• รีโพสต์จากเพจEnvironman 28 มีนาคม 2568 “ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี แผ่นดินไหว แต่เห็นได้ชัดเลยว่าประเทศไทยและรัฐบาลยังไม่ไหว.เหตุการณ์วันนี้ยิ่งสาดส่องสปอตไลท์ในสิ่งที่ชัดอยู่แล้วให้ชัดยิ่งขึ้นไปอีก ว่าเราไม่มีความพร้อมในการรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่รู้ว่าจะถอดกันอีกกี่บทเรียน กว่าที่รัฐจะมีมาตรการเตรียมพร้อมในการรับมือกับเหตุการณ์อะไรแบบนี้ .ใครมีความคิดเห็น มีอะไรจะเพิ่มก็เต็มที่เลยนะ แต่นี่คือสิ่งที่รับรู้ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้และนี่ไม่ใช่การถอดบทเรียนอะไรทั้งนั้น นี่คือการเล่าระบายล้วน ๆ.⚫️ 1. ประชาชนต้อง Emergency Alert กันเอง.จนถึงตอนนี้ ณ เวลาที่กำลังเขียน (19:52 น.) ข้าพเจ้ายังไม่ได้ SMS จากกระทรวงทบวงกรมใดๆ เลยขอรับ คือเข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปกติที่เกิดขึ้นบ่อย แต่หลังจากท่านนายกออกมาแถลงว่าจะมีการแจ้งเตือนตั้งแต่ช่วงบ่ายสอง ตอนนี้อาฟเตอร์กันไปแล้วไม่รู้กี่ช็อค ก็ยังเงียบกริบ .อีกพาร์ทนึงก็ต้องชมคนไทยที่ใส่ใจโซเชียล ที่ช่วยกันอัพเดท แชร์ข้อมูล คอยรายงานให้ได้ติดตามกัน แต่มันคือช่วงเวลาแบบนี้ไม่ใช่หรอ ที่ประชาชนอย่างเราจะหันไปหวังพึ่งรัฐ ที่ผู้เสียภาษีอย่างเราจะหวังพึ่งคุณภาพชีวิตพื้นฐานที่ควรได้รับ กลายเป็นว่าเราต้องเช็คกันเองว่าเกิดอะไรขึ้น เอาตรงๆ คือผมเป็นคนหนึ่งที่หาแถลงการณ์จากรัฐตอนเกิดเหตุ เพราะบางทีก็กลัวว่าชาวเน็ตบางกลุ่มจะเฟคนิวส์ล่อเอ็นเกจ แต่ก็ต้องผิดหวังต่อไป.⚫️ 2. หน้ามืด นอนน้อยกันทั้งแผ่นดิน.เชื่อแล้วว่าคนไทยทำงานหนักครับ 90% พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘คิดว่าตัวเองไม่สบาย’ ไม่มีใครคิดว่ามันคือแผ่นดินไหวเลย แต่ก็เข้าใจได้ ใครจะไปคิดว่าจะมีแผ่นดินไหวในไทย โดยเฉพาะชาวกทม. คือทุกคนเทไปว่าตัวเองโหมงาน นอนน้อยกันหมด ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แอบเศร้าหน่อย ๆ นะ.ส่วนอีกเรื่องคือ 90% ของคนที่อยู่คอนโดอพาร์ตเม้นตท์ มีสัตว์เลี้ยงที่นิติไม่รู้ แต่จะมารู้ก็วันนี้แหละ ถ้าพูดให้ไม่ติดตลก ผมคิดว่าอยากให้สถานที่คำนึงถึงความเป็น Pet-Friendly ให้มากขึ้น ปัจจุบันมีคนมีสัตว์เลี้ยงเยอะมาก จะด้วยเพื่อแก้เหงาหรือเป็นยุคที่ไม่ค่อยอยากมีลูกหรืออะไรก็ว่าไป แต่ผมเห็นว่าพื้นที่ที่สามารถพาสัตว์ไปร่วมกิจกรรมกับเจ้าของนั้นมีน้อยมาก.⚫️ 3. ระบบขนส่งสาธารณะล่มสลาย.สัญชาตญาณแรกของคนหลังเกิดแผ่นดินไหวคือหาที่ปลอดภัย ซึ่งส่วนมากก็น่าจะนึกถึงบ้าน แต่ระบบขนส่งสาธารณะทั้งหมดดูเหมือนจะไม่เพียงพอ ไม่มีแผนสำรอง ไม่มีโปรโตคอลฉุกเฉิน ไม่มีช่องทางพิเศษ ไม่มีอะไรเลย การจราจรติดแหง็ก ผู้คนติดแหง็ก ไร้ทางออก เกิดอะไรขึ้นก็ไม่บอก จะเดินทางไปไหนก็ไม่ได้ .ญี่ปุ่นเวลาเจอแผ่นดินไหว ประเทศเขาจะสวิตช์เป็นโหมดฉุกเฉินทันที รถไฟฟ้าก็จะมีมาตรการฉุกเฉินในการรับมือ รัฐมีการตกลงกับบริษัทขนส่งเอกชน แท็กซี่ ให้ออกมาช่วยอพยพหรือขนถ่ายคนในช่วงที่รถไฟฟ้าไม่สามารถใช้งานได้ มีการจัดการควบคุมจราจรอย่างเข้มงวดให้คนไม่ติดแหง็กอยู่อย่างนั้น อีกเรื่องคือญี่ปุ่นมีศูนย์พักพิง คือใครที่ยังกลับบ้านไม่ได้ ก็มาพักรอก่อนได้ เอาจริงศูนย์พักพิงญี่ปุ่นคือมีอาหาร มีน้ำ มีอุปกรณ์พื้นฐานให้พร้อม ไม่ปล่อยให้ใครต้องเร่ร่อนอยู่บนถนน.ผมดักไว้ก่อนเลยว่าจะมีคนอ้างว่า ญี่ปุ่นเจอกับแผ่นดินไหวบ่อยจนชิน ของเรานี่แทบจะเป็นครั้งแรกในชีวิตของใครหลายคนเลยนะ จะวิจารณ์ขนาดนั้นก็เกินไป แต่ต้องบอกว่าตอนนี้โลกเรารวนไปหมดแล้ว ปีนี้เราเห็นว่าเกิดภัยพิบัติที่รุนแรงมากมายทั่วโลก อยากลองชวนคนที่แย้งเรื่องทำไมผมถึงเอาเราไปเทียบกับญี่ปุ่น มาแลกเปลี่ยนโต้แย้งเกี่ยวกับการจัดการเหตุฉุกเฉินพื้นฐานของบ้านเรามากกว่า พื้นฐานที่ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็ควรรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวหรือเกิดภัยพิบัติอื่นใดก็ตาม เพราะนี่คือโครงสร้างที่เราต้องมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เราติดท็อป 10 ของประเทศที่จะได้รับผลกระทบจาก Climate Change ซึ่งจะมาในรูปแบบใดบ้างก็ไม่รู้.⚫️ 4. ระบบสาธารณสุขยังเปราะบาง.อันนี้เรามีบทเรียนจากโควิด-19 มาแล้ว แต่เหมือนจะยังถอดบทเรียนกันไม่เสร็จ การอพยพผู้ป่วยในยามฉุกเฉิน หรือโซนที่ให้โรงพยาบาลยังสามารถดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัยในช่วงวิกฤต ตามข่าวยังเห็นโรงพยาบาลเอาคนไข้ออกมาผ่าตัดกลางแจ้งเพราะเป็นเคสด่วนอยู่เลย ซึ่งนี่คือคำถาม นี่คือโจทย์ที่เราเอามาคิดตั้งแต่ตอนนี้จนถึงอนาคตว่าเมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้ เราจะรับมือและจะมีมาตรการอย่างไร .นี่ไม่ใช่การสักแต่ว่าจะด่าก็ด่านะครับ และใครจะหาว่าการเมืองก็เอาเถอะ แต่นี่เห็นได้ชัดเลยว่ารัฐบาลขาดความพร้อมอย่างมากในการรับมือ จริงอยู่ที่เราไม่ได้เจอแผ่นดินไหวเป็นประจำ แต่นั่นก็ยิ่งทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้น่ากลัวมาก ผมคิดว่ายิ่งช่วงเวลาแบบนี้ที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดนี่แหละ ที่จะยิ่งเป็นตัววัดว่าเราโครงสร้างพื้นฐานเราพร้อมแค่ไหน ซึ่งผมคิดว่าไม่มีใครใกล้เคียงกับพร้อมเลย ไม่รู้ทุกคนว่ายังไง.เรื่องความปลอดภัยมันมากับความเชื่อมั่นด้วยนะ วันนี้ในกรุ๊ปแชทก็คือมีเพื่อนๆ พิมพ์มาว่า ‘กูจะมั่นใจโครงสร้างตึกไทยได้มากขนาดไหน’ ซึ่งเป็นตลกร้ายมาก ๆ ที่ตอนนี้เรามีความเชื่อมั่นกับอะไรพวกนี้ต่ำมาก ทั้ง ๆ ที่ควรจะเป็นตรงกันข้าม .วันนี้เป็นวันที่ทุกคนควรจะมีคำถาม เราเคยเจอน้ำท่วม เจอพายุ เจอโควิด แต่เราได้เรียนรู้อะไรจากมันบ้าง ‘หรือเปล่า’ ? ผมเองมีคำว่าทำไมเยอะมาก ทำไมการแจ้งเตือนล่าช้ามาก ทำไมระบบขนส่งสาธารณะและสาธารณสุขถึงไม่พร้อม ทำไมคุณภาพชีวิตของเรามันเปราะบางขนาดนี้ ขออภัยที่ยาวและวนยืดเยื้อ แต่มันคือความอัดอั้นที่อยากแชร์ออกมา.สุดท้ายนี้ เราขอแสดงความเสียใจให้กับผู้ที่สูญเสียจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ด้วยนะครับและขอให้ทุกชีวิตปลอดภัยครับ
    รีโพสต์จากเพจEnvironman 28 มีนาคม 2568 “ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี แผ่นดินไหว แต่เห็นได้ชัดเลยว่าประเทศไทยและรัฐบาลยังไม่ไหว.เหตุการณ์วันนี้ยิ่งสาดส่องสปอตไลท์ในสิ่งที่ชัดอยู่แล้วให้ชัดยิ่งขึ้นไปอีก ว่าเราไม่มีความพร้อมในการรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่รู้ว่าจะถอดกันอีกกี่บทเรียน กว่าที่รัฐจะมีมาตรการเตรียมพร้อมในการรับมือกับเหตุการณ์อะไรแบบนี้ .ใครมีความคิดเห็น มีอะไรจะเพิ่มก็เต็มที่เลยนะ แต่นี่คือสิ่งที่รับรู้ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้และนี่ไม่ใช่การถอดบทเรียนอะไรทั้งนั้น นี่คือการเล่าระบายล้วน ๆ.⚫️ 1. ประชาชนต้อง Emergency Alert กันเอง.จนถึงตอนนี้ ณ เวลาที่กำลังเขียน (19:52 น.) ข้าพเจ้ายังไม่ได้ SMS จากกระทรวงทบวงกรมใดๆ เลยขอรับ คือเข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปกติที่เกิดขึ้นบ่อย แต่หลังจากท่านนายกออกมาแถลงว่าจะมีการแจ้งเตือนตั้งแต่ช่วงบ่ายสอง ตอนนี้อาฟเตอร์กันไปแล้วไม่รู้กี่ช็อค ก็ยังเงียบกริบ .อีกพาร์ทนึงก็ต้องชมคนไทยที่ใส่ใจโซเชียล ที่ช่วยกันอัพเดท แชร์ข้อมูล คอยรายงานให้ได้ติดตามกัน แต่มันคือช่วงเวลาแบบนี้ไม่ใช่หรอ ที่ประชาชนอย่างเราจะหันไปหวังพึ่งรัฐ ที่ผู้เสียภาษีอย่างเราจะหวังพึ่งคุณภาพชีวิตพื้นฐานที่ควรได้รับ กลายเป็นว่าเราต้องเช็คกันเองว่าเกิดอะไรขึ้น เอาตรงๆ คือผมเป็นคนหนึ่งที่หาแถลงการณ์จากรัฐตอนเกิดเหตุ เพราะบางทีก็กลัวว่าชาวเน็ตบางกลุ่มจะเฟคนิวส์ล่อเอ็นเกจ แต่ก็ต้องผิดหวังต่อไป.⚫️ 2. หน้ามืด นอนน้อยกันทั้งแผ่นดิน.เชื่อแล้วว่าคนไทยทำงานหนักครับ 90% พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘คิดว่าตัวเองไม่สบาย’ ไม่มีใครคิดว่ามันคือแผ่นดินไหวเลย แต่ก็เข้าใจได้ ใครจะไปคิดว่าจะมีแผ่นดินไหวในไทย โดยเฉพาะชาวกทม. คือทุกคนเทไปว่าตัวเองโหมงาน นอนน้อยกันหมด ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แอบเศร้าหน่อย ๆ นะ.ส่วนอีกเรื่องคือ 90% ของคนที่อยู่คอนโดอพาร์ตเม้นตท์ มีสัตว์เลี้ยงที่นิติไม่รู้ แต่จะมารู้ก็วันนี้แหละ ถ้าพูดให้ไม่ติดตลก ผมคิดว่าอยากให้สถานที่คำนึงถึงความเป็น Pet-Friendly ให้มากขึ้น ปัจจุบันมีคนมีสัตว์เลี้ยงเยอะมาก จะด้วยเพื่อแก้เหงาหรือเป็นยุคที่ไม่ค่อยอยากมีลูกหรืออะไรก็ว่าไป แต่ผมเห็นว่าพื้นที่ที่สามารถพาสัตว์ไปร่วมกิจกรรมกับเจ้าของนั้นมีน้อยมาก.⚫️ 3. ระบบขนส่งสาธารณะล่มสลาย.สัญชาตญาณแรกของคนหลังเกิดแผ่นดินไหวคือหาที่ปลอดภัย ซึ่งส่วนมากก็น่าจะนึกถึงบ้าน แต่ระบบขนส่งสาธารณะทั้งหมดดูเหมือนจะไม่เพียงพอ ไม่มีแผนสำรอง ไม่มีโปรโตคอลฉุกเฉิน ไม่มีช่องทางพิเศษ ไม่มีอะไรเลย การจราจรติดแหง็ก ผู้คนติดแหง็ก ไร้ทางออก เกิดอะไรขึ้นก็ไม่บอก จะเดินทางไปไหนก็ไม่ได้ .ญี่ปุ่นเวลาเจอแผ่นดินไหว ประเทศเขาจะสวิตช์เป็นโหมดฉุกเฉินทันที รถไฟฟ้าก็จะมีมาตรการฉุกเฉินในการรับมือ รัฐมีการตกลงกับบริษัทขนส่งเอกชน แท็กซี่ ให้ออกมาช่วยอพยพหรือขนถ่ายคนในช่วงที่รถไฟฟ้าไม่สามารถใช้งานได้ มีการจัดการควบคุมจราจรอย่างเข้มงวดให้คนไม่ติดแหง็กอยู่อย่างนั้น อีกเรื่องคือญี่ปุ่นมีศูนย์พักพิง คือใครที่ยังกลับบ้านไม่ได้ ก็มาพักรอก่อนได้ เอาจริงศูนย์พักพิงญี่ปุ่นคือมีอาหาร มีน้ำ มีอุปกรณ์พื้นฐานให้พร้อม ไม่ปล่อยให้ใครต้องเร่ร่อนอยู่บนถนน.ผมดักไว้ก่อนเลยว่าจะมีคนอ้างว่า ญี่ปุ่นเจอกับแผ่นดินไหวบ่อยจนชิน ของเรานี่แทบจะเป็นครั้งแรกในชีวิตของใครหลายคนเลยนะ จะวิจารณ์ขนาดนั้นก็เกินไป แต่ต้องบอกว่าตอนนี้โลกเรารวนไปหมดแล้ว ปีนี้เราเห็นว่าเกิดภัยพิบัติที่รุนแรงมากมายทั่วโลก อยากลองชวนคนที่แย้งเรื่องทำไมผมถึงเอาเราไปเทียบกับญี่ปุ่น มาแลกเปลี่ยนโต้แย้งเกี่ยวกับการจัดการเหตุฉุกเฉินพื้นฐานของบ้านเรามากกว่า พื้นฐานที่ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็ควรรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวหรือเกิดภัยพิบัติอื่นใดก็ตาม เพราะนี่คือโครงสร้างที่เราต้องมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เราติดท็อป 10 ของประเทศที่จะได้รับผลกระทบจาก Climate Change ซึ่งจะมาในรูปแบบใดบ้างก็ไม่รู้.⚫️ 4. ระบบสาธารณสุขยังเปราะบาง.อันนี้เรามีบทเรียนจากโควิด-19 มาแล้ว แต่เหมือนจะยังถอดบทเรียนกันไม่เสร็จ การอพยพผู้ป่วยในยามฉุกเฉิน หรือโซนที่ให้โรงพยาบาลยังสามารถดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัยในช่วงวิกฤต ตามข่าวยังเห็นโรงพยาบาลเอาคนไข้ออกมาผ่าตัดกลางแจ้งเพราะเป็นเคสด่วนอยู่เลย ซึ่งนี่คือคำถาม นี่คือโจทย์ที่เราเอามาคิดตั้งแต่ตอนนี้จนถึงอนาคตว่าเมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้ เราจะรับมือและจะมีมาตรการอย่างไร .นี่ไม่ใช่การสักแต่ว่าจะด่าก็ด่านะครับ และใครจะหาว่าการเมืองก็เอาเถอะ แต่นี่เห็นได้ชัดเลยว่ารัฐบาลขาดความพร้อมอย่างมากในการรับมือ จริงอยู่ที่เราไม่ได้เจอแผ่นดินไหวเป็นประจำ แต่นั่นก็ยิ่งทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้น่ากลัวมาก ผมคิดว่ายิ่งช่วงเวลาแบบนี้ที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดนี่แหละ ที่จะยิ่งเป็นตัววัดว่าเราโครงสร้างพื้นฐานเราพร้อมแค่ไหน ซึ่งผมคิดว่าไม่มีใครใกล้เคียงกับพร้อมเลย ไม่รู้ทุกคนว่ายังไง.เรื่องความปลอดภัยมันมากับความเชื่อมั่นด้วยนะ วันนี้ในกรุ๊ปแชทก็คือมีเพื่อนๆ พิมพ์มาว่า ‘กูจะมั่นใจโครงสร้างตึกไทยได้มากขนาดไหน’ ซึ่งเป็นตลกร้ายมาก ๆ ที่ตอนนี้เรามีความเชื่อมั่นกับอะไรพวกนี้ต่ำมาก ทั้ง ๆ ที่ควรจะเป็นตรงกันข้าม .วันนี้เป็นวันที่ทุกคนควรจะมีคำถาม เราเคยเจอน้ำท่วม เจอพายุ เจอโควิด แต่เราได้เรียนรู้อะไรจากมันบ้าง ‘หรือเปล่า’ ? ผมเองมีคำว่าทำไมเยอะมาก ทำไมการแจ้งเตือนล่าช้ามาก ทำไมระบบขนส่งสาธารณะและสาธารณสุขถึงไม่พร้อม ทำไมคุณภาพชีวิตของเรามันเปราะบางขนาดนี้ ขออภัยที่ยาวและวนยืดเยื้อ แต่มันคือความอัดอั้นที่อยากแชร์ออกมา.สุดท้ายนี้ เราขอแสดงความเสียใจให้กับผู้ที่สูญเสียจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ด้วยนะครับและขอให้ทุกชีวิตปลอดภัยครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • แจ้ง! พี่น้องประชาชน หากพบอาคารเสียหาย สามารถส่งภาพมาที่ในไลน์ @ traffy fondue เพื่อให้วิศวกรอาสาตรวจสอบได้!
    https://www.thai-tai.tv/news/17901/
    แจ้ง! พี่น้องประชาชน หากพบอาคารเสียหาย สามารถส่งภาพมาที่ในไลน์ @ traffy fondue เพื่อให้วิศวกรอาสาตรวจสอบได้! https://www.thai-tai.tv/news/17901/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • แถลงการณ์สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย.งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 23 กลับมาเปิดให้ประชาชนเข้าร่วมงานตามปกติ ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 29 มีนาคมนี้ เวลา 10.00-21.00 น. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์. จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูด ซึ่งเกิดขึ้นที่ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ส่งผลให้พื้นที่ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดสามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้ .ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้การจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 23 ต้องปิดให้บริการชั่วคราว ในวันที่ 28 มีนาคม 2568 เนื่องจากทางคณะผู้จัดงาน โดยสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) คำนึงถึงความปลอดภัยขั้นสูงสุดของผู้เข้าร่วมงาน .ขณะนี้สถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ทางสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) ในฐานะผู้จัดงานจึงขอเรียนแจ้งว่า งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 23 จะกลับมาเปิดให้บริการตามปกติอีกครั้ง ในวันเสาร์ที่ 29 มีนาคม 2568 เป็นต้นไปตั้งแต่เวลา 10.00 - 21.00 น. ภายใต้การดูแลความปลอดภัยขั้นสูงสุดของศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในฐานะเจ้าของสถานที่การจัดงาน.สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย28 มีนาคม 2568
    แถลงการณ์สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย.งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 23 กลับมาเปิดให้ประชาชนเข้าร่วมงานตามปกติ ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 29 มีนาคมนี้ เวลา 10.00-21.00 น. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์. จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูด ซึ่งเกิดขึ้นที่ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ส่งผลให้พื้นที่ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดสามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้ .ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้การจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 23 ต้องปิดให้บริการชั่วคราว ในวันที่ 28 มีนาคม 2568 เนื่องจากทางคณะผู้จัดงาน โดยสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) คำนึงถึงความปลอดภัยขั้นสูงสุดของผู้เข้าร่วมงาน .ขณะนี้สถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ทางสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) ในฐานะผู้จัดงานจึงขอเรียนแจ้งว่า งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 23 จะกลับมาเปิดให้บริการตามปกติอีกครั้ง ในวันเสาร์ที่ 29 มีนาคม 2568 เป็นต้นไปตั้งแต่เวลา 10.00 - 21.00 น. ภายใต้การดูแลความปลอดภัยขั้นสูงสุดของศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในฐานะเจ้าของสถานที่การจัดงาน.สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย28 มีนาคม 2568
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่หลายครั้งในเขตประเทศเลบานอนตอนใต้ และยังมีคำสั่งบังคับให้อพยพพลเรือนออกจากพื้นที่ฮาดาธของเบรุต ซึ่งถือเป็นการยกระดับความรุนแรงขึ้นอีกครั้งโดยที่เจ้าของประเทศไม่มีความสามารถในการต่อต้าน

    การโจมตีทางอากาศครั้งนี้มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 ราย รวมถึงเด็ก 3 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1 รายในเมืองโยมอร์ นับตั้งแต่อิสราเอลทำข้อตกลงหยุดยิงกับฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน มีผู้เสียชีวิตจากการที่อิสราเอลละเมิดข้อตกลงไปแล้ว 106 ราย
    อิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่หลายครั้งในเขตประเทศเลบานอนตอนใต้ และยังมีคำสั่งบังคับให้อพยพพลเรือนออกจากพื้นที่ฮาดาธของเบรุต ซึ่งถือเป็นการยกระดับความรุนแรงขึ้นอีกครั้งโดยที่เจ้าของประเทศไม่มีความสามารถในการต่อต้าน การโจมตีทางอากาศครั้งนี้มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 ราย รวมถึงเด็ก 3 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1 รายในเมืองโยมอร์ นับตั้งแต่อิสราเอลทำข้อตกลงหยุดยิงกับฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน มีผู้เสียชีวิตจากการที่อิสราเอลละเมิดข้อตกลงไปแล้ว 106 ราย
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 3 0 รีวิว
  • ช่วงนี้ลดราคา สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53

    หนังสือ แผ่นดินไหว และสึนามิ
    (Earthquake and Tsunami)
    จากร้าน ซีเอ็ด ความรู้เกี่ยวกับภัยพิบัติ และการเอาตัวรอด
    จำนวน 221 หน้า
    สำนักพิมพ์ซีเอ็ด หนังสือของผู้เขียน ซื้อช่วงนี้มีโปรโมทชั่น ลด 20% ทุกเล่มครับ

    ลงทุนในความรู้ เป็นทรัพย์ทางปัญญาที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะขโมยไป และยิ่งใช้ ยิ่งถ่ายทอด ประสบการณ์ความรู้ยิ่งเพิ่มพูน

    สามารถเข้าไปโหลดตัวอย่างมาอ่านได้ ฟรี ก่อนตัดสินใจ
    นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้

    นตฺถิ ปญญสมาวุธํ = ปัญญา ประดุจดังอาวุธ

    เรียนรู้ข้อมูลของแผ่นดินไหว, แผ่นเปลือกโลก, รอยเลื่อน, มาตรแผ่นดินไหว, คลื่นไหวสะเทือน ฯลฯ

    นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้

    ลองติดตามผลงานดูนะครับ ติชมกันได้นะ มีคำถามอะไรก็ถามได้ ถ้ารู้ก็จะตอบให้ครับ

    อยากเห็นราชอาณาจักรไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควบคู่กับการพัฒนาทางด้านจิตใจ และมีศีลธรรมที่ดี เมืองไทยจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก

    ขอเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ

    I have a dream.
    ผู้เขียน และเรียบเรียง

    ขอบคุณครับ
    T.M.E.

    คลิกได้ที่นี่
    https://www.se-ed.com/e-book-audio/%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A7-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B6%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B4-08ekiskvj2trk5s96wu5
    ช่วงนี้ลดราคา สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53 หนังสือ แผ่นดินไหว และสึนามิ (Earthquake and Tsunami) จากร้าน ซีเอ็ด ความรู้เกี่ยวกับภัยพิบัติ และการเอาตัวรอด จำนวน 221 หน้า สำนักพิมพ์ซีเอ็ด หนังสือของผู้เขียน ซื้อช่วงนี้มีโปรโมทชั่น ลด 20% ทุกเล่มครับ ลงทุนในความรู้ เป็นทรัพย์ทางปัญญาที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะขโมยไป และยิ่งใช้ ยิ่งถ่ายทอด ประสบการณ์ความรู้ยิ่งเพิ่มพูน สามารถเข้าไปโหลดตัวอย่างมาอ่านได้ ฟรี ก่อนตัดสินใจ นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้ นตฺถิ ปญญสมาวุธํ = ปัญญา ประดุจดังอาวุธ เรียนรู้ข้อมูลของแผ่นดินไหว, แผ่นเปลือกโลก, รอยเลื่อน, มาตรแผ่นดินไหว, คลื่นไหวสะเทือน ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้ ลองติดตามผลงานดูนะครับ ติชมกันได้นะ มีคำถามอะไรก็ถามได้ ถ้ารู้ก็จะตอบให้ครับ อยากเห็นราชอาณาจักรไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควบคู่กับการพัฒนาทางด้านจิตใจ และมีศีลธรรมที่ดี เมืองไทยจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก ขอเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ I have a dream. ผู้เขียน และเรียบเรียง ขอบคุณครับ T.M.E. คลิกได้ที่นี่ https://www.se-ed.com/e-book-audio/%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A7-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B6%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B4-08ekiskvj2trk5s96wu5
    WWW.SE-ED.COM
    แผ่นดินไหว และสึนามิ (PDF)
    แผ่นดินไหว และสึนามิ เป็นปรากฏการณ์ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ แผ่นดินไหว ในส่วนนี้จะกล่าวถึงปรากฏการณ์ของแผ่นดินไหว, แผ่นเปลือกโลก, รอยเลื่อนที่น่าจับตาของไทย ผู้เขียน T.M.E. เนื้อหาโดยสังเขป : แผ่นดินไหว และสึนามิ (PDF) แผ่นดินไหว และสึนามิ เป็นปรากฏการณ์ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ แผ่นดินไหว ในส่วนนี้จะกล่าวถึงปรากฏการณ์ของแผ่นดินไหว, แผ่นเปลือกโลก, รอยเลื่อนที่น่าจับตาของไทย คลื่นไหวสะเทือน, มาตรวัดแผ่นดินไหว, การเตรียมความพร้อม และวิธีการเอาตัวรอดเมื่อเกิดแผ่นดินไหว ฯลฯ ส่วนในเรื่อง สึนามิ เนื้อหาจะกล่าวถึง เมื่อแผ่นดินไหวทำไมถึงเกิดสึนามิ, ประเภทของคลื่น, เหตุการณ์สึนามิที่สำคัญ, การเอาตัวให้รอดจากภัยสึนามิ ฯลฯ ผู้เขียนพยายามเขียน และเรียบเรียงไม่ให้อ่านยากเกินไป สามารถอ่านได้ทุกเพศทุกวัย เพื่อเป็นความรู้ และให้น่าติดตามอ่านอยู่ตลอดเวลา ข้อมูลหนังสือ : แผ่นดินไหว และสึนามิ (PDF) รหัสสินค้า : 5522840135698 (-ไม่ระบุ) 221 หน้า ชนิดกระดาษ : PDF เดือนปีที่พิมพ์ : --/----
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงนี้ลดราคา สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53

    หนังสือ แผ่นดินไหว และสึนามิ
    (Earthquake and Tsunami)
    จากร้าน ซีเอ็ด ความรู้เกี่ยวกับภัยพิบัติ และการเอาตัวรอด
    จำนวน 221 หน้า
    สำนักพิมพ์ซีเอ็ด หนังสือของผู้เขียน ซื้อช่วงนี้มีโปรโมทชั่น ลด 20% ทุกเล่มครับ

    ลงทุนในความรู้ เป็นทรัพย์ทางปัญญาที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะขโมยไป และยิ่งใช้ ยิ่งถ่ายทอด ประสบการณ์ความรู้ยิ่งเพิ่มพูน

    สามารถเข้าไปโหลดตัวอย่างมาอ่านได้ ฟรี ก่อนตัดสินใจ
    นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้

    นตฺถิ ปญญสมาวุธํ = ปัญญา ประดุจดังอาวุธ

    เรียนรู้ข้อมูลของแผ่นดินไหว, แผ่นเปลือกโลก, รอยเลื่อน, มาตรแผ่นดินไหว, คลื่นไหวสะเทือน ฯลฯ

    นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้

    ลองติดตามผลงานดูนะครับ ติชมกันได้นะ มีคำถามอะไรก็ถามได้ ถ้ารู้ก็จะตอบให้ครับ

    อยากเห็นราชอาณาจักรไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควบคู่กับการพัฒนาทางด้านจิตใจ และมีศีลธรรมที่ดี เมืองไทยจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก

    ขอเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ

    I have a dream.
    ผู้เขียน และเรียบเรียง

    ขอบคุณครับ
    T.M.E.

    คลิกได้ที่นี่
    https://www.se-ed.com/e-book-audio/%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A7-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B6%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B4-08ekiskvj2trk5s96wu5
    ช่วงนี้ลดราคา สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53 หนังสือ แผ่นดินไหว และสึนามิ (Earthquake and Tsunami) จากร้าน ซีเอ็ด ความรู้เกี่ยวกับภัยพิบัติ และการเอาตัวรอด จำนวน 221 หน้า สำนักพิมพ์ซีเอ็ด หนังสือของผู้เขียน ซื้อช่วงนี้มีโปรโมทชั่น ลด 20% ทุกเล่มครับ ลงทุนในความรู้ เป็นทรัพย์ทางปัญญาที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะขโมยไป และยิ่งใช้ ยิ่งถ่ายทอด ประสบการณ์ความรู้ยิ่งเพิ่มพูน สามารถเข้าไปโหลดตัวอย่างมาอ่านได้ ฟรี ก่อนตัดสินใจ นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้ นตฺถิ ปญญสมาวุธํ = ปัญญา ประดุจดังอาวุธ เรียนรู้ข้อมูลของแผ่นดินไหว, แผ่นเปลือกโลก, รอยเลื่อน, มาตรแผ่นดินไหว, คลื่นไหวสะเทือน ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้ ลองติดตามผลงานดูนะครับ ติชมกันได้นะ มีคำถามอะไรก็ถามได้ ถ้ารู้ก็จะตอบให้ครับ อยากเห็นราชอาณาจักรไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควบคู่กับการพัฒนาทางด้านจิตใจ และมีศีลธรรมที่ดี เมืองไทยจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก ขอเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ I have a dream. ผู้เขียน และเรียบเรียง ขอบคุณครับ T.M.E. คลิกได้ที่นี่ https://www.se-ed.com/e-book-audio/%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A7-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B6%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B4-08ekiskvj2trk5s96wu5
    WWW.SE-ED.COM
    แผ่นดินไหว และสึนามิ (PDF)
    แผ่นดินไหว และสึนามิ เป็นปรากฏการณ์ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ แผ่นดินไหว ในส่วนนี้จะกล่าวถึงปรากฏการณ์ของแผ่นดินไหว, แผ่นเปลือกโลก, รอยเลื่อนที่น่าจับตาของไทย ผู้เขียน T.M.E. เนื้อหาโดยสังเขป : แผ่นดินไหว และสึนามิ (PDF) แผ่นดินไหว และสึนามิ เป็นปรากฏการณ์ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ แผ่นดินไหว ในส่วนนี้จะกล่าวถึงปรากฏการณ์ของแผ่นดินไหว, แผ่นเปลือกโลก, รอยเลื่อนที่น่าจับตาของไทย คลื่นไหวสะเทือน, มาตรวัดแผ่นดินไหว, การเตรียมความพร้อม และวิธีการเอาตัวรอดเมื่อเกิดแผ่นดินไหว ฯลฯ ส่วนในเรื่อง สึนามิ เนื้อหาจะกล่าวถึง เมื่อแผ่นดินไหวทำไมถึงเกิดสึนามิ, ประเภทของคลื่น, เหตุการณ์สึนามิที่สำคัญ, การเอาตัวให้รอดจากภัยสึนามิ ฯลฯ ผู้เขียนพยายามเขียน และเรียบเรียงไม่ให้อ่านยากเกินไป สามารถอ่านได้ทุกเพศทุกวัย เพื่อเป็นความรู้ และให้น่าติดตามอ่านอยู่ตลอดเวลา ข้อมูลหนังสือ : แผ่นดินไหว และสึนามิ (PDF) รหัสสินค้า : 5522840135698 (-ไม่ระบุ) 221 หน้า ชนิดกระดาษ : PDF เดือนปีที่พิมพ์ : --/----
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงนี้ลดราคา สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53

    หนังสือ แผ่นดินไหว และสึนามิ
    (Earthquake and Tsunami)
    จากร้าน meb ความรู้เกี่ยวกับภัยพิบัติ และการเอาตัวรอด
    จำนวน 221 หน้า
    อย่าพลาด!!! ช่วงสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53 สำนักพิมพ์ MEB โดยหนังสือผู้เขียนมีโปรโมทชัน ลดขั้นต่ำ 20% ทุกเล่ม ตั้งแต่วันนี้ - 16 เม.ย. 2568 เท่านั้น จากนั้นราคาจะกลับมาราคาเดิม เข้าไปดู และโหลดตัวอย่างอ่านฟรีได้ ขอบคุณที่อุดหนุนครับ หากพลาดพบกันอีกทีก็ปีหน้าน้า

    ลงทุนในความรู้ เป็นทรัพย์ทางปัญญาที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะขโมยไป และยิ่งใช้ ยิ่งถ่ายทอด ประสบการณ์ความรู้ยิ่งเพิ่มพูน

    สามารถเข้าไปโหลดตัวอย่างมาอ่านได้ ฟรี ก่อนตัดสินใจ
    นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้

    นตฺถิ ปญญสมาวุธํ = ปัญญา ประดุจดังอาวุธ

    เรียนรู้ข้อมูลของแผ่นดินไหว, แผ่นเปลือกโลก, รอยเลื่อน, มาตรแผ่นดินไหว, คลื่นไหวสะเทือน ฯลฯ

    นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้

    ลองติดตามผลงานดูนะครับ ติชมกันได้นะ มีคำถามอะไรก็ถามได้ ถ้ารู้ก็จะตอบให้ครับ

    อยากเห็นราชอาณาจักรไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควบคู่กับการพัฒนาทางด้านจิตใจ และมีศีลธรรมที่ดี เมืองไทยจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก

    ขอเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ

    I have a dream.
    ผู้เขียน และเรียบเรียง

    ขอบคุณครับ
    T.M.E.
    http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTM4NTEyNCI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjU6Ijg4NTMyIjt9
    ช่วงนี้ลดราคา สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53 หนังสือ แผ่นดินไหว และสึนามิ (Earthquake and Tsunami) จากร้าน meb ความรู้เกี่ยวกับภัยพิบัติ และการเอาตัวรอด จำนวน 221 หน้า อย่าพลาด!!! ช่วงสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53 สำนักพิมพ์ MEB โดยหนังสือผู้เขียนมีโปรโมทชัน ลดขั้นต่ำ 20% ทุกเล่ม ตั้งแต่วันนี้ - 16 เม.ย. 2568 เท่านั้น จากนั้นราคาจะกลับมาราคาเดิม เข้าไปดู และโหลดตัวอย่างอ่านฟรีได้ ขอบคุณที่อุดหนุนครับ หากพลาดพบกันอีกทีก็ปีหน้าน้า ลงทุนในความรู้ เป็นทรัพย์ทางปัญญาที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะขโมยไป และยิ่งใช้ ยิ่งถ่ายทอด ประสบการณ์ความรู้ยิ่งเพิ่มพูน สามารถเข้าไปโหลดตัวอย่างมาอ่านได้ ฟรี ก่อนตัดสินใจ นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้ นตฺถิ ปญญสมาวุธํ = ปัญญา ประดุจดังอาวุธ เรียนรู้ข้อมูลของแผ่นดินไหว, แผ่นเปลือกโลก, รอยเลื่อน, มาตรแผ่นดินไหว, คลื่นไหวสะเทือน ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้ ลองติดตามผลงานดูนะครับ ติชมกันได้นะ มีคำถามอะไรก็ถามได้ ถ้ารู้ก็จะตอบให้ครับ อยากเห็นราชอาณาจักรไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควบคู่กับการพัฒนาทางด้านจิตใจ และมีศีลธรรมที่ดี เมืองไทยจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก ขอเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ I have a dream. ผู้เขียน และเรียบเรียง ขอบคุณครับ T.M.E. http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTM4NTEyNCI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjU6Ijg4NTMyIjt9
    WWW.MEBMARKET.COM
    แผ่นดินไหว และสึนามิ:: e-book หนังสือ โดย T.M.E.
    แผ่นดินไหว และสึนามิ:: e-book หนังสือ โดย T.M.E.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงนี้ลดราคา สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53

    หนังสือ แผ่นดินไหว และสึนามิ
    (Earthquake and Tsunami)
    จากร้าน meb ความรู้เกี่ยวกับภัยพิบัติ และการเอาตัวรอด
    จำนวน 221 หน้า
    อย่าพลาด!!! ช่วงสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53 สำนักพิมพ์ MEB โดยหนังสือผู้เขียนมีโปรโมทชัน ลดขั้นต่ำ 20% ทุกเล่ม ตั้งแต่วันนี้ - 16 เม.ย. 2568 เท่านั้น จากนั้นราคาจะกลับมาราคาเดิม เข้าไปดู และโหลดตัวอย่างอ่านฟรีได้ ขอบคุณที่อุดหนุนครับ หากพลาดพบกันอีกทีก็ปีหน้าน้า

    ลงทุนในความรู้ เป็นทรัพย์ทางปัญญาที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะขโมยไป และยิ่งใช้ ยิ่งถ่ายทอด ประสบการณ์ความรู้ยิ่งเพิ่มพูน

    สามารถเข้าไปโหลดตัวอย่างมาอ่านได้ ฟรี ก่อนตัดสินใจ
    นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้

    นตฺถิ ปญญสมาวุธํ = ปัญญา ประดุจดังอาวุธ

    เรียนรู้ข้อมูลของแผ่นดินไหว, แผ่นเปลือกโลก, รอยเลื่อน, มาตรแผ่นดินไหว, คลื่นไหวสะเทือน ฯลฯ

    นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้

    ลองติดตามผลงานดูนะครับ ติชมกันได้นะ มีคำถามอะไรก็ถามได้ ถ้ารู้ก็จะตอบให้ครับ

    อยากเห็นราชอาณาจักรไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควบคู่กับการพัฒนาทางด้านจิตใจ และมีศีลธรรมที่ดี เมืองไทยจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก

    ขอเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ

    I have a dream.
    ผู้เขียน และเรียบเรียง

    ขอบคุณครับ
    T.M.E.
    http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTM4NTEyNCI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjU6Ijg4NTMyIjt9
    ช่วงนี้ลดราคา สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53 หนังสือ แผ่นดินไหว และสึนามิ (Earthquake and Tsunami) จากร้าน meb ความรู้เกี่ยวกับภัยพิบัติ และการเอาตัวรอด จำนวน 221 หน้า อย่าพลาด!!! ช่วงสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53 สำนักพิมพ์ MEB โดยหนังสือผู้เขียนมีโปรโมทชัน ลดขั้นต่ำ 20% ทุกเล่ม ตั้งแต่วันนี้ - 16 เม.ย. 2568 เท่านั้น จากนั้นราคาจะกลับมาราคาเดิม เข้าไปดู และโหลดตัวอย่างอ่านฟรีได้ ขอบคุณที่อุดหนุนครับ หากพลาดพบกันอีกทีก็ปีหน้าน้า ลงทุนในความรู้ เป็นทรัพย์ทางปัญญาที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะขโมยไป และยิ่งใช้ ยิ่งถ่ายทอด ประสบการณ์ความรู้ยิ่งเพิ่มพูน สามารถเข้าไปโหลดตัวอย่างมาอ่านได้ ฟรี ก่อนตัดสินใจ นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้ นตฺถิ ปญญสมาวุธํ = ปัญญา ประดุจดังอาวุธ เรียนรู้ข้อมูลของแผ่นดินไหว, แผ่นเปลือกโลก, รอยเลื่อน, มาตรแผ่นดินไหว, คลื่นไหวสะเทือน ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้ ลองติดตามผลงานดูนะครับ ติชมกันได้นะ มีคำถามอะไรก็ถามได้ ถ้ารู้ก็จะตอบให้ครับ อยากเห็นราชอาณาจักรไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควบคู่กับการพัฒนาทางด้านจิตใจ และมีศีลธรรมที่ดี เมืองไทยจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก ขอเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ I have a dream. ผู้เขียน และเรียบเรียง ขอบคุณครับ T.M.E. http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTM4NTEyNCI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjU6Ijg4NTMyIjt9
    WWW.MEBMARKET.COM
    แผ่นดินไหว และสึนามิ:: e-book หนังสือ โดย T.M.E.
    แผ่นดินไหว และสึนามิ:: e-book หนังสือ โดย T.M.E.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังเกิดแผ่นดินไหว สั่นสะเทือนทั่วประเทศไทย ได้กระแสโจมตีกรมอุตุนิยมวิทยา ว่าเหตุใดไม่แจ้งเตือนก่อนเกิดเหตุ โดยชี้แจงว่า ภัยแผ่นดินไหวยังคงเป็นภัยธรรมชาติที่ยังไม่สามารถพยากรณ์ได้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000029704
    หลังเกิดแผ่นดินไหว สั่นสะเทือนทั่วประเทศไทย ได้กระแสโจมตีกรมอุตุนิยมวิทยา ว่าเหตุใดไม่แจ้งเตือนก่อนเกิดเหตุ โดยชี้แจงว่า ภัยแผ่นดินไหวยังคงเป็นภัยธรรมชาติที่ยังไม่สามารถพยากรณ์ได้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000029704
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • กทม. ออกประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยในพื้นที่ ระดับ 2 ด้วยวันที่ 28 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 13.20 น. ได้เกิดสถานการณ์แผ่นดินไหว ขนาดประมาณ 7.5 ใกล้เมืองมัณดาเลย์ ประเทศเมียนมา ห่างจากอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประมาณ 366 กิโลเมตร และแรงสั่นสะเทือนส่งผลถึงประเทศไทยภาคเหนือ ภาคกลาง โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานครหลายจุด ซึ่งมีผลกระทบกับอาคารต่างๆ ในพื้นที่หลายเขต ซึ่งขณะนี้สถานการณ์แผ่นดินไหวดังกล่าวยังอาจสามารถก่อให้เกิดอาฟเตอร์ช็อกได้ ทำให้กรุงเทพมหานครยังคงต้องเร่งสำรวจพื้นที่ความเสียหาย และเฝ้าระวังในหลายพื้นที่ พร้อมทั้งเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนพร้อมการแก้ไขพื้นที่ที่อาจยังมีอันตรายและมีผลกระทบต่อสาธารณชน อันเป็นสาธารณภัยตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการจัดการสาธารณภัยให้เป็นไปตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2564- 2570 ผู้อำนวยการกรุงเทพมหานคร จึงประกาศให้พื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย เพื่อให้ส่วนราชการ หน่วยงาน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในเขตพื้นที่ประสบภัยดังกล่าว ภายใต้พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564- 2570 และแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร ในการบริหารจัดการสาธารณภัยระดับที่สอง โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นผู้บัญชาการ หรือแผนอื่นที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนกฎหมายระเบียบ คำสั่งประกาศ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเร็วต่อไปประกาศ ณ วันที่ 28 เดือน มีนาคม พ.ศ. 2568
    กทม. ออกประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยในพื้นที่ ระดับ 2 ด้วยวันที่ 28 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 13.20 น. ได้เกิดสถานการณ์แผ่นดินไหว ขนาดประมาณ 7.5 ใกล้เมืองมัณดาเลย์ ประเทศเมียนมา ห่างจากอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประมาณ 366 กิโลเมตร และแรงสั่นสะเทือนส่งผลถึงประเทศไทยภาคเหนือ ภาคกลาง โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานครหลายจุด ซึ่งมีผลกระทบกับอาคารต่างๆ ในพื้นที่หลายเขต ซึ่งขณะนี้สถานการณ์แผ่นดินไหวดังกล่าวยังอาจสามารถก่อให้เกิดอาฟเตอร์ช็อกได้ ทำให้กรุงเทพมหานครยังคงต้องเร่งสำรวจพื้นที่ความเสียหาย และเฝ้าระวังในหลายพื้นที่ พร้อมทั้งเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนพร้อมการแก้ไขพื้นที่ที่อาจยังมีอันตรายและมีผลกระทบต่อสาธารณชน อันเป็นสาธารณภัยตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการจัดการสาธารณภัยให้เป็นไปตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2564- 2570 ผู้อำนวยการกรุงเทพมหานคร จึงประกาศให้พื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย เพื่อให้ส่วนราชการ หน่วยงาน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในเขตพื้นที่ประสบภัยดังกล่าว ภายใต้พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564- 2570 และแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร ในการบริหารจัดการสาธารณภัยระดับที่สอง โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นผู้บัญชาการ หรือแผนอื่นที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนกฎหมายระเบียบ คำสั่งประกาศ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเร็วต่อไปประกาศ ณ วันที่ 28 เดือน มีนาคม พ.ศ. 2568
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปัจจุบัน **ยังไม่มีวิธีการพยากรณ์แผ่นดินไหวที่แม่นยำและถูกต้อง 100%** ในทางวิทยาศาสตร์ แผ่นดินไหวเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ซับซ้อน และยังไม่มีเทคโนโลยีหรือวิธีการใดที่สามารถทำนายเวลา สถานที่ และขนาดของแผ่นดินไหวได้อย่างแน่นอน

    ### **เหตุผลที่การพยากรณ์แผ่นดินไหวยังทำได้ยาก**
    1. **กระบวนการเกิดแผ่นดินไหวซับซ้อน**
    - แผ่นดินไหวเกิดจากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกอย่างฉับพลัน ซึ่งมีปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความเค้น (stress) การสะสมพลังงาน และความเสียดทานระหว่างหิน
    - การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดขึ้นใต้ดินลึก ทำให้ติดตามและวัดได้ยาก

    2. **ขาดข้อมูลที่เพียงพอ**
    - แม้จะมีเครือข่ายเซ็นเซอร์วัดแผ่นดินไหว (seismometers) และระบบ GPS ติดตามการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก แต่ข้อมูลเหล่านี้มักบอกได้เพียง **"ความเสี่ยง"** ของพื้นที่ ไม่ใช่เวลาที่แน่นอน

    3. **ไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าที่ชัดเจน**
    - บางครั้งอาจพบสัญญาณก่อนเกิดแผ่นดินไหว เช่น การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำใต้ดิน หรือการเกิดแผ่นดินไหวเล็กๆ (foreshocks) แต่ก็ไม่เสมอไป และมักไม่สามารถยืนยันได้จนกว่าแผ่นดินไหวใหญ่จะเกิดขึ้น

    ### **ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ในการเตือนภัยแผ่นดินไหว**
    แม้จะไม่สามารถพยากรณ์ได้ล่วงหน้า แต่มีระบบที่ช่วย **เตือนภัยก่อนเกิดแผ่นดินไหว (Early Warning System)** เช่น:
    - **ระบบ ShakeAlert (สหรัฐฯ), ระบบ J-Alert (ญี่ปุ่น)**
    - ใช้คลื่นแผ่นดินไหวที่เดินทางเร็วกว่า (คลื่น P) เพื่อส่งสัญญาณเตือนก่อนที่คลื่นทำลาย (คลื่น S) จะมาถึง
    - ช่วยให้มีเวลาเตรียมตัว **เพียงไม่กี่วินาทีถึงนาที**

    - **การประเมินความเสี่ยงระยะยาว**
    - นักวิทยาศาสตร์สามารถระบุ **พื้นที่เสี่ยงสูง** จากประวัติแผ่นดินไหวและรอยเลื่อนมีพลัง เช่น แถบวงแหวนไฟแปซิฟิก (Ring of Fire)

    ### **ข้อสรุป**
    - **ยังไม่มีการพยากรณ์แผ่นดินไหวที่แม่นยำ** ในแง่ของการบอกเวลาและขนาดได้ล่วงหน้า
    - **ระบบเตือนภัยแผ่นดินไหว (Early Warning)** สามารถช่วยลดความเสียหายได้บ้าง แต่ให้เวลาเตรียมตัวน้อยมาก
    - วิธีที่ดีที่สุดคือ **เตรียมความพร้อม** เช่น รู้จุดปลอดภัยในบ้าน มีชุดฉุกเฉิน และฝึกซ้อม应对แผ่นดินไหว

    หากมีข่าวเกี่ยวกับการทำนายแผ่นดินไหวที่อ้างว่าแม่นยำ ควรตรวจสอบแหล่งที่มาให้ดี เพราะปัจจุบันยังไม่มีเทคโนโลยีที่สามารถทำได้อย่างแน่นอน!
    ปัจจุบัน **ยังไม่มีวิธีการพยากรณ์แผ่นดินไหวที่แม่นยำและถูกต้อง 100%** ในทางวิทยาศาสตร์ แผ่นดินไหวเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ซับซ้อน และยังไม่มีเทคโนโลยีหรือวิธีการใดที่สามารถทำนายเวลา สถานที่ และขนาดของแผ่นดินไหวได้อย่างแน่นอน ### **เหตุผลที่การพยากรณ์แผ่นดินไหวยังทำได้ยาก** 1. **กระบวนการเกิดแผ่นดินไหวซับซ้อน** - แผ่นดินไหวเกิดจากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกอย่างฉับพลัน ซึ่งมีปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความเค้น (stress) การสะสมพลังงาน และความเสียดทานระหว่างหิน - การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดขึ้นใต้ดินลึก ทำให้ติดตามและวัดได้ยาก 2. **ขาดข้อมูลที่เพียงพอ** - แม้จะมีเครือข่ายเซ็นเซอร์วัดแผ่นดินไหว (seismometers) และระบบ GPS ติดตามการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก แต่ข้อมูลเหล่านี้มักบอกได้เพียง **"ความเสี่ยง"** ของพื้นที่ ไม่ใช่เวลาที่แน่นอน 3. **ไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าที่ชัดเจน** - บางครั้งอาจพบสัญญาณก่อนเกิดแผ่นดินไหว เช่น การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำใต้ดิน หรือการเกิดแผ่นดินไหวเล็กๆ (foreshocks) แต่ก็ไม่เสมอไป และมักไม่สามารถยืนยันได้จนกว่าแผ่นดินไหวใหญ่จะเกิดขึ้น ### **ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ในการเตือนภัยแผ่นดินไหว** แม้จะไม่สามารถพยากรณ์ได้ล่วงหน้า แต่มีระบบที่ช่วย **เตือนภัยก่อนเกิดแผ่นดินไหว (Early Warning System)** เช่น: - **ระบบ ShakeAlert (สหรัฐฯ), ระบบ J-Alert (ญี่ปุ่น)** - ใช้คลื่นแผ่นดินไหวที่เดินทางเร็วกว่า (คลื่น P) เพื่อส่งสัญญาณเตือนก่อนที่คลื่นทำลาย (คลื่น S) จะมาถึง - ช่วยให้มีเวลาเตรียมตัว **เพียงไม่กี่วินาทีถึงนาที** - **การประเมินความเสี่ยงระยะยาว** - นักวิทยาศาสตร์สามารถระบุ **พื้นที่เสี่ยงสูง** จากประวัติแผ่นดินไหวและรอยเลื่อนมีพลัง เช่น แถบวงแหวนไฟแปซิฟิก (Ring of Fire) ### **ข้อสรุป** - **ยังไม่มีการพยากรณ์แผ่นดินไหวที่แม่นยำ** ในแง่ของการบอกเวลาและขนาดได้ล่วงหน้า - **ระบบเตือนภัยแผ่นดินไหว (Early Warning)** สามารถช่วยลดความเสียหายได้บ้าง แต่ให้เวลาเตรียมตัวน้อยมาก - วิธีที่ดีที่สุดคือ **เตรียมความพร้อม** เช่น รู้จุดปลอดภัยในบ้าน มีชุดฉุกเฉิน และฝึกซ้อม应对แผ่นดินไหว หากมีข่าวเกี่ยวกับการทำนายแผ่นดินไหวที่อ้างว่าแม่นยำ ควรตรวจสอบแหล่งที่มาให้ดี เพราะปัจจุบันยังไม่มีเทคโนโลยีที่สามารถทำได้อย่างแน่นอน!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📌 ปภ. แนะข้อปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยกรณีเกิดแผ่นดินไหว
    วันนี้ (28 มี.ค.68 เวลา 14.25 น.) นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขอแนะนำวิธีการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้น โดยให้ประชาชนยึดหลัก “หมอบ – ป้อง – เกาะ” โดยการหมอบลงใต้โต๊ะหรือจุดที่มีโครงสร้างมั่นคงแข็งแรงให้พ้นจากแนวที่สิ่งของอาจหล่นใส่ และป้องกันของตกกระแทกด้วยการหมอบราบกับพื้นหรือก้มต่ำโดยแขนหรือมือกำบังศีรษะ รวมถึงเกาะโต๊ะหรือที่กำบังให้แน่น และเร่งอพยพออกจากอาคารสูงทันที และเมื่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวสิ้นสุด ขอให้ตรวจเช็กความปลอดภัยของคนรอบข้าง และอย่าเพิ่งรีบกลับเข้าไปในอาคารทันที ให้ตรวจสอบโครงสร้างอาคารและสภาพความมั่นคงปลอดภัยของสิ่งปลูกสร้างโดยรอบ หรือรอฟังคำสั่งจากทางราชการ เมื่อมั่นใจว่าปลอดภัยแล้วจึงค่อยเข้าไปในอาคารและตรวจสอบความเสียหายต่อไป
    โดยในกรณีแผ่นดินไหวในครั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ประสานให้จังหวัดที่มีรายงานรับรู้แรงสั่นสะเทือน ติดตามสถานการณ์และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เพื่อลดความตื่นตระหนก ประชาสัมพันธ์แนวทางการปฏิบัติตนให้ปลอดภัยและการให้ความช่วยเหลือของทางราชการ ตลอดจนเร่งสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือประชาชนตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป
    ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และหากได้รับความเดือดร้อนจากเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป
    📌 ปภ. แนะข้อปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยกรณีเกิดแผ่นดินไหว วันนี้ (28 มี.ค.68 เวลา 14.25 น.) นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขอแนะนำวิธีการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้น โดยให้ประชาชนยึดหลัก “หมอบ – ป้อง – เกาะ” โดยการหมอบลงใต้โต๊ะหรือจุดที่มีโครงสร้างมั่นคงแข็งแรงให้พ้นจากแนวที่สิ่งของอาจหล่นใส่ และป้องกันของตกกระแทกด้วยการหมอบราบกับพื้นหรือก้มต่ำโดยแขนหรือมือกำบังศีรษะ รวมถึงเกาะโต๊ะหรือที่กำบังให้แน่น และเร่งอพยพออกจากอาคารสูงทันที และเมื่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวสิ้นสุด ขอให้ตรวจเช็กความปลอดภัยของคนรอบข้าง และอย่าเพิ่งรีบกลับเข้าไปในอาคารทันที ให้ตรวจสอบโครงสร้างอาคารและสภาพความมั่นคงปลอดภัยของสิ่งปลูกสร้างโดยรอบ หรือรอฟังคำสั่งจากทางราชการ เมื่อมั่นใจว่าปลอดภัยแล้วจึงค่อยเข้าไปในอาคารและตรวจสอบความเสียหายต่อไป โดยในกรณีแผ่นดินไหวในครั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ประสานให้จังหวัดที่มีรายงานรับรู้แรงสั่นสะเทือน ติดตามสถานการณ์และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เพื่อลดความตื่นตระหนก ประชาสัมพันธ์แนวทางการปฏิบัติตนให้ปลอดภัยและการให้ความช่วยเหลือของทางราชการ ตลอดจนเร่งสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือประชาชนตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และหากได้รับความเดือดร้อนจากเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📚 หนังสือ"หยุดคิดมาก: เทคนิคการจัดการความคิดเพื่อลดความวิตกกังวล" จะเปิดเผยเคล็ดลับหยุดคิดมาก! 📚
    รู้สึกไหมว่า... ความคิดที่ไม่หยุดยั้งกำลังครอบงำจิตใจคุณ? 🤯 ความวิตกกังวลที่แฝงตัวอยู่ในทุกการตัดสินใจและการกระทำ ทำให้ชีวิตประจำวันรู้สึกหนักหน่วงและเต็มไปด้วยความเครียด?
    ถ้าคำตอบคือ "ใช่!" หนังสือ "หยุดคิดมาก: เทคนิคการจัดการความคิดเพื่อลดความวิตกกังวล" คือคำตอบที่คุณกำลังมองหา! ✨

    ในหนังสือเล่มนี้ คุณจะได้พบกับเทคนิคและวิธีการที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ช่วยให้คุณหยุดคิดมาก ลดความวิตกกังวล และสร้างชีวิตที่สงบและมีคุณภาพมากขึ้น! 💡

    🧘‍♂️ เทคนิคการฝึกสติ
    🧘‍♀️ การหายใจเพื่อผ่อนคลาย
    📓 การเขียนบันทึกเพื่อระบายความคิด
    ❓ การตั้งคำถามเพื่อหยุดความคิดที่ไม่จำเป็น
    เริ่มต้นก้าวแรกในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณวันนี้!

    🔥 ลดราคา จาก 289 บาท เหลือ 199 บาท
    ก่อนวันที่ 30 เมษายน 2568 นี้เท่านั้น!
    📌 รับไฟล์ PDF อ่านได้ทันทีหลังโอนเงิน ไม่ต้องรอนานครับ!

    🔗 สั่งซื้อหนังสือวันนี้ที่ Line ID: nithit_hacot

    และค้นพบเทคนิคที่สามารถช่วยให้คุณรับมือกับความคิดและความเครียดในทุกสถานการณ์!
    #หยุดคิดมาก #ลดความวิตกกังวล #ชีวิตสงบ #หนังสือจิตวิทยา #พัฒนาตนเอง #ทักษะการคิด #ทักษะการตั้งคำถาม
    📚 หนังสือ"หยุดคิดมาก: เทคนิคการจัดการความคิดเพื่อลดความวิตกกังวล" จะเปิดเผยเคล็ดลับหยุดคิดมาก! 📚 รู้สึกไหมว่า... ความคิดที่ไม่หยุดยั้งกำลังครอบงำจิตใจคุณ? 🤯 ความวิตกกังวลที่แฝงตัวอยู่ในทุกการตัดสินใจและการกระทำ ทำให้ชีวิตประจำวันรู้สึกหนักหน่วงและเต็มไปด้วยความเครียด? ถ้าคำตอบคือ "ใช่!" หนังสือ "หยุดคิดมาก: เทคนิคการจัดการความคิดเพื่อลดความวิตกกังวล" คือคำตอบที่คุณกำลังมองหา! ✨ ในหนังสือเล่มนี้ คุณจะได้พบกับเทคนิคและวิธีการที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ช่วยให้คุณหยุดคิดมาก ลดความวิตกกังวล และสร้างชีวิตที่สงบและมีคุณภาพมากขึ้น! 💡 🧘‍♂️ เทคนิคการฝึกสติ 🧘‍♀️ การหายใจเพื่อผ่อนคลาย 📓 การเขียนบันทึกเพื่อระบายความคิด ❓ การตั้งคำถามเพื่อหยุดความคิดที่ไม่จำเป็น เริ่มต้นก้าวแรกในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณวันนี้! 🔥 ลดราคา จาก 289 บาท เหลือ 199 บาท ก่อนวันที่ 30 เมษายน 2568 นี้เท่านั้น! 📌 รับไฟล์ PDF อ่านได้ทันทีหลังโอนเงิน ไม่ต้องรอนานครับ! 🔗 สั่งซื้อหนังสือวันนี้ที่ Line ID: nithit_hacot และค้นพบเทคนิคที่สามารถช่วยให้คุณรับมือกับความคิดและความเครียดในทุกสถานการณ์! #หยุดคิดมาก #ลดความวิตกกังวล #ชีวิตสงบ #หนังสือจิตวิทยา #พัฒนาตนเอง #ทักษะการคิด #ทักษะการตั้งคำถาม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • **คุยเรื่องสีแดงจาก <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ>**

    สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันเกี่ยวกับบทกวีและสีแดงหลากเฉดที่ถูกนำมาใช้ในเรื่อง <ต้นตํานานอาภรณ์จักรพรรดิ> ซึ่งเดินเรื่องราวด้วยสูตรสีย้อมผ้าไหมสูจิ่นสีแดงของพ่อนางเอกที่ในเรื่องเรียกว่า ‘สู่หง’ ซึ่งถูกยกย่องขึ้นเป็นสุดยอดของสีแดงตามจินตนาการของผู้แต่งนิยายต้นฉบับ

    เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่องนี้จะจำได้ว่าก่อนที่นางเอกจะค้นคว้าสูตรลับนี้ของพ่อขึ้นมาอีกได้สำเร็จ นางเอกได้พัฒนาสีแดงขึ้นสามสีโดยอธิบายว่า ‘สู่หง’ แท้จริงแล้วหมายถึงสีแดงจากพื้นที่สู่ (สองสัปดาห์ก่อนเรากล่าวถึงดินแดนแคว้นสู่ไปแล้วลองย้อนอ่านดูได้) และนางได้จัดงานแฟชั่นโชว์ขึ้นเพื่อแสดงชุดที่ทอจากไหมสามสีใหม่นี้ โดยนางและพี่ชายได้บรรยายถึงสีเหล่านี้ด้วยการกล่าวอิงกับบทกวี วันนี้เรามาคุยถึงเกร็ดวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่แฝงอยู่ในนี้กัน

    เริ่มจากชุดแรกที่นางเอกกล่าวว่าสีแดงนี้ได้อารมณ์อิสระและความมีชีวิตชีวาจากบทกวีของกวีผู้ที่นางเรียกว่า ‘บัณฑิตจากชิงเหลียน’

    ในเรื่องไม่ได้กล่าวไว้ว่าเขาผู้นี้คือใครและคำแปลซับไทยอาจทำให้เข้าใจเป็นอื่น แต่จริงๆ แล้ว ‘บัณฑิตจากชิงเหลียน’ (青莲居士 / ชิงเหลียนจวีซื่อ) เป็นฉายาของกวีเอกสมัยถังหลี่ไป๋ และเป็นฉายาที่เราชาวไทยไม่คุ้นหู ซึ่งสาเหตุที่หลี่ไป๋ถูกเรียกขานเช่นนี้เป็นเพราะว่าบ้านเกิดของเขาคือหมู่บ้านชิงเหลียน (ปัจจุบันคือตำบลชิงเหลียน อำเภอจิ่นหยาง มณฑลเสฉวน) และกลอนบทที่พูดถึงในตอนนี้มีชื่อว่า ‘ซานจงอวี่โยวเหรินตุ้ยจั๋ว’ (山中与幽人对酌 แปลได้ว่าร่ำสุรากลางเขาคู่กับสหายผู้ปลีกวิเวก) ในบทกวีไม่ได้กล่าวถึงสีแดง แต่บรรยายถึงความสนุกสุขสันต์ที่ได้ร่ำสุรากับผู้รู้ใจท่ามกลางวิวดอกไม้บานเต็มเขา

    ต่อมาชุดที่สองนี้มีหลากเฉดสีเช่นแดง ชมพูและส้มเหลือง โดยบอกว่าได้แรงบันดาลใจมาจากบทกวีของ ‘เลขาธิการหญิง’ (女校书 / หนี่ว์เจี้ยวซู) ซึ่งในเรื่องไม่ได้กล่าวไว้ว่าคือใคร

    กวีที่ถูกกล่าวถึงนี้คือเซวียเทา (薛涛) ผู้ที่ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสี่กวีเอกสตรีแห่งราชวงศ์ถัง มีผลงานกว่าห้าร้อยชิ้น มีบทกลอนที่ยังคงสืบทอดมาจวบจนปัจจุบันกว่าเก้าสิบบท เกิดที่ฉางอันแต่ติดตามบิดาผู้เป็นขุนนางมารับราชการที่เมืองเฉิงตู นางได้รับการศึกษาอย่างดีและเป็นคนมีพรสวรรค์ด้านดนตรีและบทกวี แต่งกลอนยาวได้ตั้งแต่อายุเพียงแปดปี เชี่ยวชาญด้านการออกเสียงและดนตรี

    เมื่อเซวียเทาอายุได้สิบสี่ปี บิดาของนางป่วยตายในระหว่างไปปฏิบัติหน้าที่ต่างเมือง นางและมารดาพยายามหาเลี้ยงชีพอย่างยากลำบาก ในที่สุดนางตัดสินใจเข้าเป็นนางคณิกาหลวงประเภทขับร้อง (ในสมัยนั้นเรียกว่า ‘เกอจี้’) เพื่อจะได้มีเงินเดือนหลวงยังชีพ โดยรับหน้าที่ขับร้องในงานเลี้ยงของทางการต่างๆ มีโอกาสได้แต่งบทกวีในงานเลี้ยงต่อหน้าขุนนางชั้นผู้ใหญ่จนเป็นที่โด่งดัง ต่อมาได้รับการเคารพยกย่องจากผู้คนมากมายด้วยความปราดเปรื่องด้านงานกวี และได้รู้จักสนิทสนมกับเหวยเกาเริ่น เจี๋ยตู้สื่อผู้ปกครองเขตพื้นที่นั้น

    เจี๋ยตู้สื่อเหวยเกาเริ่นชื่นชมผลงานและความสามารถของเซวียเทาถึงขนาดยื่นฎีกาต่อฮ่องเต้เพื่อขอให้แต่งตั้งนางเป็น ‘เจี้ยวซูหลาง’ (校书郎) ซึ่งเป็นตำแหน่งเลขาธิการผู้ดูแลงานด้านพิสูจน์อักษรของเอกสารทางการและบันทึกโบราณ จัดเป็นตำแหน่งขุนนางขั้นที่เก้า แต่ไม่เคยมีสตรีดำรงตำแหน่งนี้มาก่อนจึงมีข้อจำกัดมากมาย สุดท้ายนางก็ไม่ได้รับการอนุมัติให้ดำรงตำแหน่งนี้ แต่อย่างไรก็ดีเรื่องที่นางได้รับการเสนอชื่อไม่ใช่ความลับ ชาวเมืองเฉิงตูจึงเรียกนางอย่างยกย่องว่า ‘เลขาธิการหญิง’ นั่นเอง

    บทกวีของเซวียเทาที่ถูกยกมากล่าวในซีรีส์นี้บรรยายถึงสีสันสวยงามบนแดนสวรรค์ที่แต่งแต้มจนดอกไม้ดารดาษมีสีสันสวยงาม แต่ที่ Storyฯ คิดว่าน่าสนใจยิ่งกว่าบทกวีนี้คือสีแดงที่เกี่ยวข้องกับเซวียเทา ว่ากันว่านางชื่นชอบสีแดงมาก มักแต่งกายด้วยสีแดง และได้คิดค้นกระดาษสีแดงขึ้นไว้สำหรับเขียนบทกลอนของตัวเอง บทกลอนบนกระดาษแดงสีพิเศษที่เขียนและลงนามโดยเซวียเทาถือว่าเป็นของที่มีค่าอันทรงเกียรติมากในสมัยนั้น โดยมีบางแผ่นมีลายวาดดอกไม้ที่บางคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นฝีมือการวาดของเซวียเทาเอง ต่อมากระดาษดังกล่าวเป็นที่นิยมแพร่หลายสำหรับชนชั้นมีการศึกษาในสมัยนั้นและกลายมาเป็นสินค้าที่นางผลิตขายยังชีพได้ในที่สุด เป็นที่จดจำในประวัติศาสตร์จีนว่ากระดาษเซวียเทา (薛涛笺 / เซวียเทาเจียน โดย ‘เจียน’ เป็นคำเรียกทั่วไปของกระดาษเขียนหนังสือ)

    Storyฯ เคยเขียนถึงวิธีการทำกระดาษจีนโบราณในบทความอื่น (ดูลิ้งค์ได้ที่ท้ายเรื่อง) ซึ่งมีกรรมวิธีการทำคล้ายกระดาษสา และกวีโบราณหลายท่านจะทำกระดาษของตัวเองไว้ใช้จนเกิดเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว เซวียเทาก็เช่นกัน หลังจากที่นางถอนตนออกจากการเป็นนางคณิกาหลวงแล้วก็พำนักอยู่ในบริเวณห่วนฮวาซีที่เมืองเฉิงตูนี้ (คือสถานที่ล้างไหมของนางเอกในซีรีส์ที่ Storyฯ เขียนถึงเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว) ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้ยังเป็นแหล่งผลิตกระดาษชื่อดังในสมัยราชวงศ์ถังอีกด้วย ว่ากันว่าเป็นเพราะคุณสมบัติของแหล่งน้ำแถวนี้เหมาะสมต่อการผสมเยื่อกระดาษ และกระดาษเซวียเทาถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่ากระดาษห่วนฮวา (浣花笺 / ห่วนฮวาเจียน)

    เซวียเทาใช้น้ำจากลำธารห่วนฮวาซี เยื่อไม้จากเปลือกต้นพุดตาน และสีที่คั้นจากกลีบดอกพุดตานทำกระดาษเซวียเทานี้ จากงานเขียนของท่านอื่นในสมัยนั้นมีการกล่าวว่าจริงๆ แล้วเนื้อกระดาษเซวียเทาไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่มันมีความโดดเด่นด้วยสีของกระดาษที่สวยงามไม่มีใครเทียม และบางครั้งยังมีเศษดอกไม้อัดติดมาในกระดาษด้วย แต่สีของกระดาษที่แท้จริงแล้วนั้นเป็นสีอะไรยังคงเป็นที่ถกเถียงกันจวบจนปัจจุบัน บ้างว่าเป็นสีชมพูแดงของดอกท้อซึ่งเป็นสีโปรดของนาง บ้างอ้างอิงจากกระดาษจริงของผลงานบทกวีของเซวียเทาที่มีคนสะสมไว้ พบว่ามีร่วมสิบเฉดสีไล่ไปตั้งแต่ชมพูแดง ม่วง ชมพูอมส้ม ส้มเขียว ส้มเหลือง จนถึงเหลืองนวล

    เซวียเทาเป็นหนึ่งบุคคลสำคัญที่เป็นความภาคภูมิใจของเมืองเฉิงตู มีรูปปั้นของนางตั้งอยู่ที่สวนวั่งเจียงโหลว เพื่อนเพจที่ไปเที่ยวเมืองเฉิงตูลองสังเกตดูนะคะ เผื่อว่าจะเห็นร่องรอยเกี่ยวกับเซวียเทาบ้าง

    ส่วนชุดที่สามในซีรีส์ นางเอกบอกไว้ว่าเป็นชุดที่ได้แรงบันดาลใจมาจากบทกวี ‘อวี๋เหม่ยเหริน’ (虞美人 / โฉมงามอวี๋) แต่ในซีรีส์ยังไม่ทันได้ท่องบทกวีนี้ก็เกิดเหตุการณ์อื่นขึ้นเสียก่อน

    บทกวี ‘อวี๋เหม่ยเหริน’ นี้มีวลีเด็ดที่หลายท่านอาจร้อง “อ๋อ” คือวลี ‘บุปผาวสันต์จันทราสารทฤดู’ Storyฯ เคยเขียนถึงบทกวีนี้เมื่อนานมาแล้วแต่ถูกลบไป เข้าใจว่าเป็นเพราะมันมีลิ้งค์ต้องห้าม เดี๋ยว Storyฯ จะแก้ไขและลงให้อ่านใหม่ในสัปดาห์หน้า ส่วนสีแดงที่เกี่ยวข้องก็คือสีแดงดอกป๊อปปี้ เพราะอวี๋เหม่ยเหรินคือชื่อเรียกของดอกป๊อปปี้ในภาษาจีนค่ะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    ลิ้งค์บทความเกี่ยวกับกระดาษไป๋ลู่จากเรื่อง <เล่ห์รักวังคุนหนิง> https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/953057363489223

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://news.agentm.tw/310261/
    https://news.qq.com/rain/a/20200731A0U80V00
    https://www.yeeyi.com/news/details/629504/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/李白/1043
    https://baike.baidu.com/item/薛涛/2719
    http://scdfz.sc.gov.cn/scyx/scrw/sclsmr/depsclsmr/xt/content_40259
    https://baike.baidu.com/item/薛涛笺/5523904
    https://www.sohu.com/a/538839040_355475
    http://scdfz.sc.gov.cn/whzh/slzc1/content_105211#

    #ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ #เฉิงตู #สีแดงหงสู่ #บัณฑิตชิงเหลียน #เลขาธิการหญิง #โฉมงามอวี๋ #เซวียเทา #กระดาษจีนโบราณ #สาระจีน
    **คุยเรื่องสีแดงจาก <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ>** สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันเกี่ยวกับบทกวีและสีแดงหลากเฉดที่ถูกนำมาใช้ในเรื่อง <ต้นตํานานอาภรณ์จักรพรรดิ> ซึ่งเดินเรื่องราวด้วยสูตรสีย้อมผ้าไหมสูจิ่นสีแดงของพ่อนางเอกที่ในเรื่องเรียกว่า ‘สู่หง’ ซึ่งถูกยกย่องขึ้นเป็นสุดยอดของสีแดงตามจินตนาการของผู้แต่งนิยายต้นฉบับ เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่องนี้จะจำได้ว่าก่อนที่นางเอกจะค้นคว้าสูตรลับนี้ของพ่อขึ้นมาอีกได้สำเร็จ นางเอกได้พัฒนาสีแดงขึ้นสามสีโดยอธิบายว่า ‘สู่หง’ แท้จริงแล้วหมายถึงสีแดงจากพื้นที่สู่ (สองสัปดาห์ก่อนเรากล่าวถึงดินแดนแคว้นสู่ไปแล้วลองย้อนอ่านดูได้) และนางได้จัดงานแฟชั่นโชว์ขึ้นเพื่อแสดงชุดที่ทอจากไหมสามสีใหม่นี้ โดยนางและพี่ชายได้บรรยายถึงสีเหล่านี้ด้วยการกล่าวอิงกับบทกวี วันนี้เรามาคุยถึงเกร็ดวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่แฝงอยู่ในนี้กัน เริ่มจากชุดแรกที่นางเอกกล่าวว่าสีแดงนี้ได้อารมณ์อิสระและความมีชีวิตชีวาจากบทกวีของกวีผู้ที่นางเรียกว่า ‘บัณฑิตจากชิงเหลียน’ ในเรื่องไม่ได้กล่าวไว้ว่าเขาผู้นี้คือใครและคำแปลซับไทยอาจทำให้เข้าใจเป็นอื่น แต่จริงๆ แล้ว ‘บัณฑิตจากชิงเหลียน’ (青莲居士 / ชิงเหลียนจวีซื่อ) เป็นฉายาของกวีเอกสมัยถังหลี่ไป๋ และเป็นฉายาที่เราชาวไทยไม่คุ้นหู ซึ่งสาเหตุที่หลี่ไป๋ถูกเรียกขานเช่นนี้เป็นเพราะว่าบ้านเกิดของเขาคือหมู่บ้านชิงเหลียน (ปัจจุบันคือตำบลชิงเหลียน อำเภอจิ่นหยาง มณฑลเสฉวน) และกลอนบทที่พูดถึงในตอนนี้มีชื่อว่า ‘ซานจงอวี่โยวเหรินตุ้ยจั๋ว’ (山中与幽人对酌 แปลได้ว่าร่ำสุรากลางเขาคู่กับสหายผู้ปลีกวิเวก) ในบทกวีไม่ได้กล่าวถึงสีแดง แต่บรรยายถึงความสนุกสุขสันต์ที่ได้ร่ำสุรากับผู้รู้ใจท่ามกลางวิวดอกไม้บานเต็มเขา ต่อมาชุดที่สองนี้มีหลากเฉดสีเช่นแดง ชมพูและส้มเหลือง โดยบอกว่าได้แรงบันดาลใจมาจากบทกวีของ ‘เลขาธิการหญิง’ (女校书 / หนี่ว์เจี้ยวซู) ซึ่งในเรื่องไม่ได้กล่าวไว้ว่าคือใคร กวีที่ถูกกล่าวถึงนี้คือเซวียเทา (薛涛) ผู้ที่ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสี่กวีเอกสตรีแห่งราชวงศ์ถัง มีผลงานกว่าห้าร้อยชิ้น มีบทกลอนที่ยังคงสืบทอดมาจวบจนปัจจุบันกว่าเก้าสิบบท เกิดที่ฉางอันแต่ติดตามบิดาผู้เป็นขุนนางมารับราชการที่เมืองเฉิงตู นางได้รับการศึกษาอย่างดีและเป็นคนมีพรสวรรค์ด้านดนตรีและบทกวี แต่งกลอนยาวได้ตั้งแต่อายุเพียงแปดปี เชี่ยวชาญด้านการออกเสียงและดนตรี เมื่อเซวียเทาอายุได้สิบสี่ปี บิดาของนางป่วยตายในระหว่างไปปฏิบัติหน้าที่ต่างเมือง นางและมารดาพยายามหาเลี้ยงชีพอย่างยากลำบาก ในที่สุดนางตัดสินใจเข้าเป็นนางคณิกาหลวงประเภทขับร้อง (ในสมัยนั้นเรียกว่า ‘เกอจี้’) เพื่อจะได้มีเงินเดือนหลวงยังชีพ โดยรับหน้าที่ขับร้องในงานเลี้ยงของทางการต่างๆ มีโอกาสได้แต่งบทกวีในงานเลี้ยงต่อหน้าขุนนางชั้นผู้ใหญ่จนเป็นที่โด่งดัง ต่อมาได้รับการเคารพยกย่องจากผู้คนมากมายด้วยความปราดเปรื่องด้านงานกวี และได้รู้จักสนิทสนมกับเหวยเกาเริ่น เจี๋ยตู้สื่อผู้ปกครองเขตพื้นที่นั้น เจี๋ยตู้สื่อเหวยเกาเริ่นชื่นชมผลงานและความสามารถของเซวียเทาถึงขนาดยื่นฎีกาต่อฮ่องเต้เพื่อขอให้แต่งตั้งนางเป็น ‘เจี้ยวซูหลาง’ (校书郎) ซึ่งเป็นตำแหน่งเลขาธิการผู้ดูแลงานด้านพิสูจน์อักษรของเอกสารทางการและบันทึกโบราณ จัดเป็นตำแหน่งขุนนางขั้นที่เก้า แต่ไม่เคยมีสตรีดำรงตำแหน่งนี้มาก่อนจึงมีข้อจำกัดมากมาย สุดท้ายนางก็ไม่ได้รับการอนุมัติให้ดำรงตำแหน่งนี้ แต่อย่างไรก็ดีเรื่องที่นางได้รับการเสนอชื่อไม่ใช่ความลับ ชาวเมืองเฉิงตูจึงเรียกนางอย่างยกย่องว่า ‘เลขาธิการหญิง’ นั่นเอง บทกวีของเซวียเทาที่ถูกยกมากล่าวในซีรีส์นี้บรรยายถึงสีสันสวยงามบนแดนสวรรค์ที่แต่งแต้มจนดอกไม้ดารดาษมีสีสันสวยงาม แต่ที่ Storyฯ คิดว่าน่าสนใจยิ่งกว่าบทกวีนี้คือสีแดงที่เกี่ยวข้องกับเซวียเทา ว่ากันว่านางชื่นชอบสีแดงมาก มักแต่งกายด้วยสีแดง และได้คิดค้นกระดาษสีแดงขึ้นไว้สำหรับเขียนบทกลอนของตัวเอง บทกลอนบนกระดาษแดงสีพิเศษที่เขียนและลงนามโดยเซวียเทาถือว่าเป็นของที่มีค่าอันทรงเกียรติมากในสมัยนั้น โดยมีบางแผ่นมีลายวาดดอกไม้ที่บางคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นฝีมือการวาดของเซวียเทาเอง ต่อมากระดาษดังกล่าวเป็นที่นิยมแพร่หลายสำหรับชนชั้นมีการศึกษาในสมัยนั้นและกลายมาเป็นสินค้าที่นางผลิตขายยังชีพได้ในที่สุด เป็นที่จดจำในประวัติศาสตร์จีนว่ากระดาษเซวียเทา (薛涛笺 / เซวียเทาเจียน โดย ‘เจียน’ เป็นคำเรียกทั่วไปของกระดาษเขียนหนังสือ) Storyฯ เคยเขียนถึงวิธีการทำกระดาษจีนโบราณในบทความอื่น (ดูลิ้งค์ได้ที่ท้ายเรื่อง) ซึ่งมีกรรมวิธีการทำคล้ายกระดาษสา และกวีโบราณหลายท่านจะทำกระดาษของตัวเองไว้ใช้จนเกิดเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว เซวียเทาก็เช่นกัน หลังจากที่นางถอนตนออกจากการเป็นนางคณิกาหลวงแล้วก็พำนักอยู่ในบริเวณห่วนฮวาซีที่เมืองเฉิงตูนี้ (คือสถานที่ล้างไหมของนางเอกในซีรีส์ที่ Storyฯ เขียนถึงเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว) ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้ยังเป็นแหล่งผลิตกระดาษชื่อดังในสมัยราชวงศ์ถังอีกด้วย ว่ากันว่าเป็นเพราะคุณสมบัติของแหล่งน้ำแถวนี้เหมาะสมต่อการผสมเยื่อกระดาษ และกระดาษเซวียเทาถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่ากระดาษห่วนฮวา (浣花笺 / ห่วนฮวาเจียน) เซวียเทาใช้น้ำจากลำธารห่วนฮวาซี เยื่อไม้จากเปลือกต้นพุดตาน และสีที่คั้นจากกลีบดอกพุดตานทำกระดาษเซวียเทานี้ จากงานเขียนของท่านอื่นในสมัยนั้นมีการกล่าวว่าจริงๆ แล้วเนื้อกระดาษเซวียเทาไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่มันมีความโดดเด่นด้วยสีของกระดาษที่สวยงามไม่มีใครเทียม และบางครั้งยังมีเศษดอกไม้อัดติดมาในกระดาษด้วย แต่สีของกระดาษที่แท้จริงแล้วนั้นเป็นสีอะไรยังคงเป็นที่ถกเถียงกันจวบจนปัจจุบัน บ้างว่าเป็นสีชมพูแดงของดอกท้อซึ่งเป็นสีโปรดของนาง บ้างอ้างอิงจากกระดาษจริงของผลงานบทกวีของเซวียเทาที่มีคนสะสมไว้ พบว่ามีร่วมสิบเฉดสีไล่ไปตั้งแต่ชมพูแดง ม่วง ชมพูอมส้ม ส้มเขียว ส้มเหลือง จนถึงเหลืองนวล เซวียเทาเป็นหนึ่งบุคคลสำคัญที่เป็นความภาคภูมิใจของเมืองเฉิงตู มีรูปปั้นของนางตั้งอยู่ที่สวนวั่งเจียงโหลว เพื่อนเพจที่ไปเที่ยวเมืองเฉิงตูลองสังเกตดูนะคะ เผื่อว่าจะเห็นร่องรอยเกี่ยวกับเซวียเทาบ้าง ส่วนชุดที่สามในซีรีส์ นางเอกบอกไว้ว่าเป็นชุดที่ได้แรงบันดาลใจมาจากบทกวี ‘อวี๋เหม่ยเหริน’ (虞美人 / โฉมงามอวี๋) แต่ในซีรีส์ยังไม่ทันได้ท่องบทกวีนี้ก็เกิดเหตุการณ์อื่นขึ้นเสียก่อน บทกวี ‘อวี๋เหม่ยเหริน’ นี้มีวลีเด็ดที่หลายท่านอาจร้อง “อ๋อ” คือวลี ‘บุปผาวสันต์จันทราสารทฤดู’ Storyฯ เคยเขียนถึงบทกวีนี้เมื่อนานมาแล้วแต่ถูกลบไป เข้าใจว่าเป็นเพราะมันมีลิ้งค์ต้องห้าม เดี๋ยว Storyฯ จะแก้ไขและลงให้อ่านใหม่ในสัปดาห์หน้า ส่วนสีแดงที่เกี่ยวข้องก็คือสีแดงดอกป๊อปปี้ เพราะอวี๋เหม่ยเหรินคือชื่อเรียกของดอกป๊อปปี้ในภาษาจีนค่ะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) ลิ้งค์บทความเกี่ยวกับกระดาษไป๋ลู่จากเรื่อง <เล่ห์รักวังคุนหนิง> https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/953057363489223 Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://news.agentm.tw/310261/ https://news.qq.com/rain/a/20200731A0U80V00 https://www.yeeyi.com/news/details/629504/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/李白/1043 https://baike.baidu.com/item/薛涛/2719 http://scdfz.sc.gov.cn/scyx/scrw/sclsmr/depsclsmr/xt/content_40259 https://baike.baidu.com/item/薛涛笺/5523904 https://www.sohu.com/a/538839040_355475 http://scdfz.sc.gov.cn/whzh/slzc1/content_105211# #ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ #เฉิงตู #สีแดงหงสู่ #บัณฑิตชิงเหลียน #เลขาธิการหญิง #โฉมงามอวี๋ #เซวียเทา #กระดาษจีนโบราณ #สาระจีน
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • The Wall Street Journal รายงานว่า เครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 ของสหรัฐฯ ล้มเหลวในการทำลายฐานยิงขีปนาวุธใต้ดินของกลุ่มฮูตี (ในเยเมน) ด้วยระเบิด Bunker Buster

    จากการรายงานของสื่อระบุว่า มีเพียงทางเข้าเท่านั้นที่ถูกทำลาย และชาวเยเมนได้สร้างทางเข้าใหม่แล้ว

    เรื่องนี้ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความสามารถของสหรัฐฯ ในการทำลายฐานยิงขีปนาวุธของอิหร่าน ซึ่งอยู่ลึกและกว้างขวางกว่ามาก

    ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สหรัฐรายหนึ่งระบุว่า เครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 ที่ส่งไปยังฐานทัพดิเอโก การ์เซีย เกี่ยวข้องโดยตรงกับการยื่นคำขาดของทรัมป์ในระยะเวลา 2 เดือน เพื่อให้อิหร่านตัดสินใจเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์อีกด้วย

    "ภาพวิดีโอและรูปภาพ เป็นเพียงข้อมูลประกอบการรายงานเนื้อหา"
    The Wall Street Journal รายงานว่า เครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 ของสหรัฐฯ ล้มเหลวในการทำลายฐานยิงขีปนาวุธใต้ดินของกลุ่มฮูตี (ในเยเมน) ด้วยระเบิด Bunker Buster จากการรายงานของสื่อระบุว่า มีเพียงทางเข้าเท่านั้นที่ถูกทำลาย และชาวเยเมนได้สร้างทางเข้าใหม่แล้ว เรื่องนี้ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความสามารถของสหรัฐฯ ในการทำลายฐานยิงขีปนาวุธของอิหร่าน ซึ่งอยู่ลึกและกว้างขวางกว่ามาก ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สหรัฐรายหนึ่งระบุว่า เครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 ที่ส่งไปยังฐานทัพดิเอโก การ์เซีย เกี่ยวข้องโดยตรงกับการยื่นคำขาดของทรัมป์ในระยะเวลา 2 เดือน เพื่อให้อิหร่านตัดสินใจเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์อีกด้วย "ภาพวิดีโอและรูปภาพ เป็นเพียงข้อมูลประกอบการรายงานเนื้อหา"
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • 27 มีนาคม 2568 - รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง “นายกสืบสันดาน นิติกรรมอำพราง หลบภาษี?” โดยมีเนื้อหาดังนี้

    ตามที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายกรัฐมนตรีนางสาวแพทองธาร ได้รับการโอนหุ้นจากแม่ พี่ชาย พี่สาว ลุง และป้า จำนวนรวมกันประมาณ 4,434 ล้านบาท ในปีพ.ศ. 2559 โดยได้ทำหนังสือสัญญาใช้เงิน (PN) ที่ไม่มีดอกเบี้ยและไม่กำหนดวันครบชำระเงิน เพื่อให้เป็นหลักฐานเสมือนการซื้อหุ้นโดยยังไม่จ่ายเงิน (เป็นหนี้ที่ไม่มีดอกเบี้ย ไม่กำหนดวันชำระคืน)

    มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าทำไม นางสาวแพทองธาร ในปี 2559 ขณะที่อายุเพียงประมาณ 30 ปีจึงอยากซื้อหุ้นจำนวนมากจากบุคคลในครอบครัวและผู้เกี่ยวดอง
    โดยที่ตนไม่มีเงินที่จะจ่าย แต่ไปออกหนังสือสัญญาใช้เงินเป็นการกู้ยืมเงินที่จะจ่ายค่าหุ้นจำนวน 4,434 ล้านบาท

    เรื่องนี้ต้องเข้าใจ พฤติกรรมของคนในตระกูลชินวัตร รู้ที่มาที่ไปของหุ้น จึงพอจะวิเคราะห์และตั้งเป็นสมมุติฐานได้ว่า

    ในปี 2544 เมื่อนายทักษิณจะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ประสงค์จะไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินให้ครบถ้วนกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติในบางรายการ จึงได้โอนหุ้นจำนวนหนึ่งซุกไว้ในชื่อของ คนสวน คนรับใช้ คนขับรถ และคนเฝ้ายาม จนเกิดคดีซุกหุ้น ดังที่ปรากฎคดีกับนายทักษิณมาแล้ว

    เวลาต่อมา ได้โอนหุ้นจากชื่อของ “ลูกจ้าง”ในบ้านทั้งสามคน ไปให้กับ “ลูกจริง” ทั้ง 3คน แต่เนื่องจากลูกสาวคนเล็กคือแพทองธาร ขณะนั้นยังไม่บรรลุนิติภาวะยังไม่สามารถบริหารจัดการหุ้นในบริษัทต่างๆได้ จึงอาจจะโอนฝากไว้ที่ แม่ พี่ชาย พี่สาว ลุงและป้า

    ต่อมาในปี 2559 เมื่อแพทองธาร บรรลุนิติภาวะแล้ว ประสงค์ให้ญาติที่ถือหุ้นไว้โอนหุ้นมากลับมาให้ แต่ขณะนั้นมีการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรในต้นปี 2559 เพื่อให้สอดคล้องกับการเก็บภาษีมรดก ซึ่งระบุให้

    การให้สินทรัพย์ ในระหว่างพ่อ แม่ ลูก ถือเป็นรายได้ของผู้รับ หากมีมูลค่าเกิน 20ล้านบาทส่วนที่เกิน20ล้านจะต้องเสียภาษีเงินได้ 5%
    แต่ หากเป็นพี่ น้อง ลุง ป้า หากมีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาท ส่วนที่เกิน 10ล้าน บาท จะต้องเสียภาษีเงินได้ 5%

    วิธีการหลีกเลี่ยงหลบภาษี หรือบริหารภาษี ให้จ่ายน้อยหรือไม่ต้องจ่าย คือทำนิติกรรมอำพรางโดยให้ดูเสมือนเป็นการซื้อขาย

    ผู้รับโอนจึงออกตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งก็คือทำสัญญากู้ยืม แต่ที่น่าสังเกตคือไม่มีดอกเบี้ยและไม่มีการกำหนดวันชำระเงิน
    จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใด นางสาวแพทองธาร จึงออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (ที่ไม่กำหนดเวลาชำระเงินและไม่มีดอกเบี้ย) เพื่อให้ดูเป็นเรื่องการซื้อขายไม่ใช่การให้ จะได้ไม่ต้องจ่ายภาษีเงินได้ให้กับรัฐจำนวนมากกว่า 200 ล้านบาท หรือไม่

    น.ส.แพทองธาร ชี้แจงว่า การโอนหุ้นดังกล่าวเป็นการซื้อขายจริงไม่ได้มีพฤติกรรมอำพรางใดๆ ยอดหนี้ (ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน) ก็แสดงว่าชัดเจนในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. อยู่แล้ว
    “ เรื่องตั๋วพีเอ็นไม่ใช่เรื่องใหม่เป็นเรื่องที่ทำกันมาเป็นเรื่องปกติ.. การออกตั๋วสัญญาใช้เงินจะทำกับธุรกรรมที่ถูกกฎหมาย ดำเนินการเปิดเผย ฝ่ายผู้ซื้อผู้ขายรับภาระหนี้สินระหว่างกัน ไม่มีการกระทำนอกกฎหมายใดๆ เพราะการกระทำนอกกฎหมายที่ไหนออกหลักฐานเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ระบุที่มาของเงินไม่ได้ ก็ไม่สามารถทำได้..”

    คำอธิบายของนายกรัฐมนตรีที่ว่า ได้แสดงชัดเจนในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อป.ป.ช. แล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไร

    อีกทั้งคำอธิบายว่า ตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) เป็นเรื่องที่ทำกันเป็นปกติ (ใครใครเขาก็ทำกัน ) ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะขึ้นอยู่กับว่าเขาใช้ตั๋วสัญญาใช้เงินโดยสุจริตหรือไม่

    หลายสิ่งที่คนทั่วไปทำได้ แต่การเป็นนายกรัฐมนตรีทำไม่ได้เพราะจะต้องมีมาตรฐานของความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีมาตรฐานจริยธรรมสูงกว่าบุคคลทั่วไป ทั้งนี้เพราะจะต้องรับผิดชอบต่อสังคมและคนจำนวนมาก ใช่หรือไม่?

    ประชาชนส่วนหนึ่งตั้งคำถามว่าครอบครัวรักกันมาก ทำไมจึงใช้วิธีซื้อขายหุ้นระหว่างกันไปมา โดยเฉพาะในช่วงที่นางสาวแพทองธาร จะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้โอนหุ้นสนามกอล์ฟอัลไพน์ จำนวน 22,410,000 หุ้น ไปให้ผู้เป็นแม่ ด้วยวิธีการซื้อขายโดยออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) เพื่อให้เข้าหลักเกณฑ์การซื้อขายแทนการให้ เช่นเดียวกันใช่หรือไม่

    ถ้าจะพิจารณาจากอดีต คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคดี หมายเลขแดงที่ อม.1/2553 เรื่อง ขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน หรือคดียึดทรัพย์นายทักษิณ ชินวัตร 46,737 ล้านบาท เห็นว่า การออกตั๋วสัญญาใช้เงินชำระค่าหุ้นมีพิรุธ เป็นการอำพรางการโอนหุ้นชินคอร์ป เพราะสุดท้ายแล้ว หุ้นชินคอร์ป ที่นายทักษิณโอนให้กับบุคคลต่างๆ ดังกล่าวยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของนายทักษิณ

    ยิ่งไปกว่านั้นข้าราชการระดับสูงของกรมสรรพากรเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกสองปีโดยไม่รอลงอาญาในการปฎิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบตามมาตรา157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา กรณี ช่วยบุตรชายและบุตรสาว ของนายทักษิณ ชินวัตร หลบเลี่ยงภาษีกรณีหุ้นชินคอร์ปมาแล้ว

    หากกรมสรรพากรและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มองว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทำได้ ถูกต้องตามกฏหมายและเหมาะสมตามจริยธรรม ต่อไปการที่จะมีผู้โอนทรัพย์สินให้บุคคลในครอบครัว ก็ทำทีเป็นซื้อขายแล้วทำหนังสือสัญญาใช้เงิน ที่ไม่มีดอกเบี้ยและไม่ต้องระบุวันจ่ายเงิน (หนังสือสัญญาไม่ต้องจ่ายเงิน) ทำให้เกิดช่องโหว่ทางกฎหมายส่งผลให้ ภาษีมรดกที่กำหนดให้ผู้รับมรดกจะต้องจ่ายเป็นอันยกเลิกไปโดยปริยาย
    เท่ากับว่าฝ่ายบริหารโดยกรมสรรพากรได้ตีความให้กฎหมายที่ออกโดยฝ่ายนิติบัญญัติบังคับใช้ไม่ได้อีกต่อไป.
    27 มีนาคม 2568 - รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง “นายกสืบสันดาน นิติกรรมอำพราง หลบภาษี?” โดยมีเนื้อหาดังนี้ ตามที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายกรัฐมนตรีนางสาวแพทองธาร ได้รับการโอนหุ้นจากแม่ พี่ชาย พี่สาว ลุง และป้า จำนวนรวมกันประมาณ 4,434 ล้านบาท ในปีพ.ศ. 2559 โดยได้ทำหนังสือสัญญาใช้เงิน (PN) ที่ไม่มีดอกเบี้ยและไม่กำหนดวันครบชำระเงิน เพื่อให้เป็นหลักฐานเสมือนการซื้อหุ้นโดยยังไม่จ่ายเงิน (เป็นหนี้ที่ไม่มีดอกเบี้ย ไม่กำหนดวันชำระคืน) มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าทำไม นางสาวแพทองธาร ในปี 2559 ขณะที่อายุเพียงประมาณ 30 ปีจึงอยากซื้อหุ้นจำนวนมากจากบุคคลในครอบครัวและผู้เกี่ยวดอง โดยที่ตนไม่มีเงินที่จะจ่าย แต่ไปออกหนังสือสัญญาใช้เงินเป็นการกู้ยืมเงินที่จะจ่ายค่าหุ้นจำนวน 4,434 ล้านบาท เรื่องนี้ต้องเข้าใจ พฤติกรรมของคนในตระกูลชินวัตร รู้ที่มาที่ไปของหุ้น จึงพอจะวิเคราะห์และตั้งเป็นสมมุติฐานได้ว่า ในปี 2544 เมื่อนายทักษิณจะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ประสงค์จะไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินให้ครบถ้วนกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติในบางรายการ จึงได้โอนหุ้นจำนวนหนึ่งซุกไว้ในชื่อของ คนสวน คนรับใช้ คนขับรถ และคนเฝ้ายาม จนเกิดคดีซุกหุ้น ดังที่ปรากฎคดีกับนายทักษิณมาแล้ว เวลาต่อมา ได้โอนหุ้นจากชื่อของ “ลูกจ้าง”ในบ้านทั้งสามคน ไปให้กับ “ลูกจริง” ทั้ง 3คน แต่เนื่องจากลูกสาวคนเล็กคือแพทองธาร ขณะนั้นยังไม่บรรลุนิติภาวะยังไม่สามารถบริหารจัดการหุ้นในบริษัทต่างๆได้ จึงอาจจะโอนฝากไว้ที่ แม่ พี่ชาย พี่สาว ลุงและป้า ต่อมาในปี 2559 เมื่อแพทองธาร บรรลุนิติภาวะแล้ว ประสงค์ให้ญาติที่ถือหุ้นไว้โอนหุ้นมากลับมาให้ แต่ขณะนั้นมีการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรในต้นปี 2559 เพื่อให้สอดคล้องกับการเก็บภาษีมรดก ซึ่งระบุให้ การให้สินทรัพย์ ในระหว่างพ่อ แม่ ลูก ถือเป็นรายได้ของผู้รับ หากมีมูลค่าเกิน 20ล้านบาทส่วนที่เกิน20ล้านจะต้องเสียภาษีเงินได้ 5% แต่ หากเป็นพี่ น้อง ลุง ป้า หากมีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาท ส่วนที่เกิน 10ล้าน บาท จะต้องเสียภาษีเงินได้ 5% วิธีการหลีกเลี่ยงหลบภาษี หรือบริหารภาษี ให้จ่ายน้อยหรือไม่ต้องจ่าย คือทำนิติกรรมอำพรางโดยให้ดูเสมือนเป็นการซื้อขาย ผู้รับโอนจึงออกตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งก็คือทำสัญญากู้ยืม แต่ที่น่าสังเกตคือไม่มีดอกเบี้ยและไม่มีการกำหนดวันชำระเงิน จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใด นางสาวแพทองธาร จึงออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (ที่ไม่กำหนดเวลาชำระเงินและไม่มีดอกเบี้ย) เพื่อให้ดูเป็นเรื่องการซื้อขายไม่ใช่การให้ จะได้ไม่ต้องจ่ายภาษีเงินได้ให้กับรัฐจำนวนมากกว่า 200 ล้านบาท หรือไม่ น.ส.แพทองธาร ชี้แจงว่า การโอนหุ้นดังกล่าวเป็นการซื้อขายจริงไม่ได้มีพฤติกรรมอำพรางใดๆ ยอดหนี้ (ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน) ก็แสดงว่าชัดเจนในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. อยู่แล้ว “ เรื่องตั๋วพีเอ็นไม่ใช่เรื่องใหม่เป็นเรื่องที่ทำกันมาเป็นเรื่องปกติ.. การออกตั๋วสัญญาใช้เงินจะทำกับธุรกรรมที่ถูกกฎหมาย ดำเนินการเปิดเผย ฝ่ายผู้ซื้อผู้ขายรับภาระหนี้สินระหว่างกัน ไม่มีการกระทำนอกกฎหมายใดๆ เพราะการกระทำนอกกฎหมายที่ไหนออกหลักฐานเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ระบุที่มาของเงินไม่ได้ ก็ไม่สามารถทำได้..” คำอธิบายของนายกรัฐมนตรีที่ว่า ได้แสดงชัดเจนในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อป.ป.ช. แล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไร อีกทั้งคำอธิบายว่า ตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) เป็นเรื่องที่ทำกันเป็นปกติ (ใครใครเขาก็ทำกัน ) ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะขึ้นอยู่กับว่าเขาใช้ตั๋วสัญญาใช้เงินโดยสุจริตหรือไม่ หลายสิ่งที่คนทั่วไปทำได้ แต่การเป็นนายกรัฐมนตรีทำไม่ได้เพราะจะต้องมีมาตรฐานของความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีมาตรฐานจริยธรรมสูงกว่าบุคคลทั่วไป ทั้งนี้เพราะจะต้องรับผิดชอบต่อสังคมและคนจำนวนมาก ใช่หรือไม่? ประชาชนส่วนหนึ่งตั้งคำถามว่าครอบครัวรักกันมาก ทำไมจึงใช้วิธีซื้อขายหุ้นระหว่างกันไปมา โดยเฉพาะในช่วงที่นางสาวแพทองธาร จะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้โอนหุ้นสนามกอล์ฟอัลไพน์ จำนวน 22,410,000 หุ้น ไปให้ผู้เป็นแม่ ด้วยวิธีการซื้อขายโดยออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) เพื่อให้เข้าหลักเกณฑ์การซื้อขายแทนการให้ เช่นเดียวกันใช่หรือไม่ ถ้าจะพิจารณาจากอดีต คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคดี หมายเลขแดงที่ อม.1/2553 เรื่อง ขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน หรือคดียึดทรัพย์นายทักษิณ ชินวัตร 46,737 ล้านบาท เห็นว่า การออกตั๋วสัญญาใช้เงินชำระค่าหุ้นมีพิรุธ เป็นการอำพรางการโอนหุ้นชินคอร์ป เพราะสุดท้ายแล้ว หุ้นชินคอร์ป ที่นายทักษิณโอนให้กับบุคคลต่างๆ ดังกล่าวยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของนายทักษิณ ยิ่งไปกว่านั้นข้าราชการระดับสูงของกรมสรรพากรเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกสองปีโดยไม่รอลงอาญาในการปฎิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบตามมาตรา157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา กรณี ช่วยบุตรชายและบุตรสาว ของนายทักษิณ ชินวัตร หลบเลี่ยงภาษีกรณีหุ้นชินคอร์ปมาแล้ว หากกรมสรรพากรและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มองว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทำได้ ถูกต้องตามกฏหมายและเหมาะสมตามจริยธรรม ต่อไปการที่จะมีผู้โอนทรัพย์สินให้บุคคลในครอบครัว ก็ทำทีเป็นซื้อขายแล้วทำหนังสือสัญญาใช้เงิน ที่ไม่มีดอกเบี้ยและไม่ต้องระบุวันจ่ายเงิน (หนังสือสัญญาไม่ต้องจ่ายเงิน) ทำให้เกิดช่องโหว่ทางกฎหมายส่งผลให้ ภาษีมรดกที่กำหนดให้ผู้รับมรดกจะต้องจ่ายเป็นอันยกเลิกไปโดยปริยาย เท่ากับว่าฝ่ายบริหารโดยกรมสรรพากรได้ตีความให้กฎหมายที่ออกโดยฝ่ายนิติบัญญัติบังคับใช้ไม่ได้อีกต่อไป.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องลอกหนัง รุ่น 500 สแตนเลส #ทดลองลอกหนังปลาจาระเม็ด
    เครื่องลอกหนัง เหมาะสำหรับการลอกหนังสัตว์ เช่น เนื้อหมู เนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อแกะ หรือหนังปลา เป็นต้น และใช้กันอย่างแพร่หลายในบริษัทแปรรูปอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต โรงแรมสามารถปรับความหนาของหนังได้ตั้งแต่ หนา 0.5-6 มม. ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบนั้นๆ
    ชุดใบมีด ใบมีดนำเข้าจากเยอรมัน ใช้งานง่าย

    รายละเอียด
    📌 Capacity 300kg/hour
    📌 Voltage 220 V/50 HZ
    📌 Peeling thickness 0.6-6 MM
    📌 Blade length 500mm
    📌 Material sus 304
    📌 Weight 130kg
    📌 Dimension 750*710*880 mm

    ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน

    สนใจสินค้าเครื่องไหน สามารถเข้ามาดูที่ร้านได้เลยนะคะ
    เวลาเปิดทำการ :
    จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00
    และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00
    แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7

    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ‼‼

    m.me/yonghahheng 👈🏻แชทเลย
    LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า)
    หรือ https://lin.ee/HV4lSKp
    02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    www.yoryonghahheng.com
    E-mail : sales@yoryonghahheng.com
    yonghahheng@gmail.com

    #กระทะสับ #ลอกมันหนังไก่ #เครื่องลอกมัน #เครื่องลอกหนัง #หนังไก่ทอด #ลอกหนังไก่ทอด #ปอกกระเทียม #เครื่องปอกเปลือก #เครื่องบด #บดหมู #ลอกหนังปลา #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดโครงไก่ #เครื่องหั่นหมู #เครื่องหั่นพริกแห้ง #เครื่องหั่นพริก #หั่นพริกทอดกรอบ #แหนมหมู #หั่นปลาหมึกกรอบ #หั่นพริกทอดกรอบ #หั่นปลาดุก #สับผัก #หั่นใบไม้ #เครื่องลอกมันหมู #ลอกหนังหมู
    เครื่องลอกหนัง รุ่น 500 สแตนเลส #ทดลองลอกหนังปลาจาระเม็ด เครื่องลอกหนัง เหมาะสำหรับการลอกหนังสัตว์ เช่น เนื้อหมู เนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อแกะ หรือหนังปลา เป็นต้น และใช้กันอย่างแพร่หลายในบริษัทแปรรูปอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต โรงแรมสามารถปรับความหนาของหนังได้ตั้งแต่ หนา 0.5-6 มม. ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบนั้นๆ ชุดใบมีด ใบมีดนำเข้าจากเยอรมัน ใช้งานง่าย รายละเอียด 📌 Capacity 300kg/hour 📌 Voltage 220 V/50 HZ 📌 Peeling thickness 0.6-6 MM 📌 Blade length 500mm 📌 Material sus 304 📌 Weight 130kg 📌 Dimension 750*710*880 mm ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน สนใจสินค้าเครื่องไหน สามารถเข้ามาดูที่ร้านได้เลยนะคะ เวลาเปิดทำการ : จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00 แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ‼‼ m.me/yonghahheng 👈🏻แชทเลย LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือ https://lin.ee/HV4lSKp 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 www.yoryonghahheng.com E-mail : sales@yoryonghahheng.com yonghahheng@gmail.com #กระทะสับ #ลอกมันหนังไก่ #เครื่องลอกมัน #เครื่องลอกหนัง #หนังไก่ทอด #ลอกหนังไก่ทอด #ปอกกระเทียม #เครื่องปอกเปลือก #เครื่องบด #บดหมู #ลอกหนังปลา #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดโครงไก่ #เครื่องหั่นหมู #เครื่องหั่นพริกแห้ง #เครื่องหั่นพริก #หั่นพริกทอดกรอบ #แหนมหมู #หั่นปลาหมึกกรอบ #หั่นพริกทอดกรอบ #หั่นปลาดุก #สับผัก #หั่นใบไม้ #เครื่องลอกมันหมู #ลอกหนังหมู
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📰 61 ปี หนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” จากบางกอกเดลิเมล์ สู่เดลินิวส์ออนไลน์ บันทึกความทรงจำของสื่อไทย ที่เติบโตเคียงข้างประชาชน

    ✨ 61 ปี แห่งการเปลี่ยนผ่านของสื่อที่ไม่หยุดนิ่ง ในยุคที่โลกหมุนเร็วด้วยข่าวสารและเทคโนโลยี 🌐 มีไม่กี่สื่อ ที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง ตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษ แต่ “เดลินิวส์” คือหนึ่งในนั้น 🙌

    จากวันแรกของการก่อตั้ง เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 สู่การเป็นผู้นำข่าวระดับประเทศ ทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์และออนไลน์ 🖥️ เส้นทางของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์นั้น ไม่เพียงแต่สะท้อนวิวัฒนาการ ของวงการสื่อไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นกระจกเงาสำคัญของประวัติศาสตร์ สังคม และการเมืองไทยตลอด 61 ปี ที่ผ่านมา

    📆 ย้อนเวลาสำรวจเส้นทางของหนังสือพิมพ์ ที่เริ่มต้นจาก “บางกอกเดลิเมล์” สู่การเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” และ “เดลินิวส์ออนไลน์” ในวันนี้ พร้อมทั้งเผยเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลง วิสัยทัศน์ และจุดยืนของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งภารกิจเพื่อประชาชนไทย 🇹🇭

    🕰 จุดเริ่มต้นจากบางกอกเดลิเมล์ ความกล้าในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2493 ประเทศไทยอยู่ในยุคหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง 📜 สื่อยังถูกควบคุมโดยรัฐอย่างเข้มงวด การเปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ “นายห้างแสง เหตระกูล” ผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจ "โรงพิมพ์ประชาช่าง" กลับกล้าเสี่ยง 🔍

    นายห้างแสงตัดสินใจซื้อกิจการ "หนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์" (Bangkok Daily Mail) ของนายหลุย คีรีวัตน์ ซึ่งได้หยุดดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 และรื้อฟื้นมันขึ้นใหม่ ในรูปแบบหนังสือพิมพ์รายปักษ์ชื่อว่า “เดลิเมล์วันจันทร์” ออกฉบับแรกเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2493 📅

    ฉบับแรกมีพาดหัวว่า “นักศึกษา มธก.รากเลือดค้าน ก.พ.” เป็นการสะท้อนจุดยืนของสื่อ ที่กล้าแตะประเด็นทางสังคม การเมืองอย่างตรงไปตรงมา

    📰 เปลี่ยนผ่านอย่างมีทิศทาง จากเดลิเมล์ สู่แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ ในช่วง พ.ศ. 2500 “บางกอกเดลิเมล์รายวัน” ขยับสู่การเป็นหนังสือพิมพ์รายวัน อย่างเต็มรูปแบบ ขยายขนาดหน้ากระดาษจาก 7 เป็น 8 คอลัมน์นิ้ว 🖨 ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในวงการสื่อขณะนั้น 📈

    แต่แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้น เมื่อรัฐบาล "จอมพลแปลก พิบูลสงคราม" ถูกโค่นล้มโดย "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ซึ่งส่งผลให้สื่อหลายฉบับถูกตรวจสอบ และปิดตัวลง ❌

    ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 “เดลิเมล์รายวัน” ถูกสั่งปิดโดยคำสั่งคณะปฏิวัติ มีการ ล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ และลงครั่งประทับ ปิดฉากความกล้าหาญของสื่อเสรีในยุคนั้น อย่างสิ้นเชิง

    📢 เดลินิวส์ฉบับแรก กำเนิดเกิดใหม่ในนาม “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” แม้จะถูกสั่งปิด แต่ “นายห้างแสง” ไม่ยอมแพ้ ✊ เดินหน้าสู่บทใหม่ ซื้อหัวหนังสือพิมพ์ “แนวหน้า” และรวมเข้ากับชื่อเดิม กลายเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” 🗞

    วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ออกวางแผงเป็นครั้งแรก โดยมี "นายประพันธ์ เหตระกูล" บุตรชายเป็นบรรณาธิการบริหาร

    พาดหัวฉบับแรกสร้างเสียงฮือฮาทันที “เมียน้อยจอมพลสฤษดิ์ท้องในอเมริกา พบรักแท้กับนักเรียนไทยวัยรุ่น” 😲 นำเสนอข่าวแบบเจาะลึกถึงตัวบุคคล และโครงสร้างอำนาจการเมือง

    🔍 ข่าวเด่นยุคแรก กล้าท้าชนอำนาจรัฐ เดลินิวส์มีจุดขายที่ชัดเจน คือการเสนอข่าวที่ตรงไปตรงมา 💥 โดยเฉพาะเรื่องของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับอนุภรรยากว่า 103 คน และทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2,874 ล้านบาท 😮

    นอกจากนี้ยังเปิดโปงคดีอาชญากรรม การทุจริต และประเด็นอ่อนไหวที่สื่ออื่นหลีกเลี่ยง จึงได้รับความนิยมจากผู้อ่านในวงกว้าง และถือเป็น “กระบอกเสียงของประชาชน” ที่แท้จริง

    📈 ก้าวข้ามวิกฤตเศรษฐกิจ ปรับคุณภาพเพื่อความอยู่รอด ช่วง พ.ศ. 2516 - 2517 ทั่วโลกประสบปัญหาน้ำมันขาดแคลน ทำให้ต้นทุนการผลิตหนังสือพิมพ์สูงขึ้น 📉 หนังสือพิมพ์หลายฉบับต้องขึ้นราคาขาย เดลินิวส์ก็เช่นกัน โดยปรับขึ้น 50 สตางค์ 💸

    แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เดลินิวส์ ไม่ลดคุณภาพข่าว ตรงกันข้ามกลับเพิ่มคอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง และข่าวสังคม มากขึ้น ส่งผลให้ได้รับความเชื่อถือจากผู้อ่าน อย่างต่อเนื่อง ✨

    📚 เปลี่ยนชื่อเป็น “เดลินิวส์” อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2522 บริษัทสี่พระยาการพิมพ์ จำกัด ได้ยื่นเรื่องเปลี่ยนชื่อหนังสือพิมพ์เป็น “เดลินิวส์” และได้รับอนุญาตในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2522 🎉

    ต่อมา เดลินิวส์ได้ขยายสำนักงานจากถนนสี่พระยา มาที่ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบัน 🏢 พร้อมขยายจำนวนหน้าจาก 16 เป็น 48 หน้า และเพิ่มราคาจำหน่ายจาก 1 บาท เป็น 10 บาทในปัจจุบัน

    🖨 นวัตกรรมการพิมพ์ ก้าวสู่งานข่าวสีเต็มรูปแบบ ในปี พ.ศ. 2529 เดลินิวส์เริ่มพิมพ์ภาพข่าวสี่สีครั้งแรก คือ ภาพโศกนาฏกรรมกระสวยอวกาศ “แชลเลนเจอร์” 🚀 และต่อมาในปี พ.ศ. 2531 ตีพิมพ์ภาพ “ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” คว้ามงกุฎนางงามจักรวาลที่ไต้หวัน 👑

    พร้อมลงทุนในระบบพิมพ์ แซตเติลไลต์ ยูนิต และโฟร์ไฮ ที่สามารถพิมพ์ได้เร็วถึง 120,000 ฉบับ ต่อชั่วโมง 🚀 สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการสื่อสิ่งพิมพ์ไทย

    🌐 เดลินิวส์ออนไลน์ ปฏิวัติวงการข่าวดิจิทัล ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541 เดลินิวส์เข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มตัว เปิดเว็บไซต์ www.dailynews.co.th 💻 พร้อมคอนเซปต์ว่า...

    “ให้ข่าวสารพาไปไกลกว่าแค่ ‘รู้’ แต่คือ รู้ลึก รู้จริง และรู้เท่าทันทุกสถานการณ์”

    ในวันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ข่าว 🗂️ ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม บันเทิง กีฬา ไลฟ์สไตล์ รวมถึง วิดีโอ, อินโฟกราฟิก และ คอนเทนต์แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ⏱

    💡 ปณิธานของ “เดลินิวส์” ข่าวเพื่อประชาชน สิ่งที่ทำให้ “เดลินิวส์” อยู่ได้มากว่า 61 ปี ไม่ใช่เพียงเพราะยอดขายหรือชื่อเสียง 🏆 แต่เป็นเพราะความตั้งใจจริงของคณะผู้บริหาร ในการทำสื่อเพื่อประชาชน

    เดลินิวส์นำเสนอข่าวสารที่ครอบคลุม ทั้งข่าวสังคมที่ใกล้ตัว และข่าวเศรษฐกิจระดับชาติ โดยยึดมั่นในหลักจริยธรรมข่าว สร้างความเข้าใจ ที่มากกว่าแค่การรับรู้ข้อมูล 📘

    📌 เดลินิวส์…มากกว่าข่าว คือความเข้าใจ จาก “บางกอกเดลิเมล์” ที่เคยถูกล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ จนถึง “เดลินิวส์ออนไลน์” ที่ไหลลื่นในโลกดิจิทัล 🌐

    เส้นทางกว่า 61 ปี ของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย และบทบาทของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งประชาชน 💞

    และไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร เดลินิวส์ยังคงทำหน้าที่ ด้วยหัวใจของนักข่าวเพื่อประชาชน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 280955 มี.ค. 2568

    📢 #เดลินิวส์ #ประวัติเดลินิวส์ #หนังสือพิมพ์ไทย #สื่อไทย #ข่าวออนไลน์ #เดลินิวส์ออนไลน์ #ข่าวเพื่อประชาชน #61ปีเดลินิวส์ #DailyNewsTH #ข่าวไทย
    📰 61 ปี หนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” จากบางกอกเดลิเมล์ สู่เดลินิวส์ออนไลน์ บันทึกความทรงจำของสื่อไทย ที่เติบโตเคียงข้างประชาชน ✨ 61 ปี แห่งการเปลี่ยนผ่านของสื่อที่ไม่หยุดนิ่ง ในยุคที่โลกหมุนเร็วด้วยข่าวสารและเทคโนโลยี 🌐 มีไม่กี่สื่อ ที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง ตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษ แต่ “เดลินิวส์” คือหนึ่งในนั้น 🙌 จากวันแรกของการก่อตั้ง เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 สู่การเป็นผู้นำข่าวระดับประเทศ ทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์และออนไลน์ 🖥️ เส้นทางของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์นั้น ไม่เพียงแต่สะท้อนวิวัฒนาการ ของวงการสื่อไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นกระจกเงาสำคัญของประวัติศาสตร์ สังคม และการเมืองไทยตลอด 61 ปี ที่ผ่านมา 📆 ย้อนเวลาสำรวจเส้นทางของหนังสือพิมพ์ ที่เริ่มต้นจาก “บางกอกเดลิเมล์” สู่การเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” และ “เดลินิวส์ออนไลน์” ในวันนี้ พร้อมทั้งเผยเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลง วิสัยทัศน์ และจุดยืนของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งภารกิจเพื่อประชาชนไทย 🇹🇭 🕰 จุดเริ่มต้นจากบางกอกเดลิเมล์ ความกล้าในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2493 ประเทศไทยอยู่ในยุคหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง 📜 สื่อยังถูกควบคุมโดยรัฐอย่างเข้มงวด การเปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ “นายห้างแสง เหตระกูล” ผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจ "โรงพิมพ์ประชาช่าง" กลับกล้าเสี่ยง 🔍 นายห้างแสงตัดสินใจซื้อกิจการ "หนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์" (Bangkok Daily Mail) ของนายหลุย คีรีวัตน์ ซึ่งได้หยุดดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 และรื้อฟื้นมันขึ้นใหม่ ในรูปแบบหนังสือพิมพ์รายปักษ์ชื่อว่า “เดลิเมล์วันจันทร์” ออกฉบับแรกเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2493 📅 ฉบับแรกมีพาดหัวว่า “นักศึกษา มธก.รากเลือดค้าน ก.พ.” เป็นการสะท้อนจุดยืนของสื่อ ที่กล้าแตะประเด็นทางสังคม การเมืองอย่างตรงไปตรงมา 📰 เปลี่ยนผ่านอย่างมีทิศทาง จากเดลิเมล์ สู่แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ ในช่วง พ.ศ. 2500 “บางกอกเดลิเมล์รายวัน” ขยับสู่การเป็นหนังสือพิมพ์รายวัน อย่างเต็มรูปแบบ ขยายขนาดหน้ากระดาษจาก 7 เป็น 8 คอลัมน์นิ้ว 🖨 ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในวงการสื่อขณะนั้น 📈 แต่แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้น เมื่อรัฐบาล "จอมพลแปลก พิบูลสงคราม" ถูกโค่นล้มโดย "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ซึ่งส่งผลให้สื่อหลายฉบับถูกตรวจสอบ และปิดตัวลง ❌ ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 “เดลิเมล์รายวัน” ถูกสั่งปิดโดยคำสั่งคณะปฏิวัติ มีการ ล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ และลงครั่งประทับ ปิดฉากความกล้าหาญของสื่อเสรีในยุคนั้น อย่างสิ้นเชิง 📢 เดลินิวส์ฉบับแรก กำเนิดเกิดใหม่ในนาม “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” แม้จะถูกสั่งปิด แต่ “นายห้างแสง” ไม่ยอมแพ้ ✊ เดินหน้าสู่บทใหม่ ซื้อหัวหนังสือพิมพ์ “แนวหน้า” และรวมเข้ากับชื่อเดิม กลายเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” 🗞 วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ออกวางแผงเป็นครั้งแรก โดยมี "นายประพันธ์ เหตระกูล" บุตรชายเป็นบรรณาธิการบริหาร พาดหัวฉบับแรกสร้างเสียงฮือฮาทันที “เมียน้อยจอมพลสฤษดิ์ท้องในอเมริกา พบรักแท้กับนักเรียนไทยวัยรุ่น” 😲 นำเสนอข่าวแบบเจาะลึกถึงตัวบุคคล และโครงสร้างอำนาจการเมือง 🔍 ข่าวเด่นยุคแรก กล้าท้าชนอำนาจรัฐ เดลินิวส์มีจุดขายที่ชัดเจน คือการเสนอข่าวที่ตรงไปตรงมา 💥 โดยเฉพาะเรื่องของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับอนุภรรยากว่า 103 คน และทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2,874 ล้านบาท 😮 นอกจากนี้ยังเปิดโปงคดีอาชญากรรม การทุจริต และประเด็นอ่อนไหวที่สื่ออื่นหลีกเลี่ยง จึงได้รับความนิยมจากผู้อ่านในวงกว้าง และถือเป็น “กระบอกเสียงของประชาชน” ที่แท้จริง 📈 ก้าวข้ามวิกฤตเศรษฐกิจ ปรับคุณภาพเพื่อความอยู่รอด ช่วง พ.ศ. 2516 - 2517 ทั่วโลกประสบปัญหาน้ำมันขาดแคลน ทำให้ต้นทุนการผลิตหนังสือพิมพ์สูงขึ้น 📉 หนังสือพิมพ์หลายฉบับต้องขึ้นราคาขาย เดลินิวส์ก็เช่นกัน โดยปรับขึ้น 50 สตางค์ 💸 แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เดลินิวส์ ไม่ลดคุณภาพข่าว ตรงกันข้ามกลับเพิ่มคอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง และข่าวสังคม มากขึ้น ส่งผลให้ได้รับความเชื่อถือจากผู้อ่าน อย่างต่อเนื่อง ✨ 📚 เปลี่ยนชื่อเป็น “เดลินิวส์” อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2522 บริษัทสี่พระยาการพิมพ์ จำกัด ได้ยื่นเรื่องเปลี่ยนชื่อหนังสือพิมพ์เป็น “เดลินิวส์” และได้รับอนุญาตในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2522 🎉 ต่อมา เดลินิวส์ได้ขยายสำนักงานจากถนนสี่พระยา มาที่ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบัน 🏢 พร้อมขยายจำนวนหน้าจาก 16 เป็น 48 หน้า และเพิ่มราคาจำหน่ายจาก 1 บาท เป็น 10 บาทในปัจจุบัน 🖨 นวัตกรรมการพิมพ์ ก้าวสู่งานข่าวสีเต็มรูปแบบ ในปี พ.ศ. 2529 เดลินิวส์เริ่มพิมพ์ภาพข่าวสี่สีครั้งแรก คือ ภาพโศกนาฏกรรมกระสวยอวกาศ “แชลเลนเจอร์” 🚀 และต่อมาในปี พ.ศ. 2531 ตีพิมพ์ภาพ “ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” คว้ามงกุฎนางงามจักรวาลที่ไต้หวัน 👑 พร้อมลงทุนในระบบพิมพ์ แซตเติลไลต์ ยูนิต และโฟร์ไฮ ที่สามารถพิมพ์ได้เร็วถึง 120,000 ฉบับ ต่อชั่วโมง 🚀 สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการสื่อสิ่งพิมพ์ไทย 🌐 เดลินิวส์ออนไลน์ ปฏิวัติวงการข่าวดิจิทัล ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541 เดลินิวส์เข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มตัว เปิดเว็บไซต์ www.dailynews.co.th 💻 พร้อมคอนเซปต์ว่า... “ให้ข่าวสารพาไปไกลกว่าแค่ ‘รู้’ แต่คือ รู้ลึก รู้จริง และรู้เท่าทันทุกสถานการณ์” ในวันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ข่าว 🗂️ ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม บันเทิง กีฬา ไลฟ์สไตล์ รวมถึง วิดีโอ, อินโฟกราฟิก และ คอนเทนต์แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ⏱ 💡 ปณิธานของ “เดลินิวส์” ข่าวเพื่อประชาชน สิ่งที่ทำให้ “เดลินิวส์” อยู่ได้มากว่า 61 ปี ไม่ใช่เพียงเพราะยอดขายหรือชื่อเสียง 🏆 แต่เป็นเพราะความตั้งใจจริงของคณะผู้บริหาร ในการทำสื่อเพื่อประชาชน เดลินิวส์นำเสนอข่าวสารที่ครอบคลุม ทั้งข่าวสังคมที่ใกล้ตัว และข่าวเศรษฐกิจระดับชาติ โดยยึดมั่นในหลักจริยธรรมข่าว สร้างความเข้าใจ ที่มากกว่าแค่การรับรู้ข้อมูล 📘 📌 เดลินิวส์…มากกว่าข่าว คือความเข้าใจ จาก “บางกอกเดลิเมล์” ที่เคยถูกล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ จนถึง “เดลินิวส์ออนไลน์” ที่ไหลลื่นในโลกดิจิทัล 🌐 เส้นทางกว่า 61 ปี ของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย และบทบาทของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งประชาชน 💞 และไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร เดลินิวส์ยังคงทำหน้าที่ ด้วยหัวใจของนักข่าวเพื่อประชาชน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 280955 มี.ค. 2568 📢 #เดลินิวส์ #ประวัติเดลินิวส์ #หนังสือพิมพ์ไทย #สื่อไทย #ข่าวออนไลน์ #เดลินิวส์ออนไลน์ #ข่าวเพื่อประชาชน #61ปีเดลินิวส์ #DailyNewsTH #ข่าวไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • Signal แอปแชตที่มีชื่อเสียงด้านความปลอดภัย กลายเป็นข่าวดังเพราะความผิดพลาดในการใช้งานที่เกิดจากมนุษย์ แม้ว่าการเข้ารหัสของ Signal จะป้องกันการเจาะข้อมูลได้ดี แต่กรณีนี้แสดงให้เห็นว่าความปลอดภัยของแอปยังพึ่งพาการใช้งานที่ถูกต้อง ฟีเจอร์อย่างข้อความลบตัวเองและ PIN สามารถเพิ่มการป้องกันได้ แต่ข้อมูลสำคัญควรใช้งานบนแพลตฟอร์มเฉพาะที่ปลอดภัยกว่านี้

    จุดแข็งของ Signal:
    - การเข้ารหัสแบบ end-to-end ช่วยให้เฉพาะผู้ส่งและผู้รับเท่านั้นที่สามารถอ่านข้อความได้ อีกทั้ง Signal ใช้ซอร์สโค้ดแบบเปิด ช่วยให้ตรวจสอบและแก้ไขช่องโหว่ได้รวดเร็ว.

    ข้อผิดพลาดในกรณี Signalgate:
    - นักข่าวไม่ได้แฮกระบบ แต่ถูกเพิ่มเข้ากลุ่มโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เห็นข้อความที่ควรเป็นความลับ นี่แสดงให้เห็นว่าความปลอดภัยยังขึ้นอยู่กับผู้ใช้งาน.

    การใช้งานที่เหมาะสม:
    - Signal ถูกออกแบบมาสำหรับการสื่อสารส่วนตัว แต่ไม่เหมาะสำหรับข้อมูลลับทางการหรือข้อมูลที่มีความอ่อนไหวสูงสุด.

    คำแนะนำในการใช้งาน:
    - Signal มีฟีเจอร์เช่น การตั้งค่าข้อความที่ลบตัวเองอัตโนมัติ การซ่อนเบอร์โทร และการตั้งค่า PIN เพื่อป้องกันการเข้าถึงที่ไม่พึงประสงค์.

    https://www.techradar.com/computing/websites-apps/what-is-signal-signalgate-explained
    Signal แอปแชตที่มีชื่อเสียงด้านความปลอดภัย กลายเป็นข่าวดังเพราะความผิดพลาดในการใช้งานที่เกิดจากมนุษย์ แม้ว่าการเข้ารหัสของ Signal จะป้องกันการเจาะข้อมูลได้ดี แต่กรณีนี้แสดงให้เห็นว่าความปลอดภัยของแอปยังพึ่งพาการใช้งานที่ถูกต้อง ฟีเจอร์อย่างข้อความลบตัวเองและ PIN สามารถเพิ่มการป้องกันได้ แต่ข้อมูลสำคัญควรใช้งานบนแพลตฟอร์มเฉพาะที่ปลอดภัยกว่านี้ จุดแข็งของ Signal: - การเข้ารหัสแบบ end-to-end ช่วยให้เฉพาะผู้ส่งและผู้รับเท่านั้นที่สามารถอ่านข้อความได้ อีกทั้ง Signal ใช้ซอร์สโค้ดแบบเปิด ช่วยให้ตรวจสอบและแก้ไขช่องโหว่ได้รวดเร็ว. ข้อผิดพลาดในกรณี Signalgate: - นักข่าวไม่ได้แฮกระบบ แต่ถูกเพิ่มเข้ากลุ่มโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เห็นข้อความที่ควรเป็นความลับ นี่แสดงให้เห็นว่าความปลอดภัยยังขึ้นอยู่กับผู้ใช้งาน. การใช้งานที่เหมาะสม: - Signal ถูกออกแบบมาสำหรับการสื่อสารส่วนตัว แต่ไม่เหมาะสำหรับข้อมูลลับทางการหรือข้อมูลที่มีความอ่อนไหวสูงสุด. คำแนะนำในการใช้งาน: - Signal มีฟีเจอร์เช่น การตั้งค่าข้อความที่ลบตัวเองอัตโนมัติ การซ่อนเบอร์โทร และการตั้งค่า PIN เพื่อป้องกันการเข้าถึงที่ไม่พึงประสงค์. https://www.techradar.com/computing/websites-apps/what-is-signal-signalgate-explained
    WWW.TECHRADAR.COM
    Signalgate explained: what is Signal, and how secure is the messaging app?
    How to use Signal properly to keep your chats safe and secure
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nintendo เปิดตัวแอป Nintendo Today เพื่อให้ผู้เล่นติดตามข่าวสารและข้อมูลเกี่ยวกับเกมและกิจกรรมได้ทุกวัน แอปนี้ไม่เพียงแต่ให้ข้อมูลข่าวสารล่าสุด แต่ยังมีการ์ตูนและรายละเอียดเกี่ยวกับเกมตัวละครต่าง ๆ โดยเฉพาะข่าวเกี่ยวกับ Nintendo Switch 2 ที่จะอัปเดตผ่านแอปนี้ แอปพร้อมให้ดาวน์โหลดแล้วใน App Store และ Google Play สำหรับ iOS และ Android

    เชื่อมต่อกับ Switch 2:
    - แอป Nintendo Today จะมีการส่งข่าวสารและอัปเดตเกี่ยวกับ Nintendo Switch 2 รวมถึงเกมใหม่ ๆ ผ่านแอปนี้ทุกวันหลังจากการเปิดตัวในวันที่ 2 เมษายน.

    แรงบันดาลใจจากอดีต:
    - แอปนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเว็บไซต์ Smash Bros. Dojo ที่เคยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวละคร ไอเท็ม และฉากใน Super Smash Bros. Brawl บนเครื่อง Wii แต่ Nintendo Today มีฟีเจอร์ที่ครอบคลุมหลากหลายกว่า.

    วิธีการใช้งานที่ง่าย:
    - ผู้ใช้สามารถค้นหาแอปในร้านค้าออนไลน์ของสมาร์ทโฟนและดาวน์โหลดได้ทันที โดย Nintendo ตั้งเป้าหมายให้แอปนี้เป็นแหล่งข้อมูลหลักของแฟน ๆ เกมในทุกวัน.

    กระแสตอบรับและเป้าหมายในอนาคต:
    - แม้ว่าจะเพิ่งเปิดตัว แต่คาดว่า Nintendo Today จะได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีเนื่องจากข้อมูลที่ทันสมัยและการเชื่อมโยงกับ Switch 2 ซึ่งอยู่ในความสนใจของผู้ใช้ทั่วโลก.

    https://www.techradar.com/gaming/nintendo-today-smartphone-app-announced-available-today-on-ios-and-android-devices-and-heres-what-it-does
    Nintendo เปิดตัวแอป Nintendo Today เพื่อให้ผู้เล่นติดตามข่าวสารและข้อมูลเกี่ยวกับเกมและกิจกรรมได้ทุกวัน แอปนี้ไม่เพียงแต่ให้ข้อมูลข่าวสารล่าสุด แต่ยังมีการ์ตูนและรายละเอียดเกี่ยวกับเกมตัวละครต่าง ๆ โดยเฉพาะข่าวเกี่ยวกับ Nintendo Switch 2 ที่จะอัปเดตผ่านแอปนี้ แอปพร้อมให้ดาวน์โหลดแล้วใน App Store และ Google Play สำหรับ iOS และ Android เชื่อมต่อกับ Switch 2: - แอป Nintendo Today จะมีการส่งข่าวสารและอัปเดตเกี่ยวกับ Nintendo Switch 2 รวมถึงเกมใหม่ ๆ ผ่านแอปนี้ทุกวันหลังจากการเปิดตัวในวันที่ 2 เมษายน. แรงบันดาลใจจากอดีต: - แอปนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเว็บไซต์ Smash Bros. Dojo ที่เคยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวละคร ไอเท็ม และฉากใน Super Smash Bros. Brawl บนเครื่อง Wii แต่ Nintendo Today มีฟีเจอร์ที่ครอบคลุมหลากหลายกว่า. วิธีการใช้งานที่ง่าย: - ผู้ใช้สามารถค้นหาแอปในร้านค้าออนไลน์ของสมาร์ทโฟนและดาวน์โหลดได้ทันที โดย Nintendo ตั้งเป้าหมายให้แอปนี้เป็นแหล่งข้อมูลหลักของแฟน ๆ เกมในทุกวัน. กระแสตอบรับและเป้าหมายในอนาคต: - แม้ว่าจะเพิ่งเปิดตัว แต่คาดว่า Nintendo Today จะได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีเนื่องจากข้อมูลที่ทันสมัยและการเชื่อมโยงกับ Switch 2 ซึ่งอยู่ในความสนใจของผู้ใช้ทั่วโลก. https://www.techradar.com/gaming/nintendo-today-smartphone-app-announced-available-today-on-ios-and-android-devices-and-heres-what-it-does
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้รายงานว่าเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก (NYU) ถูกแฮกโดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่อ้างว่าต้องการเปิดเผยความไม่เท่าเทียมทางเชื้อชาติในระบบการรับสมัครนักศึกษา โดยเว็บไซต์ถูกเปลี่ยนแปลงไปแสดงข้อมูลที่กลุ่มแฮกเกอร์กล่าวอ้างถึงคะแนน SAT, ACT และ GPA เฉลี่ยของนักศึกษาที่ได้รับการตอบรับในปี 2024-2025 พร้อมทั้งอ้างว่ามีความแตกต่างของคะแนนระหว่างกลุ่มเชื้อชาติ แต่เหตุการณ์นี้กลับนำไปสู่การรั่วไหลของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับนักศึกษากว่า 3 ล้านคนตั้งแต่ปี 1989

    ข้อมูลที่ถูกเปิดเผย:
    - ข้อมูลที่หลุดออกมารวมถึงชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล, คะแนน GPA และข้อมูลด้านการเงินของผู้สมัคร นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับการสมัครแบบ Early Decision และข้อมูลสมาชิกในครอบครัว.

    การจัดการเหตุการณ์:
    - ทีมไอทีของ NYU สามารถกู้คืนระบบได้ภายใน 2 ชั่วโมงหลังจากเว็บไซต์ถูกแฮก แต่ข้อมูลที่หลุดไปก็ยังเป็นปัญหาที่ต้องจัดการในระยะยาว.

    มุมมองที่ซับซ้อน:
    - การโจมตีครั้งนี้มุ่งประเด็นไปที่การใช้นโยบาย Affirmative Action ซึ่งศาลสูงสหรัฐฯ ได้ยุติไปในปี 2023 อย่างไรก็ตาม กลุ่มแฮกเกอร์กล่าวว่า NYU ยังคงมีการดำเนินการในลักษณะดังกล่าวอยู่.

    ผลกระทบต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง:
    - นักศึกษาที่ได้รับผลกระทบสามารถตรวจสอบว่าข้อมูลของตนรั่วไหลหรือไม่ ผ่านแพลตฟอร์ม DataBreach.com ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเผยว่ากลุ่มแฮกเกอร์พยายามลบข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนได้ แต่ยังคงมีข้อมูลสำคัญบางส่วนที่ถูกเปิดเผย.

    https://www.techradar.com/pro/security/nyu-website-defaced-as-hacker-leaks-info-on-a-million-students
    ข่าวนี้รายงานว่าเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก (NYU) ถูกแฮกโดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่อ้างว่าต้องการเปิดเผยความไม่เท่าเทียมทางเชื้อชาติในระบบการรับสมัครนักศึกษา โดยเว็บไซต์ถูกเปลี่ยนแปลงไปแสดงข้อมูลที่กลุ่มแฮกเกอร์กล่าวอ้างถึงคะแนน SAT, ACT และ GPA เฉลี่ยของนักศึกษาที่ได้รับการตอบรับในปี 2024-2025 พร้อมทั้งอ้างว่ามีความแตกต่างของคะแนนระหว่างกลุ่มเชื้อชาติ แต่เหตุการณ์นี้กลับนำไปสู่การรั่วไหลของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับนักศึกษากว่า 3 ล้านคนตั้งแต่ปี 1989 ข้อมูลที่ถูกเปิดเผย: - ข้อมูลที่หลุดออกมารวมถึงชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล, คะแนน GPA และข้อมูลด้านการเงินของผู้สมัคร นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับการสมัครแบบ Early Decision และข้อมูลสมาชิกในครอบครัว. การจัดการเหตุการณ์: - ทีมไอทีของ NYU สามารถกู้คืนระบบได้ภายใน 2 ชั่วโมงหลังจากเว็บไซต์ถูกแฮก แต่ข้อมูลที่หลุดไปก็ยังเป็นปัญหาที่ต้องจัดการในระยะยาว. มุมมองที่ซับซ้อน: - การโจมตีครั้งนี้มุ่งประเด็นไปที่การใช้นโยบาย Affirmative Action ซึ่งศาลสูงสหรัฐฯ ได้ยุติไปในปี 2023 อย่างไรก็ตาม กลุ่มแฮกเกอร์กล่าวว่า NYU ยังคงมีการดำเนินการในลักษณะดังกล่าวอยู่. ผลกระทบต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง: - นักศึกษาที่ได้รับผลกระทบสามารถตรวจสอบว่าข้อมูลของตนรั่วไหลหรือไม่ ผ่านแพลตฟอร์ม DataBreach.com ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเผยว่ากลุ่มแฮกเกอร์พยายามลบข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนได้ แต่ยังคงมีข้อมูลสำคัญบางส่วนที่ถูกเปิดเผย. https://www.techradar.com/pro/security/nyu-website-defaced-as-hacker-leaks-info-on-a-million-students
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานวิจัยล่าสุดพบว่าการใช้นาฬิกาอัจฉริยะ (Smartwatch) สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 (T2D) ได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะในแง่ของการสนับสนุนให้ผู้ป่วยยึดมั่นในโปรแกรมการออกกำลังกายเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและปรับปรุงคุณภาพชีวิต ซึ่งการศึกษานี้มีผู้เข้าร่วม 125 คนที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น T2D ภายใน 2 ปีที่ผ่านมา และทำตามโปรแกรมออกกำลังกายที่บ้าน โดยมีบางคนใช้นาฬิกาอัจฉริยะเป็นตัวช่วย

    ผลลัพธ์ที่โดดเด่น:
    - ผู้ที่ใช้นาฬิกาอัจฉริยะมีการปรับปรุงระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตซิสโตลิก พร้อมเพิ่มความมุ่งมั่นในกิจกรรมทางกายภาพเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ใช้อุปกรณ์นี้.

    คุณสมบัติที่เป็นแรงจูงใจ:
    - นาฬิกาอัจฉริยะช่วยเตือนผู้ใช้ให้ยืนขึ้น ยืดเส้นยืดสาย หรือเดินเพื่อสุขภาพ โดยฟีเจอร์อย่าง "วงแหวนกิจกรรม" หรือรางวัลต่าง ๆ บนหน้าจอสร้างความสนุกและแรงบันดาลใจ.

    การพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ:
    - บริษัทอย่าง Apple กำลังวิจัยเทคโนโลยีการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดโดยไม่ต้องใช้เข็มแทง ซึ่งอาจพร้อมใช้งานในอนาคต ขณะที่การตรวจวัดความดันโลหิตอาจเปิดตัวในรุ่นที่ใกล้ถึง.

    บทบาทในยุคใหม่ของสุขภาพ:
    - อุปกรณ์ติดตามสุขภาพเหล่านี้ไม่ได้ช่วยเพียงผู้ป่วย T2D เท่านั้น แต่ยังอาจมีบทบาทสำคัญในการป้องกันและส่งเสริมสุขภาพในกลุ่มคนทั่วไป.

    https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/using-a-smartwatch-could-be-a-game-changer-for-people-with-diabetes-new-research-suggests
    งานวิจัยล่าสุดพบว่าการใช้นาฬิกาอัจฉริยะ (Smartwatch) สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 (T2D) ได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะในแง่ของการสนับสนุนให้ผู้ป่วยยึดมั่นในโปรแกรมการออกกำลังกายเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและปรับปรุงคุณภาพชีวิต ซึ่งการศึกษานี้มีผู้เข้าร่วม 125 คนที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น T2D ภายใน 2 ปีที่ผ่านมา และทำตามโปรแกรมออกกำลังกายที่บ้าน โดยมีบางคนใช้นาฬิกาอัจฉริยะเป็นตัวช่วย ผลลัพธ์ที่โดดเด่น: - ผู้ที่ใช้นาฬิกาอัจฉริยะมีการปรับปรุงระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตซิสโตลิก พร้อมเพิ่มความมุ่งมั่นในกิจกรรมทางกายภาพเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ใช้อุปกรณ์นี้. คุณสมบัติที่เป็นแรงจูงใจ: - นาฬิกาอัจฉริยะช่วยเตือนผู้ใช้ให้ยืนขึ้น ยืดเส้นยืดสาย หรือเดินเพื่อสุขภาพ โดยฟีเจอร์อย่าง "วงแหวนกิจกรรม" หรือรางวัลต่าง ๆ บนหน้าจอสร้างความสนุกและแรงบันดาลใจ. การพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ: - บริษัทอย่าง Apple กำลังวิจัยเทคโนโลยีการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดโดยไม่ต้องใช้เข็มแทง ซึ่งอาจพร้อมใช้งานในอนาคต ขณะที่การตรวจวัดความดันโลหิตอาจเปิดตัวในรุ่นที่ใกล้ถึง. บทบาทในยุคใหม่ของสุขภาพ: - อุปกรณ์ติดตามสุขภาพเหล่านี้ไม่ได้ช่วยเพียงผู้ป่วย T2D เท่านั้น แต่ยังอาจมีบทบาทสำคัญในการป้องกันและส่งเสริมสุขภาพในกลุ่มคนทั่วไป. https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/using-a-smartwatch-could-be-a-game-changer-for-people-with-diabetes-new-research-suggests
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • TSMC เร่งแผนการสร้างโรงงานผลิตชิปในอเมริกา โดยใช้ประสบการณ์จากอดีตเพื่อปรับปรุงกระบวนการก่อสร้างให้เร็วขึ้น โรงงานใหม่จะรองรับเทคโนโลยีระดับ 2 นาโนเมตร และมีเป้าหมายเสริมความมั่นคงให้กับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ แม้จะมีอุปสรรคด้านการจัดหาอุปกรณ์ แต่การปรับตัวครั้งนี้อาจเปลี่ยนโฉมการผลิตชิปในอเมริกาอย่างมีนัยสำคัญ

    การสร้างโรงงานใหม่:
    - TSMC มีแผนเริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตชิป Fab 21 แห่งที่สามในปีนี้ โดยตั้งเป้าจะเริ่มการผลิตทดลองในปี 2028 และเข้าสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2029 ด้วยเทคโนโลยีการผลิตระดับ 2 นาโนเมตร (N2) และ 1.6 นาโนเมตร (A16).

    ผลกระทบของการเร่งการผลิต:
    - แม้ TSMC จะเร่งสร้างโรงงาน แต่การได้รับอุปกรณ์ที่จำเป็นจากซัพพลายเออร์ เช่น ASML อาจเป็นอุปสรรค เนื่องจากปัจจุบันซัพพลายเออร์เหล่านี้มีรายการคำสั่งซื้อที่ยังรอผลิตอยู่อีกหลายพันล้านดอลลาร์.

    การเรียนรู้จากอดีต:
    - การก่อสร้างโรงงาน Fab 21 แห่งแรกของ TSMC ใช้เวลากว่า 5 ปี เนื่องจากปัญหาแรงงานและต้นทุนสูง แต่ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา บริษัทสามารถปรับกระบวนการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น.

    ผลลัพธ์ในอนาคต:
    - หากการก่อสร้างเป็นไปตามแผน โรงงานเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความมั่นคงในห่วงโซ่อุปทานของเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ และลดการพึ่งพาการนำเข้าจากเอเชีย.

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/tsmc-to-reportedly-speed-up-fab-building-in-the-us-third-fab-to-begin-construction-this-year
    TSMC เร่งแผนการสร้างโรงงานผลิตชิปในอเมริกา โดยใช้ประสบการณ์จากอดีตเพื่อปรับปรุงกระบวนการก่อสร้างให้เร็วขึ้น โรงงานใหม่จะรองรับเทคโนโลยีระดับ 2 นาโนเมตร และมีเป้าหมายเสริมความมั่นคงให้กับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ แม้จะมีอุปสรรคด้านการจัดหาอุปกรณ์ แต่การปรับตัวครั้งนี้อาจเปลี่ยนโฉมการผลิตชิปในอเมริกาอย่างมีนัยสำคัญ การสร้างโรงงานใหม่: - TSMC มีแผนเริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตชิป Fab 21 แห่งที่สามในปีนี้ โดยตั้งเป้าจะเริ่มการผลิตทดลองในปี 2028 และเข้าสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2029 ด้วยเทคโนโลยีการผลิตระดับ 2 นาโนเมตร (N2) และ 1.6 นาโนเมตร (A16). ผลกระทบของการเร่งการผลิต: - แม้ TSMC จะเร่งสร้างโรงงาน แต่การได้รับอุปกรณ์ที่จำเป็นจากซัพพลายเออร์ เช่น ASML อาจเป็นอุปสรรค เนื่องจากปัจจุบันซัพพลายเออร์เหล่านี้มีรายการคำสั่งซื้อที่ยังรอผลิตอยู่อีกหลายพันล้านดอลลาร์. การเรียนรู้จากอดีต: - การก่อสร้างโรงงาน Fab 21 แห่งแรกของ TSMC ใช้เวลากว่า 5 ปี เนื่องจากปัญหาแรงงานและต้นทุนสูง แต่ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา บริษัทสามารถปรับกระบวนการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น. ผลลัพธ์ในอนาคต: - หากการก่อสร้างเป็นไปตามแผน โรงงานเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความมั่นคงในห่วงโซ่อุปทานของเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ และลดการพึ่งพาการนำเข้าจากเอเชีย. https://www.tomshardware.com/tech-industry/tsmc-to-reportedly-speed-up-fab-building-in-the-us-third-fab-to-begin-construction-this-year
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • TSMC ลงทุนครั้งใหญ่ในอเมริกาเพื่อสร้างโรงงานผลิตชิปและศูนย์วิจัย แต่ Pat Gelsinger อดีต CEO ของ Intel ชี้ว่า แม้จะช่วยปรับปรุงห่วงโซ่อุปทาน แต่การขาด R&D ขั้นสูงในประเทศยังคงเป็นอุปสรรคต่อการเป็นผู้นำในเทคโนโลยีกระบวนการผลิต การลงทุนนี้จึงสะท้อนถึงความสำคัญของการวิจัยในประเทศในการพัฒนานวัตกรรม

    ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการลงทุนของ TSMC:
    - TSMC มีแผนสร้างโรงงานผลิตชิป 6 แห่ง รวมถึงศูนย์วิจัยและพัฒนาในรัฐแอริโซนา แต่ยังไม่มีการยืนยันว่าการวิจัยขั้นสูงจะถูกย้ายมายังสหรัฐฯ หรือไม่.

    ความสำคัญของการวิจัยและพัฒนา (R&D):
    - Gelsinger ชี้ว่า การมี R&D ในประเทศเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้อเมริกาสามารถพัฒนาเทคโนโลยีรุ่นใหม่ได้ เช่น กระบวนการผลิตแบบ N3X หรือ N4 ที่ TSMC พัฒนาอยู่ในไต้หวัน.

    การปฏิสัมพันธ์ระหว่างการผลิตและ R&D:
    - โรงงานผลิตชิปและศูนย์วิจัยมีความเชื่อมโยงกัน โดยเฉพาะการพัฒนากระบวนการผลิตที่ต้องมีการทดลองและปรับแต่งอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง TSMC ยังเน้นที่ไต้หวันเป็นหลัก.

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์:
    - การลงทุนของ TSMC อาจช่วยให้โรงงานในสหรัฐฯ สามารถผลิตชิปแบบกระบวนการขั้นสูงได้เร็วขึ้น แต่การขาด R&D ภายในประเทศอาจจำกัดการเติบโตและการเป็นผู้นำในระยะยาว.

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/ex-intel-ceo-gelsinger-warns-tsmcs-usd165b-investment-will-not-restore-u-s-semiconductor-leadership
    TSMC ลงทุนครั้งใหญ่ในอเมริกาเพื่อสร้างโรงงานผลิตชิปและศูนย์วิจัย แต่ Pat Gelsinger อดีต CEO ของ Intel ชี้ว่า แม้จะช่วยปรับปรุงห่วงโซ่อุปทาน แต่การขาด R&D ขั้นสูงในประเทศยังคงเป็นอุปสรรคต่อการเป็นผู้นำในเทคโนโลยีกระบวนการผลิต การลงทุนนี้จึงสะท้อนถึงความสำคัญของการวิจัยในประเทศในการพัฒนานวัตกรรม ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการลงทุนของ TSMC: - TSMC มีแผนสร้างโรงงานผลิตชิป 6 แห่ง รวมถึงศูนย์วิจัยและพัฒนาในรัฐแอริโซนา แต่ยังไม่มีการยืนยันว่าการวิจัยขั้นสูงจะถูกย้ายมายังสหรัฐฯ หรือไม่. ความสำคัญของการวิจัยและพัฒนา (R&D): - Gelsinger ชี้ว่า การมี R&D ในประเทศเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้อเมริกาสามารถพัฒนาเทคโนโลยีรุ่นใหม่ได้ เช่น กระบวนการผลิตแบบ N3X หรือ N4 ที่ TSMC พัฒนาอยู่ในไต้หวัน. การปฏิสัมพันธ์ระหว่างการผลิตและ R&D: - โรงงานผลิตชิปและศูนย์วิจัยมีความเชื่อมโยงกัน โดยเฉพาะการพัฒนากระบวนการผลิตที่ต้องมีการทดลองและปรับแต่งอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง TSMC ยังเน้นที่ไต้หวันเป็นหลัก. ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์: - การลงทุนของ TSMC อาจช่วยให้โรงงานในสหรัฐฯ สามารถผลิตชิปแบบกระบวนการขั้นสูงได้เร็วขึ้น แต่การขาด R&D ภายในประเทศอาจจำกัดการเติบโตและการเป็นผู้นำในระยะยาว. https://www.tomshardware.com/tech-industry/ex-intel-ceo-gelsinger-warns-tsmcs-usd165b-investment-will-not-restore-u-s-semiconductor-leadership
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในบทความนี้นำเสนอการปรับแต่ง RTX 4090 ให้มีหน่วยความจำ GDDR6X 48GB โดยใช้ PCB ของ RTX 3090 เป็นพื้นฐาน แม้จะมีประสิทธิภาพสูงและเหมาะสำหรับงานเซิร์ฟเวอร์ แต่ก็มีราคาสูงและเสียงดังขณะทำงาน จุดเด่นคือความสามารถในการปรับแต่งผ่านเครื่องมือพิเศษโดยไม่ละเมิดระบบ Nvidia ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้งานเฉพาะกลุ่ม

    การปรับแต่งขั้นสูง:
    - การเพิ่มหน่วยความจำบนด้านหลังของ PCB ที่ใช้ Thermal Pad และ Backplate ช่วยลดความร้อน ซึ่งทำให้การ์ดนี้เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้การประมวลผลหนัก เช่น ระบบเซิร์ฟเวอร์.

    เสียงดังและการทำงานหนัก:
    - การ์ดจอใช้ชุดพัดลมแบบ Blower-style ที่ทำให้มีเสียงดังถึง 65 เดซิเบลขณะทำงาน แต่สามารถควบคุมอุณหภูมิที่ค่อนข้างเสถียรในระหว่างการทดสอบใน Superposition ที่ 8K.

    การใช้ประโยชน์จากเครื่องมือภายในของ Nvidia:
    - นักดัดแปลงใช้เครื่องมือที่ได้มาจากการรั่วไหลของ Nvidia เช่น MATS และ MODS เพื่อปรับแต่งการ์ดจอให้ทำงานได้ตามที่ต้องการโดยไม่ละเมิดระบบความปลอดภัย.

    ราคาที่เข้าถึงยาก:
    - การ์ดนี้มีราคา $4,400 ซึ่งแม้จะสูงมาก แต่ยังถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดในตลาดสำหรับผู้ที่ต้องการหน่วยความจำขนาด 48GB สำหรับงานเฉพาะทาง.

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/blower-style-rtx-4090-48gb-teardown-reveals-dual-sided-memory-configuration-pcb-design-echoes-the-rtx-3090
    ในบทความนี้นำเสนอการปรับแต่ง RTX 4090 ให้มีหน่วยความจำ GDDR6X 48GB โดยใช้ PCB ของ RTX 3090 เป็นพื้นฐาน แม้จะมีประสิทธิภาพสูงและเหมาะสำหรับงานเซิร์ฟเวอร์ แต่ก็มีราคาสูงและเสียงดังขณะทำงาน จุดเด่นคือความสามารถในการปรับแต่งผ่านเครื่องมือพิเศษโดยไม่ละเมิดระบบ Nvidia ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้งานเฉพาะกลุ่ม การปรับแต่งขั้นสูง: - การเพิ่มหน่วยความจำบนด้านหลังของ PCB ที่ใช้ Thermal Pad และ Backplate ช่วยลดความร้อน ซึ่งทำให้การ์ดนี้เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้การประมวลผลหนัก เช่น ระบบเซิร์ฟเวอร์. เสียงดังและการทำงานหนัก: - การ์ดจอใช้ชุดพัดลมแบบ Blower-style ที่ทำให้มีเสียงดังถึง 65 เดซิเบลขณะทำงาน แต่สามารถควบคุมอุณหภูมิที่ค่อนข้างเสถียรในระหว่างการทดสอบใน Superposition ที่ 8K. การใช้ประโยชน์จากเครื่องมือภายในของ Nvidia: - นักดัดแปลงใช้เครื่องมือที่ได้มาจากการรั่วไหลของ Nvidia เช่น MATS และ MODS เพื่อปรับแต่งการ์ดจอให้ทำงานได้ตามที่ต้องการโดยไม่ละเมิดระบบความปลอดภัย. ราคาที่เข้าถึงยาก: - การ์ดนี้มีราคา $4,400 ซึ่งแม้จะสูงมาก แต่ยังถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดในตลาดสำหรับผู้ที่ต้องการหน่วยความจำขนาด 48GB สำหรับงานเฉพาะทาง. https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/blower-style-rtx-4090-48gb-teardown-reveals-dual-sided-memory-configuration-pcb-design-echoes-the-rtx-3090
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts