• ในที่สุดฟรีดริช เมิร์ซ อดีตผู้บริหารแบล็กร็อค ก็ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของเยอรมนี จากการลงคะแนนเสียงรอบที่สอง ซึ่งเกิดขึ้นภายในวันเดียวกันทันที หลังจากเมิร์ซพลาดท่าได้รับคะแนนไม่ถึงตามกำหนดในครั้งแรก

    การลงคะแนนเสียงรอบที่สอง เมิร์ซได้รับคะแนนเสียง 325 เสียง ซึ่งเพียงพอให้เขาขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีคนใหม่ โดยสืบตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาลผสมเป็นระยะเวลา 4 ปี ต่อจากโอลาฟ โชลซ์

    แต่ความล้มเหลวครั้งประวัติศาสตร์ของเขาในการลงคะแนนรอบแรกเมื่อเช้านี้ จะถูกบันทึดไว้บนหน้าประวัติศาสตร์การเมืองของเยอรมนีตลอดไป
    ในที่สุดฟรีดริช เมิร์ซ อดีตผู้บริหารแบล็กร็อค ก็ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของเยอรมนี จากการลงคะแนนเสียงรอบที่สอง ซึ่งเกิดขึ้นภายในวันเดียวกันทันที หลังจากเมิร์ซพลาดท่าได้รับคะแนนไม่ถึงตามกำหนดในครั้งแรก การลงคะแนนเสียงรอบที่สอง เมิร์ซได้รับคะแนนเสียง 325 เสียง ซึ่งเพียงพอให้เขาขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีคนใหม่ โดยสืบตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาลผสมเป็นระยะเวลา 4 ปี ต่อจากโอลาฟ โชลซ์ แต่ความล้มเหลวครั้งประวัติศาสตร์ของเขาในการลงคะแนนรอบแรกเมื่อเช้านี้ จะถูกบันทึดไว้บนหน้าประวัติศาสตร์การเมืองของเยอรมนีตลอดไป
    0 Comments 0 Shares 3 Views 0 Reviews
  • 'ที่นี่คือโปแลนด์ ไม่ใช่บรัสเซลส์' (เมืองหลวงของเบลเยียม
    เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่สหภาพยุโรป)


    Grzegorz Braun ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโปแลนด์ ฉีกธงสหภาพยุโรปแล้วนำมาเช็ดรองเท้า และยังมีการเผาธงอียูอีกด้วย

    หากโรมาเนีย ได้  จอร์จ ซิมิออน นักการเมืองสายอนุรักษ์นิยมเป็นประธานาธิบดี และโปแลนด์ได้ Grzegorz Braun เป็นผู้นำ เชื่อว่ายุโรปอาจจะเข้าสู่สถานะสงบสุขขึ้นมาก และรัสเซียคงจะนอนหลับฝันดี เพราะนักการเมืองทั้งสอง คือผู้ที่มีแนวคิดต่อต้านสหภาพยุโรปรวมทั้งนาโต้ และต้องการเป็นพันธมิตรกับรัสเซีย
    'ที่นี่คือโปแลนด์ ไม่ใช่บรัสเซลส์' (เมืองหลวงของเบลเยียม เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่สหภาพยุโรป) Grzegorz Braun ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโปแลนด์ ฉีกธงสหภาพยุโรปแล้วนำมาเช็ดรองเท้า และยังมีการเผาธงอียูอีกด้วย หากโรมาเนีย ได้  จอร์จ ซิมิออน นักการเมืองสายอนุรักษ์นิยมเป็นประธานาธิบดี และโปแลนด์ได้ Grzegorz Braun เป็นผู้นำ เชื่อว่ายุโรปอาจจะเข้าสู่สถานะสงบสุขขึ้นมาก และรัสเซียคงจะนอนหลับฝันดี เพราะนักการเมืองทั้งสอง คือผู้ที่มีแนวคิดต่อต้านสหภาพยุโรปรวมทั้งนาโต้ และต้องการเป็นพันธมิตรกับรัสเซีย
    0 Comments 0 Shares 15 Views 10 0 Reviews
  • ตามล่าหา 'ดาวเหนือ'
    ด๋องรู้สึกเหมือนกำลังพายเรืออยู่ในทะเลอันกว้างใหญ่ที่ไร้จุดหมาย
    แต่ละวันเริ่มต้นขึ้นด้วยแรงเฉื่อย เขาลุกไปทำงานเพียงเพราะ "ต้องทำ" ไม่ได้มีเป้าหมายที่ชัดเจน
    งานที่ทำก็ไม่ได้เลวร้าย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความหมายหรือความรักที่จะทำ มันเป็นแค่การทำตามคำสั่งไปวันๆ
    เหมือนเป็นฟันเฟืองตัวเล็กๆ ในเครื่องจักรขนาดใหญ่ หมุนไปตามแรงขับเคลื่อนของคนอื่น โดยไม่รู้เลยว่าปลายทางคือที่ใด
    เขาเคยได้ยินคำว่า "ดาวเหนือ" มาบ้าง ในฐานะสัญลักษณ์ของแรงบันดาลใจและเข็มทิศชีวิต
    แต่สำหรับด๋อง คำนี้ดูห่างไกลเหลือเกิน มันเป็นเพียงถ้อยคำสวยหรูในโลกอุดมคติ ที่ไม่มีอยู่จริงในชีวิตการทำงานอันแสนธรรมดาของเขา
    .
    วันหนึ่ง จุดเปลี่ยนเล็กๆ ก็มาถึง เมื่อหัวหน้ามอบหมายโปรเจกต์หนึ่งให้
    มันเป็นงานที่หนัก ต้องใช้ความละเอียดสูง และดูเหมือนจะไม่มีใครอยากทำ เพราะมันทั้งน่าเบื่อและซ้ำซาก
    เพื่อนร่วมงานหลายคนแสดงท่าทีเหนื่อยหน่าย แต่ด๋องเลือกที่จะรับมันไว้โดยไม่ปริปากบ่น
    ในหัวคิดเพียงแค่ว่า "ก็ต้องทำ" ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็แค่ก้มหน้าก้มตาทำให้เสร็จไป
    ด๋องทุ่มเทเวลาหลายสัปดาห์ให้กับโปรเจกต์นี้ อาศัยเพียง "เครื่องมือ" ที่มี ความรู้พื้นฐานที่ร่ำเรียนมา และความอึดเข้าแลก
    เขาจมดิ่งอยู่กับตัวเลขและเอกสาร แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปทีละจุด แม้จะไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่างานนี้จะนำไปสู่สิ่งใด
    .
    วันนำเสนอผลงานมาถึง
    ด๋องยืนอยู่หน้าห้องประชุม นำเสนอสิ่งที่เขาได้ทำลงไปอย่างละเอียด ทั้งขั้นตอน ปัญหาที่พบ และวิธีแก้ไขแบบตามตำรา
    หัวหน้าและผู้ใหญ่ในห้องพยักหน้าพอใจในความเรียบร้อยและครบถ้วนตามที่มอบหมาย
    โปรเจกต์นี้ "สำเร็จ" ในสายตาของทุกคน และด๋องก็ได้รับคำชมตามระเบียบ
    แต่เมื่อเดินออกจากห้องประชุม แสงแดดยามบ่ายกลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจเลย
    ความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาไม่ใช่ความภาคภูมิใจ แต่เป็นความว่างเปล่าที่กัดกินข้างใน
    เหมือนเพิ่งปีนขึ้นไปบนยอดเขาได้สำเร็จ แต่กลับพบว่าตัวเองมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเดิน ไม่ได้แหงนมองวิวทิวทัศน์ระหว่างทางเลย
    "นี่คือทั้งหมดแล้วเหรอ?" คำถามนี้ดังก้องอยู่ในใจ "ชีวิตการทำงานมีแค่นี้เองเหรอ? แค่ทำสิ่งที่ 'ต้องทำ' ให้ดีที่สุด แล้วก็รู้สึกว่างเปล่าแบบนี้?"
    .
    ความว่างเปล่าครั้งนั้นกลายเป็นแรงผลักดันเงียบๆ ให้ด๋องเริ่มมองหาบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไป
    เขาเริ่มหยิบหนังสือพัฒนาตนเองที่เคยเมินเฉยขึ้นมาอ่านอีกครั้ง แต่คราวนี้อ่านด้วยสายตาที่แตกต่างออกไป
    ไม่ได้อ่านเพื่อหาสูตรสำเร็จ แต่เพื่อทำความเข้าใจความรู้สึกสับสนภายในใจของตัวเอง
    เขาได้อ่านเรื่องราวของผู้คนมากมายที่ดูเหมือนจะมี "ดาวเหนือ" เป็นของตัวเอง ส่องนำทางชีวิตและการทำงาน
    ด๋องเริ่ม "มองแบบอย่าง" จากคนเหล่านั้น ไม่ใช่การเลียนแบบภายนอก แต่พยายามทำความเข้าใจความคิด "เจตนา" และคุณค่าที่ขับเคลื่อนพวกเขา
    เขาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองอย่างจริงจังว่า นอกจากการ "ต้องทำ" แล้ว มีอะไรที่เขา "อยากจะทำ" กันแน่? และต้อง "จำเป็นต้องทำ" อะไรบ้างเพื่อให้ไปถึงจุดนั้น?
    .
    ไม่นานหลังจากนั้น ด๋องได้เข้าร่วมเวิร์กช็อปของบริษัทเกี่ยวกับวิสัยทัศน์และเป้าหมายองค์กร
    เขาได้ฟังเรื่องราวเบื้องหลังความสำเร็จ ฟังความฝันของผู้บริหารและเพื่อนร่วมงานจากแผนกต่างๆ
    เหมือนจิ๊กซอว์ที่กระจัดกระจายค่อยๆ ประกอบกันเป็นภาพใหญ่ที่เขาไม่เคยมองเห็นมาก่อน
    ด๋องเริ่มเข้าใจว่างานเล็กๆ ที่เขาทำ อาจมีความเชื่อมโยงกับเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น และเขาก็พบว่ามีบางประเด็นใน "วิสัยทัศน์ร่วม" นั้นที่สอดคล้องกับสิ่งที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจว่าเขา "อยากจะทำ"
    เขาตัดสินใจเริ่มต้นโปรเจกต์เล็กๆ นอกเหนือจากงานประจำ เป็นโปรเจกต์ที่เกิดจากความสนใจส่วนตัวและความตั้งใจที่อยากเห็นบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
    ครั้งนี้ ด๋องมี "เจตนา" ที่ชัดเจนในการลงมือทำ เขาพยายาม "จัดแนว" การกระทำทุกอย่างให้สอดคล้องกับ "ดาวเหนือ" ที่เริ่มส่องแสงประกายอ่อนๆ ให้เห็น
    .
    เส้นทางของโปรเจกต์ใหม่นี้ไม่ได้ราบรื่นเลย
    เขาต้องเผชิญกับความไม่รู้ ต้องกล้าก้าวออกจาก comfort zone ไปขอความช่วยเหลือจากคนที่ไม่เคยแม้แต่จะคุยด้วย
    อุปสรรคถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทั้งปัญหาที่ไม่คาดคิด ความผิดพลาดจากการลองผิดลองถูก
    แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง แม้จะเหน็ดเหนื่อย แต่ใจกลับเต็มไปด้วยพลังและความตื่นเต้น
    เขาล้มเหลวหลายครั้ง แต่ทุกครั้งคือการเรียนรู้ เขาไม่ได้ทำเพราะ "ต้องทำ" แต่ทำเพราะ "อยากทำ" และเริ่มรู้สึก "ชอบ" กระบวนการเรียนรู้และสร้างสรรค์นี้จริงๆ
    ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดคือตอนที่ทีมเล็กๆ ของเขา (ซึ่งรวมตัวกันด้วย "วิสัยทัศน์ร่วม") ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่ใหญ่มากจนเกือบต้องยอมแพ้
    .
    แทนที่จะท้อถอย ด๋องกลับรู้สึกถึงพลังที่มองไม่เห็น ที่ผลักดันให้สู้ต่อไป
    เขาไม่ได้สู้แค่คนเดียว แต่สู้ไปพร้อมกับเพื่อนร่วมทีมที่เชื่อในสิ่งเดียวกัน ด้วย "เจตนา" และ "วิสัยทัศน์ร่วม" ที่ชัดเจน
    พวกเขาช่วยกันระดมสมอง เรียนรู้จากความผิดพลาด และปรับตัวอย่างรวดเร็วในทุกสถานการณ์ (Unconscious to Conscious Learning)
    ในที่สุด พวกเขาก็สามารถฝ่าฟันอุปสรรคครั้งใหญ่นั้นไปได้สำเร็จ ไม่ใช่ด้วยเครื่องมือวิเศษ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการเรียนรู้ร่วมกัน
    ความรู้สึกหลังจากการฝ่าฟันครั้งนี้นั้นแตกต่างจากครั้งแรกราวฟ้ากับเหว
    มันไม่ใช่ความว่างเปล่า แต่เป็นความอิ่มเอมใจที่ได้ทำในสิ่งที่เชื่อ ได้ทุ่มเทอย่างสุดกำลัง และได้เติบโตผ่านความท้าทายร่วมกับทีม
    เมื่อมองย้อนกลับไปที่โปรเจกต์แรกที่เคยทำด้วยความรู้สึกว่างเปล่า
    .
    วันนี้เขาเพิ่งได้เรียนรู้ว่า งาน "น่าเบื่อ" และ "ซ้ำซาก" ที่เขาทำไปเพราะ "ต้องทำ" ในวันนั้น
    ที่จริงแล้ว มันไม่ใช่แค่การทำงานให้เสร็จไปวันๆ
    แต่มันคือบททดสอบและบทฝึกฝนที่สำคัญยิ่งยวด
    งานนั้นได้สร้างและลับคม "เครื่องมือ" ที่จำเป็นที่สุดให้เขา นั่นคือ ความอดทน ความละเอียดรอบคอบ และทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
    ทักษะพื้นฐานเหล่านี้เองที่กลายเป็นรากฐานอันแข็งแกร่ง
    ที่ทำให้เขามีความพร้อมที่จะรับมือกับความท้าทายที่ซับซ้อนกว่ามากในโปรเจกต์ที่สอง
    โปรเจกต์ที่เป็นสิ่งที่เขา "รักที่จะทำ" อย่างแท้จริง
    เรื่องราวของด๋องสอนเราว่า เส้นทางสู่การค้นพบสิ่งที่ "รักที่จะทำ" นั้น
    มักไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป
    บางครั้งเราต้องผ่านช่วงเวลาของการ "ต้องทำ" ในสิ่งที่เราอาจยังไม่เห็นคุณค่าหรือความหมายในทันที
    แต่งานเหล่านั้น หากเรามี "เจตนา" ที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
    จะช่วยสร้าง "เครื่องมือ" และทักษะพื้นฐานที่จำเป็นอย่างยิ่ง
    ซึ่งเครื่องมือเหล่านั้นจะกลายเป็นพลังสำคัญที่ช่วยให้เราคว้าโอกาสและเอาชนะอุปสรรคได้
    .
    การออกตามหา "ดาวเหนือ" ไม่ใช่แค่การมองหาแรงบันดาลใจจากภายนอก
    แต่คือกระบวนการภายในของการทำความเข้าใจตัวเอง การมองหาแบบอย่างที่ดี การตั้ง "เจตนา" ที่ชัดเจน
    และการ "จัดแนว (Align)" การกระทำทุกอย่างให้สอดคล้องกับเป้าหมายและคุณค่าที่เรายึดมั่น
    และที่สำคัญที่สุด คือการค่อยๆ เปลี่ยนจาก mindset ที่ทำเพราะ "ต้องทำ"
    ไปสู่การได้ทำในสิ่งที่ "อยากทำ", "จำเป็นต้องทำ", "ชอบที่จะทำ"
    และท้ายที่สุดคือการได้ทำในสิ่งที่ "รักที่จะทำ" อย่างแท้จริง
    เพราะเมื่อใดที่เราได้ทำในสิ่งที่รักและมีความหมาย
    แม้ต้องเผชิญความยากลำบากใดๆ เราก็จะพบกับความอิ่มเอมใจที่แท้จริง
    และความหมายที่ลึกซึ้งในงานที่เราทำ เช่นเดียวกับที่ด๋องได้ค้นพบในที่สุด

    www.10x-consulting.com
    ตามล่าหา 'ดาวเหนือ' ด๋องรู้สึกเหมือนกำลังพายเรืออยู่ในทะเลอันกว้างใหญ่ที่ไร้จุดหมาย แต่ละวันเริ่มต้นขึ้นด้วยแรงเฉื่อย เขาลุกไปทำงานเพียงเพราะ "ต้องทำ" ไม่ได้มีเป้าหมายที่ชัดเจน งานที่ทำก็ไม่ได้เลวร้าย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความหมายหรือความรักที่จะทำ มันเป็นแค่การทำตามคำสั่งไปวันๆ เหมือนเป็นฟันเฟืองตัวเล็กๆ ในเครื่องจักรขนาดใหญ่ หมุนไปตามแรงขับเคลื่อนของคนอื่น โดยไม่รู้เลยว่าปลายทางคือที่ใด เขาเคยได้ยินคำว่า "ดาวเหนือ" มาบ้าง ในฐานะสัญลักษณ์ของแรงบันดาลใจและเข็มทิศชีวิต แต่สำหรับด๋อง คำนี้ดูห่างไกลเหลือเกิน มันเป็นเพียงถ้อยคำสวยหรูในโลกอุดมคติ ที่ไม่มีอยู่จริงในชีวิตการทำงานอันแสนธรรมดาของเขา . วันหนึ่ง จุดเปลี่ยนเล็กๆ ก็มาถึง เมื่อหัวหน้ามอบหมายโปรเจกต์หนึ่งให้ มันเป็นงานที่หนัก ต้องใช้ความละเอียดสูง และดูเหมือนจะไม่มีใครอยากทำ เพราะมันทั้งน่าเบื่อและซ้ำซาก เพื่อนร่วมงานหลายคนแสดงท่าทีเหนื่อยหน่าย แต่ด๋องเลือกที่จะรับมันไว้โดยไม่ปริปากบ่น ในหัวคิดเพียงแค่ว่า "ก็ต้องทำ" ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็แค่ก้มหน้าก้มตาทำให้เสร็จไป ด๋องทุ่มเทเวลาหลายสัปดาห์ให้กับโปรเจกต์นี้ อาศัยเพียง "เครื่องมือ" ที่มี ความรู้พื้นฐานที่ร่ำเรียนมา และความอึดเข้าแลก เขาจมดิ่งอยู่กับตัวเลขและเอกสาร แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปทีละจุด แม้จะไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่างานนี้จะนำไปสู่สิ่งใด . วันนำเสนอผลงานมาถึง ด๋องยืนอยู่หน้าห้องประชุม นำเสนอสิ่งที่เขาได้ทำลงไปอย่างละเอียด ทั้งขั้นตอน ปัญหาที่พบ และวิธีแก้ไขแบบตามตำรา หัวหน้าและผู้ใหญ่ในห้องพยักหน้าพอใจในความเรียบร้อยและครบถ้วนตามที่มอบหมาย โปรเจกต์นี้ "สำเร็จ" ในสายตาของทุกคน และด๋องก็ได้รับคำชมตามระเบียบ แต่เมื่อเดินออกจากห้องประชุม แสงแดดยามบ่ายกลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจเลย ความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาไม่ใช่ความภาคภูมิใจ แต่เป็นความว่างเปล่าที่กัดกินข้างใน เหมือนเพิ่งปีนขึ้นไปบนยอดเขาได้สำเร็จ แต่กลับพบว่าตัวเองมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเดิน ไม่ได้แหงนมองวิวทิวทัศน์ระหว่างทางเลย "นี่คือทั้งหมดแล้วเหรอ?" คำถามนี้ดังก้องอยู่ในใจ "ชีวิตการทำงานมีแค่นี้เองเหรอ? แค่ทำสิ่งที่ 'ต้องทำ' ให้ดีที่สุด แล้วก็รู้สึกว่างเปล่าแบบนี้?" . ความว่างเปล่าครั้งนั้นกลายเป็นแรงผลักดันเงียบๆ ให้ด๋องเริ่มมองหาบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไป เขาเริ่มหยิบหนังสือพัฒนาตนเองที่เคยเมินเฉยขึ้นมาอ่านอีกครั้ง แต่คราวนี้อ่านด้วยสายตาที่แตกต่างออกไป ไม่ได้อ่านเพื่อหาสูตรสำเร็จ แต่เพื่อทำความเข้าใจความรู้สึกสับสนภายในใจของตัวเอง เขาได้อ่านเรื่องราวของผู้คนมากมายที่ดูเหมือนจะมี "ดาวเหนือ" เป็นของตัวเอง ส่องนำทางชีวิตและการทำงาน ด๋องเริ่ม "มองแบบอย่าง" จากคนเหล่านั้น ไม่ใช่การเลียนแบบภายนอก แต่พยายามทำความเข้าใจความคิด "เจตนา" และคุณค่าที่ขับเคลื่อนพวกเขา เขาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองอย่างจริงจังว่า นอกจากการ "ต้องทำ" แล้ว มีอะไรที่เขา "อยากจะทำ" กันแน่? และต้อง "จำเป็นต้องทำ" อะไรบ้างเพื่อให้ไปถึงจุดนั้น? . ไม่นานหลังจากนั้น ด๋องได้เข้าร่วมเวิร์กช็อปของบริษัทเกี่ยวกับวิสัยทัศน์และเป้าหมายองค์กร เขาได้ฟังเรื่องราวเบื้องหลังความสำเร็จ ฟังความฝันของผู้บริหารและเพื่อนร่วมงานจากแผนกต่างๆ เหมือนจิ๊กซอว์ที่กระจัดกระจายค่อยๆ ประกอบกันเป็นภาพใหญ่ที่เขาไม่เคยมองเห็นมาก่อน ด๋องเริ่มเข้าใจว่างานเล็กๆ ที่เขาทำ อาจมีความเชื่อมโยงกับเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น และเขาก็พบว่ามีบางประเด็นใน "วิสัยทัศน์ร่วม" นั้นที่สอดคล้องกับสิ่งที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจว่าเขา "อยากจะทำ" เขาตัดสินใจเริ่มต้นโปรเจกต์เล็กๆ นอกเหนือจากงานประจำ เป็นโปรเจกต์ที่เกิดจากความสนใจส่วนตัวและความตั้งใจที่อยากเห็นบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ครั้งนี้ ด๋องมี "เจตนา" ที่ชัดเจนในการลงมือทำ เขาพยายาม "จัดแนว" การกระทำทุกอย่างให้สอดคล้องกับ "ดาวเหนือ" ที่เริ่มส่องแสงประกายอ่อนๆ ให้เห็น . เส้นทางของโปรเจกต์ใหม่นี้ไม่ได้ราบรื่นเลย เขาต้องเผชิญกับความไม่รู้ ต้องกล้าก้าวออกจาก comfort zone ไปขอความช่วยเหลือจากคนที่ไม่เคยแม้แต่จะคุยด้วย อุปสรรคถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทั้งปัญหาที่ไม่คาดคิด ความผิดพลาดจากการลองผิดลองถูก แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง แม้จะเหน็ดเหนื่อย แต่ใจกลับเต็มไปด้วยพลังและความตื่นเต้น เขาล้มเหลวหลายครั้ง แต่ทุกครั้งคือการเรียนรู้ เขาไม่ได้ทำเพราะ "ต้องทำ" แต่ทำเพราะ "อยากทำ" และเริ่มรู้สึก "ชอบ" กระบวนการเรียนรู้และสร้างสรรค์นี้จริงๆ ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดคือตอนที่ทีมเล็กๆ ของเขา (ซึ่งรวมตัวกันด้วย "วิสัยทัศน์ร่วม") ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่ใหญ่มากจนเกือบต้องยอมแพ้ . แทนที่จะท้อถอย ด๋องกลับรู้สึกถึงพลังที่มองไม่เห็น ที่ผลักดันให้สู้ต่อไป เขาไม่ได้สู้แค่คนเดียว แต่สู้ไปพร้อมกับเพื่อนร่วมทีมที่เชื่อในสิ่งเดียวกัน ด้วย "เจตนา" และ "วิสัยทัศน์ร่วม" ที่ชัดเจน พวกเขาช่วยกันระดมสมอง เรียนรู้จากความผิดพลาด และปรับตัวอย่างรวดเร็วในทุกสถานการณ์ (Unconscious to Conscious Learning) ในที่สุด พวกเขาก็สามารถฝ่าฟันอุปสรรคครั้งใหญ่นั้นไปได้สำเร็จ ไม่ใช่ด้วยเครื่องมือวิเศษ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการเรียนรู้ร่วมกัน ความรู้สึกหลังจากการฝ่าฟันครั้งนี้นั้นแตกต่างจากครั้งแรกราวฟ้ากับเหว มันไม่ใช่ความว่างเปล่า แต่เป็นความอิ่มเอมใจที่ได้ทำในสิ่งที่เชื่อ ได้ทุ่มเทอย่างสุดกำลัง และได้เติบโตผ่านความท้าทายร่วมกับทีม เมื่อมองย้อนกลับไปที่โปรเจกต์แรกที่เคยทำด้วยความรู้สึกว่างเปล่า . วันนี้เขาเพิ่งได้เรียนรู้ว่า งาน "น่าเบื่อ" และ "ซ้ำซาก" ที่เขาทำไปเพราะ "ต้องทำ" ในวันนั้น ที่จริงแล้ว มันไม่ใช่แค่การทำงานให้เสร็จไปวันๆ แต่มันคือบททดสอบและบทฝึกฝนที่สำคัญยิ่งยวด งานนั้นได้สร้างและลับคม "เครื่องมือ" ที่จำเป็นที่สุดให้เขา นั่นคือ ความอดทน ความละเอียดรอบคอบ และทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทักษะพื้นฐานเหล่านี้เองที่กลายเป็นรากฐานอันแข็งแกร่ง ที่ทำให้เขามีความพร้อมที่จะรับมือกับความท้าทายที่ซับซ้อนกว่ามากในโปรเจกต์ที่สอง โปรเจกต์ที่เป็นสิ่งที่เขา "รักที่จะทำ" อย่างแท้จริง เรื่องราวของด๋องสอนเราว่า เส้นทางสู่การค้นพบสิ่งที่ "รักที่จะทำ" นั้น มักไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป บางครั้งเราต้องผ่านช่วงเวลาของการ "ต้องทำ" ในสิ่งที่เราอาจยังไม่เห็นคุณค่าหรือความหมายในทันที แต่งานเหล่านั้น หากเรามี "เจตนา" ที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเอง จะช่วยสร้าง "เครื่องมือ" และทักษะพื้นฐานที่จำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเครื่องมือเหล่านั้นจะกลายเป็นพลังสำคัญที่ช่วยให้เราคว้าโอกาสและเอาชนะอุปสรรคได้ . การออกตามหา "ดาวเหนือ" ไม่ใช่แค่การมองหาแรงบันดาลใจจากภายนอก แต่คือกระบวนการภายในของการทำความเข้าใจตัวเอง การมองหาแบบอย่างที่ดี การตั้ง "เจตนา" ที่ชัดเจน และการ "จัดแนว (Align)" การกระทำทุกอย่างให้สอดคล้องกับเป้าหมายและคุณค่าที่เรายึดมั่น และที่สำคัญที่สุด คือการค่อยๆ เปลี่ยนจาก mindset ที่ทำเพราะ "ต้องทำ" ไปสู่การได้ทำในสิ่งที่ "อยากทำ", "จำเป็นต้องทำ", "ชอบที่จะทำ" และท้ายที่สุดคือการได้ทำในสิ่งที่ "รักที่จะทำ" อย่างแท้จริง เพราะเมื่อใดที่เราได้ทำในสิ่งที่รักและมีความหมาย แม้ต้องเผชิญความยากลำบากใดๆ เราก็จะพบกับความอิ่มเอมใจที่แท้จริง และความหมายที่ลึกซึ้งในงานที่เราทำ เช่นเดียวกับที่ด๋องได้ค้นพบในที่สุด www.10x-consulting.com
    0 Comments 0 Shares 13 Views 0 Reviews
  • SME D Bank จัดใหญ่มหกรรม “SME BEYOND เติมทุนปลุกพลังเติบโตยั่งยืน” 30 พ.ค. นี้ เสิร์ฟสินเชื่อพิเศษหนุนติดตั้งโซลาร์เซลล์ มางานเดียวครบทุกความต้องการเอสเอ็มอีไทย
    https://www.thai-tai.tv/news/18540/
    SME D Bank จัดใหญ่มหกรรม “SME BEYOND เติมทุนปลุกพลังเติบโตยั่งยืน” 30 พ.ค. นี้ เสิร์ฟสินเชื่อพิเศษหนุนติดตั้งโซลาร์เซลล์ มางานเดียวครบทุกความต้องการเอสเอ็มอีไทย https://www.thai-tai.tv/news/18540/
    0 Comments 0 Shares 9 Views 0 Reviews
  • รมว.ศุภมาส ดัน ปส.-IAEA วางแผนจัดการกากกัมมันตรังสีแห่งชาติ
    https://www.thai-tai.tv/news/18539/
    รมว.ศุภมาส ดัน ปส.-IAEA วางแผนจัดการกากกัมมันตรังสีแห่งชาติ https://www.thai-tai.tv/news/18539/
    0 Comments 0 Shares 10 Views 0 Reviews
  • ทรัมป์ติดหล่ม 3 กับดักที่ตัวเองก่อ ยูเครน-ตะวันออกกลาง-ภาษี : คนเคาะข่าว 06-05-68
    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์

    #คนเคาะข่าว #ทรัมป์ #สงครามยูเครน #ตะวันออกกลาง #นโยบายภาษี #กับดักทรัมป์ #Geopolitics #ข่าวต่างประเทศ #ทนงขันทอง #นงวดีถนิมมาลย์ #วิเคราะห์การเมืองโลก #นโยบายสหรัฐ #thaitimes #ภาษีทรัมป์ #ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
    ทรัมป์ติดหล่ม 3 กับดักที่ตัวเองก่อ ยูเครน-ตะวันออกกลาง-ภาษี : คนเคาะข่าว 06-05-68 : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์ #คนเคาะข่าว #ทรัมป์ #สงครามยูเครน #ตะวันออกกลาง #นโยบายภาษี #กับดักทรัมป์ #Geopolitics #ข่าวต่างประเทศ #ทนงขันทอง #นงวดีถนิมมาลย์ #วิเคราะห์การเมืองโลก #นโยบายสหรัฐ #thaitimes #ภาษีทรัมป์ #ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
    0 Comments 0 Shares 19 Views 10 0 Reviews
  • ‘คมนาคม’ กางแผนพัฒนาเชิงพาณิชย์ท่าเรือกรุงเทพ ชูพื้นที่ 520 ไร่ นำร่องพัฒนารับเอนเตอร์เทนเมนต์ฯ ส่วน ‘คาสิโน’ ต้องรอกฎหมายก่อน
    https://www.thai-tai.tv/news/18538/
    ‘คมนาคม’ กางแผนพัฒนาเชิงพาณิชย์ท่าเรือกรุงเทพ ชูพื้นที่ 520 ไร่ นำร่องพัฒนารับเอนเตอร์เทนเมนต์ฯ ส่วน ‘คาสิโน’ ต้องรอกฎหมายก่อน https://www.thai-tai.tv/news/18538/
    0 Comments 0 Shares 13 Views 0 Reviews
  • รายงานจากเพจเฟซบุ๊กBlognone ระบุว่า อุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ของสหรัฐฯ เตือนว่าการที่รัฐบาล Trump ปราบปรามพลังงานหมุนเวียนอย่างเข้มงวด กำลังขัดขวางการเติบโตของกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ และทำให้สหรัฐฯ เสี่ยงเสียตำแหน่งผู้นำ AI ระดับโลกให้กับจีนได้
    .
    จีนออกมาตรการเชิงรุกในการส่งเสริม และปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าให้ทันสมัย และการจ่ายพลังงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งตรงข้ามกับสหรัฐฯ ที่ระงับการพัฒนาพลังงานสะอาดบนที่ดินของรัฐบาลกลาง หยุดการปล่อยเงินกู้สำหรับพลังงานสะอาด และยกเลิกโครงการสำคัญ เช่น โครงการพลังงานลมของ Equinor มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ฯ
    .
    ดาต้าเซ็นเตอร์จำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้าที่มั่นคงและมีราคาย่อมเยา ซึ่งพลังงานหมุนเวียนช่วยตอบโจทย์ได้ดี ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหากสหรัฐฯ เข้าถึงแหล่งพลังงานหมุนเวียนได้น้อยลง ดาต้าเซ็นเตอร์อาจเผชิญกับปัญหาขาดแคลนพลังงาน ต้นทุนที่สูงขึ้น ความล่าช้าในการก่อสร้าง และต้องหันมาพึ่งพลังงานฟอสซิลมากขึ้น
    .
    แม้โครงการพลังงานก๊าซบางแห่งถูกเร่งดำเนินการ แต่ก็มีต้นทุนสูง และใช้เวลานานกว่าจะสร้างเสร็จ เช่นเดียวกับบิ๊กเทคฯ อย่าง Amazon, Google, และ Equinix ที่เจอปัญหาในการรักษาเป้าหมายด้านความยั่งยืน และควบคุมต้นทุนจากความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น
    .
    ตอนนี้ในรัฐเท็กซัส ซึ่งตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของสหรัฐฯ กำลังพิจารณาร่างกฎหมายที่อาจเพิ่มข้อจำกัดต่อโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และลม ซึ่งจะยิ่งทำให้การขยายโครงสร้างพื้นฐานของดาต้าเซ็นเตอร์ยากขึ้น
    .
    https://www.ft.com/content/6821ec83-3a33-4a20-a3c6-152135c8ad57
    รายงานจากเพจเฟซบุ๊กBlognone ระบุว่า อุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ของสหรัฐฯ เตือนว่าการที่รัฐบาล Trump ปราบปรามพลังงานหมุนเวียนอย่างเข้มงวด กำลังขัดขวางการเติบโตของกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ และทำให้สหรัฐฯ เสี่ยงเสียตำแหน่งผู้นำ AI ระดับโลกให้กับจีนได้ . จีนออกมาตรการเชิงรุกในการส่งเสริม และปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าให้ทันสมัย และการจ่ายพลังงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งตรงข้ามกับสหรัฐฯ ที่ระงับการพัฒนาพลังงานสะอาดบนที่ดินของรัฐบาลกลาง หยุดการปล่อยเงินกู้สำหรับพลังงานสะอาด และยกเลิกโครงการสำคัญ เช่น โครงการพลังงานลมของ Equinor มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ฯ . ดาต้าเซ็นเตอร์จำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้าที่มั่นคงและมีราคาย่อมเยา ซึ่งพลังงานหมุนเวียนช่วยตอบโจทย์ได้ดี ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหากสหรัฐฯ เข้าถึงแหล่งพลังงานหมุนเวียนได้น้อยลง ดาต้าเซ็นเตอร์อาจเผชิญกับปัญหาขาดแคลนพลังงาน ต้นทุนที่สูงขึ้น ความล่าช้าในการก่อสร้าง และต้องหันมาพึ่งพลังงานฟอสซิลมากขึ้น . แม้โครงการพลังงานก๊าซบางแห่งถูกเร่งดำเนินการ แต่ก็มีต้นทุนสูง และใช้เวลานานกว่าจะสร้างเสร็จ เช่นเดียวกับบิ๊กเทคฯ อย่าง Amazon, Google, และ Equinix ที่เจอปัญหาในการรักษาเป้าหมายด้านความยั่งยืน และควบคุมต้นทุนจากความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น . ตอนนี้ในรัฐเท็กซัส ซึ่งตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของสหรัฐฯ กำลังพิจารณาร่างกฎหมายที่อาจเพิ่มข้อจำกัดต่อโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และลม ซึ่งจะยิ่งทำให้การขยายโครงสร้างพื้นฐานของดาต้าเซ็นเตอร์ยากขึ้น . https://www.ft.com/content/6821ec83-3a33-4a20-a3c6-152135c8ad57
    WWW.FT.COM
    Donald Trump’s attack on green energy could hurt US in AI race, data centres warn
    Industry needs renewables to meet surging power demand from artificial intelligence
    0 Comments 0 Shares 30 Views 0 Reviews
  • ต้องขออภัยจริงๆค่ะ ปลาซิวทอดกรอบสินค้าขายดีอันดับ 1…ใครทานก็ติดใจ คือ ทานกับอะไรก็อร่อย ทานกับข้าวก็เลิศ ทานเล่นคือฟิน …สั่งมาทีไรก็หมดไวมาก สั่งมาเท่าไหร่ก็ไม่พอ…ถ้ากดแล้วมีสินค้าคือโชคดี ถ้ากดแล้วสินค้าหมดก็ต้องอภัยค่ะ…อีก 2-3 วัน กดใหม่นะคะ🌶️♨️⭕️ เปิดตะกร้าใหม่ …ปลาซิวทอดกรอบ 🙂 ใน TikTokhttps://vt.tiktok.com/ZSrLMwpsh/ปลาซิวทอดกรอบ 🙂 ใน Shopeehttps://th.shp.ee/VccNvCtเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #ปลาเกล็ดขาวสามรส #ปลาเกล็ดขาว #ปลาซิวทอดกรอบ #ปลาซิวทอด #ปลาซิวกรอบ #ปลาซิวทอดกรอบ #หมึกกะตอยแห้ง #อร่อยกี่โมง #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ปลากระพงทุบ #กะปิเคย#songkran2025
    ต้องขออภัยจริงๆค่ะ ปลาซิวทอดกรอบสินค้าขายดีอันดับ 1…ใครทานก็ติดใจ คือ ทานกับอะไรก็อร่อย ทานกับข้าวก็เลิศ ทานเล่นคือฟิน …สั่งมาทีไรก็หมดไวมาก สั่งมาเท่าไหร่ก็ไม่พอ…ถ้ากดแล้วมีสินค้าคือโชคดี ถ้ากดแล้วสินค้าหมดก็ต้องอภัยค่ะ…อีก 2-3 วัน กดใหม่นะคะ🌶️♨️⭕️ เปิดตะกร้าใหม่ …ปลาซิวทอดกรอบ 🙂 ใน TikTokhttps://vt.tiktok.com/ZSrLMwpsh/ปลาซิวทอดกรอบ 🙂 ใน Shopeehttps://th.shp.ee/VccNvCtเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #ปลาเกล็ดขาวสามรส #ปลาเกล็ดขาว #ปลาซิวทอดกรอบ #ปลาซิวทอด #ปลาซิวกรอบ #ปลาซิวทอดกรอบ #หมึกกะตอยแห้ง #อร่อยกี่โมง #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ปลากระพงทุบ #กะปิเคย#songkran2025
    0 Comments 0 Shares 20 Views 0 0 Reviews
  • https://youtube.com/shorts/KX73i4OG048?si=ujcoq69CUDbnt0qJ
    https://youtube.com/shorts/KX73i4OG048?si=ujcoq69CUDbnt0qJ
    0 Comments 0 Shares 20 Views 0 Reviews
  • อ.ไชยันต์ ไชยพร ร้อง ปอท.เอาผิดเพจ "สมศักดิ์ เจียม" โพสต์กล่าวหาเป็นหนึ่งในขบวนการ IO ของกองทัพบก ยันไม่ยอมให้ใครมาสั่งหรือตกอยู่ภายใต้อำนาจอิทธิพลใดๆ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000042366

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    อ.ไชยันต์ ไชยพร ร้อง ปอท.เอาผิดเพจ "สมศักดิ์ เจียม" โพสต์กล่าวหาเป็นหนึ่งในขบวนการ IO ของกองทัพบก ยันไม่ยอมให้ใครมาสั่งหรือตกอยู่ภายใต้อำนาจอิทธิพลใดๆ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000042366 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Wow
    3
    0 Comments 0 Shares 98 Views 1 Reviews
  • "อ.ไชยันต์ ไชยพร" ร้อง ปอท.เอาผิดเพจ "สมศักดิ์ เจียม" โพสต์กล่าวหาเป็นหนึ่งในขบวนการ IO ของกองทัพบก ยันไม่ยอมให้ใครมาสั่งหรือตกอยู่ภายใต้อำนาจอิทธิพลใดๆ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000042378

    "อ.ไชยันต์ ไชยพร" ร้อง ปอท.เอาผิดเพจ "สมศักดิ์ เจียม" โพสต์กล่าวหาเป็นหนึ่งในขบวนการ IO ของกองทัพบก ยันไม่ยอมให้ใครมาสั่งหรือตกอยู่ภายใต้อำนาจอิทธิพลใดๆ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000042378
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • "อ.ไชยันต์ ไชยพร" ร้อง ปอท.เอาผิดเพจ "สมศักดิ์ เจียม" โพสต์กล่าวหาเป็นหนึ่งในขบวนการ IO ของกองทัพบก ยันไม่ยอมให้ใครมาสั่งหรือตกอยู่ภายใต้อำนาจอิทธิพลใดๆ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000042378

    #SondhiX #SondhiX #Sondhitalk #Thaitimes
    "อ.ไชยันต์ ไชยพร" ร้อง ปอท.เอาผิดเพจ "สมศักดิ์ เจียม" โพสต์กล่าวหาเป็นหนึ่งในขบวนการ IO ของกองทัพบก ยันไม่ยอมให้ใครมาสั่งหรือตกอยู่ภายใต้อำนาจอิทธิพลใดๆ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000042378 #SondhiX #SondhiX #Sondhitalk #Thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 107 Views 0 Reviews
  • "อ.ไชยันต์ ไชยพร" ร้อง ปอท.เอาผิดเพจ "สมศักดิ์ เจียม" โพสต์กล่าวหาเป็นหนึ่งในขบวนการ IO ของกองทัพบก ยันไม่ยอมให้ใครมาสั่งหรือตกอยู่ภายใต้อำนาจอิทธิพลใดๆ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000042378

    #SondhiX #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "อ.ไชยันต์ ไชยพร" ร้อง ปอท.เอาผิดเพจ "สมศักดิ์ เจียม" โพสต์กล่าวหาเป็นหนึ่งในขบวนการ IO ของกองทัพบก ยันไม่ยอมให้ใครมาสั่งหรือตกอยู่ภายใต้อำนาจอิทธิพลใดๆ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000042378 #SondhiX #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 109 Views 0 Reviews
  • ไข้หวัดนกยุค 'ทักษิณ' แพทองธาร โดน'แอนแทรกซ์' ระวังประวัติศาสตร์ซ้ำรอย : ถอนหมุดข่าว 06-06-68
    ไข้หวัดนกยุค 'ทักษิณ' แพทองธาร โดน'แอนแทรกซ์' ระวังประวัติศาสตร์ซ้ำรอย : ถอนหมุดข่าว 06-06-68
    Angry
    1
    0 Comments 0 Shares 22 Views 1 0 Reviews
  • 'อ.ไชยันต์' ร้อง ปอท.เอาผิดเพจ 'สมศักดิ์ เจียม' โพสต์กล่าวหาเป็นหนึ่งในขบวนการ IO ของกองทัพบก
    https://www.thai-tai.tv/news/18537/
    'อ.ไชยันต์' ร้อง ปอท.เอาผิดเพจ 'สมศักดิ์ เจียม' โพสต์กล่าวหาเป็นหนึ่งในขบวนการ IO ของกองทัพบก https://www.thai-tai.tv/news/18537/
    0 Comments 0 Shares 20 Views 0 Reviews
  • 'ธรรมนัส' สวมเสื้อ 'เอกราช ช่างเหลา' เข้าซบ 'พรรคกล้าธรรม' การันตีไม่มีปัญหา
    https://www.thai-tai.tv/news/18536/
    'ธรรมนัส' สวมเสื้อ 'เอกราช ช่างเหลา' เข้าซบ 'พรรคกล้าธรรม' การันตีไม่มีปัญหา https://www.thai-tai.tv/news/18536/
    0 Comments 0 Shares 23 Views 0 Reviews
  • สัปดาห์ที่แล้วคุยเรื่องชีวประวัติ วันนี้เลยมาคุยให้ฟังถึงเรื่องราวของคนในตำนานอีกคู่หนึ่ง

    เพื่อนเพจที่ได้ติดตามละครเรื่อง <เทียบท้าปฐพี> คงจำได้ถึงหนึ่งในตัวละครที่มีบทบาทเด่นคือเฟิ่งชีอู๋ ประมุขตระกูลเฟิ่งแห่งยงโจวผู้ดำรงตำแหน่ง ‘ซ่างซู’ (ขุนนางระดับเสนาธิการ) ในฉากที่นางได้เข้าพบกับท่านชายสองเฟิงหลันซี (พระเอก) ได้แสดงการสวามิภักดิ์ผ่านการเปรียบเปรยถึงซือหม่าเซียงหรูและจั๋วเหวินจวิน

    ความมีอยู่ว่า...
    ท่านชายสอง: ซือหม่าเซียงหรูต้องกักตัวเพราะป่วย เช่นเดียวกับข้า ตัวอยู่ในที่มืดมิด
    เฟิ่งชีอู๋: แทนที่จะอยู่ในที่มืด มิสู้จุดโคมเดินทาง หากท่านคิดเป็นซือหม่าเซียงหรู ข้ายอมเป็นจั๋วเหวินจวิน (ภรรยาของซือหม่าเซียงหรู) จุดโคมให้ท่าน
    - ถอดบทสนทนาจะละครเรื่อง <เทียบท้าปฐพี> ตามซับไทย

    หากใครไม่ทราบเรื่องราวของซือหม่าเซียงหรูและจั๋วเหวินจวินคงจะไม่เข้าใจความนัยของบทสนทนาข้างต้นนี้ วันนี้เลยนำเรื่องราวของทั้งคู่มาเล่าให้ฟังอย่างย่อ

    ซือหม่าเซียงหรู (179-117 ปีก่อนคริสตกาล สมัยราชวงศ์ฮั่น) เป็นคนพื้นเพเสฉวน สันทัดด้านอักษรและดนตรีจนได้เป็นอาจารย์ ต่อมาเดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อหาหนทางเข้ารับราชการ แต่ด้วยพื้นเพครอบครัวยากจนจึงไม่ได้รับความสนใจนัก สุดท้ายถอดใจอำลาเมืองหลวงไปอาศัยอยู่ที่เมืองหลิงฉยงตามคำชวนของสหายนามว่า ‘หวางจี๋’ เป็นผู้ว่าการเขตหลิงฉยง

    ที่หลิงฉยง ซือหม่าเซียงหรูแสร้งทำเป็นป่วย วันๆ ไม่ยอมพบใคร โดยมีหวางจี๋คอยไปเยี่ยมเยียนทุกวัน จนเกิดเป็นภาพลักษณ์ว่าซือหม่าเซียงหรูเป็นแขกพิเศษของหวางจี๋ ได้รับความสนใจจากผู้คนไม่น้อย

    หนึ่งในนั้นคือคหบดีพ่อค้านามว่า ‘จั๋วหวางซุน’ เขามีลูกสาวคือจั๋วเหวินจวิน นางออกเรือนไปได้ไม่นานก็เป็นหม้ายจึงกลับมาอยู่กับบิดา ยามนั้นนางอายุเพียงสิบเจ็ด เลื่องชื่อด้วยโฉมงามและความสามารถด้านการดนตรีและโคลงกลอน

    อยู่มาวันหนึ่งจั๋วหวางซุนได้จัดงานเลี้ยงขึ้นโดยตั้งใจเชิญหวางจี๋และซือหม่าเซียงหรูมาเป็นแขก หวางจี๋ถึงขนาดไปเชิญซือหม่าเซียงหรูด้วยตนเอง เขาจึงยอมมาร่วมงาน และเพื่อเป็นการสนองการต้อนรับอันอบอุ่น เขาบรรเลงเพลงพิณ ‘หงส์วอนหาคู่’

    การเล่นพิณครั้งนี้ ไม่ว่าเป็นแผนหรือไม่ แต่ผลก็คือจั๋วเหวินจวินที่มาแอบดูเขาที่หลังฉากและได้ยินเพลงพิณขอรักของเขาเข้าก็ตกหลุมรัก คืนนั้นนางหนีตามเขากลับไปเมืองหลวง ที่นั่นจั๋วเหวินจวินค้นพบความจริงแล้วว่าเขายากจนมาก บ้านของเขามีเพียงสี่ผนังที่ว่างเปล่า แต่นางก็ไม่ทิ้งเขา ใช้ชีวิตแบบกัดก้อนเกลือกินอยู่กับเขาโดยอาศัยเงินและเครื่องประดับที่นางพกติดตัวมา ส่วนจั๋วหวางซุนเมื่อได้ข่าวก็ทั้งอับอายทั้งเสียใจถึงกับตัดขาดไม่ยอมให้เงินช่วยเหลือลูกสาวแม้แต่แดงเดียว

    ต่อมาเงินหมด จั๋วเหวินจวินคิดแล้วว่าอยู่เมืองหลวงต่อไปก็ไม่มีหนทาง จึงชวนซือหม่าเซียงหรูกลับมาที่เมืองหลิงฉยง พวกเขาขายรถม้าซึ่งเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายเพื่อเปิดร้านเหล้าเล็กๆ แห่งหนึ่งช่วยกันทำมาหากิน ทั้งสองทำงานหนักแต่ก็ใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุข สุดท้ายจั๋วหวางซุนใจอ่อนจึงมอบเงินและบ่าวให้จำนวนไม่น้อยเป็นเงินรับขวัญเขยคนนี้ พอที่ทั้งสองจะกลับไปเมืองหลวงซื้อที่ดินและใช้ชีวิตได้อย่างคนมีอันจะกิน

    ในช่วงเวลานั้นเอง บทประพันธ์ ‘จื่อซวีฟู่’ ของซือหม่าเซียงหรูเป็นที่ชื่นชอบขององค์ฮั่นอู่ตี้ เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนางผู้ติดตามใกล้ชิด ต่อมาหน้าที่การงานยิ่งเจริญรุ่งเรืองกลายเป็นคนเนื้อหอม จึงเกิดความคิดที่จะรับอนุ แต่ต่อมาจั๋วเหวินจวินแต่งกลอนทำให้เขารำลึกถึงความหลังและเปลี่ยนความคิด (Storyฯ เคยคุยถึงเรื่อง ‘ลำนำผมขาว’ นี้ไปแล้ว ไปหาอ่านย้อนหลังนะคะ)

    ดังนั้น บทสนทนาละครเรื่อง <เทียบท้าปฐพี> ข้างต้น ไม่เพียงแต่แสดงเจตจำนงของเฟิ่งชีอู๋ที่จะยอมเป็นภรรยาของพระเอก หากแต่ยังสะท้อนถึงความนัยว่า นางยอมใช้ทุกสิ่งอย่างที่นางมีเพื่อช่วยสนับสนุนเขา ไม่ทิ้งไม่หนี จะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปตลอดโดยไม่แคร์ว่าผู้อื่นจะมองอย่างไร

    Storyฯ คิดว่านี่เป็นคำสวามิภักดิ์ที่จริงใจที่สุดเท่าที่สตรีนางหนึ่งจะมอบให้ชายใดได้แล้ว เพื่อนเพจคิดเหมือนกันไหม?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://auete.com/Tv/wangju/qieshitianxia/
    https://kknews.cc/zh-cn/entertainment/6ggbbpm.html
    https://kknews.cc/history/y39v3qk.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/卓文君/823759
    http://history.sina.com.cn/his/zl/2014-09-29/1551102344_2.shtml
    http://www.renwugushi.com/qinhan/a1043.html
    https://www.gugong.net/wenhua/34904.html

    #เทียบท้าปฐพี #เฟิ่งชีอู๋ #จั๋วเหวินจวิน #ซือหม่าเซียงหรู #กวีเอกราชวงศ์ฮั่น
    สัปดาห์ที่แล้วคุยเรื่องชีวประวัติ วันนี้เลยมาคุยให้ฟังถึงเรื่องราวของคนในตำนานอีกคู่หนึ่ง เพื่อนเพจที่ได้ติดตามละครเรื่อง <เทียบท้าปฐพี> คงจำได้ถึงหนึ่งในตัวละครที่มีบทบาทเด่นคือเฟิ่งชีอู๋ ประมุขตระกูลเฟิ่งแห่งยงโจวผู้ดำรงตำแหน่ง ‘ซ่างซู’ (ขุนนางระดับเสนาธิการ) ในฉากที่นางได้เข้าพบกับท่านชายสองเฟิงหลันซี (พระเอก) ได้แสดงการสวามิภักดิ์ผ่านการเปรียบเปรยถึงซือหม่าเซียงหรูและจั๋วเหวินจวิน ความมีอยู่ว่า... ท่านชายสอง: ซือหม่าเซียงหรูต้องกักตัวเพราะป่วย เช่นเดียวกับข้า ตัวอยู่ในที่มืดมิด เฟิ่งชีอู๋: แทนที่จะอยู่ในที่มืด มิสู้จุดโคมเดินทาง หากท่านคิดเป็นซือหม่าเซียงหรู ข้ายอมเป็นจั๋วเหวินจวิน (ภรรยาของซือหม่าเซียงหรู) จุดโคมให้ท่าน - ถอดบทสนทนาจะละครเรื่อง <เทียบท้าปฐพี> ตามซับไทย หากใครไม่ทราบเรื่องราวของซือหม่าเซียงหรูและจั๋วเหวินจวินคงจะไม่เข้าใจความนัยของบทสนทนาข้างต้นนี้ วันนี้เลยนำเรื่องราวของทั้งคู่มาเล่าให้ฟังอย่างย่อ ซือหม่าเซียงหรู (179-117 ปีก่อนคริสตกาล สมัยราชวงศ์ฮั่น) เป็นคนพื้นเพเสฉวน สันทัดด้านอักษรและดนตรีจนได้เป็นอาจารย์ ต่อมาเดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อหาหนทางเข้ารับราชการ แต่ด้วยพื้นเพครอบครัวยากจนจึงไม่ได้รับความสนใจนัก สุดท้ายถอดใจอำลาเมืองหลวงไปอาศัยอยู่ที่เมืองหลิงฉยงตามคำชวนของสหายนามว่า ‘หวางจี๋’ เป็นผู้ว่าการเขตหลิงฉยง ที่หลิงฉยง ซือหม่าเซียงหรูแสร้งทำเป็นป่วย วันๆ ไม่ยอมพบใคร โดยมีหวางจี๋คอยไปเยี่ยมเยียนทุกวัน จนเกิดเป็นภาพลักษณ์ว่าซือหม่าเซียงหรูเป็นแขกพิเศษของหวางจี๋ ได้รับความสนใจจากผู้คนไม่น้อย หนึ่งในนั้นคือคหบดีพ่อค้านามว่า ‘จั๋วหวางซุน’ เขามีลูกสาวคือจั๋วเหวินจวิน นางออกเรือนไปได้ไม่นานก็เป็นหม้ายจึงกลับมาอยู่กับบิดา ยามนั้นนางอายุเพียงสิบเจ็ด เลื่องชื่อด้วยโฉมงามและความสามารถด้านการดนตรีและโคลงกลอน อยู่มาวันหนึ่งจั๋วหวางซุนได้จัดงานเลี้ยงขึ้นโดยตั้งใจเชิญหวางจี๋และซือหม่าเซียงหรูมาเป็นแขก หวางจี๋ถึงขนาดไปเชิญซือหม่าเซียงหรูด้วยตนเอง เขาจึงยอมมาร่วมงาน และเพื่อเป็นการสนองการต้อนรับอันอบอุ่น เขาบรรเลงเพลงพิณ ‘หงส์วอนหาคู่’ การเล่นพิณครั้งนี้ ไม่ว่าเป็นแผนหรือไม่ แต่ผลก็คือจั๋วเหวินจวินที่มาแอบดูเขาที่หลังฉากและได้ยินเพลงพิณขอรักของเขาเข้าก็ตกหลุมรัก คืนนั้นนางหนีตามเขากลับไปเมืองหลวง ที่นั่นจั๋วเหวินจวินค้นพบความจริงแล้วว่าเขายากจนมาก บ้านของเขามีเพียงสี่ผนังที่ว่างเปล่า แต่นางก็ไม่ทิ้งเขา ใช้ชีวิตแบบกัดก้อนเกลือกินอยู่กับเขาโดยอาศัยเงินและเครื่องประดับที่นางพกติดตัวมา ส่วนจั๋วหวางซุนเมื่อได้ข่าวก็ทั้งอับอายทั้งเสียใจถึงกับตัดขาดไม่ยอมให้เงินช่วยเหลือลูกสาวแม้แต่แดงเดียว ต่อมาเงินหมด จั๋วเหวินจวินคิดแล้วว่าอยู่เมืองหลวงต่อไปก็ไม่มีหนทาง จึงชวนซือหม่าเซียงหรูกลับมาที่เมืองหลิงฉยง พวกเขาขายรถม้าซึ่งเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายเพื่อเปิดร้านเหล้าเล็กๆ แห่งหนึ่งช่วยกันทำมาหากิน ทั้งสองทำงานหนักแต่ก็ใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุข สุดท้ายจั๋วหวางซุนใจอ่อนจึงมอบเงินและบ่าวให้จำนวนไม่น้อยเป็นเงินรับขวัญเขยคนนี้ พอที่ทั้งสองจะกลับไปเมืองหลวงซื้อที่ดินและใช้ชีวิตได้อย่างคนมีอันจะกิน ในช่วงเวลานั้นเอง บทประพันธ์ ‘จื่อซวีฟู่’ ของซือหม่าเซียงหรูเป็นที่ชื่นชอบขององค์ฮั่นอู่ตี้ เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนางผู้ติดตามใกล้ชิด ต่อมาหน้าที่การงานยิ่งเจริญรุ่งเรืองกลายเป็นคนเนื้อหอม จึงเกิดความคิดที่จะรับอนุ แต่ต่อมาจั๋วเหวินจวินแต่งกลอนทำให้เขารำลึกถึงความหลังและเปลี่ยนความคิด (Storyฯ เคยคุยถึงเรื่อง ‘ลำนำผมขาว’ นี้ไปแล้ว ไปหาอ่านย้อนหลังนะคะ) ดังนั้น บทสนทนาละครเรื่อง <เทียบท้าปฐพี> ข้างต้น ไม่เพียงแต่แสดงเจตจำนงของเฟิ่งชีอู๋ที่จะยอมเป็นภรรยาของพระเอก หากแต่ยังสะท้อนถึงความนัยว่า นางยอมใช้ทุกสิ่งอย่างที่นางมีเพื่อช่วยสนับสนุนเขา ไม่ทิ้งไม่หนี จะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปตลอดโดยไม่แคร์ว่าผู้อื่นจะมองอย่างไร Storyฯ คิดว่านี่เป็นคำสวามิภักดิ์ที่จริงใจที่สุดเท่าที่สตรีนางหนึ่งจะมอบให้ชายใดได้แล้ว เพื่อนเพจคิดเหมือนกันไหม? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://auete.com/Tv/wangju/qieshitianxia/ https://kknews.cc/zh-cn/entertainment/6ggbbpm.html https://kknews.cc/history/y39v3qk.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/卓文君/823759 http://history.sina.com.cn/his/zl/2014-09-29/1551102344_2.shtml http://www.renwugushi.com/qinhan/a1043.html https://www.gugong.net/wenhua/34904.html #เทียบท้าปฐพี #เฟิ่งชีอู๋ #จั๋วเหวินจวิน #ซือหม่าเซียงหรู #กวีเอกราชวงศ์ฮั่น
    1 Comments 0 Shares 54 Views 0 Reviews
  • พลิกพื้นดินตึก สตง.หาร่างที่เหลือก่อนปิดจ๊อบ : [NEWS UPDATE]
    นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. เผยความคืบหน้าภารกิจค้นหาผู้ติดค้างในอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม เปิดพื้นที่แผ่นคอนกรีตซากอาคารถึงชั้นใต้ดินครบแล้ว ทั้งรอบอาคารและในตัวอาคารทั้งหมด 40x40 เมตร ยังเหลือซากอาคารที่ล้มลงไปกองด้านข้างชิดกับอาคารจอดรถ สูง 3 เมตร กว้าง 15-20 เมตร ซึ่งต้องระวังเครื่องจักรหนักจะไปเพิ่มน้ำหนักทำให้พื้นยุบลง คาดใช้เวลาจบภารกิจ 2-3 วัน ส่วนร่างผู้ประสบภัยรวมทั้งชิ้นส่วนอวัยวะที่ยังค้างอยู่ที่นิติเวชกว่า 200 ชิ้น ต้องรอผลพิสูจน์ DNA ว่าเป็นมนุษย์กี่คน ตรงกับข้อมูลของพนักงานสอบสวนที่แจ้งว่า 109 คนหรือไม่ โดยข้อมูลของพนักงานสอบสวนยังค้างอยู่ 13 ราย ในตัวอาคารไม่มีแล้ว ส่วนร่างที่แจ้งว่าพบ 87 ราย สามารถยืนยันและคืนร่างได้ 45 ราย แต่การออกใบมรณบัตรของสำนักงานเขตมี 47 ใบ เท่ากับว่ามีส่วนที่ไม่สามารถยืนยันตัวบุคคลได้ ถ้ายอดไม่ครบและไม่ตรง ต้องหาว่าข้อมูลที่ได้มาคลาดเคลื่อนตรงไหน เพราะหน้างานเราเปิดพื้นที่หมดแล้วไม่พบผู้ประสบภัยเพิ่ม เป็นการพลิกแผ่นดิน พลิกพื้นอาคารออกหมด เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงว่ามีหรือไม่มี


    เพิ่มกำลังดูแลชายแดนใต้

    ซัดสื่อตีปลาหน้าไซ

    ยื้อแจกเงินหมื่น

    วุฒิสภาศักดิ์สูงกว่าดีเอสไอ
    พลิกพื้นดินตึก สตง.หาร่างที่เหลือก่อนปิดจ๊อบ : [NEWS UPDATE] นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. เผยความคืบหน้าภารกิจค้นหาผู้ติดค้างในอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม เปิดพื้นที่แผ่นคอนกรีตซากอาคารถึงชั้นใต้ดินครบแล้ว ทั้งรอบอาคารและในตัวอาคารทั้งหมด 40x40 เมตร ยังเหลือซากอาคารที่ล้มลงไปกองด้านข้างชิดกับอาคารจอดรถ สูง 3 เมตร กว้าง 15-20 เมตร ซึ่งต้องระวังเครื่องจักรหนักจะไปเพิ่มน้ำหนักทำให้พื้นยุบลง คาดใช้เวลาจบภารกิจ 2-3 วัน ส่วนร่างผู้ประสบภัยรวมทั้งชิ้นส่วนอวัยวะที่ยังค้างอยู่ที่นิติเวชกว่า 200 ชิ้น ต้องรอผลพิสูจน์ DNA ว่าเป็นมนุษย์กี่คน ตรงกับข้อมูลของพนักงานสอบสวนที่แจ้งว่า 109 คนหรือไม่ โดยข้อมูลของพนักงานสอบสวนยังค้างอยู่ 13 ราย ในตัวอาคารไม่มีแล้ว ส่วนร่างที่แจ้งว่าพบ 87 ราย สามารถยืนยันและคืนร่างได้ 45 ราย แต่การออกใบมรณบัตรของสำนักงานเขตมี 47 ใบ เท่ากับว่ามีส่วนที่ไม่สามารถยืนยันตัวบุคคลได้ ถ้ายอดไม่ครบและไม่ตรง ต้องหาว่าข้อมูลที่ได้มาคลาดเคลื่อนตรงไหน เพราะหน้างานเราเปิดพื้นที่หมดแล้วไม่พบผู้ประสบภัยเพิ่ม เป็นการพลิกแผ่นดิน พลิกพื้นอาคารออกหมด เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงว่ามีหรือไม่มี เพิ่มกำลังดูแลชายแดนใต้ ซัดสื่อตีปลาหน้าไซ ยื้อแจกเงินหมื่น วุฒิสภาศักดิ์สูงกว่าดีเอสไอ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 119 Views 11 0 Reviews
  • ด่วน! กองทัพอากาศส่ง F-16 สกัดเครื่องบิน K-8 เมียนมา หลังบินประชิดชายแดนพุน้ำร้อน
    https://www.thai-tai.tv/news/18535/
    ด่วน! กองทัพอากาศส่ง F-16 สกัดเครื่องบิน K-8 เมียนมา หลังบินประชิดชายแดนพุน้ำร้อน https://www.thai-tai.tv/news/18535/
    0 Comments 0 Shares 24 Views 0 Reviews
  • จับตา 'แพทยสภา' คุมชะตากรรม 'ทักษิณ' ใบเบิกทาง คืนสู่คุก : ข่าวลึกปมลับ 06-06-68
    จับตา 'แพทยสภา' คุมชะตากรรม 'ทักษิณ' ใบเบิกทาง คืนสู่คุก : ข่าวลึกปมลับ 06-06-68
    Angry
    1
    0 Comments 1 Shares 41 Views 0 0 Reviews
  • 🎧 No More Masks is not a track. It’s a mirror.
    If you've ever lied just to survive, this song was made for your truth.

    “This beat rips / Like I tear off my face”

    Don’t clap. Just listen.
    ▶️ [ https://youtu.be/H-Og0cbfrJA ]

    #NoMoreMasks #TruthInLyrics #EkarachChandon #UnfilteredRap #RapForHealing #realtalkonly

    Under the care & creative direction of Ekarach Chandon
    – Father, Listener, and the Keeper of Eternal Thought

    📚 Amazon Author Page — Ekarach Chandon
    https://www.amazon.com/stores/Ekarach-Chandon/author/B0C72VBBMZ

    “Where love guides the unheard voice 📣 ”

    #NoMoreMasks #RawRap #UnfilteredTruth #TrapPoetry #GlobalRap #SpiritualHipHop #EkarachChandon

    #NoMoreMasks
    #RawRap
    #ConsciousHipHop
    #TrapPoetry
    #AggressiveTruth
    #UnfilteredVoice
    #EkarachChandon
    #LyricalConfession
    #GlobalRapMovement
    #WakeWithWords
    #SelfAwarenessRap
    #ResponsibilityInRhythm
    #BreakTheImage
    #TruthHurtsBeautifully
    #PoetryInBeats

    no more masks rap

    conscious hip hop

    truth in lyrics

    spiritual trap music

    raw emotional rap

    aggressive spoken word

    ekarach chandon rap

    poetic hip hop confession

    unfiltered rap song

    self-awareness in music

    inner truth performance

    truth-driven lyrics

    rap against illusion

    identity through music

    real talk rap
    🎧 No More Masks is not a track. It’s a mirror. If you've ever lied just to survive, this song was made for your truth. “This beat rips / Like I tear off my face” Don’t clap. Just listen. ▶️ [ https://youtu.be/H-Og0cbfrJA ] #NoMoreMasks #TruthInLyrics #EkarachChandon #UnfilteredRap #RapForHealing #realtalkonly Under the care & creative direction of Ekarach Chandon – Father, Listener, and the Keeper of Eternal Thought 📚 Amazon Author Page — Ekarach Chandon https://www.amazon.com/stores/Ekarach-Chandon/author/B0C72VBBMZ “Where love guides the unheard voice 📣 ” #NoMoreMasks #RawRap #UnfilteredTruth #TrapPoetry #GlobalRap #SpiritualHipHop #EkarachChandon #NoMoreMasks #RawRap #ConsciousHipHop #TrapPoetry #AggressiveTruth #UnfilteredVoice #EkarachChandon #LyricalConfession #GlobalRapMovement #WakeWithWords #SelfAwarenessRap #ResponsibilityInRhythm #BreakTheImage #TruthHurtsBeautifully #PoetryInBeats no more masks rap conscious hip hop truth in lyrics spiritual trap music raw emotional rap aggressive spoken word ekarach chandon rap poetic hip hop confession unfiltered rap song self-awareness in music inner truth performance truth-driven lyrics rap against illusion identity through music real talk rap
    0 Comments 0 Shares 46 Views 0 Reviews
  • ผบก.ภ.จว.นราธิวาส เผยความคืบหน้าเหตุป่วนนราธิวาส ระบุผลพิสูจน์กระสุนปืนยิงชาวบ้านตากใบ 3 ศพ เกี่ยวโยงเหตุยิง 2 อส.ปี 67 และเหตุคาร์บอมบ์ที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก ขณะที่เหตุยิงหญิงชราตาบอดเกี่ยวโยงเหตุยิงทหารพรานหญิงในตลาดจะแนะ ปี 67 และเหตุระเบิดกำแพงแฟลต สภ.โคกเคียนรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000042343

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผบก.ภ.จว.นราธิวาส เผยความคืบหน้าเหตุป่วนนราธิวาส ระบุผลพิสูจน์กระสุนปืนยิงชาวบ้านตากใบ 3 ศพ เกี่ยวโยงเหตุยิง 2 อส.ปี 67 และเหตุคาร์บอมบ์ที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก ขณะที่เหตุยิงหญิงชราตาบอดเกี่ยวโยงเหตุยิงทหารพรานหญิงในตลาดจะแนะ ปี 67 และเหตุระเบิดกำแพงแฟลต สภ.โคกเคียนรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000042343 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Sad
    1
    0 Comments 0 Shares 125 Views 0 Reviews
  • โฆษกดีเอสไอ เผย การประชุม 3 วาระสำคัญคืบหน้าตึก สตง. ถล่ม เตรียมสรุปสำนวน "นอมินี" บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ ให้ชั้นอัยการ ภายใน 20 วัน - ส่วน "บิงลิง วู" อยู่ระหว่างขยายผล

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000042346

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    โฆษกดีเอสไอ เผย การประชุม 3 วาระสำคัญคืบหน้าตึก สตง. ถล่ม เตรียมสรุปสำนวน "นอมินี" บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ ให้ชั้นอัยการ ภายใน 20 วัน - ส่วน "บิงลิง วู" อยู่ระหว่างขยายผล อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000042346 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Angry
    1
    0 Comments 0 Shares 110 Views 0 Reviews
  • https://youtube.com/shorts/BejB_Vw3VrU?si=xF71UzDIoL9t6mRL
    https://youtube.com/shorts/BejB_Vw3VrU?si=xF71UzDIoL9t6mRL
    0 Comments 0 Shares 17 Views 0 Reviews
More Results