• สหรัฐฯ คุมเข้มการลงทุนในจีน ห้ามลงทุน AI-เซมิคอนดักเตอร์-คอมพิวเตอร์ควอนตัม หวั่นถูกใช้พัฒนาศักยภาพทางทหารและไซเบอร์ ครอบคลุมถึงการช่วยเหลือด้านการจัดการและบุคลากร ด้านจีนโต้กลับทันที ยื่นประท้วงอย่างเป็นทางการแล้ว

    31 ตุลาคม 2567- รายงานข่าวIMCT News Thai Perspective ระบุว่า สงครามเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ-จีนทวีความเข้มข้น เมื่อกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศมาตรการขั้นสุดท้ายจำกัดการลงทุนในภาคเทคโนโลยีสำคัญของจีน ซึ่งอาจมีการใช้เร็วๆ นี้

    โดยห้ามพลเมืองสหรัฐฯ ผู้พำนักถาวร และบริษัทสัญชาติอเมริกัน ลงทุนในเทคโนโลยีสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ ปัญญาประดิษฐ์ เซมิคอนดักเตอร์ และคอมพิวเตอร์ควอนตัม พร้อมกำหนดให้นักลงทุนต้องรายงานการลงทุนในเทคโนโลยีที่อาจส่งผลต่อความมั่นคง มาตรการนี้ครอบคลุมถึงผลประโยชน์ที่จับต้องไม่ได้ อาทิ การช่วยเหลือด้านการจัดการ การเข้าถึงเครือข่ายการลงทุน และการใช้บุคลากรที่มีความสามารถ

    สืบเนื่องจากคำสั่งปีที่แล้วของประธานาธิบดีไบเดนที่วิตกว่าการลงทุนของสหรัฐฯ อาจถูกใช้พัฒนาศักยภาพทางทหาร การข่าวกรอง การเฝ้าระวัง และความสามารถด้านไซเบอร์ของประเทศคู่แข่ง ด้านกระทรวงต่างประเทศจีนแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง กล่าวหาสหรัฐฯ พยายามต่อต้านโลกาภิวัตน์และกีดกันจีน พร้อมยื่นคำประท้วงอย่างเป็นทางการแล้ว

    ที่มา : imctnews
    https://www.facebook.com/share/p/15RRz3U8X9/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    สหรัฐฯ คุมเข้มการลงทุนในจีน ห้ามลงทุน AI-เซมิคอนดักเตอร์-คอมพิวเตอร์ควอนตัม หวั่นถูกใช้พัฒนาศักยภาพทางทหารและไซเบอร์ ครอบคลุมถึงการช่วยเหลือด้านการจัดการและบุคลากร ด้านจีนโต้กลับทันที ยื่นประท้วงอย่างเป็นทางการแล้ว 31 ตุลาคม 2567- รายงานข่าวIMCT News Thai Perspective ระบุว่า สงครามเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ-จีนทวีความเข้มข้น เมื่อกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศมาตรการขั้นสุดท้ายจำกัดการลงทุนในภาคเทคโนโลยีสำคัญของจีน ซึ่งอาจมีการใช้เร็วๆ นี้ โดยห้ามพลเมืองสหรัฐฯ ผู้พำนักถาวร และบริษัทสัญชาติอเมริกัน ลงทุนในเทคโนโลยีสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ ปัญญาประดิษฐ์ เซมิคอนดักเตอร์ และคอมพิวเตอร์ควอนตัม พร้อมกำหนดให้นักลงทุนต้องรายงานการลงทุนในเทคโนโลยีที่อาจส่งผลต่อความมั่นคง มาตรการนี้ครอบคลุมถึงผลประโยชน์ที่จับต้องไม่ได้ อาทิ การช่วยเหลือด้านการจัดการ การเข้าถึงเครือข่ายการลงทุน และการใช้บุคลากรที่มีความสามารถ สืบเนื่องจากคำสั่งปีที่แล้วของประธานาธิบดีไบเดนที่วิตกว่าการลงทุนของสหรัฐฯ อาจถูกใช้พัฒนาศักยภาพทางทหาร การข่าวกรอง การเฝ้าระวัง และความสามารถด้านไซเบอร์ของประเทศคู่แข่ง ด้านกระทรวงต่างประเทศจีนแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง กล่าวหาสหรัฐฯ พยายามต่อต้านโลกาภิวัตน์และกีดกันจีน พร้อมยื่นคำประท้วงอย่างเป็นทางการแล้ว ที่มา : imctnews https://www.facebook.com/share/p/15RRz3U8X9/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 387 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทุบสถิติ! ต่างชาติแห่ลงทุนตราสารหนี้หยวนทะลุ 6.4 แสนล้านดอลลาร์

    25 ตุลาคม 2567-imctnews รายงาน จีนเผยทุนสำรองพุ่ง 3.31 ล้านล้านดอลลาร์ ส่องโอกาสทองเศรษฐกิจจีนโต นักวิเคราะห์ชี้ยังมีช่องว่างอีกมาก

    ตลาดการเงินจีนคึกคักหลังนักลงทุนต่างชาติเทเงินลงทุนสุทธิในตราสารหนี้ทะลุ 80,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2024 ส่งผลให้ยอดถือครองตราสารหนี้ในรูปเงินหยวนพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 640,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 21.1 ล้านล้านบาท สะท้อนความเชื่อมั่นต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในระยะยาว ขณะที่ทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแตะ 3.3164 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 78,400 ล้านดอลลาร์จากปีก่อน

    นักวิจัยจากสถาบันสังคมศาสตร์ปักกิ่งมองบวก ชี้เงินหยวนมีเสถียรภาพต่อเนื่อง 3 เดือน ด้านรองหัวหน้าสำนักงานแลกเปลี่ยนเงินตราจีนเผยสัดส่วนการลงทุนต่างชาติยังมีเพียง 3-4% เท่านั้น เหลือช่องว่างอีกมากในการดึงดูดนักลงทุน พร้อมระบุการลงทุนต่างชาติไม่เพียงนำเม็ดเงิน แต่ยังนำเทคโนโลยี ประสบการณ์ และโอกาสการขยายตลาดมาสู่จีน

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/z1mDoVWihf5Uvcr6/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    ทุบสถิติ! ต่างชาติแห่ลงทุนตราสารหนี้หยวนทะลุ 6.4 แสนล้านดอลลาร์ 25 ตุลาคม 2567-imctnews รายงาน จีนเผยทุนสำรองพุ่ง 3.31 ล้านล้านดอลลาร์ ส่องโอกาสทองเศรษฐกิจจีนโต นักวิเคราะห์ชี้ยังมีช่องว่างอีกมาก ตลาดการเงินจีนคึกคักหลังนักลงทุนต่างชาติเทเงินลงทุนสุทธิในตราสารหนี้ทะลุ 80,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2024 ส่งผลให้ยอดถือครองตราสารหนี้ในรูปเงินหยวนพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 640,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 21.1 ล้านล้านบาท สะท้อนความเชื่อมั่นต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในระยะยาว ขณะที่ทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแตะ 3.3164 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 78,400 ล้านดอลลาร์จากปีก่อน นักวิจัยจากสถาบันสังคมศาสตร์ปักกิ่งมองบวก ชี้เงินหยวนมีเสถียรภาพต่อเนื่อง 3 เดือน ด้านรองหัวหน้าสำนักงานแลกเปลี่ยนเงินตราจีนเผยสัดส่วนการลงทุนต่างชาติยังมีเพียง 3-4% เท่านั้น เหลือช่องว่างอีกมากในการดึงดูดนักลงทุน พร้อมระบุการลงทุนต่างชาติไม่เพียงนำเม็ดเงิน แต่ยังนำเทคโนโลยี ประสบการณ์ และโอกาสการขยายตลาดมาสู่จีน ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/z1mDoVWihf5Uvcr6/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 680 มุมมอง 0 รีวิว
  • หนี้สหรัฐฯ ไร้ทางออก! หนี้พุ่งวันละพันๆ ล้าน ทะลุ 35.8 ล้านล้านดอลลาร์ ชาวอเมริกันแบกหนี้คนละ 103,700 ดอลลาร์ เผยปีนี้จ่ายดอกเบี้ยสูงสุดในประวัติศาสตร์เกิน $1.16 ล้านล้าน

    23 ตุลาคม 2567- รายงานเพจ IMCT News Thai Perspectives on Global News เปิดสถานการณ์วิกฤตหนี้สาธารณะสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยเพิ่มขึ้นถึง 473 พันล้านดอลลาร์ในเวลาเพียง 3 สัปดาห์ ทะลุระดับ 35.8 ล้านล้านดอลลาร์ สร้างสถิติใหม่ของภาระหนี้ต่อประชากรที่ 103,700 ดอลลาร์ต่อคน

    ที่น่าวิตกไปกว่านั้น ในปีงบประมาณ 2024 สหรัฐฯ ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงถึง 1.16 ล้านล้านดอลลาร์ ทำลายสถิติการจ่ายดอกเบี้ยที่เคยมีมา คิดเป็นภาระดอกเบี้ยต่อประชากร 3,360 ดอลลาร์ต่อคน สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายทางการคลังครั้งใหญ่ที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญ ท่ามกลางคำถามที่ว่าจะมีแผนรับมือระยะยาวอย่างไร #imctnews รายงาน
    ----
    หนี้ที่เอาไม่อยู่
    หนี้ของสหรัฐฯ ทั้งหมดเพิ่มขึ้น 473 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาสู่ระดับ 35.8 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่าสหรัฐฯ ได้ก่อหนี้จำนวน $1,450 สำหรับชาวอเมริกันทุกคนเฉพาะในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา

    นอกจากนี้ยังหมายความว่าขณะนี้สหรัฐฯ มีหนี้เป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 103,700 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับชาวอเมริกันทุกคน

    ในปี 2024 สหรัฐฯ จ่ายดอกเบี้ยรวม 1.16 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับหนี้ที่ในปีแรกที่สูงกว่าระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์

    เพียงแค่ดอกเบี้ยอย่างเดียว สหรัฐฯ จ่ายเงิน 3,360 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับชาวอเมริกันทุกคนในช่วงปีงบประมาณ 2024 แผนระยะยาวที่นี่คืออะไร?

    ที่มา : เพจเฟซบุ๊ก IMCT News Thai Perspectives on Global News
    https://www.facebook.com/share/p/iciTB3woD3VHjNwR/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    หนี้สหรัฐฯ ไร้ทางออก! หนี้พุ่งวันละพันๆ ล้าน ทะลุ 35.8 ล้านล้านดอลลาร์ ชาวอเมริกันแบกหนี้คนละ 103,700 ดอลลาร์ เผยปีนี้จ่ายดอกเบี้ยสูงสุดในประวัติศาสตร์เกิน $1.16 ล้านล้าน 23 ตุลาคม 2567- รายงานเพจ IMCT News Thai Perspectives on Global News เปิดสถานการณ์วิกฤตหนี้สาธารณะสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยเพิ่มขึ้นถึง 473 พันล้านดอลลาร์ในเวลาเพียง 3 สัปดาห์ ทะลุระดับ 35.8 ล้านล้านดอลลาร์ สร้างสถิติใหม่ของภาระหนี้ต่อประชากรที่ 103,700 ดอลลาร์ต่อคน ที่น่าวิตกไปกว่านั้น ในปีงบประมาณ 2024 สหรัฐฯ ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงถึง 1.16 ล้านล้านดอลลาร์ ทำลายสถิติการจ่ายดอกเบี้ยที่เคยมีมา คิดเป็นภาระดอกเบี้ยต่อประชากร 3,360 ดอลลาร์ต่อคน สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายทางการคลังครั้งใหญ่ที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญ ท่ามกลางคำถามที่ว่าจะมีแผนรับมือระยะยาวอย่างไร #imctnews รายงาน ---- หนี้ที่เอาไม่อยู่ หนี้ของสหรัฐฯ ทั้งหมดเพิ่มขึ้น 473 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาสู่ระดับ 35.8 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่าสหรัฐฯ ได้ก่อหนี้จำนวน $1,450 สำหรับชาวอเมริกันทุกคนเฉพาะในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังหมายความว่าขณะนี้สหรัฐฯ มีหนี้เป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 103,700 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับชาวอเมริกันทุกคน ในปี 2024 สหรัฐฯ จ่ายดอกเบี้ยรวม 1.16 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับหนี้ที่ในปีแรกที่สูงกว่าระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพียงแค่ดอกเบี้ยอย่างเดียว สหรัฐฯ จ่ายเงิน 3,360 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับชาวอเมริกันทุกคนในช่วงปีงบประมาณ 2024 แผนระยะยาวที่นี่คืออะไร? ที่มา : เพจเฟซบุ๊ก IMCT News Thai Perspectives on Global News https://www.facebook.com/share/p/iciTB3woD3VHjNwR/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Sad
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 280 มุมมอง 0 รีวิว
  • imctnews รายงานว่า รัสเซียเผย NATO เตรียมพร้อมปะทะกับมอสโกชี้ซ้อมรบ Steadfast Defender ใหญ่สุดนับแต่จบสงครามเย็น เล็งรัสเซียเป็นศัตรูตัวจริง ปีนี้ระดมพล 9 หมื่นนายจาก 32 ชาติ ไม่ปิดบังว่าเตรียมปะทะมอสโก NATO วางแผนครบถ้วน กำหนดภารกิจเฉพาะให้ทัพใหญ่ พร้อมออปชั่นรุกรัสเซียต่อเนื่อง เศรษฐกิจตะวันตกถูกทำให้เป็นการทหาร อัดงบทัพจัดเต็ม ยันไม่ใช่รัสเซียแต่เป็นนาโตเองที่เดินหน้าสู่ทางเผชิญหน้า ปูตินเคยปัดโจมตี NATO แต่เตือนอย่าให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธถล่มรัสเซียลึก

    อเล็กซานเดอร์ กรุชโก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ออกโรงกล่าวหานาโตว่าไม่ได้ปิดบังอีกต่อไปแล้วว่ากำลังเตรียมความพร้อมเพื่อเผชิญหน้ากับรัสเซียในความขัดแย้งด้วยกำลังอาวุธ โดยอ้างถึงการซ้อมรบ Steadfast Defender ในปีนี้ ซึ่งเป็นการฝึกที่ใหญ่ที่สุดของนาโตนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น โดยมีกำลังพลมากถึง 90,000 นายจากชาติสมาชิก 32 ประเทศ

    กรุชโกระบุว่าแม้นาโตจะไม่ได้ระบุชื่อรัสเซียตรงๆ แต่ก็เรียกการซ้อมรบครั้งนี้ว่าเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับความขัดแย้งกับคู่ต่อสู้ "ที่ใกล้เคียงกัน" ขณะที่เอกสารความมั่นคงหลักของนาโตก็ระบุว่า รัสเซียคือภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขา นอกจากนี้ กรุชโกยังอ้างว่านาโตมีแผนการป้องกันภูมิภาคที่ชัดเจนแล้ว พร้อมกำหนดภารกิจเฉพาะให้หน่วยงานทหารต่างๆ และกำลังพิจารณาทางเลือกที่เป็นไปได้ในการดำเนินการทางทหารต่อรัสเซียอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการทุ่มงบประมาณทางการทหารอย่างมหาศาล และการทำให้เศรษฐกิจของประเทศตะวันตกกลายเป็นแบบการทหาร

    กรุชโกยืนยันว่าไม่ใช่รัสเซียแต่เป็นนาโตเองที่กำลังเดินหน้าสู่เส้นทางเผชิญหน้า และต้องรับผิดชอบต่อวิกฤตความมั่นคงครั้งใหญ่ของยุโรป ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ก็เคยออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่ามอสโกวางแผนโจมตีนาโต แต่ก็เตือนว่าหากชาติตะวันตกปล่อยให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธโจมตีเป้าหมายลึกในรัสเซีย ก็จะเท่ากับพวกเขาเข้าไปมีส่วนร่วมโดยตรงในความขัดแย้งครั้งนี้

    ที่มา : imctnews https://www.facebook.com/share/p/SLtspzhtya4nB7mS/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    imctnews รายงานว่า รัสเซียเผย NATO เตรียมพร้อมปะทะกับมอสโกชี้ซ้อมรบ Steadfast Defender ใหญ่สุดนับแต่จบสงครามเย็น เล็งรัสเซียเป็นศัตรูตัวจริง ปีนี้ระดมพล 9 หมื่นนายจาก 32 ชาติ ไม่ปิดบังว่าเตรียมปะทะมอสโก NATO วางแผนครบถ้วน กำหนดภารกิจเฉพาะให้ทัพใหญ่ พร้อมออปชั่นรุกรัสเซียต่อเนื่อง เศรษฐกิจตะวันตกถูกทำให้เป็นการทหาร อัดงบทัพจัดเต็ม ยันไม่ใช่รัสเซียแต่เป็นนาโตเองที่เดินหน้าสู่ทางเผชิญหน้า ปูตินเคยปัดโจมตี NATO แต่เตือนอย่าให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธถล่มรัสเซียลึก อเล็กซานเดอร์ กรุชโก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ออกโรงกล่าวหานาโตว่าไม่ได้ปิดบังอีกต่อไปแล้วว่ากำลังเตรียมความพร้อมเพื่อเผชิญหน้ากับรัสเซียในความขัดแย้งด้วยกำลังอาวุธ โดยอ้างถึงการซ้อมรบ Steadfast Defender ในปีนี้ ซึ่งเป็นการฝึกที่ใหญ่ที่สุดของนาโตนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น โดยมีกำลังพลมากถึง 90,000 นายจากชาติสมาชิก 32 ประเทศ กรุชโกระบุว่าแม้นาโตจะไม่ได้ระบุชื่อรัสเซียตรงๆ แต่ก็เรียกการซ้อมรบครั้งนี้ว่าเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับความขัดแย้งกับคู่ต่อสู้ "ที่ใกล้เคียงกัน" ขณะที่เอกสารความมั่นคงหลักของนาโตก็ระบุว่า รัสเซียคือภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขา นอกจากนี้ กรุชโกยังอ้างว่านาโตมีแผนการป้องกันภูมิภาคที่ชัดเจนแล้ว พร้อมกำหนดภารกิจเฉพาะให้หน่วยงานทหารต่างๆ และกำลังพิจารณาทางเลือกที่เป็นไปได้ในการดำเนินการทางทหารต่อรัสเซียอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการทุ่มงบประมาณทางการทหารอย่างมหาศาล และการทำให้เศรษฐกิจของประเทศตะวันตกกลายเป็นแบบการทหาร กรุชโกยืนยันว่าไม่ใช่รัสเซียแต่เป็นนาโตเองที่กำลังเดินหน้าสู่เส้นทางเผชิญหน้า และต้องรับผิดชอบต่อวิกฤตความมั่นคงครั้งใหญ่ของยุโรป ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ก็เคยออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่ามอสโกวางแผนโจมตีนาโต แต่ก็เตือนว่าหากชาติตะวันตกปล่อยให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธโจมตีเป้าหมายลึกในรัสเซีย ก็จะเท่ากับพวกเขาเข้าไปมีส่วนร่วมโดยตรงในความขัดแย้งครั้งนี้ ที่มา : imctnews https://www.facebook.com/share/p/SLtspzhtya4nB7mS/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 616 มุมมอง 0 รีวิว
  • #IMCTNEWS #Thaitimes https://youtu.be/IUktNxoW4ew?si=NCLtVTLutBIbbY7b
    #IMCTNEWS #Thaitimes https://youtu.be/IUktNxoW4ew?si=NCLtVTLutBIbbY7b
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 459 มุมมอง 0 รีวิว
  • 21 กันยายน 2567-imctnews รายงานว่า สวิตฯจะไล่นักวิทยาศาสตร์รัสเซียเกือบ 500 คน ออกจากห้องปฏิบัติการฟิสิกส์ CERN หลังประกาศตัดสัมพันธ์-ไม่ต่ออายุสัญญาความร่วมมือกับรัสเซียสิ้นปีนี้ ฐานสนับสนุนยูเครน

    จุดจบความสัมพันธ์กว่า 65 ปี ส่งผลให้นักวิจัยชาวรัสเซียทั้งหมดจะต้องเก็บข้าวของกลับบ้านภายในเดือนธันวาคมนี้ พร้อมถูกยึดใบอนุญาตพำนักในสวิตเซอร์แลนด์-ฝรั่งเศส ทั้งๆ ที่เคยมีฐานะเป็นผู้เชี่ยวชาญและผู้สนับสนุนทางการเงินให้แก่ CERN มานาน

    นักวิทยาศาสตร์ชี้ นอกจากสูญเงินเกือบ 50 ล้านดอลลาร์แล้ว การกีดกันนักวิจัยรัสเซียยังจะทิ้ง "ช่องว่าง" ขนาดใหญ่ไว้ในแวดวงวิทยาศาสตร์ของโลก เรียกว่าเป็นการถอยหลังชัดเจน

    ที่มา : imctnews รายงาน

    #Thaitimes
    21 กันยายน 2567-imctnews รายงานว่า สวิตฯจะไล่นักวิทยาศาสตร์รัสเซียเกือบ 500 คน ออกจากห้องปฏิบัติการฟิสิกส์ CERN หลังประกาศตัดสัมพันธ์-ไม่ต่ออายุสัญญาความร่วมมือกับรัสเซียสิ้นปีนี้ ฐานสนับสนุนยูเครน จุดจบความสัมพันธ์กว่า 65 ปี ส่งผลให้นักวิจัยชาวรัสเซียทั้งหมดจะต้องเก็บข้าวของกลับบ้านภายในเดือนธันวาคมนี้ พร้อมถูกยึดใบอนุญาตพำนักในสวิตเซอร์แลนด์-ฝรั่งเศส ทั้งๆ ที่เคยมีฐานะเป็นผู้เชี่ยวชาญและผู้สนับสนุนทางการเงินให้แก่ CERN มานาน นักวิทยาศาสตร์ชี้ นอกจากสูญเงินเกือบ 50 ล้านดอลลาร์แล้ว การกีดกันนักวิจัยรัสเซียยังจะทิ้ง "ช่องว่าง" ขนาดใหญ่ไว้ในแวดวงวิทยาศาสตร์ของโลก เรียกว่าเป็นการถอยหลังชัดเจน ที่มา : imctnews รายงาน #Thaitimes
    Sad
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 986 มุมมอง 0 รีวิว
  • อีลอน มัสก์ "ผมมีความรู้สึกแย่กับสิ่งนี้" โพสต์ X หวั่น! ไบเดน-แฮร์ริสเตรียมปลุกสงครามโลก เปิดทางยูเครนยิงขีปนาวุธถล่มรัสเซีย บลิงเคนเตรียมแถลงข่าว ขณะที่ปูตินเตือนหนักหากนาโต้ร่วมศึก อังกฤษยังลังเล สหรัฐไม่สนใจเสียงคัดค้าน

    14 กันยายน 2567-imctnews รายงานว่า Wall Street Silver แอคเคาท์ชื่อดังบน X (ทวิตเตอร์เดิม) ได้ออกมาโพสต์เมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมาว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และรองประธานาธิบดีกมาลา แฮร์ริส กำลังเตรียมการที่จะก่อสงครามโลกในสุดสัปดาห์นี้ โดยการเปิดทางให้ยูเครนสามารถยิงขีปนาวุธเข้าไปในแผ่นดินของรัสเซียได้ พร้อมทั้งมีกำหนดการว่ารัฐมนตรีต่างประเทศ แอนโทนี บลิงเคน จะออกมาแถลงการณ์ในวันพรุ่งนี้ ถึงการอนุมัติให้ยูเครนสามารถโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซียได้โดยใช้ขีปนาวุธที่สหรัฐฯ จัดหาให้

    ต่อมาไม่นาน อีลอน มัสก์ ซีอีโอของ Tesla ก็ได้เข้ามาตอบโพสต์ดังกล่าวว่า "ผมมีความรู้สึกแย่กับสิ่งนี้" (I have a bad feeling about this.) ซึ่งเป็นประโยคเดียวกับที่ตัวละครฮีโร่อย่าง Han Solo ในภาพยนตร์ Star Wars เคยพูดขณะที่เผชิญหน้ากับ Death Star อาวุธอวกาศสุดโหดที่สามารถทำลายล้างทั้งดาวได้ในพริบตา เปรียบได้กับอำนาจการทำลายล้างของเพนตากอน ทั้งนี้ ล่าสุด BBC รายงานว่า นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์ หลังจากได้เข้าพบกับประธานาธิบดีไบเดน ก็ยังไม่มีการส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะอนุมัติให้ยูเครนสามารถใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีเป้าหมายในรัสเซีย

    ขณะที่ทางด้านประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย ได้ออกมาเตือนชาติตะวันตกว่าการกระทำดังกล่าวจะถือเป็นการเข้าร่วมในสงครามโดยตรงของนาโต และเมื่อถูกถามเกี่ยวกับท่าทีของปูติน ไบเดนเองก็ตอบแบบไม่ทุกข์ร้อนว่า "ผมไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับวลาดิมีร์ ปูติน" ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มที่ฝ่ายสหรัฐฯ อาจไม่สนใจต่อเสียงคัดค้านของรัสเซียและพร้อมจะอนุมัติให้ยูเครนยิงถล่มรัสเซียจริงๆ แม้อาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งใหม่ก็ตาม

    ที่มา
    https://www.facebook.com/share/p/p91zeJWcZ6j85vVc/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    อีลอน มัสก์ "ผมมีความรู้สึกแย่กับสิ่งนี้" โพสต์ X หวั่น! ไบเดน-แฮร์ริสเตรียมปลุกสงครามโลก เปิดทางยูเครนยิงขีปนาวุธถล่มรัสเซีย บลิงเคนเตรียมแถลงข่าว ขณะที่ปูตินเตือนหนักหากนาโต้ร่วมศึก อังกฤษยังลังเล สหรัฐไม่สนใจเสียงคัดค้าน 14 กันยายน 2567-imctnews รายงานว่า Wall Street Silver แอคเคาท์ชื่อดังบน X (ทวิตเตอร์เดิม) ได้ออกมาโพสต์เมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมาว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และรองประธานาธิบดีกมาลา แฮร์ริส กำลังเตรียมการที่จะก่อสงครามโลกในสุดสัปดาห์นี้ โดยการเปิดทางให้ยูเครนสามารถยิงขีปนาวุธเข้าไปในแผ่นดินของรัสเซียได้ พร้อมทั้งมีกำหนดการว่ารัฐมนตรีต่างประเทศ แอนโทนี บลิงเคน จะออกมาแถลงการณ์ในวันพรุ่งนี้ ถึงการอนุมัติให้ยูเครนสามารถโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซียได้โดยใช้ขีปนาวุธที่สหรัฐฯ จัดหาให้ ต่อมาไม่นาน อีลอน มัสก์ ซีอีโอของ Tesla ก็ได้เข้ามาตอบโพสต์ดังกล่าวว่า "ผมมีความรู้สึกแย่กับสิ่งนี้" (I have a bad feeling about this.) ซึ่งเป็นประโยคเดียวกับที่ตัวละครฮีโร่อย่าง Han Solo ในภาพยนตร์ Star Wars เคยพูดขณะที่เผชิญหน้ากับ Death Star อาวุธอวกาศสุดโหดที่สามารถทำลายล้างทั้งดาวได้ในพริบตา เปรียบได้กับอำนาจการทำลายล้างของเพนตากอน ทั้งนี้ ล่าสุด BBC รายงานว่า นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์ หลังจากได้เข้าพบกับประธานาธิบดีไบเดน ก็ยังไม่มีการส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะอนุมัติให้ยูเครนสามารถใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีเป้าหมายในรัสเซีย ขณะที่ทางด้านประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย ได้ออกมาเตือนชาติตะวันตกว่าการกระทำดังกล่าวจะถือเป็นการเข้าร่วมในสงครามโดยตรงของนาโต และเมื่อถูกถามเกี่ยวกับท่าทีของปูติน ไบเดนเองก็ตอบแบบไม่ทุกข์ร้อนว่า "ผมไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับวลาดิมีร์ ปูติน" ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มที่ฝ่ายสหรัฐฯ อาจไม่สนใจต่อเสียงคัดค้านของรัสเซียและพร้อมจะอนุมัติให้ยูเครนยิงถล่มรัสเซียจริงๆ แม้อาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งใหม่ก็ตาม ที่มา https://www.facebook.com/share/p/p91zeJWcZ6j85vVc/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 750 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.facebook.com/imctnews/posts/122166589418234582
    https://www.facebook.com/imctnews/posts/122166589418234582
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.facebook.com/imctnews/posts/122166874580234582
    https://www.facebook.com/imctnews/posts/122166874580234582
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • อินเดียไม่เชิญจีน-ปากีสถานประเทศเข้าร่วมร่วมประชุมสุดยอด "Voice of the Global South" ครั้งที่ 3 ซึ่งมี 123 ประเทศเข้าร่วม แม้อยู่ในภูมิภาคเดียวกัน เหตุความสัมพันธ์ตึงเครียด

    อินเดียจัดการประชุมสุดยอด "Voice of the Global South" ครั้งที่ 3 มี 123 ประเทศเข้าร่วม แต่ไม่ได้เชิญเพื่อนบ้านอย่างจีนและปากีสถานเนื่องจากความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด โดยในงานนายกฯ โมดี เสนอ "ข้อตกลงการพัฒนาระดับโลก" เพื่อช่วยประเทศกำลังพัฒนาบรรลุการเติบโตที่สมดุล ไม่ทำให้ประเทศจนตกอยู่ภายใต้หนี้สินจากการกู้เงิน ขณะที่ประเด็นสำคัญที่หารือคือการปฏิรูปสถาบันธรรมาภิบาลโลก รวมถึงสหประชาชาติ ซึ่งอินเดียกดดันให้ได้เป็นสมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคง แต่ถูกจีนคัดค้าน ด้านปัญหาด้านอาหาร สุขภาพ พลังงาน และการเข้าถึงทรัพยากร ก็เป็นประเด็นหลักในการหารือเช่นกัน

    20 สิงหาคม 2567 : รายงานข่าว imctnews ระบุว่า สุพรหมณยัม ชัยศังกระ รัฐมนตรีต่างประเทศอินเดีย บอกกับสื่อว่า นิวเดลีไม่ได้เชิญประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีนและปากีสถานเข้าร่วมการประชุมสุดยอด Voice of the Global South เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

    การประชุมสุดยอดครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นผลมาจากการดำรงตำแหน่งประธานของG20 ของอินเดียเมื่อปีที่แล้ว มีชาติเข้าร่วม 123 ชาติ งานดังกล่าวทำหน้าที่เป็นเวทีสำหรับประเทศต่างๆ ในโลกใต้เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อกังวลที่มีร่วมกันและค้นหาแนวทางแก้ไข

    ในระหว่างการบรรยายสรุปกับสื่อมวลชน ชัยศังกระ ยืนยันเมื่อวันอาทิตย์ว่าเพื่อนบ้านที่ใกล้ที่สุดของอินเดีย จีนและปากีสถานไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมในกิจกรรมประชุมเสมือนจริง แม้ว่าพวกเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของโลกใต้ก็ตาม

    นิวเดลีมีความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับทั้งสองประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากข้อพิพาทเรื่องดินแดนที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข

    ความตึงเครียดของอินเดียกับจีนเพิ่มสูงขึ้นในปี 2020 เมื่อทั้งสองประเทศปะทะกันที่ภูมิภาคหุบเขากัลวาน ซึ่งเป็นข้อพิพาท ส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายมีผู้เสียชีวิต แม้ว่าการเจรจาเพื่อขจัดความแตกต่างยังไม่ให้ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม แต่ทั้งสองฝ่ายได้แสดงความเต็มใจที่จะแก้ไขข้อพิพาทในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

    ปัญหาของนิวเดลีกับอิสลามาบัดส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการอ้างสิทธิ์ในแคชเมียร์ ซึ่งมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม เพื่อนบ้านทั้งสองได้ต่อสู้กับสงครามหลายครั้งในภูมิภาคนี้ แม้จะตกลงหยุดยิงในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 แต่การปะทะประปรายยังคงดำเนินต่อไป นิวเดลียังกล่าวหาอิสลามาบัดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าเป็น “การก่อการร้ายข้ามพรมแดน”

    ในงานประชุมผ่านออนไลน์ นายกรัฐมนตรีอินเดีย Narendra Modi เสนอ "ข้อตกลงการพัฒนาระดับโลก" เพื่อช่วยเหลือประเทศทางใต้ทั่วโลกในการบรรลุการเติบโตที่สมดุลและครอบคลุมโดยใช้ประสบการณ์ของอินเดียในการพัฒนา เขากล่าวว่ากลไกใหม่นี้จะไม่ “บดขยี้ประเทศที่ยากจนภายใต้หนี้ในนามของการเงินเพื่อการพัฒนา”

    ประเด็นสำคัญที่ได้รับการหารือในการประชุมสุดยอด Voice of the Global South ได้แก่ การปฏิรูปสถาบันธรรมาภิบาลระดับโลก รวมถึงสหประชาชาติ

    สุพรหมณยัม ชัยศังกระ กล่าวว่า “มีความเห็นเป็นเอกฉันท์” ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาว่าการเปลี่ยนแปลงในองค์กรโลก “ล่าช้าไปมาก” อินเดียกดดันมานานแล้วให้สามารถเข้าร่วมเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอการเป็นสมาชิกของสภาถูกคัดค้านโดยปักกิ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าสมาชิกถาวรของสภา

    ปัญหาด้านอาหาร สุขภาพ ความมั่นคงด้านพลังงาน และความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงทรัพยากรคือปัญหาหลักบางส่วนที่มีการพูดคุยกันในการประชุมสุดยอดเสมือนจริง

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/R1nZGttqwXHBFiEt/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    อินเดียไม่เชิญจีน-ปากีสถานประเทศเข้าร่วมร่วมประชุมสุดยอด "Voice of the Global South" ครั้งที่ 3 ซึ่งมี 123 ประเทศเข้าร่วม แม้อยู่ในภูมิภาคเดียวกัน เหตุความสัมพันธ์ตึงเครียด อินเดียจัดการประชุมสุดยอด "Voice of the Global South" ครั้งที่ 3 มี 123 ประเทศเข้าร่วม แต่ไม่ได้เชิญเพื่อนบ้านอย่างจีนและปากีสถานเนื่องจากความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด โดยในงานนายกฯ โมดี เสนอ "ข้อตกลงการพัฒนาระดับโลก" เพื่อช่วยประเทศกำลังพัฒนาบรรลุการเติบโตที่สมดุล ไม่ทำให้ประเทศจนตกอยู่ภายใต้หนี้สินจากการกู้เงิน ขณะที่ประเด็นสำคัญที่หารือคือการปฏิรูปสถาบันธรรมาภิบาลโลก รวมถึงสหประชาชาติ ซึ่งอินเดียกดดันให้ได้เป็นสมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคง แต่ถูกจีนคัดค้าน ด้านปัญหาด้านอาหาร สุขภาพ พลังงาน และการเข้าถึงทรัพยากร ก็เป็นประเด็นหลักในการหารือเช่นกัน 20 สิงหาคม 2567 : รายงานข่าว imctnews ระบุว่า สุพรหมณยัม ชัยศังกระ รัฐมนตรีต่างประเทศอินเดีย บอกกับสื่อว่า นิวเดลีไม่ได้เชิญประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีนและปากีสถานเข้าร่วมการประชุมสุดยอด Voice of the Global South เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา การประชุมสุดยอดครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นผลมาจากการดำรงตำแหน่งประธานของG20 ของอินเดียเมื่อปีที่แล้ว มีชาติเข้าร่วม 123 ชาติ งานดังกล่าวทำหน้าที่เป็นเวทีสำหรับประเทศต่างๆ ในโลกใต้เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อกังวลที่มีร่วมกันและค้นหาแนวทางแก้ไข ในระหว่างการบรรยายสรุปกับสื่อมวลชน ชัยศังกระ ยืนยันเมื่อวันอาทิตย์ว่าเพื่อนบ้านที่ใกล้ที่สุดของอินเดีย จีนและปากีสถานไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมในกิจกรรมประชุมเสมือนจริง แม้ว่าพวกเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของโลกใต้ก็ตาม นิวเดลีมีความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับทั้งสองประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากข้อพิพาทเรื่องดินแดนที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ความตึงเครียดของอินเดียกับจีนเพิ่มสูงขึ้นในปี 2020 เมื่อทั้งสองประเทศปะทะกันที่ภูมิภาคหุบเขากัลวาน ซึ่งเป็นข้อพิพาท ส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายมีผู้เสียชีวิต แม้ว่าการเจรจาเพื่อขจัดความแตกต่างยังไม่ให้ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม แต่ทั้งสองฝ่ายได้แสดงความเต็มใจที่จะแก้ไขข้อพิพาทในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ปัญหาของนิวเดลีกับอิสลามาบัดส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการอ้างสิทธิ์ในแคชเมียร์ ซึ่งมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม เพื่อนบ้านทั้งสองได้ต่อสู้กับสงครามหลายครั้งในภูมิภาคนี้ แม้จะตกลงหยุดยิงในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 แต่การปะทะประปรายยังคงดำเนินต่อไป นิวเดลียังกล่าวหาอิสลามาบัดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าเป็น “การก่อการร้ายข้ามพรมแดน” ในงานประชุมผ่านออนไลน์ นายกรัฐมนตรีอินเดีย Narendra Modi เสนอ "ข้อตกลงการพัฒนาระดับโลก" เพื่อช่วยเหลือประเทศทางใต้ทั่วโลกในการบรรลุการเติบโตที่สมดุลและครอบคลุมโดยใช้ประสบการณ์ของอินเดียในการพัฒนา เขากล่าวว่ากลไกใหม่นี้จะไม่ “บดขยี้ประเทศที่ยากจนภายใต้หนี้ในนามของการเงินเพื่อการพัฒนา” ประเด็นสำคัญที่ได้รับการหารือในการประชุมสุดยอด Voice of the Global South ได้แก่ การปฏิรูปสถาบันธรรมาภิบาลระดับโลก รวมถึงสหประชาชาติ สุพรหมณยัม ชัยศังกระ กล่าวว่า “มีความเห็นเป็นเอกฉันท์” ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาว่าการเปลี่ยนแปลงในองค์กรโลก “ล่าช้าไปมาก” อินเดียกดดันมานานแล้วให้สามารถเข้าร่วมเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอการเป็นสมาชิกของสภาถูกคัดค้านโดยปักกิ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าสมาชิกถาวรของสภา ปัญหาด้านอาหาร สุขภาพ ความมั่นคงด้านพลังงาน และความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงทรัพยากรคือปัญหาหลักบางส่วนที่มีการพูดคุยกันในการประชุมสุดยอดเสมือนจริง ที่มา https://www.facebook.com/share/p/R1nZGttqwXHBFiEt/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 440 มุมมอง 0 รีวิว