• เรื่อง แตกคอ แตกคอ
    “แตกคอ แตกคอก”
    ตอน 1
    กำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน เหตุการณ์แถวบ้านยังไม่รู้จะออกหัวออกก้อย แต่วงพนันแถวบ้านผม เขาเอียงไปทางออกก้อยมากกว่านะ เอะ พูดถึงใครกันลุง ก็จะใครเสียอีกล่ะ เสี่ยปั๊มคนใหญ่ คนถูกข่าวลือเล่นใส่นั่นไงครับ วันนี้มาอีกแล้ว สื่ออังกฤษยังเล่นไม่เลิก บอกว่าพระญาติพระวงศ์กำลังร่วมกันทำหนังสือ เสนอให้ปลดกษัตริย์ ซาลมาน จากตำแหน่งกษัตริย์ คราวนี้ในหนังสือบอกชื่อมาเลยว่า ต้องการใครมาแทน แน่จริงๆ แถม 2 วันนี้ ยังเพิ่มข่าวให้อีกว่า มีเจ้าชายชาวซาอุดิ หลานกษัตริย์ ถูกจับที่เลบานอน เพราะขนยาบ้าหนักกว่า 2 ตัน มาในเครื่องบินส่วนตัว
    เล่นกันแรงจริง กลัวคุณพี่ปูตินเขาจะฉกเอาปั๊มไปครองก่อนหรือครับ
    ตะวันออกกลางกำลังระส่ำจริงๆ เอาแค่เฉพาะพวกที่ลากกันมาจับมือ เมื่อปี ค.ศ.1981 ต้ังก๊วนชาวอ่าว the Gulf Cooperation Council (GCC) กันไม่ให้ใครออกอ่าวไปลำพัง ดูเผินๆ เหมือนรักกันจัง แต่เขาว่า นั้นมันหน้าฉาก ของจริงไม่ใช่อย่างที่ภาพออกมาหรอก
    ก๊วนริมอ่าวมีกัน 6 ประเทศ ลูกพี่ใหญ่ หรือปั๊มใหญ่สุด ก็ซาอุดิอารเบียนั่นเอง ที่มีเพื่อนรักในก๊วนอีกราย เป็นเหมือนลูกกระเดือกติดคอหอยคือ บาห์เรน 2 เสี่ยปั๊มนี่ เกลียดอิหร่านอย่างที่สุด มองว่าอิหร่านคือ นักล่า… อ้าว นั่นมันสมญาคู่รักคู่ขุด ของเสี่ยเองนะครับ อย่าไปปนกัน เดี๋ยวงอนผิดคน (ฮา) 2 เสี่ยปั๊มใหญ่บอกว่า อิหร่านเป็นตัวร้าย ความปั่นป่วนในตะวันกลางน่ะ มาจากฝีมือของอิหร่านทั้งนั้น เชื่อถือไม่ได้ ไว้ใจไม่ลง ถึงขนาดนั้นเอาเลย
    ซาอุดิ ถูกหลอนทั้งเวลาหลับเวลาตื่นว่า อิหร่านคู่แข่งตัวสำคัญ ในตะวันออกกลาง ทำทุกอย่างเพื่อแย่งความเป็นใหญ่ ในตะวันออกกลางไปจากซาอุดิอารเบีย ยิ่งอเมริกาไปเสียเวลามากมาย ในการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับอิหร่าน ซาอุก็มองว่า อเมริกากำลังอ่อนข้อ แถมเสียเชิงให้อิหร่านไปแล้วด้วย ทำเอาเสี่ยปั๊มใหญ่งอนกับอเมริกา จนถูกนินทาไปค่อนโลก
    แต่ชาวอ่าวอีก 3 รายคือ โอมาน การ์ตา และเอมิเรต ดูไบ บอกว่า เรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นนะ อิหร่านตกลงหยุดผลิตนิวเคลียร์ ก็ดีกับพวกเราไม่ใช่หรือ เราน่าคุยกับอิหร่านดีๆ ยังไงก็เป็นชาวตะวันออกกลางด้วยกัน จับมือกัน ทำการค้าด้วยกัน แบ่งพลังงานกันใช้ (ฮั่นแน่..) และร่วมมือกันเรื่องความมั่นคง
    ตั้งแต่มีกลุ่ม Islamic State หรือ IS เกิดขึ้นในอิรัคและซีเรีย ซึ่งนับว่าเป็นการคุกคาม ทั้งฝ่ายก๊วนชาวอ่าว ทั้งฝ่ายอิหร่าน ก็ทำให้บางประเทศในก๊วนชาวอ่าวเอง พยายามหาทางจับมือคุยกับอิหร่าน แหม ใครจะอยากเปิดศึกมันทุกด้าน
    เมื่อ ฮัสซัน รูฮานี่ Hassan Rouhani เข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีอิหร่าน เมื่อปี ค.ศ.2013 เขาบอกว่าภาระกิจสำคัญอันดับแรกของเขาคือ การพยายามที่จะคุยกับประเทศเล็กๆในก๊วนชาวอ่าว ให้มาร่วมมือกับอิหร่าน ในการแก้ปัญหาความมั่นคงของภูมิภาค และคูเวต เป็นประเทศแรกใน
ก๊วนชาวอ่าว ที่ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านไปเยี่ยม หลังจากเสร็จการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับกลุ่มพี่เบิ้ม แต่ถ้าดูแผนที่ ว่าคูเวต ตั้งอยู่ที่ไหนแล้ว ก็ต้องยอมรับว่า อิหร่านคิดไกล…
    อิหร่านบอกกับคูเวตว่า ประเทศเดียวจะแก้ปัญหาของภูมิภาคไม่ได้หรอก มันต้องร่วมมือกัน และต้องถือว่าการคุกคามประเทศใด คือการคุกคามทั้งภูมิภาค เราจึงต้องร่วมต่อสู้ด้วยกัน
    แต่การบอกกล่าวแบบนี้ของอิหร่าน กลับเจอศอกกลับ จากบางเสี้ยวของก๊วนชาวอ่าว ที่ซัดกลับว่า อิหร่านต่างหาก เป็นผู้สนับสนุนอาวุธ และให้การฝึกกับกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ ที่กำลังแซะความมั่นคงของบางประเทศในก๊วนชาวอ่าว แล้วแบบนี้จะพูดกันรู้เรื่องไหม อย่าว่าแต่จะร่วมมือกันเลย
    และอเมริกาก็คงยิ้มอยู่ในหน้า โอกาสเอาแต่ปั้มไม่เอาคน ยิ่งใกล้ความเป็นจริง … ถ้ารัสเซียไม่โผล่เข้ามาแทรกเรื่องซีเรียเสียก่อน อย่างไม่ทันรู้ตัว ตื่นไม่ทัน
    ###############
ตอน 2
    เมื่อซาอุดิอารเบีย เกิดอาการหน้ามืด ขานชื่อเรียกรวมพล เพื่อถล่มเยเมน ในปลายเดือนมีนาคม ต้นปี ค.ศ.2015 นั้น มีก๊วนชาวอ่าว 1 ราย คือ โอมาน ไม่มาร่วมรายการด้วย เรื่องนี้น่าสนใจมาก มันทำให้เห็นว่า แม้ในตะวันออกกลางเอง ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับขั้วอำนาจ
    โอมานเป็นประเทศไม่ใหญ่ ไม่เล็ก แต่โดยสภาพภูมิศาสตร์ถือว่า อยู่ในจุดที่ทั้งสำคัญและอันตราย เพราะโอมานอยู่ตรงปากอ่าวโอมาน ฝั่งตรงกันข้ามกับอิหร่าน คุมเชิงช่องแคบฮอร์มุส เส้นทางเดินของน้ำมัน ที่แออัดที่สุดในโลกด้วยกัน
    โอมาน แม้จะสังกัดก๊วนชาวอ่าว แต่การที่โอมานอยู่ฝั่งตรงกันข้าม กับปากอิหร่าน โอมานจึงมีสภาพเหมือนคนขี่รถจักรยานสองล้อ ถีบอยู่ตรงกลาง ระหว่างรถสิบล้อ 2 คัน ที่กำลังวิ่งแข่งกัน รักษาระยะไม่ดี มีหวังถูกเบียดบี้แหลกคาถนน แต่โอมาน ก็ดูเหมือนจะรักษาระยะได้ดีพอสมควร โดยเฉพาะหลังจากเกิดเทศกาลอาหรับสปริง ที่เสี่ยปั้มใหญ่ซาอุดิอารเบีย พยายามบีบมือชาวอ่าวตัวเล็กๆให้แน่นขึ้น เพราะไม่ไว้ใจ กลัวจะหลุดมือไปอิงฝั่งอิหร่าน ถึงขนาดยอมควักกระเป๋าหลายหน เพื่อสนับสนุนทั้งด้านอาวุธและด้านเศรษฐกิจให้ชาวอ่าวตัวเล็กๆ
    แต่โอมาน ถึงจะไม่รวย และเหมือนอยู่ใต้มือของซาอุ และแถมยังเป็นเพื่อนกับอเมริกาอีกด้วย แต่โอมานน่าจะขี่จักรยานระหว่างทางแคบเก่ง จึงยังคงค้าขาย และผูกสัมพันธ์กับอิหร่านไว้สม่ำเสมอ แม้อเมริกาจะพยายามทัดทาน ไม่ให้โอมานไปมีสัมพันธ์กับอิหร่าน แต่ดูเหมือนอเมริกาก็จะห้ามไม่สำเร็จ ยิ่งจะไปถามว่า เมื่อไหร่โอมานจะเป็นประชาธิปไตย เมื่อไหร่จะมีเลือกตั้ง อเมริกาคงไม่กล้าเสือก เพราะอะไร ก็ลองนึกดูกันนะครับ ใครมีของดี ก็ต้องรู้ตัว รู้จักใช้
    เพราะฉะนั้นใครที่ว่าอเมริกายิ่งใหญ่ เป็นพี่เบิ้ม แห่งค่ายประชาธิปไตย ใครไม่เป็นประชาธิปไตย กูคว่ำบาตรหมด ผมว่าน่าทุเรศครับ ถ้ามีใครมาเสือกยุ่ง ถามว่า เมื่อไหร่แดนสยามเราจะมีการเลือกตั้ง ฝากลุงตู่ศอกกลับด้วยนะครับ ว่า ไอ้ 6 ประเทศชาวอ่าว นอกจากไม่มีเลือกตั้ง ไม่รู้จักรัฐธรรมนูญ ยังใช้การปกครองแบบ ที่ผู้มีอำนาจปกครอง เป็นกษัตริย์ หรือสุลต่าน มีอำนาจสูงสุด ยิ่งกว่าเผด็จการเสียอีก ทำไมพวกมีงไม่ชวนกันไปคว่ำบาตรให้หมด มายุ่งอะไรกับประเทศผม
    จากข้อมูลของ Oil and Gas Journal ระบุว่า โอมานมีแหล่งพลังงานมากเป็นอันดับที่ 23 ของโลก แต่โอมานเอาไว้ขายเป็นรายได้ให้ประเทศ มากกว่าจะเอามาใช้ในประเทศ ย้อนไปตั้งแต่ ปี ค.ศ.2005 โอมานเรื่มซื้อแก๊สจากอิหร่านแล้ว และในปี ค.ศ.2007 โอมานก็ซื้อแก๊ส LNG จากอิหร่านด้วย ในช่วงนั้น โอมานเป็น 1 ใน 3 ประเทศ ที่ยังคงค้าขายกับอิหร่าน ขี่จักรยานในทางแคบไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจการกดดันของอเมริกา ที่จะให้โอมานไปซื้อแก๊สจากการ์ตาแทน
    และเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีข่าวว่า โอมานกับอิหร่านกำลังเดินหน้า ที่จะร่วมมือกันสร้างท่อส่งแก๊ส วิ่งตรงระหว่าง 2 ประเทศ ยาว 173 ไมล์ รอดใต้ทะเล เรื่องนี้เป็นข่าวมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ค.ศ.2013 ว่า ทั้ง 2 ประเทศ ทำบันทึกความเข้าใจกันไว้ แต่ยังไม่ได้ลงมือ
    แค่ไม่กี่วันหลังจาก การลงนามเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ โอมานก็ทำบันทึกข้อตกลงที่จะซื้อแก๊สจากอิหร่านประมาณ 20 ล้านคิวบิกเมตรต่อวัน เป็นระยะเวลา 25 ปี คิดเป็นมูลค่าทั้งหมด ประมาณ 6 หมื่นล้านเหรียญ! และตัวเลขนี้คงมีการเพิ่มขึ้นอีกมาก เมื่อท่อส่งแก๊สสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 2018 ค่าก่อสร้างท่อประมาณมูลค่า 1 พันล้านเหรียญ เป็นการลงทุนของโอมาน ที่เหมือนโอมานตัดสินใจโหนสิบล้อยี่ห้ออิหร่านไปแล้ว
    ###############
ตอน 3
    ปัจจุบัน ซาอุดิอารเบียขายทั้งน้ำมันและแก๊สให้แก่โอมาน มูลค่าประมาณ 1 พันล้านเหรียญต่อปี ไม่มีการลดราคา ไม่มีการแบ่งส่วนกำไร เสี่ยปั๊มใหญ่ หน้าใหญ่จริงเพื่อความมั่นคงของตัว แต่เค็มจังเวลาค้าขาย โอมานคงคิดแล้วว่า จ่ายค่าน้ำมันแก๊สทุกปีอย่างนี้ให้ลูกพี่ใหญ่ ก็คงอยู่เท่านี้ แต่ข้อเสนอของอิหร่าน เป็นการร่วมลงทุนในบริษัทที่จะตั้งร่วมกัน เพื่อขายแก็สอิหร่านที่ส่งมาตามท่อส่ง กำไรจากการขายแก๊สก็แบ่งกัน ด้วยวิธีนี้ โอมานจะได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการขายแก๊ส และมีแก๊สพอใช้ในประเทศด้วย
    สรุปว่า ค่ายรัสเซีย จีน อิหร่าน ใช้แผนยุทธศาสตร์ สู่ด้วยท่อส่งเหมือนกัน ท่อส่งไปที่ไหน เจ้าของบริเวณที่ท่อส่งไปถึง ที่เป็นเจ้าของร่วมกัน ก็ต้องช่วยดูแลให้ เพราะเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน แบบนี้ น่าจะดีกว่า สร้างขบวนการจราจล การแตกแยกขึ้นในประเทศเขา ระหว่างเขารบกัน ก็ถือโอกาสปล้นทรัพยากรเขาไปจนเกลี้ยง
    การที่โอมานไปตกลงกับอิหร่านแบบนี้ แน่นอน คงยิ่งทำให้ซาอุดิอารเบียหงุดหงิด อาการหลอนเรื่องอิหร่าน ยิ่งกำเริบหนัก แต่หลอนเรื่องอิหร่านจะเป็นใหญ่ในตะวันออกกลาง ดูเหมือนจะไม่น่าเสียวไส้เท่าเรื่อง กระเป๋าเสี่ยปั๊มใหญ่จะเบาหวิว…
    หลายปีที่ผ่านมา เสี่ยปั๊มใหญ่ถือว่ามีน้ำมันแยะ ขยายตลาดไปทั่ว และในราคาที่สูงลิ่ว ไม่มีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม เสี่ยปั๊มใหญ่เล่นเต็มอัตรา ถือว่าน้ำกำลังขึ้น แต่วันนี้ ดูเหมือนน้ำจะเริ่มลงเสียแล้ว น้ำมันเหลือประมาณ 44.2 และ 46.65 ต่อบาเรล (เป็นราคาที่แสดงของ ICE และ NYMEX ซึ่งปรากฏอยู่ในข้อมูลลงวันที่ 6 ตุลาคมที่ผมอ่าน ครับ) และทำให้ บัญชีรายรับของซาอุดิอารเบีย เริ่มแสดงรายการ ขาดทุน !!!
    แต่น้ำมันและแก๊สของอิหร่าน กำลังจะมีตลาดเพิ่มขึ้น (ขณะนี้ EU ยกเลิก การคว่ำบาตร ให้ผู้ผลิตน้ำมันของอิหร่านไป 2 รายแล้ว) ไม่ใช่แค่ว่า จะเป็นการเข้ามาเบียดตลาดของซาอุดิอารเบียเท่านั้น ถ้าอิหร่านยังสามารถรักษา ราคาขายที่ต่ำในระดับนี้ได้ต่อไปอีก ซาอุดิอารเบียมีหวังกระอัก และจะมีผลกระทบกับเศรษฐกิจของซาอุดิอารเบีย อย่างรุนแรง เพราะเศรษฐกิจของซาอุ พึ่งอยู่กับการขายน้ำมันอย่างเดียว และตอนนี้ เริ่มมีนักวิเคราะห์ ประเมินสถานะของซาอุแล้วว่า ถ้าสภาพตลาดน้ำมันยังเป็นอยู่เช่นนี้ต่อไปอีก 2 ปี โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง คงได้เห็นเสี่ยปั๊มใหญ่ ซาอุดิอารเบีย ล้มละลายแน่นอน….ฮู้ย….เดี๋ยวได้ขายอูฐแน่
    การจับมือระหว่างโอมานกับอิหร่าน สร้างท่อส่งแก๊ส จึงเหมือนหมัดชกใส่หน้าเสี่ยปั๊มใหญ่ แม้ไม่คว่ำ แต่ทำให้เซเหมือนกัน โอมาน เป็นที่ยอมรับจากผู้คนส่วนใหญ่ในความเป็นกลาง แต่ตอนนี้ เหมือนโอมาน จะเอียงออกมานอกกลุ่มชาวอ่าวค่อนข้างชัด เมื่อตอนที่เสี่ยปั๊มใหญ่เรียก ระดมพลไปถล่มเยเมน โอมานไม่ไปร่วม พอมีข้ออ้างได้ว่า โอมานเป็นกลาง ไม่อยากเข้าไปยุ่งในกิจการบ้านคนอื่น แต่การที่โอมานตกลงจับมือกับอิหร่าน เพื่อสร้างท่อส่งเแก๊ส นี่ เหมือนโอมานกำลังบอกใครว่า การคบกับอิหร่าน นอกจากไม่เป็นการคุกคามบ้านตัวแล้ว ดูเหมือนจะดีกับเศรษฐกิจของบ้านตัวเองเสียอีกด้วย
    เรื่องโอมาน คงไม่ทำให้ซาอุดิอารเบียกลุ้มใจรายเดียว คู่รักคู่ขุด ก็น่าจะกลุ้มใจด้วย ถ้าโอมานเอียงไปจับมือกับอิหร่าน โอกาสที่อเมริกาจะควบคุม ช่องแคบฮอร์มุส คงแทบจะเป็นเรื่องเพ้อ และเรื่องกลับเข้าไปใหญ่ในตะวันออกกลาง อาจจะเป็นเรื่องหลอนอเมริกาบ้าง คราวนี้ จะได้สมเป็นคู่รักคู่หลอนกันเลย ฮาจังวุ้ย
    แค่เรื่องโอมานนี่ ก็ทำให้เสียปั้มใหญ่เซแล้วนะ แต่เขาว่าข่าวร้ายเวลามา มันไม่มาเรื่องเดียวหรอก
    การ์ตา เสี่ยปั้มซ่าหนุ่มสำอางค์ ตอนแรกทำคึกคักไปร่วมกับเสี่ยปั้มใหญ่ ไล่ถล่มซีเรียจนเละ มาวันนี้ วันที่คุณพี่ปูตินเดินท่าหล่อ พากองทัพเรือ บก อากาศ ยาตราเข้าเข้ามาในตะวันออกกลาง เพื่อช่วยซีเรียเพื่อนเก่า ที่กำลังถูกรุมทึ้ง เขาว่า ตอนนี้การ์ตาเอง ก็กำลังเตรียมกลับลำ แอบไปเจรจากับอิหร่านแล้ว
    …พี่ครับ หลุมแก๊สเราหลุมเดียวกันนะครับ ลงทุนทำท่อส่งแก๊สร่วมกัน รวยด้วยกัน แทนที่จะรบกัน ดีไหมครับ เอาแบบ แฟร์ แฟร์ เลยนะพี่นะ ( นี่ผมเดาเอานะ ว่า เสี่ยรุ่นใหม่เขาคงจะพูดแบบนี้)
    ส่วน อินเดีย อีนี่ ก็มีข่าวว่า กำลังเจรจากับอิหร่านและโอมาน ให้ต่อท่อส่งแก๊ส ยาวไปถึงฝั่งอินเดียเสียด้วยเลย ตัดหน้าปากีสถาน ที่ก็มีแผนสร้างท่อส่งเหมือนกัน
    โอ้ย… ตอนนี้ใครไม่รู้จักยุทธศาสตร์ท่อส่ง โน่น ไปอยู่หลังเขา กับค่ายประชาธิปไตยคือการเลือกตั้งได้เลย เชยฉิบหาย โลกหมุนไปทุกวัน มึงคิดได้แต่ทวงเมื่อไหร่จะมีเลือกตั้ง….
    ซาอุดิอารเบีย ส่งน้ำมันให้อินเดียประมาณ ปีละ 29.2 พันล้านเหรียญ เงินจำนวนนี้ อาจหายไปจากบัญชีรายรับของเสี่ยปั้มใหญ่ และก็คงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับซาอุ อ๋อ…. มิน่า เสี่ยปั๊มใหญ่ถึงไม่พอใจ ดิ้นเร้าๆ ….. ผมนี่คิดช้าจัง ถ้าเขาตกลงเรื่องนิวเคลียร์กันได้ และมีการยกเลิกการคว่ำบาตร อิหร่านก็ติดปีก ยึดตลาดพลังงาน ซาอุดิอารเบีย ก็คงถลาลงดิน และอีก อ๋อ… มิน่า ตอนนี้อเมริกา ถึงเอาใจอีนี่แขกอินเดียจัง แต่เรื่องแขกอินเดียนี่ สุภาษิตไทยว่าไว้อย่างไร อเมริกาคงไม่รู้จัก ฮา อีกแล้ว แหม เขียนเรื่องนี้สนุกดีจัง เห็นความฉลาดของคุณพ่ออเมริกาของใครไม่รู้ หายเหี้ยนเลย
    ตลอดเวลาที่ผ่านมา ซาอุดิอารเบียกล่าวหาว่าอิหร่านยุแยงเพื่อแย่งความเป็นใหญ่ในตะวันออกกลาง นี่ถ้าเรื่องการ์ตาจะไปจับมือกับอิหร่าน เป็นจริง อาจมีชาวอ่าว ทะยอยแตกคอก ออกไปอีก มันไม่ใช่เรื่องประสาทหลอนแล้ว เรื่องหลอนจะกลายเป็นเรื่องจริง อย่างน้อยๆ การที่รัสเซียเดินเข้ามายืนเคียงอิหร่านในตะวันออกกลาง เพื่อช่วยซีเรียเพื่อนเก่า และอื่นๆ ผมว่า แค่นี้ก็คงทำให้เสี่ยปั๊มใหญ่ ระทมอยู่ในอกเอาเรื่อง นอกจากไม่มีเพื่อนรัก คู่รักมายืนเคียงแล้ว ยังมีแต่ข่าวลือ ข่าวร้ายออกมาเพิ่มไม่จบ เสี่ยปั๊มใหญ่จะทนระทมต่อไปไหวหรือครับ เป็นผมมีคู่รักใจจืดใส่ ยามยากแบบนี้ ถีบให้ตกเตียงไปเลยครับ
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
30 ต.ค. 2558
    เรื่อง แตกคอ แตกคอ “แตกคอ แตกคอก” ตอน 1 กำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน เหตุการณ์แถวบ้านยังไม่รู้จะออกหัวออกก้อย แต่วงพนันแถวบ้านผม เขาเอียงไปทางออกก้อยมากกว่านะ เอะ พูดถึงใครกันลุง ก็จะใครเสียอีกล่ะ เสี่ยปั๊มคนใหญ่ คนถูกข่าวลือเล่นใส่นั่นไงครับ วันนี้มาอีกแล้ว สื่ออังกฤษยังเล่นไม่เลิก บอกว่าพระญาติพระวงศ์กำลังร่วมกันทำหนังสือ เสนอให้ปลดกษัตริย์ ซาลมาน จากตำแหน่งกษัตริย์ คราวนี้ในหนังสือบอกชื่อมาเลยว่า ต้องการใครมาแทน แน่จริงๆ แถม 2 วันนี้ ยังเพิ่มข่าวให้อีกว่า มีเจ้าชายชาวซาอุดิ หลานกษัตริย์ ถูกจับที่เลบานอน เพราะขนยาบ้าหนักกว่า 2 ตัน มาในเครื่องบินส่วนตัว เล่นกันแรงจริง กลัวคุณพี่ปูตินเขาจะฉกเอาปั๊มไปครองก่อนหรือครับ ตะวันออกกลางกำลังระส่ำจริงๆ เอาแค่เฉพาะพวกที่ลากกันมาจับมือ เมื่อปี ค.ศ.1981 ต้ังก๊วนชาวอ่าว the Gulf Cooperation Council (GCC) กันไม่ให้ใครออกอ่าวไปลำพัง ดูเผินๆ เหมือนรักกันจัง แต่เขาว่า นั้นมันหน้าฉาก ของจริงไม่ใช่อย่างที่ภาพออกมาหรอก ก๊วนริมอ่าวมีกัน 6 ประเทศ ลูกพี่ใหญ่ หรือปั๊มใหญ่สุด ก็ซาอุดิอารเบียนั่นเอง ที่มีเพื่อนรักในก๊วนอีกราย เป็นเหมือนลูกกระเดือกติดคอหอยคือ บาห์เรน 2 เสี่ยปั๊มนี่ เกลียดอิหร่านอย่างที่สุด มองว่าอิหร่านคือ นักล่า… อ้าว นั่นมันสมญาคู่รักคู่ขุด ของเสี่ยเองนะครับ อย่าไปปนกัน เดี๋ยวงอนผิดคน (ฮา) 2 เสี่ยปั๊มใหญ่บอกว่า อิหร่านเป็นตัวร้าย ความปั่นป่วนในตะวันกลางน่ะ มาจากฝีมือของอิหร่านทั้งนั้น เชื่อถือไม่ได้ ไว้ใจไม่ลง ถึงขนาดนั้นเอาเลย ซาอุดิ ถูกหลอนทั้งเวลาหลับเวลาตื่นว่า อิหร่านคู่แข่งตัวสำคัญ ในตะวันออกกลาง ทำทุกอย่างเพื่อแย่งความเป็นใหญ่ ในตะวันออกกลางไปจากซาอุดิอารเบีย ยิ่งอเมริกาไปเสียเวลามากมาย ในการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับอิหร่าน ซาอุก็มองว่า อเมริกากำลังอ่อนข้อ แถมเสียเชิงให้อิหร่านไปแล้วด้วย ทำเอาเสี่ยปั๊มใหญ่งอนกับอเมริกา จนถูกนินทาไปค่อนโลก แต่ชาวอ่าวอีก 3 รายคือ โอมาน การ์ตา และเอมิเรต ดูไบ บอกว่า เรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นนะ อิหร่านตกลงหยุดผลิตนิวเคลียร์ ก็ดีกับพวกเราไม่ใช่หรือ เราน่าคุยกับอิหร่านดีๆ ยังไงก็เป็นชาวตะวันออกกลางด้วยกัน จับมือกัน ทำการค้าด้วยกัน แบ่งพลังงานกันใช้ (ฮั่นแน่..) และร่วมมือกันเรื่องความมั่นคง ตั้งแต่มีกลุ่ม Islamic State หรือ IS เกิดขึ้นในอิรัคและซีเรีย ซึ่งนับว่าเป็นการคุกคาม ทั้งฝ่ายก๊วนชาวอ่าว ทั้งฝ่ายอิหร่าน ก็ทำให้บางประเทศในก๊วนชาวอ่าวเอง พยายามหาทางจับมือคุยกับอิหร่าน แหม ใครจะอยากเปิดศึกมันทุกด้าน เมื่อ ฮัสซัน รูฮานี่ Hassan Rouhani เข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีอิหร่าน เมื่อปี ค.ศ.2013 เขาบอกว่าภาระกิจสำคัญอันดับแรกของเขาคือ การพยายามที่จะคุยกับประเทศเล็กๆในก๊วนชาวอ่าว ให้มาร่วมมือกับอิหร่าน ในการแก้ปัญหาความมั่นคงของภูมิภาค และคูเวต เป็นประเทศแรกใน
ก๊วนชาวอ่าว ที่ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านไปเยี่ยม หลังจากเสร็จการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับกลุ่มพี่เบิ้ม แต่ถ้าดูแผนที่ ว่าคูเวต ตั้งอยู่ที่ไหนแล้ว ก็ต้องยอมรับว่า อิหร่านคิดไกล… อิหร่านบอกกับคูเวตว่า ประเทศเดียวจะแก้ปัญหาของภูมิภาคไม่ได้หรอก มันต้องร่วมมือกัน และต้องถือว่าการคุกคามประเทศใด คือการคุกคามทั้งภูมิภาค เราจึงต้องร่วมต่อสู้ด้วยกัน แต่การบอกกล่าวแบบนี้ของอิหร่าน กลับเจอศอกกลับ จากบางเสี้ยวของก๊วนชาวอ่าว ที่ซัดกลับว่า อิหร่านต่างหาก เป็นผู้สนับสนุนอาวุธ และให้การฝึกกับกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ ที่กำลังแซะความมั่นคงของบางประเทศในก๊วนชาวอ่าว แล้วแบบนี้จะพูดกันรู้เรื่องไหม อย่าว่าแต่จะร่วมมือกันเลย และอเมริกาก็คงยิ้มอยู่ในหน้า โอกาสเอาแต่ปั้มไม่เอาคน ยิ่งใกล้ความเป็นจริง … ถ้ารัสเซียไม่โผล่เข้ามาแทรกเรื่องซีเรียเสียก่อน อย่างไม่ทันรู้ตัว ตื่นไม่ทัน ###############
ตอน 2 เมื่อซาอุดิอารเบีย เกิดอาการหน้ามืด ขานชื่อเรียกรวมพล เพื่อถล่มเยเมน ในปลายเดือนมีนาคม ต้นปี ค.ศ.2015 นั้น มีก๊วนชาวอ่าว 1 ราย คือ โอมาน ไม่มาร่วมรายการด้วย เรื่องนี้น่าสนใจมาก มันทำให้เห็นว่า แม้ในตะวันออกกลางเอง ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับขั้วอำนาจ โอมานเป็นประเทศไม่ใหญ่ ไม่เล็ก แต่โดยสภาพภูมิศาสตร์ถือว่า อยู่ในจุดที่ทั้งสำคัญและอันตราย เพราะโอมานอยู่ตรงปากอ่าวโอมาน ฝั่งตรงกันข้ามกับอิหร่าน คุมเชิงช่องแคบฮอร์มุส เส้นทางเดินของน้ำมัน ที่แออัดที่สุดในโลกด้วยกัน โอมาน แม้จะสังกัดก๊วนชาวอ่าว แต่การที่โอมานอยู่ฝั่งตรงกันข้าม กับปากอิหร่าน โอมานจึงมีสภาพเหมือนคนขี่รถจักรยานสองล้อ ถีบอยู่ตรงกลาง ระหว่างรถสิบล้อ 2 คัน ที่กำลังวิ่งแข่งกัน รักษาระยะไม่ดี มีหวังถูกเบียดบี้แหลกคาถนน แต่โอมาน ก็ดูเหมือนจะรักษาระยะได้ดีพอสมควร โดยเฉพาะหลังจากเกิดเทศกาลอาหรับสปริง ที่เสี่ยปั้มใหญ่ซาอุดิอารเบีย พยายามบีบมือชาวอ่าวตัวเล็กๆให้แน่นขึ้น เพราะไม่ไว้ใจ กลัวจะหลุดมือไปอิงฝั่งอิหร่าน ถึงขนาดยอมควักกระเป๋าหลายหน เพื่อสนับสนุนทั้งด้านอาวุธและด้านเศรษฐกิจให้ชาวอ่าวตัวเล็กๆ แต่โอมาน ถึงจะไม่รวย และเหมือนอยู่ใต้มือของซาอุ และแถมยังเป็นเพื่อนกับอเมริกาอีกด้วย แต่โอมานน่าจะขี่จักรยานระหว่างทางแคบเก่ง จึงยังคงค้าขาย และผูกสัมพันธ์กับอิหร่านไว้สม่ำเสมอ แม้อเมริกาจะพยายามทัดทาน ไม่ให้โอมานไปมีสัมพันธ์กับอิหร่าน แต่ดูเหมือนอเมริกาก็จะห้ามไม่สำเร็จ ยิ่งจะไปถามว่า เมื่อไหร่โอมานจะเป็นประชาธิปไตย เมื่อไหร่จะมีเลือกตั้ง อเมริกาคงไม่กล้าเสือก เพราะอะไร ก็ลองนึกดูกันนะครับ ใครมีของดี ก็ต้องรู้ตัว รู้จักใช้ เพราะฉะนั้นใครที่ว่าอเมริกายิ่งใหญ่ เป็นพี่เบิ้ม แห่งค่ายประชาธิปไตย ใครไม่เป็นประชาธิปไตย กูคว่ำบาตรหมด ผมว่าน่าทุเรศครับ ถ้ามีใครมาเสือกยุ่ง ถามว่า เมื่อไหร่แดนสยามเราจะมีการเลือกตั้ง ฝากลุงตู่ศอกกลับด้วยนะครับ ว่า ไอ้ 6 ประเทศชาวอ่าว นอกจากไม่มีเลือกตั้ง ไม่รู้จักรัฐธรรมนูญ ยังใช้การปกครองแบบ ที่ผู้มีอำนาจปกครอง เป็นกษัตริย์ หรือสุลต่าน มีอำนาจสูงสุด ยิ่งกว่าเผด็จการเสียอีก ทำไมพวกมีงไม่ชวนกันไปคว่ำบาตรให้หมด มายุ่งอะไรกับประเทศผม จากข้อมูลของ Oil and Gas Journal ระบุว่า โอมานมีแหล่งพลังงานมากเป็นอันดับที่ 23 ของโลก แต่โอมานเอาไว้ขายเป็นรายได้ให้ประเทศ มากกว่าจะเอามาใช้ในประเทศ ย้อนไปตั้งแต่ ปี ค.ศ.2005 โอมานเรื่มซื้อแก๊สจากอิหร่านแล้ว และในปี ค.ศ.2007 โอมานก็ซื้อแก๊ส LNG จากอิหร่านด้วย ในช่วงนั้น โอมานเป็น 1 ใน 3 ประเทศ ที่ยังคงค้าขายกับอิหร่าน ขี่จักรยานในทางแคบไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจการกดดันของอเมริกา ที่จะให้โอมานไปซื้อแก๊สจากการ์ตาแทน และเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีข่าวว่า โอมานกับอิหร่านกำลังเดินหน้า ที่จะร่วมมือกันสร้างท่อส่งแก๊ส วิ่งตรงระหว่าง 2 ประเทศ ยาว 173 ไมล์ รอดใต้ทะเล เรื่องนี้เป็นข่าวมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ค.ศ.2013 ว่า ทั้ง 2 ประเทศ ทำบันทึกความเข้าใจกันไว้ แต่ยังไม่ได้ลงมือ แค่ไม่กี่วันหลังจาก การลงนามเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ โอมานก็ทำบันทึกข้อตกลงที่จะซื้อแก๊สจากอิหร่านประมาณ 20 ล้านคิวบิกเมตรต่อวัน เป็นระยะเวลา 25 ปี คิดเป็นมูลค่าทั้งหมด ประมาณ 6 หมื่นล้านเหรียญ! และตัวเลขนี้คงมีการเพิ่มขึ้นอีกมาก เมื่อท่อส่งแก๊สสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 2018 ค่าก่อสร้างท่อประมาณมูลค่า 1 พันล้านเหรียญ เป็นการลงทุนของโอมาน ที่เหมือนโอมานตัดสินใจโหนสิบล้อยี่ห้ออิหร่านไปแล้ว ###############
ตอน 3 ปัจจุบัน ซาอุดิอารเบียขายทั้งน้ำมันและแก๊สให้แก่โอมาน มูลค่าประมาณ 1 พันล้านเหรียญต่อปี ไม่มีการลดราคา ไม่มีการแบ่งส่วนกำไร เสี่ยปั๊มใหญ่ หน้าใหญ่จริงเพื่อความมั่นคงของตัว แต่เค็มจังเวลาค้าขาย โอมานคงคิดแล้วว่า จ่ายค่าน้ำมันแก๊สทุกปีอย่างนี้ให้ลูกพี่ใหญ่ ก็คงอยู่เท่านี้ แต่ข้อเสนอของอิหร่าน เป็นการร่วมลงทุนในบริษัทที่จะตั้งร่วมกัน เพื่อขายแก็สอิหร่านที่ส่งมาตามท่อส่ง กำไรจากการขายแก๊สก็แบ่งกัน ด้วยวิธีนี้ โอมานจะได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการขายแก๊ส และมีแก๊สพอใช้ในประเทศด้วย สรุปว่า ค่ายรัสเซีย จีน อิหร่าน ใช้แผนยุทธศาสตร์ สู่ด้วยท่อส่งเหมือนกัน ท่อส่งไปที่ไหน เจ้าของบริเวณที่ท่อส่งไปถึง ที่เป็นเจ้าของร่วมกัน ก็ต้องช่วยดูแลให้ เพราะเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน แบบนี้ น่าจะดีกว่า สร้างขบวนการจราจล การแตกแยกขึ้นในประเทศเขา ระหว่างเขารบกัน ก็ถือโอกาสปล้นทรัพยากรเขาไปจนเกลี้ยง การที่โอมานไปตกลงกับอิหร่านแบบนี้ แน่นอน คงยิ่งทำให้ซาอุดิอารเบียหงุดหงิด อาการหลอนเรื่องอิหร่าน ยิ่งกำเริบหนัก แต่หลอนเรื่องอิหร่านจะเป็นใหญ่ในตะวันออกกลาง ดูเหมือนจะไม่น่าเสียวไส้เท่าเรื่อง กระเป๋าเสี่ยปั๊มใหญ่จะเบาหวิว… หลายปีที่ผ่านมา เสี่ยปั๊มใหญ่ถือว่ามีน้ำมันแยะ ขยายตลาดไปทั่ว และในราคาที่สูงลิ่ว ไม่มีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม เสี่ยปั๊มใหญ่เล่นเต็มอัตรา ถือว่าน้ำกำลังขึ้น แต่วันนี้ ดูเหมือนน้ำจะเริ่มลงเสียแล้ว น้ำมันเหลือประมาณ 44.2 และ 46.65 ต่อบาเรล (เป็นราคาที่แสดงของ ICE และ NYMEX ซึ่งปรากฏอยู่ในข้อมูลลงวันที่ 6 ตุลาคมที่ผมอ่าน ครับ) และทำให้ บัญชีรายรับของซาอุดิอารเบีย เริ่มแสดงรายการ ขาดทุน !!! แต่น้ำมันและแก๊สของอิหร่าน กำลังจะมีตลาดเพิ่มขึ้น (ขณะนี้ EU ยกเลิก การคว่ำบาตร ให้ผู้ผลิตน้ำมันของอิหร่านไป 2 รายแล้ว) ไม่ใช่แค่ว่า จะเป็นการเข้ามาเบียดตลาดของซาอุดิอารเบียเท่านั้น ถ้าอิหร่านยังสามารถรักษา ราคาขายที่ต่ำในระดับนี้ได้ต่อไปอีก ซาอุดิอารเบียมีหวังกระอัก และจะมีผลกระทบกับเศรษฐกิจของซาอุดิอารเบีย อย่างรุนแรง เพราะเศรษฐกิจของซาอุ พึ่งอยู่กับการขายน้ำมันอย่างเดียว และตอนนี้ เริ่มมีนักวิเคราะห์ ประเมินสถานะของซาอุแล้วว่า ถ้าสภาพตลาดน้ำมันยังเป็นอยู่เช่นนี้ต่อไปอีก 2 ปี โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง คงได้เห็นเสี่ยปั๊มใหญ่ ซาอุดิอารเบีย ล้มละลายแน่นอน….ฮู้ย….เดี๋ยวได้ขายอูฐแน่ การจับมือระหว่างโอมานกับอิหร่าน สร้างท่อส่งแก๊ส จึงเหมือนหมัดชกใส่หน้าเสี่ยปั๊มใหญ่ แม้ไม่คว่ำ แต่ทำให้เซเหมือนกัน โอมาน เป็นที่ยอมรับจากผู้คนส่วนใหญ่ในความเป็นกลาง แต่ตอนนี้ เหมือนโอมาน จะเอียงออกมานอกกลุ่มชาวอ่าวค่อนข้างชัด เมื่อตอนที่เสี่ยปั๊มใหญ่เรียก ระดมพลไปถล่มเยเมน โอมานไม่ไปร่วม พอมีข้ออ้างได้ว่า โอมานเป็นกลาง ไม่อยากเข้าไปยุ่งในกิจการบ้านคนอื่น แต่การที่โอมานตกลงจับมือกับอิหร่าน เพื่อสร้างท่อส่งเแก๊ส นี่ เหมือนโอมานกำลังบอกใครว่า การคบกับอิหร่าน นอกจากไม่เป็นการคุกคามบ้านตัวแล้ว ดูเหมือนจะดีกับเศรษฐกิจของบ้านตัวเองเสียอีกด้วย เรื่องโอมาน คงไม่ทำให้ซาอุดิอารเบียกลุ้มใจรายเดียว คู่รักคู่ขุด ก็น่าจะกลุ้มใจด้วย ถ้าโอมานเอียงไปจับมือกับอิหร่าน โอกาสที่อเมริกาจะควบคุม ช่องแคบฮอร์มุส คงแทบจะเป็นเรื่องเพ้อ และเรื่องกลับเข้าไปใหญ่ในตะวันออกกลาง อาจจะเป็นเรื่องหลอนอเมริกาบ้าง คราวนี้ จะได้สมเป็นคู่รักคู่หลอนกันเลย ฮาจังวุ้ย แค่เรื่องโอมานนี่ ก็ทำให้เสียปั้มใหญ่เซแล้วนะ แต่เขาว่าข่าวร้ายเวลามา มันไม่มาเรื่องเดียวหรอก การ์ตา เสี่ยปั้มซ่าหนุ่มสำอางค์ ตอนแรกทำคึกคักไปร่วมกับเสี่ยปั้มใหญ่ ไล่ถล่มซีเรียจนเละ มาวันนี้ วันที่คุณพี่ปูตินเดินท่าหล่อ พากองทัพเรือ บก อากาศ ยาตราเข้าเข้ามาในตะวันออกกลาง เพื่อช่วยซีเรียเพื่อนเก่า ที่กำลังถูกรุมทึ้ง เขาว่า ตอนนี้การ์ตาเอง ก็กำลังเตรียมกลับลำ แอบไปเจรจากับอิหร่านแล้ว …พี่ครับ หลุมแก๊สเราหลุมเดียวกันนะครับ ลงทุนทำท่อส่งแก๊สร่วมกัน รวยด้วยกัน แทนที่จะรบกัน ดีไหมครับ เอาแบบ แฟร์ แฟร์ เลยนะพี่นะ ( นี่ผมเดาเอานะ ว่า เสี่ยรุ่นใหม่เขาคงจะพูดแบบนี้) ส่วน อินเดีย อีนี่ ก็มีข่าวว่า กำลังเจรจากับอิหร่านและโอมาน ให้ต่อท่อส่งแก๊ส ยาวไปถึงฝั่งอินเดียเสียด้วยเลย ตัดหน้าปากีสถาน ที่ก็มีแผนสร้างท่อส่งเหมือนกัน โอ้ย… ตอนนี้ใครไม่รู้จักยุทธศาสตร์ท่อส่ง โน่น ไปอยู่หลังเขา กับค่ายประชาธิปไตยคือการเลือกตั้งได้เลย เชยฉิบหาย โลกหมุนไปทุกวัน มึงคิดได้แต่ทวงเมื่อไหร่จะมีเลือกตั้ง…. ซาอุดิอารเบีย ส่งน้ำมันให้อินเดียประมาณ ปีละ 29.2 พันล้านเหรียญ เงินจำนวนนี้ อาจหายไปจากบัญชีรายรับของเสี่ยปั้มใหญ่ และก็คงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับซาอุ อ๋อ…. มิน่า เสี่ยปั๊มใหญ่ถึงไม่พอใจ ดิ้นเร้าๆ ….. ผมนี่คิดช้าจัง ถ้าเขาตกลงเรื่องนิวเคลียร์กันได้ และมีการยกเลิกการคว่ำบาตร อิหร่านก็ติดปีก ยึดตลาดพลังงาน ซาอุดิอารเบีย ก็คงถลาลงดิน และอีก อ๋อ… มิน่า ตอนนี้อเมริกา ถึงเอาใจอีนี่แขกอินเดียจัง แต่เรื่องแขกอินเดียนี่ สุภาษิตไทยว่าไว้อย่างไร อเมริกาคงไม่รู้จัก ฮา อีกแล้ว แหม เขียนเรื่องนี้สนุกดีจัง เห็นความฉลาดของคุณพ่ออเมริกาของใครไม่รู้ หายเหี้ยนเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมา ซาอุดิอารเบียกล่าวหาว่าอิหร่านยุแยงเพื่อแย่งความเป็นใหญ่ในตะวันออกกลาง นี่ถ้าเรื่องการ์ตาจะไปจับมือกับอิหร่าน เป็นจริง อาจมีชาวอ่าว ทะยอยแตกคอก ออกไปอีก มันไม่ใช่เรื่องประสาทหลอนแล้ว เรื่องหลอนจะกลายเป็นเรื่องจริง อย่างน้อยๆ การที่รัสเซียเดินเข้ามายืนเคียงอิหร่านในตะวันออกกลาง เพื่อช่วยซีเรียเพื่อนเก่า และอื่นๆ ผมว่า แค่นี้ก็คงทำให้เสี่ยปั๊มใหญ่ ระทมอยู่ในอกเอาเรื่อง นอกจากไม่มีเพื่อนรัก คู่รักมายืนเคียงแล้ว ยังมีแต่ข่าวลือ ข่าวร้ายออกมาเพิ่มไม่จบ เสี่ยปั๊มใหญ่จะทนระทมต่อไปไหวหรือครับ เป็นผมมีคู่รักใจจืดใส่ ยามยากแบบนี้ ถีบให้ตกเตียงไปเลยครับ สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
30 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนสุดท้าย 5

    “ข่าวลือ ข่าวลวง’
    ตอนสุดท้าย 5
    กลับมาดูภูมิศาสตร์ตะวันออกกลางอีกหน่อย จุดยุทธศาสตร์สำคัญที่คุมตะวันออกกลาง ให้กลายเป็นง่อย ปั้มขึ้นสนิมทั้งหมด มีอยู่ 3 จุด (เหมือนจุดเพราะฉะนั้น จำง่ายดีครับ)
    จุดแรกคือ ช่องแคบฮอร์มุส ที่วันนี้ กองทัพเรืออิหร่านคุมเรียบร้อย จนโอมานที่อยู่ตรงกันข้าม ถึงกับขออยู่เป็นกลาง ขยับห่างจากซาอุดิอย่างไม่เกรงใจ ไม่ยุ่งเรื่องเยเมนด้วย (แต่ผมก็ยังไม่ค่อยวางใจโอมาน เรื่องนี้ต้องดูกันต่อ)
    จุดที่ 2 คือ ช่องแคบที่อ่าวเอเดนของเยเมน วันนี้ ซึ่งอาจจะกลายเป็นสมรภูมิใหม่ในตะวันออกกลาง นอกเหนือจากที่ซีเรีย เพราะรับรองว่าอเมริกาไม่ปล่อยมือเยเมนและไม่ปล่อยให้ซาอุเล่นเองอีกต่อไป ขณะเดียวกันอิหร่าน รัสเซีย ก็คงไม่ดูเหตุการณ์ในเยเมนอยู่เฉยๆเหมือนกัน
    จุดที่ 3 คือ บริเวณทะเลเมดิเตอร์เรเนียนรอบซีเรีย และคงพอเข้าใจว่าทำไมในการเข้าไปปฏิบัติการณ์ช่วยซีเรีย รัสเซีย จึงใช้ทั้งฐานทัพที่ Latika และ Tartus วันนี้ ใครจะเคลื่อนทัพเรือเข้าใกล้ตะวันออกกลางด้านเมดิเตอร์เรเนียน ก็คงต้องเจอกับฝูงเครื่องบินรบ และกองทัพเรือของรัสเซีย และน่าจะรวมของจีน ที่ไปฝึกร่วมกันกับรัสเซีย เมื่อเดือนสิงหาคม ถ้าจำกันได้ และจนบัดนี้ กองเรือของทั้ง 2 เขี้ยว ยังไม่ได้กลับบ้านเลย ยังอาบแดด อยู่แถวเมดิเตอร์เรเนียนนั่นแหละ
    หัวโจกใหญ่ในตะวันออกกลาง มี 3 เจ้า อิหร่าน อิสราเอล และซาอุดิอารเบีย
    รายแรกคืออิหร่าน ไม่ต้องพูด อเมริกาคงรู้ตัวแล้วว่า ตัวเองถูกตุ๋นจนเปื่อยยุ่ย เสียเวลาไป 2 ปี ตอนนี้ไม่มีใครพูดเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ดีล ปี๊บคลุมหัวคงขาดแคลนแถวทำเนียบขาว กับแถวอียู นักเจรจา ที่ทำหน้าว่ากูเก่งนัก หายหัวไปไหนหมด
    รายที่ 2 อิสราเอล ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพูดถึงมาก เก่งแต่ปาก วันนี้แค่เห็นฝูงบินของรัสเซียโฉบผ่าน ก็กลับบ้านนอนคลุมโปงแล้ว ส่วนอเมริกาก็คงยังนึกไม่ออกว่า จะให้อิสราเอลรับบทไหน แค่กันไม่ให้กลุ่มฮามาส กับฮิสบอลเลาะห์เข้ามาถล่มหลังบ้านตัว อิสราเอลก็ไข้ขึ้นแล้ว แต่พอตั้งตัวได้ ก็คงมีบทบาทเอง เพราะอิสราเอลกับอเมริกา มันก็เหมือนคนเดียวกัน ประเทศเดียวกันอยู่แล้ว ถึงจะมีการหลอกใช้กัน แต่ก็ได้สมประโยชน์ด้วยกันถึงทุกวันนี้ แม้จะรำคาญหู แต่ก็ยังคงไม่ถึงตัดขาดกันตอนนี้ (แต่ต่อไป ไม่แน่ครับ)
    สำหรับรายที่ 3 ซาอุดิอารเบีย ดูเผินๆ เหมือนหมูในอวย อูฐในคอก แต่เอาเข้าจริง มันไม่แน่เสมอไป อเมริกาที่ว่าแน่ๆ บังคับเขาไปทั่วโลก ให้เป็นประชาธิปไตย ให้มีสิทธิเสรีภาพ ใครไม่เป็นอย่างที่อเมริกาต้องการ อเมริกาจัดการได้หมด จนวันนี้ อเมริกายังเปลี่ยนแนวคิด แนวปกครองซาอุดิอารเบียไม่ได้เลยจนนิดเดียว อเมริกาได้แต่นินทา เยาะเย้ย วันนี้ผู้หญิงชาวซาอุ ยังไม่มีสิทธิขับรถ แล้วมึงมาบังคับเรื่องประชาธิปไตย กับเสรีภาพอะไรกับบ้านผม
    เราอาจได้เห็นภาพ อเมริกาไปคุกเข่า เช็ดรองเท้าให้กษัตริย์ซาอุอีกที ดูรูปตอน 1 ที่ผมเอามาลงดีๆ อีกทีเถิดครับ เคยเห็นอเมริกานอบน้อมกับผู้ปกครองประเทศไหนเท่านี้บ้าง ตกลงไม่รู้ใครเป็นพรมเช็ดเท้าให้ใครกันแน่
    อเมริกาคงคิดหนัก จะไม่เอาคน เอาแต่ปั้ม อย่างที่วางแผนให้ตะวันออกกลางรบกันจนเละ ตายเกลี้ยงอย่างเดิมแล้วค่อยไปเอาปั้มอย่างเดิม แผนนี้อเมริกาชักไม่แน่ใจ ไอ้ที่ว่าถอนกองกำลังออกมาจากตะวันออกกลางแล้ว จะไม่ส่งกองทัพภาคพื้นดินเข้าไปยุ่ง คุณหน้าเต้าหู้ยี้ รัฐมนตรีกลาโหม ถึงออกมาแถลงข่าวแบบคนยังไม่สร่าง พูดไม่รู้เรื่อง ก็เพราะยังไม่รู้จะว่า พี่เบิ้มใบตองแห้ง จะใช้ยุทธศาสตร์อย่างไรดี
    ระหว่างที่อเมริกากำลังปวดหัว กับเดินหมากซีเรียของคุณพี่ปูติน ซาอุดิอารเบีย ก็เกิดเล่นบทแปลก ส่งเจ้าชายละอ่อน ไปเที่ยวรัสเซียเสีย 2 รอบ ไม่รู้คุยอะไรกันบ้าง แต่ออกข่าวว่า มีการทำสัญญาร่วมมือกัน 6,7 ฉบับ แบบนี้ ข่าวลือรอบ 2 ในปลายเดือนกันยายน จึงต้องออกมา เป็นการปรามว่า ให้เห็นหัวกันบ้าง เรื่องเยเมนก็เกือบจะเสร็จอิหร่านไปแล้ว นี่ซาอุกำลังจะเดินเข้าปากรัสเซียอีกหรือ
    แต่กษัตริย์ซัลมานก็ยังเล่นเกมต่อ แม้จะโดนข่าวลือแรง และรู้ว่า ข่าวลือมาจากไหน สำหรับซาอุดิอารเบีย อาจจะมีทางเลือก วันนี้ไม่ไปซบอเมริกา ไม่พลัดกันเช็ดรองเท้าให้กัน แต่อิหร่านและรัสเซีย จะรับซาอุได้มากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับคนตะวันออกกลาง คุยกันเองรู้เรื่องไหม อยากปกครองกันเอง หรือให้คนนอกมากำกับตลอดไป แต่ผมคิดว่า อิหร่านคงไม่ได้พูดง่ายๆ ซาอุเอง ถ้าเรื่องมาก เล่นบทผิด คราวนี้แม้แต่อูฐก็อาจจะไม่เหลือ
    แต่สำหรับอเมริกา ที่จะกลับเข้ามาใหญ่ในตะวันออกกลางเหมือนเดิม บอกได้คำเดียวว่า เหนื่อย จะกลับเข้ามาทางไหน ถ้าซาอุดิอารเบีย เสี่ยปั๊มใหญ่ไม่เอาด้วยปั๊มเล็กปั๊มน้อย ก็ต้องเปลี่ยนท่าที และอย่าลืมจุดยุทธศาสตร์เพราะฉะนั้นของผม ถ้าฝ่ายไหนยึด 3 จุดนั้นได้ ฝ่ายนั้น ได้ตะวันออกกลางครับ
    เยเมนและเมดิเตอร์เรเนียน จึงน่าจะร้อนระอุขึ้นมา ถ้าพี่เบิ้มใบตองแห้ง ไม่คิดเหลือแต่ชื่อ…
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนสุดท้าย 5 “ข่าวลือ ข่าวลวง’ ตอนสุดท้าย 5 กลับมาดูภูมิศาสตร์ตะวันออกกลางอีกหน่อย จุดยุทธศาสตร์สำคัญที่คุมตะวันออกกลาง ให้กลายเป็นง่อย ปั้มขึ้นสนิมทั้งหมด มีอยู่ 3 จุด (เหมือนจุดเพราะฉะนั้น จำง่ายดีครับ) จุดแรกคือ ช่องแคบฮอร์มุส ที่วันนี้ กองทัพเรืออิหร่านคุมเรียบร้อย จนโอมานที่อยู่ตรงกันข้าม ถึงกับขออยู่เป็นกลาง ขยับห่างจากซาอุดิอย่างไม่เกรงใจ ไม่ยุ่งเรื่องเยเมนด้วย (แต่ผมก็ยังไม่ค่อยวางใจโอมาน เรื่องนี้ต้องดูกันต่อ) จุดที่ 2 คือ ช่องแคบที่อ่าวเอเดนของเยเมน วันนี้ ซึ่งอาจจะกลายเป็นสมรภูมิใหม่ในตะวันออกกลาง นอกเหนือจากที่ซีเรีย เพราะรับรองว่าอเมริกาไม่ปล่อยมือเยเมนและไม่ปล่อยให้ซาอุเล่นเองอีกต่อไป ขณะเดียวกันอิหร่าน รัสเซีย ก็คงไม่ดูเหตุการณ์ในเยเมนอยู่เฉยๆเหมือนกัน จุดที่ 3 คือ บริเวณทะเลเมดิเตอร์เรเนียนรอบซีเรีย และคงพอเข้าใจว่าทำไมในการเข้าไปปฏิบัติการณ์ช่วยซีเรีย รัสเซีย จึงใช้ทั้งฐานทัพที่ Latika และ Tartus วันนี้ ใครจะเคลื่อนทัพเรือเข้าใกล้ตะวันออกกลางด้านเมดิเตอร์เรเนียน ก็คงต้องเจอกับฝูงเครื่องบินรบ และกองทัพเรือของรัสเซีย และน่าจะรวมของจีน ที่ไปฝึกร่วมกันกับรัสเซีย เมื่อเดือนสิงหาคม ถ้าจำกันได้ และจนบัดนี้ กองเรือของทั้ง 2 เขี้ยว ยังไม่ได้กลับบ้านเลย ยังอาบแดด อยู่แถวเมดิเตอร์เรเนียนนั่นแหละ หัวโจกใหญ่ในตะวันออกกลาง มี 3 เจ้า อิหร่าน อิสราเอล และซาอุดิอารเบีย รายแรกคืออิหร่าน ไม่ต้องพูด อเมริกาคงรู้ตัวแล้วว่า ตัวเองถูกตุ๋นจนเปื่อยยุ่ย เสียเวลาไป 2 ปี ตอนนี้ไม่มีใครพูดเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ดีล ปี๊บคลุมหัวคงขาดแคลนแถวทำเนียบขาว กับแถวอียู นักเจรจา ที่ทำหน้าว่ากูเก่งนัก หายหัวไปไหนหมด รายที่ 2 อิสราเอล ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพูดถึงมาก เก่งแต่ปาก วันนี้แค่เห็นฝูงบินของรัสเซียโฉบผ่าน ก็กลับบ้านนอนคลุมโปงแล้ว ส่วนอเมริกาก็คงยังนึกไม่ออกว่า จะให้อิสราเอลรับบทไหน แค่กันไม่ให้กลุ่มฮามาส กับฮิสบอลเลาะห์เข้ามาถล่มหลังบ้านตัว อิสราเอลก็ไข้ขึ้นแล้ว แต่พอตั้งตัวได้ ก็คงมีบทบาทเอง เพราะอิสราเอลกับอเมริกา มันก็เหมือนคนเดียวกัน ประเทศเดียวกันอยู่แล้ว ถึงจะมีการหลอกใช้กัน แต่ก็ได้สมประโยชน์ด้วยกันถึงทุกวันนี้ แม้จะรำคาญหู แต่ก็ยังคงไม่ถึงตัดขาดกันตอนนี้ (แต่ต่อไป ไม่แน่ครับ) สำหรับรายที่ 3 ซาอุดิอารเบีย ดูเผินๆ เหมือนหมูในอวย อูฐในคอก แต่เอาเข้าจริง มันไม่แน่เสมอไป อเมริกาที่ว่าแน่ๆ บังคับเขาไปทั่วโลก ให้เป็นประชาธิปไตย ให้มีสิทธิเสรีภาพ ใครไม่เป็นอย่างที่อเมริกาต้องการ อเมริกาจัดการได้หมด จนวันนี้ อเมริกายังเปลี่ยนแนวคิด แนวปกครองซาอุดิอารเบียไม่ได้เลยจนนิดเดียว อเมริกาได้แต่นินทา เยาะเย้ย วันนี้ผู้หญิงชาวซาอุ ยังไม่มีสิทธิขับรถ แล้วมึงมาบังคับเรื่องประชาธิปไตย กับเสรีภาพอะไรกับบ้านผม เราอาจได้เห็นภาพ อเมริกาไปคุกเข่า เช็ดรองเท้าให้กษัตริย์ซาอุอีกที ดูรูปตอน 1 ที่ผมเอามาลงดีๆ อีกทีเถิดครับ เคยเห็นอเมริกานอบน้อมกับผู้ปกครองประเทศไหนเท่านี้บ้าง ตกลงไม่รู้ใครเป็นพรมเช็ดเท้าให้ใครกันแน่ อเมริกาคงคิดหนัก จะไม่เอาคน เอาแต่ปั้ม อย่างที่วางแผนให้ตะวันออกกลางรบกันจนเละ ตายเกลี้ยงอย่างเดิมแล้วค่อยไปเอาปั้มอย่างเดิม แผนนี้อเมริกาชักไม่แน่ใจ ไอ้ที่ว่าถอนกองกำลังออกมาจากตะวันออกกลางแล้ว จะไม่ส่งกองทัพภาคพื้นดินเข้าไปยุ่ง คุณหน้าเต้าหู้ยี้ รัฐมนตรีกลาโหม ถึงออกมาแถลงข่าวแบบคนยังไม่สร่าง พูดไม่รู้เรื่อง ก็เพราะยังไม่รู้จะว่า พี่เบิ้มใบตองแห้ง จะใช้ยุทธศาสตร์อย่างไรดี ระหว่างที่อเมริกากำลังปวดหัว กับเดินหมากซีเรียของคุณพี่ปูติน ซาอุดิอารเบีย ก็เกิดเล่นบทแปลก ส่งเจ้าชายละอ่อน ไปเที่ยวรัสเซียเสีย 2 รอบ ไม่รู้คุยอะไรกันบ้าง แต่ออกข่าวว่า มีการทำสัญญาร่วมมือกัน 6,7 ฉบับ แบบนี้ ข่าวลือรอบ 2 ในปลายเดือนกันยายน จึงต้องออกมา เป็นการปรามว่า ให้เห็นหัวกันบ้าง เรื่องเยเมนก็เกือบจะเสร็จอิหร่านไปแล้ว นี่ซาอุกำลังจะเดินเข้าปากรัสเซียอีกหรือ แต่กษัตริย์ซัลมานก็ยังเล่นเกมต่อ แม้จะโดนข่าวลือแรง และรู้ว่า ข่าวลือมาจากไหน สำหรับซาอุดิอารเบีย อาจจะมีทางเลือก วันนี้ไม่ไปซบอเมริกา ไม่พลัดกันเช็ดรองเท้าให้กัน แต่อิหร่านและรัสเซีย จะรับซาอุได้มากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับคนตะวันออกกลาง คุยกันเองรู้เรื่องไหม อยากปกครองกันเอง หรือให้คนนอกมากำกับตลอดไป แต่ผมคิดว่า อิหร่านคงไม่ได้พูดง่ายๆ ซาอุเอง ถ้าเรื่องมาก เล่นบทผิด คราวนี้แม้แต่อูฐก็อาจจะไม่เหลือ แต่สำหรับอเมริกา ที่จะกลับเข้ามาใหญ่ในตะวันออกกลางเหมือนเดิม บอกได้คำเดียวว่า เหนื่อย จะกลับเข้ามาทางไหน ถ้าซาอุดิอารเบีย เสี่ยปั๊มใหญ่ไม่เอาด้วยปั๊มเล็กปั๊มน้อย ก็ต้องเปลี่ยนท่าที และอย่าลืมจุดยุทธศาสตร์เพราะฉะนั้นของผม ถ้าฝ่ายไหนยึด 3 จุดนั้นได้ ฝ่ายนั้น ได้ตะวันออกกลางครับ เยเมนและเมดิเตอร์เรเนียน จึงน่าจะร้อนระอุขึ้นมา ถ้าพี่เบิ้มใบตองแห้ง ไม่คิดเหลือแต่ชื่อ… สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนสุดท้าย 4

    “ข่าวลือ ข่าวลวง’
    ตอนสุดท้าย 4
    เยเมน ประเทศเล็กๆ ที่อยู่ติดกับทางใต้ของซาอุดิอารเบีย มีทะเลแดงอยู่ทางทิศตะวันตก มีอ่าวเอเดนอยู่ทางใต้ เป็นปากทางออกไปสู่ทะเลอารเบียน อ่าวเอเดน เป็นจุดที่มีเรือบรรทุกน้ำมันแล่นผ่านมากที่สุด รองจาก ช่องแคบฮอร์มุส ที่อิหร่านคุมอยู่ แม้จะเทียบกับฮอร์มุสไม่ได้ ในด้านการเป็นเส้นทางส่งน้ำมันที่แออัด แต่อเมริกาก็จะปล่อยให้ใครมาคุมอ่าวเอเดน และเยเมนไม่ได้อยู่ดี เพราะเยเมนยังมีความสำคัญในเชิงภูมิศาสตร์การเมือง โดยเฉพาะในยามนี้….
    ความสำคัญของเยเมน คือสภาพภูมิศาสตร์ที่ตั้ง ที่เรารู้กันแล้วว่า เยเมนคุมจุดรัดคอ choke point ที่ทะเลแดง Bab el-Mandeb อันเป็นเส้นทางส่งน้ำมันสำคัญของซาอุดิอารเบีย ที่จะออกมาสู่มหาสมุทรอินเดีย เพื่อส่งให้ลูกค้าทางตะวันออกและแปซิฟิก และวิ่งขึ้นเหนือไปยังคลองสุเอซของอิยิปต์ เพื่อข้ามไปเมดิเตอร์เรเนียน ส่งให้กับลูกค้าทางยุโรป
    ความไม่สงบแถบจุดรัดคอ อาจทำให้เส้นทางไปคลองสุเอซเป็นอัมพาต รวมทั้งเส้นทางที่จะออกทางทะเลแดงด้วย เคยมีการประมาณว่า น้ำมันที่ผ่านช่องแคบนี้ไปยุโรป อเมริกาและเอเซีย ตกประมาณ 3.8 ล้านบาเรลต่อวัน
    นอกจากมีความสำคัญในด้านการส่งออกน้ำมันแล้ว ขณะนี้เยเมนยังอยู่ในสภาพที่เหมือนฝังไว้ด้วยระเบิดเวลา ที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกวัน เยเมนเป็นประเทศเล็ก มีพลเมืองมากถึง 26 ล้านคน และ 63% ของพลเมือง เป็นคนวัย 20 กว่า แบ่งเป็นสุนนี่ 65 % เป็นชีอะ 35 % ทั้ง 2 ฝ่ายยากจน กว่าครึ่งไม่มีงานทำ จึงเป็นเรื่องไม่ยาก ที่เยเมนกำลังถูกใช้เป็นสายชนวน ให้เกิดสงครามระหว่างนิกายของอิสลาม
    ถ้าสายชนวนนี้จุดติด เยเมนจะมีสภาพไม่ต่างกับอิรัคหรือซีเรีย และด้วยการมีอาณาเขตที่ยาวติดกับซาอุดิอารเบียถึงประมาณ 1 พันกิโลเมตร เยเมนที่เละวุ่นวาย คงไม่ใช่สิ่งที่ซาอุดิอารเบียต้องการ แต่ไม่แน่ว่า เป็นสิ่งที่อเมริกาต้องการหรือไม่
    แต่เดิม อเมริกาอาจต้องการเยเมนที่เละ และซาอุดิอารเบียที่เละ ตามทฤษฏีที่น่าเชื่อว่า อเมริกาตั้งใจสร้างสงครามและความไม่สงบในตะวันออกกลาง โดยการสร้างเรื่องต่างๆ ตั้งแต่กำจัดผู้นำเผด็จการ การสร้างเทศกาลอาหรับสปริง การสร้างผู้ก่อการร้ายสาระพัดพันธุ์ จนถึงสงครามระหว่างนิกาย เพื่อจะเอาแต่ปั้มน้ำมัน ไม่เอาคน
    แต่ตะวันออกกลาง ในวันที่อเมริกาคิดจะเอาแต่ปั้ม ไม่เอาคน กับตะวันออกกลางหลังวันนี้ ต่างกันคนละเรื่องแล้ว
    ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ.2015 วันที่คุณพี่ปูติน ส่งฝูงบินและกองเรือ เข้าไปในซีเรีย เพื่อจะไปช่วยซีเรียปราบกบฏและผู้ก่อการร้าย จะพันธุ์ไหนก็ตาม มันเป็นวันที่อำนาจการต่อรองในโลกนี้ เปลี่ยนจนเกือบจะกลับหลังหัน ถ้าเป็นวงการพนันขันต่อ เจ้ามืออาจเจ๊งเป็นแถวๆ
    วันนั้น ทำเนียบขาวน่าจะเงียบผิดปรกติ มันคงเกินฝรั่งออกงิ้ว อเมริการู้ว่า รัสเซียฟื้นเร็วเกิดคิด จีนโตเร็วเกินคาด และอิหร่านฉลาดกว่าที่(อเมริกา)
    จะหลอกซ้ำ และอเมริการู้ว่า ทั้ง 3 เขี้ยว จับมือกัน อเมริกาจึงวางแผนสาระพัด ที่จะเสี้ยม จะแยง จะอะไรก็ได้ ที่ให้ 3 เขี้ยวหลุดมือกัน อเมริกาเสียเวลาหลอกล่อเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์อยู่เกือบ 2 ปี และระหว่างนั้น อเมริกาก็วางแผนทำลายซีเรีย จุดสำคัญของ 3 เขี้ยวในตะวันออกกลาง
    แต่อเมริกา นึกไม่ถึงว่า แผนที่อเมริกาคิด และแผนที่อเมริกาจะใช้ ก็มีคนอื่นคิด และใช้เป็น และใช้ได้ผลกว่าอเมริกา วันนี้ ถ้าอเมริกาทิ้งคนในตะวันออกกลาง เพื่อเอาแต่ปั้ม รับรองมีคนเอาปั้มไปก่อนอเมริกาแน่
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนสุดท้าย 4 “ข่าวลือ ข่าวลวง’ ตอนสุดท้าย 4 เยเมน ประเทศเล็กๆ ที่อยู่ติดกับทางใต้ของซาอุดิอารเบีย มีทะเลแดงอยู่ทางทิศตะวันตก มีอ่าวเอเดนอยู่ทางใต้ เป็นปากทางออกไปสู่ทะเลอารเบียน อ่าวเอเดน เป็นจุดที่มีเรือบรรทุกน้ำมันแล่นผ่านมากที่สุด รองจาก ช่องแคบฮอร์มุส ที่อิหร่านคุมอยู่ แม้จะเทียบกับฮอร์มุสไม่ได้ ในด้านการเป็นเส้นทางส่งน้ำมันที่แออัด แต่อเมริกาก็จะปล่อยให้ใครมาคุมอ่าวเอเดน และเยเมนไม่ได้อยู่ดี เพราะเยเมนยังมีความสำคัญในเชิงภูมิศาสตร์การเมือง โดยเฉพาะในยามนี้…. ความสำคัญของเยเมน คือสภาพภูมิศาสตร์ที่ตั้ง ที่เรารู้กันแล้วว่า เยเมนคุมจุดรัดคอ choke point ที่ทะเลแดง Bab el-Mandeb อันเป็นเส้นทางส่งน้ำมันสำคัญของซาอุดิอารเบีย ที่จะออกมาสู่มหาสมุทรอินเดีย เพื่อส่งให้ลูกค้าทางตะวันออกและแปซิฟิก และวิ่งขึ้นเหนือไปยังคลองสุเอซของอิยิปต์ เพื่อข้ามไปเมดิเตอร์เรเนียน ส่งให้กับลูกค้าทางยุโรป ความไม่สงบแถบจุดรัดคอ อาจทำให้เส้นทางไปคลองสุเอซเป็นอัมพาต รวมทั้งเส้นทางที่จะออกทางทะเลแดงด้วย เคยมีการประมาณว่า น้ำมันที่ผ่านช่องแคบนี้ไปยุโรป อเมริกาและเอเซีย ตกประมาณ 3.8 ล้านบาเรลต่อวัน นอกจากมีความสำคัญในด้านการส่งออกน้ำมันแล้ว ขณะนี้เยเมนยังอยู่ในสภาพที่เหมือนฝังไว้ด้วยระเบิดเวลา ที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกวัน เยเมนเป็นประเทศเล็ก มีพลเมืองมากถึง 26 ล้านคน และ 63% ของพลเมือง เป็นคนวัย 20 กว่า แบ่งเป็นสุนนี่ 65 % เป็นชีอะ 35 % ทั้ง 2 ฝ่ายยากจน กว่าครึ่งไม่มีงานทำ จึงเป็นเรื่องไม่ยาก ที่เยเมนกำลังถูกใช้เป็นสายชนวน ให้เกิดสงครามระหว่างนิกายของอิสลาม ถ้าสายชนวนนี้จุดติด เยเมนจะมีสภาพไม่ต่างกับอิรัคหรือซีเรีย และด้วยการมีอาณาเขตที่ยาวติดกับซาอุดิอารเบียถึงประมาณ 1 พันกิโลเมตร เยเมนที่เละวุ่นวาย คงไม่ใช่สิ่งที่ซาอุดิอารเบียต้องการ แต่ไม่แน่ว่า เป็นสิ่งที่อเมริกาต้องการหรือไม่ แต่เดิม อเมริกาอาจต้องการเยเมนที่เละ และซาอุดิอารเบียที่เละ ตามทฤษฏีที่น่าเชื่อว่า อเมริกาตั้งใจสร้างสงครามและความไม่สงบในตะวันออกกลาง โดยการสร้างเรื่องต่างๆ ตั้งแต่กำจัดผู้นำเผด็จการ การสร้างเทศกาลอาหรับสปริง การสร้างผู้ก่อการร้ายสาระพัดพันธุ์ จนถึงสงครามระหว่างนิกาย เพื่อจะเอาแต่ปั้มน้ำมัน ไม่เอาคน แต่ตะวันออกกลาง ในวันที่อเมริกาคิดจะเอาแต่ปั้ม ไม่เอาคน กับตะวันออกกลางหลังวันนี้ ต่างกันคนละเรื่องแล้ว ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ.2015 วันที่คุณพี่ปูติน ส่งฝูงบินและกองเรือ เข้าไปในซีเรีย เพื่อจะไปช่วยซีเรียปราบกบฏและผู้ก่อการร้าย จะพันธุ์ไหนก็ตาม มันเป็นวันที่อำนาจการต่อรองในโลกนี้ เปลี่ยนจนเกือบจะกลับหลังหัน ถ้าเป็นวงการพนันขันต่อ เจ้ามืออาจเจ๊งเป็นแถวๆ วันนั้น ทำเนียบขาวน่าจะเงียบผิดปรกติ มันคงเกินฝรั่งออกงิ้ว อเมริการู้ว่า รัสเซียฟื้นเร็วเกิดคิด จีนโตเร็วเกินคาด และอิหร่านฉลาดกว่าที่(อเมริกา) จะหลอกซ้ำ และอเมริการู้ว่า ทั้ง 3 เขี้ยว จับมือกัน อเมริกาจึงวางแผนสาระพัด ที่จะเสี้ยม จะแยง จะอะไรก็ได้ ที่ให้ 3 เขี้ยวหลุดมือกัน อเมริกาเสียเวลาหลอกล่อเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์อยู่เกือบ 2 ปี และระหว่างนั้น อเมริกาก็วางแผนทำลายซีเรีย จุดสำคัญของ 3 เขี้ยวในตะวันออกกลาง แต่อเมริกา นึกไม่ถึงว่า แผนที่อเมริกาคิด และแผนที่อเมริกาจะใช้ ก็มีคนอื่นคิด และใช้เป็น และใช้ได้ผลกว่าอเมริกา วันนี้ ถ้าอเมริกาทิ้งคนในตะวันออกกลาง เพื่อเอาแต่ปั้ม รับรองมีคนเอาปั้มไปก่อนอเมริกาแน่ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนสุดท้าย 3

    “ข่าวลือ ข่าวลวง’
    ตอนสุดท้าย 3
    เรามาทำความเข้าใจ กับเรื่องเส้นทางขนส่งน้ำมันของตะวันออกกลางกันอีกทีก่อน ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจความจุกอกของอเมริกา และซาอุดิอารเบีย ชัดเจนขึ้น
    ตะวันออกกลางผลิตน้ำมันรวมกันทั้งหมดประมาณ 32 % ของ ปริมาณน้ำมันโลก ตามตัวเลขในปี ค.ศ.2013 เท่ากับประมาณ 28.3 พันล้านบาเรลต่อ วัน (bbl/d) และน้ำมันทั้งหมดดังกล่าว ส่งออกจากตะวันออกกลาง 2 ทาง
    ทางหนึ่งคือ ช่องแคบฮอร์มุส ที่เป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันที่แออัด ที่สุดในโลก ตัวเลขของ Energy Information Administration (EIA) ที่รายงานเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 ระบุว่า มีน้ำมันประมาณ 167 ล้านบาเรล ต่อวัน ผ่านช่องแคบนี้
    และ 85% ของน้ำมันที่ผ่านช่องแคบฮอร์มุสนี้ ส่งต่อไปยังตลาดเอเซีย ที่มีลูกค้ารายใหญ่คือ ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ และจีน
    ส่วนที่แคบที่สุดของช่องแคบฮอร์มุส หรือที่เรียกกันว่า จุดรัดคอ choke point กว้างแค่ 21 ไมล์ แต่มีส่วนที่มีความลึกพอให้เรือบรรทุกแล่นผ่านไป มา 2 ด้าน กว้างด้านละแค่ 2 ไมล์ โดยมีช่องห่างระหว่างกัน 2 ไมล์
    ถ้าไม่ใช้เรือขนส่งน้ำมัน ก็ต้องขนส่งทางท่อส่ง และในกลุ่มซาอุมีเพียง 2 ประเทศ ที่จะมีทางเลือกไปใช้ท่อส่งน้ำมันได้คือ ซาอุดิอารเบียกับเอมิเรตส์ เท่านั้น และน้ำมันที่จะส่งผ่านท่อรวมกัน 2 ประเทศ ได้แค่จำนวนไม่เกิน 4.3 ล้านบาเรลต่อวันเท่านั้น นอกจากนี้ท่อส่งของทั้ง 2 ประเทศไม่อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้สมบูรณ์ เนื่องจากความด้อยในการดูแลรักษา และเส้นทางท่อส่งก็จะต้องผ่านไปในเขตการต่อสู้ ที่มีอยู่มากมายในแถบนั้น
    ยิ่งไปกว่านั้น ท่อส่งอาจเจออุปสรรคอย่างอื่นอีกด้วย ท่อส่งของซาอุดิอารเบีย ส่งออกทางทะเลแดง ซึ่งยังมีปัญหาเกี่ยวกับเยเมน จึงมีความไม่แน่นอนว่า น้ำมันจะส่งผ่านทะเลแดงออกไปได้ไหม ส่วนท่อส่งของเอมิเรตส์ ก็ไปออกที่อ่าวของโอมาน ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนจะทำตัวเป็นกลาง เพราะเมื่อ ซาอุ เรียกให้มาถล่มร่วมเยเมนเมื่อเดือนมีนาคม โอมานบอกไม่ว่างไป …มาแปลกนี่
    แปลว่าน้ำมันของตะวันออกกลาง แม้จะผลิตได้มาก แต่ต้องพึ่งการขนส่ง ผ่านเส้นทางที่ผ่านช่องแคบฮอร์มุสสูงอย่างน่าตกใจ และที่น่าตกใจกว่าสำหรับอเมริกาคือ อเมริกายังไม่สามารถควบคุมช่องแคบฮอร์มุสได้ ….และดูเหมือนจะกลายเป็นฝ่ายอิหร่าน ที่ตอนนี้ คุมอยู่….
    อเมริการู้จุดอ่อนของตัว และความเสี่ยงนี้ดีอยู่แก่ใจ จึงพยายามลดการนำเข้าน้ำมันในประเทศตัว แต่จากรายงานของ EIA เมื่อต้นปี ค.ศ.2015 นี้เอง ระบุว่าในปี ค.ศ.2014 อเมริกายังนำเข้าน้ำมันเป็นจำนวน 27% ของการใช้ และจาก Annual Energy Outlook บอกว่า อเมริกายังจะต้องมีการนำเข้าเชื้อเพลิงชนิดเหลว ซึ่งจำเป็นสำหรับการขนส่งภายในประเทศของอเมริกา ต่อไปอีกถึงงปี ค.ศ.2040 และตัวเลขที่นำเข้า กลับจะเพิ่มเอาด้วยซ้ำ
    ตัวเลขเหล่านี้ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์
    แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนของอเมริกาคือ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของอเมริกา ยังจะต้องผูกติดอยู่กับการนำเข้าสินค้าทางอุตสาหกรรม เพราะอเมริกาแทบจะไม่ได้เป็นผู้ผลิตสินค้าส่วนใหญ่แล้ว และแม้ตัวเลขพวกนี้อาจต่างกันตามแหล่งที่มา แต่จากรายงานของ ซีไอเอ ที่ออกมาล่าสุด เมื่อ วันที่ 15 มีนาคม ค.ศ.2015 แสดงตัวเลขนำเข้าสินค้าของอเมริกา สูงถึง 2.27 ล้านล้านเหรียญ ในปี ค.ศ.2013 ซึ่งเป็นตัวเลขล่าสุดที่นำมาแสดงของอเมริกา
    (การนำเข้าจำนวนดังกล่าว เท่ากับ 13.6 % ของจีดีพีรวมจำนวน 16.72 ล้านล้านเหรียญ )
    การนำเข้าของอเมริกา แม้จะเป็นน้ำมันเพียง 8.2% แต่อีก 86.9 % เป็นสินค้า ที่เป็นผลผลิตทางอุตสาหกรรม และอย่างน้อย ประมาณ 35% ของสินค้านั้น ผลิตจากจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ซึ่งประเทศเหล่านี้ ต้องพึ่งน้ำมันจากตะวันออกกลาง
    ฮู้ย… พี่เบิ้ม ไหงใหญ่แบบ กลวงอย่างนี้ครับ
    (การพึ่งน้ำมันในทางอ้อม จากการนำเข้าของอเมริกาในจำนวนขนาดนี้ มีผลกระทบกับเศรษฐกิจของอเมริกา โดยติดลบสุทธิจากการนำเข้าสินค้า เป็นจำนวน 690 พันล้านเหรียญ เมื่อเทียบกับติดลบสุทธิการนำเข้าน้ำมันดิบจำนวน 186 พันล้านเหรียญ)
    ดูเหมือน เมื่อตอนที่อเมริกา เปลี่ยนนโยบาย (จริง หรือ หลอก) ที่จะไม่อุ้มตะวันออกกลาง คนร่างนโยบายของพี่เบิ้ม ใบตองแห้ง นักล่าผู้ยิ่งใหญ่ คงลืมไปว่า กำลังใช้เสื้อผ้า เข้าของ เครื่องมือเครื่องใช้ ฯลฯ ที่ผลิตนอกอเมริกาทั้งสิ้น เวร…
    ปัจจุบัน สินค้าที่อเมริกายังผลิตอยู่เองเป็นเรื่องเป็นราว ดูเหมือนจะมีแต่กระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ อาวุธตรานกอินทรีย์ ยาตรานกอินทรีย์ กับสื่อและการบันเทิงตรานกอินทรีย์ เท่านั้นเอง
    แต่จะผลิตกระดาษสีเขียวต่อ ก็ต้องมีอำนาจกับเศรษฐกิจหนุน ไม่ใช่มีแต่ลมปาก ตอนนี้อำนาจก็กำลังถูกท้าทาย ถ้าเศรษฐกิจดันสะดุด เพราะถูกเขาปิดเส้นทางส่งน้ำมัน… คิดแค่นี้ ผมก็เสียวแทนพี่เบิ้มใบตองแห้งจัง
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนสุดท้าย 3 “ข่าวลือ ข่าวลวง’ ตอนสุดท้าย 3 เรามาทำความเข้าใจ กับเรื่องเส้นทางขนส่งน้ำมันของตะวันออกกลางกันอีกทีก่อน ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจความจุกอกของอเมริกา และซาอุดิอารเบีย ชัดเจนขึ้น ตะวันออกกลางผลิตน้ำมันรวมกันทั้งหมดประมาณ 32 % ของ ปริมาณน้ำมันโลก ตามตัวเลขในปี ค.ศ.2013 เท่ากับประมาณ 28.3 พันล้านบาเรลต่อ วัน (bbl/d) และน้ำมันทั้งหมดดังกล่าว ส่งออกจากตะวันออกกลาง 2 ทาง ทางหนึ่งคือ ช่องแคบฮอร์มุส ที่เป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันที่แออัด ที่สุดในโลก ตัวเลขของ Energy Information Administration (EIA) ที่รายงานเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 ระบุว่า มีน้ำมันประมาณ 167 ล้านบาเรล ต่อวัน ผ่านช่องแคบนี้ และ 85% ของน้ำมันที่ผ่านช่องแคบฮอร์มุสนี้ ส่งต่อไปยังตลาดเอเซีย ที่มีลูกค้ารายใหญ่คือ ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ และจีน ส่วนที่แคบที่สุดของช่องแคบฮอร์มุส หรือที่เรียกกันว่า จุดรัดคอ choke point กว้างแค่ 21 ไมล์ แต่มีส่วนที่มีความลึกพอให้เรือบรรทุกแล่นผ่านไป มา 2 ด้าน กว้างด้านละแค่ 2 ไมล์ โดยมีช่องห่างระหว่างกัน 2 ไมล์ ถ้าไม่ใช้เรือขนส่งน้ำมัน ก็ต้องขนส่งทางท่อส่ง และในกลุ่มซาอุมีเพียง 2 ประเทศ ที่จะมีทางเลือกไปใช้ท่อส่งน้ำมันได้คือ ซาอุดิอารเบียกับเอมิเรตส์ เท่านั้น และน้ำมันที่จะส่งผ่านท่อรวมกัน 2 ประเทศ ได้แค่จำนวนไม่เกิน 4.3 ล้านบาเรลต่อวันเท่านั้น นอกจากนี้ท่อส่งของทั้ง 2 ประเทศไม่อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้สมบูรณ์ เนื่องจากความด้อยในการดูแลรักษา และเส้นทางท่อส่งก็จะต้องผ่านไปในเขตการต่อสู้ ที่มีอยู่มากมายในแถบนั้น ยิ่งไปกว่านั้น ท่อส่งอาจเจออุปสรรคอย่างอื่นอีกด้วย ท่อส่งของซาอุดิอารเบีย ส่งออกทางทะเลแดง ซึ่งยังมีปัญหาเกี่ยวกับเยเมน จึงมีความไม่แน่นอนว่า น้ำมันจะส่งผ่านทะเลแดงออกไปได้ไหม ส่วนท่อส่งของเอมิเรตส์ ก็ไปออกที่อ่าวของโอมาน ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนจะทำตัวเป็นกลาง เพราะเมื่อ ซาอุ เรียกให้มาถล่มร่วมเยเมนเมื่อเดือนมีนาคม โอมานบอกไม่ว่างไป …มาแปลกนี่ แปลว่าน้ำมันของตะวันออกกลาง แม้จะผลิตได้มาก แต่ต้องพึ่งการขนส่ง ผ่านเส้นทางที่ผ่านช่องแคบฮอร์มุสสูงอย่างน่าตกใจ และที่น่าตกใจกว่าสำหรับอเมริกาคือ อเมริกายังไม่สามารถควบคุมช่องแคบฮอร์มุสได้ ….และดูเหมือนจะกลายเป็นฝ่ายอิหร่าน ที่ตอนนี้ คุมอยู่…. อเมริการู้จุดอ่อนของตัว และความเสี่ยงนี้ดีอยู่แก่ใจ จึงพยายามลดการนำเข้าน้ำมันในประเทศตัว แต่จากรายงานของ EIA เมื่อต้นปี ค.ศ.2015 นี้เอง ระบุว่าในปี ค.ศ.2014 อเมริกายังนำเข้าน้ำมันเป็นจำนวน 27% ของการใช้ และจาก Annual Energy Outlook บอกว่า อเมริกายังจะต้องมีการนำเข้าเชื้อเพลิงชนิดเหลว ซึ่งจำเป็นสำหรับการขนส่งภายในประเทศของอเมริกา ต่อไปอีกถึงงปี ค.ศ.2040 และตัวเลขที่นำเข้า กลับจะเพิ่มเอาด้วยซ้ำ ตัวเลขเหล่านี้ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนของอเมริกาคือ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของอเมริกา ยังจะต้องผูกติดอยู่กับการนำเข้าสินค้าทางอุตสาหกรรม เพราะอเมริกาแทบจะไม่ได้เป็นผู้ผลิตสินค้าส่วนใหญ่แล้ว และแม้ตัวเลขพวกนี้อาจต่างกันตามแหล่งที่มา แต่จากรายงานของ ซีไอเอ ที่ออกมาล่าสุด เมื่อ วันที่ 15 มีนาคม ค.ศ.2015 แสดงตัวเลขนำเข้าสินค้าของอเมริกา สูงถึง 2.27 ล้านล้านเหรียญ ในปี ค.ศ.2013 ซึ่งเป็นตัวเลขล่าสุดที่นำมาแสดงของอเมริกา (การนำเข้าจำนวนดังกล่าว เท่ากับ 13.6 % ของจีดีพีรวมจำนวน 16.72 ล้านล้านเหรียญ ) การนำเข้าของอเมริกา แม้จะเป็นน้ำมันเพียง 8.2% แต่อีก 86.9 % เป็นสินค้า ที่เป็นผลผลิตทางอุตสาหกรรม และอย่างน้อย ประมาณ 35% ของสินค้านั้น ผลิตจากจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ซึ่งประเทศเหล่านี้ ต้องพึ่งน้ำมันจากตะวันออกกลาง ฮู้ย… พี่เบิ้ม ไหงใหญ่แบบ กลวงอย่างนี้ครับ (การพึ่งน้ำมันในทางอ้อม จากการนำเข้าของอเมริกาในจำนวนขนาดนี้ มีผลกระทบกับเศรษฐกิจของอเมริกา โดยติดลบสุทธิจากการนำเข้าสินค้า เป็นจำนวน 690 พันล้านเหรียญ เมื่อเทียบกับติดลบสุทธิการนำเข้าน้ำมันดิบจำนวน 186 พันล้านเหรียญ) ดูเหมือน เมื่อตอนที่อเมริกา เปลี่ยนนโยบาย (จริง หรือ หลอก) ที่จะไม่อุ้มตะวันออกกลาง คนร่างนโยบายของพี่เบิ้ม ใบตองแห้ง นักล่าผู้ยิ่งใหญ่ คงลืมไปว่า กำลังใช้เสื้อผ้า เข้าของ เครื่องมือเครื่องใช้ ฯลฯ ที่ผลิตนอกอเมริกาทั้งสิ้น เวร… ปัจจุบัน สินค้าที่อเมริกายังผลิตอยู่เองเป็นเรื่องเป็นราว ดูเหมือนจะมีแต่กระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ อาวุธตรานกอินทรีย์ ยาตรานกอินทรีย์ กับสื่อและการบันเทิงตรานกอินทรีย์ เท่านั้นเอง แต่จะผลิตกระดาษสีเขียวต่อ ก็ต้องมีอำนาจกับเศรษฐกิจหนุน ไม่ใช่มีแต่ลมปาก ตอนนี้อำนาจก็กำลังถูกท้าทาย ถ้าเศรษฐกิจดันสะดุด เพราะถูกเขาปิดเส้นทางส่งน้ำมัน… คิดแค่นี้ ผมก็เสียวแทนพี่เบิ้มใบตองแห้งจัง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนสุดท้าย 2

    “ข่าวลือ ข่าวลวง’
    ตอนสุดท้าย 2
    ซาอุดิอารเบีย เริ่มถล่มเยเมนไปแล้วตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม แต่ใบตองแห้งไม่มีออกมาโวย แถมมีข่าวว่า จรวดซาอุ ดันลงไปที่ฐานทัพของหน่วยรบพิเศษของอเมริกา ตายกันระเนระนาดอีกด้วย อเมริกาก็ยังหุบปากเงียบ ไม่แอะออกมา ไปเปิดกูเกิลอ่านได้เลยครับ เพราะฉะนั้น ประเด็นเรื่องอเมริกาไม่พอใจ ที่ซาอุดิอารเบีย ไปถล่มเยเมน ก็ตัดทิ้งไปได้ ไม่ว่าจะเป็นไก่อ่อนสั่ง หรือเก๋าเขี้ยวยาวพันธ์ไหนสั่ง มันต้องได้ไฟเขียวจากอเมริกาแน่นอน
    แล้วมีการปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับราชวงศ์ ออกมาทำไม เรื่องมงกูฏราชกุมารก็ พอรับได้ เรื่องเยเมนก็ไม่มีปัญหา
    กลับมาดู ช่วงเวลาของการปล่อยข่าวลืออีกที
    การปล่อยข่าวชุดแรก เริ่มมีขึ้น “หลัง” วันที่ 29 เมษายน ค.ศ.2015 ซึ่งเป็นวันที่กษัตริย์ซาลมานออกประกาศช๊อคผู้คนทั้งซาอุดิอารเบีย และตะวันออกกลาง และที่อาจจะช็อคมากกว่าตะวันออกกลางคือ ที่ทำเนียบขาวของอเมริกา
    เช้ามืดของวันที่ 29 เมษายน ค.ศ.2015 กษัตริย์ซาลมาน ออกประกาศ ปลดมงกุฏราชกุมารลำดับ 1 คือ เจ้าชายมุคริน ออกจากตำแหน่ง โดยไม่ให้เหตุผลและ แต่งตั้งให้ เจ้าชาย บิน นาเยฟ ขึ้นเป็นมงกุฏราชกุมารลำดับ 1 แทน พร้อมกับแต่งตั้งเจ้าชาย บิน ซาลมาน ลูกชาย วัยไม่ถึง 30 ของกษัตริย์ซาลมาน ให้เป็นมงกฏราชกุมารลำดับ 2 พร้อมกับให้ดูแลกิจการน้ำมันของซาอุดิอารเบียอีกด้วย
    ข่าวนี้ ทำให้ได้เห็นฝรั่งเล่นงิ้วเต็มทางเดินในทำเนียบที่วอชิงตัน
    อันที่จริงอเมริกาน่าจะพอใจ ที่ได้บิน นาเนฟ ที่อเมริกาชื่นชมนักหนาว่าปราบพวกบิน ลาเดน จนหดหายหมดไปจากซาอุดิอารเบีย แต่ทำไมข่าวนี้ทำให้อเมริกาออกงิ้ว แถมเป็นงิ้วใบ้ ออกท่า แต่ไม่ออกเสียงให้คนนอกทำเนียบได้ยินมากนัก สงสัยอะไรคงจุกอยู่ในอกจนพูดไม่ออก
    ที่จุกอกอเมริกา น่าจะเป็นการตั้งไก่อ่อนมาเป็นมงกุฏราชกุมารลำดับ 2 นั่นแหละ
    อเมริการู้นิสัยซาอุดิอารเบียดีว่า มักจะมีเรื่องต่อว่า เพื่อต่อรอง หรือประท้วงอเมริกาเสมอ แต่อเมริกา ที่เบ่งได้กับทั้งโลก แต่เบ่งไม่ออกกับซาอุดิอารเบียหรอกครับ การเปลี่ยนตัวมงกุฏราชกุมาร โดยเอาลูกชายขึ้นมาเป็นมงกุฏราชกุมารอันดับ 2 คุมทั้งกลาโหม เป็น “เกม” ที่กษัตริย์ซัลมานกำลัง “เล่น” ใส่อเมริกา ที่ช่วงนั่น ประมาณเดือนมีนา เมษา ถ้าจำกันได้ อเมริกาพยายามที่จะสรุปเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ ท่ามกลางเสียงค้านมาจากรอบทิศ โดยเฉพาะ จากซาอุดิอารเบียและอิสราเอล เพราะจะทำให้อิหร่านติดปีก ได้เปรียบคู่แข่งทั้ง 2 ในตะวันออกกลาง ทั้งซาอุ ทั้งอิสราเอล ประสานเสียงประท้วงใบตองแห้ง แต่ใบตองแห้งทำไขสือ
    ซาอุดิอารเบีย จึงประท้วง หรือประชด ด้วยการแต่งตั้งลูกชายวัยละอ่อนมานั่งคุมอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญของซาอุดิอา รเบีย โดย ” ไม่ปรึกษา” อเมริกา มึงไม่ฟังกู กูก็ไม่ฟังมึง แน่จริงๆ มีน้ำมันมาก ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด ไม่ถูกด่า
    แต่ในฐานะพี่เบิ้มใบตองแห้ง จะให้คนขี่อูฐมาขู่แฟดจนชาวโลกหัวร่อเย้ย คงเสียหน้าเอาเรื่อง อเมริกาก็เลยต้องตอบโต้บ้าง ในระดับกำลังดีว่า ซาอุดิอารเบีย กำลังลงเหว จากการตัดสินใจของตัวเอง น่าเอ็นดูนะครับ ด่ากลับ ได้เจ็บจัง ฮาชะมัด
    สรุปว่า ข่าวลือในช่วงปลายเมษายนต่อต้นพฤษภาคม เกี่ยวกับราชวงศ์ และ เรื่องการถล่มเยเมนของซาอุดิอารเบีย น่าจะเป็นสงครามน้ำลาย ระหว่าง คู่รัก คู่ขุด (น้ำมัน)
    แต่ข่าวลือชุด 2 ที่ออกมาช่วงปลายเดือนกันยายน เกี่ยวกับเรื่อง จะทำการปฏิวัติโค่นกษัตริย์ซัลมานบ้าง เรื่องพวกราชวงศ์เองทำหนังสือประท้วงกษัตริย์ ไม่พอใจการแต่งตั้งลูกชาย ไม่พอใจเรื่องนโยบายน้ำมัน ไม่พอใจเรื่องรบในเยเมนที่ไม่เห็นทางว่าชนะ ฯลฯ ข่าวลือชุดนี้ต่างหาก ที่น่าสนใจ และบอกเล่า หลายอย่าง เกี่ยวกับสภาพของอเมริกา และซาอุดิอารเบีย
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนสุดท้าย 2 “ข่าวลือ ข่าวลวง’ ตอนสุดท้าย 2 ซาอุดิอารเบีย เริ่มถล่มเยเมนไปแล้วตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม แต่ใบตองแห้งไม่มีออกมาโวย แถมมีข่าวว่า จรวดซาอุ ดันลงไปที่ฐานทัพของหน่วยรบพิเศษของอเมริกา ตายกันระเนระนาดอีกด้วย อเมริกาก็ยังหุบปากเงียบ ไม่แอะออกมา ไปเปิดกูเกิลอ่านได้เลยครับ เพราะฉะนั้น ประเด็นเรื่องอเมริกาไม่พอใจ ที่ซาอุดิอารเบีย ไปถล่มเยเมน ก็ตัดทิ้งไปได้ ไม่ว่าจะเป็นไก่อ่อนสั่ง หรือเก๋าเขี้ยวยาวพันธ์ไหนสั่ง มันต้องได้ไฟเขียวจากอเมริกาแน่นอน แล้วมีการปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับราชวงศ์ ออกมาทำไม เรื่องมงกูฏราชกุมารก็ พอรับได้ เรื่องเยเมนก็ไม่มีปัญหา กลับมาดู ช่วงเวลาของการปล่อยข่าวลืออีกที การปล่อยข่าวชุดแรก เริ่มมีขึ้น “หลัง” วันที่ 29 เมษายน ค.ศ.2015 ซึ่งเป็นวันที่กษัตริย์ซาลมานออกประกาศช๊อคผู้คนทั้งซาอุดิอารเบีย และตะวันออกกลาง และที่อาจจะช็อคมากกว่าตะวันออกกลางคือ ที่ทำเนียบขาวของอเมริกา เช้ามืดของวันที่ 29 เมษายน ค.ศ.2015 กษัตริย์ซาลมาน ออกประกาศ ปลดมงกุฏราชกุมารลำดับ 1 คือ เจ้าชายมุคริน ออกจากตำแหน่ง โดยไม่ให้เหตุผลและ แต่งตั้งให้ เจ้าชาย บิน นาเยฟ ขึ้นเป็นมงกุฏราชกุมารลำดับ 1 แทน พร้อมกับแต่งตั้งเจ้าชาย บิน ซาลมาน ลูกชาย วัยไม่ถึง 30 ของกษัตริย์ซาลมาน ให้เป็นมงกฏราชกุมารลำดับ 2 พร้อมกับให้ดูแลกิจการน้ำมันของซาอุดิอารเบียอีกด้วย ข่าวนี้ ทำให้ได้เห็นฝรั่งเล่นงิ้วเต็มทางเดินในทำเนียบที่วอชิงตัน อันที่จริงอเมริกาน่าจะพอใจ ที่ได้บิน นาเนฟ ที่อเมริกาชื่นชมนักหนาว่าปราบพวกบิน ลาเดน จนหดหายหมดไปจากซาอุดิอารเบีย แต่ทำไมข่าวนี้ทำให้อเมริกาออกงิ้ว แถมเป็นงิ้วใบ้ ออกท่า แต่ไม่ออกเสียงให้คนนอกทำเนียบได้ยินมากนัก สงสัยอะไรคงจุกอยู่ในอกจนพูดไม่ออก ที่จุกอกอเมริกา น่าจะเป็นการตั้งไก่อ่อนมาเป็นมงกุฏราชกุมารลำดับ 2 นั่นแหละ อเมริการู้นิสัยซาอุดิอารเบียดีว่า มักจะมีเรื่องต่อว่า เพื่อต่อรอง หรือประท้วงอเมริกาเสมอ แต่อเมริกา ที่เบ่งได้กับทั้งโลก แต่เบ่งไม่ออกกับซาอุดิอารเบียหรอกครับ การเปลี่ยนตัวมงกุฏราชกุมาร โดยเอาลูกชายขึ้นมาเป็นมงกุฏราชกุมารอันดับ 2 คุมทั้งกลาโหม เป็น “เกม” ที่กษัตริย์ซัลมานกำลัง “เล่น” ใส่อเมริกา ที่ช่วงนั่น ประมาณเดือนมีนา เมษา ถ้าจำกันได้ อเมริกาพยายามที่จะสรุปเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ ท่ามกลางเสียงค้านมาจากรอบทิศ โดยเฉพาะ จากซาอุดิอารเบียและอิสราเอล เพราะจะทำให้อิหร่านติดปีก ได้เปรียบคู่แข่งทั้ง 2 ในตะวันออกกลาง ทั้งซาอุ ทั้งอิสราเอล ประสานเสียงประท้วงใบตองแห้ง แต่ใบตองแห้งทำไขสือ ซาอุดิอารเบีย จึงประท้วง หรือประชด ด้วยการแต่งตั้งลูกชายวัยละอ่อนมานั่งคุมอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญของซาอุดิอา รเบีย โดย ” ไม่ปรึกษา” อเมริกา มึงไม่ฟังกู กูก็ไม่ฟังมึง แน่จริงๆ มีน้ำมันมาก ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด ไม่ถูกด่า แต่ในฐานะพี่เบิ้มใบตองแห้ง จะให้คนขี่อูฐมาขู่แฟดจนชาวโลกหัวร่อเย้ย คงเสียหน้าเอาเรื่อง อเมริกาก็เลยต้องตอบโต้บ้าง ในระดับกำลังดีว่า ซาอุดิอารเบีย กำลังลงเหว จากการตัดสินใจของตัวเอง น่าเอ็นดูนะครับ ด่ากลับ ได้เจ็บจัง ฮาชะมัด สรุปว่า ข่าวลือในช่วงปลายเมษายนต่อต้นพฤษภาคม เกี่ยวกับราชวงศ์ และ เรื่องการถล่มเยเมนของซาอุดิอารเบีย น่าจะเป็นสงครามน้ำลาย ระหว่าง คู่รัก คู่ขุด (น้ำมัน) แต่ข่าวลือชุด 2 ที่ออกมาช่วงปลายเดือนกันยายน เกี่ยวกับเรื่อง จะทำการปฏิวัติโค่นกษัตริย์ซัลมานบ้าง เรื่องพวกราชวงศ์เองทำหนังสือประท้วงกษัตริย์ ไม่พอใจการแต่งตั้งลูกชาย ไม่พอใจเรื่องนโยบายน้ำมัน ไม่พอใจเรื่องรบในเยเมนที่ไม่เห็นทางว่าชนะ ฯลฯ ข่าวลือชุดนี้ต่างหาก ที่น่าสนใจ และบอกเล่า หลายอย่าง เกี่ยวกับสภาพของอเมริกา และซาอุดิอารเบีย สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนสุดท้าย 1

    “ข่าวลือ ข่าวลวง’
    ตอนสุดท้าย ( มี 5 ตอน)
    ตอนสุดท้าย 1
    ตกลงข่าวเรื่องกษัตริย์ซาลมานป่วยหนัก รวมทั้งข่าวปฏิวัติในซาอุดิอารเบีย ที่ออกมาเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ มันเป็นข่าวลือ ข่าวลวง โดยใคร และ หวังผลอะไร
    ข่าวที่ว่ากษัตริย์ป่วยหนัก ถึงขนาดไม่รู้ตัว ความจำเสื่อม ทำร้ายตัวเอง จนต้องเอาเข้าไปรักษาตัวในโรง พยาบาล น่าจะเป็นข่าวลือแบบโคมลอย จากผู้ที่ไม่ประสงค์ดี ต่อทั้งตัวกษัตริย์เอง ราชวงศ์ และประเทศซาอุดิอารเบีย เพราะจริงๆแล้ว เมื่อ 2 วันนี้เอง มีข่าวว่ากษัตริย์ซาลมานเพิ่งพูดโทรศัพท์กับคุณพี่ปูตินของรัสเซีย เกี่ยวกับเรื่องซีเรีย และอื่นๆ
    ใครล่ะ ที่จะได้ประโยชน์จากข่าวลือทำนองนี้ ก็เป็นได้ทั้งจากภายในซาอุเอง จากฝ่ายที่เสียประโยชน์เสียอำนาจ ที่มีตั้งแต่พวกราชวงศ์ด้วยกัน และ ไม่ใช่พวกราชวงศ์ แต่เคยมีอำนาจและเสียอำนาจ จากคำสั่งของกษัตริย์ซาลมาน ที่เปลี่ยนแปลงผู้มีหน้าที่สำคัญหลายคน ทั้งในเดือนมกราคม และเดือนเมษายน
    ส่วนจากภายนอกประเทศ อเมริกาคงไม่แคล้วตกเป็นจำเลย ตัวการให้ปล่อยข่าว เพราะสื่อที่ลงข่าวลือ รายแรกคืออิสราเอล ตามมาด้วยสื่อในตะวันออกกลางและสื่ออังกฤษ ก็เป็นพรรคพวกของของอเมริการะดับชั้นต่างๆ ทั้งนั้น
    ถ้าอเมริกาให้ปล่อยข่าวลือ หรือข่าวลวงนี้ แปลว่า อเมริกาต้องมีความไม่พอใจหรือ ต้องการกดดัน ซาอุดิอารเบีย ถ้าพิจารณาจาก บทความของคุณซีไอเอเขี้ยวยาวแล้ว คงพอเห็นอาการเฟืองขัดเกลียวบิ่น ระหว่างซาอุดิ อารเบียกับอเมริกา ค่อนข้างชัดเจน แม้คำชม หรือคำบอกเล่า ก็ยังมีการแฝงหลายนัย เกินกว่าที่จะแปลว่า เขารักกันจริง คงเป็นแค่ ยังทิ้งกันไม่ได้มากกว่า
    และถ้ามีความไม่พอใจ อเมริกาไม่พอใจซาอุดิอารเบีย เกี่ยวกับการเรื่องราชวงศ์ หรือไม่พอใจ ที่ซาอุดิอารเบีย ไปถล่มเยเมน หรืออเมริกาไม่พอใจ ทั้ง 2 เรื่อง
    คงต้องทำความเข้าใจ กับวิธีการคิดของอเมริกาเสียก่อน อเมริกาไม่ได้สนใจการเปลี่ยนแปลงในซาอุดิอารเบียว่า จะดีหรือไม่ดีกับซาอุดิอารเบียอย่างไร อเมริกามองกลับทางว่า การเปลี่ยนแปลงนั้น กระทบกับผลประโยชน์ตัวเองหรือไม่ อย่างไร มากกว่า และด้วยความคิดอย่างนี้ อเมริกาจึงให้ความ “สนใจ” กับความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับราชวงศ์ ซาอุดิอารเบียในระดับสูงมาก เพราะราชวงศ์ซาอูด คือ “อำนาจ” ของซาอุดิอารเบีย และอเมริกา กับซาอุดิอารเบีย ก็มีเรื่องเกี่ยวพันกันมากมาย การเปลี่ยนแปลงของ “อำนาจ” ในซาอุดิอารเบีย จึงอาจจะกระทบกับอเมริกามาก มันไม่ใช่เรื่องอเมริกา ชอบ ไม่ชอบใคร
    จะว่าไป อเมริกาก็สนใจมองความเปลี่ยนแปลง ในทุกเรื่อง โดยเฉพาะเกี่ยวกับ “อำนาจ” ของทุกประเทศ ในวิธีคิดอย่างนี้แหละ สนใจมากน้อย ก็แล้วแต่ “ประโยชน์” ที่อเมริกาจะได้จะเสียในประเทศนั้น มีมากน้อยแค่ไหน และถ้าเราไม่ทำความเข้าใจในความคิดนี้ หรือ “สันดาน” ที่แท้จริงของอเมริกาว่าเป็นอย่างนี้ เราก็คงจะสับสน ไม่เข้าใจพฤติกรรมของอเมริกา และเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง และที่สำคัญ ถ้าเรื่องนั้นมาเกี่ยวกับบ้านเรา และเราสับสนในพฤติกรรมและสันดานของอเมริกาแล้ว เราก็ไม่แคล้ว ที่จะตกเป็นเหยื่อ หรือ ถูกใช้เป็นพรมเช็ดเท้าของอเมริกา อย่างที่เป็นๆกัน
    เริ่มที่ผู้ปกครองคนใหม่ของซาอุดิอารเบีย ไม่ว่าบทความจะเขียนโดยใคร จากถังขยะความคิด หรือหน่วยงานใดของรัฐบาลอเมริกัน สิ่งที่สรุปได้ คือ อเมริกาอยากรู้ว่า จะพูดกับคนที่มาใหม่รู้เรื่องไหม คนมาใหม่ เชื่อฟังอเมริกาแค่ไหน นโยบายใหม่ของคนใหม่ สอดคล้องกับความต้องการของอเมริกาไหม หรือเอาให้ชัดๆ อเมริกา จะ “สั่ง” หรือ “กำกับ” คนปกครองใหม่ ได้มากน้อยแค่ไหน
    เมื่อขึ้นครองราชย์ในเดือนมกราคม ต้นปี ค.ศ.2015 กษัตริย์ซาลมานอายุ 79 ปีแล้ว อเมริกาจึงมองไปที่มงกุฏราชกุมาร อันดับ 1 และอันดับ 2 กับตำแหน่งสำคัญๆ เช่น รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีต่างประเทศ ผู้ที่คุมความมั่นคง และผู้ที่คุมนโยบายน้ำมันของซาอุดิอารเบีย เพราะตำแหน่งเหล่านี้ มีผลกระทบกับผลประโยชน์ของอเมริกา ทั้งในซาอุดิอารเบีย และในอเมริกาเองด้วย (หมายเหตุ: ตามธรรมเนียม กษัตริย์ซาอุดิอารเบียจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเอง)
    สำหรับเจ้าชายมุคริน อายุ 70 ปี มงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 1 อเมริกาคุ้นเคยดี และเห็นว่า “คุย” กันได้ น่าจะมีแนวคิดปฏิรูป ตามที่อเมริกาต้องการ
    มงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 2 เจ้าชาย บิน นาเยฟ อายุ 55 ปี อเมริกาก็คุ้นเคยอีก แม้จะไม่ชอบพ่อ แต่คิดว่า คุยกับลูกได้
    รัฐมนตรีส่วนใหญ่ไม่มีเปลี่ยนแปลง มีเพียงด้านความมั่นคง ที่กษัตริย์ซาลมาน แต่งตั้งให้ลูกชาย คือ เจ้าชาย บิน ซาลมาน คุมด้านความมั่นคง อเมริกาบอก เป็นไก่อ่อน ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่อเมริกาก็ยังไม่ขยับอะไร เพราะอาจสั่งไก่อ่อนซ้ายหัน ขวาหันง่ายดี
    กษัตริย์ใหม่ครองราชย์ยังไม่ถึง 3 เดือนดี ปลายเดือนมีนาคม ค.ศ.2015 ซาอุดิอารเบีย ก็สั่งรวมพล พรรคพวก มีอียิปต์ มอรอคโค จอร์แดน อามิเรต คูเวต การ์ตา บาห์เรน รวมไปถึงซูดาน เพื่อโจมตีพวกฮูตติ ที่ยึดครองเยเมนได้ จากสงครามกลางเมืองในเยเมนที่ยืดเยื้อมาปีกว่า และไล่รัฐบาลเยเมน ที่ซาอุสนับสนุนกระเจิงออกไป
    ซาอุดิอารเบีย ยอมให้พวกฮูตติครอบครองเยเมนไม่ได้ เพราะพวกฮูตตินี้ ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน คู่แข่งสำคัญของซาอุดิ และเยเมนก็อยู่ติดกับซาอุดิอารเบีย ขนาดมองเห็นขนจมูกกัน วันที่ 26 มีนาคม ซาอุอารเบีย จึงสั่งยิงจรวดใส่ฐานทัพอากาศของฮูตติ ที่เมือง Taiz และเมือง Sa’dah
    การยิงจรวดถล่มเยเมน รายการดังกล่าว อเมริการู้เรื่องดี เพราะเป็นคนให้ข้อมูลข่าวกรอง และบอกสภาพพื้นที่แก่ซาอุดิอารเบีย อย่างนี้น่าจะไม่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ส่วนเรื่องเป็นประชาธิปไตย ไม่ต้องพูด เพราะพวกราชวงศ์ซาอูดบอกแล้วว่า ยังไม่อยากเป็นเหมือนควีนเอลิ ซาเบธของอังกฤษ รัฐธรรมนูญก็ยังไม่รู้จัก แต่ก็ไม่เป็นไร มีน้ำมันแยะแบบนี้ จะทำอะไรก็ได้ อเมริกาไม่สั่งคว่ำบาตร ไม่ตัดสัมพันธ์ ไม่เดินสายให้นานาชาติช่วยกันด่า แน่นอน รักกันฉิบหายเลย
    คุณทหารช่วยจำไว้นะครับ เคลื่อนทัพคราวหน้า อย่าทำแค่ปฏิวัติ ปิดช่องแคบมะละกามันด้วยเลย หมดเรื่อง
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนสุดท้าย 1 “ข่าวลือ ข่าวลวง’ ตอนสุดท้าย ( มี 5 ตอน) ตอนสุดท้าย 1 ตกลงข่าวเรื่องกษัตริย์ซาลมานป่วยหนัก รวมทั้งข่าวปฏิวัติในซาอุดิอารเบีย ที่ออกมาเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ มันเป็นข่าวลือ ข่าวลวง โดยใคร และ หวังผลอะไร ข่าวที่ว่ากษัตริย์ป่วยหนัก ถึงขนาดไม่รู้ตัว ความจำเสื่อม ทำร้ายตัวเอง จนต้องเอาเข้าไปรักษาตัวในโรง พยาบาล น่าจะเป็นข่าวลือแบบโคมลอย จากผู้ที่ไม่ประสงค์ดี ต่อทั้งตัวกษัตริย์เอง ราชวงศ์ และประเทศซาอุดิอารเบีย เพราะจริงๆแล้ว เมื่อ 2 วันนี้เอง มีข่าวว่ากษัตริย์ซาลมานเพิ่งพูดโทรศัพท์กับคุณพี่ปูตินของรัสเซีย เกี่ยวกับเรื่องซีเรีย และอื่นๆ ใครล่ะ ที่จะได้ประโยชน์จากข่าวลือทำนองนี้ ก็เป็นได้ทั้งจากภายในซาอุเอง จากฝ่ายที่เสียประโยชน์เสียอำนาจ ที่มีตั้งแต่พวกราชวงศ์ด้วยกัน และ ไม่ใช่พวกราชวงศ์ แต่เคยมีอำนาจและเสียอำนาจ จากคำสั่งของกษัตริย์ซาลมาน ที่เปลี่ยนแปลงผู้มีหน้าที่สำคัญหลายคน ทั้งในเดือนมกราคม และเดือนเมษายน ส่วนจากภายนอกประเทศ อเมริกาคงไม่แคล้วตกเป็นจำเลย ตัวการให้ปล่อยข่าว เพราะสื่อที่ลงข่าวลือ รายแรกคืออิสราเอล ตามมาด้วยสื่อในตะวันออกกลางและสื่ออังกฤษ ก็เป็นพรรคพวกของของอเมริการะดับชั้นต่างๆ ทั้งนั้น ถ้าอเมริกาให้ปล่อยข่าวลือ หรือข่าวลวงนี้ แปลว่า อเมริกาต้องมีความไม่พอใจหรือ ต้องการกดดัน ซาอุดิอารเบีย ถ้าพิจารณาจาก บทความของคุณซีไอเอเขี้ยวยาวแล้ว คงพอเห็นอาการเฟืองขัดเกลียวบิ่น ระหว่างซาอุดิ อารเบียกับอเมริกา ค่อนข้างชัดเจน แม้คำชม หรือคำบอกเล่า ก็ยังมีการแฝงหลายนัย เกินกว่าที่จะแปลว่า เขารักกันจริง คงเป็นแค่ ยังทิ้งกันไม่ได้มากกว่า และถ้ามีความไม่พอใจ อเมริกาไม่พอใจซาอุดิอารเบีย เกี่ยวกับการเรื่องราชวงศ์ หรือไม่พอใจ ที่ซาอุดิอารเบีย ไปถล่มเยเมน หรืออเมริกาไม่พอใจ ทั้ง 2 เรื่อง คงต้องทำความเข้าใจ กับวิธีการคิดของอเมริกาเสียก่อน อเมริกาไม่ได้สนใจการเปลี่ยนแปลงในซาอุดิอารเบียว่า จะดีหรือไม่ดีกับซาอุดิอารเบียอย่างไร อเมริกามองกลับทางว่า การเปลี่ยนแปลงนั้น กระทบกับผลประโยชน์ตัวเองหรือไม่ อย่างไร มากกว่า และด้วยความคิดอย่างนี้ อเมริกาจึงให้ความ “สนใจ” กับความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับราชวงศ์ ซาอุดิอารเบียในระดับสูงมาก เพราะราชวงศ์ซาอูด คือ “อำนาจ” ของซาอุดิอารเบีย และอเมริกา กับซาอุดิอารเบีย ก็มีเรื่องเกี่ยวพันกันมากมาย การเปลี่ยนแปลงของ “อำนาจ” ในซาอุดิอารเบีย จึงอาจจะกระทบกับอเมริกามาก มันไม่ใช่เรื่องอเมริกา ชอบ ไม่ชอบใคร จะว่าไป อเมริกาก็สนใจมองความเปลี่ยนแปลง ในทุกเรื่อง โดยเฉพาะเกี่ยวกับ “อำนาจ” ของทุกประเทศ ในวิธีคิดอย่างนี้แหละ สนใจมากน้อย ก็แล้วแต่ “ประโยชน์” ที่อเมริกาจะได้จะเสียในประเทศนั้น มีมากน้อยแค่ไหน และถ้าเราไม่ทำความเข้าใจในความคิดนี้ หรือ “สันดาน” ที่แท้จริงของอเมริกาว่าเป็นอย่างนี้ เราก็คงจะสับสน ไม่เข้าใจพฤติกรรมของอเมริกา และเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง และที่สำคัญ ถ้าเรื่องนั้นมาเกี่ยวกับบ้านเรา และเราสับสนในพฤติกรรมและสันดานของอเมริกาแล้ว เราก็ไม่แคล้ว ที่จะตกเป็นเหยื่อ หรือ ถูกใช้เป็นพรมเช็ดเท้าของอเมริกา อย่างที่เป็นๆกัน เริ่มที่ผู้ปกครองคนใหม่ของซาอุดิอารเบีย ไม่ว่าบทความจะเขียนโดยใคร จากถังขยะความคิด หรือหน่วยงานใดของรัฐบาลอเมริกัน สิ่งที่สรุปได้ คือ อเมริกาอยากรู้ว่า จะพูดกับคนที่มาใหม่รู้เรื่องไหม คนมาใหม่ เชื่อฟังอเมริกาแค่ไหน นโยบายใหม่ของคนใหม่ สอดคล้องกับความต้องการของอเมริกาไหม หรือเอาให้ชัดๆ อเมริกา จะ “สั่ง” หรือ “กำกับ” คนปกครองใหม่ ได้มากน้อยแค่ไหน เมื่อขึ้นครองราชย์ในเดือนมกราคม ต้นปี ค.ศ.2015 กษัตริย์ซาลมานอายุ 79 ปีแล้ว อเมริกาจึงมองไปที่มงกุฏราชกุมาร อันดับ 1 และอันดับ 2 กับตำแหน่งสำคัญๆ เช่น รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีต่างประเทศ ผู้ที่คุมความมั่นคง และผู้ที่คุมนโยบายน้ำมันของซาอุดิอารเบีย เพราะตำแหน่งเหล่านี้ มีผลกระทบกับผลประโยชน์ของอเมริกา ทั้งในซาอุดิอารเบีย และในอเมริกาเองด้วย (หมายเหตุ: ตามธรรมเนียม กษัตริย์ซาอุดิอารเบียจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเอง) สำหรับเจ้าชายมุคริน อายุ 70 ปี มงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 1 อเมริกาคุ้นเคยดี และเห็นว่า “คุย” กันได้ น่าจะมีแนวคิดปฏิรูป ตามที่อเมริกาต้องการ มงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 2 เจ้าชาย บิน นาเยฟ อายุ 55 ปี อเมริกาก็คุ้นเคยอีก แม้จะไม่ชอบพ่อ แต่คิดว่า คุยกับลูกได้ รัฐมนตรีส่วนใหญ่ไม่มีเปลี่ยนแปลง มีเพียงด้านความมั่นคง ที่กษัตริย์ซาลมาน แต่งตั้งให้ลูกชาย คือ เจ้าชาย บิน ซาลมาน คุมด้านความมั่นคง อเมริกาบอก เป็นไก่อ่อน ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่อเมริกาก็ยังไม่ขยับอะไร เพราะอาจสั่งไก่อ่อนซ้ายหัน ขวาหันง่ายดี กษัตริย์ใหม่ครองราชย์ยังไม่ถึง 3 เดือนดี ปลายเดือนมีนาคม ค.ศ.2015 ซาอุดิอารเบีย ก็สั่งรวมพล พรรคพวก มีอียิปต์ มอรอคโค จอร์แดน อามิเรต คูเวต การ์ตา บาห์เรน รวมไปถึงซูดาน เพื่อโจมตีพวกฮูตติ ที่ยึดครองเยเมนได้ จากสงครามกลางเมืองในเยเมนที่ยืดเยื้อมาปีกว่า และไล่รัฐบาลเยเมน ที่ซาอุสนับสนุนกระเจิงออกไป ซาอุดิอารเบีย ยอมให้พวกฮูตติครอบครองเยเมนไม่ได้ เพราะพวกฮูตตินี้ ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน คู่แข่งสำคัญของซาอุดิ และเยเมนก็อยู่ติดกับซาอุดิอารเบีย ขนาดมองเห็นขนจมูกกัน วันที่ 26 มีนาคม ซาอุอารเบีย จึงสั่งยิงจรวดใส่ฐานทัพอากาศของฮูตติ ที่เมือง Taiz และเมือง Sa’dah การยิงจรวดถล่มเยเมน รายการดังกล่าว อเมริการู้เรื่องดี เพราะเป็นคนให้ข้อมูลข่าวกรอง และบอกสภาพพื้นที่แก่ซาอุดิอารเบีย อย่างนี้น่าจะไม่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ส่วนเรื่องเป็นประชาธิปไตย ไม่ต้องพูด เพราะพวกราชวงศ์ซาอูดบอกแล้วว่า ยังไม่อยากเป็นเหมือนควีนเอลิ ซาเบธของอังกฤษ รัฐธรรมนูญก็ยังไม่รู้จัก แต่ก็ไม่เป็นไร มีน้ำมันแยะแบบนี้ จะทำอะไรก็ได้ อเมริกาไม่สั่งคว่ำบาตร ไม่ตัดสัมพันธ์ ไม่เดินสายให้นานาชาติช่วยกันด่า แน่นอน รักกันฉิบหายเลย คุณทหารช่วยจำไว้นะครับ เคลื่อนทัพคราวหน้า อย่าทำแค่ปฏิวัติ ปิดช่องแคบมะละกามันด้วยเลย หมดเรื่อง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 8
    “ข่าวลือ ข่าวลวง”

    ตอน 8

    เยเมน เป็นเหมือนหนามตำตีน ซาอุดิอารเบียมาตลอดเวลากว่า 70 ปีมาแล้ว

    อิบน์ ซาอูด เคยยกพลไปทำสงครามกับเยเมน เมื่อปี ค.ศ.1934 กองทัพซาอุ ยึดพื้นที่ริมทะเลแดงได้ แต่ไม่สามารถยึดพื้นที่ตามแนวภูเขาและตัวเมืองชั้นในได้สัญญาสงบศึกระหว่าง 2 ประเทศ ที่ทำขึ้น ทำให้เยเมนต้องเสียหลายเมืองตามแนวเขตแดนให้แก่ซาอุดิอารเบีย และทำให้ขบวนการทวงดินแดนของเยเมนไม่เคยหมดไป

    เมื่อตอนปี ค.ศ.1960 ซาอุ สนับสนุนราชวงศ์เซดี ที่ปกครองเยเมน ในการต่อสู้กับฝ่ายอียิปต์ ที่ให้การสนับสนุนขบวนการเป็นสาธารณรัฐของเยเมน ที่ประกาศว่า จะโค่นล้มระบบกษัตริย์ทั้งคาบสมุทรอารเบีย

    แต่พอถึงเดือนมีนาคมปีนี้ (2015) ฝ่ายซาอุ ดันยิงจรวดเข้าถล่มกลุ่มฮูตติ ที่เป็นพวกกับกบฏเซดี ซึ่งกำลังรุกเข้าไปครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในเยเมนได้ และขับไล่รัฐบาลเยเมนที่พวกซาอุดิอารเบียสนับสนุน พ่ายแพ้หนีออกไปจากเมืองซานะ เข้าไปพึ่งใบบุญของซาอุดิอารเบีย ตั้งแต่ปีที่แล้ว

    โอ้ย วุ่นกันฉิบหาย…. อย่าเพิ่งงงนะครับ อ่านช้าๆ หลายหนก็ได้ เพราะนี่เรากำลังจะเข้าไปสู่จุดชี้ชะตา ของซาอุดิอารเบีย และก็อาจจะเป็นจุดชี้ชะตา ของอเมริกาด้วยก็ได้….

    เขาว่า ซาอุ ตัดสินใจส่งจรวดให้เยเมน เพียงเพราะฝ่ายซาอุไปได้ข่าวมาว่า พวกเซดีตกลงใจที่จะให้เส้นทางบินแก่อิหร่าน ที่จะบินตรงจากเตหะรานมาเยเมน และเยเมนยังตกลงใจที่จะให้อิหร่านใช้ท่าเรือฮูเดดาห์ Hudaydah ของเยเมน แถมกำลังมีการเจรจาจะซื้อน้ำมันราคาถูกระหว่างเยเมนกับอิหร่านอีกด้วย

    สรุปว่า เยเมนได้รับจรวด เพราะซาอุดิอารเบียประสาทกินเรื่องอิหร่าน

    เรื่องนี้ทำให้ซาอุ ออกแขกจริงๆ และไปรวบรวมเพื่อนขี่อูฐด้วยกัน ให้มาไล่ถล่มเยเมน นอกจากพรรคพวกแถวอ่าวแล้ว ยังมี จอร์แดน โมรอคโค และอิยิปต์บอกเอาด้วย แต่ที่น่าสนใจ โอมานและปากีสถาน เพื่อนเก่าบอก ไม่เอากับซาอุด้วย เออ น่าคิด

    สำหรับโอมาน เข้าใจว่าพยายามจะวางตัวเป็นกลาง เพราะยืนอยู่ใกล้ปากอิหร่านเหลือเกิน และยิ่งเป็นอิหร่านที่กำลังมาแรงเสียด้วย ก็ไม่แปลกเท่าไหร่ ที่โอมานจะทิ้งระยะห่างจากซาอุ

    แต่สำหรับปากีสถาน ซึ่งเคยว่าไงว่ากันกับอเมริกา และ อยู่ในบัญชี ประเภทสามารถรูดบัตรเติมเงินกับซาอุดิอารเบียได้มาตลอดนี่ … ยิ่งกว่าน่าสนใจ

    อเมริกาอ้างว่า ตัวเองให้การสนับสนุนซาอุในเรื่องยิงจรวดใส่เยเมนเฉพาะ ด้านงานข่าวกรอง และด้านสภาพพื้นที่ในเยเมน แม้ว่าทางริยาร์ดจะแจ้งทางอเมริกาล่วงหน้า ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะยิงจรวดลูกแรกใส่เยเมน

    การบุกเยเมนในครั้งนี้ของซาอุดิอารเบีย ถือเป็นนโยบายต่างประเทศเชิงรุก มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของซาอุดิอารเบีย ที่ผ่านๆมา ซาอุ จะทำอย่างไม่เปิดเผย แถมซ่อนไปซ้อนมาเสียอีกด้วยซ้ำ

    ในความเห็นของอเมริกา การที่ซาอุดิอารเบียยิงจรวดใส่เยเมนในครั้งนี้ นับว่าเป็นเรื่องอันตรายกับซาอุเองอย่างยิ่ง

    …อ้าว แล้วทำไมไม่เตือนเพื่อนรักกันเลย จริงๆ ต้องด่าด้วยซ้ำ อยู่ๆจะไปยิงจรวดใส่บ้านคนอื่นเขาง่ายๆ อย่างนี้ได้ไงวะ ที่แค่ยังไม่มีการเลือกตั้ง มึงยังเสือกปากเข้ามาไม่เลิก…
    และจนถึงทุกวันนี้ การสู้รบที่เยเมน ก็ไม่ได้เกิดผลดีกับซาอุแต่อย่างใด ต่างฝ่ายต่างยังยันกันอยู่ ฝ่ายซาอุกับพวกอ้างว่าคุมได้แล้วทางอากาศ ชายฝั่งและท่าเรือทางใต้ของเอเดน ขณะที่ฝ่ายซาดีฮูตติและพวก ก็อ้างว่าควบคุมทางเหนือของเยเมนได้เกือบหมดแล้ว

    และระหว่างที่ซาอุและพวกฟาดฟันยุ่งอยู่กับพวกฮูตติ จึงเป็นโอกาสให้อัลไดดาขยายฐานเข้าไปยึดได้เมืองใหญ่ ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นถิ่นเดิม ที่พ่อของบิน ลาเดน เคยอยู่มาก่อนที่จะอพยพไปอยู่ในซาอุดิอารเบีย

    สงครามเยเมน จึงเสมือนเป็นบททดสอบ บทแรกของกษัตริย์ซัลมาน เกี่ยวกับกิจการต่างประเทศ ที่อาจจะมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความมั่นคงของซาอุดิอารเบีย คาบสมุทรอารเบีย และรวมไปถึงภูมิภาคด้วย

    การรบเยเมน มีทั้งมิติเรื่องระหว่างนิกาย และเรื่องชิงความเป็นใหญ่ในภูมิภาค ระหว่างซาอุกับอิหร่าน แต่ที่สำคัญ ในความคิดของอเมริกา สงครามเยเมนยังเป็นสงครามที่แสดงให้เห็นว่า เทศกาลอาหรับสปริง ที่ซาอุดิอารเบียต่อต้านมาตลอดนั้น ยังไม่จบลง…

    อเมริกาเชื่อว่า การต่อสู้ที่เยเมน จะดึงฝ่ายอื่นๆเข้ามาร่วมรายการเพิ่มขึ้นอีก จะยืดเยื้อ และขยายวงออกไปนอกเยเมนถึงประเทศอื่นๆอีกด้วย …เป็นการวิจารณ์ ที่ทำให้มองเห็น เยเมน กำลังเป็นไฟลามทุ่ง….

    นอกจากนี้ อเมริกายังคาดการณ์ เหมือนเป็นลางร้ายอีกว่า เยเมนอาจจบลง อย่างเป็นจุดด่างของการครองราชย์ของกษัตริย์ซาลมาน และเป็นการจบสิ้นของความทะเยอทะยานของทั้ง บิน นาเยฟ และ บิน ซาลมาน ไม่ว่าทั้ง 2 คน จะได้มีส่วนร่วมกับสงครามนี้อย่างไร ชัดเจนว่า บิน ซาลมานที่เป็นรัฐมนตรีกลาโหม คงเป็นคนที่สูญเสียมากที่สุด ที่ผ่านมา เขาเป็นคนที่พ่อเชื่อใจมาก เป็นตัวแทนพ่อ ไปเยี่ยมรัสเซียและฝรั่งเศส และเมื่อกษัตริย์ซาลมาน ยกเลิกแผนที่จะไปพบโอบามา ที่แคมป์เดวิด เพื่อที่จะไปบอกกับโอบามา ว่าตนเองขุ่นเคืองขนาดไหน เกี่ยวกับเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่าน กษัตริย์ซัลมาน ก็ส่งเจ้าชายทั้ง 2 คน ทั้ง MBN และ MBS ไปพบโอบามาแทนตน ซึ่งโอบามา กลับพูดเร่งรัดเรื่องการปฏิรูปประเทศ แต่ก็สนับสนุนเรื่องสงครามกับเยเมน

    และในที่สุด เมื่อถึงเวลาที่กษัตริย์ซัลมานเดินทางไปวอชิงตันเข้าจริงๆ การสนทนากลับสั้น และฝ่ายซาอุกลับเป็นฝ่าย (ต้อง)ฟัง และการสนทนากลับเน้นไปที่ลูกมากกว่าพ่อ

    …แต่ โปรดสังเกตดูรูปภาพการสนทนา ระหว่างนายโอบามา กับ กษัตริย์ซาลมาน ที่ผมเอามาลงประกอบนิทานตอนนี้ ผมกลับเห็นสวนทาง กับไอ้เขี้ยวซีไอเอ ผมดูว่า ใบตองแห้งน่าจะเป็นฝ่าย ใกล้จะลงไปนั่งกับพื้น พนมมือพูดกับกษัตริย์ซาลมานร่อมร่อแล้ว เหมือนกับเป็นตัวปลอม คนละคน กับที่พูด กับคุณพี่ปูติน หรือ อาเฮียสี ช่วงวันประชุมสหประชาชาติ อย่างไม่น่าเชื่อ น่าสนใจนะครับ

    ไอ้เขี้ยวยาวซีไอเอ ยังบอกว่า บิน นาเยฟ อาจจะเป็นคนที่เข้ากับอเมริกันได้มากที่สุด ในจำนวนผู้ที่อยู่ในเส้นทางที่จะครองบัลลังค์ซาอูด และเขาอาจจะเป็นคนที่เก่งเรื่องข่าวกรองมากที่สุดในโลกตะวันออกกลาง ที่อเมริกาชื่นชม ถึงขนาดบอกว่า ฉลาดที่สุดในรุ่นเดียวกัน และต่างกับพ่อของเขา the Black Price และ บิน นาเยฟ ดูเหมือนจะพอทำงานร่วมกับอเมริกันได้ และเข้ากับโอบามาได้ดี ที่แคมป์เดวิด แต่ บิน นาเยฟ มีเรื่องต้องรับผิดชอบมากกว่าทุกคนในรุ่นเดียวกัน และมันจะมากขึ้น หลังเทศกาลอาหรับสปริงจบจริงๆ ในตะวันออกกลาง อเมริกาบอกว่า บิน นาเยฟ น่าจะรู้ดีว่า เขาต้องมีเพื่อนในยามนั้น…

    ที่เล่ามาทั้ง 8 ตอนนี้ สรุปได้ว่า เป็นรายการ ทั้งขู่เข็ญ ทั้งเปิดโปง ทั้งปิดปาก ของอเมริกา ต่อเพื่อนรัก ที่คบกันมากว่า 70 ปี อย่างน่าชื่นชมในฝีมือการเขียน
    ซีไอเอเก๋า เขี้ยวยาวเจ้าของบทความขู่สท้านโลก ตบท้ายว่า…. แต่วอชิงตัน จะทำใจยอมรับ อย่างไม่หลอกตัวเอง ไม่มีภาพลวงตา หรือเหมาเอาเอง ได้หรือไม่ว่า ซาอุดิอารเบียที่เป็นประเทศ ที่ยังปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชที่ใหญ่ที่สุด ที่ยังเหลืออยู่ในโลก กับราชวงศ์ซาอูด จะไม่มีวันยอมเปลี่ยนแปลง การปกครองประเทศของตน ไปจากแบบที่เป็นอยู่ปัจจุบันอย่างง่ายๆ และราชวงศ์ซาอูด ก็จะไม่มีวันตัดขาดกับกลุ่มวะฮาบีและเปลี่ยนแปลงความเชื่อของเขา และไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ซัลมาน เจ้าชายบิน นาเยฟ หรือเจ้าชายบิน ซาลมาน รวมทั้งราชวงศ์ที่เหลือทุกคน ต่างมีความเชื่อว่า พวกเขาอยู่รอดมาได้เช่นนี้กว่า 250 ปีแล้ว ท่ามกลางการเมืองที่ร้อนระอุ และรุนแรง และพวกเขาก็คิดว่า จะอยู่รอดแบบนี้ ต่อไป…

    ซาอุดิอารเบียและอเมริกา จะจับมือกันต่อไปไหม จะจับมือแบบอยู่รอดด้วยกัน หรือจับมือฉิบหายไปด้วยกัน หรือพวกเขาจะแยกทางกันเดิน และแยกทางกันเละ … รออ่านตอนสุดท้ายของนิทานเรื่องนี้ อย่าพลาดนะครับ!

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    24 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 8 “ข่าวลือ ข่าวลวง” ตอน 8 เยเมน เป็นเหมือนหนามตำตีน ซาอุดิอารเบียมาตลอดเวลากว่า 70 ปีมาแล้ว อิบน์ ซาอูด เคยยกพลไปทำสงครามกับเยเมน เมื่อปี ค.ศ.1934 กองทัพซาอุ ยึดพื้นที่ริมทะเลแดงได้ แต่ไม่สามารถยึดพื้นที่ตามแนวภูเขาและตัวเมืองชั้นในได้สัญญาสงบศึกระหว่าง 2 ประเทศ ที่ทำขึ้น ทำให้เยเมนต้องเสียหลายเมืองตามแนวเขตแดนให้แก่ซาอุดิอารเบีย และทำให้ขบวนการทวงดินแดนของเยเมนไม่เคยหมดไป เมื่อตอนปี ค.ศ.1960 ซาอุ สนับสนุนราชวงศ์เซดี ที่ปกครองเยเมน ในการต่อสู้กับฝ่ายอียิปต์ ที่ให้การสนับสนุนขบวนการเป็นสาธารณรัฐของเยเมน ที่ประกาศว่า จะโค่นล้มระบบกษัตริย์ทั้งคาบสมุทรอารเบีย แต่พอถึงเดือนมีนาคมปีนี้ (2015) ฝ่ายซาอุ ดันยิงจรวดเข้าถล่มกลุ่มฮูตติ ที่เป็นพวกกับกบฏเซดี ซึ่งกำลังรุกเข้าไปครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในเยเมนได้ และขับไล่รัฐบาลเยเมนที่พวกซาอุดิอารเบียสนับสนุน พ่ายแพ้หนีออกไปจากเมืองซานะ เข้าไปพึ่งใบบุญของซาอุดิอารเบีย ตั้งแต่ปีที่แล้ว โอ้ย วุ่นกันฉิบหาย…. อย่าเพิ่งงงนะครับ อ่านช้าๆ หลายหนก็ได้ เพราะนี่เรากำลังจะเข้าไปสู่จุดชี้ชะตา ของซาอุดิอารเบีย และก็อาจจะเป็นจุดชี้ชะตา ของอเมริกาด้วยก็ได้…. เขาว่า ซาอุ ตัดสินใจส่งจรวดให้เยเมน เพียงเพราะฝ่ายซาอุไปได้ข่าวมาว่า พวกเซดีตกลงใจที่จะให้เส้นทางบินแก่อิหร่าน ที่จะบินตรงจากเตหะรานมาเยเมน และเยเมนยังตกลงใจที่จะให้อิหร่านใช้ท่าเรือฮูเดดาห์ Hudaydah ของเยเมน แถมกำลังมีการเจรจาจะซื้อน้ำมันราคาถูกระหว่างเยเมนกับอิหร่านอีกด้วย สรุปว่า เยเมนได้รับจรวด เพราะซาอุดิอารเบียประสาทกินเรื่องอิหร่าน เรื่องนี้ทำให้ซาอุ ออกแขกจริงๆ และไปรวบรวมเพื่อนขี่อูฐด้วยกัน ให้มาไล่ถล่มเยเมน นอกจากพรรคพวกแถวอ่าวแล้ว ยังมี จอร์แดน โมรอคโค และอิยิปต์บอกเอาด้วย แต่ที่น่าสนใจ โอมานและปากีสถาน เพื่อนเก่าบอก ไม่เอากับซาอุด้วย เออ น่าคิด สำหรับโอมาน เข้าใจว่าพยายามจะวางตัวเป็นกลาง เพราะยืนอยู่ใกล้ปากอิหร่านเหลือเกิน และยิ่งเป็นอิหร่านที่กำลังมาแรงเสียด้วย ก็ไม่แปลกเท่าไหร่ ที่โอมานจะทิ้งระยะห่างจากซาอุ แต่สำหรับปากีสถาน ซึ่งเคยว่าไงว่ากันกับอเมริกา และ อยู่ในบัญชี ประเภทสามารถรูดบัตรเติมเงินกับซาอุดิอารเบียได้มาตลอดนี่ … ยิ่งกว่าน่าสนใจ อเมริกาอ้างว่า ตัวเองให้การสนับสนุนซาอุในเรื่องยิงจรวดใส่เยเมนเฉพาะ ด้านงานข่าวกรอง และด้านสภาพพื้นที่ในเยเมน แม้ว่าทางริยาร์ดจะแจ้งทางอเมริกาล่วงหน้า ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะยิงจรวดลูกแรกใส่เยเมน การบุกเยเมนในครั้งนี้ของซาอุดิอารเบีย ถือเป็นนโยบายต่างประเทศเชิงรุก มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของซาอุดิอารเบีย ที่ผ่านๆมา ซาอุ จะทำอย่างไม่เปิดเผย แถมซ่อนไปซ้อนมาเสียอีกด้วยซ้ำ ในความเห็นของอเมริกา การที่ซาอุดิอารเบียยิงจรวดใส่เยเมนในครั้งนี้ นับว่าเป็นเรื่องอันตรายกับซาอุเองอย่างยิ่ง …อ้าว แล้วทำไมไม่เตือนเพื่อนรักกันเลย จริงๆ ต้องด่าด้วยซ้ำ อยู่ๆจะไปยิงจรวดใส่บ้านคนอื่นเขาง่ายๆ อย่างนี้ได้ไงวะ ที่แค่ยังไม่มีการเลือกตั้ง มึงยังเสือกปากเข้ามาไม่เลิก… และจนถึงทุกวันนี้ การสู้รบที่เยเมน ก็ไม่ได้เกิดผลดีกับซาอุแต่อย่างใด ต่างฝ่ายต่างยังยันกันอยู่ ฝ่ายซาอุกับพวกอ้างว่าคุมได้แล้วทางอากาศ ชายฝั่งและท่าเรือทางใต้ของเอเดน ขณะที่ฝ่ายซาดีฮูตติและพวก ก็อ้างว่าควบคุมทางเหนือของเยเมนได้เกือบหมดแล้ว และระหว่างที่ซาอุและพวกฟาดฟันยุ่งอยู่กับพวกฮูตติ จึงเป็นโอกาสให้อัลไดดาขยายฐานเข้าไปยึดได้เมืองใหญ่ ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นถิ่นเดิม ที่พ่อของบิน ลาเดน เคยอยู่มาก่อนที่จะอพยพไปอยู่ในซาอุดิอารเบีย สงครามเยเมน จึงเสมือนเป็นบททดสอบ บทแรกของกษัตริย์ซัลมาน เกี่ยวกับกิจการต่างประเทศ ที่อาจจะมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความมั่นคงของซาอุดิอารเบีย คาบสมุทรอารเบีย และรวมไปถึงภูมิภาคด้วย การรบเยเมน มีทั้งมิติเรื่องระหว่างนิกาย และเรื่องชิงความเป็นใหญ่ในภูมิภาค ระหว่างซาอุกับอิหร่าน แต่ที่สำคัญ ในความคิดของอเมริกา สงครามเยเมนยังเป็นสงครามที่แสดงให้เห็นว่า เทศกาลอาหรับสปริง ที่ซาอุดิอารเบียต่อต้านมาตลอดนั้น ยังไม่จบลง… อเมริกาเชื่อว่า การต่อสู้ที่เยเมน จะดึงฝ่ายอื่นๆเข้ามาร่วมรายการเพิ่มขึ้นอีก จะยืดเยื้อ และขยายวงออกไปนอกเยเมนถึงประเทศอื่นๆอีกด้วย …เป็นการวิจารณ์ ที่ทำให้มองเห็น เยเมน กำลังเป็นไฟลามทุ่ง…. นอกจากนี้ อเมริกายังคาดการณ์ เหมือนเป็นลางร้ายอีกว่า เยเมนอาจจบลง อย่างเป็นจุดด่างของการครองราชย์ของกษัตริย์ซาลมาน และเป็นการจบสิ้นของความทะเยอทะยานของทั้ง บิน นาเยฟ และ บิน ซาลมาน ไม่ว่าทั้ง 2 คน จะได้มีส่วนร่วมกับสงครามนี้อย่างไร ชัดเจนว่า บิน ซาลมานที่เป็นรัฐมนตรีกลาโหม คงเป็นคนที่สูญเสียมากที่สุด ที่ผ่านมา เขาเป็นคนที่พ่อเชื่อใจมาก เป็นตัวแทนพ่อ ไปเยี่ยมรัสเซียและฝรั่งเศส และเมื่อกษัตริย์ซาลมาน ยกเลิกแผนที่จะไปพบโอบามา ที่แคมป์เดวิด เพื่อที่จะไปบอกกับโอบามา ว่าตนเองขุ่นเคืองขนาดไหน เกี่ยวกับเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่าน กษัตริย์ซัลมาน ก็ส่งเจ้าชายทั้ง 2 คน ทั้ง MBN และ MBS ไปพบโอบามาแทนตน ซึ่งโอบามา กลับพูดเร่งรัดเรื่องการปฏิรูปประเทศ แต่ก็สนับสนุนเรื่องสงครามกับเยเมน และในที่สุด เมื่อถึงเวลาที่กษัตริย์ซัลมานเดินทางไปวอชิงตันเข้าจริงๆ การสนทนากลับสั้น และฝ่ายซาอุกลับเป็นฝ่าย (ต้อง)ฟัง และการสนทนากลับเน้นไปที่ลูกมากกว่าพ่อ …แต่ โปรดสังเกตดูรูปภาพการสนทนา ระหว่างนายโอบามา กับ กษัตริย์ซาลมาน ที่ผมเอามาลงประกอบนิทานตอนนี้ ผมกลับเห็นสวนทาง กับไอ้เขี้ยวซีไอเอ ผมดูว่า ใบตองแห้งน่าจะเป็นฝ่าย ใกล้จะลงไปนั่งกับพื้น พนมมือพูดกับกษัตริย์ซาลมานร่อมร่อแล้ว เหมือนกับเป็นตัวปลอม คนละคน กับที่พูด กับคุณพี่ปูติน หรือ อาเฮียสี ช่วงวันประชุมสหประชาชาติ อย่างไม่น่าเชื่อ น่าสนใจนะครับ ไอ้เขี้ยวยาวซีไอเอ ยังบอกว่า บิน นาเยฟ อาจจะเป็นคนที่เข้ากับอเมริกันได้มากที่สุด ในจำนวนผู้ที่อยู่ในเส้นทางที่จะครองบัลลังค์ซาอูด และเขาอาจจะเป็นคนที่เก่งเรื่องข่าวกรองมากที่สุดในโลกตะวันออกกลาง ที่อเมริกาชื่นชม ถึงขนาดบอกว่า ฉลาดที่สุดในรุ่นเดียวกัน และต่างกับพ่อของเขา the Black Price และ บิน นาเยฟ ดูเหมือนจะพอทำงานร่วมกับอเมริกันได้ และเข้ากับโอบามาได้ดี ที่แคมป์เดวิด แต่ บิน นาเยฟ มีเรื่องต้องรับผิดชอบมากกว่าทุกคนในรุ่นเดียวกัน และมันจะมากขึ้น หลังเทศกาลอาหรับสปริงจบจริงๆ ในตะวันออกกลาง อเมริกาบอกว่า บิน นาเยฟ น่าจะรู้ดีว่า เขาต้องมีเพื่อนในยามนั้น… ที่เล่ามาทั้ง 8 ตอนนี้ สรุปได้ว่า เป็นรายการ ทั้งขู่เข็ญ ทั้งเปิดโปง ทั้งปิดปาก ของอเมริกา ต่อเพื่อนรัก ที่คบกันมากว่า 70 ปี อย่างน่าชื่นชมในฝีมือการเขียน ซีไอเอเก๋า เขี้ยวยาวเจ้าของบทความขู่สท้านโลก ตบท้ายว่า…. แต่วอชิงตัน จะทำใจยอมรับ อย่างไม่หลอกตัวเอง ไม่มีภาพลวงตา หรือเหมาเอาเอง ได้หรือไม่ว่า ซาอุดิอารเบียที่เป็นประเทศ ที่ยังปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชที่ใหญ่ที่สุด ที่ยังเหลืออยู่ในโลก กับราชวงศ์ซาอูด จะไม่มีวันยอมเปลี่ยนแปลง การปกครองประเทศของตน ไปจากแบบที่เป็นอยู่ปัจจุบันอย่างง่ายๆ และราชวงศ์ซาอูด ก็จะไม่มีวันตัดขาดกับกลุ่มวะฮาบีและเปลี่ยนแปลงความเชื่อของเขา และไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ซัลมาน เจ้าชายบิน นาเยฟ หรือเจ้าชายบิน ซาลมาน รวมทั้งราชวงศ์ที่เหลือทุกคน ต่างมีความเชื่อว่า พวกเขาอยู่รอดมาได้เช่นนี้กว่า 250 ปีแล้ว ท่ามกลางการเมืองที่ร้อนระอุ และรุนแรง และพวกเขาก็คิดว่า จะอยู่รอดแบบนี้ ต่อไป… ซาอุดิอารเบียและอเมริกา จะจับมือกันต่อไปไหม จะจับมือแบบอยู่รอดด้วยกัน หรือจับมือฉิบหายไปด้วยกัน หรือพวกเขาจะแยกทางกันเดิน และแยกทางกันเละ … รออ่านตอนสุดท้ายของนิทานเรื่องนี้ อย่าพลาดนะครับ! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 24 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 333 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 7

    “ข่าวลือ ข่าวลวง”
    ตอน 7
    อเมริกาบอกว่า อิสลามกลุ่มวะฮาบีของซาอุดิอารเบีย เป็นอิสลามนิกายสุนนี ที่เคร่งครัดที่สุดในภูมิภาค แต่บัดนี้ กลับมีพวกเคร่งศาสนาอย่างสุดขั้ว ที่ไม่ยอมรับและเกลียดชาวต่างชาติ รุนแรงกว่าพวกวะฮาบี โผล่ขึ้นมาอีก คือ พวกรัฐอิสลาม Islamic State หรือที่เรารู้จักพวกเขาในชื่อ IS พวกนี้ก่อตัวขึ้นในอิรัค และซีเรียในช่วงปี ค.ศ.2014 เป็นกลุ่มใหม่ที่ออกมาท้าทายโลก และอเมริกาเหน็บว่า ดูเหมือนจะท้าทายโครงการฟื้นฟูผู้ก่อการร้ายของ เจ้าชาย บิน นาเยฟ เสียด้วยซ้ำ
    กลุ่ม IS นี้ มีรากมาจากพวกอัลไคดาในเมโสโปเตเมีย (อาณาจักรออโตมานเดิม) และดำดินแอบอยู่เมื่อตอนที่อเมริกาบุกอิรัค ในช่วงปี ค.ศ.2007 จนเมื่ออเมริกาถอยกองกำลังต่างชาติออกไป พวก IS จึงโผล่ขึ้นมาและมีประโคมข่าวการปรากฏตัวของพวกเขาน่าดู
    ในช่วงปี ค.ศ.2012- 2013 พวก IS บุกเข้าไปทลายคุกในอิรัก ที่พวกผู้ก่อการร้ายอัลไคดาถูกคุมขังอยู่ หลังจากคุกแตก ก็มีการรวมตัวมาสร้างฐานใหม่ ขยายออกมาทางซีเรีย
    ในช่วงหน้าร้อนของปี ค.ศ.2014 กลุ่ม IS บุกอย่างรวดเร็ว แบบสายฟ้าแลบ เข้าไปยึดเมืองโมซุล Mosul เมืองใหญ่อันดับ 2 ของอิรัคได้ และตั้งเป็นรัฐที่มีผู้นำทางศาสนาเป็นผู้ปกครอง caliphate เพื่อปกครองอิสลามทั้งปวง (และเมืองนี้ ก็เป็นเมืองที่มีน้ำมันมากที่สุดเมืองหนึ่งของอิรัค อันนี้ผมเพิ่มเติมให้ เพราะเห็นใบตองแห้งทำเป็นลืมใส่ เรื่องสำคัญ)
    ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 กลุ่ม IS ประกาศว่าพวกเขาจะยึดมัสยิดต่างๆ ในนครเมกกะและเมดินา และจะขับไล่พวกราชวงศ์ซาอูด ออกไปให้หมด
    หลังจากนั้น สื่อตะวันตกลงภาพวิหารกะบะห์ Kaaba ในนครเมกกะ ที่มีธงสีดำของกลุ่ม IS ที่โบกไสวอยู่ด้านบน กองกำลังของกลุ่ม IS ยังโจมตีด่านป้องกันของซาอุดิอารเบียมาตลอดแนวเขตแดนอิรัค และยังส่งนักรบพลีชีพเข้าไปโจมตีมัสยิดของพวกชีอะ ที่อยู่ในซาอุอิอารเบียอีกด้วย เพื่อให้ทั้ง 2 นิกายตีกันเองอีกต่อหนึ่ง
    บิน นาเยฟ ในฐานะรัฐมนตรีมหาดไทย ได้จับกุมกลุ่ม IS ได้หลายร้อยคน และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้กลุ่ม IS บุกเข้ามาในซาอุดิอารเบีย บิน นาเยฟ ให้สร้างรั้วยาว 600 ไมล์ ตลอดแนวเขตแดน ระหว่างซาอุดิอารเบียกับอิรัค เช่นเดียวกับที่สร้างรั้วกั้นแนวเขต ระหว่างซาอุดิอารเบียกับเยเมน ยาว 1 พันไมล์ เพื่อกันให้อัลไคดาออกไปจากคาบสมุทรอารเบีย
    …อ่านเผินๆ เหมือน อเมริกาจะชมวิธีวิธีการปราบ IS ของซาอุดิอารเบีย แต่ อ่านอีกที น่าจะตรงข้ามกันมากกว่า….
    ระหว่างที่ยังครองราชย์ กษัตริย์อับดุลลาห์ (ที่สิ้นพระชนม์เมื่อเดือนมกราคม ต้นปี ค.ศ.2015) ได้ตั้งน้องต่างมารดา เป็นมงกุฎราชกุมารไป แล้ว 2 คน คือ เจ้าชายสุลต่าน และเจ้าชายนาเยฟ the Black Prince แต่ปรากฏว่า ทั้ง 2 คน กลับสิ้นพระชนม์ก่อนกษัตริย์อับดุลลาห์เสียอีก กษัตริย์ิอับดุลลาห์ จึงตั้งเจ้าชายมุคริน น้องต่าง มารดาอีกคน ขึ้นเป็นมงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 2 ในปี ค.ศ.2012 ต่อจากมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 1 คือ เจ้าชายซาลมาน
    ในความเข้าใจของอเมริกา เจ้าชายมุคริน ค่อนข้างใกล้ชิดกับกษัตริยอับดุลลาห์ และเป็นแนวร่วมในการคิดปฏิรูปประเทศเช่นเดียวกัน
    เมื่อเจ้าชายซาลมาน ขึ้นครองราชย์เมื่อเดือนมกราคม ต้นปีนี้ (2015) ก็ตั้ง เจ้าชามุคริน เป็นมงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 1 และแต่งตั้งเจ้าชาย บิน นาเยฟ เป็นมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 2 และมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยนายกรัฐมนตรี เป็นที่คาดหมายกันว่า เจ้าชายมุคริน ลูกชายคนที่ 35 ของ อิบน์ ซาอูด จะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อไป และนำประเทศสู่ยุคใหม่ จากรุ่นลูก สู่รุ่นหลาน
    แต่แล้วก็มีข่าวเกี่ยวกับราชวงศ์ซาอูดเกิดขึ้น ที่ทำให้ทั้งในตะวันออกกลางและในตะวันตก โดยเฉพาะที่วอชิงตัน สั่นเสทือนอย่างไม่เคยมีมาก่อน
    เช้ามืดของวันที่ 29 เมษายน ค.ศ.2015 กษัตริย์ซาลมานประกาศปลดเจ้าชายมุคริน ออกจากตำแหน่งมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 1 และแต่งตั้งให้เจ้าชาย บิน นาเยฟ ขึ้นเป็นมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 1 แทน และแต่งตั้งลูกชายตนเอง เจ้าชาย มูฮะหมัด บิน ซาลมาน เป็นมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 2
    นี่เป็นครั้งแรก ที่มีการปลดมงกุฏราชกุมาร และโดยไม่มีการบอกเหตุผล
    อเมริกาให้ความสนใจรายการแต่งตั้งนี้มาก เพราะ บิน นาเยฟ มงกุฏราชกุมารลำดับที่ 1 ไม่มีลูกชาย มีแต่ลูกสาว 2 คน และ บิน ซาลมาน ก็อายุยังไม่ถึง 30 บิน ซาลมาน จึง มีโอกาสสูงมาก ที่จะเป็นกษัตริย์คนต่อไป และมีคนคาดการเอาไว้แล้วด้วยซ้ำว่า ไม่แน่หรอกว่า บิน นาเยฟ จะได้ขึ้นครองราชย์ แม้จะเป็นลำดับ 1 วันใดวันหนึ่งเขาก็อาจถูกปลดได้ เพื่อให้แน่ใจ บิน ซาลมาน จะได้ขึ้นมาครองราชย์แน่นอน … เสี้ยมล่วงหน้าเลยนะพี่..
    เจ้าชาย บิน ซาลมาน หรือที่อเมริกาเรียกว่า MBS ละอ่อนวัยไม่ถึง 30 ไม่เป็นที่ปลื้มของญาติพี่น้องด้วยกัน เพราะเขาว่ากันว่า มีนิสัยโหด ยะโส โอหัง นอกจากนี้ บินซาลมาน ยังได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลนโยบายน้ำมัน ที่เขาไม่มีประสพการณ์เลย แค่นั้นก็ทำให้ญาติๆ และอเมริกา หรี่ตามองแล้ว กษัตริย์ซาลมานยังให้ บิน ซาลมาน คุมความมั่นคง คือดูแลกิจการพระราชวัง และเป็นรัฐมนตรีกลาโหมอีกด้วย
    แล้วรัฐมนตรีกลาโหมใหม่ ก็ฉลองตำแหน่งด้วยการสั่งถล่มเยเมน อย่างที่ซาอุดิ อารเบีย ไม่เคยทำมานานกว่า 70 ปีแล้ว ละอ่อนหนุ่มเลือดพลุ่งแรงจริง
    และสุ้มเสียงของอเมริกา ก็ดูเหมือนจะไม่ปลื้มละอ่อนหนุ่มเอาเสียเลย
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    23 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 7 “ข่าวลือ ข่าวลวง” ตอน 7 อเมริกาบอกว่า อิสลามกลุ่มวะฮาบีของซาอุดิอารเบีย เป็นอิสลามนิกายสุนนี ที่เคร่งครัดที่สุดในภูมิภาค แต่บัดนี้ กลับมีพวกเคร่งศาสนาอย่างสุดขั้ว ที่ไม่ยอมรับและเกลียดชาวต่างชาติ รุนแรงกว่าพวกวะฮาบี โผล่ขึ้นมาอีก คือ พวกรัฐอิสลาม Islamic State หรือที่เรารู้จักพวกเขาในชื่อ IS พวกนี้ก่อตัวขึ้นในอิรัค และซีเรียในช่วงปี ค.ศ.2014 เป็นกลุ่มใหม่ที่ออกมาท้าทายโลก และอเมริกาเหน็บว่า ดูเหมือนจะท้าทายโครงการฟื้นฟูผู้ก่อการร้ายของ เจ้าชาย บิน นาเยฟ เสียด้วยซ้ำ กลุ่ม IS นี้ มีรากมาจากพวกอัลไคดาในเมโสโปเตเมีย (อาณาจักรออโตมานเดิม) และดำดินแอบอยู่เมื่อตอนที่อเมริกาบุกอิรัค ในช่วงปี ค.ศ.2007 จนเมื่ออเมริกาถอยกองกำลังต่างชาติออกไป พวก IS จึงโผล่ขึ้นมาและมีประโคมข่าวการปรากฏตัวของพวกเขาน่าดู ในช่วงปี ค.ศ.2012- 2013 พวก IS บุกเข้าไปทลายคุกในอิรัก ที่พวกผู้ก่อการร้ายอัลไคดาถูกคุมขังอยู่ หลังจากคุกแตก ก็มีการรวมตัวมาสร้างฐานใหม่ ขยายออกมาทางซีเรีย ในช่วงหน้าร้อนของปี ค.ศ.2014 กลุ่ม IS บุกอย่างรวดเร็ว แบบสายฟ้าแลบ เข้าไปยึดเมืองโมซุล Mosul เมืองใหญ่อันดับ 2 ของอิรัคได้ และตั้งเป็นรัฐที่มีผู้นำทางศาสนาเป็นผู้ปกครอง caliphate เพื่อปกครองอิสลามทั้งปวง (และเมืองนี้ ก็เป็นเมืองที่มีน้ำมันมากที่สุดเมืองหนึ่งของอิรัค อันนี้ผมเพิ่มเติมให้ เพราะเห็นใบตองแห้งทำเป็นลืมใส่ เรื่องสำคัญ) ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 กลุ่ม IS ประกาศว่าพวกเขาจะยึดมัสยิดต่างๆ ในนครเมกกะและเมดินา และจะขับไล่พวกราชวงศ์ซาอูด ออกไปให้หมด หลังจากนั้น สื่อตะวันตกลงภาพวิหารกะบะห์ Kaaba ในนครเมกกะ ที่มีธงสีดำของกลุ่ม IS ที่โบกไสวอยู่ด้านบน กองกำลังของกลุ่ม IS ยังโจมตีด่านป้องกันของซาอุดิอารเบียมาตลอดแนวเขตแดนอิรัค และยังส่งนักรบพลีชีพเข้าไปโจมตีมัสยิดของพวกชีอะ ที่อยู่ในซาอุอิอารเบียอีกด้วย เพื่อให้ทั้ง 2 นิกายตีกันเองอีกต่อหนึ่ง บิน นาเยฟ ในฐานะรัฐมนตรีมหาดไทย ได้จับกุมกลุ่ม IS ได้หลายร้อยคน และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้กลุ่ม IS บุกเข้ามาในซาอุดิอารเบีย บิน นาเยฟ ให้สร้างรั้วยาว 600 ไมล์ ตลอดแนวเขตแดน ระหว่างซาอุดิอารเบียกับอิรัค เช่นเดียวกับที่สร้างรั้วกั้นแนวเขต ระหว่างซาอุดิอารเบียกับเยเมน ยาว 1 พันไมล์ เพื่อกันให้อัลไคดาออกไปจากคาบสมุทรอารเบีย …อ่านเผินๆ เหมือน อเมริกาจะชมวิธีวิธีการปราบ IS ของซาอุดิอารเบีย แต่ อ่านอีกที น่าจะตรงข้ามกันมากกว่า…. ระหว่างที่ยังครองราชย์ กษัตริย์อับดุลลาห์ (ที่สิ้นพระชนม์เมื่อเดือนมกราคม ต้นปี ค.ศ.2015) ได้ตั้งน้องต่างมารดา เป็นมงกุฎราชกุมารไป แล้ว 2 คน คือ เจ้าชายสุลต่าน และเจ้าชายนาเยฟ the Black Prince แต่ปรากฏว่า ทั้ง 2 คน กลับสิ้นพระชนม์ก่อนกษัตริย์อับดุลลาห์เสียอีก กษัตริย์ิอับดุลลาห์ จึงตั้งเจ้าชายมุคริน น้องต่าง มารดาอีกคน ขึ้นเป็นมงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 2 ในปี ค.ศ.2012 ต่อจากมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 1 คือ เจ้าชายซาลมาน ในความเข้าใจของอเมริกา เจ้าชายมุคริน ค่อนข้างใกล้ชิดกับกษัตริยอับดุลลาห์ และเป็นแนวร่วมในการคิดปฏิรูปประเทศเช่นเดียวกัน เมื่อเจ้าชายซาลมาน ขึ้นครองราชย์เมื่อเดือนมกราคม ต้นปีนี้ (2015) ก็ตั้ง เจ้าชามุคริน เป็นมงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 1 และแต่งตั้งเจ้าชาย บิน นาเยฟ เป็นมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 2 และมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยนายกรัฐมนตรี เป็นที่คาดหมายกันว่า เจ้าชายมุคริน ลูกชายคนที่ 35 ของ อิบน์ ซาอูด จะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อไป และนำประเทศสู่ยุคใหม่ จากรุ่นลูก สู่รุ่นหลาน แต่แล้วก็มีข่าวเกี่ยวกับราชวงศ์ซาอูดเกิดขึ้น ที่ทำให้ทั้งในตะวันออกกลางและในตะวันตก โดยเฉพาะที่วอชิงตัน สั่นเสทือนอย่างไม่เคยมีมาก่อน เช้ามืดของวันที่ 29 เมษายน ค.ศ.2015 กษัตริย์ซาลมานประกาศปลดเจ้าชายมุคริน ออกจากตำแหน่งมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 1 และแต่งตั้งให้เจ้าชาย บิน นาเยฟ ขึ้นเป็นมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 1 แทน และแต่งตั้งลูกชายตนเอง เจ้าชาย มูฮะหมัด บิน ซาลมาน เป็นมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 2 นี่เป็นครั้งแรก ที่มีการปลดมงกุฏราชกุมาร และโดยไม่มีการบอกเหตุผล อเมริกาให้ความสนใจรายการแต่งตั้งนี้มาก เพราะ บิน นาเยฟ มงกุฏราชกุมารลำดับที่ 1 ไม่มีลูกชาย มีแต่ลูกสาว 2 คน และ บิน ซาลมาน ก็อายุยังไม่ถึง 30 บิน ซาลมาน จึง มีโอกาสสูงมาก ที่จะเป็นกษัตริย์คนต่อไป และมีคนคาดการเอาไว้แล้วด้วยซ้ำว่า ไม่แน่หรอกว่า บิน นาเยฟ จะได้ขึ้นครองราชย์ แม้จะเป็นลำดับ 1 วันใดวันหนึ่งเขาก็อาจถูกปลดได้ เพื่อให้แน่ใจ บิน ซาลมาน จะได้ขึ้นมาครองราชย์แน่นอน … เสี้ยมล่วงหน้าเลยนะพี่.. เจ้าชาย บิน ซาลมาน หรือที่อเมริกาเรียกว่า MBS ละอ่อนวัยไม่ถึง 30 ไม่เป็นที่ปลื้มของญาติพี่น้องด้วยกัน เพราะเขาว่ากันว่า มีนิสัยโหด ยะโส โอหัง นอกจากนี้ บินซาลมาน ยังได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลนโยบายน้ำมัน ที่เขาไม่มีประสพการณ์เลย แค่นั้นก็ทำให้ญาติๆ และอเมริกา หรี่ตามองแล้ว กษัตริย์ซาลมานยังให้ บิน ซาลมาน คุมความมั่นคง คือดูแลกิจการพระราชวัง และเป็นรัฐมนตรีกลาโหมอีกด้วย แล้วรัฐมนตรีกลาโหมใหม่ ก็ฉลองตำแหน่งด้วยการสั่งถล่มเยเมน อย่างที่ซาอุดิ อารเบีย ไม่เคยทำมานานกว่า 70 ปีแล้ว ละอ่อนหนุ่มเลือดพลุ่งแรงจริง และสุ้มเสียงของอเมริกา ก็ดูเหมือนจะไม่ปลื้มละอ่อนหนุ่มเอาเสียเลย สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 23 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 260 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 6

    “ข่างลือ ข่าวลวง”
    ตอน 6
    เมื่อเจ้าชาย บิน นาเยฟ ขึ้นมารับตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยแทนพ่อ เขาพยายามหาวิธีที่จะลดจำนวนผู้ก่อการร้าย โดยใช้นโยบายฟื้นฟูมากกว่า นโยบายลงโทษ
    ผู้ก่อการร้ายที่ถูกจับกุมมีประมาณ 3,500 คน และส่วนใหญ่เป็นพวกอัลไคดา ในระหว่างถูกคุมขัง “นักโทษ” จะได้รับการดูแลอย่างดี มีที่พักอาศัยที่ไม่เหมือนเป็นคุก มีญาติมาเยี่ยม ออกไปร่วมงานของครอบครัวได้ ส่วนญาติก็ได้รับการดูแลด้านที่อยู่อาศัย การกินอยู่ดีขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้ครอบครัวเป็นผู้กล่อมเกลาลูกหลานตัวเอง ให้กลับมาเห็นชอบจากการหลงผิด
    อเมริกาไม่ชอบวิธีการนี้เลย สื่ออเมริกาโจมตีนโยบายนี้อย่างรุนแรง
    แต่ในขณะเดียวกัน ในเรื่องเกี่ยวกับศาสนา บิน นาเยฟ ก็ไม่ต่างกับพ่อ เขาใช้นโยบาย เข้มงวด เช่นเดียวกับพ่อ โดย ถือว่าผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสอนของศาสนา คือผู้ก่อการร้ายต่อราชอาณาจักรซาอุดิอารเบีย
    ….เหมือนอเมริกากำลังบอกว่า กับ อัลไคดาที่เคร่งศาสนา แม้จะก่อการร้าย ซาอุดิอารเบีย ปฏิบัติอย่างหนึ่ง แต่กับ ผู้ที่ไม่เคร่งศาสนา ซาอุดิอารเบีย มองเป็นผู้ก่อการร้าย…
    อเมริกาบอกว่า เรื่องการเข้มงวดแบบนี้ กำลังเป็นประเด็นที่ทำให้อเมริกาและชาติตะวันตกที่เป็นประชาธิปไตยตั้งคำถามว่า การกดขี่ทางความคิด การกำจัดสิทธิในการแสดงความเห็นนั้น เหมาะสมหรือไม่ สำหรับผู้ที่อเมริกาจะนับเป็นเพื่อนด้วย …
    นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์ the Economist ยังเรียกร้องให้อเมริกาเลิกทำธุรกิจกับซาอุดิอารเบียได้แล้ว และอเมริกาควรจะเอาจริงกับการเรียกร้องให้ซาอุดิอารเบีย มีความโปร่งใสในการบริหารบ้านเมืองด้วย ในบทบรรณาธิการของ the Economist ที่เขียนหลังจากที่กษัตริย์ ซาลมาน ขึ้นครองราชย์สดๆ ชื่อ ” An Unholy Pact” บอกว่า การโอบอุ้มพวกวะฮาบี อย่างที่ราชวงศ์ซาอูดกำลังทำอยู่ ไม่ใช่เป็นอันตรายต่อโลกภายนอกเท่านั้น แต่ยังเป็นอันตรายต่อราชวงศ์เองอีกด้วย
    ที่ไปส่งเสริมพวกหัวรุนแรงอย่างนั้น (extremism)
    …เรื่องนี้ คงไม่ต้องขยายกันมาก ผมว่า เราคุ้นเคยกันดี กับความกร่าง ความเสือก ของสื่ออเมริกา เวลาเขียนเรื่องเกี่ยวกับในบ้านคนอื่น อเมริกาไม่เคยให้เกียรติเพื่อน ไม่ว่าเพื่อนคนไหน …
    อเมริกาบอกว่า โอบามา สนับสนุนซาอุดิอารเบีย อย่างเต็มที่มาตลอด และเป็นประเทศแรกในตะวันออกกลางที่เขามาเยี่ยม หลังจากได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานาธิบดี แต่โอบามาบอกว่า ขณะที่ซาอุดิอารเบียอ้างว่า กำลังถูกคุกคามจากเรื่องนอกบ้าน โดยเฉพาะเรื่องอิหร่าน แต่ดูเหมือนเรื่องคุกคามในบ้านอาจจะร้ายแรงกว่า และการที่ซาอุดิอารเบีย ไม่ให้ความสนใจกับวัยรุ่นในประเทศ ที่มีเป็นจำนวนมากและว่างงาน และมีความเชื่อที่จะนำไปสู่การทำลาย เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง และเขาจะต้องพูดผู้นำประเทศอย่างจริงจังแล้ว เพื่อให้ซาอุดิอารเบีย มีนโยบายปกครองประเทศ ที่มีเสรีภาพมากกว่านี้
    ….เหมือนเป็นคำเตือนที่ดี ของเพื่อนที่หวังดี ต่อซาอุดิอารเบีย ….อเมริกา ดีอย่างนั้นเขียวหรือ….หรืออเมริกา กำลังคิดอะไร
    แต่กษัตริย์ซาลมาน ก็ดูเหมือนไม่ฟังอเมริกา และกลับยิ่งขยับเข้าไปใกล้กับ
    วะฮาบีมากขึ้น กษัตริย์ซาลมาน มีสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มวะฮาบี มานานกว่า 50 ปี ในช่วงที่เขาเป็นผู้ว่าการนครริยาร์ด ตั้งแต่มีพลเมืองประมาณ 2 แสนคน บัดนี้ มีมากถึง 7 ล้านคน แต่นครริยาร์ด ก็ยังเป็นเมืองที่เคร่งศาสนาที่สุด อย่างไม่เปลี่ยนแปลง
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    22 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 6 “ข่างลือ ข่าวลวง” ตอน 6 เมื่อเจ้าชาย บิน นาเยฟ ขึ้นมารับตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยแทนพ่อ เขาพยายามหาวิธีที่จะลดจำนวนผู้ก่อการร้าย โดยใช้นโยบายฟื้นฟูมากกว่า นโยบายลงโทษ ผู้ก่อการร้ายที่ถูกจับกุมมีประมาณ 3,500 คน และส่วนใหญ่เป็นพวกอัลไคดา ในระหว่างถูกคุมขัง “นักโทษ” จะได้รับการดูแลอย่างดี มีที่พักอาศัยที่ไม่เหมือนเป็นคุก มีญาติมาเยี่ยม ออกไปร่วมงานของครอบครัวได้ ส่วนญาติก็ได้รับการดูแลด้านที่อยู่อาศัย การกินอยู่ดีขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้ครอบครัวเป็นผู้กล่อมเกลาลูกหลานตัวเอง ให้กลับมาเห็นชอบจากการหลงผิด อเมริกาไม่ชอบวิธีการนี้เลย สื่ออเมริกาโจมตีนโยบายนี้อย่างรุนแรง แต่ในขณะเดียวกัน ในเรื่องเกี่ยวกับศาสนา บิน นาเยฟ ก็ไม่ต่างกับพ่อ เขาใช้นโยบาย เข้มงวด เช่นเดียวกับพ่อ โดย ถือว่าผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสอนของศาสนา คือผู้ก่อการร้ายต่อราชอาณาจักรซาอุดิอารเบีย ….เหมือนอเมริกากำลังบอกว่า กับ อัลไคดาที่เคร่งศาสนา แม้จะก่อการร้าย ซาอุดิอารเบีย ปฏิบัติอย่างหนึ่ง แต่กับ ผู้ที่ไม่เคร่งศาสนา ซาอุดิอารเบีย มองเป็นผู้ก่อการร้าย… อเมริกาบอกว่า เรื่องการเข้มงวดแบบนี้ กำลังเป็นประเด็นที่ทำให้อเมริกาและชาติตะวันตกที่เป็นประชาธิปไตยตั้งคำถามว่า การกดขี่ทางความคิด การกำจัดสิทธิในการแสดงความเห็นนั้น เหมาะสมหรือไม่ สำหรับผู้ที่อเมริกาจะนับเป็นเพื่อนด้วย … นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์ the Economist ยังเรียกร้องให้อเมริกาเลิกทำธุรกิจกับซาอุดิอารเบียได้แล้ว และอเมริกาควรจะเอาจริงกับการเรียกร้องให้ซาอุดิอารเบีย มีความโปร่งใสในการบริหารบ้านเมืองด้วย ในบทบรรณาธิการของ the Economist ที่เขียนหลังจากที่กษัตริย์ ซาลมาน ขึ้นครองราชย์สดๆ ชื่อ ” An Unholy Pact” บอกว่า การโอบอุ้มพวกวะฮาบี อย่างที่ราชวงศ์ซาอูดกำลังทำอยู่ ไม่ใช่เป็นอันตรายต่อโลกภายนอกเท่านั้น แต่ยังเป็นอันตรายต่อราชวงศ์เองอีกด้วย ที่ไปส่งเสริมพวกหัวรุนแรงอย่างนั้น (extremism) …เรื่องนี้ คงไม่ต้องขยายกันมาก ผมว่า เราคุ้นเคยกันดี กับความกร่าง ความเสือก ของสื่ออเมริกา เวลาเขียนเรื่องเกี่ยวกับในบ้านคนอื่น อเมริกาไม่เคยให้เกียรติเพื่อน ไม่ว่าเพื่อนคนไหน … อเมริกาบอกว่า โอบามา สนับสนุนซาอุดิอารเบีย อย่างเต็มที่มาตลอด และเป็นประเทศแรกในตะวันออกกลางที่เขามาเยี่ยม หลังจากได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานาธิบดี แต่โอบามาบอกว่า ขณะที่ซาอุดิอารเบียอ้างว่า กำลังถูกคุกคามจากเรื่องนอกบ้าน โดยเฉพาะเรื่องอิหร่าน แต่ดูเหมือนเรื่องคุกคามในบ้านอาจจะร้ายแรงกว่า และการที่ซาอุดิอารเบีย ไม่ให้ความสนใจกับวัยรุ่นในประเทศ ที่มีเป็นจำนวนมากและว่างงาน และมีความเชื่อที่จะนำไปสู่การทำลาย เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง และเขาจะต้องพูดผู้นำประเทศอย่างจริงจังแล้ว เพื่อให้ซาอุดิอารเบีย มีนโยบายปกครองประเทศ ที่มีเสรีภาพมากกว่านี้ ….เหมือนเป็นคำเตือนที่ดี ของเพื่อนที่หวังดี ต่อซาอุดิอารเบีย ….อเมริกา ดีอย่างนั้นเขียวหรือ….หรืออเมริกา กำลังคิดอะไร แต่กษัตริย์ซาลมาน ก็ดูเหมือนไม่ฟังอเมริกา และกลับยิ่งขยับเข้าไปใกล้กับ วะฮาบีมากขึ้น กษัตริย์ซาลมาน มีสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มวะฮาบี มานานกว่า 50 ปี ในช่วงที่เขาเป็นผู้ว่าการนครริยาร์ด ตั้งแต่มีพลเมืองประมาณ 2 แสนคน บัดนี้ มีมากถึง 7 ล้านคน แต่นครริยาร์ด ก็ยังเป็นเมืองที่เคร่งศาสนาที่สุด อย่างไม่เปลี่ยนแปลง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 22 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 5

    ” ข่าวลือ ข่าวลวง”
    ตอน 5
    เป็นเวลากว่า 3 ปี ที่ซาอุดิอารเบียใช้เวลากวาดกลุ่มอัลไคดา ให้หมดไปจากบ้านตัวเอง อัลไคดาหมดไปจากซาอุ แต่ไม่ได้สูญพันธ์ กลับขยายตัวแพร่กระจายไปทั่วตะวันออกกลาง และอาฟริกา ในปี ค.ศ.2009 กลุ่มอัลไคดาที่หลบออกไปจากซาอุ ไปโผล่ที่เยเมนแทน และมีแผนที่จะระเบิดเครื่องบินที่จะบินไปอเมริกา บิน นาเยฟ หรือ MBN ตามที่อเมริกาเรียก ได้แจ้งข่าวนี้ไปทางวอชิงตัน และในที่สุดก็จับตัวคนที่พกระเบิดขึ้นเครื่องบินได้ (อ่านรายละเอียดตอนนี้ได้ในนิทานเรื่อง “แผนชั่ว”)
    บิน นาเยฟ ได้รับความชื่นชมจากอเมริกาอย่าง ยิ่ง ถึงขนาดเรียกเขาว่า เป็นเจ้าพ่อข่าวกรอง บิน นาเยฟ ยังแสดงผลงานต่อ เมื่อ อับดุลลา อสิรี Abdullah Asiri อัลไคดา ระดับหัวหน้าคนหนึ่ง ตกลงจะมอบตัว โดยมีเงื่อนไขว่า จะมอบตัวกับ บิน นาเยฟ คนเดียวเท่านั้น และถ้า บิน นาเยฟ ตกลง เขาอาจจะพูดให้พี่ชาย อิบราฮิม อสิรี Ibrahim Asiri มือวางระเบิดคนสำคัญ มามอบตัวอีกด้วย บิน นาเยฟ ตกลง และนัดมอบตัวกัน ในวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ.2009
    เมื่อพบกัน ทั้ง 2 นั่งบนเบาะที่วางบนพื้น หันหน้าเข้าหากัน หลังจากนั้น อสิรี ก็ร้องไห้ และหยิบโทรศัพท์ที่ซ่อนมาในเสื้อคลุม ขอโทรไปหาครอบครัว และพูดกับพี่ชาย พูดเสร็จก็ยื่นโทรศัพท์ให้บิน นาเยฟ บอกว่าพี่ชายจะพูดด้วย ระหว่างที่ บิน นาเยฟ ยื่นมือไปรับโทรศัพท์ พร้อมกล่าวคำทักทาย อิสิรี ก็กดระเบิดที่ซ่อนมาในทวารหนัก ระเบิดเป็นหลุมลึกใต้เบาะที่เขานั่ง ส่วนตัวเขา แหลกละเอียด ตายต่อหน้า บิน นาเยฟ ซึ่งโดนสะเก็ดระเบิดด้วย แต่ไม่สาหัส
    ในปี ค.ศ.2011 เจ้าชายนาเยฟ the Black Prince ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นมงกุฏราชกุมาร ซึ่งทำให้ฝั่งอเมริกาตาเหลือกไปทั้งทำเนียบในวอชิงตัน และ ในปีนั้นเอง ตะวันออกกลางก็เกิดเทศกาลอาหรับสปริง ที่อเมริกาอ้างว่า ได้รับการชื่นชมจากพวกตะวันตก อย่างยิ่ง ที่ผู้นำเผด็จการทั้งหลาย ต่างร่วงผล่อยไปตามๆกัน ไล่มาตั้งแต่ตูนิเซีย อียิปต์ และมาถึง บาห์เรน เพื่อนบ้านของซาอุดิ อารเบีย
    มันเป็นการเขียนเสือให้วัว หรืออูฐ กลัว หรือเปล่านะ
    เจ้าชายนาเยฟ เดือดดาลมาก ที่โอบามา บีบให้มูบารัคประธานาธิบดีของอียิปต์ลาออก และเมื่อบาห์เรน ซึ่งดูเหมือนจะเจอเทศกาลอาหรับสปริงไปด้วย นาเยฟ ไม่ยอมให้บาห์เรนเป็นเหมือนอียิปต์ เขาให้ราชวงศ์ซาอูด ช่วยราชวงศ์ของบาห์เรน ซึ่งเป็นนิกายสุนนีด้วยกัน จึงทำให้เกิดมีการเผชิญหน้ากัน ระหว่างนิกายชีอะ กับสุนนี่ในบาห์เรนอีกด้วย การปราบปรามในบาห์เรนใช้ไม้แข็ง หรือลูกตะกั่ว ซึ่งอเมริกาอ้างว่า ได้ประท้วงการใช้ความรุนแรงอย่างนั้นแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ และกองทัพของซาอุดิอารเบีย ก็ยังอยู่เต็มในบาห์เรนจนทุกวันนี้
    เจ้าชายนาเยฟ หรือ the Black Prince ในสายตาของอเมริกา ได้ชื่อว่า เป็นผู้ที่เข้มงวด และใช้อำนาจของซาอุดิอารเบียอย่างเต็มอัตรา อเมริกาเหน็บแนมว่า เจ้าชายนาเยฟ กำลังส่งเสริมให้ซาอุดิอารเบียใช้อำนาจของราชวงศ์ซาอูด แบบ “Pax Saudiana” คือสันติภาพและเสรีภาพแบบซาอุดิอารเบีย ใครที่ไม่ปฏิบัติตาม เป็นผู้ก่อการร้ายทั้งสิ้น
    … แล้วต่างอะไรกับ Pax Americana ของอเมริกา ต้องเป็นประชาธิปไตย ต้องมีเสรีภาพ ต้องทำตามที่กูบอกเท่านั้น...ไม่งั้นเป็นผู้ก่อการร้าย….ฮาครับ
    นอกจากนี้ เจ้าชายนาเยฟ ยังถูกอเมริกาวิจารณ์ว่า เจ้าชาย เป็นคนยุ กษัตริย์ อับดุลลาห์ ว่า อย่ายอมใจอ่อน กับพวกที่ต้องการให้มีการปฏิรูป เด็ดขาด ขณะที่กษัตริย์อับดุลลาห์ มีแนวโน้มที่จะเดินสายกลาง โดยพยายามจะเปลี่ยนประเทศ อย่างช้าๆเป็นขั้นตอน เน้นให้ประชาชนมีการศึกษามากขึ้น และ เคยพูดว่า อาจเปิดทางให้ผู้หญิงมีสิทธิขับรถได้ด้วย นอกจากนี้ กษัตริย์อับดุลลาห์ ยังจัดสรรเงินเป็นจำนวนมาก เพื่อปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของชนชั้นกลาง และชั้นล่างของ ซาอุดิอารเบียอีกด้วย
    ถึงกระนั้น ในสายตาของอเมริกา กษัตริย์อับดุลลาห์ ก็ไม่เคยแตะเรื่องที่เกี่ยวกับความเชื่อของศาสนาเลย และเจ้าชาย บิน นาเยฟ ที่รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยแทนพ่อ ก็เคร่งครัดเรื่องศาสนา และดำเนินการรุนแรง กับผู้ที่กระทำผิดทางคำสอนของศาสนาเช่นกัน
    อเมริกาบอก บิน นาเยฟ อาจจะเชี่ยวชาญ ในการจัดการกับผู้ก่อการร้ายในราชอาณาจักรซาอุดิอารเบีย แต่ไม่เห็นอันตราย ของการห้ามประชาชนที่จะแสดงความเห็นอย่างอิสระ และทำให้ความพยายามของอับดุลลาห์ ที่จะปฏิรูปประเทศ ก็เลยเหมือนกับค้างอยู่กลางทาง
    เจ้าชายนาเยฟ ขึ้นมาเป็นมงกุฏราชกุมารได้เพียงปีเดียว ใน ปี ค.ศ.2012 ก็ล้มป่วยและสิ้นพระชนม์ในวัย 78 ปี ที่โรงพยาบาลในเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ พร้อมกับเสียงถอนหายใจโล่งอก ดังยาวไปทั้งทางเดินที่ทำเนียบในวอชิงตัน …..นี่ ผมเขียนตามถ้อยคำ ที่คนเขียนบทความเกี่ยวกับ the Black Prince ใช้เลยนะครับ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    21 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 5 ” ข่าวลือ ข่าวลวง” ตอน 5 เป็นเวลากว่า 3 ปี ที่ซาอุดิอารเบียใช้เวลากวาดกลุ่มอัลไคดา ให้หมดไปจากบ้านตัวเอง อัลไคดาหมดไปจากซาอุ แต่ไม่ได้สูญพันธ์ กลับขยายตัวแพร่กระจายไปทั่วตะวันออกกลาง และอาฟริกา ในปี ค.ศ.2009 กลุ่มอัลไคดาที่หลบออกไปจากซาอุ ไปโผล่ที่เยเมนแทน และมีแผนที่จะระเบิดเครื่องบินที่จะบินไปอเมริกา บิน นาเยฟ หรือ MBN ตามที่อเมริกาเรียก ได้แจ้งข่าวนี้ไปทางวอชิงตัน และในที่สุดก็จับตัวคนที่พกระเบิดขึ้นเครื่องบินได้ (อ่านรายละเอียดตอนนี้ได้ในนิทานเรื่อง “แผนชั่ว”) บิน นาเยฟ ได้รับความชื่นชมจากอเมริกาอย่าง ยิ่ง ถึงขนาดเรียกเขาว่า เป็นเจ้าพ่อข่าวกรอง บิน นาเยฟ ยังแสดงผลงานต่อ เมื่อ อับดุลลา อสิรี Abdullah Asiri อัลไคดา ระดับหัวหน้าคนหนึ่ง ตกลงจะมอบตัว โดยมีเงื่อนไขว่า จะมอบตัวกับ บิน นาเยฟ คนเดียวเท่านั้น และถ้า บิน นาเยฟ ตกลง เขาอาจจะพูดให้พี่ชาย อิบราฮิม อสิรี Ibrahim Asiri มือวางระเบิดคนสำคัญ มามอบตัวอีกด้วย บิน นาเยฟ ตกลง และนัดมอบตัวกัน ในวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ.2009 เมื่อพบกัน ทั้ง 2 นั่งบนเบาะที่วางบนพื้น หันหน้าเข้าหากัน หลังจากนั้น อสิรี ก็ร้องไห้ และหยิบโทรศัพท์ที่ซ่อนมาในเสื้อคลุม ขอโทรไปหาครอบครัว และพูดกับพี่ชาย พูดเสร็จก็ยื่นโทรศัพท์ให้บิน นาเยฟ บอกว่าพี่ชายจะพูดด้วย ระหว่างที่ บิน นาเยฟ ยื่นมือไปรับโทรศัพท์ พร้อมกล่าวคำทักทาย อิสิรี ก็กดระเบิดที่ซ่อนมาในทวารหนัก ระเบิดเป็นหลุมลึกใต้เบาะที่เขานั่ง ส่วนตัวเขา แหลกละเอียด ตายต่อหน้า บิน นาเยฟ ซึ่งโดนสะเก็ดระเบิดด้วย แต่ไม่สาหัส ในปี ค.ศ.2011 เจ้าชายนาเยฟ the Black Prince ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นมงกุฏราชกุมาร ซึ่งทำให้ฝั่งอเมริกาตาเหลือกไปทั้งทำเนียบในวอชิงตัน และ ในปีนั้นเอง ตะวันออกกลางก็เกิดเทศกาลอาหรับสปริง ที่อเมริกาอ้างว่า ได้รับการชื่นชมจากพวกตะวันตก อย่างยิ่ง ที่ผู้นำเผด็จการทั้งหลาย ต่างร่วงผล่อยไปตามๆกัน ไล่มาตั้งแต่ตูนิเซีย อียิปต์ และมาถึง บาห์เรน เพื่อนบ้านของซาอุดิ อารเบีย มันเป็นการเขียนเสือให้วัว หรืออูฐ กลัว หรือเปล่านะ เจ้าชายนาเยฟ เดือดดาลมาก ที่โอบามา บีบให้มูบารัคประธานาธิบดีของอียิปต์ลาออก และเมื่อบาห์เรน ซึ่งดูเหมือนจะเจอเทศกาลอาหรับสปริงไปด้วย นาเยฟ ไม่ยอมให้บาห์เรนเป็นเหมือนอียิปต์ เขาให้ราชวงศ์ซาอูด ช่วยราชวงศ์ของบาห์เรน ซึ่งเป็นนิกายสุนนีด้วยกัน จึงทำให้เกิดมีการเผชิญหน้ากัน ระหว่างนิกายชีอะ กับสุนนี่ในบาห์เรนอีกด้วย การปราบปรามในบาห์เรนใช้ไม้แข็ง หรือลูกตะกั่ว ซึ่งอเมริกาอ้างว่า ได้ประท้วงการใช้ความรุนแรงอย่างนั้นแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ และกองทัพของซาอุดิอารเบีย ก็ยังอยู่เต็มในบาห์เรนจนทุกวันนี้ เจ้าชายนาเยฟ หรือ the Black Prince ในสายตาของอเมริกา ได้ชื่อว่า เป็นผู้ที่เข้มงวด และใช้อำนาจของซาอุดิอารเบียอย่างเต็มอัตรา อเมริกาเหน็บแนมว่า เจ้าชายนาเยฟ กำลังส่งเสริมให้ซาอุดิอารเบียใช้อำนาจของราชวงศ์ซาอูด แบบ “Pax Saudiana” คือสันติภาพและเสรีภาพแบบซาอุดิอารเบีย ใครที่ไม่ปฏิบัติตาม เป็นผู้ก่อการร้ายทั้งสิ้น … แล้วต่างอะไรกับ Pax Americana ของอเมริกา ต้องเป็นประชาธิปไตย ต้องมีเสรีภาพ ต้องทำตามที่กูบอกเท่านั้น...ไม่งั้นเป็นผู้ก่อการร้าย….ฮาครับ นอกจากนี้ เจ้าชายนาเยฟ ยังถูกอเมริกาวิจารณ์ว่า เจ้าชาย เป็นคนยุ กษัตริย์ อับดุลลาห์ ว่า อย่ายอมใจอ่อน กับพวกที่ต้องการให้มีการปฏิรูป เด็ดขาด ขณะที่กษัตริย์อับดุลลาห์ มีแนวโน้มที่จะเดินสายกลาง โดยพยายามจะเปลี่ยนประเทศ อย่างช้าๆเป็นขั้นตอน เน้นให้ประชาชนมีการศึกษามากขึ้น และ เคยพูดว่า อาจเปิดทางให้ผู้หญิงมีสิทธิขับรถได้ด้วย นอกจากนี้ กษัตริย์อับดุลลาห์ ยังจัดสรรเงินเป็นจำนวนมาก เพื่อปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของชนชั้นกลาง และชั้นล่างของ ซาอุดิอารเบียอีกด้วย ถึงกระนั้น ในสายตาของอเมริกา กษัตริย์อับดุลลาห์ ก็ไม่เคยแตะเรื่องที่เกี่ยวกับความเชื่อของศาสนาเลย และเจ้าชาย บิน นาเยฟ ที่รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยแทนพ่อ ก็เคร่งครัดเรื่องศาสนา และดำเนินการรุนแรง กับผู้ที่กระทำผิดทางคำสอนของศาสนาเช่นกัน อเมริกาบอก บิน นาเยฟ อาจจะเชี่ยวชาญ ในการจัดการกับผู้ก่อการร้ายในราชอาณาจักรซาอุดิอารเบีย แต่ไม่เห็นอันตราย ของการห้ามประชาชนที่จะแสดงความเห็นอย่างอิสระ และทำให้ความพยายามของอับดุลลาห์ ที่จะปฏิรูปประเทศ ก็เลยเหมือนกับค้างอยู่กลางทาง เจ้าชายนาเยฟ ขึ้นมาเป็นมงกุฏราชกุมารได้เพียงปีเดียว ใน ปี ค.ศ.2012 ก็ล้มป่วยและสิ้นพระชนม์ในวัย 78 ปี ที่โรงพยาบาลในเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ พร้อมกับเสียงถอนหายใจโล่งอก ดังยาวไปทั้งทางเดินที่ทำเนียบในวอชิงตัน …..นี่ ผมเขียนตามถ้อยคำ ที่คนเขียนบทความเกี่ยวกับ the Black Prince ใช้เลยนะครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 21 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 310 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 4

    “ข่าวลือ ข่าวลวง”
    ตอน 4
    เจ้าชาย บิน นาเยฟ มงกุฏราชกุมารคนปัจจุบันของซาอุดิอารเบีย เรียนหนังสือที่อเมริกา เช่นเดียวกับเจ้าชายรุ่นหลังๆ ของซาอุ และเพื่อเตรียมตัวเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยต่อจากพ่อ บิน นาเยฟ ยังไปศึกษาที่สถาบัน เอฟ บี ไอ ของอเมริกา ในช่วง ค.ศ.1980 กว่าๆ และไปศึกษาหลักสูตรการปราบปรามผู้ก่อการร้าย ที่สก๊อตแลนด์ยาร์ดของอังกฤษอีก 3 ปี ในช่วง ค.ศ.1992-1994 อีกด้วย ดูเหมือนเขาจะรับตะวันตกได้มากกว่า the Black Prince พ่อของเขา
    หลังจากเหตุการณ์วางระเบิดฐานทัพของอเมริกาที่ Dharan อเมริกายิ่งกดดัน ซาอุดิอารเบีย เรื่องการปราบปรามผู้ก่อการร้าย โดยเฉพาะกลุ่ม บิน ลาเดน แต่ทางซาอุดิอารเบีย ยังทำเฉยเหมือนเดิม จนเมื่อนายอัล กอร์ รองประธานาธิบดี สมัยประธานาธิบดีคลินตัน เดินทางไปเยี่ยมตะวันออกกลาง ในปี ค.ศ.1998 เกิดมีข่าวว่ากลุ่มอัลไคดา มีแผนที่จะโจมตีสถานกงสุลของอเมริกาที่กรุงริยาร์ดช่วงเวลาที่ อัล กอร์ กำลังให้การรับรองมงกุฏราชกุมารของซาอุ ขณะนั้นคือ เจ้าชายอับดุลลาห์ แต่ในที่สุดแผนนั้นก็ล่มไป และอเมริกาบอกว่าคนที่จัดการให้แผนล่มก็คือ เจ้าชายนาเยฟ the Black Prince นั่นเอง
    … เรื่องนี้ ไม่รู้ใครลวงใคร..
    หลังเหตุการณ์ 9/11 แม้จะมีข่าวว่า กลุ่มนักจี้เครื่องบินเป็นชาวซาอุเสีย 15 คน แต่เจ้าชายนาเยฟและราชวงศ์ส่วนใหญ่ ก็ไม่เชื่อว่ากลุ่มอัลไคดา ที่มีฐานอยู่ในซาอุเองจะมีส่วนเกี่ยวข้อง ต่างลงความเห็นว่า เป็นแผนที่พวกยิวไซออนิสต์สร้างขึ้นมาปรักปรำกลุ่มอัลไคดามากกว่า และแม้อเมริกาจะบอกว่ามีหลักฐานว่า 2 ใน 15 คนนั้น เป็นคนที่วางแผนเรื่องการโจมตีอัล กอร์ ในปี ค.ศ.1998 ด้วย เจ้าชายนาเยฟ ก็ไม่เชื่อคำบอกเล่าของอเมริกา
    แต่ บิน นาเยฟ คนลูก มาคนละแนวกับพ่อ อเมริกาบอก บิน นาเยฟ ใส่ใจเรื่องผู้ก่อการร้ายมาก และให้ความร่วมมือกับอเมริกาเป็นอย่างดี ในฐานะผู้ช่วยรัฐมนตรีมหาดไทย ทำให้อเมริกาโล่งอก บอกว่านับเป็นความโชคดีของซาอุเอง นะนี่ เพราะ บิน ลาเดน กำลังหันเข็มจะมาเล่นซาอุดิอารเบียและราชวงศ์แล้ว หลังจากอเมริกาไปถล่มฐานของมูจาฮิดีน อัลไคดา ที่อาฟกานิสถานจนเละ จากเหตุการณ์ 9/11 ทำให้อัลไคดา ประกาศจะล้างแค้นอเมริกาและเพื่อนรัก คือ ซาอุดิอารเบีย
    สรุปว่า เกี่ยวกับเรื่องผู้ก่อการร้ายนี่ เราคงจะฟังอเมริกา หรือซาอุดิอารเบีย ข้างใดข้างหนึ่งยากหน่อย แต่ดูเหมือนพวกเขากำลังลากไส้ ให้ลงเหวไปด้วยกัน….
    วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2003 เป็นวันสำคัญทางศาสนาของมุสลิ ม บิน ลาเดน ประกาศทางวิทยุว่า ราชวงค์ ซาอูด ทรยศต่ออาณาจักรออตโตมาน ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ไปเห็นแก่อังกฤษและยิว และตอนนี้ ราชวงศ์ ก็กำลังยกมัสยิด และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ให้กองทัพอเมริกามาเดินเล่น และสมคบกับยิว ให้ยิวมาสร้างอิสราเอลอยู่ในตะวันออกกลาง บิน ลาเดน บอกว่า เราจงคอยดูอเมริกากำลังใช้ฐานทัพ ของอเมริกา ที่อยู่ในซาอุดิอารเบีย เพื่อบุกอิรัค บิน ลาเดน ยังเรียก ซาอุดิอารเบีย และพวก เช่น คูเวต บาห์เรน และการ์ตา ว่า เป็นคนทรยศ อีกด้วย
    แล้วในที่สุด บิน ลาเดน ก็โจมตีพวกตะวันตก ที่อยู่ในซาอุดิอารเบีย จริงๆ เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ.2003 โดยใช้กำลังประมาณ สิบกว่าคน บุกเข้าไปในบริวณบ้านหลังหนึ่งที่กรุงริยาร์ด ซึ่งเป็นที่พักของพวกชาวะวันตก พวกนี้เป็นที่ปรึกษาด้านการทหาร ที่ซาอุดิอารเบียจ้างเอาไว้ จริงๆพวกนี้ก็คือทหารนอกระบบของอเมริกา อังกฤษ นั่นเอง พวก บิน ลาเดน ใช้ระเบิดคาร์บอมทะลวงเข้าไป ปรากฏว่า มีชาวอเมริกันตาย 8 คน ออสซี่ อีก 2 คน และชาวต่างชาติอื่นอีกหลายคน รวมทั้งหน่วยรักษาความปลอดภัยของซาอุเอง ก็ตายด้วยหลายคน
    นี่ นับเป็นรายการที่ทั้งหักหน้าซาอุ และกระตุกหนวดนักล่าใบตองแห้งไป ในตัวของบิน ลา เดน ทำให้นายโรเบิร์ต จอร์แดน Robert Jordan ซึ่งเป็นทูตอเมริกา ประจำซาอุดิ อารเบีย ในช่วงนั้น พยายามกดดันให้ซาอุจัดการกับบิน ลาเดน อย่างจริงจัง แต่เสียงของทูตอเมริกันไม่ดังมากในซาอุดิอารเบีย ไม่เหมือนในบางประเทศ
    อเมริกาใช้เครื่องเสียงแรงขึ้น ลำโพงขนาดใหญ่กว่าอีกหน่อย โดยส่งนาย จอร์จ เทเนท George Tenet ผู้อำนวยการซีไอเอ ในสมัยนั้น ให้บินตรงไปซาอุดิอารเบียทันที เพื่อขอพบมงกุฏราชกุมารเจ้าชายอับดุลลาห์ ที่ทำหน้าที่ปกครองประเทศ แทนกษัตริย์ฟาหด ที่ป่วยหนักมาเป็นปีๆ เขาบอกกับเจ้าชายอับดุลลาห์ ว่า ราชวงศ์ซาอูดและการสิ้นสุดการปกครองของราชวงศ์ คือเป้าหมายของกลุ่มอัลไคดาแล้วนะ นอกจากนี้ อัลไคดา ยังมีแผนที่จะลอบฆ่าราชวงศ์ และผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลด้านเศรษฐกิจของประเทศ อีกด้วย
    ซาอุดิอารเบีย โยนเรื่องบิน ลาเดน ให้ บิน นาเยฟ เป็นคนจัดการ ร่วมกับอเมริกา และอเมริกาบอกว่า บิน นาเยฟ เป็นตัวสำคัญ ในการต้านการข่มขู่
    ของอัลไคดา ที่มีต่อราชวงศ์ซาอูด ในช่วง ค.ศ.2003 ถึง 2006
    ในช่วง 3 ปีดังกล่าว อัลไคดา โจมตีราชอาณาจักร ซาอุดิอารเบีย เป็นว่าเล่น แม้กระทั่งกระทรวงมหาดไทย ที่กรุงริยาร์ด ก็ยังโดนโจมตี บริเวณที่อยู่อาศัยของชาวตะวันตกหลายแห่งโดนบุก ชาวอเมริกันถูกลักพาตัว และถูกตัดหัว การยิงต่อสู้ระหว่างอัลไคดากับ เจ้าหน้าที่ของซาอุ เกิดขึ้นเกือบตลอดเวลา ในเมืองใหญ่ต่างๆของซาอุ สถานที่ทำงานของชาวตะวันตก โดนโจมตีมากขึ้น รวมทั้งสถานกงสุลของอเมริกาที่เมืองจิดดาห์ ก็โดนโจมตีเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ.2004
    สรุปแล้ว มีคนตายหลายร้อย หลายบาดเจ็บนับไม่ถ้วน ในช่วง 3 ปีนั้น เป็นช่วงความไม่สงบในซาอุดิอารเบีย ที่ยาวนานที่สุด ที่ซาอุดิอารเบีย เคยผจญในรอบ 50 ปี และมีผลกระทบต่อราชวงศ์ซาอูด มากที่สุด นับตั้งแต่ตั้งประเทศในปี ค.ศ.1902 การต่อสู้ช่วงนี้ ทำให้รัฐบาลซาอุ ใช้เงินไปถึง 3 หมื่นล้านเหรียญ
    ในที่สุด ในปี ค.ศ.2007 อเมริกาบอกว่า ด้วยฝีมืออันโดดเด่นของ บิน นาเยฟ ซึ่งได้เป็นรัฐมนตรีมหาดไทยแทนพ่อ ก็สามารถทำให้กลุ่มอัลไคดา ลดน้อยลง พวกหัวรุนแรงเปลี่ยนใจ ไม่อยากสร้างสงครามในบ้านเกิดตัวเอง ส่วนชาวซาอุ ซึ่งเคยสนับสนุน บิน ลาเดน ให้สู้กับอเมริกา ก็ไม่อยากเห็นคนบริสุทธิ์ในบ้านเมืองตัวเอง พลอยฟ้าพลอยฝน โดนลูกหลงของอัลไคดาไปด้วย และก็เลยทำให้คะแนนนิยมของบิน ลาเดน ในซาอุดิอารเบีย ค่อยๆ ลดน้อยลงไป
    เห็นฝีมือซีไอเอเก๋า ที่สามารถโยงเรื่อง บิน ลาเดน กับ ซาอุดิอารเบีย เข้าด้วยกัน และแยงให้แคลงกัน อย่างแนบเนียน โดยไม่กล่าวถึงตัววางแผน ชักใย ผลักดัน แม้แต่คำเดียว ยอมรับจริงๆ ฝีมือเอ็งร้ายกาจมาก แบบนี้ ข่าวลือ สงสัยจะเป็น ข่าวลวง…
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    20 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 4 “ข่าวลือ ข่าวลวง” ตอน 4 เจ้าชาย บิน นาเยฟ มงกุฏราชกุมารคนปัจจุบันของซาอุดิอารเบีย เรียนหนังสือที่อเมริกา เช่นเดียวกับเจ้าชายรุ่นหลังๆ ของซาอุ และเพื่อเตรียมตัวเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยต่อจากพ่อ บิน นาเยฟ ยังไปศึกษาที่สถาบัน เอฟ บี ไอ ของอเมริกา ในช่วง ค.ศ.1980 กว่าๆ และไปศึกษาหลักสูตรการปราบปรามผู้ก่อการร้าย ที่สก๊อตแลนด์ยาร์ดของอังกฤษอีก 3 ปี ในช่วง ค.ศ.1992-1994 อีกด้วย ดูเหมือนเขาจะรับตะวันตกได้มากกว่า the Black Prince พ่อของเขา หลังจากเหตุการณ์วางระเบิดฐานทัพของอเมริกาที่ Dharan อเมริกายิ่งกดดัน ซาอุดิอารเบีย เรื่องการปราบปรามผู้ก่อการร้าย โดยเฉพาะกลุ่ม บิน ลาเดน แต่ทางซาอุดิอารเบีย ยังทำเฉยเหมือนเดิม จนเมื่อนายอัล กอร์ รองประธานาธิบดี สมัยประธานาธิบดีคลินตัน เดินทางไปเยี่ยมตะวันออกกลาง ในปี ค.ศ.1998 เกิดมีข่าวว่ากลุ่มอัลไคดา มีแผนที่จะโจมตีสถานกงสุลของอเมริกาที่กรุงริยาร์ดช่วงเวลาที่ อัล กอร์ กำลังให้การรับรองมงกุฏราชกุมารของซาอุ ขณะนั้นคือ เจ้าชายอับดุลลาห์ แต่ในที่สุดแผนนั้นก็ล่มไป และอเมริกาบอกว่าคนที่จัดการให้แผนล่มก็คือ เจ้าชายนาเยฟ the Black Prince นั่นเอง … เรื่องนี้ ไม่รู้ใครลวงใคร.. หลังเหตุการณ์ 9/11 แม้จะมีข่าวว่า กลุ่มนักจี้เครื่องบินเป็นชาวซาอุเสีย 15 คน แต่เจ้าชายนาเยฟและราชวงศ์ส่วนใหญ่ ก็ไม่เชื่อว่ากลุ่มอัลไคดา ที่มีฐานอยู่ในซาอุเองจะมีส่วนเกี่ยวข้อง ต่างลงความเห็นว่า เป็นแผนที่พวกยิวไซออนิสต์สร้างขึ้นมาปรักปรำกลุ่มอัลไคดามากกว่า และแม้อเมริกาจะบอกว่ามีหลักฐานว่า 2 ใน 15 คนนั้น เป็นคนที่วางแผนเรื่องการโจมตีอัล กอร์ ในปี ค.ศ.1998 ด้วย เจ้าชายนาเยฟ ก็ไม่เชื่อคำบอกเล่าของอเมริกา แต่ บิน นาเยฟ คนลูก มาคนละแนวกับพ่อ อเมริกาบอก บิน นาเยฟ ใส่ใจเรื่องผู้ก่อการร้ายมาก และให้ความร่วมมือกับอเมริกาเป็นอย่างดี ในฐานะผู้ช่วยรัฐมนตรีมหาดไทย ทำให้อเมริกาโล่งอก บอกว่านับเป็นความโชคดีของซาอุเอง นะนี่ เพราะ บิน ลาเดน กำลังหันเข็มจะมาเล่นซาอุดิอารเบียและราชวงศ์แล้ว หลังจากอเมริกาไปถล่มฐานของมูจาฮิดีน อัลไคดา ที่อาฟกานิสถานจนเละ จากเหตุการณ์ 9/11 ทำให้อัลไคดา ประกาศจะล้างแค้นอเมริกาและเพื่อนรัก คือ ซาอุดิอารเบีย สรุปว่า เกี่ยวกับเรื่องผู้ก่อการร้ายนี่ เราคงจะฟังอเมริกา หรือซาอุดิอารเบีย ข้างใดข้างหนึ่งยากหน่อย แต่ดูเหมือนพวกเขากำลังลากไส้ ให้ลงเหวไปด้วยกัน…. วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2003 เป็นวันสำคัญทางศาสนาของมุสลิ ม บิน ลาเดน ประกาศทางวิทยุว่า ราชวงค์ ซาอูด ทรยศต่ออาณาจักรออตโตมาน ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ไปเห็นแก่อังกฤษและยิว และตอนนี้ ราชวงศ์ ก็กำลังยกมัสยิด และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ให้กองทัพอเมริกามาเดินเล่น และสมคบกับยิว ให้ยิวมาสร้างอิสราเอลอยู่ในตะวันออกกลาง บิน ลาเดน บอกว่า เราจงคอยดูอเมริกากำลังใช้ฐานทัพ ของอเมริกา ที่อยู่ในซาอุดิอารเบีย เพื่อบุกอิรัค บิน ลาเดน ยังเรียก ซาอุดิอารเบีย และพวก เช่น คูเวต บาห์เรน และการ์ตา ว่า เป็นคนทรยศ อีกด้วย แล้วในที่สุด บิน ลาเดน ก็โจมตีพวกตะวันตก ที่อยู่ในซาอุดิอารเบีย จริงๆ เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ.2003 โดยใช้กำลังประมาณ สิบกว่าคน บุกเข้าไปในบริวณบ้านหลังหนึ่งที่กรุงริยาร์ด ซึ่งเป็นที่พักของพวกชาวะวันตก พวกนี้เป็นที่ปรึกษาด้านการทหาร ที่ซาอุดิอารเบียจ้างเอาไว้ จริงๆพวกนี้ก็คือทหารนอกระบบของอเมริกา อังกฤษ นั่นเอง พวก บิน ลาเดน ใช้ระเบิดคาร์บอมทะลวงเข้าไป ปรากฏว่า มีชาวอเมริกันตาย 8 คน ออสซี่ อีก 2 คน และชาวต่างชาติอื่นอีกหลายคน รวมทั้งหน่วยรักษาความปลอดภัยของซาอุเอง ก็ตายด้วยหลายคน นี่ นับเป็นรายการที่ทั้งหักหน้าซาอุ และกระตุกหนวดนักล่าใบตองแห้งไป ในตัวของบิน ลา เดน ทำให้นายโรเบิร์ต จอร์แดน Robert Jordan ซึ่งเป็นทูตอเมริกา ประจำซาอุดิ อารเบีย ในช่วงนั้น พยายามกดดันให้ซาอุจัดการกับบิน ลาเดน อย่างจริงจัง แต่เสียงของทูตอเมริกันไม่ดังมากในซาอุดิอารเบีย ไม่เหมือนในบางประเทศ อเมริกาใช้เครื่องเสียงแรงขึ้น ลำโพงขนาดใหญ่กว่าอีกหน่อย โดยส่งนาย จอร์จ เทเนท George Tenet ผู้อำนวยการซีไอเอ ในสมัยนั้น ให้บินตรงไปซาอุดิอารเบียทันที เพื่อขอพบมงกุฏราชกุมารเจ้าชายอับดุลลาห์ ที่ทำหน้าที่ปกครองประเทศ แทนกษัตริย์ฟาหด ที่ป่วยหนักมาเป็นปีๆ เขาบอกกับเจ้าชายอับดุลลาห์ ว่า ราชวงศ์ซาอูดและการสิ้นสุดการปกครองของราชวงศ์ คือเป้าหมายของกลุ่มอัลไคดาแล้วนะ นอกจากนี้ อัลไคดา ยังมีแผนที่จะลอบฆ่าราชวงศ์ และผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลด้านเศรษฐกิจของประเทศ อีกด้วย ซาอุดิอารเบีย โยนเรื่องบิน ลาเดน ให้ บิน นาเยฟ เป็นคนจัดการ ร่วมกับอเมริกา และอเมริกาบอกว่า บิน นาเยฟ เป็นตัวสำคัญ ในการต้านการข่มขู่ ของอัลไคดา ที่มีต่อราชวงศ์ซาอูด ในช่วง ค.ศ.2003 ถึง 2006 ในช่วง 3 ปีดังกล่าว อัลไคดา โจมตีราชอาณาจักร ซาอุดิอารเบีย เป็นว่าเล่น แม้กระทั่งกระทรวงมหาดไทย ที่กรุงริยาร์ด ก็ยังโดนโจมตี บริเวณที่อยู่อาศัยของชาวตะวันตกหลายแห่งโดนบุก ชาวอเมริกันถูกลักพาตัว และถูกตัดหัว การยิงต่อสู้ระหว่างอัลไคดากับ เจ้าหน้าที่ของซาอุ เกิดขึ้นเกือบตลอดเวลา ในเมืองใหญ่ต่างๆของซาอุ สถานที่ทำงานของชาวตะวันตก โดนโจมตีมากขึ้น รวมทั้งสถานกงสุลของอเมริกาที่เมืองจิดดาห์ ก็โดนโจมตีเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ.2004 สรุปแล้ว มีคนตายหลายร้อย หลายบาดเจ็บนับไม่ถ้วน ในช่วง 3 ปีนั้น เป็นช่วงความไม่สงบในซาอุดิอารเบีย ที่ยาวนานที่สุด ที่ซาอุดิอารเบีย เคยผจญในรอบ 50 ปี และมีผลกระทบต่อราชวงศ์ซาอูด มากที่สุด นับตั้งแต่ตั้งประเทศในปี ค.ศ.1902 การต่อสู้ช่วงนี้ ทำให้รัฐบาลซาอุ ใช้เงินไปถึง 3 หมื่นล้านเหรียญ ในที่สุด ในปี ค.ศ.2007 อเมริกาบอกว่า ด้วยฝีมืออันโดดเด่นของ บิน นาเยฟ ซึ่งได้เป็นรัฐมนตรีมหาดไทยแทนพ่อ ก็สามารถทำให้กลุ่มอัลไคดา ลดน้อยลง พวกหัวรุนแรงเปลี่ยนใจ ไม่อยากสร้างสงครามในบ้านเกิดตัวเอง ส่วนชาวซาอุ ซึ่งเคยสนับสนุน บิน ลาเดน ให้สู้กับอเมริกา ก็ไม่อยากเห็นคนบริสุทธิ์ในบ้านเมืองตัวเอง พลอยฟ้าพลอยฝน โดนลูกหลงของอัลไคดาไปด้วย และก็เลยทำให้คะแนนนิยมของบิน ลาเดน ในซาอุดิอารเบีย ค่อยๆ ลดน้อยลงไป เห็นฝีมือซีไอเอเก๋า ที่สามารถโยงเรื่อง บิน ลาเดน กับ ซาอุดิอารเบีย เข้าด้วยกัน และแยงให้แคลงกัน อย่างแนบเนียน โดยไม่กล่าวถึงตัววางแผน ชักใย ผลักดัน แม้แต่คำเดียว ยอมรับจริงๆ ฝีมือเอ็งร้ายกาจมาก แบบนี้ ข่าวลือ สงสัยจะเป็น ข่าวลวง… สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 20 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 3

    “ข่าวลือ ข่าวลวง”
    ตอน 3
    ในปี ค.ศ.1979 ราชวงศ์ซาอูดถูกท้าทาย จากการบุกยึดมัสยิดใหญ่ที่สุดในโลก ที่นครเมกกะ โดยกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง ที่เชื่อว่าวันสุดท้ายของความชั่วร้ายมาถึงแล้ว การต่อสู้เพื่อยึดเอามัสยิดกลับ ดำเนินอยู่หลายสัปดาห์ โดยฝ่ายราชวงศ์ใช้กองทัพ ที่อำนวยการโดยกระทรวงมหาดไทย และมีหน่วยคอมมานโดของฝรั่งเศส ที่ราชวงศ์จ้างไว้เป็นพิเศษคอยช่วยเหลือ รวมทั้งมีการใช้อาวุธเคมีด้วย ฝ่ายราชวงศ์จึงยึดมัสยิดใหญ่กลับคืนมาได้
    รายการท้าทายนี้ ทำให้ราชวงศ์และรัฐบาลซาอุเสียหน้าอย่างมาก และที่ทำให้อึกอักหนักขึ้น เมื่อผลการสอบสวนตัวการท้าทายทั้งหลาย กลายเป็นว่า หลายคนรู้จักดี กับรัฐมนตรีมหาดไทย the Black Prince และหลังจากการสอบสวน แม้ว่าหลายคนจะถูกกักขัง แต่ในที่สุด ด้วยคำแนะนำของฝ่ายศาสนาที่ใกล้ชิดกับรัฐมนตรีมหาดไทย พวกยึดมัสยิดก็ได้รับการปล่อยตัว
    The Black Prince ไม่หมองมัวจากเรื่องการบุกยึดมัสยิด คนที่ต้องรับผิดชอบกลับเป็นเจ้าชายอีกคน ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ว่าการนครเมกกะ อเมริกาปากยาวตามเคย บอกว่า เรื่องนี้ฝ่ายราชวงศ์แสดงความอ่อนแอ ยอมตามความต้องการของฝ่ายศาสนามากเกินไป และทำให้การปฏิรูปประเทศของซาอุดิอารเบีย ยังย่ำเท้าอยู่กับที่ หรือจะเดินถอยหลังเอาด้วยซ้ำ
    และเมื่อราชวงศ์เริ่มให้การสนับสนุนกับกลุ่มกองทัพอิสลามหัวรุนแรง ที่เริ่มปฏิบัติการณ์ในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะ เมื่อซาอุดิอารเบียร่วมมือกับอเมริกา สนับสนุนกองกำลังอาฟกัน มูจาฮีดีน ต่อสู้กับกองกำลังของสหภาพโซเวียตที่อาฟกานิสถาน ในช่วงปี ค.ศ.1979 – 1989 อเมริกาก็วิจารณ์อีกว่า ฝ่ายราชวงศ์นับวันจะยิ่งขยับไปใกล้กับฝ่ายศาสนามากขึ้นทุกที
    ….เออ อันนี้เอ็งไม่น่าพูดมากเลยนะ ก็จับมือเล่นด้วยกันไม่ใช่หรือ เขารู้กันทั้งนั้น….
    ในช่วงนั้น กษัตริย์ซาลมาน (ผู้ที่ปกครองซาอุดิ อารเบียในปัจจุบัน) รับหน้าที่เป็นผู้จัดหาทุนเป็นการภายใน ระหว่างราชวงศ์และพวกเศรษฐีซาอุทั้งหลาย ได้เงินเป็นหลายๆ สิบล้านเหรียญ เพื่อนำไปสนับสนุนกองกำลังมูจาฮิดีน ในการรบที่อาฟกานิสถาน รวมทั้งการรบของกองกำลังมุสลิมในบอสเนีย และปาเลสไตน์ด้วย
    …. การที่อเมริกาเอาเรื่องนี้ของราชวงศ์ซาอูดมาแฉ แสดงว่าอเมริกาน่าจะกำลังอาการหนัก เลยรีบประทับตราราชวงศ์ซาอูด ให้โลกเห็นพฤติกรรม จะได้หนีไปใช้ผงซักฟอกยี่ห้ออื่นยาก….
    และเมื่อ อุซามะ บิน ลาเดน ก่อตั้งกลุ่มอัลไคดา เจ้าชายนาเยฟเอง ก็นับเป็นมิตรที่ดีกับ บิน ลาเดน และเห็นว่า การที่โซเวียตพ่ายแพ้ถอยออกไปจากอาฟกานิสถานนั้น เป็นผลงานของ บิน ลาเดน ทีเดียว นาเยฟ มีความเห็นว่า ในตอนหลังที่มีการกล่าวหาว่า บิน ลาเดน เป็นผู้ก่อการร้ายนั้น มาจากการป้ายสีของอเมริกาทั้งสิ้น และ บิน ลาเดน ไม่มีความประสงค์ร้ายต่อซาอุดิอารเบีย หรือราชวงศ์ซาอูดแต่อย่างใด และก็เป็นความเห็น ที่ไม่ต่างกับความเห็นของราชวงศ์ซาอูด เองด้วย
    เมื่อ George Tenet ผู้อำนวยการซีไอเอ และเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านข่าวกรอง เตือนเจ้าชายนาเยฟว่า กลุ่มอัลไคดาสร้างอุโมงค์เครือข่ายใต้ดินอยู่เต็มซาอุดิ อารเบีย นาเยฟไม่เชื่อ เพราะนาเยฟ ไม่เคยวางใจการเข้ามาในซาอุดิอารเบีย ของอเมริกาเลยจนนิดเดียว นาเยฟ สุภาพกับเจ้าหน้าที่อเมริกันก็จริง แต่ส่วนใหญ่เขาไม่ให้ความร่วมมือกับอเมริกา
    เมื่อกลุ่มผู้ก่อการร้ายชีอะ วางระเบิดฐานทัพอเมริกาที่ Khobar Tower ที่เมือง Dhahran ในปี ค.ศ.1996 ทำให้มีเจ้าหน้าที่การบินตายไป 19 คน นาเยฟ ไม่ยอมบอกข้อมูลกับฝ่ายอเมริกันว่า ผู้ก่อการร้ายอาจมีส่วนเกี่ยวพัน กับอิหร่าน เขาอ้างว่า ทางวอชิงตันอาจนำข้อมูลนี้มาใช้อ้างในการกล่าวหาอิหร่าน และลากเอาซาอุดิอารเบีย เข้าสู่สงครามกับอิหร่านไปด้วย แต่ฝ่ายอเมริกันบอกว่า นาเยฟ คงเกลียดอเมริกันมากกว่า เกลียดอิหร่านเสียอีก
    ….นี่ก็เป็นการเขียนบทความ “ดักคอ” ซาอุดิอารเบีย ของซีไอเอเก๋าอีกรายการ ที่น่าสนใจ….
    อเมริกาบอกว่า นาเยฟ ยังไม่สนใจคำเตือนของฝ่ายอเมริกัน เกี่ยวกับเรื่อง
    อัลไคดาต่อไปอีกหลายปี แต่ในที่สุด จะไม่สนใจอีกต่อไป ไม่ได้แล้ว และคนที่ต้องมาจัดการเรื่องอัลไคดา ก็คือ บิน นาเยฟ หรือ MBN ลูกชายของ นาเยฟ นั่นเอง
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    19 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 3 “ข่าวลือ ข่าวลวง” ตอน 3 ในปี ค.ศ.1979 ราชวงศ์ซาอูดถูกท้าทาย จากการบุกยึดมัสยิดใหญ่ที่สุดในโลก ที่นครเมกกะ โดยกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง ที่เชื่อว่าวันสุดท้ายของความชั่วร้ายมาถึงแล้ว การต่อสู้เพื่อยึดเอามัสยิดกลับ ดำเนินอยู่หลายสัปดาห์ โดยฝ่ายราชวงศ์ใช้กองทัพ ที่อำนวยการโดยกระทรวงมหาดไทย และมีหน่วยคอมมานโดของฝรั่งเศส ที่ราชวงศ์จ้างไว้เป็นพิเศษคอยช่วยเหลือ รวมทั้งมีการใช้อาวุธเคมีด้วย ฝ่ายราชวงศ์จึงยึดมัสยิดใหญ่กลับคืนมาได้ รายการท้าทายนี้ ทำให้ราชวงศ์และรัฐบาลซาอุเสียหน้าอย่างมาก และที่ทำให้อึกอักหนักขึ้น เมื่อผลการสอบสวนตัวการท้าทายทั้งหลาย กลายเป็นว่า หลายคนรู้จักดี กับรัฐมนตรีมหาดไทย the Black Prince และหลังจากการสอบสวน แม้ว่าหลายคนจะถูกกักขัง แต่ในที่สุด ด้วยคำแนะนำของฝ่ายศาสนาที่ใกล้ชิดกับรัฐมนตรีมหาดไทย พวกยึดมัสยิดก็ได้รับการปล่อยตัว The Black Prince ไม่หมองมัวจากเรื่องการบุกยึดมัสยิด คนที่ต้องรับผิดชอบกลับเป็นเจ้าชายอีกคน ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ว่าการนครเมกกะ อเมริกาปากยาวตามเคย บอกว่า เรื่องนี้ฝ่ายราชวงศ์แสดงความอ่อนแอ ยอมตามความต้องการของฝ่ายศาสนามากเกินไป และทำให้การปฏิรูปประเทศของซาอุดิอารเบีย ยังย่ำเท้าอยู่กับที่ หรือจะเดินถอยหลังเอาด้วยซ้ำ และเมื่อราชวงศ์เริ่มให้การสนับสนุนกับกลุ่มกองทัพอิสลามหัวรุนแรง ที่เริ่มปฏิบัติการณ์ในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะ เมื่อซาอุดิอารเบียร่วมมือกับอเมริกา สนับสนุนกองกำลังอาฟกัน มูจาฮีดีน ต่อสู้กับกองกำลังของสหภาพโซเวียตที่อาฟกานิสถาน ในช่วงปี ค.ศ.1979 – 1989 อเมริกาก็วิจารณ์อีกว่า ฝ่ายราชวงศ์นับวันจะยิ่งขยับไปใกล้กับฝ่ายศาสนามากขึ้นทุกที ….เออ อันนี้เอ็งไม่น่าพูดมากเลยนะ ก็จับมือเล่นด้วยกันไม่ใช่หรือ เขารู้กันทั้งนั้น…. ในช่วงนั้น กษัตริย์ซาลมาน (ผู้ที่ปกครองซาอุดิ อารเบียในปัจจุบัน) รับหน้าที่เป็นผู้จัดหาทุนเป็นการภายใน ระหว่างราชวงศ์และพวกเศรษฐีซาอุทั้งหลาย ได้เงินเป็นหลายๆ สิบล้านเหรียญ เพื่อนำไปสนับสนุนกองกำลังมูจาฮิดีน ในการรบที่อาฟกานิสถาน รวมทั้งการรบของกองกำลังมุสลิมในบอสเนีย และปาเลสไตน์ด้วย …. การที่อเมริกาเอาเรื่องนี้ของราชวงศ์ซาอูดมาแฉ แสดงว่าอเมริกาน่าจะกำลังอาการหนัก เลยรีบประทับตราราชวงศ์ซาอูด ให้โลกเห็นพฤติกรรม จะได้หนีไปใช้ผงซักฟอกยี่ห้ออื่นยาก…. และเมื่อ อุซามะ บิน ลาเดน ก่อตั้งกลุ่มอัลไคดา เจ้าชายนาเยฟเอง ก็นับเป็นมิตรที่ดีกับ บิน ลาเดน และเห็นว่า การที่โซเวียตพ่ายแพ้ถอยออกไปจากอาฟกานิสถานนั้น เป็นผลงานของ บิน ลาเดน ทีเดียว นาเยฟ มีความเห็นว่า ในตอนหลังที่มีการกล่าวหาว่า บิน ลาเดน เป็นผู้ก่อการร้ายนั้น มาจากการป้ายสีของอเมริกาทั้งสิ้น และ บิน ลาเดน ไม่มีความประสงค์ร้ายต่อซาอุดิอารเบีย หรือราชวงศ์ซาอูดแต่อย่างใด และก็เป็นความเห็น ที่ไม่ต่างกับความเห็นของราชวงศ์ซาอูด เองด้วย เมื่อ George Tenet ผู้อำนวยการซีไอเอ และเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านข่าวกรอง เตือนเจ้าชายนาเยฟว่า กลุ่มอัลไคดาสร้างอุโมงค์เครือข่ายใต้ดินอยู่เต็มซาอุดิ อารเบีย นาเยฟไม่เชื่อ เพราะนาเยฟ ไม่เคยวางใจการเข้ามาในซาอุดิอารเบีย ของอเมริกาเลยจนนิดเดียว นาเยฟ สุภาพกับเจ้าหน้าที่อเมริกันก็จริง แต่ส่วนใหญ่เขาไม่ให้ความร่วมมือกับอเมริกา เมื่อกลุ่มผู้ก่อการร้ายชีอะ วางระเบิดฐานทัพอเมริกาที่ Khobar Tower ที่เมือง Dhahran ในปี ค.ศ.1996 ทำให้มีเจ้าหน้าที่การบินตายไป 19 คน นาเยฟ ไม่ยอมบอกข้อมูลกับฝ่ายอเมริกันว่า ผู้ก่อการร้ายอาจมีส่วนเกี่ยวพัน กับอิหร่าน เขาอ้างว่า ทางวอชิงตันอาจนำข้อมูลนี้มาใช้อ้างในการกล่าวหาอิหร่าน และลากเอาซาอุดิอารเบีย เข้าสู่สงครามกับอิหร่านไปด้วย แต่ฝ่ายอเมริกันบอกว่า นาเยฟ คงเกลียดอเมริกันมากกว่า เกลียดอิหร่านเสียอีก ….นี่ก็เป็นการเขียนบทความ “ดักคอ” ซาอุดิอารเบีย ของซีไอเอเก๋าอีกรายการ ที่น่าสนใจ…. อเมริกาบอกว่า นาเยฟ ยังไม่สนใจคำเตือนของฝ่ายอเมริกัน เกี่ยวกับเรื่อง อัลไคดาต่อไปอีกหลายปี แต่ในที่สุด จะไม่สนใจอีกต่อไป ไม่ได้แล้ว และคนที่ต้องมาจัดการเรื่องอัลไคดา ก็คือ บิน นาเยฟ หรือ MBN ลูกชายของ นาเยฟ นั่นเอง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 19 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 2

    “ข่าวลือ ข่าวลวง”
    ตอน 2
    กษัตริย์องค์แรก ที่เป็นต้นราชวงศ์ซาอูด ( และเป็นพ่อของกษัตริย์ คนต่อๆมา) คือ กษัตริย์ Abdul-Aziz bin Saud หรือที่พวกตะวันตก เรียกกันว่า อิบน์ ซาอูด Ibn Saud ซึ่งนำทัพของเผ่า เข้ามามีอำนาจในเมืองริยาร์ด ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 และในปี ค.ศ.1930 กว่า ก็ยึดคาบสมุทรอารเบีย ตั้งแต่ทะเลแดง ยาวไปจนถึงอ่าวเปอร์เซีย ที่รวมทั้งเมืองศักดิสิทธิ์ เมกกะ และเมดินาด้วย
    อิบน์ ซาอูด มีภรรยา 22 คน และมีลูกซึ่งได้รับการยอมรับ 44 คน ตั้งแต่สิ้นพระชนม์ ในปี ค.ศ.1953 ลูกชายของ อิบน์ ซาอูด ก็ขึ้นครองราชย์ ติดต่อกันมา 6 คนแล้ว และลูกชายคนที่ 23 คือ เจ้าชายนาเยฟ Nayef bin Abdul-Aziz หรือ the Black Prince พ่อของ MBN คือ ผู้ที่อยู่ในอันดับ 2 ที่จะได้ครองราชย์ ต่อจากกษัตริย์ อับดุลลา แต่บังเอิญ เจ้าชายนาเยฟ สิ้นพระชนม์เสียก่อนในปี ค.ศ. 2012
    The Black Prince เจ้าชายนาเยฟ เกิดในปี ค.ศ.1934 เรียนหนังสือในโรงเรียนสำหรับพวกราชวงศ์ ที่นครริยาร์ด โดยมีครูสอนเป็นนักบวชพวกวาฮาบี ในนิกายอิสลามสุนนี
    ความผูกพันธ์ระหว่างราชวงศ์ซาอูดกับวาฮาบี ย้อนหลังไปกว่า 300 ปี ราวปี ค.ศ.1744 เมื่อ
    มูฮะหมัด อัล-ซาอูด กับ นักบวช ชื่อ มูฮะหมัด อัล วาฮับ ร่วมมือกันสร้างราชอาณาจักรซาอุดิ
    อารเบียขึ้นมา อัล -ซาอูด ดูแลบ้านเมืองและความมั่นคง ส่วน อัล-วาฮับ ก็ดูแลเรื่องจิตวิญญาณความเชื่อของประชาชน ตามแนวความเชื่อศาสนาอย่างเคร่งครัด ของ อัล-วาฮับ
    ความผูกพันธ์ระหว่าง ราชวงศ์ กับศาสนา ที่เริ่มต้นมาเช่นนี้ ทำให้ศาสนาตามความเชื่อของ อัล-วาฮับ จึงเป็นส่วนสำคัญของสังคมซาอุดิอารเบีย และอยู่ในการทำงานร่วมกัน กับกระทรวงมหาดไทยของซาอุดิ อารเบีย
    ในปี ค.ศ.1970 เจ้าชายฟาหด พี่ชายแท้ๆของเจ้าชายนาเยฟ ได้เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย เขาเลยตั้งเจ้าชายนาเยฟ เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี และเมื่อ เจ้าชายฟาหด ได้เป็นมงกุฏราชกุมาร ในปี ค.ศ.1975 เจ้าชายนาเยฟ ก็ได้ขึ้นเป็นรัฐมนตรี แทนที่พี่ชาย
    ในฐานะรัฐมนตรีมหาดไทย เจ้าชายนาเยฟ ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นพวกขวาจัด เคร่งศาสนา เป็นแนวร่วมกับฝ่ายศาสนา ที่คัดค้านการการแสดงออกอย่างเสรี และเข้มงวดกับพวกนอกศาสนา แถมมองว่า พวกนอกศาสนาเป็นพลเมืองชั้น 2 ของประเทศ เมื่อมีคนถามว่า ทำไมเจ้าชายถึงคัดค้านการที่จะเป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญนัก the Black Prince ตอบว่า “ฉันยังไม่อยากเป็นพระราชินีเอลิซาเบธนี่”
    นโยบายของเจ้าชายนาเยฟ ต่อชาวต่างด้าว โดยเฉพาะพวกตะวันตก ที่เข้ามาทำงานในซาอุดิอารเบีย เข้มงวด และออกแนวโหด จึงเป็นที่มาของสมญา the Black Prince ซึ่งชาวตะวันตก ที่อยู่ในนครริยาร์ด เป็นผู้ตั้งให้
    พอจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมฝรั่งถึงเรียก the Black Prince สงสัยเพจลุงนิทาน ก็คงถูกเรียกว่า the black page เหมือนกัน ฮา
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    18 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 2 “ข่าวลือ ข่าวลวง” ตอน 2 กษัตริย์องค์แรก ที่เป็นต้นราชวงศ์ซาอูด ( และเป็นพ่อของกษัตริย์ คนต่อๆมา) คือ กษัตริย์ Abdul-Aziz bin Saud หรือที่พวกตะวันตก เรียกกันว่า อิบน์ ซาอูด Ibn Saud ซึ่งนำทัพของเผ่า เข้ามามีอำนาจในเมืองริยาร์ด ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 และในปี ค.ศ.1930 กว่า ก็ยึดคาบสมุทรอารเบีย ตั้งแต่ทะเลแดง ยาวไปจนถึงอ่าวเปอร์เซีย ที่รวมทั้งเมืองศักดิสิทธิ์ เมกกะ และเมดินาด้วย อิบน์ ซาอูด มีภรรยา 22 คน และมีลูกซึ่งได้รับการยอมรับ 44 คน ตั้งแต่สิ้นพระชนม์ ในปี ค.ศ.1953 ลูกชายของ อิบน์ ซาอูด ก็ขึ้นครองราชย์ ติดต่อกันมา 6 คนแล้ว และลูกชายคนที่ 23 คือ เจ้าชายนาเยฟ Nayef bin Abdul-Aziz หรือ the Black Prince พ่อของ MBN คือ ผู้ที่อยู่ในอันดับ 2 ที่จะได้ครองราชย์ ต่อจากกษัตริย์ อับดุลลา แต่บังเอิญ เจ้าชายนาเยฟ สิ้นพระชนม์เสียก่อนในปี ค.ศ. 2012 The Black Prince เจ้าชายนาเยฟ เกิดในปี ค.ศ.1934 เรียนหนังสือในโรงเรียนสำหรับพวกราชวงศ์ ที่นครริยาร์ด โดยมีครูสอนเป็นนักบวชพวกวาฮาบี ในนิกายอิสลามสุนนี ความผูกพันธ์ระหว่างราชวงศ์ซาอูดกับวาฮาบี ย้อนหลังไปกว่า 300 ปี ราวปี ค.ศ.1744 เมื่อ มูฮะหมัด อัล-ซาอูด กับ นักบวช ชื่อ มูฮะหมัด อัล วาฮับ ร่วมมือกันสร้างราชอาณาจักรซาอุดิ อารเบียขึ้นมา อัล -ซาอูด ดูแลบ้านเมืองและความมั่นคง ส่วน อัล-วาฮับ ก็ดูแลเรื่องจิตวิญญาณความเชื่อของประชาชน ตามแนวความเชื่อศาสนาอย่างเคร่งครัด ของ อัล-วาฮับ ความผูกพันธ์ระหว่าง ราชวงศ์ กับศาสนา ที่เริ่มต้นมาเช่นนี้ ทำให้ศาสนาตามความเชื่อของ อัล-วาฮับ จึงเป็นส่วนสำคัญของสังคมซาอุดิอารเบีย และอยู่ในการทำงานร่วมกัน กับกระทรวงมหาดไทยของซาอุดิ อารเบีย ในปี ค.ศ.1970 เจ้าชายฟาหด พี่ชายแท้ๆของเจ้าชายนาเยฟ ได้เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย เขาเลยตั้งเจ้าชายนาเยฟ เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี และเมื่อ เจ้าชายฟาหด ได้เป็นมงกุฏราชกุมาร ในปี ค.ศ.1975 เจ้าชายนาเยฟ ก็ได้ขึ้นเป็นรัฐมนตรี แทนที่พี่ชาย ในฐานะรัฐมนตรีมหาดไทย เจ้าชายนาเยฟ ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นพวกขวาจัด เคร่งศาสนา เป็นแนวร่วมกับฝ่ายศาสนา ที่คัดค้านการการแสดงออกอย่างเสรี และเข้มงวดกับพวกนอกศาสนา แถมมองว่า พวกนอกศาสนาเป็นพลเมืองชั้น 2 ของประเทศ เมื่อมีคนถามว่า ทำไมเจ้าชายถึงคัดค้านการที่จะเป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญนัก the Black Prince ตอบว่า “ฉันยังไม่อยากเป็นพระราชินีเอลิซาเบธนี่” นโยบายของเจ้าชายนาเยฟ ต่อชาวต่างด้าว โดยเฉพาะพวกตะวันตก ที่เข้ามาทำงานในซาอุดิอารเบีย เข้มงวด และออกแนวโหด จึงเป็นที่มาของสมญา the Black Prince ซึ่งชาวตะวันตก ที่อยู่ในนครริยาร์ด เป็นผู้ตั้งให้ พอจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมฝรั่งถึงเรียก the Black Prince สงสัยเพจลุงนิทาน ก็คงถูกเรียกว่า the black page เหมือนกัน ฮา สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 18 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 1

    “ข่าวลือ ข่าวลวง”
    ตอน 1
    เมื่อต้นเตือนตุลาคมนี้ (ค.ศ.2015) สื่ออิสราเอล ประเภทเกาะติดการเมืองและการทหาร ลงข่าวว่า กษัตริย์ซาลมาน ของซาอุดิอารเบีย ป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล และมีข่าวว่า อาจเกิดการปฏิวัติภายในซาอุดิอารเบียด้วย เป็นข่าวสั้นๆ หลังจากนั้น ไม่มีข่าวคืบหน้า ส่วนสื่อตะวันตก และอัลจาซีรา ของการ์ต้า เล็กแต่แสบ ไม่แง้มปากออกมาเลย
    ข่าวเรื่องกษัตริย์ ซาอุป่วย กับข่าวปฏิวัติซาอุนี่ สื่อต่างประเทศ เล่นกันมาเป็นระรอก ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน ปีนี้แล้ว เรื่องแบบนี่ไม่มีบังเอิญหรอก ครับ บทชั่วๆอย่างนี้ ไอ้ใบตองแห้งชอบใช้นัก อยู่ดีๆมีข่าวปล่อยแบบนี้ แปลว่า มันต้องมีแผนชั่วคิดอยู่ จะชั่วขนาดไหน ต้องตามกันหน่อย
    ขณะนี้ ในตะวันออกกลาง นอกเหนือจากการรบในซีเรีย ที่กำลังดำเนินอยู่อย่างเข้มข้นแล้ว ประเทศที่จะเป็นตัวแปร ที่ไม่นับทางฝั่งของรัสเซีย ที่มีอิหร่าน ซีเรียจับมือร่วมกับบางส่วนของ อิรัค บางส่วนของเยเมน และอีก 2 กองกำลังติดอาวุธ คือ กลุ่มเฮสบอลเลาะห์ กับกลุ่มฮามาส แล้วซาอุดิ อารเบีย เสี่ยปั๊มใหญ่ ที่รักๆงอนๆกับอเมริกา เป็นประเทศที่เราต้องจับตาดูดีๆ การเป็น การป่วย การป่วน การปฏิวัติ รวมถึง การ “ไป” ไม่ว่า จะเป็น “ป” ไหนของซาอุดิ อารเบีย มีความหมายกับตะวันออกกลาง กับอเมริกา และกับความเป็นไปในโลกนี้ อย่างมาก
    ซาอุดิอารเบียจะเอียง ไปทางไหน จะเป็นอย่างไร คงเป็นเรื่องใหญ่ อเมริกาจะเดินยุทธศาสตร์แบบไหน จะปล่อยมือ หรือจะบีบให้คาที่ เป็นผลลบ หรือ ผลเป็นผลบวก กับฝ่ายรัสเซีย จีน อิหร่าน
    เราคงต้องตามไปดูเรื่องในซาอุ ดิอารเบีย ย้อนหลังเสียหน่อย ย้อนไปถึงต้นปี ค.ศ.2015 นี่ น่าจะพอ ไม่ต้องย้อนกันเป็นศตวรรษ ลุงนิทานจะเล่าอะไร ต้องขอถอยย้อนหลังไปนิด รู้อดีตหน่อย จะได้เข้าใจปัจจุบัน ส่วนจะทำให้มองเห็นอนาคตไหม นั่นก็แล้วความซับซ้อนของเรื่องราว และความคมชัดของสายตาของแต่ละคนนะครับ
    จากบทความ ของนาย Bruce Riedel ซีไอเอ เก๋าเขี้ยวลาก ระดับสูง ที่เคยเป็นผู้ช่วยพิเศษด้านความมั่นคง ของประธานาธิบดีคลินตัน ด้านตะวันออกใกล้และเอเซียใต้ ที่เขียนเรื่องในซาอุดิอารเบีย เมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา คงพอทำให้เราเข้าใจความคิดของไอ้ใบตองแห้ง เกี่ยวกับเรื่องซาอุดิอารเบีย เพิ่มขึ้นบ้าง และโปรดสังเกตระยะเวลาของการเขียนบทความ กับ เวลาที่เกิดข่าวลือด้วย
    บทความเขาเริ่มว่า ซาอุดิอารเบีย ซึ่งเป็นพันธมิตรเก่าแก่ที่สุดของอเมริกา ในตะวันออกกลาง กำลังถึงจุดเปลี่ยนประเทศ โดยเตรียมให้คนอีกรุ่นหนึ่งขึ้นมาปกครอง ซึ่งนับเป็นการผลัดเปลี่ยน อย่างสำคัญเป็นประวัติการณ์
    หลังจาก การสิ้นพระชนม์ของ กษัตริย์อับดุลลา Abdullah เมื่อเดือน มกราคม ค.ศ.2015 กษัตริย์ ซาลมาน Salmam bin Abdul-Aziz Al Saud น้องชายต่างมารดา วัย 79 ปี ก็ขึ้นมาครองราชย์แทน และจะเป็นคนรุ่นเก่าคนสุดท้าย ของรุ่นที่สร้างประเทศซาอุดิ อารเบีย จากประเทศจนๆ ในทะเลทราย ให้กลายเป็นประเทศที่ร่ำรวยจากแหล่งน้ำมันอันมหาศาลของตัวเอง แต่ก็ยังอนุรักษ์นิยมอย่างสุดขั้ว
    อนาคตของซาอุดิอารเบียจะเป็นอย่างไรต่อไป เป็นเรื่องที่วอชิงตันให้ความสนใจอย่างยิ่ง เพียงไม่กี่เดือนหลังจากขึ้นมา ครองราชย์ กษัตริย์ซาลมาน ก็เหมือนจะพาซาอุ เดินเข้าไป “ติดหล่ม” ในสงครามกับเยเมน ที่ซาอุ ถลาเข้าไปเอง …นี่เป็นคำสรรเสริญจากใบตองแห้งคนใกล้ชิดกันนะครับ แถมด้วยคำพูดว่า นี่เป็นการยืนยัน ว่า ซาอุดิอารเบีย ยังเดินตามคำแนะนำของกลุ่มเคร่งทางศานา ที่ไม่เห็นพ้องกับการปฏิรูปประเทศ ตามที่อเมริกาบอกว่าซาอุดิอารเบียจำเป็นต้องทำ ถ้าซาอุดิ
    อารเบีย ยังอยากจะเป็นพันธมิตรที่มั่นคง กับอเมริกาต่อไป
    โห…เพื่อนรัก วิจารณ์กันแบบนี้ ขนาดผมไม่ชอบขี่อูฐ ผมยังเคืองแทนเลยนะ มันกร่าง เป็นการดูถูก และข่มขู่เขาพร้อมกันไปด้วย ไม่รู้ทนกันได้ไง
    อเมริกาบอกว่า ซาลมาน เริ่มต้นได้ไม่สวยเลย แต่ที่พอกู้หน้าได้ และที่อเมริกาต้อนรับด้วยความยินดี คือการเปลี่ยนแปลงผู้ที่เป็นรัชทายาทของกษัตริย์ คือ การเปลี่ยนตัวจากน้องชายต่างมารดา คือ เจ้าชาย มุคริน Muqrin bin Abdul-Aziz มาเป็น หลานชายชื่อ เจ้าชาย บิน นาเยฟ Muhammad bin Nayef วัย 56 ปี
    องค์รัชทายาทคนใหม่ บิน นาเยฟ หรือที่พวกตะวันตก เรียกกันว่า MBN นับเป็นเจ้ารุ่นใหม่ (รุ่นหลาน) ที่จะปกครองอาณาจักรซาอุดิอารเบีย เว้นแต่จะ ซาลมานจะเปลี่ยนใจอีก ซึ่งอเมริกาบอกว่า เราขอว่า อย่าเปลี่ยนเลยนะ เพราะ MBN นี่ เป็นขวัญใจของอเมริกา ที่ให้ความร่วมมือกับหน่วยข่าวกรองของอเมริกาอย่างดีเยี่ยม ในปราบปรามผู้ก่อการร้าย ตั้งแต่สมัยที่ MBN เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีมหาดไทย จนมาเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยเอง ซึ่งต่างกับพ่อของเขา ซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยอยู่นานมาก ก่อนส่งต่อตำแหน่งให้ลูก
    คุณพ่อ นี่ ไม่ธรรมดาเลย แม้จะมีคนบอกว่า คุณพ่อ นี่โปรอเมริกามากกว่า ราชวงศ์คนอื่นๆ แต่ คุณพ่อก็ถูกอเมริกา ขนานนามว่าเป็น ” the Black Prince” จะหมายความว่า เป็นแกะดำของราชวงค์ หรือ เป็นคนโหด หรือ เป็นคนนอกคอก ผมยังไม่รู้คำแปลของ อเมริกาในเรื่องนี้
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    18 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 1 “ข่าวลือ ข่าวลวง” ตอน 1 เมื่อต้นเตือนตุลาคมนี้ (ค.ศ.2015) สื่ออิสราเอล ประเภทเกาะติดการเมืองและการทหาร ลงข่าวว่า กษัตริย์ซาลมาน ของซาอุดิอารเบีย ป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล และมีข่าวว่า อาจเกิดการปฏิวัติภายในซาอุดิอารเบียด้วย เป็นข่าวสั้นๆ หลังจากนั้น ไม่มีข่าวคืบหน้า ส่วนสื่อตะวันตก และอัลจาซีรา ของการ์ต้า เล็กแต่แสบ ไม่แง้มปากออกมาเลย ข่าวเรื่องกษัตริย์ ซาอุป่วย กับข่าวปฏิวัติซาอุนี่ สื่อต่างประเทศ เล่นกันมาเป็นระรอก ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน ปีนี้แล้ว เรื่องแบบนี่ไม่มีบังเอิญหรอก ครับ บทชั่วๆอย่างนี้ ไอ้ใบตองแห้งชอบใช้นัก อยู่ดีๆมีข่าวปล่อยแบบนี้ แปลว่า มันต้องมีแผนชั่วคิดอยู่ จะชั่วขนาดไหน ต้องตามกันหน่อย ขณะนี้ ในตะวันออกกลาง นอกเหนือจากการรบในซีเรีย ที่กำลังดำเนินอยู่อย่างเข้มข้นแล้ว ประเทศที่จะเป็นตัวแปร ที่ไม่นับทางฝั่งของรัสเซีย ที่มีอิหร่าน ซีเรียจับมือร่วมกับบางส่วนของ อิรัค บางส่วนของเยเมน และอีก 2 กองกำลังติดอาวุธ คือ กลุ่มเฮสบอลเลาะห์ กับกลุ่มฮามาส แล้วซาอุดิ อารเบีย เสี่ยปั๊มใหญ่ ที่รักๆงอนๆกับอเมริกา เป็นประเทศที่เราต้องจับตาดูดีๆ การเป็น การป่วย การป่วน การปฏิวัติ รวมถึง การ “ไป” ไม่ว่า จะเป็น “ป” ไหนของซาอุดิ อารเบีย มีความหมายกับตะวันออกกลาง กับอเมริกา และกับความเป็นไปในโลกนี้ อย่างมาก ซาอุดิอารเบียจะเอียง ไปทางไหน จะเป็นอย่างไร คงเป็นเรื่องใหญ่ อเมริกาจะเดินยุทธศาสตร์แบบไหน จะปล่อยมือ หรือจะบีบให้คาที่ เป็นผลลบ หรือ ผลเป็นผลบวก กับฝ่ายรัสเซีย จีน อิหร่าน เราคงต้องตามไปดูเรื่องในซาอุ ดิอารเบีย ย้อนหลังเสียหน่อย ย้อนไปถึงต้นปี ค.ศ.2015 นี่ น่าจะพอ ไม่ต้องย้อนกันเป็นศตวรรษ ลุงนิทานจะเล่าอะไร ต้องขอถอยย้อนหลังไปนิด รู้อดีตหน่อย จะได้เข้าใจปัจจุบัน ส่วนจะทำให้มองเห็นอนาคตไหม นั่นก็แล้วความซับซ้อนของเรื่องราว และความคมชัดของสายตาของแต่ละคนนะครับ จากบทความ ของนาย Bruce Riedel ซีไอเอ เก๋าเขี้ยวลาก ระดับสูง ที่เคยเป็นผู้ช่วยพิเศษด้านความมั่นคง ของประธานาธิบดีคลินตัน ด้านตะวันออกใกล้และเอเซียใต้ ที่เขียนเรื่องในซาอุดิอารเบีย เมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา คงพอทำให้เราเข้าใจความคิดของไอ้ใบตองแห้ง เกี่ยวกับเรื่องซาอุดิอารเบีย เพิ่มขึ้นบ้าง และโปรดสังเกตระยะเวลาของการเขียนบทความ กับ เวลาที่เกิดข่าวลือด้วย บทความเขาเริ่มว่า ซาอุดิอารเบีย ซึ่งเป็นพันธมิตรเก่าแก่ที่สุดของอเมริกา ในตะวันออกกลาง กำลังถึงจุดเปลี่ยนประเทศ โดยเตรียมให้คนอีกรุ่นหนึ่งขึ้นมาปกครอง ซึ่งนับเป็นการผลัดเปลี่ยน อย่างสำคัญเป็นประวัติการณ์ หลังจาก การสิ้นพระชนม์ของ กษัตริย์อับดุลลา Abdullah เมื่อเดือน มกราคม ค.ศ.2015 กษัตริย์ ซาลมาน Salmam bin Abdul-Aziz Al Saud น้องชายต่างมารดา วัย 79 ปี ก็ขึ้นมาครองราชย์แทน และจะเป็นคนรุ่นเก่าคนสุดท้าย ของรุ่นที่สร้างประเทศซาอุดิ อารเบีย จากประเทศจนๆ ในทะเลทราย ให้กลายเป็นประเทศที่ร่ำรวยจากแหล่งน้ำมันอันมหาศาลของตัวเอง แต่ก็ยังอนุรักษ์นิยมอย่างสุดขั้ว อนาคตของซาอุดิอารเบียจะเป็นอย่างไรต่อไป เป็นเรื่องที่วอชิงตันให้ความสนใจอย่างยิ่ง เพียงไม่กี่เดือนหลังจากขึ้นมา ครองราชย์ กษัตริย์ซาลมาน ก็เหมือนจะพาซาอุ เดินเข้าไป “ติดหล่ม” ในสงครามกับเยเมน ที่ซาอุ ถลาเข้าไปเอง …นี่เป็นคำสรรเสริญจากใบตองแห้งคนใกล้ชิดกันนะครับ แถมด้วยคำพูดว่า นี่เป็นการยืนยัน ว่า ซาอุดิอารเบีย ยังเดินตามคำแนะนำของกลุ่มเคร่งทางศานา ที่ไม่เห็นพ้องกับการปฏิรูปประเทศ ตามที่อเมริกาบอกว่าซาอุดิอารเบียจำเป็นต้องทำ ถ้าซาอุดิ อารเบีย ยังอยากจะเป็นพันธมิตรที่มั่นคง กับอเมริกาต่อไป โห…เพื่อนรัก วิจารณ์กันแบบนี้ ขนาดผมไม่ชอบขี่อูฐ ผมยังเคืองแทนเลยนะ มันกร่าง เป็นการดูถูก และข่มขู่เขาพร้อมกันไปด้วย ไม่รู้ทนกันได้ไง อเมริกาบอกว่า ซาลมาน เริ่มต้นได้ไม่สวยเลย แต่ที่พอกู้หน้าได้ และที่อเมริกาต้อนรับด้วยความยินดี คือการเปลี่ยนแปลงผู้ที่เป็นรัชทายาทของกษัตริย์ คือ การเปลี่ยนตัวจากน้องชายต่างมารดา คือ เจ้าชาย มุคริน Muqrin bin Abdul-Aziz มาเป็น หลานชายชื่อ เจ้าชาย บิน นาเยฟ Muhammad bin Nayef วัย 56 ปี องค์รัชทายาทคนใหม่ บิน นาเยฟ หรือที่พวกตะวันตก เรียกกันว่า MBN นับเป็นเจ้ารุ่นใหม่ (รุ่นหลาน) ที่จะปกครองอาณาจักรซาอุดิอารเบีย เว้นแต่จะ ซาลมานจะเปลี่ยนใจอีก ซึ่งอเมริกาบอกว่า เราขอว่า อย่าเปลี่ยนเลยนะ เพราะ MBN นี่ เป็นขวัญใจของอเมริกา ที่ให้ความร่วมมือกับหน่วยข่าวกรองของอเมริกาอย่างดีเยี่ยม ในปราบปรามผู้ก่อการร้าย ตั้งแต่สมัยที่ MBN เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีมหาดไทย จนมาเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยเอง ซึ่งต่างกับพ่อของเขา ซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยอยู่นานมาก ก่อนส่งต่อตำแหน่งให้ลูก คุณพ่อ นี่ ไม่ธรรมดาเลย แม้จะมีคนบอกว่า คุณพ่อ นี่โปรอเมริกามากกว่า ราชวงศ์คนอื่นๆ แต่ คุณพ่อก็ถูกอเมริกา ขนานนามว่าเป็น ” the Black Prince” จะหมายความว่า เป็นแกะดำของราชวงค์ หรือ เป็นคนโหด หรือ เป็นคนนอกคอก ผมยังไม่รู้คำแปลของ อเมริกาในเรื่องนี้ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 18 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองเชิง ตอนที่ 10

    “ลองเชิง”
    ตอน 10
    เวลาเกิดเหตุการณ์วุ่นวายรุนแรง นานเป็นปีๆ แถมตัวละครเข้าฉาก ก็หลากหลาย อย่างเรื่องซีเรีย นี่ มันก็น่าให้งง ตกลงใครเป็นคนเริ่ม ใครเป็นตัวชั่ว ใครเป็นตัวช่วย ใครเป็นตัวซวย แล้วจะแก้กันอย่างไร หรือจะจบอย่างไร ยิ่งตอนนี้ แบ่งค่ายแบ่งข้างกันค่อนข้างชัด แต่ก็ไม่แน่ว่า จะทำให้รู้เรื่องขึ้น
    มันดูยาก เพราะเขาวางแผนมาให้เป็นอย่างนั้น
    แน่นอน ฉากซีเรีย อเมริกาเกี่ยวข้องด้วยเต็มร้อย แม้จะไม่ได้ลงมือเองทั้งหมด แต่ที่น่าสงสัยคือ กลุ่มสิบเอ็ด มาเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย แล้วที่น่าสงสัยมากกว่า น่าจะเป็นการจับมือกัน ระหว่างซาอุดิอารเบีย กาตาร์ ตุรกี และอิสราเอล เพื่อถล่มอัสซาดให้พ้นไปจากซีเรียนั่นแหละ จะบอกว่าทั้งหมด เป็นลูกกระเป๋ง ลูกขุนพลอยพยัก หรือลูกหาบของอเมริกา มันก็ใช่ทั้งนั้น แต่มันคงไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์เท่านั้น มันคงมีอะไรมากกว่านั้น
    แก๊สธรรมชาติ ได้กลายเป็นสมบัติมีค่า อีกรายการหนึ่งในตะวันออกกลาง ไม่น่าเชื่อว่า สามล้อจะ
    ฟลุ๊กถูกหวย รางวัลใหญ่ ได้มากกว่า 1 ครั้ง แก๊ส ไม่ได้มีความหมายเฉพาะกับ เจ้าของแหล่งเท่านั้น แต่ยังมีความหมายกับอียู ยูเรเซีย รวมทั้งรัสเซีย ที่เป็นผู้ส่งออกแก๊ส และจีนผู้นำเข้าแก๊สอีกด้วย
    แก๊สธรรมชาติ เป็นพลังงานสะอาด ที่กำลังพุ่งแรง แซงพลังงานถ่านหิน นิวเคลียร์ และพลังไฟฟ้า ในยุโรป โดยเฉพาะที่เยอรมัน หลังจากเกิดเหตุการณ์ฟูกูชิมะของญี่ปุ่น และกำลังเป็นตัวเลือก ที่หลายประเทศในยุโรปกำลังเตรียมเอามาช่วยพยุงสิ่งแวดล้อมของโลก แปลว่า ยุโรป จะเป็นตลาดนำเข้าแก๊สที่ใหญ่มาก อีกตลาดหนึ่ง อย่างนี้ก็ต้องมีการเบียด การแซงกันหน่อย
    การค้นพบแหล่งแก๊สในอิหร่าน กาตาร์ ซีเรีย และอิสราเอล มีส่วนอย่างยิ่งที่ทำให้ฉากซีเรีย ถูกเร่งสร้างขึ้นมา
    ในเดือนกรฏาคม ค.ศ.2011 ขณะที่พวกลูกหาบนานาชาติ และกลุ่มเสี่ยปั๊มใหญ่ปั๊มเล็กในตะวันออกกลาง กำลังสวิงกันเต็มที่อยู่ในซีเรีย เพื่อหวดให้อัสซาดหล่นแท่นให้ได้ รัฐบาลของซีเรีย อิหร่านและอิรัค ก็กำลังลงนามในสัญญาสร้างท่อส่งแก๊ส โดยรอดสายตาอันแสนคมของสื่อตะวันตก ที่มัวแต่ทำข่าวการไล่หวดอัสซาด
    ท่อส่งแก๊สรายการนี้ คาดว่าจะต้องใช้ทุนถึง 1 หมื่นล้านเหรียญ และใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี ท่อส่งนี้ จะเริ่มจากท่าเรือ อาซาลลูเย Assalouyeh ของอิหร่าน ซึ่งอยู่ใกล้กับแหล่งแก๊สเซาท์พาส์ South Pars ของอิหร่านในอ่าวเปอร์เซีย ท่อส่งจะยาวไปถึงเมืองดามัสกัสของซีเรีย โดยผ่านเข้ามาในเขตแดนของอิรัค นอกจากนี้ อิหร่านยังมีแผน ที่จะขยายเส้นทางท่อส่งนี้ ไปถึงท่าเรือของเลบานอน ที่ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้วย จะได้ส่งแก๊สให้ถึงหน้าบ้านของพวกอียู ทั้งซีเรียและอิรัค ตกลงทำสัญญา จะซื้อแก๊สของอิหร่านล่วงหน้าแล้วด้วย
    เซาท์พาส์ South Pars ซึ่งเป็นแหล่งแก๊สธรรมชาติ ที่เชื่อกันว่า เป็นแหล่งแก๊สธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลกตอนนี้ ที่ค้นพบ อยู่ในอ่าวเปอร์เซีย และมีเจ้าของ 2 ราย แบ่งกันตามเขตแดน รายหนึ่งคือ อิหร่าน อีกรายคือ กาตาร์
    เริ่มเห็นสาเหตุจริง ของความวุ่นวายในซีเรียรางๆ แล้วใช่ไหมครับ
    เส้นทางท่อส่งแก๊สของอิหร่าน จึงถูกมอง และประทับตราว่า มันเป็นท่อส่งของพวกชีอะอิหร่าน ผ่านชีอะอิรัค ไปถึงเพื่อนชีอะ อัล อัสซาดแห่งซีเรีย และบางทีก็เรียกเส้นทางท่อส่งนี้ว่า เส้นทางท่อส่งอิสลาม Islamic Pipeline
    กาตาร์นั้น เหมือนเป็นสาขาต่างประเทศในตะวันออกกลาง ของเพนตากอน Pentagon หน่วยงานด้านความมั่นคงของอเมริกา มีตั้งแต่สำนักงานใหญ่ของ Air Forces Central, หน่วยประจำการรบทางอากาศที่ 83 และหน่วยที่ 379 ของกองทัพอากาศ อยู่ที่กาตาร์ และกาตาร์ยังมีสัมพันธ์ชนิดแน่น แบบแกะแทบไม่ออก กับอีกหลายหน่วยงานของอเมริกา และอังกฤษ รวมทั้งเป็นเจ้าของกิจการโทรทัศน์ อัลจาซีรา ที่กำลังทำรายการ ด่าอัสซาดอย่างรุนแรงทุกวัน อ้อ กาตาร์ยังสนิทกับนาโต้ที่อยู่แถวอ่าวเปอร์เซียอีกด้วย เอาเป็นว่าแนบแน่น กับฝั่งตะวันตกอย่างยิ่งแล้วกัน
    ถ้าเปรียบกาตาร์เป็นเหมือนก๋วยเตี๋ยวชามเล็ก แต่ในชาม คงจะมีแต่เส้นใหญ่ล้นชาม
    และกาตาร์ก็มีแผนของตัวเอง เกี่ยวกับแหล่งแก๊สธรรมชาติเหมือนกัน
    กาตาร์บอกว่า ไม่สนใจจะไปมีส่วนร่วม ในท่อส่งแก๊สชีอะนี้เลย ตรงกันข้าม
    กาตาร์พร้อมที่จะทำทุกอย่าง ที่จะให้แผนท่อส่งของอิหร่านซีเรีย ย่อยยับไปกับมือ
    รวย แล้วยังตอแหล ไม่รู้เอานิสัยใครมา
    เมื่อปี ค.ศ.2009 Emir ผู้ครองนคร ของกาตาร์ ลงทุนบินไปเจรจากับอัสซาด ด้วยตัวเอง เกี่ยวกับแหล่งแก๊ส ส่วนของกาตาร์ ที่เรียกว่า นอร์ทโดม North Dome ที่อยู่ติดกับเซาท์พาส์ของอิหร่าน
    กาตาร์เอง ก็เป็นผู้ผลิตแก๊สรายใหญ่ ส่งขายทางเอเซียอยู่เหมือนกัน เมื่อมี นอร์ทโดมหล่นใส่ตัก จึงต้องการจะขยายตลาดไปทางอียู บ้าง แต่เดิม กาตาร์คิดจะสร้างท่อส่ง เส้นทางกาตาร์ ตุรกี ผ่านซาอุดิอารเบียทางใต้ ไปออกเมดิเตอร์เรเนียน ที่ซีเรีย แต่อัสซาดดันปฏิเสธหน้าตาเฉย บอกว่าเขามีไมตรีใกล้ชิดกับรัสเซีย เราทำแบบนี้กับเพื่อนไม่ได้หรอก
    Emir แห่งกาตาร์ ควันออกหู พกเอาความแค้นขึ้นเครื่องบินส่วนตัว ปีกขลิบทอง บินกลับบ้าน
    อัสซาดไม่เป็นนักการทูตเอาเลย แต่อัสซาดก็ไม่ได้โกหก หลังจากซีเรียทำสัญญาสร้างท่อส่งแก๊สกับอิหร่านในเดือนกรกฎาคม เดือนสิงหาคมปีเดียวกัน ซีเรียเอง ก็ค้นพบแหล่งแก๊สธรรมชาติของตัว บ้าง ที่เมืองคารา Qara ใกล้กับเขตแดนด้านเลบานอน และใกล้กับท่าเรือทาร์ทัส Tartus ของรัสเซีย ที่เช่ามาจากซีเรีย อยู่ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซีเรียตกลงว่า ไม่ว่าแก๊สจะมาจากอิหร่าน หรือเป็นของซีเรียเอง เวลาขนส่งไปอียู ก็ต้องมาขนกันที่ท่าเรือของรัสเซียนี้แหละ
    และจริงๆ ซีเรียก็ขี้เกียจจะพูด แก๊สของกาตาร์น่ะ ไม่ได้เศษของที่ซีเรียเพิ่งค้นพบ
    Asia Times ลงข่าวในช่วงนั้นว่า … กาตาร์เอง ก็มีแผนที่ส่งแก๊สของตน ออกไปทางอ่าว อคาบา Aqaba ของจอร์แดน ซึ่งพวกมุสลิม บราเธอร์ฮูด Muslim Brotherhood กำลังพยายามกระตุกหนวดกษัตริย์จอร์แดนอยู่ กาตาร์แสบขึ้นชั้น ไปตกลงกับพวกมุสลิมบราเธอร์ฮูด ด้วยข้อแลกเปลี่ยนว่า พวกคุณไปซ่าที่อื่นนอกบ้านกาตาร์นะ แล้วผมจะสนับสนุนพวกคุณเต็มที่….
    …..มุสลิมบราเธอร์ฮูด ที่กระจายอยู่เต็ม จอร์แดนและซีเรีย ซึ่งสนับสนุนโดยกาตาร์ อาจสามารถเปลี่ยนหน้าตาของเกมการเมือง เกี่ยวกับแก๊สที่เล่นกันอยู่ในภูมิภาคนี้ก็ได้ การเดินหมากของ
    กาตาร์นี้ ถ้าสำเร็จ นอกจากจะทำให้ฝั่งของรัสเซีย ซีเรีย อิหร่าน อิรัค เสียเปรียบแล้ว ยังอาจมีผล
    กระทบต่อจีน จนขาลากอีกด้วย…
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    9 ต.ค. 2558
    ลองเชิง ตอนที่ 10 “ลองเชิง” ตอน 10 เวลาเกิดเหตุการณ์วุ่นวายรุนแรง นานเป็นปีๆ แถมตัวละครเข้าฉาก ก็หลากหลาย อย่างเรื่องซีเรีย นี่ มันก็น่าให้งง ตกลงใครเป็นคนเริ่ม ใครเป็นตัวชั่ว ใครเป็นตัวช่วย ใครเป็นตัวซวย แล้วจะแก้กันอย่างไร หรือจะจบอย่างไร ยิ่งตอนนี้ แบ่งค่ายแบ่งข้างกันค่อนข้างชัด แต่ก็ไม่แน่ว่า จะทำให้รู้เรื่องขึ้น มันดูยาก เพราะเขาวางแผนมาให้เป็นอย่างนั้น แน่นอน ฉากซีเรีย อเมริกาเกี่ยวข้องด้วยเต็มร้อย แม้จะไม่ได้ลงมือเองทั้งหมด แต่ที่น่าสงสัยคือ กลุ่มสิบเอ็ด มาเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย แล้วที่น่าสงสัยมากกว่า น่าจะเป็นการจับมือกัน ระหว่างซาอุดิอารเบีย กาตาร์ ตุรกี และอิสราเอล เพื่อถล่มอัสซาดให้พ้นไปจากซีเรียนั่นแหละ จะบอกว่าทั้งหมด เป็นลูกกระเป๋ง ลูกขุนพลอยพยัก หรือลูกหาบของอเมริกา มันก็ใช่ทั้งนั้น แต่มันคงไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์เท่านั้น มันคงมีอะไรมากกว่านั้น แก๊สธรรมชาติ ได้กลายเป็นสมบัติมีค่า อีกรายการหนึ่งในตะวันออกกลาง ไม่น่าเชื่อว่า สามล้อจะ ฟลุ๊กถูกหวย รางวัลใหญ่ ได้มากกว่า 1 ครั้ง แก๊ส ไม่ได้มีความหมายเฉพาะกับ เจ้าของแหล่งเท่านั้น แต่ยังมีความหมายกับอียู ยูเรเซีย รวมทั้งรัสเซีย ที่เป็นผู้ส่งออกแก๊ส และจีนผู้นำเข้าแก๊สอีกด้วย แก๊สธรรมชาติ เป็นพลังงานสะอาด ที่กำลังพุ่งแรง แซงพลังงานถ่านหิน นิวเคลียร์ และพลังไฟฟ้า ในยุโรป โดยเฉพาะที่เยอรมัน หลังจากเกิดเหตุการณ์ฟูกูชิมะของญี่ปุ่น และกำลังเป็นตัวเลือก ที่หลายประเทศในยุโรปกำลังเตรียมเอามาช่วยพยุงสิ่งแวดล้อมของโลก แปลว่า ยุโรป จะเป็นตลาดนำเข้าแก๊สที่ใหญ่มาก อีกตลาดหนึ่ง อย่างนี้ก็ต้องมีการเบียด การแซงกันหน่อย การค้นพบแหล่งแก๊สในอิหร่าน กาตาร์ ซีเรีย และอิสราเอล มีส่วนอย่างยิ่งที่ทำให้ฉากซีเรีย ถูกเร่งสร้างขึ้นมา ในเดือนกรฏาคม ค.ศ.2011 ขณะที่พวกลูกหาบนานาชาติ และกลุ่มเสี่ยปั๊มใหญ่ปั๊มเล็กในตะวันออกกลาง กำลังสวิงกันเต็มที่อยู่ในซีเรีย เพื่อหวดให้อัสซาดหล่นแท่นให้ได้ รัฐบาลของซีเรีย อิหร่านและอิรัค ก็กำลังลงนามในสัญญาสร้างท่อส่งแก๊ส โดยรอดสายตาอันแสนคมของสื่อตะวันตก ที่มัวแต่ทำข่าวการไล่หวดอัสซาด ท่อส่งแก๊สรายการนี้ คาดว่าจะต้องใช้ทุนถึง 1 หมื่นล้านเหรียญ และใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี ท่อส่งนี้ จะเริ่มจากท่าเรือ อาซาลลูเย Assalouyeh ของอิหร่าน ซึ่งอยู่ใกล้กับแหล่งแก๊สเซาท์พาส์ South Pars ของอิหร่านในอ่าวเปอร์เซีย ท่อส่งจะยาวไปถึงเมืองดามัสกัสของซีเรีย โดยผ่านเข้ามาในเขตแดนของอิรัค นอกจากนี้ อิหร่านยังมีแผน ที่จะขยายเส้นทางท่อส่งนี้ ไปถึงท่าเรือของเลบานอน ที่ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้วย จะได้ส่งแก๊สให้ถึงหน้าบ้านของพวกอียู ทั้งซีเรียและอิรัค ตกลงทำสัญญา จะซื้อแก๊สของอิหร่านล่วงหน้าแล้วด้วย เซาท์พาส์ South Pars ซึ่งเป็นแหล่งแก๊สธรรมชาติ ที่เชื่อกันว่า เป็นแหล่งแก๊สธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลกตอนนี้ ที่ค้นพบ อยู่ในอ่าวเปอร์เซีย และมีเจ้าของ 2 ราย แบ่งกันตามเขตแดน รายหนึ่งคือ อิหร่าน อีกรายคือ กาตาร์ เริ่มเห็นสาเหตุจริง ของความวุ่นวายในซีเรียรางๆ แล้วใช่ไหมครับ เส้นทางท่อส่งแก๊สของอิหร่าน จึงถูกมอง และประทับตราว่า มันเป็นท่อส่งของพวกชีอะอิหร่าน ผ่านชีอะอิรัค ไปถึงเพื่อนชีอะ อัล อัสซาดแห่งซีเรีย และบางทีก็เรียกเส้นทางท่อส่งนี้ว่า เส้นทางท่อส่งอิสลาม Islamic Pipeline กาตาร์นั้น เหมือนเป็นสาขาต่างประเทศในตะวันออกกลาง ของเพนตากอน Pentagon หน่วยงานด้านความมั่นคงของอเมริกา มีตั้งแต่สำนักงานใหญ่ของ Air Forces Central, หน่วยประจำการรบทางอากาศที่ 83 และหน่วยที่ 379 ของกองทัพอากาศ อยู่ที่กาตาร์ และกาตาร์ยังมีสัมพันธ์ชนิดแน่น แบบแกะแทบไม่ออก กับอีกหลายหน่วยงานของอเมริกา และอังกฤษ รวมทั้งเป็นเจ้าของกิจการโทรทัศน์ อัลจาซีรา ที่กำลังทำรายการ ด่าอัสซาดอย่างรุนแรงทุกวัน อ้อ กาตาร์ยังสนิทกับนาโต้ที่อยู่แถวอ่าวเปอร์เซียอีกด้วย เอาเป็นว่าแนบแน่น กับฝั่งตะวันตกอย่างยิ่งแล้วกัน ถ้าเปรียบกาตาร์เป็นเหมือนก๋วยเตี๋ยวชามเล็ก แต่ในชาม คงจะมีแต่เส้นใหญ่ล้นชาม และกาตาร์ก็มีแผนของตัวเอง เกี่ยวกับแหล่งแก๊สธรรมชาติเหมือนกัน กาตาร์บอกว่า ไม่สนใจจะไปมีส่วนร่วม ในท่อส่งแก๊สชีอะนี้เลย ตรงกันข้าม กาตาร์พร้อมที่จะทำทุกอย่าง ที่จะให้แผนท่อส่งของอิหร่านซีเรีย ย่อยยับไปกับมือ รวย แล้วยังตอแหล ไม่รู้เอานิสัยใครมา เมื่อปี ค.ศ.2009 Emir ผู้ครองนคร ของกาตาร์ ลงทุนบินไปเจรจากับอัสซาด ด้วยตัวเอง เกี่ยวกับแหล่งแก๊ส ส่วนของกาตาร์ ที่เรียกว่า นอร์ทโดม North Dome ที่อยู่ติดกับเซาท์พาส์ของอิหร่าน กาตาร์เอง ก็เป็นผู้ผลิตแก๊สรายใหญ่ ส่งขายทางเอเซียอยู่เหมือนกัน เมื่อมี นอร์ทโดมหล่นใส่ตัก จึงต้องการจะขยายตลาดไปทางอียู บ้าง แต่เดิม กาตาร์คิดจะสร้างท่อส่ง เส้นทางกาตาร์ ตุรกี ผ่านซาอุดิอารเบียทางใต้ ไปออกเมดิเตอร์เรเนียน ที่ซีเรีย แต่อัสซาดดันปฏิเสธหน้าตาเฉย บอกว่าเขามีไมตรีใกล้ชิดกับรัสเซีย เราทำแบบนี้กับเพื่อนไม่ได้หรอก Emir แห่งกาตาร์ ควันออกหู พกเอาความแค้นขึ้นเครื่องบินส่วนตัว ปีกขลิบทอง บินกลับบ้าน อัสซาดไม่เป็นนักการทูตเอาเลย แต่อัสซาดก็ไม่ได้โกหก หลังจากซีเรียทำสัญญาสร้างท่อส่งแก๊สกับอิหร่านในเดือนกรกฎาคม เดือนสิงหาคมปีเดียวกัน ซีเรียเอง ก็ค้นพบแหล่งแก๊สธรรมชาติของตัว บ้าง ที่เมืองคารา Qara ใกล้กับเขตแดนด้านเลบานอน และใกล้กับท่าเรือทาร์ทัส Tartus ของรัสเซีย ที่เช่ามาจากซีเรีย อยู่ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซีเรียตกลงว่า ไม่ว่าแก๊สจะมาจากอิหร่าน หรือเป็นของซีเรียเอง เวลาขนส่งไปอียู ก็ต้องมาขนกันที่ท่าเรือของรัสเซียนี้แหละ และจริงๆ ซีเรียก็ขี้เกียจจะพูด แก๊สของกาตาร์น่ะ ไม่ได้เศษของที่ซีเรียเพิ่งค้นพบ Asia Times ลงข่าวในช่วงนั้นว่า … กาตาร์เอง ก็มีแผนที่ส่งแก๊สของตน ออกไปทางอ่าว อคาบา Aqaba ของจอร์แดน ซึ่งพวกมุสลิม บราเธอร์ฮูด Muslim Brotherhood กำลังพยายามกระตุกหนวดกษัตริย์จอร์แดนอยู่ กาตาร์แสบขึ้นชั้น ไปตกลงกับพวกมุสลิมบราเธอร์ฮูด ด้วยข้อแลกเปลี่ยนว่า พวกคุณไปซ่าที่อื่นนอกบ้านกาตาร์นะ แล้วผมจะสนับสนุนพวกคุณเต็มที่…. …..มุสลิมบราเธอร์ฮูด ที่กระจายอยู่เต็ม จอร์แดนและซีเรีย ซึ่งสนับสนุนโดยกาตาร์ อาจสามารถเปลี่ยนหน้าตาของเกมการเมือง เกี่ยวกับแก๊สที่เล่นกันอยู่ในภูมิภาคนี้ก็ได้ การเดินหมากของ กาตาร์นี้ ถ้าสำเร็จ นอกจากจะทำให้ฝั่งของรัสเซีย ซีเรีย อิหร่าน อิรัค เสียเปรียบแล้ว ยังอาจมีผล กระทบต่อจีน จนขาลากอีกด้วย… สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 9 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 423 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองเชิง ตอนที่ 9

    “ลองเชิง”
    ตอน 9
    มาถึงตอนนี้ เราคงเห็นแล้วว่า ตัวละครสำคัญในฉากซีเรีย คงไม่พ้นซาอุดิอารเบีย เสี่ยปั๊มใหญ่ แบบนี้ที่เชียร์กัน ให้รัสเซียอุ้มสมซาอุ จะไหวละหรือ
    เอาละ คุณพี่ปูตินอาจจะทำ เพื่อผลประโยชน์ภายหน้า และสะใจบางคน แต่ผมว่าเขาคงไม่อุ้มกันตอนกำลังเล่นฉากซีเรียนี้หรอก
    ทบทวนกันอีกที ตัวละครกลุ่มแรกในฉากซีเรียคือ พวกกลุ่มมุสลิมเคร่ง สาระพัดพันธ์ุ ที่อ้างว่ามีเป้าหมาย จะทำให้ตะวันออกกลางทั้งหมดเป็นรัฐอิสลาม เลยทนซีเรียที่ไม่เคร่งศาสนาไม่ได้
    กลุ่มนี้เรียกกันว่า กลุ่มกบฏซีเรีย ที่มาพวกเขาเป็นอย่างไรรู้กันแล้วนะครับ แต่ที่จะไป ยังไม่รู้ กำลังดูอยู่ว่า ค่ายรัสเซีย จีน อิหร่าน จะเล่นถึงไหน แค่ปัดกวาดกลุ่มนี้ออกจากซีเรีย หรือจะเล่นถึงเก็บเกลี้ยงเกลา
    ตัวละครกลุ่มที่สองคือ กลุ่มไม่รัก หรือศัตรูของซีเรียในตะวันออกกลาง ที่มีอยู่แยะ แต่ตัวเด็ดๆ ก็คือ ซาอุดิอารเบีย อิสราเอล ตุรกี และกาตาร์… นั่นแน่ ค่อยๆโผล่มาเข้าฉาก เสี่ยสำอางค์ซุ่มเงียบ
    เสี่ยปั๊มใหญ่ซาอุ ไม่ชอบเล่นออกหน้า แต่ชอบดันอยู่ข้างหลัง จึงใช้เจ้าชายซุกเข่า บันดาร์ บิน สุลต่าน เป็นคนเดินเกมประสาน
    เสี่บปั๊มใหญ่บอกว่า เรารบอิหร่าน ซีเรีย อยู่รายเดียวนี่ คงเหนื่อย ไปเอาตุรกี นกหลายหัวมาร่วมด้วยดีกว่า อย่างน้อยก็เป็นอิสลามด้วยกัน
    จะหวังพึ่งอืสราเอล ที่คุณพ่อเจ้าของโรงพิมพ์กระดาษสีเขียว ตรานกอินทรีย์ ส่งมา ก็เกรงว่าจะเชื่อใจ ได้แค่เสี้ยวเดียว
    ตุรกีก็คงคิดว่า เออ ดีเหมือนกัน ถ้าอเมริกาสนับสนุนให้ช่วยกันเล่นซีเรีย อิหร่าน เอาให้ร่วง คู่แข็งที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้าใหญ่ในตะวันออกกลาง ก็จะน้อยลง
    ยิ่งเหลืออย่างเสี่ยปั๊มใหญ่กับเด็กๆ เสี่ยสำอางค์ แหม ไม่อยากพูด ไก่อ่อน ขันยังไม่เป็น คิดจะไปเป็นไก่ชนชิงเมือง เอะ หมายถึงใครนะ ไก่อ่อน
    กาตาร์ รวยจนเบื่อ คงอยากเป็นลูกพี่ มีลูกน้องกับเขาบ้างกระมัง เลยบอกตุรกี งานนี้เราเล่นด้วย เจ้าชายซุกเข่า รู้เข้าก็เต้น เด็กวานซืน เจ้าไม่ต้องมาสะเออะ
    กาตาร์เลยให้ตุรกีออกหน้าแทน ตุรกีไม่ขัดใจ เรื่องใช้เงินคนอื่นสร้างบารมีให้ตัวเองนี่ มีใครไม่เอามั่ง มันมือจะตาย
    นั่นมันเรื่องในช่วง ค.ศ.2011 เล่าย้อนไปถึงตัวละครสำคัญบางตัว ก่อนที่เจ้าชายซุกเข่า จะถูกปลดนะครับ
    ช่วงนั้น อเมริกาเฝ้าดูอยู่อย่างใกล้ชิดจากอีกทวีปหนึ่ง อเมริกาบอก เรา (ยัง) ไม่จำเป็นต้องเข้ามาบุกซีเรีย ให้คนตะวันออกกลาง เขาจัดการกันไปก่อน แต่เรื่องซีเรียก็ไม่ไปถึงไหน อเมริกาชักขี้เกียจรอ เลยคิดใช้ ก็อก 2
    อเมริกาบอก อย่างนี้ต้องใช้มาตรการสากล ผ่านองค์กรนานาชาติคือ สหประชาชาติแล้ว ฟังดูหรูน่าเกรงขามมาก ถุด ลูกกระเป๋งทั้งนั้น นั่งพยักหน้ากันหงึกหงัก ตบมือกราว เวลาคุณพ่อ (พวกมึง) ขึ้นไปพล่าม
    อเมริกาให้ยื่นเรื่องเข้าสหประชาชาติ และขอ (หรือสั่ง) ให้คณะมนตรีความมั่นคง มีมติให้กองกำลังของนาโต้ เข้าไปดำเนินการกับรัฐบาลซีเรีย และ ให้สหประชาชาติ มีมติกำหนดเขตห้ามบินในซีเรีย no fly zone อเมริกาเตรียมแผนทลายซีเรีย โดยใช้แผนเดียวกับที่อเมริกาเคยใช้กับลิเบีย (อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับลิเบีย ในนิทานเรื่อง “แผนชั่ว” ครับ)
    แต่คราวนี้ คำสั่งของอเมริกาไม่ศักดิ์สิทธิเหมือนเดิม ทั้งรัสเซียและจีน ใช้สิทธิคัดค้าน ในคณะมนตรีความมั่นคง ของสหประชาชาติถึง 2 ครั้ง ในวันที่ 5 ตุลาคม ค.ศ.2011 และวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2012 รัสเซียและจีนยืนยันว่า ไม่ยินยอมให้นาโต้บอมบ์ซีเรีย และนี่เป็นสาเหตุให้ เจ้าชาย บิน สุลต่าน บุกไปถึงมอสโคว์ หวังจะข่มขู่คุณพี่ปูตินให้ปล่อยมือที่อุ้มซีเรีย แต่เจ้าชายกลับเยินออกมา
    ตกลงแผนใช้เจ้าชายซุกเข่า จัดตัวละครชุดนักรบ ตัวละครชุดเสี่ยตะวันออกกลาง ก็พายไม่ไป โล้ไม่ออก แผนมติสหประชาชาติก็ฝ่อ คราวนี้อเมริกาเปลี่ยนแผน (อีก) สั่งระดมพล พวกลูกขุนลูกหาบนานาชาติ มาคอยพยัก ตั้งกลุ่มเพื่อนของซีเรีย Friends of Syria เมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.2012 ประกาศตัวว่า จะร่วมกันโค่นรัฐบาลอัสสาดให้จงได้
    นี่ จึงนับเป็นตัวละครกลุ่มที่สาม ที่มาเข้าฉากซีเรีย
    กลุ่มที่สาม ลูกหาบนานาชาติ นำโดยนายซาโกซี่ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสขณะนั้น รับคำสั่งเป็นตัวต้ังตัวตี จัดกลุ่มขึ้นในช่วงต้นปี ค.ศ.2012 รวบรวมพรรคพวกได้ถึง 70 ประเทศ มีการประชุมกันครั้งแรกเดือนกุมภา ที่ตูนีเซีย พอเมษา ก็ประชุมอีกที่ตุรกี กลางปีมาประชุมที่ปารีส ตามต่อที่การ์ต้า ปลายปีไปประชุมที่มาราเกซ เขาว่า การประชุมทุกครั้ง ไอ้ไก่อ่อน เสี่ยปั๊มสิงห์สำอาง กาตาร์ เป็นคนควักกระเป๋าทั้งนั้น ตกลงเรื่องไล่นายอัสซาด นี่ ดูเหมือนจะเป็นงานหลักของกาตาร์ หรือไงนะ
    เรื่องกลุ่มลูกหาบนานาชาติ นี่ มันสนุกยิ่งกว่าหนังแขก ตอนตั้งใหม่ๆต้นปี ค.ศ.2012 มีพรรคพวกมาร่วม 70 ประเทศ พอถึงปลายปี ตายแล้ว สมาชิกเพิ่มเป็น 114 ประเทศ ไปล่อมาจากไหนจ้ะ แยะจัง สงสัยไก่อ่อนจ่ายอ่วม อ้าว แล้วกัน พอถึงปี 2013 กลุ่มลูกหาบ เหลือ แค่ 11 ประเทศ ผมไม่ได้เขียนผิดครับ ตอนหลังเขาเลยเรียกกันว่า “กลุ่มลอนดอน 11” เหลือแค่ อียิปต์ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี จอร์แดน การ์ต้า ซาอุดิอารเบีย ตุรกี สมาพันธรัฐเอมิเรต อังกฤษ และอเมริกา ดูรายชื่อแล้ว คนอ่านนิทานคงประเมินได้นะครับ ว่า ลอนดอน 11 นี่ มันใครเป็นใคร ไก่อ่อน นี่มันจะเป็นไก่ตุ๋น แล้วยังไม่รู้ตัว ศักยภาพสูงจริงๆ
    เดี๋ยวลืม ขอแถมนิด อัลจาซีรา ของกาตาร์ นี่ คนวางแผน จัดตั้ง จัดรายการ เขียนข่าว รวมทั้งพิธีกร นี่เขาว่า บีบีซีของอังกฤษ รับเหมามาทำให้หมดนะครับ เพราะช่วงนั้น (และช่วงนี้) อังกฤษเศรษฐกิจดีมาก เลิกกิจการไปหลายอย่าง ร่วมทั้งลดขนาดกิจการของบีบีซี กาตาร์ กำลังอยากมีสื่อระดับโลกของตัวเอง เลยเหมาไปหมด ก็คงทำให้เห็นสัมพันธ์ของกลุ่ม 11 ชัดเจนขึ้น และถ้าเราสังเกตกัน กาตาร์ นี่ดูเหมือนกลิ่นจะออกเป็นตะวันตก มากกว่าตะวันออกกลางเสียแล้ว
    เมื่อมติสหประชาชาติ ไม่ออกมา มันก็ถึงคิว ที่กลุ่มไอซิสต้องออกมาแทน
    แล้วไอซิสพันธ์ุโหดก็เริ่มรายการยึดซีเรียในปี ค.ศ.2013 ยึดได้ไปหลายเมือง แต่อัสสาดก็ยังอยู่ แถมในเดือนกรกฏาคม ค.ศ.2013 ไอซิสเริ่มรักษาเมืองที่ไปยึดไว้ไม่ได้ และดันเป็นเมืองที่สำคัญ อัล คูเซร Al-Qusayr
    เรื่องซีเรียใช้อาวุธเคมี จึงออกมาโหมใหม่ ในเดือนสิงหาคม ค.ศ.2013 หลังจากนั้น อัสสาดก็มีชื่อติดอันดับโลก เป็นฆาตกรฆ่าประชาชน ที่โลกรังเกียจอย่างยิ่ง โลกเรียกร้องว่า อเมริกาต้องเข้ามาจัดการแล้ว อเมริกาจะปล่อยให้คนซีเรียถูกฆ่าอย่างนี้ต่อไปหรือ บทเขาต่อเนื่องดีแบบเน่าๆ
    สื่อในตะวันออกกลางลงข่าวว่า ในเดือนกันยายน ค.ศ.2013 อเมริกายิงจรวดใส่ซีเรียจริงๆ ยิงไป 2 ลูก ข้ามทะเลเมดิเตอเรเนียนมา แต่เรดาร์รัสเซียจับได้ ลูกหนึ่งจึงถูกรัสเซียยิงสวนระเบิดกลางอากาศ และอีกลูก ถูกระบบรัสเซียบังคับให้ลงทะเล เรื่องศักยภาพอาวุธมาแล้ว
    เรื่องนี้ สื่อตะวันตกไม่มีแอะออกมาเลย เงียบเหมือนใบ้กิน สื่อตะวันออกกลางลงกันเต็ม เหตุการณ์นี้น่าจะทำให้อเมริกา คิดหนักว่า ถ้าจะเล่นซีเรีย ก็ต้องเจอกับรัสเซียแน่นอน อเมริกาจึงปรับแผน (อีกแล้ว) หันไปตีประตูหลังบ้านรัสเซีย เพื่อให้รัสเซียปั่นป่วนบ้าง แล้วเหตุการณ์ ยูเครนจึงเกิดขึ้นอีก ในปลายเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2013
    ถ้า ฉากซีเรียยุคใหม่นี้ ยังเล่นอยู่ต่อไป โดยรัสเซียยังเป็นพระเอก อีกไม่นาน เราคงได้เห็นแถบยูเครนก็คงร้อนขึ้นมาใหม่ เหมือนอย่างตอนนี้ ที่อเมริกากำลังจุดเรื่องอาฟกานิสถาน ขึ้นมาอีก เพื่อเตรียมเอากองกำลัง กลับเข้าไปในอาฟกานิสถาน หลังจากประกาศถอนกำลังออกไปไม่นานมานี้
    อเมริกาจะพยายามแหย่ให้รัสเซียปั่นป่วน ห่วงหน้าพะวงหลัง เพราะอเมริกาและพวก คงไม่ปล่อยให้รัสเซียและพวก คุมซีเรียและบริเวณใกล้เคียงแน่นอน
    เขียนยาวมาถึงตอนนี้ ท่านผู้อ่านก็คง งง ลุงเล่ามาในตอนต้นๆ ว่า ทำไมรัสเซีย อิหร่าน จีน ต้องจับมือกัน นั่น มันก็พอมีเหตุผล เกี่ยวกับความอยู่รอด แต่ ไอ้อีกฝ่ายนี่สิ ทำไมมันถึงจองกฐินซีเรีย ติดต่อกันถึง 4 ปีแล้ว ยังไม่เลิก และไอ้กลุ่ม 11 มันทำไมถึงเอาเป็นเอาตายเรื่องซีเรีย ลุงบรรยายเสียยาว ถึงตัวละคร แต่เรื่องมันเหมือนไม่ค่อยมีน้ำหนักนะ อย่าเพิ่งสรุปอย่างนั้นนะครับ ช่วย อดใจรอตอน 10 หน่อย อาจจะถึงบางอ้อ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    8 ต.ค. 2558
    ลองเชิง ตอนที่ 9 “ลองเชิง” ตอน 9 มาถึงตอนนี้ เราคงเห็นแล้วว่า ตัวละครสำคัญในฉากซีเรีย คงไม่พ้นซาอุดิอารเบีย เสี่ยปั๊มใหญ่ แบบนี้ที่เชียร์กัน ให้รัสเซียอุ้มสมซาอุ จะไหวละหรือ เอาละ คุณพี่ปูตินอาจจะทำ เพื่อผลประโยชน์ภายหน้า และสะใจบางคน แต่ผมว่าเขาคงไม่อุ้มกันตอนกำลังเล่นฉากซีเรียนี้หรอก ทบทวนกันอีกที ตัวละครกลุ่มแรกในฉากซีเรียคือ พวกกลุ่มมุสลิมเคร่ง สาระพัดพันธ์ุ ที่อ้างว่ามีเป้าหมาย จะทำให้ตะวันออกกลางทั้งหมดเป็นรัฐอิสลาม เลยทนซีเรียที่ไม่เคร่งศาสนาไม่ได้ กลุ่มนี้เรียกกันว่า กลุ่มกบฏซีเรีย ที่มาพวกเขาเป็นอย่างไรรู้กันแล้วนะครับ แต่ที่จะไป ยังไม่รู้ กำลังดูอยู่ว่า ค่ายรัสเซีย จีน อิหร่าน จะเล่นถึงไหน แค่ปัดกวาดกลุ่มนี้ออกจากซีเรีย หรือจะเล่นถึงเก็บเกลี้ยงเกลา ตัวละครกลุ่มที่สองคือ กลุ่มไม่รัก หรือศัตรูของซีเรียในตะวันออกกลาง ที่มีอยู่แยะ แต่ตัวเด็ดๆ ก็คือ ซาอุดิอารเบีย อิสราเอล ตุรกี และกาตาร์… นั่นแน่ ค่อยๆโผล่มาเข้าฉาก เสี่ยสำอางค์ซุ่มเงียบ เสี่ยปั๊มใหญ่ซาอุ ไม่ชอบเล่นออกหน้า แต่ชอบดันอยู่ข้างหลัง จึงใช้เจ้าชายซุกเข่า บันดาร์ บิน สุลต่าน เป็นคนเดินเกมประสาน เสี่บปั๊มใหญ่บอกว่า เรารบอิหร่าน ซีเรีย อยู่รายเดียวนี่ คงเหนื่อย ไปเอาตุรกี นกหลายหัวมาร่วมด้วยดีกว่า อย่างน้อยก็เป็นอิสลามด้วยกัน จะหวังพึ่งอืสราเอล ที่คุณพ่อเจ้าของโรงพิมพ์กระดาษสีเขียว ตรานกอินทรีย์ ส่งมา ก็เกรงว่าจะเชื่อใจ ได้แค่เสี้ยวเดียว ตุรกีก็คงคิดว่า เออ ดีเหมือนกัน ถ้าอเมริกาสนับสนุนให้ช่วยกันเล่นซีเรีย อิหร่าน เอาให้ร่วง คู่แข็งที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้าใหญ่ในตะวันออกกลาง ก็จะน้อยลง ยิ่งเหลืออย่างเสี่ยปั๊มใหญ่กับเด็กๆ เสี่ยสำอางค์ แหม ไม่อยากพูด ไก่อ่อน ขันยังไม่เป็น คิดจะไปเป็นไก่ชนชิงเมือง เอะ หมายถึงใครนะ ไก่อ่อน กาตาร์ รวยจนเบื่อ คงอยากเป็นลูกพี่ มีลูกน้องกับเขาบ้างกระมัง เลยบอกตุรกี งานนี้เราเล่นด้วย เจ้าชายซุกเข่า รู้เข้าก็เต้น เด็กวานซืน เจ้าไม่ต้องมาสะเออะ กาตาร์เลยให้ตุรกีออกหน้าแทน ตุรกีไม่ขัดใจ เรื่องใช้เงินคนอื่นสร้างบารมีให้ตัวเองนี่ มีใครไม่เอามั่ง มันมือจะตาย นั่นมันเรื่องในช่วง ค.ศ.2011 เล่าย้อนไปถึงตัวละครสำคัญบางตัว ก่อนที่เจ้าชายซุกเข่า จะถูกปลดนะครับ ช่วงนั้น อเมริกาเฝ้าดูอยู่อย่างใกล้ชิดจากอีกทวีปหนึ่ง อเมริกาบอก เรา (ยัง) ไม่จำเป็นต้องเข้ามาบุกซีเรีย ให้คนตะวันออกกลาง เขาจัดการกันไปก่อน แต่เรื่องซีเรียก็ไม่ไปถึงไหน อเมริกาชักขี้เกียจรอ เลยคิดใช้ ก็อก 2 อเมริกาบอก อย่างนี้ต้องใช้มาตรการสากล ผ่านองค์กรนานาชาติคือ สหประชาชาติแล้ว ฟังดูหรูน่าเกรงขามมาก ถุด ลูกกระเป๋งทั้งนั้น นั่งพยักหน้ากันหงึกหงัก ตบมือกราว เวลาคุณพ่อ (พวกมึง) ขึ้นไปพล่าม อเมริกาให้ยื่นเรื่องเข้าสหประชาชาติ และขอ (หรือสั่ง) ให้คณะมนตรีความมั่นคง มีมติให้กองกำลังของนาโต้ เข้าไปดำเนินการกับรัฐบาลซีเรีย และ ให้สหประชาชาติ มีมติกำหนดเขตห้ามบินในซีเรีย no fly zone อเมริกาเตรียมแผนทลายซีเรีย โดยใช้แผนเดียวกับที่อเมริกาเคยใช้กับลิเบีย (อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับลิเบีย ในนิทานเรื่อง “แผนชั่ว” ครับ) แต่คราวนี้ คำสั่งของอเมริกาไม่ศักดิ์สิทธิเหมือนเดิม ทั้งรัสเซียและจีน ใช้สิทธิคัดค้าน ในคณะมนตรีความมั่นคง ของสหประชาชาติถึง 2 ครั้ง ในวันที่ 5 ตุลาคม ค.ศ.2011 และวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2012 รัสเซียและจีนยืนยันว่า ไม่ยินยอมให้นาโต้บอมบ์ซีเรีย และนี่เป็นสาเหตุให้ เจ้าชาย บิน สุลต่าน บุกไปถึงมอสโคว์ หวังจะข่มขู่คุณพี่ปูตินให้ปล่อยมือที่อุ้มซีเรีย แต่เจ้าชายกลับเยินออกมา ตกลงแผนใช้เจ้าชายซุกเข่า จัดตัวละครชุดนักรบ ตัวละครชุดเสี่ยตะวันออกกลาง ก็พายไม่ไป โล้ไม่ออก แผนมติสหประชาชาติก็ฝ่อ คราวนี้อเมริกาเปลี่ยนแผน (อีก) สั่งระดมพล พวกลูกขุนลูกหาบนานาชาติ มาคอยพยัก ตั้งกลุ่มเพื่อนของซีเรีย Friends of Syria เมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.2012 ประกาศตัวว่า จะร่วมกันโค่นรัฐบาลอัสสาดให้จงได้ นี่ จึงนับเป็นตัวละครกลุ่มที่สาม ที่มาเข้าฉากซีเรีย กลุ่มที่สาม ลูกหาบนานาชาติ นำโดยนายซาโกซี่ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสขณะนั้น รับคำสั่งเป็นตัวต้ังตัวตี จัดกลุ่มขึ้นในช่วงต้นปี ค.ศ.2012 รวบรวมพรรคพวกได้ถึง 70 ประเทศ มีการประชุมกันครั้งแรกเดือนกุมภา ที่ตูนีเซีย พอเมษา ก็ประชุมอีกที่ตุรกี กลางปีมาประชุมที่ปารีส ตามต่อที่การ์ต้า ปลายปีไปประชุมที่มาราเกซ เขาว่า การประชุมทุกครั้ง ไอ้ไก่อ่อน เสี่ยปั๊มสิงห์สำอาง กาตาร์ เป็นคนควักกระเป๋าทั้งนั้น ตกลงเรื่องไล่นายอัสซาด นี่ ดูเหมือนจะเป็นงานหลักของกาตาร์ หรือไงนะ เรื่องกลุ่มลูกหาบนานาชาติ นี่ มันสนุกยิ่งกว่าหนังแขก ตอนตั้งใหม่ๆต้นปี ค.ศ.2012 มีพรรคพวกมาร่วม 70 ประเทศ พอถึงปลายปี ตายแล้ว สมาชิกเพิ่มเป็น 114 ประเทศ ไปล่อมาจากไหนจ้ะ แยะจัง สงสัยไก่อ่อนจ่ายอ่วม อ้าว แล้วกัน พอถึงปี 2013 กลุ่มลูกหาบ เหลือ แค่ 11 ประเทศ ผมไม่ได้เขียนผิดครับ ตอนหลังเขาเลยเรียกกันว่า “กลุ่มลอนดอน 11” เหลือแค่ อียิปต์ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี จอร์แดน การ์ต้า ซาอุดิอารเบีย ตุรกี สมาพันธรัฐเอมิเรต อังกฤษ และอเมริกา ดูรายชื่อแล้ว คนอ่านนิทานคงประเมินได้นะครับ ว่า ลอนดอน 11 นี่ มันใครเป็นใคร ไก่อ่อน นี่มันจะเป็นไก่ตุ๋น แล้วยังไม่รู้ตัว ศักยภาพสูงจริงๆ เดี๋ยวลืม ขอแถมนิด อัลจาซีรา ของกาตาร์ นี่ คนวางแผน จัดตั้ง จัดรายการ เขียนข่าว รวมทั้งพิธีกร นี่เขาว่า บีบีซีของอังกฤษ รับเหมามาทำให้หมดนะครับ เพราะช่วงนั้น (และช่วงนี้) อังกฤษเศรษฐกิจดีมาก เลิกกิจการไปหลายอย่าง ร่วมทั้งลดขนาดกิจการของบีบีซี กาตาร์ กำลังอยากมีสื่อระดับโลกของตัวเอง เลยเหมาไปหมด ก็คงทำให้เห็นสัมพันธ์ของกลุ่ม 11 ชัดเจนขึ้น และถ้าเราสังเกตกัน กาตาร์ นี่ดูเหมือนกลิ่นจะออกเป็นตะวันตก มากกว่าตะวันออกกลางเสียแล้ว เมื่อมติสหประชาชาติ ไม่ออกมา มันก็ถึงคิว ที่กลุ่มไอซิสต้องออกมาแทน แล้วไอซิสพันธ์ุโหดก็เริ่มรายการยึดซีเรียในปี ค.ศ.2013 ยึดได้ไปหลายเมือง แต่อัสสาดก็ยังอยู่ แถมในเดือนกรกฏาคม ค.ศ.2013 ไอซิสเริ่มรักษาเมืองที่ไปยึดไว้ไม่ได้ และดันเป็นเมืองที่สำคัญ อัล คูเซร Al-Qusayr เรื่องซีเรียใช้อาวุธเคมี จึงออกมาโหมใหม่ ในเดือนสิงหาคม ค.ศ.2013 หลังจากนั้น อัสสาดก็มีชื่อติดอันดับโลก เป็นฆาตกรฆ่าประชาชน ที่โลกรังเกียจอย่างยิ่ง โลกเรียกร้องว่า อเมริกาต้องเข้ามาจัดการแล้ว อเมริกาจะปล่อยให้คนซีเรียถูกฆ่าอย่างนี้ต่อไปหรือ บทเขาต่อเนื่องดีแบบเน่าๆ สื่อในตะวันออกกลางลงข่าวว่า ในเดือนกันยายน ค.ศ.2013 อเมริกายิงจรวดใส่ซีเรียจริงๆ ยิงไป 2 ลูก ข้ามทะเลเมดิเตอเรเนียนมา แต่เรดาร์รัสเซียจับได้ ลูกหนึ่งจึงถูกรัสเซียยิงสวนระเบิดกลางอากาศ และอีกลูก ถูกระบบรัสเซียบังคับให้ลงทะเล เรื่องศักยภาพอาวุธมาแล้ว เรื่องนี้ สื่อตะวันตกไม่มีแอะออกมาเลย เงียบเหมือนใบ้กิน สื่อตะวันออกกลางลงกันเต็ม เหตุการณ์นี้น่าจะทำให้อเมริกา คิดหนักว่า ถ้าจะเล่นซีเรีย ก็ต้องเจอกับรัสเซียแน่นอน อเมริกาจึงปรับแผน (อีกแล้ว) หันไปตีประตูหลังบ้านรัสเซีย เพื่อให้รัสเซียปั่นป่วนบ้าง แล้วเหตุการณ์ ยูเครนจึงเกิดขึ้นอีก ในปลายเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2013 ถ้า ฉากซีเรียยุคใหม่นี้ ยังเล่นอยู่ต่อไป โดยรัสเซียยังเป็นพระเอก อีกไม่นาน เราคงได้เห็นแถบยูเครนก็คงร้อนขึ้นมาใหม่ เหมือนอย่างตอนนี้ ที่อเมริกากำลังจุดเรื่องอาฟกานิสถาน ขึ้นมาอีก เพื่อเตรียมเอากองกำลัง กลับเข้าไปในอาฟกานิสถาน หลังจากประกาศถอนกำลังออกไปไม่นานมานี้ อเมริกาจะพยายามแหย่ให้รัสเซียปั่นป่วน ห่วงหน้าพะวงหลัง เพราะอเมริกาและพวก คงไม่ปล่อยให้รัสเซียและพวก คุมซีเรียและบริเวณใกล้เคียงแน่นอน เขียนยาวมาถึงตอนนี้ ท่านผู้อ่านก็คง งง ลุงเล่ามาในตอนต้นๆ ว่า ทำไมรัสเซีย อิหร่าน จีน ต้องจับมือกัน นั่น มันก็พอมีเหตุผล เกี่ยวกับความอยู่รอด แต่ ไอ้อีกฝ่ายนี่สิ ทำไมมันถึงจองกฐินซีเรีย ติดต่อกันถึง 4 ปีแล้ว ยังไม่เลิก และไอ้กลุ่ม 11 มันทำไมถึงเอาเป็นเอาตายเรื่องซีเรีย ลุงบรรยายเสียยาว ถึงตัวละคร แต่เรื่องมันเหมือนไม่ค่อยมีน้ำหนักนะ อย่าเพิ่งสรุปอย่างนั้นนะครับ ช่วย อดใจรอตอน 10 หน่อย อาจจะถึงบางอ้อ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 8 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 436 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองเชิง ตอนที่ 8

    “ลองเชิง”
    ตอน 8
    เขาว่ากันว่า สิ่งที่อเมริกาสนใจ และใส่ใจที่สุดในตะวันออกกลางคือ น้ำมัน กับอิสราเอลเท่านั้น ที่เถียงกันคือ ใน 2 สิ่ง อเมริกาห่วงสิ่งไหนมากกว่ากัน
    ที่เขาว่ากันแบบนั้น ก็คงไม่ผิดในเชิงการเมือง แต่ ในเชิงยุทธศาสตร์ ผมว่าอเมริกาคงสนใจแค่ 1 สิ่ง ในตะวันออกกลาง คืออเมริกา “จะต้องได้” ตะวันออกกลางทั้งหมดต่างหาก อย่างที่ผมเกริ่นมาในตอนก่อนๆ แต่อเมริกาจะกินตะวันออกกลางทั้งหมด อเมริกาก็ต้องวางแผนให้ดี เพราะห่วงว่าจะมีใครย้อนศร ส่วจรวดมาใส่ไข่แดงของอเมริกา ที่อยู่ในตะวันออกกลางคือ อิสราเอล จนเละทั้งใบ
    ไม่ใช่อเมริการักอิสราเอลมากนักหรอก แต่ยิวที่ขี่คอรัฐบาลอเมริกานั่นสิ ที่อเมริกาต้องห่วง และยิวในอเมริกาก็มีมากเสียด้วย เรียกดาราดังๆเชื้อสายยิวๆ มาเข้าฉากทั้งหมด รัฐบาลอเมริกันอาจพังง่ายๆ ตั้งแต่ผู้อำนวยการสร้าง ผู้กำกับ ดาราตุ๊กตาทอง สื่อทุกรูปแบบ อยู่ในมือยิวเกือบทั้งนั้น อาวุธที่ทำให้อเมริกาเซได้ โดยไม่ต้องถล่มตลาดหุ้น หรือใช้จรวดยิง ก็คือ ใช้ดารากับสื่อนี่แหละครับ เอาหน้าเด่นๆ ผลัดกันมาออกรายการ ตีข่าวเข้าไปทุกวัน คนบ้าดารา เคลิ้มตาม เดี๋ยวก็ได้มีการลาออก หรือเปลี่ยนนโยบายกันให้เห็น
    แต่ไม่ได้หมายความว่า อเมริกาจะไม่มีวันทิ้งยิว …
    อัสซาด คนพ่อ Hafez Assad นั้น เป็นนักยุทธศาสตร์ตัวยง เหลี่ยมลึก มองไกล เขาดูแล้วว่า อิสราเอลเป็นจุดสำคัญที่สุดของตะวันออกกลาง ผมจึงชื่นชมอังกฤษ ไอ้ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้ายนักว่า มันสุดยอด(ชั่ว)จริงๆ ที่เอายิวไปอยู่ในตะวันออกกลางได้ และให้อยู่ในจุดนั้น
    ลองกลับไปดูแผนที่นะครับ และนึกถึงข้อตกลงของอังกฤษกับผู้ชนะสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วยว่า สมัยนั้น เขาตกลงแบ่งสมบัติกันอย่างไร สรุปว่า ประเทศที่มีทางออกสู่เมดิเตอร์เรเนียนทั้งหมดคือ ตุรกี ซีเรีย เลบานอน และอิสราเอล ยาวมาจนถึงอียิปต์ ตกอยู่ในความดูแลของอังกฤษกับพวก เพื่ออังกฤษและพวกจะได้คุมทางออกไปทะเล จำไว้นะครับ เรื่องการคุมทางออกทะเล เป็นยุทธศาสตร์สำคัญอันหนึ่ง
    แต่มาภายหลัง เมื่อตุรกี ซีเรีย เลบานอน ได้รับเอกราช สามารถปกครองบ้านเมืองตัวเองได้ โดยไม่ต้องฟังอังกฤษกับพวกแล้ว อเมริกาที่รับไม้ดูแลตะวันออกกลางต่อจากอังกฤษ จึงต้องทุ่มสร้างความมั่นคงให้กับอิสราเอล ไข่แดงของตัว และสร้างความมั่นคงให้อิยิปต์ด้วยในช่วงแรก เพื่อเป็นกำแพงพิงหลังให้อิสราเอล ขณะเดียวกัน อเมริกาก็พยายามซื้อเลบานอนอยู่หลายรอบ สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง
    อัสซาด คนพ่อ เห็นอย่างนั้นก็รู้ว่า อิสราเอล แม้จะเป็นประเทศเล็ก แต่ถ้าอเมริกาเสริมเหล็กใ้ห้จนแข็งขนาดนั้น ต่อไปซีเรียจะเหนื่อย เขาจึงสนับสนุนให้มีการสร้างกลุ่มเฮสบอลเลาะห์ในเลบานอน ที่อยู่ติดหลังบ้านอิสราเอลขึ้นมา ไว้เป็นด่านกั้นให้ซีเรียชั้นหนึ่งก่อน ส่วนเลบานอนก็ไม่ปฏิเสธ เพราะตัวเองยิ่งแย่ใหญ่ หน้าเกือบจะชนก้นอิสราเอลอยู่แล้ว และนี่ ก็เป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้อิสราเอลเกลียดซีเรีย อย่างไม่มีวันเลิก
    กลับมาที่แผนชั่วของอเมริกาใน ตะวันออกกลาง ตัวละครใหญ่สำคัญที่สุด 3 รายคือ อิหร่าน อิสราเอล และซาอุดิอารเบีย นั้น อเมริกาจับมาอยู่ในมือแล้ว คือ 2 รายหลัง เหลือรายแรกคือ อิหร่าน ที่อเมริกาเพียรจับ แต่จับๆ หลุดๆ ตั้งแต่ช่วง ค.ศ.1950 กว่าๆ แต่ไม่เคยอยู่หมัดอยู่มือถาวร อเมริกาจึงต้องวางแผนใหม่อยู่เรื่อย
    จะครองโลก ไม่ใช่คิดวันนี้ ครองพรุ่งนี้ เขาวางแผนกันมาหลายสิบปี บางทีร้อยปี ก็มี จะต่อสู้หรือต่อต้าน ก็เช่นเดียวกัน เขาก็ต้องวางแผนนาน สนามซีเรีย ช่วงนี้จะนั่งดูรายวัน ก็ควรทำความเข้าใจก่อนว่า ใครเล่นอะไร ที่ไหน เพราะอะไร ไม่อย่างนั้น ก็แค่รู้ แต่ไม่เข้าใจ
    อเมริกาวางแผนที่จะกินอิหร่านหลายรูปแบบ รูปแบบสุดท้าย คือ เรื่องนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นละครซื้อเวลา แผนจริงรุ่นแรก ที่อเมริกาเดินเพื่อกินอิหร่าน คือ แผนบุกอิรัค ของเหยี่ยวกระหายเลือด คาวบอยบุช กับดิกเชนีย์ เมื่อ ปี ค.ศ.2003 ซึ่งเป็นไปตามแผนการจัดระเบียบโลกใหม่ New World Order ที่บุชตัวพ่อ ประกาศ ในปี ค.ศ.1991 เมื่อคิดว่า สหภาพโซเวียตล่มสลายตายสนิท
    แต่ภายหลัง ในช่วงประมาณปี ค.ศ.2000 ไอ้ที่คิดว่าตายสนิท ดันฟื้นเป็นรัสเซีย ที่ทำท่าจะเฟื่องต่อเสียด้วยซ้ำ และไอ้ที่คิดว่าดีแต่ค้าขายอย่างจีน ก็ทำท่าจะโตเร็วเกินไป แผนจัดการอิหร่าน เพื่อยึดตะวันออกกลาง และผ่ากลาง รัสเซียกับจีน จึงต้องรีบดำเนินการ
    แต่อยู่ดีๆ จะไปยึดอิหร่าน ที่ใหญ่เอาเรื่อง และก็ผูกสัมพันธ์กับรัสเซียมาตลอด คงไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะเซ่อซ่าวิ่งลุยเข้าไปง่ายๆ อเมริกาจึงคิดทุบรอบนอกอิหร่านก่อน และยุทธศาสตร์ทุบรอบนอก หรือทุบข้างในให้น่วมก่อนกิน นี่ ดูเหมือนจะเป็นยุทธศาสตร์ยอดนิยมของค่ายตะวันตก
    อิรัคและซัดดัม จึงถูกเลือกเป็นทั้งเป้าหมายจริง และเป็นเป้าหมายหลอกในขณะเดียวกัน อเมริกาไม่เคยกินเด้งเดียว อเมริกาต้องการครอบครองอิรัค เพื่อเอาน้ำมัน และใช้เป็นสะพานเพื่อเข้าไปบุกซีเรียและอิหร่านอีกต่อหนึ่ง ขณะเดียวกัน ก็เป็นการตัดเส้นทางเลี้ยงกลุ่มเฮสบอลเลาะห์ ของเลบานอน ที่อยู่ติดกับประตูหลังบ้านของอิสราเอล ที่ทั้งอิหร่านและซีเรียส่งเสียเลี้ยงดู เพื่ออิสราเอลจะได้ปลอดภัย เห็นความแสบ ซับซ้อนของอเมริกาไหมครับ
    แผนนี้ ถ้าสำเร็จ มันจะเป็นการทลายค่ายต่อต้านอเมริกาอย่างถาวร ได้ดูแลยิว และผ่ารัสเซียจากจีน เป็นการตัดตอน 2 ประเทศใหญ่ เตรียมก้าวไปครองโลก คิดแล้วน่าเคลิ้มใจ
    อเมริกา ยังฝันเฟื่องต่อไปอีกว่า เมื่อยึดอิรัค กำจัดซัดดัมแล้ว จะจัดให้อิรัคมีการเลือกตั้ง เป็นประชาธิปไตย ซึ่งจะทำให้อิรัค เป็นมิตรที่ดีของอิสราเอล คอยช่วยเหลืออิสราเอล และช่วยด่าซีเรีย กับด่าอิหร่าน เป็นการปูพื้น เตรียมการให้อเมริกาบุก 2 ประเทศนั้นต่อ ระหว่างที่อ่านย่อหน้านี้ จะได้อารมณ์มาก ถ้านึกถึงหน้าคาวบอยบุซ ไปด้วยนะครับ จะได้ซึ้งถึงฝันเฟื่องของคาวบอย ว่ามัน
    เห่ย ขนาดไหน
    อเมริกา ไม่ได้เพียงประเมินตัวเองผิด อเมริกายังประเมินคู่ต่อสู้ของตัวผิดอีกด้วย การบุกอิรัค จึงกลายเป็นเรื่องหายนะของอเม ริกา และเป็นหายนะของอิรัคด้วย เพราะตามสูตรของอเมริกา เมื่อครอบครองไม่ได้ ก็ทำลายเสีย แล้วอิรัค ก็กลายเป็นรัฐล้มเหลว เช่นเดียวกับลิเบีย และอื่นๆ
    สำหรับอเมริกา ในการจะบุกซีเรีย อเมริกาต้องใช้สูตรสำเร็จ เอาปูนป้ายหน้า
    อัสซาดก่อนว่า ไอ้หมอนี่เป็นผู้นำที่เลว เผด็จการ ขี้โกง ไร้มนุษยธรรม ฯลฯ เหมือนอย่างที้ป้ายหน้า ซัดดัม กัดดาฟี ทำนองนั้น สูตรสำเร็จนี้ คนอ่านนิทานท่องได้ จำขึ้นใจกันแล้วทั้งนั้น
    แต่สำหรับซีเรีย สูตรสำเร็จแค่นั้นคงไม่พอ เพราะซีเรียก็แหลมคม และมีเพื่อน
    แล้วในปี ค.ศ.2005 จึงเกิดเรื่องการวางระเบิดคาร์บอม ใส่ขบวนรถของนายราฟิค ฮาริริ Rafiq Hariri อดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอน ข่าวบอกว่าเป็นฝีมือของกลุ่มเฮสบอลเลาะห์กองกำลังติดอาวุธของเลบานอน ที่อยู่คนละข้างกับกลุ่มของฮาริริ
    บังเอิญ ฮาริริ ดันเป็นคนที่ (มีคนสั่งให้) ซาอุ (จ่าย) สนับสนุนให้เป็นใหญ่ในเลบานอน เอาไว้เป็นหนาม อยู่กลางกลุ่มพวกอิหร่านและซีเรียในเลบานอน เรื่องมันจึงไม่ใช่การวางระเบิดระดับธรรมดา สื่อฟอกย้อม ลงข่าวว่า ซีเรียต้องรับผิดชอบ เพราะตอนนั้นซีเรีย ดูแลด้านความมั่นคงให้แก่เลบานอน ตามสัญญา Taif Accord
    แม้จะดมกลิ่นระเบิดไม่ได้จากมือไหน แต่คาร์บอมรายการนี้ ก็ค่อนข้างชัดว่า น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนป้ายสีให้อัสซาด นอกจากนี้ หัวหน้าอาหรับสายสุนนี่ โดยเฉพาะสุนนี่ในเลบานอน ต่างออกมาประสานเสียงกันว่า ซีเรียต้องรับผิดชอบในการลอบฆ่านี้ ผลสุดท้าย กองทัพซีเรียก็ต้องถอนกำลังออกไปจากเลบานอน และเลบานอนก็อยู่ในความดูแลของ กลุ่มเฮสบอลเลาะห์ กับกองกำลังที่เรียกว่า “กองกำลังร่วม 14 มีนา” ที่ตั้งขึ้นทันที ที่ ฮาริริ ถูกฆ่าตาย และไม่ถูกกับกลุ่มเฮสบอลเลาะห์
    เลบานอน ก็เริ่มมีความวุ่นวาย
    หลังจากนั้น เสียงไม่เอาซีเรีย ไม่เอาอัสซาด ก็เริ่มระบาดดังขึ้นในเลบานอน สื่อในเลบานอน ตีข่าวด่าซีเรียทุกวัน กองกำลังร่วม 14 มีนา ก็แข็งกร้าวขึ้นทุกวัน และกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ ปนกลิ่นแพะ ก็ปลิวว่อนในเลบานอน
    นี่คือจุดเริ่มต้นของการรวมกำลังโค่นล้มรัฐบาลอัสซาด ที่มาจากสาระพัดพันธ์ุและสาระพัด เป้าหมาย
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    7 ต.ค. 2558
    ลองเชิง ตอนที่ 8 “ลองเชิง” ตอน 8 เขาว่ากันว่า สิ่งที่อเมริกาสนใจ และใส่ใจที่สุดในตะวันออกกลางคือ น้ำมัน กับอิสราเอลเท่านั้น ที่เถียงกันคือ ใน 2 สิ่ง อเมริกาห่วงสิ่งไหนมากกว่ากัน ที่เขาว่ากันแบบนั้น ก็คงไม่ผิดในเชิงการเมือง แต่ ในเชิงยุทธศาสตร์ ผมว่าอเมริกาคงสนใจแค่ 1 สิ่ง ในตะวันออกกลาง คืออเมริกา “จะต้องได้” ตะวันออกกลางทั้งหมดต่างหาก อย่างที่ผมเกริ่นมาในตอนก่อนๆ แต่อเมริกาจะกินตะวันออกกลางทั้งหมด อเมริกาก็ต้องวางแผนให้ดี เพราะห่วงว่าจะมีใครย้อนศร ส่วจรวดมาใส่ไข่แดงของอเมริกา ที่อยู่ในตะวันออกกลางคือ อิสราเอล จนเละทั้งใบ ไม่ใช่อเมริการักอิสราเอลมากนักหรอก แต่ยิวที่ขี่คอรัฐบาลอเมริกานั่นสิ ที่อเมริกาต้องห่วง และยิวในอเมริกาก็มีมากเสียด้วย เรียกดาราดังๆเชื้อสายยิวๆ มาเข้าฉากทั้งหมด รัฐบาลอเมริกันอาจพังง่ายๆ ตั้งแต่ผู้อำนวยการสร้าง ผู้กำกับ ดาราตุ๊กตาทอง สื่อทุกรูปแบบ อยู่ในมือยิวเกือบทั้งนั้น อาวุธที่ทำให้อเมริกาเซได้ โดยไม่ต้องถล่มตลาดหุ้น หรือใช้จรวดยิง ก็คือ ใช้ดารากับสื่อนี่แหละครับ เอาหน้าเด่นๆ ผลัดกันมาออกรายการ ตีข่าวเข้าไปทุกวัน คนบ้าดารา เคลิ้มตาม เดี๋ยวก็ได้มีการลาออก หรือเปลี่ยนนโยบายกันให้เห็น แต่ไม่ได้หมายความว่า อเมริกาจะไม่มีวันทิ้งยิว … อัสซาด คนพ่อ Hafez Assad นั้น เป็นนักยุทธศาสตร์ตัวยง เหลี่ยมลึก มองไกล เขาดูแล้วว่า อิสราเอลเป็นจุดสำคัญที่สุดของตะวันออกกลาง ผมจึงชื่นชมอังกฤษ ไอ้ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้ายนักว่า มันสุดยอด(ชั่ว)จริงๆ ที่เอายิวไปอยู่ในตะวันออกกลางได้ และให้อยู่ในจุดนั้น ลองกลับไปดูแผนที่นะครับ และนึกถึงข้อตกลงของอังกฤษกับผู้ชนะสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วยว่า สมัยนั้น เขาตกลงแบ่งสมบัติกันอย่างไร สรุปว่า ประเทศที่มีทางออกสู่เมดิเตอร์เรเนียนทั้งหมดคือ ตุรกี ซีเรีย เลบานอน และอิสราเอล ยาวมาจนถึงอียิปต์ ตกอยู่ในความดูแลของอังกฤษกับพวก เพื่ออังกฤษและพวกจะได้คุมทางออกไปทะเล จำไว้นะครับ เรื่องการคุมทางออกทะเล เป็นยุทธศาสตร์สำคัญอันหนึ่ง แต่มาภายหลัง เมื่อตุรกี ซีเรีย เลบานอน ได้รับเอกราช สามารถปกครองบ้านเมืองตัวเองได้ โดยไม่ต้องฟังอังกฤษกับพวกแล้ว อเมริกาที่รับไม้ดูแลตะวันออกกลางต่อจากอังกฤษ จึงต้องทุ่มสร้างความมั่นคงให้กับอิสราเอล ไข่แดงของตัว และสร้างความมั่นคงให้อิยิปต์ด้วยในช่วงแรก เพื่อเป็นกำแพงพิงหลังให้อิสราเอล ขณะเดียวกัน อเมริกาก็พยายามซื้อเลบานอนอยู่หลายรอบ สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง อัสซาด คนพ่อ เห็นอย่างนั้นก็รู้ว่า อิสราเอล แม้จะเป็นประเทศเล็ก แต่ถ้าอเมริกาเสริมเหล็กใ้ห้จนแข็งขนาดนั้น ต่อไปซีเรียจะเหนื่อย เขาจึงสนับสนุนให้มีการสร้างกลุ่มเฮสบอลเลาะห์ในเลบานอน ที่อยู่ติดหลังบ้านอิสราเอลขึ้นมา ไว้เป็นด่านกั้นให้ซีเรียชั้นหนึ่งก่อน ส่วนเลบานอนก็ไม่ปฏิเสธ เพราะตัวเองยิ่งแย่ใหญ่ หน้าเกือบจะชนก้นอิสราเอลอยู่แล้ว และนี่ ก็เป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้อิสราเอลเกลียดซีเรีย อย่างไม่มีวันเลิก กลับมาที่แผนชั่วของอเมริกาใน ตะวันออกกลาง ตัวละครใหญ่สำคัญที่สุด 3 รายคือ อิหร่าน อิสราเอล และซาอุดิอารเบีย นั้น อเมริกาจับมาอยู่ในมือแล้ว คือ 2 รายหลัง เหลือรายแรกคือ อิหร่าน ที่อเมริกาเพียรจับ แต่จับๆ หลุดๆ ตั้งแต่ช่วง ค.ศ.1950 กว่าๆ แต่ไม่เคยอยู่หมัดอยู่มือถาวร อเมริกาจึงต้องวางแผนใหม่อยู่เรื่อย จะครองโลก ไม่ใช่คิดวันนี้ ครองพรุ่งนี้ เขาวางแผนกันมาหลายสิบปี บางทีร้อยปี ก็มี จะต่อสู้หรือต่อต้าน ก็เช่นเดียวกัน เขาก็ต้องวางแผนนาน สนามซีเรีย ช่วงนี้จะนั่งดูรายวัน ก็ควรทำความเข้าใจก่อนว่า ใครเล่นอะไร ที่ไหน เพราะอะไร ไม่อย่างนั้น ก็แค่รู้ แต่ไม่เข้าใจ อเมริกาวางแผนที่จะกินอิหร่านหลายรูปแบบ รูปแบบสุดท้าย คือ เรื่องนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นละครซื้อเวลา แผนจริงรุ่นแรก ที่อเมริกาเดินเพื่อกินอิหร่าน คือ แผนบุกอิรัค ของเหยี่ยวกระหายเลือด คาวบอยบุช กับดิกเชนีย์ เมื่อ ปี ค.ศ.2003 ซึ่งเป็นไปตามแผนการจัดระเบียบโลกใหม่ New World Order ที่บุชตัวพ่อ ประกาศ ในปี ค.ศ.1991 เมื่อคิดว่า สหภาพโซเวียตล่มสลายตายสนิท แต่ภายหลัง ในช่วงประมาณปี ค.ศ.2000 ไอ้ที่คิดว่าตายสนิท ดันฟื้นเป็นรัสเซีย ที่ทำท่าจะเฟื่องต่อเสียด้วยซ้ำ และไอ้ที่คิดว่าดีแต่ค้าขายอย่างจีน ก็ทำท่าจะโตเร็วเกินไป แผนจัดการอิหร่าน เพื่อยึดตะวันออกกลาง และผ่ากลาง รัสเซียกับจีน จึงต้องรีบดำเนินการ แต่อยู่ดีๆ จะไปยึดอิหร่าน ที่ใหญ่เอาเรื่อง และก็ผูกสัมพันธ์กับรัสเซียมาตลอด คงไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะเซ่อซ่าวิ่งลุยเข้าไปง่ายๆ อเมริกาจึงคิดทุบรอบนอกอิหร่านก่อน และยุทธศาสตร์ทุบรอบนอก หรือทุบข้างในให้น่วมก่อนกิน นี่ ดูเหมือนจะเป็นยุทธศาสตร์ยอดนิยมของค่ายตะวันตก อิรัคและซัดดัม จึงถูกเลือกเป็นทั้งเป้าหมายจริง และเป็นเป้าหมายหลอกในขณะเดียวกัน อเมริกาไม่เคยกินเด้งเดียว อเมริกาต้องการครอบครองอิรัค เพื่อเอาน้ำมัน และใช้เป็นสะพานเพื่อเข้าไปบุกซีเรียและอิหร่านอีกต่อหนึ่ง ขณะเดียวกัน ก็เป็นการตัดเส้นทางเลี้ยงกลุ่มเฮสบอลเลาะห์ ของเลบานอน ที่อยู่ติดกับประตูหลังบ้านของอิสราเอล ที่ทั้งอิหร่านและซีเรียส่งเสียเลี้ยงดู เพื่ออิสราเอลจะได้ปลอดภัย เห็นความแสบ ซับซ้อนของอเมริกาไหมครับ แผนนี้ ถ้าสำเร็จ มันจะเป็นการทลายค่ายต่อต้านอเมริกาอย่างถาวร ได้ดูแลยิว และผ่ารัสเซียจากจีน เป็นการตัดตอน 2 ประเทศใหญ่ เตรียมก้าวไปครองโลก คิดแล้วน่าเคลิ้มใจ อเมริกา ยังฝันเฟื่องต่อไปอีกว่า เมื่อยึดอิรัค กำจัดซัดดัมแล้ว จะจัดให้อิรัคมีการเลือกตั้ง เป็นประชาธิปไตย ซึ่งจะทำให้อิรัค เป็นมิตรที่ดีของอิสราเอล คอยช่วยเหลืออิสราเอล และช่วยด่าซีเรีย กับด่าอิหร่าน เป็นการปูพื้น เตรียมการให้อเมริกาบุก 2 ประเทศนั้นต่อ ระหว่างที่อ่านย่อหน้านี้ จะได้อารมณ์มาก ถ้านึกถึงหน้าคาวบอยบุซ ไปด้วยนะครับ จะได้ซึ้งถึงฝันเฟื่องของคาวบอย ว่ามัน เห่ย ขนาดไหน อเมริกา ไม่ได้เพียงประเมินตัวเองผิด อเมริกายังประเมินคู่ต่อสู้ของตัวผิดอีกด้วย การบุกอิรัค จึงกลายเป็นเรื่องหายนะของอเม ริกา และเป็นหายนะของอิรัคด้วย เพราะตามสูตรของอเมริกา เมื่อครอบครองไม่ได้ ก็ทำลายเสีย แล้วอิรัค ก็กลายเป็นรัฐล้มเหลว เช่นเดียวกับลิเบีย และอื่นๆ สำหรับอเมริกา ในการจะบุกซีเรีย อเมริกาต้องใช้สูตรสำเร็จ เอาปูนป้ายหน้า อัสซาดก่อนว่า ไอ้หมอนี่เป็นผู้นำที่เลว เผด็จการ ขี้โกง ไร้มนุษยธรรม ฯลฯ เหมือนอย่างที้ป้ายหน้า ซัดดัม กัดดาฟี ทำนองนั้น สูตรสำเร็จนี้ คนอ่านนิทานท่องได้ จำขึ้นใจกันแล้วทั้งนั้น แต่สำหรับซีเรีย สูตรสำเร็จแค่นั้นคงไม่พอ เพราะซีเรียก็แหลมคม และมีเพื่อน แล้วในปี ค.ศ.2005 จึงเกิดเรื่องการวางระเบิดคาร์บอม ใส่ขบวนรถของนายราฟิค ฮาริริ Rafiq Hariri อดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอน ข่าวบอกว่าเป็นฝีมือของกลุ่มเฮสบอลเลาะห์กองกำลังติดอาวุธของเลบานอน ที่อยู่คนละข้างกับกลุ่มของฮาริริ บังเอิญ ฮาริริ ดันเป็นคนที่ (มีคนสั่งให้) ซาอุ (จ่าย) สนับสนุนให้เป็นใหญ่ในเลบานอน เอาไว้เป็นหนาม อยู่กลางกลุ่มพวกอิหร่านและซีเรียในเลบานอน เรื่องมันจึงไม่ใช่การวางระเบิดระดับธรรมดา สื่อฟอกย้อม ลงข่าวว่า ซีเรียต้องรับผิดชอบ เพราะตอนนั้นซีเรีย ดูแลด้านความมั่นคงให้แก่เลบานอน ตามสัญญา Taif Accord แม้จะดมกลิ่นระเบิดไม่ได้จากมือไหน แต่คาร์บอมรายการนี้ ก็ค่อนข้างชัดว่า น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนป้ายสีให้อัสซาด นอกจากนี้ หัวหน้าอาหรับสายสุนนี่ โดยเฉพาะสุนนี่ในเลบานอน ต่างออกมาประสานเสียงกันว่า ซีเรียต้องรับผิดชอบในการลอบฆ่านี้ ผลสุดท้าย กองทัพซีเรียก็ต้องถอนกำลังออกไปจากเลบานอน และเลบานอนก็อยู่ในความดูแลของ กลุ่มเฮสบอลเลาะห์ กับกองกำลังที่เรียกว่า “กองกำลังร่วม 14 มีนา” ที่ตั้งขึ้นทันที ที่ ฮาริริ ถูกฆ่าตาย และไม่ถูกกับกลุ่มเฮสบอลเลาะห์ เลบานอน ก็เริ่มมีความวุ่นวาย หลังจากนั้น เสียงไม่เอาซีเรีย ไม่เอาอัสซาด ก็เริ่มระบาดดังขึ้นในเลบานอน สื่อในเลบานอน ตีข่าวด่าซีเรียทุกวัน กองกำลังร่วม 14 มีนา ก็แข็งกร้าวขึ้นทุกวัน และกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ ปนกลิ่นแพะ ก็ปลิวว่อนในเลบานอน นี่คือจุดเริ่มต้นของการรวมกำลังโค่นล้มรัฐบาลอัสซาด ที่มาจากสาระพัดพันธ์ุและสาระพัด เป้าหมาย สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 7 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 478 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองเชิง ตอนที่ 7

    “ลองเชิง”
    ตอน 7
    ถึงกลางปี ค.ศ.2013 อัสซาดชักจะเซแล้ว แต่ก็ยังไม่ล้ม และกองทัพของซีเรียก็ยังไม่แตก เจ้าชายบันดาร์ บิน สุลต่าน Bandar Bin Sultan แห่งซาอุดิอารเบีย ทำหน้าขรึมไปหาคุณพี่ปูตินที่มอสโคว์ เจรจาว่า ซาอุดิอารเบีย พร้อมจะซื้ออาวุธของรัสเซีย พร้อมให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงกับรัสเซีย เกี่ยวการการเดินท่อส่งแก๊สของรัสเซีย จำนวนที่คุยรวมทั้งหมดเป็นวงเงิน 1 หมื่น 5 พันล้านเหรียญ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้รัสเซียเลิกอุ้มซีเรียเสียที
    นี่ ดูการทูตของพวกเสี่ยปั๊มใหญ่กันบ้าง (ลุงต้องรีบสะกดให้ถูก พิมพ์อย่างระวัง โดนเตือนมาแล้ว ว่า.. สะกด คำว่า ปั้ม ผิด ต้องเป็น ปั๊ม ค่ะ.. เพจนี้ดีจัง มีคนช่วยพิสูจน์อักษรแยะ อย่าลืม อ่านเอาเนื้อเรื่องด้วยนะครับ)
    เจ้าชายแถมท้ายว่า ถ้ารัสเซียไม่ให้ความร่วมมือ ผู้ก่อการร้ายชาวเช็คเช็น ที่รัสเซียกำลังเหม็นเบื่อ แต่เจ้าชาย “สั่งได้” อาจจะออกมาเพ่นพ่านกระจายเต็มรัสเซียก็ได้นะ ตอนนั้นรัสเซียกำลังเตรียมการ จัดงานกีฬาโอลิมปิคฤดูหนาว ที่จะมีปี ค.ศ.2014
    ดูเหมือนเจ้าชายจะไม่รู้ตัวว่า กำลังเอาคอไปวางอยู่ใต้เข่าของคุณพี่ปูติน แต่ คุณพี่ปูตินแค่เม้มปาก และชี้ประตูให้เจ้าชายเดินออกไป นับว่าปรานีมาก
    หลังจากการเอาคอไปวางใต้เข่าไม่นาน ก็มีข่าวกระจายไปทั่วโลกว่า ซีเรีย ใช้อาวุธเคมี ทำลายกลุ่มกบฏและประชาชน ที่เมืองกูตา Ghouta ในเดือน สิงหาคม ค.ศ.2013 นั่นเป็นข่าวจากสื่อฝรั่งตะวันตกกระจายออกมา
    แต่สื่อแถวตะวันออกกลางรายงานว่า เรื่องนี้น่าทุเรศมาก ความจริงเจ้าชายเจ้าของคอใต้เข่านั่นแหละ เป็นคนเอาอาวุธเคมีมาให้กองกำลังฝ่ายกบฏซีเรีย ที่เจ้าชายสนับสนุน กองกำลังพวกนี้ใช้ไม่เป็น เพราะได้รับการฝึกมาไม่พอ จึงเกิดระเบิด ชาวบ้านตายไป 300 คน แต่ข่าวก็ออกมาอย่างที่โลกได้ยินกัน ซีเรียสุดโหด ใช้อาวุธเคมี กับประชาชนของตัว
    หลังจากนั้น อเมริกาก็ส่งเสียงให้มีการระดมพลลูกหาบนานาชาติ เพื่อมาช่วยกันถล่มซีเรียสุดโหด
    แต่รัสเซียออกมาเสียงแข็ง บอกว่าไม่เห็นด้วย และพร้อมขัดขวาง
    ผลลัพท์ตามคาด ใบตองแห้งถอย ยังไม่พร้อมเข้าฉาก และก็เป็นสาเหตุที่ทำให้กลุ่มอิสลามหัวรุนแรง เริ่มรู้ตัวว่า ถูกใบตองแห้งหลอกใช้ (อีกแล้ว) เช่นเดียวกับพวกอัลไคด้า แต่กลุ่มอิสลามหัวรุนแรงพวกนี้ไม่ถอย พวกเขายังคิดเดินหน้าที่จะสร้างรัฐอิสลาม โดยไม่ยุ่งเกี่ยว สนใจกับผู้สนับสนุนเก่า คือ อเมริกา และซาอุดิ อารเบีย เรียกว่าตัดขาดกันไป
    แต่กลุ่มอิสลามหัวรุนแรงพวกนี้ ไม่มีกระเป๋าใหญ่อย่าง บิน ลาเดน มาร่วม พวกเขาก็เลยจัดการหาเงินเอง และถ้าจำกันได้ เราได้ข่าวเรื่องที่พวกเขา ไปบุกเมืองโมซุลของอิรัค ที่ยังมีบ่อน้ำมันเหลือ พวกเขาสูบน้ำมันมาขายเป็นว่าเล่น ช่วงนั้นมีคนไปรับซื้อน้ำมันเถื่อนราคาถูกกันเต็ม นอกจากนั้น พวกเขาเปิดแบงค์ (ใช้ คำว่า “ถล่ม” น่าจะตรงกว่า) แล้วก็เอาเงิน เอาทองแท่งออกมาใช้ ซื้อเสบียง ซื้ออาวุธ ใครกล้าทำอะไรพวกเขาไหม ไอ้คนสร้างทั้งหลาย หายหัว หลบฉากกันหมด
    หลบฉากก็ยังไม่พ้น มันต้องมีคนโดนทำโทษด้วยซิ
    เจ้าชายบันดาร์ บิน สุลต่าน หัวหน้าใหญ่ ที่รับหน้าที่ดูแลความมั่นคงของซาอุดิอารเบีย อดีตทูตใหญ่ของซาอุ ที่ประจำอยู่ในอเมริกาเป็นเวลานาน มีความคุ้นเคยกับทุกระดับในอเมริกา เป็นคนไปรับปากกับอเมริกาว่า พวกนักรบอิสลามเหรอ ไม่มีปัญหา เราสั่งได้ เราคุมได้หมด และพวกนี้ก็ไม่เหมือน บิน ลา เดนนะ เขาไม่มีวันหันหลัง หรือหักหลังอเมริกาแน่นอน เพราะเราเป็นคนจ่ายเงินให้พวกนักรบอิสลามนี้เอง อ้อ อยู่นี่เอง
    หลังจากปฏิบัติการณ์ในซีเรียเหลว การเจรจากับรัสเซียล่ม เจ้าชายอดีตนักการทูต หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง ก็ถูกปลดออกจากทุกตำแหน่ง หน้าที่ และสิทธิพิเศษทั้งปวง ใช่ว่าเขาจะรับใช้อเมริกาไม่สำเร็จเท่านั้น ซาอุดิอารเบีย ยังหน้าแหกแตกไม่เหลือ เพราะเรื่องนี้อีกด้วย
    ส่วนพวกนักรบอิสลาม หรือไอซิส เมื่อไม่ต้องฟังคำสั่งใคร ไม่ต้องรอรับเงินใคร พวกเขาก็ยิ่งไปไกล กู่ไม่หัน และกลับเป็นศัตรูกับอดีตผู้ส่งเสียไปอีกด้วย
    ไม่ว่าจะเรียกว่าชื่อว่า ISIS, ISIL หรือ IS (Islam State รัฐอิสลาม) ก็ตาม จริงๆ พวกเขาเป็นพวกมุสลิม ที่หวังจะให้ตะวันออกกลางทั้งหมดเป็นรัฐอิสลามที่เคร่ง และแม้พวกเขามาจากนิกายวาหะบีย์ของซาอุดิ แต่ความแตกแยกระหว่างพวกเขากับซาอุก็ลงลึก แต่ขณะเดียวกัน ราชวงศ์อัล ซาอูด เอง กลับให้การสนับสนุนพวกไอซิส มันถึงน้ำท่วมปาก วุ่นวายกันไปหมดอย่างนี้
    ส่วนอเมริกา บัดนี้คงรู้แล้วว่า ตัวเองได้เพาะพันธ์ุไอซิสที่พิษร้ายขึ้นมา ไม่ต่างกับที่อเมริกาสร้างอัลไคด้า และอเมริกาก็ยังหาวิธีถอนพิษ ถอนราก ถอนโคน ทั้งไอซิสและอัลไคด้าไม่ได้ หรืออเมริกาไม่ต้องการถอน…..
    แล้วตกลงอเมริกา ยังต้องการทำลายซีเรียหรือไม่ ถ้าต้องการทำลาย ทำไมอเมริกาไม่ยกพลไปบุกถล่มซีเรียให้ราบเลย เหมือนอย่างที่อเมริกาเคยทำกับอิรัค หรือทำกับลิเบียเลยล่ะ เออ น่าสงสัย
    แน่นอน อเมริกาต้องการทำลายซีเรียอย่างยิ่ง และต้องการมานานแล้วด้วย และอเมริกาก็เดินตามแผนชั่วนั้นมาตลอด เอะ มีคนทัก ไหนว่าลุงกำลังเขียนเรื่องลองเชิง นี่ลุงกลับมาบอก อเมริกากำลังเดินตามแผนชั่ว นั่นมันนิทานเรื่องก่อนนะ ลุงเมายาหรือเปล่า ไม่แน่ครับเรื่องเมายา แต่ไม่มั่วเรื่องเกี่ยวกับอเมริกาแน่นอน จับไปตรงไหน มันก็แผนชั่วเดียวกันทั้งนั้น แต่เราจะมองเห็นความต่อเนื่องของแผนมัน หรือเปล่า เท่านั้นเอง

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    6 ต.ค. 2558
    ลองเชิง ตอนที่ 7 “ลองเชิง” ตอน 7 ถึงกลางปี ค.ศ.2013 อัสซาดชักจะเซแล้ว แต่ก็ยังไม่ล้ม และกองทัพของซีเรียก็ยังไม่แตก เจ้าชายบันดาร์ บิน สุลต่าน Bandar Bin Sultan แห่งซาอุดิอารเบีย ทำหน้าขรึมไปหาคุณพี่ปูตินที่มอสโคว์ เจรจาว่า ซาอุดิอารเบีย พร้อมจะซื้ออาวุธของรัสเซีย พร้อมให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงกับรัสเซีย เกี่ยวการการเดินท่อส่งแก๊สของรัสเซีย จำนวนที่คุยรวมทั้งหมดเป็นวงเงิน 1 หมื่น 5 พันล้านเหรียญ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้รัสเซียเลิกอุ้มซีเรียเสียที นี่ ดูการทูตของพวกเสี่ยปั๊มใหญ่กันบ้าง (ลุงต้องรีบสะกดให้ถูก พิมพ์อย่างระวัง โดนเตือนมาแล้ว ว่า.. สะกด คำว่า ปั้ม ผิด ต้องเป็น ปั๊ม ค่ะ.. เพจนี้ดีจัง มีคนช่วยพิสูจน์อักษรแยะ อย่าลืม อ่านเอาเนื้อเรื่องด้วยนะครับ) เจ้าชายแถมท้ายว่า ถ้ารัสเซียไม่ให้ความร่วมมือ ผู้ก่อการร้ายชาวเช็คเช็น ที่รัสเซียกำลังเหม็นเบื่อ แต่เจ้าชาย “สั่งได้” อาจจะออกมาเพ่นพ่านกระจายเต็มรัสเซียก็ได้นะ ตอนนั้นรัสเซียกำลังเตรียมการ จัดงานกีฬาโอลิมปิคฤดูหนาว ที่จะมีปี ค.ศ.2014 ดูเหมือนเจ้าชายจะไม่รู้ตัวว่า กำลังเอาคอไปวางอยู่ใต้เข่าของคุณพี่ปูติน แต่ คุณพี่ปูตินแค่เม้มปาก และชี้ประตูให้เจ้าชายเดินออกไป นับว่าปรานีมาก หลังจากการเอาคอไปวางใต้เข่าไม่นาน ก็มีข่าวกระจายไปทั่วโลกว่า ซีเรีย ใช้อาวุธเคมี ทำลายกลุ่มกบฏและประชาชน ที่เมืองกูตา Ghouta ในเดือน สิงหาคม ค.ศ.2013 นั่นเป็นข่าวจากสื่อฝรั่งตะวันตกกระจายออกมา แต่สื่อแถวตะวันออกกลางรายงานว่า เรื่องนี้น่าทุเรศมาก ความจริงเจ้าชายเจ้าของคอใต้เข่านั่นแหละ เป็นคนเอาอาวุธเคมีมาให้กองกำลังฝ่ายกบฏซีเรีย ที่เจ้าชายสนับสนุน กองกำลังพวกนี้ใช้ไม่เป็น เพราะได้รับการฝึกมาไม่พอ จึงเกิดระเบิด ชาวบ้านตายไป 300 คน แต่ข่าวก็ออกมาอย่างที่โลกได้ยินกัน ซีเรียสุดโหด ใช้อาวุธเคมี กับประชาชนของตัว หลังจากนั้น อเมริกาก็ส่งเสียงให้มีการระดมพลลูกหาบนานาชาติ เพื่อมาช่วยกันถล่มซีเรียสุดโหด แต่รัสเซียออกมาเสียงแข็ง บอกว่าไม่เห็นด้วย และพร้อมขัดขวาง ผลลัพท์ตามคาด ใบตองแห้งถอย ยังไม่พร้อมเข้าฉาก และก็เป็นสาเหตุที่ทำให้กลุ่มอิสลามหัวรุนแรง เริ่มรู้ตัวว่า ถูกใบตองแห้งหลอกใช้ (อีกแล้ว) เช่นเดียวกับพวกอัลไคด้า แต่กลุ่มอิสลามหัวรุนแรงพวกนี้ไม่ถอย พวกเขายังคิดเดินหน้าที่จะสร้างรัฐอิสลาม โดยไม่ยุ่งเกี่ยว สนใจกับผู้สนับสนุนเก่า คือ อเมริกา และซาอุดิ อารเบีย เรียกว่าตัดขาดกันไป แต่กลุ่มอิสลามหัวรุนแรงพวกนี้ ไม่มีกระเป๋าใหญ่อย่าง บิน ลาเดน มาร่วม พวกเขาก็เลยจัดการหาเงินเอง และถ้าจำกันได้ เราได้ข่าวเรื่องที่พวกเขา ไปบุกเมืองโมซุลของอิรัค ที่ยังมีบ่อน้ำมันเหลือ พวกเขาสูบน้ำมันมาขายเป็นว่าเล่น ช่วงนั้นมีคนไปรับซื้อน้ำมันเถื่อนราคาถูกกันเต็ม นอกจากนั้น พวกเขาเปิดแบงค์ (ใช้ คำว่า “ถล่ม” น่าจะตรงกว่า) แล้วก็เอาเงิน เอาทองแท่งออกมาใช้ ซื้อเสบียง ซื้ออาวุธ ใครกล้าทำอะไรพวกเขาไหม ไอ้คนสร้างทั้งหลาย หายหัว หลบฉากกันหมด หลบฉากก็ยังไม่พ้น มันต้องมีคนโดนทำโทษด้วยซิ เจ้าชายบันดาร์ บิน สุลต่าน หัวหน้าใหญ่ ที่รับหน้าที่ดูแลความมั่นคงของซาอุดิอารเบีย อดีตทูตใหญ่ของซาอุ ที่ประจำอยู่ในอเมริกาเป็นเวลานาน มีความคุ้นเคยกับทุกระดับในอเมริกา เป็นคนไปรับปากกับอเมริกาว่า พวกนักรบอิสลามเหรอ ไม่มีปัญหา เราสั่งได้ เราคุมได้หมด และพวกนี้ก็ไม่เหมือน บิน ลา เดนนะ เขาไม่มีวันหันหลัง หรือหักหลังอเมริกาแน่นอน เพราะเราเป็นคนจ่ายเงินให้พวกนักรบอิสลามนี้เอง อ้อ อยู่นี่เอง หลังจากปฏิบัติการณ์ในซีเรียเหลว การเจรจากับรัสเซียล่ม เจ้าชายอดีตนักการทูต หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง ก็ถูกปลดออกจากทุกตำแหน่ง หน้าที่ และสิทธิพิเศษทั้งปวง ใช่ว่าเขาจะรับใช้อเมริกาไม่สำเร็จเท่านั้น ซาอุดิอารเบีย ยังหน้าแหกแตกไม่เหลือ เพราะเรื่องนี้อีกด้วย ส่วนพวกนักรบอิสลาม หรือไอซิส เมื่อไม่ต้องฟังคำสั่งใคร ไม่ต้องรอรับเงินใคร พวกเขาก็ยิ่งไปไกล กู่ไม่หัน และกลับเป็นศัตรูกับอดีตผู้ส่งเสียไปอีกด้วย ไม่ว่าจะเรียกว่าชื่อว่า ISIS, ISIL หรือ IS (Islam State รัฐอิสลาม) ก็ตาม จริงๆ พวกเขาเป็นพวกมุสลิม ที่หวังจะให้ตะวันออกกลางทั้งหมดเป็นรัฐอิสลามที่เคร่ง และแม้พวกเขามาจากนิกายวาหะบีย์ของซาอุดิ แต่ความแตกแยกระหว่างพวกเขากับซาอุก็ลงลึก แต่ขณะเดียวกัน ราชวงศ์อัล ซาอูด เอง กลับให้การสนับสนุนพวกไอซิส มันถึงน้ำท่วมปาก วุ่นวายกันไปหมดอย่างนี้ ส่วนอเมริกา บัดนี้คงรู้แล้วว่า ตัวเองได้เพาะพันธ์ุไอซิสที่พิษร้ายขึ้นมา ไม่ต่างกับที่อเมริกาสร้างอัลไคด้า และอเมริกาก็ยังหาวิธีถอนพิษ ถอนราก ถอนโคน ทั้งไอซิสและอัลไคด้าไม่ได้ หรืออเมริกาไม่ต้องการถอน….. แล้วตกลงอเมริกา ยังต้องการทำลายซีเรียหรือไม่ ถ้าต้องการทำลาย ทำไมอเมริกาไม่ยกพลไปบุกถล่มซีเรียให้ราบเลย เหมือนอย่างที่อเมริกาเคยทำกับอิรัค หรือทำกับลิเบียเลยล่ะ เออ น่าสงสัย แน่นอน อเมริกาต้องการทำลายซีเรียอย่างยิ่ง และต้องการมานานแล้วด้วย และอเมริกาก็เดินตามแผนชั่วนั้นมาตลอด เอะ มีคนทัก ไหนว่าลุงกำลังเขียนเรื่องลองเชิง นี่ลุงกลับมาบอก อเมริกากำลังเดินตามแผนชั่ว นั่นมันนิทานเรื่องก่อนนะ ลุงเมายาหรือเปล่า ไม่แน่ครับเรื่องเมายา แต่ไม่มั่วเรื่องเกี่ยวกับอเมริกาแน่นอน จับไปตรงไหน มันก็แผนชั่วเดียวกันทั้งนั้น แต่เราจะมองเห็นความต่อเนื่องของแผนมัน หรือเปล่า เท่านั้นเอง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 6 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 339 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองเชิง ตอนที่ 6

    “ลองเชิง”
    ตอน 6
    รู้จักหน้าตาภูมิหลังอย่างสังเขปของดาราใหญ่ ดาราเล็กในตะวันออกกลางกันบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ว่าแต่ละรายนั้น เกี่ยวข้องกับซีเรีย ที่กำลังจะเป็นฉากสำคัญของโลกขนาดไหน พิษมากเผ็ดร้อน อย่างไร
    แน่นอน ตัวการใหญ่คงไม่พ้นอเมริกาหรอก ในช่วง 60 -70 ปีนี้ ความวิบัติฉิบหายในโลกนี้ รายการไหนบ้าง ที่ไม่มีอเมริกา มีส่วนสร้าง เสริม หรือเสี้ยม
    เมื่อแรกที่อเมริกาจับมือกับกษัตริย์ อับดุล อาซิส ผู้สถาปนาราชวงค์ อัล ซาอูดของซาอุดิอารเบีย ใน ช่วงประมาณปี ค.ศ.1930 กว่าๆนั้น อเมริกา ไม่ได้มีมุมมอง หรือมุมคิด เกี่ยวกับศาสนาอิสลามอยู่ในหัวเลย อเมริกาคิดแต่จะขุดน้ำมันซาอุมาขายให้รวยจ้ำบะไปเลยเท่านั้น กับ (จำใจ) รับปากจะช่วยดูแลด้านความมั่นคงของซาอุดิอารเบียให้ จริงๆก็คือ ดูแลบ่อน้ำมันซาอุ ไม่ให้มีใครมายุ่ง มาแย่งไปจากตัวเท่านั้นเอง และอเมริกาก็ทำอย่างนั้นมาหลายปี ทั้งเจ้าของบ่อ ทั้งคนขุด คนขาย ต่างก็มีความสุขเพลิดเพลินกับการนับกระดาษสีเขียว ตรานกอินทรีย์
    อเมริกา ซาอุ นับกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์เพลินอยู่นานหลายสิบปี แม้ไม่รักกัน แต่ก็เหมือนคู่แต่งงาน ที่อยู่ด้วยกันเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่ายจนถึงประมาณ ค.ศ.1990 กว่า รัสเซียดันเข้าใปเดินเล่นในอาฟกานิสถาน เอะ รัสเซียทะลึ่งเข้ามาทำไม อเมริกาทนไม่ได้ รัสเซียกำลังจะมาทำอะไรในอาฟกานิสาน จะมาคุกคามกันหรือไง จริงๆ อาฟกานิสถานก็ไกลกับบ้านอเมริกาแยะนะ แล้วก็ไม่ได้ใกล้กับบ่อน้ำมันของซาอุด้วย แต่ อเมริกาก็ไม่พอใจ แค่ได้ยินชื่อรัสเซีย อเมริกาก็ไม่พอใจแล้ว อย่าลืมว่า อาฟกานิสถานอุดมไปด้วยแหล่งแร่มีค่าขนาดไหน
    อเมริกาต้องหาทางไล่รัสเซียออกไปให้ได้ วิธีการไหนล่ะ ที่จะไล่รัสเซียได้
    อ้อ ลัทธิคอมมิวนิสม์ไง มันจะทำให้กระทบกับความมั่นคงของซาอุดิอารเบีย ที่เคร่งศาสนาได้นะ อย่างนี้ ก็เข้าทาง นายซบิกเนียฟ เบรซินสกี้ Zbigniew Brzezinzki ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของอเมริกาขณะนั้น ที่ฝันจะสร้างแผนกินโลก ให้กับอเมริกามานานแล้ว
    เบรซินสกี้ เป็นคนที่เชื่อทฤษฏีครูแมค เรื่องการครองโลกโดยครองยูเรเซีย อย่างอย่างคลั่งไคล้ เขาเขียนถึงเรื่องยูเรเซียนี้ไว้ในหนังสือเรื่อง The Grand Chess Board กระดานหมากรุกโลก ซึ่งบอกแนวทางว่า อเมริกาจะต้องทำอย่างไร ในการจะครองโลกอย่างเบ็ดเสร็จ หนึ่งในสิ่งที่อเมริกาจะต้องทำคือ หาทางและวางยุทธศาสตร์ที่จะครอบครองยูเรเซีย นักภูมิศาสตร์การเมืองระดับโลกถึงกับบอกกันว่า หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือที่ “ต้องอ่าน” และนโยบายต่างประเทศของอเมริกา ตั้งแต่ ค.ศ.1990 เป็นต้นมา ก็ดูเหมือนจะไม่หลุดจากแนวความคิดของไอ้หมอนี่ และการรุกราน การปิดล้อม การดักเส้นทางรัดคอ ต่างๆ ที่ผมเอามาเล่าไว้ในนิทานเรื่อง “แผนชั่ว” ก็มีรากฐานมาจากความคิดของเขาเป็นส่วนมาก เพราะฉะนั้น จำชื่อเขาไว้ให้ดีๆ จะเผาพริกเผ่าเกลือด่า จะได้ไม่ผิดตัว
    เบรซินสกี้วางแผน ตั้งกองกำลังนักรบพลีชีพ จีฮาร์ด รุ่นแรก โดยตระเวนคุยกับซาอุดิอารเบีย ปากีสถาน และอาฟกานิสถาน เขาบอกกับกลุ่มนักรบว่า พระเจ้าคงพอใจ ที่พวกคุณจะได้ทำลายพวกคอมมิวนิสต์รัสเซีย ที่กำลังจะเข้ามาทำลายศาสนาของคุณ
    จี้จุดกันแบบนี้ ซาอุ ก็ตาเหลือก รีบจัดส่งพระเอกมาให้เบรซินสกี้ทันที อูซซามะ บิน ลาเดน มหาเศรษฐีหนุ่มศรัทธาแรง แห่งซาอุดิอารเบีย บอกกับอเมริกาว่า ได้เลย เราพร้อมทุกรูปแบบ เราพร้อมที่จะทิ้งบ้านที่ใหญ่ยังกับวัง และทรัพย์สมบัติมหาศาลของเรา เพื่อทุ่มเททำงานให้ศาสดาของเรา
    แล้วอเมริกาก็จัดการฝึก บิน ลาเดน และพรรคพวกอย่างจัดเต็ม พร้อมส่งอาวุธครบเครื่อง และกลุ่มอัลไคด้า หรืออัลกออิดะ ก็ถือกำเนิด บิน ลาเดน รวบรวมอิสลามหัวรุนแรงนักสู้จากทั่วโลก สร้างกองกำลัง เพื่อต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ ศัตรูของศาสนาอิสลาม ตามการแปลพระคัมภีร์ของพวกหัวรุนแรง หรือตามที่อเมริกายุ ผมไม่แน่ใจ
    เมื่ออเมริกา เตรียมทำสงครามพายุทะเลทราย Desert Storm เพื่อไล่ซัดดัม
    ที่ไปบุกคูเวต รัฐบาลซาอุ อนุญาตให้กองทัพอเมริกันเคลื่อนพล ผ่านเข้ามาในแผ่นดินซาอุดิอารเบียได้ ข่าวนี้ทำให้ บิน ลาเดน ขัดใจมาก พวกคริสเตียน จะมาเหยียบย่ำบนแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์ ของอิสลามได้อย่างไร
    บิน ลาเดน ประท้วงเรื่องนี้ต่อราชวงศ์ซาอุ ที่หนุนให้เขาไปทำงานกับอเมริกา ราชวงค์บอก ไม่ต้องห่วง เราจะไม่ให้พวกนอกศาสนาก้าวเข้ามาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แน่นอน ( คือ เมือง เมกกะ เมดินา และฮิจาส) และพวกเขาจะออกไปจากแผ่นดินเรา เมื่อการรบกับอิรัคเสร็จสิ้น
    แต่แล้ว ก็ไม่มีคำสั่งจากทางซาอุ ให้กองทัพอเมริกันถอนกลับออกไป และบิน ลาเดน กลับกลายเป็นบุคคลต้องห้าม ไม่ให้เข้าซาอุดิอารเบียเสียเอง บิน ลาเดน กับพวก จึงเบนเป้าไปที่อเมริกาแทน จากเป็นเด็กฝึกของอเมริกา กลับกลายเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของอเมริกา แต่ บิน ลาเดนไม่เดือดร้อน เขาใช้สมบัติมหาศาลของตัวเอง มาเป็นทุนสู้กับอเมริกาอีกต่ออย่างเข้มข้น
    และแม้ไม่มีใครรู้แน่ว่า การถล่มตึกเวิลด์เทรดเป็นฝีมือใคร อเมริกากับอัลไคด้า ก็ประกาศตัดขาดกัน และต่างก็ต่อสู้กันอย่างเต็มที่ ทั้งในอาฟกานิสถาน และอิรัค
    อเมริกาโง่เง่า หรือใหญ่ยิ่ง จนไม่สนใจใส่ใจกับศาสนา ประเพณี และความรู้สึกของผู้อื่น
    ในปี ค.ศ.2003 เมื่อกองทัพของอเมริกาบุกเข้าไปถึงเมืองนาจาฟ เมืองสำคัญทางศาสนาของมุสลิมชีอะ เมื่อรถถังอเมริกันเคลื่อนเข้ามา ชาวบ้านไชโยโห่ร้องต้อนรับ แต่รถถังของอเมริกาก็วิ่งไปเรื่อยๆ เข้าไปในเขตสุเหร่าของอิหม่ามสูงสุดของนิกายชีอะ แม้ชาวบ้านจะตะโกนห้าม รถถังก็ยังวิ่งต่อ ในที่สุดชาวบ้านทนไม่ไหว พากันโดดลงไปนอนขวางไม่ให้รถวิ่งต่อ นี่คืออเมริกา
    อเมริกาทำพลาดเรื่อง อัลไคด้ามาแล้ว แต่อเมริกาหัวทึบ ไม่รู้จักจำ หรือไม่สนใจจำ อเมริกาทำซ้ำอีก ไม่ว่าพวกอิสลามหัวรุนแรง จะเรียกตัวเองว่าอัลไคด้า ตาลีบัน ไอซิส อัล นัสรา มูจาฮีดีน วาห์ฮะบี หรือชื่อใดก็ตาม พวกเขาก็เหมือนกันทั้งนั้น พวกเขามาจากความเคร่ง และการแปลความของพระคัมภีร์ในรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีทั้งผู้สนับสนุน และเห็นต่าง
    ขบวนการต่อต้านรัฐบาลอัสซาด ก็เช่นเดียวกัน มันเริ่มจากการรวมตัวกันหลวมๆ ของพวกมุสลิมเคร่งครัด ที่เกลียดซีเรีย ภายใต้การปกครองของ บาชาร์ อัล อัสซาด Bashar Al-Assad ที่กล่าวกันว่า ไม่เคร่งศาสนา แล้วพวกมุสลิมเคร่งครัด ก็มาจับมืออีกต่อหนึ่ง กับพวก ศัตรู ที่ดูเหมือนจะมีไม่น้อย ของ อัสซาดที่ปกครองซีเรีย ตั้งแต่คนพ่อมาถึงคนลูกในปัจจุบัน
    ใครบ้างล่ะ ที่เห็นอัสซาด พ่อ ลูก เป็นศัตรูตัวร้าย นอกเหนือจากกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงต่างๆ
    เริ่มมาตั้งแต่อิสราเอล (ที่ไม่พอใจซีเรีย ที่ไปให้การสนับสนุนกลุ่ม เฮสบอลเลาะห์ ที่เป็นศัตรูของอิสราเอล) เสี่ยปั้มใหญ่ปั้มเล็ก ( เพราะซีเรียเป็นเพื่อนซี้กับอิหร่าน ที่พวกเสี่ยปั้มเกลียด) ตุรกี ( เพราะความเข้มแข็งของซีเรีย ขวางเส้นทางสู่ความฝันของ เอร์โดกานที่หวังจะเป็นสุลต่านยุคใหม่แห่งตุรกี)
    และที่สำคัญ คือ กองกำลังร่วมที่ 14 มีนา ของพวกเลบานอน (ที่กล่าวหาว่า ซีเรีย มีส่วนในการลอบฆ่า ราฟิก อัล ฮาริริ Rafiq Al-Hariri อดีตนายกรัฐมนตรีของเลบานอน) กับ อีกกลุ่มที่แปลก คือ กลุ่มคริสเตียนขวาจัด ซึ่ง มาจับมือกับพวกนักรบมุสลิม
    ความหลากหลาย ของผู้ที่มารวมกลุ่มต่อต้านซีเรีย หรือซีเรียที่ปกครองโดย
    อัสซาด จึงสะท้อนให้เห็นเป้าหมายของการประท้วง ที่หลากหลายเช่นเดียวกัน
    คงมีใครทำให้พวกเขาเข้าใจว่า การต่อต้าน หรือการขับไล่อัสซาด คงใช้เวลาเวลาไม่นาน และเมื่ออัสซาดถูกขับไล่ไป กลุ่มมุสลิมก็จะได้มาปกครองซีเรียแทน พวกเขาไม่ได้เตรียมตัว และเตรียมการณ์สำหรับการรบยืดเยื้อ และการแตกแยกในกลุ่มพวกกันเอง นับเป็นการประเมินอัสซาด และซีเรีย อย่างผิดพลาดยิ่งของผู้วางแผน
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    5 ต.ค. 2558
    ลองเชิง ตอนที่ 6 “ลองเชิง” ตอน 6 รู้จักหน้าตาภูมิหลังอย่างสังเขปของดาราใหญ่ ดาราเล็กในตะวันออกกลางกันบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ว่าแต่ละรายนั้น เกี่ยวข้องกับซีเรีย ที่กำลังจะเป็นฉากสำคัญของโลกขนาดไหน พิษมากเผ็ดร้อน อย่างไร แน่นอน ตัวการใหญ่คงไม่พ้นอเมริกาหรอก ในช่วง 60 -70 ปีนี้ ความวิบัติฉิบหายในโลกนี้ รายการไหนบ้าง ที่ไม่มีอเมริกา มีส่วนสร้าง เสริม หรือเสี้ยม เมื่อแรกที่อเมริกาจับมือกับกษัตริย์ อับดุล อาซิส ผู้สถาปนาราชวงค์ อัล ซาอูดของซาอุดิอารเบีย ใน ช่วงประมาณปี ค.ศ.1930 กว่าๆนั้น อเมริกา ไม่ได้มีมุมมอง หรือมุมคิด เกี่ยวกับศาสนาอิสลามอยู่ในหัวเลย อเมริกาคิดแต่จะขุดน้ำมันซาอุมาขายให้รวยจ้ำบะไปเลยเท่านั้น กับ (จำใจ) รับปากจะช่วยดูแลด้านความมั่นคงของซาอุดิอารเบียให้ จริงๆก็คือ ดูแลบ่อน้ำมันซาอุ ไม่ให้มีใครมายุ่ง มาแย่งไปจากตัวเท่านั้นเอง และอเมริกาก็ทำอย่างนั้นมาหลายปี ทั้งเจ้าของบ่อ ทั้งคนขุด คนขาย ต่างก็มีความสุขเพลิดเพลินกับการนับกระดาษสีเขียว ตรานกอินทรีย์ อเมริกา ซาอุ นับกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์เพลินอยู่นานหลายสิบปี แม้ไม่รักกัน แต่ก็เหมือนคู่แต่งงาน ที่อยู่ด้วยกันเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่ายจนถึงประมาณ ค.ศ.1990 กว่า รัสเซียดันเข้าใปเดินเล่นในอาฟกานิสถาน เอะ รัสเซียทะลึ่งเข้ามาทำไม อเมริกาทนไม่ได้ รัสเซียกำลังจะมาทำอะไรในอาฟกานิสาน จะมาคุกคามกันหรือไง จริงๆ อาฟกานิสถานก็ไกลกับบ้านอเมริกาแยะนะ แล้วก็ไม่ได้ใกล้กับบ่อน้ำมันของซาอุด้วย แต่ อเมริกาก็ไม่พอใจ แค่ได้ยินชื่อรัสเซีย อเมริกาก็ไม่พอใจแล้ว อย่าลืมว่า อาฟกานิสถานอุดมไปด้วยแหล่งแร่มีค่าขนาดไหน อเมริกาต้องหาทางไล่รัสเซียออกไปให้ได้ วิธีการไหนล่ะ ที่จะไล่รัสเซียได้ อ้อ ลัทธิคอมมิวนิสม์ไง มันจะทำให้กระทบกับความมั่นคงของซาอุดิอารเบีย ที่เคร่งศาสนาได้นะ อย่างนี้ ก็เข้าทาง นายซบิกเนียฟ เบรซินสกี้ Zbigniew Brzezinzki ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของอเมริกาขณะนั้น ที่ฝันจะสร้างแผนกินโลก ให้กับอเมริกามานานแล้ว เบรซินสกี้ เป็นคนที่เชื่อทฤษฏีครูแมค เรื่องการครองโลกโดยครองยูเรเซีย อย่างอย่างคลั่งไคล้ เขาเขียนถึงเรื่องยูเรเซียนี้ไว้ในหนังสือเรื่อง The Grand Chess Board กระดานหมากรุกโลก ซึ่งบอกแนวทางว่า อเมริกาจะต้องทำอย่างไร ในการจะครองโลกอย่างเบ็ดเสร็จ หนึ่งในสิ่งที่อเมริกาจะต้องทำคือ หาทางและวางยุทธศาสตร์ที่จะครอบครองยูเรเซีย นักภูมิศาสตร์การเมืองระดับโลกถึงกับบอกกันว่า หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือที่ “ต้องอ่าน” และนโยบายต่างประเทศของอเมริกา ตั้งแต่ ค.ศ.1990 เป็นต้นมา ก็ดูเหมือนจะไม่หลุดจากแนวความคิดของไอ้หมอนี่ และการรุกราน การปิดล้อม การดักเส้นทางรัดคอ ต่างๆ ที่ผมเอามาเล่าไว้ในนิทานเรื่อง “แผนชั่ว” ก็มีรากฐานมาจากความคิดของเขาเป็นส่วนมาก เพราะฉะนั้น จำชื่อเขาไว้ให้ดีๆ จะเผาพริกเผ่าเกลือด่า จะได้ไม่ผิดตัว เบรซินสกี้วางแผน ตั้งกองกำลังนักรบพลีชีพ จีฮาร์ด รุ่นแรก โดยตระเวนคุยกับซาอุดิอารเบีย ปากีสถาน และอาฟกานิสถาน เขาบอกกับกลุ่มนักรบว่า พระเจ้าคงพอใจ ที่พวกคุณจะได้ทำลายพวกคอมมิวนิสต์รัสเซีย ที่กำลังจะเข้ามาทำลายศาสนาของคุณ จี้จุดกันแบบนี้ ซาอุ ก็ตาเหลือก รีบจัดส่งพระเอกมาให้เบรซินสกี้ทันที อูซซามะ บิน ลาเดน มหาเศรษฐีหนุ่มศรัทธาแรง แห่งซาอุดิอารเบีย บอกกับอเมริกาว่า ได้เลย เราพร้อมทุกรูปแบบ เราพร้อมที่จะทิ้งบ้านที่ใหญ่ยังกับวัง และทรัพย์สมบัติมหาศาลของเรา เพื่อทุ่มเททำงานให้ศาสดาของเรา แล้วอเมริกาก็จัดการฝึก บิน ลาเดน และพรรคพวกอย่างจัดเต็ม พร้อมส่งอาวุธครบเครื่อง และกลุ่มอัลไคด้า หรืออัลกออิดะ ก็ถือกำเนิด บิน ลาเดน รวบรวมอิสลามหัวรุนแรงนักสู้จากทั่วโลก สร้างกองกำลัง เพื่อต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ ศัตรูของศาสนาอิสลาม ตามการแปลพระคัมภีร์ของพวกหัวรุนแรง หรือตามที่อเมริกายุ ผมไม่แน่ใจ เมื่ออเมริกา เตรียมทำสงครามพายุทะเลทราย Desert Storm เพื่อไล่ซัดดัม ที่ไปบุกคูเวต รัฐบาลซาอุ อนุญาตให้กองทัพอเมริกันเคลื่อนพล ผ่านเข้ามาในแผ่นดินซาอุดิอารเบียได้ ข่าวนี้ทำให้ บิน ลาเดน ขัดใจมาก พวกคริสเตียน จะมาเหยียบย่ำบนแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์ ของอิสลามได้อย่างไร บิน ลาเดน ประท้วงเรื่องนี้ต่อราชวงศ์ซาอุ ที่หนุนให้เขาไปทำงานกับอเมริกา ราชวงค์บอก ไม่ต้องห่วง เราจะไม่ให้พวกนอกศาสนาก้าวเข้ามาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แน่นอน ( คือ เมือง เมกกะ เมดินา และฮิจาส) และพวกเขาจะออกไปจากแผ่นดินเรา เมื่อการรบกับอิรัคเสร็จสิ้น แต่แล้ว ก็ไม่มีคำสั่งจากทางซาอุ ให้กองทัพอเมริกันถอนกลับออกไป และบิน ลาเดน กลับกลายเป็นบุคคลต้องห้าม ไม่ให้เข้าซาอุดิอารเบียเสียเอง บิน ลาเดน กับพวก จึงเบนเป้าไปที่อเมริกาแทน จากเป็นเด็กฝึกของอเมริกา กลับกลายเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของอเมริกา แต่ บิน ลาเดนไม่เดือดร้อน เขาใช้สมบัติมหาศาลของตัวเอง มาเป็นทุนสู้กับอเมริกาอีกต่ออย่างเข้มข้น และแม้ไม่มีใครรู้แน่ว่า การถล่มตึกเวิลด์เทรดเป็นฝีมือใคร อเมริกากับอัลไคด้า ก็ประกาศตัดขาดกัน และต่างก็ต่อสู้กันอย่างเต็มที่ ทั้งในอาฟกานิสถาน และอิรัค อเมริกาโง่เง่า หรือใหญ่ยิ่ง จนไม่สนใจใส่ใจกับศาสนา ประเพณี และความรู้สึกของผู้อื่น ในปี ค.ศ.2003 เมื่อกองทัพของอเมริกาบุกเข้าไปถึงเมืองนาจาฟ เมืองสำคัญทางศาสนาของมุสลิมชีอะ เมื่อรถถังอเมริกันเคลื่อนเข้ามา ชาวบ้านไชโยโห่ร้องต้อนรับ แต่รถถังของอเมริกาก็วิ่งไปเรื่อยๆ เข้าไปในเขตสุเหร่าของอิหม่ามสูงสุดของนิกายชีอะ แม้ชาวบ้านจะตะโกนห้าม รถถังก็ยังวิ่งต่อ ในที่สุดชาวบ้านทนไม่ไหว พากันโดดลงไปนอนขวางไม่ให้รถวิ่งต่อ นี่คืออเมริกา อเมริกาทำพลาดเรื่อง อัลไคด้ามาแล้ว แต่อเมริกาหัวทึบ ไม่รู้จักจำ หรือไม่สนใจจำ อเมริกาทำซ้ำอีก ไม่ว่าพวกอิสลามหัวรุนแรง จะเรียกตัวเองว่าอัลไคด้า ตาลีบัน ไอซิส อัล นัสรา มูจาฮีดีน วาห์ฮะบี หรือชื่อใดก็ตาม พวกเขาก็เหมือนกันทั้งนั้น พวกเขามาจากความเคร่ง และการแปลความของพระคัมภีร์ในรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีทั้งผู้สนับสนุน และเห็นต่าง ขบวนการต่อต้านรัฐบาลอัสซาด ก็เช่นเดียวกัน มันเริ่มจากการรวมตัวกันหลวมๆ ของพวกมุสลิมเคร่งครัด ที่เกลียดซีเรีย ภายใต้การปกครองของ บาชาร์ อัล อัสซาด Bashar Al-Assad ที่กล่าวกันว่า ไม่เคร่งศาสนา แล้วพวกมุสลิมเคร่งครัด ก็มาจับมืออีกต่อหนึ่ง กับพวก ศัตรู ที่ดูเหมือนจะมีไม่น้อย ของ อัสซาดที่ปกครองซีเรีย ตั้งแต่คนพ่อมาถึงคนลูกในปัจจุบัน ใครบ้างล่ะ ที่เห็นอัสซาด พ่อ ลูก เป็นศัตรูตัวร้าย นอกเหนือจากกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงต่างๆ เริ่มมาตั้งแต่อิสราเอล (ที่ไม่พอใจซีเรีย ที่ไปให้การสนับสนุนกลุ่ม เฮสบอลเลาะห์ ที่เป็นศัตรูของอิสราเอล) เสี่ยปั้มใหญ่ปั้มเล็ก ( เพราะซีเรียเป็นเพื่อนซี้กับอิหร่าน ที่พวกเสี่ยปั้มเกลียด) ตุรกี ( เพราะความเข้มแข็งของซีเรีย ขวางเส้นทางสู่ความฝันของ เอร์โดกานที่หวังจะเป็นสุลต่านยุคใหม่แห่งตุรกี) และที่สำคัญ คือ กองกำลังร่วมที่ 14 มีนา ของพวกเลบานอน (ที่กล่าวหาว่า ซีเรีย มีส่วนในการลอบฆ่า ราฟิก อัล ฮาริริ Rafiq Al-Hariri อดีตนายกรัฐมนตรีของเลบานอน) กับ อีกกลุ่มที่แปลก คือ กลุ่มคริสเตียนขวาจัด ซึ่ง มาจับมือกับพวกนักรบมุสลิม ความหลากหลาย ของผู้ที่มารวมกลุ่มต่อต้านซีเรีย หรือซีเรียที่ปกครองโดย อัสซาด จึงสะท้อนให้เห็นเป้าหมายของการประท้วง ที่หลากหลายเช่นเดียวกัน คงมีใครทำให้พวกเขาเข้าใจว่า การต่อต้าน หรือการขับไล่อัสซาด คงใช้เวลาเวลาไม่นาน และเมื่ออัสซาดถูกขับไล่ไป กลุ่มมุสลิมก็จะได้มาปกครองซีเรียแทน พวกเขาไม่ได้เตรียมตัว และเตรียมการณ์สำหรับการรบยืดเยื้อ และการแตกแยกในกลุ่มพวกกันเอง นับเป็นการประเมินอัสซาด และซีเรีย อย่างผิดพลาดยิ่งของผู้วางแผน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 5 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 447 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองเชิง ตอนที่ 5

    “ลองเชิง”
    ตอน 5
    หลังจากเพาะพันธ์ุอาหรับสปริงจนปั่นป่วนไปทั้งตะวันออกกลาง อเมริกา โดยนโยบายของนายโอบามา ก็ประกาศว่า อเมริกาเริ่มลดกำลังพล เตรียมถอนตัวจากตะวันออกกลางไปแล้วนะ นักวิเคราะห์ระดับโลกส่วนใหญ่บอกว่า เพราะอเมริกาฉิบหายจากการรบในอิรัค และประเป๋าฉีกจากการรบในอาฟกานิสถาน จากนโยบายสายเหยี่ยว ของคาวบอยบุช กับเหยี่ยวกระหายเลือด ดิ๊ก เชนีย์ แถมเศรษฐกิจในประเทศก็เริ่มมีปัญหา อเมริกาจึงรับภาระที่ตัวเองสร้างในตะวันออกกลางต่อไปอีกไม่ไหว ต้องเปลี่ยนนโยบายเป็นถอยกำลังออกมา
    ฟังแล้วรู้สึกอย่างไรครับ สำหรับผมบอกได้เลยว่า คลื่นไส้ สันดานอเมริกา !
    มันเป็นการวิเคราะห์ที่เซ่อ จนเดินตกหลุม หรือมันกำลังสร้างหลุมพราง อย่างใดกันแน่
    จริงๆ อเมริกาไม่ได้ถอนตัวออกจากตะวันออกกลางเลย อเมริกาแค่ถอนกำลังจากอิรัค แล้วเอาไปอยู่บริเวณอื่น ใกล้ตะว้นออกกลาง และส่งไม้ มาเสี้ยมไปเสี้ยมมา ตามแนวถนัดของอเมริกา ให้ตะวันออกกลางเล่นกันเองจนเละ ระหว่างนั้นก็ตรึงหมุดตัวละครสำคัญ และบริเวณสำคัญเอาไว้ อเมริกาได้น้ำมันบ่อใหญ่ของอิรัคกับลิเบียมาแล้ว ส่วนของพวกเสี่ยปั้มใหญ่ปั้มเล็ก ก็อยู่ในมือแล้ว เหลือแต่อิหร่าน อเมริกาจึงยื้อเวลา สร้างเรื่องให้ตะวันออกกลางวุ่นวายเพิ่มขึ้น ด้วยการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับอิหร่าน เพราะเรื่องนี้ จะทำให้ค่ายเสี่ยปั้มใหญ่ประสาทแดกกันทั้งพวง
    อิหร่านเอง ก็รีบรับลูกที่มาเข้าทางอย่างเหลือเชื่อ อิหร่านไม่มีอะไรจะเสีย มีแต่ได้กับได้
    ต่างฝ่ายต่างคิดต้มกัน อเมริกาอยากได้แต่ปั้ม ไม่อยากได้คน อิหร่านบอก แหม… คิด (เกือบ) เหมือนกันเลยครับ เราก็มีแผนไม่เอาคน (บางพวก) แต่เอาปั้ม เกมนี้ดูไม่ทัน ออกอ่าวหาทางกลับเข้าฝั่งไม่ถูกเลยนะครับ
    ระหว่างนั้น อเมริกาก็ประกาศนโยบาย กลับมาคุมเอเซียแปซิฟิก หรือจริงๆ ก็มาคุมจีน ในปี ค.ศ.2012 ช่วยย้อนกลับไปดู timeline ย่อๆ ที่ผมทำไว้ให้ในเรื่อง “แผนชั่ว” ตอนที่ 12 นะครับ น่าจะพอทำให้เข้าใจว่า อเมริกาได้สร้างสงครามเย็นรอบ ใหม่และรูปแบบใหม่ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1999 เพื่อปิดล้อม ทั้งรัสเซียและจีน หรือยูเรเซียพร้อมกัน ตามทฤษฏีสำคัญของ ครูแม๊ค (Sir Halford Mackinder) ครูใหญ่ทางด้านภูมิศาสตร์การเมือง geopolitics ที่ ครูแม็ค พูดมาร้อยกว่าปีแล้ว (ค.ศ.1904) ว่า ใครครอบครองยูเรเซีย คนนั้นก็ครองโลกนั่นเอง
    แต่ทฤษฏีครูแม๊ค คงไม่ได้มีแต่อังกฤษและอเมริกาที่ให้ความสนใจ รัสเซีย และจีน ก็ให้ความสนใจเช่นกัน แต่ความสนใจอาจจะมาจากคนละสาเหตุ รัสเซียและจีน ที่เป็นประเทศใหญ่อยู่ในยูเรเซียเอง จะปล่อยให้ใครมาตีหัว แล้วยึดบ้านไปง่ายๆอย่างนั้นหรือ เกมตีหัว แล้วยึดบ้านเขา สำหรับอเมริกา น่าจะใกล้หมดเวลาเล่นแล้ว โดยเฉพาะ ถ้าจะคิดเล่นกับรัสเซียหรือจีน ในวันนี้
    ดูจากนโยบาย และพฤติกรรมที่อเมริกาดำเนินมา อย่างน้อยตั้งแต่ ค.ศ.1999 อเมริกาน่าจะมีแผน ที่จะครอบครองยูเรเซีย หรือถ้าครอบครองไม่ได้ ก็ต้องกันไม่ให้ใครมาครอบครอง เพราะจะทำให้ความเป็นหมายเลขหนึ่งของโลก ที่อเมริกาครองตำแหน่งมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง ตกแท่นหมดท่าหมายเลขหนึ่ง
    อเมริกานึกไม่ถึงว่า รัสเซีย จีนและพวก จะจับมือกันได้แน่นจริง อเมริกาพยายามทั้งแยง และปิดกั้นเส้นทาง “โต” ของทั้ง 2 ประเทศมานานอย่างน้อย 15 ปีแล้ว แต่อเมริกายังทำไม่สำเร็จ อเมริกาต้องได้ “ตะวันออกกลางทั้งหมด” เสียก่อน เพื่อฮุบเอาน้ำมันทั้งหมดเป็นของตัว น้ำมันเป็นยุทธปัจจัยสำคัญไม่น้อยกว่าอาวุธ ในการทำสงครามใหญ่
    เมื่อได้ตะวันออกกลางทั้งหมด แผนต่อไปจึงกินจีน และตามมาด้วยรัสเซีย หรือตัดเชือกที่เชื่อมทั้ง 2 ประเทศออกจากกัน และโดยสภาพภูมิศาสตร์ ประเทศที่อยู่ในจุดเชื่อมรัสเซียกับจีน คือ อิหร่าน พอเข้าใจแล้วนะครับ ว่า เขาเล่นเกมกันอย่างไร
    และแม้เป้าหมายการเผด็จศึก จะเดินเป็นขั้นตอน แต่อเมริกาเดินแผนปฏิบัติการณ์ แจกทุกเป้าหมาย ขนานคู่ไปด้วยตลอดเวลา นิทานเรื่อง “แผนชั่ว” เป็นตัวอย่างให้เห็น ลองเอาระยะเวลาและเหตุการณ์ ที่เกี่ยวกับรัสเซียมาใส่ด้วย ก็จะทำให้เห็นชัดถึงแผนครองโลกที่แท้จริงของอเมริกา
    ก้างขวางคอ ที่ทำให้อเมริกายังฮุบตะวันออกกลางไม่ได้ คือ “ค่ายสู้ตาย ดายฮาร์ด ไม่เอาอเมริกา” ที่นำโดยอิหร่าน อเมริกาจึงเล่นอิหร่านสาระพัดรูปแบบ ทั้งชน ทั้งล่อ ยังกินไม่ลง เพราะมีพี่เลี้ยงและแนวร่วมเหนียว อเมริกาจึงใช้วิธีเพาะพันธ์ไอซิสใส่ตะวันออกกลาง เพื่อให้ไอซิส “จัดการ” ตะวันออกกลาง และเวลานี้ ไอซิสจึงกำลังออกฤทธิ์ จัดการอยู่ที่ซีเรีย
    ถ้าซีเรียไป อิหร่านเหนื่อย ถ้าอิหร่านไป รัสเซียเละจีนเหนื่อย และเราๆ ก็อาจจะกลับไปเป็นพรมเช็ดเท้าให้เขาเหมือนเดิม จะเหยียบจะย่ำ อย่างไรก็ได้ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องใหญ่ สำหรับผู้ที่ไม่อยากเป็นพรมเช็ดเท้า
    วันนี้ ฝ่ายรัสเซียจีนอิหร่าน จึงต้องรักษาซีเรียไว้ให้ได้ และอเมริกาและพวก ก็จะทำทุกอย่างที่จะทำลายอัสสาดและซีเรียให้ได้ด้วย มันไม่ใช่เรื่อง มนุษยธรรมบ้าบอ ที่น้ำลายฟูมปากพล่ามหน้าจออวดชาวโลก มันเป็นเรื่องของความอยู่รอด ของฝ่าย ที่ถูกอเมริกาและพวกกระทำมาตลอด
    ซีเรีย จึงเป็นจุดเริ่มต้นของสนามประลอง เป็นการลองเชิง ก่อนศึกครั้งใหญ่จะมา
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    4 ต.ค. 2558
    ลองเชิง ตอนที่ 5 “ลองเชิง” ตอน 5 หลังจากเพาะพันธ์ุอาหรับสปริงจนปั่นป่วนไปทั้งตะวันออกกลาง อเมริกา โดยนโยบายของนายโอบามา ก็ประกาศว่า อเมริกาเริ่มลดกำลังพล เตรียมถอนตัวจากตะวันออกกลางไปแล้วนะ นักวิเคราะห์ระดับโลกส่วนใหญ่บอกว่า เพราะอเมริกาฉิบหายจากการรบในอิรัค และประเป๋าฉีกจากการรบในอาฟกานิสถาน จากนโยบายสายเหยี่ยว ของคาวบอยบุช กับเหยี่ยวกระหายเลือด ดิ๊ก เชนีย์ แถมเศรษฐกิจในประเทศก็เริ่มมีปัญหา อเมริกาจึงรับภาระที่ตัวเองสร้างในตะวันออกกลางต่อไปอีกไม่ไหว ต้องเปลี่ยนนโยบายเป็นถอยกำลังออกมา ฟังแล้วรู้สึกอย่างไรครับ สำหรับผมบอกได้เลยว่า คลื่นไส้ สันดานอเมริกา ! มันเป็นการวิเคราะห์ที่เซ่อ จนเดินตกหลุม หรือมันกำลังสร้างหลุมพราง อย่างใดกันแน่ จริงๆ อเมริกาไม่ได้ถอนตัวออกจากตะวันออกกลางเลย อเมริกาแค่ถอนกำลังจากอิรัค แล้วเอาไปอยู่บริเวณอื่น ใกล้ตะว้นออกกลาง และส่งไม้ มาเสี้ยมไปเสี้ยมมา ตามแนวถนัดของอเมริกา ให้ตะวันออกกลางเล่นกันเองจนเละ ระหว่างนั้นก็ตรึงหมุดตัวละครสำคัญ และบริเวณสำคัญเอาไว้ อเมริกาได้น้ำมันบ่อใหญ่ของอิรัคกับลิเบียมาแล้ว ส่วนของพวกเสี่ยปั้มใหญ่ปั้มเล็ก ก็อยู่ในมือแล้ว เหลือแต่อิหร่าน อเมริกาจึงยื้อเวลา สร้างเรื่องให้ตะวันออกกลางวุ่นวายเพิ่มขึ้น ด้วยการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับอิหร่าน เพราะเรื่องนี้ จะทำให้ค่ายเสี่ยปั้มใหญ่ประสาทแดกกันทั้งพวง อิหร่านเอง ก็รีบรับลูกที่มาเข้าทางอย่างเหลือเชื่อ อิหร่านไม่มีอะไรจะเสีย มีแต่ได้กับได้ ต่างฝ่ายต่างคิดต้มกัน อเมริกาอยากได้แต่ปั้ม ไม่อยากได้คน อิหร่านบอก แหม… คิด (เกือบ) เหมือนกันเลยครับ เราก็มีแผนไม่เอาคน (บางพวก) แต่เอาปั้ม เกมนี้ดูไม่ทัน ออกอ่าวหาทางกลับเข้าฝั่งไม่ถูกเลยนะครับ ระหว่างนั้น อเมริกาก็ประกาศนโยบาย กลับมาคุมเอเซียแปซิฟิก หรือจริงๆ ก็มาคุมจีน ในปี ค.ศ.2012 ช่วยย้อนกลับไปดู timeline ย่อๆ ที่ผมทำไว้ให้ในเรื่อง “แผนชั่ว” ตอนที่ 12 นะครับ น่าจะพอทำให้เข้าใจว่า อเมริกาได้สร้างสงครามเย็นรอบ ใหม่และรูปแบบใหม่ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1999 เพื่อปิดล้อม ทั้งรัสเซียและจีน หรือยูเรเซียพร้อมกัน ตามทฤษฏีสำคัญของ ครูแม๊ค (Sir Halford Mackinder) ครูใหญ่ทางด้านภูมิศาสตร์การเมือง geopolitics ที่ ครูแม็ค พูดมาร้อยกว่าปีแล้ว (ค.ศ.1904) ว่า ใครครอบครองยูเรเซีย คนนั้นก็ครองโลกนั่นเอง แต่ทฤษฏีครูแม๊ค คงไม่ได้มีแต่อังกฤษและอเมริกาที่ให้ความสนใจ รัสเซีย และจีน ก็ให้ความสนใจเช่นกัน แต่ความสนใจอาจจะมาจากคนละสาเหตุ รัสเซียและจีน ที่เป็นประเทศใหญ่อยู่ในยูเรเซียเอง จะปล่อยให้ใครมาตีหัว แล้วยึดบ้านไปง่ายๆอย่างนั้นหรือ เกมตีหัว แล้วยึดบ้านเขา สำหรับอเมริกา น่าจะใกล้หมดเวลาเล่นแล้ว โดยเฉพาะ ถ้าจะคิดเล่นกับรัสเซียหรือจีน ในวันนี้ ดูจากนโยบาย และพฤติกรรมที่อเมริกาดำเนินมา อย่างน้อยตั้งแต่ ค.ศ.1999 อเมริกาน่าจะมีแผน ที่จะครอบครองยูเรเซีย หรือถ้าครอบครองไม่ได้ ก็ต้องกันไม่ให้ใครมาครอบครอง เพราะจะทำให้ความเป็นหมายเลขหนึ่งของโลก ที่อเมริกาครองตำแหน่งมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง ตกแท่นหมดท่าหมายเลขหนึ่ง อเมริกานึกไม่ถึงว่า รัสเซีย จีนและพวก จะจับมือกันได้แน่นจริง อเมริกาพยายามทั้งแยง และปิดกั้นเส้นทาง “โต” ของทั้ง 2 ประเทศมานานอย่างน้อย 15 ปีแล้ว แต่อเมริกายังทำไม่สำเร็จ อเมริกาต้องได้ “ตะวันออกกลางทั้งหมด” เสียก่อน เพื่อฮุบเอาน้ำมันทั้งหมดเป็นของตัว น้ำมันเป็นยุทธปัจจัยสำคัญไม่น้อยกว่าอาวุธ ในการทำสงครามใหญ่ เมื่อได้ตะวันออกกลางทั้งหมด แผนต่อไปจึงกินจีน และตามมาด้วยรัสเซีย หรือตัดเชือกที่เชื่อมทั้ง 2 ประเทศออกจากกัน และโดยสภาพภูมิศาสตร์ ประเทศที่อยู่ในจุดเชื่อมรัสเซียกับจีน คือ อิหร่าน พอเข้าใจแล้วนะครับ ว่า เขาเล่นเกมกันอย่างไร และแม้เป้าหมายการเผด็จศึก จะเดินเป็นขั้นตอน แต่อเมริกาเดินแผนปฏิบัติการณ์ แจกทุกเป้าหมาย ขนานคู่ไปด้วยตลอดเวลา นิทานเรื่อง “แผนชั่ว” เป็นตัวอย่างให้เห็น ลองเอาระยะเวลาและเหตุการณ์ ที่เกี่ยวกับรัสเซียมาใส่ด้วย ก็จะทำให้เห็นชัดถึงแผนครองโลกที่แท้จริงของอเมริกา ก้างขวางคอ ที่ทำให้อเมริกายังฮุบตะวันออกกลางไม่ได้ คือ “ค่ายสู้ตาย ดายฮาร์ด ไม่เอาอเมริกา” ที่นำโดยอิหร่าน อเมริกาจึงเล่นอิหร่านสาระพัดรูปแบบ ทั้งชน ทั้งล่อ ยังกินไม่ลง เพราะมีพี่เลี้ยงและแนวร่วมเหนียว อเมริกาจึงใช้วิธีเพาะพันธ์ไอซิสใส่ตะวันออกกลาง เพื่อให้ไอซิส “จัดการ” ตะวันออกกลาง และเวลานี้ ไอซิสจึงกำลังออกฤทธิ์ จัดการอยู่ที่ซีเรีย ถ้าซีเรียไป อิหร่านเหนื่อย ถ้าอิหร่านไป รัสเซียเละจีนเหนื่อย และเราๆ ก็อาจจะกลับไปเป็นพรมเช็ดเท้าให้เขาเหมือนเดิม จะเหยียบจะย่ำ อย่างไรก็ได้ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องใหญ่ สำหรับผู้ที่ไม่อยากเป็นพรมเช็ดเท้า วันนี้ ฝ่ายรัสเซียจีนอิหร่าน จึงต้องรักษาซีเรียไว้ให้ได้ และอเมริกาและพวก ก็จะทำทุกอย่างที่จะทำลายอัสสาดและซีเรียให้ได้ด้วย มันไม่ใช่เรื่อง มนุษยธรรมบ้าบอ ที่น้ำลายฟูมปากพล่ามหน้าจออวดชาวโลก มันเป็นเรื่องของความอยู่รอด ของฝ่าย ที่ถูกอเมริกาและพวกกระทำมาตลอด ซีเรีย จึงเป็นจุดเริ่มต้นของสนามประลอง เป็นการลองเชิง ก่อนศึกครั้งใหญ่จะมา สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 4 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 348 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองเชิง ตอนที่ 4

    “ลองเชิง”
    ตอน 4
    ตุรกี นกหลายหัว จอมพริ้ว ดูเหมือนจะเป็นประเทศที่ได้ประโยชน์มากที่สุด จากเทศกาลอาหรับสปริง ก่อนปี ค.ศ.2011 ตุรกี ก็ไม่ค่อยมีปัญหากับเพื่อนบ้านเท่าไหร่ และตุรกีค่อยๆขยายฐานการเมือง การค้าขาย และวัฒนธรรมของตัวเองไปอย่างเงียบๆมาตลอดเวลา รับปากไปทั่ว และมักจะเลือกยืนถูกข้างในความขัดแย้ง คือข้างที่กำลังได้เปรียบ
    นายรอญับ ตอยยิบ เอร์โดกาน (Recep Tayyip Erdogan) ที่เป็นนายกรัฐมนตรีของตุรกีขณะนั้น เป็นผู้นำต่างประเทศรายแรก ที่กระซิบดังๆ บอกให้ มูบารัค ของอิยิปต์ เก็บของลาออก กลับไปเลี้ยงหลานที่บ้านได้แล้ว และเขายังเป็นผู้นำต่างชาติคนแรกๆ อีกเหมือนกัน ที่หันหลังให้กับกัดดาฟี ของลิเบีย เมื่อกัดดาฟีถูกกลุ่มกบฏไล่ล่า ไม่ต่างกับที่เขาหันหลังให้อัสสาด ของซีเรียในตอนแรก เมื่อซีเรียเริ่มมีปัญหา
    แต่ เอร์โดกาน เป็นนักการเมืองที่เก๋า เขี้ยวยาว ไม่เสียชื่อเป็นนกหลายหัว เขาเริ่มค่อยๆถอยห่างจากอเมริกาสัก ประมาณ 2 ปีมานี้ และตั้งแต่ถอยห่าง การประท้วงสาระพัดในตุรกี ก็เกิดขึ้นตามสูตร แต่ตุรกีคงมองเห็นว่า ฝ่ายไหนกันแน่ที่กำลังจะได้เปรียบ ทั้งในซีเรีย และตะวันออกกลาง วันนี้ดูเหมือนเขาเลือกข้างแล้ว เป็นข้างที่ไม่ใช่อเมริกาเป็นผู้นำ แต่ก็ยังอึกอักว่าไม่รักอัสซาดของซีเรีย แต่ตอนนี้พวกลูกพี่ที่ตัวมาเกาะใหม่ เขากำลังจะมาช่วยอัสซาด ตุรกี จึงกำลังมึนหัว แต่สงสัยจะสายไปแล้วนะ จะกลับเป็นนกหลายหัวอีก อาจจะไม่เหลือสักหัว
    อีกรายที่ได้ประโยชน์ กระโดดข้ามมาอยู่แถวหน้า ทั้งๆที่เป็นประเทศเล็ก คือ การ์ต้า ซึ่งเริ่มเบ่งรัศมีของตนมาก่อน ค.ศ.2011 ไม่นาน ด้วยการยอมให้อเมริกามาตั้งฐานทัพในประเทศตัว และเมื่อน้ำมันบูม การ์ต้าที่พลเมืองน้อย แต่รวยน้ำมัน ก็เลยกระเป๋าบวมไปด้วย การ์ต้าใช้ความเป็นเสี่ยปั้มรุ่นเล็ก แต่มาแรง บวกกับการตั้งสื่อ อัลจาซีรา Al-Jazeera ของตน กระจายเสียง โฆษณาตัวเอง จนดังไปทั่วโลก คนวางแผนเก่งครับ
    รัฐบาลการ์ต้าเป็นรายแรกๆ ที่ขยับขาอ้าแขนรับเทศกาลอาหรับสปริง อัลจาซีรา รายงานแบบเอียงไปเอียงมา ไม่ต่างกับซีเอนเอน ในเรื่องของกัดดาฟีของลิเบียและอัสสาดของซีเรีย เขาเล่นตีกันเป็นระนาดวง กับซีเอนเอน บีบีซี เอาซะทั้ง กัดดาฟีและอัสซาด เป็นเผด็จการจอมโหดสมควรตาย
    แต่เมื่อบาห์เรนเพื่อนบ้านค่ายเดียวกัน มีปัญหาภายใน เรื่องราวก็คล้ายกัน อัลจาซีรา เกิดเป็นใบ้ หลอดขาด จานดาวเทียมส่งสัญญาณไม่ได้เสียอย่างนั้น ตอนอัลจาซีรา ตั้งขึ้นมาใหม่ๆ ใครไม่อ้างแหล่งข่าวอัลจาซีรานี่เชยสะบั้น แต่ตอนนี้ ใครอ้างอัลจาซีรา ผมว่าไม่เชยนะ แต่ง่าวจัด
    ถึงจะเป็นประเทศเล็ก แต่เงินแยะ และมีสื่อใหญ่ระดับโลกอยู่ในมือ การ์ต้า จึงคิดพองตัว สนับสนุนทั้งเงินทุนและกองกำลัง ไปร่วมโค่นกัดดาฟี และโค่นรัฐบาลในตูนีเซีย หวังให้รัฐบาลใหม่ของ 2 ประเทศ นับตนเองเป็นลูกพี่ เรียนเร็วนะไอ้หนู
    ส่วนประเทศที่ย่อยยับ ไปกับเทศกาลอาหรับสปริง ไม่มีใครเกินอียิปต์ รองมาก็คือซีเรีย และอีกประเทศที่กำลังเหงื่อแตก รีบปรับกระบวนท่าของตัวเองคือ อิสราเอล
    อาหรับสปริง เป็นตัวอย่างของการเดินแผนของอเมริกาในตะวันออกกลาง ที่แย่ที่สุด หรือเยี่ยมที่สุด ที่เราจะต้องค่อยๆดูกันต่อไป
    อิยิปต์ นับเป็นมิตรระดับสำคัญของอเมริกามานานนับ 70 ปี นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 สถานทูตอเมริกาในอิยิปต์ ช่วงหนึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในโลก ย้อนไปก่อนนั้น อิยิปต์ก็มีความหมายมากกับมหา อำนาจตะวันตกอย่างอังกฤษ เช่นเดียวกัน ถึงเวลาหมดประโยชน์ หรือไม่ต้องการใช้ หรือมีแผนใหม่ อเมริกาก็ไล่ มูบารัค ประธานาธิบดีอิยิปต์ ที่อเมริกาใช้เหมือนพรมเช็ดเท้าให้เก็บของออกไปจากทำเนียบ ไม่ได้ออกไปกลับบ้าน แต่ออกไปนอนในคุกอีกด้วย รอดมาจากการโดนตัดสินประหารชีวิต นี่ก็บุญแล้ว แล้วอิยิปต์ ประเทศที่มีวัฒนธรรมอันยาวนาน เป็นประเทศในความฝันของคนที่อยากเห็นแหล่งอารยะธรรม ที่เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ก็เหลือแต่ซาก กับกองขยะ ผลงานใครครับ
    ซีเรีย กำลังตามมาติดๆ แต่อิยิปต์กับซีเรียต่างกัน อิยิปต์ตกเป็นพรมเช็ดเท้า ถึงเวลาพวกพรมเช็ดเท้าด้วยกัน แทนที่จะช่วยประคอง ดันช่วยกันเหยียบซ้ำ ส่วนซีเรีย เลือกอยู่กับค่ายสู้ตาย จับมือกับลูกพี่อิหร่าน ต่อต้านอเมริกามาด้วยกัน วันนี้อิหร่านไม่มีทางทิ้งซีเรีย
    แต่มีไอ้บ้าน้ำลายฟูมปาก ออกมาทำท่าหน้าเครียดตาขึง พูดให้ชาวโลกฟังในที่ประชุมสหประชาติ เมื่อสามสี่วันก่อน ว่า ซีเรียเป็นอย่างนี้ เพราะมีผู้นำฆ่าประชาชนของตัวเอง แบบนี้เลวมาก เออ … แล้วผู้นำประเทศอื่น ที่ทั้งฆ่าประชาชนของประเทศอื่น และทำลายประเทศของเขา จนแทบไม่เหลือที่ให้ประชาชนซุกหัว กี่ประเทศแล้วมึง ไม่ผิด ไม่เลว งั้นหรือครับ พวกมึงมันเกินสัตว์นรก เกินกว่าผมจะหาคำมาด่าแล้ว...
    อิสราเอล แม้จะไม่มีปัญหาในบ้าน แต่เทศกาลอาหรับสปริง ก็ทำให้อิสราเอลเหนื่อยขึ้นแยะ แม้ว่าจะมีกองทัพที่ดูเหมือนจะเข้มแข็งที่สุดในภูมิภาค เพราะได้รับการดูแลอย่างดีจากอเมริกา ก็เริ่มจะถูกโดดเดี่ยว นี่ก็เป็นเรื่องน่าสนใจ
    อิสราเอล เคยอาศัยอิยิปต์ เป็นทั้งกำแพงและตัวเชื่อมกับกลุ่มมุสลิม เมื่อ อิยิปต์ถูกจัดอันดับใหม่ ได้มุสลิมหัวรุนแรงมาปกครอง อิสราเอลก็ขาดตัวเชื่อม เป็นยิวอยู่ในดงมุสลิม ก็คงหาเพื่อนยาก ตุรกี ซึ่งเคยพอพูดกันได้ ก็ดันไปสนับสนุนกลุ่มมุสลิมบราเธอร์ฮูด Muslim Brotherhood รัฐบาลใหม่ ของอิยิปต์ อิสราเอลเลยหมดผู้ที่จะไปพูดด้วยได้ในตะวันออกกลาง
    อย่างนี้ ต้องชื่นชมคนออกแบบอาหรับสปริง เลว ลึกซึ้งมาก
    นอกจากนี้ อาหรับสปริงยังทำให้กลุ่ม ฮามาส Hamas และฟัตตาห์ Fatah กองกำลังติดอาวุธในปาเลสไตน์ ได้อาวุธ ที่ใครไม่รู้ ยึดมาจากลิเบีย และเอามาแบ่งให้กลุ่มฮามาสด้วย 2 กลุ่มนี้ จึงเหมือนติดปีก พร้อมลุยอิสราเอล แถมกลุ่มมุสลิมบราเธอร์ฮูด ที่ขึ้นมาปกครองอียิปต์ต่อจากมูบารัค ยังทำท่าเห็นใจ สนับสนุน พวกฮามาส อีกด้วย แบบนี้ อิสราเอลก็ต้องลดความกร่าง กลับไปใช้ภาษาดอกไม้กับอเมริกามากขึ้น เกมนี้แน่จริงพี่
    มาถึงคู่แข่งสำคัญ อิหร่านกับซาอุดิอารเบีย ที่ไม่มีวันจะรักกัน ใหญ่กันอยู่คนละมุม ต่างก็ถูกกระทบจากเทศกาลอาหรับสปริง ทั้งทางลบและทางบวก
    ฝ่ายซาอุ กล่าวหาว่าอิหร่าน ฉวยโอกาส จากการระส่ำระสายจากเทศกาลอาหรับสปริง เข้าไปดูแลอิรัค ส่วนที่นับถือนิกายชีอะห์ด้วยกัน อิรัคที่ยังไม่ฟื้น จากการถูกอเมริกากระทืบ ก็ย่อมไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือของอิหร่าน ทำให้เครือข่ายชีอะห์ของอิหร่านขยายใหญ่ เป็นการกดดัน ซาอุ ทางอ้อม และ โดยสภาพทางภูมิศาสตร์ ซีเรียบวกอิรัค ยังเป็นแนวที่อิหร่านใช้ยันกับ อิสราเอล และซาอุดิอารเบียกับพวกเสี่ยปั้มสิงห์สำอางทั้งหลาย ได้อีกด้วย
    ข้อกล่าวหาของซาอุ ฟังขึ้น เพราะอิหร่านก็ดูเหมือนจะทำจริง นอกจากจะสนับสนุนอิรัคแล้ว
    อิหร่านยังสนับสนุน ทั้งกลุ่มฮามาส กลุ่มเฮสบอลเลาะห์ พันธุ์ดุทั้งนั้น เอาไว้ต้านกลุ่มเสี่ยปั้ม และอิสราเอล หรือจริงๆ ก็เอาไว้ต้านอิทธิพลของอเมริกานั่นเอง
    นอกจากนี้ ทั้งอิหร่าน อิรัค ซีเรีย ตุรกี เลบานอน ยังเป็นแนวรอบนอก ที่ทำให้การเข้าไปถึงรัสเซียทาง ด้านนี้ยากขึ้นด้วย ส่วนอีก 2 ด้านสำคัญ ที่จะเข้าถึงรัสเซีย คือ ทางยูเครนและอาฟกานิสถาน และคงไม่ยากที่จะเข้าใจ ว่า ทำไมเรื่องยูเครนถึงยืดเยื้อ และเมื่อรัสเซียเข้ามาถึงซีเรีย ทางด้านอาฟกานิสถานก็อาจจะร้อนขึ้นมาอีก
    ด้วยความเกี่ยวพัน พึ่งพากันเช่นนี้ รัสเซียและอิหร่าน จึงคงเป็นเพื่อนที่จะไม่ทิ้งกันอีกคู่หนึ่ง
    ซาอุดิอารเบีย เสี่ยปั้มใหญ่ ไม่ถนัดออกหน้า ถนัดแต่ชี้นิ้ว และขี้บ่น เขาว่าเป็นนิสัยประจำตัวของคนที่นึกว่ารวยแล้ว มีแต่คนง้อ คนเอาใจ แต่เงินไม่ได้ซื้อได้ทุกอย่าง และการมีบ่อน้ำมัน บางครั้งก็เหมือนมีลาภลอย แบบสามล้อถูกหวย ถ้าไม่รู้จักเก็บรักษาให้ดี ไม่ถูกปล้นจนหมดตัว ก็มือเติบใช้จนหมดตูด กลับไปถีบสามล้อเหมือนเดิม
    หลังอาหรับสปริง เมื่อมูบารัคของอียิปต์ถูกย้ายจากทำเนียบไปอยู่ในคุก บาห์เรน เสี่ยปั้มในค่ายเอาอเมริกาอีกรายก็เกิดเรื่อง เล่นเอาซาอุดิประสาทแดก รีบส่งกองกำลังเข้าไปในบาห์เรน พร้อมควักกระเป๋าอีก 2 หมื่นล้านเหรียญให้บาห์เรนกับโอมาน ไป “คุย” กับเยเมนให้รู้เรื่อง ในฐานะบ้านอยู่ติดกัน แถมมีสภาพคุมปากอ่าวเหมือนกัน และตอนนั้น เยเมนก็กำลังระส่ำไม่รู้ใครสร้าง
    เอะ เยเมนอยู่ปากอ่าว คุมเส้นทางส่งน้ำมันของซาอุ ที่จะออกมาทางมหาสมุทรอินเดีย เหมือนอิยิปต์ที่คุมเส้นทางส่งออกน้ำมันของซาอุไปทางเมดิเตอร์เรเนียน มองเห็นอะไรไหมครับ
    แต่ซาอุ คงอ่านไม่แตกฉาน ใช้เวลากับประสาทแดกเรื่องอิหร่านมากไปหน่อย แทนที่จะคิดสร้างความเข้มแข็งให้เกิดในประเทศตัว ไม่ใช่คอยแต่หวังพึ่งคนนอก ซาอุ ไม่ใช่รวยธรรมดา รวยน้ำมันที่สุดในโลกด้วย แต่กลับทำตัวเหมือนเป็นสามล้อถูกหวย น่าเสียดาย
    น่าคิด และน่าสนใจไหมครับว่า ตลอดเวลาที่อเมริกาแซงชั้นอิหร่าน อิหร่านไม่ได้อยู่อย่างหรุหราสุขสบายอย่างพวกเสี่ยปั้มใหญ่ ปั้มเล็ก แต่อิหร่านอยู่ได้ และแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน มาถึงวันนี้ แกร่งถึงขนาด ตัดสินใจเข้าฉาก เล่นเรื่องซีเรีย เล่นฉากนี้เหมือนตั้งใจฉีกหน้าอเมริกาโดยตรง แสดงว่าอิหร่านต้องมีดี
    อิหร่านมีรัสเซีย และจีน เป็นเพื่อนที่ช่วยเหลือยามยาก ในยามที่อิหร่านถูกแซงชั่น อย่างใจดำและเป็นเวลานาน เราคงพอมองเห็น ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ มันต้องอดทน ทนอด ไม่ท้อถ้อยทั้งนั้น ไม่งั้นก็เป็นพรมเช็ดเท้าเขาไปตลอด
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    3 ต.ค. 2558
    ลองเชิง ตอนที่ 4 “ลองเชิง” ตอน 4 ตุรกี นกหลายหัว จอมพริ้ว ดูเหมือนจะเป็นประเทศที่ได้ประโยชน์มากที่สุด จากเทศกาลอาหรับสปริง ก่อนปี ค.ศ.2011 ตุรกี ก็ไม่ค่อยมีปัญหากับเพื่อนบ้านเท่าไหร่ และตุรกีค่อยๆขยายฐานการเมือง การค้าขาย และวัฒนธรรมของตัวเองไปอย่างเงียบๆมาตลอดเวลา รับปากไปทั่ว และมักจะเลือกยืนถูกข้างในความขัดแย้ง คือข้างที่กำลังได้เปรียบ นายรอญับ ตอยยิบ เอร์โดกาน (Recep Tayyip Erdogan) ที่เป็นนายกรัฐมนตรีของตุรกีขณะนั้น เป็นผู้นำต่างประเทศรายแรก ที่กระซิบดังๆ บอกให้ มูบารัค ของอิยิปต์ เก็บของลาออก กลับไปเลี้ยงหลานที่บ้านได้แล้ว และเขายังเป็นผู้นำต่างชาติคนแรกๆ อีกเหมือนกัน ที่หันหลังให้กับกัดดาฟี ของลิเบีย เมื่อกัดดาฟีถูกกลุ่มกบฏไล่ล่า ไม่ต่างกับที่เขาหันหลังให้อัสสาด ของซีเรียในตอนแรก เมื่อซีเรียเริ่มมีปัญหา แต่ เอร์โดกาน เป็นนักการเมืองที่เก๋า เขี้ยวยาว ไม่เสียชื่อเป็นนกหลายหัว เขาเริ่มค่อยๆถอยห่างจากอเมริกาสัก ประมาณ 2 ปีมานี้ และตั้งแต่ถอยห่าง การประท้วงสาระพัดในตุรกี ก็เกิดขึ้นตามสูตร แต่ตุรกีคงมองเห็นว่า ฝ่ายไหนกันแน่ที่กำลังจะได้เปรียบ ทั้งในซีเรีย และตะวันออกกลาง วันนี้ดูเหมือนเขาเลือกข้างแล้ว เป็นข้างที่ไม่ใช่อเมริกาเป็นผู้นำ แต่ก็ยังอึกอักว่าไม่รักอัสซาดของซีเรีย แต่ตอนนี้พวกลูกพี่ที่ตัวมาเกาะใหม่ เขากำลังจะมาช่วยอัสซาด ตุรกี จึงกำลังมึนหัว แต่สงสัยจะสายไปแล้วนะ จะกลับเป็นนกหลายหัวอีก อาจจะไม่เหลือสักหัว อีกรายที่ได้ประโยชน์ กระโดดข้ามมาอยู่แถวหน้า ทั้งๆที่เป็นประเทศเล็ก คือ การ์ต้า ซึ่งเริ่มเบ่งรัศมีของตนมาก่อน ค.ศ.2011 ไม่นาน ด้วยการยอมให้อเมริกามาตั้งฐานทัพในประเทศตัว และเมื่อน้ำมันบูม การ์ต้าที่พลเมืองน้อย แต่รวยน้ำมัน ก็เลยกระเป๋าบวมไปด้วย การ์ต้าใช้ความเป็นเสี่ยปั้มรุ่นเล็ก แต่มาแรง บวกกับการตั้งสื่อ อัลจาซีรา Al-Jazeera ของตน กระจายเสียง โฆษณาตัวเอง จนดังไปทั่วโลก คนวางแผนเก่งครับ รัฐบาลการ์ต้าเป็นรายแรกๆ ที่ขยับขาอ้าแขนรับเทศกาลอาหรับสปริง อัลจาซีรา รายงานแบบเอียงไปเอียงมา ไม่ต่างกับซีเอนเอน ในเรื่องของกัดดาฟีของลิเบียและอัสสาดของซีเรีย เขาเล่นตีกันเป็นระนาดวง กับซีเอนเอน บีบีซี เอาซะทั้ง กัดดาฟีและอัสซาด เป็นเผด็จการจอมโหดสมควรตาย แต่เมื่อบาห์เรนเพื่อนบ้านค่ายเดียวกัน มีปัญหาภายใน เรื่องราวก็คล้ายกัน อัลจาซีรา เกิดเป็นใบ้ หลอดขาด จานดาวเทียมส่งสัญญาณไม่ได้เสียอย่างนั้น ตอนอัลจาซีรา ตั้งขึ้นมาใหม่ๆ ใครไม่อ้างแหล่งข่าวอัลจาซีรานี่เชยสะบั้น แต่ตอนนี้ ใครอ้างอัลจาซีรา ผมว่าไม่เชยนะ แต่ง่าวจัด ถึงจะเป็นประเทศเล็ก แต่เงินแยะ และมีสื่อใหญ่ระดับโลกอยู่ในมือ การ์ต้า จึงคิดพองตัว สนับสนุนทั้งเงินทุนและกองกำลัง ไปร่วมโค่นกัดดาฟี และโค่นรัฐบาลในตูนีเซีย หวังให้รัฐบาลใหม่ของ 2 ประเทศ นับตนเองเป็นลูกพี่ เรียนเร็วนะไอ้หนู ส่วนประเทศที่ย่อยยับ ไปกับเทศกาลอาหรับสปริง ไม่มีใครเกินอียิปต์ รองมาก็คือซีเรีย และอีกประเทศที่กำลังเหงื่อแตก รีบปรับกระบวนท่าของตัวเองคือ อิสราเอล อาหรับสปริง เป็นตัวอย่างของการเดินแผนของอเมริกาในตะวันออกกลาง ที่แย่ที่สุด หรือเยี่ยมที่สุด ที่เราจะต้องค่อยๆดูกันต่อไป อิยิปต์ นับเป็นมิตรระดับสำคัญของอเมริกามานานนับ 70 ปี นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 สถานทูตอเมริกาในอิยิปต์ ช่วงหนึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในโลก ย้อนไปก่อนนั้น อิยิปต์ก็มีความหมายมากกับมหา อำนาจตะวันตกอย่างอังกฤษ เช่นเดียวกัน ถึงเวลาหมดประโยชน์ หรือไม่ต้องการใช้ หรือมีแผนใหม่ อเมริกาก็ไล่ มูบารัค ประธานาธิบดีอิยิปต์ ที่อเมริกาใช้เหมือนพรมเช็ดเท้าให้เก็บของออกไปจากทำเนียบ ไม่ได้ออกไปกลับบ้าน แต่ออกไปนอนในคุกอีกด้วย รอดมาจากการโดนตัดสินประหารชีวิต นี่ก็บุญแล้ว แล้วอิยิปต์ ประเทศที่มีวัฒนธรรมอันยาวนาน เป็นประเทศในความฝันของคนที่อยากเห็นแหล่งอารยะธรรม ที่เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ก็เหลือแต่ซาก กับกองขยะ ผลงานใครครับ ซีเรีย กำลังตามมาติดๆ แต่อิยิปต์กับซีเรียต่างกัน อิยิปต์ตกเป็นพรมเช็ดเท้า ถึงเวลาพวกพรมเช็ดเท้าด้วยกัน แทนที่จะช่วยประคอง ดันช่วยกันเหยียบซ้ำ ส่วนซีเรีย เลือกอยู่กับค่ายสู้ตาย จับมือกับลูกพี่อิหร่าน ต่อต้านอเมริกามาด้วยกัน วันนี้อิหร่านไม่มีทางทิ้งซีเรีย แต่มีไอ้บ้าน้ำลายฟูมปาก ออกมาทำท่าหน้าเครียดตาขึง พูดให้ชาวโลกฟังในที่ประชุมสหประชาติ เมื่อสามสี่วันก่อน ว่า ซีเรียเป็นอย่างนี้ เพราะมีผู้นำฆ่าประชาชนของตัวเอง แบบนี้เลวมาก เออ … แล้วผู้นำประเทศอื่น ที่ทั้งฆ่าประชาชนของประเทศอื่น และทำลายประเทศของเขา จนแทบไม่เหลือที่ให้ประชาชนซุกหัว กี่ประเทศแล้วมึง ไม่ผิด ไม่เลว งั้นหรือครับ พวกมึงมันเกินสัตว์นรก เกินกว่าผมจะหาคำมาด่าแล้ว... อิสราเอล แม้จะไม่มีปัญหาในบ้าน แต่เทศกาลอาหรับสปริง ก็ทำให้อิสราเอลเหนื่อยขึ้นแยะ แม้ว่าจะมีกองทัพที่ดูเหมือนจะเข้มแข็งที่สุดในภูมิภาค เพราะได้รับการดูแลอย่างดีจากอเมริกา ก็เริ่มจะถูกโดดเดี่ยว นี่ก็เป็นเรื่องน่าสนใจ อิสราเอล เคยอาศัยอิยิปต์ เป็นทั้งกำแพงและตัวเชื่อมกับกลุ่มมุสลิม เมื่อ อิยิปต์ถูกจัดอันดับใหม่ ได้มุสลิมหัวรุนแรงมาปกครอง อิสราเอลก็ขาดตัวเชื่อม เป็นยิวอยู่ในดงมุสลิม ก็คงหาเพื่อนยาก ตุรกี ซึ่งเคยพอพูดกันได้ ก็ดันไปสนับสนุนกลุ่มมุสลิมบราเธอร์ฮูด Muslim Brotherhood รัฐบาลใหม่ ของอิยิปต์ อิสราเอลเลยหมดผู้ที่จะไปพูดด้วยได้ในตะวันออกกลาง อย่างนี้ ต้องชื่นชมคนออกแบบอาหรับสปริง เลว ลึกซึ้งมาก นอกจากนี้ อาหรับสปริงยังทำให้กลุ่ม ฮามาส Hamas และฟัตตาห์ Fatah กองกำลังติดอาวุธในปาเลสไตน์ ได้อาวุธ ที่ใครไม่รู้ ยึดมาจากลิเบีย และเอามาแบ่งให้กลุ่มฮามาสด้วย 2 กลุ่มนี้ จึงเหมือนติดปีก พร้อมลุยอิสราเอล แถมกลุ่มมุสลิมบราเธอร์ฮูด ที่ขึ้นมาปกครองอียิปต์ต่อจากมูบารัค ยังทำท่าเห็นใจ สนับสนุน พวกฮามาส อีกด้วย แบบนี้ อิสราเอลก็ต้องลดความกร่าง กลับไปใช้ภาษาดอกไม้กับอเมริกามากขึ้น เกมนี้แน่จริงพี่ มาถึงคู่แข่งสำคัญ อิหร่านกับซาอุดิอารเบีย ที่ไม่มีวันจะรักกัน ใหญ่กันอยู่คนละมุม ต่างก็ถูกกระทบจากเทศกาลอาหรับสปริง ทั้งทางลบและทางบวก ฝ่ายซาอุ กล่าวหาว่าอิหร่าน ฉวยโอกาส จากการระส่ำระสายจากเทศกาลอาหรับสปริง เข้าไปดูแลอิรัค ส่วนที่นับถือนิกายชีอะห์ด้วยกัน อิรัคที่ยังไม่ฟื้น จากการถูกอเมริกากระทืบ ก็ย่อมไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือของอิหร่าน ทำให้เครือข่ายชีอะห์ของอิหร่านขยายใหญ่ เป็นการกดดัน ซาอุ ทางอ้อม และ โดยสภาพทางภูมิศาสตร์ ซีเรียบวกอิรัค ยังเป็นแนวที่อิหร่านใช้ยันกับ อิสราเอล และซาอุดิอารเบียกับพวกเสี่ยปั้มสิงห์สำอางทั้งหลาย ได้อีกด้วย ข้อกล่าวหาของซาอุ ฟังขึ้น เพราะอิหร่านก็ดูเหมือนจะทำจริง นอกจากจะสนับสนุนอิรัคแล้ว อิหร่านยังสนับสนุน ทั้งกลุ่มฮามาส กลุ่มเฮสบอลเลาะห์ พันธุ์ดุทั้งนั้น เอาไว้ต้านกลุ่มเสี่ยปั้ม และอิสราเอล หรือจริงๆ ก็เอาไว้ต้านอิทธิพลของอเมริกานั่นเอง นอกจากนี้ ทั้งอิหร่าน อิรัค ซีเรีย ตุรกี เลบานอน ยังเป็นแนวรอบนอก ที่ทำให้การเข้าไปถึงรัสเซียทาง ด้านนี้ยากขึ้นด้วย ส่วนอีก 2 ด้านสำคัญ ที่จะเข้าถึงรัสเซีย คือ ทางยูเครนและอาฟกานิสถาน และคงไม่ยากที่จะเข้าใจ ว่า ทำไมเรื่องยูเครนถึงยืดเยื้อ และเมื่อรัสเซียเข้ามาถึงซีเรีย ทางด้านอาฟกานิสถานก็อาจจะร้อนขึ้นมาอีก ด้วยความเกี่ยวพัน พึ่งพากันเช่นนี้ รัสเซียและอิหร่าน จึงคงเป็นเพื่อนที่จะไม่ทิ้งกันอีกคู่หนึ่ง ซาอุดิอารเบีย เสี่ยปั้มใหญ่ ไม่ถนัดออกหน้า ถนัดแต่ชี้นิ้ว และขี้บ่น เขาว่าเป็นนิสัยประจำตัวของคนที่นึกว่ารวยแล้ว มีแต่คนง้อ คนเอาใจ แต่เงินไม่ได้ซื้อได้ทุกอย่าง และการมีบ่อน้ำมัน บางครั้งก็เหมือนมีลาภลอย แบบสามล้อถูกหวย ถ้าไม่รู้จักเก็บรักษาให้ดี ไม่ถูกปล้นจนหมดตัว ก็มือเติบใช้จนหมดตูด กลับไปถีบสามล้อเหมือนเดิม หลังอาหรับสปริง เมื่อมูบารัคของอียิปต์ถูกย้ายจากทำเนียบไปอยู่ในคุก บาห์เรน เสี่ยปั้มในค่ายเอาอเมริกาอีกรายก็เกิดเรื่อง เล่นเอาซาอุดิประสาทแดก รีบส่งกองกำลังเข้าไปในบาห์เรน พร้อมควักกระเป๋าอีก 2 หมื่นล้านเหรียญให้บาห์เรนกับโอมาน ไป “คุย” กับเยเมนให้รู้เรื่อง ในฐานะบ้านอยู่ติดกัน แถมมีสภาพคุมปากอ่าวเหมือนกัน และตอนนั้น เยเมนก็กำลังระส่ำไม่รู้ใครสร้าง เอะ เยเมนอยู่ปากอ่าว คุมเส้นทางส่งน้ำมันของซาอุ ที่จะออกมาทางมหาสมุทรอินเดีย เหมือนอิยิปต์ที่คุมเส้นทางส่งออกน้ำมันของซาอุไปทางเมดิเตอร์เรเนียน มองเห็นอะไรไหมครับ แต่ซาอุ คงอ่านไม่แตกฉาน ใช้เวลากับประสาทแดกเรื่องอิหร่านมากไปหน่อย แทนที่จะคิดสร้างความเข้มแข็งให้เกิดในประเทศตัว ไม่ใช่คอยแต่หวังพึ่งคนนอก ซาอุ ไม่ใช่รวยธรรมดา รวยน้ำมันที่สุดในโลกด้วย แต่กลับทำตัวเหมือนเป็นสามล้อถูกหวย น่าเสียดาย น่าคิด และน่าสนใจไหมครับว่า ตลอดเวลาที่อเมริกาแซงชั้นอิหร่าน อิหร่านไม่ได้อยู่อย่างหรุหราสุขสบายอย่างพวกเสี่ยปั้มใหญ่ ปั้มเล็ก แต่อิหร่านอยู่ได้ และแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน มาถึงวันนี้ แกร่งถึงขนาด ตัดสินใจเข้าฉาก เล่นเรื่องซีเรีย เล่นฉากนี้เหมือนตั้งใจฉีกหน้าอเมริกาโดยตรง แสดงว่าอิหร่านต้องมีดี อิหร่านมีรัสเซีย และจีน เป็นเพื่อนที่ช่วยเหลือยามยาก ในยามที่อิหร่านถูกแซงชั่น อย่างใจดำและเป็นเวลานาน เราคงพอมองเห็น ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ มันต้องอดทน ทนอด ไม่ท้อถ้อยทั้งนั้น ไม่งั้นก็เป็นพรมเช็ดเท้าเขาไปตลอด สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 3 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 485 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองเชิง ตอนที่ 3

    “ลองเชิง”
    ตอน 3
    ซีเรีย ทำท่าจะกลายเป็นหนังฟอร์มใหญ่ ผู้กำกับมากันเพียบ ผู้อำนวยการสร้างก็จากหลายแหล่ง ตอนนี้ดูเหมือนกำลังซุบซิบ กั้นเขตหรือกินเขตกันอยู่ ไม่รู้ตกลงใครจะสร้างโรงถ่ายตรงไหน ส่วนไหนของตะวันออกกลาง ไม่ใช่แค่บริเวณซีเรีย ซี่งคงจะกลายเป็นสนามประลองยุทธ์ที่น่าติดตาม ดาราใหญ่จะเข้าฉากเล่นเอง หรือให้ดาราเล็กๆ เล่นกันไปก่อนยังไม่แน่ บางค่ายราคาคุยแยะ ส่งแต่สตั้นท์แมนรับจ้างมาเข้าฉาก เขาจะเล่น กันขนาดไหนยังไม่รู้ แต่อย่างน้อย เราควรรู้กันไว้บ้างว่า ใครเป็นใคร ใครเป็นพวกกับใคร ใครน่าจะรับบทไหน จะได้ดูหนังเรื่องซีเรีย ตะวันออกกลางรู้เรื่อง เดี๋ยวจะชวนกันออกอ่าวสนุกสนาน อย่าออกอ่าวไปไกลนักครับ เดี๋ยวกลับไม่ถูก ผมจะขอเอาเรือรบรัสเซีย เรือรบจีนไปรับ เขาก็บอกว่าไม่ว่าง ตอนนี้ต่างก็ติดภาระกิจยุ่งกันทั้งนั้น 555
    เพื่อความเข้าใจ สถานะและความสัมพันธ์ของตัวละคร เกี่ยวกับตะวันออกกลาง ผมขอย้อนหลังไปหน่อย
    หลังเหตุการณ์ 9/11 การถล่มตึกเวิลด์เทรดเซนเตอร์ เมื่อปี ค.ศ.2001 อเมริกาถือโอกาสใช้เป็นข้ออ้างเข้าไปแทรกแซงในตะวันออกกลางอย่างเต็มสูบ ในช่วง ค.ศ.2003 และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประเทศในแถบตะวันออกกลางและภูมิภาคใกล้เคียงแตกแยกชัดเจน แบ่งเป็น 2 ค่าย กับอีก 3 เสี้ยว
    ค่ายหนึ่งคือ ค่ายที่เอาอเมริกา นำโดยเสี่ยปั้มใหญ่ ซาอุดิอารเบียกับพวกเสี่ยปั้มหนุ่มสำอางค์ทั้งหลายแถบอ่าว ไล่มาตั้งแต่ คูเวต บาห์เรน การต้า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โอมาน เดิมมีอิรัคด้วย แต่ปัจจุบัน อิรัคน่าจะย้ายค่ายไปอยู่ฝั่งไม่เอาอเมริกาไปแล้ว เสี่ยปั้มใหญ่คงกลัวเสียหน้า ลูกน้องหนี เลยเอาจอร์แดนมารวมด้วย แต่ก็รวมอย่างเขินๆ เพราะจอร์แดนถือว่าตัวเองควรเป็นเจ้าของตะวันออกกลางทั้งหมดเสียด้วยซ้ำ เพราะถูกอังกฤษหลอกต้มเอาไว้อย่างนั้น มาอยู่ใต้ปีกเสี่ยปั้มนี่ ออกจะเสียหน้า แต่คงพอทนเพราะมีค่าทนชดเชย (อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องอังกฤษต้มตะวันออกกลาง ได้ในนิทานเรื่อง “เหยื่อ” ครับ ตามลิงค์นี้ https://www.dropbox.com/s/i3psv6qf7v9iqew/victim.pdf)
    อีกค่ายหนึ่ง เป็นค่ายที่ไม่เอาอเมริกา ค่ายนี้ ไม่ใช่แค่ไม่เอาเฉยๆ เขาต่อต้านอเมริกาอย่างเปิดเผย และไม่หยุดยั้งด้วย มีตัวยืนโรงตัวใหญ่ คืออิหร่าน ซีเรีย เลบานอน (กลุ่มเฮซบอลเล์าะ) ปาเลสไตน์( กลุ่มกองกำลังปาเลสไตน์ คือ พวกฮามาส) และเยเมนส่วนใต้
    สำหรับชาวโลกทั่วไป ฟังจากข่าวฟอกย้อมของตะวันตก คงมองค่ายหลังนี้ เป็นตัวร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือฆาตกรไปแล้ว
    อีกเสี้ยวหนึ่ง คือ อิสราเอล อยู่ในตะวันออกกลาง แต่ไม่ถือว่าตนเองเป็นคนตะวันอ อกกลาง ไม่รักซาอุ เกลียดอิหร่าน และไม่ชอบใครเลย ชอบแต่ยิวด้วยกัน ประเทศที่มียิวไปอยู่แยะ ก็ใช่ว่าจะชอบ แค่หลอกใช้ อิสราเอลคือต้นไม้พิษ ที่อังกฤษเอาไปปลูกไว้ในตะวันออกกลาง แต่ให้อเมริกาเลี้ยงให้ การเอาอิสราเอลไปอยู่ตรงนั้น ถือเป็นยุทธศาสตร์ สุดยอด (ชั่ว) ของอังกฤษเลยทีเดียว
    เสี้ยวที่ 2 คือ ตุรกี ที่ก็ไม่นับว่าตนเองเป็นพวกตะวันออกกลาง แบบพวกเสี่ยปั้มทั้งหลาย ตุรกี ดูเหมือนทำตัวเป็นขี้ข้าอเมริกามาตลอด แต่จริงๆ ตุรกีเป็นนกหลายหัว และนกพันธุ์แสบไม่ธรรมดา ลูกเล่นแยะมาก แต่ล่าสุด ดูเหมือนจะเลือกค่ายแล้ว
    เสี้ยวที่ 3 คือ อียิปต์ ที่แม้จะไม่ได้อยู่ในตะวันออกกลาง แต่โดยภูมิศาสตร์ อียิปต์อยู่ติดกับอิสราเอล และที่สำคัญ เป็นเจ้าของคลองสุเอซ ที่เป็นเส้นทางใหญ่ที่บรรดาเสี่ยปั้มใช้ขนส่งน้ำมันไปทางเมดิเตอร์เรเนียน อียิปต์จึงถูกล็อกคอ มาอยู่ในมืออเมริกา เพื่อกันไว้ไม่ให้ใครมายุ่งกับน้ำมันของพวกเสี่ยปั้ม ที่อเมริกาคุมอีกต่อ
    ค่ายใหญ่ 2 ค่าย มักมีเรื่องขัดแย้ง ขัดคอ แข่งขันกันอยู่เสมอ ทั้งในทางการเมือง และทางสื่อ เพื่อชิงความเป็นผู้นำในภูมิภาค โดยบริวณขัดแย้ง มักอยู่ที่ เลบานอน อิรัค และปาเลสไตน์
    และที่สำคัญ หัวหน้าค่ายใหญ่ของทั้ง 2 ค่าย คือ อิหร่าน และซาอุดิอารเบีย ไม่เคยถูกกันเลย ไม่เคยรักกัน และไม่มีวันจะรักกัน ซาอุดิอารเบีย แสดงอาการไม่ชอบใจ ไม่ไว้ใจ บ่น ด่า ซ้ำซาก ถึงอิหร่านอยู่ตลอดเวลา ว่า อิหร่านกำลังข่มขู่ชาวตะวันออกกลาง ด้วยการสร้างนิวเคลียร์ และ พยายามทำตัวเป็นพี่เบิ้มของตะวันออกกลาง เพราะฉนั้น ที่คิดว่า ซาอุ จะมาฝากผีฝากไข้ไว้กับรัสเซีย คิดว่าเป็นเรื่องเป็นไปได้หรือครับ ซาอุอาจจะมาพูดกับรัสเซีย รัสเซียก็คงฟัง เหมือนวันที่รัสเซียกำลังพูดกับอิสราเอล แล้วเรือรบจีน ไปจอดอยู่หน้าบ้านอิสราเอล ไม่กี่วันต่อมา ฟังทำนองนั้นแหละ ครับ
    รัสเซีย จีน อิหร่าน กว่าจะมาถึงวันนี้ เขาลงเรือลำเดียวกัน ฝ่าดงหนาม ดงตีน ที่อเมริกา อียู และพวกลูกกระเป๋ง ประเคนมาให้เท่าไหร่ เชื่อว่าไม่มีใครโดดหนีกลางทาง และไม่น่าจะรับผู้โดยสารระหว่างทาง ที่เพื่อนรังเกียจ หรือรังเกียจเพื่อน ขึ้นเรือมาด้วย ถึงที่หมายแล้ว ค่อยว่ากันอีกที แต่เป็นทีแบบไหน ก็ดูกันต่อไป
    ส่วนอิสราเอล ไม่สังกัด ไม่เข้าค่ายใด เพราะถือตัวว่าเป็นเส้นใหญ่สายตรงของอเมริกา ก็ไม่ชอบ ทั้งซาอุดิอารเบียและอิหร่าน แต่รู้สึกอิหร่านจะได้รับคำเอ่ยถึงในทางลบมากกว่า
    ส่วนอิหร่านก็ดูถูกซาอุดิว่า มีดีแค่รวยอย่างเดียว อยู่ทะเลทรายเสียเปล่า แต่ดันชอบเป็นชาวเกาะ เกาะอเมริกาเหมือนตัวเป็นลูกอ่อน และอิหร่านก็เห็นอิสราเอลเป็นคนนอก ที่เข้ามาแย่งที่ แถมข่มขู่คนในที่เป็นเจ้าของของเดิม แบบนี้ ก็คงไม่ได้แปลว่าอิหร่านพอใจอิสราเอล
    แต่หลังจากที่อเมริกา (อีกนั่นแหละ) จัดเทศกาลอาหรับสปริง ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.2011 ตะวันออกกลาง ก็มีความมีความเปลี่ยนแปลงอีกรอบหนึ่ง และเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ที่อาจเป็นสาเหตุหนึ่ง ของ การประลองยุทธ ที่กำลังดำเนินอยู่ในซีเรีย ตอนนี้
    หลังอาหรับสปริง ประเทศที่อยู่แถวหน้า เช่น ซาอุดิอารเบีย อิหร่าน และอิสราเอล ต่างได้รับผลกระทบ มีทั้งบวก ทั้งลบ แล้วแต่สถานการณ์จะสร้างผู้กล้า หรือสร้างผู้ขลาด ส่วนประเทศที่เคยยืนอยู่แถวหลังในภูมิภาค อย่างตุรกี และการ์ต้า กลับใช้โอกาส เพิ่มรัศมี เพิ่มอิทธิพล
    ส่วนประเทศใหญ่อีก 2 ประเทศ อิยิปต์ หรือซีเรีย กลับเซระเนระนาด จากความไม่สงบ ที่เกิดขึ้นในประเทศของตน และทำท่าจะยืดเยื้อลากยาว กระทบความมั่นคงของทั้ง 2 ประเทศ ไปอีกนาน
    ผลที่ตามมา คือ 2 ค่ายในตะวันออกกลาง และทุกเสี้ยวที่กล่าวมาข้างต้น เกิดการแข่งขัน ขัดแย้ง รุนแรงเพิ่มขึ้น ทั้งทางด้านการเมือง ความมั่นคง และความแตกต่างทางนิกายศาสนา ที่อาหรับสปริง เพาะเชื้อไว้ อย่างแนบเนียน…
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    2 ต.ค. 2558
    ลองเชิง ตอนที่ 3 “ลองเชิง” ตอน 3 ซีเรีย ทำท่าจะกลายเป็นหนังฟอร์มใหญ่ ผู้กำกับมากันเพียบ ผู้อำนวยการสร้างก็จากหลายแหล่ง ตอนนี้ดูเหมือนกำลังซุบซิบ กั้นเขตหรือกินเขตกันอยู่ ไม่รู้ตกลงใครจะสร้างโรงถ่ายตรงไหน ส่วนไหนของตะวันออกกลาง ไม่ใช่แค่บริเวณซีเรีย ซี่งคงจะกลายเป็นสนามประลองยุทธ์ที่น่าติดตาม ดาราใหญ่จะเข้าฉากเล่นเอง หรือให้ดาราเล็กๆ เล่นกันไปก่อนยังไม่แน่ บางค่ายราคาคุยแยะ ส่งแต่สตั้นท์แมนรับจ้างมาเข้าฉาก เขาจะเล่น กันขนาดไหนยังไม่รู้ แต่อย่างน้อย เราควรรู้กันไว้บ้างว่า ใครเป็นใคร ใครเป็นพวกกับใคร ใครน่าจะรับบทไหน จะได้ดูหนังเรื่องซีเรีย ตะวันออกกลางรู้เรื่อง เดี๋ยวจะชวนกันออกอ่าวสนุกสนาน อย่าออกอ่าวไปไกลนักครับ เดี๋ยวกลับไม่ถูก ผมจะขอเอาเรือรบรัสเซีย เรือรบจีนไปรับ เขาก็บอกว่าไม่ว่าง ตอนนี้ต่างก็ติดภาระกิจยุ่งกันทั้งนั้น 555 เพื่อความเข้าใจ สถานะและความสัมพันธ์ของตัวละคร เกี่ยวกับตะวันออกกลาง ผมขอย้อนหลังไปหน่อย หลังเหตุการณ์ 9/11 การถล่มตึกเวิลด์เทรดเซนเตอร์ เมื่อปี ค.ศ.2001 อเมริกาถือโอกาสใช้เป็นข้ออ้างเข้าไปแทรกแซงในตะวันออกกลางอย่างเต็มสูบ ในช่วง ค.ศ.2003 และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประเทศในแถบตะวันออกกลางและภูมิภาคใกล้เคียงแตกแยกชัดเจน แบ่งเป็น 2 ค่าย กับอีก 3 เสี้ยว ค่ายหนึ่งคือ ค่ายที่เอาอเมริกา นำโดยเสี่ยปั้มใหญ่ ซาอุดิอารเบียกับพวกเสี่ยปั้มหนุ่มสำอางค์ทั้งหลายแถบอ่าว ไล่มาตั้งแต่ คูเวต บาห์เรน การต้า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โอมาน เดิมมีอิรัคด้วย แต่ปัจจุบัน อิรัคน่าจะย้ายค่ายไปอยู่ฝั่งไม่เอาอเมริกาไปแล้ว เสี่ยปั้มใหญ่คงกลัวเสียหน้า ลูกน้องหนี เลยเอาจอร์แดนมารวมด้วย แต่ก็รวมอย่างเขินๆ เพราะจอร์แดนถือว่าตัวเองควรเป็นเจ้าของตะวันออกกลางทั้งหมดเสียด้วยซ้ำ เพราะถูกอังกฤษหลอกต้มเอาไว้อย่างนั้น มาอยู่ใต้ปีกเสี่ยปั้มนี่ ออกจะเสียหน้า แต่คงพอทนเพราะมีค่าทนชดเชย (อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องอังกฤษต้มตะวันออกกลาง ได้ในนิทานเรื่อง “เหยื่อ” ครับ ตามลิงค์นี้ https://www.dropbox.com/s/i3psv6qf7v9iqew/victim.pdf) อีกค่ายหนึ่ง เป็นค่ายที่ไม่เอาอเมริกา ค่ายนี้ ไม่ใช่แค่ไม่เอาเฉยๆ เขาต่อต้านอเมริกาอย่างเปิดเผย และไม่หยุดยั้งด้วย มีตัวยืนโรงตัวใหญ่ คืออิหร่าน ซีเรีย เลบานอน (กลุ่มเฮซบอลเล์าะ) ปาเลสไตน์( กลุ่มกองกำลังปาเลสไตน์ คือ พวกฮามาส) และเยเมนส่วนใต้ สำหรับชาวโลกทั่วไป ฟังจากข่าวฟอกย้อมของตะวันตก คงมองค่ายหลังนี้ เป็นตัวร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือฆาตกรไปแล้ว อีกเสี้ยวหนึ่ง คือ อิสราเอล อยู่ในตะวันออกกลาง แต่ไม่ถือว่าตนเองเป็นคนตะวันอ อกกลาง ไม่รักซาอุ เกลียดอิหร่าน และไม่ชอบใครเลย ชอบแต่ยิวด้วยกัน ประเทศที่มียิวไปอยู่แยะ ก็ใช่ว่าจะชอบ แค่หลอกใช้ อิสราเอลคือต้นไม้พิษ ที่อังกฤษเอาไปปลูกไว้ในตะวันออกกลาง แต่ให้อเมริกาเลี้ยงให้ การเอาอิสราเอลไปอยู่ตรงนั้น ถือเป็นยุทธศาสตร์ สุดยอด (ชั่ว) ของอังกฤษเลยทีเดียว เสี้ยวที่ 2 คือ ตุรกี ที่ก็ไม่นับว่าตนเองเป็นพวกตะวันออกกลาง แบบพวกเสี่ยปั้มทั้งหลาย ตุรกี ดูเหมือนทำตัวเป็นขี้ข้าอเมริกามาตลอด แต่จริงๆ ตุรกีเป็นนกหลายหัว และนกพันธุ์แสบไม่ธรรมดา ลูกเล่นแยะมาก แต่ล่าสุด ดูเหมือนจะเลือกค่ายแล้ว เสี้ยวที่ 3 คือ อียิปต์ ที่แม้จะไม่ได้อยู่ในตะวันออกกลาง แต่โดยภูมิศาสตร์ อียิปต์อยู่ติดกับอิสราเอล และที่สำคัญ เป็นเจ้าของคลองสุเอซ ที่เป็นเส้นทางใหญ่ที่บรรดาเสี่ยปั้มใช้ขนส่งน้ำมันไปทางเมดิเตอร์เรเนียน อียิปต์จึงถูกล็อกคอ มาอยู่ในมืออเมริกา เพื่อกันไว้ไม่ให้ใครมายุ่งกับน้ำมันของพวกเสี่ยปั้ม ที่อเมริกาคุมอีกต่อ ค่ายใหญ่ 2 ค่าย มักมีเรื่องขัดแย้ง ขัดคอ แข่งขันกันอยู่เสมอ ทั้งในทางการเมือง และทางสื่อ เพื่อชิงความเป็นผู้นำในภูมิภาค โดยบริวณขัดแย้ง มักอยู่ที่ เลบานอน อิรัค และปาเลสไตน์ และที่สำคัญ หัวหน้าค่ายใหญ่ของทั้ง 2 ค่าย คือ อิหร่าน และซาอุดิอารเบีย ไม่เคยถูกกันเลย ไม่เคยรักกัน และไม่มีวันจะรักกัน ซาอุดิอารเบีย แสดงอาการไม่ชอบใจ ไม่ไว้ใจ บ่น ด่า ซ้ำซาก ถึงอิหร่านอยู่ตลอดเวลา ว่า อิหร่านกำลังข่มขู่ชาวตะวันออกกลาง ด้วยการสร้างนิวเคลียร์ และ พยายามทำตัวเป็นพี่เบิ้มของตะวันออกกลาง เพราะฉนั้น ที่คิดว่า ซาอุ จะมาฝากผีฝากไข้ไว้กับรัสเซีย คิดว่าเป็นเรื่องเป็นไปได้หรือครับ ซาอุอาจจะมาพูดกับรัสเซีย รัสเซียก็คงฟัง เหมือนวันที่รัสเซียกำลังพูดกับอิสราเอล แล้วเรือรบจีน ไปจอดอยู่หน้าบ้านอิสราเอล ไม่กี่วันต่อมา ฟังทำนองนั้นแหละ ครับ รัสเซีย จีน อิหร่าน กว่าจะมาถึงวันนี้ เขาลงเรือลำเดียวกัน ฝ่าดงหนาม ดงตีน ที่อเมริกา อียู และพวกลูกกระเป๋ง ประเคนมาให้เท่าไหร่ เชื่อว่าไม่มีใครโดดหนีกลางทาง และไม่น่าจะรับผู้โดยสารระหว่างทาง ที่เพื่อนรังเกียจ หรือรังเกียจเพื่อน ขึ้นเรือมาด้วย ถึงที่หมายแล้ว ค่อยว่ากันอีกที แต่เป็นทีแบบไหน ก็ดูกันต่อไป ส่วนอิสราเอล ไม่สังกัด ไม่เข้าค่ายใด เพราะถือตัวว่าเป็นเส้นใหญ่สายตรงของอเมริกา ก็ไม่ชอบ ทั้งซาอุดิอารเบียและอิหร่าน แต่รู้สึกอิหร่านจะได้รับคำเอ่ยถึงในทางลบมากกว่า ส่วนอิหร่านก็ดูถูกซาอุดิว่า มีดีแค่รวยอย่างเดียว อยู่ทะเลทรายเสียเปล่า แต่ดันชอบเป็นชาวเกาะ เกาะอเมริกาเหมือนตัวเป็นลูกอ่อน และอิหร่านก็เห็นอิสราเอลเป็นคนนอก ที่เข้ามาแย่งที่ แถมข่มขู่คนในที่เป็นเจ้าของของเดิม แบบนี้ ก็คงไม่ได้แปลว่าอิหร่านพอใจอิสราเอล แต่หลังจากที่อเมริกา (อีกนั่นแหละ) จัดเทศกาลอาหรับสปริง ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.2011 ตะวันออกกลาง ก็มีความมีความเปลี่ยนแปลงอีกรอบหนึ่ง และเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ที่อาจเป็นสาเหตุหนึ่ง ของ การประลองยุทธ ที่กำลังดำเนินอยู่ในซีเรีย ตอนนี้ หลังอาหรับสปริง ประเทศที่อยู่แถวหน้า เช่น ซาอุดิอารเบีย อิหร่าน และอิสราเอล ต่างได้รับผลกระทบ มีทั้งบวก ทั้งลบ แล้วแต่สถานการณ์จะสร้างผู้กล้า หรือสร้างผู้ขลาด ส่วนประเทศที่เคยยืนอยู่แถวหลังในภูมิภาค อย่างตุรกี และการ์ต้า กลับใช้โอกาส เพิ่มรัศมี เพิ่มอิทธิพล ส่วนประเทศใหญ่อีก 2 ประเทศ อิยิปต์ หรือซีเรีย กลับเซระเนระนาด จากความไม่สงบ ที่เกิดขึ้นในประเทศของตน และทำท่าจะยืดเยื้อลากยาว กระทบความมั่นคงของทั้ง 2 ประเทศ ไปอีกนาน ผลที่ตามมา คือ 2 ค่ายในตะวันออกกลาง และทุกเสี้ยวที่กล่าวมาข้างต้น เกิดการแข่งขัน ขัดแย้ง รุนแรงเพิ่มขึ้น ทั้งทางด้านการเมือง ความมั่นคง และความแตกต่างทางนิกายศาสนา ที่อาหรับสปริง เพาะเชื้อไว้ อย่างแนบเนียน… สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 2 ต.ค. 2558
    WWW.DROPBOX.COM
    victim.pdf
    Shared with Dropbox
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 374 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองเชิง ตอนที่ 1 – 2

    “ลองเชิง”
    ตอน 1
    ผมขอลาพักท่านผู้อ่าน กำลังนอนเหยียดคลายเส้น แต่ดันไปห็นข่าวน่าสนใจ และมันอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ เลยลุกมาส่งข่าวสั้นๆก่อนครับ
    วิทยุในเลบานอน Radio Sawt Beirut (Voice of Beirut) คงเหมือนกรมประชาสัมพันธ์บ้านเรานะครับ หวังว่าคงไม่เป็นกรมกร๊วกเหมือนของเรา รายงานเมื่อวันที่ 24 กันยายน ค.ศ.2015 นี้ว่า แหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อ ซึ่งเป็นระดับสูงของกลุ่มเฮซบอลเลาะห์ (Hezbollah) ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธของเลบานอน (แต่มีอิหร่านเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่) บอกว่า จีนอาจส่งกองกำลังเข้ามาร่วมการรบที่กำลังดำเนินอยู่ในซีเรียด้วย ถ้าจีนเห็นว่า รัฐบาลของประธานาธิบดี อัสซาด แห่งซีเรีย จะไปไม่รอด หรืออาการหนัก
    เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และเป็นก้าวที่สำคัญมากของจีน ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง
    จีนไม่เคยไปรบนอกบ้าน ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นาน 70 ปี แล้ว มังกรปิดถ้ำ ไม่ให้ใครเข้ามายุ่ง และไม่ยุ่งกับใครอยู่นาน มาเปิดถ้ำ โผล่หน้า ก็ในช่วงมังกรเติ้งปกครองจีน หลังจากนั้น ก็มุ่งหน้าค้าขายอย่างเดียว จีนแอบสร้างกองทัพเมื่อไหร่ ใหญ่โตขนาดไหน เป็นเรื่องประมาณการณ์ หรือคาดเดาทั้งสิ้น ไม่มีใครรู้จริง พลเมืองจีนพันสามร้อยล้านคน คิดว่า เขาจะมีกองกำลังจำนวนเท่าไหร่ครับ มาในช่วงหลังปี สองปีนี้เอง ที่มีข่าวว่า จีนมีการฝึกร่วมกับรัสเซีย และจีนเพิ่งเอาตัวอย่างกองทัพ และอาวุธมาโชว์ ในการสวนสนามใหญ่ของจีน เมื่อเดือนที่แล้ว ในวันครบรอบ 70 ปี ของการยุติสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่รู้เป็นการส่งสาส์นอะไร มังกรซ่อนเล็บเก่งจะตาย
    อมริกาเคยประมาทหน้าจีนว่า ต่อให้อีก 20 ปีข้างหน้า กองกำลังและอาวุธของจีน ก็ยังไม่ทันวันนี้ของอเมริกา เป็นการพูดของรัฐมนตรีกลาโหมของอเมริกา ในการประชุมแลกเปลี่ยนด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ Shangrila Dialogue ที่สิงคโปร์ เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน จริง ไม่จริง อีกหน่อยคงได้รู้กัน แต่ช่วยไปรู้กันไกลๆ แดนสยามหน่อยนะครับ
    เรื่องจีนจะมาร่วมรบในซีเรีย จึงเป็นก้าวสำคัญของจีน และของโลกด้วย…
    เมื่อตอนที่คุณพี่ปูตินประกาศว่า จะส่งกองกำลังมาซีเรีย เพื่อมาช่วยปราบกลุ่มไอซิส ISIS อิสลามหัวรุนแรง ที่ไม่รู้ใครเอาไปขยายพันธุ์อยู่เต็มซีเรีย และกำลังฮึกเฮิม ตั้งหน้าตั้งตาลุย ถล่มฝ่ายรัฐบาลอัสซาด แค่มีข่าวรัสเซียจะมาซีเรีย อเมริกาก็สำลักพรวดแล้ว จะห้ามรัสเซียก็ไม่ได้ ก็ตัวเองทะลึ่งไปชวนให้ชาวบ้านนานาชาติ ขนกองกำลังร่วม มาช่วยกันปราบพวกไอซิส พอเขามาเข้าจริงๆ จะบอกว่า ไม่เอา ไม่ได้หมายถึงมึงนี้ หมายถึงมึงโน้น คงจะเล่นยาก
    กองกำลังนานาชาติ เอาเถิดเจ้าล่อ ถล่มเมืองอยู่หลายเดือน จนซีเรียพังเกือบทั้งประเทศก็ยังไล่ทั้งไอซิสและอัสซาดนายกรัฐมนตรีซีเรียไม่ได้ และพวกกบฏ และกลุ่มไอซิส บวก บวก ก็ยังยึดซีเรียไม่ได้ อัสซาดก็เลยยังไม่หล่นจากแท่น ตีนเหนียวยังกับตุ๊กแก ไม่หล่น แต่เปลี้ยเต็มที คุณพี่ปูตินของผมทนไม่ไหว เลยบอก อึดไว้นะเพื่อน เดี๋ยวจะมาช่วย ตอนนั้นก็ไม่มีใครเชื่อ ว่า คุณพี่ปูตินจะมาจริง
    แต่ปรากฏว่า กองทัพของคุณพี่ปูตินก็มาจริง มาแบบเงียบๆ แต่มาอย่างจัดเต็ม
    Fox News ของฝ่ายตะวันตกเอง รายงานข่าวพิเศษ เมื่อวันที่ 25 กันยายน ค.ศ.2015 นี้ อย่างน่าชื่นใจมากว่า
    ….พวกเขา(รัสเซีย) เหมือนโผล่มาจากดิน มาจากไหนไม่รู้ …they are popping up everywhere…. เราไม่รู้เลย แต่ตอนนี้ เขาอยู่กันเต็มไปหมด แถมยังตั้งศูนย์บัญชาการที่เมืองแบกแดดของอิรัค เลยนะ มีทหารรัสเซีย ซีเรีย และอิหร่านร่วมด้วย….อะ อิหร่าน..ด้วย
    ฝ่ายข่าวกรองปากโป้งของอเมริกา ยังปูดให้ Fox News อีกว่า สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รัสเซียสามารถนำเครื่องบินรบจำนวน 24 ลำ เข้าไปในซีเรีย โดยทางอเมริกาไม่รู้เรื่อง
    รัสเซียนำฝูงเครื่องบินรบซูกอย ตีนกบ Sukhoi Su- 25 เข้าไปจำนวน 12 ลำ และซูกอย จอมสอย Sukhoi 24 อีก 12 ลำ ข่าวว่ารัสเซียนำเครื่องบินรบ บรรทุกในเครื่องบินบรรทุก หลบเข้าใปในอิหร่านก่อน จากนั้นก็บินเข้าซีเรีย จอเรดาร์ทางอเมริกาเห็นไฟแว๊บที่จอ หลังจากนั้นก็ติดตามไม่ได้ ดับหายวับ เข้าใจว่า เครื่องรัสเซียปิดระบบหมด…เครื่องบินฝูงนี้ น่าจะมาถึงอิหร่าน ตั้งแต่ 18,19 กัยยายน
    อ๊าย ขายหน้าจัง แล้วยังเอามาเล่าอีก แหกเป็นริ้ว เจอแบบนี้กี่ครั้งแล้ว ไม่ว่า เรือดำน้ำ เครื่องบิน โผล่เฉี่ยวใส่หน้าจนเปียกไปหมด ไม่อายเหรอวะ คุยกร่าง สั่งได้แต่กับตัวน้อยๆ แน่จริง สอยร่วงเลยพี่ เครื่องบินหาไม่เจอ แล้ว ที่ไปหาว่าเขามีนิวเคลียร์ นี่จะหาเจอไหม เสี่ยนิวเคลียร์ฝากถามมาครับ
    นอกจากนี้ ข่าวยังบอกว่า ฝูงเครื่องบืนรบรัสเซีย ไม่ได้ทิ้งระเบิด ไม่ได้ปฏิบัติการต่อสู้ แต่บินวนไปมา แล้วก็ออกไปทางชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน…แน้.. มาแปลก
    วันพฤหัสที่ 23 กันยายน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของอเมริกา นาย John Kirby ออกมาปฏิเสธข่าว บอกว่า ข่าวกรองของเราไม่ได้ทำงานล้มเหลวนะ ที่ไม่รู้เรื่องเครื่องบิน 24 ลำ ของรัสเซีย ….คราวที่แล้วก็บอกอย่างนี้แหละ ไม่ล้มเหลว แต่มองไม่เห็น ฮา
    …. เราบอกได้ว่า เราเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด ใกล้ชิดมาก …very, very closely…และเราไม่ใช่ไม่รู้ว่า รัสเซียคิดทำอะไร ( ไม่ใช่ไม่รู้ …แต่เรามองไม่ทัน มองไม่เห็น..ฮา อีกที)
    เมื่อสื่อไปถามคุณหน้าเต้าหู้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอเมริกา Ash Carter ตอบว่า รัสเซียมาร่วมในซีเรีย ก็เหมือนเอาน้ำมันมาราดใส่ พวกไอซิส …ฟังแล้ว ไม่รู้ชอบใจ หรือไม่ชอบใจกันแน่ พวก ก.ต. นี่ มัน ก. ต. จริงๆ
    แต่ท่านนายพล เดวิด เพทรุส อดีตหัวหน้าสำนักงานซีไอเอ ให้การต่อสภาสูงของอเมริกาว่า การที่อเมริกา ไม่มีบทบาทในซีเรีย จะสร้างความเสี่ยงให้กับอเมริกาเอง การเพิ่มกองกำลังในซีเรียของรัสเซีย มันเป็นเครื่องเตือนเราว่า ถ้าเราไม่ทำอะไร คนอื่นจะเข้าไปแทนที่เรา… และส่วนใหญ่เป็นผลเสียกับประโยชน์ของเราทั้งสิ้น
    ###############
    ตอน 2
    มีรายงานพิเศษจากแหล่งข่าวในตะวันออกกลาง เมื่อวันที่ 26 กันยายน ค.ศ.2015 ว่า ระหว่างที่นายโอบามา กำลังฉีกยิ้ม ที่ค่อนข้างฝืด จับมือต้อนรับ อาเฮียสี จากเมืองจีน เมื่อวันศุกร์ ที่ 25 กันยายน นั้น เรือบรรทุกเครื่องบินของจีน Liaoning -CV-16 ก็เข้าจอดเทียบท่าเรือทาร์ทัส Tartus ในซีเรีย เรียบร้อยแล้ว โดยมีเรือติดจรวด นำร่องมา
    งวดนี้ เชิงมังกรร่อนฟ้า เฉี่ยวหน้านกอินทรีย์ นี่ร้ายเหลือ ด้านหนึ่งก็จับมือ ตามบท อีกด้าน ส่งเครื่องบินรบเข้าประจำการณ์ เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการของเพื่อนรัก มังกรไม่ใช่แค่เล่นน้ำอยู่แถวทะเลจีนแล้ว
    แค่กองทัพรัสเซียเข้าไปในซีเรีย อเมริกาก็สำลักแล้ว ตอนนี้จีนบอกเพื่อนกันไม่ทิ้งกัน รัสเซียมา จีนไม่มาได้อย่างไร คราวนี้ อเมริกาจะว่าอย่างไร
    แหล่งข่าวบอกว่า เรือบรรทุกเครื่องบินของจีน ผ่านคลองสุเอซ ในวันที่ 22 กันยายน หนึ่งวัน หลังจากที่นายเนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลไปนั่งหน้าเจ๋อ คุยกับคุณพี่ปูตินที่มอสโคว์ เขาว่า คุณพี่ปูตินคุยทุกเรื่อง ยกเว้น เรื่องเรือบรรทุกเครื่องบินจีน และที่สำคัญ ไม่บอกว่าเรือกำลังจะจอดอยู่หน้าบ้านยิวด้วย
    ใครๆ ก็บอกว่า คุณพี่ปูตินของผม เล่นหมากรุกเก่ง ไอ้นั่นน่ะของตาย แต่ผมว่าตอนนี้แกกำลังเล่น เผ นะ และทำท่าจะชอบเสียด้วย กบไต๋ เอซ แต่แกล้งส่ายหน้า ทำท่าเหมือนจะหลบ โอ้ย สนุกจริง เส้นตึงยังไงก็ต้องลุกมาเขียน มึงนึกว่าตั้งหม้อต้มเป็นคนเดียวหรือไง คราวนี้ จะได้รู้มั่ง จีนน่ะ เขาตุ๋นอาหาร ตุ๋นยา ก่อนอเมริกาจะเกิดอีก ไหนว่า การข่าวเก่งกันทั้งนั้น กรองยังไงวะให้เรือบรรทุกเครื่องบิน ลำเบ้อเริ่มผ่านจมูกไปไม่ได้กลิ่นเลย พวกมึงก็เก่งแต่รวนเพจคนแก่เขียนนิทานเท่านั้นละว้า
    กว่าอเมริกาจะรู้เรื่อง เรือบรรทุกเครื่องบินจีน ก็เทียบท่าที่ซีเรียเรียบร้อยแล้ว เขาว่า จอห์น แครี่ รัฐมนตรี ต่างประเทศของไอ้นักล่า ถึงกับหน้าตกลงไปเกือบถึงพื้น รีบสั่งให้ปลัดกระทรวง Wendy Sherman ที่เป็นหัวหน้าทีมในการเจรจานิวเคลียร์กับอิหร่าน ให้ออกข่าวว่า รัฐบาลโอบามา พร้อมหารือเรื่องสถานการณ์ในซีเรียกับอิหร่าน และจะมีการคุยกันถึงเรื่องนี้ ระหว่างคุณหน้าตก กับรัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านในวันที่ 26 กันยายน ที่นิวยอร์ค ….สายไปหน่อยไหมพี่
    ระหว่างที่ผมเขียนนิทานนี่ ยังไม่เห็นข่าวอะไรนะ ซีเอนเอน เสนอข่าวสันตปาปา มา 3 วัน 3 คืนแล้ว สงสัยรู้กัน ตีกรรเชียงไปก่อน
    อเมริกาหวังจะข้ามหน้า ไม่ต้องคุยกับรัสเซียและจีนเรื่องซีเรีย โดยจะข้ามไปพูดกับอิหร่าน ที่อเมริกา “คิด” ว่า ต้วถือไพ่เหนือมือ แต่อิหร่านเอง ก็ขนกองทัพเข้าไปในซีเรียเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน โดยมีกองกำลังภาคพื้นดิน ทางอากาศ และทางเรือจากรัสเซียและจีน สนับสนุนอย่างนี้ คิดว่าอิหร่านจะถอยทัพออกมาไหม
    การเดินหมากกระดานนี้ ของฝ่ายเบื่ออเมริกา (ผมใช้คำเบามากนะครับวันนี้สงสัยเขาให้กินยากันด่า เข้าไปแยะ) แยบยลมาก การเจรจานิวเคลียร์ของอิหร่าน เหมือนจะเป็นการจูงให้อเมริกาเดินไปในเกม ที่คนอื่นกำกับบ้าง
    อเมริกาอาจจะไม่ได้เป็นผู้กำหนด และกำกับเกมในโลกนี้แต่ฝ่ายเดียวอีกต่อไปแล้ว
    แหล่งข่าวจากตะวันออกกลางยังรายงานว่า ดูเหมือนจีนมีแผนอยู่ยาวในซีเรีย ไม่ใช่แค่มาแวะจอดเรือจับมือเพื่อน แล้วท่องทะเลกลับบ้าน เขาบอกว่า ชุดใหญ่ของจีน ที่มีทั้งเครื่องบินรบ และเครื่องฮอ น่าจะบินตรงมาจากจีนเข้าอิหร่าน ในเดือนพฤศจิกายน หรือเรือบรรทุกเครื่องบิน ขนาดยักษ์ของรัสเซีย จะไปช่วยอำนวยความสะดวกขนมาให้
    มิน่า War room ระหว่างรัสเซีย ซีเรีย อิหร่าน ถึงได้รีบตั้งที่แบกแดด เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และก็เป็นคาดเดากันว่า รัสเซียก็คงอยู่ยาว และคงไม่อยู่ที่ซีเรียเท่านั้น ตอนนี้ก็ชัดว่า อยู่ในแบกแดดด้วย
    ส่วนจีนข่าวว่า จะส่งเครื่องบินรบชนิด J-15 ฉลามศึก ที่ขึ้นจากลานบินบนเรือบรรทุกได้ ไม่ต้องไปนอนรออยู่ที่ฐานไหน แถมด้วย Z-18F เครื่องบินไว้ถล่มเรือดำน้ำโดยเฉพาะมาด้วย ถ้ายังไม่พอ เอา Z- 18J ไปด้วย เอาอะไรอีกมั้ย อ้อ นาวิก ไง ที่เขาว่า ฝึกโหดยิ่งกว่าหน่วยซีลของใบตองแห้ง เอาไปด้วยอีกพันคน ตกลงนี่ จะไปถล่มไอซิสแน่หรือครับอาเฮีย ไอซิสมันไม่มีเรือดำน้ำนะครับ
    คุณพี่ปูและอาเฮียสี ฝากบอกมาว่า เราเพียงต้อง “จัดการ” เก็บกวาดให้เรียบร้อยไม่ให้เหลือหน่อ เหลือต้น ของพวกผู้ก่อการร้าย (ใครมั่งนะ) ให้กลับมางอกอยู่แถว เชนยา คอเคซัส ของรัสเซีย หลังจากเสร็จศึกในซีเรีย ส่วนจีนก็บอกว่า เบื่อแล้วเหมือนกัน ที่พวกนักรบอุยกูร์ ที่เดี๋ยวเข้าตะวันออกกลาง เดี๋ยวกลับออกมาสร้างความวุ่นวายในซินเจียงของจีน
    เอาละครับ ประสานเสียงตอบกันมาอย่างนี้ ผมก็ไม่ขัดใจ แต่ผมกลัวจะไปไกลกว่านั้นจัง วันนี้เอาพอสังเขป เป็นหนังตัวอย่างก่อน แล้วจะกลับมาขยายความที่หลังนะครับ
    ที่ประชุมยูเอ็น ก็เป็นรายการหน้าฉาก ออกแขก ออกฝรั่งกันไป แต่ฉากหลังสงสัยจะเล่นรายการออกอาวุธกันแล้ว
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    28 ก.ย. 2558
    ลองเชิง ตอนที่ 1 – 2 “ลองเชิง” ตอน 1 ผมขอลาพักท่านผู้อ่าน กำลังนอนเหยียดคลายเส้น แต่ดันไปห็นข่าวน่าสนใจ และมันอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ เลยลุกมาส่งข่าวสั้นๆก่อนครับ วิทยุในเลบานอน Radio Sawt Beirut (Voice of Beirut) คงเหมือนกรมประชาสัมพันธ์บ้านเรานะครับ หวังว่าคงไม่เป็นกรมกร๊วกเหมือนของเรา รายงานเมื่อวันที่ 24 กันยายน ค.ศ.2015 นี้ว่า แหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อ ซึ่งเป็นระดับสูงของกลุ่มเฮซบอลเลาะห์ (Hezbollah) ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธของเลบานอน (แต่มีอิหร่านเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่) บอกว่า จีนอาจส่งกองกำลังเข้ามาร่วมการรบที่กำลังดำเนินอยู่ในซีเรียด้วย ถ้าจีนเห็นว่า รัฐบาลของประธานาธิบดี อัสซาด แห่งซีเรีย จะไปไม่รอด หรืออาการหนัก เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และเป็นก้าวที่สำคัญมากของจีน ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง จีนไม่เคยไปรบนอกบ้าน ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นาน 70 ปี แล้ว มังกรปิดถ้ำ ไม่ให้ใครเข้ามายุ่ง และไม่ยุ่งกับใครอยู่นาน มาเปิดถ้ำ โผล่หน้า ก็ในช่วงมังกรเติ้งปกครองจีน หลังจากนั้น ก็มุ่งหน้าค้าขายอย่างเดียว จีนแอบสร้างกองทัพเมื่อไหร่ ใหญ่โตขนาดไหน เป็นเรื่องประมาณการณ์ หรือคาดเดาทั้งสิ้น ไม่มีใครรู้จริง พลเมืองจีนพันสามร้อยล้านคน คิดว่า เขาจะมีกองกำลังจำนวนเท่าไหร่ครับ มาในช่วงหลังปี สองปีนี้เอง ที่มีข่าวว่า จีนมีการฝึกร่วมกับรัสเซีย และจีนเพิ่งเอาตัวอย่างกองทัพ และอาวุธมาโชว์ ในการสวนสนามใหญ่ของจีน เมื่อเดือนที่แล้ว ในวันครบรอบ 70 ปี ของการยุติสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่รู้เป็นการส่งสาส์นอะไร มังกรซ่อนเล็บเก่งจะตาย อมริกาเคยประมาทหน้าจีนว่า ต่อให้อีก 20 ปีข้างหน้า กองกำลังและอาวุธของจีน ก็ยังไม่ทันวันนี้ของอเมริกา เป็นการพูดของรัฐมนตรีกลาโหมของอเมริกา ในการประชุมแลกเปลี่ยนด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ Shangrila Dialogue ที่สิงคโปร์ เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน จริง ไม่จริง อีกหน่อยคงได้รู้กัน แต่ช่วยไปรู้กันไกลๆ แดนสยามหน่อยนะครับ เรื่องจีนจะมาร่วมรบในซีเรีย จึงเป็นก้าวสำคัญของจีน และของโลกด้วย… เมื่อตอนที่คุณพี่ปูตินประกาศว่า จะส่งกองกำลังมาซีเรีย เพื่อมาช่วยปราบกลุ่มไอซิส ISIS อิสลามหัวรุนแรง ที่ไม่รู้ใครเอาไปขยายพันธุ์อยู่เต็มซีเรีย และกำลังฮึกเฮิม ตั้งหน้าตั้งตาลุย ถล่มฝ่ายรัฐบาลอัสซาด แค่มีข่าวรัสเซียจะมาซีเรีย อเมริกาก็สำลักพรวดแล้ว จะห้ามรัสเซียก็ไม่ได้ ก็ตัวเองทะลึ่งไปชวนให้ชาวบ้านนานาชาติ ขนกองกำลังร่วม มาช่วยกันปราบพวกไอซิส พอเขามาเข้าจริงๆ จะบอกว่า ไม่เอา ไม่ได้หมายถึงมึงนี้ หมายถึงมึงโน้น คงจะเล่นยาก กองกำลังนานาชาติ เอาเถิดเจ้าล่อ ถล่มเมืองอยู่หลายเดือน จนซีเรียพังเกือบทั้งประเทศก็ยังไล่ทั้งไอซิสและอัสซาดนายกรัฐมนตรีซีเรียไม่ได้ และพวกกบฏ และกลุ่มไอซิส บวก บวก ก็ยังยึดซีเรียไม่ได้ อัสซาดก็เลยยังไม่หล่นจากแท่น ตีนเหนียวยังกับตุ๊กแก ไม่หล่น แต่เปลี้ยเต็มที คุณพี่ปูตินของผมทนไม่ไหว เลยบอก อึดไว้นะเพื่อน เดี๋ยวจะมาช่วย ตอนนั้นก็ไม่มีใครเชื่อ ว่า คุณพี่ปูตินจะมาจริง แต่ปรากฏว่า กองทัพของคุณพี่ปูตินก็มาจริง มาแบบเงียบๆ แต่มาอย่างจัดเต็ม Fox News ของฝ่ายตะวันตกเอง รายงานข่าวพิเศษ เมื่อวันที่ 25 กันยายน ค.ศ.2015 นี้ อย่างน่าชื่นใจมากว่า ….พวกเขา(รัสเซีย) เหมือนโผล่มาจากดิน มาจากไหนไม่รู้ …they are popping up everywhere…. เราไม่รู้เลย แต่ตอนนี้ เขาอยู่กันเต็มไปหมด แถมยังตั้งศูนย์บัญชาการที่เมืองแบกแดดของอิรัค เลยนะ มีทหารรัสเซีย ซีเรีย และอิหร่านร่วมด้วย….อะ อิหร่าน..ด้วย ฝ่ายข่าวกรองปากโป้งของอเมริกา ยังปูดให้ Fox News อีกว่า สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รัสเซียสามารถนำเครื่องบินรบจำนวน 24 ลำ เข้าไปในซีเรีย โดยทางอเมริกาไม่รู้เรื่อง รัสเซียนำฝูงเครื่องบินรบซูกอย ตีนกบ Sukhoi Su- 25 เข้าไปจำนวน 12 ลำ และซูกอย จอมสอย Sukhoi 24 อีก 12 ลำ ข่าวว่ารัสเซียนำเครื่องบินรบ บรรทุกในเครื่องบินบรรทุก หลบเข้าใปในอิหร่านก่อน จากนั้นก็บินเข้าซีเรีย จอเรดาร์ทางอเมริกาเห็นไฟแว๊บที่จอ หลังจากนั้นก็ติดตามไม่ได้ ดับหายวับ เข้าใจว่า เครื่องรัสเซียปิดระบบหมด…เครื่องบินฝูงนี้ น่าจะมาถึงอิหร่าน ตั้งแต่ 18,19 กัยยายน อ๊าย ขายหน้าจัง แล้วยังเอามาเล่าอีก แหกเป็นริ้ว เจอแบบนี้กี่ครั้งแล้ว ไม่ว่า เรือดำน้ำ เครื่องบิน โผล่เฉี่ยวใส่หน้าจนเปียกไปหมด ไม่อายเหรอวะ คุยกร่าง สั่งได้แต่กับตัวน้อยๆ แน่จริง สอยร่วงเลยพี่ เครื่องบินหาไม่เจอ แล้ว ที่ไปหาว่าเขามีนิวเคลียร์ นี่จะหาเจอไหม เสี่ยนิวเคลียร์ฝากถามมาครับ นอกจากนี้ ข่าวยังบอกว่า ฝูงเครื่องบืนรบรัสเซีย ไม่ได้ทิ้งระเบิด ไม่ได้ปฏิบัติการต่อสู้ แต่บินวนไปมา แล้วก็ออกไปทางชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน…แน้.. มาแปลก วันพฤหัสที่ 23 กันยายน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของอเมริกา นาย John Kirby ออกมาปฏิเสธข่าว บอกว่า ข่าวกรองของเราไม่ได้ทำงานล้มเหลวนะ ที่ไม่รู้เรื่องเครื่องบิน 24 ลำ ของรัสเซีย ….คราวที่แล้วก็บอกอย่างนี้แหละ ไม่ล้มเหลว แต่มองไม่เห็น ฮา …. เราบอกได้ว่า เราเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด ใกล้ชิดมาก …very, very closely…และเราไม่ใช่ไม่รู้ว่า รัสเซียคิดทำอะไร ( ไม่ใช่ไม่รู้ …แต่เรามองไม่ทัน มองไม่เห็น..ฮา อีกที) เมื่อสื่อไปถามคุณหน้าเต้าหู้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอเมริกา Ash Carter ตอบว่า รัสเซียมาร่วมในซีเรีย ก็เหมือนเอาน้ำมันมาราดใส่ พวกไอซิส …ฟังแล้ว ไม่รู้ชอบใจ หรือไม่ชอบใจกันแน่ พวก ก.ต. นี่ มัน ก. ต. จริงๆ แต่ท่านนายพล เดวิด เพทรุส อดีตหัวหน้าสำนักงานซีไอเอ ให้การต่อสภาสูงของอเมริกาว่า การที่อเมริกา ไม่มีบทบาทในซีเรีย จะสร้างความเสี่ยงให้กับอเมริกาเอง การเพิ่มกองกำลังในซีเรียของรัสเซีย มันเป็นเครื่องเตือนเราว่า ถ้าเราไม่ทำอะไร คนอื่นจะเข้าไปแทนที่เรา… และส่วนใหญ่เป็นผลเสียกับประโยชน์ของเราทั้งสิ้น ############### ตอน 2 มีรายงานพิเศษจากแหล่งข่าวในตะวันออกกลาง เมื่อวันที่ 26 กันยายน ค.ศ.2015 ว่า ระหว่างที่นายโอบามา กำลังฉีกยิ้ม ที่ค่อนข้างฝืด จับมือต้อนรับ อาเฮียสี จากเมืองจีน เมื่อวันศุกร์ ที่ 25 กันยายน นั้น เรือบรรทุกเครื่องบินของจีน Liaoning -CV-16 ก็เข้าจอดเทียบท่าเรือทาร์ทัส Tartus ในซีเรีย เรียบร้อยแล้ว โดยมีเรือติดจรวด นำร่องมา งวดนี้ เชิงมังกรร่อนฟ้า เฉี่ยวหน้านกอินทรีย์ นี่ร้ายเหลือ ด้านหนึ่งก็จับมือ ตามบท อีกด้าน ส่งเครื่องบินรบเข้าประจำการณ์ เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการของเพื่อนรัก มังกรไม่ใช่แค่เล่นน้ำอยู่แถวทะเลจีนแล้ว แค่กองทัพรัสเซียเข้าไปในซีเรีย อเมริกาก็สำลักแล้ว ตอนนี้จีนบอกเพื่อนกันไม่ทิ้งกัน รัสเซียมา จีนไม่มาได้อย่างไร คราวนี้ อเมริกาจะว่าอย่างไร แหล่งข่าวบอกว่า เรือบรรทุกเครื่องบินของจีน ผ่านคลองสุเอซ ในวันที่ 22 กันยายน หนึ่งวัน หลังจากที่นายเนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลไปนั่งหน้าเจ๋อ คุยกับคุณพี่ปูตินที่มอสโคว์ เขาว่า คุณพี่ปูตินคุยทุกเรื่อง ยกเว้น เรื่องเรือบรรทุกเครื่องบินจีน และที่สำคัญ ไม่บอกว่าเรือกำลังจะจอดอยู่หน้าบ้านยิวด้วย ใครๆ ก็บอกว่า คุณพี่ปูตินของผม เล่นหมากรุกเก่ง ไอ้นั่นน่ะของตาย แต่ผมว่าตอนนี้แกกำลังเล่น เผ นะ และทำท่าจะชอบเสียด้วย กบไต๋ เอซ แต่แกล้งส่ายหน้า ทำท่าเหมือนจะหลบ โอ้ย สนุกจริง เส้นตึงยังไงก็ต้องลุกมาเขียน มึงนึกว่าตั้งหม้อต้มเป็นคนเดียวหรือไง คราวนี้ จะได้รู้มั่ง จีนน่ะ เขาตุ๋นอาหาร ตุ๋นยา ก่อนอเมริกาจะเกิดอีก ไหนว่า การข่าวเก่งกันทั้งนั้น กรองยังไงวะให้เรือบรรทุกเครื่องบิน ลำเบ้อเริ่มผ่านจมูกไปไม่ได้กลิ่นเลย พวกมึงก็เก่งแต่รวนเพจคนแก่เขียนนิทานเท่านั้นละว้า กว่าอเมริกาจะรู้เรื่อง เรือบรรทุกเครื่องบินจีน ก็เทียบท่าที่ซีเรียเรียบร้อยแล้ว เขาว่า จอห์น แครี่ รัฐมนตรี ต่างประเทศของไอ้นักล่า ถึงกับหน้าตกลงไปเกือบถึงพื้น รีบสั่งให้ปลัดกระทรวง Wendy Sherman ที่เป็นหัวหน้าทีมในการเจรจานิวเคลียร์กับอิหร่าน ให้ออกข่าวว่า รัฐบาลโอบามา พร้อมหารือเรื่องสถานการณ์ในซีเรียกับอิหร่าน และจะมีการคุยกันถึงเรื่องนี้ ระหว่างคุณหน้าตก กับรัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านในวันที่ 26 กันยายน ที่นิวยอร์ค ….สายไปหน่อยไหมพี่ ระหว่างที่ผมเขียนนิทานนี่ ยังไม่เห็นข่าวอะไรนะ ซีเอนเอน เสนอข่าวสันตปาปา มา 3 วัน 3 คืนแล้ว สงสัยรู้กัน ตีกรรเชียงไปก่อน อเมริกาหวังจะข้ามหน้า ไม่ต้องคุยกับรัสเซียและจีนเรื่องซีเรีย โดยจะข้ามไปพูดกับอิหร่าน ที่อเมริกา “คิด” ว่า ต้วถือไพ่เหนือมือ แต่อิหร่านเอง ก็ขนกองทัพเข้าไปในซีเรียเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน โดยมีกองกำลังภาคพื้นดิน ทางอากาศ และทางเรือจากรัสเซียและจีน สนับสนุนอย่างนี้ คิดว่าอิหร่านจะถอยทัพออกมาไหม การเดินหมากกระดานนี้ ของฝ่ายเบื่ออเมริกา (ผมใช้คำเบามากนะครับวันนี้สงสัยเขาให้กินยากันด่า เข้าไปแยะ) แยบยลมาก การเจรจานิวเคลียร์ของอิหร่าน เหมือนจะเป็นการจูงให้อเมริกาเดินไปในเกม ที่คนอื่นกำกับบ้าง อเมริกาอาจจะไม่ได้เป็นผู้กำหนด และกำกับเกมในโลกนี้แต่ฝ่ายเดียวอีกต่อไปแล้ว แหล่งข่าวจากตะวันออกกลางยังรายงานว่า ดูเหมือนจีนมีแผนอยู่ยาวในซีเรีย ไม่ใช่แค่มาแวะจอดเรือจับมือเพื่อน แล้วท่องทะเลกลับบ้าน เขาบอกว่า ชุดใหญ่ของจีน ที่มีทั้งเครื่องบินรบ และเครื่องฮอ น่าจะบินตรงมาจากจีนเข้าอิหร่าน ในเดือนพฤศจิกายน หรือเรือบรรทุกเครื่องบิน ขนาดยักษ์ของรัสเซีย จะไปช่วยอำนวยความสะดวกขนมาให้ มิน่า War room ระหว่างรัสเซีย ซีเรีย อิหร่าน ถึงได้รีบตั้งที่แบกแดด เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และก็เป็นคาดเดากันว่า รัสเซียก็คงอยู่ยาว และคงไม่อยู่ที่ซีเรียเท่านั้น ตอนนี้ก็ชัดว่า อยู่ในแบกแดดด้วย ส่วนจีนข่าวว่า จะส่งเครื่องบินรบชนิด J-15 ฉลามศึก ที่ขึ้นจากลานบินบนเรือบรรทุกได้ ไม่ต้องไปนอนรออยู่ที่ฐานไหน แถมด้วย Z-18F เครื่องบินไว้ถล่มเรือดำน้ำโดยเฉพาะมาด้วย ถ้ายังไม่พอ เอา Z- 18J ไปด้วย เอาอะไรอีกมั้ย อ้อ นาวิก ไง ที่เขาว่า ฝึกโหดยิ่งกว่าหน่วยซีลของใบตองแห้ง เอาไปด้วยอีกพันคน ตกลงนี่ จะไปถล่มไอซิสแน่หรือครับอาเฮีย ไอซิสมันไม่มีเรือดำน้ำนะครับ คุณพี่ปูและอาเฮียสี ฝากบอกมาว่า เราเพียงต้อง “จัดการ” เก็บกวาดให้เรียบร้อยไม่ให้เหลือหน่อ เหลือต้น ของพวกผู้ก่อการร้าย (ใครมั่งนะ) ให้กลับมางอกอยู่แถว เชนยา คอเคซัส ของรัสเซีย หลังจากเสร็จศึกในซีเรีย ส่วนจีนก็บอกว่า เบื่อแล้วเหมือนกัน ที่พวกนักรบอุยกูร์ ที่เดี๋ยวเข้าตะวันออกกลาง เดี๋ยวกลับออกมาสร้างความวุ่นวายในซินเจียงของจีน เอาละครับ ประสานเสียงตอบกันมาอย่างนี้ ผมก็ไม่ขัดใจ แต่ผมกลัวจะไปไกลกว่านั้นจัง วันนี้เอาพอสังเขป เป็นหนังตัวอย่างก่อน แล้วจะกลับมาขยายความที่หลังนะครับ ที่ประชุมยูเอ็น ก็เป็นรายการหน้าฉาก ออกแขก ออกฝรั่งกันไป แต่ฉากหลังสงสัยจะเล่นรายการออกอาวุธกันแล้ว สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 28 ก.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 544 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผนชั่ว ตอนที่ 12

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว”
    ตอน 12 (จบ)
    กลับมาดูกันดีๆอีกที จะได้รู้ว่า ยุทธศาสตร์การเมืองโลก เขาต้องวางกันเป็นปีๆ ประเภทใจร้อนถาม ทำไมไม่ทำนั่น ทำไมไม่ปิดนี่ มันไม่ง่ายแบบเล่นเป่ากบนะครับ จะเล่นฟุตบอล ตีเทนนิส ยังต้องวางแผน นับประสาอะไรกับบ้านเมือง แต่ถ้าเล่นแบบไม่หวงไม่ห่วง คิดมั่วคิดโกงแบบนั้น ให้ทำพรุ่งนี้ทั้งเมืองก็ได้ ฉิบหาย ก็เปิดแน่บไปอยู่เมืองนอก คอยส่งเสียงเห่ามายุ ลูกน้องก็หอนตอบ จะเอาอย่างนั้นอีกหรือครับ
    ผมจะไล่เรียงเหตุการณ์ให้ใหม่ จะได้เห็นกันชัดๆ
    1999 – จีนเข้าไปลงทุน สำรวจแหล่งน้ำมันในซูดาน
    2004 – จีนเริ่มเจรจากับพม่า เรื่องการสร้างท่อส่ง จากพม่าไปจีน
    2005 – การร่วมทุน จีน-ซูดาน พบแหล่งน้ำมัน
    2006 – เกิดสงครามกลางเมืองที่ ดาร์ฟู ในซูดานใต้ ที่จีนพบแหล่งน้ำมัน
    – จีน จัดอาฟริกันซัมมิท ผูกมิตรกับอาฟริกา
    2007 – คุณลุงหู ของจีน ไปเยี่ยมซูดาน
    – จีน เริ่มลงทุนสำรวจน้ำมันในชาด
    – อเมริกา ตั้ง AFRICOM
    – เกิดการประท้วงใหญ่ หรือปฏิวัติสีจีวรในพม่า
    2008 – พม่าทำสัญญากับจีน ตกลงให้จีนสร้างท่อส่งแก๊ส จากท่าเรือที่พม่าไปจีน
    2009 – อัลไดด้า ตั้งฐานที่เยเมน อเมริกานำกำลังมาปราบ และทิ้งกำลังไว้ในเยเมน
    และเกิดสลัดโซมาเลีย
    2010 – เกิดกบฏในลิเบีย
    2011 – กัดดาฟี ถูกเก็บ
    – เกิดรัฐซูดานใต้ จีนกินแห้วซูดาน
    – จีนเริ่มก่อสร้างท่อส่งน้ำมัน จาก ท่าเรือพม่าไปจีน
    2015 – ท่อส่ง จีน-พม่า เสร็จเรียบร้อย
    จากไทม์ไลน์ของเหตุการณ์ คงเห็นว่า ปี ค.ศ.2005 น่าจะเป็นปีสำคัญ เป็นปีที่อเมริการู้ชัดแล้วว่า จีนเข้าไปปักธงในอาฟริกาสำเร็จ แผนการซูดาน ลิเบีย จึงต้องรีบเกิด เพื่อกันท่าจีน และคุมอาฟริกาต่อ
    ส่วนจีน เมื่อเรื่มสำรวจในอาฟริกาได้ 2,3 ปี พอรู้ว่า น่าจะมีน้ำมันแน่ จีนต้องคิดเตรียมการ หาลู่ทางส่งน้ำมันมาจีน อย่างไม่ให้โดนกักและไม่เพิ่มต้นทุน จีนเป็นพ่อค้า ที่มองการณ์ไกล คงเห็นแล้วว่า เส้นทางส่งน้ำมันที่จะมาถึงจีน มีจุดตายอยู่ที่ไหนบ้าง พม่าที่ยังปิดประตูบ้าน น่าเป็นทางออกที่ดี จีนจึงเริ่มเจรจาเงียบๆ ขณะเดียวกัน ก็เดินหน้าเต็มสูบในอาฟริกา จับมือไปทั่ว ทำให้อเมริกาต้องรีบตั้ง AFRICOM มาคอยตักตีหัวจีน และหัวอื่น ที่ช่วยจีนแถวอาฟริกา และตะวันออกกลาง
    จีนหาแหล่งพลังงาน โดยใช้ยุทธศาสตร์การร่วมลงทุนนำ หน้า ใครจะเป็นผู้ปกครองประเทศ ด้วยระบอบอะไร ชอบไม่ชอบอะไร จีนไม่ไปยุ่งในบ้านเขา จีนเพียงต้องการลงทุน หาพลังงานไปเลี้ยงประเทศของตัว
    ส่วนอเมริกา ก็ต้องการแหล่งพลังงาน แต่วิธีการต่างกับจีน อเมริกาหาพลังงาน ด้วยการสร้างสงครามกลางเมือง ด้วยการสร้างปฏิวัติ ด้วยการถล่มเมือง ด้วยการฆ่าผู้นำ พูดให้ชัด ก็กระทำการเป็นโจรปล้น และ ฆ่าเจ้าของทรัพย์น่ะ ใครที่บอกว่า จีน รัสเซีย ก็เลวไม่ต่างกับอเมริกา อาจจะเลวมากว่าด้วยซ้ำ ก็ไปศึกษาพิจารณา ดูเองบ้าง อย่าทำตัวเป็นพวกนกแก้ว หรือจิ้งหรีดถูกปั่นหัว
    วันนี้ จีนรอดจากห่วงรัดคอ ที่ช่องแคบมะละกาแล้ว อเมริกาจะทำอย่างไร อเมริกา น่าจะอาการหนัก ขาฉีก ด้านหนึ่ง คงขึ้นเหนือ สงครามทำลายท่อส่งจีนพม่าน่าจะ เกิดขึ้น ความวุ่นวายในพม่า คงเกิดขึ้นอีกรอบ ท่านทั้งหลายที่สงสัยว่า ทำไมเขาว่าจีนอยู่เต็มพม่า ก็คงจะเข้าใจ รัฐบาลพม่าน่าจะไม่เหยียบเรือที่แคม ไม่งั้นคุณนายซูไม่พริ้วไปจีนเมื่อเร็วๆนี้หรอก
    อีกด้าน อเมริกาก็จะปล่อยช่องแคบมะละกา ไม่ได้เหมือนกัน แต่คราวนี้ ด้วยเหตุผลต่างกัน ก่อนหน้านี้ เพื่อกักน้ำมันไม่ให้ไปจีน แต่ตอนนี้ต้องมาป้องกัน ไม่ให้น้ำมันที่จะไปญี่ปุ่นถูกกัก ซึ่งต้องใช้เส้นทางผ่านช่องแคบมะละกานี่เหมือนกัน เออ โลกมันก็หมุนกลับได้เหมือนกันนะ เพิ่งจะผ่านกฏหมายให้มาแบกถาดรับใช้อเมริกา แต่ดันไม่มีน้ำมัน ซามูไร ยากูซ่า คงด่ากันขรม จะให้ตีกรรเชียงแบกถาดมาหรือไงวะ อ๊าย สนุกจังเนะ
    แล้วนี่ถ้าเกิดมีสลัดมะละกอ อยู่แถวมะละกา จะทำยังไงคร้าบ ผู้ก่อการร้ายก็ดก โพกหัวเข้าหน่อยไม่รู้มาจากไหน มิน่า คุณป๊ะนาจิป ถึงได้ใบเหลือง…
    (นิทานเรื่องนี้ ขอจบก่อนนะครับ พรุ่งนี้ 8 โมงเช้าไม่ต้องรออ่าน จริงๆ มีเรื่อง น่าจะเขียนถึง อีก 3,4 ตอน แต่ผมหมดแรงแล้ว ผมขอส่งใบลาพัก ไปไขลานหน่อย เมื่อยไปทั้งตัว เดินจะไม่ไหว ไขลานแล้วเดินไหวจะกลับมาใหม่ และก็อยากให้ไอ้คนทำหน้าที่ป่วนเพจนิทาน มันได้หยุดพักมั่ง ทำงาน วันละ 25 ชั่วโมงเหมือนกัน มันใช้เอ็งยังกับทาส ยังทำให้มันอยู่อีกเรอะ?!)
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 ก.ย. 2558
    แผนชั่ว ตอนที่ 12 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว” ตอน 12 (จบ) กลับมาดูกันดีๆอีกที จะได้รู้ว่า ยุทธศาสตร์การเมืองโลก เขาต้องวางกันเป็นปีๆ ประเภทใจร้อนถาม ทำไมไม่ทำนั่น ทำไมไม่ปิดนี่ มันไม่ง่ายแบบเล่นเป่ากบนะครับ จะเล่นฟุตบอล ตีเทนนิส ยังต้องวางแผน นับประสาอะไรกับบ้านเมือง แต่ถ้าเล่นแบบไม่หวงไม่ห่วง คิดมั่วคิดโกงแบบนั้น ให้ทำพรุ่งนี้ทั้งเมืองก็ได้ ฉิบหาย ก็เปิดแน่บไปอยู่เมืองนอก คอยส่งเสียงเห่ามายุ ลูกน้องก็หอนตอบ จะเอาอย่างนั้นอีกหรือครับ ผมจะไล่เรียงเหตุการณ์ให้ใหม่ จะได้เห็นกันชัดๆ 1999 – จีนเข้าไปลงทุน สำรวจแหล่งน้ำมันในซูดาน 2004 – จีนเริ่มเจรจากับพม่า เรื่องการสร้างท่อส่ง จากพม่าไปจีน 2005 – การร่วมทุน จีน-ซูดาน พบแหล่งน้ำมัน 2006 – เกิดสงครามกลางเมืองที่ ดาร์ฟู ในซูดานใต้ ที่จีนพบแหล่งน้ำมัน – จีน จัดอาฟริกันซัมมิท ผูกมิตรกับอาฟริกา 2007 – คุณลุงหู ของจีน ไปเยี่ยมซูดาน – จีน เริ่มลงทุนสำรวจน้ำมันในชาด – อเมริกา ตั้ง AFRICOM – เกิดการประท้วงใหญ่ หรือปฏิวัติสีจีวรในพม่า 2008 – พม่าทำสัญญากับจีน ตกลงให้จีนสร้างท่อส่งแก๊ส จากท่าเรือที่พม่าไปจีน 2009 – อัลไดด้า ตั้งฐานที่เยเมน อเมริกานำกำลังมาปราบ และทิ้งกำลังไว้ในเยเมน และเกิดสลัดโซมาเลีย 2010 – เกิดกบฏในลิเบีย 2011 – กัดดาฟี ถูกเก็บ – เกิดรัฐซูดานใต้ จีนกินแห้วซูดาน – จีนเริ่มก่อสร้างท่อส่งน้ำมัน จาก ท่าเรือพม่าไปจีน 2015 – ท่อส่ง จีน-พม่า เสร็จเรียบร้อย จากไทม์ไลน์ของเหตุการณ์ คงเห็นว่า ปี ค.ศ.2005 น่าจะเป็นปีสำคัญ เป็นปีที่อเมริการู้ชัดแล้วว่า จีนเข้าไปปักธงในอาฟริกาสำเร็จ แผนการซูดาน ลิเบีย จึงต้องรีบเกิด เพื่อกันท่าจีน และคุมอาฟริกาต่อ ส่วนจีน เมื่อเรื่มสำรวจในอาฟริกาได้ 2,3 ปี พอรู้ว่า น่าจะมีน้ำมันแน่ จีนต้องคิดเตรียมการ หาลู่ทางส่งน้ำมันมาจีน อย่างไม่ให้โดนกักและไม่เพิ่มต้นทุน จีนเป็นพ่อค้า ที่มองการณ์ไกล คงเห็นแล้วว่า เส้นทางส่งน้ำมันที่จะมาถึงจีน มีจุดตายอยู่ที่ไหนบ้าง พม่าที่ยังปิดประตูบ้าน น่าเป็นทางออกที่ดี จีนจึงเริ่มเจรจาเงียบๆ ขณะเดียวกัน ก็เดินหน้าเต็มสูบในอาฟริกา จับมือไปทั่ว ทำให้อเมริกาต้องรีบตั้ง AFRICOM มาคอยตักตีหัวจีน และหัวอื่น ที่ช่วยจีนแถวอาฟริกา และตะวันออกกลาง จีนหาแหล่งพลังงาน โดยใช้ยุทธศาสตร์การร่วมลงทุนนำ หน้า ใครจะเป็นผู้ปกครองประเทศ ด้วยระบอบอะไร ชอบไม่ชอบอะไร จีนไม่ไปยุ่งในบ้านเขา จีนเพียงต้องการลงทุน หาพลังงานไปเลี้ยงประเทศของตัว ส่วนอเมริกา ก็ต้องการแหล่งพลังงาน แต่วิธีการต่างกับจีน อเมริกาหาพลังงาน ด้วยการสร้างสงครามกลางเมือง ด้วยการสร้างปฏิวัติ ด้วยการถล่มเมือง ด้วยการฆ่าผู้นำ พูดให้ชัด ก็กระทำการเป็นโจรปล้น และ ฆ่าเจ้าของทรัพย์น่ะ ใครที่บอกว่า จีน รัสเซีย ก็เลวไม่ต่างกับอเมริกา อาจจะเลวมากว่าด้วยซ้ำ ก็ไปศึกษาพิจารณา ดูเองบ้าง อย่าทำตัวเป็นพวกนกแก้ว หรือจิ้งหรีดถูกปั่นหัว วันนี้ จีนรอดจากห่วงรัดคอ ที่ช่องแคบมะละกาแล้ว อเมริกาจะทำอย่างไร อเมริกา น่าจะอาการหนัก ขาฉีก ด้านหนึ่ง คงขึ้นเหนือ สงครามทำลายท่อส่งจีนพม่าน่าจะ เกิดขึ้น ความวุ่นวายในพม่า คงเกิดขึ้นอีกรอบ ท่านทั้งหลายที่สงสัยว่า ทำไมเขาว่าจีนอยู่เต็มพม่า ก็คงจะเข้าใจ รัฐบาลพม่าน่าจะไม่เหยียบเรือที่แคม ไม่งั้นคุณนายซูไม่พริ้วไปจีนเมื่อเร็วๆนี้หรอก อีกด้าน อเมริกาก็จะปล่อยช่องแคบมะละกา ไม่ได้เหมือนกัน แต่คราวนี้ ด้วยเหตุผลต่างกัน ก่อนหน้านี้ เพื่อกักน้ำมันไม่ให้ไปจีน แต่ตอนนี้ต้องมาป้องกัน ไม่ให้น้ำมันที่จะไปญี่ปุ่นถูกกัก ซึ่งต้องใช้เส้นทางผ่านช่องแคบมะละกานี่เหมือนกัน เออ โลกมันก็หมุนกลับได้เหมือนกันนะ เพิ่งจะผ่านกฏหมายให้มาแบกถาดรับใช้อเมริกา แต่ดันไม่มีน้ำมัน ซามูไร ยากูซ่า คงด่ากันขรม จะให้ตีกรรเชียงแบกถาดมาหรือไงวะ อ๊าย สนุกจังเนะ แล้วนี่ถ้าเกิดมีสลัดมะละกอ อยู่แถวมะละกา จะทำยังไงคร้าบ ผู้ก่อการร้ายก็ดก โพกหัวเข้าหน่อยไม่รู้มาจากไหน มิน่า คุณป๊ะนาจิป ถึงได้ใบเหลือง… (นิทานเรื่องนี้ ขอจบก่อนนะครับ พรุ่งนี้ 8 โมงเช้าไม่ต้องรออ่าน จริงๆ มีเรื่อง น่าจะเขียนถึง อีก 3,4 ตอน แต่ผมหมดแรงแล้ว ผมขอส่งใบลาพัก ไปไขลานหน่อย เมื่อยไปทั้งตัว เดินจะไม่ไหว ไขลานแล้วเดินไหวจะกลับมาใหม่ และก็อยากให้ไอ้คนทำหน้าที่ป่วนเพจนิทาน มันได้หยุดพักมั่ง ทำงาน วันละ 25 ชั่วโมงเหมือนกัน มันใช้เอ็งยังกับทาส ยังทำให้มันอยู่อีกเรอะ?!) สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 ก.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 362 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผนชั่ว ตอนที่ 11

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว”
    ตอน 11
    ในช่วงหลายปีมานี้ จีนให้ความช่วยเหลือพม่า ด้านการทหารอย่างมหาศาล ให้ทั้งเครื่องบินรบ เครื่องบินขนส่ง รถถัง และอาวุธ รวมทั้งส่งเรือรบ และเครื่องป้องกันจรวดจากพื้นดินด้วย นอกจากนี้ จีนยังสร้างทางรถไฟ ถนนให้กับพม่า และพม่ายังมีข้อตกลงกับจีน ให้จีนสามารถนำกองกำลังเข้ามาในพม่าได้ด้วย เรื่องนี้ มันเหลือเชื่อ … นอกจากนี้ จีนยังสร้างเครื่องตรวจจับโดยใช้ระบบอีเล็กโทรนิค ไว้ที่เกาะโกโก้ของพม่า ในมหาสมุทรอินเดีย และพม่ายังยอมให้จีน สร้างฐานทัพเรือ ไว้แถวนั้นอีกด้วย
    เขาจับมือกันแน่นขนาดนี้ อเมริกาจะทนดูไหวหรือ
    น้ำมันและแก๊สของพม่า ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
    ทั้ง 2 เรื่องนี้ น่าจะเป็นสาเหตุ ที่ทำให้อเมริกาแยกเขี้ยวคำราม จนขนสันหลังตั้งชัน ใส่จีน
    พม่าเริ่มผลิตน้ำมันและแก๊สได้เอง ตั้งแต่ยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ แล้ว โดยอังกฤษตั้งบริษัท ชื่อ Rangoon Oil Company ในปี ค.ศ.1871 ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Burmah Oil Company ในปี ค.ศ.1970 พม่าผลิตแก๊สธรรมชาติได้ และในปี ค.ศ.1990 พม่าให้สัมปทานแก๊ส ในอ่าวเมาะตะมะ Martaban แก่ Elf Total ของฝรั่งเศส และ Premier Oil ของอังกฤษ ต่อมา Texaco และ Unocal (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Chevron) ก็ได้สัมปทาน จากแหล่ง ยาดานา Yadana และเยตากุน Yatagun ด้วย ใครว่าพม่าปิดประตูแน่น
    แหล่งยาดานา มีแก๊สประมาณ 5 ล้านล้านคิวบิกฟุต คาดกันว่ามีอายุใช้งานอย่างน้อย 30 ปี ส่วนเยตากุน มีประมาณ 1 ใน 3 ของ ยาดานา พม่าไม่น่าจนนะ
    ในปี ค.ศ.2004 ยังมีการค้นพบแหล่งแก๊สใหญ่ ฉ่วย Shwe นอกอ่าวอาระกัน Arakan
    ในปี ค.ศ.2002 Texaco และ Premier Oil ต่างถอนตัวจาก โครงการที่เยตากุน หลังจากมีการกดดันจากรัฐบาลอังกฤษ และพวก เอ็นจีโอ NGO หลังจากนั้น Petronas ของมาเลเซีย ก็เข้ามาซื้อหุ้นใน Premier ไป 27% และ Premier ก็กลับเข้าไปทำโครงการ ในเยตากุนต่อร่วมกับ Nippon’s Oil ของญี่ปุ่นกับ PTT-EP ของไทย แก๊สจากแหล่งนี้ ส่งออกไปตามท่อของยาดานา การร่วมทุนรายการนี้ น่าสนใจนะครับ มาเลเซีย อังกฤษ ญี่ปุ่น ไทย ในปี ค.ศ. 2002 ที่เรามีไอ้โจรร้ายเป็นนายกรัฐมนตรี (ไอ้โจรร้าย เป็นนายกรัฐมนตรี ค.ศ.2001 ถึง 2006)
    ส่วนที่ยาดานา มีการร่วมลงทุนระหว่าง Elf Total, Unocal, PTT-EP และ MOGE องค์กรของรัฐบาลพม่า โดยมี Total เป็นผู้ดำเนินการ
    ในช่วงปี ค.ศ.2005 จีน ไทย เกาหลีใต้ ต่างขยายการลงทุนในพม่า ด้านน้ำมันและแก๊สอย่างมาก การส่งออกแก็สของพม่า มายังไทยเพิ่มขึ้นถึง 50% แก๊ส กลายเป็นสินค้าส่งออกสำคัญที่นำรายได้มาเลี้ยงพม่า
    จีน อินเดีย พม่า และบังคลาเทศ มีข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในแหล่งทรัพยากรในทะเล ซึ่งรวมไปถึงสิทธืในแหล่งแก็ส ฉ่วย Shwe
    ในปี ค.ศ.2007 พม่าลงนามในบันทึกข้อตกลงกับ PetroChina ที่จะส่งแก๊สจากแหล่งฉ่วยในอ่าวเบงกอลให้แก่จีน ในปริมาณมหาศาล เป็นเวลา 30 ปี รายการนี้ อีนี่ อินเดียเสียหายมาก เดิมพม่าให้สัมปทานกับอินเดีย ที่จะขุดเจาะแก๊ส 2 หลุมในทะเล และอินเดียมีแผนที่จะส่งแก๊ส เข้าท่อส่งแก๊ส ที่จะวางผ่านบังคลาเทศ ไปเข้าอินเดีย แต่แขกคุยกันเองไม่รู้เรื่อง เกี่ยวกับเรื่องเขตแดนในทะเล คงส่ายหน้าไปกันคนละทาง เขาว่า กว่าจะตกลงกันได้ ก็ปาเข้าปี ค.ศ.2014 นี่เอง
    พม่าขี้เกียจรอแขกทะเลาะกัน เลยตัดสินใจคุยกับจีน ซึ่งเสนอเงินลงทุนหลายพันล้านเหรียญ เพื่อสร้างท่อส่งแก๊สและน้ำมัน จากท่าเรือน้ำลึกในสิตเว Sittwe ที่อ่าวเบงกอล ข้ามไปนู่น ถึงคุนหมิง แค้วนยูนนานของจีน เป็นท่อส่งที่มีความยาวถึง 2,400 กิโลเมตร (บางข้อมูล บอก 2,800 กิโลเมตร) และจีนกำลังสร้างโรงกลั่นน้ำมัน ที่คุนหมิงอีกด้วย คงพอเห็นยุทธศาสตร์ของอาเฮีย เพื่อแก้เกมรัดคอนะครับ (จีนเริ่มคุยกับพม่า ตั้งแต่ปี ค.ศ.2004 แต่มาทำสัญญากันปี ค.ศ.2008)
    ท่อส่งรายการนี้ จะช่วยให้น้ำมันจากอาฟริกา (ซูดานและชาด เป็นต้น) และตะวันออกกลาง (อิหร่าน ซาอุดิอารเบีย) ส่งมาถึงจีน โดยไม่ต้องผ่านจุดรัดคอ ที่ช่องแคบมะละกา ห่างมือห่างตีน ของอเมริกา ที่คิดจะมาคุมช่องแคบมะละกา และพม่าก็กลายเป็นสะพานเชื่อมจีน กับ บังคลาเทศ อีกด้วย
    ฝ่ายหนึ่ง เตรียมแผนคุมบริเวณห่วงรัดคอ อีกฝ่าย กำลังหนีห่วงรัดคอ ด้วยแผนสร้างท่อ สู้ด้วยท่อเหมือนเพื่อนรัก ถ้าจีนสร้างท่อส่งเสร็จเมื่อไหร่ แผนห่วงรัดคอ ก็คงเป็นหมันใช้กับจีนไม่ได้
    แล้วอย่างเงียบๆ ท่อส่งแก๊ส น้ำมัน พม่าจีน ก็สร้างเสร็จ ทำพิธีปล่อยลูกโป่งไปเมื่อ เดือนมกราคม ต้นปี ค.ศ.2015 นี้เอง กว่าจะเสร็จ เขาว่ามี เอ็นจีโอ ประท้วงเกือบทุกกิโลเมตร
    จีนบอกว่า เรามาขออาศัยใช้พื้นที่วางท่อ เราไม่ได้มายุให้ประชาชนตีกัน ทะเลาะกัน เราไม่คิดยุ่งกับการบ้านการเมืองของใคร ไม่บังคับข่มขืนจิตใจใคร ให้ปกครองบ้านเมืองอย่างไร ไม่ต้องมาใช้ตะเกียบเหมือนเรา ถนัดนุ่งโสร่งก็นุ่งต่อไป เราไม่ยุ่งอะไรด้วย อาเฮียหวังมาผูกมิตร เซ็งลี้ฮ้อด้วยกันอย่างเดียว และเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้มาเอา เปรียบ จีนตกลงจะจ่ายค่าชดเชย (ค่าใช้ที่ดินในการวางท่อ) ให้พม่าเป็นระยะเวลา 30 ปี รวมเป็นเงินประมาณ 5 หมื่น 3 พันล้านเหรียญ และสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล ใบบริเวณ ที่ท่อส่งผ่าน อีกประมาณ 25 ล้านเหรียญ แล้วทั้งเสียงของ เอ็นจีโอ และรัฐบาลพม่าก็เงียบไป
    แล้วอีกเสียงจะเงียบไหม คุณนายซู ยังไม่ได้คุมประเทศตามที่ต้องการ โปรโมเตอร์เสียงอ่อยไปจม เหลือให้เล่นไม่กี่ฉาก ตามสันดานนักล่า หมากพม่ากระดานนี้ ดูเหมือนนักล่าจะเสียให้แก่จีน เหมือนตอนเสียซูดานใต้ยกแรก แบบนี้ นักล่าคงเตรียมยุทธศาสตร์รุกกลับ รุนแรงตามสันดาน และอาจจะหนักกว่าสมัยซูดานใต้
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    24 ก.ย. 2558
    แผนชั่ว ตอนที่ 11 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว” ตอน 11 ในช่วงหลายปีมานี้ จีนให้ความช่วยเหลือพม่า ด้านการทหารอย่างมหาศาล ให้ทั้งเครื่องบินรบ เครื่องบินขนส่ง รถถัง และอาวุธ รวมทั้งส่งเรือรบ และเครื่องป้องกันจรวดจากพื้นดินด้วย นอกจากนี้ จีนยังสร้างทางรถไฟ ถนนให้กับพม่า และพม่ายังมีข้อตกลงกับจีน ให้จีนสามารถนำกองกำลังเข้ามาในพม่าได้ด้วย เรื่องนี้ มันเหลือเชื่อ … นอกจากนี้ จีนยังสร้างเครื่องตรวจจับโดยใช้ระบบอีเล็กโทรนิค ไว้ที่เกาะโกโก้ของพม่า ในมหาสมุทรอินเดีย และพม่ายังยอมให้จีน สร้างฐานทัพเรือ ไว้แถวนั้นอีกด้วย เขาจับมือกันแน่นขนาดนี้ อเมริกาจะทนดูไหวหรือ น้ำมันและแก๊สของพม่า ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ทั้ง 2 เรื่องนี้ น่าจะเป็นสาเหตุ ที่ทำให้อเมริกาแยกเขี้ยวคำราม จนขนสันหลังตั้งชัน ใส่จีน พม่าเริ่มผลิตน้ำมันและแก๊สได้เอง ตั้งแต่ยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ แล้ว โดยอังกฤษตั้งบริษัท ชื่อ Rangoon Oil Company ในปี ค.ศ.1871 ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Burmah Oil Company ในปี ค.ศ.1970 พม่าผลิตแก๊สธรรมชาติได้ และในปี ค.ศ.1990 พม่าให้สัมปทานแก๊ส ในอ่าวเมาะตะมะ Martaban แก่ Elf Total ของฝรั่งเศส และ Premier Oil ของอังกฤษ ต่อมา Texaco และ Unocal (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Chevron) ก็ได้สัมปทาน จากแหล่ง ยาดานา Yadana และเยตากุน Yatagun ด้วย ใครว่าพม่าปิดประตูแน่น แหล่งยาดานา มีแก๊สประมาณ 5 ล้านล้านคิวบิกฟุต คาดกันว่ามีอายุใช้งานอย่างน้อย 30 ปี ส่วนเยตากุน มีประมาณ 1 ใน 3 ของ ยาดานา พม่าไม่น่าจนนะ ในปี ค.ศ.2004 ยังมีการค้นพบแหล่งแก๊สใหญ่ ฉ่วย Shwe นอกอ่าวอาระกัน Arakan ในปี ค.ศ.2002 Texaco และ Premier Oil ต่างถอนตัวจาก โครงการที่เยตากุน หลังจากมีการกดดันจากรัฐบาลอังกฤษ และพวก เอ็นจีโอ NGO หลังจากนั้น Petronas ของมาเลเซีย ก็เข้ามาซื้อหุ้นใน Premier ไป 27% และ Premier ก็กลับเข้าไปทำโครงการ ในเยตากุนต่อร่วมกับ Nippon’s Oil ของญี่ปุ่นกับ PTT-EP ของไทย แก๊สจากแหล่งนี้ ส่งออกไปตามท่อของยาดานา การร่วมทุนรายการนี้ น่าสนใจนะครับ มาเลเซีย อังกฤษ ญี่ปุ่น ไทย ในปี ค.ศ. 2002 ที่เรามีไอ้โจรร้ายเป็นนายกรัฐมนตรี (ไอ้โจรร้าย เป็นนายกรัฐมนตรี ค.ศ.2001 ถึง 2006) ส่วนที่ยาดานา มีการร่วมลงทุนระหว่าง Elf Total, Unocal, PTT-EP และ MOGE องค์กรของรัฐบาลพม่า โดยมี Total เป็นผู้ดำเนินการ ในช่วงปี ค.ศ.2005 จีน ไทย เกาหลีใต้ ต่างขยายการลงทุนในพม่า ด้านน้ำมันและแก๊สอย่างมาก การส่งออกแก็สของพม่า มายังไทยเพิ่มขึ้นถึง 50% แก๊ส กลายเป็นสินค้าส่งออกสำคัญที่นำรายได้มาเลี้ยงพม่า จีน อินเดีย พม่า และบังคลาเทศ มีข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในแหล่งทรัพยากรในทะเล ซึ่งรวมไปถึงสิทธืในแหล่งแก็ส ฉ่วย Shwe ในปี ค.ศ.2007 พม่าลงนามในบันทึกข้อตกลงกับ PetroChina ที่จะส่งแก๊สจากแหล่งฉ่วยในอ่าวเบงกอลให้แก่จีน ในปริมาณมหาศาล เป็นเวลา 30 ปี รายการนี้ อีนี่ อินเดียเสียหายมาก เดิมพม่าให้สัมปทานกับอินเดีย ที่จะขุดเจาะแก๊ส 2 หลุมในทะเล และอินเดียมีแผนที่จะส่งแก๊ส เข้าท่อส่งแก๊ส ที่จะวางผ่านบังคลาเทศ ไปเข้าอินเดีย แต่แขกคุยกันเองไม่รู้เรื่อง เกี่ยวกับเรื่องเขตแดนในทะเล คงส่ายหน้าไปกันคนละทาง เขาว่า กว่าจะตกลงกันได้ ก็ปาเข้าปี ค.ศ.2014 นี่เอง พม่าขี้เกียจรอแขกทะเลาะกัน เลยตัดสินใจคุยกับจีน ซึ่งเสนอเงินลงทุนหลายพันล้านเหรียญ เพื่อสร้างท่อส่งแก๊สและน้ำมัน จากท่าเรือน้ำลึกในสิตเว Sittwe ที่อ่าวเบงกอล ข้ามไปนู่น ถึงคุนหมิง แค้วนยูนนานของจีน เป็นท่อส่งที่มีความยาวถึง 2,400 กิโลเมตร (บางข้อมูล บอก 2,800 กิโลเมตร) และจีนกำลังสร้างโรงกลั่นน้ำมัน ที่คุนหมิงอีกด้วย คงพอเห็นยุทธศาสตร์ของอาเฮีย เพื่อแก้เกมรัดคอนะครับ (จีนเริ่มคุยกับพม่า ตั้งแต่ปี ค.ศ.2004 แต่มาทำสัญญากันปี ค.ศ.2008) ท่อส่งรายการนี้ จะช่วยให้น้ำมันจากอาฟริกา (ซูดานและชาด เป็นต้น) และตะวันออกกลาง (อิหร่าน ซาอุดิอารเบีย) ส่งมาถึงจีน โดยไม่ต้องผ่านจุดรัดคอ ที่ช่องแคบมะละกา ห่างมือห่างตีน ของอเมริกา ที่คิดจะมาคุมช่องแคบมะละกา และพม่าก็กลายเป็นสะพานเชื่อมจีน กับ บังคลาเทศ อีกด้วย ฝ่ายหนึ่ง เตรียมแผนคุมบริเวณห่วงรัดคอ อีกฝ่าย กำลังหนีห่วงรัดคอ ด้วยแผนสร้างท่อ สู้ด้วยท่อเหมือนเพื่อนรัก ถ้าจีนสร้างท่อส่งเสร็จเมื่อไหร่ แผนห่วงรัดคอ ก็คงเป็นหมันใช้กับจีนไม่ได้ แล้วอย่างเงียบๆ ท่อส่งแก๊ส น้ำมัน พม่าจีน ก็สร้างเสร็จ ทำพิธีปล่อยลูกโป่งไปเมื่อ เดือนมกราคม ต้นปี ค.ศ.2015 นี้เอง กว่าจะเสร็จ เขาว่ามี เอ็นจีโอ ประท้วงเกือบทุกกิโลเมตร จีนบอกว่า เรามาขออาศัยใช้พื้นที่วางท่อ เราไม่ได้มายุให้ประชาชนตีกัน ทะเลาะกัน เราไม่คิดยุ่งกับการบ้านการเมืองของใคร ไม่บังคับข่มขืนจิตใจใคร ให้ปกครองบ้านเมืองอย่างไร ไม่ต้องมาใช้ตะเกียบเหมือนเรา ถนัดนุ่งโสร่งก็นุ่งต่อไป เราไม่ยุ่งอะไรด้วย อาเฮียหวังมาผูกมิตร เซ็งลี้ฮ้อด้วยกันอย่างเดียว และเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้มาเอา เปรียบ จีนตกลงจะจ่ายค่าชดเชย (ค่าใช้ที่ดินในการวางท่อ) ให้พม่าเป็นระยะเวลา 30 ปี รวมเป็นเงินประมาณ 5 หมื่น 3 พันล้านเหรียญ และสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล ใบบริเวณ ที่ท่อส่งผ่าน อีกประมาณ 25 ล้านเหรียญ แล้วทั้งเสียงของ เอ็นจีโอ และรัฐบาลพม่าก็เงียบไป แล้วอีกเสียงจะเงียบไหม คุณนายซู ยังไม่ได้คุมประเทศตามที่ต้องการ โปรโมเตอร์เสียงอ่อยไปจม เหลือให้เล่นไม่กี่ฉาก ตามสันดานนักล่า หมากพม่ากระดานนี้ ดูเหมือนนักล่าจะเสียให้แก่จีน เหมือนตอนเสียซูดานใต้ยกแรก แบบนี้ นักล่าคงเตรียมยุทธศาสตร์รุกกลับ รุนแรงตามสันดาน และอาจจะหนักกว่าสมัยซูดานใต้ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 24 ก.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 502 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts