• “Intel อาจผลิตชิปให้ AMD — เมื่อคู่แข่งตลอดกาลเริ่มเปิดใจร่วมมือในยุคที่อุตสาหกรรมต้องปรับตัว”

    ในสิ่งที่หลายคนเรียกว่า “นรกยังต้องหยุดแช่แข็ง” Intel และ AMD ซึ่งเป็นคู่แข่งกันมายาวนานในตลาด x86 กำลังอยู่ในช่วงเจรจาเบื้องต้นเพื่อให้ Intel รับหน้าที่ผลิตชิปบางรุ่นให้ AMD ผ่านบริการ Intel Foundry Services (IFS) ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

    รายงานจาก Semafor และ TechRadar ระบุว่า AMD กำลังพิจารณาใช้โรงงานของ Intel สำหรับผลิตชิปรุ่นที่ไม่ใช่เรือธง เช่น Embedded APU หรือชิปด้านเครือข่าย (Pensando) เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพา TSMC เพียงรายเดียว โดยเฉพาะในช่วงที่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และปัญหาซัพพลายเชนยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ

    Intel เองก็อยู่ในช่วงพลิกฟื้นธุรกิจ โดยได้รับเงินลงทุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ, Nvidia และ SoftBank รวมกว่า $15.9 พันล้าน เพื่อผลักดันให้ IFS กลายเป็นผู้ผลิตชิปแบบรับจ้างที่แข็งแกร่ง และลดการพึ่งพาตลาดยุโรปที่กำลังชะลอการลงทุน

    แม้ AMD จะยังไม่ยืนยันข้อตกลงใด ๆ และยังไม่มีการเปิดเผยว่าชิปรุ่นใดจะถูกผลิตโดย Intel แต่การเจรจานี้สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงในยุทธศาสตร์ของทั้งสองบริษัท ที่เริ่มมองข้ามการแข่งขันระยะยาวเพื่อความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน

    หากข้อตกลงเกิดขึ้นจริง จะเป็นการยืนยันว่า Intel สามารถผลิตชิปให้กับคู่แข่งโดยไม่กระทบต่อความลับทางเทคโนโลยี และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการร่วมมือในระดับอุตสาหกรรมที่กว้างขึ้น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Intel และ AMD กำลังเจรจาเบื้องต้นเพื่อให้ Intel ผลิตชิปรุ่นบางส่วนให้ AMD
    AMD ต้องการลดการพึ่งพา TSMC และกระจายความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน
    ชิปรุ่นที่อาจถูกผลิตโดย Intel ได้แก่ Embedded APU และชิปเครือข่าย (Pensando)
    Intel ได้รับเงินลงทุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ, Nvidia และ SoftBank รวมกว่า $15.9 พันล้าน
    Intel Foundry Services (IFS) เป็นหน่วยงานที่รับผลิตชิปให้ลูกค้าภายนอก
    AMD ยังไม่ยืนยันข้อตกลง และยังไม่มีการเปิดเผยว่าชิปรุ่นใดจะถูกผลิต
    การร่วมมือครั้งนี้อาจช่วยให้ AMD มีความยืดหยุ่นในการผลิตมากขึ้น
    Intel ต้องการพิสูจน์ว่าโรงงานของตนสามารถแข่งขันกับ TSMC ได้

    https://www.techradar.com/pro/hell-freezes-over-amd-may-team-up-with-intel-to-produce-chips-but-i-dont-expect-intel-foundries-to-push-out-ryzen-cpus-anytime-soon
    🤝 “Intel อาจผลิตชิปให้ AMD — เมื่อคู่แข่งตลอดกาลเริ่มเปิดใจร่วมมือในยุคที่อุตสาหกรรมต้องปรับตัว” ในสิ่งที่หลายคนเรียกว่า “นรกยังต้องหยุดแช่แข็ง” Intel และ AMD ซึ่งเป็นคู่แข่งกันมายาวนานในตลาด x86 กำลังอยู่ในช่วงเจรจาเบื้องต้นเพื่อให้ Intel รับหน้าที่ผลิตชิปบางรุ่นให้ AMD ผ่านบริการ Intel Foundry Services (IFS) ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ รายงานจาก Semafor และ TechRadar ระบุว่า AMD กำลังพิจารณาใช้โรงงานของ Intel สำหรับผลิตชิปรุ่นที่ไม่ใช่เรือธง เช่น Embedded APU หรือชิปด้านเครือข่าย (Pensando) เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพา TSMC เพียงรายเดียว โดยเฉพาะในช่วงที่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และปัญหาซัพพลายเชนยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ Intel เองก็อยู่ในช่วงพลิกฟื้นธุรกิจ โดยได้รับเงินลงทุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ, Nvidia และ SoftBank รวมกว่า $15.9 พันล้าน เพื่อผลักดันให้ IFS กลายเป็นผู้ผลิตชิปแบบรับจ้างที่แข็งแกร่ง และลดการพึ่งพาตลาดยุโรปที่กำลังชะลอการลงทุน แม้ AMD จะยังไม่ยืนยันข้อตกลงใด ๆ และยังไม่มีการเปิดเผยว่าชิปรุ่นใดจะถูกผลิตโดย Intel แต่การเจรจานี้สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงในยุทธศาสตร์ของทั้งสองบริษัท ที่เริ่มมองข้ามการแข่งขันระยะยาวเพื่อความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน หากข้อตกลงเกิดขึ้นจริง จะเป็นการยืนยันว่า Intel สามารถผลิตชิปให้กับคู่แข่งโดยไม่กระทบต่อความลับทางเทคโนโลยี และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการร่วมมือในระดับอุตสาหกรรมที่กว้างขึ้น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Intel และ AMD กำลังเจรจาเบื้องต้นเพื่อให้ Intel ผลิตชิปรุ่นบางส่วนให้ AMD ➡️ AMD ต้องการลดการพึ่งพา TSMC และกระจายความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน ➡️ ชิปรุ่นที่อาจถูกผลิตโดย Intel ได้แก่ Embedded APU และชิปเครือข่าย (Pensando) ➡️ Intel ได้รับเงินลงทุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ, Nvidia และ SoftBank รวมกว่า $15.9 พันล้าน ➡️ Intel Foundry Services (IFS) เป็นหน่วยงานที่รับผลิตชิปให้ลูกค้าภายนอก ➡️ AMD ยังไม่ยืนยันข้อตกลง และยังไม่มีการเปิดเผยว่าชิปรุ่นใดจะถูกผลิต ➡️ การร่วมมือครั้งนี้อาจช่วยให้ AMD มีความยืดหยุ่นในการผลิตมากขึ้น ➡️ Intel ต้องการพิสูจน์ว่าโรงงานของตนสามารถแข่งขันกับ TSMC ได้ https://www.techradar.com/pro/hell-freezes-over-amd-may-team-up-with-intel-to-produce-chips-but-i-dont-expect-intel-foundries-to-push-out-ryzen-cpus-anytime-soon
    WWW.TECHRADAR.COM
    Reports suggest Intel could manufacture processors for AMD
    Intel's turnaround continues to surprise, who will be next to express an interest?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1 มุมมอง 0 รีวิว
  • “OCuLink แซง Thunderbolt 5 ในการทดสอบ RTX 5070 Ti — เกมเมอร์สาย eGPU อาจต้องคิดใหม่ก่อนเลือกพอร์ต”

    ในยุคที่การใช้ eGPU (external GPU) กลายเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ใช้โน้ตบุ๊กและพีซีขนาดเล็ก คำถามสำคัญคือ “จะเชื่อมต่อผ่านอะไรดีที่สุด?” ล่าสุดเว็บไซต์ Tom’s Hardware ได้เผยผลการทดสอบที่ชี้ชัดว่า OCuLink ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อแบบ PCIe โดยตรง ให้ประสิทธิภาพเหนือกว่า Thunderbolt 5 อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในการเล่นเกม

    OCuLink (Optical-Copper Link) เป็นมาตรฐานที่พัฒนาโดย PCI-SIG เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ผ่าน PCIe โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านการแปลงโปรโตคอลเหมือน Thunderbolt หรือ USB ซึ่งช่วยลด latency และเพิ่มประสิทธิภาพการส่งข้อมูล โดย OCuLink รองรับ PCIe 3.0 และ 4.0 แบบ 4 เลน ให้แบนด์วิดธ์สูงสุดถึง 64 GT/s

    ในทางกลับกัน Thunderbolt 5 แม้จะมีฟีเจอร์ครบครัน เช่น การชาร์จไฟ การส่งภาพ และการเชื่อมต่อ USB ผ่านสายเดียว แต่ก็ต้องแลกกับ overhead จากการแปลงโปรโตคอล ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลง โดยเฉพาะในงานที่ต้องการแบนด์วิดธ์สูงและ latency ต่ำ เช่น การเล่นเกมผ่าน eGPU

    จากการทดสอบด้วย RTX 5070 Ti พบว่า OCuLink ให้ค่า throughput สูงถึง 6.6 GB/s (host-to-device) และ 6.7 GB/s (device-to-host) ขณะที่ Thunderbolt 5 ทำได้เพียง 5.6 และ 5.8 GB/s ตามลำดับ และเมื่อทดสอบเกมจริง 12 เกม Thunderbolt 5 มีค่า FPS เฉลี่ยต่ำกว่า OCuLink ถึง 13–14% โดยเฉพาะในเกมที่ใช้กราฟิกหนัก เช่น Spider-Man: Miles Morales และ Red Dead Redemption 2 ซึ่ง Thunderbolt 5 แพ้ถึง 20–23%

    แม้ Thunderbolt 5 จะสะดวกกว่าในแง่การใช้งานทั่วไป แต่สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดในการเล่นเกมผ่าน eGPU OCuLink ยังคงเป็นตัวเลือกที่แรงกว่า — แม้จะยังไม่แพร่หลายในตลาดทั่วไป และต้องใช้ฮาร์ดแวร์เฉพาะทาง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    OCuLink เป็นการเชื่อมต่อแบบ PCIe โดยตรง ไม่ผ่านการแปลงโปรโตคอล
    รองรับ PCIe 3.0 และ 4.0 แบบ 4 เลน ให้แบนด์วิดธ์สูงสุด 64 GT/s
    Thunderbolt 5 รองรับ PCIe 4.0 x4 เช่นกัน แต่มี overhead จากการแปลงโปรโตคอล
    OCuLink ให้ throughput สูงถึง 6.6–6.7 GB/s ขณะที่ Thunderbolt 5 ทำได้เพียง 5.6–5.8 GB/s
    ในการทดสอบเกม 12 เกม Thunderbolt 5 มี FPS ต่ำกว่า OCuLink เฉลี่ย 13–14%
    เกมที่ Thunderbolt 5 แพ้หนัก ได้แก่ Spider-Man: Miles Morales (-20%) และ Red Dead Redemption 2 (-23%)
    Ghost of Tsushima เป็นเกมเดียวที่ทั้งสามระบบทำได้ 120 FPS เท่ากัน
    Thunderbolt 5 ยังมีข้อดีด้านความสะดวก เช่น การชาร์จไฟและส่งภาพผ่านสายเดียว

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    OCuLink เคยใช้ในเซิร์ฟเวอร์และ SSD มาก่อน ก่อนถูกนำมาใช้กับ GPU
    Thunderbolt 5 มีฟีเจอร์ใหม่ เช่น การชาร์จ 240W และส่งภาพระดับ 120 GT/s
    eGPU ที่ใช้ Thunderbolt 5 เช่น Peladn Link S-3 มีพอร์ตหลากหลายแต่ยังมีข้อจำกัดด้านสาย
    OCuLink ไม่รองรับการ hot-swap และไม่มีฟีเจอร์ USB หรือ video output
    โน้ตบุ๊กที่รองรับ OCuLink ยังมีน้อยมาก ส่วนใหญ่ต้องใช้กับพีซีหรือ mini-PC เฉพาะทาง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/oculink-outpaces-thunderbolt-5-in-nvidia-rtx-5070-ti-tests-latter-up-to-14-percent-slower-on-average-in-gaming-benchmarks
    ⚡ “OCuLink แซง Thunderbolt 5 ในการทดสอบ RTX 5070 Ti — เกมเมอร์สาย eGPU อาจต้องคิดใหม่ก่อนเลือกพอร์ต” ในยุคที่การใช้ eGPU (external GPU) กลายเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ใช้โน้ตบุ๊กและพีซีขนาดเล็ก คำถามสำคัญคือ “จะเชื่อมต่อผ่านอะไรดีที่สุด?” ล่าสุดเว็บไซต์ Tom’s Hardware ได้เผยผลการทดสอบที่ชี้ชัดว่า OCuLink ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อแบบ PCIe โดยตรง ให้ประสิทธิภาพเหนือกว่า Thunderbolt 5 อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในการเล่นเกม OCuLink (Optical-Copper Link) เป็นมาตรฐานที่พัฒนาโดย PCI-SIG เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ผ่าน PCIe โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านการแปลงโปรโตคอลเหมือน Thunderbolt หรือ USB ซึ่งช่วยลด latency และเพิ่มประสิทธิภาพการส่งข้อมูล โดย OCuLink รองรับ PCIe 3.0 และ 4.0 แบบ 4 เลน ให้แบนด์วิดธ์สูงสุดถึง 64 GT/s ในทางกลับกัน Thunderbolt 5 แม้จะมีฟีเจอร์ครบครัน เช่น การชาร์จไฟ การส่งภาพ และการเชื่อมต่อ USB ผ่านสายเดียว แต่ก็ต้องแลกกับ overhead จากการแปลงโปรโตคอล ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลง โดยเฉพาะในงานที่ต้องการแบนด์วิดธ์สูงและ latency ต่ำ เช่น การเล่นเกมผ่าน eGPU จากการทดสอบด้วย RTX 5070 Ti พบว่า OCuLink ให้ค่า throughput สูงถึง 6.6 GB/s (host-to-device) และ 6.7 GB/s (device-to-host) ขณะที่ Thunderbolt 5 ทำได้เพียง 5.6 และ 5.8 GB/s ตามลำดับ และเมื่อทดสอบเกมจริง 12 เกม Thunderbolt 5 มีค่า FPS เฉลี่ยต่ำกว่า OCuLink ถึง 13–14% โดยเฉพาะในเกมที่ใช้กราฟิกหนัก เช่น Spider-Man: Miles Morales และ Red Dead Redemption 2 ซึ่ง Thunderbolt 5 แพ้ถึง 20–23% แม้ Thunderbolt 5 จะสะดวกกว่าในแง่การใช้งานทั่วไป แต่สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดในการเล่นเกมผ่าน eGPU OCuLink ยังคงเป็นตัวเลือกที่แรงกว่า — แม้จะยังไม่แพร่หลายในตลาดทั่วไป และต้องใช้ฮาร์ดแวร์เฉพาะทาง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ OCuLink เป็นการเชื่อมต่อแบบ PCIe โดยตรง ไม่ผ่านการแปลงโปรโตคอล ➡️ รองรับ PCIe 3.0 และ 4.0 แบบ 4 เลน ให้แบนด์วิดธ์สูงสุด 64 GT/s ➡️ Thunderbolt 5 รองรับ PCIe 4.0 x4 เช่นกัน แต่มี overhead จากการแปลงโปรโตคอล ➡️ OCuLink ให้ throughput สูงถึง 6.6–6.7 GB/s ขณะที่ Thunderbolt 5 ทำได้เพียง 5.6–5.8 GB/s ➡️ ในการทดสอบเกม 12 เกม Thunderbolt 5 มี FPS ต่ำกว่า OCuLink เฉลี่ย 13–14% ➡️ เกมที่ Thunderbolt 5 แพ้หนัก ได้แก่ Spider-Man: Miles Morales (-20%) และ Red Dead Redemption 2 (-23%) ➡️ Ghost of Tsushima เป็นเกมเดียวที่ทั้งสามระบบทำได้ 120 FPS เท่ากัน ➡️ Thunderbolt 5 ยังมีข้อดีด้านความสะดวก เช่น การชาร์จไฟและส่งภาพผ่านสายเดียว ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ OCuLink เคยใช้ในเซิร์ฟเวอร์และ SSD มาก่อน ก่อนถูกนำมาใช้กับ GPU ➡️ Thunderbolt 5 มีฟีเจอร์ใหม่ เช่น การชาร์จ 240W และส่งภาพระดับ 120 GT/s ➡️ eGPU ที่ใช้ Thunderbolt 5 เช่น Peladn Link S-3 มีพอร์ตหลากหลายแต่ยังมีข้อจำกัดด้านสาย ➡️ OCuLink ไม่รองรับการ hot-swap และไม่มีฟีเจอร์ USB หรือ video output ➡️ โน้ตบุ๊กที่รองรับ OCuLink ยังมีน้อยมาก ส่วนใหญ่ต้องใช้กับพีซีหรือ mini-PC เฉพาะทาง https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/oculink-outpaces-thunderbolt-5-in-nvidia-rtx-5070-ti-tests-latter-up-to-14-percent-slower-on-average-in-gaming-benchmarks
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AMD vs Intel ปี 2025 — เมื่อ Ryzen 9000X3D ทิ้งห่าง Arrow Lake ทั้งด้านเกมและประสิทธิภาพต่อราคา”

    ในปี 2025 การแข่งขันระหว่าง AMD และ Intel ยังคงดุเดือด โดยเฉพาะในตลาดซีพียูสำหรับเดสก์ท็อป ล่าสุดเว็บไซต์ Tom’s Hardware ได้สรุปผลการเปรียบเทียบระหว่าง AMD Ryzen 9000 ซีรีส์ (โดยเฉพาะรุ่น X3D) กับ Intel Core Ultra 200S ซีรีส์ (Arrow Lake) ซึ่งชี้ชัดว่า AMD ยังคงครองตำแหน่งผู้นำในหลายด้าน โดยเฉพาะเกมมิ่งและความคุ้มค่าต่อราคา

    AMD Ryzen 9000X3D ใช้เทคโนโลยี 3D V-Cache รุ่นที่สอง ซึ่งช่วยเพิ่มแคช L3 ได้มหาศาล ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการเล่นเกมสูงขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับ Intel Core Ultra 9 285K แม้ Intel จะพยายามตอบโต้ด้วย “200S Boost” ซึ่งเป็นชุดปรับแต่งประสิทธิภาพ แต่ก็ยังไม่สามารถแซง AMD ได้ในด้านเกมมิ่ง

    ในด้านการทำงานและการสร้างคอนเทนต์ Intel ยังคงมีจุดแข็งในงานแบบ single-thread ด้วย P-core ที่มี latency ต่ำ แต่ AMD ก็มีความได้เปรียบในงาน multi-thread ด้วยจำนวน core ที่มากกว่าและการรองรับ AVX-512 ซึ่งเหมาะกับงานประมวลผลหนัก

    ด้านการใช้พลังงาน AMD ได้เปรียบจากการใช้เทคโนโลยี 4nm ของ TSMC ทำให้ประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงกว่า Intel อย่างชัดเจน ขณะที่ Intel ยังต้องใช้พลังงานสูงและมีความร้อนสะสมมากกว่า

    ในเรื่องการโอเวอร์คล็อก Intel ยังคงเป็นผู้นำ โดยเปิดให้ปรับแต่งได้มากกว่า AMD แต่ต้องใช้เมนบอร์ด Z-series และระบบระบายความร้อนที่ดี ส่วน AMD มีระบบ Precision Boost Overdrive ที่ใช้งานง่ายแต่ปรับแต่งได้น้อยกว่า

    สุดท้าย ในด้านความปลอดภัย AMD ได้เปรียบจากการมีช่องโหว่น้อยกว่า Intel โดยเฉพาะในรุ่นก่อนหน้าที่ได้รับผลกระทบจาก Spectre และ Meltdown ซึ่งยังคงส่งผลต่อประสิทธิภาพหลังการแก้ไข

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AMD Ryzen 9000X3D ใช้เทคโนโลยี 3D V-Cache รุ่นใหม่ เพิ่มแคช L3 ได้สูงถึง 144MB
    Intel Core Ultra 200S มีจุดเด่นด้าน single-thread ด้วย P-core ที่มี latency ต่ำ
    AMD ได้เปรียบในงาน multi-thread และรองรับ AVX-512 สำหรับงานประมวลผลหนัก
    AMD ใช้เทคโนโลยี 4nm จาก TSMC ทำให้ประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงกว่า Intel
    Intel ยังเป็นผู้นำด้านโอเวอร์คล็อก แต่ต้องใช้เมนบอร์ด Z-series และระบบระบายความร้อนดี
    AMD มีระบบ Precision Boost Overdrive ที่ใช้งานง่ายแต่ปรับแต่งได้น้อย
    AMD มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยน้อยกว่า Intel โดยเฉพาะในรุ่นก่อนหน้า
    AMD รองรับซ็อกเก็ต AM5 ไปจนถึงปี 2025+ ขณะที่ Intel ยังไม่ยืนยันการรองรับรุ่นถัดไป

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Ryzen 9 9950X3D มี 16 คอร์ 32 เธรด ความเร็วสูงสุด 5.7GHz และแคชรวม 144MB
    Intel Core Ultra 9 285K มี 24 คอร์ (8P + 16E) และแคชรวม 76MB
    AMD Ryzen 7 9800X3D เป็นซีพียูเกมมิ่งที่เร็วที่สุดในตลาด ณ ปี 2025
    Intel ใช้สถาปัตยกรรมแบบ tile-based ซึ่งส่งผลลบต่อประสิทธิภาพเกม
    AMD มีซีพียูรุ่นกลางที่ใช้เทคโนโลยี X3D เช่น Ryzen 5 5600X3D ซึ่งคุ้มค่ามาก

    https://www.tomshardware.com/features/amd-vs-intel-cpus
    ⚔️ “AMD vs Intel ปี 2025 — เมื่อ Ryzen 9000X3D ทิ้งห่าง Arrow Lake ทั้งด้านเกมและประสิทธิภาพต่อราคา” ในปี 2025 การแข่งขันระหว่าง AMD และ Intel ยังคงดุเดือด โดยเฉพาะในตลาดซีพียูสำหรับเดสก์ท็อป ล่าสุดเว็บไซต์ Tom’s Hardware ได้สรุปผลการเปรียบเทียบระหว่าง AMD Ryzen 9000 ซีรีส์ (โดยเฉพาะรุ่น X3D) กับ Intel Core Ultra 200S ซีรีส์ (Arrow Lake) ซึ่งชี้ชัดว่า AMD ยังคงครองตำแหน่งผู้นำในหลายด้าน โดยเฉพาะเกมมิ่งและความคุ้มค่าต่อราคา AMD Ryzen 9000X3D ใช้เทคโนโลยี 3D V-Cache รุ่นที่สอง ซึ่งช่วยเพิ่มแคช L3 ได้มหาศาล ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการเล่นเกมสูงขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับ Intel Core Ultra 9 285K แม้ Intel จะพยายามตอบโต้ด้วย “200S Boost” ซึ่งเป็นชุดปรับแต่งประสิทธิภาพ แต่ก็ยังไม่สามารถแซง AMD ได้ในด้านเกมมิ่ง ในด้านการทำงานและการสร้างคอนเทนต์ Intel ยังคงมีจุดแข็งในงานแบบ single-thread ด้วย P-core ที่มี latency ต่ำ แต่ AMD ก็มีความได้เปรียบในงาน multi-thread ด้วยจำนวน core ที่มากกว่าและการรองรับ AVX-512 ซึ่งเหมาะกับงานประมวลผลหนัก ด้านการใช้พลังงาน AMD ได้เปรียบจากการใช้เทคโนโลยี 4nm ของ TSMC ทำให้ประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงกว่า Intel อย่างชัดเจน ขณะที่ Intel ยังต้องใช้พลังงานสูงและมีความร้อนสะสมมากกว่า ในเรื่องการโอเวอร์คล็อก Intel ยังคงเป็นผู้นำ โดยเปิดให้ปรับแต่งได้มากกว่า AMD แต่ต้องใช้เมนบอร์ด Z-series และระบบระบายความร้อนที่ดี ส่วน AMD มีระบบ Precision Boost Overdrive ที่ใช้งานง่ายแต่ปรับแต่งได้น้อยกว่า สุดท้าย ในด้านความปลอดภัย AMD ได้เปรียบจากการมีช่องโหว่น้อยกว่า Intel โดยเฉพาะในรุ่นก่อนหน้าที่ได้รับผลกระทบจาก Spectre และ Meltdown ซึ่งยังคงส่งผลต่อประสิทธิภาพหลังการแก้ไข ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AMD Ryzen 9000X3D ใช้เทคโนโลยี 3D V-Cache รุ่นใหม่ เพิ่มแคช L3 ได้สูงถึง 144MB ➡️ Intel Core Ultra 200S มีจุดเด่นด้าน single-thread ด้วย P-core ที่มี latency ต่ำ ➡️ AMD ได้เปรียบในงาน multi-thread และรองรับ AVX-512 สำหรับงานประมวลผลหนัก ➡️ AMD ใช้เทคโนโลยี 4nm จาก TSMC ทำให้ประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงกว่า Intel ➡️ Intel ยังเป็นผู้นำด้านโอเวอร์คล็อก แต่ต้องใช้เมนบอร์ด Z-series และระบบระบายความร้อนดี ➡️ AMD มีระบบ Precision Boost Overdrive ที่ใช้งานง่ายแต่ปรับแต่งได้น้อย ➡️ AMD มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยน้อยกว่า Intel โดยเฉพาะในรุ่นก่อนหน้า ➡️ AMD รองรับซ็อกเก็ต AM5 ไปจนถึงปี 2025+ ขณะที่ Intel ยังไม่ยืนยันการรองรับรุ่นถัดไป ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Ryzen 9 9950X3D มี 16 คอร์ 32 เธรด ความเร็วสูงสุด 5.7GHz และแคชรวม 144MB ➡️ Intel Core Ultra 9 285K มี 24 คอร์ (8P + 16E) และแคชรวม 76MB ➡️ AMD Ryzen 7 9800X3D เป็นซีพียูเกมมิ่งที่เร็วที่สุดในตลาด ณ ปี 2025 ➡️ Intel ใช้สถาปัตยกรรมแบบ tile-based ซึ่งส่งผลลบต่อประสิทธิภาพเกม ➡️ AMD มีซีพียูรุ่นกลางที่ใช้เทคโนโลยี X3D เช่น Ryzen 5 5600X3D ซึ่งคุ้มค่ามาก https://www.tomshardware.com/features/amd-vs-intel-cpus
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Intel vs AMD: Which CPUs Are Better in 2025?
    We put Intel vs AMD in a battle of processor prowess.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Discord ถูกเจาะข้อมูลผ่านระบบซัพพอร์ตภายนอก — ข้อมูลผู้ใช้บางส่วนรั่ว แต่รหัสผ่านยังปลอดภัย”

    เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2025 Discord ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เจาะระบบที่ไม่ได้เกิดจากการแฮกระบบหลักของบริษัทโดยตรง แต่เกิดจากการที่แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ผ่านผู้ให้บริการซัพพอร์ตภายนอกที่ Discord ใช้งานอยู่ โดยข้อมูลที่ถูกเข้าถึงนั้นรวมถึงชื่อจริง อีเมล ที่อยู่ IP และข้อมูลการติดต่ออื่น ๆ ของผู้ใช้ที่เคยติดต่อฝ่าย Customer Support หรือ Trust & Safety

    แม้จะไม่มีการเข้าถึงรหัสผ่านหรือข้อความส่วนตัวในเซิร์ฟเวอร์หรือ DM แต่ข้อความที่เคยส่งถึงฝ่ายซัพพอร์ตก็ถูกแฮกเกอร์เข้าถึงได้ รวมถึงข้อมูลการชำระเงินบางส่วน เช่น ประเภทการจ่ายเงินและเลขท้าย 4 หลักของบัตรเครดิต สำหรับผู้ใช้บางรายที่เคยส่งเอกสารยืนยันตัวตน เช่น บัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต ก็อาจได้รับผลกระทบจากการรั่วไหลนี้เช่นกัน

    Discord ได้ดำเนินการตัดสิทธิ์การเข้าถึงของผู้ให้บริการที่ถูกเจาะทันที และแจ้งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อดำเนินการสอบสวน พร้อมทั้งส่งอีเมลแจ้งผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบจาก noreply@discord.com โดยระบุข้อมูลที่ถูกเข้าถึงและแนวทางปฏิบัติต่อไป

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Discord เพิ่งเริ่มใช้ระบบยืนยันอายุด้วยเอกสารราชการ ทำให้ผู้ใช้จำนวนหนึ่งต้องส่งข้อมูลส่วนตัวที่อ่อนไหวมากขึ้น และกลายเป็นเป้าหมายของการโจมตีในครั้งนี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Discord ถูกเจาะข้อมูลผ่านผู้ให้บริการซัพพอร์ตภายนอก ไม่ใช่ระบบหลักของบริษัท
    ข้อมูลที่ถูกเข้าถึง ได้แก่ ชื่อจริง อีเมล IP และข้อความที่ส่งถึงฝ่ายซัพพอร์ต
    มีการเข้าถึงข้อมูลการชำระเงินบางส่วน เช่น ประเภทการจ่ายเงินและเลขท้ายบัตร
    ผู้ใช้บางรายที่ส่งเอกสารยืนยันตัวตนอาจได้รับผลกระทบจากการรั่วไหล
    Discord ตัดสิทธิ์การเข้าถึงของผู้ให้บริการทันที และแจ้งหน่วยงานสอบสวน
    ผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบจะได้รับอีเมลจาก noreply@discord.com พร้อมข้อมูลที่รั่ว
    ไม่มีการเข้าถึงรหัสผ่าน ข้อความในเซิร์ฟเวอร์ หรือที่ DM
    Discord ทบทวนระบบตรวจจับภัยคุกคามและนโยบายความปลอดภัยของผู้ให้บริการ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Zendesk เป็นแพลตฟอร์มซัพพอร์ตที่ถูกใช้โดยหลายบริษัท รวมถึง Discord
    การโจมตีผ่าน third-party vendor เป็นช่องโหว่ที่พบได้บ่อยในระบบองค์กรขนาดใหญ่
    การยืนยันตัวตนด้วยเอกสารราชการเริ่มถูกใช้มากขึ้นในแพลตฟอร์มโซเชียลเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย
    การเข้าถึงข้อมูลที่มี government ID อาจนำไปสู่การขโมยตัวตน (identity theft)
    Discord มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 90% ในกลุ่มแอปสื่อสารสำหรับเกมเมอร์

    https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/discord-data-hacked-in-latest-customer-service-breach-to-expose-user-information-hackers-gained-access-via-third-party-support-systems-but-didnt-steal-passwords
    🔐 “Discord ถูกเจาะข้อมูลผ่านระบบซัพพอร์ตภายนอก — ข้อมูลผู้ใช้บางส่วนรั่ว แต่รหัสผ่านยังปลอดภัย” เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2025 Discord ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เจาะระบบที่ไม่ได้เกิดจากการแฮกระบบหลักของบริษัทโดยตรง แต่เกิดจากการที่แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ผ่านผู้ให้บริการซัพพอร์ตภายนอกที่ Discord ใช้งานอยู่ โดยข้อมูลที่ถูกเข้าถึงนั้นรวมถึงชื่อจริง อีเมล ที่อยู่ IP และข้อมูลการติดต่ออื่น ๆ ของผู้ใช้ที่เคยติดต่อฝ่าย Customer Support หรือ Trust & Safety แม้จะไม่มีการเข้าถึงรหัสผ่านหรือข้อความส่วนตัวในเซิร์ฟเวอร์หรือ DM แต่ข้อความที่เคยส่งถึงฝ่ายซัพพอร์ตก็ถูกแฮกเกอร์เข้าถึงได้ รวมถึงข้อมูลการชำระเงินบางส่วน เช่น ประเภทการจ่ายเงินและเลขท้าย 4 หลักของบัตรเครดิต สำหรับผู้ใช้บางรายที่เคยส่งเอกสารยืนยันตัวตน เช่น บัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต ก็อาจได้รับผลกระทบจากการรั่วไหลนี้เช่นกัน Discord ได้ดำเนินการตัดสิทธิ์การเข้าถึงของผู้ให้บริการที่ถูกเจาะทันที และแจ้งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อดำเนินการสอบสวน พร้อมทั้งส่งอีเมลแจ้งผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบจาก noreply@discord.com โดยระบุข้อมูลที่ถูกเข้าถึงและแนวทางปฏิบัติต่อไป เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Discord เพิ่งเริ่มใช้ระบบยืนยันอายุด้วยเอกสารราชการ ทำให้ผู้ใช้จำนวนหนึ่งต้องส่งข้อมูลส่วนตัวที่อ่อนไหวมากขึ้น และกลายเป็นเป้าหมายของการโจมตีในครั้งนี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Discord ถูกเจาะข้อมูลผ่านผู้ให้บริการซัพพอร์ตภายนอก ไม่ใช่ระบบหลักของบริษัท ➡️ ข้อมูลที่ถูกเข้าถึง ได้แก่ ชื่อจริง อีเมล IP และข้อความที่ส่งถึงฝ่ายซัพพอร์ต ➡️ มีการเข้าถึงข้อมูลการชำระเงินบางส่วน เช่น ประเภทการจ่ายเงินและเลขท้ายบัตร ➡️ ผู้ใช้บางรายที่ส่งเอกสารยืนยันตัวตนอาจได้รับผลกระทบจากการรั่วไหล ➡️ Discord ตัดสิทธิ์การเข้าถึงของผู้ให้บริการทันที และแจ้งหน่วยงานสอบสวน ➡️ ผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบจะได้รับอีเมลจาก noreply@discord.com พร้อมข้อมูลที่รั่ว ➡️ ไม่มีการเข้าถึงรหัสผ่าน ข้อความในเซิร์ฟเวอร์ หรือที่ DM ➡️ Discord ทบทวนระบบตรวจจับภัยคุกคามและนโยบายความปลอดภัยของผู้ให้บริการ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Zendesk เป็นแพลตฟอร์มซัพพอร์ตที่ถูกใช้โดยหลายบริษัท รวมถึง Discord ➡️ การโจมตีผ่าน third-party vendor เป็นช่องโหว่ที่พบได้บ่อยในระบบองค์กรขนาดใหญ่ ➡️ การยืนยันตัวตนด้วยเอกสารราชการเริ่มถูกใช้มากขึ้นในแพลตฟอร์มโซเชียลเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย ➡️ การเข้าถึงข้อมูลที่มี government ID อาจนำไปสู่การขโมยตัวตน (identity theft) ➡️ Discord มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 90% ในกลุ่มแอปสื่อสารสำหรับเกมเมอร์ https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/discord-data-hacked-in-latest-customer-service-breach-to-expose-user-information-hackers-gained-access-via-third-party-support-systems-but-didnt-steal-passwords
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมเด็จพลอยพันล้าน วัดซับมะนาว จ.สระแก้ว
    สมเด็จพลอยพันล้าน วัดซับมะนาว ต.หนองหว้า อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว // พระดีพิธีขลัง !! //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิม หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณดีด้านเมตตามหานิยม มหาอำนาจ แคล้วคลาดภัยภิบัติ คงกระพัน โชคลาภ มั่งคั่ง ก้าวหน้า ร่ำรวย ป้องกันภัยอันตราย อุบัติเหตุ ภูตผีปิศาจ >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิม หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    สมเด็จพลอยพันล้าน วัดซับมะนาว จ.สระแก้ว สมเด็จพลอยพันล้าน วัดซับมะนาว ต.หนองหว้า อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว // พระดีพิธีขลัง !! //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิม หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณดีด้านเมตตามหานิยม มหาอำนาจ แคล้วคลาดภัยภิบัติ คงกระพัน โชคลาภ มั่งคั่ง ก้าวหน้า ร่ำรวย ป้องกันภัยอันตราย อุบัติเหตุ ภูตผีปิศาจ >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิม หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • “แปรงสีฟันไฟฟ้าอาจทำให้คุณถูก TSA เรียกตรวจ — เมื่อแบตเตอรี่กลายเป็นภัยบนเครื่องบิน”

    หลายคนอาจไม่เคยนึกถึงว่าแปรงสีฟันไฟฟ้าจะกลายเป็นปัญหาในการเดินทางทางอากาศ แต่ล่าสุด TSA และ FAA ได้ออกคำเตือนถึงผู้โดยสารว่าอุปกรณ์ที่มีแบตเตอรี่ลิเธียม เช่น แปรงสีฟันไฟฟ้า อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยบนเครื่องบิน โดยเฉพาะเมื่อเก็บไว้ในกระเป๋าโหลดใต้เครื่อง

    แบตเตอรี่ลิเธียมมีความเสี่ยงจากปรากฏการณ์ “thermal runaway” ซึ่งเป็นปฏิกิริยาเคมีที่ทำให้เกิดความร้อนสูงจนลุกไหม้ได้ และในสภาพแวดล้อมที่มีแรงดันอากาศสูงอย่างห้องเก็บสัมภาระใต้เครื่อง การควบคุมไฟไหม้แทบเป็นไปไม่ได้เลย

    แม้ผู้โดยสารจะยังสามารถนำแปรงสีฟันไฟฟ้าใส่ไว้ในกระเป๋าโหลดได้ แต่ต้องปิดเครื่องให้สนิทและจัดเก็บอย่างปลอดภัยเพื่อป้องกันการเปิดใช้งานโดยไม่ตั้งใจ อย่างไรก็ตาม TSA แนะนำให้เก็บไว้ในกระเป๋าถือขึ้นเครื่องจะปลอดภัยกว่า เพราะหากเกิดเหตุ Flight crew จะสามารถสังเกตและรับมือได้ทันที

    นอกจากนี้ TSA ยังเตือนว่าอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียม เช่น โทรศัพท์มือถือ แล็ปท็อป กล้อง สมาร์ทวอทช์ และ e-reader ก็ควรเก็บไว้ในกระเป๋าถือเช่นกัน และห้ามนำแบตเตอรี่สำรองหรือแบตเตอรี่ที่ยังไม่ได้ติดตั้งใส่ในกระเป๋าโหลดโดยเด็ดขาด

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    TSA และ FAA เตือนว่าแปรงสีฟันไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมมีความเสี่ยงไฟไหม้
    ปรากฏการณ์ thermal runaway อาจทำให้แบตเตอรี่ลุกไหม้โดยไม่คาดคิด
    แนะนำให้เก็บแปรงสีฟันไฟฟ้าไว้ในกระเป๋าถือขึ้นเครื่องเพื่อความปลอดภัย
    หากต้องโหลดใต้เครื่อง ต้องปิดเครื่องและจัดเก็บให้ปลอดภัย
    อุปกรณ์อื่น ๆ เช่น โทรศัพท์ แล็ปท็อป กล้อง และสมาร์ทวอทช์ ก็ควรอยู่ในกระเป๋าถือ
    ห้ามนำแบตเตอรี่สำรองหรือแบตเตอรี่ที่ยังไม่ได้ติดตั้งใส่ในกระเป๋าโหลด
    TSA เคยแบนอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมแบบไร้สายที่ใช้แก๊สหรือบิวเทนจากการโหลดใต้เครื่อง
    หากไม่แน่ใจ ควรสอบถามเจ้าหน้าที่ TSA ก่อนเดินทาง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    แปรงสีฟันไฟฟ้าสมัยใหม่มักใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเหมือนกับสมาร์ทโฟน
    thermal runaway เกิดจากการลัดวงจรหรือความร้อนสะสมในแบตเตอรี่
    FAA มีข้อกำหนดชัดเจนเกี่ยวกับการขนส่งอุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียม
    แบตเตอรี่ลิเธียมมีพลังงานสูงในขนาดเล็ก จึงมีความเสี่ยงหากเกิดความเสียหาย
    การเก็บอุปกรณ์ไว้ในกระเป๋าถือช่วยให้ลูกเรือสามารถตรวจสอบและรับมือได้ทันที

    https://www.slashgear.com/1986302/avoid-bringing-electric-toothbrush-through-tsa/
    🧳 “แปรงสีฟันไฟฟ้าอาจทำให้คุณถูก TSA เรียกตรวจ — เมื่อแบตเตอรี่กลายเป็นภัยบนเครื่องบิน” หลายคนอาจไม่เคยนึกถึงว่าแปรงสีฟันไฟฟ้าจะกลายเป็นปัญหาในการเดินทางทางอากาศ แต่ล่าสุด TSA และ FAA ได้ออกคำเตือนถึงผู้โดยสารว่าอุปกรณ์ที่มีแบตเตอรี่ลิเธียม เช่น แปรงสีฟันไฟฟ้า อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยบนเครื่องบิน โดยเฉพาะเมื่อเก็บไว้ในกระเป๋าโหลดใต้เครื่อง แบตเตอรี่ลิเธียมมีความเสี่ยงจากปรากฏการณ์ “thermal runaway” ซึ่งเป็นปฏิกิริยาเคมีที่ทำให้เกิดความร้อนสูงจนลุกไหม้ได้ และในสภาพแวดล้อมที่มีแรงดันอากาศสูงอย่างห้องเก็บสัมภาระใต้เครื่อง การควบคุมไฟไหม้แทบเป็นไปไม่ได้เลย แม้ผู้โดยสารจะยังสามารถนำแปรงสีฟันไฟฟ้าใส่ไว้ในกระเป๋าโหลดได้ แต่ต้องปิดเครื่องให้สนิทและจัดเก็บอย่างปลอดภัยเพื่อป้องกันการเปิดใช้งานโดยไม่ตั้งใจ อย่างไรก็ตาม TSA แนะนำให้เก็บไว้ในกระเป๋าถือขึ้นเครื่องจะปลอดภัยกว่า เพราะหากเกิดเหตุ Flight crew จะสามารถสังเกตและรับมือได้ทันที นอกจากนี้ TSA ยังเตือนว่าอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียม เช่น โทรศัพท์มือถือ แล็ปท็อป กล้อง สมาร์ทวอทช์ และ e-reader ก็ควรเก็บไว้ในกระเป๋าถือเช่นกัน และห้ามนำแบตเตอรี่สำรองหรือแบตเตอรี่ที่ยังไม่ได้ติดตั้งใส่ในกระเป๋าโหลดโดยเด็ดขาด ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ TSA และ FAA เตือนว่าแปรงสีฟันไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมมีความเสี่ยงไฟไหม้ ➡️ ปรากฏการณ์ thermal runaway อาจทำให้แบตเตอรี่ลุกไหม้โดยไม่คาดคิด ➡️ แนะนำให้เก็บแปรงสีฟันไฟฟ้าไว้ในกระเป๋าถือขึ้นเครื่องเพื่อความปลอดภัย ➡️ หากต้องโหลดใต้เครื่อง ต้องปิดเครื่องและจัดเก็บให้ปลอดภัย ➡️ อุปกรณ์อื่น ๆ เช่น โทรศัพท์ แล็ปท็อป กล้อง และสมาร์ทวอทช์ ก็ควรอยู่ในกระเป๋าถือ ➡️ ห้ามนำแบตเตอรี่สำรองหรือแบตเตอรี่ที่ยังไม่ได้ติดตั้งใส่ในกระเป๋าโหลด ➡️ TSA เคยแบนอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมแบบไร้สายที่ใช้แก๊สหรือบิวเทนจากการโหลดใต้เครื่อง ➡️ หากไม่แน่ใจ ควรสอบถามเจ้าหน้าที่ TSA ก่อนเดินทาง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ แปรงสีฟันไฟฟ้าสมัยใหม่มักใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเหมือนกับสมาร์ทโฟน ➡️ thermal runaway เกิดจากการลัดวงจรหรือความร้อนสะสมในแบตเตอรี่ ➡️ FAA มีข้อกำหนดชัดเจนเกี่ยวกับการขนส่งอุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียม ➡️ แบตเตอรี่ลิเธียมมีพลังงานสูงในขนาดเล็ก จึงมีความเสี่ยงหากเกิดความเสียหาย ➡️ การเก็บอุปกรณ์ไว้ในกระเป๋าถือช่วยให้ลูกเรือสามารถตรวจสอบและรับมือได้ทันที https://www.slashgear.com/1986302/avoid-bringing-electric-toothbrush-through-tsa/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    You May Want To Avoid Bringing Your Electric Toothbrush Through TSA (Here's Why) - SlashGear
    The caution comes down to the inherent and well-documented fire risk of lithium-ion and lithium-metal batteries, which some electric toothbrushes use.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Ivanpah: โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มูลค่า 2.2 พันล้านดอลลาร์ในแคลิฟอร์เนีย เตรียมปิดตัวในปี 2026 — บทเรียนจากเทคโนโลยีที่ล้าสมัยเร็วเกินไป”

    หากคุณเคยขับรถผ่าน Interstate 15 ระหว่างลอสแอนเจลิสกับลาสเวกัส คุณอาจเคยเห็นแสงสะท้อนจากหอคอยสูง 459 ฟุต 3 ต้นกลางทะเลทรายโมฮาวี นั่นคือ Ivanpah Solar Electric Generating System — โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดมหึมาที่เคยเป็นความหวังของวงการพลังงานสะอาดในสหรัฐฯ

    เปิดใช้งานในปี 2014 ด้วยงบประมาณกว่า 2.2 พันล้านดอลลาร์ โดยได้รับการสนับสนุนเงินกู้จากกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ถึง 1.6 พันล้านดอลลาร์ Ivanpah ใช้เทคโนโลยี “solar thermal” ที่แตกต่างจากแผงโซลาร์เซลล์ทั่วไป โดยใช้กระจกกว่า 173,500 แผ่นสะท้อนแสงอาทิตย์ไปยังหอคอยเพื่อสร้างไอน้ำหมุนกังหันผลิตไฟฟ้า

    แม้จะเคยเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่เทคโนโลยีนี้กลับกลายเป็น “ล้าสมัย” อย่างรวดเร็ว เมื่อแผงโซลาร์เซลล์แบบ photovoltaic มีราคาถูกลงและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทำให้ PG&E ซึ่งเป็นผู้ซื้อไฟฟ้าหลัก ประกาศยกเลิกสัญญาซื้อไฟฟ้าก่อนกำหนดในปี 2025 ทั้งที่เดิมจะซื้อถึงปี 2039

    นอกจากปัญหาด้านต้นทุนและประสิทธิภาพ Ivanpah ยังเผชิญกับข้อวิจารณ์ด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การฆ่านกกว่า 6,000 ตัวต่อปีจากความร้อนของแสงสะท้อน และการรบกวนสายตาผู้ขับขี่บนทางหลวงจากแสงสะท้อนของกระจก

    แม้ยังไม่มีแผนการใช้พื้นที่หลังการปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่เจ้าของโครงการ NRG Energy เสนอว่าอาจเปลี่ยนมาใช้ระบบแผงโซลาร์เซลล์แทน ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ในปัจจุบัน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Ivanpah Solar Plant ตั้งอยู่ในทะเลทรายโมฮาวี เปิดใช้งานในปี 2014
    ใช้เทคโนโลยี solar thermal โดยสะท้อนแสงไปยังหอคอยเพื่อผลิตไอน้ำ
    มีงบประมาณก่อสร้าง 2.2 พันล้านดอลลาร์ โดยได้รับเงินกู้จากรัฐบาล 1.6 พันล้าน
    ใช้กระจกสะท้อนแสงกว่า 173,500 แผ่น เรียกว่า heliostats
    PG&E ประกาศยกเลิกสัญญาซื้อไฟฟ้าในปี 2025 เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
    Ivanpah เคยเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
    มีข้อเสนอให้เปลี่ยนมาใช้ระบบ photovoltaic ที่มีประสิทธิภาพและราคาถูกกว่า
    คาดว่าจะปิดตัวในปี 2026 ก่อนกำหนดเดิมถึง 13 ปี

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    เทคโนโลยี solar thermal มีข้อดีด้านการผลิตพลังงานต่อเนื่อง แต่ต้นทุนสูง
    photovoltaic panels มีราคาลดลงกว่า 80% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
    ระบบ solar thermal ต้องพึ่งพาแก๊สธรรมชาติเพื่อเริ่มต้นการทำงานในบางช่วง
    โครงการ Project Nexus ในแคลิฟอร์เนียทดลองติดตั้งแผงโซลาร์เหนือคลองชลประทาน
    Ivanpah เป็นตัวอย่างของความเสี่ยงในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนเร็ว

    https://www.slashgear.com/1986261/california-ivanpah-solar-plant-shut-down-reason/
    ☀️ “Ivanpah: โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มูลค่า 2.2 พันล้านดอลลาร์ในแคลิฟอร์เนีย เตรียมปิดตัวในปี 2026 — บทเรียนจากเทคโนโลยีที่ล้าสมัยเร็วเกินไป” หากคุณเคยขับรถผ่าน Interstate 15 ระหว่างลอสแอนเจลิสกับลาสเวกัส คุณอาจเคยเห็นแสงสะท้อนจากหอคอยสูง 459 ฟุต 3 ต้นกลางทะเลทรายโมฮาวี นั่นคือ Ivanpah Solar Electric Generating System — โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดมหึมาที่เคยเป็นความหวังของวงการพลังงานสะอาดในสหรัฐฯ เปิดใช้งานในปี 2014 ด้วยงบประมาณกว่า 2.2 พันล้านดอลลาร์ โดยได้รับการสนับสนุนเงินกู้จากกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ถึง 1.6 พันล้านดอลลาร์ Ivanpah ใช้เทคโนโลยี “solar thermal” ที่แตกต่างจากแผงโซลาร์เซลล์ทั่วไป โดยใช้กระจกกว่า 173,500 แผ่นสะท้อนแสงอาทิตย์ไปยังหอคอยเพื่อสร้างไอน้ำหมุนกังหันผลิตไฟฟ้า แม้จะเคยเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่เทคโนโลยีนี้กลับกลายเป็น “ล้าสมัย” อย่างรวดเร็ว เมื่อแผงโซลาร์เซลล์แบบ photovoltaic มีราคาถูกลงและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทำให้ PG&E ซึ่งเป็นผู้ซื้อไฟฟ้าหลัก ประกาศยกเลิกสัญญาซื้อไฟฟ้าก่อนกำหนดในปี 2025 ทั้งที่เดิมจะซื้อถึงปี 2039 นอกจากปัญหาด้านต้นทุนและประสิทธิภาพ Ivanpah ยังเผชิญกับข้อวิจารณ์ด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การฆ่านกกว่า 6,000 ตัวต่อปีจากความร้อนของแสงสะท้อน และการรบกวนสายตาผู้ขับขี่บนทางหลวงจากแสงสะท้อนของกระจก แม้ยังไม่มีแผนการใช้พื้นที่หลังการปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่เจ้าของโครงการ NRG Energy เสนอว่าอาจเปลี่ยนมาใช้ระบบแผงโซลาร์เซลล์แทน ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ในปัจจุบัน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Ivanpah Solar Plant ตั้งอยู่ในทะเลทรายโมฮาวี เปิดใช้งานในปี 2014 ➡️ ใช้เทคโนโลยี solar thermal โดยสะท้อนแสงไปยังหอคอยเพื่อผลิตไอน้ำ ➡️ มีงบประมาณก่อสร้าง 2.2 พันล้านดอลลาร์ โดยได้รับเงินกู้จากรัฐบาล 1.6 พันล้าน ➡️ ใช้กระจกสะท้อนแสงกว่า 173,500 แผ่น เรียกว่า heliostats ➡️ PG&E ประกาศยกเลิกสัญญาซื้อไฟฟ้าในปี 2025 เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ➡️ Ivanpah เคยเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ➡️ มีข้อเสนอให้เปลี่ยนมาใช้ระบบ photovoltaic ที่มีประสิทธิภาพและราคาถูกกว่า ➡️ คาดว่าจะปิดตัวในปี 2026 ก่อนกำหนดเดิมถึง 13 ปี ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ เทคโนโลยี solar thermal มีข้อดีด้านการผลิตพลังงานต่อเนื่อง แต่ต้นทุนสูง ➡️ photovoltaic panels มีราคาลดลงกว่า 80% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ➡️ ระบบ solar thermal ต้องพึ่งพาแก๊สธรรมชาติเพื่อเริ่มต้นการทำงานในบางช่วง ➡️ โครงการ Project Nexus ในแคลิฟอร์เนียทดลองติดตั้งแผงโซลาร์เหนือคลองชลประทาน ➡️ Ivanpah เป็นตัวอย่างของความเสี่ยงในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนเร็ว https://www.slashgear.com/1986261/california-ivanpah-solar-plant-shut-down-reason/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    $2B California Solar Plant To Shut Down After A Decade For The Most Frustrating Reason - SlashGear
    The Ivanpah facility's decommissioning comes from its use of a now-obsolete solar technology that's both more expensive and less efficient in generating energy.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ทำไมเครื่องบินยังใช้หมุดย้ำเป็นล้านตัว — ในวันที่รถยนต์เชื่อมด้วยการเชื่อมโลหะ”

    หากคุณเคยสังเกตเครื่องบินโดยสารอย่าง Airbus A320 จะเห็นว่าลำตัวและปีกของมันเต็มไปด้วยหมุดย้ำ (rivets) นับล้านตัว ต่างจากรถยนต์ที่ใช้การเชื่อมโลหะ (welding) เพื่อประกอบโครงสร้างให้เรียบเนียนและแข็งแรง แล้วทำไมอุตสาหกรรมการบินยังคงใช้เทคนิคที่เก่าแก่กว่า 5,000 ปีนี้อยู่?

    คำตอบคือ “ความเหมาะสมกับวัสดุและความปลอดภัย” — เครื่องบินส่วนใหญ่ใช้แผ่นอลูมิเนียมเป็นโครงสร้างหลัก ซึ่งมีคุณสมบัติเบา แข็งแรง ทนต่อการกัดกร่อน และราคาถูก แต่อลูมิเนียมกลับมีข้อเสียคือ “เชื่อมยาก” เพราะเมื่อโดนความร้อนจะสูญเสียความแข็งแรง และบางครั้งแผ่นอลูมิเนียมก็หนาเกินกว่าจะเชื่อมได้อย่างปลอดภัย

    หมุดย้ำจึงกลายเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะสามารถเชื่อมวัสดุจากด้านใน ไม่ใช่แค่ผิวภายนอก ทำให้โครงสร้างแข็งแรงกว่า และยังตรวจสอบได้ง่ายด้วยสายตา ต่างจากรอยเชื่อมที่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษในการตรวจสอบ นอกจากนี้หมุดย้ำยังช่วยให้การซ่อมบำรุงง่ายขึ้น เพราะสามารถถอดและเปลี่ยนเฉพาะจุดได้โดยไม่กระทบโครงสร้างทั้งหมด

    แม้เทคโนโลยีการผลิตจะพัฒนาไปมาก แต่พื้นฐานของการใช้หมุดย้ำยังคงเหมือนเดิม — หัวหมุดและแกนเรียบที่เชื่อมวัสดุสองชิ้นเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา และยังคงเป็นหัวใจของความปลอดภัยในการบินที่สถิติยังยืนยันว่า “เครื่องบินคือวิธีเดินทางที่ปลอดภัยที่สุด”

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    เครื่องบินโดยสารยังใช้หมุดย้ำในการประกอบโครงสร้าง เช่น Airbus A320
    รถยนต์ใช้การเชื่อมโลหะเพื่อสร้างโครงสร้างแบบ unibody ที่เรียบและแข็งแรง
    หมุดย้ำเชื่อมวัสดุจากด้านใน ทำให้แข็งแรงกว่าการเชื่อมภายนอก
    อลูมิเนียมเป็นวัสดุหลักของเครื่องบิน เพราะเบา ทน และราคาถูก
    อลูมิเนียมมีข้อเสียคือเชื่อมยาก และสูญเสียความแข็งแรงเมื่อโดนความร้อน
    หมุดย้ำช่วยให้ตรวจสอบและซ่อมบำรุงได้ง่ายกว่ารอยเชื่อม
    การใช้หมุดย้ำยังคงเป็นมาตรฐานในอุตสาหกรรมการบิน
    เครื่องบินยังคงเป็นวิธีเดินทางที่ปลอดภัยที่สุดตามสถิติ

    https://www.slashgear.com/1983629/why-airplanes-use-rivets-but-cars-are-welded/
    ✈️ “ทำไมเครื่องบินยังใช้หมุดย้ำเป็นล้านตัว — ในวันที่รถยนต์เชื่อมด้วยการเชื่อมโลหะ” หากคุณเคยสังเกตเครื่องบินโดยสารอย่าง Airbus A320 จะเห็นว่าลำตัวและปีกของมันเต็มไปด้วยหมุดย้ำ (rivets) นับล้านตัว ต่างจากรถยนต์ที่ใช้การเชื่อมโลหะ (welding) เพื่อประกอบโครงสร้างให้เรียบเนียนและแข็งแรง แล้วทำไมอุตสาหกรรมการบินยังคงใช้เทคนิคที่เก่าแก่กว่า 5,000 ปีนี้อยู่? คำตอบคือ “ความเหมาะสมกับวัสดุและความปลอดภัย” — เครื่องบินส่วนใหญ่ใช้แผ่นอลูมิเนียมเป็นโครงสร้างหลัก ซึ่งมีคุณสมบัติเบา แข็งแรง ทนต่อการกัดกร่อน และราคาถูก แต่อลูมิเนียมกลับมีข้อเสียคือ “เชื่อมยาก” เพราะเมื่อโดนความร้อนจะสูญเสียความแข็งแรง และบางครั้งแผ่นอลูมิเนียมก็หนาเกินกว่าจะเชื่อมได้อย่างปลอดภัย หมุดย้ำจึงกลายเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะสามารถเชื่อมวัสดุจากด้านใน ไม่ใช่แค่ผิวภายนอก ทำให้โครงสร้างแข็งแรงกว่า และยังตรวจสอบได้ง่ายด้วยสายตา ต่างจากรอยเชื่อมที่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษในการตรวจสอบ นอกจากนี้หมุดย้ำยังช่วยให้การซ่อมบำรุงง่ายขึ้น เพราะสามารถถอดและเปลี่ยนเฉพาะจุดได้โดยไม่กระทบโครงสร้างทั้งหมด แม้เทคโนโลยีการผลิตจะพัฒนาไปมาก แต่พื้นฐานของการใช้หมุดย้ำยังคงเหมือนเดิม — หัวหมุดและแกนเรียบที่เชื่อมวัสดุสองชิ้นเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา และยังคงเป็นหัวใจของความปลอดภัยในการบินที่สถิติยังยืนยันว่า “เครื่องบินคือวิธีเดินทางที่ปลอดภัยที่สุด” ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ เครื่องบินโดยสารยังใช้หมุดย้ำในการประกอบโครงสร้าง เช่น Airbus A320 ➡️ รถยนต์ใช้การเชื่อมโลหะเพื่อสร้างโครงสร้างแบบ unibody ที่เรียบและแข็งแรง ➡️ หมุดย้ำเชื่อมวัสดุจากด้านใน ทำให้แข็งแรงกว่าการเชื่อมภายนอก ➡️ อลูมิเนียมเป็นวัสดุหลักของเครื่องบิน เพราะเบา ทน และราคาถูก ➡️ อลูมิเนียมมีข้อเสียคือเชื่อมยาก และสูญเสียความแข็งแรงเมื่อโดนความร้อน ➡️ หมุดย้ำช่วยให้ตรวจสอบและซ่อมบำรุงได้ง่ายกว่ารอยเชื่อม ➡️ การใช้หมุดย้ำยังคงเป็นมาตรฐานในอุตสาหกรรมการบิน ➡️ เครื่องบินยังคงเป็นวิธีเดินทางที่ปลอดภัยที่สุดตามสถิติ https://www.slashgear.com/1983629/why-airplanes-use-rivets-but-cars-are-welded/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Why Airplanes Still Use Millions Of Rivets (But Cars Are Welded) - SlashGear
    Modern commercial aircraft still use rivets for assembly because they're more suitable for the aluminum panels that planes use.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เมื่อวิศวกรซอฟต์แวร์ถูกขอให้ทำสิ่งผิดกฎหมาย — บทเรียนจาก FTX, Frank และ Pollen ที่อาจช่วยคุณไม่ต้องใส่ชุดนักโทษ”

    ในโลกของเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยโค้ดและข้อมูล วิศวกรซอฟต์แวร์มักถูกมองว่าเป็นผู้สร้าง ไม่ใช่ผู้ตัดสินใจ แต่เมื่อคำสั่งจากผู้บริหารกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย พวกเขากลับกลายเป็น “ผู้ร่วมกระทำผิด” ได้โดยไม่ตั้งใจ บทความจาก The Pragmatic Engineer ได้รวบรวมกรณีจริง 3 เรื่อง ที่วิศวกรถูกขอให้ทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย — และผลลัพธ์ของการตัดสินใจนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

    กรณีแรกคือ Nishad Singh จาก FTX ซึ่งในปี 2022 ได้รับรู้ว่า Alameda Research กำลังใช้เงินลูกค้าจาก FTX ไปกว่า 13 พันล้านดอลลาร์ เขารู้สึกตกใจและจัดประชุมทันที แต่กลับเลือกที่จะ “อยู่ต่อเพื่อช่วยแก้ไข” แทนที่จะลาออกหรือแจ้งความ สุดท้ายเขาได้รับเงินกู้ 3.7 ล้านดอลลาร์จากบริษัท และต้องรับโทษทางกฎหมาย แม้จะได้รับการลดโทษเหลือเพียงการควบคุมตัว 3 ปี แต่ก็เป็นบทเรียนที่ชัดเจนว่า “การอยู่ต่อหลังรู้ว่ามีการโกง ไม่ใช่ทางออก”

    กรณีที่สองคือวิศวกรจาก Frank ซึ่งถูก CEO ขอให้สร้างข้อมูลลูกค้าเทียมกว่า 4.2 ล้านรายเพื่อให้บริษัทดูมีมูลค่ามากขึ้นก่อนขายให้ JPMorgan วิศวกรคนนั้นปฏิเสธทันที และส่งเฉพาะข้อมูลจริงที่มีอยู่ประมาณ 293,000 ราย สุดท้าย CEO ถูกจับและถูกตัดสินจำคุก 7 ปี ส่วนวิศวกรรอดพ้นจากทุกข้อกล่าวหา

    กรณีสุดท้ายคือบริษัท Pollen ที่มีการเรียกเก็บเงินจากลูกค้าซ้ำโดยเจตนาเพื่อให้บริษัทมีเงินจ่ายเงินเดือน วิศวกรคนหนึ่งยอมทำตามคำสั่ง CEO โดยเขียนสคริปต์เพื่อเรียกเก็บเงินซ้ำ และยอมรับในภายหลังว่า “เป็นการตัดสินใจที่แย่มาก” แม้จะยังไม่มีการตั้งข้อหา แต่ก็เป็นความเสี่ยงที่อาจกลายเป็นคดีฉ้อโกงในอนาคต

    บทเรียนจากทั้งสามกรณีคือ — วิศวกรมีสิทธิ์ปฏิเสธ และควรใช้สิทธินั้นเมื่อพบว่าคำสั่งอาจผิดกฎหมาย เพราะการ “ทำตามคำสั่ง” ไม่ได้ปกป้องคุณจากผลทางกฎหมาย หากสิ่งที่คุณทำกลายเป็นหลักฐานในศาล

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Nishad Singh จาก FTX รู้ว่ามีการใช้เงินลูกค้าโดยมิชอบ แต่เลือกอยู่ต่อ
    เขาได้รับเงินกู้ 3.7 ล้านดอลลาร์หลังรู้เรื่อง และถูกดำเนินคดี
    ศาลลดโทษให้เหลือการควบคุมตัว 3 ปี เพราะเขาให้ความร่วมมือในการสอบสวน
    วิศวกรจาก Frank ถูกขอให้สร้างข้อมูลลูกค้าเทียม แต่ปฏิเสธทันที
    CEO ของ Frank ถูกตัดสินจำคุก 7 ปี ฐานฉ้อโกง JPMorgan
    ที่ Pollen มีการเรียกเก็บเงินจากลูกค้าซ้ำโดยเจตนาเพื่อจ่ายเงินเดือน
    วิศวกรยอมทำตามคำสั่ง CEO และยอมรับภายหลังว่าเป็นการตัดสินใจผิด
    ยังไม่มีการตั้งข้อหาทางอาญาในกรณีของ Pollen ณ ตุลาคม 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    กฎหมายสหรัฐฯ ให้รางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแส (whistleblower) สูงถึง 30% ของเงินที่รัฐเรียกคืน
    การลาออกทันทีหลังพบการกระทำผิดอาจช่วยลดความเสี่ยงทางกฎหมาย
    การรับเงินหรือผลประโยชน์หลังรู้ว่ามีการโกง อาจถูกตีความว่า “ร่วมมือ”
    การบันทึกคำสั่งที่อาจผิดกฎหมาย เช่น อีเมลหรือแชท เป็นหลักฐานสำคัญ
    การปรึกษาทนายก่อนตัดสินใจเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด

    https://blog.pragmaticengineer.com/asked-to-do-something-illegal-at-work/
    ⚖️ “เมื่อวิศวกรซอฟต์แวร์ถูกขอให้ทำสิ่งผิดกฎหมาย — บทเรียนจาก FTX, Frank และ Pollen ที่อาจช่วยคุณไม่ต้องใส่ชุดนักโทษ” ในโลกของเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยโค้ดและข้อมูล วิศวกรซอฟต์แวร์มักถูกมองว่าเป็นผู้สร้าง ไม่ใช่ผู้ตัดสินใจ แต่เมื่อคำสั่งจากผู้บริหารกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย พวกเขากลับกลายเป็น “ผู้ร่วมกระทำผิด” ได้โดยไม่ตั้งใจ บทความจาก The Pragmatic Engineer ได้รวบรวมกรณีจริง 3 เรื่อง ที่วิศวกรถูกขอให้ทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย — และผลลัพธ์ของการตัดสินใจนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กรณีแรกคือ Nishad Singh จาก FTX ซึ่งในปี 2022 ได้รับรู้ว่า Alameda Research กำลังใช้เงินลูกค้าจาก FTX ไปกว่า 13 พันล้านดอลลาร์ เขารู้สึกตกใจและจัดประชุมทันที แต่กลับเลือกที่จะ “อยู่ต่อเพื่อช่วยแก้ไข” แทนที่จะลาออกหรือแจ้งความ สุดท้ายเขาได้รับเงินกู้ 3.7 ล้านดอลลาร์จากบริษัท และต้องรับโทษทางกฎหมาย แม้จะได้รับการลดโทษเหลือเพียงการควบคุมตัว 3 ปี แต่ก็เป็นบทเรียนที่ชัดเจนว่า “การอยู่ต่อหลังรู้ว่ามีการโกง ไม่ใช่ทางออก” กรณีที่สองคือวิศวกรจาก Frank ซึ่งถูก CEO ขอให้สร้างข้อมูลลูกค้าเทียมกว่า 4.2 ล้านรายเพื่อให้บริษัทดูมีมูลค่ามากขึ้นก่อนขายให้ JPMorgan วิศวกรคนนั้นปฏิเสธทันที และส่งเฉพาะข้อมูลจริงที่มีอยู่ประมาณ 293,000 ราย สุดท้าย CEO ถูกจับและถูกตัดสินจำคุก 7 ปี ส่วนวิศวกรรอดพ้นจากทุกข้อกล่าวหา กรณีสุดท้ายคือบริษัท Pollen ที่มีการเรียกเก็บเงินจากลูกค้าซ้ำโดยเจตนาเพื่อให้บริษัทมีเงินจ่ายเงินเดือน วิศวกรคนหนึ่งยอมทำตามคำสั่ง CEO โดยเขียนสคริปต์เพื่อเรียกเก็บเงินซ้ำ และยอมรับในภายหลังว่า “เป็นการตัดสินใจที่แย่มาก” แม้จะยังไม่มีการตั้งข้อหา แต่ก็เป็นความเสี่ยงที่อาจกลายเป็นคดีฉ้อโกงในอนาคต บทเรียนจากทั้งสามกรณีคือ — วิศวกรมีสิทธิ์ปฏิเสธ และควรใช้สิทธินั้นเมื่อพบว่าคำสั่งอาจผิดกฎหมาย เพราะการ “ทำตามคำสั่ง” ไม่ได้ปกป้องคุณจากผลทางกฎหมาย หากสิ่งที่คุณทำกลายเป็นหลักฐานในศาล ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Nishad Singh จาก FTX รู้ว่ามีการใช้เงินลูกค้าโดยมิชอบ แต่เลือกอยู่ต่อ ➡️ เขาได้รับเงินกู้ 3.7 ล้านดอลลาร์หลังรู้เรื่อง และถูกดำเนินคดี ➡️ ศาลลดโทษให้เหลือการควบคุมตัว 3 ปี เพราะเขาให้ความร่วมมือในการสอบสวน ➡️ วิศวกรจาก Frank ถูกขอให้สร้างข้อมูลลูกค้าเทียม แต่ปฏิเสธทันที ➡️ CEO ของ Frank ถูกตัดสินจำคุก 7 ปี ฐานฉ้อโกง JPMorgan ➡️ ที่ Pollen มีการเรียกเก็บเงินจากลูกค้าซ้ำโดยเจตนาเพื่อจ่ายเงินเดือน ➡️ วิศวกรยอมทำตามคำสั่ง CEO และยอมรับภายหลังว่าเป็นการตัดสินใจผิด ➡️ ยังไม่มีการตั้งข้อหาทางอาญาในกรณีของ Pollen ณ ตุลาคม 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ กฎหมายสหรัฐฯ ให้รางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแส (whistleblower) สูงถึง 30% ของเงินที่รัฐเรียกคืน ➡️ การลาออกทันทีหลังพบการกระทำผิดอาจช่วยลดความเสี่ยงทางกฎหมาย ➡️ การรับเงินหรือผลประโยชน์หลังรู้ว่ามีการโกง อาจถูกตีความว่า “ร่วมมือ” ➡️ การบันทึกคำสั่งที่อาจผิดกฎหมาย เช่น อีเมลหรือแชท เป็นหลักฐานสำคัญ ➡️ การปรึกษาทนายก่อนตัดสินใจเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด https://blog.pragmaticengineer.com/asked-to-do-something-illegal-at-work/
    BLOG.PRAGMATICENGINEER.COM
    Asked to do something illegal at work? Here’s what these software engineers did
    At FTX, Frank, and Pollen, software engineers were asked to do something potentially illegal, or to go along with what looked like fraud. They obliged in two out of three cases, landed in hot water, and now face jail time. A reminder why it’s never a good idea to go along with such requests.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สวีเดนเตรียมเปิดใช้ระบบจ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์ภายในปี 2026 — รับมือวิกฤตดิจิทัลด้วยความพร้อมระดับชาติ”

    ในประเทศที่แทบจะไร้เงินสดอย่างสวีเดน การพึ่งพาระบบดิจิทัลในการชำระเงินกลายเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น ระบบอินเทอร์เน็ตล่มหรือการโจมตีไซเบอร์ ความสามารถในการจ่ายเงินอาจกลายเป็นปัญหาระดับชาติ ล่าสุดธนาคารกลางสวีเดน (Riksbank) ได้ประกาศความร่วมมือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในตลาดการชำระเงิน เพื่อผลักดันให้ระบบ “จ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์” ใช้งานได้จริงภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2026

    ระบบนี้จะช่วยให้ประชาชนสามารถใช้บัตรเดบิตหรือเครดิตในการซื้อสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร ยา และน้ำมัน แม้ในกรณีที่ระบบสื่อสารข้อมูลล่ม โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมความมั่นคงของระบบการเงินและความพร้อมรับมือภัยพิบัติ

    การดำเนินงานนี้ครอบคลุมทั้งผู้ออกบัตร, เครือข่ายบัตร, ผู้รับชำระเงิน, ผู้ค้าปลีก และ Riksbank โดยจะมีการปรับปรุงกฎระเบียบและนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เช่น การตั้งค่าข้อมูลล่วงหน้าในบัตร, การใช้ PIN แบบออฟไลน์ และการตรวจสอบยอดเงินแบบ local cache

    ผู้ว่าการธนาคารกลาง Erik Thedéen กล่าวว่าการที่หลายฝ่ายร่วมมือกันแม้ไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับโดยตรง ถือเป็นสัญญาณบวกของความรับผิดชอบร่วมกันเพื่อความมั่นคงของประเทศ และหลังจากวันที่ 1 กรกฎาคม 2026 Riksbank จะขยายการรองรับไปยังช่องทางการชำระเงินอื่น ๆ เช่น e-wallet และ mobile payments

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Riksbank ประกาศให้ระบบจ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์ใช้งานได้ภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2026
    ระบบนี้ช่วยให้ประชาชนสามารถซื้อสินค้าจำเป็นแม้ไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
    ครอบคลุมสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร ยา และน้ำมัน
    ผู้มีส่วนร่วม ได้แก่ ผู้ออกบัตร, เครือข่ายบัตร, ผู้รับชำระเงิน, ผู้ค้าปลีก และ Riksbank
    มีการปรับปรุงกฎระเบียบและนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เช่น PIN ออฟไลน์ และ local cache
    Riksbank จะขยายการรองรับไปยังช่องทางอื่นหลังปี 2026 เช่น e-wallet และ mobile payments
    ผู้ว่าการธนาคารกลางชื่นชมความร่วมมือของภาคเอกชนแม้ไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ระบบออฟไลน์สามารถใช้เทคโนโลยี EMV ที่ตั้งค่าข้อมูลล่วงหน้าในบัตร
    บัตรบางประเภทสามารถเก็บยอดเงินล่วงหน้าเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน
    ประเทศอื่น เช่น เนเธอร์แลนด์ และสิงคโปร์ กำลังทดลองระบบจ่ายเงินออฟไลน์ในระดับเมือง
    การจ่ายเงินแบบออฟไลน์ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีไซเบอร์หรือการล่มของระบบคลาวด์
    การเตรียมความพร้อมด้านการเงินถือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติในยุโรป

    คำเตือนและข้อจำกัด
    ระบบออฟไลน์อาจมีข้อจำกัดด้านจำนวนธุรกรรมต่อวันหรือยอดเงินสูงสุด
    หากไม่มีการอัปเดตข้อมูลบัตรอย่างสม่ำเสมอ อาจเกิดปัญหาในการตรวจสอบยอดเงิน
    การใช้ระบบออฟไลน์ต้องมีการฝึกอบรมพนักงานร้านค้าและการปรับระบบ POS
    ความปลอดภัยของข้อมูลในระบบออฟไลน์อาจต่ำกว่าระบบออนไลน์ หากไม่มีการเข้ารหัสที่ดี
    การพึ่งพาบัตรมากเกินไปอาจทำให้กลุ่มที่ไม่มีบัตรหรือไม่ใช้ดิจิทัลถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

    https://www.riksbank.se/en-gb/press-and-published/notices-and-press-releases/press-releases/2025/offline-card-payments-should-be-possible-no-later-than-1-july-2026/
    💳 “สวีเดนเตรียมเปิดใช้ระบบจ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์ภายในปี 2026 — รับมือวิกฤตดิจิทัลด้วยความพร้อมระดับชาติ” ในประเทศที่แทบจะไร้เงินสดอย่างสวีเดน การพึ่งพาระบบดิจิทัลในการชำระเงินกลายเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น ระบบอินเทอร์เน็ตล่มหรือการโจมตีไซเบอร์ ความสามารถในการจ่ายเงินอาจกลายเป็นปัญหาระดับชาติ ล่าสุดธนาคารกลางสวีเดน (Riksbank) ได้ประกาศความร่วมมือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในตลาดการชำระเงิน เพื่อผลักดันให้ระบบ “จ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์” ใช้งานได้จริงภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2026 ระบบนี้จะช่วยให้ประชาชนสามารถใช้บัตรเดบิตหรือเครดิตในการซื้อสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร ยา และน้ำมัน แม้ในกรณีที่ระบบสื่อสารข้อมูลล่ม โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมความมั่นคงของระบบการเงินและความพร้อมรับมือภัยพิบัติ การดำเนินงานนี้ครอบคลุมทั้งผู้ออกบัตร, เครือข่ายบัตร, ผู้รับชำระเงิน, ผู้ค้าปลีก และ Riksbank โดยจะมีการปรับปรุงกฎระเบียบและนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เช่น การตั้งค่าข้อมูลล่วงหน้าในบัตร, การใช้ PIN แบบออฟไลน์ และการตรวจสอบยอดเงินแบบ local cache ผู้ว่าการธนาคารกลาง Erik Thedéen กล่าวว่าการที่หลายฝ่ายร่วมมือกันแม้ไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับโดยตรง ถือเป็นสัญญาณบวกของความรับผิดชอบร่วมกันเพื่อความมั่นคงของประเทศ และหลังจากวันที่ 1 กรกฎาคม 2026 Riksbank จะขยายการรองรับไปยังช่องทางการชำระเงินอื่น ๆ เช่น e-wallet และ mobile payments ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Riksbank ประกาศให้ระบบจ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์ใช้งานได้ภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2026 ➡️ ระบบนี้ช่วยให้ประชาชนสามารถซื้อสินค้าจำเป็นแม้ไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ➡️ ครอบคลุมสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร ยา และน้ำมัน ➡️ ผู้มีส่วนร่วม ได้แก่ ผู้ออกบัตร, เครือข่ายบัตร, ผู้รับชำระเงิน, ผู้ค้าปลีก และ Riksbank ➡️ มีการปรับปรุงกฎระเบียบและนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เช่น PIN ออฟไลน์ และ local cache ➡️ Riksbank จะขยายการรองรับไปยังช่องทางอื่นหลังปี 2026 เช่น e-wallet และ mobile payments ➡️ ผู้ว่าการธนาคารกลางชื่นชมความร่วมมือของภาคเอกชนแม้ไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ระบบออฟไลน์สามารถใช้เทคโนโลยี EMV ที่ตั้งค่าข้อมูลล่วงหน้าในบัตร ➡️ บัตรบางประเภทสามารถเก็บยอดเงินล่วงหน้าเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน ➡️ ประเทศอื่น เช่น เนเธอร์แลนด์ และสิงคโปร์ กำลังทดลองระบบจ่ายเงินออฟไลน์ในระดับเมือง ➡️ การจ่ายเงินแบบออฟไลน์ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีไซเบอร์หรือการล่มของระบบคลาวด์ ➡️ การเตรียมความพร้อมด้านการเงินถือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติในยุโรป ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ ระบบออฟไลน์อาจมีข้อจำกัดด้านจำนวนธุรกรรมต่อวันหรือยอดเงินสูงสุด ⛔ หากไม่มีการอัปเดตข้อมูลบัตรอย่างสม่ำเสมอ อาจเกิดปัญหาในการตรวจสอบยอดเงิน ⛔ การใช้ระบบออฟไลน์ต้องมีการฝึกอบรมพนักงานร้านค้าและการปรับระบบ POS ⛔ ความปลอดภัยของข้อมูลในระบบออฟไลน์อาจต่ำกว่าระบบออนไลน์ หากไม่มีการเข้ารหัสที่ดี ⛔ การพึ่งพาบัตรมากเกินไปอาจทำให้กลุ่มที่ไม่มีบัตรหรือไม่ใช้ดิจิทัลถูกทิ้งไว้ข้างหลัง https://www.riksbank.se/en-gb/press-and-published/notices-and-press-releases/press-releases/2025/offline-card-payments-should-be-possible-no-later-than-1-july-2026/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • “IBM เปิดตัว Granite 4.0 — โมเดล AI ไฮบริดที่เล็กแต่แรง ท้าชนคู่แข่งที่ใหญ่กว่าถึง 12 เท่า”

    IBM เดินหน้าสร้างจุดยืนในโลก AI ด้วยการเปิดตัว Granite 4.0 โมเดลภาษาแบบโอเพ่นซอร์สที่ออกแบบมาเพื่อองค์กรโดยเฉพาะ จุดเด่นของ Granite 4.0 คือสถาปัตยกรรมแบบ “ไฮบริด” ที่ผสมผสานระหว่าง Mamba-2 และ Transformer ในอัตราส่วน 90:10 เพื่อให้ได้ทั้งความเร็วและความแม่นยำ โดยลดการใช้ RAM ได้มากกว่า 70% เมื่อเทียบกับโมเดลทั่วไป

    Mamba-2 เป็นโมเดลแบบ state-space ที่ประมวลผลข้อมูลแบบเชิงเส้น ทำให้เหมาะกับงานที่มีบริบทยาว เช่น เอกสารหรือโค้ดขนาดใหญ่ ขณะที่ Transformer ยังคงทำหน้าที่ในส่วนที่ต้องการความละเอียดของบริบท เช่น การตอบคำถามหรือการสื่อสารแบบละเอียด

    Granite 4.0 เปิดตัวพร้อมกันหลายขนาด ได้แก่ Micro, Tiny และ Small โดยรุ่น Small เหมาะกับงานระดับองค์กร เช่น ระบบตอบกลับอัตโนมัติหรือ multi-agent workflows ส่วนรุ่น Micro และ Tiny เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็ว เช่น edge computing และแอปพลิเคชันที่มี latency ต่ำ

    ผลการทดสอบบน IFEval พบว่า Granite 4.0-H-Small ได้คะแนน 0.89 ซึ่งสูงกว่าทุกโมเดลโอเพ่นเวต ยกเว้น Llama 4 Maverick ที่มีขนาดใหญ่กว่าถึง 12 เท่า IBM ยังร่วมมือกับ EY และ Lockheed Martin ในการทดสอบใช้งานจริง เพื่อปรับปรุงโมเดลให้เหมาะกับงานระดับองค์กร

    โมเดลทั้งหมดเปิดให้ใช้งานผ่านหลายแพลตฟอร์ม เช่น watsonx.ai, Hugging Face, Docker Hub, NVIDIA NIM, Replicate และ Dell Technologies โดยมีแผนจะขยายไปยัง Amazon SageMaker และ Microsoft Azure ในอนาคต

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    IBM เปิดตัว Granite 4.0 โมเดลภาษาแบบโอเพ่นซอร์สภายใต้ Apache 2.0 License
    ใช้สถาปัตยกรรมไฮบริดระหว่าง Mamba-2 และ Transformer ในอัตราส่วน 90:10
    ลดการใช้ RAM ได้มากกว่า 70% เมื่อเทียบกับโมเดลทั่วไป
    Granite 4.0-H-Small ได้คะแนน 0.89 บน IFEval สูงกว่าทุกโมเดลโอเพ่นเวต ยกเว้น Llama 4 Maverick
    เปิดตัวหลายขนาด ได้แก่ Micro, Tiny และ Small พร้อมรุ่น Instruct
    รุ่น Small เหมาะกับงานระดับองค์กร เช่น multi-tool agents และ customer support
    รุ่น Micro และ Tiny เหมาะกับ edge devices และงานที่ต้องการ latency ต่ำ
    เปิดให้ใช้งานผ่าน watsonx.ai, Hugging Face, Docker Hub, NVIDIA NIM ฯลฯ
    IBM ร่วมมือกับ EY และ Lockheed Martin ในการทดสอบใช้งานจริง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Mamba-2 เป็นโมเดลแบบ state-space ที่ใช้หน่วยความจำคงที่ ไม่เพิ่มตามความยาวบริบท
    Transformer มีจุดแข็งด้าน self-attention แต่ใช้ RAM สูงเมื่อบริบทยาว
    การผสม Mamba กับ Transformer ช่วยลดต้นทุนฮาร์ดแวร์และเพิ่มความเร็วในการ inference
    Granite 4.0 ได้รับการรับรอง ISO 42001 และมีการเซ็นดิจิทัลเพื่อความโปร่งใส
    โมเดลถูกฝึกด้วยข้อมูลกว่า 22 ล้านล้าน token และรองรับ sequence ยาวถึง 512K token

    https://news.itsfoss.com/ibm-unveils-granite-4/
    🧠 “IBM เปิดตัว Granite 4.0 — โมเดล AI ไฮบริดที่เล็กแต่แรง ท้าชนคู่แข่งที่ใหญ่กว่าถึง 12 เท่า” IBM เดินหน้าสร้างจุดยืนในโลก AI ด้วยการเปิดตัว Granite 4.0 โมเดลภาษาแบบโอเพ่นซอร์สที่ออกแบบมาเพื่อองค์กรโดยเฉพาะ จุดเด่นของ Granite 4.0 คือสถาปัตยกรรมแบบ “ไฮบริด” ที่ผสมผสานระหว่าง Mamba-2 และ Transformer ในอัตราส่วน 90:10 เพื่อให้ได้ทั้งความเร็วและความแม่นยำ โดยลดการใช้ RAM ได้มากกว่า 70% เมื่อเทียบกับโมเดลทั่วไป Mamba-2 เป็นโมเดลแบบ state-space ที่ประมวลผลข้อมูลแบบเชิงเส้น ทำให้เหมาะกับงานที่มีบริบทยาว เช่น เอกสารหรือโค้ดขนาดใหญ่ ขณะที่ Transformer ยังคงทำหน้าที่ในส่วนที่ต้องการความละเอียดของบริบท เช่น การตอบคำถามหรือการสื่อสารแบบละเอียด Granite 4.0 เปิดตัวพร้อมกันหลายขนาด ได้แก่ Micro, Tiny และ Small โดยรุ่น Small เหมาะกับงานระดับองค์กร เช่น ระบบตอบกลับอัตโนมัติหรือ multi-agent workflows ส่วนรุ่น Micro และ Tiny เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็ว เช่น edge computing และแอปพลิเคชันที่มี latency ต่ำ ผลการทดสอบบน IFEval พบว่า Granite 4.0-H-Small ได้คะแนน 0.89 ซึ่งสูงกว่าทุกโมเดลโอเพ่นเวต ยกเว้น Llama 4 Maverick ที่มีขนาดใหญ่กว่าถึง 12 เท่า IBM ยังร่วมมือกับ EY และ Lockheed Martin ในการทดสอบใช้งานจริง เพื่อปรับปรุงโมเดลให้เหมาะกับงานระดับองค์กร โมเดลทั้งหมดเปิดให้ใช้งานผ่านหลายแพลตฟอร์ม เช่น watsonx.ai, Hugging Face, Docker Hub, NVIDIA NIM, Replicate และ Dell Technologies โดยมีแผนจะขยายไปยัง Amazon SageMaker และ Microsoft Azure ในอนาคต ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ IBM เปิดตัว Granite 4.0 โมเดลภาษาแบบโอเพ่นซอร์สภายใต้ Apache 2.0 License ➡️ ใช้สถาปัตยกรรมไฮบริดระหว่าง Mamba-2 และ Transformer ในอัตราส่วน 90:10 ➡️ ลดการใช้ RAM ได้มากกว่า 70% เมื่อเทียบกับโมเดลทั่วไป ➡️ Granite 4.0-H-Small ได้คะแนน 0.89 บน IFEval สูงกว่าทุกโมเดลโอเพ่นเวต ยกเว้น Llama 4 Maverick ➡️ เปิดตัวหลายขนาด ได้แก่ Micro, Tiny และ Small พร้อมรุ่น Instruct ➡️ รุ่น Small เหมาะกับงานระดับองค์กร เช่น multi-tool agents และ customer support ➡️ รุ่น Micro และ Tiny เหมาะกับ edge devices และงานที่ต้องการ latency ต่ำ ➡️ เปิดให้ใช้งานผ่าน watsonx.ai, Hugging Face, Docker Hub, NVIDIA NIM ฯลฯ ➡️ IBM ร่วมมือกับ EY และ Lockheed Martin ในการทดสอบใช้งานจริง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Mamba-2 เป็นโมเดลแบบ state-space ที่ใช้หน่วยความจำคงที่ ไม่เพิ่มตามความยาวบริบท ➡️ Transformer มีจุดแข็งด้าน self-attention แต่ใช้ RAM สูงเมื่อบริบทยาว ➡️ การผสม Mamba กับ Transformer ช่วยลดต้นทุนฮาร์ดแวร์และเพิ่มความเร็วในการ inference ➡️ Granite 4.0 ได้รับการรับรอง ISO 42001 และมีการเซ็นดิจิทัลเพื่อความโปร่งใส ➡️ โมเดลถูกฝึกด้วยข้อมูลกว่า 22 ล้านล้าน token และรองรับ sequence ยาวถึง 512K token https://news.itsfoss.com/ibm-unveils-granite-4/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • แบงค์ชาติมีทั้งจังหวะฝ่ายดีบริหารจัดการ,มีทั้งฝ่ายไม่ดีอำนวยประโยชน์ให้แบงค์เอกชน,แต่สุดท้ายเอาเข้าจริงๆแบงค์ชาติคือจุดเปลี่ยนทั้งหมดของเศรษฐกิจไทย ,จุดเปลี่ยนทั้งหมดที่จะทำให้คนไทยร่ำรวยหรือยากจนเพราะดูแลเรื่องเงินเรื่องตังของจริง,ธุรกรรมชั่วเลวใดที่เข้าไทย จะออกจากไทย แบงค์ชาติสั่งอายัดและตรวจสอบก่อนได้ทั้งหมด ยกเว้นกรณีพวกมาเหนือกฎหมาย ใช้อำนาจเหนือกฎหมายกระทำการผ่านช่องทางออกอื่นๆ เช่นหลบหนีการตรวจสอบจากตม.ไทยได้ ขนเงินขนทองคำออกนอกประเทศผ่านเครื่องบิน บินไปฝากไปฟอกตังที่สิงคโปร์เป็นต้น หรือทั่วประเทศ โดยอาศัยชนชั้นศักดินาอำมาตย์พิเศษตน เจ้าสัวพิเศษตน ผู้ดีเก่าตน เจ้าขุนมูลนายเก่าตน มันผ่านระบบตรวจสอบได้แน่นอนจากแบงค์ชาติ แม้แต่เกาะฟอกเงินต่างประเทศแบงค์ชาติไม่รู้ไม่เชื่อมโยงระบบก็อาจเป็นไปไม่ได้,เกาะฟอกเงินอาจโอนเข้าไทยผ่านแบงค์ชาตินี้ล่ะ,เอกชนไทยและเอกชนแบงค์ต่างประเทศใดรับโอนมาแบงค์ชาติก็เห็นหมดล่ะ สั่งยึดอายัดได้หมด,แต่ความจริงเนื้องานไส้ในเราก็ไม่รู้ได้นั้นเอง.
    ..เงินทุนมากมายมาโจมตีไทย เข้าไทย ออกจากไทย ดูดจากไทย แบงค์ชาติรู้ภาพรวมยอดรวมต้นทางปลายทางหมดล่ะ,อำนาจทางการเงินของแบงค์ชาตินั้นเด็ดขาดได้,แต่จะเด็ดขาดกับอีลิทdeep stateนายตนเองคงยาก.
    ..แบงค์ชาติสามารถช่วยประชาชนคนไทยอยู่ดีมีสุขทางการเงินที่ใช้เงินจับจ่ายใช้สอยจริงได้ สามารถสร้างกลไกกองทุนหมู่บ้านที่มีประสิทธิภาพเสมือนสถาบันการเงินประจำหมู่บ้านนั้นๆได้ ตังจะหมุนเวียนในชุมชนแบงค์ชาติก็กำหนดเงื่อนไขกติกาได้,เชื่อมโยงระบบการตลาดกับแหล่งตลาดชุมชนแบบกองทุนร้านค้าชุมชนในหมู่บ้านได้,ประสานรัฐบาลได้ มิให้แบงค์เอกชนมายุ่งเกี่ยวเป็นอิสระได้,สังกัดทางตรงกับแบงค์ชาติได้,ฟรีดอกเบี้ยแก่ประชาชนในหมู่บ้านก็ได้อีก สร้างกฎกติกาเงื่อนไขพิเศษช่วยชุมชนได้ หรือง่ายๆ เอากำไรที่ได้จากทองคำ มาแบ่งช่วยหมู่บ้านชุมชนให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนแบบพิเศษฟรีดอกเบี้ยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ สามารถใช้จ่ายผ่านกองทุนร้านค้าหมู่บ้านตนเท่านั้นหากมีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐเกิดขึ้น เช่นคนละครึ่งแบบนี้ ใช้จ่ายได้แค่ในตลาดชุมชน ในร้านค้ากองทุนหมู่บ้านที่ลงทะเบียนกับทางรัฐบาล ตังจะหมุนเวียนในประเทศในชุมชนทันที,ไม่มีตลาดกองทุนชุมชนก็ก่อตั้งขึ้นโดยผู้นำหมู่บ้านตำบลอำ้ภอจังหวัดสิ,ใช้เป็นตลาดกระจายสินค้าก็ได้ ตลาดแบบตลาดเทศบาลนั้นล่ะแต่ปลอดภาษี,ประชาชนสามารถเอาสินค้าตนเองทางการเกษตรมาขายอิสระเสรีได้ มีแหล่งตลาดเป็นของตนเองจริง ตลาดระดับชุมชนขนาดอำเภอ จังหวัดก็ว่าไป สร้างระบบบริการจัดการแบบตลาดเทศบาลอำเภอเมืองไป,เกษตรมีแบงค์ชาติปล่อยเงินกู้หมู่บ้านละ1ล้านบาทก่อนเพื่อเป็นปฐมชัยมี80,000หมู่บ้านชุมชนก็80,000ล้านบาท ประชาชนมากู้คนละ10,000บาทแค่นั้นก่อน,ปลูกผักสวนครัวได้,ฟรีดอกเบี้ย ชำระเงินต้นในสองปีข้างหน้า,ก็ช่วยชาวบ้านได้100คนเลยนะไม่น้อยเลย,คืนแค่เงินต้น,บางคนทำขนมเอาไปขายในตลาดชุมชนตน ปลูกพืชผักสวนครัว สัมมาอาชีพสาระพัด มาแลกเปลี่ยนค้าขายในตลาดชุมชนตน,รวมกลุ่มส่งออกได้อีก,เช่นคนละ10,000รวมกลุ่มใหญ่ ปลูกนั้นนี้ ส่งออกได้กำไรมาอาจเกินล้านบาท,เช่นกัญชาเสรี,อาจไม่ต่ำกว่า10ล้านบาทต่อรอบการผลิตแบบไทบ้าน,ฝิ่นเสรีขายให้โรงพยาบาลสกัดยาแก้ปวดเองเป็นต้น555,คือมีสาระพัดวิธีทำให้ประชาชนยืนด้วยขาตนเองได้ไม่เอาเปรียบสถานะชิงฐานะร่ำรวยของประชาชนไปแบบยกสัมปทานบ่อปิโตรเลียมทั่วประเทศทั้งบนบกและในทะเลสองฝั่งให้ต่างชาติ,เราทำเอง ขายน้ำมันราคาลิตร1-2บาทแบบอิหร่านนะ,วิกฤติเศรษฐกิจในปัจจุบันที่เรากำลังเจออยู่จะเป็นเรื่องขี้หมาทันที,ปากก็บอกชาติบ้านเมืองพบเจอวิกฤติเศรษฐกิจนะ วิกฤตินี้อันตรายมากพะนะ กระทบไทยแล้วมันมาจากยุโรปทางการเงินที่ล้มสลาย มุกจะก่อสงครามตัวแทนสู่สงครามโลกอีก.
    ..รัฐบาลชุดปัจจุบันสั่งกิจการในไทยทั้งหมดลดราคาน้ำมันลงเหลือลิตรละ10บาททุกๆชนิดดูสิ มีผลในพรุ่งนี้,เพราะต้นทุนผลิตจริงๆไม่กี่บาท,เช่นนั้นจะยกเลิกสัมปทานทั้งหมดจะเอกชนไทยหรือต่างประเทศเพราะไม่เคยนำเข้าสภาสส.สว.ไทยแม้แต่เคสสัมปทานเดียวและมันคือความมั่นคงทางอธิปไตยไทยด้านพลังงานชัดเจนด้วยที่ปล้นประเทศไทย,ยึดครองประเทศไทยผ่านmouสัญญาสัมปทานนี้นานกว่าเขมรยึด11จุดอีสานใต้อีก,ตั้งแต่ปี2522-23ไทยสมควรร่ำรวยนานแล้วโดยสามารถกระจายความร่ำรวยนี้แก่ภาคประชาชนคนไทยเราทุกๆคนไทยจนถึงปัจจุบัน,มันสามารถยกเลิกฝ่ายเดียวได้ทันทีเป็นเรื่องภายในอธิปไตยความมั่นคงภายในเราชัดเจนด้วย.,mouสัมปทานบ่อน้ำมัน นานกฯอนุทินยกเลิกทั้งหมดได้เพราะไม่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรเรา,สส.สว.เราเลย,เป็นmouสัญญาที่ทุจริตปล้นประเทศไทยด้านทรัพยากรชาติไทยผ่านกระบวนกฎหมายไทยที่ทุจริตไม่ซื่อสัตย์ซื่อตรงต่อประเทศตนเองโดยราชการไทยที่ไม่ซื่อสัตย์ดำเนินการเองให้เกิดขึ้น จะด้วยคณะครม.ชุดอดีตที่ผ่านมาก็ตามในรัฐบาลในอดีตรวมอธิบดีพลังงานต้นเรื่องด้วยที่ไม่เสนอเรื่องใหญ่โตระดับชาติภัยความมั่นคงทางด้านพลังงานที่เป็นกลไกที่แท้จริงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งระบบและกระทบทุกๆมิติด้วย แต่ข้าราชการเลวชั่วไม่สุจริตจึงก่อการวางแผนสร้างเงื่อนไขสัญญาเลวชั่วนี้ขึ้นให้เป็นภัยต่อแผ่นดินไทยตนจนถูกครอบงำผูกขาดการตลาดน้ำมันสิ้น,จึงต้องโมฆะทั้งหมดทันทีที่ชอบธรรม,นายกฯอนุทินเซ็นต์อนุมัติสั่งการผ่านคณะครม.ได้ทันที,มีผลอย่างเป็นทางการในสิ้นเดือนตุลา.68นี้ก็ได้ให้อีกฝ่ายเก็บของออกจากประเทศไทยไป,อย่าหยาบจึงใช้กำลังผลักดันขับไล่ออกนอกประเทศไทยไป,นี้คือแผ่นดินไทย คืออธิปไตยไทย ต่างชาติจะมาปล้นทรัพยากรไทยไม่ใช่ทำง่ายๆแบบอดีตอีกแล้ว มันคือการปลดแอกปลดปล่อยและกอบกู้ประเทศไทยที่แท้จริง,เรื่องเขมรฮุนเซนเป็นเรื่องขี้หมาปลีกย่อย เพราะไอ้สารเลวห่านี้ก็อยากได้บ่อน้ำมันในอ่าวไทยเราอันเดียวกัน บ่อทองคำด้วย,จึงตีมูลค่ากว่า20ล้านล้านบาทได้สบายมิใช่10ล้านล้านหรอก เผลอๆ100ล้านล้านบาทเลยเพราะคือส่วนหัวบ่อใหญ่เลย.

    https://youtube.com/shorts/MPch22srWUg?si=Z3hLWLwQ9iyzg1c3
    แบงค์ชาติมีทั้งจังหวะฝ่ายดีบริหารจัดการ,มีทั้งฝ่ายไม่ดีอำนวยประโยชน์ให้แบงค์เอกชน,แต่สุดท้ายเอาเข้าจริงๆแบงค์ชาติคือจุดเปลี่ยนทั้งหมดของเศรษฐกิจไทย ,จุดเปลี่ยนทั้งหมดที่จะทำให้คนไทยร่ำรวยหรือยากจนเพราะดูแลเรื่องเงินเรื่องตังของจริง,ธุรกรรมชั่วเลวใดที่เข้าไทย จะออกจากไทย แบงค์ชาติสั่งอายัดและตรวจสอบก่อนได้ทั้งหมด ยกเว้นกรณีพวกมาเหนือกฎหมาย ใช้อำนาจเหนือกฎหมายกระทำการผ่านช่องทางออกอื่นๆ เช่นหลบหนีการตรวจสอบจากตม.ไทยได้ ขนเงินขนทองคำออกนอกประเทศผ่านเครื่องบิน บินไปฝากไปฟอกตังที่สิงคโปร์เป็นต้น หรือทั่วประเทศ โดยอาศัยชนชั้นศักดินาอำมาตย์พิเศษตน เจ้าสัวพิเศษตน ผู้ดีเก่าตน เจ้าขุนมูลนายเก่าตน มันผ่านระบบตรวจสอบได้แน่นอนจากแบงค์ชาติ แม้แต่เกาะฟอกเงินต่างประเทศแบงค์ชาติไม่รู้ไม่เชื่อมโยงระบบก็อาจเป็นไปไม่ได้,เกาะฟอกเงินอาจโอนเข้าไทยผ่านแบงค์ชาตินี้ล่ะ,เอกชนไทยและเอกชนแบงค์ต่างประเทศใดรับโอนมาแบงค์ชาติก็เห็นหมดล่ะ สั่งยึดอายัดได้หมด,แต่ความจริงเนื้องานไส้ในเราก็ไม่รู้ได้นั้นเอง. ..เงินทุนมากมายมาโจมตีไทย เข้าไทย ออกจากไทย ดูดจากไทย แบงค์ชาติรู้ภาพรวมยอดรวมต้นทางปลายทางหมดล่ะ,อำนาจทางการเงินของแบงค์ชาตินั้นเด็ดขาดได้,แต่จะเด็ดขาดกับอีลิทdeep stateนายตนเองคงยาก. ..แบงค์ชาติสามารถช่วยประชาชนคนไทยอยู่ดีมีสุขทางการเงินที่ใช้เงินจับจ่ายใช้สอยจริงได้ สามารถสร้างกลไกกองทุนหมู่บ้านที่มีประสิทธิภาพเสมือนสถาบันการเงินประจำหมู่บ้านนั้นๆได้ ตังจะหมุนเวียนในชุมชนแบงค์ชาติก็กำหนดเงื่อนไขกติกาได้,เชื่อมโยงระบบการตลาดกับแหล่งตลาดชุมชนแบบกองทุนร้านค้าชุมชนในหมู่บ้านได้,ประสานรัฐบาลได้ มิให้แบงค์เอกชนมายุ่งเกี่ยวเป็นอิสระได้,สังกัดทางตรงกับแบงค์ชาติได้,ฟรีดอกเบี้ยแก่ประชาชนในหมู่บ้านก็ได้อีก สร้างกฎกติกาเงื่อนไขพิเศษช่วยชุมชนได้ หรือง่ายๆ เอากำไรที่ได้จากทองคำ มาแบ่งช่วยหมู่บ้านชุมชนให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนแบบพิเศษฟรีดอกเบี้ยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ สามารถใช้จ่ายผ่านกองทุนร้านค้าหมู่บ้านตนเท่านั้นหากมีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐเกิดขึ้น เช่นคนละครึ่งแบบนี้ ใช้จ่ายได้แค่ในตลาดชุมชน ในร้านค้ากองทุนหมู่บ้านที่ลงทะเบียนกับทางรัฐบาล ตังจะหมุนเวียนในประเทศในชุมชนทันที,ไม่มีตลาดกองทุนชุมชนก็ก่อตั้งขึ้นโดยผู้นำหมู่บ้านตำบลอำ้ภอจังหวัดสิ,ใช้เป็นตลาดกระจายสินค้าก็ได้ ตลาดแบบตลาดเทศบาลนั้นล่ะแต่ปลอดภาษี,ประชาชนสามารถเอาสินค้าตนเองทางการเกษตรมาขายอิสระเสรีได้ มีแหล่งตลาดเป็นของตนเองจริง ตลาดระดับชุมชนขนาดอำเภอ จังหวัดก็ว่าไป สร้างระบบบริการจัดการแบบตลาดเทศบาลอำเภอเมืองไป,เกษตรมีแบงค์ชาติปล่อยเงินกู้หมู่บ้านละ1ล้านบาทก่อนเพื่อเป็นปฐมชัยมี80,000หมู่บ้านชุมชนก็80,000ล้านบาท ประชาชนมากู้คนละ10,000บาทแค่นั้นก่อน,ปลูกผักสวนครัวได้,ฟรีดอกเบี้ย ชำระเงินต้นในสองปีข้างหน้า,ก็ช่วยชาวบ้านได้100คนเลยนะไม่น้อยเลย,คืนแค่เงินต้น,บางคนทำขนมเอาไปขายในตลาดชุมชนตน ปลูกพืชผักสวนครัว สัมมาอาชีพสาระพัด มาแลกเปลี่ยนค้าขายในตลาดชุมชนตน,รวมกลุ่มส่งออกได้อีก,เช่นคนละ10,000รวมกลุ่มใหญ่ ปลูกนั้นนี้ ส่งออกได้กำไรมาอาจเกินล้านบาท,เช่นกัญชาเสรี,อาจไม่ต่ำกว่า10ล้านบาทต่อรอบการผลิตแบบไทบ้าน,ฝิ่นเสรีขายให้โรงพยาบาลสกัดยาแก้ปวดเองเป็นต้น555,คือมีสาระพัดวิธีทำให้ประชาชนยืนด้วยขาตนเองได้ไม่เอาเปรียบสถานะชิงฐานะร่ำรวยของประชาชนไปแบบยกสัมปทานบ่อปิโตรเลียมทั่วประเทศทั้งบนบกและในทะเลสองฝั่งให้ต่างชาติ,เราทำเอง ขายน้ำมันราคาลิตร1-2บาทแบบอิหร่านนะ,วิกฤติเศรษฐกิจในปัจจุบันที่เรากำลังเจออยู่จะเป็นเรื่องขี้หมาทันที,ปากก็บอกชาติบ้านเมืองพบเจอวิกฤติเศรษฐกิจนะ วิกฤตินี้อันตรายมากพะนะ กระทบไทยแล้วมันมาจากยุโรปทางการเงินที่ล้มสลาย มุกจะก่อสงครามตัวแทนสู่สงครามโลกอีก. ..รัฐบาลชุดปัจจุบันสั่งกิจการในไทยทั้งหมดลดราคาน้ำมันลงเหลือลิตรละ10บาททุกๆชนิดดูสิ มีผลในพรุ่งนี้,เพราะต้นทุนผลิตจริงๆไม่กี่บาท,เช่นนั้นจะยกเลิกสัมปทานทั้งหมดจะเอกชนไทยหรือต่างประเทศเพราะไม่เคยนำเข้าสภาสส.สว.ไทยแม้แต่เคสสัมปทานเดียวและมันคือความมั่นคงทางอธิปไตยไทยด้านพลังงานชัดเจนด้วยที่ปล้นประเทศไทย,ยึดครองประเทศไทยผ่านmouสัญญาสัมปทานนี้นานกว่าเขมรยึด11จุดอีสานใต้อีก,ตั้งแต่ปี2522-23ไทยสมควรร่ำรวยนานแล้วโดยสามารถกระจายความร่ำรวยนี้แก่ภาคประชาชนคนไทยเราทุกๆคนไทยจนถึงปัจจุบัน,มันสามารถยกเลิกฝ่ายเดียวได้ทันทีเป็นเรื่องภายในอธิปไตยความมั่นคงภายในเราชัดเจนด้วย.,mouสัมปทานบ่อน้ำมัน นานกฯอนุทินยกเลิกทั้งหมดได้เพราะไม่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรเรา,สส.สว.เราเลย,เป็นmouสัญญาที่ทุจริตปล้นประเทศไทยด้านทรัพยากรชาติไทยผ่านกระบวนกฎหมายไทยที่ทุจริตไม่ซื่อสัตย์ซื่อตรงต่อประเทศตนเองโดยราชการไทยที่ไม่ซื่อสัตย์ดำเนินการเองให้เกิดขึ้น จะด้วยคณะครม.ชุดอดีตที่ผ่านมาก็ตามในรัฐบาลในอดีตรวมอธิบดีพลังงานต้นเรื่องด้วยที่ไม่เสนอเรื่องใหญ่โตระดับชาติภัยความมั่นคงทางด้านพลังงานที่เป็นกลไกที่แท้จริงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งระบบและกระทบทุกๆมิติด้วย แต่ข้าราชการเลวชั่วไม่สุจริตจึงก่อการวางแผนสร้างเงื่อนไขสัญญาเลวชั่วนี้ขึ้นให้เป็นภัยต่อแผ่นดินไทยตนจนถูกครอบงำผูกขาดการตลาดน้ำมันสิ้น,จึงต้องโมฆะทั้งหมดทันทีที่ชอบธรรม,นายกฯอนุทินเซ็นต์อนุมัติสั่งการผ่านคณะครม.ได้ทันที,มีผลอย่างเป็นทางการในสิ้นเดือนตุลา.68นี้ก็ได้ให้อีกฝ่ายเก็บของออกจากประเทศไทยไป,อย่าหยาบจึงใช้กำลังผลักดันขับไล่ออกนอกประเทศไทยไป,นี้คือแผ่นดินไทย คืออธิปไตยไทย ต่างชาติจะมาปล้นทรัพยากรไทยไม่ใช่ทำง่ายๆแบบอดีตอีกแล้ว มันคือการปลดแอกปลดปล่อยและกอบกู้ประเทศไทยที่แท้จริง,เรื่องเขมรฮุนเซนเป็นเรื่องขี้หมาปลีกย่อย เพราะไอ้สารเลวห่านี้ก็อยากได้บ่อน้ำมันในอ่าวไทยเราอันเดียวกัน บ่อทองคำด้วย,จึงตีมูลค่ากว่า20ล้านล้านบาทได้สบายมิใช่10ล้านล้านหรอก เผลอๆ100ล้านล้านบาทเลยเพราะคือส่วนหัวบ่อใหญ่เลย. https://youtube.com/shorts/MPch22srWUg?si=Z3hLWLwQ9iyzg1c3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลวงปู่เทพโลกอุดรพิมพ์ยืนสมาธิ กรุวังหน้า
    หลวงปู่เทพโลกอุดร พิมพ์ยืนสมาธิ เนื้อผงพุทธคุณสีแดง (ผิวสะอาด พระสวยมาก)​ กรุวังหน้า //อธิษฐาน​จิตโดยหลวงปู่เทพ​โลก​อุดร​ //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ //

    ** พุทธคุณเมตตามหานิยม ค้าขายร่ำรวย ค้าขายดี เลื่อนยศ มหาเสน่ห์ โชคลาภ และแคล้วคลาดปลอดภัย คงกระพันชาตรีและป้องกันคุณไสยและภูตผีปีศาจ เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >>

    ** หลวงปู่​เทพ​โลก​อุดร พิมพ์​ยืนสมาธิ​ กรุวังหน้า สร้างโดยโดยกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ มีพระบัณฑูรให้สร้างขึ้น โดยช่างสิบหมู่แห่งวังหน้าเป็นผู้สร้าง และนำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดบวรสถานสุทธาวาส (พระอุโบสถประจำวังหน้า) มีการอาราธนาคณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร และ หรือ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี และ หรือ กลุ่มหลวงปู่องค์อภิญญาใหญ่ (เช่น หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน , หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า , หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร , หลวงปู่กรมพระยาปวเรศ เป็นต้น) อธิษฐานจิต ระหว่างปี พ.ศ.2400- 2428 เป็นพระพิมพ์ที่งดงามด้วยพุทธศิลป์ โดยช่างหลวงในยุคสมัยนั้นได้สรรสร้างงานชั้นดี ด้วยจินตนาการล้ำเลิศ ทั้งมีผู้ทรงภูมิธรรมสูงส่ง ได้อธิษฐานจิต ปลุกเสก ไว้สืบอายุพระพุทธศาสนา จึงเป็นมรดกทางพระพุทธศาสนาบนแผ่นดินสยาม ควรค่าแก่การอนุรักษ์และรักษาไว้ให้ลูกหลานตราบนานเท่านาน >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    โทรศัพท์ 0881915131
    LINE 0881915131
    หลวงปู่เทพโลกอุดรพิมพ์ยืนสมาธิ กรุวังหน้า หลวงปู่เทพโลกอุดร พิมพ์ยืนสมาธิ เนื้อผงพุทธคุณสีแดง (ผิวสะอาด พระสวยมาก)​ กรุวังหน้า //อธิษฐาน​จิตโดยหลวงปู่เทพ​โลก​อุดร​ //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ // ** พุทธคุณเมตตามหานิยม ค้าขายร่ำรวย ค้าขายดี เลื่อนยศ มหาเสน่ห์ โชคลาภ และแคล้วคลาดปลอดภัย คงกระพันชาตรีและป้องกันคุณไสยและภูตผีปีศาจ เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >> ** หลวงปู่​เทพ​โลก​อุดร พิมพ์​ยืนสมาธิ​ กรุวังหน้า สร้างโดยโดยกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ มีพระบัณฑูรให้สร้างขึ้น โดยช่างสิบหมู่แห่งวังหน้าเป็นผู้สร้าง และนำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดบวรสถานสุทธาวาส (พระอุโบสถประจำวังหน้า) มีการอาราธนาคณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร และ หรือ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี และ หรือ กลุ่มหลวงปู่องค์อภิญญาใหญ่ (เช่น หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน , หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า , หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร , หลวงปู่กรมพระยาปวเรศ เป็นต้น) อธิษฐานจิต ระหว่างปี พ.ศ.2400- 2428 เป็นพระพิมพ์ที่งดงามด้วยพุทธศิลป์ โดยช่างหลวงในยุคสมัยนั้นได้สรรสร้างงานชั้นดี ด้วยจินตนาการล้ำเลิศ ทั้งมีผู้ทรงภูมิธรรมสูงส่ง ได้อธิษฐานจิต ปลุกเสก ไว้สืบอายุพระพุทธศาสนา จึงเป็นมรดกทางพระพุทธศาสนาบนแผ่นดินสยาม ควรค่าแก่การอนุรักษ์และรักษาไว้ให้ลูกหลานตราบนานเท่านาน >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ โทรศัพท์ 0881915131 LINE 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 2 – อิรัก 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 2”
    อิรัก 2
ในที่สุดชาวอิรัก ก็ทนเห็นประเทศตัวเอง เป็นหุ่นเชิดของอังกฤษต่อไปอีกไม่ไหว จึงเริ่มบีบกษัตริย์ Faisal ให้เจรจากับอังกฤษ ลดอำนาจการปกครองอังกฤษในอิรักลงบ้าง อย่าให้มันออกหน้าออกตาขนาดนี้เลย การเจรจาใช้เวลาอยู่หลายปี ในที่สุด Anglo – Iraqi Treaty ก็คลอดในปี ค.ศ. 1930 Faisal ไม่ได้เป็นคนมาลงนามในสัญญานี้ ส่งใบลาป่วย อ้างว่าไส้ติ่งอักเสบกระทันหัน
    Treaty นี้ ก็ยังให้สิทธิพิเศษแก่คนอังกฤษ ที่เป็นตัวแทนรัฐบาลอังกฤษ และลูกจ้างรัฐบาลอังกฤษ ที่อังกฤษส่งมาทำงานในอิรักเหมือนเดิม ที่ดูเหมือนเปลี่ยนไป คือ ข้อตกลงนี้ระบุว่างานบริหารภายในประเทศ ให้เป็นความรับผิดชอบของกษัตริย์ Faisal ส่วนอังกฤษจะรับผิดชอบ ดูแลปกป้องอิรัก จากการจู่โจมภายนอก (แหม ! มันคลับคล้ายเหมือนสัญญาอะไรหนอ ที่สมันน้อยไปทำไว้กับใครเขาทำนองนี้ เมื่อ 60 กว่าปีก่อน)
    และเพื่อให้อังกฤษสามารถปกป้องอิรักได้เต็มที่ อิรักก็จะต้องให้อังกฤษเช่าสนามบิน โดยไม่คิดค่าเช่า สัญญานี้มีอายุ 25 ปี และจะมีผลต่อเมื่ออิรัก ได้เข้าไปเป็นสมาชิกของสันนิบาตชาติ League of Nations ในฐานะประเทศเอกราช
    อิรักขมักเขม้นทำการบ้าน โดยความหวังที่จะเป็นเอกราช ปลดแอกอังกฤษออกจากบ่า ค.ศ. 1932 สันนิบาตชาติ ซึ่งคุมโดยขาใหญ่ที่ชนะสงครามโลกครั้งที่ 1 (ก็อังกฤษกับฝรั่งเศสนั่นแหละ !) ก็รับอิรักเข้าเป็นสมาชิก คงใช้เวลานานหน่อยกว่าอิรักจะรู้ตัวว่า เขาแค่เปลี่ยนยี่ห้อหม้อต้มเหยื่อเท่านั้นเอง จะหม้อต้มยี่ห้อไหน ก็ผลิตมาจากโรงงานเดียวกัน
    แต่อิรักไม่ใช่ชาติที่จะยอม งอมืออยู่อย่างนั้น พวกเขาเดินหน้า หาทางหักกับอังกฤษต่อไป รัฐบาลอิรักพยายามแข็งข้อกับอังกฤษอยู่หลายรอบ ครั้งสำคัญคือ ค.ศ. 1941 สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มมาใกล้ตัว สภาอิรักลงมติไม่สนับสนุนอังกฤษ ในการประกาศสงครามกับเยอรมัน !
    อังกฤษเหมือนโดนตีแซกหน้า! ยกทัพเต็มอัตรามาเต็มเมืองอิรัก แล้วปลดรัฐบาลอิรักที่มาจากการ เลือกตั้ง เอานักการเมืองที่ฝักฝ่าย อังกฤษเข้ามาเป็นรัฐบาลแทน กษัตริย์ Faisal ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนอีก ตอนที่เซ็นสัญญา Anglo-Iraq : Treaty ก็ส่งใบลาป่วยว่าใส้ติ่งอักเสบส่งตัวแทนมา คราวนี้ไม่รู้อะไรอักเสบ
    หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบ ความสงบในอิรักยิ่งหายาก ชาวอิรักต้องการเป็นอิสระจากแอกของอังกฤษ พวกเขาผลัดเปลี่ยนกันต่อต้านและต่อสู้ แต่กำลังอาวุธมันต่างกัน และที่สำคัญหนอนบ่อนไส้ ที่เป็นชาวอิรัก ที่อังกฤษชุบเลี้ยงไว้ให้ทำงาน ยังมีอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญๆ
    แต่ในที่สุดราชวงศ์ Hashemite ที่น่าสงสาร ถูกหลอก ซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็ถูกโค่นในปี ค.ศ. 1958 อังกฤษปล่อยมือจากการชักหุ่น หุ่นไม่มีเชือกชัก ตกพลั่กลงพื้น กษัตริย์ และราชวงศ์ Hashemite ถูกจับติดคุก และถูกตัดสินประหารชีวิตในที่สุด โดยอังกฤษไม่ยื่นมือ ไม่เหลียวมามอง ได้แต่เก็บของ รีบกลับเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ของตนอย่างรีบด่วน อย่างเดียว
    แต่ฉากสุดท้ายนี้ มันน่าคิด อยู่ดี ๆ กษัตริย์ Hussein แห่งจอร์แดน ซึ่งเป็นญาติสนิทของ Faisal และเป็นหุ่นเชิดของอังกฤษเช่นเดียวกัน เกิดประสาทว่าพวกที่ลุกฮือ ไล่ฝรั่งตะวันตกที่เลบานอน จะเลยเถิดเข้ามาถึงจอร์แดนด้วย ขอแรงอิรักส่งกองทัพมาช่วยไล่หน่อยเถิด บรรดาทหารหาญของอิรัก จึงจัดแจงแต่งเครื่องแบบติดอาวุธกองทัพ มุ่งหน้าจะไปจอร์แดน
    แต่แล้วท่านนายพลคนหนึ่ง Colonel Abd as Salaam Arif ก็สั่งให้กองทัพเลี้ยวกลับมาสู่แบกแดด ส่องปืนใหญ่มาที่วังของ Hashemite เป็นการปฏิวัติของทหารอิรักชนิดไม่เสียเลือดเนื้อ ไม่มีผู้ต่อต้าน และไม่มีผู้รู้ตัว ขุนนางอิรัก Nuri as Said ที่เป็นขุนคอยพยักให้อังกฤษถูกจับก่อนเพื่อน ระหว่างที่พยายามจะหนี โดยปลอมตัวเป็นผู้หญิง หลังจากนั้นพวกกษัตริย์และราชวงศ์ก็โดนรวบตัว ชาวอิรักต่างไปชุมนุมอยู่หน้าสถานทูตอังกฤษ ด่าทอ ขว้างปา พวกเขามองว่า อังกฤษกับ Hashemite เป็นตัวแทนของกันและกัน
    เป็นการจบฉากของชาวเกาะผู้ยิ่งใหญ่ในอิรัก ที่ไม่สวยงามตั้งแต่เริ่มต้นวันแรก จนถึงวันสุดท้าย
    ผมจะไม่แปลกใจเลย ถ้าเหตุการณ์รุนแรง ที่กำลังดำเนินอยู่ในอิรักขณะนี้ โดยเฉพาะที่ Mosul ถึงขนาดที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มายืนแถลงเมื่อไม่นานมานี้ เลื่อนอันดับภัยจากผู้ก่อการร้าย ในอังกฤษขึ้นสูงถึงระดับรุนแรง (Severe) เนื่องจากเหตุการณ์ในอิรักและซีเรีย มันจะมีรากยาวฝั่งลึก ย้อนไปได้ถึง 100 ปี
    แม้อังกฤษจะเก็บของกลับเกาะไปแล้ว แต่อังกฤษได้ทิ้งพิษร้ายค้างอยู่ในอิรัก มันมาจากแผนการต้ม การเคี้ยวเหยื่อ ตั้งแต่ต้น มันเป็นแผนที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่าง เผ่าพันธ์และธรรมเนียมประเพณีทางศาสนา อย่างน่าสงสารของเหยื่อ
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 2 – อิรัก 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 2” อิรัก 2
ในที่สุดชาวอิรัก ก็ทนเห็นประเทศตัวเอง เป็นหุ่นเชิดของอังกฤษต่อไปอีกไม่ไหว จึงเริ่มบีบกษัตริย์ Faisal ให้เจรจากับอังกฤษ ลดอำนาจการปกครองอังกฤษในอิรักลงบ้าง อย่าให้มันออกหน้าออกตาขนาดนี้เลย การเจรจาใช้เวลาอยู่หลายปี ในที่สุด Anglo – Iraqi Treaty ก็คลอดในปี ค.ศ. 1930 Faisal ไม่ได้เป็นคนมาลงนามในสัญญานี้ ส่งใบลาป่วย อ้างว่าไส้ติ่งอักเสบกระทันหัน Treaty นี้ ก็ยังให้สิทธิพิเศษแก่คนอังกฤษ ที่เป็นตัวแทนรัฐบาลอังกฤษ และลูกจ้างรัฐบาลอังกฤษ ที่อังกฤษส่งมาทำงานในอิรักเหมือนเดิม ที่ดูเหมือนเปลี่ยนไป คือ ข้อตกลงนี้ระบุว่างานบริหารภายในประเทศ ให้เป็นความรับผิดชอบของกษัตริย์ Faisal ส่วนอังกฤษจะรับผิดชอบ ดูแลปกป้องอิรัก จากการจู่โจมภายนอก (แหม ! มันคลับคล้ายเหมือนสัญญาอะไรหนอ ที่สมันน้อยไปทำไว้กับใครเขาทำนองนี้ เมื่อ 60 กว่าปีก่อน) และเพื่อให้อังกฤษสามารถปกป้องอิรักได้เต็มที่ อิรักก็จะต้องให้อังกฤษเช่าสนามบิน โดยไม่คิดค่าเช่า สัญญานี้มีอายุ 25 ปี และจะมีผลต่อเมื่ออิรัก ได้เข้าไปเป็นสมาชิกของสันนิบาตชาติ League of Nations ในฐานะประเทศเอกราช อิรักขมักเขม้นทำการบ้าน โดยความหวังที่จะเป็นเอกราช ปลดแอกอังกฤษออกจากบ่า ค.ศ. 1932 สันนิบาตชาติ ซึ่งคุมโดยขาใหญ่ที่ชนะสงครามโลกครั้งที่ 1 (ก็อังกฤษกับฝรั่งเศสนั่นแหละ !) ก็รับอิรักเข้าเป็นสมาชิก คงใช้เวลานานหน่อยกว่าอิรักจะรู้ตัวว่า เขาแค่เปลี่ยนยี่ห้อหม้อต้มเหยื่อเท่านั้นเอง จะหม้อต้มยี่ห้อไหน ก็ผลิตมาจากโรงงานเดียวกัน แต่อิรักไม่ใช่ชาติที่จะยอม งอมืออยู่อย่างนั้น พวกเขาเดินหน้า หาทางหักกับอังกฤษต่อไป รัฐบาลอิรักพยายามแข็งข้อกับอังกฤษอยู่หลายรอบ ครั้งสำคัญคือ ค.ศ. 1941 สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มมาใกล้ตัว สภาอิรักลงมติไม่สนับสนุนอังกฤษ ในการประกาศสงครามกับเยอรมัน ! อังกฤษเหมือนโดนตีแซกหน้า! ยกทัพเต็มอัตรามาเต็มเมืองอิรัก แล้วปลดรัฐบาลอิรักที่มาจากการ เลือกตั้ง เอานักการเมืองที่ฝักฝ่าย อังกฤษเข้ามาเป็นรัฐบาลแทน กษัตริย์ Faisal ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนอีก ตอนที่เซ็นสัญญา Anglo-Iraq : Treaty ก็ส่งใบลาป่วยว่าใส้ติ่งอักเสบส่งตัวแทนมา คราวนี้ไม่รู้อะไรอักเสบ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบ ความสงบในอิรักยิ่งหายาก ชาวอิรักต้องการเป็นอิสระจากแอกของอังกฤษ พวกเขาผลัดเปลี่ยนกันต่อต้านและต่อสู้ แต่กำลังอาวุธมันต่างกัน และที่สำคัญหนอนบ่อนไส้ ที่เป็นชาวอิรัก ที่อังกฤษชุบเลี้ยงไว้ให้ทำงาน ยังมีอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญๆ แต่ในที่สุดราชวงศ์ Hashemite ที่น่าสงสาร ถูกหลอก ซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็ถูกโค่นในปี ค.ศ. 1958 อังกฤษปล่อยมือจากการชักหุ่น หุ่นไม่มีเชือกชัก ตกพลั่กลงพื้น กษัตริย์ และราชวงศ์ Hashemite ถูกจับติดคุก และถูกตัดสินประหารชีวิตในที่สุด โดยอังกฤษไม่ยื่นมือ ไม่เหลียวมามอง ได้แต่เก็บของ รีบกลับเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ของตนอย่างรีบด่วน อย่างเดียว แต่ฉากสุดท้ายนี้ มันน่าคิด อยู่ดี ๆ กษัตริย์ Hussein แห่งจอร์แดน ซึ่งเป็นญาติสนิทของ Faisal และเป็นหุ่นเชิดของอังกฤษเช่นเดียวกัน เกิดประสาทว่าพวกที่ลุกฮือ ไล่ฝรั่งตะวันตกที่เลบานอน จะเลยเถิดเข้ามาถึงจอร์แดนด้วย ขอแรงอิรักส่งกองทัพมาช่วยไล่หน่อยเถิด บรรดาทหารหาญของอิรัก จึงจัดแจงแต่งเครื่องแบบติดอาวุธกองทัพ มุ่งหน้าจะไปจอร์แดน แต่แล้วท่านนายพลคนหนึ่ง Colonel Abd as Salaam Arif ก็สั่งให้กองทัพเลี้ยวกลับมาสู่แบกแดด ส่องปืนใหญ่มาที่วังของ Hashemite เป็นการปฏิวัติของทหารอิรักชนิดไม่เสียเลือดเนื้อ ไม่มีผู้ต่อต้าน และไม่มีผู้รู้ตัว ขุนนางอิรัก Nuri as Said ที่เป็นขุนคอยพยักให้อังกฤษถูกจับก่อนเพื่อน ระหว่างที่พยายามจะหนี โดยปลอมตัวเป็นผู้หญิง หลังจากนั้นพวกกษัตริย์และราชวงศ์ก็โดนรวบตัว ชาวอิรักต่างไปชุมนุมอยู่หน้าสถานทูตอังกฤษ ด่าทอ ขว้างปา พวกเขามองว่า อังกฤษกับ Hashemite เป็นตัวแทนของกันและกัน เป็นการจบฉากของชาวเกาะผู้ยิ่งใหญ่ในอิรัก ที่ไม่สวยงามตั้งแต่เริ่มต้นวันแรก จนถึงวันสุดท้าย ผมจะไม่แปลกใจเลย ถ้าเหตุการณ์รุนแรง ที่กำลังดำเนินอยู่ในอิรักขณะนี้ โดยเฉพาะที่ Mosul ถึงขนาดที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มายืนแถลงเมื่อไม่นานมานี้ เลื่อนอันดับภัยจากผู้ก่อการร้าย ในอังกฤษขึ้นสูงถึงระดับรุนแรง (Severe) เนื่องจากเหตุการณ์ในอิรักและซีเรีย มันจะมีรากยาวฝั่งลึก ย้อนไปได้ถึง 100 ปี แม้อังกฤษจะเก็บของกลับเกาะไปแล้ว แต่อังกฤษได้ทิ้งพิษร้ายค้างอยู่ในอิรัก มันมาจากแผนการต้ม การเคี้ยวเหยื่อ ตั้งแต่ต้น มันเป็นแผนที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่าง เผ่าพันธ์และธรรมเนียมประเพณีทางศาสนา อย่างน่าสงสารของเหยื่อ สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 1
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 1”
    การแบ่งเค้กตะวันออกกลาง ระหว่างประเทศผู้ชนะสงคราม ดูเหมือนจะยังไม่ลงตัว เดือนเมษายน ค.ศ. 1920 รัฐมนตรีต่างประเทศที่ชนะสงคราม แอบจัดประชุมกันอีกที่ San Remo ประเทศอิตาลี โดยไม่มีผู้แทนของอเมริกาได้รับเชิญให้เข้าประชุมด้วย !

ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ หัวเรือใหญ่บอก อเมริกามาที่หลัง ไม่เกี่ยวกับเรื่องการแบ่งเค้กที่ได้มาจากการทะลายออตโตมานนี่นา เขามาเกี่ยวตรงไหน เราเป็นคนคิดริเริ่มนะ (เอะ ! พูดแบบนี้ เดี๋ยวสวยแน่ อเมริกาเพิ่งเขี้ยวงอกก็จริง แต่เป็นเขี้ยวเล็กและแหลมคม อย่าได้ประมาทเชียว) การประชุมที่ San Remo จึงเป็นการกำหนดและการกำกับ โดย นายกรัฐมนตรีอังกฤษ Lloyd George และประธานาธิบดีฝรั่งเศส Alexander Millerand ซึ่งไว้ใจกันเองมาก ถึงขนาดเดินประกบกันทุกฝีก้าว เข้าใจว่าใครไปเข้าห้องน้ำ อีกคนคงต้องตามไปด้วย
    เพื่อเป็นการปิดปากฝรั่งเศส อังกฤษตัดใจประกาศอย่างเป็นทางการ ต่อหน้าที่ประชุม เรา อังกฤษ ยินดียกหุ้นในบริษัทที่ได้สัมปทานน้ำมันในเมโสโปเตเมีย ให้แก่ฝรั่งเศส มิตรรักร่วมรบ เอาไปเลย 25% ของบริษัท เป็นของขวัญจากเรา แต่เมโสโปเตเมีย ต้องอยู่ในความดูแลของเราอังกฤษ ตกลงตามนี้นะ
    มันเป็นหุ้น 25% ของ Turkish Petroleum Gesellshaft ที่ Deutsche Bank ตั้งขึ้นภายหลังที่ออตโตมานให้ สิทธิ 20 กิโลเมตร 2 ข้างทางรถไฟ (Right of way) ของเส้นทาง Berlin Bagdad ส่วนอีก 75% แน่นอน ชาวเกาะบอก ต้องเป็นของเรา โดยมอบให้ Anglo Persian Oil ที่ไปหลอกต้มมาจาก นาย D’Arcy ผู้น่าสมเพชนั่นแหละ เป็นผู้รับโอนไป
    นี่มันทั้งขยี้เขา แล้วยังขโมยของในบ้านเขาต่ออีกด้วย สันดานแบบนี้ เป็นคนก็คบไม่ได้เลย
    San Remo Agreement เป็นฝีมือวางแผนของคน ที่ได้ชื่อต่อมาว่า เป็นผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในเกาะใหญ่ เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย ในสมัยนั้น เขาคือ Sir Henry Deterding
    นาย Deterding เป็นชาวดัชท์ เขาเป็นอีกคนหนึ่ง นอกเหนือจากกัปตัน Fisher ที่เห็นคุณค่า และอานุภาพของน้ำมัน ว่าจะเป็นทรัพยากรที่จะเป็นอาวุธสำคัญ ในการเปลี่ยนแปลงโลกนี้ !
    นาย Deterding ทำงานให้รัฐบาลดัชท์ ในบริษัท Dutch East Indies ที่เกาะสุมาตรา ซึ่งเป็นอาณานิคมของดัชท์ขณะนั้น สุมาตราก็มีน้ำมันตะเกียง นาย Deterding จึงตั้งบริษัทผลิตน้ำมันตะเกียง จากน้ำมันอินโดนีเซีย ชื่อบริษัท Royal Dutch Oil Company
    เมื่อธุรกิจนำมันของเขาก้าวหน้า มากขึ้น ค.ศ. 1897 นาย Deterding ตัดสินใจควบบริษัท Royal Dutch Oil Company เข้ากับบริษัท Shell Transport & Trading Company ของนาย Marcus Samuel (ซึ่งต่อมาได้เป็น Lord Bearsted) ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการเรือขนส่งสินค้า และเป็นผู้ริเริ่มสร้างแท้งค์บรรจุน้ำมัน การควบรวมบริษัทนี้ ทำให้เกิดเป็นบริษัท Royal Dutch Shell Company ยักษ์ใหญ่ในวงการน้ำมันของอังกฤษ และทำให้อังกฤษผงาดขึ้นมาเป็นผู้ค้าน้ำมันระดับโลก และในที่สุด เป็นคู่แข่งแบบเผ็ดร้อนกับ Standard Oil Group ของตระกูล Rockefeller ในอเมริกา
    ความสำเร็จของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ในกิจการน้ำมัน มาจากการวางแผนและสนับสนุนเกินร้อยของรัฐบาลอังกฤษ ภายใต้แผนการใช้ตัวแทน ให้เข้าไปดำเนินการฝังตัวตามที่ต่าง ๆ เพื่อหาข่าวกรอง และปฎิบัติการลับไปเกือบทุกแห่งในโลก นาย Deterding เองนั้น ภายหลังก็มีข่าวหลุดมาว่า แท้จริงแล้ว เขาสังกัดอยู่ในหน่วยราชการลับของอังกฤษตั้งแต่ต้น ถูกส่งให้ไปทำงานตั้งแต่ที่เกาะสุมาตรา ไม่งั้นมันจะไปควบรวม บริษัทใหญ่อย่างนั้นได้ ง่าย ๆ อย่างไร
    ค.ศ. 1912 ก่อนเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษมีส่วนแบ่งในตลาดน้ำมันโลก เพียง 12 % หลังสงครามโลก ภายหลังจากการล่าเหยื่อ หลอกเหยื่อ ขยี้เหยื่อ จนเหลือแต่ซากแล้ว ค.ศ. 1925 อังกฤษกลายเป็นขาใหญ่ในวงการน้ำมันโลก ที่กำลังจะมาแรง
    ปฎิบัติการ San Remo นาย Deterding ทำงานร่วมกับ Sir John Cadman ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลอังกฤษ เข้าไปดูแล Anglo Persian Oil Company ทั้ง 2 คน เดินสายนอกรอบ ทั้งหว่าน ทั้งล้อมฝรั่งเศส ให้ฝรั่งเศสรับ 25% ของหุ้นใน Turkish Petroleum ไป แทนการเอาเมือง Mosul ฝรั่งเศส เหมือนเด็กได้อมยิ้มไป 1 กล่องในวันเดียว ดีใจเกือบตาย แทนที่จะได้ทั้งกล่องทุกวันไปตลอดชีวิต
    และด้วยอมยิ้ม 1 กล่อง ฝรั่งเศสใจป้ำ ตกลงว่าถ้าขุดน้ำมันเจอจริง และจะต้องวางท่อส่งน้ำมัน ผ่านมาทางซีเรีย ซึ่งฝรั่งเศสได้สิทธิปกครอง ฝรั่งเศสบอกเรายินดีนะ และภาษีอะไรที่ต้องมีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฝรั่งเศสยกเว้นให้หมด เป็นการตอบแทน เอ้อ ! เซ่อได้สมใจ เคี้ยวนุ่มอร่อยนาน
    อังกฤษมองไกล ต่อไปนี้ ตะวันออกกลาง เค้กทั้งก้อน ไม่ใช่แค่ชิ้นเดียว ต้องไม่พ้นมือเรา
    San Remo Agreement ยังใส่เงื่อนไขไว้ในสัญญาด้วยอีกว่า ต่างชาติอื่นนอกเหนือไปจากนี้ ไม่มีสิทธิมาขุดเจาะ เสาะหาน้ำมันในอาณาบริเวณเมโส โปเตเมีย เขียนแบบนี้ แปลว่า อเมริกาอย่ามาแหยม ! ไม่เชิญเขามาร่วมประชุม ก็หน้าด้านมากพอ แต่นี่ถึงขนาดตัดขาด จากการงานกินเค้ก ในอนาคตด้วยนี่ มันชักส่ออาการตระกรามมากไป
    นอกจากกันอเมริกาออกไปแล้ว San Remo Agreement ยังระบุด้วยว่า ในเรื่องน้ำมันที่โรมาเนีย และที่รัสเซีย ฝรั่งเศสจะต้องให้ความร่วมมือกับอังกฤษ ตามที่อังกฤษจูงอีกด้วย ข้อตกลงแบบนี้เหมือนการปฏิวัติเงียบ เกี่ยวกับน้ำมันในเมโสโปเตเมีย โดยชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย ฯ เลยทีเดียว
    เมื่อกระทรวงต่างประเทศของอเมริกา รู้เรื่องการวางไม้ขวางของอังกฤษ จึงทำหนังสือประท้วงการตัดสิทธิของ American Standard Oil ออกไปจากสัมปทานในเมโสโปเตเมีย รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ขณะนั้น Lord Curzon ทำหนังสือลงวันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 1921 แจ้งไปยังทูตอังกฤษที่ประจำอยู่ในวอชิตัน ให้ไปแจ้งต่ออเมริกาว่า อังกฤษเสียใจจริง ๆ ที่ไม่สามารถจะจัดการให้บริษัทน้ำมันอเมริกัน ได้รับสัมปทานในตะวันออกกลางได้
    เด็ดขาดจริงลูกพี่ ! เขียนได้เด็ด ! แต่จะขาดกันแค่ไหน เห็นจะต้องดูกันต่อไป นั่นมันเรื่อง 100 ปีมาแล้ว
    San Remo Agreement น่าจะเป็นหัวเชื้อ ในการทำสงครามชิงน้ำมัน ในตะวันออกกลางระหว่างอังกฤษกับอเมริกา ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา โดยเหยื่อที่เป็นเจ้าของน้ำมันตัวจริง ในตะวันออกกลางคงยังกำลังงง ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรกับพวกตน และดินแดนของพวกตน และไม่รู้ว่าบัดนี้ยังจะเข้าใจกันมากน้อยแค่ไหน ! ?
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
11 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 1” การแบ่งเค้กตะวันออกกลาง ระหว่างประเทศผู้ชนะสงคราม ดูเหมือนจะยังไม่ลงตัว เดือนเมษายน ค.ศ. 1920 รัฐมนตรีต่างประเทศที่ชนะสงคราม แอบจัดประชุมกันอีกที่ San Remo ประเทศอิตาลี โดยไม่มีผู้แทนของอเมริกาได้รับเชิญให้เข้าประชุมด้วย !

ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ หัวเรือใหญ่บอก อเมริกามาที่หลัง ไม่เกี่ยวกับเรื่องการแบ่งเค้กที่ได้มาจากการทะลายออตโตมานนี่นา เขามาเกี่ยวตรงไหน เราเป็นคนคิดริเริ่มนะ (เอะ ! พูดแบบนี้ เดี๋ยวสวยแน่ อเมริกาเพิ่งเขี้ยวงอกก็จริง แต่เป็นเขี้ยวเล็กและแหลมคม อย่าได้ประมาทเชียว) การประชุมที่ San Remo จึงเป็นการกำหนดและการกำกับ โดย นายกรัฐมนตรีอังกฤษ Lloyd George และประธานาธิบดีฝรั่งเศส Alexander Millerand ซึ่งไว้ใจกันเองมาก ถึงขนาดเดินประกบกันทุกฝีก้าว เข้าใจว่าใครไปเข้าห้องน้ำ อีกคนคงต้องตามไปด้วย เพื่อเป็นการปิดปากฝรั่งเศส อังกฤษตัดใจประกาศอย่างเป็นทางการ ต่อหน้าที่ประชุม เรา อังกฤษ ยินดียกหุ้นในบริษัทที่ได้สัมปทานน้ำมันในเมโสโปเตเมีย ให้แก่ฝรั่งเศส มิตรรักร่วมรบ เอาไปเลย 25% ของบริษัท เป็นของขวัญจากเรา แต่เมโสโปเตเมีย ต้องอยู่ในความดูแลของเราอังกฤษ ตกลงตามนี้นะ มันเป็นหุ้น 25% ของ Turkish Petroleum Gesellshaft ที่ Deutsche Bank ตั้งขึ้นภายหลังที่ออตโตมานให้ สิทธิ 20 กิโลเมตร 2 ข้างทางรถไฟ (Right of way) ของเส้นทาง Berlin Bagdad ส่วนอีก 75% แน่นอน ชาวเกาะบอก ต้องเป็นของเรา โดยมอบให้ Anglo Persian Oil ที่ไปหลอกต้มมาจาก นาย D’Arcy ผู้น่าสมเพชนั่นแหละ เป็นผู้รับโอนไป นี่มันทั้งขยี้เขา แล้วยังขโมยของในบ้านเขาต่ออีกด้วย สันดานแบบนี้ เป็นคนก็คบไม่ได้เลย San Remo Agreement เป็นฝีมือวางแผนของคน ที่ได้ชื่อต่อมาว่า เป็นผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในเกาะใหญ่ เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย ในสมัยนั้น เขาคือ Sir Henry Deterding นาย Deterding เป็นชาวดัชท์ เขาเป็นอีกคนหนึ่ง นอกเหนือจากกัปตัน Fisher ที่เห็นคุณค่า และอานุภาพของน้ำมัน ว่าจะเป็นทรัพยากรที่จะเป็นอาวุธสำคัญ ในการเปลี่ยนแปลงโลกนี้ ! นาย Deterding ทำงานให้รัฐบาลดัชท์ ในบริษัท Dutch East Indies ที่เกาะสุมาตรา ซึ่งเป็นอาณานิคมของดัชท์ขณะนั้น สุมาตราก็มีน้ำมันตะเกียง นาย Deterding จึงตั้งบริษัทผลิตน้ำมันตะเกียง จากน้ำมันอินโดนีเซีย ชื่อบริษัท Royal Dutch Oil Company เมื่อธุรกิจนำมันของเขาก้าวหน้า มากขึ้น ค.ศ. 1897 นาย Deterding ตัดสินใจควบบริษัท Royal Dutch Oil Company เข้ากับบริษัท Shell Transport & Trading Company ของนาย Marcus Samuel (ซึ่งต่อมาได้เป็น Lord Bearsted) ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการเรือขนส่งสินค้า และเป็นผู้ริเริ่มสร้างแท้งค์บรรจุน้ำมัน การควบรวมบริษัทนี้ ทำให้เกิดเป็นบริษัท Royal Dutch Shell Company ยักษ์ใหญ่ในวงการน้ำมันของอังกฤษ และทำให้อังกฤษผงาดขึ้นมาเป็นผู้ค้าน้ำมันระดับโลก และในที่สุด เป็นคู่แข่งแบบเผ็ดร้อนกับ Standard Oil Group ของตระกูล Rockefeller ในอเมริกา ความสำเร็จของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ในกิจการน้ำมัน มาจากการวางแผนและสนับสนุนเกินร้อยของรัฐบาลอังกฤษ ภายใต้แผนการใช้ตัวแทน ให้เข้าไปดำเนินการฝังตัวตามที่ต่าง ๆ เพื่อหาข่าวกรอง และปฎิบัติการลับไปเกือบทุกแห่งในโลก นาย Deterding เองนั้น ภายหลังก็มีข่าวหลุดมาว่า แท้จริงแล้ว เขาสังกัดอยู่ในหน่วยราชการลับของอังกฤษตั้งแต่ต้น ถูกส่งให้ไปทำงานตั้งแต่ที่เกาะสุมาตรา ไม่งั้นมันจะไปควบรวม บริษัทใหญ่อย่างนั้นได้ ง่าย ๆ อย่างไร ค.ศ. 1912 ก่อนเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษมีส่วนแบ่งในตลาดน้ำมันโลก เพียง 12 % หลังสงครามโลก ภายหลังจากการล่าเหยื่อ หลอกเหยื่อ ขยี้เหยื่อ จนเหลือแต่ซากแล้ว ค.ศ. 1925 อังกฤษกลายเป็นขาใหญ่ในวงการน้ำมันโลก ที่กำลังจะมาแรง ปฎิบัติการ San Remo นาย Deterding ทำงานร่วมกับ Sir John Cadman ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลอังกฤษ เข้าไปดูแล Anglo Persian Oil Company ทั้ง 2 คน เดินสายนอกรอบ ทั้งหว่าน ทั้งล้อมฝรั่งเศส ให้ฝรั่งเศสรับ 25% ของหุ้นใน Turkish Petroleum ไป แทนการเอาเมือง Mosul ฝรั่งเศส เหมือนเด็กได้อมยิ้มไป 1 กล่องในวันเดียว ดีใจเกือบตาย แทนที่จะได้ทั้งกล่องทุกวันไปตลอดชีวิต และด้วยอมยิ้ม 1 กล่อง ฝรั่งเศสใจป้ำ ตกลงว่าถ้าขุดน้ำมันเจอจริง และจะต้องวางท่อส่งน้ำมัน ผ่านมาทางซีเรีย ซึ่งฝรั่งเศสได้สิทธิปกครอง ฝรั่งเศสบอกเรายินดีนะ และภาษีอะไรที่ต้องมีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฝรั่งเศสยกเว้นให้หมด เป็นการตอบแทน เอ้อ ! เซ่อได้สมใจ เคี้ยวนุ่มอร่อยนาน อังกฤษมองไกล ต่อไปนี้ ตะวันออกกลาง เค้กทั้งก้อน ไม่ใช่แค่ชิ้นเดียว ต้องไม่พ้นมือเรา San Remo Agreement ยังใส่เงื่อนไขไว้ในสัญญาด้วยอีกว่า ต่างชาติอื่นนอกเหนือไปจากนี้ ไม่มีสิทธิมาขุดเจาะ เสาะหาน้ำมันในอาณาบริเวณเมโส โปเตเมีย เขียนแบบนี้ แปลว่า อเมริกาอย่ามาแหยม ! ไม่เชิญเขามาร่วมประชุม ก็หน้าด้านมากพอ แต่นี่ถึงขนาดตัดขาด จากการงานกินเค้ก ในอนาคตด้วยนี่ มันชักส่ออาการตระกรามมากไป นอกจากกันอเมริกาออกไปแล้ว San Remo Agreement ยังระบุด้วยว่า ในเรื่องน้ำมันที่โรมาเนีย และที่รัสเซีย ฝรั่งเศสจะต้องให้ความร่วมมือกับอังกฤษ ตามที่อังกฤษจูงอีกด้วย ข้อตกลงแบบนี้เหมือนการปฏิวัติเงียบ เกี่ยวกับน้ำมันในเมโสโปเตเมีย โดยชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย ฯ เลยทีเดียว เมื่อกระทรวงต่างประเทศของอเมริกา รู้เรื่องการวางไม้ขวางของอังกฤษ จึงทำหนังสือประท้วงการตัดสิทธิของ American Standard Oil ออกไปจากสัมปทานในเมโสโปเตเมีย รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ขณะนั้น Lord Curzon ทำหนังสือลงวันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 1921 แจ้งไปยังทูตอังกฤษที่ประจำอยู่ในวอชิตัน ให้ไปแจ้งต่ออเมริกาว่า อังกฤษเสียใจจริง ๆ ที่ไม่สามารถจะจัดการให้บริษัทน้ำมันอเมริกัน ได้รับสัมปทานในตะวันออกกลางได้ เด็ดขาดจริงลูกพี่ ! เขียนได้เด็ด ! แต่จะขาดกันแค่ไหน เห็นจะต้องดูกันต่อไป นั่นมันเรื่อง 100 ปีมาแล้ว San Remo Agreement น่าจะเป็นหัวเชื้อ ในการทำสงครามชิงน้ำมัน ในตะวันออกกลางระหว่างอังกฤษกับอเมริกา ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา โดยเหยื่อที่เป็นเจ้าของน้ำมันตัวจริง ในตะวันออกกลางคงยังกำลังงง ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรกับพวกตน และดินแดนของพวกตน และไม่รู้ว่าบัดนี้ยังจะเข้าใจกันมากน้อยแค่ไหน ! ? สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
11 ก.ย. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระปิดตาหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี
    พระปิดตาหลวงปู่ยิ้ม เนื้อผงพุทธคุณ ( พบเห็นน้อยมาก) วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี // พระเกจิอาจารย์ยุคเก่าเป็นที่เลื่อมใสศรัทธามาก “หลวงปู่ยิ้ม จันทโชติ” ได้รับยกย่องให้เป็น 1 ใน 5 ชุดเบญจภาคีพระปิดตาของไทย //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ** พุทธคุณเมตตา มหาลาภ โชคลาภ เงินทองคล่องมือ และ แคล้วคลาด ป้องกันภยันตรายช่วยให้การเงินคล่องมือ ซื้อง่ายขายคล่อง คงกระพันชาตรี ป้องกันภัยจากภยันตรายทั้งปวง >>

    ** พระปิดตาเนื้อผง หลวงปู่ยิ้ม จันทโชติ หรือ “หลวงพ่อเฒ่ายิ้ม” อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองบัว พระเกจิชื่อดังแห่งจังหวัดกาญจนบุรี ผู้ทรงคุณวิเศษและมีวิทยาคมแก่กล้าต้นตำรับตะกรุดโลกธาตุอันลือเลื่อง และผู้สร้างพระปิดตา ที่ได้รับยกย่องให้เป็น 1 ใน 5 ชุดเบญจภาคีพระปิดตาของไทย ว่ากันว่า มีดหมอประจำพระองค์กรมหลวงชุมพรฯ ก็เป็นของท่านด้วย พระปิดตาหลวงปู่ยิ้มนั้นท่านสร้างจากผงวิเศษที่ท่านทำเอง โดยใช้เวลารวบรวมมวลสารถึง 3 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2439-2441 ส่วนผสมต้องตรงตามสูตร การสร้างพระปิดตาแบบโบราณอย่างเคร่งครัด ซึ่งโดยส่วนใหญ่ได้จากธรรมชาติ ได้แก่ ผงอิทธิเจ ปถมัง มหาราช ตรีนิสิงเห ว่าน 108 ดอกไม้บูชาพระ ไคลโบสถ์ ขี้ผึ้งจากรังผึ้ง ฯลฯ จากนั้นปลุกเสกจนถึงปี พ.ศ.2445 จึงนำออกมาแจกจ่าย มีทั้ง เนื้อเหลือง เนื้อขาว เนื้อผงเทา >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    โทรศัพท์ 0881915131
    LINE 0881915131
    พระปิดตาหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี พระปิดตาหลวงปู่ยิ้ม เนื้อผงพุทธคุณ ( พบเห็นน้อยมาก) วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี // พระเกจิอาจารย์ยุคเก่าเป็นที่เลื่อมใสศรัทธามาก “หลวงปู่ยิ้ม จันทโชติ” ได้รับยกย่องให้เป็น 1 ใน 5 ชุดเบญจภาคีพระปิดตาของไทย //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ** พุทธคุณเมตตา มหาลาภ โชคลาภ เงินทองคล่องมือ และ แคล้วคลาด ป้องกันภยันตรายช่วยให้การเงินคล่องมือ ซื้อง่ายขายคล่อง คงกระพันชาตรี ป้องกันภัยจากภยันตรายทั้งปวง >> ** พระปิดตาเนื้อผง หลวงปู่ยิ้ม จันทโชติ หรือ “หลวงพ่อเฒ่ายิ้ม” อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองบัว พระเกจิชื่อดังแห่งจังหวัดกาญจนบุรี ผู้ทรงคุณวิเศษและมีวิทยาคมแก่กล้าต้นตำรับตะกรุดโลกธาตุอันลือเลื่อง และผู้สร้างพระปิดตา ที่ได้รับยกย่องให้เป็น 1 ใน 5 ชุดเบญจภาคีพระปิดตาของไทย ว่ากันว่า มีดหมอประจำพระองค์กรมหลวงชุมพรฯ ก็เป็นของท่านด้วย พระปิดตาหลวงปู่ยิ้มนั้นท่านสร้างจากผงวิเศษที่ท่านทำเอง โดยใช้เวลารวบรวมมวลสารถึง 3 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2439-2441 ส่วนผสมต้องตรงตามสูตร การสร้างพระปิดตาแบบโบราณอย่างเคร่งครัด ซึ่งโดยส่วนใหญ่ได้จากธรรมชาติ ได้แก่ ผงอิทธิเจ ปถมัง มหาราช ตรีนิสิงเห ว่าน 108 ดอกไม้บูชาพระ ไคลโบสถ์ ขี้ผึ้งจากรังผึ้ง ฯลฯ จากนั้นปลุกเสกจนถึงปี พ.ศ.2445 จึงนำออกมาแจกจ่าย มีทั้ง เนื้อเหลือง เนื้อขาว เนื้อผงเทา >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ โทรศัพท์ 0881915131 LINE 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญหลวงปู่มั่นหลังหลวงปู่เสาร์ วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร ปี2514
    เหรียญพระอาจารย์มั่นหลังพระอาจารย์เสาร์ วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร ปี2514 //พระดีพิธีใหญ่ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ปลุกเสก เหรียญประสบการณ์ // พระสถาพสวยยมาก เดิมๆๆ พระไม่ถูกใช้ครับ ประสบการณ์สูง พบเห็นน้อย // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณด้าน โชคลาภความสาเร็จ เมตตา โชคลาภค้าขาย ทำมาหากินเจริญรุ่งเรืองดีมาก แคล้วคลาด ปลอดภัย กันภูติผีปีศาจ พลิกชะตาร้ายให้กลายเป็นดี หนุนดวงเสริมชะตาให้เจริญรุ่งเรือง >>

    ** หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านเป็น พระอาจารย์ใหญ่สายกรรมฐานพระป่า อดีตเกจิอาจารย์ดังมากๆ ระดับประเทศ (อดีต พระเกจิอาจารย์ดัง 5 แผ่นดิน) มีลูกศิษย์เป็นเกจิอาจารย์ดังมากมายจากอดีต จนถึงปัจจุบัน หากพูดถึงเกจิอาจารย์ดัง พระกรรมฐานพระป่าไม่มีใครไม่รู้จักหลวงปู่มั่น ท่านเป็นอมตะเกจิอาจารย์ของประเทศไทย เหนือคำบรรยาย อัฐิธาตุของหลวงปู่มั่น แปรสภาพเป็นแก้วใส >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงปู่มั่นหลังหลวงปู่เสาร์ วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร ปี2514 เหรียญพระอาจารย์มั่นหลังพระอาจารย์เสาร์ วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร ปี2514 //พระดีพิธีใหญ่ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ปลุกเสก เหรียญประสบการณ์ // พระสถาพสวยยมาก เดิมๆๆ พระไม่ถูกใช้ครับ ประสบการณ์สูง พบเห็นน้อย // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณด้าน โชคลาภความสาเร็จ เมตตา โชคลาภค้าขาย ทำมาหากินเจริญรุ่งเรืองดีมาก แคล้วคลาด ปลอดภัย กันภูติผีปีศาจ พลิกชะตาร้ายให้กลายเป็นดี หนุนดวงเสริมชะตาให้เจริญรุ่งเรือง >> ** หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านเป็น พระอาจารย์ใหญ่สายกรรมฐานพระป่า อดีตเกจิอาจารย์ดังมากๆ ระดับประเทศ (อดีต พระเกจิอาจารย์ดัง 5 แผ่นดิน) มีลูกศิษย์เป็นเกจิอาจารย์ดังมากมายจากอดีต จนถึงปัจจุบัน หากพูดถึงเกจิอาจารย์ดัง พระกรรมฐานพระป่าไม่มีใครไม่รู้จักหลวงปู่มั่น ท่านเป็นอมตะเกจิอาจารย์ของประเทศไทย เหนือคำบรรยาย อัฐิธาตุของหลวงปู่มั่น แปรสภาพเป็นแก้วใส >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนื้อว่านหลวงปู่ทวด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน จ.ยะลา
    เนื้อว่านหลวงปู่ทวด พิมพ์พระรอด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา //พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกโดยมีพระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อทวดหลายท่าน และ ฤาษีสมพิศ ณาณโสภี จ.ปทุมธานี และฤาษีเกศแก้ว แห่งบ้านโคกกุง จ.หนองบัวลำภู ได้มาร่วมพิธีปลุกเสกที่วัด พิธีพุทธาภิเษกจัดขึ้น ปลุกเสก 19-27 ส.ค 2553 //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ //


    ** พุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ทั้งคงกระพันชาตรี เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ประสบการณ์มากมาย รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >>

    ** เนื้อว่านหลวงปู่ทวด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน จ.ยะลา พระดี พิธีใหญ่ โดยมีเกจิอาจารย์ดังนั่งปรกอธิฐานจิต ได้แก่ หลวงพ่อหวาน วัดสะบ้าย้อย พ่อท่านพล วัดนาประดู่ พระอาจารย์แดง วัดไร่บางตาวา และ พระสุนทรปริยัติภิธาน เจ้าอาวาสวัดช้างให้ จังหวัดปัตตานี นอกจากนั้น ได้มี ฤาษีสมพิศ ณาณโสภี จ.ปทุมธานี และฤาษีเกศแก้ว แห่งบ้านโคกกุง จ.หนองบัวลำภู ได้มาร่วมในพิธีปลุกเสกที่วัด พร้อมกันนี้ได้มอบเครื่องรางของขลัง ให้กับประชาชนที่มาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก โดยพิธีพุทธาภิเษกจัดขึ้น ปลุกเสก 19-27 ส.ค 2553 >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    โทรศัพท์ 0881915131
    LINE 0881915131
    เนื้อว่านหลวงปู่ทวด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน จ.ยะลา เนื้อว่านหลวงปู่ทวด พิมพ์พระรอด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา //พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกโดยมีพระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อทวดหลายท่าน และ ฤาษีสมพิศ ณาณโสภี จ.ปทุมธานี และฤาษีเกศแก้ว แห่งบ้านโคกกุง จ.หนองบัวลำภู ได้มาร่วมพิธีปลุกเสกที่วัด พิธีพุทธาภิเษกจัดขึ้น ปลุกเสก 19-27 ส.ค 2553 //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ // ** พุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ทั้งคงกระพันชาตรี เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ประสบการณ์มากมาย รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >> ** เนื้อว่านหลวงปู่ทวด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน จ.ยะลา พระดี พิธีใหญ่ โดยมีเกจิอาจารย์ดังนั่งปรกอธิฐานจิต ได้แก่ หลวงพ่อหวาน วัดสะบ้าย้อย พ่อท่านพล วัดนาประดู่ พระอาจารย์แดง วัดไร่บางตาวา และ พระสุนทรปริยัติภิธาน เจ้าอาวาสวัดช้างให้ จังหวัดปัตตานี นอกจากนั้น ได้มี ฤาษีสมพิศ ณาณโสภี จ.ปทุมธานี และฤาษีเกศแก้ว แห่งบ้านโคกกุง จ.หนองบัวลำภู ได้มาร่วมในพิธีปลุกเสกที่วัด พร้อมกันนี้ได้มอบเครื่องรางของขลัง ให้กับประชาชนที่มาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก โดยพิธีพุทธาภิเษกจัดขึ้น ปลุกเสก 19-27 ส.ค 2553 >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ โทรศัพท์ 0881915131 LINE 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญพระครูพิทักษ์สาธุคุณ วัดเลียบ จ.สงขลา
    เหรียญพระครูพิทักษ์สาธุคุณ วัดเลียบ ต.ชิงโค อำเภอสิงหนคร จ.สงขลา // พระดีพิธีขลัง !! //พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากกครับ // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม ป้องกันภยันตราย เจริญด้วยโชคลาภ ค้าขายดี กลับดวงพลิกชะตา มีความเจริญรุ่งเรือง เจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง และป้องกันคุณไสยต่างๆ กันคุณผี คุณไสยเวท แก้อาถรรพณ์ >>

    ** วัดเลียบ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย สร้างขึ้นเป็นวัดตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 2300 ชาวบ้านเรียกวัดท่าออกโดยมีนายศรีพุทธ มาทำสวนอยู่บริเวณนี้ จึงได้ชักชวนชาวบ้านวัดนี้ขึ้นมา ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 20พฤศจิกายน พ.ศ. 2471 เขตวิสุงคามสีมากว้าง 21.20เมตร ยาว 26.60เมตร >>

    ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากกครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญพระครูพิทักษ์สาธุคุณ วัดเลียบ จ.สงขลา เหรียญพระครูพิทักษ์สาธุคุณ วัดเลียบ ต.ชิงโค อำเภอสิงหนคร จ.สงขลา // พระดีพิธีขลัง !! //พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากกครับ // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม ป้องกันภยันตราย เจริญด้วยโชคลาภ ค้าขายดี กลับดวงพลิกชะตา มีความเจริญรุ่งเรือง เจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง และป้องกันคุณไสยต่างๆ กันคุณผี คุณไสยเวท แก้อาถรรพณ์ >> ** วัดเลียบ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย สร้างขึ้นเป็นวัดตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 2300 ชาวบ้านเรียกวัดท่าออกโดยมีนายศรีพุทธ มาทำสวนอยู่บริเวณนี้ จึงได้ชักชวนชาวบ้านวัดนี้ขึ้นมา ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 20พฤศจิกายน พ.ศ. 2471 เขตวิสุงคามสีมากว้าง 21.20เมตร ยาว 26.60เมตร >> ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากกครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • อาสนธิเดินเรื่องฟ้องรัฐบาลทั้งคณะได้เลยครับ,เรา..ประชาชนสนับสนุนเต็มที่ กรณีนี้มีช่องทางชัดเจนจะยกเลิกได้แม้แต่สนธิสัญญาที่อดีตนายกฯอภิสิทธิ์ลุแก่อำนาจไปเปิดทางที่UN เราก็สามารถยกเลิกทันทีด้วย จับกรณีมันละเมิดยิงไทยตายก่อนที่เด่นชัดอีก,ชนะแน่นอน,หาก กต.ไม่เดินเรื่องตอนนี้ก็ฟ้องดำเนินคดีด้วยเลย,รวมถึงฝ่ายกฎหมายรัฐบาลปัจจุบันด้วยที่เห็นชัดว่าเราได้เปรียบที่จะชนะคดีนี้เกิน100%แต่พากันละเว้นปฏิบัติหน้าที่เพื่ออธิปไตยดินแดนชาติไทยตนเสมือนมีเจตนาร่วมก่อการผิดใน ม.119และ ม.157 ชัดเจนด้วย มูลนิธิยามจัดการคนทรยศแผ่นดินไทยอธิปไตยชาติ ยื่นฟ้องแทนเรา..ประชาชนคนไทยเลยครับ.
    อาสนธิเดินเรื่องฟ้องรัฐบาลทั้งคณะได้เลยครับ,เรา..ประชาชนสนับสนุนเต็มที่ กรณีนี้มีช่องทางชัดเจนจะยกเลิกได้แม้แต่สนธิสัญญาที่อดีตนายกฯอภิสิทธิ์ลุแก่อำนาจไปเปิดทางที่UN เราก็สามารถยกเลิกทันทีด้วย จับกรณีมันละเมิดยิงไทยตายก่อนที่เด่นชัดอีก,ชนะแน่นอน,หาก กต.ไม่เดินเรื่องตอนนี้ก็ฟ้องดำเนินคดีด้วยเลย,รวมถึงฝ่ายกฎหมายรัฐบาลปัจจุบันด้วยที่เห็นชัดว่าเราได้เปรียบที่จะชนะคดีนี้เกิน100%แต่พากันละเว้นปฏิบัติหน้าที่เพื่ออธิปไตยดินแดนชาติไทยตนเสมือนมีเจตนาร่วมก่อการผิดใน ม.119และ ม.157 ชัดเจนด้วย มูลนิธิยามจัดการคนทรยศแผ่นดินไทยอธิปไตยชาติ ยื่นฟ้องแทนเรา..ประชาชนคนไทยเลยครับ.
    Newsstory : สนธิฝากถึงบวรศักดิ์ กฎหมายกะล่อนใช้เก่ง กฎหมายเพื่อชาติเงียบกริบ

    #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล
    #บวรศักดิ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “ระบบอุตสาหกรรมกว่า 200,000 จุดเสี่ยงถูกแฮก — รายงานชี้ความประมาทและความสะดวกกลายเป็นภัยไซเบอร์ระดับชาติ”

    หลังจากหลายปีที่มีความพยายามลดความเสี่ยงด้านไซเบอร์ในระบบควบคุมอุตสาหกรรม (ICS/OT) รายงานล่าสุดจาก Bitsight กลับพบว่าแนวโน้มการเปิดเผยระบบต่ออินเทอร์เน็ตกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยในปี 2024 จำนวนอุปกรณ์ที่เข้าถึงได้จากสาธารณะเพิ่มขึ้นจาก 160,000 เป็น 180,000 จุด หรือเพิ่มขึ้น 12% และคาดว่าจะทะลุ 200,000 จุดภายในสิ้นปี 2025

    ระบบเหล่านี้รวมถึงอุปกรณ์ควบคุมโรงงานน้ำ, ระบบอัตโนมัติในอาคาร, และเครื่องวัดระดับถังน้ำมันที่ไม่มีระบบยืนยันตัวตน ซึ่งหลายตัวมีช่องโหว่ระดับ CVSS 10.0 ที่สามารถถูกโจมตีได้ง่าย โดยมัลแวร์ใหม่อย่าง FrostyGoop และ Fuxnet ถูกออกแบบมาเพื่อเจาะระบบ ICS โดยเฉพาะ

    Pedro Umbelino นักวิจัยจาก Bitsight เตือนว่า “นี่ไม่ใช่แค่ความผิดพลาด — แต่มันคือความเสี่ยงเชิงระบบที่ไม่อาจให้อภัยได้” เพราะการเปิดระบบเหล่านี้ต่ออินเทอร์เน็ตมักเกิดจากความสะดวก เช่น การติดตั้งเร็ว, การเข้าถึงจากระยะไกล, หรือการเชื่อมต่อทุกอย่างไว้ในระบบเดียว โดยไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัย

    AI ก็มีบทบาททั้งด้านดีและร้าย — ฝั่งผู้ป้องกันใช้ machine learning เพื่อสแกนและตรวจจับความผิดปกติในระบบ แต่ฝั่งผู้โจมตีก็ใช้ LLM เพื่อสร้างมัลแวร์และหาช่องโหว่ได้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรสูง เช่น GPU farm อีกต่อไป

    รายงานแนะนำให้ผู้ดูแลระบบ ICS/OT ดำเนินการทันที เช่น ปิดการเข้าถึงจากสาธารณะ, กำหนดค่าเริ่มต้นของผู้ขายให้ปลอดภัยขึ้น, และร่วมมือกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพราะระบบเหล่านี้ไม่ได้แค่ควบคุมเครื่องจักร — แต่ควบคุม “ความไว้วางใจ” ของสังคม

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    จำนวนระบบ ICS/OT ที่เปิดเผยต่ออินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น 12% ในปี 2024
    คาดว่าจะทะลุ 200,000 จุดภายในสิ้นปี 2025 หากไม่มีการแก้ไข
    ระบบที่เสี่ยงรวมถึงอุปกรณ์ควบคุมโรงงานน้ำ, ระบบอัตโนมัติในอาคาร, และเครื่องวัดถังน้ำมัน
    หลายระบบมีช่องโหว่ระดับ CVSS 10.0 ที่สามารถถูกโจมตีได้ง่าย
    มัลแวร์ใหม่ เช่น FrostyGoop และ Fuxnet ถูกออกแบบมาเพื่อเจาะ ICS โดยเฉพาะ
    AI ช่วยทั้งฝั่งป้องกันและโจมตี โดยลดต้นทุนการค้นหาช่องโหว่
    การเปิดเผยระบบมักเกิดจากความสะดวก เช่น การติดตั้งเร็วและการเข้าถึงจากระยะไกล
    รายงานแนะนำให้ปิดการเข้าถึงสาธารณะและปรับค่าความปลอดภัยของผู้ขาย
    ระบบ ICS/OT ควบคุมมากกว่าเครื่องจักร — มันควบคุมความไว้วางใจของสังคม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ICS (Industrial Control Systems) คือระบบที่ใช้ควบคุมกระบวนการในโรงงานและโครงสร้างพื้นฐาน
    OT (Operational Technology) คือเทคโนโลยีที่ใช้ในการควบคุมและตรวจสอบอุปกรณ์ทางกายภาพ
    CVSS (Common Vulnerability Scoring System) ใช้ประเมินความรุนแรงของช่องโหว่
    FrostyGoop ใช้โปรโตคอล Modbus TCP เพื่อควบคุมอุปกรณ์ ICS โดยตรง
    ประเทศที่มีอัตราการเปิดเผยสูงสุดต่อจำนวนบริษัทคืออิตาลีและสเปน ส่วนสหรัฐฯ มีจำนวนรวมสูงสุด

    https://www.techradar.com/pro/security/unforgivable-exposure-more-than-200-000-industrial-systems-are-needlessly-exposed-to-the-web-and-hackers-and-theres-no-absolutely-excuse
    🌐 “ระบบอุตสาหกรรมกว่า 200,000 จุดเสี่ยงถูกแฮก — รายงานชี้ความประมาทและความสะดวกกลายเป็นภัยไซเบอร์ระดับชาติ” หลังจากหลายปีที่มีความพยายามลดความเสี่ยงด้านไซเบอร์ในระบบควบคุมอุตสาหกรรม (ICS/OT) รายงานล่าสุดจาก Bitsight กลับพบว่าแนวโน้มการเปิดเผยระบบต่ออินเทอร์เน็ตกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยในปี 2024 จำนวนอุปกรณ์ที่เข้าถึงได้จากสาธารณะเพิ่มขึ้นจาก 160,000 เป็น 180,000 จุด หรือเพิ่มขึ้น 12% และคาดว่าจะทะลุ 200,000 จุดภายในสิ้นปี 2025 ระบบเหล่านี้รวมถึงอุปกรณ์ควบคุมโรงงานน้ำ, ระบบอัตโนมัติในอาคาร, และเครื่องวัดระดับถังน้ำมันที่ไม่มีระบบยืนยันตัวตน ซึ่งหลายตัวมีช่องโหว่ระดับ CVSS 10.0 ที่สามารถถูกโจมตีได้ง่าย โดยมัลแวร์ใหม่อย่าง FrostyGoop และ Fuxnet ถูกออกแบบมาเพื่อเจาะระบบ ICS โดยเฉพาะ Pedro Umbelino นักวิจัยจาก Bitsight เตือนว่า “นี่ไม่ใช่แค่ความผิดพลาด — แต่มันคือความเสี่ยงเชิงระบบที่ไม่อาจให้อภัยได้” เพราะการเปิดระบบเหล่านี้ต่ออินเทอร์เน็ตมักเกิดจากความสะดวก เช่น การติดตั้งเร็ว, การเข้าถึงจากระยะไกล, หรือการเชื่อมต่อทุกอย่างไว้ในระบบเดียว โดยไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัย AI ก็มีบทบาททั้งด้านดีและร้าย — ฝั่งผู้ป้องกันใช้ machine learning เพื่อสแกนและตรวจจับความผิดปกติในระบบ แต่ฝั่งผู้โจมตีก็ใช้ LLM เพื่อสร้างมัลแวร์และหาช่องโหว่ได้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรสูง เช่น GPU farm อีกต่อไป รายงานแนะนำให้ผู้ดูแลระบบ ICS/OT ดำเนินการทันที เช่น ปิดการเข้าถึงจากสาธารณะ, กำหนดค่าเริ่มต้นของผู้ขายให้ปลอดภัยขึ้น, และร่วมมือกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพราะระบบเหล่านี้ไม่ได้แค่ควบคุมเครื่องจักร — แต่ควบคุม “ความไว้วางใจ” ของสังคม ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ จำนวนระบบ ICS/OT ที่เปิดเผยต่ออินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น 12% ในปี 2024 ➡️ คาดว่าจะทะลุ 200,000 จุดภายในสิ้นปี 2025 หากไม่มีการแก้ไข ➡️ ระบบที่เสี่ยงรวมถึงอุปกรณ์ควบคุมโรงงานน้ำ, ระบบอัตโนมัติในอาคาร, และเครื่องวัดถังน้ำมัน ➡️ หลายระบบมีช่องโหว่ระดับ CVSS 10.0 ที่สามารถถูกโจมตีได้ง่าย ➡️ มัลแวร์ใหม่ เช่น FrostyGoop และ Fuxnet ถูกออกแบบมาเพื่อเจาะ ICS โดยเฉพาะ ➡️ AI ช่วยทั้งฝั่งป้องกันและโจมตี โดยลดต้นทุนการค้นหาช่องโหว่ ➡️ การเปิดเผยระบบมักเกิดจากความสะดวก เช่น การติดตั้งเร็วและการเข้าถึงจากระยะไกล ➡️ รายงานแนะนำให้ปิดการเข้าถึงสาธารณะและปรับค่าความปลอดภัยของผู้ขาย ➡️ ระบบ ICS/OT ควบคุมมากกว่าเครื่องจักร — มันควบคุมความไว้วางใจของสังคม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ICS (Industrial Control Systems) คือระบบที่ใช้ควบคุมกระบวนการในโรงงานและโครงสร้างพื้นฐาน ➡️ OT (Operational Technology) คือเทคโนโลยีที่ใช้ในการควบคุมและตรวจสอบอุปกรณ์ทางกายภาพ ➡️ CVSS (Common Vulnerability Scoring System) ใช้ประเมินความรุนแรงของช่องโหว่ ➡️ FrostyGoop ใช้โปรโตคอล Modbus TCP เพื่อควบคุมอุปกรณ์ ICS โดยตรง ➡️ ประเทศที่มีอัตราการเปิดเผยสูงสุดต่อจำนวนบริษัทคืออิตาลีและสเปน ส่วนสหรัฐฯ มีจำนวนรวมสูงสุด https://www.techradar.com/pro/security/unforgivable-exposure-more-than-200-000-industrial-systems-are-needlessly-exposed-to-the-web-and-hackers-and-theres-no-absolutely-excuse
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Samsung เปิดตัว TRUEBench — เครื่องมือวัดประสิทธิภาพ AI ในงานออฟฟิศจริง พร้อมเปิดให้เปรียบเทียบโมเดลบน Hugging Face”

    ในยุคที่ AI กำลังเข้ามาแทนที่งานมนุษย์ในหลายองค์กร คำถามสำคัญคือ “AI ทำงานได้ดีแค่ไหนเมื่อเจอกับงานจริง?” ล่าสุด Samsung ได้เปิดตัว TRUEBench (Trustworthy Real-world Usage Evaluation Benchmark) ซึ่งเป็นระบบทดสอบใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อวัดความสามารถของ AI chatbot และโมเดลภาษาในบริบทการทำงานจริง ไม่ใช่แค่การตอบคำถามแบบห้องเรียน

    TRUEBench ประกอบด้วยชุดทดสอบกว่า 2,485 รายการ ครอบคลุม 10 หมวดงาน เช่น การสรุปเอกสาร, การแปลหลายภาษา, การวิเคราะห์ข้อมูล และการสร้างเนื้อหา โดยรองรับถึง 12 ภาษา และมีความยาวอินพุตตั้งแต่ 8 ตัวอักษรไปจนถึงมากกว่า 20,000 ตัวอักษร เพื่อจำลองทั้งคำสั่งสั้น ๆ และรายงานยาว ๆ ที่พบในชีวิตจริง

    สิ่งที่ทำให้ TRUEBench แตกต่างคือ “ความเข้มงวด” ในการให้คะแนน — หากโมเดลไม่สามารถทำตามเงื่อนไขทั้งหมดได้ จะถือว่า “สอบตก” ไม่มีคะแนนบางส่วนเหมือนระบบอื่น ๆ และเพื่อความแม่นยำ Samsung ใช้ระบบร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI ในการออกแบบเกณฑ์การประเมิน โดยให้ AI ตรวจสอบความขัดแย้งหรือข้อจำกัดที่ไม่จำเป็น ก่อนที่มนุษย์จะปรับแก้และนำไปใช้จริง

    TRUEBench ยังเปิดให้ใช้งานบางส่วนบนแพลตฟอร์ม Hugging Face โดยมี leaderboard สำหรับเปรียบเทียบโมเดลได้สูงสุด 5 ตัว พร้อมเปิดเผยค่าเฉลี่ยความยาวของคำตอบ เพื่อวัดทั้งความแม่นยำและประสิทธิภาพในการตอบสนอง

    แม้จะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างมาตรฐานใหม่ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า benchmark ยังเป็นการวัดแบบสังเคราะห์ ไม่สามารถสะท้อนความซับซ้อนของการสื่อสารในที่ทำงานได้ทั้งหมด และอาจยิ่งทำให้ผู้บริหารใช้มันเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจแทนมนุษย์มากขึ้น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Samsung เปิดตัว TRUEBench เพื่อวัดประสิทธิภาพ AI ในงานออฟฟิศจริง
    ประกอบด้วย 2,485 ชุดทดสอบ ครอบคลุม 10 หมวดงาน และ 12 ภาษา
    อินพุตมีความยาวตั้งแต่ 8 ถึง 20,000 ตัวอักษร เพื่อจำลองงานจริง
    ใช้ระบบร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI ในการออกแบบเกณฑ์การประเมิน
    หากโมเดลไม่ผ่านเงื่อนไขทั้งหมด จะถือว่าสอบตก ไม่มีคะแนนบางส่วน
    เปิดให้ใช้งานบางส่วนบน Hugging Face พร้อม leaderboard เปรียบเทียบโมเดล
    เปิดเผยค่าเฉลี่ยความยาวของคำตอบ เพื่อวัดประสิทธิภาพควบคู่กับความแม่นยำ
    TRUEBench มุ่งสร้างมาตรฐานใหม่ในการวัด productivity ของ AI

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Hugging Face เป็นแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สที่นิยมใช้เปรียบเทียบโมเดล AI
    MLPerf เป็น benchmark ที่ใช้วัดประสิทธิภาพ AI ในงาน inference และ training
    การวัด productivity ของ AI ยังเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่มีมาตรฐานกลาง
    การใช้ AI ในงานออฟฟิศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น การสรุปอีเมล, จัดประชุม, วิเคราะห์ข้อมูล
    การออกแบบเกณฑ์ร่วมระหว่างมนุษย์และ AI ช่วยลดอคติและเพิ่มความแม่นยำในการประเมิน

    https://www.techradar.com/pro/security/worried-about-ai-taking-your-job-samsungs-new-tool-will-let-your-boss-track-just-how-well-its-doing
    📊 “Samsung เปิดตัว TRUEBench — เครื่องมือวัดประสิทธิภาพ AI ในงานออฟฟิศจริง พร้อมเปิดให้เปรียบเทียบโมเดลบน Hugging Face” ในยุคที่ AI กำลังเข้ามาแทนที่งานมนุษย์ในหลายองค์กร คำถามสำคัญคือ “AI ทำงานได้ดีแค่ไหนเมื่อเจอกับงานจริง?” ล่าสุด Samsung ได้เปิดตัว TRUEBench (Trustworthy Real-world Usage Evaluation Benchmark) ซึ่งเป็นระบบทดสอบใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อวัดความสามารถของ AI chatbot และโมเดลภาษาในบริบทการทำงานจริง ไม่ใช่แค่การตอบคำถามแบบห้องเรียน TRUEBench ประกอบด้วยชุดทดสอบกว่า 2,485 รายการ ครอบคลุม 10 หมวดงาน เช่น การสรุปเอกสาร, การแปลหลายภาษา, การวิเคราะห์ข้อมูล และการสร้างเนื้อหา โดยรองรับถึง 12 ภาษา และมีความยาวอินพุตตั้งแต่ 8 ตัวอักษรไปจนถึงมากกว่า 20,000 ตัวอักษร เพื่อจำลองทั้งคำสั่งสั้น ๆ และรายงานยาว ๆ ที่พบในชีวิตจริง สิ่งที่ทำให้ TRUEBench แตกต่างคือ “ความเข้มงวด” ในการให้คะแนน — หากโมเดลไม่สามารถทำตามเงื่อนไขทั้งหมดได้ จะถือว่า “สอบตก” ไม่มีคะแนนบางส่วนเหมือนระบบอื่น ๆ และเพื่อความแม่นยำ Samsung ใช้ระบบร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI ในการออกแบบเกณฑ์การประเมิน โดยให้ AI ตรวจสอบความขัดแย้งหรือข้อจำกัดที่ไม่จำเป็น ก่อนที่มนุษย์จะปรับแก้และนำไปใช้จริง TRUEBench ยังเปิดให้ใช้งานบางส่วนบนแพลตฟอร์ม Hugging Face โดยมี leaderboard สำหรับเปรียบเทียบโมเดลได้สูงสุด 5 ตัว พร้อมเปิดเผยค่าเฉลี่ยความยาวของคำตอบ เพื่อวัดทั้งความแม่นยำและประสิทธิภาพในการตอบสนอง แม้จะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างมาตรฐานใหม่ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า benchmark ยังเป็นการวัดแบบสังเคราะห์ ไม่สามารถสะท้อนความซับซ้อนของการสื่อสารในที่ทำงานได้ทั้งหมด และอาจยิ่งทำให้ผู้บริหารใช้มันเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจแทนมนุษย์มากขึ้น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Samsung เปิดตัว TRUEBench เพื่อวัดประสิทธิภาพ AI ในงานออฟฟิศจริง ➡️ ประกอบด้วย 2,485 ชุดทดสอบ ครอบคลุม 10 หมวดงาน และ 12 ภาษา ➡️ อินพุตมีความยาวตั้งแต่ 8 ถึง 20,000 ตัวอักษร เพื่อจำลองงานจริง ➡️ ใช้ระบบร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI ในการออกแบบเกณฑ์การประเมิน ➡️ หากโมเดลไม่ผ่านเงื่อนไขทั้งหมด จะถือว่าสอบตก ไม่มีคะแนนบางส่วน ➡️ เปิดให้ใช้งานบางส่วนบน Hugging Face พร้อม leaderboard เปรียบเทียบโมเดล ➡️ เปิดเผยค่าเฉลี่ยความยาวของคำตอบ เพื่อวัดประสิทธิภาพควบคู่กับความแม่นยำ ➡️ TRUEBench มุ่งสร้างมาตรฐานใหม่ในการวัด productivity ของ AI ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Hugging Face เป็นแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สที่นิยมใช้เปรียบเทียบโมเดล AI ➡️ MLPerf เป็น benchmark ที่ใช้วัดประสิทธิภาพ AI ในงาน inference และ training ➡️ การวัด productivity ของ AI ยังเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่มีมาตรฐานกลาง ➡️ การใช้ AI ในงานออฟฟิศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น การสรุปอีเมล, จัดประชุม, วิเคราะห์ข้อมูล ➡️ การออกแบบเกณฑ์ร่วมระหว่างมนุษย์และ AI ช่วยลดอคติและเพิ่มความแม่นยำในการประเมิน https://www.techradar.com/pro/security/worried-about-ai-taking-your-job-samsungs-new-tool-will-let-your-boss-track-just-how-well-its-doing
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • “J GROUP อ้างเจาะระบบ Dimensional Control Systems — ข้อมูลลูกค้า Boeing, Samsung, Siemens เสี่ยงหลุด”

    กลุ่มแฮกเกอร์หน้าใหม่ชื่อว่า “J GROUP” ได้ออกมาอ้างว่าได้เจาะระบบของบริษัท Dimensional Control Systems (DCS) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ด้านวิศวกรรมคุณภาพที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตระดับโลก โดยมีลูกค้ารายใหญ่ เช่น Boeing, Samsung, Siemens, Volkswagen และ Philips Medical

    แฮกเกอร์ระบุว่าได้ขโมยข้อมูลกว่า 11GB ซึ่งรวมถึงเอกสารภายในที่ละเอียดอ่อน เช่น สถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์, ไฟล์การตั้งค่าระบบ CAE, HPC และ PLM, ข้อมูลเมตาของลูกค้า, สิทธิ์การเข้าถึงของผู้ใช้, รายงานการตรวจสอบ, เอกสารทางกฎหมาย และขั้นตอนการสำรองข้อมูลและสนับสนุนทางเทคนิค

    เพื่อพิสูจน์การโจมตี J GROUP ได้ปล่อยไฟล์ .txt และโฟลเดอร์บีบอัดที่มีตัวอย่างเอกสาร ซึ่งนักวิจัยจาก Cybernews ได้ตรวจสอบแล้วพบว่ามีชื่อพนักงานและรายงานค่าใช้จ่าย แต่ยังไม่สามารถยืนยันความถูกต้องของข้อมูลได้แน่ชัด และเตือนว่าแฮกเกอร์มักนำข้อมูลเก่ามาใช้ใหม่เพื่อสร้างแรงกดดัน

    DCS ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐมิชิแกน ยังไม่ออกมายืนยันหรือปฏิเสธเหตุการณ์นี้อย่างเป็นทางการ แต่หากข้อมูลที่หลุดเป็นของจริง อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า ความมั่นคงของระบบ และสถานะทางกฎหมายของบริษัทอย่างรุนแรง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    J GROUP อ้างว่าเจาะระบบของ Dimensional Control Systems และขโมยข้อมูล 11GB
    ข้อมูลที่ถูกขโมยรวมถึงสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์, การตั้งค่าระบบ, เมตาของลูกค้า และเอกสารทางกฎหมาย
    มีการปล่อยไฟล์ตัวอย่างเพื่อพิสูจน์การโจมตี เช่น .txt และโฟลเดอร์บีบอัด
    Cybernews ตรวจสอบแล้วพบชื่อพนักงานและรายงานค่าใช้จ่าย แต่ยังไม่ยืนยันความถูกต้อง
    DCS ยังไม่ออกมายืนยันหรือปฏิเสธเหตุการณ์นี้
    DCS เป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ 3DCS Variation Analyst ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต
    ลูกค้าของ DCS ได้แก่ Boeing, Siemens, Samsung, Volkswagen, Philips Medical ฯลฯ
    หากข้อมูลเป็นของจริง อาจกระทบต่อความมั่นคงของระบบและความเชื่อมั่นของลูกค้า

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    3DCS Variation Analyst ใช้ในการจำลองความคลาดเคลื่อนของชิ้นส่วนก่อนการผลิต
    CAE, HPC และ PLM เป็นระบบที่ใช้ในงานวิศวกรรมขั้นสูงและการจัดการผลิตภัณฑ์
    การโจมตีแบบ ransomware มักใช้การขู่เปิดเผยข้อมูลเพื่อเรียกค่าไถ่
    J GROUP เป็นกลุ่มแฮกเกอร์หน้าใหม่ที่เริ่มปรากฏในต้นปี 2025
    กลุ่มแฮกเกอร์บางกลุ่มเริ่มเปลี่ยนจากการเรียกค่าไถ่เป็นการขายข้อมูลให้ผู้เสนอราคาสูงสุด

    https://www.techradar.com/pro/security/hackers-claim-to-have-hit-third-part-provider-for-boeing-samsung-and-more
    🧨 “J GROUP อ้างเจาะระบบ Dimensional Control Systems — ข้อมูลลูกค้า Boeing, Samsung, Siemens เสี่ยงหลุด” กลุ่มแฮกเกอร์หน้าใหม่ชื่อว่า “J GROUP” ได้ออกมาอ้างว่าได้เจาะระบบของบริษัท Dimensional Control Systems (DCS) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ด้านวิศวกรรมคุณภาพที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตระดับโลก โดยมีลูกค้ารายใหญ่ เช่น Boeing, Samsung, Siemens, Volkswagen และ Philips Medical แฮกเกอร์ระบุว่าได้ขโมยข้อมูลกว่า 11GB ซึ่งรวมถึงเอกสารภายในที่ละเอียดอ่อน เช่น สถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์, ไฟล์การตั้งค่าระบบ CAE, HPC และ PLM, ข้อมูลเมตาของลูกค้า, สิทธิ์การเข้าถึงของผู้ใช้, รายงานการตรวจสอบ, เอกสารทางกฎหมาย และขั้นตอนการสำรองข้อมูลและสนับสนุนทางเทคนิค เพื่อพิสูจน์การโจมตี J GROUP ได้ปล่อยไฟล์ .txt และโฟลเดอร์บีบอัดที่มีตัวอย่างเอกสาร ซึ่งนักวิจัยจาก Cybernews ได้ตรวจสอบแล้วพบว่ามีชื่อพนักงานและรายงานค่าใช้จ่าย แต่ยังไม่สามารถยืนยันความถูกต้องของข้อมูลได้แน่ชัด และเตือนว่าแฮกเกอร์มักนำข้อมูลเก่ามาใช้ใหม่เพื่อสร้างแรงกดดัน DCS ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐมิชิแกน ยังไม่ออกมายืนยันหรือปฏิเสธเหตุการณ์นี้อย่างเป็นทางการ แต่หากข้อมูลที่หลุดเป็นของจริง อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า ความมั่นคงของระบบ และสถานะทางกฎหมายของบริษัทอย่างรุนแรง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ J GROUP อ้างว่าเจาะระบบของ Dimensional Control Systems และขโมยข้อมูล 11GB ➡️ ข้อมูลที่ถูกขโมยรวมถึงสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์, การตั้งค่าระบบ, เมตาของลูกค้า และเอกสารทางกฎหมาย ➡️ มีการปล่อยไฟล์ตัวอย่างเพื่อพิสูจน์การโจมตี เช่น .txt และโฟลเดอร์บีบอัด ➡️ Cybernews ตรวจสอบแล้วพบชื่อพนักงานและรายงานค่าใช้จ่าย แต่ยังไม่ยืนยันความถูกต้อง ➡️ DCS ยังไม่ออกมายืนยันหรือปฏิเสธเหตุการณ์นี้ ➡️ DCS เป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ 3DCS Variation Analyst ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต ➡️ ลูกค้าของ DCS ได้แก่ Boeing, Siemens, Samsung, Volkswagen, Philips Medical ฯลฯ ➡️ หากข้อมูลเป็นของจริง อาจกระทบต่อความมั่นคงของระบบและความเชื่อมั่นของลูกค้า ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ 3DCS Variation Analyst ใช้ในการจำลองความคลาดเคลื่อนของชิ้นส่วนก่อนการผลิต ➡️ CAE, HPC และ PLM เป็นระบบที่ใช้ในงานวิศวกรรมขั้นสูงและการจัดการผลิตภัณฑ์ ➡️ การโจมตีแบบ ransomware มักใช้การขู่เปิดเผยข้อมูลเพื่อเรียกค่าไถ่ ➡️ J GROUP เป็นกลุ่มแฮกเกอร์หน้าใหม่ที่เริ่มปรากฏในต้นปี 2025 ➡️ กลุ่มแฮกเกอร์บางกลุ่มเริ่มเปลี่ยนจากการเรียกค่าไถ่เป็นการขายข้อมูลให้ผู้เสนอราคาสูงสุด https://www.techradar.com/pro/security/hackers-claim-to-have-hit-third-part-provider-for-boeing-samsung-and-more
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Microsoft Defender for Endpoint แจ้งเตือนผิดพลาดเรื่อง BIOS บนเครื่อง Dell — ผู้ดูแลระบบทั่วโลกปวดหัวกับการอัปเดตที่ไม่จำเป็น”

    ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2025 ผู้ดูแลระบบหลายองค์กรทั่วโลกเริ่มพบปัญหาแปลกจาก Microsoft Defender for Endpoint ซึ่งแจ้งเตือนว่า BIOS บนอุปกรณ์ Dell นั้นล้าสมัยและต้องอัปเดต ทั้งที่จริงแล้วเครื่องเหล่านั้นใช้เวอร์ชันล่าสุดอยู่แล้ว

    Microsoft ยืนยันว่าเป็น “บั๊กในตรรกะของโค้ด” ที่ใช้ตรวจสอบช่องโหว่บนอุปกรณ์ Dell โดยระบบดึงข้อมูล BIOS มาประเมินผิดพลาด ทำให้เกิดการแจ้งเตือนแบบ false positive ซึ่งสร้างความสับสนและภาระงานให้กับทีม IT ที่ต้องตรวจสอบทีละเครื่อง

    ปัญหานี้ถูกติดตามภายใต้รหัส DZ1163521 และแม้ว่า Microsoft จะพัฒนาแพตช์แก้ไขเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้ปล่อยออกมาในระบบจริง ทำให้ผู้ใช้ต้องรอการอัปเดตในรอบถัดไป โดยในระหว่างนี้ ผู้ดูแลระบบต้องตรวจสอบสถานะ BIOS ด้วยตนเองเพื่อแยกแยะว่าเป็นการแจ้งเตือนผิดหรือไม่

    ความผิดพลาดนี้ไม่ได้เกิดจาก BIOS ของ Dell เอง แต่เป็นข้อผิดพลาดในการประมวลผลของ Defender ซึ่งส่งผลกระทบต่อองค์กรที่ใช้ระบบ Microsoft 365 และมีการใช้งาน Defender for Endpoint ในการตรวจสอบความปลอดภัยของอุปกรณ์

    นักวิเคราะห์เตือนว่า false alert แบบนี้อาจนำไปสู่ “alert fatigue” หรือภาวะที่ผู้ดูแลระบบเริ่มละเลยการแจ้งเตือนจริง เพราะถูกกระตุ้นด้วยข้อมูลผิดพลาดบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อการปล่อยให้ภัยคุกคามจริงหลุดรอดไปได้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Microsoft Defender for Endpoint แจ้งเตือนผิดพลาดว่า BIOS บนอุปกรณ์ Dell ล้าสมัย
    สาเหตุเกิดจากบั๊กในตรรกะของโค้ดที่ใช้ประเมินช่องโหว่
    ปัญหานี้ถูกติดตามภายใต้รหัส DZ1163521
    Microsoft พัฒนาแพตช์แก้ไขแล้ว แต่ยังไม่ได้ปล่อยใช้งานจริง
    ผู้ดูแลระบบต้องตรวจสอบ BIOS ด้วยตนเองเพื่อแยกแยะ false alert
    ปัญหานี้เกิดเฉพาะกับอุปกรณ์ Dell ที่ใช้ Defender for Endpoint
    ไม่ใช่ช่องโหว่ใน BIOS ของ Dell แต่เป็นข้อผิดพลาดในระบบของ Microsoft
    ส่งผลให้เกิดภาระงานและความสับสนในทีม IT
    Microsoft Defender for Endpoint เป็นระบบ XDR ที่ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    BIOS คือระบบพื้นฐานที่ควบคุมการทำงานของฮาร์ดแวร์ก่อนเข้าสู่ระบบปฏิบัติการ
    การอัปเดต BIOS มีความสำคัญต่อความปลอดภัยระดับล่างของระบบ
    Alert fatigue เป็นภาวะที่ผู้ดูแลระบบเริ่มละเลยการแจ้งเตือนเพราะเจอ false alert บ่อย
    Defender for Endpoint ใช้ในองค์กรภาครัฐ การเงิน และสาธารณสุขอย่างแพร่หลาย
    การตรวจสอบ BIOS ควรทำผ่านช่องทางของ Dell โดยตรงเพื่อความแม่นยำ

    https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-scrambles-to-fix-annoying-defender-issue-that-demands-users-update-their-devices
    🛠️ “Microsoft Defender for Endpoint แจ้งเตือนผิดพลาดเรื่อง BIOS บนเครื่อง Dell — ผู้ดูแลระบบทั่วโลกปวดหัวกับการอัปเดตที่ไม่จำเป็น” ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2025 ผู้ดูแลระบบหลายองค์กรทั่วโลกเริ่มพบปัญหาแปลกจาก Microsoft Defender for Endpoint ซึ่งแจ้งเตือนว่า BIOS บนอุปกรณ์ Dell นั้นล้าสมัยและต้องอัปเดต ทั้งที่จริงแล้วเครื่องเหล่านั้นใช้เวอร์ชันล่าสุดอยู่แล้ว Microsoft ยืนยันว่าเป็น “บั๊กในตรรกะของโค้ด” ที่ใช้ตรวจสอบช่องโหว่บนอุปกรณ์ Dell โดยระบบดึงข้อมูล BIOS มาประเมินผิดพลาด ทำให้เกิดการแจ้งเตือนแบบ false positive ซึ่งสร้างความสับสนและภาระงานให้กับทีม IT ที่ต้องตรวจสอบทีละเครื่อง ปัญหานี้ถูกติดตามภายใต้รหัส DZ1163521 และแม้ว่า Microsoft จะพัฒนาแพตช์แก้ไขเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้ปล่อยออกมาในระบบจริง ทำให้ผู้ใช้ต้องรอการอัปเดตในรอบถัดไป โดยในระหว่างนี้ ผู้ดูแลระบบต้องตรวจสอบสถานะ BIOS ด้วยตนเองเพื่อแยกแยะว่าเป็นการแจ้งเตือนผิดหรือไม่ ความผิดพลาดนี้ไม่ได้เกิดจาก BIOS ของ Dell เอง แต่เป็นข้อผิดพลาดในการประมวลผลของ Defender ซึ่งส่งผลกระทบต่อองค์กรที่ใช้ระบบ Microsoft 365 และมีการใช้งาน Defender for Endpoint ในการตรวจสอบความปลอดภัยของอุปกรณ์ นักวิเคราะห์เตือนว่า false alert แบบนี้อาจนำไปสู่ “alert fatigue” หรือภาวะที่ผู้ดูแลระบบเริ่มละเลยการแจ้งเตือนจริง เพราะถูกกระตุ้นด้วยข้อมูลผิดพลาดบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อการปล่อยให้ภัยคุกคามจริงหลุดรอดไปได้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Microsoft Defender for Endpoint แจ้งเตือนผิดพลาดว่า BIOS บนอุปกรณ์ Dell ล้าสมัย ➡️ สาเหตุเกิดจากบั๊กในตรรกะของโค้ดที่ใช้ประเมินช่องโหว่ ➡️ ปัญหานี้ถูกติดตามภายใต้รหัส DZ1163521 ➡️ Microsoft พัฒนาแพตช์แก้ไขแล้ว แต่ยังไม่ได้ปล่อยใช้งานจริง ➡️ ผู้ดูแลระบบต้องตรวจสอบ BIOS ด้วยตนเองเพื่อแยกแยะ false alert ➡️ ปัญหานี้เกิดเฉพาะกับอุปกรณ์ Dell ที่ใช้ Defender for Endpoint ➡️ ไม่ใช่ช่องโหว่ใน BIOS ของ Dell แต่เป็นข้อผิดพลาดในระบบของ Microsoft ➡️ ส่งผลให้เกิดภาระงานและความสับสนในทีม IT ➡️ Microsoft Defender for Endpoint เป็นระบบ XDR ที่ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ BIOS คือระบบพื้นฐานที่ควบคุมการทำงานของฮาร์ดแวร์ก่อนเข้าสู่ระบบปฏิบัติการ ➡️ การอัปเดต BIOS มีความสำคัญต่อความปลอดภัยระดับล่างของระบบ ➡️ Alert fatigue เป็นภาวะที่ผู้ดูแลระบบเริ่มละเลยการแจ้งเตือนเพราะเจอ false alert บ่อย ➡️ Defender for Endpoint ใช้ในองค์กรภาครัฐ การเงิน และสาธารณสุขอย่างแพร่หลาย ➡️ การตรวจสอบ BIOS ควรทำผ่านช่องทางของ Dell โดยตรงเพื่อความแม่นยำ https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-scrambles-to-fix-annoying-defender-issue-that-demands-users-update-their-devices
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • “DetourDog: มัลแวร์ DNS ที่แอบเปลี่ยนเส้นทางกว่า 30,000 เว็บไซต์ — แพร่ Strela Stealer โดยไม่ให้เหยื่อรู้ตัว”

    นักวิจัยจาก Infoblox ได้เปิดเผยแคมเปญมัลแวร์ขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า “DetourDog” ซึ่งสามารถแอบเปลี่ยนเส้นทางเว็บไซต์กว่า 30,000 แห่ง โดยใช้เทคนิคการโจมตีผ่าน DNS ที่ซับซ้อนและยากต่อการตรวจจับ จุดเด่นของแคมเปญนี้คือการใช้ DNS redirection จากฝั่งเซิร์ฟเวอร์ ไม่ใช่จากฝั่งผู้ใช้ ทำให้เหยื่อไม่รู้ตัวเลยว่าถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บไซต์ที่ฝังมัลแวร์

    เมื่อผู้ใช้เข้าเว็บไซต์ที่ถูกติดมัลแวร์ DetourDog จะเปลี่ยนเส้นทางไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่โฮสต์ Strela Stealer ซึ่งเป็นมัลแวร์แบบ modular ที่สามารถขโมยข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น อีเมล Microsoft Outlook, Thunderbird และเบราว์เซอร์ต่าง ๆ โดยใช้เทคนิค drive-by download หรือการโจมตีผ่านช่องโหว่ของเบราว์เซอร์

    DetourDog ยังใช้โครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อน เช่น registrar ที่ถูกแฮก DNS provider ที่ถูกควบคุม และโดเมนที่ตั้งค่าผิด เพื่อกระจายมัลแวร์ให้กว้างขึ้น Strela Stealer เองก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2022 และตอนนี้สามารถสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมเพื่ออัปเดตตัวเองและส่งข้อมูลที่ขโมยไปได้แบบ persistent

    แม้จะยังไม่สามารถระบุได้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่คำว่า “strela” แปลว่า “ลูกศร” ในภาษารัสเซียและสลาฟอื่น ๆ ซึ่งอาจเป็นเบาะแสถึงต้นทางของแคมเปญนี้ ขณะนี้ Infoblox ได้แจ้งเตือนเจ้าของโดเมนที่ได้รับผลกระทบและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ขอบเขตของความเสียหายยังไม่ชัดเจน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    DetourDog เป็นแคมเปญมัลแวร์ที่ใช้ DNS redirection เพื่อเปลี่ยนเส้นทางเว็บไซต์กว่า 30,000 แห่ง
    DNS requests ถูกส่งจากฝั่งเซิร์ฟเวอร์ ทำให้เหยื่อไม่รู้ตัว
    เหยื่อถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บไซต์ที่โฮสต์ Strela Stealer
    Strela Stealer เป็นมัลแวร์แบบ modular ที่ขโมยข้อมูลจากอีเมลและเบราว์เซอร์
    ใช้เทคนิค drive-by download และ browser exploit เพื่อแพร่กระจาย
    โครงสร้างมัลแวร์ใช้ registrar, DNS provider และโดเมนที่ถูกควบคุม
    Strela Stealer สามารถสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมเพื่ออัปเดตและส่งข้อมูล
    Infoblox แจ้งเตือนเจ้าของโดเมนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
    คำว่า “strela” แปลว่า “ลูกศร” ในภาษารัสเซีย อาจเป็นเบาะแสถึงต้นทาง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    DNS redirection เป็นเทคนิคที่ใช้เปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้โดยไม่ต้องแก้ไขเนื้อหาเว็บ
    Infostealer เป็นมัลแวร์ที่เน้นขโมยข้อมูล credential และ session
    Drive-by download คือการติดมัลแวร์โดยไม่ต้องคลิกหรือดาวน์โหลดไฟล์
    การโจมตีผ่าน DNS ทำให้ระบบตรวจจับทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้
    Strela Stealer มีความสามารถในการปรับตัวและหลบเลี่ยงการตรวจจับ

    https://www.techradar.com/pro/security/dangerous-dns-malware-infects-over-30-000-websites-so-be-on-your-guard
    🕵️‍♂️ “DetourDog: มัลแวร์ DNS ที่แอบเปลี่ยนเส้นทางกว่า 30,000 เว็บไซต์ — แพร่ Strela Stealer โดยไม่ให้เหยื่อรู้ตัว” นักวิจัยจาก Infoblox ได้เปิดเผยแคมเปญมัลแวร์ขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า “DetourDog” ซึ่งสามารถแอบเปลี่ยนเส้นทางเว็บไซต์กว่า 30,000 แห่ง โดยใช้เทคนิคการโจมตีผ่าน DNS ที่ซับซ้อนและยากต่อการตรวจจับ จุดเด่นของแคมเปญนี้คือการใช้ DNS redirection จากฝั่งเซิร์ฟเวอร์ ไม่ใช่จากฝั่งผู้ใช้ ทำให้เหยื่อไม่รู้ตัวเลยว่าถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บไซต์ที่ฝังมัลแวร์ เมื่อผู้ใช้เข้าเว็บไซต์ที่ถูกติดมัลแวร์ DetourDog จะเปลี่ยนเส้นทางไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่โฮสต์ Strela Stealer ซึ่งเป็นมัลแวร์แบบ modular ที่สามารถขโมยข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น อีเมล Microsoft Outlook, Thunderbird และเบราว์เซอร์ต่าง ๆ โดยใช้เทคนิค drive-by download หรือการโจมตีผ่านช่องโหว่ของเบราว์เซอร์ DetourDog ยังใช้โครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อน เช่น registrar ที่ถูกแฮก DNS provider ที่ถูกควบคุม และโดเมนที่ตั้งค่าผิด เพื่อกระจายมัลแวร์ให้กว้างขึ้น Strela Stealer เองก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2022 และตอนนี้สามารถสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมเพื่ออัปเดตตัวเองและส่งข้อมูลที่ขโมยไปได้แบบ persistent แม้จะยังไม่สามารถระบุได้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่คำว่า “strela” แปลว่า “ลูกศร” ในภาษารัสเซียและสลาฟอื่น ๆ ซึ่งอาจเป็นเบาะแสถึงต้นทางของแคมเปญนี้ ขณะนี้ Infoblox ได้แจ้งเตือนเจ้าของโดเมนที่ได้รับผลกระทบและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ขอบเขตของความเสียหายยังไม่ชัดเจน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ DetourDog เป็นแคมเปญมัลแวร์ที่ใช้ DNS redirection เพื่อเปลี่ยนเส้นทางเว็บไซต์กว่า 30,000 แห่ง ➡️ DNS requests ถูกส่งจากฝั่งเซิร์ฟเวอร์ ทำให้เหยื่อไม่รู้ตัว ➡️ เหยื่อถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บไซต์ที่โฮสต์ Strela Stealer ➡️ Strela Stealer เป็นมัลแวร์แบบ modular ที่ขโมยข้อมูลจากอีเมลและเบราว์เซอร์ ➡️ ใช้เทคนิค drive-by download และ browser exploit เพื่อแพร่กระจาย ➡️ โครงสร้างมัลแวร์ใช้ registrar, DNS provider และโดเมนที่ถูกควบคุม ➡️ Strela Stealer สามารถสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมเพื่ออัปเดตและส่งข้อมูล ➡️ Infoblox แจ้งเตือนเจ้าของโดเมนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ➡️ คำว่า “strela” แปลว่า “ลูกศร” ในภาษารัสเซีย อาจเป็นเบาะแสถึงต้นทาง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ DNS redirection เป็นเทคนิคที่ใช้เปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้โดยไม่ต้องแก้ไขเนื้อหาเว็บ ➡️ Infostealer เป็นมัลแวร์ที่เน้นขโมยข้อมูล credential และ session ➡️ Drive-by download คือการติดมัลแวร์โดยไม่ต้องคลิกหรือดาวน์โหลดไฟล์ ➡️ การโจมตีผ่าน DNS ทำให้ระบบตรวจจับทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้ ➡️ Strela Stealer มีความสามารถในการปรับตัวและหลบเลี่ยงการตรวจจับ https://www.techradar.com/pro/security/dangerous-dns-malware-infects-over-30-000-websites-so-be-on-your-guard
    WWW.TECHRADAR.COM
    Dangerous DNS malware infects over 30,000 websites - so be on your guard
    DetourDog is using compromised sites to deliver infostealers, experts warn
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts