• #เพื่อนรักหักเหลี่ยมโโฉดด
    การมาของเต้น กับตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
    แม้จะไม่ได้เป็นข้าราชการการเมือง แต่ก็ถือว่ามีความเท่ห์ไม่น้อย
    แต่การมาครั้งนี้ ไม่ได้มาแบบไร้เหตุผล
    เราย้อนกลับไปเมื่อปี 2566 วันที่พรรคเพื่อไทย
    ลงชิงสส.ทั่วประเทศ โดยเต้น ได้ทำหน้าที่เป็นหัวหอกในการปราศรัยทั่วประเทศ มีทั้งการสาปส่งสองลุง ไปถึงการไล่หนักอนุทินแห่งภูมิใจไทย
    กับยุทการ ไล่หนูตีงูวววเห่า ซึ่งเมื่อพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นอันดับที่สอง รองจากพรรคส้มเน่า โดยส้มเน่าไม่มีใครคบ และไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะมัวแต่จะล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย์ โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กับมุกเดิมๆ คือการลดทอนพระราชอำนาจ ทั้งๆที่ประชาชน ยังสามารถป้องกันเกียรติตนเองได้เมื่อถูกหมิ่น แต่กลับดึงดันให้สถาบันถูกให้ร้ายได้ โดยไม่ให้เกิดโทษกับผู้กระทำการ
    -นั่นจึงเป็นที่มาของการตั้งขั้วอำนาจ เพื่อไทย และสองลุง ซึ่งนอกจากหมอชลน่าน ที่ต้องยอมเอาตำแหน่งหัวหน้าพรรคเข้าแลก ยอมออกจากตำแหน่ง เต้นก็ถือว่า ปราศรัยแบบไม่เกรงใจลุงและอาหนูเลย ก็เป็นอันต้องลาจาก ไร้ตำแหน่ง จนน้ำตาคลอ ลั่นว่า จบแล้วกับเพื่อไทย
    -แต่ด้วยชีวิตที่อยู่ได้ ด้วยพื้นที่เวที กับการมีแสงทางการเมือง เต้นตัดสินใจนานแล้ว ตั้งแต่สมัยนายกเศรษฐาว่า อยากกลับมาช่วยเพื่อไทย ยอมลดศักดิ์ศรีของตนเอง เพราะรู้สึกเดียวดายเมื่อไม่มีแสงไฟสาดส่อง
    -เมื่อนายใหญ่กลับมา เต้น จึงได้ขอพื้นที่สื่อ ว่าตนเองพร้อมรับข้าวน่าวววมาใช้ในร้าน มั่นใจอาหย่อยแดรกด้าย ซึ่งก็ได้ใจนายใหญ่ไปไม่น้อย เพื่อปูทางให้นายเก่า นั่นคือยิ่งลักษณ์ ได้กลับมาสู่ประเทศไทย
    -ทักษิณเอง ก็ชอบที่จะตอบแทนบุญคุณคนที่เคยถวายตัวช่วยเหลือตน แต่มีนัยทางการเมือง ต้องสมเหตุสมผล จึงได้ดัน เต้น เข้าสู่การเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลลูกสาว
    ซึ่ง ที่มาก็คือ ดึงเต้นปะทะตู่จตุพร
    เพราะตั้งแต่ก่อนที่โทนี่จะกลับมา จนถึงปัจจุบัน ตู่จตุพรและทนายนกเขา มีการรุกไล่โทนี่ และรัฐบาลมาโดยตลอด ตั้งแต่ความผิดปกติในชั้น 14 ซึ่งหลายวาระ ก็ทำเอาโทนี่เซ แซดๆๆๆ ไปเหมือนกัน
    -ดังนั้น เรื่องการปะทะฝึปาก เรียกว่า ต่างรู้มือกัน ก็จะเป็นใครไม่ได้ นั่นก็คือ เต้น ณัฐวุฒินี่แหละ ที่จะทำให้ตู่ต้องเสียเวลาในการแก้เกมส์ ลดทอนเวลาในการรุกไล่รัฐบาล
    -เพราะการบ่มเพาะข้อมูล และการรวมพลังกับผู้ที่มองเห็นจุดปัญหาที่เกิดจากทักษิณเอง ก็ดูจะมีปริมาณมากขึ้น ยังไม่รวมถึงสนธิลิ้มทองกุล ที่เอ่ยเปรยๆว่า จะมีการลงถนน ซึ่งโทนี่เคยผ่านประสบการณ์นี้มาแล้ว ว่ามันพังทุกรอบ ไม่ว่าจะเป็นสมัยตนเอง สมัยสมชาย สมัย สมัคร หรือแม้กระทั่งสมัยน้องสาวที่ชื่อยิ่งลักษณ์ ต่างจบทางการเมืองจากการลงถนนของประชาชนทั้งสิ้น
    -ดังนั้นในภาวะนี้ จึงเป็นสิ่งจำเป็น ที่ต้องให้เต้น เข้ามาขวางตู่ไว้อีกทางหนึ่ง แม้ว่าเต้นเอง จะมีภาพจำระหว่างนักข่าว ที่ไม่สามารถตอบคำถามกรณีจำนำข้าวได้ และรัฐมนตรีบุญทรง ที่นั่้งอยู่ข้างๆเต้นในวันนั้นตอนนี้ก็ยังอยู่ในซักเต แต่ด้วยความหน้าาาด้าน หน้าาาาทน ก็อยากจะกลับมา ให้ทำอะไรก็ต้องทำ
    -แต่เต้น ด้วยวัยวุฒิ และประสบการณ์ เอาเข้าจริงๆ ก็ยังห่างกับตู่อยู่หลายขุม และถือว่า ตู่ จตุพร ก็ได้ต้อนรับน้องใหม่ น้องเต้น ด้วยการตั้งคำถามที่ทำให้เต้นต้องสะดุ้ง นั่นคือ เงินบริจาค ราวๆ 42 ล.บ อยู่ที่ไหน ในสมัยการชุมนุม นปช. ซึ่งตู่ ยังระบุอีกว่า ทั้งก่อนและหลังการชุมนุมในวันนั้น เต้นนี่แหละใช้จ่ายโดยไม่เคยชี้แจง และยอดสุดท้ายคือ 42 ล.บ มันอยู่ตรงไหน
    -ซึ่งแม้กระทั่งวันนี้ เต้นเอง ก็ยังไม่มีการตอบคำถามนี้แต่อย่างใด หรือการลงทุนธุรกิจและร้านอาหารของเต้นที่บ้านเกิด จะมาจากเงินบริจาคนปช. ณ วันนั้น ใช่หรือไม่ เป็นสิ่งที่เต้น ต้องอธิบาย ให้สังคม โดยเฉพาะชาว นปช. เสื้อแดง ได้รับรู้ โดยเร็ว มิเช่นนั้น เต้น อาจได้เป็นที่ปรึกษานายกเพียงแค่ในนาม แต่จะไม่ได้รับการยอมรับจากแฟนคลับเพื่อไทย
    #คิงส์โพธิ์ดำ รายงาน
    #เพื่อนรักหักเหลี่ยมโโฉดด การมาของเต้น กับตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี แม้จะไม่ได้เป็นข้าราชการการเมือง แต่ก็ถือว่ามีความเท่ห์ไม่น้อย แต่การมาครั้งนี้ ไม่ได้มาแบบไร้เหตุผล เราย้อนกลับไปเมื่อปี 2566 วันที่พรรคเพื่อไทย ลงชิงสส.ทั่วประเทศ โดยเต้น ได้ทำหน้าที่เป็นหัวหอกในการปราศรัยทั่วประเทศ มีทั้งการสาปส่งสองลุง ไปถึงการไล่หนักอนุทินแห่งภูมิใจไทย กับยุทการ ไล่หนูตีงูวววเห่า ซึ่งเมื่อพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นอันดับที่สอง รองจากพรรคส้มเน่า โดยส้มเน่าไม่มีใครคบ และไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะมัวแต่จะล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย์ โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กับมุกเดิมๆ คือการลดทอนพระราชอำนาจ ทั้งๆที่ประชาชน ยังสามารถป้องกันเกียรติตนเองได้เมื่อถูกหมิ่น แต่กลับดึงดันให้สถาบันถูกให้ร้ายได้ โดยไม่ให้เกิดโทษกับผู้กระทำการ -นั่นจึงเป็นที่มาของการตั้งขั้วอำนาจ เพื่อไทย และสองลุง ซึ่งนอกจากหมอชลน่าน ที่ต้องยอมเอาตำแหน่งหัวหน้าพรรคเข้าแลก ยอมออกจากตำแหน่ง เต้นก็ถือว่า ปราศรัยแบบไม่เกรงใจลุงและอาหนูเลย ก็เป็นอันต้องลาจาก ไร้ตำแหน่ง จนน้ำตาคลอ ลั่นว่า จบแล้วกับเพื่อไทย -แต่ด้วยชีวิตที่อยู่ได้ ด้วยพื้นที่เวที กับการมีแสงทางการเมือง เต้นตัดสินใจนานแล้ว ตั้งแต่สมัยนายกเศรษฐาว่า อยากกลับมาช่วยเพื่อไทย ยอมลดศักดิ์ศรีของตนเอง เพราะรู้สึกเดียวดายเมื่อไม่มีแสงไฟสาดส่อง -เมื่อนายใหญ่กลับมา เต้น จึงได้ขอพื้นที่สื่อ ว่าตนเองพร้อมรับข้าวน่าวววมาใช้ในร้าน มั่นใจอาหย่อยแดรกด้าย ซึ่งก็ได้ใจนายใหญ่ไปไม่น้อย เพื่อปูทางให้นายเก่า นั่นคือยิ่งลักษณ์ ได้กลับมาสู่ประเทศไทย -ทักษิณเอง ก็ชอบที่จะตอบแทนบุญคุณคนที่เคยถวายตัวช่วยเหลือตน แต่มีนัยทางการเมือง ต้องสมเหตุสมผล จึงได้ดัน เต้น เข้าสู่การเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลลูกสาว ซึ่ง ที่มาก็คือ ดึงเต้นปะทะตู่จตุพร เพราะตั้งแต่ก่อนที่โทนี่จะกลับมา จนถึงปัจจุบัน ตู่จตุพรและทนายนกเขา มีการรุกไล่โทนี่ และรัฐบาลมาโดยตลอด ตั้งแต่ความผิดปกติในชั้น 14 ซึ่งหลายวาระ ก็ทำเอาโทนี่เซ แซดๆๆๆ ไปเหมือนกัน -ดังนั้น เรื่องการปะทะฝึปาก เรียกว่า ต่างรู้มือกัน ก็จะเป็นใครไม่ได้ นั่นก็คือ เต้น ณัฐวุฒินี่แหละ ที่จะทำให้ตู่ต้องเสียเวลาในการแก้เกมส์ ลดทอนเวลาในการรุกไล่รัฐบาล -เพราะการบ่มเพาะข้อมูล และการรวมพลังกับผู้ที่มองเห็นจุดปัญหาที่เกิดจากทักษิณเอง ก็ดูจะมีปริมาณมากขึ้น ยังไม่รวมถึงสนธิลิ้มทองกุล ที่เอ่ยเปรยๆว่า จะมีการลงถนน ซึ่งโทนี่เคยผ่านประสบการณ์นี้มาแล้ว ว่ามันพังทุกรอบ ไม่ว่าจะเป็นสมัยตนเอง สมัยสมชาย สมัย สมัคร หรือแม้กระทั่งสมัยน้องสาวที่ชื่อยิ่งลักษณ์ ต่างจบทางการเมืองจากการลงถนนของประชาชนทั้งสิ้น -ดังนั้นในภาวะนี้ จึงเป็นสิ่งจำเป็น ที่ต้องให้เต้น เข้ามาขวางตู่ไว้อีกทางหนึ่ง แม้ว่าเต้นเอง จะมีภาพจำระหว่างนักข่าว ที่ไม่สามารถตอบคำถามกรณีจำนำข้าวได้ และรัฐมนตรีบุญทรง ที่นั่้งอยู่ข้างๆเต้นในวันนั้นตอนนี้ก็ยังอยู่ในซักเต แต่ด้วยความหน้าาาด้าน หน้าาาาทน ก็อยากจะกลับมา ให้ทำอะไรก็ต้องทำ -แต่เต้น ด้วยวัยวุฒิ และประสบการณ์ เอาเข้าจริงๆ ก็ยังห่างกับตู่อยู่หลายขุม และถือว่า ตู่ จตุพร ก็ได้ต้อนรับน้องใหม่ น้องเต้น ด้วยการตั้งคำถามที่ทำให้เต้นต้องสะดุ้ง นั่นคือ เงินบริจาค ราวๆ 42 ล.บ อยู่ที่ไหน ในสมัยการชุมนุม นปช. ซึ่งตู่ ยังระบุอีกว่า ทั้งก่อนและหลังการชุมนุมในวันนั้น เต้นนี่แหละใช้จ่ายโดยไม่เคยชี้แจง และยอดสุดท้ายคือ 42 ล.บ มันอยู่ตรงไหน -ซึ่งแม้กระทั่งวันนี้ เต้นเอง ก็ยังไม่มีการตอบคำถามนี้แต่อย่างใด หรือการลงทุนธุรกิจและร้านอาหารของเต้นที่บ้านเกิด จะมาจากเงินบริจาคนปช. ณ วันนั้น ใช่หรือไม่ เป็นสิ่งที่เต้น ต้องอธิบาย ให้สังคม โดยเฉพาะชาว นปช. เสื้อแดง ได้รับรู้ โดยเร็ว มิเช่นนั้น เต้น อาจได้เป็นที่ปรึกษานายกเพียงแค่ในนาม แต่จะไม่ได้รับการยอมรับจากแฟนคลับเพื่อไทย #คิงส์โพธิ์ดำ รายงาน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 601 Views 0 Reviews