตกเป็นเหยื่อของการโจมตีไซเบอร์ที่แฝงมาในรูปแบบ “สัมภาษณ์งาน” จากบริษัทบล็อกเชนที่ดูน่าเชื่อถือบน LinkedIn ชื่อ Symfa โดยผู้ติดต่อคือ Mykola Yanchii ซึ่งมีโปรไฟล์จริง มีตำแหน่ง Chief Blockchain Officer และมีเครือข่ายมากกว่า 1,000 คน หลังจากได้รับข้อความเชิญสัมภาษณ์พร้อมโปรเจกต์ทดสอบเป็นโค้ด React/Node บน Bitbucket ที่ดูเป็นมืออาชีพ David เริ่มตรวจสอบและแก้ไขโค้ดตามปกติ แต่ก่อนจะรันคำสั่ง npm start เขาตัดสินใจถาม AI coding assistant ว่ามีโค้ดน่าสงสัยหรือไม่ และนั่นคือจุดที่เขารอดจากการโดนแฮก ในไฟล์ userController.js มีโค้ด obfuscated ที่จะโหลดมัลแวร์จาก URL ภายนอกและรันด้วยสิทธิ์ระดับเซิร์ฟเวอร์ทันทีที่มีการเข้าถึง route admin โดย payload ที่ถูกโหลดมานั้นสามารถขโมยข้อมูลทุกอย่างในเครื่อง เช่น crypto wallets, credentials และไฟล์ส่วนตัว ที่น่ากลัวคือ URL ดังกล่าวถูกตั้งให้หมดอายุภายใน 24 ชั่วโมงเพื่อทำลายหลักฐาน และโค้ดถูกฝังอย่างแนบเนียนในฟังก์ชันที่ดูเหมือนปกติ David สรุปว่า การโจมตีนี้มีความซับซ้อนสูง ใช้ความน่าเชื่อถือจาก LinkedIn, บริษัทจริง, และกระบวนการสัมภาษณ์ที่คุ้นเคยเพื่อหลอกนักพัฒนาให้รันโค้ดอันตรายโดยไม่รู้ตัว ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ David ได้รับข้อความจากโปรไฟล์ LinkedIn จริงของ Mykola Yanchii จากบริษัท Symfa ➡️ โปรเจกต์ทดสอบเป็นโค้ด React/Node บน Bitbucket ที่ดูน่าเชื่อถือ ➡️ โค้ดมีมัลแวร์ฝังอยู่ใน userController.js ที่โหลด payload จาก URL ภายนอก ➡️ Payload สามารถขโมยข้อมูลสำคัญในเครื่องได้ทันทีเมื่อรัน ➡️ URL ถูกตั้งให้หมดอายุภายใน 24 ชั่วโมงเพื่อทำลายหลักฐาน ➡️ การโจมตีใช้ความน่าเชื่อถือจาก LinkedIn และกระบวนการสัมภาษณ์ที่คุ้นเคย ➡️ David รอดมาได้เพราะถาม AI assistant ให้ช่วยตรวจสอบก่อนรันโค้ด ➡️ โค้ดถูกออกแบบให้รันด้วยสิทธิ์ระดับเซิร์ฟเวอร์ผ่าน route admin ➡️ การโจมตีนี้มุ่งเป้าไปที่นักพัฒนาโดยเฉพาะ เพราะเครื่องของ dev มักมีข้อมูลสำคัญ ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ การรันโค้ดจากแหล่งที่ไม่รู้จักโดยไม่ sandbox อาจนำไปสู่การโดนแฮก ⛔ โปรไฟล์ LinkedIn จริงและบริษัทจริงไม่ได้หมายความว่าโอกาสงานนั้นปลอดภัย ⛔ การเร่งให้ผู้สมัครรันโค้ดก่อนสัมภาษณ์เป็นเทคนิคสร้างความเร่งรีบเพื่อให้เผลอ ⛔ นักพัฒนามักดาวน์โหลดและรันโค้ดจาก GitHub หรือ Bitbucket โดยไม่ตรวจสอบ ⛔ มัลแวร์ฝังในโค้ด server-side สามารถเข้าถึง environment variables และฐานข้อมูล ⛔ การโจมตีแบบนี้อาจเจาะระบบ production หรือขโมย crypto wallets ได้ทันที https://blog.daviddodda.com/how-i-almost-got-hacked-by-a-job-interview
    BLOG.DAVIDDODDA.COM
    How I Almost Got Hacked By A 'Job Interview'
    I was 30 seconds away from running malware, Here's how a sophisticated scam operation almost got me, and why every developer needs to read this.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • “CISO ต้องคิดใหม่เรื่อง Tabletop Exercise — เพราะเหตุการณ์ส่วนใหญ่ไม่เคยซ้อมมาก่อน”

    ในโลกไซเบอร์ที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง การเตรียมพร้อมรับมือเหตุการณ์ไม่คาดฝันเป็นสิ่งจำเป็น แต่ผลสำรวจล่าสุดจากบริษัท Cymulate พบว่า 57% ของเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยที่เกิดขึ้นจริง “ไม่เคยถูกซ้อม” มาก่อนเลย — นั่นหมายความว่าองค์กรส่วนใหญ่ยังไม่มีแผนรับมือที่ผ่านการทดสอบจริง

    Tabletop Exercise คือการจำลองสถานการณ์เพื่อให้ทีมงานฝึกคิด วิเคราะห์ และตัดสินใจโดยไม่ต้องลงมือปฏิบัติจริง เช่น การรับมือ ransomware, การรั่วไหลของข้อมูล หรือการโจมตีแบบ supply chain แต่หลายองค์กรยังคงใช้รูปแบบเดิม ๆ ที่เน้นการประชุมมากกว่าการจำลองสถานการณ์ที่สมจริง

    บทความชี้ว่า CISO (Chief Information Security Officer) ควรเปลี่ยนแนวทางการซ้อมจาก “การประชุมเชิงทฤษฎี” ไปสู่ “การจำลองเชิงปฏิบัติ” ที่มีความสมจริงมากขึ้น เช่น การใช้เครื่องมือจำลองภัยคุกคาม, การวัดผลตอบสนองของทีม, และการปรับปรุงแผนตามผลลัพธ์ที่ได้

    นอกจากนี้ยังแนะนำให้ใช้เทคนิค “purple teaming” ซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่างทีมป้องกัน (blue team) และทีมโจมตี (red team) เพื่อสร้างสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด

    57% ของเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยไม่เคยถูกซ้อมมาก่อน
    แสดงให้เห็นช่องว่างในการเตรียมความพร้อมขององค์กร

    Tabletop Exercise แบบเดิมเน้นการประชุมมากกว่าการจำลองจริง
    ทำให้ทีมไม่เข้าใจสถานการณ์จริงเมื่อเกิดเหตุ

    CISO ควรเปลี่ยนแนวทางการซ้อมให้สมจริงมากขึ้น
    เช่น ใช้เครื่องมือจำลองภัยคุกคามและวัดผลตอบสนอง

    การซ้อมควรครอบคลุมหลายรูปแบบของภัยคุกคาม
    เช่น ransomware, data breach, insider threat, supply chain attack

    เทคนิค purple teaming ช่วยให้การซ้อมมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    โดยให้ทีมโจมตีและทีมป้องกันทำงานร่วมกัน

    การวัดผลจากการซ้อมช่วยปรับปรุงแผนรับมือได้ตรงจุด
    เช่น ปรับขั้นตอนการแจ้งเตือน, การสื่อสาร, การตัดสินใจ

    การไม่ซ้อมรับมือเหตุการณ์จริงอาจทำให้การตอบสนองล่าช้า
    ส่งผลให้ความเสียหายขยายวงกว้างและควบคุมไม่ได้

    การใช้ Tabletop Exercise แบบเดิมอาจสร้างความเข้าใจผิด
    เพราะทีมงานอาจคิดว่าตนพร้อม ทั้งที่ไม่เคยเผชิญสถานการณ์จริง

    การไม่รวมทีมเทคนิคและทีมธุรกิจในการซ้อม
    ทำให้การตัดสินใจขาดมุมมองที่ครอบคลุม

    การไม่มีการวัดผลจากการซ้อม
    ทำให้ไม่รู้ว่าทีมตอบสนองได้ดีแค่ไหน และควรปรับปรุงตรงจุดใด

    การละเลยภัยคุกคามใหม่ เช่น AI-driven attack หรือ deepfake phishing
    ทำให้แผนรับมือไม่ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเร็ว

    https://www.csoonline.com/article/4071102/cisos-must-rethink-the-tabletop-as-57-of-incidents-have-never-been-rehearsed.html
    🧩 “CISO ต้องคิดใหม่เรื่อง Tabletop Exercise — เพราะเหตุการณ์ส่วนใหญ่ไม่เคยซ้อมมาก่อน” ในโลกไซเบอร์ที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง การเตรียมพร้อมรับมือเหตุการณ์ไม่คาดฝันเป็นสิ่งจำเป็น แต่ผลสำรวจล่าสุดจากบริษัท Cymulate พบว่า 57% ของเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยที่เกิดขึ้นจริง “ไม่เคยถูกซ้อม” มาก่อนเลย — นั่นหมายความว่าองค์กรส่วนใหญ่ยังไม่มีแผนรับมือที่ผ่านการทดสอบจริง Tabletop Exercise คือการจำลองสถานการณ์เพื่อให้ทีมงานฝึกคิด วิเคราะห์ และตัดสินใจโดยไม่ต้องลงมือปฏิบัติจริง เช่น การรับมือ ransomware, การรั่วไหลของข้อมูล หรือการโจมตีแบบ supply chain แต่หลายองค์กรยังคงใช้รูปแบบเดิม ๆ ที่เน้นการประชุมมากกว่าการจำลองสถานการณ์ที่สมจริง บทความชี้ว่า CISO (Chief Information Security Officer) ควรเปลี่ยนแนวทางการซ้อมจาก “การประชุมเชิงทฤษฎี” ไปสู่ “การจำลองเชิงปฏิบัติ” ที่มีความสมจริงมากขึ้น เช่น การใช้เครื่องมือจำลองภัยคุกคาม, การวัดผลตอบสนองของทีม, และการปรับปรุงแผนตามผลลัพธ์ที่ได้ นอกจากนี้ยังแนะนำให้ใช้เทคนิค “purple teaming” ซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่างทีมป้องกัน (blue team) และทีมโจมตี (red team) เพื่อสร้างสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด ✅ 57% ของเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยไม่เคยถูกซ้อมมาก่อน ➡️ แสดงให้เห็นช่องว่างในการเตรียมความพร้อมขององค์กร ✅ Tabletop Exercise แบบเดิมเน้นการประชุมมากกว่าการจำลองจริง ➡️ ทำให้ทีมไม่เข้าใจสถานการณ์จริงเมื่อเกิดเหตุ ✅ CISO ควรเปลี่ยนแนวทางการซ้อมให้สมจริงมากขึ้น ➡️ เช่น ใช้เครื่องมือจำลองภัยคุกคามและวัดผลตอบสนอง ✅ การซ้อมควรครอบคลุมหลายรูปแบบของภัยคุกคาม ➡️ เช่น ransomware, data breach, insider threat, supply chain attack ✅ เทคนิค purple teaming ช่วยให้การซ้อมมีประสิทธิภาพมากขึ้น ➡️ โดยให้ทีมโจมตีและทีมป้องกันทำงานร่วมกัน ✅ การวัดผลจากการซ้อมช่วยปรับปรุงแผนรับมือได้ตรงจุด ➡️ เช่น ปรับขั้นตอนการแจ้งเตือน, การสื่อสาร, การตัดสินใจ ‼️ การไม่ซ้อมรับมือเหตุการณ์จริงอาจทำให้การตอบสนองล่าช้า ⛔ ส่งผลให้ความเสียหายขยายวงกว้างและควบคุมไม่ได้ ‼️ การใช้ Tabletop Exercise แบบเดิมอาจสร้างความเข้าใจผิด ⛔ เพราะทีมงานอาจคิดว่าตนพร้อม ทั้งที่ไม่เคยเผชิญสถานการณ์จริง ‼️ การไม่รวมทีมเทคนิคและทีมธุรกิจในการซ้อม ⛔ ทำให้การตัดสินใจขาดมุมมองที่ครอบคลุม ‼️ การไม่มีการวัดผลจากการซ้อม ⛔ ทำให้ไม่รู้ว่าทีมตอบสนองได้ดีแค่ไหน และควรปรับปรุงตรงจุดใด ‼️ การละเลยภัยคุกคามใหม่ เช่น AI-driven attack หรือ deepfake phishing ⛔ ทำให้แผนรับมือไม่ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเร็ว https://www.csoonline.com/article/4071102/cisos-must-rethink-the-tabletop-as-57-of-incidents-have-never-been-rehearsed.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    CISOs must rethink the tabletop, as 57% of incidents have never been rehearsed
    Security experts believe many cyber tabletops try to be too specific, while others argue they should focus on smaller, more nuanced attacks, as those are more likely what security teams will face.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Zorin OS 18 — ทางเลือกใหม่สำหรับผู้ใช้ Windows 10 ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง”

    ในวันที่ Windows 10 ถูกยุติการสนับสนุนอย่างเป็นทางการ ผู้ใช้หลายร้อยล้านคนทั่วโลกกำลังเผชิญกับทางเลือกที่ยาก: ซื้อเครื่องใหม่เพื่อใช้ Windows 11 หรือหาทางออกที่ไม่ต้องพึ่งฮาร์ดแวร์ใหม่ และ Zorin OS 18 กำลังเสนอคำตอบนั้น

    Zorin OS 18 เป็นดิสโทร Linux ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับ “Windows 10 expats” หรือผู้ใช้ที่ต้องการย้ายจาก Windows 10 ไปยังระบบที่ทันสมัยแต่ไม่ซับซ้อน โดยเวอร์ชันใหม่นี้มาพร้อมกับหน้าตาใหม่ที่สวยงาม, ระบบจัดการหน้าต่างแบบใหม่, การรองรับแอป Windows ที่ดีขึ้น และฟีเจอร์ที่ช่วยให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่น

    ระบบนี้ยังมาพร้อมกับ PipeWire สำหรับเสียงคุณภาพสูง, การเชื่อมต่อ OneDrive, และเครื่องมือใหม่สำหรับการติดตั้งแอป Windows กว่า 170 ตัวแบบมีคำแนะนำเฉพาะ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกลัวว่าจะ “หลงทาง” เมื่อเปลี่ยนมาใช้ Linux

    Zorin OS 18 พัฒนาบน Ubuntu 24.04.3 LTS และ Linux kernel 6.14
    รองรับฮาร์ดแวร์ใหม่และมีความเสถียรสูง

    หน้าตาใหม่: แถบลอย, สีอ่อน, ตัวบ่งชี้ workspace ใหม่
    ให้ความรู้สึกทันสมัยและใช้งานง่าย

    ระบบจัดการหน้าต่างใหม่ช่วยเพิ่ม productivity
    รองรับการจัดวางหน้าต่างแบบอัตโนมัติ

    มี Web Apps tool สำหรับติดตั้งแอปโปรดได้ง่ายขึ้น
    โดยเฉพาะแอป Windows ที่คุ้นเคย

    รองรับ OneDrive ผ่าน Online Accounts
    เชื่อมต่อกับบัญชี Microsoft 365 ได้ทันที

    มีคำแนะนำเฉพาะสำหรับการติดตั้งแอป Windows กว่า 170 ตัว
    ช่วยให้ผู้ใช้ใหม่ไม่ต้องเดาเอง

    ใช้ PipeWire เป็น backend สำหรับเสียง
    ให้เสียงคุณภาพสูงและ latency ต่ำ

    Zorin OS Pro มีแอปใหม่ 11 ตัว เช่น Deskflow, Warpinator, Valot
    รองรับการแชร์อุปกรณ์, ส่งไฟล์, และติดตามเวลา

    Zorin OS Education มีแอปใหม่ เช่น Gradebook, Spedread, TurboWarp
    เหมาะสำหรับนักเรียนและการเรียนรู้แบบ interactive

    มีให้ดาวน์โหลดทั้งรุ่น Core และ Education
    รุ่น Pro จำหน่ายในราคา €47.99 (~$55.6 USD) พร้อมฟีเจอร์พรีเมียม

    https://9to5linux.com/zorin-os-18-officially-released-specifically-tailored-for-windows-10-expats
    🧭 “Zorin OS 18 — ทางเลือกใหม่สำหรับผู้ใช้ Windows 10 ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” ในวันที่ Windows 10 ถูกยุติการสนับสนุนอย่างเป็นทางการ ผู้ใช้หลายร้อยล้านคนทั่วโลกกำลังเผชิญกับทางเลือกที่ยาก: ซื้อเครื่องใหม่เพื่อใช้ Windows 11 หรือหาทางออกที่ไม่ต้องพึ่งฮาร์ดแวร์ใหม่ และ Zorin OS 18 กำลังเสนอคำตอบนั้น Zorin OS 18 เป็นดิสโทร Linux ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับ “Windows 10 expats” หรือผู้ใช้ที่ต้องการย้ายจาก Windows 10 ไปยังระบบที่ทันสมัยแต่ไม่ซับซ้อน โดยเวอร์ชันใหม่นี้มาพร้อมกับหน้าตาใหม่ที่สวยงาม, ระบบจัดการหน้าต่างแบบใหม่, การรองรับแอป Windows ที่ดีขึ้น และฟีเจอร์ที่ช่วยให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่น ระบบนี้ยังมาพร้อมกับ PipeWire สำหรับเสียงคุณภาพสูง, การเชื่อมต่อ OneDrive, และเครื่องมือใหม่สำหรับการติดตั้งแอป Windows กว่า 170 ตัวแบบมีคำแนะนำเฉพาะ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกลัวว่าจะ “หลงทาง” เมื่อเปลี่ยนมาใช้ Linux ✅ Zorin OS 18 พัฒนาบน Ubuntu 24.04.3 LTS และ Linux kernel 6.14 ➡️ รองรับฮาร์ดแวร์ใหม่และมีความเสถียรสูง ✅ หน้าตาใหม่: แถบลอย, สีอ่อน, ตัวบ่งชี้ workspace ใหม่ ➡️ ให้ความรู้สึกทันสมัยและใช้งานง่าย ✅ ระบบจัดการหน้าต่างใหม่ช่วยเพิ่ม productivity ➡️ รองรับการจัดวางหน้าต่างแบบอัตโนมัติ ✅ มี Web Apps tool สำหรับติดตั้งแอปโปรดได้ง่ายขึ้น ➡️ โดยเฉพาะแอป Windows ที่คุ้นเคย ✅ รองรับ OneDrive ผ่าน Online Accounts ➡️ เชื่อมต่อกับบัญชี Microsoft 365 ได้ทันที ✅ มีคำแนะนำเฉพาะสำหรับการติดตั้งแอป Windows กว่า 170 ตัว ➡️ ช่วยให้ผู้ใช้ใหม่ไม่ต้องเดาเอง ✅ ใช้ PipeWire เป็น backend สำหรับเสียง ➡️ ให้เสียงคุณภาพสูงและ latency ต่ำ ✅ Zorin OS Pro มีแอปใหม่ 11 ตัว เช่น Deskflow, Warpinator, Valot ➡️ รองรับการแชร์อุปกรณ์, ส่งไฟล์, และติดตามเวลา ✅ Zorin OS Education มีแอปใหม่ เช่น Gradebook, Spedread, TurboWarp ➡️ เหมาะสำหรับนักเรียนและการเรียนรู้แบบ interactive ✅ มีให้ดาวน์โหลดทั้งรุ่น Core และ Education ➡️ รุ่น Pro จำหน่ายในราคา €47.99 (~$55.6 USD) พร้อมฟีเจอร์พรีเมียม https://9to5linux.com/zorin-os-18-officially-released-specifically-tailored-for-windows-10-expats
    9TO5LINUX.COM
    Zorin OS 18 Officially Released, Specifically Tailored for Windows 10 Expats - 9to5Linux
    Zorin OS 18 distribution is now available for download based on Ubuntu 24.04.3 LTS and powered by Linux kernel 6.14.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวข้อข่าว: เมื่อระบบปิดกลายเป็นกรงขังความคิดสร้างสรรค์ – 5 สัญญาณที่บอกว่าคุณควรเปลี่ยนมาใช้โอเพ่นซอร์ส

    คุณเคยรู้สึกว่าซอฟต์แวร์ที่คุณใช้อยู่กำลังควบคุมวิธีทำงานของคุณมากกว่าที่คุณควบคุมมันไหม? บทความนี้ชี้ให้เห็นถึง 5 สัญญาณที่บอกว่าระบบปิด (Proprietary Workflow) กำลังบั่นทอนความคิดสร้างสรรค์ของคุณ และเสนอทางออกด้วย Free and Open Source Software (FOSS) ที่ให้คุณกลับมาควบคุมงานของตัวเองได้อีกครั้ง

    ตั้งแต่การถูกล็อกให้ใช้ซอฟต์แวร์แบบจ่ายรายเดือน ไปจนถึงการไม่สามารถปรับแต่งเครื่องมือให้เหมาะกับสไตล์การทำงานของตัวเอง ระบบปิดเหล่านี้อาจทำให้คุณรู้สึกเหมือนถูกจำกัดเสรีภาพในการสร้างสรรค์งาน ไม่ว่าจะเป็นนักเขียนที่ต้องพึ่งพาโปรแกรมเดียวในการเปิดต้นฉบับ หรือศิลปินที่ต้อง “flatten” งานศิลป์เพื่อส่งออกไฟล์

    FOSS เสนอทางเลือกที่เปิดกว้างกว่า เช่น LibreOffice, Krita, Inkscape, Blender และ Emacs ที่ไม่เพียงแต่ฟรี แต่ยังให้คุณปรับแต่งเครื่องมือได้ตามใจ แชร์ไฟล์ได้ง่าย และไม่ต้องกลัวว่าฟีเจอร์ที่คุณรักจะหายไปหลังอัปเดต

    นอกจากนี้ยังมีชุมชนผู้ใช้ที่พร้อมช่วยเหลือและพัฒนาเครื่องมือให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้คุณไม่ต้องพึ่งพาบริษัทใหญ่ที่อาจเปลี่ยนแปลงนโยบายโดยไม่แจ้งล่วงหน้า

    คุณถูกล็อกให้ใช้ซอฟต์แวร์แบบจ่ายรายเดือน
    เสี่ยงต่อการสูญเสียการเข้าถึงไฟล์เมื่อหมดอายุ
    การเปลี่ยนแปลงราคาและฟีเจอร์โดยไม่แจ้งล่วงหน้า

    ไฟล์ของคุณถูกขังในรูปแบบเฉพาะ
    ไม่สามารถเปิดในโปรแกรมอื่นได้
    การส่งออกทำให้สูญเสียเลเยอร์หรือความสามารถในการแก้ไข

    คุณไม่สามารถปรับแต่งหรือเพิ่มฟีเจอร์ให้เครื่องมือ
    ไม่มีระบบปลั๊กอินหรือสคริปต์
    ต้องทำงานซ้ำ ๆ โดยไม่มีทางลัด

    การทำงานร่วมกับผู้อื่นถูกจำกัด
    ต้องใช้โปรแกรมเดียวกันเพื่อเปิดไฟล์
    การส่งออกไฟล์ทำให้คุณภาพลดลง

    ฟีเจอร์ที่คุณใช้อาจหายไปเมื่อมีการอัปเดต
    ไม่มีสิทธิ์ควบคุมการเปลี่ยนแปลง
    ต้องปรับตัวกับระบบใหม่โดยไม่เต็มใจ

    ทางออกด้วย FOSS
    โปรแกรมเช่น LibreOffice, Krita, Inkscape, Blender, Emacs
    รองรับไฟล์เปิด (ODT, SVG, PNG, EXR)
    มีชุมชนช่วยเหลือและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

    คำเตือนเกี่ยวกับการใช้ระบบปิด
    เสี่ยงต่อการสูญเสียไฟล์หรือการเข้าถึงเมื่อเลิกจ่าย
    ไม่สามารถควบคุมหรือปรับแต่งเครื่องมือให้เหมาะกับงาน
    การทำงานร่วมกับผู้อื่นอาจติดขัดจากข้อจำกัดของไฟล์

    https://news.itsfoss.com/proprietary-workflow-stifling-creativity/
    📰 หัวข้อข่าว: เมื่อระบบปิดกลายเป็นกรงขังความคิดสร้างสรรค์ – 5 สัญญาณที่บอกว่าคุณควรเปลี่ยนมาใช้โอเพ่นซอร์ส คุณเคยรู้สึกว่าซอฟต์แวร์ที่คุณใช้อยู่กำลังควบคุมวิธีทำงานของคุณมากกว่าที่คุณควบคุมมันไหม? บทความนี้ชี้ให้เห็นถึง 5 สัญญาณที่บอกว่าระบบปิด (Proprietary Workflow) กำลังบั่นทอนความคิดสร้างสรรค์ของคุณ และเสนอทางออกด้วย Free and Open Source Software (FOSS) ที่ให้คุณกลับมาควบคุมงานของตัวเองได้อีกครั้ง ตั้งแต่การถูกล็อกให้ใช้ซอฟต์แวร์แบบจ่ายรายเดือน ไปจนถึงการไม่สามารถปรับแต่งเครื่องมือให้เหมาะกับสไตล์การทำงานของตัวเอง ระบบปิดเหล่านี้อาจทำให้คุณรู้สึกเหมือนถูกจำกัดเสรีภาพในการสร้างสรรค์งาน ไม่ว่าจะเป็นนักเขียนที่ต้องพึ่งพาโปรแกรมเดียวในการเปิดต้นฉบับ หรือศิลปินที่ต้อง “flatten” งานศิลป์เพื่อส่งออกไฟล์ FOSS เสนอทางเลือกที่เปิดกว้างกว่า เช่น LibreOffice, Krita, Inkscape, Blender และ Emacs ที่ไม่เพียงแต่ฟรี แต่ยังให้คุณปรับแต่งเครื่องมือได้ตามใจ แชร์ไฟล์ได้ง่าย และไม่ต้องกลัวว่าฟีเจอร์ที่คุณรักจะหายไปหลังอัปเดต นอกจากนี้ยังมีชุมชนผู้ใช้ที่พร้อมช่วยเหลือและพัฒนาเครื่องมือให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้คุณไม่ต้องพึ่งพาบริษัทใหญ่ที่อาจเปลี่ยนแปลงนโยบายโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ✅ คุณถูกล็อกให้ใช้ซอฟต์แวร์แบบจ่ายรายเดือน ➡️ เสี่ยงต่อการสูญเสียการเข้าถึงไฟล์เมื่อหมดอายุ ➡️ การเปลี่ยนแปลงราคาและฟีเจอร์โดยไม่แจ้งล่วงหน้า ✅ ไฟล์ของคุณถูกขังในรูปแบบเฉพาะ ➡️ ไม่สามารถเปิดในโปรแกรมอื่นได้ ➡️ การส่งออกทำให้สูญเสียเลเยอร์หรือความสามารถในการแก้ไข ✅ คุณไม่สามารถปรับแต่งหรือเพิ่มฟีเจอร์ให้เครื่องมือ ➡️ ไม่มีระบบปลั๊กอินหรือสคริปต์ ➡️ ต้องทำงานซ้ำ ๆ โดยไม่มีทางลัด ✅ การทำงานร่วมกับผู้อื่นถูกจำกัด ➡️ ต้องใช้โปรแกรมเดียวกันเพื่อเปิดไฟล์ ➡️ การส่งออกไฟล์ทำให้คุณภาพลดลง ✅ ฟีเจอร์ที่คุณใช้อาจหายไปเมื่อมีการอัปเดต ➡️ ไม่มีสิทธิ์ควบคุมการเปลี่ยนแปลง ➡️ ต้องปรับตัวกับระบบใหม่โดยไม่เต็มใจ ✅ ทางออกด้วย FOSS ➡️ โปรแกรมเช่น LibreOffice, Krita, Inkscape, Blender, Emacs ➡️ รองรับไฟล์เปิด (ODT, SVG, PNG, EXR) ➡️ มีชุมชนช่วยเหลือและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการใช้ระบบปิด ⛔ เสี่ยงต่อการสูญเสียไฟล์หรือการเข้าถึงเมื่อเลิกจ่าย ⛔ ไม่สามารถควบคุมหรือปรับแต่งเครื่องมือให้เหมาะกับงาน ⛔ การทำงานร่วมกับผู้อื่นอาจติดขัดจากข้อจำกัดของไฟล์ https://news.itsfoss.com/proprietary-workflow-stifling-creativity/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    5 Signs Your Proprietary Workflow Is Stifling Your Creativity (And What You Can Do About It)
    If these signs feel familiar, your creativity may be stifled by proprietary constraints.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวข้อข่าว: เยอรมนีเดินหน้าสู่อิสรภาพดิจิทัล! รัฐ Schleswig-Holstein เปลี่ยนอีเมลภาครัฐทั้งหมดเป็นโอเพ่นซอร์ส

    ลองจินตนาการว่าระบบอีเมลของหน่วยงานรัฐทั้งหมดในประเทศหนึ่ง ถูกเปลี่ยนจาก Microsoft Exchange และ Outlook มาใช้ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สอย่าง Open-Xchange และ Thunderbird — นี่ไม่ใช่แค่ความฝันของนักพัฒนาโอเพ่นซอร์ส แต่เป็นความจริงที่เกิดขึ้นแล้วในรัฐ Schleswig-Holstein ของเยอรมนี!

    เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2025 รัฐ Schleswig-Holstein ได้ประกาศความสำเร็จในการย้ายระบบอีเมลของหน่วยงานรัฐกว่า 30,000 คน ไปใช้ระบบโอเพ่นซอร์สอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีการย้ายข้อมูลกว่า 100 ล้านรายการ ทั้งอีเมลและปฏิทิน จากระบบเดิมของ Microsoft ไปยังระบบใหม่ที่ปลอดภัยและเปิดกว้างมากขึ้น

    แม้การเปลี่ยนผ่านจะใช้เวลาถึง 6 เดือน และมีอุปสรรค เช่น การหยุดชะงักของระบบและความล่าช้าในการรับส่งอีเมล แต่รัฐก็สามารถฝ่าฟันและดำเนินการได้สำเร็จ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้าง “อธิปไตยทางดิจิทัล” และลดการพึ่งพาบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติ

    การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์โอเพ่นซอร์สที่รัฐ Schleswig-Holstein วางแผนไว้หลายปีแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ได้เปลี่ยนจาก Microsoft Office มาใช้ LibreOffice เป็นซอฟต์แวร์สำนักงานหลักของรัฐ

    รัฐยังประกาศชัดว่าโครงการนี้ไม่มีแบบอย่างที่ใกล้เคียงในโลก และพวกเขาพร้อมแบ่งปันประสบการณ์ให้กับประเทศอื่น ๆ ที่ต้องการเดินตามเส้นทางเดียวกัน

    นอกเหนือจากข่าวนี้ ยังมีข้อมูลเสริมที่น่าสนใจ:
    Open-Xchange เป็นระบบอีเมลเซิร์ฟเวอร์แบบโอเพ่นซอร์สที่ได้รับความนิยมในยุโรป
    Thunderbird เป็นไคลเอนต์อีเมลที่พัฒนาโดย Mozilla ซึ่งมีความปลอดภัยสูงและรองรับหลายแพลตฟอร์ม
    การเปลี่ยนระบบอีเมลในระดับรัฐเป็นเรื่องใหญ่ เพราะต้องคำนึงถึงความปลอดภัย ความเสถียร และการฝึกอบรมบุคลากร

    สรุปเนื้อหาข่าวและข้อมูลเสริม
    รัฐ Schleswig-Holstein เปลี่ยนระบบอีเมลภาครัฐเป็นโอเพ่นซอร์ส
    ย้ายจาก Microsoft Exchange และ Outlook ไปใช้ Open-Xchange และ Thunderbird
    ครอบคลุมหน่วยงานรัฐกว่า 30,000 คน และข้อมูลกว่า 100 ล้านรายการ

    ระยะเวลาและความท้าทายในการเปลี่ยนผ่าน
    ใช้เวลานานถึง 6 เดือนในการดำเนินการ
    พบปัญหาการหยุดชะงักและความล่าช้าในการรับส่งอีเมล

    เป้าหมายของโครงการ
    สร้างอธิปไตยทางดิจิทัล ลดการพึ่งพาบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติ
    เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์โอเพ่นซอร์สที่วางแผนไว้หลายปี

    ความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้
    รัฐได้เปลี่ยนมาใช้ LibreOffice แทน Microsoft Office แล้ว
    มีแนวโน้มจะเปลี่ยนระบบอื่น ๆ ไปสู่โอเพ่นซอร์สในอนาคต

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Open-Xchange รองรับการทำงานร่วมกับระบบอื่นและมีความปลอดภัยสูง
    Thunderbird มีระบบป้องกันสแปมและเข้ารหัสอีเมล
    การเปลี่ยนระบบในระดับรัฐต้องมีการวางแผนด้านความปลอดภัยและการฝึกอบรมอย่างเข้มข้น

    คำเตือนเกี่ยวกับการเปลี่ยนระบบขนาดใหญ่
    อาจเกิดความล่าช้าและหยุดชะงักของบริการในช่วงเปลี่ยนผ่าน
    ต้องเตรียมแผนสำรองและการสื่อสารกับประชาชนอย่างชัดเจน
    บุคลากรต้องได้รับการฝึกอบรมเพื่อใช้งานระบบใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ

    นี่คืออีกหนึ่งก้าวสำคัญของโลกโอเพ่นซอร์ส ที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลก็สามารถเลือกเส้นทางที่ปลอดภัย โปร่งใส และเป็นอิสระได้เช่นกันครับ

    https://news.itsfoss.com/schleswig-holstein-email-system-migration/
    📰 หัวข้อข่าว: เยอรมนีเดินหน้าสู่อิสรภาพดิจิทัล! รัฐ Schleswig-Holstein เปลี่ยนอีเมลภาครัฐทั้งหมดเป็นโอเพ่นซอร์ส ลองจินตนาการว่าระบบอีเมลของหน่วยงานรัฐทั้งหมดในประเทศหนึ่ง ถูกเปลี่ยนจาก Microsoft Exchange และ Outlook มาใช้ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สอย่าง Open-Xchange และ Thunderbird — นี่ไม่ใช่แค่ความฝันของนักพัฒนาโอเพ่นซอร์ส แต่เป็นความจริงที่เกิดขึ้นแล้วในรัฐ Schleswig-Holstein ของเยอรมนี! เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2025 รัฐ Schleswig-Holstein ได้ประกาศความสำเร็จในการย้ายระบบอีเมลของหน่วยงานรัฐกว่า 30,000 คน ไปใช้ระบบโอเพ่นซอร์สอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีการย้ายข้อมูลกว่า 100 ล้านรายการ ทั้งอีเมลและปฏิทิน จากระบบเดิมของ Microsoft ไปยังระบบใหม่ที่ปลอดภัยและเปิดกว้างมากขึ้น แม้การเปลี่ยนผ่านจะใช้เวลาถึง 6 เดือน และมีอุปสรรค เช่น การหยุดชะงักของระบบและความล่าช้าในการรับส่งอีเมล แต่รัฐก็สามารถฝ่าฟันและดำเนินการได้สำเร็จ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้าง “อธิปไตยทางดิจิทัล” และลดการพึ่งพาบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติ การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์โอเพ่นซอร์สที่รัฐ Schleswig-Holstein วางแผนไว้หลายปีแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ได้เปลี่ยนจาก Microsoft Office มาใช้ LibreOffice เป็นซอฟต์แวร์สำนักงานหลักของรัฐ รัฐยังประกาศชัดว่าโครงการนี้ไม่มีแบบอย่างที่ใกล้เคียงในโลก และพวกเขาพร้อมแบ่งปันประสบการณ์ให้กับประเทศอื่น ๆ ที่ต้องการเดินตามเส้นทางเดียวกัน นอกเหนือจากข่าวนี้ ยังมีข้อมูลเสริมที่น่าสนใจ: ⭐ Open-Xchange เป็นระบบอีเมลเซิร์ฟเวอร์แบบโอเพ่นซอร์สที่ได้รับความนิยมในยุโรป ⭐ Thunderbird เป็นไคลเอนต์อีเมลที่พัฒนาโดย Mozilla ซึ่งมีความปลอดภัยสูงและรองรับหลายแพลตฟอร์ม ⭐ การเปลี่ยนระบบอีเมลในระดับรัฐเป็นเรื่องใหญ่ เพราะต้องคำนึงถึงความปลอดภัย ความเสถียร และการฝึกอบรมบุคลากร 📌 สรุปเนื้อหาข่าวและข้อมูลเสริม ✅ รัฐ Schleswig-Holstein เปลี่ยนระบบอีเมลภาครัฐเป็นโอเพ่นซอร์ส ➡️ ย้ายจาก Microsoft Exchange และ Outlook ไปใช้ Open-Xchange และ Thunderbird ➡️ ครอบคลุมหน่วยงานรัฐกว่า 30,000 คน และข้อมูลกว่า 100 ล้านรายการ ✅ ระยะเวลาและความท้าทายในการเปลี่ยนผ่าน ➡️ ใช้เวลานานถึง 6 เดือนในการดำเนินการ ➡️ พบปัญหาการหยุดชะงักและความล่าช้าในการรับส่งอีเมล ✅ เป้าหมายของโครงการ ➡️ สร้างอธิปไตยทางดิจิทัล ลดการพึ่งพาบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติ ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์โอเพ่นซอร์สที่วางแผนไว้หลายปี ✅ ความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ ➡️ รัฐได้เปลี่ยนมาใช้ LibreOffice แทน Microsoft Office แล้ว ➡️ มีแนวโน้มจะเปลี่ยนระบบอื่น ๆ ไปสู่โอเพ่นซอร์สในอนาคต ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Open-Xchange รองรับการทำงานร่วมกับระบบอื่นและมีความปลอดภัยสูง ➡️ Thunderbird มีระบบป้องกันสแปมและเข้ารหัสอีเมล ➡️ การเปลี่ยนระบบในระดับรัฐต้องมีการวางแผนด้านความปลอดภัยและการฝึกอบรมอย่างเข้มข้น ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการเปลี่ยนระบบขนาดใหญ่ ⛔ อาจเกิดความล่าช้าและหยุดชะงักของบริการในช่วงเปลี่ยนผ่าน ⛔ ต้องเตรียมแผนสำรองและการสื่อสารกับประชาชนอย่างชัดเจน ⛔ บุคลากรต้องได้รับการฝึกอบรมเพื่อใช้งานระบบใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คืออีกหนึ่งก้าวสำคัญของโลกโอเพ่นซอร์ส ที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลก็สามารถเลือกเส้นทางที่ปลอดภัย โปร่งใส และเป็นอิสระได้เช่นกันครับ https://news.itsfoss.com/schleswig-holstein-email-system-migration/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    Good News! Germany's Schleswig-Holstein Completes Massive Migration to Open Source Email Systems
    German state achieves digital sovereignty by ditching Microsoft for open source solutions.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ASML ตั้ง Marco Pieters เป็น CTO คนใหม่ — ผู้นำเทคโนโลยีลิเธียกราฟีระดับโลกเตรียมขยายบอร์ดบริหารในปี 2026”

    ASML บริษัทผู้ผลิตเครื่องจักรลิเธียกราฟีสำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศแต่งตั้ง Marco Pieters เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) คนใหม่ โดยมีผลทันทีในเดือนตุลาคม 2025 พร้อมเตรียมเสนอชื่อเขาเข้าสู่คณะกรรมการบริหารในเดือนเมษายน 2026

    Pieters เป็นบุคลากรที่อยู่กับ ASML มานานกว่า 25 ปี โดยก่อนหน้านี้ดำรงตำแหน่งรองประธานบริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์ Applications และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีลิเธียกราฟีแบบ Holistic Lithography ซึ่งเป็นหัวใจของการผลิตชิปความละเอียดสูงในยุคปัจจุบัน

    การแต่งตั้งครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนสืบทอดตำแหน่งที่วางไว้อย่างรอบคอบ โดย CEO Christophe Fouquet กล่าวว่า “Marco คือผู้นำที่มีความเข้าใจลึกซึ้งในเทคโนโลยีของเรา และจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนแผนงานด้านเทคโนโลยีในอนาคต”

    นอกจากนี้ ASML ยังเตรียมเสนอการแต่งตั้ง Pieters เข้าสู่คณะกรรมการบริหารในการประชุม AGM วันที่ 22 เมษายน 2026 ซึ่งจะทำให้จำนวนสมาชิกเพิ่มจาก 5 เป็น 6 คน พร้อมกับการต่อวาระของ CFO Roger Dassen และ COO Frédéric Schneider-Maunoury เพื่อรักษาความต่อเนื่องของทีมบริหาร

    ASML มีบทบาทสำคัญในการผลักดันเทคโนโลยีการผลิตชิปทั่วโลก โดยเครื่อง EUV ของบริษัทมีราคาสูงถึง 400 ล้านดอลลาร์ต่อเครื่อง และถูกใช้โดยผู้ผลิตชิปรายใหญ่ เช่น TSMC, Intel และ Samsung

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ASML แต่งตั้ง Marco Pieters เป็น CTO คนใหม่ มีผลทันทีในเดือนตุลาคม 2025
    Pieters มีประสบการณ์กว่า 25 ปีใน ASML และเคยเป็น EVP ฝ่าย Applications
    เคยดูแลโครงการ Holistic Lithography ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำคัญของ ASML
    CEO Christophe Fouquet สนับสนุนการแต่งตั้งอย่างเต็มที่
    Pieters จะถูกเสนอชื่อเข้าสู่คณะกรรมการบริหารในการประชุม AGM วันที่ 22 เมษายน 2026
    คณะกรรมการจะขยายจาก 5 เป็น 6 คน
    CFO Roger Dassen จะต่อวาระอีก 4 ปี และ COO Frédéric Schneider-Maunoury อีก 2 ปี
    ASML เป็นผู้นำด้านเครื่องจักรลิเธียกราฟีสำหรับการผลิตชิประดับโลก

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Holistic Lithography คือการรวมการออกแบบ การตรวจสอบ และการผลิตชิปเข้าด้วยกันแบบครบวงจร
    เครื่อง EUV ของ ASML ใช้เลเซอร์พลังสูงในการสร้างลวดลายบนเวเฟอร์ซิลิคอน
    ASML มีสำนักงานทั่วโลก และมีพนักงานมากกว่า 44,000 คน
    บริษัทมีรายได้รวมกว่า €28.3 พันล้านยูโรในปี 2024
    การแต่งตั้ง CTO จากภายในองค์กรช่วยรักษาความต่อเนื่องและวัฒนธรรมองค์กร

    https://www.techpowerup.com/341731/asml-appoints-marco-pieters-as-next-chief-technology-officer
    🧠 “ASML ตั้ง Marco Pieters เป็น CTO คนใหม่ — ผู้นำเทคโนโลยีลิเธียกราฟีระดับโลกเตรียมขยายบอร์ดบริหารในปี 2026” ASML บริษัทผู้ผลิตเครื่องจักรลิเธียกราฟีสำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศแต่งตั้ง Marco Pieters เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) คนใหม่ โดยมีผลทันทีในเดือนตุลาคม 2025 พร้อมเตรียมเสนอชื่อเขาเข้าสู่คณะกรรมการบริหารในเดือนเมษายน 2026 Pieters เป็นบุคลากรที่อยู่กับ ASML มานานกว่า 25 ปี โดยก่อนหน้านี้ดำรงตำแหน่งรองประธานบริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์ Applications และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีลิเธียกราฟีแบบ Holistic Lithography ซึ่งเป็นหัวใจของการผลิตชิปความละเอียดสูงในยุคปัจจุบัน การแต่งตั้งครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนสืบทอดตำแหน่งที่วางไว้อย่างรอบคอบ โดย CEO Christophe Fouquet กล่าวว่า “Marco คือผู้นำที่มีความเข้าใจลึกซึ้งในเทคโนโลยีของเรา และจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนแผนงานด้านเทคโนโลยีในอนาคต” นอกจากนี้ ASML ยังเตรียมเสนอการแต่งตั้ง Pieters เข้าสู่คณะกรรมการบริหารในการประชุม AGM วันที่ 22 เมษายน 2026 ซึ่งจะทำให้จำนวนสมาชิกเพิ่มจาก 5 เป็น 6 คน พร้อมกับการต่อวาระของ CFO Roger Dassen และ COO Frédéric Schneider-Maunoury เพื่อรักษาความต่อเนื่องของทีมบริหาร ASML มีบทบาทสำคัญในการผลักดันเทคโนโลยีการผลิตชิปทั่วโลก โดยเครื่อง EUV ของบริษัทมีราคาสูงถึง 400 ล้านดอลลาร์ต่อเครื่อง และถูกใช้โดยผู้ผลิตชิปรายใหญ่ เช่น TSMC, Intel และ Samsung ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ASML แต่งตั้ง Marco Pieters เป็น CTO คนใหม่ มีผลทันทีในเดือนตุลาคม 2025 ➡️ Pieters มีประสบการณ์กว่า 25 ปีใน ASML และเคยเป็น EVP ฝ่าย Applications ➡️ เคยดูแลโครงการ Holistic Lithography ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำคัญของ ASML ➡️ CEO Christophe Fouquet สนับสนุนการแต่งตั้งอย่างเต็มที่ ➡️ Pieters จะถูกเสนอชื่อเข้าสู่คณะกรรมการบริหารในการประชุม AGM วันที่ 22 เมษายน 2026 ➡️ คณะกรรมการจะขยายจาก 5 เป็น 6 คน ➡️ CFO Roger Dassen จะต่อวาระอีก 4 ปี และ COO Frédéric Schneider-Maunoury อีก 2 ปี ➡️ ASML เป็นผู้นำด้านเครื่องจักรลิเธียกราฟีสำหรับการผลิตชิประดับโลก ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Holistic Lithography คือการรวมการออกแบบ การตรวจสอบ และการผลิตชิปเข้าด้วยกันแบบครบวงจร ➡️ เครื่อง EUV ของ ASML ใช้เลเซอร์พลังสูงในการสร้างลวดลายบนเวเฟอร์ซิลิคอน ➡️ ASML มีสำนักงานทั่วโลก และมีพนักงานมากกว่า 44,000 คน ➡️ บริษัทมีรายได้รวมกว่า €28.3 พันล้านยูโรในปี 2024 ➡️ การแต่งตั้ง CTO จากภายในองค์กรช่วยรักษาความต่อเนื่องและวัฒนธรรมองค์กร https://www.techpowerup.com/341731/asml-appoints-marco-pieters-as-next-chief-technology-officer
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    ASML Appoints Marco Pieters as Next Chief Technology Officer
    ASML Holding NV (ASML) today announced the appointment of Marco Pieters as Executive Vice President and Chief Technology Officer, reporting to President and Chief Executive Officer, Christophe Fouquet. With over 25 years of experience at ASML, most recently as Executive Vice President for the produc...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AMD เปิดเกมรุก! ส่ง MI450 บนเทคโนโลยี 2nm ล้ำหน้า Nvidia — OpenAI เตรียมรับล็อตแรกกลางปีหน้า”

    AMD ประกาศเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ Instinct MI450 ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 2 นาโนเมตรจาก TSMC ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ AMD ใช้กระบวนการผลิตระดับนี้กับชิป AI โดยจะเริ่มส่งมอบให้กับ OpenAI ในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 ตามข้อตกลงความร่วมมือระยะยาวที่ครอบคลุมถึง 6 กิกะวัตต์ของกำลังประมวลผล

    MI450 ใช้สถาปัตยกรรม CDNA 5 และเป็น GPU ที่ออกแบบมาเพื่องาน AI โดยเฉพาะ รองรับรูปแบบข้อมูลและคำสั่งที่เหมาะกับการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ โดยใช้เทคโนโลยี Gate-All-Around (GAA) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงานได้ถึง 25–30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

    ในด้านฮาร์ดแวร์ AMD เตรียมเปิดตัว Helios rack ที่บรรจุ MI450 ถึง 72 ตัว พร้อมหน่วยความจำ HBM4 ขนาด 51TB และแบนด์วิดธ์สูงถึง 1,400 TB/s ซึ่งเหนือกว่า Nvidia Rubin NVL144 ที่ใช้เทคโนโลยี 3nm และมี HBM4 เพียง 21TB กับแบนด์วิดธ์ 936 TB/s อย่างไรก็ตาม Nvidia ยังมีจุดแข็งด้าน FP4 performance ที่สูงกว่า (3,600 PFLOPS เทียบกับ 1,440 PFLOPS ของ AMD)

    ข้อตกลงกับ OpenAI ยังรวมถึงการออก warrant ให้ซื้อหุ้น AMD ได้สูงสุด 160 ล้านหุ้น โดยจะทยอย vest ตาม milestone เช่น การติดตั้งครบ 1 กิกะวัตต์ และการบรรลุเป้าหมายด้านเทคนิคและเชิงพาณิชย์

    Lisa Su ซีอีโอของ AMD ระบุว่า “นี่คือการรวมพลังของทั้งสองบริษัทเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ใหญ่ที่สุดในโลก” ขณะที่ Sam Altman จาก OpenAI กล่าวว่า “AMD จะช่วยเราสร้างความก้าวหน้าใน AI ได้เร็วขึ้น และนำประโยชน์ไปสู่ทุกคน”

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AMD เปิดตัว Instinct MI450 บนเทคโนโลยี 2nm จาก TSMC
    ใช้สถาปัตยกรรม CDNA 5 และออกแบบมาเพื่องาน AI โดยเฉพาะ
    ใช้ Gate-All-Around (GAA) transistor เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    ลดการใช้พลังงานได้ 25–30% และเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์ 15%
    Helios rack มี MI450 จำนวน 72 ตัว พร้อม HBM4 ขนาด 51TB และแบนด์วิดธ์ 1,400 TB/s
    Nvidia Rubin NVL144 มี HBM4 21TB และแบนด์วิดธ์ 936 TB/s แต่ FP4 performance สูงกว่า
    OpenAI จะได้รับ MI450 ล็อตแรกในครึ่งหลังของปี 2026
    ข้อตกลงรวมการออก warrant ให้ OpenAI ซื้อหุ้น AMD สูงสุด 160 ล้านหุ้น
    การ vest ขึ้นอยู่กับ milestone เช่น การติดตั้งครบ 1GW และเป้าหมายด้านเทคนิค

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    TSMC N2 เป็นเทคโนโลยีการผลิตระดับ 2nm ที่ใช้ GAA transistor เป็นครั้งแรก
    GAA transistor ช่วยลด leakage และเพิ่มประสิทธิภาพในการออกแบบชิป
    HBM4 เป็นหน่วยความจำความเร็วสูงที่ใช้ในงาน AI และ HPC
    FP4 เป็นรูปแบบการประมวลผลที่ใช้ในการฝึกโมเดล LLM ขนาดใหญ่
    การออก warrant เป็นกลยุทธ์ทางการเงินที่ใช้สร้างพันธมิตรระยะยาว

    คำเตือนและข้อจำกัด
    MI450 ยังมี FP4 performance ต่ำกว่า Nvidia Rubin NVL144 อย่างชัดเจน
    การเชื่อมต่อแบบ UALink ยังไม่แน่นอนว่าจะ scale ได้ดีใน MI450
    การผลิตชิป 2nm มีความซับซ้อนและต้นทุนสูง อาจกระทบ timeline
    การ vest หุ้นของ OpenAI ขึ้นอยู่กับหลายเงื่อนไขที่อาจไม่บรรลุ
    การเปรียบเทียบประสิทธิภาพยังต้องรอผลการใช้งานจริงใน data center

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/amd-could-beat-nvidia-to-launching-ai-gpus-on-the-cutting-edge-2nm-node-instinct-mi450-is-officially-the-first-amd-gpu-to-launch-with-tsmcs-finest-tech
    ⚙️ “AMD เปิดเกมรุก! ส่ง MI450 บนเทคโนโลยี 2nm ล้ำหน้า Nvidia — OpenAI เตรียมรับล็อตแรกกลางปีหน้า” AMD ประกาศเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ Instinct MI450 ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 2 นาโนเมตรจาก TSMC ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ AMD ใช้กระบวนการผลิตระดับนี้กับชิป AI โดยจะเริ่มส่งมอบให้กับ OpenAI ในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 ตามข้อตกลงความร่วมมือระยะยาวที่ครอบคลุมถึง 6 กิกะวัตต์ของกำลังประมวลผล MI450 ใช้สถาปัตยกรรม CDNA 5 และเป็น GPU ที่ออกแบบมาเพื่องาน AI โดยเฉพาะ รองรับรูปแบบข้อมูลและคำสั่งที่เหมาะกับการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ โดยใช้เทคโนโลยี Gate-All-Around (GAA) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงานได้ถึง 25–30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ในด้านฮาร์ดแวร์ AMD เตรียมเปิดตัว Helios rack ที่บรรจุ MI450 ถึง 72 ตัว พร้อมหน่วยความจำ HBM4 ขนาด 51TB และแบนด์วิดธ์สูงถึง 1,400 TB/s ซึ่งเหนือกว่า Nvidia Rubin NVL144 ที่ใช้เทคโนโลยี 3nm และมี HBM4 เพียง 21TB กับแบนด์วิดธ์ 936 TB/s อย่างไรก็ตาม Nvidia ยังมีจุดแข็งด้าน FP4 performance ที่สูงกว่า (3,600 PFLOPS เทียบกับ 1,440 PFLOPS ของ AMD) ข้อตกลงกับ OpenAI ยังรวมถึงการออก warrant ให้ซื้อหุ้น AMD ได้สูงสุด 160 ล้านหุ้น โดยจะทยอย vest ตาม milestone เช่น การติดตั้งครบ 1 กิกะวัตต์ และการบรรลุเป้าหมายด้านเทคนิคและเชิงพาณิชย์ Lisa Su ซีอีโอของ AMD ระบุว่า “นี่คือการรวมพลังของทั้งสองบริษัทเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ใหญ่ที่สุดในโลก” ขณะที่ Sam Altman จาก OpenAI กล่าวว่า “AMD จะช่วยเราสร้างความก้าวหน้าใน AI ได้เร็วขึ้น และนำประโยชน์ไปสู่ทุกคน” ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AMD เปิดตัว Instinct MI450 บนเทคโนโลยี 2nm จาก TSMC ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม CDNA 5 และออกแบบมาเพื่องาน AI โดยเฉพาะ ➡️ ใช้ Gate-All-Around (GAA) transistor เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ ลดการใช้พลังงานได้ 25–30% และเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์ 15% ➡️ Helios rack มี MI450 จำนวน 72 ตัว พร้อม HBM4 ขนาด 51TB และแบนด์วิดธ์ 1,400 TB/s ➡️ Nvidia Rubin NVL144 มี HBM4 21TB และแบนด์วิดธ์ 936 TB/s แต่ FP4 performance สูงกว่า ➡️ OpenAI จะได้รับ MI450 ล็อตแรกในครึ่งหลังของปี 2026 ➡️ ข้อตกลงรวมการออก warrant ให้ OpenAI ซื้อหุ้น AMD สูงสุด 160 ล้านหุ้น ➡️ การ vest ขึ้นอยู่กับ milestone เช่น การติดตั้งครบ 1GW และเป้าหมายด้านเทคนิค ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ TSMC N2 เป็นเทคโนโลยีการผลิตระดับ 2nm ที่ใช้ GAA transistor เป็นครั้งแรก ➡️ GAA transistor ช่วยลด leakage และเพิ่มประสิทธิภาพในการออกแบบชิป ➡️ HBM4 เป็นหน่วยความจำความเร็วสูงที่ใช้ในงาน AI และ HPC ➡️ FP4 เป็นรูปแบบการประมวลผลที่ใช้ในการฝึกโมเดล LLM ขนาดใหญ่ ➡️ การออก warrant เป็นกลยุทธ์ทางการเงินที่ใช้สร้างพันธมิตรระยะยาว ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ MI450 ยังมี FP4 performance ต่ำกว่า Nvidia Rubin NVL144 อย่างชัดเจน ⛔ การเชื่อมต่อแบบ UALink ยังไม่แน่นอนว่าจะ scale ได้ดีใน MI450 ⛔ การผลิตชิป 2nm มีความซับซ้อนและต้นทุนสูง อาจกระทบ timeline ⛔ การ vest หุ้นของ OpenAI ขึ้นอยู่กับหลายเงื่อนไขที่อาจไม่บรรลุ ⛔ การเปรียบเทียบประสิทธิภาพยังต้องรอผลการใช้งานจริงใน data center https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/amd-could-beat-nvidia-to-launching-ai-gpus-on-the-cutting-edge-2nm-node-instinct-mi450-is-officially-the-first-amd-gpu-to-launch-with-tsmcs-finest-tech
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
  • “LibreOffice 25.8.2 อัปเดตใหม่แก้บั๊กกว่า 70 จุด — เสถียรขึ้น รองรับเอกสาร Office ได้ดีขึ้น”

    LibreOffice 25.8.2 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2025 โดยเป็นการอัปเดตบำรุงรักษาครั้งที่สองของชุดโปรแกรม LibreOffice 25.8 ซึ่งเปิดตัวเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จุดประสงค์หลักของเวอร์ชันนี้คือการแก้ไขบั๊กกว่า 70 รายการที่ผู้ใช้รายงานเข้ามา เพื่อเพิ่มความเสถียรและความน่าเชื่อถือของโปรแกรมในทุกระบบปฏิบัติการ ไม่ว่าจะเป็น Windows, macOS หรือ Linux

    การปรับปรุงในเวอร์ชันนี้ครอบคลุมทั้งการแก้ปัญหาการแครช การเปิดไฟล์ที่ช้า และการแสดงผลที่ผิดพลาด โดยเฉพาะใน Writer และ Calc ซึ่งเป็นสองแอปหลักของ LibreOffice นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงการทำงานร่วมกับเอกสารจาก Microsoft Office/365 ให้ดีขึ้น เช่น การเปิดไฟล์ .docx และ .xlsx ที่มีรูปแบบซับซ้อนได้อย่างถูกต้องมากขึ้น

    สำหรับผู้ใช้ที่ติดตั้ง LibreOffice 25.8 ผ่าน repository ของ Linux distro แนะนำให้รอจนกว่าเวอร์ชัน 25.8.2 จะถูกปล่อยผ่านช่องทางนั้นก่อน ส่วนผู้ใช้ที่ต้องการอัปเดตทันทีสามารถดาวน์โหลดไฟล์ DEB, RPM หรือ source tarball ได้จากเว็บไซต์หลักของ LibreOffice

    LibreOffice 25.8 จะได้รับการสนับสนุนด้วยการอัปเดตบำรุงรักษาทั้งหมด 7 ครั้ง จนถึงวันที่ 12 มิถุนายน 2026 โดยเวอร์ชันถัดไปคือ 25.8.3 มีกำหนดออกกลางเดือนพฤศจิกายนนี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    LibreOffice 25.8.2 เปิดตัวเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2025
    เป็นการอัปเดตบำรุงรักษาครั้งที่สองของ LibreOffice 25.8
    แก้ไขบั๊กกว่า 70 รายการจากผู้ใช้ที่รายงานเข้ามา
    ปรับปรุงความเสถียรและลดการแครชใน Writer และ Calc
    เพิ่มความสามารถในการเปิดไฟล์จาก Microsoft Office/365 ได้แม่นยำขึ้น
    รองรับ Windows, macOS และ Linux ทั้งแบบ DEB, RPM และ source tarball
    LibreOffice 25.8 จะได้รับการสนับสนุนถึงเดือนมิถุนายน 2026
    เวอร์ชันถัดไปคือ LibreOffice 25.8.3 จะออกกลางเดือนพฤศจิกายน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    LibreOffice เป็นชุดโปรแกรมสำนักงานโอเพ่นซอร์สที่ได้รับความนิยมทั่วโลก
    Writer ใช้สำหรับงานเอกสารทั่วไป ส่วน Calc ใช้สำหรับงานตารางและการคำนวณ
    PDF 2.0 รองรับใน LibreOffice 25.8 ช่วยให้การส่งออกเอกสารปลอดภัยและทันสมัย
    การจัดการหน่วยความจำในเวอร์ชันนี้ถูกปรับให้เหมาะกับ thin client และ virtual desktop
    LibreOffice “Community Edition” ได้รับการสนับสนุนจากอาสาสมัคร ไม่ใช่ทีมเชิงพาณิชย์

    https://9to5linux.com/libreoffice-25-8-2-office-suite-is-now-available-for-download-with-70-bug-fixes
    📝 “LibreOffice 25.8.2 อัปเดตใหม่แก้บั๊กกว่า 70 จุด — เสถียรขึ้น รองรับเอกสาร Office ได้ดีขึ้น” LibreOffice 25.8.2 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2025 โดยเป็นการอัปเดตบำรุงรักษาครั้งที่สองของชุดโปรแกรม LibreOffice 25.8 ซึ่งเปิดตัวเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จุดประสงค์หลักของเวอร์ชันนี้คือการแก้ไขบั๊กกว่า 70 รายการที่ผู้ใช้รายงานเข้ามา เพื่อเพิ่มความเสถียรและความน่าเชื่อถือของโปรแกรมในทุกระบบปฏิบัติการ ไม่ว่าจะเป็น Windows, macOS หรือ Linux การปรับปรุงในเวอร์ชันนี้ครอบคลุมทั้งการแก้ปัญหาการแครช การเปิดไฟล์ที่ช้า และการแสดงผลที่ผิดพลาด โดยเฉพาะใน Writer และ Calc ซึ่งเป็นสองแอปหลักของ LibreOffice นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงการทำงานร่วมกับเอกสารจาก Microsoft Office/365 ให้ดีขึ้น เช่น การเปิดไฟล์ .docx และ .xlsx ที่มีรูปแบบซับซ้อนได้อย่างถูกต้องมากขึ้น สำหรับผู้ใช้ที่ติดตั้ง LibreOffice 25.8 ผ่าน repository ของ Linux distro แนะนำให้รอจนกว่าเวอร์ชัน 25.8.2 จะถูกปล่อยผ่านช่องทางนั้นก่อน ส่วนผู้ใช้ที่ต้องการอัปเดตทันทีสามารถดาวน์โหลดไฟล์ DEB, RPM หรือ source tarball ได้จากเว็บไซต์หลักของ LibreOffice LibreOffice 25.8 จะได้รับการสนับสนุนด้วยการอัปเดตบำรุงรักษาทั้งหมด 7 ครั้ง จนถึงวันที่ 12 มิถุนายน 2026 โดยเวอร์ชันถัดไปคือ 25.8.3 มีกำหนดออกกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ LibreOffice 25.8.2 เปิดตัวเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2025 ➡️ เป็นการอัปเดตบำรุงรักษาครั้งที่สองของ LibreOffice 25.8 ➡️ แก้ไขบั๊กกว่า 70 รายการจากผู้ใช้ที่รายงานเข้ามา ➡️ ปรับปรุงความเสถียรและลดการแครชใน Writer และ Calc ➡️ เพิ่มความสามารถในการเปิดไฟล์จาก Microsoft Office/365 ได้แม่นยำขึ้น ➡️ รองรับ Windows, macOS และ Linux ทั้งแบบ DEB, RPM และ source tarball ➡️ LibreOffice 25.8 จะได้รับการสนับสนุนถึงเดือนมิถุนายน 2026 ➡️ เวอร์ชันถัดไปคือ LibreOffice 25.8.3 จะออกกลางเดือนพฤศจิกายน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ LibreOffice เป็นชุดโปรแกรมสำนักงานโอเพ่นซอร์สที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ➡️ Writer ใช้สำหรับงานเอกสารทั่วไป ส่วน Calc ใช้สำหรับงานตารางและการคำนวณ ➡️ PDF 2.0 รองรับใน LibreOffice 25.8 ช่วยให้การส่งออกเอกสารปลอดภัยและทันสมัย ➡️ การจัดการหน่วยความจำในเวอร์ชันนี้ถูกปรับให้เหมาะกับ thin client และ virtual desktop ➡️ LibreOffice “Community Edition” ได้รับการสนับสนุนจากอาสาสมัคร ไม่ใช่ทีมเชิงพาณิชย์ https://9to5linux.com/libreoffice-25-8-2-office-suite-is-now-available-for-download-with-70-bug-fixes
    9TO5LINUX.COM
    LibreOffice 25.8.2 Office Suite Is Now Available for Download with 70 Bug Fixes - 9to5Linux
    LibreOffice 25.8.2 is now available for download as the second maintenance update to the LibreOffice 25.8 office suite with 70 bug fixes.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ClamAV 1.5 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ — เสริมความปลอดภัยระดับองค์กร พร้อมรองรับ AI และมาตรฐาน FIPS”

    ClamAV 1.5 ได้รับการเปิดตัวในเดือนตุลาคม 2025 โดยถือเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ของเอนจินแอนติไวรัสโอเพ่นซอร์สที่ได้รับความนิยมในระบบ Linux และเซิร์ฟเวอร์องค์กรทั่วโลก โดยเวอร์ชันใหม่นี้มาพร้อมฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ทันสมัย รองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ต้องการมาตรฐานสูง เช่น FIPS (Federal Information Processing Standards)

    หนึ่งในฟีเจอร์เด่นคือการรองรับการเซ็นและตรวจสอบฐานข้อมูลไวรัส (CVD) ด้วยไฟล์ .sign ภายนอก ซึ่งช่วยให้สามารถตรวจสอบความถูกต้องของไฟล์ได้โดยไม่ต้องพึ่งพา MD5 หรือ SHA1 ที่ล้าสมัย โดย Freshclam จะดาวน์โหลดไฟล์ .sign อัตโนมัติ และสามารถกำหนดตำแหน่งของโฟลเดอร์ certs ได้ตามต้องการ

    ClamAV 1.5 ยังเพิ่มความสามารถในการตรวจจับเอกสาร Microsoft Office ที่เข้ารหัสแบบ OLE2 และสามารถบันทึก URI ที่พบในไฟล์ HTML และ PDF เมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์ generate-JSON-metadata พร้อมตัวเลือกในการปิดการบันทึก URI หากไม่ต้องการ

    เพื่อรองรับมาตรฐาน FIPS ระบบสามารถปิดการใช้งาน MD5 และ SHA1 สำหรับการตรวจสอบลายเซ็นและการเชื่อถือไฟล์ โดยเปลี่ยนมาใช้ SHA2-256 สำหรับแคชไฟล์ที่ปลอดภัย และเพิ่มความแม่นยำในการรายงานขนาดไฟล์ที่สแกน

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงการสแกนไฟล์ ZIP ที่เสียหาย การรองรับไฟล์โมเดล AI เบื้องต้น การเพิ่มคำสั่งใหม่ใน Sigtool และการปรับปรุงการคอมไพล์บนระบบ Solaris และ GNU/Hurd รวมถึงการเชื่อมต่อกับไลบรารี NCurses ที่แยก libtinfo ออกมา

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ClamAV 1.5 เปิดตัวพร้อมฟีเจอร์ใหม่ด้านความปลอดภัยและการตรวจจับ
    รองรับการเซ็นและตรวจสอบไฟล์ CVD ด้วยไฟล์ .sign ภายนอก
    Freshclam ดาวน์โหลดไฟล์ .sign อัตโนมัติสำหรับฐานข้อมูลไวรัส
    เพิ่มตัวเลือกกำหนดตำแหน่งโฟลเดอร์ certs สำหรับการตรวจสอบลายเซ็น
    ตรวจจับเอกสาร MS Office ที่เข้ารหัสแบบ OLE2
    บันทึก URI จาก HTML และ PDF เมื่อเปิดใช้ generate-JSON-metadata
    เพิ่มตัวเลือกปิดการบันทึก URI ด้วย --json-store-html-uris=no และ --json-store-pdf-uris=no
    รองรับ FIPS-mode โดยปิดการใช้งาน MD5 และ SHA1 สำหรับการตรวจสอบ
    ใช้ SHA2-256 สำหรับแคชไฟล์ที่ปลอดภัย
    ปรับปรุงการสแกน ZIP ที่เสียหาย และรองรับไฟล์โมเดล AI เบื้องต้น
    เพิ่มคำสั่งใหม่ใน Sigtool สำหรับ sign/verify และรองรับ CDIFF patch
    ปรับปรุงการคอมไพล์บน Solaris และ GNU/Hurd และการเชื่อมต่อกับ NCurses

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    FIPS เป็นมาตรฐานที่ใช้ในหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ สำหรับความปลอดภัยของข้อมูล
    SHA2-256 เป็นอัลกอริธึมที่ปลอดภัยกว่าทั้ง MD5 และ SHA1 ซึ่งถูกลดความน่าเชื่อถือ
    CDIFF เป็นไฟล์ patch ที่ช่วยลดขนาดการอัปเดตฐานข้อมูลไวรัส
    Sigtool เป็นเครื่องมือใน ClamAV สำหรับจัดการลายเซ็นและฐานข้อมูล
    การรองรับไฟล์โมเดล AI ช่วยให้ ClamAV ตรวจจับภัยคุกคามในระบบ machine learning ได้ดีขึ้น

    https://9to5linux.com/clamav-1-5-open-source-antivirus-engine-released-with-major-new-features
    🛡️ “ClamAV 1.5 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ — เสริมความปลอดภัยระดับองค์กร พร้อมรองรับ AI และมาตรฐาน FIPS” ClamAV 1.5 ได้รับการเปิดตัวในเดือนตุลาคม 2025 โดยถือเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ของเอนจินแอนติไวรัสโอเพ่นซอร์สที่ได้รับความนิยมในระบบ Linux และเซิร์ฟเวอร์องค์กรทั่วโลก โดยเวอร์ชันใหม่นี้มาพร้อมฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ทันสมัย รองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ต้องการมาตรฐานสูง เช่น FIPS (Federal Information Processing Standards) หนึ่งในฟีเจอร์เด่นคือการรองรับการเซ็นและตรวจสอบฐานข้อมูลไวรัส (CVD) ด้วยไฟล์ .sign ภายนอก ซึ่งช่วยให้สามารถตรวจสอบความถูกต้องของไฟล์ได้โดยไม่ต้องพึ่งพา MD5 หรือ SHA1 ที่ล้าสมัย โดย Freshclam จะดาวน์โหลดไฟล์ .sign อัตโนมัติ และสามารถกำหนดตำแหน่งของโฟลเดอร์ certs ได้ตามต้องการ ClamAV 1.5 ยังเพิ่มความสามารถในการตรวจจับเอกสาร Microsoft Office ที่เข้ารหัสแบบ OLE2 และสามารถบันทึก URI ที่พบในไฟล์ HTML และ PDF เมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์ generate-JSON-metadata พร้อมตัวเลือกในการปิดการบันทึก URI หากไม่ต้องการ เพื่อรองรับมาตรฐาน FIPS ระบบสามารถปิดการใช้งาน MD5 และ SHA1 สำหรับการตรวจสอบลายเซ็นและการเชื่อถือไฟล์ โดยเปลี่ยนมาใช้ SHA2-256 สำหรับแคชไฟล์ที่ปลอดภัย และเพิ่มความแม่นยำในการรายงานขนาดไฟล์ที่สแกน นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงการสแกนไฟล์ ZIP ที่เสียหาย การรองรับไฟล์โมเดล AI เบื้องต้น การเพิ่มคำสั่งใหม่ใน Sigtool และการปรับปรุงการคอมไพล์บนระบบ Solaris และ GNU/Hurd รวมถึงการเชื่อมต่อกับไลบรารี NCurses ที่แยก libtinfo ออกมา ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ClamAV 1.5 เปิดตัวพร้อมฟีเจอร์ใหม่ด้านความปลอดภัยและการตรวจจับ ➡️ รองรับการเซ็นและตรวจสอบไฟล์ CVD ด้วยไฟล์ .sign ภายนอก ➡️ Freshclam ดาวน์โหลดไฟล์ .sign อัตโนมัติสำหรับฐานข้อมูลไวรัส ➡️ เพิ่มตัวเลือกกำหนดตำแหน่งโฟลเดอร์ certs สำหรับการตรวจสอบลายเซ็น ➡️ ตรวจจับเอกสาร MS Office ที่เข้ารหัสแบบ OLE2 ➡️ บันทึก URI จาก HTML และ PDF เมื่อเปิดใช้ generate-JSON-metadata ➡️ เพิ่มตัวเลือกปิดการบันทึก URI ด้วย --json-store-html-uris=no และ --json-store-pdf-uris=no ➡️ รองรับ FIPS-mode โดยปิดการใช้งาน MD5 และ SHA1 สำหรับการตรวจสอบ ➡️ ใช้ SHA2-256 สำหรับแคชไฟล์ที่ปลอดภัย ➡️ ปรับปรุงการสแกน ZIP ที่เสียหาย และรองรับไฟล์โมเดล AI เบื้องต้น ➡️ เพิ่มคำสั่งใหม่ใน Sigtool สำหรับ sign/verify และรองรับ CDIFF patch ➡️ ปรับปรุงการคอมไพล์บน Solaris และ GNU/Hurd และการเชื่อมต่อกับ NCurses ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ FIPS เป็นมาตรฐานที่ใช้ในหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ สำหรับความปลอดภัยของข้อมูล ➡️ SHA2-256 เป็นอัลกอริธึมที่ปลอดภัยกว่าทั้ง MD5 และ SHA1 ซึ่งถูกลดความน่าเชื่อถือ ➡️ CDIFF เป็นไฟล์ patch ที่ช่วยลดขนาดการอัปเดตฐานข้อมูลไวรัส ➡️ Sigtool เป็นเครื่องมือใน ClamAV สำหรับจัดการลายเซ็นและฐานข้อมูล ➡️ การรองรับไฟล์โมเดล AI ช่วยให้ ClamAV ตรวจจับภัยคุกคามในระบบ machine learning ได้ดีขึ้น https://9to5linux.com/clamav-1-5-open-source-antivirus-engine-released-with-major-new-features
    9TO5LINUX.COM
    ClamAV 1.5 Open-Source Antivirus Engine Released with Major New Features - 9to5Linux
    ClamAV 1.5 open-source antivirus engine is now available for download with major new features, improvements, and bug fixes.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • “OnePlus 15 หลุดสเปกเต็มก่อนเปิดตัว — จอ 165Hz, ชิป Snapdragon Gen 5 และแบต 7,300mAh ที่อึดที่สุดในตลาด”

    ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคมนี้ OnePlus 15 ได้มีข้อมูลสเปกและภาพหลุดออกมาอย่างละเอียดจากหลายแหล่งข่าว โดยชี้ว่าเรือธงรุ่นนี้จะเป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่จาก OnePlus 13 ทั้งในด้านหน้าจอ ประสิทธิภาพ และความจุแบตเตอรี่

    OnePlus 15 จะมาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 1.5K รองรับ Dolby Vision และ Pro XDR พร้อมรีเฟรชเรตแบบไดนามิกตั้งแต่ 1Hz ถึง 165Hz และความสว่างสูงสุดถึง 1,800 nits ซึ่งถือว่าเหนือกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน

    ขุมพลังภายในใช้ Snapdragon 8 Elite Gen 5 พร้อม RAM LPDDR5X และหน่วยความจำ UFS 4.1 โดยมีหลายรุ่นให้เลือกตั้งแต่ 12GB/256GB ไปจนถึง 16GB/1TB รองรับการใช้งานหนักแบบไม่มีสะดุด

    จุดเด่นอีกอย่างคือแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 7,300mAh พร้อมระบบชาร์จไว 120W แบบสาย และ 50W แบบไร้สาย ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในแบตที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มสมาร์ตโฟนเรือธง ณ ตอนนี้

    ด้านกล้องหลังยังคงใช้เซนเซอร์ 50MP ทั้งสามตัว โดยกล้องหลักใช้ Sony LYT-700 พร้อม OIS ส่วนกล้อง Ultra-wide และ Telephoto ใช้เซนเซอร์ Samsung ISOCELL JN5 รองรับการซูมแบบออปติคอล 3.5x

    นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เสริมที่น่าสนใจ เช่น ระบบสแกนนิ้วแบบอัลตราโซนิก, ระบบระบายความร้อนรุ่นใหม่, ลำโพงคู่, NFC, IR Blaster และพอร์ต USB-C 3.1 Gen1 พร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP69

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 1.5K รีเฟรชเรต 1–165Hz
    รองรับ Dolby Vision, Pro XDR และความสว่างสูงสุด 1,800 nits
    ใช้ชิป Snapdragon 8 Elite Gen 5 พร้อม RAM LPDDR5X และ UFS 4.1
    มีหลายรุ่นให้เลือก: 12GB/256GB ถึง 16GB/1TB
    แบตเตอรี่ขนาด 7,300mAh รองรับชาร์จไว 120W และไร้สาย 50W
    กล้องหลัง 3 ตัว: 50MP Sony LYT-700 + 50MP Ultra-wide + 50MP Telephoto
    รองรับการซูมออปติคอล 3.5x พร้อมระบบกันสั่น OIS
    มีระบบสแกนนิ้วอัลตราโซนิก, ระบบระบายความร้อนใหม่, ลำโพงคู่
    รองรับ NFC, IR Blaster และ USB-C 3.1 Gen1
    กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP69

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    OnePlus 15 จะเปิดตัวทั่วโลกในเดือนตุลาคม 2025
    หน้าจอใช้เทคโนโลยี LTPO 8T ที่ช่วยประหยัดพลังงาน
    ระบบ Wind Chi Kernel 2.0 ช่วยเพิ่มความเสถียรในการใช้งานหนัก
    OnePlus ยุติความร่วมมือกับ Hasselblad และใช้ระบบประมวลผลภาพของตนเอง
    สีที่มีให้เลือก ได้แก่ Sand Storm, Purple, Titanium และ Black

    https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/more-oneplus-15-specs-and-photos-have-leaked-ahead-of-the-flagship-phones-official-launch
    📱 “OnePlus 15 หลุดสเปกเต็มก่อนเปิดตัว — จอ 165Hz, ชิป Snapdragon Gen 5 และแบต 7,300mAh ที่อึดที่สุดในตลาด” ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคมนี้ OnePlus 15 ได้มีข้อมูลสเปกและภาพหลุดออกมาอย่างละเอียดจากหลายแหล่งข่าว โดยชี้ว่าเรือธงรุ่นนี้จะเป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่จาก OnePlus 13 ทั้งในด้านหน้าจอ ประสิทธิภาพ และความจุแบตเตอรี่ OnePlus 15 จะมาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 1.5K รองรับ Dolby Vision และ Pro XDR พร้อมรีเฟรชเรตแบบไดนามิกตั้งแต่ 1Hz ถึง 165Hz และความสว่างสูงสุดถึง 1,800 nits ซึ่งถือว่าเหนือกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน ขุมพลังภายในใช้ Snapdragon 8 Elite Gen 5 พร้อม RAM LPDDR5X และหน่วยความจำ UFS 4.1 โดยมีหลายรุ่นให้เลือกตั้งแต่ 12GB/256GB ไปจนถึง 16GB/1TB รองรับการใช้งานหนักแบบไม่มีสะดุด จุดเด่นอีกอย่างคือแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 7,300mAh พร้อมระบบชาร์จไว 120W แบบสาย และ 50W แบบไร้สาย ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในแบตที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มสมาร์ตโฟนเรือธง ณ ตอนนี้ ด้านกล้องหลังยังคงใช้เซนเซอร์ 50MP ทั้งสามตัว โดยกล้องหลักใช้ Sony LYT-700 พร้อม OIS ส่วนกล้อง Ultra-wide และ Telephoto ใช้เซนเซอร์ Samsung ISOCELL JN5 รองรับการซูมแบบออปติคอล 3.5x นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เสริมที่น่าสนใจ เช่น ระบบสแกนนิ้วแบบอัลตราโซนิก, ระบบระบายความร้อนรุ่นใหม่, ลำโพงคู่, NFC, IR Blaster และพอร์ต USB-C 3.1 Gen1 พร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP69 ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 1.5K รีเฟรชเรต 1–165Hz ➡️ รองรับ Dolby Vision, Pro XDR และความสว่างสูงสุด 1,800 nits ➡️ ใช้ชิป Snapdragon 8 Elite Gen 5 พร้อม RAM LPDDR5X และ UFS 4.1 ➡️ มีหลายรุ่นให้เลือก: 12GB/256GB ถึง 16GB/1TB ➡️ แบตเตอรี่ขนาด 7,300mAh รองรับชาร์จไว 120W และไร้สาย 50W ➡️ กล้องหลัง 3 ตัว: 50MP Sony LYT-700 + 50MP Ultra-wide + 50MP Telephoto ➡️ รองรับการซูมออปติคอล 3.5x พร้อมระบบกันสั่น OIS ➡️ มีระบบสแกนนิ้วอัลตราโซนิก, ระบบระบายความร้อนใหม่, ลำโพงคู่ ➡️ รองรับ NFC, IR Blaster และ USB-C 3.1 Gen1 ➡️ กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP69 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ OnePlus 15 จะเปิดตัวทั่วโลกในเดือนตุลาคม 2025 ➡️ หน้าจอใช้เทคโนโลยี LTPO 8T ที่ช่วยประหยัดพลังงาน ➡️ ระบบ Wind Chi Kernel 2.0 ช่วยเพิ่มความเสถียรในการใช้งานหนัก ➡️ OnePlus ยุติความร่วมมือกับ Hasselblad และใช้ระบบประมวลผลภาพของตนเอง ➡️ สีที่มีให้เลือก ได้แก่ Sand Storm, Purple, Titanium และ Black https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/more-oneplus-15-specs-and-photos-have-leaked-ahead-of-the-flagship-phones-official-launch
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 259 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Microsoft ปิดช่องโหว่ SVG บน Outlook — หยุดภาพแฝงมัลแวร์ที่เคยหลอกผู้ใช้ทั่วโลก”

    Microsoft ประกาศปรับปรุงระบบความปลอดภัยของ Outlook โดยจะ “หยุดแสดงภาพ SVG แบบ inline” ทั้งใน Outlook for Web และ Outlook for Windows รุ่นใหม่ เพื่อป้องกันการโจมตีแบบ phishing และมัลแวร์ที่แฝงมากับไฟล์ภาพ ซึ่งกลายเป็นช่องโหว่ที่ถูกใช้มากขึ้นในช่วงหลัง

    SVG (Scalable Vector Graphics) เป็นไฟล์ภาพที่ใช้โค้ด XML ในการกำหนดรูปแบบ ทำให้สามารถฝัง JavaScript หรือโค้ดอันตรายอื่น ๆ ได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อแสดงแบบ inline ในอีเมล ซึ่ง Outlook เคยอนุญาตให้แสดงโดยตรงในเนื้อหาอีเมล

    จากรายงานของ Microsoft และนักวิจัยด้านความปลอดภัย พบว่าการโจมตีผ่าน SVG เพิ่มขึ้นกว่า 1,800% ระหว่างต้นปี 2024 ถึงกลางปี 2025 โดยมีการใช้แพลตฟอร์ม Phishing-as-a-Service (PhaaS) เช่น Tycoon2FA และ Sneaky2FA เพื่อสร้างภาพ SVG ปลอมที่หลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลส่วนตัว

    การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ผู้ใช้เห็น “ช่องว่างเปล่า” แทนภาพ SVG ที่เคยแสดงในอีเมล แต่ยังสามารถเปิดดูไฟล์ SVG ที่แนบมาแบบ attachment ได้ตามปกติ โดย Microsoft ยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะกระทบผู้ใช้น้อยมาก เพราะมีเพียง 0.1% ของภาพใน Outlook ที่ใช้ SVG แบบ inline

    นอกจากนี้ Microsoft ยังเดินหน้าปรับปรุงระบบความปลอดภัยใน Office และ Windows อย่างต่อเนื่อง เช่น การบล็อกไฟล์ .library-ms และ .search-ms ที่เคยถูกใช้โจมตีหน่วยงานรัฐบาล รวมถึงการปิดใช้งาน VBA macros, ActiveX และ XLL add-ins ที่ไม่ปลอดภัย

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Microsoft ปิดการแสดงภาพ SVG แบบ inline ใน Outlook for Web และ Outlook for Windows
    ผู้ใช้จะเห็นช่องว่างเปล่าแทนภาพ SVG ที่เคยแสดงในเนื้อหาอีเมล
    ไฟล์ SVG ที่แนบมาแบบ attachment ยังสามารถเปิดดูได้ตามปกติ
    การเปลี่ยนแปลงนี้กระทบผู้ใช้น้อยมาก เพราะมีเพียง 0.1% ที่ใช้ SVG inline
    การโจมตีผ่าน SVG เพิ่มขึ้นกว่า 1,800% ในช่วงปี 2024–2025
    แพลตฟอร์ม PhaaS เช่น Tycoon2FA และ Sneaky2FA ถูกใช้สร้างภาพ SVG ปลอม
    Microsoft ปรับปรุงระบบความปลอดภัยใน Office และ Windows อย่างต่อเนื่อง
    มีการบล็อกไฟล์ .library-ms, .search-ms, VBA macros, ActiveX และ XLL add-ins

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SVG เป็นไฟล์ภาพแบบเวกเตอร์ที่สามารถฝังโค้ด JavaScript ได้
    การแสดงภาพแบบ inline หมายถึงการฝังภาพไว้ในเนื้อหาอีเมลโดยตรง
    Phishing-as-a-Service คือบริการที่เปิดให้แฮกเกอร์สร้างแคมเปญหลอกลวงได้ง่ายขึ้น
    การบล็อกฟีเจอร์ที่เสี่ยงเป็นแนวทางที่ Microsoft ใช้เพื่อป้องกันการโจมตีแบบ zero-day
    Outlook เป็นหนึ่งในแอปอีเมลที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลก โดยเฉพาะในองค์กร

    https://www.techradar.com/pro/microsoft-outlook-will-no-longer-show-inline-svg-images-regularly-exploited-in-phishing-attacks
    🛡️ “Microsoft ปิดช่องโหว่ SVG บน Outlook — หยุดภาพแฝงมัลแวร์ที่เคยหลอกผู้ใช้ทั่วโลก” Microsoft ประกาศปรับปรุงระบบความปลอดภัยของ Outlook โดยจะ “หยุดแสดงภาพ SVG แบบ inline” ทั้งใน Outlook for Web และ Outlook for Windows รุ่นใหม่ เพื่อป้องกันการโจมตีแบบ phishing และมัลแวร์ที่แฝงมากับไฟล์ภาพ ซึ่งกลายเป็นช่องโหว่ที่ถูกใช้มากขึ้นในช่วงหลัง SVG (Scalable Vector Graphics) เป็นไฟล์ภาพที่ใช้โค้ด XML ในการกำหนดรูปแบบ ทำให้สามารถฝัง JavaScript หรือโค้ดอันตรายอื่น ๆ ได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อแสดงแบบ inline ในอีเมล ซึ่ง Outlook เคยอนุญาตให้แสดงโดยตรงในเนื้อหาอีเมล จากรายงานของ Microsoft และนักวิจัยด้านความปลอดภัย พบว่าการโจมตีผ่าน SVG เพิ่มขึ้นกว่า 1,800% ระหว่างต้นปี 2024 ถึงกลางปี 2025 โดยมีการใช้แพลตฟอร์ม Phishing-as-a-Service (PhaaS) เช่น Tycoon2FA และ Sneaky2FA เพื่อสร้างภาพ SVG ปลอมที่หลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลส่วนตัว การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ผู้ใช้เห็น “ช่องว่างเปล่า” แทนภาพ SVG ที่เคยแสดงในอีเมล แต่ยังสามารถเปิดดูไฟล์ SVG ที่แนบมาแบบ attachment ได้ตามปกติ โดย Microsoft ยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะกระทบผู้ใช้น้อยมาก เพราะมีเพียง 0.1% ของภาพใน Outlook ที่ใช้ SVG แบบ inline นอกจากนี้ Microsoft ยังเดินหน้าปรับปรุงระบบความปลอดภัยใน Office และ Windows อย่างต่อเนื่อง เช่น การบล็อกไฟล์ .library-ms และ .search-ms ที่เคยถูกใช้โจมตีหน่วยงานรัฐบาล รวมถึงการปิดใช้งาน VBA macros, ActiveX และ XLL add-ins ที่ไม่ปลอดภัย ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Microsoft ปิดการแสดงภาพ SVG แบบ inline ใน Outlook for Web และ Outlook for Windows ➡️ ผู้ใช้จะเห็นช่องว่างเปล่าแทนภาพ SVG ที่เคยแสดงในเนื้อหาอีเมล ➡️ ไฟล์ SVG ที่แนบมาแบบ attachment ยังสามารถเปิดดูได้ตามปกติ ➡️ การเปลี่ยนแปลงนี้กระทบผู้ใช้น้อยมาก เพราะมีเพียง 0.1% ที่ใช้ SVG inline ➡️ การโจมตีผ่าน SVG เพิ่มขึ้นกว่า 1,800% ในช่วงปี 2024–2025 ➡️ แพลตฟอร์ม PhaaS เช่น Tycoon2FA และ Sneaky2FA ถูกใช้สร้างภาพ SVG ปลอม ➡️ Microsoft ปรับปรุงระบบความปลอดภัยใน Office และ Windows อย่างต่อเนื่อง ➡️ มีการบล็อกไฟล์ .library-ms, .search-ms, VBA macros, ActiveX และ XLL add-ins ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SVG เป็นไฟล์ภาพแบบเวกเตอร์ที่สามารถฝังโค้ด JavaScript ได้ ➡️ การแสดงภาพแบบ inline หมายถึงการฝังภาพไว้ในเนื้อหาอีเมลโดยตรง ➡️ Phishing-as-a-Service คือบริการที่เปิดให้แฮกเกอร์สร้างแคมเปญหลอกลวงได้ง่ายขึ้น ➡️ การบล็อกฟีเจอร์ที่เสี่ยงเป็นแนวทางที่ Microsoft ใช้เพื่อป้องกันการโจมตีแบบ zero-day ➡️ Outlook เป็นหนึ่งในแอปอีเมลที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลก โดยเฉพาะในองค์กร https://www.techradar.com/pro/microsoft-outlook-will-no-longer-show-inline-svg-images-regularly-exploited-in-phishing-attacks
    WWW.TECHRADAR.COM
    Microsoft Outlook will no longer render inline SVG content
    User will just see blank spaces where these images would have been
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 227 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ตำรวจอังกฤษถูกจับได้ว่า ‘แกล้งทำงาน’ ด้วยการกดคีย์ซ้ำ — 26 รายถูกสอบสวน หลังระบบตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติ”

    ในยุคที่การทำงานจากบ้านกลายเป็นเรื่องปกติ หน่วยงานต่าง ๆ ก็ต้องหาวิธีตรวจสอบประสิทธิภาพของพนักงาน ล่าสุดตำรวจอังกฤษ โดยเฉพาะในเขต Greater Manchester Police (GMP) และ Durham Constabulary ได้เผชิญกับเหตุการณ์อื้อฉาว เมื่อพบว่ามีเจ้าหน้าที่รวม 26 คนใช้วิธี “key jamming” หรือการวางสิ่งของบนแป้นพิมพ์เพื่อให้ดูเหมือนว่ากำลังทำงาน

    การตรวจสอบเริ่มต้นจากการติดตั้งซอฟต์แวร์ keylogger บนอุปกรณ์ที่ออกให้เจ้าหน้าที่ใช้ทำงานจากบ้าน ซึ่งพบพฤติกรรมการกดคีย์ซ้ำอย่างผิดปกติ เช่น การกดปุ่ม “I” มากกว่า 16,000 ครั้งในช่วงเวลาเดียว หรือการกดปุ่ม “H” ซ้ำกว่า 30 ครั้งโดยไม่มีการใช้งานอื่น ๆ

    หนึ่งในกรณีที่โดดเด่นคือ Detective Constable Niall Thubron จาก Durham ซึ่งถูกพบว่าใช้วิธีนี้ถึง 38 ครั้งในช่วง 12 วัน โดยมีช่วงเวลาทำงานที่แท้จริงเพียงครึ่งเดียวของเวลาที่ล็อกอินไว้ เขาลาออกก่อนถูกไล่ออก และถูกขึ้นบัญชีดำห้ามกลับเข้ารับราชการอีก

    เหตุการณ์นี้ทำให้ GMP ตัดสินใจยกเลิกสิทธิ์การทำงานจากบ้านของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด และประกาศว่าจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับผู้ที่มีพฤติกรรมจงใจหลอกลวง โดยระบุว่า “ประชาชนสมควรได้รับการบริการที่คุ้มค่า และเราจะไม่ยอมให้พฤติกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นอีก”

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    เจ้าหน้าที่ตำรวจอังกฤษ 26 รายถูกสอบสวนจากพฤติกรรม key jamming ขณะทำงานจากบ้าน
    key jamming คือการวางสิ่งของบนแป้นพิมพ์เพื่อให้ดูเหมือนมีการทำงาน
    GMP ติดตั้ง keylogger เพื่อตรวจสอบการใช้งานอุปกรณ์ราชการ
    พบการกดปุ่ม “I” มากกว่า 16,000 ครั้ง และ “H” มากกว่า 30 ครั้งในช่วงเวลาสั้น
    Detective Constable Niall Thubron ใช้วิธีนี้ 38 ครั้งใน 12 วัน และทำงานจริงเพียงครึ่งเวลา
    Thubron ลาออกก่อนถูกไล่ออก และถูกขึ้นบัญชีดำจาก College of Policing
    GMP ยกเลิกสิทธิ์การทำงานจากบ้านของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด
    ผู้บริหารระบุว่าจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับผู้ที่จงใจหลอกลวง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    keylogger เป็นเครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบการกดแป้นพิมพ์ เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการทำงาน
    การทำงานจากบ้านมีข้อดีด้านประสิทธิภาพ แต่ก็เปิดช่องให้เกิดการละเมิดวินัย
    บริษัทเอกชน เช่น Wells Fargo เคยไล่ออกพนักงานที่ใช้ mouse jigger เพื่อหลอกระบบตรวจสอบ
    การกดคีย์ซ้ำโดยไม่มีการใช้งานจริงสามารถตรวจจับได้จากรูปแบบการพิมพ์ที่ไม่เป็นธรรมชาติ
    การขึ้นบัญชีดำในระบบราชการอังกฤษหมายถึงห้ามรับราชการในทุกหน่วยงานทั่วประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/uk-cops-busted-for-faking-productivity-while-working-from-home-by-holding-down-keys-on-keyboard-26-officers-and-staff-reportedly-caught-trying-to-trick-keylogging-software
    🕵️‍♂️ “ตำรวจอังกฤษถูกจับได้ว่า ‘แกล้งทำงาน’ ด้วยการกดคีย์ซ้ำ — 26 รายถูกสอบสวน หลังระบบตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติ” ในยุคที่การทำงานจากบ้านกลายเป็นเรื่องปกติ หน่วยงานต่าง ๆ ก็ต้องหาวิธีตรวจสอบประสิทธิภาพของพนักงาน ล่าสุดตำรวจอังกฤษ โดยเฉพาะในเขต Greater Manchester Police (GMP) และ Durham Constabulary ได้เผชิญกับเหตุการณ์อื้อฉาว เมื่อพบว่ามีเจ้าหน้าที่รวม 26 คนใช้วิธี “key jamming” หรือการวางสิ่งของบนแป้นพิมพ์เพื่อให้ดูเหมือนว่ากำลังทำงาน การตรวจสอบเริ่มต้นจากการติดตั้งซอฟต์แวร์ keylogger บนอุปกรณ์ที่ออกให้เจ้าหน้าที่ใช้ทำงานจากบ้าน ซึ่งพบพฤติกรรมการกดคีย์ซ้ำอย่างผิดปกติ เช่น การกดปุ่ม “I” มากกว่า 16,000 ครั้งในช่วงเวลาเดียว หรือการกดปุ่ม “H” ซ้ำกว่า 30 ครั้งโดยไม่มีการใช้งานอื่น ๆ หนึ่งในกรณีที่โดดเด่นคือ Detective Constable Niall Thubron จาก Durham ซึ่งถูกพบว่าใช้วิธีนี้ถึง 38 ครั้งในช่วง 12 วัน โดยมีช่วงเวลาทำงานที่แท้จริงเพียงครึ่งเดียวของเวลาที่ล็อกอินไว้ เขาลาออกก่อนถูกไล่ออก และถูกขึ้นบัญชีดำห้ามกลับเข้ารับราชการอีก เหตุการณ์นี้ทำให้ GMP ตัดสินใจยกเลิกสิทธิ์การทำงานจากบ้านของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด และประกาศว่าจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับผู้ที่มีพฤติกรรมจงใจหลอกลวง โดยระบุว่า “ประชาชนสมควรได้รับการบริการที่คุ้มค่า และเราจะไม่ยอมให้พฤติกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นอีก” ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ เจ้าหน้าที่ตำรวจอังกฤษ 26 รายถูกสอบสวนจากพฤติกรรม key jamming ขณะทำงานจากบ้าน ➡️ key jamming คือการวางสิ่งของบนแป้นพิมพ์เพื่อให้ดูเหมือนมีการทำงาน ➡️ GMP ติดตั้ง keylogger เพื่อตรวจสอบการใช้งานอุปกรณ์ราชการ ➡️ พบการกดปุ่ม “I” มากกว่า 16,000 ครั้ง และ “H” มากกว่า 30 ครั้งในช่วงเวลาสั้น ➡️ Detective Constable Niall Thubron ใช้วิธีนี้ 38 ครั้งใน 12 วัน และทำงานจริงเพียงครึ่งเวลา ➡️ Thubron ลาออกก่อนถูกไล่ออก และถูกขึ้นบัญชีดำจาก College of Policing ➡️ GMP ยกเลิกสิทธิ์การทำงานจากบ้านของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ➡️ ผู้บริหารระบุว่าจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับผู้ที่จงใจหลอกลวง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ keylogger เป็นเครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบการกดแป้นพิมพ์ เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการทำงาน ➡️ การทำงานจากบ้านมีข้อดีด้านประสิทธิภาพ แต่ก็เปิดช่องให้เกิดการละเมิดวินัย ➡️ บริษัทเอกชน เช่น Wells Fargo เคยไล่ออกพนักงานที่ใช้ mouse jigger เพื่อหลอกระบบตรวจสอบ ➡️ การกดคีย์ซ้ำโดยไม่มีการใช้งานจริงสามารถตรวจจับได้จากรูปแบบการพิมพ์ที่ไม่เป็นธรรมชาติ ➡️ การขึ้นบัญชีดำในระบบราชการอังกฤษหมายถึงห้ามรับราชการในทุกหน่วยงานทั่วประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/uk-cops-busted-for-faking-productivity-while-working-from-home-by-holding-down-keys-on-keyboard-26-officers-and-staff-reportedly-caught-trying-to-trick-keylogging-software
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 270 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Intel เปิดตัวสถาปัตยกรรมใหม่ Nova Lake และ Diamond Rapids — ยุคใหม่ของ CPU ที่เน้น AI, ประสิทธิภาพ และความหนาแน่นของคอร์”

    Intel ยืนยันอย่างเป็นทางการถึงสถาปัตยกรรมใหม่สำหรับ CPU รุ่นถัดไปในปี 2026 โดยแบ่งออกเป็นสองสายหลัก ได้แก่ Nova Lake สำหรับผู้ใช้ทั่วไป และ Diamond Rapids สำหรับเซิร์ฟเวอร์ โดยข้อมูลนี้ปรากฏในเอกสาร ISA Reference ล่าสุดของ Intel ซึ่งช่วยยืนยันข่าวลือก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน

    Nova Lake จะใช้ P-Core แบบใหม่ชื่อว่า Coyote Cove และ E-Core ชื่อ Arctic Wolf ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพต่อคอร์ (IPC) และลดการใช้พลังงาน โดยจะรองรับแพลตฟอร์มใหม่ผ่านซ็อกเก็ต LGA 1954 และมี GPU แบบฝังรุ่นใหม่ที่ใช้ Xe3 tile สำหรับกราฟิกที่ดีขึ้นในโน้ตบุ๊กและเดสก์ท็อป

    Nova Lake-S สำหรับเดสก์ท็อปจะมีจำนวนคอร์สูงสุดถึง 52 คอร์ ขณะที่รุ่น HX สำหรับโน้ตบุ๊กจะมีสูงสุด 28 คอร์ และอาจมีรุ่น Nova Lake-AX สำหรับตลาด APU ที่เคยมีข่าวว่าจะเป็นคู่แข่งกับ AMD Strix Halo แต่ตอนนี้ยังอยู่ในสถานะไม่แน่นอน

    ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ Diamond Rapids จะใช้ P-Core แบบ Panther Cove ซึ่งเน้นการเพิ่มความหนาแน่นของคอร์ โดยอาจมีสูงถึง 192–256 คอร์ แต่จะไม่มีฟีเจอร์ Hyper-Threading (SMT) ในรุ่นแรก ซึ่ง Intel ยืนยันว่าจะนำกลับมาในรุ่น Coral Rapids ที่ตามมา

    นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึง Panther Cove-X ซึ่งอาจเป็นรุ่นประสิทธิภาพสูงสำหรับเวิร์กสเตชัน และ Wildcat Lake ซึ่งจะมาแทน Twin Lake ในกลุ่ม APU ระดับเริ่มต้น โดยใช้ Cougar Cove P-Core และ Darkmont E-Core เช่นเดียวกับ Panther Lake

    ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงยุทธศาสตร์ของ Intel ที่เน้นการขยายจำนวนคอร์ ปรับปรุงสถาปัตยกรรม และเตรียมพร้อมสำหรับยุค AI ที่ต้องการการประมวลผลแบบกระจายและมีประสิทธิภาพสูง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Intel ยืนยันสถาปัตยกรรมใหม่สำหรับ CPU ปี 2026 ได้แก่ Nova Lake และ Diamond Rapids
    Nova Lake ใช้ Coyote Cove P-Core และ Arctic Wolf E-Core
    รองรับซ็อกเก็ตใหม่ LGA 1954 และ GPU แบบ Xe3 tile
    Nova Lake-S มีสูงสุด 52 คอร์ ส่วนรุ่น HX มีสูงสุด 28 คอร์
    Diamond Rapids ใช้ Panther Cove P-Core และเน้นความหนาแน่นของคอร์
    ไม่มี SMT ใน Diamond Rapids แต่จะกลับมาใน Coral Rapids
    มีการกล่าวถึง Panther Cove-X สำหรับเวิร์กสเตชัน และ Wildcat Lake สำหรับ APU ระดับเริ่มต้น
    Wildcat Lake ใช้ Cougar Cove P-Core และ Darkmont E-Core
    Intel เตรียมแข่งขันกับ AMD Zen 6 ทั้งในตลาดผู้ใช้ทั่วไปและเซิร์ฟเวอร์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Xe3 tile เป็น GPU แบบฝังรุ่นใหม่ที่เน้นประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงาน
    Panther Lake เป็นรุ่นก่อนหน้า Nova Lake ที่ใช้ Cougar Cove และ Darkmont
    Coral Rapids จะนำ SMT กลับมาเพื่อรองรับงานเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการ multithreading
    APU คือชิปที่รวม CPU และ GPU ไว้ในตัวเดียว เหมาะกับงานที่ต้องการกราฟิกแต่ไม่ใช้การ์ดจอแยก
    การเพิ่มจำนวนคอร์ช่วยให้รองรับงานแบบ parallel ได้ดีขึ้น เช่น AI, simulation, และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intels-next-gen-nova-lake-and-diamond-rapids-microarchitectures-get-official-confirmation-latest-isa-reference-doc-details-the-p-cores-and-e-cores-upcoming-cpus-will-use
    🧠 “Intel เปิดตัวสถาปัตยกรรมใหม่ Nova Lake และ Diamond Rapids — ยุคใหม่ของ CPU ที่เน้น AI, ประสิทธิภาพ และความหนาแน่นของคอร์” Intel ยืนยันอย่างเป็นทางการถึงสถาปัตยกรรมใหม่สำหรับ CPU รุ่นถัดไปในปี 2026 โดยแบ่งออกเป็นสองสายหลัก ได้แก่ Nova Lake สำหรับผู้ใช้ทั่วไป และ Diamond Rapids สำหรับเซิร์ฟเวอร์ โดยข้อมูลนี้ปรากฏในเอกสาร ISA Reference ล่าสุดของ Intel ซึ่งช่วยยืนยันข่าวลือก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน Nova Lake จะใช้ P-Core แบบใหม่ชื่อว่า Coyote Cove และ E-Core ชื่อ Arctic Wolf ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพต่อคอร์ (IPC) และลดการใช้พลังงาน โดยจะรองรับแพลตฟอร์มใหม่ผ่านซ็อกเก็ต LGA 1954 และมี GPU แบบฝังรุ่นใหม่ที่ใช้ Xe3 tile สำหรับกราฟิกที่ดีขึ้นในโน้ตบุ๊กและเดสก์ท็อป Nova Lake-S สำหรับเดสก์ท็อปจะมีจำนวนคอร์สูงสุดถึง 52 คอร์ ขณะที่รุ่น HX สำหรับโน้ตบุ๊กจะมีสูงสุด 28 คอร์ และอาจมีรุ่น Nova Lake-AX สำหรับตลาด APU ที่เคยมีข่าวว่าจะเป็นคู่แข่งกับ AMD Strix Halo แต่ตอนนี้ยังอยู่ในสถานะไม่แน่นอน ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ Diamond Rapids จะใช้ P-Core แบบ Panther Cove ซึ่งเน้นการเพิ่มความหนาแน่นของคอร์ โดยอาจมีสูงถึง 192–256 คอร์ แต่จะไม่มีฟีเจอร์ Hyper-Threading (SMT) ในรุ่นแรก ซึ่ง Intel ยืนยันว่าจะนำกลับมาในรุ่น Coral Rapids ที่ตามมา นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึง Panther Cove-X ซึ่งอาจเป็นรุ่นประสิทธิภาพสูงสำหรับเวิร์กสเตชัน และ Wildcat Lake ซึ่งจะมาแทน Twin Lake ในกลุ่ม APU ระดับเริ่มต้น โดยใช้ Cougar Cove P-Core และ Darkmont E-Core เช่นเดียวกับ Panther Lake ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงยุทธศาสตร์ของ Intel ที่เน้นการขยายจำนวนคอร์ ปรับปรุงสถาปัตยกรรม และเตรียมพร้อมสำหรับยุค AI ที่ต้องการการประมวลผลแบบกระจายและมีประสิทธิภาพสูง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Intel ยืนยันสถาปัตยกรรมใหม่สำหรับ CPU ปี 2026 ได้แก่ Nova Lake และ Diamond Rapids ➡️ Nova Lake ใช้ Coyote Cove P-Core และ Arctic Wolf E-Core ➡️ รองรับซ็อกเก็ตใหม่ LGA 1954 และ GPU แบบ Xe3 tile ➡️ Nova Lake-S มีสูงสุด 52 คอร์ ส่วนรุ่น HX มีสูงสุด 28 คอร์ ➡️ Diamond Rapids ใช้ Panther Cove P-Core และเน้นความหนาแน่นของคอร์ ➡️ ไม่มี SMT ใน Diamond Rapids แต่จะกลับมาใน Coral Rapids ➡️ มีการกล่าวถึง Panther Cove-X สำหรับเวิร์กสเตชัน และ Wildcat Lake สำหรับ APU ระดับเริ่มต้น ➡️ Wildcat Lake ใช้ Cougar Cove P-Core และ Darkmont E-Core ➡️ Intel เตรียมแข่งขันกับ AMD Zen 6 ทั้งในตลาดผู้ใช้ทั่วไปและเซิร์ฟเวอร์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Xe3 tile เป็น GPU แบบฝังรุ่นใหม่ที่เน้นประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงาน ➡️ Panther Lake เป็นรุ่นก่อนหน้า Nova Lake ที่ใช้ Cougar Cove และ Darkmont ➡️ Coral Rapids จะนำ SMT กลับมาเพื่อรองรับงานเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการ multithreading ➡️ APU คือชิปที่รวม CPU และ GPU ไว้ในตัวเดียว เหมาะกับงานที่ต้องการกราฟิกแต่ไม่ใช้การ์ดจอแยก ➡️ การเพิ่มจำนวนคอร์ช่วยให้รองรับงานแบบ parallel ได้ดีขึ้น เช่น AI, simulation, และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intels-next-gen-nova-lake-and-diamond-rapids-microarchitectures-get-official-confirmation-latest-isa-reference-doc-details-the-p-cores-and-e-cores-upcoming-cpus-will-use
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 280 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ดีลชิป AI ระหว่างสหรัฐฯ–UAE ติดเบรกนาน 5 เดือน — Nvidia หงุดหงิด, เจ้าหน้าที่วอชิงตันกังวลเรื่องความมั่นคง”

    ดีลมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่มีเป้าหมายส่งออกชิป AI ของ Nvidia ไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ซึ่งเคยถูกประกาศอย่างยิ่งใหญ่โดยประธานาธิบดีทรัมป์ในเดือนพฤษภาคม 2025 กลับติดอยู่ในภาวะ “ชะงักงัน” มานานกว่า 5 เดือน สร้างความไม่พอใจให้กับ Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia และเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลสหรัฐฯ

    เดิมที UAE ให้คำมั่นว่าจะลงทุนในสหรัฐฯ เพื่อแลกกับการได้รับชิป AI จำนวนหลายแสนตัวต่อปี โดยเฉพาะรุ่น H100 และ H20 ที่ใช้ในการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการลงทุนใดเกิดขึ้น ทำให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ โดยรัฐมนตรี Howard Lutnick ยืนยันว่าจะไม่อนุมัติการส่งออกชิปจนกว่า UAE จะดำเนินการลงทุนตามที่ตกลงไว้

    ความล่าช้านี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลเรื่องความมั่นคงระดับชาติ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของ UAE กับจีน และการที่บริษัท G42 ซึ่งเป็นผู้รับชิปโดยตรง มีความเกี่ยวข้องกับหน่วยข่าวกรองของรัฐและมีประวัติการลงทุนร่วมกับจีนในด้านเทคโนโลยี AI

    แม้จะมีแรงกดดันจาก Nvidia และผู้สนับสนุนดีลในทำเนียบขาว เช่น David Sacks ซึ่งมองว่าการชะลออาจเปิดช่องให้จีนเข้ามาแทนที่ แต่เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงยังคงยืนกรานว่าต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนอนุมัติการส่งออก โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้เทคโนโลยี AI ถูกนำไปใช้ในทางที่อาจกระทบต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ดีลส่งออกชิป AI ของ Nvidia ไปยัง UAE ติดค้างนานกว่า 5 เดือนหลังเซ็นสัญญา
    Jensen Huang ซีอีโอ Nvidia แสดงความไม่พอใจต่อความล่าช้า
    UAE เคยให้คำมั่นว่าจะลงทุนในสหรัฐฯ เพื่อแลกกับชิปหลายแสนตัวต่อปี
    กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ยังไม่อนุมัติการส่งออก เพราะ UAE ยังไม่ลงทุน
    รัฐมนตรี Howard Lutnick ยืนยันจะไม่ปล่อยชิปจนกว่าจะมีการลงทุนจริง
    บริษัท G42 ของ UAE เป็นผู้รับชิปโดยตรง และมีความเกี่ยวข้องกับหน่วยข่าวกรอง
    เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงกังวลเรื่องการรั่วไหลของเทคโนโลยีไปยังจีน
    David Sacks สนับสนุนดีล โดยมองว่าเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจที่ไม่ควรปล่อยให้จีนแย่ง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    G42 เป็นบริษัทที่มีบทบาทสำคัญในโครงการ AI ของรัฐ UAE และเคยร่วมมือกับจีนในด้าน cloud และ genomics
    ชิป H100 และ H20 ของ Nvidia เป็นหัวใจของการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ เช่น GPT และ LLaMA
    การส่งออกเทคโนโลยี AI ถูกควบคุมอย่างเข้มงวดภายใต้กฎหมาย ITAR และ EAR ของสหรัฐฯ
    การลงทุนจากต่างประเทศในสหรัฐฯ ต้องผ่านการตรวจสอบจาก CFIUS เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านความมั่นคง
    จีนกำลังเร่งพัฒนา AI ด้วยชิปในประเทศ เช่น Ascend ของ Huawei และกำลังแย่งตลาดจาก Nvidia

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/03/delays-to-trump039s-uae-chips-deal-frustrate-nvidia039s-jensen-huang-officials-wsj-reports
    🇺🇸🤖 “ดีลชิป AI ระหว่างสหรัฐฯ–UAE ติดเบรกนาน 5 เดือน — Nvidia หงุดหงิด, เจ้าหน้าที่วอชิงตันกังวลเรื่องความมั่นคง” ดีลมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่มีเป้าหมายส่งออกชิป AI ของ Nvidia ไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ซึ่งเคยถูกประกาศอย่างยิ่งใหญ่โดยประธานาธิบดีทรัมป์ในเดือนพฤษภาคม 2025 กลับติดอยู่ในภาวะ “ชะงักงัน” มานานกว่า 5 เดือน สร้างความไม่พอใจให้กับ Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia และเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลสหรัฐฯ เดิมที UAE ให้คำมั่นว่าจะลงทุนในสหรัฐฯ เพื่อแลกกับการได้รับชิป AI จำนวนหลายแสนตัวต่อปี โดยเฉพาะรุ่น H100 และ H20 ที่ใช้ในการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการลงทุนใดเกิดขึ้น ทำให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ โดยรัฐมนตรี Howard Lutnick ยืนยันว่าจะไม่อนุมัติการส่งออกชิปจนกว่า UAE จะดำเนินการลงทุนตามที่ตกลงไว้ ความล่าช้านี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลเรื่องความมั่นคงระดับชาติ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของ UAE กับจีน และการที่บริษัท G42 ซึ่งเป็นผู้รับชิปโดยตรง มีความเกี่ยวข้องกับหน่วยข่าวกรองของรัฐและมีประวัติการลงทุนร่วมกับจีนในด้านเทคโนโลยี AI แม้จะมีแรงกดดันจาก Nvidia และผู้สนับสนุนดีลในทำเนียบขาว เช่น David Sacks ซึ่งมองว่าการชะลออาจเปิดช่องให้จีนเข้ามาแทนที่ แต่เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงยังคงยืนกรานว่าต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนอนุมัติการส่งออก โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้เทคโนโลยี AI ถูกนำไปใช้ในทางที่อาจกระทบต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ดีลส่งออกชิป AI ของ Nvidia ไปยัง UAE ติดค้างนานกว่า 5 เดือนหลังเซ็นสัญญา ➡️ Jensen Huang ซีอีโอ Nvidia แสดงความไม่พอใจต่อความล่าช้า ➡️ UAE เคยให้คำมั่นว่าจะลงทุนในสหรัฐฯ เพื่อแลกกับชิปหลายแสนตัวต่อปี ➡️ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ยังไม่อนุมัติการส่งออก เพราะ UAE ยังไม่ลงทุน ➡️ รัฐมนตรี Howard Lutnick ยืนยันจะไม่ปล่อยชิปจนกว่าจะมีการลงทุนจริง ➡️ บริษัท G42 ของ UAE เป็นผู้รับชิปโดยตรง และมีความเกี่ยวข้องกับหน่วยข่าวกรอง ➡️ เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงกังวลเรื่องการรั่วไหลของเทคโนโลยีไปยังจีน ➡️ David Sacks สนับสนุนดีล โดยมองว่าเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจที่ไม่ควรปล่อยให้จีนแย่ง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ G42 เป็นบริษัทที่มีบทบาทสำคัญในโครงการ AI ของรัฐ UAE และเคยร่วมมือกับจีนในด้าน cloud และ genomics ➡️ ชิป H100 และ H20 ของ Nvidia เป็นหัวใจของการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ เช่น GPT และ LLaMA ➡️ การส่งออกเทคโนโลยี AI ถูกควบคุมอย่างเข้มงวดภายใต้กฎหมาย ITAR และ EAR ของสหรัฐฯ ➡️ การลงทุนจากต่างประเทศในสหรัฐฯ ต้องผ่านการตรวจสอบจาก CFIUS เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านความมั่นคง ➡️ จีนกำลังเร่งพัฒนา AI ด้วยชิปในประเทศ เช่น Ascend ของ Huawei และกำลังแย่งตลาดจาก Nvidia https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/03/delays-to-trump039s-uae-chips-deal-frustrate-nvidia039s-jensen-huang-officials-wsj-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Delays to Trump's UAE chips deal frustrate Nvidia's Jensen Huang, officials, WSJ reports
    (Reuters) -A multibillion-dollar deal to send Nvidia's artificial-intelligence chips to the United Arab Emirates is stuck in neutral nearly five months after it was signed, frustrating CEO Jensen Huang and some senior administration officials, the Wall Street Journal reported on Thursday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts