• ปาเกียวเกียร์อาร์ เดชาเกียร์ดี เกาะคอตั้มเข้าซังเต
    หลังจากหลบหน้าไปหลายวัน ทนายปาเกียว ก็ร้องเพลงถอยดีกว่าไม่เอาดีกว่า ขอถอนตัวจากการเป็นทนายความแก้ต่างให้ทนายตั้มนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เพราะสุดจะรับไหว ต่อวิธีการสู้คดีแบบหัวชนฝา
    ทนายปาเกียวตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่า ทนายตั้มมีการปลอมแปลงเอกสารสัญญาที่เคยทําไว้กับพี่อ้อยจตุพร หวังใช้เป็นหมัดเด็ดในศาล ว่ากันว่าการใช้หลักฐานปลอมเป็นงานถนัดของใครบางคนจนถูกร้องเรียนมาแล้วหลายต่อหลายคดี ซึ่งทนายปาเกียว ไม่อยากโดนหางเลข เป็นทนายที่ต้องมาพลอยติดคุกตามจําเลยไปด้วย ยิ่งมีตัวอย่างให้ดูเป็นขวัญตาหมาดๆ คือ ทนายปากแดงที่ติดคุกในการว่าความให้ แอมไซยาไนด์ ยิ่งเหมือนรายการเชือดไก่ให้ลิงดูตอนนี้
    จึงเป็นนาทีทองแล้วของทนายเดชา ที่จะพิสูจน์ให้โลกรู้ว่า มีจุดยืนเป็นมิตรแท้ทนายโจรมาตั้งแต่เริ่ม โลกนี้ก็แทบจะเหลือในเดชาคนเดียวที่จะต้องรับเป็นทนายให้ตั้มเพื่อนรัก ต้องบอกว่าคดีใหญ่ระดับนี้เหมาะที่สุดแล้วกับทนายบิ๊กเนม จบเนติบัณฑิต พร่ําสอนกฎหมายให้ประชาชนผ่านจอทุกเช้าค่ํา
    แม้ที่ผ่านมาสดๆร้อนๆจะเสียรังวัด จนโดนล้อไปทั้งประเทศ อีท่าไหนไม่ทราบ ดันไปแพ้คดีให้กับทนายไม่จบเน อย่าง ทนายนิด้าเจ็บนี้ยิ่งต้องแปรความอัปยศอดสู เป็นพลังให้โลกตะลึงว่าไม่ได้เก่งแต่ปาก แต่เก่งหน้าบัลลังก์ด้วยช่วยทนายแบรนด์เนมให้รอดทุกข์ให้ได้
    เมื่อได้เป็นทนายให้ทนายตั้มเต็มตัวคราวนี้ จะเรียกสื่อมาแถลงทางคดีอะไรก็เหมาะสมชอบธรรมไม่มีใครว่าได้อีกแล้วว่าหิวแสงไปเผือกในเรื่องที่ตัวเอง แต่คดีฉ้อโกงเป็นปกติธุระสะท้านเมืองขึ้นมา จะเห็นว่าผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายถึงเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์วิเคราะห์สอดคล้องกันว่าทนายตั้มรอดยากในทุกกระทงความผิด ทนายเกิดผลแก้วเกิดเพื่อนคนหนึ่งของทนายตั้มพูดชัดว่าเขาเชื่อหลักฐานของพี่อ้อยมากกว่า วิญญูชนย่อมรู้ว่าทนายตั้มฉ้อโกงทนายเกิดผลบอกว่า เพื่อนก็คือเพื่อน แต่เมื่อเห็นเพื่อนกระทําผิดก็กล้าวิจารณ์ซึ่งเป็นการนิยามความเป็นเพื่อนที่น่าชื่นชม ไม่ใช่แบบคนที่เล่นพวกจนหลงทาง
    ทนายรณรงค์แก้วเพชร เพื่อนอีกคนกล่าวว่ามองไม่เห็นทางเลยที่ทนายตั้มจะรอดได้ทนายอาคม คงสวัสดิ์ อดีตคนกันเอง ที่ให้ทนายตั้มยอมสารภาพเพื่อลดโทษจะดีต่อตัวเองและคนรอบข้างมากกว่า
    ทนายตั้มเสี่ยงติดคุกอีกคดีคือคดีทําลายพินัยกรรมของพี่อ้อยโดยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 188 บัญญัติว่าผู้ใดทําลายซ่อนเร้นพินัยกรรมให้เสียหายถือว่ามีความผิดโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปีเพราะฉะนั้นพี่อ้อยและทีมกฎหมายของนายสนธิลิ้มทองกุลคงจะดําเนินคดีทนายตั้มข้อหาทําลายพินัยกรรมอย่างแน่นอนเพราะโทษหนักเสียยิ่งกว่าคดีฉ้อโกงด้วยซ้ํา ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    ปาเกียวเกียร์อาร์ เดชาเกียร์ดี เกาะคอตั้มเข้าซังเต หลังจากหลบหน้าไปหลายวัน ทนายปาเกียว ก็ร้องเพลงถอยดีกว่าไม่เอาดีกว่า ขอถอนตัวจากการเป็นทนายความแก้ต่างให้ทนายตั้มนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เพราะสุดจะรับไหว ต่อวิธีการสู้คดีแบบหัวชนฝา ทนายปาเกียวตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่า ทนายตั้มมีการปลอมแปลงเอกสารสัญญาที่เคยทําไว้กับพี่อ้อยจตุพร หวังใช้เป็นหมัดเด็ดในศาล ว่ากันว่าการใช้หลักฐานปลอมเป็นงานถนัดของใครบางคนจนถูกร้องเรียนมาแล้วหลายต่อหลายคดี ซึ่งทนายปาเกียว ไม่อยากโดนหางเลข เป็นทนายที่ต้องมาพลอยติดคุกตามจําเลยไปด้วย ยิ่งมีตัวอย่างให้ดูเป็นขวัญตาหมาดๆ คือ ทนายปากแดงที่ติดคุกในการว่าความให้ แอมไซยาไนด์ ยิ่งเหมือนรายการเชือดไก่ให้ลิงดูตอนนี้ จึงเป็นนาทีทองแล้วของทนายเดชา ที่จะพิสูจน์ให้โลกรู้ว่า มีจุดยืนเป็นมิตรแท้ทนายโจรมาตั้งแต่เริ่ม โลกนี้ก็แทบจะเหลือในเดชาคนเดียวที่จะต้องรับเป็นทนายให้ตั้มเพื่อนรัก ต้องบอกว่าคดีใหญ่ระดับนี้เหมาะที่สุดแล้วกับทนายบิ๊กเนม จบเนติบัณฑิต พร่ําสอนกฎหมายให้ประชาชนผ่านจอทุกเช้าค่ํา แม้ที่ผ่านมาสดๆร้อนๆจะเสียรังวัด จนโดนล้อไปทั้งประเทศ อีท่าไหนไม่ทราบ ดันไปแพ้คดีให้กับทนายไม่จบเน อย่าง ทนายนิด้าเจ็บนี้ยิ่งต้องแปรความอัปยศอดสู เป็นพลังให้โลกตะลึงว่าไม่ได้เก่งแต่ปาก แต่เก่งหน้าบัลลังก์ด้วยช่วยทนายแบรนด์เนมให้รอดทุกข์ให้ได้ เมื่อได้เป็นทนายให้ทนายตั้มเต็มตัวคราวนี้ จะเรียกสื่อมาแถลงทางคดีอะไรก็เหมาะสมชอบธรรมไม่มีใครว่าได้อีกแล้วว่าหิวแสงไปเผือกในเรื่องที่ตัวเอง แต่คดีฉ้อโกงเป็นปกติธุระสะท้านเมืองขึ้นมา จะเห็นว่าผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายถึงเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์วิเคราะห์สอดคล้องกันว่าทนายตั้มรอดยากในทุกกระทงความผิด ทนายเกิดผลแก้วเกิดเพื่อนคนหนึ่งของทนายตั้มพูดชัดว่าเขาเชื่อหลักฐานของพี่อ้อยมากกว่า วิญญูชนย่อมรู้ว่าทนายตั้มฉ้อโกงทนายเกิดผลบอกว่า เพื่อนก็คือเพื่อน แต่เมื่อเห็นเพื่อนกระทําผิดก็กล้าวิจารณ์ซึ่งเป็นการนิยามความเป็นเพื่อนที่น่าชื่นชม ไม่ใช่แบบคนที่เล่นพวกจนหลงทาง ทนายรณรงค์แก้วเพชร เพื่อนอีกคนกล่าวว่ามองไม่เห็นทางเลยที่ทนายตั้มจะรอดได้ทนายอาคม คงสวัสดิ์ อดีตคนกันเอง ที่ให้ทนายตั้มยอมสารภาพเพื่อลดโทษจะดีต่อตัวเองและคนรอบข้างมากกว่า ทนายตั้มเสี่ยงติดคุกอีกคดีคือคดีทําลายพินัยกรรมของพี่อ้อยโดยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 188 บัญญัติว่าผู้ใดทําลายซ่อนเร้นพินัยกรรมให้เสียหายถือว่ามีความผิดโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปีเพราะฉะนั้นพี่อ้อยและทีมกฎหมายของนายสนธิลิ้มทองกุลคงจะดําเนินคดีทนายตั้มข้อหาทําลายพินัยกรรมอย่างแน่นอนเพราะโทษหนักเสียยิ่งกว่าคดีฉ้อโกงด้วยซ้ํา ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • พี่อ้อยใช้ไม้แข็ง ฝากสื่อผู้เฒ่าดันสุดซอย
    แม้กําลังจะจนตรอก ไม่เหลือหนทางสู้ แต่หมากล่าสุดที่ก๊วนทนายตั้มขยับเดินนับว่าเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเหมือนเดิม คือทนายปาเกียว สายหยุดจัดการต่อสายถึงทนายความของพี่อ้อยจตุพร เพื่อเปิดเจรจาจะขอคืนเงินทั้งหมดให้พี่อ้อย
    จากเดิมที่ทนายตั้มเคยโวยใส่ทนายความของพี่อ้อย กล้าดียังไงมาแจ้งจับผม ทั้งคู่จะแจ้งความกลับพี่อ้อย โวยว่าทําให้ชื่อเสียงเสียหาย
    ตอนนี้ทนายตั้มกลับลํา จะขอคืนเงินที่โกงมาทุกบาททุกสตางค์ จนถูกแซวเจ็บๆ กล้าดียังไงจะคืนเงิน
    พอพี่อ้อยรับสารจากทนายปาเกียว ก็แจ้งกลับเบื้องต้นไปว่างานนี้แล้วแต่สนธิ ลิ้มทองกุล จะตัดสินใจถือว่าพี่อ้อยฝากชีวิตและเชื่อมั่นในสื่อผู้เฒ่าแล้ว
    ว่าจะตัดสินใจได้ดีที่สุด
    ถามว่าพี่อ้อยอยากได้เงินกว่า 100,000,000 ที่ถูกทนายตั้มโกงไปหรือไม่ ใครก็คาดเดาได้ว่าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเพราะนั่นมันแค่เงินจํานวนนิดเดียวจากทั้งหมดที่พี่อ้อยมี
    อีกทั้งกระบวนการทางคดีก็เดินหน้ามาไกลจนเกินกว่าจะหันหลังกลับได้แล้วท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่มโลกโซเชียล พี่อ้อยอย่าไปใจอ่อนให้กับคนเนรคุณเด็ดขาด จัดหนักสุดซอยเท่านั้นเพราะต่างแน่ใจคนอย่างทนายตั้มเป็นภัยสังคมร้ายแรง
    ขืนปล่อยออกจากคุกก็เหมือนปล่อยเสือเข้าป่าจะมีคนต้องตกเป็นเหยื่อของทนายตั้มอีกไม่รู้เท่าไหร่
    สรุปแล้วว่า ระยะเวลาที่พี่อ้อยไปสนิทกับทนายตั้ม ความสัมพันธ์ก็พังครืนในเวลาแค่ปีเดียวเท่านั้น เพราะทนายตั้มไม่ได้นับถือพี่อ้อยเป็นเพื่อนเป็นพี่ เป็นผู้มีพระคุณใดๆแต่มองพี่อ้อยเป็นเหยื่อโอชะวางแผนที่จะฮุบทรัพย์สินมหาศาลของพี่อ้อยอย่างเป็นระบบเท่านั้นเอง ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    พี่อ้อยใช้ไม้แข็ง ฝากสื่อผู้เฒ่าดันสุดซอย แม้กําลังจะจนตรอก ไม่เหลือหนทางสู้ แต่หมากล่าสุดที่ก๊วนทนายตั้มขยับเดินนับว่าเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเหมือนเดิม คือทนายปาเกียว สายหยุดจัดการต่อสายถึงทนายความของพี่อ้อยจตุพร เพื่อเปิดเจรจาจะขอคืนเงินทั้งหมดให้พี่อ้อย จากเดิมที่ทนายตั้มเคยโวยใส่ทนายความของพี่อ้อย กล้าดียังไงมาแจ้งจับผม ทั้งคู่จะแจ้งความกลับพี่อ้อย โวยว่าทําให้ชื่อเสียงเสียหาย ตอนนี้ทนายตั้มกลับลํา จะขอคืนเงินที่โกงมาทุกบาททุกสตางค์ จนถูกแซวเจ็บๆ กล้าดียังไงจะคืนเงิน พอพี่อ้อยรับสารจากทนายปาเกียว ก็แจ้งกลับเบื้องต้นไปว่างานนี้แล้วแต่สนธิ ลิ้มทองกุล จะตัดสินใจถือว่าพี่อ้อยฝากชีวิตและเชื่อมั่นในสื่อผู้เฒ่าแล้ว ว่าจะตัดสินใจได้ดีที่สุด ถามว่าพี่อ้อยอยากได้เงินกว่า 100,000,000 ที่ถูกทนายตั้มโกงไปหรือไม่ ใครก็คาดเดาได้ว่าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเพราะนั่นมันแค่เงินจํานวนนิดเดียวจากทั้งหมดที่พี่อ้อยมี อีกทั้งกระบวนการทางคดีก็เดินหน้ามาไกลจนเกินกว่าจะหันหลังกลับได้แล้วท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่มโลกโซเชียล พี่อ้อยอย่าไปใจอ่อนให้กับคนเนรคุณเด็ดขาด จัดหนักสุดซอยเท่านั้นเพราะต่างแน่ใจคนอย่างทนายตั้มเป็นภัยสังคมร้ายแรง ขืนปล่อยออกจากคุกก็เหมือนปล่อยเสือเข้าป่าจะมีคนต้องตกเป็นเหยื่อของทนายตั้มอีกไม่รู้เท่าไหร่ สรุปแล้วว่า ระยะเวลาที่พี่อ้อยไปสนิทกับทนายตั้ม ความสัมพันธ์ก็พังครืนในเวลาแค่ปีเดียวเท่านั้น เพราะทนายตั้มไม่ได้นับถือพี่อ้อยเป็นเพื่อนเป็นพี่ เป็นผู้มีพระคุณใดๆแต่มองพี่อ้อยเป็นเหยื่อโอชะวางแผนที่จะฮุบทรัพย์สินมหาศาลของพี่อ้อยอย่างเป็นระบบเท่านั้นเอง ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 404 มุมมอง 0 รีวิว
  • พี่อ้อยจัดให้ ลั่นไปให้สุดซอย (21/11/67) #news1 #พี่อ้อยจตุพร #ทนายตั้ม #จัดไปให้สุดซอย
    พี่อ้อยจัดให้ ลั่นไปให้สุดซอย (21/11/67) #news1 #พี่อ้อยจตุพร #ทนายตั้ม #จัดไปให้สุดซอย
    Like
    Yay
    21
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1308 มุมมอง 77 1 รีวิว
  • สนธิเผยทนายตั้มชวนพี่อ้อยไปไหน หลังติด GPS ที่รถ (20/11/67) #news1 #ติดGPSรถพี่อ้อย #พี่อ้อยจตุพร #ทนายตั้ม
    สนธิเผยทนายตั้มชวนพี่อ้อยไปไหน หลังติด GPS ที่รถ (20/11/67) #news1 #ติดGPSรถพี่อ้อย #พี่อ้อยจตุพร #ทนายตั้ม
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1115 มุมมอง 74 0 รีวิว
  • มิตรแท้ หรือ มิจแท้ ตั้มจะเชื่อใคร
    ขณะที่ทนายตั้ม เปลี่ยนแนวทางสู้คดีของตัวเอง จะกลับลําเต็มตัว ว่าเงินเจ็ดสิบเอ็ดล้านได้มาโดย พี่อ้อยจตุพรมอบให้ไปลงทุนทํากินคนเดียว โดยไม่มีกําหนดชดใช้คืน คนหัวหมอก็จะอวยว่า แนวทางนี้ไม่ใช่การกลับลํา แต่คนมีจิตสํานึก แต่ถ้าเป็นคนที่มีวิจารณญานจริง มองจากดาวอังคารยังรู้ว่ามัน ตอแหล
    ตั้มเคยพูดออกสื่ออย่างหนักแน่นว่าถึงเวลาโดนจับกลับสู้คดี ซึ่งไม่รู้จะเหลือน้ําหนักความน่าเชื่อถือให้ศาลรับฟังได้หรือไม่
    เรื่องนี้ก็ไม่ใช่การสับขาหลอกอย่างที่ทนายเดชา รับงานมาแถแต่เพราะทนายตั้มประเมินแล้ว ขืนยืนยันต่อว่าได้มาโดยเสน่หาจบเห่คาคุกแน่ อย่างไรก็ตามทางออกที่ดีกว่าการแถดีกว่าสู้ไปอย่างกระเสือกกระสน ซึ่งมีคนรู้กฎหมายจริงใช้กฎหมายอย่างมีจรรยาบรรณมาแนะนําให้ทนายตั้มแล้ว คนๆนั้นคือ ทนายเล็กวรพันธ์ เบญจวรกุล ทนายเล็กระบุว่าในฐานะพี่สาวร่วมวิชาชีพและด้วยความห่วงใยบุตรทั้งสามของทนายตั้ม ทนายกล่าวว่า ไม้ขีดก้านแรกจุดขึ้นที่ไหนก็ให้ทนายตั้มไปดับที่ไม้ขีดก้านนั้นด้วยความจริงใจด้วยความสํานึกที่ดีและทําใจให้ได้ว่าเงินทั้งหมดนั้นในที่สุดแล้วก็เป็นของพี่อ้อย
    ซึ่งไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม พี่อ้อยมีความชอบธรรมที่จะขอคืน ปล่อยยาวไปก็จะยิ่งยากแก่การดับเพลิงที่โหมแรงขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง ดิฉันเชื่อมั่นว่าไม่ว่าพี่อ้อยก็ดีคุณสนธิก็ดีถ้าจับจุดให้ถูกทั้งสองท่านนี้มีแต่ความเมตตาและพร้อมจะให้อภัยให้โอกาสคนที่สํานึกได้และจริงใจที่จะแก้ไขตัวเอง ดิฉันก็ไม่ได้ว่านายตั้มกระทําความผิดตามฟ้องนะคะแต่ถามว่านายตั้มมั่นใจแค่ไหนว่าจะสู้ได้ ซึ่งถ้าเปรียบกับการยอมรับฟังความคิดของเจ้าของเงินและประชาชนผู้ติดตามข่าว ซึ่งตัดสินทนายตั้มแล้ว หนทางไหนจะคุ้มค่ากว่ากันและจะเป็นประโยชน์กับครอบครัวของทนายตั้มมากที่สุดจากประสบการณ์การทํางานทนายความของทนายตั้มก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่ามีแนวโน้มว่าศาลจะเห็นว่าอย่างไรก็ตาม เงินนี้ก็เป็นเงินของพี่อ้อย ถ้าแปลกันง่ายๆ ก็คือสารภาพมาซะดีๆคืนเงินให้พี่อ้อยไปซะ เพื่อจะได้ติดคุกไม่นานเป็นคําแนะนําในแบบกัลยาณมิตรโดยแท้ ไม่ใช่แนวมิตรแท้ ทนายโจร ดันเพื่อนให้สู้ไปสุดทางทนายตั้มจะติดคุกติดตารางไม่เห็นเดือนเห็นตะวันก็ช่างหัวมันเพียงแต่คําถามก็คือคนอีโก้จัดอย่างทนายตั้มมีหรือจะยอมฟังทนายเล็ก ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    มิตรแท้ หรือ มิจแท้ ตั้มจะเชื่อใคร ขณะที่ทนายตั้ม เปลี่ยนแนวทางสู้คดีของตัวเอง จะกลับลําเต็มตัว ว่าเงินเจ็ดสิบเอ็ดล้านได้มาโดย พี่อ้อยจตุพรมอบให้ไปลงทุนทํากินคนเดียว โดยไม่มีกําหนดชดใช้คืน คนหัวหมอก็จะอวยว่า แนวทางนี้ไม่ใช่การกลับลํา แต่คนมีจิตสํานึก แต่ถ้าเป็นคนที่มีวิจารณญานจริง มองจากดาวอังคารยังรู้ว่ามัน ตอแหล ตั้มเคยพูดออกสื่ออย่างหนักแน่นว่าถึงเวลาโดนจับกลับสู้คดี ซึ่งไม่รู้จะเหลือน้ําหนักความน่าเชื่อถือให้ศาลรับฟังได้หรือไม่ เรื่องนี้ก็ไม่ใช่การสับขาหลอกอย่างที่ทนายเดชา รับงานมาแถแต่เพราะทนายตั้มประเมินแล้ว ขืนยืนยันต่อว่าได้มาโดยเสน่หาจบเห่คาคุกแน่ อย่างไรก็ตามทางออกที่ดีกว่าการแถดีกว่าสู้ไปอย่างกระเสือกกระสน ซึ่งมีคนรู้กฎหมายจริงใช้กฎหมายอย่างมีจรรยาบรรณมาแนะนําให้ทนายตั้มแล้ว คนๆนั้นคือ ทนายเล็กวรพันธ์ เบญจวรกุล ทนายเล็กระบุว่าในฐานะพี่สาวร่วมวิชาชีพและด้วยความห่วงใยบุตรทั้งสามของทนายตั้ม ทนายกล่าวว่า ไม้ขีดก้านแรกจุดขึ้นที่ไหนก็ให้ทนายตั้มไปดับที่ไม้ขีดก้านนั้นด้วยความจริงใจด้วยความสํานึกที่ดีและทําใจให้ได้ว่าเงินทั้งหมดนั้นในที่สุดแล้วก็เป็นของพี่อ้อย ซึ่งไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม พี่อ้อยมีความชอบธรรมที่จะขอคืน ปล่อยยาวไปก็จะยิ่งยากแก่การดับเพลิงที่โหมแรงขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง ดิฉันเชื่อมั่นว่าไม่ว่าพี่อ้อยก็ดีคุณสนธิก็ดีถ้าจับจุดให้ถูกทั้งสองท่านนี้มีแต่ความเมตตาและพร้อมจะให้อภัยให้โอกาสคนที่สํานึกได้และจริงใจที่จะแก้ไขตัวเอง ดิฉันก็ไม่ได้ว่านายตั้มกระทําความผิดตามฟ้องนะคะแต่ถามว่านายตั้มมั่นใจแค่ไหนว่าจะสู้ได้ ซึ่งถ้าเปรียบกับการยอมรับฟังความคิดของเจ้าของเงินและประชาชนผู้ติดตามข่าว ซึ่งตัดสินทนายตั้มแล้ว หนทางไหนจะคุ้มค่ากว่ากันและจะเป็นประโยชน์กับครอบครัวของทนายตั้มมากที่สุดจากประสบการณ์การทํางานทนายความของทนายตั้มก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่ามีแนวโน้มว่าศาลจะเห็นว่าอย่างไรก็ตาม เงินนี้ก็เป็นเงินของพี่อ้อย ถ้าแปลกันง่ายๆ ก็คือสารภาพมาซะดีๆคืนเงินให้พี่อ้อยไปซะ เพื่อจะได้ติดคุกไม่นานเป็นคําแนะนําในแบบกัลยาณมิตรโดยแท้ ไม่ใช่แนวมิตรแท้ ทนายโจร ดันเพื่อนให้สู้ไปสุดทางทนายตั้มจะติดคุกติดตารางไม่เห็นเดือนเห็นตะวันก็ช่างหัวมันเพียงแต่คําถามก็คือคนอีโก้จัดอย่างทนายตั้มมีหรือจะยอมฟังทนายเล็ก ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 347 มุมมอง 0 รีวิว
  • จัดหนักจากใจ เติมให้อีกคดี (06/11/67) #news1 #อ.ปานเทพ #พี่อ้อยจตุพร #ทนายตั้ม #เเจ้งข้อหาเพิ่ม #จัดหนักจากใจ
    จัดหนักจากใจ เติมให้อีกคดี (06/11/67) #news1 #อ.ปานเทพ #พี่อ้อยจตุพร #ทนายตั้ม #เเจ้งข้อหาเพิ่ม #จัดหนักจากใจ
    Like
    Haha
    Love
    Wow
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1569 มุมมอง 479 0 รีวิว
  • ปากบอกแค่ให้ความรู้ด้านกฎหมาย แต่ไฉนทนายจุ๊กกรู้ เดชา ดันสอดแทรกการเชียร์ ทนายตั้ม สวนกระแส ไม่แคร์สื่ออยู่คนเดียว
    กระแสเสียงในโลกโซเชียลจึงเริ่มก่อตัวเข้าไปตั้งคําถามกับจุดยืนของนายเดชาทําไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ คนหนึ่งที่สุดจะทนกับลีลาของนายเดชาที่ให้ความรู้ข้อกฎหมายแบบมีเหลี่ยมซ่อนเร้น จนต้องออกโรงมาวิพากษ์วิจารณ์ตรงตรงก็คือ สื่อใหญ่สนธิลิ้มทองกุล
    เพราะสนธิเห็นว่าทนายเดชาเหมือนพยายามช่วยเหลือทนายตั้มในคดีฉ้อโกงพี่อ้อยจตุพรอุบลเลิศนางฟ้าเดินดิน แม้จะมาในรูปแบบอีแอบ ก็เป็นเรื่องที่สนธิ ลิ้มทองกุล ไม่อาจรับได้อีกต่อไปจึงพูดเตือนสติทนายเดชาว่าคนเป็นทนายความควรจะเห็นใจผู้เสียหายที่ถูกกระทํา มากกว่าไปเห็นใจคนกระทํา
    ที่ผ่านมาทนายจุ๊กกรู้พูดแก้ต่างให้ทนายตั้มเพื่อนต่างวัยในหลายประเด็นอย่างเรื่องอายุความคดีฉ้อโกง นายเดชาถึงกับปั่นแรงๆว่าคดีนี้หมดอายุความแล้ว อ้างว่าเจ้าทุกข์ต้องแจ้งความภายในสามเดือนขณะที่คดีนี้พี่อ้อยโอนเงินให้ทนายตั้มไปตั้งแต่ต้นปี 2566
    เท่ากับขาดอายุความทั้งที่ความรู้ทางกฎหมายระดับเบสิกใครก็รู้ทั้งนั้นว่าภายในสามเดือนที่ว่านั้นคือสามเดือนนับจากรู้ตัวว่าถูกโกง ไม่ใช่สามเดือนนับจากวันโอนเงิน จึงเป็นเรื่องที่น่างุนงงทําไมคนจบเนติบัณฑิตถึงตีความกฏหมายออกมาเช่นนี้
    นอกจากนี้ นายเดชายังชี้ว่าการที่กองปราบปรามสอบแล้วสอบอีกนานขนาดนี้อาจหมายถึงคดีไม่มีน้ําหนักเอาผิดทนายตั้มไม่ได้
    ทางด้านสนธิลิ้มทองกุลชี้ว่าคําพูดนี้ของนายเดชาเป็นการตีความที่ผิดเพราะที่จริงแล้วการสอบแล้วสอบอีกมันหมายถึงกองปราบ กําลังทําคดีให้รัดกุมที่สุดต่างหากและกองปราบก็คงไม่รับทําคดีที่หมดอายุความแล้วจะเห็นว่ามุมมองของสนธิ เป็นคนละเรื่องกับที่ทนายเดชาพยายามสื่อให้สังคมสับสน สนธิลิ้มทองกุลยังฝากไปถึงนายเดชาว่า แม้ว่ายังรบไม่จบกับทนายตั้ม แต่ถ้านายเดชาต้องการก็พร้อมจะรบกับนายเดชาอีกคนไปพร้อมกันและท้าว่าหากนายเดชาไม่พอใจ จะฟ้องหมิ่นประมาทอะไรก็เอาเลยเชิญตามสบายปรากฏว่านายเดชาตอบคําถามเรื่องนี้ในรายการหนึ่งว่า
    เขาไม่คิดจะฟ้องสนธิหรือใครๆเขาแค่แสดงความเห็นต่างจากคนอื่นเพราะเขาเป็นคนเล่นพวก ไม่กระทืบพวกเดียวกันคําตอบนี้ของนายเดชาตอกย้ําจุดยืนชัดเจนเลยว่า พวกพ้องของเขาต้องมาก่อนความถูกต้องชอบธรรม
    ตอนนี้คนทั้งประเทศมองเห็นถึงเล่ห์ฉ้อฉลของโจรที่เป็นทนายแต่ทนายเดชา กิตติวิทยานันกลับขยันตีความกฎหมายให้เข้าทางโจรซะอย่างนั้นนะจ๊ะ
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    ปากบอกแค่ให้ความรู้ด้านกฎหมาย แต่ไฉนทนายจุ๊กกรู้ เดชา ดันสอดแทรกการเชียร์ ทนายตั้ม สวนกระแส ไม่แคร์สื่ออยู่คนเดียว กระแสเสียงในโลกโซเชียลจึงเริ่มก่อตัวเข้าไปตั้งคําถามกับจุดยืนของนายเดชาทําไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ คนหนึ่งที่สุดจะทนกับลีลาของนายเดชาที่ให้ความรู้ข้อกฎหมายแบบมีเหลี่ยมซ่อนเร้น จนต้องออกโรงมาวิพากษ์วิจารณ์ตรงตรงก็คือ สื่อใหญ่สนธิลิ้มทองกุล เพราะสนธิเห็นว่าทนายเดชาเหมือนพยายามช่วยเหลือทนายตั้มในคดีฉ้อโกงพี่อ้อยจตุพรอุบลเลิศนางฟ้าเดินดิน แม้จะมาในรูปแบบอีแอบ ก็เป็นเรื่องที่สนธิ ลิ้มทองกุล ไม่อาจรับได้อีกต่อไปจึงพูดเตือนสติทนายเดชาว่าคนเป็นทนายความควรจะเห็นใจผู้เสียหายที่ถูกกระทํา มากกว่าไปเห็นใจคนกระทํา ที่ผ่านมาทนายจุ๊กกรู้พูดแก้ต่างให้ทนายตั้มเพื่อนต่างวัยในหลายประเด็นอย่างเรื่องอายุความคดีฉ้อโกง นายเดชาถึงกับปั่นแรงๆว่าคดีนี้หมดอายุความแล้ว อ้างว่าเจ้าทุกข์ต้องแจ้งความภายในสามเดือนขณะที่คดีนี้พี่อ้อยโอนเงินให้ทนายตั้มไปตั้งแต่ต้นปี 2566 เท่ากับขาดอายุความทั้งที่ความรู้ทางกฎหมายระดับเบสิกใครก็รู้ทั้งนั้นว่าภายในสามเดือนที่ว่านั้นคือสามเดือนนับจากรู้ตัวว่าถูกโกง ไม่ใช่สามเดือนนับจากวันโอนเงิน จึงเป็นเรื่องที่น่างุนงงทําไมคนจบเนติบัณฑิตถึงตีความกฏหมายออกมาเช่นนี้ นอกจากนี้ นายเดชายังชี้ว่าการที่กองปราบปรามสอบแล้วสอบอีกนานขนาดนี้อาจหมายถึงคดีไม่มีน้ําหนักเอาผิดทนายตั้มไม่ได้ ทางด้านสนธิลิ้มทองกุลชี้ว่าคําพูดนี้ของนายเดชาเป็นการตีความที่ผิดเพราะที่จริงแล้วการสอบแล้วสอบอีกมันหมายถึงกองปราบ กําลังทําคดีให้รัดกุมที่สุดต่างหากและกองปราบก็คงไม่รับทําคดีที่หมดอายุความแล้วจะเห็นว่ามุมมองของสนธิ เป็นคนละเรื่องกับที่ทนายเดชาพยายามสื่อให้สังคมสับสน สนธิลิ้มทองกุลยังฝากไปถึงนายเดชาว่า แม้ว่ายังรบไม่จบกับทนายตั้ม แต่ถ้านายเดชาต้องการก็พร้อมจะรบกับนายเดชาอีกคนไปพร้อมกันและท้าว่าหากนายเดชาไม่พอใจ จะฟ้องหมิ่นประมาทอะไรก็เอาเลยเชิญตามสบายปรากฏว่านายเดชาตอบคําถามเรื่องนี้ในรายการหนึ่งว่า เขาไม่คิดจะฟ้องสนธิหรือใครๆเขาแค่แสดงความเห็นต่างจากคนอื่นเพราะเขาเป็นคนเล่นพวก ไม่กระทืบพวกเดียวกันคําตอบนี้ของนายเดชาตอกย้ําจุดยืนชัดเจนเลยว่า พวกพ้องของเขาต้องมาก่อนความถูกต้องชอบธรรม ตอนนี้คนทั้งประเทศมองเห็นถึงเล่ห์ฉ้อฉลของโจรที่เป็นทนายแต่ทนายเดชา กิตติวิทยานันกลับขยันตีความกฎหมายให้เข้าทางโจรซะอย่างนั้นนะจ๊ะ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 704 มุมมอง 0 รีวิว
  • เชื่อทนายตั้มสู้เจ๊อ้อยได้ ไม่งั้นคงหนีแล้ว (05/11/67) #news1 #พี่อ้อยจตุพร #ทนายตั้ม #ทนายจุ๊กกรู๊
    เชื่อทนายตั้มสู้เจ๊อ้อยได้ ไม่งั้นคงหนีแล้ว (05/11/67) #news1 #พี่อ้อยจตุพร #ทนายตั้ม #ทนายจุ๊กกรู๊
    Haha
    Like
    Yay
    Wow
    16
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1311 มุมมอง 509 0 รีวิว
  • กฎหมายมีไว้ช่วยสุจริตชน!! อย่าเบี่ยงเบนอายุความ!! (04/11/67) #news1 #พี่อ้อยจตุพร #ทนายตั้ม #เบี่ยงเบนอายุความ
    กฎหมายมีไว้ช่วยสุจริตชน!! อย่าเบี่ยงเบนอายุความ!! (04/11/67) #news1 #พี่อ้อยจตุพร #ทนายตั้ม #เบี่ยงเบนอายุความ
    Like
    Love
    Haha
    Angry
    23
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1280 มุมมอง 542 0 รีวิว
  • ความร่ำรวยอย่างพรวดพราด ซึ่งน่าจะได้มาจากการฉ้อโกงเจ็ดสิบเอ็ดล้านส่งผลให้ชาวเน็ตเปลี่ยนชื่อ จากทนายตั้มเป็นทนายต้มกันอย่างครื้นเครง ถือว่าคดีฉ้อโกงเจ็ดสิบเอ็ดล้านเป็นการเปิดแผลแรกของทนายตั้ม ชนิดที่เจ้าตัวไม่เคยมีบาดแผลเหวอะหวะบาดเจ็บหนักเท่านี้มาก่อน
    ล่าสุดพี่อ้อยจตุพร อุบลเลิศ เข้าให้การกองปราบปรามยาวนานถึงสิบเอ็ดชั่วโมงพนักงานสอบสวนกองปราบปรามตรวจสอบพฤติกรรมของทนายต้มแล้วพบว่า พี่อ้อยไม่ได้ถูกต้มแค่หลอกลงทุนแพลตฟอร์มหวยเจ็ดสิบเอ็ดล้านคดีเดียว แต่ยังถูกต้มเรื่องเงินคริปโตของเพื่อนอีก 39 ล้าน เรื่องเงินค่าออกแบบโรงแรม 9 ล้าน ค่าออกแบบบ้านของสามีพี่อ้อย3 ล้านและเงินซื้อรถเบนซ์ 13 ล้าน ซึ่งพี่อ้อยโดนฟันส่วนต่างราคาไปร่วม5 ล้าน การที่เหยื่อคนเดียวถูกฉ้อโกงซ้ําๆ แบบนี้ เป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา3 วงเล็บ 18 แห่ง พ รบการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินพ ศ2542 เรียกว่าฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ คําว่าปกติธุระหมายความว่ากระทําการซ้ําซ้ํากันมากกว่าหนึ่งครั้งกระทําความผิดเป็นสันดาน มีลักษณะที่จะเป็นการกระทําเช่นนั้นต่อต่อไป เนื่องจากพฤติกรรมของทนายต้ม หลอกเหยื่อคนเดิมหลายครั้งเข้าองค์ประกอบชัดเจนคดีที่พี่อ้อยแจ้งจากทนายตั้มจึงไม่ใช่แค่คดีฉ้อโกง แต่จะกลายเป็นคดีฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ซึ่งจะส่งผลให้พนักงานสอบสวนออกหมายจับผู้ต้องหาได้ทันทีไม่ต้องมีหมายเรียก
    ปฏิบัติการนี้จึงเป็นการถอนรากถอนโคนทนายแบรนด์เนมและองค์กรซ่อนเงื่อนของเขาแบบม้วนเดียวจบ จบตํานานทนายความที่ทําตัวเป็นภัยกับลูกความ เอาเข้าจริง ที่มาของความร่ํารวยของทนายต้มน่าจะไม่ใช่แค่การฉ้อโกง
    คนที่ปูดเรื่องนี้ออกมาคือจอมแฉผู้รู้ลึกรู้จริงในแวดวงคนสีเทานายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ย้อนไปเมื่อวันที่สองเมษายน2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กว่าข่าวด่วนสัมภเวสีอาละวาดทนายคนดีชอบแถลงข่าวช่วยประชาชน รวยแค่ข้ามคืนจนคนสงสัยไปทั่ว ทําไมรวยเร็วจังที่แท้เบื้องหลังทําพนันออนไลน์หุ้นกับเจ้าหน้าที่ dsi ตัวเตี้ยๆ อายุประมาณ 50 ปีชื่อเว็บเฮงเกมส์มีญาติชื่อแจ๊คดูแลเว็บให้ คนที่รู้ดีคือตํารวจใหญ่ฉายาเทพจอจาน ที่ต้องหลับตาลงข้างเดียวเพราะใช้งานกันอยู่ ก่อนทนายจะดังหากินกับการรับคดียาเพราะได้เงินมากง่ายและเร็วไม่รับทําคดีอื่นให้เสียเวลาอย่างคดีดาราสาวดังลูกครึ่งใช้เอกสารตํารวจปลอม บินปร๋อหนีไปต่างประเทศทันที
    สํานักงานทนายกําไรต่อปีเท่ารายได้มนุษย์เงินเดือนแต่ใช้ชีวิตหรูหราฟู่ฟ่าบ้าแบรนด์เนม บ้านหลังละเกือบร้อยล้าน มีแผนส่งลูกเรียนเมืองนอกด้วย ทุกครั้งไปเที่ยวต่างประเทศต้องมีลูกน้องตํารวจใหญ่เทพจอจาน มารอรับถึงสนามบิน เข็นรถให้ช้อปปิ้งหลักล้านปรนเปอร์เมียภาษีไม่เคยจ่ายเพราะเงินที่ได้แบบเทาๆ เอาไปแอบซุกไว้ในบัญชีพี่เมีย วันใด ปปงเข้ามาตรวจสอบเส้นทางการเงินของทนายตั้ม อาจเจาะไปถึงธุรกิจสีเทาที่มีข่าวทนายตั้มพัวพันตามที่ชูวิทย์แฉไว้เป็นปีแล้วแน่นอน ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    ความร่ำรวยอย่างพรวดพราด ซึ่งน่าจะได้มาจากการฉ้อโกงเจ็ดสิบเอ็ดล้านส่งผลให้ชาวเน็ตเปลี่ยนชื่อ จากทนายตั้มเป็นทนายต้มกันอย่างครื้นเครง ถือว่าคดีฉ้อโกงเจ็ดสิบเอ็ดล้านเป็นการเปิดแผลแรกของทนายตั้ม ชนิดที่เจ้าตัวไม่เคยมีบาดแผลเหวอะหวะบาดเจ็บหนักเท่านี้มาก่อน ล่าสุดพี่อ้อยจตุพร อุบลเลิศ เข้าให้การกองปราบปรามยาวนานถึงสิบเอ็ดชั่วโมงพนักงานสอบสวนกองปราบปรามตรวจสอบพฤติกรรมของทนายต้มแล้วพบว่า พี่อ้อยไม่ได้ถูกต้มแค่หลอกลงทุนแพลตฟอร์มหวยเจ็ดสิบเอ็ดล้านคดีเดียว แต่ยังถูกต้มเรื่องเงินคริปโตของเพื่อนอีก 39 ล้าน เรื่องเงินค่าออกแบบโรงแรม 9 ล้าน ค่าออกแบบบ้านของสามีพี่อ้อย3 ล้านและเงินซื้อรถเบนซ์ 13 ล้าน ซึ่งพี่อ้อยโดนฟันส่วนต่างราคาไปร่วม5 ล้าน การที่เหยื่อคนเดียวถูกฉ้อโกงซ้ําๆ แบบนี้ เป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา3 วงเล็บ 18 แห่ง พ รบการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินพ ศ2542 เรียกว่าฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ คําว่าปกติธุระหมายความว่ากระทําการซ้ําซ้ํากันมากกว่าหนึ่งครั้งกระทําความผิดเป็นสันดาน มีลักษณะที่จะเป็นการกระทําเช่นนั้นต่อต่อไป เนื่องจากพฤติกรรมของทนายต้ม หลอกเหยื่อคนเดิมหลายครั้งเข้าองค์ประกอบชัดเจนคดีที่พี่อ้อยแจ้งจากทนายตั้มจึงไม่ใช่แค่คดีฉ้อโกง แต่จะกลายเป็นคดีฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ซึ่งจะส่งผลให้พนักงานสอบสวนออกหมายจับผู้ต้องหาได้ทันทีไม่ต้องมีหมายเรียก ปฏิบัติการนี้จึงเป็นการถอนรากถอนโคนทนายแบรนด์เนมและองค์กรซ่อนเงื่อนของเขาแบบม้วนเดียวจบ จบตํานานทนายความที่ทําตัวเป็นภัยกับลูกความ เอาเข้าจริง ที่มาของความร่ํารวยของทนายต้มน่าจะไม่ใช่แค่การฉ้อโกง คนที่ปูดเรื่องนี้ออกมาคือจอมแฉผู้รู้ลึกรู้จริงในแวดวงคนสีเทานายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ย้อนไปเมื่อวันที่สองเมษายน2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กว่าข่าวด่วนสัมภเวสีอาละวาดทนายคนดีชอบแถลงข่าวช่วยประชาชน รวยแค่ข้ามคืนจนคนสงสัยไปทั่ว ทําไมรวยเร็วจังที่แท้เบื้องหลังทําพนันออนไลน์หุ้นกับเจ้าหน้าที่ dsi ตัวเตี้ยๆ อายุประมาณ 50 ปีชื่อเว็บเฮงเกมส์มีญาติชื่อแจ๊คดูแลเว็บให้ คนที่รู้ดีคือตํารวจใหญ่ฉายาเทพจอจาน ที่ต้องหลับตาลงข้างเดียวเพราะใช้งานกันอยู่ ก่อนทนายจะดังหากินกับการรับคดียาเพราะได้เงินมากง่ายและเร็วไม่รับทําคดีอื่นให้เสียเวลาอย่างคดีดาราสาวดังลูกครึ่งใช้เอกสารตํารวจปลอม บินปร๋อหนีไปต่างประเทศทันที สํานักงานทนายกําไรต่อปีเท่ารายได้มนุษย์เงินเดือนแต่ใช้ชีวิตหรูหราฟู่ฟ่าบ้าแบรนด์เนม บ้านหลังละเกือบร้อยล้าน มีแผนส่งลูกเรียนเมืองนอกด้วย ทุกครั้งไปเที่ยวต่างประเทศต้องมีลูกน้องตํารวจใหญ่เทพจอจาน มารอรับถึงสนามบิน เข็นรถให้ช้อปปิ้งหลักล้านปรนเปอร์เมียภาษีไม่เคยจ่ายเพราะเงินที่ได้แบบเทาๆ เอาไปแอบซุกไว้ในบัญชีพี่เมีย วันใด ปปงเข้ามาตรวจสอบเส้นทางการเงินของทนายตั้ม อาจเจาะไปถึงธุรกิจสีเทาที่มีข่าวทนายตั้มพัวพันตามที่ชูวิทย์แฉไว้เป็นปีแล้วแน่นอน ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 565 มุมมอง 0 รีวิว