• นักธุรกิจสาวอดีตลูกความ "ทนายตั้ม-ษิทรา" แจ้งความทนายดัง "ฉ้อโกง" ฮุบเงิน 71 ล้าน! เผยถูกหลอกให้ลงทุนซื้อแพลตฟอร์ม "หวยออนไลน์" เจ้าตัวร้อนตัวรีบชิงออกสื่ออ้างได้มาโดยเสน่หา
    .
    แหล่งข่าวเชื่อถือได้เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า เมื่อเร็วๆ นี้นางสาวจตุพร อุบลเลิศ นักธุรกิจสาวที่มีกิจการในต่างประเทศและในไทยในฐานะผู้เสียหายได้มอบอำนาจให้ทนายความเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจภูธรปากช่องจังหวัดนครราชสีมา โดยแจ้งข้อกล่าวหานายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ทนายความชื่อดังฉ้อโกง
    .
    ทั้งนี้ ทนายความผู้เสียหายได้ให้ปากคำถึงพฤติการณ์ของทนายตั้ม โดยเริ่มจากผู้เสียหายได้ว่าจ้าง บริษัทษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด ของทนายตั้มเป็นที่ปรึกษากฎหมาย ดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจโดยทำสัญญาตกลงว่าจ้างกันเดือนละ 300,000 บาท
    .
    หลังจากที่ว่าจ้างกันแล้วก็ไปมาหาสู่ดูแลกันฉันมิตรจนเกิดความไว้วางใจและเชื่อใจต่อตัวทนายตั้มและภรรยา ผู้เสียหายได้ดูแลการเดินทางไปต่างประเทศพร้อมกับท่องเที่ยวของทนายตั้มและครอบครัวหลายต่อหลายครั้ง
    .
    นายษิทรายังเคยพาผู้เสียหายไปเจอกับนักการเมืองระดับประเทศที่ฮ่องกง และ เคยบอกว่า สามารถเอาโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลมาลงทุนเพื่อแสวงหากำไรได้รวมถึงสัมปทานกับหน่วยงานราชการอื่นๆ โดยนายษิทรากล่าวอ้างว่ารู้จักกับผู้หลักผู้ใหญ่หรือนักการเมืองหลายคน
    .
    ต่อมาเมื่อปลายปี 2565 ต่อเนื่องต้นปี 2566 นายษิทรามาบอกกับผู้เสียหายว่าได้รับโควตาสลากกินแบ่งมาจากผู้ใหญ่ที่นับถือให้มาจำหน่ายทางออนไลน์ซึ่งทนายตั้ม อ้างว่า รับปากกับผู้ใหญ่ไว้แล้วสามารถทำได้ทั้งๆ ที่ยังไม่มีเงินลงทุนจึงมาปรึกษาผู้เสียหายว่าหากตัวเขาได้ทำธุรกิจนี้จะทำให้สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้
    .
    นักธุรกิจสาว เห็นว่า การขายสลากออนไลน์เป็นโอกาสจึงซักถามถึงวิธีการและขอทราบรายละเอียดอื่นๆ
    .
    ทนายษิทราได้อธิบายว่า หากจะทำจะต้องมี แอปพลิเคชั่น และ รายละเอียดอื่นๆ เช่น โปรแกรม และ ระบบ โดยตัวเองรู้จักผู้เชี่ยวชาญที่พัฒนาเว็บไซต์และระบบโปรแกรม
    .
    ผู้เสียหายหลังจากได้ปรึกษาครอบครัวเห็นว่าโครงการดังกล่าวน่าจะเป็นไปได้ ขณะเดียวกันก็ตรงกับความตั้งใจของผู้เสียหายที่จะลงทุนอะไรสักอย่างไว้เอาไว้ให้บุตรชายจึงตอบตกลงจะทำหวยออนไลน์และให้ทนายตั้มไปติดต่อว่าจ้างโปรแกรมเมอร์และให้ทำรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรมาซึ่งทนายตั้มตอบตกลง
    .
    ต่อมาก็ได้นำสัญญาใบเสนอราคามาให้ผู้เสียหายดู และผู้เสียหายได้ลงนามในสัญญาเรียบร้อย ทนายตั้มก็รับปากว่าจะดำเนินการตามสัญญา
    .
    ต่อมาวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้เสียหายโอนเงินชำระค่าจ้างเขียนแบบโปรแกรมให้กับคู่สัญญาแต่ในวันดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการโอนเงินได้เนื่องจากเป็นเวลาที่ธนาคารปิดทำการแล้วจึงนัดทนายตั้มให้มาดูแลจัดการโอนชำระเงิน แต่นายษิทราก็ไม่ได้บอกกล่าวรายละเอียดกับผู้เสียหายว่าต้องโอนชำระให้คู่สัญญาภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ จึงนัดมาดำเนินการโอนเงินในวันรุ่งขึ้นคือ 16 กุมภาพันธ์ 2566
    .
    ต่อมาในวันดังกล่าวเมื่อทนายตั้มเดินทางมาถึงธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัส ปากช่อง ได้บอกกับผู้เสียหายให้โอนเงินมาที่ตัวเองก่อนเขาจะนำเงินไปชำระให้คู่สัญญาด้วยตัวเอง พร้อมกับเจรจาตกลงกับคู่สัญญาถึงปัญหาดังกล่าวเอง
    .
    โดยทนายตั้มได้เปิดบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัสปากช่อง ในชื่อนายษิทธา เบี้ยบังเกิด ขึ้นมาเพื่อโอนเงินจากบัญชีของผู้เสียหายไปยังบัญชีของทนายตั้ม เป็นจำนวน 71 ล้านบาทเศษ
    .
    หลังจากที่จ่ายเงินค่าจ้างเขียนโปรแกรมไปแล้วผู้เสียหายก็ได้ติดตามความคืบหน้าการซื้อระบบโปรแกรมสลากออนไลน์จากทนายตั้มเรื่อยมา แต่ได้รับคำตอบว่ายังทำไม่แล้วเสร็จ จึงเป็นสาเหตุประการหนึ่งที่ทำให้ในเวลาต่อมาผู้เสียหายได้ยกเลิกสัญญาจ้างบริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม เป็นที่ปรึกษา โดยมีหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้างที่ปรึกษา ลงวันที่ 25 มกราคม 2567
    .
    จนกระทั่งวันที่ 1 กันยายน 2567 ซึ่งเป็นวันที่ครบกำหนดการส่งมอบงานตามสัญญา ฝ่ายผู้เสียหายยังไม่ได้รับการตอบรับหรือรับมอบระบบโปรแกรมตามสัญญา ดังนั้นในวันที่ 8 กันยายน 2567 ผู้เสียหายจึงมอบอำนาจให้ทนายติดตามทวงเงินจำนวน 71 ล้านบาทคืนจากทนายตั้ม
    .
    ทนายตั้มได้รับหนังสือดังกล่าวแต่เมื่อถึงกำหนดเวลาให้คืนเงินตามหนังสือทวงหนี้ทนายตั้มก็ไม่ได้คืนเงินให้กับผู้เสียหายและไม่ได้ติดต่อกลับมา จึงมอบอำนาจให้ทนายเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ต้องหาอย่างถึงที่สุด
    .
    ขณะเดียวกัน เจ้าของผู้พัฒนาระบบหวยออนไลน์ที่มีชื่อเรียกว่า "นาคี" ซึ่งเป็นลูกความว่าจ้างบริษัทษิทราฯ เป็นที่ปรึกษากฎหมาย และ เป็นคู่สัญญากับผู้เสียหายหรือนักธุรกิจสาว ให้การเป็นพยานยืนยันว่า บริษัทตนเองพัฒนาโปรแกรม "นาคี" เพื่อเสนอขายระบบให้ลูกค้าและบุคคลทั่วไป โดยตั้งราคาขายไว้ที่ 20 ล้านบาท ซึ่งราคานี้รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ เช่น เครื่องสแกนล็อตเตอรี่เข้าระบบตู้เซฟที่เก็บลอตเตอรี่รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ เมื่อซื้อไปแล้วสามารถใช้งานได้ทันที
    .
    แต่ช่วงที่พัฒนาแล้วเสร็จปรากฏว่า บรรดาแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ อาทิ มังกรฟ้า สลากพลัส ถูกทางการตรวจสอบ จึงทำให้ไม่กล้าทำการตลาดหรือเปิดตัวแนะนำ จึงนำเรื่องมาปรึกษาทนายตั๊ม ได้รับคำตอบว่า รอให้เรื่องเงียบค่อยทำการตลาดเพื่อเปิดตัวนาคี จากเหตุการณ์นี้ทำให้ทนายตั้มรู้ว่าบริษัทฯ มีระบบโปรแกรมนาคีอยู่ในครอบครอง
    .
    ต่อมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ทนายตั้มได้นัดให้บริษัทผู้พัฒนานาคีไปที่ร้านอาหารในห้างสยามพารากอนและทนายตั้มได้บอกว่าหานายทุนที่จะมาซื้อระบบโปรแกรมนาคีได้แล้วจึงให้ไปเตรียมสัญญาจ้างเขียนและพัฒนาโปรแกรมเอาไว้ 2 ชุดโดยทนายตั้มบอกว่า จะทำหน้าที่ติดต่อกับผู้ซื้อด้วยตนเองเพราะต้องลงชื่อและสั่งกำชับไม่ให้ติดต่อกับนายทุนผู้ซื้อโดยตรง
    .
    ต่อมาทนายตั้มบอกให้นำสัญญาที่ลงลายมือชื่อเอามามอบให้เขาโดยที่เขาจะส่งมอบสัญญาและให้อีกฝ่ายลงชื่อ แต่หลังจากที่มอบสัญญาให้ทนายตั้ม ทนายคนดังก็ไม่เคยส่งคู่ฉบับสัญญากลับคืนและไม่มีความคืบหน้าใดๆ ของโครงการเกิดขึ้น
    .
    จนเมื่อถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดการชำระเงินค่าจ้างเขียนโปรแกรมตามสัญญา บริษัทก็ไม่ได้รับการชำระเงินจากคู่สัญญาแต่อย่างใด จึงโทรหาทนายตั้มเพื่อแจ้งเรื่องดังกล่าว ซึ่งนายษิทราตอบกลับมาว่า ลูกค้ายกเลิกโครงการแล้วโดยที่ไม่บอกกล่าวให้เจ้าของแพลตฟอร์มนาคีให้ทราบมาก่อน
    .
    ดังนั้นวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 จึงพากันเดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรแก่งคอย บันทึกรายงานประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าบริษัทไม่ได้เป็นฝ่ายผิดเงื่อนไขตามสัญญา
    .
    ในตอนแรก บริษัทเจ้าของ "นาคี" ไม่ทราบว่านายทุนได้ชำระเงินแล้วต่อมาได้ทราบว่า นักธุรกิจสาวได้จ่ายเงินค่าจ้างตามสัญญาให้กับทนายตั๊ม 71 ล้านบาทแต่นายษิทราไม่ได้นำเงินมาจ่ายให้กับบริษัทผู้พัฒนาโปรแกรมดังกล่าว
    .
    เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนที่เรื่องราวนี้จะเปิดเผยขึ้น ในรายการโหนกระแสวันนี้(23 ตุลาคม) ซึ่งได้เชิญนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้มมาเป็นแขกรับเชิญ ช่วงหนึ่ง นายกรรชัย กำเนิดพลอย หรือ หนุ่ม ได้ถามนายษิทรา ถึงที่มาของความร่ำรวยที่หลายคนสงสัยว่า ร่ำรวยมาได้อย่างไร ทั้งๆ ที่รายได้จากค่าทนายไม่ได้มากเป็นทนายสายโจร หรือ ทนายสีเทาหรือไม่?!
    .
    นายษิทราได้ตอบว่า แต่ละปีบริษัทของตัวเองมีรายได้ประมาณ 20 ล้านบาท แต่ก็มีรายได้ที่ได้มาโดยเสน่หาจากลูกความที่เป็นมหาเศรษฐีซึ่งอยู่ต่างประเทศว่าจ้างเป็นที่ปรึกษา จากเดือนละ 300,000บาท ต่อมาภายหลังเปลี่ยนเป็นให้ทุน 2 ล้านยูโร หรือ ประมาณ 70 ล้านบาท
    .
    คำตอบดังกล่าวถึงกลับทำให้ “หนุ่ม-กรรชัย” แสดงท่าทางตกใจและถามย้ำว่า เป็นไปได้หรือจะมีคนให้เงินทนายตั้มจำนวนมากเช่นนั้นซึ่งทนายคนดังยืนยันว่าได้เงินมาจริง
    ..............
    Sondhi X
    นักธุรกิจสาวอดีตลูกความ "ทนายตั้ม-ษิทรา" แจ้งความทนายดัง "ฉ้อโกง" ฮุบเงิน 71 ล้าน! เผยถูกหลอกให้ลงทุนซื้อแพลตฟอร์ม "หวยออนไลน์" เจ้าตัวร้อนตัวรีบชิงออกสื่ออ้างได้มาโดยเสน่หา . แหล่งข่าวเชื่อถือได้เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า เมื่อเร็วๆ นี้นางสาวจตุพร อุบลเลิศ นักธุรกิจสาวที่มีกิจการในต่างประเทศและในไทยในฐานะผู้เสียหายได้มอบอำนาจให้ทนายความเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจภูธรปากช่องจังหวัดนครราชสีมา โดยแจ้งข้อกล่าวหานายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ทนายความชื่อดังฉ้อโกง . ทั้งนี้ ทนายความผู้เสียหายได้ให้ปากคำถึงพฤติการณ์ของทนายตั้ม โดยเริ่มจากผู้เสียหายได้ว่าจ้าง บริษัทษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด ของทนายตั้มเป็นที่ปรึกษากฎหมาย ดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจโดยทำสัญญาตกลงว่าจ้างกันเดือนละ 300,000 บาท . หลังจากที่ว่าจ้างกันแล้วก็ไปมาหาสู่ดูแลกันฉันมิตรจนเกิดความไว้วางใจและเชื่อใจต่อตัวทนายตั้มและภรรยา ผู้เสียหายได้ดูแลการเดินทางไปต่างประเทศพร้อมกับท่องเที่ยวของทนายตั้มและครอบครัวหลายต่อหลายครั้ง . นายษิทรายังเคยพาผู้เสียหายไปเจอกับนักการเมืองระดับประเทศที่ฮ่องกง และ เคยบอกว่า สามารถเอาโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลมาลงทุนเพื่อแสวงหากำไรได้รวมถึงสัมปทานกับหน่วยงานราชการอื่นๆ โดยนายษิทรากล่าวอ้างว่ารู้จักกับผู้หลักผู้ใหญ่หรือนักการเมืองหลายคน . ต่อมาเมื่อปลายปี 2565 ต่อเนื่องต้นปี 2566 นายษิทรามาบอกกับผู้เสียหายว่าได้รับโควตาสลากกินแบ่งมาจากผู้ใหญ่ที่นับถือให้มาจำหน่ายทางออนไลน์ซึ่งทนายตั้ม อ้างว่า รับปากกับผู้ใหญ่ไว้แล้วสามารถทำได้ทั้งๆ ที่ยังไม่มีเงินลงทุนจึงมาปรึกษาผู้เสียหายว่าหากตัวเขาได้ทำธุรกิจนี้จะทำให้สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้ . นักธุรกิจสาว เห็นว่า การขายสลากออนไลน์เป็นโอกาสจึงซักถามถึงวิธีการและขอทราบรายละเอียดอื่นๆ . ทนายษิทราได้อธิบายว่า หากจะทำจะต้องมี แอปพลิเคชั่น และ รายละเอียดอื่นๆ เช่น โปรแกรม และ ระบบ โดยตัวเองรู้จักผู้เชี่ยวชาญที่พัฒนาเว็บไซต์และระบบโปรแกรม . ผู้เสียหายหลังจากได้ปรึกษาครอบครัวเห็นว่าโครงการดังกล่าวน่าจะเป็นไปได้ ขณะเดียวกันก็ตรงกับความตั้งใจของผู้เสียหายที่จะลงทุนอะไรสักอย่างไว้เอาไว้ให้บุตรชายจึงตอบตกลงจะทำหวยออนไลน์และให้ทนายตั้มไปติดต่อว่าจ้างโปรแกรมเมอร์และให้ทำรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรมาซึ่งทนายตั้มตอบตกลง . ต่อมาก็ได้นำสัญญาใบเสนอราคามาให้ผู้เสียหายดู และผู้เสียหายได้ลงนามในสัญญาเรียบร้อย ทนายตั้มก็รับปากว่าจะดำเนินการตามสัญญา . ต่อมาวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้เสียหายโอนเงินชำระค่าจ้างเขียนแบบโปรแกรมให้กับคู่สัญญาแต่ในวันดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการโอนเงินได้เนื่องจากเป็นเวลาที่ธนาคารปิดทำการแล้วจึงนัดทนายตั้มให้มาดูแลจัดการโอนชำระเงิน แต่นายษิทราก็ไม่ได้บอกกล่าวรายละเอียดกับผู้เสียหายว่าต้องโอนชำระให้คู่สัญญาภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ จึงนัดมาดำเนินการโอนเงินในวันรุ่งขึ้นคือ 16 กุมภาพันธ์ 2566 . ต่อมาในวันดังกล่าวเมื่อทนายตั้มเดินทางมาถึงธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัส ปากช่อง ได้บอกกับผู้เสียหายให้โอนเงินมาที่ตัวเองก่อนเขาจะนำเงินไปชำระให้คู่สัญญาด้วยตัวเอง พร้อมกับเจรจาตกลงกับคู่สัญญาถึงปัญหาดังกล่าวเอง . โดยทนายตั้มได้เปิดบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัสปากช่อง ในชื่อนายษิทธา เบี้ยบังเกิด ขึ้นมาเพื่อโอนเงินจากบัญชีของผู้เสียหายไปยังบัญชีของทนายตั้ม เป็นจำนวน 71 ล้านบาทเศษ . หลังจากที่จ่ายเงินค่าจ้างเขียนโปรแกรมไปแล้วผู้เสียหายก็ได้ติดตามความคืบหน้าการซื้อระบบโปรแกรมสลากออนไลน์จากทนายตั้มเรื่อยมา แต่ได้รับคำตอบว่ายังทำไม่แล้วเสร็จ จึงเป็นสาเหตุประการหนึ่งที่ทำให้ในเวลาต่อมาผู้เสียหายได้ยกเลิกสัญญาจ้างบริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม เป็นที่ปรึกษา โดยมีหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้างที่ปรึกษา ลงวันที่ 25 มกราคม 2567 . จนกระทั่งวันที่ 1 กันยายน 2567 ซึ่งเป็นวันที่ครบกำหนดการส่งมอบงานตามสัญญา ฝ่ายผู้เสียหายยังไม่ได้รับการตอบรับหรือรับมอบระบบโปรแกรมตามสัญญา ดังนั้นในวันที่ 8 กันยายน 2567 ผู้เสียหายจึงมอบอำนาจให้ทนายติดตามทวงเงินจำนวน 71 ล้านบาทคืนจากทนายตั้ม . ทนายตั้มได้รับหนังสือดังกล่าวแต่เมื่อถึงกำหนดเวลาให้คืนเงินตามหนังสือทวงหนี้ทนายตั้มก็ไม่ได้คืนเงินให้กับผู้เสียหายและไม่ได้ติดต่อกลับมา จึงมอบอำนาจให้ทนายเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ต้องหาอย่างถึงที่สุด . ขณะเดียวกัน เจ้าของผู้พัฒนาระบบหวยออนไลน์ที่มีชื่อเรียกว่า "นาคี" ซึ่งเป็นลูกความว่าจ้างบริษัทษิทราฯ เป็นที่ปรึกษากฎหมาย และ เป็นคู่สัญญากับผู้เสียหายหรือนักธุรกิจสาว ให้การเป็นพยานยืนยันว่า บริษัทตนเองพัฒนาโปรแกรม "นาคี" เพื่อเสนอขายระบบให้ลูกค้าและบุคคลทั่วไป โดยตั้งราคาขายไว้ที่ 20 ล้านบาท ซึ่งราคานี้รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ เช่น เครื่องสแกนล็อตเตอรี่เข้าระบบตู้เซฟที่เก็บลอตเตอรี่รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ เมื่อซื้อไปแล้วสามารถใช้งานได้ทันที . แต่ช่วงที่พัฒนาแล้วเสร็จปรากฏว่า บรรดาแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ อาทิ มังกรฟ้า สลากพลัส ถูกทางการตรวจสอบ จึงทำให้ไม่กล้าทำการตลาดหรือเปิดตัวแนะนำ จึงนำเรื่องมาปรึกษาทนายตั๊ม ได้รับคำตอบว่า รอให้เรื่องเงียบค่อยทำการตลาดเพื่อเปิดตัวนาคี จากเหตุการณ์นี้ทำให้ทนายตั้มรู้ว่าบริษัทฯ มีระบบโปรแกรมนาคีอยู่ในครอบครอง . ต่อมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ทนายตั้มได้นัดให้บริษัทผู้พัฒนานาคีไปที่ร้านอาหารในห้างสยามพารากอนและทนายตั้มได้บอกว่าหานายทุนที่จะมาซื้อระบบโปรแกรมนาคีได้แล้วจึงให้ไปเตรียมสัญญาจ้างเขียนและพัฒนาโปรแกรมเอาไว้ 2 ชุดโดยทนายตั้มบอกว่า จะทำหน้าที่ติดต่อกับผู้ซื้อด้วยตนเองเพราะต้องลงชื่อและสั่งกำชับไม่ให้ติดต่อกับนายทุนผู้ซื้อโดยตรง . ต่อมาทนายตั้มบอกให้นำสัญญาที่ลงลายมือชื่อเอามามอบให้เขาโดยที่เขาจะส่งมอบสัญญาและให้อีกฝ่ายลงชื่อ แต่หลังจากที่มอบสัญญาให้ทนายตั้ม ทนายคนดังก็ไม่เคยส่งคู่ฉบับสัญญากลับคืนและไม่มีความคืบหน้าใดๆ ของโครงการเกิดขึ้น . จนเมื่อถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดการชำระเงินค่าจ้างเขียนโปรแกรมตามสัญญา บริษัทก็ไม่ได้รับการชำระเงินจากคู่สัญญาแต่อย่างใด จึงโทรหาทนายตั้มเพื่อแจ้งเรื่องดังกล่าว ซึ่งนายษิทราตอบกลับมาว่า ลูกค้ายกเลิกโครงการแล้วโดยที่ไม่บอกกล่าวให้เจ้าของแพลตฟอร์มนาคีให้ทราบมาก่อน . ดังนั้นวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 จึงพากันเดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรแก่งคอย บันทึกรายงานประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าบริษัทไม่ได้เป็นฝ่ายผิดเงื่อนไขตามสัญญา . ในตอนแรก บริษัทเจ้าของ "นาคี" ไม่ทราบว่านายทุนได้ชำระเงินแล้วต่อมาได้ทราบว่า นักธุรกิจสาวได้จ่ายเงินค่าจ้างตามสัญญาให้กับทนายตั๊ม 71 ล้านบาทแต่นายษิทราไม่ได้นำเงินมาจ่ายให้กับบริษัทผู้พัฒนาโปรแกรมดังกล่าว . เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนที่เรื่องราวนี้จะเปิดเผยขึ้น ในรายการโหนกระแสวันนี้(23 ตุลาคม) ซึ่งได้เชิญนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้มมาเป็นแขกรับเชิญ ช่วงหนึ่ง นายกรรชัย กำเนิดพลอย หรือ หนุ่ม ได้ถามนายษิทรา ถึงที่มาของความร่ำรวยที่หลายคนสงสัยว่า ร่ำรวยมาได้อย่างไร ทั้งๆ ที่รายได้จากค่าทนายไม่ได้มากเป็นทนายสายโจร หรือ ทนายสีเทาหรือไม่?! . นายษิทราได้ตอบว่า แต่ละปีบริษัทของตัวเองมีรายได้ประมาณ 20 ล้านบาท แต่ก็มีรายได้ที่ได้มาโดยเสน่หาจากลูกความที่เป็นมหาเศรษฐีซึ่งอยู่ต่างประเทศว่าจ้างเป็นที่ปรึกษา จากเดือนละ 300,000บาท ต่อมาภายหลังเปลี่ยนเป็นให้ทุน 2 ล้านยูโร หรือ ประมาณ 70 ล้านบาท . คำตอบดังกล่าวถึงกลับทำให้ “หนุ่ม-กรรชัย” แสดงท่าทางตกใจและถามย้ำว่า เป็นไปได้หรือจะมีคนให้เงินทนายตั้มจำนวนมากเช่นนั้นซึ่งทนายคนดังยืนยันว่าได้เงินมาจริง .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Angry
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1019 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใครไม่รู้จักร้านนี้ก็บ้าล้าวว! สมบูรณ์โภชนา เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารจีน ที่เราอยากจะแนะนำให้ทุกคนมาลิ้มลองกันในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้ เรียกได้ว่าเป็นเหมือนร้านอาหารจีนคู่บ้านคู่เมืองของไทย เมนูของร้านมีให้เลือกสั่งกันอย่างจุใจ สไตล์อาหารจีน เมนูเด็ดที่เราอยากแนะนำ คือ ปูผัดผงกะหรี่ ปูทะเลสดๆ เป็นๆ ที่ทางร้านจะเอามาให้เลือกได้เลยว่าเราอยากทานตัวไหนรสชาติจัดจ้าน เข้มข้น จนอย่างสั่งเพิ่ม!! ร้านนี้มีถึง 8 สาขา ใครสะดวกที่ไหนก็จัดไปเลยจ้าา

    พิกัด : goo.gl/maps/somboonseafood
    ที่อยู่ : ซอยจุฬาฯ 8 ถนนบรรทัดทอง แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ (มีหลายสาขา)
    เปิดบริการ : 11.00 - 22.00 น.
    โทร : 0-2216-4203, 06-3209-6969
    #ร้านอาหารในห้าง #ร้านอร่อยรีวิว #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    ใครไม่รู้จักร้านนี้ก็บ้าล้าวว! สมบูรณ์โภชนา เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารจีน ที่เราอยากจะแนะนำให้ทุกคนมาลิ้มลองกันในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้ เรียกได้ว่าเป็นเหมือนร้านอาหารจีนคู่บ้านคู่เมืองของไทย เมนูของร้านมีให้เลือกสั่งกันอย่างจุใจ สไตล์อาหารจีน เมนูเด็ดที่เราอยากแนะนำ คือ ปูผัดผงกะหรี่ ปูทะเลสดๆ เป็นๆ ที่ทางร้านจะเอามาให้เลือกได้เลยว่าเราอยากทานตัวไหนรสชาติจัดจ้าน เข้มข้น จนอย่างสั่งเพิ่ม!! ร้านนี้มีถึง 8 สาขา ใครสะดวกที่ไหนก็จัดไปเลยจ้าา พิกัด : goo.gl/maps/somboonseafood ที่อยู่ : ซอยจุฬาฯ 8 ถนนบรรทัดทอง แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ (มีหลายสาขา) เปิดบริการ : 11.00 - 22.00 น. โทร : 0-2216-4203, 06-3209-6969 #ร้านอาหารในห้าง #ร้านอร่อยรีวิว #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 332 มุมมอง 0 รีวิว
  • เริ่มต้นกันที่ร้านแรก กับร้าน ทวีชัยโภชนา ร้านอาหารจีนสุดคลาสสิคที่เสิร์ฟความอร่อยมายาวนานกว่า 40 ปี ซึ่งสาขาแรกที่คนรักอาหารจีนแทบทุกคนต้องรู้จักก็คือ สาขาสวนมะลินั่นเองค่ะ ส่วนเรื่องเมนูอาหารของที่นี่ก็มีให้เลือกสั่งมากมาย ทั้งอาหารไทย-จีน และซีฟู้ดสดๆ ราคาก็สมเหตุสมผลกับคุณภาพและรสชาติ

    พิกัด : https://goo.gl/maps/ThaveechaiPochana
    ที่อยู่ : ซอยเฉลิมเขตร์ 1 แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ (มีหลายสาขา)
    ร้านเปิดบริการ : 11.00 - 20.00 น.
    โทร : 0-2224-7575

    #ร้านอาหารในห้าง #ร้านอร่อยรีวิว #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    เริ่มต้นกันที่ร้านแรก กับร้าน ทวีชัยโภชนา ร้านอาหารจีนสุดคลาสสิคที่เสิร์ฟความอร่อยมายาวนานกว่า 40 ปี ซึ่งสาขาแรกที่คนรักอาหารจีนแทบทุกคนต้องรู้จักก็คือ สาขาสวนมะลินั่นเองค่ะ ส่วนเรื่องเมนูอาหารของที่นี่ก็มีให้เลือกสั่งมากมาย ทั้งอาหารไทย-จีน และซีฟู้ดสดๆ ราคาก็สมเหตุสมผลกับคุณภาพและรสชาติ พิกัด : https://goo.gl/maps/ThaveechaiPochana ที่อยู่ : ซอยเฉลิมเขตร์ 1 แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ (มีหลายสาขา) ร้านเปิดบริการ : 11.00 - 20.00 น. โทร : 0-2224-7575 #ร้านอาหารในห้าง #ร้านอร่อยรีวิว #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    Like
    Yay
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 372 มุมมอง 0 รีวิว
  • Hikiniku To Come (ฮิคินิคุ โตะ โคเมะ) ร้านแฮมเบิร์กที่มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษจากประเทศญี่ปุ่น เตรียมเปิดสาขาแรกในประเทศไทย ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ (ชั้น 7 โซน Atrium) เดือนตุลาคม 2567 ภายใต้คอนเซปต์ “บดใหม่ ย่างใหม่ หุงใหม่ ทุกคำ!”

    เนื้อญี่ปุ่นคุณภาพดี บดใหม่ๆ ปั้นสดๆ ย่างบนเตาถ่านจนหอมกรุ่น เสิร์ฟพร้อมข้าวญี่ปุ่นหุงใหม่ด้วยหม้อฮากามะ คือรสชาติที่ “ฮิคินิคุ โตะ โคเมะ” ตั้งใจทำ เพื่อที่สุดของประสบการณ์ความอร่อยไม่เหมือนใคร ทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติพากันหลั่งไหลมาลิ้มลองความอร่อยของแฮมเบิร์กอย่างไม่ขาดสาย การันตีด้วยยอดจองคิวยาวล่วงหน้าเต็มทุกวัน แม้มีแค่เมนูเดียว!

    #ร้านอาหารในห้าง #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    Hikiniku To Come (ฮิคินิคุ โตะ โคเมะ) ร้านแฮมเบิร์กที่มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษจากประเทศญี่ปุ่น เตรียมเปิดสาขาแรกในประเทศไทย ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ (ชั้น 7 โซน Atrium) เดือนตุลาคม 2567 ภายใต้คอนเซปต์ “บดใหม่ ย่างใหม่ หุงใหม่ ทุกคำ!” เนื้อญี่ปุ่นคุณภาพดี บดใหม่ๆ ปั้นสดๆ ย่างบนเตาถ่านจนหอมกรุ่น เสิร์ฟพร้อมข้าวญี่ปุ่นหุงใหม่ด้วยหม้อฮากามะ คือรสชาติที่ “ฮิคินิคุ โตะ โคเมะ” ตั้งใจทำ เพื่อที่สุดของประสบการณ์ความอร่อยไม่เหมือนใคร ทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติพากันหลั่งไหลมาลิ้มลองความอร่อยของแฮมเบิร์กอย่างไม่ขาดสาย การันตีด้วยยอดจองคิวยาวล่วงหน้าเต็มทุกวัน แม้มีแค่เมนูเดียว! #ร้านอาหารในห้าง #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 335 มุมมอง 0 รีวิว
  • ริเวอร์ไซด์ กริลล์ ฟิช แอนด์ หม่าล่า (Riverside Grilled Fish & Mala) ร้านอาหารจีน เซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมเสิร์ฟเมนูซิกเนเจอร์ ปลาย่างกระทะร้อนสไตล์ฉงชิ่ง มีจุดเด่นอยู่ที่ซอสสูตรลับเฉพาะของร้านที่ทุกคนต้องลอง รวมถึงเมนูเด็ด หม่าล่าผัด ที่ลูกค้าสามารถเลือกวัตถุดิบได้ตามสไตล์ที่อยากทาน ตลอดจนเมนูอาหารจีนรสชาติตำรับแท้สไตล์ฉงชิ่ง-เสฉวนอีกมากมาย ให้สายอาหารจีนได้มาลิ้มลองซ้ำๆ ได้แบบไม่มีเบื่อ

    พิกัด : https://maps.app.goo.gl/FJouypVMvvpLFToo7
    ที่อยู่ : ชั้น 6 centralwOrld โซน beacOn
    ร้านเปิดบริการ : 10.00 - 21.00 น.

    #ร้านอาหารในห้าง #ร้านอร่อยรีวิว #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    ริเวอร์ไซด์ กริลล์ ฟิช แอนด์ หม่าล่า (Riverside Grilled Fish & Mala) ร้านอาหารจีน เซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมเสิร์ฟเมนูซิกเนเจอร์ ปลาย่างกระทะร้อนสไตล์ฉงชิ่ง มีจุดเด่นอยู่ที่ซอสสูตรลับเฉพาะของร้านที่ทุกคนต้องลอง รวมถึงเมนูเด็ด หม่าล่าผัด ที่ลูกค้าสามารถเลือกวัตถุดิบได้ตามสไตล์ที่อยากทาน ตลอดจนเมนูอาหารจีนรสชาติตำรับแท้สไตล์ฉงชิ่ง-เสฉวนอีกมากมาย ให้สายอาหารจีนได้มาลิ้มลองซ้ำๆ ได้แบบไม่มีเบื่อ พิกัด : https://maps.app.goo.gl/FJouypVMvvpLFToo7 ที่อยู่ : ชั้น 6 centralwOrld โซน beacOn ร้านเปิดบริการ : 10.00 - 21.00 น. #ร้านอาหารในห้าง #ร้านอร่อยรีวิว #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 858 มุมมอง 0 รีวิว
  • TAI ER (ไท่เออร์) เป็นร้านอาหารจีนสไตล์เสฉวน ร้านดังจากเมืองจีนที่มีเมนูสุดฮิตอย่าง ต้มปลาผักกาดดอง หม่าล่าเสฉวน เมนูเด็ดที่ใครได้ทานก็ต้องติดใจ บอกเลยว่ารสชาติอร่อยจัดจ้านถึงใจ และที่ร้านยังมีเมนูอาหารอื่นๆ ให้เลือกอีกเยอะ รับรองว่าถูกใจครอบครัวสายหม่าล่าแน่นอน

    พิกัด : https://maps.app.goo.gl/mgjvUfgMXsKP8ZoK8
    ที่อยู่ : ชั้น 7 เซ็นทรัลเวิลด์ โซน Atrium
    ร้านเปิดบริการ : 10.30 - 22.00 น.

    #ร้านอาหารในห้าง #ร้านอร่อยรีวิว #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    TAI ER (ไท่เออร์) เป็นร้านอาหารจีนสไตล์เสฉวน ร้านดังจากเมืองจีนที่มีเมนูสุดฮิตอย่าง ต้มปลาผักกาดดอง หม่าล่าเสฉวน เมนูเด็ดที่ใครได้ทานก็ต้องติดใจ บอกเลยว่ารสชาติอร่อยจัดจ้านถึงใจ และที่ร้านยังมีเมนูอาหารอื่นๆ ให้เลือกอีกเยอะ รับรองว่าถูกใจครอบครัวสายหม่าล่าแน่นอน พิกัด : https://maps.app.goo.gl/mgjvUfgMXsKP8ZoK8 ที่อยู่ : ชั้น 7 เซ็นทรัลเวิลด์ โซน Atrium ร้านเปิดบริการ : 10.30 - 22.00 น. #ร้านอาหารในห้าง #ร้านอร่อยรีวิว #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 827 มุมมอง 0 รีวิว