• Kaspersky แฉแคมเปญจารกรรม ForumTroll ใช้ช่องโหว่ Chrome Zero-Day ส่งสปายแวร์ Dante จาก Memento Labs

    นักวิจัยจาก Kaspersky เปิดเผยแคมเปญจารกรรมไซเบอร์ระดับสูงชื่อว่า “Operation ForumTroll” ซึ่งใช้ช่องโหว่ Zero-Day ใน Google Chrome (CVE-2025-2783) เพื่อส่งสปายแวร์ LeetAgent และ Dante ที่เชื่อมโยงกับบริษัท Memento Labs จากอิตาลี โดยแค่ “คลิกเปิดเว็บไซต์” ก็สามารถถูกติดมัลแวร์ได้ทันที

    วิธีการโจมตีและเทคนิคที่ใช้
    เริ่มต้นด้วยอีเมลฟิชชิ่งที่ปลอมเป็นคำเชิญเข้าร่วมงาน Primakov Readings พร้อมลิงก์เฉพาะบุคคล
    เมื่อเหยื่อเปิดลิงก์ผ่าน Chrome หรือเบราว์เซอร์ที่ใช้ Chromium จะถูกโจมตีทันทีโดยไม่ต้องคลิกเพิ่มเติม
    ช่องโหว่ CVE-2025-2783 ใช้จุดอ่อนของ Windows API (pseudo-handle -2) เพื่อหลบหลีก sandbox ของ Chrome
    หลังจากหลบ sandbox ได้แล้ว จะมีการโหลดสคริปต์ตรวจสอบผู้ใช้จริงผ่าน WebGPU และถอดรหัส payload ที่ซ่อนในไฟล์ JavaScript และฟอนต์ปลอม
    ใช้เทคนิค COM hijacking เพื่อฝัง DLL อันตรายลงในระบบ
    โหลด LeetAgent ซึ่งสามารถสั่งงานจากระยะไกล, keylogging, และขโมยไฟล์ .doc, .xls, .pdf, .pptx
    สื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมผ่าน HTTPS โดยใช้ CDN ของ Fastly เพื่อหลบการตรวจจับ
    พบว่า LeetAgent เป็นตัวนำส่ง Dante ซึ่งเป็นสปายแวร์เชิงพาณิชย์ที่พัฒนาโดย Memento Labs (อดีต Hacking Team)

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ช่องโหว่ CVE-2025-2783 เป็นช่องโหว่แบบ sandbox escape ใน Chrome
    ใช้ Windows API ที่ไม่ถูกตรวจสอบอย่างเหมาะสมในการหลบ sandbox
    แคมเปญ ForumTroll ใช้อีเมลฟิชชิ่งที่เขียนภาษารัสเซียอย่างแนบเนียน
    โหลด LeetAgent และ Dante ซึ่งเป็นสปายแวร์ที่มีความสามารถสูง
    Dante ใช้เทคนิค VMProtect, anti-debugging, anti-sandbox และโมดูลแบบแยกส่วน
    การตั้งชื่อ “Dante” อาจสื่อถึง “วงนรก” ที่นักวิเคราะห์มัลแวร์ต้องผ่านในการวิเคราะห์

    เป้าหมายของการโจมตี
    สื่อ, มหาวิทยาลัย, หน่วยงานรัฐ, สถาบันการเงินในรัสเซียและเบลารุส
    ใช้ลิงก์เฉพาะบุคคลเพื่อติดตามและหลบการตรวจจับ
    แสดงความเชี่ยวชาญด้านภาษาและวัฒนธรรมในภูมิภาคเป้าหมาย

    https://securityonline.info/kaspersky-exposes-chrome-zero-day-rce-cve-2025-2783-delivering-memento-labs-spyware-in-forumtroll-campaign/
    🕵️‍♂️💻 Kaspersky แฉแคมเปญจารกรรม ForumTroll ใช้ช่องโหว่ Chrome Zero-Day ส่งสปายแวร์ Dante จาก Memento Labs นักวิจัยจาก Kaspersky เปิดเผยแคมเปญจารกรรมไซเบอร์ระดับสูงชื่อว่า “Operation ForumTroll” ซึ่งใช้ช่องโหว่ Zero-Day ใน Google Chrome (CVE-2025-2783) เพื่อส่งสปายแวร์ LeetAgent และ Dante ที่เชื่อมโยงกับบริษัท Memento Labs จากอิตาลี โดยแค่ “คลิกเปิดเว็บไซต์” ก็สามารถถูกติดมัลแวร์ได้ทันที 🔍 วิธีการโจมตีและเทคนิคที่ใช้ 💠 เริ่มต้นด้วยอีเมลฟิชชิ่งที่ปลอมเป็นคำเชิญเข้าร่วมงาน Primakov Readings พร้อมลิงก์เฉพาะบุคคล 💠 เมื่อเหยื่อเปิดลิงก์ผ่าน Chrome หรือเบราว์เซอร์ที่ใช้ Chromium จะถูกโจมตีทันทีโดยไม่ต้องคลิกเพิ่มเติม 💠 ช่องโหว่ CVE-2025-2783 ใช้จุดอ่อนของ Windows API (pseudo-handle -2) เพื่อหลบหลีก sandbox ของ Chrome 💠 หลังจากหลบ sandbox ได้แล้ว จะมีการโหลดสคริปต์ตรวจสอบผู้ใช้จริงผ่าน WebGPU และถอดรหัส payload ที่ซ่อนในไฟล์ JavaScript และฟอนต์ปลอม 💠 ใช้เทคนิค COM hijacking เพื่อฝัง DLL อันตรายลงในระบบ 💠 โหลด LeetAgent ซึ่งสามารถสั่งงานจากระยะไกล, keylogging, และขโมยไฟล์ .doc, .xls, .pdf, .pptx 💠 สื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมผ่าน HTTPS โดยใช้ CDN ของ Fastly เพื่อหลบการตรวจจับ 💠 พบว่า LeetAgent เป็นตัวนำส่ง Dante ซึ่งเป็นสปายแวร์เชิงพาณิชย์ที่พัฒนาโดย Memento Labs (อดีต Hacking Team) ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ช่องโหว่ CVE-2025-2783 เป็นช่องโหว่แบบ sandbox escape ใน Chrome ➡️ ใช้ Windows API ที่ไม่ถูกตรวจสอบอย่างเหมาะสมในการหลบ sandbox ➡️ แคมเปญ ForumTroll ใช้อีเมลฟิชชิ่งที่เขียนภาษารัสเซียอย่างแนบเนียน ➡️ โหลด LeetAgent และ Dante ซึ่งเป็นสปายแวร์ที่มีความสามารถสูง ➡️ Dante ใช้เทคนิค VMProtect, anti-debugging, anti-sandbox และโมดูลแบบแยกส่วน ➡️ การตั้งชื่อ “Dante” อาจสื่อถึง “วงนรก” ที่นักวิเคราะห์มัลแวร์ต้องผ่านในการวิเคราะห์ ✅ เป้าหมายของการโจมตี ➡️ สื่อ, มหาวิทยาลัย, หน่วยงานรัฐ, สถาบันการเงินในรัสเซียและเบลารุส ➡️ ใช้ลิงก์เฉพาะบุคคลเพื่อติดตามและหลบการตรวจจับ ➡️ แสดงความเชี่ยวชาญด้านภาษาและวัฒนธรรมในภูมิภาคเป้าหมาย https://securityonline.info/kaspersky-exposes-chrome-zero-day-rce-cve-2025-2783-delivering-memento-labs-spyware-in-forumtroll-campaign/
    SECURITYONLINE.INFO
    Kaspersky Exposes Chrome Zero-Day RCE (CVE-2025-2783) Delivering Memento Labs Spyware in ForumTroll Campaign
    Kaspersky found a Chrome zero-day (CVE-2025-2783) and sandbox bypass being exploited by Operation ForumTroll to deploy Memento Labs (Hacking Team) commercial Dante spyware against Russian targets.
    0 Comments 0 Shares 2 Views 0 Reviews
  • ผลการศึกษาใหม่เผย: แบตเตอรี่รถ EV เสื่อมช้ากว่าที่เคยคิด – Kia ครองแชมป์สุขภาพแบตดีที่สุด

    ผลการศึกษาจากสวีเดนโดยบริษัท Kvdbil วิเคราะห์สุขภาพแบตเตอรี่ (State of Health – SoH) ของรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดกว่า 1,300 คัน พบว่า กว่า 80% ของรถ EV มือสองยังคงรักษาความจุแบตเตอรี่ไว้ได้มากกว่า 90% แม้ผ่านการใช้งานหลายปี ซึ่งสวนทางกับความเชื่อเดิมที่ว่าแบตเตอรี่ EV จะเสื่อมเร็วและต้องเปลี่ยนใหม่ภายในไม่กี่ปี

    ผลการจัดอันดับแบรนด์และรุ่นที่แบตเตอรี่เสื่อมน้อยที่สุด
    Kia EV6 และ Kia e-Niro ครองอันดับสูงสุดในกลุ่มรถไฟฟ้า
    Tesla Model Y ตามมาในอันดับที่สาม แม้จะเป็นรุ่นที่มีจำนวนมากที่สุดในกลุ่ม
    แบรนด์ที่มีสุขภาพแบตดีที่สุดโดยรวม ได้แก่ Kia, Audi, Opel และ Tesla
    ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเสื่อมของแบตเตอรี่ ได้แก่ อายุรถ, สภาพอากาศ, พฤติกรรมการขับขี่, และ รูปแบบการชาร์จ

    การศึกษานี้ช่วยลบล้างความเชื่อผิด ๆ ว่าแบตเตอรี่ EV จะเสื่อมเร็วและต้องเปลี่ยนใหม่ภายใน 5–8 ปี โดยพบว่าแบตเตอรี่รุ่นใหม่ที่มีระบบระบายความร้อนดีสามารถใช้งานได้นานกว่าที่คาดไว้

    ข้อมูลสำคัญจากการศึกษา
    กว่า 80% ของรถ EV มือสองยังคงมีแบตเตอรี่ที่มี SoH มากกว่า 90%
    Kia EV6 และ e-Niro มีสุขภาพแบตดีที่สุดในกลุ่ม
    Tesla Model Y อยู่ในอันดับ 3 แม้จะมีจำนวนมากที่สุด
    ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเสื่อมของแบตเตอรี่: อายุ, สภาพอากาศ, พฤติกรรมการขับขี่, การชาร์จ
    แบตเตอรี่ EV เสื่อมช้ากว่าที่เคยคาดไว้ และอาจใช้งานได้นานกว่าตัวรถเอง

    คำแนะนำในการรักษาสุขภาพแบตเตอรี่
    จำกัดการชาร์จรายวันไว้ที่ 80%
    หลีกเลี่ยงการใช้ DC fast charging บ่อยครั้ง
    หลีกเลี่ยงการจอดรถในที่ร้อนจัดหรือเย็นจัด
    ใช้ระบบระบายความร้อนแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพ

    คำเตือนสำหรับผู้ซื้อรถ EV มือสอง
    อย่าตัดสินสุขภาพแบตจากอายุรถเพียงอย่างเดียว
    รถที่ใช้งานหนักหรือชาร์จผิดวิธีอาจมีแบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่าค่าเฉลี่ย
    ควรตรวจสอบรายงาน SoH ก่อนซื้อรถ EV มือสองทุกครั้ง

    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/new-study-crowns-the-king-of-ev-battery-health-and-it-shows-batteries-dont-degrade-as-badly-as-first-feared
    🔋👑 ผลการศึกษาใหม่เผย: แบตเตอรี่รถ EV เสื่อมช้ากว่าที่เคยคิด – Kia ครองแชมป์สุขภาพแบตดีที่สุด ผลการศึกษาจากสวีเดนโดยบริษัท Kvdbil วิเคราะห์สุขภาพแบตเตอรี่ (State of Health – SoH) ของรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดกว่า 1,300 คัน พบว่า กว่า 80% ของรถ EV มือสองยังคงรักษาความจุแบตเตอรี่ไว้ได้มากกว่า 90% แม้ผ่านการใช้งานหลายปี ซึ่งสวนทางกับความเชื่อเดิมที่ว่าแบตเตอรี่ EV จะเสื่อมเร็วและต้องเปลี่ยนใหม่ภายในไม่กี่ปี 🚗 ผลการจัดอันดับแบรนด์และรุ่นที่แบตเตอรี่เสื่อมน้อยที่สุด 💠 Kia EV6 และ Kia e-Niro ครองอันดับสูงสุดในกลุ่มรถไฟฟ้า 💠 Tesla Model Y ตามมาในอันดับที่สาม แม้จะเป็นรุ่นที่มีจำนวนมากที่สุดในกลุ่ม 💠 แบรนด์ที่มีสุขภาพแบตดีที่สุดโดยรวม ได้แก่ Kia, Audi, Opel และ Tesla 💠 ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเสื่อมของแบตเตอรี่ ได้แก่ อายุรถ, สภาพอากาศ, พฤติกรรมการขับขี่, และ รูปแบบการชาร์จ การศึกษานี้ช่วยลบล้างความเชื่อผิด ๆ ว่าแบตเตอรี่ EV จะเสื่อมเร็วและต้องเปลี่ยนใหม่ภายใน 5–8 ปี โดยพบว่าแบตเตอรี่รุ่นใหม่ที่มีระบบระบายความร้อนดีสามารถใช้งานได้นานกว่าที่คาดไว้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากการศึกษา ➡️ กว่า 80% ของรถ EV มือสองยังคงมีแบตเตอรี่ที่มี SoH มากกว่า 90% ➡️ Kia EV6 และ e-Niro มีสุขภาพแบตดีที่สุดในกลุ่ม ➡️ Tesla Model Y อยู่ในอันดับ 3 แม้จะมีจำนวนมากที่สุด ➡️ ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเสื่อมของแบตเตอรี่: อายุ, สภาพอากาศ, พฤติกรรมการขับขี่, การชาร์จ ➡️ แบตเตอรี่ EV เสื่อมช้ากว่าที่เคยคาดไว้ และอาจใช้งานได้นานกว่าตัวรถเอง ✅ คำแนะนำในการรักษาสุขภาพแบตเตอรี่ ➡️ จำกัดการชาร์จรายวันไว้ที่ 80% ➡️ หลีกเลี่ยงการใช้ DC fast charging บ่อยครั้ง ➡️ หลีกเลี่ยงการจอดรถในที่ร้อนจัดหรือเย็นจัด ➡️ ใช้ระบบระบายความร้อนแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ซื้อรถ EV มือสอง ⛔ อย่าตัดสินสุขภาพแบตจากอายุรถเพียงอย่างเดียว ⛔ รถที่ใช้งานหนักหรือชาร์จผิดวิธีอาจมีแบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่าค่าเฉลี่ย ⛔ ควรตรวจสอบรายงาน SoH ก่อนซื้อรถ EV มือสองทุกครั้ง https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/new-study-crowns-the-king-of-ev-battery-health-and-it-shows-batteries-dont-degrade-as-badly-as-first-feared
    0 Comments 0 Shares 5 Views 0 Reviews
  • ระวัง! แฮกเกอร์ใช้ Copilot Studio หลอกขโมย OAuth Token ผ่านหน้าล็อกอินปลอม

    นักวิจัยจาก Datadog Security Labs เตือนถึงเทคนิคใหม่ที่ชื่อว่า “CoPhish” ซึ่งใช้ Microsoft Copilot Studio agents เป็นเครื่องมือหลอกขโมย OAuth token จากผู้ใช้ โดยสร้างหน้าล็อกอินหรือหน้าขอสิทธิ์ที่ดูเหมือนจริงผ่านโดเมนของ Microsoft เอง ทำให้เหยื่อหลงเชื่อและอนุญาตการเข้าถึงข้อมูลสำคัญโดยไม่รู้ตัว

    วิธีการโจมตีของ CoPhish

    แฮกเกอร์สร้างหรือแชร์ agent ใน Copilot Studio ที่มีหน้าตาเหมือนระบบขอสิทธิ์ของ Microsoft Entra/OAuth
    เมื่อเหยื่อคลิก “Login” หรือ “Consent” ระบบจะขอสิทธิ์เข้าถึงข้อมูล เช่น อีเมล, แชท, ปฏิทิน, ไฟล์ และระบบอัตโนมัติ
    หากเหยื่ออนุญาต แฮกเกอร์จะได้รับ OAuth token ที่สามารถใช้เข้าถึงข้อมูลภายในองค์กรได้ทันที
    โดเมนที่ใช้คือ copilotstudio.microsoft.com ซึ่งเป็นของจริง ทำให้ยากต่อการตรวจจับ

    Microsoft ยืนยันว่าเป็นการโจมตีแบบ social engineering และกำลังดำเนินการปรับปรุงระบบเพื่อป้องกันการใช้งานในลักษณะนี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    CoPhish เป็นเทคนิค phishing ที่ใช้ Copilot Studio agents หลอกขอสิทธิ์ OAuth
    ใช้โดเมนจริงของ Microsoft ทำให้ดูน่าเชื่อถือ
    หากเหยื่ออนุญาต แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้ทันที
    Microsoft ยืนยันปัญหาและกำลังปรับปรุงระบบผ่านการอัปเดตในอนาคต
    การโจมตีนี้เน้นการหลอกลวงผ่าน UI ที่ดูเหมือนจริง

    วิธีลดความเสี่ยง
    จำกัดการอนุญาตแอปจากบุคคลที่สาม (ต้องใช้ admin consent)
    บังคับใช้ MFA และ conditional access
    ตรวจสอบ agent ที่ถูกแชร์หรือเผยแพร่ใน Copilot Studio อย่างละเอียด
    เฝ้าระวังการลงทะเบียนแอปใหม่และ token ที่ถูกอนุญาต
    ยกเลิก token และแอปที่น่าสงสัยทันที

    https://www.techradar.com/pro/security/experts-warn-microsoft-copilot-studio-agents-are-being-hijacked-to-steal-oauth-tokens
    🛡️🎭 ระวัง! แฮกเกอร์ใช้ Copilot Studio หลอกขโมย OAuth Token ผ่านหน้าล็อกอินปลอม นักวิจัยจาก Datadog Security Labs เตือนถึงเทคนิคใหม่ที่ชื่อว่า “CoPhish” ซึ่งใช้ Microsoft Copilot Studio agents เป็นเครื่องมือหลอกขโมย OAuth token จากผู้ใช้ โดยสร้างหน้าล็อกอินหรือหน้าขอสิทธิ์ที่ดูเหมือนจริงผ่านโดเมนของ Microsoft เอง ทำให้เหยื่อหลงเชื่อและอนุญาตการเข้าถึงข้อมูลสำคัญโดยไม่รู้ตัว 🔍 วิธีการโจมตีของ CoPhish 💠 แฮกเกอร์สร้างหรือแชร์ agent ใน Copilot Studio ที่มีหน้าตาเหมือนระบบขอสิทธิ์ของ Microsoft Entra/OAuth 💠 เมื่อเหยื่อคลิก “Login” หรือ “Consent” ระบบจะขอสิทธิ์เข้าถึงข้อมูล เช่น อีเมล, แชท, ปฏิทิน, ไฟล์ และระบบอัตโนมัติ 💠 หากเหยื่ออนุญาต แฮกเกอร์จะได้รับ OAuth token ที่สามารถใช้เข้าถึงข้อมูลภายในองค์กรได้ทันที 💠 โดเมนที่ใช้คือ copilotstudio.microsoft.com ซึ่งเป็นของจริง ทำให้ยากต่อการตรวจจับ Microsoft ยืนยันว่าเป็นการโจมตีแบบ social engineering และกำลังดำเนินการปรับปรุงระบบเพื่อป้องกันการใช้งานในลักษณะนี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ CoPhish เป็นเทคนิค phishing ที่ใช้ Copilot Studio agents หลอกขอสิทธิ์ OAuth ➡️ ใช้โดเมนจริงของ Microsoft ทำให้ดูน่าเชื่อถือ ➡️ หากเหยื่ออนุญาต แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้ทันที ➡️ Microsoft ยืนยันปัญหาและกำลังปรับปรุงระบบผ่านการอัปเดตในอนาคต ➡️ การโจมตีนี้เน้นการหลอกลวงผ่าน UI ที่ดูเหมือนจริง ✅ วิธีลดความเสี่ยง ➡️ จำกัดการอนุญาตแอปจากบุคคลที่สาม (ต้องใช้ admin consent) ➡️ บังคับใช้ MFA และ conditional access ➡️ ตรวจสอบ agent ที่ถูกแชร์หรือเผยแพร่ใน Copilot Studio อย่างละเอียด ➡️ เฝ้าระวังการลงทะเบียนแอปใหม่และ token ที่ถูกอนุญาต ➡️ ยกเลิก token และแอปที่น่าสงสัยทันที https://www.techradar.com/pro/security/experts-warn-microsoft-copilot-studio-agents-are-being-hijacked-to-steal-oauth-tokens
    0 Comments 0 Shares 5 Views 0 Reviews
  • Tenstorrent เปิดตัว Open Chiplet Atlas Ecosystem ปฏิวัติการออกแบบชิปแบบเปิดและเชื่อมต่อได้ทุกค่าย

    Tenstorrent ประกาศเปิดตัว Open Chiplet Atlas Ecosystem (OCA) ในงานที่ซานฟรานซิสโก โดยมีเป้าหมายเพื่อ “เปิดเสรี” การออกแบบชิปแบบ chiplet ให้สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างอิสระ ลดต้นทุน และเร่งนวัตกรรมในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

    แนวคิดหลักของ OCA Ecosystem

    OCA ไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มใหม่ แต่เป็น “มาตรฐานเปิด” ที่ครอบคลุมทุกชั้นของการออกแบบ chiplet ตั้งแต่ระดับกายภาพไปจนถึงซอฟต์แวร์ โดยมี 3 เสาหลักสำคัญ:
    Architecture: สถาปัตยกรรมเปิดที่กำหนดมาตรฐานการเชื่อมต่อ chiplet ใน 5 ชั้น ได้แก่ Physical, Transport, Protocol, System และ Software
    Harness: เฟรมเวิร์กแบบโอเพ่นซอร์สที่ช่วยให้นักออกแบบสามารถสร้าง chiplet ที่เชื่อมต่อได้ทันที โดยไม่ต้องพัฒนา logic ซ้ำ
    Compliance: โปรแกรมตรวจสอบความเข้ากันได้ทั้งก่อนและหลังการผลิต รวมถึง “Golden Chiplet” สำหรับทดสอบ และกิจกรรม “Plugfests” เพื่อทดลองใช้งานร่วมกัน

    จุดเด่นของ OCA Ecosystem
    ลดต้นทุนการพัฒนาและเร่งเวลาออกสู่ตลาด
    รองรับการออกแบบ chiplet แบบ multivendor โดยไม่ติด vendor lock-in
    เหมาะกับผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น AI accelerators, ยานยนต์, และดาต้าเซ็นเตอร์

    ความร่วมมือระดับโลก
    มีพันธมิตรมากกว่า 50 รายจากบริษัทเซมิคอนดักเตอร์และมหาวิทยาลัยชั้นนำ
    ตัวอย่างเช่น LG, Rapidus, Axelera AI, BSC, ITRI, และมหาวิทยาลัยโตเกียว
    สนับสนุนโดยนักวิจัยจาก Oxford, HKUST, UC Riverside และ Shanghai Jiao Tong

    ความเห็นจากผู้นำอุตสาหกรรม
    BOS Semiconductors เน้นความสำคัญของความเข้ากันได้ระยะยาวในอุตสาหกรรมยานยนต์
    BSC ชี้ว่า OCA จะช่วยให้เกิดความหลากหลายในการประมวลผล
    Rapidus มองว่า OCA จะช่วยลดความซับซ้อนในการผลิตและเปิดโอกาสให้ลูกค้าเลือก chiplet จากหลายค่าย

    https://www.techpowerup.com/342293/tenstorrent-announces-open-chiplet-atlas-ecosystem
    🧩🔗 Tenstorrent เปิดตัว Open Chiplet Atlas Ecosystem ปฏิวัติการออกแบบชิปแบบเปิดและเชื่อมต่อได้ทุกค่าย Tenstorrent ประกาศเปิดตัว Open Chiplet Atlas Ecosystem (OCA) ในงานที่ซานฟรานซิสโก โดยมีเป้าหมายเพื่อ “เปิดเสรี” การออกแบบชิปแบบ chiplet ให้สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างอิสระ ลดต้นทุน และเร่งนวัตกรรมในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ 🧠 แนวคิดหลักของ OCA Ecosystem OCA ไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มใหม่ แต่เป็น “มาตรฐานเปิด” ที่ครอบคลุมทุกชั้นของการออกแบบ chiplet ตั้งแต่ระดับกายภาพไปจนถึงซอฟต์แวร์ โดยมี 3 เสาหลักสำคัญ: 💠 Architecture: สถาปัตยกรรมเปิดที่กำหนดมาตรฐานการเชื่อมต่อ chiplet ใน 5 ชั้น ได้แก่ Physical, Transport, Protocol, System และ Software 💠 Harness: เฟรมเวิร์กแบบโอเพ่นซอร์สที่ช่วยให้นักออกแบบสามารถสร้าง chiplet ที่เชื่อมต่อได้ทันที โดยไม่ต้องพัฒนา logic ซ้ำ 💠 Compliance: โปรแกรมตรวจสอบความเข้ากันได้ทั้งก่อนและหลังการผลิต รวมถึง “Golden Chiplet” สำหรับทดสอบ และกิจกรรม “Plugfests” เพื่อทดลองใช้งานร่วมกัน ✅ จุดเด่นของ OCA Ecosystem ➡️ ลดต้นทุนการพัฒนาและเร่งเวลาออกสู่ตลาด ➡️ รองรับการออกแบบ chiplet แบบ multivendor โดยไม่ติด vendor lock-in ➡️ เหมาะกับผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น AI accelerators, ยานยนต์, และดาต้าเซ็นเตอร์ ✅ ความร่วมมือระดับโลก ➡️ มีพันธมิตรมากกว่า 50 รายจากบริษัทเซมิคอนดักเตอร์และมหาวิทยาลัยชั้นนำ ➡️ ตัวอย่างเช่น LG, Rapidus, Axelera AI, BSC, ITRI, และมหาวิทยาลัยโตเกียว ➡️ สนับสนุนโดยนักวิจัยจาก Oxford, HKUST, UC Riverside และ Shanghai Jiao Tong ✅ ความเห็นจากผู้นำอุตสาหกรรม ➡️ BOS Semiconductors เน้นความสำคัญของความเข้ากันได้ระยะยาวในอุตสาหกรรมยานยนต์ ➡️ BSC ชี้ว่า OCA จะช่วยให้เกิดความหลากหลายในการประมวลผล ➡️ Rapidus มองว่า OCA จะช่วยลดความซับซ้อนในการผลิตและเปิดโอกาสให้ลูกค้าเลือก chiplet จากหลายค่าย https://www.techpowerup.com/342293/tenstorrent-announces-open-chiplet-atlas-ecosystem
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Tenstorrent Announces Open Chiplet Atlas Ecosystem
    Announced at their recent event in San Francisco, the OCA Ecosystem will democratize chip design, lower development costs, and accelerate innovation, enabling heterogeneous chiplets for plug-and-play interoperability. There are now more than 50 partners involved in the ecosystem, from leading semico...
    0 Comments 0 Shares 6 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/NEt3O9MceqI?si=XF2uOxgIMxQNwk5c ท่องเที่ยวดูเพลินๆ #sunny #แบกเป้เกอร #ท่องเที่ยว #เวียดนาม #Vietnam #ว่างว่างก็แวะมา
    https://youtu.be/NEt3O9MceqI?si=XF2uOxgIMxQNwk5c ท่องเที่ยวดูเพลินๆ #sunny #แบกเป้เกอร #ท่องเที่ยว #เวียดนาม #Vietnam #ว่างว่างก็แวะมา
    0 Comments 0 Shares 6 Views 0 Reviews
  • Phononic เผยเทคโนโลยีระบายความร้อนแบบใหม่ ช่วยเพิ่มพลัง AI GPU ของ NVIDIA คืนทุนได้ในไม่กี่เดือน

    Phononic บริษัทเทคโนโลยีด้านการระบายความร้อน เปิดเผยว่าเทคโนโลยี thermoelectric cooling (TEC) ของตนสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของ GPU สำหรับงาน AI ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะกับชิป NVIDIA H100 และ Blackwell รุ่นล่าสุด ซึ่งมีความร้อนสูงมากจากการประมวลผล LLM และ GenAI ที่ซับซ้อน การควบคุมอุณหภูมิอย่างแม่นยำช่วยให้ GPU ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ลดการ throttling และเพิ่ม throughput ได้อย่างชัดเจน

    Larry Yang, Chief Product Officer ของ Phononic อธิบายว่า GPU สมัยใหม่มีข้อจำกัดด้านความร้อน โดยเฉพาะชิป HBM (High Bandwidth Memory) ที่อยู่ติดกับ GPU ซึ่งมักเป็นจุดร้อนที่สุด หากสามารถลดอุณหภูมิของ HBM ได้ ก็จะช่วยให้ GPU ทำงานได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มจำนวน GPU ส่งผลให้ต้นทุนรวมลดลง และสามารถคืนทุนจากการลงทุนในระบบ AI ได้ภายใน “หลักเดือนเดียว”

    Phononic ใช้เทคโนโลยี solid-state cooling ที่ไม่มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหว ตอบสนองเร็วระดับมิลลิวินาที และสามารถควบคุมอุณหภูมิแบบเฉพาะจุด (localized cooling) ได้อย่างแม่นยำ โดยติดตั้ง TEC ไว้บน HBM แต่ละตัว พร้อมระบบควบคุมอัจฉริยะที่ปรับระดับความเย็นตามโหลดงานจริง

    นอกจากนี้ ยังมีการพูดถึงการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้กับ AI ASICs และชิปเครือข่าย เช่น optical transceivers และ switch ASICs ซึ่งมีปัญหาความร้อนคล้ายกัน

    เทคโนโลยี thermoelectric cooling (TEC) ของ Phononic
    ใช้หลักการ solid-state ไม่มีพัดลมหรือของเหลว
    ตอบสนองเร็วระดับมิลลิวินาที ควบคุมอุณหภูมิแบบเฉพาะจุด
    ติดตั้งบน HBM เพื่อป้องกันการ throttling และเพิ่ม performance

    ผลลัพธ์จากการใช้งานกับ GPU NVIDIA
    เพิ่ม throughput ของ H100 และ Blackwell ได้อย่างชัดเจน
    ลดจำนวน GPU ที่ต้องใช้ในระบบ AI
    คืนทุนจากการลงทุนได้ภายใน “single-digit months”

    ปัญหาความร้อนใน AI GPU
    HBM เป็นจุดร้อนหลักในแพ็กเกจ GPU
    ความร้อนสูงทำให้ต้องลดความเร็วการทำงานของ GPU
    การระบายความร้อนที่ดีช่วยให้ใช้ศักยภาพของ GPU ได้เต็มที่

    การขยายไปยังชิปอื่น ๆ
    ใช้กับ optical transceivers และ switch ASICs ได้
    รองรับการใช้งานในดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่
    มีระบบควบคุมผ่าน API และซอฟต์แวร์ orchestration

    https://wccftech.com/nvidias-ai-gpu-performance-can-be-increased-to-bring-payback-to-the-order-of-single-digit-months-says-phononic-chief-product-officer/
    🧊 Phononic เผยเทคโนโลยีระบายความร้อนแบบใหม่ ช่วยเพิ่มพลัง AI GPU ของ NVIDIA คืนทุนได้ในไม่กี่เดือน Phononic บริษัทเทคโนโลยีด้านการระบายความร้อน เปิดเผยว่าเทคโนโลยี thermoelectric cooling (TEC) ของตนสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของ GPU สำหรับงาน AI ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะกับชิป NVIDIA H100 และ Blackwell รุ่นล่าสุด ซึ่งมีความร้อนสูงมากจากการประมวลผล LLM และ GenAI ที่ซับซ้อน การควบคุมอุณหภูมิอย่างแม่นยำช่วยให้ GPU ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ลดการ throttling และเพิ่ม throughput ได้อย่างชัดเจน Larry Yang, Chief Product Officer ของ Phononic อธิบายว่า GPU สมัยใหม่มีข้อจำกัดด้านความร้อน โดยเฉพาะชิป HBM (High Bandwidth Memory) ที่อยู่ติดกับ GPU ซึ่งมักเป็นจุดร้อนที่สุด หากสามารถลดอุณหภูมิของ HBM ได้ ก็จะช่วยให้ GPU ทำงานได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มจำนวน GPU ส่งผลให้ต้นทุนรวมลดลง และสามารถคืนทุนจากการลงทุนในระบบ AI ได้ภายใน “หลักเดือนเดียว” Phononic ใช้เทคโนโลยี solid-state cooling ที่ไม่มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหว ตอบสนองเร็วระดับมิลลิวินาที และสามารถควบคุมอุณหภูมิแบบเฉพาะจุด (localized cooling) ได้อย่างแม่นยำ โดยติดตั้ง TEC ไว้บน HBM แต่ละตัว พร้อมระบบควบคุมอัจฉริยะที่ปรับระดับความเย็นตามโหลดงานจริง นอกจากนี้ ยังมีการพูดถึงการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้กับ AI ASICs และชิปเครือข่าย เช่น optical transceivers และ switch ASICs ซึ่งมีปัญหาความร้อนคล้ายกัน ✅ เทคโนโลยี thermoelectric cooling (TEC) ของ Phononic ➡️ ใช้หลักการ solid-state ไม่มีพัดลมหรือของเหลว ➡️ ตอบสนองเร็วระดับมิลลิวินาที ควบคุมอุณหภูมิแบบเฉพาะจุด ➡️ ติดตั้งบน HBM เพื่อป้องกันการ throttling และเพิ่ม performance ✅ ผลลัพธ์จากการใช้งานกับ GPU NVIDIA ➡️ เพิ่ม throughput ของ H100 และ Blackwell ได้อย่างชัดเจน ➡️ ลดจำนวน GPU ที่ต้องใช้ในระบบ AI ➡️ คืนทุนจากการลงทุนได้ภายใน “single-digit months” ✅ ปัญหาความร้อนใน AI GPU ➡️ HBM เป็นจุดร้อนหลักในแพ็กเกจ GPU ➡️ ความร้อนสูงทำให้ต้องลดความเร็วการทำงานของ GPU ➡️ การระบายความร้อนที่ดีช่วยให้ใช้ศักยภาพของ GPU ได้เต็มที่ ✅ การขยายไปยังชิปอื่น ๆ ➡️ ใช้กับ optical transceivers และ switch ASICs ได้ ➡️ รองรับการใช้งานในดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ ➡️ มีระบบควบคุมผ่าน API และซอฟต์แวร์ orchestration https://wccftech.com/nvidias-ai-gpu-performance-can-be-increased-to-bring-payback-to-the-order-of-single-digit-months-says-phononic-chief-product-officer/
    WCCFTECH.COM
    NVIDIA's AI GPU Performance Can Be Increased To Bring Payback To The Order Of "Single Digit Months," Says Phononic Chief Product Officer
    After NVIDIA launched its Rubin AI GPUs last month, we decided to interview Larry Yang, the chief product officer at Phononic. We were wondering about the new chips' cooling requirements given that energy constraints are closely related to AI rollout. Larry is an industry veteran with more than 30 years of experience under his belt. He has previously worked at Google, IBM, Microsoft and Cisco. Our conversation revolved around the cooling requirements for NVIDIA's and other AI chips. It also covered AI ASICs, commonly known as custom AI processors. Related Story NVIDIA’s Latest Rubin AI GPUs Don’t Have To Be […]
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • Lenovo Legion บน Linux เตรียมได้โหมด Extreme ที่แท้จริง — แก้ปัญหาพลังงานผิดพลาด พร้อมระบบอนุญาตเฉพาะรุ่นที่รองรับ

    บทความจาก Tom’s Hardware รายงานว่า Lenovo Legion ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Linux กำลังจะได้รับการอัปเดตใหม่ที่เพิ่มโหมด “Extreme” สำหรับการใช้งานประสิทธิภาพสูง โดยจะมีการตรวจสอบรุ่นก่อนอนุญาตให้ใช้งาน เพื่อป้องกันปัญหาความร้อนและการใช้พลังงานเกินขีดจำกัด

    ก่อนหน้านี้ Legion บน Linux มีปัญหาเรื่อง power profile ที่ไม่ตรงกับความสามารถของเครื่อง เช่น โหมด Extreme ถูกเปิดใช้งานในรุ่นที่ไม่รองรับ ทำให้เกิดความไม่เสถียรและอาจทำให้แบตเตอรี่เสียหาย

    นักพัฒนาอิสระ Derek Clark ได้เสนอ patch ใหม่ให้กับ Lenovo WMI GameZone driver ซึ่งเป็นตัวควบคุมโหมดพลังงานบน Linux โดยเปลี่ยนจากระบบ “deny list” เป็น “allow list” หมายความว่า เฉพาะรุ่นที่ผ่านการตรวจสอบแล้วเท่านั้นที่จะสามารถเปิดใช้งานโหมด Extreme ได้

    โหมดนี้จะตั้งค่า PPT/SPL สูงสุด ทำให้ CPU ใช้พลังงานเต็มที่ เหมาะสำหรับการใช้งานขณะเสียบปลั๊กเท่านั้น เพราะอาจกินพลังงานเกินที่แบตเตอรี่จะรับไหว

    ปัญหาเดิมบน Linux
    โหมด Extreme เปิดใช้งานในรุ่นที่ไม่รองรับ
    ทำให้ระบบไม่เสถียรและแบตเตอรี่เสียหาย

    การแก้ไขด้วย patch ใหม่
    เปลี่ยนจาก deny list เป็น allow list
    เฉพาะรุ่นที่ผ่านการตรวจสอบเท่านั้นที่เปิด Extreme ได้
    ใช้กับ Lenovo WMI GameZone driver บน Linux

    ข้อควรระวังในการใช้งาน
    โหมด Extreme ใช้พลังงานสูงมาก
    เหมาะกับการใช้งานแบบเสียบปลั๊กเท่านั้น
    ยังไม่มีรุ่นใดที่ผ่านการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Linux บน Legion
    อย่าเปิดโหมด Extreme หากเครื่องยังไม่อยู่ใน allow list
    ตรวจสอบ patch และรุ่นที่รองรับก่อนใช้งาน
    ใช้โหมดนี้เฉพาะเมื่อต้องการประสิทธิภาพสูงสุดและมีระบบระบายความร้อนเพียงพอ

    https://www.tomshardware.com/software/linux/lenovo-legion-devices-running-linux-set-to-get-new-extreme-mode-that-fixes-previously-broken-power-limits-only-approved-devices-will-be-able-to-run-the-maximum-performance-mode
    ⚡ Lenovo Legion บน Linux เตรียมได้โหมด Extreme ที่แท้จริง — แก้ปัญหาพลังงานผิดพลาด พร้อมระบบอนุญาตเฉพาะรุ่นที่รองรับ บทความจาก Tom’s Hardware รายงานว่า Lenovo Legion ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Linux กำลังจะได้รับการอัปเดตใหม่ที่เพิ่มโหมด “Extreme” สำหรับการใช้งานประสิทธิภาพสูง โดยจะมีการตรวจสอบรุ่นก่อนอนุญาตให้ใช้งาน เพื่อป้องกันปัญหาความร้อนและการใช้พลังงานเกินขีดจำกัด ก่อนหน้านี้ Legion บน Linux มีปัญหาเรื่อง power profile ที่ไม่ตรงกับความสามารถของเครื่อง เช่น โหมด Extreme ถูกเปิดใช้งานในรุ่นที่ไม่รองรับ ทำให้เกิดความไม่เสถียรและอาจทำให้แบตเตอรี่เสียหาย นักพัฒนาอิสระ Derek Clark ได้เสนอ patch ใหม่ให้กับ Lenovo WMI GameZone driver ซึ่งเป็นตัวควบคุมโหมดพลังงานบน Linux โดยเปลี่ยนจากระบบ “deny list” เป็น “allow list” หมายความว่า เฉพาะรุ่นที่ผ่านการตรวจสอบแล้วเท่านั้นที่จะสามารถเปิดใช้งานโหมด Extreme ได้ โหมดนี้จะตั้งค่า PPT/SPL สูงสุด ทำให้ CPU ใช้พลังงานเต็มที่ เหมาะสำหรับการใช้งานขณะเสียบปลั๊กเท่านั้น เพราะอาจกินพลังงานเกินที่แบตเตอรี่จะรับไหว ✅ ปัญหาเดิมบน Linux ➡️ โหมด Extreme เปิดใช้งานในรุ่นที่ไม่รองรับ ➡️ ทำให้ระบบไม่เสถียรและแบตเตอรี่เสียหาย ✅ การแก้ไขด้วย patch ใหม่ ➡️ เปลี่ยนจาก deny list เป็น allow list ➡️ เฉพาะรุ่นที่ผ่านการตรวจสอบเท่านั้นที่เปิด Extreme ได้ ➡️ ใช้กับ Lenovo WMI GameZone driver บน Linux ✅ ข้อควรระวังในการใช้งาน ➡️ โหมด Extreme ใช้พลังงานสูงมาก ➡️ เหมาะกับการใช้งานแบบเสียบปลั๊กเท่านั้น ➡️ ยังไม่มีรุ่นใดที่ผ่านการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Linux บน Legion ⛔ อย่าเปิดโหมด Extreme หากเครื่องยังไม่อยู่ใน allow list ⛔ ตรวจสอบ patch และรุ่นที่รองรับก่อนใช้งาน ⛔ ใช้โหมดนี้เฉพาะเมื่อต้องการประสิทธิภาพสูงสุดและมีระบบระบายความร้อนเพียงพอ https://www.tomshardware.com/software/linux/lenovo-legion-devices-running-linux-set-to-get-new-extreme-mode-that-fixes-previously-broken-power-limits-only-approved-devices-will-be-able-to-run-the-maximum-performance-mode
    0 Comments 0 Shares 20 Views 0 Reviews
  • Microsoft ซ่อนตัวเลขขาดทุนจาก OpenAI ไว้ในงบ “other, net” มูลค่า $4.7 พันล้าน — นักลงทุนยังไม่รู้ว่าเสียไปเท่าไร

    Microsoft ไม่เปิดเผยตัวเลขขาดทุนจากการลงทุนใน OpenAI โดยรวมไว้ในหมวด “other, net” มูลค่า $4.7 พันล้านในรายงานประจำปีล่าสุด ซึ่งทำให้นักลงทุนไม่สามารถประเมินได้ว่า Microsoft กำลังแบกรับต้นทุน AI มากแค่ไหน

    Microsoft ลงทุนใน OpenAI มูลค่ารวม $13.75 พันล้าน แต่ในงบดุลล่าสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2025 กลับรายงานว่า “equity-method investments” มีมูลค่าเพียง $6 พันล้าน ซึ่งเท่ากับปีที่แล้ว นั่นหมายความว่า:

    อาจมีการขาดทุนจาก OpenAI จนมูลค่าการลงทุนเหลือศูนย์
    หรือยังไม่ได้บันทึกเงินลงทุนทั้งหมดในเชิงบัญชี

    ภายใต้หลักการบัญชี GAAP ของสหรัฐฯ หากบริษัทมี “อิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญ” (ถือหุ้น 20–50%) ต้องเปิดเผยธุรกรรมที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน แต่ Microsoft ไม่ได้ระบุชื่อ OpenAI ในรายงานเลย

    แม้จะมีข่าวว่า OpenAI มีมูลค่าตลาดสูงถึง $500 พันล้าน แต่ Microsoft กลับไม่แสดงมูลค่าการถือหุ้นที่สอดคล้องกันในงบการเงิน ทำให้นักลงทุนต้อง “อ่านระหว่างบรรทัด” เพื่อประเมินความเสี่ยง

    Microsoft ซ่อนตัวเลขขาดทุนจาก OpenAI
    รายงานไว้ในหมวด “other, net” มูลค่า $4.7 พันล้าน
    ไม่ระบุชื่อ OpenAI หรือจัดเป็น “related party”

    ความคลุมเครือในงบการเงิน
    มูลค่าการลงทุนใน OpenAI อาจถูกลดเหลือศูนย์
    หรือยังไม่บันทึกเงินลงทุนทั้งหมดในเชิงบัญชี

    ความเสี่ยงต่อภาพลักษณ์และราคาหุ้น
    นักลงทุนไม่สามารถประเมินต้นทุน AI ได้ชัดเจน
    ราคาหุ้น Microsoft ถูกตั้งบนความคาดหวังด้าน AI
    หากไม่มีความโปร่งใส อาจกระทบความเชื่อมั่น

    ข้อตกลงลับระหว่าง Microsoft กับ OpenAI
    มีเงื่อนไขเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์หาก OpenAI พัฒนา AGI
    ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดต่อสาธารณะ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/microsofts-openai-math-is-still-a-black-box
    📉 Microsoft ซ่อนตัวเลขขาดทุนจาก OpenAI ไว้ในงบ “other, net” มูลค่า $4.7 พันล้าน — นักลงทุนยังไม่รู้ว่าเสียไปเท่าไร Microsoft ไม่เปิดเผยตัวเลขขาดทุนจากการลงทุนใน OpenAI โดยรวมไว้ในหมวด “other, net” มูลค่า $4.7 พันล้านในรายงานประจำปีล่าสุด ซึ่งทำให้นักลงทุนไม่สามารถประเมินได้ว่า Microsoft กำลังแบกรับต้นทุน AI มากแค่ไหน Microsoft ลงทุนใน OpenAI มูลค่ารวม $13.75 พันล้าน แต่ในงบดุลล่าสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2025 กลับรายงานว่า “equity-method investments” มีมูลค่าเพียง $6 พันล้าน ซึ่งเท่ากับปีที่แล้ว นั่นหมายความว่า: ⛔ อาจมีการขาดทุนจาก OpenAI จนมูลค่าการลงทุนเหลือศูนย์ ⛔ หรือยังไม่ได้บันทึกเงินลงทุนทั้งหมดในเชิงบัญชี ภายใต้หลักการบัญชี GAAP ของสหรัฐฯ หากบริษัทมี “อิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญ” (ถือหุ้น 20–50%) ต้องเปิดเผยธุรกรรมที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน แต่ Microsoft ไม่ได้ระบุชื่อ OpenAI ในรายงานเลย แม้จะมีข่าวว่า OpenAI มีมูลค่าตลาดสูงถึง $500 พันล้าน แต่ Microsoft กลับไม่แสดงมูลค่าการถือหุ้นที่สอดคล้องกันในงบการเงิน ทำให้นักลงทุนต้อง “อ่านระหว่างบรรทัด” เพื่อประเมินความเสี่ยง ✅ Microsoft ซ่อนตัวเลขขาดทุนจาก OpenAI ➡️ รายงานไว้ในหมวด “other, net” มูลค่า $4.7 พันล้าน ➡️ ไม่ระบุชื่อ OpenAI หรือจัดเป็น “related party” ✅ ความคลุมเครือในงบการเงิน ➡️ มูลค่าการลงทุนใน OpenAI อาจถูกลดเหลือศูนย์ ➡️ หรือยังไม่บันทึกเงินลงทุนทั้งหมดในเชิงบัญชี ✅ ความเสี่ยงต่อภาพลักษณ์และราคาหุ้น ➡️ นักลงทุนไม่สามารถประเมินต้นทุน AI ได้ชัดเจน ➡️ ราคาหุ้น Microsoft ถูกตั้งบนความคาดหวังด้าน AI ➡️ หากไม่มีความโปร่งใส อาจกระทบความเชื่อมั่น ✅ ข้อตกลงลับระหว่าง Microsoft กับ OpenAI ➡️ มีเงื่อนไขเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์หาก OpenAI พัฒนา AGI ➡️ ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดต่อสาธารณะ https://www.tomshardware.com/tech-industry/microsofts-openai-math-is-still-a-black-box
    0 Comments 0 Shares 18 Views 0 Reviews
  • Generative AI สร้างดีไซน์เครื่องพิมพ์ 3D แบบ 5 แกนสุดล้ำ — พิมพ์วัตถุซับซ้อนโดยไม่ต้องใช้โครงรองรับ

    บทความจาก Tom’s Hardware เผยว่า Generative Machine และ Aibuild สองบริษัทจากลอนดอนร่วมกันพัฒนาเครื่องพิมพ์ 3D รุ่นใหม่ชื่อว่า GenerationOne 5-axis โดยใช้ Generative AI ออกแบบโครงสร้างและระบบการพิมพ์ที่สามารถเคลื่อนหัวฉีดได้ 5 แกน ทำให้พิมพ์วัตถุซับซ้อนโดยไม่ต้องใช้ support structure และได้ผิวงานที่เรียบกว่าเดิม

    เครื่องพิมพ์ GenerationOne มีดีไซน์คล้าย Bambu Labs A1 Mini แต่เพิ่มความ “organic” ด้วยแขนพยุงที่ดูเหมือนเส้นใยชีวภาพ ตัวเครื่องใช้ linear rails เพื่อความแม่นยำในการเคลื่อนที่ และสามารถเปลี่ยนแพลตฟอร์มพิมพ์ได้อัตโนมัติ

    Generative AI ถูกใช้ในการออกแบบทั้งโครงสร้างเครื่องและระบบควบคุมการพิมพ์ โดยเน้นการพิมพ์แบบ non-conformal คือสามารถหมุนหัวฉีดให้พิมพ์ในทิศทางที่เหมาะสมกับรูปทรงของวัตถุ ซึ่งช่วยให้ชิ้นงานแข็งแรงขึ้นและไม่ต้องใช้โครงรองรับ

    ซอฟต์แวร์ควบคุมที่ใช้เป็นระดับอุตสาหกรรม โดย Aibuild พัฒนาให้รองรับการ slice แบบ parametric, สร้าง toolpath อัตโนมัติ และ optimize การพิมพ์แบบ multi-axis

    แม้ยังไม่มีข้อมูลเรื่องราคา แต่เครื่องจะเปิดตัวแบบจำกัดจำนวนในงาน Formnext Expo ที่แฟรงก์เฟิร์ต วันที่ 18 พฤศจิกายนนี้

    เครื่องพิมพ์ GenerationOne 5-axis
    ใช้ Generative AI ออกแบบทั้งโครงสร้างและระบบพิมพ์
    เคลื่อนหัวฉีดได้ 5 แกน พิมพ์แบบ non-conformal
    ไม่ต้องใช้ support structure และได้ผิวงานเรียบ

    ดีไซน์และโครงสร้าง
    คล้าย Bambu Labs A1 Mini แต่มีแขนพยุงแบบ organic
    ใช้ linear rails เพื่อความแม่นยำ
    แพลตฟอร์มพิมพ์เปลี่ยนได้อัตโนมัติ

    ซอฟต์แวร์ควบคุมระดับอุตสาหกรรม
    รองรับ parametric slicing และ toolpath generation
    optimize การพิมพ์แบบ multi-axis
    พัฒนาโดย Aibuild

    การเปิดตัว
    เปิดตัวแบบจำกัดจำนวนในงาน Formnext Expo วันที่ 18 พ.ย.
    ยังไม่มีข้อมูลเรื่องราคา

    คำเตือนสำหรับผู้สนใจ
    ยังไม่รองรับวัสดุขั้นสูง เช่น carbon fiber หรือ engineering-grade filament
    เหมาะกับ PLA และ PETG เท่านั้นในรุ่นแรก
    ต้องรอข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องราคาและการจัดจำหน่าย

    https://www.tomshardware.com/3d-printing/generative-ai-used-to-create-wild-new-3d-printer-design-exotic-collaboration-brings-5-axis-3d-printing-to-the-desktop
    🧠 Generative AI สร้างดีไซน์เครื่องพิมพ์ 3D แบบ 5 แกนสุดล้ำ — พิมพ์วัตถุซับซ้อนโดยไม่ต้องใช้โครงรองรับ บทความจาก Tom’s Hardware เผยว่า Generative Machine และ Aibuild สองบริษัทจากลอนดอนร่วมกันพัฒนาเครื่องพิมพ์ 3D รุ่นใหม่ชื่อว่า GenerationOne 5-axis โดยใช้ Generative AI ออกแบบโครงสร้างและระบบการพิมพ์ที่สามารถเคลื่อนหัวฉีดได้ 5 แกน ทำให้พิมพ์วัตถุซับซ้อนโดยไม่ต้องใช้ support structure และได้ผิวงานที่เรียบกว่าเดิม เครื่องพิมพ์ GenerationOne มีดีไซน์คล้าย Bambu Labs A1 Mini แต่เพิ่มความ “organic” ด้วยแขนพยุงที่ดูเหมือนเส้นใยชีวภาพ ตัวเครื่องใช้ linear rails เพื่อความแม่นยำในการเคลื่อนที่ และสามารถเปลี่ยนแพลตฟอร์มพิมพ์ได้อัตโนมัติ Generative AI ถูกใช้ในการออกแบบทั้งโครงสร้างเครื่องและระบบควบคุมการพิมพ์ โดยเน้นการพิมพ์แบบ non-conformal คือสามารถหมุนหัวฉีดให้พิมพ์ในทิศทางที่เหมาะสมกับรูปทรงของวัตถุ ซึ่งช่วยให้ชิ้นงานแข็งแรงขึ้นและไม่ต้องใช้โครงรองรับ ซอฟต์แวร์ควบคุมที่ใช้เป็นระดับอุตสาหกรรม โดย Aibuild พัฒนาให้รองรับการ slice แบบ parametric, สร้าง toolpath อัตโนมัติ และ optimize การพิมพ์แบบ multi-axis แม้ยังไม่มีข้อมูลเรื่องราคา แต่เครื่องจะเปิดตัวแบบจำกัดจำนวนในงาน Formnext Expo ที่แฟรงก์เฟิร์ต วันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ ✅ เครื่องพิมพ์ GenerationOne 5-axis ➡️ ใช้ Generative AI ออกแบบทั้งโครงสร้างและระบบพิมพ์ ➡️ เคลื่อนหัวฉีดได้ 5 แกน พิมพ์แบบ non-conformal ➡️ ไม่ต้องใช้ support structure และได้ผิวงานเรียบ ✅ ดีไซน์และโครงสร้าง ➡️ คล้าย Bambu Labs A1 Mini แต่มีแขนพยุงแบบ organic ➡️ ใช้ linear rails เพื่อความแม่นยำ ➡️ แพลตฟอร์มพิมพ์เปลี่ยนได้อัตโนมัติ ✅ ซอฟต์แวร์ควบคุมระดับอุตสาหกรรม ➡️ รองรับ parametric slicing และ toolpath generation ➡️ optimize การพิมพ์แบบ multi-axis ➡️ พัฒนาโดย Aibuild ✅ การเปิดตัว ➡️ เปิดตัวแบบจำกัดจำนวนในงาน Formnext Expo วันที่ 18 พ.ย. ➡️ ยังไม่มีข้อมูลเรื่องราคา ‼️ คำเตือนสำหรับผู้สนใจ ⛔ ยังไม่รองรับวัสดุขั้นสูง เช่น carbon fiber หรือ engineering-grade filament ⛔ เหมาะกับ PLA และ PETG เท่านั้นในรุ่นแรก ⛔ ต้องรอข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องราคาและการจัดจำหน่าย https://www.tomshardware.com/3d-printing/generative-ai-used-to-create-wild-new-3d-printer-design-exotic-collaboration-brings-5-axis-3d-printing-to-the-desktop
    0 Comments 0 Shares 18 Views 0 Reviews
  • GPUI Component คือชุด UI สำหรับสร้างแอปเดสก์ท็อปด้วย Rust ที่เน้นความเร็ว ความยืดหยุ่น และดีไซน์ทันสมัย

    GPUI Component เป็นไลบรารี UI แบบ cross-platform ที่พัฒนาโดย Longbridge เพื่อใช้กับเฟรมเวิร์ก GPUI โดยเน้นการสร้างแอปเดสก์ท็อปที่มีประสิทธิภาพสูง ใช้งานง่าย และมีดีไซน์ทันสมัยคล้าย macOS และ Windows

    จุดเด่นของ GPUI Component

    มีมากกว่า 60 UI components เช่น ปุ่ม, ตาราง, กราฟ, Markdown viewer, code editor
    ดีไซน์ทันสมัย ได้แรงบันดาลใจจาก shadcn/ui และ native controls ของ macOS/Windows
    ใช้งานง่าย ด้วยแนวคิด Stateless RenderOnce และ API ที่เป็นธรรมชาติ
    รองรับธีมหลายแบบ และปรับแต่งสีผ่าน ThemeColor ได้
    รองรับ layout ที่ยืดหยุ่น เช่น dock layout และ tiles layout
    ประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะกับข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น virtualized table/list
    รองรับ Markdown และ HTML รวมถึง syntax highlighting ด้วย Tree Sitter
    มี code editor ในตัว รองรับ LSP และไฟล์ขนาดใหญ่ถึง 200K บรรทัด

    ฟีเจอร์เพิ่มเติมที่น่าสนใจ
    WebView (ทดลองใช้): ใช้ Wry เป็น backend สำหรับแสดงเว็บในแอป
    ระบบ Icon: รองรับ SVG โดยใช้ Lucide หรือไอคอนที่กำหนดเอง
    ระบบ Theme: รองรับ multi-theme และการกำหนดค่าผ่าน JSON schema
    ตัวอย่างการใช้งาน: มีตัวอย่างในโฟลเดอร์ examples และสามารถรันด้วย cargo run --example <name>

    https://github.com/longbridge/gpui-component
    📦 GPUI Component คือชุด UI สำหรับสร้างแอปเดสก์ท็อปด้วย Rust ที่เน้นความเร็ว ความยืดหยุ่น และดีไซน์ทันสมัย GPUI Component เป็นไลบรารี UI แบบ cross-platform ที่พัฒนาโดย Longbridge เพื่อใช้กับเฟรมเวิร์ก GPUI โดยเน้นการสร้างแอปเดสก์ท็อปที่มีประสิทธิภาพสูง ใช้งานง่าย และมีดีไซน์ทันสมัยคล้าย macOS และ Windows 🎯 จุดเด่นของ GPUI Component 🎗️ มีมากกว่า 60 UI components เช่น ปุ่ม, ตาราง, กราฟ, Markdown viewer, code editor 🎗️ ดีไซน์ทันสมัย ได้แรงบันดาลใจจาก shadcn/ui และ native controls ของ macOS/Windows 🎗️ ใช้งานง่าย ด้วยแนวคิด Stateless RenderOnce และ API ที่เป็นธรรมชาติ 🎗️ รองรับธีมหลายแบบ และปรับแต่งสีผ่าน ThemeColor ได้ 🎗️ รองรับ layout ที่ยืดหยุ่น เช่น dock layout และ tiles layout 🎗️ ประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะกับข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น virtualized table/list 🎗️ รองรับ Markdown และ HTML รวมถึง syntax highlighting ด้วย Tree Sitter 🎗️ มี code editor ในตัว รองรับ LSP และไฟล์ขนาดใหญ่ถึง 200K บรรทัด 🧪 ฟีเจอร์เพิ่มเติมที่น่าสนใจ 🎗️ WebView (ทดลองใช้): ใช้ Wry เป็น backend สำหรับแสดงเว็บในแอป 🎗️ ระบบ Icon: รองรับ SVG โดยใช้ Lucide หรือไอคอนที่กำหนดเอง 🎗️ ระบบ Theme: รองรับ multi-theme และการกำหนดค่าผ่าน JSON schema 🎗️ ตัวอย่างการใช้งาน: มีตัวอย่างในโฟลเดอร์ examples และสามารถรันด้วย cargo run --example <name> https://github.com/longbridge/gpui-component
    GITHUB.COM
    GitHub - longbridge/gpui-component: Rust GUI components for building fantastic cross-platform desktop application by using GPUI.
    Rust GUI components for building fantastic cross-platform desktop application by using GPUI. - longbridge/gpui-component
    0 Comments 0 Shares 15 Views 0 Reviews
  • Amazon เปิดตัวหุ่นยนต์ Blue Jay และ AI Eluna พลิกโฉมโลจิสติกส์ เพิ่มประสิทธิภาพ ลดภาระพนักงาน

    Amazon เผยโฉมนวัตกรรมใหม่ในระบบโลจิสติกส์ ได้แก่ “Blue Jay” หุ่นยนต์แขนกลอัจฉริยะ และ “Project Eluna” ผู้ช่วย AI สำหรับผู้จัดการคลังสินค้า โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ลดงานซ้ำซ้อน และยกระดับประสิทธิภาพการจัดส่ง

    Amazon กำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับการทำงานในคลังสินค้า โดยเปิดตัว 2 เทคโนโลยีใหม่ ได้แก่:

    1️⃣ Blue Jay – หุ่นยนต์แขนกลหลายแขนที่สามารถทำงานร่วมกับพนักงานได้อย่างคล่องตัว เช่น หยิบของ เก็บของ และจัดเรียงสินค้าในพื้นที่เดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เปรียบเสมือน “นักเล่นกลที่ไม่เคยทำของตก” และ “วาทยกร” ที่ควบคุมการเคลื่อนไหวอย่างแม่นยำ โดยใช้พื้นที่น้อยลงแต่ทำงานได้มากขึ้น ปัจจุบันกำลังทดสอบในศูนย์ของ Amazon ที่เซาท์แคโรไลนา และสามารถจัดการสินค้ากว่า 75% ของคลังได้แล้ว

    2️⃣ Project Eluna – ผู้ช่วย AI สำหรับผู้จัดการคลังสินค้า ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเรียลไทม์และประวัติการทำงาน เพื่อแนะนำการตัดสินใจ เช่น การจัดสรรพนักงานเพื่อหลีกเลี่ยงคอขวดในระบบ โดยผู้จัดการสามารถถามคำถามเชิงกลยุทธ์ เช่น “ควรย้ายพนักงานไปตรงไหนเพื่อป้องกันความล่าช้า?” แล้ว Eluna จะให้คำตอบที่มีข้อมูลรองรับ

    ทั้งสองเทคโนโลยีนี้มีเป้าหมายร่วมกันคือ ลดภาระงานซ้ำซ้อน เพิ่มความปลอดภัยทางกายภาพ และเปิดโอกาสให้พนักงานได้พัฒนาทักษะในงานที่มีคุณค่ามากขึ้น

    หุ่นยนต์ Blue Jay
    เป็นระบบแขนกลหลายแขนที่ทำงานร่วมกับพนักงาน
    รวม 3 สถานีงาน (หยิบ-เก็บ-รวมสินค้า) ไว้ในจุดเดียว
    ใช้พื้นที่น้อยลงแต่ทำงานได้มากขึ้น
    ทดสอบแล้วในศูนย์ Amazon ที่เซาท์แคโรไลนา

    AI ผู้ช่วย Project Eluna
    วิเคราะห์ข้อมูลเรียลไทม์และประวัติการทำงาน
    แนะนำการจัดสรรทรัพยากรเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา
    ช่วยให้ผู้จัดการวางแผนเชิงรุก แทนการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

    เป้าหมายของเทคโนโลยี
    ลดงานซ้ำซ้อน เพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน
    สนับสนุนการเติบโตของพนักงานในบทบาทที่มีคุณค่ามากขึ้น

    คำเตือนเกี่ยวกับการใช้ AI และหุ่นยนต์ในที่ทำงาน
    ควรมีการฝึกอบรมพนักงานให้เข้าใจการทำงานร่วมกับ AI
    ต้องมีมาตรการป้องกันการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป
    ควรติดตามผลกระทบต่อแรงงานในระยะยาวอย่างใกล้ชิด

    https://securityonline.info/future-of-logistics-amazon-unveils-blue-jay-robot-and-eluna-ai-assistant/
    🤖 Amazon เปิดตัวหุ่นยนต์ Blue Jay และ AI Eluna พลิกโฉมโลจิสติกส์ เพิ่มประสิทธิภาพ ลดภาระพนักงาน Amazon เผยโฉมนวัตกรรมใหม่ในระบบโลจิสติกส์ ได้แก่ “Blue Jay” หุ่นยนต์แขนกลอัจฉริยะ และ “Project Eluna” ผู้ช่วย AI สำหรับผู้จัดการคลังสินค้า โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ลดงานซ้ำซ้อน และยกระดับประสิทธิภาพการจัดส่ง Amazon กำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับการทำงานในคลังสินค้า โดยเปิดตัว 2 เทคโนโลยีใหม่ ได้แก่: 1️⃣ Blue Jay – หุ่นยนต์แขนกลหลายแขนที่สามารถทำงานร่วมกับพนักงานได้อย่างคล่องตัว เช่น หยิบของ เก็บของ และจัดเรียงสินค้าในพื้นที่เดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เปรียบเสมือน “นักเล่นกลที่ไม่เคยทำของตก” และ “วาทยกร” ที่ควบคุมการเคลื่อนไหวอย่างแม่นยำ โดยใช้พื้นที่น้อยลงแต่ทำงานได้มากขึ้น ปัจจุบันกำลังทดสอบในศูนย์ของ Amazon ที่เซาท์แคโรไลนา และสามารถจัดการสินค้ากว่า 75% ของคลังได้แล้ว 2️⃣ Project Eluna – ผู้ช่วย AI สำหรับผู้จัดการคลังสินค้า ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเรียลไทม์และประวัติการทำงาน เพื่อแนะนำการตัดสินใจ เช่น การจัดสรรพนักงานเพื่อหลีกเลี่ยงคอขวดในระบบ โดยผู้จัดการสามารถถามคำถามเชิงกลยุทธ์ เช่น “ควรย้ายพนักงานไปตรงไหนเพื่อป้องกันความล่าช้า?” แล้ว Eluna จะให้คำตอบที่มีข้อมูลรองรับ ทั้งสองเทคโนโลยีนี้มีเป้าหมายร่วมกันคือ ลดภาระงานซ้ำซ้อน เพิ่มความปลอดภัยทางกายภาพ และเปิดโอกาสให้พนักงานได้พัฒนาทักษะในงานที่มีคุณค่ามากขึ้น ✅ หุ่นยนต์ Blue Jay ➡️ เป็นระบบแขนกลหลายแขนที่ทำงานร่วมกับพนักงาน ➡️ รวม 3 สถานีงาน (หยิบ-เก็บ-รวมสินค้า) ไว้ในจุดเดียว ➡️ ใช้พื้นที่น้อยลงแต่ทำงานได้มากขึ้น ➡️ ทดสอบแล้วในศูนย์ Amazon ที่เซาท์แคโรไลนา ✅ AI ผู้ช่วย Project Eluna ➡️ วิเคราะห์ข้อมูลเรียลไทม์และประวัติการทำงาน ➡️ แนะนำการจัดสรรทรัพยากรเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ➡️ ช่วยให้ผู้จัดการวางแผนเชิงรุก แทนการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ✅ เป้าหมายของเทคโนโลยี ➡️ ลดงานซ้ำซ้อน เพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน ➡️ สนับสนุนการเติบโตของพนักงานในบทบาทที่มีคุณค่ามากขึ้น ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการใช้ AI และหุ่นยนต์ในที่ทำงาน ⛔ ควรมีการฝึกอบรมพนักงานให้เข้าใจการทำงานร่วมกับ AI ⛔ ต้องมีมาตรการป้องกันการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป ⛔ ควรติดตามผลกระทบต่อแรงงานในระยะยาวอย่างใกล้ชิด https://securityonline.info/future-of-logistics-amazon-unveils-blue-jay-robot-and-eluna-ai-assistant/
    SECURITYONLINE.INFO
    Future of Logistics: Amazon Unveils Blue Jay Robot and Eluna AI Assistant
    Amazon introduced Blue Jay, a multi-arm robot for packing, and Project Eluna, an AI assistant for managers, promising safer, faster operations.
    0 Comments 0 Shares 26 Views 0 Reviews
  • Meta และ TikTok ถูก EU ตั้งข้อหา ละเมิดกฎหมาย DSA หลายประเด็น เสี่ยงโดนปรับสูงถึง 6% ของรายได้ทั่วโลก

    คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) ได้ตั้งข้อหาต่อ Meta (เจ้าของ Facebook และ Instagram) และ TikTok ฐานละเมิดกฎหมาย Digital Services Act (DSA) ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ของสหภาพยุโรปที่มุ่งควบคุมแพลตฟอร์มออนไลน์ให้มีความรับผิดชอบมากขึ้น โดยข้อกล่าวหาหลักคือการจัดการเนื้อหาผิดกฎหมายอย่างไม่มีประสิทธิภาพ และการขัดขวางการเข้าถึงข้อมูลของนักวิจัย

    สำหรับ Meta มีข้อกล่าวหาหลัก 2 ประเด็นคือ

    1️⃣ ระบบแจ้งเนื้อหาผิดกฎหมายที่ยุ่งยากและใช้ “dark design patterns” ทำให้ผู้ใช้สับสนและไม่กล้าแจ้งเนื้อหา เช่น CSAM (เนื้อหาเกี่ยวกับการล่วงละเมิดเด็ก)

    2️⃣ กระบวนการอุทธรณ์ที่ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ชี้แจงหรือส่งหลักฐานเมื่อถูกลบเนื้อหาหรือระงับบัญชี

    ทั้ง Meta และ TikTok ยังถูกกล่าวหาว่าทำให้การเข้าถึงข้อมูลสาธารณะของนักวิจัยเป็นเรื่องยากเกินควร ซึ่งขัดต่อข้อกำหนดด้านความโปร่งใสของ DSA โดยเฉพาะการศึกษาผลกระทบต่อเยาวชนจากเนื้อหาที่เป็นอันตราย

    หากไม่ปรับปรุงตามคำแนะนำของคณะกรรมาธิการ ทั้งสองบริษัทอาจถูกปรับสูงสุดถึง 6% ของรายได้ทั่วโลก โดย Meta ยืนยันว่าตนได้ปรับปรุงระบบให้สอดคล้องกับกฎหมายแล้ว ส่วน TikTok โต้แย้งว่าข้อกำหนดของ DSA ขัดกับกฎหมาย GDPR ด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และเรียกร้องให้มีแนวทางที่ชัดเจนในการปรับใช้ทั้งสองกฎหมายร่วมกัน

    ข้อกล่าวหาต่อ Meta และ TikTok จาก EU
    ไม่สามารถจัดการเนื้อหาผิดกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    ขัดขวางการเข้าถึงข้อมูลของนักวิจัย
    Meta ใช้ดีไซน์ที่ทำให้ผู้ใช้สับสนในการแจ้งเนื้อหา
    ระบบอุทธรณ์ของ Meta ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ชี้แจง

    ผลกระทบตามกฎหมาย DSA
    หากไม่แก้ไข อาจถูกปรับสูงสุด 6% ของรายได้ทั่วโลก
    ต้องปรับปรุงระบบให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านความโปร่งใส

    การตอบโต้จากบริษัท
    Meta ยืนยันว่าปรับปรุงระบบแล้วให้สอดคล้องกับ DSA
    TikTok โต้แย้งว่าข้อกำหนดของ DSA ขัดกับ GDPR
    TikTok เรียกร้องให้มีแนวทางชัดเจนในการบังคับใช้กฎหมายร่วมกัน

    คำเตือนเกี่ยวกับการใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์
    ผู้ใช้ควรตรวจสอบสิทธิ์ในการอุทธรณ์เมื่อถูกลบเนื้อหา
    ควรระวังการให้ข้อมูลส่วนตัวในระบบที่ไม่โปร่งใส
    นักวิจัยอาจได้รับข้อมูลไม่ครบถ้วนจากแพลตฟอร์ม

    https://securityonline.info/eu-charges-meta-and-tiktok-with-widespread-dsa-violations/
    ⚖️ Meta และ TikTok ถูก EU ตั้งข้อหา ละเมิดกฎหมาย DSA หลายประเด็น เสี่ยงโดนปรับสูงถึง 6% ของรายได้ทั่วโลก คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) ได้ตั้งข้อหาต่อ Meta (เจ้าของ Facebook และ Instagram) และ TikTok ฐานละเมิดกฎหมาย Digital Services Act (DSA) ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ของสหภาพยุโรปที่มุ่งควบคุมแพลตฟอร์มออนไลน์ให้มีความรับผิดชอบมากขึ้น โดยข้อกล่าวหาหลักคือการจัดการเนื้อหาผิดกฎหมายอย่างไม่มีประสิทธิภาพ และการขัดขวางการเข้าถึงข้อมูลของนักวิจัย สำหรับ Meta มีข้อกล่าวหาหลัก 2 ประเด็นคือ 1️⃣ ระบบแจ้งเนื้อหาผิดกฎหมายที่ยุ่งยากและใช้ “dark design patterns” ทำให้ผู้ใช้สับสนและไม่กล้าแจ้งเนื้อหา เช่น CSAM (เนื้อหาเกี่ยวกับการล่วงละเมิดเด็ก) 2️⃣ กระบวนการอุทธรณ์ที่ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ชี้แจงหรือส่งหลักฐานเมื่อถูกลบเนื้อหาหรือระงับบัญชี ทั้ง Meta และ TikTok ยังถูกกล่าวหาว่าทำให้การเข้าถึงข้อมูลสาธารณะของนักวิจัยเป็นเรื่องยากเกินควร ซึ่งขัดต่อข้อกำหนดด้านความโปร่งใสของ DSA โดยเฉพาะการศึกษาผลกระทบต่อเยาวชนจากเนื้อหาที่เป็นอันตราย หากไม่ปรับปรุงตามคำแนะนำของคณะกรรมาธิการ ทั้งสองบริษัทอาจถูกปรับสูงสุดถึง 6% ของรายได้ทั่วโลก โดย Meta ยืนยันว่าตนได้ปรับปรุงระบบให้สอดคล้องกับกฎหมายแล้ว ส่วน TikTok โต้แย้งว่าข้อกำหนดของ DSA ขัดกับกฎหมาย GDPR ด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และเรียกร้องให้มีแนวทางที่ชัดเจนในการปรับใช้ทั้งสองกฎหมายร่วมกัน ✅ ข้อกล่าวหาต่อ Meta และ TikTok จาก EU ➡️ ไม่สามารถจัดการเนื้อหาผิดกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ➡️ ขัดขวางการเข้าถึงข้อมูลของนักวิจัย ➡️ Meta ใช้ดีไซน์ที่ทำให้ผู้ใช้สับสนในการแจ้งเนื้อหา ➡️ ระบบอุทธรณ์ของ Meta ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ชี้แจง ✅ ผลกระทบตามกฎหมาย DSA ➡️ หากไม่แก้ไข อาจถูกปรับสูงสุด 6% ของรายได้ทั่วโลก ➡️ ต้องปรับปรุงระบบให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านความโปร่งใส ✅ การตอบโต้จากบริษัท ➡️ Meta ยืนยันว่าปรับปรุงระบบแล้วให้สอดคล้องกับ DSA ➡️ TikTok โต้แย้งว่าข้อกำหนดของ DSA ขัดกับ GDPR ➡️ TikTok เรียกร้องให้มีแนวทางชัดเจนในการบังคับใช้กฎหมายร่วมกัน ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์ ⛔ ผู้ใช้ควรตรวจสอบสิทธิ์ในการอุทธรณ์เมื่อถูกลบเนื้อหา ⛔ ควรระวังการให้ข้อมูลส่วนตัวในระบบที่ไม่โปร่งใส ⛔ นักวิจัยอาจได้รับข้อมูลไม่ครบถ้วนจากแพลตฟอร์ม https://securityonline.info/eu-charges-meta-and-tiktok-with-widespread-dsa-violations/
    SECURITYONLINE.INFO
    EU Charges Meta and TikTok with Widespread DSA Violations
    The European Commission has formally accused Meta and TikTok of violating the DSA by hiding illegal content reporting and obstructing access for researchers.
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • เรื่อง คนวัดปรอท
    “คนวัดปรอท”

    สงสัยลูกกระเป๋งจะไปรายงานว่า มีคนนินทานักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ว่า ถึงกับไปไม่เป็น ยืนเซ่ออยู่กลางสี่แยก เมื่อเห็นนายกรัฐมนตรีรัสเซีย คุณหน้าเฉย Dmitry Medvedev ยิ้มหวาน ดมดอกไม้กับคุณแก้มยุ้ย นายกรัฐมนตรีไทยเมื่อต้นเดือนเมษานี้เอง เลยต้องรีบควานหา คนวัดปรอทคนใหม่ เอามานั่งวัดอุณหภูมิของทุกพรรค ทุกพวก ทุกกลุ่ม ทุกกอง ฯลฯ ในแดนสมันน้อยว่า มันร้อนไปทางไหน เย็นไปทางไหน เอาให้แน่ๆ เพราะคนเก่า ใช้ปรอทไม่เป็น ใช้เป็นแต่เซลฟี่ ฮา

    พณะโอบามา ออกข่าวเมื่อวันสงกรานต์นี่เองว่า จะเสนอให้นาย Glyn Townsend Davies ผู้ที่คร่ำหวอด อยู่ในกิจการต่างด้านประเทศ เรียกว่า เป็นนักการทูตมืออาชีพ มีประวัติการทำงานยาวเหยียด มาเป็นเอกอัครราชทูตอเมริกา ประจำราชอาณาจักรไทย ทำหน้าที่วัดปรอทการเมืองไทยทุกตารางนิ้วเสียใหม่ หลังจากที่ปล่อยให้สำนักถนนวิทยุเงียบเหงามากว่า 6 เดือน จนเสียรางวัดให้เขาดมดอกไม้ แย้มยิ้ม เหมือนเย้ยใคร

    ประวัติเด่นของนาย Davies ที่เขาบรรยายส่งมา ผมว่ารายการแรก ต้องยกให้เรื่องน้องคิมของผม ดูเหมือนนาย Davies นี่จะเป็นคนที่เอ็นดูน้องคิม เจ้าพ่อเกาหลีเหนือเป็นพิเศษ ดูแลนโยบายเกาหลีเหนือช่วงปี 2012-2014 และเคยสรุปเสนอรัฐสภาว่า ไม่เป็นประโยชน์อันใดที่จะพูดคุยกับน้องคิมให้รู้เรื่อง ถ้าอเมริกาอยากจะหารือเรื่องเกาหลี เหนือ โน่น ไปพบผู้ปกครองน้องคิม อาเฮียแห่งแผ่นดินใหญ่ จะรู้เรื่องเร็วกว่า แสดงว่า คนวัดปรอทคนนี้ น่าจะเป็นผู้ชำนาญงาน แหม แต่เหมาเอาง่ายๆ ว่า น้องคิมเป็นเด็กในปกครองของอา เฮีย นี่ ผมก็ไม่รู้นะ ว่าน้องเขาจะชอบใจไหม น้องเขาโตแล้ว เขาตัดสินใจเองได้น่า ว่าจะส่งของขวัญให้ใคร ที่ไหน และเมื่อไหร่ ฮาอีกที

    ประวัติเด่นรายการที่สอง นาย Davies เคยเป็นตัวแทน ของนักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ช่วงปี 2009-2012 ใน International Atomic Energy Agency (IAEA) หรือ ไอ้เออีเอ ที่เป็นไม้เบื่อ ไม้เมาของ Saddam แห่งอืรัค คอยตามตรวจว่า ซัดดัมมีนิวเคลียร์ติดตัวไว้กี่ลูก ผลการตรวจ ไม่เจอซักลูก แต่ดันได้น้ำมันไปหลายปั้ม คนอิรัคตายไปหลายแสน ไม่มีบ้านเหลือให้ซุกหัวอีกหลายล้านคน และตอนนี้ ไอ้เอกับอีเอ ก็กำลังรีรอ ว่า จะเป็นไม้เบื่อ หรือจะไปเมา กับอิหร่านดี อีกไม่กี่เดือนก็รู้กัน

    แต่ประวัติเรื่องนี้จะเอามาทำอะไรที่แดนสมันน้อยได้ครับ หรือจะมาดู ว่าการยิงบ้องไฟของเรานี่ จะเข้าข่ายที่ ไอ้เอกับอีเอมันข้องใจ

    ประวัติเด่นรายการที่สาม คือ เป็นผู้ดูแลกิจการด้านเอเซียตะวันออก และแปซิฟิก ช่วงปี 2006-2009 แสดงว่ารู้จักผู้คนแถบนี้ดี คงไม่น่าจะใช่ประเภท กางแขนเเป็นอีแร้ง รำวงให้คนไทยดู แบบยายกุ้งแห้ง อย่านึกว่าทำแบบนั้นแล้วคนไทยจะชอบนะครับ มีแต่ไอ้พวกสอพลอที่ชื่นชม ถามลุงแก่ๆอย่างผม ผมว่าน่าทุเรศครับ คนเราน่าจะเจริญพอ ที่คิดสร้างไมตรีด้วยวิธีอื่นได้ดีกว่านี้ นึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไร ก็อย่าส่งมาให้เสียรางวัดไปกว่าเดิมเลย แค่นี้ก็เขียนด่าจะไม่ทันอยู่แล้ว
    แต่ที่ผมสนใจประวัติ คนวัดปรอทคนนี้ คือแกเคยทำงานอยู่ในสภาความมั่นคง National Security Council ช่วงรัฐบาลคลินตัน ประธานาธิบดีขวัญใจเด็กฝึกงาน และจบปริญญาโทด้าน ยุทธศาสตร์ความมั่นคงของชาติ national security strategy จาก National War College

    และที่น่าสนใจ อีกเรื่อง คือ ข่าว ลงวันที่ 13 เมษายน 2015 ของThe Leaderboard ซึ่ง CogitAsia หน่วยงาน ของ CSIS Center for Strategic & International Studies ถังขยะความคิด ซึ่งเป็นเหมือนหน่วยราชการ ของอเมริกา ออกข่าวเกี่ยวกับการที่นายโอบามา เสนอชื่อคนวัดปรอทคนใหม่ของอเมริกา ประจำประเทศไทย โดยระบุว่า ประเทศไทย ซึ่งเคยเป็นพันธมิตร ที่แข็งแรงที่สุด ของอเมริกาในภูมิภาคนี้ แต่หลังจากการปฏิวัติของไทย เมื่อปี 2014 ความสัมพันธ์ของอเมริกากับไทย ก็สั่นคลอน ในฐานะนักการทูตมืออาชีพ นาย Davies จึงเป็นที่คาดหวังว่า เขาจะใช้ความรู้เกี่ยวกับวิกฤติทางการทูต ให้เป็นประโยชน์สำหรับสถานะการณ์ทางการเมืองของที่ยังมองอะไรไม่ชัดเจน….

    ทั้งหมดนี้ แปลว่าอะไรครับ แปลว่า อเมริกาปล่อยให้สมันน้อย หลุดมือไม่ได้เด็ดขาด รู้ว่า ยายกุ้งแห้งเซลฟี่ จะหมดเทอม อเมริกาก็ยังไม่หาใครมาแทน ทิ้งช่วงอยู่กว่า 6 เดือน เพื่อรอดูว่า การเมืองสมันน้อยจะไปทางไหนแน่ หลังจากมีการปฏิวัติ อเมริการอจนชัดเจนว่า สมันน้อยเริ่มมองโลกกว้าง ออกคบเพื่อนมากขึ้น รูปนายกแก้มยุ้ยของไทย จับมือ ยิ้มหวานกับอาเฮีย ก็ทำให้อเมริกาคิดหนักแล้ว แต่เมื่อนายกแก้มยุ้ย ชวนนายกหน้าเฉย จากรัสเซียดมดอกไม้นี่ อเมริกาคงตัดสินใจได้ ว่าควรจะรีบส่งคนวัดปรอท แบบผู้ชำนาญด้านยุทธศาสตร์ มาประจำการได้แล้ว

    แต่ถ้าอเมริกาคิดจะใช้ยุทธศาสตร์แบบเดิมๆ บีบคอสมันน้อย ให้ยืนนิ่งอยู่ในคอก แล้วสั่งซ้ายหัน ขวาหัน เหมือนอย่างเดิมน่าจะเป็นไปได้ยาก อเมริกายังยืนเซ่ออยู่กลางสี่แยกจริงๆ ยังอ่านไม่ออกว่า การเมืองของสมันน้อยหลังการปฏิวัติ และจากนี้ไป จะไปทางไหน ส่งพวกปากเสียมาเสือกหลายรอบ ต้ังแต่สมันน้อยปฏิวัติ แทนที่จะได้ผล ทำท่าจะเสียทั้งผลทั้งต้น เสียทั้งต้น นี่เรื่องใหญ่ อเมริการับไม่ได้หรอก

    ทางออกตอนนี้ ของนักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จึงต้องส่งคนวัดปรอท ชนิดผู้ชำนาญการ มาทำการวัดปรอท ทุกตารางนิ้วในแดนสมันน้อยใหม่หมด และดูจากประสพการณ์ และการข่าว คนวัดปรอท คนใหม่นี้ น่าจะไม่ใช่แค่มายืนๆ เดินๆ แล้วเอาปรอทแหย่ปากสมันน้อย คนวัดปรอทอาจจะมีวิธี ทำให้ปรอทร้อน ถึงร้อนจัด หรือเย็นจัดในบางสถานที่ บางกลุ่มด้วย

    เราจึงต้องจับตาดูคนวัดปรอทคนใหม่นี้ให้ดี เรากำลังมุ่งหน้าที่จะออกมาจากคอก สู่การเป็นอิสระชนแล้ว ก็เดินอย่างสง่าผ่าเผย รักษาอธิปไตย และความเป็นกลางของประเทศให้ดี เมื่อรัฐบาลเลือกเดินนโยบายที่จะไม่ให้ใครมาจูงจมูก เราประชาชนก็สมควรสนับสนุน ไม่ใช่คิดแต่จะคบเพื่อน แค่คนใดคนหนึ่ง โดยเฉพาะด้วยแค่ความคุ้นเคย แถมให้มันบีบซ้ายกระตุกขวาได้อยู่เรื่อยๆ เราไม่ได้เป็นเมืองขึ้นใคร จะคบเพื่อนกี่คนก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของเรา ขอให้เพื่อนรู้จักเคารพ และเห็นคุณค่าของความเป็นเพื่อนกัน เรื่องในบ้านเพื่อนก็ให้เกียรติกันบ้าง อย่าเสือกทุกเรื่อง ยิ่งบางเรื่อง ไม่บังควร ผ่านมา 60 ปี ยังไม่เรียนรู้ จะเป็นเพื่อนกันต่อไปทำไม
    อย่านึกว่าสมันน้อยโง่หมด สีที่ฟอกย้อมไว้ มันถลอกลอกไปแยะแล้ว เพราะพฤติกรรมความเสือก ความตะกระ ความกร่าง ความเจ้าเล่ห์ ของอเมริกาเองนั่นแหละ

    จะมาเดินวัดปรอทกันใหม่ ก็หัดเรียนรู้ใหม่ ไอ้พวกที่ชอบมาอ่านเพจผม แล้วรวนเครื่องผม อย่ารวนเปล่า นายใหม่จะมาแล้ว แปลไว้ให้อ่านเลย จะได้ประหยัดเวลามาวัดปรอทแถวนี้

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    15 เม.ย. 2558
    เรื่อง คนวัดปรอท “คนวัดปรอท” สงสัยลูกกระเป๋งจะไปรายงานว่า มีคนนินทานักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ว่า ถึงกับไปไม่เป็น ยืนเซ่ออยู่กลางสี่แยก เมื่อเห็นนายกรัฐมนตรีรัสเซีย คุณหน้าเฉย Dmitry Medvedev ยิ้มหวาน ดมดอกไม้กับคุณแก้มยุ้ย นายกรัฐมนตรีไทยเมื่อต้นเดือนเมษานี้เอง เลยต้องรีบควานหา คนวัดปรอทคนใหม่ เอามานั่งวัดอุณหภูมิของทุกพรรค ทุกพวก ทุกกลุ่ม ทุกกอง ฯลฯ ในแดนสมันน้อยว่า มันร้อนไปทางไหน เย็นไปทางไหน เอาให้แน่ๆ เพราะคนเก่า ใช้ปรอทไม่เป็น ใช้เป็นแต่เซลฟี่ ฮา พณะโอบามา ออกข่าวเมื่อวันสงกรานต์นี่เองว่า จะเสนอให้นาย Glyn Townsend Davies ผู้ที่คร่ำหวอด อยู่ในกิจการต่างด้านประเทศ เรียกว่า เป็นนักการทูตมืออาชีพ มีประวัติการทำงานยาวเหยียด มาเป็นเอกอัครราชทูตอเมริกา ประจำราชอาณาจักรไทย ทำหน้าที่วัดปรอทการเมืองไทยทุกตารางนิ้วเสียใหม่ หลังจากที่ปล่อยให้สำนักถนนวิทยุเงียบเหงามากว่า 6 เดือน จนเสียรางวัดให้เขาดมดอกไม้ แย้มยิ้ม เหมือนเย้ยใคร ประวัติเด่นของนาย Davies ที่เขาบรรยายส่งมา ผมว่ารายการแรก ต้องยกให้เรื่องน้องคิมของผม ดูเหมือนนาย Davies นี่จะเป็นคนที่เอ็นดูน้องคิม เจ้าพ่อเกาหลีเหนือเป็นพิเศษ ดูแลนโยบายเกาหลีเหนือช่วงปี 2012-2014 และเคยสรุปเสนอรัฐสภาว่า ไม่เป็นประโยชน์อันใดที่จะพูดคุยกับน้องคิมให้รู้เรื่อง ถ้าอเมริกาอยากจะหารือเรื่องเกาหลี เหนือ โน่น ไปพบผู้ปกครองน้องคิม อาเฮียแห่งแผ่นดินใหญ่ จะรู้เรื่องเร็วกว่า แสดงว่า คนวัดปรอทคนนี้ น่าจะเป็นผู้ชำนาญงาน แหม แต่เหมาเอาง่ายๆ ว่า น้องคิมเป็นเด็กในปกครองของอา เฮีย นี่ ผมก็ไม่รู้นะ ว่าน้องเขาจะชอบใจไหม น้องเขาโตแล้ว เขาตัดสินใจเองได้น่า ว่าจะส่งของขวัญให้ใคร ที่ไหน และเมื่อไหร่ ฮาอีกที ประวัติเด่นรายการที่สอง นาย Davies เคยเป็นตัวแทน ของนักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ช่วงปี 2009-2012 ใน International Atomic Energy Agency (IAEA) หรือ ไอ้เออีเอ ที่เป็นไม้เบื่อ ไม้เมาของ Saddam แห่งอืรัค คอยตามตรวจว่า ซัดดัมมีนิวเคลียร์ติดตัวไว้กี่ลูก ผลการตรวจ ไม่เจอซักลูก แต่ดันได้น้ำมันไปหลายปั้ม คนอิรัคตายไปหลายแสน ไม่มีบ้านเหลือให้ซุกหัวอีกหลายล้านคน และตอนนี้ ไอ้เอกับอีเอ ก็กำลังรีรอ ว่า จะเป็นไม้เบื่อ หรือจะไปเมา กับอิหร่านดี อีกไม่กี่เดือนก็รู้กัน แต่ประวัติเรื่องนี้จะเอามาทำอะไรที่แดนสมันน้อยได้ครับ หรือจะมาดู ว่าการยิงบ้องไฟของเรานี่ จะเข้าข่ายที่ ไอ้เอกับอีเอมันข้องใจ ประวัติเด่นรายการที่สาม คือ เป็นผู้ดูแลกิจการด้านเอเซียตะวันออก และแปซิฟิก ช่วงปี 2006-2009 แสดงว่ารู้จักผู้คนแถบนี้ดี คงไม่น่าจะใช่ประเภท กางแขนเเป็นอีแร้ง รำวงให้คนไทยดู แบบยายกุ้งแห้ง อย่านึกว่าทำแบบนั้นแล้วคนไทยจะชอบนะครับ มีแต่ไอ้พวกสอพลอที่ชื่นชม ถามลุงแก่ๆอย่างผม ผมว่าน่าทุเรศครับ คนเราน่าจะเจริญพอ ที่คิดสร้างไมตรีด้วยวิธีอื่นได้ดีกว่านี้ นึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไร ก็อย่าส่งมาให้เสียรางวัดไปกว่าเดิมเลย แค่นี้ก็เขียนด่าจะไม่ทันอยู่แล้ว แต่ที่ผมสนใจประวัติ คนวัดปรอทคนนี้ คือแกเคยทำงานอยู่ในสภาความมั่นคง National Security Council ช่วงรัฐบาลคลินตัน ประธานาธิบดีขวัญใจเด็กฝึกงาน และจบปริญญาโทด้าน ยุทธศาสตร์ความมั่นคงของชาติ national security strategy จาก National War College และที่น่าสนใจ อีกเรื่อง คือ ข่าว ลงวันที่ 13 เมษายน 2015 ของThe Leaderboard ซึ่ง CogitAsia หน่วยงาน ของ CSIS Center for Strategic & International Studies ถังขยะความคิด ซึ่งเป็นเหมือนหน่วยราชการ ของอเมริกา ออกข่าวเกี่ยวกับการที่นายโอบามา เสนอชื่อคนวัดปรอทคนใหม่ของอเมริกา ประจำประเทศไทย โดยระบุว่า ประเทศไทย ซึ่งเคยเป็นพันธมิตร ที่แข็งแรงที่สุด ของอเมริกาในภูมิภาคนี้ แต่หลังจากการปฏิวัติของไทย เมื่อปี 2014 ความสัมพันธ์ของอเมริกากับไทย ก็สั่นคลอน ในฐานะนักการทูตมืออาชีพ นาย Davies จึงเป็นที่คาดหวังว่า เขาจะใช้ความรู้เกี่ยวกับวิกฤติทางการทูต ให้เป็นประโยชน์สำหรับสถานะการณ์ทางการเมืองของที่ยังมองอะไรไม่ชัดเจน…. ทั้งหมดนี้ แปลว่าอะไรครับ แปลว่า อเมริกาปล่อยให้สมันน้อย หลุดมือไม่ได้เด็ดขาด รู้ว่า ยายกุ้งแห้งเซลฟี่ จะหมดเทอม อเมริกาก็ยังไม่หาใครมาแทน ทิ้งช่วงอยู่กว่า 6 เดือน เพื่อรอดูว่า การเมืองสมันน้อยจะไปทางไหนแน่ หลังจากมีการปฏิวัติ อเมริการอจนชัดเจนว่า สมันน้อยเริ่มมองโลกกว้าง ออกคบเพื่อนมากขึ้น รูปนายกแก้มยุ้ยของไทย จับมือ ยิ้มหวานกับอาเฮีย ก็ทำให้อเมริกาคิดหนักแล้ว แต่เมื่อนายกแก้มยุ้ย ชวนนายกหน้าเฉย จากรัสเซียดมดอกไม้นี่ อเมริกาคงตัดสินใจได้ ว่าควรจะรีบส่งคนวัดปรอท แบบผู้ชำนาญด้านยุทธศาสตร์ มาประจำการได้แล้ว แต่ถ้าอเมริกาคิดจะใช้ยุทธศาสตร์แบบเดิมๆ บีบคอสมันน้อย ให้ยืนนิ่งอยู่ในคอก แล้วสั่งซ้ายหัน ขวาหัน เหมือนอย่างเดิมน่าจะเป็นไปได้ยาก อเมริกายังยืนเซ่ออยู่กลางสี่แยกจริงๆ ยังอ่านไม่ออกว่า การเมืองของสมันน้อยหลังการปฏิวัติ และจากนี้ไป จะไปทางไหน ส่งพวกปากเสียมาเสือกหลายรอบ ต้ังแต่สมันน้อยปฏิวัติ แทนที่จะได้ผล ทำท่าจะเสียทั้งผลทั้งต้น เสียทั้งต้น นี่เรื่องใหญ่ อเมริการับไม่ได้หรอก ทางออกตอนนี้ ของนักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จึงต้องส่งคนวัดปรอท ชนิดผู้ชำนาญการ มาทำการวัดปรอท ทุกตารางนิ้วในแดนสมันน้อยใหม่หมด และดูจากประสพการณ์ และการข่าว คนวัดปรอท คนใหม่นี้ น่าจะไม่ใช่แค่มายืนๆ เดินๆ แล้วเอาปรอทแหย่ปากสมันน้อย คนวัดปรอทอาจจะมีวิธี ทำให้ปรอทร้อน ถึงร้อนจัด หรือเย็นจัดในบางสถานที่ บางกลุ่มด้วย เราจึงต้องจับตาดูคนวัดปรอทคนใหม่นี้ให้ดี เรากำลังมุ่งหน้าที่จะออกมาจากคอก สู่การเป็นอิสระชนแล้ว ก็เดินอย่างสง่าผ่าเผย รักษาอธิปไตย และความเป็นกลางของประเทศให้ดี เมื่อรัฐบาลเลือกเดินนโยบายที่จะไม่ให้ใครมาจูงจมูก เราประชาชนก็สมควรสนับสนุน ไม่ใช่คิดแต่จะคบเพื่อน แค่คนใดคนหนึ่ง โดยเฉพาะด้วยแค่ความคุ้นเคย แถมให้มันบีบซ้ายกระตุกขวาได้อยู่เรื่อยๆ เราไม่ได้เป็นเมืองขึ้นใคร จะคบเพื่อนกี่คนก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของเรา ขอให้เพื่อนรู้จักเคารพ และเห็นคุณค่าของความเป็นเพื่อนกัน เรื่องในบ้านเพื่อนก็ให้เกียรติกันบ้าง อย่าเสือกทุกเรื่อง ยิ่งบางเรื่อง ไม่บังควร ผ่านมา 60 ปี ยังไม่เรียนรู้ จะเป็นเพื่อนกันต่อไปทำไม อย่านึกว่าสมันน้อยโง่หมด สีที่ฟอกย้อมไว้ มันถลอกลอกไปแยะแล้ว เพราะพฤติกรรมความเสือก ความตะกระ ความกร่าง ความเจ้าเล่ห์ ของอเมริกาเองนั่นแหละ จะมาเดินวัดปรอทกันใหม่ ก็หัดเรียนรู้ใหม่ ไอ้พวกที่ชอบมาอ่านเพจผม แล้วรวนเครื่องผม อย่ารวนเปล่า นายใหม่จะมาแล้ว แปลไว้ให้อ่านเลย จะได้ประหยัดเวลามาวัดปรอทแถวนี้ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 15 เม.ย. 2558
    0 Comments 0 Shares 80 Views 0 Reviews
  • ข่าวประชาสัมพันธ์
    เกี่ยวกับโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี
    ========================================
    .
    โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี เกิดขึ้นจากการริเริ่มของสมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมป์ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับศิลปินกลุ่มนักประพันธ์เพลงจิตอาสา และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี นำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี พ.ศ.2560 ได้ร่วมกันสร้างสรรค์และจัดทำอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรติถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงขึ้น โดยมีจุดประสงค์นอกจากเพื่อเทิดพระเกียรติแล้ว ยังเป็นการนำเสนอบทเพลงที่ถ่ายทอดเรื่องราวอันซาบซึ้งประทับใจและเป็นที่จดจำของปวงชนชาวไทยเกี่ยวกับพระองค์ท่านจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ บทเพลง ในการนี้ พงศ์พรหม หัวหน้าโครงการที่ดูแลในส่วนของการสร้างสรรค์บทเพลงได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของงานว่า...
    .
    "ผมจะมีความคุ้นเคยกับศิลปินนักร้องกลุ่มหนึ่งที่ถวายงานการแสดงให้สมเด็จพระพันปีฯ มานานนับสิบปี อาทิเช่น คุณอิสริยา คูประเสริฐ คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ พันเอกนายแพทย์วิภู กำเหนิดดี คุณอภิภู โสรพิมาย.. เรามักสนทนากันบ่อยๆ ว่าสมเด็จพระพันปีท่านไม่มีเพลงของพระองค์ท่านให้นึกถึงได้เลย เราก็ช่วยกันคิดว่ามีเพลงอะไรบ้างนะที่เราพอจะคุ้นเคย ก็นึกไม่ออก เราก็เลยเอ่ยปากตั้งใจกันไว้ว่าสักวันเมื่อมีโอกาสอำนวยเรามาช่วยกันทำเพลงถวายพระองค์ท่านสักชุดหนึ่งดีไหม ทุกคนก็เห็นว่าดี ก็ลั่นวาจากันไว้อย่างนั้น จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่แล้ว พ.ศ. 2565 เป็นปีที่สมเด็จพระพันปีหลวงฯ ท่านจะมีพระชนมายุครบ 90 พรรษา ผมก็คิดว่านี่แหละที่เป็นโอกาสที่ดี ก็เลยนัดมาเจอกันแล้วเริ่มงานกันตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2565 โดยตั้งใจว่าต้องทำให้เสร็จสองเพลงก่อน ให้ทันวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ก็มีเพลงแรกชื่อ "เพลงไหมแพรวา" คุณดลชัย บุณยะรัตเวช ขับร้อง อีกเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ ขับร้อง ก็ทำกันเสร็จทันออกมาให้ได้ฟังกันในวันเฉลิมพระชนม์พรรษาปีที่แล้ว จากนั้นเราก็แต่งเพลงเพิ่ม มีนักร้องมาร่วมอีกหลายคน อาทิ คุณสุนทรี เวชานนท์ คุณปาน ธนพร แวกประยูร ม.ล.วันรัชดา วรวุฒิ กลุ่มนักร้องเยาวชนจากว๊อยซ์อคาเดมีหกคน.. ได้ทำการบันทึกเสียงมาเรื่อยๆ จนเสร็จสิ้นครบทั้ง 10 เพลงเมื่อเดือนมกราคม 2566 ต้นปีนี้เอง โดยที่ศิลปินทุกคนไม่ว่าจะขับร้องหรือเล่นดนตรี รวมทั้งนักแต่งเพลงที่มาช่วยกันทำงานทุกคน ต่างมาร่วมกันทำงานนี้ถวายด้วยจิตอาสา ไม่มีใครคิดค่าทำงานใดๆ ทั้งสิ้น"...
    .
    "แต่แน่นอนว่าการทำงานโครงการขนาดนี้ย่อมมีค่าใช้จ่าย ในขั้นแรกก็มีเพื่อนๆ ที่มีความจงรักภักดีสองสามท่านช่วยกันสนับสนุนให้งานเริ่มดำเนินไปได้ ต่อมาเนื่องจากผมเป็นนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ผมนำโครงการไปปรึกษากับเพื่อนนักเรียนเก่าราชวิทย์ด้วยกัน คือ พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส ก็เลยได้สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มาสนับสนุนงบประมาณในขั้นตอนการบันทึกเสียง ประสานงานหาผู้สนับสนุนในส่วนของห้องบันทึกเสียง การผลิตมิวสิควิดิโอ การผลิตแพคเกจ จนกระทั่งกระบวนการสร้างสรรค์ทั้งหมดสำเร็จเสร็จสิ้น"...
    .
    "เมื่อผลงานทั้งหมดบันทึกเสียงเสร็จ ผมได้นำโครงการไปเรียนปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่อีกสองท่านว่าจะทำการเผยแพร่โครงการออกไปอย่างไรบ้าง ท่านแรกคือคุณสมยศ เกียรติอร่ามกุล ผู้บริหารท่านหนึ่งของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และอีกท่านคือ คุณประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ด้วยเหตุนี้จึงได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมโดยทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสจะทำการผลิตสารคดีเพลงจำนวนหกเรื่อง และละครเทิดพระเกียรติอีกสามเรื่อง โดยทางกระทรวงวัฒนธรรมจะรับผิดชอบในการดูแลและเผยแพร่คอนเท้นท์ ประชาสัมพันธ์ทางภาครัฐและสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองและถวายพระพรในช่วงวโรกาสวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2566 ที่กำลังจะมาถึงนี้"
    .
    โครงการอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรตินี้ จะทำการผลิตออกมาในรูปของแพคเกจที่ประณีตสวยงามสมพระเกียรติ กล่องบรรจุใช้กระดาษรีไซเคิลของไทยและหมึกถั่วเหลืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในแพคเกจประกอบไปด้วยภาพวาดปกพระฉายาสาทิสลักษณ์โดยศิลปินทัศนศิลป์ นิติกร กรัยวิเชียร โปสการ์ดภาพวาดพระฉายาสาทิสลักษณ์ โดยศิลปินทัศนศิลป์ สุวิทย์ ใจป้อม จำนวน 10 ภาพ ภาพประกอบด้านในโดยศิลปิน ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช และเครดิตการ์ดยูเอสบีขนาดความจุ 16 กิกาไบ๊ต์ ท่ีบรรจุไฟล์เพลงรายละเอียดสูงทั้งสิบเพลง ทั้งแบบเพลงเต็มและแบ๊คกิ้งแทร็ค ไฟล์มิวสิควิดิโอขนาดฟูลเอชดีทั้งสิบเพลง และข้อมูลของบทเพลงในอัลบั้ม
    .
    แพคเกจอัลบั้มนี้จะไม่มีวางจำหน่าย แต่จะเผยแพร่ผ่านทางกิจกรรมที่ไม่แสวงผลกำไรทางการค้าเท่านั้น ผู้ที่สนใจทั่วไปสามารถดาวน์โหลดไฟล์บทเพลงได้ฟรีผ่านทางเฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/
    (หรือตามลิ๊งค์ที่อยู่ล่างสุดในโพสนี้)
    รักพระพันปี กรุณาช่วยกันกดไล๊ค์ กดแชร์ ร่วมกันเผยแพร่
    .
    .
    ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักของโครงการที่ให้ความอนุเคราะห์จนโครงการ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปีนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ได้แก่..
    - สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
    - สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
    - กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
    - บริษัท ธนัทเฮิร์บ พาณิชย์ จำกัด
    - บริษัท IFCG จำกัด (มหาชน)
    - บริษัท พีที พลัส จำกัด
    - บริษัท ลอรีส จำกัด (ออด๊าซ)
    - บริษัท ไทย ทีเอเอ็น อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด
    .
    ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับบทเพลงทั้งสิบเพลง
    ในอัลบั้มชุดนี้บทเพลงที่ประพันธขึ้นประกอบด้วยบทเพลงทั้งสิ้น ๑๐ เพลง ดังนี้
    .
    ๑. บทเพลงชื่อ "เพลงไหมแพรวา" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ภาณุ เทศะศิริ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผ้าไหมแพรวาที่สมเด็จพระพันปีทรงอุปถัมภ์จนกลายเป็นราชินีผ้าไหมไทยที่เลื่องลือทั่วโลก
    .
    ๒. บทเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" ขับร้องโดย กันยารัตน์ กุยสุวรรณ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นการถ่ายทอดความรักความผูกพันที่พสกนิกรชาวไทยมีต่อสมเด็จพระพันปีผ่านมุมมองข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่
    .
    ๓. บทเพลงชื่อ "ปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องของชาวนาและเกษตรแผนใหม่ตามแนวพระราชดำริและการรักษาองค์ความรู้ภูมิปัญญาประเพณีท้องถิ่น
    .
    ๔. บทเพลงชื่อ "โพธิ์ทองของปวงไทย" ขับร้องโดย ด.ญ. มนภทริตา ทองเกิด, ด.ญ. จิรัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ธนัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ศิตภัทร ตันติเวสส, ด.ญ. นภัสร์นันท์ วงศ์วิวัฒน์, ด.ญ. ปวริศา เติมจิตรอารีย์ ประพันธ์คำร้องโดย ชโลธร ควรหาเวช ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นการบรรยายพระมหากรุณาธิคุณและพระกรณีกิจมากมายที่พระพันปีทรงทุ่มเท ผ่านมุมมองเยาวชน
    .
    ๕. บทเพลงชื่อ "พ่อเป็นน้ำ แม่เป็นป่า" ขับร้องโดย หม่อมหลวงวันรัชดา วรวุฒิ และตัวแทนชาวไทยภูเขาหกเผ่า ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย โอฬาร เนตรหาญ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามแนวพระราชดำริและความผูกพันของชาวไทยภูเขากับพระพันปีหลวง
    .
    ๖. บทเพลงชื่อ "ภาพพันปี" ขับร้องโดย อิสริยา คูประเสริฐ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ธนชัย ยงพิพัฒน์วงศ์ และ ชาตรี ทับละม่อม เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นเพลงพรรณาให้เห็นความรักและความทุ่มเทของพระพันปีที่มีต่อพสกนิกร ผ่านภาพถ่ายมากมายที่ประทับอยู่ในความทรงจำของคนไทยมานานแสนนาน
    .
    ๗. บทเพลงชื่อ "คนโขน" ขับร้องโดย อภิภู โสรพิมาย ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล และ พงศ์พรหม สนิทวงศ์ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระพันปีที่มีต่อนาฏศิลป์โขนไทย
    .
    ๘. บทเพลงชื่อ "กายเราคือเสาหลัก" ขับร้องโดย พันเอกนายแพทย์วิภู กำเนิดดี ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับตำรวจตระเวนชายแดน ความรักที่พวกเขามีต่อชาติ ต่อสถาบัน และความห่วงใยเมตตาของพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีที่มีต่อพวกเขา
    .
    ๙. บทเพลงชื่อ "ศิลปาชีพ" ขับร้องโดย สุนทรี เวชานนท์ ประพันธ์ทำนองโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล ประพันธ์คำร้องโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล และ ปวรินทร์ พิเกณฑ์ - ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจด้านศิลปาชีพ โดยถ่ายทอดด้วยภาษาพื้นถิ่นล้านนา
    .
    ๑๐. บทเพลงชื่อ "กางเขนแดง หัวใจขาว" ขับร้องโดย ธนพร แวกประยูร (ปาน ธนพร) ประพันธ์คำร้องโดย ชาตรี ทับละม่อม ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เรื่องราวเกี่ยวกับแพทย์พยาบาลที่เสียสละตนเองเพื่อสืบสานปณิธานพระพันปีที่ทรงเป็นสภานายิกาสภากาชาดไทย
    .
    ============================================
    สามารถดาวน์โหลดเพลงทั้งหมดมาฟังฟรีได้ที่
    https://soundcloud.com/pongprom.../sets/rvjqypbout7k...
    (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค)
    ============================================
    ต้องการนำบทเพลงไปขับร้องหรือทำกิจกรรม ดาวน์โหลด Backingtrack ที่นี่
    https://soundcloud.com/pongprom.../sets/backingtrack...
    (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค)
    -------------------------------------------------------------
    เฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/
    -------------------------------------------------------------
    ข้อมูลทั้งหมดของโครงการ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี สำหรับสื่อมวลชน (Press Kit)
    https://drive.google.com/.../1o0bROjNZGeM20GDkzGgiNBtVh4g...
    .
    สามารถ Streaming เพลงจากอัลบั้ม #คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี ที่...
    .
    Spotify
    https://open.spotify.com/album/3ctqdqlVfGywJ4vLIaE3GE
    .
    ============================================
    รักพระพันปี ร่วมกันเผยแพร่พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน
    ข่าวประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี ======================================== . โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี เกิดขึ้นจากการริเริ่มของสมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมป์ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับศิลปินกลุ่มนักประพันธ์เพลงจิตอาสา และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี นำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี พ.ศ.2560 ได้ร่วมกันสร้างสรรค์และจัดทำอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรติถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงขึ้น โดยมีจุดประสงค์นอกจากเพื่อเทิดพระเกียรติแล้ว ยังเป็นการนำเสนอบทเพลงที่ถ่ายทอดเรื่องราวอันซาบซึ้งประทับใจและเป็นที่จดจำของปวงชนชาวไทยเกี่ยวกับพระองค์ท่านจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ บทเพลง ในการนี้ พงศ์พรหม หัวหน้าโครงการที่ดูแลในส่วนของการสร้างสรรค์บทเพลงได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของงานว่า... . "ผมจะมีความคุ้นเคยกับศิลปินนักร้องกลุ่มหนึ่งที่ถวายงานการแสดงให้สมเด็จพระพันปีฯ มานานนับสิบปี อาทิเช่น คุณอิสริยา คูประเสริฐ คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ พันเอกนายแพทย์วิภู กำเหนิดดี คุณอภิภู โสรพิมาย.. เรามักสนทนากันบ่อยๆ ว่าสมเด็จพระพันปีท่านไม่มีเพลงของพระองค์ท่านให้นึกถึงได้เลย เราก็ช่วยกันคิดว่ามีเพลงอะไรบ้างนะที่เราพอจะคุ้นเคย ก็นึกไม่ออก เราก็เลยเอ่ยปากตั้งใจกันไว้ว่าสักวันเมื่อมีโอกาสอำนวยเรามาช่วยกันทำเพลงถวายพระองค์ท่านสักชุดหนึ่งดีไหม ทุกคนก็เห็นว่าดี ก็ลั่นวาจากันไว้อย่างนั้น จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่แล้ว พ.ศ. 2565 เป็นปีที่สมเด็จพระพันปีหลวงฯ ท่านจะมีพระชนมายุครบ 90 พรรษา ผมก็คิดว่านี่แหละที่เป็นโอกาสที่ดี ก็เลยนัดมาเจอกันแล้วเริ่มงานกันตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2565 โดยตั้งใจว่าต้องทำให้เสร็จสองเพลงก่อน ให้ทันวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ก็มีเพลงแรกชื่อ "เพลงไหมแพรวา" คุณดลชัย บุณยะรัตเวช ขับร้อง อีกเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ ขับร้อง ก็ทำกันเสร็จทันออกมาให้ได้ฟังกันในวันเฉลิมพระชนม์พรรษาปีที่แล้ว จากนั้นเราก็แต่งเพลงเพิ่ม มีนักร้องมาร่วมอีกหลายคน อาทิ คุณสุนทรี เวชานนท์ คุณปาน ธนพร แวกประยูร ม.ล.วันรัชดา วรวุฒิ กลุ่มนักร้องเยาวชนจากว๊อยซ์อคาเดมีหกคน.. ได้ทำการบันทึกเสียงมาเรื่อยๆ จนเสร็จสิ้นครบทั้ง 10 เพลงเมื่อเดือนมกราคม 2566 ต้นปีนี้เอง โดยที่ศิลปินทุกคนไม่ว่าจะขับร้องหรือเล่นดนตรี รวมทั้งนักแต่งเพลงที่มาช่วยกันทำงานทุกคน ต่างมาร่วมกันทำงานนี้ถวายด้วยจิตอาสา ไม่มีใครคิดค่าทำงานใดๆ ทั้งสิ้น"... . "แต่แน่นอนว่าการทำงานโครงการขนาดนี้ย่อมมีค่าใช้จ่าย ในขั้นแรกก็มีเพื่อนๆ ที่มีความจงรักภักดีสองสามท่านช่วยกันสนับสนุนให้งานเริ่มดำเนินไปได้ ต่อมาเนื่องจากผมเป็นนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ผมนำโครงการไปปรึกษากับเพื่อนนักเรียนเก่าราชวิทย์ด้วยกัน คือ พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส ก็เลยได้สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มาสนับสนุนงบประมาณในขั้นตอนการบันทึกเสียง ประสานงานหาผู้สนับสนุนในส่วนของห้องบันทึกเสียง การผลิตมิวสิควิดิโอ การผลิตแพคเกจ จนกระทั่งกระบวนการสร้างสรรค์ทั้งหมดสำเร็จเสร็จสิ้น"... . "เมื่อผลงานทั้งหมดบันทึกเสียงเสร็จ ผมได้นำโครงการไปเรียนปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่อีกสองท่านว่าจะทำการเผยแพร่โครงการออกไปอย่างไรบ้าง ท่านแรกคือคุณสมยศ เกียรติอร่ามกุล ผู้บริหารท่านหนึ่งของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และอีกท่านคือ คุณประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ด้วยเหตุนี้จึงได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมโดยทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสจะทำการผลิตสารคดีเพลงจำนวนหกเรื่อง และละครเทิดพระเกียรติอีกสามเรื่อง โดยทางกระทรวงวัฒนธรรมจะรับผิดชอบในการดูแลและเผยแพร่คอนเท้นท์ ประชาสัมพันธ์ทางภาครัฐและสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองและถวายพระพรในช่วงวโรกาสวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2566 ที่กำลังจะมาถึงนี้" . โครงการอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรตินี้ จะทำการผลิตออกมาในรูปของแพคเกจที่ประณีตสวยงามสมพระเกียรติ กล่องบรรจุใช้กระดาษรีไซเคิลของไทยและหมึกถั่วเหลืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในแพคเกจประกอบไปด้วยภาพวาดปกพระฉายาสาทิสลักษณ์โดยศิลปินทัศนศิลป์ นิติกร กรัยวิเชียร โปสการ์ดภาพวาดพระฉายาสาทิสลักษณ์ โดยศิลปินทัศนศิลป์ สุวิทย์ ใจป้อม จำนวน 10 ภาพ ภาพประกอบด้านในโดยศิลปิน ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช และเครดิตการ์ดยูเอสบีขนาดความจุ 16 กิกาไบ๊ต์ ท่ีบรรจุไฟล์เพลงรายละเอียดสูงทั้งสิบเพลง ทั้งแบบเพลงเต็มและแบ๊คกิ้งแทร็ค ไฟล์มิวสิควิดิโอขนาดฟูลเอชดีทั้งสิบเพลง และข้อมูลของบทเพลงในอัลบั้ม . แพคเกจอัลบั้มนี้จะไม่มีวางจำหน่าย แต่จะเผยแพร่ผ่านทางกิจกรรมที่ไม่แสวงผลกำไรทางการค้าเท่านั้น ผู้ที่สนใจทั่วไปสามารถดาวน์โหลดไฟล์บทเพลงได้ฟรีผ่านทางเฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/ (หรือตามลิ๊งค์ที่อยู่ล่างสุดในโพสนี้) รักพระพันปี กรุณาช่วยกันกดไล๊ค์ กดแชร์ ร่วมกันเผยแพร่ . . ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักของโครงการที่ให้ความอนุเคราะห์จนโครงการ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปีนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ได้แก่.. - สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ - สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส - กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม - บริษัท ธนัทเฮิร์บ พาณิชย์ จำกัด - บริษัท IFCG จำกัด (มหาชน) - บริษัท พีที พลัส จำกัด - บริษัท ลอรีส จำกัด (ออด๊าซ) - บริษัท ไทย ทีเอเอ็น อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด . ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับบทเพลงทั้งสิบเพลง ในอัลบั้มชุดนี้บทเพลงที่ประพันธขึ้นประกอบด้วยบทเพลงทั้งสิ้น ๑๐ เพลง ดังนี้ . ๑. บทเพลงชื่อ "เพลงไหมแพรวา" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ภาณุ เทศะศิริ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผ้าไหมแพรวาที่สมเด็จพระพันปีทรงอุปถัมภ์จนกลายเป็นราชินีผ้าไหมไทยที่เลื่องลือทั่วโลก . ๒. บทเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" ขับร้องโดย กันยารัตน์ กุยสุวรรณ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นการถ่ายทอดความรักความผูกพันที่พสกนิกรชาวไทยมีต่อสมเด็จพระพันปีผ่านมุมมองข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ . ๓. บทเพลงชื่อ "ปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องของชาวนาและเกษตรแผนใหม่ตามแนวพระราชดำริและการรักษาองค์ความรู้ภูมิปัญญาประเพณีท้องถิ่น . ๔. บทเพลงชื่อ "โพธิ์ทองของปวงไทย" ขับร้องโดย ด.ญ. มนภทริตา ทองเกิด, ด.ญ. จิรัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ธนัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ศิตภัทร ตันติเวสส, ด.ญ. นภัสร์นันท์ วงศ์วิวัฒน์, ด.ญ. ปวริศา เติมจิตรอารีย์ ประพันธ์คำร้องโดย ชโลธร ควรหาเวช ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นการบรรยายพระมหากรุณาธิคุณและพระกรณีกิจมากมายที่พระพันปีทรงทุ่มเท ผ่านมุมมองเยาวชน . ๕. บทเพลงชื่อ "พ่อเป็นน้ำ แม่เป็นป่า" ขับร้องโดย หม่อมหลวงวันรัชดา วรวุฒิ และตัวแทนชาวไทยภูเขาหกเผ่า ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย โอฬาร เนตรหาญ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามแนวพระราชดำริและความผูกพันของชาวไทยภูเขากับพระพันปีหลวง . ๖. บทเพลงชื่อ "ภาพพันปี" ขับร้องโดย อิสริยา คูประเสริฐ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ธนชัย ยงพิพัฒน์วงศ์ และ ชาตรี ทับละม่อม เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นเพลงพรรณาให้เห็นความรักและความทุ่มเทของพระพันปีที่มีต่อพสกนิกร ผ่านภาพถ่ายมากมายที่ประทับอยู่ในความทรงจำของคนไทยมานานแสนนาน . ๗. บทเพลงชื่อ "คนโขน" ขับร้องโดย อภิภู โสรพิมาย ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล และ พงศ์พรหม สนิทวงศ์ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระพันปีที่มีต่อนาฏศิลป์โขนไทย . ๘. บทเพลงชื่อ "กายเราคือเสาหลัก" ขับร้องโดย พันเอกนายแพทย์วิภู กำเนิดดี ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับตำรวจตระเวนชายแดน ความรักที่พวกเขามีต่อชาติ ต่อสถาบัน และความห่วงใยเมตตาของพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีที่มีต่อพวกเขา . ๙. บทเพลงชื่อ "ศิลปาชีพ" ขับร้องโดย สุนทรี เวชานนท์ ประพันธ์ทำนองโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล ประพันธ์คำร้องโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล และ ปวรินทร์ พิเกณฑ์ - ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจด้านศิลปาชีพ โดยถ่ายทอดด้วยภาษาพื้นถิ่นล้านนา . ๑๐. บทเพลงชื่อ "กางเขนแดง หัวใจขาว" ขับร้องโดย ธนพร แวกประยูร (ปาน ธนพร) ประพันธ์คำร้องโดย ชาตรี ทับละม่อม ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เรื่องราวเกี่ยวกับแพทย์พยาบาลที่เสียสละตนเองเพื่อสืบสานปณิธานพระพันปีที่ทรงเป็นสภานายิกาสภากาชาดไทย . ============================================ สามารถดาวน์โหลดเพลงทั้งหมดมาฟังฟรีได้ที่ https://soundcloud.com/pongprom.../sets/rvjqypbout7k... (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค) ============================================ ต้องการนำบทเพลงไปขับร้องหรือทำกิจกรรม ดาวน์โหลด Backingtrack ที่นี่ https://soundcloud.com/pongprom.../sets/backingtrack... (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค) ------------------------------------------------------------- เฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/ ------------------------------------------------------------- ข้อมูลทั้งหมดของโครงการ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี สำหรับสื่อมวลชน (Press Kit) https://drive.google.com/.../1o0bROjNZGeM20GDkzGgiNBtVh4g... . สามารถ Streaming เพลงจากอัลบั้ม #คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี ที่... . Spotify https://open.spotify.com/album/3ctqdqlVfGywJ4vLIaE3GE . ============================================ รักพระพันปี ร่วมกันเผยแพร่พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน
    0 Comments 0 Shares 85 Views 0 Reviews
  • SSD ใน M5 MacBook Pro เร็วกว่า M4 ถึง 2.5 เท่า – Apple อาจประเมินต่ำไป

    ถ้าคุณกำลังคิดจะซื้อ MacBook Pro รุ่นใหม่ ข่าวดีคือมันเร็วกว่าเดิมแบบเห็นผล โดยเฉพาะในเรื่องของ SSD ที่เป็นหัวใจของการโหลดข้อมูล เปิดแอป และตัดต่อวิดีโอ

    YouTuber Max Tech ได้ทดสอบความเร็วของ SSD ด้วยโปรแกรม Blackmagic Disk Speed Test พบว่า:

    M5 MacBook Pro อ่านข้อมูลได้ถึง 6,323 MB/s และเขียนได้ 6,068 MB/s
    M4 MacBook Pro อ่านได้เพียง 2,031 MB/s และเขียนได้ 3,293 MB/s

    เมื่อเฉลี่ยแล้ว M5 เร็วกว่า M4 ถึง 2.5 เท่า ซึ่งมากกว่าที่ Apple เคยระบุไว้ว่าเร็วขึ้นแค่ 2 เท่า

    ความเร็วที่เพิ่มขึ้นนี้อาจมาจากการใช้คอนโทรลเลอร์ SSD ที่ดีขึ้น และการเพิ่มจำนวนเลน PCIe จาก 4x เป็น 8x ในรุ่น Pro/Max/Ultra ซึ่งช่วยให้ข้อมูลไหลลื่นขึ้นมาก

    นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงด้านการจัดวาง NAND chip ภายในเครื่อง โดยใช้แบบ 2 ชิ้น 256GB แทนแบบเดี่ยว 512GB ซึ่งเคยเป็นปัญหาในรุ่น M2 Pro ที่ทำให้ความเร็วตกลงอย่างมาก

    ความเร็ว SSD ใน M5 MacBook Pro
    อ่านข้อมูลได้ 6,323 MB/s
    เขียนข้อมูลได้ 6,068 MB/s
    เร็วกว่ารุ่น M4 ถึง 2.5 เท่า

    การทดสอบโดย Max Tech
    ใช้โปรแกรม Blackmagic Disk Speed Test
    เปิดเครื่องจริงเพื่อดูการจัดวางภายใน
    พบว่าใช้ NAND chip แบบคู่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

    ปัจจัยที่ทำให้ SSD เร็วขึ้น
    คอนโทรลเลอร์ใหม่ที่จัดการข้อมูลได้ดีขึ้น
    เพิ่มเลน PCIe จาก 4x เป็น 8x ในรุ่นสูง
    ปรับโครงสร้างภายในให้เหมาะกับการทำงานหนัก

    https://www.tomshardware.com/laptops/macbooks/m5-macbook-pros-ssd-is-2-5x-faster-on-average-than-last-gen-m4-exceeding-apples-own-claims-m5-achieves-6-000-mb-s-across-both-read-and-write-speeds
    💻 SSD ใน M5 MacBook Pro เร็วกว่า M4 ถึง 2.5 เท่า – Apple อาจประเมินต่ำไป ถ้าคุณกำลังคิดจะซื้อ MacBook Pro รุ่นใหม่ ข่าวดีคือมันเร็วกว่าเดิมแบบเห็นผล โดยเฉพาะในเรื่องของ SSD ที่เป็นหัวใจของการโหลดข้อมูล เปิดแอป และตัดต่อวิดีโอ YouTuber Max Tech ได้ทดสอบความเร็วของ SSD ด้วยโปรแกรม Blackmagic Disk Speed Test พบว่า: 💻 M5 MacBook Pro อ่านข้อมูลได้ถึง 6,323 MB/s และเขียนได้ 6,068 MB/s 💻 M4 MacBook Pro อ่านได้เพียง 2,031 MB/s และเขียนได้ 3,293 MB/s เมื่อเฉลี่ยแล้ว M5 เร็วกว่า M4 ถึง 2.5 เท่า ซึ่งมากกว่าที่ Apple เคยระบุไว้ว่าเร็วขึ้นแค่ 2 เท่า ความเร็วที่เพิ่มขึ้นนี้อาจมาจากการใช้คอนโทรลเลอร์ SSD ที่ดีขึ้น และการเพิ่มจำนวนเลน PCIe จาก 4x เป็น 8x ในรุ่น Pro/Max/Ultra ซึ่งช่วยให้ข้อมูลไหลลื่นขึ้นมาก นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงด้านการจัดวาง NAND chip ภายในเครื่อง โดยใช้แบบ 2 ชิ้น 256GB แทนแบบเดี่ยว 512GB ซึ่งเคยเป็นปัญหาในรุ่น M2 Pro ที่ทำให้ความเร็วตกลงอย่างมาก ✅ ความเร็ว SSD ใน M5 MacBook Pro ➡️ อ่านข้อมูลได้ 6,323 MB/s ➡️ เขียนข้อมูลได้ 6,068 MB/s ➡️ เร็วกว่ารุ่น M4 ถึง 2.5 เท่า ✅ การทดสอบโดย Max Tech ➡️ ใช้โปรแกรม Blackmagic Disk Speed Test ➡️ เปิดเครื่องจริงเพื่อดูการจัดวางภายใน ➡️ พบว่าใช้ NAND chip แบบคู่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ✅ ปัจจัยที่ทำให้ SSD เร็วขึ้น ➡️ คอนโทรลเลอร์ใหม่ที่จัดการข้อมูลได้ดีขึ้น ➡️ เพิ่มเลน PCIe จาก 4x เป็น 8x ในรุ่นสูง ➡️ ปรับโครงสร้างภายในให้เหมาะกับการทำงานหนัก https://www.tomshardware.com/laptops/macbooks/m5-macbook-pros-ssd-is-2-5x-faster-on-average-than-last-gen-m4-exceeding-apples-own-claims-m5-achieves-6-000-mb-s-across-both-read-and-write-speeds
    0 Comments 0 Shares 66 Views 0 Reviews
  • อนุทิน ดันความร่วมมือ ASEAN DEFA เน้นย้ำความมั่นคงการเงิน-ดิจิทัล-มนุษย์
    https://www.thai-tai.tv/news/22064/
    .
    #ไทยไท #อนุทิน #อาเซียนบวกสาม #3SecuritiesApproach #DigitalSecurity #CMIM #APTSummit
    อนุทิน ดันความร่วมมือ ASEAN DEFA เน้นย้ำความมั่นคงการเงิน-ดิจิทัล-มนุษย์ https://www.thai-tai.tv/news/22064/ . #ไทยไท #อนุทิน #อาเซียนบวกสาม #3SecuritiesApproach #DigitalSecurity #CMIM #APTSummit
    0 Comments 0 Shares 32 Views 0 Reviews
  • 🏖 Norwegian Cruise Line เตรียมแปลงโฉมเกาะส่วนตัว "Great Stirrup Cay" ใหม่ในช่วงฤดูร้อนปี 2569
    เพิ่มสวนน้ำ Great Tides ขนาดเกือบ 6 เอเคอร์ มูลค่ากว่า 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

    การต้อนรับสุดพิเศษ เตรียมพร้อมรับรองนักท่องเที่ยวจำนวนมากจากเรือ Norwegian Cruise 🛳

    ดูเรือ Norwegian Cruise ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/70dc70

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696 (Auto)

    #เรือNorwegianCruise #NorwegianCruiseLine #GreatStirrupCay #GreatTides #NCL #updates #News #CruiseDomain #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ
    🏖 Norwegian Cruise Line เตรียมแปลงโฉมเกาะส่วนตัว "Great Stirrup Cay" ใหม่ในช่วงฤดูร้อนปี 2569 เพิ่มสวนน้ำ Great Tides ขนาดเกือบ 6 เอเคอร์ มูลค่ากว่า 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การต้อนรับสุดพิเศษ เตรียมพร้อมรับรองนักท่องเที่ยวจำนวนมากจากเรือ Norwegian Cruise 🛳 ดูเรือ Norwegian Cruise ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/70dc70 ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 (Auto) #เรือNorwegianCruise #NorwegianCruiseLine #GreatStirrupCay #GreatTides #NCL #updates #News #CruiseDomain #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ
    0 Comments 0 Shares 37 Views 0 Reviews
  • RedMagic 11 Pro – สมาร์ทโฟนเกมมิ่งเครื่องแรกของโลกที่มาพร้อมระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว

    ถ้าคุณเป็นสายเกมมือถือที่กำลังมองหาเครื่องแรงๆ RedMagic 11 Pro อาจเป็นคำตอบที่คุณรอคอย เพราะมันมาพร้อมกับชิป Snapdragon 8 Elite Gen5 ที่แรงที่สุดในตลาดตอนนี้ แถมยังมีชิปกราฟิกเฉพาะ RedCore R4 ที่ช่วยให้ภาพลื่นไหลไม่มีสะดุด

    แต่ไฮไลต์เด็ดจริงๆ คือระบบระบายความร้อน “AquaCore” ที่ใช้ของเหลวหมุนเวียนผ่านท่อใสด้านหลังเครื่อง พร้อมพัดลมหมุนเร็วถึง 24,000 รอบต่อนาที! นี่ไม่ใช่แค่เท่ แต่ช่วยให้เครื่องไม่ร้อนแม้เล่นเกมหนักๆ ต่อเนื่องหลายชั่วโมง

    แม้จะอัดแน่นด้วยเทคโนโลยี แต่ตัวเครื่องยังบางเพียง 8.9 มม. และหนักแค่ 230 กรัม พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7,500mAh ที่เล่นเกมได้ต่อเนื่องถึง 13 ชั่วโมง

    หน้าจอก็ไม่ธรรมดา เป็น AMOLED รีเฟรชเรต 144Hz ความละเอียด 1.5K (2,688 x 1,216 พิกเซล) พร้อมเทคโนโลยี “ใต้หน้าจอ” และ “ถนอมสายตา” สำหรับเกมเมอร์ตัวจริง

    จุดเด่นของ RedMagic 11 Pro
    เปิดตัวในสหรัฐฯ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2025
    ใช้ชิป Snapdragon 8 Elite Gen5 + RedCore R4
    ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว + พัดลม 24,000rpm
    แบตเตอรี่ 7,500mAh เล่นเกมได้ต่อเนื่อง 13 ชั่วโมง
    หน้าจอ AMOLED 144Hz ความละเอียด 1.5K
    ดีไซน์บาง 8.9 มม. น้ำหนัก 230 กรัม

    ความแตกต่างจากรุ่นจีน
    รุ่นจีนมี 2 แบบ: Pro (80W) และ Pro+ (120W)
    รุ่น Global ลดแบตจาก 8,000mAh เหลือ 7,500mAh
    ยังไม่ยืนยันว่าจะวางขายรุ่น Pro+ ทั่วโลกหรือไม่

    ราคาโดยประมาณ
    รุ่น 12GB RAM + 256GB ราคา ~ $700
    รุ่น 16GB RAM + 512GB ราคา ~ $800
    รุ่น Pro+ (เฉพาะจีน) มีถึง 24GB RAM + 1TB ราคาเกิน $1,000

    https://www.slashgear.com/2003821/redmagic-11-pro-liquid-cooled-smartphone-details/
    📱 RedMagic 11 Pro – สมาร์ทโฟนเกมมิ่งเครื่องแรกของโลกที่มาพร้อมระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว ถ้าคุณเป็นสายเกมมือถือที่กำลังมองหาเครื่องแรงๆ RedMagic 11 Pro อาจเป็นคำตอบที่คุณรอคอย เพราะมันมาพร้อมกับชิป Snapdragon 8 Elite Gen5 ที่แรงที่สุดในตลาดตอนนี้ แถมยังมีชิปกราฟิกเฉพาะ RedCore R4 ที่ช่วยให้ภาพลื่นไหลไม่มีสะดุด แต่ไฮไลต์เด็ดจริงๆ คือระบบระบายความร้อน “AquaCore” ที่ใช้ของเหลวหมุนเวียนผ่านท่อใสด้านหลังเครื่อง พร้อมพัดลมหมุนเร็วถึง 24,000 รอบต่อนาที! นี่ไม่ใช่แค่เท่ แต่ช่วยให้เครื่องไม่ร้อนแม้เล่นเกมหนักๆ ต่อเนื่องหลายชั่วโมง แม้จะอัดแน่นด้วยเทคโนโลยี แต่ตัวเครื่องยังบางเพียง 8.9 มม. และหนักแค่ 230 กรัม พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7,500mAh ที่เล่นเกมได้ต่อเนื่องถึง 13 ชั่วโมง หน้าจอก็ไม่ธรรมดา เป็น AMOLED รีเฟรชเรต 144Hz ความละเอียด 1.5K (2,688 x 1,216 พิกเซล) พร้อมเทคโนโลยี “ใต้หน้าจอ” และ “ถนอมสายตา” สำหรับเกมเมอร์ตัวจริง ✅ จุดเด่นของ RedMagic 11 Pro ➡️ เปิดตัวในสหรัฐฯ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2025 ➡️ ใช้ชิป Snapdragon 8 Elite Gen5 + RedCore R4 ➡️ ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว + พัดลม 24,000rpm ➡️ แบตเตอรี่ 7,500mAh เล่นเกมได้ต่อเนื่อง 13 ชั่วโมง ➡️ หน้าจอ AMOLED 144Hz ความละเอียด 1.5K ➡️ ดีไซน์บาง 8.9 มม. น้ำหนัก 230 กรัม ✅ ความแตกต่างจากรุ่นจีน ➡️ รุ่นจีนมี 2 แบบ: Pro (80W) และ Pro+ (120W) ➡️ รุ่น Global ลดแบตจาก 8,000mAh เหลือ 7,500mAh ➡️ ยังไม่ยืนยันว่าจะวางขายรุ่น Pro+ ทั่วโลกหรือไม่ ✅ ราคาโดยประมาณ ➡️ รุ่น 12GB RAM + 256GB ราคา ~ $700 ➡️ รุ่น 16GB RAM + 512GB ราคา ~ $800 ➡️ รุ่น Pro+ (เฉพาะจีน) มีถึง 24GB RAM + 1TB ราคาเกิน $1,000 https://www.slashgear.com/2003821/redmagic-11-pro-liquid-cooled-smartphone-details/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    The World's First Liquid-Cooled Smartphone Is About To Hit The Market - SlashGear
    RedMagic is coming out with a new smartphone with a liquid-cooled processor, enabling the Snapdragon 8 Gen 5 chip to run even harder for optimal gaming.
    0 Comments 0 Shares 40 Views 0 Reviews
  • ปล่อยให้ธรรมชาติฟื้นตัวเอง – กลยุทธ์เรียบง่ายจากดาวเทียมเพื่อสู้โลกร้อน

    ลองจินตนาการว่าพื้นที่ป่าที่เคยถูกตัดไม้ทำลายไป กลับกลายเป็นความหวังใหม่ในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน ไม่ใช่ด้วยการปลูกต้นไม้ใหม่ แต่ด้วยการ “ปล่อยให้ธรรมชาติทำงานของมันเอง”

    นักวิจัยจากวารสาร Nature ใช้ข้อมูลจากดาวเทียมระหว่างปี 2000–2016 เพื่อศึกษาการฟื้นตัวของป่าฝนเขตร้อน พบว่ามีพื้นที่จำนวนมหาศาลทั่วโลกที่สามารถกลับมาเป็นป่าได้โดยใช้การจัดการเพียงเล็กน้อย เช่น ป้องกันไฟป่า กำจัดพืชรุกราน และห้ามสัตว์เลี้ยงเข้าไปในพื้นที่

    ข้อมูลจากดาวเทียมละเอียดถึงระดับ 30 ตารางเมตรต่อจุด ทำให้สามารถสร้างแผนที่แสดงพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการฟื้นฟูได้อย่างแม่นยำ โดยกว่า 50% ของพื้นที่ที่มีศักยภาพอยู่ใน 5 ประเทศ ได้แก่ บราซิล จีน โคลอมเบีย อินโดนีเซีย และเม็กซิโก

    การปล่อยให้ป่าฟื้นตัวเองมีข้อดีคือใช้งบประมาณน้อยกว่าการปลูกใหม่ และยังส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพมากกว่า เพราะไม่ต้องเลือกปลูกเฉพาะพันธุ์ไม้ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ

    แม้จะดูเรียบง่าย แต่กลยุทธ์นี้อาจเป็นกุญแจสำคัญในการลดคาร์บอนในบรรยากาศอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในประเทศที่มีงบประมาณด้านสิ่งแวดล้อมจำกัด

    การฟื้นตัวของป่าฝนเขตร้อน
    ใช้ข้อมูลดาวเทียมระหว่างปี 2000–2016
    พบว่าป่าฟื้นตัวเองได้ดีหากมีการจัดการเล็กน้อย
    เช่น ป้องกันไฟป่า กำจัดพืชรุกราน และห้ามสัตว์เลี้ยงเข้าไป

    พื้นที่ที่มีศักยภาพสูงในการฟื้นฟู
    กว่า 50% อยู่ใน 5 ประเทศ: บราซิล จีน โคลอมเบีย อินโดนีเซีย เม็กซิโก
    ข้อมูลจากดาวเทียมละเอียดถึง 30 ตารางเมตรต่อจุด
    ช่วยสร้างแผนที่ฟื้นฟูที่แม่นยำกว่าการศึกษาก่อนหน้า

    ข้อดีของการปล่อยให้ธรรมชาติฟื้นตัวเอง
    ใช้งบประมาณน้อยกว่าการปลูกใหม่
    ส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ
    ลดโอกาสที่ป่าจะถูกตัดอีกในอนาคต

    ความท้าทายในการฟื้นฟูธรรมชาติ
    ต้องมีการจัดการเบื้องต้นเพื่อให้ป่าฟื้นตัวได้เต็มที่
    เช่น การควบคุมไฟป่าและสัตว์เลี้ยง
    หากไม่มีการสนับสนุนจากรัฐหรือองค์กร อาจไม่เกิดผลในระยะยาว

    https://www.slashgear.com/2003428/satellite-imaging-forest-regrowth-global-warming/
    🌳 ปล่อยให้ธรรมชาติฟื้นตัวเอง – กลยุทธ์เรียบง่ายจากดาวเทียมเพื่อสู้โลกร้อน ลองจินตนาการว่าพื้นที่ป่าที่เคยถูกตัดไม้ทำลายไป กลับกลายเป็นความหวังใหม่ในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน ไม่ใช่ด้วยการปลูกต้นไม้ใหม่ แต่ด้วยการ “ปล่อยให้ธรรมชาติทำงานของมันเอง” นักวิจัยจากวารสาร Nature ใช้ข้อมูลจากดาวเทียมระหว่างปี 2000–2016 เพื่อศึกษาการฟื้นตัวของป่าฝนเขตร้อน พบว่ามีพื้นที่จำนวนมหาศาลทั่วโลกที่สามารถกลับมาเป็นป่าได้โดยใช้การจัดการเพียงเล็กน้อย เช่น ป้องกันไฟป่า กำจัดพืชรุกราน และห้ามสัตว์เลี้ยงเข้าไปในพื้นที่ ข้อมูลจากดาวเทียมละเอียดถึงระดับ 30 ตารางเมตรต่อจุด ทำให้สามารถสร้างแผนที่แสดงพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการฟื้นฟูได้อย่างแม่นยำ โดยกว่า 50% ของพื้นที่ที่มีศักยภาพอยู่ใน 5 ประเทศ ได้แก่ บราซิล จีน โคลอมเบีย อินโดนีเซีย และเม็กซิโก การปล่อยให้ป่าฟื้นตัวเองมีข้อดีคือใช้งบประมาณน้อยกว่าการปลูกใหม่ และยังส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพมากกว่า เพราะไม่ต้องเลือกปลูกเฉพาะพันธุ์ไม้ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ แม้จะดูเรียบง่าย แต่กลยุทธ์นี้อาจเป็นกุญแจสำคัญในการลดคาร์บอนในบรรยากาศอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในประเทศที่มีงบประมาณด้านสิ่งแวดล้อมจำกัด ✅ การฟื้นตัวของป่าฝนเขตร้อน ➡️ ใช้ข้อมูลดาวเทียมระหว่างปี 2000–2016 ➡️ พบว่าป่าฟื้นตัวเองได้ดีหากมีการจัดการเล็กน้อย ➡️ เช่น ป้องกันไฟป่า กำจัดพืชรุกราน และห้ามสัตว์เลี้ยงเข้าไป ✅ พื้นที่ที่มีศักยภาพสูงในการฟื้นฟู ➡️ กว่า 50% อยู่ใน 5 ประเทศ: บราซิล จีน โคลอมเบีย อินโดนีเซีย เม็กซิโก ➡️ ข้อมูลจากดาวเทียมละเอียดถึง 30 ตารางเมตรต่อจุด ➡️ ช่วยสร้างแผนที่ฟื้นฟูที่แม่นยำกว่าการศึกษาก่อนหน้า ✅ ข้อดีของการปล่อยให้ธรรมชาติฟื้นตัวเอง ➡️ ใช้งบประมาณน้อยกว่าการปลูกใหม่ ➡️ ส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ ➡️ ลดโอกาสที่ป่าจะถูกตัดอีกในอนาคต ‼️ ความท้าทายในการฟื้นฟูธรรมชาติ ⛔ ต้องมีการจัดการเบื้องต้นเพื่อให้ป่าฟื้นตัวได้เต็มที่ ⛔ เช่น การควบคุมไฟป่าและสัตว์เลี้ยง ⛔ หากไม่มีการสนับสนุนจากรัฐหรือองค์กร อาจไม่เกิดผลในระยะยาว https://www.slashgear.com/2003428/satellite-imaging-forest-regrowth-global-warming/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Satellites Discovered A Surprisingly Simple Strategy To Combat Climate Change - SlashGear
    By tracking forest regrowth from space, scientists found that letting nature reforest itself could capture carbon cheaply and effectively across the tropics.
    0 Comments 0 Shares 51 Views 0 Reviews
  • “บั๊กเดียวเปลี่ยนชีวิต! เมื่อ PyTorch สอนมากกว่าหลายปีที่ใช้งาน”

    ลองจินตนาการว่าคุณกำลังเทรนโมเดล deep learning บน MacBook ด้วย PyTorch แล้วอยู่ดีๆ loss ก็หยุดนิ่งไม่ขยับ ทั้งที่คุณมั่นใจว่าโค้ดไม่มีปัญหา… นี่คือจุดเริ่มต้นของการผจญภัยของ Elana Simon นักวิจัยจาก Stanford ที่ค้นพบว่าไม่ใช่แค่ hyperparameter ที่ผิด แต่เป็นบั๊กลึกใน PyTorch ที่ซ่อนอยู่ในระดับ kernel บน Apple Silicon GPU!

    เธอเริ่มจากการสงสัยตัวเอง ลองปรับทุกอย่างที่คิดได้ ตั้งแต่ learning rate ไปจนถึง auxiliary loss แต่ encoder weights กลับไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งที่ decoder weights กลับอัปเดตตามปกติ สุดท้ายเธอพบว่า optimizer Adam บน MPS (Metal Performance Shaders) มีปัญหากับ tensor ที่ไม่ contiguous ซึ่งทำให้บาง operation อย่าง addcmul_() และ addcdiv_() ไม่อัปเดตค่าเลยแม้จะคำนวณเสร็จแล้ว!

    การแก้ปัญหานี้ไม่ใช่แค่การเรียก .contiguous() แต่ยังต้องเข้าใจการทำงานของ kernel, memory layout, และ dispatch system ของ PyTorch อย่างลึกซึ้ง ซึ่งเธอได้เรียนรู้ทั้งหมดจากการไล่ debug ทีละขั้นตอน และสุดท้ายก็สามารถแก้บั๊กได้เอง พร้อมส่ง pull request ไปยัง PyTorch repo!

    นอกจากนั้น เธอยังพบว่า operation อื่นๆ เช่น random_() ก็มีบั๊กแบบเดียวกัน และทั้งหมดนี้เกิดจาก abstraction ที่ “รั่ว” ของ Placeholder ที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจัดการกับ output tensor หรือ input tensor

    เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การแก้บั๊ก แต่เป็นบทเรียนสำคัญในการเข้าใจระบบที่เราใช้งานอยู่ และเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนกล้าลงลึกเพื่อเข้าใจสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง framework ที่เราใช้ทุกวัน

    ปัญหาเริ่มต้นจาก loss ที่ไม่ลดลง
    เกิดขึ้นกับ encoder weights ที่ไม่อัปเดตเลย

    การตรวจสอบพบว่า gradients มีอยู่จริง
    encoder มี gradient ขนาดใหญ่และไม่เป็น NaN

    Optimizer Adam เป็นต้นเหตุ
    encoder weights ไม่อัปเดตเมื่อใช้ Adam แต่ทำงานปกติเมื่อใช้ SGD

    การตรวจสอบ state ของ Adam พบว่า exp_avg_sq เป็นศูนย์
    ทั้งที่ควรมีค่าเพราะ gradients ไม่เป็นศูนย์

    การเปลี่ยนไปใช้ float64 ทำให้ปัญหาหายไป
    แต่จริงๆ แล้วเป็นเพราะเปลี่ยนจาก MPS ไปใช้ CPU โดยไม่ตั้งใจ

    ปัญหาเกิดจาก device-specific kernel บน MPS
    บาง operation ไม่สามารถเขียนค่าลงใน non-contiguous tensor ได้

    การแก้ไขคือการทำ tensor ให้ contiguous ก่อนใช้งาน
    โดยเรียก .contiguous() ก่อน optimizer step

    การตรวจสอบ source code พบว่า operation บางตัวไม่เช็ค contiguity
    เช่น addcmul_() และ addcdiv_() บน MPS ไม่ทำ copy-back

    การแก้ไขใน PyTorch v2.4 ได้แก้ปัญหานี้แล้ว
    โดยเพิ่มขั้นตอน copy-back สำหรับ non-contiguous output

    macOS 15 รองรับ non-contiguous tensor โดยตรง
    ลดความจำเป็นในการ workaround ด้วยการ copy

    https://elanapearl.github.io/blog/2025/the-bug-that-taught-me-pytorch/
    🧠 “บั๊กเดียวเปลี่ยนชีวิต! เมื่อ PyTorch สอนมากกว่าหลายปีที่ใช้งาน” ลองจินตนาการว่าคุณกำลังเทรนโมเดล deep learning บน MacBook ด้วย PyTorch แล้วอยู่ดีๆ loss ก็หยุดนิ่งไม่ขยับ ทั้งที่คุณมั่นใจว่าโค้ดไม่มีปัญหา… นี่คือจุดเริ่มต้นของการผจญภัยของ Elana Simon นักวิจัยจาก Stanford ที่ค้นพบว่าไม่ใช่แค่ hyperparameter ที่ผิด แต่เป็นบั๊กลึกใน PyTorch ที่ซ่อนอยู่ในระดับ kernel บน Apple Silicon GPU! เธอเริ่มจากการสงสัยตัวเอง ลองปรับทุกอย่างที่คิดได้ ตั้งแต่ learning rate ไปจนถึง auxiliary loss แต่ encoder weights กลับไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งที่ decoder weights กลับอัปเดตตามปกติ สุดท้ายเธอพบว่า optimizer Adam บน MPS (Metal Performance Shaders) มีปัญหากับ tensor ที่ไม่ contiguous ซึ่งทำให้บาง operation อย่าง addcmul_() และ addcdiv_() ไม่อัปเดตค่าเลยแม้จะคำนวณเสร็จแล้ว! การแก้ปัญหานี้ไม่ใช่แค่การเรียก .contiguous() แต่ยังต้องเข้าใจการทำงานของ kernel, memory layout, และ dispatch system ของ PyTorch อย่างลึกซึ้ง ซึ่งเธอได้เรียนรู้ทั้งหมดจากการไล่ debug ทีละขั้นตอน และสุดท้ายก็สามารถแก้บั๊กได้เอง พร้อมส่ง pull request ไปยัง PyTorch repo! นอกจากนั้น เธอยังพบว่า operation อื่นๆ เช่น random_() ก็มีบั๊กแบบเดียวกัน และทั้งหมดนี้เกิดจาก abstraction ที่ “รั่ว” ของ Placeholder ที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจัดการกับ output tensor หรือ input tensor เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การแก้บั๊ก แต่เป็นบทเรียนสำคัญในการเข้าใจระบบที่เราใช้งานอยู่ และเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนกล้าลงลึกเพื่อเข้าใจสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง framework ที่เราใช้ทุกวัน ✅ ปัญหาเริ่มต้นจาก loss ที่ไม่ลดลง ➡️ เกิดขึ้นกับ encoder weights ที่ไม่อัปเดตเลย ✅ การตรวจสอบพบว่า gradients มีอยู่จริง ➡️ encoder มี gradient ขนาดใหญ่และไม่เป็น NaN ✅ Optimizer Adam เป็นต้นเหตุ ➡️ encoder weights ไม่อัปเดตเมื่อใช้ Adam แต่ทำงานปกติเมื่อใช้ SGD ✅ การตรวจสอบ state ของ Adam พบว่า exp_avg_sq เป็นศูนย์ ➡️ ทั้งที่ควรมีค่าเพราะ gradients ไม่เป็นศูนย์ ✅ การเปลี่ยนไปใช้ float64 ทำให้ปัญหาหายไป ➡️ แต่จริงๆ แล้วเป็นเพราะเปลี่ยนจาก MPS ไปใช้ CPU โดยไม่ตั้งใจ ✅ ปัญหาเกิดจาก device-specific kernel บน MPS ➡️ บาง operation ไม่สามารถเขียนค่าลงใน non-contiguous tensor ได้ ✅ การแก้ไขคือการทำ tensor ให้ contiguous ก่อนใช้งาน ➡️ โดยเรียก .contiguous() ก่อน optimizer step ✅ การตรวจสอบ source code พบว่า operation บางตัวไม่เช็ค contiguity ➡️ เช่น addcmul_() และ addcdiv_() บน MPS ไม่ทำ copy-back ✅ การแก้ไขใน PyTorch v2.4 ได้แก้ปัญหานี้แล้ว ➡️ โดยเพิ่มขั้นตอน copy-back สำหรับ non-contiguous output ✅ macOS 15 รองรับ non-contiguous tensor โดยตรง ➡️ ลดความจำเป็นในการ workaround ด้วยการ copy https://elanapearl.github.io/blog/2025/the-bug-that-taught-me-pytorch/
    ELANAPEARL.GITHUB.IO
    the bug that taught me more about PyTorch than years of using it
    a loss plateau that looked like my mistake turned out to be a PyTorch bug. tracking it down meant peeling back every layer of abstraction, from optimizer internals to GPU kernels.
    0 Comments 0 Shares 57 Views 0 Reviews
  • “งานวิจัยระดับชาติชี้ชัด – โปรแกรม Montessori ในโรงเรียนรัฐช่วยพัฒนาเด็กเล็กได้ดีกว่า แถมประหยัดงบประมาณ”

    ในยุคที่การศึกษาปฐมวัยถูกตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าและผลลัพธ์ระยะยาว งานวิจัยระดับชาติที่เพิ่งเผยแพร่โดยทีมจาก University of Virginia, University of Pennsylvania และ American Institutes for Research ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ในวงการการศึกษา ด้วยการพิสูจน์ว่า “โปรแกรม Montessori ในโรงเรียนรัฐ” ไม่เพียงช่วยให้เด็กมีพัฒนาการด้านการเรียนรู้ที่เหนือกว่า แต่ยังใช้งบประมาณน้อยกว่าระบบปกติอย่างชัดเจน

    โปรแกรม Montessori คือแนวทางการศึกษาที่เน้นให้เด็กเรียนรู้ด้วยตัวเองผ่านการลงมือทำ โดยมีครูเป็นผู้แนะนำมากกว่าการสอนแบบตรง ๆ ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นโดย Dr. Maria Montessori แพทย์และนักการศึกษาชาวอิตาลีในช่วงปลายศตวรรษที่ 19

    แนวคิดหลักของ Montessori
    การเรียนรู้ที่เน้นความเป็นธรรมชาติของเด็ก
    ครูเป็น “ผู้นำทาง” ไม่ใช่ “ผู้สอน” ครูจะสังเกตพฤติกรรมและความสนใจของเด็ก แล้วจัดกิจกรรมให้เหมาะสม
    รวมห้องเรียนแบบหลายวัย (Mixed-age classroom)
    ใช้สื่อการเรียนรู้ที่ออกแบบมาเพื่อให้เด็กเข้าใจแนวคิดผ่านการสัมผัสและลงมือทำ
    ช่วงเวลาเรียนรู้ต่อเนื่อง (Uninterrupted Work Period) เด็กมีเวลา 2–3 ชั่วโมงในการทำกิจกรรมที่เลือกเองโดยไม่ถูกรบกวน

    งานวิจัยนี้เป็นการทดลองแบบสุ่ม (randomized controlled trial) ครั้งแรกในระดับประเทศ โดยติดตามเด็ก 588 คนจากโรงเรียนรัฐที่ใช้ระบบ Montessori ทั่วสหรัฐฯ พบว่าเด็กที่ได้เข้าเรียนในโปรแกรม Montessori มีผลการเรียนรู้ที่ดีกว่าในด้านการอ่าน ความจำ การควบคุมตนเอง และความเข้าใจทางสังคม เมื่อเทียบกับเด็กที่เรียนในระบบปกติ

    ที่น่าทึ่งคือ โปรแกรม Montessori ใช้งบประมาณน้อยกว่าถึง 13,000 ดอลลาร์ต่อคนในช่วงอายุ 3–6 ปี โดยอาศัยโครงสร้างห้องเรียนที่มีประสิทธิภาพ เช่น การเรียนรู้แบบหลายวัย (mixed-age) ที่เด็กช่วยสอนกันเอง และการใช้ครูอย่างคุ้มค่า

    ผลลัพธ์ยังชี้ว่า เด็กจากครอบครัวรายได้น้อยได้รับประโยชน์สูงสุดจากระบบนี้ ซึ่งสะท้อนถึงรากเหง้าของ Montessori ที่เริ่มต้นในชุมชนแออัดของกรุงโรมเมื่อกว่า 100 ปีก่อน

    ผลการศึกษาระดับชาติ
    ติดตามเด็ก 588 คนในโรงเรียนรัฐที่ใช้ระบบ Montessori
    ใช้การทดลองแบบสุ่ม (randomized controlled trial) เป็นครั้งแรกในระดับประเทศ

    ผลลัพธ์ด้านการเรียนรู้
    เด็ก Montessori มีคะแนนสูงกว่าในด้านการอ่าน ความจำ การควบคุมตนเอง และความเข้าใจทางสังคม
    ผลลัพธ์ยังคงอยู่จนถึงปลายชั้นอนุบาล ไม่หายไปเหมือนโปรแกรมอื่น

    ความคุ้มค่าทางงบประมาณ
    ใช้งบประมาณน้อยกว่าระบบปกติถึง 13,000 ดอลลาร์ต่อคน
    โครงสร้างห้องเรียนแบบหลายวัยช่วยให้เด็กเรียนรู้จากกันและกัน
    ครูมีความพึงพอใจในงานสูงขึ้น และมีอัตราการลาออกต่ำลง

    ผลกระทบต่อเด็กทุกกลุ่ม
    เด็กจากครอบครัวรายได้น้อยได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
    เด็กทุกกลุ่มได้รับประโยชน์จากระบบ Montessori

    ความหมายเชิงนโยบาย
    โปรแกรม Montessori ควรได้รับการสนับสนุนในโรงเรียนรัฐมากขึ้น
    เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและประหยัดสำหรับการศึกษาปฐมวัย

    https://phys.org/news/2025-10-national-montessori-early-outcomes-sharply.html
    📰 “งานวิจัยระดับชาติชี้ชัด – โปรแกรม Montessori ในโรงเรียนรัฐช่วยพัฒนาเด็กเล็กได้ดีกว่า แถมประหยัดงบประมาณ” ในยุคที่การศึกษาปฐมวัยถูกตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าและผลลัพธ์ระยะยาว งานวิจัยระดับชาติที่เพิ่งเผยแพร่โดยทีมจาก University of Virginia, University of Pennsylvania และ American Institutes for Research ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ในวงการการศึกษา ด้วยการพิสูจน์ว่า “โปรแกรม Montessori ในโรงเรียนรัฐ” ไม่เพียงช่วยให้เด็กมีพัฒนาการด้านการเรียนรู้ที่เหนือกว่า แต่ยังใช้งบประมาณน้อยกว่าระบบปกติอย่างชัดเจน โปรแกรม Montessori คือแนวทางการศึกษาที่เน้นให้เด็กเรียนรู้ด้วยตัวเองผ่านการลงมือทำ โดยมีครูเป็นผู้แนะนำมากกว่าการสอนแบบตรง ๆ ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นโดย Dr. Maria Montessori แพทย์และนักการศึกษาชาวอิตาลีในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 🧠 แนวคิดหลักของ Montessori 🎗️ การเรียนรู้ที่เน้นความเป็นธรรมชาติของเด็ก 🎗️ ครูเป็น “ผู้นำทาง” ไม่ใช่ “ผู้สอน” ครูจะสังเกตพฤติกรรมและความสนใจของเด็ก แล้วจัดกิจกรรมให้เหมาะสม 🎗️ รวมห้องเรียนแบบหลายวัย (Mixed-age classroom) 🎗️ ใช้สื่อการเรียนรู้ที่ออกแบบมาเพื่อให้เด็กเข้าใจแนวคิดผ่านการสัมผัสและลงมือทำ 🎗️ ช่วงเวลาเรียนรู้ต่อเนื่อง (Uninterrupted Work Period) เด็กมีเวลา 2–3 ชั่วโมงในการทำกิจกรรมที่เลือกเองโดยไม่ถูกรบกวน งานวิจัยนี้เป็นการทดลองแบบสุ่ม (randomized controlled trial) ครั้งแรกในระดับประเทศ โดยติดตามเด็ก 588 คนจากโรงเรียนรัฐที่ใช้ระบบ Montessori ทั่วสหรัฐฯ พบว่าเด็กที่ได้เข้าเรียนในโปรแกรม Montessori มีผลการเรียนรู้ที่ดีกว่าในด้านการอ่าน ความจำ การควบคุมตนเอง และความเข้าใจทางสังคม เมื่อเทียบกับเด็กที่เรียนในระบบปกติ ที่น่าทึ่งคือ โปรแกรม Montessori ใช้งบประมาณน้อยกว่าถึง 13,000 ดอลลาร์ต่อคนในช่วงอายุ 3–6 ปี โดยอาศัยโครงสร้างห้องเรียนที่มีประสิทธิภาพ เช่น การเรียนรู้แบบหลายวัย (mixed-age) ที่เด็กช่วยสอนกันเอง และการใช้ครูอย่างคุ้มค่า ผลลัพธ์ยังชี้ว่า เด็กจากครอบครัวรายได้น้อยได้รับประโยชน์สูงสุดจากระบบนี้ ซึ่งสะท้อนถึงรากเหง้าของ Montessori ที่เริ่มต้นในชุมชนแออัดของกรุงโรมเมื่อกว่า 100 ปีก่อน ✅ ผลการศึกษาระดับชาติ ➡️ ติดตามเด็ก 588 คนในโรงเรียนรัฐที่ใช้ระบบ Montessori ➡️ ใช้การทดลองแบบสุ่ม (randomized controlled trial) เป็นครั้งแรกในระดับประเทศ ✅ ผลลัพธ์ด้านการเรียนรู้ ➡️ เด็ก Montessori มีคะแนนสูงกว่าในด้านการอ่าน ความจำ การควบคุมตนเอง และความเข้าใจทางสังคม ➡️ ผลลัพธ์ยังคงอยู่จนถึงปลายชั้นอนุบาล ไม่หายไปเหมือนโปรแกรมอื่น ✅ ความคุ้มค่าทางงบประมาณ ➡️ ใช้งบประมาณน้อยกว่าระบบปกติถึง 13,000 ดอลลาร์ต่อคน ➡️ โครงสร้างห้องเรียนแบบหลายวัยช่วยให้เด็กเรียนรู้จากกันและกัน ➡️ ครูมีความพึงพอใจในงานสูงขึ้น และมีอัตราการลาออกต่ำลง ✅ ผลกระทบต่อเด็กทุกกลุ่ม ➡️ เด็กจากครอบครัวรายได้น้อยได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ➡️ เด็กทุกกลุ่มได้รับประโยชน์จากระบบ Montessori ✅ ความหมายเชิงนโยบาย ➡️ โปรแกรม Montessori ควรได้รับการสนับสนุนในโรงเรียนรัฐมากขึ้น ➡️ เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและประหยัดสำหรับการศึกษาปฐมวัย https://phys.org/news/2025-10-national-montessori-early-outcomes-sharply.html
    PHYS.ORG
    National study finds public Montessori programs strengthen early learning outcomes—at sharply lower costs
    The first national randomized trial of public Montessori preschool students showed stronger long-term outcomes by kindergarten, including elevated reading, memory, and executive function as compared to non-Montessori preschoolers.
    0 Comments 0 Shares 55 Views 0 Reviews
  • “Asahi Linux เดินหน้าสนับสนุน Apple M3 – พร้อมย้าย bootloader m1n1 ไปใช้ภาษา Rust”

    ทีมพัฒนา Asahi Linux ซึ่งเป็นโครงการโอเพ่นซอร์สที่มุ่งมั่นนำ Linux มารันบนชิป Apple Silicon ได้ออกอัปเดตความคืบหน้าล่าสุด โดยเน้นการพัฒนาให้รองรับ Apple M3 และการเปลี่ยน bootloader สำคัญอย่าง m1n1 ไปใช้ภาษา Rust เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสามารถในการดูแลรักษา

    แม้ว่า Linux kernel จะเริ่มรองรับ Apple M2 Pro / Max / Ultra แล้วในเวอร์ชัน 6.18 แต่การสนับสนุน Apple M3 ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น โดย m1n1 สามารถบูตเครื่องได้ถึงระดับ “blinking cursor” เท่านั้น ซึ่งยังไม่สามารถใช้งานจริงได้ แต่ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับการ reverse engineering

    นอกจากนี้ ทีม Asahi ยังพัฒนาให้ Wine ทำงานนอก muvm ได้ และปรับปรุงไดรเวอร์กราฟิกให้รองรับเกมมากขึ้นบน Apple Silicon

    ความคืบหน้าในการรองรับ Apple M3
    m1n1 สามารถบูต CPU และเปิดอุปกรณ์พื้นฐานได้
    ระดับการทำงานยังอยู่ที่ “blinking cursor” เท่านั้น
    เหมาะสำหรับการ reverse engineering ขั้นต้น

    การเปลี่ยน bootloader m1n1 ไปใช้ภาษา Rust
    เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความถูกต้องของตรรกะ
    ช่วยให้ดูแลรักษาโค้ดได้ง่ายขึ้นในระยะยาว

    การพัฒนา kernel และ driver
    มี patch สำหรับ Linux 6.17 และ 6.18 ที่รองรับ M2 Pro / Max / Ultra
    driver กราฟิกมีความคืบหน้า รองรับเกมมากขึ้น
    Wine ทำงานนอก muvm ได้แล้ว

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ที่สนใจทดลองบน Apple M3
    ระดับการรองรับยังไม่พร้อมสำหรับการใช้งานจริง
    การบูตได้ถึง blinking cursor ไม่สามารถใช้งาน GUI หรือ shell ได้
    ต้องรอการพัฒนาเพิ่มเติมก่อนนำไปใช้ในระบบ production

    การผลักดัน Linux บน Apple Silicon โดย Asahi Linux คือการเปิดประตูสู่โลกใหม่ของการใช้งานฮาร์ดแวร์ Apple ด้วยระบบโอเพ่นซอร์สอย่างแท้จริง แม้จะยังไม่สมบูรณ์ แต่ก็เป็นก้าวที่น่าจับตามองสำหรับนักพัฒนาและผู้ใช้สายเทคนิคทั่วโลก

    https://www.phoronix.com/news/Asahi-Linux-M3-m1n1-Update
    📰 “Asahi Linux เดินหน้าสนับสนุน Apple M3 – พร้อมย้าย bootloader m1n1 ไปใช้ภาษา Rust” ทีมพัฒนา Asahi Linux ซึ่งเป็นโครงการโอเพ่นซอร์สที่มุ่งมั่นนำ Linux มารันบนชิป Apple Silicon ได้ออกอัปเดตความคืบหน้าล่าสุด โดยเน้นการพัฒนาให้รองรับ Apple M3 และการเปลี่ยน bootloader สำคัญอย่าง m1n1 ไปใช้ภาษา Rust เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสามารถในการดูแลรักษา แม้ว่า Linux kernel จะเริ่มรองรับ Apple M2 Pro / Max / Ultra แล้วในเวอร์ชัน 6.18 แต่การสนับสนุน Apple M3 ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น โดย m1n1 สามารถบูตเครื่องได้ถึงระดับ “blinking cursor” เท่านั้น ซึ่งยังไม่สามารถใช้งานจริงได้ แต่ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับการ reverse engineering นอกจากนี้ ทีม Asahi ยังพัฒนาให้ Wine ทำงานนอก muvm ได้ และปรับปรุงไดรเวอร์กราฟิกให้รองรับเกมมากขึ้นบน Apple Silicon ✅ ความคืบหน้าในการรองรับ Apple M3 ➡️ m1n1 สามารถบูต CPU และเปิดอุปกรณ์พื้นฐานได้ ➡️ ระดับการทำงานยังอยู่ที่ “blinking cursor” เท่านั้น ➡️ เหมาะสำหรับการ reverse engineering ขั้นต้น ✅ การเปลี่ยน bootloader m1n1 ไปใช้ภาษา Rust ➡️ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความถูกต้องของตรรกะ ➡️ ช่วยให้ดูแลรักษาโค้ดได้ง่ายขึ้นในระยะยาว ✅ การพัฒนา kernel และ driver ➡️ มี patch สำหรับ Linux 6.17 และ 6.18 ที่รองรับ M2 Pro / Max / Ultra ➡️ driver กราฟิกมีความคืบหน้า รองรับเกมมากขึ้น ➡️ Wine ทำงานนอก muvm ได้แล้ว ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ที่สนใจทดลองบน Apple M3 ⛔ ระดับการรองรับยังไม่พร้อมสำหรับการใช้งานจริง ⛔ การบูตได้ถึง blinking cursor ไม่สามารถใช้งาน GUI หรือ shell ได้ ⛔ ต้องรอการพัฒนาเพิ่มเติมก่อนนำไปใช้ในระบบ production การผลักดัน Linux บน Apple Silicon โดย Asahi Linux คือการเปิดประตูสู่โลกใหม่ของการใช้งานฮาร์ดแวร์ Apple ด้วยระบบโอเพ่นซอร์สอย่างแท้จริง แม้จะยังไม่สมบูรณ์ แต่ก็เป็นก้าวที่น่าจับตามองสำหรับนักพัฒนาและผู้ใช้สายเทคนิคทั่วโลก https://www.phoronix.com/news/Asahi-Linux-M3-m1n1-Update
    WWW.PHORONIX.COM
    Asahi Linux Still Working On Apple M3 Support, m1n1 Bootloader Going Rust
    The Asahi Linux developers involved with working on Linux support for Apple Silicon M-Series devices have put out a new progress report on their development efforts.
    0 Comments 0 Shares 48 Views 0 Reviews
  • หัวข้อข่าว: “Swift เปิดตัว SDK สำหรับ Android – ก้าวใหม่ของการพัฒนาแอปข้ามแพลตฟอร์ม”

    หลังจาก Swift เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ทั้งในด้านการพัฒนาแอปบนคลาวด์, Windows, เบราว์เซอร์ และแม้แต่ไมโครคอนโทรลเลอร์ ล่าสุด Swift ได้ขยายขอบเขตไปยัง Android อย่างเป็นทางการ ด้วยการเปิดตัว “Swift SDK for Android” เวอร์ชัน nightly preview

    การเปิดตัวครั้งนี้เป็นผลจากความร่วมมือของ Android Workgroup ซึ่งเป็นกลุ่มเปิดที่ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดัน Swift ให้สามารถพัฒนาแอปบน Android ได้อย่างเต็มรูปแบบ

    นักพัฒนาสามารถเริ่มต้นใช้งาน SDK ได้ทันที โดยมีคู่มือและตัวอย่างโค้ดให้ทดลองใช้งาน พร้อมรองรับการพอร์ตแพ็กเกจ Swift ไปยัง Android ได้ง่ายขึ้น ปัจจุบันกว่า 25% ของแพ็กเกจใน Swift Package Index สามารถ build บน Android ได้แล้ว

    นอกจากนี้ยังมีโครงการ swift-java ที่ช่วยให้ Swift สามารถทำงานร่วมกับ Java ได้ทั้งสองทาง โดยมีระบบสร้าง binding อัตโนมัติที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

    Swift SDK for Android เปิดตัวในรูปแบบ nightly preview
    เปิดโอกาสให้นักพัฒนาเขียนแอป Android ด้วยภาษา Swift
    รองรับการพัฒนาแบบ native และการพอร์ตแพ็กเกจ Swift

    การสนับสนุนจาก Android Workgroup
    เป็นกลุ่มเปิดที่ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้
    มีการร่างเอกสารวิสัยทัศน์เพื่อกำหนดทิศทางในอนาคต

    เครื่องมือและทรัพยากรสำหรับนักพัฒนา
    มีคู่มือ Getting Started สำหรับเริ่มต้นใช้งาน
    มีตัวอย่าง Swift for Android Examples สำหรับ workflow แบบ end-to-end
    Community Showcase แสดงแพ็กเกจที่รองรับ Android

    การทำงานร่วมกับ Java ผ่าน swift-java
    เป็นทั้งไลบรารีและเครื่องมือสร้างโค้ด binding ระหว่าง Swift และ Java
    รองรับการนำ business logic จาก Swift ไปใช้บน Android ได้ง่ายขึ้น

    การติดตามและพัฒนาในอนาคต
    มี project board สำหรับติดตามสถานะของงานหลัก
    มีระบบ CI อย่างเป็นทางการสำหรับ Swift SDK for Android
    เปิดรับความคิดเห็นและไอเดียผ่าน Swift forums

    https://www.swift.org/blog/nightly-swift-sdk-for-android/
    📰 หัวข้อข่าว: “Swift เปิดตัว SDK สำหรับ Android – ก้าวใหม่ของการพัฒนาแอปข้ามแพลตฟอร์ม” หลังจาก Swift เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ทั้งในด้านการพัฒนาแอปบนคลาวด์, Windows, เบราว์เซอร์ และแม้แต่ไมโครคอนโทรลเลอร์ ล่าสุด Swift ได้ขยายขอบเขตไปยัง Android อย่างเป็นทางการ ด้วยการเปิดตัว “Swift SDK for Android” เวอร์ชัน nightly preview การเปิดตัวครั้งนี้เป็นผลจากความร่วมมือของ Android Workgroup ซึ่งเป็นกลุ่มเปิดที่ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดัน Swift ให้สามารถพัฒนาแอปบน Android ได้อย่างเต็มรูปแบบ นักพัฒนาสามารถเริ่มต้นใช้งาน SDK ได้ทันที โดยมีคู่มือและตัวอย่างโค้ดให้ทดลองใช้งาน พร้อมรองรับการพอร์ตแพ็กเกจ Swift ไปยัง Android ได้ง่ายขึ้น ปัจจุบันกว่า 25% ของแพ็กเกจใน Swift Package Index สามารถ build บน Android ได้แล้ว นอกจากนี้ยังมีโครงการ swift-java ที่ช่วยให้ Swift สามารถทำงานร่วมกับ Java ได้ทั้งสองทาง โดยมีระบบสร้าง binding อัตโนมัติที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ✅ Swift SDK for Android เปิดตัวในรูปแบบ nightly preview ➡️ เปิดโอกาสให้นักพัฒนาเขียนแอป Android ด้วยภาษา Swift ➡️ รองรับการพัฒนาแบบ native และการพอร์ตแพ็กเกจ Swift ✅ การสนับสนุนจาก Android Workgroup ➡️ เป็นกลุ่มเปิดที่ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้ ➡️ มีการร่างเอกสารวิสัยทัศน์เพื่อกำหนดทิศทางในอนาคต ✅ เครื่องมือและทรัพยากรสำหรับนักพัฒนา ➡️ มีคู่มือ Getting Started สำหรับเริ่มต้นใช้งาน ➡️ มีตัวอย่าง Swift for Android Examples สำหรับ workflow แบบ end-to-end ➡️ Community Showcase แสดงแพ็กเกจที่รองรับ Android ✅ การทำงานร่วมกับ Java ผ่าน swift-java ➡️ เป็นทั้งไลบรารีและเครื่องมือสร้างโค้ด binding ระหว่าง Swift และ Java ➡️ รองรับการนำ business logic จาก Swift ไปใช้บน Android ได้ง่ายขึ้น ✅ การติดตามและพัฒนาในอนาคต ➡️ มี project board สำหรับติดตามสถานะของงานหลัก ➡️ มีระบบ CI อย่างเป็นทางการสำหรับ Swift SDK for Android ➡️ เปิดรับความคิดเห็นและไอเดียผ่าน Swift forums https://www.swift.org/blog/nightly-swift-sdk-for-android/
    WWW.SWIFT.ORG
    Announcing the Swift SDK for Android
    Swift has matured significantly over the past decade — extending from cloud services to Windows applications, browser apps, and microcontrollers. Swift powers apps and services of all kinds, and thanks to its great interoperability, you can share code across platforms.
    0 Comments 0 Shares 39 Views 0 Reviews
  • “Canonical เปิดตัว ‘Ubuntu Academy’ – เส้นทางใหม่สู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญ Linux อย่างเป็นทางการ”

    คุณเคยอยากได้ใบรับรองความสามารถด้าน Linux ที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่สะท้อนถึงทักษะจริงที่ใช้ในงานหรือไม่? ตอนนี้ Canonical บริษัทผู้อยู่เบื้องหลัง Ubuntu ได้เปิดตัว “Canonical Academy” แพลตฟอร์มใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อให้คุณได้พิสูจน์ความสามารถผ่านการสอบที่เน้นการปฏิบัติจริง

    Canonical Academy ไม่ใช่แค่คอร์สเรียนออนไลน์ทั่วไป แต่เป็นระบบการรับรองที่ใช้การสอบแบบ modular และ self-paced ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเรียนและสอบในเวลาที่คุณสะดวก โดยไม่ต้องรอรอบหรือเข้าเรียนตามตาราง

    หลักสูตรแรกที่เปิดให้ใช้งานคือ “System Administrator Track” ซึ่งประกอบด้วย 3 การสอบหลัก และอีก 1 วิชาที่กำลังพัฒนา โดยทุกการสอบจะใช้สภาพแวดล้อมจำลองบนคลาวด์ที่ใกล้เคียงกับสถานการณ์จริงในที่ทำงาน

    นอกจากนี้ Canonical ยังเปิดรับอาสาสมัครจากชุมชนให้เข้าร่วมเป็นผู้ทดสอบเบต้าและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อช่วยพัฒนาเนื้อหาให้ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรมจริง

    Canonical เปิดตัวแพลตฟอร์ม “Canonical Academy”
    เป็นระบบรับรองความสามารถด้าน Linux และ Ubuntu
    เน้นการสอบแบบปฏิบัติจริง ไม่ใช่แค่ทฤษฎี

    ระบบการเรียนรู้แบบ Self-paced และ Modular
    เรียนและสอบได้ตามเวลาที่สะดวก
    สอบแต่ละวิชาแยกกันได้ พร้อมรับ badge สำหรับแต่ละหัวข้อ
    เมื่อสอบครบทุกวิชา จะได้รับใบรับรอง System Administrator

    รายละเอียดของหลักสูตร System Administrator Track
    Using Linux Terminal 2024 (เปิดให้สอบแล้ว)
    Using Ubuntu Desktop 2024 (อยู่ในช่วงเบต้า)
    Using Ubuntu Server 2024 (อยู่ในช่วงเบต้า)
    Managing Complex Systems 2024 (กำลังพัฒนา)
    ทุกวิชาพัฒนาบน Ubuntu 24.04 LTS

    การอัปเดตในอนาคต
    เตรียมอัปเดตเนื้อหาสำหรับ Ubuntu 26.04 LTS ในเดือนกันยายน 2026

    การมีส่วนร่วมของชุมชน
    เปิดรับผู้ทดสอบเบต้าและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (SME)
    ช่วยออกแบบข้อสอบและตรวจสอบความเหมาะสมของเนื้อหา

    คำเตือนสำหรับผู้ที่สนใจสอบรับรอง
    การสอบมีการจับเวลา แม้จะเรียนแบบ self-paced
    ต้องมีความเข้าใจจริงในสถานการณ์การทำงาน ไม่ใช่แค่จำทฤษฎี
    การสอบใช้สภาพแวดล้อมจำลองบนคลาวด์ อาจต้องใช้เครื่องที่มีประสิทธิภาพพอสมควร

    https://news.itsfoss.com/canonical-academy/
    📰 “Canonical เปิดตัว ‘Ubuntu Academy’ – เส้นทางใหม่สู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญ Linux อย่างเป็นทางการ” คุณเคยอยากได้ใบรับรองความสามารถด้าน Linux ที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่สะท้อนถึงทักษะจริงที่ใช้ในงานหรือไม่? ตอนนี้ Canonical บริษัทผู้อยู่เบื้องหลัง Ubuntu ได้เปิดตัว “Canonical Academy” แพลตฟอร์มใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อให้คุณได้พิสูจน์ความสามารถผ่านการสอบที่เน้นการปฏิบัติจริง Canonical Academy ไม่ใช่แค่คอร์สเรียนออนไลน์ทั่วไป แต่เป็นระบบการรับรองที่ใช้การสอบแบบ modular และ self-paced ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเรียนและสอบในเวลาที่คุณสะดวก โดยไม่ต้องรอรอบหรือเข้าเรียนตามตาราง หลักสูตรแรกที่เปิดให้ใช้งานคือ “System Administrator Track” ซึ่งประกอบด้วย 3 การสอบหลัก และอีก 1 วิชาที่กำลังพัฒนา โดยทุกการสอบจะใช้สภาพแวดล้อมจำลองบนคลาวด์ที่ใกล้เคียงกับสถานการณ์จริงในที่ทำงาน นอกจากนี้ Canonical ยังเปิดรับอาสาสมัครจากชุมชนให้เข้าร่วมเป็นผู้ทดสอบเบต้าและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อช่วยพัฒนาเนื้อหาให้ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรมจริง ✅ Canonical เปิดตัวแพลตฟอร์ม “Canonical Academy” ➡️ เป็นระบบรับรองความสามารถด้าน Linux และ Ubuntu ➡️ เน้นการสอบแบบปฏิบัติจริง ไม่ใช่แค่ทฤษฎี ✅ ระบบการเรียนรู้แบบ Self-paced และ Modular ➡️ เรียนและสอบได้ตามเวลาที่สะดวก ➡️ สอบแต่ละวิชาแยกกันได้ พร้อมรับ badge สำหรับแต่ละหัวข้อ ➡️ เมื่อสอบครบทุกวิชา จะได้รับใบรับรอง System Administrator ✅ รายละเอียดของหลักสูตร System Administrator Track ➡️ Using Linux Terminal 2024 (เปิดให้สอบแล้ว) ➡️ Using Ubuntu Desktop 2024 (อยู่ในช่วงเบต้า) ➡️ Using Ubuntu Server 2024 (อยู่ในช่วงเบต้า) ➡️ Managing Complex Systems 2024 (กำลังพัฒนา) ➡️ ทุกวิชาพัฒนาบน Ubuntu 24.04 LTS ✅ การอัปเดตในอนาคต ➡️ เตรียมอัปเดตเนื้อหาสำหรับ Ubuntu 26.04 LTS ในเดือนกันยายน 2026 ✅ การมีส่วนร่วมของชุมชน ➡️ เปิดรับผู้ทดสอบเบต้าและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (SME) ➡️ ช่วยออกแบบข้อสอบและตรวจสอบความเหมาะสมของเนื้อหา ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ที่สนใจสอบรับรอง ⛔ การสอบมีการจับเวลา แม้จะเรียนแบบ self-paced ⛔ ต้องมีความเข้าใจจริงในสถานการณ์การทำงาน ไม่ใช่แค่จำทฤษฎี ⛔ การสอบใช้สภาพแวดล้อมจำลองบนคลาวด์ อาจต้องใช้เครื่องที่มีประสิทธิภาพพอสมควร https://news.itsfoss.com/canonical-academy/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    Finally, You Can Now be Ubuntu Certified Linux User
    New platform offers self-paced, modular exams designed by Ubuntu's engineering team.
    0 Comments 0 Shares 32 Views 0 Reviews
  • “OpenWrt อุดช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการ – เสี่ยง RCE และเจาะหน่วยความจำเคอร์เนลผ่าน DSL Driver”

    ลองจินตนาการว่าเราใช้เราเตอร์ที่รัน OpenWrt ซึ่งเป็นเฟิร์มแวร์ยอดนิยมสำหรับอุปกรณ์ฝังตัว แล้ววันหนึ่งมีคนสามารถส่งคำสั่งจากระยะไกลเพื่อควบคุมระบบ หรือแม้แต่เจาะเข้าไปอ่านและเขียนหน่วยความจำเคอร์เนลได้… นี่คือสิ่งที่ช่องโหว่ล่าสุดใน OpenWrt อาจทำให้เกิดขึ้นได้

    เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2025 OpenWrt ได้ออกแพตช์เพื่อแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการ ได้แก่:

    CVE-2025-62526: ช่องโหว่ Heap Buffer Overflow ใน ubusd ซึ่งเป็น daemon สำหรับการสื่อสารระหว่างโปรเซสใน OpenWrt

    CVE-2025-62525: ช่องโหว่ในไดรเวอร์ ltq-ptm ที่ใช้ในอุปกรณ์ DSL บางรุ่น ทำให้ผู้ใช้สามารถอ่านและเขียนหน่วยความจำเคอร์เนลได้

    ช่องโหว่แรกเปิดให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อความที่ออกแบบมาเฉพาะผ่าน ubus โดยไม่ต้องผ่านการตรวจสอบสิทธิ์ใด ๆ เพราะโค้ดที่เปราะบางทำงานก่อนการตรวจสอบ ACL ทำให้สามารถรันโค้ดในบริบทของ daemon ได้ทันที

    ช่องโหว่ที่สองเปิดให้ผู้ใช้ในระบบสามารถใช้ ioctl เพื่อเข้าถึงหน่วยความจำเคอร์เนล ซึ่งอาจนำไปสู่การหลบหนีจาก sandbox เช่น ujail ได้

    OpenWrt ได้แก้ไขช่องโหว่เหล่านี้ในเวอร์ชัน 24.10.4 และ snapshot builds หลังวันที่ 15–18 ตุลาคม 2025 โดยเวอร์ชันเก่าเช่น 22.03 และ 23.05 จะไม่ได้รับการสนับสนุนอีกต่อไป

    ช่องโหว่ CVE-2025-62526 – ubusd Heap Buffer Overflow
    เกิดในโค้ดการ parse event registration
    ทำงานก่อนการตรวจสอบ ACL
    เปิดช่องให้รันโค้ดในบริบทของ daemon
    ส่งผลให้ bypass ACL ได้ด้วย

    ช่องโหว่ CVE-2025-62525 – Kernel Memory Leak ผ่าน ltq-ptm
    ใช้ ioctl เพื่ออ่าน/เขียนหน่วยความจำเคอร์เนล
    กระทบอุปกรณ์ที่ใช้ SoC เช่น xrx200, danube, amazon
    ใช้ในโหมด PTM (VDSL) ไม่กระทบ ATM หรือ VRX518

    การแก้ไขโดย OpenWrt
    แก้ไขในเวอร์ชัน 24.10.4 และ snapshot builds หลัง 15–18 ต.ค. 2025
    เวอร์ชัน 22.03 และ 23.05 ไม่ได้รับการสนับสนุนแล้ว

    ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
    การควบคุมระบบจากระยะไกล (RCE)
    การหลบหนีจาก sandbox เช่น ujail
    การเข้าถึงข้อมูลลับในหน่วยความจำเคอร์เนล

    https://securityonline.info/openwrt-patches-ubusd-rce-flaw-cve-2025-62526-and-kernel-memory-leak-cve-2025-62525-in-dsl-driver/
    📰 “OpenWrt อุดช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการ – เสี่ยง RCE และเจาะหน่วยความจำเคอร์เนลผ่าน DSL Driver” ลองจินตนาการว่าเราใช้เราเตอร์ที่รัน OpenWrt ซึ่งเป็นเฟิร์มแวร์ยอดนิยมสำหรับอุปกรณ์ฝังตัว แล้ววันหนึ่งมีคนสามารถส่งคำสั่งจากระยะไกลเพื่อควบคุมระบบ หรือแม้แต่เจาะเข้าไปอ่านและเขียนหน่วยความจำเคอร์เนลได้… นี่คือสิ่งที่ช่องโหว่ล่าสุดใน OpenWrt อาจทำให้เกิดขึ้นได้ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2025 OpenWrt ได้ออกแพตช์เพื่อแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการ ได้แก่: 🪲 CVE-2025-62526: ช่องโหว่ Heap Buffer Overflow ใน ubusd ซึ่งเป็น daemon สำหรับการสื่อสารระหว่างโปรเซสใน OpenWrt 🪲 CVE-2025-62525: ช่องโหว่ในไดรเวอร์ ltq-ptm ที่ใช้ในอุปกรณ์ DSL บางรุ่น ทำให้ผู้ใช้สามารถอ่านและเขียนหน่วยความจำเคอร์เนลได้ ช่องโหว่แรกเปิดให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อความที่ออกแบบมาเฉพาะผ่าน ubus โดยไม่ต้องผ่านการตรวจสอบสิทธิ์ใด ๆ เพราะโค้ดที่เปราะบางทำงานก่อนการตรวจสอบ ACL ทำให้สามารถรันโค้ดในบริบทของ daemon ได้ทันที ช่องโหว่ที่สองเปิดให้ผู้ใช้ในระบบสามารถใช้ ioctl เพื่อเข้าถึงหน่วยความจำเคอร์เนล ซึ่งอาจนำไปสู่การหลบหนีจาก sandbox เช่น ujail ได้ OpenWrt ได้แก้ไขช่องโหว่เหล่านี้ในเวอร์ชัน 24.10.4 และ snapshot builds หลังวันที่ 15–18 ตุลาคม 2025 โดยเวอร์ชันเก่าเช่น 22.03 และ 23.05 จะไม่ได้รับการสนับสนุนอีกต่อไป ✅ ช่องโหว่ CVE-2025-62526 – ubusd Heap Buffer Overflow ➡️ เกิดในโค้ดการ parse event registration ➡️ ทำงานก่อนการตรวจสอบ ACL ➡️ เปิดช่องให้รันโค้ดในบริบทของ daemon ➡️ ส่งผลให้ bypass ACL ได้ด้วย ✅ ช่องโหว่ CVE-2025-62525 – Kernel Memory Leak ผ่าน ltq-ptm ➡️ ใช้ ioctl เพื่ออ่าน/เขียนหน่วยความจำเคอร์เนล ➡️ กระทบอุปกรณ์ที่ใช้ SoC เช่น xrx200, danube, amazon ➡️ ใช้ในโหมด PTM (VDSL) ไม่กระทบ ATM หรือ VRX518 ✅ การแก้ไขโดย OpenWrt ➡️ แก้ไขในเวอร์ชัน 24.10.4 และ snapshot builds หลัง 15–18 ต.ค. 2025 ➡️ เวอร์ชัน 22.03 และ 23.05 ไม่ได้รับการสนับสนุนแล้ว ✅ ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ➡️ การควบคุมระบบจากระยะไกล (RCE) ➡️ การหลบหนีจาก sandbox เช่น ujail ➡️ การเข้าถึงข้อมูลลับในหน่วยความจำเคอร์เนล https://securityonline.info/openwrt-patches-ubusd-rce-flaw-cve-2025-62526-and-kernel-memory-leak-cve-2025-62525-in-dsl-driver/
    SECURITYONLINE.INFO
    OpenWrt Patches ubusd RCE Flaw (CVE-2025-62526) and Kernel Memory Leak (CVE-2025-62525) in DSL Driver
    OpenWrt released v24.10.4 to fix two high-severity flaws: CVE-2025-62526 allows RCE via a heap buffer overflow in ubusd, and CVE-2025-62525 leaks kernel memory via a DSL driver.
    0 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
More Results