• นาย Adrian Kingsley-Hughes จาก ZDNet ได้ทำการทดสอบเครื่องปั่นไฟฟ้าพลังงานลมขนาดพกพาที่เรียกว่า Shine Turbine ซึ่งเป็นกังหันลมขนาดเล็กที่สามารถใส่ในเป้สะพายหลังของคุณได้ อุปกรณ์นี้มีราคาอยู่ที่ประมาณ $399 และสามารถผลิตไฟฟ้าได้สูงสุด 40 วัตต์ โดยมีแบตเตอรี่ภายในความจุ 12,000 มิลลิแอมป์-ชั่วโมง

    Kingsley-Hughes พบว่าการติดตั้ง Shine Turbine ครั้งแรกอาจใช้เวลานานกว่าที่คาดหวัง แต่เมื่อได้ทดลองใช้หลายครั้ง กระบวนการนี้จะง่ายขึ้น เขาแนะนำให้ผู้ใช้ชาร์จแบตเตอรี่ภายในกังหันหรือใช้งานร่วมกับเพาเวอร์แบงค์ตามสถานการณ์การใช้งาน

    แม้ว่าประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าของ Shine Turbine จะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เช่น การผลิตไฟฟ้าสูงสุดเพียง 40 วัตต์ ซึ่งเหมาะสำหรับการชาร์จสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โดรน และกล้อง แต่ไม่สามารถใช้กับอุปกรณ์ที่ต้องการกำลังไฟมากขึ้นเช่นแล็ปท็อปได้ อย่างไรก็ตาม Kingsley-Hughes เห็นว่า Shine Turbine เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการเก็บเกี่ยวพลังงานจากธรรมชาติในกรณีที่ไม่มีแหล่งจ่ายไฟฟ้า

    ในด้านข้อเสียของ Shine Turbine การติดตั้งและการเก็บรวบรวมอุปกรณ์อาจใช้เวลานานกว่าการใช้งานแผงโซลาร์เซลล์ แต่หากคุณไม่สามารถพึ่งพาแสงแดดได้ Shine Turbine ก็ถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ

    โดยรวมแล้ว Shine Turbine เป็นกังหันลมขนาดพกพาที่มีประสิทธิภาพ และเหมาะสำหรับการใช้งานในสถานการณ์ที่ต้องการพลังงานไฟฟ้าแบบพกพา หวังว่าข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณได้รู้จักและเข้าใจการทำงานของ Shine Turbine มากขึ้นนะครับ!

    https://www.zdnet.com/home-and-office/energy/are-wind-power-generators-actually-viable-at-home-heres-what-i-learned-from-testing-one/
    นาย Adrian Kingsley-Hughes จาก ZDNet ได้ทำการทดสอบเครื่องปั่นไฟฟ้าพลังงานลมขนาดพกพาที่เรียกว่า Shine Turbine ซึ่งเป็นกังหันลมขนาดเล็กที่สามารถใส่ในเป้สะพายหลังของคุณได้ อุปกรณ์นี้มีราคาอยู่ที่ประมาณ $399 และสามารถผลิตไฟฟ้าได้สูงสุด 40 วัตต์ โดยมีแบตเตอรี่ภายในความจุ 12,000 มิลลิแอมป์-ชั่วโมง Kingsley-Hughes พบว่าการติดตั้ง Shine Turbine ครั้งแรกอาจใช้เวลานานกว่าที่คาดหวัง แต่เมื่อได้ทดลองใช้หลายครั้ง กระบวนการนี้จะง่ายขึ้น เขาแนะนำให้ผู้ใช้ชาร์จแบตเตอรี่ภายในกังหันหรือใช้งานร่วมกับเพาเวอร์แบงค์ตามสถานการณ์การใช้งาน แม้ว่าประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าของ Shine Turbine จะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เช่น การผลิตไฟฟ้าสูงสุดเพียง 40 วัตต์ ซึ่งเหมาะสำหรับการชาร์จสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โดรน และกล้อง แต่ไม่สามารถใช้กับอุปกรณ์ที่ต้องการกำลังไฟมากขึ้นเช่นแล็ปท็อปได้ อย่างไรก็ตาม Kingsley-Hughes เห็นว่า Shine Turbine เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการเก็บเกี่ยวพลังงานจากธรรมชาติในกรณีที่ไม่มีแหล่งจ่ายไฟฟ้า ในด้านข้อเสียของ Shine Turbine การติดตั้งและการเก็บรวบรวมอุปกรณ์อาจใช้เวลานานกว่าการใช้งานแผงโซลาร์เซลล์ แต่หากคุณไม่สามารถพึ่งพาแสงแดดได้ Shine Turbine ก็ถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ โดยรวมแล้ว Shine Turbine เป็นกังหันลมขนาดพกพาที่มีประสิทธิภาพ และเหมาะสำหรับการใช้งานในสถานการณ์ที่ต้องการพลังงานไฟฟ้าแบบพกพา หวังว่าข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณได้รู้จักและเข้าใจการทำงานของ Shine Turbine มากขึ้นนะครับ! https://www.zdnet.com/home-and-office/energy/are-wind-power-generators-actually-viable-at-home-heres-what-i-learned-from-testing-one/
    WWW.ZDNET.COM
    Are wind power generators actually viable at home? Here's what I learned from testing one
    Solar generators are trending, but what happens when the sky turns gray? This device keeps your power running.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 244 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานว่างานวิจัยจาก DeepSeek ได้เปิดเผยว่าชิพ AI ของ Huawei รุ่น Ascend 910C สามารถให้ประสิทธิภาพการประมวลผล inference ได้ถึง 60% ของชิพ Nvidia H100 ที่ยอดเยี่ยม งานวิจัยนี้ทำให้เห็นว่าแม้ชิพ Ascend 910C จะไม่ใช่แชมป์ในการฝึก AI แต่กลับมีประสิทธิภาพที่เพียงพอในด้าน inference และสามารถช่วยลดการพึ่งพา GPU ของ Nvidia ในประเทศจีนได้

    DeepSeek ได้ทำการทดสอบชิพ 910C และพบว่ามันมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าที่คาดไว้ในงาน inference และหากมีการปรับแต่งเคอร์เนล CUNN ด้วยตัวเอง จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้อีก ทั้งนี้การผนวกชิพ Ascend เข้ากับ PyTorch repository และการรองรับ CUDA-to-CUNN conversion โดยง่าย ช่วยให้สามารถใช้งานฮาร์ดแวร์ของ Huawei ในการประมวลผล AI ได้อย่างลงตัว

    นอกจากนี้ แม้จะมีการคว่ำบาตรจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและการขาดการเข้าถึงเทคโนโลยีชั้นนำจาก TSMC แต่ Huawei และ SMIC สามารถผลิตชิพที่สามารถแข่งขันกับชิพ Nvidia A100 และ H100 ได้ อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนหนึ่งของชิพจีนคือการฝึก AI ที่ยังคงต้องปรับปรุงต่อไป

    กล่าวโดยสรุป, Huawei's Ascend 910C เป็นชิพที่มีศักยภาพในการทำงาน inference ที่ดี แต่ยังคงต้องพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อแข่งขันในระดับโลก โดยเฉพาะในด้านการฝึก AI ที่ Nvidia ยังคงมีความเป็นผู้นำอย่างไม่ต้องสงสัย

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/deepseek-research-suggests-huaweis-ascend-910c-delivers-60-percent-nvidia-h100-inference-performance
    มีรายงานว่างานวิจัยจาก DeepSeek ได้เปิดเผยว่าชิพ AI ของ Huawei รุ่น Ascend 910C สามารถให้ประสิทธิภาพการประมวลผล inference ได้ถึง 60% ของชิพ Nvidia H100 ที่ยอดเยี่ยม งานวิจัยนี้ทำให้เห็นว่าแม้ชิพ Ascend 910C จะไม่ใช่แชมป์ในการฝึก AI แต่กลับมีประสิทธิภาพที่เพียงพอในด้าน inference และสามารถช่วยลดการพึ่งพา GPU ของ Nvidia ในประเทศจีนได้ DeepSeek ได้ทำการทดสอบชิพ 910C และพบว่ามันมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าที่คาดไว้ในงาน inference และหากมีการปรับแต่งเคอร์เนล CUNN ด้วยตัวเอง จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้อีก ทั้งนี้การผนวกชิพ Ascend เข้ากับ PyTorch repository และการรองรับ CUDA-to-CUNN conversion โดยง่าย ช่วยให้สามารถใช้งานฮาร์ดแวร์ของ Huawei ในการประมวลผล AI ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ แม้จะมีการคว่ำบาตรจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและการขาดการเข้าถึงเทคโนโลยีชั้นนำจาก TSMC แต่ Huawei และ SMIC สามารถผลิตชิพที่สามารถแข่งขันกับชิพ Nvidia A100 และ H100 ได้ อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนหนึ่งของชิพจีนคือการฝึก AI ที่ยังคงต้องปรับปรุงต่อไป กล่าวโดยสรุป, Huawei's Ascend 910C เป็นชิพที่มีศักยภาพในการทำงาน inference ที่ดี แต่ยังคงต้องพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อแข่งขันในระดับโลก โดยเฉพาะในด้านการฝึก AI ที่ Nvidia ยังคงมีความเป็นผู้นำอย่างไม่ต้องสงสัย https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/deepseek-research-suggests-huaweis-ascend-910c-delivers-60-percent-nvidia-h100-inference-performance
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทีมวิจัย AI จาก University of California, Berkeley นำโดย Jiayi Pan, นักศึกษาปริญญาเอก อ้างว่าสามารถสร้างเทคโนโลยีหลักของ DeepSeek R1-Zero ขึ้นมาใหม่ได้ในราคาเพียง 30 ดอลลาร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโมเดลขั้นสูงสามารถนำมาใช้ได้ในราคาที่ไม่แพง

    ทีมวิจัยนี้ได้ทำการทดสอบโมเดล DeepSeek R1-Zero ในเกม Countdown ซึ่งเป็นเกมที่ผู้เล่นต้องหาคำตอบจากตัวเลขที่กำหนดให้โดยใช้การคำนวณพื้นฐาน โมเดลนี้มีพารามิเตอร์ 3 พันล้านตัว และพัฒนาความสามารถในการตรวจสอบและค้นหาคำตอบด้วยการเรียนรู้แบบเสริมแรง ทีมวิจัยเริ่มต้นด้วยโมเดลภาษาพื้นฐาน, คำสั่ง, และรางวัลที่เป็นความจริง จากนั้นทำการเรียนรู้แบบเสริมแรงโดยใช้เกม Countdown

    นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังได้ทดลองใช้โมเดลนี้ในการคูณเลข โดยใช้เทคนิคการกระจายการคูณเพื่อแก้ปัญหา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแก้ปัญหาของโมเดลนี้

    การทดลองนี้แสดงให้เห็นว่าโมเดล DeepSeek R1-Zero สามารถพัฒนาเทคนิคต่างๆ เพื่อหาคำตอบที่ถูกต้องได้ในขั้นตอนที่น้อยลง และมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าโมเดล AI อื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ai-research-team-claims-to-reproduce-deepseek-core-technologies-for-usd30-relatively-small-r1-zero-model-has-remarkable-problem-solving-abilities
    ทีมวิจัย AI จาก University of California, Berkeley นำโดย Jiayi Pan, นักศึกษาปริญญาเอก อ้างว่าสามารถสร้างเทคโนโลยีหลักของ DeepSeek R1-Zero ขึ้นมาใหม่ได้ในราคาเพียง 30 ดอลลาร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโมเดลขั้นสูงสามารถนำมาใช้ได้ในราคาที่ไม่แพง ทีมวิจัยนี้ได้ทำการทดสอบโมเดล DeepSeek R1-Zero ในเกม Countdown ซึ่งเป็นเกมที่ผู้เล่นต้องหาคำตอบจากตัวเลขที่กำหนดให้โดยใช้การคำนวณพื้นฐาน โมเดลนี้มีพารามิเตอร์ 3 พันล้านตัว และพัฒนาความสามารถในการตรวจสอบและค้นหาคำตอบด้วยการเรียนรู้แบบเสริมแรง ทีมวิจัยเริ่มต้นด้วยโมเดลภาษาพื้นฐาน, คำสั่ง, และรางวัลที่เป็นความจริง จากนั้นทำการเรียนรู้แบบเสริมแรงโดยใช้เกม Countdown นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังได้ทดลองใช้โมเดลนี้ในการคูณเลข โดยใช้เทคนิคการกระจายการคูณเพื่อแก้ปัญหา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแก้ปัญหาของโมเดลนี้ การทดลองนี้แสดงให้เห็นว่าโมเดล DeepSeek R1-Zero สามารถพัฒนาเทคนิคต่างๆ เพื่อหาคำตอบที่ถูกต้องได้ในขั้นตอนที่น้อยลง และมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าโมเดล AI อื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาด https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ai-research-team-claims-to-reproduce-deepseek-core-technologies-for-usd30-relatively-small-r1-zero-model-has-remarkable-problem-solving-abilities
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 318 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD อ้างว่า GPU รุ่น RX 7900 XTX ของพวกเขามีประสิทธิภาพเหนือกว่า RTX 4090 ของ Nvidia ในการทดสอบด้วยโมเดล AI ของ DeepSeek โดย AMD ได้ทำการทดสอบ GPU ทั้งสามรุ่น ได้แก่ RX 7900 XTX, RTX 4090 และ RTX 4080 Super ด้วยโมเดล AI DeepSeek R1 และพบว่า RX 7900 XTX มีประสิทธิภาพดีกว่า RTX 4090 ถึง 13% และดีกว่า RTX 4080 Super ถึง 34%

    การทดสอบนี้ใช้โมเดล AI หลายแบบและพารามิเตอร์ต่างๆ โดย RX 7900 XTX มีชัยชนะห่างที่สุดเมื่อใช้ DeepSeek R1 Distill Qwen 7B ซึ่งมีประสิทธิภาพดีกว่า RTX 4090 ถึง 13% นอกจากนี้ RX 7900 XTX ยังมีประสิทธิภาพดีกว่า RTX 4090 ในการทดสอบอีกสองแบบ โดยมีความเร็วมากกว่า 11% เมื่อใช้ Distill Llama 8B และมากกว่า 2% เมื่อใช้ Distill Qwen 14B1. อย่างไรก็ตาม RTX 4090 มีความเร็วมากกว่า RX 7900 XTX ถึง 4% เมื่อใช้ Distill Qwen 32B

    การทดสอบนี้แสดงให้เห็นว่า RX 7900 XTX ของ AMD มีความสามารถในการประมวลผลงาน AI ได้ดี แม้ว่าจะไม่ใช่การใช้งานหลักของ GPU รุ่นนี้ก็ตาม. สถาปัตยกรรม RDNA 3 ที่ RX 7900 XTX ใช้สามารถรองรับการทำงานของ AI ได้ดี โดยมี AI accelerators ถึง 192 ตัว

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/amd-claims-rx-7900-xtx-outperforms-rtx-4090-in-deepseek-benchmarks
    AMD อ้างว่า GPU รุ่น RX 7900 XTX ของพวกเขามีประสิทธิภาพเหนือกว่า RTX 4090 ของ Nvidia ในการทดสอบด้วยโมเดล AI ของ DeepSeek โดย AMD ได้ทำการทดสอบ GPU ทั้งสามรุ่น ได้แก่ RX 7900 XTX, RTX 4090 และ RTX 4080 Super ด้วยโมเดล AI DeepSeek R1 และพบว่า RX 7900 XTX มีประสิทธิภาพดีกว่า RTX 4090 ถึง 13% และดีกว่า RTX 4080 Super ถึง 34% การทดสอบนี้ใช้โมเดล AI หลายแบบและพารามิเตอร์ต่างๆ โดย RX 7900 XTX มีชัยชนะห่างที่สุดเมื่อใช้ DeepSeek R1 Distill Qwen 7B ซึ่งมีประสิทธิภาพดีกว่า RTX 4090 ถึง 13% นอกจากนี้ RX 7900 XTX ยังมีประสิทธิภาพดีกว่า RTX 4090 ในการทดสอบอีกสองแบบ โดยมีความเร็วมากกว่า 11% เมื่อใช้ Distill Llama 8B และมากกว่า 2% เมื่อใช้ Distill Qwen 14B1. อย่างไรก็ตาม RTX 4090 มีความเร็วมากกว่า RX 7900 XTX ถึง 4% เมื่อใช้ Distill Qwen 32B การทดสอบนี้แสดงให้เห็นว่า RX 7900 XTX ของ AMD มีความสามารถในการประมวลผลงาน AI ได้ดี แม้ว่าจะไม่ใช่การใช้งานหลักของ GPU รุ่นนี้ก็ตาม. สถาปัตยกรรม RDNA 3 ที่ RX 7900 XTX ใช้สามารถรองรับการทำงานของ AI ได้ดี โดยมี AI accelerators ถึง 192 ตัว https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/amd-claims-rx-7900-xtx-outperforms-rtx-4090-in-deepseek-benchmarks
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AMD claims RX 7900 XTX outperforms RTX 4090 in DeepSeek benchmarks
    Nvidia usually has better AI performance, but with DeepSeek AI, the tables have turned (according to AMD)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 287 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลุงก็ได้ลองใช้ DeepSeek มาแล้ว แจ่มจริง มาดู บทความของน้อง David Gewirtz ซึ่งเป็น Senior Contributing Editor ของ ZDNET ซึ่งคนนี้เก่งจริง เป็นผู้เขียนหนังสือหลายเล่ม ได้รับรางวัล Sigma Xi Research Award ในด้านวิศวกรรม และเคยเป็นศาสตราจารย์ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัย Princeton, University of California, Berkeley, UCLA, และ Stanford นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และเป็นที่ปรึกษาด้านนโยบายของสหรัฐอเมริกา

    บทความนี้กล่าวถึงการทดสอบความสามารถในการเขียนโค้ดของ DeepSeek R1 และ V3 ซึ่งเป็น AI chatbot จากประเทศจีน โดยผู้เขียนได้ทำการทดสอบ AI ทั้งสองรุ่นในหลายด้าน เช่น การเขียนปลั๊กอินสำหรับ WordPress การเขียนฟังก์ชันการจัดการสตริง การหาบั๊กที่น่ารำคาญ และการเขียนสคริปต์

    DeepSeek V3 และ R1 มีความสามารถที่น่าประทับใจในการเขียนโค้ด แต่ยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง ตัวอย่างเช่น DeepSeek V3 สามารถสร้างทั้งส่วนติดต่อผู้ใช้และตรรกะของโปรแกรมได้ตามที่กำหนด แต่ DeepSeek R1 มีการวิเคราะห์ที่ยาวเกินไปก่อนที่จะให้โค้ด นอกจากนี้ DeepSeek V3 ยังสามารถเขียนฟังก์ชันการจัดการสตริงได้ดี แต่ DeepSeek R1 มีปัญหาในการจัดการข้อมูลที่ไม่ใช่สตริง

    ในด้านการหาบั๊ก DeepSeek V3 และ R1 สามารถผ่านการทดสอบได้ แต่ในการเขียนสคริปต์ DeepSeek ทั้งสองรุ่นยังไม่สามารถทำได้ดีเท่าที่ควร

    ในภาพรวม DeepSeek V3 มีความสามารถที่ดีกว่า DeepSeek R1 แต่ยังคงมีพื้นที่ให้พัฒนาอยู่ โดยเฉพาะในด้านการเขียนสคริปต์และการจัดการข้อมูลที่ซับซ้อน

    นอกจากนี้ บทความยังกล่าวถึงความท้าทายในการใช้งาน DeepSeek เช่น การต้องใช้ที่อยู่อีเมลสาธารณะในการลงทะเบียน และปัญหาด้านความเร็วในการตอบสนอง

    DeepSeek เป็น AI ที่น่าจับตามองในอนาคต แม้ว่าจะยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง แต่ก็มีศักยภาพในการพัฒนาและปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น

    https://www.zdnet.com/article/i-tested-deepseeks-r1-and-v3-coding-skills-and-were-not-all-doomed-yet/
    ลุงก็ได้ลองใช้ DeepSeek มาแล้ว แจ่มจริง มาดู บทความของน้อง David Gewirtz ซึ่งเป็น Senior Contributing Editor ของ ZDNET ซึ่งคนนี้เก่งจริง เป็นผู้เขียนหนังสือหลายเล่ม ได้รับรางวัล Sigma Xi Research Award ในด้านวิศวกรรม และเคยเป็นศาสตราจารย์ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัย Princeton, University of California, Berkeley, UCLA, และ Stanford นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และเป็นที่ปรึกษาด้านนโยบายของสหรัฐอเมริกา บทความนี้กล่าวถึงการทดสอบความสามารถในการเขียนโค้ดของ DeepSeek R1 และ V3 ซึ่งเป็น AI chatbot จากประเทศจีน โดยผู้เขียนได้ทำการทดสอบ AI ทั้งสองรุ่นในหลายด้าน เช่น การเขียนปลั๊กอินสำหรับ WordPress การเขียนฟังก์ชันการจัดการสตริง การหาบั๊กที่น่ารำคาญ และการเขียนสคริปต์ DeepSeek V3 และ R1 มีความสามารถที่น่าประทับใจในการเขียนโค้ด แต่ยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง ตัวอย่างเช่น DeepSeek V3 สามารถสร้างทั้งส่วนติดต่อผู้ใช้และตรรกะของโปรแกรมได้ตามที่กำหนด แต่ DeepSeek R1 มีการวิเคราะห์ที่ยาวเกินไปก่อนที่จะให้โค้ด นอกจากนี้ DeepSeek V3 ยังสามารถเขียนฟังก์ชันการจัดการสตริงได้ดี แต่ DeepSeek R1 มีปัญหาในการจัดการข้อมูลที่ไม่ใช่สตริง ในด้านการหาบั๊ก DeepSeek V3 และ R1 สามารถผ่านการทดสอบได้ แต่ในการเขียนสคริปต์ DeepSeek ทั้งสองรุ่นยังไม่สามารถทำได้ดีเท่าที่ควร ในภาพรวม DeepSeek V3 มีความสามารถที่ดีกว่า DeepSeek R1 แต่ยังคงมีพื้นที่ให้พัฒนาอยู่ โดยเฉพาะในด้านการเขียนสคริปต์และการจัดการข้อมูลที่ซับซ้อน นอกจากนี้ บทความยังกล่าวถึงความท้าทายในการใช้งาน DeepSeek เช่น การต้องใช้ที่อยู่อีเมลสาธารณะในการลงทะเบียน และปัญหาด้านความเร็วในการตอบสนอง DeepSeek เป็น AI ที่น่าจับตามองในอนาคต แม้ว่าจะยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง แต่ก็มีศักยภาพในการพัฒนาและปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น https://www.zdnet.com/article/i-tested-deepseeks-r1-and-v3-coding-skills-and-were-not-all-doomed-yet/
    WWW.ZDNET.COM
    I tested DeepSeek's R1 and V3 coding skills - and we're not all doomed (yet)
    Are DeepSeek V3 and R1 the next big things in AI? How this Chinese open-source chatbot outperformed some big-name AIs in coding tests, despite using vastly less infrastructure than its competitors.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 351 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า(ยุคพระศรีอารย์)
    นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าที่ผมจะเสนอทุกท่านนี้นั้นจะเป็นไปในแบบที่มีความสุขและเรียบง่ายมาก แต่ทุกคนนั้นมองข้ามในบางสิ่งที่สำคัญมากไป เอ้ามาเริ่มกันเลยเนาะ
    ครั้งหนึ่งมีเจ้ากระต่ายที่ทะนงตนเองอยู่ตัวหนึ่ง กับเจ้าเต่าน้อยที่อ่อนแออีกตัวหนึ่ง พร้อมทั้งเหล่าสหายผองเพื่อนสัตว์ป่าน้อยใหญ่ประเภทต่างๆอีกมากมายอาศัยอยู่ด้วยกันในป่าแห่งหนึ่ง
    ทุกวันนั้นเจ้ากระต่ายมักจะเห็นเจ้าเต่าน้อยที่น่าสงสารแต่น่ารำคาญในสายตาของเจ้ากระต่ายอยู่ทุกวันๆ และเจ้ากระต่ายก็มักจะดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยามเจ้าเต่าน้อยอยู่ทุกวันๆว่า
    “เต่าอย่างนายมันดีแต่เดินชักช้าน่ารำคาญไม่ทันใครๆเค้าหรอก จะทำอะไรก็ชักช้าต้วมเตี้ยมๆ แล้วอย่างนี้จะไปทันเค้าเรอะ ฮ่าๆๆ”
    แล้วมีอยู่วันหนึ่งที่เจ้ากระต่ายได้ไปเห็นเจ้าเต่าน้อยที่น่ารำคาญเดินชักช้าต้วมเตี้ยมๆแล้วก็เกิดความคิดอยากที่จะกลั่นแกล้งเจ้าเต่าน้อยให้อับอายขายขี้หน้าประชาชีไปทั่วทั้งป่าให้สะใจตนเองจนถึงที่สุด เลยออกสาส์นท้ารบท้าทายเจ้าเต่าน้อย และอยากที่โอ้อวดตนเองที่มีร่างกายที่ดีกว่าเจ้าเต่าน้อยที่ดีแต่ชักช้าทำอะไรไม่ทันใครเค้าว่า
    “เรามาวิ่งแข่งกัน ถ้าชั้นชนะนาย นายจะต้องกลายมาเป็นเบ้ของชั้นตลอดไป หรือ นายจะต้องออกไปจากป่าแห่งนี้และไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก” “แต่ถ้าชั้นแพ้ นายจะได้รับการยอมรับจากชั้นว่านายไม่ใช่แค่เต่าที่ดีแต่เดินต้วมเตี้ยมๆไปวันๆที่ไม่มีอะไรดีเด่นในตัวเองเลย หรือ นายจะได้อยู่ในป่าแห่งนี้ต่อไป และได้รับการยอมรับจากชั้นว่านายก็มีดีเหมือนกัน และก็จะได้เป็นเจ้าป่าด้วย”
    เต่าน้อยลังเลใจอยู่พักใหญ่ แต่ด้วยความที่เต่าน้อยสุดที่จะอดทนอดกลั้นกับเจ้ากระต่ายที่แสนจะทะนงตนและโอ้อวดนั่นได้ เจ้าเต่าน้อยเลยทำการตกลงที่จะแข่งขันกับเจ้ากระต่าย เพื่อให้เจ้ากระต่ายได้รับรู้กันไปเลยว่า
    “ชั้นไม่ได้เป็นแค่เต่ากระจอกๆที่ใครๆก็จะมาดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยามกันได้ง่ายๆ” อย่างที่เจ้ากระต่ายพูดไว้ “ชั้นก็มีดีในตัวเองเหมือนกัน”
    จากนั้นเจ้ากระต่ายก็ได้ประกาศบอกไปกับเหล่าเพื่อนพ้องสหายสัตว์น้อยใหญ่ที่อาศัยอยู่ในป่าเดียวกันให้ได้รับทราบและรับรู้โดยทั่วกันให้มาเป็นสักขีพยานในการที่เจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าน้อยจะทำการประลองวิ่งแข่งกัน โดยให้จัดเตรียมงานการแข่งขันกันในอีกสามวัน
    ครั้นพอถึงวันที่ได้กำหนดไว้แล้ว เจ้ากระต่ายก็มาก่อนเจ้าเต่า และได้เตรียมพร้อมที่จะทำการประลองแข่งขันในทันที แต่ครั้นพอถึงเวลาที่จะทำการแข่งขันแล้ว แต่เจ้าเต่ากลับยังไม่มาตามที่ได้นัดหมายเอาไว้ เจ้ากระต่ายจึงได้ประกาศเหยียดหยามดูถูกเจ้าเต่าว่า
    “ฮ่าๆๆ ป่านนี้แล้วเจ้าเต่ามันยังไม่โผล่หัวมาที่ลานประลองนี้อีก ดูท่าว่าเจ้าเต่ามันคงจะกลัวหัวหดอยู่ในกระดองหนีไปจากป่านี้แล้วล่ะมั้ง”
    แต่พอเจ้ากระต่ายพูดจบยังไม่ทันขาดคำ เจ้าเต่าน้อยที่น่าสงสารก็มาถึงที่ลานประลองในทันที เจ้ากระต่ายจึงได้พูดเกทับบอกเจ้าเต่าไปว่า
    “นายแน่มากที่มาประลองกับชั้นในวันนี้ทั้งๆที่รู้ว่าแพ้อยู่แล้ว ฮ่าๆๆ”
    เจ้าเต่าน้อยที่น่าสงสารก็เลยบอกกับเจ้ากระต่ายที่ทระนงตนเองว่า “เรายังไม่ทันได้แข่งกันเลย ใครจะไปรู้ว่าบางทีกระต่ายที่แสนรวดเร็วอย่างนายอาจจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในวันนี้ก็เป็นได้ หึๆๆ”
    พอได้เวลาที่จะแข่งขันแล้วเหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าน้อยใหญ่ทั้งหลายก็มาเป็นสักขีพยานกันถ้วนหน้า และเชียร์ให้กำลังใจเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าที่มาแข่งขันกันอย่างเอิกเกริกเจี๊ยวจ๊าวเซ็งแซ่ไปทั่วทั้งป่า
    สัญญาณเริ่มการประลองเริ่มดังขึ้น เจ้ากระต่ายออกตัวได้อย่างรวดเร็วแซงหน้าเจ้าเต่าไปอย่างไม่เห็นฝุ่น ตามเส้นทางแข่งขันมีที่อุปสรรคขวากหนามต่างๆมากมาย เจ้ากระต่ายผ่านไปได้หมดได้อย่างง่ายดาย ส่วนเจ้าเต่ากลับทุลักทุเลผ่านไปแทบจะทุกๆด่าน แต่มีอุปสรรคหนึ่งที่เป็นหัวใจในการแข่งขันในครั้งนี้ที่เหล่าผองเพื่อนสัตว์ป่าน้อยใหญ่ได้ตกลงทำกันไว้และคอยลุ้นอยู่อย่างน่าตื่นเต้นเร้าใจที่สุด โดยมีเจ้าป่าราชสีห์เป็นผู้คิดขึ้นมาเพื่อท้าทายเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าเพื่อให้เห็นถึงคุณค่าของการสามัคคีกลมเกลียวรักกันและกัน เพื่อหวังว่าจะให้เจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าได้รับรู้ถึงมิตรภาพและความดีงามในการอยู่ร่วมกันในป่าแห่งนี้ว่า
    “จงเห็นคุณค่าของกันและกัน อย่าดูถูกกัน อย่าแตกสามัคคีกัน จงเห็นใจกันและกัน เข้าใจกันและกัน และยอมรับความแตกต่างซึ่งกันและกัน ทุกคนนั้นล้วนย่อมมีดีในตนเองด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครอยู่เหนือไปกว่ากัน แม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดก็สามารถช่วยเหลือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดได้ ทุกคนย่อมมีดีอยู่ในตัวเองด้วยกันทั้งนั้น”
    ว่าแล้วก็หันไปทางที่เจ้ากระต่ายที่ทุลักทุเลไม่สามารถฝ่าด่านสุดท้ายของราชสีห์และเหล่าเพื่อนพ้องสหายสัตว์ป่าน้อยใหญ่ที่ได้ทำการทดสอบเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าได้ เจ้ากระต่ายหมดแรงหยุดอยู่ที่ด่านนั้น จนฝ่ายเจ้าเต่าน้อยผ่านมาถึงด่านเดียวกันในที่สุด ถึงแม้ว่าจะทุลักทุเลเกือบหมดสภาพดูไม่จืดก็ตามที
    ด่านสุดท้ายที่ว่านี้ก็คือ ด่านที่จะต้องใช้กำลังแรงของทั้งคู่ฟันฝ่าผ่านไปให้ได้เท่านั้น เพียงแค่กำลังสัตว์ตัวคนเดียวนั้นไม่สามารที่จะฟันฝ่าผ่านไปได้เลย
    ว่าแล้วเจ้าเต่าก็บอกกับเจ้ากระต่ายว่า “ไหนนายบอกว่านายแน่จริงไง ไหงนายยังฝ่าด่านนี้ไปไม่ได้” ส่วนฝ่ายเจ้ากระต่ายนั้นก็รู้สึกตัวว่าตนเองผิดที่ชอบดูถูกเจ้าเต่าอยู่เสมอๆ จึงยอมรับว่าตนเองนั้นฝ่าด่านนี้ไปไม่ได้แน่ถ้าไม่มีเจ้าเต่าคอยช่วยเหลือด้วยอีกแรงหนึ่ง และได้ร้องขออ้อนวอนขอโทษเจ้าเต่าอย่างสำนึกในความหลงผิดที่ตัวเองได้เคยทำไม่ดีกับเจ้าเต่าไว้ และขอให้เจ้าเต่าให้อภัยให้กับตน และจะไม่ทำไม่ดีแบบนี้กับเจ้าเต่าอีกต่อไป ส่วนเจ้าเต่าก็ได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเจ้ากระต่ายที่มีต่อตนเองนั้นเป็นของจริง จึงคิดถึงคำที่ราชสีห์และเหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าทั้งหลายที่ได้เคยสั่งสอนตนและเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ทั่วทั้งป่าไว้ในตอนที่มีเหล่าสัตว์ป่าสมาชิกใหม่ทุกตัวที่ถือกำเนิดเกิดมาในป่านี้นั้นต้องได้รับการปฏิญาณตนต่อหน้าเจ้าป่าราชสีห์และสัตว์ป่าตัวอื่นๆทุกตัวที่อาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้ว่าจะสืบทอดสานต่อเจตจำนงบรรพชนที่ตายไปที่เคยอาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้และได้เฝ้าคอยดูแลรักษาป่าแห่งนี้ไว้ให้กับรุ่นลูกรุ่นหลานในรุ่นหลังว่า
    “พวกเราจะรักษาไว้ซึ่งความดีงามของบรรพชนที่ได้ส่งต่อมาสู่พวกเรารุ่นลูกรุ่นหลาน และเราจะส่งต่อซึ่งความดีงามนี้ไปให้ถึงรุ่นลูกรุ่นหลานข้างหน้าสืบต่อไป”
    ว่าแล้วเจ้าเต่าก็ได้บอกถึงเคล็ดลับวิธีที่จะฟันฝ่าผ่านด่านทดสอบของราชสีห์และเหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าน้อยใหญ่ให้กับเจ้ากระต่ายได้ฟัง เจ้ากระต่ายจึงได้รับรู้ถึงเจตจำนงบรรพชนที่ตนเองนั้นได้เคยหลงลืมละเลยไปนานเลยว่า ในตอนที่ตนเองนั้นได้ถือกำเนิดเกิดมาแล้วนั้น และได้อาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้นั้น ตนเองได้เคยกระทำอะไรไปบ้างในตอนนั้น ทำให้เจ้ากระต่ายถึงกับร้องไห้น้ำตาไหลคลออาบแก้ม เพราะได้รับรู้ซึ้งซึ่งเจตจำนงของบรรพชนที่ได้ถ่ายทอดมาสู่รุ่นหลังที่ตนเองได้เคยทำการปฏิญาณตนไปนั่นเอง ดังนั้นแล้วเจ้ากระต่ายจึงได้ทำการร่วมมือกับเจ้าเต่าช่วยกันฟันฝ่าผ่านด่านสุดท้ายนี้ไปได้อย่างง่ายดาย
    เหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าทุกตัวล้วนต่างตั้งหน้าตั้งตามารอดูเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าทั้งคู่ที่ทางวิ่งเข้าเส้นชัย ที่ในท้ายที่สุดเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าก็ได้จับมือจูงกันไปจนถึงเส้นชัยไปได้ในที่สุด โดยที่ปลายทางนั้นมีเจ้าป่าราชสีห์เป็นผู้ให้กำลังใจปลอบโยนเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าที่รับรู้ได้ถึงหัวใจของการถูกทดสอบในครั้งนี้และตลอดไป
    สุดท้ายนี้ในท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีใครที่ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และไม่มีใครที่ได้เป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะ เพราะเสมอด้วยกันทั้งคู่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไป คือ เหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าน้อยใหญ่ในป่าทุกตัวล้วนอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขสงบ โดยมีเจ้าป่าราชสีห์เป็นผู้นำประมุขสูงสุดอยู่ในป่าแห่งนี้นั่นเอง
    จบบริบูรณ์
    ป.ล.ผมหวังว่าทุกท่านคงจะชอบนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าแบบฉบับนี้กันไม่มากก็น้อยนะครับ
    นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า(ยุคพระศรีอารย์) นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าที่ผมจะเสนอทุกท่านนี้นั้นจะเป็นไปในแบบที่มีความสุขและเรียบง่ายมาก แต่ทุกคนนั้นมองข้ามในบางสิ่งที่สำคัญมากไป เอ้ามาเริ่มกันเลยเนาะ ครั้งหนึ่งมีเจ้ากระต่ายที่ทะนงตนเองอยู่ตัวหนึ่ง กับเจ้าเต่าน้อยที่อ่อนแออีกตัวหนึ่ง พร้อมทั้งเหล่าสหายผองเพื่อนสัตว์ป่าน้อยใหญ่ประเภทต่างๆอีกมากมายอาศัยอยู่ด้วยกันในป่าแห่งหนึ่ง ทุกวันนั้นเจ้ากระต่ายมักจะเห็นเจ้าเต่าน้อยที่น่าสงสารแต่น่ารำคาญในสายตาของเจ้ากระต่ายอยู่ทุกวันๆ และเจ้ากระต่ายก็มักจะดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยามเจ้าเต่าน้อยอยู่ทุกวันๆว่า “เต่าอย่างนายมันดีแต่เดินชักช้าน่ารำคาญไม่ทันใครๆเค้าหรอก จะทำอะไรก็ชักช้าต้วมเตี้ยมๆ แล้วอย่างนี้จะไปทันเค้าเรอะ ฮ่าๆๆ” แล้วมีอยู่วันหนึ่งที่เจ้ากระต่ายได้ไปเห็นเจ้าเต่าน้อยที่น่ารำคาญเดินชักช้าต้วมเตี้ยมๆแล้วก็เกิดความคิดอยากที่จะกลั่นแกล้งเจ้าเต่าน้อยให้อับอายขายขี้หน้าประชาชีไปทั่วทั้งป่าให้สะใจตนเองจนถึงที่สุด เลยออกสาส์นท้ารบท้าทายเจ้าเต่าน้อย และอยากที่โอ้อวดตนเองที่มีร่างกายที่ดีกว่าเจ้าเต่าน้อยที่ดีแต่ชักช้าทำอะไรไม่ทันใครเค้าว่า “เรามาวิ่งแข่งกัน ถ้าชั้นชนะนาย นายจะต้องกลายมาเป็นเบ้ของชั้นตลอดไป หรือ นายจะต้องออกไปจากป่าแห่งนี้และไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก” “แต่ถ้าชั้นแพ้ นายจะได้รับการยอมรับจากชั้นว่านายไม่ใช่แค่เต่าที่ดีแต่เดินต้วมเตี้ยมๆไปวันๆที่ไม่มีอะไรดีเด่นในตัวเองเลย หรือ นายจะได้อยู่ในป่าแห่งนี้ต่อไป และได้รับการยอมรับจากชั้นว่านายก็มีดีเหมือนกัน และก็จะได้เป็นเจ้าป่าด้วย” เต่าน้อยลังเลใจอยู่พักใหญ่ แต่ด้วยความที่เต่าน้อยสุดที่จะอดทนอดกลั้นกับเจ้ากระต่ายที่แสนจะทะนงตนและโอ้อวดนั่นได้ เจ้าเต่าน้อยเลยทำการตกลงที่จะแข่งขันกับเจ้ากระต่าย เพื่อให้เจ้ากระต่ายได้รับรู้กันไปเลยว่า “ชั้นไม่ได้เป็นแค่เต่ากระจอกๆที่ใครๆก็จะมาดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยามกันได้ง่ายๆ” อย่างที่เจ้ากระต่ายพูดไว้ “ชั้นก็มีดีในตัวเองเหมือนกัน” จากนั้นเจ้ากระต่ายก็ได้ประกาศบอกไปกับเหล่าเพื่อนพ้องสหายสัตว์น้อยใหญ่ที่อาศัยอยู่ในป่าเดียวกันให้ได้รับทราบและรับรู้โดยทั่วกันให้มาเป็นสักขีพยานในการที่เจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าน้อยจะทำการประลองวิ่งแข่งกัน โดยให้จัดเตรียมงานการแข่งขันกันในอีกสามวัน ครั้นพอถึงวันที่ได้กำหนดไว้แล้ว เจ้ากระต่ายก็มาก่อนเจ้าเต่า และได้เตรียมพร้อมที่จะทำการประลองแข่งขันในทันที แต่ครั้นพอถึงเวลาที่จะทำการแข่งขันแล้ว แต่เจ้าเต่ากลับยังไม่มาตามที่ได้นัดหมายเอาไว้ เจ้ากระต่ายจึงได้ประกาศเหยียดหยามดูถูกเจ้าเต่าว่า “ฮ่าๆๆ ป่านนี้แล้วเจ้าเต่ามันยังไม่โผล่หัวมาที่ลานประลองนี้อีก ดูท่าว่าเจ้าเต่ามันคงจะกลัวหัวหดอยู่ในกระดองหนีไปจากป่านี้แล้วล่ะมั้ง” แต่พอเจ้ากระต่ายพูดจบยังไม่ทันขาดคำ เจ้าเต่าน้อยที่น่าสงสารก็มาถึงที่ลานประลองในทันที เจ้ากระต่ายจึงได้พูดเกทับบอกเจ้าเต่าไปว่า “นายแน่มากที่มาประลองกับชั้นในวันนี้ทั้งๆที่รู้ว่าแพ้อยู่แล้ว ฮ่าๆๆ” เจ้าเต่าน้อยที่น่าสงสารก็เลยบอกกับเจ้ากระต่ายที่ทระนงตนเองว่า “เรายังไม่ทันได้แข่งกันเลย ใครจะไปรู้ว่าบางทีกระต่ายที่แสนรวดเร็วอย่างนายอาจจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในวันนี้ก็เป็นได้ หึๆๆ” พอได้เวลาที่จะแข่งขันแล้วเหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าน้อยใหญ่ทั้งหลายก็มาเป็นสักขีพยานกันถ้วนหน้า และเชียร์ให้กำลังใจเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าที่มาแข่งขันกันอย่างเอิกเกริกเจี๊ยวจ๊าวเซ็งแซ่ไปทั่วทั้งป่า สัญญาณเริ่มการประลองเริ่มดังขึ้น เจ้ากระต่ายออกตัวได้อย่างรวดเร็วแซงหน้าเจ้าเต่าไปอย่างไม่เห็นฝุ่น ตามเส้นทางแข่งขันมีที่อุปสรรคขวากหนามต่างๆมากมาย เจ้ากระต่ายผ่านไปได้หมดได้อย่างง่ายดาย ส่วนเจ้าเต่ากลับทุลักทุเลผ่านไปแทบจะทุกๆด่าน แต่มีอุปสรรคหนึ่งที่เป็นหัวใจในการแข่งขันในครั้งนี้ที่เหล่าผองเพื่อนสัตว์ป่าน้อยใหญ่ได้ตกลงทำกันไว้และคอยลุ้นอยู่อย่างน่าตื่นเต้นเร้าใจที่สุด โดยมีเจ้าป่าราชสีห์เป็นผู้คิดขึ้นมาเพื่อท้าทายเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าเพื่อให้เห็นถึงคุณค่าของการสามัคคีกลมเกลียวรักกันและกัน เพื่อหวังว่าจะให้เจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าได้รับรู้ถึงมิตรภาพและความดีงามในการอยู่ร่วมกันในป่าแห่งนี้ว่า “จงเห็นคุณค่าของกันและกัน อย่าดูถูกกัน อย่าแตกสามัคคีกัน จงเห็นใจกันและกัน เข้าใจกันและกัน และยอมรับความแตกต่างซึ่งกันและกัน ทุกคนนั้นล้วนย่อมมีดีในตนเองด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครอยู่เหนือไปกว่ากัน แม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดก็สามารถช่วยเหลือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดได้ ทุกคนย่อมมีดีอยู่ในตัวเองด้วยกันทั้งนั้น” ว่าแล้วก็หันไปทางที่เจ้ากระต่ายที่ทุลักทุเลไม่สามารถฝ่าด่านสุดท้ายของราชสีห์และเหล่าเพื่อนพ้องสหายสัตว์ป่าน้อยใหญ่ที่ได้ทำการทดสอบเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าได้ เจ้ากระต่ายหมดแรงหยุดอยู่ที่ด่านนั้น จนฝ่ายเจ้าเต่าน้อยผ่านมาถึงด่านเดียวกันในที่สุด ถึงแม้ว่าจะทุลักทุเลเกือบหมดสภาพดูไม่จืดก็ตามที ด่านสุดท้ายที่ว่านี้ก็คือ ด่านที่จะต้องใช้กำลังแรงของทั้งคู่ฟันฝ่าผ่านไปให้ได้เท่านั้น เพียงแค่กำลังสัตว์ตัวคนเดียวนั้นไม่สามารที่จะฟันฝ่าผ่านไปได้เลย ว่าแล้วเจ้าเต่าก็บอกกับเจ้ากระต่ายว่า “ไหนนายบอกว่านายแน่จริงไง ไหงนายยังฝ่าด่านนี้ไปไม่ได้” ส่วนฝ่ายเจ้ากระต่ายนั้นก็รู้สึกตัวว่าตนเองผิดที่ชอบดูถูกเจ้าเต่าอยู่เสมอๆ จึงยอมรับว่าตนเองนั้นฝ่าด่านนี้ไปไม่ได้แน่ถ้าไม่มีเจ้าเต่าคอยช่วยเหลือด้วยอีกแรงหนึ่ง และได้ร้องขออ้อนวอนขอโทษเจ้าเต่าอย่างสำนึกในความหลงผิดที่ตัวเองได้เคยทำไม่ดีกับเจ้าเต่าไว้ และขอให้เจ้าเต่าให้อภัยให้กับตน และจะไม่ทำไม่ดีแบบนี้กับเจ้าเต่าอีกต่อไป ส่วนเจ้าเต่าก็ได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเจ้ากระต่ายที่มีต่อตนเองนั้นเป็นของจริง จึงคิดถึงคำที่ราชสีห์และเหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าทั้งหลายที่ได้เคยสั่งสอนตนและเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ทั่วทั้งป่าไว้ในตอนที่มีเหล่าสัตว์ป่าสมาชิกใหม่ทุกตัวที่ถือกำเนิดเกิดมาในป่านี้นั้นต้องได้รับการปฏิญาณตนต่อหน้าเจ้าป่าราชสีห์และสัตว์ป่าตัวอื่นๆทุกตัวที่อาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้ว่าจะสืบทอดสานต่อเจตจำนงบรรพชนที่ตายไปที่เคยอาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้และได้เฝ้าคอยดูแลรักษาป่าแห่งนี้ไว้ให้กับรุ่นลูกรุ่นหลานในรุ่นหลังว่า “พวกเราจะรักษาไว้ซึ่งความดีงามของบรรพชนที่ได้ส่งต่อมาสู่พวกเรารุ่นลูกรุ่นหลาน และเราจะส่งต่อซึ่งความดีงามนี้ไปให้ถึงรุ่นลูกรุ่นหลานข้างหน้าสืบต่อไป” ว่าแล้วเจ้าเต่าก็ได้บอกถึงเคล็ดลับวิธีที่จะฟันฝ่าผ่านด่านทดสอบของราชสีห์และเหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าน้อยใหญ่ให้กับเจ้ากระต่ายได้ฟัง เจ้ากระต่ายจึงได้รับรู้ถึงเจตจำนงบรรพชนที่ตนเองนั้นได้เคยหลงลืมละเลยไปนานเลยว่า ในตอนที่ตนเองนั้นได้ถือกำเนิดเกิดมาแล้วนั้น และได้อาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้นั้น ตนเองได้เคยกระทำอะไรไปบ้างในตอนนั้น ทำให้เจ้ากระต่ายถึงกับร้องไห้น้ำตาไหลคลออาบแก้ม เพราะได้รับรู้ซึ้งซึ่งเจตจำนงของบรรพชนที่ได้ถ่ายทอดมาสู่รุ่นหลังที่ตนเองได้เคยทำการปฏิญาณตนไปนั่นเอง ดังนั้นแล้วเจ้ากระต่ายจึงได้ทำการร่วมมือกับเจ้าเต่าช่วยกันฟันฝ่าผ่านด่านสุดท้ายนี้ไปได้อย่างง่ายดาย เหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าทุกตัวล้วนต่างตั้งหน้าตั้งตามารอดูเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าทั้งคู่ที่ทางวิ่งเข้าเส้นชัย ที่ในท้ายที่สุดเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าก็ได้จับมือจูงกันไปจนถึงเส้นชัยไปได้ในที่สุด โดยที่ปลายทางนั้นมีเจ้าป่าราชสีห์เป็นผู้ให้กำลังใจปลอบโยนเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าที่รับรู้ได้ถึงหัวใจของการถูกทดสอบในครั้งนี้และตลอดไป สุดท้ายนี้ในท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีใครที่ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และไม่มีใครที่ได้เป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะ เพราะเสมอด้วยกันทั้งคู่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไป คือ เหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าน้อยใหญ่ในป่าทุกตัวล้วนอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขสงบ โดยมีเจ้าป่าราชสีห์เป็นผู้นำประมุขสูงสุดอยู่ในป่าแห่งนี้นั่นเอง จบบริบูรณ์ ป.ล.ผมหวังว่าทุกท่านคงจะชอบนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าแบบฉบับนี้กันไม่มากก็น้อยนะครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 285 มุมมอง 0 รีวิว
  • TSMC เตรียมเริ่มการผลิตชิป A-Series ของ Apple ในสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก นับเป็นก้าวสำคัญสำหรับโรงงานในรัฐแอริโซนา

    TSMC และ Apple ได้ร่วมมือกันเพื่อผลิตชิปในสหรัฐฯ โดย TSMC ได้ทำการทดสอบต่าง ๆ และกำลังขยายธุรกิจกับ Apple ในภูมิภาคนี้ รายงานใหม่ระบุว่า TSMC จะเริ่มการผลิตชิป A-Series ของ Apple ในสหรัฐฯ เร็ว ๆ นี้ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญสำหรับผู้ผลิตชิปที่ได้ขยายโครงสร้างพื้นฐานออกนอกประเทศบ้านเกิด

    ชิป iPhone ที่ผลิตในสหรัฐฯ ครั้งแรกจะเข้าสู่การผลิตในปริมาณมากในไตรมาสนี้ รายงานจาก Nekkei Asia ระบุว่า TSMC จะเริ่มการผลิตชิป A-Series ของ Apple ในสหรัฐฯ และชิปเหล่านี้อาจถูกใช้ในรุ่น iPhone เก่าหรือฮาร์ดแวร์ใหม่ที่ไม่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด การทดสอบการผลิตชิปที่โรงงานของ TSMC ใกล้เมืองฟีนิกซ์ได้เสร็จสิ้นแล้ว และผู้ผลิตชิปจะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป

    Apple มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในกระบวนการนี้และอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการตรวจสอบคุณภาพและประสิทธิภาพของชิป รายงานระบุว่าชิปที่สามารถใช้งานได้ในเชิงพาณิชย์อาจเข้าสู่การผลิตในปริมาณมากในไตรมาสนี้ และการประกันคุณภาพเป็นกระบวนการเดียวที่เหลืออยู่

    นอกจากนี้ Apple ยังวางแผนที่จะใช้ชิป A16 Bionic สำหรับรุ่น iPhone 15 และ iPhone 15 Plus รวมถึงชิป S9 ที่จะผลิตโดย TSMC ที่โรงงานในรัฐแอริโซนา ชิป S9 เปิดตัวพร้อมกับ Apple Watch Series 9 และยังคงใช้ใน Apple Watch Ultra 2

    นี่เป็นครั้งแรกที่ Apple จะผลิตชิปในประเทศของตนเองและเป็นก้าวสำคัญสำหรับ TSMC ด้วย TSMC ยังมีลูกค้ารายอื่นที่ทำงานร่วมกับโรงงานในรัฐแอริโซนา เช่น AMD

    https://wccf.tech/1ft0o
    TSMC เตรียมเริ่มการผลิตชิป A-Series ของ Apple ในสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก นับเป็นก้าวสำคัญสำหรับโรงงานในรัฐแอริโซนา TSMC และ Apple ได้ร่วมมือกันเพื่อผลิตชิปในสหรัฐฯ โดย TSMC ได้ทำการทดสอบต่าง ๆ และกำลังขยายธุรกิจกับ Apple ในภูมิภาคนี้ รายงานใหม่ระบุว่า TSMC จะเริ่มการผลิตชิป A-Series ของ Apple ในสหรัฐฯ เร็ว ๆ นี้ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญสำหรับผู้ผลิตชิปที่ได้ขยายโครงสร้างพื้นฐานออกนอกประเทศบ้านเกิด ชิป iPhone ที่ผลิตในสหรัฐฯ ครั้งแรกจะเข้าสู่การผลิตในปริมาณมากในไตรมาสนี้ รายงานจาก Nekkei Asia ระบุว่า TSMC จะเริ่มการผลิตชิป A-Series ของ Apple ในสหรัฐฯ และชิปเหล่านี้อาจถูกใช้ในรุ่น iPhone เก่าหรือฮาร์ดแวร์ใหม่ที่ไม่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด การทดสอบการผลิตชิปที่โรงงานของ TSMC ใกล้เมืองฟีนิกซ์ได้เสร็จสิ้นแล้ว และผู้ผลิตชิปจะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป Apple มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในกระบวนการนี้และอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการตรวจสอบคุณภาพและประสิทธิภาพของชิป รายงานระบุว่าชิปที่สามารถใช้งานได้ในเชิงพาณิชย์อาจเข้าสู่การผลิตในปริมาณมากในไตรมาสนี้ และการประกันคุณภาพเป็นกระบวนการเดียวที่เหลืออยู่ นอกจากนี้ Apple ยังวางแผนที่จะใช้ชิป A16 Bionic สำหรับรุ่น iPhone 15 และ iPhone 15 Plus รวมถึงชิป S9 ที่จะผลิตโดย TSMC ที่โรงงานในรัฐแอริโซนา ชิป S9 เปิดตัวพร้อมกับ Apple Watch Series 9 และยังคงใช้ใน Apple Watch Ultra 2 นี่เป็นครั้งแรกที่ Apple จะผลิตชิปในประเทศของตนเองและเป็นก้าวสำคัญสำหรับ TSMC ด้วย TSMC ยังมีลูกค้ารายอื่นที่ทำงานร่วมกับโรงงานในรัฐแอริโซนา เช่น AMD https://wccf.tech/1ft0o
    WCCF.TECH
    TSMC To Begin Mass Production Of Apple’s First U.S.-Made A-Series Chips For The iPhone, Marking A Major Milestone For Its Arizona Plant
    TSMC is aiming to begin mass production of Apple's A-series chips for the iPhone as soon as this quarter at its Arizona plant.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 211 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิทยาศาสตร์จีนได้สร้างนาฬิกาอะตอมที่สามารถนำไปใช้ในเขตสงครามได้ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงอนาคตของการต่อสู้ทางทหารได้อย่างลึกซึ้ง นาฬิกาอะตอมฟาวน์เทนซีเซียมนี้มีความสูง 1.5 เมตร และมีขนาดประมาณตู้เย็นประตูเดียว สามารถบรรทุกบนรถบรรทุกทหารและทนต่อการขนส่งระยะไกลและสภาพแวดล้อมที่รุนแรงได้ โดยยังคงความแม่นยำของการจับเวลาให้น้อยกว่า 1/5 ของหนึ่งในพันล้านวินาที

    ระบบการจับเวลาที่มีความแม่นยำสูงเป็นกระดูกสันหลังของสงครามสมัยใหม่ ช่วยให้เรดาร์ที่แยกจากกันหลายพันไมล์ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นาฬิกา NIM-TF3 ที่ผลิตโดยสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติจีนสามารถทำงานได้อย่างอิสระเป็นเวลานานโดยไม่ต้องการการบำรุงรักษาจากผู้เชี่ยวชาญ ทำให้เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในโลกเปิด

    ทีมวิจัยที่นำโดยศาสตราจารย์หลิน ผิงเว่ย ได้ทำการทดสอบและพบว่านาฬิกามีความเสถียรในระยะยาวถึงระดับห้าหนึ่งในพันล้านวินาที ซึ่งสูงกว่านาฬิกาอะตอมเคลื่อนที่ที่ดีที่สุดในสหรัฐอเมริกาถึงสองระดับ นาฬิกาอะตอมซีเซียมทำงานเหมือนน้ำพุ โดยนักวิทยาศาสตร์จะทำให้อะตอมซีเซียมเย็นลงด้วยเลเซอร์แล้วยิงขึ้นไปในอากาศ อะตอมจะตกลงมาตามแรงโน้มถ่วงและปล่อยแสงฟลูออเรสเซนซ์เมื่อผ่านสนามพลังงานไมโครเวฟ

    การพัฒนานาฬิกาอะตอมนี้ทำให้กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) มีความได้เปรียบในการแข่งขันกับกองทัพสหรัฐในด้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์ จีนยังได้ปิดช่องว่างกับสหรัฐในด้านเทคโนโลยีการจับเวลาที่มีความแม่นยำสูง และได้ก้าวข้ามในบางพื้นที่สำคัญ เช่น นาฬิกาอะตอมบนดาวเทียม BeiDou ที่มีประสิทธิภาพดีกว่าดาวเทียม GPS

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/07/chinese-scientists-build-the-most-precise-timing-machine-for-electronic-warfare
    นักวิทยาศาสตร์จีนได้สร้างนาฬิกาอะตอมที่สามารถนำไปใช้ในเขตสงครามได้ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงอนาคตของการต่อสู้ทางทหารได้อย่างลึกซึ้ง นาฬิกาอะตอมฟาวน์เทนซีเซียมนี้มีความสูง 1.5 เมตร และมีขนาดประมาณตู้เย็นประตูเดียว สามารถบรรทุกบนรถบรรทุกทหารและทนต่อการขนส่งระยะไกลและสภาพแวดล้อมที่รุนแรงได้ โดยยังคงความแม่นยำของการจับเวลาให้น้อยกว่า 1/5 ของหนึ่งในพันล้านวินาที ระบบการจับเวลาที่มีความแม่นยำสูงเป็นกระดูกสันหลังของสงครามสมัยใหม่ ช่วยให้เรดาร์ที่แยกจากกันหลายพันไมล์ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นาฬิกา NIM-TF3 ที่ผลิตโดยสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติจีนสามารถทำงานได้อย่างอิสระเป็นเวลานานโดยไม่ต้องการการบำรุงรักษาจากผู้เชี่ยวชาญ ทำให้เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในโลกเปิด ทีมวิจัยที่นำโดยศาสตราจารย์หลิน ผิงเว่ย ได้ทำการทดสอบและพบว่านาฬิกามีความเสถียรในระยะยาวถึงระดับห้าหนึ่งในพันล้านวินาที ซึ่งสูงกว่านาฬิกาอะตอมเคลื่อนที่ที่ดีที่สุดในสหรัฐอเมริกาถึงสองระดับ นาฬิกาอะตอมซีเซียมทำงานเหมือนน้ำพุ โดยนักวิทยาศาสตร์จะทำให้อะตอมซีเซียมเย็นลงด้วยเลเซอร์แล้วยิงขึ้นไปในอากาศ อะตอมจะตกลงมาตามแรงโน้มถ่วงและปล่อยแสงฟลูออเรสเซนซ์เมื่อผ่านสนามพลังงานไมโครเวฟ การพัฒนานาฬิกาอะตอมนี้ทำให้กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) มีความได้เปรียบในการแข่งขันกับกองทัพสหรัฐในด้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์ จีนยังได้ปิดช่องว่างกับสหรัฐในด้านเทคโนโลยีการจับเวลาที่มีความแม่นยำสูง และได้ก้าวข้ามในบางพื้นที่สำคัญ เช่น นาฬิกาอะตอมบนดาวเทียม BeiDou ที่มีประสิทธิภาพดีกว่าดาวเทียม GPS https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/07/chinese-scientists-build-the-most-precise-timing-machine-for-electronic-warfare
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Chinese scientists build the most precise timing machine for electronic warfare
    Researchers have created an atomic clock that can be taken into war zones, and it could change the future of military combat.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 330 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เกี่ยวกับการที่ AMD มีปัญหาด้านการปรับแต่งซอฟต์แวร์ ทำให้ Nvidia ยังคงครองตลาดชิป AI ได้อย่างแข็งแกร่ง แม้ว่า AMD จะมีชิป MI300X ที่มีประสิทธิภาพสูง แต่การทดสอบพบว่าซอฟต์แวร์ของ AMD ยังมีปัญหามากมาย ทำให้การใช้งานไม่ราบรื่นเท่ากับ Nvidia

    การทดสอบนี้ดำเนินการโดยทีมวิจัยจาก SemiAnalysis. ทีมนี้ได้ทำการทดสอบชิป MI300X ของ AMD เปรียบเทียบกับชิป H100 และ H200 ของ Nvidia ชิป MI300X ของ AMD มีประสิทธิภาพสูง แต่การใช้งานซอฟต์แวร์ยังมีปัญหามากมาย SemiAnalysis พบว่าซอฟต์แวร์ของ AMD ต้องการการแก้ไขจากวิศวกรของ AMD เองในระหว่างการทดสอบ

    AMD มีแผนที่จะปรับปรุงซอฟต์แวร์ของตน โดยมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่กำลังดำเนินการอยู่

    https://www.techspot.com/news/106077-amd-poor-software-optimization-letting-nvidia-maintain-iron.html
    ข่าวนี้เกี่ยวกับการที่ AMD มีปัญหาด้านการปรับแต่งซอฟต์แวร์ ทำให้ Nvidia ยังคงครองตลาดชิป AI ได้อย่างแข็งแกร่ง แม้ว่า AMD จะมีชิป MI300X ที่มีประสิทธิภาพสูง แต่การทดสอบพบว่าซอฟต์แวร์ของ AMD ยังมีปัญหามากมาย ทำให้การใช้งานไม่ราบรื่นเท่ากับ Nvidia การทดสอบนี้ดำเนินการโดยทีมวิจัยจาก SemiAnalysis. ทีมนี้ได้ทำการทดสอบชิป MI300X ของ AMD เปรียบเทียบกับชิป H100 และ H200 ของ Nvidia ชิป MI300X ของ AMD มีประสิทธิภาพสูง แต่การใช้งานซอฟต์แวร์ยังมีปัญหามากมาย SemiAnalysis พบว่าซอฟต์แวร์ของ AMD ต้องการการแก้ไขจากวิศวกรของ AMD เองในระหว่างการทดสอบ AMD มีแผนที่จะปรับปรุงซอฟต์แวร์ของตน โดยมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่กำลังดำเนินการอยู่ https://www.techspot.com/news/106077-amd-poor-software-optimization-letting-nvidia-maintain-iron.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AMD's poor software optimization is letting Nvidia maintain an iron grip over AI chips
    SemiAnalysis pitted AMD's Instinct MI300X against Nvidia's H100 and H200, observing several differences between the chips. For the uninitiated, the MI300X is a GPU accelerator based on...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇷🇺 เหลือจะเชื่อ จากที่ผมโพสต์เรื่องที่ว่า อาจจะเป็นสาเหตุหนื่งของชนวนสั่งตาย พล.ท.อิกอร์ คิริลอฟ ผบ.กองกำลังป้องกันรังสี เคมี และชีวภาพ รัสเซีย แบบไม่ได้จริงจังมากนัก เพราะว่าข้อมูลเก่าที่ผมเคยมี ได้สูญหายหมดแล้ว😁
    ___ แต่ก็ได้รับการอนุเคราะห์จากเพื่อนๆใน FB เรียบเรียงเขียนมาให้ ผมก็ขอนำมาถ่ายทอดต่อ ในแบบ copy ข้อมูลดั้งเดิมไม่ได้เรียบเรียงใหม่ เพราะได้มาหลายวันแล้ว ครับ

    _____ ขอขอบคุณ คุณ Bounce Back _____
    .
    มีรายงานว่า : มีห้องทดลองชีวภาพ มากถึง 38 แห่งในยูเครน โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนชายแดนรัสเซีย
    🔲 #ห้องทดลองชีวภาพ เป็นหนึ่งในห้องแรกๆ ที่ถูกทำลายโดยรัสเซีย

    🟪 #CBS Mornings เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565
    พวกเขาเยี่ยมชมห้องทดลอง Biolabs ที่ได้รับทุนจากสหรัฐฯ
    ___ **#เจ้าหน้าที่ยอมรับว่ามีเชื้อโรคร้ายแรงอยู่ในนั้น**😱
    และได้รับคำสั่งให้ทำลายเชื้อโรคดังกล่าวเมื่อรัสเซียบุก

    Inside the Russian biological weapons conspiracy theory
    https://www.youtube.com/watch?v=EdKDrIR8ASY
    ++++++++++++++++++++++++

    🟪 พ.อ.ดักลาส แม็กเกรเกอร์ Douglas Macgregor พันเอกเกษียณอายุราชการกองทัพสหรัฐฯ อดีตจนท.รัฐบาล นักเขียน ที่ปรึกษา และนักวิจารณ์การเมือง ___ คนนี้คือใคร น่าเชื่อถือหรือไม่

    🔲 สมัยที่แล้ว ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอชื่อ Col. Doug Macgregor
    • เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำเยอรมนี
    • แต่งตั้งให้เขาเป็นคณะกรรมการของสถาบันการทหารสหรัฐฯ และเป็นที่ปรึกษา รมว.กห.สหรัฐฯ
    • รอดูอนาคตอันใกล้ว่าจะได้ปฏิบัติหน้าที่ใดบ้าง ในรัฐบาลใหม่นี้
    .
    🟪 พ.อ.ดักลาส แม็กเกรเกอร์ อธิบายเหตุผลเบื้องหลังการลอบสังหาร

    🔲 เพราะว่า นายพล #Kirillov เป็นคนแรกที่ “กล่าวและยืนยัน ” ว่า :
    ▪ต้องยึดห้องปฏิบัติการชีวภาพที่ตั้งอยู่ในยูเครน โดยเร็วที่สุด
    ▪รัสเซียพบว่ามีการพัฒนาอาวุธชีวภาพ โดยห้องแล็ปกำลังศึกษา ดีเอ็นเอและพันธุศาสตร์ เพื่อพัฒนาอาวุธที่จะใช้โจมตีรัสเซียโดยเฉพาะ
    ▪สิ่งที่น่าสยดสยองที่เกิดขึ้นในห้องปฏิบัติการ มีการพบชิ้นส่วนร่างกาย
    ที่ถูกตัดออก และเตรียมที่จะขายต่อ❗💀
    ▪รวมถึงการทดลองหลายอย่าง
    ___ ที่ พันเอก Doug Macgregor ไม่อยากพูดถึง ___😰

    https://www.youtube.com/watch?v=RlHYPp6Pv9o
    . . . . . . . . . . . . . . .
    รัสเซียได้ทำลายห้องปฏิบัติการเหล่านั้น
    แต่ได้เก็บหลักฐานมากมาย
    เชื่อมโยงกลับไปยังวอชิงตัน ดี.ซี.
    และบุคคลทางการเมืองสำคัญ
    ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและได้ลงทุนในเรื่องนี้
    นั่นคือเงาของคำสั่งมรณะ
    ++++++++++++++++++++++++

    จากสถานีโทรทัศน์ OANN ของอเมริกัน
    เผยแพร่รายงานห้องแล็บชีวภาพของอเมริกาในยูเครน
    ช่วงต้นของการปฏิบัติการพิเศษทางทหาร
    ขณะที่โจ ไบเดนยังคงยั่วยุให้เกิดสงครามกับรัสเซีย
    มีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ที่บ่งชี้ว่าความขัดแย้งทั้งหมด
    อาจออกแบบมาเพื่อปกป้องห้องปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ
    ที่ทำการทดลองทางชีวภาพที่ผิดกฎหมาย
    รัฐบาล โจ ไบเดนและ Deep State
    ปฏิเสธเสมอมาว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
    กับการทำงานของห้องแล็บชีวภาพ
    ในสาธารณรัฐของอดีตสหภาพโซเวียต
    _ _ _ _ _ _
    ❝ อย่างไรก็ตาม ภายใต้แรงกดดันจากหลักฐานที่ปฏิเสธไม่ได้
    อดีตโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ
    Victoria Nuland ยอมรับว่ามีศูนย์วิจัยในยูเครน
    ที่ไม่ควรตกอยู่ในมือของกองทัพรัสเซีย
    _ _ _ _ _ _
    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องนี้ได้รับการยืนยัน
    จากห้องปฏิบัติการชีวภาพของยูเครน
    "Pharmbiotest" ในเมือง Rubezhnoye (LPR)
    ซึ่งดำเนินการทดลองกับเชื้อก่อโรคที่เป็นอันตราย
    ในห้องปฏิบัติการชีวภาพที่ผิดกฎหมาย
    ผู้เชี่ยวชาญของยูเครนและอเมริกา
    ทำการทดสอบยาที่ไม่ทราบชื่อ
    กับบุคลากรทางทหารและพลเรือน
    หลังจากนั้นจึงบันทึกภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพและผลร้ายแรง...
    +===+===+===+
    หลังจากคอมเมนต์นี้ออกมา ผู้เขียนต้นฉบับก็ได้อธิบายต่อถึงคน?🐾🐃บางจำพวก ว่า :
    ___ เป็นการยากที่จะอธิบาย
    ___ ให้ต้นกระบองเพชรในทะเลทรายซาฮารา
    ___ รู้ว่า มีทวีปแอนตาร์กติกา
    ___ ที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งตลอดเวลา
    ___ แต่มีโอกาสเป็นไปได้
    ___ ห า ก ฟั ง แ ล ะ คิ ด
    .
    🐾🐃 คือมันจะมีบางจำพวก ประมาณว่า : กูจะเถียง กูจะเอาชนะ กูแพ้ไม่เป็น กูอยากจะโง่ของกูอยู่อย่างนี้ละ ใครอย่ามาสอนสั่งให้ความรู้😁😂

    📌 **เรื่องนี้ยากและซับซ้อนเกินกว่าอย่างเราๆทั่วไป จะทำความเข้าใจกับมันนะครับ เอาแค่ว่าในมุมมองของเป็น **เรื่องจริง หรือ ทฤษฎีสมคบคิด** ก็ยากแล้ว ___ เอาแค่ว่าอ่านเพื่อทราบเป็นความรู้ ว่า มันอาจจะเป็นเรื่องจริงที่โหดร้ายในโลกใบนี้ก็ได้ ครับ


    Noraseth Tuntasiri
    🇷🇺 เหลือจะเชื่อ จากที่ผมโพสต์เรื่องที่ว่า อาจจะเป็นสาเหตุหนื่งของชนวนสั่งตาย พล.ท.อิกอร์ คิริลอฟ ผบ.กองกำลังป้องกันรังสี เคมี และชีวภาพ รัสเซีย แบบไม่ได้จริงจังมากนัก เพราะว่าข้อมูลเก่าที่ผมเคยมี ได้สูญหายหมดแล้ว😁 ___ แต่ก็ได้รับการอนุเคราะห์จากเพื่อนๆใน FB เรียบเรียงเขียนมาให้ ผมก็ขอนำมาถ่ายทอดต่อ ในแบบ copy ข้อมูลดั้งเดิมไม่ได้เรียบเรียงใหม่ เพราะได้มาหลายวันแล้ว ครับ _____ ขอขอบคุณ คุณ Bounce Back _____ . มีรายงานว่า : มีห้องทดลองชีวภาพ มากถึง 38 แห่งในยูเครน โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนชายแดนรัสเซีย 🔲 #ห้องทดลองชีวภาพ เป็นหนึ่งในห้องแรกๆ ที่ถูกทำลายโดยรัสเซีย 🟪 #CBS Mornings เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 พวกเขาเยี่ยมชมห้องทดลอง Biolabs ที่ได้รับทุนจากสหรัฐฯ ___ **#เจ้าหน้าที่ยอมรับว่ามีเชื้อโรคร้ายแรงอยู่ในนั้น**😱 และได้รับคำสั่งให้ทำลายเชื้อโรคดังกล่าวเมื่อรัสเซียบุก Inside the Russian biological weapons conspiracy theory https://www.youtube.com/watch?v=EdKDrIR8ASY ++++++++++++++++++++++++ 🟪 พ.อ.ดักลาส แม็กเกรเกอร์ Douglas Macgregor พันเอกเกษียณอายุราชการกองทัพสหรัฐฯ อดีตจนท.รัฐบาล นักเขียน ที่ปรึกษา และนักวิจารณ์การเมือง ___ คนนี้คือใคร น่าเชื่อถือหรือไม่ 🔲 สมัยที่แล้ว ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอชื่อ Col. Doug Macgregor • เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำเยอรมนี • แต่งตั้งให้เขาเป็นคณะกรรมการของสถาบันการทหารสหรัฐฯ และเป็นที่ปรึกษา รมว.กห.สหรัฐฯ • รอดูอนาคตอันใกล้ว่าจะได้ปฏิบัติหน้าที่ใดบ้าง ในรัฐบาลใหม่นี้ . 🟪 พ.อ.ดักลาส แม็กเกรเกอร์ อธิบายเหตุผลเบื้องหลังการลอบสังหาร 🔲 เพราะว่า นายพล #Kirillov เป็นคนแรกที่ “กล่าวและยืนยัน ” ว่า : ▪ต้องยึดห้องปฏิบัติการชีวภาพที่ตั้งอยู่ในยูเครน โดยเร็วที่สุด ▪รัสเซียพบว่ามีการพัฒนาอาวุธชีวภาพ โดยห้องแล็ปกำลังศึกษา ดีเอ็นเอและพันธุศาสตร์ เพื่อพัฒนาอาวุธที่จะใช้โจมตีรัสเซียโดยเฉพาะ ▪สิ่งที่น่าสยดสยองที่เกิดขึ้นในห้องปฏิบัติการ มีการพบชิ้นส่วนร่างกาย ที่ถูกตัดออก และเตรียมที่จะขายต่อ❗💀 ▪รวมถึงการทดลองหลายอย่าง ___ ที่ พันเอก Doug Macgregor ไม่อยากพูดถึง ___😰 https://www.youtube.com/watch?v=RlHYPp6Pv9o . . . . . . . . . . . . . . . รัสเซียได้ทำลายห้องปฏิบัติการเหล่านั้น แต่ได้เก็บหลักฐานมากมาย เชื่อมโยงกลับไปยังวอชิงตัน ดี.ซี. และบุคคลทางการเมืองสำคัญ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและได้ลงทุนในเรื่องนี้ นั่นคือเงาของคำสั่งมรณะ ++++++++++++++++++++++++ จากสถานีโทรทัศน์ OANN ของอเมริกัน เผยแพร่รายงานห้องแล็บชีวภาพของอเมริกาในยูเครน ช่วงต้นของการปฏิบัติการพิเศษทางทหาร ขณะที่โจ ไบเดนยังคงยั่วยุให้เกิดสงครามกับรัสเซีย มีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ที่บ่งชี้ว่าความขัดแย้งทั้งหมด อาจออกแบบมาเพื่อปกป้องห้องปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ที่ทำการทดลองทางชีวภาพที่ผิดกฎหมาย รัฐบาล โจ ไบเดนและ Deep State ปฏิเสธเสมอมาว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง กับการทำงานของห้องแล็บชีวภาพ ในสาธารณรัฐของอดีตสหภาพโซเวียต _ _ _ _ _ _ ❝ อย่างไรก็ตาม ภายใต้แรงกดดันจากหลักฐานที่ปฏิเสธไม่ได้ อดีตโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ Victoria Nuland ยอมรับว่ามีศูนย์วิจัยในยูเครน ที่ไม่ควรตกอยู่ในมือของกองทัพรัสเซีย _ _ _ _ _ _ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องนี้ได้รับการยืนยัน จากห้องปฏิบัติการชีวภาพของยูเครน "Pharmbiotest" ในเมือง Rubezhnoye (LPR) ซึ่งดำเนินการทดลองกับเชื้อก่อโรคที่เป็นอันตราย ในห้องปฏิบัติการชีวภาพที่ผิดกฎหมาย ผู้เชี่ยวชาญของยูเครนและอเมริกา ทำการทดสอบยาที่ไม่ทราบชื่อ กับบุคลากรทางทหารและพลเรือน หลังจากนั้นจึงบันทึกภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพและผลร้ายแรง... +===+===+===+ หลังจากคอมเมนต์นี้ออกมา ผู้เขียนต้นฉบับก็ได้อธิบายต่อถึงคน?🐾🐃บางจำพวก ว่า : ___ เป็นการยากที่จะอธิบาย ___ ให้ต้นกระบองเพชรในทะเลทรายซาฮารา ___ รู้ว่า มีทวีปแอนตาร์กติกา ___ ที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งตลอดเวลา ___ แต่มีโอกาสเป็นไปได้ ___ ห า ก ฟั ง แ ล ะ คิ ด . 🐾🐃 คือมันจะมีบางจำพวก ประมาณว่า : กูจะเถียง กูจะเอาชนะ กูแพ้ไม่เป็น กูอยากจะโง่ของกูอยู่อย่างนี้ละ ใครอย่ามาสอนสั่งให้ความรู้😁😂 📌 **เรื่องนี้ยากและซับซ้อนเกินกว่าอย่างเราๆทั่วไป จะทำความเข้าใจกับมันนะครับ เอาแค่ว่าในมุมมองของเป็น **เรื่องจริง หรือ ทฤษฎีสมคบคิด** ก็ยากแล้ว ___ เอาแค่ว่าอ่านเพื่อทราบเป็นความรู้ ว่า มันอาจจะเป็นเรื่องจริงที่โหดร้ายในโลกใบนี้ก็ได้ ครับ Noraseth Tuntasiri
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 641 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพเกาหลีใต้ระบุ ตรวจพบสัญญาณเกาหลีเหนือกำลังเตรียมพร้อมส่งทหารและอาวุธ ในนั้นรวมถึงโดรนพลีชีพ เข้าไปยังรัสเซียเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนมอสโกทำสงครามกับยูเครน ความเคลื่อนไหวซึ่งมีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวอ้างว่ามีกำลังพลโสมแดงเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บในสงครามไปแล้วกว่า 3,000 นาย
    .
    ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้มอบเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง 240 มม.และปืนใหญ่อัตตาจรฮาวอิตเซอร์ 170 มม. แก่มอสโก และดูเหมือนกำลังเตรียมการผลิตโดรนพลีชีพเพิ่มเติมสำหรับป้อนแก่รัสเซีย หลังจาก คิม จองอึน ผู้นำของประเทศเดินทางไปตรวจตราการทดสอบด้วยตนเองเมื่อเดือนที่แล้ว จากคำกล่าวอ้างของเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ (JCS)
    .
    "โดรนพลีชีพคือหนึ่งในภารกิจหลักที่ คิม จองอึน มุ่งเน้น" เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของ JCS กล่าว พร้อมระบุว่าเกาหลีเหนือแสดงความตั้งใจที่จะมอบโดรนพลีชีพเหล่านั้นให้แก่รัสเซีย
    .
    ทั้งนี้ โดรนดังกล่าวถูกใช้อย่างกว้างขวางในสงครามยูเครน และคิม ออกคำสั่งให้ดำเนินการผลิตอาวุธทางอากาศนี้เป็นจำนวนมาก รวมถึงยกระดับศึกษาทฤษฎีทางทหาร อ้างถึงการแข่งขันในระดับโลกที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ตามรายงานของสื่อมวลชนแห่งรัฐ
    .
    ความเคลื่อนไหวล่าสุดของเกาหลีเหนือตามคำกล่าวอ้างของ JCS มีขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ โซล วอชิงตัน และเคียฟ ระบุว่ามีทหารเกาหลีเหนืออยู่ในรัสเซียราว 12,000 นาย และทาง JCS เชื่อว่าในนั้นมีอย่างน้อย 1,100 นาย ที่เสียชีวิตหรือไม่ก็ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเป็นไปตามแถลงสรุปของหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่รายงานว่ามีทหารเกาหลีเหนือเสียชีวิตไปแล้ว 100 นายและบาดเจ็บอีก 1,000 นาย ในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย
    .
    อย่างไรก็ตาม ล่าสุดในวันจันทร์ (23 ธ.ค.) ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวอ้างว่ามีทหารเกาหลีเหนือที่ถูกสังหารหรือไม่ก็ได้รับบาดเจ็บในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย เพิ่มเป็นมากกว่า 3,000 นายแล้ว และเตือนเช่นกันว่าเปียงยางอาจส่งบุคลากรและยุทโธปกรณ์เข้าไปเสริมกำลังแก่กองทัพรัสเซียเพิ่มเติม
    .
    "มีความเสี่ยงที่เกาหลีเหนือจะส่งทหารและยุทโธปกรณ์ป้อนเข้าสู่กองทัพรัสเซียเพิ่มเติม" เซเลนสกีเขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ หลังได้รับรายงานฉบับหนึ่งจาก โอเล็กซานด์ร ซีร์สกี ผู้บัญชาการทหารระดับสูงของเขา "เราจะต้องตอบโต้อย่างเป็นรูปธรรมในเรื่องนี้"
    .
    พวกเจ้าหน้าที่บอกว่า ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นขึ้นระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย อาจก่อภัยคุกคามสาหัสขึ้นแก่เกาหลีใต้ ในขณะที่พวกเขายกระดับความทันสมัยแก่กองกำลังตามแบบของตนเอง ที่เคยถูกมองว่าด้อยกว่าของโซล รวมถึงมีประสบการณ์ในการสู้รบในสมรภูมิจริงด้วย
    .
    ตามแนวชายแดนเกาหลีที่มีการคุ้มกันอย่างหนาแน่น เกาหลีเหนือส่งทหารมากกว่า 10,000 นาย เข้าไปปรับเปลี่ยนพื้นที่หนึ่งเป็นที่ดินเปล่า จัดตั้งแนวรั้วและขึงลวดหนามในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่จำนวนกำลังพลดังกล่าวลดลงสู่หลักหลายร้อยนายในช่วงสุดสัปดาห์ จากคำกล่าวอ้างของ JCS
    .
    JCS เผยแพร่ภาพถ่ายต่างๆ ที่เผยให้เห็นว่าทหารเกาหลีเหนือกลุ่มหนึ่งกำลังใช้แพะตัวหนึ่งทดสอบรั้วลวดหนามกระแสไฟฟ้า
    .
    นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่เกาหลีเหนือจะทดสอบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกพิสัยปานกลางในช่วงสิ้นปี ก่อนหน้าที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปีหน้า ขณะเดียวกันก็อาจปล่อยบอลลูนขยะเข้าไปยังเกาหลีใต้เพิ่มเติม
    .
    เกาหลีเหนือปล่อยบอลลูนขยะหลายร้อยลูกเข้าไปยังเกาหลีใต้มาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม อ้างว่าเพื่อเป็นการตอบโต้บอลลูนบรรทุกใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อที่พวกนักเคลื่อนไหวเกาหลีใต้ปล่อยเข้าสู่ดินแดนของพวกเขา
    .
    "ภายใต้การสนับสนุนของรัสเซีย มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาอาจดำเนินยุทธศาสตร์ยั่วยุต่างๆ ในปีหน้า อย่างเช่นยิงขีปนาวุธข้ามทวีปและทำการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อเสริมอำนาจของพวกเขาในการเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ" เจ้าหน้าที่ระบุ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123172
    ..............
    Sondhi X
    กองทัพเกาหลีใต้ระบุ ตรวจพบสัญญาณเกาหลีเหนือกำลังเตรียมพร้อมส่งทหารและอาวุธ ในนั้นรวมถึงโดรนพลีชีพ เข้าไปยังรัสเซียเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนมอสโกทำสงครามกับยูเครน ความเคลื่อนไหวซึ่งมีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวอ้างว่ามีกำลังพลโสมแดงเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บในสงครามไปแล้วกว่า 3,000 นาย . ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้มอบเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง 240 มม.และปืนใหญ่อัตตาจรฮาวอิตเซอร์ 170 มม. แก่มอสโก และดูเหมือนกำลังเตรียมการผลิตโดรนพลีชีพเพิ่มเติมสำหรับป้อนแก่รัสเซีย หลังจาก คิม จองอึน ผู้นำของประเทศเดินทางไปตรวจตราการทดสอบด้วยตนเองเมื่อเดือนที่แล้ว จากคำกล่าวอ้างของเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ (JCS) . "โดรนพลีชีพคือหนึ่งในภารกิจหลักที่ คิม จองอึน มุ่งเน้น" เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของ JCS กล่าว พร้อมระบุว่าเกาหลีเหนือแสดงความตั้งใจที่จะมอบโดรนพลีชีพเหล่านั้นให้แก่รัสเซีย . ทั้งนี้ โดรนดังกล่าวถูกใช้อย่างกว้างขวางในสงครามยูเครน และคิม ออกคำสั่งให้ดำเนินการผลิตอาวุธทางอากาศนี้เป็นจำนวนมาก รวมถึงยกระดับศึกษาทฤษฎีทางทหาร อ้างถึงการแข่งขันในระดับโลกที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ตามรายงานของสื่อมวลชนแห่งรัฐ . ความเคลื่อนไหวล่าสุดของเกาหลีเหนือตามคำกล่าวอ้างของ JCS มีขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ โซล วอชิงตัน และเคียฟ ระบุว่ามีทหารเกาหลีเหนืออยู่ในรัสเซียราว 12,000 นาย และทาง JCS เชื่อว่าในนั้นมีอย่างน้อย 1,100 นาย ที่เสียชีวิตหรือไม่ก็ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเป็นไปตามแถลงสรุปของหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่รายงานว่ามีทหารเกาหลีเหนือเสียชีวิตไปแล้ว 100 นายและบาดเจ็บอีก 1,000 นาย ในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย . อย่างไรก็ตาม ล่าสุดในวันจันทร์ (23 ธ.ค.) ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวอ้างว่ามีทหารเกาหลีเหนือที่ถูกสังหารหรือไม่ก็ได้รับบาดเจ็บในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย เพิ่มเป็นมากกว่า 3,000 นายแล้ว และเตือนเช่นกันว่าเปียงยางอาจส่งบุคลากรและยุทโธปกรณ์เข้าไปเสริมกำลังแก่กองทัพรัสเซียเพิ่มเติม . "มีความเสี่ยงที่เกาหลีเหนือจะส่งทหารและยุทโธปกรณ์ป้อนเข้าสู่กองทัพรัสเซียเพิ่มเติม" เซเลนสกีเขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ หลังได้รับรายงานฉบับหนึ่งจาก โอเล็กซานด์ร ซีร์สกี ผู้บัญชาการทหารระดับสูงของเขา "เราจะต้องตอบโต้อย่างเป็นรูปธรรมในเรื่องนี้" . พวกเจ้าหน้าที่บอกว่า ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นขึ้นระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย อาจก่อภัยคุกคามสาหัสขึ้นแก่เกาหลีใต้ ในขณะที่พวกเขายกระดับความทันสมัยแก่กองกำลังตามแบบของตนเอง ที่เคยถูกมองว่าด้อยกว่าของโซล รวมถึงมีประสบการณ์ในการสู้รบในสมรภูมิจริงด้วย . ตามแนวชายแดนเกาหลีที่มีการคุ้มกันอย่างหนาแน่น เกาหลีเหนือส่งทหารมากกว่า 10,000 นาย เข้าไปปรับเปลี่ยนพื้นที่หนึ่งเป็นที่ดินเปล่า จัดตั้งแนวรั้วและขึงลวดหนามในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่จำนวนกำลังพลดังกล่าวลดลงสู่หลักหลายร้อยนายในช่วงสุดสัปดาห์ จากคำกล่าวอ้างของ JCS . JCS เผยแพร่ภาพถ่ายต่างๆ ที่เผยให้เห็นว่าทหารเกาหลีเหนือกลุ่มหนึ่งกำลังใช้แพะตัวหนึ่งทดสอบรั้วลวดหนามกระแสไฟฟ้า . นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่เกาหลีเหนือจะทดสอบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกพิสัยปานกลางในช่วงสิ้นปี ก่อนหน้าที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปีหน้า ขณะเดียวกันก็อาจปล่อยบอลลูนขยะเข้าไปยังเกาหลีใต้เพิ่มเติม . เกาหลีเหนือปล่อยบอลลูนขยะหลายร้อยลูกเข้าไปยังเกาหลีใต้มาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม อ้างว่าเพื่อเป็นการตอบโต้บอลลูนบรรทุกใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อที่พวกนักเคลื่อนไหวเกาหลีใต้ปล่อยเข้าสู่ดินแดนของพวกเขา . "ภายใต้การสนับสนุนของรัสเซีย มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาอาจดำเนินยุทธศาสตร์ยั่วยุต่างๆ ในปีหน้า อย่างเช่นยิงขีปนาวุธข้ามทวีปและทำการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อเสริมอำนาจของพวกเขาในการเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ" เจ้าหน้าที่ระบุ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123172 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 925 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนประสบความสำเร็จในการทดสอบโดรนความเร็วเหนือเสียง

    จีนได้ทำการทดสอบโดรนไร้คนขับความเร็วเหนือเสียง ซึ่งเป็นผลงานที่ได้รับความสนใจจากนักวิเคราะห์ชาวอเมริกัน โดยมีการเผยแพร่ภาพการทดสอบผ่านสื่อจีน และรายงานโดย The War Zone สื่อด้านการทหาร ในวิดีโอที่เผยแพร่ยังมีการปรากฏของโดรนรุ่น MD-19 และ MD-21 ซึ่งเป็นรุ่นที่มีการพัฒนาต่อยอดจากแนวคิด MD-22 ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2022

    คุณสมบัติของ MD-22
    MD-22 เป็นโดรนไร้คนขับที่สามารถทำความเร็วได้สูงถึง Mach 7 และมีระยะทางบินไกลสุด 8,000 กิโลเมตร ตัวโดรนมีความยาวประมาณ 10.8 เมตร และปีกกว้างประมาณ 4.5 เมตร น้ำหนักตัวเปล่าอยู่ที่ 1 ตัน และสามารถบรรทุกน้ำหนักได้สูงสุดถึง 4 ตัน

    รูปแบบการปล่อยตัว
    โดรนรุ่น MD-22 และ MD-19 สามารถถูกปล่อยจากอากาศยานไร้คนขับ TB-001 หรือบอลลูนที่บินในระดับความสูง ทั้งสองแพลตฟอร์มนี้อยู่ในการใช้งานของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) โดย TB-001 เป็นอากาศยานที่สามารถติดตั้งอาวุธได้หลากหลายรูปแบบ การออกแบบนี้ช่วยเพิ่มความคล่องตัวและศักยภาพในการปล่อยตัวอากาศยานเหล่านี้ในสถานการณ์จริง

    เทคโนโลยีการขับเคลื่อน
    แม้ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับเครื่องยนต์ของ MD-22 และ MD-19 แต่คาดว่าอาจใช้เครื่องยนต์ไอพ่น (air-jet engine) และเครื่องยนต์จรวด (rocket engine) ร่วมกัน เพื่อให้สามารถเร่งความเร็วในช่วงปล่อยตัวและรักษาความเร็วเหนือเสียงได้ การผสานเทคโนโลยีทั้งสองแบบนี้ถือเป็นความก้าวหน้าด้านความคล่องตัวในการปล่อยตัว และเพิ่มศักยภาพด้านความเร็วและระยะทาง

    อ้างอิง
    https://www.youtube.com/watch?v=ErpdJ4wODSQ

    https://dzen.ru/b/Z2EakLs1g0Myfbd0?sid=214617239341212314

    https://dzen.ru/a/Z2QyYwvEWAMtnV2a

    https://dzen.ru/a/Y2p28IO34QGHp7Kn?sid=169871126134244455
    จีนประสบความสำเร็จในการทดสอบโดรนความเร็วเหนือเสียง จีนได้ทำการทดสอบโดรนไร้คนขับความเร็วเหนือเสียง ซึ่งเป็นผลงานที่ได้รับความสนใจจากนักวิเคราะห์ชาวอเมริกัน โดยมีการเผยแพร่ภาพการทดสอบผ่านสื่อจีน และรายงานโดย The War Zone สื่อด้านการทหาร ในวิดีโอที่เผยแพร่ยังมีการปรากฏของโดรนรุ่น MD-19 และ MD-21 ซึ่งเป็นรุ่นที่มีการพัฒนาต่อยอดจากแนวคิด MD-22 ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2022 คุณสมบัติของ MD-22 MD-22 เป็นโดรนไร้คนขับที่สามารถทำความเร็วได้สูงถึง Mach 7 และมีระยะทางบินไกลสุด 8,000 กิโลเมตร ตัวโดรนมีความยาวประมาณ 10.8 เมตร และปีกกว้างประมาณ 4.5 เมตร น้ำหนักตัวเปล่าอยู่ที่ 1 ตัน และสามารถบรรทุกน้ำหนักได้สูงสุดถึง 4 ตัน รูปแบบการปล่อยตัว โดรนรุ่น MD-22 และ MD-19 สามารถถูกปล่อยจากอากาศยานไร้คนขับ TB-001 หรือบอลลูนที่บินในระดับความสูง ทั้งสองแพลตฟอร์มนี้อยู่ในการใช้งานของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) โดย TB-001 เป็นอากาศยานที่สามารถติดตั้งอาวุธได้หลากหลายรูปแบบ การออกแบบนี้ช่วยเพิ่มความคล่องตัวและศักยภาพในการปล่อยตัวอากาศยานเหล่านี้ในสถานการณ์จริง เทคโนโลยีการขับเคลื่อน แม้ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับเครื่องยนต์ของ MD-22 และ MD-19 แต่คาดว่าอาจใช้เครื่องยนต์ไอพ่น (air-jet engine) และเครื่องยนต์จรวด (rocket engine) ร่วมกัน เพื่อให้สามารถเร่งความเร็วในช่วงปล่อยตัวและรักษาความเร็วเหนือเสียงได้ การผสานเทคโนโลยีทั้งสองแบบนี้ถือเป็นความก้าวหน้าด้านความคล่องตัวในการปล่อยตัว และเพิ่มศักยภาพด้านความเร็วและระยะทาง อ้างอิง https://www.youtube.com/watch?v=ErpdJ4wODSQ https://dzen.ru/b/Z2EakLs1g0Myfbd0?sid=214617239341212314 https://dzen.ru/a/Z2QyYwvEWAMtnV2a https://dzen.ru/a/Y2p28IO34QGHp7Kn?sid=169871126134244455
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 358 มุมมอง 0 รีวิว
  • 13/12/67

    เปลี่ยนด่วน! ผลวิจัยชี้ ใช้เครื่องครัวทำจากพลาสติกสีดำเสี่ยงเป็นมะเร็ง...

    ผลจากการศึกษาวิจัยโดยนักวิจัยจากสถาบันวิจัยท็อกซิก-ฟรี ฟิวเจอร์และสถาบันเพื่อชีวิตและสิ่งแวดล้อมแห่งอัมสเตอร์ดัม มหาวิทยาลัยเสรีอัมสเตอร์ดัม ซึ่งได้ทำการทดสอบผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน 203 รายการที่ผลิตด้วยพลาสติกสีดำ พบว่า 85% ของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ มีสารหน่วงการติดไฟผสมอยู่ในปริมาณสูง 

    งานวิจัยดังกล่าวเพิ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสารคีโมสเฟียร์ มีเมแกน หลิว ผู้จัดการด้านวิทยาศาสตร์และนโยบาย เป็นผู้ร่วมดูแลโครงการวิจัย เธออธิบายว่า สารหน่วงการติดไฟหรือ Retardant คือสารชนิดเดียวกันกับสารที่ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เช่น เครื่องรับโทรทัศน์, โทรศัพท์มือถือ, คอมพิวเตอร์

    สารชนิดนี้จะพบในอุปกรณ์ที่ผลิตด้วยพลาสติกสีดำเท่านั้น ไม่มีในพลาสติกสีอื่น เนื่องจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้และเคลือบสารหน่วงการติดไฟเหล่านี้มักจะมีสีดำ

    หลิวชี้ว่า ความจริงแล้วก็ไม่ควรใช้สารเคมีที่ก่อมะเร็งได้ในการผลิตอยู่แล้ว และระบบการรีไซเคิลก็ทำให้สารนี้เข้าสู่สิ่งแวดล้อมและเข้าสู่บ้านเรือนประชาชนในหลาย ๆ ทาง และจากการตรวจสอบก็พบสารนี้อยู่ในปริมาณที่น่ากังวลใจ

    ผลการศึกษาพบว่า พลาสติกที่ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้อาจถูกนำไปรีไซเคิลและกลายเป็นวัสดุผลิตอุปกรณ์เครื่องครัวซึ่งไม่ได้ต้องการคุณสมบัติการหน่วงการติดไฟเท่าไหร่นัก และกลับกลายเป็นว่า ทำให้เรามีโอกาสสัมผัสสารอันตรายนี้โดยไม่จำเป็น ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับเด็กและสตรีในวัยเจริญพันธุ์

    นักวิจัยระบุว่า ปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสสารนี้ ได้แก่ การก่อโรคมะเร็ง, รบกวนการทำงานต่อมไร้ท่อ, เป็นพิษต่อระบบประสาทและระบบสืบพันธุ์ รวมทั้งเป็นพิษต่อตัวอ่อนในครรภ์

    แม้จะไม่ได้เปิดเผยชื่อยี่ห้อหรือผู้ผลิต แต่ทีมวิจัยพบสารหน่วงการติดไฟในระดับสูงสุดในเครื่องใช้ประเภทไม้พาย, ถาดซูชิที่เป็นบรรจุภัณฑ์วางขายตามร้านค้า และสร้อยคอลูกปัดพลาสติก

    หนึ่งในสารเคมีอันตรายที่ตรวจพบในภาชนะคือสารต้องห้ามที่เรียกว่า decaBDE ซึ่งใช้ทำชิ้นส่วนด้านนอกของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การศึกษายังเผยให้เห็นว่าสารดังกล่าวแทรกซึมเข้าสู่บ้านของเราผ่านทางวัสดุพลาสติกรีไซเคิล เช่น การนำวัสดุของตู้เครื่องรับโทรทัศน์ไปรีไซเคิลเป็นภาชนะจัดเก็บอาหาร

    เฮเทอร์ สเตเปิลตัน ศาสตราจารย์ดีเด่นจากสถาบันโรนี-ริเชล การ์เซีย-จอห์นสันแห่งมหาวิทยาลัยดุ๊ก กล่าวแนะนำว่า ควรพยายามกำจัดเครื่องใช้ในครัวที่เป็นพลาสติกสีดำทิ้งไป หรือค่อยๆ ปรับเปลี่ยนการใช้อุปกรณ์เหล่านี้ให้น้อยลง 

    หากว่ายังไม่สามารถเปลี่ยนเครื่องใช้เสี่ยงอันตรายเหล่านี้ได้ในทันที ก็ควรหลีกเลี่ยงการนำไปใช้หรือสัมผัสของของร้อนเป็นเวลานาน ๆ อย่างไรก็ตาม ควรเปลี่ยนเครื่องใช้นั้นทิ้งไปในทันทีหากมันละลายหรือเสียรูปเนื่องจากความร้อน

    สำหรับตัวเลือกภาชนะหรือเครื่องใช้ในครัวที่ดีกว่าพลาสติกสีดำคือเครื่องใช้ที่ทำจากโลหะ ไม้และเซรามิก แต่ก็ต้องทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคอย่างสม่ำเสมอ
    cr:Dailynews
    13/12/67 เปลี่ยนด่วน! ผลวิจัยชี้ ใช้เครื่องครัวทำจากพลาสติกสีดำเสี่ยงเป็นมะเร็ง... ผลจากการศึกษาวิจัยโดยนักวิจัยจากสถาบันวิจัยท็อกซิก-ฟรี ฟิวเจอร์และสถาบันเพื่อชีวิตและสิ่งแวดล้อมแห่งอัมสเตอร์ดัม มหาวิทยาลัยเสรีอัมสเตอร์ดัม ซึ่งได้ทำการทดสอบผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน 203 รายการที่ผลิตด้วยพลาสติกสีดำ พบว่า 85% ของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ มีสารหน่วงการติดไฟผสมอยู่ในปริมาณสูง  งานวิจัยดังกล่าวเพิ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสารคีโมสเฟียร์ มีเมแกน หลิว ผู้จัดการด้านวิทยาศาสตร์และนโยบาย เป็นผู้ร่วมดูแลโครงการวิจัย เธออธิบายว่า สารหน่วงการติดไฟหรือ Retardant คือสารชนิดเดียวกันกับสารที่ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เช่น เครื่องรับโทรทัศน์, โทรศัพท์มือถือ, คอมพิวเตอร์ สารชนิดนี้จะพบในอุปกรณ์ที่ผลิตด้วยพลาสติกสีดำเท่านั้น ไม่มีในพลาสติกสีอื่น เนื่องจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้และเคลือบสารหน่วงการติดไฟเหล่านี้มักจะมีสีดำ หลิวชี้ว่า ความจริงแล้วก็ไม่ควรใช้สารเคมีที่ก่อมะเร็งได้ในการผลิตอยู่แล้ว และระบบการรีไซเคิลก็ทำให้สารนี้เข้าสู่สิ่งแวดล้อมและเข้าสู่บ้านเรือนประชาชนในหลาย ๆ ทาง และจากการตรวจสอบก็พบสารนี้อยู่ในปริมาณที่น่ากังวลใจ ผลการศึกษาพบว่า พลาสติกที่ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้อาจถูกนำไปรีไซเคิลและกลายเป็นวัสดุผลิตอุปกรณ์เครื่องครัวซึ่งไม่ได้ต้องการคุณสมบัติการหน่วงการติดไฟเท่าไหร่นัก และกลับกลายเป็นว่า ทำให้เรามีโอกาสสัมผัสสารอันตรายนี้โดยไม่จำเป็น ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับเด็กและสตรีในวัยเจริญพันธุ์ นักวิจัยระบุว่า ปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสสารนี้ ได้แก่ การก่อโรคมะเร็ง, รบกวนการทำงานต่อมไร้ท่อ, เป็นพิษต่อระบบประสาทและระบบสืบพันธุ์ รวมทั้งเป็นพิษต่อตัวอ่อนในครรภ์ แม้จะไม่ได้เปิดเผยชื่อยี่ห้อหรือผู้ผลิต แต่ทีมวิจัยพบสารหน่วงการติดไฟในระดับสูงสุดในเครื่องใช้ประเภทไม้พาย, ถาดซูชิที่เป็นบรรจุภัณฑ์วางขายตามร้านค้า และสร้อยคอลูกปัดพลาสติก หนึ่งในสารเคมีอันตรายที่ตรวจพบในภาชนะคือสารต้องห้ามที่เรียกว่า decaBDE ซึ่งใช้ทำชิ้นส่วนด้านนอกของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การศึกษายังเผยให้เห็นว่าสารดังกล่าวแทรกซึมเข้าสู่บ้านของเราผ่านทางวัสดุพลาสติกรีไซเคิล เช่น การนำวัสดุของตู้เครื่องรับโทรทัศน์ไปรีไซเคิลเป็นภาชนะจัดเก็บอาหาร เฮเทอร์ สเตเปิลตัน ศาสตราจารย์ดีเด่นจากสถาบันโรนี-ริเชล การ์เซีย-จอห์นสันแห่งมหาวิทยาลัยดุ๊ก กล่าวแนะนำว่า ควรพยายามกำจัดเครื่องใช้ในครัวที่เป็นพลาสติกสีดำทิ้งไป หรือค่อยๆ ปรับเปลี่ยนการใช้อุปกรณ์เหล่านี้ให้น้อยลง  หากว่ายังไม่สามารถเปลี่ยนเครื่องใช้เสี่ยงอันตรายเหล่านี้ได้ในทันที ก็ควรหลีกเลี่ยงการนำไปใช้หรือสัมผัสของของร้อนเป็นเวลานาน ๆ อย่างไรก็ตาม ควรเปลี่ยนเครื่องใช้นั้นทิ้งไปในทันทีหากมันละลายหรือเสียรูปเนื่องจากความร้อน สำหรับตัวเลือกภาชนะหรือเครื่องใช้ในครัวที่ดีกว่าพลาสติกสีดำคือเครื่องใช้ที่ทำจากโลหะ ไม้และเซรามิก แต่ก็ต้องทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคอย่างสม่ำเสมอ cr:Dailynews
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 532 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกาหลีใต้ตกอยู่ในภาวะ "ยุ่งเหยิง" หลังจากประธานาธิบดียุน ซ็อกยอล ประกาศกฎอัยการศึกช่วงสั้นๆ สื่อมวลชนแห่งรัฐเกาหลีเหนือรายงานเมื่อวันพุธ(11ธ.ค.) ถือเป็นครั้งแรกที่พวกเขาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองในชาติคู่อริ พร้อมชี้ว่าการกระทำดังกล่าวไม่ต่างจากพวกเผด็จการฟาสซิสต์ ขณะที่รอยเตอร์ระบุคำสั่งส่งโดรนไปยังกรุงเปียงยางเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เป็นความพยายามยั่วยุความขัดแย้ง โดยมีเป้าหมายประกาศอัยการศึกนั่นเอง
    .
    ประธานาธิบดียุน ประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันอังคารที่แล้ว(3ธ.ค.) ส่งกองกำลังพิเศษและเฮลิคอปเตอร์ไปยังอาคารรัฐสภา ก่อนถูกสมาชิกสมัชชาแห่งชาติบีบให้ถอนประกาศดังกล่าาว สถานการณ์ความโกลาหลที่เกิดขึ้นในประเทศหนึ่งๆที่เชื่อว่ามีเสถียรภาพในประชาธิปไตย
    .
    "มีเหตุการณ์อันน่าช็อค หุ่นเชิดยุน ซ็อกยอล ซึ่งกำลังเผชิญกับการถอดถอนและวิกฤตการปกครอง ประกาศอัยการศึกอย่างกะทันหัน กวัดแกว่งปืนและมีดของเผด็จการฟาสซิสต์ ก่อความยุ่งเหยิงทั่วเกาหลีใต้" สื่อมวลชนแห่งรัฐเกาหลีเหนือรายงาน "ประชาคมนานาชาติกำลังจับตาอย่างเคร่งเครียด ด้วยคำประเมินว่าเหตุการณ์อัยการศึกเผยให้เห็นถึงความอ่อนแอในสังคมเกาหลีใต้"
    .
    นอกจากนี้แล้วรายงานของสื่อมวลชนแห่งรัฐเกาหลีเหนือยังได้อ้างผู้สัดทัดกรณี ให้คำจำกัดความการประกาศอัยการศึกอย่างฉับพลันของยุน ว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่จนตรอก และบอกว่าชีวิตทางการเมืองของยุน ซ็อกยอล คงพบจุดจบเร็ววันนี้
    .
    ในประกาศอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ยุนอ้างว่าเพื่อปกป้องเกาหลีใต้ "จากภัยคุกคามโดยกองกำลังคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือ และกำจัดเครือข่ายต่อต้านรัฐที่ปล้นสะดมเสรีภาพและความผาสุกของประชาชน"
    .
    ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติเกาหลี ดำดิ่งสู่ระดับต่ำที่สุดหนหน่งในรอบหลายปี ด้วยเกาหลีเหนือทำการทดสอบขีปนาวุธเป็นชัดๆ ที่ละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติ
    .
    นอกจากนี้แล้วเกาหลีเหนือยังเล่นงานเกาหลีใต้ด้วยบอลลูนขยะมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ในสิ่งที่พวกเขาอ้างว่าเป็นการแก้แค้นกรณีที่บรรดานักเคลื่อนไหวในเกาหลีใต้ ทำการโฆษณาชวนเชื่อครั้งใหญ่ต่อต้านเปียงยาง
    .
    เกาหลีเหนือ กลายเป็นหนึ่งในผู้ส่งเสียงสนับสนุนและหนุนหลังรายสำคัญของรัสเซีย ในปฏิบัติการรุกรานยูเครน โดยสหรัฐฯและเกาหลีใต้กล่าวหาเปียงยาง ส่งทหารมากกว่า 10,000 นาย เข้าช่วยมอสโกสู้รบกับเคียฟ
    .
    คิม ยอง-ฮยุน อดีตรัฐมนตรีกลาโหม ซึ่งถูกจับในวันอังคาร(10ธ.ค.) เคยถูกพวกสมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านกล่าวหาว่า เรียกร้องให้โจมตีที่ตั้งต่างๆที่เกาหลีเหนือปล่อยบอลลูนบรรทุกขยะออกมา และมีข่าวว่าคำสั่งดังกล่าวในตอนนั้นของ ยอง-ฮยุน ถูกปฏิเสธโดยบรรดาผู้บังคับบัญชาของเขาเอง
    .
    นอกจากนี้แล้วยังมีคำกล่าวหาว่าเขาออกคำสั่งให้ส่งโดรนไปยังกรุงเปียงยาง เมืองหลวงของเกาหลีเหนือ ดูเหมือนเป็นความพยายามยั่วยุความขัดแย้ง เพื่อเป็นข้ออ้างในการประกาศกฎอัยการศึก ตามรายงานของรอยเตอร์
    .
    ประธานาธิบดียุน รอดมติถอดถอนในรัฐสภาเมื่อวันเสาร์(7ธ.ค.) แม้มีเกาหลีใต้หลายหมื่นคนฝ่าอากาศเย็น ออกมาชุมนุมประท้วงบนท้องถนนเรียกร้องให้เขาออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ฝ่ายค้านมีแผนผลักดันให้มีการลงมติในญัตติถอดถอนยุนอีกรอบในวันเสาร์นี้(14ธ.ค.)
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000119175
    ..............
    Sondhi X
    เกาหลีใต้ตกอยู่ในภาวะ "ยุ่งเหยิง" หลังจากประธานาธิบดียุน ซ็อกยอล ประกาศกฎอัยการศึกช่วงสั้นๆ สื่อมวลชนแห่งรัฐเกาหลีเหนือรายงานเมื่อวันพุธ(11ธ.ค.) ถือเป็นครั้งแรกที่พวกเขาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองในชาติคู่อริ พร้อมชี้ว่าการกระทำดังกล่าวไม่ต่างจากพวกเผด็จการฟาสซิสต์ ขณะที่รอยเตอร์ระบุคำสั่งส่งโดรนไปยังกรุงเปียงยางเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เป็นความพยายามยั่วยุความขัดแย้ง โดยมีเป้าหมายประกาศอัยการศึกนั่นเอง . ประธานาธิบดียุน ประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันอังคารที่แล้ว(3ธ.ค.) ส่งกองกำลังพิเศษและเฮลิคอปเตอร์ไปยังอาคารรัฐสภา ก่อนถูกสมาชิกสมัชชาแห่งชาติบีบให้ถอนประกาศดังกล่าาว สถานการณ์ความโกลาหลที่เกิดขึ้นในประเทศหนึ่งๆที่เชื่อว่ามีเสถียรภาพในประชาธิปไตย . "มีเหตุการณ์อันน่าช็อค หุ่นเชิดยุน ซ็อกยอล ซึ่งกำลังเผชิญกับการถอดถอนและวิกฤตการปกครอง ประกาศอัยการศึกอย่างกะทันหัน กวัดแกว่งปืนและมีดของเผด็จการฟาสซิสต์ ก่อความยุ่งเหยิงทั่วเกาหลีใต้" สื่อมวลชนแห่งรัฐเกาหลีเหนือรายงาน "ประชาคมนานาชาติกำลังจับตาอย่างเคร่งเครียด ด้วยคำประเมินว่าเหตุการณ์อัยการศึกเผยให้เห็นถึงความอ่อนแอในสังคมเกาหลีใต้" . นอกจากนี้แล้วรายงานของสื่อมวลชนแห่งรัฐเกาหลีเหนือยังได้อ้างผู้สัดทัดกรณี ให้คำจำกัดความการประกาศอัยการศึกอย่างฉับพลันของยุน ว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่จนตรอก และบอกว่าชีวิตทางการเมืองของยุน ซ็อกยอล คงพบจุดจบเร็ววันนี้ . ในประกาศอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ยุนอ้างว่าเพื่อปกป้องเกาหลีใต้ "จากภัยคุกคามโดยกองกำลังคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือ และกำจัดเครือข่ายต่อต้านรัฐที่ปล้นสะดมเสรีภาพและความผาสุกของประชาชน" . ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติเกาหลี ดำดิ่งสู่ระดับต่ำที่สุดหนหน่งในรอบหลายปี ด้วยเกาหลีเหนือทำการทดสอบขีปนาวุธเป็นชัดๆ ที่ละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติ . นอกจากนี้แล้วเกาหลีเหนือยังเล่นงานเกาหลีใต้ด้วยบอลลูนขยะมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ในสิ่งที่พวกเขาอ้างว่าเป็นการแก้แค้นกรณีที่บรรดานักเคลื่อนไหวในเกาหลีใต้ ทำการโฆษณาชวนเชื่อครั้งใหญ่ต่อต้านเปียงยาง . เกาหลีเหนือ กลายเป็นหนึ่งในผู้ส่งเสียงสนับสนุนและหนุนหลังรายสำคัญของรัสเซีย ในปฏิบัติการรุกรานยูเครน โดยสหรัฐฯและเกาหลีใต้กล่าวหาเปียงยาง ส่งทหารมากกว่า 10,000 นาย เข้าช่วยมอสโกสู้รบกับเคียฟ . คิม ยอง-ฮยุน อดีตรัฐมนตรีกลาโหม ซึ่งถูกจับในวันอังคาร(10ธ.ค.) เคยถูกพวกสมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านกล่าวหาว่า เรียกร้องให้โจมตีที่ตั้งต่างๆที่เกาหลีเหนือปล่อยบอลลูนบรรทุกขยะออกมา และมีข่าวว่าคำสั่งดังกล่าวในตอนนั้นของ ยอง-ฮยุน ถูกปฏิเสธโดยบรรดาผู้บังคับบัญชาของเขาเอง . นอกจากนี้แล้วยังมีคำกล่าวหาว่าเขาออกคำสั่งให้ส่งโดรนไปยังกรุงเปียงยาง เมืองหลวงของเกาหลีเหนือ ดูเหมือนเป็นความพยายามยั่วยุความขัดแย้ง เพื่อเป็นข้ออ้างในการประกาศกฎอัยการศึก ตามรายงานของรอยเตอร์ . ประธานาธิบดียุน รอดมติถอดถอนในรัฐสภาเมื่อวันเสาร์(7ธ.ค.) แม้มีเกาหลีใต้หลายหมื่นคนฝ่าอากาศเย็น ออกมาชุมนุมประท้วงบนท้องถนนเรียกร้องให้เขาออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ฝ่ายค้านมีแผนผลักดันให้มีการลงมติในญัตติถอดถอนยุนอีกรอบในวันเสาร์นี้(14ธ.ค.) . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000119175 .............. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 972 มุมมอง 0 รีวิว
  • หน่วยข่าวกรองกลาโหมของยูเครน (GUR) ระบุว่า เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน แท้จริงแล้วรัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีป Kedr ICBM (ไม่ใช่ Oreshnik MRBM) โจมตีที่เมืองดนิโปร

    "Oreshnik" เป็นเพียงแค่ชื่อรหัสของงานทดสอบวิจัยขีปนาวุธประเภทนี้ระบบนี้จริงๆมันเรียกว่า "Kedr" (Кедр) - บูดานอฟ ผู้อำนวยการ GUR ของยูเครนกล่าว

    ขีปนาวุธใช้เวลาเพียง 15 นาทีในการเดินทางจากเมืองอัสตราคาน ซึ่งอยู่ทางตะวันออกไกลของรัสเซียไปยังเมืองดนิโปร

    ขีปนาวุธดังกล่าวติดตั้งหัวรบแบบธรรมดา 6 หัวรบ แต่ละหัวรบบรรจุลูกระเบิดย่อย 6 ลูก และจะเร่งความเร็วสูงสุดก่อนเข้าใกล้เป้าหมายเกินมัค 11 หรือประมาณ 13,600 กิโลเมตต่อชั่วโมง

    บูดานอฟยังกล่าวอีกว่า รัสเซียเคยทำการทดสอบขีปนาวุธประเภทนี้ที่สนามทดสอบ Kapustin Yar ของรัสเซีย ในภูมิภาค Astrakhan เมื่อเดือนตุลาคม 2023 และมิถุนายน 2024 โดยที่ขีปนาวุธ Kedr เป็นอาวุธยุทธศาสตร์ชนิดใหม่ที่รัสเซียกำลังพัฒนา โดยมีจุดประสงค์เพื่อทดแทนระบบขีปนาวุธ RS-24 Yars ที่มีอยู่

    นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าขีปนาวุธข้ามทวีป Kedr ICBM เป็นอาวุธยุทธศาสตร์ชนิดใหม่ที่กำลังได้รับการพัฒนา โดยมีจุดประสงค์เพื่อทดแทนระบบขีปนาวุธ RS-24 Yars ที่ให้ประจำการในกองกำลังขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ในช่วงเปลี่ยนปี 2030
    หน่วยข่าวกรองกลาโหมของยูเครน (GUR) ระบุว่า เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน แท้จริงแล้วรัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีป Kedr ICBM (ไม่ใช่ Oreshnik MRBM) โจมตีที่เมืองดนิโปร "Oreshnik" เป็นเพียงแค่ชื่อรหัสของงานทดสอบวิจัยขีปนาวุธประเภทนี้ระบบนี้จริงๆมันเรียกว่า "Kedr" (Кедр) - บูดานอฟ ผู้อำนวยการ GUR ของยูเครนกล่าว ขีปนาวุธใช้เวลาเพียง 15 นาทีในการเดินทางจากเมืองอัสตราคาน ซึ่งอยู่ทางตะวันออกไกลของรัสเซียไปยังเมืองดนิโปร ขีปนาวุธดังกล่าวติดตั้งหัวรบแบบธรรมดา 6 หัวรบ แต่ละหัวรบบรรจุลูกระเบิดย่อย 6 ลูก และจะเร่งความเร็วสูงสุดก่อนเข้าใกล้เป้าหมายเกินมัค 11 หรือประมาณ 13,600 กิโลเมตต่อชั่วโมง บูดานอฟยังกล่าวอีกว่า รัสเซียเคยทำการทดสอบขีปนาวุธประเภทนี้ที่สนามทดสอบ Kapustin Yar ของรัสเซีย ในภูมิภาค Astrakhan เมื่อเดือนตุลาคม 2023 และมิถุนายน 2024 โดยที่ขีปนาวุธ Kedr เป็นอาวุธยุทธศาสตร์ชนิดใหม่ที่รัสเซียกำลังพัฒนา โดยมีจุดประสงค์เพื่อทดแทนระบบขีปนาวุธ RS-24 Yars ที่มีอยู่ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าขีปนาวุธข้ามทวีป Kedr ICBM เป็นอาวุธยุทธศาสตร์ชนิดใหม่ที่กำลังได้รับการพัฒนา โดยมีจุดประสงค์เพื่อทดแทนระบบขีปนาวุธ RS-24 Yars ที่ให้ประจำการในกองกำลังขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ในช่วงเปลี่ยนปี 2030
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 359 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพเกาหลีใต้เปิดเผยว่าจะทำการซ้อมรบร่วมกับสหรัฐฯและญี่ปุ่น เป็นเวลา 3 วัน ซึ่งจะร่วมด้วย ฝูงบินขับไล่และเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล รวมไปถึงเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ "ยูเอสเอส จอร์จ วอชิงตัน"
    .
    การซ้อมรบร่วมครั้งนี้ที่มีชื่อว่า "ฟรีดอม เอดจ์" คือการตอบโต้ในสิ่งที่ทางกองทัพเกาหลีใต้ ระบุว่าภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ได้ทำการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป ที่เรียกเสียงประณามจากทั้งโซล วอชิงตันและโตเกียว
    .
    นอกจากนี้แล้วมันยังมีขึ้นในขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวอ้างว่าทหารเกาหลีเหนือเริ่มเข้าไปมีส่วนร่วมในปฏิบัติการสู้รบของรัสเซีย ที่กำลังทำศึกสงครามกับยูเครน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    .
    ถ้อยแถลงของเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ ระบุว่าการซ้อมรบครั้งนี้จะรวมถึงฝูงบินขับไล่และอากาศยานลาดตระเวนทางทะเลของเกาหลีใต้และญี่ปุ่น เช่นเดียวกับเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส จอร์จ วอชิงตัน ของสหรัฐฯ
    .
    ทั้งนี้การซ้อมรบไตรภาคีดังกล่าว ถือเป็นหนที่ 2 ในรอบปีนี้ ตามหลังรอบแรกที่จัดขึ้นก่อนหน้านี้เมื่อช่วงกลางปี หลังจากผู้นำทั้ง 3 ชาติ เห็นพ้องกันระหว่างการประชุมซัมมิตหนึ่งเมื่อปี 2023 เกี่ยวกับการจัดซ้อมรบไตรภาคีเป็นประจำทุกปี
    .
    ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือประณามการซ้อมรบรวมระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯมาช้านาน โดยเรียกมันว่าเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการรุกราน
    .
    เสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ ระบุในถ้อยแถลงด้วยว่า การซ้อมรบไตรภาคีครั้งนี้ จะร่วมไปถึงการฝึกฝนป้องกันขีปนาวุธทางทะเล และการป้องกันทางไซเบอร์
    .
    ก่อนหน้านี้เมื่อวันอังคาร(12พ.ย.) กองทัพอากาศสหรัฐฯแถลงว่า พวกเขาจะทำการปลดประจำการเครื่องบิน A-10 ธันเดอร์โบลต์ 2 ในภูมิภาคสำคัญๆ ในนั้นรวมถึงในเกาหลีใต้ ในปีงบประมาณ 2025 ส่วนหนึ่งในยุทธศาสตร์ปรับปรุงให้มีความทันสมัย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109497
    ..............
    Sondhi X
    กองทัพเกาหลีใต้เปิดเผยว่าจะทำการซ้อมรบร่วมกับสหรัฐฯและญี่ปุ่น เป็นเวลา 3 วัน ซึ่งจะร่วมด้วย ฝูงบินขับไล่และเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล รวมไปถึงเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ "ยูเอสเอส จอร์จ วอชิงตัน" . การซ้อมรบร่วมครั้งนี้ที่มีชื่อว่า "ฟรีดอม เอดจ์" คือการตอบโต้ในสิ่งที่ทางกองทัพเกาหลีใต้ ระบุว่าภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ได้ทำการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป ที่เรียกเสียงประณามจากทั้งโซล วอชิงตันและโตเกียว . นอกจากนี้แล้วมันยังมีขึ้นในขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวอ้างว่าทหารเกาหลีเหนือเริ่มเข้าไปมีส่วนร่วมในปฏิบัติการสู้รบของรัสเซีย ที่กำลังทำศึกสงครามกับยูเครน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว . ถ้อยแถลงของเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ ระบุว่าการซ้อมรบครั้งนี้จะรวมถึงฝูงบินขับไล่และอากาศยานลาดตระเวนทางทะเลของเกาหลีใต้และญี่ปุ่น เช่นเดียวกับเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส จอร์จ วอชิงตัน ของสหรัฐฯ . ทั้งนี้การซ้อมรบไตรภาคีดังกล่าว ถือเป็นหนที่ 2 ในรอบปีนี้ ตามหลังรอบแรกที่จัดขึ้นก่อนหน้านี้เมื่อช่วงกลางปี หลังจากผู้นำทั้ง 3 ชาติ เห็นพ้องกันระหว่างการประชุมซัมมิตหนึ่งเมื่อปี 2023 เกี่ยวกับการจัดซ้อมรบไตรภาคีเป็นประจำทุกปี . ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือประณามการซ้อมรบรวมระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯมาช้านาน โดยเรียกมันว่าเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการรุกราน . เสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ ระบุในถ้อยแถลงด้วยว่า การซ้อมรบไตรภาคีครั้งนี้ จะร่วมไปถึงการฝึกฝนป้องกันขีปนาวุธทางทะเล และการป้องกันทางไซเบอร์ . ก่อนหน้านี้เมื่อวันอังคาร(12พ.ย.) กองทัพอากาศสหรัฐฯแถลงว่า พวกเขาจะทำการปลดประจำการเครื่องบิน A-10 ธันเดอร์โบลต์ 2 ในภูมิภาคสำคัญๆ ในนั้นรวมถึงในเกาหลีใต้ ในปีงบประมาณ 2025 ส่วนหนึ่งในยุทธศาสตร์ปรับปรุงให้มีความทันสมัย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109497 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1232 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯประกาศ! พร้อมสนับสนุนเกาหลีใต้ ด้วยแสนยานุภาพทางนิวเคลียร์และแสนยานุภาพทางทหารที่ไม่ใช่นิวเคลียร์ที่มีอยู่ทั้งหมด

    ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมอเมริกา ประกาศเมื่อวันพุธ 1 วัน ก่อนหน้าเปียงยางจะทำการทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีป "ฮวาซอง-19" รอบใหม่ ซึ่งเกาหลีเหนือยืนยันประกาศว่าจะเป็นขีปนาวุธข้ามทวีปใหม่ที่แข็งแกร่งสุดในปฐพี
    สหรัฐฯประกาศ! พร้อมสนับสนุนเกาหลีใต้ ด้วยแสนยานุภาพทางนิวเคลียร์และแสนยานุภาพทางทหารที่ไม่ใช่นิวเคลียร์ที่มีอยู่ทั้งหมด ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมอเมริกา ประกาศเมื่อวันพุธ 1 วัน ก่อนหน้าเปียงยางจะทำการทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีป "ฮวาซอง-19" รอบใหม่ ซึ่งเกาหลีเหนือยืนยันประกาศว่าจะเป็นขีปนาวุธข้ามทวีปใหม่ที่แข็งแกร่งสุดในปฐพี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพรัสเซียยังคงฝึกซ้อมและทดสอบยิงขีปนาวุธที่สามารถติดอาวุธนิวเคลียร์ได้ต่อไป

    ภาพวิดีโอขณะทำการทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป "บูลาวา" (Bulava) จากทะเลโอค็อตสค์ (Sea of Okhotsk)

    สำหรับขีปนาวุธบูลาวานั้นถูกออกแบบให้สามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ได้สูงสุดถึง 6 ลูก ตามข้อมูลจากสหพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกัน (Federation of American Scientists) มีพิสัยทำการมากกว่า 8,000 กิโลเมตร (เกือบ 5,000 ไมล์)

    แหล่งข่าวในรัสเซียระบุว่า เรือดำน้ำ Imperator Alexander III ซึ่งเป็นเรือดำน้ำขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ลำใหม่ของกองทัพ เป็นหนึ่งในเรือดำน้ำที่มีขีปนาวุธนี้ประจำการอยู่
    กองทัพรัสเซียยังคงฝึกซ้อมและทดสอบยิงขีปนาวุธที่สามารถติดอาวุธนิวเคลียร์ได้ต่อไป ภาพวิดีโอขณะทำการทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป "บูลาวา" (Bulava) จากทะเลโอค็อตสค์ (Sea of Okhotsk) สำหรับขีปนาวุธบูลาวานั้นถูกออกแบบให้สามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ได้สูงสุดถึง 6 ลูก ตามข้อมูลจากสหพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกัน (Federation of American Scientists) มีพิสัยทำการมากกว่า 8,000 กิโลเมตร (เกือบ 5,000 ไมล์) แหล่งข่าวในรัสเซียระบุว่า เรือดำน้ำ Imperator Alexander III ซึ่งเป็นเรือดำน้ำขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ลำใหม่ของกองทัพ เป็นหนึ่งในเรือดำน้ำที่มีขีปนาวุธนี้ประจำการอยู่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 30 0 รีวิว
  • สื่อต่างประเทศบางสำนักรายงานในช่วงต้นสัปดาห์ อิสราเอลยกเลิกแผนโจมตีแก้แค้นเตหะราน ท่ามกลางข่าวลือว่าอิหร่านได้ทำการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศ จากกรณีเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงสั่นสะเทือนอิหร่านเมื่อวันเสาร์(5ต.ค.) ที่ผ่านมา
    .
    เมื่อวันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม เกิดแผ่นดินไหวระดับ 4.6 สั่นสะเทือนอิหร่าน โดยมีศูนย์กลางอยู่ในเมืองอราดัน จังหวัดเซมนัน ณ ความลึกเพียง 10 กิโลเมตร อ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ แรงสั่นสะเทือนสามารถสัมผัสได้ไกลถึงกรุงเตหะราน ที่อยู่ห่างจากศูนย์กลางราวๆ 110 กิโลเมตร
    .
    แผ่นดินไหวดังกล่าว โหมกระพือข่าวลือว่าอิหร่านได้ทำการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ แม้ไม่มีคำยืนยันอย่างเป็นทางการในประเด็นนี้ ขณะที่พวกผู้เชี่ยวชาญเคยเชื่อว่าอิหร่านเข้าใกล้การมีอาวุธนิวเคลียร์มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา และท่ามกลางความตึงเครียดกับอิหร่าน ผู้เชี่ยวชาญคิดว่า ณ เวลานี้ อิหร่าน อาจจำเป็นต้องมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง
    .
    ข่าวลือและประเด็นถกเถียงโหมกระพือขึ้น ภายในไม่กี่นาทีหลังแผ่นดินไหว ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์หลายคน โดยเฉพาะในอิสราเอล เชื่อมโยงเหตุการณ์ทางธรณีวิทยาครั้งนี้ในทันทีกับความเป็นไปได้ที่อิหร่านได้ทำการทดสอบนิวเคลียร์แบบลับๆ สืบเนื่องจากสถานการณ์ความตึงเครียดในปัจจุบันระหว่าง 2 ชาติ
    .
    ผู้ใช้แพลตฟอร์มเอ็กซ์รายหนึ่งคาดการณ์ว่า "อิหร่านทดสอบนิวเคลียร์ พวกเขาทดสอบระเบิดลึกลงไปใต้พื้นผิว 10 กิโลเมตร ใกล้กับเซมนัน เพื่อรับประกันการปล่อยกัมมันตภาพรังสีน้อยที่สุด และผลก็คือเครื่องวัดแผ่นดินไหวสามารถตรวจจับแผ่นดินไหวระดับ 4.6"
    .
    การคาดเดาในเรื่องนี้ โหมกระพือหนักหน่วงยิ่งขึ้น เนื่องจากจุดที่เกินแผ่นดินไหวนี้อยู่บริเวณใกล้เคียงกับโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน ก่อความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการทดสอบนิวเคลียรใต้ดิน ในขณะที่ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์รายหนึ่งอ้างว่า "แผ่นดินไหวอิหร่านก่อแรงสั่นสะเทือนไปถึงอิสราเอล พวกเขาคงต้องคิดทบทวนอย่างหนักหากคิดโจมตีอิหร่าน มันดูเหมือนว่าความลับคืออิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ ไม่มีประเทศไหนที่อยากไปยุ่งกับพลังทำลายล้างของนิวเคลียร์"
    .
    อย่างไรก็ตามสื่อมวลชนระบุว่าแม้นอิหร่านเข้าใกล้การมีอาวุธนิวเคลียร์เป็นของตนเอง แต่การทดสอบแสนยานุภาพทางนิวเคลียร์ ไม่ได้หมายความว่าประเทศนั้นๆ จะมีอาวุธนิวเคลียร์ที่ใช้งานได้จริงภายในไม่กี่สัปดาห์
    .
    กระนั้นก็ดีหนังสือพิมพ์ฮินดูสถานไทม์ส อ้างรายงานของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส ระบุมีข่าวว่าอิสราเอลตัดสินใจยกเลิกแผ่นโจมตีแก้แค้นอิหร่าน ท่ามกลางข่าวลือว่าอิหร่านทำการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
    .
    รายงานของนิวยอร์กไทม์ส ไม่คาดหมายว่าอิสราเอลจะโจมตีที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน ตอบโต้กรณีที่เตหะรานรัวยิงขีปนาวุธถล่มอิสราเอลเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม แต่มีความเป็นไปได้ที่ อิสราเอล จะเล็งเป้าถล่มฐานทัพทหาร เป้าหมายข่าวกรองหรือพวกผู้นำของอิหร่านแทน อย่างไรก็ตามมันยังมีความเป็นไปได้ที่ อิสราเอล จะลงมือเลยเถิดมากกว่านั้น ด้วยการโจมตีโครงการนิวเคลียร์ หากอิหร่านตอบโต้กลับ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000096126
    ..............
    Sondhi X
    สื่อต่างประเทศบางสำนักรายงานในช่วงต้นสัปดาห์ อิสราเอลยกเลิกแผนโจมตีแก้แค้นเตหะราน ท่ามกลางข่าวลือว่าอิหร่านได้ทำการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศ จากกรณีเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงสั่นสะเทือนอิหร่านเมื่อวันเสาร์(5ต.ค.) ที่ผ่านมา . เมื่อวันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม เกิดแผ่นดินไหวระดับ 4.6 สั่นสะเทือนอิหร่าน โดยมีศูนย์กลางอยู่ในเมืองอราดัน จังหวัดเซมนัน ณ ความลึกเพียง 10 กิโลเมตร อ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ แรงสั่นสะเทือนสามารถสัมผัสได้ไกลถึงกรุงเตหะราน ที่อยู่ห่างจากศูนย์กลางราวๆ 110 กิโลเมตร . แผ่นดินไหวดังกล่าว โหมกระพือข่าวลือว่าอิหร่านได้ทำการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ แม้ไม่มีคำยืนยันอย่างเป็นทางการในประเด็นนี้ ขณะที่พวกผู้เชี่ยวชาญเคยเชื่อว่าอิหร่านเข้าใกล้การมีอาวุธนิวเคลียร์มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา และท่ามกลางความตึงเครียดกับอิหร่าน ผู้เชี่ยวชาญคิดว่า ณ เวลานี้ อิหร่าน อาจจำเป็นต้องมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง . ข่าวลือและประเด็นถกเถียงโหมกระพือขึ้น ภายในไม่กี่นาทีหลังแผ่นดินไหว ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์หลายคน โดยเฉพาะในอิสราเอล เชื่อมโยงเหตุการณ์ทางธรณีวิทยาครั้งนี้ในทันทีกับความเป็นไปได้ที่อิหร่านได้ทำการทดสอบนิวเคลียร์แบบลับๆ สืบเนื่องจากสถานการณ์ความตึงเครียดในปัจจุบันระหว่าง 2 ชาติ . ผู้ใช้แพลตฟอร์มเอ็กซ์รายหนึ่งคาดการณ์ว่า "อิหร่านทดสอบนิวเคลียร์ พวกเขาทดสอบระเบิดลึกลงไปใต้พื้นผิว 10 กิโลเมตร ใกล้กับเซมนัน เพื่อรับประกันการปล่อยกัมมันตภาพรังสีน้อยที่สุด และผลก็คือเครื่องวัดแผ่นดินไหวสามารถตรวจจับแผ่นดินไหวระดับ 4.6" . การคาดเดาในเรื่องนี้ โหมกระพือหนักหน่วงยิ่งขึ้น เนื่องจากจุดที่เกินแผ่นดินไหวนี้อยู่บริเวณใกล้เคียงกับโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน ก่อความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการทดสอบนิวเคลียรใต้ดิน ในขณะที่ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์รายหนึ่งอ้างว่า "แผ่นดินไหวอิหร่านก่อแรงสั่นสะเทือนไปถึงอิสราเอล พวกเขาคงต้องคิดทบทวนอย่างหนักหากคิดโจมตีอิหร่าน มันดูเหมือนว่าความลับคืออิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ ไม่มีประเทศไหนที่อยากไปยุ่งกับพลังทำลายล้างของนิวเคลียร์" . อย่างไรก็ตามสื่อมวลชนระบุว่าแม้นอิหร่านเข้าใกล้การมีอาวุธนิวเคลียร์เป็นของตนเอง แต่การทดสอบแสนยานุภาพทางนิวเคลียร์ ไม่ได้หมายความว่าประเทศนั้นๆ จะมีอาวุธนิวเคลียร์ที่ใช้งานได้จริงภายในไม่กี่สัปดาห์ . กระนั้นก็ดีหนังสือพิมพ์ฮินดูสถานไทม์ส อ้างรายงานของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส ระบุมีข่าวว่าอิสราเอลตัดสินใจยกเลิกแผ่นโจมตีแก้แค้นอิหร่าน ท่ามกลางข่าวลือว่าอิหร่านทำการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ . รายงานของนิวยอร์กไทม์ส ไม่คาดหมายว่าอิสราเอลจะโจมตีที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน ตอบโต้กรณีที่เตหะรานรัวยิงขีปนาวุธถล่มอิสราเอลเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม แต่มีความเป็นไปได้ที่ อิสราเอล จะเล็งเป้าถล่มฐานทัพทหาร เป้าหมายข่าวกรองหรือพวกผู้นำของอิหร่านแทน อย่างไรก็ตามมันยังมีความเป็นไปได้ที่ อิสราเอล จะลงมือเลยเถิดมากกว่านั้น ด้วยการโจมตีโครงการนิวเคลียร์ หากอิหร่านตอบโต้กลับ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000096126 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 3 การแบ่งปัน 1699 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวด่วน: ปรสิตร้ายแรงสี่ตัวที่พบในวัคซีน - มันคืออาชญากรรมแห่งศตวรรษ!

    ในเรื่องอื้อฉาวด้านสาธารณสุขที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา มีการพบปรสิตร้ายแรง 4 ชนิดในวัคซีน และไม่ใช่แค่การคาดเดาเท่านั้น แต่ยังเป็นข้อเท็จจริงอีกด้วย Big Pharma ได้ทำทุกอย่างที่เป็นไปได้เพื่อซ่อนมัน แต่ถามตัวเองว่า: วัคซีนมีไว้เพื่อช่วยชีวิตหรือไม่ ชีวิต ทำไมสิ่งมีชีวิตถึงตายถึงถูกฉีดเข้าไปในตัวเรา นี่เป็นเรื่องจริง และคุณไม่สามารถละสายตาจากไปได้

    ฝันร้ายถูกเปิดเผย เราได้รับแจ้งมานานหลายปีว่าวัคซีนนั้น “ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ” แต่นั่นยังไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมด หากฉันบอกคุณว่าขวดเหล่านี้มีปรสิตที่มีชีวิตซึ่งสามารถทำร้ายหรือฆ่าคุณได้ ข้างในและเมื่อฉีดเข้าไปแล้วใครจะรู้ว่ามันจะทำให้เกิดความเสียหายอะไร นี่ไม่ใช่อันตรายที่ห่างไกล

    ดร.แคร์รี มาเดจทำการทดสอบขวดวัคซีนโดยอิสระและค้นพบบางสิ่งที่น่ากลัว นั่นคือปรสิตไฮดราที่มีชีวิตพยายามหลบหนีออกจากขวด ใช่แล้ว สิ่งมีชีวิต ไม่ใช่แค่สารเคมี กำลังถูกฉีดภายใต้หน้ากากของ "การป้องกัน" เป็นเพียงหนึ่งในสี่ปรสิตที่พบ

    บทบาทของ Big Pharma ในเรื่องอื้อฉาวนี้ อย่าคิดว่านี่เป็นความผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย Big Pharma ขึ้นชื่อเรื่องการทำกำไรต่อหน้าผู้คน ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ได้รับการปกป้องจากการถูกฟ้องร้อง และมีมูลค่านับพันล้าน อันตรายที่พวกเขากำลังแพร่กระจาย คำถามไม่ใช่ว่าพวกเขาจะทำเช่นนี้หรือไม่ แต่เมื่อพวกเขามีแล้ว

    การเก็บรักษาความเย็น—เหตุผลที่แท้จริง เหตุใดขวดเหล่านี้จึงถูกเก็บไว้ที่อุณหภูมิเยือกแข็ง ไม่ใช่แค่การเก็บรักษาวัคซีนเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ปรสิตเหล่านี้มีชีวิตอยู่ได้ สร้างความหายนะ

    ไฮดรา วัลการิส—ปรสิตอมตะนี้เกือบจะเป็นอมตะ พร้อมด้วยความสามารถในการงอกใหม่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ลองนึกภาพสิ่งมีชีวิตภายในร่างกายของคุณที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไปและขยายตัวเพิ่มขึ้นในกระแสเลือดของคุณ

    Trypanosoma Cruzi—ปรสิตนักฆ่า ปรสิตอีกชนิดหนึ่งที่พบในวัคซีนคือ Trypanosoma cruzi ซึ่งเป็นสาเหตุของโรค Chagas มันเป็นฆาตกรเงียบที่ทำลายหัวใจและระบบย่อยอาหารอย่างช้าๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

    Toxoplasma Gondii—ปรสิตควบคุมจิตใจ นักวิทยาศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่ามันสามารถเปลี่ยนแปลงเคมีในสมองของสัตว์ได้

    การปกปิด สื่อต่างนิ่งเงียบ เพราะเหตุใด? "

    สรุป: นี่คืออาชญากรรมแห่งศตวรรษ และมันก็กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ เรากำลังถูกฉีดยาด้วยสิ่งมีชีวิตร้ายแรง ทั้งหมดนี้เพื่อผลกำไร ถึงเวลาที่ต้องตื่นขึ้น อย่าปล่อยให้ปรสิตเหล่านี้เข้าครอบงำร่างกายหรือจิตใจของคุณ กลับ—ก่อนที่จะสายเกินไป

    ที่มา: WikiLeaks Secrets



    คุณได้รับคำเชิญให้เข้าร่วม "อัศวิน อัตแพทย์ ธรรมชาติฟื้นฟูเชลล์" โปรดแตะลิงก์ด้านล่างเพื่อเข้าร่วมโอเพนแชทนี้
    https://line.me/ti/g2/DwdLNww_qbNr3RAfMuSyJL0bcC0qExuoDpp_xg?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
    ข่าวด่วน: ปรสิตร้ายแรงสี่ตัวที่พบในวัคซีน - มันคืออาชญากรรมแห่งศตวรรษ! ในเรื่องอื้อฉาวด้านสาธารณสุขที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา มีการพบปรสิตร้ายแรง 4 ชนิดในวัคซีน และไม่ใช่แค่การคาดเดาเท่านั้น แต่ยังเป็นข้อเท็จจริงอีกด้วย Big Pharma ได้ทำทุกอย่างที่เป็นไปได้เพื่อซ่อนมัน แต่ถามตัวเองว่า: วัคซีนมีไว้เพื่อช่วยชีวิตหรือไม่ ชีวิต ทำไมสิ่งมีชีวิตถึงตายถึงถูกฉีดเข้าไปในตัวเรา นี่เป็นเรื่องจริง และคุณไม่สามารถละสายตาจากไปได้ ฝันร้ายถูกเปิดเผย เราได้รับแจ้งมานานหลายปีว่าวัคซีนนั้น “ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ” แต่นั่นยังไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมด หากฉันบอกคุณว่าขวดเหล่านี้มีปรสิตที่มีชีวิตซึ่งสามารถทำร้ายหรือฆ่าคุณได้ ข้างในและเมื่อฉีดเข้าไปแล้วใครจะรู้ว่ามันจะทำให้เกิดความเสียหายอะไร นี่ไม่ใช่อันตรายที่ห่างไกล ดร.แคร์รี มาเดจทำการทดสอบขวดวัคซีนโดยอิสระและค้นพบบางสิ่งที่น่ากลัว นั่นคือปรสิตไฮดราที่มีชีวิตพยายามหลบหนีออกจากขวด ใช่แล้ว สิ่งมีชีวิต ไม่ใช่แค่สารเคมี กำลังถูกฉีดภายใต้หน้ากากของ "การป้องกัน" เป็นเพียงหนึ่งในสี่ปรสิตที่พบ บทบาทของ Big Pharma ในเรื่องอื้อฉาวนี้ อย่าคิดว่านี่เป็นความผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย Big Pharma ขึ้นชื่อเรื่องการทำกำไรต่อหน้าผู้คน ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ได้รับการปกป้องจากการถูกฟ้องร้อง และมีมูลค่านับพันล้าน อันตรายที่พวกเขากำลังแพร่กระจาย คำถามไม่ใช่ว่าพวกเขาจะทำเช่นนี้หรือไม่ แต่เมื่อพวกเขามีแล้ว การเก็บรักษาความเย็น—เหตุผลที่แท้จริง เหตุใดขวดเหล่านี้จึงถูกเก็บไว้ที่อุณหภูมิเยือกแข็ง ไม่ใช่แค่การเก็บรักษาวัคซีนเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ปรสิตเหล่านี้มีชีวิตอยู่ได้ สร้างความหายนะ ไฮดรา วัลการิส—ปรสิตอมตะนี้เกือบจะเป็นอมตะ พร้อมด้วยความสามารถในการงอกใหม่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ลองนึกภาพสิ่งมีชีวิตภายในร่างกายของคุณที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไปและขยายตัวเพิ่มขึ้นในกระแสเลือดของคุณ Trypanosoma Cruzi—ปรสิตนักฆ่า ปรสิตอีกชนิดหนึ่งที่พบในวัคซีนคือ Trypanosoma cruzi ซึ่งเป็นสาเหตุของโรค Chagas มันเป็นฆาตกรเงียบที่ทำลายหัวใจและระบบย่อยอาหารอย่างช้าๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Toxoplasma Gondii—ปรสิตควบคุมจิตใจ นักวิทยาศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่ามันสามารถเปลี่ยนแปลงเคมีในสมองของสัตว์ได้ การปกปิด สื่อต่างนิ่งเงียบ เพราะเหตุใด? " สรุป: นี่คืออาชญากรรมแห่งศตวรรษ และมันก็กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ เรากำลังถูกฉีดยาด้วยสิ่งมีชีวิตร้ายแรง ทั้งหมดนี้เพื่อผลกำไร ถึงเวลาที่ต้องตื่นขึ้น อย่าปล่อยให้ปรสิตเหล่านี้เข้าครอบงำร่างกายหรือจิตใจของคุณ กลับ—ก่อนที่จะสายเกินไป ที่มา: WikiLeaks Secrets คุณได้รับคำเชิญให้เข้าร่วม "อัศวิน อัตแพทย์ ธรรมชาติฟื้นฟูเชลล์" โปรดแตะลิงก์ด้านล่างเพื่อเข้าร่วมโอเพนแชทนี้ https://line.me/ti/g2/DwdLNww_qbNr3RAfMuSyJL0bcC0qExuoDpp_xg?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 325 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔥🏴‍☠️🏴‍☠️
    ไฟเซอร์ จงใจโกหกว่า ยาฉีดmRNA (modified RNA) ยี่ห้อโคเมอร์เนตีของตนสามารถป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันการแพร่เชื้อได้

    เป็นที่รู้กันทั่วไปในขณะนี้ว่า ยาฉีดยีนไวรัส ที่เอามาเรียกกันว่า mRNA vaccine ของไฟเซอร์นั้น ไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ ไม่สามารถป้องกันการแพร่เชื้อได้
    💥แต่คงจำกันได้ดีถึงช่วงที่มีการ “บังคับ” ให้ฉีดยาฉีดยีนไวรัสนี้ ด้วยข้ออ้างว่า
    “เพื่อปกป้องคุณปู่คุณย่า”
    “เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่”
    “เพื่อปกป้องคนอื่นในองค์กร”
    “ในโรงเรียนมีการบังคับให้ครูฉีด 100% มิเช่นนั้นไม่อนุญาตให้เปิดสอน”
    “ในโรงพยาบาลมีการบังคับแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ให้ฉีดมิเช่นนั้นจะไม่สามารถมาทำงานได้
    ซ้ำร้ายยังบังคับให้ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษา ต้องรับยาฉีดพิษนี้”
    ทั้งหมดนั้นล้วนอยู่บนข้ออ้างว่า เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ป้องกันการติดเชื้อ

    ⁉️คำถามคือ แล้วไฟเซอร์ได้ทำการทดสอบใดๆว่า ยาฉีดของตนป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันการแพร่เชื้อได้ไหม?
    คำตอบสั้นๆชัดเจน จากปากของผู้แทนบริษัทไฟเซอร์เองที่ตอบในสภายุโรปคือ
    “ไม่ได้ทำ”
    ไปฟังชัดๆได้เองในคลิปนี้ https://rumble.com/v1nhpkq-eu-parliament-member-rob-roos-asked-a-pfizer-representative-at-a-hearing-if.html

    แต่คำตอบนี้คงไม่ทำให้หลายคนหายสงสัยว่าทำไม ผู้แทนของไฟเซอร์จึงตอบเช่นนั้น
    ไม่ยากครับไปอ่านงานวิจัยที่ไฟเซอร์ ยื่นเพื่อขออนุญาตฉุกเฉินกับ FDA และอ.ย.ของไทยกัน งานวิจัยนี้อยู่บนฐานข้อมูลงานวิจัย ClinicalTrials.gov ในงานวิจัยเลขที่ NCT04816643
    https://clinicaltrials.gov/study/NCT04816643?tab=results

    และตีพิมพิ์งานวิจัยในวารสารทางวิชาการชื่อ New England Journal of Medicine ฉบับวันที่ ๖ มกราคม ค.ศ.๒๐๒๒ เรื่อง https://www.nejm.org/doi/10.1056/NEJMoa2116298

    Evaluation of the BNT162b2 Covid-19 Vaccine in Children 5 to 11 Years of Age
    (หลายท่านอาจจะแย้งว่าอันนี้เป็นงานวิจัยในเด็กเท่านั้น ใช่ครับแต่ยิ่งสำคัญเพราะว่ามีการบังคับฉีดเด็กเพื่ออ้างว่าปกป้องคนแก่ แต่ที่สำคัญคือ คำโกหกที่บริษัทยาใช้นั้น เป็นคำเดียวกันทั้งในการวิจัยในเด็กและผู้ใหญ่ เลยเอามาชี้ให้เห็นกันชัดๆแค่ในกรณีของเด็ก)

    พวกนักวิชาการสะเพร่า ที่อ่านงานวิจัยแบบหยาบๆ ก็จะบอกว่างานวิจัยนี้เข้าสรุปว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพตั้ง 90.7% ไง “Covid-19 with onset 7 days or more after the second dose was reported in three recipients of the BNT162b2 vaccine and in 16 placebo recipients (vaccine efficacy, 90.7%; 95% CI, 67.7 to 98.3).”

    ครับใช่เขาเขียนอย่างนั้นจริงๆ แต่ที่เขียนไม่ได้แปลว่ากันติดเชื้อ หรือ กันแพร่เชื้อครับ แต่กันโควิด
    หลายคนคง งง ว่าแล้วมันต่างกันตรงไหน
    ต่างกันมากเลยครับและจะเข้าใจต้องตามไปอ่านในคำจำกัดความที่เขาเขียนไว้ในเอกสารแนบ “supplement” โดยเฉพาะในเอกสารที่ชื่อว่า “protocol”

    หรือแปลไทยง่ายๆว่า วิธีทำวิจัย ในนั้นเขาจะระบุว่า “Covid” ที่พูดถึงในงานวิจัยนี้หมายความว่าอย่างไร ให้ไปดูที่ หน้า 93หัวข้อ 8.13

    https://www.nejm.org/doi/10.1056/NEJMoa2116298

    “COVID-19 and MIS-C Surveillance
    (All participants)
    ในนั้นเขาจะบอกว่า จะนับเป็นเคส “Covid” เมื่อพ่อแม่ผู้ปกครอง เห็นว่าเด็กมีอาการอย่างใดในลิสต์ (อาทิ ไข้ น้ำมูก ไอฯลฯ) และสงสัยว่า ป่วยจึงค่อยแจ้งผู้วิจัยเพื่อทำการการตรวจหาเชื้อว่า เพื่อจะยืนยันว่าติดเชื้อไหม
    💢“ดังนั้นเด็กที่ติดเชื้อโดยไม่มีอาการจะไม่ถูกตรวจ” หรือ ต่อให้มีอาการแต่ พ่อแม่ผู้ปกครองไม่สงสัย ก็ไม่ได้ตรวจหาเชื้อ ที่แย่ไปกว่านั้น กรณีที่มีอาการหลังได้รับยาฉีด ให้เหมาว่า เป็นผลข้างเคียงของยาฉีด
    ทั้งๆที่จริงแล้วเด็กอาจจะติดเชื้อก็ได้ แต่ให้ “ผู้ทำวิจัย”เป็นคนตันสินใจว่า ควรจะตรวจหาเชื้อหรือไม่ ทั้งๆที่ในความเป็นจริงควรจะตรวจหาเชื้อในทุกรายเลย ซึ่งแปลว่า จำนวนผู้ป่วยที่รายงานในกลุ่มที่ได้รับวัคซีนน่าจะต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะว่า กลุ่มยาหลอกจะได้น้ำเกลือซึ่งไม่มีปัญหาเรื่องอาการไข้ หรือ อาการอื่นๆที่คล้ายโควิดอยู่แล้ว และผู้วิจัยอาจจะตัดสินใจตรวจหาเชื้อหรือไม่ก็ได้ ฟังมาเท่านี้ก็แย่แล้วแต่จริงๆ ยังไม่หมดแค่นั้น
    💢ประเด็นสำคัญ คือ ถ้าบริษัทยา ตั้งใจจะทดสอบว่า ยาฉีด mRNA ของตนสามารถป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันการแพร่เชื้อได้จริง ก็สามารถออกแบบการวิจัยที่พิสูจน์ประสิทธิภาพในเรื่องดังกล่าวได้ไม่ยาก โดยการ แบ่งกลุ่มตัวอย่างเป็นสองกลุ่ม กลุ่มที่ได้ยาหลอก (placebo หรือน้ำเกลือ) กับกลุ่มที่ได้ยาจริง (ยาฉีดmRNA) แล้วก็ติดตามตรวจหาเชื้อในกลุ่มตัวอย่างทั้งสองกลุ่มทุกราย ทุกสัปดาห์ ทำสักสองสามเดือนก็จะเห็นแล้วว่า อัตราการติดเชื้อในกลุ่มไหนสูงกว่ากัน เป็นการทำวิจัยที่ตรงไปตรงมา ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ทำได้จริง เพราะแม้แต่พวกเราเองในช่วงการระบาดยังถูกบังคับให้ตรวจหาเชื้อกันเป็นประจำ
    ดังนั้นถ้าบริษัทยาจะทำย่อมเป็นเรื่องที่ทำได้ แต่บริษัทไฟเซอร์ ตั้งใจที่จะไม่ทดสอบ และตั้งใจที่จะโกหกว่า ยาฉีดยีนไวรัสของตนป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันการแพร่เชื้อได้ ซึ่งเป็นคำอธิบายว่าทำไมเมื่อถูกถามในสภายุโรป ผู้แทนบริษัทไฟเซอร์จึงตอบว่า ไม่ได้ทดสอบว่ายาฉีดของตนกันติดเชื้อได้ไหม เพราะสมาชิกสภายุโรปที่ตั้งคำถามนี้ ถามชัดว่า ถ้าทำการทดสอบขอให้แสดงผลการทดสอบให้ดูด้วย เมื่อไม่มีผลที่จะแสดงจึงจำใจต้องบอกตามตรงว่า ไม่ได้ทำ
    ทำไมบริษัทยาจึงไม่ทำ?
    คำตอบ คือเพราะรู้ว่าถ้าทำ ผลระหว่างกลุ่มที่ได้ยาหลอกกับได้ยาของตนจะไม่แตกต่างกัน เพราะรู้อยู่แต่แรกว่ายาฉีด mRNA ของตนนั้นมันกันติดเชื้อ กันแพร่เชื้อไม่ได้
    🎈เพราะเป็นการกระตุ้น ภูมิคุ้มกันชนิด IgG ที่อยู่ในกระแสเลือด จำช่วงที่เห่อไปตรวจเลือดหาภูมิคุ้มกันแล้วเอามาอวดว่าของใครสูงกว่ากันได้ไหม ที่ตรวจนั้นเป็น IgG ในเลือดที่จะทำงานเมื่อเชื้อไวรัสเข้าสู่กระแสเลือดแล้ว แต่เชื้อไวรัสโควิดไม่ได้กระโดดจากอากาศเข้าสู่กระแสเลือดเลย แต่จะเข้าทางเยื่อบุทางเดินหายใจ เยื่อบุทางเดินอาหาร แปลว่ากว่าที่เชื้อจะเข้าไปในกระแสเลือดให้ IgG ได้ทำงาน เชื้อต้องเข้าไปในเซลล์บุผนังทางเดินหายใจหรือทางเดินอาหาร คนๆนั้นย่อมติดเชื้อในทางเดินหายใจหรือทางเดินอาหารแลัวกว่าIgG จะทำงานก็สายไปแล้ว
    🌟จริงๆถ้าตั้งใจจะทำวัคซีนให้กันติดเชื้อจริงๆ ต้องกระตุ้น IgA ที่อยู่บนเยื่อบุทางเดินหายใจ หรือทางเดินอาหาร วัคซีนที่จะทำอย่างนั้นต้องเป็นชนิดพ่นเข้าจมูก ไม่ใช่ฉีดเข้ากล้ามอย่างที่มาหลอกกัน
    🚩เรื่องภูมิคุ้มกัน IgG IgA นี้เป็นเรื่องพื้นฐานของวิชาภูมิคุ้มกันวิทยาที่สอนกันในโรงเรียนแพทย์ การที่แพทย์ที่อวดว่าตนเป็นผู้เชี่ยวชาญไม่รู้เรื่องนี้จึงเป็นไปได้ยาก ยิ่งมาหลอกประชาชนว่าระดับ IgG สูงๆจะกันติดเชื้อได้นั้นแปลว่า เขาเหล่านั้นมีความรู้น้อยมากหรือไม่ก็ตั้งใจโกหกเพื่อเชียร์ยา ไม่ต่างกับเซลล์แมน

    ⚠️อ่านถึงตรงนี้น่าจะพอเข้าใจว่า บริษัทยา ตั้งใจหลอก ให้ข้อมูลเท็จในสัญญา ให้ข้อมูลเท็จตอนขออนุญาตยา ที่น่าเศร้า คือ ผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญไม่โง่มาก ก็แกล้งโง่ ตั้งใจโกหกเพื่อช่วยขายยาให้บริษัทยา ซึ่งอาจเป็นการทำเพราะความสเน่ห์หารักใคร่ชอบพอกับบริษัท หรือว่าผลประโยชน์อื่นใดก็ไม่มีใครทราบได้
    สรุปสั้นได้แค่ว่าๆ บริษัทยาตั้งใจโกหก ผู้เชี่ยวชาญโง่โดนหลอกหรือไม่ก็ร่วมมือกับบริษัทยาโกหก ประชาชน
    https://www.facebook.com/share/p/64G4XUujFmDDyoPe/?mibextid=A7sQZp
    🔥🏴‍☠️🏴‍☠️ ไฟเซอร์ จงใจโกหกว่า ยาฉีดmRNA (modified RNA) ยี่ห้อโคเมอร์เนตีของตนสามารถป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันการแพร่เชื้อได้ เป็นที่รู้กันทั่วไปในขณะนี้ว่า ยาฉีดยีนไวรัส ที่เอามาเรียกกันว่า mRNA vaccine ของไฟเซอร์นั้น ไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ ไม่สามารถป้องกันการแพร่เชื้อได้ 💥แต่คงจำกันได้ดีถึงช่วงที่มีการ “บังคับ” ให้ฉีดยาฉีดยีนไวรัสนี้ ด้วยข้ออ้างว่า “เพื่อปกป้องคุณปู่คุณย่า” “เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่” “เพื่อปกป้องคนอื่นในองค์กร” “ในโรงเรียนมีการบังคับให้ครูฉีด 100% มิเช่นนั้นไม่อนุญาตให้เปิดสอน” “ในโรงพยาบาลมีการบังคับแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ให้ฉีดมิเช่นนั้นจะไม่สามารถมาทำงานได้ ซ้ำร้ายยังบังคับให้ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษา ต้องรับยาฉีดพิษนี้” ทั้งหมดนั้นล้วนอยู่บนข้ออ้างว่า เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ป้องกันการติดเชื้อ ⁉️คำถามคือ แล้วไฟเซอร์ได้ทำการทดสอบใดๆว่า ยาฉีดของตนป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันการแพร่เชื้อได้ไหม? คำตอบสั้นๆชัดเจน จากปากของผู้แทนบริษัทไฟเซอร์เองที่ตอบในสภายุโรปคือ “ไม่ได้ทำ” ไปฟังชัดๆได้เองในคลิปนี้ https://rumble.com/v1nhpkq-eu-parliament-member-rob-roos-asked-a-pfizer-representative-at-a-hearing-if.html แต่คำตอบนี้คงไม่ทำให้หลายคนหายสงสัยว่าทำไม ผู้แทนของไฟเซอร์จึงตอบเช่นนั้น ไม่ยากครับไปอ่านงานวิจัยที่ไฟเซอร์ ยื่นเพื่อขออนุญาตฉุกเฉินกับ FDA และอ.ย.ของไทยกัน งานวิจัยนี้อยู่บนฐานข้อมูลงานวิจัย ClinicalTrials.gov ในงานวิจัยเลขที่ NCT04816643 https://clinicaltrials.gov/study/NCT04816643?tab=results และตีพิมพิ์งานวิจัยในวารสารทางวิชาการชื่อ New England Journal of Medicine ฉบับวันที่ ๖ มกราคม ค.ศ.๒๐๒๒ เรื่อง https://www.nejm.org/doi/10.1056/NEJMoa2116298 Evaluation of the BNT162b2 Covid-19 Vaccine in Children 5 to 11 Years of Age (หลายท่านอาจจะแย้งว่าอันนี้เป็นงานวิจัยในเด็กเท่านั้น ใช่ครับแต่ยิ่งสำคัญเพราะว่ามีการบังคับฉีดเด็กเพื่ออ้างว่าปกป้องคนแก่ แต่ที่สำคัญคือ คำโกหกที่บริษัทยาใช้นั้น เป็นคำเดียวกันทั้งในการวิจัยในเด็กและผู้ใหญ่ เลยเอามาชี้ให้เห็นกันชัดๆแค่ในกรณีของเด็ก) พวกนักวิชาการสะเพร่า ที่อ่านงานวิจัยแบบหยาบๆ ก็จะบอกว่างานวิจัยนี้เข้าสรุปว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพตั้ง 90.7% ไง “Covid-19 with onset 7 days or more after the second dose was reported in three recipients of the BNT162b2 vaccine and in 16 placebo recipients (vaccine efficacy, 90.7%; 95% CI, 67.7 to 98.3).” ครับใช่เขาเขียนอย่างนั้นจริงๆ แต่ที่เขียนไม่ได้แปลว่ากันติดเชื้อ หรือ กันแพร่เชื้อครับ แต่กันโควิด หลายคนคง งง ว่าแล้วมันต่างกันตรงไหน ต่างกันมากเลยครับและจะเข้าใจต้องตามไปอ่านในคำจำกัดความที่เขาเขียนไว้ในเอกสารแนบ “supplement” โดยเฉพาะในเอกสารที่ชื่อว่า “protocol” หรือแปลไทยง่ายๆว่า วิธีทำวิจัย ในนั้นเขาจะระบุว่า “Covid” ที่พูดถึงในงานวิจัยนี้หมายความว่าอย่างไร ให้ไปดูที่ หน้า 93หัวข้อ 8.13 https://www.nejm.org/doi/10.1056/NEJMoa2116298 “COVID-19 and MIS-C Surveillance (All participants) ในนั้นเขาจะบอกว่า จะนับเป็นเคส “Covid” เมื่อพ่อแม่ผู้ปกครอง เห็นว่าเด็กมีอาการอย่างใดในลิสต์ (อาทิ ไข้ น้ำมูก ไอฯลฯ) และสงสัยว่า ป่วยจึงค่อยแจ้งผู้วิจัยเพื่อทำการการตรวจหาเชื้อว่า เพื่อจะยืนยันว่าติดเชื้อไหม 💢“ดังนั้นเด็กที่ติดเชื้อโดยไม่มีอาการจะไม่ถูกตรวจ” หรือ ต่อให้มีอาการแต่ พ่อแม่ผู้ปกครองไม่สงสัย ก็ไม่ได้ตรวจหาเชื้อ ที่แย่ไปกว่านั้น กรณีที่มีอาการหลังได้รับยาฉีด ให้เหมาว่า เป็นผลข้างเคียงของยาฉีด ทั้งๆที่จริงแล้วเด็กอาจจะติดเชื้อก็ได้ แต่ให้ “ผู้ทำวิจัย”เป็นคนตันสินใจว่า ควรจะตรวจหาเชื้อหรือไม่ ทั้งๆที่ในความเป็นจริงควรจะตรวจหาเชื้อในทุกรายเลย ซึ่งแปลว่า จำนวนผู้ป่วยที่รายงานในกลุ่มที่ได้รับวัคซีนน่าจะต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะว่า กลุ่มยาหลอกจะได้น้ำเกลือซึ่งไม่มีปัญหาเรื่องอาการไข้ หรือ อาการอื่นๆที่คล้ายโควิดอยู่แล้ว และผู้วิจัยอาจจะตัดสินใจตรวจหาเชื้อหรือไม่ก็ได้ ฟังมาเท่านี้ก็แย่แล้วแต่จริงๆ ยังไม่หมดแค่นั้น 💢ประเด็นสำคัญ คือ ถ้าบริษัทยา ตั้งใจจะทดสอบว่า ยาฉีด mRNA ของตนสามารถป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันการแพร่เชื้อได้จริง ก็สามารถออกแบบการวิจัยที่พิสูจน์ประสิทธิภาพในเรื่องดังกล่าวได้ไม่ยาก โดยการ แบ่งกลุ่มตัวอย่างเป็นสองกลุ่ม กลุ่มที่ได้ยาหลอก (placebo หรือน้ำเกลือ) กับกลุ่มที่ได้ยาจริง (ยาฉีดmRNA) แล้วก็ติดตามตรวจหาเชื้อในกลุ่มตัวอย่างทั้งสองกลุ่มทุกราย ทุกสัปดาห์ ทำสักสองสามเดือนก็จะเห็นแล้วว่า อัตราการติดเชื้อในกลุ่มไหนสูงกว่ากัน เป็นการทำวิจัยที่ตรงไปตรงมา ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ทำได้จริง เพราะแม้แต่พวกเราเองในช่วงการระบาดยังถูกบังคับให้ตรวจหาเชื้อกันเป็นประจำ ดังนั้นถ้าบริษัทยาจะทำย่อมเป็นเรื่องที่ทำได้ แต่บริษัทไฟเซอร์ ตั้งใจที่จะไม่ทดสอบ และตั้งใจที่จะโกหกว่า ยาฉีดยีนไวรัสของตนป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันการแพร่เชื้อได้ ซึ่งเป็นคำอธิบายว่าทำไมเมื่อถูกถามในสภายุโรป ผู้แทนบริษัทไฟเซอร์จึงตอบว่า ไม่ได้ทดสอบว่ายาฉีดของตนกันติดเชื้อได้ไหม เพราะสมาชิกสภายุโรปที่ตั้งคำถามนี้ ถามชัดว่า ถ้าทำการทดสอบขอให้แสดงผลการทดสอบให้ดูด้วย เมื่อไม่มีผลที่จะแสดงจึงจำใจต้องบอกตามตรงว่า ไม่ได้ทำ ทำไมบริษัทยาจึงไม่ทำ? คำตอบ คือเพราะรู้ว่าถ้าทำ ผลระหว่างกลุ่มที่ได้ยาหลอกกับได้ยาของตนจะไม่แตกต่างกัน เพราะรู้อยู่แต่แรกว่ายาฉีด mRNA ของตนนั้นมันกันติดเชื้อ กันแพร่เชื้อไม่ได้ 🎈เพราะเป็นการกระตุ้น ภูมิคุ้มกันชนิด IgG ที่อยู่ในกระแสเลือด จำช่วงที่เห่อไปตรวจเลือดหาภูมิคุ้มกันแล้วเอามาอวดว่าของใครสูงกว่ากันได้ไหม ที่ตรวจนั้นเป็น IgG ในเลือดที่จะทำงานเมื่อเชื้อไวรัสเข้าสู่กระแสเลือดแล้ว แต่เชื้อไวรัสโควิดไม่ได้กระโดดจากอากาศเข้าสู่กระแสเลือดเลย แต่จะเข้าทางเยื่อบุทางเดินหายใจ เยื่อบุทางเดินอาหาร แปลว่ากว่าที่เชื้อจะเข้าไปในกระแสเลือดให้ IgG ได้ทำงาน เชื้อต้องเข้าไปในเซลล์บุผนังทางเดินหายใจหรือทางเดินอาหาร คนๆนั้นย่อมติดเชื้อในทางเดินหายใจหรือทางเดินอาหารแลัวกว่าIgG จะทำงานก็สายไปแล้ว 🌟จริงๆถ้าตั้งใจจะทำวัคซีนให้กันติดเชื้อจริงๆ ต้องกระตุ้น IgA ที่อยู่บนเยื่อบุทางเดินหายใจ หรือทางเดินอาหาร วัคซีนที่จะทำอย่างนั้นต้องเป็นชนิดพ่นเข้าจมูก ไม่ใช่ฉีดเข้ากล้ามอย่างที่มาหลอกกัน 🚩เรื่องภูมิคุ้มกัน IgG IgA นี้เป็นเรื่องพื้นฐานของวิชาภูมิคุ้มกันวิทยาที่สอนกันในโรงเรียนแพทย์ การที่แพทย์ที่อวดว่าตนเป็นผู้เชี่ยวชาญไม่รู้เรื่องนี้จึงเป็นไปได้ยาก ยิ่งมาหลอกประชาชนว่าระดับ IgG สูงๆจะกันติดเชื้อได้นั้นแปลว่า เขาเหล่านั้นมีความรู้น้อยมากหรือไม่ก็ตั้งใจโกหกเพื่อเชียร์ยา ไม่ต่างกับเซลล์แมน ⚠️อ่านถึงตรงนี้น่าจะพอเข้าใจว่า บริษัทยา ตั้งใจหลอก ให้ข้อมูลเท็จในสัญญา ให้ข้อมูลเท็จตอนขออนุญาตยา ที่น่าเศร้า คือ ผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญไม่โง่มาก ก็แกล้งโง่ ตั้งใจโกหกเพื่อช่วยขายยาให้บริษัทยา ซึ่งอาจเป็นการทำเพราะความสเน่ห์หารักใคร่ชอบพอกับบริษัท หรือว่าผลประโยชน์อื่นใดก็ไม่มีใครทราบได้ สรุปสั้นได้แค่ว่าๆ บริษัทยาตั้งใจโกหก ผู้เชี่ยวชาญโง่โดนหลอกหรือไม่ก็ร่วมมือกับบริษัทยาโกหก ประชาชน https://www.facebook.com/share/p/64G4XUujFmDDyoPe/?mibextid=A7sQZp
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 846 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ทำการทดสอบ #สระวรรณยุกต์ไทย #วรรณยุกต์ #อักษรสูง #อักษรกลาง #อักษรต่ำ

    1. อักษรสูง 11 ตัว
    อักษรสูงประกอบด้วย ข ฃ ฉ ฐ ถ ผ ฝ ศ ษ ส ห ผันได้เพียง 3 เสียง คือ เสียงเอก โท และจัตวา นิยมท่องจำด้วยประโยคที่ว่า “ผี (ผ) ฝาก (ฝ) ถุง (ฐ, ถ) ข้าว (ฃ, ข) สาร (ศ, ษ, ส) ให้ (ห) ฉัน (ฉ)”

    2. อักษรกลาง 9 ตัว
    อักษรกลางประกอบด้วย ก จ ฎ ฏ ด ต บ ป อ ผันได้ 5 เสียง คือ เสียงสามัญ เอก โท ตรี และจัตวา นิยมท่องจำด้วยประโยคที่ว่า “ไก่ (ก) จิก (จ) เด็ก (ด) ตาย (ต) เด็ก (ฎ) ตาย (ฏ) บน (บ) ปาก (ป) โอ่ง (อ)”

    3. อักษรต่ำ 24 ตัว
    อักษรต่ำประกอบด้วย ค ฅ ฆ ง ช ซ ฌ ญ ฑ ฒ ณ ท ธ น พ ฟ ภ ม ย ร ล ว ฬ ฮ ผันได้เพียง 3 เสียง คือ เสียงสามัญ โท และตรี นิยมท่องจำด้วยประโยคที่ว่า “งู (ง) ใหญ่ (ญ) นอน (น) อยู่ (ย) ณ (ณ) ริม (ร) วัด (ว) โม (ม) ฬี (ฬ) โลก (ล)”

    พยัญชนะไทย 44 ตัว สระ วรรณยุกต์มีกี่ตัว
    การประกอบคำสร้างความหมาย นอกจากตัวพยัญชนะไทย 44 ตัว จะต้องมีการผสมสระและวรรณยุกต์ โดยสระในภาษาไทยมี 21 รูป 32 เสียง ดังนี้
    รูปสระในภาษาไทย 21 รูป

    -ะ เรียกว่า วิสรรชนีย์
    -ั เรียกว่า ไม้หันอากาศ หรือ ไม้ผัด
    ็ เรียกว่า ไม้ไต่คู้
    า เรียกว่า ลากข้าง
    ิ เรียกว่า พินทุ หรือ พินทุอิ
    ่ เรียกว่า ฝนทอง
    ” เรียกว่า ฟันหนู
    ํ เรียกว่า นฤคหิตหรือหยาดน้ำค้าง
    ุ เรียกว่า ตีนเหยียด
    ู เรียกว่า ตีนคู้
    เ เรียกว่า ไม้หน้า
    ใ เรียกว่า ไม้ม้วน
    ไ เรียกว่า ไม้มลาย
    โ เรียกว่า ไม้โอ
    อ เรียกว่า ตัวออ
    ย เรียกว่า ตัวยอ
    ว เรียกว่า ตัววอ
    ฤ เรียกว่า ตัว ฤ (รึ)
    ฤๅ เรียกว่า ตัว ฤๅ (รือ)
    ฦ เรียกว่า ตัว ฦ (ลึ)
    ฦๅ เรียกว่า ฦ (ลือ)

    Cr. https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2674266
    #ทำการทดสอบ #สระวรรณยุกต์ไทย #วรรณยุกต์ #อักษรสูง #อักษรกลาง #อักษรต่ำ 1. อักษรสูง 11 ตัว อักษรสูงประกอบด้วย ข ฃ ฉ ฐ ถ ผ ฝ ศ ษ ส ห ผันได้เพียง 3 เสียง คือ เสียงเอก โท และจัตวา นิยมท่องจำด้วยประโยคที่ว่า “ผี (ผ) ฝาก (ฝ) ถุง (ฐ, ถ) ข้าว (ฃ, ข) สาร (ศ, ษ, ส) ให้ (ห) ฉัน (ฉ)” 2. อักษรกลาง 9 ตัว อักษรกลางประกอบด้วย ก จ ฎ ฏ ด ต บ ป อ ผันได้ 5 เสียง คือ เสียงสามัญ เอก โท ตรี และจัตวา นิยมท่องจำด้วยประโยคที่ว่า “ไก่ (ก) จิก (จ) เด็ก (ด) ตาย (ต) เด็ก (ฎ) ตาย (ฏ) บน (บ) ปาก (ป) โอ่ง (อ)” 3. อักษรต่ำ 24 ตัว อักษรต่ำประกอบด้วย ค ฅ ฆ ง ช ซ ฌ ญ ฑ ฒ ณ ท ธ น พ ฟ ภ ม ย ร ล ว ฬ ฮ ผันได้เพียง 3 เสียง คือ เสียงสามัญ โท และตรี นิยมท่องจำด้วยประโยคที่ว่า “งู (ง) ใหญ่ (ญ) นอน (น) อยู่ (ย) ณ (ณ) ริม (ร) วัด (ว) โม (ม) ฬี (ฬ) โลก (ล)” พยัญชนะไทย 44 ตัว สระ วรรณยุกต์มีกี่ตัว การประกอบคำสร้างความหมาย นอกจากตัวพยัญชนะไทย 44 ตัว จะต้องมีการผสมสระและวรรณยุกต์ โดยสระในภาษาไทยมี 21 รูป 32 เสียง ดังนี้ รูปสระในภาษาไทย 21 รูป -ะ เรียกว่า วิสรรชนีย์ -ั เรียกว่า ไม้หันอากาศ หรือ ไม้ผัด ็ เรียกว่า ไม้ไต่คู้ า เรียกว่า ลากข้าง ิ เรียกว่า พินทุ หรือ พินทุอิ ่ เรียกว่า ฝนทอง ” เรียกว่า ฟันหนู ํ เรียกว่า นฤคหิตหรือหยาดน้ำค้าง ุ เรียกว่า ตีนเหยียด ู เรียกว่า ตีนคู้ เ เรียกว่า ไม้หน้า ใ เรียกว่า ไม้ม้วน ไ เรียกว่า ไม้มลาย โ เรียกว่า ไม้โอ อ เรียกว่า ตัวออ ย เรียกว่า ตัวยอ ว เรียกว่า ตัววอ ฤ เรียกว่า ตัว ฤ (รึ) ฤๅ เรียกว่า ตัว ฤๅ (รือ) ฦ เรียกว่า ตัว ฦ (ลึ) ฦๅ เรียกว่า ฦ (ลือ) Cr. https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2674266
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 817 มุมมอง 0 รีวิว