• ยุคนี้ต้องเร็ว! ต้องง่าย! ต้องได้เยอะ!
    เบื่อไหมกับการสับ หัวไชโป๊ว เป็นเส้นๆ ด้วยมือ? ทั้งเมื่อย ทั้งช้า แถมขนาดก็ไม่เท่ากัน!
    ร้านอาหาร, โรงงานทำอาหาร หรือ SME ที่ต้องใช้หัวไชโป๊วปริมาณมาก เตรียมบอกลาปัญหาเดิมๆ ได้เลย! พบกับ...
    เครื่องหั่นผักเอนกประสงค์ (MULTI-FUNCTIONAL VEGETABLE CUTTER) จาก ย.ย่งฮะเฮง
    เครื่องเดียวจบครบทุกงานหั่น! และแน่นอนว่า... สับหัวไชโป๊วให้เป็นเส้นสวยงามก็ทำได้สบายๆ!

    ทำไมต้องเครื่องนี้?
    กำลังผลิตสูง: ผลิตได้ถึง 130-660 กก./ชม.! งานหนักแค่ไหนก็เอาอยู่ ประหยัดเวลาและแรงงานได้มหาศาล!
    แข็งแรง ทนทาน: ตัวเครื่องทำจาก สแตนเลส ทั้งหมด ถูกสุขอนามัย ปลอดภัยสำหรับวัตถุดิบอาหาร
    ใบมีดหลากหลาย: เปลี่ยนใบมีดได้ตามต้องการ ทั้ง สไลด์แผ่น, หั่นหยัก, หั่นเฉียง หรือ หั่นเต๋า 20 มม. (สามารถใช้ใบมีดแบบซี่เพื่อหั่นเป็นเส้นได้)
    ปรับขนาดได้: ปรับความกว้างของวัตถุดิบที่ใส่ได้ตั้งแต่ 2-17 MM และปรับความหนาบางในการสไลด์ได้ 1-10 มม.
    จะสไลด์แตงกวา จะหั่นแครอท จะหั่นมันฝรั่งทอด หรือ "สับหัวไชโป๊วเป็นเส้นๆ" ก็ง่าย รวดเร็ว และได้คุณภาพมาตรฐานเดียวกันทุกชิ้น!

    มาดูเครื่องจริงได้ที่ร้าน ย. ย่งฮะเฮง!
    เราพร้อมให้คำแนะนำเครื่องจักรคุณภาพสำหรับธุรกิจคุณ
    เปิดบริการ:
    จันทร์-ศุกร์: 8.00 - 17.00 น.
    เสาร์: 8.00 - 16.00 น.
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/En3Rw6JCCjnFHnoT7
    สอบถาม/สั่งซื้อ:
    โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    แชท Messenger: m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com

    #เครื่องหั่นผัก #เครื่องสับหัวไชโป๊ว #เครื่องหั่นผักอเนกประสงค์ #เครื่องจักรอาหาร #ยย่งฮะเฮง #ลดต้นทุนเพิ่มกำไร
    #เครื่องหั่น #เครื่องสไลด์ผัก #เครื่องหั่นมันฝรั่ง #เครื่องหั่นแครอท #เครื่องหั่นแตงกวา #เครื่องหั่นเผือก #เครื่องหั่นมันเทศ #เครื่องหั่นแครอทเป็นเส้น #เครื่องหั่นผักสลัด #เครื่องทำสลัด #เครื่องทำเฟรนช์ฟรายส์ #เครื่องหั่นผักกิมจิ #เครื่องหั่นผลไม้ #เครื่องหั่นผักดอง #เครื่องเตรียมวัตถุดิบ #อุปกรณ์ร้านอาหาร #เครื่องครัวเชิงพาณิชย์ #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #ผักเส้น #หั่นเต๋า #หั่นแว่น #หั่นซอย #หั่นหยัก #ครัวมือโปร #ประหยัดแรงงาน #เพิ่มกำลังผลิต #เครื่องเดียวครบ
    📣 ยุคนี้ต้องเร็ว! ต้องง่าย! ต้องได้เยอะ! 📣 เบื่อไหมกับการสับ หัวไชโป๊ว เป็นเส้นๆ ด้วยมือ? ทั้งเมื่อย ทั้งช้า แถมขนาดก็ไม่เท่ากัน! 😫 ร้านอาหาร, โรงงานทำอาหาร หรือ SME ที่ต้องใช้หัวไชโป๊วปริมาณมาก เตรียมบอกลาปัญหาเดิมๆ ได้เลย! พบกับ... 🥕 เครื่องหั่นผักเอนกประสงค์ (MULTI-FUNCTIONAL VEGETABLE CUTTER) จาก ย.ย่งฮะเฮง 🥕 เครื่องเดียวจบครบทุกงานหั่น! และแน่นอนว่า... สับหัวไชโป๊วให้เป็นเส้นสวยงามก็ทำได้สบายๆ! ทำไมต้องเครื่องนี้? ⚡ กำลังผลิตสูง: ผลิตได้ถึง 130-660 กก./ชม.! งานหนักแค่ไหนก็เอาอยู่ ประหยัดเวลาและแรงงานได้มหาศาล! 💪 แข็งแรง ทนทาน: ตัวเครื่องทำจาก สแตนเลส ทั้งหมด ถูกสุขอนามัย ปลอดภัยสำหรับวัตถุดิบอาหาร 🔪 ใบมีดหลากหลาย: เปลี่ยนใบมีดได้ตามต้องการ ทั้ง สไลด์แผ่น, หั่นหยัก, หั่นเฉียง หรือ หั่นเต๋า 20 มม. (สามารถใช้ใบมีดแบบซี่เพื่อหั่นเป็นเส้นได้) 📏 ปรับขนาดได้: ปรับความกว้างของวัตถุดิบที่ใส่ได้ตั้งแต่ 2-17 MM และปรับความหนาบางในการสไลด์ได้ 1-10 มม. 🔥 จะสไลด์แตงกวา จะหั่นแครอท จะหั่นมันฝรั่งทอด หรือ "สับหัวไชโป๊วเป็นเส้นๆ" ก็ง่าย รวดเร็ว และได้คุณภาพมาตรฐานเดียวกันทุกชิ้น! 📍 มาดูเครื่องจริงได้ที่ร้าน ย. ย่งฮะเฮง! เราพร้อมให้คำแนะนำเครื่องจักรคุณภาพสำหรับธุรกิจคุณ เปิดบริการ: จันทร์-ศุกร์: 8.00 - 17.00 น. เสาร์: 8.00 - 16.00 น. แผนที่: https://maps.app.goo.gl/En3Rw6JCCjnFHnoT7 📞 สอบถาม/สั่งซื้อ: โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 แชท Messenger: m.me/yonghahheng LINE: @yonghahheng เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com #เครื่องหั่นผัก #เครื่องสับหัวไชโป๊ว #เครื่องหั่นผักอเนกประสงค์ #เครื่องจักรอาหาร #ยย่งฮะเฮง #ลดต้นทุนเพิ่มกำไร #เครื่องหั่น #เครื่องสไลด์ผัก #เครื่องหั่นมันฝรั่ง #เครื่องหั่นแครอท #เครื่องหั่นแตงกวา #เครื่องหั่นเผือก #เครื่องหั่นมันเทศ #เครื่องหั่นแครอทเป็นเส้น #เครื่องหั่นผักสลัด #เครื่องทำสลัด #เครื่องทำเฟรนช์ฟรายส์ #เครื่องหั่นผักกิมจิ #เครื่องหั่นผลไม้ #เครื่องหั่นผักดอง #เครื่องเตรียมวัตถุดิบ #อุปกรณ์ร้านอาหาร #เครื่องครัวเชิงพาณิชย์ #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #ผักเส้น #หั่นเต๋า #หั่นแว่น #หั่นซอย #หั่นหยัก #ครัวมือโปร #ประหยัดแรงงาน #เพิ่มกำลังผลิต #เครื่องเดียวครบ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • Micron ปรับแผนครั้งใหญ่: ชะลอโรงงานผลิตชิปในนิวยอร์ก 5 ปี แต่เร่งสร้างแห่งใหม่ในไอดาโฮ

    Micron ประกาศเปลี่ยนแผนการลงทุนครั้งสำคัญ โดยเลื่อนการเปิดโรงงานผลิตชิปในนิวยอร์กออกไปถึงปี 2033 พร้อมเร่งสร้างโรงงานแห่งที่สองในไอดาโฮ และปรับการใช้เงินสนับสนุนจาก CHIPS Act ใหม่

    Micron เคยวางแผนสร้างโรงงานผลิต DRAM ขนาดใหญ่ในเมือง Clay รัฐนิวยอร์ก โดยเริ่มผลิตในปี 2025 แต่ล่าสุดมีการเปิดเผยว่าโครงการนี้จะล่าช้าออกไปถึงปี 2030 สำหรับโรงงานแรก และโรงงานสุดท้ายจะเสร็จในปี 2045 — ช้ากว่ากำหนดเดิมถึง 5 ปี

    ในขณะเดียวกัน Micron กลับเร่งสร้างโรงงานแห่งที่สองในไอดาโฮ โดยปรับแผนการใช้เงินจาก CHIPS Act มูลค่า 6.1 พันล้านดอลลาร์ โดยย้ายงบประมาณราว 1.2 พันล้านดอลลาร์จากนิวยอร์กไปยังไอดาโฮ เพื่อให้โรงงานในไอดาโฮเสร็จเร็วขึ้นและเริ่มผลิตก่อน

    เหตุผลหลักที่ทำให้โครงการในนิวยอร์กล่าช้า คือปัญหาขาดแคลนแรงงานและระยะเวลาก่อสร้างที่ยาวนานขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาทั่วไปในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ

    แม้จะล่าช้า แต่ Micron ยังยืนยันเป้าหมายเดิมในการผลิต DRAM ให้ได้ 40% ภายในสหรัฐฯ โดยการเร่งสร้างโรงงานในไอดาโฮจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิต HBM (High Bandwidth Memory) และเทคโนโลยีการแพ็กเกจขั้นสูงที่จำเป็นสำหรับยุค AI

    Micron เลื่อนแผนสร้างโรงงานในนิวยอร์กออกไป
    โรงงานแรก (Fab 1) จะเริ่มผลิตในปี 2030 แทนปี 2025
    โรงงานสุดท้าย (Fab 4) จะเสร็จในปี 2045

    โรงงานในไอดาโฮถูกเร่งสร้างให้เสร็จก่อน
    Micron ปรับแผนการใช้เงินจาก CHIPS Act
    ย้ายงบประมาณ 1.2 พันล้านดอลลาร์จากนิวยอร์กไปไอดาโฮ

    ปัญหาหลักคือแรงงานและระยะเวลาก่อสร้าง
    การก่อสร้างโรงงานใช้เวลานานขึ้นกว่าที่คาด
    ส่งผลให้ต้องปรับแผนการดำเนินงานและการจ้างงาน

    Micron ยังยืนยันเป้าหมายผลิต DRAM ในสหรัฐฯ
    ตั้งเป้าผลิต DRAM ให้ได้ 40% ภายในประเทศ
    โรงงานในไอดาโฮจะช่วยเพิ่มกำลังผลิต HBM และเทคโนโลยีแพ็กเกจขั้นสูง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/microns-new-york-chipmaking-fabs-by-five-years-but-accelerates-second-fab-in-idaho-and-reallocates-chips-act-funding
    🏭 Micron ปรับแผนครั้งใหญ่: ชะลอโรงงานผลิตชิปในนิวยอร์ก 5 ปี แต่เร่งสร้างแห่งใหม่ในไอดาโฮ 🏭⚡ Micron ประกาศเปลี่ยนแผนการลงทุนครั้งสำคัญ โดยเลื่อนการเปิดโรงงานผลิตชิปในนิวยอร์กออกไปถึงปี 2033 พร้อมเร่งสร้างโรงงานแห่งที่สองในไอดาโฮ และปรับการใช้เงินสนับสนุนจาก CHIPS Act ใหม่ Micron เคยวางแผนสร้างโรงงานผลิต DRAM ขนาดใหญ่ในเมือง Clay รัฐนิวยอร์ก โดยเริ่มผลิตในปี 2025 แต่ล่าสุดมีการเปิดเผยว่าโครงการนี้จะล่าช้าออกไปถึงปี 2030 สำหรับโรงงานแรก และโรงงานสุดท้ายจะเสร็จในปี 2045 — ช้ากว่ากำหนดเดิมถึง 5 ปี ในขณะเดียวกัน Micron กลับเร่งสร้างโรงงานแห่งที่สองในไอดาโฮ โดยปรับแผนการใช้เงินจาก CHIPS Act มูลค่า 6.1 พันล้านดอลลาร์ โดยย้ายงบประมาณราว 1.2 พันล้านดอลลาร์จากนิวยอร์กไปยังไอดาโฮ เพื่อให้โรงงานในไอดาโฮเสร็จเร็วขึ้นและเริ่มผลิตก่อน เหตุผลหลักที่ทำให้โครงการในนิวยอร์กล่าช้า คือปัญหาขาดแคลนแรงงานและระยะเวลาก่อสร้างที่ยาวนานขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาทั่วไปในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ แม้จะล่าช้า แต่ Micron ยังยืนยันเป้าหมายเดิมในการผลิต DRAM ให้ได้ 40% ภายในสหรัฐฯ โดยการเร่งสร้างโรงงานในไอดาโฮจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิต HBM (High Bandwidth Memory) และเทคโนโลยีการแพ็กเกจขั้นสูงที่จำเป็นสำหรับยุค AI ✅ Micron เลื่อนแผนสร้างโรงงานในนิวยอร์กออกไป ➡️ โรงงานแรก (Fab 1) จะเริ่มผลิตในปี 2030 แทนปี 2025 ➡️ โรงงานสุดท้าย (Fab 4) จะเสร็จในปี 2045 ✅ โรงงานในไอดาโฮถูกเร่งสร้างให้เสร็จก่อน ➡️ Micron ปรับแผนการใช้เงินจาก CHIPS Act ➡️ ย้ายงบประมาณ 1.2 พันล้านดอลลาร์จากนิวยอร์กไปไอดาโฮ ✅ ปัญหาหลักคือแรงงานและระยะเวลาก่อสร้าง ➡️ การก่อสร้างโรงงานใช้เวลานานขึ้นกว่าที่คาด ➡️ ส่งผลให้ต้องปรับแผนการดำเนินงานและการจ้างงาน ✅ Micron ยังยืนยันเป้าหมายผลิต DRAM ในสหรัฐฯ ➡️ ตั้งเป้าผลิต DRAM ให้ได้ 40% ภายในประเทศ ➡️ โรงงานในไอดาโฮจะช่วยเพิ่มกำลังผลิต HBM และเทคโนโลยีแพ็กเกจขั้นสูง https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/microns-new-york-chipmaking-fabs-by-five-years-but-accelerates-second-fab-in-idaho-and-reallocates-chips-act-funding
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Jensen Huang เยือนไต้หวัน – ย้ำ TSMC คือเส้นเลือดใหญ่ของ NVIDIA”

    CEO ของ NVIDIA กล่าวอย่างหนักแน่นว่า TSMC คือหัวใจของความสำเร็จของบริษัท พร้อมเดินทางเยือนไต้หวันเป็นครั้งที่ 4 ในปีเดียว เพื่อกระชับความร่วมมือและขอเพิ่มกำลังผลิตชิป Blackwell ท่ามกลางความต้องการที่พุ่งสูง

    ในงาน “Sports Day” ของ TSMC ที่จัดขึ้นในไต้หวัน Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA ได้กล่าวสุนทรพจน์อย่างจริงใจว่า “หากไม่มี TSMC ก็ไม่มี NVIDIA” พร้อมยกย่องบริษัทนี้ว่าเป็น “ความภาคภูมิใจของไต้หวันและของโลก”

    นี่เป็นการเยือนไต้หวันครั้งที่ 4 ของ Jensen ในปี 2025 ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของ TSMC ในห่วงโซ่อุปทานของ NVIDIA โดยเฉพาะในยุคที่ความต้องการชิป AI พุ่งสูงอย่างไม่เคยมีมาก่อน

    NVIDIA กำลังเผชิญกับความต้องการชิป Blackwell ที่สูงมาก จึงขอให้ TSMC เพิ่มกำลังผลิตและจัดสรรเวเฟอร์เพิ่มเติม โดยเฉพาะในกระบวนการผลิตระดับ 3nm ซึ่ง NVIDIA คาดว่าจะได้ ส่วนแบ่งถึง 30% ของกำลังผลิตทั้งหมด

    นอกจากการผลิตชิปแล้ว TSMC ยังมีบทบาทสำคัญในด้าน การแพ็กเกจขั้นสูง เช่น CoWoS ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างระบบ AI ขนาดใหญ่แบบ rack-scale ที่ NVIDIA กำลังผลักดัน

    แม้ในอดีต NVIDIA จะเป็นผู้ตามในการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นผู้นำที่แย่งชิงชิประดับสูงอย่าง A16 ก่อนใคร ซึ่งยิ่งตอกย้ำว่า TSMC คือพันธมิตรที่ NVIDIA ต้องรักษาไว้ให้ใกล้ที่สุด

    Jensen Huang เยือนไต้หวันครั้งที่ 4 ในปี 2025
    เข้าร่วมงาน Sports Day ของ TSMC
    กล่าวสุนทรพจน์ว่า “ไม่มี TSMC ก็ไม่มี NVIDIA”
    ยกย่อง TSMC ว่าเป็นความภาคภูมิใจของโลก

    ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง NVIDIA และ TSMC
    ขอเพิ่มกำลังผลิตชิป Blackwell
    คาดว่าจะได้ส่วนแบ่ง 30% ของกำลังผลิต 3nm
    ใช้บริการแพ็กเกจขั้นสูง CoWoS จาก TSMC

    ความเปลี่ยนแปลงของ NVIDIA ในการนำเทคโนโลยี
    จากผู้ตามกลายเป็นผู้นำในการใช้ชิประดับสูง
    แย่งชิงชิป A16 ก่อนคู่แข่ง
    สะท้อนความสำคัญของ TSMC ในยุค AI

    https://wccftech.com/no-tsmc-no-nvidia-stresses-ceo-jensen-huang-as-he-highlights-the-importance-of-the-taiwan-chip-giant/
    🤝 “Jensen Huang เยือนไต้หวัน – ย้ำ TSMC คือเส้นเลือดใหญ่ของ NVIDIA” CEO ของ NVIDIA กล่าวอย่างหนักแน่นว่า TSMC คือหัวใจของความสำเร็จของบริษัท พร้อมเดินทางเยือนไต้หวันเป็นครั้งที่ 4 ในปีเดียว เพื่อกระชับความร่วมมือและขอเพิ่มกำลังผลิตชิป Blackwell ท่ามกลางความต้องการที่พุ่งสูง ในงาน “Sports Day” ของ TSMC ที่จัดขึ้นในไต้หวัน Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA ได้กล่าวสุนทรพจน์อย่างจริงใจว่า “หากไม่มี TSMC ก็ไม่มี NVIDIA” พร้อมยกย่องบริษัทนี้ว่าเป็น “ความภาคภูมิใจของไต้หวันและของโลก” นี่เป็นการเยือนไต้หวันครั้งที่ 4 ของ Jensen ในปี 2025 ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของ TSMC ในห่วงโซ่อุปทานของ NVIDIA โดยเฉพาะในยุคที่ความต้องการชิป AI พุ่งสูงอย่างไม่เคยมีมาก่อน NVIDIA กำลังเผชิญกับความต้องการชิป Blackwell ที่สูงมาก จึงขอให้ TSMC เพิ่มกำลังผลิตและจัดสรรเวเฟอร์เพิ่มเติม โดยเฉพาะในกระบวนการผลิตระดับ 3nm ซึ่ง NVIDIA คาดว่าจะได้ ส่วนแบ่งถึง 30% ของกำลังผลิตทั้งหมด นอกจากการผลิตชิปแล้ว TSMC ยังมีบทบาทสำคัญในด้าน การแพ็กเกจขั้นสูง เช่น CoWoS ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างระบบ AI ขนาดใหญ่แบบ rack-scale ที่ NVIDIA กำลังผลักดัน แม้ในอดีต NVIDIA จะเป็นผู้ตามในการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นผู้นำที่แย่งชิงชิประดับสูงอย่าง A16 ก่อนใคร ซึ่งยิ่งตอกย้ำว่า TSMC คือพันธมิตรที่ NVIDIA ต้องรักษาไว้ให้ใกล้ที่สุด ✅ Jensen Huang เยือนไต้หวันครั้งที่ 4 ในปี 2025 ➡️ เข้าร่วมงาน Sports Day ของ TSMC ➡️ กล่าวสุนทรพจน์ว่า “ไม่มี TSMC ก็ไม่มี NVIDIA” ➡️ ยกย่อง TSMC ว่าเป็นความภาคภูมิใจของโลก ✅ ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง NVIDIA และ TSMC ➡️ ขอเพิ่มกำลังผลิตชิป Blackwell ➡️ คาดว่าจะได้ส่วนแบ่ง 30% ของกำลังผลิต 3nm ➡️ ใช้บริการแพ็กเกจขั้นสูง CoWoS จาก TSMC ✅ ความเปลี่ยนแปลงของ NVIDIA ในการนำเทคโนโลยี ➡️ จากผู้ตามกลายเป็นผู้นำในการใช้ชิประดับสูง ➡️ แย่งชิงชิป A16 ก่อนคู่แข่ง ➡️ สะท้อนความสำคัญของ TSMC ในยุค AI https://wccftech.com/no-tsmc-no-nvidia-stresses-ceo-jensen-huang-as-he-highlights-the-importance-of-the-taiwan-chip-giant/
    WCCFTECH.COM
    NVIDIA's CEO Makes Personal Visit to TSMC to Secure More AI Chips Amid "Very Strong" Demand
    NVIDIA's CEO was spotted at TSMC's "Sports Day" today, and he stated that without TSMC, NVIDIA wouldn't have been in the dominant position.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia อาจยกเลิก RTX 5000 Super เพราะชิป GDDR7 ขาดแคลน – AI แย่งทรัพยากรไปหมด

    ข่าวลือจาก Uniko's Hardware เผยว่า Nvidia อาจต้องยกเลิกการเปิดตัวการ์ดจอ RTX 5000 Super เนื่องจากชิปหน่วยความจำ GDDR7 ขนาด 3GB ที่จำเป็นสำหรับรุ่นนี้กำลังขาดแคลนอย่างหนัก เพราะถูกแย่งใช้ไปกับการผลิตฮาร์ดแวร์ AI ที่ให้ผลกำไรมากกว่า เช่น RTX Pro 6000 และ Blackwell GPU ทำให้ Nvidia อาจเลือกเก็บชิปไว้ใช้กับรุ่นระดับมืออาชีพแทน

    เบื้องหลังปัญหาชิป GDDR7
    การ์ดจอ RTX 50-series ปัจจุบันใช้ชิป GDDR7 ขนาด 2GB แต่รุ่น Super ต้องใช้ 3GB
    โรงงานผลิตของ Samsung และ Micron ถูกแย่งกำลังการผลิตไปใช้กับชิป AI
    แม้ GDDR7 จะยังอยู่ในช่วงเพิ่มกำลังผลิต แต่ความต้องการจากฝั่ง AI ทำให้ไม่มีเหลือสำหรับตลาดผู้บริโภค

    สถานการณ์ของ RTX 5000 Super
    อาจถูกยกเลิกหรือเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
    เหตุผลหลักคือขาดแคลนชิป GDDR7 ขนาด 3GB
    Nvidia อาจเลือกใช้ชิปที่มีอยู่กับรุ่นที่ทำกำไรสูงกว่า

    ผลกระทบจากตลาด AI
    ฮาร์ดแวร์ AI เช่น RTX Pro 6000 และ Blackwell GPU แย่งชิปไปใช้
    โรงงานผลิตชิปเน้นผลิต HBM มากกว่า GDDR7 เพราะกำไรสูง
    การ์ดจอสำหรับเกมเมอร์จึงถูกลดความสำคัญลง

    ความเคลื่อนไหวของ Nvidia
    ยังไม่มีการประกาศ RTX 5000 Super อย่างเป็นทางการ
    รุ่น Super เดิมถูกคาดว่าจะมาแทน 5070, 5070 Ti และ 5080
    หากเปิดตัวจริง อาจมีราคาสูงและสินค้าหมดเร็ว

    คำเตือนสำหรับผู้ที่รอซื้อการ์ดจอใหม่
    ราคาของ RTX 50-series ปัจจุบันอาจเพิ่มขึ้นเร็วๆ นี้
    สต็อกของรุ่นสูงกำลังลดลงในยุโรปและอเมริกา
    หากรอรุ่น Super อาจต้องเผื่อใจว่าอาจไม่มา หรือมาในราคาสูงมาก

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidias-rtx-5000-super-could-be-cancelled-or-get-pricier-due-to-ai-induced-gddr7-woes-rumor-claims-3-gb-memory-chips-are-now-too-valuable-for-consumer-gpus
    💥📉 Nvidia อาจยกเลิก RTX 5000 Super เพราะชิป GDDR7 ขาดแคลน – AI แย่งทรัพยากรไปหมด ข่าวลือจาก Uniko's Hardware เผยว่า Nvidia อาจต้องยกเลิกการเปิดตัวการ์ดจอ RTX 5000 Super เนื่องจากชิปหน่วยความจำ GDDR7 ขนาด 3GB ที่จำเป็นสำหรับรุ่นนี้กำลังขาดแคลนอย่างหนัก เพราะถูกแย่งใช้ไปกับการผลิตฮาร์ดแวร์ AI ที่ให้ผลกำไรมากกว่า เช่น RTX Pro 6000 และ Blackwell GPU ทำให้ Nvidia อาจเลือกเก็บชิปไว้ใช้กับรุ่นระดับมืออาชีพแทน 🧠 เบื้องหลังปัญหาชิป GDDR7 💠 การ์ดจอ RTX 50-series ปัจจุบันใช้ชิป GDDR7 ขนาด 2GB แต่รุ่น Super ต้องใช้ 3GB 💠 โรงงานผลิตของ Samsung และ Micron ถูกแย่งกำลังการผลิตไปใช้กับชิป AI 💠 แม้ GDDR7 จะยังอยู่ในช่วงเพิ่มกำลังผลิต แต่ความต้องการจากฝั่ง AI ทำให้ไม่มีเหลือสำหรับตลาดผู้บริโภค ✅ สถานการณ์ของ RTX 5000 Super ➡️ อาจถูกยกเลิกหรือเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ➡️ เหตุผลหลักคือขาดแคลนชิป GDDR7 ขนาด 3GB ➡️ Nvidia อาจเลือกใช้ชิปที่มีอยู่กับรุ่นที่ทำกำไรสูงกว่า ✅ ผลกระทบจากตลาด AI ➡️ ฮาร์ดแวร์ AI เช่น RTX Pro 6000 และ Blackwell GPU แย่งชิปไปใช้ ➡️ โรงงานผลิตชิปเน้นผลิต HBM มากกว่า GDDR7 เพราะกำไรสูง ➡️ การ์ดจอสำหรับเกมเมอร์จึงถูกลดความสำคัญลง ✅ ความเคลื่อนไหวของ Nvidia ➡️ ยังไม่มีการประกาศ RTX 5000 Super อย่างเป็นทางการ ➡️ รุ่น Super เดิมถูกคาดว่าจะมาแทน 5070, 5070 Ti และ 5080 ➡️ หากเปิดตัวจริง อาจมีราคาสูงและสินค้าหมดเร็ว ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ที่รอซื้อการ์ดจอใหม่ ⛔ ราคาของ RTX 50-series ปัจจุบันอาจเพิ่มขึ้นเร็วๆ นี้ ⛔ สต็อกของรุ่นสูงกำลังลดลงในยุโรปและอเมริกา ⛔ หากรอรุ่น Super อาจต้องเผื่อใจว่าอาจไม่มา หรือมาในราคาสูงมาก https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidias-rtx-5000-super-could-be-cancelled-or-get-pricier-due-to-ai-induced-gddr7-woes-rumor-claims-3-gb-memory-chips-are-now-too-valuable-for-consumer-gpus
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวข้อข่าว: “TSMC นำทีมร้องรัฐบาลไต้หวันเร่งพลังงานสะอาด – โรงงานผลิตชิปเสี่ยงสะดุดเพราะไฟฟ้าไม่พอ”

    ในขณะที่โลกกำลังเร่งเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวันกลับต้องเผชิญกับวิกฤตพลังงานอย่างหนัก Taiwan Semiconductor Industry Association (TSIA) ซึ่งนำโดย TSMC ได้ออกแถลงการณ์กดดันรัฐบาลให้เร่งแก้ปัญหาความไม่มั่นคงด้านไฟฟ้า พร้อมเรียกร้องให้เพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนอย่างจริงจัง

    ปัจจุบันโรงงานผลิตชิปในไต้หวันใช้พลังงานหมุนเวียนเพียง 14.1% ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐาน RE100 ที่ตั้งเป้าไว้ 60% ภายในปี 2030 และ 100% ภายในปี 2050 หากไม่สามารถเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าได้ทันเวลา อุตสาหกรรมอาจต้องย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นที่มีเสถียรภาพด้านพลังงานมากกว่า

    ความท้าทายของไต้หวันคือพื้นที่จำกัด ทำให้การสร้างฟาร์มโซลาร์หรือกังหันลมเป็นเรื่องยาก อีกทั้งยังมีปัญหาข้อพิพาทด้านที่ดินและการประสานงานในท้องถิ่น ส่งผลให้โครงการพลังงานสะอาดต้องใช้เวลานานถึง 4 ปีจึงจะเริ่มผลิตไฟฟ้าได้ ซึ่งช้าเกินไปสำหรับความต้องการของโรงงานชิปที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    TSIA นำโดย TSMC เรียกร้องรัฐบาลไต้หวันให้เร่งแก้ปัญหาพลังงาน
    พลังงานหมุนเวียนในโรงงานชิปอยู่ที่ 14.1% (ปี 2024)
    เป้าหมาย RE100 คือ 60% ภายในปี 2030 และ 100% ภายในปี 2050
    หากถึงเป้าหมาย 60% ในปี 2030 อุตสาหกรรมชิปจะใช้ไฟฟ้าถึง 35–40% ของกำลังผลิตทั้งประเทศ

    ความท้าทายด้านพลังงานของไต้หวัน
    พื้นที่จำกัด ไม่เหมาะกับฟาร์มโซลาร์หรือกังหันลมขนาดใหญ่
    โครงการพลังงานสะอาดใช้เวลานานถึง 4 ปีในการเริ่มผลิต
    ปัญหาด้านการประสานงานในท้องถิ่นและข้อพิพาทที่ดิน

    ความเสี่ยงต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    โรงงานผลิตชิปต้องการไฟฟ้าเสถียรและสะอาด
    ความผันผวนของแรงดันไฟฟ้าอาจทำให้เวเฟอร์เสียหายทั้งชุด
    หากไม่มีไฟฟ้าพอ อาจต้องย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/tmsc-led-semiconductor-association-begs-taiwan-government-for-clean-green-energy-as-demand-skyrockets-fabs-are-struggling-to-keep-up-with-power-needs
    🌱 หัวข้อข่าว: “TSMC นำทีมร้องรัฐบาลไต้หวันเร่งพลังงานสะอาด – โรงงานผลิตชิปเสี่ยงสะดุดเพราะไฟฟ้าไม่พอ” ในขณะที่โลกกำลังเร่งเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวันกลับต้องเผชิญกับวิกฤตพลังงานอย่างหนัก Taiwan Semiconductor Industry Association (TSIA) ซึ่งนำโดย TSMC ได้ออกแถลงการณ์กดดันรัฐบาลให้เร่งแก้ปัญหาความไม่มั่นคงด้านไฟฟ้า พร้อมเรียกร้องให้เพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนอย่างจริงจัง ปัจจุบันโรงงานผลิตชิปในไต้หวันใช้พลังงานหมุนเวียนเพียง 14.1% ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐาน RE100 ที่ตั้งเป้าไว้ 60% ภายในปี 2030 และ 100% ภายในปี 2050 หากไม่สามารถเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าได้ทันเวลา อุตสาหกรรมอาจต้องย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นที่มีเสถียรภาพด้านพลังงานมากกว่า ความท้าทายของไต้หวันคือพื้นที่จำกัด ทำให้การสร้างฟาร์มโซลาร์หรือกังหันลมเป็นเรื่องยาก อีกทั้งยังมีปัญหาข้อพิพาทด้านที่ดินและการประสานงานในท้องถิ่น ส่งผลให้โครงการพลังงานสะอาดต้องใช้เวลานานถึง 4 ปีจึงจะเริ่มผลิตไฟฟ้าได้ ซึ่งช้าเกินไปสำหรับความต้องการของโรงงานชิปที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ TSIA นำโดย TSMC เรียกร้องรัฐบาลไต้หวันให้เร่งแก้ปัญหาพลังงาน ➡️ พลังงานหมุนเวียนในโรงงานชิปอยู่ที่ 14.1% (ปี 2024) ➡️ เป้าหมาย RE100 คือ 60% ภายในปี 2030 และ 100% ภายในปี 2050 ➡️ หากถึงเป้าหมาย 60% ในปี 2030 อุตสาหกรรมชิปจะใช้ไฟฟ้าถึง 35–40% ของกำลังผลิตทั้งประเทศ ✅ ความท้าทายด้านพลังงานของไต้หวัน ➡️ พื้นที่จำกัด ไม่เหมาะกับฟาร์มโซลาร์หรือกังหันลมขนาดใหญ่ ➡️ โครงการพลังงานสะอาดใช้เวลานานถึง 4 ปีในการเริ่มผลิต ➡️ ปัญหาด้านการประสานงานในท้องถิ่นและข้อพิพาทที่ดิน ✅ ความเสี่ยงต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ➡️ โรงงานผลิตชิปต้องการไฟฟ้าเสถียรและสะอาด ➡️ ความผันผวนของแรงดันไฟฟ้าอาจทำให้เวเฟอร์เสียหายทั้งชุด ➡️ หากไม่มีไฟฟ้าพอ อาจต้องย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น https://www.tomshardware.com/tech-industry/tmsc-led-semiconductor-association-begs-taiwan-government-for-clean-green-energy-as-demand-skyrockets-fabs-are-struggling-to-keep-up-with-power-needs
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 212 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวข้อข่าว: “OpenAI เรียกร้องให้สหรัฐสร้างไฟฟ้าเพิ่ม 100 GW ต่อปี – ชี้พลังงานคืออาวุธลับในสงคราม AI กับจีน”

    OpenAI ได้ออกแถลงการณ์ล่าสุดผ่านบล็อก “Seizing the AI Opportunity” พร้อมยื่นข้อเสนอถึงทำเนียบขาว เรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาเร่งสร้างกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 100 กิกะวัตต์ต่อปี เพื่อรับมือกับการแข่งขันด้าน AI กับจีน โดยระบุว่า “ไฟฟ้าไม่ใช่แค่สาธารณูปโภค แต่คือทรัพย์สินเชิงยุทธศาสตร์” ที่จะกำหนดผู้นำเทคโนโลยีแห่งอนาคต

    OpenAI เตือนว่า “ช่องว่างพลังงาน” หรือ “electron gap” กำลังขยายตัวอย่างน่ากังวล โดยในปี 2024 จีนเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ถึง 429 GW ขณะที่สหรัฐเพิ่มเพียง 51 GW ซึ่งอาจทำให้สหรัฐเสียเปรียบในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ต้องใช้พลังงานมหาศาล

    นอกจากการเรียกร้องให้สร้างโรงไฟฟ้าใหม่ OpenAI ยังเสนอให้เร่งกระบวนการอนุมัติโครงการพลังงานโดยใช้ AI ช่วยตรวจสอบเอกสารและลดขั้นตอนราชการ พร้อมเสนอให้ใช้ “อำนาจฉุกเฉิน” เพื่อเร่งการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะโครงการที่ตั้งอยู่บนที่ดินของรัฐบาลกลาง

    OpenAI ยังเสนอให้จัดตั้ง “คลังสำรองวัตถุดิบ” สำหรับโครงสร้างพื้นฐาน AI เช่น ทองแดง อะลูมิเนียม และแร่หายาก เพื่อป้องกันการพึ่งพาจีนในด้านวัตถุดิบที่สำคัญ

    ข้อเสนอหลักจาก OpenAI
    สร้างกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่ม 100 GW ต่อปี
    ใช้ AI ช่วยเร่งกระบวนการอนุมัติโครงการพลังงาน
    ปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อ “ปลดล็อก” การลงทุนด้านพลังงาน
    ใช้อำนาจฉุกเฉินเพื่อเร่งการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม

    เหตุผลที่ต้องเร่งสร้างพลังงาน
    จีนเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้า 429 GW ในปีเดียว
    สหรัฐเพิ่มเพียง 51 GW – เกิด “ช่องว่างพลังงาน” ที่อาจทำให้เสียเปรียบ
    โครงสร้างพื้นฐาน AI เช่นศูนย์ข้อมูล ต้องใช้ไฟฟ้าปริมาณมหาศาล

    ข้อเสนอเสริมเพื่อความมั่นคงด้าน AI
    จัดตั้งคลังสำรองวัตถุดิบ เช่น ทองแดง แร่หายาก
    ลดการพึ่งพาจีนในด้านวัตถุดิบสำคัญ
    สร้างโอกาสงานใหม่ในสายอาชีพช่าง เช่น ช่างไฟ ช่างกล ช่างเชื่อม

    สั้นๆ สำหรับลุง คุณแซมคนนี้ไม่ใช่คนดีแน่ๆ ..

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/openai-calls-on-u-s-to-build-100-gigawatts-of-additional-power-generating-capacity-per-year-says-electricity-is-a-strategic-asset-in-ai-race-against-china
    ⚡ หัวข้อข่าว: “OpenAI เรียกร้องให้สหรัฐสร้างไฟฟ้าเพิ่ม 100 GW ต่อปี – ชี้พลังงานคืออาวุธลับในสงคราม AI กับจีน” OpenAI ได้ออกแถลงการณ์ล่าสุดผ่านบล็อก “Seizing the AI Opportunity” พร้อมยื่นข้อเสนอถึงทำเนียบขาว เรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาเร่งสร้างกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 100 กิกะวัตต์ต่อปี เพื่อรับมือกับการแข่งขันด้าน AI กับจีน โดยระบุว่า “ไฟฟ้าไม่ใช่แค่สาธารณูปโภค แต่คือทรัพย์สินเชิงยุทธศาสตร์” ที่จะกำหนดผู้นำเทคโนโลยีแห่งอนาคต OpenAI เตือนว่า “ช่องว่างพลังงาน” หรือ “electron gap” กำลังขยายตัวอย่างน่ากังวล โดยในปี 2024 จีนเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ถึง 429 GW ขณะที่สหรัฐเพิ่มเพียง 51 GW ซึ่งอาจทำให้สหรัฐเสียเปรียบในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ต้องใช้พลังงานมหาศาล นอกจากการเรียกร้องให้สร้างโรงไฟฟ้าใหม่ OpenAI ยังเสนอให้เร่งกระบวนการอนุมัติโครงการพลังงานโดยใช้ AI ช่วยตรวจสอบเอกสารและลดขั้นตอนราชการ พร้อมเสนอให้ใช้ “อำนาจฉุกเฉิน” เพื่อเร่งการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะโครงการที่ตั้งอยู่บนที่ดินของรัฐบาลกลาง OpenAI ยังเสนอให้จัดตั้ง “คลังสำรองวัตถุดิบ” สำหรับโครงสร้างพื้นฐาน AI เช่น ทองแดง อะลูมิเนียม และแร่หายาก เพื่อป้องกันการพึ่งพาจีนในด้านวัตถุดิบที่สำคัญ ✅ ข้อเสนอหลักจาก OpenAI ➡️ สร้างกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่ม 100 GW ต่อปี ➡️ ใช้ AI ช่วยเร่งกระบวนการอนุมัติโครงการพลังงาน ➡️ ปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อ “ปลดล็อก” การลงทุนด้านพลังงาน ➡️ ใช้อำนาจฉุกเฉินเพื่อเร่งการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม ✅ เหตุผลที่ต้องเร่งสร้างพลังงาน ➡️ จีนเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้า 429 GW ในปีเดียว ➡️ สหรัฐเพิ่มเพียง 51 GW – เกิด “ช่องว่างพลังงาน” ที่อาจทำให้เสียเปรียบ ➡️ โครงสร้างพื้นฐาน AI เช่นศูนย์ข้อมูล ต้องใช้ไฟฟ้าปริมาณมหาศาล ✅ ข้อเสนอเสริมเพื่อความมั่นคงด้าน AI ➡️ จัดตั้งคลังสำรองวัตถุดิบ เช่น ทองแดง แร่หายาก ➡️ ลดการพึ่งพาจีนในด้านวัตถุดิบสำคัญ ➡️ สร้างโอกาสงานใหม่ในสายอาชีพช่าง เช่น ช่างไฟ ช่างกล ช่างเชื่อม สั้นๆ สำหรับลุง คุณแซมคนนี้ไม่ใช่คนดีแน่ๆ .. https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/openai-calls-on-u-s-to-build-100-gigawatts-of-additional-power-generating-capacity-per-year-says-electricity-is-a-strategic-asset-in-ai-race-against-china
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 263 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯกำลังดำเนินการยกระดับผลิตขีนาวุธ ในการเตรียมพร้อมรับมือความเป็นไปได้ที่จะเกิดความขัดแย้งกับจีน ตามรายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัล เมื่อวันจันทร์(29ก.ย.) ทั้งนี้มีข่าวว่าเพนตากอนกดดันให้บรรดาบริษัทผู้รับเหมากลาโหมทั้งหลาย เพิ่มกำลังผลิตเป็น 2 เท่าหรือ 4 เท่า ท่ามกลางความกังวลว่าคลังแสงอาวุธอาจไม่เพียงพอ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000093281

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    สหรัฐฯกำลังดำเนินการยกระดับผลิตขีนาวุธ ในการเตรียมพร้อมรับมือความเป็นไปได้ที่จะเกิดความขัดแย้งกับจีน ตามรายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัล เมื่อวันจันทร์(29ก.ย.) ทั้งนี้มีข่าวว่าเพนตากอนกดดันให้บรรดาบริษัทผู้รับเหมากลาโหมทั้งหลาย เพิ่มกำลังผลิตเป็น 2 เท่าหรือ 4 เท่า ท่ามกลางความกังวลว่าคลังแสงอาวุธอาจไม่เพียงพอ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000093281 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 552 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จีนเร่งผลิตชิป AI ในประเทศ แต่ติดขัดสองด่านใหญ่ — โรงงานผลิตขั้นสูงและหน่วยความจำ HBM ยังเป็นอุปสรรคสำคัญ”

    จีนกำลังเดินหน้าสร้างความพึ่งพาตนเองด้านฮาร์ดแวร์ AI อย่างจริงจัง โดยบริษัทชั้นนำอย่าง Huawei และ Cambricon ได้เริ่มเร่งผลิตตัวเร่ง AI (AI accelerators) ภายในโรงงานในประเทศ โดยคาดว่าจะผลิตได้มากกว่า 1 ล้านชิ้นภายในปี 2026 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการลดการพึ่งพา NVIDIA และผู้ผลิตต่างชาติ

    แต่ความทะเยอทะยานนี้ยังติดขัดจากสองอุปสรรคใหญ่ ได้แก่ ความสามารถของโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง (เช่น SMIC) และการขาดแคลนหน่วยความจำ HBM ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของชิป AI ระดับสูง โดยเฉพาะรุ่น Ascend 910B และ 910C ที่ Huawei ใช้ในศูนย์ข้อมูลของตน

    แม้ SMIC จะเริ่มผลิตชิป Ascend ได้ในระดับ 7nm-class แต่ยังมีข้อจำกัดด้าน yield และระยะเวลาการผลิตที่ยาวนานกว่ามาตรฐานโลกถึงสองเท่า ขณะที่ HBM ซึ่งเคยสต็อกไว้จาก Samsung กว่า 11 ล้านชุด ก็กำลังจะหมดลงภายในสิ้นปี 2025 และผู้ผลิตในประเทศอย่าง CXMT ยังไม่สามารถผลิตได้ในระดับที่เพียงพอ

    นอกจากนี้ Huawei ยังถูกกล่าวหาว่าเคยใช้บริษัทตัวแทนในการสั่งผลิตชิปจาก TSMC โดยหลบเลี่ยงข้อจำกัดจากสหรัฐฯ ซึ่งทำให้เกิดความตึงเครียดในอุตสาหกรรม และผลักดันให้จีนต้องเร่งสร้างโรงงานของตนเอง พร้อมลงทุนกว่า 9 พันล้านดอลลาร์ในอุปกรณ์ผลิตชิป

    ความคืบหน้าการผลิตชิป AI ในจีน
    Huawei และ Cambricon ตั้งเป้าผลิต AI accelerators กว่า 1 ล้านชิ้นในปี 2026
    SMIC เริ่มผลิตชิป Ascend 910B และ 910C ด้วยเทคโนโลยี 7nm-class
    Huawei เคยใช้ TSMC ผ่านบริษัทตัวแทนเพื่อผลิตชิป Ascend 910B
    SMIC เพิ่มกำลังผลิตจาก 20,000 เป็น 80,000 wafers ต่อเดือนภายในปี 2027

    ปัญหาด้านหน่วยความจำ HBM
    Huawei เคยสต็อก HBM จาก Samsung กว่า 11.7 ล้านชุดก่อนถูกแบน
    คาดว่า HBM จะหมดภายในสิ้นปี 2025
    CXMT ผลิต HBM ได้เพียง 2.2 ล้านชุดในปี 2026 — รองรับได้แค่ 250,000–400,000 ชิป
    YMTC เตรียมเข้าสู่ตลาด DRAM และใช้เทคโนโลยี Xtacking เพื่อผลิต HBM

    การลงทุนและแผนระยะยาว
    Huawei ลงทุนกว่า $9 พันล้านในอุปกรณ์ผลิตชิปเพื่อสร้างโรงงานของตนเอง
    ก่อตั้งบริษัท SiCarrier เพื่อผลิตเครื่องมือสำหรับโรงงาน
    หากสำเร็จ จะช่วยลดภาระ SMIC และเพิ่มความสามารถในการผลิตในประเทศ
    เป้าหมายคือการสร้างระบบผลิตชิปแบบครบวงจรโดยไม่พึ่งต่างชาติ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    NVIDIA ยังสามารถส่งชิป AI รุ่นลดสเปก เช่น H20 และ B30A ให้จีนได้
    CUDA ของ NVIDIA ยังเป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนไปใช้ฮาร์ดแวร์จีน
    Huawei พัฒนา CANN เป็นทางเลือกแทน CUDA สำหรับงาน AI
    จีนมีแผนสร้างศูนย์ข้อมูล AI 39 แห่ง โดยใช้ GPU ที่ถูกจำกัดจากสหรัฐฯ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chinas-chip-champions-ramp-up-production-of-ai-accelerators-at-domestic-fabs-but-hbm-and-fab-production-capacity-are-towering-bottlenecks
    🇨🇳 “จีนเร่งผลิตชิป AI ในประเทศ แต่ติดขัดสองด่านใหญ่ — โรงงานผลิตขั้นสูงและหน่วยความจำ HBM ยังเป็นอุปสรรคสำคัญ” จีนกำลังเดินหน้าสร้างความพึ่งพาตนเองด้านฮาร์ดแวร์ AI อย่างจริงจัง โดยบริษัทชั้นนำอย่าง Huawei และ Cambricon ได้เริ่มเร่งผลิตตัวเร่ง AI (AI accelerators) ภายในโรงงานในประเทศ โดยคาดว่าจะผลิตได้มากกว่า 1 ล้านชิ้นภายในปี 2026 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการลดการพึ่งพา NVIDIA และผู้ผลิตต่างชาติ แต่ความทะเยอทะยานนี้ยังติดขัดจากสองอุปสรรคใหญ่ ได้แก่ ความสามารถของโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง (เช่น SMIC) และการขาดแคลนหน่วยความจำ HBM ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของชิป AI ระดับสูง โดยเฉพาะรุ่น Ascend 910B และ 910C ที่ Huawei ใช้ในศูนย์ข้อมูลของตน แม้ SMIC จะเริ่มผลิตชิป Ascend ได้ในระดับ 7nm-class แต่ยังมีข้อจำกัดด้าน yield และระยะเวลาการผลิตที่ยาวนานกว่ามาตรฐานโลกถึงสองเท่า ขณะที่ HBM ซึ่งเคยสต็อกไว้จาก Samsung กว่า 11 ล้านชุด ก็กำลังจะหมดลงภายในสิ้นปี 2025 และผู้ผลิตในประเทศอย่าง CXMT ยังไม่สามารถผลิตได้ในระดับที่เพียงพอ นอกจากนี้ Huawei ยังถูกกล่าวหาว่าเคยใช้บริษัทตัวแทนในการสั่งผลิตชิปจาก TSMC โดยหลบเลี่ยงข้อจำกัดจากสหรัฐฯ ซึ่งทำให้เกิดความตึงเครียดในอุตสาหกรรม และผลักดันให้จีนต้องเร่งสร้างโรงงานของตนเอง พร้อมลงทุนกว่า 9 พันล้านดอลลาร์ในอุปกรณ์ผลิตชิป ✅ ความคืบหน้าการผลิตชิป AI ในจีน ➡️ Huawei และ Cambricon ตั้งเป้าผลิต AI accelerators กว่า 1 ล้านชิ้นในปี 2026 ➡️ SMIC เริ่มผลิตชิป Ascend 910B และ 910C ด้วยเทคโนโลยี 7nm-class ➡️ Huawei เคยใช้ TSMC ผ่านบริษัทตัวแทนเพื่อผลิตชิป Ascend 910B ➡️ SMIC เพิ่มกำลังผลิตจาก 20,000 เป็น 80,000 wafers ต่อเดือนภายในปี 2027 ✅ ปัญหาด้านหน่วยความจำ HBM ➡️ Huawei เคยสต็อก HBM จาก Samsung กว่า 11.7 ล้านชุดก่อนถูกแบน ➡️ คาดว่า HBM จะหมดภายในสิ้นปี 2025 ➡️ CXMT ผลิต HBM ได้เพียง 2.2 ล้านชุดในปี 2026 — รองรับได้แค่ 250,000–400,000 ชิป ➡️ YMTC เตรียมเข้าสู่ตลาด DRAM และใช้เทคโนโลยี Xtacking เพื่อผลิต HBM ✅ การลงทุนและแผนระยะยาว ➡️ Huawei ลงทุนกว่า $9 พันล้านในอุปกรณ์ผลิตชิปเพื่อสร้างโรงงานของตนเอง ➡️ ก่อตั้งบริษัท SiCarrier เพื่อผลิตเครื่องมือสำหรับโรงงาน ➡️ หากสำเร็จ จะช่วยลดภาระ SMIC และเพิ่มความสามารถในการผลิตในประเทศ ➡️ เป้าหมายคือการสร้างระบบผลิตชิปแบบครบวงจรโดยไม่พึ่งต่างชาติ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ NVIDIA ยังสามารถส่งชิป AI รุ่นลดสเปก เช่น H20 และ B30A ให้จีนได้ ➡️ CUDA ของ NVIDIA ยังเป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนไปใช้ฮาร์ดแวร์จีน ➡️ Huawei พัฒนา CANN เป็นทางเลือกแทน CUDA สำหรับงาน AI ➡️ จีนมีแผนสร้างศูนย์ข้อมูล AI 39 แห่ง โดยใช้ GPU ที่ถูกจำกัดจากสหรัฐฯ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chinas-chip-champions-ramp-up-production-of-ai-accelerators-at-domestic-fabs-but-hbm-and-fab-production-capacity-are-towering-bottlenecks
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 323 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ — เมื่อพลังงานสะอาดกลายเป็นหัวใจของคลาวด์และ AI

    ในยุคที่ศูนย์ข้อมูลกลายเป็นเส้นเลือดหลักของโลกดิจิทัล และ AI ต้องการพลังงานมหาศาล Google กำลังเดินเกมใหม่ด้วยการลงทุนในพลังงานนิวเคลียร์ โดยร่วมมือกับ Kairos Power และ TVA เพื่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก Hermes 2 ที่เมือง Oak Ridge รัฐเทนเนสซี

    โรงไฟฟ้า Hermes 2 เป็นโรงไฟฟ้ารุ่น Generation IV ที่ใช้เทคโนโลยีหล่อเย็นด้วยเกลือฟลูออไรด์ (fluoride salt-cooled reactor) ซึ่งมีความปลอดภัยสูงและสามารถผลิตไฟฟ้าได้ต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง ต่างจากพลังงานแสงอาทิตย์และลมที่ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ

    โรงไฟฟ้านี้จะผลิตไฟฟ้าได้ 50 เมกะวัตต์ เริ่มดำเนินการในปี 2030 และส่งพลังงานเข้าสู่ระบบของ TVA เพื่อใช้ในศูนย์ข้อมูลของ Google ที่รัฐเทนเนสซีและแอละแบมา โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนระยะยาวที่จะเพิ่มกำลังผลิตนิวเคลียร์ถึง 500 เมกะวัตต์ภายในปี 2035

    สิ่งที่น่าสนใจคือรูปแบบความร่วมมือครั้งนี้เป็น Power Purchase Agreement (PPA) แบบใหม่ ที่ Google รับความเสี่ยงด้านต้นทุนและการพัฒนาเทคโนโลยี ส่วน TVA รับผิดชอบด้านการซื้อไฟฟ้าและส่งต่อพลังงานสะอาดให้กับ Google

    นอกจากเรื่องพลังงานแล้ว โครงการนี้ยังมีเป้าหมายในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของ Oak Ridge ซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางของการวิจัยนิวเคลียร์ในอดีต โดยมีแผนฝึกอบรมแรงงานร่วมกับมหาวิทยาลัยเทนเนสซีเพื่อเตรียมบุคลากรสำหรับงานด้านเทคนิคในโรงไฟฟ้า

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Google ร่วมมือกับ Kairos Power และ TVA สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Hermes 2 ที่ Oak Ridge, Tennessee
    Hermes 2 เป็นโรงไฟฟ้า Generation IV ที่ใช้เทคโนโลยี fluoride salt-cooled reactor
    เริ่มดำเนินการในปี 2030 และผลิตไฟฟ้าได้ 50 เมกะวัตต์
    พลังงานจะถูกส่งเข้าสู่ระบบของ TVA เพื่อใช้ในศูนย์ข้อมูลของ Google ที่ Tennessee และ Alabama
    ความร่วมมือเป็นรูปแบบ Power Purchase Agreement ที่ Google รับความเสี่ยงด้านต้นทุน
    โครงการนี้เป็นการซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้า Gen IV ครั้งแรกของสหรัฐฯ
    Google มีแผนเพิ่มกำลังผลิตนิวเคลียร์เป็น 500 เมกะวัตต์ภายในปี 2035
    Oak Ridge จะกลายเป็นศูนย์กลางนิวเคลียร์อีกครั้ง พร้อมโครงการฝึกอบรมแรงงานร่วมกับมหาวิทยาลัย
    Hermes 2 จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนและเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานให้กับระบบคลาวด์
    โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลรัฐเทนเนสซีและหน่วยงานด้านพลังงาน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Kairos Power เป็นบริษัทสตาร์ทอัพจากแคลิฟอร์เนียที่พัฒนาเทคโนโลยี KP-FHR มาตั้งแต่ปี 2016
    Hermes 2 ใช้เชื้อเพลิงแบบ TRISO pebble bed ซึ่งมีความปลอดภัยสูงและทนความร้อนได้ดี
    โรงไฟฟ้าแบบ SMR (Small Modular Reactor) มีขนาดเล็กและสามารถสร้างได้เร็วกว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบดั้งเดิม
    ศูนย์ข้อมูลอาจใช้ไฟฟ้าสูงถึง 9% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งประเทศภายในปี 2030
    การใช้พลังงานนิวเคลียร์ช่วยให้ Google สามารถจัดการโหลดพลังงานของ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    https://www.techradar.com/pro/google-is-building-a-small-nuclear-reactor-in-tennessee-to-power-its-data-centers
    ⚛️ Google กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ — เมื่อพลังงานสะอาดกลายเป็นหัวใจของคลาวด์และ AI ในยุคที่ศูนย์ข้อมูลกลายเป็นเส้นเลือดหลักของโลกดิจิทัล และ AI ต้องการพลังงานมหาศาล Google กำลังเดินเกมใหม่ด้วยการลงทุนในพลังงานนิวเคลียร์ โดยร่วมมือกับ Kairos Power และ TVA เพื่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก Hermes 2 ที่เมือง Oak Ridge รัฐเทนเนสซี โรงไฟฟ้า Hermes 2 เป็นโรงไฟฟ้ารุ่น Generation IV ที่ใช้เทคโนโลยีหล่อเย็นด้วยเกลือฟลูออไรด์ (fluoride salt-cooled reactor) ซึ่งมีความปลอดภัยสูงและสามารถผลิตไฟฟ้าได้ต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง ต่างจากพลังงานแสงอาทิตย์และลมที่ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ โรงไฟฟ้านี้จะผลิตไฟฟ้าได้ 50 เมกะวัตต์ เริ่มดำเนินการในปี 2030 และส่งพลังงานเข้าสู่ระบบของ TVA เพื่อใช้ในศูนย์ข้อมูลของ Google ที่รัฐเทนเนสซีและแอละแบมา โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนระยะยาวที่จะเพิ่มกำลังผลิตนิวเคลียร์ถึง 500 เมกะวัตต์ภายในปี 2035 สิ่งที่น่าสนใจคือรูปแบบความร่วมมือครั้งนี้เป็น Power Purchase Agreement (PPA) แบบใหม่ ที่ Google รับความเสี่ยงด้านต้นทุนและการพัฒนาเทคโนโลยี ส่วน TVA รับผิดชอบด้านการซื้อไฟฟ้าและส่งต่อพลังงานสะอาดให้กับ Google นอกจากเรื่องพลังงานแล้ว โครงการนี้ยังมีเป้าหมายในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของ Oak Ridge ซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางของการวิจัยนิวเคลียร์ในอดีต โดยมีแผนฝึกอบรมแรงงานร่วมกับมหาวิทยาลัยเทนเนสซีเพื่อเตรียมบุคลากรสำหรับงานด้านเทคนิคในโรงไฟฟ้า 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Google ร่วมมือกับ Kairos Power และ TVA สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Hermes 2 ที่ Oak Ridge, Tennessee ➡️ Hermes 2 เป็นโรงไฟฟ้า Generation IV ที่ใช้เทคโนโลยี fluoride salt-cooled reactor ➡️ เริ่มดำเนินการในปี 2030 และผลิตไฟฟ้าได้ 50 เมกะวัตต์ ➡️ พลังงานจะถูกส่งเข้าสู่ระบบของ TVA เพื่อใช้ในศูนย์ข้อมูลของ Google ที่ Tennessee และ Alabama ➡️ ความร่วมมือเป็นรูปแบบ Power Purchase Agreement ที่ Google รับความเสี่ยงด้านต้นทุน ➡️ โครงการนี้เป็นการซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้า Gen IV ครั้งแรกของสหรัฐฯ ➡️ Google มีแผนเพิ่มกำลังผลิตนิวเคลียร์เป็น 500 เมกะวัตต์ภายในปี 2035 ➡️ Oak Ridge จะกลายเป็นศูนย์กลางนิวเคลียร์อีกครั้ง พร้อมโครงการฝึกอบรมแรงงานร่วมกับมหาวิทยาลัย ➡️ Hermes 2 จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนและเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานให้กับระบบคลาวด์ ➡️ โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลรัฐเทนเนสซีและหน่วยงานด้านพลังงาน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Kairos Power เป็นบริษัทสตาร์ทอัพจากแคลิฟอร์เนียที่พัฒนาเทคโนโลยี KP-FHR มาตั้งแต่ปี 2016 ➡️ Hermes 2 ใช้เชื้อเพลิงแบบ TRISO pebble bed ซึ่งมีความปลอดภัยสูงและทนความร้อนได้ดี ➡️ โรงไฟฟ้าแบบ SMR (Small Modular Reactor) มีขนาดเล็กและสามารถสร้างได้เร็วกว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบดั้งเดิม ➡️ ศูนย์ข้อมูลอาจใช้ไฟฟ้าสูงถึง 9% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งประเทศภายในปี 2030 ➡️ การใช้พลังงานนิวเคลียร์ช่วยให้ Google สามารถจัดการโหลดพลังงานของ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ https://www.techradar.com/pro/google-is-building-a-small-nuclear-reactor-in-tennessee-to-power-its-data-centers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 346 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากมือถือสู่มอเตอร์ – Xiaomi กับภารกิจเปลี่ยนโลกยานยนต์

    ถ้าคุณรู้จัก Xiaomi จากมือถือราคาดีฟีเจอร์ครบ คุณอาจไม่ทันรู้ว่าแบรนด์นี้กำลังกลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และไม่ใช่แค่ “ลองทำดู” แต่เป็นการลงทุนเต็มตัวกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์

    Xiaomi เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรก SU7 ในเดือนธันวาคม 2023 และตามด้วย YU7 SUV ในกลางปี 2025 ซึ่งสร้างปรากฏการณ์ยอดจองกว่า 240,000 คันภายใน 18 ชั่วโมง ด้วยดีไซน์ที่หลายคนเปรียบเทียบว่า “เหมือน Porsche แต่ราคาพอ ๆ กับ Toyota Camry”

    ยอดขายพุ่งทะลุ 157,000 คันในครึ่งปีแรกของ 2025 และรายได้จากธุรกิจ EV ก็แตะ 20.6 พันล้านหยวนในไตรมาสเดียว แม้จะยังขาดทุนอยู่ แต่ก็ใกล้จุดคุ้มทุนแล้ว

    Xiaomi ไม่หยุดแค่ในจีน พวกเขาวางแผนบุกตลาดยุโรปในปี 2027 โดยเริ่มจากการทดสอบ SU7 Ultra บนสนาม Nürburgring ที่เยอรมนี ซึ่งทำสถิติเร็วที่สุดในกลุ่มรถ EV ผลิตจำนวนมาก

    แต่เส้นทางนี้ไม่ง่ายนัก เพราะในสหรัฐฯ Xiaomi ถูกกีดกันด้วยภาษีนำเข้า 100% จากนโยบายสงครามการค้าของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ทำให้ตลาดใหญ่นี้ยังเข้าไม่ถึง

    แม้จะมีอุปสรรค แต่ Xiaomi ก็ได้รับคำชมจากนักวิเคราะห์ว่า “แซงหน้า Tesla ในหลายด้าน” โดยเฉพาะเรื่องดีไซน์และราคาที่เข้าถึงได้มากกว่า

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Xiaomi เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น SU7 ในเดือนธันวาคม 2023
    ตามด้วยรุ่น YU7 SUV ในเดือนมิถุนายน 2025 ยอดจอง 240,000 คันใน 18 ชั่วโมง
    ราคาของ YU7 อยู่ที่ประมาณ 253,500 หยวน (US$35,360)
    Xiaomi วางแผนเข้าสู่ตลาดยุโรปในปี 2027
    SU7 Ultra ทำสถิติเร็วที่สุดในสนาม Nürburgring สำหรับรถ EV ผลิตจำนวนมาก
    Xiaomi ส่งมอบรถ EV ได้กว่า 157,000 คันในครึ่งปีแรกของ 2025
    รายได้จากธุรกิจ EV ในไตรมาส 2 อยู่ที่ 20.6 พันล้านหยวน
    บริษัทตั้งเป้าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ 5 อันดับแรกของโลก
    Xiaomi ยังไม่สามารถเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ เพราะภาษีนำเข้า 100%
    นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley ระบุว่า Xiaomi แซง Tesla ในหลายด้าน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SU7 ได้รับคำชมว่า “เหมือน Porsche Taycan” แต่ราคาถูกกว่าหลายเท่า
    Xiaomi ใช้ประสบการณ์จากธุรกิจมือถือและ IoT มาปรับใช้ในรถยนต์
    การออกแบบรถเน้น software-defined vehicle (SDV) ที่คล้ายสมาร์ตโฟนมากกว่ารถยนต์ดั้งเดิม
    Xiaomi มีแผนเปิดโรงงาน EV แห่งที่สองเพื่อเพิ่มกำลังผลิต
    ตลาดยุโรปมีภาษีนำเข้าต่ำกว่าสหรัฐฯ และเปิดรับแบรนด์จีนมากขึ้น


    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/22/chinas-xiaomi-is-betting-big-on-electric-cars
    🎙️ จากมือถือสู่มอเตอร์ – Xiaomi กับภารกิจเปลี่ยนโลกยานยนต์ ถ้าคุณรู้จัก Xiaomi จากมือถือราคาดีฟีเจอร์ครบ คุณอาจไม่ทันรู้ว่าแบรนด์นี้กำลังกลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และไม่ใช่แค่ “ลองทำดู” แต่เป็นการลงทุนเต็มตัวกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ Xiaomi เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรก SU7 ในเดือนธันวาคม 2023 และตามด้วย YU7 SUV ในกลางปี 2025 ซึ่งสร้างปรากฏการณ์ยอดจองกว่า 240,000 คันภายใน 18 ชั่วโมง ด้วยดีไซน์ที่หลายคนเปรียบเทียบว่า “เหมือน Porsche แต่ราคาพอ ๆ กับ Toyota Camry” ยอดขายพุ่งทะลุ 157,000 คันในครึ่งปีแรกของ 2025 และรายได้จากธุรกิจ EV ก็แตะ 20.6 พันล้านหยวนในไตรมาสเดียว แม้จะยังขาดทุนอยู่ แต่ก็ใกล้จุดคุ้มทุนแล้ว Xiaomi ไม่หยุดแค่ในจีน พวกเขาวางแผนบุกตลาดยุโรปในปี 2027 โดยเริ่มจากการทดสอบ SU7 Ultra บนสนาม Nürburgring ที่เยอรมนี ซึ่งทำสถิติเร็วที่สุดในกลุ่มรถ EV ผลิตจำนวนมาก แต่เส้นทางนี้ไม่ง่ายนัก เพราะในสหรัฐฯ Xiaomi ถูกกีดกันด้วยภาษีนำเข้า 100% จากนโยบายสงครามการค้าของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ทำให้ตลาดใหญ่นี้ยังเข้าไม่ถึง แม้จะมีอุปสรรค แต่ Xiaomi ก็ได้รับคำชมจากนักวิเคราะห์ว่า “แซงหน้า Tesla ในหลายด้าน” โดยเฉพาะเรื่องดีไซน์และราคาที่เข้าถึงได้มากกว่า 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Xiaomi เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น SU7 ในเดือนธันวาคม 2023 ➡️ ตามด้วยรุ่น YU7 SUV ในเดือนมิถุนายน 2025 ยอดจอง 240,000 คันใน 18 ชั่วโมง ➡️ ราคาของ YU7 อยู่ที่ประมาณ 253,500 หยวน (US$35,360) ➡️ Xiaomi วางแผนเข้าสู่ตลาดยุโรปในปี 2027 ➡️ SU7 Ultra ทำสถิติเร็วที่สุดในสนาม Nürburgring สำหรับรถ EV ผลิตจำนวนมาก ➡️ Xiaomi ส่งมอบรถ EV ได้กว่า 157,000 คันในครึ่งปีแรกของ 2025 ➡️ รายได้จากธุรกิจ EV ในไตรมาส 2 อยู่ที่ 20.6 พันล้านหยวน ➡️ บริษัทตั้งเป้าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ 5 อันดับแรกของโลก ➡️ Xiaomi ยังไม่สามารถเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ เพราะภาษีนำเข้า 100% ➡️ นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley ระบุว่า Xiaomi แซง Tesla ในหลายด้าน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SU7 ได้รับคำชมว่า “เหมือน Porsche Taycan” แต่ราคาถูกกว่าหลายเท่า ➡️ Xiaomi ใช้ประสบการณ์จากธุรกิจมือถือและ IoT มาปรับใช้ในรถยนต์ ➡️ การออกแบบรถเน้น software-defined vehicle (SDV) ที่คล้ายสมาร์ตโฟนมากกว่ารถยนต์ดั้งเดิม ➡️ Xiaomi มีแผนเปิดโรงงาน EV แห่งที่สองเพื่อเพิ่มกำลังผลิต ➡️ ตลาดยุโรปมีภาษีนำเข้าต่ำกว่าสหรัฐฯ และเปิดรับแบรนด์จีนมากขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/22/chinas-xiaomi-is-betting-big-on-electric-cars
    WWW.THESTAR.COM.MY
    China's Xiaomi is betting big on electric cars
    Xiaomi may not be a household name in the US, but in China its products are everywhere. Already one of the world's top mobile phone manufacturers, the technology company also makes everything from toothbrushes to watches – even mattresses. Now it's betting big on electric vehicles, having already succeeded where even Apple failed.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 469 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำขิงดองง่ายและเร็วขึ้น 10 เท่า!
    เครื่องหั่นมันฝรั่ง เครื่องหั่นอเนกประสงค์ สไลด์ขิงอ่อนได้บางเฉียบ สม่ำเสมอ ไม่ต้องใช้มีด!

    เหนื่อยกับการสไลด์ขิงอ่อนสำหรับทำขิงดองใช่ไหม? เครื่องของเราช่วยให้คุณได้ชิ้นงานสวยเหมือนมืออาชีพในเวลาอันสั้น

    สไลด์ขิงได้บางเฉียบ และปรับความหนา-บางได้
    ได้ชิ้นงานสม่ำเสมอ คุณภาพเท่ากันทุกแผ่น
    ประหยัดเวลาและแรงงาน เพิ่มกำลังผลิตได้มหาศาล

    รายละเอียดทางเทคนิคของเครื่อง:
    - กำลังมอเตอร์: 1 HP
    - แรงดันไฟฟ้า: 220 V.
    - กำลังการผลิต: 100-300 กิโลกรัมต่อชั่วโมง
    - ขนาด: 78 x 74 x 99 เซนติเมตร
    - น้ำหนัก: 45 กิโลกรัม

    เครื่องนี้ทำอะไรได้อีก?
    สไลด์มันฝรั่งทำเฟรนช์ฟรายส์
    หั่นหอมแดงได้ทั้งลูกโดยไม่ต้องปอกเปลือก
    หั่นกระชาย, ข่า, แครอท และพืชผักอื่นๆ

    สนใจสั่งซื้อหรือสอบถาม:
    02-215-3515-9, 081-3189098
    www.yoryonghahheng.com
    LINE: @yonghahheng (มี @)


    #ขิงดอง #เครื่องสไลด์ขิง #เครื่องหั่นขิง #ขิงอ่อน #เครื่องครัว #เครื่องครัวมืออาชีพ #ธุรกิจอาหาร #ยงฮะเฮง #yoryonghahheng #foodprocessor #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #โรงงานแปรรูป #ประหยัดเวลา #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #สแตนเลส #kitchenequipment #foodcutter #อุปกรณ์ทำอาหาร #ขิง #งานครัว
    🔥🔥 ทำขิงดองง่ายและเร็วขึ้น 10 เท่า! 🔥🔥 เครื่องหั่นมันฝรั่ง เครื่องหั่นอเนกประสงค์ สไลด์ขิงอ่อนได้บางเฉียบ สม่ำเสมอ ไม่ต้องใช้มีด! เหนื่อยกับการสไลด์ขิงอ่อนสำหรับทำขิงดองใช่ไหม? เครื่องของเราช่วยให้คุณได้ชิ้นงานสวยเหมือนมืออาชีพในเวลาอันสั้น ✅ สไลด์ขิงได้บางเฉียบ และปรับความหนา-บางได้ ✅ ได้ชิ้นงานสม่ำเสมอ คุณภาพเท่ากันทุกแผ่น ✅ ประหยัดเวลาและแรงงาน เพิ่มกำลังผลิตได้มหาศาล รายละเอียดทางเทคนิคของเครื่อง: - กำลังมอเตอร์: 1 HP - แรงดันไฟฟ้า: 220 V. - กำลังการผลิต: 100-300 กิโลกรัมต่อชั่วโมง - ขนาด: 78 x 74 x 99 เซนติเมตร - น้ำหนัก: 45 กิโลกรัม เครื่องนี้ทำอะไรได้อีก? สไลด์มันฝรั่งทำเฟรนช์ฟรายส์ หั่นหอมแดงได้ทั้งลูกโดยไม่ต้องปอกเปลือก หั่นกระชาย, ข่า, แครอท และพืชผักอื่นๆ สนใจสั่งซื้อหรือสอบถาม: 📞 02-215-3515-9, 081-3189098 🌐 www.yoryonghahheng.com 💬 LINE: @yonghahheng (มี @) #ขิงดอง #เครื่องสไลด์ขิง #เครื่องหั่นขิง #ขิงอ่อน #เครื่องครัว #เครื่องครัวมืออาชีพ #ธุรกิจอาหาร #ยงฮะเฮง #yoryonghahheng #foodprocessor #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #โรงงานแปรรูป #ประหยัดเวลา #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #สแตนเลส #kitchenequipment #foodcutter #อุปกรณ์ทำอาหาร #ขิง #งานครัว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 937 มุมมอง 0 รีวิว
  • เริ่มธุรกิจใหม่ ไม่ต้องลงทุนแรง! เครื่องปอกเปลือกช่วยคุณประหยัดทั้งเงินและเวลา!
    สำหรับเจ้าของธุรกิจมือใหม่ที่กำลังมองหาเครื่องมือช่วยทุ่นแรง แต่ยังกังวลเรื่องงบประมาณอยู่ใช่ไหมคะ? เครื่องปอกเปลือกแบบใช้น้ำขนาด 10 ลิตร ของเราคือคำตอบ! เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า คืนทุนเร็วแน่นอน!

    ทำไมเครื่องนี้ถึงเหมาะกับธุรกิจเริ่มต้น?
    ราคาไม่แรง! เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้เริ่มต้นธุรกิจ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการลงทุนก้อนแรก

    เพิ่มกำลังผลิตได้ทันที! ไม่ต้องจ้างคนเพิ่ม ไม่ต้องเสียเวลามาปอกมือเองอีกต่อไป เครื่องนี้ช่วยให้คุณผลิตวัตถุดิบได้เร็วขึ้นมาก!

    ประหยัดเวลาและแรงงาน! ปอกหอมแดง หอมแขก หอมหัวใหญ่ มันฝรั่ง หรือกระเทียม ได้มากถึง 5-7 กก. ต่อครั้ง! ทำให้คุณมีเวลาไปโฟกัสกับส่วนอื่น ๆ ของธุรกิจได้เต็มที่

    คุณภาพดี ทนทาน! แม้ราคาจะเข้าถึงง่าย แต่คุณภาพไม่เป็นรองใคร! ตัวเครื่องทำจากสเตนเลสทั้งเครื่อง แข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน

    ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก! ไม่ต้องมีทักษะเฉพาะทาง แค่เสียบปลั๊ก ใส่ของ กดปุ่ม ก็พร้อมใช้งานได้เลย

    รับประกัน 1 ปี! มั่นใจได้ในบริการหลังการขาย เราพร้อมดูแลธุรกิจของคุณให้ก้าวไปข้างหน้า

    รายละเอียดเครื่อง:
    ขนาด: 50 x 74.5 x 85 ซม.
    มอเตอร์: 1 แรงม้า
    ใช้ไฟบ้าน: 220V
    น้ำหนัก: 58 กก.

    อย่าปล่อยให้การเตรียมวัตถุดิบเป็นอุปสรรคในการเริ่มต้นธุรกิจของคุณ! ลงทุนกับเครื่องปอกเปลือกวันนี้ เพื่ออนาคตที่เติบโต!

    สนใจสินค้า? แวะมาดูเครื่องจริงได้เลย!
    เรายินดีให้คำแนะนำและช่วยเหลือผู้ประกอบการมือใหม่ทุกท่านค่ะ

    เวลาทำการ:
    จันทร์ - ศุกร์: 8.00 - 17.00 น.
    เสาร์: 8.00 - 16.00 น.

    แผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/4ppsHfy3NYb1uPPu6

    ช่องทางติดต่อสอบถาม:
    Facebook Messenger: m.me/yonghahheng
    LINE Official Account: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/HV4lSKp

    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com, yonghahheng@gmail.com

    #เครื่องปอกเปลือก #เริ่มต้นธุรกิจ #ลงทุนน้อย #คืนทุนเร็ว #ผู้ประกอบการ #SME #ร้านอาหารเล็กๆ #ธุรกิจอาหาร #ประหยัดต้นทุน #เครื่องจักรอาหาร #อุปกรณ์ครัว #ทำอาหารขาย #หอมใหญ่ #กระเทียม #มันฝรั่ง #เครื่องทุ่นแรง #yonghahheng #คุ้มค่า #ธุรกิจร้านอาหาร
    🚀 เริ่มธุรกิจใหม่ ไม่ต้องลงทุนแรง! ✨ เครื่องปอกเปลือกช่วยคุณประหยัดทั้งเงินและเวลา! 🧅🥔🧄 สำหรับเจ้าของธุรกิจมือใหม่ที่กำลังมองหาเครื่องมือช่วยทุ่นแรง แต่ยังกังวลเรื่องงบประมาณอยู่ใช่ไหมคะ? 🎉 เครื่องปอกเปลือกแบบใช้น้ำขนาด 10 ลิตร ของเราคือคำตอบ! เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า คืนทุนเร็วแน่นอน! 🔥 ทำไมเครื่องนี้ถึงเหมาะกับธุรกิจเริ่มต้น? 🔥 💰 ราคาไม่แรง! เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้เริ่มต้นธุรกิจ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการลงทุนก้อนแรก 📈 เพิ่มกำลังผลิตได้ทันที! ไม่ต้องจ้างคนเพิ่ม ไม่ต้องเสียเวลามาปอกมือเองอีกต่อไป เครื่องนี้ช่วยให้คุณผลิตวัตถุดิบได้เร็วขึ้นมาก! ⏰ ประหยัดเวลาและแรงงาน! ปอกหอมแดง หอมแขก หอมหัวใหญ่ มันฝรั่ง หรือกระเทียม ได้มากถึง 5-7 กก. ต่อครั้ง! ทำให้คุณมีเวลาไปโฟกัสกับส่วนอื่น ๆ ของธุรกิจได้เต็มที่ 💯 คุณภาพดี ทนทาน! แม้ราคาจะเข้าถึงง่าย แต่คุณภาพไม่เป็นรองใคร! ตัวเครื่องทำจากสเตนเลสทั้งเครื่อง แข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน 🛠️ ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก! ไม่ต้องมีทักษะเฉพาะทาง แค่เสียบปลั๊ก ใส่ของ กดปุ่ม ก็พร้อมใช้งานได้เลย 🛡️ รับประกัน 1 ปี! มั่นใจได้ในบริการหลังการขาย เราพร้อมดูแลธุรกิจของคุณให้ก้าวไปข้างหน้า รายละเอียดเครื่อง: ขนาด: 50 x 74.5 x 85 ซม. มอเตอร์: 1 แรงม้า ใช้ไฟบ้าน: 220V น้ำหนัก: 58 กก. ✨ อย่าปล่อยให้การเตรียมวัตถุดิบเป็นอุปสรรคในการเริ่มต้นธุรกิจของคุณ! ลงทุนกับเครื่องปอกเปลือกวันนี้ เพื่ออนาคตที่เติบโต! ✨ 📍 สนใจสินค้า? แวะมาดูเครื่องจริงได้เลย! เรายินดีให้คำแนะนำและช่วยเหลือผู้ประกอบการมือใหม่ทุกท่านค่ะ 🗓️ เวลาทำการ: จันทร์ - ศุกร์: 8.00 - 17.00 น. เสาร์: 8.00 - 16.00 น. 🗺️ แผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/4ppsHfy3NYb1uPPu6 💬 ช่องทางติดต่อสอบถาม: Facebook Messenger: m.me/yonghahheng LINE Official Account: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/HV4lSKp 📞 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 🌐 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com 📧 อีเมล: sales@yoryonghahheng.com, yonghahheng@gmail.com #เครื่องปอกเปลือก #เริ่มต้นธุรกิจ #ลงทุนน้อย #คืนทุนเร็ว #ผู้ประกอบการ #SME #ร้านอาหารเล็กๆ #ธุรกิจอาหาร #ประหยัดต้นทุน #เครื่องจักรอาหาร #อุปกรณ์ครัว #ทำอาหารขาย #หอมใหญ่ #กระเทียม #มันฝรั่ง #เครื่องทุ่นแรง #yonghahheng #คุ้มค่า #ธุรกิจร้านอาหาร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 854 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโรงงาน NAND: เมื่อจีนพยายามปลดล็อกตัวเองจากการคว่ำบาตร

    ตั้งแต่ปลายปี 2022 YMTC ถูกขึ้นบัญชีดำโดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงเครื่องมือผลิตชั้นสูงจากบริษัทอเมริกัน เช่น ASML, Applied Materials, KLA และ LAM Research ได้โดยตรง

    แต่ YMTC ไม่หยุดนิ่ง:
    - เริ่มผลิต NAND รุ่นใหม่ X4-9070 แบบ 3D TLC ที่มีถึง 294 ชั้น
    - เตรียมเปิดสายการผลิตทดลองที่ใช้เครื่องมือจีนทั้งหมดในครึ่งหลังของปี 2025
    - ตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิตเป็น 150,000 wafer starts ต่อเดือน (WSPM) ภายในปีนี้
    - วางแผนเปิดตัว NAND รุ่นใหม่ เช่น X5-9080 ขนาด 2TB และ QLC รุ่นใหม่ที่เร็วขึ้น

    แม้จะยังไม่สามารถผลิต lithography tools ขั้นสูงได้เอง แต่ YMTC มีอัตราการใช้เครื่องมือในประเทศสูงถึง 45% ซึ่งมากกว่าคู่แข่งในจีนอย่าง SMIC, Hua Hong และ CXMT ที่อยู่ในช่วง 15–27%

    YMTC ถูกขึ้นบัญชีดำโดยสหรัฐฯ ตั้งแต่ปลายปี 2022
    ไม่สามารถซื้อเครื่องมือผลิต NAND ที่มีมากกว่า 128 ชั้นจากบริษัทอเมริกันได้

    YMTC เริ่มผลิต NAND รุ่น X4-9070 ที่มี 294 ชั้น และเตรียมเปิดตัวรุ่น 2TB ในปีหน้า
    ใช้เทคนิคการเชื่อมโครงสร้างหลายชั้นเพื่อเพิ่ม bit density

    เตรียมเปิดสายการผลิตทดลองที่ใช้เครื่องมือจีนทั้งหมดในครึ่งหลังของปี 2025
    เป็นก้าวสำคัญในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ

    ตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิตเป็น 150,000 WSPM และครองตลาด NAND 15% ภายในปี 2026
    หากสำเร็จจะเปลี่ยนสมดุลของตลาด NAND ทั่วโลก

    YMTC มีอัตราการใช้เครื่องมือในประเทศสูงถึง 45%
    สูงกว่าคู่แข่งในจีน เช่น SMIC (22%), Hua Hong (20%), CXMT (20%)

    ผู้ผลิตเครื่องมือในประเทศที่ร่วมกับ YMTC ได้แก่ AMEC, Naura, Piotech และ SMEE
    มีความเชี่ยวชาญด้าน etching, deposition และ lithography ระดับพื้นฐาน

    YMTC ลงทุนผ่าน Changjiang Capital เพื่อสนับสนุนผู้ผลิตเครื่องมือในประเทศ
    ใช้ช่องทางไม่เปิดเผยเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากสหรัฐฯ

    เครื่องมือผลิตในประเทศจีนยังมี yield ต่ำกว่าของอเมริกา ญี่ปุ่น และยุโรป
    อาจทำให้สายการผลิตทดลองไม่สามารถขยายเป็นการผลิตจริงได้ทันเวลา

    การใช้เทคนิค stacking หลายชั้นทำให้ wafer ใช้เวลานานในโรงงาน
    ส่งผลให้จำนวน wafer ต่อเดือนลดลง แม้ bit output จะเพิ่มขึ้น

    การตั้งเป้าครองตลาด 15% ภายในปี 2026 อาจมองในแง่ดีเกินไป
    เพราะต้องใช้เวลานานในการปรับปรุง yield และขยายกำลังผลิตจริง

    การขาดเครื่องมือ lithography ขั้นสูงอาจเป็นอุปสรรคต่อการผลิต NAND รุ่นใหม่
    SMEE ยังผลิตได้แค่ระดับ 90nm ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับ NAND ขั้นสูง

    หาก YMTC เพิ่มกำลังผลิตเกิน 200,000 WSPM อาจกระทบราคาตลาด NAND ทั่วโลก
    ทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงและกระทบผู้ผลิตรายอื่น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/chinas-ymtc-moves-to-break-free-of-u-s-sanctions-by-building-production-line-with-homegrown-tools-aims-to-capture-15-percent-of-nand-market-by-late-2026
    🎙️ เรื่องเล่าจากโรงงาน NAND: เมื่อจีนพยายามปลดล็อกตัวเองจากการคว่ำบาตร ตั้งแต่ปลายปี 2022 YMTC ถูกขึ้นบัญชีดำโดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงเครื่องมือผลิตชั้นสูงจากบริษัทอเมริกัน เช่น ASML, Applied Materials, KLA และ LAM Research ได้โดยตรง แต่ YMTC ไม่หยุดนิ่ง: - เริ่มผลิต NAND รุ่นใหม่ X4-9070 แบบ 3D TLC ที่มีถึง 294 ชั้น - เตรียมเปิดสายการผลิตทดลองที่ใช้เครื่องมือจีนทั้งหมดในครึ่งหลังของปี 2025 - ตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิตเป็น 150,000 wafer starts ต่อเดือน (WSPM) ภายในปีนี้ - วางแผนเปิดตัว NAND รุ่นใหม่ เช่น X5-9080 ขนาด 2TB และ QLC รุ่นใหม่ที่เร็วขึ้น แม้จะยังไม่สามารถผลิต lithography tools ขั้นสูงได้เอง แต่ YMTC มีอัตราการใช้เครื่องมือในประเทศสูงถึง 45% ซึ่งมากกว่าคู่แข่งในจีนอย่าง SMIC, Hua Hong และ CXMT ที่อยู่ในช่วง 15–27% ✅ YMTC ถูกขึ้นบัญชีดำโดยสหรัฐฯ ตั้งแต่ปลายปี 2022 ➡️ ไม่สามารถซื้อเครื่องมือผลิต NAND ที่มีมากกว่า 128 ชั้นจากบริษัทอเมริกันได้ ✅ YMTC เริ่มผลิต NAND รุ่น X4-9070 ที่มี 294 ชั้น และเตรียมเปิดตัวรุ่น 2TB ในปีหน้า ➡️ ใช้เทคนิคการเชื่อมโครงสร้างหลายชั้นเพื่อเพิ่ม bit density ✅ เตรียมเปิดสายการผลิตทดลองที่ใช้เครื่องมือจีนทั้งหมดในครึ่งหลังของปี 2025 ➡️ เป็นก้าวสำคัญในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ ✅ ตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิตเป็น 150,000 WSPM และครองตลาด NAND 15% ภายในปี 2026 ➡️ หากสำเร็จจะเปลี่ยนสมดุลของตลาด NAND ทั่วโลก ✅ YMTC มีอัตราการใช้เครื่องมือในประเทศสูงถึง 45% ➡️ สูงกว่าคู่แข่งในจีน เช่น SMIC (22%), Hua Hong (20%), CXMT (20%) ✅ ผู้ผลิตเครื่องมือในประเทศที่ร่วมกับ YMTC ได้แก่ AMEC, Naura, Piotech และ SMEE ➡️ มีความเชี่ยวชาญด้าน etching, deposition และ lithography ระดับพื้นฐาน ✅ YMTC ลงทุนผ่าน Changjiang Capital เพื่อสนับสนุนผู้ผลิตเครื่องมือในประเทศ ➡️ ใช้ช่องทางไม่เปิดเผยเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากสหรัฐฯ ‼️ เครื่องมือผลิตในประเทศจีนยังมี yield ต่ำกว่าของอเมริกา ญี่ปุ่น และยุโรป ⛔ อาจทำให้สายการผลิตทดลองไม่สามารถขยายเป็นการผลิตจริงได้ทันเวลา ‼️ การใช้เทคนิค stacking หลายชั้นทำให้ wafer ใช้เวลานานในโรงงาน ⛔ ส่งผลให้จำนวน wafer ต่อเดือนลดลง แม้ bit output จะเพิ่มขึ้น ‼️ การตั้งเป้าครองตลาด 15% ภายในปี 2026 อาจมองในแง่ดีเกินไป ⛔ เพราะต้องใช้เวลานานในการปรับปรุง yield และขยายกำลังผลิตจริง ‼️ การขาดเครื่องมือ lithography ขั้นสูงอาจเป็นอุปสรรคต่อการผลิต NAND รุ่นใหม่ ⛔ SMEE ยังผลิตได้แค่ระดับ 90nm ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับ NAND ขั้นสูง ‼️ หาก YMTC เพิ่มกำลังผลิตเกิน 200,000 WSPM อาจกระทบราคาตลาด NAND ทั่วโลก ⛔ ทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงและกระทบผู้ผลิตรายอื่น https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/chinas-ymtc-moves-to-break-free-of-u-s-sanctions-by-building-production-line-with-homegrown-tools-aims-to-capture-15-percent-of-nand-market-by-late-2026
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 352 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโรงงานชิป: เมื่อ TSMC ต้องเร่งผลิตชิปเล็กที่สุดในโลกให้ทันความต้องการ

    TSMC เริ่มผลิตชิปขนาด 2 นาโนเมตรในปี 2025 โดยตั้งเป้าเริ่มต้นที่ 40,000 แผ่นเวเฟอร์ต่อเดือน และจะเพิ่มเป็น 100,000 แผ่นในปี 2026 — แต่ด้วยความต้องการจากบริษัทอย่าง Apple, NVIDIA, Intel, AMD และ MediaTek ที่ใช้ชิปเหล่านี้ในผลิตภัณฑ์ AI, มือถือ และเซิร์ฟเวอร์ ทำให้ TSMC อาจต้องเพิ่มกำลังการผลิตถึง 5 เท่าในปี 2027

    หากแผนนี้สำเร็จ:
    - จะเป็นการผลิตชิปขนาด sub-7nm ที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ TSMC
    - ต้องใช้โรงงานถึง 8 แห่ง โดยมีโรงงานหลักอยู่ที่ F22 ในเมืองเกาสง ประเทศไต้หวัน

    แม้ Samsung จะมีเทคโนโลยีใกล้เคียง แต่ TSMC ยังครองตลาดด้วยอัตราการผลิตที่สูงกว่าและ yield ที่ดีกว่า — ทำให้กลายเป็นผู้ผลิตชิประดับสูงสำหรับลูกค้าภายนอกเพียงรายเดียวในโลก

    TSMC อาจเพิ่มกำลังผลิตชิป 2nm เป็น 200,000 แผ่นเวเฟอร์ต่อเดือนภายในปี 2027
    เริ่มต้นที่ 40,000 แผ่นในปี 2025 และเพิ่มเป็น 100,000 แผ่นในปี 2026

    ความต้องการมาจากบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ เช่น Apple, NVIDIA, Intel, AMD และ MediaTek
    ใช้ในผลิตภัณฑ์ AI, มือถือ, เซิร์ฟเวอร์ และอุปกรณ์ประมวลผลขั้นสูง

    Apple มักได้รับล็อตแรกของชิปใหม่ เพราะไม่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด
    ส่วน AMD และ NVIDIA จะใช้หลังจาก TSMC ปรับปรุงการผลิตให้เสถียร

    หากผลิตถึง 200,000 แผ่น จะเป็นระดับสูงสุดในกลุ่ม sub-7nm ของ TSMC
    ต้องใช้โรงงานถึง 8 แห่ง โดยโรงงานหลักคือ F22 ที่เกาสง

    TSMC เป็นผู้ผลิตชิป 2nm รายเดียวที่ให้บริการภายนอกด้วย yield สูง
    Samsung มีเทคโนโลยีใกล้เคียงแต่ yield ยังต่ำกว่า

    https://wccftech.com/tsmc-worlds-largest-contract-chipmaker-nvidia-ai-supplier-could-boost-output-to-200000-wafers-per-month-report/
    🎙️ เรื่องเล่าจากโรงงานชิป: เมื่อ TSMC ต้องเร่งผลิตชิปเล็กที่สุดในโลกให้ทันความต้องการ TSMC เริ่มผลิตชิปขนาด 2 นาโนเมตรในปี 2025 โดยตั้งเป้าเริ่มต้นที่ 40,000 แผ่นเวเฟอร์ต่อเดือน และจะเพิ่มเป็น 100,000 แผ่นในปี 2026 — แต่ด้วยความต้องการจากบริษัทอย่าง Apple, NVIDIA, Intel, AMD และ MediaTek ที่ใช้ชิปเหล่านี้ในผลิตภัณฑ์ AI, มือถือ และเซิร์ฟเวอร์ ทำให้ TSMC อาจต้องเพิ่มกำลังการผลิตถึง 5 เท่าในปี 2027 หากแผนนี้สำเร็จ: - จะเป็นการผลิตชิปขนาด sub-7nm ที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ TSMC - ต้องใช้โรงงานถึง 8 แห่ง โดยมีโรงงานหลักอยู่ที่ F22 ในเมืองเกาสง ประเทศไต้หวัน แม้ Samsung จะมีเทคโนโลยีใกล้เคียง แต่ TSMC ยังครองตลาดด้วยอัตราการผลิตที่สูงกว่าและ yield ที่ดีกว่า — ทำให้กลายเป็นผู้ผลิตชิประดับสูงสำหรับลูกค้าภายนอกเพียงรายเดียวในโลก ✅ TSMC อาจเพิ่มกำลังผลิตชิป 2nm เป็น 200,000 แผ่นเวเฟอร์ต่อเดือนภายในปี 2027 ➡️ เริ่มต้นที่ 40,000 แผ่นในปี 2025 และเพิ่มเป็น 100,000 แผ่นในปี 2026 ✅ ความต้องการมาจากบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ เช่น Apple, NVIDIA, Intel, AMD และ MediaTek ➡️ ใช้ในผลิตภัณฑ์ AI, มือถือ, เซิร์ฟเวอร์ และอุปกรณ์ประมวลผลขั้นสูง ✅ Apple มักได้รับล็อตแรกของชิปใหม่ เพราะไม่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด ➡️ ส่วน AMD และ NVIDIA จะใช้หลังจาก TSMC ปรับปรุงการผลิตให้เสถียร ✅ หากผลิตถึง 200,000 แผ่น จะเป็นระดับสูงสุดในกลุ่ม sub-7nm ของ TSMC ➡️ ต้องใช้โรงงานถึง 8 แห่ง โดยโรงงานหลักคือ F22 ที่เกาสง ✅ TSMC เป็นผู้ผลิตชิป 2nm รายเดียวที่ให้บริการภายนอกด้วย yield สูง ➡️ Samsung มีเทคโนโลยีใกล้เคียงแต่ yield ยังต่ำกว่า https://wccftech.com/tsmc-worlds-largest-contract-chipmaker-nvidia-ai-supplier-could-boost-output-to-200000-wafers-per-month-report/
    WCCFTECH.COM
    TSMC, World's Largest Contract Chipmaker & NVIDIA AI Supplier, Could Boost Output To 200,000 Wafers Per Month - Report
    TSMC may expand 2-nanometer wafer production to 200,000 per month by 2027 due to strong demand from Apple, NVIDIA, and Intel.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 316 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แพลตฟอร์ม AI ต่าง ๆ เช่น ChatGPT, Sora, xAI ฯลฯ ได้กระตุ้นให้บริษัทเทคโนโลยีทั่วสหรัฐฯ แห่กันสร้างดาต้าเซ็นเตอร์แบบเร่งด่วน → โดยเฉพาะในพื้นที่ “Data Center Alley” รัฐ Virginia ที่กลายเป็นศูนย์กลางของโลกในการประมวลผล AI

    ปัญหาคือ...ดาต้าเซ็นเตอร์เหล่านี้ใช้พลังงานมหาศาล → ส่งผลให้ความต้องการไฟฟ้าในโซนตะวันออกของสหรัฐฯ ภายใต้การดูแลของ PJM เพิ่มขึ้นเร็วมาก → ราคาพลังงานใน Pennsylvania พุ่งขึ้นกว่า 800% จากการประมูลสิทธิกำลังผลิต → และอาจมี blackout ในหน้าร้อนปี 2025

    ผู้ว่าการรัฐ Josh Shapiro ออกมาเรียกร้องว่า → ถ้า PJM ไม่เร่งอนุมัติโรงไฟฟ้าใหม่ หรือขยายกริดให้ไวขึ้น → รัฐอาจต้อง “ถอนตัว” แล้วสร้างระบบพลังงานแยกของตัวเอง

    PJM Interconnection คือองค์กรจัดการกริดพลังงานครอบคลุม 13 รัฐ รวมถึง Pennsylvania  
    • เป็นผู้ดูแลการซื้อขายพลังงานระดับ wholesale  
    • ต้องรับแรงกดดันจากดาต้าเซ็นเตอร์ AI ทั่วภูมิภาค

    การเปิดตัว ChatGPT และดาต้าเซ็นเตอร์ AI ตั้งแต่ปี 2023 ทำให้ความต้องการไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว  
    • Elon Musk ถึงขั้นต้องส่งโรงไฟฟ้าทั้งชุดไปยังสหรัฐฯ เพื่อรองรับโครงการ Colossus ของ xAI

    PJM เคยชะลอการเชื่อมต่อโรงไฟฟ้าใหม่ในปี 2022 เพราะมีโครงการพลังงานสะอาดเข้ามามากเกินไป → ตรวจสอบไม่ทัน

    PJM ประเมินว่า ภายในปี 2030 จะต้องเพิ่มกำลังผลิตอีก 32 GW  
    • ในจำนวนนี้กว่า 30 GW จะถูกใช้กับดาต้าเซ็นเตอร์ AI ใหม่ทั้งหมด

    เพื่อเร่งแก้ปัญหา รัฐบาลสหรัฐฯ สั่งให้โรงไฟฟ้าเก่าที่กำลังจะปิดกลับมาเปิดใช้งานหน้าร้อนนี้แทนการปิดตามแผน

    ผู้ว่าการรัฐ Pennsylvania เรียกร้องว่า “PJM ต้องเร็วขึ้น–โปร่งใสขึ้น–และลดต้นทุนพลังงานให้ประชาชน”

    PJM ได้อนุมัติโครงการโรงไฟฟ้าใหม่กว่า 50 แห่งแล้ว → แต่ส่วนใหญ่จะออนไลน์จริงในช่วงต้นทศวรรษ 2030

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ai-is-eating-up-pennsylvanias-power-governor-threatens-to-pull-state-from-the-grid-new-plants-arent-being-built-fast-enough-to-keep-up-with-demand
    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แพลตฟอร์ม AI ต่าง ๆ เช่น ChatGPT, Sora, xAI ฯลฯ ได้กระตุ้นให้บริษัทเทคโนโลยีทั่วสหรัฐฯ แห่กันสร้างดาต้าเซ็นเตอร์แบบเร่งด่วน → โดยเฉพาะในพื้นที่ “Data Center Alley” รัฐ Virginia ที่กลายเป็นศูนย์กลางของโลกในการประมวลผล AI ปัญหาคือ...ดาต้าเซ็นเตอร์เหล่านี้ใช้พลังงานมหาศาล → ส่งผลให้ความต้องการไฟฟ้าในโซนตะวันออกของสหรัฐฯ ภายใต้การดูแลของ PJM เพิ่มขึ้นเร็วมาก → ราคาพลังงานใน Pennsylvania พุ่งขึ้นกว่า 800% จากการประมูลสิทธิกำลังผลิต → และอาจมี blackout ในหน้าร้อนปี 2025 ผู้ว่าการรัฐ Josh Shapiro ออกมาเรียกร้องว่า → ถ้า PJM ไม่เร่งอนุมัติโรงไฟฟ้าใหม่ หรือขยายกริดให้ไวขึ้น → รัฐอาจต้อง “ถอนตัว” แล้วสร้างระบบพลังงานแยกของตัวเอง ✅ PJM Interconnection คือองค์กรจัดการกริดพลังงานครอบคลุม 13 รัฐ รวมถึง Pennsylvania   • เป็นผู้ดูแลการซื้อขายพลังงานระดับ wholesale   • ต้องรับแรงกดดันจากดาต้าเซ็นเตอร์ AI ทั่วภูมิภาค ✅ การเปิดตัว ChatGPT และดาต้าเซ็นเตอร์ AI ตั้งแต่ปี 2023 ทำให้ความต้องการไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว   • Elon Musk ถึงขั้นต้องส่งโรงไฟฟ้าทั้งชุดไปยังสหรัฐฯ เพื่อรองรับโครงการ Colossus ของ xAI ✅ PJM เคยชะลอการเชื่อมต่อโรงไฟฟ้าใหม่ในปี 2022 เพราะมีโครงการพลังงานสะอาดเข้ามามากเกินไป → ตรวจสอบไม่ทัน ✅ PJM ประเมินว่า ภายในปี 2030 จะต้องเพิ่มกำลังผลิตอีก 32 GW   • ในจำนวนนี้กว่า 30 GW จะถูกใช้กับดาต้าเซ็นเตอร์ AI ใหม่ทั้งหมด ✅ เพื่อเร่งแก้ปัญหา รัฐบาลสหรัฐฯ สั่งให้โรงไฟฟ้าเก่าที่กำลังจะปิดกลับมาเปิดใช้งานหน้าร้อนนี้แทนการปิดตามแผน ✅ ผู้ว่าการรัฐ Pennsylvania เรียกร้องว่า “PJM ต้องเร็วขึ้น–โปร่งใสขึ้น–และลดต้นทุนพลังงานให้ประชาชน” ✅ PJM ได้อนุมัติโครงการโรงไฟฟ้าใหม่กว่า 50 แห่งแล้ว → แต่ส่วนใหญ่จะออนไลน์จริงในช่วงต้นทศวรรษ 2030 https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ai-is-eating-up-pennsylvanias-power-governor-threatens-to-pull-state-from-the-grid-new-plants-arent-being-built-fast-enough-to-keep-up-with-demand
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 505 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัทใหญ่อย่าง Amazon, Meta และ Google กำลังร่วมมือกันสนับสนุนการเพิ่มกำลังผลิตพลังงานนิวเคลียร์ทั่วโลกถึงสามเท่าภายในปี 2050 เพราะพลังงานนี้สามารถตอบโจทย์ความต้องการพลังงานมหาศาลจาก AI แถมยังเป็นพลังงานสะอาดและต่อเนื่อง พวกเขายังมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีใหม่อย่างเตาปฏิกรณ์จิ๋วเพื่อให้ใช้งานได้เร็วขึ้น โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากหลายประเทศและบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลก

    เป้าหมายของโครงการ:
    - พลังงานนิวเคลียร์ถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างพลังงานสะอาดและต่อเนื่องสำหรับศูนย์ข้อมูลที่รองรับ AI ซึ่งมีความต้องการพลังงานเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ.
    - โครงการนี้ตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังผลิตพลังงานนิวเคลียร์ทั่วโลกถึงสามเท่าภายในปี 2050 ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ เช่น micro nuclear reactors ที่คาดว่าจะเริ่มใช้งานได้ในช่วงต้นปี 2030.

    บริษัทที่มีบทบาทสำคัญ:
    - Amazon ได้ลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในโครงการและเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์ในปีที่ผ่านมา และมุ่งสู่เป้าหมายลดคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2040.
    - Meta และ Google มุ่งส่งเสริมเทคโนโลยีนิวเคลียร์เพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานของเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัว รวมถึงช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว.

    การสนับสนุนระดับโลก:
    - โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจาก 31 ประเทศ บริษัทในอุตสาหกรรมกว่า 140 แห่ง และธนาคารใหญ่ ๆ อีก 14 แห่งทั่วโลก ผ่านการประชุมที่ World Nuclear Symposium 2023.

    ความสำคัญต่อ AI และศูนย์ข้อมูล:
    - พลังงานนิวเคลียร์เป็นคำตอบสำหรับการป้องกันความไม่เสถียรของระบบพลังงานในช่วงเวลาที่มีความต้องการสูง เช่น การประมวลผล AI ขนาดใหญ่ที่ต้องใช้พลังงานมหาศาล

    https://www.techradar.com/pro/microsoft-is-mia-as-amazon-meta-google-and-others-join-consortium-to-triple-nuclear-energy-output-by-2050
    บริษัทใหญ่อย่าง Amazon, Meta และ Google กำลังร่วมมือกันสนับสนุนการเพิ่มกำลังผลิตพลังงานนิวเคลียร์ทั่วโลกถึงสามเท่าภายในปี 2050 เพราะพลังงานนี้สามารถตอบโจทย์ความต้องการพลังงานมหาศาลจาก AI แถมยังเป็นพลังงานสะอาดและต่อเนื่อง พวกเขายังมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีใหม่อย่างเตาปฏิกรณ์จิ๋วเพื่อให้ใช้งานได้เร็วขึ้น โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากหลายประเทศและบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลก เป้าหมายของโครงการ: - พลังงานนิวเคลียร์ถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างพลังงานสะอาดและต่อเนื่องสำหรับศูนย์ข้อมูลที่รองรับ AI ซึ่งมีความต้องการพลังงานเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ. - โครงการนี้ตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังผลิตพลังงานนิวเคลียร์ทั่วโลกถึงสามเท่าภายในปี 2050 ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ เช่น micro nuclear reactors ที่คาดว่าจะเริ่มใช้งานได้ในช่วงต้นปี 2030. บริษัทที่มีบทบาทสำคัญ: - Amazon ได้ลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในโครงการและเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์ในปีที่ผ่านมา และมุ่งสู่เป้าหมายลดคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2040. - Meta และ Google มุ่งส่งเสริมเทคโนโลยีนิวเคลียร์เพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานของเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัว รวมถึงช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว. การสนับสนุนระดับโลก: - โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจาก 31 ประเทศ บริษัทในอุตสาหกรรมกว่า 140 แห่ง และธนาคารใหญ่ ๆ อีก 14 แห่งทั่วโลก ผ่านการประชุมที่ World Nuclear Symposium 2023. ความสำคัญต่อ AI และศูนย์ข้อมูล: - พลังงานนิวเคลียร์เป็นคำตอบสำหรับการป้องกันความไม่เสถียรของระบบพลังงานในช่วงเวลาที่มีความต้องการสูง เช่น การประมวลผล AI ขนาดใหญ่ที่ต้องใช้พลังงานมหาศาล https://www.techradar.com/pro/microsoft-is-mia-as-amazon-meta-google-and-others-join-consortium-to-triple-nuclear-energy-output-by-2050
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 579 มุมมอง 0 รีวิว