• รัฐบาลเม็กซิโกประกาศยื่นฟ้องดำเนินคดีกับกูเกิล (Google) กรณีเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็น "อ่าวอเมริกา" (Gulf of America) สำหรับผู้ใช้ Google Maps ในสหรัฐฯ

    ประธานาธิบดี คลอเดีย เชนบาม แห่งเม็กซิโก ระบุในงานแถลงข่าวเช้าวานนี้ (9 พ.ค.) ว่า "เราได้มีการยื่นฟ้องแล้ว" แต่ไม่ระบุว่าฟ้องที่ไหนและเมื่อไหร่

    เมื่อวันพฤหัสบดี (8 พ.ค.) สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ ได้โหวตสนับสนุนการเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา ทำให้คำสั่งบริหารของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ออกตั้งแต่สัปดาห์แรกหลังเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือน ม.ค. กลายเป็นกฎหมายส่วนกลางที่มีผลบังคับใช้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/around/detail/9680000043767

    #MGROnline #รัฐบาลเม็กซิโก
    รัฐบาลเม็กซิโกประกาศยื่นฟ้องดำเนินคดีกับกูเกิล (Google) กรณีเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็น "อ่าวอเมริกา" (Gulf of America) สำหรับผู้ใช้ Google Maps ในสหรัฐฯ • ประธานาธิบดี คลอเดีย เชนบาม แห่งเม็กซิโก ระบุในงานแถลงข่าวเช้าวานนี้ (9 พ.ค.) ว่า "เราได้มีการยื่นฟ้องแล้ว" แต่ไม่ระบุว่าฟ้องที่ไหนและเมื่อไหร่ • เมื่อวันพฤหัสบดี (8 พ.ค.) สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ ได้โหวตสนับสนุนการเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา ทำให้คำสั่งบริหารของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ออกตั้งแต่สัปดาห์แรกหลังเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือน ม.ค. กลายเป็นกฎหมายส่วนกลางที่มีผลบังคับใช้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/around/detail/9680000043767 • #MGROnline #รัฐบาลเม็กซิโก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • เม็กซิโกซิตี 10 พ.ค.- ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบาม ของเม็กซิโกเปิดเผยว่า เม็กซิโกกำลังฟ้องร้องกูเกิล เนื่องจากเพิกเฉยต่อคำขอหลายครั้งของเม็กซิโกที่ไม่ให้เปลี่ยนชื่อ “อ่าวเม็กซิโก” เป็น “อ่าวอเมริกา” ในกูเกิลแมปของผู้ใช้งานในสหรัฐประธานาธิบดีเม็กซิโกไม่ได้เปิดเผยว่า เม็กซิโกยื่นฟ้องที่ใด แต่กล่าวว่ารัฐบาลเม็กซิโกต้องการให้คำสั่งของรัฐบาลสหรัฐเป็นไปตามที่เม็กซิโกยืนยันว่า สหรัฐไม่มีอำนาจที่จะเปลี่ยนชื่ออ่าวทั้งหมด ผู้นำเม็กซิโกมีหนังสือถึงกูเกิลเมื่อเดือนมกราคม ขอให้ทบทวนการเปลี่ยนชื่ออ่าวสำหรับผู้ใช้งานในสหรัฐ จากนั้นได้ขู่ในเดือนกุมภาพันธ์ว่า จะดำเนินการทางกฎหมายกับกูเกิล ขณะที่กูเกิลอ้างในเวลานั้นว่า ทำตามธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติมานานว่าจะเปลี่ยนชื่อตามที่ทางการมีการปรับปรุงแก้ไข โดยได้เปลี่ยนเฉพาะผู้ใช้งานในสหรัฐเท่านั้น ส่วนผู้ใช้งานในเม็กซิโกจะเป็นชื่ออ่าวเม็กซิโกดังเดิม ขณะที่ผู้ใช้งานอื่น ๆ ทั่วโลกจะเป็นชื่ออ่าวเม็กซิโกวงเล็บอ่าวอเมริกา Gulf of Mexico (Gulf of America)สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐที่มีพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากมีมติเมื่อวันพฤหัสบดี ให้หน่วยงานรัฐบาลกลางของสหรัฐเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา ตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งวันแรกเมื่อวันที่ 20 มกราคมให้เปลี่ยนชื่ออ่าวดังกล่าว นายทรัมป์อ้างว่า สหรัฐมีกิจกรรมในอ่าวนี้มากที่สุด จึงสมควรแล้วที่จะเป็นของสหรัฐสำนักข่าวเอพีของสหรัฐยืนกรานไม่เปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกในการรายงานข่าว เป็นเหตุให้ถูกทำเนียบขาวจำกัดการเข้าไปรายงานข่าว จนกระทั่งผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางมีคำสั่งในเดือนเมษายนให้ทำเนียบขาวยุติการกระทำดังกล่าว เอพีรายงานว่า นายทรัมป์มีแผนจะประกาศระหว่างเยือนซาอุดีอาระเบียในกลางเดือนนี้ว่า สหรัฐจะเรียก “อ่าวเปอร์เซีย” ว่า “อ่าวอาหรับ” ด้านนายอับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านกล่าวว่า หวังว่าข่าวลือไร้สาระนี้จะเป็นเพียงข้อมูลบิดเบือนเท่านั้น เพราะการกระทำดังกล่าวจะปลุกความโกรธแค้นของชาวอิหร่านทั้งปวงที่มา : สำนักข่าวไทย
    เม็กซิโกซิตี 10 พ.ค.- ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบาม ของเม็กซิโกเปิดเผยว่า เม็กซิโกกำลังฟ้องร้องกูเกิล เนื่องจากเพิกเฉยต่อคำขอหลายครั้งของเม็กซิโกที่ไม่ให้เปลี่ยนชื่อ “อ่าวเม็กซิโก” เป็น “อ่าวอเมริกา” ในกูเกิลแมปของผู้ใช้งานในสหรัฐประธานาธิบดีเม็กซิโกไม่ได้เปิดเผยว่า เม็กซิโกยื่นฟ้องที่ใด แต่กล่าวว่ารัฐบาลเม็กซิโกต้องการให้คำสั่งของรัฐบาลสหรัฐเป็นไปตามที่เม็กซิโกยืนยันว่า สหรัฐไม่มีอำนาจที่จะเปลี่ยนชื่ออ่าวทั้งหมด ผู้นำเม็กซิโกมีหนังสือถึงกูเกิลเมื่อเดือนมกราคม ขอให้ทบทวนการเปลี่ยนชื่ออ่าวสำหรับผู้ใช้งานในสหรัฐ จากนั้นได้ขู่ในเดือนกุมภาพันธ์ว่า จะดำเนินการทางกฎหมายกับกูเกิล ขณะที่กูเกิลอ้างในเวลานั้นว่า ทำตามธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติมานานว่าจะเปลี่ยนชื่อตามที่ทางการมีการปรับปรุงแก้ไข โดยได้เปลี่ยนเฉพาะผู้ใช้งานในสหรัฐเท่านั้น ส่วนผู้ใช้งานในเม็กซิโกจะเป็นชื่ออ่าวเม็กซิโกดังเดิม ขณะที่ผู้ใช้งานอื่น ๆ ทั่วโลกจะเป็นชื่ออ่าวเม็กซิโกวงเล็บอ่าวอเมริกา Gulf of Mexico (Gulf of America)สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐที่มีพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากมีมติเมื่อวันพฤหัสบดี ให้หน่วยงานรัฐบาลกลางของสหรัฐเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา ตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งวันแรกเมื่อวันที่ 20 มกราคมให้เปลี่ยนชื่ออ่าวดังกล่าว นายทรัมป์อ้างว่า สหรัฐมีกิจกรรมในอ่าวนี้มากที่สุด จึงสมควรแล้วที่จะเป็นของสหรัฐสำนักข่าวเอพีของสหรัฐยืนกรานไม่เปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกในการรายงานข่าว เป็นเหตุให้ถูกทำเนียบขาวจำกัดการเข้าไปรายงานข่าว จนกระทั่งผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางมีคำสั่งในเดือนเมษายนให้ทำเนียบขาวยุติการกระทำดังกล่าว เอพีรายงานว่า นายทรัมป์มีแผนจะประกาศระหว่างเยือนซาอุดีอาระเบียในกลางเดือนนี้ว่า สหรัฐจะเรียก “อ่าวเปอร์เซีย” ว่า “อ่าวอาหรับ” ด้านนายอับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านกล่าวว่า หวังว่าข่าวลือไร้สาระนี้จะเป็นเพียงข้อมูลบิดเบือนเท่านั้น เพราะการกระทำดังกล่าวจะปลุกความโกรธแค้นของชาวอิหร่านทั้งปวงที่มา : สำนักข่าวไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ลงนามคำสั่งรีดภาษีศุลากรสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก แคนาดา และจีนเมื่อวันเสาร์ (1 ก.พ.) และถูกทั้งสามชาติประกาศตอบโต้ทันควัน ขณะที่พวกนักวิเคราะห์แสดงความกังวล มาตรการครั้งนี้มีแนวโน้มทำให้อัตราเงินเฟ้อของอเมริกายิ่งเลวร้ายลง ทำลายความไว้ใจของประชาชนจำนวนมากที่โหวตให้ทรัมป์จากการหาเสียงจะทำให้ราคาสินค้าถูกลง รวมทั้งยังมีความเสี่ยงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกอีกด้วย
    .
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์บนโซเชียลมีเดียของตนในวันเสาร์ (1) ว่า มาตรการขึ้นภาษีศุลกากรเช่นนี้มีความจำเป็นเพื่อปกป้องคนอเมริกัน และกดดันให้แคนาดา เม็กซิโก ตลอดจนจีน ต้องใช้ความพยายามมากขึ้นในการควบคุมการผลิตและการส่งออกสารเสพติด “เฟนทานิล” ผิดกฎหมาย ซึ่งมีปลายทางอยู่ที่สหรัฐฯ รวมทั้งเป็นการเพิ่มแรงบีบให้แคนาดาและเม็กซิโกลดจำนวนผู้อาศัยดินแดนของพวกเขาลักลอบเดินทางเข้าสู่อเมริกา
    .
    ในคำสั่งฝ่ายบริหารที่เขาลงนามครั้งนี้ ซึ่งทรัมป์อ้างอำนาจตามรัฐบัญญัติให้อำนาจทางเศรษฐกิจแก่ประธานาธิบดีในกรณีฉุกเฉินระหว่างประเทศ กำหนดให้จัดเก็บภาษีศุลกากรจากสินค้านำเข้าทั้งหมดจากจีนสูงขึ้นอีก 10% ขณะที่สินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาจะถูกเก็บเพิ่มในอัตรา 25% ยกเว้นเฉพาะพวกสินค้าพลังงานที่นำเข้าจากแคนาดา ซึ่งรวมถึงน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และไฟฟ้า ให้ขึ้นภาษี 10%
    .
    อย่างไรก็ตาม มีเสียงแสดงความกังวลขึ้นในสหรัฐฯ ว่า หากบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรเป็นเวลานาน อาจทำให้สถานการณ์เงินเฟ้อของอเมริกาเลวร้ายลง ซึ่งคุกคามความไว้วางใจของผู้มีสิทธิออกเสียงจำนวนมากที่ลงคะแนนเลือกทรัมป์เพื่อให้จัดการทำให้ราคาของชำ น้ำมันเบนซิน บ้าน รถ และสินค้าอื่นๆ ถูกลงตามที่หาเสียงไว้ ไม่เพียงเท่านั้นยังอาจเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวมอีกด้วย
    .
    นอกจากนั้น คำสั่งของทรัมป์ครั้งนี้ยังครอบคลุมถึงการให้สหรัฐฯ ใช้กลไกขึ้นภาษีขึ้นไปอีกเพื่อเล่นงานการตอบโต้เอาคืนของประเทศอื่นๆ จึงทำให้เห็นกันว่าเพิ่มความเป็นไปได้ที่จะเกิดการสะดุดติดขัดทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงมากขึ้น
    .
    ยิ่งกว่านั้น ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้ยังส่งสัญญาณว่า คำสั่งในวันเสาร์เป็นแค่หมัดแรกในการจัดการความขัดแย้งทางการค้า แถมเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเขายังประกาศว่า จะขึ้นภาษีศุลกากรเอากับสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรปด้วย รวมทั้งเพิ่มภาษีสำหรับสินค้านำเข้าจำพวกเซมิคอนดักเตอร์ เหล็กกล้า อะลูมิเนียม น้ำมัน และก๊าซ
    .
    หลังประกาศของทรัมป์ ด้านนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดว์ ของแคนาดา แถลงในวันเสาร์ว่า การดำเนินการเช่นนี้ของทำเนียบขาวทำให้สองประเทศที่เป็นเพื่อนบ้านกันและมีนโยบายไปในแนวทางเดียวกันมาแต่ไหนแต่ไร เกิดความแตกแยกแทนที่จะสามัคคีกัน พร้อมประกาศตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีศุลกากรอัตรา 25% กับสินค้านำเข้าจากอเมริกามูลค่า 155,000 ล้านดอลลาร์ ที่รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และผลไม้ ตลอดจนถึงเรียกร้องให้คนแคนาดาใช้สินค้าและบริการในประเทศแทนที่จะซื้อของอเมริกา
    .
    ทรูโดว์เสริมว่า คนแคนาดาจำนวนมากรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง เนื่องจากที่ผ่านมา กองกำลังแคนาดาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับอเมริกาในอัฟกานิสถาน รวมทั้งช่วยเหลือสหรัฐฯ ในการจัดการวิกฤตต่างๆ ตั้งแต่ไฟป่าในแคลิฟอร์เนีย จนถึงเฮอร์ริเคนแคทรินา
    .
    ขณะที่ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบาม ของเม็กซิโก โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ปฏิเสธการใส่ร้ายของทำเนียบขาวที่ว่า รัฐบาลเม็กซิโกร่วมมือกับองค์การอาชญากรรม รวมทั้งคัดค้านเจตนารมณ์ของสหรัฐฯ ในการแทรกแซงดินแดนเม็กซิโก ก่อนสำทับว่า ได้สั่งให้รัฐมนตรีเศรษฐกิจดำเนินการตอบโต้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเม็กซิโก
    .
    ผู้นำเม็กซิโกยังเหน็บทรัมป์ว่า ถ้ารัฐบาลและหน่วยงานของอเมริกาต้องการจัดการปัญหาการใช้เฟนทานิลอย่างจริงจังแล้ว ก็ควรต่อสู้กับการขายยาตามท้องถนนในเมืองใหญ่ๆ ของอเมริกา รวมถึงการฟอกเงิน
    .
    ด้านกระทรวงการต่างประเทศของจีนระบุในวันอาทิตย์ (2) ว่า รัฐบาลจีนไม่พอใจอย่างมากและคัดค้านความเคลื่อนไหวนี้ รวมทั้งจะดำเนินมาตรการตอบโต้ที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศ และสำทับว่า จีนเริ่มควบคุมยาที่เกี่ยวข้องกับเฟนทานิลในรูปสารที่ต้องควบคุมตั้งแต่ปี 2019 และร่วมกับอเมริกาในการต่อต้านสารเสพติด พร้อมเรียกร้องให้สหรัฐฯ แก้ไขการดำเนินการที่ผิดพลาดครั้งนี้
    .
    นอกจากนั้น กระทรวงพาณิชย์จีนยังเตรียมฟ้องร้องต่อองค์การการค้าโลก (WTO) สำหรับแนวทางปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องเหล่านี้ของอเมริกา
    .
    มาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์ครั้งนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันอังคาร (4 ) ท่ามกลางความคิดเห็นที่ว่ามันอาจบ่อนทำลายการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยงานวิเคราะห์ชิ้นใหม่ของห้องปฏิบัติการงบประมาณ มหาวิทยาลัยเยล ระบุว่า มาตรการนี้อาจส่งผลให้ชาวอเมริกันแต่ละครัวเรือนสูญเสียรายได้เฉลี่ย 1,170 ดอลลาร์ เศรษฐกิจชะลอตัว เงินเฟ้อสูงขึ้น และสถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายลงหากประเทศอื่นๆ ตอบโต้
    .
    วุฒิสมาชิกชัค ชูเมอร์ จากพรรคเดโมแครตก็ เตือนว่า มาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์อาจทำให้ค่าครองชีพคนอเมริกันพุ่งขึ้น
    .
    เกรเกอรี ดาโก หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ อีวาย ชี้ว่า ต้นทุนสินค้านำเข้าที่เพิ่มขึ้นจะบ่อนทำลายการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนของภาคธุรกิจ และยังคาดว่า อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 0.7% ในไตรมาสแรกก่อนลดลงอย่างช้าๆ นอกจากนั้นนโยบายการค้าที่ไร้ความแน่นอนมากขึ้นจะทำให้ตลาดการเงินผันผวนหนักขึ้น
    .
    อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้สนับสนุนทรัมป์พยายามผ่อนคลายความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ โดยบางคนบอกว่า แผนลดภาษีและผ่อนคลายกฎระเบียบที่ทรัมป์กำลังจะนำมาใช้จะช่วยกระตุ้นการเติบโตเป็นการชดเชย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000010777
    ..................
    Sondhi X
    ทรัมป์ลงนามคำสั่งรีดภาษีศุลากรสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก แคนาดา และจีนเมื่อวันเสาร์ (1 ก.พ.) และถูกทั้งสามชาติประกาศตอบโต้ทันควัน ขณะที่พวกนักวิเคราะห์แสดงความกังวล มาตรการครั้งนี้มีแนวโน้มทำให้อัตราเงินเฟ้อของอเมริกายิ่งเลวร้ายลง ทำลายความไว้ใจของประชาชนจำนวนมากที่โหวตให้ทรัมป์จากการหาเสียงจะทำให้ราคาสินค้าถูกลง รวมทั้งยังมีความเสี่ยงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกอีกด้วย . ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์บนโซเชียลมีเดียของตนในวันเสาร์ (1) ว่า มาตรการขึ้นภาษีศุลกากรเช่นนี้มีความจำเป็นเพื่อปกป้องคนอเมริกัน และกดดันให้แคนาดา เม็กซิโก ตลอดจนจีน ต้องใช้ความพยายามมากขึ้นในการควบคุมการผลิตและการส่งออกสารเสพติด “เฟนทานิล” ผิดกฎหมาย ซึ่งมีปลายทางอยู่ที่สหรัฐฯ รวมทั้งเป็นการเพิ่มแรงบีบให้แคนาดาและเม็กซิโกลดจำนวนผู้อาศัยดินแดนของพวกเขาลักลอบเดินทางเข้าสู่อเมริกา . ในคำสั่งฝ่ายบริหารที่เขาลงนามครั้งนี้ ซึ่งทรัมป์อ้างอำนาจตามรัฐบัญญัติให้อำนาจทางเศรษฐกิจแก่ประธานาธิบดีในกรณีฉุกเฉินระหว่างประเทศ กำหนดให้จัดเก็บภาษีศุลกากรจากสินค้านำเข้าทั้งหมดจากจีนสูงขึ้นอีก 10% ขณะที่สินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาจะถูกเก็บเพิ่มในอัตรา 25% ยกเว้นเฉพาะพวกสินค้าพลังงานที่นำเข้าจากแคนาดา ซึ่งรวมถึงน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และไฟฟ้า ให้ขึ้นภาษี 10% . อย่างไรก็ตาม มีเสียงแสดงความกังวลขึ้นในสหรัฐฯ ว่า หากบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรเป็นเวลานาน อาจทำให้สถานการณ์เงินเฟ้อของอเมริกาเลวร้ายลง ซึ่งคุกคามความไว้วางใจของผู้มีสิทธิออกเสียงจำนวนมากที่ลงคะแนนเลือกทรัมป์เพื่อให้จัดการทำให้ราคาของชำ น้ำมันเบนซิน บ้าน รถ และสินค้าอื่นๆ ถูกลงตามที่หาเสียงไว้ ไม่เพียงเท่านั้นยังอาจเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวมอีกด้วย . นอกจากนั้น คำสั่งของทรัมป์ครั้งนี้ยังครอบคลุมถึงการให้สหรัฐฯ ใช้กลไกขึ้นภาษีขึ้นไปอีกเพื่อเล่นงานการตอบโต้เอาคืนของประเทศอื่นๆ จึงทำให้เห็นกันว่าเพิ่มความเป็นไปได้ที่จะเกิดการสะดุดติดขัดทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงมากขึ้น . ยิ่งกว่านั้น ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้ยังส่งสัญญาณว่า คำสั่งในวันเสาร์เป็นแค่หมัดแรกในการจัดการความขัดแย้งทางการค้า แถมเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเขายังประกาศว่า จะขึ้นภาษีศุลกากรเอากับสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรปด้วย รวมทั้งเพิ่มภาษีสำหรับสินค้านำเข้าจำพวกเซมิคอนดักเตอร์ เหล็กกล้า อะลูมิเนียม น้ำมัน และก๊าซ . หลังประกาศของทรัมป์ ด้านนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดว์ ของแคนาดา แถลงในวันเสาร์ว่า การดำเนินการเช่นนี้ของทำเนียบขาวทำให้สองประเทศที่เป็นเพื่อนบ้านกันและมีนโยบายไปในแนวทางเดียวกันมาแต่ไหนแต่ไร เกิดความแตกแยกแทนที่จะสามัคคีกัน พร้อมประกาศตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีศุลกากรอัตรา 25% กับสินค้านำเข้าจากอเมริกามูลค่า 155,000 ล้านดอลลาร์ ที่รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และผลไม้ ตลอดจนถึงเรียกร้องให้คนแคนาดาใช้สินค้าและบริการในประเทศแทนที่จะซื้อของอเมริกา . ทรูโดว์เสริมว่า คนแคนาดาจำนวนมากรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง เนื่องจากที่ผ่านมา กองกำลังแคนาดาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับอเมริกาในอัฟกานิสถาน รวมทั้งช่วยเหลือสหรัฐฯ ในการจัดการวิกฤตต่างๆ ตั้งแต่ไฟป่าในแคลิฟอร์เนีย จนถึงเฮอร์ริเคนแคทรินา . ขณะที่ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบาม ของเม็กซิโก โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ปฏิเสธการใส่ร้ายของทำเนียบขาวที่ว่า รัฐบาลเม็กซิโกร่วมมือกับองค์การอาชญากรรม รวมทั้งคัดค้านเจตนารมณ์ของสหรัฐฯ ในการแทรกแซงดินแดนเม็กซิโก ก่อนสำทับว่า ได้สั่งให้รัฐมนตรีเศรษฐกิจดำเนินการตอบโต้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเม็กซิโก . ผู้นำเม็กซิโกยังเหน็บทรัมป์ว่า ถ้ารัฐบาลและหน่วยงานของอเมริกาต้องการจัดการปัญหาการใช้เฟนทานิลอย่างจริงจังแล้ว ก็ควรต่อสู้กับการขายยาตามท้องถนนในเมืองใหญ่ๆ ของอเมริกา รวมถึงการฟอกเงิน . ด้านกระทรวงการต่างประเทศของจีนระบุในวันอาทิตย์ (2) ว่า รัฐบาลจีนไม่พอใจอย่างมากและคัดค้านความเคลื่อนไหวนี้ รวมทั้งจะดำเนินมาตรการตอบโต้ที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศ และสำทับว่า จีนเริ่มควบคุมยาที่เกี่ยวข้องกับเฟนทานิลในรูปสารที่ต้องควบคุมตั้งแต่ปี 2019 และร่วมกับอเมริกาในการต่อต้านสารเสพติด พร้อมเรียกร้องให้สหรัฐฯ แก้ไขการดำเนินการที่ผิดพลาดครั้งนี้ . นอกจากนั้น กระทรวงพาณิชย์จีนยังเตรียมฟ้องร้องต่อองค์การการค้าโลก (WTO) สำหรับแนวทางปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องเหล่านี้ของอเมริกา . มาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์ครั้งนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันอังคาร (4 ) ท่ามกลางความคิดเห็นที่ว่ามันอาจบ่อนทำลายการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยงานวิเคราะห์ชิ้นใหม่ของห้องปฏิบัติการงบประมาณ มหาวิทยาลัยเยล ระบุว่า มาตรการนี้อาจส่งผลให้ชาวอเมริกันแต่ละครัวเรือนสูญเสียรายได้เฉลี่ย 1,170 ดอลลาร์ เศรษฐกิจชะลอตัว เงินเฟ้อสูงขึ้น และสถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายลงหากประเทศอื่นๆ ตอบโต้ . วุฒิสมาชิกชัค ชูเมอร์ จากพรรคเดโมแครตก็ เตือนว่า มาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์อาจทำให้ค่าครองชีพคนอเมริกันพุ่งขึ้น . เกรเกอรี ดาโก หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ อีวาย ชี้ว่า ต้นทุนสินค้านำเข้าที่เพิ่มขึ้นจะบ่อนทำลายการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนของภาคธุรกิจ และยังคาดว่า อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 0.7% ในไตรมาสแรกก่อนลดลงอย่างช้าๆ นอกจากนั้นนโยบายการค้าที่ไร้ความแน่นอนมากขึ้นจะทำให้ตลาดการเงินผันผวนหนักขึ้น . อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้สนับสนุนทรัมป์พยายามผ่อนคลายความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ โดยบางคนบอกว่า แผนลดภาษีและผ่อนคลายกฎระเบียบที่ทรัมป์กำลังจะนำมาใช้จะช่วยกระตุ้นการเติบโตเป็นการชดเชย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000010777 .................. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1748 มุมมอง 0 รีวิว