• ..อนาคตใครที่กลับใจสมควรทรยศท่านลอร์ดมากๆ ออกมาแฉ มาเปิดโปงไส้ในมากๆต่อคนไทยให้ตื่นรู้เยอะๆจะดีมากๆ.คนทรยศฝ่ายชั่วเองมันดีต่อคนดีแน่ๆ.คนไทยต้องปกป้องคนไทยกันเอง,รู้ทันดีกว่าแห่ไปฉีดตายแบบนั้น.,การรับรู้เหตุจะก่อเหตุล่วงหน้าก็เตรียมตัวตายก่อนก็ยังดี.เมื่อหนีไปได้.ออกจากโลกบินไปไม่เป็น.
    ..อนาคตใครที่กลับใจสมควรทรยศท่านลอร์ดมากๆ ออกมาแฉ มาเปิดโปงไส้ในมากๆต่อคนไทยให้ตื่นรู้เยอะๆจะดีมากๆ.คนทรยศฝ่ายชั่วเองมันดีต่อคนดีแน่ๆ.คนไทยต้องปกป้องคนไทยกันเอง,รู้ทันดีกว่าแห่ไปฉีดตายแบบนั้น.,การรับรู้เหตุจะก่อเหตุล่วงหน้าก็เตรียมตัวตายก่อนก็ยังดี.เมื่อหนีไปได้.ออกจากโลกบินไปไม่เป็น.
    0 Comments 0 Shares 125 Views 38 0 Reviews
  • ..นี้คือคลิปอุโมงค์ใต้ดินผิวโลกที่ฝ่ายซาตานอีลิทดำมืดสร้างขึ้นกับชนต่างดาวชั่วที่ยึดโลกมานาน,มันสร้างเชื่อมทวีปเชื่อมทุกๆประเทศทั่วโลกนานแล้ว เจาะทะลุมหาสมุทรเชื่อมโยงกันได้หมดรวมถึงไทย พรุนหมด,พม่าก็ด้วยยิ่งหนักเพราะค้ามนุษย์ค้าอวัยวะเถื่อนๆในยุคอองซานตรึม โรฮิงญาน่าสงสารที่สุดและคนพม่าเป็นเหยื่อค้าอวัยวะค้ามนุษย์ผ่านทางใต้ดินใต้อุโมงค์นี้ไม่น้อย,จนรัฐบาลพม่าฝ่ายดีมายึดแทน,ดีจริงหรือไม่ก็ไม่รู้จริงอีก,แต่ฝ่ายขาวเขารู้กัน งานละครเขา,น่าจะว่า,ฝ่ายเลวจึงทำทุกๆวิถีทางเพื่อได้ชัยคืนมา,แต่กษัตริย์เราคือฝ่ายขาวเชื่อมจีนฝ่ายขาวกับอเมริกาฝ่ายขาวแล้วดูจากหลายปีก่อนที่จีนมาเยือนประมุขเราและพระองค์ทำสัญลักษณ์มือชัดเจนว่าอยู่ฝ่ายขาวทางดี,QE2จัดงานไปวัดพระองค์ก็ไม่เข้าร่วมเพราะQE2ตัวจริงถูกจัดการไปวัดนานแล้วอีลิทแรปทีเลี่ยนตัวแม่.
    ..ไทยเราคงไม่นานต้องจบ เพราะเหลือแค่เบี้ยขี้ข้าสมุนรับใช้อีลิทเท่านั้น,ตัวแม่ๆพ่อๆตายหมดแล้ว,ดาราอเมริกาไปวัดก็หมดแล้ว สุดท้ายจึงจะจบที่ไทยมั้งมีไม่น้อยเหมือนกัน เขามีรายชื่อบิ๊กดาต้าไว้หมดแล้ว ใครแดกอะดริโนโครมเด็กเตรียมตัวตายได้เลย เขาไม่เอาไว้ทุกๆตัวแน่นอน.
    ..นี้คือคลิปอุโมงค์ใต้ดินผิวโลกที่ฝ่ายซาตานอีลิทดำมืดสร้างขึ้นกับชนต่างดาวชั่วที่ยึดโลกมานาน,มันสร้างเชื่อมทวีปเชื่อมทุกๆประเทศทั่วโลกนานแล้ว เจาะทะลุมหาสมุทรเชื่อมโยงกันได้หมดรวมถึงไทย พรุนหมด,พม่าก็ด้วยยิ่งหนักเพราะค้ามนุษย์ค้าอวัยวะเถื่อนๆในยุคอองซานตรึม โรฮิงญาน่าสงสารที่สุดและคนพม่าเป็นเหยื่อค้าอวัยวะค้ามนุษย์ผ่านทางใต้ดินใต้อุโมงค์นี้ไม่น้อย,จนรัฐบาลพม่าฝ่ายดีมายึดแทน,ดีจริงหรือไม่ก็ไม่รู้จริงอีก,แต่ฝ่ายขาวเขารู้กัน งานละครเขา,น่าจะว่า,ฝ่ายเลวจึงทำทุกๆวิถีทางเพื่อได้ชัยคืนมา,แต่กษัตริย์เราคือฝ่ายขาวเชื่อมจีนฝ่ายขาวกับอเมริกาฝ่ายขาวแล้วดูจากหลายปีก่อนที่จีนมาเยือนประมุขเราและพระองค์ทำสัญลักษณ์มือชัดเจนว่าอยู่ฝ่ายขาวทางดี,QE2จัดงานไปวัดพระองค์ก็ไม่เข้าร่วมเพราะQE2ตัวจริงถูกจัดการไปวัดนานแล้วอีลิทแรปทีเลี่ยนตัวแม่. ..ไทยเราคงไม่นานต้องจบ เพราะเหลือแค่เบี้ยขี้ข้าสมุนรับใช้อีลิทเท่านั้น,ตัวแม่ๆพ่อๆตายหมดแล้ว,ดาราอเมริกาไปวัดก็หมดแล้ว สุดท้ายจึงจะจบที่ไทยมั้งมีไม่น้อยเหมือนกัน เขามีรายชื่อบิ๊กดาต้าไว้หมดแล้ว ใครแดกอะดริโนโครมเด็กเตรียมตัวตายได้เลย เขาไม่เอาไว้ทุกๆตัวแน่นอน.
    0 Comments 0 Shares 186 Views 39 0 Reviews
  • #ของว่างที่เฝ้ารอกับคำขออย่างสุดท้าย

    ความหมายของการมีชีวิตคืออะไร หนังสือเล่มนี้จะเป็นเล่มหนึ่งที่พาคุณไปเที่ยวชมและร่วมเรียนรู้ไปกับการแสวงหาความสำคัญของการอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ของใครอีกหลายคนในสภาวะที่ร่างกายกำลังอ่อนแอ ด้วยโรคร้ายกัดกินจนใกล้วาระสุดท้าย ก่อนลมหายใจจะดับลง

    สนพ.piccolo พิมพ์ครั้งแรกในญี่ปุ่นปี 2019
    ฉบับแปลไทย เม.ย.2567
    โอกาวะ อิโตะ เขียน
    ธนพล ศักดิ์สมุทรานันท์ แปล
    223 หน้า 285 บาท

    ตลอดทั้งเล่มเต็มไปด้วยความอบอวลของความรักระหว่างมนุษย์ที่มีต่อมนุษย์ด้วยกัน รวมไปถึงมนุษย์ที่มีต่อสัตว์และสัตว์เองก็แสดงตอบต่อด้วยความซื่อตรง

    เนื้อหากล่าวถึงหญิงสาวคนหนึ่งนามว่า อูมิโนะ ชิสุกุ ซึ่งมีวัย 33 ปี ชีวิตที่ผ่านมาของเธออ่อนโยนต่อคนรอบข้างมาโดยตลอดตั้งแต่ยังเด็ก โดยเฉพาะพ่อบุญธรรมที่รับเลี้ยงเธอซึ่งสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เล็ก แม้จะไม่ใช่บุพการีที่ให้กำเนิด แต่มอบความรักดูแลเอาใจใส่อย่างดี ทว่าวันหนึ่งเมื่อเธอพบว่าตนมีโรคร้ายเกาะกิน แม้นจะพยายามรักษา ต่อสู้ด้วยตนเองหลังแยกมาอยู่คนเดียว แต่สุดท้ายบั้นปลายชีวิต ต้องทำใจยอมรับความจริงว่ามีเวลาเหลืออยู่บนโลกนี้ได้อีกไม่นาน ไม่อยากให้พ่อต้องเดือดร้อนและเศร้าใจเพราะทราบความจริง จึงเลือกที่จะไม่บอกแล้วตระเตรียมแผนล่วงหน้าสำหรับรับมือกับความตายที่กำลังย่างกรายมาถึง ด้วยการตัดสินใจเดินทางไปใช้ชีวิตอยู่ที่สถานดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ที่เกาะเลมอนซึ่งรายล้อมด้วยทะเลเงียบสงบและงดงาม เต็มไปด้วยธรรมชาติและอากาศอันสดชื่นบริสุทธิ์ มีไร่องุ่น กับท้องฟ้าสีครามและท้องทะเลสีน้ำเงินที่เธอชอบและใฝ่ฝัน เป็นสถานที่เธอเลือกเพราะคิดว่าเหมาะสมตรงกับรสนิยมความชอบของตนมากที่สุด

    ชื่อของสถานที่ดังกล่าวคือบ้านพักสิงโต เปรียบได้กับดินแดนสุขาวดีที่มีเทวดานางฟ้าคอยให้การต้อนรับดูแลด้วยหัวใจ โดยเฉพาะเจ้าของสถานที่สาวซึ่งมีนามว่ามาดอนน่า เป็นหญิงมหัศจรรย์ที่มีน้ำใจงาม มีความเชี่ยวชาญในด้านการดูแลทั้งทางด้านร่างกายที่เจ็บไข้ของผู้ป่วย และเยียวยาด้านจิตใจไปพร้อมกัน

    ณ สถานที่แห่งนี้เอง ในบ้านพักบนเกาะห่างไกล ที่ซึ่งชิสุกุไม่เคยคาดฝันว่าจะได้พบกับความรักอีกครั้ง กับชายหนุ่มน่ารัก สุภาพและวัยใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ยังอดตะลึงไปกับห้องพักส่วนตัวที่แสนสบายท่ามกลางบรรยากาศราวสรวงสวรรค์ เธอได้เรียนรู้ว่าไม่ใช่เฉพาะตัวเองเท่านั้นที่ประสบกับภาวะทุกข์โศกจากโรคภัยที่กำลังจะพรากลมหายใจอันหวงแหนให้หลุดลอยไป แต่ยังมีเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกหลายคนทั้งชายหญิง วัยเด็กหรือแม้กระทั่งวัยสูงอายุ แต่ละคนล้วนมีอาการทรมานที่ไม่น้อยไปกว่าเธอ บางคนเป็นมากกว่าด้วย

    ชิสุกุได้สัมผัสกับมิตรภาพและวิญญาณภายในของเพื่อนต่างวัย ที่ตอนแรกเธอพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่คบคุ้นด้วย ยังมีเจ้าสุนัขแสนรู้น่ารักเพศเมียอีกตัวหนึ่งเล่า ที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการช่วยชุบชูหัวใจอันอ่อนล้าของหญิงสาว ให้ยอมเปิดใจและคลายวงล้อมของป้อมปราการที่ขังตัวเองจากทุกคนลงได้ หมาตัวนี้มีชื่อว่า รกกะ เจ้าของเดิมเคยมาพำนักอยู่ที่บ้านสิงโตเมื่อนานมาแล้ว และหลังจากเธอคนนั้นจากไป ทุกคนก้ช่วยกันดูแลรกกะต่อมา

    จนกระทั่ง รกกะ ได้พบกับชิสุกุ ทั้งคู่ถูกชะตากันตั้งแต่วันแรกที่ได้พบ หลังจากนั้นก็อยู่ด้วยกันตลอด รกกะเป็นเสมือนตู้ยาเคลื่อนที่ซึ่งช่วยให้ชิสุกุต่อสู้กับความเจ็บปวดโดยยังสามารถปรากฏรอยยิ้มอยู่ได้

    สิ่งหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้มาพักที่นี่ทุกคนต่างเฝ้ารอที่จะให้ถึงวันนั้นเร็ว ๆ นั่นคือการได้มีกิจกรรมกินของว่างร่วมกันในทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ เพียงหนึ่งครั้งในรอบเจ็ดวัน โดยทุกคนมีสิทธิเท่ากันคนละ1เสียง ที่สามารถเขียนใส่กระดาษเพื่อบอกเล่าถึงขนมที่ตนชื่นชอบและอยากกินมากที่สุดเป็นครั้งสุดท้าย แล้วคำขอเหล่านั้นจะถูกจับฉลากขึ้นมาหนึ่งใบ คำขอของใครก็ตามที่โชคดี แม่ครัวจะแกะสูตรแล้วทำออกมาให้เหมือนหรือใกล้เคียงที่สุด เพื่อจะเสิร์ฟให้กับทุกคนได้ชิมกัน

    อย่างไรก็ตาม วันที่ต้องจากลาย่อมบ่ายหน้ามาถึงเพื่อนแต่ละคน ในห้วงเวลาเช่นนั้น ทั้งเขาหรือเธอรวมทั้งชิสุกุเอง มีวิธีรับมือระหว่างเผชิญหน้ากับความเสื่อมสลายของสังขาร ที่ค่อย ๆ ทรุดโทรมและดับสิ้นไปทีละน้อยอย่างไร นี่คือสิ่งที่ผู้อ่านจะได้ร่วมเรียนรู้ไปพร้อมกันกับตัวละครในเรื่อง

    ถ้าคุณเคยประทับใจมาแล้วกับ ร้านเครื่องเขียนนั้นใต้ต้นสึบากิ นี่คืออีกเล่มหนึ่งที่น่าลองหามาอ่านครับ โดยเฉพาะคนที่กำลังเผชิญกับความเจ็บป่วยอยู่ หรือแม้ผู้ดูแลคนป่วยเอง แต่ถึงแม้จะไม่ได้ป่วยเลย แต่การได้ทำความเข้าใจกับเรื่องราวเหล่านี้ก็ถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ผู้เขียนบรรยายอย่างค่อยเป็นค่อยไป เปิดเผยเรื่องราวทีละน้อย แล้วไต่ระดับไปอย่างช้า ๆ อารมณ์ของเรื่องไม่ใช่จะมีแต่เปลี่ยวเหงา โศกเศร้า ทดท้อ เจ็บแค้น และสิ้นหวังเพียงเท่านั้น แต่ยังมีความเบิกบานหรรษา อิ่มเอม อบอุ่น เปี่ยมหวัง ให้อภัย สงบสุข คละเคล้าจนกลายเป็นส่วนผสมที่น่าศึกษา มีความละมุนละไมไปพร้อม ๆ กับการได้เห็นถึงความจริงอันเป็นสัจธรรมของชีวิต

    เพราะความเจ็บป่วยนั้นเกิดมีได้กับคนทุกคน แต่มีไม่กี่คนเท่านัั้นจะทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างดี และจัดวางภาระทุกอย่างให้อยู่ถูกที่ถูกทาง ในขณะที่เตรียมพร้อมจะปล่อยวางร่างกายนี้ ซึ่งตนหวงแหนประหนึ่งคือสมบัติของเราจริง ๆ ยามเมื่อเวลานั้นมาถึง

    #thaitimes
    #หนังสือน่าอ่าน
    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #ผู้ป่วยระยะสุดท้าย
    #เตรียมตัวตาย
    #การดูแลผู้ป่วย
    #หนังสือดี
    #ของว่างที่เฝ้ารอกับคำขออย่างสุดท้าย ความหมายของการมีชีวิตคืออะไร หนังสือเล่มนี้จะเป็นเล่มหนึ่งที่พาคุณไปเที่ยวชมและร่วมเรียนรู้ไปกับการแสวงหาความสำคัญของการอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ของใครอีกหลายคนในสภาวะที่ร่างกายกำลังอ่อนแอ ด้วยโรคร้ายกัดกินจนใกล้วาระสุดท้าย ก่อนลมหายใจจะดับลง สนพ.piccolo พิมพ์ครั้งแรกในญี่ปุ่นปี 2019 ฉบับแปลไทย เม.ย.2567 โอกาวะ อิโตะ เขียน ธนพล ศักดิ์สมุทรานันท์ แปล 223 หน้า 285 บาท ตลอดทั้งเล่มเต็มไปด้วยความอบอวลของความรักระหว่างมนุษย์ที่มีต่อมนุษย์ด้วยกัน รวมไปถึงมนุษย์ที่มีต่อสัตว์และสัตว์เองก็แสดงตอบต่อด้วยความซื่อตรง เนื้อหากล่าวถึงหญิงสาวคนหนึ่งนามว่า อูมิโนะ ชิสุกุ ซึ่งมีวัย 33 ปี ชีวิตที่ผ่านมาของเธออ่อนโยนต่อคนรอบข้างมาโดยตลอดตั้งแต่ยังเด็ก โดยเฉพาะพ่อบุญธรรมที่รับเลี้ยงเธอซึ่งสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เล็ก แม้จะไม่ใช่บุพการีที่ให้กำเนิด แต่มอบความรักดูแลเอาใจใส่อย่างดี ทว่าวันหนึ่งเมื่อเธอพบว่าตนมีโรคร้ายเกาะกิน แม้นจะพยายามรักษา ต่อสู้ด้วยตนเองหลังแยกมาอยู่คนเดียว แต่สุดท้ายบั้นปลายชีวิต ต้องทำใจยอมรับความจริงว่ามีเวลาเหลืออยู่บนโลกนี้ได้อีกไม่นาน ไม่อยากให้พ่อต้องเดือดร้อนและเศร้าใจเพราะทราบความจริง จึงเลือกที่จะไม่บอกแล้วตระเตรียมแผนล่วงหน้าสำหรับรับมือกับความตายที่กำลังย่างกรายมาถึง ด้วยการตัดสินใจเดินทางไปใช้ชีวิตอยู่ที่สถานดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ที่เกาะเลมอนซึ่งรายล้อมด้วยทะเลเงียบสงบและงดงาม เต็มไปด้วยธรรมชาติและอากาศอันสดชื่นบริสุทธิ์ มีไร่องุ่น กับท้องฟ้าสีครามและท้องทะเลสีน้ำเงินที่เธอชอบและใฝ่ฝัน เป็นสถานที่เธอเลือกเพราะคิดว่าเหมาะสมตรงกับรสนิยมความชอบของตนมากที่สุด ชื่อของสถานที่ดังกล่าวคือบ้านพักสิงโต เปรียบได้กับดินแดนสุขาวดีที่มีเทวดานางฟ้าคอยให้การต้อนรับดูแลด้วยหัวใจ โดยเฉพาะเจ้าของสถานที่สาวซึ่งมีนามว่ามาดอนน่า เป็นหญิงมหัศจรรย์ที่มีน้ำใจงาม มีความเชี่ยวชาญในด้านการดูแลทั้งทางด้านร่างกายที่เจ็บไข้ของผู้ป่วย และเยียวยาด้านจิตใจไปพร้อมกัน ณ สถานที่แห่งนี้เอง ในบ้านพักบนเกาะห่างไกล ที่ซึ่งชิสุกุไม่เคยคาดฝันว่าจะได้พบกับความรักอีกครั้ง กับชายหนุ่มน่ารัก สุภาพและวัยใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ยังอดตะลึงไปกับห้องพักส่วนตัวที่แสนสบายท่ามกลางบรรยากาศราวสรวงสวรรค์ เธอได้เรียนรู้ว่าไม่ใช่เฉพาะตัวเองเท่านั้นที่ประสบกับภาวะทุกข์โศกจากโรคภัยที่กำลังจะพรากลมหายใจอันหวงแหนให้หลุดลอยไป แต่ยังมีเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกหลายคนทั้งชายหญิง วัยเด็กหรือแม้กระทั่งวัยสูงอายุ แต่ละคนล้วนมีอาการทรมานที่ไม่น้อยไปกว่าเธอ บางคนเป็นมากกว่าด้วย ชิสุกุได้สัมผัสกับมิตรภาพและวิญญาณภายในของเพื่อนต่างวัย ที่ตอนแรกเธอพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่คบคุ้นด้วย ยังมีเจ้าสุนัขแสนรู้น่ารักเพศเมียอีกตัวหนึ่งเล่า ที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการช่วยชุบชูหัวใจอันอ่อนล้าของหญิงสาว ให้ยอมเปิดใจและคลายวงล้อมของป้อมปราการที่ขังตัวเองจากทุกคนลงได้ หมาตัวนี้มีชื่อว่า รกกะ เจ้าของเดิมเคยมาพำนักอยู่ที่บ้านสิงโตเมื่อนานมาแล้ว และหลังจากเธอคนนั้นจากไป ทุกคนก้ช่วยกันดูแลรกกะต่อมา จนกระทั่ง รกกะ ได้พบกับชิสุกุ ทั้งคู่ถูกชะตากันตั้งแต่วันแรกที่ได้พบ หลังจากนั้นก็อยู่ด้วยกันตลอด รกกะเป็นเสมือนตู้ยาเคลื่อนที่ซึ่งช่วยให้ชิสุกุต่อสู้กับความเจ็บปวดโดยยังสามารถปรากฏรอยยิ้มอยู่ได้ สิ่งหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้มาพักที่นี่ทุกคนต่างเฝ้ารอที่จะให้ถึงวันนั้นเร็ว ๆ นั่นคือการได้มีกิจกรรมกินของว่างร่วมกันในทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ เพียงหนึ่งครั้งในรอบเจ็ดวัน โดยทุกคนมีสิทธิเท่ากันคนละ1เสียง ที่สามารถเขียนใส่กระดาษเพื่อบอกเล่าถึงขนมที่ตนชื่นชอบและอยากกินมากที่สุดเป็นครั้งสุดท้าย แล้วคำขอเหล่านั้นจะถูกจับฉลากขึ้นมาหนึ่งใบ คำขอของใครก็ตามที่โชคดี แม่ครัวจะแกะสูตรแล้วทำออกมาให้เหมือนหรือใกล้เคียงที่สุด เพื่อจะเสิร์ฟให้กับทุกคนได้ชิมกัน อย่างไรก็ตาม วันที่ต้องจากลาย่อมบ่ายหน้ามาถึงเพื่อนแต่ละคน ในห้วงเวลาเช่นนั้น ทั้งเขาหรือเธอรวมทั้งชิสุกุเอง มีวิธีรับมือระหว่างเผชิญหน้ากับความเสื่อมสลายของสังขาร ที่ค่อย ๆ ทรุดโทรมและดับสิ้นไปทีละน้อยอย่างไร นี่คือสิ่งที่ผู้อ่านจะได้ร่วมเรียนรู้ไปพร้อมกันกับตัวละครในเรื่อง ถ้าคุณเคยประทับใจมาแล้วกับ ร้านเครื่องเขียนนั้นใต้ต้นสึบากิ นี่คืออีกเล่มหนึ่งที่น่าลองหามาอ่านครับ โดยเฉพาะคนที่กำลังเผชิญกับความเจ็บป่วยอยู่ หรือแม้ผู้ดูแลคนป่วยเอง แต่ถึงแม้จะไม่ได้ป่วยเลย แต่การได้ทำความเข้าใจกับเรื่องราวเหล่านี้ก็ถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ผู้เขียนบรรยายอย่างค่อยเป็นค่อยไป เปิดเผยเรื่องราวทีละน้อย แล้วไต่ระดับไปอย่างช้า ๆ อารมณ์ของเรื่องไม่ใช่จะมีแต่เปลี่ยวเหงา โศกเศร้า ทดท้อ เจ็บแค้น และสิ้นหวังเพียงเท่านั้น แต่ยังมีความเบิกบานหรรษา อิ่มเอม อบอุ่น เปี่ยมหวัง ให้อภัย สงบสุข คละเคล้าจนกลายเป็นส่วนผสมที่น่าศึกษา มีความละมุนละไมไปพร้อม ๆ กับการได้เห็นถึงความจริงอันเป็นสัจธรรมของชีวิต เพราะความเจ็บป่วยนั้นเกิดมีได้กับคนทุกคน แต่มีไม่กี่คนเท่านัั้นจะทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างดี และจัดวางภาระทุกอย่างให้อยู่ถูกที่ถูกทาง ในขณะที่เตรียมพร้อมจะปล่อยวางร่างกายนี้ ซึ่งตนหวงแหนประหนึ่งคือสมบัติของเราจริง ๆ ยามเมื่อเวลานั้นมาถึง #thaitimes #หนังสือน่าอ่าน #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #ผู้ป่วยระยะสุดท้าย #เตรียมตัวตาย #การดูแลผู้ป่วย #หนังสือดี
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 316 Views 0 Reviews
  • 18-09-67/01 : หมี CNN / "เล่าสู่กันฟัง" EP.8 ตอน "KNOCK OUT WEST DEAD END" ไอ้สัสมาเป็นชุด โรงงานรถยนต์อีเบียร์ดาหน้าปิดสายพานการผลิต เจ๊งทั้งแผ่นดิน จีนตีตลาดรถ EV กระจุยทั้งโลก แผนเด็ด รัสเซียตัดพลังงาน จีนตัดโรงงานผลิตโลก อียุโรป ขี้แตกแล้วจ๋า! ยังไม่พอ จีนเปิดตัวเรือดำน้ำใหม่ AI ขีปนาวุธอัจฉริยะ โถ..ไอ้ที่มีอยู่ เหี้ยก็กลัวขี้แตกแล้ว ละครปาหี่ไต้หวัน หมายังดูออก จีนเล่นเกมส์ปราสาทแดร๊กกับอีเหี้ยวอชิงตัน ทุบได้แต่ไม่ทุบ ล่อเหี้ยเข้ามาตายห่าเป็นหมู่คณะ สูตรเดียวกับที่รัสเซียล่อเหี้ย NATO มาตายห่าหมู่นั่นแหละ ขั้วใหม่ ทำงานสอดคล้องกันเสมอ ด้านตะวันออกกลางก็ไม่แพ้กัน มรึงจะห้าวเป้งไปไหน 3 ฮอ ประกาศศักดา ทั้งกาซ่า เวสต์แบงค์ เอาอยู่ คุมเกมส์อยู่มือ เหี้ยยิวกระอักเลือด แทบไม่เหลือฐานทัพแล้ว แม่งยิงกู 24 ชม. ไอ้สัส! แต๋วแตก กระสุนหมด ไอรอน โดมยังไม่รอด ถูกฉายซ้ำ เสียหมาให้โลกประจักษ์ นี่เหรอ ที่มรึงคุยว่าดีที่สุดในโลก สู้โดรนราคา 10000 เหรียญกูยังไม่ได้ "ไอ้กระจอก" ละครปาหี่ซ้ำสอง ลอบฆ่าอีทรัมปป์ จัดฉากเห็นๆ ไม่เนียน ฮอลีวู๊ดการละคร หลอกควายสบายใจจัง หลอกกี่ครั้งก็ยังเป็นควาย ไอ้สัส! ออกสื่อไม่ถึงชั่วโมง ภาพเบื้องหลังลอบสังหารออกมาทันที มรึงจะดราม่าไปถึงไหน? อเมริกันควายชอบไงล่ะ? ฉิบหายแล้ว อิรัก-อิหร่านจับมือ ล้างบางเหี้ย C ทั้งแผ่นดิน เตรียมยกพลขึ้นบก เข้าไปเหยียบหน้าอียิวถึงที่ คาเยรูซาเล็ม ทั้งหมด บีบให้อียิวยอมแพ้ แล้วยอมรับแผนสันติภาพใหม่(คืนแผ่นดินให้ปาเลสไตน์ทั้งหมด) สเตปต่อไปคือ เมื่อปาเลสไตน์ได้สิทธิ์ชอบธรรมตั้งเป็นประเทศ มีพื้นที่ มีกองทัพ มีรัฐบาลแห่งชาติ ต่อไปคือดึงแนวร่วมเข้ามาอยู่ให้เต็มแผ่นดินปาเลสไตน์ เพื่อขับไล่อียิวออกไปนั่นเอง มันจะเป็นช่วงเวลาที่รัสเซียเขมือบยูเครนเบ็ดเสร็จแล้วนั่นเอง ขยายต่อไปอีโปล ไล่ยำอีฟินน์ กระทืบอีสวิงกิ้ง และลงแขกอีลอนดอนให้จบตำนานชั่ว ทุกอย่างพิมพ์เขียวมาเต็ม WWIII จะเกิดขึ้นได้จริง ไม่ใช่แค่มีอาวุธ จากสถานการณ์ปัจจุบัน เหี้ยจะฝืนลุยมีแต่สิ้นชาติพันธุ์ สู้ไม่ยาก แต่แพ้ยับใครจะจ่ายค่าปฎิกรรมสงครามกันล่ะ? นอกจากยกแผ่นดินชดใช้หนี้ นั่นแหละ ที่ขั้วใหม่ต้องการ? อลาสก้า ฮาวาย MY LOVE มาหาป๋าซะดีดี! ดูเกมส์ให้ขาด จะชนะเด็ดขาดได้จริง ต้องทำให้ศัตรู ไม่มีทางเลือกอื่น หนี้สิน ชีวิต ปากท้อง แผ่นดิน ทุกอย่างต้องยอมจำนน นั่นคือโอกาสเดียวที่จะไม่เกิด WWIII เต็มรูปแบบ นี่คือสิ่งที่จีน รัสเซีย สมองใส คิดเอาไว้ก่อนเริ่มบุกยึดยูเครน หากยังจำกันได้ ปูติน สีจิ้นผิง JOHN KIM ผู้นำอิหร่าน ซีเรีย อิรัก ไปมาหาสู่กันถี่ยิบเมื่อ 5 ปีก่อน ก็เพื่อการณ์นี้แหละ ช็อคโลก! ไบ้แดร๊กไปเลยสิ ไอ้ควาย หยวนจีนแซงดอลล่าร์เรียบร้อยแล้วจ๊ะ ปริมาณใช้หยวนทั้งโลกมี 48% ขณะที่ดอลล่าร์เหลือแค่ 46% แปลว่าอะไร? จีนกำลังจะเขมือบเหี้ยต่อไปไงล่ะ? คาดการณ์ว่า ปริมาณการใช้หยวนจะเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล หลังทั้งโลกเทดอลล่าร์ แล้วเข้ากลุ่ม BRICS สิ่งที่ตามมา ทำให้พันธมิตรขั้วใหม่ ยิ้มกันถ้วนหน้า ทั้งรูเบิล รัสเซีย แม้แต่เงินเรียลอิหร่าน โปรดสังเกตุ ชาติพลังงาน เทคโนโลยี โลกมีความต้องการอยู่เสมอ ที่มาว่าทำไม อีทรัมปป์โยงประเด็นการเมือง ใครไม่ใช้ดอลล่าร์ กูจะขึ้นภาษี 100% ยิ่งทำให้ทั้งโลกตัดสินใจง่ายขึ้น กูเข้า BRICS คือจบทันที กฎหมาใช้ไม่ได้กับโลกยุคใหม่ เสี้ยนจัด ไปถามตรีน SCO ก่อนน่ะ กองทัพที่มีกำลังพลเกิน 30 ล้านเนี่ย มรึงจะไปหาที่ไหนในโลกได้อีก? ยังไม่นับอี THE TERMINATOR ของรัสเซีย ฝูงแมลงพิฆาต AI ของจีน มีกี่ชีวิตพอตายมั้ยจ๊ะ? ดังนั้น ใครที่ยังเห็น 1USD = 35THB คือภาพตอแหล หลอกลวงควายทั้งนั้น ที่มันหลอกได้ เพราะควายเต็มใจให้หลอก กลัวมันส่งเหี้ยไอซิสมาเผาบ้าน แต่ตอนนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว หลังกองทัพผู้เกรียงไกรโลก แพ้ยับเสียหมาต่อนักรบกู้ชาติกีบแตะ หมาทั้งตะวันตก เรือรบที่ว่าแน่ กลายเป็นขนมกรุบเยเมน นี่มันห่างชั้นกันไกลขนาดนี้แล้วรึเนี่ย? ความเป็นจริง โลกต่างรู้ดีว่า USD = 0 ไม่มีค่าอะไรทั้งสิ้น แล้วมรึงไปเอาเหี้ยอะไรมาเป็นเกณฑ์วัดกันล่ะ คำตอบมีแค่ "ขี้ข้า" ไงล่ะ ปลดแอกเหี้ย ต้องจัดการขี้ข้าเหี้ยทั้งแผ่นดิน วังทำอยู่ ทหารเดินตามแผน คลังไม่ได้โง่ ที่ผ่านมา แค่สับขาหลอก จำเอาไว้ว่า นายกฯ จะใหญ่แค่ไหน แต่คลังเป็นเรื่องของแผ่นดิน วังดูแลกำกับเบื้องหลัง ยุคร.10 ไม่มีให้กระเด็น เชื่อกูดิ? คลังไทยมีแต่จะเพิ่ม สอดคล้องกับแผนยืมมือควาย ทำลายเหี้ย เงิน 10000 คือเป้าล่อ เหี้ยคิดแค่ว่า เอาประชาชนควายมาเป็นตัวประกัน หากทำไม่ได้ ไม่ผ่าน อ้างมีมือที่ 3 สกัด แต่สิ่งที่ทหารมองคือ ย้อนเกล็ดเหี้ย ใช้ประชากรควายย้อนกลับไปทำลายเหี้ยมันเอง เงินจ่ายไป แต่คุกและคดีก็แจกตามมาติดๆ เกมส์นี้ เค้าชงให้วังเป็นพระเอกเงินล้านจ๊ะ ยังไม่ถึงเวลาออกโรง กระต่ายอย่าดิ้นเยอะ กูเหนื่อยใจแทน! เดี๋ยวมรึงจะได้เห็น 25/26/24/30 กันยายน แจกจริง คุกจริง แผนสำเร็จตามเป้าหมายทันที นั่นแหละ ศาลไคฟงถึงจะเขยิบได้ มองให้ทะลุ ว่าเค้ารออะไรอยู่? มรึงเคยเห็นมั้ย? ยึดทรัพย์นักการเมืองเหี้ยทั้งแผ่นดิน ใครล่ะ ที่กล้าทำ? ก็คนตกงานที่เพิ่งจะลาออกมาหมาดๆ นี่ไงล่ะ? จบน่ะ! ภาพโคตรชัด รัฐบาลแห่งชาติต้องมา ปฎิวัติต้องมี รัฐธรรมนูญอัพเดท ปรับใหม่ ต้องเกิด ราชาธิปไตยก้าวหน้าต้องฉายแสง โห..ไอ้สัส ฮอลีวู๊ดยังอาย เมื่อศรีธนญชัย ฟิล์ม เล่นและกำกับเอง ยังไม่จบ "หมูเด้ง" ออกอาละวาดทั่วโลกหนักขึ้น กระแสแรงจนเขี่ยละครปาหี่หลายเรื่องตกขอบ ฮิปโปแคระ ใครคิด? มันมาเองไม่ได้ดอก นี่คือ 1 ใน AMAZING THAILAND มรึงคิดว่าเมืองไทยสวยใสไร้สติเหรอไง? หน่วยประชาสัมพันธ์ PROPAGANDA WAR เราก็มีนานแล้ว อะไรที่ไทยเราจะใช้ขยายอิทธิพลทางความคิด เราทำมาโดยตลอด แบบน้ำนิ่งไหลลึก กว่าจะรู้ตัวอีกที เสร็จเพ่ไทยไปเรียบร้อยโรงเรียนหมูเด้งทันที!

    ปล.รถไฟขนอาวุธยุโรปพังราบคาบ ขีปนาวุธ 1000 ลูก ถล่มยูเครนยับเละเทะ ชาวโลกเบื่อ รีบๆ ตายห่าไปซะน่ะ จะได้ไปไล่เก็บอีโปลต่อ งานง่าย เพราะมันพร้อมจะถอยทุกเมื่อ ปากกล้าขาสั่น เยี่ยวแตกไม่รู้กี่รอบ ขนาดทหารอเมริกันผู้เก่งกาจ ยังพิการทั้งกองทัพ หมายังรู้? ชนะง่ายดายไปป่ะ? ไอ้สัส! อียิวยังสู้ยิบตา ฝังระเบิดในเพจเจอร์ระยะไกล ล่อเลบานอน หลังถูกฮามาสล่อเป้า ระเบิดพลีชีพกลางฝูงชนเยรูซาเล็ม งานนี้ เอากันถึงตาย ไม่ต้องไปโรงหมอ? แรงมา แรงกลับไม่มีโกง แล้วมรึงจะอยู่ร่วมโลกกันได้อย่างไร? มรึงสอนลูกหลานยิว ฮามาสคือสัดนรก ส่วนฮามาสสอนลูกหลานว่าอียิวคือเปรตเดรัจฉานชิงหมาเกิด มันจะจบยังไง หากไม่มีผู้ชนะ 1 เดียวที่รอด? ล่าสุด ขั้วใหม่ปรับขบวนรบ จีน รัสเซีย อิหร่าน ผนึกกำลังแปซิฟิค ดอกนี้ สัญญานตรงถึงวอชิงตัน "สงครามขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิค" กองเรือรบเหี้ยจะขยาดไม่กล้าเข้าใกล้รัศมี พื้นที่สีแดงที่จีนกำหนดเด็ดขาด ไอ้เรือรบลำ 2 ลำ นั่นแค่ละครปาหี่ แต่หากมาเป็นฝูงจะจอดป้ายก่อนถึงเกาะสแปรดลี่ย์ทันที ด้านอีปินส์เงียบกริบ หลังจีนส่งเรือรบพร้อมรัสเซีย ไปขอดูหน้าขาเสี้ยนหน่อย หุบปากลงทันที ใครคุมใคร หมายังรู้? ด้านพม่า ตื่นแล้วจ๊ะ หลังจีนสั่งสอน ตอนนี้หันมาจูบปาก ธุรกิจสีเทาไม่เอาแย้ว เสือกโลภจนเกือบสิ้นรัฐบาลทหาร ดีที่รัสเซียยังดึงเชงเอาไว้ ชนกลุ่มน้อยกลับเข้าที่ดั่งเดิม ขีดเส้น ต่างคนต่างอยู่ ใครให้เหี้ยมะกันใช้เป็นฐาน มรึงโดนถล่มทันที ด้านเพ่ไทย ยืนคุมเชิง ปล่อยจีนสั่งสอน ไม่ต้องเปลืองแรงขยี้ ตชด.ไทย ทหารเรือไทย ยังมีอีขะแมร์มาช่วยจุดไฟแช็กให้อยู่ สยบข่าวปาหี่แยกดินแดน ใครกล้าล่ะ? กูล่ะฮาแตก มรึงยังกล้าหน้าด้านมาเสนอหน้า สื่อขี้ข้าเหี้ยออกข่าว WAGNER แพ้ยับในแอฟริกา ก็เลยเอาข่าวอัพเดทล่าสุดมาแฉให้ว่า กองกำลังเหี้ยไอซิสในแอฟริกา หนีตายข้ามทวีปกันหมดแล้ว ปล่อยนักรบท้องถิ่นที่ถูกหลอก ยืนเยี่ยวแตกรอโดน WAGNER สอยรายวัน 12 ชาติแอฟริกาปลดพันธนาการอเมริกา ฝรั่งเศส เรียบร้อยแล้ว ดูได้จาก แหล่งทำมาหาแดร๊ก แหล่งรายได้ที่เหี้ยเคยมี ถูกอายัด ระงับทุกอย่างสิ้น ด้านกองทัพรัฐบาลท้องถิ่น ประกบฐานทัพอเมริกัน ฝรั่งเศส จนหมด ชาวบ้านแห่ไปล้อมค่ายทหาร เรื่องจริงไงล่ะ ทำไมไม่พูดจ๊ะ? เหี้ยมันจะเอาอะไรมารักษาแอฟริกาได้อีก แค่ในยูเครน เยรูซาเล็ม ตอนนี้ ถังแตก อาวุธเกลี้ยงคลังแสง ทหารตายห่าเกลื่อนไปเท่าไหร่แล้ว แม้แต่ทหารประจำการตามฐานทัพเหี้ยทั่วโลกยังลดลงไปกว่าครึ่ง เพราะพิการไปหมดแล้ว ส่งเข้าไปที่ไหน กลับมาเป็นถุงดำหมด สื่อมีใครเค้าดูกันอีก ควายตายห่าหมดแล้ว เอาเงินภาษีกูไปโฆษณาชวนเชื่อให้เหี้ยทำไม ยุบช่องไปเลยดีกว่ามุย? ขี้ข้าออกหน้า? จับตาโผโยกย้ายตำแหน่งนายพล เสร็จกิจแล้ว อีลูกสาวร่านแค่ไปเป็นพิธี เบื้องหน้าจัดตามนายสั่ง แต่เบื้องหลัง แผนซ้อนแผน ทหารซ้อนทหารอีกชั้น อีเหลี่ยมวางตัวเด็กเหี้ย C ขึ้นนายพล แต่ปัญหาคือ อายุรัฐบาลมันสั้น จะโผไหน หากผู้ใหญ่ในกองทัพไม่ให้ความไว้วางใจก็อยู่ยาก เหนือฟ้ายังมีฟ้า เคยบอกไปแล้วว่า หน่วยกองทัพชุดใหญ่ ไฟกระพริบ มือดีที่สุดของแผ่นดิน อยู่ในมือพ่อร.10 ทั้งหมด ดังนั้น ไอ้เรื่องจะปฎิวัติล้มเจ้า มรึงลืมยันไปถึงชาติหน้าได้เลย มีแต่จะปฎิวัติล้มประชาธิปไตยควายตอแหลเหี้ยเท่านั้น คราวนี้ มรึงจะได้รู้ว่า การที่เสธ.แดงลาออกนั้น มันคือแผนที่เค้าวางเอาไว้แล้วล่วงหน้า เพื่อเตรียมตัว DO SOMETHING ในเวลาที่ใช่ และเบ็ดเสร็จเด็ดขาด รวดเร็วทันตาเห็น ยิ่งกว่า FAST & FURIOUS เวลาเสวยสุขของเหี้ยตัวพ่อเหลี่ยมกับอีลูกสาวขาร่าน มันใกล้จะจบลงแล้ว ไม่จ่ายก็เรื่องของมรึง ออกแผ่นดินนี้เมื่อไหร่? มรึงก็เตรียมตัวตายห่าได้เลย กฐินล่วงหน้าจองกันข้ามปี แค่รมต. แค่นายกฯ ไม่สามารถเปลี่ยนกองทัพไทยได้ ไม่งั้น ลุงตู่ คงโดนเขมือบไปนานแล้ว มรึงดูประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็พอ ใหญ่ค้ำฟ้าแค่ไหนก็จบที่รถถัง? เพราะกองทัพไทย มีเอาไว้เพื่อปกป้องวังเท่านั้น ใครล้มวัง คือศัตรูของกองทัพ ชัดพอมุย? ตัวละครลับเริ่มโผล่มาเรื่อยๆ ศาลไคฟงก็รอ 25/26/27/30 กันยายนนี้เช่นกัน กล้าๆ หน่อย จ่ายปุ๊บ จบปั๊บทันที คุกกันถ้วนหน้า กูท้า?

    หมี CNN(เสี้ยนกันนัก ต้องเอาให้หนัก คลั่งกันนัก ต้องเอาให้จบ เกมส์โลก เกมส์ไทย ไปทิศทางเดียวกันหมด อาเซียนเนื้อหอม เจาะยาก จีน รัสเซีย อิหร่าน กำลังเปลี่ยนโหมดใหม่ JOHN WICK CHAPTER V เกมส์ไล่ล่า ฆ่าล้างโคตร เพิ่งจะเริ่ม อย่าเพิ่งรีบตายน่ะเหี้ย ค่อยๆ ตายไปเรื่อยๆ โลกจะได้ไม่เดือดร้อน ตายเร็ว ตายเยอะ เดี๋ยวมันปอดแหก ไม่สู้ขึ้นมา เดี๋ยวเคว้ง!)
    18 กย. 67
    11.39 น.

    https://linevoom.line.me/post/1172667709970036293
    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ :

    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    18-09-67/01 : หมี CNN / "เล่าสู่กันฟัง" EP.8 ตอน "KNOCK OUT WEST DEAD END" ไอ้สัสมาเป็นชุด โรงงานรถยนต์อีเบียร์ดาหน้าปิดสายพานการผลิต เจ๊งทั้งแผ่นดิน จีนตีตลาดรถ EV กระจุยทั้งโลก แผนเด็ด รัสเซียตัดพลังงาน จีนตัดโรงงานผลิตโลก อียุโรป ขี้แตกแล้วจ๋า! ยังไม่พอ จีนเปิดตัวเรือดำน้ำใหม่ AI ขีปนาวุธอัจฉริยะ โถ..ไอ้ที่มีอยู่ เหี้ยก็กลัวขี้แตกแล้ว ละครปาหี่ไต้หวัน หมายังดูออก จีนเล่นเกมส์ปราสาทแดร๊กกับอีเหี้ยวอชิงตัน ทุบได้แต่ไม่ทุบ ล่อเหี้ยเข้ามาตายห่าเป็นหมู่คณะ สูตรเดียวกับที่รัสเซียล่อเหี้ย NATO มาตายห่าหมู่นั่นแหละ ขั้วใหม่ ทำงานสอดคล้องกันเสมอ ด้านตะวันออกกลางก็ไม่แพ้กัน มรึงจะห้าวเป้งไปไหน 3 ฮอ ประกาศศักดา ทั้งกาซ่า เวสต์แบงค์ เอาอยู่ คุมเกมส์อยู่มือ เหี้ยยิวกระอักเลือด แทบไม่เหลือฐานทัพแล้ว แม่งยิงกู 24 ชม. ไอ้สัส! แต๋วแตก กระสุนหมด ไอรอน โดมยังไม่รอด ถูกฉายซ้ำ เสียหมาให้โลกประจักษ์ นี่เหรอ ที่มรึงคุยว่าดีที่สุดในโลก สู้โดรนราคา 10000 เหรียญกูยังไม่ได้ "ไอ้กระจอก" ละครปาหี่ซ้ำสอง ลอบฆ่าอีทรัมปป์ จัดฉากเห็นๆ ไม่เนียน ฮอลีวู๊ดการละคร หลอกควายสบายใจจัง หลอกกี่ครั้งก็ยังเป็นควาย ไอ้สัส! ออกสื่อไม่ถึงชั่วโมง ภาพเบื้องหลังลอบสังหารออกมาทันที มรึงจะดราม่าไปถึงไหน? อเมริกันควายชอบไงล่ะ? ฉิบหายแล้ว อิรัก-อิหร่านจับมือ ล้างบางเหี้ย C ทั้งแผ่นดิน เตรียมยกพลขึ้นบก เข้าไปเหยียบหน้าอียิวถึงที่ คาเยรูซาเล็ม ทั้งหมด บีบให้อียิวยอมแพ้ แล้วยอมรับแผนสันติภาพใหม่(คืนแผ่นดินให้ปาเลสไตน์ทั้งหมด) สเตปต่อไปคือ เมื่อปาเลสไตน์ได้สิทธิ์ชอบธรรมตั้งเป็นประเทศ มีพื้นที่ มีกองทัพ มีรัฐบาลแห่งชาติ ต่อไปคือดึงแนวร่วมเข้ามาอยู่ให้เต็มแผ่นดินปาเลสไตน์ เพื่อขับไล่อียิวออกไปนั่นเอง มันจะเป็นช่วงเวลาที่รัสเซียเขมือบยูเครนเบ็ดเสร็จแล้วนั่นเอง ขยายต่อไปอีโปล ไล่ยำอีฟินน์ กระทืบอีสวิงกิ้ง และลงแขกอีลอนดอนให้จบตำนานชั่ว ทุกอย่างพิมพ์เขียวมาเต็ม WWIII จะเกิดขึ้นได้จริง ไม่ใช่แค่มีอาวุธ จากสถานการณ์ปัจจุบัน เหี้ยจะฝืนลุยมีแต่สิ้นชาติพันธุ์ สู้ไม่ยาก แต่แพ้ยับใครจะจ่ายค่าปฎิกรรมสงครามกันล่ะ? นอกจากยกแผ่นดินชดใช้หนี้ นั่นแหละ ที่ขั้วใหม่ต้องการ? อลาสก้า ฮาวาย MY LOVE มาหาป๋าซะดีดี! ดูเกมส์ให้ขาด จะชนะเด็ดขาดได้จริง ต้องทำให้ศัตรู ไม่มีทางเลือกอื่น หนี้สิน ชีวิต ปากท้อง แผ่นดิน ทุกอย่างต้องยอมจำนน นั่นคือโอกาสเดียวที่จะไม่เกิด WWIII เต็มรูปแบบ นี่คือสิ่งที่จีน รัสเซีย สมองใส คิดเอาไว้ก่อนเริ่มบุกยึดยูเครน หากยังจำกันได้ ปูติน สีจิ้นผิง JOHN KIM ผู้นำอิหร่าน ซีเรีย อิรัก ไปมาหาสู่กันถี่ยิบเมื่อ 5 ปีก่อน ก็เพื่อการณ์นี้แหละ ช็อคโลก! ไบ้แดร๊กไปเลยสิ ไอ้ควาย หยวนจีนแซงดอลล่าร์เรียบร้อยแล้วจ๊ะ ปริมาณใช้หยวนทั้งโลกมี 48% ขณะที่ดอลล่าร์เหลือแค่ 46% แปลว่าอะไร? จีนกำลังจะเขมือบเหี้ยต่อไปไงล่ะ? คาดการณ์ว่า ปริมาณการใช้หยวนจะเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล หลังทั้งโลกเทดอลล่าร์ แล้วเข้ากลุ่ม BRICS สิ่งที่ตามมา ทำให้พันธมิตรขั้วใหม่ ยิ้มกันถ้วนหน้า ทั้งรูเบิล รัสเซีย แม้แต่เงินเรียลอิหร่าน โปรดสังเกตุ ชาติพลังงาน เทคโนโลยี โลกมีความต้องการอยู่เสมอ ที่มาว่าทำไม อีทรัมปป์โยงประเด็นการเมือง ใครไม่ใช้ดอลล่าร์ กูจะขึ้นภาษี 100% ยิ่งทำให้ทั้งโลกตัดสินใจง่ายขึ้น กูเข้า BRICS คือจบทันที กฎหมาใช้ไม่ได้กับโลกยุคใหม่ เสี้ยนจัด ไปถามตรีน SCO ก่อนน่ะ กองทัพที่มีกำลังพลเกิน 30 ล้านเนี่ย มรึงจะไปหาที่ไหนในโลกได้อีก? ยังไม่นับอี THE TERMINATOR ของรัสเซีย ฝูงแมลงพิฆาต AI ของจีน มีกี่ชีวิตพอตายมั้ยจ๊ะ? ดังนั้น ใครที่ยังเห็น 1USD = 35THB คือภาพตอแหล หลอกลวงควายทั้งนั้น ที่มันหลอกได้ เพราะควายเต็มใจให้หลอก กลัวมันส่งเหี้ยไอซิสมาเผาบ้าน แต่ตอนนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว หลังกองทัพผู้เกรียงไกรโลก แพ้ยับเสียหมาต่อนักรบกู้ชาติกีบแตะ หมาทั้งตะวันตก เรือรบที่ว่าแน่ กลายเป็นขนมกรุบเยเมน นี่มันห่างชั้นกันไกลขนาดนี้แล้วรึเนี่ย? ความเป็นจริง โลกต่างรู้ดีว่า USD = 0 ไม่มีค่าอะไรทั้งสิ้น แล้วมรึงไปเอาเหี้ยอะไรมาเป็นเกณฑ์วัดกันล่ะ คำตอบมีแค่ "ขี้ข้า" ไงล่ะ ปลดแอกเหี้ย ต้องจัดการขี้ข้าเหี้ยทั้งแผ่นดิน วังทำอยู่ ทหารเดินตามแผน คลังไม่ได้โง่ ที่ผ่านมา แค่สับขาหลอก จำเอาไว้ว่า นายกฯ จะใหญ่แค่ไหน แต่คลังเป็นเรื่องของแผ่นดิน วังดูแลกำกับเบื้องหลัง ยุคร.10 ไม่มีให้กระเด็น เชื่อกูดิ? คลังไทยมีแต่จะเพิ่ม สอดคล้องกับแผนยืมมือควาย ทำลายเหี้ย เงิน 10000 คือเป้าล่อ เหี้ยคิดแค่ว่า เอาประชาชนควายมาเป็นตัวประกัน หากทำไม่ได้ ไม่ผ่าน อ้างมีมือที่ 3 สกัด แต่สิ่งที่ทหารมองคือ ย้อนเกล็ดเหี้ย ใช้ประชากรควายย้อนกลับไปทำลายเหี้ยมันเอง เงินจ่ายไป แต่คุกและคดีก็แจกตามมาติดๆ เกมส์นี้ เค้าชงให้วังเป็นพระเอกเงินล้านจ๊ะ ยังไม่ถึงเวลาออกโรง กระต่ายอย่าดิ้นเยอะ กูเหนื่อยใจแทน! เดี๋ยวมรึงจะได้เห็น 25/26/24/30 กันยายน แจกจริง คุกจริง แผนสำเร็จตามเป้าหมายทันที นั่นแหละ ศาลไคฟงถึงจะเขยิบได้ มองให้ทะลุ ว่าเค้ารออะไรอยู่? มรึงเคยเห็นมั้ย? ยึดทรัพย์นักการเมืองเหี้ยทั้งแผ่นดิน ใครล่ะ ที่กล้าทำ? ก็คนตกงานที่เพิ่งจะลาออกมาหมาดๆ นี่ไงล่ะ? จบน่ะ! ภาพโคตรชัด รัฐบาลแห่งชาติต้องมา ปฎิวัติต้องมี รัฐธรรมนูญอัพเดท ปรับใหม่ ต้องเกิด ราชาธิปไตยก้าวหน้าต้องฉายแสง โห..ไอ้สัส ฮอลีวู๊ดยังอาย เมื่อศรีธนญชัย ฟิล์ม เล่นและกำกับเอง ยังไม่จบ "หมูเด้ง" ออกอาละวาดทั่วโลกหนักขึ้น กระแสแรงจนเขี่ยละครปาหี่หลายเรื่องตกขอบ ฮิปโปแคระ ใครคิด? มันมาเองไม่ได้ดอก นี่คือ 1 ใน AMAZING THAILAND มรึงคิดว่าเมืองไทยสวยใสไร้สติเหรอไง? หน่วยประชาสัมพันธ์ PROPAGANDA WAR เราก็มีนานแล้ว อะไรที่ไทยเราจะใช้ขยายอิทธิพลทางความคิด เราทำมาโดยตลอด แบบน้ำนิ่งไหลลึก กว่าจะรู้ตัวอีกที เสร็จเพ่ไทยไปเรียบร้อยโรงเรียนหมูเด้งทันที! ปล.รถไฟขนอาวุธยุโรปพังราบคาบ ขีปนาวุธ 1000 ลูก ถล่มยูเครนยับเละเทะ ชาวโลกเบื่อ รีบๆ ตายห่าไปซะน่ะ จะได้ไปไล่เก็บอีโปลต่อ งานง่าย เพราะมันพร้อมจะถอยทุกเมื่อ ปากกล้าขาสั่น เยี่ยวแตกไม่รู้กี่รอบ ขนาดทหารอเมริกันผู้เก่งกาจ ยังพิการทั้งกองทัพ หมายังรู้? ชนะง่ายดายไปป่ะ? ไอ้สัส! อียิวยังสู้ยิบตา ฝังระเบิดในเพจเจอร์ระยะไกล ล่อเลบานอน หลังถูกฮามาสล่อเป้า ระเบิดพลีชีพกลางฝูงชนเยรูซาเล็ม งานนี้ เอากันถึงตาย ไม่ต้องไปโรงหมอ? แรงมา แรงกลับไม่มีโกง แล้วมรึงจะอยู่ร่วมโลกกันได้อย่างไร? มรึงสอนลูกหลานยิว ฮามาสคือสัดนรก ส่วนฮามาสสอนลูกหลานว่าอียิวคือเปรตเดรัจฉานชิงหมาเกิด มันจะจบยังไง หากไม่มีผู้ชนะ 1 เดียวที่รอด? ล่าสุด ขั้วใหม่ปรับขบวนรบ จีน รัสเซีย อิหร่าน ผนึกกำลังแปซิฟิค ดอกนี้ สัญญานตรงถึงวอชิงตัน "สงครามขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิค" กองเรือรบเหี้ยจะขยาดไม่กล้าเข้าใกล้รัศมี พื้นที่สีแดงที่จีนกำหนดเด็ดขาด ไอ้เรือรบลำ 2 ลำ นั่นแค่ละครปาหี่ แต่หากมาเป็นฝูงจะจอดป้ายก่อนถึงเกาะสแปรดลี่ย์ทันที ด้านอีปินส์เงียบกริบ หลังจีนส่งเรือรบพร้อมรัสเซีย ไปขอดูหน้าขาเสี้ยนหน่อย หุบปากลงทันที ใครคุมใคร หมายังรู้? ด้านพม่า ตื่นแล้วจ๊ะ หลังจีนสั่งสอน ตอนนี้หันมาจูบปาก ธุรกิจสีเทาไม่เอาแย้ว เสือกโลภจนเกือบสิ้นรัฐบาลทหาร ดีที่รัสเซียยังดึงเชงเอาไว้ ชนกลุ่มน้อยกลับเข้าที่ดั่งเดิม ขีดเส้น ต่างคนต่างอยู่ ใครให้เหี้ยมะกันใช้เป็นฐาน มรึงโดนถล่มทันที ด้านเพ่ไทย ยืนคุมเชิง ปล่อยจีนสั่งสอน ไม่ต้องเปลืองแรงขยี้ ตชด.ไทย ทหารเรือไทย ยังมีอีขะแมร์มาช่วยจุดไฟแช็กให้อยู่ สยบข่าวปาหี่แยกดินแดน ใครกล้าล่ะ? กูล่ะฮาแตก มรึงยังกล้าหน้าด้านมาเสนอหน้า สื่อขี้ข้าเหี้ยออกข่าว WAGNER แพ้ยับในแอฟริกา ก็เลยเอาข่าวอัพเดทล่าสุดมาแฉให้ว่า กองกำลังเหี้ยไอซิสในแอฟริกา หนีตายข้ามทวีปกันหมดแล้ว ปล่อยนักรบท้องถิ่นที่ถูกหลอก ยืนเยี่ยวแตกรอโดน WAGNER สอยรายวัน 12 ชาติแอฟริกาปลดพันธนาการอเมริกา ฝรั่งเศส เรียบร้อยแล้ว ดูได้จาก แหล่งทำมาหาแดร๊ก แหล่งรายได้ที่เหี้ยเคยมี ถูกอายัด ระงับทุกอย่างสิ้น ด้านกองทัพรัฐบาลท้องถิ่น ประกบฐานทัพอเมริกัน ฝรั่งเศส จนหมด ชาวบ้านแห่ไปล้อมค่ายทหาร เรื่องจริงไงล่ะ ทำไมไม่พูดจ๊ะ? เหี้ยมันจะเอาอะไรมารักษาแอฟริกาได้อีก แค่ในยูเครน เยรูซาเล็ม ตอนนี้ ถังแตก อาวุธเกลี้ยงคลังแสง ทหารตายห่าเกลื่อนไปเท่าไหร่แล้ว แม้แต่ทหารประจำการตามฐานทัพเหี้ยทั่วโลกยังลดลงไปกว่าครึ่ง เพราะพิการไปหมดแล้ว ส่งเข้าไปที่ไหน กลับมาเป็นถุงดำหมด สื่อมีใครเค้าดูกันอีก ควายตายห่าหมดแล้ว เอาเงินภาษีกูไปโฆษณาชวนเชื่อให้เหี้ยทำไม ยุบช่องไปเลยดีกว่ามุย? ขี้ข้าออกหน้า? จับตาโผโยกย้ายตำแหน่งนายพล เสร็จกิจแล้ว อีลูกสาวร่านแค่ไปเป็นพิธี เบื้องหน้าจัดตามนายสั่ง แต่เบื้องหลัง แผนซ้อนแผน ทหารซ้อนทหารอีกชั้น อีเหลี่ยมวางตัวเด็กเหี้ย C ขึ้นนายพล แต่ปัญหาคือ อายุรัฐบาลมันสั้น จะโผไหน หากผู้ใหญ่ในกองทัพไม่ให้ความไว้วางใจก็อยู่ยาก เหนือฟ้ายังมีฟ้า เคยบอกไปแล้วว่า หน่วยกองทัพชุดใหญ่ ไฟกระพริบ มือดีที่สุดของแผ่นดิน อยู่ในมือพ่อร.10 ทั้งหมด ดังนั้น ไอ้เรื่องจะปฎิวัติล้มเจ้า มรึงลืมยันไปถึงชาติหน้าได้เลย มีแต่จะปฎิวัติล้มประชาธิปไตยควายตอแหลเหี้ยเท่านั้น คราวนี้ มรึงจะได้รู้ว่า การที่เสธ.แดงลาออกนั้น มันคือแผนที่เค้าวางเอาไว้แล้วล่วงหน้า เพื่อเตรียมตัว DO SOMETHING ในเวลาที่ใช่ และเบ็ดเสร็จเด็ดขาด รวดเร็วทันตาเห็น ยิ่งกว่า FAST & FURIOUS เวลาเสวยสุขของเหี้ยตัวพ่อเหลี่ยมกับอีลูกสาวขาร่าน มันใกล้จะจบลงแล้ว ไม่จ่ายก็เรื่องของมรึง ออกแผ่นดินนี้เมื่อไหร่? มรึงก็เตรียมตัวตายห่าได้เลย กฐินล่วงหน้าจองกันข้ามปี แค่รมต. แค่นายกฯ ไม่สามารถเปลี่ยนกองทัพไทยได้ ไม่งั้น ลุงตู่ คงโดนเขมือบไปนานแล้ว มรึงดูประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็พอ ใหญ่ค้ำฟ้าแค่ไหนก็จบที่รถถัง? เพราะกองทัพไทย มีเอาไว้เพื่อปกป้องวังเท่านั้น ใครล้มวัง คือศัตรูของกองทัพ ชัดพอมุย? ตัวละครลับเริ่มโผล่มาเรื่อยๆ ศาลไคฟงก็รอ 25/26/27/30 กันยายนนี้เช่นกัน กล้าๆ หน่อย จ่ายปุ๊บ จบปั๊บทันที คุกกันถ้วนหน้า กูท้า? หมี CNN(เสี้ยนกันนัก ต้องเอาให้หนัก คลั่งกันนัก ต้องเอาให้จบ เกมส์โลก เกมส์ไทย ไปทิศทางเดียวกันหมด อาเซียนเนื้อหอม เจาะยาก จีน รัสเซีย อิหร่าน กำลังเปลี่ยนโหมดใหม่ JOHN WICK CHAPTER V เกมส์ไล่ล่า ฆ่าล้างโคตร เพิ่งจะเริ่ม อย่าเพิ่งรีบตายน่ะเหี้ย ค่อยๆ ตายไปเรื่อยๆ โลกจะได้ไม่เดือดร้อน ตายเร็ว ตายเยอะ เดี๋ยวมันปอดแหก ไม่สู้ขึ้นมา เดี๋ยวเคว้ง!) 18 กย. 67 11.39 น. https://linevoom.line.me/post/1172667709970036293 ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 Comments 0 Shares 1090 Views 0 Reviews
  • #นิยายไทย
    #คู่กรรม2
    #ทมยันตี
    #หนังสือน่าอ่าน
    #thaitimes
    #14ตุลา



    อ่านจบเดือนครึ่งเกือบสองเดือนแล้วสำหรับคู่กรรม2 ของทมยันตี สองเล่ม 702 หน้า สนพ. ณ บ้านวรรณกรรม พิมพ์ที่อ่านนี้เป็นครั้งที่ 9 ปี 2552 (ยืมจากห้องสมุด) ในอดีตเคยอ่านแค่ตอนเดียวสมัยเรื่องนี้พิมพ์ลงในนิตยสาร โลกวลี ช่วงสมัยอยู่มัธยม

    เมื่อดูจากปกในที่ระบุว่ามีการรวมเล่มครั้งแรกปี 2534 เท่ากับว่าเรื่องนี้ปรากฏโฉมสู่สายตานักอ่านมาถึงปัจจุบันรวมเวลา 33 ปีล่วงแล้ว

    เคยชมภาพยนตร์ที่นำแสดงโดย คุณพล ตัณฑเสถียร และคุณศิริลักษณ์ ผ่องโชค เมื่อปี 2539 รู้สึกตอนจบรันทดหดหู่เนื่องจากลูกชายของอังศุมาลินตายเพราะช่วยลูกศิษย์ เลยไม่อยากอ่านหนังสือ แต่เพิ่งจะรู้ข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้เองว่าบทสรุปในหนังสือนั้นต่างไปจากที่ถูกสร้างเป็นหนัง ดังนั้นจึงเกิดแรงใจในการหามาอ่านให้จบสมบูรณ์ หลังจากที่เคยอ่านภาคแรกจบตั้งแต่สามสิบกว่าปีก่อน

    พบคำผิดประปรายในการพิมพ์ครั้งที่ 9 บางคำก็ได้ความรู้เพิ่มเติมว่าสามารถเขียนได้สองแบบ เช่นคำว่า กระแหนะกระแหน ซึ่งเขียนว่า กระแนะกระแหน ก็ได้ ที่ผ่านมาตัวเองคุ้นชินกับการเขียนแบบมี ห นำหน้ามาตลอด พอเห็นว่าในหนังสือใช้เป็นแบบไม่มี ห นำ ยังคิดว่าน่าจะพิมพ์ผิด เมื่อลองค้นจึงค่อยทราบว่าไม่ผิด ซึ่งในเล่มช่วงแรก ก็ไม่มี ห แต่พอช่วงหลังมี ห โผล่มาซะงั้น อดคิดไม่ได้ว่าตกลงจะเลือกใช้แบบไหนก็น่าจะเอาสักทาง ให้เหมือนกันตลอดทั้งเรื่อง

    จากนี้ไปจะยาวมากครับ คงมีคนอ่านไม่มาก ถ้าใครอ่านต่อจนจบได้ขอโปรดรับคำขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วย

    ในส่วนเนื้อเรื่องของภาคนี้ ดำเนินต่อจากความตายของโกโบริ คืออังศุมาลินท้องแก่และคลอดลูกชาย ให้ชื่อว่ากลินท์ที่หมายถึงพระอาทิตย์ ชื่อญี่ปุ่น โยอิจิ โยหมายถึงดวงอาทิตย์ อิจิคือลูกคนแรก พ่อของอังศุมาลินยังคงห่วงใยคนรักเก่าและลูกสาวที่บ้านสวน จึงมาบอกข่าวว่าอีกไม่นานญี่ปุ่นคงจะแพ้สงคราม ซึ่งจะส่งผลกระทบมาสู่แม่อร อังศุมาลินและลูกโดยตรง จึงอยากจะช่วยเหลือ แต่แม่อรปฏิเสธ ไม่ใช่แค่คนเป็นพ่อที่ห่วงใย แม้ตาผลตาบัวสองคู่หูคู่หอย ก็หมั่นนำข่าวมาบอกว่าอีกไม่นานพลพรรคจะนัดกันลุกฮือต่อสู้ญี่ปุ่น รวมถึงวนัสที่ได้รับอิสระจากความช่วยเหลือของโกโบริก่อนตาย จึงกลับมาหาอังศุมาลินเพื่อบอกข่าวและถามเธอว่าจะยอมแต่งงานกับเขาไหม เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาที่กำลังจะเกิด แต่อังศุมาลินปฏิเสธ เธอยินดีที่จะอยู่ดูแลลูกต่อไปในบ้านสวน ไม่ย้ายหนีไปไหนทั้งนั้น แล้วคุณยายแม่ของแม่อร และยายของอังศุมาลิน ก็จากไปเป็นคนแรกของภาคนี้ แต่เป็นการจากอย่างสงบ เตรียมตัวตายอย่างดี ไปถือศีลอยู่วัดไม่ต้องลำบากลูกหลาน

    เวลาผ่านไป ในที่สุดญี่ปุ่นแพ้สงครามพ่อของอังศุมาลินมาบอกทุกคนที่บ้านสวนว่าจะเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ช่วงบั้นปลายชีวิต ทุกคนร่วมอนุโมทนา หลังบวชท่านต่างจากพระอื่นในวัด ไปอยู่กุฏิเล็กโทรมเพียงรูปเดียว ฉันวันละมื้อ และปฏิบัติเคร่งครัดจนชาวบ้านพากันโจษจันไปทั่วคุ้งน้ำ ด้านเด็กชายกลินท์เจริญวัยขึ้น ได้รับความเอาใจใส่จากแม่ และปู่คือตาผลตาบัวที่อุปโลกน์ตนเอง โดยเล่าเรื่องราวต่างๆของแม่และโกโบริให้กับเด็กชายฟัง ก่อนที่ทั้งคู่จะทยอยตายจากไปเช่นกัน จึงเหลือเพียงแม่อร ที่มักไปอยู่วัดบ่อยเหมือนเช่นทวดของกลินท์ นาน ๆ ครั้งกลินท์จึงได้ติดตามยายกับแม่ไปกราบท่าน กาลล่วงเลยจนเด็กชายเติบใหญ่เป็นหนุ่มวัย 27 ปี ดีกรีอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์ที่ ม.ธรรมศาสตร์ เป็นที่ชื่นชอบในบรรดาเหล่าลูกศิษย์โดยเฉพาะนักศึกษาหญิง

    ขณะที่เมืองไทยเข้าสู่ช่วงปีที่ในกรุงเทพกำลังเกิดกระแสตื่นตัวต่อต้านสินค้าและอื่นใดที่มาจากญี่ปุ่น ซึ่งสร้างชาติอย่างรวดเร็วภายหลังแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง โดยเน้นทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้โยอิจิที่มีปมเป็นลูกที่มีเลือดญี่ปุ่นครึ่งหนึ่ง นึกรังเกียจไม่พอใจชาติกำเนิดตนเอง ต่อต้านพ่อที่ตายไปแล้ว และไม่เข้าใจแม่ จึงกลายเป็นคนที่ให้คำแนะนำแก่บรรดาศิษย์หัวรุนแรง ก้าวหน้า ฝักใฝ่ปลดแอกประชาชนจากการเป็นทาสทุนนิยมบริโภคและทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น โดยไม่มีใครรู้ความจริงของพ่ออาจารย์

    ทางบ้านสวน แม้โยอิจิจะรักแม่มาก แต่ขณะเดียวกันใจก็ยังไม่ยอมรับพ่อ กลายเป็นเหมือนเด็กน้อยที่เอาแต่ใจ รั้น และดื้อเงียบ แต่เขาเข้ากันได้อย่างดีกับลุงวนัสที่สนิทสนมมาแต่เด็ก เข้าออกบ้านลุงบ่อย ตั้งแต่กำนันพ่อของวนัสยังมีชีวิตอยู่จนตายไปในเวลาต่อมา วนัสทำธุรกิจหลายอย่าง รวมถึงการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบ้านเรือนไทยของตนให้เป็นที่ทำงานด้วย วนัสไม่ยอมแต่งงานสักทีตั้งแต่อกหักจากอังศุมาลิน แม้โยอิจิจะรู้ว่าวนัสมีการคบหาทำธุรกิจกับพวกคนญี่ปุ่น เขาไม่เห็นด้วยแต่ก็ยังรักชอบในฐานะลุงเช่นเดิม

    ส่วนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งเขาเป็นอาจารย์สอนอยู่นั้น เขาคอยเป็นที่ปรึกษาให้กับกลุ่มนิสิตนักศึกษาระดับผู้นำหลายคนที่เรียกร้องรัฐบาลให้บอยคอตคนญี่ปุ่นรวมถึงธุรกิจ สินค้าทุกชนิด โดยที่ไม่มีใครรู้ความจริงว่าเขามีพ่อเป็นใคร ขณะที่มีอาจารย์สาวคนหนึ่งชื่อ ชิตาภา หน้าตาดี ครอบครัวเป็นชาวจีนมีอันจะกินที่มาตั้งรกรากสร้างตัวจนกลายเป็นมีกิจการค้ารุ่งเรือง มักชอบเข้าหามาชวนเขาสนทนาอยู่บ่อยครั้ง ดูเหมือนเธอจะพึงใจในตัวโยอิจิอยู่บ้าง และน่าจะมีอะไรที่มากกว่านั้น แต่เขาไม่สนใจ มักคุยด้วยไม่นาน และสร้างขอบเขตส่วนตัวที่กันคนอื่นออกไปอยู่วงนอกเสมอ ไม่ยอมให้ใครเข้าถึงความในใจตนได้

    แล้ววันหนึ่งนักศึกษาสาวปีสามรัฐศาสตร์นามว่า ศราวณี ผู้เป็นแกนนำหัวรุนแรงที่ต่อต้านคนญี่ปุ่นและสินค้าญี่ปุ่น รวมถึงต่อต้านรัฐบาลทหารในช่วงนั้น ซึ่งรู้ความจริงเรื่องของพ่อโยอิจิ และมีความคับแค้นจากปมในครอบครัวตนซึ่งแม่ตายตั้งแต่เด็ก ถูกเลี้ยงดูมาจากยายและป้าที่เป็นพี่สาวของแม่ และเข้าใจผิดฝังหัวมาตลอดเกี่ยวกับครอบครัวบ้านสวนของอังศุมาลิน ที่มาแย่งชิงความรักไปจากคุณตาของเธอ เพราะทั้งยายและป้ามักเล่าความหลังโดยบิดความจริงแล้วใส่สีตีไข่ บริภาษแม่อรว่าคือผู้เป็นเมียน้อยที่แย่งความรักไป ทำให้ครอบครัวฝั่งยายลำบาก และโดนแย่งสมบัติไปหมด แม่และป้าจึงโตมาอย่างยากแค้นจนแม่ตายไปและป้าต้องรับเลี้ยงศราวณีต่อมาอย่างลุ่ม ๆ ดอน ๆ ทำให้ป้ามักอารมณ์เสียใส่เธอเสมอตั้งแต่เด็กจนโต เพาะเป็นความเกลียดชังต่อครอบครัวฝั่งบ้านสวน ทั้งที่ตัวเองไม่เคยพบหน้าอีกฝ่าย จนเมื่อเข้ามาเป็นนักศึกษาและพบว่าโยอิจิสอนหนังสืออยู่ที่ธรรมศาสตร์ จึงพุ่งความโกรธเกลียดที่ตนเคยได้รับจากป้ามารวมอยู่ที่อาจารย์ทั้งหมด จนกระทั่งบอกความลับเรื่องพ่อของโยอิจิออกไปให้พวกเพื่อนกลุ่มหัวรุนแรงด้วยกันรับรู้

    วันที่พวกเธอและเพื่อนตามตัวให้โยอิจิมาที่ห้องซึ่งเป็นที่รวมพลเพื่อพูดคุยเรื่องจะทำอะไรต่อไป แล้วใครคนหนึ่งได้กล่าวเปิดโปงเรื่องโกโบริ และพูดจาดูถูกเหยียดหยามเชื้อชาติของพ่อ วินาทีนั้นเองโยอิจิกลับเพิ่งเข้าใจหัวใจตนเองเป็นครั้งแรกในชีวิต 27 ปีที่ผ่านมา ว่าแท้จริงเขารักพ่อและเทิดทูนในเกียรติยศของทหารหาญมากแค่ไหน เขายอมรับอย่างตรงไปตรงมาด้วยท่าทีแสดงออกถึงความภูมิใจในสายเลือดแห่งตนด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมพลัง ที่สามารถสยบเสียงโห่ฮาขับไล่ของเหล่านักศึกษาให้สงบลงได้ นั่นคือครั้งแรกเช่นกันที่สร้างความประหลาดใจแกมรู้สึกผิดอยู่เบื้องลึกให้เกิดขึ้นในหัวใจของศราวณี ที่ไม่นึกฝันว่าโยอิจิจะกล้ายอมรับอย่างไม่สะทกสะท้าน

    นับตั้งแต่วันนั้น โยอิจิเหมือนได้รับการปลดล็อกออกจากห้องขังที่ตนเองสร้างขึ้นเพื่อหนีความจริงสุดลึกที่เก็บกดไว้ เขาเข้าใจถึงความรักของแม่อันเป็นที่รักที่มีต่อพ่อชาวญี่ปุ่นอย่างท่วมท้นหัวใจแล้ว พ่อไม่เคยทำสิ่งไม่ดี มีแต่ทำตามหน้าที่ของชายชาติทหารที่ได้รับมอบหมาย ไม่ได้ทำไปด้วยความจงเกลียดจงชัง โยอิจิกลับไปที่บ้านสวนในเย็นวันนั้นอย่างคนที่บาดเจ็บสาหัส ไม่ใช่ทางกาย แต่ได้รับความกระทบกระเทือนทางใจอย่างรุนแรง อังศุมาลินรับรู้ได้ด้วยสายตาและหัวใจของคนเป็นแม่ แม้ไม่รู้ว่าลูกชายพบเจอเรื่องใดมาทำได้แค่ยกสองมือขึ้นโอบกอดถ่ายเทความรักความอบอุ่นที่มีให้กับลูกชายด้วยความเข้าใจอย่างสงบ

    โยอิจิไม่รู้ความจริงว่าศราวณีคือน้องสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง เกิดจากน้องสาวต่างมารดาของอังศุมาลิน มีเพียงอาจารย์ชิตาภาที่ทราบ เพราะเธอเป็นญาติที่มีศักดิ์เป็นคุณน้าของศราวณี แต่ยังไม่อาจเล่าให้เขาฟัง โยอิจิยังคงสงสัยและเคลือบแคลงว่าชิตาภาประสงค์สิ่งใดแน่จึงมักหาเหตุมาใกล้ชิดชวนสนทนากับตน

    ด้วยความรู้สึกผิดเกาะกินจากภายใน รวมถึงปัญหาต่าง ๆ รุมเร้า แม้ใจจะต่อต้านพี่ชายอย่างอาจารย์กลินท์ แต่เบื้องลึกเธอกลับมีความรู้สึกที่ดี รักเคารพในชายคนนี้อย่างไม่รู้ตัว วันหนึ่งโยอิจิพบเธอนั่งซึมอยู่ที่ท่าเรือ เหมือนรอคอยจะพบเขาและตามลงเรือมาที่บ้านสวนด้วย ศราวณีจึงได้พบกับสรวงสวรรค์บ้านเรือนไทยหลังเดียวในย่านนั้นที่ยังคงสภาพเหมือนเดิมกับช่วงเกิดสงคราม ในขณะที่บ้านหลังอื่นเปลี่ยนแปลงไปสร้างตามอย่างต่างชาติหมด เธอพบบรรยากาศที่ร่มรื่นชื่นเย็น สงบสุขอย่างไม่เคยได้รับยามเมื่อกลับถึงบ้านที่อยู่กับป้า ยิ่งเมื่อได้พบเจออังศุมาลิน ภาพที่เคยคิดไว้กลับตรงข้ามกับสิ่งที่เห็นและได้ยินทุกอย่างต่างจากที่ยายและป้าได้พูดใส่หูเธอมาตลอด เธอรู้สึกได้รับความสุข สงบ สบายใจและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเกิด และเริ่มเปลี่ยนความคิดที่มีต่อครอบครัวของโยอิจิ

    ทางด้านหลวงพ่อ หลังจากบวชเพื่อปฏิบัติอย่างเอาจริงอยู่จนล่วงเข้าสู่ปัจฉิมวัย ที่สุดก็มรณภาพอย่างสงบในท่านั่งสมาธิอยู่ในกุฏิ ทำให้ชาวบ้านโจษจันต่างศรัทธานับถือ จนเจ้าอาวาสและทางกรรมการวัดเห็นเป็นโอกาสในการสร้างเรื่องเรียกคนเข้ามาทำบุญเพิ่ม ด้วยการยกให้หลวงพ่อเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาทันที ทั้งที่ตอนมีชีวิต ไม่ใคร่สนใจ

    ที่บ้านสวนส่วนใหญ่อังศุมาลินอยู่บ้านคนเดียว ทำงานบ้านดูแลอาหารการกินเตรียมไว้ให้ลูกชาย ทว่าเริ่มมีอาการป่วยที่ค่อย ๆ รุนแรงมากขึ้นจนต้องแอบไปที่ศิริราช โดยมีเจ้าโก๊ะเด็กชายตัวน้อย ลูกของคนจรจัดหญิงชายที่มาขออาศัยอยู่ในสวนด้านหลังบ้านตามไปเป็นเพื่อน พ่อแม่ของโก๊ะนั้นเป็นประเภทไม่ชอบทำมาหากิน ขี้เหล้าเมายา เล่นพนันไปตามเรื่อง อังศุมาลินเคยหวังดีเอ่ยปากแนะนำให้ตั้งตัวขยันทำกินหลายครั้ง แต่ทั้งสองไม่สนใจ เอาแต่เก็บผักผลไม้จากในสวนของแม่อรและอังศุมาลิน มากินและขายด้วยถือวิสาสะว่าเหมือนของตน และมักใช้ให้โก๊ะมาขอเงินจากอังศุมาลินบ่อย ๆ

    ส่วนเหตุการณ์ทางด้านการบ้านการเมืองกลับทวีความรุนแรง คุกรุ่นขึ้นเรื่อย ๆ บรรดานักศึกษาต่างรวมตัวกันในสถาบันหลายแห่ง รวมถึงขึ้นเวทีพูดปลุกระดมให้ชาวบ้านฟังและเข้าร่วมสนับสนุนฝ่ายตนมากขึ้น ขณะที่ยื่นคำขาดต่อรัฐบาลให้ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องที่ร่างขึ้น เหตุการณ์ช่วงปี พ.ศ. 2516 เริ่มขมวดปมความขัดแย้งระหว่างฝ่ายผู้บริหารกับฝ่ายนักศึกษา ผ่านสายตาของโยอิจิและชิตาภาที่คอยเฝ้ามองอย่างห่าง ๆ ด้วยความเป็นห่วงในตัวศิษย์ แม้เคยกล่าวเตือนในหลายครั้งให้ศราวณีระมัดระวัง อย่าทำอะไรที่ผลีผลาม หุนหันพลันแล่น แต่อย่างไรเด็กก็คือเด็ก เมื่อเขามีความเชื่อฝังหัวไปทางด้านหนึ่ง ก็ขาดความใคร่ครวญพิจารณาอย่างรอบถ้วน และมองไม่เห็นถึงภัยร้ายที่จะบังเกิดขึ้นในเมื่อทุกสิ่งถูกปลุกเร้าเข้าสู่ห้วงวิกฤต

    สุดท้ายถึงวันแตกหักอันเป็นเหตุการณ์วิปโยคของคนไทยทุกคน จะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับโยอิจิ ชิตาภา และศราวณี ในขณะที่อังศุมาลินนั้นก็มีอาการเจ็บป่วยที่มักเหนื่อยง่าย หน้าซีดจะเป็นลมบ่อย แต่ปิดไว้ไม่ให้ลูกชายรู้ ดูเหมือนเวลาชีวิตของเธอจะเหลืออีกไม่มากก่อนจะได้ตามไปอยู่กับโกโบริ สรุปสุดท้ายของนิยายจะลงเอยอย่างไรไปอ่านต่อได้ในคู่กรรม 2 ครับ

    🖋วิเคราะห์หลังอ่านจบ

    มีทั้งส่วนที่ชอบและไม่ชอบ ภาคนี้ต่างไปจากภาคแรกอย่างชนิดเหมือนเป็นนิยายคนละเรื่อง คนละแนวทาง คือภาคแรกมีความเป็นนิยายรักระหว่างรบ ที่มีทั้งปมความรัก ความขัดแย้งในตัวตนกับคนที่คิดว่าคือศัตรูเป็นแกนหลัก เน้นไปทางอารมณ์ความรู้สึกของอังศุมาลินและโกโบริ โดยมีเหตุการณ์น้อยใหญ่ที่เข้ามาสร้างให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างกันของทั้งสองเพิ่มขึ้นทีละน้อยจนถึงขั้นรัก แต่ไม่อาจเปิดใจเพราะติดที่กรอบซึ่งถูกสร้างขึ้นจากทั้งอังศุมาลินเอง และสังคมสร้างให้กลายเป็นขื่อคาที่ตรึงรั้งใจไว้ให้มิอาจแสดงออกถึงความรักได้ดังเช่นคู่สามีภรรยาปกติ จนนำไปสู่บทสรุปอันเจ็บปวดและขมขื่นในตอนท้ายเรื่องที่สร้างความจดจำและสะเทือนใจให้กับคนอ่านอย่างยิ่ง กลายเป็นอมตะนิยายรักแห่งโศกนาฏกรรมที่คนไทยรู้จักมากที่สุดเรื่องหนึ่ง

    มาในภาคนี้ เนื้อหาโครงสร้างหลักกลับเน้นไปที่ความมองโลกของคนเป็นแม่อย่างคนที่ผ่านประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตมาแล้ว และจะเลือกเดินหน้าต่อไปอย่างไรในสถานการณ์ที่คนไทยส่วนใหญ่เกลียดชังญี่ปุ่น ในขณะที่เธอคือภรรยาหม้ายและมีลูกชายสายเลือดที่เกิดจากทหารญี่ปุ่น ตลอดทั้งเล่มนี้ในความรู้สึกส่วนตัว ผมมองว่านี่คือนิยายธรรมะเล่มหนึ่งทีเดียว เพียงแต่ไม่ใช่ธรรมะที่เป็นคำบรรยายเทศน์ของพระผู้เป็นองค์ธรรมกถึก หากแต่เป็นหนังสือธรรมะที่นำพล็อตของนิยายมาสวม จึงพบได้ในหลายย่อหน้า แทบทุกตอนที่ผู้เขียนสอดแทรกแนวคิดหลักธรรมทางพุทธตามแนวที่ท่านเชื่อเป็นทางที่ถูกตรงลอยอบอวลอยู่ในการบรรยาย เหมือนตัวละครและฉากเหล่านั้นคือตัวแทนหรือเครื่องมือที่ต้องการสื่อสอนธรรมะไปสู่ผู้อ่านอยู่ตลอด โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องราวของความตาย ดังจะเห็นได้จากมีการจากไปของตัวละครเดิมที่มีบทบาทจากภาคแรก คนแล้วคนเล่า เริ่มตั้งแต่คุณยาย ตาผลตาบัว หลวงพ่อ และกำลังใกล้ตายอย่างอังศุมาลิน ทำนองแสดงสัจธรรมชีวิต

    หลายช่วงตอนที่มีการหยิบยกบทกลอนร้อยกรองจากในวรรณคดีไทย หรือที่ผู้เขียนแต่งขึ้น รวมถึงวลี ประโยคภาษาอังกฤษจากบทเพลง บทกวีต่าง ๆ ของทางตะวันตกมาใช้เพื่อสื่อแสดงถึงความรู้สึกของผู้เขียนที่ต้องการสะท้อนผ่านเรื่องราวของเหตุการณ์แวดล้อมรอบตัวโยอิจิ และตัวละครสำคัญ จนบางทีก็ดูมากไป อ่านไปเรื่อย ๆ อดที่จะคิดไม่ได้ว่าเล่มนี้ มีความคล้ายกันกับอีกเล่มของทมยันตีที่มีชื่อว่า จดหมายถึงลูก(ผู้)ชาย ที่เน้นสอนลูกของผู้เขียนเองและคนเป็นลูกชายทุกคน ด้วยการแทรกแนวคิดคำสุภาษิตไว้ในเนื้อหาตลอดเล่ม

    แล้วการเขียนลักษณะนี้ดีหรือไม่อย่างไร?

    คงขึ้นกับความชื่นชอบส่วนบุคคลของผู้อ่านที่มีรสนิยมแตกต่าง ส่วนผมเองนั้นไม่ถึงกับเรียกได้ว่าชอบทว่าก็ไม่ขัดใจมากมาย แต่ยอมรับว่าทมยันตีเป็นหนึ่งในนักเขียนที่มีความไม่ธรรมดาในด้านศึกษาธรรมะในพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งหาตัวจับยาก แล้วนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการเขียนได้เก่งมากคนหนึ่งในเหล่านักเขียนรุ่นเก่า หากจะติบ้างก็คงเป็นความเข้าใจในทางหลักธรรมที่นำมาสอดแทรกไว้ในคู่กรรม2 นั้น ยังเป็นความเข้าใจที่เหมือนเช่นคนปฏิบัติธรรมทั่วไปในไทยเข้าใจกันว่าถูกต้อง คือเน้นการนั่งสมาธิเดินจงกรมว่าคือวิธีที่จะนำไปสู่การลดละกิเลสจนนำไปสู่ความหลุดพ้นได้ ดังที่ตัวละครหลวงพ่อในเรื่องได้ปฏิบัติและพูดคุยสอนธรรมกับโยอิจิ หรือแม่อร อังศุมาลิน ซึ่งโดยแท้จริงการปฏิบัติควรเน้นไปที่การมีสติอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกที่จะจับอาการกิเลสแล้วกำจัดทิ้ง ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใด ไม่ว่ายืน เดิน นั่ง นอน หรืออิริยาบถย่อยอื่น ไม่ใช่เพียงแค่ตอนนั่งสมาธิเดินจงกรมเพียงเท่านั้น เพราะในชีวิตจริงมนุษย์ไม่อาจจะบังคับตนให้อยู่เพียงแค่ท่านั่งสมาธิต่อเนื่องยาวนานไปจนชั่วชีวิต

    นอกจากประเด็นที่กล่าวถึงนี้แล้วที่มีความเห็นไม่ตรงกับผู้เขียน ทางด้านอื่นถือว่าผมชอบนิยายเรื่องนี้ไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะการมองโลกที่มองทะลุถึงความเป็นจริงของสังคมไทย ลักษณะนิสัย ที่เจาะลึกให้เห็นว่าแม้นในอดีตสมัยสงครามคนไทยเป็นอย่างไร ปัจจุบันในยุคนี้ก็ยังคงพบเห็นได้ว่าไม่แตกต่างกันนัก จึงถือว่านิยายเล่มนี้ไม่ล้าสมัย โดยเฉพาะด้านการบ้านการเมืองที่ผู้มีอำนาจในฝ่ายรัฐ มักเลือกใช้วิถีทางแห่งความรุนแรงในการสยบปัญหาอยู่เสมอ โดยมีมือที่สามที่คอยฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ ยั่วยุ ปลุกปั่น และล่อลวงให้คู่กรณีระหว่างรัฐกับนักศึกษาและประชาชนปะทะแตกหัก จนเกิดความสูญเสีย อันมีแต่หายนะต่อประเทศชาติ

    ศราวณี คือตัวแทนที่เปรียบให้เห็นเด่นชัด ไม่ว่ายุคใด เหล่าเด็กหนุ่มสาวอนาคตชาติ มักถูกกระตุ้น ให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน และปลุกเร้าจุดไฟติดได้โดยง่าย ด้วยพวกเขามีพลังงานล้นเหลือ เมื่อเลือกเชื่อไปทางใดทางหนึ่งแล้ว บางทีก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างสุดกำลังโดยไม่ทันได้ใคร่ครวญ ยั้งคิด หรือพิจารณาทัศนียภาพรอบข้างระหว่างทางที่มุ่งไปให้ถี่ถ้วนรอบคอบ จึงมักตกเป็นฝ่ายที่ถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือให้ไปตายแทนคนบงการแท้จริงเบื้องหลังเสมอ

    และเมื่อเกิดความสูญเสียแล้วก็เป็นเช่นดังอะไหล่เลวที่โดนใช้แล้วทิ้งโดยไร้ความเสียดาย หรือจำเป็นต้องดูแลอย่างใดต่อไป กว่าพวกเขาจะรู้ตัว ความผิดพลาดพลั้งเผลอก็เกิดขึ้นและไปไกลเกินกว่าตนเองจะหยุดยั้ง ควบคุมและแก้ไขสถานการณ์ได้เสียแล้ว ดังจุดจบของตัวละครในเรื่องนี้หลังเหตุการณ์วันที่ 14 ตุลาคม 2516 ความเก่งกล้า ไม่ยอมใคร ไม่ฟังอาจารย์ ความร้อนเร่าเอาแต่ใจ รั้นจะทำในสิ่งที่ตนคิดให้จงได้ ทว่าสุดท้ายกลับกลายพาเพื่อน คนที่ไม่รู้อะไรแต่ก็ตามกันไป ไปพบกับการบาดเจ็บล้มตายต่อหน้าต่อตา ถึงกับกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง หลบหนีตายจ้าละหวั่น กระทบกระเทือนถึงสภาพจิตใจอย่างรุนแรงจนแทบจะกลายเป็นบ้าไป เธอจึงได้รับบาดแผลลึกที่เสียใจก็ไม่ทันแล้ว กับไฟที่ตอนแรกเพียงแค่เหมือนไฟจากปลายก้านไม้ขีดในมือที่ขยับนิดเดียวก็ดับ สุดท้ายมันกลับกลายเป็นไฟกองใหญ่ที่โหมไหม้รวดเร็ว ลามเลียทำลายทุกสิ่งอย่างไม่อาจดับได้ด้วยแค่กำลังตนเอง

    นอกจากนี้ที่ชอบก็มีในส่วนของการใช้ภาพตัวละครในเรื่องอย่างครอบครัวของเจ้าโก๊ะ ที่สะท้อนภาพตัวแทนของชนชั้นล่างได้ชัดเจน ความเหลื่อมล้ำที่เหล่านักศึกษามักนำมาเป็นคำขวัญ ชูประเด็นเพื่อเรียกร้อง และรังเกียจเคียดแค้นเหล่าชนชั้นศักดินา ดังเช่นอาจารย์ชิตาภาที่ครอบครัวเป็นชาวจีนโพ้นทะเลที่มาไทยอย่างเสื่อผืนหมอนใบ แต่ขยันขันแข็งและสร้างตัวจนมีทรัพย์ ร่ำรวยมีอันจะกินและสร้างธุรกิจด้วยการค้าขายขยับขยายฐานะ จนเลื่อนจากชนชั้นแรงงานต่างด้าวมาเป็นพ่อค้าวาณิชย์ที่มีกิจการมากมายและถูกแปะป้ายให้กลายเป็นศักดินาไป จนถูกมองว่าเป็นความผิดความเลวที่เข้ามากอบโกยนั้น หรือแม้แต่วนัสที่เป็นคนไทยแต่มีหัวในทางธุรกิจการค้า จึงติดต่อซื้อขายกับคนต่างชาติอย่างญี่ปุ่นหรือชาวตะวันตกจนมีฐานะเข้าขั้นเศรษฐี ทั้งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นพวกเสรีไทย แต่ในภาคนี้เรียกได้ว่าแปะป้ายศักดินาตามความหมายของเหล่านักศึกษาได้เช่นกัน

    หากมองความจริงในอีกแง่มุม ย่อมเห็นได้ว่าคนไทยเองที่เป็นชนชั้นกรรมาชีพจำนวนมากนั้นมีสันดานเป็นอย่างพ่อและแม่ของเจ้าโก๊ะ ที่เอาแต่ชื่นชอบอยู่อย่างสบายไม่ต้องทำการทำงาน วันทั้งวันเอาแต่เมาหัวราน้ำ แม้นมีคนหยิบยื่นความช่วยเหลือหวังให้สร้างตัวเพื่อตั้งตนได้ แต่ก็ไม่กระตือรือร้นสนใจ หนักไม่เอาเบาไม่สู้ อยากแต่จะขอเขากินไปเรื่อย ๆ อาศัยความเมตตาและมีน้ำใจของครอบครัวแม่อรและอังศุมาลินเป็นเครื่องมือ เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างคนขี้เกียจ รักสบายได้ต่อไป มีเงินก็หมดไปกับเหล้ายาและการพนัน เงินหมดก็ใช้ให้โก๊ะไปไถขอเอาใหม่ ด้วยรู้จุดว่าถ้าให้เด็กมาขออย่างไรก็ได้ นี่ไม่อาจยอมรับว่าไม่ว่าจะในนิยายซึ่งอยู่ในยุคหลังสงคราม หรือปัจจุบันที่ล่วงเลยมาอีกหลายสิบปี ก็ยังมีคนไทยที่เป็นเช่นนี้อีกเป็นจำนวนมาก แล้วจะไปโทษว่าแต่ความเหลื่อมล้ำเพราะชนชั้นได้เช่นไร ในเมื่อตนเองยินดีทำตนให้เป็นไปเช่นนั้น

    อังศุมาลินและโยอิชิคือตัวแทนของชนชั้นกลางที่น่าสนใจ ทั้งสองมีความรู้ตามทันยุคสมัยของความเปลี่ยนแปลง แต่ไม่หลงใหลปล่อยให้กระแสเชี่ยวแห่งคลื่นทุนนิยมเข้าครอบงำ ยังคงดำเนินชีวิตทั้งรูปแบบ และวิถีตามอย่างวัฒนธรรมอันดีงามในอดีตที่บรรพบุรุษสร้างไว้ ไม่ว่าจะเรือนพักอาศัยที่ไม่รื้อทิ้งหลังเก่าแล้วสร้างใหม่ และพยายามสงวนที่ดินสวนหลังบ้านไว้ปลูกผักปลูกไม้ผลให้พอเก็บกินไม่เดือดร้อน ในขณะครอบครัวอื่นขายที่ให้นายทุน และสร้างบ้านปูนกันไปเกือบหมด

    ภาพความขัดแย้งที่เห็นได้ชัดเจนนี้เองที่เป็นความงดงาม แม้นลำคลองจะไม่เหมือนเดิม คนไทยทิ้งขยะสิ่งปฏิกูลลงน้ำ ทำลายต้นกำเนิดรากเหง้าสายธารแห่งชีวิตของตนเอง ทำให้ปลา กุ้ง หอย สัตว์น้ำที่เคยมีลดน้อยจนกระทั่งหายไปไม่เหมือนก่อน เมื่อมาถึงยุคสมัยที่เรามีชีวิตอยู่นี้ เราจึงต้องแบกรับผลพวงที่ตามมาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เราไม่ชอบ เราบ่นหรืออาจถึงขั้นก่นด่าคนรุ่นก่อน แต่เราเองก็ละเลยไม่ได้มองกลับเข้ามาในตน ว่าในแต่ละวันได้ทำอะไรที่เป็นไปในทางที่ทำร้าย ทำลายวิถีไทย สิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรมและประเพณีอันดีมากน้อยขนาดไหนอย่างไรบ้าง
    #นิยายไทย #คู่กรรม2 #ทมยันตี #หนังสือน่าอ่าน #thaitimes #14ตุลา อ่านจบเดือนครึ่งเกือบสองเดือนแล้วสำหรับคู่กรรม2 ของทมยันตี สองเล่ม 702 หน้า สนพ. ณ บ้านวรรณกรรม พิมพ์ที่อ่านนี้เป็นครั้งที่ 9 ปี 2552 (ยืมจากห้องสมุด) ในอดีตเคยอ่านแค่ตอนเดียวสมัยเรื่องนี้พิมพ์ลงในนิตยสาร โลกวลี ช่วงสมัยอยู่มัธยม เมื่อดูจากปกในที่ระบุว่ามีการรวมเล่มครั้งแรกปี 2534 เท่ากับว่าเรื่องนี้ปรากฏโฉมสู่สายตานักอ่านมาถึงปัจจุบันรวมเวลา 33 ปีล่วงแล้ว เคยชมภาพยนตร์ที่นำแสดงโดย คุณพล ตัณฑเสถียร และคุณศิริลักษณ์ ผ่องโชค เมื่อปี 2539 รู้สึกตอนจบรันทดหดหู่เนื่องจากลูกชายของอังศุมาลินตายเพราะช่วยลูกศิษย์ เลยไม่อยากอ่านหนังสือ แต่เพิ่งจะรู้ข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้เองว่าบทสรุปในหนังสือนั้นต่างไปจากที่ถูกสร้างเป็นหนัง ดังนั้นจึงเกิดแรงใจในการหามาอ่านให้จบสมบูรณ์ หลังจากที่เคยอ่านภาคแรกจบตั้งแต่สามสิบกว่าปีก่อน พบคำผิดประปรายในการพิมพ์ครั้งที่ 9 บางคำก็ได้ความรู้เพิ่มเติมว่าสามารถเขียนได้สองแบบ เช่นคำว่า กระแหนะกระแหน ซึ่งเขียนว่า กระแนะกระแหน ก็ได้ ที่ผ่านมาตัวเองคุ้นชินกับการเขียนแบบมี ห นำหน้ามาตลอด พอเห็นว่าในหนังสือใช้เป็นแบบไม่มี ห นำ ยังคิดว่าน่าจะพิมพ์ผิด เมื่อลองค้นจึงค่อยทราบว่าไม่ผิด ซึ่งในเล่มช่วงแรก ก็ไม่มี ห แต่พอช่วงหลังมี ห โผล่มาซะงั้น อดคิดไม่ได้ว่าตกลงจะเลือกใช้แบบไหนก็น่าจะเอาสักทาง ให้เหมือนกันตลอดทั้งเรื่อง จากนี้ไปจะยาวมากครับ คงมีคนอ่านไม่มาก ถ้าใครอ่านต่อจนจบได้ขอโปรดรับคำขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วย ในส่วนเนื้อเรื่องของภาคนี้ ดำเนินต่อจากความตายของโกโบริ คืออังศุมาลินท้องแก่และคลอดลูกชาย ให้ชื่อว่ากลินท์ที่หมายถึงพระอาทิตย์ ชื่อญี่ปุ่น โยอิจิ โยหมายถึงดวงอาทิตย์ อิจิคือลูกคนแรก พ่อของอังศุมาลินยังคงห่วงใยคนรักเก่าและลูกสาวที่บ้านสวน จึงมาบอกข่าวว่าอีกไม่นานญี่ปุ่นคงจะแพ้สงคราม ซึ่งจะส่งผลกระทบมาสู่แม่อร อังศุมาลินและลูกโดยตรง จึงอยากจะช่วยเหลือ แต่แม่อรปฏิเสธ ไม่ใช่แค่คนเป็นพ่อที่ห่วงใย แม้ตาผลตาบัวสองคู่หูคู่หอย ก็หมั่นนำข่าวมาบอกว่าอีกไม่นานพลพรรคจะนัดกันลุกฮือต่อสู้ญี่ปุ่น รวมถึงวนัสที่ได้รับอิสระจากความช่วยเหลือของโกโบริก่อนตาย จึงกลับมาหาอังศุมาลินเพื่อบอกข่าวและถามเธอว่าจะยอมแต่งงานกับเขาไหม เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาที่กำลังจะเกิด แต่อังศุมาลินปฏิเสธ เธอยินดีที่จะอยู่ดูแลลูกต่อไปในบ้านสวน ไม่ย้ายหนีไปไหนทั้งนั้น แล้วคุณยายแม่ของแม่อร และยายของอังศุมาลิน ก็จากไปเป็นคนแรกของภาคนี้ แต่เป็นการจากอย่างสงบ เตรียมตัวตายอย่างดี ไปถือศีลอยู่วัดไม่ต้องลำบากลูกหลาน เวลาผ่านไป ในที่สุดญี่ปุ่นแพ้สงครามพ่อของอังศุมาลินมาบอกทุกคนที่บ้านสวนว่าจะเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ช่วงบั้นปลายชีวิต ทุกคนร่วมอนุโมทนา หลังบวชท่านต่างจากพระอื่นในวัด ไปอยู่กุฏิเล็กโทรมเพียงรูปเดียว ฉันวันละมื้อ และปฏิบัติเคร่งครัดจนชาวบ้านพากันโจษจันไปทั่วคุ้งน้ำ ด้านเด็กชายกลินท์เจริญวัยขึ้น ได้รับความเอาใจใส่จากแม่ และปู่คือตาผลตาบัวที่อุปโลกน์ตนเอง โดยเล่าเรื่องราวต่างๆของแม่และโกโบริให้กับเด็กชายฟัง ก่อนที่ทั้งคู่จะทยอยตายจากไปเช่นกัน จึงเหลือเพียงแม่อร ที่มักไปอยู่วัดบ่อยเหมือนเช่นทวดของกลินท์ นาน ๆ ครั้งกลินท์จึงได้ติดตามยายกับแม่ไปกราบท่าน กาลล่วงเลยจนเด็กชายเติบใหญ่เป็นหนุ่มวัย 27 ปี ดีกรีอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์ที่ ม.ธรรมศาสตร์ เป็นที่ชื่นชอบในบรรดาเหล่าลูกศิษย์โดยเฉพาะนักศึกษาหญิง ขณะที่เมืองไทยเข้าสู่ช่วงปีที่ในกรุงเทพกำลังเกิดกระแสตื่นตัวต่อต้านสินค้าและอื่นใดที่มาจากญี่ปุ่น ซึ่งสร้างชาติอย่างรวดเร็วภายหลังแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง โดยเน้นทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้โยอิจิที่มีปมเป็นลูกที่มีเลือดญี่ปุ่นครึ่งหนึ่ง นึกรังเกียจไม่พอใจชาติกำเนิดตนเอง ต่อต้านพ่อที่ตายไปแล้ว และไม่เข้าใจแม่ จึงกลายเป็นคนที่ให้คำแนะนำแก่บรรดาศิษย์หัวรุนแรง ก้าวหน้า ฝักใฝ่ปลดแอกประชาชนจากการเป็นทาสทุนนิยมบริโภคและทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น โดยไม่มีใครรู้ความจริงของพ่ออาจารย์ ทางบ้านสวน แม้โยอิจิจะรักแม่มาก แต่ขณะเดียวกันใจก็ยังไม่ยอมรับพ่อ กลายเป็นเหมือนเด็กน้อยที่เอาแต่ใจ รั้น และดื้อเงียบ แต่เขาเข้ากันได้อย่างดีกับลุงวนัสที่สนิทสนมมาแต่เด็ก เข้าออกบ้านลุงบ่อย ตั้งแต่กำนันพ่อของวนัสยังมีชีวิตอยู่จนตายไปในเวลาต่อมา วนัสทำธุรกิจหลายอย่าง รวมถึงการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบ้านเรือนไทยของตนให้เป็นที่ทำงานด้วย วนัสไม่ยอมแต่งงานสักทีตั้งแต่อกหักจากอังศุมาลิน แม้โยอิจิจะรู้ว่าวนัสมีการคบหาทำธุรกิจกับพวกคนญี่ปุ่น เขาไม่เห็นด้วยแต่ก็ยังรักชอบในฐานะลุงเช่นเดิม ส่วนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งเขาเป็นอาจารย์สอนอยู่นั้น เขาคอยเป็นที่ปรึกษาให้กับกลุ่มนิสิตนักศึกษาระดับผู้นำหลายคนที่เรียกร้องรัฐบาลให้บอยคอตคนญี่ปุ่นรวมถึงธุรกิจ สินค้าทุกชนิด โดยที่ไม่มีใครรู้ความจริงว่าเขามีพ่อเป็นใคร ขณะที่มีอาจารย์สาวคนหนึ่งชื่อ ชิตาภา หน้าตาดี ครอบครัวเป็นชาวจีนมีอันจะกินที่มาตั้งรกรากสร้างตัวจนกลายเป็นมีกิจการค้ารุ่งเรือง มักชอบเข้าหามาชวนเขาสนทนาอยู่บ่อยครั้ง ดูเหมือนเธอจะพึงใจในตัวโยอิจิอยู่บ้าง และน่าจะมีอะไรที่มากกว่านั้น แต่เขาไม่สนใจ มักคุยด้วยไม่นาน และสร้างขอบเขตส่วนตัวที่กันคนอื่นออกไปอยู่วงนอกเสมอ ไม่ยอมให้ใครเข้าถึงความในใจตนได้ แล้ววันหนึ่งนักศึกษาสาวปีสามรัฐศาสตร์นามว่า ศราวณี ผู้เป็นแกนนำหัวรุนแรงที่ต่อต้านคนญี่ปุ่นและสินค้าญี่ปุ่น รวมถึงต่อต้านรัฐบาลทหารในช่วงนั้น ซึ่งรู้ความจริงเรื่องของพ่อโยอิจิ และมีความคับแค้นจากปมในครอบครัวตนซึ่งแม่ตายตั้งแต่เด็ก ถูกเลี้ยงดูมาจากยายและป้าที่เป็นพี่สาวของแม่ และเข้าใจผิดฝังหัวมาตลอดเกี่ยวกับครอบครัวบ้านสวนของอังศุมาลิน ที่มาแย่งชิงความรักไปจากคุณตาของเธอ เพราะทั้งยายและป้ามักเล่าความหลังโดยบิดความจริงแล้วใส่สีตีไข่ บริภาษแม่อรว่าคือผู้เป็นเมียน้อยที่แย่งความรักไป ทำให้ครอบครัวฝั่งยายลำบาก และโดนแย่งสมบัติไปหมด แม่และป้าจึงโตมาอย่างยากแค้นจนแม่ตายไปและป้าต้องรับเลี้ยงศราวณีต่อมาอย่างลุ่ม ๆ ดอน ๆ ทำให้ป้ามักอารมณ์เสียใส่เธอเสมอตั้งแต่เด็กจนโต เพาะเป็นความเกลียดชังต่อครอบครัวฝั่งบ้านสวน ทั้งที่ตัวเองไม่เคยพบหน้าอีกฝ่าย จนเมื่อเข้ามาเป็นนักศึกษาและพบว่าโยอิจิสอนหนังสืออยู่ที่ธรรมศาสตร์ จึงพุ่งความโกรธเกลียดที่ตนเคยได้รับจากป้ามารวมอยู่ที่อาจารย์ทั้งหมด จนกระทั่งบอกความลับเรื่องพ่อของโยอิจิออกไปให้พวกเพื่อนกลุ่มหัวรุนแรงด้วยกันรับรู้ วันที่พวกเธอและเพื่อนตามตัวให้โยอิจิมาที่ห้องซึ่งเป็นที่รวมพลเพื่อพูดคุยเรื่องจะทำอะไรต่อไป แล้วใครคนหนึ่งได้กล่าวเปิดโปงเรื่องโกโบริ และพูดจาดูถูกเหยียดหยามเชื้อชาติของพ่อ วินาทีนั้นเองโยอิจิกลับเพิ่งเข้าใจหัวใจตนเองเป็นครั้งแรกในชีวิต 27 ปีที่ผ่านมา ว่าแท้จริงเขารักพ่อและเทิดทูนในเกียรติยศของทหารหาญมากแค่ไหน เขายอมรับอย่างตรงไปตรงมาด้วยท่าทีแสดงออกถึงความภูมิใจในสายเลือดแห่งตนด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมพลัง ที่สามารถสยบเสียงโห่ฮาขับไล่ของเหล่านักศึกษาให้สงบลงได้ นั่นคือครั้งแรกเช่นกันที่สร้างความประหลาดใจแกมรู้สึกผิดอยู่เบื้องลึกให้เกิดขึ้นในหัวใจของศราวณี ที่ไม่นึกฝันว่าโยอิจิจะกล้ายอมรับอย่างไม่สะทกสะท้าน นับตั้งแต่วันนั้น โยอิจิเหมือนได้รับการปลดล็อกออกจากห้องขังที่ตนเองสร้างขึ้นเพื่อหนีความจริงสุดลึกที่เก็บกดไว้ เขาเข้าใจถึงความรักของแม่อันเป็นที่รักที่มีต่อพ่อชาวญี่ปุ่นอย่างท่วมท้นหัวใจแล้ว พ่อไม่เคยทำสิ่งไม่ดี มีแต่ทำตามหน้าที่ของชายชาติทหารที่ได้รับมอบหมาย ไม่ได้ทำไปด้วยความจงเกลียดจงชัง โยอิจิกลับไปที่บ้านสวนในเย็นวันนั้นอย่างคนที่บาดเจ็บสาหัส ไม่ใช่ทางกาย แต่ได้รับความกระทบกระเทือนทางใจอย่างรุนแรง อังศุมาลินรับรู้ได้ด้วยสายตาและหัวใจของคนเป็นแม่ แม้ไม่รู้ว่าลูกชายพบเจอเรื่องใดมาทำได้แค่ยกสองมือขึ้นโอบกอดถ่ายเทความรักความอบอุ่นที่มีให้กับลูกชายด้วยความเข้าใจอย่างสงบ โยอิจิไม่รู้ความจริงว่าศราวณีคือน้องสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง เกิดจากน้องสาวต่างมารดาของอังศุมาลิน มีเพียงอาจารย์ชิตาภาที่ทราบ เพราะเธอเป็นญาติที่มีศักดิ์เป็นคุณน้าของศราวณี แต่ยังไม่อาจเล่าให้เขาฟัง โยอิจิยังคงสงสัยและเคลือบแคลงว่าชิตาภาประสงค์สิ่งใดแน่จึงมักหาเหตุมาใกล้ชิดชวนสนทนากับตน ด้วยความรู้สึกผิดเกาะกินจากภายใน รวมถึงปัญหาต่าง ๆ รุมเร้า แม้ใจจะต่อต้านพี่ชายอย่างอาจารย์กลินท์ แต่เบื้องลึกเธอกลับมีความรู้สึกที่ดี รักเคารพในชายคนนี้อย่างไม่รู้ตัว วันหนึ่งโยอิจิพบเธอนั่งซึมอยู่ที่ท่าเรือ เหมือนรอคอยจะพบเขาและตามลงเรือมาที่บ้านสวนด้วย ศราวณีจึงได้พบกับสรวงสวรรค์บ้านเรือนไทยหลังเดียวในย่านนั้นที่ยังคงสภาพเหมือนเดิมกับช่วงเกิดสงคราม ในขณะที่บ้านหลังอื่นเปลี่ยนแปลงไปสร้างตามอย่างต่างชาติหมด เธอพบบรรยากาศที่ร่มรื่นชื่นเย็น สงบสุขอย่างไม่เคยได้รับยามเมื่อกลับถึงบ้านที่อยู่กับป้า ยิ่งเมื่อได้พบเจออังศุมาลิน ภาพที่เคยคิดไว้กลับตรงข้ามกับสิ่งที่เห็นและได้ยินทุกอย่างต่างจากที่ยายและป้าได้พูดใส่หูเธอมาตลอด เธอรู้สึกได้รับความสุข สงบ สบายใจและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเกิด และเริ่มเปลี่ยนความคิดที่มีต่อครอบครัวของโยอิจิ ทางด้านหลวงพ่อ หลังจากบวชเพื่อปฏิบัติอย่างเอาจริงอยู่จนล่วงเข้าสู่ปัจฉิมวัย ที่สุดก็มรณภาพอย่างสงบในท่านั่งสมาธิอยู่ในกุฏิ ทำให้ชาวบ้านโจษจันต่างศรัทธานับถือ จนเจ้าอาวาสและทางกรรมการวัดเห็นเป็นโอกาสในการสร้างเรื่องเรียกคนเข้ามาทำบุญเพิ่ม ด้วยการยกให้หลวงพ่อเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาทันที ทั้งที่ตอนมีชีวิต ไม่ใคร่สนใจ ที่บ้านสวนส่วนใหญ่อังศุมาลินอยู่บ้านคนเดียว ทำงานบ้านดูแลอาหารการกินเตรียมไว้ให้ลูกชาย ทว่าเริ่มมีอาการป่วยที่ค่อย ๆ รุนแรงมากขึ้นจนต้องแอบไปที่ศิริราช โดยมีเจ้าโก๊ะเด็กชายตัวน้อย ลูกของคนจรจัดหญิงชายที่มาขออาศัยอยู่ในสวนด้านหลังบ้านตามไปเป็นเพื่อน พ่อแม่ของโก๊ะนั้นเป็นประเภทไม่ชอบทำมาหากิน ขี้เหล้าเมายา เล่นพนันไปตามเรื่อง อังศุมาลินเคยหวังดีเอ่ยปากแนะนำให้ตั้งตัวขยันทำกินหลายครั้ง แต่ทั้งสองไม่สนใจ เอาแต่เก็บผักผลไม้จากในสวนของแม่อรและอังศุมาลิน มากินและขายด้วยถือวิสาสะว่าเหมือนของตน และมักใช้ให้โก๊ะมาขอเงินจากอังศุมาลินบ่อย ๆ ส่วนเหตุการณ์ทางด้านการบ้านการเมืองกลับทวีความรุนแรง คุกรุ่นขึ้นเรื่อย ๆ บรรดานักศึกษาต่างรวมตัวกันในสถาบันหลายแห่ง รวมถึงขึ้นเวทีพูดปลุกระดมให้ชาวบ้านฟังและเข้าร่วมสนับสนุนฝ่ายตนมากขึ้น ขณะที่ยื่นคำขาดต่อรัฐบาลให้ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องที่ร่างขึ้น เหตุการณ์ช่วงปี พ.ศ. 2516 เริ่มขมวดปมความขัดแย้งระหว่างฝ่ายผู้บริหารกับฝ่ายนักศึกษา ผ่านสายตาของโยอิจิและชิตาภาที่คอยเฝ้ามองอย่างห่าง ๆ ด้วยความเป็นห่วงในตัวศิษย์ แม้เคยกล่าวเตือนในหลายครั้งให้ศราวณีระมัดระวัง อย่าทำอะไรที่ผลีผลาม หุนหันพลันแล่น แต่อย่างไรเด็กก็คือเด็ก เมื่อเขามีความเชื่อฝังหัวไปทางด้านหนึ่ง ก็ขาดความใคร่ครวญพิจารณาอย่างรอบถ้วน และมองไม่เห็นถึงภัยร้ายที่จะบังเกิดขึ้นในเมื่อทุกสิ่งถูกปลุกเร้าเข้าสู่ห้วงวิกฤต สุดท้ายถึงวันแตกหักอันเป็นเหตุการณ์วิปโยคของคนไทยทุกคน จะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับโยอิจิ ชิตาภา และศราวณี ในขณะที่อังศุมาลินนั้นก็มีอาการเจ็บป่วยที่มักเหนื่อยง่าย หน้าซีดจะเป็นลมบ่อย แต่ปิดไว้ไม่ให้ลูกชายรู้ ดูเหมือนเวลาชีวิตของเธอจะเหลืออีกไม่มากก่อนจะได้ตามไปอยู่กับโกโบริ สรุปสุดท้ายของนิยายจะลงเอยอย่างไรไปอ่านต่อได้ในคู่กรรม 2 ครับ 🖋วิเคราะห์หลังอ่านจบ มีทั้งส่วนที่ชอบและไม่ชอบ ภาคนี้ต่างไปจากภาคแรกอย่างชนิดเหมือนเป็นนิยายคนละเรื่อง คนละแนวทาง คือภาคแรกมีความเป็นนิยายรักระหว่างรบ ที่มีทั้งปมความรัก ความขัดแย้งในตัวตนกับคนที่คิดว่าคือศัตรูเป็นแกนหลัก เน้นไปทางอารมณ์ความรู้สึกของอังศุมาลินและโกโบริ โดยมีเหตุการณ์น้อยใหญ่ที่เข้ามาสร้างให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างกันของทั้งสองเพิ่มขึ้นทีละน้อยจนถึงขั้นรัก แต่ไม่อาจเปิดใจเพราะติดที่กรอบซึ่งถูกสร้างขึ้นจากทั้งอังศุมาลินเอง และสังคมสร้างให้กลายเป็นขื่อคาที่ตรึงรั้งใจไว้ให้มิอาจแสดงออกถึงความรักได้ดังเช่นคู่สามีภรรยาปกติ จนนำไปสู่บทสรุปอันเจ็บปวดและขมขื่นในตอนท้ายเรื่องที่สร้างความจดจำและสะเทือนใจให้กับคนอ่านอย่างยิ่ง กลายเป็นอมตะนิยายรักแห่งโศกนาฏกรรมที่คนไทยรู้จักมากที่สุดเรื่องหนึ่ง มาในภาคนี้ เนื้อหาโครงสร้างหลักกลับเน้นไปที่ความมองโลกของคนเป็นแม่อย่างคนที่ผ่านประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตมาแล้ว และจะเลือกเดินหน้าต่อไปอย่างไรในสถานการณ์ที่คนไทยส่วนใหญ่เกลียดชังญี่ปุ่น ในขณะที่เธอคือภรรยาหม้ายและมีลูกชายสายเลือดที่เกิดจากทหารญี่ปุ่น ตลอดทั้งเล่มนี้ในความรู้สึกส่วนตัว ผมมองว่านี่คือนิยายธรรมะเล่มหนึ่งทีเดียว เพียงแต่ไม่ใช่ธรรมะที่เป็นคำบรรยายเทศน์ของพระผู้เป็นองค์ธรรมกถึก หากแต่เป็นหนังสือธรรมะที่นำพล็อตของนิยายมาสวม จึงพบได้ในหลายย่อหน้า แทบทุกตอนที่ผู้เขียนสอดแทรกแนวคิดหลักธรรมทางพุทธตามแนวที่ท่านเชื่อเป็นทางที่ถูกตรงลอยอบอวลอยู่ในการบรรยาย เหมือนตัวละครและฉากเหล่านั้นคือตัวแทนหรือเครื่องมือที่ต้องการสื่อสอนธรรมะไปสู่ผู้อ่านอยู่ตลอด โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องราวของความตาย ดังจะเห็นได้จากมีการจากไปของตัวละครเดิมที่มีบทบาทจากภาคแรก คนแล้วคนเล่า เริ่มตั้งแต่คุณยาย ตาผลตาบัว หลวงพ่อ และกำลังใกล้ตายอย่างอังศุมาลิน ทำนองแสดงสัจธรรมชีวิต หลายช่วงตอนที่มีการหยิบยกบทกลอนร้อยกรองจากในวรรณคดีไทย หรือที่ผู้เขียนแต่งขึ้น รวมถึงวลี ประโยคภาษาอังกฤษจากบทเพลง บทกวีต่าง ๆ ของทางตะวันตกมาใช้เพื่อสื่อแสดงถึงความรู้สึกของผู้เขียนที่ต้องการสะท้อนผ่านเรื่องราวของเหตุการณ์แวดล้อมรอบตัวโยอิจิ และตัวละครสำคัญ จนบางทีก็ดูมากไป อ่านไปเรื่อย ๆ อดที่จะคิดไม่ได้ว่าเล่มนี้ มีความคล้ายกันกับอีกเล่มของทมยันตีที่มีชื่อว่า จดหมายถึงลูก(ผู้)ชาย ที่เน้นสอนลูกของผู้เขียนเองและคนเป็นลูกชายทุกคน ด้วยการแทรกแนวคิดคำสุภาษิตไว้ในเนื้อหาตลอดเล่ม แล้วการเขียนลักษณะนี้ดีหรือไม่อย่างไร? คงขึ้นกับความชื่นชอบส่วนบุคคลของผู้อ่านที่มีรสนิยมแตกต่าง ส่วนผมเองนั้นไม่ถึงกับเรียกได้ว่าชอบทว่าก็ไม่ขัดใจมากมาย แต่ยอมรับว่าทมยันตีเป็นหนึ่งในนักเขียนที่มีความไม่ธรรมดาในด้านศึกษาธรรมะในพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งหาตัวจับยาก แล้วนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการเขียนได้เก่งมากคนหนึ่งในเหล่านักเขียนรุ่นเก่า หากจะติบ้างก็คงเป็นความเข้าใจในทางหลักธรรมที่นำมาสอดแทรกไว้ในคู่กรรม2 นั้น ยังเป็นความเข้าใจที่เหมือนเช่นคนปฏิบัติธรรมทั่วไปในไทยเข้าใจกันว่าถูกต้อง คือเน้นการนั่งสมาธิเดินจงกรมว่าคือวิธีที่จะนำไปสู่การลดละกิเลสจนนำไปสู่ความหลุดพ้นได้ ดังที่ตัวละครหลวงพ่อในเรื่องได้ปฏิบัติและพูดคุยสอนธรรมกับโยอิจิ หรือแม่อร อังศุมาลิน ซึ่งโดยแท้จริงการปฏิบัติควรเน้นไปที่การมีสติอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกที่จะจับอาการกิเลสแล้วกำจัดทิ้ง ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใด ไม่ว่ายืน เดิน นั่ง นอน หรืออิริยาบถย่อยอื่น ไม่ใช่เพียงแค่ตอนนั่งสมาธิเดินจงกรมเพียงเท่านั้น เพราะในชีวิตจริงมนุษย์ไม่อาจจะบังคับตนให้อยู่เพียงแค่ท่านั่งสมาธิต่อเนื่องยาวนานไปจนชั่วชีวิต นอกจากประเด็นที่กล่าวถึงนี้แล้วที่มีความเห็นไม่ตรงกับผู้เขียน ทางด้านอื่นถือว่าผมชอบนิยายเรื่องนี้ไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะการมองโลกที่มองทะลุถึงความเป็นจริงของสังคมไทย ลักษณะนิสัย ที่เจาะลึกให้เห็นว่าแม้นในอดีตสมัยสงครามคนไทยเป็นอย่างไร ปัจจุบันในยุคนี้ก็ยังคงพบเห็นได้ว่าไม่แตกต่างกันนัก จึงถือว่านิยายเล่มนี้ไม่ล้าสมัย โดยเฉพาะด้านการบ้านการเมืองที่ผู้มีอำนาจในฝ่ายรัฐ มักเลือกใช้วิถีทางแห่งความรุนแรงในการสยบปัญหาอยู่เสมอ โดยมีมือที่สามที่คอยฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ ยั่วยุ ปลุกปั่น และล่อลวงให้คู่กรณีระหว่างรัฐกับนักศึกษาและประชาชนปะทะแตกหัก จนเกิดความสูญเสีย อันมีแต่หายนะต่อประเทศชาติ ศราวณี คือตัวแทนที่เปรียบให้เห็นเด่นชัด ไม่ว่ายุคใด เหล่าเด็กหนุ่มสาวอนาคตชาติ มักถูกกระตุ้น ให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน และปลุกเร้าจุดไฟติดได้โดยง่าย ด้วยพวกเขามีพลังงานล้นเหลือ เมื่อเลือกเชื่อไปทางใดทางหนึ่งแล้ว บางทีก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างสุดกำลังโดยไม่ทันได้ใคร่ครวญ ยั้งคิด หรือพิจารณาทัศนียภาพรอบข้างระหว่างทางที่มุ่งไปให้ถี่ถ้วนรอบคอบ จึงมักตกเป็นฝ่ายที่ถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือให้ไปตายแทนคนบงการแท้จริงเบื้องหลังเสมอ และเมื่อเกิดความสูญเสียแล้วก็เป็นเช่นดังอะไหล่เลวที่โดนใช้แล้วทิ้งโดยไร้ความเสียดาย หรือจำเป็นต้องดูแลอย่างใดต่อไป กว่าพวกเขาจะรู้ตัว ความผิดพลาดพลั้งเผลอก็เกิดขึ้นและไปไกลเกินกว่าตนเองจะหยุดยั้ง ควบคุมและแก้ไขสถานการณ์ได้เสียแล้ว ดังจุดจบของตัวละครในเรื่องนี้หลังเหตุการณ์วันที่ 14 ตุลาคม 2516 ความเก่งกล้า ไม่ยอมใคร ไม่ฟังอาจารย์ ความร้อนเร่าเอาแต่ใจ รั้นจะทำในสิ่งที่ตนคิดให้จงได้ ทว่าสุดท้ายกลับกลายพาเพื่อน คนที่ไม่รู้อะไรแต่ก็ตามกันไป ไปพบกับการบาดเจ็บล้มตายต่อหน้าต่อตา ถึงกับกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง หลบหนีตายจ้าละหวั่น กระทบกระเทือนถึงสภาพจิตใจอย่างรุนแรงจนแทบจะกลายเป็นบ้าไป เธอจึงได้รับบาดแผลลึกที่เสียใจก็ไม่ทันแล้ว กับไฟที่ตอนแรกเพียงแค่เหมือนไฟจากปลายก้านไม้ขีดในมือที่ขยับนิดเดียวก็ดับ สุดท้ายมันกลับกลายเป็นไฟกองใหญ่ที่โหมไหม้รวดเร็ว ลามเลียทำลายทุกสิ่งอย่างไม่อาจดับได้ด้วยแค่กำลังตนเอง นอกจากนี้ที่ชอบก็มีในส่วนของการใช้ภาพตัวละครในเรื่องอย่างครอบครัวของเจ้าโก๊ะ ที่สะท้อนภาพตัวแทนของชนชั้นล่างได้ชัดเจน ความเหลื่อมล้ำที่เหล่านักศึกษามักนำมาเป็นคำขวัญ ชูประเด็นเพื่อเรียกร้อง และรังเกียจเคียดแค้นเหล่าชนชั้นศักดินา ดังเช่นอาจารย์ชิตาภาที่ครอบครัวเป็นชาวจีนโพ้นทะเลที่มาไทยอย่างเสื่อผืนหมอนใบ แต่ขยันขันแข็งและสร้างตัวจนมีทรัพย์ ร่ำรวยมีอันจะกินและสร้างธุรกิจด้วยการค้าขายขยับขยายฐานะ จนเลื่อนจากชนชั้นแรงงานต่างด้าวมาเป็นพ่อค้าวาณิชย์ที่มีกิจการมากมายและถูกแปะป้ายให้กลายเป็นศักดินาไป จนถูกมองว่าเป็นความผิดความเลวที่เข้ามากอบโกยนั้น หรือแม้แต่วนัสที่เป็นคนไทยแต่มีหัวในทางธุรกิจการค้า จึงติดต่อซื้อขายกับคนต่างชาติอย่างญี่ปุ่นหรือชาวตะวันตกจนมีฐานะเข้าขั้นเศรษฐี ทั้งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นพวกเสรีไทย แต่ในภาคนี้เรียกได้ว่าแปะป้ายศักดินาตามความหมายของเหล่านักศึกษาได้เช่นกัน หากมองความจริงในอีกแง่มุม ย่อมเห็นได้ว่าคนไทยเองที่เป็นชนชั้นกรรมาชีพจำนวนมากนั้นมีสันดานเป็นอย่างพ่อและแม่ของเจ้าโก๊ะ ที่เอาแต่ชื่นชอบอยู่อย่างสบายไม่ต้องทำการทำงาน วันทั้งวันเอาแต่เมาหัวราน้ำ แม้นมีคนหยิบยื่นความช่วยเหลือหวังให้สร้างตัวเพื่อตั้งตนได้ แต่ก็ไม่กระตือรือร้นสนใจ หนักไม่เอาเบาไม่สู้ อยากแต่จะขอเขากินไปเรื่อย ๆ อาศัยความเมตตาและมีน้ำใจของครอบครัวแม่อรและอังศุมาลินเป็นเครื่องมือ เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างคนขี้เกียจ รักสบายได้ต่อไป มีเงินก็หมดไปกับเหล้ายาและการพนัน เงินหมดก็ใช้ให้โก๊ะไปไถขอเอาใหม่ ด้วยรู้จุดว่าถ้าให้เด็กมาขออย่างไรก็ได้ นี่ไม่อาจยอมรับว่าไม่ว่าจะในนิยายซึ่งอยู่ในยุคหลังสงคราม หรือปัจจุบันที่ล่วงเลยมาอีกหลายสิบปี ก็ยังมีคนไทยที่เป็นเช่นนี้อีกเป็นจำนวนมาก แล้วจะไปโทษว่าแต่ความเหลื่อมล้ำเพราะชนชั้นได้เช่นไร ในเมื่อตนเองยินดีทำตนให้เป็นไปเช่นนั้น อังศุมาลินและโยอิชิคือตัวแทนของชนชั้นกลางที่น่าสนใจ ทั้งสองมีความรู้ตามทันยุคสมัยของความเปลี่ยนแปลง แต่ไม่หลงใหลปล่อยให้กระแสเชี่ยวแห่งคลื่นทุนนิยมเข้าครอบงำ ยังคงดำเนินชีวิตทั้งรูปแบบ และวิถีตามอย่างวัฒนธรรมอันดีงามในอดีตที่บรรพบุรุษสร้างไว้ ไม่ว่าจะเรือนพักอาศัยที่ไม่รื้อทิ้งหลังเก่าแล้วสร้างใหม่ และพยายามสงวนที่ดินสวนหลังบ้านไว้ปลูกผักปลูกไม้ผลให้พอเก็บกินไม่เดือดร้อน ในขณะครอบครัวอื่นขายที่ให้นายทุน และสร้างบ้านปูนกันไปเกือบหมด ภาพความขัดแย้งที่เห็นได้ชัดเจนนี้เองที่เป็นความงดงาม แม้นลำคลองจะไม่เหมือนเดิม คนไทยทิ้งขยะสิ่งปฏิกูลลงน้ำ ทำลายต้นกำเนิดรากเหง้าสายธารแห่งชีวิตของตนเอง ทำให้ปลา กุ้ง หอย สัตว์น้ำที่เคยมีลดน้อยจนกระทั่งหายไปไม่เหมือนก่อน เมื่อมาถึงยุคสมัยที่เรามีชีวิตอยู่นี้ เราจึงต้องแบกรับผลพวงที่ตามมาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เราไม่ชอบ เราบ่นหรืออาจถึงขั้นก่นด่าคนรุ่นก่อน แต่เราเองก็ละเลยไม่ได้มองกลับเข้ามาในตน ว่าในแต่ละวันได้ทำอะไรที่เป็นไปในทางที่ทำร้าย ทำลายวิถีไทย สิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรมและประเพณีอันดีมากน้อยขนาดไหนอย่างไรบ้าง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1323 Views 0 Reviews