• “ร้านเก่าแก่เดียวในกรุงเทพฯ ที่ได้ทั้งวิวของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยกับเพลงบรรเลงเย็น ๆ เพราะ ๆ ตัวร้านบรรยากาศคลาสสิกมาก การตกแต่งก็ดี ชุดพนักงานช่างเข้ากับถนนราชดำเนินจริง ๆ เหมือนย้อนวัยสมัยยุคคุณพ่อคุณแม่ ทุกเมนูรสชาติจัดจ้าน เหมาะกับทั้งลิ้นคนไทยและต่างชาติ เมนูที่แนะนำคือ กระทงทอง ยำส้มโอ และต้มยำปลาเก๋าโหระพา

    #อาหารไทยดั้งเดิม #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    “ร้านเก่าแก่เดียวในกรุงเทพฯ ที่ได้ทั้งวิวของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยกับเพลงบรรเลงเย็น ๆ เพราะ ๆ ตัวร้านบรรยากาศคลาสสิกมาก การตกแต่งก็ดี ชุดพนักงานช่างเข้ากับถนนราชดำเนินจริง ๆ เหมือนย้อนวัยสมัยยุคคุณพ่อคุณแม่ ทุกเมนูรสชาติจัดจ้าน เหมาะกับทั้งลิ้นคนไทยและต่างชาติ เมนูที่แนะนำคือ กระทงทอง ยำส้มโอ และต้มยำปลาเก๋าโหระพา #อาหารไทยดั้งเดิม #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 508 Views 0 Reviews
  • "หมาหลง..."

    ที่ไม่ได้หมายถึง "หลงทาง" หรือหายตัวไปจากที่อยู่อาศัยนะครับ แต่หมายถึง "หลงลืม" จำอะไรต่ออะไรไม่ได้แล้ว ลืมเรื่องราวต่างๆไป

    ผมชอบไปกินข้าวตามสั่งอยู่ร้านนึง ตรง 5 แยกลำกระโหลก ตรงถนนพระยาสุเรนทร์ บ่อยๆ จะเจอน้องหมาตัวนึงประจำๆ น้องชื่อ "เซเว่น"

    ที่ชื่อ "เซเว่น" เพราะป้าๆแม่ค้าแถวนั้นร่วมใจกันตั้งชื่อไว้ให้ เค้าบอกว่า น้องอยู่หน้า 7/11 สาขานี้ตั้งแต่เด็กๆ แม่น้องคงคาบมาจากป่าข้างหลัง เป็นลูกโทน พี่น้องก็ไม่มีเลย เพราะอาจจะถูกพี่งูแถวนั้นรับประทาน หรือจะด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบได้ ทำให้เว่นได้รับสัมปทาน เป็นหมาตัวเดียวใน 7/11 ตรงนั้น ไปโดยปริยาย

    แม่ค้าเเถวนี้เค้าเลยตั้งชื่อให้ตามชาติพันธุ์และเเหล่งกำเนิดของเว่น

    ผมเห็นเซเว่นตั้งแต่มาอยู่แถวนี้ใหม่ๆ ราวๆ 8-9 ปีก่อน เซเว่นจะเป็นที่รักของแม่ค้าและคนที่มานั่งกินอาหารแถวนี้มากๆ คือไม่เห่าไม่กัด เป็นมิตรกับทุกๆคน คืออยู่เป็นเลยทีเดียว ตอนเว่นเด็กคือน่ารักมากๆ อ้วนๆจ้ำม่ำ ปุ๊กลุ๊ก ชอบวิ่งขาพันกันหกล้มหกลุกอยู่ตรงนั้นทุกๆวัน

    กิจวัตรประจำวันของเซเว่น คือจะนอนขวางทางเข้าออกหน้า 7/11 หรือบางครั้งเค้าก็จะเข้ามานอนอยู่ข้างตู้ไอติม หรือใต้ชั้นหนังสือ ถ้าดึกๆจะได้เห็นเว่นนอนเย็นๆยาวๆ เพราะน้องๆพนักงาน 7/11 กะดึกก็คงรักและไม่อยากรบกวนเวลาหลับนอนอันแสนสบายของเว่น

    เกะกะบ้าง แต่ไม่เคยระรานหรือสร้างความเดือดร้อนให้ใคร พอหิวก็จะเดินมามอง ส่งสายตาและกระเเสจิต ตามโต๊ะอาหารที่ลูกค้ากำลังนั่งกิน ไม่ว่าเป็นร้าน ราดหน้า ข้าวมันไก่ บะหมี่เกี๊ยว ขออาหารด้วยสายวิงวอน ชนิดที่ว่า ต่อให้คุณจะเป็นองคุลีมาลกลับชาติมาเกิดคุณก็ต้องรีบถวายไก่ในจานข้าวมันไก่ให้มันซักชิ้นนึงทันที เหมือนเป็นหน้าที่ ที่ต้องทำ

    น้องจะเดินไถทุกโต๊ะด้วยความมั่นใจ และทำตัวเหมือนเป็นมิตรโดยไม่รู้สึกผิดและเคอะเขิน

    คือบอนทูบีเลย ว่างั้นเห่อะ...

    ล่าสุด ผมแวะไปกินข้าวร้านป้าวาส ผมไม่ได้มากินร้านป้าวาสบ่อยๆเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ร้านรวงที่เคยกินๆก็หายไปหลายร้าน เหลืออยู่แค่ 2-3 ร้านที่ยังขายอยู่ แต่ผมยังเห็นแกขายอยู่ เป็นร้านเก่าแก่ร้านเดียว ที่ผมคิดถึง ผมเลยสั่งอาหารจานเดิมๆที่ผมชอบสั่งตลอดมาทันทีจานนึง แล้วมานั่งรออาหารที่โต๊ะในร้าน

    ก็เหลือบไปเห็นเจ้าเซเว่นเดินออกมามองผมจากที่ไหนก็ไม่รู้ในหลืบๆแถวนั้น

    เซเว่นดูแก่ไปมาก ตอนแรกผมไม่คิดว่าจะเป็นเว่น จนป้าวาสบอกว่าไอ่นี่แหล่ะ ไอ้เว่น... ผมโคตรดีใจเหมือนเจอเพื่อนเก่า แต่ผมแอบเห็นเว่นเดินตุปั๊ดตุเป๋ เซไปเซมาเหมือนรถยังไม่ได้ตั้งศูนย์ มาด้อมๆมองๆ ป้าวาสแกก็เลยผัดข้าวไปเล่าไปให้ฟังว่า

    "มันหลงแล้วไอ่หนู... มันได้แต่เดินมามองๆไปงั้นแหล่ะ แต่มันจำใครไม่ได้แล้ว ใครเดินเข้าไปไกล้ๆก็ไม่ได้ด้วยนะ มันจะคอยแหง่มใส่เท้า แต่มันไม่มีฟันบน กัดใครก็ไม่เข้าแล้ว อย่าไปไกล้มันล่ะหนู.... "

    ส่วนตัวผมก็อยากรู้ว่า ป้าวาสแกรู้ได้ไงหว่า... ว่ามันหลง?
    มันแสดงอาการอะไรออกมา?
    ที่ทำให้แกฟันธงว่าว่ามันหลงลืมหรือเป็นอัลไซเมอร์ในหมา?

    พอถามแกไปแกก็แจงให้ทราบดังนี้

    1. พาไปหาหมอหมา พ่อค้าแม่ค้ารวมเงินกันพาไป จากแม่ค้าหมูปิ้ง ร้านเย็นตาโฟ น้ำปั่น ร้านราดหน้า เตี๋ยวน้ำตก แล้วก็ป้าวาส หมอเลยบอกว่าน้องเริ่มหลงเเล้วนะ

    2. น้องจำใครไม่ได้เลย จะแง่งใส่ทุกคน

    3. จำที่นอนกับข้าวของของตัวเองไม่ได้ เช่น เว่นจะมีผ้าเน่าอยู่ผืนนึงไว้ปูเป็นที่นอน น้องจะติดผ้าผืนนี้มาก และน้องจะชอบหาไม่เจอ ถึงจะปูไว้ที่เดิม ไม่เคยย้ายไปไหน แต่น้องจะวนเห่าตามหาตลอด พอเอามาให้แล้วจะเงียบทันที

    4. เวลาให้ของกิน น้องจะกินไปเรื่อยๆ กินซักพักแล้วก็หยุดแล้วกินใหม่ เดินเป็นวงกลม กินไปเดินไป กินไม่รู้อิ่ม กินอยู่อย่างนั้นแหล่ะ เหมือนไม่รู้ว่าตัวเองกินไปเท่าไหร่จำไม่ได้ ต้องคอยดูตลอดเวลา แต่ผมเห็นน้องไม่อ้วนเลย ป้าแกคิดว่าน่าจะมีพยาธิในท้องเยอะ

    จากคำบอกเล่าของป้าวาสอีกเรื่องนึงคือเมื่อวาน เว่นเดินก๊งๆ พยามไปนอนเกาะกลางถนนแล้วโดนมอเตอร์ไซด์ชนไปทีนึง ลุงหน่องร้านข้าวขาหมูเลยไปอุ้มเว่นกลับมา ทำให้วันนี้เลยเดินซะง๊อกซะแง้กอย่างที่เห็น

    ผมเองเกิดมา ก็ไม่เคยเห็นหมาเป็นโรคและอาการแบบนี้เลย ก็ได้เอาใจช่วยเซเว่นอยากให้น้องมีชีวิตอย่างปลอดภัยและมีความสุข แต่สิ่งนึงเลย ที่รู้สึกแปลกใจมากๆคือ เซเว่นเจอคนดีๆเยอะมากกกกก มีแต่คนน่ารักๆที่หยิบยื่นให้เว่นตลอด ป้าร้านหมูปิ้งตอนเช้าก็พาไปอาบน้ำ ป้าวาส ปูที่นอน หาข้าวให้กิน ลุงหน่องเอาขึ้นรถไปหาหมอ ฯลฯ

    เว่นถือว่าเป็นหมาที่ชีวิตมีความสุขมากๆตัวนึงเลย ในช่วงชีวิตนึงของเค้า กินอิ่มนอนหลับ มีที่อยู่ที่กิน และมีคนคอยพาไปหาหมอและช่วยกันดูแล ปัจจัย 4 คือพร้อมสรรพ เว่นโชคดีมากๆ ที่มาเกิดและโตในชุมชนเล็กๆที่เค้ารักสัตว์ทุกคนๆ ความโชคดีที่ ถ้าเป็นระดับเลเวลคือ เสมือนถูกสลากกินแบ่งรัดทะบานรางวัลที่ 1 เวอร์ชั่นหมาจรจัด

    ไอ้คำว่า "วาสนา" นี่ ผมว่ามันมีจริงๆนะ...
    "หมาหลง..." ที่ไม่ได้หมายถึง "หลงทาง" หรือหายตัวไปจากที่อยู่อาศัยนะครับ แต่หมายถึง "หลงลืม" จำอะไรต่ออะไรไม่ได้แล้ว ลืมเรื่องราวต่างๆไป ผมชอบไปกินข้าวตามสั่งอยู่ร้านนึง ตรง 5 แยกลำกระโหลก ตรงถนนพระยาสุเรนทร์ บ่อยๆ จะเจอน้องหมาตัวนึงประจำๆ น้องชื่อ "เซเว่น" ที่ชื่อ "เซเว่น" เพราะป้าๆแม่ค้าแถวนั้นร่วมใจกันตั้งชื่อไว้ให้ เค้าบอกว่า น้องอยู่หน้า 7/11 สาขานี้ตั้งแต่เด็กๆ แม่น้องคงคาบมาจากป่าข้างหลัง เป็นลูกโทน พี่น้องก็ไม่มีเลย เพราะอาจจะถูกพี่งูแถวนั้นรับประทาน หรือจะด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบได้ ทำให้เว่นได้รับสัมปทาน เป็นหมาตัวเดียวใน 7/11 ตรงนั้น ไปโดยปริยาย แม่ค้าเเถวนี้เค้าเลยตั้งชื่อให้ตามชาติพันธุ์และเเหล่งกำเนิดของเว่น ผมเห็นเซเว่นตั้งแต่มาอยู่แถวนี้ใหม่ๆ ราวๆ 8-9 ปีก่อน เซเว่นจะเป็นที่รักของแม่ค้าและคนที่มานั่งกินอาหารแถวนี้มากๆ คือไม่เห่าไม่กัด เป็นมิตรกับทุกๆคน คืออยู่เป็นเลยทีเดียว ตอนเว่นเด็กคือน่ารักมากๆ อ้วนๆจ้ำม่ำ ปุ๊กลุ๊ก ชอบวิ่งขาพันกันหกล้มหกลุกอยู่ตรงนั้นทุกๆวัน กิจวัตรประจำวันของเซเว่น คือจะนอนขวางทางเข้าออกหน้า 7/11 หรือบางครั้งเค้าก็จะเข้ามานอนอยู่ข้างตู้ไอติม หรือใต้ชั้นหนังสือ ถ้าดึกๆจะได้เห็นเว่นนอนเย็นๆยาวๆ เพราะน้องๆพนักงาน 7/11 กะดึกก็คงรักและไม่อยากรบกวนเวลาหลับนอนอันแสนสบายของเว่น เกะกะบ้าง แต่ไม่เคยระรานหรือสร้างความเดือดร้อนให้ใคร พอหิวก็จะเดินมามอง ส่งสายตาและกระเเสจิต ตามโต๊ะอาหารที่ลูกค้ากำลังนั่งกิน ไม่ว่าเป็นร้าน ราดหน้า ข้าวมันไก่ บะหมี่เกี๊ยว ขออาหารด้วยสายวิงวอน ชนิดที่ว่า ต่อให้คุณจะเป็นองคุลีมาลกลับชาติมาเกิดคุณก็ต้องรีบถวายไก่ในจานข้าวมันไก่ให้มันซักชิ้นนึงทันที เหมือนเป็นหน้าที่ ที่ต้องทำ น้องจะเดินไถทุกโต๊ะด้วยความมั่นใจ และทำตัวเหมือนเป็นมิตรโดยไม่รู้สึกผิดและเคอะเขิน คือบอนทูบีเลย ว่างั้นเห่อะ... ล่าสุด ผมแวะไปกินข้าวร้านป้าวาส ผมไม่ได้มากินร้านป้าวาสบ่อยๆเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ร้านรวงที่เคยกินๆก็หายไปหลายร้าน เหลืออยู่แค่ 2-3 ร้านที่ยังขายอยู่ แต่ผมยังเห็นแกขายอยู่ เป็นร้านเก่าแก่ร้านเดียว ที่ผมคิดถึง ผมเลยสั่งอาหารจานเดิมๆที่ผมชอบสั่งตลอดมาทันทีจานนึง แล้วมานั่งรออาหารที่โต๊ะในร้าน ก็เหลือบไปเห็นเจ้าเซเว่นเดินออกมามองผมจากที่ไหนก็ไม่รู้ในหลืบๆแถวนั้น เซเว่นดูแก่ไปมาก ตอนแรกผมไม่คิดว่าจะเป็นเว่น จนป้าวาสบอกว่าไอ่นี่แหล่ะ ไอ้เว่น... ผมโคตรดีใจเหมือนเจอเพื่อนเก่า แต่ผมแอบเห็นเว่นเดินตุปั๊ดตุเป๋ เซไปเซมาเหมือนรถยังไม่ได้ตั้งศูนย์ มาด้อมๆมองๆ ป้าวาสแกก็เลยผัดข้าวไปเล่าไปให้ฟังว่า "มันหลงแล้วไอ่หนู... มันได้แต่เดินมามองๆไปงั้นแหล่ะ แต่มันจำใครไม่ได้แล้ว ใครเดินเข้าไปไกล้ๆก็ไม่ได้ด้วยนะ มันจะคอยแหง่มใส่เท้า แต่มันไม่มีฟันบน กัดใครก็ไม่เข้าแล้ว อย่าไปไกล้มันล่ะหนู.... " ส่วนตัวผมก็อยากรู้ว่า ป้าวาสแกรู้ได้ไงหว่า... ว่ามันหลง? มันแสดงอาการอะไรออกมา? ที่ทำให้แกฟันธงว่าว่ามันหลงลืมหรือเป็นอัลไซเมอร์ในหมา? พอถามแกไปแกก็แจงให้ทราบดังนี้ 1. พาไปหาหมอหมา พ่อค้าแม่ค้ารวมเงินกันพาไป จากแม่ค้าหมูปิ้ง ร้านเย็นตาโฟ น้ำปั่น ร้านราดหน้า เตี๋ยวน้ำตก แล้วก็ป้าวาส หมอเลยบอกว่าน้องเริ่มหลงเเล้วนะ 2. น้องจำใครไม่ได้เลย จะแง่งใส่ทุกคน 3. จำที่นอนกับข้าวของของตัวเองไม่ได้ เช่น เว่นจะมีผ้าเน่าอยู่ผืนนึงไว้ปูเป็นที่นอน น้องจะติดผ้าผืนนี้มาก และน้องจะชอบหาไม่เจอ ถึงจะปูไว้ที่เดิม ไม่เคยย้ายไปไหน แต่น้องจะวนเห่าตามหาตลอด พอเอามาให้แล้วจะเงียบทันที 4. เวลาให้ของกิน น้องจะกินไปเรื่อยๆ กินซักพักแล้วก็หยุดแล้วกินใหม่ เดินเป็นวงกลม กินไปเดินไป กินไม่รู้อิ่ม กินอยู่อย่างนั้นแหล่ะ เหมือนไม่รู้ว่าตัวเองกินไปเท่าไหร่จำไม่ได้ ต้องคอยดูตลอดเวลา แต่ผมเห็นน้องไม่อ้วนเลย ป้าแกคิดว่าน่าจะมีพยาธิในท้องเยอะ จากคำบอกเล่าของป้าวาสอีกเรื่องนึงคือเมื่อวาน เว่นเดินก๊งๆ พยามไปนอนเกาะกลางถนนแล้วโดนมอเตอร์ไซด์ชนไปทีนึง ลุงหน่องร้านข้าวขาหมูเลยไปอุ้มเว่นกลับมา ทำให้วันนี้เลยเดินซะง๊อกซะแง้กอย่างที่เห็น ผมเองเกิดมา ก็ไม่เคยเห็นหมาเป็นโรคและอาการแบบนี้เลย ก็ได้เอาใจช่วยเซเว่นอยากให้น้องมีชีวิตอย่างปลอดภัยและมีความสุข แต่สิ่งนึงเลย ที่รู้สึกแปลกใจมากๆคือ เซเว่นเจอคนดีๆเยอะมากกกกก มีแต่คนน่ารักๆที่หยิบยื่นให้เว่นตลอด ป้าร้านหมูปิ้งตอนเช้าก็พาไปอาบน้ำ ป้าวาส ปูที่นอน หาข้าวให้กิน ลุงหน่องเอาขึ้นรถไปหาหมอ ฯลฯ เว่นถือว่าเป็นหมาที่ชีวิตมีความสุขมากๆตัวนึงเลย ในช่วงชีวิตนึงของเค้า กินอิ่มนอนหลับ มีที่อยู่ที่กิน และมีคนคอยพาไปหาหมอและช่วยกันดูแล ปัจจัย 4 คือพร้อมสรรพ เว่นโชคดีมากๆ ที่มาเกิดและโตในชุมชนเล็กๆที่เค้ารักสัตว์ทุกคนๆ ความโชคดีที่ ถ้าเป็นระดับเลเวลคือ เสมือนถูกสลากกินแบ่งรัดทะบานรางวัลที่ 1 เวอร์ชั่นหมาจรจัด ไอ้คำว่า "วาสนา" นี่ ผมว่ามันมีจริงๆนะ...
    Love
    1
    1 Comments 0 Shares 93 Views 0 Reviews
  • #ร้านอาหาร #hofbräuhaus #มิวนิค #เยอรมัน #ขาหมูเยอรมัน #ร้านดั้งเดิม #ร้านเก่าแก่
    #ร้านอาหาร #hofbräuhaus #มิวนิค #เยอรมัน #ขาหมูเยอรมัน #ร้านดั้งเดิม #ร้านเก่าแก่
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 111 Views 85 0 Reviews
  • สมัยที่ผมยังเด็ก...

    บ้านที่ผมอาศัยอยู่ กับร้านของเตี่ย อยู่ห่างจากกันไม่ไกลนัก ข้างๆร้านของเตี่ย (กรุงเทพอาภรณ์) นั้น เป็นร้านเก่าแก่ของเมืองนครพนม..

    " ร้าน ไทยสามัคคี"

    ครับ ร้านที่เป็นแลนด์มาร์คของเมืองนครพนม ตั้งอยู่หลัง หอนาฬิกา จังหวัดนครพนม ระหว่างถนนสุนทรวิจิตร กับถนนศรีเทพ
    ร้านไทยสามัคคี นั้น มีชื่อจีนกำกับบนป้ายร้าน ว่า "ฮั่วเพ้ง..."

    ร้านนี้ มีหน้าร้าน2ฟากถนนตามที่ได้เอ่ยไปข้างต้น
    ฟากหนึ่งฝั่ง ถนนศรีเทพ จะเป็นร้านอาหารตามสั่ง พูดถึงร้านอาหารตามสั่ง เราๆท่านๆในปัจจุบันอาจจะรู้สึกเฉยๆ แต่สมัยนั้น ร้านอาหารตามสั่งไม่ได้มีดาษดื่นเช่นทุกวันนี้ ผมยังจำได้เสมอว่า ข้าวผัดหมูจานแรกพร้อมพริกนำ้ปลาถ้วยเล็กๆนั้น มันอร่อยเพียงใด...

    แค่เตี่ยบอกว่า"ไปสั่งข้าวร้านข้างๆมากิน!" เท่านั้นแหละครับ เหมือนถูกหวยเลย!ผมจำได้เสมอ ถึงพ่อครัว2คน ที่ผลัดกัน ผัดอาหาร คนหนึ่งชื่อ ยงค์ หรือ ย้ง นี่แหละ!! คนนี้เสียชีวิตไปไม่นาน ...

    ส่วนอีกคนนั้น ผมเรียกตามเตี่ยผมว่า "เฮียอ่าง" ผมมักจะเลือกไปสั่งอาหารตอนเฮียอ่างอยู่หน้าเตา เพราะรู้สึกว่า เฮียอ่างผัดอร่อยกว่า
    ปัจจุบัน เฮียอ่าง ได้มาเปิดร้านขายสลากกินแบ่งรัฐบาล อยู่ถนนเฟื่องนคร ชื่อร้านคือ "โชควิทยา"

    ส่วนอีกฟากถนนสุนทรวิจิตรนั้น จะเป็นส่วนของร้านกาแฟ ร้านกาแฟนี้ ในสมัยเมื่อ 40 ปีที่แล้วนั้น มักจะมี ข้าราชการน้อยใหญ่มานั่งกินกาแฟ ไข่ลวก ทุกๆเช้า ภาพหนึ่งที่เห็นตอนเช้า ควันไฟจากเตาต้มนำ้ร้อนนั้น อ้อยอิ่งกระทบแสงแดดยามเช้า พร้อมกับกลิ่นกาแฟหอมๆที่ลอยมากับลมอ่อนๆ

    ผมมักจะขอตังอาม่าของผมไปซื้อ นมเย็น ที่ร้านประจำ คนชงนั้นถ้าจำไม่ผิด จะเป็นเจ้าของร้านตัวเล็กๆ หวีผมเสยพร้อมนำ้มันใส่ผม เรียบแปร้...

    คนรุ่นผมน่าจะคุ้นเคยกับการชงกาแฟ หรืออะไรก็ตามใส่กระป๋องนม แล้วเอาเชือกฟางร้อยรูบนฝากระป๋อง ซึ่งผมมักจะบอกคนชงว่า "ชงใส่กระป๋องให้ด้วย..."และผมยังคิดถึงหม้อต้มนำ้เพื่อชงกาแฟที่ทำด้วยทองแดง ไม่ก็ทองเหลืองทรงโบราณอยู่เสมอ...

    อีกภาพที่คุ้นตามากๆ สำหรับ "ร้านไทยสามัคคี" คือ หลังหอนาฬิกา จะมีที่นั่ง ทำด้วยหินขัดเป็นแนวยาวสีครีมเข้มๆ ที่นั่งนี้ จะเต็มไปด้วยคนถีบสามล้อ ที่ไปนั่งเฝ้านอนเฝ้า รอฟังผลหวยออก ซึ่งแน่นอน บริเวณนั้นก็จะเต็มไปด้วยรถสามล้อเช่นกัน...

    ระหว่างที่รอฟังหวย นั้น ถ้าหวยออกตัวไหน เจ้าของร้าน ก็จะเอากระดานสังกะสี ของเป๊บซี่ มาเขียนเลขที่ออกด้วยชอล์กสีขาว ออกตัวไหน ก็จะมีเสียงฮือฮา ของสมาคมสามล้อถีบในบริเวณนั้นเป็นระยะๆ จวบจน "หวยออกครบ" แปลว่า สมาคมย่อยๆนั้น ก็สลายไปพร้อมๆ กับเสียงบ่นพึมพำ ที่ค่อยๆจางลง.....
    จางลง.....
    สมัยที่ผมยังเด็ก... บ้านที่ผมอาศัยอยู่ กับร้านของเตี่ย อยู่ห่างจากกันไม่ไกลนัก ข้างๆร้านของเตี่ย (กรุงเทพอาภรณ์) นั้น เป็นร้านเก่าแก่ของเมืองนครพนม.. " ร้าน ไทยสามัคคี" ครับ ร้านที่เป็นแลนด์มาร์คของเมืองนครพนม ตั้งอยู่หลัง หอนาฬิกา จังหวัดนครพนม ระหว่างถนนสุนทรวิจิตร กับถนนศรีเทพ ร้านไทยสามัคคี นั้น มีชื่อจีนกำกับบนป้ายร้าน ว่า "ฮั่วเพ้ง..." ร้านนี้ มีหน้าร้าน2ฟากถนนตามที่ได้เอ่ยไปข้างต้น ฟากหนึ่งฝั่ง ถนนศรีเทพ จะเป็นร้านอาหารตามสั่ง พูดถึงร้านอาหารตามสั่ง เราๆท่านๆในปัจจุบันอาจจะรู้สึกเฉยๆ แต่สมัยนั้น ร้านอาหารตามสั่งไม่ได้มีดาษดื่นเช่นทุกวันนี้ ผมยังจำได้เสมอว่า ข้าวผัดหมูจานแรกพร้อมพริกนำ้ปลาถ้วยเล็กๆนั้น มันอร่อยเพียงใด... แค่เตี่ยบอกว่า"ไปสั่งข้าวร้านข้างๆมากิน!" เท่านั้นแหละครับ เหมือนถูกหวยเลย!ผมจำได้เสมอ ถึงพ่อครัว2คน ที่ผลัดกัน ผัดอาหาร คนหนึ่งชื่อ ยงค์ หรือ ย้ง นี่แหละ!! คนนี้เสียชีวิตไปไม่นาน ... ส่วนอีกคนนั้น ผมเรียกตามเตี่ยผมว่า "เฮียอ่าง" ผมมักจะเลือกไปสั่งอาหารตอนเฮียอ่างอยู่หน้าเตา เพราะรู้สึกว่า เฮียอ่างผัดอร่อยกว่า ปัจจุบัน เฮียอ่าง ได้มาเปิดร้านขายสลากกินแบ่งรัฐบาล อยู่ถนนเฟื่องนคร ชื่อร้านคือ "โชควิทยา" ส่วนอีกฟากถนนสุนทรวิจิตรนั้น จะเป็นส่วนของร้านกาแฟ ร้านกาแฟนี้ ในสมัยเมื่อ 40 ปีที่แล้วนั้น มักจะมี ข้าราชการน้อยใหญ่มานั่งกินกาแฟ ไข่ลวก ทุกๆเช้า ภาพหนึ่งที่เห็นตอนเช้า ควันไฟจากเตาต้มนำ้ร้อนนั้น อ้อยอิ่งกระทบแสงแดดยามเช้า พร้อมกับกลิ่นกาแฟหอมๆที่ลอยมากับลมอ่อนๆ ผมมักจะขอตังอาม่าของผมไปซื้อ นมเย็น ที่ร้านประจำ คนชงนั้นถ้าจำไม่ผิด จะเป็นเจ้าของร้านตัวเล็กๆ หวีผมเสยพร้อมนำ้มันใส่ผม เรียบแปร้... คนรุ่นผมน่าจะคุ้นเคยกับการชงกาแฟ หรืออะไรก็ตามใส่กระป๋องนม แล้วเอาเชือกฟางร้อยรูบนฝากระป๋อง ซึ่งผมมักจะบอกคนชงว่า "ชงใส่กระป๋องให้ด้วย..."และผมยังคิดถึงหม้อต้มนำ้เพื่อชงกาแฟที่ทำด้วยทองแดง ไม่ก็ทองเหลืองทรงโบราณอยู่เสมอ... อีกภาพที่คุ้นตามากๆ สำหรับ "ร้านไทยสามัคคี" คือ หลังหอนาฬิกา จะมีที่นั่ง ทำด้วยหินขัดเป็นแนวยาวสีครีมเข้มๆ ที่นั่งนี้ จะเต็มไปด้วยคนถีบสามล้อ ที่ไปนั่งเฝ้านอนเฝ้า รอฟังผลหวยออก ซึ่งแน่นอน บริเวณนั้นก็จะเต็มไปด้วยรถสามล้อเช่นกัน... ระหว่างที่รอฟังหวย นั้น ถ้าหวยออกตัวไหน เจ้าของร้าน ก็จะเอากระดานสังกะสี ของเป๊บซี่ มาเขียนเลขที่ออกด้วยชอล์กสีขาว ออกตัวไหน ก็จะมีเสียงฮือฮา ของสมาคมสามล้อถีบในบริเวณนั้นเป็นระยะๆ จวบจน "หวยออกครบ" แปลว่า สมาคมย่อยๆนั้น ก็สลายไปพร้อมๆ กับเสียงบ่นพึมพำ ที่ค่อยๆจางลง..... จางลง.....
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 303 Views 0 Reviews