• #รวมคำสอนผิด คน…ธรรม (จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด...)

    1. พระอรหันต์ฆ่าตัวตาย ทำการุณยฆาต❌
    ที่ถูกคือ>> พระอรหันต์ไม่ฆ่าตัวตาย
    สมดังคำที่พระสารีบุตรกล่าวว่า
    เราไม่ยินดีความตาย
    ไม่ปรารถนาความเป็น
    แต่เรารอเวลาแตกดับ (ปรินิพพาน)
    เหมือนลูกจ้างรอค่าจ้างฉะนั้น.
    และการุณยฆาตไม่ใช่การฆ่าตัวเอง

    2. พระพุทธเจ้าไม่เคยใช้กุศโลบาย❌
    ที่ถูกคือ>> พระพุทธเจ้าเป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ด้วยอุบายเครื่องแนะนำอย่างวิจิตร มีอาฬวกยักษ์เป็นต้น. แม้คำสอนทั้งหมดก็มีอุบายสอน เช่นอุบายเครื่องสงบจิต.

    3. พุทธคุณในพระเครื่องไม่มี❌
    ที่ถูกคือ>> พุทธคุณในพระเครื่องมีทั้งมีและไม่มี ที่มีเพราะเหตุปัจจัยถึงพร้อม คือ ผู้สวดพระปริตรมีศีล ไม่มีความโลภอยากได้ลาภสักการะ สวดด้วยความอนุเคราะห์ ด้วยศรัทธา บาลีไม่ผิดเพี้ยน ย่อมมีอานุภาพ/ ส่วนที่ไม่มีอานุภาพก็ตรงกันข้ามกัน (ตัวอย่างตั่ง(ที่นั่ง)ที่พระองคุลิมาลนั่งทำสัจกิริยา ก็มีอานุภาพตลอดกัป)

    4. พระปริตรป้องกันภัยไม่ได้
    พระปริตรขัดกับหลักกรรมและสุขทุกข์ไม่มีใครบันดาล❌
    ที่ถูกคือ >> กรรมและสุขทุกข์ไม่มีใครบันดาลนั้นหมายความว่า “สุขทุกข์ไม่ได้เกิดจากพระผู้สร้าง เช่นพระอิศวรนิรมิต” / พระพุทธเจ้าทรงปฏิเสธพระผู้สร้าง เพราะศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งเหตุและปัจจัย ไม่ได้เกิดขึ้นเองลอยๆหรือใครบันดาล >> พระปริตรเป็นกุศลกรรม ไม่ใช่ใครบันดาล แต่เกิดจากกรรมในปัจจุบัน ที่บุคคลนั้นได้กล่าวสัจจกิริยา หรือ สวดพระปริตร ซึ่งเป็นกุศลที่ให้ผลในปัจจุบัน ตามหลักแห่งกรรม เป็น ทิฐธรรมเวทนียกรรม
    >> และพระปริตรก็มีเหตุปัจจัยอื่นเป็นตัวแปรที่ให้ผลไม่ได้ทุกคน จึงแทนโรงพยาบาลไม่ได้ แต่ผู้มีศรัทธา ไม่ทำกรรมหนัก ไม่สวดด้วยกิเลส และยังไม่หมดอายุขัย พระปริตรย่อมช่วยได้.

    5. สร้างศาลาใหญ่ไว้ให้หมานอนเกาขี้กาก❌ ที่ถูกคือ ทำบุญในศาสนาของพระพุทธเจ้าผู้มีคุณหาประมาณมิได้ ไม่ควรกำหนดว่าเท่านั้นเท่านี้ มีตัวอย่างพระลกุณฏกะ ในอดีตท่านแนะนำชาวบ้านให้สร้างเจดีย์จากใหญ่ให้เหลือเล็กลง ด้วยวิบากกรรมนั้นท่านจึงเกิดมาตัวเล็กเตี้ยเหมือนสามเณร

    6. บวชพระ, บวชตามประเพณี, บวชหน้าไฟ ไม่เป็นการทดแทนบุญคุณพ่อแม่❌ ที่ถูกคือ>> การบวชแม้ไม่ใช่การทดแทนคุณพ่อแม่สูงสุด แต่ก็เป็นการทดแทนคุณได้ เพราะการบวชทำให้พ่อแม่เกิดกุศลจิต พ่อแม่ได้ทำบุญใส่บาตรพระลูกชายเป็นต้น การทำให้พ่อแม่เกิดกุศลจิตได้ เป็นการทดแทนคุณอย่างหนึ่ง

    7. สัมภเวสี คือช่วงรออัตภาพการเกิด คือเวลาที่กายแตกตายแต่สี่ขันธ์ยังยึดรูปอยู่ยังรู้อยู่เรียกช่วงนี้ว่าสัมภเวสี❌ ที่ถูกคือ >> สัมภเวสี คือ ผู้ที่แสวงหาที่เกิด, ผู้ที่ยังต้องเกิด คือ พระเสขะและปุถุชน ยกเว้นพระอรหันต์ เพราะยังละภวสังโยชน์ยังไม่ได้.
    👉 สัมภเวสี ตามนัยแห่งกำเนิด 4 คือ
    1. เกิดในไข่ (ขณะอยู่ในไข่ เรียกสัมภเวสี ออกจากไข่ได้แล้วเรียกว่าภูต คือเกิดแล้ว)
    2. เกิดในครรภ์ (ขณะอยู่ในรก เรียกสัมภเวสี คลอดออกมาแล้วเรียกว่าภูต คือเกิดแล้ว)
    3. เกิดในเถ้าไคล และ 4. เกิดแบบผุดเกิด
    (ขณะแห่งปฐมจิต เรียกสัมภเวสี
    ขณะแห่งจิตดวงที่สอง ชื่อว่าภูต คือเกิดแล้ว)
    มาใน : อรรถกถาเมตตสูตร

    8. อมตะธาตุยึดขันธ์ห้า❌
    ที่ถูกคือ>> อมตะธาตุยึดขันธ์๕ไม่ได้
    เพราะอมตะธาตุคือนิพพาน

    9. โสดาปัตติมรรค ละสังโยชน์ข้อแรก
    โสดาปัตติผล ละสังโยชน์อีกสองข้อ❌
    ที่ถูกคือ>> โสดาปัตติมัคคจิต เป็นจิตที่ประหาณจิตโลภที่เป็นทิฏฐิสัมปยุตต ๔ ดวง และโมหมูลจิตที่เป็นวิจิกิจฉาสัมปยุตต ๑ ดวง อย่างเด็ดขาด เป็นสมุจเฉทประหาณ รวมประหาณ อกุศลจิต ๕ ดวง เด็ดขาด /โสดาปัตติผลจิต เป็นจิตที่เกิดขึ้นเพื่อเสวยสุขจากการที่โสดาปัตติมรรคญาณได้ทำการประหาณแล้ว

    10. ลอยกระทง ไปขอขมาทำไมแม่น้ำ ไปทะเลาะกับแม่น้ำเหรอจึงต้องขอขมา / วันลอยกระทงตามหลักคำสอนพระพุทธเจ้าคือวันดอกโกมุทบาน❌
    ที่ถูกคือ>> การรู้คุณแม่น้ำถือว่าเป็นผู้รู้คุณในสรรพสิ่ง สมดังคำที่พระองค์ตรัสว่า "บุคคลนั่งหรือนอนที่ร่มเงาของต้นไม้ใด ไม่พึงหักรานกิ่งของต้นไม้นั้น เพราะผู้ประทุษร้ายมิตรเป็นคนเลวทราม" ดังนั้นสิ่งที่มีอุปการะแก่ชีวิตเราล้วนมีคุณเพียงแค่เราจะเห็นคุณนั้นหรือไม่ ส่วนน้ำนั้นคนโบราณเห็นว่าใช้น้ำมาทั้งปี ทำไร่ ทำนา ใช้ชำระกายทั้งดื่มกิน เขาก็ระลึกรู้คุณเป็นพิเศษ ก็ถือได้ว่าเขาเป็นคนดีเลยทีเดียว
    / และวันลอยกระทงตามหลักคำสอนพระพุทธเจ้าคือวันดอกโกมุทบาน❌ ไม่ควรกล่าวอ้างอย่างนั้น เพราะดอกโกมุทบานเป็นเพียงคำขยายของพระจันทร์ เพราะวันนั้นเป็นวันพระจันทร์เต็มดวงในฤดูฝน ดอกโกมุทบานก็บานทั้งฤดูอยู่แล้ว ดอกโกมุทบานเป็นเพียงผู้ร่วมงาน ประธานคือพระจันทร์เต็มดวง ดังนั้นจึงไม่ควรเอาแขกร่วมงานมาตั้งชื้อวัน

    11. ใครแย้งว่าสอนผิด จะอ้างว่าเขาอิจฉาริษยา❌
    ที่ถูกคือ>> ผู้ชี้โทษ ไม่ใช่เพราะอิจฉาริษยา แต่เป็นการติเตียนตามธรรม เพื่อปกป้องพระพุทธศาสนาไม่ให้ใครมาบิดเบือน / ทราบว่าที่คุณพูดเอามาจากสักกปัญหาสูตร
    ท้าวสักกะได้ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า “ทำไมสัตว์ทั้งหลายมีความปรารถนาไม่มีเวร ไม่ถูกเบียดเบียนฯลฯ แต่เพราะอะไรพวกเขาจึงยังคงมีเวร ถูกเบียดเบียนอยู่”
    พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ”เพราะมีอิสสา(ความริษยา) และมัจฉริยะ(ความตระหนี่) สัตว์ทั้งหลายจึงจองเวรกัน เบียดเบียนกัน ซึ่งท่านใช้สูตรนี้มาสอนลูกศิษย์ และลูกศิษย์ก็เที่ยวไปว่าคนเห็นต่างว่าอิจฉาริษยาอาจารย์เขา /ทำไมคุณไม่ใช้สูตรผู้ชี้โทษคือผู้ชี้ขุมทรัพย์มาสอน.

    ✍️ที่สอนถูกก็มี ผิดก็ควรแก้ไข
    หวังว่าท่านจะระวังในการสอนมากขึ้น

    #แค่ผ่านตา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องชี้แจง
    >> ผู้เขียน : โลก กะ ธรรม กับม่อน

    Credit : เปรมวดี ก๋งชิน
    #รวมคำสอนผิด คน…ธรรม (จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด...) 1. พระอรหันต์ฆ่าตัวตาย ทำการุณยฆาต❌ ที่ถูกคือ>> พระอรหันต์ไม่ฆ่าตัวตาย สมดังคำที่พระสารีบุตรกล่าวว่า เราไม่ยินดีความตาย ไม่ปรารถนาความเป็น แต่เรารอเวลาแตกดับ (ปรินิพพาน) เหมือนลูกจ้างรอค่าจ้างฉะนั้น. และการุณยฆาตไม่ใช่การฆ่าตัวเอง 2. พระพุทธเจ้าไม่เคยใช้กุศโลบาย❌ ที่ถูกคือ>> พระพุทธเจ้าเป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ด้วยอุบายเครื่องแนะนำอย่างวิจิตร มีอาฬวกยักษ์เป็นต้น. แม้คำสอนทั้งหมดก็มีอุบายสอน เช่นอุบายเครื่องสงบจิต. 3. พุทธคุณในพระเครื่องไม่มี❌ ที่ถูกคือ>> พุทธคุณในพระเครื่องมีทั้งมีและไม่มี ที่มีเพราะเหตุปัจจัยถึงพร้อม คือ ผู้สวดพระปริตรมีศีล ไม่มีความโลภอยากได้ลาภสักการะ สวดด้วยความอนุเคราะห์ ด้วยศรัทธา บาลีไม่ผิดเพี้ยน ย่อมมีอานุภาพ/ ส่วนที่ไม่มีอานุภาพก็ตรงกันข้ามกัน (ตัวอย่างตั่ง(ที่นั่ง)ที่พระองคุลิมาลนั่งทำสัจกิริยา ก็มีอานุภาพตลอดกัป) 4. พระปริตรป้องกันภัยไม่ได้ พระปริตรขัดกับหลักกรรมและสุขทุกข์ไม่มีใครบันดาล❌ ที่ถูกคือ >> กรรมและสุขทุกข์ไม่มีใครบันดาลนั้นหมายความว่า “สุขทุกข์ไม่ได้เกิดจากพระผู้สร้าง เช่นพระอิศวรนิรมิต” / พระพุทธเจ้าทรงปฏิเสธพระผู้สร้าง เพราะศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งเหตุและปัจจัย ไม่ได้เกิดขึ้นเองลอยๆหรือใครบันดาล >> พระปริตรเป็นกุศลกรรม ไม่ใช่ใครบันดาล แต่เกิดจากกรรมในปัจจุบัน ที่บุคคลนั้นได้กล่าวสัจจกิริยา หรือ สวดพระปริตร ซึ่งเป็นกุศลที่ให้ผลในปัจจุบัน ตามหลักแห่งกรรม เป็น ทิฐธรรมเวทนียกรรม >> และพระปริตรก็มีเหตุปัจจัยอื่นเป็นตัวแปรที่ให้ผลไม่ได้ทุกคน จึงแทนโรงพยาบาลไม่ได้ แต่ผู้มีศรัทธา ไม่ทำกรรมหนัก ไม่สวดด้วยกิเลส และยังไม่หมดอายุขัย พระปริตรย่อมช่วยได้. 5. สร้างศาลาใหญ่ไว้ให้หมานอนเกาขี้กาก❌ ที่ถูกคือ ทำบุญในศาสนาของพระพุทธเจ้าผู้มีคุณหาประมาณมิได้ ไม่ควรกำหนดว่าเท่านั้นเท่านี้ มีตัวอย่างพระลกุณฏกะ ในอดีตท่านแนะนำชาวบ้านให้สร้างเจดีย์จากใหญ่ให้เหลือเล็กลง ด้วยวิบากกรรมนั้นท่านจึงเกิดมาตัวเล็กเตี้ยเหมือนสามเณร 6. บวชพระ, บวชตามประเพณี, บวชหน้าไฟ ไม่เป็นการทดแทนบุญคุณพ่อแม่❌ ที่ถูกคือ>> การบวชแม้ไม่ใช่การทดแทนคุณพ่อแม่สูงสุด แต่ก็เป็นการทดแทนคุณได้ เพราะการบวชทำให้พ่อแม่เกิดกุศลจิต พ่อแม่ได้ทำบุญใส่บาตรพระลูกชายเป็นต้น การทำให้พ่อแม่เกิดกุศลจิตได้ เป็นการทดแทนคุณอย่างหนึ่ง 7. สัมภเวสี คือช่วงรออัตภาพการเกิด คือเวลาที่กายแตกตายแต่สี่ขันธ์ยังยึดรูปอยู่ยังรู้อยู่เรียกช่วงนี้ว่าสัมภเวสี❌ ที่ถูกคือ >> สัมภเวสี คือ ผู้ที่แสวงหาที่เกิด, ผู้ที่ยังต้องเกิด คือ พระเสขะและปุถุชน ยกเว้นพระอรหันต์ เพราะยังละภวสังโยชน์ยังไม่ได้. 👉 สัมภเวสี ตามนัยแห่งกำเนิด 4 คือ 1. เกิดในไข่ (ขณะอยู่ในไข่ เรียกสัมภเวสี ออกจากไข่ได้แล้วเรียกว่าภูต คือเกิดแล้ว) 2. เกิดในครรภ์ (ขณะอยู่ในรก เรียกสัมภเวสี คลอดออกมาแล้วเรียกว่าภูต คือเกิดแล้ว) 3. เกิดในเถ้าไคล และ 4. เกิดแบบผุดเกิด (ขณะแห่งปฐมจิต เรียกสัมภเวสี ขณะแห่งจิตดวงที่สอง ชื่อว่าภูต คือเกิดแล้ว) มาใน : อรรถกถาเมตตสูตร 8. อมตะธาตุยึดขันธ์ห้า❌ ที่ถูกคือ>> อมตะธาตุยึดขันธ์๕ไม่ได้ เพราะอมตะธาตุคือนิพพาน 9. โสดาปัตติมรรค ละสังโยชน์ข้อแรก โสดาปัตติผล ละสังโยชน์อีกสองข้อ❌ ที่ถูกคือ>> โสดาปัตติมัคคจิต เป็นจิตที่ประหาณจิตโลภที่เป็นทิฏฐิสัมปยุตต ๔ ดวง และโมหมูลจิตที่เป็นวิจิกิจฉาสัมปยุตต ๑ ดวง อย่างเด็ดขาด เป็นสมุจเฉทประหาณ รวมประหาณ อกุศลจิต ๕ ดวง เด็ดขาด /โสดาปัตติผลจิต เป็นจิตที่เกิดขึ้นเพื่อเสวยสุขจากการที่โสดาปัตติมรรคญาณได้ทำการประหาณแล้ว 10. ลอยกระทง ไปขอขมาทำไมแม่น้ำ ไปทะเลาะกับแม่น้ำเหรอจึงต้องขอขมา / วันลอยกระทงตามหลักคำสอนพระพุทธเจ้าคือวันดอกโกมุทบาน❌ ที่ถูกคือ>> การรู้คุณแม่น้ำถือว่าเป็นผู้รู้คุณในสรรพสิ่ง สมดังคำที่พระองค์ตรัสว่า "บุคคลนั่งหรือนอนที่ร่มเงาของต้นไม้ใด ไม่พึงหักรานกิ่งของต้นไม้นั้น เพราะผู้ประทุษร้ายมิตรเป็นคนเลวทราม" ดังนั้นสิ่งที่มีอุปการะแก่ชีวิตเราล้วนมีคุณเพียงแค่เราจะเห็นคุณนั้นหรือไม่ ส่วนน้ำนั้นคนโบราณเห็นว่าใช้น้ำมาทั้งปี ทำไร่ ทำนา ใช้ชำระกายทั้งดื่มกิน เขาก็ระลึกรู้คุณเป็นพิเศษ ก็ถือได้ว่าเขาเป็นคนดีเลยทีเดียว / และวันลอยกระทงตามหลักคำสอนพระพุทธเจ้าคือวันดอกโกมุทบาน❌ ไม่ควรกล่าวอ้างอย่างนั้น เพราะดอกโกมุทบานเป็นเพียงคำขยายของพระจันทร์ เพราะวันนั้นเป็นวันพระจันทร์เต็มดวงในฤดูฝน ดอกโกมุทบานก็บานทั้งฤดูอยู่แล้ว ดอกโกมุทบานเป็นเพียงผู้ร่วมงาน ประธานคือพระจันทร์เต็มดวง ดังนั้นจึงไม่ควรเอาแขกร่วมงานมาตั้งชื้อวัน 11. ใครแย้งว่าสอนผิด จะอ้างว่าเขาอิจฉาริษยา❌ ที่ถูกคือ>> ผู้ชี้โทษ ไม่ใช่เพราะอิจฉาริษยา แต่เป็นการติเตียนตามธรรม เพื่อปกป้องพระพุทธศาสนาไม่ให้ใครมาบิดเบือน / ทราบว่าที่คุณพูดเอามาจากสักกปัญหาสูตร ท้าวสักกะได้ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า “ทำไมสัตว์ทั้งหลายมีความปรารถนาไม่มีเวร ไม่ถูกเบียดเบียนฯลฯ แต่เพราะอะไรพวกเขาจึงยังคงมีเวร ถูกเบียดเบียนอยู่” พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ”เพราะมีอิสสา(ความริษยา) และมัจฉริยะ(ความตระหนี่) สัตว์ทั้งหลายจึงจองเวรกัน เบียดเบียนกัน ซึ่งท่านใช้สูตรนี้มาสอนลูกศิษย์ และลูกศิษย์ก็เที่ยวไปว่าคนเห็นต่างว่าอิจฉาริษยาอาจารย์เขา /ทำไมคุณไม่ใช้สูตรผู้ชี้โทษคือผู้ชี้ขุมทรัพย์มาสอน. ✍️ที่สอนถูกก็มี ผิดก็ควรแก้ไข หวังว่าท่านจะระวังในการสอนมากขึ้น #แค่ผ่านตา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องชี้แจง >> ผู้เขียน : โลก กะ ธรรม กับม่อน Credit : เปรมวดี ก๋งชิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 330 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หนึ่งในร้อย

    ก่อนหน้าละครฉายไม่นาน ผมเคยพูดถึงเรื่องนี้ไปหนหนึ่ง มาบัดนี้ละครออกอากาศได้ประมาณครึ่งทางแล้วกระมัง อยากพูดถึงอีกครั้งด้วยเป็นนิยายของดอกไม้สดที่เป็นเรื่องในดวงใจมาตั้งแต่เด็ก

    ละครทำออกมาได้ทั้งเป็นที่ต้องใจ และติดใจ ต้องใจในที่นี้หมายถึงมีส่วนที่ชื่นชอบ ติดใจในที่นี้หมายถึงมีส่วนที่แปลงไปเยอะพอสมควร ที่โดยส่วนตัวอดคิดไม่ได้ว่ามีความจำเป็นเพียงใด จึงต้องเปลี่ยนไปในลักษณะนั้น

    แต่เอาเถิด เข้าใจว่าต้นฉบับเรื่องหนึ่งในร้อยนี้ เป็นนิยายซึ่งยากมากที่จะสร้างขึ้นมาเป็นละคร เพราะโดยความเป็นจริงนั้นถูกเขียนมาเพื่อเหมาะกับเป็นเรื่องสำหรับอ่านมากที่สุด ทว่าแน่นอน คนที่อ่านแล้วชื่นชอบในนิยายเรื่องนี้ เชื่อว่าโดยมากต้องมีภาพในจินตนาการโลดแล่นอยู่ในหัว ที่เป็นไปได้ก็อยากเห็นภาพเคลื่อนไหวหรือคนที่เป็นตัวตนจริง และรอมาอย่างยาวนานว่าจะมีโอกาสได้เห็นอนงค์และคุณพระอรรถคดี โลดแล่นอยู่ในจอให้ชมในสักวันหนึ่ง(ไม่ได้ดูเวอร์ชันคุณภิญโญ ทองเจือ เพราะยังเด็กเกินที่จะสนใจดูละคร) ซึ่งต้องขอขอบคุณผู้จัดในข้อนี้ที่เห็นคุณค่าบทประพันธ์ของดอกไม้สด จนนำมาสู่การทำฝันในวัยเยาว์ของผมให้กลายเป็นจริง

    .

    ด้วยความที่ถูกนำมาสร้าง ณ ปี พ.ศ. 2567 แม้นจะยังคงยุคสมัยตามช่วงเวลาในนิยายก็ตาม แน่นอนว่าคนรุ่นใหม่ที่เกิดไม่ทันได้อ่านหนึ่งในร้อยมาก่อนย่อมมีอยู่เป็นจำนวนมาก และคนในรุ่นนี้เองที่เติบโตมากับเทคโนโลยีต่าง ๆ และโลกในชีวิตประจำวันที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายแทบทุกอย่าง ทำให้โดยพื้นฐานแล้วส่วนใหญ่พวกเขามักไม่ทนกับอะไรที่ค่อยเป็นค่อยไป ดำเนินเรื่องอย่างเชื่องช้า เนิบ ๆ ดังเช่นความรักของคนในยุคที่นิยายหนึ่งในร้อยถือกำเนิด ด้วยความอดทนอันจำกัดนี้เอง คงเป็นเหตุผลสำคัญที่คนเขียนบทมีโจทย์สำคัญเป็นการบ้านว่าทำอย่างไร จะให้ละครในแต่ละตอนดึงดูดคนดูกลุ่มนี้ ที่ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญให้ตรึงสายตาไว้กับอนงค์และคุณพระอรรถคดีได้ตลอด ตั้งแต่เริ่มฉายจนจบฉากสุดท้ายในแต่ละตอน โดยไม่เปลี่ยนช่องหรือหันเหความสนใจไปทำอย่างอื่นเสีย จึงปรากฏเป็นหนึ่งในร้อยที่มีอนงค์และคุณพระอรรถซึ่งถูกใส่จริตและเสริมบุคลิกให้มีความเป็นไปได้มากที่สุดเพื่อดึงดูดใจ ให้คนดูหลงรักในตัวละครทั้งสองตั้งแต่ตอนแรก

    .

    หลายเหตุการณ์หลายตัวละครที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ ซึ่งไม่มีในต้นฉบับเดิม หรือแม้นกระทั่งอนงค์ที่ได้รับการปรับให้เก่งกล้าเกินงามในบางสถานการณ์ อีกทั้งมั่นใจในตัวเองสูงมาก จนเหมือนจะเป็นอนงค์ขั้นสุด ที่ไม่ใช่แค่ขั้นกว่า เรียกว่ามีความเข้มข้นของพลังงานชีวิตเปี่ยมล้นจนแสดงออกมาเกินขีดอยู่บ้าง แต่เพราะเป็นญาญ่าแสดง จึงพอให้อภัยทำเป็นมองข้ามไปไม่ติดใจมาก ด้วยว่าสวมบทอนงค์ได้อย่างน่าเอ็นดูยิ่ง หากเป็นคนอื่นมารับบทนี้ ยังนึกไม่ออกเช่นกันว่าจะรอดหรือไม่ อาจจะได้ภาพของอนงค์ที่น่าเกลียดน่าชังไปเลยก็เป็นได้ และเพราะบทบาทของอนงค์ในนิยายนั้นถูกกล่าวถึงน้อยมาก รายละเอียดของเรื่องส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ตัวของคุณพระฯ ที่เป็นหัวใจหลักของนิยาย ส่วนมากเนื้อหาบอกเล่าประวัติความเป็นมาแต่หนหลังเชื่อมต่อมาถึงปัจจุบัน ที่คุณพระฯ มีความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น ๆ ในทางไหนอย่างไรบ้าง ส่วนอนงค์เพียงถูกกล่าวถึงแบบโฉบไปเฉี่ยวมา ฉากที่พบกันระหว่างพระนางมีอยู่แค่ไม่กี่หนตลอดทั้งเรื่อง โดยมากอนงค์จะรับรู้เรื่องของคุณพระฯ ผ่านการบอกเล่าของแม่ช้อยมากกว่า ด้วยเหตุนี้จึงเข้าใจได้ว่าทำไมผู้เขียนบทจึงต้องทำงานหนักมาก ในการเปลี่ยนให้อนงค์ในนิยายกลายเป็นตัวละครที่ถูกดึงขึ้นมาให้ได้รับบทบาทที่เด่นพอ ๆ กันหรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงกับตัวเอกของเรื่อง ไม่อย่างนั้นคนดูคงจะไม่ติดตามและทิ้งละครไปอย่างรวดเร็วเป็นแน่

    .

    แต่ส่วนที่น่าเสียดายที่ดูเหมือนจะหายไปคือนิสัยรักการจดบันทึกหรือเขียนไดอารีของอนงค์ ที่ต้นฉบับหากรับรู้เรื่องราวใดมาจากปากแม่ช้อย เธอจะรีบนำมาเขียนใส่ไว้ในสมุดบันทึกประจำตัว เพื่อเก็บไว้อ่านคนเดียว ซึ่งคนอ่านก็จะสามารถทราบถึงจิตใจของเธอที่มีต่อคุณพระฯ จากสิ่งที่เธอเขียนนั่นเอง ซึ่งเป็นส่วนที่ดีมากและแทบจะไม่พบเลยในเวอร์ชันละคร นอกจากแค่ตอนที่อนงค์ทำเป็นสมุดเล่มเล็กที่มีภาพและคำแนะนำตัวเองแล้วมอบให้คุณพระฯ ซึ่งออกจะเป็นการกระทำที่ค่อนข้างเสี่ยงต่อภาพพจน์ที่ถูกมองจากคนอย่างคุณพระฯได้เหมือนกัน

    .

    จากนี้ต่อไปในอีกครึ่งทางที่เหลือนั้น ไม่แน่ใจว่าเรื่องราวที่ถูกเขียนขึ้นใหม่จะเป็นไปในทิศทางไหน คุณพระฯเองก็ถูกปรับให้คล้ายจะกลายเป็นโฮล์มส์ ที่ขยายการงานให้กว้างออกไปจากในหนังสือเพื่อจะได้มีอะไรให้เล่นกับบทละครมากขึ้น จึงเป็นคุณพระฯ ที่เหมือนอยู่กันคนละโลกกับคุณพระฯในนิยาย ส่วนชัดก็กลายเป็นคนที่อ่อนแอจนปวกเปียกไม่สมกับที่เป็นทหารสักนิด และเห็นแก่ตัวเองอย่างร้ายกาจจนน่ารังเกียจไปเลย เพราะต้นฉบับนิยายนั้นชัดเปลี่ยนใจจากอนงค์มาหาจันทร ด้วยความที่ไม่ระแคะระคายมาก่อนว่าพี่ชายนั้นรักจันทรอยู่ก่อนแล้ว จึงได้ขอร้องให้พี่ช่วยไปสู่ขอจันทรแทนแม่

    ส่วนด้านอื่นที่ดีงามนั้นมีคนพูดกันไปมากแล้ว จึงไม่ขอพูดซ้ำ แต่สิ่งที่อยากจะกล่าวถึงอย่างมาก ที่เป็นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้เลยก็คือ ความหมายของชื่อเรื่อง "หนึ่งในร้อย"

    .

    หนึ่งในร้อย เป็นคำเปรียบถึงคนอย่างคุณพระฯ เรื่องนี้ชัดเจนแน่นอน ความดีของตัวละครนี้ สำหรับคนที่ดูละครอย่างเดียวอาจเห็นภาพได้ไม่ตรงและใสเท่าในบทประพันธ์ เพราะหนังสือมีเวลาให้ผู้เขียนได้ใส่รายละเอียด และเล่าให้คนอ่านสามารถรู้ชัดเจนถึงที่มาที่ไปแห่งความเป็นคน ซึ่งมีความเป็นสัตบุรุษคือไม่ใช่แค่ดีอย่างทั่วไปหรือดีแบบโลก ๆ เท่านั้น แต่มีความดำรงตนอยู่ในศีลและตั้งตนให้ดำรงมั่นในธรรมะที่เป็นเครื่องหล่อเลี้ยง ให้ใจไม่ไหลไปตามกระแสแห่งความต้องการที่เป็นอำนาจฝ่ายต่ำ จึงไม่ถูกชักจูงโดยง่ายจากแรงเร้าภายนอกที่มากระทบ ด้วยเหตุนี้คุณพระฯ จึงมีคุณธรรมอยู่ประจำใจเสมอ อันจะคอยคัดท้ายไม่ให้หลุดออกนอกเส้นทางดีงาม แม้นมีบางคราวที่ต้องผจญคลื่นลมพายุโหมกระหน่ำจนถึงขั้นแทบอับปาง เกือบจะไม่สามารถนำพานาวาชีวิตล่องฝ่าภัยต่อไปเหนือลำน้ำได้ แต่สุดท้ายก็รอดพ้นจากวิกฤตและได้รับผลแห่งความดีที่ทำมาด้วยความสุขใจในเบื้องปลาย

    .

    ทว่าคุณพระฯ เองก็ยังมีข้อเสียที่เด่นชัดมาก หากจะมองให้ลึกลงไป นั่นคือการที่เขาช่วยคนโดยเน้นไปที่การอนุเคราะห์ เติมเต็มความต้องการทางด้านปัจจัยสี่ให้แก่แม่และน้อง ๆ หรือคนที่รู้จัก และแม้นในคนทั่วไปเท่าที่อาชีพการงานและฐานะแห่งตนจะพอทำได้ แต่ไม่ได้ช่วยด้วยการฝึกให้คนเหล่านั้นรู้จักการช่วยเหลือตนเอง ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าถึงคราวที่คุณพระฯ อยู่ในสถานะอันลำบากในทางใดทางหนึ่ง ที่ไม่อาจจะให้ความช่วยเหลือหรือจำต้องปฏิเสธคำขอร้อง บรรดาคนซึ่งเคยได้รับเป็นประจำจากเขามาโดยตลอด จึงเกิดความไม่พอใจ กลายเป็นความโกรธ จนหลุดแสดงอำนาจและกิเลสในใจตนให้ระเบิดออกมาอย่างกับคนเสียจริต เห็นได้จากแม่และชัดเป็นต้น

    .

    ดังนั้นการช่วยคนที่ประเสริฐเลิศยอดที่สุด ที่จะไม่กลับเป็นภัยย้อนมาทำร้ายตัวของคนซึ่งเป็นผู้ให้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งต้องเน้นช่วยคนด้วยการให้เขารู้จักการช่วยเหลือตัวเองให้อยู่รอดได้ โดยไม่เป็นเพียงผู้ขอร่ำไปตลอดไป นั่นคือสิ่งที่ผมได้ฟังอยู่เสมอจากคำสอนของพระอาจารย์ที่เคารพศรัทธา ด้วยพรหมวิหาร 4 นั้นมีความสำคัญอย่างมากสำหรับคนผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้ใหญ่ คือต้องมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา แต่ถ้าเมตตาไม่มีประมาณแล้วขาดซึ่งปัญญากำกับ เมตตานั้นจะเป็นเช่นอาวุธที่หันกลับสู่ตนหากไม่ระวัง

    .

    คุณพระฯ เองมีเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกเป็นที่ตั้ง โดยเฉพาะกับญาติจนถึงขั้นให้ความช่วยเหลือคือความกรุณาดังแสดงออกให้เห็น และมีจิตพลอยยินดีในเมื่อผู้อื่นได้รับความเจริญหรือผลแห่งความสำเร็จ ไม่เกิดอิจฉาริษยาประทุษร้ายกับใครแม้นเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่คุณพระฯ ยังสอบไม่ผ่านในข้ออุเบกขา คือไม่รู้จักที่จะตัดรอบ ช่วยได้เท่าที่ช่วยไหว สัตว์โลกล้วนมีวิบากแห่งตนซึ่งได้สั่งสมมาไม่ว่าทางร้ายหรือดี ไม่ใช่ต้องเอาชีวิตของเขาขึ้นมาแบกหามไว้ราวกับเป็นเรื่องของตนเองไปเสียทั้งหมด คือช่วยแล้วปล่อยวางไม่ลง แม่ก็แล้ว น้อง ๆ หลายคนและครอบครัวของน้องก็อีก จึงต้องตกที่นั่งถูกคนที่ตนให้ความช่วยเหลือนั้นวกกลับมาทำร้ายตนจนสาหัสแทบจะสิ้นลมหายใจ เป็นการเบียดเบียนตนเองซึ่งทางพุทธศาสนาไม่สรรเสริญ

    .

    ดังนั้น คนอย่างคุณพระฯ อาจหาได้ยาก ดังเช่นคำว่า "หนึ่งในร้อย" แต่คนที่หาได้ยากกว่าอาจถึงขั้น "หนึ่งในล้าน" คือคนที่เข้าใจ และเข้าถึง หลักธรรมในหมวด 4 ของพุทธศาสนาอย่างแท้จริงและนำมาปฏิบัติได้คือ เมตตาได้ทุกผู้แม้เป็นศัตรูของตัวเอง ช่วยเหลือได้ทุกคนเท่าที่ช่วยไหวโดยไม่เดือดร้อน มีใจร่วมยินดีเมื่อเห็นว่าเขาได้ดี ปราศจากความคิดมุ่งร้ายอยากทำลาย สุดท้ายคือไม่อนาทรร้อนใจแม้นไม่สามารถช่วยได้ ด้วยเห็นแล้วว่าไม่อาจช่วย หรือช่วยต่อไปจะเป็นโทษต่อเขาและต่อเรามากกว่า ก็ต้องปล่อยเขาไปตามทางที่เขาสร้างมา

    .

    ตอนล่าสุดเมื่อคืนยังไม่ว่างดูสดแบบเต็ม ๆ เลย แค่ผ่านตาแวบ ๆ บางฉาก แต่ก็พอเดาทิศทางได้เลา ๆ ว่าบทดัดแปลงคงจะพาอนงค์และคุณพระฯ ทะลุมิติท่องไปไกลในดินแดนอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นคนละโลกกับเรื่องที่เกิดขึ้นในนิยาย ถ้าเรียกภาษาคนรุ่นใหม่คงจะใช้คำว่า ตัวละครเดียวกันแต่อยู่คนละมัลติเวิร์ส(ไม่แน่ใจสะกดเช่นนี้หรือไม่)กระมัง

    นี่คือส่วนที่หวั่นใจมาตลอด เพราะในสัปดาห์ก่อนที่เห็นว่าฉากสำคัญที่อยู่ตอนท้ายในนิยาย คือคุณพระล้มเจ็บ ถูกร่นขึ้นมาตั้งแต่กลางเรื่อง อีกทั้งความดราม่าที่ถูกผูกขึ้นใหม่ระหว่างตัวละคร 3-4 ตัว ก็ทำให้พอจะคาดการณ์ได้ว่า ต่อจากนี้ไปคงจะเป็นการด้นใส่อะไรต่อมิอะไรเข้ามาอีกมาก และไม่รู้ว่าจะไปจบลงที่ตรงไหน ก็ได้แต่ละเหี่ยใจ

    .

    ความดีงามของอนงค์ในหนังสือ ที่แม้นเป็นสาวสมัยใหม่ในยุคนั้น แต่ยังมีความรู้รักในเกียรติและศักดิ์ศรีของกุลสตรี ฉลาดและมีเฉลียว อีกทั้งมองคนออกอย่างเลิศ วางตัวเหมาะสมไม่ทำอะไรที่จะไปสะกิดให้คุณพระฯ นึกหยามหรือดูแคลนเอาได้

    จนกระทั่งถึงเวลาที่ทุกอย่างดำเนินไปจนถึงที่สุด จึงกล้าเผยหัวใจตนให้คนที่แอบเทิดทูนบูชารับรู้ ทั้งที่ทราบอยู่แก่ใจว่าอาจทำให้คุณพระฯ มองเธอไปในแง่ไม่ดี แต่ใจที่นึกเวทนาสงสารบวกความรักที่งอกเงยมานานมันเปี่ยมล้นพ้นใจ เกินกว่าจะเก็บกลั้นไว้ภายใน จึงได้ปลดปล่อยไหลทะลักไปในครานั้น แต่แม้จะหลุดคำพูดฝากรัก หากถ้อยคำที่สื่อสารก็ยังเปี่ยมด้วยมธุรส และงดงามในภาษาที่ช่างสรรคำมาเจรจาอย่างน่าทึ่ง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นคงจะไม่อาจคาดหวังว่าจะได้พบเจอเสียแล้ว เพราะได้ถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นอนงค์ในแบบฉบับที่เหมือนปล่อยให้อำนาจความรัก ชักจูงเธอไปให้คิดและทำในสิ่งซึ่งอนงค์ในนิยายจะไม่มีวันทำเป็นอันขาด

    น่าเสียดาย...

    ภาพประกอบขอยืมจากในเน็ต

    #thaitimes
    #ดอกไม้สด
    #ละคร
    #mycherieamour
    #วิเคราะห์ตัวละคร
    #วิจารณ์ละคร
    #หนึ่งในร้อย ก่อนหน้าละครฉายไม่นาน ผมเคยพูดถึงเรื่องนี้ไปหนหนึ่ง มาบัดนี้ละครออกอากาศได้ประมาณครึ่งทางแล้วกระมัง อยากพูดถึงอีกครั้งด้วยเป็นนิยายของดอกไม้สดที่เป็นเรื่องในดวงใจมาตั้งแต่เด็ก ละครทำออกมาได้ทั้งเป็นที่ต้องใจ และติดใจ ต้องใจในที่นี้หมายถึงมีส่วนที่ชื่นชอบ ติดใจในที่นี้หมายถึงมีส่วนที่แปลงไปเยอะพอสมควร ที่โดยส่วนตัวอดคิดไม่ได้ว่ามีความจำเป็นเพียงใด จึงต้องเปลี่ยนไปในลักษณะนั้น แต่เอาเถิด เข้าใจว่าต้นฉบับเรื่องหนึ่งในร้อยนี้ เป็นนิยายซึ่งยากมากที่จะสร้างขึ้นมาเป็นละคร เพราะโดยความเป็นจริงนั้นถูกเขียนมาเพื่อเหมาะกับเป็นเรื่องสำหรับอ่านมากที่สุด ทว่าแน่นอน คนที่อ่านแล้วชื่นชอบในนิยายเรื่องนี้ เชื่อว่าโดยมากต้องมีภาพในจินตนาการโลดแล่นอยู่ในหัว ที่เป็นไปได้ก็อยากเห็นภาพเคลื่อนไหวหรือคนที่เป็นตัวตนจริง และรอมาอย่างยาวนานว่าจะมีโอกาสได้เห็นอนงค์และคุณพระอรรถคดี โลดแล่นอยู่ในจอให้ชมในสักวันหนึ่ง(ไม่ได้ดูเวอร์ชันคุณภิญโญ ทองเจือ เพราะยังเด็กเกินที่จะสนใจดูละคร) ซึ่งต้องขอขอบคุณผู้จัดในข้อนี้ที่เห็นคุณค่าบทประพันธ์ของดอกไม้สด จนนำมาสู่การทำฝันในวัยเยาว์ของผมให้กลายเป็นจริง . ด้วยความที่ถูกนำมาสร้าง ณ ปี พ.ศ. 2567 แม้นจะยังคงยุคสมัยตามช่วงเวลาในนิยายก็ตาม แน่นอนว่าคนรุ่นใหม่ที่เกิดไม่ทันได้อ่านหนึ่งในร้อยมาก่อนย่อมมีอยู่เป็นจำนวนมาก และคนในรุ่นนี้เองที่เติบโตมากับเทคโนโลยีต่าง ๆ และโลกในชีวิตประจำวันที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายแทบทุกอย่าง ทำให้โดยพื้นฐานแล้วส่วนใหญ่พวกเขามักไม่ทนกับอะไรที่ค่อยเป็นค่อยไป ดำเนินเรื่องอย่างเชื่องช้า เนิบ ๆ ดังเช่นความรักของคนในยุคที่นิยายหนึ่งในร้อยถือกำเนิด ด้วยความอดทนอันจำกัดนี้เอง คงเป็นเหตุผลสำคัญที่คนเขียนบทมีโจทย์สำคัญเป็นการบ้านว่าทำอย่างไร จะให้ละครในแต่ละตอนดึงดูดคนดูกลุ่มนี้ ที่ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญให้ตรึงสายตาไว้กับอนงค์และคุณพระอรรถคดีได้ตลอด ตั้งแต่เริ่มฉายจนจบฉากสุดท้ายในแต่ละตอน โดยไม่เปลี่ยนช่องหรือหันเหความสนใจไปทำอย่างอื่นเสีย จึงปรากฏเป็นหนึ่งในร้อยที่มีอนงค์และคุณพระอรรถซึ่งถูกใส่จริตและเสริมบุคลิกให้มีความเป็นไปได้มากที่สุดเพื่อดึงดูดใจ ให้คนดูหลงรักในตัวละครทั้งสองตั้งแต่ตอนแรก . หลายเหตุการณ์หลายตัวละครที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ ซึ่งไม่มีในต้นฉบับเดิม หรือแม้นกระทั่งอนงค์ที่ได้รับการปรับให้เก่งกล้าเกินงามในบางสถานการณ์ อีกทั้งมั่นใจในตัวเองสูงมาก จนเหมือนจะเป็นอนงค์ขั้นสุด ที่ไม่ใช่แค่ขั้นกว่า เรียกว่ามีความเข้มข้นของพลังงานชีวิตเปี่ยมล้นจนแสดงออกมาเกินขีดอยู่บ้าง แต่เพราะเป็นญาญ่าแสดง จึงพอให้อภัยทำเป็นมองข้ามไปไม่ติดใจมาก ด้วยว่าสวมบทอนงค์ได้อย่างน่าเอ็นดูยิ่ง หากเป็นคนอื่นมารับบทนี้ ยังนึกไม่ออกเช่นกันว่าจะรอดหรือไม่ อาจจะได้ภาพของอนงค์ที่น่าเกลียดน่าชังไปเลยก็เป็นได้ และเพราะบทบาทของอนงค์ในนิยายนั้นถูกกล่าวถึงน้อยมาก รายละเอียดของเรื่องส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ตัวของคุณพระฯ ที่เป็นหัวใจหลักของนิยาย ส่วนมากเนื้อหาบอกเล่าประวัติความเป็นมาแต่หนหลังเชื่อมต่อมาถึงปัจจุบัน ที่คุณพระฯ มีความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น ๆ ในทางไหนอย่างไรบ้าง ส่วนอนงค์เพียงถูกกล่าวถึงแบบโฉบไปเฉี่ยวมา ฉากที่พบกันระหว่างพระนางมีอยู่แค่ไม่กี่หนตลอดทั้งเรื่อง โดยมากอนงค์จะรับรู้เรื่องของคุณพระฯ ผ่านการบอกเล่าของแม่ช้อยมากกว่า ด้วยเหตุนี้จึงเข้าใจได้ว่าทำไมผู้เขียนบทจึงต้องทำงานหนักมาก ในการเปลี่ยนให้อนงค์ในนิยายกลายเป็นตัวละครที่ถูกดึงขึ้นมาให้ได้รับบทบาทที่เด่นพอ ๆ กันหรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงกับตัวเอกของเรื่อง ไม่อย่างนั้นคนดูคงจะไม่ติดตามและทิ้งละครไปอย่างรวดเร็วเป็นแน่ . แต่ส่วนที่น่าเสียดายที่ดูเหมือนจะหายไปคือนิสัยรักการจดบันทึกหรือเขียนไดอารีของอนงค์ ที่ต้นฉบับหากรับรู้เรื่องราวใดมาจากปากแม่ช้อย เธอจะรีบนำมาเขียนใส่ไว้ในสมุดบันทึกประจำตัว เพื่อเก็บไว้อ่านคนเดียว ซึ่งคนอ่านก็จะสามารถทราบถึงจิตใจของเธอที่มีต่อคุณพระฯ จากสิ่งที่เธอเขียนนั่นเอง ซึ่งเป็นส่วนที่ดีมากและแทบจะไม่พบเลยในเวอร์ชันละคร นอกจากแค่ตอนที่อนงค์ทำเป็นสมุดเล่มเล็กที่มีภาพและคำแนะนำตัวเองแล้วมอบให้คุณพระฯ ซึ่งออกจะเป็นการกระทำที่ค่อนข้างเสี่ยงต่อภาพพจน์ที่ถูกมองจากคนอย่างคุณพระฯได้เหมือนกัน . จากนี้ต่อไปในอีกครึ่งทางที่เหลือนั้น ไม่แน่ใจว่าเรื่องราวที่ถูกเขียนขึ้นใหม่จะเป็นไปในทิศทางไหน คุณพระฯเองก็ถูกปรับให้คล้ายจะกลายเป็นโฮล์มส์ ที่ขยายการงานให้กว้างออกไปจากในหนังสือเพื่อจะได้มีอะไรให้เล่นกับบทละครมากขึ้น จึงเป็นคุณพระฯ ที่เหมือนอยู่กันคนละโลกกับคุณพระฯในนิยาย ส่วนชัดก็กลายเป็นคนที่อ่อนแอจนปวกเปียกไม่สมกับที่เป็นทหารสักนิด และเห็นแก่ตัวเองอย่างร้ายกาจจนน่ารังเกียจไปเลย เพราะต้นฉบับนิยายนั้นชัดเปลี่ยนใจจากอนงค์มาหาจันทร ด้วยความที่ไม่ระแคะระคายมาก่อนว่าพี่ชายนั้นรักจันทรอยู่ก่อนแล้ว จึงได้ขอร้องให้พี่ช่วยไปสู่ขอจันทรแทนแม่ ส่วนด้านอื่นที่ดีงามนั้นมีคนพูดกันไปมากแล้ว จึงไม่ขอพูดซ้ำ แต่สิ่งที่อยากจะกล่าวถึงอย่างมาก ที่เป็นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้เลยก็คือ ความหมายของชื่อเรื่อง "หนึ่งในร้อย" . หนึ่งในร้อย เป็นคำเปรียบถึงคนอย่างคุณพระฯ เรื่องนี้ชัดเจนแน่นอน ความดีของตัวละครนี้ สำหรับคนที่ดูละครอย่างเดียวอาจเห็นภาพได้ไม่ตรงและใสเท่าในบทประพันธ์ เพราะหนังสือมีเวลาให้ผู้เขียนได้ใส่รายละเอียด และเล่าให้คนอ่านสามารถรู้ชัดเจนถึงที่มาที่ไปแห่งความเป็นคน ซึ่งมีความเป็นสัตบุรุษคือไม่ใช่แค่ดีอย่างทั่วไปหรือดีแบบโลก ๆ เท่านั้น แต่มีความดำรงตนอยู่ในศีลและตั้งตนให้ดำรงมั่นในธรรมะที่เป็นเครื่องหล่อเลี้ยง ให้ใจไม่ไหลไปตามกระแสแห่งความต้องการที่เป็นอำนาจฝ่ายต่ำ จึงไม่ถูกชักจูงโดยง่ายจากแรงเร้าภายนอกที่มากระทบ ด้วยเหตุนี้คุณพระฯ จึงมีคุณธรรมอยู่ประจำใจเสมอ อันจะคอยคัดท้ายไม่ให้หลุดออกนอกเส้นทางดีงาม แม้นมีบางคราวที่ต้องผจญคลื่นลมพายุโหมกระหน่ำจนถึงขั้นแทบอับปาง เกือบจะไม่สามารถนำพานาวาชีวิตล่องฝ่าภัยต่อไปเหนือลำน้ำได้ แต่สุดท้ายก็รอดพ้นจากวิกฤตและได้รับผลแห่งความดีที่ทำมาด้วยความสุขใจในเบื้องปลาย . ทว่าคุณพระฯ เองก็ยังมีข้อเสียที่เด่นชัดมาก หากจะมองให้ลึกลงไป นั่นคือการที่เขาช่วยคนโดยเน้นไปที่การอนุเคราะห์ เติมเต็มความต้องการทางด้านปัจจัยสี่ให้แก่แม่และน้อง ๆ หรือคนที่รู้จัก และแม้นในคนทั่วไปเท่าที่อาชีพการงานและฐานะแห่งตนจะพอทำได้ แต่ไม่ได้ช่วยด้วยการฝึกให้คนเหล่านั้นรู้จักการช่วยเหลือตนเอง ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าถึงคราวที่คุณพระฯ อยู่ในสถานะอันลำบากในทางใดทางหนึ่ง ที่ไม่อาจจะให้ความช่วยเหลือหรือจำต้องปฏิเสธคำขอร้อง บรรดาคนซึ่งเคยได้รับเป็นประจำจากเขามาโดยตลอด จึงเกิดความไม่พอใจ กลายเป็นความโกรธ จนหลุดแสดงอำนาจและกิเลสในใจตนให้ระเบิดออกมาอย่างกับคนเสียจริต เห็นได้จากแม่และชัดเป็นต้น . ดังนั้นการช่วยคนที่ประเสริฐเลิศยอดที่สุด ที่จะไม่กลับเป็นภัยย้อนมาทำร้ายตัวของคนซึ่งเป็นผู้ให้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งต้องเน้นช่วยคนด้วยการให้เขารู้จักการช่วยเหลือตัวเองให้อยู่รอดได้ โดยไม่เป็นเพียงผู้ขอร่ำไปตลอดไป นั่นคือสิ่งที่ผมได้ฟังอยู่เสมอจากคำสอนของพระอาจารย์ที่เคารพศรัทธา ด้วยพรหมวิหาร 4 นั้นมีความสำคัญอย่างมากสำหรับคนผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้ใหญ่ คือต้องมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา แต่ถ้าเมตตาไม่มีประมาณแล้วขาดซึ่งปัญญากำกับ เมตตานั้นจะเป็นเช่นอาวุธที่หันกลับสู่ตนหากไม่ระวัง . คุณพระฯ เองมีเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกเป็นที่ตั้ง โดยเฉพาะกับญาติจนถึงขั้นให้ความช่วยเหลือคือความกรุณาดังแสดงออกให้เห็น และมีจิตพลอยยินดีในเมื่อผู้อื่นได้รับความเจริญหรือผลแห่งความสำเร็จ ไม่เกิดอิจฉาริษยาประทุษร้ายกับใครแม้นเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่คุณพระฯ ยังสอบไม่ผ่านในข้ออุเบกขา คือไม่รู้จักที่จะตัดรอบ ช่วยได้เท่าที่ช่วยไหว สัตว์โลกล้วนมีวิบากแห่งตนซึ่งได้สั่งสมมาไม่ว่าทางร้ายหรือดี ไม่ใช่ต้องเอาชีวิตของเขาขึ้นมาแบกหามไว้ราวกับเป็นเรื่องของตนเองไปเสียทั้งหมด คือช่วยแล้วปล่อยวางไม่ลง แม่ก็แล้ว น้อง ๆ หลายคนและครอบครัวของน้องก็อีก จึงต้องตกที่นั่งถูกคนที่ตนให้ความช่วยเหลือนั้นวกกลับมาทำร้ายตนจนสาหัสแทบจะสิ้นลมหายใจ เป็นการเบียดเบียนตนเองซึ่งทางพุทธศาสนาไม่สรรเสริญ . ดังนั้น คนอย่างคุณพระฯ อาจหาได้ยาก ดังเช่นคำว่า "หนึ่งในร้อย" แต่คนที่หาได้ยากกว่าอาจถึงขั้น "หนึ่งในล้าน" คือคนที่เข้าใจ และเข้าถึง หลักธรรมในหมวด 4 ของพุทธศาสนาอย่างแท้จริงและนำมาปฏิบัติได้คือ เมตตาได้ทุกผู้แม้เป็นศัตรูของตัวเอง ช่วยเหลือได้ทุกคนเท่าที่ช่วยไหวโดยไม่เดือดร้อน มีใจร่วมยินดีเมื่อเห็นว่าเขาได้ดี ปราศจากความคิดมุ่งร้ายอยากทำลาย สุดท้ายคือไม่อนาทรร้อนใจแม้นไม่สามารถช่วยได้ ด้วยเห็นแล้วว่าไม่อาจช่วย หรือช่วยต่อไปจะเป็นโทษต่อเขาและต่อเรามากกว่า ก็ต้องปล่อยเขาไปตามทางที่เขาสร้างมา . ตอนล่าสุดเมื่อคืนยังไม่ว่างดูสดแบบเต็ม ๆ เลย แค่ผ่านตาแวบ ๆ บางฉาก แต่ก็พอเดาทิศทางได้เลา ๆ ว่าบทดัดแปลงคงจะพาอนงค์และคุณพระฯ ทะลุมิติท่องไปไกลในดินแดนอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นคนละโลกกับเรื่องที่เกิดขึ้นในนิยาย ถ้าเรียกภาษาคนรุ่นใหม่คงจะใช้คำว่า ตัวละครเดียวกันแต่อยู่คนละมัลติเวิร์ส(ไม่แน่ใจสะกดเช่นนี้หรือไม่)กระมัง นี่คือส่วนที่หวั่นใจมาตลอด เพราะในสัปดาห์ก่อนที่เห็นว่าฉากสำคัญที่อยู่ตอนท้ายในนิยาย คือคุณพระล้มเจ็บ ถูกร่นขึ้นมาตั้งแต่กลางเรื่อง อีกทั้งความดราม่าที่ถูกผูกขึ้นใหม่ระหว่างตัวละคร 3-4 ตัว ก็ทำให้พอจะคาดการณ์ได้ว่า ต่อจากนี้ไปคงจะเป็นการด้นใส่อะไรต่อมิอะไรเข้ามาอีกมาก และไม่รู้ว่าจะไปจบลงที่ตรงไหน ก็ได้แต่ละเหี่ยใจ . ความดีงามของอนงค์ในหนังสือ ที่แม้นเป็นสาวสมัยใหม่ในยุคนั้น แต่ยังมีความรู้รักในเกียรติและศักดิ์ศรีของกุลสตรี ฉลาดและมีเฉลียว อีกทั้งมองคนออกอย่างเลิศ วางตัวเหมาะสมไม่ทำอะไรที่จะไปสะกิดให้คุณพระฯ นึกหยามหรือดูแคลนเอาได้ จนกระทั่งถึงเวลาที่ทุกอย่างดำเนินไปจนถึงที่สุด จึงกล้าเผยหัวใจตนให้คนที่แอบเทิดทูนบูชารับรู้ ทั้งที่ทราบอยู่แก่ใจว่าอาจทำให้คุณพระฯ มองเธอไปในแง่ไม่ดี แต่ใจที่นึกเวทนาสงสารบวกความรักที่งอกเงยมานานมันเปี่ยมล้นพ้นใจ เกินกว่าจะเก็บกลั้นไว้ภายใน จึงได้ปลดปล่อยไหลทะลักไปในครานั้น แต่แม้จะหลุดคำพูดฝากรัก หากถ้อยคำที่สื่อสารก็ยังเปี่ยมด้วยมธุรส และงดงามในภาษาที่ช่างสรรคำมาเจรจาอย่างน่าทึ่ง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นคงจะไม่อาจคาดหวังว่าจะได้พบเจอเสียแล้ว เพราะได้ถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นอนงค์ในแบบฉบับที่เหมือนปล่อยให้อำนาจความรัก ชักจูงเธอไปให้คิดและทำในสิ่งซึ่งอนงค์ในนิยายจะไม่มีวันทำเป็นอันขาด น่าเสียดาย... ภาพประกอบขอยืมจากในเน็ต #thaitimes #ดอกไม้สด #ละคร #mycherieamour #วิเคราะห์ตัวละคร #วิจารณ์ละคร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 886 มุมมอง 0 รีวิว