• บาป 18 ประการ คนตื่นธรรม
    กรณีคนตื่นธรรม สอนธรรมออนไลน์ในสื่อโซเชียล มีลักษณะการใช้คำพูดหยาบคาย ด้อยค่าด่ากราด ไม่ประนีประนอมเพื่อให้คนเข้าถึงธรรมะที่แท้จริง ตื่นรู้จากอวิชชา เดรัจฉานวิชา ปลุกเสก ได้สร้างบาป 18 ประการขึ้น คือในการสอนธรรม มีข้อผิดพลาดที่เป็นปัญหาควรต้องพิจารณาและปรับปรุง เพราะกระทบต่อภาพลักษณ์ของพุทธสาสนา และสร้างสัทธรรมปฏิรูปขึ้นแก่ชาวพุทธ เป็นบาปใหญ่หลวง

    1. ใช้วจีทุจริต ไม่เป็นสัมมาวาจา ไม่เป็นวาจาสุภาษิต (ตามแนวทางมรรค ๘)
    มีการใช้คำพูดด่า ดูถูก กดข่มผู้ฟัง เช่น มึงมันโง่ ไอ้ปัญญาอ่อน มึงปัญญาอ่อนไง โดยกล่าวอ้างว่า ธรรมแท้ไม่มีประนีประนอม ในหลักของมรรคมีองค์ ๘ ครอบคลุมอยู่ในทุกเรื่องของการกระทำ จึงจะถือว่าเป็นการปฏิบัติตามคำสอนในพระพุทธศาสนา การสอนโดยใช้วาจาไม่เป็นสัมมาวาจานั้น เป็นวจีทุจริต เป็นบาป ผิดหลักมรรคมีองค์ ๘

    2. สอนขัดแย้งกันเอง ยกธรรมตีธรรม เพราะไม่รอบรู้ไม่เข้าใจหลักเหตุผล มักจะเอาธรรมข้อใดข้อหนึ่งยกขึ้นมา ตีธรรมะข้ออื่นในชุดธรรมเดียวกัน หรือชุดอื่น เพื่อสร้างภาพว่าตนรู้ทั่วถึงธรรมวินัยดี อันไหนธรรมแท้ ธรรมถูก เช่น การกล่าวว่าการรู้อดีต รู้อนาคต ไม่ได้ทำให้เข้าใจปัจจุบัน ไม่มีประโยชน์
    ถือเป็นดูหมิ่นด้อยค่า คำสอน วิชชา 3 มี ปุพเพนิวาสนุสสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ โดยคำลักษณะนี้เป็นการบอกว่า ญาณ 2 อย่างข้างต้นไม่มีความสำคัญ ในขณะที่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ การระลึกรู้อดีตชาติของพระพุทธเจ้า ได้เป็นการประจักษ์แจ้งการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏฏ์ ทำให้รู้จุตูปปาตญาณ รู้ผลของการกระทำกรรม และนำสู่อาสวักขยญาณ ปัญญารู้ทำอาสวะกิเลสให้หมดสิ้นได้ และข้อธรรมอื่นก็คล้ายกัน ไม่รู้จักเหตุผล พุทธเจ้าแสดงธรรมเป็นชุดเหตุผล เป็นลำดับ

    3. พุทธคุณไม่มีอยู่จริง นอกจากพระบริสุทธิคุณ ปัญญาคุณ มหากรุณาคุณ
    ความจริงคุณของพระพุทธเจ้ามีหลายประการ ทั้งนวหรคุณ 9 อย่าง อะระหํ(เป็นพระอรหันต์) สัมมาสัมพุทโธ(ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง) วิชชาจรณสัมปันโน (เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ) เป็นต้น พุทธานุภาพที่เกิดจากอานุภาพบารมีที่สั่งสมแสดงออกอำนวยผล ในหลายลักษณะ ให้เกิดความสวัสดีแก่ผู้นับถือบูชา เช่น การปกป้องคุ้มครองพระภิกษุที่ไปปฏิบัติอยู่ในสถานที่ห่างไกล มักจะปูลาดอาสนะไว้ เมื่อมีภัย หรือเกิดอกุศลวิตก หวาดกลัว เพียงระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระองค์จะเสด็จมาปลอบ สอนธรรม ทำให้พระภิกษุไม่หวาดกลัวที่จะเดินทางไปอยู่ในที่ไกลๆ เพราะพลังแห่งพุทธะคุ้มครอง แม้ในยุคปัจจุบันพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ก็ยังมีพลังพุทธคุณหรือพุทธานุภาพปกป้องคุ้มครองชาวพุทธอยู่ ความเชื่อเหล่านี้จะมีผลได้ต้องปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงธรรมระดับหนึ่งจึงจะสามารถพิสูจน์ได้ การเห็นสุดโต่งปฏิเสธความมีอยู่แห่งพุทธานุภาพจึงเป็นความเห็นผิด อันร้ายแรงอย่างหนึ่ง

    4.พระเครื่องไม่มีพุทธคุณ เป็นความเห็นผิด พุทธเจ้าประทานบทพระปริตรหลายวาระหลายบท เพื่อป้องกัน เพื่อรักษา ไม่เบียดเบียน อยู่สำราญ ของพระภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา พุทธานุภาพหรือเขตอำนาจแห่งพุทธเจ้าแผ่ไปใน 3 เรื่อง คือ
    1)ชาติเขต แผ่ไปในหมื่นจักรวาล
    2)อาณาเขต คือ พุทธมนต์ หรือปริตร แผ่ไปในแสนโกฏิจักรวาล
    3)วิสัยเขต แผ่ไปไม่มีขอบเขต
    พุทธคุณหรือพุทธานุภาพ เกิดจากการสวดสาธยายมนต์ มีอำนาจแผ่ไปในแสนโกฏิจักรวาล ช่วยขจัดปัดเป่าอุปัทวันตราย โรคภัย เสนียดจัญไรต่างๆ ได้ มีการสืบทอดคำสอนมาช้านาน
    ดังข้อความว่า
    "ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะจงเล่าเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะ จงทรงจำมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะไว้ ภิกษุทั้งหลาย มนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะนี้ ประกอบด้วยประโยชน์ เพื่อคุ้มครอง เพื่อรักษา เพื่อไม่เบียดเบียน เพื่ออยู่สำราญของภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย”
    ข้อความนี้แสดงให้เห็นว่า บทปริตร หรือบทพุทธมนต์ มีพลังอำนาจ คุ้มครองป้องกันรักษา พระพุทธเจ้าจึงให้สวดสาธยาย และเมื่อนำมาใช้ในการสร้างพระพุทธรูป พระเครื่องต่างๆ ย่อมมีคุณตามที่พระพุทธเจ้าตรัส
    คำพูดปฏิเสธพุทธคุณ พุทธรูป สิ่งเคารพทางศาสนา ที่สืบทอดคติความเชื่อจารีตมาช้านานนับพันปี จึงเป็นการบ่อนทำลายความศรัทธาที่มีต่อ พระพุทธเจ้า สิ่งแทนพุทธเจ้า หรือคำสอนที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า ไม่ให้ผู้คนมีศรัทธา โดยยกคำสอนเรื่องอริยสัจ มาด้อยค่าคำสอนว่าด้วยเรื่องศรัทธาต่อพระพุทธเจ้า จึงเป็นการทำลายศาสนา ไปพร้อมกัน อนาคตเด็กยุคใหม่เสพคำสอนนี้ จะไม่นับถือไม่ไหว้พระพุทธเจ้าและไม่เห็นความสำคัญ คุณค่าของพุทธรูปที่สร้างไว้ในฐานะเครื่องยึดเหนี่ยวที่เป็นรูปธรรมนำสุ่พุทธเจ้า รวมทั้งไม่เชื่อในพระพุทธเจ้า

    5. มิจฉาทิฐิ 10 สอนการบูชาที่ไร้ผล สายลัทธิวัดนา สอนไม่ให้กราบไหว้บูชาพระพุทธรูป องค์แทนพุทธเจ้าสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงพุทธเจ้า เป็นจารีตนิยมที่ถือมาช้านาน เชื่อมโยงคำสอนในพระไตรปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ ปีตวิมานวัตถุ
    “ติฏฺฐนฺเต นิพฺพุเต จาปิ, สเม จิตฺเต สมํ ผลํ;
    เจโตปณิธิเหตุ หิ, สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคฺคตึ.
    "พระพุทธเจ้า จะทรงพระชนม์อยู่ หรือแม้จะนิพพานไปแล้วก็ตาม
    ถ้าจิตเสมอกัน ผลก็เสมอกัน สัตว์ทั้งหลายไปสู่สวรรค์ เพราะความเลื่อมใสตั้งมั่นแห่งจิตใจ
    การสอนไม่ให้ไหว้พุทธรูป นับเป็นมิจฉาทิฐิ ข้อที่ ๒ นัตถิ ยิตถัง และข้อที่ ๑๐ พระพุทธเจ้าไม่มีอยู่จริง ในชุดคำสอน มิจฉาทิฐิ ๑๐ ประการ เป็นการสร้างบาปทำลายคำสอน ความศรัทธาที่ชาวพุทธมีต่อพระพุทธเจ้า โดยอ้างว่าให้ยึดคำสอนสูงสุด อริยสัจสี่ เพื่อพ้นทุกข์

    6. คุณไสย ไสยเวทย์ ไม่มี. การปฏิเสธคำสอน ในเรื่องคุณไสย์ วิชาอาคม มนต์ มีพลังอำนาจอยู่จริง หรือไม่ เมื่อไม่สามารถหาคำตอบหรือพิสูจน์ได้ ก็ควรพิจารณาจากหลักฐานในพระไตรปิฎก มีที่ใดบ้าง ข้อความพุทธพจน์วินัยบัญญัติ ดังเรื่องต่อไปนี้
    ๑) พระภิกษุถูกผีสิง อมนุษย์สิง กินเลือดสด เนื้อสด ทรงอนุญาตให้พระภิกษุฉันเลือดและเนื้อสดได้ เพื่อเป็นเภสัช เมื่อฉันแล้วอมนุษย์จะออกไป แสดงให้เห็นว่าบทบัญญัติทางพระวินัย พระพุทธเจ้ายอมรับว่ามีผีหรืออมนุษย์สามารถสิงสู่คนได้ พระภิกษุถูกอมนุษย์สิงได้ และวิธีการรักษา ในครั้งนั้นตามอาการ คือเมื่ออมนุษย์มาสิงเพื่อกินเนื้อสด เลือดสด(ปอบ) ก็อนุญาตให้พระภิกษุกินได้ และไม่ถือว่าต้องอาบัติอะไร เพราะคนที่กิน ไม่ใช่พระ แต่เป็นอมนุษย์ หลักฐานนี้ยอมรับการมีอยู่ การสิงร่างคน ของอมนุษย์ เป็นความรู้ที่ควรต้องมี ไม่ปฏิเสธว่า ผี อมนุษย์ ไม่มี ไสยเวทย์ ไม่มี
    เรื่องเนื้อดิบและเลือดสด
    "อมนุษย์เคี้ยวกินเนื้อดิบและดื่มเลือดสด เพราะเหตุนั้น ภิกษุจึงชื่อว่าไม่ได้เคี้ยวกินเนื้อดิบและดื่มเลือดสดนั้น. อมนุษย์ ครั้นเคี้ยวกินและดื่มแล้วได้ออกไป เพราะเหตุนั้น พระธรรมสังคาหกาจารย์จึงกล่าวว่า อาพาธเกิดแต่อมนุษย์นั้นของเธอย่อมระงับ."
    วินัยปิฎก มหาวรรค ๕/๒๖๔๔๙.
    https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=5&siri=8

    ๒) เรื่องภิกษุโดนยาแฝดดื่มน้ำที่ละลายจากดินติดผาลไถ
    สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่งอาพาธโดนยาแฝด ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบพระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ดื่มน้ำที่เขาละลายดิน รอยไถติดผาล”
    (วินัยปิฎกมหาวรรค. ๕/๒๖๙/๖๑.)

    วิธีการรักษาโรคต่างๆ มีปรากฏอยู่ในตุวฏกสุตตนิทเทสขุททกนิกาย มหานิเทศ ได้กล่าวถึงวิธีการบำบัดโรคไว้ 5 อย่างด้วยกัน คือ
    (๑) การบำบัดด้วยการเสกเป่า (๒) การบำบัดด้วย (๓) การผ่าตัด (๔) การบำบัดด้วยยา (๕) การรักษาที่เกี่ยวข้องกับทางภูตผีหรือไสยศาสตร์ และการบำบัดโรคเด็ก (กุมารเวช)

    7.ปฏิเสธการสวดมนต์ สาธยายมนต์ พระปริตร ว่าไม่มีคุณค่า ไม่ได้ช่วยอะไร
    เป็นการปฏิเสธคำของพระพุทธเจ้า ที่อนุญาตให้พุทธบริษัท ๔ เรียน และสวดสาธยายปริตร ดังข้อความว่า "ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะจงเล่าเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะ จงทรงจำมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะไว้ ภิกษุทั้งหลาย มนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะนี้ ประกอบด้วยประโยชน์เพื่อคุ้มครอง เพื่อรักษา เพื่อไม่เบียดเบียน เพื่ออยู่สำราญของภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย”
    (ที.มหา. ๑๑/๒๙๕/๒๖๔.)

    8. เรียนไม่ถึง ตีความเอง ไม่ศึกษาเครื่องมือการศึกษาพระไตรปิฎก คือไวยากรณ์ภาษาบาลี คนตื่นธรรมเป็นศิษย์สำนักวัดนาจึงใช้ทิฏฐิของตน อัตโนมัติ ตัดสินธรรมตามชอบใจ ซึ่งเป็นหลักสำคัญที่สำนักนี้ใช้การตีความแบบนี้มาช้านาน
    โดยใช้หลักการยึดเอาพระไตรปิฎกเฉพาะบางส่วน ที่เห็นว่าเป็นคำพุทธวจนะแท้ จากพระโอษฐ์ โดยใช้ตรรกะง่ายๆ หาข้อความในพระสูตรที่มีคำว่า "ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย" เป็นต้น
    จึงจะเชื่อว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ส่วนคำสอนอื่นที่ไม่มีข้อความตรัสแบบนี้ จะตีความว่าไม่ใช่คำสอน เป็นคำแต่งเติม แต่งใหม่จึงมีส่วนคำสอนที่ถูกสำนักนี้ตัดออกไป เช่น เรื่องสวดปริตร หรือสิกบท 150 ข้อ การตัดสินความเป็นพุทธพจน์แท้ แบบนี้นับเป็นการตีความผิดพลาดอย่างมาก ได้สร้างบาปใหญ่ให้เกิดในสังฆมณฑลมา 20 กว่าปี ศิษย์สำนักนี้เผยแผ่ธรรม ตามการตีความแบบนี้จึงได้เกิด วิวาทะ ปะทะกับชาวพุทธส่วนใหญ่ ถกเถียงกันเรื่อง เดรัจฉานวิชา การทำน้ำมนต์ ปลุกเสก สิกขาบทวินัย ทำให้เกิดความแตกแยก ไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาแก้ปัญหา ยังคงเป็นปัญหาจนทุกวันนี้ คนตื่นธรรมถือเป็นผลผลิตของวัดนาที่ได้สร้างบาปให้แก่พุทธสาสนา ด้วยการศึกษาเอง ตีความเอง ข่มชาวพุทธ

    9.ศึกษาธรรมวินัยเอง ไม่มีครูอาจารย์ผู้สอน ทำให้ตีความธรรมวินัยผิดพลาด ขัดแย้งกับคำสอนหลายเรื่อง เป็นมิจฉาทิฐิ ในการเล่าเรียนธรรมพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติวิธีการศึกษาพระธรรมวินัยไว้ในสัทธิวิหาริกวัตรว่า
    “อุปชฺฌาเยน, ภิกฺขเว, สทฺธิวิหาริโก สงฺคเหตพฺโพ อนุคฺคเหตพฺโพ อุทฺเทเสน ปริปุจฺฉาย โอวาเทน อนุสาสนิยา.
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุปัชฌาย์ ต้องสงเคราะห์ อนุเคราะห์ สัทธิวิหาริก(พระลูกศิษย์) ด้วยอุทเทส(พระบาลี) ปริปุจฉา(การทวนสอบอรรถกถา) โอวาท และอนุสาสนีย์
    วินัยปิฎก มหาวรรค.๔/๖๗/๘๘
    https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=4&siri=20
    หลักการนี้ย้ำชัดว่า ในการศึกษาคำสอน ต้องทำอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ ที่รอบรู้ในพระธรรมวินัย ไม่สามารถศึกษาเองได้ คนตื่นธรรมหรือสำนักวัดนา ใช้วิธีการอ่านศึกษาธรรมเอง จึงได้เกิดความเห็นผิดขึ้นหลายประการ เรื่องการตีความคำสอนผิดพลาด

    10.ขาดคุณสมบัติของผู้สอนธรรม ๗ ประการ ที่จำเป็นของผู้สอนธรรม ตามพุทธพจน์ที่ตรัสไว้ในอังคุตรนิกาย สัตตกนิบาตว่า
    “ปิโย ครุ ภาวนีโย, วตฺตา จ วจนกฺขโม;
    คมฺภีรญฺจ กถํ กตฺตา, โน จฏฺาเน นิโยชโก .
    ๑. เป็นที่รักเป็นที่พอใจ ๒. เป็นที่เคารพ ๓. เป็นที่ยกย่อง
    ๔. เป็นนักพูด ๕. เป็นผู้อดทนต่อถ้อยคำ ๖. เป็นผู้พูดถ้อยคำลึกซึ้งได้
    ๗. ไม่ชักนำในอฐานะ
    ภิกษุทั้งหลาย มิตรประกอบด้วยองค์ ๗ ประการนี้แล เป็นผู้ควรเสพ ควรคบ
    ควรเข้าไปนั่งใกล้ แม้จะถูกขับไล่ก็ตาม
    อธิบายความ
    1.ปิโย เป็นที่รักเป็นที่พอใจ ในที่นี้หมายถึงมีลักษณะแห่งกัลยาณมิตร ๘ ประการ คือ (๑) มีศรัทธา คือ เชื่อการตรัสรู้ของพระตถาคต เชื่อกรรมและผลของกรรม (๒) มีศีล คือ เป็นที่รัก เป็นที่เคารพ เป็นที่นับถือของสัตว์ทั้งหลาย (๓) มีสุตะ คือ กล่าวถ้อยคำที่ลึกซึ้งที่สัมปยุตด้วยสัจจะและปฏิจจสมุปบาท (๔) มีจาคะ คือปรารถนาน้อย สันโดษ ชอบสงัด ไม่คลุกคลีด้วยหมู่ (๕) มีความเพียร คือ ปรารภความเพียรในการปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลแก่ตนและเกื้อกูลแก่ผู้อื่น (๖) มีสติ คือ มีสติตั้งมั่น (๗) มีสมาธิ คือ มีจิตตั้งมั่นไม่ฟุ้งซ่าน(๘) มีปัญญา คือ รู้อย่างไม่วิปริต ใช้สติพิจารณาคติแห่งกุศลธรรมและอกุศลธรรม รู้สิ่งที่เกื้อกูลและสิ่งไม่เกื้อกูลแห่งสัตว์ทั้งหลายด้วยปัญญาตามความเป็นจริง มีจิตเป็นหนึ่งในอารมณ์นั้นด้วยสมาธิ เว้นสิ่งที่ไม่เกื้อกูล ประกอบสิ่งที่เกื้อกูลด้วยความเพียร (องฺ.สตฺตก.ฏีกา ๓/๓๗-๔๓/๒๐๓)
    2.ครุ เป็นที่เคารพ สูงส่งหนักแน่นดุจหินผา
    3.ภาวนีโย เป็นที่ยกย่อง น่าเจริญใจ
    4.วัตตา เป็นนักพูด(ผู้สอน) หมายถึงเป็นผู้ฉลาดในการใช้คำพูด (องฺ.สตฺตก.อ. ๓/๓๗/๑๗๙)
    5. วจนักขโม อดทนต่อถ้อยคำ หมายถึงปฏิบัติตามโอวาทที่ท่านให้แล้ว (องฺ.สตฺตก.อ. ๓/๓๗/๑๗๙)
    6. คัมภีรัญ จะ กถัง กัตตา ถ้อยคำลึกซึ้ง หมายถึงเรื่องเกี่ยวกับฌาน วิปัสสนา มรรค ผล และนิพพาน (องฺ.สตฺตก.อ. ๓/๓๗/๑๗๙)
    7. โน จัฏฐาเน นิโยชะโก ไม่ชักนำในอฐานะ หมายถึงป้องกันไม่ให้ทำในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล มีคติเป็นทุกข์ แต่ชักชวนให้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์เกื้อกูลมีคติเป็นสุข (เทียบ องฺ.สตฺตก.ฏีกา ๓/๓๗/๒๐๓)

    11. ไม่จำแนกแยกแยะ ให้ชัดเจน เหมาะรวม เช่น การสวดมนต์ เจริญพุทธมนต์ ปริตร การอธิษฐานจิตปลุกเสกพระเครื่องวัตถุมงคล กับเดรัจฉานวิชา เอามายำรวมกัน เป็นของที่ห้าม

    12.ไม่ให้บูชานับถือ สิ่งอื่นนอกเหนือจากพระรัตนตรัย หรือคำสอน บูชาเทวดา ยมยักษ์ ต่างๆ
    ในรายละเอียดเรื่องนี้ พระพุทธเจ้าแสดงอานิสงส์ของการบูชาเจดีย์ ที่เป็นเหตุแห่งความเจริญไว้ ในมหาปรินิพพานสูตร ตอนราชอปริหานิยธรรม ทีฆนิกาย มหาวรรค ข้อที่ ๖ ว่า
    “อานนท์ เธอได้ยินไหมว่า ‘พวกเจ้าวัชชี สักการะ เคารพ นับถือ บูชา
    เจดีย์ในแคว้นวัชชีของชาววัชชี ทั้งในเมืองและนอกเมือง และไม่ละเลยการบูชาอันชอบธรรม ที่เคยให้เคยกระทำต่อเจดีย์เหล่านั้นให้เสื่อมสูญไป”
    “อานนท์ พวกเจ้าวัชชีพึงหวังได้แต่ความเจริญอย่างเดียว ไม่มีความเสื่อมเลยตราบเท่าที่พวกเจ้าวัชชียังสักการะ เคารพ นับถือ บูชาเจดีย์ในแคว้นวัชชีของชาววัชชีทั้งในเมืองและนอกเมือง และไม่ละเลยการบูชาอันชอบธรรมที่เคยให้เคยกระทำ ต่อเจดีย์เหล่านั้นให้เสื่อมสูญไป”
    (ที.มหา.10/134/78.)
    https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=10&siri=3
    คำว่า เจดีย์ ที่ชาววัชชีบูชา หมายถึง ต้นไม้ใหญ่ ที่มียักษ์สิงสถิตย์ ยักษ์เป็นเทวดาชั้นจาตุม ยกฺข ภาษาบาลีแปลว่า ผู้ที่เขาบูชา เมื่อบุคคลบูชาต้นไม้ใหญ่ หรือยักษ์ ย่อมมีความเจริญ ยักษ์คือเทวดาย่อมปกปักษ์รักษา สอดคล้องกับคำสอนเรื่อง เทวตานุสสติ ในพระพุทธศาสนา ไม่ขัดแย้งกัน
    ย่อมเป็นหลักการยืนยันว่า พระพุทธเจ้ายอมรับว่า มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังอำนาจอำนวยผลให้ผู้คนนับถือบูชา การบูชาเทวดา หรือต้นไม้ใหญ่ ก็มีผลนำความเจริญมาสู่ได้ เป็นหลักการย่อยในหลักการใหญ่ ที่ควรต้องรู้รอบและลึกชัดเจน จึงจะเข้าใจเรื่องนี้

    13. ไม่เข้าใจตัวบทพยัญชนะ ความหมายคำ
    ติรัจฉานวิชชา การสวดปริตร การใช้อิทธิปาฏิหาริย์ที่อนุญาต
    ติรจฺฉานวิชฺชา(อิต.) วิชาขวาง, วิชาขวาง ทางไปนิพพาน, ติรัจฉานวิชา คือความรู้ที่ไร้สาระ ความรู้ที่ไม่เป็นประโยชน์ วิชาที่ไม่ทำตนให้พ้นจากทุกข์ซึ่งพระพุทธเจ้า ทรงห้ามมิให้ภิกษุ - สามเณรศึกษา เช่น วิชาทำเสน่ห์ยาแฝดเป็นต้น.

    14. ไม่เข้าใจ แยกไม่ออกระหว่างการสวดปริตร กับการทำเดรัจฉานวิชา
    ทำให้ โจมตีพระที่สวดปริตร ทำน้ำมนต์ ปลุกเสก ในขณะที่เรื่องการทำวัตถุมงคล พุทธพานิชย์มีรายละเอียดหลายส่วน ต้องพิจารณาว่าพระสงฆ์รูปใดเข้าไปเกี่ยวข้องในลักษณะใดบ้าง ผิดพระวินัยข้อใด การสร้างพระพุทธรูป การสวดปริตร ปลุกเสก ไม่ได้ผิดหลักคำสอนทั้งในส่วนวินัยบัญญัติ หรือสัมมาอาชีวะแต่อย่างใด ส่วนการทำพานิชย์ที่เกี่ยวข้องเป็นหน้าที่ของฆราวาสดำเนินการด้วยมุ่งประโยชน์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาสร้างถาวรวัตถุ ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ ไม่ใช่การหลอกลวงตามพระวินัย

    15. ไม่มีคารวธรรม คุณธรรม ศึกษาแบบลวกๆ ไม่เคารพในสิกขา การศึกษา ทำให้เข้าใจไม่ถูกต้อง นำสุ่การตีความธรรมวินัยผิด
    การศึกษาธรรมต้องมีความเคารพในสิกขา คือการศึกษาด้วยความเคารพ ข้อใดไม่เข้าใจก็ต้องไปสอบถาม กับอาจารย์ผู้รู้ จนเกิดความเข้าใจ การไม่แสวงหา ไม่ใฝ่หาผู้รู้มาสอบทานความรู้ที่ตนมีจึงเป็นการศึกษาโดยไม่เคารพในพระธรรม ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาในเรื่องความเข้าใจไม่ถูกต้อง และเป็นปัญหาชาวพุทธเมื่อนำไปเผยแผ่
    (มี ต่อ 16-18)

    อย่าร่วมกันสร้างบาปให้กับพระพุทธศาสนา คำสอนในพระไตรปิฎกมีความลึกซึ้ง ต้องศึกษาอย่างเคารพ ระมัดระวัง อย่างเป็นระบบ มีกระบวนการ และชาวพุทธควรยึดหลักการในพระไตรปิฎก ไม่สนับสนุนกลุ่มคนที่ทำลายคำสอนด้วยการสอนผิด
    บาป 18 ประการ คนตื่นธรรม กรณีคนตื่นธรรม สอนธรรมออนไลน์ในสื่อโซเชียล มีลักษณะการใช้คำพูดหยาบคาย ด้อยค่าด่ากราด ไม่ประนีประนอมเพื่อให้คนเข้าถึงธรรมะที่แท้จริง ตื่นรู้จากอวิชชา เดรัจฉานวิชา ปลุกเสก ได้สร้างบาป 18 ประการขึ้น คือในการสอนธรรม มีข้อผิดพลาดที่เป็นปัญหาควรต้องพิจารณาและปรับปรุง เพราะกระทบต่อภาพลักษณ์ของพุทธสาสนา และสร้างสัทธรรมปฏิรูปขึ้นแก่ชาวพุทธ เป็นบาปใหญ่หลวง 1. ใช้วจีทุจริต ไม่เป็นสัมมาวาจา ไม่เป็นวาจาสุภาษิต (ตามแนวทางมรรค ๘) มีการใช้คำพูดด่า ดูถูก กดข่มผู้ฟัง เช่น มึงมันโง่ ไอ้ปัญญาอ่อน มึงปัญญาอ่อนไง โดยกล่าวอ้างว่า ธรรมแท้ไม่มีประนีประนอม ในหลักของมรรคมีองค์ ๘ ครอบคลุมอยู่ในทุกเรื่องของการกระทำ จึงจะถือว่าเป็นการปฏิบัติตามคำสอนในพระพุทธศาสนา การสอนโดยใช้วาจาไม่เป็นสัมมาวาจานั้น เป็นวจีทุจริต เป็นบาป ผิดหลักมรรคมีองค์ ๘ 2. สอนขัดแย้งกันเอง ยกธรรมตีธรรม เพราะไม่รอบรู้ไม่เข้าใจหลักเหตุผล มักจะเอาธรรมข้อใดข้อหนึ่งยกขึ้นมา ตีธรรมะข้ออื่นในชุดธรรมเดียวกัน หรือชุดอื่น เพื่อสร้างภาพว่าตนรู้ทั่วถึงธรรมวินัยดี อันไหนธรรมแท้ ธรรมถูก เช่น การกล่าวว่าการรู้อดีต รู้อนาคต ไม่ได้ทำให้เข้าใจปัจจุบัน ไม่มีประโยชน์ ถือเป็นดูหมิ่นด้อยค่า คำสอน วิชชา 3 มี ปุพเพนิวาสนุสสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ โดยคำลักษณะนี้เป็นการบอกว่า ญาณ 2 อย่างข้างต้นไม่มีความสำคัญ ในขณะที่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ การระลึกรู้อดีตชาติของพระพุทธเจ้า ได้เป็นการประจักษ์แจ้งการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏฏ์ ทำให้รู้จุตูปปาตญาณ รู้ผลของการกระทำกรรม และนำสู่อาสวักขยญาณ ปัญญารู้ทำอาสวะกิเลสให้หมดสิ้นได้ และข้อธรรมอื่นก็คล้ายกัน ไม่รู้จักเหตุผล พุทธเจ้าแสดงธรรมเป็นชุดเหตุผล เป็นลำดับ 3. พุทธคุณไม่มีอยู่จริง นอกจากพระบริสุทธิคุณ ปัญญาคุณ มหากรุณาคุณ ความจริงคุณของพระพุทธเจ้ามีหลายประการ ทั้งนวหรคุณ 9 อย่าง อะระหํ(เป็นพระอรหันต์) สัมมาสัมพุทโธ(ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง) วิชชาจรณสัมปันโน (เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ) เป็นต้น พุทธานุภาพที่เกิดจากอานุภาพบารมีที่สั่งสมแสดงออกอำนวยผล ในหลายลักษณะ ให้เกิดความสวัสดีแก่ผู้นับถือบูชา เช่น การปกป้องคุ้มครองพระภิกษุที่ไปปฏิบัติอยู่ในสถานที่ห่างไกล มักจะปูลาดอาสนะไว้ เมื่อมีภัย หรือเกิดอกุศลวิตก หวาดกลัว เพียงระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระองค์จะเสด็จมาปลอบ สอนธรรม ทำให้พระภิกษุไม่หวาดกลัวที่จะเดินทางไปอยู่ในที่ไกลๆ เพราะพลังแห่งพุทธะคุ้มครอง แม้ในยุคปัจจุบันพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ก็ยังมีพลังพุทธคุณหรือพุทธานุภาพปกป้องคุ้มครองชาวพุทธอยู่ ความเชื่อเหล่านี้จะมีผลได้ต้องปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงธรรมระดับหนึ่งจึงจะสามารถพิสูจน์ได้ การเห็นสุดโต่งปฏิเสธความมีอยู่แห่งพุทธานุภาพจึงเป็นความเห็นผิด อันร้ายแรงอย่างหนึ่ง 4.พระเครื่องไม่มีพุทธคุณ เป็นความเห็นผิด พุทธเจ้าประทานบทพระปริตรหลายวาระหลายบท เพื่อป้องกัน เพื่อรักษา ไม่เบียดเบียน อยู่สำราญ ของพระภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา พุทธานุภาพหรือเขตอำนาจแห่งพุทธเจ้าแผ่ไปใน 3 เรื่อง คือ 1)ชาติเขต แผ่ไปในหมื่นจักรวาล 2)อาณาเขต คือ พุทธมนต์ หรือปริตร แผ่ไปในแสนโกฏิจักรวาล 3)วิสัยเขต แผ่ไปไม่มีขอบเขต พุทธคุณหรือพุทธานุภาพ เกิดจากการสวดสาธยายมนต์ มีอำนาจแผ่ไปในแสนโกฏิจักรวาล ช่วยขจัดปัดเป่าอุปัทวันตราย โรคภัย เสนียดจัญไรต่างๆ ได้ มีการสืบทอดคำสอนมาช้านาน ดังข้อความว่า "ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะจงเล่าเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะ จงทรงจำมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะไว้ ภิกษุทั้งหลาย มนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะนี้ ประกอบด้วยประโยชน์ เพื่อคุ้มครอง เพื่อรักษา เพื่อไม่เบียดเบียน เพื่ออยู่สำราญของภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย” ข้อความนี้แสดงให้เห็นว่า บทปริตร หรือบทพุทธมนต์ มีพลังอำนาจ คุ้มครองป้องกันรักษา พระพุทธเจ้าจึงให้สวดสาธยาย และเมื่อนำมาใช้ในการสร้างพระพุทธรูป พระเครื่องต่างๆ ย่อมมีคุณตามที่พระพุทธเจ้าตรัส คำพูดปฏิเสธพุทธคุณ พุทธรูป สิ่งเคารพทางศาสนา ที่สืบทอดคติความเชื่อจารีตมาช้านานนับพันปี จึงเป็นการบ่อนทำลายความศรัทธาที่มีต่อ พระพุทธเจ้า สิ่งแทนพุทธเจ้า หรือคำสอนที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า ไม่ให้ผู้คนมีศรัทธา โดยยกคำสอนเรื่องอริยสัจ มาด้อยค่าคำสอนว่าด้วยเรื่องศรัทธาต่อพระพุทธเจ้า จึงเป็นการทำลายศาสนา ไปพร้อมกัน อนาคตเด็กยุคใหม่เสพคำสอนนี้ จะไม่นับถือไม่ไหว้พระพุทธเจ้าและไม่เห็นความสำคัญ คุณค่าของพุทธรูปที่สร้างไว้ในฐานะเครื่องยึดเหนี่ยวที่เป็นรูปธรรมนำสุ่พุทธเจ้า รวมทั้งไม่เชื่อในพระพุทธเจ้า 5. มิจฉาทิฐิ 10 สอนการบูชาที่ไร้ผล สายลัทธิวัดนา สอนไม่ให้กราบไหว้บูชาพระพุทธรูป องค์แทนพุทธเจ้าสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงพุทธเจ้า เป็นจารีตนิยมที่ถือมาช้านาน เชื่อมโยงคำสอนในพระไตรปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ ปีตวิมานวัตถุ “ติฏฺฐนฺเต นิพฺพุเต จาปิ, สเม จิตฺเต สมํ ผลํ; เจโตปณิธิเหตุ หิ, สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคฺคตึ. "พระพุทธเจ้า จะทรงพระชนม์อยู่ หรือแม้จะนิพพานไปแล้วก็ตาม ถ้าจิตเสมอกัน ผลก็เสมอกัน สัตว์ทั้งหลายไปสู่สวรรค์ เพราะความเลื่อมใสตั้งมั่นแห่งจิตใจ การสอนไม่ให้ไหว้พุทธรูป นับเป็นมิจฉาทิฐิ ข้อที่ ๒ นัตถิ ยิตถัง และข้อที่ ๑๐ พระพุทธเจ้าไม่มีอยู่จริง ในชุดคำสอน มิจฉาทิฐิ ๑๐ ประการ เป็นการสร้างบาปทำลายคำสอน ความศรัทธาที่ชาวพุทธมีต่อพระพุทธเจ้า โดยอ้างว่าให้ยึดคำสอนสูงสุด อริยสัจสี่ เพื่อพ้นทุกข์ 6. คุณไสย ไสยเวทย์ ไม่มี. การปฏิเสธคำสอน ในเรื่องคุณไสย์ วิชาอาคม มนต์ มีพลังอำนาจอยู่จริง หรือไม่ เมื่อไม่สามารถหาคำตอบหรือพิสูจน์ได้ ก็ควรพิจารณาจากหลักฐานในพระไตรปิฎก มีที่ใดบ้าง ข้อความพุทธพจน์วินัยบัญญัติ ดังเรื่องต่อไปนี้ ๑) พระภิกษุถูกผีสิง อมนุษย์สิง กินเลือดสด เนื้อสด ทรงอนุญาตให้พระภิกษุฉันเลือดและเนื้อสดได้ เพื่อเป็นเภสัช เมื่อฉันแล้วอมนุษย์จะออกไป แสดงให้เห็นว่าบทบัญญัติทางพระวินัย พระพุทธเจ้ายอมรับว่ามีผีหรืออมนุษย์สามารถสิงสู่คนได้ พระภิกษุถูกอมนุษย์สิงได้ และวิธีการรักษา ในครั้งนั้นตามอาการ คือเมื่ออมนุษย์มาสิงเพื่อกินเนื้อสด เลือดสด(ปอบ) ก็อนุญาตให้พระภิกษุกินได้ และไม่ถือว่าต้องอาบัติอะไร เพราะคนที่กิน ไม่ใช่พระ แต่เป็นอมนุษย์ หลักฐานนี้ยอมรับการมีอยู่ การสิงร่างคน ของอมนุษย์ เป็นความรู้ที่ควรต้องมี ไม่ปฏิเสธว่า ผี อมนุษย์ ไม่มี ไสยเวทย์ ไม่มี เรื่องเนื้อดิบและเลือดสด "อมนุษย์เคี้ยวกินเนื้อดิบและดื่มเลือดสด เพราะเหตุนั้น ภิกษุจึงชื่อว่าไม่ได้เคี้ยวกินเนื้อดิบและดื่มเลือดสดนั้น. อมนุษย์ ครั้นเคี้ยวกินและดื่มแล้วได้ออกไป เพราะเหตุนั้น พระธรรมสังคาหกาจารย์จึงกล่าวว่า อาพาธเกิดแต่อมนุษย์นั้นของเธอย่อมระงับ." วินัยปิฎก มหาวรรค ๕/๒๖๔๔๙. https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=5&siri=8 ๒) เรื่องภิกษุโดนยาแฝดดื่มน้ำที่ละลายจากดินติดผาลไถ สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่งอาพาธโดนยาแฝด ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบพระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ดื่มน้ำที่เขาละลายดิน รอยไถติดผาล” (วินัยปิฎกมหาวรรค. ๕/๒๖๙/๖๑.) วิธีการรักษาโรคต่างๆ มีปรากฏอยู่ในตุวฏกสุตตนิทเทสขุททกนิกาย มหานิเทศ ได้กล่าวถึงวิธีการบำบัดโรคไว้ 5 อย่างด้วยกัน คือ (๑) การบำบัดด้วยการเสกเป่า (๒) การบำบัดด้วย (๓) การผ่าตัด (๔) การบำบัดด้วยยา (๕) การรักษาที่เกี่ยวข้องกับทางภูตผีหรือไสยศาสตร์ และการบำบัดโรคเด็ก (กุมารเวช) 7.ปฏิเสธการสวดมนต์ สาธยายมนต์ พระปริตร ว่าไม่มีคุณค่า ไม่ได้ช่วยอะไร เป็นการปฏิเสธคำของพระพุทธเจ้า ที่อนุญาตให้พุทธบริษัท ๔ เรียน และสวดสาธยายปริตร ดังข้อความว่า "ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะจงเล่าเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะ จงทรงจำมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะไว้ ภิกษุทั้งหลาย มนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะนี้ ประกอบด้วยประโยชน์เพื่อคุ้มครอง เพื่อรักษา เพื่อไม่เบียดเบียน เพื่ออยู่สำราญของภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย” (ที.มหา. ๑๑/๒๙๕/๒๖๔.) 8. เรียนไม่ถึง ตีความเอง ไม่ศึกษาเครื่องมือการศึกษาพระไตรปิฎก คือไวยากรณ์ภาษาบาลี คนตื่นธรรมเป็นศิษย์สำนักวัดนาจึงใช้ทิฏฐิของตน อัตโนมัติ ตัดสินธรรมตามชอบใจ ซึ่งเป็นหลักสำคัญที่สำนักนี้ใช้การตีความแบบนี้มาช้านาน โดยใช้หลักการยึดเอาพระไตรปิฎกเฉพาะบางส่วน ที่เห็นว่าเป็นคำพุทธวจนะแท้ จากพระโอษฐ์ โดยใช้ตรรกะง่ายๆ หาข้อความในพระสูตรที่มีคำว่า "ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย" เป็นต้น จึงจะเชื่อว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ส่วนคำสอนอื่นที่ไม่มีข้อความตรัสแบบนี้ จะตีความว่าไม่ใช่คำสอน เป็นคำแต่งเติม แต่งใหม่จึงมีส่วนคำสอนที่ถูกสำนักนี้ตัดออกไป เช่น เรื่องสวดปริตร หรือสิกบท 150 ข้อ การตัดสินความเป็นพุทธพจน์แท้ แบบนี้นับเป็นการตีความผิดพลาดอย่างมาก ได้สร้างบาปใหญ่ให้เกิดในสังฆมณฑลมา 20 กว่าปี ศิษย์สำนักนี้เผยแผ่ธรรม ตามการตีความแบบนี้จึงได้เกิด วิวาทะ ปะทะกับชาวพุทธส่วนใหญ่ ถกเถียงกันเรื่อง เดรัจฉานวิชา การทำน้ำมนต์ ปลุกเสก สิกขาบทวินัย ทำให้เกิดความแตกแยก ไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาแก้ปัญหา ยังคงเป็นปัญหาจนทุกวันนี้ คนตื่นธรรมถือเป็นผลผลิตของวัดนาที่ได้สร้างบาปให้แก่พุทธสาสนา ด้วยการศึกษาเอง ตีความเอง ข่มชาวพุทธ 9.ศึกษาธรรมวินัยเอง ไม่มีครูอาจารย์ผู้สอน ทำให้ตีความธรรมวินัยผิดพลาด ขัดแย้งกับคำสอนหลายเรื่อง เป็นมิจฉาทิฐิ ในการเล่าเรียนธรรมพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติวิธีการศึกษาพระธรรมวินัยไว้ในสัทธิวิหาริกวัตรว่า “อุปชฺฌาเยน, ภิกฺขเว, สทฺธิวิหาริโก สงฺคเหตพฺโพ อนุคฺคเหตพฺโพ อุทฺเทเสน ปริปุจฺฉาย โอวาเทน อนุสาสนิยา. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุปัชฌาย์ ต้องสงเคราะห์ อนุเคราะห์ สัทธิวิหาริก(พระลูกศิษย์) ด้วยอุทเทส(พระบาลี) ปริปุจฉา(การทวนสอบอรรถกถา) โอวาท และอนุสาสนีย์ วินัยปิฎก มหาวรรค.๔/๖๗/๘๘ https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=4&siri=20 หลักการนี้ย้ำชัดว่า ในการศึกษาคำสอน ต้องทำอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ ที่รอบรู้ในพระธรรมวินัย ไม่สามารถศึกษาเองได้ คนตื่นธรรมหรือสำนักวัดนา ใช้วิธีการอ่านศึกษาธรรมเอง จึงได้เกิดความเห็นผิดขึ้นหลายประการ เรื่องการตีความคำสอนผิดพลาด 10.ขาดคุณสมบัติของผู้สอนธรรม ๗ ประการ ที่จำเป็นของผู้สอนธรรม ตามพุทธพจน์ที่ตรัสไว้ในอังคุตรนิกาย สัตตกนิบาตว่า “ปิโย ครุ ภาวนีโย, วตฺตา จ วจนกฺขโม; คมฺภีรญฺจ กถํ กตฺตา, โน จฏฺาเน นิโยชโก . ๑. เป็นที่รักเป็นที่พอใจ ๒. เป็นที่เคารพ ๓. เป็นที่ยกย่อง ๔. เป็นนักพูด ๕. เป็นผู้อดทนต่อถ้อยคำ ๖. เป็นผู้พูดถ้อยคำลึกซึ้งได้ ๗. ไม่ชักนำในอฐานะ ภิกษุทั้งหลาย มิตรประกอบด้วยองค์ ๗ ประการนี้แล เป็นผู้ควรเสพ ควรคบ ควรเข้าไปนั่งใกล้ แม้จะถูกขับไล่ก็ตาม อธิบายความ 1.ปิโย เป็นที่รักเป็นที่พอใจ ในที่นี้หมายถึงมีลักษณะแห่งกัลยาณมิตร ๘ ประการ คือ (๑) มีศรัทธา คือ เชื่อการตรัสรู้ของพระตถาคต เชื่อกรรมและผลของกรรม (๒) มีศีล คือ เป็นที่รัก เป็นที่เคารพ เป็นที่นับถือของสัตว์ทั้งหลาย (๓) มีสุตะ คือ กล่าวถ้อยคำที่ลึกซึ้งที่สัมปยุตด้วยสัจจะและปฏิจจสมุปบาท (๔) มีจาคะ คือปรารถนาน้อย สันโดษ ชอบสงัด ไม่คลุกคลีด้วยหมู่ (๕) มีความเพียร คือ ปรารภความเพียรในการปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลแก่ตนและเกื้อกูลแก่ผู้อื่น (๖) มีสติ คือ มีสติตั้งมั่น (๗) มีสมาธิ คือ มีจิตตั้งมั่นไม่ฟุ้งซ่าน(๘) มีปัญญา คือ รู้อย่างไม่วิปริต ใช้สติพิจารณาคติแห่งกุศลธรรมและอกุศลธรรม รู้สิ่งที่เกื้อกูลและสิ่งไม่เกื้อกูลแห่งสัตว์ทั้งหลายด้วยปัญญาตามความเป็นจริง มีจิตเป็นหนึ่งในอารมณ์นั้นด้วยสมาธิ เว้นสิ่งที่ไม่เกื้อกูล ประกอบสิ่งที่เกื้อกูลด้วยความเพียร (องฺ.สตฺตก.ฏีกา ๓/๓๗-๔๓/๒๐๓) 2.ครุ เป็นที่เคารพ สูงส่งหนักแน่นดุจหินผา 3.ภาวนีโย เป็นที่ยกย่อง น่าเจริญใจ 4.วัตตา เป็นนักพูด(ผู้สอน) หมายถึงเป็นผู้ฉลาดในการใช้คำพูด (องฺ.สตฺตก.อ. ๓/๓๗/๑๗๙) 5. วจนักขโม อดทนต่อถ้อยคำ หมายถึงปฏิบัติตามโอวาทที่ท่านให้แล้ว (องฺ.สตฺตก.อ. ๓/๓๗/๑๗๙) 6. คัมภีรัญ จะ กถัง กัตตา ถ้อยคำลึกซึ้ง หมายถึงเรื่องเกี่ยวกับฌาน วิปัสสนา มรรค ผล และนิพพาน (องฺ.สตฺตก.อ. ๓/๓๗/๑๗๙) 7. โน จัฏฐาเน นิโยชะโก ไม่ชักนำในอฐานะ หมายถึงป้องกันไม่ให้ทำในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล มีคติเป็นทุกข์ แต่ชักชวนให้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์เกื้อกูลมีคติเป็นสุข (เทียบ องฺ.สตฺตก.ฏีกา ๓/๓๗/๒๐๓) 11. ไม่จำแนกแยกแยะ ให้ชัดเจน เหมาะรวม เช่น การสวดมนต์ เจริญพุทธมนต์ ปริตร การอธิษฐานจิตปลุกเสกพระเครื่องวัตถุมงคล กับเดรัจฉานวิชา เอามายำรวมกัน เป็นของที่ห้าม 12.ไม่ให้บูชานับถือ สิ่งอื่นนอกเหนือจากพระรัตนตรัย หรือคำสอน บูชาเทวดา ยมยักษ์ ต่างๆ ในรายละเอียดเรื่องนี้ พระพุทธเจ้าแสดงอานิสงส์ของการบูชาเจดีย์ ที่เป็นเหตุแห่งความเจริญไว้ ในมหาปรินิพพานสูตร ตอนราชอปริหานิยธรรม ทีฆนิกาย มหาวรรค ข้อที่ ๖ ว่า “อานนท์ เธอได้ยินไหมว่า ‘พวกเจ้าวัชชี สักการะ เคารพ นับถือ บูชา เจดีย์ในแคว้นวัชชีของชาววัชชี ทั้งในเมืองและนอกเมือง และไม่ละเลยการบูชาอันชอบธรรม ที่เคยให้เคยกระทำต่อเจดีย์เหล่านั้นให้เสื่อมสูญไป” “อานนท์ พวกเจ้าวัชชีพึงหวังได้แต่ความเจริญอย่างเดียว ไม่มีความเสื่อมเลยตราบเท่าที่พวกเจ้าวัชชียังสักการะ เคารพ นับถือ บูชาเจดีย์ในแคว้นวัชชีของชาววัชชีทั้งในเมืองและนอกเมือง และไม่ละเลยการบูชาอันชอบธรรมที่เคยให้เคยกระทำ ต่อเจดีย์เหล่านั้นให้เสื่อมสูญไป” (ที.มหา.10/134/78.) https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=10&siri=3 คำว่า เจดีย์ ที่ชาววัชชีบูชา หมายถึง ต้นไม้ใหญ่ ที่มียักษ์สิงสถิตย์ ยักษ์เป็นเทวดาชั้นจาตุม ยกฺข ภาษาบาลีแปลว่า ผู้ที่เขาบูชา เมื่อบุคคลบูชาต้นไม้ใหญ่ หรือยักษ์ ย่อมมีความเจริญ ยักษ์คือเทวดาย่อมปกปักษ์รักษา สอดคล้องกับคำสอนเรื่อง เทวตานุสสติ ในพระพุทธศาสนา ไม่ขัดแย้งกัน ย่อมเป็นหลักการยืนยันว่า พระพุทธเจ้ายอมรับว่า มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังอำนาจอำนวยผลให้ผู้คนนับถือบูชา การบูชาเทวดา หรือต้นไม้ใหญ่ ก็มีผลนำความเจริญมาสู่ได้ เป็นหลักการย่อยในหลักการใหญ่ ที่ควรต้องรู้รอบและลึกชัดเจน จึงจะเข้าใจเรื่องนี้ 13. ไม่เข้าใจตัวบทพยัญชนะ ความหมายคำ ติรัจฉานวิชชา การสวดปริตร การใช้อิทธิปาฏิหาริย์ที่อนุญาต ติรจฺฉานวิชฺชา(อิต.) วิชาขวาง, วิชาขวาง ทางไปนิพพาน, ติรัจฉานวิชา คือความรู้ที่ไร้สาระ ความรู้ที่ไม่เป็นประโยชน์ วิชาที่ไม่ทำตนให้พ้นจากทุกข์ซึ่งพระพุทธเจ้า ทรงห้ามมิให้ภิกษุ - สามเณรศึกษา เช่น วิชาทำเสน่ห์ยาแฝดเป็นต้น. 14. ไม่เข้าใจ แยกไม่ออกระหว่างการสวดปริตร กับการทำเดรัจฉานวิชา ทำให้ โจมตีพระที่สวดปริตร ทำน้ำมนต์ ปลุกเสก ในขณะที่เรื่องการทำวัตถุมงคล พุทธพานิชย์มีรายละเอียดหลายส่วน ต้องพิจารณาว่าพระสงฆ์รูปใดเข้าไปเกี่ยวข้องในลักษณะใดบ้าง ผิดพระวินัยข้อใด การสร้างพระพุทธรูป การสวดปริตร ปลุกเสก ไม่ได้ผิดหลักคำสอนทั้งในส่วนวินัยบัญญัติ หรือสัมมาอาชีวะแต่อย่างใด ส่วนการทำพานิชย์ที่เกี่ยวข้องเป็นหน้าที่ของฆราวาสดำเนินการด้วยมุ่งประโยชน์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาสร้างถาวรวัตถุ ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ ไม่ใช่การหลอกลวงตามพระวินัย 15. ไม่มีคารวธรรม คุณธรรม ศึกษาแบบลวกๆ ไม่เคารพในสิกขา การศึกษา ทำให้เข้าใจไม่ถูกต้อง นำสุ่การตีความธรรมวินัยผิด การศึกษาธรรมต้องมีความเคารพในสิกขา คือการศึกษาด้วยความเคารพ ข้อใดไม่เข้าใจก็ต้องไปสอบถาม กับอาจารย์ผู้รู้ จนเกิดความเข้าใจ การไม่แสวงหา ไม่ใฝ่หาผู้รู้มาสอบทานความรู้ที่ตนมีจึงเป็นการศึกษาโดยไม่เคารพในพระธรรม ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาในเรื่องความเข้าใจไม่ถูกต้อง และเป็นปัญหาชาวพุทธเมื่อนำไปเผยแผ่ (มี ต่อ 16-18) อย่าร่วมกันสร้างบาปให้กับพระพุทธศาสนา คำสอนในพระไตรปิฎกมีความลึกซึ้ง ต้องศึกษาอย่างเคารพ ระมัดระวัง อย่างเป็นระบบ มีกระบวนการ และชาวพุทธควรยึดหลักการในพระไตรปิฎก ไม่สนับสนุนกลุ่มคนที่ทำลายคำสอนด้วยการสอนผิด
    0 Comments 0 Shares 50 Views 0 Reviews
  • ⭐️อานิสงส์ถวายข้าวเพื่อบูชาพระ

    ผู้ถาม : “ถวายข้าวพระพุทธรูป กับ ถวายข้าวพระสงฆ์ อย่างไหนมีอานิสงส์มากกว่ากันคะ.?”

    หลวงพ่อ : “การถวายข้าวพระพุทธรูป ถ้าเป็นเจตนาเพื่อเป็นพุทธบูชาจริง ก็เป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน ตั้งใจถวายพระสงฆ์และตั้งใจถวายจริงๆ เป็นวัตถุทานด้วย เป็นสังฆานุสสติกรรมฐานด้วย

    แต่อย่าลืมนะว่า ถวายแก่พระพุทธเจ้ามีอานิสงส์มากกว่าถวายพระสงฆ์เยอะ แต่ว่าเวลานี้ถ้าไม่ถวายพระสงฆ์ เกิดไปชาติหน้าอดข้าว เดี๋ยวหนูเกิดไปชาติหน้า ถ้าพูดเขาไม่ให้กิน ต้องนั่งเฉยๆ เดี๋ยวเขาก็ให้กิน”

    ผู้ถาม : (หัวเราะ)

    หลวงพ่อ : “ถวายพระพุทธเจ้าเป็นพุทธบูชาเฉยๆ ยังไม่ถือเป็นทาน เราจะมีทรัพย์สิน มีเสื้อสวม มีผ้านุ่ง มีบ้านอยู่ นั่นเป็นอานิสงส์ของทาน การให้ ถ้าเราบูชาพระพุทธเจ้า จัดเป็นพุทธบูชาเฉยๆ นึกถึงความดีท่าน ไม่ถือว่าเป็นทาน อานิสงส์ได้คนละอย่าง

    “พุทธบูชา มหาเตชะวันโต” การบูชาพระพุทธเจ้ามีเดชมีอำนาจมาก นั่นหมายความว่า ถ้าเกิดเป็นเทวดาหรือพรหม มีรัศมีกายสว่างไสวมาก เทวดาหรือพรหมนี่เขาไม่ดูเครื่องแต่งตัว เขาดูแสงสว่างออกจากกาย

    “ธัมมบูชา มหาปัญโญ” การบูชาพระธรรม มีปัญญามาก คือใคร่ครวญในพระธรรมจนเกิดปัญญา จิตเป็นสมาธิ

    “สังฆบูชา มหาโภคะวะโห” สงเคราะห์พระสงฆ์ เกิดไปรวยมาก เพราะเราใช้วัตถุเป็นเครื่องหมาย

    อานิสงส์ต่านกัน แต่ต้องทำ 3 อย่าง ไม่งั้นหลวงพ่ออด”

    ผู้ถาม : (หัวเราะ)

    📚จาก : หนังสือ หลวงพ่อ ตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่มที่ ๔ หน้า ๓๘ โดย ⭐️หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (พระมหาวีระ ถาวโร) วัดจันทาราม(ท่าซุง) อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี
    ✨เพจ:คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    🖊️พิมพ์ธรรมทาน นภา อิน
    ⭐️อานิสงส์ถวายข้าวเพื่อบูชาพระ ผู้ถาม : “ถวายข้าวพระพุทธรูป กับ ถวายข้าวพระสงฆ์ อย่างไหนมีอานิสงส์มากกว่ากันคะ.?” หลวงพ่อ : “การถวายข้าวพระพุทธรูป ถ้าเป็นเจตนาเพื่อเป็นพุทธบูชาจริง ก็เป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน ตั้งใจถวายพระสงฆ์และตั้งใจถวายจริงๆ เป็นวัตถุทานด้วย เป็นสังฆานุสสติกรรมฐานด้วย แต่อย่าลืมนะว่า ถวายแก่พระพุทธเจ้ามีอานิสงส์มากกว่าถวายพระสงฆ์เยอะ แต่ว่าเวลานี้ถ้าไม่ถวายพระสงฆ์ เกิดไปชาติหน้าอดข้าว เดี๋ยวหนูเกิดไปชาติหน้า ถ้าพูดเขาไม่ให้กิน ต้องนั่งเฉยๆ เดี๋ยวเขาก็ให้กิน” ผู้ถาม : (หัวเราะ) หลวงพ่อ : “ถวายพระพุทธเจ้าเป็นพุทธบูชาเฉยๆ ยังไม่ถือเป็นทาน เราจะมีทรัพย์สิน มีเสื้อสวม มีผ้านุ่ง มีบ้านอยู่ นั่นเป็นอานิสงส์ของทาน การให้ ถ้าเราบูชาพระพุทธเจ้า จัดเป็นพุทธบูชาเฉยๆ นึกถึงความดีท่าน ไม่ถือว่าเป็นทาน อานิสงส์ได้คนละอย่าง “พุทธบูชา มหาเตชะวันโต” การบูชาพระพุทธเจ้ามีเดชมีอำนาจมาก นั่นหมายความว่า ถ้าเกิดเป็นเทวดาหรือพรหม มีรัศมีกายสว่างไสวมาก เทวดาหรือพรหมนี่เขาไม่ดูเครื่องแต่งตัว เขาดูแสงสว่างออกจากกาย “ธัมมบูชา มหาปัญโญ” การบูชาพระธรรม มีปัญญามาก คือใคร่ครวญในพระธรรมจนเกิดปัญญา จิตเป็นสมาธิ “สังฆบูชา มหาโภคะวะโห” สงเคราะห์พระสงฆ์ เกิดไปรวยมาก เพราะเราใช้วัตถุเป็นเครื่องหมาย อานิสงส์ต่านกัน แต่ต้องทำ 3 อย่าง ไม่งั้นหลวงพ่ออด” ผู้ถาม : (หัวเราะ) 📚จาก : หนังสือ หลวงพ่อ ตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่มที่ ๔ หน้า ๓๘ โดย ⭐️หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (พระมหาวีระ ถาวโร) วัดจันทาราม(ท่าซุง) อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ✨เพจ:คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน 🖊️พิมพ์ธรรมทาน นภา อิน
    0 Comments 1 Shares 50 Views 0 Reviews
  • โบราณสถาน ในวัดใหญ่โพหัก อ.บางแพ จ.ราชบุรี ภายในวัดจะปรากฎให้เห็นถึงวิหารอุดหลังเก่า ที่แสดงให้เห็นถึงความเก่าแก่ของวัดใหญ่โพหัก ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหินทรายแดง ลงรัก ปิดทอง เป็นศิลปะสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ปัจจุบันไม่ได้เปิดให้เข้าเนื่องจากประตูชำรุดเก่ามาก และรอการบูรณะจากกรมศิลปากร (กรมศิลปากร ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2543)#วัดใหญ่โพหัก #วัดเก่าแก่ #วัดสวย #โบราณสถาน #โบราณ #อนุรักษ์ของเก่า#ราชบุรีไม่ได้มีดีแค่โอ่ง #เที่ยวราชบุรี#tixtoxพาเที่ยว#ทริปนี้ที่รอคอย#ให้ภาพเล่าเรื่อง @ให้ภาพเล่าเรื่อง @ให้ภาพเล่าเรื่อง @ให้ภาพเล่าเรื่อง
    โบราณสถาน ในวัดใหญ่โพหัก อ.บางแพ จ.ราชบุรี ภายในวัดจะปรากฎให้เห็นถึงวิหารอุดหลังเก่า ที่แสดงให้เห็นถึงความเก่าแก่ของวัดใหญ่โพหัก ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหินทรายแดง ลงรัก ปิดทอง เป็นศิลปะสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ปัจจุบันไม่ได้เปิดให้เข้าเนื่องจากประตูชำรุดเก่ามาก และรอการบูรณะจากกรมศิลปากร (กรมศิลปากร ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2543)#วัดใหญ่โพหัก #วัดเก่าแก่ #วัดสวย #โบราณสถาน #โบราณ #อนุรักษ์ของเก่า#ราชบุรีไม่ได้มีดีแค่โอ่ง #เที่ยวราชบุรี#tixtoxพาเที่ยว#ทริปนี้ที่รอคอย#ให้ภาพเล่าเรื่อง @ให้ภาพเล่าเรื่อง @ให้ภาพเล่าเรื่อง @ให้ภาพเล่าเรื่อง
    0 Comments 0 Shares 44 Views 9 0 Reviews

  • “..ถ้าป่วยใหม่ๆ อาตมาแนะนำให้ทำดังนี้คือ
    ๑) ให้นำพระพุทธรูป ผ้าไตรจีวร พร้อมอาหารและของใช้ที่จำเป็นนำไปให้ผู้ป่วยเห็นและให้ตั้งจิตอธิษฐานว่า “ของ ทั้งหมดนี้ขอถวายเป็นสังฆทานแก่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา เพื่ออุทิศส่วนกุศลผลบุญทั้งหมดนี้ให้เจ้ากรรมนายเวรของผู้ป่วยได้โมทนาและ อโหสิกรรมให้ผู้ป่วยด้วย” แล้วญาติก็นำของทั้งหมดไปถวายพระเป็นสังฆทาน จิตใจของผู้ป่วยจะได้สบายเพราะได้เห็นพระพุทธรูปและได้ทำบุญ
    ๒) ถ้าจะให้ดีขึ้นไปอีก ก็ควรนำเงินจะมากหรือน้อยตามแต่ศรัทธาให้ผู้ป่วยถือเงินไว้และให้ตั้งจิตอธิษฐานว่า “เงินจำนวนนี้ขอถวายชำระหนี้สงฆ์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถ้าเคยไปหยิบหรือนำของสงฆ์มาโดยเจตนาหรือไม่ได้เจตนาก็ตาม”
    ๓) ในระหว่างที่นอนป่วยอยู่ ควรนำพระพุทธรูปมาตั้งไว้ให้ผู้ป่วยได้มองเห็น อย่าไปตั้งไว้ในที่ผู้ป่วยเห็นไม่ถนัด ผู้ป่วยลืมตาขึ้นมาเมื่อใดก็จะเห็นพระทันที จิตของผู้ป่วยจะได้จับอยู่ที่พระ ใจจะสบายช่วยให้คลายจากทุกขเวทนาได้บ้าง และถ้าตายเมื่อใดก็จะไม่ลงนรก
    ๔) ถ้าป่วยมากมีทุกขเวทนามาก ควรแนะนำสั้นๆ ให้นึกถึงพระพุทธเจ้า หรือบุญอย่างใดอย่างหนึ่งดีกว่า ถ้าไปแนะนำยาวๆ จะเกิดอาการกลุ้ม
    ๕) ถ้าต้องการให้ผู้ป่วยตายแล้วไปพระนิพพาน ให้นึกภาวนาว่า “นิพพานัง สุขัง” ถ้าคิดว่าป้องกันไม่ให้ลงนรกก็ให้ภาวนาว่า “พุทโธ” ให้บอกสั้นๆ อย่าบอกยาว
    ๖) ถ้าผู้ป่วยภาวนาไม่ไหว ก็ให้นึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งก็ได้ ให้นึกถึงพระไว้หรือจะนึกถึงพระสงฆ์ก็ได้ อย่าไปแนะนำยาวๆ เพราะเวลานั้นทุกขเวทนามากจะทำให้กลุ้ม ดีไม่ดีจิตใจเขาดีอยู่แล้ว ถ้าแนะนำไม่ดี พูดมากไปเขาจะกลุ้มจะทำให้ลงนรกไปให้ดูตาคนป่วย ถ้าตาลอยๆ ตาปรือๆ อย่าไปพูดมาก

    ฉะนั้น การแนะนำคนป่วยก่อนตาย ต้องระมัดระวังให้ดี..”

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
    “..ถ้าป่วยใหม่ๆ อาตมาแนะนำให้ทำดังนี้คือ ๑) ให้นำพระพุทธรูป ผ้าไตรจีวร พร้อมอาหารและของใช้ที่จำเป็นนำไปให้ผู้ป่วยเห็นและให้ตั้งจิตอธิษฐานว่า “ของ ทั้งหมดนี้ขอถวายเป็นสังฆทานแก่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา เพื่ออุทิศส่วนกุศลผลบุญทั้งหมดนี้ให้เจ้ากรรมนายเวรของผู้ป่วยได้โมทนาและ อโหสิกรรมให้ผู้ป่วยด้วย” แล้วญาติก็นำของทั้งหมดไปถวายพระเป็นสังฆทาน จิตใจของผู้ป่วยจะได้สบายเพราะได้เห็นพระพุทธรูปและได้ทำบุญ ๒) ถ้าจะให้ดีขึ้นไปอีก ก็ควรนำเงินจะมากหรือน้อยตามแต่ศรัทธาให้ผู้ป่วยถือเงินไว้และให้ตั้งจิตอธิษฐานว่า “เงินจำนวนนี้ขอถวายชำระหนี้สงฆ์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถ้าเคยไปหยิบหรือนำของสงฆ์มาโดยเจตนาหรือไม่ได้เจตนาก็ตาม” ๓) ในระหว่างที่นอนป่วยอยู่ ควรนำพระพุทธรูปมาตั้งไว้ให้ผู้ป่วยได้มองเห็น อย่าไปตั้งไว้ในที่ผู้ป่วยเห็นไม่ถนัด ผู้ป่วยลืมตาขึ้นมาเมื่อใดก็จะเห็นพระทันที จิตของผู้ป่วยจะได้จับอยู่ที่พระ ใจจะสบายช่วยให้คลายจากทุกขเวทนาได้บ้าง และถ้าตายเมื่อใดก็จะไม่ลงนรก ๔) ถ้าป่วยมากมีทุกขเวทนามาก ควรแนะนำสั้นๆ ให้นึกถึงพระพุทธเจ้า หรือบุญอย่างใดอย่างหนึ่งดีกว่า ถ้าไปแนะนำยาวๆ จะเกิดอาการกลุ้ม ๕) ถ้าต้องการให้ผู้ป่วยตายแล้วไปพระนิพพาน ให้นึกภาวนาว่า “นิพพานัง สุขัง” ถ้าคิดว่าป้องกันไม่ให้ลงนรกก็ให้ภาวนาว่า “พุทโธ” ให้บอกสั้นๆ อย่าบอกยาว ๖) ถ้าผู้ป่วยภาวนาไม่ไหว ก็ให้นึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งก็ได้ ให้นึกถึงพระไว้หรือจะนึกถึงพระสงฆ์ก็ได้ อย่าไปแนะนำยาวๆ เพราะเวลานั้นทุกขเวทนามากจะทำให้กลุ้ม ดีไม่ดีจิตใจเขาดีอยู่แล้ว ถ้าแนะนำไม่ดี พูดมากไปเขาจะกลุ้มจะทำให้ลงนรกไปให้ดูตาคนป่วย ถ้าตาลอยๆ ตาปรือๆ อย่าไปพูดมาก ฉะนั้น การแนะนำคนป่วยก่อนตาย ต้องระมัดระวังให้ดี..” หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
    Love
    1
    0 Comments 2 Shares 106 Views 0 Reviews
  • พระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1900 ตรงกับรัชสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย) พระมหากษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัย พร้อมกับพระพุทธชินสีห์ พระศรีศาสดา และพระเหลือ พระพุทธชินราชได้รับการยอมรับว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดองค์หนึ่งและยังเป็นพระพุทธรูปที่นิยมจำลองกันมากที่สุดในประเทศไทย นอกจากนี้ยังเป็นพระพุทธรูปที่ประชาชนชาวไทยศรัทธาและนิยมเดินทางมากราบไหว้มากที่สุดองค์หนึ่งด้วย #พระพุทธชินราช #พิษณุโลก #ประเทศไทย #ประวัติศาสตร์ #ไหว้พระ #ขอพร #สายมู #สายมูห้ามพลาด #ทําบุญ #พระพุทธรูป #สิ่งศักดิ์สิทธิ์ #thailand #travel #traveltiktok #travelthailand #วิจิตรศิลป์ #สุโขทัย @เอก เอกรินทร์9559 @เอก เอกรินทร์9559 @เอก เอกรินทร์9559
    พระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1900 ตรงกับรัชสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย) พระมหากษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัย พร้อมกับพระพุทธชินสีห์ พระศรีศาสดา และพระเหลือ พระพุทธชินราชได้รับการยอมรับว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดองค์หนึ่งและยังเป็นพระพุทธรูปที่นิยมจำลองกันมากที่สุดในประเทศไทย นอกจากนี้ยังเป็นพระพุทธรูปที่ประชาชนชาวไทยศรัทธาและนิยมเดินทางมากราบไหว้มากที่สุดองค์หนึ่งด้วย #พระพุทธชินราช #พิษณุโลก #ประเทศไทย #ประวัติศาสตร์ #ไหว้พระ #ขอพร #สายมู #สายมูห้ามพลาด #ทําบุญ #พระพุทธรูป #สิ่งศักดิ์สิทธิ์ #thailand #travel #traveltiktok #travelthailand #วิจิตรศิลป์ #สุโขทัย @เอก เอกรินทร์9559 @เอก เอกรินทร์9559 @เอก เอกรินทร์9559
    0 Comments 0 Shares 69 Views 24 0 Reviews
  • พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร เป็นพระพุทธรูปทองคำแท้ทั้งองค์ หนักถึง 5.5 ตัน เฉพาะมูลค่าทองคำตามที่บันทึกในกินเนสบุ๊คนั้น อยู่ที่ประมาณ 28.5 ล้านปอนด์ ประวัติว่าสร้างเมื่อใดยังไม่แน่ชัด เชื่อกันว่าเป็นหนึ่งในพระพุทธรูปสำคัญของวัดมหาธาตุ สุโขทัย ดังที่ปรากฏในหลักศิลาจารึกว่า "วัดมหาธาตุ กลางเมืองสุโขทัย มีพิหาร มีพระพุทธรูปทอง มีพระอัฏฐารส มีพระพุทธรูป มีพระพุทธรูปอันใหญ่ มีพระพุทธรูปอันราม" ซึ่งพิจารณาทั้งตามหลักฐานอื่นและเหตุผลประกอบแล้ว พระพุทธรูปองค์นี้ น่าจะเป็นพระพุทธรูปทององค์ดังกล่าว เพราะปริมาณทองคำแท้นี้ รวมถึงขนาดพระพุทธรูปนี้ ย่อมเกินกว่าที่สามัญชนทั่วไปพึงสร้างเป็นสมบัติ ---------------- #หลวงพ่อทองคำ #พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร #วัดไตรมิตร #วัดไตรมิตรวิทยาราม #พระสุโขทัยไตรมิตร #กรุงเทพมหานคร #สุโขทัย #พระพุทธรูปสุโขทัย #พระพุทธรูปทองคำ #goldenbuddha #thegoldenbuddha #phraphutthamahasuwannapatimakon #wattraimit #bangkok #thailand #siampiya
    พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร เป็นพระพุทธรูปทองคำแท้ทั้งองค์ หนักถึง 5.5 ตัน เฉพาะมูลค่าทองคำตามที่บันทึกในกินเนสบุ๊คนั้น อยู่ที่ประมาณ 28.5 ล้านปอนด์ ประวัติว่าสร้างเมื่อใดยังไม่แน่ชัด เชื่อกันว่าเป็นหนึ่งในพระพุทธรูปสำคัญของวัดมหาธาตุ สุโขทัย ดังที่ปรากฏในหลักศิลาจารึกว่า "วัดมหาธาตุ กลางเมืองสุโขทัย มีพิหาร มีพระพุทธรูปทอง มีพระอัฏฐารส มีพระพุทธรูป มีพระพุทธรูปอันใหญ่ มีพระพุทธรูปอันราม" ซึ่งพิจารณาทั้งตามหลักฐานอื่นและเหตุผลประกอบแล้ว พระพุทธรูปองค์นี้ น่าจะเป็นพระพุทธรูปทององค์ดังกล่าว เพราะปริมาณทองคำแท้นี้ รวมถึงขนาดพระพุทธรูปนี้ ย่อมเกินกว่าที่สามัญชนทั่วไปพึงสร้างเป็นสมบัติ ---------------- #หลวงพ่อทองคำ #พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร #วัดไตรมิตร #วัดไตรมิตรวิทยาราม #พระสุโขทัยไตรมิตร #กรุงเทพมหานคร #สุโขทัย #พระพุทธรูปสุโขทัย #พระพุทธรูปทองคำ #goldenbuddha #thegoldenbuddha #phraphutthamahasuwannapatimakon #wattraimit #bangkok #thailand #siampiya
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 107 Views 37 0 Reviews
  • พระพุทธรูปสำริด ศิลปหริภุญชัย
    พระพุทธรูปสำริด ศิลปหริภุญชัย
    0 Comments 0 Shares 5 Views 0 Reviews
  • พระพุทธรูป ศิลปทิเบต
    พระพุทธรูป ศิลปทิเบต
    0 Comments 0 Shares 5 Views 0 Reviews
  • “พระพุทธรูปทรงเครื่องปางห้ามสมุทร ประดับขัตติยะภูษิตาภรณ์” ประดิษฐานด้านมุมซ้ายขวา บทแท่น เวชยันต์บุษบกไม้จำหลักลาย ที่ซึ่งประดิษฐาน “พระพุทธเทววิลาส” โดยพระพุทธรูปทรงเครื่อง ปิดทองประดับกระจกเกรียบ ลายประณีตบรรจ เรียกกันว่าพระทอง ดุจเดียวกันกับพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เบื้องบนพระทองสององค์ กางกั้นสุวรรณฉัตรคันดาน 5 ชั้น 2 ดั้ง สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นของเดิมทั้งสิ้น #วัดเทพธิดารามวรวิหาร #พระทอง #พระยืน #พระพุทธรูปทรงเครื่อง #ปางห้ามสมุทร #พระพุทธเทววิลาศ #bangkok #thailand
    “พระพุทธรูปทรงเครื่องปางห้ามสมุทร ประดับขัตติยะภูษิตาภรณ์” ประดิษฐานด้านมุมซ้ายขวา บทแท่น เวชยันต์บุษบกไม้จำหลักลาย ที่ซึ่งประดิษฐาน “พระพุทธเทววิลาส” โดยพระพุทธรูปทรงเครื่อง ปิดทองประดับกระจกเกรียบ ลายประณีตบรรจ เรียกกันว่าพระทอง ดุจเดียวกันกับพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เบื้องบนพระทองสององค์ กางกั้นสุวรรณฉัตรคันดาน 5 ชั้น 2 ดั้ง สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นของเดิมทั้งสิ้น #วัดเทพธิดารามวรวิหาร #พระทอง #พระยืน #พระพุทธรูปทรงเครื่อง #ปางห้ามสมุทร #พระพุทธเทววิลาศ #bangkok #thailand
    0 Comments 0 Shares 105 Views 24 0 Reviews
  • “พระพุทธมหาชนก” พระพุทธปฏิมาประธานทรงเครื่องอย่างพระจักรพรรดิราช ประดิษฐานในพระอุโบสถ วัดปทุมคงคา ราชวรวิหาร พระอารามหลวงในรัชกาลที่ ๑ เป็นพระพุทธรูปสำคัญฉลองพระองค์สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก (ทองดี) พระราชชนกในรัชกาลที ๑ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ประทับขัดสมาธิราบ วัสดุปูนปั้นลงรักปิดทองหน้าตักกว้าง ๒ เมตร ๒ เซนติเมตร ศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ ในสมัยรัชกาลที่๔ ยกแท่นฐานสูงขึ้นและแปลงองค์พระเป็นพระพุทธมหาจักรพรรดิทรงเครื่องกษัตริย์ มีลักษณะที่น่าสนใจ คือ การครองจีวรลายดอก ซึ่งเป็นการสร้างให้มีลักษณะเหมือนจริงแบบสัจนิยม การครองจีวรลายดอกนี้คงเนื่องมาจากการนำผ้าเนื้อดีที่นำเข้ามาคือ ผ้าแพรจากประเทศจีน นำไปย้อมเป็นผ้ากาสาวพัสตร์เพื่อถวายพระพุทธรูป ที่มา : จากหนังสือ ๑๐๘ องค์พระปฏิมาพระพุทธรูปคู่แผ่นดิน โดย กรมการศาสนา #วัดปทุมคงคาราชวรวิหาร #วัด #พระพุทธมหาชนก #ทรงเครื่องจักรพรรดิ์ #พระปางมารวิชัย #bangkok #thailand
    “พระพุทธมหาชนก” พระพุทธปฏิมาประธานทรงเครื่องอย่างพระจักรพรรดิราช ประดิษฐานในพระอุโบสถ วัดปทุมคงคา ราชวรวิหาร พระอารามหลวงในรัชกาลที่ ๑ เป็นพระพุทธรูปสำคัญฉลองพระองค์สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก (ทองดี) พระราชชนกในรัชกาลที ๑ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ประทับขัดสมาธิราบ วัสดุปูนปั้นลงรักปิดทองหน้าตักกว้าง ๒ เมตร ๒ เซนติเมตร ศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ ในสมัยรัชกาลที่๔ ยกแท่นฐานสูงขึ้นและแปลงองค์พระเป็นพระพุทธมหาจักรพรรดิทรงเครื่องกษัตริย์ มีลักษณะที่น่าสนใจ คือ การครองจีวรลายดอก ซึ่งเป็นการสร้างให้มีลักษณะเหมือนจริงแบบสัจนิยม การครองจีวรลายดอกนี้คงเนื่องมาจากการนำผ้าเนื้อดีที่นำเข้ามาคือ ผ้าแพรจากประเทศจีน นำไปย้อมเป็นผ้ากาสาวพัสตร์เพื่อถวายพระพุทธรูป ที่มา : จากหนังสือ ๑๐๘ องค์พระปฏิมาพระพุทธรูปคู่แผ่นดิน โดย กรมการศาสนา #วัดปทุมคงคาราชวรวิหาร #วัด #พระพุทธมหาชนก #ทรงเครื่องจักรพรรดิ์ #พระปางมารวิชัย #bangkok #thailand
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 112 Views 30 0 Reviews
  • อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย


    อาณาจักรสุโขทัยเริ่มต้นประวัติศาสตร์โดยมีหลักฐานชัดเจนในสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์(พ่อขุนบางกลางหาว พ.ศ.1781 - 1822) ต่อมาอาณาจักรสุโขทัยเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในรัชสมัยของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช อำนาจของอาณาจักรสุโขทัยในช่วงรัชสมัยของพระองค์มีความมั่นคงจาก ทรงแผ่อาณาเขตออกไปโดยรอบ วัฒนธรรมไทยได้เจริญขึ้นทุกสาขา ดังปรากฎในศิลาจารึกหลักที่ 1 ซึ่งเจริญ ทั้งด้านประวัติศาสตร์ การสงคราม ภูมิศาสตร์ กฎหมาย ประเพณี การปกครอง การเศรษฐกิจ การสังคม ปรัชญา พระพุทธศาสนา การประดิษฐ์อักษรไทย ราชวงศ์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ (พระร่วง หรือ สุโขทัย) ได้ปกครองอาณาจักรสุโขทัยสืบต่อมาเป็นเวลา 200 ปี ก็ถูกรวมเข้ากับ อาณาจักรอยุธยา

    ผังเมืองสุโขทัยมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร กว้างประมาณ 1.6 กิโลเมตร มีประตูเมืองอยู่ตรงกลางกำแพงเมืองแต่ละด้าน ภายในยังเหลือร่องรอยพระราชวัง และวัดมากถึง 26 แห่ง วัดที่ใหญ่ที่สุดคือวัดมหาธาตุ อุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้ ได้รับการบูรรปฏิสังขรณ์โดยกรมศิลปากร ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากองค์การยูเนสโก มีผู้เยี่ยมชมหลายแสนคนต่อปี นักท่องเที่ยวสามารถเดินเท้า นั่งรถราง หรือ ขี่จักรยาน เที่ยวชมได้อย่างสะดวกปลอดภัย

    ในวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ.2534 องค์การยูเนสโก ได้ประกาศให้อุทยานแห่งนี้เป็นแหล่งมรดกโลก ร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร และ อุทยานประวัติศาตร์ศรีสัชนาลัย ภายใต้ชื่อว่า “เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร” (Historic Town of Sukhothai and Associated Historic Towns) เนื่องจากหลักฐานที่ปรากฎแสดงให้เห็นถึงผลงานทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นนับเป็น ตัวแทนของศิลปกรรมไทยยุคแรก และเป็นต้นกำเนิดของการสร้างประเทศไทย


    นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมได้ ๓ วิธี คือ เดินเท้า ปั่นจักรยาน และ การนั่งรถรางไฟฟ้า โดยทางอุทยานฯ มีรถจักรยานให้เช่าด้วย นอกจากนี้ หน้าโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนแต่ละแห่งยังมีป้าย OR Code สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟน สามารถสแกนเข้าไปอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ มีให้เลือก ๔ ภาษา ได้แก่ ไทย จีน ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส

    เมืองสุโขทัย ก่อตั้งขึ้นราวกลางพุทธศตวรรษที่ ๑๘ สันนิษฐานว่าสุโขทัยในยุคแรกได้รับอิทธิพลของศิลปะแบบขอมจากละโว้หรือลพบุรี ต่อมายกฐานะเป็นราชธานี โดยมีพ่อขุนบางกลางหาว หรือพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ เป็นปฐมกษัตริย์ เป็นจุดเริ่มต้นอาณาจักรแห่งแรกของไทย ราวปี ๑๗๙๒ อาณาจักรสุโขทัยรุ่งเรืองถึงขีดสุดในสมัยพ่อขุนรามคำแหง กษัตริย์องค์ที่ ๓ บันทึกในศิลาจารึกบอกถึงเขตอาณาจักรอันกว้างขวาง ทิศเหนือจดเมืองแพร่ น่าน หลวงพระบาง ทิศใต้จดเมืองนครศรีธรรมราช ทิศตะวันออกจดเมืองเวียงจันทน์ และทิศตะวันตกจดเมืองหงสาวดี การปกครองเป็นระบบ พ่อปกครองลูก เอื้อสิทธิเสรีภาพให้ประชาชน

    จุดเด่นของผังเมืองสุโขทัยคือระบบชลประทาน เป็นระบบที่กระจายน้ำเพื่อการทำเกษตรกรรม อุปโภค บริโภคให้ชาวเมืองได้อย่างทั่วถึง และยังสามารถช่วยระบายน้ำเอ่อล้นช่วงหน้าน้ำหลากได้ดีเช่นกัน ในช่วงการปกครองของพ่อขุนรามคำแหงชาวเมืองสุโขทัยมีความเป็นอยู่อย่างสงบร่มเย็น ด้วยพระองค์ทรงมีความเอาใจใส่ทำนุบำรุงศาสนาอย่างเต็มที่ สังเกตจากลักษณะพระพักตร์ของพระพุทธรูปที่สร้างขึ้น ส่วนใหญ่จะมีพระโอษฐ์ยิ้ม สะท้อนเอกลักษณ์ของยุคสมัย และจำนวนวัดวาที่ถูกสร้างขึ้นอย่างมากมาย เมื่อปี ๒๕๓๔ องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยเป็นแหล่งมรดกโลกร่วมกับอีก ๒ แห่ง ได้แก่ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ภายใต้ชื่อว่า “เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร”
    อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย อาณาจักรสุโขทัยเริ่มต้นประวัติศาสตร์โดยมีหลักฐานชัดเจนในสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์(พ่อขุนบางกลางหาว พ.ศ.1781 - 1822) ต่อมาอาณาจักรสุโขทัยเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในรัชสมัยของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช อำนาจของอาณาจักรสุโขทัยในช่วงรัชสมัยของพระองค์มีความมั่นคงจาก ทรงแผ่อาณาเขตออกไปโดยรอบ วัฒนธรรมไทยได้เจริญขึ้นทุกสาขา ดังปรากฎในศิลาจารึกหลักที่ 1 ซึ่งเจริญ ทั้งด้านประวัติศาสตร์ การสงคราม ภูมิศาสตร์ กฎหมาย ประเพณี การปกครอง การเศรษฐกิจ การสังคม ปรัชญา พระพุทธศาสนา การประดิษฐ์อักษรไทย ราชวงศ์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ (พระร่วง หรือ สุโขทัย) ได้ปกครองอาณาจักรสุโขทัยสืบต่อมาเป็นเวลา 200 ปี ก็ถูกรวมเข้ากับ อาณาจักรอยุธยา ผังเมืองสุโขทัยมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร กว้างประมาณ 1.6 กิโลเมตร มีประตูเมืองอยู่ตรงกลางกำแพงเมืองแต่ละด้าน ภายในยังเหลือร่องรอยพระราชวัง และวัดมากถึง 26 แห่ง วัดที่ใหญ่ที่สุดคือวัดมหาธาตุ อุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้ ได้รับการบูรรปฏิสังขรณ์โดยกรมศิลปากร ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากองค์การยูเนสโก มีผู้เยี่ยมชมหลายแสนคนต่อปี นักท่องเที่ยวสามารถเดินเท้า นั่งรถราง หรือ ขี่จักรยาน เที่ยวชมได้อย่างสะดวกปลอดภัย ในวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ.2534 องค์การยูเนสโก ได้ประกาศให้อุทยานแห่งนี้เป็นแหล่งมรดกโลก ร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร และ อุทยานประวัติศาตร์ศรีสัชนาลัย ภายใต้ชื่อว่า “เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร” (Historic Town of Sukhothai and Associated Historic Towns) เนื่องจากหลักฐานที่ปรากฎแสดงให้เห็นถึงผลงานทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นนับเป็น ตัวแทนของศิลปกรรมไทยยุคแรก และเป็นต้นกำเนิดของการสร้างประเทศไทย นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมได้ ๓ วิธี คือ เดินเท้า ปั่นจักรยาน และ การนั่งรถรางไฟฟ้า โดยทางอุทยานฯ มีรถจักรยานให้เช่าด้วย นอกจากนี้ หน้าโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนแต่ละแห่งยังมีป้าย OR Code สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟน สามารถสแกนเข้าไปอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ มีให้เลือก ๔ ภาษา ได้แก่ ไทย จีน ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส เมืองสุโขทัย ก่อตั้งขึ้นราวกลางพุทธศตวรรษที่ ๑๘ สันนิษฐานว่าสุโขทัยในยุคแรกได้รับอิทธิพลของศิลปะแบบขอมจากละโว้หรือลพบุรี ต่อมายกฐานะเป็นราชธานี โดยมีพ่อขุนบางกลางหาว หรือพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ เป็นปฐมกษัตริย์ เป็นจุดเริ่มต้นอาณาจักรแห่งแรกของไทย ราวปี ๑๗๙๒ อาณาจักรสุโขทัยรุ่งเรืองถึงขีดสุดในสมัยพ่อขุนรามคำแหง กษัตริย์องค์ที่ ๓ บันทึกในศิลาจารึกบอกถึงเขตอาณาจักรอันกว้างขวาง ทิศเหนือจดเมืองแพร่ น่าน หลวงพระบาง ทิศใต้จดเมืองนครศรีธรรมราช ทิศตะวันออกจดเมืองเวียงจันทน์ และทิศตะวันตกจดเมืองหงสาวดี การปกครองเป็นระบบ พ่อปกครองลูก เอื้อสิทธิเสรีภาพให้ประชาชน จุดเด่นของผังเมืองสุโขทัยคือระบบชลประทาน เป็นระบบที่กระจายน้ำเพื่อการทำเกษตรกรรม อุปโภค บริโภคให้ชาวเมืองได้อย่างทั่วถึง และยังสามารถช่วยระบายน้ำเอ่อล้นช่วงหน้าน้ำหลากได้ดีเช่นกัน ในช่วงการปกครองของพ่อขุนรามคำแหงชาวเมืองสุโขทัยมีความเป็นอยู่อย่างสงบร่มเย็น ด้วยพระองค์ทรงมีความเอาใจใส่ทำนุบำรุงศาสนาอย่างเต็มที่ สังเกตจากลักษณะพระพักตร์ของพระพุทธรูปที่สร้างขึ้น ส่วนใหญ่จะมีพระโอษฐ์ยิ้ม สะท้อนเอกลักษณ์ของยุคสมัย และจำนวนวัดวาที่ถูกสร้างขึ้นอย่างมากมาย เมื่อปี ๒๕๓๔ องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยเป็นแหล่งมรดกโลกร่วมกับอีก ๒ แห่ง ได้แก่ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ภายใต้ชื่อว่า “เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร”
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 46 Views 0 Reviews
  • พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และ พระพุทธเลิศหล้านภาไลย ภายในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (ใช้กล้องโทรศัพท์ซูมจากภายนอกพระอุโบสถ) เป็นพระพุทธรูปยืนแบบสมภังค์ ศิลปะรัตนโกสินทร์ ปางห้ามสมุทร สูง ๖ ศอกหล่อด้วยสัมฤทธิ์เป็นแกนในแล้วหุ้มทองคำหนัก ๖๓ ชั่ง ๑๔ ตำลึง ทรงเครื่องต้นจักรพรรดิราชาธิราช พระพุทธรูปมีพระพักตร์เป็นรูปวงรี พระขนงโก่ง พระเนตรเหลือบต่ำ พระนาสิกโด่ง พระโอษฐ์เรียว แย้มสรวล และพระกรรณค่อนข้างยาว มีอุณาโลมบนพระนลาฏ ทรงชฎามงกุฎ ประกอบด้วยกรรเจียกจร พระพุทธรูปแสดงปางห้ามสมุทร หรืออภัย มุทราด้วยพระหัตถ์ทั้งสองข้างยกขึ้นเสมอพระอุระตั้งฝ่าพระหัตถ์ยื่นออกไปช้างหน้า นิ้วพระหัตถ์ยาวเสมอกันทั้ง ๔ นิ้ว องค์พระพุทธรูปครองอุตราสงค์ห่มเฉียงเปิดพระอังสาขวา มีชายอุตราสงค์ซ้อนทบพาดเหนือพระอังสาช้ายปลายจรดพระนาภี เครื่องแต่งพระองค์ ประกอบด้วยกรองศอ อีกทั้งช่อดอกไม้ประดับ ด้านหน้าพระศอ สังวาลเฉวียง พระอังสาทั้งสองข้างประดับด้วยทับทรวงบริเวณ กึ่งกลางพระอุระ ทรงพาหุรัด ทองกร พระธำมรงค์ทุกนิ้วพระหัตถ์ ทรงสายรัดพระองค์ซึ่งมีปั้นเหน่งรูปดอกไม้แปดเหลี่ยมประดับเบื้องหน้า ด้านล่างของปั่นเหน่งมีสุวรรณกระถอบห้อยอยู่เบื้องหน้าของเจียระบาด และอันตรวาสก กับทั้ง มีชายไหว ชายแครงเป็นลายกนกใบเทศซ้อนกันสามชั้น ทรงทองพระบาทและฉลองพระบาทเชิงงอน พระพุทธรูปประทับยืนบนปัทมาสน์ประดับด้วยกลีบบัว และเกสรเหนือฐานแข้งสิงห์จำหลักลายมีสิงห์แบก ครุฑแบกและเทวดาแบก ลดหลั่นกันตามลำดับ พระพุทธปฏิมาองค์นี้สูงจากฐานถึงยอดมงกกุฎ ๓ เมตร กางกั้นด้วยสัปตปฎล สุวรรณฉัตรคันดาน ที่มา : หอสมุดพิกุลศิลปาคาร #พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ #พระพุทธเลิศหล้านภาไลย #พระยืน #ทอง #วัดพระแก้ว #พระบรมมหาราชวัง #grandpalacebangkok #thailand #bangkok
    พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และ พระพุทธเลิศหล้านภาไลย ภายในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (ใช้กล้องโทรศัพท์ซูมจากภายนอกพระอุโบสถ) เป็นพระพุทธรูปยืนแบบสมภังค์ ศิลปะรัตนโกสินทร์ ปางห้ามสมุทร สูง ๖ ศอกหล่อด้วยสัมฤทธิ์เป็นแกนในแล้วหุ้มทองคำหนัก ๖๓ ชั่ง ๑๔ ตำลึง ทรงเครื่องต้นจักรพรรดิราชาธิราช พระพุทธรูปมีพระพักตร์เป็นรูปวงรี พระขนงโก่ง พระเนตรเหลือบต่ำ พระนาสิกโด่ง พระโอษฐ์เรียว แย้มสรวล และพระกรรณค่อนข้างยาว มีอุณาโลมบนพระนลาฏ ทรงชฎามงกุฎ ประกอบด้วยกรรเจียกจร พระพุทธรูปแสดงปางห้ามสมุทร หรืออภัย มุทราด้วยพระหัตถ์ทั้งสองข้างยกขึ้นเสมอพระอุระตั้งฝ่าพระหัตถ์ยื่นออกไปช้างหน้า นิ้วพระหัตถ์ยาวเสมอกันทั้ง ๔ นิ้ว องค์พระพุทธรูปครองอุตราสงค์ห่มเฉียงเปิดพระอังสาขวา มีชายอุตราสงค์ซ้อนทบพาดเหนือพระอังสาช้ายปลายจรดพระนาภี เครื่องแต่งพระองค์ ประกอบด้วยกรองศอ อีกทั้งช่อดอกไม้ประดับ ด้านหน้าพระศอ สังวาลเฉวียง พระอังสาทั้งสองข้างประดับด้วยทับทรวงบริเวณ กึ่งกลางพระอุระ ทรงพาหุรัด ทองกร พระธำมรงค์ทุกนิ้วพระหัตถ์ ทรงสายรัดพระองค์ซึ่งมีปั้นเหน่งรูปดอกไม้แปดเหลี่ยมประดับเบื้องหน้า ด้านล่างของปั่นเหน่งมีสุวรรณกระถอบห้อยอยู่เบื้องหน้าของเจียระบาด และอันตรวาสก กับทั้ง มีชายไหว ชายแครงเป็นลายกนกใบเทศซ้อนกันสามชั้น ทรงทองพระบาทและฉลองพระบาทเชิงงอน พระพุทธรูปประทับยืนบนปัทมาสน์ประดับด้วยกลีบบัว และเกสรเหนือฐานแข้งสิงห์จำหลักลายมีสิงห์แบก ครุฑแบกและเทวดาแบก ลดหลั่นกันตามลำดับ พระพุทธปฏิมาองค์นี้สูงจากฐานถึงยอดมงกกุฎ ๓ เมตร กางกั้นด้วยสัปตปฎล สุวรรณฉัตรคันดาน ที่มา : หอสมุดพิกุลศิลปาคาร #พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ #พระพุทธเลิศหล้านภาไลย #พระยืน #ทอง #วัดพระแก้ว #พระบรมมหาราชวัง #grandpalacebangkok #thailand #bangkok
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 103 Views 31 0 Reviews
  • EP.7 วิถีสุพรรณ สร้างสรรค์มั่งคง - สุขนิยาม สยามโสภา (สุพรรณบุรี)
    》》
    https://youtu.be/7ejG-2nRzmo?si=v2auD9FcYL_rSDdi
    《《
    ■ซึ่งเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศไทย บนฝั่งแม่น้ำท่าจีน
    》》มีพระพุทธรูปบนผนังหน้าผา ที่สูงใหญ่เป็นหนึ่ง ในที่สุดของโลก
    》》เป็นแหล่งรวบรวมองค์ความรู้ในวิถีของเกษตรกรชาวนา ที่จัดทำได้อย่างน่าสนใจ
    》》สนันสนุนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ภูมิปัญญาการเลี้ยงควายไทย
    》》ได้รับพระราชทานโครงการบรรเทาปัญหาน้ำท่วม พื้นที่การเกษตร
    》》และยังมีแหล่งเพาะปลูกแห้ว ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
    ■■■■■■■■■■■■
    #TV5HDONLINE#สยามโสภา#วิถีสุพรรณ#เมืองอู่ข้าวอู่น้ำของไทย#ศูนย์อนุรักษ์ควายไทย#เที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรี#thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    EP.7 วิถีสุพรรณ สร้างสรรค์มั่งคง - สุขนิยาม สยามโสภา (สุพรรณบุรี) 》》 https://youtu.be/7ejG-2nRzmo?si=v2auD9FcYL_rSDdi 《《 ■ซึ่งเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศไทย บนฝั่งแม่น้ำท่าจีน 》》มีพระพุทธรูปบนผนังหน้าผา ที่สูงใหญ่เป็นหนึ่ง ในที่สุดของโลก 》》เป็นแหล่งรวบรวมองค์ความรู้ในวิถีของเกษตรกรชาวนา ที่จัดทำได้อย่างน่าสนใจ 》》สนันสนุนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ภูมิปัญญาการเลี้ยงควายไทย 》》ได้รับพระราชทานโครงการบรรเทาปัญหาน้ำท่วม พื้นที่การเกษตร 》》และยังมีแหล่งเพาะปลูกแห้ว ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ■■■■■■■■■■■■ #TV5HDONLINE​ #สยามโสภา​ #วิถีสุพรรณ​ #เมืองอู่ข้าวอู่น้ำของไทย​ #ศูนย์อนุรักษ์ควายไทย​ #เที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรี​ #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    Like
    Love
    Wow
    8
    0 Comments 0 Shares 1573 Views 0 Reviews
  • ☆รีวิวการเดินทางด้วยรถสาธารณะ
    เมืองเก่าสุโขทัย
    จังหวัดสุโขทัย
    》》
    https://manowjourney.wixsite.com/manowjourney/post/manowjourney44
    《《
    ■■■■■■■■■■■
    ☆แนะนำที่พัก
    Le Charme Sukhothai Resort เลอ ชาร์ม สุโขทัย รีสอร์ท
    ■ติดต่อที่พัก
    https://bit.ly/36D687N
    ■เพจที่พัก
    https://web.facebook.com/LeCharmeSukhothai/
    ■เบอร์โทร
    02 642 5497
    ☆รถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า
    ที่จะพาเราไปเที่ยวชมรอบๆเมืองเก่าสุโขทัย ราคา ชั่วโมงละ 200 บาท นั่งได้ถึง 3-4ท่าน ความไว 40 ก.ม ต่อชั่วโมง
    ☆วัดศรีชุม
    เป็นศาสนโบราณสถานแห่งหนึ่งในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยวัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ซึ่งมีนามว่า "พระอจนะ"
    ☆อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
    ภายในอุทยานฯ มีสถานที่สำคัญอย่างพระราชวัง ศาสนสถาน โบราณสถาน โดยมีคูเมือง กำแพงเมือง และประตูเมืองโบราณล้อมรอบอยู่ในรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส
    ☆รถทัวร์ของ บขส.999
    อุทยานฯ - กรุงเทพฯ
    มี 2 รอบ
    รอบ 07:35 ราคา 344 บาท
    รอบ 21:00 ราคา 337 บาท
    ☆วินทัวร์
    มีรอบ 3 รอบ
    08:20 , 12:20 , 21,50
    ราคา 395 บาท
    》》》》》》》》》》
    ค่าใช้จ่าย( 2 ท่าน1คืน)
    ●ค่ารถทัวร์ขาไป 337x2=674 บาท
    ●ค่ารถทัวร์ขากลับ 395x2=790 บาท
    ●ค่าห้องพัก พร้อมอาหารเช้า 1,200 บาท
    ●ค่ารถสกายแลปเข้าไปห้องพัก 50 บาท
    ●ค่ารถซาเล้งออกมาจากที่พัก 60 บาท
    ●ค่ารถโดยสารคอกหมูเล่น ไป+กลับ 30x4=120 บาท
    ●ค่ารถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า 2 ช.ม 200x2=400 บาท
    ●ค่าเข้าวัดศรีชุมคนละ 20x2=40 บาท
    ●ค่าเข้า อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย คนละ20x2=40
    ●ค่านำรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าเข้าอุทยานฯ 40 บาท
    》》รวม 3,414 บาท 《《
    》》หารสอง 1,707 บาท
    ■■■■■■■
    #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney #thaitimesรีวิวท่องเที่ยวด้วยรถสาธารณะ
    ☆รีวิวการเดินทางด้วยรถสาธารณะ เมืองเก่าสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย 》》 https://manowjourney.wixsite.com/manowjourney/post/manowjourney44 《《 ■■■■■■■■■■■ ☆แนะนำที่พัก Le Charme Sukhothai Resort เลอ ชาร์ม สุโขทัย รีสอร์ท ■ติดต่อที่พัก https://bit.ly/36D687N ■เพจที่พัก https://web.facebook.com/LeCharmeSukhothai/ ■เบอร์โทร 02 642 5497 ☆รถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า ที่จะพาเราไปเที่ยวชมรอบๆเมืองเก่าสุโขทัย ราคา ชั่วโมงละ 200 บาท นั่งได้ถึง 3-4ท่าน ความไว 40 ก.ม ต่อชั่วโมง ☆วัดศรีชุม เป็นศาสนโบราณสถานแห่งหนึ่งในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยวัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ซึ่งมีนามว่า "พระอจนะ" ☆อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ภายในอุทยานฯ มีสถานที่สำคัญอย่างพระราชวัง ศาสนสถาน โบราณสถาน โดยมีคูเมือง กำแพงเมือง และประตูเมืองโบราณล้อมรอบอยู่ในรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ☆รถทัวร์ของ บขส.999 อุทยานฯ - กรุงเทพฯ มี 2 รอบ รอบ 07:35 ราคา 344 บาท รอบ 21:00 ราคา 337 บาท ☆วินทัวร์ มีรอบ 3 รอบ 08:20 , 12:20 , 21,50 ราคา 395 บาท 》》》》》》》》》》 ค่าใช้จ่าย( 2 ท่าน1คืน) ●ค่ารถทัวร์ขาไป 337x2=674 บาท ●ค่ารถทัวร์ขากลับ 395x2=790 บาท ●ค่าห้องพัก พร้อมอาหารเช้า 1,200 บาท ●ค่ารถสกายแลปเข้าไปห้องพัก 50 บาท ●ค่ารถซาเล้งออกมาจากที่พัก 60 บาท ●ค่ารถโดยสารคอกหมูเล่น ไป+กลับ 30x4=120 บาท ●ค่ารถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า 2 ช.ม 200x2=400 บาท ●ค่าเข้าวัดศรีชุมคนละ 20x2=40 บาท ●ค่าเข้า อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย คนละ20x2=40 ●ค่านำรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าเข้าอุทยานฯ 40 บาท 》》รวม 3,414 บาท 《《 》》หารสอง 1,707 บาท ■■■■■■■ #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney #thaitimesรีวิวท่องเที่ยวด้วยรถสาธารณะ
    MANOWJOURNEY.WIXSITE.COM
    เมืองเก่าสุโขทัย
    จังหวัดสุโขทัย • เป็นที่ตั้งอาณาจักรแรกของชนชาติไทยเมื่อ 700 กว่าปีที่แล้ว คำว่า "สุโขทัย" มาจากสองคำ คือ "สุข+อุทัย" หมายความว่า "รุ่งอรุณแห่งความสุข" รอยอดีตแห่งความรุ่งเรืองเห็นได้จากอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยและศรีสัชนาลัยซึ่งเป็นที่รู้จักของชาวไทยและต่างประเทศ • แนะนำที่พัก Le Charme Sukhothai Resort เลอ ชาร์ม สุโขทัย รีสอร์ท • ราคาแค่พันกว่าๆพร้อมอาหารเช้า บรรยากาศเงียบสงบ • ออกเดินทางจาก สถานีขนส่งหมอชิต2 • กรุงเทพฯ-อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย บขส.999 • เวลา 22:00 น. ราคา 337 บาท • เวล
    Like
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 1316 Views 0 Reviews
  • ธรรมชาติ ดูดียามเย็นเห็นต้นไม้เป็นพระพุทธรูป
    ธรรมชาติ ดูดียามเย็นเห็นต้นไม้เป็นพระพุทธรูป
    0 Comments 0 Shares 26 Views 0 Reviews
  • #ความเชื่อ#
    #การรับรู้#
    #ความคิด#
    🪷🪷
    _ความเชื่อ (ย่อ)
    ลอยน้ำมาจากทางเหนือ กับพระพี่น้อง บางตำนานว่า 3 บางตำนานว่า 5 ถูกอัญเชิญขึ้น ณ วัดโสธรในปัจจุบัน
    _ การรับรู้ ผู้มิมิตรท่านนึง กล่าวว่า หล่อขึ้นที่เชียงใหม่ (จำตรงตรงนี้ไว้) และเมื่อเกิดสงคราม เข้าประชิดเมือง จึงผูกแพลอยน้ำไป เพื่อรอดจากการเผาทำลาย และมาขึ้นที่วัดโสธรในปัจจุบัน
    _ ความคิด จากหลักฐานเชิงประจักษ์ ชุมชนนี้เกิดขึ้นเพราะเป็นย่านการค้าขาย ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากเป็นปากอ่าวติดทะเล เมื่อมีชุมชน ก็มีศาสนสถาน (เป็นทุกอารยะธรรม) ในที่นี้ก็คือ วัด และศิลปะในองค์พระ คือ ศิลปะอยุธยาตอนปลาย และถูกแกะขึ้นจากหินทราย แบบหลายชิ้นมาประกอบกัน (ไม่ใช่การหล่อโลหะ) และยังพบพระพุทธรูปศิลปะแบบนี้ อีกหลายวัด ในบริเวณใกล้เคียงกันนี้ ....จากข้อมูลประกอบ จึงมีข้อสรุปที่ว่า ไม่ได้มาจากที่อื่น คงสร้างและอยู่ที่นี่มาตั้งแต่แรก
    🙂😊🙏 ท่านผู้อ่านจะเชื่อแบบใด แล้วแต่ท่านเลย เพราะเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล.
    #ความเชื่อ# #การรับรู้# #ความคิด# 🪷🪷 _ความเชื่อ (ย่อ) ลอยน้ำมาจากทางเหนือ กับพระพี่น้อง บางตำนานว่า 3 บางตำนานว่า 5 ถูกอัญเชิญขึ้น ณ วัดโสธรในปัจจุบัน _ การรับรู้ ผู้มิมิตรท่านนึง กล่าวว่า หล่อขึ้นที่เชียงใหม่ (จำตรงตรงนี้ไว้) และเมื่อเกิดสงคราม เข้าประชิดเมือง จึงผูกแพลอยน้ำไป เพื่อรอดจากการเผาทำลาย และมาขึ้นที่วัดโสธรในปัจจุบัน _ ความคิด จากหลักฐานเชิงประจักษ์ ชุมชนนี้เกิดขึ้นเพราะเป็นย่านการค้าขาย ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากเป็นปากอ่าวติดทะเล เมื่อมีชุมชน ก็มีศาสนสถาน (เป็นทุกอารยะธรรม) ในที่นี้ก็คือ วัด และศิลปะในองค์พระ คือ ศิลปะอยุธยาตอนปลาย และถูกแกะขึ้นจากหินทราย แบบหลายชิ้นมาประกอบกัน (ไม่ใช่การหล่อโลหะ) และยังพบพระพุทธรูปศิลปะแบบนี้ อีกหลายวัด ในบริเวณใกล้เคียงกันนี้ ....จากข้อมูลประกอบ จึงมีข้อสรุปที่ว่า ไม่ได้มาจากที่อื่น คงสร้างและอยู่ที่นี่มาตั้งแต่แรก 🙂😊🙏 ท่านผู้อ่านจะเชื่อแบบใด แล้วแต่ท่านเลย เพราะเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล.
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 292 Views 0 Reviews
  • ☆เศียรพระพุทธรูปในรากไม้
    》》เศียรพระพุทธรูปหินทรายที่แตกหักจากองค์พระ แล้ว ถูกรากต้นโพธิ์ขึ้นปกคลุม ลักษณะพระพักตร์ค่อนข้างแบน และกว้าง พระขนงูและขอบพระเนตรป้ายเป็นแผ่นใหญ่ พระโอษฐ์กว้างเป็นแนวตรง ขอบพระโอษฐ์ยกเป็นสันขึ้น เล็กน้อย เป็นรูปแบบศิลปกรรมสมัยอยุธยาตอนกลาง กำหนดอายุได้ราวกลางพุทธศตวรรษที่ 21
    》》คาดว่าเศียรพระพุทธรูปนี้จะหล่นลงมาอยู่ที่โคนต้นไม้ ในสมัยเสียกรุง จนรากไม้ขึ้นปกคลุมทำให้มีความงดงามแปลกตา จนเลื่องลือกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์อีกสิ่งหนึ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งทำให้ชื่อเสียงของวัดมหาธาตุ โด่งดังไปทั่วโลก《《
    ☆ค่าเข้าชม
    ชาวไทย 10 บาท
    ชาวต่างชาติ 50 บาท
    ■■■■■■■■■■■
    #วัดมหาธาตุ#อยุธยา#เศียร พระพุทธรูปในรากไม้​ #มะนาวก้าวเดิน
    #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    ☆เศียรพระพุทธรูปในรากไม้ 》》เศียรพระพุทธรูปหินทรายที่แตกหักจากองค์พระ แล้ว ถูกรากต้นโพธิ์ขึ้นปกคลุม ลักษณะพระพักตร์ค่อนข้างแบน และกว้าง พระขนงูและขอบพระเนตรป้ายเป็นแผ่นใหญ่ พระโอษฐ์กว้างเป็นแนวตรง ขอบพระโอษฐ์ยกเป็นสันขึ้น เล็กน้อย เป็นรูปแบบศิลปกรรมสมัยอยุธยาตอนกลาง กำหนดอายุได้ราวกลางพุทธศตวรรษที่ 21 》》คาดว่าเศียรพระพุทธรูปนี้จะหล่นลงมาอยู่ที่โคนต้นไม้ ในสมัยเสียกรุง จนรากไม้ขึ้นปกคลุมทำให้มีความงดงามแปลกตา จนเลื่องลือกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์อีกสิ่งหนึ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งทำให้ชื่อเสียงของวัดมหาธาตุ โด่งดังไปทั่วโลก《《 ☆ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท ■■■■■■■■■■■ #วัดมหาธาตุ​ #อยุธยา​ #เศียร พระพุทธรูปในรากไม้​ #มะนาวก้าวเดิน​ #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    Like
    Love
    7
    0 Comments 0 Shares 1543 Views 691 0 Reviews
  • วัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ
    เป็นอีกหนึ่งวัดที่มีชื่อเสียง และมีความเก่าแก่ที่นับย้อนไปได้ถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นเสมือนศูนย์รวมจิตใจของผู้คนฝั่งธนบุรีมาอย่างยาวนาน

    》》พระพุทธธรรมกายเทพมงคล พระพุทธรูปปางสมาธิ สูง 69 เมตร
    《《
    พระพุทธรูปองค์ใหญ่ปางสมาธิ ที่จัดสร้างขึ้นตามนิมิตของหลวงพ่อสด ซึ่งท่านเห็นลักษณะของพระพุทธรูปนี้ในขณะที่กำลังเจริญสมาธิกรรมฐาน พระพุทธรูปทำด้วยทองแดงขนาดใหญ่ สูงเทียบเท่าตึก 20 ชั้น
    ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ นำไปบรรจุไว้ภายในพระเกตุพระพุทธธรรมกายเทพมงคล สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เพื่อจรรโลง เทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเพื่อบูชาพระคุณหลวงพ่อสด

    ที่อยู่ : 300 ซอยรัชมงคลประสาธน์ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร 10160
    พิกัด : goo.gl/maps/jufvS7cXDZaTPfFJ8
    ■■■■■■■■■■■
    #วัดปากน้ำภาษีเจริญ #วัดปากน้ำ #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    วัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ เป็นอีกหนึ่งวัดที่มีชื่อเสียง และมีความเก่าแก่ที่นับย้อนไปได้ถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นเสมือนศูนย์รวมจิตใจของผู้คนฝั่งธนบุรีมาอย่างยาวนาน 》》พระพุทธธรรมกายเทพมงคล พระพุทธรูปปางสมาธิ สูง 69 เมตร 《《 พระพุทธรูปองค์ใหญ่ปางสมาธิ ที่จัดสร้างขึ้นตามนิมิตของหลวงพ่อสด ซึ่งท่านเห็นลักษณะของพระพุทธรูปนี้ในขณะที่กำลังเจริญสมาธิกรรมฐาน พระพุทธรูปทำด้วยทองแดงขนาดใหญ่ สูงเทียบเท่าตึก 20 ชั้น ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ นำไปบรรจุไว้ภายในพระเกตุพระพุทธธรรมกายเทพมงคล สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เพื่อจรรโลง เทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเพื่อบูชาพระคุณหลวงพ่อสด ที่อยู่ : 300 ซอยรัชมงคลประสาธน์ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร 10160 พิกัด : goo.gl/maps/jufvS7cXDZaTPfFJ8 ■■■■■■■■■■■ #วัดปากน้ำภาษีเจริญ #วัดปากน้ำ #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1656 Views 654 0 Reviews
  • กองทัพเรือเตรียมพร้อมเต็มที่ รับพระราชพิธีเสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐินทางชลมารค

    กองทัพเรือได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ เพื่อรับพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ในวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๗

    #ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคอันยิ่งใหญ่
    ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ จะประกอบด้วยเรือพระราชพิธีทั้งหมด ๕๒ ลำ จัดเป็น ๕ ริ้ว ความยาวรวม ๑,๒๐๐เมตร กว้าง ๙๐ เมตร โดยมีกำลังพลประจำเรือรวม ๒,๒๐๐ นาย ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างร่วมแรงร่วมใจกัน เพื่อให้การจัดพระราชพิธีครั้งนี้เป็นไปอย่างสมพระเกียรติ

    #กรมศิลปากรบูรณะเรือพระราชพิธี
    กรมศิลปากรได้ดำเนินการอนุรักษ์และบูรณะเรือพระราชพิธีทั้ง ๕๒ ลำ ซึ่งถือเป็นโบราณวัตถุอันทรงคุณค่า โดยมีการลงรักปิดทอง ประดับกระจก ด้วยฝีมือช่างจากสำนักช่างสิบหมู่ เพื่อให้เรือแต่ละลำคงความงดงามและทรงคุณค่าตามแบบศิลปะดั้งเดิม

    #กองทัพเรือฝึกซ้อมฝีพาย
    กองทัพเรือได้ดำเนินการฝึกซ้อมฝีพายเรือพระราชพิธีอย่างเข้มข้น เพื่อให้การพายเรือเป็นไปอย่างพร้อมเพรียงและสง่างาม อีกทั้งยังคงไว้ซึ่งท่วงท่าตามโบราณราชประเพณี โดยมีการนำเทคนิคสมัยใหม่มาปรับใช้เพื่อเพิ่มความสวยงามและความแม่นยำในการพายเรือ

    เรือพระที่นั่งสำคัญ ๔ ลำ
    * เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์: เรือพระที่นั่งชั้นสูงสุด โขนเรือเป็นรูปหงส์ สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๕ ใช้เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์และพระบรมราชินี
    * เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์: เรือพระที่นั่งรอง โขนเรือลงรักปิดทองลายรูปงูตัวเล็ก ๆ จำนวนมาก สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๕ ใช้เป็นที่ประทับเปลื้องเครื่องหรือเปลื้องพระชฎามหากฐินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    * เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช: หัวเรือจำหลักรูปพญานาค ๗ เศียร สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๖ ใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ หรือผ้าพระกฐิน
    * เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ ๙: โขนเรือจำหลักรูปพระวิษณุทรงครุฑ สร้างขึ้นใหม่เพื่อถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ โดยปกติแล้วใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ หรือผ้าพระกฐิน

    เรือพระราชพิธีอื่นๆ
    * เรือรูปสัตว์: มีโขนเรือเป็นรูปสัตว์ต่างๆ เช่น เรืออสุรวายุภักษ์ (รูปยักษ์), เรือครุฑเหินเห็จ (รูปครุฑ), เรือกระบี่ปราบเมืองมาร (รูปขุนกระบี่), เรือเอกชัยเหินหาว (รูปจระเข้หรือเหรา)
    * เรือดั้ง: เรือที่มีลักษณะเป็นเรือยาว หัวเรือและท้ายเรือโค้งงอนขึ้น ประดับลวดลายสวยงาม
    * เรือแซง: เรือที่มีลักษณะคล้ายเรือดั้ง แต่มีขนาดเล็กกว่า ใช้สำหรับพายนำหน้าขบวนเรือพระที่นั่ง
    สืบสานประเพณีอันทรงคุณค่า

    การจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ยังเป็นการสืบสานและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติให้คงอยู่สืบไป
    ความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ

    พระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ ที่จะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีอันทรงเกียรติและงดงามตระการตา ซึ่งจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ชาติไทยสืบไป

    เกร็ดความรู้เพิ่มเติม
    ขบวนพยุหยาตราเพชรพวงทางชลมารค ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชจัดขบวนเป็น ๕ ตอน
    ๑. ขบวนนอกหน้าประกอบด้วย เรือพิฆาต ๓ คู่ เรือแซ ๕ คู่ เรือชัย ๑๐ คู่ เรือรูปสัตว์ ๒ คู่
    และมีเรือรูปสัตว์อีก ๑ คู่ เป็นเรือประตูหน้าชั้นนอก คั่นขบวนนอกหน้ากับขบวนในหน้า
    ๒. ขบวนในหน้า มีเรือรูปสัตว์ ๑๒ คู่ เรือเอกชัย ๒ คู่ เป็นเรือประตูหน้าชั้นในคั่นขบวนในหน้า
    กับขบวนเรือพระราชยาน มีเรือโขมดยา [ขะ-โหฺมด-ยา] ซ้อนสายนอก ๕ คู่
    ๓. ขบวนเรือพระราชยาน มีเรือพระที่นั่ง ๕ ลำ เป็นเรือดั้งนำเรือพระที่นั่งศรีสมรรถชัย
    [สี-สะ-หฺมัด-ถะ-ไช] ลำทรง และเรือพระที่นั่งไกรสรมุข [ไกฺร-สอ-ระ-มุก] ที่ใช้เป็นเรือพระที่นั่งรอง ขบวนเรือ
    พระราชยานเป็นเรือพระที่นั่งกิ่งทั้งหมด
    ๔. ขบวนในหลัง แบ่งเป็น ๓ สาย สายกลางมีเรือพระที่นั่งเอกชัย ๒ ลำ สายในซ้ายและในขวา
    เป็นเรือรูปสัตว์ ๒ คู่ อีก ๑ คู่ เป็นเรือประตูหลังชั้นนอก คั่นขบวนในหลังกับขบวนนอกหลัง
    ๕. ขบวนนอกหลัง ประกอบด้วยเรือแซ ๓ คู่ เรือพิฆาต ๒ คู่ และมีม้าแซงเดินริมตลิ่งอีกด้วย

    ภายใน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี ยังเปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมเรือพระราชพิธี ๔ ลำ และเรือรูปสัตว์ ๔ ลำ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเรือพระราชพิธี และชมการฝึกฝีพาย ณ บ่อเรือแผนกเรือราชพิธี กองเรือเล็ก กรมการขนส่งทหารเรือ ในวันราชการ ตั้งแต่วันนี้ ถึง ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ระหว่างเวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ

    อ้างอิง
    ๑. Phralan: https://phralan.in.th/Coronation/vocabdetail.php?id=844
    ๒. Thai PBS: https://www.thaipbs.or.th/news/content/341376
    กองทัพเรือเตรียมพร้อมเต็มที่ รับพระราชพิธีเสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐินทางชลมารค กองทัพเรือได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ เพื่อรับพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ในวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๗ #ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคอันยิ่งใหญ่ ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ จะประกอบด้วยเรือพระราชพิธีทั้งหมด ๕๒ ลำ จัดเป็น ๕ ริ้ว ความยาวรวม ๑,๒๐๐เมตร กว้าง ๙๐ เมตร โดยมีกำลังพลประจำเรือรวม ๒,๒๐๐ นาย ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างร่วมแรงร่วมใจกัน เพื่อให้การจัดพระราชพิธีครั้งนี้เป็นไปอย่างสมพระเกียรติ #กรมศิลปากรบูรณะเรือพระราชพิธี กรมศิลปากรได้ดำเนินการอนุรักษ์และบูรณะเรือพระราชพิธีทั้ง ๕๒ ลำ ซึ่งถือเป็นโบราณวัตถุอันทรงคุณค่า โดยมีการลงรักปิดทอง ประดับกระจก ด้วยฝีมือช่างจากสำนักช่างสิบหมู่ เพื่อให้เรือแต่ละลำคงความงดงามและทรงคุณค่าตามแบบศิลปะดั้งเดิม #กองทัพเรือฝึกซ้อมฝีพาย กองทัพเรือได้ดำเนินการฝึกซ้อมฝีพายเรือพระราชพิธีอย่างเข้มข้น เพื่อให้การพายเรือเป็นไปอย่างพร้อมเพรียงและสง่างาม อีกทั้งยังคงไว้ซึ่งท่วงท่าตามโบราณราชประเพณี โดยมีการนำเทคนิคสมัยใหม่มาปรับใช้เพื่อเพิ่มความสวยงามและความแม่นยำในการพายเรือ เรือพระที่นั่งสำคัญ ๔ ลำ * เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์: เรือพระที่นั่งชั้นสูงสุด โขนเรือเป็นรูปหงส์ สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๕ ใช้เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์และพระบรมราชินี * เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์: เรือพระที่นั่งรอง โขนเรือลงรักปิดทองลายรูปงูตัวเล็ก ๆ จำนวนมาก สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๕ ใช้เป็นที่ประทับเปลื้องเครื่องหรือเปลื้องพระชฎามหากฐินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว * เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช: หัวเรือจำหลักรูปพญานาค ๗ เศียร สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๖ ใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ หรือผ้าพระกฐิน * เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ ๙: โขนเรือจำหลักรูปพระวิษณุทรงครุฑ สร้างขึ้นใหม่เพื่อถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ โดยปกติแล้วใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ หรือผ้าพระกฐิน เรือพระราชพิธีอื่นๆ * เรือรูปสัตว์: มีโขนเรือเป็นรูปสัตว์ต่างๆ เช่น เรืออสุรวายุภักษ์ (รูปยักษ์), เรือครุฑเหินเห็จ (รูปครุฑ), เรือกระบี่ปราบเมืองมาร (รูปขุนกระบี่), เรือเอกชัยเหินหาว (รูปจระเข้หรือเหรา) * เรือดั้ง: เรือที่มีลักษณะเป็นเรือยาว หัวเรือและท้ายเรือโค้งงอนขึ้น ประดับลวดลายสวยงาม * เรือแซง: เรือที่มีลักษณะคล้ายเรือดั้ง แต่มีขนาดเล็กกว่า ใช้สำหรับพายนำหน้าขบวนเรือพระที่นั่ง สืบสานประเพณีอันทรงคุณค่า การจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ยังเป็นการสืบสานและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติให้คงอยู่สืบไป ความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ พระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ ที่จะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีอันทรงเกียรติและงดงามตระการตา ซึ่งจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ชาติไทยสืบไป เกร็ดความรู้เพิ่มเติม ขบวนพยุหยาตราเพชรพวงทางชลมารค ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชจัดขบวนเป็น ๕ ตอน ๑. ขบวนนอกหน้าประกอบด้วย เรือพิฆาต ๓ คู่ เรือแซ ๕ คู่ เรือชัย ๑๐ คู่ เรือรูปสัตว์ ๒ คู่ และมีเรือรูปสัตว์อีก ๑ คู่ เป็นเรือประตูหน้าชั้นนอก คั่นขบวนนอกหน้ากับขบวนในหน้า ๒. ขบวนในหน้า มีเรือรูปสัตว์ ๑๒ คู่ เรือเอกชัย ๒ คู่ เป็นเรือประตูหน้าชั้นในคั่นขบวนในหน้า กับขบวนเรือพระราชยาน มีเรือโขมดยา [ขะ-โหฺมด-ยา] ซ้อนสายนอก ๕ คู่ ๓. ขบวนเรือพระราชยาน มีเรือพระที่นั่ง ๕ ลำ เป็นเรือดั้งนำเรือพระที่นั่งศรีสมรรถชัย [สี-สะ-หฺมัด-ถะ-ไช] ลำทรง และเรือพระที่นั่งไกรสรมุข [ไกฺร-สอ-ระ-มุก] ที่ใช้เป็นเรือพระที่นั่งรอง ขบวนเรือ พระราชยานเป็นเรือพระที่นั่งกิ่งทั้งหมด ๔. ขบวนในหลัง แบ่งเป็น ๓ สาย สายกลางมีเรือพระที่นั่งเอกชัย ๒ ลำ สายในซ้ายและในขวา เป็นเรือรูปสัตว์ ๒ คู่ อีก ๑ คู่ เป็นเรือประตูหลังชั้นนอก คั่นขบวนในหลังกับขบวนนอกหลัง ๕. ขบวนนอกหลัง ประกอบด้วยเรือแซ ๓ คู่ เรือพิฆาต ๒ คู่ และมีม้าแซงเดินริมตลิ่งอีกด้วย ภายใน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี ยังเปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมเรือพระราชพิธี ๔ ลำ และเรือรูปสัตว์ ๔ ลำ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเรือพระราชพิธี และชมการฝึกฝีพาย ณ บ่อเรือแผนกเรือราชพิธี กองเรือเล็ก กรมการขนส่งทหารเรือ ในวันราชการ ตั้งแต่วันนี้ ถึง ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ระหว่างเวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ อ้างอิง ๑. Phralan: https://phralan.in.th/Coronation/vocabdetail.php?id=844 ๒. Thai PBS: https://www.thaipbs.or.th/news/content/341376
    Love
    1
    0 Comments 1 Shares 532 Views 0 Reviews
  • ถ้ำหลวง - อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง - ขุนน้ำนางนอน

    สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯ ได้แก่ - ถ้ำหลวง เป็นถ้ำที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำใต้ดินเป็นเวลานาน มีขนาดใหญ่และลึกมากเป็นอันดับที่ 4 ของประเทศไทย มีความยาว 10.3 กิโลเมตร มีความสูงโดยเฉลี่ย 779 เมตร และลาดชันมาทางทิศตะวันออก ปากถ้ำเป็นโถงกว้างและสูงกว่าโถงถ้ำแรก ภายในถ้ำมีเกล็ดหินสะท้อนแสง หินงอกหินย้อย ธารน้ำถ้ำลอด และถ้ำแขนง แนวโถงถ้ำมีเส้นทางคดเคี้ยว บางช่วงเข้าถึงง่าย บางช่วงมีเพดานต่ำ นอกจากนี้ยังมีหลักฐานที่แสดงถึงวิวัฒนาการของถ้ำจำนวนมาก เช่น รอยการไหลของน้ำเป็นริ้วคลื่น ระดับพื้นถ้ำเก่า หินถล่มขนาดใหญ่และเล็กจำนวนมาก รอยแตกแบบมีแรงดึง รอยระดับน้ำหลุมยุบ โพรงเพดานถ้ำและรอยแตกของผนัง เปิดให้เข้าชมในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน ปัจจุบันหลังจากเกิดเหตุการณ์เด็กติดในถ้ำได้งดการเข้าชมถ้ำภายในไว้ก่อน โดยสามารถเข้าชมได้บริเวณปากโถงถ้ำเท่านั้น - ถ้ำพระ เป็นถ้ำขนาดเล็ก

    ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ มีหินงอกหินย้อยรูปร่างแปลกตา อากาศบริเวณปากถ้ำเย็นสบาย - ถ้ำพญานาค เป็นถ้ำขนาดเล็ก อยู่ใต้หน้าผาบนภูเขา ภายในถ้ำมีหินงอกขนาดใหญ่คล้ายงูแผ่แม่เบี้ย สูง 2.5 เมตร อยู่ตรงบริเวณปากถ้ำ - ถ้ำเลียงผาเป็นถ้ำที่เกิดจากการยุบตัวของแผ่นดิน จึงทำให้เกิดลักษณะที่เป็นเวิ้ง มีหุบเหวล้อมรอบ กว้างประมาณ 80 เมตร สูงประมาณ 30 เมตร บริเวณถ้ำยังพบฟอสซิลหอยฝาเดียวและหอยสองฝาอายุหลายร้อยล้านปี ในอดีตเลียงผาบนภูเขาจะลงมากินน้ำฝนที่ไหลลงมาขังภายในถ้ำจึงเป็นที่มาของชื่อ “ถ้ำเลียงผา” - ขุนน้ำนางนอน อยู่ห่างจากถ้ำหลวง 2 กิโลเมตร มีธรรมชาติที่สวยงามร่มรื่น มีบึงน้ำจืดขนาดเล็ก บนหน้าผาเหนือบึงน้ำยังเป็นที่ตั้งของถ้ำทรายทอง ซึ่งยังไม่มีการสำรวจภายใน สอบถามข้อมูล อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน โทร. 0 5371 4914 และ 08 0792 5095 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทร. 0 2562 0760 เว็บไซต์ www.dnp.go.th

    #อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน
    #ท่องเที่ยว
    ถ้ำหลวง - อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง - ขุนน้ำนางนอน สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯ ได้แก่ - ถ้ำหลวง เป็นถ้ำที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำใต้ดินเป็นเวลานาน มีขนาดใหญ่และลึกมากเป็นอันดับที่ 4 ของประเทศไทย มีความยาว 10.3 กิโลเมตร มีความสูงโดยเฉลี่ย 779 เมตร และลาดชันมาทางทิศตะวันออก ปากถ้ำเป็นโถงกว้างและสูงกว่าโถงถ้ำแรก ภายในถ้ำมีเกล็ดหินสะท้อนแสง หินงอกหินย้อย ธารน้ำถ้ำลอด และถ้ำแขนง แนวโถงถ้ำมีเส้นทางคดเคี้ยว บางช่วงเข้าถึงง่าย บางช่วงมีเพดานต่ำ นอกจากนี้ยังมีหลักฐานที่แสดงถึงวิวัฒนาการของถ้ำจำนวนมาก เช่น รอยการไหลของน้ำเป็นริ้วคลื่น ระดับพื้นถ้ำเก่า หินถล่มขนาดใหญ่และเล็กจำนวนมาก รอยแตกแบบมีแรงดึง รอยระดับน้ำหลุมยุบ โพรงเพดานถ้ำและรอยแตกของผนัง เปิดให้เข้าชมในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน ปัจจุบันหลังจากเกิดเหตุการณ์เด็กติดในถ้ำได้งดการเข้าชมถ้ำภายในไว้ก่อน โดยสามารถเข้าชมได้บริเวณปากโถงถ้ำเท่านั้น - ถ้ำพระ เป็นถ้ำขนาดเล็ก ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ มีหินงอกหินย้อยรูปร่างแปลกตา อากาศบริเวณปากถ้ำเย็นสบาย - ถ้ำพญานาค เป็นถ้ำขนาดเล็ก อยู่ใต้หน้าผาบนภูเขา ภายในถ้ำมีหินงอกขนาดใหญ่คล้ายงูแผ่แม่เบี้ย สูง 2.5 เมตร อยู่ตรงบริเวณปากถ้ำ - ถ้ำเลียงผาเป็นถ้ำที่เกิดจากการยุบตัวของแผ่นดิน จึงทำให้เกิดลักษณะที่เป็นเวิ้ง มีหุบเหวล้อมรอบ กว้างประมาณ 80 เมตร สูงประมาณ 30 เมตร บริเวณถ้ำยังพบฟอสซิลหอยฝาเดียวและหอยสองฝาอายุหลายร้อยล้านปี ในอดีตเลียงผาบนภูเขาจะลงมากินน้ำฝนที่ไหลลงมาขังภายในถ้ำจึงเป็นที่มาของชื่อ “ถ้ำเลียงผา” - ขุนน้ำนางนอน อยู่ห่างจากถ้ำหลวง 2 กิโลเมตร มีธรรมชาติที่สวยงามร่มรื่น มีบึงน้ำจืดขนาดเล็ก บนหน้าผาเหนือบึงน้ำยังเป็นที่ตั้งของถ้ำทรายทอง ซึ่งยังไม่มีการสำรวจภายใน สอบถามข้อมูล อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน โทร. 0 5371 4914 และ 08 0792 5095 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทร. 0 2562 0760 เว็บไซต์ www.dnp.go.th #อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน #ท่องเที่ยว
    0 Comments 0 Shares 256 Views 0 Reviews
  • มโนมยิทธิ : ผู้ฝึกใหม่
    ✨ “มโนมยิทธิ” นี่ก็เป็นทั้งกสิณด้วย และก็เป็นพุทธานุสติด้วย คำว่า "#พุทธานุสสติ" คือ นึกถึงพระพุทธเจ้าเห็นภาพพระพุทธเจ้า หรือภาพพระพุทธรูป ถ้าพระพุทธรูปเป็นกสิณ ถ้าเรานึกว่าเป็นพระพุทธเจ้าเป็นพุทธานุสสติ ถ้าเราเห็นเป็นสีเหลืองเป็น #ปิตกกสิณ ถ้าเราเห็นเป็นสีขาวเป็น
    #โอทาตกสิณ ถ้าเห็นเป็นแก้วสีใสเป็น
    #อาโลกกสิณ อย่างนี้เป็นต้น
    🌾ทีนี้ มโนมยิทธิเราปฏิบัติกันทำไม
    ✨ขอให้ทราบว่า การปฏิบัติมโนมยิทธิขั้นแรกจะต้องได้ทิพจักขุญาณ ก่อน คำว่า
    “#ทิพจักขุญาณ” นี้เราจะเห็นนรก เห็นสวรรค์ เห็นพรหมโลก เห็นทุกอย่างที่เราต้องการเห็นที่ตาเนื้อเราไม่สามารถจะเห็น ทั้งนี้ เพื่อเป็นการ ยืนยันว่า ตายแล้วมีสภาพไม่สูญตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    🌾ถ้าทำคล่องตัวจริง ๆ จะสามารถระลึกชาติได้ด้วย และจะรู้ว่าถ้าเราตายจากความเป็นคนชาตินี้เราจะอยู่ที่ไหน เราจะอยู่สวรรค์ชั้นไหน เราจะอยู่พรหมโลกชั้นไหนหรืออยู่ที่ไหน เราจะทราบ ทราบก่อนที่จะตาย ทราบตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทราบแน่นอน เราจะได้มีความดีใจว่าการตายคราวนี้ตาย ไปแล้วเราไม่ลำบาก เรามีความสุขมากกว่านี้ แต่ความจริงคุณประโยชน์มากกว่านี้นะ
    ✨ทีนี้ ขอแนะนำในการปฏิบัติ วิธีปฏิบัติจริง ๆ อันดับแรกก็รู้ลมหายใจเข้าออกเหมือนกัน คือว่าอันดับแรกจริง ๆ ขอบรรดาญาติโยมพุทธ​บริษัทที่ฝึกใหม่ #นึกถึงภาพพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่ง คือพระพุทธรูปจะเป็นองค์ใดก็ตามที่เราชอบที่เรามีความเคารพมาก นึกถึงภาพท่าน และก็รู้ #ลมหายใจเข้าออก #ภาวนาด้วย คำภาวนาใช้คำภาวนา ๔ คำ ว่า #นะมะ #พะธะ คือ เวลาหายใจเข้านึกว่า #นะมะ เวลาหายใจออกนึกว่า #พะธะ
    🌾ขณะที่รู้ลมหายใจเข้าออก อันนี้ขอญาติโยมพุทธบริษัททุกคนอย่าบังคับร่างกาย จงอย่าบังคับว่าร่างกายจงหายใจแรงหรือหายใจเบา ปล่อยไปตามเรื่อง การหายใจเป็นหน้าที่ของร่างกาย แต่การเอาจิตใจเข้าไปรู้ลมหายใจเข้าออกเป็นเรื่องของเรา ต้องปล่อยกายตามสบาย ไม่งั้นจะเหนื่อย
    ✨ขอย้ำใหม่ว่า เวลาหายใจเข้านึกตามว่า #นะมะ เวลาหายใจออกนึกตามว่า #พะธะ พร้อมกันนั้นให้ตั้งใจนึกถึงพระพุทธรูปสักองค์หนึ่งองค์ใด การรู้ลมหายใจเข้าหายใจออกเป็น #อานาปานุสสติกรรมฐาน ขณะใดที่รู้ลมหายใจเข้าออก เวลานั้นท่านมีสมาธิที่เรียกว่า “อานาปานุสสติ” ได้หนึ่งกองละ
    🌾ประการที่ ๒ นึกถึงพระพุทธเจ้า หรือพระพุทธรูป เป็น #พุทธานุสสติกรรมฐาน
    🌾ประการที่ ๓ จิดนึกถึงภาพพระพุทธรูป ภาพพระพุทธรูปเป็น #กสิณ ถ้าสีเหลืองเป็น
    #ปีตกกสิณ เป็นต้น
    ✨และเวลาที่ญาติโยมภาวนาอยู่แบบนี้ ครูเขาจะให้ภาวนาประมาณ ๑๐ นาที ขณะที่ภาวนาอยู่ขอบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทจงอย่าอยากรู้อยากเห็น อะไรเป็นอันขาด เพราะว่าถ้าไปอยากรู้อยากเห็นเวลานั้นเข้า จิตจะฟุ้งซ่าน ความเป็นทิพย์จะไม่เกิด ขณะภาวนาและรู้ลมหายใจเข้าออก ต้องการให้ฝึก จิดให้ทรงตัวเท่านั้นเอง แต่ว่าเวลา ๑๐ นาทีนี่ ความจริงเวลาไม่นาน แต่ทว่าเวลานั้นอาจจะมีอารมณ์อื่นเข้ามาแทรก ภาวนาไป ๆ เดี๋ยวมีเรื่องต่าง ๆ เข้ามาแทรก อันนี้ก็เป็นของธรรมดา ถ้ามีอย่างนี้อย่าตำหนิใจตนว่าเลว ยังไม่เลวเพราะเรากำลังฝึก ก็มันยังมีเผลอบ้าง ในเมื่อรู้ตัวว่ามีอารมณ์อื่นเข้ามาแทรก ก็ทิ้งอารมณ์เสีย หันเข้ามารู้ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้านึกว่า #นะมะ หายใจออกนึกว่า #พะธะ... มีต่อ🔸

    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐

    จากหนังสือ📒พ่อสอนลูกเล่ม ๒ คำสอนของ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน​
    วัดจันทาราม (ท่าซุง)​ อุทัยธานี โดย สุนิสา วงศ์​ราม ปาริชาต แสงหิรัญ ชมรมวิชชุเวทย์​ธรรมปฏิบัติ
    หน้า ๔๕๕-๔๕๗
    👑 พิมพ์​เป็นธรรม​ทาน​โดย​สุ​วิทย์​ ยิ้ม​ส​ำ​ราญ
    🔔 เพจ:ค​ำ​สอน​หลวงพ่อ​พระราช​พรหม​ยาน

    สามารถอ่านเพิ่มในเว็บพระนิพพาน

    https://www.thenirvanalive.com/community/ธรรมะหลวงพ่อฤาษี/มโนมยิทธิ-ผู้ฝึกใหม่/
    มโนมยิทธิ : ผู้ฝึกใหม่ ✨ “มโนมยิทธิ” นี่ก็เป็นทั้งกสิณด้วย และก็เป็นพุทธานุสติด้วย คำว่า "#พุทธานุสสติ" คือ นึกถึงพระพุทธเจ้าเห็นภาพพระพุทธเจ้า หรือภาพพระพุทธรูป ถ้าพระพุทธรูปเป็นกสิณ ถ้าเรานึกว่าเป็นพระพุทธเจ้าเป็นพุทธานุสสติ ถ้าเราเห็นเป็นสีเหลืองเป็น #ปิตกกสิณ ถ้าเราเห็นเป็นสีขาวเป็น #โอทาตกสิณ ถ้าเห็นเป็นแก้วสีใสเป็น #อาโลกกสิณ อย่างนี้เป็นต้น 🌾ทีนี้ มโนมยิทธิเราปฏิบัติกันทำไม ✨ขอให้ทราบว่า การปฏิบัติมโนมยิทธิขั้นแรกจะต้องได้ทิพจักขุญาณ ก่อน คำว่า “#ทิพจักขุญาณ” นี้เราจะเห็นนรก เห็นสวรรค์ เห็นพรหมโลก เห็นทุกอย่างที่เราต้องการเห็นที่ตาเนื้อเราไม่สามารถจะเห็น ทั้งนี้ เพื่อเป็นการ ยืนยันว่า ตายแล้วมีสภาพไม่สูญตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 🌾ถ้าทำคล่องตัวจริง ๆ จะสามารถระลึกชาติได้ด้วย และจะรู้ว่าถ้าเราตายจากความเป็นคนชาตินี้เราจะอยู่ที่ไหน เราจะอยู่สวรรค์ชั้นไหน เราจะอยู่พรหมโลกชั้นไหนหรืออยู่ที่ไหน เราจะทราบ ทราบก่อนที่จะตาย ทราบตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทราบแน่นอน เราจะได้มีความดีใจว่าการตายคราวนี้ตาย ไปแล้วเราไม่ลำบาก เรามีความสุขมากกว่านี้ แต่ความจริงคุณประโยชน์มากกว่านี้นะ ✨ทีนี้ ขอแนะนำในการปฏิบัติ วิธีปฏิบัติจริง ๆ อันดับแรกก็รู้ลมหายใจเข้าออกเหมือนกัน คือว่าอันดับแรกจริง ๆ ขอบรรดาญาติโยมพุทธ​บริษัทที่ฝึกใหม่ #นึกถึงภาพพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่ง คือพระพุทธรูปจะเป็นองค์ใดก็ตามที่เราชอบที่เรามีความเคารพมาก นึกถึงภาพท่าน และก็รู้ #ลมหายใจเข้าออก #ภาวนาด้วย คำภาวนาใช้คำภาวนา ๔ คำ ว่า #นะมะ #พะธะ คือ เวลาหายใจเข้านึกว่า #นะมะ เวลาหายใจออกนึกว่า #พะธะ 🌾ขณะที่รู้ลมหายใจเข้าออก อันนี้ขอญาติโยมพุทธบริษัททุกคนอย่าบังคับร่างกาย จงอย่าบังคับว่าร่างกายจงหายใจแรงหรือหายใจเบา ปล่อยไปตามเรื่อง การหายใจเป็นหน้าที่ของร่างกาย แต่การเอาจิตใจเข้าไปรู้ลมหายใจเข้าออกเป็นเรื่องของเรา ต้องปล่อยกายตามสบาย ไม่งั้นจะเหนื่อย ✨ขอย้ำใหม่ว่า เวลาหายใจเข้านึกตามว่า #นะมะ เวลาหายใจออกนึกตามว่า #พะธะ พร้อมกันนั้นให้ตั้งใจนึกถึงพระพุทธรูปสักองค์หนึ่งองค์ใด การรู้ลมหายใจเข้าหายใจออกเป็น #อานาปานุสสติกรรมฐาน ขณะใดที่รู้ลมหายใจเข้าออก เวลานั้นท่านมีสมาธิที่เรียกว่า “อานาปานุสสติ” ได้หนึ่งกองละ 🌾ประการที่ ๒ นึกถึงพระพุทธเจ้า หรือพระพุทธรูป เป็น #พุทธานุสสติกรรมฐาน 🌾ประการที่ ๓ จิดนึกถึงภาพพระพุทธรูป ภาพพระพุทธรูปเป็น #กสิณ ถ้าสีเหลืองเป็น #ปีตกกสิณ เป็นต้น ✨และเวลาที่ญาติโยมภาวนาอยู่แบบนี้ ครูเขาจะให้ภาวนาประมาณ ๑๐ นาที ขณะที่ภาวนาอยู่ขอบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทจงอย่าอยากรู้อยากเห็น อะไรเป็นอันขาด เพราะว่าถ้าไปอยากรู้อยากเห็นเวลานั้นเข้า จิตจะฟุ้งซ่าน ความเป็นทิพย์จะไม่เกิด ขณะภาวนาและรู้ลมหายใจเข้าออก ต้องการให้ฝึก จิดให้ทรงตัวเท่านั้นเอง แต่ว่าเวลา ๑๐ นาทีนี่ ความจริงเวลาไม่นาน แต่ทว่าเวลานั้นอาจจะมีอารมณ์อื่นเข้ามาแทรก ภาวนาไป ๆ เดี๋ยวมีเรื่องต่าง ๆ เข้ามาแทรก อันนี้ก็เป็นของธรรมดา ถ้ามีอย่างนี้อย่าตำหนิใจตนว่าเลว ยังไม่เลวเพราะเรากำลังฝึก ก็มันยังมีเผลอบ้าง ในเมื่อรู้ตัวว่ามีอารมณ์อื่นเข้ามาแทรก ก็ทิ้งอารมณ์เสีย หันเข้ามารู้ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้านึกว่า #นะมะ หายใจออกนึกว่า #พะธะ... มีต่อ🔸 ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐ จากหนังสือ📒พ่อสอนลูกเล่ม ๒ คำสอนของ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน​ วัดจันทาราม (ท่าซุง)​ อุทัยธานี โดย สุนิสา วงศ์​ราม ปาริชาต แสงหิรัญ ชมรมวิชชุเวทย์​ธรรมปฏิบัติ หน้า ๔๕๕-๔๕๗ 👑 พิมพ์​เป็นธรรม​ทาน​โดย​สุ​วิทย์​ ยิ้ม​ส​ำ​ราญ 🔔 เพจ:ค​ำ​สอน​หลวงพ่อ​พระราช​พรหม​ยาน สามารถอ่านเพิ่มในเว็บพระนิพพาน https://www.thenirvanalive.com/community/ธรรมะหลวงพ่อฤาษี/มโนมยิทธิ-ผู้ฝึกใหม่/
    0 Comments 0 Shares 702 Views 0 Reviews
  • กราบขอบพระคุณทุกท่านที่ร่วมบุญกันมานับแต่ทาสีพระพุทธรูป วัดบวกครกใต้ สารภีเชียงใหม่ แล้วนำเงินส่วนเกินมาสั่งซื้อเต็นท์หลังใหม่ขนาด ๕x๘ จำนวน ๔ หลัง จำนวน ๕๔,๐๐๐ บาท และตัดผ้าใบใหม่กับเต้นท์เดิมที่ผ้าใบขาดนาด ๓x๖ จำนวน ๑ หลัง ๔,๕๐๐ บาท และงบประมาณค่าหินค่าแรงปรับที่นั่งใต้เต็นท์ริมน้ำ ๕,๘๐๐ บาท ได้ยอดครบเรียบร้อยแล้วเป็นอันปิดโครงการสร้างสมบุญบ้านอาจารย์ไพศาล แสนไชย เรียบร้อยแล้ว เหลือลงมือปฎิบัติเทหินปรับที่ ที่จะให้น้องอ้วนที่อยู่เชียงใหม่ช่วยเป็นแม่งานให้ในเร็วๆนี้

    เงินส่วนต่างที่เกินจะทำบัญชีแล้วตั้งใจว่าจะสมทบให้เต็ม ๕,๐๐๐ บาท และนำไปฝากให้อาจารย์ไพศาล แสนไชย ทำบุญต่อยอดบุญแทนพวกเรากันนะครับ

    โมทนาบุญกันด้วยนะครับ
    กราบขอบพระคุณทุกท่านที่ร่วมบุญกันมานับแต่ทาสีพระพุทธรูป วัดบวกครกใต้ สารภีเชียงใหม่ แล้วนำเงินส่วนเกินมาสั่งซื้อเต็นท์หลังใหม่ขนาด ๕x๘ จำนวน ๔ หลัง จำนวน ๕๔,๐๐๐ บาท และตัดผ้าใบใหม่กับเต้นท์เดิมที่ผ้าใบขาดนาด ๓x๖ จำนวน ๑ หลัง ๔,๕๐๐ บาท และงบประมาณค่าหินค่าแรงปรับที่นั่งใต้เต็นท์ริมน้ำ ๕,๘๐๐ บาท ได้ยอดครบเรียบร้อยแล้วเป็นอันปิดโครงการสร้างสมบุญบ้านอาจารย์ไพศาล แสนไชย เรียบร้อยแล้ว เหลือลงมือปฎิบัติเทหินปรับที่ ที่จะให้น้องอ้วนที่อยู่เชียงใหม่ช่วยเป็นแม่งานให้ในเร็วๆนี้ เงินส่วนต่างที่เกินจะทำบัญชีแล้วตั้งใจว่าจะสมทบให้เต็ม ๕,๐๐๐ บาท และนำไปฝากให้อาจารย์ไพศาล แสนไชย ทำบุญต่อยอดบุญแทนพวกเรากันนะครับ โมทนาบุญกันด้วยนะครับ
    0 Comments 0 Shares 214 Views 0 Reviews
  • หลายๆ คน กราบไหว้พระพุทธรูปเพื่อขอให้สิ่งที่ตนขอสมหวัง บางคน กราบไหว้พระพุทธรูปเพียงเพื่อเห็นพระธรรม #Pray
    หลายๆ คน กราบไหว้พระพุทธรูปเพื่อขอให้สิ่งที่ตนขอสมหวัง บางคน กราบไหว้พระพุทธรูปเพียงเพื่อเห็นพระธรรม #Pray
    0 Comments 0 Shares 146 Views 0 Reviews
  • หลายๆ คน กราบไหว้พระพุทธรูปเพื่อขอให้สิ่งที่ตนขอสมหวัง บางคน กราบไหว้พระพุทธรูปเพียงเพื่อเห็นพระธรรม #Pray
    หลายๆ คน กราบไหว้พระพุทธรูปเพื่อขอให้สิ่งที่ตนขอสมหวัง บางคน กราบไหว้พระพุทธรูปเพียงเพื่อเห็นพระธรรม #Pray
    0 Comments 0 Shares 144 Views 0 Reviews